Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3-1
บทที่ 3-1
บทที่ 3-1
การเป็ นพลเมืองกับการเรียนรู้และการดำรงตนในพหุวัฒนธรรมและความ
หลากหลายทางสังคม
หัวข้อ
- ความหมายของคำว่าพหุวัฒนธรรม
- ความยุติธรรมและการไม่เลือกปฏิบัติ
- ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
- ความหลากหลายทางศาสนา
- ความหลากหลายทางชนชาติ
- ความหลากหลายทางเพศ
เกริ่นนำ
ความหมายของคำว่าพหุวัฒนธรรม
ความยุติธรรมและการไม่เลือกปฏิบัติ
1
ไม่ได้เป็ นการถอดคำพูดแบบคำแต่คำแต่เป็ นการสรุปด้วยภาษาของผู้แปลเอง
ในระหว่างที่เขารอตรวจสุขภาพนัน
้ เขากำลังนอนหลับอยู่
คำถามคือ จะมีใครเลือกที่จะฆ่าผู้ชายคนนี ้ เพื่อรักษาชีวิตของ
2
คนไข้ที่เหลือทัง้ 5 คนบ้าง (Sandel, 2009)
2
ไม่ได้เป็ นการถอดคำพูดแบบคำแต่คำแต่เป็ นการสรุปด้วยภาษาของผู้แปลเอง
ทัง้ หมดในห้องเลือกที่จะไม่ฆาตกรรมคนไข้สุขภาพดี เพื่อให้คนไข้อีก 5 คน
ได้มีชีวิตรอด
ในกรณีนน
ี ้ ักศึกษาส่วนใหญ่เลือกใช้ Categorical Moral Reasoning คือ
ยึดถือในความถูกต้องของการทำหน้าที่ของการเป็ นแพทย์ ไม่ละเมิดสิทธิ
ของคนไข้ที่มีสุขภาพดี ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะเป็ นการเสียชีวิต
ของคน 5 คน ซึง่ มากกว่าผู้รอดชีวิต 1 คนก็ตาม
“บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับ
ความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิ
เท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็ นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่า
ด้วยความเหตุแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด, เชื้อชาติ, ภาษา, เพศ,
อายุ, ความพิการ, สภาพทางกายหรือสุขภาพ, สถานะของ
บุคคล, ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม, ความเชื่อทางศาสนา,
การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อ
บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอ่ น
ื ใด จะกระทำ
มิได้...” (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560,
2561: 8)
พื้นฐานที่ทำให้บุคคลได้รับสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน ได้ถูก
ระบุไว้ตามกฎหมาย
ถ้ายกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมากขึน
้ ในประเด็นของการไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคล
ได้แก่ เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ในการทำความสะอาดถนนสาธารณะ ย่อมจะ
ต้องทำความสะอาดถนนทุกพื้นที่ ไม่มีการเว้นการทำ
ความสะอาดบริเวณหน้าบ้านของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เมื่อมีผู้ขอเข้าแจ้ง
ความ เจ้าพนักงานสอบสวนจะต้องทำการรับเรื่องแจ้งความ ผ่านการทำการ
บันทึกไว้เป็ นหลักฐาน ไม่มีข้อยกเว้น ถึงแม้บค
ุ คลผู้นน
ั ้ จะเป็ น
คนต่างด้าวหรือนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวอย่างที่เกิดขึน
้ จริง ที่สง่ ผลให้ต้องตัง้ คำถามใน
ประเด็นของการไม่เลือกปฏิบัติ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีนโยบายที่เรียก
3
ว่า Affirmative Action ซึง่ เป็ นนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
นโยบายนีใ้ ห้สิทธิพิเศษแก่บค
ุ คลบางชาติพันธุ์ สิทธิพิเศษแก่บุคคลที่มีรายได้
ในระดับต่ำ และ สิทธิพิเศษในการจ้างงานแก่บุคคลที่มีลักษณะบางประการ
เช่น ถูกจ้างงานเพราะเป็ นเพศหญิง ถูกจ้างงานเพราะเป็ นเพศทางเลือก
คำถามคือนโยบาย Affirmative Action เป็ นนโยบายที่เลือกปฏิบัติหรือไม่
3
ผูเ้ ขียนแปลคำว่า Affirmative Action โดยอิงจากบทความที่เขียนโดย Coate & Loury (1993)
คำตอบคือ ใช่ เพราะนโยบายเจาะจงในการให้โอกาสแก่กลุ่มคนบาง
ประเภทแต่ไม่ใช่ทุกคนในประเทศ
จะได้รับสิทธินน
ั ้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพิจารณาถึง Affirmative Action เรา
จะต้องนำเอาประเด็น
“ความเหลื่อมล้ำ” เข้ามาพิจารณาด้วย นั่นคือ โดยธรรมชาติแล้วบุคคลไม่ได้
เกิดมาด้วยต้นทุนชีวิต
ที่เสมอกัน บางคนเกิดมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ย่อมจะส่งผลให้บค
ุ คลนัน
้
ได้รับการดูแลตามสมควร
ไม่ขาดแคลนสารอาหาร และสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตาม
ความสามารถของตนเองโดย
ไม่ขัดสนเงินทองในการชำระเป็ นค่าเล่าเรียนและค่ากินอยู่ ในกรณีตรงกัน
ข้าม บุคคลที่ถือกำเนิดมา
โดยบุพการีอาจหย่าร้างกัน ทำให้ต้องเติบโตมาภายใต้การเลีย
้ งดูของพ่อหรือ
แม่ ที่อาจไม่สามารถสนับสนุนให้บุตรได้เรียนตามสมควร ไม่สามารถส่งเสีย
ให้ลูกได้เรียนพิเศษ อาหารการกินไม่เพียงพอต่อ
ความต้องการ ทำให้สมองของบุตรไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควรจะเป็ น เมื่อ
บุตรมีความต้องการที่จะ
เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะต้องการได้รับการศึกษาที่ดีและ
เชื่อว่าการมีวุฒิการศึกษาที่ดี
จะส่งผลให้สามารถหางานที่ดีและมีรายรับที่ดีได้ ถ้าเยาวชนที่มาจาก
ครอบครัวที่มีฐานะดี และเยาวชนทีม
่ าจากพื้นฐานครอบครัวทีย
่ ากจน ต้องมี
แข่งขันเพื่อให้ได้รบ
ั สิทธิในการเข้ามหาวิทยาลัยผ่านข้อสอบกลาง ทัง้ สองคน
นีม
้ ีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการนั่งทำข้อสอบ แต่ความเหลื่อมล้ำทางฐานะ
เศรษฐกิจส่งผลลบ
ต่อเยาวชนที่มาจากครอบครัวพื้นฐานยากจน ทำให้เขามีโอกาสน้อยกว่าที่จะ
สามารถได้สิทธิเข้าเรียน
ในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ
การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคล ในสถานการณ์บางอย่างจะช่วยลด
ระดับความเหลื่อมล้ำ
ไม่ว่าจะเป็ นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจหรือสังคม ซึ่งในระยะยาวจะส่งผล
ให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ด้อยโอกาสมากขึน
้ ถือเป็ นการขยาย
ความเท่าเทียมกันในสังคมได้ในระดับหนึ่ง เช่นนัน
้ แล้ว นโยบาย
Affirmative Action จึงถือเป็ นนโยบายเลือกปฏิบัติเชิงบวกสำหรับผู้ด้อย
โอกาส ทัง้ นี ้ “การเลือกปฏิบัติเชิงบวกต่อบุคคล” มีศพ
ั ท์ที่ใช้ทดแทนเรียกว่า
“Preference for a Person หรือ การให้สิทธิพิเศษ
ส่วนบุคคล” (คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, 2558: 93-94)
4
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.businessinsider.com/the-ivy-league-schools-ranked-
2013-9
ที่ผู้ปกครองเลือกที่จะบริจาคเงินให้แก่มหาวิทยาลัย โดยอัตราเงินบริจาคจะ
อยู่ที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับนักเรียนที่มีคะแนนในระดับที่ไม่ต่างจากคู่
แข่งรายอื่น ๆ และ 10 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับผู้ที่มีคะแนนต่ำกว่า (Unz,
2012 as cited in Fingleton, 2012) ทัง้ นี ้ มหาวิทยาลัยในเครือ Ivy
League
ถือเป็ นมหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีค่าเล่าเรียนที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับ
มหาวิทยาลัยของรัฐ การลดมาตรฐานการรับนักศึกษาซึ่งเป็ นผลมาจากการ
บริจาคเงินไม่ถือเป็ น Affirmative Action เพราะไม่ได้สนับสนุน
ให้กลุ่มคนผู้ด้อยโอกาส ได้รับสิทธิให้เข้าเรียนใน Ivy League แต่เป็ นการ
กันพื้นที่ไว้ให้กลุ่มบุคคลที่มีสถานภาพทางการเงินในระดับบนได้เข้าศึกษา
ต่อ
จะเห็นได้จากตัวอย่างของการรับเข้านักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชน
ระดับบนของสหรัฐอเมริกาถึงความเหลื่อมล้ำทางฐานะทางเศรษฐกิจที่ส่งผล
ให้กลุ่มคนจำนวนหนึ่งมีสิทธิเหนือกว่าบุคคลอื่น ดังนัน
้ หน้าที่ประการหนึ่ง
ของรัฐ คือ การสร้างความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ถึงแม้จะเป็ นการลด
การ
เหลื่อมล้ำด้วยวิธีการเลือกปฏิบัติที่เน้นผลเชิงบวก (หรือการให้สิทธิพิเศษ)
ต่อผู้ด้อยโอกาส ในมุมมองของรัฐบาล การเลือกปฏิบัติในบางกรณี ถือ
เป็ นการให้ยุติธรรม
ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
แบบการเรียนการสอนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสังคมพหุวัฒนธรรมใน
ประเทศไทยในปั จจุบัน
มีการเรียนการสอนให้นักเรียนได้รู้จักกับความแตกต่างทางวัฒนธรรม เช่น
ประเด็นการมีคนอาศัยอยู่ในประเทศไทยหลากหลายเชื้อชาติ นอกจากนีย
้ ัง
มีการเรียนการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมย่อย คือ วัฒนธรรมของ
แต่ละภาคในประเทศไทย พบว่า เนื้อหาในหลักสูตรการเรียนการสอนใน
แบบเรียน
เมื่อเปรียบเทียบกับแบบเรียนปี พ.ศ. 2520 กับ พ.ศ. 2544 และ พ.ศ.
2551 มีความแตกต่างกันในการยอมรับถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ตัวอย่างเช่น แบบเรียนในปี พ.ศ. 2520 เขียนถึงคนจีนที่มาอาศัยอยู่ใน
ประเทศไทยว่าเป็ นชาวต่างชาติ ในขณะที่แบบเรียนในยุคหลังจาก พ.ศ.
2520 เปลี่ยนวิธีการเรียกจากคำว่าชาวต่างชาติ (คนจีน) ว่าเป็ น คนไทยเชื้อ
สายจีน (ฐิติมดี อาพัทธนานนท์, 2556: 120)
วัฒนธรรมสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงจากปั จจัยภายในประเทศและ
ปั จจัยภายนอกประเทศ ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมของคนอเมริกันในระยะแรก
ได้รับอิทธิพลมาจากคนอังกฤษ นั่นเป็ นเพราะ
คนอังกฤษได้ย้ายถิ่นที่อยู่มายังสหรัฐอเมริกาและนำเอาวัฒนธรรมดัง้ เดิมของ
ตนเองเข้ามาด้วย
ในกาลต่อมา คนอเมริกันเริ่มมีการสร้างวัฒนธรรมของตนเองขึน
้ มา ทัง้
อาหาร การแต่งกาย ฯลฯ และวัฒนธรรมแบบอเมริกันได้ส่งผ่านไปยัง
ประเทศต่าง ๆ จะเห็นได้ว่า อาหารประเภท Junk Food
ของคนอเมริกันได้กลายมาเป็ นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนใน
หลายชาติ
นอกจากการรับรู้ถึงวัฒนธรรมที่หลากหลาย เราควรจะเรียนรู้ถึงการ
ยอมรับในวัฒนธรรมของผู้อ่ น
ื ในกรณีที่วัฒนธรรมนัน
้ ไม่ขัดต่อหลักสิทธิ
มนุษยชน ในประเด็นเรื่องการยอมรับในวัฒนธรรมและ
การอยู่ร่วมกันระหว่างวัฒนธรรมจะขอยกตัวอย่าง กรณีของชนเผ่า
Korowai (โคโรไว) ในจังหวัดปาปั ว
ประเทศอินโดนีเซีย ชนเผ่าโคโรไวดัง้ เดิม นิยมสร้างบ้านให้อยู่สูงจากผืนดิน
ไม่ใส่เสื้อผ้า หาอาหารจากภายในป่ า โดยอาหารหลักที่ทานได้แก่ หนอน
และต้นสาคู บ้านที่อยู่นน
ั ้ ก็ทำเองจากไม้ ชาวโคโรไวมีชีวิตความเป็ นอยู่ที่พอ
เพียง อย่างไรก็ตาม เมื่อบุคคลภายนอกได้ให้ความสนใจในวิถีชีวิตของชาวโค
โรไวมากขึน
้ มีนักข่าวจากต่างประเทศเข้ามาทำข่าวเกี่ยวกับชาวโคโรไว และ
ถึงขัน
้ จ้างชาวโคโรไวให้สร้างบ้านให้และแสร้งทำเป็ นว่าชาวโคโรไวอาศัยใน
บ้านหลังใหม่ที่สร้างขึน
้ โดยบ้านหลังใหม่มีขนาดสูงเกินปกติ
ที่ชาวโคโรไวอาศัยอยู่ สาเหตุที่ต้องสร้างบ้านให้สูงขนาดนัน
้ เพราะเมื่อถ่าย
ภาพมาจากทางอากาศ
ภาพบ้านและชาวโคโรไวจะดูเด่นขึน
้ มา ผลจากการเข้ามาของนักข่าวต่าง
ชาติ ทำให้ชาวโคโรไวมีวิถีชีวิต
ที่เปลี่ยนไป ประกอบกับรัฐบาลอินโดนีเซียต้องการให้ชาวโคโรไวเป็ นคน
ศิวิไลซ์มากขึน
้ จึงสร้างบ้านสังกะสี และบ้านไม้ ให้ชาวโคโรไวอาศัยอยู่ บ้าน
เหล่านีอ
้ ยู่บนพื้นดินที่ห่างไกลออกมาจากป่ า ข้อดีคือ ชาวโคโรไว
มีที่อยู่เป็ นหลักแหล่งมากขึน
้ แต่ข้อเสียคือ รัฐบาลอินโดนีเซีย ปล่อยให้ชาว
โคโรไวอาศัยอยู่เช่นนัน
้
โดยไม่ได้มีมาตรการอื่นในการรองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวโคโรไว
ทำให้ชาวโคโรไวที่อพยพออกมาอยู่บ้านบนพื้นดินประสบกับความยากจน
เพราะไม่มีอาชีพรองรับ ไม่มค
ี วามสามารถทำอาชีพที่ต้องใช้ทักษะ และชาว
โคโรไววัยกลางคนขึน
้ ไป ไม่ได้รับการศึกษา ดังนัน
้ เมื่อใดก็ตามที่นักข่าวเข้า
มาทำข่าวเกี่ยวกับชาวโคโรไว ชาวโคโรไวจะแสร้งว่ายังคงใช้ชีวิตอยู่ในป่ า นำ
5
นักข่าวไปชมวิถีชีวิต และรับเงินเสมือนเป็ นค่าตัวนักแสดงจากนักข่าว
5
ที่มาจากรายการสารคดี My Year with the Tribe สามารถเข้าถึงสารคดีได้ที่
https://www.bbc.co.uk/programmes/p065jqfz
ในภาพรวมของวัฒนธรรม เราได้เรียนรู้ว่าวัฒนธรรมมีความหลาก
หลาย แม้ภายในประเทศเดียวกันก็จะเห็นความหลากหลายของวัฒนธรรม
การเรียนรู้ที่จะยอมรับในวัฒนธรรมของกันและกัน
ถือเป็ นสิง่ ที่จะช่วยให้มนุษย์ดำรงอยู่ร่วมกันได้ การเข้าไปแทรกแซง
วัฒนธรรมและก่อให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ดังตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาว
โคโรไวโดยบุคคลภายนอก ผลักดันให้ชาวโคโรไวกลายเป็ นคนชายขอบของ
อินโดนีเซียที่กลายมาเป็ นปั ญหาให้กับภาครัฐ วัฒนธรรม
มีการเปลี่ยนแปลงจากปั จจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ มีทงั ้
ลักษณะของการเปลี่ยนแปลง
แบบค่อยเป็ นค่อยไปและแบบการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ความหลากหลายทางศาสนา
ในขณะที่ประเทศไทยมีการเรียนการสอนที่เน้นไปที่พระพุทธศาสนา
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ไม่มีการสอนศาสนาในโรงเรียนรัฐบาล รัฐบาลเบลเยียมเลือกที่จะรับรู้ถึงการ
มีอยู่ของศาสนาบางศาสนาและรัฐบาลให้การอุปถัมภ์แก่ศาสนา แต่มีเพียง 6
ศาสนาที่รัฐบาลสนับสนุนอย่างเป็ นทางการ ได้แก่ คาทอลิก โปรแตสแตนต์
ยูดาห์ แองกลิคัน อิสลาม คริสต์ออโธด็อกซ์ และสนับสนุนความเชื่อที่ไม่นับ
อยู่ในศาสนา คือ Non Confessional Freethinkers โดยการสนับสนุน
ของรัฐมาในรูปแบบเงินเดือนและบำนาญ และเมื่อศาสนาและความเชื่อ ได้
รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐอย่างเป็ นทางการ นักเรียนโรงเรียน
รัฐบาลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้เรื่องศาสนาด้วยตนเอง เช่น นาย Andrew
เลือกศึกษาเฉพาะศาสนาอิสลาม ผู้ทำการสอนศาสนาอิสลามให้แก่นาย
Andrew จะไม่ใช่ครูอาจารย์ของภาครัฐ แต่เป็ นผูส
้ อนศาสนาเป็ นผู้รับผิด
ชอบทัง้ ในการสอนและการวางแผนการสอน (Franken, 2016)
จะเห็นได้ว่าระบบการเรียนการสอนเรื่องศาสนาของแต่ละรัฐ เมื่อนำ
มาเปรียบเทียบดูพบว่า
มีความหลากหลาย ทัง้ นี ้ เราจะเห็นวิธีการคิดของรัฐที่แตกต่างกันในการนำ
พาเอาศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต สหรัฐอเมริกาถือว่ารัฐไม่ได้
มีหน้าที่ในการยุ่งเกี่ยวกับศาสนา ในส่วนของประเทศไทย เน้นไปที่การให้
นักเรียนได้เรียนรู้ถึงพระพุทธศาสนาเป็ นหลัก และยอมรับการมีตัวตนของ
ศาสนาอื่น
แต่ไม่ได้มีการเรียนการสอนในลักษณะที่แยกออกเป็ นตัวเลือกให้แก่นก
ั เรียน
กล่าวคือ เยาวชนภายใต้
การเรียนตามระบบกระทรวงศึกษาธิการไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด จะต้อง
เรียนตามหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ นั่นแปลว่าการเรียนรู้
เกี่ยวกับศาสนาอื่นในเชิงลึกจะเกิดขึน
้ ภายนอก
ชัน
้ เรียน ในส่วนของเบลเยียม นักเรียนสามารถเลือกเรียนศาสนาได้ แต่ถก
ู
กำหนดไว้ที่ 6 ศาสนา
กับ 1 ความเชื่อเท่านัน
้
ผลจากการเรียนการสอนตามระบบของกระทรวงศึกษาธิการในแต่ละ
ประเทศ ส่งผลให้บค
ุ คล
มีการรับรู้ต่อศาสนาในลักษณะที่แตกต่างกัน เราจะเห็นได้ว่าหลังจาก
เหตุการณ์การก่อการร้าย 9/11
ในประเทศสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันมีความหวาดกลัวต่อคนมุสลิมมากขึน
้
และในบางกรณีเกิดสภาวะ
การเหมารวม ภายใต้เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึน
้ ในประเทศไทย โดย
เฉพาะเหตุการณ์ความไม่สงบ
ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชากรไทยส่วนหนึ่งเกิดความหวาด
กลัวต่อการอาศัยอยู่ใน
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำถามคือ เราควรตัดสินบุคคลจากข้อเท็จจริง
หรือ จากการเหมารวม
และทำไมถึงเป็ นเช่นนัน
้ และในทางปฏิบัติ หากเราตัดสินบุคคลจากศาสนา
ที่เขานับถือ เพราะเขา
มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเรา เมื่อมองกลับมาที่ตัวตนของเรา เราคิดเช่นไรที่
คนอื่นก็อาจตัดสินเราจากศาสนาที่เรานับถือ
ไม่เฉพาะแต่ในประเทศฝรั่งเศสเท่านัน
้ ที่มีการห้ามสวมใส่เสื้อผ้าที่
ปกปิ ดร่างกายแบบมิดชิด
7 8
ตามหลักศาสนา ประเทศบัลแกเรีย (2016), เบลเยียม (2011), เยอรมนี
9
(2017), แคนาดาเฉพาะ Quebec (2017) และออสเตรีย (2017) ต่างก็
ออกกฎหมายในการห้ามสวมใส่ Burka ในพื้นที่สาธารณะเช่นกัน โดย
เหตุผลที่ภาครัฐชีแ
้ จ้งว่าทำไมถึงต้องออกนโยบายห้ามการสวมใส่เสื้อผ้า
ลักษณะดังกล่าวนัน
้
มีความแตกต่างกันออกไป เช่น เหตุผลทางความปลอดภัย (บัลแกเรีย) การ
ดำรงอยู่ร่วมกันและการปกป้ องสิทธิและเสรีภาพ (เบลเยียม) ฯลฯ (Stack,
2017) การออกกฎหมายห้ามการแต่งกายซึ่งไปกระทบกับ
6
สามารถสะกดแทนด้วย Burqa
7
ห้ามเฉพาะสถานที่ราชการ โรงเรียน และองค์กรทางวัฒนธรรม
8
กรณีของประเทศเยอรมนี ห้ามสวมใส่ ณ ขณะเวลาขับรถเท่านัน
้
9
กรณีของแคนาดา ผู้ฝ่าฝื นข้อห้ามจะไม่ได้รับการบริการสาธารณะจากภาครัฐ
หลักความเชื่อของศาสนา ส่งผลให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ทัง้
ประเด็นการละเมิดสิทธิในด้านการละเมิดความเชื่อทางศาสนา ละเมิดสิทธิ
เสรีภาพอันพึงมีของบุคคลภายใต้สังคมประชาธิปไตย
การเรียนรู้ถึงความหลากหลายของศาสนา ทำให้เราเห็นว่าในโลกใบนี ้
ประกอบไปด้วยประชากร
ที่มีความหลากหลายทางศาสนา และอัตราการเติบโตของการนับถือศาสนา
มีความแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เรายังได้เรียนรู้ถึงวิธีการที่ภาครัฐจัดการกับประชากรที่นับถือ
ศาสนาต่าง ๆ ในรูปแบบ
ที่แตกต่างกันออกไปผ่านทางการจัดการศึกษาและกฎหมาย ซึ่งในปั จจุบันยัง
เป็ นที่ถกเถียงในประเด็น
ด้านสิทธิเสรีภาพ – ประชาธิปไตย – และความมั่นคงของรัฐ
ความหลากหลายทางชนชาติ
นิยามของคำว่า “ชนชาติ” หมายถึง “กลุ่มชนที่มีเชื้อชาติหรือกลุ่ม
ชาติพันธุ์เดียวกัน
และมีวัฒนธรรมเป็ นแบบเดียวกัน อาจจะอาศัยอยู่ในประเทศเดียวกัน หรือ
แยกย้ายกันอยู่ในหลายประเทศก็ได้” (บทวิทยุรายการ รู้ รัก ภาษาไทย,
2550 อ้างถึงใน สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, 2550)
กรณีตัวอย่างเช่น ชนชาติยิวที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศยุโรป มีวัฒนธรรมเป็ น
ของตัวเองที่แตกต่างไปจาก
คนพื้นเมืองในประเทศ การเข้ามาในสหรัฐอเมริกาของชนชาติจีน ก่อให้เกิด
China Town ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็ นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็ น
ชนชาติอันมีอัตลักษณ์เฉพาะบางอย่างที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ชนชาติไทย
เข้าไปอยู่ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ก็ไปสร้างสถานที่ที่เรียกว่า
Thai Town
ซึ่งในปั จจุบันเป็ นแหล่งรวมร้านอาหารไทยและมีร้านขายของไทยอยู่ใน
บริเวณดังกล่าว
เมื่อเราได้เรียนรู้ถึงความหมายของคำว่าชนชาติแล้ว ประการถัดไป
เราจะได้เรียนรู้ถึงการยอมรับในความเป็ นรัฐในระดับสากล และความขัด
แย้งระดับสากลในประเด็นของรัฐกับชนชาติ องค์การสหประชาชาติได้
ยอมรับให้ South Sudan เข้ามาเป็ นส่วนหนึ่งของประเทศสมาชิกใน
องค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ. 2011 ถือเป็ นประเทศสมาชิกลำดับที่
193 ซึ่งเป็ นประเทศสมาชิกรายล่าสุด
ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations, n.d.) ถึงแม้ประเทศสมาชิก
องค์การสหประชาชาติจะมีมากถึง 193 ประเทศ แต่ยังมีประเทศบาง
ประเทศ ที่ไม่ได้ถูกบรรจุให้เข้าไปอยู่เป็ นส่วนหนึ่งของประเทศสมาชิก
องค์การสหประชาชาติ ตัวอย่างเช่น ไต้หวัน เหตุผลเพราะว่า ไต้หวันไม่ได้
ดำรงสถานะเป็ นรัฐ แต่ถือเป็ นส่วนหนึ่งของประเทศจีน การไม่ได้เข้ามาเป็ น
สมาชิกขององค์การสหประชาชาติและการไม่ได้รับ
การยอมรับว่า ไต้หวันมีสถานะเป็ นรัฐ ถือเป็ นความขัดแย้งในระดับระหว่าง
ประเทศ คนไต้หวันไม่ถือว่าตนเองเป็ นคนจีน ไม่ได้ตกเป็ นเมืองขึน
้ ของจีน มี
วัฒนธรรมเป็ นของตนเอง และถือว่าตนเองเป็ นคนไต้หวัน แต่ในมุมมองของ
คนชนชาติจีนกลับมองว่า ไต้หวัน เป็ นส่วนหนึ่งของประเทศจีน
ชาวยิวได้อพยพเข้ามาอยู่ในดินแดนของชาวปาเลสไตน์ ด้วยจุด
ประสงค์หลักคือการรวมชนชาติของตนไว้ในผืนแผ่นเดียวกัน ภายใต้หลัก
การรวมกรุงเยรูซาเล็มไว้ให้เป็ นเมืองหลวงของรัฐอิสราเอล
ชั่วนิรันดร์ (Dumper, 1992: 32) ปั ญหาคือ การเข้ามาของชาวยิวและการ
สร้างชาติอิสราเอลส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่เคยเป็ นดินแดนของชาว
ปาเลสไตน์ จากภาพจะเห็นได้ถึงการลดลงของพื้นที่และดินแดนปาเลสไตน์
เดิมถูกแบ่งออกไปให้มีการกระจัดกระจายกัน
ความหลากหลายทางเพศ
เปอร์เซ็นต์
หญิงผสมกันอยู่
ตามประวัติศาสตร์ มีการบันทึกถึงบุคคลที่รักและชอบพอบุคคลเพศ
เดียวกันตัง้ แต่ก่อน
สมัยคริสตกาล แม้กระทั่งในไบเบิลยังมีการพูดถึงบุคคลที่รักในเพศเดียวกัน
ในประเทศกรีซสมัยโบราณก่อนคริสตกาล มีบุคคลจำนวนมากรักชอบพอใน
เพศเดียวกัน ประเทศเคนยามีการใช้คำศัพท์ “Female Husbands” เพื่อ
ระบุถึงพฤติกรรมทางเพศที่แตกต่างออกไปจากเพศกำเนิด หรือศัพท์ของคน
อินเดียนแดง เรียกว่า “Two-Spirit” ซึ่งถือเป็ นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ใน
สังคมคนพื้นเมือง นอกจากนี ้
คนจากทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และ คนเกาะจากอาณาบริเวณทะเลแปซิฟิค
ต่างยอมรับวิถีทางเพศ
ในลักษณะนีเ้ ช่นกัน หากแต่พลเมืองในยุโรปไม่สามารถยอมรับได้ (Morris,
n.d.)
เมื่อคนยุโรปอพยพเข้ามายังอเมริกา ได้มีการสร้างกฎหมายในการห้าม
การมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ และหากพบผู้กระทำความผิด อาจถูกตัดสินให้
ถึงโทษประหารชีวิต หรือตัดอวัยวะเพื่อเป็ นการลงโทษ
โดยมีการลงโทษจริงในรัฐ New York และ Connecticut นอกจากนีแ
้ ล้ว
การร่วมเพศในลักษณะที่ไม่เป็ นธรรมชาติ เช่นทางทวารหนัก ถือว่าผิด
กฎหมาย โดยกฎหมายการห้ามการร่วมเพศในลักษณะนีย
้ ังคงอยู่
ไปจนถึงศตวรรษที่ 21 (Brooklyn Connections – Brooklyn Public
Library, n.d.: 2)
ในปั จจุบันวิธีการระบุอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลมีความหลากหลาย
คำถามคือ เมื่อสังคมรับรู้ถึงความหลากหลายทางเพศ นั่นแปลว่า สังคมจะ
ยอมรับการมีความหลากหลายทางเพศมากขึน
้ หรือไม่
อันที่จริงแล้ว ในปี ค.ศ. 2017 ยังมีประเทศถึง 72 ประเทศที่ระบุว่าการเป็ น
เกย์นน
ั ้ ผิดกฎหมาย โดยใน
8 ประเทศ (หรือร้อยละ 11 ของประเทศที่ถือว่าการเป็ นเกย์ผิดกฎหมาย) ได้
ระบุโทษสูงสุดของการ
เป็ นเกย์คือ การประหารชีวิต โดยประเทศที่ยังมีการลงโทษประหารชีวิตเกย์
ได้แก่ อิหร่าน, ซูดาน, ซาอุดอ
ิ าระเบีย, เยเมน, บางพื้นทีข
่ องโซมาเลีย,
ไนจีเรียตอนเหนือ, ซีเรีย และอิรก
ั โดยในกรณีของอิหร่าน, ซูดาน,
ซาอุดิอาระเบีย, เยเมน, บางพื้นที่ของโซมาเลีย และไนจีเรียตอนเหนือ โทษ
ประหารชีวิต
กระทำภายใต้กฎหมายชะรีอะฮ์ (Sharia) ส่วนกรณีของซีเรียและอิรัก การ
ประหารชีวิตไม่ได้กระทำการโดยรัฐ แต่เป็ นผู้ยึดอำนาจอื่น เช่น Islamic
State ที่ไม่ได้รับการยอมรับให้เป็ นรัฐบาล ในปั จจุบัน
มีประเทศกว่า 120 ประเทศทั่วโลกที่ไม่ได้มีกฎหมายลงโทษในประเด็นเพศ
ทางเลือก (Duncan, 2017)
ระดับในการยอมรับการมีตัวตนของเพศทางเลือกในระดับรัฐ แบ่งออก
10
เป็ น 4 ระดับ ได้แก่
1. ยอมรับการแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายของคู่สมรสเพศ
เดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วประเทศที่ยอมรับการสมรสจะอยู่ใน
ยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ
2. ยอมรับการอยู่ร่วมกันเป็ นคู่ชีวิต (Civil Union)
3. ไม่มีโทษในทางกฎหมายสำหรับเพศทางเลือก
4. การเป็ นบุคคลเพศทางเลือก ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย ส่วน
ใหญ่กฎหมายนีจ
้ ะอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา
ข้อแตกต่างระหว่างการสมรส และ Civil Union
10
อ้างอิงจาก Duncan, 2017
ในอังกฤษ คือ การทำพิธีสมรสของคู่รักเพศเดียวกันไม่สามารถ
กระทำได้ในสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา (Travis, 2011)
มิตแ
ิ ห่งความเหลื่อมล้ำ ความหลากหลาย จากเรื่องสีผว
ิ ไปจนถึง
การสร้างอารยธรรมในอนาคต
11
อ่านบทความเรื่อง ปี 2020 แล้ว ทำไมเรายังเหยียดสีผิวกันอยู่? / Her เรารักกันแบบไม่มีตัวตนได้
ไหม? / หัวเราะทัง้ น้ำตาไปกับวันจมูกแดง ในท้ายบทที่ 3
ทัง้ นี ้ ในมิติเชิงบวก ยังมีกลุ่มอาสาสมัคร/องค์กร ที่มีส่วนในการช่วย
เพิ่มความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความหลากหลายใน
ประเด็นต่าง ๆ เช่น โครงการ Host Family ที่ดำเนินกิจกรรมโดยอาสา
สมัคร ซึ่งมีเป้ าประสงค์เพื่อให้นักศึกษาต่างชาติได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรม วิถี
ชีวิต และ
ความเป็ นอยู่ของชาวอังกฤษ, Dignity Kitchen สถานประกอบการที่เน้น
การให้บริการผ่านกลุ่มเปราะบางทัง้ ทางด้านร่างกายและจิตใจในประเทศ
สิงคโปร์, การท่องเที่ยวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านกระบวนการ
12
เป็ นสมาชิกแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Couchsurfing นอกเหนือไปจาก 3
กรณีดังกล่าว ยังมีประเด็น
ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานผ่านกระบวนการคัดเลือกทางชาติพันธุ์ใน
13
อินเดีย
สำหรับในโลกอนาคต หากเรามีความต้องการที่จะนำมนุษย์เคลื่อนย้าย
ไปยังอาณาจักรแห่งใหม่นอกเหนือไปจากโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่ ประเด็นที่
นอกเหนือไปจากความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์
ในการธำรงไว้ซึ่งการอยู่รอดของมนุษย์ เรายังจะต้องคำนึงถึงสภาวะทาง
สังคมอีกด้วย เราจะสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ สร้างอารยธรรมใหม่อย่างไรให้
เกิดความเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ
14
และปราศจากอคติดังเช่นที่เป็ นอยู่
12
อ่านบทความเรื่องโครงการ Host Family สำหรับนักศึกษาต่างชาติในสหราชอาณาจักร / Dignity
Kitchen ครัวสร้างศักดิศ์ รีของคนสิงคโปร์/เที่ยวฟรี นอนฟรี ชีวิตดีดใี นยุคดิจิทัล ในท้ายบทที่ 3
13
อ่านบทความเรื่อง Mumbai Dabbawalas: อาหารกลางวันจากบ้าน ส่งตรงถึงมือคุณ ในท้ายบทที่
3
14
อ่านบทความเรื่องเดินทางไปดาวอังคารด้วยตั๋วเทีย
่ วเดียว ในท้ายบทที่ 3
สรุป
ประเด็นของความยุติธรรมและการไม่เลือกปฏิบัติ ความหมายของคำ
ว่ายุติธรรมนัน
้ ถูกแบ่งไปตามกระบวนความคิดเชิงเหตุผลทางศีลธรรม
ระหว่าง consequentialist moral reasoning และ categorical moral
reasoning ทัง้ นี ้ เราได้เห็นถึงความแตกต่างในกระบวนความคิดที่ส่งผลให้
รัฐมีการนำเสนอนโยบายเพื่อเพิ่มพูนความเท่าเทียมกันที่ต่างกันออกไป และ
การไม่เลือกปฏิบัติ ในเชิงทฤษฎีเป็ นการส่งเสริมสนับสนุนความเท่าเทียมกัน
แต่การที่รัฐ เลือกปฏิบัติในบางกรณี เป็ นไปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึน
้
ในสังคม
ความหลากหลายทางเพศ เราสามารถเห็นความหลากหลายทางเพศได้
จากสื่อและจากประสบการณ์การพบเจอผูค
้ นที่หลากหลาย ถึงแม้เราจะอยู่
ในศตวรรษที่ 21 ประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศและการยอมรับ
ความเท่าเทียมกันทางเพศ ยังคงเป็ นประเด็นที่อ่อนไหว ทัง้ ยังมีกฎหมายที่
ออกกฎการห้าม
มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเลือกเพศของพลเมือง