Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 16

‫‪1436‬‬

‫‪ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน‬‬


‫خطر الشيعة يف القديم واحلديث‬

‫< تايالندية >‬

‫‪เว็บไซต์ อัล-บุรฮาน‬‬
‫موقع الربهان‬

‫‪‬‬

‫์‪ผู้แปล: ทีมงานภาษาไทยเว็บอิสลามเฮ้ าส‬‬


‫ترمجة‪ :‬فريق اللغة اتلايالندية بموقع دار اإلسالم‬
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 1

ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน

บทนา
‫ من‬،‫ وسيئات أعمانلا‬،‫ ونعوذ باهلل من رشور أنفسنا‬،‫ حنمده ونستعينه ونستغفره‬،‫إن احلمد هلل‬
،‫ وأشهد أن ال هلإ إال اهلل وحده ال رشيك هل‬،‫ ومن يضلل فال هادي هل‬،‫يهده اهلل فال مضل هل‬
ً
.‫وأشهد أن حممدا عبده ورسوهل‬

ผู้อา่ นที่มีเกียรติยิ่ง
มีหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับหลักยึดมัน่ ของชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺที่ถกู เรี ยบเรี ยงขึ ้นเพื่อเตือนชาวมุสลิม
มิให้ หลงตกในกับดักของชีอะฮฺ เช่น
.‫ "اخلطوط العريضة" للعالمة حمب ادلين اخلطيب‬
.‫ "الشيعة واتلصحيح" للشييع اتلائب العالمة ادلكتور موىس املوسوي‬
.‫ "منهاج السنة انلبوية" لشيخ اإلسالم ابن تيمية‬
‫ "صورتان متضادتان نلتائج جهود الرسول األعظم بني السنة والشيعة اإلمامية" للعالمة أيب‬
.‫احلسن انلدوي‬
.‫ حقيقة الشيعة "حىت ال ننخدع" لعبد اهلل املوصيل‬
.‫ وقد قتله الشيعة بسببها‬،‫ كتب العالمة إحسان إليه ظهري يف الشيعة ويه كثرية‬
.‫ "وجاء دور املجوس" لدلكتور عبد اهلل حممد الغريب‬

ทังนี
้ ้ จากหนังสือดังกล่าวข้ างต้ น และหนังสือตาราของชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ เอง จะพบว่าหลักยึดมั่น
ของพวกรอฟิ เฎาะฮฺเป็ นดังต่อไปนี ้

อะกีดะฮฺ ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ


- ถือว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺเกือบทังหมดตกเป็
้ นกาฟิ ร ยกเว้ นไม่กี่ทา่ น โดยสาเหตุที่ตกเป็ นกาฟิ รของ
คนเหล่านัน้ ก็เพราะพวกเขาถื อว่า ท่านเราะสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ มี คาสั่งให้ ม อบ
ตาแหน่งเคาะลีฟะฮฺแด่ท่านอลี เราะฎิ ยลั ลอฮฺ อันฮุ ต่อหน้ ามหาชนมุสลิม แต่ครัน้ เมื่อ ท่านเราะสูลุลลอฮ์
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 2
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม สิ ้นชีวิต มหาชนเหล่านันกลั
้ บวางแผนชัว่ และยึดตาแหน่ง เคาะลีฟะฮฺไปจาก
ท่านอลี เราะฎิยลั ลอฮฺ อันฮุ

- ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ กล่าวหาบรรดาภริยาของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่าตกเป็ นกาฟิ ร


พร้ อมกับลบหลู่เกียรติของนางเหล่านันด้ ้ วยการใส่ร้ายต่างๆ นานา เช่นเดียวกันกับการกล่าวหาท่านอบู บักรฺ
ท่านอุมัร ท่านอุษมาน ตลอดจนรัฐบาลอะมาวียะฮฺ อับบาสิยะฮฺ และอุษมานียะฮฺที่พิชิตดินแดนต่างๆ ให้
เป็ นรัฐมุสลิม ตลอดจนชาวมุสลิมทัง้ มวลว่าเป็ นกาฟิ ร ทัง้ ๆ ในประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมา พวกชีอะฮฺ ไม่เคย
สร้ างดินแดนใหม่ให้ กบั มุสลิมแม้ แต่นิ ้วเดียว
อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ กล่าวชื่นชมบรรดาเศาะหาบะฮฺท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในอัลกุ
รอานหลายอายะฮฺ เช่น
ْ ُ َ َ ‫أ َ َّٰ َّ َ َّ ُ َ أ ُ أ‬ ُ ُ َ َّ َ َّ َ َ َ ‫َ َ أ‬ َ ُ ‫َ َّ َّٰ ُ َ أ َ َّ ُ َ َ أ‬
‫ار وٱَّلِين ٱتبعوهم بِإ ِحسن ر ِِض ٱ َّلل عنهم و رضوا‬ ِ ‫ج ِرين وٱۡلنص‬ َّٰ
ِ ‫﴿وٱلسبِقون ٱۡلولون مِن ٱلمه‬
َ َ َ
‫َ أ َ َ أ أ َ ُ َ َّٰ َ َ ٓ َ َ َّٰ َ أ َ أ ُ أ‬ ‫َ أ ُ َ َ َ َّ َ ُ أ َ َّ َّٰ َ أ‬
ُ َّٰ
:‫ ﴾ [ اتلوبة‬١٠٠ ‫عنه وأ عد لهم جنت َت ِر ي َتتها ٱۡل نهر خ ِِلِين فِيها أبداۚ ذل ِك ٱلفو ز ٱلع ِظيم‬
]011
ความว่า: “และบรรดาชาวมุฮาญิ รีนและอันศอรฺ ผ้ ทู ี่มาก่อนเป็ นกลุ่มแรกๆ และบรรดาผู้ที่มาภายหลังตาม
พวกเขาด้ วยความดี สุด ประเสริ ฐ นัน้ อัล ลอฮฺ ได้ ท รงโปรดปรานคนเหล่านัน้ และพวกเขาก็ พึง พอใจกับ
พระองค์ และพระองค์ได้ ทรงจัดเตรี ยมสรวงสวรรค์ที่มีแม่น ้าหลายสายผ่าน ณ เบื ้องล่างแด่พวกเขา พวกเขา
จะคงอยู่ ณ ที่นนั่ ไปตลอดกาล ซึง่ นันคื
้ อรางวัลอันใหญ่หลวง” (อัต-เตาบะฮฺ 100)

- ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ถือว่าอัลกุรอานได้ ถูกสังคายนา เพราะถูกสืบทอดผ่านบรรดาเศาะหาบะฮฺ ซึ่ง


พวกเขาคิดว่าคนเหล่านันเป็
้ นคนกาฟิ ร ทังๆ ้ ที่อลั ลอฮฺได้ ทรงกล่าวว่า
َ ُ َ َ ُ َ َّ َ ‫َّ َ أ ُ َ َّ أ َ ذ أ‬
]٩ :‫ ﴾ [احلجر‬٩ ‫حَّٰ ِفظون‬ ‫﴿ إِنا َنن نزۡلا ٱَّلِكر ِإَونا َلۥ ل‬
ความว่า: “แท้ จริง เราได้ ทรงประทานอัลกุรอานลงมา และเราคือผู้ค้ มุ ครองรักษาคัมภีร์นี ้” (อัล-หิจญ์รฺ 9)

- ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ เชื่อว่า หะดีษนบีที่เศาะฮีหฺที่ชาวซุนนีย์ใช้ นนเป็ ั ้ นของปลอม เพราะถูกโอนถ่าย


โดยคนกาฟิ ร ทังๆ ้ ที่อลั ลอฮฺได้ ทรงสร้ างความสมบูรณ์ให้ กบั ศาสนาและประทานความสมบูรณ์ทางศาสนา
ให้ พวกเขาด้ วยการประทานอัลกุรอานและหะดีษ ซึ่งศาสนาจะสมบูรณ์ ไม่ได้ หากไม่ใช่ด้วยการรักษาและ
คุ้มครองหะดีษด้ วย อัลลอฮฺได้ ทรงกล่าวว่า
َ َ َ َّٰ َ ‫ُ َ ُ ُ أ أ‬ َ َ َ ‫أ‬ ‫أ‬ ُ ‫أ‬ َ َ ُ ‫أَ أَ َ أ َ أ ُ َ ُ أ َ ُ أ ََأ َ أ‬
‫ضيت لكم ٱ ِۡلسلم ِد ينا ۚ فم ِن‬ ِ ‫﴿ ٱۡلوم أ كملت لكم ِد ينكم وأ تممت عليكم نِعم ِت و ر‬
ُ َ َ َّ َّ َ ‫ذ أ‬ َ ‫َم َم َصة َغ أ‬
َ ‫ي ُم َت‬ ‫َأ‬ ‫أ‬
]٣ :‫ ﴾ [املائدة‬٣ ‫ٱَّلل غفور َّرحِيم‬ ‫جان ِف ِ ِۡلثم فإِن‬ ‫ٱض ُط َّر ِف‬
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 3
ความว่า: “วันนี ้ ฉันได้ ทาศาสนาให้ สมบูรณ์และได้ ประทานนิอฺมตั อันสมบูรณ์ แล้ วแก่สูเจ้ า และฉันได้ โปรด
ปรานให้ อิส ลามเป็ นศาสนาแก่สู เจ้ า ส่วนผู้ที่อยู่ในภาวะคับขันไม่สามารถปฏิ บัติได้ ที่ไม่ใช่ผ้ ูเจตนาล่วง
ละเมิดกฎนัน้ แท้ จริงแล้ วอัลลอฮฺนนทรงเป็
ั้ นผู้อภัยและปรานียิ่ง” (อัล-มาอิดะฮฺ 3)

- พวกชีอะฮฺยงั เชื่อว่าตาแหน่งผู้นาหรื อการเป็ นอิมามนันคื้ อตาแหน่งที่แต่งตังโดยพระเจ้


้ า พวกเขา
เชื่อว่าผู้เป็ นอิมามหลังจากนบีมฮุ มั มัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือ ท่านอลี บิน อบี ฏอลิบ หลังจาก
นัน้ คือ ท่านอัล -หะสัน แล้ วก็ท่านหุสัยน์ (ทัง้ ๆ ที่ ท่านเหล่านัน้ ไม่เคยร่ วมสมคบและเห็นด้ วยกับพวกเขา)
หลังจากนันคื ้ อท่านซัยนุลอาบิดีน, อบู ญะอฺฟัร อัล-บากิร, ญะฟั ร อัศ-ศอดิก, มูซา อัล-กาซิม, อาลี อัร-ริฎอ,
มุฮมั มัด อัล-เญาวาด, อาลี อัลฮาดี, อัล-หะสัน อัล-อัสกะรี ย์ ตามลาดับ โดยท่านสุดท้ ายจะเป็ นบุคคลนิร
นามที่ไม่มีตวั ตนและถูกอุปโลกน์ขึ ้น นันคื ้ อมุฮมั มัด บิน อัล-หะสัน อัล-อัสกะรี ย์ ซึ่งเป็ นอิมามที่อนั ตรธาน
และกาลังถูกรอคอย พวกเขาเชื่อว่าท่านมุฮมั มัด บิน อัล-หะสัน อัล-อัสกะรี ย์ ท่านนี ้ หายตัวไปแบบดาดินที่
เมืองสามัรรออ์ในขณะมีอายุเพียงห้ าขวบ เมื่อปี ฮ.ศ.260 โดยจนถึงปั จจุบนั พวกเขากาลังรอคอยการผุดโผล่
ของท่านอีกครัง้ ณ ที่นี ้ ซึ่งเมื่อท่านกลับมา ท่านจะประหัตประหารชาวซุนนีย์อย่างจริ งจังและราบคาบ ท่าน
จะทาลายมัสยิดอัลหะรอมและมัสยิดนบี พร้ อมกับขุดหลุม และงัดศพของอบูบกั รฺ และอุมัรออกมาเสียบ
ประจานและเผาทิ ง้ ท่านจะปกครองด้ วยกฎหมายของนบี ด าวูด ซึ่งสิ่ ง นี ส้ ่อ ให้ เห็น ว่า เป็ นความคิด ที่ มี
รากเหง้ าจากชาวยิว เพราะอับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ ชาวยิวเป็ นคนปั น้ คนเหล่านี ้ขึ ้นมาดังที่เรารับรู้กนั

- ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ยังเป็ นพวกมาญูซีย์บูชาไฟ ที่ต้องการล้ างแค้ นให้ กับอาณาจักรเปอร์ เซีย พวก
เขาจึงสาปแช่งท่านอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ เราะฎิ ยลั ลอฮฺ อันฮุ เพราะท่านเป็ นผู้พิชิตอาณาจักรเปอร์ เซีย
มาญูซีย์ พวกเขาเทิดทูนอบู ลุอ์ลุอ์ (ฆาตกรที่แทงท่านอุมัร) และจัดเทศกาลเฉลิมฉลองที่หลุมศพของเขา
เป็ นประจาทุกปี พวกเขาเชื่อว่าจักรพรรดิคสุ โร(กิสรอ)จะได้ รับการปลดปล่อยจากนรก พวกเขาสนับสนุนการ
ผิดประเวณีด้วยการสนับสนุนให้ ทกุ คนแต่งงานมุตอะฮฺแม้ วา่ จะครัง้ เดียวก็ตาม

- พวกเขาเชื่อว่า อิมามทังสิ ้ บสองคน เราะหิมะฮุมุลลอฮฺ ตะอาลา นัน้ ดีเลิศและประเสริ ฐกว่าเหล่า


ศาสดา ยกเว้ นศาสดามุหมั มัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม โดยอิมามทังหมดเป็ ้ นผู้ร้ ูสิ่งเร้ นลับ ทุกคนวา
ญิบต้ องเชื่อฟั ง ท่านเหล่านันยั้ งสถิตย์อยู่ในโลกนี ้และเป็ นคนบริ สทุ ธิ์ปลอดมลทิน (มะอฺศมู ) ผู้ใดที่ไม่ศรัทธา
ในเรื่ องนี ้ถือว่าเป็ นคนกาฟิ รที่สามารถฆ่าและทาลายทรัพย์สินได้ ด้ วยเหตุนี ช้ ีอะฮฺจึงมองว่าชาวซุนนีย์เป็ น
กาฟิ รที่สามารถฆ่าล้ างได้ ดงั ที่พวกเขาได้ กระทาในอิรัก อัฟกานิสถาน อิหร่ าน และเลบานอน ด้ วยเหตุผล
เพราะชาวซุนนีย์เหล่านันไม่ ้ เห็นด้ วยกับเรื่ องโป้ปดมดเท็จที่พวกเขากุขึ ้น
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 4
- ชาวชี อ ะฮฺ จ ะเฉลิ ม ฉลอง ณ หลุม ฝั ง ศพและขอความเป็ นศิ ริม งคลและความช่ ว ยเหลื อ จาก
ผู้เสียชีวิตที่ลว่ งลับ ตลอดจนยึดคนเหล่านันเป็้ นที่พึ่งในยามทุกข์ โดยไม่แยแสต่อคาปรารภของอัลลอฮฺตะอา
ลาที่วา่
ٓ َ ُ َ ‫َّ َ َّ َ أ َ ُ َ ُ ٓ َ َّٰ َ أ أ َ َ َ ُ أ‬
‫َع ئهمأ‬ ُ ْ ُ ‫َّ َ أ‬ َ َ ‫ََ أ‬
َّٰ
ِ ِ ‫جيب َل ۥ إِ ل يو ِم ٱلقِيمةِ وهم عن د‬ ِ ‫ٱَّلل من ّل يست‬ ِ ‫ون‬ ِ ‫﴿ ومن أضل مِمن يد عوا مِن د‬
َ ‫كَّٰفِر‬ َ
َ ‫َ ُ َ َّ ُ َ ُ ْ َ ُ أ أ َ ٓ َ َ ُ ْ َ َ أ‬ َ ُ َّٰ َ
]٦-٥ :‫ ﴾ [األحقاف‬٦ ‫ين‬ ِ ‫م‬ ‫ه‬
ِ ِ ‫ت‬‫اد‬‫ب‬ ‫ع‬
ِ ِ ‫ب‬ ‫وا‬ ‫ن‬ ‫َك‬ ‫و‬ ‫ء‬ ‫ا‬‫د‬‫ع‬ ‫أ‬ ‫م‬ ‫ه‬ ‫ل‬ ‫وا‬ ‫ن‬ ‫َك‬ ‫اس‬ ‫ٱۡل‬ ‫ش‬ِ ‫ح‬ ‫ا‬‫ِإَوذ‬ ٥ ‫ون‬ ‫غفِل‬
ความว่า: “และผู้ใดเล่าที่หลงผิดมากไปกว่าผู้ที่วิงวอนขอจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺที่ไม่อาจจะสนองตอบคา
ขอของเขาจวบจนวันกิยามะฮฺ โดยที่คนเหล่านันไม่ ้ เคยรับรู้ใดๆ เกี่ยวกับการวิงวอนร้ องขอของพวกเขาเลย
และครัน้ เมื่อปวงมนุษย์ถูกฟื น้ ชีพใหม่คนเหล่านันก็ ้ จะเป็ นศัตรูกบั พวกเขาและไม่ยอมรับการภักดีจากพวก
เขา” (อัล-อะห์กอฟ 5-6)

และท่านศาสดามุหมั มัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ กล่าวว่า


َ ُ‫اّتذوا ق‬َ‫خ‬ ُ
.]‫أنبيائِهم َمساجد» [رواه ابلخاري ومسلم‬ِ ‫بور‬ َّ ‫هلل ىلع ايلهو ِد‬
‫وانلصارى‬ ِ ‫«لعنة ا‬
ความว่า: “ความหายนะจากอัลลอฮฺจงบังเกิดแด่พวกยิวและคริ สเตียน เนื่องจากพวกเขายึดเอาหลุมฝั งศพ
ของเหล่าศาสดาของพวกเขาเป็ นที่สกั การะ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ และมุสลิม)

และท่านยังได้ กล่าวว่า
َ
َ :‫ساجد‬ ‫ُ َ ُ ِّ ُ خ‬
َ ‫إال إىل ثَالثة‬
‫واملسجد األقىص» [رواه‬
ِ ،‫ومسجدي هذا‬
ِ ، ِ‫سج ِد احلَرام‬
ِ ‫الم‬ ‫م‬ ِ ‫«ال تشد الرحال‬
]‫ابلخاري ومسلم‬
ความว่า: “ไม่อนุญาตให้ ตงใจมุ
ั ้ ่งมัน่ เตรี ยมสัมภาระและพาหนะเดินทางเพื่อทาอิบาดะฮฺที่มสั ยิดใด ยกเว้ น
สามมัสยิดเท่านัน้ คือ มัสยิดอัล-หะรอมที่มกั กะฮฺ มัสยิดของฉันแห่งนี ้ และมัสยิดอัล-อักศอ” (บันทึกโดยอัล-
บุคอรี ย์และมุสลิม)

- พวกเขายังเชื่อว่าวาญิบจะต้ องทาการ "ตะกียะฮฺ" หมายถึง ต้ องแสแสร้ งไม่แสดงธาตุแท้ ต่อหน้ า


ชาวซุนนีย์เพื่อหลอกลวงให้ ตายใจ นัน่ หมายถึงการเป็ นมุนาฟิ ก ตีสองหน้ าเต็มรูปแบบ อัลลอฮฺได้ ทรงกล่าว
ว่า
َّ ُ َ ُ َ ‫َ َّ َ َ أ‬ ُ ُ ‫َ ُ ُ ْ َ أ َ أ َ أ أ َ َ َّ ُ أ‬ ‫أ‬ ُ ُ َ ‫أ‬ َ َ ُ ‫َ ََأ َُ أ ُ أ‬
‫جبك أجسامهم ِإَون يقولوا تسمع لِقول ِ ِهم كأنهم خشب مسندة َيسبون ك‬ ِ ‫﴿ ۞ِإَوذا رأيتهم تع‬
َ
َ ُ َ ‫َ أ َ َ َ أ أ ُ ُ أ َ ُ َ أ َ أ ُ أ َ َّٰ َ َ ُ ُ َّ ُ َّ َّٰ أ‬
]٤ :‫ ﴾ [املنافقون‬٤ ‫ّن يُؤفكون‬ ‫صيحة علي ِه ۚم هم ٱلعدو فٱحذره ۚم قتلهم ٱَّلل أ‬
ความว่า: “ครัน้ เมื่อเจ้ าเห็นพวกเขา เจ้ าจะรู้ สึกประทับใจในรู ปร่างทรวดทรงของพวกเขา และหากพวกเขา
พูด เจ้ าก็จะเชื่อฟั งคาพูดของพวกเขา ทังๆ ้ ที่แท้ จริ งแล้ วพวกเขานันเป็ ้ นเหมือนท่อนไม้ ที่ถกู พาดทิ ้ง พวกเขา
หาว่าทุกเสียงกรี ดร้ องหวังจ้ องทาลายพวกเขา พวกเขาคือศัตรู เจ้ าจงระวังพวกเขาให้ ดี ขอให้ อัลลอฮฺทรง
พิฆาตพวกเขา พวกเขาแปรผันเป็ นอย่างนันได้ ้ อย่างไรกัน” (อัล-มุนาฟิ กนู 4)
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 5

บันทึกของชารอนที่เปิ ดโปงเรื่องราวของชีอะฮฺ
แอเรี ยล ชารอนได้ เขียนในบันทึกของเขาว่า (บันทึกของชารอน พิมพ์โดยสานักพิมพ์ เบซาน หน้ า
584) “เราได้ กล่าวสาธยายเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างชาวคริ สเตียนกับกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กับพวกชีอะฮฺและพวกดรู ซ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ ว ฉันได้ ขอให้ พวกเขากระชับความสัมพันธ์ กับสองพวกกลุ่ม
น้ อยนี ้ ถึงขนาดฉันได้ เสนอให้ มอบอาวุธที่อิสราเอลมอบให้ พวกเขาไปมอบแด่ชาวชีอะฮฺ แม้ เป็ นเพียงเชิง
สัญ ลักษณ์ แบบเอาหน้ าก็ตาม สิ่งที่เป็ นปั ญหาของพวกเขาอีกประการหนึ่งก็คือการเผชิญหน้ ากับองค์กร
ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ซึง่ โดยไม่ต้องทะลวงลึกในรายละเอียด ฉันกล้ าฟั นธงเลยว่า ฉันไม่เคยเห็น ชีอะฮฺเป็ น
ศัตรูกบั อิสราเอลเลยในอนาคต”

โคไมนีให้ คาฟั ตวาว่ าสามารถระบายความใคร่ กับทารกหญิงได้


โคไมนีกล่าวในหนังสือ "ตะห์รีร อัล-วะสีละห์" (เล่ม 2 หน้ า 241 ประเด็นที่ 12) ว่า การระบายความ
ใคร่ กับทารกหญิ งในลักษณะกอดจูบและสัมผัสขา หมายถึงการสอดอวัยวะเพศของผู้ชายที่หว่างขาเด็ก
ทารกหญิง เป็ นสิ่งที่สามารถกระทาได้

อัช-ชีรอซีย์ แห่ งอิหร่ านออกคาฟั ตวาให้ ฆ่าชาวซุนนีย์และทาลายมัสยิดซุนนีย์


อัล-มุจญ์ ตะบา อัช-ชีรอซีย์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา ณ เมืองกัรบาลาอ์ ได้ ให้ สมั ภาษณ์
ทางเว็บไซต์อลั บุรฮานของ โดยยกอายะฮฺวา่
‫ادا أَ ن ُي َق َّتلُ ٓوا ْ أَ أو يُ َص َّل ُب ٓوا ْ أَوأ‬
ً َ َ َ‫أ‬ َ ُ َ ‫ٱَّلل َو َر ُس‬
‫وَل ۥ َوي َ أس َع أو ن ِف ٱۡلۡر ِض فس‬
َ ُ َ ُ َ َّ ْ ُ َ َ َ َّ
َ َّ ‫ون‬ ‫ار ب‬ َٰٓ ‫﴿ إِنما ج‬
ِ ‫ز ؤا ٱَّلِين َي‬
َ ‫أ‬ َ َ َ ‫ُ َ َّ َ َ أ أ َ َ أ ُ ُ ُ ذ أ َ َ أ ُ َ أ ْ َ أ‬
ِ ‫ۡرض ذَّٰل َِك ل ُه أم خ أِز ي ِف ٱدلن َيا َول ُه أم ِف ٱٓأۡلخ َِرة‬ ِ ‫تقطع أيدِي ِهم وأرجلهم مِن خِلَّٰف أو ينفوا مِن ٱۡل‬
َ َ َ
]٣٣ :‫ ﴾ [املائدة‬٣٣ ‫عذاب ع ِظيم‬
ความว่า: “แท้ จริ งแล้ ว บทลงโทษสาหรับผู้ที่ต่อต้ านอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ และพยายามสร้ าง
ความหายนะบนหน้ าแผ่นดินนัน้ คือ จะต้ องถูกประหารชีวิต หรื อ ถูกเสียบประจาน หรื อ ถูกตัดมือหรื อเท้ า
สลับข้ างกัน หรื อ ถูกเนรเทศออกจากบ้ านเกิด สิ่งดังกล่าวนี ้ เป็ นความอัปยศในโลกดุนยาสาหรับพวกเขา
ส่วนในวันอาคิเราะฮฺ พวกเขาจะต้ องได้ รับโทษทัณฑ์อนั ใหญ่หลวง” (อัล-มาอิดะฮฺ 33)
หลังจากนัน้ ก็ได้ ให้ คาอธิบายและแปรคาสอนอย่างขนลุกขนพองแบบพวกเคาะวาริจ ญ์ ที่มกั จะใช้
อายะฮฺ เพื่อเอาผิดต่อนักรบชาวซุนนีย์ ซึ่ง ณ ที่นี่ ข้ าพเจ้ าขอถอดคาพูดของเขาเพื่อเป็ นหลักฐานที่บ่งชี ้ถึง
หลักยึดมัน่ ในการตราชาวซุนนีย์เป็ นกาฟิ รของชาวชีอะฮฺ อัช-ชีรอซีย์ได้ กล่าวว่า “พวกวะฮาบีย์...พวกก่อการ
ร้ าย...พวกกาฟิ ร...พวกโหด...พวกป่ าเถื่อน หากพวกเขามิใช่ผ้ ทู ี่อายะฮฺนี ้หมายถึง ก็จะเป็ นใครอีกเล่าที่อา
ยะฮฺนี ้ต้ องการบอก? คนที่สนับสนุนพวกวะฮาบีย์ผ้ กู ่อการร้ ายที่เป็ นกาฟิ รและโหดร้ ายป่ าเถื่อน ใครอีกเล่า
หากมิใช่พวกนี ้? ถ้ าไม่เช่นนัน้ เราก็ต้องเป็ นคนปฏิเสธต่ออัลกุรอาน ดังนัน้ เราจะต้ องกล้ าที่ประกาศสิ่งที่ยึด
มัน่ นัน่ คือ เมื่อศรัทธาต่ออัลกุรอานแล้ ว พวกวะฮาบีย์ผ้ กู ่อการร้ ายที่เป็ นคนกาฟิ รและโหดร้ ายป่ าเถื่อนนันวา ้
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 6
ญิ บ จะต้ อ งฆ่ าพวกมัน เสี ย ตลอดจนทุก คนที่ ส นับ สนุน ทัง้ ทางตรงและทางอ้ อ ม เช่น นัก วิช าการ หรื อ
ชาวบ้ านทัว่ ไปก็จาต้ องฆ่ามันเสีย ผู้ใดที่ไม่เห็นด้ วยกับการฆ่าพวกนี ้และฆ่าพวกที่สนับสนุนมัน ก็ถือว่าคนนี ้
ได้ ปฏิเสธอัลกุรอานอย่างชัดเจน ไม่มีปัญหาล่ะ... พวกคอมมิวนิสต์ก็ปฏิเสธอัลกุรอานเหมือนกัน แต่พวก
คอมมิวนิสต์เขามีความกล้ าหาญทางวรรณกรรม ก็ปล่อยให้ พวกมันมีความกล้ าหาญทางความคิดไปเถอะ
...”
อัช-ชีรอซีย์ได้ ตบท้ ายด้ วยคาว่า “แล้ วอีกอย่าง คือ อัลลอฮฺได้ ทรงกล่าวในอัลกุรอานว่า
ُ َ ‫َّلل َو َر ُس‬
‫وَلۥ‬ َ َّ ‫ار َب ٱ‬َ ‫ِإَور َصادا ل ذ َِم أن َح‬
‫ِۡي أ‬ َ ‫ۡي ٱل أ ُم أؤ ِمن‬ َ ‫َ َُأ ََأ‬
َ ‫يقَۢا َب أ‬ ‫جدا ِِضارا وكفرا وتف ِر‬ ‫َ َّ َ َّ َ ُ ْ َ أ‬
ِ ‫﴿وٱَّلِين ٱَّتذوا مس‬
َ ُ َّٰ َ َ ‫َ أ ُ َ َ َ أ ُ َّ أ َ َ أ َ ٓ َّ أ ُ أ َ َّٰ َ َّ ُ َ أ َ ُ َّ ُ أ‬
]011 :‫﴾ [اتلوبة‬١٠٧ ‫مِن قبل ۚ وۡلحل ِفن إِن أردنا إِّل ٱۡلسنٰۖ وٱَّلل يشهد إِنهم لكذِبون‬
ความว่า: “และผู้ที่ยึดเอามัสยิดเป็ นสถานบ่อนทาลาย เพาะความปฏิปักษ์ สร้ างความแตกแยกระหว่างชาว
มุสลิม และเตรี ยมการเพื่อคนที่ตอ่ ต้ านอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ไว้ ก่อนหน้ า พวกเขาจะสาบานอย่าง
ขันแข็งว่าพวกเรานี ้หวังดีแท้ ๆ ทว่า อัลลอฮฺทรงเป็ นสักขีว่าพวกเขาคือพวกโกหกอย่างแน่นอน” (อัต-เตาบะฮฺ
107)
อัช-ชีรอซีย์ ได้ กล่าวว่า “โอ้ มิตรสหายฉัน ที่จริ งแล้ ว อายะฮฺตา่ งๆที่ระบุเกี่ยวกับมัสยิดฎิรอรฺ นนั ้ จะ
หมายถึงมัสยิดที่พวกก่อการร้ ายวะฮาบีย์กาฟิ รผู้ป่าเถื่อนได้ สร้ างไว้ เพื่อรองรับกิจกรรมของพวกเขา ดังนัน้
มัสยิดทุกมัสยิดจึงจะต้ องถูกรื อ้ ทาลาย และเผาทิ ้ง หากมิเช่นนัน้ เราทุกคนก็ต้องเป็ นผู้ปฏิเสธอัลกุรอาน เรา
จะต้ องเป็ นคนซื่อสัตย์ตอ่ ตัวเองและต่อ อัลลอฮฺ อีกทังต่ ้ อครอบครัวของท่านนบีและชาวมุสลิมและมุสลิมะฮฺ
ทังมวล
้ หากอายะฮฺเกี่ยวกับมัสยิดฎิรอรฺ นี ้ไม่ถูกแปรความหมายถึงมัสยิดของพวกวะฮาบีย์ที่ชวั่ ร้ ายและป่ า
เถื่อนแล้ ว มันจะถูกแปรถึงมัสยิดไหนอีก? มัสยิดเหล่านี ้ ต้ องรี บทาลายโดยด่วน ต้ องรี บเผา และทุบทิ ้งทันที
หากเราเป็ นคนมุส ลิ ม หรื อหากเราไม่ใช่มุส ลิม เราก็ ต้ อ งกล้ าแสดงออกทางความคิดเหมื อ นกับ ที่ พ วก
คอมมิวนิสต์มนั กล้ าบอกว่า พระเจ้ าเป็ นเรื่ องฟั่ นเฟื อนไร้ สาระ ปล่อยให้ พวกเขาพูดไปซิวา่ เราไม่ศรัทธาในอัล
กุรอาน
“โอ้ พี่น้องของฉัน แหล่งขายสุรายังมีอยู่ในบ้ านเมือง แสดงว่า กฎหมายอิสลามยั งไม่ถกู ดาเนินการ
ในประเทศนี ้ และยังมีมสั ยิดก่อการร้ ายวะฮาบีย์อยู่ นัน่ แสดงให้ เห็นว่ากฎหมายอิสลามยังไม่ได้ รับการกาชับ
ปฏิบตั ใิ นบ้ านนี ้เมืองนี ้เช่นกัน...
“พี่ น้องที่ รัก...หากว่ายัง มี วะฮาบีย์ก่อการร้ ายที่ กาฟิ รโหดร้ ายป่ าเถื่ อนอาศัยอยู่ที่ไหน และยัง มี
ผู้สนับสนุนของมันลอยนวลโดยไม่ถกู ฆ่า ก็แปลว่าคาดารัสของ อัลลอฮฺ ที่วา่
ْ ٓ ُ َّ َ ُ َ ً َ َ َ‫أ‬ َ ‫َّ َ َ َ ُ ْ َّ َ ُ َ ُ َ َّ َ َ َ ُ َ ُ َ َ أ َ أ‬
ِ
]٣٣ :‫زؤا ٱَّلِين َيارِبون ٱَّلل ورسوَلۥ ويسعون ِف ٱۡلۡرض فسادا أن يقتلوا ﴾ [املائدة‬ َٰٓ ‫﴿ إِنما ج‬
“แสดงว่าอายะฮฺนี ้ยังไม่ได้ รับการปฏิบตั ิ ไม่วา่ เราจะยอมรับหรื อไม่ก็ตาม การมีมสั ยิดวะฮาบีย์ชวั่ ช้ า
อยูเ่ พียงนาทีเดียวก็หมายความว่าเราไม่ปฏิบตั ติ อ่ อายะฮฺเกี่ยวกับมัสยิดฎิรอรฺ นี ้”

นอกจากนัน้ ในคาพูดที่น่าอันตรายนี ้ อัช -ชีรอซีย์ยงั ได้ เชิญชวนให้ กวดขันกับบุคคลที่ชื่อว่าพวกอุ


ละมาอ์แห่งอบู บักรฺ หมายถึง อุล ะมาอ์ สายซุนนีย์ เขากล่าวว่า “ทุกคนที่ไม่กล้ าทักท้ วงและต่อต้ านการ
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 7
ปฏิบตั ิของพวกวะฮาบีย์ที่ชวั่ ช้ าจาเป็ นต้ องได้ รับการตอบโต้ เหมือนกับที่ต้องทากับพวกวะฮาบีย์ที่ชวั่ ช้ าเอง
เช่นกัน”
เขายัง กล่ า วทิ ง้ ท้ ายว่ า “พวกวาฮะบี ย์ ผ้ ู ชั่ว ร้ ายนัน้ มัน ต่ อ ต้ า น อัล ลอฮฺ ต่ อ ต้ า นเราะสู ล และ
ต่อ ต้ า นอะมี รุล มุ อ์ มิ นี น และผู้น าแห่ ง บรรดาสตรี ทัง้ โลก และ ต่อ ต้ านผู้ม ะอฺ ศูม และรุ ก รานชาวมุส ลิ ม
(หมายถึงคนชีอะฮฺ) เพราะคนเหล่านันภั ้ กดีตอ่ อัลลอฮฺ อัลกุรอาน และ อะฮฺลลุ บัยตฺ”

รัฐมนตรี ชีอะฮฺหลอกลวงชาวมุสลิมและสร้ างเหตุการณ์ นองเลือดที่ไม่ เคยปรากฏ


กลางศตวรรษที่เจ็ดแห่งฮิจเราะห์ศกั ราช เคาะลีฟะฮฺอลั -มุอฺตะศิมแห่งราชวงศ์อบั บาสิยะฮฺได้ แต่งตัง้
ชาวชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺคนหนึง่ ให้ เป็ นรัฐมนตรี คือ อิบนุล-อัลเกาะมีย์ และแล้ วอิบนุล-อัลเกาะมีย์ซึ่งเป็ นชีอะฮฺ
รอฟิ เฎาะฮฺคนนี ้ก็ปฏิบตั ิหน้ าที่ทาการบัน่ ทอนราชวงศ์อบั บาสิยะฮฺโดยการโน้ มน้ าวให้ เคาะลีฟะฮฺ จดั การลด
จานวนทหาร หลังจากนันแอบเขี ้ ยนจดหมายลับยุยงพวกตาตาร์ ยกทัพมาบุกแบกแดด ทาให้ เกิดเหตุการณ์
สังหารหมู่กบั ชาวแบกแดดในปี 656 ฮ.ศ. ที่ไม่เคยเกิดขึ ้นก่อนหน้ านัน้ พวกตาตาร์ ได้ ฆ่าเคาะลีฟะฮฺ ผู้นา อุ
ละมาอ์ และเหล่าฮาฟิ ซเป็ นจานวนประมาณสองล้ านคน กระทั่งเลือดได้ หลั่งเจิงนองอาบถนนสายต่างๆ
เป็ นเวลานาน หลังจากนันได้ ้ เกิดโรคห่าระบาดไปทัว่ อันเนื่องมาจากซากศพคนตายที่กลาดเกลื่อนเต็มเมือง
เหตุการณ์นี ้เป็ นประวัตศิ าสตร์ ที่ถกู บันทึกในหนังสือ ประวัติศาสตร์ หลายเล่ม เช่น อัล-บิดายะฮฺ วัน-
นิ ฮ ายะฮฺ ของอิ บ นุ กะษี ร , อัล -กามิ ล ของ อิ บ นุล อะษี ร, หรื อ ตารี ฆ อิ บ นุ ค็อ ลดูน ของ อิ บ นุค็ อ ลดูน
ตลอดจน ตารี ฆ อัล-คุลาฟาอ์ ของอัส-สุยฏู ีย์ เป็ นต้ น

รัฐเศาะฟะวียะฮฺสมคบกับจักรวรรดิล่าเมืองขึน้ เพื่อต่ อต้ านชาวซุนนีย์


ในปี ที่ 907 ฮ.ศ. รัฐเศาะฟะวียะฮฺ ที่เป็ นชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ได้ ก่อร่ างสร้ างตัวขึ ้น ณ ดินแดนอิหร่ าน
ภายใต้ การนาของ ชาห์ อิสมาอีล บิน หัยดัร อัศ-เศาะฟะวีย์ เขาได้ ฆ่าชาวมุสลิมเป็ นจานวนเกือบหนึ่งล้ าน
คนเพียงเพราะคนเหล่านันไม่ ้ ศรัทธาในมัซฮับ ชีอะฮฺ เมื่อเขามาเยือนแบกแดด เขาได้ ทาการสาปแช่งเหล่า
เคาะลีฟะฮฺ อัร-รอชิดีน อย่างโจ่งแจ้ ง พร้ อมกับฆ่าคนที่ไม่ยึดมัน่ ในทางแนวชีอะฮฺ เขายังได้ ขุดหลุมฝั งศพ
ผู้นาชาวซุนนีย์หลายคน เช่น หลุมศพอิมาม อบู ฮะนีฟะห์ เราะฮิมะฮุลลอฮฺ นอกจากนัน้ อีกหนึ่งผลงานที่
สาคัญของชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺที่รัฐบาลเศาะฟะวีย์สร้ างขึ ้นก็คือ การที่ชาห์ อับบาส อัล-กะบีร อัศ-เศาะฟะวีย์
ได้ จดั เทศกาลเวียนวนรอบหลุมฝั งศพ เพื่อแบนมิให้ ผ้ คู นไปทาหัจญ์ ที่มกั กะฮฺ ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ยงั มีผลงาน
หายนะอันน่าตกใจในการต่อต้ านรัฐอุษมานียะฮฺในนามรัฐเศาะฟะวีย์ที่ปกครองอิหร่านในห้ วงนันอี ้ กด้ วย
มาดูกนั ว่าตลอดสมัยกาลของรัฐอุษมานียะฮฺนนั ้ ชีอะฮฺเขาสร้ างผลงานร้ ายกาจทิ ้งไว้ อย่างไรบ้ าง

หนึ่ง ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ทาข้ อตกลงกับพวกโปรตุเกสเพื่อต่ อต้ านรั ฐ อุษมานียะฮฺ ในยุคของ


ชาห์ อิสมาอีล อัศ-เศาะฟะวีย์
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 8
เราเริ่ มต้ นด้ วยการทาความรู้จกั กับตระกูลเศาะฟะวีย์วา่ มาจากเศาะฟี ยุดดีน อัล -อัรดุบยั ลีย์ (มีชีวิต
ระหว่ า งปี ฮ.ศ. 650-735 หรื อ ปี ค.ศ. 1252-1343) คนผู้ นี ค้ ื อ ต้ นตระกู ล ของชาห์ อิ ส มาอี ล ผู้ ก่ อ ตั ง้
รัฐเศาะฟะวีย์ โดยเชคเศาะฟี ยุดดีนสามารถก้ าวขึ ้นเป็ นผู้นาในสังคมอิหร่ านผ่านการอุ้มชูของประชาชนกลุ่ม
หนึ่ง ว่ากันว่าเศาะฟี ยุดดีนและลูกหลานของเขาสืบตระกูลจากท่านอลี บิน อบีฏอลิบ เขาใช้ วิธีตะกียะฮฺด้วย
การอาพรางว่าตัวเองเป็ นชาวซุนนีย์ที่ยึดถือมัซฮับชาฟิ อีย์
ครัน้ เมื่อโอกาสแห่งการประกาศตัวเป็ นชีอะฮฺได้ มาถึง อิสมาอีล อัศ-เศาะฟะวีย์ หลานคนหนึ่งของ
เขาก็ประกาศตัวเองเป็ นชีอะฮฺ หลังจากที่เขาได้ ยดั เยียดมัซฮับชีอะฮฺแก่ชาวอิหร่านที่สว่ นใหญ่เป็ นชาวซุนนีย์
พร้ อมๆ กับ ประกาศให้ มัซ ฮับ ชี อ ะฮฺ เป็ นมัซ ฮับ ทางการของอิ ห ร่ านด้ ว ยการบัง คับ ขู่เข็ ญ และรั ง ควาญ
ประชาชน และเท่านัน้ ยังไม่พอ เขายังทาการเคลื่อนย้ ายกิจกรรมชวนชวนสู่สิ่งชัว่ ช้ าไปยังเมืองต่างรอบๆ
เมืองหลวง เขาพิชิตดินแดนที่ไม่ใช่อาหรับได้ ทงหมด ั้ เขาฆ่าผู้แพ้ ที่เขาห ้าหัน่ ส่วนทรัพย์สมบัติที่ปล้ นสะดม
ได้ เขาจะท าการแบ่ง ปั น ให้ กับ ทหารผู้ติด ตามโดยที่ ตัวเองไม่เอาด้ วยแต่อ ย่างใด ทัง้ นี ้ อาณาเขตที่ เขา
สามารถครอบครอบนันได้ ้ แก่ ตับรี ซ อาเซอร์ ไบจัน แบกแดด อิรักไม่ใช่อาหรับ อิรักอาหรับ และคุรอซาน เขา
ได้ อ้างเป็ นพระเจ้ าและบังคับให้ เหล่าทหารต้ องก้ มกราบต่อเขา
กุฏบุดดีน อัล-หะนะฟี ย์ ได้ เขียนในหนังสือ อัล -อะอฺลาม ว่า “เขาฆ่าผู้คนมากกว่าหนึ่งล้ านคน โดย
ฆ่าอุละมาอ์คนสาคัญหลายคนอย่างชนิดที่ไม่ต้องการให้ มี อลุ ะมาอ์หลงเหลือในดินแดนที่ไม่ใช่อาหรับ เขา
ได้ เผาตาราต่างๆ ตลอดจนเผาอัล กุรอานของคนเหล่านัน้ ซึ่งนับว่าเป็ นผู้ที่จริ งจังมากๆ กับแนวทางของ
ชีอะฮฺ”
ชาห์ อิสมาอีล กลายเป็ นผู้นาแนวหน้ าของชีอะฮฺและเอาจริ งเอาจังกับงานเผยแพร่ ความคิดนี ้ งาน
เผยแพร่ของเขาได้ ขยายวงกว้ างจนประชิดชายแดนรัฐบริวารของรัฐ อุษมานียะฮฺ ทาให้ แนวคิดที่เขาเผยแพร่
เช่น การกล่าวหาบรรดาเศาะหาบะฮฺ ว่าเป็ นคนกาฟิ ร การสาปแช่งมุสลิมยุคแรก กล่าวหาว่าอัลกุรอานถูก
สับเปลี่ ยนแกไขดัดแปลง และหลักความเชื่ ออื่ นๆ ต้ องถูกตี กลับไม่ เป็ นที่ ยอมรับของประชาชนในพื น้ ที่
ดังกล่าวซึง่ เป็ นเขตซุนนีย์ สุลฏอน สะลีม ผู้นารัฐซุนนีย์ในขณะนันได้ ้ ลกุ ขึ ้นต่อต้ าน โดยประกาศในที่ประชุม
ต่อหน้ าผู้นาคนสาคัญ ของรัฐ บรรดาอัยการ นักการเมือง และเหล่า อุละมาอ์ ของประเทศในปี ค.ศ. 920-
1514 ว่า อิหร่านโดยรัฐบาลชีอะฮฺและมัซฮับชีอะฮฺเป็ นอันตรายอย่างมากต่อรัฐอิสลามอุษมานียะฮฺและต่อ
โลกมุสลิมทัง้ หมด และสาหรับเขาเห็นว่าการต่อสู้ญิ ฮาดเป็ นสิ่งจาเป็ นที่ต้องทาต่อรัฐ เศาะฟะวียะฮฺ นี ้ ซึ่ง
ความเห็นของท่านเห็นพ้ องกับด้ วยกับความคิดของบรรดาอุละมาอ์ซุนนีย์ในประเทศ
ชาห์ อิสมาอีลได้ ทาการฆ่าล้ างเผ่าพันธุ์ชาวซุนนีย์ในอิรักอย่างกว้ างขวาง เขาทาลายมัสยิดและ
หลุมฝั งศพของพวกเขา
ทัง้ นี ้ ในรัฐ เศาะฟะวียะฮฺ ที่ชาห์ อิสมาอีลเป็ นผู้ก่อตังนั
้ น้ ได้ มี การบังคับให้ ประชาชนยึดถื อมัซฮับ
ชีอะฮฺอิมามสิบสอง พร้ อมประกาศให้ เป็ นมัซฮับประจารัฐอย่างเป็ นทางการ เขาได้ ทารุณชาวซุนนีย์ เขาใช้
การสาปแช่งท่านเคาะลีฟะห์ทงสามท่ ั้ าน (หมายถึงอบูบกั รฺ อุมรั และอุษมาน) เป็ นเครื่ องวัดความภักดีของ
ประชาชน โดยผู้ใดที่ได้ ยินคาสาปแช่งจะต้ องตะโกนเพิ่มเติมว่า "บีช บาด กัม บาด" คานี ้เป็ นภาษาอาเซอร์
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน 9
ไบจัน หมายถึงว่าเขาได้ ยินคาสาปแช่งแล้ วและขอสาปแช่งต่อ ส่วนผู้ได้ ยินที่ไม่ยอมกล่าวคานี ้ จะถูกตัดคอ
ทันที โดยชาห์จะสัง่ ให้ ประจานการสาปแช่งตามท้ องถนน ตลาด และบนมิมบัรเพื่อขูค่ นที่คิดสู้วา่ จะต้ องโดน
ตัด คอ และแล้ วรั ฐ อุษ มานี ย ะฮฺ ก็ เผชิ ญ หน้ ากับ รัฐ เศาะฟะวี ย ะฮฺ โดยพวกอุษ มานี ย ะฮฺ มี ชัย เหนื อ ทหาร
เศาะฟะวีย์ในสมรภูมิ "ญาลดีรอน" พวกเขายกทัพเข้ าตีเมืองตับรี ซในคราบอัศวินผู้พิชิต และสุลต่านสะลีมที่
หนึง่ ก็สามารถกอบกู้อาณาบริเวณที่เคยตกเป็ นเมืองขึ ้นแก่พวกเศาะฟะวียะฮฺได้
ณ จุดนี ้เอง บทบาทไร้ จรรยาบรรณของพวกชีอะฮฺก็อบุ ตั ขิ ึ ้นภายหลังที่พวกเขาพ่ายแพ้ ตอ่ ชาวซุนนีย์
พวกเขาได้ ไปสมคิดกับพวกคริ ส เตียนเพื่ อต่อต้ านชาวมุสลิม โดยได้ ทาสนธิ สัญ ญากับพวกโปรตุเกสเพื่ อ
ต่อต้ านรัฐอุษมานียะฮฺซึ่งมีข้อตกลงว่า "โปรตุเกสจะต้ องส่งกองทัพเรื อเพื่อช่วยเหลือเปอร์ เซียในการต่อสู้กบั
บาห์เรนและเมืองเกาะฏีฟ พร้ อมกันนันโปรตุ ้ เกสยังจะต้ องส่งความช่วยเหลือแก่ชาห์อิสมาอีลเพื่อปราบกบฎ
ในเมืองมักรอนและบลูจิสถาน และให้ ทหารโปรตุเกสและเปอร์ เซียร่วมมือกันเพื่อต่อต้ านรัฐอุษมานียะฮฺ"
ความเชื่อมั่นของเหล่าศัตรู อิสลามที่มีต่อ ชีอะฮฺ นนมี
ั ้ มากถึงขนาดที่บรั กูกได้ ส่งหนังสือตอบรับแก่
ชาห์ อิสมาอีลว่า "ข้ าพเจ้ านับถื อท่านเป็ นอย่างสู งที่ท่านได้ ให้ เกี ยรติต่อชาวคริ สเตียนในประเทศของท่าน
และข้ าพเจ้ าพร้ อมที่จะส่งกองทัพเรื อ ทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อใช้ ในการถอนรากถอนโคนพวกเติ ร์ก
ในอินเดี ย และเมื่ อใดที่ ท่านต้ องการจะยกกองทัพ เพื่ อบดขยี ป้ ระเทศอาหรับ หรื อจู่โจมมักกะห์ ท่านจะ
ประจักษ์ ว่าข้ าพเจ้ าจะอยู่เคียงข้ างท่านในทะเลแดงหน้ าเมืองเจดดาห์ หรื อที่ เอเดน หรื อ บาห์ เรน หรื อ
เกาะฏีฟ หรื อ เมืองบาสร่ าห์ และท่านชาห์จกั พบว่าข้ าพเจ้ าจะอยู่ร่วมกับท่านตลอดแนวฝั่ งทะเลเปอร์ เซีย
และจักช่วยเหลือท่านในทุกสิ่งที่ประสงค์"
ในบัน ทึก ข้ อ ตกลงร่ ว มกัน ระหว่างโปรตุเกสกับ รั ฐ เศาะฟะวี ย ะฮฺ ไ ด้ มี ก ารตกลงในอัน ที่ จ ะแบ่ง
ตะวันออกกลางเป็ นเขตยึดครองของทังสองฝ่ ้ าย โดยเสนอให้ รัฐเศาะฟะวีย์ยึดครองอียิปต์ และให้ โปรตุเกส
ยึดครองปาเลสไตน์ ยิ่งกว่านัน้ ชาห์ยงั ไม่หยุดหย่อนที่จะควานหาพันธมิตรเพื่อต่อต้ านรัฐอุษมานียะห์ที่เป็ น
ก้ างขวางคอขวางไม่ให้ ตวั เองมีทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน เขาพร้ อมเสนอที่จะผูกมิตรกับใครๆ ก็ตาม
แม้ กบั ชาวโปรตุเกสที่เป็ นศัตรูร้ายของโลกอิสลามในตอนนัน้ ซึ่งเป็ นโอกาสดีของพวกโปรตุเกสที่กาลังหวาด
ผวากับกองกาลังอิสลามในน่านน ้าอาหรับพอดี เมื่อมีครู่ ่วมงานจึงรี บตอบรับทันที ด้ วยเหตุนี ้ จึง ไม่แปลกใจ
เลยว่าทาไมชาห์จงึ ยอมแลกเมืองฮอร์ มสู ให้ กบั พวกโปรตุเกสเพื่อให้ ได้ เมืองอัลอะห์สาอ์มาเป็ นเมืองของตน

สอง สนธิสัญญาระหว่ างชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺกับชาวคริสเตียนเพื่อต่ อต้ านรั ฐอุษมานียะฮฺ ใน


ยุค อับบาส อัศ-เศาะฟะวีย์
ชาห์ อับบาส อัศ-เศาะฟะวีย์ได้ เขย่ารัฐอุษมานียะฮฺและเริ่มปฏิบตั ิชิงดินแดนอิรักที่ไม่ใช่อาหรับ เขา
ได้ ยึดเมืองตับรี ซ วาน และอื่นๆ เขายังสามารถยึดครองแบกแดดได้ ชาห์ อับบาส อัศ -เศาะฟะวีย์ได้ ลงโทษ
ขันรุ
้ นแรงต่อประชาชนชาวซุนนีย์ที่ถือเป็ นศัตรูของรัฐ ซึ่งหากไม่ถูกฆ่า ก็ต้องถูกควักลูกตา ไม่มีผ้ ไู ด้ รับการ
ยกเว้ น เว้ นแต่เขาผู้นนจะออกห่
ั้ างจากมัซฮับ ซุนนีย์และประกาศเข้ ารับมัซฮับชีอะฮฺ ชาห์ อัศ+เศาะฟะวีย์ยงั
ได้ ปฏิบตั ิการคุกคามผู้นบั ถือซุนนีย์และต่อต้ านรัฐ อุษมานียะฮฺที่ค้ มุ ครองชาวซุนนีย์อย่างเข้ มงวดด้ วยการขอ
ความร่วมมือและทาสนธิสญ ั ญากับกษัตริย์คริสเตียนหลายองค์เพื่อโค่นและล้ มล้ างรัฐอุษมานียะฮฺ
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  10 

ชีอะฮฺ ทาลายมุสลิมในปากีสถาน
หนึ่ง ในหลายเรื่ อ งที่ ชี อ ะฮฺ ท าลายโลกอิ ส ลาม ก็ คื อ การมี ส่ว นร่ วมในการแบ่ง ดิน แดนมุส ลิ ม ใน
ปากีสถานตะวันออกให้ แก่พวกฮินดู กระทัง่ เกิดรัฐใหม่คือบังคลาเทศ เชคอิหสาน อิลาฮี ซอฮีร์ ได้ กล่าวว่า
“และนี่คือปากีสถานตะวันออก มันได้ ตกเป็ นเหยื่อที่ถกู ทาลายโดยน ้ามือของลูกหลานชีอะฮฺก็อสลิบาช ยะห์
ยา ข่าน ให้ ตกอยูใ่ นอุ้งมือฮินดู” (ดู อัต-ตารี ค อัล-อิสลามีย์ 19/157)

ชีอะฮฺ ฆ่ าชาวปาเลสไตน์ ในเลบานอน


ที่มาของขบวนการ "อามัล" ของชีอะฮฺที่เป็ นต้ นกาเนิดของขบวนการ "หิสบุลลอฮฺ" นันช่ ้ างโหดเหี ้ยม
นัก พวกเขาได้ ฆ่ า ล้ า งชาวปาเลสไตน์ ที่ เป็ นซุ น นี ย์ นับ ร้ อยคนในค่า ยลี ภ้ ัย ของชาวปาเลสไตน์ ในห้ ว ง
20/5/1985 -18/6/1985 เกิดการบีบคันต่ ้ างๆ นานาถึงขนาดทาให้ ชาวซุนนีย์ปาเลสไตน์ถึงกับต้ องกินแมว
และสุนัข พวกเขาได้ ป ฏิ บัติสิ่ ง ที่ ร้ายกว่าพวกยิ ว ท าให้ ช าวปาเลสไตน์ จ านวน 3,100 ต้ อ งเสี ยชี วิตและ
บาดเจ็บ พวกเขาฆ่าเชือดคออย่างโหดเหี ้ยม ดังที่จะกล่าวต่อไป

ชีอะฮฺ สนับสนุนคอมมิวนิสต์ และอเมริกันในการทาลายอัฟกานิสถาน


ความชัว่ อันสกปรกที่ซุกซ่อนอยูเ่ บื ้องหลังชีอะฮฺที่มีหวั โจกอิหร่านคอยเป็ นที่ปรึกษาใหญ่ปรากฏภาพ
ชัดเจน ในห้ วงสงครามรัสเซียและอเมริกาที่อฟั กานิสถาน ซึ่งประเทศอิหร่านไม่เคยลังเล และไม่เกรงกลัวต่อ
บทบัญญัติหรื อคาสอนทางศาสนาใดๆ ทังสิ ้ ้น ในการผันตัวเองเป็ นผู้สนับสนุ นทางการทหารและการขนส่ง
รวมทังเปิ
้ ดด่านตลอดพรมแดนให้ กองทัพรัสเซียและอเมริ กาเข้ าบุกโจมตีอฟั กานิสถาน หนาซ ้ายังได้ ส่งกาลัง
ทหารของตัวเองเข้ าร่วมรมเคียงบ่าเคียงไหล่กบั ศัตรู โดยเฉพาะทางเขตของกองกาลังร่วมชาติตะวันตก และ
ยังสนับสนุนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแก่กลุ่ม “ฮัซซาเราะฮฺ ” และพรรค อัล-วะห์ดะฮฺ ที่เป็ นชีอะฮฺ และพรรค
อื่นๆ ที่มงุ่ มาดเพื่อจะล้ มรัฐบาลตอลิบนั ที่เป็ นตัวแทนรัฐซุนนีย์เกิดใหม่แห่งนี ้

ชีอะฮฺ สนับสนุนให้ อเมริกายึดครองอิรัก


มีใครบ้ างที่ไม่ร้ ู เห็นบทบาทที่แท้ จริ งอันสกปรกของพวกชีอะฮฺในอิรักและพรรคพวกของพวกเขาจากอิหร่ าน
ในการร่ วมมือสนับสนุนกองทัพอเมริ กาให้ เข้ ามายึดประเทศ
พวกชีอะฮฺฝันมาอย่างยาวนานเป็ นร้ อยๆ ปี ที่จะเข้ ามามีอานาจในอิรักและขยายอิทธิพลในประเทศนี ้ เพื่อ
ทวงศักดิ์ศรี ของอาณาจักร “เศาะฟะวียะฮฺ ” และ “บุวยั ฮียะฮฺ ” กลับคืนมา ด้ วยความที่คนพวกนีไ้ ม่ได้ แยแสอะไร
ทังสิ
้ ้นกับข้ อกาหนดต่างๆ ทางศาสนา พวกเขาจึงลุกขึ ้นมาให้ ความร่ วมมือและวางแผนล่วงหน้ าไว้ ก่อนแล้ วกับพวก
อเมริ กนั ในการยึดครองอิรัก ด้ วยการประสานงานโดยตรงกับรัฐชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺในอิหร่ านที่อยู่เบื ้องหลังพรรคฝ่ าย
ค้ านหลายพรรคในอิรัก โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ ชื่อว่า “สภาสูงเพื่ อการปฏิ วตั ิอิสลาม” ที่ นาโดย มุหัมมัด บากิร อัล -
หะกีม ซึง่ ถูกตัดสินประหารชีวิตทันทีที่เขากลับเข้ ายังอิรัก
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  11 
สภาพความเป็ นอยู่ของชาวซุนนีย์ในประเทศอิหร่ าน
ชาวซุนนีย์ในอิหร่านนันมี ้ สภาพความเป็ นอยู่ที่แสนลาบาก ต้ องโดนบีบคันต่
้ างๆ นานา เช่น ต้ องใช้
ชีวิตเยี่ยงทาส โดยในเมืองเตหะรานที่มีชาวซุนนีย์ของประเทศเป็ นจานวนเจ็ดล้ านคนนัน้ ไม่มีมัสยิดของ
ซุนนีย์แม้ เพียงแห่งเดียว ในขณะที่มีโบสถ์ คริ สเตียนสิบสองแห่ง โบสถ์ยิวสี่แห่ง และไม่นับโบสถ์ ของพวก
บูชาไฟ แล้ วไหนล่ะผู้ที่ลกุ ลี ้ลุกลนจะช่วยเหลือพี่น้องและติดตามข่าวสารของพวกเขา ไหนล่ะนักเคลื่อนไหว
เพื่อการปรองดองระหว่างซุนนีย์ -ชีอะฮฺกบั สภาพความจริ งที่ข่มขื่นนี ้ เตหะราน เมืองหลวงอิหร่านที่มีมสุ ลิม
อยู่ประมาณหนึ่งล้ านคนนันไม่ ้ มีมสั ยิดของพวกเขาแม้ แต่มสั ยิดเดียว และบัดนี ้ อิหร่ านในฐานะผู้อุปภัมภ์
ชาวชีอะฮฺในประเทศลุ่มอ่าวเปอร์ เซียและที่อื่นๆ ได้ พยายามเรี ยกร้ องสิทธิและขอความยุติธรรมให้ พวกเขา
ในขณะที่ ช าวซุนนี ย์ในอิหร่ านเองกลับไม่มี ใครพูดถึง ทุกฝ่ ายต่างอ่อนแอถึงขนาดไม่มี สถานทูตอาหรับ
ประเทศใดสามารถที่จะสร้ างมัสยิดซุนนีย์ได้ ในเมืองเตหะรานได้ ไม่ว่าจะในยุคของอิมามโคไมนี หรื อ ใน
สมัยเก่าก่อน ทังๆ้ ที่ชาวชีอะฮฺในประเทศอ่าวเปอร์ เซียต่างๆ สามารถที่สร้ างมัสยิดอย่างหรูหราตระการตา
พวกเขาสร้ างสถานที่สวดหุสัยนียะห์เพื่อเป็ นที่ วางแผนร้ ายต่อชาวซุนนี ย์และเป็ นที่ สาปแช่งบรรดาเศาะ
หาบะฮฺของท่านเราะสูลลุ ลอฮ์ โดยไม่มีใครขัดขวางเลย (ดูหนังสือ อะห์วาลฺ อะฮฺลิซซุนนะฮฺ ฟี อิรอน)

ความร่ วมมือด้ านการเมืองและการทหาร ระหว่ าง ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ กับพวกยิว


ท่านชัยคุล อิสลาม ได้ กล่าวว่า “เช่นนี ้แหล่ะ เมื่อคนยิวสามารถก่อตังรั้ ฐที่อิรักและที่อื่นๆ ที่มกั จะมี
พวก ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ เป็ นผู้ช่วยคนสาคัญ คนเหล่านีจ้ ะให้ ความภักดีแก่พวกกาฟิ ร ไม่ว่าจะเป็ นพวกมุช
ริ กกี น พวกยิว พวกคริ สเตียน และจะให้ ความช่วยเหลือพวกเขาเสมอเพื่ อทาสงครามกับชาวมุสลิมและ
ต่อต้ านในรูปแบบต่างๆ” (มินฮาจญ์ อัส-สุนนะฮฺ อัน-นะบะวียะฮฺ 3/378)
ผู้คนต่างได้ เห็นสิ่งที่เป็ นการโต้ ตอบทางวาจาระหว่าง ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ กับ พวกยิว และได้ เห็นสิ่งที่
พวก ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ อ้ างเป็ นสโลแกนเพื่อปกป้องศาสนาสถานอันทรงเกียรติและชีวิตเลือดเนื ้อของพวก
เขา ตลอดจนได้ ยินสิ่งที่พวก ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ มักจะประกาศขู่พวกยิว จนมีบางคนที่เชื่อ ศรัทธา และยกนิ ้ว
ชื่นชอบให้ พวกชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ ซึ่งฉันเองก็ไม่ร้ ูเหมือนกันว่า หากพวกเขารู้ลึกถึงเสี ้ยวความจริ งแห่งความ
ผูกพันเป็ นมิตรระหว่าง ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺกบั ยิวที่เกิดขึ ้น และความผูกพันทางทหารที่เหนียวแน่นระหว่างสอง
กลุม่ นี ้ เขาจะคิดอย่างไร ความจริงนันมั ้ นไปไกลถึงระดับไหนแล้ ว
- บันทึกของชาวอเมริกนั คนหนึ่งที่จดั ขึ ้นโดยศูนย์วิจยั ของสภาคองเกรส อเมริกาและตีพิมพ์เผยแพร่
เมื่อปี 1981 ระบุวา่ อิสราเอลลักลอบนาอาวุธและชิ ้นส่วนอุปกรณ์สง่ ให้ แก่อิหร่าน
คายันยืนของศูนย์วิจยั เพื่อสันติภาพแห่งกรุ ง สตอกโฮล์ม ระบุว่า การเพิ่มการผลิตอาวุธซึ่ งคิดเป็ น
แปดสิบเปอร์ เซนต์ของสินค้ าส่งออกของอิสราเอล นัน้ ได้ แก่การส่งออกอาวุธและชิ ้นส่วนอาวุธให้ กบั ประเทศ
อิหร่าน (อ้ างจากหนังสือพิมพ์ลูบาน่าของฝรั่งเศส) ในขณะที่หนังสือพิมพ์ ออบเซิร์ฟเวอร์ แห่งกรุ งลอนดอน
ในปี 1980 ได้ ระบุว่า อิสราเอลได้ บรรทุกชิ ้นส่วนเครื่ องบิ นรุ่นเอฟ 14 และชิ ้นส่วนใบพัดและหัวจรวดบนเรื อ
ลาหนึง่ มุง่ สูป่ ระเทศอิหร่าน
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  12 
- รัฐมนตรี ต่างประเทศอิสราเอล เดวิด ลีฟี่ ได้ ยืนยันกับหนังสือพิมพ์ฮาร์ ติส ของยิวเมื่อปี 1997 ว่า
อิสราเอลไม่เคยพลังปากพู ้ ดออกมาแม้ วนั เดียวเลยว่าอิหร่านนันคื ้ อประเทศศัตรู
- ริ ชารด์ เทมลส์ สายลับคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ เขียนในหนังสือเรื่ อง มอสสาด ของเขาว่า มีเอกสาร
สาคัญประณามหน่วยข่าวกรองมอสสาดของอิสราเอลว่าประเทศนี ้ได้ จดั เตรี ยมเคมีภณ ั ฑ์จานวนหนึ่งให้ กบั
ประเทศอิหร่าน
- ปี 1982 สานักข่าวรอยเตอร์ ได้ ระบุว่า ตอนที่บุกเมืองนับฏียะห์นนั ้ กองกาลั งอิสราเอลไม่อนุญาต
ให้ กลุม่ ใดคงอยูป่ ระจาที่พร้ อมอาวุธครบมือยกเว้ นแก่กองกาลังของพรรค อามัล ที่เป็ นชีอะฮฺ
- หัยดัร อัด-ดาเยค แกนนาคนสาคัญของพรรคชีอะฮฺอามัลคนหนึ่งกล่าวกับนิตยสารอัล-อุสบูอฺ อัล-
อะรอบีย์ ในปี 1983 ว่า เราได้ ทาทียกอาวุธเพื่อต่อกรกับอิสราเอล แต่อิ สราเอลได้ อ้าแขนกว้ างและยื่นความ
ช่วยเหลือแก่เรา เราช่วยเหลืออิสราเอลในการถอนรากถอนโคนพวกก่อการร้ ายปาเลสไตน์ที่ภาคใต้
- ตารวจสายลับนายหนึ่งของอิสราเอลได้ เปิ ดเผยกับหนังสือพิมพ์มะอาริ ฟของยิว เมื่อปี 1997 ว่า
(แท้ จริ งแล้ ว ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับประชาชนชาวชีอะฮฺเลบานอนนัน้ ไม่จาเป็ นต้ องกาหนดเขต
ปลอดอาวุธ ด้ วยเหตุนี ้เอง รัฐอิสราเอลจึงได้ รับการอารักขาจากกองกาลังของชีอะฮฺ ตลอดจนได้ สร้ างความ
เข้ าใจในอันที่จะร่วมมือเพื่อลบล้ างชาวปาเลสไตน์ที่เป็ นผู้สนับสนุนอย่างลับๆ ให้ กบั ขบวนการฮามาสและจี
ฮาด
- หนังสือพิมพ์ อัส-สิยาสียะฮฺ ฉบับตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24/4/2006 ได้ ระบุว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ ว วิศวกร
จานวนสามสิบคนได้ กลับเข้ าสู่ประเทศอิสราเอลแล้ วหลังที่พวกเขาได้ ใช้ เวลายี่สิบวันเพื่อสร้ างอาคารชันใต้ ้
ดินใกล้ กับปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในเมืองบุชฮัรของอิหร่านที่ได้ รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อคราวก่อน และ
หนัง สื อ พิ ม พ์ ย าดี อูต อะห์ ร อนูต ได้ อ้ า งค าให้ ก ารของวิ ศ วกรคนหนึ่ ง ว่า เรารู้ สึ ก แปลกใจมากกับ การ
กระทบกระทั่งทางคารมระหว่างอิสราเอลกับอิหร่ าน เมื่อเทียบกับ ความลึกลา้ ของการร่วมมือทางการค้ า
ระหว่างสองประเทศ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้ รับการต้ อนรับอย่างอบอุ่น และเราไม่เคยรู้สกึ ว่ามีบาดหมาง
ระหว่างกันจากมิตรของเราแม้ เพียงนาทีเดียว ทังนี ้ ้ อิหร่านได้ รักษาสัตยาบันที่ให้ ไว้ แก่อิสราเอลท่ามกลาง
สงครามอาหรับ-อิสราเอลด้ วยการจัดเตรี ยมน ้ามันให้ แก่อิสราเอลในช่วงสงครามน ้ามันที่อาหรับบอยคอต
อิส ราเอลในห้ วงปี 1970 ที่ ผ่านมา และให้ ชาวยิวในอิหร่ านหนึ่งแสนนายมี ส่วนร่ วมในการคุ้ม กันความ
ปลอดภัยของการขนส่งสินค้ าระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล
- นักข่าวอังกฤษซีมอน ติสดาล ได้ เขียนในหนังสือพิมพ์ การ์ เดียน ฉบับเผยแพร่เมื่อ 30/6/2006 ใน
หัวข้ อ สิ่งที่เกิดขึ ้น มันเปิ ดโปงแก่นแท้ ของอิหร่านต่อปั ญหาอิรัก เขาเขียนว่า แท้ จริ ง บรรดาเหล่าผู้นาของ
อิหร่านนัน้ แม้ ดจู ะขัดแข้ งกับสานักงานบุช แต่พวกเขาก็อยากให้ อเมริ กาชนะ เพราะอเมริ กาช่วยปลดปล่อย
พวกจากอานาจของซัดดัม
ฉันขอถามหน่อยสิว่า หากชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺกบั ยิวมีความร่วมมือกันสูงถึงระดับนี ้แล้ ว เราพอจะหวัง
ได้ ไหมว่า พวกชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺจะช่วยเหลือพวกซุนนีย์
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  13 
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตยั มียะฮฺ ได้ กล่าวว่า “และแล้ ว พวกเขาก็ร่วมมือกับพวก ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ เพื่อ
ทาสงครามกับชาวมุสลิม ดังที่เป็ นประจักษ์แก่ผ้ คู นมาแล้ ว ในตอนที่ ฮลู าโก ราชาของกาฟิ ร ได้ เข้ ามารุกราน
รัฐเติร์กที่เมืองชามเมื่อปี 658 พวกเขาคือคนสาคัญที่ให้ ความช่วยเหลือเพื่อปูฐานอานาจและปฏิบตั ิตาม
คาสัง่ ของฮูลาโก เพื่อกาจัดกษัตริ ย์ของชาวมุสลิมให้ สาบสูญ ไป และทุกๆ คนต่างก็ร้ ูกันทัว่ เกี่ยวกับเรื่ องที่
เกิ ดขึน้ ที่ อิรักเมื่ อ ฮูล าโกเข้ าบดขยี อ้ ิรัก และฆ่าเคาะลี ฟ ะฮฺ และเข่ นฆ่าประชาชน โดยอิบนุล -อัลเกาะมี ย์
รัฐมนตรี ที่เป็ นชาวชีอะฮฺ และพรรคพวกเป็ นกลุ่มที่ให้ การสนับสนุนด้ านต่างๆ และกับเจงกิสข่านพวกนี ก้ ็
ปฏิ บัติเช่นนี เ้ ช่นเดียวกัน ” กระทั่งท่านเชคได้ เขียนว่า “สิ่งนี เ้ ป็ นสิ่งที่ ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็ นการให้ ค วาม
ช่วยเหลือแก่พวกกาฟิ รในการปราบปรามชาวมุสลิม การจงใจคัดสรรให้ พวกนันมี ้ ชยั เหนืออิสลามและคน
มุสลิม” (มินฮาจญ์ อัส-สุนนะฮฺ อัน-นะบะวียะฮฺ 3/378)
สิ่งนี ้และตัวอย่างอื่นๆ ต่างก็เป็ นประจักษ์ สาหรับคนที่พบเห็นและเป็ นที่เลื่องลือสาหรับคนที่ไม่เคย
ประสบ และหากฉันจะบอกสิ่งที่ฉนั พบเห็นเรื่ องแบบนี ้ แน่นอนคงยืดยาวหลายหน้ ากระดาษเลยทีเดียว
ฉันขอบอกว่า นี่คือประวัติศาสตร์ ที่พวกชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺเคยก่อขึ ้น มันกาลังทวนตัวมันเอง ทังการ ้
ให้ การภักดี หรื อ การช่วยเหลือพวกยิวและคริ สเตียนในอิรักเพื่อลบล้ างชาวซุนนีย์และก่อตังรั ้ ฐ ชีอะฮฺรอฟิ
เฎาะฮฺที่เป็ นสมุนบริ วารพวกยิวและคริ สเตียนบนแผ่นดิน แห่งยูเฟรติส (ลาเฮาลา วะลากุววะตา อิลลาบิล
ลาฮฺ) ขออัลลอฮฺทรงประทานความเมตตาแด่อิบนุตยั มียะฮฺที่ ได้ กล่าวว่า “และพวก ชีอะฮฺรอฟิ เฎาะฮฺ นัน้ ไม่
มีงานอันใดที่พวกเขาทา ยกเว้ นงานทาลาย ชอนไช และรื อ้ ถอนโครงสร้ างอิสลาม” (มุคตะศ็อรฺ มินฮาจญ์
อัส-สุนนะฮฺ 2/781)

คาให้ การที่น่ากลัวจากหาริส อัล-ฎอรีย์


หาริ ส อัลฎอรี ย์ ผู้นาอุละมาอ์ อิรักได้ ให้ การที่น่าสะพรึงกลัวว่า แท้ จริ งแล้ ว จานวนชาวซุนนีย์ที่ล้ม
ตายด้ วยน ้ามือของกองกาลัง บะดัร-เฆาะดัร-วะฟั รกุลเมาตฺ นันมี ้ มากกว่าหนึง่ แสนคน
...สาหรับมัสยิดนัน้ มันได้ ถกู ทาลายหลายสิบหลัง และตามประกาศของสภาอุละมาอ์แห่งอิรักระบุ
ว่า ภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน มัสยิดจานวน 180 หลังถูกทาลายหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดโดม
ทองคา

ชีอะฮฺทากับชาวปาเลสไตน์ ในเลบานอนและอิรักอย่ างไรบ้ าง?


เมื่อยี่สิบปี เศษๆ ก่อนหน้ านี ้ (2/6/1985) กลิ่นศพได้ คุกรุ่ นลอยโชยแผ่ทั่วฟ้า ไม่ไกลจากนันนั
้ ก นัก
ฆ่าจากขบวนการชีอะฮฺ "อะมัล" ต่างตะโกนด้ วยความดีอกดีใจตามถนนสายต่างๆ ในเบรุตใต้ ว่า "ลาอิลาฮะ
อิล ลัล ลอฮฺ อาหรั บ คื อ ศัต รู ของอัล ลอฮฺ " พวกเขาได้ จัด งานฉลองฉลองการสัง หารหมู่ในค่ายศ็ อ บรอที่
ปาเลสไตน์ (ตามที่หนังสือพิมพ์ อัล-วะฏ็อน สัญชาติคเู วต ได้ รายงานข่าวในวันถัดมา)
พร้ อมๆ กับกลิ่นคาวของซากศพ ความหวาดผวายังคงคลุมท้ องฟ้าเหนือค่ายลี ้ภัย "ยิวยังดีกว่าพวก
มัน" หญิงชาวปาเลสไตน์คนหนึง่ เอ่ยขึ ้นพร้ อมๆ กับก้ มหน้ าควานหาศพญาติผ้ ตู กเป็ นชะฮีด
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  14 
"กองกาลังอินกอซปาเลสไตน์ได้ ประกาศคาแถลงการณ์เมื่อท้ ายเดือนพฤษภาคม ในปี นัน้ เรี ยกร้ อง
ให้ ทุกฝ่ ายช่วยยับยังชี้ อะฮฺให้ หยุดการสังหารหมู่ต่อผู้ลี ้ภัยในค่ายศ็อบรอ ปาเลสไตน์ พร้ อมทังแสดงความ

อาลัยแด่ผ้ ลู ี ้ภัย...
"บ้ านเรื อนโดนทุบทาลาย มัสยิดโดนงัดแงะ ถังเก็บน ้าโดนระเบิด ไฟฟ้าและประปาโดนตัดขาด ของ
บริ โภคขาดตลาด ผู้ป่วยขาดหมอและหยูกยา ผู้เสียชีวิตเต็มเกลื่อนท้ องถนนเพราะการล้ อมของขบวนการ
อะมัลชาวชีอะฮฺ"
หนัง สื อพิ ม พ์ เยรู ซ าเล็ ม โพสต์ ได้ เขี ยนไว้ ในวัน ที่ 23/5/1985 ว่า “ไม่ควรจะละเลยผลประโยชน์
ร่ วมกัน ระหว่างขบวนการ อะมัล กับ อิสราเอล ที่ วางอยู่บนฐานแห่งความปรารถนาร่ วมกันในการดูแล
ภูมิภาคตอนใต้ ของเลบานอน ให้ เป็ นเขตปลอดภัยจากการโจมตีใดๆ ที่ม่งุ เป้ามายังอิสราเอล” (อับดุลลอฮฺ
อัล-เฆาะรี บ ในหนังสือ อะมัลและค่ายผู้อพยพปาเลสไตน์)
นักธุรกิจเชือ้ สายปาเลสไตน์ อับดุลกะรี ม ดัรวีช ได้ กล่ าวว่า “ไม่มีฝ่ายที่น่าสงสัยใดๆ สามารถจะ
ทาลายความสัมพันธ์ระหว่างชาวปาเลสไตน์และอิรักเหมือนที่พวกกองกาลังชีอะฮฺ “บะดัรฺ” ทาได้ เพราะชาว
อิรัก ได้ ช่วยกัน ดูแ ลพี่ น้ องปาเลสไตน์ ม าตัง้ แต่ช่วงแรกๆ ที่ เกิ ดวิก ฤต และแล้ วกองกาลัง บะดัรฺ ก็ ได้ ก่ อ
อาชญากรรมต่อ ผู้อพยพปาเลสไตน์ โดยมี มื อที่ ส ามคอยยุแหย่อ ยู่เบื อ้ งหลัง ” (ดุน ยา อัล -วะฏ็ อน วัน ที่
28/2/2006)
นี่เป็ นหลักฐานชี ้ว่า บะดัรฺ มีส่วนร่วมในอาชญากรรมครัง้ นี ้ หลังจากนันแค่ ้ เดือนเดียว ในแค้ มป์บะ
ละดียาต ซึ่งเป็ นแค้ มป์อพยพชาวปาเลสไตน์ที่ใหญ่ ที่สุดในอิรัก มีผ้ ูอพยพอยู่ประมาณหนึ่งหมื่นคน ก็ มี
เสียงพูดกันอื ้ออึงว่า มีกลุ่มจากกองกาลังกระทรวงกิจการภายในของอิรักบุ กเข้ ามาข่มขู่ในแค้ มป์ ในขณะที่
ผู้แทนกงสุลปาเลสไตน์ในอิรักได้ ย ้าว่ามีชาวปาเลสไตน์ 60 คน ถูกฆ่าตาย ด้ วยข้ ออ้ างว่าพวกเขาเป็ นกลุ่มที่
สนับสนุนซัดดัม
นอกจากนี ย้ ัง มี ใบปลิ วจากฝ่ ายที่ ไม่ท ราบตัว ตน ขู่ให้ ช าวปาเลสไตน์ อ อกไปจากแค้ ม ป์ โดยมี
ข้ อความว่า "ถึงไอ้ พวกทรยศชาวปาเลสไตน์ วะฮาบีย์ ตักฟี รี ย์ นะวาศิบ ซัดดามีย์ บะอฺษีย์ ทุกคนที่อาศัยอยู่
ในเขตชุอูน เมืองอัล-หุรรี ยะฮฺ ให้ ทุกคนออกไปจากเขตนี ้ภายในสิบวัน มิเช่นนัน้ เราจะจัดการพวกแกให้ สิ ้น
ซาก” ข้ อความลงชื่อ สะรอยา เยาม์ อัล -หิสาบ (อ้ างจากหนังสือพิมพ์ อัช-ชัรกฺ อัล-เอาสัฏ วันที่ 27/3/2006)
ความหวาดกลัวได้ กระจายไปทัว่ ผลก็คือ 16 ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ตดั สินใจหนีไปยังจอร์ แดน และอีก
300 ครอบครั วต้ องนั่ง พื น้ อยู่ห น้ าแค้ ม ป์ อพยพ ยอมแพ้ ให้ กับ ค าสั่ง ของกลุ่ม ชาติ นิ ย มชี อ ะฮฺ อ ย่า งกอง
กาลังบะดัรฺและอื่นๆ (อ้ างจากเว็บไซต์อลั -บัยยินะฮฺ)

แปลและเรี ยบเรี ยงจาก


http://alburhan.com/main/articles.aspx?article_no=2714

.‫ وىلع آهل وصحبه أمجعني‬،‫ وصىل اهلل وسلم ىلع نبينا حممد‬،‫واحلمد هلل رب العاملني‬
ภัยของลัทธิชีอะฮฺทงั ้ ในอดีตและปั จจุบัน  15 

You might also like