Professional Documents
Culture Documents
TH Alahkam Almulimmah
TH Alahkam Almulimmah
อธิบายหนังสือ
บทเรี ยนต่ างๆ ที่สาคัญสาหรั บคนทั่วไป
األحاكم امللمة ىلع ادلروس املهمة لعامة األمة
์ผู้แปล: ทีมงานภาษาไทยเว็บอิสลามเฮ้ าส
ผู้ตรวจ: ซุฟอัม อุษมาน
ترمجة :فريق اللغة اتلايالندية بموقع دار اإلسالم
مراجعة :صايف عثمان
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 1
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
คานาผู้เขียน
การสรรเสริ ญทังมวลเป็
้ นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ เราใคร่ขอสรรเสริ ญ ขอความช่วยเหลือ และขออภัย
โทษต่อพระองค์ และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้ รอดพ้ นจากความเลวร้ ายของตัวเราเองและจาก
พฤติก รรมที่ ไม่ดี ของเรา ผู้ใดที่ พ ระองค์ท รงชี น้ าทางเขา จะไม่มี ใครทาให้ เขาหลงทางไปได้ ส่วนผู้ใดที่
พระองค์ทรงให้ เขาหลง ก็จะไม่มีผ้ ใู ดให้ ทางนาแก่เขาได้
ฉันขอปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้ าอื่นใดที่ ค่คู วรได้ รับการเคารพภักดีอย่างเที่ยงแท้ นอกจากอัลลอฮฺ
แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีภาคีใดๆ ร่ วมกับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณตนว่ามุหัมมัดเป็ นบ่าวของอัลลอฮฺและ
เป็ นศาสนทูตของพระองค์
ُ َوت ذن إ ذل َوأ َ َ
َ
]٢٠١ : ﴾ [آل عمران١٠٢ نتم ُّم ۡسل ُِمون
ُ َُ ََ َُ
ٱّلل َح ذق تقاتِهِۦ ول تم َ يأ ُّي َها ذٱَّل
َ ِين َء َام ُنوا ذٱت ُقوا ذ َٰٓ ﴿
ِ
ความว่า “โอ้ บ รรดาผู้ศรั ทธาทัง้ หลาย จงย าเกรงต่อ อัลลอฮฺ อย่างแท้ จ ริ ง เถิ ด และพวกเจ้ าอย่าเพิ่ งตาย
นอกจากในฐานะที่พวกเจ้ าเป็ นมุสลิมผู้นอบน้ อมเท่านัน”
้ (อาล อิมรอน :102)
ُ َ ُ ُ ۡ ُ َ ۡ ۡ َ َ ۡ ُ َ َٰ َ ۡ َ ۡ ُ َ ۡ ۡ ُ َ َ
ُ َ ٱّلل َو َر ُس
وَلۥ َ ك ۡم َو َمن يُطِعِ ذ ٗ ٗ َ ُ ُ َذ
يصل ِح لكم أ عملكم ويغفِر لكم ذنوب٧٠ ٱّلل َوقولوا ق ۡو ل َسدِيدا
ُذ َ يأ ُّي َها ذٱَّل
ِين َء َام ُنوا ٱتقوا َٰٓ ﴿
]٠٢-٠٠ : ﴾ [األحزاب٧١ ِيما ً از فَ ۡو ًزا َعظَ ََف َق ۡد ف
ครัง้ หนึ่ง เมื่อฉันได้ อ่านหนังสือ “อัด-ดุรูส อัล-มุฮิมมะฮฺ ลิ อามมะฮฺ อัล -อุมมะฮฺ” (แปลเป็ นไทยว่า
บทเรี ยนสาคัญสาหรับบุคคลทัว่ ไป) ของท่านเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ – ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่านด้ วยเถิด
– ทัน ใดนัน้ ได้ เกิ ด ประกายความคิด ขึน้ มาว่า ฉั น น่ าจะขยายความหนัง สื อ เล่ม นี ้ อัน เนื่ องจากเล็ งเห็ น ว่า
เนื ้อหาสาระมีความสาคัญต่อมุสลิมทุกคนเป็ นอย่างยิ่ง เสมือนกับว่าเป็ นสารที่จะส่งไปยังทุกคน ทุกเพศ ทุก
วัย ทังผู
้ ้ ร้ ูและผู้เรี ยน ฉันจึง ได้ วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ ทรงชี ้นาฉันในสิ่งที่ดีกว่า และฉันได้ ปรึกษากับเหล่าผู้ร้ ู
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 2
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ซึง่ ทุกคนล้ วนสนับสนุน ฉันจึงตังมั ้ น่ ที่จะดาเนินโครงการนี ้ให้ ลลุ ว่ งไปด้ วยดี จึงได้ ขออนุญาตจากท่านเชคอับ
ดุลอะซีซที่จะขยายความหนังสือเล่มนี ้ ซึง่ ท่านก็อนุญาตให้ จึงขอขอบคุณไว้ เป็ นอย่างสูง
แม้ ว่าหนังสือเล่มนี จ้ ะดูเหมือนว่าเล็กน้ อย แต่เนือ้ หาสาระที่บรรจุไว้ นนั ้ ได้ ครอบคลุม รวบรวมถึง
หลักการยึดมั่น และหลักปฏิ บัติ ทัง้ ยังได้ กล่าวถึงหลักคุณ ธรรม และจริ ยธรรมที่ มุสลิม ควรถื อปฏิ บัติใน
ชีวิตประจาวัน และช่วงท้ ายเล่มจะเตือนให้ ระวังถึงพิษภัยของการตังภาคี ้ และพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็ นการฝ่ า
ฝื น จึงถือได้ ว่าเป็ นสารที่มีเนื ้อหาสาระเหมาะสมอย่างยิ่ง ตรงกับชื่อของมันที่ว่าเป็ นบทเรี ยนสาคัญสาหรับ
คนทัว่ ไป
รูปแบบการอธิบายขยายความที่ฉันเลือกถือปฏิบตั ิ คือจะไม่อธิบายจนยาวเหยียดถึงกับเบื่อหน่าย
และมิได้ สนั ้ จนจับใจความไม่ได้ ฉันจึงหวังเป็ นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนีจ้ ะเกิดประโยชน์แก่บรรดาอิมาม
ประจ ามัส ยิ ด ที่ จ ะน าไปอ่านให้ ม ะอ์ มูม ฟั ง หลัง ละหมาด หรื อ หัวหน้ า ครอบครั วที่ จ ะอ่านให้ ส มาชิ ก ใน
ครอบครัวฟั ง หรื อนักเรี ยนนักศึกษาก็สามารถนาไปสอนที่หมู่บ้านของตนเอง ซึ่งฉันเองได้ ตระหนักที่จะนา
หลักฐานมาประกอบแต่ละหัวข้ อเท่าที่สามารถหามาได้ และฉันได้ ตงชื ั ้ ่อหนังสือเล่มนี ้ว่า
»«األحاكم امللمة ىلع ادلروس املهمة
และท่านเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ เองได้ ตรวจทานและเสริ มองค์ความรู้ในส่วนที่ควรเสริ ม ซึง่ ฉันได้
ขีดเส้ นใต้ คาที่ทา่ นเสริมไว้ เป็ นเครื่ องหมาย
สุดท้ ายนี ้ หากท่านผู้อ่านท่านใดพบข้ อผิดพลาด และความบกพร่องประการใด กรุณาให้ คาแนะนา
และท้ วงติงได้ เพราะคนเราจะมีคา่ น้ อยด้ วยตัวคนเดียว แต่จะมีคา่ มากด้ วยพวกพ้ องของเขา
ขอวิงวอนด้ วยพระนามอันวิจิตรของอัลลอฮฺ และด้ วยคุณ ลักษณะอันสูงส่งของพระองค์โปรดให้
หนังสือเล่มนี ้มีคณ ุ ประโยชน์มหาศาล และทรงให้ การงานของฉันมีความบริ สทุ ธิ์ตอ่ พระองค์ และขอพระองค์
ทรงให้ ภาคผลที่ดีแด่ผ้ เู ขียนและผู้อธิบายหนังสือเล่มนี ้ และขอพระองค์ทรงให้ เราและท่านได้ เข้ าสวรรค์ชนั ้
ฟิ รดาวส์พร้ อมกับบรรดาศาสนทูต บรรดาผู้สจั จริง และบรรดาผู้พลีชีพในหนทางของพระองค์ด้วยเถิด
.وصىل اهلل وسلم ىلع نبينا حممد وىلع آهل وصحبه أمجعني
ประการที่ 1 สถานะของคาปฏิญาณตน
คาปฏิญาณตนทังสองประโยค
้ เป็ นรุ ก่นอิสลามข้ อที่หนึ่ง ท่านอิบนุ อุมรั ฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุมา เล่า
ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
َ َ َ َ َ َ ُ َُ َ َ َُ َ ََ َ َ َ َ َ َ َ َ
َو َحج َبيت، َو َصوم َر َم َضان،الزَكة َوإيتَاء، الصالة َوإقام،اّلل َوأن حم َم ًدا َر ُسول اهلل شهادة أن ل إهل إل، ن اإلسال ُم َىلع َخس َ ُ«ب
ً َ َ
»اهلل ال َ َرام ل َمن استَ َطاع إله َسبيال
ความว่า “อิสลามนันวางอยู
้ ่บนหลักการพื ้นฐานห้ าประการ นัน่ คือ การปฏิญานตนว่า ไม่มีพระเจ้ าอื่นใดที่
ควรแก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ และมุหมั มัดนันคื ้ อศาสนทูตของอัลลอฮฺ การดารงไว้ ซึ่งการละหมาด
การจ่ายซะกาต การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน และการประกอบพิธีหัจญ์ ณ บัยตุลลอฮฺ สาหรับผู้ที่มี
ปั จจัยสามารถเดินทางไปได้ ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ 8 และมุสลิม 16)
ดังนัน้ คาปฏิ ญ าณตนจึง เป็ นรากฐานของศาสนา เป็ นป้อมปราการที่ มั่นคง และเป็ นสิ่งจ าเป็ น
ประการแรกของบุค คลคนหนึ่ ง ซึ่ง การกระท าทุก อย่า งจะได้ รับ ภาคผลก็ ต่อ เมื่ อ บุค คลนัน้ ได้ ก ล่าวค า
ปฏิญาณตนและน้ อมปฏิบตั ติ ามเนื ้อหาสาระของคาคานี ้
ประการที่ 2 ความหมายของคาปฏิญาณตน
หมายถึ ง ไม่มี พ ระเจ้ าอื่ น ใดที่ คู่ควรแก่การเคารพภักดีอย่างเที่ ยงแท้ นอกจากอัล ลอฮฺ เราจะให้
ความหมายเป็ นอย่างอื่นไม่ได้ เลย เช่น จะให้ ความหมายว่า “ไม่ มีผ้ ูสร้ างใดนอกจากอัลลอฮฺ” หรื อ “ไม่ มี
พระเจ้ า” หรื อ “ไม่ มีผ้ ู ให้ ปัจจัยนอกจากอัลลอฮฺ” ด้ วยเหตุผลหลายประการ ส่วนหนึ่งก็คือ เนื่องจากว่า
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 5
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
บรรดาผู้ป ฏิ เสธชาวกุเรชมิ ได้ ป ฏิ เสธเลยว่าอัล ลอฮฺ เป็ นผู้ส ร้ างสรรพสิ่ ง ต่า งๆ แต่ค วามเชื่ อ นี ห้ าได้ เกิ ด
ประโยชน์แก่พวกเขาแต่อย่างใด พวกเขาเข้ าใจความหมายของคานี ้อย่างลึกซึ ้ง พวกเขาจึงไม่ยอมที่จะกล่าว
คานี ้เมื่อท่านเราะสูลเรี ยกร้ องพวกเขาให้ กล่าวว่า “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ - ไม่ มีพระเจ้ าอื่ นใดที่ค่ ูควร
ได้ รับการเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ”
เรารู้สึกฉงนยิ่งนักที่ในปั จจุบนั นี ้ผู้คนกล่าวคาปฏิญาณตนว่า “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ - ไม่ มีพระ
เจ้ า อื่ น ใดที่ ค่ ู ควรแก่ ก ารเคารพภั ก ดี อ ย่ า งเที่ ย งแท้ น อกจากอั ล ลอฮฺ ” โดยที่ พ วกเขามิ ไ ด้ เข้ า ใจ
ความหมายอย่างแท้ จริ ง พวกเขาจึงวิงวอนขอต่อพระเจ้ าอื่นๆ ร่วมกับอัลลอฮฺ ไม่ว่าจากผู้ที่ถกู ฝั งในหลุมศพ
หรื อผู้วิเศษ เป็ นต้ น แล้ วอ้ างตนว่าพวกเขาให้ เอกภาพต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺลมุสตะอาน
และพระองค์ได้ ตรัสอีกว่า
َ َ ُ َۡ َ َ َ ذ
]٦٨ : ﴾ [الزخرف٨٦ ٱۡل ِق َوه ۡم َي ۡعل ُمونِ ﴿ إِل من ش ِهد ب
ความว่า “เว้ นแต่ผ้ ยู ืนยันเป็ นพยานด้ วยความจริงและพวกเขารู้ดี” (อัซ-ซุครุฟ:86 )
และพระองค์ได้ ตรัสอีกว่า
ۡ ۡ َ َ َۡ ۡ ََ
َٰ َ ك بِٱل ُع ۡر َوة ِ ٱل ُو ۡث ُۡ ُ َ ذ ۡ ُ َ ﴿
]١١ :قى ﴾ [لقمان ِ ۞و َمن ي ۡسل ِۡم َوج َه ُه ٓۥ إِل ٱّللِ َوه َو ُم
سن فق ِد ٱستمس
ความว่า “และผู้ใดยอมจานนใบหน้ า(มอบตัว)ของเขาแด่อลั ลอฮฺ โดยที่เขาเป็ นผู้กระทาดี แน่นอนเขาได้ ยึด
มัน่ แนวทางที่ถกู ต้ องแล้ ว” (ลุกมาน : 22)
1. การศรัทธาต่ ออัลลอฮฺ
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 10
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
หมายถึงต้ องมีศรัทธาต่ออัลลอฮฺในหลักพื ้นฐาน 4 ประการ
3. ตัวบทหลักฐานที่แสดงถึงการมีของอัลลอฮฺ
นัน่ คือ เนื่องจากว่าบรรดาคัมภีร์ทกุ เล่มที่ถกู ประทานลงมาจากฟากฟ้ าต่างยืนยัน และบอกกล่าวถึง
การมีของอัลลอฮฺ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคัมภี ร์ที่ประเสริ ฐสุด คือคัมภี ร์อลั กุรอาน ซึ่งได้ ยืนยันไว้ ชดั เจน และ
บรรดาศาสนทูตทังหลายต่
้ างชี ้นาและอธิบายถึงเรื่ องนี ้อย่างถ้ วนหน้ า โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนบีมหุ มั มัดศา
สนทูตท่านสุดท้ าย
และพระองค์ได้ ตรัสอีกว่า
َ ُ َۡ َ
ۡ ون مِن ق ُ َ ُ ۡ َ َ َ َٰ ُ ُ ذ ُ َ ُّ ُ ۡ َ ُ ۡ ُ ۡ ُ َ ذ
]٢٣ : ﴾ [فاطر١٣ ري
ر م
ِ ِط ِك ل م ي ام ِۦ هِ ن و د ِن
م ون ﴿ذل ِكم ٱّلل ربكم َل ٱلملك وٱَّلِين تدع
ความว่า “นั่นคืออัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของพวกเจ้ า อานาจการปกครองทังมวลเป็ ้ นสิทธิ์ ของพระองค์ และ
พระเจ้ าอื่นๆ ที่พ วกเจ้ าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นัน้ มิได้ ครอบครองสิ่งใด แม้ แต่เพี ยงเยื่อบางหุ้มเมล็ด
อินทผลัม” (ฟาฏิรฺ : 13)
และอัลลอฮฺได้ ตรัสอีกว่า
ُ ۡ َ َ ُ َ َ ٓ ٓ ُ ُ ۡ َ َٰ َ ۡ
َ ك ۡم َع َذ ُ َ ۡ ِ ۡ َ َٰ َ َ َ َ
َ ٱع ُب ُد وا ذ َ َ ً ُ َۡ َ َۡ ۡ ََ
﴾ ٥٩ اب يَ ۡو رم َعظِيم ٱّلل َما لكم مِن إِل ره غريهۥ إِ ِن أ خاف علي وحا إِ َٰل ق ۡو ِمهِۦ فقال يقوم ﴿ لقد أ رسلنا ن
]١٦ :[األعراف
ความว่า “แท้ จริ ง เราได้ ส่งนูหฺไปยังกลุ่มชนของเขา แล้ วเขาได้ เรี ยกร้ องว่า โอ้ หมู่ชนของฉันจงให้ การภักดี
ต่ออัลลอฮฺเถิด ไม่มีพระเจ้ าอื่นใดที่พวกท่านควรจะให้ การเคารพภักดีอีกแล้ วอื่นจากพระองค์ ” (อัล-อะอฺรอฟ
: 59)
ข. การศรัทธาต่ อบรรดามะลาอิกะฮฺครอบคลุมสี่ประการ
หนึ่ง ศรัทธาต่อการมีอยูข่ องมะลาอิกะฮฺ
สอง ศรัทธาต่อมะลาอิกะฮฺที่เราทราบชื่ออย่างเจาะจง เช่น ญิบรี ล ส่วนผู้ที่เราไม่ทราบชื่อนันให้
้ เรา
ศรัทธาโดยภาพรวม
สาม ศรัทธาในคุณลักษณะของพวกเขาตามที่เราได้ รับรู้ จากหลักฐาน
สี่ ศรัทธาในหน้ าที่ของพวกเขาตามที่เราได้ รับรู้ เช่น มะละกุลเมาต์ มีหน้ าที่ดึงวิญญาณออกจาก
ร่าง เป็ นต้ น
สี่ การศรั ทธาต่ อบรรดาศาสนทูต
เราะสูล หรื อศาสนทูต คือบุคคลที่ อลั ลอฮฺให้ โองการแก่เขาด้ วยการประทานบทบัญญัติลงมา และ
บัญ ชาสั่งให้ เขาทาการเผยแพร่ มัน เราะสูลคนแรกคือ นูหฺ และคนสุดท้ ายคือ มุหัมมัด (ความจาเริ ญและ
ความสันติมีแด่พวกเขาทังมวล)
้
ไม่มีประชาชาติใดที่วา่ งเว้ นจากศาสนทูตเลย อัลลอฮฺจะแต่งตังศาสนทู
้ ตไปยังหมูช่ นของเขา โดยให้
มีบทบัญญัติเป็ นเอกเทศ หรื อพระองค์อาจจะมีโองการไปยังนบีในยุคหนึ่งๆ ให้ นาบทบัญญัติของศาสนทูต
ก่อนๆ มาใช้ เพื่อเป็ นการฟื น้ ฟู อัลลอฮฺตรัสว่า
َ ٱلطَٰ ُغ
ٱج َتن ُِبوا ذ ۡ َ ً ُ ُ ُذ ذ
َ ٱع ُب ُدوا ذ
ۡ ٱّلل َو َََۡ ۡ َََ
]٣٨ :وت ه ﴾ [انلحل ك أمة رسول أ ِن
ِ ﴿ ولقد بعثنا ِف
ความว่า “ขอสาบาน แท้ จ ริ ง เราได้ ส่ง ศาสนทูต มาในทุก ประชาชาติ โดยให้ ป ระกาศแก่พ วกเขาว่า
พวกท่านจงเคารพภักดีต่อ อัล ลอฮฺ และออกห่างจากการบูช าสิ่ง อื่ นทัง้ หมด” (อัน -นะห์ ลฺ : 36)
และพระองค์ ไ ด้ ตรั ส ว่า
َ َ َ َ ُ ذ ٗ ريا َونَذ َۡ كب
ٗ ِٱۡلق بَش َ َٰ َ ۡ َ ۡ َ ٓ ذ
]١٤ : ﴾ [فاطر٢٤ ِيها نذِير ِيرا ِإَون م ِۡن أ ذم رة إِل خل ف ِ ِ ﴿ إِنا أرسلن
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 14
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ความว่า “แท้ จ ริ ง เราได้ ส ่ง เจ้ า มาเป็ นศาสนทูต ด้ ว ยสัจ ธรรม ในฐานะผู้ แ จ้ ง ข่า วดีแ ละผู้ ส าทับ
ตักเตือน และทุกๆ ประชาชาติ ล้ วนจะต้ องมี ผ้ ูตัก เตื อนมายัง พวกเขา” (ฟาฏิ รฺ : 24)
บรรดาศาสนทูต ล้ ว นเป็ นสามัญ ชนคนธรรมดา ต่า งก็ ม าจากลูก หลานของอาดัม ไม่มี
คุณ สมบัติพิเ ศษของการเป็ นผู้ส ร้ างและการเป็ นพระเจ้ า แต่ป ระการใด พวกเขามี คุณ สมบัติข องการ
เป็ นมนุษย์ มี ความเมตตา จะต้ องเสี ยชี วิต ต้ องการอาหารและเครื่ องดื่ม และอื่ นๆ
การศรั ทธาต่ อ บรรดาศาสนทู ต ครอบคลุ ม สิ่ งต่ อ ไปนี ้
หนึ่ ง ศรั ท ธาว่า พวกเขาเป็ นศาสนทูต ของอัล ลอฮฺ อ ย่า งแท้ จ ริ ง ดัง นัน้ บุค คลใดปฏิ เ สธศาสน
ทูตคนหนึ่ง คนใดจากพวกเขา เท่ากับว่าเขาได้ ปฏิ เสธศาสนทูต คนอื่ นๆ ทุกคน อัลลอฮฺ ไ ด้ ตรั สว่า
َ وح ٱل ۡ ُم ۡر َسل
]٢٠١ : ﴾ [الشعراء١٠٥ ِي
ُ َ ۡ ََ ذ
ت ق ۡو ُم ن ر ﴿ كذب
ความว่า “กลุม่ ชนของนูหฺได้ ปฏิเสธต่อบรรดาศาสนทูตแล้ ว” (อัช-ชุอะรออ์ : 105)
สอง ศรัทธาต่อผู้ที่เราทราบชื่อของพวกเขา เช่น มุหัมมัด อิบรอฮีม มูซา อีซา และนูหฺ (ขอความ
จาเริญมีแด่พวกเขา) ทังห้้ าคนนี ้ได้ ชื่อว่า “อุลลุ อัซมิ” ผู้มีความมัน่ คงหนักแน่นในหมู่ศาสนทูตทังปวง
้
ส่วนผู้ที่เราไม่ทราบชื่อนัน้ เราศรัทธาต่อพวกเขาโดยสังเขปในภาพรวม อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
َ َ َۡ ذ َ َ َ َ َ ٗ ۡ َ ََ
]٠٦ :﴿ َولق ۡد أ ۡر َسل َنا ُر ُسل مِن ق ۡبل ِك م ِۡن ُهم ذمن ق َص ۡص َنا َعل ۡيك َوم ِۡن ُهم ذمن ل ۡم نق ُص ۡص َعل ۡيك ﴾ [اغفر
ความว่า “ขอสาบาน แท้ จริ งเราได้ ส่งบรรดาศาสนทูตก่อนหน้ าเจ้ า บางคนจากพวกเขามีผ้ ทู ี่เราบอกเล่าแก่
เจ้ า และบางคนจากพวกเขา มีผ้ ทู ี่เรามิได้ บอกเล่าแก่เจ้ า” (ฆอฟิ รฺ : 78)
สาม เชื่อในคาบอกเล่าเกี่ยวกับพวกเขา ตามที่มีหลักฐานในสายรายงานที่เชื่อถือได้ อย่างถูกต้ อง
สี่ ปฏิบตั ิตามบทบัญญัติที่ถูกประทานแก่ ท่านนบีมุหมั มัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งเป็ นศา
สนทูตคนสุดท้ ายที่ถกู ส่งมายังพวกเรา
ผลที่ได้ รับจากการศรั ทธาต่ อบรรดาศาสนทูต
1- ได้ ร้ ู ถึงความเมตตาและการให้ ความสาคัญของอัลลอฮฺ ที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์ โดยการ
ส่งศาสนทูตเพื่อชี ้นาพวกเขาสู่แนวทางอันเที่ยงตรง และเพื่อชี ้แจงรูปแบบของการเคารพภักดี
ต่ออัลลอฮฺแก่พวกเขา
2- ขอบคุณในความโปรดปรานอันใหญ่หลวงของพระองค์ที่ให้ มีบรรดาศาสนทูต
3- มีความรัก ให้ เกียรติ และเทิดทูนยกย่องบรรดาศาสนทูต ตามสถานะที่เหมาะสมกับพวกเขา
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 15
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
เนื่องจากพวกเขาเป็ นศาสนทูตของอัลลอฮฺ ที่ยืนหยัดในการเคารพภักดีต่อพระองค์ เผยแพร่
สารของพระองค์ และหวังดีตอ่ ปวงบ่าวของพระองค์
ห้ า การศรัทธาต่ อวันอาคิเราะฮฺ
วันอาคิเราะฮฺ หรื อวันปรโลก คือวันสุดท้ าย เป็ นวันที่อลั ลอฮฺให้ มนุษย์ฟืน้ คืนชีพอีกครัง้ เพื่อคิดบัญชี
และตอบแทนรางวัล สาเหตุที่เรี ยกว่าวันสุดท้ ายเนื่องจากจะไม่มีวนั ใดหลังจากนัน้ อีกแล้ ว
การศรัทธาต่ อวันปรโลกประกอบด้ วย
หนึ่ง การศรัทธาในเรื่ องการฟื น้ คืนชีพ การฟื น้ คืนชีพเป็ นเรื่ องจริงซึง่ มีหลักฐานยืนยันจากอัลกุรอาน
หะดีษ และมติเอกฉันท์ของบรรดาปราชญ์มสุ ลิม
สอง ศรัทธาต่อการคิดบัญชีสอบสวนและการตอบแทน บ่าวจะถูกคิดบัญชีและได้ รับการตอบแทน
ในผลงานของเขา ดังที่มีหลักฐานยืนยันจากอัลกุรอาน หะดีษ และมติเอกฉันท์ของบรรดาปราชญ์มสุ ลิม
สาม ศรัทธาต่อสวรรค์และนรก ซึง่ ทังสองจะเป็
้ นที่พานักตลอดกาลสาหรับมนุษย์
การศรัทธาต่อวันปรโลกนัน้ ยังรวมถึงการศรัทธาต่อทุกสิ่งที่จะเกิดขึ ้นหลังจากความตาย เช่น การ
สอบสวนในหลุมศพ การลงโทษและความสุขในโลกสุสาน
หก การศรัทธาต่ ออัล-เกาะดัรฺ
อัล-เกาะดัรฺ คือ กฎสภาวการณ์ การลิขิต การกาหนดของอัลลอฮฺที่มีตอ่ สรรพสิ่งทังหลาย ้ ตามความ
รอบรู้ของพระองค์ที่มีอยูก่ ่อนหน้ าแล้ ว และเป็ นไปตามวิทยความปรี ชาญาณแห่งพระองค์
การศรัทธาต่ อการกาหนดของอัลลอฮฺครอบคลุมประการต่ างๆ ต่ อไปนี:้
หนึ่ ง ศรัทธาว่าอัลลอฮฺ มี ความรอบรู้ ในทุกสิ่งทัง้ ในภาพรวมและรายละเอียด รู้ อย่างดังเดิ ้ ม และ
ตลอดไป ไม่วา่ จะเป็ นสิ่งที่เกี่ยวพันกับการกระทาของพระองค์หรื อการกระทาของปวงบ่าว
สอง ศรัทธาว่าอัลลอฮฺได้ บนั ทึกทุกสิ่งไว้ ในแผ่นจารึกที่ถกู เก็บรักษาไว้ (อัล-เลาห์ อัล-มะห์ฟซู ฺ)
สาม ศรัทธาว่าแท้ จริ งทุกสรรพสิ่งจะเกิดขึน้ ด้ วยความประสงค์ของอัลลอฮฺเท่านัน้ ไม่ว่าสิ่งนัน้ จะ
เกี่ยวกับการกระทาของพระองค์หรื อการกระทาของสรรพสิ่งต่างๆ
อัลลอฮฺตรัสว่า
ُ َيلُ ُق َما ي َ َشا ٓ ُء َو َي ۡخ َت
]٨٦ :ار ﴾ [القصص
ۡ َ َ ُّ َ َ
﴿ وربك
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 16
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ความว่า “และพระผู้อภิบาลของเจ้ าทรงสร้ างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงเลือก” (อัล-เกาะศ็อศ : 68)
สี่ ศรัทธาว่าสรรพสิ่งทังหลายที
้ ่บงั เกิดขึ ้นล้ วนเป็ นสิ่งที่อัลลอฮฺ ทรงสร้ างทังสิ
้ น้ ไม่ว่าจะเป็ นตัวตน
ลักษณะ และการเคลื่อนไหวต่างๆ ทังหมด
้
อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
ََ َُ َ ۡ َ ُ ُ َ ُذ
ۡ َ َع ُك
]٨٢ : ﴾ [الزمر٦٢ َشء َوك ِيل ِ َٰ ك َشء وهو ِ ﴿ ٱّلل خَٰل ِق
ความว่า “อัลลอฮฺเป็ นผู้สร้ างทุกสิ่ง อีกทังพระองค์
้ เป็ นผู้ดแู ลทุกสิ่ง” (อัซ-ซุมรั ฺ : 62)
ผลที่ได้ รับจากการศรัทธาต่ อการกาหนดของอัลลอฮฺมีหลายประการ เช่น
1- ยึดอัลลอฮฺ เป็ นที่พึ่ง เมื่อได้ กระทาตามเหตุและปั จจัยแล้ ว โดยไม่ยึดเหตุและปั จจัยเป็ นที่พึ่ง
เนื่องจากทุกสิ่งจะเป็ นไปตามกาหนดของอัลลอฮฺ
2- เมื่อได้ รับในสิ่งที่พึงปรารถนาก็จะไม่หลงลาพองตน เพราะการได้ รับสิ่งใดจากความโปรดปราน
ของอัล ลอฮฺ นัน้ ก็ ด้ วยจากสาเหตุของความดี และความส าเร็ จ ที่ อัลลอฮฺ ได้ กาหนดไว้ ให้ เขา
เช่นกัน และการลาพองตนนันจะท ้ าให้ ลืมการขอบคุณในความโปรดปรานอัลลอฮฺ
3- มี ความสงบและผ่อนคลายทางอารมณ์ รู้ สึกสบายใจต่อสิ่ง ต่างๆ ที่ เกิ ดขึน้ จากการกาหนด
ของอัล ลอฮฺ ผู้ท รงอ านาจในชัน้ ฟ้ าและแผ่ น ดิ น ซึ่ ง มัน ต้ อ งเกิ ด ขึ น้ อย่ า งแน่ น อน ไม่ มี ท าง
หลีกเลี่ยงได้
ۡ َ ۡ َ ذ ۡ َ َ َ ٓ ذ َ َٰ َ َ َ ذ ُ َ ٓ ََ َۡ َ ﴿ َما ٓ أَ َص
َٰ َ َ ل َِك ۡي َل تَأ َس ۡوا٢٢ ٱّللِ يَسِ ري
َع َما
َ ُ ذ
ف أنفسِك ۡم إِل ِف كِتَٰب مِن قب ِل أن نۡبأها إِن ذل ِك َع ِ يبة ِف ٱۡل
ِ ۡرض ول
َ اب مِن ُّم ِص
ُ َ َ ۡ ُ َ َ ُ ۡ َ َ َ ۡ َ ُ َ ٓ َ َ َٰ ُ ۡ َ ذ ُ َ ُ ُّ ُ ذ
]١٣ -١١ : ﴾ [الديد٢٣ ور فاتكم ول تفرحوا بِما ءاتىكم وٱّلل ل ُيِب ك ُمتال فخ ر
ความว่า “ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ ้นในแผ่นดินนี ้ และในตัวของพวกเจ้ าเอง นอกจากถูกบันทึกไว้ ก่อนที่
เราจะบังเกิดมันขึ ้นมา แท้ จริ งนัน่ เป็ นความง่ายดายสาหรับ อัลลอฮฺ เพื่อพวกเจ้ าจะไม่เสียใจในสิ่งที่สญ
ู เสีย
ไปจากพวกเจ้ า และไม่ดีใจอย่างยโสโอ้ อวดในสิ่งที่พระองค์ประทานแก่พวกเจ้ า และอัลลอฮฺ ไม่ทรงรักผู้ที่
หยิ่งจองหอง ผู้ที่โอ้ อวดทุกคน” (อัล-หะดีด : 22-23)
สองกลุ่มที่มีความเชื่อผิดพลาดในเรื่องอัล-เกาะดัรฺ
กลุ่มที่หนึ่ง: อัล-ญะบะรี ยะฮฺ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า “แท้ จริ งบ่าวไม่มีสิทธิ์เลือกในการกระทา ในการ
ตัดสินใจ และไม่มีความสามารถในการลงมือทา”
กลุ่มที่สอง: อัล-เกาะดะรี ยะฮฺ กลุ่มที่กล่าวว่า “แท้ จริ งบ่าวมีสิทธิ์อย่างเป็ นเอกเทศในการกระทา
ของเขาเอง ในการตัด สิ น ใจและมี ค วามสามารถในการกระท าเอง โดยไม่ มี ผ ลมาจากความประสงค์
ของอัลลอฮฺหรื ออานาจของพระองค์แต่อย่างใด” (ดูเพิ่มเติมในตารา ชัรห์ อุศลู อัล-อีมาน ของเชคอิบนุ อุษัย
มีน)
พวกเขากล่าวปฏิเสธความเชื่อที่ ว่าอัลลอฮฺได้ กาหนดสรรพสิ่งต่างๆ และผลงานหรื อการกระทาของ
มันล่วงหน้ าก่อนที่มันจะเกิดขึ ้น คากล่าวของทัง้ สองกลุ่มนี เ้ ป็ นความเท็จที่ ห่างไกลจากความถูกต้ องมาก
ที่สดุ แล้ ว
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 17
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 18
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
บทที่ 4 ประเภทของเตาฮีด
ประเภทของเตาฮีด(การให้ เอกภาพต่ ออัลลอฮฺ)
1- เตาฮีด อัล-อุลฮู ียะฮฺ
2- เตาฮีด อัร-รุบบู ยี ะฮฺ
3- เตาฮีด อัล-อัสมาอ์ วะ อัศ-ศิฟาต
َ ُ َٰ َ ۡ ُ ذ
﴾ ١٧ ِلون
ِ ار هم خ ٱنل ِف َ ت أَ ۡع َمَٰلُ ُه ۡم
و
َ َٰٓ َ ُ ۡ ُ ۡ
ۡ ك َحب َط ئل و أ ر فكٱل ب م ه س
ُ َ َٰٓ َ َ َ
نف أ َع ِين
د ه َٰ َ َ َ َ ۡ ُ ُ َ َ َٰ َ ذ ۡ ُۡ َ َ َ
ِ ِ ِ ِ ِۚ ِ ِ ِ ِ ِ ٱّلل
ش ِ جد
ِ ۡشك ِي أن يعمروا مس
ِ ﴿ ما َكن ل ِلم
]11 : [اتلوبة
ความว่า “ไม่บงั ควรแก่บรรดาผู้ตงภาคี
ั ้ ที่จะบูรณะมัสญิ ดของอัลลอฮฺ ในฐานะที่พวกเขายืนยันการปฏิเสธ
ศรัทธาแก่ตวั ของพวกเขาเอง ชนเหล่านันแหละ
้ การงานทังหลายของพวกเขาจะไร้
้ ผล และพวกเขาจะอยู่ใน
นรกตลอดกาล” (อัต-เตาบะฮฺ : 17)
และบุคคลใดที่เสียชีวิตในสภาพที่ตงภาคี
ั ้ ต่อ อัลลอฮฺ พระองค์จะไม่อภัยแก่เขา และสวรรค์เป็ นสิ่ง
ต้ องห้ ามสาหรับเขา อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
َ
ٓ َ َ َ َ ُ ۡ َ ۡ ُ ٱّلل َل َي ۡغف ُِر أن ي
]٤٦ : ۡش َك بِهِۦ َو َيغف ُِر َما دون ذَٰل ِك ل َِمن يَشا ُء ﴾ [النساء َ ﴿ إ ذن ذ
ِ
ความว่า “แท้ จริ งอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษในความผิดที่มีการตังภาคี
้ แก่พระองค์ (ในกรณี ที่ไม่ เตาบะฮฺ )
และพระองค์จะอภัยให้ ความผิดอื่นนอกเหนือจากนัน้ สาหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์” (อัน-นิสาอ์ : 48)
และส่วนหนึง่ จากตัวอย่างของการตังภาคี
้ ก็คือ การวิงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ล่วงลับไปแล้ ว
และจากรูปปั น้ การบนบานกับสิ่งเหล่านัน้ และการเชือดสัตว์เพื่อถวายแก่รูปปั น้ และแก่ผ้ ทู ี่ล่วงลับไปแล้ ว
หรื ออื่นๆ ในทานองนี ้
َ َك َف َر أَو أ
»ش َك
َ ََ َ ََ
« َمن َحلف بغي اهلل فقد
ความว่า “บุคคลใดสาบานด้ วยสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ แน่แท้ เขาได้ ปฏิสธศรัทธาหรื อตังภาคี
้ ” (บันทึกโดยอัล-บุ
คอรี ย์ 5757 และมุสลิม 1646)
َُ َ َ َُ ُ َ َ َ ُ ُ َ َُ َ ََ ُ َ َ َ ُ َُ َ
»اء فالن َولكن قولوا ما شاء اهلل ثم ش،اء فالن«ل َقولوا ما شاء اهلل وش
ความว่า “พวกท่านอย่ากล่าวว่า นี่เป็ นความประสงค์ของอัลลอฮฺและความประสงค์ของคนนันคนนี ้ ้ แต่จง
พูดว่า เป็ นความประสงค์ของอัลลอฮฺ หลังจากนันแล้้ วก็เป็ นความประสงค์ของคนนันคนนี
้ ”้ (บันทึกโดยอบู
ดาวูด 4980 ด้ วยสายรายงานที่ถกู ต้ องจากหุซยั ฟะฮฺ บิน อัล-ยะมาน)
การตังภาคี
้ ประเภทนี ้ไม่มีผลถึงขันสิ
้ ้นสภาพจากการเป็ นมุสลิม และไม่อยู่ในนรกตลอดกาล แต่ทา
ให้ เตาฮีดมีความบกพร่อง
ความว่า “อิสลามได้ วางอยู่ (หรื อ ถูกวาง) บนโครงสร้ างหลักห้ าประการ คือ 1) การปฏิญาณตนว่าแท้ จริ งไม่
มีพระเจ้ าที่ถกู เคารพภักดีโดยเที่ยงแท้ นอกจากอัลลอฮฺเท่านัน้ และแท้ จริ งมุหมั มัดเป็ นศาสนทูตของอัลลอฮฺ
2) การด ารงไว้ ซึ่ง การละหมาด 3) การจ่า ยซะกาต 4) การท าหัจ ญ์ และ 5) การถื อ ศี ล อดในเดื อ นเราะ
มะฎอน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ 8 และมุสลิม 16)
ในส านวนของหะดี ษ ที่ ว่า “อิ ส ลามได้ ว างอยู่บ นโครงสร้ างหลัก ห้ าประการ” เป็ นส านวนการ
เปรี ยบเทียบ คือเปรี ยบอิสลามกับอาคารปลูกสร้ าง ซึง่ อิสลามจะไม่มนั่ คง เว้ นแต่จะต้ องตังอยู
้ ่บนโครงสร้ าง
หลักห้ าประการ เพราะไม่มีอาคารปลูกสร้ างใดที่ปราศจากโครงสร้ างหลัก และส่วนอื่นๆ ของอิสลามก็เปรี ยบ
ได้ กบั ส่วนอื่นๆ ที่ทาให้ อาคารสมบูรณ์แบบ หรื อเสมือนกับส่วนตกแต่งอื่นๆ ของอาคาร
ส่วนคาที่ว่า “ปฏิญาณตน” คือการศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะสูล ดังที่มีรายงานของอิมามมุสลิมว่า
“คือการให้ เอกภาพต่ออัลลอฮฺ” และในอีกสายรายงาน คือ “การให้ เอกภาพต่ออัลลอฮฺ และปฏิเสธสิ่งอื่นๆ
นอกจากพระองค์”
คาว่า “ดารงไว้ ซงึ่ การละหมาด” ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
َ
َ كفر َوالِّشك تَر ُك
ُ َ الر ُجل َو َب
َ نيَ « َب
»الصالة ني ال
ความว่า “สิ่ งที่ ที่จะนามุส ลิม ไปสู่การปฏิ เสธศรัทธาและการตัง้ ภาคี คือการละทิง้ ละหมาด” (บันทึกโดย
มุสลิม 82 และอัต-ติรมิซีย์ 2620 และท่านอื่นๆ)
และหะดีษจากมุอาซฺ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
َ َ َ
»الصال ُة
َ َو َع ُمو ُد ُه،« َرأ ُس األمر اإلسال ُم
บทที่ 6 เงื่อนไขของการละหมาด
มี 9 ประการ
1- นับถือศาสนาอิสลาม (เป็ นมุสลิม)
2- มีสติสมั ปชัญญะ
3- บรรลุศาสนภาวะ
4- สะอาดปราศจากหะดัษ (ทังเล็ ้ กและใหญ่)
5- สะอาดปราศจากนะญิสทังหลาย ้
6- สวมใส่เสื ้อผ้ าที่ปกปิ ดมิดชิด (ปกปิ ดเอาเราะฮฺ)
7- เข้ าเวลาละหมาด
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 23
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
8- หันหน้ าไปทางกิบละฮฺ
9- ตังเจตนา
้ (เนียต)
หลังจากที่ ผ้ ูป ระพัน ธ์ (เชคบิน บาซ) ได้ กล่าวถึง รุ ก่ น อิส ลามทัง้ 5 ประการในบทเรี ยนที่ แล้ ว จึง
เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะกล่าวถึงในที่นี ้เกี่ยวกับเงื่อนไขของการละหมาด เพราะการละหมาดเป็ นเรื่ องที่ต้องมี
การเน้ นย ้าอย่างมากที่สดุ หลังจากการกล่าวชะฮาดะฮฺ ปฏิญาณตนทังสองประโยค ้ และการละหมาดจะไม่
ถูกต้ องนอกจากต้ องทาตามเงื่อนไข ดังนัน้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะกล่าวถึงเรื่ องนี ้ในที่นี ้
เงื่อ นไข 1-3 นับ ถื อศาสนาอิ ส ลาม (เป็ นมุส ลิม ), มี สติสัม ปชัญ ญะ, บรรลุศ าสนภาวะ ซึ่งการ
ละหมาดของคนปฏิเสธศรัทธา(กาฟิ รฺ )จะใช้ ไม่ได้ เพราะการงานของเขาเป็ นโมฆะ ส่วนคนบ้ า เสียสตินนอยู ั้ ่
นอกกลุ่มคนที่บทบัญญัติบงั คับใช้ เช่นเดียวกับเด็กที่ยงั ไม่บรรลุวยั ตามศาสนภาวะ ซึ่งเข้ าใจตามความของ
หะดีษบทที่วา่
َ َ ُ َ َ َ ُُ
»الصالة ل َسبعاءكم ب «مروا أبن
ความว่า “จงสัง่ ให้ ลกู ๆ ของพวกท่านละหมาดเมื่ออายุได้ เจ็ดขวบ” (อบู ดาวูด 495, อะห์มดั 2/187)
เงื่อ นไขที่ 4 สะอาด (ปราศจากหะดัษ ทัง้ เล็ ก และใหญ่ ) หากมี ค วามสามารถ เพราะท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
َ َ ُ ُ َ
»«ل َقبَل َصالة بغي ُط ُهور
ความว่า “การละหมาดที่ปราศจากความสะอาดจะไม่ถกู ตอบรับ” (มุสลิม 224)
เวลาละหมาดแต่ ล ะช่ ว งก็ คื อ ตามหะดี ษ ที่ ท่ า นญิ บ รี ล ได้ น าละหมาดทัง้ ห้ าเวลาแก่ ท่ า นนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยวันแรกท่านมาละหมาดในช่วงต้ นของวักตู พอวันถัดไปท่านจะมาละหมาด
ฟั รฎเดี
ู ยวกันนันในช่
้ วงสุดท้ ายของของวักตู หลังจากนันท่ ้ านได้ กล่าวว่า
َ َ َ َ َ
»ني هذين َوقت «ما ب
ความว่า “เวลาละหมาดของแต่ละวักตู อยู่ระหว่างเวลาสองช่วง(ที่ญิบรี ลมาละหมาดแต่ละวักตูให้ ท่านนบี
ดู)” (บันทึกโดยอะห์มดั และ อัน-นะสาอีย์)
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 24
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
เงื่อนไขที่ 6 ปกปิ ดร่างกายอย่างมิดชิด (ปกปิ ดเอาเราะฮฺ) หากมีความสามารถ ด้ วยสิ่งที่ไม่ทา
ให้ มองเห็นผิวกาย เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า
]٣٢ : ﴾ [األعراف٣١ جد ۡ َ ُ ِند ُ ََ
َ ك ۡم ع ُ ُ َ ٓ َ َٰ َ
ن َءاد َم خذوا زِينت
ِ ك مسِ ِ ﴿ ۞يب
ความว่า “ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ! จงเอาเสื ้อผ้ าที่ประดับกายของพวกเจ้ ามาปกปิ ดทุกครัง้ ที่ละหมาด” (อัล-
อะอฺรอฟ : 31)
หะดีษทังสองเศาะฮี
้ หฺตามความคิดเห็นของท่านอัต-ติรมิซีย์ และท่านอิบนุ อับดิลบัรร์ ได้ อ้างเป็ นมติ
เอกฉันท์ (อิจญฺ มาอ์) ว่าการละหมาดของคนที่เผยเอาเราะฮฺ(เรื อนร่างส่วนที่ต้องปกปิ ด)จะใช้ ไม่ได้ หากเขามี
ความสามารถที่จะปกปิ ด
และท่ า นนบี ศ็ อ ลลั ล ลอฮุ อ ะลั ย ฮิ ว ะสั ล ลั ม ได้ กล่ า วแก่ ท่ า นหญิ งอั ส มาอ์ ในเรื่ อ งเลื อ ด
ประจาเดือนว่า
ُ ُ ُ ُ َ َ َ ُ َ ُ ُ ُ َ َ ُ َُُي
» ث َم ت َصّل فيه،حه ثم َنض، ثم َقرصه بالماء،«تته
ความว่า “ให้ นางแคะมันออก(เวลาซักเสื ้อผ้ าที่เปื อ้ นสกปรก) แล้ วใช้ นิ ้วขยี ้มันด้ วยน ้า หลังจากนันก็
้ ล้างมัน
แล้ วนามันมาใส่ละหมาดได้ ” (อัล-บุคอรี ย์ 225, มุสลิม 291)
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 25
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
เงื่อนไขที่ 8 หันหน้ าไปทางกิบละฮฺ เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ ดารัสว่า
َ ۡ ج ِد ٱ
]٢٤٤ : ﴾ [ابلقرة١٤٤ ِۚۡل َر ِام ۡ َۡ َ ۡ َ َ َ ۡ َ ََ
ِ ﴿ فو ِل وجهك شطر ٱلمس
ความว่า “ดังนันเจ้
้ าจงผินใบหน้ าของเจ้ าไปทางมัสยิดอัล-หะรอมเถิด” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 144)
เงื่อนไขที่ 9 การตังเจตนา
้ (เนียต) เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
ُ َ َ
»«إن َما األع َمال بانل َيات
ความว่า “แท้ จริงการงานทังหลายขึ
้ ้นอยูก่ บั การเจตนา” (อัล-บุคอรี ย์ 1, มุสลิม 1907)
และเพราะมีบนั ทึกโดยนักบันทึกทังห้
้ า จากการรายงานของท่านอบู มัสอูด อัล-อันศอรี ย์ ซึง่ ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าววว่า
ُ الر ُكوع
ُ والس
»جود َ «ل ُُتزئ َصالة ل يُقي ُم
ُ الر ُج ُل فيها ُصلبَ ُه يف
รุก่นที่เก้ า ฏมะอ์
ุ นีนะฮฺ หรื อการหยุดนิ่งครู่หนึง่ ในแต่ละขันตอน
้ เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม ได้ กล่าวแก่คนที่ละหมาดชุย่ ๆ ว่า
َ « ُث َم ار َكع َح َّت ََط َم
»ئ َراك ًعا
ความว่า “หลังจากนันให้
้ รุกอู ฺแล้ วหยุดนิ่งครู่หนึง่ ” (อัล-บุคอรี ย์ 724, มุสลิม 397)
รุก่นที่สิบสี่ กล่าวสลามทังสองครั
้ ง้ เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
ُ « َو َتليلُ َها التَسل
»يم
ความว่า “และอนุญาต (ออกจากละหมาด) ด้ วยการให้ สลาม” (อัต-ติรมิซีย์ 3, อบู ดาวูด 61)
และคากล่าวของท่านหญิงอาอิชะฮฺที่กล่าวถึงลักษณะการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม ไว้ วา่ “ท่านนบีได้ ปิดท้ ายการละหมาดด้ วยการให้ สลาม ดังนันการให้
้ สลามจึงเป็ นบัญญัตทิ ี่ทาให้ มี
การอนุญาตออกจากละหมาดได้ ซึ่งมันเป็ นการปิ ดท้ ายและเป็ นสัญญาณของการสิน้ สุดละหมาด” (ดูใน
อัส-สัลสะบีล ฟี มะอฺริฟะฮฺ อัด-ดะลีล หน้ า 1/146, 148)
ความว่า “เมื่ อท่านเราะสูลุล ลอฮฺ ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม ละหมาด ท่านจะกล่าวตักบีรขณะที่ ยืน
หลังจากนันจะกล่
้ าวตักบีรขณะที่รุกูอฺ แล้ วท่านจะกล่าว สะมิอัลลอฮฺ ลิมันหะมิดะฮฺ ขณะที่เงยขึ ้นมาจากรุ
กูอฺ หลังจากนันท่
้ านก็จะกล่าวขณะยืนตรงว่า ร็อบบะนา วะละกัลหัมดุ” (อัล-บุคอรี ย์ 770, มุสลิม 392)
สิ่ งที่ เป็ นวาญิ บ ที่ ส าม การกล่าวว่า ร็อ บบะนา วะละกั ล หั ม ดฺ ส าหรับ อิม าม มะอ์ มูม และผู้
ละหมาดคนเดียว ดังที่ได้ นาเสนอแล้ ว
สิ่งที่เป็ นวาญิบที่สีและห้ า การกล่าว สุบหานะ ร็อบบิยัลอะซีม ในขณะที่รุกูอฺ และการกล่าว สุบ
หานะ ร็อบบิยัลอะอฺลา ในขณะที่สุญูด เพียงครัง้ เดียว เพราะมี หะดีษที่รายงานโดยท่านหุซยั ฟะฮฺ เล่าว่า
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวในรุกอู ฺว่า สุบหานะ ร็อบบิยัลอะซีม และท่านนบีได้ กล่าวใน
สุญดู ว่า สุบหานะ ร็อบบิยัลอะอฺลา” (มุสลิม 772, อัต-ติรมิซีย์ 262)
บทที่ 9 การตะชะฮฺฮุด
การอ่านตะชะฮฺฮดุ “อัตตะหิยาต” นันคื
้ อ
َ َ ََ َ َ َ َ ُ َ ُ ُ ََََ َُ ََ َ َ ََ ُ َ َ َ ُ َ ُ َ َ َ َيَ َ ي ُ
أش َه ُد،ني َ ىلع عبَاد اهلل
الصالـح و، السالم علينا،ـمة اهلل وبرَكتـه السالم عليك أيها انلب ورح، والطيبات، والصلوات،اتلح َيات هلل َ «
َ َ َ ََ َ َ َ َ َ َ َ ُ َ ََ َ َ َُ ُ ُ ُ َ َ ُ ُ َ ً َ َ ُ َ َ ُ َ ََ
َ ىلع ُم َ َ َ َ
َو َىلع آل،يم كما صليت ىلع إبراه، َو َىلع آل مـحـمد،ـمد َ ـح وأشهد أن مـحـمدا عبده ورسولـه اللهـم صل،أن ل إلـه إل اهلل
َ َ َ َ َ َ َ ََ َ َ َ َ َ َ َ ُ َ ََ َ َ َ َ
» إنك َحـميد َمـجيد،يم َو َىلع آل إبراه،يم كما باركت ىلع إبراه، َو َىلع آل مـحـمد،ـمد َ ىلع ُم
َ ـح َو َبارك، إنك َحـميد َمـجيد،يمإبراه
ความว่า“ มวลการสดุดีทงหลายมอบแด่
ั้ อลั ลอฮฺ รวมทังการสรรเสริ
้ ญด้ วยพรและความดีงามต่างๆ ขอความ
สันติสขุ จงประสบแด่ทา่ นโอ้ ผ้ เู ป็ นนบี รวมทังเมตตาแห่
้ งอัลลอฮฺและความประเสริฐทังหลายของพระองค์
้ ขอ
ความสันติสขุ จงประสบแด่เราและแด่บรรดาบ่าวผู้ท รงคุณธรรมทังหลาย ้ ข้ าขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้ าอื่น
ใดนอกจากอัลลอฮฺ และข้ าขอปฏิญาณว่ามุหมั มัดนันเป็ ้ นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ โอ้ อลั ลอฮฺ ขอทรง
ประทานความจาเริญแด่มหุ มั มัดและครอบครัวของมุหมั มัด เช่นที่พระองค์ประทานความจาเริญแด่อิบรอฮีม
และครอบครัวของอิบรอฮีม แท้ จริ งพระองค์นนั ้ ทรงยิ่งด้ วยการสรรเสริ ญ และบารมี อันสูงส่ง และขอทรง
ประทานความประเสริ ฐ แด่ มุหัม มัด และครอบครัวของมุหัม มัด เช่น ที่ พ ระองค์ป ระทานความประเสริ ฐ
แด่อิบรอฮีมและครอบครัวของอิบรอฮีม แท้ จริงพระองค์นนทรงยิ ั้ ่งด้ วยการสรรเสริญและบารมีอนั สูงส่ง”
หลัง จากนัน้ ให้ ข อความคุ้ม ครองต่อ อัล ลอฮฺ ในตะชะฮฺ ฮุสุด ท้ า ยให้ รอดพ้ นจากการลงโทษใน
นรกญะฮันนัม และจากการลงโทษในหลุมฝั งศพ และจากฟิ ตนะฮฺในขณะมีชีวิตและขณะที่เสียชีวิต และจาก
ฟิ ตนะฮฺของอัล-มะสีหฺ อัด-ดัจญาล หลังจากนัน้ ให้ เลือกอ่านดุอาอ์ตามที่ต้องการ โดยเฉพาะบทดุอาอ์ ที่มี
รายงานจากท่านนบี เช่น
َ َ ُ َ َ َ
.»«الل ُه َم أعن َىلع ذكر َك َوشكر َك َو ُحسن عبَادتك
ความว่า “โอ้ อลั ลอฮฺ ได้ โปรดช่วยเหลือฉัน ให้ ได้ ราลึกถึงพระองค์ และได้ แสดงถึงการขอบคุณต่อพระองค์
และทาอิบาดะฮฺแด่พระองค์อย่างงดงาม”
ُ الرح
.»يم َ ور َ ك أَن
ُ ت ال َغ ُف َ َ ً َ َ َ َ َ ًُ َ ً ََ َ ُ ي
َوار َحـمن إن،ت فاغفر ل َمغف َرة من عند َك
ُ َ ُ َ َ
ت نفس ظلـما كثيا ول يـغفر اذلنوب إل أن َ «اللَ ُه
ـم إّن ظلـم
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 32
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ความว่า “โอ้ อลั ลอฮฺ แท้ จริ งฉันได้ อธรรมต่อตัวเองซึ่งเป็ นการอธรรมอย่างมากมาย และไม่มีผ้ ใู ดที่จะอภัย
โทษทังหลายได้
้ นอกจากพระองค์เท่านัน้ ดังนัน้ ได้ โปรดอภัยให้ ฉันด้ วยการอภัยจากพระองค์ด้วยเถิด ได้
โปรดเมตตาฉัน แท้ จริงแล้ วพระองค์นนเป็ ั ้ นผู้ที่ทรงอภัยและทรงเมตตายิ่ง”
และมี ร ายงานจากท่ า นอับ ดุล ลอฮฺ บิ น มัส อูด เราะฎิ ยัล ลอฮุอัน ฮุ เล่ า ว่ า ท่ า น เราะสู ลุล ลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ หนั มายังพวกเรา แล้ วท่านก็กล่าวว่า
َ َ ُ َ ُ ُ ََََ َُ َ َ َ َ ََ ُ َ َ َ ُ َ ُ َ َ َ َيَ َ ي ُ ُ ُ َ َ َ َ َ
َ :كم فَليَ ُقل
َو َىلع،الم َعلينَا الس،ـمة اهلل وبرَكتـه السالم عليك أيها انلب ورح، والطيبات، والصلوات،اتلح َيات هلل «إذا صىل أحد
ُ َ َ َ ََُ َ َ َ ي َ َ ََ َ ُ ُ ُ ُ َ َ ُ ُ َ ً َ َ ُ َ َ ُ َ ََ َ َ َ َ ُ َ َ َ َ عبَاد اهلل
» وأشهد أن مـحـمدا عبده ورسولـه ثم لتخي أمن ادلَعء أعجبه إله فيدعو، أشهد أن ل إلـه إل اهلل،الصالـحني
ความว่า “เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านละหมาด ก็จงกล่าวว่า มวลการสดุดีทงั ้ หลายมอบแด่อลั ลอฮฺ
รวมทังการสรรเสริ
้ ญ ด้ วยพรและความดีงามต่างๆ ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่านโอ้ ผ้ เู ป็ นนบี รวมทัง้
เมตตาแห่งอัลลอฮฺและความประเสริ ฐทังหลายของพระองค์
้ ขอความสันติสขุ จงประสบแด่เราและแด่บรรดา
บ่าวผู้ทรงคุณ ธรรมทังหลาย
้ ข้ าขอปฏิญ าณว่าไม่มีพระเจ้ าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และข้ าขอปฏิญาณว่า
มุหมั มัดนันเป็
้ นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนันให้ ้ เลือกดุอาอ์ที่เขาชื่นชอบแล้ วให้ ขอมัน ” (อัล-บุ
คอรี ย์ 5876, มุสลิม 402)
ซึ่งหะดีษที่รายงานโดยท่านอิบนุมสั อูดนันเป็
้ นหะดีษที่ถกู ต้ องที่สุดที่มีการรายงานเกี่ยวกับสานวน
การอ่านตะชะฮฺฮดุ
และมีรายงานจากท่านอบู มัสอูด อัล-บัดรี ย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านบะชีรฺ บิน สะอฺด์ ได้
กล่าวว่า
َ َُ َ َُ َ َ ُ ُ َ َ ُ َ َ َ َ َ َ َ َ ُ َ َ َ َ َ َ َ َُ ََ ََ َ َ ُ َ َ
ك َما، َو َىلع آل حم َمد، الل ُه َم َصل َىلع حم َمد: " قولوا:ت ث َم قال ّل عليك فكيف نصل عليك؟ فسك َ اّلل أن نُ َص «يا رسول اّلل أمرنا
ََ ُ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ َ
َ ت َىلع آل إب َراه َ َ ُ َ َ ُ َ
َ َ ك َما ب، َو َىلع آل حم َمد، َو َبارك َىلع حم َمد،يم
َ ارك ََ َ َ َ
َ ىلع آل إب َراه
والسالم كما،يم يف العالمني إنك َحيد َميد صليت
»َعلمتُم
ความว่า “โอ้ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ อัลลอฮฺได้ สั่งใช้ เราให้ เศาะละวาตต่อท่าน แล้ วเราจะเศาะละวาตต่อท่าน
อย่างไร ? ท่านนบี จึงนิ่ ง เงี ย บ หลัง จากนัน้ ท่ านนบี จึง กล่า วว่า พวกท่านจงกล่า วว่า โอ้ อัล ลอฮฺ ขอทรง
ประทานความจาเริญแด่มหุ มั มัดและครอบครัวของมุหมั มัด เช่นที่พระองค์ประทานความจาเริญแด่อิบรอฮีม
และครอบครัวของอิบรอฮีม แท้ จริ งพระองค์นนั ้ ทรงยิ่งด้ วยการสรรเสริ ญ และบารมี อันสูงส่ง และขอทรง
ประทานความประเสริ ฐ แด่ มุหัม มัด และครอบครัวของมุหัม มัด เช่น ที่ พ ระองค์ป ระทานความประเสริ ฐ
แด่อิบรอฮีมและครอบครัวของอิบรอฮีม แท้ จริงพระองค์นนทรงยิ ั้ ่งด้ วยการสรรเสริญและบารมีอนั สูงส่ง ส่วน
การให้ สลามนันก็
้ เป็ นไปตามที่ได้ สอนพวกท่านแล้ ว” (มุสลิม 405, อัต-ติรมิซีย์ 3220, อัน-นะสาอีย์ 1285)
บทที่ 12 เงื่อนไขวุฎูอ์
บทที่ 13 ฟั รฎูของวุฎูอ์
มี 6 ประการ คือ
1- ล้ างใบหน้ า รวมถึงการบ้ วนปากและน ้าเข้ าจมูกแล้ วขับออก
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 37
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
2- ล้ างมือจนถึงข้ อศอก
3- เช็ดศีรษะทังหมด
้ รวมถึงหูทงสองข้
ั้ าง
4- ล้ างเท้ าจนถึงตาตุม่
5- เรี ยงลาดับ
6- อัล-มุวาลาต(การทาต่อเนื่องไม่ขาดตอน)
เกี่ยวกับฟั รฎการท
ู าวุฎอ์ู นนั ้ อัลลอฮฺ สุบฮานะฮุวะตะอาลา ตรัสว่า
َ ُ َ َ ُ ُ َ ۡ َ َ ۡ ُ َ ُ ُ ُ ۡ َ ِ َٰ َ ذ َ َ
ُ ك ۡم إ َل ٱل ۡ َم َرا فِق َوٱ ۡم َس
حوا ب ِ ُر ُء وسِك ۡم َوأ ۡر ُجلك ۡم إِل
َ ُ َ َ يأ ُّي َها ٱ ذ َِّل
ين َء َام ُن ٓوا إِذا ق ۡم ُت ۡم إِ ل ٱلصلوة فٱ غسِلوا وجوهكم وأيدِي َٰٓ ﴿
ِ ِ
َۡۡ َ ۡ
]٨ : ﴾ [املائدة٦ ِۚي ِ ٱلكعب
ความว่า “ผู้ศรัทธาทังหลาย!
้ เมื่อพวกเจ้ ายืนขึ ้นจะไปละหมาด ก็จงล้ างหน้ าของพวกเจ้ า และมือของพวก
เจ้ าถึงข้ อศอก และจงลูบศีรษะของพวกเจ้ า และล้ างเท้ าของพวกเจ้ าถึงตาตุม่ ทังสอง”
้ (อัล-มาอิดะฮฺ 6)
หมายความว่า รวมไปถึงข้ อศอก ดังนันจ ้ าเป็ นที่จะต้ องล้ างข้ อศอกด้ วย เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอ
ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านได้ ทาการล้ างข้ อศอกของท่านในการทาวุฎอ์ู
สาม เช็ดศีรษะทังหมดรวมถึ
้ งหูทงสองข้
ั้ าง อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
ُ ُ ﴿ َوٱ ۡم َس
]٨ : ﴾ [املائدة٦ حوا ب ِ ُر ُءوسِك ۡم
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 38
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ความว่า “และจงลูบศีรษะของพวกเจ้ า” (อัล-มาอิดะฮฺ 6)
ห้ า การทาตามลาดับ
เพราะอัลลอฮฺได้ กล่าววิธีทาไว้ ตามลาดับ โดยได้ นาเอาส่วนที่ต้องเช็ดแทรกระหว่างส่วนที่ต้องล้ าง
เป็ นการตัดส่วนที่เหมือนกัน(หมายถึงส่วนที่ต้องล้ าง)ให้ แยกจากกัน ประโยชน์ที่ได้ จากสิ่งนี ้ คือ การลาดับ
ตามขันตอน
้ และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวะสัลลัม ได้ ลาดับการทาวุฎอ์ู ตามวิธีการนี ้ ด้ วยการบอกกับ
ปากและการปฏิบตั ิจริ งของท่าน เป็ นการอธิบายถึงสิ่งที่อลั กุรอานต้ องการจะสื่อถึง ให้ ประชาชาติของท่าน
เข้ าใจ
สาม หมดสติ ด้ วยการนอนหลับหรื ออื่นๆ เช่น เป็ นบ้ า มึนเมา เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัมกล่าวว่า
َ َ َ َ ََ َ ُ َ ُ َ
»ام فليَتَ َوضأ فمن ن، «العني وَكء السه
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 40
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
ความว่า “ดวงตาคือสิ่งที่ ผูกสติ ดังนัน้ ผู้ใดที่นอนหลับก็ ให้ เขาอาบนา้ วุฎูอ์เสียใหม่” (บันทึกโดยอบู ดาวูด
203, อิบนุ มาญะฮฺ 477)
ห้ า ทานเนื ้ออูฐ มีรายงานจาก ญาบิรฺ บิน สะมุเราะฮฺ ชายผู้หนึง่ ได้ ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม ว่า ฉันต้ องอาบน ้าวุฏฺอจากที่ทานเนื ้ออูฐหรื อไม่? ท่านตอบว่า
ُ َ َ َ
» ت َوضأ من ل ُوم اإلبل،«ن َعم
ความว่า “ใช่ ท่านจงอาบน ้าวุฎอ์ู จาก(การทาน)เนื ้ออูฐ” (บันทึกโดยมุสลิม 360, อิบนุ มาญะฮฺ 495)
หมายเหตุ:
ส่วนการอาบน ้าให้ มยั ยิต ทัศนะที่ถูกต้ องคือ ไม่เป็ นเหตุทาให้ เสียน ้าวุฎูอ์ ตามทัศนะของอุละมาอ์
ส่วนใหญ่ เนื่องจากไม่มีหลักฐานในเรื่ องดังกล่าว ทว่า ถ้ ามือของผู้ทาการอาบไปสัมผัสกับอวัยวะเพศของ
มัยยิตโดยปราศจากผ้ ากัน้ เช่นนี ้แล้ วจาเป็ นที่เขาจะต้ องอาบน ้าวุฎูอ์ใหม่ และวาญิ บสาหรับเขาที่จะต้ องไม่
สัมผัสอวัยวะเพศของมัยยิตเว้ นแต่ต้องมีผ้ากันเท่
้ านัน้
และในทานองเดียวกันนี ้การสัมผัสถูกผู้หญิง(หรื อการสัมผัสเพศตรงข้ าม)ก็ไม่ได้ ทาให้ น ้าวุฎอ์ู เสียใน
ทุกกรณี ไม่ว่าจะมี ชะฮฺวะฮฺ(อารมณ์)หรื อไม่ก็ตาม อันเป็ นทัศนะที่ถูกต้ องที่สุดในทัศนะต่างๆ ของอุละมาอ์
ตราบที่ไม่มีการหลัง่ ใดๆ ออกมา เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านได้ จบู ภรรยาของท่านบาง
คน หลังจากนันท่
้ านทาการละหมาดโดยที่ทา่ นไม่ได้ อาบน ้าวุฎอ์ู ใหม่แต่อย่างใด
ส่วนอายะฮฺที่อลั ลอฮฺได้ ตรัสว่า
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 41
สาคัญสาหรับคนทั่วไป ٓ َ َ
]٨ : ﴾ [املائدة٦ ﴿ أ ۡو ل َٰ َم ۡس ُت ُم ٱلن َِسا َء
ความว่า “หรื อเมื่อพวกท่านได้ สมั ผัสกับสตรี ” (อัล-มาอิดะฮฺ 6)
บทที่ 16 มารยาทตามคาสอนของอิสลาม
มารยาทที่ดีงามในอิสลามมีดงั นี ้ ให้ สลาม ยิ ้มแย้ มกับผู้อื่น รับประทานอาหารด้ วยมือขวา และดื่ม
ด้ วยมือขวา มารยาทขณะเข้ า ออกมัสยิด และเข้ าออกบ้ านเรื อน ยามเดินทาง ทาความดีต่อพ่อแม่ ญาติพี่
น้ อง เพื่อนบ้ าน ผู้ใหญ่ เด็กเล็ก ให้ อวยพรแด่เด็กแรกเกิด เยี่ยมเยียนผู้เจ็บป่ วย และอื่นๆ จากมารยาทที่
อิสลามได้ กาหนดไว้
หลังจากที่ผ้ เู ขียนได้ อธิบายถึงหลักการศาสนาทังที ้ ่เป็ นหลักและปลีกย่อยในบทเรี ยนที่ผ่านมา ใน
บทนี ้ผู้เรี ยนประสงค์ที่จะอธิบายให้ ผ้ คู นทัว่ ไปได้ ทราบถึงมารยาทที่ดีงามในอิสลามส่วนหนึ่งที่ถกู บัญญัติไว้
ให้ มุสลิมทุกคนต้ องปฏิบตั ิ ดังนัน้ เป็ นหน้ าที่ของท่าน โอ้ พี่น้องมุสลิม (ขออัลลอฮฺทรงทาให้ ท่านและเราได้
บรรลุถึงทุกๆ การงานที่ดีงาม) ที่จะต้ องปฏิบตั ิตามบทบัญญัตินี ้เพื่อเป็ นแบบอย่างที่ดีเลิศและสวยงามที่สดุ
ด้ วยอัคลากอันสูงส่งและมารยาทอันดีงามที่อิสลามได้ กาหนดไว้ ได้ ปรากฏบทบัญญัติมากมายจากทังอั ้ ลกุ
รอานและซุ น นะฮฺ เรี ยกร้ องเชิญ ชวนให้ ยึดมั่นกั บมารยาทที่ ดีงามเหล่านี ้ และถ้ าเพราะไม่กลัวว่าเนื อ้ หา
เกี่ยวกับเรื่ องเหล่านีจ้ ะยืดยาวก็คงจะนามาเสนอ ณ ที่นี ้ ดังนัน้ ท่านจงนาเอาแบบอย่างจากผู้ที่ได้ ปฏิบตั ิ
เรื่ อ งเหล่ า นี ไ้ ว้ แ ก่ เ รา นั่น คื อ ท่ า นนบี ศ็ อ ลลัล ลอฮุอ ะลัย ฮิ ว ะสัล ลัม ซึ่ ง ได้ มี ผ้ ู ถามท่ า นหญิ ง อาอิ ช ะฮฺ
เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮา ถึงมารยาทของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านหญิงอาอิชะฮฺตอบว่า
ُ ُ ُُ ُ َ َ
»«َكن خلقه القرآن
ความว่า “แท้ จริงมารยาทของท่าน(นบี)คืออัลกุรอาน”
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 42
สาคัญสาหรับคนทั่วไป
เป็ นที่รับรู้ กันว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็ นผู้ซื่อสัตย์ มี อะมานะฮฺ กล้ าหาญ โอบ
อ้ อมอารี หลีกห่างจากทุกสิ่งที่อลั ลอฮฺได้ ห้ามไว้ และบรรดาเศาะหาบะฮฺตา่ งก็ได้ เดินตามแบบอย่างของท่าน
อย่างดี เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุม อัจญ์มะอีน
ในช่วงเริ่ มต้ นของการขยายอิสลามสู่ทั่วสารทิศ นัน้ เกิดมาจากการสนทนาแลกเปลี่ยนของเหล่า
พ่อค้ ามุสลิมกับผู้คนต่างๆ โดยพวกเขามีความซื่อสัตย์สุจริ ตและซื่อตรง ดังนัน้ ข้ าพเจ้ าจึงใคร่ ขอวิงวอน
ต่ออัลลอฮฺ หลังจากนันก็ ้ ขอความร่วมมือจากท่าน โอ้ พี่น้องมุสลิม ให้ ท่านจงเป็ นบุคคลที่มีคณ ุ ลักษณะที่ดี
งามเหล่านี ้เถิด จงเป็ นบุคคลที่ซื่อสัตย์ในคาพูดและการกระทา มีอะมานะฮฺในสิ่งที่ได้ รับมาและถ่ายทอดไป
มีความบริสทุ ธ์ใจและพอเพียงกับสิ่งที่มีอยู่ในครอบครอง และจงเป็ นคนที่ความละอาย มารยาทดี กล้ าหาญ
ให้ เกียรติและมีความเอื ้ออาทร ไม่ปองร้ ายต่อคนอื่น มีเมตตา ปฏิบตั ิตอ่ เพื่อนบ้ านของท่านด้ วยดีเพราะสิทธิ
ของเขานันยิ ้ ่งใหญ่นกั และจงให้ ความช่วยเหลือต่อผู้ยากไร้ แท้ จริ งอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือบ่าวของพระองค์
ตราบที่บา่ วของพระองค์คอยช่วยเหลือพี่น้องของเขา จงให้ สลามต่อผู้ใดก็ตามไม่ว่าท่านจะรู้ จกั เขาหรื อไม่
รู้ จัก เพราะสิ่ งเหล่านี ค้ ือแบบอย่างของท่านนบี ท่านได้ ถ่ายทอดซึ่งความรักและผลักไสความเกลียดชัง
ก้ าวร้ าวและการแบ่งพรรคแบ่งพวก จงยิ ้มให้ กบั พี่น้องของท่านอย่างสม่าเสมอเพราะสิ่งนี ้เป็ นส่วนหนึ่งของ
การให้ ทาน จงปฏิบตั ิตามสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ ชี ้นา ไม่ว่าจะเป็ นการรับประทาน
อาหารอาหารและดื่มน ้าด้ วยมือขวา และจงปฏิบตั ิ ตามซุนนะฮฺด้วยการก้ าวด้ วยเท้ าขวาทุกครัง้ ที่เข้ ามัสยิด
อ่านดุอาอ์มะษูรฺ (ดุอาอ์ที่ปรากฏจากหะดีษของท่านนบี) และออกจากมัสยิดด้ วยเท้ าซ้ าย จงหมัน่ รักษาอ่าน
ดุอาอ์เวลาเข้ าและออกจากบ้ าน เช่นนี ้แล้ วท่านจะถูกปกป้องด้ วยการปกป้องของอัลลอฮฺ และจะได้ รับการ
ดูแลจากพระองค์ ท่านอย่าได้ ลืมดุอาอ์ ทกุ ครัง้ ที่ท่านจะเดินทาง และจงทาดีตอ่ บิดามารดาของท่าน โดยการ
ปฏิบตั ิกบั ท่านทังสองด้
้ วยสิ่งทีดีงาม จงรู้ไว้ เถิดว่าสิทธิของทังสองที
้ ่มีตอ่ ท่านยิ่งใหญ่ซงึ่ อัลกุรอานและหะดีษ
ของท่านนบีได้ ชี ้นาไว้ ท่านอย่าได้ ปล่อยปะละเลยต่อสิ่งนี ้ ไม่เช่นนันแล้ ้ วท่านจะเสียใจ และท่านอย่าได้ ลืมที่
จะทาดีตอ่ ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้ าน ผู้หลักผู้ใหญ่และผู้น้อยเพราะมันเป็ นสิ่งที่อลั ลอฮฺและท่านนบีได้ ชี ้นาไว้
อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
َ ﴿ َوأَ ۡحس ُِن ٓوا إ ذن ٱ ذ
َ ّلل ُُي ُِّب ٱل ۡ ُم ۡحسِ ن
]٢١١ : ﴾ [ابلقرة١٩٥ ِي ِ
ความว่า “และจงทาดีเถิด แท้ จริงอัลลอฮฺนนทรงรั
ั้ กผู้ทาความดีทงหลาย”
ั้ (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 195)
การทาไสยศาสตร์ หรื อมายากลนี ้ถือเป็ นสิ่งต้ องห้ าม เพราะเป็ นการกุฟรุ ต่ออัลลอฮฺ และเป็ นสิ่งที่ตรง
ข้ ามกับการศรัทธาและการเชื่อในเอกภาพของอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
ُ ۡ َ ََ ۡ َ ۡ َ َ َ ذ َٰ ُ َ ٓ ذ
]٢٠١ : ﴾ [ابلقرة١٠٢ ّت َيقول إِن َما ن ُن ف ِۡت َنة فل تكف ۡر ه ان مِن أح رد ح َ َُ ََ
ِ ﴿ وما يعل ِم
ความว่า “และเขาทังสองจะไม่
้ สอนให้ แก่ผ้ ใู ด จนกว่าทังสองจะกล่
้ าวว่า แท้ จริงเราเป็ นเพียงผู้ทดสอบเท่านัน้
ดังนัน้ เจ้ าจงอย่าได้ ปฏิเสธศรัทธา” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 102)
หลังจากนันให้
้ ตกั บีรครัง้ ที่สี่ และให้ สลามหนึง่ ครัง้ โดยหันไปทางขวา
ส่งเสริ มให้ ยกมือทัง้ สองข้ างขณะตักบีรฺ ทุกครัง้ และหากญะนาซะฮฺเป็ นผู้หญิ งให้ กล่าวดุอาอ์ด้วย
การปรับเปลี่ยนเฎาะมีรฺหรื อสรรพนามเป็ น
َ
() امهلل اغفر ل َها
และหากญะนาซะฮฺมีสองคน ให้ กล่าว
َ
() امهلل اغفر ل ُه َما
และให้ กล่าวแบบรวมหากญะนาซะฮฺมีหลายศพ
والمد هلل وحده والصالة والسالم ىلع نبينا حممد وآهل وصحبه
อธิบายหนังสือบทเรี ยนต่ างๆ ที่ 1
สาคัญสาหรับคนทั่วไป