Professional Documents
Culture Documents
สภาวิศวกรComputer Programing
สภาวิศวกรComputer Programing
สภาวิศวกรComputer Programing
ศวกร
วิ
ชา : Computer Programming
เนื
อหาวิ
้ ชา : 1 : ความรู
พื
น ฐานทางด
้ านคอมพิ
วเตอร
ข
อที
่
1 : หน
วยเก็
บความจํ
าที
ติ
่ดต
อกับ CPU ได
เร็
วที
สุ
่ดคื
ออะไร
1 : CD-ROM
2 : HARD DISK
3 : SDRAM
4 : REGISTER
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
2 : ลํ
าดับขั้
น ตอนการทํ
างานของคอมพิ
วเตอร
มี
อย
างไร
1 : เริ
ม คํ
่ านวณ ประกาศชนิดตัวแปร รับข
อมู
ล แสดงคํ
าตอบ จบ
2 : เริ
ม ประกาศชนิ
่ ดตัวแปร รับข
อมู
ล คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
3 : เริ
ม รับข
่ อมู
ล ประกาศชนิดตัวแปร คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
4 : เริ
ม รับข
่ อมู
ล ประกาศชนิดตัวแปร แสดงคําตอบ คํ
านวณ จบ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
3 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคุ
ณบัติ
Portable ของการเขี
ยนโปรแกรม
1 : สามารถเขียนโปรแกรมได
ส ั้
น ที
สุ
่ด
2 : สามารถเขียนโปรแกรมให
ประมวลผลได เร็
วที
สุ
่ด
3 : สามารถเขียนโปรแกรมเพื
อทํ
่ างานข
ามเครื
อข
ายได
4 : สามารถยายโปรแกรมไปทํ
างานยังเครืองคอมพิ
่ วเตอร
ต
างระบบได
5 : ถู
กทุ
กขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
4 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัติ
ข องหน
วยความจํ
าประเภท ROM (Read Only Memory)
1 : สามารถอาน และเขี
ยนได
2 : สามารถอานได
อยางเดี
ยว
3 : สามารถเขียนได
อยางเดี
ยว
4 : ไม
ส ามารถอ
านและเขียนได
5 : ไม
มี
ขอถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
5 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัติ
ข อง หน
วยความจํ
าประเภท RAM (Random Access Memory)
1 : สามารถอาน และเขี
ยนได
2 : สามารถอานได
อยางเดี
ยว
3 : สามารถเขียนได
อยางเดี
ยว
4 : ไม
ส ามารถอ
านและเขียนได
5 : ไม
มี
ขอถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
6 : ข
อมู
ล1 MB มี
ข นาดตรงกับข
อใด
1 : 1024 Byte
2 : 1000000 Byte
3 : 1048576 Byte
4 : 1024000 Byte
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่7 : ข
อมู
ล 1 GB มี
ข นาดตรงกับข
อใด
หมายเหตุ เครื
องหมาย ^ หมายถึ
่ งการยกกําลัง เช
น 4^2 KB หมายถึ
ง 4 ยกกํ
าลัง 2 KiloByte
1 : 10^3 KB
2 : 1024 KB
3 : 2^10 KB
4 : 2^20 KB
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
8 : ทํ
าไมคอมพิ
วเตอร
จึ
งใช
เลขฐานสองในการเก็
บข
อมู
ล
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 1/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : คอมพิวเตอรมี
ระดับ Voltage แค2 ระดับ
2 : คอมพิวเตอรประกอบด วยวงจรอิ
เล็
กทรอนิ กส
ซึงมี
่ ลักษณะการทํ
างาน 2 โหมด เหมื
อนสวิ
ทซ เป
ด - ป
ด
3 : การใชเลขเพี
ยงแค 2 เลขในการเก็บขอมูลทํ
าให
คนสามารถติดต
อกับคอมพิวเตอร
ได
ง
ายขึ
น
้
4 : ไม
มี
ขอใดถูกต
อง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
9 : ข
อใดไม
ใช
หน
วยความจํ
าคอมพิ
วเตอร
1 : Random-access memory
2 : Read-only memory
3 : Harddisk
4 : Basic input/output system (BIOS)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
10 : คอมพิ
วเตอร
ประเภทใดมี
ประสิ
ทธิ
ภาพในการทํ
างานสู
งสุ
ด
1 : คอมพิ วเตอร
พกพา
2 : เซิร
ฟเวอร
คอมพิวเตอร
3 : ซูเปอร
คอมพิวเตอร
4 : ไมโครคอมพิ วเตอร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
11 : ข
อใดคื
อส
วนประกอบหลักของคอมพิ
วเตอร
1 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยเก็
บขอมู
ลสํารอง และหน
วยแสดงผล
2 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยความจําสํ
ารอง และหนวยแสดงผล
3 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก และหน
วยแสดงผล
4 : หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยเก็
บข
อมูลสํ
ารอง และหนวยแสดงผล
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
1 : ชนิ
ดของขอมูลตัวแปร d มีการเปลี
ยนแปลง
่
2 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร d มีการเปลี
ยนแปลง
่
3 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร i มี
การเปลียนแปลง
่
4 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร i และ d มี
การเปลี
ยนแปลง
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
13 : คํ
าสั่
งใดที
ทํ
่าการเปลี
ยนแปลงค
่ าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร x
1 : x +=3;
2 : y=x+3;
3 : x *=1;
4 : x /=1;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
14 : ข
อใดคื
อหน
าที
ข อง Compiler
่
1 : ช
วยติดต
อกับอุปกรณ คอมพิวเตอร
2 : ช
วยแกไขรหัส คํ
าสั่
งโปรแกรมใหถู
กตอง
3 : ช
วยจัดสรรทรัพยากรภายในระบบคอมพิ วเตอร
ให
กับโปรแกรมต
าง ๆ
4 : ช
วยแปลคํ าสั่
งภาษาโปรแกรมต าง ๆ ใหคอมพิวเตอร
เข
าใจและทํ
างานได
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
15 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อความหมายของโปรแกรม
1 : ชุดคํ
าสั่
งเพือทํ
่ าให
คอมพิ
วเตอรปฏิ
บัติ
งาน
2 : สัญลักษณ ทีสื
่อความหมายให
่ เครื
องคอมพิ
่ วเตอร
และคนสามารถสื
อสารกัน ได
่ โดยผ
านกรรมวิ
ธี
ที
กํ
่าหนดขึ
น
้
3 : ชุดของเลขฐานสองอาทิ 01101011 ทีคอมพิ
่ วเตอร
เข
าใจ
4 : ถู
กทุกขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
16 : เครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ในยุ
คที
่
2 ใช
เทคโนโลยี
ใด
1 : ทรานซิส เตอร
(Transistors)
2 : หลอดแก วสุ
ญญากาศ (Vacuum tubes)
3 : ไมโครโพรเซสเซอร (Microprocessors)
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 2/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : วงจรรวม (Integrated circuits)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
17 : การประมวลคํ
าสั่
งในลักษณะการทํ
างานแบบสายท
อ (pipelining) สอดคล
องกับข
อใด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
18 : ข
อใดเป
น ความแตกต
างระหว
าง Compiler และ Interpreter ที
ถู
่กต
อง
1 : Compiler ทํ
าหนาทีแปลภาษาคอมพิ
่ วเตอร ทีละบรรทัด แตInterpreter จะแปลภาษาทั้ งโปรแกรม
2 : Compiler แปลไดเฉพาะภาษาเครื
อง แต
่ Interpreter จะแปลได ทุกภาษา
3 : Compiler จะทํ
าการแปลภาษาคอมพิ วเตอร ทั้
งโปรแกรม แต Interpreter จะแปลภาษาคอมพิ วเตอร
บรรทัดต
อบรรทัด
4 : ในการ Debug โปรแกรม ควรใชCompiler ในการแปลมากกว า Interpreter เพราะจะหาข
อผิ
ดพลาดได ง
ายกว
า
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
19 : หลังจากที
ทํ
่าการเขี
ยนโปรแกรมจนเสร็
จเรี
ยบร
อยแล
ว จะต
องคัดลอกไฟล
ใดหากต
องการนํ
าโปรแกรมไปให
ผู
อื
น ใช
่ งาน
1 : Executable File
2 : Source File
3 : Object File
4 : Library File
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
20 : ข
อใดที
ไม
่ ใช
ส
วนประกอบของคอมพิ
วเตอร
1 : คีย
บอร
ด
2 : เมาท
3 : จอภาพ
4 : กลองเก็
บซอล
ฟแวร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
21 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ใดที
มี
่ลักษณะคล
ายโปรแกรมภาษาเครื
อง
่
1 : COBAL
2 :C
3 : C++
4 : ASSEMBLY
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
22 : ข
อใดถู
กต
องสํ
าหรับการหาผลลัพธ
ในการประผวลผลข
อมู
ลในระบบคอมพิ
วเตอร
1 : หน
วยอิ
น พุ
ท
2 : หน
วยเอาท
พุท
3 : หน
วยความจําข
อมู
ล
4 : หน
วยประมวลผลกลาง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
23 : การแปลภาษาเครื
องที
่ ละลํ
าดับหมายถึ
ง
1 : Translator
2 : Result
3 : Interpreter
4 : Complier
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
24 : โฟลว
ชาร
ทตามรู
ปข
างล
างนี
หมายถึ
้ ง
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 3/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : ขบวนการประมวลผล
2 : อิ
น พุ
ท เอาท พุ
ท
3 : จุ
ดเชือมต
่ อภายในหน
าเดี
ยวกัน
4 : การตัดสิ
น ใจ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
25 : ข
อใดไม
ใช
หน
วยเก็
บข
อมู
ลที
ส ามารถแก
่ ไขได
1 : RAM
2 : ROM
3 : Harddisk
4 : CompactFlash
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
26 : ข
อใดไม
ใช
ส
วนประกอบภายใน CPU ของไมโครคอมพิ
วเตอร
1 : Cache memory
2 : ALU (Arithmetic Logic Unit)
3 : Harddisk
4 : Program Counter Register (PC)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
27 : ระบบปฏิ
บัติ
การ (Operating Systems) ตัวใดไม
ได
ถู
กพัฒนาสํ
าหรับเครื
องพี
่ ซี
1 : Unix
2 : Linux
3 : Windows XP
4 : Symbian
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
1 :0
2 :1
3 : 27
4 : 30
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข อที่
29 : จาก pseudocode: a=receive_input_from_user();
if a>5 and a<10 then
if a=8 then
a=a+9;
else
a=a+10;
end
else
if a=0 then
a=a-10;
end
end
ถา run pseudocode ดังกล
าว 3 ครั้
ง โดยกําหนดให input จาก user คื
อ 10, 3, 7 ตามลํ
าดับ ผลลัพธ
ข องค
า a ที
ได
่ ในแต
ละรอบคื
อ:
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 4/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : 0 0 70
2 : 18 -7 0
3 : 9 10 -3
4 : 10 3 17
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
30 : ข
อใดบรรยายคุ
ณลักษณะของ Random Access Memory (RAM) ที
ใช
่ ในเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ได
เหมาะสมที
สุ
่ด
1 : ขนาดทีใช
่ งานในเครื
องคอมพิ
่ วเตอรทั่
วไปแบบตั้
งโต
ะคื
อ 40 Gbyte
2 : ราคาถู
กทีสุ
่ดเมื
อเที
่ ยบกับราคาของหน วยความจํ
าชนิดอื
น
่
3 : ความเร็
วในการทํ
างานชามากเมือเที
่ ยบกับการทํ
างานของหน วยความจํ
าชนิ
ดอื
น
่
4 : ข
อมู
ลทีเก็
่ บจะสู
ญหายเมื อป
่ ดเครือง
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
31 : ไวรัส คอมพิ
วเตอร
คื
ออะไร
1 : เชื
อโรคชนิ
้ ดหนึ
งที
่ ติ
่ดต
อระหว
างผูใช
งานทําให
เกิ
ดการเจ็บปวย ในขณะทีเข
่ าใช
งานตามร านอิ
น เตอร
เนตคาเฟ
2 : เชื
อโรคชนิ
้ ดหนึ
งที
่ ติ
่ดต
อจากเครืองคอมพิ
่ วเตอร
มายังผู
ใช
งาน แตมี
ความรุ
น แรงไมมาก
3 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ที
ถู
่กพัฒนาขึ น มาเพื
้ อใช
่ การตรวจสอบการทํ างานระบบป องกัน
4 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ที
ประสงค
่ ร
ายต อข
อมู
ลและการทํ างานของเครื องคอมพิ
่ วเตอร ซึงสามารถแพร
่ กระจายจากเครื
องสู
่ เครื
อง โดยการใช
่ งานร
วมกัน ของไฟลหรื
อโปรแกรมต
าง
ๆ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
32 : ข
อใดผิ
ด
1 : ฮาร
ดแวร
ข องคอมพิ วเตอร
คือสิ
งที
่ จับตัองได
่ เช
น หน
วยประมวลผล
2 : ฮาร
ดดิกส
เปน ฮาร
ดแวรชนิดหนึง
่
3 : ฮาร
ดแวร
ทีข าดไม
่ ไดคื
อตัวแปลโปรแกรม
4 : หนวยความจําเปน ฮาร
ดแวรที
สํ
่าคัญ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
33 : ข
อใดไม
ใช
ชื
อ operating systems
่
1 : Windows 2000
2 : Windows Office
3 : Windows XP
4 : Linux
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
34 : ข
อใดไม
ใช
ชึ
อภาษาคอมพิ
่ วเตอร
1 : Intel
2 : JAVA
3 : Basic
4 :C
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
35 : จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี
้
เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard output
1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
36 : จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี
้
เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard input
1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Keyboard
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
37 : ข
อใดไม
เกี
ยวข
่ องกับการเขี
ยนโฟลว
ชาร
ต
1 : การระบุ
สวน start/end ของโปรแกรม
2 : การระบุ
เงื
อนไขการทํ
่ างานต
างๆของโปรแกรม
3 : การระบุ
ภาษาที จะใช
่ เขี
ยนโปรแกรม
4 : การระบุ
ตัวแปรที จะใช
่ ในการคํ
านวณ
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 5/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
38 : ข
อใดไม
ใช
ตัวอย
างของอุ
ปกรณ
input
1 : Keyboard
2 : Mouse
3 : Monitor
4 : Scanner
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
39 : ค
าเลขฐาน 16 ต
อไปนี
้
คื
อ 123 จะมี
ค
าเท
ากับเลขฐานสองเท
าใด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
40 : อุ
ปกรณ
ใดไม
ส ามารถนํ
ามาใช
เป
น หน
วยความจํ
าหลัก(main memory)ของคอมพิ
วเตอร
1 : RAM
2 : ROM
3 : PROM
4 : Flash Memory
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
41 : คอมพิ
วเตอร
32 บิ
ต คื
อ คอมพิ
วเตอร
ที
มี
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
42 : การนํ
าคอมพิ
วเตอร
ไปใช
ในการประมวลผลในข
อใดไม
น
าเป
น ไปได
1 : คํ
านวณหาค าสู งสุดของการรับน้าหนักของสะพาน
ํ
2 : หาระยะทางทีส ั้
่ น ที
สุ
ดจากเมื องหนึงไปยังอี
่ กเมื
องหนึ
ง
่
3 : พยากรณอากาศ
4 : พยากรณการเกิ ดแผน ดิ
น ไหว
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
43 : พอร
ตอนุ
กรมแตกต
างจากพอร
ตขนานอย
างไร
1 : พอร
ตอนุ
กรมสามารถรับสงข
อมู ลไดแต
พอรตขนานส งข
อมูลไดอย
างเดี
ยว
2 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลเรียงกัน ไปทีละบิ
ตบนสายหนึ งเส
่ น พอรตขนาน สงข
อมู
ลในแตละบิ
ตออกไปพรอมๆ กัน บนสายหลายๆ เส
น
3 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลโดยผ านระบบปฏิ บัติ
การ พอร
ตขนาน สามารถเขี ยนโปรแกรมติดต
อได
โดยตรง
4 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลได คราวละหนึ งไบต
่ พอร
ตขนานส งขอมู
ลไดคราวละหลายๆ ไบต
5:
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
44 : MO (Magneto-Optical) disk เป
น หน
วยความจํ
าที
มี
่พื
น ฐานบนเทคโนโลยี
้ ใด
1 : เทคโนโลยีส ารกึ
งตัวนํ
่ า
2 : เทคโนโลยีแสง
3 : เทคโนโลยีแมเหล็ก
4 : ข
อ ข. และค. รวมกัน เปน คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
45 : Unicode คื
ออะไร
1 : มาตรฐานชุ
ดคํ าสั่
งที
ใช
่ ในซีพียู
2 : มาตรฐานรหัส แทนข อมู
ลทีใช
่ ในการเก็
บและคํ
านวณของคอมพิวเตอร
3 : มาตรฐานอุ
ตสาหกรรมสํ าหรับการออกแบบโปรแกรมคอมพิ
วเตอร
4 : มาตรฐานรหัส ใชในการแสดงตัวอักษรหรื
อขอความ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
46 : ข
อใด ไม
ใช
องค
ประกอบของระบบคอมพิ
วเตอร
1 : ฮาร
ดแวร
ชิ
น ส
้ วนต
างๆ ที
ประกอบกัน เป
่ น ตัวเครื
อง
่
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 6/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : ซอฟตแวรโปรแกรมตางๆ ทีจะให
่ คอมพิวเตอร
ทํ
างาน
3 : ข
อมู
ล ตัวเลขตางๆ ที
เก็
่ บอยูภายในเครื
อง
่
4 : สมชายที ต
่องใชคอมพิวเตอร
เก็
บข
อมู
ลสัตวในฟาร
ม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
47 : ข
อใดจัดเป
น หน
วยความจํ
าหลักในระบบคอมพิ
วเตอร
1 : RAM
2 : CD-ROM
3 : Floppy Disk
4 : Hard Disk
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
48 : หากต
องการให
ประสิ
ทธิ
ภาพของการทํ
างานของไดร
ฟมี
ประสิ
ทธิ
ภาพที
สู
่ง คํ
ากล
าวในข
อใดถู
กต
องที
สุ
่ด
1 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
สู
่ง และ ความเร็
วในการถายโอนขอมู
ลที
ต่
่ า
ํ
2 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
สู
่ง และ ความเร็
วในการถายโอนขอมู
ลที
สู
่ ง
3 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
ต่
่า และ ความเร็
ํ วในการถายโอนขอมู
ลที
สู
่ ง
4 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
ต่
่าและ ความเร็
ํ วในการถายโอนขอมูลที
ต่
่า
ํ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
49 : พื
น ที
้ ที
่เล็
่ กที
สุ
่ดในการอ
าน หรื
อ เขี
ยนข
อมู
ลลงไปในแผ
น ดิ
ส ก
หรื
อ ฮาร
ดดิ
ส ก
เรี
ยกว
าอะไร
1 : ไบต (Byte)
2 : บิ
ต (Bit)
3 : เซกเตอร (Sector)
4 : แทร็ก (Track)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
50 : เวลาในการเคลื
อนที
่ ข องหัวอ
่ านไปยังตํ
าแหน
งที
ต
่องการอ
านเขี
ยนข
อมู
ล เรี
ยกว
า
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
51 : ความสามารถของระบบปฏิ
บัติ
การที
ส ามารถใช
่ งานโปรแกรมหลายๆ ตัวพร
อมกัน ได
เรี
ยกว
า
1 : Multitasking
2 : Object Linking
3 : Object Embedding
4 : Multi User
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
52 : ข
อใดกล
าวถึ
งคํ
าว
า Hierarchical File System ได
ถู
กต
องที
สุ
่ด
1 : การเก็
บรวบรวมข อมู
ลวาโปรแกรมใดใช อุ
ปกรณตัวใดอยู
2 : โครงสรางการทําเมนู
เพือใช
่ งานในโปรแกรมต างๆ
3 : ระบบทีใช
่ สํ
าหรับการใชข
อมู
ลร
วมกัน ในโปรแกรมต างๆ
4 : โครงสรางการจัดเก็
บไฟล ข
อมู
ลที
มี
่ โครงสรางแบบระดับชั้
น
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
53 : แป
น พิ
มพ
กลุ
มใดใช
ส ร
างคํ
าสั่
งลัดในการสั่
งงานคอมพิ
วเตอร
1 : คี
ย
อักขระ
2 : คี
ย
ตัวเลข
3 : คี
ย
ฟงก
ชั่
น
4 : คี
ย
เคลือนย
่ ายตัวอักษร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
54 : หน
วยวัดความละเอี
ยดในการพิ
มพ
ข องเครื
องพิ
่ มพ
มี
หน
วยเป
น
1 : Dot Pitch
2 : PPM
3 : DPI
4 : bps
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
55 : พอร
ท(Port)ชนิ
ดใดของคอมพิ
วเตอร
ส ามารถรองรับการเชื
อมต
่ อแบบPnP(Plug and Play)
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 7/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : COM1
2 : COM2
3 : USB
4 : ISA
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
56 : หน
วยใดไม
ใช
หน
วยวัดการทํ
างานของคอมพิ
วเตอร
1 : MIPS
2 : MFLOPS
3 : VUP
4 : IPS
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
57 : หน
วยของข
อมู
ลในคอมพิ
วเตอร
ที
เล็
่ กที
สุ
่ดคื
ออะไร?
1 : Bit
2 : Byte
3 : Field
4 : Record
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
58 : มาตรฐานรหัส ใดที
นิ
่ยมใช
กัน มากในป
จจุ
บัน
1 : EBCDIC
2 : ASCII
3 : BCD
4 : UCB
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
59 : อุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี
มี
้การจัดเก็
บและเข
าถึ
งข
อมู
ลแบบลํ
าดับ
1 : Floppy Disk
2 : Hard Disk
3 : CDROM
4 : Tape
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
60 : ระบบเครื
อข
ายใดมี
ข นาดใหญ
ที
สุ
่ด
1 : MAN
2 : LAN
3 : WAN
4 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
61 : ความหมายของคํ
าว
าขั้
น ตอนวิ
ธี
(Algorithm) คื
อข
อใด
1 : การทํ
าความเขาใจกับป
ญหาทีเกิ
่ ดขึ
น
้
2 : การหาวิ
ธี
แก
ปญหา
3 : การอธิ
บายลํ
าดับขั้
น ตอนการทํ
างานเป
น ข
อๆตั้
งแต
ข ั้
น ตอนแรกถึ
งขั้
น ตอนสุ
ดท
าย
4 : การทดสอบวิธี
แกป
ญหา
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
62 : เมื
อเปรี
่ ยบเที
ยบกับร
างกายมนุ
ษย
ส
วนใดของคอมพิ
วเตอร
ที
ทํ
่าหน
าที
เปรี
่ ยบเที
ยบได
กับการทํ
างานของสมอง
1 : CPU + RAM
2 : CPU + Harddisk
3 : RAM + Harddisk
4 : OS + RAM
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
63 : อุ
ปกรณ
ชิ
น ใดที
้ ส ามารถทํ
่ าหน
าที
เป
่ น ได
ทั้
ง Input และ Output
1 : Keyboard, Scanner
2 : Printer, Floppy Disk
3 : Harddisk, Touch Screen
4 : Touch Pad, Monitor
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 8/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
64 : ข
อใดไม
ใช บัติ
OS (ระบบปฏิ การของคอมพิ
วเตอร
)
1 : Opera
2 : Linux
3 : DOS
4 : Unix
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
65 : คอมพิ
วเตอร
ตั้
งโต
ะจัดเป
น คอมพิ
วเตอร
ประเภทใด
1 : Mini Computer
2 : Super Computer
3 : Micro Computer
4 : Analog Computer
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
66 : Hard Disk จัดเป
น หน
วยความจํ
าประเภทใด
1 : หน
วยความจํ
าหลัก
2 : หน
วยความจํ
าสํารอง
3 : หน
วยความจํ
าถาวร
4 : หน
วยความจํ
าชั่
วคราว
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
67 : ข
อใดคื
อรู
ปแบบข
อข
อมู
ลที
ส ามารถนํ
่ าเข
าสู
ระบบสารสนเทศ
1 : ภาพนิง
่
2 : ภาพเคลื อนไหว
่
3 : เสี
ยง
4 : ถู
กทุกขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
68 : ข
อใดกล
าวผิ
ดเกี
ยวกับ Pseudo code และ flow chart
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
69 : ข
อใดไม
ใช
หน
าที
ข อง OS (Operating System)
่
1 : แบ
งปน ทรัพยากรและเนือหาในหน
้ วยความจํ
าให
แต
ละโปรแกรม
2 : โหลดโปรแกรมขึ น มาทํ
้ างาน
3 : อ
านและเขี ยนขอมู
ลจากไฟล
4 : ใช
ประสานงานการติ ดต
อกับผู
ใช
งาน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
70 : เครื
อข
ายอิ
น เตอร
เน็
ตใช
ครั้
งแรกที
ประเทศใด
่
1 : อังกฤษ
2 : ไทย
3 : ญี ปุ
่น
4 : สหรัฐอเมริ
กา
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
71 : คอมพิ
วเตอร
มี
บทบาทกับการศึ
กษาอย
างไร
1 : นํามาประยุกตใช ในกิ
จกรรมการเรียนการสอน เชน ทําสื
อต
่ างๆ
2 : จัดทําประวัติ
น ักเรี
ยน ประวัติ
ครูอาจารย
3 : ใชเป
น แหลงเรียนรู
เช
น การคน คว
าจากอิ
น เทอร
เน็
ต
4 : ถูกทุกขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
72 : หน
วยใดมี
ลักษณะการทํ
างานคล
ายกับสมองของมนุ
ษย
1 : หน
วยประมวลผล
2 : หน
วยรับข
อมู
ล
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 9/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : หน
วยความจํ
า
4 : หน
วยแสดงผล
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
73 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คใด ใช
วงจรไอซี
(Integrated Circuit) เป
น หลัก
1 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คแรก
2 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คที
่2
3 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คที
่3
4 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คในยุคป
จจุ
บัน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
74 : ข
อใดเป
น อุ
ปกรณ
รับข
อมู
ลเบื
องต
้ น
1 : จอภาพ
2 : คี
ย
บอรด
3 : เครื
องพิ
่ มพ
4 : กล
องใสดิ
ส ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
75 : อุ
ปกรณ
ที
ช
่วยในการสํ
ารองไฟฟ
าเวลาไฟดับหรื
อไฟตก เรี
ยกว
าอะไร
1 : Power Supply
2 : Monitor
3 : UPS
4 : Case
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
76 : หน
วยความจํ
าในข
อใด มี
ความจุ
มากที
สุ
่ด
1 : SDRAM
2 : Hard Disk
3 : CD-ROM Disk
4 : Floppy Disk
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
77 : อุ
ปกรณ
ในข
อใด ถื
อว
าเป
น อุ
ปกรณ
ต
อพ
วง
1 : เมาส
2 : คีย
บอร
ด
3 : เครื
องพิ
่ มพ
4 : สายไฟ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
78 : ชุ
ดคํ
าสั่
งหรื
อโปรแกรมที
ใช
่ ส ั่
งงานให
คอมพิ
วเตอร
ทํ
างาน เรี
ยกว
าอะไร
1 : ซอฟต แวร
2 : ฮารดแวร
3 : พีเพิ
ลแวร
4 : ระเบียบวิ
ธี
ปฏิ
บัติ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
79 : ผลลัพธ
ข องนิ
พจน
1 + 4 / 2 คื
อข
อใด
1 : 2.5
2 :3
3 :2
4 : 3.5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
80 : จงหาคํ
าตอบของ 2 + 3 * 4 - 1
1 : 11
2 : 13
3 : 15
4 : 19
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
81 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการหาระยะขจัดของวัตถุ
ที
ตกลงสู
่ พื
น จากสู
้ ตร s = 0.5 * g * t^2 ควรมี
การสร
างค
าคงที
กี
่ตัวในโปรแกรม
่
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 10/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่82 : ถาในมหาวิ
ทยาลัยกํ
าหนดใหน ักศึ
กษาเรี
ยนได
ไม
เกิ
น 8 ปในการเขียนโปรแกรมเพื อทํ
่ าการหาค
าเฉลี
ยของจํ
่ านวนนักศึ
กษาในแต
ละชั้
น ป
(โดยเขี
ยนให
ส ั้
น ที
สุ
่ดและใช
ตัวแปรและค
าคงทีน
่อยที
สุ
่ด) จะต
องใช
ตัวแปรและค าคงที
ประเภทใดบ
่ าง ประเภทละกี
ตัวจึ
่ งจะเหมาะสมที
สุ
่ ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
83 : Assignment Statement ใช
ในการทํ
าอะไร
1 : กํ
าหนดค าให
กับตัวแปร
2 : เปรี
ยบเทียบคาของ expression
3 : สร
าง Array
4 : วนลูป
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
84 : Tool ตัวใดที
ช
่วยในการลดขนาดของแฟ
มข
อมู
ล
1 : WinRAR
2 : Oracle
3 : Apache
4 : WinAmp
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
85 : ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ข องท
านทํ
างานช
าลงอย
างมากเมื
อเปรี
่ ยบเที
ยบกับการทํ
างานของเครื
องเมื
่ อเพิ
่ งซื
่ อมาใหม
้ ทานคิ
ดว
าควรใช
Tool ใดในการแก
ไขป
ญหานี
้
1 : Norton SystemWork
2 : McAfee Internet Security
3 : MS Office Tools
4 : Adobe Acrobat
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
86 : ข
อใดคื
อมาตรฐานของระบบเครื
อข
ายท
องถิ
น ที
่ นิ
่ยมใช
กัน มากที
สุ
่ดในป
จจุ
บัน
1 : IEEE 802.3
2 : IEEE 802.4
3 : IEEE 802.5
4 : IEEE 802.6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
87 : คอมพิ
วเตอร
ไม
เหมาะกับงานประเภทใด
1 : งานที
ต
่องการความถูกต
องสูง
2 : งานที
มี
่ปริ
มาณมาก
3 : งานที
ต
่องการความรวดเร็
วมาก
4 : งานที
มี
่เงื
อนไขการตัดสิ
่ น ใจไม
แน
น อน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
88 : หน
วยวัดความจุ
ใด มี
ค
าเท
ากับ 1024 Byte
1 : Megabyte
2 : Kilobyte
3 : Gigabyte
4 : Terabyte
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
89 : สมาชิ
กที
เล็
่ กที
สุ
่ด หรื
อค
าที
น
่อยที
สุ
่ด ซึ
งแทนได
่ เพี
ยงค
าศู
น ย
หรื
อค
าหนึ
งเท
่ านั้
น เรี
ยกว
า
1 : Bit
2 : Byte
3 : Word
4 : Character
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 11/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
90 : ภาษาสั่
งงานใดที
คล
่ ายภาษาเครื
องมากที
่ สุ
่ด
1 : Fortran Language
2 : NGV Language
3 : Cobol Language
4 : Assembly Language
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
91 : ข
อใดเป
น ขั้
น ตอนการเขี
ยนโปรแกรมที
ถู
่กต
องที
สุ
่ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
92 : คอมพิ
วเตอร
ส ามารถรับรู
คํ
าพู
ดของมนุ
ษย
โดยไม
คํ
านึ
งว
าใครเป
น ผู
พู
ดเราเรี
ยกว
า
1 : Voice Computer
2 : Voice Technology
3 : Special Computer
4 : Voice Recognition
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
93 : ข
อใดเป
น ภาษาคอมพิ
วเตอร
1 : BASIC , POWERPOINT
2 : BASIC , COBOL
3 : COBOL , EXCEL
4 : COBOL , POWERPOINT
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
94 : การบริ
การโอนย
ายข
อมู
ลได
แก
บริ
การใด
1 : FTP
2 : IBM
3 : PPP
4 : GPD
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
เนื
อหาวิ
้ ชา : 2 : ชนิ
ดของข
อมู
ล
ข
อที
่
95 : ถ
าต
องการเก็
บข
อมู
ลค
าตัวเลข 7.82 ต
องใช
ตัวแปรประเภทใด
1 : integer
2 : char
3 : float
4 : bit
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
96 : ผลลัพธ
ข องการกระทํ
า int * float จะให
ผลลัพธ
เป
น ชนิ
ดข
อมู
ลแบบใด
1 : char
2 : int
3 : float
4 : double
5 : ไมมี
ขอถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
97 : ถ
าข
อมู
ลมี
ค
า 3.54 ถ
าเก็
บค
าในตัวแปร int จะให
ค
าผลลัพธ
เป
น อย
างไร
1 : 3.54
2 : 3.5
3 :3
4 :0
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
98 : ข
อใดต
อไปนี
ถู
้กต
อง
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 12/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : 4 bits = 1 byte
2 : 8 bits = 1 byte
3 : 1000 bytes = 1 kilobyte (KB)
4 : 1000 KB = 1 megabyte (MB)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
99 : 16.07 ควรกํ
าหนดเป
น ข
อมู
ลชนิ
ดใด
1 : อักขระ
2 : ขอความ
3 : จํานวนเต็
ม
4 : จํานวนทศนิยม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
100 : ช
อมู
ลชนิ
ดตัวอักษร 1 ตัว มี
ความกว
างกี
บิ
่ต
1 : 7 บิ
ต
2 : 8 บิ
ต
3 : 9 บิ
ต
4 : 16 บิ
ต
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
102 : ถ
าเราต
องการเก็
บค
าของเลขจํ
านวนเต็
มบวกซึ
งมี
่ ค
าตั้
งแต
1 ถึ
ง 32767 เก็
บไว
ที
ตัวแปร n เราควรกํ
่ าหนดอย
างไร?
1 : int n;
2 : signed int n;
3 : unsigned int n;
4 : unsigned char n;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
103 : การประกาศตัวแปรต
อไปนี
้
ข
อใดใช
เนื
อที
้ ในหน
่ วยความจํ
ามากที
สุ
่ด?
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
104 : กํ
าหนดให
char ch = ’A’; ผลของการใช
คํ
าสั่
ง printf ในข
อใดกล
าวถู
ก? (รหัส ASCII ของ A = 65)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
1 : 12 bytes
2 : 13 bytes
3 : 14 bytes
4 : 15 bytes
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 13/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่
106 : ชื
อตัวแปรใดต
่ อไปนี
ไม
้ ส ามารถนํ
าไปใช
ในการประกาศตัวแปรในภาษาโปรแกรมทั่
ว ๆ ไปได
1 : report_99
2 : food
3 : general
4 : 7sumurai
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่107 : ถ
าต
องการให
ตัวแปร x เก็
บค
า -123456
จะต
องประกาศใหตัวแปร x เป
น ชนิ
ดอะไร
1 : unsigned long
2 : int
3 : unsigned int
4 : long
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที่
108 : ต
องประกาศตัวแปรเป
น ชนิ
ดอะไร
จึ
งจะเก็
บคา 12345 ได
อย
างประหยัดหน
วยความจํ
าที
สุ
่ด
1 : double
2 : int
3 : long
4 : float
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
109 : ข
อใดคื
อความหมายของตัวแปรท
องถิ
น (Local Variable) และตัวแปรภายนอก (Global Variable)
่
1 : Local Variable คื
อตัวแปรที
กํ
่าหนดภายในฟ งก
ชัน หรื
อลูปของโปรแกรม Global Variable คื
อตัวแปรทีกํ
่าหนดภายนอกโปรแกรมหลัก
2 : Local Variable คื
อตัวแปรที
มองเห็
่ น เฉพาะในฟ
งกชัน หรื
อในลู
ปโปรแกรม Global Variable คือตัวแปรที
ส ามารถมองเห็
่ น ได
ทุ
กแห
งในโปรแกรม
3 : Local Variable คื
อตัวแปรที
เปลี
่ ยนแปลงค
่ าได
Global Variable คื
อตัวแปรที
ไม
่ ส ามารถเปลี ยนแปลงค
่ าได
4 : ถู
กเฉพาะข อ 1 และ 2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
110 : คอมพิ
วเตอร
จัดเก็
บข
อมู
ลทุ
กชนิ
ดในรู
ปแบบใด
1 : เลขฐานสอง
2 : เลขฐานสิ
บหก
3 : เลขฐานสิ
บ
4 : เลขฐานสิ
บแปด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
111 : เราควรระบุ
ชนิ
ดของตัวแปรให
ส อดคล
องกับช
วงการเก็
บข
อมู
ลที
เป
่ น ไปได
เหตุ
ผลข
อใดสํ
าคัญที
สุ
่ด
1 : เพื
อความรวดเร็
่ วในการคํ
านวณ
2 : เพื
อให
่ ส ามารถเก็
บขอมู
ลทุกตัวได
ถูกตอง
3 : เพื
อรักษาความปลอดภัยของข
่ อมู
ล
4 : เพื
อให
่ หนวยประมวลผลทํ างานงายขึน
้
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
112 : ในการเก็
บค
าเลขจํ
านวนเต็
มด
วยวิ
ธี
Sign-Magnitude จะต
องใช
เนื
อที
้ กี
่บิ
่ตในการเก็
บค
า Magnitude ของเวิ
ร
ดที
มี
่n บิ
ต
1 : n-1 บิ
ต
2 : n-2 บิ
ต
3 : n บิ
ต
4 : n+1 บิต
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
113 : int ใช
ระบุ
ถึ
งตัวแปรประเภทใด
1 : ตัวอักขระ
2 : ชุดขอความ
3 : ตัวเลขจํานวนเต็
ม
4 : เลขฐาน 16
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
114 : float ใช
ระบุ
ชนิ
ดตัวแปรประเภทใด
1 : เลขฐาน 16
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 14/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : ชุดขอความ
3 : ตัวเลขจํ
านวนเต็
ม
4 : ตัวเลขจํ
านวนจริ
ง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
115 : จงแปลงเลข 4286 เป
น เลขฐานสอง
1 : 01100010001110
2 : 01100101001110
3 : 01000110110110
4 : 01000010111110
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
116 : ในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา C,C++ คํ
าตอบข
อใดเป
น ข
อมู
ลของเลขฐาน 16
1 : 120X
2 : 0X14
3 : 013
4 : 31H
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
117 : ข
อมู
ลในลักษณะใดที
ถู
่กต
องที
สุ
่ดต
อไปนี
เป
้ น ข
อมู
ลที
เรี
่ ยกว
า อะเรย
1 : เป
น ข
อมู
ลเลขจํานวนจริ ง
2 : เป
น ข
อมู
ลเลขจํานวนเต็ ม
3 : เป
น ข
อมู
ลชนิดขอความ
4 : เป
น ข
อมู
ลชนิดเดียวกัน หลายขอมู
ลที
ใช
่ ชื
อตัวแปรตัวเดี
่ ยวกัน
5 : เป
น ข
อมู
ลทีไม
่ ส ามารถนํ ามาคํ
านวณได
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
118 : การประกาศค
าตัวแปรในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา c,c++ ที
เก็
่ บข
อมู
ลของเลขฐาน 8 และฐาน 16 จะประกาศเป
น ตัวแปรชนิ
ด
1 : float
2 : double
3 : int
4 : long double
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
119 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช
่ พื
น ที
้ หน
่ วยความจํ
าน
อยที
สุ
่ด
1 : char
2 : int
3 : float
4 : double
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
120 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช
่ พื
น ที
้ ในหน
่ วยความจํ
าขนาด 4 bytes
1 : char
2 : ussigned char
3 : int
4 : float
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
121 : ข
อใดถื
อว
าถู
กต
องในการตังชื
อตัวแปร
่
1 : @@AA
2 : #aa
3 : !aa
4 : aa_
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
122 : ข
อใดเป
น คํ
าตอบที
ถู
่กต
องสํ
าหรับการกํ
าหนดค
าตัวแปร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 15/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่
123 : รหัส บังคับการพิ
มพ
ใดในโปรแกรมภาษา C ที
ใช
่ สํ
าหรับการพิ
มพ
เลขจํ
านวนเต็
มที
ไม
่ มี
เครื
องหมาย
่
1 : %c
2 : %e
3 : %f
4 : %u
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
124 : คํ
าสั่
งในภาษา C,C++ ที
ใช
่ สํ
าหรับบังคับการพิ
มพ
ให
ทํ
าการเลื
อนแท็
่ บในแนวตั้
ง
1 : \n
2 : \t
3 : \v
4 : \r
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่125 : x เป
น ขอมู
ลชนิด Real
y เป
น ข
อมูลชนิ ด Integer
คํ
าสั่
งข
อใดที
ไม
่ ส ามารถใช
งานได
เนื
องจากเกิ
่ ดข
อผิ
ดพลาดในการ compile หรื
อ run โปรแกรม
1 : x+y
2 : x mod y
3 : x*y
4 : x/ y
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
126 : ตัวแปร X ในข
อใดสามารถกํ
าหนดชนิ
ดตัวแปรประเภท int
1 : x = 3000000000
2 : X = 35.01
3 : x = 300 + 20*3
4 : x = 3.1416 * 2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
127 : ตัวแปรชนิ
ดใดเหมาะสมที
สุ
่ด สํ
าหรับเก็
บค
าเฉลี
ย
่
1 : integer
2 : character
3 : string
4 : float
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
128 : ต
องการประกาศตัวแปรเพื
อเก็
่ บข
อมู
ลชนิ
ดตัวอักขระตัวเดี
ยวควรประกาศตัวแปรเป
น ชนิ
ดข
อมู
ลใดต
อไปนี
้
1 : char
2 : string
3 : real
4 : integer
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที่129 : ถ
าให
a=5
b=3
c=true
d=(a>b) xor c
d มี
เท
ากับขอใด
1 : a>b
2 : a<>b
3 : not c
4 : ถู
กทั้
งคํ
าตอบที
่
1 และ 2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
130 : จาก program Q3 เป
น การแปลงอุ
ณหภู
มิ
จาก °C (ตั้
งแต
0°C ถึ
ง 100°C) เป
น °F เมื
อต
่ องการทํ
าให
โปรแกรมนี
ส มบู
้ รณ
บรรทัดที
่
6 ควรเติ
มอะไร
program Q3
1 Program Q3;
2 uses wincrt;
3 var i:integer;
4 c, f: real;
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 16/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
5
6 Procedure CalF(....................., b: real);
7 begin
8 a:= (b*9/5)+32;
9 end;
10Begin
11 writeln('C to F');
12 for i:= 0 to 100 do
13 begin
14 c:= .............;
15 ........................;
16 writeln(C:5:1, F:8:1);
17 end;
18end.
1 : a: integer
2 : a: real
3 : var a: integer
4 : var a:real
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
131 : หากกํ
าหนดตัวแปรดังนี
้
x,y เป
น ชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม z เป
น ชนิ
ดจํ
านวนจริ
ง c เป
น ชนิ
ดอักขระ ข
อใดเป
น นิ
พจน ไม
่
(expression)ที ถู
กต
อง
1 : x+y/z
2 : -z
3 : x*x*y
4 : z+c
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
132 : ถ
าท
านต
องเขี
ยนโปรแกรมเพื
อหาผลคู
่ ณของเมตริ
กซ
ตัวแปรที
ใช
่ เก็
บข
อมู
ลเมตริ
กซ
ที
เหมาะสมมากที
่ สุ
่ดควรเป
น ประเภทใด
1 : จํ
านวนเต็ ม
2 : ประเภทโครงสร าง(record หรื
อ structure)
3 : อาเรย2 มิ
ติ
4 : พอยนเตอร (pointer)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
133 : หากกํ
าหนดตัวแปรสามตัวดังนี
คื
้อ char a,b,c; หาก b มี
ค
าเท
ากับ 100 และ c มี
ค
าเท
ากับ 100 แล
ว a=b*c; จะให
ผลอย
างไร
1 : a จะเก็
บค
า 10000
2 : a จะเก็
บค
า -10000
3 : a จะเก็
บค
า 255 ซึ
งเป
่ น ค
าที
สู
่งที
สุ
่ดเทาที
ตัวแปรชนิ
่ ด char เก็
บค
าได
4 : เกิ
ดความผิดพลาดในการจัดเก็บค
าลงใน a ซึ
งอาจส
่ งผลตอการทํางานของโปรแกรมโดยรวมได
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
134 : ข
อมู
ลของน้
าหนักคนจัดเป
ํ น ข
อมู
ลประเภทใด
1 : Real
2 : Integer
3 : Alphabet
4 : Boolean
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
135 : ข
อมู
ลประเภท Date ควรจัดอยู
ในข
อมู
ลประเภทใด
1 : Real
2 : Integer
3 : Boolean
4 : ไมมี
ข
อถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
136 : ข
อใดคื
อฟ
งก
ชัน ที
รับข
่ อมู
ลที
ละตัวอักขระ
่
1 : printf();
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 17/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : chart();
3 : clrscr();
4 : getchar();
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
137 : ข
อใดคื
อรหัส ควบคุ
มรู
ปแบบสํ
าหรับการแสดงผลตัวเลขจํ
านวนเต็
ม
1 : %c
2 : %f
3 : %d
4 : %s
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
138 : ข
อมู
ลชนิ
ดตัวเลข Float ตรงกับข
อใด
1 : 0123
2 : 0x174
3 : 55.5555
4 : -2345
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
139 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคํ
าสั่
งรับข
อมู
ล
1 : scanf()
2 : printf()
3 : getinfo()
4 : putchar()
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
140 : ข
อใดคื
อหลักการตั้
งชื
อตัวแปรในโปรแกรมภาษาซี
่
1 : ต
องขึ
น ต
้ น ดวยตัวเลข
2 : ภายในชือต
่ องใชส ัญลักษณ#
3 : ความหมายของชื อไม
่ ควรเกิ
น 64 ตัว
4 : ภายในชือไม
่ มี
เว
น วรรค
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
141 : ข
อมู
ลที
มี
่0x นํ
าหน
า เป
น ตัวเลขแบบใด
1 : ข
อมู
ลชนิ
ดเลขฐานแปด
2 : ข
อมู
ลชนิ
ดทศนิยม
3 : ข
อมู
ลชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม
4 : ข
อมู
ลชนิ
ดเลขฐานสิ
บหก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
142 : การตั้
งชื
อในข
่ อใดถู
กต
องในโปรแกรมภาษาซี
1 : com-puter
2 : 8number
3 : right#
4 : class_room
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
143 : การตั้
งชื
อในข
่ อใดถู
กต
องในโปรแกรมภาษาซี
1 : 007bond
2 : james_bond
3 : jason born
4 : jamesbond%
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
144 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคํ
าสั่
งแสดงผลที
ละอักขระ
1 : printf()
2 : scanf()
3 : getchar()
4 : putchar()
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
145 : ฟ
งก
ชัน ใดเป
น การแสดงผลออกทางหน
าจอ
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 18/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : printf()
2 : scanf()
3 : gets()
4 : fopen()
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
146 : ฟ
งก
ชัน ใดเป
น การรับข
อมู
ลเป
น ข
อความ
1 : printf()
2 : fgetpos()
3 : switch()
4 : gets()
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
เนื
อหาวิ
้ ชา : 3 : กระบวนการทางคณิ
ตศาสตร
และตรรกศาสตร
ข
อที
่
147 : จงเขี
ยนสมการทางคอมพิ
วตอร
จากสมการทางคณิ
ตศาสตร
ที
กํ
่าหนดมาให
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่148 : กํ
าหนดให ตัวแปรทุ กตัวเปน ชนิดจํ
านวนเต็
ม
ถ
า a = 100 ; b = 200 ; c = 50 ; d = 2 ;
a/c/d*b + b /(a+c) + a/d*c*b/1000 ; มีคาเท
าไร
1 : 701
2 : 700
3 : 501
4 : 702
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่149 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม
จงหาค
าของ x,a, และ b หลังจากส
วนของโปรแกรมข
างล
างนี
ทํ
้างานเสร็
จ
x = 0; a = -2; b = 5;
x = x + a; a = a + b; b = b - 6;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
1 : x=0, a = -2, b = 5
2 : x = 4, a = 6, b = 2
3 : x = 6, a =6, b = 2
4 : x = 6, a = 5, b = 1
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่150 : ใหa และ b เปน ตัวแปรจํานวนเต็
ม
ถ
า a = 5, b = 2 ผลลัพธข อง a / b มี
ค
าเท
าใด
1 :2
2 : 2.5
3 :1
4 : 0.5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที่151 : ใหa และ b เปน ตัวแปรจํ
านวนเต็
ม และ % คื
อ modulus operator
ถ
า a = 5, b = 2 ผลลัพธข อง a % b มี
ค
าเท
าใด
1:2
2 : 2.5
3:1
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 19/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : 0.5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
152 : ข
อใดให
ผลลัพธ
เท
ากับ (a+b/c-d)*e
1 : ((a+b)/c-d)*e
2 : (a+b)/c-d*e
3 : a+b/c*e-d*e
4 : (a*e+b*e/c-d*e)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
153 : -(-15+(2*4-2))+((6+3)*5+7)/4 มี
ค
าเท
าใด
1 : 23
2 : 22
3 : 21
4 : 20
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
154 : ข
อใดต
อไปนี
ผิ
้ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
155 : กํ
าหนดให
X=1, Y=10, Z=100 นิ
พจน
ใดต
อไปนี
ได
้ ค
าตรรกะเป
น จริ
ง
1 : NOT (Z/Y == Y)
2 : NOT(Y*X == Y)
3 : Z <= (Y*Y –1)
4 : X*Z => Z/X
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
156 : กํ
าหนดให
A=1, B=2, C=3, D=4 เงื
อนไขใดต
่ อไปนี
้
ได
ค
าตรรกะเป
น เท็
จ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1 : จริ
ง
2 : เท็
จ
3 : ไม
ส ามารถสรุ
ปได
4 : ประโยคทีเขี
่ ยนหาค
าทางตรรกะไม
ได
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
158 : ภาษาคอมพิ
วเตอร
ที
ใช
่ ในข
อนี
มี
้คุ
ณสมบัติ
ดังนี
้
จากการคํ
านวณต
อไปนี
้
ข
อใดคํ
านวณหาคํ
าตอบได
ถู
กต
อง
1 : (3<2) + 5 มีคาเท
ากับ 6
2 : (8 % 3) - 1 มี
คาเทากับ 0
3 : (3 = 3) + (6 <> 9) * 3 มี
คาเท
ากับ 6
4 : (23 – 2) & 1 มีค
าเทากับ 1
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่159 : ให
y เปน ตัวแปรจํานวนเต็ ม และ % คื
อ modulus operator
ข
อใดเป
น คาของ y เมือ y = 1 – 5 / 3 + 9 % 4;
่
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 20/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 :0
2 :1
3 : -1
4 :2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่160 : หลังจากส
วนของโปรแกรมข
างล
างนี
ทํ
้างานเสร็
จ answer มี
ค
าเท
าใด (% คื
อ modulus operator)
int a = 1, b = 2, c = 3:
double f = 1.75, g = 1.0, h = 5
double answer;
answer = a + g – b * f – c % b – h * 2;
1 : -11.6
2 : -12.5
3 : -13.1
4 : 12.0
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ขอที ่
161 : กําหนดให
1. fmod(x,y) คื น ค
าเศษหลังจุ
ดทศนิยมของผลหาร x/y
2. floor(x) คื
น ค
าจํานวนเต็
มทีได
่ จากการป
ดเศษหลังจุ
ดทศนิ
ยมของค
าในตัวแปร x ทิ
งไป
้
หลังจากทํ
างานสองบรรทัดข
างล
างนี
แล
้ ว x มี
ค
าเป
น เท
าไร (ให
x เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง)
x = 19.75;
x = fmod(x, floor(x));
1 : 1.00
2 : 19.75
3 : 0.75
4 : 1.75
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่162 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิดจํ
านวนเต็ม
หลังจากสวนของโปรแกรมข างลางนี
ทํ
้ างานเสร็
จ x1 และ x2 มี
ค
าเท
าใด?
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 - 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;
1 : x1 = 5, x2 =5
2 : x1 = 3, x2 =1
3 : x1 = 1, x2 =5
4 : x1 = 3, x2 =3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที่163 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิดจํ
านวนเต็ม
หลังจากสวนของโปรแกรมข างลางนี
ทํ
้ างานเสร็
จ ตัวแปร ans มี
ค
าเท
าใด
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 - 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;
ans = x4 + x3 + x3 + x2 + x1;
1 : 18
2 : 17
3 : 16
4 : 15
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที ่164 : กํ
าหนดให
int x, y = 7, z = 5;
x = ((++y) + (z--)) % 10;
เมื
อส
่ วนของโปรแกรมข
างบนนี
ทํ
้างานแล
ว ค
าของ x คื
ออะไร?
1:0
2:1
3:2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 21/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4:3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่165 :
if(raining)
if(window_open)
puts("Close the window");
ส
วนของโปรแกรมด
านล
างข
อใดต
อไปนี
มี
้ความหมายเหมื
อนกับส
วนของโปรแกรมด
านบน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที ่
166 : กํ
าหนดให sqrt(Y) คื
อฟ
งก
ชัน หาค
ารากที
ส องของ Y จงหาค
่ าของนิ
พจน
ต
อไปนี
้
เมื
อให
่ ค
าตัวแปร M = -3 N = 5 X = -3.57 Y = 4.78
1. sqrt(Y) < N
2. (X > 0) OR (Y > 0)
3. (NOT((M > N) AND (X < Y))) OR ((M <= N) AND (X > X))
1 : 1. เท็
จ 2. จริ
ง 3. จริ
ง
2 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. จริ
ง
3 : 1. เท็
จ 2. เท็
จ 3. จริง
4 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. เท็
จ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่167 : กํ
าหนดคาของตัวแปรจํ
านวนเต็
มต
อไปนี
้
count = 16, num = 4;
และคาของตัวแปรจํานวนจริงต
อไปนี
้
value = 31.0, many = 2.0;
เมือกระทํ
่ าตามคํ าสั่
งต
อไปนี ้
value = (value - count)*(count - num)/many + num/many;
ตัวแปร value มี
ค
าเทาไร
1 : 91
2 : 92
3 : 101
4 : 102
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
168 : กํ
าหนดตัวแปร Value = 50; เมื
อกระทํ
่ าการ bit-wise XOR (exclusive or) ด
วยตัวแปร Value เอง จะมี
ผลอย
างไรกับค
าตัวแปร Value
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
169 : ข
อใดคื
อความแตกต
างระหว
าง Bitwise Operator และ Logical Operator
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
170 : กํ
าหนดให
% แทน modulus operator
ถ
า 22 % x มี
ค
าเท
ากับ 4;
x มี
ค
าเท
าไร
1 :2
2 :4
3 :6
4 :8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
171 : ข
อใดมี
ค
าจริ
งเสมอ
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 22/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : P and P
2 : P or P
3 : not(P) and P
4 : not(P) or P
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที
่
172 : กําหนดให ฟงกชัน f มี
ลักษณะดังนี้
เงื
อนไขที
่ ่
1 f(n) = f(n-1)+f(n-2) เมื
อ n เป
่ น จํ
านวนเต็
ม, n ≥ 2
เงื
อนไขที
่ ่
2 f(1) = 1 และ f(0) = 1
จงหาว
า f(7) มี
คาเท าไร
1:0
2 : 11
3 : 21
4 : 31
5 : นับไม
ถ
วน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที่173 : กํ
าหนดให
ฟ
งก
ชัน g มี
คุ
ณสมบัติ
ดังนี
้
g(0) = 1
g(n) = 2g(n-1) เมื
อn>0
่
จงหาค า g(n)
1 : g(n) = 2n
2 : g(n) = n*n
3 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง n
4 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง (n+1)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
174 : โอเปอเรเตอร
++ หมายถึ
งการกระทํ
าในลักษณะใด
1 : เพิ
มค
่ าตัวแปรที ละหนึ
ง
่
2 : การหารคาตัวแปร
3 : การยกกํ
าลังของตัวแปร
4 : การหารแบบป ดสวน
5 : การบวกแบบทวี คู
ณ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
175 : 3+4*6/2+1 มี
ค
าเท
ากับ
1 :9
2 : 11
3 : 14
4 : 16
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
176 : ข
อใดเป
น จริ
งเมื
อ q=10,r=5,s=10
่
1 : (s/r) <= q
2 : (s*r) <=q
3 : (q-r) == (s-q+r)
4 : (q) < (r-s)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
177 : จงหานิ
พจน
ที
ส มมู
่ ลกับ NOT( A OR B OR C)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที่178 : ฟุ
ตบอลไทยจะชนะเมือมี
่ เงื
อนใขต
่ อไปนื
ครบถ
้ วน
1. นักฟุตบอลสมบู รณ
2. ฝนต องไมตก
3. แขงในเมึองไทย
3. แตถ
าศูน ย
หนาปวยอาจแพ
ได
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 23/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : A AND B AND C AND D
2 : A AND B OR C AND D
3 : A AND B AND C OR D
4 : A AND B AND C AND (NOT D)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
179 : (1 + 2 * 3 - 4) มี
ค
าเท
าใด
1 : -3
2 :1
3 :3
4 :5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่180 : ใหa และ b เป
น ตัวแปรจํานวนเต็
ม และ % แทน modulus operator
อยากทราบว า a และ b มี
ค
าเท าใด ที
ทํ
่ าให
a % b มี คาเท
ากับ 1
b % a มี คาเท
ากับ 2
1 : a = 5 และ b = 4
2 : a = 4 และ b = 5
3 : a = 3 และ b = 2
4 : a = 2 และ b = 3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
181 : 3 + 5 * 5 -1 มี
ค
าเท
าใด
1 : 23
2 : 27
3 : 49
4 : 625
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่182 : ถ
าให
ตัวแปร wet, cold, windy มี
ค
าความจริ งดังนี
้
wet=true, cold=false, windy=false
เครื
องหมาย && คื
่ อ and , เครื
องหมาย || คื
่ อ or, เครื
องหมาย ! คื
่ อ not
จงหาค
าความจริ
งของ (cold && !wet) || !(windy || cold)
1 : จริ
ง
2 : เท็
จ
3 : นิ
พจน ที
เขี
่ ยนเป
น นิ
พจน
ทางตรรกศาสตร
ที
ผิ
่ด
4 : ไม
ส ามารถหาได
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
183 : ข
อใดถู
กต
อง
1 : (x > 0) จะเป
น จริ
ง เมือ x เป
่ น0
2 : (x >= 0) จะเป
น จริ
ง เมือ x ไม
่ เทากับ 0
3 : (x <= 0) จะเป
น เท็จ เมื
อ x เป
่ น จํ
านวนบวก
4 : (x < 0) จะเป
น เท็
จ เมือ x เป
่ น จํ
านวนลบ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่184 : ให
%แทน modulus operator และมี
ลํ
าดับการทํ
างานจากซ
ายไปขวา
(203 % 10 % 9 % 7 % 5) มี
ค
าเท
าใด
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
185 : ให
% แทน modulus operator
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 24/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่186 : กํ
าหนดใหa,b,c เปน ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม ซึ
งมี
่ ค
าดังนี
้
a=10,b=20,c=30
จงหาคาของนิพจนa + b * c / a + 10
1 : 70
2 : 80
3 : 100
4 : 120
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่187 : ให&& แทน AND, || แทน OR
operator ใดทํางานก
อนเป
น อัน ดับแรก ในการหาค
าของนิ
พจน
ตรรกศาสตร
ข
างล
างนี
้
1 : + ใน (y + 80)
2 : > ใน (x > y + 80)
3 : &&
4 : ||
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ขอที่188 : x = 1 + 2 + 3 + 4 + 5;
x = x + x;
x = x + x;
x = x + x;
เมื
อส
่ วนของโปรแกรมข
างบนนี
ทํ
้างานเสร็
จ x มี
ค
าเท
าใด
1 : 120
2 : 100
3 : 80
4 : 60
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ขอที ่
189 : กํ
าหนดให
1. ~ คือการกระทํา one-complement (หรื อเรี
ยกอีกอยางว
า bit-wise not)
2. & คือการกระทํา bit-wise and
3. ! คื
อการกระทํา logical not
4. ผลของการกระทํ า logical operation มี
ค
าไดเพียงสองคาเท านั้
น คื
อ 1 (จริ
ง) และ 0 (เท็
จ)
1 :5
2 :1
3 :0
4 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่190 : สมมติว
ามีการต
อเครืองคอมพิ
่ วเตอร
เขากับระบบภายนอก ซึงเมื
่ อมี
่ การอ
านข
อมูลเข
ามาทางพอร ตขนาด 8 บิ
ต แล
ว 4 บิ
ตบน จะเป
น คาข
อมู
ลจากแหล
งที
หนึ
่ ง และ 4 บิ
่ ต
ลาง เป
น คาข
อมู
ลจากแหล งที
ส อง หากเราต
่ องการตรวจสอบว า ค
าข
อมู
ลจากแหลงทีหนึ
่ ง เป
่ น ค
าใดนั้
น เราจะต
องใช
นิ
พจน
ใดเพือหาค
่ าดังกล
าว สมมติ
ว
าข
อมู
ลได
ถู
กนํ
ามาพักไว
ใน
ตัวแปร x กอนทีจะส
่ งเข
านิพจน เพื
อทํ
่ าการหาคํ าตอบ
1 : x>>4
2 : x/16
3 : x-64
4 : x%64
5 : ไมส ามารถหาได
ต
องออกแบบให
มี
การรับค
าแยกพอร
ตกัน เท
านั้
น
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่191 : ใหตัวแปรทุ กตัวเปน ตัวแปรจํานวนจริ
ง
โดยที
่X1 = 1, X2 = 2, X3 = 3, X4 = 4
อยากทราบว า X1 / X2 * X3 / X4 มีคาเท
าใด
1 : 0.417
2 : 0.375
3 : 0.667
4 : 0.867
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
192 : กํ
าหนดให
/ คื
อ operator หารแบบจํ
านวนเต็
ม ซึ
งจะป
่ ดเศษทิ
งเสมอ
้
นิ
พจน
ใดข
างล
างนี
ที
้ไม
่ ได
ค
าเป
น 23
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 25/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 :3+4*5
2 : 200 / 5 / 2 + 10 / 3
3 : 1 + 77 / 7 * 2
4 : 23 / 3 * 3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
193 :
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่194 : กํ
าหนดให
m เป
น ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็ม
ข
อใดเป
น การตรวจสอบค
าของตัวแปร m ที
ต
่ างจากขออื
น
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่195 : ให
n เป
น ตัวแปรแบบจํ
านวนเต็ม และ % แทน modulus operator
จะทํ
าอย
างไรจึงจะไดตัวเลขสองตัว ณ ตํ
าแหน
งหลักพัน และหลักร
อยของจํานวนเต็
มในตัวแปร n (เช
น ถ
า n = 12345 สิ
งที
่ ต
่องการคื
อ 23)
1 : (n / 1000) % 100
2 : (n % 1000) / 100
3 : (n % 10000) / 100
4 : (n % 10000) / 1000
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่196 : ให C คื
อตัวแปรจํ
านวนจริ
งทีแทนอุ
่ ณหภูมิ
เปน องศาเชลเชียส
ข
อใดข
างล างนีไม
้ แทนการแปลงอุ ณหภมิ ใน C ให
เป
น องศาฟาเรนไฮต เพื
อเก็
่ บใส
ตัวแปร F
หมายเหตุ : 0 องศาเซลเซียสเทียบได
กับ 32 องศาฟาเรนไฮต และ 100 องศาเซลเซียสเทียบได
กับ 212 องศา ฟาเรนไฮต
1 :F = C * 180/100 + 32
2 :F = 32 + 1.8 * C
3 :F = 1.8C + 32
4 :F = 9 * C / 5 + 32
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที่
197 : ให
% แทน modulus operator
((201 % (11 % 8)) % (9 % 5)) มี
ค
าเท
าใด
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่198 : ให
m คื
อตัวแปรจํ
านวนเต็
ม
ข
อใดทีไม
่ ใชนิ
พจน
ที
แทนการทดสอบ 1 <= m <= 12
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่199 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคี
่
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 26/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : (n == 1) || (n == 3) || (n == 5) || (n == 7) || (n == 9)
2 : (n / 10 == 1)
3 : (n / 2 == 1)
4 : (n % 2 == 1)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่200 : ใหn เปน ตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริงเมือ n มี
่ คาตั้
งแต13 ถึ
ง 22
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
201 : ให
n เป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็
มที
เก็
่ บรหัส ไปรษณี
ย
ที
มี
่ข นาด 5 หลักที
ใช
่ กัน อยู
ในป
จจุ
บัน (เช
น 10600 แถวคลองสาน 10300 แถวปทุ
มวัน กรุ
งเทพฯ)
ถ
าเป
น รหัส ไปรษณี
ย
ข องจังหวัดประจวบคี
รี
ข ัน ธ
จะขึ
น ต
้ น ด
วย 77 เช
น 77000 คื
ออํ
าเภอเมื
อง 77130 คื
ออํ
าเภอทับสะแก
ข
อใดให
ค
าจริ
งเมื
อ n เก็
่ บรหัส ไปรษณี
ย
ข องจังหวัดประจวบคี
รี
ข ัน ธ
1 : (n % 77 == 0)
2 : (n % 100 == 77)
3 : (n / 1000 == 77)
4 : (n / 77 == 0)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่202 : ให random() เปน ฟ
งก
ชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งที
สุ
่ มจากค
าในชวง [0, 1) คือตั้
งแต0 ไปจนถึ
งเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ขอใดเป
น การสุ มค
าจํานวนเต็ มในชวง [a, b] คื
อตั้
งแตa จนถึ
ง b (a และ b เปน ตัวแปรจํานวนเต็
ม โดยที่
a < b)
าหนดให
(กํ floor(x) เป
น ฟ
งก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็ มที
ได
่ จากการปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)
1 : floor(random() * (b - a + 1))
2 : floor(a + random() * b)
3 : a + floor((b - a) * random())
4 : a + floor((b - a + 1) * random())
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่203 : ใหa เป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็ ม
สมมติ
ว
า a เก็บจํานวนตั้งแต0 ถึ
ง 99 ขอใดข
างล
างนี
ทํ
้าให
b มี
ค
าเป
น จํ
านวนที
เขี
่ ยนสลับหลักสิ
บกับหลักหน
วยของ a (เช
น a เก็
บ 21 จะได
b เก็
บค
า 12 เป
น ต
น)
1 :b = a / 10 + (a % 10)
2 :b = (a % 10) * 100 + (a % 10)
3 :b = 10 * (a % 1) + (a % 10)
4 :b = 10 * (a % 10) + (a / 10)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที่204 : ใหตัวแปรทุกตัวเปน ตัวแปรจํ
านวนเต็
ม
a = 2, b = 4, c = 8, d = 16;
อยากทราบว
า a + (c + d) / a * b + d / a มี
ค
าเท
าใด
1 : 58
2 : 60
3 : 13
4 : 122
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที่205 : ใหตัวแปรทุกตัวเป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็
ม
a = 2, b = 4, c = 8, d = 16
อยากทราบว
า b * a + d / b / a + b * c มี
ค
าเท
าใด
1 : 24
2 : 35
3 : 42
4 : ไม
มี
ข
อใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
206 : ให
a เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR
ข
อใดให
ผลเป
น เท็
จตลอด ไม
ขึ
น กับค
้ าของ a
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 27/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
207 : ให
a เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR
ข
อใดให
ผลเป
น จริ
งตลอด ไม
ขึ
น กับค
้ าที
เก็
่ บใน a
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่208 : เส
น ตรงเส
น หนึ
งผ
่ านจุ
ด (x1, y1) และ (x2, y2) บนระนาบสองมิ
ติ
ข
อใดเป
น นิพจนทีคํ
่านวณหา slope ของเสน ตรงเสน นี
้
1 : y1 - y2 / x1 - x2
2 : y2 - y1 / x2 - x1
3 : (y1 - y2) / x1 - x2
4 : (y1 - y2) / (x1 - x2)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที่209 : ให(x1, y1) และ (x2, y2) เป
น จุ
ดสองจุ
ดบนระนาบสองมิ
ติ
และ sqrt(d) คื
อฟงกชัน ที
คื
่น ค
ารากที ส องของ d
่
ข
อใดคื
อนิ
พจน
ที
คํ
่านวณหาระยะห
างที
ส ั้
่ น สุ
ดระหว
างจุ
ดสองจุ
ดนี
้
1 : sqrt((x1-x2)*(x1-x2)+(y1-y2)*(y1-y2))
2 : sqrt((x1-x2)*(x2-x1)+(y1-y2)*(y2-y1))
3 : sqrt((x2-x1)*(x1-x2)+(y2-y1)*(y1-y2))
4 : sqrt((y1-y2)*(y2-y1)+(x1-x2)*(x2-x1))
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่210 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู
1 : (n == 0) || (n == 2) || (n == 4) || (n == 6) || (n == 8)
2 : (n / 10 == 0)
3 : (n % 2 == 0)
4 : (n / 2 == 0)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่211 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่212 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู
1 : (2*n/2 == n)
2 : (n/2*2 == n)
3 : (n/10*10 == n)
4 : (10*n/10 == n)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่213 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็
ม
ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคี
่
1 : (n/2*2 == n+1)
2 : ((n+1)/2*2 == n)
3 : ((n-1)/2*2 == n)
4 : (n/2*2 == n - 1)
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 28/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่
214 : วัน สงกรานต ตรงกับวัน อะไร สามารถคํ านวณได ดังนี
้
1. เปลี
ยน ป
่ พ.ศ. เปน ค.ศ.
2. นํ
าสองหลักทางขวาของป ค.ศ คูณด วย 1.2 แล วบวกด วย 11
3. นํ
าผลในข อ 2 ปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมทิง (ใช
้ ฟงกชัน floor) แลวหารด
วย 7
4. เศษของการหาร 7 ถ าเป
น 0 คืออาทิ ตย1 คื อจัน ทร, ..., 6 คื
อเสาร
การคํานวณนี ใช
้ ไดตั้
งแตป
2543 ไปประมาณร อยป
ถ
า y เก็
บปพ.ศ. ข อใดคํ านวณผลในข อ4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่215 : ให
random() เป
น ฟ
งกชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งที
สุ
่มจากค
าในช วง [0, 1) คื
อตั้
งแต0 ไปจนถึงเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ข
อใดเป
น การสุมค
าจํ
านวนเต็ มตั้
งแต 0 จนถึ ง 50 (กํ
าหนดให
floor(x) เป
น ฟงก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็
มทีได
่ จากการป ดเศษหลังจุ
ดทศนิ
ยมของ x ออกหมด)
1 : floor( 50*random() )
2 : floor( 50*random() ) % 50
3 : floor( 51*random() ) % 100
4 : ไมมี
ขอใดถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่216 : ให random() เปน ฟ
งก
ชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งทีสุ
่มจากค
าในชวง [0, 1) คื
อตั้
งแต0 ไปจนถึ
งเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ขอใดเป
น การสุ มค
าจํานวนเต็ มในชวง [-10, 10] คื
อตั้
งแต-10 จนถึ
ง 10
าหนดให
(กํ floor(x) เป
น ฟ
งก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็ มที ได
่ จากการปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
217 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า s = a*b+c; s =
1 : 15
2 : 16
3 : 17
4 : 18
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
218 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า t = b+c*b; t =
1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 12
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
219 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า v = a*a+b*b+c*c; v =
1 : 36
2 : 28
3 : 38
4 : 48
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
220 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า x = a%5; x =
1 :0
2 :2
3 :4
4 :6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
221 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า y = a/c; y =
1 : 1.5
2:2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 29/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : 2.5
4:3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
222 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า z = a/d; z =
1 :0
2 : 10
3 : 11
4 : 12
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
223 : การดํ
าเนิ
น การโดยใช
เครื
องหมาย && จะให
่ ผลลัพธ
เป
น อย
างไร เมื
อ i = 2 และ j = 5 ในการดํ
่ าเนิ
น การ (i>3) && (j>4)
1 : เป
น จริ
ง
2 : เป
น เท็
จ
3 : เป
น บวกเสมอ
4 : เท
ากับหนึง
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
224 : value1 , value2 ที
แสดงโดยชุ
่ ดคํ
าสั่
งต
อไปนี
มี
้ค
าเท
าใด
n = 20;
value1 = n++;
value2 = ++n;
printf(“%d , %d ”,value1,value2);
1 : 20 , 21
2 : 21 , 20
3 : 21 , 21
4 : 20 , 22
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
เนื
อหาวิ
้ ชา : 4 : การทํ
างานแบบลํ
าดับ
ข
อที่225 : ถ
าให x = 5; y = 7; z = 12;
และ k = (x + y) * z + y;
จงหาคาของ k
1 : 74
2 : 128
3 : 151
4 : 96
5 : 47
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
226 : สมการ z เท
ากับ x กํ
าลังสอง บวก y กํ
าลังสอง เขี
ยนเป
น นิ
พจน
ในภาษาคอมพิ
วเตอร
ได
อย
างไร
1 : z = x2 + y2;
2 : z = x * x + y * y;
3 : z = x * 2 + y * 2;
4 : z = x ** 2 + y ** 2;
5 : z = xx + yy;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่227 : ถากํ
าหนดใหRelative Precedence ของ Operators เป
น ไปตามลํ
าดับดังนี
้
1) ++ -- 2) * / % 3) + - จากลํ
าดับ Operator Precedence ด
านบน จงjหาค
าตัวแปรดัง
ต
อไปนี
้x = 4 + 5 * 3;
1 : x= 27
2 : x = 19
3 : x= 17
4 : ไม
ส ามารถระบุ
ค
าได
5 : ถู
กทุกขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่
228 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ชุ
ดคํ
าสั่
งคื
อ
i=0
i=i+1
j=1
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 30/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
j=i+j
เมื
อคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ ผลลัพธ
้ จากการทํ
างานคื
อข
อใด
1 : i มี
ค
า0
2 : j มี
ค
า0
3 : j มี
ค
า1
4 : j มี
ค
า2
5 : j มี
ค
า3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
229 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น
รับคา x และ y
นําคา x + y ใส
ลงใน a
นําคา x – y ใส
ลงใน b
แสดงค าผลคู ณของ a กับ b
จบ
ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
้
โดยผู
ใช
ใส
ค
า 8 และ 2 ผลลัพธ
ที
ได
่ คื
อข
อใด
1 :8
2 : 16
3 : 28
4 : 60
5 : 66
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
230 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น
รับคา x, y และ z
นําคาทีมากที
่ สุ
่ดของ x, y, z ไปใส
ไวใน a
นําคาทีน
่ อยทีสุ
่ดของ x, y, z ไปใสไว
ใน c
นําคาเฉลี ยของ x, y, z ไปใส
่ ไว
ใน b
จบ
ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบแล
้ วข
อใดเป
น จริ
ง
1 :a <b<c
2 :a >b>c
3 :a <= b <= c
4 :a >= b >= c
5 :a >= b <= c
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
231 : ข
อใดได
ผลลัพธ
บนหน
าจอเหมื
อนกับคํ
าสั่
งต
อไปนี
้
int a = 50; PRINTtoSCREEN(a+200);
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
232 : ถ
า x, y และ z มี
ค
าเป
น 18, 12 และ 4 ตามลํ
าดับ ข
อใดต
อไปนี
เป
้ น ค
าถู
กต
อง เมื
อมี
่ การทํ
างานเป
น ดังโปรแกรม x = x – y; y = y – x; z = x * y / z;
1 : x = 9;
2 : y = 12;
3 : z = 18;
4 : x = 2/3 ของ z;
5 : y = 1/3 ของ z;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที ่233 : เมือ x, y และ z มี
่ ค
าเป
น 100, 13 และ 91 ตามลํ
าดับ และมี
การทํ
างานดังโปรแกรม
1: z = z / y;
2: y = y + z;
3: x = x * z / y;
ข
อใดถู กต อง
1 : x มี
ค
าเท
ากับ 25
2 : z มี
ค
าเท
ากับ 8
3 : y มี
ค
าเท
ากับ 21
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 31/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : ถ
าต
องการให
x มี
ค
าเท
ากับ 12 จะต
องเปลี
ยนคํ
่ าสั่
งในบรรทัดที่
3 เป
น (x+z)/y
5 : ถ
าต
องการให
x มี
ค
าเท
ากับ 25 จะต
องเพิ
มคํ
่ าสั่
ง z = z-2;ก
อนหน
าบรรทัดที่3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที่234 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
X= 3
Y = X+ 1
X= Y + 2
END
1 :6
2 :5
3 :7
4 :4
5 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่235 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
X= X+ 2
X= 0
X= X+ 1
END
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่236 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
Y = 11
X= Y
Y=Y+3
END
1 :0
2 :3
3 : 11
4 : 14
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1 : 2,4
2 : 2,5
3 : 3,4
4 : 3,5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
1 : 4,5
2 : 4,6
3 : 5,5
4 : 5,6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่239 : x = 10
y=5
x=y
y=x
หลังจากโปรแกรมทํ างานครบทั้
งสี
บรรทัด ข
่ อใดผิ
ด
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 32/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : ตัวแปร x จะมีค
าเทากับ 5
2 : x - y จะมีค
าเท
ากับ 5
3 : y จะมีคาเท
าเดิ
ม
4 : ไมมี
ขอใดผิด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่240 : ถ
า b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
่
2 แล
ว a จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1b =b +c;
บรรทัดที่
2a =b - 5 ;
1 :5
2 : 20
3 : 25
4 : 15
5 : 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที่241 : ถ
า b = 5 และ c = 8 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
่
3 แล
ว a จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1 b = b * 2;
บรรทัดที่
2c=c+b ;
บรรทัดที่
3 a = b * c;
1 : 40
2 : 65
3 : 80
4 : 180
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที่242 : ถ
า b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
่
4 แล
ว c จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1 b = b + c;
บรรทัดที่
2 a = b - 5;
บรรทัดที่
3 b = a -c;
บรรทัดที่
4 c = b + a;
1 : -10
2 :5
3 : 10
4 : 15
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
243 : ลํ
าดับคํ
าสั่
งในข
อใดต
อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
เป
น การสลับค
าของตัวแปร x กับ ตัวแปร y
1 : x=y; y=x;
2 : x=x+y; y=x-y; x=y-x;
3 : x=x-y; y=y+x; x=x+y;
4 : x=x+y; y=x-y; x=x-y;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
244 :
1 : 12
2 : 13
3 : 15
4 : 18
5 : 20
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
245 :
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 33/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
246 :
1 : บรรทัด 04 กับ 05
2 : บรรทัด 05 กับ 06
3 : บรรทัด 06 กับ 07
4 : บรรทัด 07 กับ 08
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
247 : โครงสร
างแบบใดมี
ลักษณะการทํ
างานการวนรอบเพื
อทํ
่ างานซ้
าจะเริ
ํ มต
่ น จากการทํ
างานตามคํ
าสั่
งของ do ก
อน หนึ
งรอบ แล
่ วจึ
งเริ
มตรวจสอบ เงื
่ อนไขที
่ คํ
่าสั่
ง while
1 : for
2 : if-else
3 : while
4 : do-while
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
248 : คํ
าสั่
งใดเป
น การขึ
น บรรทัดใหม
้
1 : \m
2 : \n
3 : \o
4 : \p
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่ 249 : จากโปรแกรม main() { int a,b,c,d; printf(“Enter three number ”); scanf(“%d%d%d”,&a,&b,&c); d =c; if(a>d) d = a; if(b > d) d = b; printf(“value of D =
%.2f”,); } เป
น โปรแกรมใด
1 : เป
น โปรแกรมหาค
าผลรวม
2 : เป
น โปรแกรมหาค
าเฉลี
ย
่
3 : เป
น โปรแกรมหาค
ามากทีสุ
่ด
4 : เป
น โปรแกรมหาค
าน
อยทีสุ
่ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
250 : สัญลักษณ
ดังรู
ปหมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด
1 : กิ
จกรรมประมวลผล
2 : จุ
ดเริ
มต
่ น หรือจุ
ดสุดท
ายของกิ
จกรรม
3 : การตัดสิน ใจหรื
อเปรี
ยบเที
ยบ
4 : แฟมขอมู
ล
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
251 : สัญลักษณ
ดังรู
ปหมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 34/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : การแสดงผลข อมูลทางจอภาพ
2 : การรับข
อมูล และแสดงขอมู
ล
3 : เส
น แสดงทิ ศทางของกิจกรรม
4 : การตัดสิ
น ใจหรือเปรี
ยบเที
ยบ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
252 : ข
อใดคื
อสัญลักษณ
ข องผังงานการตัดสิ
น ใจหรื
อเปรี
ยบเที
ยบ
1 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมคางหมู
่
2 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมขนมเป
่ ยกปู
น
3 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมจตุ
่ รัส
4 : รู
ปวงกลม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
เนื
อหาวิ
้ ชา : 5 : การทํ
างานแบบเลื
อก
1 : x= 30 ; y = 25:
2 : x= 40 ; y = 25:
3 : x= 50 ; y = 25:
4 : x= 25 ; y = 25:
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
1 :( x = 16 ; y = 25 ;)
2 :( x = 14 ; y = 30 ;)
3 :( x = 12 ; y = 35 ;)
4 :( x = 10 ; y = 40 ;)
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
255 : ถ
า A = 20 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร
1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 35/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่
256 : ถ
า A = 5 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร
1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
257 : ถ
า A = 8 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร
1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
258 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนด ถ
าหลังจาก RUN โปรแกรม แล
วค
า y =15+0.2x ถามว
าค
า x มี
โอกาส เป
น เท
าไร
1 : x อาจจะเป
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 79 หรื
อ 75
2 : x อาจจะเป
น 87 หรื
อ 82 หรื
อ 77 หรื
อ 76
3 : x อาจจะเป
น 85 หรื
อ 80 หรื
อ 77 หรื
อ 76
4 : x อาจจะเป
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 78 หรื
อ 75
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 36/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1 : 30.8 , 32.5
2 : 17.9, 32.5
3 : 17.9, 30.8
4 : 30.8, 17.9
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
260 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด
1 : if....then....else
2 : if .. then
3 : for loop
4 : ไม มีขอใดถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
261 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 37/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : if.. then
4 : ไม มีขอใดถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
262 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด
1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : do.... while
4 : ไม มีขอใดถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข อที่
263 : จากคําสั่
งต
อไปนี
เมื
้ อทํ
่ างานจนจบ X มี
ค
าเท
าไร เมื
อ a = 100
่
if (a >= 1000)
X = 1;
else if (a < 10)
X=2;
else if (a > 100)
X = 3;
else
X = 4;
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 38/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
5:4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข อที่264 : แสดงค
าในตัวแปร x ที
เกิ
่ ดจากผลการทํ
างานของโปรแกรมนี
้
int x=50;
if (x > 50)
x=x+10;
else if (x < 30)
x=x+20;
else x=x+30;
x=x+10;
1 : 90
2 : 80
3 : 70
4 : 60
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
1 :0
2 :4
3 : 10
4 :1
5 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
268 : ข
อใดมี
ความหมายเช
น เดี
ยวกัน กับ a += (n1 >= n2) ? n1 : n2;
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 39/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
269 : จากการใช
if (a <= b) c = a; else c = b; ข
อใดกล
าวถู
ก?
1 : c จะมี
คาเทากับ a ก็ต
อเมือค
่ าของ a มากกวาค
าของ b
2 : c จะมี
คาเทากับ b ก็ต
อเมือค
่ าของ a เท
ากับค
าของ b
3 : คาของ c จะไม มากกวาคาของ b เสมอ
4 : คาของ c จะมากกว าคาของ a ก็
ตอเมือค
่ าของ a มากกว
าb
5 : มี
คําตอบที ถู
่ กมากกว า 1 ขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข อที่
270 : ในการใชif statement เพื
อเช็
่ คดูว
าค
าของ n เป
น เลขคี
่ซึ
งอยู
่ ในช
วงตั้
งแต
10 – 30
หรื อไม
น ั้
น เราต
องใช
คําสั่
งอยางไร? หมายเหตุ== คื
อเปรียบเทียบเท
ากับ
!= ไมเท
ากับ
|| OR
&& AND
/ div
% mod
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่271 : กําหนดตัวแปร n เป น integer
ถาต
องการเช็ ควาตัวแปร n เก็ บเลขที ลงท
่ ายดวย 3
น 3, 13, 23, 33, ...) เราต
(เช องใช คํ
าสั่
ง if อย
างไร?
หมายเหตุ % คื อ mod , / คื อ div , == เปรียบเที ยบเท
ากับ
1 : if((n % 3) == 0)
2 : if((n / 3) == 0)
3 : if((n % 10) == 3)
4 : if((n / 10) == 3)
5 : มีคําตอบที ถู
่กมากกว
า 1 ข
อ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่272 : กํ
าหนด constant ชื
อ MAXNUM มี
่ ค
า 20 ตัวแปร integer number มี
ค
า 30; if (number > MAXNUM) number = MAXNUM; PRINT_TO_SCREEN(number); จาก
โปรแกรมดานบน number ที
ได
่ จะมี
ค
าอย
างไร
1 : number = 0
2 : number = 20
3 : number = 30
4 : number = 40
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
กตอง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่273 : แสดงผลการทํ
างานของคํ
าสั่
งต
อไปนี
้
โดยกํ
าหนดการป
อนค
า
1. N= 5
2. N= 2
IF (N < 5) THEN
IF (N == 4) THEN PRINT "Hello."
ELSE IF (N == 3) THEN PRINT "Goodbye."
PRINT "Siam"
1 : 1. Siam 2. Goodbye
2 : 1. Hello 2. Goodbye
3 : 1. Siam 2. Siam
4 : 1. Hello 2. Goodbye
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
274 : ให
เครื
องหมาย && คื
่ อ and operator
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 40/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ผิ
ดทุ
กข
อ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
275 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น
รับคา x และ y
ถา x > y และ y > 0 ให
นํ
า 0 ใส
ลงไปใน y
จบ
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
ใส
ค
า 5 และ 3 แล
วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ
ง
1 : x มี
ค
า3
2 : y มี
ค
า3
3 : y มี
ค
า5
4 : y มี
ค
า0
5 : y มี
ค
า -1
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
276 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น
รับคา x และ y และ z
ถา x > y แล
วz=0
มิฉะนั้
น z=1
จบ
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ
ง
1 : z มี
ค
า 0 หรื
อ 1 เท
านั้
น
2 : z มี
ค
า 0 เมื
อx=y
่
3 : z มี
ค
า0
4 : z มี
ค
า1
5 : z มี
ค
า 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
277 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น
รับคา x และ y และ z
ถา (x + y) > z แล
ว z=x+y
มิฉะนั้น ถ
า z = 0 แล
ว z=y – x
จบ
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
ใส
ค
า 1 และ 2 และ 4 แล
วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ
ง
1 : z มี
ค
า1
2 : z มี
ค
า2
3 : z มี
ค
า3
4 : z มี
ค
า4
5 : z มี
ค
า5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
278 : ข
อใดสมมู
ลกับประโยค if (x <= 80 and x > 49)
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 41/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
279 : ผลลัพธ
ข องนิ
พจน
ในข
อใดที
แตกต
่ างจากผลลัพธ
ข องนิ
พจน
(5+4) / 3 < 3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่
280 : if (วัน นี
ฝนตก หรื
้ อ เป
น วัน หยุ
ด) then ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย
else ฉัน จะไปซื อของ
้
สมมุติว
า "วัน นีเป
้ น วัน ทํ
างาน แตว
าฝนตก"
ขอใดคือผลลัพธ ที
ถู
่ กตอง
1 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย
2 : ฉัน จะไปซื
อของ
้
3 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย และ ฉัน จะไปซื
อของ
้
4 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย แตฉัน จะไม
ไปซื
อของ
้
5 : ฉัน จะไม
ไปออกกํ
าลังกาย และ ฉัน จะไปซื
อของ
้
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
281 : A B เป
น เงื
อนไข X เป
่ น ตัวแปร
X= 0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา A จริ
ง B เท็
จ เมื
อโปรแกรมหยุ
่ ด X มี
ค
าเท
าไร
1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ไม
ทราบค
า
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
282 : A B เป
น เงื
อนไข X เป
่ น ตัวแปร
X= 0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา A เท็
จ B จริ
ง เมื
อโปรแกรมหยุ
่ ด X มี
ค
าเท
าไร
1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ไม
ทราบค
า
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข อที
่283 : num = -1
if (num < 0) then (num = num + 1)
num มี
ค
าเท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
้
1 : -1
2:0
3:1
4:2
5 : ไมมี
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข อที่
284 : answer = 10
if (a > 10) then answer = answer * 2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 42/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
if (a < 5) then answer = answer - 1
else if (a > 7) then answer = answer + 1
เมื
อมี
่ การกํ
าหนดค
าให
ตัวแปร a ข
อความใดเป
น จริ
ง
1 : ถ
า a = 3 จะไดค
า answer = 9
และถ า a = 8 จะได
คา answer = 11
2 : ถ
า a = 3 จะไดค
า answer = 11
และเมื อ a = 7 จะได
่ คา answer = 10
3 : เมื
อ a = 7 จะได
่ ค
า answer = 20
เมือ a = 8 จะได
่ ค
า answer = 10
4 : เมื
อ a = 1 จะได
่ ค
า answer = 9
เมือ a = 7 จะได
่ ค
า answer = 20
5 : answer = 10 ไมว
า a จะมี
ค
าเปน เท
าไรก็
ตาม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
285 : ข
อ 3 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม
1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
286 : ข
อ 1 จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี
้
เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard output
1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
287 : ข
อ 3 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 43/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
288 : ข
อ 4 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม
1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่
289 : ต
องการเขี ยนโปรแกรมเพือคํ
่ านวณหาค
าเสื
อรวมเมื
้ อราคาเสื
่ อเป
้ น ดังนี
้
น
อยกวา 10 ตัวราคาตัวละ 250 บาท
น
อยกวา 20 ตัวราคาตัวละ 230 บาท
น
อยกวา 30 ตัวราคาตัวละ 200 บาท
น
อยกวา 50 ตัวราคาตัวละ 150 บาท
ควรเลื
อกใชคําสั่
งใดตอไปนี้
1 : if....then
2 : if....then.....else
3 อ nested if)
: if...then...else if... (หรื
4 : for
5 : while
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข อที
่290 : ให
V เปน ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนจริ งมี
คา 2.5
if V > 2.0 then
begin
M := 3.0 * V;
end
else
begin
M := 0.0;
end;
V :=M;
หลังจากคํ าสั่
งขางต
น ถูกกระทํ
าแล
ว ค
า V เป
น เทาไร หมายเหตุ
begin...end ก็
คื
อ {..} และ := ก็
คื
อ = ในภาษา C
1 : 0.0
2 : 2.5
3 : 7.5
4 : 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
291 : จาก flowchart ข
างล
างนี
้
การทํ
างานจะมาถึ
งกล
อง J ได
อย
างไร
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 44/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : A, B, C, และ H ตองเป
น จริ
ง
2 : A และ H เปน จริ
ง B เป
น เท็
จ
3 : A และ B เปน เท็
จ สวน H เปน จริ
ง
4 : A, H และ C เปน เท็
จ
5 : ไมมี
ขอใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
เนื
อหาวิ
้ ชา : 6 : การทํ
างานแบบวงวน
1 :0 1 2 3 45
2 :5 4 3 2 1
3 :1 2 3 4 5
4 :5 4 3 2 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
293 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนด จงหาค
า val , n และวนรอบกี
ครั้
่ ง หลังจากจบโปรแกรม ให
ค
า y=0 ,x = 1 , k=2 ,b=9
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
294 : ถ
า A = 4 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร
1:B=8
2 : B= 16
3 : B=32
4 : B=64
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
295 : ถ
า A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 45/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1:B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=6
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
296 : ถ
า A = 5 และ B = 1เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร
1 : B=7
2 : B=9
3 : B=11
4 : B=13
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
297 : ถ
า A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร
1 : B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=8
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
298 : ความแตกต
างระหว
างการทํ
างานของคํ
าสั่
ง While และ Do-While คื
ออะไร
1 : คํ
าสั่
ง While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข ส
่ วนคํ
าสั่
ง Do-While ตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนถ
าเป
น จริ
งจึ
งทํ
าคํ
าสั่
งที
ต
่องการ
2 : คํ
าสั่
ง While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข ส
่ วนคํ
าสั่
ง Do-While ตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนถ
าเป
น เท็
จจึ
งทํ
าคํ
าสั่
งที
ต
่องการ
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 46/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : คํ
าสั่
ง While ตรวจสอบเงือนไขก
่ อนถ
าเป น จริ
งจึ
งทําคําสั่
งที
ต
่องการ ส
วนคํ
าสั่
ง Do-While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข
่
4 : คํ
าสั่
ง While ตรวจสอบเงือนไขก
่ อนถ
าเป น เท็
จจึ
งทําคําสั่
งที
ต
่องการ ส
วนคํ
าสั่
ง Do-While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข
่
5 : ทั้
งสองคํ
าสั่งทํ
างานเป
น วงวนเหมื
อนกัน ไมแตกตางกัน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
1:0
2:4
3 : 10
4 : ไม
มี
ข
อใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
1 : โปรแกรมนีพิ
้มพ
คา i ทั้
งหมด 5 ครั้
ง
2 : ค
า i ค
าสุ
ดท
ายคื
อ4
3 : ค
า j สุ
ดท
าย คื
อ2
4 : ค
า j สุ
ดท
าย คื
อ6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข อที่
302 : จาก algorithm ด านล าง โปรแกรมจะทํ างานวน loop ทั้ งหมดกี
รอบ
่
--------------------------------------------------------------------------
กําหนด x=0, y = 1, z = 5
while(x < 6) {
y =z+x
if (y < 11) {
x=y +x
}
}
1 :1
2 :2
3 :3
4 :5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ขอที่303 : ข
อใดตอไปนี
ได
้ ค
าตัวแปร sum เท
ากับโปรแกรมต
อไปนี
้
sum = 0;
for(i=1; i<=100; i++)
{
sum = sum +i;
}
1 : sum = 0;
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 47/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
j = 0;
for(i=0; i<100; i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
2 : sum = 0;
j = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
3 : sum = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}
4 : sum = 0;
for(i=0;i<=99;i++)
{
sum = sum +i;
}
5 : sum = 0;
for(i=0;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ขอที่304 : โปรแกรมที
ให
่ มี
การทํ
างานวนรอบทั้
งหมดกี
รอบ และแต
่ ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับเท
าไร
int a=10;
while (a >= 1)
{
a = a - 2;
}
1 : 10 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 1,2,3,4,5,6,7,8,9 และ 10
2 : 10 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 10,9,8,7,6,5,4,3,2 และ 1
3 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 9,7,5,3 และ 1
4 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 10,8,6,4 และ 2
5 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 2,4,6,8 และ 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข อที ่305 : กํ
าหนดให
int i;
for (i = 1;i < 10; i++){
if ( i > 7 ) continue;
if ( i == 5 ) break;
printf(”KORAT”);
}
สตริ ง KORAT จะถู กพิมพ
ทั้
งหมดกี
ครั้
่ ง?
1 : 10
2 :6
3 :4
4 :5
5 :7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
306 : ข
อใดมี
ความหมายตรงกับคํ
าว
า Inifinite Loop มากที
สุ
่ด
1 : ผิ
ดเงื
อนไขโปรแกรมจะไม
่ ทํ
างานภายในลู ป
2 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดคาตัวแปรในโปรแกรม
3 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดในโปรแกรมโดยมี จุ
ดสิน สุ
้ ด
4 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดในโปรแกรมโดยไม มี
จุ
ดสิ น สุ
้ ด
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
กต
อง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที ่307 : i = 0;
for (j = -2; j < 3; j++) {
i = j + i++;
} ค
า i จะมีค าเทาไร
1:2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 48/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 :4
3 :6
4 : -6
5 : -4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที่308 : j = k = 0;
do {
j += k;
k += 2;
} while (k < 20);
อยากทราบว าค
า j มี
คาเท
าไร
1 : 50
2 : 60
3 : 70
4 : 80
5 : 90
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
309 : Recursive Function มี
ความหมายว
าอย
างไร
1 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
ทํ
่างานแบบไม รู
จบ
2 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
มี
่การเรี
ยกจากภายในฟงก
ชัน เอง
3 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
มี
่เงื
อนไขจึ
่ งจะออกจากโปรแกรมได
4 : คื
อฟ
งก
ชัน สํ
าหรับทํ
างานในโปรแกรมระบบเท านั้
น
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
310 : Nested Loops มี
ความหมายอย
างไร
1 : คื
อ Loop ทีโปรแกรมวนไมรู
จบ
2 : คื
อ Loop ทีมี
่คํ
าสั่
งประเภทเดียวกัน ซ
อนอยู
3 : คื
อ Loop ทีมี
่คํ
าสั่
งวนซอนกัน มากกวา 1 Loop
4 : คื
อ Loop เฉพาะที มี
่เงื
อนไขสํ
่ าหรับออกจากโปรแกรม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
311 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริ
มต
่ น
x=1
ทําซ้
า
ํ
x=x+1
จนกระทั่
ง x>5
จบ
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ
ง
1 : x มี
ค
า1
2 : x มี
ค
า5
3 : x มี
ค
า6
4 : x มี
ค
า7
5 : x มี
ค
า8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
312 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น โปรแกรม
รับคา x และ y
ทําซ้า
ํ
ถา x > y แลว
{ แสดงค า x ; x=x– 1 ; }
จนกระทั่ ง x=y
จบโปรแกรม
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
ใส
ค
า 5 และ 1 แล
วจะมี
การแสดงค
าอะไร
1 :5
2 :5 1
3 :5 432
4 :5 4321
5 :5 43210
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 49/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่
313 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
BEGIN
sum = 0 ;
FOR count = 1 to n
{ sum = sum + 1 ; write(sum) ; }
END
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วจะมี
การแสดงค
าอะไร
1 :0 1 2 3 4 ไปจนถึงn
2 :1 2 3 4 ไปจนถึงn
3 :0 1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
4 :1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
5 :1 3 5 7 ไปจนถึงn
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
314 : ในการประมวลผลการทํ
างานของฟ
งก
ชัน แบบเรี
ยกซ้
า สิ
ํ งสํ
่ าคัญที
จํ
่าเป
น ต
องทราบคื
อข
อใด
1 : จุ
ดเริ
มต
่ น ของการทํางาน
2 : จุ
ดสิน สุ
้ ดการทํางาน
3 : ค
าเริ
มต
่ น ของการทํ
างาน
4 : นิ
พจน ทั่
วไปที
ไม
่ เรี
ยกซ้า
ํ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่315 : ในการหาค
าของ n ตัวแรกที
ทํ
่ าให
ผลบวกของอนุ
กรม 1 + 2 +3 +..+ n > 15 เป
น จริ
ง ถ
าตรวจสอบเงื
อนไข ผลบวก > 15 ในการออกจากวงวนหลังจากที
่ ทํ
่าการบวก
สะสมค
าของพจน โปรแกรมนี
จะวนอยู
้ ในวงวนกี
เที
่ ยว
่
1 : 5 เที
ยว
่
2 : 6 เที
ยว
่
3 : 7 เที
ยว
่
4 : 8 เที
ยว
่
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที ่
316 : จาก psuedocode:
a=0;
while a<20
show a on a screen;
a=a+1
a=0; end ผลลัพธ ค
า a หลังจาก run เสร็
จแล
วคื
อ
1:0
2 : 20
3 : 19
4 : ไมมี
คํ
าตอบที
ถู
่กเนื
องจากโปรแกรมไม
่ ส มบู
รณ
5 : ไม
มี
คํ
าตอบที
ถู
่กเนื
องจากโปรแกรมทํ
่ างานไมหยุ
ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่317 : พิ
จารณาโปรแกรมต
อไปนี
้
S=0
X= 0
WHILE X < N
BEGIN
S=S+2
X= X+ 1
END
STOP
ถ
า N = 10 เมื
อโปรแกรมวิ
่ งจนจบ S มี
่ ค
าเท
าไร
1 : 10
2 : 12
3 : 20
4 : 22
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
318 : ต
องการ บวก 1 ถึ
ง N คํ
าตอบเป
น S โปรแกรมต
อไปนี
้
บรรทัดไหนผิ
ด
1S=0
2 X= 1
3 WHILE X < N
BEGIN
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 50/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4S=S+X
5 X= X+ 1
END
STOP
1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
319 : ให
N เปน เลขคู
มากกวา0
ขณะที
โปรแกรมทํ
่ างานอยู
X กับ Y มี
ค
าตรงกัน พร
อนกัน ได
หรื
อไม
ค
าใด
X= 0
Y=N
WHILE X < N
BEGIN
X= X+ 1
Y=Y-1
END
STOP
1 : ไม
มีวัน ตรงกัน
2:0
3:N
4 : N/2
5 : N/2 + 1
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่320 : x = 0
for count = 1 to 3
x = x + count
x มี
ค
าเป
น เท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
้
1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข อที่
321 : value = -1
while (value < 3)
if (value < 0) then (value = value + 1)
value มี
ค
าเท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
้
1 : -1
2:0
3:2
4:4
5 : ไมมี
คํ
าตอบ เนื
องจากโปรแกรมไม
่ หยุ
ดทํ
างาน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
1 : count <=9
2 : count !=9
3 : count+1<=8
4 : count+1 < 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
323 : ถ
าต
องการวนรับอายุ
ข องผู
ใช
จนกว
าจะใส
ค
าที
มากกว
่ าศู
น ย
น
าจะตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนหรื
อหลังจากรับค
าอายุ
เก็
บไว
ในตัวแปร
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 51/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : ก
อน
2 : หลัง
3 : กลาง
4 : ก
อนหรื
อกลาง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
324 : คํ
าสั่
งเที
ยมต
อไปนี
ส อดคล
้ องกับผลลัพธ
ในข
อใด Set A = 1 Set R = 0.2 FOR I = 1 to N do A = A*(1+R)
1 : A = (1+R)^N
2 : A = A*(1+R)
3 : A = (1+R)*N
4 : A = (1+R)(1+R)
5 : A = A*(1+R)*N
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
325 : ชุ
ดคํ
าสั่
งเที
ยม DO X = X + 1; WHILE (X < 10); เที
ยบเท
ากับคํ
าสั่
งในข
อใด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
326 :
1:
2:
3:
4:
5:
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
327 :
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 52/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : หาผลรวม
2 : หาค
าเฉลี ย
่
3 : หาค
าเบียงเบนมาตรฐาน
่
4 : หาค
ามัธ ยฐาน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
328 : กํ
าหนดให
== คื
อ operator ในการตรวจสอบความเท
ากัน ของข
อมู
ล
1 : หาคามากสุ
ด
2 : นับจํ
านวนตัวทีมาก
่
3 : หาวามี
ค
าใน data ที
มี
่คาเท
ากับ x หรือไม
4 : นับจํ
านวนตัวใน data ที
มี
่ ค
าเทากับ x
5 : ไมมี
ข
อใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
329 :
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
330 : ข
อใดผิ
ดสํ
าหรับส
วนโปรแกรมที
ต
่องการวนรับตัวอักษรไปเรื
อย ๆ จนกว
่ าจะกด q โดยที
มี
่การประกาศตัวแปรให
ใช
ดังนี
้
char check=’w’;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
331 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี
้
ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j+5;
1 : i = 10 j = 50
2 : i = 10 j = 25
3 : i = 12 j = 50
4 : i = 12 j = 25
5 : ไมมี
ขอถูกตอง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
332 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี
้
ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =2; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j*2;
1 : i = 10 j =32
2 : i = 10 j = 64
3 : i = 12 j = 32
4 : i = 12 j =64
5 : ไมมี
ขอถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
333 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี
้
ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j+2;
1 : i = 10 j = 10
2 : i = 10 j = 8
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 53/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : i = 16 j = 10
4 : i = 16 j = 8
5 : i = 16 j = 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
334 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี
้
ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =1; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j*2;
1 :i=8j=8
2 : i = 16 j = 8
3 : i = 16 j = 32
4 : i = 8 j = 16
5 : i = 16 j = 16
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5
ข
อที
่
335 :
1:
2:
3:
4:
5:
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
336 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี
้
ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*3) j = j+2;
1 : i = 12 j = 8
2 : i = 27 j = 8
3 : i = 12 j =6
4 : i =27 j =6
5 : i =27 j=10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
337 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; do { j = j-1; } while (j >0);
1:7
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 54/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 :8
3 :9
4 : 10
5 : 11
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
338 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j =10; do { j = j-2; } while (j >0);
1 :3
2 :5
3 :7
4 :9
5 : 10
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
339 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; do { j = j/2; } while (j >0);
1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
340 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j -1; }
1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : 12
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
341 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j -2; }
1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
342 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j - 3 ; }
1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
343 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะเกิ
ดแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ; i < 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }
1:9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
344 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }
1:9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
345 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i = 1 ;i< 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 55/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
346 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =1 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
347 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ;i< 10 ; i=i+2) { printf ("Test\n"); }
1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
348 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี
้
จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =1 ;i< 10 ; i=i*2) { printf ("Test\n"); }
1:2
2:3
3:4
4:5
5 : ไม
มี
ข
อถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
349 :
1:a=4b=8
2:a=4b=7
3 : a =5 b= 8
4 : a =5 b= 7
5 : ไม
มี
ขอถู
ก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
350 :
1 : a = 5 b =6
2 : a = 5 b =7
3:a=4b=6
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 56/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : a = 4 b =7
5 : ไม
มี
ขอถูก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
351 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการคู
ณ matrix ขนาด m x n จํ
านวน 2 matrix จะต
องใช
การวนลู
ปกี
ชั้
่ น ในการแก
ป
ญหานี
้
1 : 4 ชั้
น
2 : 2 ชั้
น
3 : 1 ชั้
น
4 : 3 ชั้
น
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
352 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการหาค
าน
อยที
สุ
่ดของเลขจํ
านวนเต็
ม ถ
ามี
เลขจํ
านวนเต็
มอยู
10 ตัว จะต
องมี
การวนลู
ปลึ
กกี
ชั้
่ น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบขึ
น กี
้ ครั้
่ ง
1 : 1 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 10 ครั้ง
2 : 1 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 9 ครั้
ง
3 : 2 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 36 ครั้ง
4 : 2 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 45 ครั้ง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
353 : ถ
า ส
วน for(x = 2; x <20; x+=3) อยู
ในโปรแกรมที
แสดงค
่ า x ทุ
กค
าจนจบโปรแกรม ค
าของ x ในข
อใดไม
ถู
กต
อง
1 :8
2 : 14
3 : 17
4 : 18
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
354 : สัญลักษณ
ดังรู
ป หมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด
1 : การรับหรื
อแสดงผลโดยไม ระบุ
อุ
ปกรณ
2 : การแสดงผลทางจอภาพ
3 : การแสดงผลข อมู
ลเป
น เอกสาร เช
น แสดงผลทางเครื
องพิ
่ มพ
4 : จุ
ดเริมต
่ น หรื
อจุ
ดสุ
ดทายของกิจกรรม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
355 : โปรแกรมที
แสดง x = 2; while(x<=100) x++; ให
่ ผลลัพธ
อย
างไร
1 : โปรแกรมแสดง 1-100
2 : โปรแกรมแสดงเลขคูตั้
งแต2-100
3 : โปรแกรมแสดงเลขตั้
งแต2-100
4 : โปรแกรมแสดงเลขคีตั้
่ งแต2-100
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
เนื
อหาวิ
้ ชา : 7 : Arrays 1-2 มิ
ติ
ข
อที
่
356 : กํ
าหนด a[] = {7,3,2,5,6}; ความหมายของ a[3] จะมี
ค
าเท
าใด
1 :7
2 :3
3 :2
4 :5
5 :6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
357 : ข
อใดถู
กต
องที
สุ
่ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
358 : ข
อความ “Hello-World” ต
องใช
ตัวแปรอะเรย
ชนิ
ด char จํ
านวนกี
ตํ
่าแหน
ง
1:9
2 : 10
3 : 11
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 57/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : 12
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที
่359 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนดหลังจบโปรแกรมจงหาค
า matrix และหาค
าวนรอบจุ
ด A , B ,C,E จุ
ดละกี
รอบ เมื
่ อตํ
่ าแหน
ง Array เริ
มที
่ ่
a[1][1] ,b[1][1] ให
ค
า n= 1,m=2
,x=1,y=3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
360 : รหัส เที
ยม(pseudocode) ต
อไปนี
ตรงกับการทํ
้ างานในข
อใด
1 : การเรี
ยงตัวเลขจากน
อยไปหามาก
2 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน
อย
3 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
B โดยใช
อาร
เรย
A และ C ช
วย
4 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
C โดยใช
อาร
เรย
A และ B ช
วย
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
361 : จากรหัส เที
ยม(pseudocode)ที
กํ
่าหนดให
หากมี
การเปลี
ยนบรรทัดที
่ ่
7 เป
น for j = 1 to length[A] จะเกิ
ดผลตรงกับข
อใด
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 58/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
C โดยใช
อาร
เรย
A และ B ช
วย
2 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
B โดยใช
อาร
เรย
A และ C ช
วย
3 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน
อย
4 : การเรี
ยงตัวเลขจากน
อยไปหามาก
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
362 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode)ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี
้
1 :1
2 :3
3 :5
4 :7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
363 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี
้
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 59/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 :2
2 :4
3 :6
4 :8
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
364 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี
้
1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
365 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของโปรแกรม Y ซึ
งมี
่ การเรี
ยกใช
งานฟ
งก
ชัน X ดังต
อไปนี
้
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 60/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : 12
2 :8
3 :7
4 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
366 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) โปรแกรม Y ซึ
งมี
่ การเรี
ยกใช
งานฟ
งก
ชัน X ดังต
อไปนี
้
1 :1
2 : 10
3 :9
4 : 21
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 61/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ข
อที
่
367 : คํ
าสั่
งใดมักนิ
ยมใช
ในการนํ
าข
อมู
ลเข
าไปเก็
บและแสดงผลข
อมู
ลในตัวแปรชุ
ด
1 : loop
2 : while
3 : do-while
4 : for
5 : do-until
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
1 : Hello World
2 : World
3 : dlroW olleH
4 : dlroW
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข อที่369 :
จาก algorithm ด านล างนี ้จงหา ค าของตัวแปร what ที พิ
่มพ
ออกมา
----------------------------------------------------------------------
score = {1, 4, 8, 5, 6, 2}
what = score[0]
FOR (index=0; index < 6; index=index+1) {
if ( score[index] > what ) {
what = score[index];
}
}
print(what)
1 :1
2 :8
3 :6
4 :2
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ขอที ่ 370 : ค
าที
เก็
่ บในตัวแปรชุ
ด a[ ][ ] หลังจากการทํ
างานของโปรแกรมคื
อข
อใด
int a[3][4];
int i,j;
for(i=0; i<3; i++)
for(j=0; j<4; j++)
a[i][j] = i*j;
1 :000 0
0 000
0 123
2 :000 0
0 123
0 236
3 :000 0
0 123
0 146
4 :000 0
0 123
0 246
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่371 : กํ
าหนดให int data[6][5][4];
ถ
าต
องการใหตัวแปรตัวที่20 เก็
บคา 100 เราต
องใช
คํ
าสั่
งอย
างไร?
1 : data[0][4][3] = 100;
2 : data[1][4][3] = 100;
3 : data[1][3][3] = 100;
4 : data[0][3][3] = 100;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ขอที่372 : ถ
า y = { 1, 9, 2, 6, 7 };
y[3] จะมี
คาเทาไร
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 62/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 :1
2 :9
3 :2
4 :6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่373 : ถ
า y[3][3] = {{7, 4, 5}, {6, 1, 8}, {2, 3, 4}};
y[2][1] มี
คาเท
าไร
1 :1
2 :3
3 :4
4 :6
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
374 : int function_x(int x[] int len) { int temp = x[0]; for(int i=1; i
1 : เรี
ยงคาน
อยไปหาคามาก
2 : เรี
ยงคามากไปหาค
านอย
3 : คน หาค
าที
น
่ อยที
สุ
่ด
4 : คน หาค
าที
มากที
่ สุ
่ด
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
375 : จากโปรแกรมด
านล
าง ค
าของ x[7] และ d[7] จะมี
ค
าเท
าใด int x[8] = 0; int d[8] = 0; int k; for(k=1;k<8;k++) { x[k] = (2*k-1); d[k] = d[k-1] + x[k]; }
1 : 9, 25
2 : 11, 36
3 : 13, 49
4 : 15, 64
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ขอที่376 : กํ
าหนดใหตัวแปร x และ y เป
น แถวลําดับ (array) ที
มี
่ 1 มิ
ติและมี
ค
าดังนี
้
x[n] = y[n]
โดยที ่n เปน เลขจํ
านวนเต็ม ถ
า n มี
ค
า 3 และ y[3] มี
คา 4 แลว x[3] จะมี
ค
าเท
าใด
1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
377 : ถ
ามี
การประกาศตัวแปรอาร
เรย
ข อง float โดย float y[10][10]; อาร
เรย
y มี
ข นาดเป
น กี
่ าหนดให
byte (กํ float มี
ข นาดเท
ากับ 4 byte)
1 : 200
2 : 242
3 : 400
4 : 484
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
378 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริมต
่ น โปรแกรม
รับคาi
ทําซ้ า โดยให
ํ count = 1 ถึ
งi
x[i] = i + 1
จบทํ าซ้า
ํ
จบโปรแกรม
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
ใส
ค
า 7 แล
วข
อใดเป
น จริ
ง
1 : x[2] มี
ค
า3
2 : x[3] มี
ค
า3
3 : x[7] มี
ค
า6
4 : x[7] มี
ค
า7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ข
อที
่
379 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี
้
เริ
มต
่ น โปรแกรม
i=8;
x[1] = 1 ; x[2] = 1 ;
ทําซ้ าโดยให
ํ count = 3 ถึ
งi
x[i] = x[i – 1] + x[i - 2]
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 63/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
จบทํ
าซ้า
ํ
จบโปรแกรม
ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ
ง
1 : x[2] มี
ค
า3
2 : x[3] มี
ค
า3
3 : x[4] มี
ค
า3
4 : x[5] มี
ค
า3
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
380 : จาก char fruit [5] [20] = {“apple”, “banana”, “cherry”, “orange”, “strawberry”}; ข
อใดคื
อค
าของ fruit [3] [0]
1 : ‘a’
2 : ‘c’
3 : ‘b’
4 : ‘o’
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
381 : ถ
า int num[5] = {8,12,20,5,40}; ข
อใดเป
น คํ
าตอบของ y เมื
อ int y = num[1]*num[3]–num[4];
่
1 : num[0]
2 : num[1]
3 : num[2]
4 : num[3]
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ขอที่
382 : จาก pseudocode:
a: array of 2*10;
b: array of 5*2;
for a_x=1 to 2
b(a_x,a_x)=a_x;
for a_y=1 to 10;
a(a_x,a_y)=a_x*a_y;
end
end
c=a(5,2)+b(2,2);
ผลลัพธข อง c คือ
1 :1
2 :2
3 : 12
4 :7
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที่
383 : ให
A[1..N] เป
น อะเรย
หนึ
งมิ
่ ติ
ขนาด N
โปรแกรมตอไปนีทํ
้าอะไร
M = A[1]
FOR K =2 TO N
IF M < A[K] THEN M = A[K]
END
1 : หาค
า MAX A[1..N]
2 : หาค
า MIN A[1..N]
3 : หาว
า มี
ค
าใดนอยกวา M หรื
อไม
4 : หาว
า มี
ค
าใดมากกว า M หรื
อไม
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1
ขอที่
384 : ให
A[1..N] เป
น อะเรย
หนึ
งมิ
่ ติ
ขนาด N
A[1]=1 A[2]=2 ... A[N]=N
เมือโปรแกรมจบ A[5] มี
่ ค
าเท
าไร
FOR K = 2 TO N
A[K] = A[K-1] + A[K]
END
1 :5
2 :9
3 : 11
4 : 15
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 64/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
ขอที่
385 : ให
B[1..N, 1..N] เป
น อะเรย2 มิ
ติขนาด N x N
เมือโปรแกรมทํ
่ างานเสร็ จ บรรทัด B[J,K] = B[J,K] + 1 ทํ
างานไปกี
รอบ
่
FOR J = 1 TO N
FOR K = 1 TO J
B[J,K] = B[J,K] + 1
END
1:N
2 : 2N
3 : NxN
4 : N(N+1)/2
5 : ผิ
ดทุ
กขอ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
386 : จากโปรแกรม ตัวแปร a รับค
าได
มากที
สุ
่ดกี
ค
่า
1 : 30
2 : 60
3 : 90
4 : 120
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที ่
387 : กํ
าหนดให
a = {3,5,7,2};
b = {1,9,9,1};
จงหาค าของ b[a[3]] + a[b[3]]
1 : 10
2 : 12
3 : 14
4 : 16
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
388 : ต
อไปนี
ข
้อใดต
องใช
ตัวแปรเป
น อาเรย
2 มิ
ติ
1 : เพื
อเก็
่ บคะแนนของนักเรี
ยนวิชาคอมพิวเตอร 100 คน
2 : เพื
อเก็
่ บคะแนนนักเรี
ยน 5 วิ
ชา
3 : เพื
อเก็
่ บปริ
มาณน้าฝนแต
ํ ละเดือนในช
วง 10 ป
4 : เพื
อเก็
่ บจํ
านวนนักเรี
ยนของโรงเรี
ยน 100 โรง
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
389 : ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 65/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : 10
2 : 20
3 : 30
4 : 60
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
390 : ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม
1 : read(a[i,j])
2 : read(a[j,i])
3 : write(a[Sun,5])
4 : write(a[Thurs,5])
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
391 : n=6
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 66/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : [7,6,5,4,3,2,1]
2 : [1,1,1,1,1,1,1]
3 : [7,7,7,7,7,7,7]
4 : [1,2,3,4,5,6,7]
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
392 : ถ
าต
องการทํ
าการประกาศตัวแปร A เพื
อเก็
่ บข
อมู
ลเมตริ
กซ
ที
มี
่ข นาด 4 X 4 ควรประกาศตัวแปรอย
างไร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
393 : ถ
า Array 1 มิ
ติ
ชื
อ A มี
่ ข นาด 8 ช
องข
อมู
ล แล
วต
องการเก็
บค
า 20 ไว
ในตํ
าแหน
ง(Index)ที
่
5 จะต
องเขี
ยนคํ
าสั่
งอย
างไร
1 : A[8] := 20;
2 : A[5] := 20 ;
3 : Readln( A[5] )
4 : For i := 1 to 8 Do Readln( A[i] ) ;
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที่394 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,-1..3,1..3,0..3] of integer; ถ
าต
องการเขี
ยนคํ
าสั่
งในการกํ
าหนดให
Array B มี
ค
า
เป
น 0 ทั้
งหมด จะต องเขี
ยนคํ าสั่
งอย
างไร
1 : B[1..10] := 0;
2 : B := 0;
3 : For i := 1 to 10 do B[i] := 0;
4 : ถู
กทุกข อ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่395 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,-1..3,1..3,0..3] of integer; ตัวแปร C เป
น ตัวแปร Array แบบกี
มิ
่ติ(Dimension)
และสมาชิก (Element) ทั้
งหมดกี จํ
่านวน
1 : 4 มิ
ติ, 54 จํานวน
2 : 4 มิ
ติ, 96 จํานวน
3 : 4 มิ
ติ, 120 จํานวน
4 : 2x2 มิ
ติ , 96 จํ
านวน
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
396 : จากโจทย
ต
อไปนี
้
For i := 1 to 5 Do For j := 1 to 3 Do Readln (X[i,j]) ; มี
การรับข
อมู
ลเข
าไปไว
ในตัวแปร X กี
จํ
่านวน ?
1 :3
2 :5
3 :8
4 : 15
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4
ข
อที
่
397 : ถ
าต
องการนํ
าค
า 16 นํ
าไปเก็
บไว
ในตัวแปร Array ชื
อ X ลํ
่ าดับที
่
5 จะต
องเขี
ยนคํ
าสั่
งอย
างไร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2
ข
อที
่
398 : จากโจทย
ต
อไปนี
้
B := A[ i,j,k ] ; จงบอกมิ
ติ
( Dimension )ของตัวแปร A
1:1
2:2
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 67/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3:3
4:4
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
ข
อที
่
399 : จากการประกาศ Array ต
อไปนี
้
A : Array[’A’..’F’,’5’..’7’] of Real ; Array A มี
เนื
อที
้ ในการเก็
่ บข
อมู
ลเลขจํ
านวนจริ
งสู
งสุ
ดเท
าใด
านวน
1 : 1จํ
านวน
2 : 9จํ
านวน
3 : 18จํ
านวน
4 : 20จํ
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 68/68
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
ตัวเสือกใดแทนการคานวณสูตรข้างล่างนี้
ี่ สดงในตัวเลือกกระทาตามแบบมาตรฐาน
(หมายเหตุ : ลาดับการคานวณในนิพจน์ทแ
ของภาษาการ โปรแกรมทั่วไป เช่น Pascal, C, Java,..)
1 :r =-b- (b^2 -4ac) ^0.5/2a
2 :r=-b- (b^2 - 4*a*c) ^0.5/ 2.0*a
3 :r=-b-(b^2-4*a*c)^0.5/(2.0*a)
4 :r= (-b - (b*b - 4*a*c)^0.5 )/a/2.0
คาตอบที่ถูกต้อง : 4
คาตอบที่ถูกต้อง : 4
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
4. พิ จารณาส่วนของโปรแกรมข้างล่างนี้ (ตัวเลขสองหลักทางซ้ายมือของแต่ละบรรทัด
เป็นหมายเลขกากับบรรทัด)
01: a = 1
02: b = 2
03 : c = 3
04: a = a + b
05: b = a + b
06: c = a + b
07: d = a +b
08 : a = a + b
การสลับบรรทัดของข้อใดข้างล่างนี้ที่ยังทาให้การทางานเหมือนเดิม
1 : บรรทัด 04 กับ 05
2 : บรรทัด 05 กับ 06
3 : บรรทัด 06 กับ 07
4 : บรรทัด 07 กับ 08
คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
writeln(h-m)
else
writeln(n+m);
1 : -9
2:9
3 : 21
4 : -21
คาตอบที่ถูกต้อง : 1
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
c : char ;
Begin
n:=6;
m : = 15 ;
C : = ‘p’ ;
1:-9
2:9
3 : 21
4: -21
คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
เราสามารถทคสอบเล่น ๆ ว่าจริงหรือไม่โดยการคานวณหาค่าของ
อยากทราบว่าส่วนของโปรแกรมในข้อใดคานวณค่าของ
คาตอบที่ถูกต้อง : 5
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
9. ส่วนของไปรแกรมข้างบนนี้ทาอะไร
1 : หาผลรวม
2 : หาค่าเฉลี่ย
3: หาค่าเบียงเบนมาตรฐาน
4 : หาค่ามัธยฐาน
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
ส่วนของโปรแกรมข้างบนนี้ทาอะไร
1 : หาค่ามากสุด
2 : นับจานวนตัวที่มาก
3 : หาว่ามีค่าใน data ที่มีค่าเท่ากับ x หรือไม่
4 : นับจานวนตัวใน data ที่มีค่าเท่ากับ x
5 : ไม่มีข้อใดถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 5
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
11.
หลังจากส่วนของโปรแกรมข้างบนนี้ทางนเสร็จตัวแปร c มีค่า
เท่าไร (กาหนดให้การหาร / เป็นการหารแบบจานวนเต็ม หาร
แล้วปัดเศษทิง
้ )
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม่มีข้อใดถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
วน (loop)
1 : a=4b=8
2 : a=4b=7
3 : a =5 b=8
4 : a =5 b=7
5 : ไม่มีข้อถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
วน (loop)
1 : a =5b=6
2 : a =5b=7
3 : a=4b=6
4 : a =4b =7
5 : ไม่มีข้อถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 1
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
15.
ถ้าในบรรทัดที่ 2 เปลี่ยนเป็น
for j:= Sun to pred(Wed) do
การวนลูบเพื่ อรับค่าให้ตัวแปร a ด้วยคาสั่ง read นั้น วนทั้งหมดกี่รอบ
1 : 10
2 : 20
3 : 30
4 : 60
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
16.
คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้
17. n=6