สภาวิศวกรComputer Programing

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 81

2/27/15 สภาวิ

ศวกร

วิ
ชา : Computer Programming
เนื
อหาวิ
้ ชา : 1 : ความรู
พื
น ฐานทางด
้ านคอมพิ
วเตอร

ข
อที

1 : หน
วยเก็
บความจํ
าที
ติ
่ดต
อกับ CPU ได
เร็
วที
สุ
่ดคื
ออะไร

1 : CD-ROM
2 : HARD DISK
3 : SDRAM
4 : REGISTER

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

2 : ลํ
าดับขั้
น ตอนการทํ
างานของคอมพิ
วเตอร
มี
อย
างไร

1 : เริ
ม คํ
่ านวณ ประกาศชนิดตัวแปร รับข
อมู
ล แสดงคํ
าตอบ จบ
2 : เริ
ม ประกาศชนิ
่ ดตัวแปร รับข
อมู
ล คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
3 : เริ
ม รับข
่ อมู
ล ประกาศชนิดตัวแปร คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
4 : เริ
ม รับข
่ อมู
ล ประกาศชนิดตัวแปร แสดงคําตอบ คํ
านวณ จบ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

3 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคุ
ณบัติ
Portable ของการเขี
ยนโปรแกรม

1 : สามารถเขียนโปรแกรมได
ส ั้
น ที
สุ
่ด
2 : สามารถเขียนโปรแกรมให
ประมวลผลได เร็
วที
สุ
่ด
3 : สามารถเขียนโปรแกรมเพื
อทํ
่ างานข
ามเครื
อข
ายได
4 : สามารถยายโปรแกรมไปทํ
างานยังเครืองคอมพิ
่ วเตอร
ต
างระบบได
5 : ถู
กทุ
กขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

4 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัติ
ข องหน
วยความจํ
าประเภท ROM (Read Only Memory)

1 : สามารถอาน และเขี
ยนได
2 : สามารถอานได
อยางเดี
ยว
3 : สามารถเขียนได
อยางเดี
ยว
4 : ไม
ส ามารถอ
านและเขียนได
5 : ไม
มี
ขอถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

5 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัติ
ข อง หน
วยความจํ
าประเภท RAM (Random Access Memory)

1 : สามารถอาน และเขี
ยนได
2 : สามารถอานได
อยางเดี
ยว
3 : สามารถเขียนได
อยางเดี
ยว
4 : ไม
ส ามารถอ
านและเขียนได
5 : ไม
มี
ขอถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

6 : ข
อมู
ล1 MB มี
ข นาดตรงกับข
อใด

1 : 1024 Byte
2 : 1000000 Byte
3 : 1048576 Byte
4 : 1024000 Byte

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที
่7 : ข
อมู
ล 1 GB มี
ข นาดตรงกับข
อใด
หมายเหตุ เครื
องหมาย ^ หมายถึ
่ งการยกกําลัง เช
น 4^2 KB หมายถึ
ง 4 ยกกํ
าลัง 2 KiloByte

1 : 10^3 KB
2 : 1024 KB
3 : 2^10 KB
4 : 2^20 KB

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

8 : ทํ
าไมคอมพิ
วเตอร
จึ
งใช
เลขฐานสองในการเก็
บข
อมู

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 1/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : คอมพิวเตอรมี
ระดับ Voltage แค2 ระดับ
2 : คอมพิวเตอรประกอบด วยวงจรอิ
เล็
กทรอนิ กส
ซึงมี
่ ลักษณะการทํ
างาน 2 โหมด เหมื
อนสวิ
ทซ เป
ด - ป

3 : การใชเลขเพี
ยงแค 2 เลขในการเก็บขอมูลทํ
าให
คนสามารถติดต
อกับคอมพิวเตอร
ได
ง
ายขึ


4 : ไม
มี
ขอใดถูกต
อง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

9 : ข
อใดไม
ใช
หน
วยความจํ
าคอมพิ
วเตอร

1 : Random-access memory
2 : Read-only memory
3 : Harddisk
4 : Basic input/output system (BIOS)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

10 : คอมพิ
วเตอร
ประเภทใดมี
ประสิ
ทธิ
ภาพในการทํ
างานสู
งสุ

1 : คอมพิ วเตอร
พกพา
2 : เซิร
ฟเวอร
คอมพิวเตอร
3 : ซูเปอร
คอมพิวเตอร
4 : ไมโครคอมพิ วเตอร

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

11 : ข
อใดคื
อส
วนประกอบหลักของคอมพิ
วเตอร

1 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยเก็
บขอมู
ลสํารอง และหน
วยแสดงผล
2 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยความจําสํ
ารอง และหนวยแสดงผล
3 : หน
วยรับข
อมู
ล หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก และหน
วยแสดงผล
4 : หน
วยประมวลผลกลาง หนวยความจํ
าหลัก หน
วยเก็
บข
อมูลสํ
ารอง และหนวยแสดงผล

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที ่12 : จงพิ


จารณาว
าข
อความใดกล
าวถู
กต
องสํ
าหรับการทํ
างานของคํ
าสั่
งต
อไปนี

double d = 9.9;
int i = 2;
i = (int)d;

1 : ชนิ
ดของขอมูลตัวแปร d มีการเปลี
ยนแปลง

2 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร d มีการเปลี
ยนแปลง

3 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร i มี
การเปลียนแปลง

4 : ค
าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร i และ d มี
การเปลี
ยนแปลง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

13 : คํ
าสั่
งใดที
ทํ
่าการเปลี
ยนแปลงค
่ าที
จัดเก็
่ บในตัวแปร x

1 : x +=3;
2 : y=x+3;
3 : x *=1;
4 : x /=1;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

14 : ข
อใดคื
อหน
าที
ข อง Compiler

1 : ช
วยติดต
อกับอุปกรณ คอมพิวเตอร
2 : ช
วยแกไขรหัส คํ
าสั่
งโปรแกรมใหถู
กตอง
3 : ช
วยจัดสรรทรัพยากรภายในระบบคอมพิ วเตอร
ให
กับโปรแกรมต
าง ๆ
4 : ช
วยแปลคํ าสั่
งภาษาโปรแกรมต าง ๆ ใหคอมพิวเตอร
เข
าใจและทํ
างานได

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

15 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อความหมายของโปรแกรม

1 : ชุดคํ
าสั่
งเพือทํ
่ าให
คอมพิ
วเตอรปฏิ
บัติ
งาน
2 : สัญลักษณ ทีสื
่อความหมายให
่ เครื
องคอมพิ
่ วเตอร
และคนสามารถสื
อสารกัน ได
่ โดยผ
านกรรมวิ
ธี
ที
กํ
่าหนดขึ


3 : ชุดของเลขฐานสองอาทิ 01101011 ทีคอมพิ
่ วเตอร
เข
าใจ
4 : ถู
กทุกขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

16 : เครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ในยุ
คที

2 ใช
เทคโนโลยี
ใด

1 : ทรานซิส เตอร
(Transistors)
2 : หลอดแก วสุ
ญญากาศ (Vacuum tubes)
3 : ไมโครโพรเซสเซอร (Microprocessors)

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 2/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : วงจรรวม (Integrated circuits)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

17 : การประมวลคํ
าสั่
งในลักษณะการทํ
างานแบบสายท
อ (pipelining) สอดคล
องกับข
อใด

1 : การประมวลผลแบบแถวลํ าดับ (Array processing)


2 : การประมวลผลแบบขนาน (Parallel processing)
3 : สถาปตยกรรม Von Neumann
4 : ระบบหลายตัวประมวลผล (Multiprocessing)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

18 : ข
อใดเป
น ความแตกต
างระหว
าง Compiler และ Interpreter ที
ถู
่กต
อง

1 : Compiler ทํ
าหนาทีแปลภาษาคอมพิ
่ วเตอร ทีละบรรทัด แตInterpreter จะแปลภาษาทั้ งโปรแกรม
2 : Compiler แปลไดเฉพาะภาษาเครื
อง แต
่ Interpreter จะแปลได ทุกภาษา
3 : Compiler จะทํ
าการแปลภาษาคอมพิ วเตอร ทั้
งโปรแกรม แต Interpreter จะแปลภาษาคอมพิ วเตอร
บรรทัดต
อบรรทัด
4 : ในการ Debug โปรแกรม ควรใชCompiler ในการแปลมากกว า Interpreter เพราะจะหาข
อผิ
ดพลาดได ง
ายกว

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

19 : หลังจากที
ทํ
่าการเขี
ยนโปรแกรมจนเสร็
จเรี
ยบร
อยแล
ว จะต
องคัดลอกไฟล
ใดหากต
องการนํ
าโปรแกรมไปให
ผู
อื
น ใช
่ งาน

1 : Executable File
2 : Source File
3 : Object File
4 : Library File

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

20 : ข
อใดที
ไม
่ ใช
ส
วนประกอบของคอมพิ
วเตอร

1 : คีย
บอร

2 : เมาท
3 : จอภาพ
4 : กลองเก็
บซอล
ฟแวร

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

21 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ใดที
มี
่ลักษณะคล
ายโปรแกรมภาษาเครื
อง

1 : COBAL
2 :C
3 : C++
4 : ASSEMBLY

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

22 : ข
อใดถู
กต
องสํ
าหรับการหาผลลัพธ
ในการประผวลผลข
อมู
ลในระบบคอมพิ
วเตอร

1 : หน
วยอิ
น พุ

2 : หน
วยเอาท
พุท
3 : หน
วยความจําข
อมู

4 : หน
วยประมวลผลกลาง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

23 : การแปลภาษาเครื
องที
่ ละลํ
าดับหมายถึ

1 : Translator
2 : Result
3 : Interpreter
4 : Complier

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

24 : โฟลว
ชาร
ทตามรู
ปข
างล
างนี
หมายถึ
้ ง

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 3/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : ขบวนการประมวลผล
2 : อิ
น พุ
ท เอาท พุ

3 : จุ
ดเชือมต
่ อภายในหน
าเดี
ยวกัน
4 : การตัดสิ
น ใจ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

25 : ข
อใดไม
ใช
หน
วยเก็
บข
อมู
ลที
ส ามารถแก
่ ไขได

1 : RAM
2 : ROM
3 : Harddisk
4 : CompactFlash

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

26 : ข
อใดไม
ใช
ส
วนประกอบภายใน CPU ของไมโครคอมพิ
วเตอร

1 : Cache memory
2 : ALU (Arithmetic Logic Unit)
3 : Harddisk
4 : Program Counter Register (PC)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

27 : ระบบปฏิ
บัติ
การ (Operating Systems) ตัวใดไม
ได
ถู
กพัฒนาสํ
าหรับเครื
องพี
่ ซี

1 : Unix
2 : Linux
3 : Windows XP
4 : Symbian

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่28 : จาก pseudocode:


a=0;
for i=1 to 10
a=a+3;
end
show_the_value_of(a);
ผลลัพธ ที ได
่ คื
ออะไร

1 :0
2 :1
3 : 27
4 : 30

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข อที่
29 : จาก pseudocode: a=receive_input_from_user();
if a>5 and a<10 then
if a=8 then
a=a+9;
else
a=a+10;
end
else
if a=0 then
a=a-10;
end
end
ถา run pseudocode ดังกล
าว 3 ครั้
ง โดยกําหนดให input จาก user คื
อ 10, 3, 7 ตามลํ
าดับ ผลลัพธ
ข องค
า a ที
ได
่ ในแต
ละรอบคื
อ:

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 4/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : 0 0 70
2 : 18 -7 0
3 : 9 10 -3
4 : 10 3 17

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

30 : ข
อใดบรรยายคุ
ณลักษณะของ Random Access Memory (RAM) ที
ใช
่ ในเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ได
เหมาะสมที
สุ
่ด

1 : ขนาดทีใช
่ งานในเครื
องคอมพิ
่ วเตอรทั่
วไปแบบตั้
งโต
ะคื
อ 40 Gbyte
2 : ราคาถู
กทีสุ
่ดเมื
อเที
่ ยบกับราคาของหน วยความจํ
าชนิดอื


3 : ความเร็
วในการทํ
างานชามากเมือเที
่ ยบกับการทํ
างานของหน วยความจํ
าชนิ
ดอื


4 : ข
อมู
ลทีเก็
่ บจะสู
ญหายเมื อป
่ ดเครือง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

31 : ไวรัส คอมพิ
วเตอร
คื
ออะไร

1 : เชื
อโรคชนิ
้ ดหนึ
งที
่ ติ
่ดต
อระหว
างผูใช
 งานทําให
เกิ
ดการเจ็บปวย ในขณะทีเข
่ าใช
งานตามร านอิ
น เตอร
เนตคาเฟ
2 : เชื
อโรคชนิ
้ ดหนึ
งที
่ ติ
่ดต
อจากเครืองคอมพิ
่ วเตอร
มายังผู
ใช
 งาน แตมี
ความรุ
น แรงไมมาก
3 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ที
ถู
่กพัฒนาขึ น มาเพื
้ อใช
่ การตรวจสอบการทํ างานระบบป องกัน
4 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร
ที
ประสงค
่ ร
ายต อข
อมู
ลและการทํ างานของเครื องคอมพิ
่ วเตอร ซึงสามารถแพร
่ กระจายจากเครื
องสู
่ เครื
 อง โดยการใช
่ งานร
วมกัน ของไฟลหรื
อโปรแกรมต
าง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

32 : ข
อใดผิ

1 : ฮาร
ดแวร
ข องคอมพิ วเตอร
คือสิ
งที
่ จับตัองได
่ เช
น หน
วยประมวลผล
2 : ฮาร
ดดิกส
เปน ฮาร
ดแวรชนิดหนึง

3 : ฮาร
ดแวร
ทีข าดไม
่ ไดคื
อตัวแปลโปรแกรม
4 : หนวยความจําเปน ฮาร
ดแวรที
สํ
่าคัญ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

33 : ข
อใดไม
ใช
ชื
อ operating systems

1 : Windows 2000
2 : Windows Office
3 : Windows XP
4 : Linux

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

34 : ข
อใดไม
ใช
ชึ
อภาษาคอมพิ
่ วเตอร

1 : Intel
2 : JAVA
3 : Basic
4 :C

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

35 : จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี

เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard output

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

36 : จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี

เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard input

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Keyboard

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

37 : ข
อใดไม
เกี
ยวข
่ องกับการเขี
ยนโฟลว
ชาร

1 : การระบุ
สวน start/end ของโปรแกรม
2 : การระบุ
เงื
อนไขการทํ
่ างานต
างๆของโปรแกรม
3 : การระบุ
ภาษาที จะใช
่ เขี
ยนโปรแกรม
4 : การระบุ
ตัวแปรที จะใช
่ ในการคํ
านวณ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 5/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

38 : ข
อใดไม
ใช
ตัวอย
างของอุ
ปกรณ
input

1 : Keyboard
2 : Mouse
3 : Monitor
4 : Scanner

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

39 : ค
าเลขฐาน 16 ต
อไปนี

คื
อ 123 จะมี
ค
าเท
ากับเลขฐานสองเท
าใด

1 : 0010 0010 0011


2 : 0001 0001 0010
3 : 0010 0010 0010
4 : 0001 0010 0011

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

40 : อุ
ปกรณ
ใดไม
ส ามารถนํ
ามาใช
เป
น หน
วยความจํ
าหลัก(main memory)ของคอมพิ
วเตอร

1 : RAM
2 : ROM
3 : PROM
4 : Flash Memory

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

41 : คอมพิ
วเตอร
32 บิ
ต คื
อ คอมพิ
วเตอร
ที
มี

1 : หน วยความจํ าขนาด 32 บิ ต


2 : บัส ขอมู
ล(data bus) ขนาด 32 บิต
3 : บัส แอดเดรส(address bus) ขนาด 32 บิ

4 : รี
จิส เตอร
(register) ขนาด 32 บิ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

42 : การนํ
าคอมพิ
วเตอร
ไปใช
ในการประมวลผลในข
อใดไม
น
าเป
น ไปได

1 : คํ
านวณหาค าสู งสุดของการรับน้าหนักของสะพาน

2 : หาระยะทางทีส ั้
่ น ที
สุ
ดจากเมื องหนึงไปยังอี
่ กเมื
องหนึ


3 : พยากรณอากาศ
4 : พยากรณการเกิ ดแผน ดิ
น ไหว

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

43 : พอร
ตอนุ
กรมแตกต
างจากพอร
ตขนานอย
างไร

1 : พอร
ตอนุ
กรมสามารถรับสงข
อมู ลไดแต
พอรตขนานส งข
อมูลไดอย
างเดี
ยว
2 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลเรียงกัน ไปทีละบิ
ตบนสายหนึ งเส
่ น พอรตขนาน สงข
อมู
ลในแตละบิ
ตออกไปพรอมๆ กัน บนสายหลายๆ เส

3 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลโดยผ านระบบปฏิ บัติ
การ พอร
ตขนาน สามารถเขี ยนโปรแกรมติดต
อได
โดยตรง
4 : พอร
ตอนุ
กรม ส
งข
อมู
ลได คราวละหนึ งไบต
่ พอร
ตขนานส งขอมู
ลไดคราวละหลายๆ ไบต
5:

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

44 : MO (Magneto-Optical) disk เป
น หน
วยความจํ
าที
มี
่พื
น ฐานบนเทคโนโลยี
้ ใด

1 : เทคโนโลยีส ารกึ
งตัวนํ
่ า
2 : เทคโนโลยีแสง
3 : เทคโนโลยีแมเหล็ก
4 : ข
อ ข. และค. รวมกัน เปน คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

45 : Unicode คื
ออะไร

1 : มาตรฐานชุ
ดคํ าสั่
งที
ใช
่ ในซีพียู
2 : มาตรฐานรหัส แทนข อมู
ลทีใช
่ ในการเก็
บและคํ
านวณของคอมพิวเตอร
3 : มาตรฐานอุ
ตสาหกรรมสํ าหรับการออกแบบโปรแกรมคอมพิ
วเตอร
4 : มาตรฐานรหัส ใชในการแสดงตัวอักษรหรื
อขอความ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

46 : ข
อใด ไม
ใช
องค
ประกอบของระบบคอมพิ
วเตอร

1 : ฮาร
ดแวร
ชิ
น ส
้ วนต
างๆ ที
ประกอบกัน เป
่ น ตัวเครื
อง

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 6/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : ซอฟตแวรโปรแกรมตางๆ ทีจะให
่ คอมพิวเตอร
ทํ
างาน
3 : ข
อมู
ล ตัวเลขตางๆ ที
เก็
่ บอยูภายในเครื
 อง

4 : สมชายที ต
่องใชคอมพิวเตอร
เก็
บข
อมู
ลสัตวในฟาร

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

47 : ข
อใดจัดเป
น หน
วยความจํ
าหลักในระบบคอมพิ
วเตอร

1 : RAM
2 : CD-ROM
3 : Floppy Disk
4 : Hard Disk

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

48 : หากต
องการให
ประสิ
ทธิ
ภาพของการทํ
างานของไดร
ฟมี
ประสิ
ทธิ
ภาพที
สู
่ง คํ
ากล
าวในข
อใดถู
กต
องที
สุ
่ด

1 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
สู
่ง และ ความเร็
วในการถายโอนขอมู
ลที
ต่
่ า

2 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
สู
่ง และ ความเร็
วในการถายโอนขอมู
ลที
สู
่ ง
3 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
ต่
่า และ ความเร็
ํ วในการถายโอนขอมู
ลที
สู
่ ง
4 : จะต
องมี
ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
่ าถึ
งข
อมู
ลที
ต่
่าและ ความเร็
ํ วในการถายโอนขอมูลที
ต่
่า

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

49 : พื
น ที
้ ที
่เล็
่ กที
สุ
่ดในการอ
าน หรื
อ เขี
ยนข
อมู
ลลงไปในแผ
น ดิ
ส ก
หรื
อ ฮาร
ดดิ
ส ก
เรี
ยกว
าอะไร

1 : ไบต (Byte)
2 : บิ
ต (Bit)
3 : เซกเตอร (Sector)
4 : แทร็ก (Track)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

50 : เวลาในการเคลื
อนที
่ ข องหัวอ
่ านไปยังตํ
าแหน
งที
ต
่องการอ
านเขี
ยนข
อมู
ล เรี
ยกว

1 : Header Move Time


2 : Maximum Move Time
3 : Minimum Access Time
4 : Maximum Access Time

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

51 : ความสามารถของระบบปฏิ
บัติ
การที
ส ามารถใช
่ งานโปรแกรมหลายๆ ตัวพร
อมกัน ได
เรี
ยกว

1 : Multitasking
2 : Object Linking
3 : Object Embedding
4 : Multi User

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

52 : ข
อใดกล
าวถึ
งคํ
าว
า Hierarchical File System ได
ถู
กต
องที
สุ
่ด

1 : การเก็
บรวบรวมข อมู
ลวาโปรแกรมใดใช อุ
ปกรณตัวใดอยู
2 : โครงสรางการทําเมนู
เพือใช
่ งานในโปรแกรมต างๆ
3 : ระบบทีใช
่ สํ
าหรับการใชข
อมู
ลร
วมกัน ในโปรแกรมต างๆ
4 : โครงสรางการจัดเก็
บไฟล ข
อมู
ลที
มี
่ โครงสรางแบบระดับชั้

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

53 : แป
น พิ
มพ
กลุ
มใดใช
 ส ร
างคํ
าสั่
งลัดในการสั่
งงานคอมพิ
วเตอร

1 : คี
ย
อักขระ
2 : คี
ย
ตัวเลข
3 : คี
ย
ฟงก
ชั่

4 : คี
ย
เคลือนย
่ ายตัวอักษร

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

54 : หน
วยวัดความละเอี
ยดในการพิ
มพ
ข องเครื
องพิ
่ มพ
มี
หน
วยเป

1 : Dot Pitch
2 : PPM
3 : DPI
4 : bps

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

55 : พอร
ท(Port)ชนิ
ดใดของคอมพิ
วเตอร
ส ามารถรองรับการเชื
อมต
่ อแบบPnP(Plug and Play)

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 7/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : COM1
2 : COM2
3 : USB
4 : ISA

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

56 : หน
วยใดไม
ใช
หน
วยวัดการทํ
างานของคอมพิ
วเตอร

1 : MIPS
2 : MFLOPS
3 : VUP
4 : IPS

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

57 : หน
วยของข
อมู
ลในคอมพิ
วเตอร
ที
เล็
่ กที
สุ
่ดคื
ออะไร?

1 : Bit
2 : Byte
3 : Field
4 : Record

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

58 : มาตรฐานรหัส ใดที
นิ
่ยมใช
กัน มากในป
จจุ
บัน

1 : EBCDIC
2 : ASCII
3 : BCD
4 : UCB

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

59 : อุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี
มี
้การจัดเก็
บและเข
าถึ
งข
อมู
ลแบบลํ
าดับ

1 : Floppy Disk
2 : Hard Disk
3 : CDROM
4 : Tape

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

60 : ระบบเครื
อข
ายใดมี
ข นาดใหญ
ที
สุ
่ด

1 : MAN
2 : LAN
3 : WAN
4 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

61 : ความหมายของคํ
าว
าขั้
น ตอนวิ
ธี
(Algorithm) คื
อข
อใด

1 : การทํ
าความเขาใจกับป
ญหาทีเกิ
่ ดขึ


2 : การหาวิ
ธี
แก
ปญหา
3 : การอธิ
บายลํ
าดับขั้
น ตอนการทํ
างานเป
น ข
อๆตั้
งแต
ข ั้
น ตอนแรกถึ
งขั้
น ตอนสุ
ดท
าย
4 : การทดสอบวิธี
แกป
ญหา

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

62 : เมื
อเปรี
่ ยบเที
ยบกับร
างกายมนุ
ษย
ส
วนใดของคอมพิ
วเตอร
ที
ทํ
่าหน
าที
เปรี
่ ยบเที
ยบได
กับการทํ
างานของสมอง

1 : CPU + RAM
2 : CPU + Harddisk
3 : RAM + Harddisk
4 : OS + RAM

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

63 : อุ
ปกรณ
ชิ
น ใดที
้ ส ามารถทํ
่ าหน
าที
เป
่ น ได
ทั้
ง Input และ Output

1 : Keyboard, Scanner
2 : Printer, Floppy Disk
3 : Harddisk, Touch Screen
4 : Touch Pad, Monitor

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 8/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

64 : ข
อใดไม
ใช บัติ
OS (ระบบปฏิ การของคอมพิ
วเตอร
)

1 : Opera
2 : Linux
3 : DOS
4 : Unix

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

65 : คอมพิ
วเตอร
ตั้
งโต
ะจัดเป
น คอมพิ
วเตอร
ประเภทใด

1 : Mini Computer
2 : Super Computer
3 : Micro Computer
4 : Analog Computer

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

66 : Hard Disk จัดเป
น หน
วยความจํ
าประเภทใด

1 : หน
วยความจํ
าหลัก
2 : หน
วยความจํ
าสํารอง
3 : หน
วยความจํ
าถาวร
4 : หน
วยความจํ
าชั่
วคราว

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

67 : ข
อใดคื
อรู
ปแบบข
อข
อมู
ลที
ส ามารถนํ
่ าเข
าสู
ระบบสารสนเทศ

1 : ภาพนิง

2 : ภาพเคลื อนไหว

3 : เสี
ยง
4 : ถู
กทุกขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

68 : ข
อใดกล
าวผิ
ดเกี
ยวกับ Pseudo code และ flow chart

1 : Pseudo code และ flow chart ถู


กสร
างขึน เพื
้ อจัดรู
่ ปแบบความคิ ดในการเขียนโปรแกรมใหเป
น ระบบ
2 : Pseudo code จํ
าเปน จะต
องถู กแปลงเปน flow chart ก
อนเป
น คํ
าสั่
งของโปรแกรมคอมพิวเตอร
3 : การเขี
ยน Flow chart จะเน
น การใช
ส ัญลักษณ เพือให
่ อ
านเข
าใจได
4 : ผิ
ดทุกข

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

69 : ข
อใดไม
ใช
หน
าที
ข อง OS (Operating System)

1 : แบ
งปน ทรัพยากรและเนือหาในหน
้ วยความจํ
าให
แต
ละโปรแกรม
2 : โหลดโปรแกรมขึ น มาทํ
้ างาน
3 : อ
านและเขี ยนขอมู
ลจากไฟล
4 : ใช
ประสานงานการติ ดต
อกับผู
ใช
 งาน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

70 : เครื
อข
ายอิ
น เตอร
เน็
ตใช
ครั้
งแรกที
ประเทศใด

1 : อังกฤษ
2 : ไทย
3 : ญี ปุ
่น

4 : สหรัฐอเมริ
กา

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

71 : คอมพิ
วเตอร
มี
บทบาทกับการศึ
กษาอย
างไร

1 : นํามาประยุกตใช ในกิ
จกรรมการเรียนการสอน เชน ทําสื
อต
่ างๆ
2 : จัดทําประวัติ
น ักเรี
ยน ประวัติ
ครูอาจารย
3 : ใชเป
น แหลงเรียนรู
เช
น การคน คว
าจากอิ
น เทอร
เน็

4 : ถูกทุกขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

72 : หน
วยใดมี
ลักษณะการทํ
างานคล
ายกับสมองของมนุ
ษย

1 : หน
วยประมวลผล
2 : หน
วยรับข
อมู

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 9/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : หน
วยความจํ

4 : หน
วยแสดงผล

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

73 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คใด ใช
วงจรไอซี
(Integrated Circuit) เป
น หลัก

1 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คแรก
2 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คที
่2
3 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คที
่3
4 : คอมพิ
วเตอร
ยุ
คในยุคป
จจุ
บัน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

74 : ข
อใดเป
น อุ
ปกรณ
รับข
อมู
ลเบื
องต
้ น

1 : จอภาพ
2 : คี
ย
บอรด
3 : เครื
องพิ
่ มพ
4 : กล
องใสดิ
ส ก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

75 : อุ
ปกรณ
ที
ช
่วยในการสํ
ารองไฟฟ
าเวลาไฟดับหรื
อไฟตก เรี
ยกว
าอะไร

1 : Power Supply
2 : Monitor
3 : UPS
4 : Case

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

76 : หน
วยความจํ
าในข
อใด มี
ความจุ
มากที
สุ
่ด

1 : SDRAM
2 : Hard Disk
3 : CD-ROM Disk
4 : Floppy Disk

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

77 : อุ
ปกรณ
ในข
อใด ถื
อว
าเป
น อุ
ปกรณ
ต
อพ
วง

1 : เมาส
2 : คีย
บอร

3 : เครื
องพิ
่ มพ
4 : สายไฟ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

78 : ชุ
ดคํ
าสั่
งหรื
อโปรแกรมที
ใช
่ ส ั่
งงานให
คอมพิ
วเตอร
ทํ
างาน เรี
ยกว
าอะไร

1 : ซอฟต แวร
2 : ฮารดแวร
3 : พีเพิ
ลแวร
4 : ระเบียบวิ
ธี
ปฏิ
บัติ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

79 : ผลลัพธ
ข องนิ
พจน
1 + 4 / 2 คื
อข
อใด

1 : 2.5
2 :3
3 :2
4 : 3.5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

80 : จงหาคํ
าตอบของ 2 + 3 * 4 - 1

1 : 11
2 : 13
3 : 15
4 : 19

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

81 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการหาระยะขจัดของวัตถุ
ที
ตกลงสู
่ พื
น จากสู
้ ตร s = 0.5 * g * t^2 ควรมี
การสร
างค
าคงที
กี
่ตัวในโปรแกรม

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 10/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่82 : ถาในมหาวิ
ทยาลัยกํ
าหนดใหน ักศึ
กษาเรี
ยนได
ไม
เกิ
น 8 ปในการเขียนโปรแกรมเพื อทํ
่ าการหาค
าเฉลี
ยของจํ
่ านวนนักศึ
กษาในแต
ละชั้
น ป
(โดยเขี
ยนให
ส ั้
น ที
สุ
่ดและใช
ตัวแปรและค
าคงทีน
่อยที
สุ
่ด) จะต
องใช
ตัวแปรและค าคงที
ประเภทใดบ
่ าง ประเภทละกี
ตัวจึ
่ งจะเหมาะสมที
สุ
่ ด

1 : Integer 2 ตัว, Real 1 ตัว, ค


าคงที

1 ตัว
2 : Integer 1 ตัว, Real 2 ตัว, ค
าคงที

1 ตัว
3 : Integer 2 ตัว, Real 2 ตัว, ค
าคงที

2 ตัว
4 : Integer 1 ตัว, Real 1 ตัว, ค
าคงที

2 ตัว

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

83 : Assignment Statement ใช
ในการทํ
าอะไร

1 : กํ
าหนดค าให
กับตัวแปร
2 : เปรี
ยบเทียบคาของ expression
3 : สร
าง Array
4 : วนลูป

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

84 : Tool ตัวใดที
ช
่วยในการลดขนาดของแฟ
มข
อมู

1 : WinRAR
2 : Oracle
3 : Apache
4 : WinAmp

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

85 : ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ข องท
านทํ
างานช
าลงอย
างมากเมื
อเปรี
่ ยบเที
ยบกับการทํ
างานของเครื
องเมื
่ อเพิ
่ งซื
่ อมาใหม
้ ทานคิ
ดว
าควรใช
Tool ใดในการแก
ไขป
ญหานี

1 : Norton SystemWork
2 : McAfee Internet Security
3 : MS Office Tools
4 : Adobe Acrobat

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

86 : ข
อใดคื
อมาตรฐานของระบบเครื
อข
ายท
องถิ
น ที
่ นิ
่ยมใช
กัน มากที
สุ
่ดในป
จจุ
บัน

1 : IEEE 802.3
2 : IEEE 802.4
3 : IEEE 802.5
4 : IEEE 802.6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

87 : คอมพิ
วเตอร
ไม
เหมาะกับงานประเภทใด

1 : งานที
ต
่องการความถูกต
องสูง
2 : งานที
มี
่ปริ
มาณมาก
3 : งานที
ต
่องการความรวดเร็
วมาก
4 : งานที
มี
่เงื
อนไขการตัดสิ
่ น ใจไม
แน
น อน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

88 : หน
วยวัดความจุ
ใด มี
ค
าเท
ากับ 1024 Byte

1 : Megabyte
2 : Kilobyte
3 : Gigabyte
4 : Terabyte

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

89 : สมาชิ
กที
เล็
่ กที
สุ
่ด หรื
อค
าที
น
่อยที
สุ
่ด ซึ
งแทนได
่ เพี
ยงค
าศู
น ย
หรื
อค
าหนึ
งเท
่ านั้
น เรี
ยกว

1 : Bit
2 : Byte
3 : Word
4 : Character

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 11/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

90 : ภาษาสั่
งงานใดที
คล
่ ายภาษาเครื
องมากที
่ สุ
่ด

1 : Fortran Language
2 : NGV Language
3 : Cobol Language
4 : Assembly Language

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

91 : ข
อใดเป
น ขั้
น ตอนการเขี
ยนโปรแกรมที
ถู
่กต
องที
สุ
่ด

1 : การทดสอบโปรแกรม, การเขียนโปรแกรม, การเขียนผังงาน, การวิเคราะห


งาน
2 : การเขี
ยนโปรแกรม, การทดสอบโปรแกรม, การวิ เคราะหงาน, การเขี
ยนผังงาน
3 : การวิ
เคราะห
งาน, การเขี
ยนผังงาน, การเขี
ยนโปรแกรม, การทดสอบโปรแกรม
4 : การวิ
เคราะห
งาน, การเขี
ยนโปรแกรม, การเขียนผังงาน, การทดสอบโปรแกรม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

92 : คอมพิ
วเตอร
ส ามารถรับรู
คํ
าพู
ดของมนุ
ษย
โดยไม
คํ
านึ
งว
าใครเป
น ผู
พู
ดเราเรี
ยกว

1 : Voice Computer
2 : Voice Technology
3 : Special Computer
4 : Voice Recognition

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

93 : ข
อใดเป
น ภาษาคอมพิ
วเตอร

1 : BASIC , POWERPOINT
2 : BASIC , COBOL
3 : COBOL , EXCEL
4 : COBOL , POWERPOINT

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

94 : การบริ
การโอนย
ายข
อมู
ลได
แก
บริ
การใด

1 : FTP
2 : IBM
3 : PPP
4 : GPD

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

เนื
อหาวิ
้ ชา : 2 : ชนิ
ดของข
อมู

ข
อที

95 : ถ
าต
องการเก็
บข
อมู
ลค
าตัวเลข 7.82 ต
องใช
ตัวแปรประเภทใด

1 : integer
2 : char
3 : float
4 : bit

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

96 : ผลลัพธ
ข องการกระทํ
า int * float จะให
ผลลัพธ
เป
น ชนิ
ดข
อมู
ลแบบใด

1 : char
2 : int
3 : float
4 : double
5 : ไมมี
ขอถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

97 : ถ
าข
อมู
ลมี
ค
า 3.54 ถ
าเก็
บค
าในตัวแปร int จะให
ค
าผลลัพธ
เป
น อย
างไร

1 : 3.54
2 : 3.5
3 :3
4 :0

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

98 : ข
อใดต
อไปนี
ถู
้กต
อง

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 12/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : 4 bits = 1 byte
2 : 8 bits = 1 byte
3 : 1000 bytes = 1 kilobyte (KB)
4 : 1000 KB = 1 megabyte (MB)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

99 : 16.07 ควรกํ
าหนดเป
น ข
อมู
ลชนิ
ดใด

1 : อักขระ
2 : ขอความ
3 : จํานวนเต็

4 : จํานวนทศนิยม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

100 : ช
อมู
ลชนิ
ดตัวอักษร 1 ตัว มี
ความกว
างกี
บิ
่ต

1 : 7 บิ

2 : 8 บิ

3 : 9 บิ

4 : 16 บิ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ขอที่ 101 : ผลจากการทํ


างานของโปรแกรม ค
า x, y, z มี
ค
าเท
ากับเท
าไหร
int x = 8;
double y = 3;
int z = 2;
x++;
y = y / z;
z = (int)y;
x - 1;

1 : x=9 y=1 z=2


2 : x=9 y=1.5 z=1
3 : x=8 y=1 z=2
4 : x=8 y=1.5 z=1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

102 : ถ
าเราต
องการเก็
บค
าของเลขจํ
านวนเต็
มบวกซึ
งมี
่ ค
าตั้
งแต
1 ถึ
ง 32767 เก็
บไว
ที
ตัวแปร n เราควรกํ
่ าหนดอย
างไร?

1 : int n;
2 : signed int n;
3 : unsigned int n;
4 : unsigned char n;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

103 : การประกาศตัวแปรต
อไปนี

ข
อใดใช
เนื
อที
้ ในหน
่ วยความจํ
ามากที
สุ
่ด?

1 : char str[13] = “California”;


2 : char grade, school[ ] = “SUT KORAT”;
3 : int x, y, z[5];
4 : float average, gpa, mean;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

104 : กํ
าหนดให
char ch = ’A’; ผลของการใช
คํ
าสั่
ง printf ในข
อใดกล
าวถู
ก? (รหัส ASCII ของ A = 65)

1 : printf(”%c %c”, ch, 65); ผลที


แสดงออกที
่ จอภาพคื
่ อ A 65
2 : printf(”%d %c”, ch, 65); ผลที
แสดงออกที
่ จอภาพคื
่ อ A 65
3 : printf(”%c %d”, 65, 65); ผลที
แสดงออกที
่ จอภาพคื
่ อAA
4 : printf(”%d %d”, 65, ch); ผลที
แสดงออกที
่ จอภาพคื
่ อ 65 65

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่105 : ในการประกาศตัวแปร char str[ ] = ”I love \”ABC\”.”;


str จะถู
กกําหนดขนาดในหน วยความจํ
าเท าไร?

1 : 12 bytes
2 : 13 bytes
3 : 14 bytes
4 : 15 bytes

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 13/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที

106 : ชื
อตัวแปรใดต
่ อไปนี
ไม
้ ส ามารถนํ
าไปใช
ในการประกาศตัวแปรในภาษาโปรแกรมทั่
ว ๆ ไปได

1 : report_99
2 : food
3 : general
4 : 7sumurai

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่107 : ถ
าต
องการให
ตัวแปร x เก็
บค
า -123456
จะต
องประกาศใหตัวแปร x เป
น ชนิ
ดอะไร

1 : unsigned long
2 : int
3 : unsigned int
4 : long

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที่
108 : ต
องประกาศตัวแปรเป
น ชนิ
ดอะไร
จึ
งจะเก็
บคา 12345 ได
อย
างประหยัดหน
วยความจํ
าที
สุ
่ด

1 : double
2 : int
3 : long
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

109 : ข
อใดคื
อความหมายของตัวแปรท
องถิ
น (Local Variable) และตัวแปรภายนอก (Global Variable)

1 : Local Variable คื
อตัวแปรที
กํ
่าหนดภายในฟ งก
ชัน หรื
อลูปของโปรแกรม Global Variable คื
อตัวแปรทีกํ
่าหนดภายนอกโปรแกรมหลัก
2 : Local Variable คื
อตัวแปรที
มองเห็
่ น เฉพาะในฟ
งกชัน หรื
อในลู
ปโปรแกรม Global Variable คือตัวแปรที
ส ามารถมองเห็
่ น ได
ทุ
กแห
งในโปรแกรม
3 : Local Variable คื
อตัวแปรที
เปลี
่ ยนแปลงค
่ าได
Global Variable คื
อตัวแปรที
ไม
่ ส ามารถเปลี ยนแปลงค
่ าได
4 : ถู
กเฉพาะข อ 1 และ 2

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

110 : คอมพิ
วเตอร
จัดเก็
บข
อมู
ลทุ
กชนิ
ดในรู
ปแบบใด

1 : เลขฐานสอง
2 : เลขฐานสิ
บหก
3 : เลขฐานสิ

4 : เลขฐานสิ
บแปด

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

111 : เราควรระบุ
ชนิ
ดของตัวแปรให
ส อดคล
องกับช
วงการเก็
บข
อมู
ลที
เป
่ น ไปได
เหตุ
ผลข
อใดสํ
าคัญที
สุ
่ด

1 : เพื
อความรวดเร็
่ วในการคํ
านวณ
2 : เพื
อให
่ ส ามารถเก็
บขอมู
ลทุกตัวได
ถูกตอง
3 : เพื
อรักษาความปลอดภัยของข
่ อมู

4 : เพื
อให
่ หนวยประมวลผลทํ างานงายขึน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

112 : ในการเก็
บค
าเลขจํ
านวนเต็
มด
วยวิ
ธี
Sign-Magnitude จะต
องใช
เนื
อที
้ กี
่บิ
่ตในการเก็
บค
า Magnitude ของเวิ
ร
ดที
มี
่n บิ

1 : n-1 บิ

2 : n-2 บิ

3 : n บิ

4 : n+1 บิต

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

113 : int ใช
ระบุ
ถึ
งตัวแปรประเภทใด

1 : ตัวอักขระ
2 : ชุดขอความ
3 : ตัวเลขจํานวนเต็

4 : เลขฐาน 16

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

114 : float ใช
ระบุ
ชนิ
ดตัวแปรประเภทใด

1 : เลขฐาน 16

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 14/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : ชุดขอความ
3 : ตัวเลขจํ
านวนเต็

4 : ตัวเลขจํ
านวนจริ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

115 : จงแปลงเลข 4286 เป
น เลขฐานสอง

1 : 01100010001110
2 : 01100101001110
3 : 01000110110110
4 : 01000010111110

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

116 : ในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา C,C++ คํ
าตอบข
อใดเป
น ข
อมู
ลของเลขฐาน 16

1 : 120X
2 : 0X14
3 : 013
4 : 31H

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

117 : ข
อมู
ลในลักษณะใดที
ถู
่กต
องที
สุ
่ดต
อไปนี
เป
้ น ข
อมู
ลที
เรี
่ ยกว
า อะเรย

1 : เป
น ข
อมู
ลเลขจํานวนจริ ง
2 : เป
น ข
อมู
ลเลขจํานวนเต็ ม
3 : เป
น ข
อมู
ลชนิดขอความ
4 : เป
น ข
อมู
ลชนิดเดียวกัน หลายขอมู
ลที
ใช
่ ชื
อตัวแปรตัวเดี
่ ยวกัน
5 : เป
น ข
อมู
ลทีไม
่ ส ามารถนํ ามาคํ
านวณได

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

118 : การประกาศค
าตัวแปรในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา c,c++ ที
เก็
่ บข
อมู
ลของเลขฐาน 8 และฐาน 16 จะประกาศเป
น ตัวแปรชนิ

1 : float
2 : double
3 : int
4 : long double

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

119 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช
่ พื
น ที
้ หน
่ วยความจํ
าน
อยที
สุ
่ด

1 : char
2 : int
3 : float
4 : double

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

120 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช
่ พื
น ที
้ ในหน
่ วยความจํ
าขนาด 4 bytes

1 : char
2 : ussigned char
3 : int
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

121 : ข
อใดถื
อว
าถู
กต
องในการตังชื
อตัวแปร

1 : @@AA
2 : #aa
3 : !aa
4 : aa_

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

122 : ข
อใดเป
น คํ
าตอบที
ถู
่กต
องสํ
าหรับการกํ
าหนดค
าตัวแปร

1 : char[2] name ="abcde";


2 : char{2} name = "abcde";
3 : char[6] name ="abcde";
4 : char{6} name = "abcde";

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 15/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที

123 : รหัส บังคับการพิ
มพ
ใดในโปรแกรมภาษา C ที
ใช
่ สํ
าหรับการพิ
มพ
เลขจํ
านวนเต็
มที
ไม
่ มี
เครื
องหมาย

1 : %c
2 : %e
3 : %f
4 : %u

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

124 : คํ
าสั่
งในภาษา C,C++ ที
ใช
่ สํ
าหรับบังคับการพิ
มพ
ให
ทํ
าการเลื
อนแท็
่ บในแนวตั้

1 : \n
2 : \t
3 : \v
4 : \r

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่125 : x เป
น ขอมู
ลชนิด Real
y เป
น ข
อมูลชนิ ด Integer

คํ
าสั่
งข
อใดที
ไม
่ ส ามารถใช
งานได
เนื
องจากเกิ
่ ดข
อผิ
ดพลาดในการ compile หรื
อ run โปรแกรม

1 : x+y
2 : x mod y
3 : x*y
4 : x/ y

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

126 : ตัวแปร X ในข
อใดสามารถกํ
าหนดชนิ
ดตัวแปรประเภท int

1 : x = 3000000000
2 : X = 35.01
3 : x = 300 + 20*3
4 : x = 3.1416 * 2

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

127 : ตัวแปรชนิ
ดใดเหมาะสมที
สุ
่ด สํ
าหรับเก็
บค
าเฉลี

1 : integer
2 : character
3 : string
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

128 : ต
องการประกาศตัวแปรเพื
อเก็
่ บข
อมู
ลชนิ
ดตัวอักขระตัวเดี
ยวควรประกาศตัวแปรเป
น ชนิ
ดข
อมู
ลใดต
อไปนี

1 : char
2 : string
3 : real
4 : integer

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที่129 : ถ
าให
a=5
b=3
c=true
d=(a>b) xor c
d มี
เท
ากับขอใด

1 : a>b
2 : a<>b
3 : not c
4 : ถู
กทั้
งคํ
าตอบที

1 และ 2

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

130 : จาก program Q3 เป
น การแปลงอุ
ณหภู
มิ
จาก °C (ตั้
งแต
0°C ถึ
ง 100°C) เป
น °F เมื
อต
่ องการทํ
าให
โปรแกรมนี
ส มบู
้ รณ
บรรทัดที

6 ควรเติ
มอะไร

program Q3
1 Program Q3;
2 uses wincrt;
3 var i:integer;
4 c, f: real;

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 16/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
5
6 Procedure CalF(....................., b: real);
7 begin
8 a:= (b*9/5)+32;
9 end;
10Begin
11 writeln('C to F');
12 for i:= 0 to 100 do
13 begin
14 c:= .............;
15 ........................;
16 writeln(C:5:1, F:8:1);
17 end;
18end.

1 : a: integer
2 : a: real
3 : var a: integer
4 : var a:real

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

131 : หากกํ
าหนดตัวแปรดังนี

x,y เป
น ชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม z เป
น ชนิ
ดจํ
านวนจริ
ง c เป
น ชนิ
ดอักขระ ข
อใดเป
น นิ
พจน ไม

(expression)ที ถู
กต
อง

1 : x+y/z
2 : -z
3 : x*x*y
4 : z+c

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

132 : ถ
าท
านต
องเขี
ยนโปรแกรมเพื
อหาผลคู
่ ณของเมตริ
กซ
ตัวแปรที
ใช
่ เก็
บข
อมู
ลเมตริ
กซ
ที
เหมาะสมมากที
่ สุ
่ดควรเป
น ประเภทใด

1 : จํ
านวนเต็ ม
2 : ประเภทโครงสร าง(record หรื
อ structure)
3 : อาเรย2 มิ
ติ
4 : พอยนเตอร (pointer)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

133 : หากกํ
าหนดตัวแปรสามตัวดังนี
คื
้อ char a,b,c; หาก b มี
ค
าเท
ากับ 100 และ c มี
ค
าเท
ากับ 100 แล
ว a=b*c; จะให
ผลอย
างไร

1 : a จะเก็
บค
า 10000
2 : a จะเก็
บค
า -10000
3 : a จะเก็
บค
า 255 ซึ
งเป
่ น ค
าที
สู
่งที
สุ
่ดเทาที
ตัวแปรชนิ
่ ด char เก็
บค
าได
4 : เกิ
ดความผิดพลาดในการจัดเก็บค
าลงใน a ซึ
งอาจส
่ งผลตอการทํางานของโปรแกรมโดยรวมได

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

134 : ข
อมู
ลของน้
าหนักคนจัดเป
ํ น ข
อมู
ลประเภทใด

1 : Real
2 : Integer
3 : Alphabet
4 : Boolean

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

135 : ข
อมู
ลประเภท Date ควรจัดอยู
ในข
 อมู
ลประเภทใด

1 : Real
2 : Integer
3 : Boolean
4 : ไมมี
ข
อถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

136 : ข
อใดคื
อฟ
งก
ชัน ที
รับข
่ อมู
ลที
ละตัวอักขระ

1 : printf();

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 17/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 : chart();
3 : clrscr();
4 : getchar();

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

137 : ข
อใดคื
อรหัส ควบคุ
มรู
ปแบบสํ
าหรับการแสดงผลตัวเลขจํ
านวนเต็

1 : %c
2 : %f
3 : %d
4 : %s

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

138 : ข
อมู
ลชนิ
ดตัวเลข Float ตรงกับข
อใด

1 : 0123
2 : 0x174
3 : 55.5555
4 : -2345

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

139 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคํ
าสั่
งรับข
อมู

1 : scanf()
2 : printf()
3 : getinfo()
4 : putchar()

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

140 : ข
อใดคื
อหลักการตั้
งชื
อตัวแปรในโปรแกรมภาษาซี

1 : ต
องขึ
น ต
้ น ดวยตัวเลข
2 : ภายในชือต
่ องใชส ัญลักษณ#
3 : ความหมายของชื อไม
่ ควรเกิ
น 64 ตัว
4 : ภายในชือไม
่ มี
เว
น วรรค

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

141 : ข
อมู
ลที
มี
่0x นํ
าหน
า เป
น ตัวเลขแบบใด

1 : ข
อมู
ลชนิ
ดเลขฐานแปด
2 : ข
อมู
ลชนิ
ดทศนิยม
3 : ข
อมู
ลชนิ
ดจํ
านวนเต็

4 : ข
อมู
ลชนิ
ดเลขฐานสิ
บหก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

142 : การตั้
งชื
อในข
่ อใดถู
กต
องในโปรแกรมภาษาซี

1 : com-puter
2 : 8number
3 : right#
4 : class_room

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

143 : การตั้
งชื
อในข
่ อใดถู
กต
องในโปรแกรมภาษาซี

1 : 007bond
2 : james_bond
3 : jason born
4 : jamesbond%

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

144 : ข
อใดต
อไปนี
คื
้อคํ
าสั่
งแสดงผลที
ละอักขระ

1 : printf()
2 : scanf()
3 : getchar()
4 : putchar()

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

145 : ฟ
งก
ชัน ใดเป
น การแสดงผลออกทางหน
าจอ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 18/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : printf()
2 : scanf()
3 : gets()
4 : fopen()

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

146 : ฟ
งก
ชัน ใดเป
น การรับข
อมู
ลเป
น ข
อความ

1 : printf()
2 : fgetpos()
3 : switch()
4 : gets()

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

เนื
อหาวิ
้ ชา : 3 : กระบวนการทางคณิ
ตศาสตร
และตรรกศาสตร

ข
อที

147 : จงเขี
ยนสมการทางคอมพิ
วตอร
จากสมการทางคณิ
ตศาสตร
ที
กํ
่าหนดมาให

1 : y=a*b/c*d + b/ a+c + a*b*c /d ;


2 : y=a*b/c*d + b/(a+c) + a*b*c /d ;
3 : y=a*b/c/d + b/(a+c) + a*b*c /d ;
4 : y=a*b/c/d + b/a+c + a*b*c /d ;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่148 : กํ
าหนดให ตัวแปรทุ กตัวเปน ชนิดจํ
านวนเต็

ถ
า a = 100 ; b = 200 ; c = 50 ; d = 2 ;
a/c/d*b + b /(a+c) + a/d*c*b/1000 ; มีคาเท
าไร

1 : 701
2 : 700
3 : 501
4 : 702

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่149 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิ
ดจํ
านวนเต็

จงหาค
าของ x,a, และ b หลังจากส
วนของโปรแกรมข
างล
างนี
ทํ
้างานเสร็

x = 0; a = -2; b = 5;
x = x + a; a = a + b; b = b - 6;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;

1 : x=0, a = -2, b = 5
2 : x = 4, a = 6, b = 2
3 : x = 6, a =6, b = 2
4 : x = 6, a = 5, b = 1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่150 : ใหa และ b เปน ตัวแปรจํานวนเต็

ถ
า a = 5, b = 2 ผลลัพธข อง a / b มี
ค
าเท
าใด

1 :2
2 : 2.5
3 :1
4 : 0.5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที่151 : ใหa และ b เปน ตัวแปรจํ
านวนเต็
ม และ % คื
อ modulus operator
ถ
า a = 5, b = 2 ผลลัพธข อง a % b มี
ค
าเท
าใด

1:2
2 : 2.5
3:1
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 19/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : 0.5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

152 : ข
อใดให
ผลลัพธ
เท
ากับ (a+b/c-d)*e

1 : ((a+b)/c-d)*e
2 : (a+b)/c-d*e
3 : a+b/c*e-d*e
4 : (a*e+b*e/c-d*e)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

153 : -(-15+(2*4-2))+((6+3)*5+7)/4 มี
ค
าเท
าใด

1 : 23
2 : 22
3 : 21
4 : 20

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

154 : ข
อใดต
อไปนี
ผิ
้ด

1 : (a AND b) เป น จริ


ง ก็
ตอเมื
อทั้
่ ง a และ b มี
คาเป
น จริง
2 : (NOT a) เปน เท็จ ก็ต
อเมือ a มี
่ ค
าเป
น จริ

3 : (a OR b) เป
น เท็ จ ก็
ตอเมื
อทั้
่ ง a และ b มี
ค
าเปน เท็จ
4 : NOT (a AND b) เป น จริ
ง ก็
ตอเมือ a หรื
่ อ b มีค
าเปน เท็

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

155 : กํ
าหนดให
X=1, Y=10, Z=100 นิ
พจน
ใดต
อไปนี
ได
้ ค
าตรรกะเป
น จริ

1 : NOT (Z/Y == Y)
2 : NOT(Y*X == Y)
3 : Z <= (Y*Y –1)
4 : X*Z => Z/X

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

156 : กํ
าหนดให
A=1, B=2, C=3, D=4 เงื
อนไขใดต
่ อไปนี

ได
ค
าตรรกะเป
น เท็

1 : (A*B+C > C-B) && (A*D/B <= B)


2 : (A+B*C < B-C) || ((C+D)*A == A+B*C)
3 : (B/A <= D/C) || ((A+C) == (D*A)) && (C/B < A/D)
4 : (A < B) && (C < D) && (A > B) || (D==2*B)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่157 : ใหตัวแปร wet, cold, และ windy เป


น ตัวแปรทีเก็
่ บค
าจริ
งเท็
จได
ถา wet=true , cold=false, windy=false
(cold AND (NOT wet)) OR NOT(windy OR cold) มี ค
าความจริ
งคื
ออะไร

1 : จริ

2 : เท็

3 : ไม
ส ามารถสรุ
ปได
4 : ประโยคทีเขี
่ ยนหาค
าทางตรรกะไม
ได

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

158 : ภาษาคอมพิ
วเตอร
ที
ใช
่ ในข
อนี
มี
้คุ
ณสมบัติ
ดังนี

1. % แทน modulus operator


2. & แทน bitwise AND operator
3. ค
าตรรกะจริง มี
คาเท
ากับ 1
4. ค
าตรรกะเท็จ มี
คาเท
ากับ 0
5. สามารถนําคาตรรกะไปประมวลผลกับจํ
านวนได

จากการคํ
านวณต
อไปนี

ข
อใดคํ
านวณหาคํ
าตอบได
ถู
กต
อง

1 : (3<2) + 5 มีคาเท
ากับ 6
2 : (8 % 3) - 1 มี
คาเทากับ 0
3 : (3 = 3) + (6 <> 9) * 3 มี
คาเท
ากับ 6
4 : (23 – 2) & 1 มีค
าเทากับ 1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่159 : ให
y เปน ตัวแปรจํานวนเต็ ม และ % คื
อ modulus operator
ข
อใดเป
น คาของ y เมือ y = 1 – 5 / 3 + 9 % 4;

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 20/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 :0
2 :1
3 : -1
4 :2

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่160 : หลังจากส
วนของโปรแกรมข
างล
างนี
ทํ
้างานเสร็
จ answer มี
ค
าเท
าใด (% คื
อ modulus operator)
int a = 1, b = 2, c = 3:
double f = 1.75, g = 1.0, h = 5
double answer;
answer = a + g – b * f – c % b – h * 2;

1 : -11.6
2 : -12.5
3 : -13.1
4 : 12.0

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ขอที ่
161 : กําหนดให
1. fmod(x,y) คื น ค
าเศษหลังจุ
ดทศนิยมของผลหาร x/y
2. floor(x) คื
น ค
าจํานวนเต็
มทีได
่ จากการป
ดเศษหลังจุ
ดทศนิ
ยมของค
าในตัวแปร x ทิ
งไป

หลังจากทํ
างานสองบรรทัดข
างล
างนี
แล
้ ว x มี
ค
าเป
น เท
าไร (ให
x เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง)
x = 19.75;
x = fmod(x, floor(x));

1 : 1.00
2 : 19.75
3 : 0.75
4 : 1.75

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่162 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิดจํ
านวนเต็ม
หลังจากสวนของโปรแกรมข างลางนี
ทํ
้ างานเสร็
จ x1 และ x2 มี
ค
าเท
าใด?
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 - 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;

1 : x1 = 5, x2 =5
2 : x1 = 3, x2 =1
3 : x1 = 1, x2 =5
4 : x1 = 3, x2 =3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที่163 : ให
ตัวแปรทุ
กตัวเป
น ชนิดจํ
านวนเต็ม
หลังจากสวนของโปรแกรมข างลางนี
ทํ
้ างานเสร็
จ ตัวแปร ans มี
ค
าเท
าใด
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 - 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;
ans = x4 + x3 + x3 + x2 + x1;

1 : 18
2 : 17
3 : 16
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที ่164 : กํ
าหนดให
int x, y = 7, z = 5;
x = ((++y) + (z--)) % 10;

เมื
อส
่ วนของโปรแกรมข
างบนนี
ทํ
้างานแล
ว ค
าของ x คื
ออะไร?

1:0
2:1
3:2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 21/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4:3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่165 :
if(raining)
if(window_open)
puts("Close the window");

ส
วนของโปรแกรมด
านล
างข
อใดต
อไปนี
มี
้ความหมายเหมื
อนกับส
วนของโปรแกรมด
านบน

1 : if(raining && window_open) puts("Close the window");


2 : if(raining || window_open) puts("Close the window");
3 : if(not (raining && window_open)) puts("Close the window);
4 : if(not (not raining || window_open) puts("Close the window);

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที ่
166 : กํ
าหนดให sqrt(Y) คื
อฟ
งก
ชัน หาค
ารากที
ส องของ Y จงหาค
่ าของนิ
พจน
ต
อไปนี

เมื
อให
่ ค
าตัวแปร M = -3 N = 5 X = -3.57 Y = 4.78
1. sqrt(Y) < N
2. (X > 0) OR (Y > 0)
3. (NOT((M > N) AND (X < Y))) OR ((M <= N) AND (X > X))

1 : 1. เท็
จ 2. จริ
ง 3. จริ

2 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. จริ

3 : 1. เท็
จ 2. เท็
จ 3. จริง
4 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. เท็

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่167 : กํ
าหนดคาของตัวแปรจํ
านวนเต็
มต
อไปนี

count = 16, num = 4;

และคาของตัวแปรจํานวนจริงต
อไปนี

value = 31.0, many = 2.0;

เมือกระทํ
่ าตามคํ าสั่
งต
อไปนี ้
value = (value - count)*(count - num)/many + num/many;
ตัวแปร value มี
ค
าเทาไร

1 : 91
2 : 92
3 : 101
4 : 102

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

168 : กํ
าหนดตัวแปร Value = 50; เมื
อกระทํ
่ าการ bit-wise XOR (exclusive or) ด
วยตัวแปร Value เอง จะมี
ผลอย
างไรกับค
าตัวแปร Value

1 : ตัวแปร Value จะมี


ค
าเท
ากับ 0
2 : ตัวแปร Value จะมี
ค
าเท
ากับ 1
3 : ตัวแปร Value จะมี
ค
าเท
ากับ 50
4 : ไมมี
ข
อใดถูกตอง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

169 : ข
อใดคื
อความแตกต
างระหว
าง Bitwise Operator และ Logical Operator

1 : Bitwise Operator จะกระทํ


าตรรกกับบิ ตขอมูลของตัวแปร แต Logical Opeator จะกระทํ าตรรกกับคาขอมู
ลของตัวแปร
2 : Bitwise Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิ ดจํ
านวนเต็ม แตLogical Operator จะกระทําตรรกกับตัวแปรชนิ
ดใด ๆ ก็ได
3 : Bitwise Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิ ดใด ๆ ก็
ไดแตLogical Operator จะกระทําตรรกกับตัวแปรชนิ
ดจํานวนเต็ม
4 : Bitwise Operator และ Logical Operator เป
น เพี
ยงชือเรี
่ ยกของ Compiler แตละภาษาเท านั้

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

170 : กํ
าหนดให
% แทน modulus operator

ถ
า 22 % x มี
ค
าเท
ากับ 4;

x มี
ค
าเท
าไร

1 :2
2 :4
3 :6
4 :8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

171 : ข
อใดมี
ค
าจริ
งเสมอ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 22/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : P and P
2 : P or P
3 : not(P) and P
4 : not(P) or P

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที

172 : กําหนดให ฟงกชัน f มี
ลักษณะดังนี้
เงื
อนไขที
่ ่
1 f(n) = f(n-1)+f(n-2) เมื
อ n เป
่ น จํ
านวนเต็
ม, n ≥ 2
เงื
อนไขที
่ ่
2 f(1) = 1 และ f(0) = 1
จงหาว
า f(7) มี
คาเท าไร

1:0
2 : 11
3 : 21
4 : 31
5 : นับไม
ถ
วน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่173 : กํ
าหนดให
ฟ
งก
ชัน g มี
คุ
ณสมบัติ
ดังนี

g(0) = 1
g(n) = 2g(n-1) เมื
อn>0

จงหาค า g(n)

1 : g(n) = 2n
2 : g(n) = n*n
3 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง n
4 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง (n+1)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

174 : โอเปอเรเตอร
++ หมายถึ
งการกระทํ
าในลักษณะใด

1 : เพิ
มค
่ าตัวแปรที ละหนึ


2 : การหารคาตัวแปร
3 : การยกกํ
าลังของตัวแปร
4 : การหารแบบป ดสวน
5 : การบวกแบบทวี คู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

175 : 3+4*6/2+1 มี
ค
าเท
ากับ

1 :9
2 : 11
3 : 14
4 : 16

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

176 : ข
อใดเป
น จริ
งเมื
อ q=10,r=5,s=10

1 : (s/r) <= q
2 : (s*r) <=q
3 : (q-r) == (s-q+r)
4 : (q) < (r-s)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

177 : จงหานิ
พจน
ที
ส มมู
่ ลกับ NOT( A OR B OR C)

1 : NOT ( (NOT A) AND (NOT B) AND (NOT C) )


2 : NOT ( A AND B AND C )
3 : ( NOT A ) AND (NOT B) AND (NOT C)
4 : A AND B AND C

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่178 : ฟุ
ตบอลไทยจะชนะเมือมี
่ เงื
อนใขต
่ อไปนื
ครบถ
้ วน
1. นักฟุตบอลสมบู รณ
2. ฝนต องไมตก
3. แขงในเมึองไทย
3. แตถ
าศูน ย
หนาปวยอาจแพ
ได

ใหA แทน นักฟุ


ตบอลสมบูรณB แทน ฝนไม
ตก C แทน แข
งในเมึ
องไทย D แทน ศู
น ย
หน
าป
วย
จงเขี
ยนประโยคขางบนเป
น นิ
พจนบู
ลลีน

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 23/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1 : A AND B AND C AND D
2 : A AND B OR C AND D
3 : A AND B AND C OR D
4 : A AND B AND C AND (NOT D)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

179 : (1 + 2 * 3 - 4) มี
ค
าเท
าใด

1 : -3
2 :1
3 :3
4 :5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที
่180 : ใหa และ b เป
น ตัวแปรจํานวนเต็
ม และ % แทน modulus operator
อยากทราบว า a และ b มี
ค
าเท าใด ที
ทํ
่ าให
a % b มี คาเท
ากับ 1
b % a มี คาเท
ากับ 2

1 : a = 5 และ b = 4
2 : a = 4 และ b = 5
3 : a = 3 และ b = 2
4 : a = 2 และ b = 3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

181 : 3 + 5 * 5 -1 มี
ค
าเท
าใด

1 : 23
2 : 27
3 : 49
4 : 625

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่182 : ถ
าให
ตัวแปร wet, cold, windy มี
ค
าความจริ งดังนี

wet=true, cold=false, windy=false
เครื
องหมาย && คื
่ อ and , เครื
องหมาย || คื
่ อ or, เครื
องหมาย ! คื
่ อ not

จงหาค
าความจริ
งของ (cold && !wet) || !(windy || cold)

1 : จริ

2 : เท็

3 : นิ
พจน ที
เขี
่ ยนเป
น นิ
พจน
ทางตรรกศาสตร
ที
ผิ
่ด
4 : ไม
ส ามารถหาได

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

183 : ข
อใดถู
กต
อง

1 : (x > 0) จะเป
น จริ
ง เมือ x เป
่ น0
2 : (x >= 0) จะเป
น จริ
ง เมือ x ไม
่ เทากับ 0
3 : (x <= 0) จะเป
น เท็จ เมื
อ x เป
่ น จํ
านวนบวก
4 : (x < 0) จะเป
น เท็
จ เมือ x เป
่ น จํ
านวนลบ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่184 : ให
%แทน modulus operator และมี
ลํ
าดับการทํ
างานจากซ
ายไปขวา
(203 % 10 % 9 % 7 % 5) มี
ค
าเท
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

185 : ให
% แทน modulus operator

(201 % (11 % (8 % (7 % 4)))) มี


ค
าเท
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 24/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที
่186 : กํ
าหนดใหa,b,c เปน ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม ซึ
งมี
่ ค
าดังนี

a=10,b=20,c=30
จงหาคาของนิพจนa + b * c / a + 10

1 : 70
2 : 80
3 : 100
4 : 120

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่187 : ให&& แทน AND, || แทน OR
operator ใดทํางานก
อนเป
น อัน ดับแรก ในการหาค
าของนิ
พจน
ตรรกศาสตร
ข
างล
างนี

(x > y + 80) && (z > 100) || (x > 500)

1 : + ใน (y + 80)
2 : > ใน (x > y + 80)
3 : &&
4 : ||

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที่188 : x = 1 + 2 + 3 + 4 + 5;
x = x + x;
x = x + x;
x = x + x;

เมื
อส
่ วนของโปรแกรมข
างบนนี
ทํ
้างานเสร็
จ x มี
ค
าเท
าใด

1 : 120
2 : 100
3 : 80
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที ่
189 : กํ
าหนดให
1. ~ คือการกระทํา one-complement (หรื อเรี
ยกอีกอยางว
า bit-wise not)
2. & คือการกระทํา bit-wise and
3. ! คื
อการกระทํา logical not
4. ผลของการกระทํ า logical operation มี
ค
าไดเพียงสองคาเท านั้
น คื
อ 1 (จริ
ง) และ 0 (เท็
จ)

กระบวนการ ~!(b & 1) จะได


ค
าใด หาก b เป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็
มซึ
งมี
่ ค
าเท
ากับ 5

1 :5
2 :1
3 :0
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่190 : สมมติว
ามีการต
อเครืองคอมพิ
่ วเตอร
เขากับระบบภายนอก ซึงเมื
่ อมี
่ การอ
านข
อมูลเข
ามาทางพอร ตขนาด 8 บิ
ต แล
ว 4 บิ
ตบน จะเป
น คาข
อมู
ลจากแหล
งที
หนึ
่ ง และ 4 บิ
่ ต
ลาง เป
น คาข
อมู
ลจากแหล งที
ส อง หากเราต
่ องการตรวจสอบว า ค
าข
อมู
ลจากแหลงทีหนึ
่ ง เป
่ น ค
าใดนั้
น เราจะต
องใช
นิ
พจน
ใดเพือหาค
่ าดังกล
าว สมมติ
ว
าข
อมู
ลได
ถู
กนํ
ามาพักไว
ใน
ตัวแปร x กอนทีจะส
่ งเข
านิพจน เพื
อทํ
่ าการหาคํ าตอบ

1 : x>>4
2 : x/16
3 : x-64
4 : x%64
5 : ไมส ามารถหาได
ต
องออกแบบให
มี
การรับค
าแยกพอร
ตกัน เท
านั้

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่191 : ใหตัวแปรทุ กตัวเปน ตัวแปรจํานวนจริ

โดยที
่X1 = 1, X2 = 2, X3 = 3, X4 = 4
อยากทราบว า X1 / X2 * X3 / X4 มีคาเท
าใด

1 : 0.417
2 : 0.375
3 : 0.667
4 : 0.867

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

192 : กํ
าหนดให
/ คื
อ operator หารแบบจํ
านวนเต็
ม ซึ
งจะป
่ ดเศษทิ
งเสมอ

นิ
พจน
ใดข
างล
างนี
ที
้ไม
่ ได
ค
าเป
น 23

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 25/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 :3+4*5
2 : 200 / 5 / 2 + 10 / 3
3 : 1 + 77 / 7 * 2
4 : 23 / 3 * 3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

193 :

1 :r = -b - (b^2 - 4ac) ^ 0.5 / 2a


2 :r = -b - (b^2 - 4*a*c) ^ 0.5 / 2.0 * a
3 :r = -b - (b^2 - 4*a*c) ^ 0.5 / (2.0*a)
4 :r = (-b - (b*b - 4*a*c) ^ 0.5 ) / a / 2.0

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่194 : กํ
าหนดให
m เป
น ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็ม
ข
อใดเป
น การตรวจสอบค
าของตัวแปร m ที
ต
่ างจากขออื

1 : NOT((m < 1) AND (m > 12))


2 : (m < 13) AND (m > 0)
3 : NOT(NOT(1 <= m) OR NOT(m <= 12))
4 : (1 <= m) AND (m => 12)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่195 : ให
n เป
น ตัวแปรแบบจํ
านวนเต็ม และ % แทน modulus operator
จะทํ
าอย
างไรจึงจะไดตัวเลขสองตัว ณ ตํ
าแหน
งหลักพัน และหลักร
อยของจํานวนเต็
มในตัวแปร n (เช
น ถ
า n = 12345 สิ
งที
่ ต
่องการคื
อ 23)

1 : (n / 1000) % 100
2 : (n % 1000) / 100
3 : (n % 10000) / 100
4 : (n % 10000) / 1000

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที
่196 : ให C คื
อตัวแปรจํ
านวนจริ
งทีแทนอุ
่ ณหภูมิ
เปน องศาเชลเชียส
ข
อใดข
างล างนีไม
้ แทนการแปลงอุ ณหภมิ ใน C ให
เป
น องศาฟาเรนไฮต เพื
อเก็
่ บใส
ตัวแปร F
หมายเหตุ : 0 องศาเซลเซียสเทียบได
กับ 32 องศาฟาเรนไฮต และ 100 องศาเซลเซียสเทียบได
กับ 212 องศา ฟาเรนไฮต

1 :F = C * 180/100 + 32
2 :F = 32 + 1.8 * C
3 :F = 1.8C + 32
4 :F = 9 * C / 5 + 32

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่
197 : ให
% แทน modulus operator
((201 % (11 % 8)) % (9 % 5)) มี
ค
าเท
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่198 : ให
m คื
อตัวแปรจํ
านวนเต็

ข
อใดทีไม
่ ใชนิ
พจน
ที
แทนการทดสอบ 1 <= m <= 12

1 : ! ((m < 1) && (m > 12))


2 : ! ( (m < 1) || (m >= 13) )
3 : ! ( ! (1 <= m) || ! (m <= 12) )
4 : (1 <= m) && (m >= 12)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่199 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคี

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 26/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : (n == 1) || (n == 3) || (n == 5) || (n == 7) || (n == 9)
2 : (n / 10 == 1)
3 : (n / 2 == 1)
4 : (n % 2 == 1)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่200 : ใหn เปน ตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริงเมือ n มี
่ คาตั้
งแต13 ถึ
ง 22

1 : (13 < n) && (n < 22)


2 : ! ((n > 22) || (n < 13))
3 : (12 < n) || (n < 23)
4 : (n - (22 - 13 + 1) > 0)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

201 : ให
n เป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็
มที
เก็
่ บรหัส ไปรษณี
ย
ที
มี
่ข นาด 5 หลักที
ใช
่ กัน อยู
ในป
 จจุ
บัน (เช
น 10600 แถวคลองสาน 10300 แถวปทุ
มวัน กรุ
งเทพฯ)

ถ
าเป
น รหัส ไปรษณี
ย
ข องจังหวัดประจวบคี
รี
ข ัน ธ
จะขึ
น ต
้ น ด
วย 77 เช
น 77000 คื
ออํ
าเภอเมื
อง 77130 คื
ออํ
าเภอทับสะแก

ข
อใดให
ค
าจริ
งเมื
อ n เก็
่ บรหัส ไปรษณี
ย
ข องจังหวัดประจวบคี
รี
ข ัน ธ

1 : (n % 77 == 0)
2 : (n % 100 == 77)
3 : (n / 1000 == 77)
4 : (n / 77 == 0)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่202 : ให random() เปน ฟ
งก
ชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งที
สุ
่ มจากค
 าในชวง [0, 1) คือตั้
งแต0 ไปจนถึ
งเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ขอใดเป
น การสุ มค
 าจํานวนเต็ มในชวง [a, b] คื
อตั้
งแตa จนถึ
ง b (a และ b เปน ตัวแปรจํานวนเต็
ม โดยที่
a < b)
าหนดให
(กํ floor(x) เป
น ฟ
งก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็ มที
ได
่ จากการปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)

1 : floor(random() * (b - a + 1))
2 : floor(a + random() * b)
3 : a + floor((b - a) * random())
4 : a + floor((b - a + 1) * random())

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่203 : ใหa เป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็ ม
สมมติ
ว
า a เก็บจํานวนตั้งแต0 ถึ
ง 99 ขอใดข
างล
างนี
ทํ
้าให
b มี
ค
าเป
น จํ
านวนที
เขี
่ ยนสลับหลักสิ
บกับหลักหน
วยของ a (เช
น a เก็
บ 21 จะได
b เก็
บค
า 12 เป
น ต
น)

1 :b = a / 10 + (a % 10)
2 :b = (a % 10) * 100 + (a % 10)
3 :b = 10 * (a % 1) + (a % 10)
4 :b = 10 * (a % 10) + (a / 10)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที่204 : ใหตัวแปรทุกตัวเปน ตัวแปรจํ
านวนเต็

a = 2, b = 4, c = 8, d = 16;

อยากทราบว
า a + (c + d) / a * b + d / a มี
ค
าเท
าใด

1 : 58
2 : 60
3 : 13
4 : 122

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที่205 : ใหตัวแปรทุกตัวเป
น ตัวแปรจํ
านวนเต็

a = 2, b = 4, c = 8, d = 16

อยากทราบว
า b * a + d / b / a + b * c มี
ค
าเท
าใด

1 : 24
2 : 35
3 : 42
4 : ไม
มี
ข
อใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

206 : ให
a เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR

ข
อใดให
ผลเป
น เท็
จตลอด ไม
ขึ
น กับค
้ าของ a

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 27/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : (12 < a) && (a < 23)


2 : (12 < a) || (a < 23)
3 : (a < 12) && (a > 23)
4 : (a < 12) || (a > 23)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

207 : ให
a เป
น ตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR

ข
อใดให
ผลเป
น จริ
งตลอด ไม
ขึ
น กับค
้ าที
เก็
่ บใน a

1 : (12 < a) && (a < 23)


2 : (12 < a) || (a < 23)
3 : (a < 12) && (a > 23)
4 : (a < 12) || (a < 23)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่208 : เส
น ตรงเส
น หนึ
งผ
่ านจุ
ด (x1, y1) และ (x2, y2) บนระนาบสองมิ
ติ
ข
อใดเป
น นิพจนทีคํ
่านวณหา slope ของเสน ตรงเสน นี

1 : y1 - y2 / x1 - x2
2 : y2 - y1 / x2 - x1
3 : (y1 - y2) / x1 - x2
4 : (y1 - y2) / (x1 - x2)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที่209 : ให(x1, y1) และ (x2, y2) เป
น จุ
ดสองจุ
ดบนระนาบสองมิ
ติ
และ sqrt(d) คื
อฟงกชัน ที
คื
่น ค
ารากที ส องของ d

ข
อใดคื
อนิ
พจน
ที
คํ
่านวณหาระยะห
างที
ส ั้
่ น สุ
ดระหว
างจุ
ดสองจุ
ดนี

1 : sqrt((x1-x2)*(x1-x2)+(y1-y2)*(y1-y2))
2 : sqrt((x1-x2)*(x2-x1)+(y1-y2)*(y2-y1))
3 : sqrt((x2-x1)*(x1-x2)+(y2-y1)*(y1-y2))
4 : sqrt((y1-y2)*(y2-y1)+(x1-x2)*(x2-x1))

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่210 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู

1 : (n == 0) || (n == 2) || (n == 4) || (n == 6) || (n == 8)
2 : (n / 10 == 0)
3 : (n % 2 == 0)
4 : (n / 2 == 0)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที
่211 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู

1 : (n%10 == 0) || (n%10 == 2) || (n%10 == 4) || (n%10 == 6) || (n%10 == 8)


2 : (n/10 == 0) || (n/10 == 2) || (n/10 == 4) || (n/10 == 6) || (n/10 == 8)
3 : (n%10 == 0) && (n%10 == 2) && (n%10 == 4) && (n%10 == 6) && (n%10 == 8)
4 : (n/10 == 0) && (n/10 == 2) && (n/10 == 4) && (n/10 == 6) && (n/10 == 8)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่212 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคู

1 : (2*n/2 == n)
2 : (n/2*2 == n)
3 : (n/10*10 == n)
4 : (10*n/10 == n)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่213 : ใหn คื
อตัวแปรจํ านวนเต็

ข
อใดให
คาจริง ก็
ต
อเมือ n เก็
่ บค
าที
เป
่ น จํ
านวนคี

1 : (n/2*2 == n+1)
2 : ((n+1)/2*2 == n)
3 : ((n-1)/2*2 == n)
4 : (n/2*2 == n - 1)

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 28/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่
214 : วัน สงกรานต ตรงกับวัน อะไร สามารถคํ านวณได ดังนี

1. เปลี
ยน ป
่ พ.ศ. เปน ค.ศ.
2. นํ
าสองหลักทางขวาของป ค.ศ คูณด วย 1.2 แล วบวกด วย 11
3. นํ
าผลในข อ 2 ปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมทิง (ใช
้ ฟงกชัน floor) แลวหารด
วย 7
4. เศษของการหาร 7 ถ าเป
น 0 คืออาทิ ตย1 คื อจัน ทร, ..., 6 คื
อเสาร
การคํานวณนี ใช
้ ไดตั้
งแตป
2543 ไปประมาณร อยป
ถ
า y เก็
บปพ.ศ. ข อใดคํ านวณผลในข อ4

1 : floor(11 + (((year - 543) / 100) * 1.2)) % 7


2 : floor((((year - 543) % 100) * 1.2) + 11) % 7
3 : floor((((year - 543) / 100) * 1.2) + 11) / 7
4 : ไมมี
ขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่215 : ให
random() เป
น ฟ
งกชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งที
สุ
่มจากค
 าในช วง [0, 1) คื
อตั้
งแต0 ไปจนถึงเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ข
อใดเป
น การสุมค
 าจํ
านวนเต็ มตั้
งแต 0 จนถึ ง 50 (กํ
าหนดให
floor(x) เป
น ฟงก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็
มทีได
่ จากการป ดเศษหลังจุ
ดทศนิ
ยมของ x ออกหมด)

1 : floor( 50*random() )
2 : floor( 50*random() ) % 50
3 : floor( 51*random() ) % 100
4 : ไมมี
ขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่216 : ให random() เปน ฟ
งก
ชัน ที
คื
่ น จํ
านวนจริ งทีสุ
่มจากค
 าในชวง [0, 1) คื
อตั้
งแต0 ไปจนถึ
งเกื
อบ ๆ 1 (ไม
รวม 1)
ขอใดเป
น การสุ มค
 าจํานวนเต็ มในชวง [-10, 10] คื
อตั้
งแต-10 จนถึ
ง 10
าหนดให
(กํ floor(x) เป
น ฟ
งก
ชัน คื
น จํ
านวนเต็ มที ได
่ จากการปดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)

1 : floor(21 * random()) % 100 - 10


2 : floor(21 * random()) % 20 - 10
3 : floor(20 * random()) % 20 - 10
4 : ไมมี
ขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

217 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า s = a*b+c; s =

1 : 15
2 : 16
3 : 17
4 : 18

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

218 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า t = b+c*b; t =

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

219 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า v = a*a+b*b+c*c; v =

1 : 36
2 : 28
3 : 38
4 : 48

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

220 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า x = a%5; x =

1 :0
2 :2
3 :4
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

221 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า y = a/c; y =

1 : 1.5
2:2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 29/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : 2.5
4:3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

222 : กํ
าหนดให
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถ
า z = a/d; z =

1 :0
2 : 10
3 : 11
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

223 : การดํ
าเนิ
น การโดยใช
เครื
องหมาย && จะให
่ ผลลัพธ
เป
น อย
างไร เมื
อ i = 2 และ j = 5 ในการดํ
่ าเนิ
น การ (i>3) && (j>4)

1 : เป
น จริ

2 : เป
น เท็

3 : เป
น บวกเสมอ
4 : เท
ากับหนึง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

224 : value1 , value2 ที
แสดงโดยชุ
่ ดคํ
าสั่
งต
อไปนี
มี
้ค
าเท
าใด

n = 20;
value1 = n++;
value2 = ++n;
printf(“%d , %d ”,value1,value2);

1 : 20 , 21
2 : 21 , 20
3 : 21 , 21
4 : 20 , 22

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

เนื
อหาวิ
้ ชา : 4 : การทํ
างานแบบลํ
าดับ

ข
อที่225 : ถ
าให x = 5; y = 7; z = 12;
และ k = (x + y) * z + y;
จงหาคาของ k

1 : 74
2 : 128
3 : 151
4 : 96
5 : 47

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

226 : สมการ z เท
ากับ x กํ
าลังสอง บวก y กํ
าลังสอง เขี
ยนเป
น นิ
พจน
ในภาษาคอมพิ
วเตอร
ได
อย
างไร

1 : z = x2 + y2;
2 : z = x * x + y * y;
3 : z = x * 2 + y * 2;
4 : z = x ** 2 + y ** 2;
5 : z = xx + yy;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่227 : ถากํ
าหนดใหRelative Precedence ของ Operators เป
น ไปตามลํ
าดับดังนี

1) ++ -- 2) * / % 3) + - จากลํ
าดับ Operator Precedence ด
านบน จงjหาค
าตัวแปรดัง
ต
อไปนี
้x = 4 + 5 * 3;

1 : x= 27
2 : x = 19
3 : x= 17
4 : ไม
ส ามารถระบุ
ค
าได
5 : ถู
กทุกขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่
228 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ชุ
ดคํ
าสั่
งคื

i=0
i=i+1
j=1

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 30/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
j=i+j
เมื
อคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ ผลลัพธ
้ จากการทํ
างานคื
อข
อใด

1 : i มี
ค
า0
2 : j มี
ค
า0
3 : j มี
ค
า1
4 : j มี
ค
า2
5 : j มี
ค
า3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

229 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น
รับคา x และ y
นําคา x + y ใส
ลงใน a
นําคา x – y ใส
ลงใน b
แสดงค าผลคู ณของ a กับ b
จบ

ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี

โดยผู
ใช
 ใส
ค
า 8 และ 2 ผลลัพธ
ที
ได
่ คื
อข
อใด

1 :8
2 : 16
3 : 28
4 : 60
5 : 66

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

230 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น
รับคา x, y และ z
นําคาทีมากที
่ สุ
่ดของ x, y, z ไปใส
ไวใน a
นําคาทีน
่ อยทีสุ
่ดของ x, y, z ไปใสไว
ใน c
นําคาเฉลี ยของ x, y, z ไปใส
่ ไว
ใน b
จบ

ถ
าเครื
องคอมพิ
่ วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบแล
้ วข
อใดเป
น จริ

1 :a <b<c
2 :a >b>c
3 :a <= b <= c
4 :a >= b >= c
5 :a >= b <= c

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

231 : ข
อใดได
ผลลัพธ
บนหน
าจอเหมื
อนกับคํ
าสั่
งต
อไปนี

int a = 50; PRINTtoSCREEN(a+200);

1 : int a = 350; PRINTtoSCREEN(a); a = a - 100;


2 : PRINTtoSCREEN(a); int a = 50; a = a * 5;
3 : PRINTtoSCREEN(a); a = a - 100; int a = 350;
4 : a = a * 5; int a = 50; PRINTtoSCREEN(a);
5 : int a = 50; a = a * 5; PRINTtoSCREEN(a);

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

232 : ถ
า x, y และ z มี
ค
าเป
น 18, 12 และ 4 ตามลํ
าดับ ข
อใดต
อไปนี
เป
้ น ค
าถู
กต
อง เมื
อมี
่ การทํ
างานเป
น ดังโปรแกรม x = x – y; y = y – x; z = x * y / z;

1 : x = 9;
2 : y = 12;
3 : z = 18;
4 : x = 2/3 ของ z;
5 : y = 1/3 ของ z;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที ่233 : เมือ x, y และ z มี
่ ค
าเป
น 100, 13 และ 91 ตามลํ
าดับ และมี
การทํ
างานดังโปรแกรม
1: z = z / y;
2: y = y + z;
3: x = x * z / y;
ข
อใดถู กต อง

1 : x มี
ค
าเท
ากับ 25
2 : z มี
ค
าเท
ากับ 8
3 : y มี
ค
าเท
ากับ 21

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 31/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : ถ
าต
องการให
x มี
ค
าเท
ากับ 12 จะต
องเปลี
ยนคํ
่ าสั่
งในบรรทัดที่
3 เป
น (x+z)/y
5 : ถ
าต
องการให
x มี
ค
าเท
ากับ 25 จะต
องเพิ
มคํ
่ าสั่
ง z = z-2;ก
อนหน
าบรรทัดที่3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที่234 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
X= 3
Y = X+ 1
X= Y + 2
END

1 :6
2 :5
3 :7
4 :4
5 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที
่235 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
X= X+ 2
X= 0
X= X+ 1
END

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่236 : ค
า X จากโปรแกรมนี
คื
้ออะไร
Y = 11
X= Y
Y=Y+3
END

1 :0
2 :3
3 : 11
4 : 14

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่237 : จากโปรแกรมภาษา C จงหาค าของตัวแปร Newcount และ Count เมื


อโปรแกรมสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
างาน
--------------------------------------------------

int Newcount=0, Count=1;


Newcount = Count++;
Count = 3+Newcount++;

1 : 2,4
2 : 2,5
3 : 3,4
4 : 3,5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที่238 : จากโปรแกรม ภาษา C ต อไปนี



จงหาค
าของตัวแปร Newcount และ Count เมื
อโปรแกรมหยุ
่ ดทํ
างาน
------------------------------------------
int Newcount=0, Count=1;
Newcount = Count++;
Count = 3+Newcount++;
Newcount = ++Count;

1 : 4,5
2 : 4,6
3 : 5,5
4 : 5,6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่239 : x = 10
y=5
x=y
y=x
หลังจากโปรแกรมทํ างานครบทั้
งสี
บรรทัด ข
่ อใดผิ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 32/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : ตัวแปร x จะมีค
าเทากับ 5
2 : x - y จะมีค
าเท
ากับ 5
3 : y จะมีคาเท
าเดิ

4 : ไมมี
ขอใดผิด

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่240 : ถ
า b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที

2 แล
ว a จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1b =b +c;
บรรทัดที่
2a =b - 5 ;

1 :5
2 : 20
3 : 25
4 : 15
5 : 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที่241 : ถ
า b = 5 และ c = 8 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที

3 แล
ว a จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1 b = b * 2;
บรรทัดที่
2c=c+b ;
บรรทัดที่
3 a = b * c;

1 : 40
2 : 65
3 : 80
4 : 180

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที่242 : ถ
า b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที

4 แล
ว c จะมี
ค
าเท
าใด
บรรทัดที่
1 b = b + c;
บรรทัดที่
2 a = b - 5;
บรรทัดที่
3 b = a -c;
บรรทัดที่
4 c = b + a;

1 : -10
2 :5
3 : 10
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

243 : ลํ
าดับคํ
าสั่
งในข
อใดต
อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
เป
น การสลับค
าของตัวแปร x กับ ตัวแปร y

1 : x=y; y=x;
2 : x=x+y; y=x-y; x=y-x;
3 : x=x-y; y=y+x; x=x+y;
4 : x=x+y; y=x-y; x=x-y;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

244 :

1 : 12
2 : 13
3 : 15
4 : 18
5 : 20

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

245 :

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 33/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : dx2 = x1 - x2 * x1 - x2; dy2 = y1 - y2 * y1 - y2; d = squareRoot( dx2 + dy2 );


2 : dx = x1 - x2; dy = y2 - y1; d = squareRoot( dx*dx, dy*dy );
3 : dx = x2 - x1; dy = y2 - y1; dx2 = dx*dx; dy2 = dy*dy; d = dx2+dy2; d = squareRoot( d );
4 : dx = x1 - x2; dy = y1 - y2; dxy = dx*2 + dy*2; d = squareRoot(dxy);

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

246 :

1 : บรรทัด 04 กับ 05
2 : บรรทัด 05 กับ 06
3 : บรรทัด 06 กับ 07
4 : บรรทัด 07 กับ 08

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

247 : โครงสร
างแบบใดมี
ลักษณะการทํ
างานการวนรอบเพื
อทํ
่ างานซ้
าจะเริ
ํ มต
่ น จากการทํ
างานตามคํ
าสั่
งของ do ก
อน หนึ
งรอบ แล
่ วจึ
งเริ
มตรวจสอบ เงื
่ อนไขที
่ คํ
่าสั่
ง while

1 : for
2 : if-else
3 : while
4 : do-while

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

248 : คํ
าสั่
งใดเป
น การขึ
น บรรทัดใหม

1 : \m
2 : \n
3 : \o
4 : \p

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่ 249 : จากโปรแกรม main() { int a,b,c,d; printf(“Enter three number ”); scanf(“%d%d%d”,&a,&b,&c); d =c; if(a>d) d = a; if(b > d) d = b; printf(“value of D =
%.2f”,); } เป
น โปรแกรมใด

1 : เป
น โปรแกรมหาค
าผลรวม
2 : เป
น โปรแกรมหาค
าเฉลี


3 : เป
น โปรแกรมหาค
ามากทีสุ
่ด
4 : เป
น โปรแกรมหาค
าน
อยทีสุ
่ด

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

250 : สัญลักษณ
ดังรู
ปหมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด

1 : กิ
จกรรมประมวลผล
2 : จุ
ดเริ
มต
่ น หรือจุ
ดสุดท
ายของกิ
จกรรม
3 : การตัดสิน ใจหรื
อเปรี
ยบเที
ยบ
4 : แฟมขอมู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

251 : สัญลักษณ
ดังรู
ปหมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 34/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : การแสดงผลข อมูลทางจอภาพ
2 : การรับข
อมูล และแสดงขอมู

3 : เส
น แสดงทิ ศทางของกิจกรรม
4 : การตัดสิ
น ใจหรือเปรี
ยบเที
ยบ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

252 : ข
อใดคื
อสัญลักษณ
ข องผังงานการตัดสิ
น ใจหรื
อเปรี
ยบเที
ยบ

1 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมคางหมู

2 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมขนมเป
่ ยกปู

3 : รู
ปสี
เหลี
่ ยมจตุ
่ รัส
4 : รู
ปวงกลม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

เนื
อหาวิ
้ ชา : 5 : การทํ
างานแบบเลื
อก

ขอที่253 : จงหาผลลัพธ จากขั้น ตอนดังต


อไปนี ้
ขั้
น ที่
1 เริ
มการทํ
่ างาน
ใหตัวแปร x , y เปน integer
ขั้
น ที่
2 ใหตัวแปร x =20 ; y =25 ;
ขั้
น ที่
3 ใหตัวแปร x = x + 10 ; y =25 ;
ขั้
น ที่
4 ใหตัวแปร x นอยกว า y ใหตัวแปร = x + 20
มิ
ฉะนั้น แลว ใหตัวแปร x = x- 5 ;
ขั้
น ที่
5 พิมพ ค
าตัวแปร x และตัวแปร y
ขั้
น ที่
6 จบการทํ างาน

1 : x= 30 ; y = 25:
2 : x= 40 ; y = 25:
3 : x= 50 ; y = 25:
4 : x= 25 ; y = 25:

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่254 : จงหาผลลัพธ จากขั้


น ตอนดังต อไปนี

ขั้
น ที่
1 เริ
มการทํ
่ างาน
ใหตัวแปร x , y เปน integer
ขั้
น ที่
2 ใหตัวแปร x = 10 ; y =40 ;
ขั้
น ที่
3 ใหตัวแปร x = x + 2 ; y = y - 5 ;
ขั้
น ที่
4 ใหตัวแปร x = x + 2 ; y = y - 5 ;
ขั้
น ที่
5 ใหตัวแปร x = x + 2 ; y = y - 5 ;
ขั้
น ที่
6 พิมพ ค
า x,y จบ

1 :( x = 16 ; y = 25 ;)
2 :( x = 14 ; y = 30 ;)
3 :( x = 12 ; y = 35 ;)
4 :( x = 10 ; y = 40 ;)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

255 : ถ
า A = 20 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 35/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที

256 : ถ
า A = 5 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

257 : ถ
า A = 8 เงื
อนไขดังต
่ อไปนี
ให
้ ผลลัพธ
อะไร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

258 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนด ถ
าหลังจาก RUN โปรแกรม แล
วค
า y =15+0.2x ถามว
าค
า x มี
โอกาส เป
น เท
าไร

1 : x อาจจะเป
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 79 หรื
อ 75
2 : x อาจจะเป
น 87 หรื
อ 82 หรื
อ 77 หรื
อ 76
3 : x อาจจะเป
น 85 หรื
อ 80 หรื
อ 77 หรื
อ 76
4 : x อาจจะเป
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 78 หรื
อ 75

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 36/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่259 : จาก Flow chart ทีกํ


่าหนด จงหาค าy
เมือ ครั้
่ งที
่1 ใหx= 79 , ครั้
งที
่2 ให
x= 15 ;

1 : 30.8 , 32.5
2 : 17.9, 32.5
3 : 17.9, 30.8
4 : 30.8, 17.9

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

260 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด

1 : if....then....else
2 : if .. then
3 : for loop
4 : ไม มีขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

261 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 37/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : if.. then
4 : ไม มีขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

262 : ผังงานต
อไปนี
เป
้ น ผังงานของข
อใด

1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : do.... while
4 : ไม มีขอใดถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข อที่
263 : จากคําสั่
งต
อไปนี
เมื
้ อทํ
่ างานจนจบ X มี
ค
าเท
าไร เมื
อ a = 100

if (a >= 1000)
X = 1;
else if (a < 10)
X=2;
else if (a > 100)
X = 3;
else
X = 4;

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 38/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
5:4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข อที่264 : แสดงค
าในตัวแปร x ที
เกิ
่ ดจากผลการทํ
างานของโปรแกรมนี

int x=50;
if (x > 50)
x=x+10;
else if (x < 30)
x=x+20;
else x=x+30;
x=x+10;

1 : 90
2 : 80
3 : 70
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที ่265 : จาก algorithm ต อไปนี ้เมื


อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ างาน x,y,z จะมี คาเป
น เท
าใด เครื
องหมาย ! คื
่ อ not operator
-----------------------------------------------------------------------------
1: int x=6, y = 1, z = 2;
2: if (!x) {
3: x = y + 1;
4: z = x - y;
5: } else
6: y = x - z;

1 : x=6, y=1, z=2


2 : x=6, y=4, z=2
3 : x=2, y=1, z=1
4 : x=2, y=4, z=1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข อที่266 : จากโปรแกรมที ให


่ ถ
ากํ
าหนดคาให
อาเรย
x ดังนี

0, 4, 10, 1,3
โดยเริ มตั้
่ งแตindex 0 ถึ
ง 4 เมื
อโปรแกรมทํ
่ างานจบแล
ว ans มี
คาเทากับเท
าใด
กรณี ภาษา C ans = x[0];
for (i=1; i<=4; i++)
{
if (ans ans = x[i];
} หรือ ในภาษา pascal ans := x[0];
for i:=1 to 4 do
begin
if (ans ans := x[i];
end

1 :0
2 :4
3 : 10
4 :1
5 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที ่267 : โปรแกรมต อไปนีถ


้ าตองการให
ans = 0 ต
องป
อนค
า num เป
น เท
าไร
if( ((num*4-15) < num) || ((num*4-15)>num))
ans = 1;
else
ans = 0;
หมายเหตุ || คื
อ OR operator ใน pascal

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

268 : ข
อใดมี
ความหมายเช
น เดี
ยวกัน กับ a += (n1 >= n2) ? n1 : n2;

1 : if (n1 < n2) a += n2; else a += n1;


2 : if (n1 >= n2) a = n1; else a = n2;
3 : if (n2 < n1) a = a + n2; else a = a + n1;
4 : if (n2 > n1) a = n2; else a = n1;
5 : มีคําตอบทีถู
่ กมากกวา 1 ขอ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 39/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

269 : จากการใช
if (a <= b) c = a; else c = b; ข
อใดกล
าวถู
ก?

1 : c จะมี
คาเทากับ a ก็ต
อเมือค
่ าของ a มากกวาค
าของ b
2 : c จะมี
คาเทากับ b ก็ต
อเมือค
่ าของ a เท
ากับค
าของ b
3 : คาของ c จะไม มากกวาคาของ b เสมอ
4 : คาของ c จะมากกว าคาของ a ก็
ตอเมือค
่ าของ a มากกว
าb
5 : มี
คําตอบที ถู
่ กมากกว า 1 ขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข อที่
270 : ในการใชif statement เพื
อเช็
่ คดูว
าค
าของ n เป
น เลขคี
่ซึ
งอยู
่ ในช
 วงตั้
งแต
10 – 30
หรื อไม
น ั้
น เราต
องใช
คําสั่
งอยางไร? หมายเหตุ== คื
อเปรียบเทียบเท
ากับ
!= ไมเท
ากับ
|| OR
&& AND
/ div
% mod

1 : if (((n % 2) == 1) || ((n >= 10) && (n <= 30)))


2 : if (((n / 2) == 1) && ((n >= 10) && (n <= 30)))
3 : if (((n % 2) != 0) && ((n >= 10) && (n <= 30)))
4 : if (((n % 2) == 0) || ((n >= 10) && (n <= 30)))
5 : มีคําตอบที ถู
่ กมากกวา 1 ขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่271 : กําหนดตัวแปร n เป น integer
ถาต
องการเช็ ควาตัวแปร n เก็ บเลขที ลงท
่ ายดวย 3
น 3, 13, 23, 33, ...) เราต
(เช องใช คํ
าสั่
ง if อย
างไร?
หมายเหตุ % คื อ mod , / คื อ div , == เปรียบเที ยบเท
ากับ

1 : if((n % 3) == 0)
2 : if((n / 3) == 0)
3 : if((n % 10) == 3)
4 : if((n / 10) == 3)
5 : มีคําตอบที ถู
่กมากกว
า 1 ข

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่272 : กํ
าหนด constant ชื
อ MAXNUM มี
่ ค
า 20 ตัวแปร integer number มี
ค
า 30; if (number > MAXNUM) number = MAXNUM; PRINT_TO_SCREEN(number); จาก
โปรแกรมดานบน number ที
ได
่ จะมี
ค
าอย
างไร

1 : number = 0
2 : number = 20
3 : number = 30
4 : number = 40
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
กตอง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่273 : แสดงผลการทํ
างานของคํ
าสั่
งต
อไปนี

โดยกํ
าหนดการป
อนค

1. N= 5
2. N= 2

IF (N < 5) THEN
IF (N == 4) THEN PRINT "Hello."
ELSE IF (N == 3) THEN PRINT "Goodbye."

PRINT "Siam"

1 : 1. Siam 2. Goodbye
2 : 1. Hello 2. Goodbye
3 : 1. Siam 2. Siam
4 : 1. Hello 2. Goodbye

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

274 : ให
เครื
องหมาย && คื
่ อ and operator

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 40/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ผิ
ดทุ
กข

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

275 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น
รับคา x และ y
ถา x > y และ y > 0 ให
นํ
า 0 ใส
ลงไปใน y
จบ

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
 ใส
ค
า 5 และ 3 แล
วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ

1 : x มี
ค
า3
2 : y มี
ค
า3
3 : y มี
ค
า5
4 : y มี
ค
า0
5 : y มี
ค
า -1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

276 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น
รับคา x และ y และ z
ถา x > y แล
วz=0
มิฉะนั้
น z=1
จบ

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ

1 : z มี
ค
า 0 หรื
อ 1 เท
านั้

2 : z มี
ค
า 0 เมื
อx=y

3 : z มี
ค
า0
4 : z มี
ค
า1
5 : z มี
ค
า 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

277 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น
รับคา x และ y และ z
ถา (x + y) > z แล
ว z=x+y
มิฉะนั้น ถ
า z = 0 แล
ว z=y – x
จบ

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
 ใส
ค
า 1 และ 2 และ 4 แล
วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ

1 : z มี
ค
า1
2 : z มี
ค
า2
3 : z มี
ค
า3
4 : z มี
ค
า4
5 : z มี
ค
า5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

278 : ข
อใดสมมู
ลกับประโยค if (x <= 80 and x > 49)

1 : if (x = 80 and x > 49)


2 : if (49 < x <= 80)
3 : if (x < 80 or x > 50)
4 : if (not (x > 80 or x < 50))
5 : if (not (x > 80 and x < 50))

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 41/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

279 : ผลลัพธ
ข องนิ
พจน
ในข
อใดที
แตกต
่ างจากผลลัพธ
ข องนิ
พจน
(5+4) / 3 < 3

1 : not (50 >= 14)


2 : 3 + 8 >= 15 or 5 <= 3
3 : 3 - 4 <= 10 and 3 > 3
4 : 14 / 7 < 1 or not (9 < 4)
5 : not (100 > 80 and 10 < 50)

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่
280 : if (วัน นี
ฝนตก หรื
้ อ เป
น วัน หยุ
ด) then ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย
else ฉัน จะไปซื อของ

สมมุติว
า "วัน นีเป
้ น วัน ทํ
างาน แตว
าฝนตก"
ขอใดคือผลลัพธ ที
ถู
่ กตอง

1 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย
2 : ฉัน จะไปซื
อของ

3 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย และ ฉัน จะไปซื
อของ

4 : ฉัน จะไปออกกํ
าลังกาย แตฉัน จะไม
ไปซื
อของ

5 : ฉัน จะไม
ไปออกกํ
าลังกาย และ ฉัน จะไปซื
อของ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

281 : A B เป
น เงื
อนไข X เป
่ น ตัวแปร

X= 0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา A จริ
ง B เท็
จ เมื
อโปรแกรมหยุ
่ ด X มี
ค
าเท
าไร

1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ไม
ทราบค

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

282 : A B เป
น เงื
อนไข X เป
่ น ตัวแปร

X= 0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา A เท็
จ B จริ
ง เมื
อโปรแกรมหยุ
่ ด X มี
ค
าเท
าไร

1:0
2:1
3:2
4:3
5 : ไม
ทราบค

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข อที
่283 : num = -1
if (num < 0) then (num = num + 1)

num มี
ค
าเท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี

1 : -1
2:0
3:1
4:2
5 : ไมมี
คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข อที่
284 : answer = 10
if (a > 10) then answer = answer * 2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 42/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
if (a < 5) then answer = answer - 1
else if (a > 7) then answer = answer + 1

เมื
อมี
่ การกํ
าหนดค
าให
ตัวแปร a ข
อความใดเป
น จริ

1 : ถ
า a = 3 จะไดค
า answer = 9
และถ า a = 8 จะได
คา answer = 11
2 : ถ
า a = 3 จะไดค
า answer = 11
และเมื อ a = 7 จะได
่ คา answer = 10
3 : เมื
อ a = 7 จะได
่ ค
า answer = 20
เมือ a = 8 จะได
่ ค
า answer = 10
4 : เมื
อ a = 1 จะได
่ ค
า answer = 9
เมือ a = 7 จะได
่ ค
า answer = 20
5 : answer = 10 ไมว
า a จะมี
ค
าเปน เท
าไรก็
ตาม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

285 : ข
อ 3 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

286 : ข
อ 1 จงบอกว
าอุ
ปกรณ
ใดต
อไปนี

เป
น อุ
ปกรณ
ประเภท standard output

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

287 : ข
อ 3 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 43/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

288 : ข
อ 4 ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : -9
2 :9
3 : 21
4 : -21

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่
289 : ต
องการเขี ยนโปรแกรมเพือคํ
่ านวณหาค
าเสื
อรวมเมื
้ อราคาเสื
่ อเป
้ น ดังนี

น
อยกวา 10 ตัวราคาตัวละ 250 บาท
น
อยกวา 20 ตัวราคาตัวละ 230 บาท
น
อยกวา 30 ตัวราคาตัวละ 200 บาท
น
อยกวา 50 ตัวราคาตัวละ 150 บาท
ควรเลื
อกใชคําสั่
งใดตอไปนี้

1 : if....then
2 : if....then.....else
3 อ nested if)
: if...then...else if... (หรื
4 : for
5 : while

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข อที
่290 : ให
V เปน ตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนจริ งมี
คา 2.5
if V > 2.0 then
begin
M := 3.0 * V;
end
else
begin
M := 0.0;
end;
V :=M;
หลังจากคํ าสั่
งขางต
น ถูกกระทํ
าแล
ว ค
า V เป
น เทาไร หมายเหตุ
begin...end ก็
คื
อ {..} และ := ก็
คื
อ = ในภาษา C

1 : 0.0
2 : 2.5
3 : 7.5
4 : 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

291 : จาก flowchart ข
างล
างนี

การทํ
างานจะมาถึ
งกล
อง J ได
อย
างไร

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 44/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : A, B, C, และ H ตองเป
น จริ

2 : A และ H เปน จริ
ง B เป
น เท็

3 : A และ B เปน เท็
จ สวน H เปน จริ

4 : A, H และ C เปน เท็

5 : ไมมี
ขอใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

เนื
อหาวิ
้ ชา : 6 : การทํ
างานแบบวงวน

ขอที่292 : จงเขี ยนผลตอบสนองของโปรแกรมดังต


อไปนี

#include
int main(void){
function(5);
}
void function(int i){
printf("%d ", i);
if(i==0) return;
else function(i-1);
}

1 :0 1 2 3 45
2 :5 4 3 2 1
3 :1 2 3 4 5
4 :5 4 3 2 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

293 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนด จงหาค
า val , n และวนรอบกี
ครั้
่ ง หลังจากจบโปรแกรม ให
ค
า y=0 ,x = 1 , k=2 ,b=9

1 : val =32 ,n=9 ;วน 4รอบ


2 : val=28 ,n=11 ;วน 5รอบ
3 : val =28 ,n=9 ;วน 4รอบ
4 : val=22 ,n=9 ;วน 4รอบ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

294 : ถ
า A = 4 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร

1:B=8
2 : B= 16
3 : B=32
4 : B=64
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

295 : ถ
า A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 45/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1:B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=6
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

296 : ถ
า A = 5 และ B = 1เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร

1 : B=7
2 : B=9
3 : B=11
4 : B=13
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

297 : ถ
า A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop) ผลลัพธ
่ จะเป
น อะไร

1 : B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=8
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

298 : ความแตกต
างระหว
างการทํ
างานของคํ
าสั่
ง While และ Do-While คื
ออะไร

1 : คํ
าสั่
ง While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข ส
่ วนคํ
าสั่
ง Do-While ตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนถ
าเป
น จริ
งจึ
งทํ
าคํ
าสั่
งที
ต
่องการ
2 : คํ
าสั่
ง While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข ส
่ วนคํ
าสั่
ง Do-While ตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนถ
าเป
น เท็
จจึ
งทํ
าคํ
าสั่
งที
ต
่องการ

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 46/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : คํ
าสั่
ง While ตรวจสอบเงือนไขก
่ อนถ
าเป น จริ
งจึ
งทําคําสั่
งที
ต
่องการ ส
วนคํ
าสั่
ง Do-While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข

4 : คํ
าสั่
ง While ตรวจสอบเงือนไขก
่ อนถ
าเป น เท็
จจึ
งทําคําสั่
งที
ต
่องการ ส
วนคํ
าสั่
ง Do-While ทํ
าคํ
าสั่
งก
อนแล
วจึ
งตรวจสอบเงื
อนไข

5 : ทั้
งสองคํ
าสั่งทํ
างานเป
น วงวนเหมื
อนกัน ไมแตกตางกัน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที ่299 : จากคําสั่


งต
อไปนี

ค
า n[3][3] มี
ค
าเท
ากับเท
าใด
for (i=0; i<3; i++) {
for (j=0; j<3; j++) {
n[j][i] = i;
}
}

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่300 : ให หาค า y สุดท ายที ได


่ จาก algorithm ต
อไปนี

---------------------------------------------------
x=5
y=1
while (x > 0) {
x=x- 1
y=y*x
print(y)
}

1:0
2:4
3 : 10
4 : ไม
มี
ข
อใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข อที ่301 : จาก algorithm ด านล าง จงเลื อกคํ าตอบที ถู


่ กที สุ
่ด
-----------------------------------------------------------------------------
i=1 และ j=0
for (i = 1; i <= 4; i = i+1) {
if ((i - 1) / 2 == 0){
print(i)
j = i+1;
}
}

1 : โปรแกรมนีพิ
้มพ
คา i ทั้
งหมด 5 ครั้

2 : ค
า i ค
าสุ
ดท
ายคื
อ4
3 : ค
า j สุ
ดท
าย คื
อ2
4 : ค
า j สุ
ดท
าย คื
อ6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข อที่
302 : จาก algorithm ด านล าง โปรแกรมจะทํ างานวน loop ทั้ งหมดกี
รอบ

--------------------------------------------------------------------------
กําหนด x=0, y = 1, z = 5
while(x < 6) {
y =z+x
if (y < 11) {
x=y +x
}
}

1 :1
2 :2
3 :3
4 :5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ขอที่303 : ข
อใดตอไปนี
ได
้ ค
าตัวแปร sum เท
ากับโปรแกรมต
อไปนี

sum = 0;
for(i=1; i<=100; i++)
{
sum = sum +i;
}

1 : sum = 0;

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 47/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
j = 0;
for(i=0; i<100; i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
2 : sum = 0;
j = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
3 : sum = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}
4 : sum = 0;
for(i=0;i<=99;i++)
{
sum = sum +i;
}
5 : sum = 0;
for(i=0;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที่304 : โปรแกรมที
ให
่ มี
การทํ
างานวนรอบทั้
งหมดกี
รอบ และแต
่ ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับเท
าไร
int a=10;
while (a >= 1)
{
a = a - 2;
}

1 : 10 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 1,2,3,4,5,6,7,8,9 และ 10
2 : 10 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 10,9,8,7,6,5,4,3,2 และ 1
3 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 9,7,5,3 และ 1
4 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 10,8,6,4 และ 2
5 : 5 รอบ แต
ละรอบ a มี
ค
าเท
ากับ 2,4,6,8 และ 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข อที ่305 : กํ
าหนดให
int i;
for (i = 1;i < 10; i++){
if ( i > 7 ) continue;
if ( i == 5 ) break;
printf(”KORAT”);
}
สตริ ง KORAT จะถู กพิมพ
ทั้
งหมดกี
ครั้
่ ง?

1 : 10
2 :6
3 :4
4 :5
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

306 : ข
อใดมี
ความหมายตรงกับคํ
าว
า Inifinite Loop มากที
สุ
่ด

1 : ผิ
ดเงื
อนไขโปรแกรมจะไม
่ ทํ
างานภายในลู ป
2 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดคาตัวแปรในโปรแกรม
3 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดในโปรแกรมโดยมี จุ
ดสิน สุ
้ ด
4 : ทํ
างานวนซ้
าตามที
ํ กํ
่าหนดในโปรแกรมโดยไม มี
จุ
ดสิ น สุ
้ ด
5 : ไม
มี
ข
อใดถู
กต
อง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที ่307 : i = 0;
for (j = -2; j < 3; j++) {
i = j + i++;
} ค
า i จะมีค าเทาไร

1:2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 48/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 :4
3 :6
4 : -6
5 : -4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่308 : j = k = 0;
do {
j += k;
k += 2;
} while (k < 20);
อยากทราบว าค
า j มี
คาเท
าไร

1 : 50
2 : 60
3 : 70
4 : 80
5 : 90

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

309 : Recursive Function มี
ความหมายว
าอย
างไร

1 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
ทํ
่างานแบบไม รู
จบ

2 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
มี
่การเรี
ยกจากภายในฟงก
ชัน เอง
3 : คื
อฟ
งก
ชัน ที
มี
่เงื
อนไขจึ
่ งจะออกจากโปรแกรมได
4 : คื
อฟ
งก
ชัน สํ
าหรับทํ
างานในโปรแกรมระบบเท านั้

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

310 : Nested Loops มี
ความหมายอย
างไร

1 : คื
อ Loop ทีโปรแกรมวนไมรู
จบ

2 : คื
อ Loop ทีมี
่คํ
าสั่
งประเภทเดียวกัน ซ
อนอยู 
3 : คื
อ Loop ทีมี
่คํ
าสั่
งวนซอนกัน มากกวา 1 Loop
4 : คื
อ Loop เฉพาะที มี
่เงื
อนไขสํ
่ าหรับออกจากโปรแกรม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

311 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริ
มต
่ น
x=1
ทําซ้


x=x+1
จนกระทั่
ง x>5
จบ

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ

1 : x มี
ค
า1
2 : x มี
ค
า5
3 : x มี
ค
า6
4 : x มี
ค
า7
5 : x มี
ค
า8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

312 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น โปรแกรม
รับคา x และ y
ทําซ้า

ถา x > y แลว
{ แสดงค า x ; x=x– 1 ; }
จนกระทั่ ง x=y
จบโปรแกรม

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
 ใส
ค
า 5 และ 1 แล
วจะมี
การแสดงค
าอะไร

1 :5
2 :5 1
3 :5 432
4 :5 4321
5 :5 43210

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 49/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที

313 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

BEGIN
sum = 0 ;
FOR count = 1 to n
{ sum = sum + 1 ; write(sum) ; }
END

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วจะมี
การแสดงค
าอะไร

1 :0 1 2 3 4 ไปจนถึงn
2 :1 2 3 4 ไปจนถึงn
3 :0 1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
4 :1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
5 :1 3 5 7 ไปจนถึงn

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

314 : ในการประมวลผลการทํ
างานของฟ
งก
ชัน แบบเรี
ยกซ้
า สิ
ํ งสํ
่ าคัญที
จํ
่าเป
น ต
องทราบคื
อข
อใด

1 : จุ
ดเริ
มต
่ น ของการทํางาน
2 : จุ
ดสิน สุ
้ ดการทํางาน
3 : ค
าเริ
มต
่ น ของการทํ
างาน
4 : นิ
พจน ทั่
วไปที
ไม
่ เรี
ยกซ้า

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที
่315 : ในการหาค
าของ n ตัวแรกที
ทํ
่ าให
ผลบวกของอนุ
กรม 1 + 2 +3 +..+ n > 15 เป
น จริ
ง ถ
าตรวจสอบเงื
อนไข ผลบวก > 15 ในการออกจากวงวนหลังจากที
่ ทํ
่าการบวก
สะสมค
าของพจน โปรแกรมนี
จะวนอยู
้ ในวงวนกี
 เที
่ ยว

1 : 5 เที
ยว

2 : 6 เที
ยว

3 : 7 เที
ยว

4 : 8 เที
ยว

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที ่
316 : จาก psuedocode:
a=0;
while a<20
show a on a screen;
a=a+1
a=0; end ผลลัพธ ค
า a หลังจาก run เสร็
จแล
วคื

1:0
2 : 20
3 : 19
4 : ไมมี
คํ
าตอบที
ถู
่กเนื
องจากโปรแกรมไม
่ ส มบู
รณ
5 : ไม
มี
คํ
าตอบที
ถู
่กเนื
องจากโปรแกรมทํ
่ างานไมหยุ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที
่317 : พิ
จารณาโปรแกรมต
อไปนี

S=0
X= 0
WHILE X < N
BEGIN
S=S+2
X= X+ 1
END
STOP

ถ
า N = 10 เมื
อโปรแกรมวิ
่ งจนจบ S มี
่ ค
าเท
าไร

1 : 10
2 : 12
3 : 20
4 : 22
5 : ไม
มี
ข
อใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

318 : ต
องการ บวก 1 ถึ
ง N คํ
าตอบเป
น S โปรแกรมต
อไปนี

บรรทัดไหนผิ

1S=0
2 X= 1
3 WHILE X < N
BEGIN

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 50/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4S=S+X
5 X= X+ 1
END
STOP

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

319 : ให
N เปน เลขคู
มากกวา0
ขณะที
โปรแกรมทํ
่ างานอยู
X กับ Y มี
ค
าตรงกัน พร
อนกัน ได
หรื
อไม
ค
าใด

X= 0
Y=N
WHILE X < N
BEGIN
X= X+ 1
Y=Y-1
END
STOP

1 : ไม
มีวัน ตรงกัน
2:0
3:N
4 : N/2
5 : N/2 + 1

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่320 : x = 0
for count = 1 to 3
x = x + count

x มี
ค
าเป
น เท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี

1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข อที่
321 : value = -1
while (value < 3)
if (value < 0) then (value = value + 1)

value มี
ค
าเท
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี

1 : -1
2:0
3:2
4:4
5 : ไมมี
คํ
าตอบ เนื
องจากโปรแกรมไม
่ หยุ
ดทํ
างาน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ขอที่322 : จงหาค าเงือนไขที


่ เพื
่ อให
่ algorithm ได
ผลลัพธ
ต
อไปนี

12345678
-------------------------------------
count = 1
while ( ___________ ) {
Show count
Show " "
count = count + 1
}

1 : count <=9
2 : count !=9
3 : count+1<=8
4 : count+1 < 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

323 : ถ
าต
องการวนรับอายุ
ข องผู
ใช
 จนกว
าจะใส
ค
าที
มากกว
่ าศู
น ย
น
าจะตรวจสอบเงื
อนไขก
่ อนหรื
อหลังจากรับค
าอายุ
เก็
บไว
ในตัวแปร

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 51/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : ก
อน
2 : หลัง
3 : กลาง
4 : ก
อนหรื
อกลาง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

324 : คํ
าสั่
งเที
ยมต
อไปนี
ส อดคล
้ องกับผลลัพธ
ในข
อใด Set A = 1 Set R = 0.2 FOR I = 1 to N do A = A*(1+R)

1 : A = (1+R)^N
2 : A = A*(1+R)
3 : A = (1+R)*N
4 : A = (1+R)(1+R)
5 : A = A*(1+R)*N

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

325 : ชุ
ดคํ
าสั่
งเที
ยม DO X = X + 1; WHILE (X < 10); เที
ยบเท
ากับคํ
าสั่
งในข
อใด

1 : FOR N=1 TO 10 X=X+1; END FOR


2 : WHILE (X<10) DO X=X+1; END WHILE
3 : LOOP X=X+1; IF (X>=10) EXIT; END LOOP
4 : REPEAT X=X+1; UNTIL (X<10);

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

326 :

1:

2:

3:

4:

5:

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

327 :

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 52/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : หาผลรวม
2 : หาค
าเฉลี ย

3 : หาค
าเบียงเบนมาตรฐาน

4 : หาค
ามัธ ยฐาน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

328 : กํ
าหนดให
== คื
อ operator ในการตรวจสอบความเท
ากัน ของข
อมู

1 : หาคามากสุ

2 : นับจํ
านวนตัวทีมาก

3 : หาวามี
ค
าใน data ที
มี
่คาเท
ากับ x หรือไม
4 : นับจํ
านวนตัวใน data ที
มี
่ ค
าเทากับ x
5 : ไมมี
ข
อใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

329 :

1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อใดถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

330 : ข
อใดผิ
ดสํ
าหรับส
วนโปรแกรมที
ต
่องการวนรับตัวอักษรไปเรื
อย ๆ จนกว
่ าจะกด q โดยที
มี
่การประกาศตัวแปรให
ใช
ดังนี

char check=’w’;

1 : while(check!=”q”) { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); }


2 : while(check!=113) { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); }
3 : do { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); } while(check!=‘q’);
4 : for(i=0;check!=‘q’;i++) { check=getche(); }

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

331 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี

ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j+5;

1 : i = 10 j = 50
2 : i = 10 j = 25
3 : i = 12 j = 50
4 : i = 12 j = 25
5 : ไมมี
ขอถูกตอง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

332 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี

ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =2; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j*2;

1 : i = 10 j =32
2 : i = 10 j = 64
3 : i = 12 j = 32
4 : i = 12 j =64
5 : ไมมี
ขอถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

333 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี

ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j+2;

1 : i = 10 j = 10
2 : i = 10 j = 8

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 53/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3 : i = 16 j = 10
4 : i = 16 j = 8
5 : i = 16 j = 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

334 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี

ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =1; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j*2;

1 :i=8j=8
2 : i = 16 j = 8
3 : i = 16 j = 32
4 : i = 8 j = 16
5 : i = 16 j = 16

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 5

ข
อที

335 :

1:

2:

3:

4:

5:

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

336 : จากส
วนของโปรแกรมดังต
อไปนี

ผลลัพธ
i และ j จะเป
น จะมี
ค
าเท
าใดเมื
อสิ
่ น สุ
้ ดการทํ
าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*3) j = j+2;

1 : i = 12 j = 8
2 : i = 27 j = 8
3 : i = 12 j =6
4 : i =27 j =6
5 : i =27 j=10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

337 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; do { j = j-1; } while (j >0);

1:7

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 54/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
2 :8
3 :9
4 : 10
5 : 11

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

338 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j =10; do { j = j-2; } while (j >0);

1 :3
2 :5
3 :7
4 :9
5 : 10

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

339 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; do { j = j/2; } while (j >0);

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

340 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j -1; }

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : 12

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

341 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j -2; }

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

342 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั้
่ ง j = 10; while (j >=0) { j = j - 3 ; }

1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

343 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะเกิ
ดแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ; i < 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1:9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

344 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1:9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

345 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i = 1 ;i< 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 55/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

346 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =1 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

347 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =0 ;i< 10 ; i=i+2) { printf ("Test\n"); }

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

348 : จากส
วนของโปรแกรม ดังต
อไปนี

จะแสดงข
อความ "Test" กี
ครั้
่ ง for (i =1 ;i< 10 ; i=i*2) { printf ("Test\n"); }

1:2
2:3
3:4
4:5
5 : ไม
มี
ข
อถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

349 :

1:a=4b=8
2:a=4b=7
3 : a =5 b= 8
4 : a =5 b= 7
5 : ไม
มี
ขอถู

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

350 :

1 : a = 5 b =6
2 : a = 5 b =7
3:a=4b=6

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 56/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : a = 4 b =7
5 : ไม
มี
ขอถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

351 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการคู
ณ matrix ขนาด m x n จํ
านวน 2 matrix จะต
องใช
การวนลู
ปกี
ชั้
่ น ในการแก
ป
ญหานี

1 : 4 ชั้

2 : 2 ชั้

3 : 1 ชั้

4 : 3 ชั้

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

352 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช
่ ในการหาค
าน
อยที
สุ
่ดของเลขจํ
านวนเต็
ม ถ
ามี
เลขจํ
านวนเต็
มอยู

10 ตัว จะต
องมี
การวนลู
ปลึ
กกี
ชั้
่ น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบขึ
น กี
้ ครั้
่ ง

1 : 1 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 10 ครั้ง
2 : 1 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 9 ครั้

3 : 2 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 36 ครั้ง
4 : 2 ชั้
น และเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 45 ครั้ง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

353 : ถ
า ส
วน for(x = 2; x <20; x+=3) อยู
ในโปรแกรมที
 แสดงค
่ า x ทุ
กค
าจนจบโปรแกรม ค
าของ x ในข
อใดไม
ถู
กต
อง

1 :8
2 : 14
3 : 17
4 : 18

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

354 : สัญลักษณ
ดังรู
ป หมายถึ
งสัญลักษณ
ในผังงานข
อใด

1 : การรับหรื
อแสดงผลโดยไม ระบุ
อุ
ปกรณ
2 : การแสดงผลทางจอภาพ
3 : การแสดงผลข อมู
ลเป
น เอกสาร เช
น แสดงผลทางเครื
องพิ
่ มพ
4 : จุ
ดเริมต
่ น หรื
อจุ
ดสุ
ดทายของกิจกรรม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

355 : โปรแกรมที
แสดง x = 2; while(x<=100) x++; ให
่ ผลลัพธ
อย
างไร

1 : โปรแกรมแสดง 1-100
2 : โปรแกรมแสดงเลขคูตั้
 งแต2-100
3 : โปรแกรมแสดงเลขตั้
งแต2-100
4 : โปรแกรมแสดงเลขคีตั้
่ งแต2-100

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

เนื
อหาวิ
้ ชา : 7 : Arrays 1-2 มิ
ติ

ข
อที

356 : กํ
าหนด a[] = {7,3,2,5,6}; ความหมายของ a[3] จะมี
ค
าเท
าใด

1 :7
2 :3
3 :2
4 :5
5 :6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

357 : ข
อใดถู
กต
องที
สุ
่ด

1 : a[0] เปน สมาชิกของอะเรย ตัวแรกสุด


2 : a[]= {2,5,3,9} ตัวแปรอะเรยทีมี
่ค
า 5 คื
อ a[2]
3 : a[]= {2,5,3,9}สมาชิ กตัวสุ
ดทายของอะเรยคือ a[4]
4 : ไมมี
ขอถูก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

358 : ข
อความ “Hello-World” ต
องใช
ตัวแปรอะเรย
ชนิ
ด char จํ
านวนกี
ตํ
่าแหน

1:9
2 : 10
3 : 11
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 57/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที
่359 : จาก Flow chart ที
กํ
่าหนดหลังจบโปรแกรมจงหาค
า matrix และหาค
าวนรอบจุ
ด A , B ,C,E จุ
ดละกี
รอบ เมื
่ อตํ
่ าแหน
ง Array เริ
มที
่ ่
a[1][1] ,b[1][1] ให
ค
า n= 1,m=2
,x=1,y=3

1 : C[2][3]={ 12 , -10 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ


ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =6 รอบ
2 : C[2][3]={ 12 , -13 ,35 ,5 ,9,13} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=3 รอบ ,จุ
ด E = 7 รอบ
3 : C[2][3]={ 12 , -7 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =7 รอบ
4 : C[2][3]={ 12 , -13 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =6 รอบ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

360 : รหัส เที
ยม(pseudocode) ต
อไปนี
ตรงกับการทํ
้ างานในข
อใด

1 : การเรี
ยงตัวเลขจากน
อยไปหามาก
2 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน
อย
3 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
B โดยใช
อาร
เรย
A และ C ช
วย
4 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
C โดยใช
อาร
เรย
A และ B ช
วย

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

361 : จากรหัส เที
ยม(pseudocode)ที
กํ
่าหนดให
หากมี
การเปลี
ยนบรรทัดที
่ ่
7 เป
น for j = 1 to length[A] จะเกิ
ดผลตรงกับข
อใด

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 58/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
C โดยใช
อาร
เรย
A และ B ช
วย
2 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร
เรย
B โดยใช
อาร
เรย
A และ C ช
วย
3 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน
อย
4 : การเรี
ยงตัวเลขจากน
อยไปหามาก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

362 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode)ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี

1 :1
2 :3
3 :5
4 :7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

363 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 59/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 :2
2 :4
3 :6
4 :8

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

364 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟ
งก
ชัน X ต
อไปนี

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

365 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของโปรแกรม Y ซึ
งมี
่ การเรี
ยกใช
งานฟ
งก
ชัน X ดังต
อไปนี

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 60/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : 12
2 :8
3 :7
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

366 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) โปรแกรม Y ซึ
งมี
่ การเรี
ยกใช
งานฟ
งก
ชัน X ดังต
อไปนี

1 :1
2 : 10
3 :9
4 : 21

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 61/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ข
อที

367 : คํ
าสั่
งใดมักนิ
ยมใช
ในการนํ
าข
อมู
ลเข
าไปเก็
บและแสดงผลข
อมู
ลในตัวแปรชุ

1 : loop
2 : while
3 : do-while
4 : for
5 : do-until

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที ่368 : จากคํ


าสั่
งตอไปนี
เมื
้ อทํ
่ าจนจบคํ
าสั่
ง ข
อความที
เก็
่ บในC[ ] คื
ออะไร
str[ ] = “Hello World”;
i = 0;
for (k=10; k>=0; k--){
C[k] = str[i];
i = i + 1;
}

1 : Hello World
2 : World
3 : dlroW olleH
4 : dlroW

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข อที่369 : 
จาก algorithm ด านล างนี ้จงหา ค าของตัวแปร what ที พิ
่มพ
ออกมา
----------------------------------------------------------------------
score = {1, 4, 8, 5, 6, 2}
what = score[0]
FOR (index=0; index < 6; index=index+1) {
if ( score[index] > what ) {
what = score[index];
}
}
print(what)

1 :1
2 :8
3 :6
4 :2

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ขอที ่ 370 : ค
าที
เก็
่ บในตัวแปรชุ
ด a[ ][ ] หลังจากการทํ
างานของโปรแกรมคื
อข
อใด
int a[3][4];
int i,j;
for(i=0; i<3; i++)
for(j=0; j<4; j++)
a[i][j] = i*j;

1 :000 0
0 000
0 123
2 :000 0
0 123
0 236
3 :000 0
0 123
0 146
4 :000 0
0 123
0 246

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที
่371 : กํ
าหนดให int data[6][5][4];
ถ
าต
องการใหตัวแปรตัวที่20 เก็
บคา 100 เราต
องใช
คํ
าสั่
งอย
างไร?

1 : data[0][4][3] = 100;
2 : data[1][4][3] = 100;
3 : data[1][3][3] = 100;
4 : data[0][3][3] = 100;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที่372 : ถ
า y = { 1, 9, 2, 6, 7 };
y[3] จะมี
คาเทาไร

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 62/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 :1
2 :9
3 :2
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่373 : ถ
า y[3][3] = {{7, 4, 5}, {6, 1, 8}, {2, 3, 4}};
y[2][1] มี
คาเท
าไร

1 :1
2 :3
3 :4
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

374 : int function_x(int x[] int len) { int temp = x[0]; for(int i=1; i

1 : เรี
ยงคาน
อยไปหาคามาก
2 : เรี
ยงคามากไปหาค
านอย
3 : คน หาค
าที
น
่ อยที
สุ
่ด
4 : คน หาค
าที
มากที
่ สุ
่ด

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

375 : จากโปรแกรมด
านล
าง ค
าของ x[7] และ d[7] จะมี
ค
าเท
าใด int x[8] = 0; int d[8] = 0; int k; for(k=1;k<8;k++) { x[k] = (2*k-1); d[k] = d[k-1] + x[k]; }

1 : 9, 25
2 : 11, 36
3 : 13, 49
4 : 15, 64

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ขอที่376 : กํ
าหนดใหตัวแปร x และ y เป
น แถวลําดับ (array) ที
มี
่ 1 มิ
ติและมี
ค
าดังนี

x[n] = y[n]
โดยที ่n เปน เลขจํ
านวนเต็ม ถ
า n มี
ค
า 3 และ y[3] มี
คา 4 แลว x[3] จะมี
ค
าเท
าใด

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

377 : ถ
ามี
การประกาศตัวแปรอาร
เรย
ข อง float โดย float y[10][10]; อาร
เรย
y มี
ข นาดเป
น กี
่ าหนดให
byte (กํ float มี
ข นาดเท
ากับ 4 byte)

1 : 200
2 : 242
3 : 400
4 : 484

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

378 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริมต
่ น โปรแกรม
รับคาi
ทําซ้ า โดยให
ํ count = 1 ถึ
งi
x[i] = i + 1
จบทํ าซ้า

จบโปรแกรม

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ โดยผู
้ ใช
 ใส
ค
า 7 แล
วข
อใดเป
น จริ

1 : x[2] มี
ค
า3
2 : x[3] มี
ค
า3
3 : x[7] มี
ค
า6
4 : x[7] มี
ค
า7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ข
อที

379 : กํ
าหนดให
โปรแกรมมี
ข ั้
น ตอนการทํ
างานดังนี

เริ
มต
่ น โปรแกรม
i=8;
x[1] = 1 ; x[2] = 1 ;
ทําซ้ าโดยให
ํ count = 3 ถึ
งi
x[i] = x[i – 1] + x[i - 2]
www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 63/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
จบทํ
าซ้า

จบโปรแกรม

ถ
าคอมพิ
วเตอร
ทํ
าโปรแกรมนี
จนจบ แล
้ วทํ
าให
ข
อใดเป
น จริ

1 : x[2] มี
ค
า3
2 : x[3] มี
ค
า3
3 : x[4] มี
ค
า3
4 : x[5] มี
ค
า3

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

380 : จาก char fruit [5] [20] = {“apple”, “banana”, “cherry”, “orange”, “strawberry”}; ข
อใดคื
อค
าของ fruit [3] [0]

1 : ‘a’
2 : ‘c’
3 : ‘b’
4 : ‘o’

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

381 : ถ
า int num[5] = {8,12,20,5,40}; ข
อใดเป
น คํ
าตอบของ y เมื
อ int y = num[1]*num[3]–num[4];

1 : num[0]
2 : num[1]
3 : num[2]
4 : num[3]

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ขอที่
382 : จาก pseudocode:
a: array of 2*10;
b: array of 5*2;
for a_x=1 to 2
b(a_x,a_x)=a_x;
for a_y=1 to 10;
a(a_x,a_y)=a_x*a_y;
end
end
c=a(5,2)+b(2,2);
ผลลัพธข อง c คือ

1 :1
2 :2
3 : 12
4 :7

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที่
383 : ให
A[1..N] เป
น อะเรย
หนึ
งมิ
่ ติ
ขนาด N
โปรแกรมตอไปนีทํ
้าอะไร

M = A[1]
FOR K =2 TO N
IF M < A[K] THEN M = A[K]
END

1 : หาค
า MAX A[1..N]
2 : หาค
า MIN A[1..N]
3 : หาว
า มี
ค
าใดนอยกวา M หรื
อไม
4 : หาว
า มี
ค
าใดมากกว า M หรื
อไม

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 1

ขอที่
384 : ให
A[1..N] เป
น อะเรย
หนึ
งมิ
่ ติ
ขนาด N
A[1]=1 A[2]=2 ... A[N]=N
เมือโปรแกรมจบ A[5] มี
่ ค
าเท
าไร

FOR K = 2 TO N
A[K] = A[K-1] + A[K]
END

1 :5
2 :9
3 : 11
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 64/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

ขอที่
385 : ให
B[1..N, 1..N] เป
น อะเรย2 มิ
ติขนาด N x N
เมือโปรแกรมทํ
่ างานเสร็ จ บรรทัด B[J,K] = B[J,K] + 1 ทํ
างานไปกี
รอบ

FOR J = 1 TO N
FOR K = 1 TO J
B[J,K] = B[J,K] + 1
END

1:N
2 : 2N
3 : NxN
4 : N(N+1)/2
5 : ผิ
ดทุ
กขอ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

386 : จากโปรแกรม ตัวแปร a รับค
าได
มากที
สุ
่ดกี
ค
่า

1 : 30
2 : 60
3 : 90
4 : 120

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที ่
387 : กํ
าหนดให
a = {3,5,7,2};
b = {1,9,9,1};
จงหาค าของ b[a[3]] + a[b[3]]

1 : 10
2 : 12
3 : 14
4 : 16

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

388 : ต
อไปนี
ข
้อใดต
องใช
ตัวแปรเป
น อาเรย
2 มิ
ติ

1 : เพื
อเก็
่ บคะแนนของนักเรี
ยนวิชาคอมพิวเตอร 100 คน
2 : เพื
อเก็
่ บคะแนนนักเรี
ยน 5 วิ
ชา
3 : เพื
อเก็
่ บปริ
มาณน้าฝนแต
ํ ละเดือนในช
วง 10 ป
4 : เพื
อเก็
่ บจํ
านวนนักเรี
ยนของโรงเรี
ยน 100 โรง

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

389 : ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 65/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : 10
2 : 20
3 : 30
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

390 : ดู
โจทย
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : read(a[i,j])

2 : read(a[j,i])

3 : write(a[Sun,5])

4 : write(a[Thurs,5])

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

391 : n=6

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 66/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร

1 : [7,6,5,4,3,2,1]
2 : [1,1,1,1,1,1,1]
3 : [7,7,7,7,7,7,7]
4 : [1,2,3,4,5,6,7]

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

392 : ถ
าต
องการทํ
าการประกาศตัวแปร A เพื
อเก็
่ บข
อมู
ลเมตริ
กซ
ที
มี
่ข นาด 4 X 4 ควรประกาศตัวแปรอย
างไร

1 : A : Array [1..4] of Integer ;


2 : A : Array [1..4, 1..4 ] of Integer ;
3 : A : Array [1..4, 1..4, 1..4, 1..4] of Integer ;
4 : ไม
มีข
อใดถู ก

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

393 : ถ
า Array 1 มิ
ติ
ชื
อ A มี
่ ข นาด 8 ช
องข
อมู
ล แล
วต
องการเก็
บค
า 20 ไว
ในตํ
าแหน
ง(Index)ที

5 จะต
องเขี
ยนคํ
าสั่
งอย
างไร

1 : A[8] := 20;
2 : A[5] := 20 ;
3 : Readln( A[5] )
4 : For i := 1 to 8 Do Readln( A[i] ) ;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที่394 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,-1..3,1..3,0..3] of integer; ถ
าต
องการเขี
ยนคํ
าสั่
งในการกํ
าหนดให
Array B มี
ค

เป
น 0 ทั้
งหมด จะต องเขี
ยนคํ าสั่
งอย
างไร

1 : B[1..10] := 0;
2 : B := 0;
3 : For i := 1 to 10 do B[i] := 0;
4 : ถู
กทุกข อ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที
่395 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,-1..3,1..3,0..3] of integer; ตัวแปร C เป
น ตัวแปร Array แบบกี
มิ
่ติ(Dimension)
และสมาชิก (Element) ทั้
งหมดกี จํ
่านวน

1 : 4 มิ
ติ, 54 จํานวน
2 : 4 มิ
ติ, 96 จํานวน
3 : 4 มิ
ติ, 120 จํานวน
4 : 2x2 มิ
ติ , 96 จํ
านวน

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

396 : จากโจทย
ต
อไปนี

For i := 1 to 5 Do For j := 1 to 3 Do Readln (X[i,j]) ; มี
การรับข
อมู
ลเข
าไปไว
ในตัวแปร X กี
จํ
่านวน ?

1 :3
2 :5
3 :8
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 4

ข
อที

397 : ถ
าต
องการนํ
าค
า 16 นํ
าไปเก็
บไว
ในตัวแปร Array ชื
อ X ลํ
่ าดับที

5 จะต
องเขี
ยนคํ
าสั่
งอย
างไร

1 : X : Array[ 5 , 16] of Integer ;


2 : X[ 5 ] := 16 ;
3 : X[ 16 ] := 5 ;
4 : 16 = X[ 5 ] ;

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 2

ข
อที

398 : จากโจทย
ต
อไปนี

B := A[ i,j,k ] ; จงบอกมิ
ติ
( Dimension )ของตัวแปร A

1:1
2:2

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 67/68
2/27/15 สภาวิ
ศวกร
3:3
4:4

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

ข
อที

399 : จากการประกาศ Array ต
อไปนี

A : Array[’A’..’F’,’5’..’7’] of Real ; Array A มี
เนื
อที
้ ในการเก็
่ บข
อมู
ลเลขจํ
านวนจริ
งสู
งสุ
ดเท
าใด

านวน
1 : 1จํ
านวน
2 : 9จํ
านวน
3 : 18จํ
านวน
4 : 20จํ

คํ
าตอบที
ถู
่กต
อง : 3

www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 68/68
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

ข้อสอบกว. วิชาพื้ นฐาน : Computer Programming

1. กาหนดให้ ^ คือ operator ที่แทนการยกกาลังเช่น 4 ^ 2 แทน 42 ซึ่งมีคา่ เท่ากับ 16

ตัวเสือกใดแทนการคานวณสูตรข้างล่างนี้
ี่ สดงในตัวเลือกกระทาตามแบบมาตรฐาน
(หมายเหตุ : ลาดับการคานวณในนิพจน์ทแ
ของภาษาการ โปรแกรมทั่วไป เช่น Pascal, C, Java,..)
1 :r =-b- (b^2 -4ac) ^0.5/2a
2 :r=-b- (b^2 - 4*a*c) ^0.5/ 2.0*a
3 :r=-b-(b^2-4*a*c)^0.5/(2.0*a)
4 :r= (-b - (b*b - 4*a*c)^0.5 )/a/2.0
คาตอบที่ถูกต้อง : 4

2. เมื่อทาส่วนของโปรแกรมข้างล่างนี้แล้วตัวแปร ล มีค่าเท่าใด (กาหนดให้ทุกๆ ตัวแปร


เป็นแบบจานวนเต็ม)
a=2
b=1 + a
c=a+b
a=a+b
b= a +b
a= a tb + c
1 : 12
2 : 13
3 : 15
4 : 18
5 : 20

คาตอบที่ถูกต้อง : 4
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

3. จากสูตรการคานวณระยะทางจากจุด (x1, 2ง) กับจุด (x2 32) บนระนาบสองมิติ


ข้างล่างนี้

ถ้ากาหนดให้ squareRoot( y ) คือฟังก์ชันที่ใช้ในการคานวณหารากที่สองของค่า y


ข้อใดที่เป็นส่วนของโปรแกรมที่แทนการคานวณหาระยะทาง
จากจุดสองจุดที่พิกด
ั เก็บในตัวแปร x1, y1, x2, y2
1 : dx2 =x1 - x2*x1 -x2; dy2 =y1 -y2 *y1 -y2; d = squareRoot( dx2 + dy2
);
2 : dx = x1 - x2; dy = y2 -y1; d = squareRoot( dx*dx, dy*dy );
3 : dx = x2 - x1; dy = y2 - y1; dx2 = dx*dx; dy2 = dy*dy; d = dx2+dy2;
d = squareRoot(d );
4 : dx = x1 - x2; dy = y1 - y2; dxy = dx*2 + dy*2; d = squareRoot(dxy);
คาตอบที่ถูกต้อง : 3

4. พิ จารณาส่วนของโปรแกรมข้างล่างนี้ (ตัวเลขสองหลักทางซ้ายมือของแต่ละบรรทัด
เป็นหมายเลขกากับบรรทัด)
01: a = 1
02: b = 2
03 : c = 3
04: a = a + b
05: b = a + b
06: c = a + b
07: d = a +b
08 : a = a + b
การสลับบรรทัดของข้อใดข้างล่างนี้ที่ยังทาให้การทางานเหมือนเดิม
1 : บรรทัด 04 กับ 05
2 : บรรทัด 05 กับ 06
3 : บรรทัด 06 กับ 07
4 : บรรทัด 07 กับ 08

คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

5. ข้อ 3 ดูโจทย์จากรูปภาพประกอบคาถามในส่วนของโปรแกรมต่อไปนี้ โดยใช้เฉพาะตัว


แปรที่กาหนดให้
Var n : integer m: integer ;
c : char ;
Begin
n:=6;
m : = 15
C:=

ถ้าส่วนของโปรแกรมเขียนต่อไว้ดังนี้แล้ว จงหา outputท ี่จะได้ออกหน้าจอ

if (c> 'N') then

writeln(h-m)

else

writeln(n+m);

1 : -9
2:9
3 : 21
4 : -21

คาตอบที่ถูกต้อง : 1
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

6. ข้อ 3 ดูโจทย์จากรูปภาพประกอบคาถามในส่วนของโปรแกรมต่อไปนี้ โดยใช้เฉพาะตัว


แปรที่กาหนดให้ จงตอบคาถามข้อ 34

Var n : integer; m: integer ;

c : char ;

Begin
n:=6;
m : = 15 ;
C : = ‘p’ ;

3. ถ้าสวนของโปรแกรมเขียนต่อไว้ดังนี้แล้ว จงหา เutput ที่จะได้ออกหน้าจอ


if (c > 'N') then
writeln(n-m)
else
writeln(n+m);
1 : -9
2:9
3 : 21
4 : -21
คาตอบที่ถูกต้อง : 1
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

7. ข้อที่ 288 : ข้อ 4 ดูโจทย์จากรูปภาพประกอบคาถามในส่วนของโปรแกรมต่อไปนี้ โดย


ใช้เฉพาะตัวแปรที่กาหนดให้
Var n : integer ; m: integer ;
c : char ;
Begin
n:=6;
m : = 15 ;
C : = ‘P’ ;
ถ้าสวนของโปรแกรมเขียนต่อไว้ดังนี้ จงหา output ที่จะได้ออกหน้าจอ
if('13'>'8') then
writeln(n-m)
else
writeln(n+m);

1:-9

2:9
3 : 21
4: -21
คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

8. นักคณิตศาสตร์ชื่อ Euler คิดมานานแล้วว่า

เราสามารถทคสอบเล่น ๆ ว่าจริงหรือไม่โดยการคานวณหาค่าของ

แล้วเปรียบเทียบกับค่า ซึ่งมีค่าประมาณ 1.644931

อยากทราบว่าส่วนของโปรแกรมในข้อใดคานวณค่าของ

คาตอบที่ถูกต้อง : 5
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

9. ส่วนของไปรแกรมข้างบนนี้ทาอะไร
1 : หาผลรวม
2 : หาค่าเฉลี่ย
3: หาค่าเบียงเบนมาตรฐาน
4 : หาค่ามัธยฐาน
คาตอบที่ถูกต้อง : 2

10. กาหนดให้ == คือ operator ในการตรวจสอบความเท่ากันของข้อมูล

ส่วนของโปรแกรมข้างบนนี้ทาอะไร
1 : หาค่ามากสุด
2 : นับจานวนตัวที่มาก
3 : หาว่ามีค่าใน data ที่มีค่าเท่ากับ x หรือไม่
4 : นับจานวนตัวใน data ที่มีค่าเท่ากับ x
5 : ไม่มีข้อใดถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 5
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

11.
หลังจากส่วนของโปรแกรมข้างบนนี้ทางนเสร็จตัวแปร c มีค่า
เท่าไร (กาหนดให้การหาร / เป็นการหารแบบจานวนเต็ม หาร
แล้วปัดเศษทิง
้ )
1:8
2:9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม่มีข้อใดถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

12. จากส่วนของโปรแกรมข้างต้น ข้อใดมีการทางานทีเหมือนกัน

คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

13. จากส่วนของโปรแกรมดังต่อไปนี้ ค่าของ a และ b จะมีค่าเท่าใดเมื่อสิ้นสุดการทาวง

วน (loop)
1 : a=4b=8
2 : a=4b=7
3 : a =5 b=8
4 : a =5 b=7
5 : ไม่มีข้อถูก

คาตอบที่ถูกต้อง : 2

14. จากส่วนของโปรแกรมดังต่อไปนี้ ค่าของ a และ b จะมีค่าเท่าใดเมื่อสิน


้ สุดการทาวง

วน (loop)
1 : a =5b=6
2 : a =5b=7
3 : a=4b=6
4 : a =4b =7
5 : ไม่มีข้อถูก
คาตอบที่ถูกต้อง : 1
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

15.

ถ้าในบรรทัดที่ 2 เปลี่ยนเป็น
for j:= Sun to pred(Wed) do
การวนลูบเพื่ อรับค่าให้ตัวแปร a ด้วยคาสั่ง read นั้น วนทั้งหมดกี่รอบ
1 : 10
2 : 20
3 : 30
4 : 60

คาตอบที่ถูกต้อง : 2
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

16.

ถ้าต้องการแสดงผลค่า a ที่ : มีค่าเป็น 5 และ ] มีค่าเป็น Sun ออกหน้าจอ จงเขียน


คาสั่งนี้

คาตอบที่ถูกต้อง : 3
*ข้อที่ไม่สามารถค้นหาได้

17. n=6

ถ้าเดิมอาเรย์ x มีค่าเป็น [ 1,2,3,4,5.6,7] หลังจากส่วนโปรแกรม


จ้างบนนี้ทางานแล้วx จะมีค่าเท่าไร
1 : [7,6,5,4,3,2,1]
2 : [1,1,1,1,1,1,1]
3 : [7,7,7,7,7,7,7]
4 : [1,2,3,4,5,6,7]
คาตอบที่ถูกต้อง : 4

You might also like