Professional Documents
Culture Documents
เฉลยไฟฟ้ากระแสตรง 02
เฉลยไฟฟ้ากระแสตรง 02
ต อ น ท ี่ 2 จ ง เ ต ิ ม ค ำ ล ง ใ น ช ่อ ง ว ่า ง ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
42
1. วงจรบริดจ์ หมายถึง วงจรที่ประกอบด้วยความต้านทาน 4 ตัว และมีกลั วานอมิ เตอร์ต่อพร้อมกับ
แหล่งจ่าย
2. วงจรบริดจ์ มี 2 แบบ คือ แบบสมดุล และ แบบไม่สมดุล
จากรูป จงตอบคำถามข้อ 3-10
รูปที่ 8.12
R4 =
=
= 10 k
I1 =
=
= 0.67 mA
แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R3 = I1 R 3
= 0.67 mA x 20 k
= 13.4 V
รูปที่ 8.13
วิ ธีทำ =
R2 =
=
= 3.33 k
RT =
=
= 8 k
ET = IT R T
= 0.02 A x 8 k
= 160 V
I1 = = = 0.012 A
แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R1 = I1 R 1
= 0.012 A x 10 k
= 120 V
หรือ I1 = IT
= 0.02 A
= 0.012 A
แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R1 = I1 R 1
= 0.012 A x 10 k
= 120 V
45
รูปที่ 9.10
5. เมือ่ พิจารณา E1 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 3 เท่ากับ 4 แอมป์
6. เมือ่ พิจารณา E1 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 2 เท่ากับ 6 แอมป์
7. เมือ่ พิจารณา E2 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 3 เท่ากับ 2 แอมป์
8. เมือ่ พิจารณา E2 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 2 เท่ากับ 3 แอมป์
9. กระแสไฟฟ้าทีแ่ ท้จริงไหลผ่าน R = 3 เท่ากับ 6 แอมป์
10. กระแสไฟฟ้าทีแ่ ท้จริงไหลผ่าน R = 2 เท่ากับ 3 แอมป์
รูปที่ 9.11
วิ ธีทำ พิ จารณา IA
47
I1 = IA
= 3
= 1.67 A
I2 = I3 = 3 – 1.67 = 1.33 A
พิ จารณาที่ IB
I3 = IB
= 1
= 0.67 A
I1 = I2 = IB – I3 = 1 – 0.67 = 0.33 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 20 = I1 + I1 = 1.67 + 0.33 = 2 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 10 = I2 – I2 = 1.33 – 0.33 = 1 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 15 = I3 + I3 = 1.33 + 0.67 = 2 A
2. จากรูปที่ 9.12 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านความต้านทานแต่ละตัว
48
รูปที่ 9.12
วิ ธีทำ พิ จารณา IA
I1 = IA
= 5
= 3.33 A
I2 = IA – I1
= 5–3.33
= 1.67 A
พิ จารณาที่ E1
I1 = I2 =
=
= 0.22 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 20 = 5 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 15 = I1 + I1 = 3.33 + 0.22 = 3.55 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 30 = I2 – I2 = 1.67 – 0.22 = 1.45 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 9.13 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น R = 4
49
รูปที่ 9.13
วิ ธีทำ พิ จารณา IA
I2 = IA
= 5 = 2A
I1 = IA – I2
= 5–2 = 3A
I3 = I2
= 2 = 1.43 A
I4 = I2 – I3
= 2 – 1.43 = 0.57 A
พิ จารณาที่ E1
I4 =
=
= 1.51 A
I3 = I4
= 1.51
= 1.22 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 4 = I3 + I3 = 1.43 + 1.22 = 2.65 A
50
รูปที่ 10.15
รูปที่ 10.16
51
ต อ น ท ี่ 2 จ ง เ ต ิ ม ค ำ ล ง ใ น ช ่อ ง ว า่ ง ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
1. ทฤษฎีของเทวินิน กล่าวว่า ในวงจรลิ เนี ยร์หรือวงจรเชิ งเส้นใดๆ ก็ตามที่มีแหล่งจ่ายพลังงานต่ออยู่
สามารถยุบวงจรให้อยู่ในรูปของแหล่งกำเนิ ดแรงดันเทวินันไฟฟ้ าได้
รูปที่ 10.17
2. จากรูปที่ 10.17 เขียนแทนด้วยแหล่งกำเนิดแรงดันเทวินินได้อย่างไร
รูปที่ 10.18
วิ ธีทำ ปลดโหลด RL ออกจากจุด AB หาค่า ETH
IL =
=
= 3.5 A
2. จ า ก ร ปู ท ่ี 10.19 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น RL
รูปที่ 10.19
วิ ธีทำ ปลด RL ออกจากจุด AB และหาค่า ETH ที่จดุ AB
I = = = 0.17 A
แรงดันตกคร่อม R 40 = I x 40 = = 6.67 V
ETH = 2 – 6.67 + 20
= 15.33 V
หาค่าความต้านทานเทียบเท่าเทวิ นิน RTH
54
RTH = 10+
= 23.33
นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวิ นิน แล้วนำโหลด RL มาต่อที่จดุ AB
IL =
=
= 0.2 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 10.20 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น RL
รูปที่ 10.20
Iyx = = 0.5 A
จะได้ ETH = 60 – 40 + 10
= 30 V
หาค่า RTH
RTH = =
= 10
นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวินิน นำ RL มาต่อที่จดุ AB และหาค่ากระแสไฟฟ้า ที่
ไหลผ่าน RL
IL =
= =
= 1.5 A
รูปที่ 11.15
1. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL ได้คา่ เท่ากับเท่าไร ก. แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม RL หารด้วย RL
56
2. ปลด RL ออกจากจุด BC แล้วนำโวลต์มเิ ตอร์มาวัดแรงดันไฟฟ้าทีจ่ ุด BC จะวัดแรงดันไฟฟ้าได้เท่ากับเท่าไร
ข. เท่ากับแรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R2
3. ปลด RL ออกจากจุด BC แล้วช็อต (Short) ทีจ่ ุด BC กระแสไฟฟ้ าทีไ่ หลจากจุด B ไปจุด C มีคา่ เท่า กับ
เท่าไร ก.
4. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านจุด B ไปยังจุด C คืออะไร ข. กระแสไฟฟ้ าเทียบเท่านอร์ตนั
5. ปลด RL ออกจากจุด BC และปลด ET ออกจากจุด AD แล้วช็อตทีจ่ ุด AD แทน นำโอห์มมิเตอร์มาวัดค่า
ความต้านทานทีจ่ ุด BC ได้คา่ ความต้านทานมีคา่ เท่ากับเท่าไร ง. R1 // R2
6. ค่าความต้านทานทีว่ ดั ได้จากข้อ 5 คืออะไร ข. ความต้านทานเทียบเท่านอร์ตนั
7. การวัดและการหาค่าความต้านทานเทียบเท่าเทวินินกับเทียบเท่านอร์ตนั มีวธิ กี ารเหมือนกันหรือไม่
ก. เหมือน
8. เมือ่ นำกระแสไฟฟ้าเทียบเท่านอร์ตนั กับความต้านทานเทียบเท่านอร์ตนั มาต่อวงจรใหม่ได้ดงั ข้อใด
ค.
รูปที่ 11.16
5. IN ม คี า่ เ ท า่ ก บั 0.025 A
6. RN ม คี า่ เ ท า่ ก บั 316.67
7. RN คำนวณค่าได้อย่างไร ถ้าวงจรมีแหล่งจ่ายกระแส ให้ปลดออก และเปิ ดวงจรไว้และถ้าวงจรมี
แ ห ล ่ง จ ่า ย แ ร ง ด นั ใ ห ้ป ล ด อ อ ก แ ล ะ ล ดั ว ง จ ร ต ร ง ท ี่ป ล ด
8. IL ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 15.3 mA ห ร อื 0.0153 A
9. ถ า้ เ ป ล ย่ี น โ ห ล ด RL เ ท า่ ก บั 100 , IN ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 0.025 A
10. จ า ก ข อ้ 9 RN ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 316.67
รูปที่ 11.17
วิ ธีทำ ปลดโหลด RL ออกจากจุด AB และลัดวงจรตรงที่จดุ AB หาค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่านจุด AB
คือ IN
IN = I2 + I3
58
= 2+
= 2+5
= 3.43 A
หาค่า RN โดยปลดแหล่งกำเนิ ดกระแสไฟฟ้ าออก และเปิ ดวงจรนัน้ ไว้
RN =
= 25.45
นำค่า IN และ RN มาเขียนวงจรเทียบเท่านอร์ตนั แล้วนำโหลด RL ที่ปลดออกมาต่อไว้ตามเดิ ม
IL = IN
= 3.43
IL = 2.46 A
รูปที่ 11.18
59
หาค่าตัวหารร่วม D
D =
= (10x5x7) + 0 + 0 – 0 – (5x5x10) – 0
= 350 – 250
D = 100
หาค่า D I3 เพื่อหา I3 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I3
D I3 =
= (10x5x30) + 0 + 0 – 0 – (5x14x10) – 0
= 1500 – 700 = 800
จะได้ I3 = =
= 8A
I3 = IN = 8A
60
หาค่า RN
RN = 2
นำค่า IN และ RN เขียนวงจรเทียบเท่านอร์ตนั เพื่อหาค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน RL
IL = IN
= 8
IL = 0.73 A
รูปที่ 11.19
วิ ธีทำ หาค่า IN
61
I1 = = 0.5 A
I2 = = 4A
IN = I1 + I2 = 0.5 + 4 = 4.5 A
หาค่า RN
RN =
= 4
IL = IN
= 4.5
IL = 0.95 A
รูปที่ 12.6
1. I1 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ข. 2
2. สมการวงจรปิด I2 ข้อใดถูกต้อง ก. 40 I1 + 60 I2 = -5
3. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 20 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ข. -1.4
4. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 30 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ง. 0.6
5. แรงดันตกคร่อมตัวต้านทาน 20 มีคา่ กีโ่ วลต์ ง. -28
6. แรงดันตกคร่อมทีจ่ ุด BA มีคา่ กีโ่ วลต์ ง. -18
7. จากรูปที่ 12.7 นี้จำนวนสมการของ เมชเคอร์เรนต์ มีกส่ี มการ ข. 3
รูปที่ 12.7
จากรูปที่ 12.8 ใช้ตอบคำถามข้อ 8-10
รูปที่ 12.8
8. กระแสไฟฟ้า I1 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ค. 0.64
9. กระแสไฟฟ้า I2 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ค. 0.07
10. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 5 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ง. 0.71
รูปที่ 12.9
1. จากรูปที่ 12.9 ถ้าใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์ จะมี 3 สมการ
2. ถ้าต้องการลดจำนวนสมการลง ต้องใช้ทฤษฎีของ เมชเคอร์เรนต์
3. เหตุผลทีต่ อ้ งใช้ทฤษฎีของเมชเคอร์เรนต์ในการแก้สมการ เพราะ จำนวนสมการน้ อยกว่า
4. จำนวนสาขา หมายถึง ทางเดิ นของกระแสไฟฟ้ าระหว่างจุดสองจุด
5. จำนวนสมการของเมชเคอร์เรนต์หาได้จาก จำนวนสมการ = จำนวนสาขา – (จำนวนจุดต่อ–1)
6. การสร้างสมการเมชเคอร์เรนต์มวี ธิ กี ารอย่างไร กำหนดให้มีกระแสไฟฟ้ าไหลในวงจรปิ ดแล้วสร้าง
สมการแรงดันในวงจรปิ ดนัน้
จากรูปที่ 12.10 ใช้ตอบคำถามข้อ 7-10
รูปที่ 12.10
7. ลูป I1 เขียนสมการได้วา่ 4 I1 + 3 I2 = 18
8. ลูป I2 เขียนสมการได้วา่ 3 I1 + 5 I2 = 27
9. I1 และ I2 มีคา่ 0.82 A , 4.9 A
10. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R = 3 มีคา่ 5.72 A
รูปที่ 12.11
64
วิ ธีทำ
D = = 99 – 9 = 90
รูปที่ 12.12
วิ ธีทำ
หาค่าตัวหารร่วม D
D = = 130 – 100 = 30
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 1 = I1 + I2
= 1.07 + (–0.67)
= 1.07 – 0.67
= 0.4 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 12.13 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น R = 3
รูปที่ 12.13
วิ ธีทำ
D =
D I2 =
2. จ า ก ร ปู ท ่ี 13.4 จ ะ ต อ้ ง ส ร า้ ง ส ม ก า ร ก ส่ี ม ก า ร
1. 2
รูปที่ 13.4
รูปที่ 13.5
3. จงเขียนสมการกระแสไฟฟ้าจากกฎของเคอร์ชอฟฟ์
2.
69
4. จงเขียนสมการโนดโวลเตจ
3.
5. จงหาค่า V4
ข.4 V
6. จงหาค่า I1
ง.-3 A
7. จงหาค่า I2
4. 4 A
8. จงหาค่า I3
ข.-1 A
5. โนดอ้างอิง โดยทัวไปต่
่ อกับ ต่อกับขัว้ ลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ า
รูปที่ 13.6
รูปที่ 13.7
พิจารณาทีโ่ นด A จะได้
พิจารณาทีโ่ นด B จะได้
72
VB VB ......(4)
แทนค่า 5 7
หาค่าตัวหารร่วม D
D =
= -472+175
= -297
หาค่า D =
= 826
จะได้ =
=
= -2.78 V
หาค่า D เพือ่ หาค่า โดยนำค่าคงทีแ่ ทนสัมประสิทธิ ์
73
= 490
จะได้ =
=
= -1.65 V
รูปที่ 13.8
70 10 VA 120 24 VA
49 VA 205
74
4.18 V
่ อ กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R1
นันคื I1 0.4A
กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R2 I2 0.235A
กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R3 I3 0.164A
จ า ก ร ปู ท ี่ 14.10 ต อ บ ค ำ ถ า ม ข ้อ 6-10
รูปที่ 14.10
รูปที่ 14.11
76
3. กระแสไฟฟ้า I มีคา่ 0.526 A
4. E1 เท่ากับ 5.26 V
5. E2 เท่ากับ 10.52 V
6. E3 เท่ากับ 4.2 V
7. ETH เท่ากับ 14.74 V
8. RTH เท่ากับ 7.368 Ω
9. RL เท่ากับ 7.368 Ω
10. PL เท่ากับ 7.368 Ω
ต อ น ท ี่ 3 จ ง แ ส ด ง ว ิ ธ ีท ำ ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
1. จากรูปที่ 14.12 จงคำนวณหาค่า RL ทีท่ ำให้เกิดกำลังไฟฟ้าสูงสุด และกำลังไฟฟ้าสูงสุดมีคา่ เท่าไร
รูปที่ 14.12
วิ ธ ีท ำ นำ ท ฤ ษ ฎ ขี อง เท ว นิ ิน มา ใ ช ้ ป ลด โห ลด RL ออก จา ก ว งจ ร แ ละ ห า ค า่ ETH ค ร งั ้ ท ่ี 1
I
77
I
หรือ
78
หาค่า ความต้านทานภายในของแหล่งจ่ายไฟฟ้า RTH1
เสร็จแล้วนำค่า ETH1 และ RTH1 มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวินิน ครัง้ ที่ 1 นำ RL ทีป่ ลดออกพร้อม R=10 Ω
E = 5V มาต่อ ตามเดิม พร้อมหาค่า ETH2 และ RTH2 ครัง้ ใหม่
79
ปลด R2 ออกจากวงจร
หรือ
หาค่าความต้านทานภายในของแหล่งจ่ายไฟฟ้า RTH
80
กำลังไฟฟ้ าสูงสุดจะได้
81
= (0.46)2 x 3.24
2. จากรูป ที่ 14.13 จงหาค่า R2 ทีท่ ำให้เ กิด กำลัง ไฟฟ้ า สูง สุด และกำลัง ไฟฟ้ า สูง สุด มีค า่ เท่า ไร
ร ปู ท ี่ 14.13
ว ิ ธ ีท ำ น ำ ท ฤ ษ ฎ ขี อ ง เ ท ว นิ ิน ม า ใ ช ้ ป ล ด โ ห ว ด RL อ อ ก จ า ก ว ง จ ร แ ล ะ ห า ค า่ ETH
หาค่า ความต้า นทานภายในของแหล่ง จ่า ยไฟฟ้ า หรือ ค่า ความต้า นทานเทีย บเท่า เทวิน ิน RTH
82