Download as doc, pdf, or txt
Download as doc, pdf, or txt
You are on page 1of 42

41

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


1. จากรูปข้างล่างเมื่อต้องการความต้านทานเท่ากับ 1 k แล้ว ใช้โอห์มมิเตอร์วดั ทีจ่ ุดใดจึงจะแสดงค่าเท่ากับ
1 k ก. จุด A กับจุด B

2. จากรูปข้อ 1 ถ้าต้องการปรับค่าความต้านทานจาก 0 โอห์ม ถึง 1 กิโลโอห์ม จะต้องใช้โอห์มมิเตอร์วดั ที่


จุดใด ค. จุด B กับจุด C
3. จากข้อ 2 จะต้องปรับปุม่ ปรับความต้านทานอย่างไร ก. ปรับปุ่ มปรับตามเข็มนาฬิ กา
4. จากข้อ 1 ค่าความต้านทานทีจ่ ุด A กับจุด B มีคา่ ก. คงที่
5. จากข้อ 1 ค่าความต้านทานทีจ่ ุด B กับจุด C ค่าความต้านทานเป็ นอย่างไร ข. ปรับค่าได้
จากรูปวงจร จงตอบคำถามข้อ 6-10

6. ถ้าวงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุล มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านแอมมิเตอร์หรือไม่ ข. ไม่มี


7. ถ้าวงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุล ได้ เท่ากับอัตราส่วนของอะไร ค.

8. ถ้าวงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะทีส่ มดุล ได้ เท่ากับอัตราส่วนของอะไร ข.

9. ถ้าวงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุล สามารถหาค่า R4 ได้จากสูตร ก.


10. จากข้อ 9 ถ้า R1 = 100 , R2 = 500 , และ R3 = 100  แล้ว R4 จะมีคา่ เท่าไร ง. 500 

ต อ น ท ี่ 2 จ ง เ ต ิ ม ค ำ ล ง ใ น ช ่อ ง ว ่า ง ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
42
1. วงจรบริดจ์ หมายถึง วงจรที่ประกอบด้วยความต้านทาน 4 ตัว และมีกลั วานอมิ เตอร์ต่อพร้อมกับ
แหล่งจ่าย
2. วงจรบริดจ์ มี 2 แบบ คือ แบบสมดุล และ แบบไม่สมดุล
จากรูป จงตอบคำถามข้อ 3-10

3. วงจรบริดจ์แบบสมดุล คือ ไม่มีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านกัลวานอมิ เตอร์


4. วงจรบริดจ์แบบไม่สมดุล คือ มีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านกัลวานอมิ เตอร์
5. ถ้าบริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุลได้ เท่ากับ
6. ถ้าบริดจ์อยูใ่ นสภาวะไม่สมดุล จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านกัลวานอมิเตอร์หรือไม่ มี
7. วงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะทีส่ มดุล หาค่า R4 ได้จากสูตร R4 =
8. วงจรบริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุล R1 = 8  , R2 = 12  และ R3 = 10 , R4 จะมีคา่ เท่ากับ
15 โอห์ม
9. จากข้อ 8 กระแสไฟฟ้ารวมของวงจรมีคา่ เท่ากับ 1.8 แอมแปร์
10. จากข้อ 8 จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน R1 และ R2 เท่ากับ 1 แอมแปร์

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


1. จากรูปที่ 8.12 เป็ นวงจรบริดจ์ ถ้าเข็มของกัลวานอมิเตอร์ชท้ี ศ่ี นู ย์ จงหาค่า R4, I1 และแรงดันตกคร่อม R3
43

รูปที่ 8.12

วิ ธีทำ เมื่อบริ ดจ์อยู่ในสภาวะที่สมดุล


=

R4 =

=
= 10 k
I1 =

=
= 0.67 mA
แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R3 = I1  R 3
= 0.67 mA x 20 k
= 13.4 V

2. จากรูปที่ 8.13 จงหาค่าของ R2 เมือ่ บริดจ์อยูใ่ นสภาวะสมดุล และแรงดันไฟฟ้าตกคร่อม R1


44

รูปที่ 8.13

วิ ธีทำ =

R2 =

=
= 3.33 k
RT =
=
= 8 k
ET = IT  R T
= 0.02 A x 8 k
= 160 V
I1 = = = 0.012 A

แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R1 = I1  R 1
= 0.012 A x 10 k
= 120 V
หรือ I1 = IT
= 0.02 A
= 0.012 A
แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R1 = I1  R 1
= 0.012 A x 10 k
= 120 V
45

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


1. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึงหลักการวางซ้อน ผิด
ก. พิ จารณาแหล่งจ่ายพลังงานทีละตัว เพื่อหาแรงดันไฟฟ้ าและกระแสไฟฟ้ าของวงจร
จากรูปที่ 9.7 ใช้ตอบคำถามข้อ 2-8

รูป (ก) รูป (ข)


รูปที่ 9.7
2. จากรูป (ก) กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  มีทศิ ทางอย่างไร ก. ไหลจาก A ไป B
3. จากรูป (ก) กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  มีขนาดเท่าไร ข. 20 mA
4. จากรูป (ข) กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  มีทศิ ทางอย่างไร ข. ไหลจาก B ไป A
5. ้
จากรูป (ข) กระแสไฟฟาทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  มีขนาดเท่าไร ง. 24 mA
6. จากวงจรรูป (ก) และ (ข) นำวงจรทัง้ สองมาวางซ้อนทับกัน จะได้วงจรใหม่ทถ่ี ูกต้องอย่างไร
ง.

7. จากข้อ 6 จะได้กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  ทีแ่ ท้จริงมีขนาดเท่าไร ง. 4 mA



8. จากข้อ 6 กระแสไฟฟาทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 500  ทีแ่ ท้จริงมีทศิ ทางเป็ นอย่างไร
ข. ไหลจาก B ไป A
9. จากรูปวงจร ทิศทางของกระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทานจะมีทศิ ทางอย่างไร ก. ไหลจาก A ไป B
46
10. จากข้อ 9 กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 20  มีขนาดเท่าไร ค. 0.7 A
ตอนที่ 2 จงเติ มคำลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง
1. ทฤษฎีการวางซ้อน กล่าวไว้วา่ ในวงจรแบบเชิ งเส้นใดๆ ที่มีแหล่งจ่ายพลังงานตัง้ แต่สองตัวขึน้ ไป เมือ่
นำค่ากระแสไฟฟ้ าที่เกิ ดจากแหล่งจ่ายแต่ละตัวที่จ่ายพลังงานอย่างอิ สระมารวมกันทางพีชคณิ ต ก็
จ ะ ไ ด ้ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ี่ไ ห ล ใ น แ ต ่ล ะ ส า ข า อ ย ่า ง แ ท ้จ ร ิ ง
2. การพิจารณาแหล่งจ่ายพลังงาน จะต้องพิจารณาครัง้ ละ หนึ่ ง แหล่งจ่าย
3. ถ้าเป็ นแหล่งจ่ายกระแส ต้องพิจารณาโดย เปิ ดวงจร
4. ถ้าเป็ นแหล่งจ่ายแรงดัน ต้องพิจารณาโดย ลัดวงจร
จากรูปที่ 9.10 จงตอบคำถามข้อ 5-10

รูปที่ 9.10
5. เมือ่ พิจารณา E1 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 3  เท่ากับ 4 แอมป์
6. เมือ่ พิจารณา E1 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 2  เท่ากับ 6 แอมป์
7. เมือ่ พิจารณา E2 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 3  เท่ากับ 2 แอมป์
8. เมือ่ พิจารณา E2 เพียงแหล่งจ่ายเดียว กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน R = 2  เท่ากับ 3 แอมป์
9. กระแสไฟฟ้าทีแ่ ท้จริงไหลผ่าน R = 3  เท่ากับ 6 แอมป์
10. กระแสไฟฟ้าทีแ่ ท้จริงไหลผ่าน R = 2  เท่ากับ 3 แอมป์

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


1. จากรูปที่ 9.11 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านความต้านทานแต่ละตัว

รูปที่ 9.11

วิ ธีทำ พิ จารณา IA
47

I1 = IA
= 3
= 1.67 A
I2 = I3 = 3 – 1.67 = 1.33 A
พิ จารณาที่ IB

I3 = IB
= 1
= 0.67 A
I1 = I2 = IB – I3 = 1 – 0.67 = 0.33 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 20  = I1 + I1 = 1.67 + 0.33 = 2 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 10  = I2 – I2 = 1.33 – 0.33 = 1 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 15  = I3 + I3 = 1.33 + 0.67 = 2 A
2. จากรูปที่ 9.12 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านความต้านทานแต่ละตัว
48
รูปที่ 9.12
วิ ธีทำ พิ จารณา IA

I1 = IA
= 5
= 3.33 A
I2 = IA – I1
= 5–3.33
= 1.67 A
พิ จารณาที่ E1

I1 = I2 =

=
= 0.22 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 20  = 5 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 15  = I1 + I1 = 3.33 + 0.22 = 3.55 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 30  = I2 – I2 = 1.67 – 0.22 = 1.45 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 9.13 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น R = 4 
49

รูปที่ 9.13
วิ ธีทำ พิ จารณา IA

I2 = IA
= 5 = 2A
I1 = IA – I2
= 5–2 = 3A
I3 = I2
= 2 = 1.43 A
I4 = I2 – I3
= 2 – 1.43 = 0.57 A
พิ จารณาที่ E1

I4 =

=
= 1.51 A
I3 = I4
= 1.51
= 1.22 A
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 4  = I3 + I3 = 1.43 + 1.22 = 2.65 A
50

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


1. กฎของโอห์มเป็ นอย่างไร ข.
2. จากสูตร E = IR ถ้าต้องการกระแสไฟฟ้าให้มคี า่ สูงสุดเมือ่ ค่าแรงดันไฟฟ้าคงที่ จะได้
ก. ความต้านทานมีค่าต่ำสุด
จากรูปที่ 10.15 จงตอบคำถามข้อ 3-5

รูปที่ 10.15

3. ถ้าปลด RL ออกจากจุด BC นำโวลต์มเิ ตอร์มาวัดทีจ่ ุด BC แทนค่า แรงดันไฟฟ้าจะเท่ากับ


ข. แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R2
4. แรงดันไฟฟ้าทีไ่ ด้จากจุด BC เมือ่ ปลดโหลดออก คือ แรงดันที่ ก. เทียบเท่าเทวิ นิน
5. ปลดแหล่งจ่ายออกจากจุด AD แล้ว ช็อต (Short) ทีจ่ ุด AD แทน นำโอห์มมิเตอร์มาวัดทีจ่ ุด BC ในขณะที่
ปลดโหลด RL ออกจากจุด BC จะได้ความต้านทานทีจ่ ุด BC เท่ากับเท่าไร ง. R1// R2
6. ค่าความต้านทานทีว่ ดั ได้ในข้อ 5 คือค่าความต้านทานที่ ก. เทียบเท่าเทวิ นิน
7. ถ้านำแรงดันไฟฟ้าจากข้อ 3 และความต้านทานจากข้อ 5 มาต่อวงจรใหม่ โดยนำโหลด RL ทีป่ ลดออกมาต่อ
อนุกรมกับความต้านทานและแรงดันไฟฟ้าดังกล่าว จะได้วงจรอะไร ก. วงจรเทียบเท่าเทวิ นิน
จากรูปที่ 10.16 จงตอบคำถามข้อที่ 8-10

รูปที่ 10.16
51

8. ได้คา่ กระแสไฟฟ้า IL เท่ากับเท่าไร ข.


9. แรงดันไฟฟ้าทีจ่ ุด BC ได้เท่ากับเท่าไร ง. ILRL
10. ได้กระแสไฟฟ้าของวงจรเท่ากับเท่าไร ง. IT = IL

ต อ น ท ี่ 2 จ ง เ ต ิ ม ค ำ ล ง ใ น ช ่อ ง ว า่ ง ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
1. ทฤษฎีของเทวินิน กล่าวว่า ในวงจรลิ เนี ยร์หรือวงจรเชิ งเส้นใดๆ ก็ตามที่มีแหล่งจ่ายพลังงานต่ออยู่
สามารถยุบวงจรให้อยู่ในรูปของแหล่งกำเนิ ดแรงดันเทวินันไฟฟ้ าได้

รูปที่ 10.17
2. จากรูปที่ 10.17 เขียนแทนด้วยแหล่งกำเนิดแรงดันเทวินินได้อย่างไร

3. การหาค่า ETH และ RTH หาได้อย่างไรบ้าง ด้วยการวัดและการคำนวณ


4. จากรูปที่ 10.17 หา ETH ต้องหาแรงดันไฟฟ้าทีจ่ ุดไหน ที่จดุ AB โดยที่ปลด RL ออก
5. ETH มีคา่ เท่ากับ 3.33 V
6. RTH มีคา่ เท่ากับ 7.33 
7. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL มีคา่ เท่ากับ 0.22 A
8. จากรูปที่ 10.17 ถ้าเปลีย่ นโหลด RL เท่ากับ 12  ค่า ETH มีคา่ เท่ากับ 3.33 V
9. จากข้อ 8 RTH มีคา่ เท่ากับ 7.33 
10. จากข้อ 8 IL มีคา่ เท่ากับ 0.217 A

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


1. จากรูปที่ 10.18 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL
52

รูปที่ 10.18
วิ ธีทำ ปลดโหลด RL ออกจากจุด AB หาค่า ETH

แรงดันตกคร่อม R20  = 6 x 20 = 120 V


 แรงดันไฟฟ้ าที่จดุ AB = ETH = 120 + 20 = 140 V
หาค่า RTH ที่จดุ AB หรือปลด RL ออกจากวงจร ต้องลัดวงจรที่แหล่งกำเนิ ดแรงดัน
และเปิ ดวงจรที่แหล่งกำเนิ ดกระแส

จะได้ RTH ที่จดุ AB = 20 


นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวิ นิน แล้ว นำโหลด RL มาต่อที่จดุ AB
จะได้รปู ใหม่ ดังนี้
53

IL =

=
= 3.5 A
2. จ า ก ร ปู ท ่ี 10.19 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น RL

รูปที่ 10.19
วิ ธีทำ ปลด RL ออกจากจุด AB และหาค่า ETH ที่จดุ AB

I = = = 0.17 A

แรงดันตกคร่อม R 40  = I x 40 = = 6.67 V
ETH = 2 – 6.67 + 20
= 15.33 V
หาค่าความต้านทานเทียบเท่าเทวิ นิน RTH
54

RTH = 10+
= 23.33 
นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวิ นิน แล้วนำโหลด RL มาต่อที่จดุ AB

IL =

=
= 0.2 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 10.20 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น RL

รูปที่ 10.20

วิ ธีทำ ปลดโหลด RL ออกจากจุด AB หาค่า ETH

Iyx = = 0.5 A

แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อมความต้านทาน 20  = 0.5 x 20 = 10 V


55

 จะได้ ETH = 60 – 40 + 10
= 30 V
หาค่า RTH

RTH = =
= 10 
นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวินิน นำ RL มาต่อที่จดุ AB และหาค่ากระแสไฟฟ้า ที่
ไหลผ่าน RL

IL =

= =
= 1.5 A

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


จากวงจร จงตอบคำถามข้อ 1-6

รูปที่ 11.15
1. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL ได้คา่ เท่ากับเท่าไร ก. แรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม RL หารด้วย RL
56
2. ปลด RL ออกจากจุด BC แล้วนำโวลต์มเิ ตอร์มาวัดแรงดันไฟฟ้าทีจ่ ุด BC จะวัดแรงดันไฟฟ้าได้เท่ากับเท่าไร
ข. เท่ากับแรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อม R2
3. ปลด RL ออกจากจุด BC แล้วช็อต (Short) ทีจ่ ุด BC กระแสไฟฟ้ าทีไ่ หลจากจุด B ไปจุด C มีคา่ เท่า กับ
เท่าไร ก.
4. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านจุด B ไปยังจุด C คืออะไร ข. กระแสไฟฟ้ าเทียบเท่านอร์ตนั
5. ปลด RL ออกจากจุด BC และปลด ET ออกจากจุด AD แล้วช็อตทีจ่ ุด AD แทน นำโอห์มมิเตอร์มาวัดค่า
ความต้านทานทีจ่ ุด BC ได้คา่ ความต้านทานมีคา่ เท่ากับเท่าไร ง. R1 // R2
6. ค่าความต้านทานทีว่ ดั ได้จากข้อ 5 คืออะไร ข. ความต้านทานเทียบเท่านอร์ตนั
7. การวัดและการหาค่าความต้านทานเทียบเท่าเทวินินกับเทียบเท่านอร์ตนั มีวธิ กี ารเหมือนกันหรือไม่
ก. เหมือน
8. เมือ่ นำกระแสไฟฟ้าเทียบเท่านอร์ตนั กับความต้านทานเทียบเท่านอร์ตนั มาต่อวงจรใหม่ได้ดงั ข้อใด
ค.

9. จากข้อ 8 วงจรนี้คอื วงจรอะไร ง. วงจรเทียบเท่านอร์ตนั


10. จากข้อ 8 กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL จะมีคา่ เท่ากับเท่าไร ค.
ตอนที่ 2 จงเติ มคำลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง
1. ทฤษฎีของนอร์ตนั กล่าวไว้วา่ ในวงจรลิ เนี ยร์ใดที่มีแหล่งจ่ายพลังงานต่ออยู่ สามารถที่จะยุบวงจร
ใ ห ้อ ย ใู่ น ร ปู ข อ ง แ ห ล ่ง ก ำ เ น ิ ด ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ไ ด ้
จากรูปที่ 11.16 จงตอบคำถามข้อ 2-10

รูปที่ 11.16

2. กระแสนอร์ตนั คือ กระแสส่วนใด เมื่อปลดโหลด RL ออกแล้ว ลัดวงจรที่จดุ AB กระแสนอร์ตนั ก็คือ


ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ี่ไ ห ล ผ า่ น R = 250 
3. ว ธิ กี า ร ห า ค า่ IN แ ล ะ RN ห า ไ ด อ้ ย า่ ง ไ ร โ ด ย ก า ร ว ดั แ ล ะ ก า ร ค ำ น ว ณ
57
4. เ ข ยี น แ ท น ด ว้ ย แ ห ล ่ง จ า่ ย ก ร ะ แ ส ไ ด อ้ ย า่ ง ไ ร

5. IN ม คี า่ เ ท า่ ก บั 0.025 A
6. RN ม คี า่ เ ท า่ ก บั 316.67 
7. RN คำนวณค่าได้อย่างไร ถ้าวงจรมีแหล่งจ่ายกระแส ให้ปลดออก และเปิ ดวงจรไว้และถ้าวงจรมี
แ ห ล ่ง จ ่า ย แ ร ง ด นั ใ ห ้ป ล ด อ อ ก แ ล ะ ล ดั ว ง จ ร ต ร ง ท ี่ป ล ด
8. IL ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 15.3 mA ห ร อื 0.0153 A
9. ถ า้ เ ป ล ย่ี น โ ห ล ด RL เ ท า่ ก บั 100  , IN ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 0.025 A
10. จ า ก ข อ้ 9 RN ม คี า่ เ ท า่ ไ ร 316.67 

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


1. จากรูปที่ 11.17 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL

รูปที่ 11.17
วิ ธีทำ ปลดโหลด RL ออกจากจุด AB และลัดวงจรตรงที่จดุ AB หาค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่านจุด AB
คือ IN

IN = I2 + I3
58
= 2+
= 2+5
= 3.43 A
หาค่า RN โดยปลดแหล่งกำเนิ ดกระแสไฟฟ้ าออก และเปิ ดวงจรนัน้ ไว้

RN =
= 25.45 
นำค่า IN และ RN มาเขียนวงจรเทียบเท่านอร์ตนั แล้วนำโหลด RL ที่ปลดออกมาต่อไว้ตามเดิ ม

IL = IN
= 3.43
IL = 2.46 A

2. จากรูปที่ 11.18 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL

รูปที่ 11.18
59

วิ ธีทำ หาค่า IN ปลดโหลดออกจากจุด AB แล้วลัดวงจรตรงที่จดุ AB

ลูป I1 10 I1 = 6+4 = 10 …(1)


ลูป I2 5(I2 + I3) = 10 + 4
5 I2 + 5 I3 = 14 …(2)
ลูป I3 2 I3 + 5(I3 + I2) = 20 + 10
5 I2 + 7 I3 = 30 …(3)
นำสมการ (1), (2) และ (3) เขียนในรูปของเมทริกซ์

หาค่าตัวหารร่วม D

D =

= (10x5x7) + 0 + 0 – 0 – (5x5x10) – 0
= 350 – 250
D = 100
หาค่า D I3 เพื่อหา I3 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I3

D I3 =

= (10x5x30) + 0 + 0 – 0 – (5x14x10) – 0
= 1500 – 700 = 800

จะได้ I3 = =
= 8A
I3 = IN = 8A
60

หาค่า RN

RN = 2
นำค่า IN และ RN เขียนวงจรเทียบเท่านอร์ตนั เพื่อหาค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน RL

IL = IN
= 8
IL = 0.73 A

3. จากรูปที่ 11.19 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน RL

รูปที่ 11.19

วิ ธีทำ หาค่า IN
61

I1 = = 0.5 A
I2 = = 4A
IN = I1 + I2 = 0.5 + 4 = 4.5 A
หาค่า RN

RN =
= 4

นำค่า IN และ RN เขียนวงจรเทียบเท่านอร์ต นั นำ RL ที่ป ลดออกมาต่อ ที่จ ดุ AB และหาค่า


กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน RL

IL = IN
= 4.5
IL = 0.95 A

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


จากรูปที่ 12.6 ใช้ตอบคำถามข้อ 1-6
62

รูปที่ 12.6
1. I1 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ข. 2
2. สมการวงจรปิด I2 ข้อใดถูกต้อง ก. 40 I1 + 60 I2 = -5
3. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 20 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ข. -1.4
4. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 30 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ง. 0.6
5. แรงดันตกคร่อมตัวต้านทาน 20  มีคา่ กีโ่ วลต์ ง. -28
6. แรงดันตกคร่อมทีจ่ ุด BA มีคา่ กีโ่ วลต์ ง. -18
7. จากรูปที่ 12.7 นี้จำนวนสมการของ เมชเคอร์เรนต์ มีกส่ี มการ ข. 3

รูปที่ 12.7
จากรูปที่ 12.8 ใช้ตอบคำถามข้อ 8-10

รูปที่ 12.8
8. กระแสไฟฟ้า I1 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ค. 0.64
9. กระแสไฟฟ้า I2 มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ค. 0.07
10. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านตัวต้านทาน 5 โอห์ม มีคา่ กีแ่ อมแปร์ ง. 0.71

ตอนที่ 2 จงเติ มคำลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง


63

รูปที่ 12.9
1. จากรูปที่ 12.9 ถ้าใช้กฎของเคอร์ชอฟฟ์ จะมี 3 สมการ
2. ถ้าต้องการลดจำนวนสมการลง ต้องใช้ทฤษฎีของ เมชเคอร์เรนต์
3. เหตุผลทีต่ อ้ งใช้ทฤษฎีของเมชเคอร์เรนต์ในการแก้สมการ เพราะ จำนวนสมการน้ อยกว่า
4. จำนวนสาขา หมายถึง ทางเดิ นของกระแสไฟฟ้ าระหว่างจุดสองจุด
5. จำนวนสมการของเมชเคอร์เรนต์หาได้จาก จำนวนสมการ = จำนวนสาขา – (จำนวนจุดต่อ–1)
6. การสร้างสมการเมชเคอร์เรนต์มวี ธิ กี ารอย่างไร กำหนดให้มีกระแสไฟฟ้ าไหลในวงจรปิ ดแล้วสร้าง
สมการแรงดันในวงจรปิ ดนัน้
จากรูปที่ 12.10 ใช้ตอบคำถามข้อ 7-10

รูปที่ 12.10
7. ลูป I1 เขียนสมการได้วา่ 4 I1 + 3 I2 = 18
8. ลูป I2 เขียนสมการได้วา่ 3 I1 + 5 I2 = 27
9. I1 และ I2 มีคา่ 0.82 A , 4.9 A
10. กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R = 3 มีคา่ 5.72 A

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


1. จากรูปที่ 12.11 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านความต้านทานแต่ละตัว

รูปที่ 12.11
64
วิ ธีทำ

ลูป I1 ; I1 R1 + (I1 – I2) R2 = 12


6 I1 + 3 I1 – 3 I2 = 12
9 I1 – 3 I2 = 12 …(1)
ลูป I2 ; I2 R3 + (I2 – I1) R2 = 0
8 I2 + 3 I2 – 3 I1 = 0
–3 I1 + 11 I2 = 0 …(2)
นำสมการที่ (1), (2) มาเขียนในรูปของเมทริ กซ์

D = = 99 – 9 = 90

หาค่า D I1 เพื่อหาค่า I1 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I1


D I1 = = (12x11) – [0x(–3)]
= 132
หาค่า I1 จะได้
I1 = = = 1.47 A

หาค่า D I2 เพื่อหาค่า I2 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I2


I2 = = (9x0) – [(–3)x12]
= 36
หาค่า I2 จะได้
I2 = = = 0.4 A

กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R1 = I1 = 1.47 A


กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R2 = I1–I2 = 1.47–0.4 = 1.07 A
65
กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 3 = I2 = 0.4 A

2. จากรูปที่ 12.12 จงหาค่ากระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R1

รูปที่ 12.12

วิ ธีทำ

ลูป I1 ; (I1 + I2) R1 = E1 – E2


10 I1 + 10 I2 = 6–2
10 I1 + 10 I2 = 4 …(1)
ลูป I2 ; I2 R2 + (I2 + I1) R1 = E3 – E2
3 I2 + 10 I2 + 10 I1 = 4–2
10 I1 + 13 I2 = 2 …(2)
นำสมการที่ (1), (2) มาเขียนในรูปของเมทริ กซ์

หาค่าตัวหารร่วม D
D = = 130 – 100 = 30

หาค่า D I1 เพื่อหาค่า I1 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I1 จะได้


D I1 = = (4x13) – (2x10)
66
= 52 – 20 = 32
หาค่า I1 จะได้
I1 = = = 1.07 A

หาค่า D I2 เพื่อหาค่า I2 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I2


I2 = = (10x2) – (10x4)
= 20 – 40 = –20
หาค่า I2 จะได้
I2 = = = –0.67 A

กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R 1 = I1 + I2
= 1.07 + (–0.67)
= 1.07 – 0.67
= 0.4 A
3. จ า ก ร ปู ท ่ี 12.13 จ ง ห า ค า่ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ท ไ่ี ห ล ผ า่ น R = 3

รูปที่ 12.13
วิ ธีทำ

ลูป I1 ; (I1 – I2)1 + (I1 – I3)2 = 9–6


I1 – I2 + 2 I1 – 2 I3 = 3
3 I1 – I2 – 2 I3 = 3 …(1)
ลูป I2 ; (I2 – I1)1 + 3 I2 + (I2 – I3)2 = 0
67
I2 – I1 + 3 I2 + 2 I2 – 2 I3 = 0
–I1 + 6 I2 – 2 I3 = 0 …(2)
ลูป I3 ; (I3 – I1)2 + (I3 – I2)2 + 5 I3 = 6
2 I3 – 2 I1 + 2 I3 – 2 I2 + 5 I3 = 6
–2 I1 – 2 I2 + 9 I3 = 6 …(3)
นำสมการที่ (1), (2) และ (3) มาเขียนในรูปของเมทริ กซ์

D =

= (3x6x9) + [–1x(–2)x(–2)] + [(–2)x(–1)x(–2)] – [(–2)x6x(–2)]


– [(–2)x(–2)x3] – [9x(–1)x–1]
= 162 – 4 – 4 – 24 – 12 - 9
= 109
หาค่า D I2 เพื่อหาค่า I2 โดยการนำค่าคงที่แทนสัมประสิ ทธิ์ ของ I2

D I2 =

= (3x0x9) + [3x(–2)x(–2)] + [(–2)x(–1)x6] – [(–2)x0x(–2)]


– [6x(–2)x3] – [9x(–1)x3]
= 0 + 12 + 12 – 0 + 36 + 27 = 87
จะได้ค่า I2
I2 = = 0.8 A

กระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน R3 = 3  คือ I2 = 0.8 A


68

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดียว


1. ส ม ก า ร ข อ ง โ น ด โ ว ล เ ต จ ห า ไ ด จ้ า ก ห ล กั ก า ร ข อ้ ใ ด
2. จ ำ น ว น โ น ด ล บ ด ว้ ย ห น ่งึ

2. จ า ก ร ปู ท ่ี 13.4 จ ะ ต อ้ ง ส ร า้ ง ส ม ก า ร ก ส่ี ม ก า ร

1. 2
รูปที่ 13.4

จากรูปที่ 13.5 ตอบคำถามข้อที่ 3-10

รูปที่ 13.5

3. จงเขียนสมการกระแสไฟฟ้าจากกฎของเคอร์ชอฟฟ์
2.
69
4. จงเขียนสมการโนดโวลเตจ
3.

5. จงหาค่า V4
ข.4 V
6. จงหาค่า I1
ง.-3 A
7. จงหาค่า I2
4. 4 A
8. จงหาค่า I3
ข.-1 A

9. ทีโ่ นด A สมการ I1 ตรงกับข้อใด


ก.
10.ทีโ่ นด A สมการ I2 ตรงกับข้อใด
ค.

ตอนที่ 2 จงเติ มคำลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง

1. ทฤษฎีโนดโวลเตจ ใช้หลักการและนำกฎของ มาแก้ปญั หาโจทย์ในวงจรไฟฟ้า กฎของเคอร์ชอฟฟ์

2. โนดโวลเตจ คือ อะไร แรงดันไฟฟ้ าที่โนด เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับโนดอ้างอิ ง

3. โนดหลัก เรียกว่า ปริ นซิ เปิ ลโนด (Prineiple Node)

4. โนดอ้างอิง เรียกว่า เรเฟอเรนซ์โนด (Reference node)

5. โนดอ้างอิง โดยทัวไปต่
่ อกับ ต่อกับขัว้ ลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ า

จากรูปที่ 13.6 ตอบคำถามข้อ 6-10


70

รูปที่ 13.6

6. ทีโ่ นด A เขียนสมการกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ ได้วา่ 0

7. ทีโ่ นด B เขียนสมการกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ ได้วา่

8. ทีโ่ นด A ได้สมการแรงดันไฟฟ้า ได้วา่

9. ทีโ่ นด B ได้สมการแรงดันไฟฟ้า ได้วา่

10. ได้คา่ เท่ากับ

ตอนที่ 3 จงแสดงวิ ธีทำให้ถกู ต้อง


จากรูปที่ 13.7 จงคำนวณหาค่า VA และ VB
71

รูปที่ 13.7

วิธที ำ กำหนดโนด A , B , และ C โดยโนด เป็ นโนดอ้างอิงจากกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์


เขียนสมการได้

พิจารณาทีโ่ นด A จะได้

แทนค่าลงในสมการที่ (1) จะได้

นำ 10 คูณสมการที่ (2) ตลอด

พิจารณาทีโ่ นด B จะได้
72

VB VB ......(4)
แทนค่า 5 7

นำ 70 คูณสมการที่ (4) ตลอด

35VA — 35VB 0 ......(5)

นำสมการที่ (3) และ (5) มาเขียนในรูปของเมทริกซ์ จะได้

หาค่าตัวหารร่วม D
D =

= -472+175
= -297

หาค่า D =

= 826
จะได้ =

=
= -2.78 V
หาค่า D เพือ่ หาค่า โดยนำค่าคงทีแ่ ทนสัมประสิทธิ ์
73

= 490

จะได้ =

=
= -1.65 V

2. จากรูปที่ 13.8 จงหาค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่าน ความต้านทานแต่ละตัว

รูปที่ 13.8

วิธที ำ กำหนดโนด A , B โดยให้โนด B เป็ นโนดอ้างอิงจากกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ เขียนสมการ


ได้

แทนค่าลงในสมการที่ (1) จะได้

นำค่า 120 คูณสมการที่ (2) ตลอด

70 10 VA 120 24 VA
49 VA 205
74

4.18 V

่ อ กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R1
นันคื I1 0.4A
กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R2 I2 0.235A
กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่าน R3 I3 0.164A

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องทีส่ ดุ เพียงคำตอบเดียว


1. ใ น ว ง จ ร ไ ฟ ฟ ้ า จ ะ เ ก ดิ ก า ร ส ง่ ต ่อ ก ำ ล งั ไ ฟ ฟ ้ า ส งู ส ดุ ไ ป ย งั โ ห ล ด น นั ้ ไ ด ต้ ่อ เ ม อ่ื
3. ค ว า ม ต ้า น ท า น ข อ ง โ ห ล ด เ ท ่า ก บั ค ว า ม ต ้า น ท า น ภ า ย ใ น ข อ ง แ ห ล ่ง จ ่า ย
2. ส ตู ร ก า ร ห า ก ำ ล งั ไ ฟ ฟ ้ า ส งู ส ดุ ไ ด จ้ า ก ส ตู ร อ ะ ไ ร
1.
3. จา ก ต า ร า ง ท ่ี 14.1 เม อ่ื RL ม คี า่ เป็ น ศ นู ย โ์ อห ม์ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ใ น ว ง จ ร จ ะ เ ป็ น อ ย า่ ง ไ ร
2. ส งู ส ดุ
75
4. จ า ก ต า ร า ง ท ่ี 14.1 เ ม อ่ื RL เ พ มิ่ ข น้ึ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ ้ า ใ น ว ง จ ร จ ะ เ ป ็ น อ ย า่ ง ไ ร
ข . ล ด ล ง
5. ้
ก ำ ล งั ไ ฟ ฟ า ส งู ส ดุ ท โ่ี ห ล ด จ ะ เ ก ดิ ข น้ึ เ ม อ่ื
ง . RL = RTH

จ า ก ร ปู ท ี่ 14.10 ต อ บ ค ำ ถ า ม ข ้อ 6-10

รูปที่ 14.10

6. E1 มีคา่ กีโ่ วลต์ ข . 7.2


7. E2 มีคา่ กีโ่ วลต์ ข . 4.8
8. ETH มีคา่ กีโ่ วลต์ ข . 12.8
9. RTH มีคา่ กีโ่ อห์ม ค . 4.8Ω
10. RL มีคา่ กีโ่ อห์ม ก . 4.8Ω
ต อ น ท ี่ 2 จ ง เ ต ิ ม ค ำ ล ง ใ น ช ่อ ง ว ่า ง ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
1. จะเกิดการส่งถ่ายกำลังไฟฟ้าสูงสุดไปยังโหลดเมื่อ RTH = RL
2. ทีค่ า่ กำลังไฟฟ้าสูงสุด กระแสไฟฟ้าทีโ่ หลดจะมีคา่ 50% ของกระแสไฟฟ้ าที่ล ดั วงจรที่ RL

รูปที่ 14.11
76
3. กระแสไฟฟ้า I มีคา่ 0.526 A
4. E1 เท่ากับ 5.26 V
5. E2 เท่ากับ 10.52 V
6. E3 เท่ากับ 4.2 V
7. ETH เท่ากับ 14.74 V
8. RTH เท่ากับ 7.368 Ω
9. RL เท่ากับ 7.368 Ω
10. PL เท่ากับ 7.368 Ω

ต อ น ท ี่ 3 จ ง แ ส ด ง ว ิ ธ ีท ำ ใ ห ้ถ กู ต ้อ ง
1. จากรูปที่ 14.12 จงคำนวณหาค่า RL ทีท่ ำให้เกิดกำลังไฟฟ้าสูงสุด และกำลังไฟฟ้าสูงสุดมีคา่ เท่าไร

รูปที่ 14.12
วิ ธ ีท ำ นำ ท ฤ ษ ฎ ขี อง เท ว นิ ิน มา ใ ช ้ ป ลด โห ลด RL ออก จา ก ว งจ ร แ ละ ห า ค า่ ETH ค ร งั ้ ท ่ี 1

I
77
I

หรือ
78
หาค่า ความต้านทานภายในของแหล่งจ่ายไฟฟ้า RTH1

เสร็จแล้วนำค่า ETH1 และ RTH1 มาเขียนวงจรเทียบเท่าเทวินิน ครัง้ ที่ 1 นำ RL ทีป่ ลดออกพร้อม R=10 Ω
E = 5V มาต่อ ตามเดิม พร้อมหาค่า ETH2 และ RTH2 ครัง้ ใหม่
79
ปลด R2 ออกจากวงจร

หรือ

หาค่าความต้านทานภายในของแหล่งจ่ายไฟฟ้า RTH
80

ดังนัน้ จะได้ วงจรเทียบเท่า เทวินินทีส่ มบูรณ์ ดังรูปที่ 14.20

ที่ทำให้เกิ ดกำลังไฟฟ้ าสูงสุด

กำลังไฟฟ้ าสูงสุดจะได้
81
= (0.46)2 x 3.24

2. จากรูป ที่ 14.13 จงหาค่า R2 ทีท่ ำให้เ กิด กำลัง ไฟฟ้ า สูง สุด และกำลัง ไฟฟ้ า สูง สุด มีค า่ เท่า ไร

ร ปู ท ี่ 14.13

ว ิ ธ ีท ำ น ำ ท ฤ ษ ฎ ขี อ ง เ ท ว นิ ิน ม า ใ ช ้ ป ล ด โ ห ว ด RL อ อ ก จ า ก ว ง จ ร แ ล ะ ห า ค า่ ETH

หาค่า ความต้า นทานภายในของแหล่ง จ่า ยไฟฟ้ า หรือ ค่า ความต้า นทานเทีย บเท่า เทวิน ิน RTH
82

จะได้ จะทำให้ได้กำลังไฟฟ้าสูงสุด นำค่า ETH และ RTH มาเขียนวงจรเทียบเท่า เทวิ


นิน แล้วนำ โหลด RL มาต่อทีข่ วั ้ A B ดังรูปที่ 14.23

ดังนัน้ จะได้กำลังไฟฟ้าสูงสุดทีโ่ หวด RL

You might also like