Professional Documents
Culture Documents
/
/
บทนํา
ทิศทางการพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10
( พ.ศ. 2550 –2554 ) กําหนดขึ้นบนพื้นฐานการเสริ มสร้างทุนของประเทศ ทั้งทุนทางสังคม
ทุนเศรษฐกิจและทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อมให้เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยยึด“ คนเป็ น
ศูนย์ กลางการพัฒนา ” และอัญเชิ ญ “ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” มาเป็ นแนวทางปฏิบตั ิ เพือ่ มุ่งสู่
“ สั งคมอยู่เย็นเป็ นสุ ขร่ วมกัน ” ดังนั้นยุทธศาสตร์ การพัฒนาคนซึ่งสังคมไทยได้ให้ความสําคัญใน
ลําดับสู งกับการพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่ สังคมภูมิปัญญาและการเรี ยนรู ้ เนื่องจาก “ คน ”
นับเป็ นทั้งเป้ าหมายสุ ดท้ายที่จะได้รับผลประโยชน์ และผลกระทบที่เกิดจากการพัฒนา ในขณะ
เดียวกันก็เป็ นผูข้ บั เคลื่อนการพัฒนาเพื่อไปสู่ เป้ าประสงค์ที่ตอ้ งการ จึงจําเป็ นต้องพัฒนาคุณภาพคน
ในทุกมิติ อย่างสมดุลทั้งจิตใจ ร่ างกาย ความรู ้ ทักษะและความสามารถ เพื่อให้เพียบพร้อมทั้งด้าน
“ คุณธรรม” และ “ ความรู้ ” ซึ่ งจะนําไปสู่ การคิดวิเคราะห์อย่าง “ มีเหตุผล ” รอบคอบและระมัด
ระวังด้วยจิตสํานึกในศีลธรรมและ “ คุณธรรม ” ทําให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และสามารถ
ตัดสิ นใจโดยใช้หลัก “ ความพอประมาณ” ในการดําเนิ นชีวติ อย่างมีจริ ยธรรม ซื่ อสัตย์สุจริ ต
อดทนขยันหมัน่ เพียร อันจะเป็ น “ ภูมิคุ้มกันในตัวทีด่ ี ” ให้คนพร้อมเผชิ ญต่อการเปลี่ยนแปลงที่
จะเกิดขึ้น ดํารงชีวิตอย่างมีศกั ดิ์ศรี และมีความมัน่ คงทางเศรษฐกิจและสังคม(แผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 , 2551) จากข้อความดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าความรู ้ เป็ นทุนทาง
สังคมและเป็ นเครื่ องมือที่สาํ คัญยิง่ ที่จะนํามาใช้ในการพัฒนาคน องค์กรหรื อหน่วยงาน ชุมชน
ท้องถิ่น สังคม และประเทศชาติ ในมิติต่าง ๆ
จากรู ปที่ 1.1 แสดงความสั ม พันธ์ ข องข้อมู ล สารสนเทศ และความรู ้ กล่า วคื อ ใน
ขั้นตอนแรกจะทําการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานก่อน แล้วนําประมวลผลตามชนิ ดของข้อมูล
จากนั้นนํามาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ที่ตอ้ งการจะได้ผลลัพธ์เป็ นสารสนเทศเพื่อไปใช้ประโยชน์
จากหลาย ๆ ข้อมู ลและสารสนเทศสามารถนํามาพิจารณาหรื อวิจยั โดยอาศัยประสบการณ์ หรื อ
ความรอบรู ้นาํ มาสังเคราะห์ออกมาเป็ นองค์ความรู ้
3
นิยามของความรู้
จากรู ปที่ 1.4 แสดงตัว อย่า งจากข้อ มู ล เหตุ ก ารณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ นในช่ ว งเทศกาล
สงกรานต์ แปลงเป็ นสารสนเทศและความรู ้ องค์ความรู ้ทาํ ให้เกิดภูมิปัญญาหรื อปั ญญาปฏิบตั ิเพื่อ
แก้ปัญหาอุบตั ิเหตุดา้ นการจราจร เกิดเป็ นนวัตกรรมที่เรี ยกว่า “มาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร” ดังตาราง
ที่ 1.2
มอเตอร์ไซต์ หมวกกันน็อก เมาไม่ขบั
3ม มีอุปกรณ์ส่วน
ควบครบถ้วน
สวมใส่ทุกครั้ง
รัดคางให้แน่น
ห้ามมีแอลกอฮอล์
เกิน 50 มก.%
2ข คาดเข็มขัดนิรมัย
ทุกครั้งเมื่อขับรถ
พกพา
ใบขับขี่ไปด้วย
1ร ห้ามใช้ความเร็ วเกินกฎหมายกําหนด
ช่วงรณรงค์ ห้ามเกิน 90 กม./ชม.
ความสํ าคัญของความรู้
ประเภทของความรู้
Explicit Knowledge
Implicit Knowledge
Tacit Knowledge
จากรู ปที่ 1.6 ส่ วนที่อยู่บนยอดภูเขานํ้าแข็งที่เห็นได้ชดั เจน คือ ความรู ้ ที่เห็ นได้ชดั เจน
(Explicit Knowledge) ถัดลงมาบริ เวณปริ่ ม ๆ ผิวนํ้า มองเห็นไม่ชดั เจนนัก ก็คือ ส่ วนที่เป็ น
ความรู ้ฝั่งลึกที่อธิ บายค่อนข้างยาก (Implicit Knowledge) ส่ วนความรู ้ประเภทสุ ดท้ายที่อยูล่ ึกมาก
จนแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยงั ไม่รู้วา่ ตนเองรู ้ก็คือ ความรู ้ซ่อนเร้น(Tacit Knowledge ) ซึ่ งอยูล่ ึกลงไปใต้น้ าํ
11
ระดับของความรู้
สามเหลีย่ มความรู้
การบริหารความรู้
สรุ ป