Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 5

.

ปที่ 15 ฉบับที่ 2596 วันที่ 14 สิงหาคม 2552

5 มาตรการแกปญหาราคาน้ํามันแพง: บรรเทาไดในระยะสั้น...
แตโจทยระยะยาวยังคงรอการแกไข

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ที่ผานมา คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบ ใน 5 มาตรการเพื่อบรรเทาปญหา


ราคาน้ํามันที่เพิ่มสูงขึ้นใหแกประชาชน ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแหงชาติที่เสนอไว ดังนี้
Ø ลดอัตราการเก็บเงินเขากองทุนน้ํามันเชื้อเพลิงสวนของดีเซล B2 ควบคูไปกับการลดอัตราการ
เรียกเก็บเงินเขากองทุนอนุรักษพลังงาน โดยลดอัตราการเก็บเงินเขากองทุนอนุรักษพลังงานของน้ํามันเบนซินลง
0.50 บาท/ ลิตร และน้ํามันดีเซลลง 0.70 บาท/ ลิตร เพื่อใหราคาขายปลีกน้ํามันดีเซลลดลง 0.75 บาท/ ลิตร พรอม
ทั้งปรับลดอัตราเรียกเก็บเงินเขากองทุนน้ํามันฯ ในสวนของน้ํามันดีเซลลง 1.17 บาท/ ลิตร จาก 1.70 บาท/ ลิตร
เหลือเพียง 0.53 บาท/ ลิตร เพื่อทําใหราคาขายปลีกน้ํามันดีเซลลดลง 1.25 บาท/ ลิตร ซึ่งเมื่อรวมเงินเขาทั้งสอง
กองทุนฯ ดังกลาว จะทําใหราคาขายปลีกน้ํามันดีเซลลดลงเทากับ 2 บาท/ ลิตร นอกจากนี้ ยังปรับอัตราชดเชย
สําหรับน้ํามันดีเซล B5 อีก 0.58 บาท/ ลิตร จากที่ชดเชย 0.23 บาท/ ลิตร เปน 0.81 บาท/ ลิตร เพื่อทําใหสวนตาง
ของราคาน้ํามันดีเซล B5 กับ B2 ตางกัน 1.20 บาท/ ลิตร และทําใหราคาขายปลีกลดลง 0.40 บาท/ ลิตร เพื่อเปน
การจูงใจใหผูบริโภคหันมาใชน้ํามันดีเซล B5 เพิ่มมากขึ้น และจูงใจใหผูผลิตทําการผลิตมากขึ้น จากคาการตลาด
ที่สูงกวาน้ํามันดีเซล
Ø ขยายเวลาในการตรึงราคากาซปโตรเลียมเหลวหรือกาซหุงตม (LPG) ออกไปอีก 1 ป ใหสิ้นสุด
วันที่ 31 ก.ค. 2553
Ø ขยายเวลาในการตรึงราคากาซธรรมชาติสําหรับรถยนต (NGV) ออกไปอีก 1 ป ใหสิ้นสุดวันที่
31 ก.ค. 2553
Ø สนับสนุนโครงการเปลี่ยนแท็กซี่เปน NGV ใหได 30,000 คัน ภายใน 4 เดือน คิดเปนวงเงินรวม
ประมาณ 1,200 ลานบาท
Ø ตรึงคาไฟฟาผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ระดับ 92.55 สตางค/ หนวย เปนระยะเวลา 1 ป ถึงเดือน
สิงหาคม 2553

ลดเงินเรียกเก็บเขากองทุนฯ... ทางเลือกอันดับแรกของการแกปญหาราคาน้ํามันแพง
จะเห็นไดวา มาตรการปรับลดเงินเรียกเก็บเขากองทุนน้ํามันฯ มักเปนทางเลือกอันดับแรกๆ ของการแกไข
ปญหา ดังจะเห็นไดจาก 5 มาตรการเพื่อบรรเทาปญหาราคาน้ํามันเพิ่มสูงขึ้นของรัฐบาล เนื่องจากกองทุนน้ํามันมี
วัตถุประสงคของการจัดตั้งเพื่อเปนกลไกของรัฐในการปองกันการขาดแคลนเชื้อเพลิง และใชในการรักษาระดับ
ขายปลีกน้ํามันเชื้อเพลิงของประเทศในกรณีทรี่ าคาตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เพื่อชวยเหลือประชาชนใหไดรบั ผลกระทบ
2

นอยที่สุ ด ทั้งนี้ ณ วัน ที่ 7 สิ งหาคม 2552 กองทุ นน้ํามั นฯ มีฐ านะกองทุนสุท ธิอยูที่ 16,843 ลานบาท โดยเมื่ อ
รัฐบาลประกาศใหมีการปรับลดอัตราเรียกเก็บเงินเขากองทุนน้ํามันฯ สําหรับน้ํามันดีเซลลง เพื่อทําใหราคาขาย
ปลีกลดลงนั้น คาดวาจะทําใหกองทุนน้ํามันฯ มีรายรับลดลงประมาณ 856 ลานบาท/ เดือน ขณะที่การปรับลด
อัตราชดเชยสําหรับน้ํามันดีเซล B5 ลง จะเปนการจูงใจผูผลิตน้ํามันใหทาํ การผลิตมากขึ้น เนื่องจากมีคา การตลาด
สูงกวาน้ํามันดีเซลตามนโยบายสงเสริมพลังงานทดแทนนั้น จะทําใหกองทุนน้ํามันฯ มีรายรับลดลงประมาณ 421
ลานบาท/ เดือน ดังนั้น จากผลของการปรับลดอัตราการเรียกเก็บเงินเขากองทุนน้ํามันฯ สําหรับน้ํามันดีเซล และ
อัตราชดเชยสําหรับน้ํามันดีเซล B5 ที่ลดลงนั้น จะทําใหกองทุนน้ํามันฯ มีภาระที่ตองแบกรับรวมในสวนนีป้ ระมาณ
1,277 ลานบาท/ เดือน
ในขณะเดียวกัน เพื่อทําใหกองทุนน้ํามันฯ ยังคงมีเสถียรภาพ รัฐบาลจึงปรับเพิ่มอัตราการเรียกเก็บเงิน
เขากองทุนน้ํามันฯ ในสวนของน้ํามันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มอีก 0.50 บาท/ ลิตร แตการปรับเพิ่มดังกลาวจะไมมี
ผลทํา ใหร าคาขายปลี กน้ํา มั นเบนซิ น เพิ่ มสู ง ขึ้น เนื่ อ งจากใชวิ ธี การยกเลิกการจัดเก็บ เงิน เข า กองทุน อนุรั กษ
พลังงานลงควบคูกัน ไป ทําให สามารถช วยลดภาระของกองทุนน้ํามันฯ ลงประมาณ 123 ลานบาท/ เดือน จึ ง
เทากับวาภาระที่กองทุนน้ํามันฯ ยังตองแบกรับไวจากการอุดหนุนราคาน้ํามันดีเซลนั้นลดลงเหลือ 1,154 ลาน
บาท/ เดือน ทัง้ นี้ จาก 5 มาตรการดังกลาวที่รัฐบาลนําออกมาใชนี้ คาดวาจะสงผลใหกองทุนน้ํามันมีรายรับลดลง
รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,494 ลานบาท/ เดือน โดยจากเดิมที่มีเงินสดหมุนเวียนอยูประมาณเดือนละ 3,104 ลานบาท
จะเหลือเพียงประมาณเดือนละ 610 ลานบาท สําหรับสถานะของกองทุนอนุรักษพลังงานขณะนี้มีรายไดสุทธิ
ประมาณ 7,500 ลานบาท ซึ่งเปนเงินที่สะสมไวสําหรับโครงการกอสรางรถไฟฟา แตทั้งนี้ คาดวาในอนาคตอันใกล
รัฐบาลอาจมีการพิจารณาโยกยายเงินสะสมของกองทุนอนุรักษพลังงานในสวนนี้ไปไวในกองทุนน้ํามันฯ เพื่อใช
ตรึงราคาน้ํามันดีเซล หากราคาน้ํามันยังมีแนวโนมเพิ่มสูงขึ้น

อุดหนุนราคากาซรถยนต... คาดวาจะทําใหความตองการใชในชวงครึ่งปหลังเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อราคาน้ํามันเพิ่มสูงขึ้น เปนเรื่องปกติที่ปริมาณความตองการใชกาซปโตรเลียมเหลวหรือกาซหุงตม
(LPG) และกา ซธรรมชาติสํา หรับ รถยนต (NGV) ในภาคการขนสง ของประเทศจะเพิ่ มสูง ขึ้นเช นเดี ยวกั น ดั ง
ตัวอยางที่เห็นไดชัดในป 2551 ซึ่งราคาน้ํามันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ทําใหความตองการใชกาซ LPG ทั้งหมดใน
ประเทศเทา กับ 4.6 ล านตั น เพิ่มขึ้ นจากป 2550 ถึงร อยละ 17.5 โดยเปนการใชในภาคขนสงคิ ดเป นสัดสว น
ประมาณรอยละ 16.8 หรือมีปริมาณการใชเพิ่มขึ้นจากป 2550 ถึงรอยละ 35.6 ขณะที่ปริมาณความตองการใช
กาซ NGV เพิ่มขึ้นถึงรอยละ 213.74 จากป 2550
การอุดหนุนราคากาซรถยนต จึงเปนวิธีการหนึ่งที่รัฐบาลนํามาใชเพื่อบรรเทาปญหาความเดือดรอนจาก
ราคาน้ํ ามั นที่ เพิ่มสูง ขึ้น ให แก ประชาชน โดยการตรึ งราคาก าซธรรมชาติ สํา หรับ รถยนต (NGV) ที่ 8.50 บาท/
กิโลกรัม และราคากาซปโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ 18.13 บาท/ กิโลกรัม ตอไปอีกถึงเดือนกรกฎาคม ป 2553 ซึ่ง
เปนที่แนนอนวามาตรการเชนนี้จะไดรับการตอบรับจากประชาชนเปนอยางดี เพราะทําใหไมตองเสียคากาซแพง
ขึ้น แตจากผลของการอุดหนุนราคากาซรถยนตดังกลาว จะทําใหกองทุนน้ํามันฯ และบริษัทผูนําเขากาซ LPG มี
ภาระตองแบกรับจากการชดเชยการนําเขากาซ LPG ตอไปอีก 1 ป ซึ่งคิดเปนมูลคากวา 740 ลานบาท/ เดือน
เนื่องจากราคาขายปลีกกาซ LPG ในประเทศ ณ ปจจุบันมีราคาเทากับ 18.13 บาท/ กิโลกรัม ขณะที่ตนทุนการ
3

นําเขามีราคาเทากับ 25.73 บาท/ กิโลกรัม ดังนั้น หากราคาน้ํามันสําเร็จรูปยังมีแนวโนมเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคา


กาซ LPG ที่จําหนายภายในประเทศถูกตรึงไวใหคงที่ จะยิ่งทําใหปริมาณความตองการใชกาซ LPG ในประเทศ
เพิ่มสูงขึ้น อาจทําใหปริมาณกาซที่ผลิตไดในประเทศมีไมเพียงพอ นอกจากนี้ ในอนาคตหากราคากาซ LPG ที่
จําหนายในตลาดโลก มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นแลว ภาระที่จะตองแบกรับ
ก็ยอมจะเพิ่มมากขึ้นตามไปดวย ขณะทีใ่ นสวนของมาตรการตรึงราคากาซ NGV ไวที่ 8.50 บาท/ กิโลกรัม อีก 1 ป
จะทําใหกองทุนน้ํามันฯ ตองมีภาระในการชดเชยราคาขายปลีกกาซ NGV ที่ต่ํากวาตนทุนที่แทจริง อีกกวา 300
ลานบาท/ เดือน

ยอดขายกาซ LPG ในภาคการขนสง ปริมาณการจําหนายกาซ NGV (ตัน/ เดือน)


พันตัน
900
120,000
800
700 100,000
600 80,000
500
400 60,000

300 40,000
200
20,000
100
0 -

ป
เม . 9
9
. 49
. 49

เม . ย 0
. 50
. 50
. 50

เม . ย 1
. 51
. 51
. 51

เม . 2
2
.4
ย. 4

.5

.5

.5
ย. 5
9
1
3
5
7
9
1
3
5
7
9
1
25 2
25 3
25 3
25 3
25 3
25 3
25 4
25 4
25 4
25 4
25 4
25 5

ม .ค

ก .ค
ต .ค
ม .ค

ก .ค
ต .ค
ม .ค

ก .ค
ต .ค
ม .ค
ที่มา: สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน รวบรวมโดยศูนยวิจัยกสิกรไทย

ทั้งนี้ ศูนยวิจัยกสิกรไทย คาดวา ปริมาณความตองการใชกาซ LPG และ NGV ในภาคการขนสงของ


ไทยในชวงครึ่งปหลังของป 2552 นี้ นาจะมีแนวโนมเพิ่มสูงขึ้นตามการขยับตัวของราคาน้ํามันดิบในตลาดโลก
หลังจากทีใ่ นชวงครึ่งปแรก กาซ LPG มีปริมาณความตองการใชเพิ่มขึ้นเพียงรอยละ 1.2 เมื่อเทียบกับชวงเวลา
เดียวกันของปกอน เนื่องจากราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง อยางไรก็ตาม คาดวาปริมาณความตองการ
ใชกาซ LPG ในชวงครึ่งปหลัง คงไมสูงเทากับในป 2551 เนื่องจากคาดวาราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกคงไมปรับตัว
ไปสูงเกินกวา 100 เหรียญสหรัฐฯ/ บารเรล เนื่องจากปริมาณความตองการใชน้ํามันของหลายประเทศยังไมมี
แนวโนมเพิ่มขึ้นอยางชัดเจนตามภาวะการฟนตัวทางเศรษฐกิจของแตละประเทศ ขณะที่ปริมาณความตองการใช
กาซ NGV ในชวงครึ่งปแรกของป 2552 เพิ่มขึ้นถึงรอยละ 128.76 เนื่องจากมีสถานีบริการเพิ่มขึ้นเปน 331 แหง
(ขอมูลเดือนมิถุนายน 2552) จากเดิมที่มีอยู 303 แหงในชวงสิ้นป 2551 โดยจํานวนรถที่มีการติดตั้งกาซ NGV
เพิ่มขึ้นเปน 140,054 คัน ในขณะทีค่ าดวาปริมาณความตองการใชกาซ NGV ในชวงครึ่งปหลัง นาจะมีแนวโนม
ขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกจากผลกระทบของราคาน้ํามันที่เพิ่มสูงขึ้น

การพัฒนาโลจิสติกสและสงเสริมพลังงานทดแทนใหเกิดขึ้น... คือโจทยระยะยาวของรัฐบาล
ศูนยวิจัยกสิกรไทย เห็นวา 5 มาตรการเพื่อบรรเทาปญหาความเดือดรอนจากราคาน้ํามันที่สูงขึ้นใหแก
ประชาชนของรัฐบาล ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังเปราะบาง และไมสามารถฟนตัวกลับเขาสูภาวะปกติได
4

นั้น ถือ วา มีความเหมาะสม เนื่ องจากเป นการสะทอ นถึง ความเป นจริง ตามภาวะเศรษฐกิ จของประเทศ และ
ตองการชวยใหเศรษฐกิจของประเทศสามารถฟนตัวได อยางไรก็ตาม มีประเด็นขอสังเกต ดังนี้
Ø คงตองยอมรับวาการแกปญหาดวยมาตรการตางๆ เหลานี้ ถือเปนการแกปญหาเฉพาะหนาเทานั้น
เพราะหากเมื่อใดที่ราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกขยับตัวขึ้นไปสูงกวา 80 เหรียญสหรัฐฯ/ บารเรล ก็อาจจะทําให
ราคาน้ํามันดีเซลที่จําหนายภายในประเทศสูงกวาระดับ 30 บาท/ ลิตร ได ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลก็คงจะตอง
ตัดสิ นใจวา จะดํ าเนินการเชน ใดเพื่อ บรรเทาป ญหา ทั้ งนี้ ดวยทางเลื อกที่เหลือ อยู รัฐ บาลคงจะเผชิ ญกับ การ
ตั ดสิ น ใจที่ ยากลํ า บากขึ้ น โดยเฉพาะการแก ป ญหาที่ จํ า เป น ต อ งใช เ งิ น อุ ดหนุ น จากกองทุ น น้ํ า มั น เชื้ อ เพลิ ง
เนื่องจากผลของ 5 มาตรการที่รัฐบาลเพิ่งนําออกมาใชนี้ จะทําใหกองทุนน้ํามันฯ มีรายรับลดลงประมาณ 2,494
ลานบาท/ เดือน จากเดิมทีม่ ีเงินสดหมุนเวียนอยูประมาณเดือนละ 3,104 ลานบาท/ เดือน จึงมีเงินสดหมุนเวียน
เหลือเพียง 610 ลานบาท/ เดือนเทานั้น ดังนั้น หากราคาน้ํามันเพิ่มสูงขึ้นไปตอเนื่อง ขณะที่สถานะของกองทุน
น้ํามันฯ เริ่มอยูในภาวะตึงตัว หากรัฐบาลเลือกที่จะพึ่งเงินจากกองทุนน้ํามันฯ มาชวยแบกรับภาระไวอีก ถึงครานัน้
อาจทําใหฐานะของกองทุนน้ํามันฯ เขาสูภาวะติดลบ จนอาจตองกูเงินเพื่อนํามาชดเชยราคาน้ํามัน ดังเชนที่เคย
เกิดขึ้นในชวงป 2547-2548 ซึ่งกระทรวงพลังงานตองกูยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน ดวยวิธีเบิกเงินเกิน
บัญชี โดยใหกระทรวงการคลังเปนผูค้ําประกัน
Ø สํา หรั บมาตรการปรั บลดอั ตราภาษี สรรพสามิต น้ํา มัน นั้น คาดวา นา จะเป นทางเลื อกสุด ทา ยที่
รัฐ บาลอาจเลื อกนํ ามาใช หลั งจาก 5 มาตรการที่ป ระกาศใชใ นขณะนี้ เริ่ มไม ไดผ ล ในกรณีที่ ราคาน้ํ า มัน ใน
ตลาดโลกยังคงพุงสูงขึ้นอยางตอเนื่อง และทําใหกองทุนน้ํามันฯ มีภาระตองแบกรับมากจนทําใหสถานะกองทุน
น้ํามันฯ เขาสูภาวะติดลบอีกครั้ง ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นรัฐบาลอาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ํามัน
อยางไรก็ตาม เหตุผลที่ทําใหการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ํามันไมนาถูกหยิบยกมาเปนทางเลือก
แรกๆ ของการแกปญหาราคาน้ํามันแพง ทั้งทีบ่ างฝายตั้งคําถามวาอัตราภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มขึ้นในปจจุบันอยูใน
ระดับที่สูงเกินไปหรือไมนั้น คําตอบนาจะอยูที่วา น้ํามันจัดเปนสินคาที่กอใหเกิดมลภาวะและสงผลกระทบตอ
เศรษฐกิจหากไมควบคุมใหเกิดการใชอยางประหยัด ดังนั้น การจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูง จะเปนการกระตุนเตือน
ใหประชาชนลดปริมาณการใชน้ํามันลง อีกทั้งรายไดจากการจัดเก็บภาษีดังกลาว นอกจากจะสามารถนําไปใชใน
การสง เสริมโครงการตา งๆ ที่เ กี่ยวข องกับการพัฒ นาพลัง งาน หรือเพิ่ มประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรม
พลังงานทดแทนภายในประเทศใหเกิดขึ้นแลว ยังนําไปใชจายในโครงการขนาดใหญของรัฐอีกหลายโครงการ ดวย
เหตุนี้ จึ งคาดว าการปรั บลดอัตราภาษีส รรพสามิตน้ํา มั นลง นา จะเปน ทางเลือ กทา ยสุ ดที่ รัฐ บาลจะนํา มาใช
หลังจากที่กองทุนน้ํามันประสบภาวะขาดทุนแลว ขณะทีร่ าคาน้ํามันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอยาง
ตอเนื่อง อยางไรก็ตาม รัฐบาลจะตัดสินใจลดภาษีสรรพสามิตน้ํามันหรือไมนั้น ยังคงขึ้นอยูกับการพิจารณาความ
เหมาะสม โดยเฉพาะดานนโยบายภาษีและฐานะการคลังของรัฐบาล
Ø นอกจากนี้ โจทยระยะยาวที่รอการแกปญหาจากรัฐบาล คือ การพัฒนาโครงสรา งพื้นฐานเพื่ อ
รองรับระบบโลจิสติกส และการสงเสริมพลังงานทดแทนใหเกิดขึ้นอยางเปนรูปธรรม ซึ่งจากนโยบาย “ปฏิบัติการ
ไทยเขมแข็ ง 2555” ของรัฐ บาล ไมว าจะเป นโครงการถนนปลอดฝุ น และโครงการรถไฟฟา ฯลฯ นั้น กวา จะ
สามารถเริ่มดําเนินโครงการได คงอยูราวๆ ประมาณป 2553 ขณะทีโ่ ครงการตางๆ จะสามารถดําเนินการแลวเสร็จ
5

ไดคงตองใชเวลาอีกระยะหนึ่งนับจากเริ่มดําเนินการ เชนเดียวกันกับการพัฒนาพลังงานทดแทนตามแผนพลังงาน
ทดแทน 15 ป ของรัฐบาล ทีย่ ังตองใชเวลาอีกระยะกวาที่จะดําเนินการและเห็นผลไดอยางชัดเจน ทั้งนี้ ศูนยวิจัย
กสิกรไทย มองวา การพัฒนาระบบโลจิสติกสและการดําเนินการตามแผนพลังงานทดแทนของรัฐบาลเหลานี้ เปน
หัวใจสําคัญที่จะชวยใหเศรษฐกิจไทยลดการพึ่งพิงการใชน้ํามันและเพิ่มประสิทธิภาพแกตนทุนภาคขนสงของ
ประเทศ ซึ่งรัฐบาลควรเรงดําเนินการโดยเร็ว
สรุป
แมวาการแกปญหาความเดือดรอนจากราคาน้ํามันที่สูงขึ้นใหแกประชาชน โดยการออก 5 มาตรการเพื่อ
ทําใหราคาจําหนายน้ํามันสําเร็จรูปหนาสถานีบริการ โดยเฉพาะน้ํามันดีเซลซึ่งมีความสําคัญตอระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศลดลงไดนั้น เปนการตัดสินใจที่มีความเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศซึ่งการฟนตัวยังคง
เปราะบาง แตหากพิจารณาถึงการแกปญหาดานพลังงานของประเทศในระยะยาวแลวจะพบวา มาตรการตางๆ
เหลานีข้ องรัฐบาล จะเห็นไดวาเปนการแกปญหาเฉพาะหนา เนื่องจากรัฐบาลคงจะเห็นวา เศรษฐกิจของประเทศ
ยังอยูในภาวะทีอ่ อนแอ จึงจําเปนตองออกมาตรการพยุงราคาพลังงานดังกลาว อยางไรก็ตาม หากราคาน้ํามันดิบ
ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไปอีก เชนไปที่ระดับ 80-90 เหรียญสหรัฐฯ/ บารเรล หรือสูงกวานี้ คาดวารัฐบาลคง
จะตองเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลําบากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่วา จะยังคงเดินหนาอุดหนุนราคาพลังงาน
ตอไปอีกหรือไม เพียงใด และจะอุดหนุนโดยใชแหลงเงินจากที่ใด เนื่องจากอาจจะสงผลกระทบตอฐานะการคลัง
ของรัฐบาลคอนขางมาก
ศูนยวิจัยกสิกรไทย มองวา เพื่อเปนการแกปญหาวิกฤติราคาน้ํามันของประเทศในระยะยาว โจทยใหญ
ที่รอการดําเนินการจากรัฐบาลอยู ควบคูไปกับการออกมาตรการบรรเทาปญหาราคาน้ํามันเฉพาะหนาในขณะนี้
คือ การเรงพัฒนาโครงสรางพื้นฐานของระบบโลจิสติกส ภายใตโครงการไทยเขมแข็ง รวมทั้งการพัฒนาโครงการ
พลังงานทดแทนตางๆ ตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ป ใหสามารถเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งเชือ่ วาหากโครงการ
ตางๆ เหลานี้สามารถดําเนินการไดจนแลวเสร็จสมบูรณ จะสามารถชวยลดตนทุนการขนสงของประเทศ และลด
การพึ่งพาการใชน้ํามันดีเซลในการขนสงได ถึงแมวาอาจจําเปนตองใชเวลาในการดําเนินการอีกระยะหนึ่งก็ตาม
ทั้งนี้ ในสวนของการดําเนินมาตรการระยะสั้นเพื่อบรรเทาปญหาความเดือดรอนจากราคาน้ํามันที่สูงขึ้นใหแก
ประชาชนของรัฐบาลนั้น คาดวารัฐบาลจะสามารถลดระดับการอุดหนุนราคาพลังงานลงไดก็ตอเมือ่ เศรษฐกิจของ
ประเทศกลับเขาสูภาวะปกติ หรืออยางนอยก็จะตองมีทิศทางทีด่ ีขึ้นมากกวาที่เปนอยูในปจจุบัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานัน้
จริง การพิจารณาปรับโครงสรางการกําหนดราคาน้ํามันเชื้อเพลิงใหมีความเหมาะสมกับทิศทางการใชพลังงาน
อยางประหยัดของประเทศคงจะเปนเรื่องสําคัญตอไปที่รัฐบาลจะตองตัดสินใจดําเนินการตอไปq
---------------------------------------
Disclaimer
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทําเพื่อเผยแพรทั่วไป โดยจัดทําขึ้นจากแหลงขอมูลตางๆที่นาเชื่อถือ แตบริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกตอง
ความนาเชื่อถือ หรือความสมบูรณเพื่อใชในทางการคาหรือประโยชนอื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงขอมูลไดตลอดเวลาโดยไม
ตองแจงใหทราบลวงหนา ทั้งนี้ผูใชขอมูลตองใชความระมัดระวังในการใชขอมูลตางๆ ดวยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยง
เองทั้งสิ้น บริษัทฯจะไมรับผิดตอผูใชหรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใชขอมูลดังกลาว ขอมูลในรายงานฉบับนี้จึงไมถือวาเปนการให
ความเห็นหรือคําแนะนําในการตัดสินใจทางธุรกิจ แตอยางใดทั้งสิ้น

You might also like