Professional Documents
Culture Documents
การออกแบบระบบท่อน้ำดับเพลิง
การออกแบบระบบท่อน้ำดับเพลิง
การออกแบบระบบท่อน้ำดับเพลิง
9.1 พื้นฐานของระบบดับเพลิง
185
ในการจัดการเพลิงไหม้มีมาตรการดําเนินการในหลายส่วนได้แก่ ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ
เพลิงไหม้ ประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจจับควัน และ ความร้อน (Smoke and heat detectors) ที่ติด
อยู่ตามฝ้าเพดาน รวมทั้งการแจ้งโดยคนโดยอุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่อยู่ตามกําแพงอาคาร ซึ่ง
ทั้งหมดจะเชื่อมโยงกับตู้ควบคุมระบบซึ่งจะสั่งให้อุปกรณ์เตือนเพลิงไหม้ดังขึ้น และระบบที่เกี่ยวข้อง
เริ่มทํางาน เมื่อเพลิงไหม้เกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ของ ระบบดับเพลิง ซึ่งประกอบด้วย ถังเคมีดับเพลิง
ระบบน้ําดับเพลิง ถังสํารองน้ําดับเพลิง ปั๊มน้ําดับเพลิง ระบบท่อสายฉีดน้ําดับเพลิง และระบบหัว
โปรยน้ําดับเพลิง ทั้งนี้แล้วแต่ลักษณะของอาคารดังจะกล่าวต่อไป นอกจากนั้นในส่วนของผู้คนใน
อาคาร ก็จะต้องหนีออกจากตัวอาคารทาง ระบบหนีไฟ อันประกอบด้วยบันไดหนีไฟ ป้ายไฟสัญญาณ
บอกทาง และระบบไฟแสงสว่างฉุกเฉิน ซึ่งในกรณีที่เป็นอาคารปิดทึบจะต้องมีประตูหนีไฟที่เปิดทาง
เดียวและมีพัดลมสร้างความดันในช่องบันไดให้สูงกว่าภายนอก นอกจากนี้ในอาคารสูงก็อาจมีลิฟท์
สําหรั บพนักงานดั บเพลิงโดยเฉพาะด้วย ในบทนี้ จะเน้ น ที่ ระบบท่ อน้ํา ดั บเพลิ งเท่านั้ น ผู้ที่ ส นใจ
รายละเอียดในส่วนอื่นๆขอให้ศึกษาเพิ่มเติมจากมาตรฐานที่อ้างอิงข้างต้น
186
ปั๊มน้ําดับเพลิง สายฉีดน้ําดับเพลิง
187
9.2 นิยามและข้อกําหนด
หัวข้อนี้กล่าวถึงนิยามและข้อกําหนดของทางราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบ
ระบบดับเพลิง ได้แก่
ประเภทของอาคาร
พระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 มาตรา 5 ได้ให้นิยามของอาคารประเภท
ต่างๆไว้ดังนี้
อาคารสูง หมายถึง อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ที่มีความสูงตั้งแต่
23 เมตรขึ้ น ไป การวั ด ความสู ง ของอาคารให้ วั ด จากระดั บ พื้ น ดิ น ที่
ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้า สําหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาให้วัดจากระดับ
พื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด
188
ประภทของเพลิง
เพลิง แบงออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
ประเภท ก (Class A) หมายถึง เพลิงที่เกิดจากวัส ดุติดไฟปกติ เชน ไม้ ผ้า กระดาษ ยาง และ
พลาสติก
ประเภท ข (Class B) หมายถึง เพลิงที่เกิดจากของเหลวติดไฟ เช่น น้ํามัน จารบี สีน้ํามัน และ
แก๊สติดไฟต่างๆ
ประเภท ค (Class C) หมายถึง เพลิงที่เกิดข้นึ จากอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร
ประเภท ง (Class D) หมายถึง เพลิงที่เกิดข้นึ จากโลหะทติดไฟได้ เช่น แมกนีเซียม เซอร์โครเนียม
โซเดียม ลิเธียม และโปแตสเซียม
ประเภท จ (Class K) หมายถึง เพลิงที่เกิดจากไขมันพืชหรือสัตว์
สารดับเพลิงแต่ละชนิดเหมาะกับการดับเพลิงประเภทต่างๆตามตารางที่ 9.1
189
ข้อกําหนดในการติดตั้งระบบดับเพลิง ต้องประกอบด้วย
(1) เครื่องดับเพลิงมือถือ ชนิดที่เหมาะสมกับประเภทของเพลิงในแต่ละพื้นที่ สําหรับอาคารทุก
ประเภท ทุกขนาด
(2) จัดให้มีเฉพาะระบบท่อยืน และสายฉีดน้ําดับเพลิง สําหรับอาคารที่ไม่เข้าข่ายอาคารสูงหรืออาคาร
ขนาดใหญ่พิเศษ หรืออาคารโรงมหรสพบางประเภท หรืออาคารสถานบริการบางประเภทตามที่ระบุ
ไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตาม พรบ.ควบคุมอาคาร
(3) จัดให้มีระบบท่อยืน และสายฉีดน้ําดับเพลิง พร้อมทั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น ระบบหัว
กระจายน้ําดับเพลิง (sprinkler system) สําหรับอาคารที่เข้าข่ายอาคารสูง หรือ อาคารขนาดใหญ่
พิเศษ หรืออาคารโรงมหรสพบางประเภท หรืออาคารสถานบริการบาง ประเภทตามที่ระบุไว้ใน
กฎกระทรวงที่ออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
(4) ในอาคารหลังหนึ่งๆ อาจมีระบบดับเพลิงได้ตั้งแต่หนึ่งระบบขึ้นไป ในกรณีที่จําเป็นต้องจัดให้มี
ระบบท่อยืนและสายฉีดน้ําดับเพลิง และ/ หรือ ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น ระบบหัวกระจายน้ํา
ดับเพลิง (sprinkler system) แต่ละระบบอย่างน้อยจะต้อง ประกอบด้วย แหล่งสํารองน้ําดับเพลิง
ระบบท่อยืน และเครื่องสูบน้ําดับเพลิง พร้อม ระบบควบคุมการทํางาน
(5) ระบบท่อยืน สามารถใช้เป็นระบบส่งน้ําดับเพลิงร่วมสําหรับทั้งสายฉีดน้ําดับเพลิง และ ระบบหัว
กระจายน้ําดับเพลิงได้ โดยผู้ออกแบบอาจต้องออกแบบให้มีประตูน้ํา และ/หรือ ประตูน้ําลดแรงดัน
ในตําแหน่งที่จําเป็นเพื่อปรับแรงดันที่จ่ายน้ําไปดับเพลิงได้อย่าง เหมาะสมได้ในทุกจุด ระบบท่อยืน
โดยทั่วไปยังประกอบด้วย หัวรับน้ําดับเพลิง ชุดทดสอบระบบ วาล์วระบายน้ําทิ้ง สวิทช์สัญญาณการ
ไหล และวาล์วระบายอากาศเพื่อป้องกันอากาศไปขวางทางน้ํา
ระบบท่อน้ํากับเพลิงมีทั้งแบบท่อแห้งซึ่งปกติไม่มีน้ําในท่อแต่อัดอากาศหรือก๊าซไว้ในท่อโดย
น้ําจะไหลเข้าท่อเมื่อความดันในท่อลดลง (ระบบนี้เหมาะกับบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ํากว่าจุดเยือกแข็ง)
และแบบท่อเปียกที่มีน้ําแรงดันสูงรออยู่ในท่อพร้อมใช้งาน ในที่นี้จะกล่าวถึงระบบท่อเปียกที่ใช้กันใน
ประเทศไทย
9.3 ระบบท่อยืนและสายฉีดน้ําดับเพลิง
190
connection – รูปที่ 9.5) ที่พนักงานดับเพลิงสามารถปั๊มน้ําจากรถน้ําดับเพลิงเข้ามาช่วยดับเพลิงใน
อาคารได้
ระบบท่อยืนแบ่งเป็น 3 คลาสตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวฉีดน้ําดับเพลิงคือ
Class I – สายฉีดและหัวฉีดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 65 mm
Class II – สายฉีดและหัวฉีดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 mm หรือ 40 mm
Class III – สายฉีดและหัวฉีดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 mm หรือ 40 mm และ 65 mm
สายฉีดและหัวฉีดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 65 mm มีไว้สําหรับพนักงานดับเพลิงและผู้ที่
ได้รับการฝึกมาแล้วเท่านั้น
191
รูปที่ 9.5 หัวต่อน้ําดับเพลิงเข้าอาคาร
โดยทั่วไปจะออกแบบให้ตู้สายฉีดน้ําดับเพลิงอยู่ใกล้หรือติดกับท่อยืน โดยสายสูบมาตรฐาน
จะมีความยาว 23m หรือ 30m ซึ่งมาตรฐาน NFPA 14 กําหนดไว้ว่าสายฉีดจะต้องสามารถลาก
เข้าถึงระยะอย่างต่ํา 10 เมตรจากพื้นที่ที่ไม่มีสายฉีดอยู่ ดังนั้นผู้ออกแบบจะต้องวางตําแหน่งของตู้
สายฉีดน้ําดับเพลิงให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้ซึ่งอาจจะต้องมีการลัดเลี้ยวไปตามการกั้นห้อง
ด้วย หากเป็นพื้นที่เปิด อาจใช้การวาดวงกลมด้วยรัศมีเท่ากับความยาวของสายฉีด ให้ครอบคลุมพื้นที่
ทั้งหมดของอาคาร หรือเหลือช่องระหว่างวงกลมไม่เกิน 10 เมตร โดยมีตําแหน่งตู้สายฉีดน้ําดับเพลิง
อยู่ที่จุดศูนย์กลางของวงกลม ซึ่งก็จะทําให้ได้ตําแหน่งและจํานวนของท่อยืนที่ต้องใช้
192
การกําหนดขนาดท่อยืน
ท่อยืนแต่ละท่อต้องมีความสามรถในการส่งน้ํา 500 gpm (1,893 lpm) (100gpm สําหรับ
Class II) ความดันในระบบไม่เกิน 25 barG โดยมีความดันใช้งานที่สายฉีดอยู่ในช่วง 4.5 – 7 barG
ขนาดของท่อยืนสําหรับอาคารประเภทที่ (1) และ (2) ตามตารางที่ 9.2 กําหนดให้เป็นดังนี้
- ท่อยืนทีส่ ูงไม่เกิน 30m ขนาดท่อจะต้องไม่เล็กกว่า DN100
- ท่อยืนทีส่ ูงเกิน 30m ขนาดท่อจะต้องไม่เล็กกว่า DN150
- ท่อยืนร่วมต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า DN150 ยกเว้นอาคารที่ตดิ ตั้งระบบหัวโปรย
น้ําอัตโนมัติ ให้หาขนาดท่อจากการคํานวณทาง กลศาสตร์ของไหล
ขนาดของท่อยืนสําหรับอาคารประเภทที่ (3) ตามตารางที่ 9.2 กําหนดให้เป็นดังนี้
- ท่อยืนทีส่ ูงไม่เกิน 15m ขนาดท่อจะต้องไม่เล็กกว่า 50 mm
- ท่อยืนทีส่ ูงเกิน 15m ขนาดท่อจะต้องไม่เล็กกว่า 65 mm
การกําหนดขนาดท่อเมน
ในกรณีที่ระบบท่อยืนมีมากกว่าหนึ่งท่อ ปริมาณการส่งจ่ายน้ําจะต้องไม่น้อยกว่า 500 gpm
(1,893 lpm) สําหรับท่อยืนท่อแรกและ 250 gpm (946 lpm) สําหรับท่อยืนแต่ละท่อที่เพิ่มขึ้น
ในกรณีที่ปริมาณการส่งน้ํารวมของท่อยืนเกิน 1,250 gpm ให้ใช้ปริมาณการส่งน้ําที่ 1,250
gpm หรือมากกว่าได้ ปริมาณน้ําสําหรับดับเพลิงต้องมีเพียงพอให้การส่งน้ําตามอัตราการไหลที่ระบบ
ท่อยืนต้องการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที การกําหนดขนาดท่อเมนสามารถเขียนได้ตามตารางที่
9.3 และรูปที่ 9.6
ทั้งนี้ให้ตรวจสอบความดันตกในท่อ ตามอัตราไหลข้างต้น ที่ระยะความยาวถึงหัวฉีดไกลสุด
เพื่อให้ไม่เกิดแรงดันสูญเสียมากเกินไป ซึ่งจะทําให้สามารถฉีดน้ําดับเพลิงได้ไกลครอบคลุมพื้นทีต่ ามที่
ออกแบบได้สําเร็จ แรงดันที่ปลายหัวฉีดที่ไกลที่สดุ ต้องไม่นอ้ ยกว่า 4.50 barG (46 m.WG.)
ในกรณีอาคารสูง แรงดันสูงสุดในระบบท่อยืนจะต้องไม่เกินค่าแรงดันใช้งานที่ปลอดภัยของ
วัสดุท่อที่ใช้ ท่อส่วนที่แยกเข้าสายฉีดน้ําดับเพลิงจะต้องมีแรงดันไม่เกิน 7 barG (71 m.WG.) เพื่อ
ควบคุมไม่แรงดันที่สายฉีดสูงเกินไป ซึ่งจะเป็นการเสี่ยงอันตรายต่อผู้ใช้ ดังนั้นจุดแยกท่อเข้าสายฉีดที่
พบว่ามีแรงดันเกินกว่า 7 barG ให้ติดตั้งวาล์วลดแรงดัน หรือในกรณีอาคารสูงมากอาจแยกเขตของ
ระบบจ่ายน้ําดับเพลิง เป็นเขตล่าง กลาง บน
193
ตารางที่ 9.3 การกําหนดขนาดท่อเมนส่งน้ําดับเพลิง
อัตราไหล ขนาดท่อเมน
จํานวนท่อยืน
gpm (lpm) นิ้ว (mm)
1 500 (1,893) 6 (DN150)
2 750 (2,839) 6 (DN150)
3 1,000 (3,785) 8 (DN200)
4 1,250 (4,731) 8 (DN200)
5 1,500 (5,678) 10 (DN250)
6 1,750 (6,624) 10 (DN250)
7 2,000 (7,570) 10 (DN250)
8 2,250 (8,516) 10 (DN250)
9 2,500 (9,462) 12 (DN300)
10 2,750 (10,410) 12 (DN300)
อัตราไหลรวมในท่อเมน
500+250+250+250 = 1250 gpm
EL 0.00
ขนาดท่อเมน DN200 ตามตาราง 9.3
ปริมาณการสํารองน้ําไม่ต่ํากว่า 30 นาที คิดเป็น 1250 gpm x 30 นาที = 37,500 gallon = 142 m3
194
9.4 ระบบหัวโปรยน้ําดับเพลิง
195
พื้นที่ป้องกันสูงสุดต่อหัวโปรยน้ําดับเพลิง และระยะห่างสูงสุดของหัวโปรยน้ําดับเพลิง จะ
น้อยลงไปตามความอันตรายของพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น โดยความอันตรายของพื้นที่จําแนกได้ดังนี้
196
พื้นที่ป้องกันสูงสุดต่อหัวโปรยน้ําดับเพลิง และระยะห่างสูงสุดของหัวโปรยน้ําดับเพลิงเป็นดัง
ตารางที่ 9.4 โดยขนาดท่อเมนสําหรับหัวโปรยน้ําดับเพลิงเป็นดังตารางที่ 9.5
197
ทั้งนีระยะห่
ร้ างระหวว่างหัวกระจายน้ําดับเพลิง ต้องไม่นอ้ ยกกว่า 1.8 เมตร และปริมาณนน้าํ ดับเพลิงที่
ต้องการหาจากกรณ ณีการจ่ายน้ําดัดบเพลิง 20 หัว ซึ่งจะมากขึขึ้นตามระดับความเป็
ค นอันตตราย กําหนดด
ด้วยตตารางที่ 9.6 ดังนี้
รูปที
ป ่ 9.9 ตัวอยย่างการวางแนนวหัวโปรยน้ํา
198
9.5 ปั๊มน้ําดับเพลิง
199
รูปที่ 9.11 วงจรปั๊มดับเพลิง
ในสภาวะปกติระบบดับเพลิงจะไม่ได้ทํางาน แต่จะต้องมีการทดสอบการทํางานของปั๊ม
ดับเพลิงเป็นประจําทุกเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าปั๊มจะทํางานได้เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งในการทดสอบนี้น้ํา
ดับเพลิงจะไหลผ่านวงจนทดสอบตามรูปที่ 9.11 ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดอีกมากเกี่ยวกับระบบดับเพลิง
ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในบทนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากมาตรฐานต่างๆที่กล่าวไว้ตอนต้น
แบบฝึกหัด
จงออกแบบแนวคิด ระบบดับเพลิงสําหรับอาคารสํานักงานขนาด 10 ชั้น ที่มีพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ชั้นละ 35m x 20m และมีความสูงรวม 32 เมตร
1) ออกแบบระบบท่อยืนและสายฉีด
2) ระบบหัวโปรยน้ําดับเพลิง
3) ประมาณขนาดปั๊มดับเพลิง
4) ประมาณปริมาณน้ําสํารองสําหรับการดับเพลิง
200