Professional Documents
Culture Documents
เมทริกซ์และดีเทอร์มิแนนท์ PAT1
เมทริกซ์และดีเทอร์มิแนนท์ PAT1
1. เมทริกซ์
1.1 ความหมายและสัญลักษณ์ ของเมทริกซ์
บทนิยาม เมทริกซ์ หมายถึง การนําจํานวนจริงหรือจํานวนเชิงซ้ อน มาเขียนในรูปแถวและหลัก
ซึงถูกล้ อมรอบด้ วย ( ) หรือ [ ]แต่ละจํานวนในเมทริกซ์เรียกว่า สมาชิกของเมทริกซ์
(5) เมทริกซ์สามเหลียม
เมทริกซ์สามเหลียมบน(Upper triangular matrix)
คือ เมทริกซ์จตั รุ ัสทีมีสมาชิกทุกตัวซึงอยู่ใต้ เส้ นทแยงมุมหลักมีคา่ เท่ากับ 0
1 0 2
1 2
เช่น 0 3 , 0 3 4
0 0 0
เมทริกซ์สามเหลียมล่ าง (Lower triangular matrix)
คือ เมทริกซ์จตั รุ ัสทีมีสมาชิกทุกตัวซึงอยูเ่ หนือเส้ นทแยงมุมหลักมีคา่ เท่ากับ 0
1 0 0
1 0
เช่น , 0
3 0 ,
1 3 1 2 0
(6) เมทริกซ์เฉียง (Diagonal matrix) คือ เมทริกซ์จตั รุ ัสทีมีสมาชิกทีไม่ อยู่บนเส้ นทแยงมุมหลัก
ทุกตัวมีคา่ เป็ น 0 ทังหมด
4 0 0
เช่น 1 0 , 0 1 0
0 2 0 0 0
สัญลักษณ์ ถ้ า A = aij nn = diag ( a11, a 22,..., a nn )
ตัวอย่ าง
x y 2 2 y 1 a
1. กําหนดให้ A = , B = และ C =
3 z 2 y 0 1
ถ้ า AB = C แล้ ว a จะมีคา่ เท่ากับค่าใดต่อไปนี
29 27 19 17
1. 2. 3. 4.
36 36 36 36
5 Mth
2. ให้ A และ B เป็ นเมทริกซ์ทีมีมิติ 2 2 โดยที A B = AB – BA ข้ อความใดต่อไปนีไม่ ถกู ต้ อง
1. A B = B A
2. A A = 0
3. A I = I A
4. A (B+C) = (A B)+(A C)
3. ให้ A และ B เป็ นเมทริกซ์ทีมีมิติ 2 2 จงพิจารณาข้ อความต่อไปนี
ก. ถ้ า A = – A t แล้ ว สมาชิกในแนวทแยงมุมจากบนซ้ ายถึงล่างขวาของ Aเป็ น 0 ทังหมด
ข. ถ้ า A2 = B และ B เป็ นนอนซิงกูลาร์เมทริกซ์ แล้ ว A เป็ นนอนซิงกูลาร์เมทริกซ์ด้วย
ข้ อใดต่อไปนีถูกต้ อง
1. ก. และ ข. จริ ง
2. ก. จริ ง และ ข.เท็จ
3. ก. เท็จ และ ข.จริ ง
4. ก. และ ข. เท็จ
4. ถ้ า A และ B เป็ นเซตของเมทริกซ์ กําหนดโดย
1 n
1
A = | n
0 1
1 n
0
และ B = 0 1 n
แล้ วข้ อใดต่อไปนีเป็ นจริง
1. A เป็ นเซตจํากัด และ B เป็ นเซตจํากัด
2. A เป็ นเซตจํากัด และ B เป็ นเซตอนันต์
3. A เป็ นเซตอนันต์ และ B เป็ นเซตจํากัด
4. A เป็ นเซตอนันต์ และ B เป็ นเซตอนันต์
6 Mth
3 1
sin x cos x cos x sin(x y)
5. ถ้ า
1 0
sin x 0
2
3
2
เมือ 0 x , 0 y
1
2
แล้ ว tan (2x + y) มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1 1
1. 2. 3 3. 4. 3
3 3
cos sin 1 0
6. กําหนด A = , I = และ B A (A ) 2I
2 1 2
sin cos 0 1
ดังนัน (A1 )2 B มีคา่ ตรงกับข้ อใดต่อไปนี
1. 2I 2. 4I 3. 4A 4. 8A
0 1 2 1 1 0
7. กําหนดให้ A = , B = และ C =
1 2 1 3 1 2
ถ้ า X = (B + C)A แล้ ว X –1 คือเมทริ กซ์ในข้ อใดต่อไปนี
2 1 2 1 1 1 1 1
1. 2. 3. 4.
1 1 1 1 1 0 1 0
7 Mth
3 4 1 2 a b
8. กําหนดให้ A = , B = และ X =
2 3 1 3
c d
ถ้ า AX + B = A แล้ ว b + c มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. 7 2. 9 3. 10 4. 11
a 4
9. กําหนดเมทริกซ์ A = 2 ถ้ า A2 – 4A – 5I 0 แล้ ว a, b จะมีคา่ เท่ากับเท่าใด
b
1. a = 1, b = –3 หรื อ a = –3, b = 1
2. a = –1, b = –3 หรื อ a = –3, b = –1
3. a = 1, b = 3 หรื อ a = 3, b = 1
4. ไม่มีคําตอบข้ อใดถูก
cos sin
10. กําหนด A = เมือ > 0 และให้ 1 และ 2 เป็ นจํานวนจริงทีน้ อยทีสุดทีทําให้
sin cos
A16 I และ A16 –I ตามลําดับแล้ วค่าของ 1 และ 2 มีคา่ ตามลําดับตรงกับข้ อใดต่อไปนี
1. , 0 2. 0, 3. , 4. ไม่มีข้อถูก
16 16 16 16
8 Mth
cos2 x 1
11. ให้ A = {x | เป็ นซิงกูลาร์ เมทริ กซ์ และ x [0, ]} ข้ อใดต่อไปนีเป็ นจริง
2 sin x 2
1. x [x A และ 0 < |sin x – cos 2x| < 1}
2. x [x A |sin x – cos 2x| > 1}
3. x [x A และ |sin x – cos 2x| 1}
4. x [x A 0 < |sin x – cos 2x| 1}
1 2 3 2 3 4 1
12. กําหนดเมทริกซ์ A , B และ C
4 5 6 3 4 5 2
ถ้ า X เป็ นเมทริกซ์ทีมีสมบัติวา่ AX = C แล้ วผลบวกของสมาชิกทุกตัวในเมทริกซ์ BX
เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. –1 2. 0 3. 1 4. 2
4 2
13. กําหนด A = 2 8
และ B, C เป็ นเมทริ กซ์ซงึ (BCt )A 4B1 6C และ
A 3C 2B1 ผลบวกของสมาชิกทุกตัวในเมทริกซ์ C เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. –1 2. 1 3. 3 4. 5
9 Mth
วิธีการหาดีเทอร์ มิแนนท์
1. เมทริ กซ์ทีมีมิติ 1 1 แล้ ว det(A) = สมาชิกของเทริ กซ์
a b
2. เมทริ กซ์ทีมีมิติ 2 2 แล้ ว =
c d
a b c
3. เมทริ กซ์ทีมีมิติ 3 3 d e f =
g h i
การหาดีเทอร์ มิแนนต์ ของเมทริกซ์ โดยการกระจายโคแฟคเตอร์
กําหนดให้ A = a ij
n n
ไมเนอร์ ( Mij (A) ) ของสมาชิก a ij ของ A
คือดีเทอร์มิแนนต์ของเมทริกซ์ทีเหลือจากการตัดแถวที i หลักที j ของเมทริกซ์ A ออกไป
โคแฟกเตอร์ ( Cij(A) ) = (1)i j Mij(A)
สมบัติบางข้ อของดีเทอร์ มิแนนท์ ให้ A และ B เป็ นเมทริกซ์จตั รุ ัสมิติ n n และ k เป็ นค่าค่งที
1. det(A) = det( A t )
2. det(AB) = det(A) det(B)
3. det( A m ) = (det(A))m
1
4. det( A –1 ) =
det(A)
5. det(kA) = k n det(A)
6. ถ้ า A มีสมาชิกทุกตัวในแถว(หลัก) เป็ น 0 ทังหมด จะได้ วา่ det(A) = 0
7. ถ้ า A มีสมาชิกในสองแถว(หรื อในสองหลัก)ใดเท่ากัน จะได้ วา่ det(A) = 0
8. ถ้ า B เกิดจาก A โดยการสลับแถวคูใ่ ดคูห
่ นึง (หรือสลับหลักคูใ่ ดคูห่ นึง) แล้ ว det B = –det A
9. ถ้ า B เกิดจาก A โดยการคูณหนึง(หรื อหลักหนึง)ด้ วย k แล้ ว det(B) = kdet(A)
10. ถ้ า B เกิดจาก A โดยการคูณแถวหนึง (หลักหนึง) ด้ วยค่าคงตัวแล้ วนําไปบวกกับแถวหนึง
(หลักหนึง) จะได้ วา่ det(B) = det(A)
10 Mth
อินเวอร์ สการคูณของเมทริกซ์
1
ถ้ า det(A) 0 จะได้ วา่ A –1 adj(A)
det(A)
ข้ อควรจํา (1) adj(A) det(A) A 1
(2) A adj(A) = adj(A) A = det(A) I
1
(3) adj(A 1 ) A
dat(A)
(4) adj(kA) kn 1 det(A)A 1
1 2 3
เช่น A = 1 0 2 จงหา adj(A), A 1 และ det(adj(A))
3 1 1
11 Mth
ตัวอย่ าง
1 1
1. ถ้ า A = แล้ ว det(–2 A A (A + A )) เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
3 t t
3 1
1. 768 2. –768 3. 384 4. –384
c 1
2. ให้ A = และ det( 2A ) + (1 – c ) det (A ) = 45
2 2 3 –1 t
1 c
จงหาว่าจํานวนจริง c ทังหมดทีสอดคล้ องกับสมการข้ างต้นอยู่ในเซตใดต่อไปนี
1. {–3, –2, 5 } 2. {2, 3, – 5 } 3. {– 2 , 2, 3} 4. { 2 , –2, 2}
log 3x 5x
3. ให้ เป็ นเซตของจํานวนจริง และ f : กําหนดโดย f(x) =
log 3x 1 x
เซตคําตอบของสมการ f(x) = 0 เป็ นสับเซตของเซตในข้อใดต่อไปนี
1. [0, 1] 2. {0} (1, ) 3. [–1, 0] 4. (–, –1) {0}
12 Mth
x2 x 1
4. ให้ f(x) = det 0 1 2
x 1 1
ถ้ าช่วง [a, b] เป็ นเซตคําตอบของอสมการ f(x) –2 แล้ ว |a – b| คือข้ อใดต่อไปนี
1 2 4 5
1. 2. 3. 4.
3 3 3 3
2 5 1
5. ให้ A = 1 k 1
2 1 3
ถ้ า k เป็ นจํานวนจริง ซึงทําให้ det(A2 – 2A) มีคา่ น้ อยทีสุดแล้ ว det(A) มีคา่ เท่ากับเท่าใด
1. 10 2. 15 3. 20 4. 25
6. กําหนดให้ A, B, C เป็ นเมทริกซ์มิติ 2 2 และ I เป็ นเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ 2 2 และ
6 1
ถ้ า det(– A 3 ) = det( 2 2 I), det( C –1 ) = 4 และ AB tC =
4 2
แล้ ว det(B) มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. det(4I) 2. det(16I) 3. det( A 3 ) 4. det( C3 )
13 Mth
7. กําหนดให้ A และ B เป็ นนอนซิงกูลาร์เมทริกซ์ขนาด 2 2 โดยที det( A–1 ) = – 1
2
1 2
และ B = เมือ x และ y เป็ นจํานวนจริ ง
x y
ถ้ า AB + 3A = 2I แล้ ว x + y เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. 2 2. –2 3. 4 4. –4
2 1 x x
8. ถ้ า A = และ M = 3
1 3 x 3
7
เซตของจํานวนจริง x ทีทําให้ det(M) = det[(2A + A t ) A–1 ] คือเซตในข้ อใดต่อไปนี
11
11 11 11
1. , 5 2. , 5 3. , 5 4. , 5
7
7 7 7
cos 2x sin x cos x
9. กําหนดให้ A =
2 sin 3x cos 3x
และ S = {x [0, ] | 2det( A2 ) – 3 3 det(A) + det( 3 I) = 9 }
ผลบวกของสมาชิกทังหมดของ S มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
2 3 4 5
1. 2. 3. 4.
6 6 6 6
14 Mth
sin 2x sin 3x
10. ให้ A = โดยที x , ถ้ า x สอดคล้ องกับสมการ
cos 2x cos 3x 2 2
det( A2 ) + det(–A) + det(2I) = 6 เมือ I เป็ นเมทริกซ์เอกลักษณ์
แล้ ว x มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. arcsin 1 2. arcsin(–1) 3. arccos 1 4. arccos(–1)
1 2
11. กําหนด A =
1 1
B = I A A2 A9
และ C = I – A A2 – – A9
ถ้ า det(B) = k det(C) แล้ ว k มีคา่ เท่ากับเท่าใด
1. 2 2. 3 3. 4 4. 5
1 2
12. กําหนดให้ A และ B เป็ นเมทริกซ์จตั รุ ัส โดยที A = และ (AB) = (AB)
t –1
2 5
ข้ อใดต่อไปนีถูก
1. det(A) = det(B)
2. det(A)det(B) > 0
3. det(A)det(B) < 0
4. det(A 2 ) = det(B 2 )
15 Mth
13. ให้ A, B และ C เป็ นเมทริ กซ์มิติ 3 3 ถ้ า det(A) = –3 และ AtB – 2AtC t –3A –1
x 5 1
16. ให้ A = 0 4 2 ซึง det(A) = –1 และ x R ถ้ า I เป็ นเมทริ กซ์เอกลักษณ์ขนาด 3 3
0 0 x
1 2 0
26. ถ้ า A เป็ นเมทริ กซ์ ซึง A–1 = 3 1 1 ,x > 0
x 0 2
และ det(2adj(A)) = 1 แล้ ว x เป็ นจริงตามข้ อใดต่อไปนี
18
1. x < 5 2. 5 x < 9 3. 9 x < 13 4. x 13
27. ให้ A เป็ นเมทริกซ์ และ I เป็ นเมทริกซ์เอกลักษณ์ มิติ 3 3
1 2 1 0 2 3
ถ้ า B = 3 0 1 และ C = 3 1 2 สอดคล้ องกับ AB – AC – 1 I = 0
2
2 1 0 0 2 1
แล้ ว A–1 คือเมทริกซ์ในข้ อใดต่อไปนี
1 0 2 2 0 4 1 0 2 2 0 4
1. 0 1 1 2. 0 2 2 3. 0 1 1 4. 0 2 2
2 1 1 4 2 2 2 1 1 4 2 2
คําตอบระบบสมการเชิงเส้ น
เมทริกซ์สมั ประสิทธิ (A)
คําตอบจะมีเพียงคําตอบเดียว
คําตอบมีได้ หลายคําตอบ ไม่สามารถหาคําตอบได้
การหาคําตอบของระบบสมการเชิงเส้ น โดยใช้ เมทริกซ์ ทาํ ได้ 3 วิธี
กําหนดระบบสมการเชิงเส้ น …..* จัดในรูปสมการเมทริกซ์ AX = B
1. การแก้ ระบบสมการเชิงเส้ น โดยใช้ อน ิ เวอร์ สการคูณของเมทริกซ์ สัมประสิทธิ
ถ้ า det(A) 0 แล้ ว คําตอบของระบบสมการ คือ X = A1B
2. การแก้ สมการโดยใช้ กฏของคราเมอร์ (Cramer’s rule)
ถ้ า det(A) 0 แล้ ว คําตอบของระบบสมการนีคือ
det(A1 ) det(A2 ) det(An )
x1 , x2 , , x n
det(A) det(A) det(A)
โดยที Ai เป็ นเมทริกซ์ทีเกิดจากการนํา B ไปแทนทีหลักที i ของ A เมือ i = 1, 2, …, n
22 Mth
หมายเหตุ
ถ้ ากําหนดเมทริกซ์ A และ B เป็ นเมทริกซ์ทีเกิดจากการใช้ ดําเนินการตามแถวบน
เมทริกซ์ A จะกล่าวว่า A สมมูลตามแถวกับ B และเขียนแทนด้ วยสัญลักษณ์ A B
วิธีการหาอินเวอร์ สของเมทริกซ์ จากการดําเนินการตามแถว
จะได้ วิธีการหาอินวอร์ของเมทริกซ์ อีกวิธีดงั นี [A | I] [I | A1 ]
23 Mth
ตัวอย่ าง
x1 2x 2 x 3 0
1. ถ้ า x1 สอดคล้ องกับระบบสมการ 3x1 x 2 2x 3 5
2x1 3x 2 3x 3 9
x1 y 2x1
และ A =
3 y
แล้ วผลบวกของ y ทังหมดทีทําให้ A เป็ นเมทริกซ์เอกฐานเท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. 0 2. –1 3. –2 4. –3
1 2 3 p 1
2. ให้ A = 0 1 0 และ X = q ถ้ า A (adj(A))X = 6 แล้ ว p มีคา่ เท่ากับเท่าไร
2
2 1 0 r 0
1. 0.25 2. 0.5 3. 0.75 4. 1
24 Mth
1 1 2 x 1
1
3. กําหนดให้ A = 1 a 1 , X = x 2 และ B = 0 แล้ วค่าของ a ทังหมดทีทํา
1 1 a x 1
3
ให้ ระบบสมการ AX = B หาคําตอบ X ได้ จะเป็ นสมาชิกของเซตใด
1. – {1} 2. – {1, 2} 3. – {3} 4. – {–1, 3}
4. จากระบบสมการ 2x + y – 3z = –3
x + 4y + 9z = 2
3x – y – 4z = 1
2 1 2
ค่าของ 2 0 3 มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
3x y 2x y x 4y
4 8 0 x 12
5. กําหนดให้ A = 6 12 2 , X = y และ B = 20
z
0 5 7 12
ถ้ า AX = B แล้ ว x + y + z มีคา่ เท่าใด
1. 3 2. 4 3. 5 4. 6
1 2 a x 1
6. กําหนดให้ A = 2 3 b , X = y , B = 1 โดยที a, b และ c เป็ นจํานวนจริ ง
1 0 c z
0
1 2 3
ถ้ า AX = B และ A ~ 0 1 1 R2 – 2R1 แล้ ว x มีคา่ เท่ากับค่าใดต่อไปนี
1 0 2
2 3
1. –1 2. – 3. 4. 2
3 4
26 Mth
1 2 1 1 1 0 2
เมือ A 2 0 1 ,
B 2 0 1
และ C 2
0 1 2 1 4 0 3
a
ถ้ า (2A + B)X = b แล้ ว a + b + c มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
[3]
c
1. 3
2. 6
3. 9
4. 12
0 x 0 1
8. ถ้ า det 2 0 2 2 1
แล้ ว x มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี [4]
x 1
3 1 5
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
1 2 4
9. กําหนดให้ A 3 8 0
สมาชิกในแถวที 3 หลักที 1 ของ A 1 เท่ากับเท่าใด [0.2]
1 2 1
30 Mth
ถ้ า A2 I และ AB = 2C
1
แล้ วค่าของ det(B ) เท่ากับข้ อใดต่อไปนี
1. 0.25
2. 0.5
3. 2
4. 4
27. ให้ A, B และ C เป็ นเมทริ กซ์ไม่เอกฐานมิติ 33 และ I เป็ นเมทริ กซ์เอกลักษณ์การคูณ มิติ 33
a b c
ถ้ า A d e f เมือ a, b, c, d, e, f, g, h และ i เป็ นจํานวนจริง
g h i
2
*30. กําหนด P(n) เป็ นเมทริ กซ์ n n โดยทีมีสมาชิกเป็ นจํานวนเต็มตังแต่ 1 ถึง n
โดยทีมีสมาชิกในเมทริกซ์ทีไม่ซํากันและมีผลบวกของแนวทแยงและผลบวกในหลักแต่ละหลักเท่ากัน
จงหา det(P(3)) เมือมีสมาชิกแนวทแยงเป็ น 2, 5, 8