Professional Documents
Culture Documents
.Slide - Core Tools (SPC+MSA)
.Slide - Core Tools (SPC+MSA)
1
Statistical Process Control (SPC)
การควบคุมกระบวนการเชิงสถิติ
Control Chart
• คือ แผนภูมิหรือแผ่นกราฟที่เขียนขึ้นล่วงหน้า โดยอาศัยข้อมูลจากข้อกาหนด
ทางเทคนิค (Specification) ที่ระบุคุณสมบัติทางคุณภาพข้อใดข้อหนึ่งของ
ชิ้นงานที่ทาการผลิตและต้องการจะควบคุมนั้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตาม
ผลการผลิตจากกระบวนการผลิตขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง
• Variable Data (Continuous) => ตัวแปรที่แสดงเป็นตัวเลข เช่น ความ
หนา 3 mm., อุณหภูมิ 32 องศา, น้าหนัก 4 kg
• Attribute Data (Discrete) => ข้อมูลด้านคุณลักษณะ เช่น สีผิดเพี้ยน,
ชิ้นงานไม่เต็ม (กระบวนการฉีด), ผิวไม่เรียบ
2
สาเหตุของความผันแปร
• สาเหตุธรรมชาติ (common cause) : เป็นกลุ่มสาเหตุของความผันแปรที่ไม่มี
ความรุนแรงและไม่มีผลต่อคุณภาพของสินค้าที่ผลิตได้ เกิดจากความผันแปร
หรือความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของวัตถุดิบ และปัจจัยการผลิตต่างๆ เพียงแต่
ว่าความแตกต่างเหล่านั้นอยู่ในพิกัดที่ข้อกาหนดทางเทคนิคได้อนุญาตเอาไว้แล้ว
ในค่า พิกัดความเผื่อ (Tolerance)
• เช่น ความเมื่อยล้าของพนักงาน, ความแม่นยาของเครื่องจักรที่แตกต่างกัน ,
ความแตกต่างของวัตถุดิบ (แต่อยู่ใน spec), ขั้นตอนการทางานของพนักงานแต่
ละคน
สาเหตุของความผันแปร
3
สาเหตุของความผันแปร
ก่อนสร้างแผนภูมิควบคุม เราจาเป็นต้องทราบขนาดของความผันแปร
(Variation) ที่เป็นสาเหตุที่เป็นปกติวิสัยของกระบวนการผลิตนั้นก่อน
• แม้ว่าแผนภูมิควบคุมจะมีหลายชนิดก็ตาม แต่จะมีหลักการเดียวกันก็คือ แผน
ภูมควบคุมชนิด 3 ซิกม่า (3-Sigma Control Chart) กล่าวคือ เป็นแผนภูมิ
ควบคุมที่มีระยะห่างของเส้น upper control limit ห่างจากค่าเส้นกลาง Ce
ntral line อยู่เท่ากับ 3 หน่วยซิกม่า หรือ 3s (LCL ห่าง –3s)
• s = ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของข้อมูลจากกระบวนการผลิต
สเปก คือช่ วงของผลิตภัณฑ์ ท่ลี ูกค้ ายอมรั บว่ าคุณภาพดี ( USL , LSL)
พิกัดควบคุม คือช่ วงปกติของ Process ที่เป็ นในอดีต ( UCL , LCL)
ชนิดของแผนภูมิควบคุม
ลักษณะจาเพาะของค่าที่จะควบคุม ชื่อแผนภูมิควบคุมที่ใช้
ข้อมูลที่มีค่าต่อเนื่อง หรือข้อมูลจากหน่วย X-R Chart (แผนภูมิควบคุมค่าเฉลี่ยและพิสัย)
วัด
X-S Chart (แผนภูมิควบคุมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
(Variable Data)
Median Chart (แผนภูมิควบคุมค่ามัธยฐาน)
X-MR Chart (แผนภูมิควบคุมสาหรับกระบวนการแบบแบช)
ข้อมูลแบบค่าแจงนับ หรือข้อมูลจากหน่วย nP Chart (แผนภูมิควบคุมจานวนชิ้นงานที่เป็นของเสีย)
นับ
P Chart (แผนภูมิควบคุมสัดส่วนของเสีย)
(Attribute Data)
C Chart (แผนภูมิควบคุมจานวนตาหนิ)
U Chart (แผนภูมิควบคุมจานวนตาหนิต่อชิ้น)
4
แผนภูมิค่าเฉลี่ยและพิสัย (X-R)
วิธีการในการคานวณตัวแปรสาหรับ X bar and R chart
กาหนดขนาดของกลุ่มย่อย โดยปกติจะมีจานวนระหว่าง 2- 9 ชิ้น
สร้างความถี่ของการทาการวัดผล
เก็บข้อมูล
คานวณค่าเฉลี่ยของแต่ละกลุม่ ย่อยและบันทึกผล
หาค่าพิสัยของแต่ละกลุ่มย่อยและบันทึกผล
คานวณค่าเส้นที่ควบคุมด้านบนและด้านล่าง (Upper and Lower
Control Line)
นาค่าเฉลี่ยและค่าพิสัยที่ได้ไปเขียนลงในแผนภูมิ
แปรความหมายจากแผนภูมิ
แผนภูมิค่าเฉลี่ยและพิสัย (X-R)
การคานวณหาเส้นควบคุม
R = R1 + R2+…+ Rn X= X1 + X2+…+ Xn
k and k
K = จานวนกลุ่มของข้อมูล
UCLR = D4R LCLR = D3R
UCLX = X+A2R LCLX = X - A2R
5
แผนภูมิค่าเฉลี่ยและพิสัย (X-R)
แผนภูมิค่าเฉลี่ยและพิสัย (X-R)
Upper Control Limit
6
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
1. จุดอยู่นอกควบคุม (out of control)
UCL
X CL
LCL
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
2. การเกิดรัน (Run) : มีจุดปรากฏติดต่อกันบนซีกใดซีกหนึ่งของเส้นกลาง มี
ความยาวตั้งแต่ 7 จุดขึ้นไป หรือ มีจุดอย่างน้อย 12 จุด จาก 14 จุดอยู่ซีก
เดียวกัน หรือ มีจุดอย่างน้อย 16 จุด จาก 20 จุดอยู่ซีกเดียวกัน
เช่น มีการสับเปลี่ยนพนักงาน
UCL
X CL
LCL
7
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
3. การเกิดแนวโน้ม (Trend) : มี 7 จุดต่อเนื่องกันไปในทิศทางเดียวกันอย่าง
ต่อเนื่องโดยไม่มีการสลับฟันปลาเลย มีผลทาให้เส้นต่อจุดเหล่านั้นคล้ายๆ
เส้นตรงพาดขึ้นหรือพาดลง
เช่น Tool สึก บรรยากาศ เมื่อยล้า Fixture คลอน
UCL
X CL
LCL
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
4. การเกิดการเข้าใกล้เส้นขอบเขตควบคุม : มีจุด 2 ใน 3 จุดที่อยู่ต่อเนื่องกันใน
แต่ละช่วงได้ตกไปอยู่ในพื้นที่ระหว่างเส้น 2 ซิกม่ากับเส้นขอบเขตควบคุม (3
ซิกม่า)
UCL
X CL
LCL
8
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
5. การเกิดการเข้าใกล้เส้นค่ากลาง : เส้นกราฟทั้งหมดตกอยู่ในระหว่างเส้น
1.5 ซิกม่า นับจากเส้นค่ากลางขึ้นไปและลงมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่า กระบวนการ
ผลิตนั้นอยู่ในควบคุม แต่กลับแสดงว่า คงจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นกับการกาหนด
ขนาดของกรุ๊ปย่อย ข้อมูลมีการปะปนระหว่างข้อมูลต่างประชากร
UCL
X CL
LCL
วิธีอ่านแผนภูมิควบคุม
• ข้อแนะนาเกี่ยวกับ 6 ลักษณะอาการสาคัญ
6. การเกิดวัฏจักร : ค่าในเส้นกราฟจะเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ มีลักษณะเป็นวงจรวงรอบที่
เกือบจะทานายลักษณะเส้นกราฟในช่วงต่อๆ ไปได้
เช่น เมื่อยล้า บรรยากาศ Temp ,Humid , สับเปลี่ยนพนักงาน , เกจวัดต่าง , เปลี่ยน Fixture
เครื่องจักรเสื่อมสภาพ )
UCL
X CL
LCL
9
Process Capability Analysis
การวิเคราะห์ความสามารถของกระบวนการ
สถิติที่ใช้เป็นตัววัดความเบี่ยงเบนของข้อมูล เทียบกับความเบี่ยงเบนที่ยอมให้เกิด
Note Cp เป็นการวัดค่าการกระจายโดยไม่คานึงถึงค่าที่ควรจะเป็น
ถ้าหากค่าที่ควรจะเป็นไปได้อยู่ที่จดุ กึ่งกลาง จะทาให้ตีความหมายผิด
10
การประมาณขีดความสามารถของกระบวนการ
x
LSL USL
=R , S , MR
d 2 c4 d2
3
Cp = USL - LSL
6
USL - X X - LSL
Cpk = MIN 3
, 3
การวิเคราะห์การกระจายข้อมูล
11
Process Performance Index
USL - X
Ppk = MIN 3 p
, X - LSL
3 p
ค่าคงที่ d2
n 2 3 4 5 6 7 8 9 10
12
การวิเคราะห์ระบบการวัด
Measurement System Analysis ( MSA )
การเตรียมการก่อนการวิเคราะห์ระบบการวัด
ก่อนดาเนินการวิเคราะห์ระบบการวัด ผู้ทาการทดลองต้องมั่นใจว่ามี
ความผันแปรที่เกิดจากสาเหตุธรรมชาติเป็นหลัก โดยเตรียมการดังนี้
• ดาเนินการสอบเทียบเครื่องมือที่จะทาการวิเคราะห์
• ฝึกอบรมพนักงานให้มีความสามารถที่เหมาะสม
• ควบคุมสภาพแวดล้อมในการตรวจสอบ (ถ้าจาเป็น)
13
แหล่งที่มาของความผันแปร
+ =
LSL USL
GRR PV
ความผันแปรโดยรวม (TV)
การวิเคราะห์ระบบการวัด
• Accuracy (ความถูกต้อง)
- Bias (คุณสมบัติด้านเอนเอียง)
- Stability (คุณสมบัติด้านเสถียรภาพ)
- Linearity (คุณสมบัติเชิงเส้นตรง)
• Precision (ความแม่นยา)
- Repeatability (ความผันแปรของเครื่องมือวัด)
- Reproducibility (ความผันแปรของผู้วัด)
- Discrimination (ความสามารถในการแยกความแตกต่าง)
14
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bias กับ Repeatability
Repeatability
Good Poor
งานชิ้นเดียวกัน,
เครื่องมือเดียวกัน,
คนคนเดียวกัน
Reproducibility
Mr. A Mr. B Mr. C Mr. A Mr. B Mr. C
งานชิ้นเดียวกัน,
เครื่องมือเดียวกัน,
คนละคนวัด
15
การวิเคราะห์ความถูกต้องของระบบการวัด
การวิเคราะห์ความแม่นยาของระบบการวัด
• Repeatability : ความผันแปรของเครื่องมือวัด
ค่าความแตกต่างในการวัดอย่างต่อเนื่องกับงานชิ้นเดียวกันด้วย เครื่องมือ
เดี ย วกั น และด้ว ยพนัก งานคนเดี ย วกั น (สรุ ป คื อ ความผั น แปรภายใน
เงื่อนไขเดียวกัน)
• Reproducibility : ความผันแปรของพนักงานวัด
ค่ า ความแตกต่ า งในค่ า เฉลี่ ย ของการวั ด กั บ งานชิ้ น เดี ย วกั น เครื่ อ งมื อ
เดียวกัน แต่ต่างพนักงานกัน (สรุป คือ ความผันแปรระหว่างเงื่อนไขของ
การวั ด เช่ น พนั ก งานวั ด , กะงาน, อุ ป กรณ์ จั บ ยึ ด , เงื่ อ นไขของ
สภาพแวดล้อม)
16
Variable Gauge Study
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
17
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
35
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
36
18
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
8. Reproducibility = Appraiser Variation (AV)
37
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
9. Repeatability and Reproducibility (R&R)
parts K3
R&R = (EV)2 + (AV)2 2 0.7071
= (0.20188)2 + (0.22963)2 3 0.5231
= 0.30575 4 0.4467
10. Part Variation (PV) 5 0.4030
6 0.3742
PV = Rp x K3
7 0.3534
= 3.511 x 0.3146 = 1.10456
38
19
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
11. Total Variation (TV)
TV= (GR&R)2 + (PV)2
= (0.30575)2 + (1.10456)2
= 1.14610
39
วิธีวิเคราะห์ระบบการวัด
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
40
20
เกณฑ์การตัดสินใจ
วิธีอาศัยค่าเฉลี่ย และพิสัย (Average and Range Method)
21
การวิเคราะห์ระบบการวัด Attribute
• แนะนาไว้ 2 วิธี
1. Hypothesis Test Analyses – Cross Tab method
2. Signal Detection Theory
22
Cross – Tab Method
45
46
23
Cross – Tab Method
• 1. จัดทาตารางเทียบ ระหว่าง Inspector แต่ละคู่ (A*B), (B*C) และ (A*C)
48
24
Cross – Tab Method
• 2. คานวณ probability (expected count)
50 x 47 x 150 = 15.7
150 150
49
• 3. คานวณ KAPPA
kappa = Po – Pe
1 – Pe
Po = ผลรวมของค่าสัดส่วนของค่าสังเกตในแนวทแยงมุม
Pe = ผลรวมของค่าสัดส่วนของค่าคาดหมายในแนวทแยงมุม
50
25
Cross – Tab Method
26
Cross – Tab Method
27
Cross – Tab Method
55
Effectiveness
ความมีประสิทธิผล
Effectiveness = จานวนที่ชี้บ่งอย่างถูกต้อง x 100
จานวน sample
= 42 x 100 = 84%
50
28
Miss Rate (การยอมรับที่ผิดพลาด)
งาน NG กลับบอก OK หรือ เฉลย 0 กับตอบ 1
29
Effectiveness Criteria
สาเหตุความผิดพลาดในระบบการวัดแบบ Attribute
• พนักงานอาจตัดสินใจผิดพลาดกับชิ้นงานที่มีลักษณะก้ากึ่ง (Marginal)
• พนักงานเข้าใจและตรวจสอบชิ้นงานไม่ถูกวิธี
• เกิดการเอนเอียงของพนักงานตรวจสอบในขณะทางานวิเคราะห์ระบบการวัด
• เลือกพนักงานที่มิได้ปฏิบัติงานตรวจสอบ ณ จุดตรวจสอบ
• แนวทางการแก้ไข : อบรมพนักงานตรวจสอบใหม่แล้วทาการวิเคราะห์อีกครั้ง
30