Professional Documents
Culture Documents
ภูมิศาสตร์ หน่วย 2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ภูมิศาสตร์ หน่วย 2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
5
Islands
Hawaiian
การเปลี่ยนแปลงทาง วิชาภูมิศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษา
กายภาพของโลก ปีที่
5
ขอบคุณขอมู
้ ลจากสานักพิ มพ์อักษรเจริญทัศน์
ธรณีภาค
Lithosphere
ธรณีภาค (Lithosphere) พื้ นผิวโลกซึ่ง
หอหุ
่ มด ้ วยเปลื
้ อกแข็ง โลกเป็นดาวเคราะห์
ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา
่
1. โครงสร้างของโลก
โลกมีลกั ษณะเกือบกลม มีเสนผ
้ านศู
่ นยก
์ ลางตามแนวเสนศู้ นยส
์ ูตร ยาว
12,755 กิโลเมตร และตามแนวขัว ้ โลกยาว 12,711 กิโลเมตร แบงออกเป
่ ็น
3 ชัน
้ ไดแก
้ ่ แผนเปลื
่ อกโลกภาคพื้ นสมุทร แผนเปลื
่ อกโลกภาคพื้ นทวีป
(SIMA) (SIAL)
แผนเปลื
่ อกโลก ธรณีภาค สวนที
่ เ่ ป็นเปลือกโลก
0-100 km. และเนือ
้ โลกชัน
้ บนสุด
เนือ
้ โลก
เนื้อโลกชั้นลาง
่
แผนเปลื
่ อกโลก
แกนโลก
ภาพจาก
https://www.nationalgeographic.org/enc
yclopedia/lithosphere/12th-grade/
2. การเลื่อนของทวีป
- ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป
อัลเฟรด เวเกเนอร์ นักฟิ สิกส์ชาวเยอรมัน เป็นผู้
เสนอทฤษฎีทวีปเลื่อน มีสมมติฐานว่า แผนธรณี
่
ภาคมีการเคลื่อนไหล ตลอดเวลา เวเกเนอรไ์ ด้
นาเสนอชวงเวลาทางธรณี
่ วิทยาโดยใชหลั
้ กฐาน
ของฟอสซิล โดยแบ่งเป็น 5 ระยะ ดังนี้
ภาพจาก
ngthai.com
ยุคเพอรเ์ มียน ยุคไทรแอสซิก ยุคจู ลาสซิก ยุคครีเทเซียส
250 ลานป
้ ืี ี ที่แล้ว 200 ลานป
้ ืี ี ที่แล้ว 145 ลานป
้ ืี ี ที่แลว
้ 65 ลานป
้ ืี ี ที่แลว
้
ยุคปัจจุ บน
ั
3.1.1 การเคลื่อนที่ของแผนธรณี
่ ภาค
เมื่อแผนเปลื
่ อกโลก
• การเคลื่อนที่เขาหากั
้ น เกิดขึ้นได้ 3 แบบ คือ ชนกัน แผนที ่ ่มีความ
หนาแน่นกว่าจะมุดลง
ดานล
้ างอี
่ กแผนเสมอ
่
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
แผนเปลื
่ อกโลกทวีปชนทวีป
ภาพจาก http://www.mitrearth.org/3-
10-convergent-plate-movement/
แผนเปลื
่ อกโลกมหาสมุทรชนทวีป แผนเปลื
่ อกโลกมหาสมุทรชนมหาสมุทร
อ่านเพิ่มเติม
mitrearth
ภาพจาก http://www.mitrearth.org/3-10-
convergent-plate-movement/
• การเคลื่อนที่แยกจากกัน สวนมากเกิ
่ ดขึ้นใตมหาสมุ
้ ทร
แผนเปลื
่ อกโลกภาคพื้ นทวีปแยกออกจากกัน แผนเปลื
่ อกโลกภาคพื้ นมหาสมุทรแยกออกจากกัน
การเลื่อนออกจากกันของแผนภาคพื
่ ้ นทวีป การเลื่อนออกจากกันของแผนภาคพื
่ ้น
เมื่อมีการแยกกันเกิดการยุบของแผนดิ ่ น มหาสมุทร มีแมกมาไหลประทุขึ้นมาจนเกิด
เป็นหุบเขา เชน
่ เกรตรีฟตแ์ วลลีย์ ในทวีป เป็นแนวสันเขาใตมหาสมุ
้ ทร เชน
่ ใน
แอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติก
ภาพจาก http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/plate-
tectonics/plate-boundaries/divergent
ภาพจาก https://www.scimath.org/lesson-
physics/item/7287-earthquake-earthquake
• การเคลื่อนที่ตามแนวระดับ พบมากจากการ
เคลื่อ นที่ ข องแผ่ นเปลื อ กโลกภาคพื้ นมหาสมุ ท ร
แต่ก็พบได้บนแผ่นเปลือกโลกภาคพื้ นทวีป เช่น
รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส ในทวีปอเมริกาเหนือ
ตัวอยางแผ
่ นธรณี
่ เคลื่อนที่ผานกั
่ นใน ตัวอยางแผ
่ นธรณี
่ เคลื่อนที่ผานกั
่ นใน
แนวระนาบ แนวระนาบ
ภาพจาก http://vrgeology.net/2019/02/22/plate-
movement/
แผนที่แสดงแผนเปลื
่ อกโลก
3.1.2 การเกิดแผนดิ ่ นไหว เป็นปรากฏการณธ ์ รรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่น
เปลือกโลกหรือเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ ทาใหเกิ ้ ดการเคลื่อนตัวของชั้นหินขนาดใหญ่
เลื่อนเคลื่อนที่ หรือแตกหักและเกิดการโอนถายพลั
่ งงานในรูปคลื่นไหวสะเทือน
"แนววงแหวนแห่งไฟ"
มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นบริเวณที่
เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งและรุนแรง
แกสต
๊ าง
่ ๆ
CO 2 SO2
ปากปลอง่
3.1.3 การเกิดปะทุของภูเขาไฟ เกิดจากหิน ภูเขาไฟ
หนืดที่อยูใต
่ เปลื
้ อกโลกถูกแรงดันอัด จนหิน
หนืดแทรกรอยแตกขึ้นมาสูผิ ่ วโลก โดยมีแรง
ปะทุหรือแรงระเบิดเกิดขึ้น สิง
่ ทีพ
่ ุ่ งออกมา
จากภูเขาไฟเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ หินหนืด ลาวา
• โครงสรางรอยเลื
้ ่อน เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผนเปลื
่ อกโลกในแนวดิ่งและแนวระนาบ
รอยเลื่อนแนวดิ่ง รอยเลื่อนแนวราบ
• โครงสรางคดโค
้ ง
้ เป็นการคดโคงคล
้ ายลู
้ กฟู ก หรือแบบโดม หรือโดม
กลับหัว ขนาดของการคดโคงต้ างกั
่ น
รอยเลือ
่ น คดโคง
้
3.2 กระบวนการการปรับระดับพื้ นผิว เกิดจากพลังงานความรอนภายใน
้
โลก ทาใหเกิ
้ ดการไหลหรือเกิดการปะทุของมวลแมกมาใตเปลื
้ อกโลก
กอให
่ เกิ
้ ดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะตาง่ ๆ เชน
่ แผนดิ
่ นไหว การปะทุ
ของภูเขาไฟ การคดโดงของแผ
้ ่ น และการแตกหักของหิน
นดิ
3.2.1 การผุพังอยูกั
่ บที่ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพอยู่ ณ ที่เดิม
เกิดใน 3 ลักษณะ ดังนี้
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
3.2.2 การกรอน
่ เป็นกระบวนการที่หินและดินแตกหักหรือหลุดเป็น
กอนเล็
้ กจากการกระทา เชน
่ ธารน้าไหล คลื่น ลม ธารน้าแข็ง ดังนี้
N O
20.94
Ar
0.93
Co
0.03
2
อื่น ๆ
0.033
78.08
2. ชัน
้ บรรยากาศของโลก
ชั้ น ของอากาศที่ ห่ อหุ้ มโลกและคงสภาพ
อยู่ได้ด้วยแรงดึงดูดของโลก ซึ่งชั้น
บรรยากาศทั้งหมดมีความหนานับจากพื้ น
โลกขึ้นไปประมาณ 400 กิโลเมตร
การแบงชั
่ น ้ บรรยากาศโดยใชลั
้ กษณะการเปลีย
่ นแปลงอุ ณหภูมิของอากาศ
เป็นเกณฑ์
>480 เทอรโ์ มสเฟี ยร์ - สะท้อนคลื่นวิทยุความถี่ต่าได้ อุ ณหภูมิเพิ่ มขึ้น
(thermosphere) - มีแสงเหนือแสงใตเกิ
KM.
้ ดขึ้น ตามลาดับความสูง
เมโซพอส -85 C
สแตรโทพอส 0C
โทโพพอส -60 C
ความสูง ชัน
้ บรรยากาศ ปรากฏการณ์ อุ ณหภูมิ
3. การเปลี่ยนแปลงทางบรรยากาศภาค
ปรากฏการณท ์ ี่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟี ยร์
ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตในทุก ๆ แห่ง
ระบบธรรมชาติ ส าคั ญ ที่ มี เ ฉพาะในบรรยากาศชั้ น นี้
ได้แก่ อุ ณหภูมิ ความกดอากาศ ลมกับทิศทางลม
และความจริงของหยาดน้าฟ้า
1. อุ ณหภูมิ
อุ ณหภูมิในบริเวณสวนต่ าง
่ ๆ ของโลกมีความแตกตางกั ่ นไปตาม
การรับพลังงานความรอนและการแผ
้ รั
่ งสีจากดวงอาทิตย์ ขึ้นอยู่
กับคาของมุ
่ มที่รังสีตกกระทบพื้ นโลก ฤดูกาล ระยะใกลไกลจาก
้
ดวงอาทิตยก ์ ับโลก ความแตกตางกั่ นระหว่างพื้ นน้าและพื้ นดิน
2. ความกดอากาศและลม
อากาศเป็นสสารซึ่งอยู่ได้ด้วยแรงดึงดูดของโลก โดยค่าความกด
อากาศลดลงเมื่ออยูสู
่ งจากระดับน้าทะเลปานกลางขึ้นไป และลมเกิด
จากการเคลื่อนที่ของอากาศตามแนวระนาบเมื่อมีความต่างกันของ
ค่าความกดอากาศ โดยมีพลังงานความร้อนเป็นตัวการสาคัญ ก็จะ
ทาให้แต่ละในบริเวณเกิดความกดอากาศที่แตกต่างกัน และทาให้
เกิดลมขึ้นมา
ลมบก ลมทะเล
ลมภูเขา ลมหุบเขา
ที่ราบสูงมาซีฟซองตราล แมน้
่ าโรน
เทือกเขาแอลป์
ลมสลาตัน ลมรอนและแห
้ ง
้ พั ดแถบหมูเกาะภาค
่
ตะวันออกของอินโดนีเซีย พั ดจากเหนือสู่ใต้
ลมชีนุก ลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดจากชายฝ่ั งมหาสมุทร
แปซิฟิกเขาสู
้ แนวเทื
่ อกเขาร็อกกี้ ชวงเดื
่ อนมิถุนายนถึง
กรกฎาคม ส่งผลใหบริ
้ เวณที่ราบด้านตะวันออกของเทือกเขา
ร็อกกี้ มีอากาศรอนและแห
้ งแล
้ ้งเนื่องจากเป็นพื้ นที่อับฝน
• ลมประจาฤดู ลักษณะที่พัดเป็นประจาฤดูสลับชวงยาวนานกว
่ าลมประจ
่ า
ถิ่น ไดแก
้ ่ ลมมรสุมที่เกิดเดนชั
่ ดในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เอเชีย
ใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลักษณะของลมมรสุม
คือ ลมที่พัดเปลี่ยนกับทิศทางตรงกันข้ามในรอบปี
ชวงฤดู
่ ร้อน ชวงฤดู
่ หนาว
การระเหย การควบแนน
่ การหลอมเหลว การเยือกแข็ง การระเหิด
3.2 เมฆ เป็นกลุมก ่ อนของไอน้
้ าที่ลอยอยูในอากาศมี
่
ลักษณะแตกตางกั
่ นตามระดับความสูง รูปลักษณะของ
เมฆแบงได
่ เป
้ ็ น 3 แบบ ไดแก
้ ่
1. เมฆซีรร
์ ัส 2. เมฆคิวมูลัส 3. เมฆสเตรตัส
ลักษณะเป็นเสน ้ มีลักษณะเป็นกอน้ ลักษณะเป็นแผน ่
ปุยฝอยตอเนื
่ ่องกัน ขนาดตาง่ ๆ เชื่อมตอเนื
่ ่องกัน
3.3 หยาดน้าฟ้า เป็นควบรวมของสถานะตาง ่ ๆ ของ
น้าในบรรยากาศ ที่ตกลงมาสูผิ
่ วโลกในลักษณะตาง
่ ๆ
ไดแก
้ ่
หมอก น้าคาง
้ น้าคางแข็
้ ง ฟ้าหลัว หมอก
ปนควัน
อุ ทกภาค
Hydrosphere
อุ ทกภาคเป็นส่วนที่เป็นน้าที่อยูบนพื
่ ้ นโลกทั้งหมด
ประกอบดวย ้
1. น้าจืดเพี ยงร้อยละ 2.5 ซึ่งอยูในรู่ ปแบบของธาร
น้าแข็งและหิมะร้อยละ 68.7 รูปบบน้าใตดิ ้ นร้อยละ
30.1 และน้าผิวดินร้อยละ 1.2
2. น้าเค็ม ที่อยูในทะเลและมหาสมุ
่ ทรถึงร้อยละ 97.5
1. วัฏจักรของน้า
การหมุน เวี ย นเปลี่ย นแปลงของน้ า ซึ่ ง เป็นปรากฎการณ์ ที่ เกิ ด ขึ้ น เองตามธรรมชาติ
โดยเริ่มต้นจากน้าในแหล่งน้าต่าง ๆ เช่น ทะเล มหาสมุทร แม่น้า ลาคลอง ทะเลสาบ
จากการคายน้าของพื ช จากการขับถายของเสี
่ ยของสิ่งมีชีวิต และจากกิจกรรมต่าง ๆ
ที่ใช้ในการดารงชีวิตของมนุษย์ ระเหยขึ้นไปในบรรยากาศ กระทบความเย็นควบแน่น
เป็นละอองน้าเล็ก ๆ เป็นก้อนเมฆ ตกลงมาเป็นฝนหรือลูกเห็บสู่พื้ นดินไหลลงสู่แหล่ง
น้าตาง
่ ๆ หมุนเวียนอยูเช
่ นนี
่ ้เรื่อยไป
ภาพจาก https://www.worldatlas.com/the-water-cycle.html
2. ระบบน้าจืด
น้าจืด คือ น้าที่มีเกลือละลายอยูน่ อยกว
้ า่ 0.5 สวนใน
่ 1,000
สวน
่ มีอยูประมาณร
่ อยละ
้ 2.5 ของปริมาณน้าบนโลก น้าจืด
พบไดจากแหล
้ งน้
่ าตาง่ ๆ ดังนี้
แอ่งน้าใต้ดินขนาดใหญ่ของออสเตรเลียโดยอ่างเก็บน้าใต้ดินขนาดใหญนี
่ ้เรียกกันว่าเกรต
อาร์ทีเซียน เบซิน (Great Artesian Basin) ถือเป็นแหลงน้
่ าบาดาลที่ใหญที
่ ่สุดแห่งหนึ่งของ
โลกโดยที่ใดเปลื
้ อกชั้นหินที่แข็งของทวีปออสเตรเลีย ซึ่งมีขนาดถึง 1 ใน 5 ของเนื้อที่ประเทศ
ออสเตรเลีย โดยแอ่งน้าบาดาลนี้มีพื้นที่ 1.7 ลาน
้ ตร.กม. โดยมีอาณาบริเวณตั้งแต่ตั้งแต่
คาบสมุทรเคปยอร์ก (Cape York) ทางเหนือยาวจนถึงทะเลสาบแอร์ (Lake Eyre) ซึ่งอยู่
ทางใต้
เกรตอาร์ทเี ซียนเบซิน
แผนที่แสดงน้าจืดผิวดินสาคัญของโลก
ทวีปเอเชีย
แมน้
่ าที่สาคัญของทวีปเอเชีย ไดแก
้ ่
แมน้
่ าเยนิเซย์ แมน้
่ าคงคา
แมน้
่ าลีนา แมน้
่ าพรหมบุตร
แมน้
่ าฮวงโห แมน้
่ าสาละวิน
แมน้
่ าแยงซี แมน้
่ าโขง
แมน้
่ าสินธุ
แผนที่จาก
MAPWIRE
ทวีปออสเตรเลีย
แมน้
่ าที่สาคัญของทวีปออสเตรเลีย ไดแก
้ ่
แมน้
่ าดารล
์ ิง
แมน้
่ าเมอรร
์ ี่
่ าวอรร
แมน้ ์ ิโก
แมน้
่ าลาคลัน
แผนที่จาก
MAPWIRE
ทวีปยุโรป
แมน้
่ าที่สาคัญของทวีปยุโรป ไดแก
้ ่
เทมส์ แอลเบ
ลัวร์ ดานูบ
แซน นีเปอร์
โรน โวลกา
ไรน์ ยูราล
โป
แมน้
่ าวอลกา (Volga)
เป็นแมน้
่ าที่ยาวที่สุดของ
ทวีปยุโรป มีความยาว
ทั้งสิ้น 3,690 กิโลเมตร
ทวีปแอฟริกา
แม่น้าที่สาคัญของทวีปแอฟริกา ไดแก
้ ่
แม่น้าไนล์ ทะเลสาบวิกตอเรีย
แม่น้าคองโก ทะเลสาบแทนกันยิกา
แม่น้าไนเจอร์ ทะเลสาบโมซัมบิก
แม่น้าแซมบีซี
แผนที่จาก
MAPWIRE
ทวีปอเมริกาเหนือ
แม่น้าที่สาคัญของทวีป
อเมริกาเหนือ ไดแก
้ ่
แม่น้ายูคอน
แม่น้าแมกเคนซี
Great Lakes
แม่น้ามิสซูรี
แม่น้าริโอแกรนด์
แม่น้ามิสซิสซิปปี
แผนที่จาก
MAPWIRE
ทวีปอเมริกาใต้
แม่น้าที่สาคัญของทวีป
อเมริกาใต้ ไดแก
้ ่
แม่น้าโอรีโนโก
แม่น้าแอมะซอน
แม่น้าชีงกู
แม่น้าปารานา
แม่น้าปารากวัย
แผนที่จาก
MAPWIRE
3. ระบบน้าเค็ม
เป็ นน้ า ที่ มี ป ริ ม าณมากที่ สุ ด ถึ ง ร้ อยละ
97 ของปริมาณน้าบนโลกและกระจาย
อยูทั
่ ่วโลก เชน ่ อ่าว ทะเลสาบ ทะเล
และมหาสมุทร จึงเป็นแหล่งน้าที่มี
การระเหยเป็นไอมากที่สุด
3.1 ความเค็มและปริมาณความหนาแนน ่ ความเค็มของน้าทะเลเกิด
จากเกลือโซเดียมคลอไรด์ละลายอยู่ ในปริมาณเฉลี่ย 35 กรัมต่อ
น้า 1,000 กรัม แต่ละบริเวณมีความเค็มแตกต่างกันตามอัตราการ
ระเหยของน้า ปริมาณน้าฝน น้าจากแมน้่ าหรือน้าแข็งที่ละลายลงไป
และอุ ณหภูมิของน้า
ทุนดรา
ป่าสน (ไทกา)
ป่าไมผลั
้ ดใบ
ป่าฝนเขตรอน
้
ทุงหญ
่ าเขตอบอุ
้ ่น
ทุงหญ
่ าเขตร
้ อน
้
ทะเลทราย
เมดิเตอรเ์ รเนีย
เทือกเขาสูง
1. ทุนดรา
เป็นทุงหิ
่ มะเหนือเสนละติ
้ จูดที่ 60 องศาเหนือ ไปจนถึงขัว
้ โลกเหนือ
มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในชวงฤดู
่ หนาวมีชวงกลางคื
่ นที่ยาวนาน
เย็นจัดถึง -40°C
พื ชพรรณ : สน
เฉลี่ย 1,000 มม./ปี สัตว์ป่า : กวางเรนเดียร์
กวางมูส
3. ป่าไมผลั
้ ดใบ
บริเวณป่าไมผลั
้ ดใบในเขตรอนจะผลั
้ ดใบในฤดูแลงและผลิ
้ ใบใหมในฤดู
่ ฝน ส่วน
บริเวณเขตอบอุ่นจะผลัดใบในฤดูใบไมร้ วงและพลิ
่ ใบใหมในฤดู
่ ใบไมผลิ
้
เฉลี่ย 15 - 30°C
เฉลี่ย 20-25°C
ฤดูรอนอากาศร
้ อนมาก
้
ในทวีปอเมริกาเหนือ
เรียกว่า ทุงหญ
่ าแพรี
้
ในทวีปอเมริกาใต้
เฉลี่ย 250 -760 มม./ปี เรียกว่า ทุงหญ
่ าป
้ ั มปัส
ในทวีปอเมริกาเอเชีย
พื ชตระกูลหญาสู
้ ง เรียกว่า ทุงหญ
่ าสเตปป
้ ์
ตั้งแต่ 50 - 200 ซม.
6. ทุงหญ
่ าเขตร
้ อน
้
พื ชพรรณ : มีต้นหญ้ายาวและมี
เฉลี่ย 20-30°C ต้นไม้ ไม้พุ่ มกระจัดกระจายอยู่
ฤดูแล้งยาวนาน เป็นกลุ่ม ๆ บางแห่งมีลักษณะ
เป็นทุงหญ
่ าปนป
้ ่ าโปรง
่
สัตว์ป่า : สิงโต มาลาย
้ ควายป่า
เฉลี่ย 700 - 1,000 ชาง
้ เสือดาว
มม./ปี
ในทวีปแอฟริกา เรียกว่า
"ทุ่งหญาสะวั
้ นนา"
7. ทะเลทราย
ทะเลทรายโกบี ในจีนและมองโกเลีย
เฉลี่ยสูงกว่า 35°C
ทะเลทรายอาหรับ คาบสมุทรอาหรับ
กลางคืนมีอากาศหนาว
ทะเลทรายสะฮารา แอฟริกาตอนเหนือ
เฉลี่ยนอยกว
้ ่า 250 พื ชพรรณ : พื ชใบเล็ก ขึ้นหาง
่ ๆ กัน
มม./ปี สัตว์ป่า : อู ฐ จิง
้ จอกทะเลทราย
7. เมดิเตอรเ์ รเนียน
(ชาปารร์ ัล)
รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทาง
อากาศแหงแล
้ ้งในฤดูรอน
้
ตะวันตกเฉียงใตของสหรั
้ ฐอเมริกา
ในฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่น
บริ เ วณตะวั น ตกเฉี ย งเหนื อ ของ
และไดรั
้ บความชื้นจากทะเล
เม็กซิโก เรียกว่า "ป่าชาปารร
์ ัล"
เฉลี่ยนอยกว
้ ่า 650 พื ชพรรณ : โอ๊ก มะกอก ซีดาร์
มม./ปี สัตว์ป่า : แพะป่า แกะป่า
8. เทือกเขาสูง
มีพื้นที่สูงกว่า 3,000 เมตร มีอากาศเบาบางแตมี
่ ลมแรง
อุ ณหภูมิลดลงตาม
เทือกเขาร็อกกี้
ความสูงของพื้ นที่
เทือกเขาแอนดีส
เฉลี่ยนอยกว
้ ่า 250 มม./ปี เทือกเขาหิมาลัย
เทือกเขาแอลป์
พื ชพรรณ : พื ชระดับล่าง ไมพุ
้ ่ม
สัตว์ป่า : แพะภูเขา จามรี
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
การมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิด นานาพั นธุ ใ์ นระบบนิเวศอันเป็นแหลงที ่ ่
อยูอาศั
่ ย ซึ่งมีมากมายและแตกต่างกันทั่วโลก หรือง่าย ๆ คือ
การที่มีชนิดพั นธุ ์ (species) สายพั นธุ ์ (genetic) และระบบนิเวศ
(ecosystem) ที่แตกตางหลากหลายบนโลก
่
2.1 ความหลากหลายในชนิดของสิง ่ มีชวี ิต
ชนิดของสิง
่ มีชีวิต หมายถึง กลุมประชากรของสิ
่ ง
่ มีชีวิตที่สามารถผสมพั นธุ ก
์ ันแลว
้
ใหก
้ าเนิดลูกได้ ระบบนิเวศในธรรมชาติแตละแห ่ งจะประกอบด
่ วยสิ
้ ง
่ มีชีวิตชนิดตาง
่ ๆ
มากมายอยูร ่ วมกั
่ นและมีความสัมพั นธก
์ ัน โดยเราสามารถพิ จารณาความหลากหลาย
ของสิง
่ มีชีวิตในระบบนิเวศไดดั
้ งนี้
รองธาร
่ แกง
่ น้าตก โกรกธาร กุมภลักษณ์ (โบก)
ร่องน้าบนลาด ทางน้าที่มีหน
ิ สายน้าที่ไหลตก ธารน้าที่มีผาสูง หลุมที่เกิดบริเวณ
พื้ นดิน ขวางทางน้า ลงแบบตั้งฉาก ขนาบสองดาน ้ พื้ นทองน้
้ าที่เป็นหิน
• การทับถมโดยน้าและแมน้
่ า
ที่ราบน้าทวมถึ
่ ง คันดินธรรมชาติ เนินตะกอนรูปพั ด ดินดอนสามเหลี่ยม
ที่ราบสองฝ่ั งแม่น้า ตะกอนที่ทับถมจน เนินตะกอนที่ทับถม ดินดอนที่ตะกอนทับถม
ที่มักถูกน้าทวมใน
่ เป็นคันดินยาวขนาน บริเวณทางลาดชัน บริเวณปากแมน้
่ า
ชวงฤดู
่ ฝน ไปกับริมน้า กอนลงสู
่ ที
่ ่ราบ
1.2 ภูมิประเทศเกิดจากการกระทาของธารน้าแข็ง
ภาพจาก Solution: smartfigure 912 erosional
landforms created by alpine glaciers the
unglaciated... (zookal.com)
• การกร่อนโดยธารน้าแข็ง เชน
่
เซิร์ก แอ่งพระจันทร์เสี้ยวที่สูงชันบริเวณไหล่เขา
ยอดเขา จุ ดสูงที่สุดที่แหลมคมของหุบเขา
หุบเขาลอย หุบเขาสาขาที่อยูสู
่ งกว่าหุบเขาใหญ่
จมูกเขาปลายตัด หน้าผาชันคลายกั
้ บสามเหลีย
่ ม
truncated
ขนาดใหญ่ spurs
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
FJORD
ฟยอร์ด (fjord) - โตรกเขาติดทะเล คือ ร่องน้าที่
ประกอบด้วยหน้าผาสูงชัน เกิดจากการกัดร่องเขา
เป็นรู ปตัว U ด้วยธารน้าแข็ง ซึ่งกัดได้ลึกกว่า
ระดับน้าทะเลเนื่องจากน้าหนักกดทับของมวลน้าแข็ง
ซึ่งหลังจากผ่าน ยุคน้าแข็ง ธารน้าแข็งโดยส่วน
ใหญ่ละลายเป็นน้า ทาให้ระดับน้าสูงขึ้น เกิดเป็น
แมน้
่ าที่ลึกมาก บางพื้ นที่ลึกถึง 1,500 เมตร
อ่านเพิ่มเติม
mitrearth
• การทับถมโดยธารน้าแข็ง เชน
่
กองตะกอน เป็นเนินหรือสันตะกอนของธารน้าแข็ง
outwash
plain
หลุมน้าแข็ง แอ่งที่เกิดจากการละลายของน้าแข็ง
ที่ฝังอยูในดิ
่ น
ที่ราบเศษหิน เป็นที่ราบประกอบไปดวยเศษหิ
้ น
ภาพจาก Glacier - Wikipedia
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
1.3 ภูมิประเทศเกิดจากการกระทาของลม
• การกร่อนโดยลม เชน
่
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
• การทับถมโดยลม เชน
่
อ่าน
เพิ่ มเติม
mitrearth
SandDune
อ่านเพิ่ มเติม
mitrearth
1.4 ภูมิประเทศเกิดจากการกระทาของน้าใตดิ
้ น
• การกร่อนโดยน้าใตดิ
้ น เป็นการละลายหินปูนหรือหินเกลือใตดิ
้ น เชน
่
ที่ราบคาสต์ หินงอก
เป็นลักษณะของหินปูนที่ถูกน้า ละลายหิน เป็นคราบหินปูนที่งอกจากพื้ นถ้า
ออกไปจนเหลือหินเป็นลักษณะตะปุ่มตะป่า ที่เกิดจากน้าที่หยดลงจากปลายหิน
ยอยด
้ านบน
้ สะสมตัวสูงขึ้นจากพื้ นถ้า
1.5 ภูมิประเทศเกิดจากการกระทาของคลื่นและกระแสน้าชายฝ่ั ง
• การกร่อนโดยคลื่นและกระแสน้าชายฝ่ั ง เชน
่
ซุ้มหินชายฝ่ั ง เกิดคลื่นกัดเซาะทะลุส่วนที่เป็นแหลมยื่นไปในทะเล
เกาะหินโดง
่ เกาะขนาดเล็กใกลฝ
้ ่ั งเกิดจากการเซาะของคลื่น
หุบเขาลอย หุบเขาสาขาที่อยูสู
่ งกว่าหุบเขาใหญ่
• การทับถมโดยคลื่นและกระแสน้าชายฝ่ั ง เชน
่
รีโอเดลาปลา
ตา
ํ N
S S
• การเปลี่ยนแปลงของแกสเรื
๊ อนกระจก การปะทุของ
ภูเขาไฟทาให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดร์ออกไซด์ มีเทน
ไนตรัสออกไซด์ ส่งผลทาให้เกิดยุคน้าแข็งและ
น้าแข็งละลาย
2.2 ประเภทของภูมิอากาศ
• เขตภูมิอากาศตามคาเฉลี
่ ่ยของอุ ณหภูมิ แบงได
่ ้ 5 พื้ นที่ 3 เขตภูมิอากาศ ดังนี้
3. ภูมิกาศเขตขั้วโลก อุ ณหภูมิเฉลี่ยนอยกว
้ ่า 10 C ทุกเดือน
อาร์กติกเซอร์เคิล 66 N
ทรอปิกออฟแคปริคอร์น 23 S
เขตภูมิอากาศ ปริมาณฝน
1. แถบศูนยส
์ ูตร >2,000 มม./ปี
้ บลมคา้
2. ชายฝ่ั งที่ไดรั > 1,500 มม./ปี
3. ทะเลทราย < 250 มม./ปี
4. กึึ่งทะเลทราย 250-500 มม./ปี
5. แถบชื้นกึ่งรอน
้ 1,000-1,500 มม./ปี
6. ชายฝ่ั งตะวันตกละติจูดกลาง > 1,000 มม./ปี
7. แถบอารก
์ ติกและแอนตารก
์ ติกา < 300 มม./ปี
• การจาแนกประเภทภูมิอากาศแบบเคิปเปน
เป็นหนึ่งในระบบการแบงเขตภู
่ มิอากาศที่ใชกั
้ นกว้างขวางที่สุด ดร.วลาดีเมียร์ เคิป
เปน นักอุ ตุนิยมวิทยาชาวเยอรมัน เป็นผูเผยแพร
้ ระบบการแบ
่ งเขตภู
่ มิอากาศนี้เป็นคน
แรกใน พ.ศ. 2427 โดยใชอั
้ กษรโรมันตัวใหญอธิ
่ บายอุ ณหภูมิเป็น 5 เขตหลัก
A หมายถึง ภูมิอากาศเขตรอน
้ B หมายถึง ภูมิอากาศเขตแหงแล
้ ง
้
C หมายถึง ภูมิอากาศเขตอบอุ่น D หมายถึง ภูมิอากาศเขตหนาว
E หมายถึง ภูมิอากาศเขตขั้วโลก
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ มตัวอักษรโรมันตัวเล็กและใหญ่ เพื่ ออธิบายรายละเอียด
เพิ่ มเติม และเพิ่ มตัวอักษร H แทนภูมิอากาศแถบภูเขา
แผนที่แสดงเขตภูมิอากาศ
โลกแบบเคิปเปน
วัตถุตนก
้ าเนิดดิน ลักษณะภูมิประเทศ เวลา
ดินอาจเปลี่ยนไปตาม ความลาดชันมีผลตอ
่ การสลายตัวของวัตถุตนก
้ าเนิดมี
สภาพภูมิอากาศ การสะสมตัวของดิน ความแตกตางกั
่ นตามภูมิอากาศ
ปัจจัยด ้านชีววิทยา ภูมอ
ิ ากาศ
พืชและสัตว ์จะมีอท
ิ ธิพลในการพัฒนาดินอย่าง ปริมาณฝน อุณหภูมิ และลม มีผลต่อ
่
มาก พืชปกคลุมดินเมือตายไปจะเป็ นขุยอินทรีย ์ ้ นั
กระบวนการการเกิดดิน ในพืนที ่ ้น ๆ
ในดิน ส่วนสัตว ์มีผลทาให ้โครงสร ้างของดิน
่
เปลียนแปลงไป เช่น ไส ้เดือนช่วยทาให ้ดินร่วนซุย
3.3 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สงผลต
่ อทรั
่ พยากรพื ชพรรณ มีสาเหตุ
สาคัญ 4 ประการ ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศอยางรุ
่ นแรง
เชน
่ ธารน้าแข็ง ภูเขาไฟระเบิด ทาใหเกิ
้ ดภัยพิ บัติทางธรรมชาติรุนแรงขึ้น
สึนามิ แผนดิ
่ นไหว ทาใหสภาพแวดล
้ อมเปลี
้ ่ยนไป
ปัจจัยจากการกระทาของมนุษย์ ปฏิกิริยาของสิง
่ มีชีวิต
เชน
่ การตัดไมท
้ าลายป่า การทา สิง
่ แวดลอมจะค
้ อย
่ ๆ มีการเปลี่ยนไป
ไรเลื
่ ่อนลอย มลพิ ษทางอากาศ จนทาใหกลุ
้ มสิ
่ ง
่ มีชีวิตเดิมไมสามารถ
่
การสรางเขื
้ ่อน และอื่น ๆ อยูได
่ ้ และมีสิ่งมีชีวิตใหมเข
่ ้ามาแทนที่
การแทนที่ของสิง
่ มีชว
ี ิต
เป็นการเปลี่ยนแปลงของชนิดในระบบนิเวศตามกาลเวลา แบงได
่ เป
้ ็ น 2 ประเภท ดังนี้
1. การแทนที่ขน
ั้ ปฐมภูมิ การแทนที่ในพื้ นที่ที่ไมเคยมี
่ สง
ิ่ มีชีวิต
• การแทนที่พื้นที่วางเปล
่ าบนบก
่
ขั้นแรก ขั้นสอง
มอส หญา้ วัชพื ชป่า
และไลเคน ไมล
้ มลุ
้ ก ไมพุ
้ ่ม
ขั้นสาม ขั้นสุดทาย
้
ตนไม
้ ยื
้ นตน
้ ตนไม
้ ยื
้ นตนขนาดใหญ
้ และมี
่ สภาพเป็นป่าไมสมบู
้ รณ ์
• การแทนที่พื้นที่วางเปล
่ าในแหล
่ งน้
่ า
ภาพจาก 5 Evolution and Community Ecology CHAPTER. Black and White, and Spread All
Over Zebra mussels and quagga mussels were accidentally introduced into Lake. - ppt
download (slideplayer.com)
2. การแทนที่ขน
ั้ ทุติภูมิ การแทนที่ในพื้ นที่ที่เคยมีสิ่งมีชว
ี ิต แตถู
่ กทาลายถิ่นที่อยู่