ภาพถ่ายหน้าจอ 2566-06-12 เวลา 15.01.31

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 130

คู่มือการพยาบาล

ผู้ป่วยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

นางโ มพันธ์ เจือแก้ว


นาง าวศิราณี เครือ วั ดิ์

งานการพยาบาลผ่าตัด
ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
คณะแพทยศา ตร์ศิริราชพยาบาล ม าวิทยาลัยม ิดล
พ.ศ. 2557

คำนำ

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรีย มก่อนผ่ าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด จัดทาขึ้นเพื่อเป็นแน ทาง า รับ
พยาบาลที่ปฏิบัติงานใน น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตามผล ยามินทร์ 1 ที่ มุนเ ียนมา
ปฏิบัติงาน ในคลินิกตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ ฯโรค ลอดเลือด ร มถึงนัก ึก าพยาบาล และ
ทีม ุ ขภาพที่ เกี่ย ข้อง ในการใ ้ การดูแลผู้ ป่ ยโรคไต ายที่มารั บการผ่ าตัด ใ ่ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด เพื่อใ ้การพยาบาลมีประ ิทธิภาพ มีมาตรฐาน ปลอดภัย เป็ นไปในแน ทางเดีย กัน
ผู้ป่ ยได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพ และเกิดประโยชน์ ูง ุด เนื้อ าของคู่มือพยาบาลประกอบด้ ย
ค ามรู้เรื่ องโรค าเ ตุการเกิดโรค อาการแ ดง แน ทางการรัก า การเตรียมผู้ป่ ยก่อนผ่ าตัด
ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ภา ะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภาย ลังการทาผ่าตัด และแน ทาง
ในการดูแลผู้ ป่ ยภาย ลั งผ่ าตัด โดยผู้ จัดทาได้ร บร มรายละเอียด ิธีการปฏิบัติการพยาบาล
จากแ ล่งข้อมูลต่างๆ และจากประ บการณ์ในการดูแลผู้ป่ ยมา ร้างเป็นคู่มือการพยาบาล ผู้จัดทา
ังเป็นอย่างยิ่ง ่า คู่มือการพยาบาลฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่บุคลากร เพื่อนาไปใช้ในเป็นแน
ทางการปฏิบัติ ในการดูแล และใ ้คาแนะนาผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือดได้
คู่มือฉบับนี้ าเร็จได้ด้ ยค ามกรุณาจาก .นพ.ประมุข มุทิรางกูร ั น้า าขา ัลย า ตร์
ลอดเลื อ ด ภาค ิ ช า ัล ย า ตร์ คณะแพทย า ตร์ ิ ริ ราชพยาบาล ผ .นพ.คามิ น ชิ น ัก ดิ์ ชั ย
อาจารย์ประจา าขา ัลย า ตร์ ลอดเลือด ภาค ิชา ัลย า ตร์ คณะแพทย า ตร์ ิริราชพยาบาล
ผ .ดร. ันเพ็ญ ภิญโญภา กุล อาจารย์ประจาภาค ิชาการพยาบาลอายุร า ตร์คณะพยาบาล า ตร์
ม า ิทยาลัย ม ิดล คุณดารณี พิพัฒนกุลชัย ั น้างานการพยาบาลผ่าตัด ที่ได้กรุณาตร จ อบ
เนื้อ า และเ นอแนะ ิ่งที่เป็นประโยชน์ ในการจัดทาคู่มือปฎิบัติการพยาบาลเล่มนี้ใ ้ มบูรณ์ยิ่งขึ้ น
ร มทั้งคุณราตรี ฉิมฉลอง น่ ยงาน ิจัยและ าร นเท ที่ได้ กรุณาตร จ อบเนื้อ าและใ ้ ค าม
ช่ ยเ ลืออย่างดียิ่งตลอดการจัดทาคู่มือ จึงขอขอบพระคุณเป็นอย่าง ูงไ ้ ณ โอกา นี้

โ มพันธ์ เจือแก้
ิราณี เครือ ั ดิ์
ผู้จัดทา
ธัน าคม 2557

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

ำรบัญ
น้ำ
คำนำ ก
ำรบัญ ข
ำรบัญภำพ ง
ำรบัญตำรำง ฉ
บทที่ 1 บทนำ
ค ามเป็นมาและค าม าคัญ 1
ัตถุประ งค์ 2
ประโยชน์ที่คาด ่าจะได้รับ 3
ขอบเขต 3
นิยาม ัพท์ 3
บทที่ 2 ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไต
กาย ิภาคและ รีร ิทยาของไต 5
การ ัดประ ิทธิภาพการทางานของไต 9
ภา ะไต าย 10
ภา ะไต ายเฉียบพลัน 11
 พยาธิ รีร ิทยา 11
 าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง 11
 อาการแ ดง 13
 แน ทางการดูแลรัก าผู้ป่ ยภา ะไต ายเฉียบพลัน 14
โรคไตเรื้อรัง 14
 พยาธิ รีร ิทยา 14
 าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง 15
 ระยะของโรคและอาการแ ดง 15
 ผลกระทบจากภา ะไต ายและการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิ ภาพ 16
 แน ทางการดูแลรัก าผู้ป่ ยโรคไต ายเรื้อรัง 20
 การรัก าด้ ยการบาบัดทดแทนไต 24
 การเตรียมช่องทาง า รับฟอกเลือด 26

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

ำรบัญ
น้ำ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 29
 ข้อบ่งชี้ในการใ ่ าย วนระยะยาว 30
 วั ดุที่นิยมนามาทา าย วนเพื่อฟอกเลือด 31
 ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาว 33
 กายวิภาคของ ลอดเลือดดาที่ใช่ใ ่ าย วนระยะยาว 34
 การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว 37
 การผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อการฟอกเลือด 38
 ภาวะแทรกซ้อนในระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว 40
 แนวทางการดูแล าย วนระยะยาวภาย ลังการทาผ่าตัด 44
บทที่ 3 กำรพยำบำลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรทำผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัด และ ระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
การพยาบาลผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 47
 การประเมินผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 47
 การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด 49
 การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 50
 การประเมินผลการพยาบาล 54
การพยาบาลผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 54
 การประเมินผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 54
 การประเมินบาดแผล ลังผ่าตัด 55
 การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 59
 การประเมินผลการพยาบาล 69
บทที่ 4 กรณี ึก ำ 71
บทที่ 5 ปัญ ำ อุป รรค และ แน ทำงกำรแก้ไขปัญ ำ 90
บรรณำนุกรม 97
ภำคผน ก
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 106
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 116
นัง ือเรียนเชิญผู้ทรงคุณ ุฒิตร จ อบเนื้อ ำคู่มือ 124
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ำรบัญภำพ
น้ำ
ภาพที่ 1 กายวิภาคของไต 4
ภาพที่ 2 การทางานของ น่วยกรองในไต 6
ภาพที่ 3 กระบวนการ ร้างน้าปั าวะ 7
ภาพที่ 4 แถบตรวจโปรตีนในปั าวะ 9
ภาพที่ 5 Kidney Transplant 23
ภาพที่ 6 Peritoneal dialysis (PD) 24
ภาพที่ 7 วงจรการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 24
ภาพที่ 8 าย วนฟอกเลือดชนิดชั่วคราว 25
ภาพที่ 9 าย วนฟอกเลือดชนิดระยะยาว 26
ภาพที่ 10 brachio-cephalic AV fistula 27
ภาพที่ 11 brachio-cephalic AV graft 27
ภาพที่ 12 ตัวอย่าง าย วนระยะยาวชนิดต่างๆ า รับผู้ป่วย 28
ภาพที่ 13 าย วน Mahurkar dual lumen catheter 30
ภาพที่ 14 าย วน Hemo flow catheter 30
ภาพที่ 15 าย วน Bioflex Tesio 31
ภาพที่ 16 าย วน ASH-Split cath III 31
ภาพที่ 17 ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 32
ภาพที่ 18 กายวิภาค ลอดเลือดดาที่คอ 34
ภาพที่ 19 กายวิภาค ลอดเลือดดาบริเวณขา นีบ 35
ภาพที่ 20 cervical cutdown incision 37
ภาพที่ 21 เทคนิคการใ ่ าย วนระยะยาวโดยใช้ลวดนาทาง 39
ภาพที่ 22 set ทาแผล 55
ภาพที่ 23 บาดแผลภาย ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 56
ภาพที่ 24 เทคนิคการแกะพลา เตอร์ปิดแผล 56
ภาพที่ 25 เทคนิคการกดรีดเพื่อประเมินแผลผ่าตัด 57

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ำรบัญภำพ

น้ำ
ภาพที่ 26 การเช็ดทาความ ะอาดแผลผ่าตัด 57
ภาพที่ 27 การรอง gauze ก่อนปิดแผล 58
ภาพที่ 28 การปิด gauze บริเวณแผลผ่าตัด 58
ภาพที่ 29 เทคนิคการปิดพลา เตอร์เพื่อเก็บ าย 59

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ำรบัญตำรำง
น้ำ
ตารางที่ 1 ตารางแ ดงระดับความรุนแรงของโรคไตวายเรื้อรังระยะต่างๆ 15

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่1 1
บทนำ

บทที1่
บทนำ

ควำมเป็นมำและควำมสำคัญ

โรคไต ำยเป็นปัญ ำทำง ำธำรณ ุขที่ ำคัญ ทั่ โลก จำกข้อมูล ำนักงำนคณะกรรมกำร
พัฒ นำกำรเ ร ฐกิ จ และ ั ง คมแ ่ งชำติ ปี 2555 ในประเท ไทยพบ ถิ ติ ผู้ ป่ ยโรคไตมี อั ต รำ
กำรเ ียชี ิตคิดเป็นอัตรำ ่ น 24.4 ต่อประชำกร 100,000 คน1 โดยพบ ่ำมีคนไทยป่ ยเป็นโรคไต
เรื้อรังร้อยละ 17.5 ของประชำกร รือประมำณ 8 ล้ำนคน 2 เป็นผู้ป่ ยโรคไต ำย 2 แ นคน และ
มีอัตรำเพิ่มขึ้นปีละก ่ำ 7,800 คน รัฐต้อง ูญเ ียทรัพยำกรจำน นมำกในกำรดูแลรัก ำผู้ป่ ยกลุ่มนี้
ประมำณค่ำใช้จ่ำยในกำรรัก ำเฉลี่ยรำยละ 250,000 บำทต่อปี 3 ผู้ป่ ยที่ไม่ได้รับกำรรัก ำพยำบำล
ที่ถูกต้องมักเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงเ ียชี ิตได้ แน ทำงกำรรัก ำคือกำรบำบัดทดแทนไต ได้แก่
กำรผ่ำตัดปลูกถ่ำยไต กำรล้ำงไตผ่ำนช่องท้อง รือกำรฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม ซึ่งข้อมูลจำก
มำคมโรคไตแ ่งประเท ไทย ประจำปี 2553 - 2555 พบ ่ำผู้ป่ ยโรคไตระยะ ุดท้ำยที่ต้องรัก ำด้ ย
กำรบำบัดทดแทนไตมีจำน น เพิ่ม ูงขึ้นร ม 40,845, 47,987 และ 58,385 รำยตำมลำดับ และเป็น
กลุ่มผู้ป่ ยที่ได้รับกำรฟอกเลือดผ่ำนเครื่องไตเทียมจำน น 30,449 , 34,895 และ 40,505 รำย2,4 ใน
ปัจจุบันกำรบำบัดทดแทนไต ิธีที่ได้รับค ำมนิยมมำกที่ ุดคือ กำรฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
เนื่องจำก ำมำรถขจัดของเ ียออกจำกร่ำงกำยได้ อย่ำงร ดเร็ ไม่รบก นกำรดำเนินชี ิตใน ังคม
ของผู้ป่ ยมำกนัก และทำใ ้ผู้ป่ ยมีคุณภำพชี ิตที่ดีขึ้น5,6
น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตำมผลกำรรัก ำ ยำมินทร์ชั้น 1 งำนกำรพยำบำล
ผ่ำตัด ฝ่ ำยกำรพยำบำล โรงพยำบำล ิริรำช ได้ใ ้ บริกำรตร จ ินิจฉัย และรัก ำโรคเฉพำะทำง
แก่ผู้ป่ ย ประกอบด้ ยคลิ นิกเฉพำะโรค คือ คลินิก ตร จโรค ั ใจ คลิ นิกตร จ ัลยกรรมตกแต่ง
คลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯโรค ู คอ จมูก คลินิกตร จรัก ำโรคตำด้ ยเครื่องเลเซอร์
และ คลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯโรค ลอดเลือด โดยมีพยำบำล มุนเ ียนกันมำปฏิ บัติ
น้ำที่ใน น่ ยดังกล่ำ ำ รับคลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ โรค ลอดเลือด ใ ้บริกำร
ตร จรัก ำทั้งในระยะเตรียมผู้ป่ ย ก่อนผ่ำตัดเพื่อกำรบำบัดทดแทนไตโดยกำรฟอกเลือด ร มถึงกำร
ตร จและติดตำมผลภำย ลังกำรผ่ำตัด จำก ถิติปี 2554 - 2556 มีผู้ป่ ยโรคไต ำยมำรับบริกำรตร จ
รัก ำทั้ง ิ้น 2,001, 2,105 และ 2,506 รำยตำมลำดับ7 เป็นผู้ป่ ยที่มำเข้ำรับกำรผ่ำตัดเพื่อเตรียมฟอก
เลือด 734, 564 และ 503 รำยตำมลำดับ8 พบ ่ำผู้ป่ ยที่ได้รับกำร ำงแผนผ่ำตัดมักเกิดค ำมกลั
ิตกกัง ลเกี่ย กับกำรผ่ำตัด และกำร ูญเ ียภำพลัก ณ์ ลังผ่ำตัด4 พบภำ ะแทรกซ้อนที่อำจเกิดขึ้น

คู่มือกำรพยำบำลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัดและระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
บทที่1 2
บทนำ

ทั้งจำกภำ ะโรคของผู้ป่ ย และจำกกำรปฏิบัติตั ของผู้ป่ ยภำย ลังกำรผ่ำตัด ร มถึง พบปัญ ำด้ำน


เ ร ฐ ถำนะตำมมำในผู้ป่ ยที่มีกำรผ่ำตัดซ้ำ ผู้ป่ ยกลุ่มนี้ถ้ำได้รับกำรประเมิน และ ำงแผนดูแล
ตั้งแต่แรกรับ จะ ำมำรถลดภำ ะแทรกซ้อน อัตรำกำรตำย และ ค่ำใช้จ่ำยในกำรรัก ำพยำบำลได้9
พยำบำลประจำคลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ โรค ลอดเลือด จึงมีบทบำท ำคัญใน
กำรใ ้ กำรพยำบำล ใ ้ กำรดูแล ใ ้ ค ำมรู้ ใ ้ คำแนะนำ เพื่อ ่ งเ ริมกำรดูแล ุ ข ภำพของผู้ ป่ ย
เริ่มตั้งแต่ประเมิน ภำ ะร่ำงกำย จิตใจ จิต ิญญำณ และ ังคม ร่ ม ำงแผนกำรดูแลตนเองทั้งก่อน
และ ลังผ่ำตัด ร มทั้งประเมินภำ ะแทรกซ้อน และค ำมเร่งด่ น ในกำรใ ้กำรดูแลรัก ำกรณี
ผู้ป่ ยฉุกเฉินเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อผู้ป่ ยโดยตรง นำมำซึ่งกำรผ่ำตัดซ้ำ รือกำรติดเชื้อ
ที่อำจเป็ น อัน ตรำยถึ งชี ิต กำรจัดทำแน ทำงปฏิบั ติพยำบำลในกำรดู แลผู้ ป่ ยจึงเป็น ิ่ ง จำเป็ น
เพื่อเพิ่มคุณภำพ และประ ิทธิภำพในกำรดูแลผู้ป่ ย
ผู้จัดทำจึง ได้จัดทำคู่มือกำรพยำบำลผู้ ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ
เพื่อฟอกเลือดในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัดและระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด เพื่อใช้เป็นแน ทำงในกำร
ปฎิบิติกำรพยำบำลใ ้กับพยำบำลใน น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตำมผล ยำมินทร์ชั้น 1
ที่ มุนเ ียนกันเข้ำมำปฏิบัติงำนในคลินิกดังกล่ำ ำมำรถใ ้กำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับบริกำร
ที่คลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ โรค ลอดเลือด ได้ตำมมำตรฐำนกำรพยำบำล เป็นไปใน
แน ทำงเดีย กันอย่ำงมีประ ิทธิภำพ ผู้ป่ ยได้รับบริกำรที่ดีมีคุณภำพ ปลอดภัย และเกิดประโยชน์
ูง ุดกับผู้ป่ ย

วัตถุประสงค์
1. เพื่ อ ใ ้ พ ยำบำลทรำบถึ ง โรค และแน ทำงในกำรดู แ ลรั ก ำผู้ ป่ ยโรคไต ำย ที่ ม ำรั บ
กำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด
2. เพื่อใ ้พยำบำล ำมำรถ ำงแผนกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ
เพื่อกำรฟอกเลือด ทั้งในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัด และระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัดได้อย่ำงเ มำะ ม
3. เพื่อเป็นแน ทำงในกำรปฎิบัติกำรพยำบำลในกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัด
ใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด

คู่มือกำรพยำบำลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัดและระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
บทที่1 3
บทนำ

ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ

1. พยำบำลมีค ำมรู้ค ำมเข้ำใจเกี่ย กับกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่


ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด ทั้งในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัด และระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
2. พยำบำลมีแน ปฏิบัติที่เป็นมำตรฐำนในกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรเตรียมผ่ำตัด
ใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือดเป็นไปในแน ทำงเดีย กัน
3. ผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับบริกำรได้รับกำรดูแลที่มีประ ิทธิภำพ ปลอดภัยจำกภำ ะแทรกซ้อน
และมีคุณภำพชี ิตที่ดี

ขอบเขต

คู่ มื อ ฉบั บ นี้ จั ด ท ำขึ้ น ำ รั บ พยำบำลใน น่ ยตร จด้ ยเครื่ อ งมื อ พิ เ และติ ด ตำม
ผลกำรรัก ำ ยำมินทร์ชั้น 1 ร มทั้งนัก ึก ำพยำบำล และทีม ุขภำพที่เกี่ย ข้อง เพื่อเป็นแน ทำง
ในกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มีกำรเตรียมทำผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด ที่มำรับ
บริกำรตร จรัก ำแบบผู้ป่ ยนอก ตั้งแต่กำรมำตร จครั้งแรกเพื่อ ำงแผนผ่ำตัด กำรนัดผ่ำตัด และ
กำรดูแลตร จติดตำมผลภำย ลังผ่ำตัด

นิยำมศัพท์

ภำวะไตวำย 10 มำยถึง ภำ ะที่ผู้ป่ ยมีกำร ูญเ ีย น้ำที่ของไตทำใ ้ร่ำงกำยไม่ ำมำรถขับน้ำ


ของเ ี ยออกจำกเลื อด และไม่ ำมำรถรัก ำค ำม มดุล น้ำ กรด ด่ำง อิเล็ กโทรไลต์ของน้ำที่อยู่
นอกเซลล์ กำร ูญเ ีย น้ำที่ในกำรขับของเ ียออกทำใ ้เกิดกำรคั่ งของของเ ีย ได้แก่ ยูเรีย ครี ตินิน
ฮอร์โมนพำรำธัยรอยด์ โซเดียม โปตั เซียม น้ำ และกรดจำกกำรเผำผลำญ ร มทั้งกำรทำ น้ำที่ในกำร
ผลิตฮอร์โมนลดลง

กำรบำบัดทดแทนไต 11 มำยถึง กระบ นกำรกำรรัก ำเพื่อทดแทนไต ที่ไม่ ำมำรถทำงำน


ได้เองอย่ำงเพียงพอ เพื่อช่ ยใ ้มีกำรขจัดของเ ียที่คั่งอยู่ในร่ำงกำย ขจัด น้ำ ่ นเกินจำกร่ำงกำย
รัก ำ มดุลน้ำและเกลือแร่ต่ำงๆ รัก ำภำ ะแทรกซ้อน และผลข้ำงเคียงที่เกิดจำกภำ ะไต ำยเรื้อรัง
เพื่อช่ ยใ ้ผู้ป่ ย ำมำรถมีชี ิตอยู่รอดได้ และมีคุณภำพชี ิตที่ดี

คู่มือกำรพยำบำลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัดและระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
บทที่1 4
บทนำ

กำรฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 10,12 มำยถึง ขบวนกำรนำเลือดของผู้ป่วยที่ประกอบด้วย


น้ำ และ ำรต่ำงๆที่ละลำยอยู่ เช่น ยูเรีย ครีตินิน เป็นต้น ผ่ำนเข้ำเครื่องไตเทียม โดยผ่ำนตัวกรอง
(hemodialyzer) เพื่อแลกเปลี่ยนน้ำ และ ำรอื่นๆที่อยู่ในเลือดกับน้ำยำ โดยวิธีกำรแพร่กระจำย
เลื อดที่ผ่ ำนกำรกรองจะถูกกำจั ดของเ ียก่อนกลั บเข้ำ ู่ เครื่องไตเทียม และเข้ำ ู่ ร่ำ งกำย ช่ว ยใ ้
ร่ำงกำยมี มดุลน้ำ อิเล็กโทรไลต์ และระดับควำมดันโล ิตเป็นปกติ

กำรใส่สำยสวนชนิดระยะยำวเพื่อฟอกเลือด 13 มำยถึง กำรใ ่ ำย วนชนิดระยะยำวเข้ำไป


ใน ลอดเลือดดำใ ญ่เพื่อใช้เป็นช่องทำงในกำรฟอกเลือด

คู่มือกำรพยำบำลผู้ปว่ ยโรคไตวำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย วนระยะยำวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัดและระยะตรวจติดตำมผล ลังผ่ำตัด
บทที่ 2 5
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

บทที่ 2
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

กายวิภาคและสรีรวิทยาของไต10,14,15

ระบบขับถ่ายปั า ะประกอบด้ ยไตจาน น 1 คู่ ลอดไต กระเพาะปั า ะ และท่อปั า ะ


ไตเป็นอ ัย ะ ลักของระบบ อยู่นอกช่องท้องด้าน ลังติดกับกระดูก ัน ลัง รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่
มีน้า นักทั้ง องข้างร มกันประมาณ 300 กรัม รือประมาณร้อยละ 0.4 ของน้า นักตั ในผู้ชาย
มีน้า นักประมาณข้างละ 125 - 170 กรัม ในผู้ ญิงมีน้า นักประมาณข้างละ 115 - 155 กรัม
ไตด้านข าตั้งอยู่ระดับกระดูกซี่โครงที่ 12 ด้านซ้ายอยู่ระ ่างกระดูกซี่โครงที่ 11 และ 12

น้าที่ของไตที่ าคัญคือ การรัก า มดุลของน้าและ ารต่างๆ ในร่างกายใ ้คงที่ตลอดเ ลา


(homeostasis) โดยอา ัยกระบ นการทางานของ น่ ยไต 3 กระบ นการ คือ กระบ นการการกรอง
ของโกลเมอรูลั (glomerular filtration) กระบ นการดูดกลับ าร และน้า (tubular reabsorption)
กระบ นการ ลั่ง าร (tubular secretion) ผล ุดท้ายจะขับถ่าย าร (renal excretion) ที่ร่างกาย
ไม่ต้องการ

ภาพที่ 1 กาย ิภาคของไต

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 6
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

เปลือกนอกของไตเรียกว่า แคปซูลของไต (renal capsule) ประกอบด้วยเ ้นใย (collagen fiber)


ซึ่งยืด ดได้น้อย ่วนนอกของไตเรียกว่าคอร์เทกซ์ (cortex) มี ีน้าตาลปนแดง ประกอบด้วย ่วนที่ขดไปมา
ของ ลอดไต (renal tubules) ประกอบด้วย ลอดไต ่วนต้นและ ่วนปลาย (proximal และ distal
tubules) ปะปนอยู่ กั บ โกลเมอรู ลั (glomerulus) ่ ว นในของไตเรี ย กว่ า เมดั ล ลา (medulla)
มองเ ็น เป็นกลุ่มคล้ ายรูป พัด แต่ล ะกลุ่มเรียกว่า พีรามิด (pyramid) แต่ละพีรามิด ประกอบด้ว ย
ลอดไต ่วนโค้งกลับ (Henle’s loop)

น่วยไต
น่วยไต (nephron) เป็น ่วนที่ทา น้าที่ (function unit) ของไต ไตแต่ละข้างประกอบด้วย
น่วยไตประมาณ 1-1.5 ล้าน น่วย น่วยไตประกอบด้วย
1. แคปซูลของไต renal corpuscle เป็น ่วนต้นของ น่วยไต เ ็นเป็นกระเปาะพองประกอบด้วย
1.1. แคปซูลของโบวแมน (bowman’s capsule) เป็น ่วนต้นของ ลอดไต ภายในประกอบด้วย
แขนง ลอดเลือดฝอยมากมาย
1.2. โกลเมอรูลั (glomerulus) เป็นกลุ่มของ ลอดเลือดฝอยในแคปซูลของโบวแมน ซึ่งแยก
แขนงมาจาก ลอดเลือดแดงเล็กขาเข้า (afferent arteriole) แล้วกลับมารวมกันเป็น ลอดเลือดแดง
เล็กขาออก (efferent arteriole) โกลเมอรูลั ประกอบด้วยชั้นของเซลล์ 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นเซลล์บุผิว
ลอดเลือดฝอย ชั้นกลางเป็นเนื้อเยื่อฐานของโกลเมอรูลั และเนื้อเยื่อฐานของโบวแมน ชั้นนอก ุ ด
เป็นเซลล์บุผิวแคปซูลของโบวแมน
2. ลอดไต ่วนต้น (proximal tubule) เป็น ่วนที่ต่อมาจากแคปซูลของโบวแมน มีลัก ณะคดเคี้ยว
ทา น้าที่ดูดกลับ ารต่างๆ เช่น กรดอะมิโน กลูโค โปแต เซียม น้า โซเดียม คลอไรด์ ฟอ เฟ
ไบคาร์บอเนต และ ารอินทรีย์อื่นๆจะถูกดูดกลับเข้า ลอดเลือดในบริเวณนี้เกือบ มด และขับ
ไฮโดรเจน
3. ลอดไต ่วนโค้งกลับ (Henle’s loop) เป็นท่อเล็ก ๆ ที่ต่อจาก ลอดไต ่วนต้นทอดโค้งเป็น ่วง
แบ่งเป็น 2 ่วนคือ ่วนที่ทอดลง (descending loop) และ ่วนที่วกขึ้น (ascending loop) ่วนนี้จะ
ดูดกลับ ารต่างๆ ได้แก่ น้า โซเดียม คลอไรด์ และยูเรีย การดูดกลับน้าขึ้นอยู่กับแรงดันออ โมลาลิตี้
ระ ว่างภายใน และภายนอก ลอดไต ่ วนที่วกขึ้น จะไม่ใ ้น้าผ่านออก จะดูดกลับน้าจนกว่าจะมี
ออ โมลาลิตี้เท่ากับใน interstitial fluid ลอดไต ่วนนี้จะดูดกลับ ารต่างๆได้แก่ น้า โซเดียม คลอไรด์
และยูเรีย

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 7
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

4. ลอดไต ่วนปลาย (distal tubule) จะมีเซลล์ที่มีลัก ณะเบียดแน่น ัมผั กับ ลอดเลือดแดงเล็ก


ขาเข้า ทา น้าที่ในการ ลั่งเรนิน ลอดไต ่วนนี้มีการดูดกลับน้าได้ดี เนื่องจากมีการตอบ นองต่อฤทธิ์
ของฮอร์โมนแอนตีไดยูริติค (antidiuretic hormone: ADH) ลอดไต ่วนนี้ ามารถดูดกลั บ และ ลั่ง
โปแต เซียมได้มาก
5. ลอดไตรวม (collecting tubule) เป็น ่วนปลายของ ลอดไต ามารถดูดกลับ าร ลายชนิด
เช่น โซเดียมโปแต เซียม คลอไรด์ ยูเรีย รวมทั้งน้า เพื่อช่ว ยควบคุมปริมาตร ารน้าและ ามารถ
ลั่ง ารที่ช่วยในการรัก า มดุลกรดด่างของร่างกาย

ภาพที่ 2 การทางานของ น่วยกรองในไต16

การทางานของไตอาศัยกระบวนการพื้นฐานที่ าคัญ 3 ขั้นตอน คือ10,14,15


1. การกรองชนิดอัลตราผ่านโกลเมอรูลั (glomerular ultrafiltration)
เป็นขั้นตอนแรกของการผลิตปั าวะ มีการกรอง ารน้าออกจากพลา มาบริเวณโกลเมอรูลั
ลงไป ู่แคปซูลของโบวแมน ารน้าที่กรองได้มักมีความเข้มข้นของตัวละลายต่างๆ และออ โมลาลิตี้
เท่ากับพลา มา แต่มีความแตกต่างกันที่ตัวละลายประจุลบ เนื่องจากโปรตีนที่ มีประจุลบจะผ่านออก
ได้น้อย รือไม่ได้เลย ทาใ ้อิเล็กโทรไลต์ที่มีประจุลบถูกกรองออกมาได้มากกว่า เพื่อปรับ มดุลของ
ประจุ ารน้ าและพลา ม่าที่กรองได้ ่ วน ลอดเลือดแดงเล็กขาออกจะมีความเข้มข้นของโปรตีน
มากขึ้น ปกติในปั าวะจะมีโปรตีนออกมาประมาณ 40-80 มก.และมีอัลบูมินประมาณ 10 มก.

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 8
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

อัตราการกรองของโกลเมอรูลั (glomerular filtration rate: GFR ) ามารถวัดได้จากปริมาตร


ของ ารน้า ที่ผ่านกระบวนการกรองออกมาจากไตทั้ง องข้างใน นึ่ง น่วยเวลา อัตราการกรองของ
แต่ละบุคคลแตกต่างกัน แต่มักคงที่ในบุคคลนั้นๆ ผู้ชายมีค่าเฉลี่ยประมาณ 110 - 140 มล/นาที/พื้นที่ผิว
1.73 เมตร2 ผู้ ญิงประมาณ 95 - 125 มล/นาที/พื้นที่ผิว 1.73 เมตร2 โดยที่ร้อยละ 99 ของ ารน้า
ที่กรองออกมาจะถูกดูดกลับเข้าไปในระบบไ ลเวียนได้ใ ม่ อัตราการกรองจะเปลี่ยนแปลงตามอายุ
และพื้นที่ผิวของร่างกาย

2. การดูดกลับของ ารโดย ลอดไตฝอย (tubular reabsorption)


เป็น กระบวนการดูดกลับ ารบางตัว ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้แก่ กลู โค โซเดียม น้า
ซึง่ ่วนใ ญ่จะเกิดขึ้นที่ ลอดไต ่วนต้นมากที่ ุด

3. การคัด ลั่ง ารโดย ลอดไตฝอย (tubular secretion)


เป็น กระบวนการขนถ่าย ารจากเลื อด เข้าไปยัง ลอดไต ขบวนการนี้เป็นการเลือกขับ าร
เฉพาะบางตั ว เท่ า นั้ น โดยขั บ ารที่ ไ ม่ มี ป ระโยชน์ ต่ อ ร่ า งกาย รื อ ถ้ า มี ม ากจะเป็ น โท ได้ แ ก่
ไฮโดรเจนอิออน ยูเรต ครีตินิน

ภาพที่ 3 กระบวนการ ร้างน้าปั าวะ17

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 9
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

การวัดประสิทธิภาพการทางานของไต10,15 ามารถวัดได้ ลายวิธีดังนี้


1. การวัดค่าซีรัมครีตินิน (serum creatinine )
นิยมใช้บ่อยที่ ุดทางคลินิกเนื่องจาก ามารถทาได้ง่าย แต่มีความไวค่อนข้างต่ากว่า วิธีวัดอัตรา
การกรองของไต (glomerular filtration rate: GFR) ครีตินินเป็นผลจากเมตาบอลิ ึมของครีเอติน
(creatine) ในกล้ามเนื้อ ถูกขับออกทางไตเป็น ่วนใ ญ่ เมื่อไตทางานบกพร่อง อัตราการกรองของไต
จะลดลง ทาใ ้ อัตราการขับ ครีตินินออกทางปั าวะลดลง มีผ ลใ ้ ปริมาณครีตินินในเลื อด ู งขึ้น
ค่าปกติในผู้ชายจะเท่ากับ 0.8 - 1.3 มก./ดล. ในผู้ ญิงจะเท่ากับ 0.6 - 1.0 มก./ดล. ถ้าค่าครีตินินใน
เลือดเพิ่มเป็น 2 มก./ดล. ค่าอัตราการกรองของไตมักเ ลือเพียงร้อยละ 40 - 50 ของค่าปกติ และเมื่อ
ค่าครีตินินในเลือดเพิ่มเป็น 3 และ 4 มก./ดล. อัตราการกรองของไตจะเ ลือเพียงร้อยละ 20 - 30
และร้อยละ 15 - 20 ตามลาดับ เมื่อค่าครีตินินในเลือดเพิ่มขึ้นเป็น 10 มก./ดล. อัตราการกรองของไต
มักเ ลือเพียงประมาณร้อยละ 1 - 2 ของค่าปกติเท่านั้น
2. การวัดค่าอัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate: GFR)
อัตราการกรองของไตเป็นดรรชนีแ ดง มรรถภาพการทางานของไตทั้งระบบ ค่าอัตราการกรอง
ของไต ู งแ ดงว่าไตทางานดี วิธี ที่นิย มใช้ วัด มี 2 วิธีคือ การวัดโดยกัมมันตภาพรัง ี และ วิธี า
ค่าเคลียแรนซ์ คานวนได้จาก การเก็บปั าวะ 24 ชั่วโมง วัดปริมาณปั าวะ ร่วมกับตรวจ าค่าซีรัม
ครีตินิน
ค่าเคลียแรนซ์ครีตินิน (clearance creatinine: CCr) คือ ปริมาตรของพลา ม่า ที่ต้องใช้เพื่อ
กาจัดเอาครีตินินออกใ ้ มดอย่าง มบูรณ์ภายใน นึ่ง น่วยเวลา มี น่วยเป็น มล./นาที ูตรการ าค่า
เคลียแรนซ์ครีตินิน มีดังนี้

CCr= ค่าครีตินินในปั าวะ (มก./ดล.) x ปริมาณปั าวะ (มล/นาที)


ค่าครีตินินในเลือด (มก./ดล.)
รืออาจคานวณโดยใช้ ูตรของ Cockroft และ Gault equation โดยปรับมาตรฐานด้วย
ค่าต่อพื้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2 (adjusted CCr) ดังนี้

CCr = (140-อายุ(ปี) ) xน้า นักตัว (กิโลกรัม) x 0.85 ในผู้ ญิง


ค่าครีตินินในเลือด (มก./ดล.) x 72
Adjusted CCr = CCr x 1.73

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 10
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

3. การตรวจโปรตีนในปั าวะ
เป็ น การตรวจโปรตี น ในปั าวะอย่า งง่ ายโดยการจุ่ มแถบตรวจในปั าวะ ผลการตรวจ
จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของปั าวะที่นามาตรวจ ถ้าเจือจางมากจะใ ้ผลลบ วัดโดยการเก็บปั าวะ
24 ชั่วโมง จะได้ค่าผลตรวจที่แน่นอนยิ่งขึ้น

ภาพที่ 4 แถบตรวจโปรตีนในปั าวะ18

ภาวะไตวาย (renal failure)10,12,15


ภาวะไตวายเป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีการ ูญเ ีย น้าที่ของไต ไม่ ามารถรัก าความ มดุลของ น้า
กรด ด่าง อิเล็กโทรไลต์ของน้าที่อยู่นอกเซลล์ (extracellular fluid) รวมทั้งการทา น้าที่ในการผลิต
ฮอร์โมนลดลง ูญเ ีย น้าที่ในการขับของเ ียออกทาใ ้เกิดการคั่งของของเ ีย ได้แก่ ยูเรีย ครีตินิน
ฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ โซเดียม โปตั เซียม น้า และกรดจากการเผาผลาญ เป็นต้น ในทางปฏิบัตินิยมวัด
จากค่าการคั่งของของเ ียจากการตรวจ าปริมาณครีตินิน (serum creatinine: Cr) และยูเรียไนโตรเจน
(blood urea nitrogen: BUN) ในเลือด
ในภาวะที่ไต ูญเ ียการทางานอย่างทันทีทันใด เรียกว่า ภาวะไตวายเฉียบพลัน ่วนภาวะที่มี
การเ ื่อมของไตติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน เรียกว่า ภาวะไตวายเรื้อรัง
ในปี 2002 national kidney foundation กา นดใ ้ใช้คาว่า โรคไตเรื้อรังแทนคาว่า ภาวะ
ไตวายเรื้อรัง โดยกา นดแนวปฏิบัติทางคลินิคในการแบ่งระยะของโรคไตใ ้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทาใ ้มีการ
จัดการในการดูแลผู้ป่วยทุกระยะอย่างเ มาะ ม ชะลอความเ ื่อม ภาพของไต และเพิ่มผลลัพธ์ในการ
ดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น19

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 11
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

ภาวะไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure: ARF)10,12,19,20


ภา ะไต ายเฉียบพลัน มายถึง ภา ะที่การทางานของไตเ ื่อมลงอย่างร ดเร็ ูญเ ีย น้าที่
การทางานของไตอย่างทันทีทันใด ในระยะเ ลา ั้นและมีค ามรุนแรง มีการลดลงของอัตราการกรอง
ของไต ทาใ ้มีการคั่งของของเ ีย เกิดค ามไม่ มดุลของอิเล็ กโทรไลต์ และกรดด่าง ่งผลกระทบ
ต่ออ ัย ะ าคัญ และอาจทาใ ้ผู้ป่ ยเ ียชี ิตได้ ากไม่ได้รับการ ินิจฉัยโรค และการรัก าพยาบาล
อย่างร ดเร็ และถูกต้อง

พยาธิ รีรวิทยา (pathophysiology) 10,12,19,20


าเ ตุของการเกิดโรคไต ายเฉียบพลันนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีการ ันนิ ฐาน ่าเกิดจาก
การที่ท่อไตไม่ ามารถเก็บ กักโซเดียมได้อย่างปกติ เนื่องจากโซเดีย มเป็นตั กระตุ้นการเกิดระบบ
เรนนิน -แองจิ โอเทนซิน -อัล โด เตอโรน มีผ ลทาใ ้ มีการลดการไ ลเ ียนกลั บของเลื อดบริเ ณไต
ร่างกายจึงเพิ่ มการ ลั่ง าโซเพร ซิน ทาใ ้เซลล์บ ม ยั บยั้งการ ังเคราะ ์โพร ทาแกลนดิน และ
กระตุ้นระบบ เรนนิน-แองจิโอเทนซินใ ้ ลั่งมากขึ้น ทาใ ้การไ ลเ ียนของเลือดลดลง ซึ่งมีผลลด
การไ ลเ ียนของเลือดบริเ ณไตด้ ย อัตราการกรองที่ท่อไตจึงลดลง และทาใ ้มีปั า ะน้อยก ่า
ปกติ การลดอัตราการไ ลเ ียนเลือดที่ไต นาไป ู่การลดการ ่งออกซิเจนไปยังท่อไต ่ นต้น ดังนั้นจึง
มีผลทาใ ้เกิดการตายของเนื้อเยื่อและกลุ่มเซลล์ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เมมเบรนของ ลอดเลือด
ที่ท่อไต การ ดเกร็งของ ลอดเลือดบริเ ณไตทาใ ้ลดอัตราการกรองของไต รืออาจเกิด การอุดตัน
ในท่อไตจากเซลล์และเ เซลล์ ทาใ ้ค ามดันในท่อไตเพิ่มขึ้น เป็นผลใ ้ไตถูกทาลาย

าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง (etiology and risk factors) 10,12,19,20


ภา ะไต ายเฉียบพลัน ามารถจาแนก าเ ตุ แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
1. าเ ตุที่เกิดก่อนไต (pre-renal failure) พบร้อยละ 40-80
2. าเ ตุที่เกิดภายในไต (intrinsic renal failure) พบร้อยละ 10-50
3. าเ ตุที่เกิด ลังไต (post-renal failure) พบร้อยละ 10

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 12
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

าเ ตุที่เกิดก่อนไต (pre-renal failure)


คือ กลุ่ ม อาการที่ มี การลดลงของเลื อ ดที่ ไ ปเลี้ ย งไต ท าใ ้ มี ก ารเปลี่ ย นแปลง น้ า ที่ข องไต
แต่ไม่ได้เกิดจากพยาธิ ภาพที่ไต ได้แก่ การเ ียเลือด แผลไฟไ ม้ ภาวะช็อค การติดเชื้อ ัวใจล้มเ ลว
กล้ามเนื้อ ัวใจตาย ลอดเลือดที่ไตอุดตัน ภาวะขาดน้าจากท้องร่วง อาเจียน รือปั าวะมีน้าตาลมาก
ผิดปกติ โดยปกติไตได้รับเลือดร้อยละ 20 - 25 ของปริมาณเลือดที่ออกจาก ัวใจ นึ่งนาที (cardiac
output) ทาใ ้มีปริมาณอัตราการกรองของไตมีจานวนมาก เพื่อช่วยในการขับถ่ายของเ ียจากการ
เผาผลาญของร่างกาย ควบคุม มดุลของน้า และอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ในภาวะที่ไตได้รับเลือดไปเลี้ยง
น้อยกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณเลือดที่ออกจาก ัวใจใน นึ่งนาที จะทาใ ้ เนื้อไตขาดเลือด (renal
ischemia)

าเ ตุที่เกิดภายในไต (intrinsic renal failure)


คือ กลุ่มอาการที่มีพยาธิ ภาพเริ่มต้นที่ เนื้อไต โกลเมอรูลั ลอดไต รือเ ้นเลือดมีการ
เปลี่ ย นแปลงของเนื้ อ เยื่ อ าเ ตุ ที่ พ บบ่ อ ยที่ ุ ด คื อ การเน่ า ตายของ ลอดไตอย่ า งเฉี ย บพลั น
(acute tubular necrosis) พบได้ถึงร้อยละ 70 เกิดจากไตขาดเลือดไปเลี้ยง าเ ตุจากโรค เช่น
การอักเ บของไต รือกรวยไตจากเชื้อแบคทีเรีย รือไวรั นิ่วกดเบียดเนื้อไต มาลาเรีย เบา วาน
ความดั น โล ิ ต ู ง รื อ ได้ รั บ ยา รื อ ารที่ มี พิ ต่ อ เนื้ อ ไต ได้ แ ก่ ยาปฏิ ชี ว นะ เช่ น ampicillin,
sulfonamides ยาต้านการอักเ บที่ไม่ใช่ เตียรอยด์ เช่น aspirin, indomethacin ารทึบรัง ีที่ใช้
ในการใ ่ าย วนเพื่อตรวจการทางานของ ัวใจ ารตะกั่ว รือปรอท เป็นต้น

าเ ตุ ลังไต (post-renal failure)


คือ กลุ่มอาการที่มีการอุดตันของทางเดินปั าวะตั้งแต่กรวยไตถึงท่อปั าวะ โดยไม่มีพยาธิ
ภาพเริ่มต้นที่เนื้อไต อาจเกิดได้จาก ลาย าเ ตุ ได้แก่ เนื้องอกต่อมลูก มากโต นิ่วในไต นิ่วในท่อไต
นิ่วในกระเพาะปั าวะ เกิดลิ่มเลือด รือการติดเชื้อ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 13
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

อาการแสดง(clinical manifestation) 10,12,19,20


อาการแ ดงของภาวะไตวายเฉียบพลันมีระยะการดาเนินของพยาธิ ภาพ 4 ระยะดังนี้
1. ระยะเริ่มแรก (initial phase) ร่างกายยัง ามารถปรับตัวโดย ลั่ง ารที่ทาใ ้ ลอดเลือด
ดตัว เพื่อใ ้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่ าคัญ เช่น มอง ัวใจ ทาใ ้เลือดที่ไปเลี้ยงไตลดลง
2. ระยะที่มีปั าวะออกน้อย (oliguric phase) รือไม่มีน้าปั าวะออกจากร่างกาย เนื่องจากไต
เริ่มมีการทางานที่บกพร่อง ระยะนี้เริ่มตั้งแต่ 1 วัน ถึง 2 ัปดา ์ อาการปั าวะออกน้อยยาวนานเท่าไร
อาการของโรคก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น ในระยะนี้ไตไม่ ามารถขับของเ ียออกได้ ทาใ ้ระดับของครีตินิน
และยูเรียไนโตรเจนเพิ่ม ูงขึ้น มีการคั่งของ น้า และเกลือแร่ในกระแ เลือด เช่น โปตั เซียม ฟอ เฟ
แมกนีเซียม กรดยูริก และไฮโดรเจนอิออน ระยะนี้ต้องระมัดระวังการได้รับ ารเ ล่านี้เพิ่มในร่างกาย
เช่น การใ ้ ารน้า ซึ่งอาจจะทาใ ้เกิดการบวม น้าท่วมปอด ัวใจล้มเ ลว จึงควรควบคุ มการใ ้น้า
จากัดอา ารที่มีโปรตีน ูงเนื่องจากจะทาใ ้กรดเพิ่มขึ้นในกระแ เลือด เกิดภาวะเลือดเป็นกรด เกิด
ภาวะโปตั เซี ยมในเลื อ ด ู ง (hyperkalemia) ทาใ ้ เ กิดอาการเป็น พิ ของโปตั เซีย มซึ่งมี ผ ลต่ อ
กล้ามเนื้อ ัวใจ ่งผลใ ้ ัวใจเต้นผิดปกติ รือ ยุดเต้นได้ การเปลี่ยนแปลงมีอาการและอาการแ ดง
ดังนี้
 ระดับโปตั เซียม ูงเกิน 6.5 มิลลิโมล/ลิตร คลื่นไฟฟ้า ัวใจจะมี T-wave ูง
 ระดับโปตั เซียม 6.5 - 7.5 มิลลิโมล/ลิตร ัวใจเต้นช้าลง QRS complex กว้างขึ้น
P-R interval จะยาวขึ้น P-wave ต่าลงจนในที่ ุด ายไป กลายเป็น complete heart
block
 ระดับโปตั เซียม ูงกว่า 7.5 - 8 มิลลิโมล/ลิตร ทาใ ้ R-wave ลดลงจนในที่ ุดเกิด
QRS และ T-wave เปลี่ยนเป็นฟันเลื่อยจนเกิด ventricular fibrillation และเกิดภาวะ
ัวใจ ยุดเต้น
อาการแ ดงของภาวะยูรีเมียจะเริ่มชัดเจนใน ัปดา ์ที่ อง ทาใ ้มีอาการแ ดงในระบบต่างๆ
ของร่ า งกาย ได้ แ ก่ ภาวะที่ มี โ ปตั เซี ย มในเลื อ ด ู ง อาการคลื่ น ไ ้ อาเจี ย น บวม ( pulmonary
edema) อาการซึม จนถึงอาการชัก และ มด ติ
3. ระยะปั าวะออกมาก (diuretic phase)ปั าวะอาจจะออกถึงวันละ 1,000 - 2,000 มล.
ซึ่งอาจนาไป ู่ภาวะขาดน้า ร้อยละ 25 จะตายจากภาวะไตวายเฉียบพลันในระยะนี้
4. ระยะฟื้น ภาพ (recovery phase) เป็นระยะที่ น้าที่ของไตค่อยๆฟื้น ภาพอย่างช้าๆ อาจใช้
เวลาฟื้น ภาพร้อยละ 70 - 80 ภายในเวลาระยะ 1 ปี ในบางรายอาจมีการเ ีย น้าที่บาง ่วนอย่างถาวร
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 14
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะไตวายเฉียบพลัน19,20
การรัก าในผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือการป้องกัน และจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นตามพยาธิ ภาพ และ
าเ ตุของการเกิด ป้องกันกระบวนการต่างๆที่ก่อใ ้เกิดภาวะนี้ เป้า มายคือการรัก าปริมาณ น้า
และอิเล็คโทรไลต์ใ ้ มดุล เพื่อคงปริมาณเลือดใ ้ ไปเลี้ยงไตได้อย่างพอเพีย ง ป้องกัน ภาวะวิกฤติ
ที่อาจเกิดในผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน การรัก าที่รวดเร็วและถูกต้อง ามารถทาใ ้ไตกลับ ู่ ภาพปกติได้
แต่ถ้าผู้ป่วยมีปริมาณน้าในระบบไ ลเวียนมากเกินไป รือมีภาวะของเ ียคั่งในกระแ เลือด (uremia)
มีภาวะโปตั เซี ยมในเลือด ูง ภาวะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนแปลงการทางานของ
ระบบประ าท ่วนกลาง รือมีเยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ จะรัก าภาวะดังกล่าวโดยการรัก าด้วยการบาบัด
ทดแทนไต

โรคไตเรื้อรัง (chronic kidney disease : CKD)10,12,15,19-21


โรคไตเรื้อรัง มายถึง ภาวะที่มีความผิดปกติทางโครง ร้าง รือการทา น้าที่ของไตอย่างใด
อย่าง นึ่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน เช่น การมีนิ่ว รือถุงน้าที่ไต การมีโปรตีน รือเม็ดเลือดแดง
ในปั าวะ โดยที่อัตราการกรองของไตอาจปกติ รือผิดปกติก็ได้ รวมถึงการตรวจพบอัตราการกรอง
ของไตต่ากว่า 60 มล./นาที/พี้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2 ติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน ไม่ว่าจะมีความผิดปกติ
ทางโครง ร้าง รือการทา น้าที่ของไตก็ตาม12,20
โรคไตเรื้อรังเป็นภาวะที่ไตมีการเ ื่อม น้าที่ลงเรื่อยๆ ซึ่งการเ ื่อมนี้ไม่ ามารถแก้ไขใ ้กลับฟื้น
คืน ู่ ภาวะปกติ จนถึงจุดที่ระบบ มดุลของร่างกายไม่ ามารถปรับได้ อาการจะค่อยเป็นค่อยไป
โดยยังไม่ปรากฎอาการในระยะแรก และจะเริ่มแ ดงอาการเมื่อเข้า ู่ระยะไตวาย

พยาธิสรีรวิทยา (pathophysiology) 10,12,15,19-21


เกิดจากการเ ื่อมของไต และการถูกทาลายของ น่วยไต มีผลใ ้อัตราการกรองทั้ง มดลดลง
และการขับถ่ายของเ ียลดลง ปริมาณครีตินิน และ ยูเรียไนโตรเจน ในเลือด ูงขึ้น น่วยไตที่เ ลืออยู่
จะเจริญมากผิ ดปกติเพื่อกรองของเ ี ยที่ มีมากขึ้น ผลที่เกิดทาใ ้ ไตเ ี ยความ ามารถในการปรั บ
ความเข้มข้นปั าวะ ปั าวะถูกขับออกไปอย่างต่อเนื่อง น่วยไตไม่ ามารถดูดกลับเกลือแร่ต่างๆ
ได้ ทาใ ้ ูญเ ียเกลือแร่ออกจากร่างกาย
จากการที่ไตถูกทาลายมากขึ้น และการเ ื่อม น้าที่ของ น่วยไต ทาใ ้อัตราการกรองของไต
ลดลง ร่างกายจึงไม่ ามารถขจัดน้า เกลือ ของเ ียต่างๆ ผ่านไตได้ เมื่ออัตราการกรองของไตน้อยกว่า
10-20 มล./นาที ่งผลใ ้เกิดการคั่งของยูเรียในร่างกายเป็น าเ ตุใ ้ผู้ป่วยเ ียชีวิตในที่ ุด ดังนั้น
เมื่อเข้า ู่ระยะดังกล่าวผู้ป่วยจึงควรได้รับการรัก าด้วยการบาบัดทดแทนไต

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 15
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง (etiology and risk factors) 10,12,15,19-21


โรคไตเรื้อรังเกิดได้จากความผิดปกติใดก็ตาม ที่มีการทาลายเนื้อไต ทาใ ้มีการ ูญเ ีย น้าที่
ของไตอย่างถาวร ซึ่งมักค่อยเป็นค่อยไป าเ ตุที่พบบ่อยที่ ุดคือ โรคเบา วาน รองลงมาคือโรค
ความดันโล ิต ูง ่วน าเ ตุอื่นได้แก่ โรค ลอดเลือดฝอยในไตอักเ บเรื้อรัง (glomerrulonephritis)
ความผิดปกติของไต และ ระบบทางเดินปั าวะตั้งแต่กาเนิด โรคพันธุกรรมต่างๆ เช่น โรคลูปั ภาวะอุดกั้น
ในทางเดินปั าวะ รวมทั้งไตอักเ บเรื้อรังจากการติดเชื้อ

ระยะของโรคและอาการแ ดง (clinical manifestation)12,19


ระยะของไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะตามระดับการทางานของไต โดยใช้ค่าอัตราการกรอง
ของไตเป็นตัวกา นดดังนี้
ระยะที่ 1 ผู้ป่วยมีอัตราการกรองของไตมากกว่า 90 มล./นาที/พี้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2 มายถึง
การมีความผิดปกติของไต แต่ค่าอัตราการกรองของไตยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ รืออาจต่าลงเล็กน้อย ในระยะนี้
ยังไม่พบอาการแ ดงที่ผิดปกติ แต่บางรายอาจตรวจพบโปรตีนในปั าวะได้
ระยะที่ 2 ผู้ป่วยมีอัตราการกรองของไตมากกว่า 60 - 89 มล./นาที/พี้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2
มายถึง การมีความผิดปกติของไต เมื่อค่าอัตราการกรองของไตลดลงเล็กน้อยโดยทั่วไปผู้ป่วยจะยังคง
มี อ าการปกติ ความดั น โล ิ ต อาจเริ่ ม ู ง ขึ้ น ในระยะนี้ จะเริ่ ม พบความผิ ด ปกติ ใ นผลการตรวจ
ทาง ้องปฏิบัติการต่างๆ
ระยะที่ 3 ผู้ป่วยมีอัตราการกรองของไตมากกว่า 30 - 59 มล./นาที/พี้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2
มายถึง การมีความผิดปกติของไต ค่าอัตราการกรองของไตลดลงปานกลาง มักยังไม่แ ดงอาการผิดปกติ
โดย ่วนใ ญ่พบภาวะความดันโล ิต ูง และอาจตรวจพบภาวะซีด แคลเซียมในเลือดต่า และฟอ เฟต
ในเลือด ูงได้ในระยะนี้ ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวังและใ ้การรัก าภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ระยะที่ 4 ผู้ป่วยมีอัตราการกรองของไตมากกว่า 15 - 29 มล./นาที/พี้นที่ผิวกาย 1.73 เมตร2
มายถึง การมีความผิดปกติของไต และค่าอัตราการกรองของไตลดลงอย่างมาก ผู้ป่วยมักมีอาการ
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออา าร บวม ความจาแย่ลง ผลการตรวจทาง ้องปฏิบัติการต่างๆผิดปกติ พบภาวะ
กรดจากการเผาผลาญ (metabolic acidosis) และไขมันในเลือดผิดปกติ (dislipidemia) ควรมีการ
เตรียมพร้อมเพื่อใ ้การบาบัดรัก าทดแทนไตต่อไป

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 16
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ระยะที่ 5 ผู้ ป่ ว ยมี อั ต ราการกรองของไตน้ อ ยกว่ า 15 มล./นาที / พี้ น ที่ ผิ ว กาย 1.73 เมตร 2
ซึ่งถือว่าเป็นระยะไตวาย ทาใ ้มีความผิดปกติเกือบทุกระบบของร่างกาย ร่างกายเ ีย มดุล น้า และ
อิเล็กโตรไลต์ ผู้ป่วยมีอาการยูรีเมีย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออา าร ผิวแ ้ง คัน คลื่นไ ้ อาเจียน ะอึก
เป็นตะคริว นอนไม่ ลับ อาจเกิดภาวะ ัวใจวายเนื่องจากน้าเกิน และภาวะความดันโล ิต ูงได้ ผู้ป่วย
จาเป็นต้องได้รับการบาบัดทดแทนไต โดยเฉพาะในรายที่มีอาการยูรีเมีย

ตารางที่ 1 แสดงระดับความรุนแรงของโรคไตวายเรื้อรังระยะต่างๆ22

ระยะของโรคไตวายเรื้อรัง

อัตราการกรองของไต (GFR)
ระยะ ข้อบ่งชี้
มล./นาที/พื้นที่ผิวกาย 1.73 ตร.ม.

มีการทาลายไตเกิดขึ้นแต่อัตราการกรองยังอยู่ในเกณฑ์
ระยะที1่ มากกว่า รือเท่ากับ 90
ปกติ
ระยะที2่ มีการทาลายไตร่วมกับอัตราการกรองลดลงเล็กน้อย อยู่ในช่วง 60-89
ระยะที3่ มีการลดลงของอัตราการกรองของไตปานกลาง อยู่ในช่วง30-59
ระยะที4่ มีการลดลงของอัตราการกรองของไตรุนแรง อยู่ในช่วง 15-29
ระยะที5่ มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้าย น้อยกว่า 15 รือต้องฟอกเลือด

ผลกระทบจากภาวะไตวายและการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพ12,13,20,21,23
1. การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิค (metabolic alteration) ได้แก่
1.1 ยูเรียและครีตินิน ผู้ป่วยจะมีระดับของยูเรียไนโตรเจน และครีตินิน ในกระแ เลือด ูง
เมื่ออัตราการกรองของไตเ ลือน้อยกว่าร้อยละ 40 การคั่งค้างของยูเรีย จะทาใ ้เกิดอาการคลื่นไ ้
อาเจียน ท้องเดิน ซีด เลือดออกในลาไ ้ ยูเรียที่คั่งค้างมากจะซึมออกมาตามผิว นังเมื่อแ ้งแล้วจะเป็น
ขี้เกลื อ (uremic frost) ยูเรียที่ดูดซึมในล าไ ้จะถูกเปลี่ ยนเป็นแอมโมเนีย และถูกดูดกลับเข้า ู่
กระแ เลือด ทาใ ้ลม ายใจมีกลิ่นเ มือนปั าวะ (uremic odor) การรับร ของลิ้นเ ีย เกิดแผลใน
ลาไ ้ และกระพุ้งแก้ม ถ้า น่วยไตถูกทาลายไปร้อยละ 75 ระดับของครีตินินในเลือดจะเพิ่มขึ้นเป็น
4 เท่า ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคไตปรากฏ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 17
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

1.2 โซเดียม ในระยะแรกๆผู้ป่ ยมักมีโซเดียมในเลือดต่า เนื่องจากมีภา ะปั า ะออกมาก


อาเจียน รือท้องเ ีย ภา ะโซเดียมในเลือดต่าทาใ ้เกิดอาการ เช่น ค ามดันโล ิตต่า ซึม อ่อนแรง
กระตุก และ มด ติ การขาดโซเดียมทาใ ้การไ ลเ ียนเลือดที่ไปเลี้ยงไตลดลง ไตจะเ ื่อมมากยิ่งขึ้น
ในระยะท้ายๆ ค าม ามารถในการขับโซเดียมออกจากร่างกายลดลง เกิดการคั่งของโซเดียม ทาใ ้
เพิ่มจาน นน้าและเลือด ค ามดันโล ิต ูง อาจทาใ ้ ั ใจ าย และน้าท่ มปอด เมื่อ ั ใจ ายเลือดจะ
ไปเลี้ยงไตลดลงอีกทาใ ้ไตเ ื่อมมากยิ่งขึ้น
1.3 โปตัสเซียม ระดับโปตั เซียมจะ ูงได้ในผู้ป่ ยที่มีอัตราการกรองของไตลดลงต่าก ่า
10-15 มล./นาที รือมีปั า ะน้อยก ่า ันละ 500 มล. ่งผลใ ้การขับโปตั เซียมออกทางปั า ะ
ลดลง อาการแ ดงของระดับโปตั เซียมในเลือด ูง ได้แก่ ั ใจเต้นผิดจัง ะ ชีพจรช้า กล้ามเนื้อ
อ่อนแรงโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใ ญ่ ถ้ารุนแรงอาจมีอันตรายถึงชี ิต
1.4 แคลเซียมและฟอสเฟต เมื่ออัตราการกรองของไตลดต่าลงก ่า 30-50 มล./นาที จะทา
ใ ้มีการกรองฟอ เฟตออกจากไตลดลง เกิดการคั่งของฟอ เฟตในเลือด ่งผลใ ้ระดับแคลเซียมลดลง
อาการแ ดงที่ าคัญของระดับแคลเซียมในเลือดต่า คือ อาการทางระบบประ าทและกล้ามเนื้อ ได้แก่
อาการชา ชัก ค ามดันโล ิตต่า ั ใจเต้นผิดปกติ
1.5 แมกนีเซียม ผู้ป่ ยอาจมีภา ะแมกนีเซียมต่าจากการไม่ได้รับ ารอา ารเพียงพอ ท้องเ ีย
รือ ได้รับยาขับปั า ะ ถ้าอัตราการกรองของไตลดลงต่าก ่า 30 มล./นาทีแมกนีเซียมในเลือดจะ
ูงขึ้น เมื่อ ูงก ่า 4 มิล ลิโมล/ลิตร ผู้ ป่ ยจะมีอาการ ซึม อ่อนเพลีย ตั แดง ค ามดันโล ิ ตต่า
แมกนีเซียม ูงมากก ่า 15 มิลลิโมล/ลิตร ผู้ป่ ยจะมีอาการไม่รู้ ึกตั ยุด ายใจ ั ใจ ยุดเต้น
อาการแ ดงที่มีระดับแมกนีเซียมในเลือด ูงจะมีอาการเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเกิดระดับของแคลเซียม
ในเลือดต่าร่ มด้ ย
2. การเปลี่ยนแปลงภาวะสมดุลกรด-ด่าง จากขบ นการเผาผลาญอา ารในร่างกาย ทาใ ้เกิด
ไฮโดรเจนอิออน ไตทา น้า ที่ในการขั บไฮโดรเจนอิออนออกจากร่ างกายทางปั า ะในรูปของ
แอมโมเนียประมาณร้อยละ 60 การขับออกจะลดลงเมื่ออัตราการกรองลดลงเ ลือ 20 มล. /นาที
เกิดการ ร้างแอมโมเนียโดย ลอดไต ่ นต้นลดลง เนื่องจากจาน น น่ ยไตน้อยลง การกรองฟอ เฟต
ผ่านได้น้อยลงในระยะ ลังของโรค มีการรั่ ของไบคาร์บอเนตที่ ลอดไต ่ นต้น การขับไฮโดรเจน
อิออนลดลง ทาใ ้เกิด ภา ะกระดูกกร่อน ภา ะเลือดเป็นกรด มีอาการป ด ีร ะ คลื่นไ ้อาเจียน
เบื่ออา าร อ่อนเพลี ย เ นื่ อยล้ า ในรายที่มีอาการมากจะมีอาการ ายใจ อบลึ ก ายใจเร็ ลึ ก
(kussmaul respiration) ซึม และ มด ติในที่ ุด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 18
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

3. การเปลี่ ยนแปลงของปริ มาณน้ าในร่ า งกาย ผู้ ป่ว ยที่ มีภ าวะไตวายจะพบว่ ามี อาการของ
การขาดน้า รือภาวะน้าเกิน ทั้งนี้ขึ้ นอยู่กับการเ ื่อม น้าที่ของไตและระยะเวลาที่เป็น ในระยะ
เริ่มแรกที่ไต ูญเ ีย น้าที่ในการทาใ ้ปั าวะเข้มข้น ผู้ป่วยจะมีปั าวะมาก แต่เมื่อผู้ป่วยมีอัตรา
การกรองของไตลดเ ลือ 4-5 มล./นาที จะมีภาวะน้าเกินซึ่งเป็นปัญ าที่พบได้บ่อย
4. การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้ าย
มีความเ ี่ยงต่อการเ ียชีวิตจากโรค ัวใจมากกว่าคนปกติ 10 - 30 เท่า ความผิดปกติทางระบบ ัวใจและ
ลอดเลือด ได้แก่ ความดันโล ิต ูง ไขมันในเลือด ูง ัวใจล้มเ ลว เยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ
5. การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจ ปัญ าในระบบทางเดิน ายใจในผู้ป่ว ยไตวาย
เรื้อรังได้แก่ ภาวะน้าท่ว มปอด การติดเชื้อในปอด เยื่อ ุ้มปอดอักเ บ และ น้าในช่องเยื่อ ุ้มปอด
มีอาการ ายใจ อบลึกจากภาวะเลือดเป็นกรด ลม ายใจมีกลิ่นยูเรีย ผู้ป่วยจะมีเ ม ะเ นียวข้น
กลไกการไอลดลง ร่ว มกับ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทาใ ้ ผู้ ป่ว ยมีโ อกา เกิดการติดเชื้อในปอด และ
เ ียชีวิตได้เร็วขึ้น
6. การเปลี่ยนแปลงของระบบเลือด เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโล ิตวิทยา ลายประการ ได้แก่
ภาวะซีด รือโล ิ ตจาง เลื อดออกง่ายกลไกการเกิดลิ่มเลื อดผิ ดปกติ การทางานของเม็ดเลื อดขาว
ผิดปกติ
6.1 ภาวะโล ิตจาง ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง าเ ตุเกิดจาก
6.1.1 มีก าร ร้า งอี ริ โ ธปอยอิติ น (erythropoietin) ลดลง ท าใ ้ ก ารผลิ ต เม็ด เลื อ ดแดง
น้อยลง
6.1.2 ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ ร้างฮอร์โมนมากไป (secondary hyperparathyroidism)
รือมีการขาด ารอา ารบางชนิดได้แก่ เ ล็ก โฟเลต และวิตามินบี 12 ที่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการ
6.1.3 เม็ดเลือดแดงมีอายุ ั้นกว่าปกติ เนื่องจากภาวะยูรีเมีย การขาดเ ล็กและโฟลิค รือ
มีการ ูญเ ียเลือด เช่น เลือดออกจากระบบทางเดินอา าร มีแผลในกระเพาะอา าร การรัก าด้วย
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
6.2 ภาวะเลื อดออกง่าย เนื่องจากเกล็ ดเลื อดมีป ระ ิ ทธิ ภ าพในการท างานลดลง ปริมาณ
เกล็ดเลือดน้อยลงจากภาวะยูรีเมีย ทาใ ้เลือดแข็งตัวช้า ่งผลใ ้เลือดออกง่าย
6.3 ภาวะต้านทานโรคต่า พบมีเม็ดเลือดขาวลดลง ค่าลิมโฟซัยท์ทั้งชนิด ที บี เซลล์ ลดลง
โมโนซัยท์ทางานลดลง ิ่งเ ล่านี้ทาใ ้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานลดลง

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 19
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

7. การเปลี่ ย นแปลงระบบทางเดิ น อา าร เกิ ด การเปลี่ ย นแปลงตั้ ง แต่ ป ากจนถึ ง ท าร นั ก


เริ่มแรก จะมีอาการ เบื่ออา าร คลื่นไ ้ อาเจียน ลิ้นมีร เฝื่อน ท้องผูก มีการ ลั่งกรดในกระเพาะ
อา ารเพิ่มขึ้น ทาใ ้เกิดการอักเ บของกระเพาะอา าร และมีแผลในลาไ ้
8. การเปลี่ยนแปลงของระบบประ าท พบค ามผิดปกติในระบบประ าท ่ นกลาง ่ นปลาย
และระบบประ าทอัตโนมัติ ค ามผิดปกติในระบบประ าท ่ นกลางได้แก่ มอง ่ นต่างๆทางาน
ผิดปกติ เช่น ไม่มี มาธิ เฉื่อยชา พูดช้า ลงลืมง่าย ระดับค ามรู้ ึกตั ผิดปกติ งุด งิดง่าย ซึมลง ชัก
และ มด ติ ค ามผิ ด ปกติ ใ นระบบประ าท ่ นปลาย และระบบประ าทอั ต โนมั ติ ได้ แ ก่
ค ามผิดปกติของประ าท ่ นปลายมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริ ต่อมเ งื่อทางานลดลง
ป ดแ บป ดร้อนตามปลายประ าท มีอาการขยับเท้าตลอดเ ลา มีการเดินเท้า ่างทาใ ้การทรงตั ไม่ดี
9. การเปลี่ ยนแปลงของระบบผิ ว นั ง จะมี ลั ก ณะของผิ นัง คื อ ผิ ี เ ลื อ งปนเทา ซี ด
เกิดจากภา ะโล ิตจาง และมี ารยูโรโครม (urochrome) และมีเกลือยูเรีย (uremic frost) เกาะที่ผิ นัง
มีการลดลงของต่อมเ งื่อ และต่อมน้ามันทาใ ้ไม่มีการขับเ งื่อ ผิ นังแ ้ง มีแคลเซียมฟอ เฟตที่
ผิ นัง ทาใ ้มีอาการคัน ร่ มกับมีค ามผิดปกติเกี่ย กับการแข็งตั ของเลือด ทาใ ้ผู้ป่ ยเกิดจ้าเลือด
ได้ง่าย มีอาการบ ม และนาไป ู่การติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ป่ ยยังมี เล็บ และเ ้นผมเปราะบาง
และฉีกขาดง่าย บนเล็บจะมีแถบ ีแดงปรากฏขึ้น (Muehrcke’s line) รือมีลั ก ณะเล็บ อง ี
โดยบริเ ณโคนเล็บเป็น ีขา ปลายเล็บเป็น ีน้าตาล (half-and-half nail)
10. การเปลี่ ย นแปลงของระบบกระดู ก และกล้ า มเนื้ อ พบอาการกล้ า มเนื้ อ อ่ อ นแรงจาก
การมีฟอ ฟอรั ูง และ แคลเซียมต่า มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูก (renal osteodystrophy) ทาใ ้
มีการ ลายแคลเซียมจากกระดูกเกิดภา ะกระดูกผุ รือกระดูกพรุน แคลเซียมที่ ลายเกิดการร มตั เป็น
แคลเซียมฟอ เฟต มักไปเกาะตามอ ัย ะต่างๆ ได้แก่ ผิ นัง ตา ลอดเลือด ั ใจ ปอด ข้อต่อ
กระดูก ทาใ ้เกิดเกิดอาการเจ็บป ดตามข้อ
11. การเปลี่ยนแปลงของระบบต่อมไร้ท่อ มีอาการและอาการแ ดงของต่อมไร้ท่อทางานผิดปกติ
ในต่อมไทรอยด์ มีผลทาใ ้ เด็กมีการเจริญเติบโตช้า คอพอก อ ัย ะเพ เจริญได้ไม่เต็มที่ มีการ ลั่ง
ฮอร์โมนพาราไทรอยด์มากขึ้น ทาใ ้ระดับแคลเซียมในเลือดต่า ่งผลใ ้เกิดกระดูกผุ รือกระดูกพรุน

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 20
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

12. การเปลี่ ย นแปลงของระบบสื บ พั น ธุ์ ในเพ ชายพบการเ ื่ อ ม มรรถภาพทางเพ ใน


เพ ญิงมีการเปลี่ยนแปลงของประจาเดือน และน้า ล่อลื่นในช่องคลอดลดลง มาจาก ลาย าเ ตุ
จากระดับของยูเรียที่ ูงขึ้น ภา ะค ามผิดปกติของระบบประ าท รีร ิทยา ร มทั้งค ามผิดปกติ
ด้านฮอร์โมน ปัญ าทางด้านจิตใจ ภา ะซีด ค ามดันโล ิต ูง ยาที่ได้รับ และภา ะทุพโภชนาการ
13. การเปลี่ยนแปลงของดวงตา ผู้ป่ ยมักมีตาแดง ตามั เกิดเนื่องจากมีแคลเซียมไปเกาะ
ที่ เ ยื่ อ บุ ต า รื อ ที่ ก ระจกตา เกิ ด การระคายเคื อ ง อาจพบการเปลี่ ย นแปลงของเรติ น าจากโรค
ค ามดันโล ิต ูง รือเบา าน การทางานของกล้ามเนื้อตาผิดปกติจากการเปลี่ยนแปลงของระบบ
ประ าท อาจพบค ามพิการของตาร่ มด้ ย
14. การเปลี่ยนแปลงทางจิตสังคม มักเป็นผลจากการเปลี่ ยนแปลงทาง รีรภาพ รือภา ะ
เครียด พบในผู้ป่ ยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการรัก าตลอดชี ิต รู้ ึกไร้อานาจจากการค บคุมโรคไม่ได้
ผู้ป่ ยต้องทนทุกข์กับการเปลี่ยนแปลงทางบทบาท น้าที่ ูญเ ียภาพลัก ณ์ อาชีพการงาน ิถีชี ิต
ที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงทางเ ร ฐกิจจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากภา ะ ุขภาพ ซึ่งอาจนาไป ู่
ปัญ าทางการงานและค าม ัมพันธ์ใน ังคมได้ 20,24

แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง10,12,20,25

การรัก าโรคไตเรื้อรัง ประกอบด้ ย ลักการใ ญ่ๆ 3 ประการ คือ


1. รัก าต้นเ ตุที่ทาใ ้เกิดโรคไต
2. รัก าภา ะที่ทาใ ้ น้าที่ของไตเ ียเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน เช่น ค ามดันโล ิต ูงที่เกิด
ภาย ลังภา ะไต าย ค ามไม่ มดุลของ ารน้าและอิเล็กโทรไลต์ รือภา ะแทรกซ้อน เช่น เกิดจาก
การติดเชื้อ รือภา ะแทรกซ้อนจากการใช้ยาชนิดต่างๆ
3. ชะลอการเ ื่อมอย่างร ดเร็ ของไต (progressive)

ในผู้ป่ ยโรคไตเรื้อรัง การชะลอค ามเ ื่อมของไตเป็น ิ่ง าคัญ เพื่อชะลอค ามก้า น้าของโรค
ไม่ใ ้เข้า ู่ระยะไต าย ป้องกันและรัก าภา ะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยจาเป็นต้องการรัก า าเ ตุ
ที่ทาใ ้เกิดโรคไตเรื้อรัง ค้น า าเ ตุและแก้ไข าเ ตุนั้นเท่าที่ทาได้ เช่น การค บคุมระดับน้าตาล
ในผู้ป่ ยเบา าน ค บคุมค ามดันโล ิต ใ ้ยารัก าภา ะติดเชื้อ ยุดยาที่ ่งเ ริมใ ้ภา ะของโรค
เป็นมากยิ่งขึ้น รือ ผ่าตัดรัก าอาการอุดตันของทางเดินปั า ะ เป็นต้น

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 21
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

แนวทางในการดูแลรัก าผู้ป่วยกลุ่มนี้ ได้แก่

 การควบคุมความดันโล ิต

ภา ะค ามดันโล ิต ูงเป็นปัจจัย าคัญ ที่ทาใ ้ไตเ ื่อม มรรถภาพลงอย่างร ดเร็ ดังนั้นการ


ค บคุมค ามดันโล ิตจึงนับเป็น ิ่ง าคัญที่ ุดในการช่ ยชะลอการเ ื่อมของไต โดยทั่ ไปผู้ป่ ยโรคไต
เรื้อรังค รได้รับการค บคุมค ามดันโล ิตใ ้อยู่ในเกณฑ์ คือ ถ้าผู้ป่ ยที่มีโปรตีนในปั า ะน้อยก ่า
+1 ค รใ ้ค ามดันโล ิต ูงไม่เกิน 130/85 มม.ปรอท ถ้ามีโปรตีนในปั า ะตั้งแต่ +1ขึ้นไป ค รใ ้
ค ามดันโล ิต ูงไม่เกิน 125/75 มม.ปรอท โดยผู้ป่ ยมักได้รับยาลดค ามดันโล ิต ในกลุ่มต่อต้าน
เอ็นไซม์กระตุ้นการ ลายแองจิโอเทนซิน (angiotensin converting enzyme inhibitor : ACEI)
เช่น enalapril และยาขับปั า ะ เพื่อค บคุมค ามดันโล ิต และชะลอการเ ื่อมของไต ทั้งนี้ผู้ป่ ย
ค รได้รับการประเมินค ามดันโล ิต ัดค่าระดับครีตินิน และค่าระดับโปแต เซียมในเลือดเป็นระยะ
และค บคุมอา ารเค็ม เพื่อช่ ยใ ้ยากลุ่ม ACEI ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

 การควบคุม มดุลน้า
ผู้ป่ ยมักมีภา ะน้าเกิน และมักต้องเข้ารับการรัก าในโรงพยาบาลด้ ยภา ะ ั ใจล้มเ ล
น้าท่ มปอด การดูแลจาเป็นต้องประเมิน ใ ้ ค ามรู้ และติดตามภา ะ มดุล น้าของผู้ ป่ ย ผู้ ป่ ย
บางรายอาจมีภา ะขาดน้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ ูงอายุ การใ ้น้าทดแทนต้องทาอย่างระมัดระ ัง
และคอยประเมินภา ะ ั ใจล้มเ ล ด้ ย

 การควบคุมอิเล็กโทรไลต์
ที่ าคัญคือภา ะโปแต เซียมในเลือด ูง ซึ่งเกิดขึ้นได้บ่อย เป็นอันตรายต่อผู้ป่ ย ต้องระมัดระ ัง
เป็นพิเ โดยเฉพาะในผู้ป่ ยที่มีปั า ะออกน้อย ในรายที่มีระดับโปแต เซียมในเลือด ูงมากจะทาใ ้
ั ใจทางานผิดปกติ รัก าโดยใ ้ kayexalate, NaHCO3, กลูโค และ อินซูลิน รือพิจารณาทาการ
ฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม เพื่อขจัดโปแต เซียมออกจากร่างกาย ในรายที่มีภา ะแคลเซียมในเลือด
ต่า และฟอ เฟตในเลือด ูงอาจรัก าโดยใ ้ แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมอะซิเตต เพื่อใ ้ยาจับกับ
ฟอ ฟอรั ในลาไ ้ ทาใ ้เพิ่มระดับแคลเซียม และลดระดับฟอ ฟอรั ใ ้เป็นปกติ

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 22
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

 การควบคุม มดุลกรด - ด่าง


เนื่องจากภาวะเลือดเป็นกรด จะช่วยเร่งใ ้ไตเ ื่อม ภาพเร็วขึ้น ผู้ป่วยควรได้รับยาโซดามินท์
(sodium bicarbonate) ในรูปรับประทาน รือทาง ลอดเลือดดาเพื่อรัก าระดับ ไบคาร์บอเนตใน
กระแ เลือดไม่ใ ้ต่ากว่า 23 มิลลิอิควิวาเลนท์/ลิตร

 การควบคุมอา าร
ผู้ป่ วยควรได้รับ อา ารที่เพียงพอเ มาะ มกับระยะของโรค ปริมาณอา ารที่ได้รับควรใ ้
พลั งงานประมาณ 30-45 กิโ ลแคลอรี่/กก./วัน โดยร้อยละ 60 ของพลั งงาน ควรมาจากอา าร
ประเภทแป้งและน้าตาล อีกร้อยละ 30 มาจากไขมัน ถ้าผู้ป่วยได้รับอา ารที่ใ ้พลังงานน้อยเกินไป
จะทาใ ้ มีการ ลายกล้ามเนื้อเพื่อนาพลังงานมาใช้ เกิดการคั่งของของเ ี ยเพิ่มมากขึ้น อา ารที่
เ มาะ มกับผู้ป่วยควรเป็นอา ารที่มีโปรตีน โปแต เซียม โซเดียม และฟอ เฟตต่า ลีกเลี่ยงการ
รับประทาน ไข่แดง เนื้อ ัตว์ นม เมล็ดพืช ต่างๆ เนื่องจากมีปริมาณฟอ เฟต ูง การรับประทาน
อา ารที่มีฟอ เฟตต่า รือรับประทาน ารจับฟอ เฟต เช่น Calcium carbonate, Calcium acetate
จะช่วยลดการดูดซึมฟอ เฟตในลาไ ้ ลดอัตราการเ ื่อมของไต ลดความรุนแรงของโปรตีนที่รั่วทาง
ปั าวะ
ภาวะไขมั น ในเลื อ ด ู ง ลี ก เลี่ ย งอา ารที่ มี ไ ขมั น ั ต ว์ รื อ กะทิ ม าก ควบคุ ม ปริ ม าณ
คลอเร เตอรอลไม่ควรใ ้ เกิน 300 มก./วัน ควบคุมอา ารกลุ่มโปรตีน โดยการรับประทานอา ารที่มี
โปรตีนต่า เนื่องจากอา ารที่มีโปรตีนต่าจะช่วยลดการทางานของไต ลดการกรอง ในโกลเมอรูลั
ลดปริมาณการรั่วของโปรตีนในปั าวะ และลดระดับฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ ในเลือด ซึ่งมีผลทาใ ้
ไตเ ื่อมช้าลง การรับประทานอา ารโปรตีนต่าตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของ โรคไตเรื้อรัง ามารถชะลอการ
เ ื่อมของไตและช่วยลดการ ะ มของเ ี ยในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มี
โรคเบา วานร่วมด้วย12

 การป้องกันและรัก าตามอาการต่างๆ
ผู้ป่วยควรได้รับการรัก าตามอาการ เช่น ในภาวะซีด ผู้ป่วยควรได้รับ ารอา ารที่ช่วยในการ
ร้างเ ริมเม็ดเลือดแดง เช่น ธาตุเ ล็ก กรดโฟลิคและยาฉีดกระตุ้นไขกระดูกเพิ่มการ ร้างเม็ดเลือดแดง
(epoetinalfa) ได้รับวิตามินเ ริมต่างๆ เช่น วิตามิน B1, B2, B6 และ B12 ได้รับยาลดการ ลั่งกรด
เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกในทางเดินอา าร เป็นต้น

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 23
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับความรู้ และคาแนะนา ใ ้ ความช่วยเ ลือเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยมีวัตถุประ งค์เพื่อชะลอความเ ื่อมของไต ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ามารถดารงชีวิตได้
อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีอายุยืนยาวขึ้น เช่น งดการ ูบบุ รี่ งดการดื่ม ุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ลดน้า นัก ออกกาลังกาย รวมทั้งปรับพฤติกรรมการรับประทานอา าร ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

 การระมัดระวังปัญหาจากเมตาบอลิซึมของยา (drug metabolism)


ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมักได้รับยา ลายชนิดร่วมกันเพื่อรัก าโรค และประคับประคองอาการต่างๆ
ควร ลี กเลี่ ยงการใช้ยาที่มีผ ลต่อการทางานของไต การมีพยาธิ ภาพที่ไตทาใ ้ มีผ ลต่อการดูดซึม
การเผาผลาญ การแพร่กระจาย และการขับ ยาออกจากร่างกาย ทาใ ้มีโอกา ได้ รับพิ จากยามากขึ้น
การประเมินค่าระดับครีตินินในเลือด และค่าเคลียแรนซ์ครีตินินเป็น ิ่ง าคัญ เพื่อนามาปรับขนาดของ
ยาที่ เ มาะ ม ผู้ ป่ ว ยเบา วานและได้ รั บ อิ นซู ลิ น เมื่ อ เข้ า ู่ ระยะที่ 3 และ 4 ของโรคไตเรื้ อ รั ง
จาเป็นต้องพิจารณาปรับปริมาณอินซูลิน ลดลงตามความเ มาะ ม เนื่องจากร้อยละ 30 ของอินซูลิน
ที่ได้รับจะถูกขับออกทางไต เมื่อไตเ ื่อม น้าที่ ความ ามารถในการขับอินซูลินก็ลดลงด้วย จึงมีระดับ
อินซูลินคงค้างในกระแ เลือด ดังนั้นการตระ นักถึงความ าคัญของการบริ ารยา และคอยติดตาม
ประเมินผลของยา พร้อมทั้งใ ้ความรู้แก่ผู้ป่วยอย่างเ มาะ ม จะช่วยเพิ่มประ ิทธิภาพการดูแลรัก า
ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ใ ้ดียิ่งขึ้น
เมื่อผู้ป่วยเข้า ู่ระยะที่ 5 ซึ่งเป็นระยะไตวาย (kidney failure) ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติเกือบ
ทุกระบบของร่างกาย ร่างกายจะเ ีย มดุลน้าและอิเล็กโตรไลต์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะของเ ียคั่ง
ในกระแ เลือด จึงจาเป็นต้องได้รับการรัก าด้วยการบาบัดทดแทนไตเพื่อทดแทนการทางานของไต
ที่ ูญเ ียไป

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 24
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

การรักษาด้วยการบาบัดทดแทนไต (renal replacement therapy)10,12,21,26-28


ปัจจุบันการรัก าบาบัดทดแทนไต ามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1. การปลูกถ่ายไต (kidney transplantation: KT)
คือการนาไตใ ม่มาปลูกถ่ายไว้ที่ผนัง น้าท้องของผู้ป่วย เพื่อทา น้าที่แทนไตเก่าที่เ ื่อม ภาพ
อาจได้รับการบริจาคจากญาติ ายตรง คู่ มร รือจากผู้เ ียชีวิต ปัจจุบันการปลูกถ่ายไตเป็นการรัก า
บาบัดทดแทนไตที่ดีที่ ุด26-28 มีอัตราการรอดชีวิต ูง ุดเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น10

ภาพที่ 5 Kidney Transplant29

2. การล้างไตทางช่องท้อง (peritoneal dialysis : PD)


คือการขจั ดของเ ี ย ออกจากร่ างกายโดยการใ ่ น้ายาเข้าไปในช่อ งท้องทิ้งไว้ 4-6 ชั่ ว โมง
ต่อรอบ น้ายาจะทาการกรองของเ ียออกจากเลือดผ่านเยื่อบุช่องท้องก่อนปล่อยน้ายาจากช่องท้อง
เพื่อนาไปทิ้ง โดยมีรอบการล้างไตทางช่องท้อง 4 รอบต่อวัน เป็นวิธีการบาบัดทดแทนไตที่ใช้อย่าง
แพร่ ลาย เทคนิคการทาค่อนข้างง่าย ามารถดึงน้าออกจากร่างกายได้มาก

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 25
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ภาพที่ 6 Peritoneal dialysis (PD)30

3. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
คือ ขบวนการนาเลือดของผู้ป่วยเข้า ู่เครื่องไตเทียม โดยเลือดที่ออกจากผู้ป่วยจะผ่านตัวกรอง
(hemodialyzer) เพื่อแลกเปลี่ยนน้า ารต่างๆที่ละลายอยู่ในเลือดและน้ายาด้วยกระบวนการออ โม ิ
และอัลตร้าฟิลเตรชั่น ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงต่อรอบ ก่อนนาเลือดที่ได้รับการฟอกแล้วกลับเข้า ู่ร่างกาย
โดยไปรับบริการที่ ถานรัก าพยาบาล 2-3 ครั้งต่อ ัปดา ์ เป็นการรัก าที่มีประ ิทธิภาพ ูง ามารถ
ขจัดของเ ียออกจากร่างกายได้ในระยะเวลาอัน ั้น และแก้ไขภาวะความเป็นกรดของเลือดได้อย่าง
รวดเร็ว

ภาพที่ 7 วงจรการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม31

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 26
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

ปัจจุบันการรัก าไต ายทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่นิยมมากที่ ุด คือ การฟอกเลือดด้ ย


เครื่องไตเทียม (hemodialysis)32 การผ่าตัดช่องทาง า รับการฟอกเลือดถือ ่าเป็นขั้นตอน าคัญใน
การรัก าชี ิตผู้ป่ ย33 ซึง่ ามารถเตรียมช่องทางได้ ลายช่องทางตามค ามเ มาะ มดังนี้

การเตรียมช่องทาง า รับการฟอกเลือด (vascular access)13,32-38


การผ่ า ตั ด เตรี ย มช่ อ งทาง า รั บ การฟอกเลื อ ด มายถึ ง การผ่ า ตั ด ท าช่ อ งทางในการ
นาเลือดออกจากตั ผู้ป่ ยเข้า ู่เครื่องไตเทียม ามารถแบ่งตามการใช้งานได้ 2 ชนิด คือ ชนิดชั่ ครา
(temporary vascular access) และชนิดระยะยา (long term or permanent vascular access)
1. ชนิดชั่วคราว (temporary vascular access)
เป็ น การใ ่ าย นเพื่ อ ฟอกเลื อ ดเข้ า ไปใน ลอดเลื อ ดด าใ ญ่ เ พื่ อ ใช้ เ ป็ น ช่ อ งทางในการ
นาเลือดออกจากตั ผู้ป่ ยเข้า ู่เครื่องไตเทียม ไม่มีผลต่อระบบ ั ใจ (ไม่เกิด high-output heart
failure) า รับใช้งานชั่ ครา ในกรณีที่ต้องการทาการฟอกเลือดเร่งด่ น เช่น ภา ะไต ายเฉียบพลัน
รื อ ภา ะไต ายเรื้ อ รั ง ที่ ก าลั ง รอใ ้ เ ้ น ฟอกเลื อ ดชนิ ด ถา ร ามารถใช้ ง านได้ ปัจ จุบ ัน ที ่ใ ช้ใ น
โรงพยาบาล ิริราช คือ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด (non- cuffed venous catheter) และ าย
นระยะยา เพื่อฟอกเลือด (tunneled cuffed venous catheter)
 าย วนชั่วคราวเพื่อฟอกเลือด (non-cuffed venous catheter)
ใช้ ใ นกรณี ฉุ ก เฉิ น รื อ ในผู้ ป่ ยไต ายเฉี ย บพลั น ระยะเ ลาในการใช้ ไ ม่ ค รเกิ น
3 ัปดา ์ เนื่องจากมีโอกา ติดเชื้อจากรูเปิดข้าง าย (exitsite infection) ูง13,33,38 กรณีจาเป็น
19

ามารถคา าย นฟอกเลือดได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อ รือเกิดการอุดตันแต่ไม่ค รใ ่ าย นฟอกเลือด


ชนิดชั่ ครา เกิน 2 เดือน32 ถ้าใช้นานก ่านั้นจาเป็นต้องเปลี่ยนเป็น าย นฟอกเลือดชนิดระยะยา

ภาพที่ 8 าย นฟอกเลือดชนิดชั่ ครา

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 27
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

 สายสวนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด (tunneled cuffed venous catheter)


ใช้ในผู้ป่วยไตวายซึ่งจาเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดในระยะยาว ายชนิดนี้ ่วนที่อยู่ใน
ร่างกายผู้ป่วยจะมีปลอก ุ้ม าย วน (dacron cuff) ใช้ยึด าย วนกับเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิว นังรอบๆ
าย วน เพื่อลดการติดเชื้อจากรูเปิดข้าง าย (exit site infection) ามารถคา าย วนได้นานกว่า
24 เดือน ถ้าไม่มีการติดเชื้อ รือ เกิดการอุดตัน28,34,35 และใช้ฟอกเลือดได้ทันทีภาย ลังการใ ่ าย วน

ภาพที่ 9 าย วนฟอกเลือดชนิดระยะยาว

2. ชนิดถาวร (long term or permanent vascular access) 28,32,34,37,38

เป็นการผ่าตัดเชื่อมระ ว่าง ลอดเลือดแดง และ ลอดเลือดดาเป็นช่องทาง า รับแทงเข็ม


เพื่อนาเลือดออกจากตัวผู้ป่วยเข้า ู่เครื่องไตเทียมใช้ในการฟอกเลือดระยะยาว ควรเลือกผ่าตัดแขน
ข้างที่ไม่ถนัด (nondominant arm) เพื่อใ ้ผู้ป่วย ามารถทางาน รือช่วยเ ลือตนเองได้ ในขณะ
ฟอกเลือด ตาแ น่งควรอยู่ ่วนปลาย (distal) ที่ ุดเท่าที่จะทาได้ เพื่อเก็บ ่วนต้นของ ลอดเลือด
(proximal site) ไว้ใช้ภาย ลัง แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ ลอดเลือดแดง
บริเวณใกล้เคียงกันใต้ผิว นัง (arteriovenous fistula : AVF) และการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ
ลอดเลือดแดงโดยใช้ ลอดเลือดเทียมเป็นตัวเชื่อม (arteriovenous graft : AV - GRAFT)

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 28
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

 การผ่ า ตั ด เชื่ อ มหลอดเลื อ ดด ากั บ หลอดเลื อ ดแดงบริ เ วณใกล้ เ คี ย งกั น ใต้ ผิ ว หนั ง
(arteriovenous fistula : AVF) 28,32,34,37,38
เป็ นการผ่ าตัด เชื่อ ม ลอดเลื อดด ากับ ลอดเลื อดแดงบริเวณใกล้ เคีย งกัน ใต้ผิ ว นั ง
ภาย ลังผ่าตัด 2-3 เดือน ลอดเลือดดาจะมีขนาดโต และผนัง นาขึ้น ใช้เป็นช่องทางในการแทงเข็ม
เพื่ อฟอกเลื อด เป็ น ทางเลื อกอัน ดับ แรก และเป็ นวิ ธีที่ นิย มที่ ุ ด ในการท าผ่ าตั ดช่ องทาง า รั บ
การฟอกเลือด มีอายุการใช้งานที่นาน มีปัญ าและภาวะแทรกซ้อนน้อยที่ ุด และมีอัตราการติดเชื้อต่า

ภาพที่ 10 brachio-cephalic AV fistula

 การผ่าตัดเชื่อมหลอดเลือดดากับหลอดเลือดแดงโดยใช้หลอดเลือดเทียมเป็นตัวเชื่อม
(arteriovenous graft : AV - GRAFT)
เป็น การผ่าตัดเชื่อม ลอดเลื อดดากับ ลอดเลื อดแดงโดยใช้ ลอดเลือดเทียมเป็นตัว
เชื่อมต่อ (conduit) ใช้ในกรณีที่ไม่มี ลอดเลือดเ มาะ มที่จะทาการผ่าตัด นิยมผ่าตัดที่แขนก่อนเนื่องจาก
ที่ขามีอัตราการติดเชื้อที่ ูง28 ลังผ่าตัดต้องรอประมาณ 2 ัปดา ์ จึง ามารถแทงเข็มผ่าน ลอดเลือดเทียม
เพื่อฟอกเลือดได้ 28,32,38 แต่การผ่าตัดชนิดนี้ มีอายุการใช้งานที่จากัด เนื่องจากมีข้อจากัดในความ
เ ื่อม ภาพของ ลอดเลือดเทียม

ภาพที่ 11 brachio-cephalic AV graft


คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 29
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

า รับคู่มือฉบับนี้ ผู้จัดทาจะกล่า ถึงเนื้อ าเฉพาะการใ ่ าย น ลอดเลือดดาชนิด ระยะยา


เพื่อฟอกเลือด เนื่องจากเป็น ัตถการที่ผู้ป่ ยไต ายมารับบริการเตรียมก่อนผ่าตัด และตร จติดตามผล
ลังผ่าตัดเป็น ่ นใ ญ่ ในคลินิกตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ โรค ลอดเลือด

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด


และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ปัจจุบันการรัก าโรคไต ายทั้งชนิดเฉียบพลัน และ ชนิดเรื้อรังที่นิยมมากที่ ุดคือการฟอกเลือด
ในผู้ป่ ยไต ายเฉียบพลัน นิยมผ่าตัดโดยใช้เป็นช่องทางชนิดชั่ ครา (temporary vascular access)
เนื่องจากเป็น ัตถการที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เ ลาน้อย ามารถใช้งานได้เลย ลังผ่าตัด ไม่มีผลต่อระบบ ั ใจ
(ไม่เกิด high - output heart failure) แต่ถ้าผู้ป่ ยมีค ามจาเป็นต้องใช้ในการฟอกเลือดระยะยา
มากก ่า 3 ัปดา ์และมีข้อจากัดในการผ่าตัดทาช่องทางเพื่อฟอกเลือดชนิดถา ร จะเลือกใช้เป็น าย น
ฟอกเลือดระยะยา (tunneled cuffed venous catheter)19 รือเรียกอีกอย่าง ่า perm cath
(permanent catherter)
ลักการพิจารณาเลือกตาแ น่งในการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ค รจะอยู่
ตรงข้ามกับด้านที่จะ างแผนทาผ่าตัดช่องทางเพื่อฟอกเลือดชนิดถา ร เพราะมีโอกา เกิดการอุดตัน
รือตีบแคบของ ลอดเลือดดา ในด้านที่ใ ่ าย นระยะยา ได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการผ่าตัดของ
แขนข้างนั้น การผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ามารถผ่าตัดใ ่ าย นได้ ลายตาแ น่ง
ตามค ามเ มาะ มและค ามเร่งด่ นของผู้ป่ ย13,32,34,36-38

ภาพที่ 12 ตั อย่าง าย นระยะยา ชนิดต่างๆ า รับผู้ป่ ย

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 30
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ข้อบ่งชี้ในการใส่สายสวนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด13,33,35-38

1. ใช้ใ นผู้ ป่ ว ยที่ เป็น ไตวายเฉียบพลั น ที่จาเป็น ต้องได้รั บการฟอกเลื อด เช่น ผู้ ป่ ว ยที่ ได้รั บ
อุบัติเ ตุทาใ ้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน และ รอเวลาที่ไตอาจกลับมาทางานได้ตามปกติ
2. ใช้ในผู้ป่วยที่เป็นไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้าย ที่มีอาการของภาวะยูรีเมียที่จาเป็นต้องได้รับ
การฟอกเลือดแบบเร่งด่วน
3. ใช้ในผู้ ป่ว ยที่ รอใช้งาน ลอดเลือดจากการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลื อดดากับ ลอดเลื อดแดง
บริเวณใกล้เคียงกันใต้ผิว นัง รือทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ ลอดเลือดแดงโดยใช้ ลอดเลือด
เทียม เนื่องจาก ลอดเลือดยังไม่พร้อมใช้งานแต่จาเป็นต้องได้รับการฟอกเลือด
4. ใช้ในผู้ป่วยที่มีข้อ ้ามในการล้างไตทางช่องท้องเช่นเคยผ่าตัดช่องท้ องมา ลายครั้ง รือ
มีการติดเชื้อในช่องท้อง
5. ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญ า ลอดเลือดแดงแข็งอย่างรุนแรง (severe arteriosclerosis) รือมีปัญ า
แขนขาขาดเลือดอย่างรุนแรง (severe limb ischemia) จึงไม่ ามารถทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ
ลอดเลือดแดงเพื่อใช้ในการฟอกเลือด
6. ใช้ในผู้ป่วยทีต่ ้องการฟอกใช้ฟอกเลือดชั่วคราว เพื่อพักตาแ น่ง ช่องทางถาวรที่ใช้ฟอกเลือด
เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการติดเชื้อที่ ลอดเลือดเทียม รือมีอาการ บวม ช้า เป็นจ้ารอบๆ
ลอดเลือด
7. ใช้ในผู้ป่วยที่กลัวเข็ม (needle phobia) เพราะการฟอกเลือดภาย ลัง การผ่าตัดเชื่อม
ลอดเลือด ต้องมีการแทงเข็ม 2 เข็ม ขณะฟอกเลือด เพื่อเป็นช่องทางในการฟอกเลือดต่อครั้ง
8. ใช้ใ นผู้ ป่ ว ยที่ไ ม่มี ตาแ น่ งเ มาะ มในการผ่ า ตัด ทาเ ้ น ฟอกเลื อด เช่น ผ่ า นการผ่ าตั ด
ลอดเลือด ลายครั้งจนไม่มีตาแ น่งเ มาะ ม
9. ใช้ในผู้ป่วยที่มีโรค ัวใจร่วม ที่เ ี่ยงต่อภาวะ ัวใจวาย (congestive heart failure) ไม่ ามารถ
ทนต่อการเพิ่มของอัตราการไ ลกลับของเลือดเข้า ู่ ัวใจ (venous return) ที่เพิ่มขึ้น จากการผ่าตัด
ผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ ลอดเลือดแดงได้

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 31
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

วัสดุที่นิยมนามาทาสายสวนเพื่อฟอกเลือด37

1. ซิลิ โคน (silicone) คุณ มบัติเข้ากับเนื้อเยื่อของมนุ ย์ได้ ดี มีความอ่อนตัว ูงโอกา เกิด


ลิ่มเลือดใน าย วนน้อย ามารถคา าย วนไว้ใน ลอดเลือดดาได้นาน ลายเดือน รืออาจเป็นปี
เช่น าย วน Hickman ข้อเ ียคือ มีราคาแพง กรอบแข็ง และ ักง่ายเมื่อถูกน้ายาฆ่าเชื้อที่มี ่วนผ ม
ของ ารไอโอดีนเช่น povidine รือ betadine
2. โพลียูเรเทน (polyurethane) เป็นวั ดุที่มีคุณ มบัติที่ ามารถเข้ากับเนื้อเยื่อของมนุ ย์ ได้ดีมี
ความอ่อนตัว และยืด ยุ่นได้มากเมื่ออยู่ในอุณ ภูมิร่างกาย (thermoplastic properties) ราคา
ปานกลาง โอกา ฉีกขาดน้อย ใช้ทา าย วน า รับการฟอกเลือด ทั้งชนิด าย วนชั่วคราวและ าย วน
ระยะยาว เช่น Mahurkar dual lumen catheter, Hemo Flow catheter

ภาพที 13 าย วน Mahurkar dual lumen catheter

ภาพที 14 าย วน Hemo flow catheter

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 32
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ในระยะ ลังเริ่มมีการพัฒนาวั ดุที่ใช้ทา าย วนเพื่อใ ้มีคุณ มบัติที่ดีกว่าเดิม โดยการผ มของ


โพลียูเรเทนที่มีน้า นักโมเลกุลที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันเช่น tecothane ทาใ ้มีคุณ มบัติที่ดีมากขึ้น
ามารถคาไว้ใน ายเลือดดาได้นาน ลายเดือน รืออาจเป็นปีเ มือน าย วนที่ทาจากซิลิโคน ในขณะ
ที่จะมีคุณ มบัติที่แข็งทาใ ้ใ ่ได้ค่อนข้างง่ายแต่เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายใน ายเลือดแล้วจะมีความอ่อน
ตัวมาก ได้แก่ าย วน Bioflex Tesio

ภาพที่ 15 าย วน Bioflex Tesio


3. โพลีเอทิลีน (polyethylene) ค่อนข้างแข็งเ มาะใช้ า รับทา าย วนชนิดใช้ชั่วคราว ามารถ
ล่อทาใ ้ปลายเรียวเล็กใ ่ผ่านลวดนาได้ง่าย แต่มีข้อเ ียคือ เชื่อมต่อกับวั ดุชนิดอื่นยาก ผนังท่อ นา
และยัง ักงอได้ง่าย เช่น าย วน Shaldon

4. คาร์โบเทน (carbothane) เป็นโพลีเมอร์ที่ผ มกันระ ว่างโพลียูเรเทนกับโพลีคาร์บอเนตซึ่งมี


คุณ มบัติครบถ้วนของโพลียูเรเทน แต่มีความทนทานและยืด ยุ่นดีขึ้น ามารถทาใ ้บางได้มากขึ้น
และยังทนต่อน้ายาฆ่าเชื้อที่มี ่วนผ มของไอโอดีน แอลกอฮอล์และเปอร์ออกไซด์ได้ดี าย วนที่ทา
จากคาร์โบเทนได้แก่ ASH-Split cath และ Hemosplit

ภาพที่ 16 าย วน ASH-Split cath

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 33
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

26,35,37
ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด

ลอดเลือดดาที่ใช้ในการใ ่ าย วนเพื่อการฟอกเลือดที่ใช้อยู่ประจามี 2 ตาแ น่งคือ


1. ลอดเลือดดาบริเวณคอและกระดูกไ ปลาร้า
ลอดเลือดดาที่คอใช้ในการใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดได้แก่
1.1. ลอดเลือดดา internal jugular
1.2. ลอดเลือดดา external jugular
1.3. ลอดเลือดดา subclavian

2. ลอดเลือดดาบริเวณขา นีบ
ลอดเลือดดาที่ขา นีบที่ใช้ในการใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดได้แก่
2.1. ลอดเลือดดา femoral
2.2. ลอดเลือดดา saphenous

internal jugular
Subclavian vein
vein

Femoral vein

ภาพที่ 17 ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 34
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

26,35,37
กายวิภาคของ ลอดเลือดดาที่ใช้ใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือด

ลอดเลือดดา internal jugular


เริ่มต้นจากด้าน ลังของ jugular foramen ที่ฐานกะโ ลก รับเลือดจาก มอง ใบ น้า และคอ
โดย ิ่งลงมาคู่ขนานกับ ลอดเลือดแดงcarotid และเ ้นประ าท vagus อยู่ข้างกระดูก atlas
ค าม ัมพันธ์ของ ลอดเลือดดา internal jagular เมื่อเทียบกับ ลอดเลือดแดง carotid ที่ระดับของ
jagular foramen จะอยู่ ลังและข้างต่อ ลอดเลือดแดง internal carotid แต่เมื่อ ิ่งลงมาข้างล่าง จะ
ิ่ง นรอบ ลอดเลือดแดง carotid แล้ จะมาอยู่ด้าน น้า และค่อนไปทางด้านข้างของ ลอดเลือดแดง
common carotid ลอดเลือดดาinternal jugular ิ่งอยู่ในร่องแยกระ ่าง sternal head และ
clavicular head และ ิ่งเอียงมาอยู่ด้าน ลัง clavicular head ถ้าเป็นข้างข าแล้ จะพาดผ่าน
ลอดเลือดแดง subclavian ่ นแรกก่อนที่มาร มกับ ลอดเลือดดา subclavian กลายเป็น ลอด
เลือดดา brachiocephalic
ลอดเลือดดา internal jugular ด้านซ้ายจะมีลัก ณะพิเ คือ มี thoracic duct ทอดตั
ด้าน ลังที่ระดับกระดูกคอที่ 7 และเทเข้าบริเ ณรอยต่อระ ่าง ลอดเลือดดา internal jugular และ
subclavian

ลอดเลือดดา external jugular


เป็น ลอดเลือดที่อยู่ตื้นมาก และอยู่ด้านข้างของคอโดยเริ่มจาก angle ของกระดูกกรามล่าง
(mandible) ทอดข้ามกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ลงมาที่บริเ ณกึ่งกลางของกระดูกไ ปลาร้า
ในขณะที่ ิ่งมาถึง subclavian triangle จะทะลุผ่าน investing layer ของ deep cervical fascia
ซึ่ง ูงก ่าจุดกึ่งกลางของกระดูกไ ปลาร้าประมาณ 1 นิ้ มือ (finger breadth) เทเข้า ลอดเลือดดา
subclavian เมื่อผู้ป่ ยนอนราบมักจะเ ็น ลอดเลือดดานี้โป่งพองขึ้นซึ่งพบ ่า ลอดเลือดดาเมื่อ
มาถึงบริเ ณนี้อาจมีลัก ณะคดเคี้ย ซึ่งบางครั้งทามุมตั้งฉากกับ ลอดเลือ ดดา subclavian ทาใ ้ยาก
ต่อการใ ่ าย นระยะยา

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 35
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

หลอดเลือดดา subclavian

ลอดเลือดดา subclavian จะอยู่ใต้ ่วนของ sternal end ของกระดูกไ ปลาร้า และอยู่บน


กระดูกซี่โครงที่ 1 โดยเริ่มต้นจากขอบนอกของกระดูกซี่โครงซี่ที่ 1 ต่อมาจาก ลอดเลือดดา axillary
จะรวมกับ ลอดเลือดดา internal jugular ที่บริเวณขอบในของกล้ามเนื้อ scaleneus anterior และ
เทเข้า ลอดเลือดดา brachiocephalic รือ innominate ด้าน น้าของ ลอดเลือดดา subclavian
จะเป็นกระดูกไ ปลาร้าและกล้ามเนื้อ subclavius ด้าน ลังจะเป็นกล้ามเนื้อ scaleneus anterior
ลอดเลือดแดง subclavian และเ ้นประ าท phrenic
บริเวณรอยต่อของ ลอดเลือดดา subclavian ด้านซ้ายและ ลอดเลือดดา internal jugular
ด้านซ้ายจะมี thoracic duct มาเทเข้าทาใ ้การแทง ลอดเลือดดา subclavian ด้านซ้ายมีโอกา เกิด
ภาวะแทรกซ้อนโดยแทงถูก thoracic duct ได้

ภาพที่ 18 กายวิภาค ลอดเลือดดาที่คอ39


หลอดเลือดดา femoral
ลอดเลือดดา femoral เป็น ลอดเลือดดาที่ต่อมาจาก ลอดเลือดดา popliteal ที่ข้อพับเข่า
โดยมีจุดเริ่มต้นจาก adductor canal รับเลือดมาจาก ลอดเลือดดา great saphenous และ ลอด
เลือดดา deep femoral โดย ลอดเลือดดา deep femoral จะวิ่งมารวมกับ ลอดเลือดดา
superficial femoral เป็น ลอดเลือดดา common femoral เมื่อวิ่งมาถึง inguinal ligament จะวิ่ง
ลอดไปด้านใต้เทเข้า ลอดเลือดดา external iliac โดย ลอดเลือดดา femoral จะอยู่ค่อนข้างตื้น
และอยู่ด้านในต่อ ลอดเลือดแดง femoral ซึ่ง ามารถคล าชีพจรได้บริเวณกึ่งกลางของขา นีบ
(mid inguinal ligament)
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 36
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

หลอดเลือดดา saphenous
ลอดเลือดดา Saphenous ที่บริเวณต้นขาจะอยู่ด้านในโค้งไปด้าน ลังของต้นขาและโค้ง
กลับมาบริเวณต้นขาใกล้กับขา นีบ เทเข้า ลอดเลือดดา femoral

ภาพที่ 19 กายวิภาค ลอดเลือดดาบริเวณขา นีบ40

ลอดเลือดดา internal jugular เป็นตาแ น่งแรกที่เลือกใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือด เนื่องจาก


ลอดเลือดอยู่ตื้น และมีขนาดใ ญ่ โอกา ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในการเกิดลมรั่วในช่องเยื่อ ุ้มปอด
น้อยกว่า การแทง ลอดเลือดดา subclavian41 มักเลือกใ ่ าย วนที่ด้านขวาก่อนเพราะ ลอดเลือด
ตรงเข้า ู่ ัวใจ ้องบนขวา ่วน ลอดเลือดดา internal jugular ด้านซ้ายจะใ ่ยากกว่า และมีโอกา
เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการแทงถูก thoracic duct การใ ่ าย วนใน ลอดเลือดดา subclavian
ในระยะยาวอาจเกิ ด ภาวะ ลอดเลื อ ดด าตี บ ่ ว นการใ ่ าย วนใน ลอดเลื อ ดด า femeral
เ ี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย26,32,34,41-46 และมีโอกา เกิดลิ่มเลือดอุดตัด ใน ลอดเลือดดาชั้นลึก (deep
vein thrombosis) ูงถึง ร้อยละ 2141,46

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 37
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว


(Anesthetic management)19,23,45

การระงั บ ความรู้ ึ ก า รั บ การผ่ า ตั ด ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่ อ ฟอกเลื อ ดเป็ น ิ่ ง าคั ญ


ซึ่งศัลยแพทย์จะประเมินจาก ภาวะของผู้ป่วย เพื่อใช้วางแผนและเตรียมผู้ป่วยตั้งแต่ระยะก่อนผ่าตัด
า รับผู้ป่วยที่งดน้า และ อา ารมาอย่างดี จะ ามารถเลือกวิธีระงับความรู้ ึกได้ ลายแบบ ขึ้นอยู่กับ
ถานการณ์ และความพร้อมในขณะนั้น การเลือกวิธีระงับความรู้ ึกในผู้ป่วยผ่าตัดฉุกเฉินมักจะ
ลีกเลี่ยงการดมยา ลบ และการใ ่ท่อ ายใจ เพื่อลดปัญ าของการ าลักอา ารลงปอดขณะได้
ยา ลบ การต้องช่วย ายใจและการใ ่เครื่องช่วย ายใจ ลังผ่าตัด ศัลยแพทย์จึงนิยมใช้การ
ฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยมีทีมวิ ัญญีช่วยเฝ้าระวังผู้ป่วยขณะผ่าตัด
การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด มีดังนี้
1. general anesthesia (GA)
การระงั บ ความรู้ ึ ก ทั่ ว ตั ว ามารถท าได้ ลายวิ ธี ตั้ ง แต่ การบริ ารยาระงั บ ความรู้ ึ ก
ผ่าน ลอดเลือดดา (total intravenous anesthesia : TIVA) การระงับความรู้ ึกทั่วตัวผ่าน น้ากาก
(GA -mask) ซึ่งทุกวิธีผู้ป่วยต้องได้รับการประเมินร่างกายก่อนผ่าตัด งดอา าร และน้านานอย่างน้อย
6-8 ชั่ ว โมง แต่ มี ข้ อ เ ี ย คื อ ภาย ลั ง ได้ รั บ การระงั บ ความรู้ ึ ก วิ ธี นี้ ผู้ ป่ ว ยมั ก ไม่ ตื่ น ดี และ
กระ ับกระ ่าย ไม่ร่วมมือ รวมถึงอาจมีอาการคลื่นไ ้ อาเจียนมากกว่าวิธีอื่น นิยมเลือกใช้กับผู้ป่วยที่
ค่อนข้างแข็งแรง โดยใ ้วิ ัญญีแพทย์ รือ วิ ัญญี พยาบาล เฝ้าระวัง ัญญาณชีพ ขณะผ่าตัด ได้แก่
ความดันโล ิต ชีพจร ระดับออกซิเจนในกระแ เลือด และคลื่นไฟฟ้า ัวใจ
2. monitored anesthesia care (MAC)
เป็นการดูแลผู้ป่วยแบบ “local standby” อาจมีการใช้ยากลุ่มที่ทาใ ้ง่วง และระงับปวดทาง
ลอดเลือดดา โดยใช้ยาตาม ภาวะผู้ป่วย ร่วมกับดูการตอบ นองของผู้ป่วยต่อยาอย่างใกล้ชิดเพื่อ
ช่วยใ ้ผู้ป่วย งบ ศัลยแพทย์จะบริ ารยาชาเฉพาะที่เป็น ลักฉีด รือฉีดยากลุ่มที่ทาใ ้ง่วงร่วมกับการ
ใช้ยาชาเฉพาะที่ โดยมีอุปกรณ์เฝ้าระวัง ัญญาณชีพ ได้แก่ ความดัน โล ิต ชีพจร ระดับออกซิเจนใน
กระแ เลือด คลื่นไฟฟ้า ัวใจ วิ ัญญีแพทย์ จะประเมินระดับการรู้ ติ การ ายใจ เตรียมพร้อมที่จะ
ช่วยชีวิตผู้ป่วย (CPR) เตรียมอุปกรณ์การใ ่ท่อ ายใจและพร้อมช่วยการ ายใจ เ มาะกับผู้ป่วยที่
ค่อนข้างวิกฤต ที่งดอา ารและน้าดีพอควร และไม่มีเวลาจะแก้ไขภาวะผิดปกติต่างๆได้เต็มที่ก่อนการผ่าตัด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 38
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

3. Local anesthesis
เป็นการผ่าตัดโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยไม่ต้องงดน้าและอา ารก่อนผ่าตัด เ มาะ า รับ
ผู้ป่วยที่รู้ ึกตัวดีและใ ้ความร่วมมือในการรัก า เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย47 ผู้ป่วยควรได้รับการประเมิน
ภาพร่างกาย พูดคุยทาความเข้าใจและเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด

วิธีการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อการฟอกเลือด37
ามารถจาแนกได้ 2 วิธี ดังนี้
1. การใ ่ าย วนระยะยาวเข้า ลอดเลือดด้วยวิธีผ่าตัด (open cannulation or cutdown
method)
2. การแทงเข็มผ่านผิว นังเข้า ู่ ลอดเลือดดาโดยตรง (percutaneous cannulation)

การใ ่ าย วนระยะยาวเข้า ลอดเลือดด้วยวิธีผ่าตัด


(open cannulation รือ cutdown method)
มายถึงการผ่าตัดเปิดแผลเข้าไป า ลอดเลือดดา ตาแ น่งที่นิยมในการใ ่ าย วนด้วยวิธี
cutdown ได้แก่ ลอดเลือดดา External jugular เนื่องจาก ลอดเลือดจะอยู่ตื้น ามารถมองเ ็นได้
ชัดเจน แผลผ่าตัดจะอยู่เ นือกระดูกไ ปลาร้าประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร

ภาพที่ 20 cervical cutdown incision48

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 39
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

การแทงเข็มผ่านผิว นังเข้า ู่ ลอดเลือดดาโดยตรง (percutaneous cannulation)


ามารถแบ่งออกได้ 2เทคนิค ดังนี้ คือ
1.1. ultrasound guided technique คือ อาศัย ultrasound เป็นเครื่องมือในการค้น า
ลอดเลือดก่อนแทงเข็ม
1.2. blind technique รือ percutaneous cannulation เป็นการแทงเข็มผ่านผิว นังโดย
อาศัยการ ังเกตตาแ น่งทางกายวิภาค อาศัยความรู้ความแม่นยาด้านกายวิภาค และ ประ บการณ์
ของผู้ แ ทงเป็ น าคั ญ ปั จ จุบั น ในโรงพยาบาลศิ ริ ร าช นิ ย มใ ่ าย วนโดยเทคนิ ค ใช้ ล วดน าทาง
(catheter-over-guidewire) รือเรียกว่า Seldinger’ technique เป็นการใ ่ าย วนระยะยาวโดย
การแทงเข็มผ่านผิว นังและใ ่ขดลวดเป็นตัวนาก่อนใ ่ าย วนเข้า ู่ ลอดเลือดดา ซึ่งคิดค้นโดย
Dr. Seldinger นักรัง ีแพทย์ในปี ค.ศ. 195249 เป็นวิธีที่ช่วย ลีกเลี่ยงการเกิดความชอกช้าต่อ ลอดเลือด
อวัยวะข้างเคียง และลดการเกิดภาวะเลือดออกมากขณะใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดได้35

1.ใ ่ลวดนาทางผ่านเข็ม 2. ถอดเข็มออก


ที่แทงเข้าใน ลอดเลือดดา ค้างลวดนาไว้ใน ลอดเลือดดา

3. ใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดผ่านลวดนาทาง 4.ถอดลวดนาทางออก
เข้า ู ลอดเลือดดา โดยค้าง าย วนเพื่อฟอกเลือด
ผ่านขดลวดนา ไว้ใน ลอดเลือดดา

ภาพที่ 21 เทคนิคการใ ่ าย วนระยะยาวโดยใช้ลวดนาทาง

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 40
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ภาวะแทรกซ้อนในระยะตรวจติดตามผล ลังใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


(late complications) 34-38,50,51,52
ภาวะแทรกซ้อน ามารถพบได้ในจากการใ ่ าย วนชนิดชั่วคราว ร้อยละ 30-50 และ าย วน
ชนิดระยะยาวร้อยละ 20-3037
 ภาวะติดเชื้อผ่านทาง าย วน (catheter-related infection)35,50
เป็นปัญ า าคัญที่ทาใ ้เกิดภาวะแทรกซ้อนและอัตราการตาย ูง53,54,55 เพิ่มค่าใช้จ่ายในระบบ
ุ ข ภาพในการดู แลผู้ ป่ ว ย 56-59 กลุ่ ม เ ี่ ย งต่ อ การติด เชื้ อ ได้ แ ก่ ใ ่ าย วนไว้ เ ป็น ระยะเวลานาน
ผู้ป่วย ูงอายุ เป็น โรคเบา วาน มีภ าวะทุพโภชนาการ มีภ าวะ ลอดเลื อดแดง ่ว นปลายแข็งตัว
(peripheral atherosclerosis) ได้รับธาตุเ ล็กเกินระดับที่ร่างกายต้องการ (iron overload) 60,61
เชื้อที่พบได้บ่อยคือกลุ่ม grampositive ได้แก่ staphylococcus aureus, staphylococcus epidermidis
และ enterococci61 กลุ่ม gram negative ได้แก่ pseudomonas species, klebsiellapneumonia,
E-coli และ Enterobacter species และกลุ่ม fungal infection ได้แก่ candida species59
อัตราการเ ียชีวิตจากการติดเชื้อ staphylococcus aureus ในกระแ เลือดที่ ัมพันธ์กับการใ ่
าย วน า รับฟอกเลือด เฉลี่ย ูงถึงร้อยละ 20 และอย่างน้อยร้อยละ 8 เป็นผลจากเชื้อก่อโรคนี้
โดยตรง62
ภาวะติดเชื้อผ่านทาง าย วน ามารถแบ่งได้ 3 ชนิด ดังนี้38
 ติดเชื้อในกระแ เลือด (catheter - related blood stream infection)
ามารถวินิจฉัย โดยการเพาะเชื้อ จากเลือดคนละที่ของร่างกายในเวลาที่ต่างกัน
 ติดเชื้อบริเวณรูเปิดของ าย (exit site infection)
ามารถวินิจฉัย โดยพบว่ามีอาการ บวม แดง เจ็บ และมี นอง บริเวณที่ ายแทง
ผ่านเข้าผิว นัง
 ติดเชื้อบริเวณที่ฝัง าย วนใต้ผิว นัง (tunnel infection)
ามารถวินิจฉัย โดยพบว่ามีอาการ ปวด บวม ตามแนวยาวของ าย วนที่อยู่ใต้ผิว นัง
การรัก า ใ ้ยาปฏิชีวนะแบบ broad spectrum เพื่อคลุมเชื้อโรคทั้ง gram positive และ
gram negative รอจนได้ผลการเพาะเชื้อแล้วใ ้ปรับยาตามเชื้อโรค ร่วมกับนาเอา าย วนนั้นออก
จากร่างกายโดยเร็ว

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 41
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ในกรณีที่มีการติดเชื้อในกระแ เลือด และผู้ป่วยมีความจาเป็นต้องเก็บ าย วน ควรทาการ


ประเมินผู้ป่วยก่อนว่าผู้ป่วยร่างกายแข็งแรงและไม่มีอาการติดเชื้อรุนแรง จึง ามารถใ ้การรัก าโดย
การใ ้ยาฆ่าเชื้อผ่านทาง าย วนแต่ถ้าอาการ รืออาการแ ดงของการติดเชื้อไม่ดีขึ้นภายใน 24 - 48
ชั่วโมง ควรพิจารณาเอา าย วนนั้นออก

 ภาวะ าย วนอุดตันบาง ่วน (partial catheter occlusion)


มั ก เกิ ด จากการมี ไ ฟบริ น รื อ ลิ่ ม เลื อ ด อุ ด อยู่ ที่ ป ลาย าย วน ท าใ ้ ไ ล่ เ ลื อ ดกลั บ ได้
แต่ไม่ ามารถดูดเลือดออกมาได้ ซึ่ง ามารถทาการแก้ไขโดย
 วนล้าง าย วนด้วย heparinized saline เพื่อลดการอุดตันของ าย วน
 ฉีดยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic agent) เช่น urokinase เข้าไป ล่อใน ายประมาณ
2-3 ชั่ว โมง เพื่อ ลายไฟบริ น ที่ ่ อ ุ้ ม รือ อุดอยู่ ร อบ าย ลั ง จากนั้น ดูด ออกแล้ ว วนล้ างด้ว ย
heparinized saline37
 เปลี่ยน าย วนเ ้นใ ม่ โดยผ่าตัดใช้ขดลวดนาทางร้อยผ่าน าย วนเดิม นา ายเดิม
ออก จากนั้นใช้บอลลูนถ่างขยาย (balloon angioplasty) มาทาการถ่างขยาย ลอดเลือดใ ้เปิดกว้าง
ขึ้น แล้วใ ่ ายใ ม่ทดแทน63-64
ลักการฟอกเลือดที่มีประ ิทธิภาพตาม KDOQI guidelines แนะนาว่า ควรมีอัตราการไ ล
ของเลือดจาก าย วนเข้า ู่เครื่องฟอกเลือด (blood flow rate : BFR) มากกว่า 300 ml/min กรณี
อัตราการไ ลของเลือดเข้า ู่เครื่องฟอกเลือดน้อยกว่า 300 ml/min อาจมี าเ ตุที่ทาใ ้การทางาน
ของ าย วนระยะยาวเ ีย น้าที่ไป ควรประเมิน า าเ ตุและแนวทางแก้ไข65

 ภาวะ ลอดเลือดดา ่วนกลางอุดตัน (central venous thrombosis)


เมื่อผู้ป่วยเกิด การอุดตันของ ลอดเลือดดา ่วนกลาง จะแ ดงอาการผิดปกติ ได้แก่ มีอาการ
แขน คอ และ น้าบวมตึง รู้ ึก นักๆ น่วงๆ ทีแ่ ขน ลอดเลือดขนาดเล็กใต้ชั้นผิว นังโป่งขยาย
ปัจจัย เ ี่ ย งของการเกิ ด ลอดเลื อ ดดาใ ญ่อุ ดตัน ได้แก่ ชนิด ของ ารน้าที่ใ ้ ผ่ านทาง าย
ระยะเวลาการใ ่ าย การติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือดไวกว่าปกติ ขนาดและชนิดของ าย วนระยะ
ยาวที่ใ ่ และตาแ น่งของปลาย ายที่อยู่ใน ลอดเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 42
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

การวินิจฉัย ถ้าผู้ป่วยมีอาการของภาวะอุดตันของ ลอดเลือดดา ่วนกลาง ามารถวินิจฉัยได้


โดยการตรวจ duplex ultrasonography แต่ใน ลอดเลือดดาบางตาแ น่ง อาจมีข้อจากัดไม่ ามารถ
ตรวจได้ เช่น ใน ลอดเลือดดา subclavian, innominate และ superior vena cava ซึ่งจะทาการ
วินิจฉัยด้วยการทา venography
การรัก า แนะนาใ ้ยกแขน รืออวัยวะที่มีอาการ ูงกว่าระดับ ัวใจจะช่วยลดอาการบวมได้
การใ ้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant agent) อาจช่วยได้บ้าง แต่การรัก าที่ดีที่ ุดคือ
น า าย วนออก ยกเว้นในผู้ ป่ว ยบางรายที่ยังมีค วามจาเป็นที่ต้อ งเก็บ าย วนไว้ จะใ ้ การรัก า
เพิ่มเติมโดยใ ้ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic agent)

 ภาวะหลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก (deep vein thrombosis)


มีโอกา เกิด ูงในผู้ป่วยที่ได้รับการใ ่ าย วนระยะยาวบริเวณขา นีบ (femeral vein) 46,66
จึงควรเฝ้าระวัง และ ังเกตขาด้านที่ใ ่ าย วน พบอาการแ ดงคือ ขาบวม ปวด คลาดูร้อน รือคลา
ได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง เนื่องจากมีการแข็งตัวของเลือดใน ลอดเลือดดา และเ ็นการเปลี่ยน ีที่
ผิว นัง เริ่มจาก ีแดง และเปลี่ยนเป็น ีคล้าควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพราะการเกิดภาวะ ลอดเลือด
ดาอุดตันในชั้นลึก เ ี่ยงต่อการเกิดภาวะเกิดลิ่มเลือดลอยไปอุดตันที่ปอด (pulmonary embolism)
การรัก า โดยการใ ้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด มีทั้งชนิดฉีด และชนิดรับประทาน ปัจจุบัน
นิยมใ ้ยาฉีดเฮพารินโมเลกุลต่า (low molecular weight heparin-LMWH) ซึ่งใ ้ผลการรัก าและ
มีความปลอดภัยเทียบเท่ากับการใ ้ยาเฮพารินใน ารละลายทาง ลอดเลือด67 ่วนชนิดรับประทานที่
ใช้แพร่ ลาย คือ ยาวาร์ฟาริน โดยแพทย์จะนัดตรวจติดตามผลโดยการเจาะเลือดตรวจ าระดับ INR
(international normalized ratio) เพื่อใช้ปรับขนาดยา ในระ ว่างใ ้การรัก าผู้ป่วย

 ภาวะเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด (pulmonary embolism)


เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการมีลิ่มเลือดลอยตามกระแ เลือด ไปอุดในตาแ น่ง ลอดเลือดที่ปอด
(venous thromboembolism : VTE) ผู้ป่วยจะแ ดงอาการเจ็บแน่น น้าอก ายใจ อบเ นื่อย
การวินิจฉัยภาวะนี้ ทาได้โดยการ ่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ลอดเลือด (computed tomogram
angiography) รือการถ่ายภาพรัง ี ลอดเลือดพูลโมนารีย์ (pulmonary arteriography)
การรัก า โดยนา าย วนนั้นออกไป และอาจพิจารณาใ ้การรัก าด้วยยาละลายลิ่มเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 43
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

 ภาวะ าย วนเลื่อน ลุด (catheter migration)


เป็นภา ะที่ปลาย าย น ามารถเลื่อนไปอยู่ในตาแ น่งอื่นที่ไม่ใช่รอยต่อระ ่าง ลอดเลือด
ดา superior vena cava และ ั ใจ ้องบนข า มีอาการแ ดงได้แก่ มีอาการป ดบริเ ณ ั ไ ล่ คอ
ีร ะ รือตามแน ลอดเลือดดาในบริเ ณดังกล่า เนื่องจากเกิดการระคายเคืองของ ลอดเลือดดา
บริเ ณ คอ ั ไ ล่ และ ีร ะ จากปลาย าย น ซึ่งจะทาใ ้เกิดการอุดตันของ ลอดเลือดบริเ ณ
ดังกล่า ตามมา
การรัก า ทาได้โ ดยการขยั บและปรับตาแ น่งปลาย าย นใ ม่ โดยใช้ล ดนาทาง และ
เครื่องเอกซเรย์ fluoroscopy ช่ ยในการขยับปลาย าย ใ ้อยู่ระ ่าง ลอดเลือดดา superior vena
cava และ ั ใจ ้องบนข า

 ภาวะตีบแคบของ ลอดเลือดดา ่วนกลาง (central venous stenosis)


ภา ะตีบแคบของ ลอดเลือดดา ่ นกลาง าเ ตุเกิดจากเซลล์บุผนัง ลอดเลือด (veneous
endothelium) ได้รับบาดเจ็บจากปลาย าย นไปครูดทาใ ้เกิดเป็นแผล เกิดเป็น พังผืดของผนัง
ลอดเลือด (fibrosis) ร่ มกับการฟอกเลือดจะทาใ ้เกิดกระแ เลือดไ ล น (turbulence flow) ใน
ลอดเลือดดา กระตุ้นใ ้เกิดการ นาตั ของผนัง ลอดเลือดทาใ ้ ลอดเลือดตีบแคบลง พบในผู้ป่ ย
ที่ได้รับการผ่าตัดใ ่ าย นผ่านทาง ลอดเลือดดา subclavian ก ่าร้อยละ 5037 ด้ ยเ ตุนี้ ากผู้ป่ ย
มีค ามจาเป็นต้องผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ค รพิจารณาใช้ ลอดเลือดดา internal
jugular โดย ลีกเลี่ยงการใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดทาง ลอดเลือดดา subclavian ยกเ ้น
ในกรณีที่จาเป็น
การรั ก า โดยการท าผ่ า ตั ด ใช้ บ อลลู น ถ่ า งขยาย (balloon angioplasty) อาจร่ มกั บ
การใ ข่ ดล ดถ่างขยาย (stent) รือการผ่าตัดทาทางเบี่ยง ลอดเลือดดา (bypass)68

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 44
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

แนวทางการดูแล าย วนระยะยาวภาย ลังการทาผ่าตัด


การดูแลภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดถือเป็น ิ่ง าคัญ ค รแนะนา
ผู้ป่ ยใ ้ ั งเกตุ ติดตาม ประเมินบริเ ณที่ใ ่ าย น ดูแลรัก าค าม ะอาดบริเ ณที่ทาผ่ าตัด
ร มถึงการดูแล ุขลัก ณะ ่ นบุคคล จะช่ ยลดภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัด อัตราการติดเชื้อ และ
ค่าใช้จ่ายโดยร มในการรัก าพยาบาล69

การใ ้คาแนะนาผู้ป่วยภาย ลังการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด66,70,71,74-77


1. ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผลเมื่อเปียกชื้น
รือ กปรก72-74 ที่คลินิก รือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
2. ดู แ ลรั ก าค าม ะอาดของร่ า งกาย ล้ า งมื อ ด้ ย บู่ ทุ ก ครั้ ง ที่ จ ะมี ก าร ั ม ผั กั บ าย รื อ
เปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ60,65,66,75
3. ระมัดระ ังบริ เ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้ เ ปีย กชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รื อเข้าเซา ์น่ า
เพราะค ามเปียกซื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
4. ใช้ 2% chlorhexidine in alcohol 70%, chorhexidine aqueous 71,75-77 รือ 10% povido
iodine ทาค าม ะอาดรอบๆบริเ ณที่ใ ่ าย ก่อนปิดผ้าปิดแผลปิดแผลด้ ย transparent dressing
รือ ผ้าก๊อซและเทป74 เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ70
5. ดูแล าย นไม่ใ ้ ดึงรั้ง ัก พับ งอเพราะอาจทาใ ้ประ ิทธิภาพของการทางานเ ียไป
6. งดแกะเกาบริเ ณรอบนอกแผล เพราะอาจเป็น าเ ตุของการติดเชื้อได้
7. ผู้ป่ ยที่ใ ่ าย นบริเ ณคอ
 ลีกเลี่ยงการใ ่เ ื้อชนิด ม ีร ะ แนะนา มเ ื้อผ่า เปิดด้าน น้า และติดกระดุม น้า
เพื่อป้องกันการเกี่ย และดึงรั้ง าย
8. ในผู้ป่ ยที่ใ ่ าย นบริเ ณขา นีบ
 ระมัดระ ังเรื่ องค าม ะอาดเป็นพิเ ในช่ งที่มีการขับถ่ายปั า ะ และ อุจจาระ
เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการ ัมผั ิ่ง กปรก
 ค ร มกางเกงขา ล มใ ่ บาย ลีกเลี่ยงการนั่งงอขา รือพับขา เพื่อลดค ามเ ี่ยง
จากภา ะ าย นอุดตัน และภา ะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก70

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 45
ค ามรู้ทั่ ไปเกี่ย กับโรคไต าย

 แนะนาผู้ป่ ยกระดกข้อเท้าเพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเ ียนเลือดจาก ่ นปลาย


เนื่องจากมีโอกา เกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ูง ค รเฝ้าระ ังและ ังเกตอาการ
ขาด้านที่ใ ่ าย น ถ้าพบอาการขาบ ม ป ด คลาดูร้อน รือคลาได้ ลอดเลือดเป็น
ลาแข็ง เนื่องจากมีการแข็งตั ของเลือดใน ลอดเลือดดา ค รรีบมาพบแพทย์ทันที
9. ากพบการ ลุดของ าย นในตาแ น่งเย็บตรึง ใ ้ใช้พลา เตอร์ยึด าย และรีบไปพบแพทย์
ทันทีเพื่อการเย็บตรึง ายใ ม่
10. มาตร จติ ดตามผลตามแพทย์ นัด ทุกครั้ง โดยแพทย์ จะนั ดตั ดไ มภาย ลั งผ่ าตั ดประมาณ
2 ัปดา ์

อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด37,38

1. มีน้าเ ลื อง นอง เลือด รื อ ิ่ งผิดปกติ ไ ลซึมออกจากแผลผ่ าตัด รือ จุดที่เป็นทางออก


ของ าย น
2. าย นแตก ัก รือ มีเลือดไ ลออกมาจากบริเ ณ าย
3. เ ็นปลอก ุ้ม าย น (dacron cuff) เลื่อนออกมาจากจุดที่เป็นทางออกของ าย น
4. แขน รือใบ น้าข้างเดีย กับคอที่มีการผ่าตัดใ ่ าย นเกิดการบ ม
5. ขาข้ า งเดี ย กับ ที่ มี ก ารผ่ า ตั ดใ ่ าย นฯเกิ ด อาการขาบ ม ป ด คล าดู ร้ อน รื อคล าได้
ลอดเลือดเป็นลาแข็ง
6. มีไข้ นา ั่น โดยไม่ทราบ าเ ตุ
7. มีอาการบ ม แดง ที่ผิ นังบริเ ณตั้งแต่ทางออกของ าย นถึงบริเ ณคอ
8. าย นด้านใดด้าน นึ่ง รือทั้ง องด้านใช้ฟอกเลือดไม่ได้ โดยดูดเลือดไม่ออก รือออกยาก

การผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด เป็นอีกทางเลือก นึ่งที่ช่ ยรัก าผู้ป่ ยจาก ภา ะ


ไต าย โดย ัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดจะทาการประเมินและ างแผนการทาผ่าตัดใ ้กับผู้ป่ ยตามพยาธิ ภาพ
และค ามเ มาะ ม ปัจุจบันพบ ่าร้อยละ 15-20 ของอัตราการนอนโรงพยาบาลในผู้ป่ ยที่ ได้รับ
การฟอกเลือด เกิดจากภา ะแทรกซ้อนของ vascular access65 ่งผลใ ้เพิ่มอัตราการเ ียชี ิต และ
ค่ า ใช้ จ่ า ยในการดู แ ลรั ก าผู้ ป่ ย การ ่ ง เ ริ ม ใ ้ ผู้ ป่ ยดู แ ล ุ ข ลั ก ณะ ่ นบุ ค คลจะช่ ยลด
ภา ะแทรกซ้อนในการติดเชื้อได้ 74 บทบาทของพยาบาลที่ใ ้การดูแลผู้ป่ ยกลุ่มนี้ ค รครอบคลุม
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 2 46
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย

ตั้งแต่การใ ้คาแนะนาในการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การใ ้การพยาบาล การประเมินภาวะเร่งด่วน รือ


ภาวะแทรกซ้ อ นของผู้ ป่ ว ย รวมถึ ง การใ ้ ค าแนะน าในการดู แ ลตนเองภาย ลั ง ผ่ า ตั ด โดยมี
วัตถุประ งค์เพื่อใ ้ าย วนเพื่อฟอกเลือดระยะยาว ามารถใช้งานได้อย่างมีประ ิทธิภาพยาวนานที่ ุด
การ ่งเ ริมผู้ป่วยในการดูแลตนเอง และรัก า าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด ลังผ่าตัด จะช่วยลด
ภาวะแทรกซ้อนและอัตราการเ ียชีวิต ลดโอกา ในการผ่าตัดซ้า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระบบ ุขภาพ ที่
ใช้ในการรัก าดูแลผู้ป่วย ซึง่ การพยาบาลดังกล่าว จะ ่งผลใ ้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 47
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

บทที่ 3
การพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ปัจจุบัน การรั ก าผู้ป่ ยไต าย ที่ต้องการการบาบัดทดแทนไตโดยการฟอกเลื อดด้ ยเครื่อง


ไตเทียมเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่ ลาย ามารถเตรียมช่องทางเพื่อใช้ในการฟอกเลือด (vascular
access) ได้ ลายช่องทางตามค ามเร่งด่ น และค ามเ มาะ มของผู้ป่ ย การใ ่ าย นระยะยา
เพื่ อ ใช้ ใ นการฟอกเลื อ ดจึง เป็ น อี ก ทางเลื อ ก นึ่ ง การ างแผนเพื่อ ท าผ่ า ตั ด ใ ่ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือดเป็น ิ่งจาเป็น จึงต้องมีการประเมินผู้ป่ ยตั้งแต่แรกรับ เพื่อเตรียมค ามพร้อม า รับ
การทาผ่าตัด
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ประกอบด้ ย
แน ทางการพยาบาล 5 ขั้น คือ การประเมินผู้ป่ ย การ ินิจฉัยการพยาบาล างแผนการพยาบาล
ใ ้การพยาบาล และประเมินผล ซึ่งในการดูแลผู้ป่ ยกลุ่มนี้ คลินิกตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ
โรค ลอดเลือด น่ ยตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตามผล ยามินทร์ชั้น 1 ามารถแบ่ง
แผนการพยาบาล เป็น 2 ระยะ คือ
1. การพยาบาลผู้ป่ ยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด
2. การพยาบาลผูป้ ่ ยระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

การพยาบาลผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 13,19,32,35,45,78
การประเมิน ภาพผู้ป่ ยแรกรับจากการซักประ ัติ ตร จร่างกาย และ การตร จทาง ้องปฎิบัติการ
ต่างๆ เพื่อใช้ในการ ินิจฉัย และ างแผนการพยาบาล โดยประเมินผู้ป่ ยดังนี้
1. ซักประ ัติผู้ป่ ย ดังนี้
 ประ ัติโรคลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาของแขนขา เพื่อ างแผนการรัก า และ
การเลือกตาแ น่งผ่าตัด เพื่อป้องกันค ามเ ี่ยงในการเกิดภา ะโรคลิ่มเลือดอุดตัน
ภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 48
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

 ประวั ติ ก ารใ ่ าย วนเพื่ อ ฟอกเลื อ ด รื อ าย วนชนิ ด อื่ น รวมถึ ง ต าแ น่ ง


ทีเ่ คยผ่าตัดใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือด
 ประวัติการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลื อด เช่น ัว ใจเต้น
ผิดจัง วะ เกิดลิ่มเลือดใน ลอดเลือดดา ่วนกลาง รือการติดเชื้อขณะใ ่ าย วน
เพื่อฟอกเลือด เพื่อใช้ในการวางแผนใ ้คาแนะนาผู้ป่วย
 ประวั ติการผ่ าตั ด อดใ ่ เครื่องกระตุ้ น ั ว ใจด้ว ยไฟฟ้ า (pacemaker) ถ้าผู้ ป่ว ยมี
ประวัติ ก ารใช้ เครื่ องกระตุ้ น ั ว ใจด้ว ยไฟฟ้ า ต้ อ ง ่ ง ปรึ ก าแพทย์ โ รค ั ว ใจ รื อ
เจ้า น้าที่เทคนิคเพื่อทาการปรับการทางานของเครื่องใ ้เ มาะ มก่อนเข้ารับการ
ผ่าตัด
 ประวัติเลือดออกแล้ว ยุดยาก รือภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือ ด เพื่อใ ้
คาแนะนาในการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
 ประวัติอุบัติเ ตุของแขน ไ ล่ คอ เพื่อวางแผนการทาผ่าตัดโดย ลีกเลี่ยงบริเวณ
ที่เคยได้รับอุบัติเ ตุ
 ประวัติการใช้ยาโรคประจาตัว และยาที่อาจเพิ่มความเ ี่ยงต่อการผ่าตัด ยาต้าน
เกล็ดเลือด (antiplatelet) เช่น aspirin, clopidogrel, (plavix®), ticlopidine (ticlid®),
ibuprofen และยาป้ อ งกั น การแข็ ง ตัว ของเลื อ ด (anticoagulant) เช่ น warfarin
(orfarin®), dibigatan (Pradaxasa®), rivaroxaban (xareto®) ในผู้ป้วยที่ไม่มีข้อ ้าม
ในการ ยุดยาแนะนาการงดยา antiplatelet 7 วันก่อนผ่าตัด และงดยา anticoagulant
3 วันก่อนผ่าตัด
 ประวั ติ ก ารแพ้ ย า อา าร รื อ ารเคมี ต่ า งๆ รายงานใ ้ แ พทย์ ท ราบเพื่ อ ความ
ปลอดภัยในการวางแผนการรัก า รือการใช้ยาขณะผ่าตัด
 ประวัติโรคประจาตัว อื่นๆ เช่น อบ ืด ภูมิแพ้ เบา วาน โรค ัวใจ เพื่อวางแผน
ในการรัก าและการดูแลผู้ป่วยขณะผ่าตัด
2. ตรวจร่ างกายบริเวณที่ว างแผนเตรียมทาผ่ าตัด ได้แก่ แขน คอ ขา รือ น้าอกว่ามีอาการ
ผิดปกติ รือไม่ เช่น อาการแขนบวม มีก้อนที่บริเวณคอ รือ น้าอก ความผิดปกติของทรวงอก มีภาวะ
น้าในช่องเยื่อ ุ้มปอด รือ อาการติดเชื้อต่างๆ รือไม่

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 49
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

3. การตรวจทาง ้องปฎิบัติการ เพื่อตรวจความพร้อมของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดและวางแผนในการดูแลรัก า


 ตรวจ ภาพความ มบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count : CBC) ามารถคัดกรอง
ความผิดปกติได้ ลายอย่าง เช่น ค่าฮีโมโกลบิน รือฮีมาโตคริตต่า แ ดงถึงภาวะโล ิตจาง ตรวจนับ
เม็ดเลือดขาว (white blood cell count) ถ้าเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophils ูง จะแ ดงถึงการติดเชื้อ
ตรวจนับเกล็ดเลือด (platelets count) ถ้าเกล็ดเลือดต่าจะเ ี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายและ ยุดยาก
ตรวจการแข็งตัวของเลือด (bleeding time, PT และ PTT) เพื่อตรวจ อบภาวะเลือด ยุด
ยาก และวางแผนป้องกันภาวะเลือด ยุดยาก รือการเกิดลิ่มเลือดในระบบ ลอดเลือดขณะผ่าตัด
 ตรวจ มดุลเกลือแร่ และกรด ด่าง ในเลือด (common electrolytes) ดู มดุลการทางาน
ของร่างกาย เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด
 ตรวจค่าการทางานของไต (BUN, Cr) เพื่อดูประ ิทธิภาพการทางานของไตและวางแผนการ
ดูแลรัก าและเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีค่าการทางานของไตผิดปกติ เช่น แนะนาการ
ฟอกเลือดก่อนผ่าตัดในผู้ป่วยไตวาย
 ตรวจประเมิน การติดเชื้อไวรั ก่อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Anti-HIV) ไวรั ตับอักเ บบี
(antigen HBs) และไวรั ตับอักเ บซี (anti-HCV antibody)
 ตรวจภาพถ่ายรัง ีทรวงอก (chest x-ray) คัดกรองความผิดปกติของทางเดิน ายใจ เช่น
วัณโรคปอด
 ตรวจคลื่ น ไฟฟ้ า ั ว ใจ (EKG) คั ดกรองความผิ ดปกติในระบบ ั ว ใจและทรวงอก เมื่อพบ
อาการผิดปกติ ่งปรึก าแพทย์เฉพาะทางโรค ัวใจเพื่อวางแผนการรัก าก่อนการผ่าตัด

การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตมักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิ ภาพจากโรค แพทย์ผู้รัก าจะมีการ
วางแผนการรัก า รวมถึงการ ่ งปรึก าวิ ั ญญีแพทย์ และแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆเพื่อร่ว ม
วางแผนดูแลผู้ป่วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยในการทาผ่าตัด พยาบาลมีบทบาท าคัญในการ
เตรียมผู้ป่วย เพื่อใ ้ผู้ป่วยมีความพร้อมมากที่ ุดก่อนผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังนี้

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 50
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

1. เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด และ ตรวจคลื่นไฟฟ้า ัวใจ เพื่อประเมินความพร้อมของผู้ป่วย


ก่อนผ่าตัด เนื่องจากผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมักมีความผิดปกติของร่างกายจากภาวะของโรค อาจมี ภาวะ
โล ิตจางเรื้อรัง การแข็งตัวของเลือด และการทางานของเกล็ดเลือดผิดปกติ79 อาจมีความไม่ มดุล
เกลือแร่ และ กรด ด่างในเลือด (common electrolytes) โดยเฉพาะค่าโปตั เซียมที่ ูงมากกว่า
7 มิลลิอิควิวาเลนท์/ลิตร อาจทาใ ้เกิดภาวะ ูบฉีดโล ิตของ ัวใจ ้องล่าง และบน ไม่ประ านกัน
(heart block) รือ เกิดภาวะ ัวใจ ยุดเต้น (cardiac arrest) ได้ขณะผ่าตัด
2. วางแผนการฟอกเลือดก่อนเข้านอนโรงพยาบาล โดยแนะนาผู้ป่วยใ ้ ฟอกเลือดก่อนผ่าตัด
1 วัน เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากภาวะไม่ มดุลของกรดด่าง รวมถึงภาวะน้าเกิน ในร่างกาย
3. ซัก ประวั ติ และใ ้ ค าแนะนาการงดยาต้า นการแข็ ง ตัว ของเลื อ ด และยาต้า นเกล็ ด เลื อ ด
ตามคา ั่งการรัก าของแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเลือดออกมากภาย ลังผ่าตัด รวมถึงแนะนา
การงดรับประทานอา ารเ ริมอย่างน้อย 1 ัปดา ์ ก่อนผ่าตัด เนื่องจากอา ารเ ริมบางประเภทมี
ฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด อาจมีผลทาใ ้เกิดภาวะเลือดออกมากภาย ลังผ่าตัดได้ เช่น กระเทียม
โ ม น้ามันตับปลา ใบแปะก๊วย และ วิตามินอี80 เป็นต้น
4. ควบคุมภาวะโรคประจาตัว เช่น เบา วาน ความดันโล ิต ูง โรค ัวใจ โดยการรับประทานยา
ใ ้ ม่าเ มอในระ ว่างรอจนถึงวันผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจาตัว ซึ่งอาจ ่งผล
ใ ้เกิดการ งด เลื่อนผ่าตัด
5. ผู้ป่วยที่นัดผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก แนะนา งดน้าและอา ารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
เพื่อป้องกัน การ าลักอา าร รื อน้าย่อยลงปอดขณะผ่ าตัด 13,78,81 แต่ควรรับประทานยาควบคุม
โรคประจาตัวเช้าวันผ่าตัด (ยกเว้นยาโรคเบา วาน เนื่องจากผู้ป่วยงดน้า และอา าร) รับประทานยา
ร่วมกับน้าไม่เกิน 30 มล. โดยเฉพาะยาควบคุมความดันโล ิต เพื่อช่วยควบคุมระดับความดัน โล ิต
ไม่ใ ้ ูง รือต่าเกินไป ขณะที่ใ ย้ าระงับความรู้ ึก ความดันโล ิตที่ ูงขึ้น รือตกลงอย่างรุนแรงอาจ
่งผลใ ้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อ ัวใจ รือ ต่อโรค ลอดเลือด มอง (stroke) ตามมา13
6. การเตรียมภาวะด้านจิตใจเป็น ิ่ง นึ่งที่ควรคานึงถึง 20,24 เนื่องจากผู้ป่วยมักมีความวิตกกังวล
ูงจาก ลาย าเ ตุ เช่น จากความเจ็บป่ว ยเรื้อรังที่เป็นอยู่ ความกลั ว และกังวลในการทาผ่ าตัด
ภาพลัก ณ์ที่เปลี่ยนไปภาย ลังผ่าตัด การปรับเปลี่ ยนพฤติกรรมใ ้เ มาะกับภาวะ ุขภาพ รวมถึง
ปัญ าค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาล พยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยควรประเมิน ภาพจิตใจ ร้าง ัมพันธภาพ
เมื่อพบผู้ป่วยในครั้งแรกเพื่อใ ้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวล ใ ้ข้อมูลในเรื่องต่างๆได้แก่ เรื่องโรค และ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 51
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

การปฏิบัติตั การ างแผนการรัก า การดูแลตนเอง ลังผ่าตัด ภา ะแทรกซ้อนภาย ลังผ่าตัดที่ค ร


รีบมาพบแพทย์ ร มถึงประเมินเ ร ฐ ถานะ เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยซักถามข้อ ง ัย และใ ้กาลังใจ
ผู้ป่ ยในการปรับตั อยู่กับ ภา ะโรค

การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะเตรียมก่อนผ่าตัด ร บร มข้อมูลทั้ง มดที่ ได้


จากการประเมินผู้ป่ ย โดยการซักประ ัติ ตร จร่างกาย ผลตร จทาง ้องปฎิบัติการ ร มถึงการ
พูดคุยกับผู้ป่ ย เพื่อประเมิน าค ามต้องการทางการพยาบาล ในระยะก่ อนผ่าตัด จากการประเมิน
ค ามรู้ และ ังเกตพฤติกรรมของผู้ป่ ยขณะใ ้การพยาบาล พบข้อ ินิจฉัย 1 ข้อดังนี้

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 ผู้ป่ ยมีค าม ิตกกัง ลเกี่ย กับการผ่าตัด เนื่องจาก


 ขาดค ามรู้ค ามเข้าใจเกี่ย กับโรคและการปฎิบัติตน ก่อน และ ลังผ่าตัด
 มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านภา ะ ุขภาพ บทบาท น้าที่ ฐานะเ ร ฐกิจ และ ังคม
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยมี ี น้าแ ดงค าม ิตกกัง ล พร้อมบอก ่า “กลั การผ่าตัด” อบถามถึงอาการของ
โรค การผ่าตัด และค่าใช้จ่ายในการรัก า
2. ผู้ป่ ย อบถามเกี่ย กับ ิธีการผ่าตัด และการดูแลตนเอง ลังผ่าตัด ่าต้องปฏิบัติตนอย่างไร
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยคลายค าม ิตกกัง ลลง
2. ผู้ป่ ยมีค ามรู้ค ามเข้าใจเกี่ย กับโรคและการปฎิบัติตน ก่อนและ ลังผ่าตัด
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ยมี ี น้า ดชื่นขึ้น บอกกัง ลลดลง
2. ผู้ป่ ยเข้าใจถึงแผนการรัก าของแพทย์ ามารถอธิบายถึงโรคและการปฎิบัติตนก่อนและ ลัง
ผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง ยอมรับการผ่าตัดและใ ้ค ามร่ มมือในแผนการรัก า
3. ผู้ป่ ยเข้าใจและ ามารถอธิบายได้ถึง ิทธิพื้นฐานของตนเองในการรัก า
กิจกรรมการพยาบาล
1. ร้าง ัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่ ย โดยการใช้คาพูด ุภาพ อ่อนโยน เริ่มต้นจากการแนะนาตนเอง
เพือ่ ใ ้ผู้ป่ ยเกิดค ามไ ้ างใจ ร มทั้งเปิดโอกา ใ ้ระบายค ามรู้ ึกใน ิ่งที่กลั และ ิตกกัง ล
2. ประเมินระดับค าม ิตกกัง ลในผู้ป่ ย และญาติโดยการ อบถามด้ ยคาถามปลายเปิด และ
ังเกตพฤติกรรมผู้ป่ ยขณะตอบคาถาม เช่น รู้ ึกอย่างไรกับการผ่าตัด ังเกตอาการแ ดงของ

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 52
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

การปฏิเ ธ อาการซึมเ ร้า รือ รับฟังด้ ยค ามเข้าใจ พร้อมทั้งพูดคุย ปลอบโยน ใ ้กาลังใจ เพื่อใ ้
ผู้ ป่ ยคลายค ามกัง ลใจ และยอมรับ พร้อมใ ้ ค ามร่ มมือ ในการ างแผนการรัก า ประเมิ น
ค าม ามารถในการตัด ินใจ เช่นการแนะนาใ ้ผู้ป่ ยเลือกชนิดของ าย นระยะยา ที่ใช้ในการ
ทาผ่าตัด ประเมินการเปลี่ยนแปลงแบบแผนชี ิตเช่น อบถามถึงกิจ ัตรประจา ันเปรียบเทียบกับ
ก่อนป่ ย การทางาน การปรับอารมณ์ กิจกรรมที่ต้องเปลี่ยนแปลง การรับรู้ของผู้ป่ ยและครอบครั
ในเรื่องการเปลี่ยนแปลง และค ามต้องการการช่ ยเ ลือ
3. ประเมินค ามรู้ ค ามเข้าใจของผู้ป่ ย เกี่ย กับโรคและ าเ ตุการเจ็บป่ ย ร มถึงค ามรู้
ค ามเข้าใจเกี่ย กับการผ่าตัด การปฎิบัติตนก่อนและ ลังผ่าตัด
4. ใ ้ข้อมูลเกี่ย กับแผนการรัก าของแพทย์ เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยและญาติมี ่ นร่ มในการ
างแผนการรัก า โดยเป็น ื่อกลางระ ่างทีมแพทย์ ิ ัญญีแพทย์ และผู้ป่ ย ในการประ านงาน
เพื่อเตรียมค ามพร้อมก่อนการผ่าตัด
5. อธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนต่างๆในการเตรียมผู้ป่ ย ร มถึงการใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั
ก่อนผ่าตัด เพื่อผู้ป่ ยเข้าใจ รับทราบและพร้อมใ ้ค ามร่ มมือ ดังนี้
 โรค แผนการผ่ าตั ด การใ ้ ค าแนะน า ในการเลื อ ก าย นระยะยา เพื่ อฟอกเลื อ ด
ภา ะแทรกซ้อน และการมาตร จตามนัด
 การตร จทาง ้องปฏิบัติการต่างๆ ในการประเมิน ร่างกายก่อน างแผนผ่าตัด และใน ัน
เข้านอนโรงพยาบาล
 การ ่งตร จต่อกับแพทย์เฉพาะทาง รือ ิ ัญญีแพทย์ก่อนผ่าตัด เตรียมค ามพร้อมเพื่อ
ป้องกันการเกิดภา ะแทรกซ้อนจากโรคประจาตั ของผู้ป่ ย
 การติดต่อ น่ ยจองเตียง อัตราค่าบริการผ่าตัด อัตรา ้องพัก และ แน ทางการติดต่อ
เพื่อเข้าพักในโรงพยาบาล
 ิทธิการรั ก าพยาบาล ขั้นตอนการติดต่อ ิ ทธิต้น ั งกัดประเภทต่างๆ และแน ทาง
ในการรับบริการตาม ิทธิ
 การ ยุดยาต้านเกล็ดเลือด และยาต้านการแข็งตั ของเลือด ตามคา ั่งแพทย์ งดอา าร
เ ริมเพื่อป้องกันการเกิดภา ะเลือดออกมากภาย ลังผ่าตัด
 ฟอกเลือดล่ ง น้า 1 ัน ก่อนผ่าตัด เพื่อลดภา ะแทรกซ้อนจากภา ะไม่ มดุลของกรด
ด่างในร่างกาย ร มถึงภา ะน้าเกิน
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 53
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

 แนะนาการค บคุมโรคประจาตั ขณะรอผ่าตัด โดยรับประทานยาที่ใช้รัก าโรคประจาตั


อย่าง ม่าเ มอ เช่น ยาเบา าน ยาค บคุมค ามดันโล ิต เป็นต้น เพื่อลดภา ะแทรกซ้อนที่เป็น
ผลกระทบจากโรคประจาตั ของผู้ป่ ย
 ในผู้ป่ ยที่มารับการผ่าตัดแบบผู้ป่ ยนอก ค รงดน้าและอา ารอย่างน้อย 6-8 ชั่ โมง
ก่อนผ่าตัด เพื่อป้องกันการ าลักอา าร รือน้าย่อยลงปอดขณะผ่าตัด แต่ยังคงรับประทานยาโรค
ประจาตั เช้า ันผ่าตัดร่ มกับน้าไม่เกิน 30 มล. (ยกเ ้นยาโรคเบา าน)
 พักผ่ อนใ ้ เพีย งพอ รับประทานอา ารใ ้ครบ 5 มู่ โดยค บคุมปริมาณโปรตีนใน
อา ารและไม่รับประทานเค็ม เพื่อ ลีกเลี่ยงไม่ใ ้ไตทางาน นักยิ่งขึ้น
6. ประเมินค ามรู้ค ามเข้า ใจ จากคาแนะนาที่กล่า มา โดยการซักถามผู้ป่ ย เปิดโอกา ใ ้
ผู้ป่ ยและญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติม เพื่อใ ้ผู้ป่ ยเกิดค ามเข้าใจและมั่นใจยิ่งขึ้น
7. ประเมิ น ค าม ู ญ เ ี ย บทบาทใน ั ง คมของผู้ ป่ ยด้ ยค าถามปลายเปิ ด ถึ ง การยอมรั บ
ค ามเจ็บป่ ยและปรับตั ตามแผนการรัก า ผลกระทบต่อผู้ป่ ย การพึ่งพาบุคลอื่น และ ิ่งที่ทาใ ้
ผู้ป่ ยรู้ ึก ่าตนเองมีคุณค่า เพื่อประเมินค าม ูญเ ียบทบาททาง ังคมของผู้ป่ ย
8. ่งเ ริมค าม ัมพันธ์ระ ่างผู้ป่ ยและญาติ ปรับเปลี่ยนทั นคติที่ไม่ถูกต้องต่อค ามเจ็บป่ ย
และการรัก าพยาบาล ใ ้กาลังใจ และรับฟังผู้ป่ ยเ มอ ่งเ ริมใ ้ครอบครั มี ่ นร่ มในการดูแล
ผู้ป่ ย กระตุ้นและใ ้กาลังใจผู้ป่ ยในการดูแลตนเอง
9. ประเมินปัจจัยที่มีต่อการปฏิบัติตามแผนการรัก า เช่น ค ามรู้ค ามเข้าใจในแผนการรัก า
ค าม ามารถในการปฏิบัติตามแผนการรัก า ปัญ าด้านเ ร ฐ ถานะ และอุป รรคในการปฏิบัติ
ตามแผนการรัก า เพื่อ าแน ทางในการใ ้การช่ ยเ ลือผู้ป่ ยตามค ามเ มาะ ม
10. แนะน าแน ทางในการแก้ปัญ าเพื่อใ ้ ผู้ ป่ ย ามารถ ปฏิบัติตนตามแผนการรัก า เช่น
ค ามรู้เกี่ย กับ โรค แน ทางการรัก า การเตรียมตั ก่อนและ ลั งผ่ าตัด การป้องกันและ ั งเกต
ภา ะแทรกซ้อนภาย ลัง ผ่าตัด ภาพลัก ณ์ที่เปลี่ยนไป ลังผ่าตัด การเบิกค่าใช้จ่ายตาม ิทธิพื้นฐาน
ของผู้ป่ ย ร มถึงแน ทางในการ ่งต่อผู้ป่ ยไปยังเครือข่ายที่ นับ นุนค่ารัก าพยาบาล
11. แนะนาผู้ป่ ยใ ้รู้จักกับผู้ป่ ยกลุ่มเดีย กัน ที่ ามารถปรับตั ได้ดี มีพฤติกรรม ุขภาพดี เพื่อ
ผู้ป่ ยจะได้เรียนรู้ ิธีการปฏิบัติตน การร่ มเผชิญปัญ า า ิธีการแก้ปัญ า การ นับ นุนทางอารมณ์
เพื่อที่จะทาใ ้ผู้ป่ ยมีกาลังใจในการปฏิบัติตามแผนการรัก า

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 54
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

12. ชี้ ใ ้ ผู้ ป่ ยเ ็ น ถึ ง ผลดี ข องการปฏิ บั ติ ต นตามแผนการรั ก า ได้ แ ก่ ค่ า ผลการตร จทาง


้องปฏิบัติการที่ดีขึ้น ระดับของเ ียลดลง ไม่มีอาการบ ม อาการเ นื่อยล้าลดลง เพื่อ ใ ้ผู้ป่ ยมี
กาลังใจในการปฏิบัติตามแผนการรัก า

การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินค ามรู้ ค ามกลั และค าม ิตกกัง ลจากการ ังเกตพฤติกรรมของผู้ป่ ย โดยการ
อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด และ ทบท นแน ทางการปฎิบัติตั เมื่อผู้ป่ ยกลับบ้าน
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด การซักประ ัติ ตร จร่างกาย ตร จทาง ้องปฎิบัติการ จะ ามารถ
ประเมินค ามพร้อมของผู้ป่ ย และ างแผนการพยาบาลเพื่อ ป้องกันภา ะแทรกซ้อนที่อาจเกิ ดขึ้น
การใ ้คาปรึก า การประเมินด้านจิตใจ เ ร ฐ ถานะ การใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั ก่อนผ่ าตัด
ภาพลัก ณ์ที่เปลี่ยนแปลง ลังผ่าตัด การดูแลตนเองร มถึงการป้องกันภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัดทาใ ้
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ค ามเข้าใจ ตระ นักต่อปัญ า และมีพฤติกรรมในการดูแลตนเองที่เ มาะ มยิ่งขึ้น2,5
การใ ้การพยาบาลในการดูแลผู้ป่ ยดังกล่า ขั้นต้น จะ ามารถลดค ามเครียด ค าม ิตกกัง ลชอง
ผู้ป่ ยเกี่ย กับการผ่าตัด ร มถึงลดอัตราการงดเลื่อนผ่าตัดจากการเตรียมตั ไม่พร้อมได้

การพยาบาลผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผลหลังผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผลหลังผ่าตัด
ประเมิน ภาพผู้ป่ ยใน ันมาตร จติดตามผลภาย ลังผ่าตัด จากการซักประ ั ติ ตร จร่างกาย
โดยการ ั ง เกตพฤติ ก รรมของผู้ ป่ ย ประเมิ น การปฎิ บั ติ ตั ลั ง ผ่ า ตั ด แผลผ่ า ตั ด และการเกิ ด
ภา ะแทรกซ้อนภาย ลังผ่าตัด โดย อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยซักถาม
ข้ อ ง ั ย และร่ มประเมิ น ปั ญ า แนะน าเพิ่ ม เติ ม ใน ิ่ ง ที่ ผู้ ป่ ยพร่ อ ง ร มทั้ ง นั บ นุ น ใ ้ ญ าติ
มี ่ นร่ มในการดูแลผู้ป่ ย
ในกรณีผู้ป่ ยมาฉุกเฉิน เช่นมีภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัด เช่น ไม่ ามารถฟอกเลือดได้ มี นอง
รือ ิ่งผิดปกติบริเ ณแผลผ่าตัด มีการเลื่อน ลุดของ าย นระยะยา เป็นต้น พยาบาลค รประเมิน
ผู้ป่ ยอย่างทันท่ งที โดยการประเมิน ัญญาณชีพและระดับค ามรุนแรงของอาการผิดปกติ ใ ้การ
ดูแลผู้ป่ ยในเบื้องต้นอย่างเ มาะ มตามอาการนั้นๆ (ดังกล่า ในบทที่ 2 ั ข้อ ภา ะแทรกซ้อนจาก
การผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด) และรายงานแพทย์เจ้าของไข้ รือแพทย์ประจา ันที่
ออกตร จรับทราบ
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 55
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

การประเมินบาดแผลหลังผ่าตัด
ภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด การดูแลภาย ลังผ่าตัดถือเป็น ิ่ง าคัญ
ควรแนะนาผู้ป่วยใ ้ ังเกต ติดตาม ประเมินบริเวณที่ผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดทุกครั้ง
ที่มีโอกา เปิดผ้าปิ ดแผล เช่น ขณะฟอกเลือด การดูแลรัก าความ ะอาดรอบๆบริเวณที่ทาผ่าตัด
รวมถึงการดูแล ุขลัก ณะ ่วนบุคคล จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อ น และอัตราการติดเชื้อ ลังผ่าตัดได้74
แพทย์จะนัดตรวจติดตามผล และตัดไ มภาย ลังผ่าตัด ประมาณ 2-3 ัปดา ์ ในการมาตรวจตามนัด
มีขั้นตอนในการประเมินบาดแผล ลังผ่าตัดดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจประเมินบาดแผล ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวฯ ดังนี้
1.1. Set ทาแผล
1.2. 10% povido iodine solution
1.3. gauze ขนาด 4”X4” 1 ่อ
1.4. Y gauze ขนาด 4”X4” 1 ่อ
1.5. ถุงมือ sterilize 1 คู่
1.6. พลา เตอร์ fixomull

ภาพที่ 22 set ทาแผล

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 56
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

2. ังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการ บวม แดง ร้อน ิ่งคัด ลั่งผิดปกติบริเวณแผลผ่าตัด รวมถึง


ผ้าปิดแผล ก่อนเปิดผ้าปิดแผลเพื่อทาการตรวจบาดแผล

ภาพที่ 23 บาดแผลภาย ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด

3. แกะวั ดุปิดแผลอย่างนุ่มนวล โดยใช้นิ้วโป้งกดบริเวณผิว นังข้างพลา เตอร์ปิดแผล พร้อม


กับใช้มือข้างที่ถนัดค่อยๆแกะพลา เตอร์ออก โดยขยับมือข้างที่กดบริเวณผิว นังไปตามแนวที่เปิด
พลา เตอร์เพื่อป้ องกัน การเลื่ อน ลุดของ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด และลดการดึงรั้งขณะ
แกะพลา เตอร์

ภาพที่ 24 เทคนิคการแกะพลา เตอร์ปิดแผล

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 57
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

4. ังเกตบริเวณแผลผ่าตัด และรอบๆบริเวณ าย ตรวจ อบดูบริเวณไ มที่ใช้เย็บตรึง าย และ


ตาแ น่งที่เย็บตรึง ายว่ายังมีการเย็บตรึงเ มาะ ม รือไม่ ใช้นิ้วมือกดรีดข้าง ายบริเวณรูทางออก
ของ าย เพื่อตรวจความผิดปกติ เช่น ิ่งคัด ลั่งผิดปกติ คลาได้ก้อนผิดปกติ ใต้ผิว นัง รืออาการ
ผิดปกติอื่น ๆเช่น มีอาการอักเ บ บวมแดง บริเวณผ่าตัด กรณีตรวจพบอาการผิดปกติแจ้งแพทย์
เจ้าของไข้รับทราบ

ภาพที่ 25 เทคนิคการกดรีดเพื่อประเมินแผลผ่าตัด

5. เช็ดทาความ ะอาดโดยรอบ บริเวณแผลผ่าตัดและบริเวณที่ าย วนระยะยาวโผล่พ้นผิว นัง


โดยใช้ 10% povido iodine solution ตัดไ มที่แผลผ่าตัดบริเวณคอ 2-3 ัปดา ์ ลังผ่าตัด

ภาพที่ 26 การเช็ดทาความ ะอาดแผลผ่าตัด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 58
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

6. ปิดแผลโดย อด Y gauze ลอดใต้ ายจากด้านล่างขึ้นด้านบนเพื่อรองบริเวณ าย วนระยะ


ยาวไม่ใ ้กดทับกับผิว นังผู้ป่วย และ ใช้ Y gauze อีกชิ้นปิดจากด้านบนลงด้านล่าง

ภาพที่ 27 การรอง gauze ก่อนปิดแผล

7. ุ้มบริเวณ ่วนที่จะใช้ต่อเข้าเครื่องไตเทียมเพื่อฟอกเลือด โดยใช้ gauze ขนาด 4”X 4” คลี่เป็นถุง


วมบริเวณ ่วนที่จะใช้ต่อเข้าเครื่อง และปิดพลา เตอร์บริเวณรอบ gauze รอง gauze บริเวณใต้แนว
ของ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด เพื่อลดการกดทับระ ว่าง ายกับผิว นัง และบริเวณ ัวนมของผู้ป่วย

ภาพที่ 28 การปิด gauze บริเวณแผลผ่าตัด

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 59
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

8. คลี่ gauze ขนาด 4”X4” และพับครึ่งตามแน ยา ขนาดเท่าค ามยา ของ าย างปิดทับ ไป


ตามแน าย ใ ้ผู้ป่ ย ัน ีร ะไปด้านตรงข้ามกับบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ก่อน
ปิดทับด้ ย พลา เตอร์ปิดแผล (fixomull) รือ พลา เตอร์ใ กันน้า (transparent dressing) เพื่อ
ป้องกันภา ะไม่ ุข บายของผู้ป่ ยจากการดึ งรั้งของพลา เตอร์ ปิดพลา เตอร์ยา ไปตามแน าย
เพื่อค าม ะด กในการดูแลเมื่อผู้ป่ ยกลับบ้าน และลดค ามเ ี่ยงต่อการเลื่อน ลุดของ ายจากการ
เกี่ย รั้ง

ภาพที่ 29 เทคนิคการปิดพลา เตอร์เพื่อเก็บ าย

การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัดพบข้อวินิจฉัย 6 ข้อดังนี้

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 ผู้ป่ ยมีโอกา ขาดค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่


บ้าน
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยซักถามข้อมูลเกี่ย กับการปฏิบัติตน ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2. ผูป้ ่ ยถามซ้าบ่อยๆในเรื่องการดูแลตนเองเมื่อกลับไปอยู่บ้าน

เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยมีค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 60
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ามารถอธิบาย
ถึงการปฎิบัติตน และอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้านได้
อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจ เรื่องการปฎิบัติตน และอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด
ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2. แนะน าและเปิ ดโอกา ใ ้ ญาติมี ่ ว นร่ว มในการดูแลผู้ ป่ว ย และวางแผนการดูแล ุ ขภาพ
ร่วมกัน
3. อน และ ใ ้คาแนะนาผู้ป่วย และญาติ เกี่ยวกับ การปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไป
อยู่บ้านในเรื่องดังต่อไปนี้
3.1. การดูแลแผลผ่าตัดและบริเวณใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด (ดังกล่าวในบทที่ 2
ัวข้อการใ ้คาแนะนาผู้ป่วยภาย ลังการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด)
1) ดูแลความ ะอาดบริเวณที่ใ ่ าย วนใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผล
เมื่อเปียกชื้น รือ กปรกที่คลินิก รือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
2) ดูแลรัก าความ ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้วย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย
รือเปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมั ดระวัง บริ เวณที่ใ ่ าย วนไม่ ใ ้ เปีย กชื้ นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้ า รื อ
เข้าเซาว์น่า เพราะความเปียกซื้นบริเวณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
4) ใช้ 2% chlorhexidine in alcohol 70%, chorhexidine aqueous รือ 10%
povido iodine ทาความ ะอาดรอบๆบริเวณที่ใ ่ าย ก่อนปิดผ้าปิดแผลปิดแผลด้วย transparent
dressing รือ ผ้าก๊อซและเทป เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
5) ดูแล าย วนไม่ใ ้ ดึงรั้ง ัก พับ งอเพราะอาจทาใ ้ประ ิทธิภาพของการทางาน
เ ียไป
6) งดแกะเกาบริเวณรอบนอกแผลเพราะอาจเป็น าเ ตุของการติดเชื้อได้

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 61
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

7) ผู้ป่ ยที่ใ ่ าย นบริเ ณคอ


 ลีกเลี่ยงการใ ่เ ื้อชนิด ม ีร ะ แนะนา มเ ื้อผ่า เปิดด้าน น้าและติดกระดุม
น้า เพื่อป้องกันการเกี่ย และดึงรั้ง าย
8) ในผู้ป่ ยที่ใ ่ าย นบริเ ณขา นีบ
 ระมัดระ ังเรื่องค าม ะอาดเป็นพิเ ในช่ งที่มีการขับถ่ายปั า ะ และ อุจจาระ
เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการ ัมผั ิ่ง กปรก
 ค ร มกางเกงขา ล มใ ่ บาย ลีกเลี่ยงการนั่งงอขา รือพับขา เพื่อลดค าม
เ ี่ยงจากภา ะ าย นอุดตัน และภา ะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก
 แนะน าผู้ ป่ ยกระดกข้ อ เท้ า เพื่ อ เพิ่ ม ประ ิ ท ธิ ภ าพในการไ ลเ ี ย นเลื อ ดจาก
่ นปลาย เนื่องจากมีโอกา เกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ูง ค รเ้้าระ ังและ ังเกตอาการของ
ขาด้านที่ใ ่ าย น ถ้าพบอาการขาบ ม ป ด คลาดูร้อน รือคลาได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง เนื่องจาก
มีการแข็งตั ของเลือดใน ลอดเลือดดา ค รรีบมาพบแพทย์ทันที
9) ากพบการ ลุดของ าย นในตาแ น่งเย็บตรึง ใ ้ใช้พลา เตอร์ยึด าย และรีบไป
พบแพทย์ทันทีเพื่อทาการเย็บตรึง ายใ ม่
10) แพทย์จะนัดตัดไ มบริเ ณแผลผ่าตัด ภาย ลังผ่าตัดประมาณ 2 ัปดา ์
3.2. แนะนาใ ้มาพบแพทย์ตาม ันนัดเพื่อติดตามผลการรัก า และมาพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อ
มีอาการผิดปกติ
4. ใ ้คาแนะนาเกี่ย กับการปฏิบัติกิจ ัตรประจา ัน ผู้ป่ ย ามารถปฏิบัติกิจ ัตรประจา ันได้
ตามปกติ แต่ค ร ลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ออกแรงมากในระยะ ลังผ่าตัดใ ม่ๆ เพื่อป้องกันการเลื่อน ลุด
ของ าย และการฉีกขาดของบาดแผลบริเ ณที่ทาผ่าตัด

5. ประเมิน ค ามรู้ค ามเข้าใจ จากคาแนะนาที่กล่ า มา โดยการซักถามผู้ ป่ ย เปิดโอกา


ใ ้ผู้ป่ ย และญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติมก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 62
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา ลังผ่าตัดเมื่อ


กลับไปอยู่บ้าน
ข้อมูล นับ นุน
1. เป็นผู้ป่ ยไต ายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่ ยบกพร่องจาก ภา ะของโรค
2. ผู้ป่ ยซักถามข้อมูลเกี่ย กับการปฏิบัติตนเมื่ออยู่บ้านเนื่องจากขาดค ามรู้ในการดูแล าย น

เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยไม่เกิดการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา

เกณฑ์การประเมิน
1. บริเ ณ าย นระยะยา ไม่มีอาการแ ดงของการติดเชื้อได้แก่อาการป ด บ มแดง ร้อน
มี นองไ ลจากบริเ ณ รูเปิดของ าย นระยะยา ฯ (exit site)
2. อุณ ภูมิร่างกายไม่ ูงก ่า 37.5 อง าเซลเซีย

กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอุณ ภูมิร่างกาย ากมีอุณ ภูมิ ูงก ่า 37.5 oC ค รซักประ ัติ ประเมินร่างกาย และ
รายงานแพทย์เจ้าของไข้ทราบ
2. ประเมินค ามผิดปกติที่แ ดงถึงอาการติดเชื้อบริเ ณรูเปิดของ าย นระยะยา เพื่อฟอก
เลือด ได้แก่ อาการป ด บ มแดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณรูเปิดของ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด
3. ใ ้คาแนะนา ทบท นการดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
1) ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผลเมื่อ
เปียกชื้น รือ กปรก
2) ดูแลรัก าค าม ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้ ย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย รือ
เปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมัดระ ังบริเ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้เปียกชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รือเข้าเซา ์น่า
เพราะค ามเปียกซื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 63
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

4) ใช้ 2% chlorhexidine in alcohol 70%, chorhexidine aqueous รือ 10%


povido iodine ทาค าม ะอาดรอบๆบริเ ณที่ใ ่ ายก่อนปิดผ้าปิ ดแผลปิดแผลด้ ย
transparent dressing รือ ผ้าก๊อซและเทป เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
5) งดแกะเกาบริเ ณรอบนอกแผลเพราะอาจเป็น าเ ตุของการติดเชื้อได้
6) ในผู้ป่ ยที่ใ ่ าย นบริเ ณขา นี บ ระมัดระ ังเรื่องค าม ะอาดเป็นพิเ ในช่ งที่มี
การขับถ่ายปั า ะ และ อุจจาระ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการ ัมผั ิ่ง กปรก
4. แนะนาใ ้ผู้ป่ ย ังเกตอาการผิดปกติบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา ฯ และบริเ ณแผลผ่าตัด
อย่าง ม่าเ มอ ค รรีบมาพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการแ ดงของอาการติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ ูง นา ั่น
รือมีอาการ บ ม แดง ร้อน บริเ ณผ่าตัด
5. อธิบ ายใ ้ ผู้ ป่ ยและญาติเข้ าใจและเ ็ นค าม าคัญของการใช้ ลั ก ิธีการปฏิบัติเพื่อลด
ค ามเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ (aseptic technique) ในการดูแล าย นระยะยา เพื่อลดอัตราเ ี่ยงในการ
ติดเชื้อภาย ลังการใ ่ าย น
6. ใ ้ ค าแนะน า ่ ง เ ริ ม ค ามรู้ ด้ า นโภชนาการ แนะน าผู้ ป่ ยในการรั บ ประทานอา ารที่
เ มาะ มตาม ภา ะของโรค และเพียงพอต่อค ามต้องการของร่างกาย เพื่อ ่งเ ริมใ ้ภา ะ ุขภาพ
แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
7. ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ ของผู้ป่ ยและญาติจากคาแนะนาที่กล่า มา โดยการซักถามผู้ป่ ย
เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ย และญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติม
8. แจกคู่มือในการปฏิบัติตั แก่ผู้ป่ ยและญาติ ก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน เนื่องจากผู้ ป่ ย
บาง ่ นที่เป็นผู้ ูงอายุอาจลืมคาแนะนาต่างๆได้ การมีคู่มือจะช่ ยใ ้ ผู้ป่ ยและญาติมีค ามเข้าใจ
ตรงกันและ ามารถช่ ยเ ลือผู้ป่ ยได้ถูกต้อง
9. แนะนาการมาตร จฉุกเฉิน กรณีผู้ป่ ยมีอาการผิดปกติ ามารถติดต่อได้ที่ ้องตร จฉุกเฉิน
ตึกผู้ป่ ยนอกชั้น 1

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 64
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3 ผู้ป่วยอาจมีความรู้ ึกไร้พลังอานาจ ูญเ ียภาพลัก ณ์ และคุณค่า


ในตนเอง
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่วยวางแผนผ่าตัดเปลี่ยนจากการใ ่ าย วนชั่วคราวเป็น าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
2. ผู้ป่วย ี น้าไม่ ดชื่น บ่นว่ารู้ ึกท้อแท้เป็นภาระของคนอื่น ไม่อยากผ่าตัดซ้าๆ
3. ใช้ผ้าพันคอปกปิดบริเวณที่ใ ่ าย วนชั่วคราว และขยับผ้าพันคอบ่อยครั้ง
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่วย ามารถตัด ินใจในการวางแผนการดูแลตนเองได้ ป้องกันการ ูญเ ียภาพลัก ณ์ และ
คุณค่าในตนเอง
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยเข้าใจถึงพยาธิ ภาพของโรค ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและใ ้ความร่วมมือ
ในการรัก า
2. ามารถบอกถึงการดูแลตนเองภาย ลั งการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว มี ่ วนร่วมในการ
วางแผนการดูแลตนเอง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ใ ้คาปรึก าเพื่อใ ้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับโรค พยาธิ ภาพ การรัก า การผ่าตัด
ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อ ฟอกเลื อด และการดู แลตนเองภาย ลั งผ่ าตั ด รับ ฟั งผู้ ป่ว ยอย่ างตั้ง ใจ
พร้อมกับกระตุ้น และ นับ นุนผู้ป่วยใ ้แ ดงออกถึงความรู้ ึกเกี่ยวกับตนเอง และความเจ็บป่วย โดย
ใ ้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้ ึก ความไม่ บายใจ ข้อข้องใจ
2. ังเกตพฤติกรรมที่แ ดงถึงความรู้ ึกไร้พลังอานาจ การ ูญเ ียภาพลัก ณ์ ตนเองไร้ค่า เช่น
การแยกตัว การไม่ร่วมมือในการรัก า และประเมินว่าผู้ป่วยเผชิญปัญ าเ มาะ ม รือไม่
3. อธิบ ายใ ้ ผู้ ป่ ว ยทราบถึง การรัก าและขั้น ตอนการปฏิ บัติใ นการรั ก า ใ ้ ข้อมู ล ที่ผู้ ป่ว ย
ต้องการ และเป็นประโยขน์ต่อผู้ป่วย
4. กระตุ้นใ ้ผู้ป่วยบอกถึงการวางแผนในการดูแลตนเอง และวิธีการดูแล ใ ้ผู้ป่วยมี ่วนร่วม
ในการแ ดงความคิดเ ็น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการรัก า

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 65
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

5. แนะนาใ ้ญาติมี ่วนร่วมในการดู แล ค้น าบทบาท ความคาด วังของผู้ป่วยต่อการรัก า


และความเจ็บป่วย อธิบายใ ้ญาติและผู้ดูแลเข้าใจกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของ
ผู้ป่วย เพื่อใ ้เกิดความเข้าใจและ ามารถช่วยเ ลือใ ้กาลังใจผู้ป่วย
6. แนะน าใ ้ผู้ ป่วยได้รู้จักกับผู้ ป่วยกลุ่มเดียวกัน ที่ ามารถปรับ ตัวได้ดีมีพฤติกรรม ุขภาพดี
มาเป็นแบบอย่าง เพื่อใ ้ผู้ป่วยยอมรับภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังและการรัก า และมีกาลังใจ ยอมปฏิบัติตัว
ตามแผนการรัก า
7. เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่วยมี ่วนร่วมในการตั้งจุดมุ่ง มายในการรัก า เพื่อใ ้ผู้ป่วยมีความพึงพอใจ
ที่จะปฏิบัติตามแผนการรั ก า เมื่อปฏิบัติได้ าเร็จ บุคลากรและญาติควรใ ้กาลังใจ และ นับ นุน
เพื่อใ ้ผู้ป่วย ามารถปรับตัวได้ต่อไป
8. ชี้ ใ ้ เ ็ น ผลดี ข องการรั ก าโดยการใ ้ ท ราบผลการวั ด ความดั น โล ิ ต ผลการตรวจทาง
อ้ งปฏิบัติการ อาการต่างๆที่ดีขึ้น เพื่อเป็นกาลังใจใ ้ผู้ป่วยเ ็นถึงผลดีของการดูแลตนเอง

ข้ อ วิ นิ จ ฉั ย การพยาบาลที่ 4 ผู้ ป่ ว ยมี โ อกา พลั ด ตก กล้ ม ขณะรอตรวจติ ด ตามผล ลั ง ผ่ า ตั ด


เนื่องจากภาวะความดันโล ิตต่าภาย ลังฟอกเลือด
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายมีการเปลี่ยนแปลงทางระบบประ าทตามพยาธิ ภาพของโรค และ
ได้รับการฟอกเลือด
2. ผู้ป่วยรู้ ึกอ่อนเพลียภาย ลังฟอกเลือด
3. ผู้ป่วย ูงอายุ
4. ผู้ป่วยความดันโล ิตต่า (systolic blood pressure) น้อยกว่า 100 มิลลิเมตรปรอท
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่วยปลอดภัยจากการพลัดตก กล้ม
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเ ตุจากการพลัดตก กล้ม

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 66
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

กิจกรรมการพยาบาล
1. ตรวจประเมิ น ั ญ ญาณชี พ แรกรั บ ร่ ว มกั บ ประเมิ น ลั ก ณะทางกายภาพภายนอก เช่ น
ลัก ณะการทรงตัว ลัก ณะการเดิน กรณีผู้ป่วยมีความเ ี่ยงต่อการพลัดตก กล้ม ควรเปลี่ยนเป็นรถ
นั่งขณะผู้ป่วยรอตรวจ กรณีผู้ป่วยมีค่าความดันโล ิตต่า (systolic blood pressure) น้อยกว่า 100
มิลลิเมตรปรอท ควรปฏิบัติดังนี้
1) จัดใ ้ผู้ป่วยนอนเปลนอน ยกปลายเท้า ูงกว่าระดับ ัวใจ
2) ขณะรอตรวจ เ้้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของ ัญญาณชีพ ร่วมกับประเมินอาการผู้ป่วย
ทุก 15-30 นาที ตามความเ มาะ ม
3) รายงานแพทย์เจ้าของไข้รับทราบ
2. ซักประวัติการรับประทานยาลดความดันโล ิต ก่อนฟอกเลือด และรายงานแพทย์ทราบ
3. ใ ้คาแนะนาผู้ป่วยและญาติใ ้ ังเกตอาการผิดปกติขณะรอพบแพทย์ ถ้ามีอาการ น้ามืด
ใจ ั่น คลื่นไ ้ อาเจียน ใ ้แจ้งพยาบาลผู้ดูแลทันที
4. ดูแลใ ้ความช่วยเ ลือผู้ป่วยในขณะตรวจอย่างใกล้ชิด
5. ประเมิน ัญญาณชีพและอาการผู้ป่วยอีกครั้ง ก่อนจา น่ายผู้ป่วยกลับบ้าน กรณี ผู้ป่วยมีการ
่งตรวจต่อที่ น่วยงานอื่น ประ านงาน เปล รือ รถนั่งเพื่อ ่งต่อผู้ป่วย ตามความเ มาะ ม

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5 ผู้ป่วยมีโอกา เ ี่ยงต่อการเกิดภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก


(deep vein thrombosis) จากการใ ่ าย วนระยะยาวบริเวณขา นีบ

ข้อมูลสนับสนุน
1. ผู้ป่วยใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดบริเวณขา นีบ
2. ผู้ป่วยบอกว่าไม่ทราบถึง การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันชั้นลึก ภาย ลัง
ผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดบริเวณขา นีบ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 67
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

เป้าหมายการพยาบาล
1. ผู้ ป่ ว ยไม่ เ กิ ด ภาวะ ลอดเลื อ ดด าอุ ด ตั น ในชั้ น ลึ ก ในขาข้ า งที่ ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่ อ
ฟอกเลือด
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึกในขาข้างที่ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
2. ผู้ ป่ว ย ามารถอธิบ ายถึ งการปฏิบัติ ตัว เพื่อ ป้อ งกัน ภาวะลิ่ มเลื อดอุดตั นใน ลอดเลื อ ดด า
ได้อย่างถูกต้อง
3. ผู้ป่วยไม่มีอาการแ ดงของภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก ได้แก่ อาการขาบวม ปวด
คลาได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
1. แนะนาผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึกดังนี้
1) แนะนาผู้ป่วยกระดกข้อเท้า เพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเวียนเลือดจาก ่วนปลาย
2) เ้้าระวัง และ ังเกตขาด้านที่ใ ่ าย วน ถ้าพบอาการขาบวมปวดคลาดูร้อน รือคลา
ได้ ลอดเลื อดเป็น ล าแข็งเนื่องจากมีการแข็งตัว ของเลือดใน ลอดเลือดดา และ มีการเปลี่ ยน ี ที่
ผิว นัง เริ่มแรกจาก ีแดงเป็น ีคล้า ากมีอาการดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ทันที
2. แนะนาผู้ป่วย วมกางเกงขา ลวมใ ่ บาย ลีกเลี่ยงการนั่งงอขา รือพับขา เพื่อลดความ
เ ี่ยงจากภาวะ าย วนอุดตัน และภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก
3. ลีกเลี่ยงการนอนตะแคงทับขาข้างที่ใ ่ าย วนระยะยาว เพื่อป้องกันการกดเบียด ซึ่งอาจ
ทาใ ้ ายอุดตันได้
4. ทบทวนและใ ้ผู้ป่วยอธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนการดูแลตนเอง เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่วย อบถาม
ข้อข้องใจก่อนจา น่ายผู้ป่วยกลับบ้าน
5. แนะนาการมาตรวจฉุกเฉิน กรณีผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ (ดังที่กล่าวในบทที่ 2 ัวข้อ อาการ
ผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด) ามารถติดต่อได้ที่ต่อได้ที่ ้องตรวจฉุกเฉิน ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 1

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 68
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 6 ผู้ป่วยมีโอกา เกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากขาดความรู้ในการดูแลตนเอง


เมื่อเป็นโรคไตเรื้อรัง
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ว ยไม่ ามารถบอกได้ถึง การดูแลตนเองที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
เมื่อเป็นโรคไตได้
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน มีความรู้และ ามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วย ามารถอธิบายถึงแนวทางการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจ ของผู้ป่วยเกี่ย วกับโรค แผนการรัก า การปฏิบัติตัว จากการ
อบถาม และ ังเกตพฤติกรรม เพื่อใ ้การช่วยเ ลือและใ ้คาแนะนาที่เ มาะ มกับผู้ป่วย
2. อธิบายใ ้ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรัก าที่ได้รับ ภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
วิธีการปฏิบัติตัวเพื่อลด รือป้องกันภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งอาการแ ดงที่ควร ังเกต และรายงาน
ใ ้ทราบ
3. แนะนาการบริโภคอา ารและน้า โดยชี้แจงใ ้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความจาเป็นของการจากัดอา าร
และน้าตามแผนการรัก า ตามคาแนะนาดังนี้24 (ภาคผนวก-เอก าร ข)
1) ในรายที่จากัดน้า อนการตวงและบันทึกปริมาณน้าที่ได้รับและขับออกอย่างละเอียด
และถูกต้องโดยใช้ภา=นะที่มีปริมาตรกา นดปริมาณน้า เช่นกระบอกน้าที่มีระดับในการแ ดงปริมาณ
น้า เพื่อใ ้ได้ค่าที่แน่นอนในการตวงวัด
2) ในรายที่จากัดโปรตีน แนะนาการรับประทานโปรตีนชนิดที่ใ ้คุณค่าทางโภชนาการ ูง
ได้ แ ก่ เนื้ อ ั ต ว์ ไข่ ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยกรดอะมิ โ นจ าเป็ น โดยใ ้ รั บ ประทานเนื้ อ ปลาเป็ น ลั ก
งดรับประทานไข่แดง เนื่องจากมีฟอ ฟอรั และคอเร เตอรอลมาก งดนม และ ผลิตภัณฑ์จากนม
เนื่องจากมีฟอ ฟอรั ูง งดโปรตีนจากพืช เช่นถั่วเมล็ดแ ้ง และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เนื่องจากโปรตีน ูง
แต่คุณภาพต่า และมีโปแต เซียม ูง

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 69
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด

3) จากัดเกลือ โดยจากัดเกลือโซเดียมในอา าร 1-2 กรัมต่อ ัน รือเท่ากับน้าปลา 2.5-5


ช้อนชาต่อ ัน รือเกลือแกง 1-2 ช้อนชาต่อ ัน การรับประทานเค็มจะเกิดภา ะแทรกซ้อนของค าม
ดันโล ิต ูง นอกจากนั้นยังทาใ ้กระ ายน้าจึงต้องดื่มน้าบ่อย เ ี่ยงต่อการเกิดน้าท่ มปอดเฉียบพลัน
งดเติมเกลือ รือน้าปลาเพิ่มในอา าร และรับประทานอา าร ดแทนอา ารที่ผ่านกระบ นการถนอม
อา าร
4) งดผักและผลไม้ที่มีโปแต เซียม ูง
 ผักที่ค ร ลีกเลี่ยง ได้แก่ มะเขือเท บร๊อคโคลี่ แครอท ฟักทอง มันเท มัน้รั่ง ถั่
ต่างๆ
 ผลไม้ที่ค ร ลีกเลี่ยง ได้แก่ กล้ ย ้ม ้รั่ง ลูกพรุน ทุเรียน มะขาม
4. แนะน าใ ้ ดูแ ล ุ ข ภาพร่ า งกายใ ้ แ ข็ง แรง โดยดู แลค าม ะอาดร่ างกาย ออกก าลั งกาย
ม่าเ มอ พักผ่อนใ ้เพียงพอ ทาใจใ ้ บาย ลีกเลี่ยงค ามเครียด
5. แนะนาการรับประทานยาตามแผนการรัก าอย่างต่อเนื่อง ร มทั้งอธิบายถึงค าม าคัญของ
การ มาตร จตามนัด เพื่อติดตามผลการรัก า
6. ประเมินผลค ามรู้และการปฏิบัติตั กระตุ้นใ ้กาลังใจเพื่อใ ้ ามารถจัดการดูแลตนเอง
เพื่อใ ้ผู้ป่ ยดูแลตนเองได้อย่างเ มาะ ม

การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจของผู้ป่ ย ในการดูแลตนเองภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะ
ยา เพื่อฟอกเลือด โดยการ อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด ใ ้ผู้ป่ ยทบท นแน ทางการปฎิบัติ
ตั เมื่อ กลั บ ไปบ้ า น ประเมิน ค ามกลั และค าม ิ ตกกั ง ลจากการ ั ง เกตพฤติ ก รรมของผู้ ป่ ย
อบถามถึงอาการผิดปกติที่ค รมาพบแพทย์ก่อนนัด
ในระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด (follow up – post operative care) การประเมินค าม
เ ี่ ยงต่อภา ะแทรกซ้อน ลั งผ่ า ตัด ร มถึ งการปฎิบัติพยาบาลในการดูแล าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือดมีค ามจาเป็นยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันพบ ่าอัตราการนอนโรงพยาบาลของผู้ป่ ยที่ฟอกเลือด
ด้ ยเครื่องไตเทียมมีปัญ าเนื่องจากภา ะแทรกซ้อนของ vascular access ถึงร้อยละ 15-2065
พยาบาลต้องตระ นักถึงค าม าคัญในการปฎิบัติพยาบาลในบริเ ณที่ผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลื อ ด ประเมิน ค ามผิ ด ปกติ จ ากการ ั ง เกต ตร จร่ า งกาย และประ านงานกับ ที ม แพทย์

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 70
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

อย่างเร่ งด่ว นเมื่อเริ่มพบปั ญ า เช่ น มีอาการบวมแดง รือ มี ิ่ งคัด ลั่ ง ผิ ดปกติออกจากบริเวณที่


ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด ประเมินการเกิดภาวะตีบตันจากการ อบถามข้อมูล และประเมิน
การใช้งาน ลังผ่าตัดก่อนที่จะเกิดการอุดตันของ าย วน
โดย รุป การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย มีความ าคัญที่จะทาใ ้การดูแล
ผู้ป่วยมีประ ิทธิภาพ และประ บความ าเร็จยิ่งขึ้น การ นับ นุนใ ้ผู้ป่วยและญาติดูแล าย วน
ระยะยาวเพื่อฟอกเลือดอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล จากการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
และ ามารถลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในระบบ ุขภาพ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 71
กรณี ึก า

บทที่ 4
กรณีศึกษา

1. ข้อมูลทั่วไป

 ผู้ป่
ยชายไทย อายุ 55 ปี ถานภาพ มร เชื้อชาติไทย ัญชาติไทย า นา พุทธ ภูมิลาเนา
กรุงเทพม านคร
 การ ึก า จบระดับปริญญาตรี ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพ รายได้ครอบครั 20,000 - 30,000 บาท
ต่อเดือน
ันนี้ผู้ป่ ยมีนัดทากายภาพบาบัด ลูกชายจึงมาปรึก าพยาบาลที่ใ ้คาแนะนาก่อนผ่าตัดเรื่อง
การฟอกเลือด เนื่องจากผู้ป่ ยมีนัดฟอกเลือด ันที่ 9 ิง าคม 2557 แต่ไม่ ามารถฟอกเลือดผ่าน
าย นระยะยา ได้ พยาบาลจึงแนะนาใ ้ญาติพาผู้ป่ ยมาพบแพทย์เพื่อตร จรัก า

2. ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน

 8 ปี+ ได้รับการ ินิจฉัย ่าเป็น CKD รัก าที่โรงพยาบาล ิริราช ผู้ป่ ยมารับการตร จติดตามผล
ไม่ ม่าเ มอ
 3 ปีก่อน ได้รับการ ินิจฉัย เป็น CKD state IV
2 ปีก่อน มีไข้ จึงไปรัก าที่คลินิกใกล้บ้าน ได้รับการรัก าโดยการฉีดยา ภาย ลังฉีดยาผู้ป่ ย
ไม่มีแรง ลุกเดินไม่ได้ ภรรยาจึงนา ่งโรงพยาบาลบ้านแพ้ แพทย์ ินิจฉัย ่าเป็นโรคไต ายเฉียบพลัน
แพทย์พิจารณาผ่าตัดใ ่ าย Tenckhoff catherter เพื่อล้างไตทางช่องท้องเพื่อทาการบาบัดทดแทนไต
ภาย ลังการรัก า ผู้ป่ ยไปพบแพทย์ ม่าเ มอ และยังคงต้องล้างไตทางช่องท้องเรื่อยมาเนื่องจาก
ผลเลือดในการตร จร่างกายไม่ดีขึ้น
 15 เดือนก่อน เกิดการติดเชื้อบริเ ณ น้าท้องที่ใ ่ ายล้างไต แพทย์จึงพิจารณานา าย Tenckhoff
catherter ออก และผ่าตัดใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ที่ตาแ น่งขา นีบด้านซ้ายเพือใช้ฟอกเลือด
ด้ ยเครื่องไตเทียมแทน (โดยในการผ่าตัดครั้งนั้นเริ่มต้นผ่าตัดใ ่ ายชั่ ครา เพื่อฟอกเลือดจากตาแ น่งคอ
ด้านข า คอด้านซ้าย และขา นีบด้านซ้าย ตามลาดับ) ลังการผ่าตัด 2 ันผู้ป่ ยมีอาการอ่อนแรงซีกข า
แพทย์ ินิจฉัยเป็น cardio embolic stroke จึงรัก าด้ ยยามาตลอด ร่ มกับการทากายภาพบาบัด
ผู้ป่ ยได้รับการฟอกเลือด 2 ครั้งต่อ ัปดา ์ ทุก ันอังคาร และ ันเ าร์ที่โรงพยาบาลบ้านแพ้
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 72
กรณี ึก า

20 กุมภาพันธ์ 2557 ผ่าตัดเปลี่ยนจาก าย นชั่ ครา เป็น าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


และ างแผนผ่ า ตัด ทาเชื่อ ม ลอดเลื อดแดง และ ลอดเลื อดด าใต้ผิ นั ง เพื่อ ฟอกเลื อดใน ัน ที่
20 ิง าคม 2557
 1 เดือนก่อนขณะฟอกเลือด ต้องมีการ ลับ ายเนื่องจากไม่ ามารถฟอกเลือดได้คล่อง
 4 ันก่อนผู้ป่ ยมีนัดฟอกเลือดแต่ไม่ ามารถฟอกได้
 นั นี้ผู้ป่ ยมาตร จตามนัดเพื่อทากายภาพบาบัด ญาติมาปรึก าพยาบาลเรื่องไม่ ามารถฟอกเลือดได้
จึงแนะนาใ ้นาผู้ป่ ยมาพบแพทย์ทันที

3. ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและโรคประจาตัว

 10 ปี+ มีประ ตั ิโรคค ามดันโล ิต ูง รัก าที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ และโรงพยาบาล ิริราช


มีประ ัติ poor controlled HT ขาดยาบ่อยครั้ง มาตร จติดตามผลไม่ ม่าเ มอ
 8 ปี+ มีประ ัติโรคเก๊าท์ (gout) รัก าด้ ยยา
 8 ปี+ มีประ ัติ severe OSA on CPAP ตั้งแต่ ธัน าคม 2554 - 2556
 3 ปี+ ตร จพบ paraxysmal AF รัก าด้ ยยา warfarin
 15เดือนก่อน ภาย ลังการทาผ่าตัดใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด 2 ันแล้ มีอาการอ่อน
แรงซีกข า ต รจพบ cardio embolic stroke ปัจจุบันรัก าด้ ยยา warfarin และทา
กายภาพบาบัดที่โรงพยาบาล ิริราช ัปดา ์ละ 1 ครั้ง
 ปฎิเ ธการ ูบบุ รี่ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีประ ัติแพ้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ลัง
ดื่มเกิดอาการผื่นแดงคันทั่ ตั
 ปฏิเ ธการแพ้ยาและอา าร
 ปฏิเ ธการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาของแขนขา

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 73
กรณี ึก า

4. ผลการตรวจร่างกาย

ค ามดันโล ิต 140/87 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 62 ครั้ง/นาที ายใจ 20 ครั้ง/นาที อุณ ภูมิ


36.7 oc
 ่ น ูง 173 เซนติเมตร น้า นัก 60 กิโลกรัม
 ตร จร่างกายทั่ ไป ผู้ป่ ยมีอาการซึม พูดค่อนข้างช้า ตอบคาถามเป็นบางครั้ง ร่างกายซีกข า
อ่อนแรง ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดที่ต้นขาด้านซ้าย บริเ ณแผลผ่าตัดและรอบๆ าย นเป็นปกติ
ไม่พบอาการป ด บ ม แดง ร้อน รือ อาการแ ดงของการติดเชื้อ

5. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ

clinical chemistry
 BUN 78.2 mg/dl H
 creatinine 9.64 md/dl H
**eGFR (CKD-EPI equation) 5.45 ml/min/1.73m2 L
+
 sodium (Na ) 140 mmol/L
+
 potassium (K ) 5.3 mmol/L H
-
 chloride (Cl ) 102 mmol/L
3-)
 bicarbonate (HCO 19 mmol/L L
**anion gap 19.0 mmol/L H

Hematology
CBC
 hemoglobin 12.5 g/dl
 hematocrit 39.2 %
 RBC count 4.05 x 10*6/ul L
 MCV 96.8 fl
 MCH 30.9 pg
 MCHC 31.9 g/ld
 red cell distribution RDW 14.0 %
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 74
กรณี ึก า

 WBC count 6.58 x 10*3/ul


 NRC/100 wbc 0.0
 platelet count 251 x 10*3/ul
 absolute neutrophils 4.35 x 10*3/ul

WBC differential count


 % neutrophils 66.1 %
 % lymphocytes 20.7 %
 % monocytes 10.0 % H
 % eosinophils 2.1 %
 % basophils 1.1 %
coagulation
 PT 45.2 sec H
 INR 3.66 H
 APTT > 180 sec

6. ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

 A-V block I first degree


 cardiac hyperthrophy
 pay attention as myocardial ischemia

7. ผลเอ็กซเรย์ปอด

 significant no detectable abnormality

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 75
กรณี ึก า

8. ประวัติยาที่ได้รับในปัจจุบัน

a. folic acid 5 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ันละ 1 ครั้ง ลังอา ารเช้า


b. furrous sulfate 200 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ันละ 3 ครั้ง ลังอา ารเช้า กลาง ัน เย็น
c. amlopine 10 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ันละ 2 ครั้ง ลังอา ารเช้า เย็น
d. caltab 1,000 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ันละ 1 ครั้ง ลังอา ารเช้า
e. orfarin 3 mg รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ันจันทร์ - ันเ าร์ ,
รับประทานครั้งละ 1 1/2 เม็ด ( นึ่งเม็ดครึ่ง) ันละ 1 ครั้ง ก่อนนอนเฉพาะ ันอาทิตย์
f. paracap 500 mg รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ทุก 6 ชั่ โมง เ ลาป ด รือมีไข้

9. ปัญหาที่พบในขณะนี้

 ESRD on HD ไม่ ามารถฟอกเลือดได้ทาง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด มีภา ะของเ ียคั่ง


 Rt hemiparesis

10. แผนการพยาบาลผู้ป่วยณ.จุดตรวจห้องอุลตร้าเซานด์
ใ ก้ ารพยาบาลเพื่อป้องกันการพลัดตก กล้มขณะรอตร จ
 ประเมินภา ะแทรกซ้อนอย่างร ดเร็ และใ ้การพยาบาลตามแผนการรัก าของแพทย์ โดย ่ง
ต่อผู้ป่ ยไป OR เล็ก เพื่อ นล้าง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
 ใ ้คาแนะนา และข้อมูลตามแน ทางการรัก าเพื่อลดค าม ิตกกัง ลขณะรอตร จ
 ใ ้ ค าแนะน าในการปฏิ บั ติ ต นเมื่ อ กลั บ ไปอยู่ บ้ า นเรื่ อ งการดู แ ลตนเองภาย ลั ง การผ่ า ตั ด
ใ ่ าย นระยะยา บริเ ณต้นขาเพื่อฟอกเลือด เพื่อป้องกันภา ะแทรกซ้อนภาย ลังผ่าตัด
 ใ ้ ก ารพยาบาลเพื่ อ ป้ อ งกั น การเกิ ด อั น ตรายจากภา ะเลื อ ดออก และภา ะแทรกซ้ อ นจาก
ค ามผิดปกติของ มดุลของกรดด่างในร่างกายขณะรอตร จ
 ่ งเ ริ มและใ ้ กาลั งใจผู้ ป่ ยและญาติ ในการดูแลตนเอง ยอมรั บค ามเปลี่ ย นแปลงและใ ้
ค ามร่ มมือในการรัก าพยาบาล ร มถึงการมาตร จตามนัดอย่าง ม่าเ มอ
 ใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั ก่อนและ ลังผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดแดงและ ลอดเลือดดาเพื่อ
ฟอกเลือด
การวางแผนการพยาบาลกรณีศึกษา
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 76
กรณี ึก า

วันที่ 13 ิง าคม 2557


ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 ผู้ป่ ยขาดค ามรู้ในการปฎิบัติตั ภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน

ข้อมูล นับ นุน


1. ผู้ ป่ ยไม่ รี บ มาพบแพทย์ เ มื่ อ าย นระยะยา เพื่ อ ฟอกเลื อ ดอุ ด ตั น และไม่ ามารถ
ฟอกเลือดได้
2. ผู้ป่ ยไม่ ามารถตอบข้อซักถามของพยาบาล เกี่ย กับการปฏิบัติตั ภาย ลังผ่าตัดเมื่ออยู่
บ้านได้
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยมีค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ยมีค ามรู้ค ามเข้า ใจในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด ามารถอธิบายถึงการปฎิบัติตน
และอาการผิดปกติภาย ลังผ่าตัดที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อกลับไปอยู่บ้านได้อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ เรื่องการปฎิบัติตน และอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด
ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2. แนะน าและเปิ ดโอกา ใ ้ ญาติมี ่ นร่ มในการดูแลผู้ ป่ ย และ างแผนการดูแล ุ ขภาพ
ร่ มกัน
3. ใ ้คาแนะนาผู้ป่ ย และญาติ เกี่ย กับการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้านในเรื่อง
ดังต่อไปนี้
3.1. การดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย น
1) การดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย นระยะยา ฯ (ดังกล่า ในบทที่ 2 ั ข้อการ
ใ ้คาแนะนาผู้ป่ ยภาย ลังการใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด)
2) ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผล
เมื่อเปียกชื้น รือ กปรกที่คลินิก รือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
3) ดูแลรัก าค าม ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้ ย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย
รือเปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
4) ระมัดระ ังบริ เ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้เปียกชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รือเข้า
เซา ์น่า เพราะค ามเปียกซื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 77
กรณี ึก า

5) ดูแล าย นไม่ใ ้ ดึงรั้ง ัก พับ งอเพราะอาจทาใ ้ประ ิทธิภาพของการทางาน


เ ียไป
6) งดแกะเกาบริเ ณรอบนอกแผลเพราะอาจเป็น าเ ตุของการติดเชื้อได้
7) ระมัดระ ังเรื่องค าม ะอาดเป็นพิเ ในช่ งที่มีการขับถ่ายปั า ะ และ อุจจาระ
เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการ ัมผั ิ่ง กปรก
8) ค ร มกางเกงขา ล มใ ่ บาย ลีกเลี่ยงการนั่งงอขา รือพับขา เพื่อลดค ามเ ี่ยง
จากภา ะ าย นอุดตัน และภา ะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก
9) แนะนาผู้ป่ ยกระดกข้อเท้าเพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเ ียนเลือดจาก ่ นปลาย
เนื่องจากมีโอกา เกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ูง ค รเฝ้าระ ังและ ังเกตอาการ ขาด้านที่ใ ่
าย น ถ้าพบอาการขาบ ม ป ด คลาดูร้อน รือคลาได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง เนื่องจากมีการ
แข็งตั ของเลือดใน ลอดเลือดดา ค รรีบมาพบแพทย์ทันที
10) ากพบการ ลุดของ าย นในตาแ น่งเย็บตรึง ใ ้ใช้พลา เตอร์ยึด าย และรีบไป
พบแพทย์ทันทีเพื่อทาการเย็บตรึง ายใ ม่
3.2. ังเกตอาการผิดปกติภาย ลังผ่าตัด ค รมาพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อเกิดอาการผิดปกติ
เช่น เจ็บแน่น น้าอก ายใจ อบเ นื่อย ป ด กดเจ็บบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา ฯ แผลอักเ บ
มี ิ่งผิดปกติไ ลออกจากแผล มีไข้ ายเลื่อน ลุด กรณีไม่ ามารถฟอกเลือดได้ค รรีบมาโรงพยาบาล
ทันที เนื่องจากอาจเกิดการอุดตันภายใน าย นและเป็น าเ ตุใ ้ต้อง ูญเ ีย าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด รือเ ี่ยงต่อการผ่าตัดซ้าเพื่อแก้ไขพยาธิ ภาพ
3.3. แนะนาใ ้มาพบแพทย์ตาม ันนัดเพื่อติดตามผลการรัก า
3.4. แนะนาการมาตร จฉุกเฉินเมื่อพบอาการผิดปกติ
3.5. อนใ ้ผู้ป่ ยรู้จัก ิธีในการดูแลเมื่อมีข้อต่อต่างๆเลื่อน ลุด
4. ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ โดยการซักถาม ผู้ป่ ย ามารถอธิบายถึงการปฏิบัติตั เมื่อกลับบ้าน
ได้อย่างถูกต้อง เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยและญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติมก่ อนจา น่ายผู้ป่ ยออกจาก
น่ ยตร จ

การประเมินผล
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ในการปฏิบัติตั ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน โดย ามารถอธิบายถึงการ
ปฏิบัติตั เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ร มถึงอธิบายอาการผิดปกติภาย ลังผ่าตัดที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 78
กรณี ึก า

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 ผู้ป่ ยมีโอกา พลัดตก กล้ม ขณะรอตร จ


ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยมีประ ัติ ischemic stroke ร่างกายซีกข าอ่อนแรง และมีอาการอ่อนเพลีย
2. ผู้ป่ ยเป็นโรคไต ายมีการเปลี่ยนแปลงทางระบบประ าทตามพยาธิ ภาพของโรค และไม่ได้
รับการฟอกเลือดตามแผนการรัก า
3. ผลการตร จเลือดทาง ้องปฏิบัติการพบค่า potassium (K+) 5.3 mmol/L มีค ามเ ี่ยงต่อ
อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยปลอดภัยจากการพลัดตก กล้ม
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ยไม่เกิดอุบัติเ ตุจากการพลัดตก กล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
1. ตร จประเมิน ัญญาณชีพแรกรับ
2. ดูแลเปลี่ยนจากรถนั่งเป็นเปลนอนขณะผู้ป่ ยรอตร จ เนื่องจากผู้ป่ ยร่างกายซีกข าอ่อนแรง
และมีอาการอ่อนเพลีย
3. ประเมินอาการผู้ป่ ยทุก 15 - 30 นาที เพื่อประเมินอาการผิดปกติ
4. ใ ้ คาแนะน าผู้ ป่ ยและญาติใ นการ ั งเกตอาการผิดปกติขณะรอพบแพทย์ ได้แก่ อาการ
น้ามืด ใจ ั่น คลื่นไ ้ อาเจียน เมื่อพบอาการผิดปกติใ ้แจ้งพยาบาลผู้ดูแลทันที
5. รายงานผลการซักประ ัติ ตร จร่างกาย ประเมินอาการและอาการแ ดงของผู้ป่ ยใ ้แพทย์
เจ้าของไข้รับทราบดังนี้ ผู้ป่ ยมาก่อนนัด เนื่องจาก าย นระยะยา ไม่ ามารถใช้ฟอกเลือดได้
ัญญาณชีพปกติ ผู้ป่ ยมีอาการซึมเล็กน้อย พูดคุยโต้ตอบรู้เรื่อง บริเ ณแผลผ่าตัด และรอบๆ าย น
ไม่พบอาการผิดปกติ
6. จัดลาดับใ ้ผู้ป่ ยได้รับการตร จอย่างร ดเร็ และดูแลใ ้ค ามช่ ยเ ลือผู้ป่ ยในขณะตร จ
อย่างใกล้ชิด
7. ตร จประเมิน ัญญาณชีพก่อนจา น่ายผู้ป่ ยออกจาก น่ ยตร จ ประ านงาน น่ ย
เคลื่อนย้าย ตามเจ้า น้าที่ ่งต่อผู้ป่ ยไป ้องผ่าตัดเล็ก

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 79
กรณี ึก า

การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิดการพลัดตก กล้ม ขณะรอตร จ ัญญาณชีพแรกรับ ค ามดันโล ิต 140/87
มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 62 ครั้ง/นาที ายใจ 20 ครั้ง/นาที จัดใ ้ผู้ป่ ยเป็นเปลนอนขณะรอตร จ
เนื่องจากผู้ป่ ยร่างกายซีกข าอ่อนแรงและมีอาการอ่อนเพลีย ไม่พบอาการผิดปกติขณะรอตร จ
ประเมิน ัญญาณชีพก่อนจา น่าย พบค ามดันโล ิต 130/80 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60 ครั้ง/นาที
ายใจ 20 ครั้ง/นาที และโทรประ านงาน ้องผ่าตัดเล็กเพื่อ ่งต่อผู้ป่ ยเพื่อ irrigate perm cath

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3 ผู้ป่ ยเกิดค าม ิตกกัง ล เรื่องค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัดซ้า เนื่องจากมีการ


เปลี่ยนแปลงทางด้านฐานะเ ร ฐกิจ ังคม ภา ะ ุขภาพ บทบาท และ น้าที่
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยแ ดง ี น้า ิตกกัง ล อบถามถึงอาการของโรค การผ่าตัด ค่าใช้จ่ายในการรัก า
2. ผู้ป่ ยมีประ ัติปรึก านัก ังคม งเคราะ ์เรื่องค่าใช้จ่ายในการทาผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือดและปัจจุบันยังผ่อนชาระค่าใช้จ่ายค้างเดิม
3. ผู้ป่ ยมีนัดทาผ่าตัด AVF ันที่ 20 ิง าคม 2557
4. ผู้ ป่ ยมี ค ามกั ง ลเรื่ อ งค่ า ใช้ จ่ า ยในการ างแผนผ่ า ตั ด เชื่ อ ม ลอดเลื อ ดด า และ
ลอดเลือดแดงใต้ผิ นังเพื่อฟอกเลือด เนื่องจากยังมีค่าใช่จ่ายค้างชาระ ปัจจุบันภรรยาเป็นผู้ า
รายได้ ลักในครอบครั เพียงผู้เดีย และมีบุตรที่กาลัง ึก าอยู่ 2 คน
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยคลายค าม ิตกกัง ลลง
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ยเข้าใจถึงพยาธิ ภาพของโรค ยอมรั บการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและใ ้ค ามร่ มมือ
ในการรัก า เข้าใจและ ามารถอธิบายได้ถึง ิทธิพื้นฐานของตนเองในการรัก า
2. ผู้ป่ ยมี ี น้า ดชื่นขึ้น

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 80
กรณี ึก า

กิจกรรมการพยาบาล
1. ร้าง ัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่ ย โดยการใช้คาพูดที่ ุภาพ อ่อนโยน โดยแนะนาตนเอง และ
บุคลากรในทีมดูแลผู้ป่ ย เพื่อใ ้ผู้ป่ ยเกิดค ามไ ้ างใจ เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยระบายค ามรู้ ึกและ
ซักถามข้อ ง ัย รับฟังด้ ยค ามเข้าใจ
2. ประเมินระดับค าม ิตกกัง ลในผู้ป่ ย และครอบครั ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ ในแผน
การรั ก า ค าม ามารถในการปฏิ บั ติ ต ามแผนการรั ก า ปั ญ าและอุ ป รรคในการปฏิ บั ติ
ตามแผนการรัก า โดยการ อบถามด้ ยคาถามปลายเปิด และ ังเกตพฤติกรรมผู้ป่ ยขณะตอบ
3. ปรึก าแพทย์เจ้าของไข้ ถึงปัญ าด้านเ ร ฐ ถานะของผู้ป่ ยเพื่อร่ ม างแผนแก้ไขปัญ า
ด้านเ ร ฐ ถานะของผู้ป่ ย โดย ่งพิจารณาเรื่องการรับผู้ป่ ยเข้าเป็นผู้ป่ ยในโครงการ 80 พรร า
เพื่อการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดาและ ลอดเลือดแดงถ ายเป็นพระราชกุ ล โดยไม่เ ียค่าใช้จ่าย
ในการผ่าตัดครั้ง น้า แจ้งใ ้ผู้ป่ ยรับทราบเพื่อลดค าม ิตกกัง ลเรื่องค่าใช้จ่ายในการทาผ่าตัด
4. ประ านงานนัก ังคม งเคราะ ์เพื่อพิจาราณาช่ ยเ ลือในเรื่องค่ารัก าพยาบาล
5. กระตุ้น ใ ้ ผู้ ป่ ยมีการ างแผนในการดูแลตนเองร่ มกันกับ ครอบครั มีการตั้งเป้า มาย
ร่ มกั น แนะน าแน ทางการดู แ ล ุ ข ภาพ เรื่ อ งการงดอา ารเค็ ม และไขมั น ู ง เนื่ อ งจากผู้ ป่ ย
ชอบรับประทานอา ารร เค็ม การทากายภาพบาบัดอย่าง ม่าเ มอ และการออกกาลังกายด้ ยตนเอง
ที่บ้าน การฏิบัติตั ใ ้ถูกต้อง และการ ังเกตอาการผิดปกติภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือด เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยร มในการรัก าพยาบาล
6. ่งเ ริมค าม ัมพันธ์ระ ่างผู้ป่ ย และครอบครั แนะนาและใ ้ข้อมูลกับญาติในเรื่องการ
ปฏิบัติตนที่ถูกต้อง ต่อค ามเจ็บป่ ย และแน ทางการรัก าพยาบาล ใ ้กาลังใจผู้ป่ ย และญาติ
7. ่งเ ริมใ ้ ครอบครั มี ่ นร่ มในการดูแลผู้ป่ ย กระตุ้นและใ ้กาลั งใจผู้ ป่ ยในการดูแล
ตนเอง
การประเมินผล
ผู้ป่ ยคลายค าม ิตกกัง ลลง ี น้า ดชื่นขึ้น ผู้ป่ ยมีค ามเข้าใจเกี่ย กับโรค แผนการรัก า
และการดูแลตนเองร่ มกับทีม ุขภาพ

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 81
กรณี ึก า

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4 ผู้ป่ ยรู้ ึกไร้พลังอานาจ การ ูญเ ียภาพลัก ณ์ และคุณค่าในตนเอง

ข้อมูล นับ นุน


1. ผู้ป่ ย ี น้าไม่ ดชื่น บ่น ่ารู้ ึกท้อแท้เป็นภาระของคนอื่น ไม่อยากผ่าตัดซ้าๆ
2. ผู้ป่ ยเป็นโรคไตเรื้อรังต้องรับการฟอกเลือด ัปดา ์ละ 2 ครั้ง
3. ผู้ป่ ยรู้ ึกเป็นภาระของครอบครั ภรรยาเป็นผู้ ารายได้ ลัก บุตร องคนยังเรียน นัง ือ
ตนเองเจ็บป่ ยไม่มีรายได้ ภาพลัก ณ์เปลี่ยนไป ลังเจ็บป่ ย ร่างกายไม่ปกติเ มือนเดิมบ่นรู้ ึกท้อเป็น
บางครั้ง
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ย ามารถตัด ิ นใจในการ างแผนการดูแลตนเองได้ ป้องกันการ ู ญเ ี ยภาพลัก ณ์
รู้ ึกมีพลังอานาจ และคุณค่าในตนเอง
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ยเข้าใจถึงพยาธิ ภาพของโรค ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและใ ้ค ามร่ มมือ
ในการรัก า
2. ามารถบอกถึงการดูแลตนเองภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด มี ่ น
ร่ มในการ างแผนการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องเ มาะ ม
3. ผู้ป่ ยมี ี น้า ดชื่นขึ้น บอก ่ารู้ ึกมีคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
1. ใ ้คาปรึก าเพื่อใ ้มีค ามเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ย กับโรค พยาธิ ภาพ การรัก า การผ่าตัด
ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด และการดูแลตนเอง ภาย ลังผ่าตัดรับฟังผู้ป่ ยอย่างตั้งใจพร้อม
กับกระตุ้นและ นับ นุนผู้ป่ ยใ ้แ ดงออกถึงค ามรู้ ึกเกี่ย กับตนเอง และค ามเจ็บป่ ยใ ้ผู้ป่ ย
ได้ระบายค ามรู้ ึก ค ามไม่ บายใจ ข้อข้องใจ
2. ประเมินผู้ป่ ยโดย ังเกตพฤติกรรมและซักถาม ่งเ ริมและใ ้กาลังใจผู้ป่ ยในการพยายาม
ปฏิบัติตามแผนการรัก าเพื่อชลอภา ะของโรคอย่างเ มาะ ม
3. อธิบ ายใ ้ ผู้ ป่ ยทราบถึงการรั ก าและขั้นตอนการปฏิบัติ ในการรั ก า ใ ้ ข้ อมู ล ที่ผู้ ป่ ย
ต้องการและเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่ ย
4. กระตุ้นใ ้ผู้ป่ ยบอกถึงการ างแผนในการดูแลตนเองและ ิธีการดูแล ใ ้ผู้ป่ ยมี ่ นร่ มใน
การแ ดงค ามคิดเกี่ย กับการ างแผนเพื่อทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดเพื่อฟอกเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 82
กรณี ึก า

5. ร้างบรรยากา ในการ ่งเ ริมค ามรู้ ึกมีคุณค่า เ ริม ร้างพลังอานาจของผู้ป่ ย พูดชื่นชม


ใน ิ่งที่ผู้ป่ ยปฏิบัติตั ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง ชื่นชมญาติที่ใ ่ใจและช่ ยเ ลือดูแลผู้ป่ ย
6. แนะนาใ ้ญาติมี ่ นร่ มในการดูแล อธิบายใ ้ญาติและผู้ดูแลเข้าใจกระบ นการของการ
เปลี่ยนแปลงทางจิตใจของผู้ป่ ย เพื่อใ ้เกิดค ามเข้าใจและ ามารถช่ ยเ ลือใ ้กาลังใจผู้ป่ ย
7. แนะนาผู้ป่ ยและญาติใ ้รู้จักกับผู้ป่ ยกลุ่มเดีย กันที่ ามารถปรับตั ได้ดี มีพฤติกรรม ุขภาพ
ดี เพื่อ ร้ า งแรงจูง ใจ และเ ริม อ านาจใ ้ ผู้ ป่ ยยอมรับ ภา ะเจ็บ ป่ ยเรื้อ รั ง และการรัก า และ
มีกาลังใจยอมปฏิบัติตนตามแผนการรัก า
8. ใ ้ ผู้ ป่ ยมี ่ นร่ มในการตั้ ง จุ ด มุ่ ง มายในการรั ก า ชี้ ใ ้ เ ็ น ผลดี ข องการปฏิ บั ติ ตั
ตามแผนการรัก า เพื่อใ ้ผู้ป่ ยและญาติร่ มมือและปฏิบัติตามแผนการรัก า ใ ้กาลังใจผู้ป่ ย และ
ญาติ นับ นุนเพื่อใ ้ผู้ป่ ย ามารถปรับตั ได้ต่อไป

การประเมินผล
ผู้ป่ ยมี ี น้า ดชื่นขึ้น เข้าใจถึงพยาธิ ภาพของโรค ยอมรับการเปลี่ ยนแปลงของร่างกาย
ามารถบอกถึงการดู แลตั เองภาย ลั งการผ่ า ตัดใ ่ าย นระยะยา ได้อย่ างถู กต้อ ง เข้าใจใน
แผนการรัก าและการดูแลตนเองภาย ลังการเจ็บป่ ยเรื้อรัง อบถามพยาบาลถึงการรับประทาน
อา ารใ ้เ มาะกับโรค การปฏิบัติตั ภาย ลังเป็นโรคไต และการดูแลตนเองเพื่อรัก าภา ะ ุขภาพ
ใ ้ดียิ่งขึ้น

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบด้านซ้าย
2. เป็นผู้ป่ ยไต ายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่ ยบกพร่องจาก ภา ะของโรค
3. ผู้ป่ ยซักถามข้อมูลเกี่ย กับการปฏิบัติตนเมื่ออยู่บ้าน
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยไม่เกิดการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 83
กรณี ึก า

เกณฑ์การประเมิน
1. บริเ ณ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดไม่มีอาการแ ดงของการติดเชื้อ ได้แก่ อาการป ด บ ม
แดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณ exit site
2. อุณ ภูมิร่างกายไม่ ูงก ่า 37.5 0c
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมิน ัญญาณชีพแรกรับ
2. เปิดแผลประเมินค ามผิดปกติที่แ ดงถึงอาการติดเชื้อบริเ ณ exit site ได้แก่ อาการป ด บ ม
แดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณ exit site
3. ใ ้คาแนะนา ทบท นการดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
1) ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผลเมื่อ
เปียกชื้น รือ กปรก
2) ดูแลรัก าค าม ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้ ย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย รือ
เปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมัดระ ังบริเ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้เปียกชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รือเข้าเซา ์น่า
เพราะค ามเปียกชื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
4) ใช้ 2%chlorhexidine in alcohol 70, chorhexidine aqueous รือ 10%povido
iodine ทาค าม ะอาดรอบๆบริเ ณที่ใ ่ าย ก่อนปิดผ้าปิดแผลปิดแผลด้ ย transparent dressing
รือ ผ้าก๊อซและเทป เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
5) งดแกะเกาบริเ ณรอบนอกบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด เพราะอาจเป็น
าเ ตุของการติดเชื้อได้

4. แนะนาใ ้ผู้ป่ ย ังเกตอาการผิดปกติบริเ ณ าย น และบริเ ณแผลผ่าตัดอย่าง ม่าเ มอ


5. แนะนาใ ้ผู้ป่ ยรีบมาพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการแ ดงของอาการติดเชื้อได้แก่ มีไข้ ูง
นา ั่น รือมีอาการ บ ม แดง ร้อน บริเ ณผ่าตัด
6. อธิบายใ ้ผู้ป่ ยและญาติเข้าใจและเ ็นค าม าคัญของการใช้ ลัก aseptic technique เพื่อ
ลดอัตราเ ี่ยงในการติดเชื้อ ในการดูแล าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
7. ผู้ป่ ย ามารถปฏิบัติกิจ ัตรประจา ันได้ตามปกติ แต่ค ร ลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ออกแรงมาก
เพื่อป้องกันการเลื่อน ลุดของ าย และการฉีกขาดของบาดแผลบริเ ณที่ทาผ่าตัด
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 84
กรณี ึก า

8. ่งเ ริมภา ะโภชนาการ แนะนาผู้ป่ ยดูแลใ ้ได้รับอา ารที่เ มาะ มตาม ภา ะของโรค
และเพียงพอต่อค ามต้องการของร่างกาย โดยงดอา ารร เค็ม ไขมัน ูง เพื่อ ่งเ ริมใ ้ภา ะ ุขภาพ
แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
9. ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ ของผู้ป่ ยและญาติจากคาแนะนาที่กล่า มา โดยการซักถามผู้ป่ ย
เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยและญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติม
10. ใ ้คู่มือในการปฏิบัติตั แก่ผู้ป่ ย และญาติก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน เพื่อนาค ามรู้ ไป
ทบท นต่อเมื่ออยู่ที่บ้าน และญาติ ามารถช่ ยเ ลือดูแลผู้ป่ ยได้อย่างถูกต้อง
11. แนะนาการมาตร จฉุกเฉินกรณีผู้ป่ ยมีอาการผิดปกติ ามารถติดต่อได้ที่ ้องตร จฉุกเฉิน
ตึกผู้ป่ ยนอกชั้น 1

การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิดการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ไม่มีอาการผิดปกติบริเ ณ
exit site ัญญาณชีพแรกรับปกติ อุณ ภูมิ 36.7 0c

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 6 ผู้ป่ ยมีโอกา เ ี่ยงต่อการเกิดภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา


(deep vein thrombosis) จากการใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบ
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบด้านซ้าย
2. ผู้ป่ ยบอก ่าไม่ทราบถึงการปฏิบัติตั ภาย ลังผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดเพื่อ
ป้องกันภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยไม่เกิดภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ในขาข้างซ้าย ที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือด
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่ ย ามารถอธิบายได้ถึงการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา
2. ผูป้ ่ ยไม่เกิดอาการแ ดงของภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาของขา ได้แก่ ขาบ ม ป ด
คลาได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 85
กรณี ึก า

กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอาการและอาการแ ดงของภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาได้แก่ อาการ ขา
บ ม ป ด คลาดูร้อน คลาได้ ลอดเลือดเป็นเ ้นแข็ง ภาย ลังประเมิน ไม่พบอาการผิดปกติ
2. อน และแนะนาผู้ป่ ยเกี่ย กับการปฏิบัติตั เพื่อป้องกันภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาดังนี้
1) แนะนาผู้ป่ ยกระดกข้อเท้า เพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเ ียนเลือดจาก ่ นปลาย
2) เฝ้าระ ังและ ังเกตขาด้านที่ใ ่ าย น ถ้าพบอาการขาบ ม ป ด คลาดูร้อน รือคลาได้
ลอดเลือดเป็นเ ้นแข็งเนื่องจากมีการแข็งตั ของเลือดใน ลอดเลือดดา ากมีอาการดังกล่า ค รรีบ
มาพบแพทย์ทันที
3) ลีกเลี่ยงการนั่งพับขา รืองอขา ป้องกันไม่ใ ้ าย ัก พับ งอ ลีกเลี่ยงการนอนตะแคง
ทับขาข้างที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด เพื่อป้องกันการกดทับ ายซึ่งอาจทาใ ้ ายอุดตัน และ
มีโอกา เกิดลิ่มเลือดลอยไปอุดใน ลอดเลือดดาได้
3. ทบท นและใ ้ผู้ป่ ยอธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนการดูแลตนเอง เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ย อบถาม
ข้อข้องใจก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน
4. แนะนาการมาตร จฉุกเฉินกรณีผู้ป่ ยมีอาการผิดปกติ ามารถติ ดต่อได้ที่ ้องตร จฉุกเฉิน
ตึกผู้ป่ ยนอกชั้น1
การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิด ภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ในขาข้างซ้ายที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือด ไม่พบอาการผิดปกติที่แ ดงถึงภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 86
กรณี ึก า

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 7 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการเกิดภา ะเลือดออกง่าย และอันตรายจาก


ค ามไม่ มดุลของกรดด่างในร่างกาย
ข้อมูล นับ นุน
1. ผู้ป่ ยรับประทานยา orfarin 3 mg
2. ผลตร จทาง ้องปฏิบัติการ
 BUN 78.2 mg/dl
 creatinine 9.64 md/dl
**eGFR (CKD-EPI equation) 5.45 ml/min/1.73m2
+
 potassium (K ) 5.3 mmol/L
3-)
 bicarbonate (HCO 19 mmol/L
**anion gap 19.0 mmol/L
 RBC count 4.05 x 10*6/ul
 % monocytes 10.0 %

 PT 45.2 sec
 INR 3.66
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยปลอดภัยจากภา ะเลือดออก และภา ะแทรกซ้อนจากค ามผิดปติของ มดุลของกรด
ด่างในร่างกาย
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ ป่ ยไม่เ กิดอั น ตรายและภา ะแทรกซ้อ น จากภา ะเลื อ ดออก ไม่ พบจุด เลื อ ดออกตาม
ร่างกาย
2. ผู้ป่ ยไม่เกิดอันตรายและภา ะแทรกซ้อน จากค ามไม่ มดุลของกรดด่างในร่างกาย ไม่พบ
อาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ามืด ใจ ั่น แน่น น้าอก ายใจไม่ออก

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 87
กรณี ึก า

กิจกรรมการพยาบาล

1. ตร จประเมิน ัญญาณชีพแรกรับ
2. รายงานผลการประเมินผู้ป่ ยใ ้แพทย์เจ้าของไข้ รือแพทย์ที่ออกตร จประจา ันรับทราบ
3. เคลื่อนย้ายผู้ป่ ยตาม ลัก work instruction เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ป่ ยขณะ
เคลื่อนย้าย
4. ประเมิน ังเกตอาการและอาการแ ดงของผู้ป่ ย อย่างใกล้ชิด ดูแลค ามปลอดภัยและ
ภาพแ ดล้อม ขณะรอตร จ
5. แนะนาใ ้ผู้ป่ ย และญาติ ังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออก กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ามืด
ใจ ั่น เจ็บแน่น น้าอก ายใจไม่ออก ากพบอาการดังกล่า ใ ้รีบแจ้งพยาบาลทันที
6. แนะนาใ ้ผู้ป่ ยและญาติระมัดระ ังการกระทบกระแทก รือการเกิดอุบัติเ ตุเนื่องจากผู้ป่ ย
มีค ามเ ี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย
7. ประ านงาน ่งต่อข้อมูลไปยัง ้องผ่าตัดเล็กในการรับดูแลผู้ป่ ย เพื่อค ามต่อเนื่องในการดูแล
ผู้ป่ ย และเฝ้าระ ังอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
การประเมินผล
ผู้ป่ ยปลอดภัยจากอันตราย และภา ะแทรกซ้อน จากภา ะเลือดออกง่ายและค ามไม่ มดุล
ของกรดด่างในร่างกาย ไม่มีอาการแ ดงของอาการผิดปกติ ทั้งในขณะรอตร จ และขณะ ่งต่อไปยัง
้องผ่าตัดเล็ก

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 88
กรณี ึก า

สรุปกรณีศึกษา

ชายไทยอายุ 55 ปี ตร จพบประ ัติ CKD, HT, gout , severe OSA ปี2549 มีประ ัติ
ชอบรับประทานอา ารร เค็ม ขาดการตร จและติดตามผลการรัก าโรคค ามดันโล ิต ูงบ่อยครั้ง
ผู้ป่ ยมีอาการไต ายเฉียบพลัน เมื่อปี 2555 แพทย์รัก าโดยการใ ่ ายล้างไตทาง น้าท้อง ต่อมาเดือน
พฤ ภาคม 2556 มีการติดเชื้อบริเ ณ ายทาง น้าท้อง แพทย์จึงผ่าตัดนา าย Tenckhoff catherter
ออก และใ ่ เป็น นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ภาย ลังผ่าตัดผู้ป่ ยเกิดภา ะแทรกซ้อนจาก cardio
embolic stroke ทาใ ้ร่างกายซีกข าอ่อนแรง ลังผ่าตัดผู้ป่ ยเข้ารับการรัก าและติดตาม
ผลการรัก าตามนัด อย่าง ม่าเ มอที่โรงพยาบาล ิริราช โดยทากายภาพบาบัด ั ปดา ์ ละ 1 ครั้ ง
ฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม ัปดา ์ละ 2 ครั้ง
ผู้ป่ ยเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนจาก าย นชั่ ครา เป็น าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ตั้งแต่ ันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 และ มีการ างแผนเพื่อทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดแดงและ ลอดเลือดดา
โดยไม่เ ียค่าใช้จ่าย ใน ันที่ 20 ิง าคม 2557 ผู้ป่ ยมาตร จก่อนนัดเนื่องจากเกิดปัญ า ายฟอกเลือด
อุดตัน ไม่ ามารถฟอกเลือดได้ร มระยะเ ลา 8 ันจากครั้ง ุดท้ายที่ฟอกเลือด ภาย ลังแพทย์ตร จ
ประเมินร่างกายแล้ จึง างแผนรับเป็นผู้ป่ ยในเพื่อ นล้าง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
จากการประเมินผู้ป่ ย ณ ้องตร จอุลตร้าเซานด์ น่ ยตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ และ
ติดตามผล ยามินทร์ชั้น 1 พบ ่าผู้ป่ ยมีปัญ าทางการพยาบาลดังนี้
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 ผู้ป่ ยขาดค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 ผู้ป่ ยมีโอกา พลัดตก กล้ม ขณะรอตร จ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3 ผู้ป่ ยเกิดค าม ิตกกัง ล เรื่องค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัดซ้า เนื่องจาก
มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านฐานะเ ร ฐกิจ ังคม ภา ะ ุขภาพ บทบาทและ น้าที่
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4 ผู้ป่ ยรู้ ึกไร้พลังอานาจ การ ูญเ ียภาพลัก ณ์ และคุณค่าในตนเอง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 6 ผู้ป่ ยมีโอกา เ ี่ยงต่อการเกิดภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือด
(deep vein thrombosis) จากการใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 7 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการเกิดภา ะเลือดออกง่าย และอันตรายจากค าม
ไม่ มดุลของกรดด่างในร่างกาย
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 89
กรณี ึก า

จากกรณี ึก าพบ ่าผู้ป่ ยขาดการใ ่ใจ ในการดูแล ุขภาพตนเอง ทาใ ้เกิดค ามก้า น้า
ของโรคไตอย่ า งต่ อ เนื่ อ งจนเข้ า ู่ ร ะยะไต าย ขาดค ามรู้ ใ นการดู แ ลตนเอง ลั ง ผ่ า ตั ด เกิ ด
ภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัด นามาซึ่งการผ่าตัดซ้าๆ ในการเตรียมช่องทาง า รับ ฟอกเลือด ภาย ลัง
ผ่าตัดใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ผู้ป่ ยเกิดภา ะ stroke มีอาการอ่อนแรงซีกข าของร่างกาย
มีโอกา เ ี่ยงต่อการพลัดตก กล้มเมื่อเคลื่อนไ ปัจจุบันใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดที่ขา นีบ
ด้านซ้ายมีค ามเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ และการเกิดลิ่มเลือดอุดตันบริเ ณที่ใ ่ าย นเพื่อฟอกเลือด มีค าม
ท้อแท้และรู้ ึก ูญเ ียคุณค่าในตนเอง ิตกกัง ลเกี่ย กับการผ่าตัดและค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาล
ในอนาคต
พยาบาล มีบทบาทในการคัดกรอง ประเมินผู้ป่ ยตั้งแต่แรกรับ และป้องกันค ามเ ี่ยงต่างๆที่
อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่ ยในขณะรอตร จ ใ ้คาแนะนา ่งเ ริมและ นับ นุนใ ้ผู้ป่ ยและครอบครั
ใ ้มีค ามรู้ค ามเข้าใจ ามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ในกรณี ึก านี้การ างแผนดูแลรัก าผู้ป่ ย
เมื่อกลับบ้าน การแนะนา ใ ้ค ามรู้ผู้ป่ ยและญาติในการดูแลตนเองและการดูแล าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด ลังผ่าตัด ร มทั้ง ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยและครอบครั เ ็นค าม าคัญในการดูแล ุขภาพ
ลังผ่าตัดถือเป็น ิ่ง าคัญยิ่ง เนื่องจากผู้ป่ ยยังไม่มีช่องทางฟอกเลือดถา ร ประกอบกับเคยผ่าตัดใ ่
าย น ลายตาแ น่ง และตาแ น่งที่มีการผ่าตัด ใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือดจะไม่ ามารถ
กลับมาใช้งานซ้าได้ ปัจจุบันผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบด้านซ้ายซึ่ งเ ี่ยง
ต่อการติดเชื้อและการเกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ูง การดูแล ุขลัก ณะ ่ นบุคคลเ ลา
ขับถ่ายจะช่ ยลดค ามเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ การปฏิบัติตั ที่ถูกต้อง ลังผ่ าตัดจะช่ ยลดค ามเ ี่ยงต่อ
การเกิดภา ะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก การ อนผู้ป่ ยใ ้ ังเกตอาการผิดปกติที่ค รมาพบแพทย์
ก่อนนัด เช่น าย นระยะยา ไม่ ามารถใช้งานได้ตามปกติ จะช่ ยป้องกันภา ะแทรกซ้อนที่อาจทา
ใ ้ ูญเ ีย าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดได้ การจัด ถานที่ ิ่งแ ดล้อมบริเ ณที่อยู่อา ัยใ ้ปลอดภัย
ต่อผู้ป่ ยจะช่ ยป้องกันการพลัดตก กล้ ม ค ามเจ็บป่ ยเรื้อรังมีผลต่อจิตใจของทั้งตั ผู้ป่ ยและ
ครอบครั เกิดค ามเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้นาครอบครั ก่อใ ้เกิดปัญ าด้านเ ร ฐ ถานะ ทาใ ้
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ ึ กท้อแท้ ในการรัก าพยาบาล และกัง ลกับค่าใช้จ่ายในการรัก าที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคต การประเมินเ ร ฐ ถานะ และใ ้การช่ ยเ ลือ ประ านงานในการ ่งต่อผู้ป่ ยตาม ิทธิการ
รัก า และ างแผนการช่ ยเ ลือด้านค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาลในอนาคต ร่ มกับการใ ้กาลังใจ
ผู้ป่ ยและครอบครั ในการปรับตั กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะช่ ยลดค าม ิตกกัง ลและลด
อุป รรคในการดูแลภา ะ ุขภาพของผู้ป่ ยได้ดยี ิ่งขึ้น

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 90
ปัญ า อุป รรค และ แน ทางการแก้ไขปัญ า

บทที่ 5
ปัญ า อุป รรค และ แนวทางการแก้ไขปัญ า

ผู้ป่ ยที่ได้รับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ต้องเผชิญปัญ าการเปลี่ยนแปลง


ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ กระบ นการการดูแลผู้ป่ ยจึงค รเริ่มตั้งแต่การใ ้บริการตร จรัก า
ตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อใ ้ผู้ ป่ ยได้รับ การบริการที่ครอบคลุม ใน น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และ
ติดตามผลการรัก าใ ้การดูแลผู้ป่ ยตั้งแต่การ างแผนผ่าตัดจนถึงการตร จติดตามผลในระยะ ลัง
ผ่าตัด ามารถแบ่งการพยาบาลผู้ป่ ยได้เป็น 2 ระยะคือ การพยาบาลในระยะเตรียมก่อนเข้ารับการ
ผ่ าตัดและการพยาบาลระยะตร จติด ตามผล ลั งผ่ าตัด พบปัญ าจากการประเมินผู้ ป่ ย และมี
แน ทางในการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญ าดังนี้
ระยะเตรียมก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า
1. ผู้ป่ ยมีค าม ิตกกัง ลกับภาพลัก ณ์ การเปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยระบายค ามรู้ ึกและตอบข้อซักถาม
ที่เปลี่ยนแปลงภาย ลังผ่าตัด โดย ใน ิ่ ง ที่ กั ง ล ใ ้ ค้ า แนะน้ า ประกอบรู ป ภาพ ร มถึ ง
เฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่ ยที่มารับการ ค้าแนะน้าในแต่งกายเพื่อพราง าย นระยะยา เพื่อฟอก
เตรียมผ่าตัดเป็นครั้งแรก เลือด การใ ้ข้อมูลในการดูแลตนเอง และใ ้ก้าลังใจผู้ป่ ย
ร มถึงการใช้กลุ่มเพื่อนช่ ยเพื่อน โดยเปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยได้
รู้จัก กับผู้ป่ ยในโรคเดีย กัน ได้ พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมู ล
และใ ้ ค้ า แนะน้ า โดยมี พ ยาบาลเป็ น ผู้ ใ ้ ข้ อ มู ล ในกลุ่ ม
เพิ่มเติมเมื่อเกิดข้อ ง ัย จะช่ ยเพิ่มค ามมั่นใจ และคลาย
ค าม ิตกกัง ลได้

2. ผู้ ป่ ยที่ ม ารั บ การผ่ า ตั ด แก้ ไ ขซ้้ า ๆ การใ ้ ข้อมู ล ในการเข้า รับ การผ่ า ตั ด ครั้ง แรกค รแจ้ ง ใ ้
จะรู้ ึกท้อแท้ มดก้าลังใจไม่ใ ้ค าม ผู้ป่ ยรับ ทราบถึง โอกา ที่อาจเกิดการผ่ าตั ดซ้้ าเนื่องจาก
ร่ มมือ รือปฏิเ ธการรัก า ผู้ป่ ยแต่ละรายมีค ามแตกต่างกันด้านกายภาพ ภาย ลัง
ผ่าตัดจึงค รมาตร จติดตามผลอย่าง ม่้าเ มอ และปฏิบัติ
ตนตามค้าแนะน้าในการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 91
ปัญ า อุป รรค และ แนวทางการแก้ไขปัญ า

ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า


2. ผู้ ป่ ว ยที่ ม าผ่ า ตั ด แก้ ไ ขซ้้ า ๆ จะรู้ ึ ก เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจ ่งผลใ ้เกิดการผ่าตัดซ้้า
ท้อแท้ มดก้าลังใจไม่ใ ้ความร่วมมือ และในผู้ป่วยที่ต้องมารับการผ่าตัดซ้้าๆ ควรชี้แจงใ ้ทราบ
รือปฏิเ ธการรัก า (ต่อ) ถึง วั ตถุป ระ งค์ในแผนการรัก า เ ตุ ผลในการผ่ าตั ด ซ้้ า
ข้อดีในการท้าผ่าตัด รวมถึงข้อเ ีย รือผลกระทบที่ผู้ป่วย
จะได้รับ ากไม่ผ่าตัดตามแผนการรัก า ใ ้ก้าลังใจและใ ้
ความมั่ น ใจกับผู้ ป่ วย เน้ น ย้้ าถึง วิธี การปฏิบั ติ ตัว ที่ ถูกต้ อง
เพื่อป้องกันการกลับมาผ่าตัดแก้ไขซ้้า นอกจากนี้บุค ลากร
ในทีม ุขภาพ ควรใ ้ก้าลัง ใจและ นับ นุ นญาติใ ้มี ่ว น
ร่วมในการดูแลผู้ป่วยและรับทราบแผนการรัก าที่ผู้ป่วยจะ
ได้ รั บ ่ ง เ ริ ม ความรู้ ึ ก มี คุ ณ ค่ า และมี ค วามเชื่ อ ด้ า น
ุขภาพที่ดี จะท้าใ ้ผู้ป่วยยอมรับกับ ภาวะของโรคและใ ้
ความร่วมมือในการรัก าและการดูแลตนเองดียิ่งขึ้น
ในการท้ า ผ่ า ตั ด ใ ่ าย วนเพื่ อ ฟอกเลื อ ดมั ก ท้ า ในกรณี
เร่งด่วนเมื่อผู้ป่วยมีความจ้าเป็นต้องฟอกเลือดฉุกเฉิน แต่ใน
ระยะยาวผู้ป่วยกลุ่มนี้ ่วนใ ญ่จะต้องมีการผ่าตัดซ้้าเพื่อท้า
ช่องทางฟอกเลือดถาวร ในผู้ป่วยที่ ่งปรึก าเพื่อวางแผน
ผ่ า ตั ด ท้ า ช่ องทางเพื่ อใช้ ฟ อกเลื อ ดในอนาคต แพทย์ จ ะ
พิจารณาผ่าตัดช่องทางฟอกเลือดชนิดถาวรเป็นอันดับแรก
ดังนั้นควรจัดช่องทาง fast tract ในการวางแผนการผ่าตัด
โดยจัดล้าดับผู้ป่วยเป็นคิวรอผ่าตัดล้าดับต้นๆ เนื่องจากการ
ท้าช่องทางฟอกเลือดถาวร จะใช้เวลา 2-4 เดือนเป็นอย่าง
น้อยในการเตรียม ลอดเลือดของผู้ป่วยใ ้พร้อม ้า รับการ
ใช้ ง าน การประ านงานแพทย์ เจ้ า ของไข้ในการเตรีย ม
ตรวจ และนัด ผ่า ตั ดใ ้กับผู้ ป่ว ยอย่า งรวดเร็ว ามารถลด
จ้านวนครั้งของการท้าผ่าตัด ในการใ ่ าย วน ้า รับฟอก
เลือด เมื่อเกิดภาวะที่ต้องฟอกเลือดฉุกเฉิน ลดความเ ี่ยง
จากการผ่าตัด และลดค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาล และ
ค่า าย วนเพื่อฟอกเลือดซึ่งมีข้อจ้ากัดในการเบิกค่ารัก า

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 92
ปัญ า อุป รรค และ แน ทางการแก้ไขปัญ า

ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า


3. อาจเกิดอุบัติการณ์การงด-เลื่อนผ่าตัด การใ ้ค้าแนะน้าในการเตรียมตั ก่อนผ่าตัด ค รประเมิน
จากการที่ผู้ป่ ยเตรียมตั ไม่พร้อม จาก ค าม ามารถในการรับข้อมูลของผู้ป่ ย อธิบายอย่างง่ายใน
าเ ตุดังนี้ ิ่ง ้าคัญที่ผู้ป่ ยค รปฏิบัติ นับ นุนใ ้ญาติมี ่ นร่ มใน
การดูแลผู้ป่ ย และประเมินการรับรู้ข้อมูลของผู้ป่ ยก่อน
จ้า น่าย โดยใช้ค้าถามปลายเปิด
 ผู้ป่ ยไม่ได้งดยา antiplatelet
ใ ้ข้อมูลการงดยา บอกถึงค ามจ้าเป็นและค าม ้าคัญของ
และ anticoagulant ตามค้า งั่ การงดยาเพื่อป้องกันภา ะเลือดออกมากขณะผ่าตัด และ
การรัก า ลังผ่าตัด ร มถึงผลเ ียคือเกิดการงด เลื่อนผ่าตัดเมื่อผู้ป่ ย
ไม่ได้งดยาตามค้า ั่งการรัก า และเขียน ันที่ต้องงดยาลง
บน น้าซองยาเพื่อช่ ยเตือนค ามจ้า กรณีไม่ได้น้ายามา
ใ ้ผู้ป่ ยและญาติดูภาพยาประกอบ ถ่ายรูปพร้อมมีเอก าร
ค้า แนะน้ า เพื่ อ น้ า ไปเปรี ย บเที ย บยาที่ บ้ า น และใ ้เ บอร์
โทร ัพท์ติดต่อกลับกรณีมีข้อ ง ัย
 ผู้ป่ ยไม่ได้รับการฟอกเลือดก่อน แนะน้าผู้ป่ ย างแผนเพื่อฟอกเลือดก่อนผ่าตัด เพื่อลดค าม
ผ่าตัด เ ี่ยงต่อการผ่าตัดจากค ามไม่ มดุลของกรด ด่าง น้้า และ
เกลือแร่ ร มทั้ง างแผนเพื่อฟอกเลือด ลังจ้า น่ายจาก
โรงพยาบาล โดยแนะน้า ผู้ป่ ยดังนี้ ค รฟอกเลือดก่อน
ผ่าตัด 1 ัน ถ้า ันฟอกเลือดตรง ันผ่าตัดต้องมีการ างแผน
เพื่อรัก าคิ ฟอกเลือดก่อนผ่าตัด และ ลังจากจ้า น่ายจาก
โรงพยาบาล เช่ น กรณีผู้ ป่ ย ฟอกเลื อดทุ ก ัน จั น ทร์และ
พฤ ั บดี มีนัดผ่าตัด ันจันทร์ ค รขยับ ันฟอกเลือดเป็น ัน
อาทิ ต ย์ ช่ งเช้ า ก่อ นเข้า นอนโรงพยาบาลและเก็ บ คิ ั น
พฤ ั บดีไ ้เพื่อไปฟอก ลังจ้า น่ายออกจากโรงพยาบาล
 ผู้ป่ ยมี ค ามดันโล ิต ูงจากการ แนะน้ า ใ ้ ค บคุ ม ค ามดั น โล ิ ต โดยรั บ ประทานยาใ ้
ลื ม รั บ ประทานยาลดค ามดั น ม่้าเ มอ ร่ มกับงดบริโภคอา ารที่มีร เค็มและไขมัน ูง
โล ิตเช้า ันผ่าตัด ในผู้ป่ ยที่นัด ในระ ่างรอก่อนถึง ันผ่าตัด และรับประทานยาลดค าม
ผ่าตัดแบบผู้ป่ ยนอก โดยมีค้า ั่ง ดันโล ิตเช้า ันผ่าตัดร่ มกับน้้าไม่เกิ น 30 มล. ก่อนออก
แพทย์ใ ้งดน้้าและอา ารมาจาก จากบ้าน พร้อมบันทึกรายละเอียดการปฏิบัติตั ลงในใบนัด
บ้าน ผู้ป่ ยเพื่อช่ ยเตือนค ามจ้า พร้อมท้าเครื่อง มายเน้นย้้าใ ้
เ ็นชัดเจน กรณีผู้ ูงอายุเน้นย้้าใ ้ญาติเข้ามามี ่ นร่ มใน
การดูแลผู้ป่ ย

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 93
ปัญ า อุป รรค และ แน ทางการแก้ไขปัญ า

ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า


4. ปัญ าเ ร ฐ ถานะของผู้ป่ ย ในการ การฟอกเลือดแม้เป็นการรัก าที่นิยมมากที่ ุดในกลุ่มผู้ป่ ย
ผ่ า ตั ด และการดู แ ลตนเองระยะยา ไต าย แต่การเตรียมช่องทาง ้า รับฟอกเลือด อาจมีการ
ภาย ลังการผ่าตัด างแผนเพื่อท้าผ่าตัดเป็นล้าดับขั้นตามค ามเ มาะ ม และ
ค ามเร่งด่ นของผู้ป่ ย น้ามาซึ่งการผ่าตัดซ้้า และค่าใช้จ่าย
ในการรัก าพยาบาล การใ ้ข้อมูลอัตราค่าใช้จ่ายในการ
ผ่ า ตั ด และการดู แ ลตนเองระยะยา ภาย ลั ง การผ่ า ตั ด
เป็ น ิ่ ง ้ า คั ญ มาก เนื่ อ งจากมี ค ามแตกต่ า งกั น ในการ
เบิกจ่ายของแต่ละ ิทธิ ตั้งแต่การท้าผ่าตัดจนถึงค่าบริการใน
การดูแลรัก า ุขภาพในอนาคต เช่น ค่าใช้จ่ายในการรับ
บริการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม เป็นต้น ค รแนะน้า
ข้อมูลการเบิกจ่ายตาม ิทธิพื้นฐานของผู้ป่ ยร มถึงราคาค่า
ผ่าตัด และราคาอุปกรณ์ ่ นต่างที่ผู้ป่ ยต้องช้าระเองตาม
ิทธิ ดังนี้
 ทิ ธิข้าราชการ เบิกได้ตามข้อก้า นดของ
กรมบัญชีกลาง ่ นต่างช้าระเอง
 ิทธิประกัน ังคม ผู้ป่ ยต้อง ้ารองจ่าย ามารถเบิก
้านักงานประกัน ังคมได้ตามข้อก้า นด ภาย ลัง
การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ป่ ยที่ได้รับการรัก าด้ ยการ
ฟอกเลือด
 ิ ท ธิ ป ระกั น ุ ข ภาพแ ่ ง ชาติ ยั ง มี ข้ อ จ้ า กั ด ในการ
รัก าโรคไต จะเบิกค่าใช้จ่ายได้บาง ่ น ในกรณีที่
ผู้ ป่ ยเข้ า รั บ บริ ก ารในโรงพยาบาลเครื อ ข่ า ยที่
นั บ นุ น ค่ า รั ก าพยาบาล โดย ามารถติ ด ต่ อ
อบถามผ่าน ายด่ น ้านักงาน ลักประกัน ุขภาพ
แ ่งชาติ โทร 1330
การใ ้ข้อมูลในเรื่องของการเบิกจ่ายค่ารัก าพยาบาลตาม
แผนการรัก า ทั้ ง ในระยะ ั้ น และระยะยา จะช่ ยใ ้
ผู้ป่ ย ามารถตัด ินใจ มี ่ นร่ มในการ างแผนการรัก า
กับทีม ุขภาพ และเลือก ิธีการบ้าบัดทดแทนไตที่เ มาะ ม
กับตนเองในระยะยา

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 94
ปัญ า อุป รรค และ แน ทางการแก้ไขปัญ า

ในระยะเตรี ยมก่อนผ่าตัดผู้ป่ ยจะมีค าม ิตกกัง ล ูง การ ร้าง ัมพันธภาพที่ดีกับผู้ ป่ ย


เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยระบายค ามรู้ ึกและซักถามข้อ ง ัย การใ ้ข้อมูล ที่ครอบคลุมทุกด้านที่ผู้ป่ ย
ต้องการทราบ จะท้าใ ้ ผู้ ป่ ยคลายค าม ิตกกัง ล ใ ้ ค ามร่ มมือในการรัก า การใ ้ เอก าร
ค้าแนะน้าในการเตรียมตั และ นับ นุนใ ้ญาติมี ่ นร่ มในการดูแลผู้ป่ ย ามารถ ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ย
ปฏิบัติตามแผนการรัก าได้ดียิ่งขึ้น

ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า
1. ผู้ป่ ยมีโอกา พลัดตก กล้ม ขณะรอ ผู้ ป่ ยไต ายมั ก มี อ าการผิ ด ปกติ ร่ มกั น ลายระบบ การ
ตร จติ ด ตามผล ลัง ผ่ า ตั ด เนื่ องจาก ประเมินค ามดันโล ิต และอาการแ ดงของผู้ป่ ยเมื่อแรกรับ
ผู้ป่ ยโรคไต ายจะมีการเปลี่ยนแปลง ถือเป็ น การคัด กรองเบื้ องต้ น เพื่ อป้ องกัน การพลั ด ตก กล้ ม
ทางด้านร่างกายตามพยาธิ ภาพของ ขณะรอตร จ โดยประเมิ น ดั ง นี้ ถ้ า ค ามดั น โล ิ ต ค่ า บน
โรค ได้แก่ ค ามดันโล ิต ูง มีอาการ (systolic)≤ 100 mmHg รือ ค ามดันโล ิตค่าล่าง (diastolic)
ตามั กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา รือเป็น ≤ 50 mmHg ประเมินอาการพบ ่าผู้ป่ ยบ่นป ด ีร ะ รือ
ตะคริ ในรายที่ มาตร จตามนัด ลั ง เ ียน ีร ะ เดินเซไม่มั่นคง ากพบอาการดัง กล่า ค รจัดใ ้
กลั บ จากการฟอกเลื อ ดอาจมี ภ า ะ ผู้ป่ ยนั่ง รถนั่ง รือเปลนอน ตามค ามเ มาะ ม โดยใ ้ญาติ
ค ามดันโล ิตต่้า ดูแลผู้ป่ ยอย่างใกล้ชิด ร มทั้งประเมินผู้ป่ ยเป็นระยะขณะรอ
ตร จ และรายงานแพทย์ เจ้ า ของ ไข้รับ ทราบเมื่ อพบอาการ
ผิดปกติ
2. ผู้ ป่ ยมี โ อกา เกิ ด ค ามไม่ ุ ข บาย การประเมินบาดแผล ลังผ่าตัด ค รเริ่มจากการประเมินค าม
และเ ี่ ยงต่อภา ะ ายเลื่ อน ลุด จาก ผิดปกติบริเ ณแผลผ่าตัดด้ ยการ ังเกตและ อบถามผู้ป่ ยถึง
การแกะพลา เตอร์ขณะเปิ ดแผล ลัง การใช้งานขณะฟอกเลือด และต้าแ น่งการคงอยู่ของไ มเย็บ
ผ่าตัด ก่อนเปิดผ้าปิดแผล การแกะพลา เตอร์ปิดแผลค รกระท้าอย่าง
นุ่มน ล ระมัดระ ัง โดยใช้เทคนิคดังนี้ ใช้ นิ้ โป้งข้างที่ ไม่ถนัด
กดบริเ ณผิ นังผู้ป่ ย พร้อมใช้มือข้างที่ถนัดแกะพลา เตอร์
ไปพร้อมกัน ค่อยๆ แกะ ขยับต้าแ น่งไปตามแน ที่ปิดพลา เตอร์
จนเปิดแผลทั้ง มด เพื่อป้องกันการเกิดภา ะ ายเลื่อน ลุ ด
จากการเกีย่ รั้ง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดเนื่องจากการ
ร้างเนื้อเยื่อ ุ้มปลอก าย น (dacron cuff) ยังไม่ มบูรณ์

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 95
ปัญ า อุป รรค และ แน ทางการแก้ไขปัญ า

ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า


2. ผู้ ป่ ยมี โ อกา เกิ ด ค ามไม่ ุ ข บาย รืออาจเกิดบาดแผลถลอกบริเ ณผิ นังขณะแกะพลา เตอร์
และเ ี่ ยงต่อภา ะ ายเลื่อน ลุด จาก ปิดแผล ภาย ลังการประเมินบาดแผลแนะน้าผู้ป่ ย ัน ีร ะ
การแกะพลา เตอร์ขณะเปิดแผล ลัง ไปด้านตรงข้ามกับบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ผ่าตัด(ต่อ) ก่อนปิดพลา เตอร์ยา ไปตามแน ายโดยระมัดระ ังเรื่องการ
ดึงรั้งที่จะท้าใ ้ผู้ป่ ยไม่ ุข บาย

3. ผู้ ป่ ยมี โ อกา ู ญ เ ี ย าย นระยะ


ยา เพื่อฟอกเลือดจาก าเ ตุดังนี้
 การติดเชื้อบริเ ณที่ผ่าตัดใ ่ าย แนะน้าแน ทางในการดูแลรัก าค าม ะอาดและการประเมิน
นระยะยา เพื่อฟอกเลือด อาการติดเชื้อบริเ ณที่ผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
โดย ังเกตอาการผิดปกติบริเ ณที่ใ ่ าย น ได้แก่อาการ ป ด
บ ม แดง ร้อน รือมี ิ่งผิดปกติไ ลออกจากบริเ ณข้าง าย
และรีบมาพบแพทย์ทันทีเมื่อพบอาการดังกล่า

 ภา ะ าย นอุดตันบาง ่ น แนะน้าแน ทางการ ังเกตการท้างานของ าย นระยะยา


ในขณะใช้งานผ่านเครื่องฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
ค รมีอัต ราการไ ลของเลื อดเข้า ู่เครื่องฟอกเลื อด (blood
flow rate : BFR) มากก ่า 300 ml/min ตามค้าแนะน้าของ
KDOQI guidelines และจดบันทึกค ามเปลี่ยนแปลงอย่าง
ต่ อ เนื่ อ งทุ ก ครั้ ง ที่ ไ ป รั บ บริ ก ารฟอกเลื อ ด เมื่ อ พบ ่ า
ประ ิทธิภาพการท้างานของ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ลดลง เช่น ไม่ ามารถใช้งานได้ทั้ง อง าย รือมีอัตราการไ ล
ของเลือดเข้า ู่เครื่องฟอกเลือดลดลงอย่างต่อเนื่อง ค รรีบมา
พบ ัลยแพทย์ เพื่อ า าเ ตุและ าแน ทางแก้ไขใ ้ าย น
ถา รมีประ ิทธิภาพและ ามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 96
ปัญ า อุป รรค และ แนวทางการแก้ไขปัญ า

ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด การชวนผู้ป่วยพูดคุยโดยการ อบถามการปฎิบัติตนภาย ลัง


ผ่าตัดการใช้งาน าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด และอาการผิดปกติขณะอยู่บ้าน ร่วมกับการ ังเกต
พฤติกรรมขณะพูดคุย ท้าใ ้ ามารถประเมินทัก ะในการดูแลตนเองของผู้ป่วยได้ในระดับ นึ่ง และใ ้
ค้าแนะน้าเพิ่มเติมใน ่วนที่ผู้ป่วยยังปฎิบัติได้ไม่ครบถ้วน โดยเน้น ย้้าการดูแลรัก า าย วนระยะยาว
เพื่อฟอกเลือด แนะน้าการ ังเกตอาการผิดปกติ และประเมินประ ิทธิภาพการท้างานของ าย วน
ระยะยาวขณะฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจท้าใ ้ผู้ป่วยเ ี่ยงต่อการ
ผ่าตัดซ้้า รือ ูญเ ีย าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด ก่อนเวลาอันควร การใ ้การพยาบาลขณะท้า
การประเมินบาดแผลผ่าตัดควรใ ้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล และระมัดระวังเพื่อลดความเ ี่ยงต่อ
ภาวะ ายเลื่อน ลุดจากต้าแ น่งที่เ มาะ ม
พยาบาลมีบทบาท ้าคัญในการเพิ่มความ ามารถในการปรับตัว ่งเ ริม และ นับ นุนการดูแล
ุขภาพของผู้ป่วย โดยใ ้ค้าแนะน้าการปฎิบัติตัว นับ นุนใ ้ผู้ป่วยและญาติตระ นักถึง การดูแล
ุขภาพที่ดี ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการปฏิบัติตนไม่ถูกต้องทั้งก่อนผ่าตัดและ ลังผ่าตัด ใ ้
การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนขณะผู้ป่วยมารับบริการ ประเมินภาวะแทรกซ้อน และ ใ ้
การดูแลรัก ากรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน ได้อย่างรวดเร็ว แม่นย้า ป้องกันผลกระทบต่อผู้ป่วยโดยตรง น้ามาซึ่ง
การผ่าตัดซ้้า การ ูญเ ีย าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดก่อนเวลาอันควร รือการติดเชื้อที่อาจเป็น
อันตรายถึงชีวิต โดยมีการ ่งต่อข้อมูล และประ านงานกับทีม ุขภาพ ในการดูแลผู้ป่วยได้อย่าง
ครอบคลุมปลอดภัยและมีประ ิทธิภาพ
แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคไตวายที่มารับการผ่าตั ดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด จะช่วย
ใ ้พยาบาล ามารถใ ้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมและมีประ ิ ทธิภาพ ่งเ ริมความปลอดภัยใน
การดูแลผู้ป่วย และด้ารงไว้ซึ่ง ุขภาวะที่ดีต่อผู้ป่วยที่มารับบริการ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 97

บรรณานุกรม

1. านักนโยบายและยุทธ า ตร์ กระทร ง าธารณ ุข. ถิติอัตตราการตายด้ ยโรค าคัญ ต่อ


ประชากรแ นคน จาแนกรายภาคปี พ. .2541-2556 [อินเทอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ 2
พ.ค. 2557]. เข้าถึงได้จาก:
http://social.nesdb.go.th/SocialStat/StatReport_Final.aspx?reportid=441&
template=2R1C&yeartype=M&subcatid=15
2. Intgsathit A, Prevalence and risk factors of chronic kidney disease in the Thai
adult population: Thai SEEK study. Nephrol Dial Transplant. 2010;25(5):1567-
75.
3. โรงพยาบาล ถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร. โครงการป้องโรคไตเรื้อรังของ ถาบันโรคไตภูมิ
ราชนครินทร์ [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [เข้าถึงเมื่อ 1 เม.ย. 2557]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.brkidney.org
4. Chuasuwan A, Praditpornsilpa K, editors. Thailand Renal Replacement Report
2012. Nephrology Society of Thailand [Internet]. 2012 (cited 2014 Aug 27).
Available from:
http://www.nephrothai.org/nephrothai_boffice/images_upload/news/418/files/
thailand_renalreplacement_therapy_2012.pdf
5. จิราภรณ์ ชู ง ์, เจียมจิต โ ภณ ุข ถิตย์. ผลของการใ ้ค ามรู้ทางด้าน ุขภาพต่อพฤติกรรม
การดูแลตนเองของผู้ป่ ยไต ายเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม. าร าร ิจัย
ทาง ิทยา า ตร์ ุขภาพ 2554;5(2):41-50.
6. ธนิต จิรนันท์ธ ัช, ิริภา ช้าง ิริกุลชัย, ธนันดา ตระการ นิช, ันต์ ุเมธกุล, บรรณาธิการ.
Quality Dialysis in the year 2010. กรุงเทพฯ: เท็กซ์แอนด์เจอร์นัลพับลิเคชั่น; 2553.
7. น่ ยตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตามผล ยามินทร์ชั้น 1. รายงาน ถิติผู้ป่ ยโรค
ไต ายที่มารับการตร จ ณ. น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตามผล โรงพยาบาล ิริ
ราช; 2556.
8. ถิติผลงานด้านบริการการรัก าผู้ป่ ย าขา ัลย า ตร์ ลอดเลือด ภาค ิชา ัลย า ตร์
โรงพยาบาล ิริราช; 2556.

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 98

9. ร ี รรณ พง ์พุฒิพัชร, ร มน รียุกต ุทธ, จงจิต เ น่ า, นพพร ่ ง ิริมา . การ ึก า


เรื่ งปัจจัยที่มี ิทธิพลต่ คุณภาพชี ิตข งผู้ป่ ยโรคไตเรื้ รังก่ นการบาบัดทดแทนไต.
าร าร มาคมพยาบาลฯ าขาภาคตะ ัน กเฉียงเ นื 2013;31(1):52-61.
10. ิธร ชิดนายี. การพยาบาลผู้ป่ ยไต ายเรื้ รังที่ได้รับการฟ กเลื ดด้ ยเครื่ งไตเทียม.พิมพ์
ครั้งที่2. นนทบุรี: โครงการ ั ดิการ ิชาการ ถาบันพระบรมชนก; 2550.
11. ปิยรัตน์ ไพรัชเ ทย์. การล้างไต การบาบัดทดแทนไต [ ินเท ร์เน็ต]. 2555 [เข้าถึงเมื่ 18
เม.ย 2557]. เข้าถึงได้จาก:
http://haamor.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%
E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%95/#
article102
12. ร มน รียุกต ุทธ. การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไตเรื้ รัง. ใน :ปราณี ทู้ไพเราะ และคณะ
บรรณาธิการ.ตาราการพยาบาล ายุร า ตร์2. กรุงเทพฯ: เ ็นพีเพร การพิมพ์; 2554:199-2
13. พง ์ จันทรประทิน. การใ ่ าย น า รับฟ กเลื ด.ใน: โ ภณ จิร ิริธรรม, ิริ รรณ จิร ิริ
ธรรม, ุร ักดิ์ กันตชูเ ช ิริ, ันต์ ุเมธกุล, บรรณาธิการ. ัลย า ตร์ ิ ัฒน์. กรุงเทพฯ:
กรุงเทพเ ชการพิมพ์; 2554.
14. บัง ร ชมเดช. รีร ิทยาข งระบบขับถ่ายปั า ะ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แ ่ง
จุ าลงกรณ์ม า ิทยาลัย; 2543.
15. ดุ ิต จิรกุล มโชค, ัญญา ร้ ย มมุต, ปณคพร รรณนนท์,เทิดไทย ท ง ุ่น, ิยดา ปัญจรัก.
รีร ิทยาข งไต ค ามผิดปกติข ง ิเล็กโทรไลต์ และข งกรดด่าง .พิมพ์ครั้งที่ 4. ข นแก่น:
โรงพิมพ์คลังนานา ิทยา; 2554.
16. บริ ัท เ ินเ ย์. การทางานข ง น่ ยกร งไต ใน น่ ยไต ักเ บเรื้ รัง [ ินเท ร์เน็ต]. 2551
[เข้าถึงเมื่ 20 เม.ย 2557]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.enwei.co.th/problems_detail.php?did=4&dd=137
17. กระบ นการ ร้างน้าปั า ะ[ ินเท ร์เน็ต]. 2554 [เข้าถึงเมื่ 20 เม.ย 2557]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/421-
%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B1
%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82
%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99+(Human+excretory+syste
m)?groupid=151

คู่มื การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่ ฟ กเลื ด


ในระยะเตรียมก่ นผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 99

18. Thai lab online. Urinary chemistry test strip [Internet]. 2552 [cited 2014 Apr 20].
Available from: http://www.thailabonline.com/urine.htm
19. National Kidney Foundation. K/DOQI clinical practice guidelines for chronic
kidney disease: evaluation, classification, and stratification. American Journal of
kidney diseases. 2002;39(Suppl1):s1-266.
20. ยุ ดี ชาติไทยม, ผู้แปล. การจัดการพยาบาลผู้ป่ ยไต าย.ใน: ผ่อง รี รี มรกต, บรรณาธิการ.
การพยาบาลผู้ใ ญ่และผู้ ูงอายุที่มีปัญ า ุขภาพ เล่ม 2. กรุงเทพฯ:ไอ กรุ๊ปเพร ; 2553.
น้า 455-79.
21. บรรชา ถิระพจน์, ประเจ ฎ์ เรืองกาญจนเ ร ฐ์, อินทรีย์ กาญจนกูล, อานาจ ชัยประเ ริฐ์,
อุปถัมภ์ ุภ ินธุ์, พรรณบุปผา ชู ิเชียร.Essential nephrology.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ:นา
อัก รการพิมพ์;2555: 345-56
22. Kidney.org. Stages of Kidney Disease in NKF KDOQI Guidelines; 2002 [Internet].
2006 [cited 2014 Apr 20]. Available from:
http://www2.kidney.org/professionals/KDOQI/guidelines_ckd/p4_class_g1.htm
23. ิริ รรณ จิร ิริธรรม. การระงับค ามรู้ ึก า รับการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อใช้ในการฟอก
เลือด. ใน: โ ภณ จิร ิรธิ รรม, บรรณาธิการ. ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด.
พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเ ช าร; 2548. น้า 69-85.
24. ุภาพร องค์ ุริยานนท์. การพัฒนาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่ ยโรคไตเรื้อรัง
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชจัง ัด ุพรรณบุรี. าร าร าธารณ ุขและการพัฒนา
2008;6(1):35-41.
25. ท ี ิริ ง ์, บรรณาธิการ. Update on CKD prevention: Stategies and Practical
points.พิมพ์ครั้งที่3. ขอนแก่น: โรงพิมพ์ม า ิทยาลัยขอนแน; 2555.
26. ไ กูณฐ์ ถาปนา ัตร. Surgical Anatomy for Vascular Access.ใน: โ ภณ จิร ิริธรรม,
บรรณาธิการ. ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ:
านักพิมพ์กรุงเทพเ ช าร; 2548. น้า 27-60.
27. ุ ัฏฏกุล, บรรณาธิการ. คู่มือแน ทางการดุแลผู้ป่ ยโรคไต. กรุงเทพฯ: ยูเนี่ยน ครีเอชั่นการ
พิมพ์; 2553. มเกียรติ
28. กล ิชย์ ตรองตระกูล, ไพฑูรย์ ขจร ัชรา. การป้องกันภา ะแทรกซ้อนและเตรียมการบาบัด
ทดแทนไต.ใน: คู่มือการจัดการดูแลผู้ป่ ยโรคไตระยะเริ่มต้น มาคมโรคไตแ ่งประเท ไทย.
กรุงเทพฯ: ยูเนี่ยนอุล ตร้าไ โอเล็ตการพิมพ์; 2555. น้า 94-9.
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 100

29. Thompson EG, Vachharajani TJ. Kidney transplant [Internet]. 2013 [cited 2014
Apr 20]. Available from: http://www.webmd.com/a-to-z-guides/kidney-
transplant
30. Baxter healthcare. Dialysis Options [Internet]. 2014 [cited 2014 Apr 20].
Available from:http://www.baxterhealthcare.com.au/patients_and_caregivers/
areas_of_expertise/renal/treatment_options.html
31. Wikipedia. Hemodialysis [Internet]. 2014 [cited 2014 Apr 20]. Available from:
http://en.wikipedia.org/wiki/Hemodialysis
32. กมล เรืองทอง, นพดล วรอุไร. Vascular access: surgical aspect.ใน: ประเ ริฐ ธนกิจจารุ,
ุพัฒน์ วาณิชย์การ, บรรณาธิการ. ตาราการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการพยาบาล.
พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 131-53.
33. กาพล เลา เพ็ญแ ง. ศัลยศา ตร์ ลอดเลือด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เรือนแก้ว; 2546.
34. ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ. แนวทางการปฏิบัติ า รับการเตรียม ลอดเลือด า รับฟอกเลือด.ใน:
โ ภณ จิร ิริธรรม, ศิริวรรณ จิร ิริธรรม, ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ, ว ันต์ ุเมธกุล, บรรณาธิการ.
ศัลยศา ตร์วิวัฒน์. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 1-10.
35. ธารงโรจน์ เต็มอุดม. ลอด วน า รับการฟอกเลือด. ใน: โ ภณ จิร ิริธรรม, บรรณาธิการ.
ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพ
เวช าร; 2548. น้า 86-95.
36. กาพล เลา เพ็ญแ ง. Vascular access for hemodialysis. เชียงใ ม่: ภาควิชาศัลยศา ตร์
คณะแพทยศา ตร์ ม าวิทยาลัยเชียงใ ม่; 2537.
37. วิฑูรย์ อึ้งกิจไพบูลย์. การใ ่ ลอด วนเพื่อฟอกเลือด. นครนายก: ภาควิชาศัลยศา ตร์
คณะแพทยศา ตร์ ม าวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2550.
38. NKF KDOQI GUIDELINES. Clinical practice guidelines for vascular access
[Internet]. 2006 [cited 2014 May 14]. Available from:
http://www.kidney.org/professionals/KDOQI/guideline_upHD_PD_VA/va_guide2.
htm
39. Elena Righi. CCSVI diagnosi eco-color-dopple [Internet]. 2010 [cited 2014
Aug13]. Available from:
http://www.emiliaromagnavene.it/home&width=1345&height=963

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 101

40. Grimm LJ. Bedside ultrasonographu in deep vein thrombosis [Internet]. 2009
[cited 2014 Aug 13]. Available from:
http://emedicine.medscape.com/article/1362989-overview
41. Taylor RW, Paragiri AV. Central venous catheterization. Crit Care med.
2007;35(5):1390-6.
42. Khwaja A. KDIGO clinical practice guidelines for acute kidney injury. Nephron
Clin Pract. 2012;120(4):179–84.
43. Kukavica N, Resic H, Sahovic V. Comparison of complications and dialysis
adequacy between temporary and permanent tunnelled catheter for
hemodialysis.Bosn J Basic Med Sci. 2009;9(4):265-70.
44. Parienti JJ, Thirion M, Megarbane B, Souweine B, Ouchikhe A, Polito A, et al.
Femoral vs jugular venous catheterization and risk of nosocomial events in
adults requiring acute renal replacement therapy: a randomized controlled
trial. JAMA. 2008;299(20): 2413–22.
45. มชาย เวียงธีรวัฒน์. การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อใช้ในการฟอกไต.
ใน: โ ภณ จิร ิรธิ รรม, ศิริวรรณ จิร ิริธรรม, ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ, ว ันต์ ุเมธกุล,
บรรณาธิการ.ศัลยศา ตร์วิวัฒน์. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 55-69.
46. Maya ID, Allon M. Outcomes of tunneled femoral hemodialysis catheters:
comparison with internal jugular vein catheters. Kidney Int. 2005;68(6):2886-9.
47. Royo P, García-Testal A, Soldevila A, Panadero J, Cruz JM. Tunneled catheters.
Complications during insertion. Nefrologia. 2008;28(5):543-8.
48. Godoy JL, Otta EK, Miyazaki RA, Bitencourt MA, Pasquini R. Central venous
access through the external jugular vein in children submitted to bone marrow
transplantation. Braz Arch Biol Technol. 2005;48(1):41-4.
49. Seldinger SI. Catheter replacement of the needle in percutaneous
arteriography; anew technique. Acta radiol. 1953:39(5):368-76.
50. Vats HS. Complications of catheters: tunneled and nontunneled. Adv Chronic
Kidney Dis. 2012;19(3):188-94.
51. Betjes MG. Prevention of catheter-related bloodstream infection in patients on
hemodialysis. Nat Rev Nephrol. 2011;7(5):257-65.
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 102

52. โ ภณ จิร ิริธรรม. ภาวะแทรกซ้อนจากการทา ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. ใน: โ ภณ จิร ิ


ริธรรม, บรรณาธิการ. ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ:
านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2548. น้า 146-51.
53. Bhutta ST, Culp WC. Evaluation and management of central venous access
complications. Tech Vasc Interv Radiol. 2011;14(4):217-24.
54. Maecken T, Grau T. Ultrasound imaging in vascular access. Crit Care Med.
2007;35
(5 Suppl):178-85.
55. Asif A. Reducing the Morbidity of Tunneled Hemodialysis Catheters. Semin Dial.
2008;21(6):503.
56. Wilcox TA. Catheter-Related Bloodstream Infections. Semin Intervent Radiol.
2009;26(2):139-43.
57. Engemann JJ, Friedman JY, Reed SD, Griffiths RI, Szczech LA, Kaye KS, et al.
Clinical outcomes and costs due to Staphylococcus aureus bacteremia among
patients receiving long-term hemodialysis. Infect Control Hosp Epidemiol.
2005;26(6):534-9.
58. Moist LM, Trpeski L, Na Y, Lok CE. Increased hemodialysis catheter use in
Canada and associated mortality risk. Clin J Am Soc Nephrol. 2008;3(6):1726-
32.
59. Nissenson AR, Dylan ML, Griffiths RI, Yu HT, Dean BB, Danese MD, et al. Clinical
and economic outcomes of Staphylococcus aureus septicemia in ESRD
patients receiving hemodialysis. Am J Kidney Dis. 2005;46(2):301-8.
60. Garnacho-Montero J, Aldabo-Pallas T, Palomar-Martınez M, Valles J, Almirante
B,
Garces R, et al. Risk factors and prognosis of catheter-related bloodstream
infection in critically ill patients: a multicenter study. Intensive Care Med.
2008;34:2185-93.
61. Katneni R, Hedayati SS. Central venous catheter-related bacteremia in chronic
hemodialysis patients: epidemiology and evidence-based management Nat
Clin Pract Nephrol. 2007;3(5):256-66.
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 103

62. Vandecasteele SJ, Boelaert JR, De Vriese AS. Staphylococcus aureus infections
in hemodialysis: what a nephrologist should know. Clin J Am Soc Nephrol.
2009;4(8):1388-400.
63. Janne d’Othee B, Tham JC, Sheiman RG. Restoration of patency in failing
tunneled hemodialysis catheters: a comparison of catheter exchange,
exchange and balloon disruption of the fibrin sheath, and femoral stripping. J
Vas Interv Radiol. 2006;17(6):1011-5.
64. Oliver MJ, Mendelssohn DC, Quinn RR, Richardson EP, Rajan Dk, Pugash RA, et
al. Catheter patency and function after catheter sheath disruption: a pilot
study.
Clin J Am Soc Nephrol. 2007;2(6):1201-6.
65. KDOQI, National Kidney Foundation. KDOQI clinical practice guidelines and
clinical practice recommendations for 2006 Up-date:hemodialysis adequacy
and vascular access. Am J Kidney Dis 2006;48:188-284.
66. O'Grady NP, Alexander M, Burns LA, Dellinger EP, Garland J, Heard SO, et al.
Guidelines for the prevention of intravascular catheter-related infections.
Clin Infect Dis. 2011;52(9):e162-93.
67. Rymes NL, Lester W, Connor C, Chakrabarti S, Fegan CD. Outpatient
management of DVT using low molecular weight heparin and a hospital
outreach service. Clin Lab Haematol. 2002;24(3):165-70.
68. Kim YC, Won JY, Choi SY, Ko HK, Lee KH, Lee do Y, et al. Percutaneous
treatment of central venous stenosis in hemodialysis patients: long-term
outcomes. Cardiovasc Intervent Radiol. 2009;32(2):271-8.
69. นาตยา แ งวิชัยภัทร. การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม. ใน:
ปราณี ทู้ไพเราะ และคณะ, บรรณาธิการ. ตาราการพยาบาลอายุรศา ตร์2. กรุงเทพฯ: เอ็นพี
เพร การพิมพ์; 2554. น้า 227-30.
70. ปิ่นแก้ว กล้ายประยงค์. การพยาบาล Vascular Access ในผู้ป่วยทา Hemodialysis. ใน:
ประเ ริฐ ธนกิจจารุ, ุพัฒน์ วาณิชย์การ, บรรณาธิการ. ตาราการฟอกเลือดด้วยเครื่องไต
เทียมและการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า
375-89.
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 104

71. Polkinghorne KR, Chin GK, MacGinley RJ, Owen AR, Russell C, Talaulikar GS, et
al.
KHA-CARI Guideline: vascular access - central venous catheters, arteriovenous
fistulae and arteriovenous grafts. Nephrology. 2013:18(11):701-5.
72. Allon M. Dialysis catheter–related bacteremia: treatment and prophylaxis.
Am J Kidney Dis. 2004;44(5):779-91.
73. Mermel LA, Allon M, Bouza E, Craven DE, Flynn P. O’Grady NP, et al. Clinical
practice guidelines for the diagnosis and management of intravascular
catheter-related infection: 2009 Update by the Infectious Diseases Society of
America. Clin Infect Dis. 2009;49(1):1-45.
74. Taylor G, Gravel D, Johnston L, Embill J, Holton D, Raton S, et al. Incidence of
bloodstream infection in multicenter inception cohorts of hemodialysis
patients.
Am J Infect Control. 2004;32(3):155-60.
75. Camp-Sorrell D. State of the science of oncology vascular access devices.
Semin Oncol Nurs. 2010;26(2):80-7.
76. McGee DC, Gould MK. Preventing Complications of Central Venous
Catheterization.N Endl J Med. 2003;348(12):1123-33.
77. Chaiyakunapruk N, Veenstra DL, Lipsky BA, Saint S. Chlorhexidine compared
with povidone–iodine solution for vascular catheter-site care: a meta-analysis.
Ann Intern Med. 2002;136(11):792-801.
78. รัตติมา ิริโ ราชัย, พิกุลทิพย์ ง ์เ ิร. การพยาบาลผู้ป่ ยที่มารับการผ่าตัด. ใน: อุ า ดี อั
ดร ิเ , บรรณาธิการ. าระ ลักทางการพยาบาล เล่ม2. พิมพ์ครัง้ ที่2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์
ัฒนาการพิมพ์; 2554. น้า 159-68.
79. KDOQI, National Kidney Foundation. KDOQI clinical practice guidelines and
clinical practice recommendations for anemia in chronic kidney disease. Am J
Kidney Dis. 2006;47(5 Suppl 3):S11–145.
80. น่ ยรับผู้ป่ ยในและคณะดูแลค ามต่อเนื่องในการรัก าทางยา. คาแนะนาเรื่องยา า รับ
ผู้ป่ ยที่จะเข้ารับการรัก าในโรงพยาบาล ิริราช. น่ ยพิมพ์โรงพยาบาล ิริราช; 2556.

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 105

81. Dotson R, Wiener-Kronish JP, Ajayi T. Preoperative evaluation and medication.


In: Stoelting RK, Miller RD, editors. Basics of Anesthesia, 5th ed. Philadelphia:
Churchill Livingstone; 2007. p. 157-77.

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 106
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)69
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) คือ การนาเลือดของผู้ป่วยที่มี ่วนประกอบ
ของน า ของเ ี ย และ ารต่า งๆ ออกจากร่ างกายมาแลกเปลี่ ยนน าและ ารต่า งๆที่ มี อยู่ ใ นน ายา
(Dialysate) โดยผ่านตัวกรอง(Dialyzer) ซึ่งมีคุณ มบัติเป็น Semipermeable membrane
ใช้ความเร็วอย่าง ม่าเ มอ 350 - 400 มิลลิลิตรต่อนาที เลือดจะไ ลเวียนผ่านตัวกรอง (Dialyzer)
และไ ลกลับ ู่ร่างกายอย่างเป็นวงจร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จึง ามารถขจัดของเ ีย และ
นา ่วนเกินออกจากร่างกายได้ ซึ่งผู้ป่วยควรได้รับการฟอกเลือด ัปดา ์ละ 2-3 ครัง
ข้อบ่งชี้ในการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
กรณีภาวะไตวายเฉียบพลัน
1. ภาวะ Uremia เช่น คลื่นไ ้อาเจียน เบื่ออา าร ความรู้ ึกตัวลดลง ซึม ับ น ั่น กระตุก ชัก
เยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ เลือดออกผิดปกติ เนื่องจากเกล็ดเลือดไม่ทางาน (Platelet dysfunction)
2. ภาวะนาเกิน (Volume overload) โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะ ัวใจล้มเ ลว และนาท่วมปอด ร่วม
ด้วย และรัก าด้วยยาขับปั าวะไม่ได้ผล
3. ภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ที่ไม่ตอบ นองต่อการรัก าด้วยยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะ
โปแต เซีย ม ู ง (Hyperkalemia) ระดับมากกว่า 6.5 mEq/L รือระดับพิ ัย 5.5-6.5 mEq/L
ร่วมกับมีคลื่นไฟฟ้า ัวใจผิดปกติ
4. ภาวะ Uremic pericarditis เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็น าเ ตุเ ียชีวิตได้ เนื่องจากอาจเกิด
เลือดออก (Hemorrhagic pericarditis) และทาใ ้เกิดภาวะนาคั่งในช่องเยื่อ ุ้ม ัวใจ Cardiac
temponade
5. ภาวะเลือดเป็นกรด ที่ไม่ ามารถแก้ไขได้ด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต
6. ระดับของ BUN และ Cr ในเลือด ในผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะ Hypercatabolism ร่างกายมีการ ลาย
โปรตีนมากกว่าการเ ริม ร้าง ควรฟอกเลือดเมื่อระดับ BUN มากกว่า 100 mg/dl รือ Cr ในเลือด
มากกว่า 10 mg/dl ากผู้ป่วยอยู่ในภาวะ Hypercatabolism ควรฟอกเลือดเมื่อ BUN มากกว่า 70
mg/dl รือ Cr ในเลือดมากกว่า 7 mg/dl

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 107
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

กรณีภา ะไต ายเรือรัง


1. ระดับ Cr ในซีรัม ูงก ่า 12 มก./ดล. รือระดับ BUN งู ก ่า 100 มก./ดล.
2. เยื่อ ุ้ม ั ใจอักเ บ (Pericarditis)
3. ภา ะนาเกิน ที่ไม่ตอบ นองต่อยาขับปั า ะขนาด ูง
4. ภา ะ มอง รื อระบบประ าทผิดปกติจากยูรีเมีย อาทิ อาการ ับ น ั่น กล้ ามเนือกระตุก
ข้อมือข้อเท้าตก (Wrist or foot drop)
5. ภา ะเลือดออกผิดปกติ
6. ภา ะคลื่นไ ้อาเจียนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดภา ะทุพโภชนาการ
ส่วนประกอบของการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
มี ่ นประกอบ าคัญ 3 ่ น ได้แก่ เครื่องไตเทียม ตั กรองเลือด และการเตรียมเ ้นเลือดของผู้ป่ ย
เครื่องไตเทียม มีระบบการทางาน าคัญ 2 ่ น คือ
1. ่ นที่ทา น้าที่ค บคุมการไ ลของเลือด (Blood Circuit) ประกอบด้ ย ตั ปั๊มเลือด (Blood
Pump) เครื่อง ัดแรงดันเลือด (Pressure Monitor) ตั ปั๊มยาต้านการแข็งตั ของเลือด (Heparin
Pump) และเครื่องตร จจับฟองอากา (Air trap and air detector)
2. ่ นที่ทา น้าที่ค บคุมการไ ลของนายาฟอกเลือด(Dialysis Solution Circuit) ประกอบด้ ย
อุปกรณ์ที่ผ มนายาฟอกเลือด เครื่อง ัดการ ื่อนากระแ ไฟฟ้า ระบบค บคุมแรงดันในนายาฟอก
เลือด และระบบ ัญญาณเตือนเมื่อเกิดค ามผิดปกติ
ตัวกรองเลือด ประกอบด้ ยเยื่อกันที่มีคุณ มบัติเป็น Semipermeable membrane มี ลาย
ชนิดที่นิยมใช้มากที่ ุด ได้แก่ ตั กรองเลือดที่เป็นท่อกล ง (Hollow fiber dialyzer) มีลัก ณะเป็น
ท่อกล งเล็กๆ เ ้นผ่า ูนย์กลางประมาณ 225 ไมครอน จาน น10,000-20,000 เ ้น มีขนาดพืนที่ผิ
ประมาณ 1 ตารางเมตร อยู่ร มกันในกระบอกพลา ติก มีทังแบบ Reuse และ Disposible ซึ่งใช้ ่ น
บุคคล ไม่ปะปนกับผู้ป่ ยอื่น
การเตรียมเส้นเลือดของผู้ป่วย (Vascular access) ในการฟอกเลือดต้องนาเลือดมาฟอก
ด้ ยค ามเร็ 250 - 350 มิล ลิ ลิ ต ร/นาที ซึ่ ง เ ้ น เลื อ ดด าตามปกติ ไ ม่ มีแ รงดัน มากพอ และไ ล
ไม่ ม่าเ มอ จึงต้องเตรียมเ ้นเลือดใ ้พร้อมต่อการฟอกเลือด

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 108
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

แบ่งได้ 2 กรณี คือ


กรณีที่ 1 การเตรียมเ ้นเลือดเพื่อใช้ฟอกเลือดอย่างเร่งด่วน เป็นการเตรียมเ ้นเลือดแบบ
ชั่วคราว (Temporary access) ใช้ในผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน รือในผู้ป่วยไตวายเรือรังที่ไม่ได้เตรียม
เ ้ นชนิดถาวรไว้ก่อนฟอกเลื อด โดยการใ ่ าย วน ลอดเลือด(Double lumen vascular
catheter) ใน ลอดเลือดดาใ ญ่
กรณีที่ 2 การเตรียมฟอกเลือดแบบไม่เร่งด่วนในกรณีที่ ามารถรอได้ เช่น ผู้ป่วยภาวะไตเรือรัง
และกาลังเข้า ู่ภาวะ ุดท้ายของโรค (End stage renal disease:ESRD) แพทย์จะทาการขยายเ ้น
เลือดใ ้มีขนาดโตขึน และไ ลได้แรงขึนมี 2 วิธี คือ Arteriovenous fistula (AV Fistula) และ
Arteriovenous graft ( AV graft)
ข้อจากัดของการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
1. ไม่ เ มาะ า รั บ ผู้ ู งอายุ ผู้ ป่ ว ยเด็ก ผู้ ป่ว ยที่มี ปัญ าเ ้ น เลื อ ดอุ ด ตัน อย่ า งรุ นแรง ผู้ ป่ ว ย
โรค ัวใจและผู้ป่วยที่มีปัญ าการแข็งตัวของเลือด
2. ต้องจากัดผลไม้ นาดื่มและอา ารอย่างเคร่งครัด กว่าการล้างไตทาง น้าท้อง และต้องมารับการ
รัก าที่โรงพยาบาล
อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ในขณะที่ผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม อาจเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆได้ดังนี
1. ภาวะความดันโล ิตต่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของของเ ลวในเ ้นเลือด (Vascular
volume) และปริมาตรนานอกเซลล์ลดลง จากการทา Ultrafiltration ซึ่งถ้าเกิดขึนในเวลารวดเร็ว
เกินไปจะทาใ ้นาเคลื่อนที่จากช่องว่างระ ว่างเซลล์เข้า ู่เ ้นเลือดไม่ทัน ผู้ป่วยจะเกิดภาวะความดัน
โล ิตต่า รือ ช็อก
2. อาการคลื่นไ ้ อาเจียน ูอือ ตาลาย คล้ายจะเป็นลมจากภาวะความดันโล ิ ตต่าอย่างรวดเร็ว
รือ จากภาวะไม่ มดุลของปริมาณของเ ียในร่างกาย
3. อาการแน่น น้าอก เกิดจากการลดลงอย่างรวดเร็วของความดันโล ิต ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บ
แน่น น้าอกร่วมกับอาการเต้นผิดปกติของ ัวใจได้
4. ตะคริว นาว ั่น ภาวะ ัวใจเต้นผิดจัง วะ รือเกิดกลุ่มอาการไม่ มดุลใน มอง เกิดได้จาก
ผู้ป่วยได้รับการดึงนาในปริมาณมากๆ ทาใ ้เกิดความไม่ มดุลของเกลือแร่

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 109
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

5. เลือดออกในอ ัย ะต่างๆเนื่องจากการได้รับยาต้านการแข็งตั ของเลือด


6. กลุ่มอาการไม่ มดุลใน มอง (Dialysis disequilibrium syndrome, DDS) มายถึง ค าม
ผิดปกติทางระบบประ าท ่ นกลางในผู้ ป่ ยล้างไตเนื่องจาก มองบ ม มักเกิดขณะ รือภาย ลังทา
การฟอกเลื อ ดด้ ยเครื่ อ งไตเที ย มครั งแรก และใช้ ตั กรองเลื อ ดที่ มี พื นที่ ผิ มากๆ รื อ ได้ รั บ
ประ ิทธิภาพจากการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม ทาใ ้ของเ ียที่อยู่ในเลือดถูกขจัดออกเร็ เกินไป
ร มทังภา ะกรดในเลือดได้รับ การแก้ไขอย่างร ดเร็ ขณะที่ระดับของเ ียใน มองและนาไข ัน ลั ง
ยังคง ูงอยู่ เนื่องจากมีทานบใน มอง (Blood brain barrier) กันไ ้ ระดับค ามเป็นกรดในนาไข ัน
ลังยังอยู่ในภา ะเดิม เซลล์ มองซึ่ง ออ โมลาลิตี ูงก ่าในเลือด จึงดึงนาเข้าเซลล์ เกิดภา ะ มอง
บ ม ค ามดันในนาไข ัน ลัง ู งขึน ผู้ป่ ยจะมีอาการซึม ป ด ีร ะ มองเ ็ นภาพไม่ชัด อาเจียน
ค ามดันโล ิต ูง ับ น บางรายอาจชักไม่รู้ ึกตั และเป็นอันตรายถึงตายได้ มักเกิด ลังจากการฟอก
เลือดด้ ยเครื่องไตเทียมภายใน 24 ชั่ โมงแรก นอกจากนียังมีปัจจัยเ ี่ยงต่อการเกิด DDS ได้ในกรณีที่
ผู้ป่ ยมีระดับ BUN ูงมากๆ ผู้ป่ ยเด็ก รือผู้ ูงอายุ ผู้ป่ ยที่มีโรคทาง มองอยู่เดิม เช่น โรคลมชัก
และผู้ป่ ยที่ภา ะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง

ผลกระทบจากการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในระยะยาว
ภาวะซีด เป็นภา ะที่พบได้ในผู้ป่ ยไตเรือรังเกือบทุกราย าเ ตุของภา ะซีด มีดังนี
1. การ ร้าง Erythropoietin ไม่เพียงพอ
2. เม็ดเลือดแดงมีชี ิต ันลง ประมาณ 70-80 ัน เนื่องจากมีการ ูญเ ียของ Na+- K + pump ใน
ผนังเซลล์ ทาใ ้เม็ดเลือดแดงแข็งและเ ียรูปร่าง ซึ่งเ ี่ยงต่อการเกิดเม็ดเลือดแดงแตก
3. การ ูญเ ียเลือดคงค้างอยู่ใน ายนาเลือดในการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
4. ภา ะ Platelet dysfunction และ Prolonged bleeding time ซึ่งทาใ ้ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อภา ะ
bleeding ได้ง่ายอีกด้ ย
5. ภา ะทุพโภชนาการ ที่จะเกิดการเบื่ออา าร รับประทานอา ารได้น้อย ไม่ ่าจะเป็นจากโรคอื่น
ที่เกิดร่ มกัน รือจากการถูกจากัดอา าร นอกจากนียัง ูญเ ีย ิตามินที่ละลายนาต่างๆ เช่น Folate
จากการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 110
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

ภาวะทุพโภชนาการ การฟอกเลื อด ทาใ ้เกิดภาวะทุพโภชนาการได้ถึงร้อยละ 60 าเ ตุ


เนื่องจากภาวะไตเรือรังทาใ ้มีของเ ีย ซึ่งเป็นของเ ลือของโปรตีน(BUN) คั่งมาก ทาใ ้มีอาการเบื่อ
อา าร คลื่นไ ้ อาเจียน การฟอกเลือดทาใ ้ ูญเ ียกรดอะมิโน ครังละประมาณ 10 กรัม และ ูญเ ีย
วิตามิน ลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายนา เช่น กรดโฟลิก วิ ตามินบี และซี จึงจาเป็นต้องได้รับ
อา ารที่เพียงพอเ มาะ ม
โรค ัวใจและ ลอดเลือด ไตมี น้าที่ ร้างฮอร์โมนเรนิน ซึ่งช่วยควบคุมความดันโล ิตใ ้อยู่ใน
เกณฑ์ปกติ ในภาวะไตเรือรังมีผลทาใ ้ความดันโล ิต ูง ัวใจทางาน นัก เกิดความผิดปกติทาง ัวใจ
และ ลอดเลือด เป็น าเ ตุการตายของผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมถึงประมาณร้อยละ 50
คัน เกิดจากปัจจัย ลายประการ ได้แก่
1. ผิวแ ้งจากภาวะยูรีเมีย ซึ่งพบบ่อยในผู้ป่วยไตเรือรัง
2. ระดับแคลเซียมและฟอ เฟตที่เพิ่มขึน เชื่อว่าการเกาะกันของแคลเซียมและแมกนีเซียมกับ
ฟอ เฟตในผิว นังก่อใ ้เกิดอาการคัน
3.มีความผิดปกติของเ ้นประ าทผิว นัง ปลายประ าทอักเ บ (Peripheral neuropathy)
อาการขาไม่อยู่ ุข (Restless Legs Syndrome: RLS) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดได้ทังที่ขาและ
แขนแต่มักพบที่ขามากกว่า พบในผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเป็นระยะเวลานานๆ ร่วมกับ
ภาวะซีด จะมีความรู้ ึกปวดขา เป็นเ น็บ รือมีอะไรไต่ที่ขา เมื่อขยับแล้วดีขึน
ประกอบด้วยอาการ 4 อย่างคือ
1. ความรู้ ึกอยากเคลื่อนไ วขา มัก ัมพันธ์กับอาการชา รือรู้ ึกผิดปกติที่ขา
2. ขาขยับอยู่ไม่ ุข เมื่อเคลื่อนไ วรู้ ึกดีขึน
3. อาการเป็นมากขึนขณะพัก เช่น นั่ง รือนอน และดีขึนบ้างเมื่อเดิน
4. อาการเป็นมากขึนตอนเย็นและกลางคืน
โภชนาการในผู้ป่วยโรคไตเรือ้ รังที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ลักการจัดอา ารใ ้ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มีดังนี
พลังงาน : ควรได้พลังงานเพียงพอ รือเกินพอเล็กน้อย เพื่อป้องกันภาวะทุพโภชนาการ และ
รัก านา นักตัวใ ้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ากผู้ป่วยได้รับพลังงานไม่เพียงพอจะเกิดการ ลายโปรตีน
เป็นพลังงาน (Protein catabolism) มากขึน ทาใ ้ค่า BUN ูงขึน Body mass ลดลง และ มดุล
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 111
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

ไนโตรเจน เป็นลบ พลังงานที่เ มาะกับผู้ป่วยคือ 35 - 40 กิโลแคลอรีต่อนา นักมาตรฐาน 1 กิโลกรัม


ต่อวัน แ ล่งอา ารที่ใ ้พลังงานที่ดีแก่ร่างกาย ได้แก่ ไขมันและคาร์โบไฮเดรต และเนื่ องจากผู้ป่วยมี
อาการคลื่ น ไ ้ อาเจีย น เบื่ ออา าร ควรแบ่งพลั งงานออกเป็นอา ารระ ว่างมือ 2 - 3 มือ และ
พลังงาน า รับอา ารว่างควรใ ้พลังงานประมาณร้อยละ 10 ของพลังงานทัง มด
โปรตีน: เป็น ารอา ารที่ าคัญเพราะเป็น ่วนประกอบของกล้ามเนือ และเนือเยื่อทั่วร่างกาย
ขณะเดียวกันเมื่อโปรตีนถูกเผาผลาญในร่างกายตามปกติจะเกิดของเ ียคือ Urea ากผู้ป่วยได้รับ
โปรตีนมากไป รือน้อยไปจะเกิดผลเ ียต่อร่างกาย ดังนันควรได้รับ ารอา ารโปรตีน 1.1 - 1.2 กรัม
ต่อนา นักมาตรฐาน 1 กิโลกรัม ต่อวัน แ ล่งของโปรตีนร้อยละ 70 ควรมาจากเนือ ัตว์ เพราะเป็น
โปรตีนที่มีกรดอะมิโนจาเป็นครบถ้วน ช่วยใ ้ใช้โปรตีนคุ้มค่า เกิดของเ ียน้อย ไข่ขาวและเนือปลา
เป็น แ ล่ งโปรตีน ที่ดีที่ ุด ควรเลื อก ่ ว นที่ไม่มี นังและไม่ติดมัน เช่น ปลานิล ปลาช่อน ปลาดุก
รวมทังปลาทะเล เช่น ปลาแดง ปลาทรายแดง ปลาทู ปลารัง ปลาโอ เป็นต้น ซึ่งมีโอเมก้า 3 ช่วยลด
ระดับไตรกลีเซอไรด์ ช่วยลดปัจจัยเ ี่ยงต่อการเกิดภาวะ ลอดเลือด ัวใจอุดตัน ผู้ป่วยที่มีกรดยูริก
ในเลือด ูงควรงดอา ารที่มีพิวรีนมาก เช่น เครื่องใน ัตว์ ไข่ปลา ยอดผักชนิดต่างๆ ในกรณีที่ผู้ป่วย
มีการ ูญเ ียโปรตีนในการย่อย ลายมากขึน จากกระบวนการ Catabolism ควรเพิ่มโปรตีนเป็น
1.2 - 1.5 กรัมต่อนา นักมาตรฐาน 1 กิโลกรัมต่อวัน (ไข่ขาว 1 ฟองมีโปรตีน (อัลบูมิน) ประมาณ 2.7
กรัม พลังงาน 10.8 กิโลแคลอรี)
ไขมัน: เป็น ารอา ารที่ใ ้พลังงาน ูง ุด( ารอา ารไขมัน 1 กรัมใ ้พลังงานถึง 9 Kcal)
ปริมาณไขมันที่เ มาะ มคือ ร้อยละ 30-35 ของพลังงานที่ได้รับจากอา ารทัง มด ควร ลีกเลี่ยง
ไขมันจาก ัตว์ ไขมันจากมะพร้าว นามันปาล์ม ควรงดไขมันในนม เนย ครีม แกงกะทิ ขนมใ ่กะทิข้น
ไอศกรีม งดใช้เนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม รืออา ารที่ใช้ไขมันดังกล่าว เช่น คุ้กกี พัฟ และพาย
คาร์โบไฮเดรต : เป็นแ ล่งพลังงาน าคัญที่ ุด คือร้อยละ 55 - 60 ของพลังงานทัง มดต่อวัน
แ ล่งอา ารคาร์โบไฮเดรตที่ าคัญคือ ข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าว แป้ง ผลไม้ และผัก (โดยเฉพาะผัก
ัว ) ควรเลื อกอา ารที่ใ ้ คาร์โ บไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวมากกว่าในรูปนาตาลเพราะอาจทาใ ้
ไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ูงขึนได้
เกลือแร่: เกลือแร่ที่ต้องใ ้ความ าคัญมีดังนี
 โซเดียม: จาเป็นต้องจากัดโซเดียมในระดับที่ <2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อควบคุมความดัน
โล ิต ูง ควร ลีกเลี่ยงอา ารร เค็ม เช่น อา ารที่ใ ่เกลือ นาปลา รือซีอิ๊ว อา ารดองเค็ ม อา าร

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 112
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

แปรรู ป ต่ า งๆ รวมทั งอา ารที่ ใ ่ ผ งชู ร และผงฟู ไม่ ค วรเติ ม เครื่ อ งปรุ ง ร (น าปลา) ในขณะ
รับประทานอา ารอีก
 โปแต เซียม: ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมักจะมีระดับโปแต เซียมในเลือด ูง จึงต้อง
จากัดโปแต เซียมได้แก่ ผัก ผลไม้ต่างๆ ผู้ที่แพทย์ ั่งงดผลไม้ ถ้าต้องการรับประทานผลไม้แนะนาใ ้
รับประทานในตอนเช้าวันฟอกเลือด ผู้ป่วยที่มีระดับโปแต เซียม ูง ควรงดทังผลไม้ และนาผัก นา
ผลไม้ทุกชนิด รวมทังนา มุนไพร เช่น นาลูกยอ ากจาเป็นต้องรับประทานผักเพื่อช่วยในการขับถ่าย
อุจจาระ การ ั่นผักเป็นชินบางๆต้มกับนาใ ้เดือด ักระยะ นึ่งแล้วเทนาทิง จะช่วยลดปริมาณโปแต เซียม
ในผักใ ้ต่าลงได้ โดยทั่วไปแพทย์มัก ั่งยา “จับ” โปแต เซียมใ ้ผู้ป่วยรับประทานพร้อมอา าร
เพื่อใ ้ยาออกฤทธิ์จับโปแต เซียมไว้ไม่ใ ้ดูดซึมเข้า ู่ร่างกาย
 ฟอ เฟต: ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมักมีฟอ เฟต ูง ากปล่อยทิงไว้จะทาใ ้ระดับ
Parathyroid hormone ูงขึน ระดับวิตามินดีลดลง ผู้ป่วยจะกล้ามเนืออ่อนแรง กระดูกพรุนเร็วขึน
ควร ลีกเลี่ยงอา ารที่มีฟอ เฟต ูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกรูปแบบ ไข่แดง ถั่วแ ้งและ
อา ารที่ทาจากถั่ว พวกเมล็ดแ ้ง เช่น เมล็ดแตงโม เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ลูกนัท งด
อา ารที่ท าจากยี ต์ และควรระมัด ระวั ง การใช้ ยาชนิ ด ยา วนทวาร นั ก เพราะมี ารประกอบ
ฟอ เฟต โดยทั่วไปแพทย์มัก ั่งยา “จับ” ฟอ เฟต ใ ้ผู้ป่วยรับประทานพร้อมอา าร
 แคลเซียม: ผู้ป่วยไตเรือรังมีระดับแคลเซียมในเลือดต่าอยู่แล้ว ประกอบกับการถูกจากัดอา าร
ใ ้มีฟอ เฟตต่า ด้วยการงดนมและผลิตภัณฑ์จากนม ทาใ ้ผู้ป่วยอาจได้รับแคลเซียมจากอา ารน้อย
ผู้ป่วยจึงควรได้รับยาแคลเซียมเ ริม และต้องใ ้ในปริมาณ ูง เพราะถูกดูดซึมจากลาไ ้ไม่ได้ดี แพทย์
อาจใ ้ ารประกอบแคลเซียม คือ แคลเซียมคาร์บอเนต รือแคลเซียมอะซิเตท เป็น ารจับฟอ เฟตใน
อา าร(Phosphate binder)และเป็นยา Calcium supplement ด้วย ในกรณีเช่นนีต้องกา นดเวลา
รับประทานใ ้ชัดเจน
 เ ล็กและ Trace element: ผู้ป่วยมักมีภาวะโล ิตจาง รืออาจอยู่ในภาวะที่ขาดทังเ ล็กและ
Trace element จึ ง ควรได้ รั บ เ ริ ม ตามแพทย์ ั่ ง โดยร่ ว ม รื อ ไม่ ร่ ว มกั บ การได้ รั บ ฮอร์ โ มน
Erythropoietin
 วิต ามิ น : ควรรั บ ประทานวิต ามิ น บีร วม วิ ตามิ น ซี กรดโฟลิ ก และวิต ามิน ดี ช นิ ด 1 Alpha
hydrocylated form ตามแพทย์ ั่ง ไม่ควรซือเกลือแร่ รือวิตามินเ ริมมารับประทานเอง
 นาดื่ม: โดยทั่วไปแนะนาใ ้ดื่มนาได้เท่ากับ ปริมาณปั าวะต่อวัน บวกกับอีกวันละ 500 ใน
ปริมาณนีต้องรวมเครื่องดื่มชนิดอื่น อา ารทุกอย่างที่เป็นของเ ลวด้วย
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 113
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

แน ทางปฏิ บั ติ ต นเพื่ อ ชะลอค ามเ ื่ อ มของไต า รั บ ผู้ ป่ ยที่ ไ ด้ รั บ การฟอกเลื อ ดด้ ย


เครื่องไตเทียม กิจ ัตรประจา ันและอา ารที่เ มาะ ม คือ กุญแจ าคัญของการถนอมไต การปรับ ิถี
ชี ิตใ ้ อดคล้องกับการทางานของไต จะ ามารถช่ ยใ ้ไตทางานเบาลงได้ โดย
1. พักผ่ อนใ ้ เพีย งพอ ไม่ ค รนอนดึก อย่าทางาน ั กโ มเกินไป ค รพักผ่ อนอย่างน้อย 6-8
ชั่ โมงต่อ ัน ลีกเลี่ยงภา ะเครียด เพราะจะทาใ ้ไตเ ื่อมเร็ ยิ่งขึน
2. รับประทานอา ารครบ 3 มื อ ดื่มนาใ ้เพียงพอตามที่นักโภชนาการกา นด ค บคุมอา าร
อย่างเคร่งครัดค รมีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ
3. ออกกาลังกายอย่าง ม่าเ มอ จะช่ ยค บคุมนา นัก ช่ ยใ ้รู้ ึกมีพลัง ่งเ ริมการนอน ลับ
และป้องกันภา ะท้องผูกได้ ไม่ค รออกกาลังกาย นักเป็นเ ลานาน การออกกาลังกาย า รับผู้ป่ ย
โรคไตมี ลักเ มือนกับการออกกาลังกายทั่ ไป แต่ชนิดของการออกกาลังกายที่เ มาะ มเป็นพิเ
คือ การออกกาลังกายชนิดต่อเนื่อง เช่น การเดิน ่ายนา ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค รือการออกกาลัง
กายอื่นๆที่ใช้กล้ามเนือมัดใ ญ่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนีการยกนา นัก ก็ ามารถทาได้แต่ค รเลือก
นา นักที่ไม่มากเกินไป ค รออกกาลังกาย ันละ 30 นาที จะช่ ยค บคุมนา นักได้ดี รือออกกาลัง
กายอย่างน้ อย 3 ัน ต่อ ั ป ดา ์ อาจ ลั บ ันเ ้น ั น ากเป็นการออกกาลั ง กายแบบยืดเ ยีย ด
กล้ามเนือค รทาทุก ัน ่ นการออกกาลังกายแบบแอโรบิคค รทาอย่ างน้อย ัปดา ์ละ 3-4 ัน ไม่
ค รออกกาลังกาย ในขณะที่มีไข้ ลังฟอกเลือดใ ม่ๆ รือเพิ่งเปลี่ยนยาที่รับประทาน ไม่ค รออก
กาลังกายกลางแดด รือที่ที่อากา ร้อนอบอ้า
4. ลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่มีผลต่อไตเช่น ยาแก้ป ดแอ ไพริน พาราเซตามอล และไม่ค ร
ซือยารับประทานเองเป็น ประจา เนื่องจาก ยาที่ซือเองไม่ ่าจะเป็นยารับประทาน รือยาป้ายทา าก
ใช้เป็นระยะเ ลานาน อาจทาใ ้ไตอักเ บ ดเ ี่ย ลง เป็นไตเรือรังได้
5. งดการดื่มแอลกอฮอล์ ยาเ พติด การ ูบบุ รี่ เพราะทาใ ้เกิดค ามดันโล ิต ูง และ ั ใจ
ทางาน นัก
6. ลีกเลี่ยงการกลันปั า ะเป็นเ ลานานๆ เพราะเป็น าเ ตุใ ้เชือโรคแทรกเข้า ู่กระเพาะ
ปั า ะและเกิดการอักเ บของทางเดินปั า ะได้

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 114
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ภา ะไต ายเรือรังเป็นภา ะที่ ร้างค ามทุกข์ทรมานใ ้แก่ผู้ป่ ยและครอบครั เป็นอย่างมาก
เนื่องจากเป็นภา ะค ามเจ็บป่ ยที่มีค่ารัก าพยาบาล ูง การรัก าด้ ยการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไต
เทียมเป็นการรัก าอย่างต่อเนื่องที่ยา นาน และมีภา ะแทรกซ้อนมาก ทาใ ้ผู้ป่ ยและญาติเกิด
ค ามรู้ ึกจาเจ เบื่อ น่าย ท้อแท้ เครียดเกี่ย กับภา ะทางเ ร ฐกิจ และ มดกาลังใจ ดังนันการทาใ ้
ผู้ป่ ยไตเรือรังมีคุณภาพชี ิตที่ดี มีแรงจูงใจที่จะมีชี ิตอยู่กับโรคไตเรือรังอย่างมี ุข จึงเป็นบทบาทที่
าคัญของพยาบาล ดังนี
1. ประเมินและติดตามภา ะ ุขภาพของผู้ป่ ยอย่างต่อเนื่องเพื่อใ ้ผู้ป่ ยได้รับการฟอกเลือดอย่าง
พอเพียงและมีคุณภาพชี ิตที่ดี
2. ใ ้กาลังใจ นับ นุน เกือ นุน ช่ ยเ ลือแนะนา เพื่อใ ้ผู้ป่ ยมีแรงจูงใจภายใน ที่อยากจะ
เรียนรู้และรู้ ึกถึงคุณค่าของการรัก าด้ ย ิธีที่จะใ ้ตนเองมีชี ิตอยู่ต่อไป รู้ ึกถึงค าม มายต่อชี ิต
ยินยอมที่จะปฏิบัติ และยอมรับ ่า การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียมเป็น ่ น นึ่งของชี ิต
3. ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมีค ามเชื่อด้าน ุขภาพที่ดี เพราะการมีค ามเชื่อด้าน ุขภาพที่ดีเป็นปัจจัย
ลักที่ าคัญ ที่มีอิทธิพลอย่างมากในการที่จะช่ ยผู้ป่ ยใ ้ ามารถจัดการกับปัญ า อุป รรค และ
ค ามยากลาบากในการดูแลที่เกิดขึนด้ ย การใ ้ผู้ป่ ยได้รับข้อมูลที่เป็ นด้านบ กต่อโรคที่เป็นอยู่ การ
นับ นุนค ามรู้และทัก ะที่จาเป็น า รั บการดารงชี ิตกับโรคที่เป็น จะ ่ งผลใ ้ผู้ ป่ ยมีการมอง
เ ตุการณ์ที่เกิดขึนในแง่ดี มีค ามเชื่อในค าม ามารถของตนเอง ่า ามารถดูแลตนเองได้ และเกิด
พลั ง ในการที่ จ ะพยายามแ ง า ิ ธี ก ารต่ า งๆ เพื่ อ ใ ้ ไ ด้ รั บ การดู แ ลที่ ดี และป้ อ งกั น ไม่ ใ ้ เ กิ ด
ภา ะแทรกซ้อน
4. ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมี ุขภาพจิตดี ด้ ยการเ ริมอัตมโนทั น์เชิงบ กใ ้ผู้ป่ ย ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยรับรู้
เกี่ย กับตนเอง ่า ค าม ามารถ รือ ักยภาพในการจัดการ ุขภาพนันอยู่ในตนเองและเกิดค าม
พยายามที่จะกาจัดอิทธิพลของค ามเจ็บป่ ยที่มีต่อตน พร้อมกับ ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยใช้ ิธีการเผชิญ
ปัญ ากับค ามเครียดได้อย่างถูกต้อง เช่น การออกกาลังกาย การทางานอดิเรก การเข้ากลุ่ม รือ
ชมรมต่างๆ
5. เ ริมใ ผ้ ู้ป่ ยได้รับแรง นับ นุนจากครอบครั เพื่อนที่ใกล้ชิดและทีม ุขภาพ เป็นการใ ้ค าม
เอาใจใ ่ช่ ยเ ลือเกือกูล
6. ่งเ ริมช่ ยเ ลือใ ้ผู้ป่ ยได้มีการปรับตั ด้านร่างกาย ใ ้ผู้ป่ ย ามารถเผชิญกับค ามเจ็บป่ ย
ได้อย่างเ มาะ ม เช่น การออกกาลังกายด้ ย ิธีต่างๆ ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมีค ามเข้มแข็งทางด้านจิตใจ
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 115
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม

ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยดารงค ามคิดทางด้านบ ก ป้องกันค าม ิตกกัง ล ภา ะซึมเ ร้าและค ามรู้ ึก มด ัง


่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยได้รับการ นับ นุนทาง ังคม ช่ ยใ ้ได้รับการดูแลในภา ะที่ผู้ป่ ยต้องการพึ่งพา รือ
ช่ ยเ ลือซึ่งร มถึงทังทางด้านร่างกายและจิตใจ และการพึ่งพาระ ่างกันอย่างเ มาะ ม
7. พยาบาลค รเป็นผู้ประ านใ ้เกิดค ามร่ มมือ ค ามเข้ าใจตรงกัน ระ ่างผู้ป่ ย ญาติ และ
ทีม ุขภาพในการร่ มกันปรึก า ารือและ างแผนการรัก าด้ ย ัมพันธภาพที่ดี

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 116
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

การควบคุมอา ารในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง24

การควบคุมอา ารอย่างถูกต้องจะช่วยใ ้ไตทางานลดลง ามารถชะลอการเ ื่อมของไตได้


ในระยะที่การทางานของไตเ ียไปเกือบ มดจนเกิดการคั่งของของเ ียในเลือด ผู้ป่วยอาจจะมีอาการ
บวมน้า จากการที่มีปริมาณปั าวะน้อยลงได้ รือ มีอาการเบื่ออา าร คลื่นไ ้ อาเจียน การควบคุม
อา ารจะช่วยลดการคั่งของของเ ีย ช่วยใ ้ผู้ป่วยรู้ ึก บายขึ้น และรับประทานอา ารได้มากขึ้น
ทาไมต้องควบคุมการรับประทานอา ารในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
การควบคุมอา าร จะได้ประโยชน์ 5 ข้อ คือ
1. ลดการทางานของไตลง ทาใ ้ชะลอการเ ื่อมของไตได้
2. ลดการคั่งของของเ ียที่เกิดขึ้น
3. ป้องกันการขาด ารอา าร
4. ยืดเวลาที่ต้องฟอกเลือดออกไป
5. ช่วยใ ้มี ุขภาพดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ัวใจของการรับประทานอา ารในโรคไต
1. ลดโปรตีนจากอา าร รือลดการรับประทานเนื้อ ัตว์ลง
2. ไม่รับประทานเค็ม
3. เลี่ยงไขมันจาก ัตว์และกะทิ
4. ควบคุมน้า นักตัว
5. รับประทานอา ารใ ้ครบ 5 มู่
อา าร ลัก 5 มู่ ประกอบด้วย
1. มู่เนื้อ ัตว์
2. มู่ข้าว แป้ง
3. มู่ไขมัน
4. มู่ผัก
5. มู่ผลไม้
มู่เนื้อ ตั ว์
เป็นอา ารที่มีโปรตีนเป็น ่วนประกอบ ลัก โปรตีนเป็น ารอา ารที่ช่วยในการเ ริม ร้าง
ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ ช่วยใ ้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ซึ่งมีทั้งในเนื้อ ัตว์และในพืชทุกชนิด
แต่โปรตีนในพืชมีคุณค่าต่ากว่าเนื้อ ัตว์
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 117
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

ไตจะทา น้าที่ขับทิ้งของเ ียที่เกิดขึ้นจากโปรตีนที่มาจากเนื้อ ัตว์ และจากพืช ดังนั้นเพื่อ


ไม่ใ ้ไตต้องทางาน นักเกินไป และเพื่อเป็นการชะลอการเ ื่อมของไต จึงจาเป็นต้องจากัดจานวน
โปรตีนที่ได้รับจากทั้งพืชและ ัตว์ในแต่ละวัน
การควบคุมปริมาณโปรตีนในอา าร ควรเริ่ มตั้งแต่มีไตวายเรื้อรังระยะแรกๆ (ระดับ serum
creatinine 1.5-2 มก./ดล.) ซึ่งจะ ามารถชะลอความเ ื่อมในไตได้ดีกว่า โดยจากัดใ ้ได้รับโปรตีน
จากเนื้อ ัตว์ประมาณ 1½ ช้อนกินข้าวต่อน้า นักตัว 10 กิโลกรัม /วัน อาทิถ้าน้า นักตัว 50 กิโลกรัม
จะรับประทานเนื้อ ัตว์ได้เพียง 7-8 ช้อนกินข้าวตลอดทั้งวัน
อา ารจากเนื้อ ัตว์ที่รับประทานได้ เช่น
 ไก่ย่าง ไก่ทอด ไก่อบ
 มูทอด มูปิ้ง มูอบ
 เนื้อ ันในย่าง อบ
 ปลาต่างๆทอด ปลาย่าง ปลานึ่ง ปลาเผา
 ลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นปิ้ง
 กุ้งนึ่ง กุ้งเผา กุ้งทอด กุ้งชุบแป้งทอด
 ไข่ขาวต้ม ไข่ขาวทอด ไข่ขาวเจียว ไข่ขาวตุ๋น
อา ารจากเนื้อ ัตว์ที่ควร ลีกเลี่ยง
 เนื้อ ัตว์ที่มีไขมันมาก ได้แก่ ไข่แดง เครื่องใน ัตว์ นัง มู นังไก่ เนื้อติดมัน ซี่โครง มูติดมัน
คอ มูย่าง มู ัน เป็ดปักกิ่ง มู ามชั้น มูกรอบ เป็ดย่าง ่านพะโล้ ไข่ปลา
 เนื้อ ัตว์บางประเภทที่มีคุณค่าทางอา ารต่า ทาใ ้ ไตต้องทางาน นั กโดยเปล่าประโยชน์
เพื่อขับถ่ายเอาของเ ียออก ได้แก่ เอ็น มู เอ็นวัว ข้อไก่ คากิ ูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ กระดูกอ่อน
 เนื้อ ัตว์ที่รับประทานทั้งเปลือก รือกระดูก เช่น ตั๊กแตน จิ้ง รีด กบ รือเขี ยดย่างพร้อม
กระดูก ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแ ้ง
 นม ในน้านม 1 กล่อง (240 มล.) มีโปรตีนคุณภาพดีประมาณ 8 กรัม เท่ากับเนื้อ มู รือ
เนื้อไก่ ั่น 2 ช้อนกินข้าว แต่ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังบางราย การดื่มนมอาจจะไม่เ มาะ เพราะในน้านม
ยังมีโปแต เซียมและฟอ ฟอรั จึงรับประทานได้แต่น้อย ผู้ป่วยที่ต้องจากัดโปรตีน เมื่อดื่มน้านมก็ต้อง
ลดปริมาณเนื้อ ัตว์ที่ได้รับในวันนั้นลงด้วย อา ารประเภทนมและผลิตภัณฑ์นม ได้แก่ นมทุกประเภท
นมผง นมแพะ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว เนยแข็ง และไอศกรีม

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 118
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

โปแต เซียมและฟอ ฟอรั


โปแต เซียม เป็นเกลือแร่ชนิด นึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป รวมทั้งในเลือดและในกล้ามเนื้อ
ทา น้าที่เกี่ยวกับการ ดและการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ปกติไตจะขับโปแต เซียม ่วนเกินทิ้งไปใน
ปั าวะ แต่เมื่อไตวาย โปแต เซียมจะคั่งและทาใ ้ ัวใจเต้นผิดจัง วะจนถึง ยุดเต้นได้ ดังนั้นผู้ป่ วย
ที่มีไตวายและมีโปแต เซียมในเลือด ูง ต้องควบคุมอา ารที่มีโปแต เซียมเป็น ่วนประกอบ เช่น
ผลไม้
ฟอ ฟอรั เป็นเกลือแร่อีกชนิด นึ่งที่เกี่ยวข้องกับกระดูก โดยทางานร่วมกับแคลเซียม ากมี
ไตวายและระดั บ ฟอ ฟอรั ู ง กระดู กจะปล่ อยแคลเซี ยมออกมาในเลื อ ดเพื่อ ควบคุม ระดั บ ของ
ฟอ ฟอรั ถ้าเกิดฟอ ฟอรั ูงนานๆกระดูกจะบาง เปราะและ ักง่ายในที่ ุด

หมู่ข้าว แป้ง
อาหารจาพวกข้าวและแป้ง เป็นอา ารที่ใ ้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อใช้ในการทางานของ
อวัยวะภายใน และการทากิจกรรมภายนอกร่างกาย รือ การทางานในกิจวัตรประจาวัน ผู้ป่วยโรคไต
เรื้อรังซึ่งได้รับการจากัดเนื้อ ัตว์จาเป็นต้องได้รับพลังงานจากอา ารใ ้เพี ยงพอ เพื่อป้องกันไม่ใ ้
ร่างกายนาโปรตีนที่ได้รับเข้าไปอย่างจากัดถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานแทน ซึ่งจะเป็นผลทาใ ้ร่างกาย
ขาดโปรตีนได้
แป้งที่มีโปรตีน ได้แก่ ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ขนมจีน บะ มี่ ข้าวโพด มัน เป็นต้น โปรตีนจาก
แป้ง เป็นโปรตีนคุณภาพไม่ดี ผู้ที่ถูกจากัดโปรตีนจึงไม่ควรรับประทานข้าว รือแป้งมากเกินไป ควร
ได้รับมื้อละ 2-3 ทัพพีเล็ก รือข้าวเ นียวนึ่ง ½ ทัพพี ถ้าชอบขนมปังใ ้ใช้ขนมปังขาว 2-3 แผ่น ถ้าไม่อิ่ม
ใ ้ใช้แป้งไม่มีโปรตีนทดแทน
แป้งที่ไ ม่มีโ ปรตีน รือ มีโ ปรตี นต่า ได้แก่ วุ้ นเ ้ น ถั่ว เขีย ว ก๋ว ยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ แป้งมั น แป้ ง
ข้าวโพด และ าคู ผู้ป่วยไตเรื้อรังควรเลือกแป้งเ ล่านี้ในการประกอบอา าร และรับประทานแทนข้าว
รือก๋วยเตี๋ยวในบางมื้อ จะทาใ ้ได้พลังงานเพิ่มขึ้นโดยไม่ไปเพิ่มของเ ียจากโปรตีน
อา ารจานเดียวจากแป้งที่มีโปรตีน
 ข้าวผัดกระเพรา ข้าวราด น้าไก่ ข้าวผัดปู มู ไก่ กุ้ง
 เ ้นจันท์ผัดไทไม่ใ ่ถั่ว
 ผัดมักกะโรนีไก่ ปาเก็ตตี้ มู ับ
 ข้าวเ นียว มูปิ้ง
 แซนด์วิชไก่ฉีก รือทูน่าไม่ใ ่มายองเน แซนด์วิชไ ้แยมร ผลไม้ต่างๆ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 119
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

อา ารจากแป้งที่ไม่มีโปรตีน รับประทานได้เป็นประจา
 วุ้นเ ้นต้มยา แกงจืดวุ้นเ ้น ผัดวุ้นเ ้น วุ้นเ ้นผัดไท ยาวุ้นเ ้น
 ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้น้า รือแ ้ง ยาก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ ขนมกุยช่ายทอดจากแป้งมันไม่ใ ่ซีอิ๊ว
อา ารจากแป้งที่ควร ลีกเลี่ยง คืออา ารแป้งบางประเภท มีความเค็มมากและมีไขมัน ูง เช่น
 ข้าวคลุกกะปิ ข้าวผัดน้าพริก ข้าวผัดแ นม ข้าวราดแกงกะทิ
 ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว
 บะ มี่ าเร็จรูป
 ขนมจีนน้ายากะทิ ขนมจีนน้าพริก ขนมจีนแกงกะทิ
 มันทอด มันฝรั่ง ข้าวโพดคั่ว
 ข้าวเ นียวดา/แดง รือข้าวเ นียวปิ้ง
อาหารจาพวกน้าตาล เป็นอา ารที่ใ ้พลังงานที่ าคัญแก่ร่างกาย เนื่องจาก ผู้ป่วยต้องจากัด
เนื้อ ัตว์แล้ว ยังต้องจากัดข้าวและแป้ง ที่มีโปรตีนเป็น ่วนประกอบ ผู้ป่วยที่รับประทานอา ารไม่ถูกต้อง
อาจจะได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทาใ ้น้า นักตัวลดได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ไม่เป็นเบา วานควรรับประทาน
น้าตาลในรูปขนม วาน น้า วานที่ไม่ใช่น้าอัดลม จะช่วยใ ้ผู้ป่วยได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น ควรเลือกขนม
ที่ไม่มี ่วนผ มของไข่แดง ถั่วเมล็ดแ ้ง และเลี่ยงขนมที่มี ่วนผ มจากเนย รือกะทิ
ขนมที่ควรเลือกรับประทาน
ขนมจากแป้งที่ไม่มีโปรตีน รับประทานได้บ่อยๆ
 วุ้นน้า วาน าคูน้าเชื่อม ลูกชิดน้าแข็ง วุ้นลอยแก้ว
 ขนมรวมมิตร ลอดช่อง ิงคโปร์ าคูเปียก าคูแคนตาลูป ซ่า ริ่ม (เลี่ยงน้ากะทิ)
 ขนมมัน ขนมลืมกลืน ขนมชั้น ขนมตะโก้จากแป้งถั่ว วุ้นกรอบ
 ลูกชิดเชื่อม ลูกตาลเชื่อม
 ไอศกรีมน้าผลไม้ วานเย็น ซอร์เบท
ขนมจากแป้งที่มีโปรตีน รับประทานอย่างจากัด
 ขนมปังทาเนยเทียมโรยน้าตาล ขนมปัง วาน ขนมไ ้แยม ขนมปังกรอบไ ้ ับปะรดกวน
 ขนมดอกไม้ ขนมเปียกปูน
 ข้าวต้มน้าวุ้น ข้าวเ นียวเปียกข้าวโพด
 ข้าวโพดคลุก ขนมเ นียว ขนมฝรั่งกุฎีจีน
 โดนัท เค้กไข่ขาว
ขนมที่ควรเลี่ยง (มีฟอ ฟอรั ูง)

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 120
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

 ทอง ยิบ ทอง ยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ถั่วกวน


 ขนมไ ้ถั่ว ังขยา ขนม ม้อแกง ขนมทองเอก ถั่วดาแกงบวด
 เต้า ่วน เต้าทึง
 ข้าวเ นียวตัด ข้าวเ นียวมูน ถั่วแปบ ถั่วตัด
 าคู/ข้าวเ นียวแดง/ดาเปียก
 คุกกี้ใ ่ถั่ว
 ไอศกรีมที่มีนม
หมู่ไขมัน
เป็น ารอา ารที่ใ ้พลังงานเป็น ลัก ไขมันมีทั้งในพืชและ ัตว์ ผู้ป่วยไตเรื้อรังควรได้รับไขมัน
ในปริมาณที่พอเ มาะ โดยเฉพาะจากน้ามันพืช ควรเลือกชนิดของน้ามันพืชใ ้เ มาะ ม เพื่อป้องกัน
ภาวะไขมันในเลือด ูง ามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
 ไขมัน อิ่มตัว เป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย มีมากในไขมัน ัตว์ เนื่องจากทาใ ้เพิ่มระดับ
ไขมันในเลือด เช่น โคเล เตอรอล เพิ่มความเ ี่ยงต่อโรค ลอดเลือดแดงแข็ง ชนิดของอา ารที่มีไขมัน
ประเภทนี้ ได้แก่ เนย ครีม ครีมชี น้ามัน มู มูกรอบ มู ัน มู ามชั้น ไขมัน ัตว์ติด นัง น้ามัน
มะพร้าว และกะทิ
 ไขมั น ไม่ อิ่ ม ตั ว เป็ น ไขมั น ที่ ใ ้ พ ลั ง งานและมี คุ ณ ค่ า ทาง ารอา าร รวมทั้ ง
ไม่ก่อใ ้เกิดระดับไขมันในเลือด ูง พบใน น้ามันมะกอก น้ามันราข้าว น้ามันถั่วลิ ง น้ามันถัวเ ลือง
น้ามันข้าวโพด น้ามันเมล็ดทานตะวัน และน้ามันดอกคาฝอย
น้ามันและไขมันที่ควร ลีกเลี่ยง
 น้ามัน มู น้ามันมะพร้าว เนย ครีม
 มูติดมัน เนื้อวัวติดมัน นังเป็ด นังไก่
 ไข่แดง ไข่ปลา ปลา มึก อยนางรม มันกุ้ง มันปู
 เนย ครีม เนยแข็ง
 ขนมอบต่างๆ ครัวซอง เค้ก พัฟ พาย เพ ตรี้
 อา ารฟา ต์ฟดู้ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ฯ

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 121
เอก าร ข) เรื่อง การค บคุมอา ารในผูป้ ่ ยไต ายเรื้อรัง

หมู่ผัก
เป็น อา ารที่มี ิตามิน และเกลื อ แร่ ลายชนิ ด เช่น ิ ตามิ นซี ิ ตามิ นอี กรดโฟลิ ค เ ล็ ก
แคลเซียม โปแต เซียม และมีใยอา ารมาก ผู้ป่ ยที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มแรกและปานกลาง และ
มีระดับโปแต เซียมในเลือดไม่ ูง ยังคงรับประทานผักได้ทุกชนิดไม่ต้องจากัด
า รับ ผู้ ป่ ยไตเรื้ อรั งที่มีระดับโปแต เซียมในเลื อด ู งก ่า 5.0 มิล ลิ ก รัม/เดซิลิ ตร ค ร
ค บคุมปริมาณโปแต เซียมในอา าร โดยเลือกรับประทานผักที่มีโปแต เซียมต่าได้ ันละ 2 ครั้ง
ผู้ป่ ยไม่ค รงดผัก เพราะเป็นแ ล่งของ ิตามินและใยอา าร ซึ่งช่ ยป้องกันท้องผูก ผักที่มีโปแต เซียม
ต่าถึงปานกลาง รับประทานได้ ันละ1-2 ครั้ง ถ้าเป็นผักดิบมื้อละ 1 ถ้ ยต ง รือผัก ุกี้มื้อละ1/2
ถ้ ยต ง ได้แก่
 แตงก า แตงร้าน ฟักเขีย ฟักแม้ บ บ มะระ
 มะเขือยา มะละกอดิบ ถั่ แขก อมใ ญ่
 กะ ล่าปลี ผักกาดแก้ ผักกาด อม
 พริก าน พริก ย ก
ผักที่มีโปแต เซียม ูงค ร ลีกเลี่ยง
 เ ็ด น่อไม้ฝรั่ง
 บร็อคโคลี ดอกกะ ล่า แครอท แขนงกะ ล่า
 ผักโขม ผักบุ้ง ผักกาดขา ผักคะน้า ผักก างตุ้ง
 ยอดฟักแม้ ใบแค ใบคื่นช่าย
 ข้า โพด มันเท มันฝรั่ง ฟักทอง อโ คาโด
 น้าแครอท น้ามะเขือเท กระเจี๊ยบ น้าผัก
 ผักแ ่น ผัก าน ะเดา ั ปลี
หมู่ผลไม้
ผลไม้เป็นแ ล่งพลังงาน าคัญเนื่องจากมี น้าตาลมาก และอุดมไปด้ ย ิตามิน เกลือแร่ และ
ใยอา ารแต่ผลไม้ ่ นใ ญ่จะมีโปแต เซียม ูง ผู้ป่ ยไตเรื้อรังระยะ ุดท้ายซึ่งมีระดับโปแต เซียม ูง
ก ่า 5.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ค รงดผลไม้ทุกชนิด
า รับผู้ป่ ยไตเรื้อรังที่ระดับโปแต เซียมในเลือดไม่ ูงมาก ค รเลือกรับประทานผลไม้ ที่มี
โปแต เซียมต่าในปริมาณที่พอเ มาะ อย่างไรก็ตามผู้ป่ ยทุกรายค รปรึก าแพทย์ก่อน

คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 122
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

ผลไม้ที่มีโปแต เซียมต่าถึงปานกลาง รับประทานได้ (ต่อวัน)


 องุ่น 10 ผล  บั ปะรด 8 ชิ้นคา
 ้มเขียว วาน 1 ผล  ชมพู่ 2 ผล
 แตงโม 10 ชิ้นคา  พุทรา 2 ผลใ ญ่
 ลองกอง 6 ผล  ้มโอ 3 กลีบ
 มังคุด 3 ผล  เงาะ 4 ผล
ผลไม้ที่ควรงด รือ ลีกเลี่ยง เนื่องจากมีโปแต เซียม ูง
 กล้วย กล้วย อม กล้วยตาก
 ฝรั่ง ขนุน ทุเรียน น้อย น่า กระท้อน
 ลูกพลับ ลูกพรุน ลาไย
 มะม่วง มะเฟือง มะปราง มะขาม วาน
 แคนตาลูป ฮันนี่ดิว
 น้า ้นคั้น น้ามะพร้าว น้าผลไม้รวม น้าแครอท

อา ารที่มีร เค็มมีผลต่อไต
เนื่องจากเกลือเป็น ่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์ อา ารที่เค็มจะมีโซเดียมมาก ทาใ ้เกิด
อาการกระ ายน้า และดื่มน้ามาก เกิดความดันโล ิต ูงตามมา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัญ าทางไต
โรค ัวใจ รือความดันโล ิต ูงอยู่เดิม อาจทาใ ้เกิด ัวใจวาย บวมน้าได้ ผู้ป่วยไตเรื้อรังจาเป็นต้อง
จากัดโซเดียม รือเกลือในอา าร โดยรับประทานอา ารร อ่อนเค็ม และ ลีกเลี่ยงน้าปลา ซอ ชูร
ผงชูร อา าร มักดอง
อา ารที่มีโซเดียมมาก
 ประเภทซอ ได้แก่ เกลื อ น้ าปลา ซีอิ๊ ว ขาว ซอ ปรุ งร ซอ ถั่ว เ ลือง ซอ แม็ กกี้
ซอ อยนางรม เต้าเจี้ยว ซอ ร เค็ม ซุปก้อน ซุปผง ผงปรุงร ซอ พริก ซอ เปรี้ยว ซอ มะเขือเทศ
ซีอิ้ว วาน
 อา าร มักดอง ได้แก่ เนยแข็ง ไข่เค็ม กะปิ เต้า ู้ยี้ เต้าเจี้ยว แ นม แฮม เบคอน ผัก
ดองเปรี้ยว อยดอง ไ ้กรอกอี าน ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาจ่อม ผลไม้ดอง
 อา ารเติ มเกลือ ได้แก่ ซุปซอง ข้าวต้ม/โจ๊กซอง มันทอดเติมเกลือ ถั่วทอดใ ่เกลื อ
ข้าวเกรียบ บะ มี่/เ ้น มี่กึ่ง าเร็จรูป เนย เนยเทียม ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดต้ม
 เนื้ อ ั ต ว์ ป รุ ง ร รื อ แปรรู ป ได้ แ ก่ ไ ้ ก รอก กุ น เชี ย ง มู ยอง มู แ ผ่ น มู ย อ
เนื้อปลาปรุงร เนื้อ ัตว์แปรรูปต่างๆ เนื้อแดดเดียว ฯ
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 123
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง

สรุป
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ทั้งที่เป็นโรคเบา วานและไม่เป็นโรคเบา วาน มี ลัก าคัญในการรับประทาน คือ
1. ไม่เค็ม
2. โปรตีนจากเนื้อ ัตว์ ประมาณวันละ 1 ½ ช้อนกินข้าว ต่อน้า นักตัว 10 กิโลกรัมต่อวัน
3. พลังงานจากอา ารต้องเพียงพอ โดยควรได้จากน้ามันพืช และน้าตาล
4. รับประทานอา ารใ ้ครบ 5 มู่

คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด


ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด

You might also like