Professional Documents
Culture Documents
ภาพถ่ายหน้าจอ 2566-06-12 เวลา 15.01.31
ภาพถ่ายหน้าจอ 2566-06-12 เวลา 15.01.31
ภาพถ่ายหน้าจอ 2566-06-12 เวลา 15.01.31
ผู้ป่วยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
งานการพยาบาลผ่าตัด
ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
คณะแพทยศา ตร์ศิริราชพยาบาล ม าวิทยาลัยม ิดล
พ.ศ. 2557
ก
ข
คำนำ
โ มพันธ์ เจือแก้
ิราณี เครือ ั ดิ์
ผู้จัดทา
ธัน าคม 2557
ำรบัญ
น้ำ
คำนำ ก
ำรบัญ ข
ำรบัญภำพ ง
ำรบัญตำรำง ฉ
บทที่ 1 บทนำ
ค ามเป็นมาและค าม าคัญ 1
ัตถุประ งค์ 2
ประโยชน์ที่คาด ่าจะได้รับ 3
ขอบเขต 3
นิยาม ัพท์ 3
บทที่ 2 ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไต
กาย ิภาคและ รีร ิทยาของไต 5
การ ัดประ ิทธิภาพการทางานของไต 9
ภา ะไต าย 10
ภา ะไต ายเฉียบพลัน 11
พยาธิ รีร ิทยา 11
าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง 11
อาการแ ดง 13
แน ทางการดูแลรัก าผู้ป่ ยภา ะไต ายเฉียบพลัน 14
โรคไตเรื้อรัง 14
พยาธิ รีร ิทยา 14
าเ ตุและปัจจัยเ ี่ยง 15
ระยะของโรคและอาการแ ดง 15
ผลกระทบจากภา ะไต ายและการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิ ภาพ 16
แน ทางการดูแลรัก าผู้ป่ ยโรคไต ายเรื้อรัง 20
การรัก าด้ ยการบาบัดทดแทนไต 24
การเตรียมช่องทาง า รับฟอกเลือด 26
ำรบัญ
น้ำ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 29
ข้อบ่งชี้ในการใ ่ าย วนระยะยาว 30
วั ดุที่นิยมนามาทา าย วนเพื่อฟอกเลือด 31
ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาว 33
กายวิภาคของ ลอดเลือดดาที่ใช่ใ ่ าย วนระยะยาว 34
การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว 37
การผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อการฟอกเลือด 38
ภาวะแทรกซ้อนในระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาว 40
แนวทางการดูแล าย วนระยะยาวภาย ลังการทาผ่าตัด 44
บทที่ 3 กำรพยำบำลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรทำผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัด และ ระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัด
การพยาบาลผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 47
การประเมินผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 47
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด 49
การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 50
การประเมินผลการพยาบาล 54
การพยาบาลผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 54
การประเมินผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 54
การประเมินบาดแผล ลังผ่าตัด 55
การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด 59
การประเมินผลการพยาบาล 69
บทที่ 4 กรณี ึก ำ 71
บทที่ 5 ปัญ ำ อุป รรค และ แน ทำงกำรแก้ไขปัญ ำ 90
บรรณำนุกรม 97
ภำคผน ก
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 106
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 116
นัง ือเรียนเชิญผู้ทรงคุณ ุฒิตร จ อบเนื้อ ำคู่มือ 124
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ง
ข
ำรบัญภำพ
น้ำ
ภาพที่ 1 กายวิภาคของไต 4
ภาพที่ 2 การทางานของ น่วยกรองในไต 6
ภาพที่ 3 กระบวนการ ร้างน้าปั าวะ 7
ภาพที่ 4 แถบตรวจโปรตีนในปั าวะ 9
ภาพที่ 5 Kidney Transplant 23
ภาพที่ 6 Peritoneal dialysis (PD) 24
ภาพที่ 7 วงจรการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 24
ภาพที่ 8 าย วนฟอกเลือดชนิดชั่วคราว 25
ภาพที่ 9 าย วนฟอกเลือดชนิดระยะยาว 26
ภาพที่ 10 brachio-cephalic AV fistula 27
ภาพที่ 11 brachio-cephalic AV graft 27
ภาพที่ 12 ตัวอย่าง าย วนระยะยาวชนิดต่างๆ า รับผู้ป่วย 28
ภาพที่ 13 าย วน Mahurkar dual lumen catheter 30
ภาพที่ 14 าย วน Hemo flow catheter 30
ภาพที่ 15 าย วน Bioflex Tesio 31
ภาพที่ 16 าย วน ASH-Split cath III 31
ภาพที่ 17 ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 32
ภาพที่ 18 กายวิภาค ลอดเลือดดาที่คอ 34
ภาพที่ 19 กายวิภาค ลอดเลือดดาบริเวณขา นีบ 35
ภาพที่ 20 cervical cutdown incision 37
ภาพที่ 21 เทคนิคการใ ่ าย วนระยะยาวโดยใช้ลวดนาทาง 39
ภาพที่ 22 set ทาแผล 55
ภาพที่ 23 บาดแผลภาย ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด 56
ภาพที่ 24 เทคนิคการแกะพลา เตอร์ปิดแผล 56
ภาพที่ 25 เทคนิคการกดรีดเพื่อประเมินแผลผ่าตัด 57
ำรบัญภำพ
น้ำ
ภาพที่ 26 การเช็ดทาความ ะอาดแผลผ่าตัด 57
ภาพที่ 27 การรอง gauze ก่อนปิดแผล 58
ภาพที่ 28 การปิด gauze บริเวณแผลผ่าตัด 58
ภาพที่ 29 เทคนิคการปิดพลา เตอร์เพื่อเก็บ าย 59
ำรบัญตำรำง
น้ำ
ตารางที่ 1 ตารางแ ดงระดับความรุนแรงของโรคไตวายเรื้อรังระยะต่างๆ 15
บทที1่
บทนำ
ควำมเป็นมำและควำมสำคัญ
โรคไต ำยเป็นปัญ ำทำง ำธำรณ ุขที่ ำคัญ ทั่ โลก จำกข้อมูล ำนักงำนคณะกรรมกำร
พัฒ นำกำรเ ร ฐกิ จ และ ั ง คมแ ่ งชำติ ปี 2555 ในประเท ไทยพบ ถิ ติ ผู้ ป่ ยโรคไตมี อั ต รำ
กำรเ ียชี ิตคิดเป็นอัตรำ ่ น 24.4 ต่อประชำกร 100,000 คน1 โดยพบ ่ำมีคนไทยป่ ยเป็นโรคไต
เรื้อรังร้อยละ 17.5 ของประชำกร รือประมำณ 8 ล้ำนคน 2 เป็นผู้ป่ ยโรคไต ำย 2 แ นคน และ
มีอัตรำเพิ่มขึ้นปีละก ่ำ 7,800 คน รัฐต้อง ูญเ ียทรัพยำกรจำน นมำกในกำรดูแลรัก ำผู้ป่ ยกลุ่มนี้
ประมำณค่ำใช้จ่ำยในกำรรัก ำเฉลี่ยรำยละ 250,000 บำทต่อปี 3 ผู้ป่ ยที่ไม่ได้รับกำรรัก ำพยำบำล
ที่ถูกต้องมักเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงเ ียชี ิตได้ แน ทำงกำรรัก ำคือกำรบำบัดทดแทนไต ได้แก่
กำรผ่ำตัดปลูกถ่ำยไต กำรล้ำงไตผ่ำนช่องท้อง รือกำรฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม ซึ่งข้อมูลจำก
มำคมโรคไตแ ่งประเท ไทย ประจำปี 2553 - 2555 พบ ่ำผู้ป่ ยโรคไตระยะ ุดท้ำยที่ต้องรัก ำด้ ย
กำรบำบัดทดแทนไตมีจำน น เพิ่ม ูงขึ้นร ม 40,845, 47,987 และ 58,385 รำยตำมลำดับ และเป็น
กลุ่มผู้ป่ ยที่ได้รับกำรฟอกเลือดผ่ำนเครื่องไตเทียมจำน น 30,449 , 34,895 และ 40,505 รำย2,4 ใน
ปัจจุบันกำรบำบัดทดแทนไต ิธีที่ได้รับค ำมนิยมมำกที่ ุดคือ กำรฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
เนื่องจำก ำมำรถขจัดของเ ียออกจำกร่ำงกำยได้ อย่ำงร ดเร็ ไม่รบก นกำรดำเนินชี ิตใน ังคม
ของผู้ป่ ยมำกนัก และทำใ ้ผู้ป่ ยมีคุณภำพชี ิตที่ดีขึ้น5,6
น่ ยตร จด้ ยเครื่องมือพิเ และติดตำมผลกำรรัก ำ ยำมินทร์ชั้น 1 งำนกำรพยำบำล
ผ่ำตัด ฝ่ ำยกำรพยำบำล โรงพยำบำล ิริรำช ได้ใ ้ บริกำรตร จ ินิจฉัย และรัก ำโรคเฉพำะทำง
แก่ผู้ป่ ย ประกอบด้ ยคลิ นิกเฉพำะโรค คือ คลินิก ตร จโรค ั ใจ คลิ นิกตร จ ัลยกรรมตกแต่ง
คลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯโรค ู คอ จมูก คลินิกตร จรัก ำโรคตำด้ ยเครื่องเลเซอร์
และ คลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯโรค ลอดเลือด โดยมีพยำบำล มุนเ ียนกันมำปฏิ บัติ
น้ำที่ใน น่ ยดังกล่ำ ำ รับคลินิกตร จรัก ำด้ ยเครื่องมือพิเ ฯ โรค ลอดเลือด ใ ้บริกำร
ตร จรัก ำทั้งในระยะเตรียมผู้ป่ ย ก่อนผ่ำตัดเพื่อกำรบำบัดทดแทนไตโดยกำรฟอกเลือด ร มถึงกำร
ตร จและติดตำมผลภำย ลังกำรผ่ำตัด จำก ถิติปี 2554 - 2556 มีผู้ป่ ยโรคไต ำยมำรับบริกำรตร จ
รัก ำทั้ง ิ้น 2,001, 2,105 และ 2,506 รำยตำมลำดับ7 เป็นผู้ป่ ยที่มำเข้ำรับกำรผ่ำตัดเพื่อเตรียมฟอก
เลือด 734, 564 และ 503 รำยตำมลำดับ8 พบ ่ำผู้ป่ ยที่ได้รับกำร ำงแผนผ่ำตัดมักเกิดค ำมกลั
ิตกกัง ลเกี่ย กับกำรผ่ำตัด และกำร ูญเ ียภำพลัก ณ์ ลังผ่ำตัด4 พบภำ ะแทรกซ้อนที่อำจเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์
1. เพื่ อ ใ ้ พ ยำบำลทรำบถึ ง โรค และแน ทำงในกำรดู แ ลรั ก ำผู้ ป่ ยโรคไต ำย ที่ ม ำรั บ
กำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด
2. เพื่อใ ้พยำบำล ำมำรถ ำงแผนกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ
เพื่อกำรฟอกเลือด ทั้งในระยะเตรียมก่อนผ่ำตัด และระยะตร จติดตำมผล ลังผ่ำตัดได้อย่ำงเ มำะ ม
3. เพื่อเป็นแน ทำงในกำรปฎิบัติกำรพยำบำลในกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มำรับกำรผ่ำตัด
ใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
ขอบเขต
คู่ มื อ ฉบั บ นี้ จั ด ท ำขึ้ น ำ รั บ พยำบำลใน น่ ยตร จด้ ยเครื่ อ งมื อ พิ เ และติ ด ตำม
ผลกำรรัก ำ ยำมินทร์ชั้น 1 ร มทั้งนัก ึก ำพยำบำล และทีม ุขภำพที่เกี่ย ข้อง เพื่อเป็นแน ทำง
ในกำรดูแลผู้ป่ ยโรคไต ำยที่มีกำรเตรียมทำผ่ำตัดใ ่ ำย นระยะยำ เพื่อกำรฟอกเลือด ที่มำรับ
บริกำรตร จรัก ำแบบผู้ป่ ยนอก ตั้งแต่กำรมำตร จครั้งแรกเพื่อ ำงแผนผ่ำตัด กำรนัดผ่ำตัด และ
กำรดูแลตร จติดตำมผลภำย ลังผ่ำตัด
นิยำมศัพท์
บทที่ 2
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไตวาย
กายวิภาคและสรีรวิทยาของไต10,14,15
น่วยไต
น่วยไต (nephron) เป็น ่วนที่ทา น้าที่ (function unit) ของไต ไตแต่ละข้างประกอบด้วย
น่วยไตประมาณ 1-1.5 ล้าน น่วย น่วยไตประกอบด้วย
1. แคปซูลของไต renal corpuscle เป็น ่วนต้นของ น่วยไต เ ็นเป็นกระเปาะพองประกอบด้วย
1.1. แคปซูลของโบวแมน (bowman’s capsule) เป็น ่วนต้นของ ลอดไต ภายในประกอบด้วย
แขนง ลอดเลือดฝอยมากมาย
1.2. โกลเมอรูลั (glomerulus) เป็นกลุ่มของ ลอดเลือดฝอยในแคปซูลของโบวแมน ซึ่งแยก
แขนงมาจาก ลอดเลือดแดงเล็กขาเข้า (afferent arteriole) แล้วกลับมารวมกันเป็น ลอดเลือดแดง
เล็กขาออก (efferent arteriole) โกลเมอรูลั ประกอบด้วยชั้นของเซลล์ 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นเซลล์บุผิว
ลอดเลือดฝอย ชั้นกลางเป็นเนื้อเยื่อฐานของโกลเมอรูลั และเนื้อเยื่อฐานของโบวแมน ชั้นนอก ุ ด
เป็นเซลล์บุผิวแคปซูลของโบวแมน
2. ลอดไต ่วนต้น (proximal tubule) เป็น ่วนที่ต่อมาจากแคปซูลของโบวแมน มีลัก ณะคดเคี้ยว
ทา น้าที่ดูดกลับ ารต่างๆ เช่น กรดอะมิโน กลูโค โปแต เซียม น้า โซเดียม คลอไรด์ ฟอ เฟ
ไบคาร์บอเนต และ ารอินทรีย์อื่นๆจะถูกดูดกลับเข้า ลอดเลือดในบริเวณนี้เกือบ มด และขับ
ไฮโดรเจน
3. ลอดไต ่วนโค้งกลับ (Henle’s loop) เป็นท่อเล็ก ๆ ที่ต่อจาก ลอดไต ่วนต้นทอดโค้งเป็น ่วง
แบ่งเป็น 2 ่วนคือ ่วนที่ทอดลง (descending loop) และ ่วนที่วกขึ้น (ascending loop) ่วนนี้จะ
ดูดกลับ ารต่างๆ ได้แก่ น้า โซเดียม คลอไรด์ และยูเรีย การดูดกลับน้าขึ้นอยู่กับแรงดันออ โมลาลิตี้
ระ ว่างภายใน และภายนอก ลอดไต ่ วนที่วกขึ้น จะไม่ใ ้น้าผ่านออก จะดูดกลับน้าจนกว่าจะมี
ออ โมลาลิตี้เท่ากับใน interstitial fluid ลอดไต ่วนนี้จะดูดกลับ ารต่างๆได้แก่ น้า โซเดียม คลอไรด์
และยูเรีย
3. การตรวจโปรตีนในปั าวะ
เป็ น การตรวจโปรตี น ในปั าวะอย่า งง่ ายโดยการจุ่ มแถบตรวจในปั าวะ ผลการตรวจ
จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของปั าวะที่นามาตรวจ ถ้าเจือจางมากจะใ ้ผลลบ วัดโดยการเก็บปั าวะ
24 ชั่วโมง จะได้ค่าผลตรวจที่แน่นอนยิ่งขึ้น
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะไตวายเฉียบพลัน19,20
การรัก าในผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือการป้องกัน และจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นตามพยาธิ ภาพ และ
าเ ตุของการเกิด ป้องกันกระบวนการต่างๆที่ก่อใ ้เกิดภาวะนี้ เป้า มายคือการรัก าปริมาณ น้า
และอิเล็คโทรไลต์ใ ้ มดุล เพื่อคงปริมาณเลือดใ ้ ไปเลี้ยงไตได้อย่างพอเพีย ง ป้องกัน ภาวะวิกฤติ
ที่อาจเกิดในผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน การรัก าที่รวดเร็วและถูกต้อง ามารถทาใ ้ไตกลับ ู่ ภาพปกติได้
แต่ถ้าผู้ป่วยมีปริมาณน้าในระบบไ ลเวียนมากเกินไป รือมีภาวะของเ ียคั่งในกระแ เลือด (uremia)
มีภาวะโปตั เซี ยมในเลือด ูง ภาวะเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนแปลงการทางานของ
ระบบประ าท ่วนกลาง รือมีเยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ จะรัก าภาวะดังกล่าวโดยการรัก าด้วยการบาบัด
ทดแทนไต
ระยะที่ 5 ผู้ ป่ ว ยมี อั ต ราการกรองของไตน้ อ ยกว่ า 15 มล./นาที / พี้ น ที่ ผิ ว กาย 1.73 เมตร 2
ซึ่งถือว่าเป็นระยะไตวาย ทาใ ้มีความผิดปกติเกือบทุกระบบของร่างกาย ร่างกายเ ีย มดุล น้า และ
อิเล็กโตรไลต์ ผู้ป่วยมีอาการยูรีเมีย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออา าร ผิวแ ้ง คัน คลื่นไ ้ อาเจียน ะอึก
เป็นตะคริว นอนไม่ ลับ อาจเกิดภาวะ ัวใจวายเนื่องจากน้าเกิน และภาวะความดันโล ิต ูงได้ ผู้ป่วย
จาเป็นต้องได้รับการบาบัดทดแทนไต โดยเฉพาะในรายที่มีอาการยูรีเมีย
ตารางที่ 1 แสดงระดับความรุนแรงของโรคไตวายเรื้อรังระยะต่างๆ22
ระยะของโรคไตวายเรื้อรัง
อัตราการกรองของไต (GFR)
ระยะ ข้อบ่งชี้
มล./นาที/พื้นที่ผิวกาย 1.73 ตร.ม.
มีการทาลายไตเกิดขึ้นแต่อัตราการกรองยังอยู่ในเกณฑ์
ระยะที1่ มากกว่า รือเท่ากับ 90
ปกติ
ระยะที2่ มีการทาลายไตร่วมกับอัตราการกรองลดลงเล็กน้อย อยู่ในช่วง 60-89
ระยะที3่ มีการลดลงของอัตราการกรองของไตปานกลาง อยู่ในช่วง30-59
ระยะที4่ มีการลดลงของอัตราการกรองของไตรุนแรง อยู่ในช่วง 15-29
ระยะที5่ มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้าย น้อยกว่า 15 รือต้องฟอกเลือด
ผลกระทบจากภาวะไตวายและการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพ12,13,20,21,23
1. การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิค (metabolic alteration) ได้แก่
1.1 ยูเรียและครีตินิน ผู้ป่วยจะมีระดับของยูเรียไนโตรเจน และครีตินิน ในกระแ เลือด ูง
เมื่ออัตราการกรองของไตเ ลือน้อยกว่าร้อยละ 40 การคั่งค้างของยูเรีย จะทาใ ้เกิดอาการคลื่นไ ้
อาเจียน ท้องเดิน ซีด เลือดออกในลาไ ้ ยูเรียที่คั่งค้างมากจะซึมออกมาตามผิว นังเมื่อแ ้งแล้วจะเป็น
ขี้เกลื อ (uremic frost) ยูเรียที่ดูดซึมในล าไ ้จะถูกเปลี่ ยนเป็นแอมโมเนีย และถูกดูดกลับเข้า ู่
กระแ เลือด ทาใ ้ลม ายใจมีกลิ่นเ มือนปั าวะ (uremic odor) การรับร ของลิ้นเ ีย เกิดแผลใน
ลาไ ้ และกระพุ้งแก้ม ถ้า น่วยไตถูกทาลายไปร้อยละ 75 ระดับของครีตินินในเลือดจะเพิ่มขึ้นเป็น
4 เท่า ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคไตปรากฏ
3. การเปลี่ ยนแปลงของปริ มาณน้ าในร่ า งกาย ผู้ ป่ว ยที่ มีภ าวะไตวายจะพบว่ ามี อาการของ
การขาดน้า รือภาวะน้าเกิน ทั้งนี้ขึ้ นอยู่กับการเ ื่อม น้าที่ของไตและระยะเวลาที่เป็น ในระยะ
เริ่มแรกที่ไต ูญเ ีย น้าที่ในการทาใ ้ปั าวะเข้มข้น ผู้ป่วยจะมีปั าวะมาก แต่เมื่อผู้ป่วยมีอัตรา
การกรองของไตลดเ ลือ 4-5 มล./นาที จะมีภาวะน้าเกินซึ่งเป็นปัญ าที่พบได้บ่อย
4. การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้ าย
มีความเ ี่ยงต่อการเ ียชีวิตจากโรค ัวใจมากกว่าคนปกติ 10 - 30 เท่า ความผิดปกติทางระบบ ัวใจและ
ลอดเลือด ได้แก่ ความดันโล ิต ูง ไขมันในเลือด ูง ัวใจล้มเ ลว เยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ
5. การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจ ปัญ าในระบบทางเดิน ายใจในผู้ป่ว ยไตวาย
เรื้อรังได้แก่ ภาวะน้าท่ว มปอด การติดเชื้อในปอด เยื่อ ุ้มปอดอักเ บ และ น้าในช่องเยื่อ ุ้มปอด
มีอาการ ายใจ อบลึกจากภาวะเลือดเป็นกรด ลม ายใจมีกลิ่นยูเรีย ผู้ป่วยจะมีเ ม ะเ นียวข้น
กลไกการไอลดลง ร่ว มกับ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทาใ ้ ผู้ ป่ว ยมีโ อกา เกิดการติดเชื้อในปอด และ
เ ียชีวิตได้เร็วขึ้น
6. การเปลี่ยนแปลงของระบบเลือด เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโล ิตวิทยา ลายประการ ได้แก่
ภาวะซีด รือโล ิ ตจาง เลื อดออกง่ายกลไกการเกิดลิ่มเลื อดผิ ดปกติ การทางานของเม็ดเลื อดขาว
ผิดปกติ
6.1 ภาวะโล ิตจาง ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง าเ ตุเกิดจาก
6.1.1 มีก าร ร้า งอี ริ โ ธปอยอิติ น (erythropoietin) ลดลง ท าใ ้ ก ารผลิ ต เม็ด เลื อ ดแดง
น้อยลง
6.1.2 ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ ร้างฮอร์โมนมากไป (secondary hyperparathyroidism)
รือมีการขาด ารอา ารบางชนิดได้แก่ เ ล็ก โฟเลต และวิตามินบี 12 ที่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการ
6.1.3 เม็ดเลือดแดงมีอายุ ั้นกว่าปกติ เนื่องจากภาวะยูรีเมีย การขาดเ ล็กและโฟลิค รือ
มีการ ูญเ ียเลือด เช่น เลือดออกจากระบบทางเดินอา าร มีแผลในกระเพาะอา าร การรัก าด้วย
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
6.2 ภาวะเลื อดออกง่าย เนื่องจากเกล็ ดเลื อดมีป ระ ิ ทธิ ภ าพในการท างานลดลง ปริมาณ
เกล็ดเลือดน้อยลงจากภาวะยูรีเมีย ทาใ ้เลือดแข็งตัวช้า ่งผลใ ้เลือดออกง่าย
6.3 ภาวะต้านทานโรคต่า พบมีเม็ดเลือดขาวลดลง ค่าลิมโฟซัยท์ทั้งชนิด ที บี เซลล์ ลดลง
โมโนซัยท์ทางานลดลง ิ่งเ ล่านี้ทาใ ้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานลดลง
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง10,12,20,25
ในผู้ป่ ยโรคไตเรื้อรัง การชะลอค ามเ ื่อมของไตเป็น ิ่ง าคัญ เพื่อชะลอค ามก้า น้าของโรค
ไม่ใ ้เข้า ู่ระยะไต าย ป้องกันและรัก าภา ะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยจาเป็นต้องการรัก า าเ ตุ
ที่ทาใ ้เกิดโรคไตเรื้อรัง ค้น า าเ ตุและแก้ไข าเ ตุนั้นเท่าที่ทาได้ เช่น การค บคุมระดับน้าตาล
ในผู้ป่ ยเบา าน ค บคุมค ามดันโล ิต ใ ้ยารัก าภา ะติดเชื้อ ยุดยาที่ ่งเ ริมใ ้ภา ะของโรค
เป็นมากยิ่งขึ้น รือ ผ่าตัดรัก าอาการอุดตันของทางเดินปั า ะ เป็นต้น
การควบคุมความดันโล ิต
การควบคุม มดุลน้า
ผู้ป่ ยมักมีภา ะน้าเกิน และมักต้องเข้ารับการรัก าในโรงพยาบาลด้ ยภา ะ ั ใจล้มเ ล
น้าท่ มปอด การดูแลจาเป็นต้องประเมิน ใ ้ ค ามรู้ และติดตามภา ะ มดุล น้าของผู้ ป่ ย ผู้ ป่ ย
บางรายอาจมีภา ะขาดน้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ ูงอายุ การใ ้น้าทดแทนต้องทาอย่างระมัดระ ัง
และคอยประเมินภา ะ ั ใจล้มเ ล ด้ ย
การควบคุมอิเล็กโทรไลต์
ที่ าคัญคือภา ะโปแต เซียมในเลือด ูง ซึ่งเกิดขึ้นได้บ่อย เป็นอันตรายต่อผู้ป่ ย ต้องระมัดระ ัง
เป็นพิเ โดยเฉพาะในผู้ป่ ยที่มีปั า ะออกน้อย ในรายที่มีระดับโปแต เซียมในเลือด ูงมากจะทาใ ้
ั ใจทางานผิดปกติ รัก าโดยใ ้ kayexalate, NaHCO3, กลูโค และ อินซูลิน รือพิจารณาทาการ
ฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม เพื่อขจัดโปแต เซียมออกจากร่างกาย ในรายที่มีภา ะแคลเซียมในเลือด
ต่า และฟอ เฟตในเลือด ูงอาจรัก าโดยใ ้ แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมอะซิเตต เพื่อใ ้ยาจับกับ
ฟอ ฟอรั ในลาไ ้ ทาใ ้เพิ่มระดับแคลเซียม และลดระดับฟอ ฟอรั ใ ้เป็นปกติ
การควบคุมอา าร
ผู้ป่ วยควรได้รับ อา ารที่เพียงพอเ มาะ มกับระยะของโรค ปริมาณอา ารที่ได้รับควรใ ้
พลั งงานประมาณ 30-45 กิโ ลแคลอรี่/กก./วัน โดยร้อยละ 60 ของพลั งงาน ควรมาจากอา าร
ประเภทแป้งและน้าตาล อีกร้อยละ 30 มาจากไขมัน ถ้าผู้ป่วยได้รับอา ารที่ใ ้พลังงานน้อยเกินไป
จะทาใ ้ มีการ ลายกล้ามเนื้อเพื่อนาพลังงานมาใช้ เกิดการคั่งของของเ ี ยเพิ่มมากขึ้น อา ารที่
เ มาะ มกับผู้ป่วยควรเป็นอา ารที่มีโปรตีน โปแต เซียม โซเดียม และฟอ เฟตต่า ลีกเลี่ยงการ
รับประทาน ไข่แดง เนื้อ ัตว์ นม เมล็ดพืช ต่างๆ เนื่องจากมีปริมาณฟอ เฟต ูง การรับประทาน
อา ารที่มีฟอ เฟตต่า รือรับประทาน ารจับฟอ เฟต เช่น Calcium carbonate, Calcium acetate
จะช่วยลดการดูดซึมฟอ เฟตในลาไ ้ ลดอัตราการเ ื่อมของไต ลดความรุนแรงของโปรตีนที่รั่วทาง
ปั าวะ
ภาวะไขมั น ในเลื อ ด ู ง ลี ก เลี่ ย งอา ารที่ มี ไ ขมั น ั ต ว์ รื อ กะทิ ม าก ควบคุ ม ปริ ม าณ
คลอเร เตอรอลไม่ควรใ ้ เกิน 300 มก./วัน ควบคุมอา ารกลุ่มโปรตีน โดยการรับประทานอา ารที่มี
โปรตีนต่า เนื่องจากอา ารที่มีโปรตีนต่าจะช่วยลดการทางานของไต ลดการกรอง ในโกลเมอรูลั
ลดปริมาณการรั่วของโปรตีนในปั าวะ และลดระดับฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ ในเลือด ซึ่งมีผลทาใ ้
ไตเ ื่อมช้าลง การรับประทานอา ารโปรตีนต่าตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของ โรคไตเรื้อรัง ามารถชะลอการ
เ ื่อมของไตและช่วยลดการ ะ มของเ ี ยในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มี
โรคเบา วานร่วมด้วย12
การป้องกันและรัก าตามอาการต่างๆ
ผู้ป่วยควรได้รับการรัก าตามอาการ เช่น ในภาวะซีด ผู้ป่วยควรได้รับ ารอา ารที่ช่วยในการ
ร้างเ ริมเม็ดเลือดแดง เช่น ธาตุเ ล็ก กรดโฟลิคและยาฉีดกระตุ้นไขกระดูกเพิ่มการ ร้างเม็ดเลือดแดง
(epoetinalfa) ได้รับวิตามินเ ริมต่างๆ เช่น วิตามิน B1, B2, B6 และ B12 ได้รับยาลดการ ลั่งกรด
เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกในทางเดินอา าร เป็นต้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับความรู้ และคาแนะนา ใ ้ ความช่วยเ ลือเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยมีวัตถุประ งค์เพื่อชะลอความเ ื่อมของไต ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ามารถดารงชีวิตได้
อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีอายุยืนยาวขึ้น เช่น งดการ ูบบุ รี่ งดการดื่ม ุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ลดน้า นัก ออกกาลังกาย รวมทั้งปรับพฤติกรรมการรับประทานอา าร ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
3. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
คือ ขบวนการนาเลือดของผู้ป่วยเข้า ู่เครื่องไตเทียม โดยเลือดที่ออกจากผู้ป่วยจะผ่านตัวกรอง
(hemodialyzer) เพื่อแลกเปลี่ยนน้า ารต่างๆที่ละลายอยู่ในเลือดและน้ายาด้วยกระบวนการออ โม ิ
และอัลตร้าฟิลเตรชั่น ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงต่อรอบ ก่อนนาเลือดที่ได้รับการฟอกแล้วกลับเข้า ู่ร่างกาย
โดยไปรับบริการที่ ถานรัก าพยาบาล 2-3 ครั้งต่อ ัปดา ์ เป็นการรัก าที่มีประ ิทธิภาพ ูง ามารถ
ขจัดของเ ียออกจากร่างกายได้ในระยะเวลาอัน ั้น และแก้ไขภาวะความเป็นกรดของเลือดได้อย่าง
รวดเร็ว
ภาพที่ 7 วงจรการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม31
ภาพที่ 9 าย วนฟอกเลือดชนิดระยะยาว
การผ่ า ตั ด เชื่ อ มหลอดเลื อ ดด ากั บ หลอดเลื อ ดแดงบริ เ วณใกล้ เ คี ย งกั น ใต้ ผิ ว หนั ง
(arteriovenous fistula : AVF) 28,32,34,37,38
เป็ นการผ่ าตัด เชื่อ ม ลอดเลื อดด ากับ ลอดเลื อดแดงบริเวณใกล้ เคีย งกัน ใต้ผิ ว นั ง
ภาย ลังผ่าตัด 2-3 เดือน ลอดเลือดดาจะมีขนาดโต และผนัง นาขึ้น ใช้เป็นช่องทางในการแทงเข็ม
เพื่ อฟอกเลื อด เป็ น ทางเลื อกอัน ดับ แรก และเป็ นวิ ธีที่ นิย มที่ ุ ด ในการท าผ่ าตั ดช่ องทาง า รั บ
การฟอกเลือด มีอายุการใช้งานที่นาน มีปัญ าและภาวะแทรกซ้อนน้อยที่ ุด และมีอัตราการติดเชื้อต่า
การผ่าตัดเชื่อมหลอดเลือดดากับหลอดเลือดแดงโดยใช้หลอดเลือดเทียมเป็นตัวเชื่อม
(arteriovenous graft : AV - GRAFT)
เป็น การผ่าตัดเชื่อม ลอดเลื อดดากับ ลอดเลื อดแดงโดยใช้ ลอดเลือดเทียมเป็นตัว
เชื่อมต่อ (conduit) ใช้ในกรณีที่ไม่มี ลอดเลือดเ มาะ มที่จะทาการผ่าตัด นิยมผ่าตัดที่แขนก่อนเนื่องจาก
ที่ขามีอัตราการติดเชื้อที่ ูง28 ลังผ่าตัดต้องรอประมาณ 2 ัปดา ์ จึง ามารถแทงเข็มผ่าน ลอดเลือดเทียม
เพื่อฟอกเลือดได้ 28,32,38 แต่การผ่าตัดชนิดนี้ มีอายุการใช้งานที่จากัด เนื่องจากมีข้อจากัดในความ
เ ื่อม ภาพของ ลอดเลือดเทียม
ข้อบ่งชี้ในการใส่สายสวนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด13,33,35-38
1. ใช้ใ นผู้ ป่ ว ยที่ เป็น ไตวายเฉียบพลั น ที่จาเป็น ต้องได้รั บการฟอกเลื อด เช่น ผู้ ป่ ว ยที่ ได้รั บ
อุบัติเ ตุทาใ ้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน และ รอเวลาที่ไตอาจกลับมาทางานได้ตามปกติ
2. ใช้ในผู้ป่วยที่เป็นไตวายเรื้อรังระยะ ุดท้าย ที่มีอาการของภาวะยูรีเมียที่จาเป็นต้องได้รับ
การฟอกเลือดแบบเร่งด่วน
3. ใช้ในผู้ ป่ว ยที่ รอใช้งาน ลอดเลือดจากการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลื อดดากับ ลอดเลื อดแดง
บริเวณใกล้เคียงกันใต้ผิว นัง รือทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ ลอดเลือดแดงโดยใช้ ลอดเลือด
เทียม เนื่องจาก ลอดเลือดยังไม่พร้อมใช้งานแต่จาเป็นต้องได้รับการฟอกเลือด
4. ใช้ในผู้ป่วยที่มีข้อ ้ามในการล้างไตทางช่องท้องเช่นเคยผ่าตัดช่องท้ องมา ลายครั้ง รือ
มีการติดเชื้อในช่องท้อง
5. ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญ า ลอดเลือดแดงแข็งอย่างรุนแรง (severe arteriosclerosis) รือมีปัญ า
แขนขาขาดเลือดอย่างรุนแรง (severe limb ischemia) จึงไม่ ามารถทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ
ลอดเลือดแดงเพื่อใช้ในการฟอกเลือด
6. ใช้ในผู้ป่วยทีต่ ้องการฟอกใช้ฟอกเลือดชั่วคราว เพื่อพักตาแ น่ง ช่องทางถาวรที่ใช้ฟอกเลือด
เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการติดเชื้อที่ ลอดเลือดเทียม รือมีอาการ บวม ช้า เป็นจ้ารอบๆ
ลอดเลือด
7. ใช้ในผู้ป่วยที่กลัวเข็ม (needle phobia) เพราะการฟอกเลือดภาย ลัง การผ่าตัดเชื่อม
ลอดเลือด ต้องมีการแทงเข็ม 2 เข็ม ขณะฟอกเลือด เพื่อเป็นช่องทางในการฟอกเลือดต่อครั้ง
8. ใช้ใ นผู้ ป่ ว ยที่ไ ม่มี ตาแ น่ งเ มาะ มในการผ่ า ตัด ทาเ ้ น ฟอกเลื อด เช่น ผ่ า นการผ่ าตั ด
ลอดเลือด ลายครั้งจนไม่มีตาแ น่งเ มาะ ม
9. ใช้ในผู้ป่วยที่มีโรค ัวใจร่วม ที่เ ี่ยงต่อภาวะ ัวใจวาย (congestive heart failure) ไม่ ามารถ
ทนต่อการเพิ่มของอัตราการไ ลกลับของเลือดเข้า ู่ ัวใจ (venous return) ที่เพิ่มขึ้น จากการผ่าตัด
ผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดากับ ลอดเลือดแดงได้
วัสดุที่นิยมนามาทาสายสวนเพื่อฟอกเลือด37
26,35,37
ตาแ น่งการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
2. ลอดเลือดดาบริเวณขา นีบ
ลอดเลือดดาที่ขา นีบที่ใช้ในการใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดได้แก่
2.1. ลอดเลือดดา femoral
2.2. ลอดเลือดดา saphenous
internal jugular
Subclavian vein
vein
Femoral vein
26,35,37
กายวิภาคของ ลอดเลือดดาที่ใช้ใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือด
หลอดเลือดดา subclavian
หลอดเลือดดา saphenous
ลอดเลือดดา Saphenous ที่บริเวณต้นขาจะอยู่ด้านในโค้งไปด้าน ลังของต้นขาและโค้ง
กลับมาบริเวณต้นขาใกล้กับขา นีบ เทเข้า ลอดเลือดดา femoral
3. Local anesthesis
เป็นการผ่าตัดโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยไม่ต้องงดน้าและอา ารก่อนผ่าตัด เ มาะ า รับ
ผู้ป่วยที่รู้ ึกตัวดีและใ ้ความร่วมมือในการรัก า เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย47 ผู้ป่วยควรได้รับการประเมิน
ภาพร่างกาย พูดคุยทาความเข้าใจและเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด
วิธีการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อการฟอกเลือด37
ามารถจาแนกได้ 2 วิธี ดังนี้
1. การใ ่ าย วนระยะยาวเข้า ลอดเลือดด้วยวิธีผ่าตัด (open cannulation or cutdown
method)
2. การแทงเข็มผ่านผิว นังเข้า ู่ ลอดเลือดดาโดยตรง (percutaneous cannulation)
3. ใ ่ าย วนเพื่อฟอกเลือดผ่านลวดนาทาง 4.ถอดลวดนาทางออก
เข้า ู ลอดเลือดดา โดยค้าง าย วนเพื่อฟอกเลือด
ผ่านขดลวดนา ไว้ใน ลอดเลือดดา
อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด37,38
บทที่ 3
การพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
การพยาบาลผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยระยะเตรียมก่อนผ่าตัด 13,19,32,35,45,78
การประเมิน ภาพผู้ป่ ยแรกรับจากการซักประ ัติ ตร จร่างกาย และ การตร จทาง ้องปฎิบัติการ
ต่างๆ เพื่อใช้ในการ ินิจฉัย และ างแผนการพยาบาล โดยประเมินผู้ป่ ยดังนี้
1. ซักประ ัติผู้ป่ ย ดังนี้
ประ ัติโรคลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาของแขนขา เพื่อ างแผนการรัก า และ
การเลือกตาแ น่งผ่าตัด เพื่อป้องกันค ามเ ี่ยงในการเกิดภา ะโรคลิ่มเลือดอุดตัน
ภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตมักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิ ภาพจากโรค แพทย์ผู้รัก าจะมีการ
วางแผนการรัก า รวมถึงการ ่ งปรึก าวิ ั ญญีแพทย์ และแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆเพื่อร่ว ม
วางแผนดูแลผู้ป่วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยในการทาผ่าตัด พยาบาลมีบทบาท าคัญในการ
เตรียมผู้ป่วย เพื่อใ ้ผู้ป่วยมีความพร้อมมากที่ ุดก่อนผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
การปฏิเ ธ อาการซึมเ ร้า รือ รับฟังด้ ยค ามเข้าใจ พร้อมทั้งพูดคุย ปลอบโยน ใ ้กาลังใจ เพื่อใ ้
ผู้ ป่ ยคลายค ามกัง ลใจ และยอมรับ พร้อมใ ้ ค ามร่ มมือ ในการ างแผนการรัก า ประเมิ น
ค าม ามารถในการตัด ินใจ เช่นการแนะนาใ ้ผู้ป่ ยเลือกชนิดของ าย นระยะยา ที่ใช้ในการ
ทาผ่าตัด ประเมินการเปลี่ยนแปลงแบบแผนชี ิตเช่น อบถามถึงกิจ ัตรประจา ันเปรียบเทียบกับ
ก่อนป่ ย การทางาน การปรับอารมณ์ กิจกรรมที่ต้องเปลี่ยนแปลง การรับรู้ของผู้ป่ ยและครอบครั
ในเรื่องการเปลี่ยนแปลง และค ามต้องการการช่ ยเ ลือ
3. ประเมินค ามรู้ ค ามเข้าใจของผู้ป่ ย เกี่ย กับโรคและ าเ ตุการเจ็บป่ ย ร มถึงค ามรู้
ค ามเข้าใจเกี่ย กับการผ่าตัด การปฎิบัติตนก่อนและ ลังผ่าตัด
4. ใ ้ข้อมูลเกี่ย กับแผนการรัก าของแพทย์ เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยและญาติมี ่ นร่ มในการ
างแผนการรัก า โดยเป็น ื่อกลางระ ่างทีมแพทย์ ิ ัญญีแพทย์ และผู้ป่ ย ในการประ านงาน
เพื่อเตรียมค ามพร้อมก่อนการผ่าตัด
5. อธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนต่างๆในการเตรียมผู้ป่ ย ร มถึงการใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั
ก่อนผ่าตัด เพื่อผู้ป่ ยเข้าใจ รับทราบและพร้อมใ ้ค ามร่ มมือ ดังนี้
โรค แผนการผ่ าตั ด การใ ้ ค าแนะน า ในการเลื อ ก าย นระยะยา เพื่ อฟอกเลื อ ด
ภา ะแทรกซ้อน และการมาตร จตามนัด
การตร จทาง ้องปฏิบัติการต่างๆ ในการประเมิน ร่างกายก่อน างแผนผ่าตัด และใน ัน
เข้านอนโรงพยาบาล
การ ่งตร จต่อกับแพทย์เฉพาะทาง รือ ิ ัญญีแพทย์ก่อนผ่าตัด เตรียมค ามพร้อมเพื่อ
ป้องกันการเกิดภา ะแทรกซ้อนจากโรคประจาตั ของผู้ป่ ย
การติดต่อ น่ ยจองเตียง อัตราค่าบริการผ่าตัด อัตรา ้องพัก และ แน ทางการติดต่อ
เพื่อเข้าพักในโรงพยาบาล
ิทธิการรั ก าพยาบาล ขั้นตอนการติดต่อ ิ ทธิต้น ั งกัดประเภทต่างๆ และแน ทาง
ในการรับบริการตาม ิทธิ
การ ยุดยาต้านเกล็ดเลือด และยาต้านการแข็งตั ของเลือด ตามคา ั่งแพทย์ งดอา าร
เ ริมเพื่อป้องกันการเกิดภา ะเลือดออกมากภาย ลังผ่าตัด
ฟอกเลือดล่ ง น้า 1 ัน ก่อนผ่าตัด เพื่อลดภา ะแทรกซ้อนจากภา ะไม่ มดุลของกรด
ด่างในร่างกาย ร มถึงภา ะน้าเกิน
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 53
การพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินค ามรู้ ค ามกลั และค าม ิตกกัง ลจากการ ังเกตพฤติกรรมของผู้ป่ ย โดยการ
อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด และ ทบท นแน ทางการปฎิบัติตั เมื่อผู้ป่ ยกลับบ้าน
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด การซักประ ัติ ตร จร่างกาย ตร จทาง ้องปฎิบัติการ จะ ามารถ
ประเมินค ามพร้อมของผู้ป่ ย และ างแผนการพยาบาลเพื่อ ป้องกันภา ะแทรกซ้อนที่อาจเกิ ดขึ้น
การใ ้คาปรึก า การประเมินด้านจิตใจ เ ร ฐ ถานะ การใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั ก่อนผ่ าตัด
ภาพลัก ณ์ที่เปลี่ยนแปลง ลังผ่าตัด การดูแลตนเองร มถึงการป้องกันภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัดทาใ ้
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ค ามเข้าใจ ตระ นักต่อปัญ า และมีพฤติกรรมในการดูแลตนเองที่เ มาะ มยิ่งขึ้น2,5
การใ ้การพยาบาลในการดูแลผู้ป่ ยดังกล่า ขั้นต้น จะ ามารถลดค ามเครียด ค าม ิตกกัง ลชอง
ผู้ป่ ยเกี่ย กับการผ่าตัด ร มถึงลดอัตราการงดเลื่อนผ่าตัดจากการเตรียมตั ไม่พร้อมได้
การพยาบาลผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผลหลังผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยระยะตรวจติดตามผลหลังผ่าตัด
ประเมิน ภาพผู้ป่ ยใน ันมาตร จติดตามผลภาย ลังผ่าตัด จากการซักประ ั ติ ตร จร่างกาย
โดยการ ั ง เกตพฤติ ก รรมของผู้ ป่ ย ประเมิ น การปฎิ บั ติ ตั ลั ง ผ่ า ตั ด แผลผ่ า ตั ด และการเกิ ด
ภา ะแทรกซ้อนภาย ลังผ่าตัด โดย อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยซักถาม
ข้ อ ง ั ย และร่ มประเมิ น ปั ญ า แนะน าเพิ่ ม เติ ม ใน ิ่ ง ที่ ผู้ ป่ ยพร่ อ ง ร มทั้ ง นั บ นุ น ใ ้ ญ าติ
มี ่ นร่ มในการดูแลผู้ป่ ย
ในกรณีผู้ป่ ยมาฉุกเฉิน เช่นมีภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัด เช่น ไม่ ามารถฟอกเลือดได้ มี นอง
รือ ิ่งผิดปกติบริเ ณแผลผ่าตัด มีการเลื่อน ลุดของ าย นระยะยา เป็นต้น พยาบาลค รประเมิน
ผู้ป่ ยอย่างทันท่ งที โดยการประเมิน ัญญาณชีพและระดับค ามรุนแรงของอาการผิดปกติ ใ ้การ
ดูแลผู้ป่ ยในเบื้องต้นอย่างเ มาะ มตามอาการนั้นๆ (ดังกล่า ในบทที่ 2 ั ข้อ ภา ะแทรกซ้อนจาก
การผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด) และรายงานแพทย์เจ้าของไข้ รือแพทย์ประจา ันที่
ออกตร จรับทราบ
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 3 55
การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัด และ ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
การประเมินบาดแผลหลังผ่าตัด
ภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด การดูแลภาย ลังผ่าตัดถือเป็น ิ่ง าคัญ
ควรแนะนาผู้ป่วยใ ้ ังเกต ติดตาม ประเมินบริเวณที่ผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดทุกครั้ง
ที่มีโอกา เปิดผ้าปิ ดแผล เช่น ขณะฟอกเลือด การดูแลรัก าความ ะอาดรอบๆบริเวณที่ทาผ่าตัด
รวมถึงการดูแล ุขลัก ณะ ่วนบุคคล จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อ น และอัตราการติดเชื้อ ลังผ่าตัดได้74
แพทย์จะนัดตรวจติดตามผล และตัดไ มภาย ลังผ่าตัด ประมาณ 2-3 ัปดา ์ ในการมาตรวจตามนัด
มีขั้นตอนในการประเมินบาดแผล ลังผ่าตัดดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจประเมินบาดแผล ลังผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวฯ ดังนี้
1.1. Set ทาแผล
1.2. 10% povido iodine solution
1.3. gauze ขนาด 4”X4” 1 ่อ
1.4. Y gauze ขนาด 4”X4” 1 ่อ
1.5. ถุงมือ sterilize 1 คู่
1.6. พลา เตอร์ fixomull
ภาพที่ 25 เทคนิคการกดรีดเพื่อประเมินแผลผ่าตัด
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยมีค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ามารถอธิบาย
ถึงการปฎิบัติตน และอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้านได้
อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจ เรื่องการปฎิบัติตน และอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด
ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2. แนะน าและเปิ ดโอกา ใ ้ ญาติมี ่ ว นร่ว มในการดูแลผู้ ป่ว ย และวางแผนการดูแล ุ ขภาพ
ร่วมกัน
3. อน และ ใ ้คาแนะนาผู้ป่วย และญาติ เกี่ยวกับ การปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไป
อยู่บ้านในเรื่องดังต่อไปนี้
3.1. การดูแลแผลผ่าตัดและบริเวณใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด (ดังกล่าวในบทที่ 2
ัวข้อการใ ้คาแนะนาผู้ป่วยภาย ลังการใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด)
1) ดูแลความ ะอาดบริเวณที่ใ ่ าย วนใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผล
เมื่อเปียกชื้น รือ กปรกที่คลินิก รือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
2) ดูแลรัก าความ ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้วย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย
รือเปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมั ดระวัง บริ เวณที่ใ ่ าย วนไม่ ใ ้ เปีย กชื้ นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้ า รื อ
เข้าเซาว์น่า เพราะความเปียกซื้นบริเวณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
4) ใช้ 2% chlorhexidine in alcohol 70%, chorhexidine aqueous รือ 10%
povido iodine ทาความ ะอาดรอบๆบริเวณที่ใ ่ าย ก่อนปิดผ้าปิดแผลปิดแผลด้วย transparent
dressing รือ ผ้าก๊อซและเทป เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
5) ดูแล าย วนไม่ใ ้ ดึงรั้ง ัก พับ งอเพราะอาจทาใ ้ประ ิทธิภาพของการทางาน
เ ียไป
6) งดแกะเกาบริเวณรอบนอกแผลเพราะอาจเป็น าเ ตุของการติดเชื้อได้
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยไม่เกิดการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา
เกณฑ์การประเมิน
1. บริเ ณ าย นระยะยา ไม่มีอาการแ ดงของการติดเชื้อได้แก่อาการป ด บ มแดง ร้อน
มี นองไ ลจากบริเ ณ รูเปิดของ าย นระยะยา ฯ (exit site)
2. อุณ ภูมิร่างกายไม่ ูงก ่า 37.5 อง าเซลเซีย
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอุณ ภูมิร่างกาย ากมีอุณ ภูมิ ูงก ่า 37.5 oC ค รซักประ ัติ ประเมินร่างกาย และ
รายงานแพทย์เจ้าของไข้ทราบ
2. ประเมินค ามผิดปกติที่แ ดงถึงอาการติดเชื้อบริเ ณรูเปิดของ าย นระยะยา เพื่อฟอก
เลือด ได้แก่ อาการป ด บ มแดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณรูเปิดของ าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด
3. ใ ้คาแนะนา ทบท นการดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
1) ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผลเมื่อ
เปียกชื้น รือ กปรก
2) ดูแลรัก าค าม ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้ ย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย รือ
เปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมัดระ ังบริเ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้เปียกชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รือเข้าเซา ์น่า
เพราะค ามเปียกซื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
กิจกรรมการพยาบาล
1. ตรวจประเมิ น ั ญ ญาณชี พ แรกรั บ ร่ ว มกั บ ประเมิ น ลั ก ณะทางกายภาพภายนอก เช่ น
ลัก ณะการทรงตัว ลัก ณะการเดิน กรณีผู้ป่วยมีความเ ี่ยงต่อการพลัดตก กล้ม ควรเปลี่ยนเป็นรถ
นั่งขณะผู้ป่วยรอตรวจ กรณีผู้ป่วยมีค่าความดันโล ิตต่า (systolic blood pressure) น้อยกว่า 100
มิลลิเมตรปรอท ควรปฏิบัติดังนี้
1) จัดใ ้ผู้ป่วยนอนเปลนอน ยกปลายเท้า ูงกว่าระดับ ัวใจ
2) ขณะรอตรวจ เ้้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของ ัญญาณชีพ ร่วมกับประเมินอาการผู้ป่วย
ทุก 15-30 นาที ตามความเ มาะ ม
3) รายงานแพทย์เจ้าของไข้รับทราบ
2. ซักประวัติการรับประทานยาลดความดันโล ิต ก่อนฟอกเลือด และรายงานแพทย์ทราบ
3. ใ ้คาแนะนาผู้ป่วยและญาติใ ้ ังเกตอาการผิดปกติขณะรอพบแพทย์ ถ้ามีอาการ น้ามืด
ใจ ั่น คลื่นไ ้ อาเจียน ใ ้แจ้งพยาบาลผู้ดูแลทันที
4. ดูแลใ ้ความช่วยเ ลือผู้ป่วยในขณะตรวจอย่างใกล้ชิด
5. ประเมิน ัญญาณชีพและอาการผู้ป่วยอีกครั้ง ก่อนจา น่ายผู้ป่วยกลับบ้าน กรณี ผู้ป่วยมีการ
่งตรวจต่อที่ น่วยงานอื่น ประ านงาน เปล รือ รถนั่งเพื่อ ่งต่อผู้ป่วย ตามความเ มาะ ม
ข้อมูลสนับสนุน
1. ผู้ป่วยใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดบริเวณขา นีบ
2. ผู้ป่วยบอกว่าไม่ทราบถึง การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันชั้นลึก ภาย ลัง
ผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือดบริเวณขา นีบ
เป้าหมายการพยาบาล
1. ผู้ ป่ ว ยไม่ เ กิ ด ภาวะ ลอดเลื อ ดด าอุ ด ตั น ในชั้ น ลึ ก ในขาข้ า งที่ ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่ อ
ฟอกเลือด
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึกในขาข้างที่ใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
2. ผู้ ป่ว ย ามารถอธิบ ายถึ งการปฏิบัติ ตัว เพื่อ ป้อ งกัน ภาวะลิ่ มเลื อดอุดตั นใน ลอดเลื อ ดด า
ได้อย่างถูกต้อง
3. ผู้ป่วยไม่มีอาการแ ดงของภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก ได้แก่ อาการขาบวม ปวด
คลาได้ ลอดเลือดเป็นลาแข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
1. แนะนาผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึกดังนี้
1) แนะนาผู้ป่วยกระดกข้อเท้า เพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเวียนเลือดจาก ่วนปลาย
2) เ้้าระวัง และ ังเกตขาด้านที่ใ ่ าย วน ถ้าพบอาการขาบวมปวดคลาดูร้อน รือคลา
ได้ ลอดเลื อดเป็น ล าแข็งเนื่องจากมีการแข็งตัว ของเลือดใน ลอดเลือดดา และ มีการเปลี่ ยน ี ที่
ผิว นัง เริ่มแรกจาก ีแดงเป็น ีคล้า ากมีอาการดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ทันที
2. แนะนาผู้ป่วย วมกางเกงขา ลวมใ ่ บาย ลีกเลี่ยงการนั่งงอขา รือพับขา เพื่อลดความ
เ ี่ยงจากภาวะ าย วนอุดตัน และภาวะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก
3. ลีกเลี่ยงการนอนตะแคงทับขาข้างที่ใ ่ าย วนระยะยาว เพื่อป้องกันการกดเบียด ซึ่งอาจ
ทาใ ้ ายอุดตันได้
4. ทบทวนและใ ้ผู้ป่วยอธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนการดูแลตนเอง เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่วย อบถาม
ข้อข้องใจก่อนจา น่ายผู้ป่วยกลับบ้าน
5. แนะนาการมาตรวจฉุกเฉิน กรณีผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ (ดังที่กล่าวในบทที่ 2 ัวข้อ อาการ
ผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ก่อนนัด) ามารถติดต่อได้ที่ต่อได้ที่ ้องตรวจฉุกเฉิน ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 1
การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจของผู้ป่ ย ในการดูแลตนเองภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะ
ยา เพื่อฟอกเลือด โดยการ อบถามผู้ป่ ยด้ ยคาถามปลายเปิด ใ ้ผู้ป่ ยทบท นแน ทางการปฎิบัติ
ตั เมื่อ กลั บ ไปบ้ า น ประเมิน ค ามกลั และค าม ิ ตกกั ง ลจากการ ั ง เกตพฤติ ก รรมของผู้ ป่ ย
อบถามถึงอาการผิดปกติที่ค รมาพบแพทย์ก่อนนัด
ในระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด (follow up – post operative care) การประเมินค าม
เ ี่ ยงต่อภา ะแทรกซ้อน ลั งผ่ า ตัด ร มถึ งการปฎิบัติพยาบาลในการดูแล าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือดมีค ามจาเป็นยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันพบ ่าอัตราการนอนโรงพยาบาลของผู้ป่ ยที่ฟอกเลือด
ด้ ยเครื่องไตเทียมมีปัญ าเนื่องจากภา ะแทรกซ้อนของ vascular access ถึงร้อยละ 15-2065
พยาบาลต้องตระ นักถึงค าม าคัญในการปฎิบัติพยาบาลในบริเ ณที่ผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลื อ ด ประเมิน ค ามผิ ด ปกติ จ ากการ ั ง เกต ตร จร่ า งกาย และประ านงานกับ ที ม แพทย์
บทที่ 4
กรณีศึกษา
1. ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่
ยชายไทย อายุ 55 ปี ถานภาพ มร เชื้อชาติไทย ัญชาติไทย า นา พุทธ ภูมิลาเนา
กรุงเทพม านคร
การ ึก า จบระดับปริญญาตรี ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพ รายได้ครอบครั 20,000 - 30,000 บาท
ต่อเดือน
ันนี้ผู้ป่ ยมีนัดทากายภาพบาบัด ลูกชายจึงมาปรึก าพยาบาลที่ใ ้คาแนะนาก่อนผ่าตัดเรื่อง
การฟอกเลือด เนื่องจากผู้ป่ ยมีนัดฟอกเลือด ันที่ 9 ิง าคม 2557 แต่ไม่ ามารถฟอกเลือดผ่าน
าย นระยะยา ได้ พยาบาลจึงแนะนาใ ้ญาติพาผู้ป่ ยมาพบแพทย์เพื่อตร จรัก า
2. ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน
8 ปี+ ได้รับการ ินิจฉัย ่าเป็น CKD รัก าที่โรงพยาบาล ิริราช ผู้ป่ ยมารับการตร จติดตามผล
ไม่ ม่าเ มอ
3 ปีก่อน ได้รับการ ินิจฉัย เป็น CKD state IV
2 ปีก่อน มีไข้ จึงไปรัก าที่คลินิกใกล้บ้าน ได้รับการรัก าโดยการฉีดยา ภาย ลังฉีดยาผู้ป่ ย
ไม่มีแรง ลุกเดินไม่ได้ ภรรยาจึงนา ่งโรงพยาบาลบ้านแพ้ แพทย์ ินิจฉัย ่าเป็นโรคไต ายเฉียบพลัน
แพทย์พิจารณาผ่าตัดใ ่ าย Tenckhoff catherter เพื่อล้างไตทางช่องท้องเพื่อทาการบาบัดทดแทนไต
ภาย ลังการรัก า ผู้ป่ ยไปพบแพทย์ ม่าเ มอ และยังคงต้องล้างไตทางช่องท้องเรื่อยมาเนื่องจาก
ผลเลือดในการตร จร่างกายไม่ดีขึ้น
15 เดือนก่อน เกิดการติดเชื้อบริเ ณ น้าท้องที่ใ ่ ายล้างไต แพทย์จึงพิจารณานา าย Tenckhoff
catherter ออก และผ่าตัดใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ที่ตาแ น่งขา นีบด้านซ้ายเพือใช้ฟอกเลือด
ด้ ยเครื่องไตเทียมแทน (โดยในการผ่าตัดครั้งนั้นเริ่มต้นผ่าตัดใ ่ ายชั่ ครา เพื่อฟอกเลือดจากตาแ น่งคอ
ด้านข า คอด้านซ้าย และขา นีบด้านซ้าย ตามลาดับ) ลังการผ่าตัด 2 ันผู้ป่ ยมีอาการอ่อนแรงซีกข า
แพทย์ ินิจฉัยเป็น cardio embolic stroke จึงรัก าด้ ยยามาตลอด ร่ มกับการทากายภาพบาบัด
ผู้ป่ ยได้รับการฟอกเลือด 2 ครั้งต่อ ัปดา ์ ทุก ันอังคาร และ ันเ าร์ที่โรงพยาบาลบ้านแพ้
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 72
กรณี ึก า
3. ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและโรคประจาตัว
4. ผลการตรวจร่างกาย
5. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
clinical chemistry
BUN 78.2 mg/dl H
creatinine 9.64 md/dl H
**eGFR (CKD-EPI equation) 5.45 ml/min/1.73m2 L
+
sodium (Na ) 140 mmol/L
+
potassium (K ) 5.3 mmol/L H
-
chloride (Cl ) 102 mmol/L
3-)
bicarbonate (HCO 19 mmol/L L
**anion gap 19.0 mmol/L H
Hematology
CBC
hemoglobin 12.5 g/dl
hematocrit 39.2 %
RBC count 4.05 x 10*6/ul L
MCV 96.8 fl
MCH 30.9 pg
MCHC 31.9 g/ld
red cell distribution RDW 14.0 %
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 74
กรณี ึก า
6. ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
7. ผลเอ็กซเรย์ปอด
8. ประวัติยาที่ได้รับในปัจจุบัน
9. ปัญหาที่พบในขณะนี้
10. แผนการพยาบาลผู้ป่วยณ.จุดตรวจห้องอุลตร้าเซานด์
ใ ก้ ารพยาบาลเพื่อป้องกันการพลัดตก กล้มขณะรอตร จ
ประเมินภา ะแทรกซ้อนอย่างร ดเร็ และใ ้การพยาบาลตามแผนการรัก าของแพทย์ โดย ่ง
ต่อผู้ป่ ยไป OR เล็ก เพื่อ นล้าง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ใ ้คาแนะนา และข้อมูลตามแน ทางการรัก าเพื่อลดค าม ิตกกัง ลขณะรอตร จ
ใ ้ ค าแนะน าในการปฏิ บั ติ ต นเมื่ อ กลั บ ไปอยู่ บ้ า นเรื่ อ งการดู แ ลตนเองภาย ลั ง การผ่ า ตั ด
ใ ่ าย นระยะยา บริเ ณต้นขาเพื่อฟอกเลือด เพื่อป้องกันภา ะแทรกซ้อนภาย ลังผ่าตัด
ใ ้ ก ารพยาบาลเพื่ อ ป้ อ งกั น การเกิ ด อั น ตรายจากภา ะเลื อ ดออก และภา ะแทรกซ้ อ นจาก
ค ามผิดปกติของ มดุลของกรดด่างในร่างกายขณะรอตร จ
่ งเ ริ มและใ ้ กาลั งใจผู้ ป่ ยและญาติ ในการดูแลตนเอง ยอมรั บค ามเปลี่ ย นแปลงและใ ้
ค ามร่ มมือในการรัก าพยาบาล ร มถึงการมาตร จตามนัดอย่าง ม่าเ มอ
ใ ้คาแนะนาในการเตรียมตั ก่อนและ ลังผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดแดงและ ลอดเลือดดาเพื่อ
ฟอกเลือด
การวางแผนการพยาบาลกรณีศึกษา
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 76
กรณี ึก า
การประเมินผล
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ในการปฏิบัติตั ภาย ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน โดย ามารถอธิบายถึงการ
ปฏิบัติตั เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ร มถึงอธิบายอาการผิดปกติภาย ลังผ่าตัดที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด
การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิดการพลัดตก กล้ม ขณะรอตร จ ัญญาณชีพแรกรับ ค ามดันโล ิต 140/87
มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 62 ครั้ง/นาที ายใจ 20 ครั้ง/นาที จัดใ ้ผู้ป่ ยเป็นเปลนอนขณะรอตร จ
เนื่องจากผู้ป่ ยร่างกายซีกข าอ่อนแรงและมีอาการอ่อนเพลีย ไม่พบอาการผิดปกติขณะรอตร จ
ประเมิน ัญญาณชีพก่อนจา น่าย พบค ามดันโล ิต 130/80 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60 ครั้ง/นาที
ายใจ 20 ครั้ง/นาที และโทรประ านงาน ้องผ่าตัดเล็กเพื่อ ่งต่อผู้ป่ ยเพื่อ irrigate perm cath
กิจกรรมการพยาบาล
1. ร้าง ัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่ ย โดยการใช้คาพูดที่ ุภาพ อ่อนโยน โดยแนะนาตนเอง และ
บุคลากรในทีมดูแลผู้ป่ ย เพื่อใ ้ผู้ป่ ยเกิดค ามไ ้ างใจ เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยระบายค ามรู้ ึกและ
ซักถามข้อ ง ัย รับฟังด้ ยค ามเข้าใจ
2. ประเมินระดับค าม ิตกกัง ลในผู้ป่ ย และครอบครั ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ ในแผน
การรั ก า ค าม ามารถในการปฏิ บั ติ ต ามแผนการรั ก า ปั ญ าและอุ ป รรคในการปฏิ บั ติ
ตามแผนการรัก า โดยการ อบถามด้ ยคาถามปลายเปิด และ ังเกตพฤติกรรมผู้ป่ ยขณะตอบ
3. ปรึก าแพทย์เจ้าของไข้ ถึงปัญ าด้านเ ร ฐ ถานะของผู้ป่ ยเพื่อร่ ม างแผนแก้ไขปัญ า
ด้านเ ร ฐ ถานะของผู้ป่ ย โดย ่งพิจารณาเรื่องการรับผู้ป่ ยเข้าเป็นผู้ป่ ยในโครงการ 80 พรร า
เพื่อการผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดดาและ ลอดเลือดแดงถ ายเป็นพระราชกุ ล โดยไม่เ ียค่าใช้จ่าย
ในการผ่าตัดครั้ง น้า แจ้งใ ้ผู้ป่ ยรับทราบเพื่อลดค าม ิตกกัง ลเรื่องค่าใช้จ่ายในการทาผ่าตัด
4. ประ านงานนัก ังคม งเคราะ ์เพื่อพิจาราณาช่ ยเ ลือในเรื่องค่ารัก าพยาบาล
5. กระตุ้น ใ ้ ผู้ ป่ ยมีการ างแผนในการดูแลตนเองร่ มกันกับ ครอบครั มีการตั้งเป้า มาย
ร่ มกั น แนะน าแน ทางการดู แ ล ุ ข ภาพ เรื่ อ งการงดอา ารเค็ ม และไขมั น ู ง เนื่ อ งจากผู้ ป่ ย
ชอบรับประทานอา ารร เค็ม การทากายภาพบาบัดอย่าง ม่าเ มอ และการออกกาลังกายด้ ยตนเอง
ที่บ้าน การฏิบัติตั ใ ้ถูกต้อง และการ ังเกตอาการผิดปกติภาย ลังการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือด เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยร มในการรัก าพยาบาล
6. ่งเ ริมค าม ัมพันธ์ระ ่างผู้ป่ ย และครอบครั แนะนาและใ ้ข้อมูลกับญาติในเรื่องการ
ปฏิบัติตนที่ถูกต้อง ต่อค ามเจ็บป่ ย และแน ทางการรัก าพยาบาล ใ ้กาลังใจผู้ป่ ย และญาติ
7. ่งเ ริมใ ้ ครอบครั มี ่ นร่ มในการดูแลผู้ป่ ย กระตุ้นและใ ้กาลั งใจผู้ ป่ ยในการดูแล
ตนเอง
การประเมินผล
ผู้ป่ ยคลายค าม ิตกกัง ลลง ี น้า ดชื่นขึ้น ผู้ป่ ยมีค ามเข้าใจเกี่ย กับโรค แผนการรัก า
และการดูแลตนเองร่ มกับทีม ุขภาพ
การประเมินผล
ผู้ป่ ยมี ี น้า ดชื่นขึ้น เข้าใจถึงพยาธิ ภาพของโรค ยอมรับการเปลี่ ยนแปลงของร่างกาย
ามารถบอกถึงการดู แลตั เองภาย ลั งการผ่ า ตัดใ ่ าย นระยะยา ได้อย่ างถู กต้อ ง เข้าใจใน
แผนการรัก าและการดูแลตนเองภาย ลังการเจ็บป่ ยเรื้อรัง อบถามพยาบาลถึงการรับประทาน
อา ารใ ้เ มาะกับโรค การปฏิบัติตั ภาย ลังเป็นโรคไต และการดูแลตนเองเพื่อรัก าภา ะ ุขภาพ
ใ ้ดียิ่งขึ้น
เกณฑ์การประเมิน
1. บริเ ณ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดไม่มีอาการแ ดงของการติดเชื้อ ได้แก่ อาการป ด บ ม
แดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณ exit site
2. อุณ ภูมิร่างกายไม่ ูงก ่า 37.5 0c
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมิน ัญญาณชีพแรกรับ
2. เปิดแผลประเมินค ามผิดปกติที่แ ดงถึงอาการติดเชื้อบริเ ณ exit site ได้แก่ อาการป ด บ ม
แดง ร้อน มี นองไ ลจากบริเ ณ exit site
3. ใ ้คาแนะนา ทบท นการดูแลแผลผ่าตัดและบริเ ณใ ่ าย นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
1) ดูแลค าม ะอาดบริเ ณที่ใ ่ าย นใ ้แ ้งและ ะอาดอยู่เ มอ เปลี่ยนผ้าปิดแผลเมื่อ
เปียกชื้น รือ กปรก
2) ดูแลรัก าค าม ะอาดของร่างกาย ล้างมือด้ ย บู่ทุกครั้งที่จะมีการ ัมผั กับ าย รือ
เปลี่ยนผ้าปิดแผล เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ระมัดระ ังบริเ ณที่ใ ่ าย นไม่ใ ้เปียกชื้นในขณะอาบน้า งดลงแช่น้า รือเข้าเซา ์น่า
เพราะค ามเปียกชื้นบริเ ณที่ใ ่ ายเป็น าเ ตุของการติดเชื้อ
4) ใช้ 2%chlorhexidine in alcohol 70, chorhexidine aqueous รือ 10%povido
iodine ทาค าม ะอาดรอบๆบริเ ณที่ใ ่ าย ก่อนปิดผ้าปิดแผลปิดแผลด้ ย transparent dressing
รือ ผ้าก๊อซและเทป เพื่อลดอัตราเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ
5) งดแกะเกาบริเ ณรอบนอกบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด เพราะอาจเป็น
าเ ตุของการติดเชื้อได้
8. ่งเ ริมภา ะโภชนาการ แนะนาผู้ป่ ยดูแลใ ้ได้รับอา ารที่เ มาะ มตาม ภา ะของโรค
และเพียงพอต่อค ามต้องการของร่างกาย โดยงดอา ารร เค็ม ไขมัน ูง เพื่อ ่งเ ริมใ ้ภา ะ ุขภาพ
แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
9. ประเมินค ามรู้ค ามเข้าใจ ของผู้ป่ ยและญาติจากคาแนะนาที่กล่า มา โดยการซักถามผู้ป่ ย
เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ยและญาติซักถามข้อ ง ัยเพิ่มเติม
10. ใ ้คู่มือในการปฏิบัติตั แก่ผู้ป่ ย และญาติก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน เพื่อนาค ามรู้ ไป
ทบท นต่อเมื่ออยู่ที่บ้าน และญาติ ามารถช่ ยเ ลือดูแลผู้ป่ ยได้อย่างถูกต้อง
11. แนะนาการมาตร จฉุกเฉินกรณีผู้ป่ ยมีอาการผิดปกติ ามารถติดต่อได้ที่ ้องตร จฉุกเฉิน
ตึกผู้ป่ ยนอกชั้น 1
การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิดการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด ไม่มีอาการผิดปกติบริเ ณ
exit site ัญญาณชีพแรกรับปกติ อุณ ภูมิ 36.7 0c
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอาการและอาการแ ดงของภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาได้แก่ อาการ ขา
บ ม ป ด คลาดูร้อน คลาได้ ลอดเลือดเป็นเ ้นแข็ง ภาย ลังประเมิน ไม่พบอาการผิดปกติ
2. อน และแนะนาผู้ป่ ยเกี่ย กับการปฏิบัติตั เพื่อป้องกันภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดาดังนี้
1) แนะนาผู้ป่ ยกระดกข้อเท้า เพื่อเพิ่มประ ิทธิภาพในการไ ลเ ียนเลือดจาก ่ นปลาย
2) เฝ้าระ ังและ ังเกตขาด้านที่ใ ่ าย น ถ้าพบอาการขาบ ม ป ด คลาดูร้อน รือคลาได้
ลอดเลือดเป็นเ ้นแข็งเนื่องจากมีการแข็งตั ของเลือดใน ลอดเลือดดา ากมีอาการดังกล่า ค รรีบ
มาพบแพทย์ทันที
3) ลีกเลี่ยงการนั่งพับขา รืองอขา ป้องกันไม่ใ ้ าย ัก พับ งอ ลีกเลี่ยงการนอนตะแคง
ทับขาข้างที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด เพื่อป้องกันการกดทับ ายซึ่งอาจทาใ ้ ายอุดตัน และ
มีโอกา เกิดลิ่มเลือดลอยไปอุดใน ลอดเลือดดาได้
3. ทบท นและใ ้ผู้ป่ ยอธิบายใ ้ทราบถึงขั้นตอนการดูแลตนเอง เปิดโอกา ใ ้ผู้ป่ ย อบถาม
ข้อข้องใจก่อนจา น่ายผู้ป่ ยกลับบ้าน
4. แนะนาการมาตร จฉุกเฉินกรณีผู้ป่ ยมีอาการผิดปกติ ามารถติ ดต่อได้ที่ ้องตร จฉุกเฉิน
ตึกผู้ป่ ยนอกชั้น1
การประเมินผล
ผู้ป่ ยไม่เกิด ภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ในขาข้างซ้ายที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อ
ฟอกเลือด ไม่พบอาการผิดปกติที่แ ดงถึงภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา
PT 45.2 sec
INR 3.66
เป้า มายการพยาบาล
1. ผู้ป่ ยปลอดภัยจากภา ะเลือดออก และภา ะแทรกซ้อนจากค ามผิดปติของ มดุลของกรด
ด่างในร่างกาย
เกณฑ์การประเมิน
1. ผู้ ป่ ยไม่เ กิดอั น ตรายและภา ะแทรกซ้อ น จากภา ะเลื อ ดออก ไม่ พบจุด เลื อ ดออกตาม
ร่างกาย
2. ผู้ป่ ยไม่เกิดอันตรายและภา ะแทรกซ้อน จากค ามไม่ มดุลของกรดด่างในร่างกาย ไม่พบ
อาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ามืด ใจ ั่น แน่น น้าอก ายใจไม่ออก
กิจกรรมการพยาบาล
1. ตร จประเมิน ัญญาณชีพแรกรับ
2. รายงานผลการประเมินผู้ป่ ยใ ้แพทย์เจ้าของไข้ รือแพทย์ที่ออกตร จประจา ันรับทราบ
3. เคลื่อนย้ายผู้ป่ ยตาม ลัก work instruction เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ป่ ยขณะ
เคลื่อนย้าย
4. ประเมิน ังเกตอาการและอาการแ ดงของผู้ป่ ย อย่างใกล้ชิด ดูแลค ามปลอดภัยและ
ภาพแ ดล้อม ขณะรอตร จ
5. แนะนาใ ้ผู้ป่ ย และญาติ ังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออก กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ามืด
ใจ ั่น เจ็บแน่น น้าอก ายใจไม่ออก ากพบอาการดังกล่า ใ ้รีบแจ้งพยาบาลทันที
6. แนะนาใ ้ผู้ป่ ยและญาติระมัดระ ังการกระทบกระแทก รือการเกิดอุบัติเ ตุเนื่องจากผู้ป่ ย
มีค ามเ ี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย
7. ประ านงาน ่งต่อข้อมูลไปยัง ้องผ่าตัดเล็กในการรับดูแลผู้ป่ ย เพื่อค ามต่อเนื่องในการดูแล
ผู้ป่ ย และเฝ้าระ ังอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
การประเมินผล
ผู้ป่ ยปลอดภัยจากอันตราย และภา ะแทรกซ้อน จากภา ะเลือดออกง่ายและค ามไม่ มดุล
ของกรดด่างในร่างกาย ไม่มีอาการแ ดงของอาการผิดปกติ ทั้งในขณะรอตร จ และขณะ ่งต่อไปยัง
้องผ่าตัดเล็ก
สรุปกรณีศึกษา
ชายไทยอายุ 55 ปี ตร จพบประ ัติ CKD, HT, gout , severe OSA ปี2549 มีประ ัติ
ชอบรับประทานอา ารร เค็ม ขาดการตร จและติดตามผลการรัก าโรคค ามดันโล ิต ูงบ่อยครั้ง
ผู้ป่ ยมีอาการไต ายเฉียบพลัน เมื่อปี 2555 แพทย์รัก าโดยการใ ่ ายล้างไตทาง น้าท้อง ต่อมาเดือน
พฤ ภาคม 2556 มีการติดเชื้อบริเ ณ ายทาง น้าท้อง แพทย์จึงผ่าตัดนา าย Tenckhoff catherter
ออก และใ ่ เป็น นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ภาย ลังผ่าตัดผู้ป่ ยเกิดภา ะแทรกซ้อนจาก cardio
embolic stroke ทาใ ้ร่างกายซีกข าอ่อนแรง ลังผ่าตัดผู้ป่ ยเข้ารับการรัก าและติดตาม
ผลการรัก าตามนัด อย่าง ม่าเ มอที่โรงพยาบาล ิริราช โดยทากายภาพบาบัด ั ปดา ์ ละ 1 ครั้ ง
ฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม ัปดา ์ละ 2 ครั้ง
ผู้ป่ ยเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนจาก าย นชั่ ครา เป็น าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ตั้งแต่ ันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 และ มีการ างแผนเพื่อทาผ่าตัดเชื่อม ลอดเลือดแดงและ ลอดเลือดดา
โดยไม่เ ียค่าใช้จ่าย ใน ันที่ 20 ิง าคม 2557 ผู้ป่ ยมาตร จก่อนนัดเนื่องจากเกิดปัญ า ายฟอกเลือด
อุดตัน ไม่ ามารถฟอกเลือดได้ร มระยะเ ลา 8 ันจากครั้ง ุดท้ายที่ฟอกเลือด ภาย ลังแพทย์ตร จ
ประเมินร่างกายแล้ จึง างแผนรับเป็นผู้ป่ ยในเพื่อ นล้าง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
จากการประเมินผู้ป่ ย ณ ้องตร จอุลตร้าเซานด์ น่ ยตร จรัก าด้ ยเครื่องมือพิเ และ
ติดตามผล ยามินทร์ชั้น 1 พบ ่าผู้ป่ ยมีปัญ าทางการพยาบาลดังนี้
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 1 ผู้ป่ ยขาดค ามรู้ในการปฎิบัติตนภาย ลังผ่าตัด เมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 ผู้ป่ ยมีโอกา พลัดตก กล้ม ขณะรอตร จ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3 ผู้ป่ ยเกิดค าม ิตกกัง ล เรื่องค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัดซ้า เนื่องจาก
มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านฐานะเ ร ฐกิจ ังคม ภา ะ ุขภาพ บทบาทและ น้าที่
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4 ผู้ป่ ยรู้ ึกไร้พลังอานาจ การ ูญเ ียภาพลัก ณ์ และคุณค่าในตนเอง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการติดเชื้อบริเ ณที่ใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ลังผ่าตัดเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 6 ผู้ป่ ยมีโอกา เ ี่ยงต่อการเกิดภา ะลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือด
(deep vein thrombosis) จากการใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 7 ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อการเกิดภา ะเลือดออกง่าย และอันตรายจากค าม
ไม่ มดุลของกรดด่างในร่างกาย
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่ 4 89
กรณี ึก า
จากกรณี ึก าพบ ่าผู้ป่ ยขาดการใ ่ใจ ในการดูแล ุขภาพตนเอง ทาใ ้เกิดค ามก้า น้า
ของโรคไตอย่ า งต่ อ เนื่ อ งจนเข้ า ู่ ร ะยะไต าย ขาดค ามรู้ ใ นการดู แ ลตนเอง ลั ง ผ่ า ตั ด เกิ ด
ภา ะแทรกซ้อน ลังผ่าตัด นามาซึ่งการผ่าตัดซ้าๆ ในการเตรียมช่องทาง า รับ ฟอกเลือด ภาย ลัง
ผ่าตัดใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือด ผู้ป่ ยเกิดภา ะ stroke มีอาการอ่อนแรงซีกข าของร่างกาย
มีโอกา เ ี่ยงต่อการพลัดตก กล้มเมื่อเคลื่อนไ ปัจจุบันใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดที่ขา นีบ
ด้านซ้ายมีค ามเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ และการเกิดลิ่มเลือดอุดตันบริเ ณที่ใ ่ าย นเพื่อฟอกเลือด มีค าม
ท้อแท้และรู้ ึก ูญเ ียคุณค่าในตนเอง ิตกกัง ลเกี่ย กับการผ่าตัดและค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาล
ในอนาคต
พยาบาล มีบทบาทในการคัดกรอง ประเมินผู้ป่ ยตั้งแต่แรกรับ และป้องกันค ามเ ี่ยงต่างๆที่
อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่ ยในขณะรอตร จ ใ ้คาแนะนา ่งเ ริมและ นับ นุนใ ้ผู้ป่ ยและครอบครั
ใ ้มีค ามรู้ค ามเข้าใจ ามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ในกรณี ึก านี้การ างแผนดูแลรัก าผู้ป่ ย
เมื่อกลับบ้าน การแนะนา ใ ้ค ามรู้ผู้ป่ ยและญาติในการดูแลตนเองและการดูแล าย นระยะยา
เพื่อฟอกเลือด ลังผ่าตัด ร มทั้ง ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยและครอบครั เ ็นค าม าคัญในการดูแล ุขภาพ
ลังผ่าตัดถือเป็น ิ่ง าคัญยิ่ง เนื่องจากผู้ป่ ยยังไม่มีช่องทางฟอกเลือดถา ร ประกอบกับเคยผ่าตัดใ ่
าย น ลายตาแ น่ง และตาแ น่งที่มีการผ่าตัด ใ ่ าย นชั่ ครา เพื่อฟอกเลือดจะไม่ ามารถ
กลับมาใช้งานซ้าได้ ปัจจุบันผู้ป่ ยใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดบริเ ณขา นีบด้านซ้ายซึ่ งเ ี่ยง
ต่อการติดเชื้อและการเกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ลอดเลือดดา ูง การดูแล ุขลัก ณะ ่ นบุคคลเ ลา
ขับถ่ายจะช่ ยลดค ามเ ี่ยงต่อการติดเชื้อ การปฏิบัติตั ที่ถูกต้อง ลังผ่ าตัดจะช่ ยลดค ามเ ี่ยงต่อ
การเกิดภา ะ ลอดเลือดดาอุดตันในชั้นลึก การ อนผู้ป่ ยใ ้ ังเกตอาการผิดปกติที่ค รมาพบแพทย์
ก่อนนัด เช่น าย นระยะยา ไม่ ามารถใช้งานได้ตามปกติ จะช่ ยป้องกันภา ะแทรกซ้อนที่อาจทา
ใ ้ ูญเ ีย าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดได้ การจัด ถานที่ ิ่งแ ดล้อมบริเ ณที่อยู่อา ัยใ ้ปลอดภัย
ต่อผู้ป่ ยจะช่ ยป้องกันการพลัดตก กล้ ม ค ามเจ็บป่ ยเรื้อรังมีผลต่อจิตใจของทั้งตั ผู้ป่ ยและ
ครอบครั เกิดค ามเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้นาครอบครั ก่อใ ้เกิดปัญ าด้านเ ร ฐ ถานะ ทาใ ้
ผู้ป่ ยมีค ามรู้ ึ กท้อแท้ ในการรัก าพยาบาล และกัง ลกับค่าใช้จ่ายในการรัก าที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคต การประเมินเ ร ฐ ถานะ และใ ้การช่ ยเ ลือ ประ านงานในการ ่งต่อผู้ป่ ยตาม ิทธิการ
รัก า และ างแผนการช่ ยเ ลือด้านค่าใช้จ่ายในการรัก าพยาบาลในอนาคต ร่ มกับการใ ้กาลังใจ
ผู้ป่ ยและครอบครั ในการปรับตั กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะช่ ยลดค าม ิตกกัง ลและลด
อุป รรคในการดูแลภา ะ ุขภาพของผู้ป่ ยได้ดยี ิ่งขึ้น
บทที่ 5
ปัญ า อุป รรค และ แนวทางการแก้ไขปัญ า
2. ผู้ ป่ ยที่ ม ารั บ การผ่ า ตั ด แก้ ไ ขซ้้ า ๆ การใ ้ ข้อมู ล ในการเข้า รับ การผ่ า ตั ด ครั้ง แรกค รแจ้ ง ใ ้
จะรู้ ึกท้อแท้ มดก้าลังใจไม่ใ ้ค าม ผู้ป่ ยรับ ทราบถึง โอกา ที่อาจเกิดการผ่ าตั ดซ้้ าเนื่องจาก
ร่ มมือ รือปฏิเ ธการรัก า ผู้ป่ ยแต่ละรายมีค ามแตกต่างกันด้านกายภาพ ภาย ลัง
ผ่าตัดจึงค รมาตร จติดตามผลอย่าง ม่้าเ มอ และปฏิบัติ
ตนตามค้าแนะน้าในการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บทที่5 91
ปัญ า อุป รรค และ แนวทางการแก้ไขปัญ า
ระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ปัญ าและอุป รรค แนวทางการแก้ไขปัญ า
1. ผู้ป่ ยมีโอกา พลัดตก กล้ม ขณะรอ ผู้ ป่ ยไต ายมั ก มี อ าการผิ ด ปกติ ร่ มกั น ลายระบบ การ
ตร จติ ด ตามผล ลัง ผ่ า ตั ด เนื่ องจาก ประเมินค ามดันโล ิต และอาการแ ดงของผู้ป่ ยเมื่อแรกรับ
ผู้ป่ ยโรคไต ายจะมีการเปลี่ยนแปลง ถือเป็ น การคัด กรองเบื้ องต้ น เพื่ อป้ องกัน การพลั ด ตก กล้ ม
ทางด้านร่างกายตามพยาธิ ภาพของ ขณะรอตร จ โดยประเมิ น ดั ง นี้ ถ้ า ค ามดั น โล ิ ต ค่ า บน
โรค ได้แก่ ค ามดันโล ิต ูง มีอาการ (systolic)≤ 100 mmHg รือ ค ามดันโล ิตค่าล่าง (diastolic)
ตามั กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา รือเป็น ≤ 50 mmHg ประเมินอาการพบ ่าผู้ป่ ยบ่นป ด ีร ะ รือ
ตะคริ ในรายที่ มาตร จตามนัด ลั ง เ ียน ีร ะ เดินเซไม่มั่นคง ากพบอาการดัง กล่า ค รจัดใ ้
กลั บ จากการฟอกเลื อ ดอาจมี ภ า ะ ผู้ป่ ยนั่ง รถนั่ง รือเปลนอน ตามค ามเ มาะ ม โดยใ ้ญาติ
ค ามดันโล ิตต่้า ดูแลผู้ป่ ยอย่างใกล้ชิด ร มทั้งประเมินผู้ป่ ยเป็นระยะขณะรอ
ตร จ และรายงานแพทย์ เจ้ า ของ ไข้รับ ทราบเมื่ อพบอาการ
ผิดปกติ
2. ผู้ ป่ ยมี โ อกา เกิ ด ค ามไม่ ุ ข บาย การประเมินบาดแผล ลังผ่าตัด ค รเริ่มจากการประเมินค าม
และเ ี่ ยงต่อภา ะ ายเลื่ อน ลุด จาก ผิดปกติบริเ ณแผลผ่าตัดด้ ยการ ังเกตและ อบถามผู้ป่ ยถึง
การแกะพลา เตอร์ขณะเปิ ดแผล ลัง การใช้งานขณะฟอกเลือด และต้าแ น่งการคงอยู่ของไ มเย็บ
ผ่าตัด ก่อนเปิดผ้าปิดแผล การแกะพลา เตอร์ปิดแผลค รกระท้าอย่าง
นุ่มน ล ระมัดระ ัง โดยใช้เทคนิคดังนี้ ใช้ นิ้ โป้งข้างที่ ไม่ถนัด
กดบริเ ณผิ นังผู้ป่ ย พร้อมใช้มือข้างที่ถนัดแกะพลา เตอร์
ไปพร้อมกัน ค่อยๆ แกะ ขยับต้าแ น่งไปตามแน ที่ปิดพลา เตอร์
จนเปิดแผลทั้ง มด เพื่อป้องกันการเกิดภา ะ ายเลื่อน ลุ ด
จากการเกีย่ รั้ง าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือดเนื่องจากการ
ร้างเนื้อเยื่อ ุ้มปลอก าย น (dacron cuff) ยังไม่ มบูรณ์
บรรณานุกรม
18. Thai lab online. Urinary chemistry test strip [Internet]. 2552 [cited 2014 Apr 20].
Available from: http://www.thailabonline.com/urine.htm
19. National Kidney Foundation. K/DOQI clinical practice guidelines for chronic
kidney disease: evaluation, classification, and stratification. American Journal of
kidney diseases. 2002;39(Suppl1):s1-266.
20. ยุ ดี ชาติไทยม, ผู้แปล. การจัดการพยาบาลผู้ป่ ยไต าย.ใน: ผ่อง รี รี มรกต, บรรณาธิการ.
การพยาบาลผู้ใ ญ่และผู้ ูงอายุที่มีปัญ า ุขภาพ เล่ม 2. กรุงเทพฯ:ไอ กรุ๊ปเพร ; 2553.
น้า 455-79.
21. บรรชา ถิระพจน์, ประเจ ฎ์ เรืองกาญจนเ ร ฐ์, อินทรีย์ กาญจนกูล, อานาจ ชัยประเ ริฐ์,
อุปถัมภ์ ุภ ินธุ์, พรรณบุปผา ชู ิเชียร.Essential nephrology.พิมพ์ครั้งที่2.กรุงเทพฯ:นา
อัก รการพิมพ์;2555: 345-56
22. Kidney.org. Stages of Kidney Disease in NKF KDOQI Guidelines; 2002 [Internet].
2006 [cited 2014 Apr 20]. Available from:
http://www2.kidney.org/professionals/KDOQI/guidelines_ckd/p4_class_g1.htm
23. ิริ รรณ จิร ิริธรรม. การระงับค ามรู้ ึก า รับการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อใช้ในการฟอก
เลือด. ใน: โ ภณ จิร ิรธิ รรม, บรรณาธิการ. ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด.
พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเ ช าร; 2548. น้า 69-85.
24. ุภาพร องค์ ุริยานนท์. การพัฒนาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่ ยโรคไตเรื้อรัง
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชจัง ัด ุพรรณบุรี. าร าร าธารณ ุขและการพัฒนา
2008;6(1):35-41.
25. ท ี ิริ ง ์, บรรณาธิการ. Update on CKD prevention: Stategies and Practical
points.พิมพ์ครั้งที่3. ขอนแก่น: โรงพิมพ์ม า ิทยาลัยขอนแน; 2555.
26. ไ กูณฐ์ ถาปนา ัตร. Surgical Anatomy for Vascular Access.ใน: โ ภณ จิร ิริธรรม,
บรรณาธิการ. ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ:
านักพิมพ์กรุงเทพเ ช าร; 2548. น้า 27-60.
27. ุ ัฏฏกุล, บรรณาธิการ. คู่มือแน ทางการดุแลผู้ป่ ยโรคไต. กรุงเทพฯ: ยูเนี่ยน ครีเอชั่นการ
พิมพ์; 2553. มเกียรติ
28. กล ิชย์ ตรองตระกูล, ไพฑูรย์ ขจร ัชรา. การป้องกันภา ะแทรกซ้อนและเตรียมการบาบัด
ทดแทนไต.ใน: คู่มือการจัดการดูแลผู้ป่ ยโรคไตระยะเริ่มต้น มาคมโรคไตแ ่งประเท ไทย.
กรุงเทพฯ: ยูเนี่ยนอุล ตร้าไ โอเล็ตการพิมพ์; 2555. น้า 94-9.
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 100
29. Thompson EG, Vachharajani TJ. Kidney transplant [Internet]. 2013 [cited 2014
Apr 20]. Available from: http://www.webmd.com/a-to-z-guides/kidney-
transplant
30. Baxter healthcare. Dialysis Options [Internet]. 2014 [cited 2014 Apr 20].
Available from:http://www.baxterhealthcare.com.au/patients_and_caregivers/
areas_of_expertise/renal/treatment_options.html
31. Wikipedia. Hemodialysis [Internet]. 2014 [cited 2014 Apr 20]. Available from:
http://en.wikipedia.org/wiki/Hemodialysis
32. กมล เรืองทอง, นพดล วรอุไร. Vascular access: surgical aspect.ใน: ประเ ริฐ ธนกิจจารุ,
ุพัฒน์ วาณิชย์การ, บรรณาธิการ. ตาราการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการพยาบาล.
พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 131-53.
33. กาพล เลา เพ็ญแ ง. ศัลยศา ตร์ ลอดเลือด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เรือนแก้ว; 2546.
34. ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ. แนวทางการปฏิบัติ า รับการเตรียม ลอดเลือด า รับฟอกเลือด.ใน:
โ ภณ จิร ิริธรรม, ศิริวรรณ จิร ิริธรรม, ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ, ว ันต์ ุเมธกุล, บรรณาธิการ.
ศัลยศา ตร์วิวัฒน์. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 1-10.
35. ธารงโรจน์ เต็มอุดม. ลอด วน า รับการฟอกเลือด. ใน: โ ภณ จิร ิริธรรม, บรรณาธิการ.
ตาราการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพ
เวช าร; 2548. น้า 86-95.
36. กาพล เลา เพ็ญแ ง. Vascular access for hemodialysis. เชียงใ ม่: ภาควิชาศัลยศา ตร์
คณะแพทยศา ตร์ ม าวิทยาลัยเชียงใ ม่; 2537.
37. วิฑูรย์ อึ้งกิจไพบูลย์. การใ ่ ลอด วนเพื่อฟอกเลือด. นครนายก: ภาควิชาศัลยศา ตร์
คณะแพทยศา ตร์ ม าวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2550.
38. NKF KDOQI GUIDELINES. Clinical practice guidelines for vascular access
[Internet]. 2006 [cited 2014 May 14]. Available from:
http://www.kidney.org/professionals/KDOQI/guideline_upHD_PD_VA/va_guide2.
htm
39. Elena Righi. CCSVI diagnosi eco-color-dopple [Internet]. 2010 [cited 2014
Aug13]. Available from:
http://www.emiliaromagnavene.it/home&width=1345&height=963
40. Grimm LJ. Bedside ultrasonographu in deep vein thrombosis [Internet]. 2009
[cited 2014 Aug 13]. Available from:
http://emedicine.medscape.com/article/1362989-overview
41. Taylor RW, Paragiri AV. Central venous catheterization. Crit Care med.
2007;35(5):1390-6.
42. Khwaja A. KDIGO clinical practice guidelines for acute kidney injury. Nephron
Clin Pract. 2012;120(4):179–84.
43. Kukavica N, Resic H, Sahovic V. Comparison of complications and dialysis
adequacy between temporary and permanent tunnelled catheter for
hemodialysis.Bosn J Basic Med Sci. 2009;9(4):265-70.
44. Parienti JJ, Thirion M, Megarbane B, Souweine B, Ouchikhe A, Polito A, et al.
Femoral vs jugular venous catheterization and risk of nosocomial events in
adults requiring acute renal replacement therapy: a randomized controlled
trial. JAMA. 2008;299(20): 2413–22.
45. มชาย เวียงธีรวัฒน์. การระงับความรู้ ึก า รับการผ่าตัด ลอดเลือดเพื่อใช้ในการฟอกไต.
ใน: โ ภณ จิร ิรธิ รรม, ศิริวรรณ จิร ิริธรรม, ุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ, ว ันต์ ุเมธกุล,
บรรณาธิการ.ศัลยศา ตร์วิวัฒน์. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า 55-69.
46. Maya ID, Allon M. Outcomes of tunneled femoral hemodialysis catheters:
comparison with internal jugular vein catheters. Kidney Int. 2005;68(6):2886-9.
47. Royo P, García-Testal A, Soldevila A, Panadero J, Cruz JM. Tunneled catheters.
Complications during insertion. Nefrologia. 2008;28(5):543-8.
48. Godoy JL, Otta EK, Miyazaki RA, Bitencourt MA, Pasquini R. Central venous
access through the external jugular vein in children submitted to bone marrow
transplantation. Braz Arch Biol Technol. 2005;48(1):41-4.
49. Seldinger SI. Catheter replacement of the needle in percutaneous
arteriography; anew technique. Acta radiol. 1953:39(5):368-76.
50. Vats HS. Complications of catheters: tunneled and nontunneled. Adv Chronic
Kidney Dis. 2012;19(3):188-94.
51. Betjes MG. Prevention of catheter-related bloodstream infection in patients on
hemodialysis. Nat Rev Nephrol. 2011;7(5):257-65.
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 102
62. Vandecasteele SJ, Boelaert JR, De Vriese AS. Staphylococcus aureus infections
in hemodialysis: what a nephrologist should know. Clin J Am Soc Nephrol.
2009;4(8):1388-400.
63. Janne d’Othee B, Tham JC, Sheiman RG. Restoration of patency in failing
tunneled hemodialysis catheters: a comparison of catheter exchange,
exchange and balloon disruption of the fibrin sheath, and femoral stripping. J
Vas Interv Radiol. 2006;17(6):1011-5.
64. Oliver MJ, Mendelssohn DC, Quinn RR, Richardson EP, Rajan Dk, Pugash RA, et
al. Catheter patency and function after catheter sheath disruption: a pilot
study.
Clin J Am Soc Nephrol. 2007;2(6):1201-6.
65. KDOQI, National Kidney Foundation. KDOQI clinical practice guidelines and
clinical practice recommendations for 2006 Up-date:hemodialysis adequacy
and vascular access. Am J Kidney Dis 2006;48:188-284.
66. O'Grady NP, Alexander M, Burns LA, Dellinger EP, Garland J, Heard SO, et al.
Guidelines for the prevention of intravascular catheter-related infections.
Clin Infect Dis. 2011;52(9):e162-93.
67. Rymes NL, Lester W, Connor C, Chakrabarti S, Fegan CD. Outpatient
management of DVT using low molecular weight heparin and a hospital
outreach service. Clin Lab Haematol. 2002;24(3):165-70.
68. Kim YC, Won JY, Choi SY, Ko HK, Lee KH, Lee do Y, et al. Percutaneous
treatment of central venous stenosis in hemodialysis patients: long-term
outcomes. Cardiovasc Intervent Radiol. 2009;32(2):271-8.
69. นาตยา แ งวิชัยภัทร. การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม. ใน:
ปราณี ทู้ไพเราะ และคณะ, บรรณาธิการ. ตาราการพยาบาลอายุรศา ตร์2. กรุงเทพฯ: เอ็นพี
เพร การพิมพ์; 2554. น้า 227-30.
70. ปิ่นแก้ว กล้ายประยงค์. การพยาบาล Vascular Access ในผู้ป่วยทา Hemodialysis. ใน:
ประเ ริฐ ธนกิจจารุ, ุพัฒน์ วาณิชย์การ, บรรณาธิการ. ตาราการฟอกเลือดด้วยเครื่องไต
เทียมและการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: านักพิมพ์กรุงเทพเวช าร; 2554. น้า
375-89.
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
บรรณานุกรม 104
71. Polkinghorne KR, Chin GK, MacGinley RJ, Owen AR, Russell C, Talaulikar GS, et
al.
KHA-CARI Guideline: vascular access - central venous catheters, arteriovenous
fistulae and arteriovenous grafts. Nephrology. 2013:18(11):701-5.
72. Allon M. Dialysis catheter–related bacteremia: treatment and prophylaxis.
Am J Kidney Dis. 2004;44(5):779-91.
73. Mermel LA, Allon M, Bouza E, Craven DE, Flynn P. O’Grady NP, et al. Clinical
practice guidelines for the diagnosis and management of intravascular
catheter-related infection: 2009 Update by the Infectious Diseases Society of
America. Clin Infect Dis. 2009;49(1):1-45.
74. Taylor G, Gravel D, Johnston L, Embill J, Holton D, Raton S, et al. Incidence of
bloodstream infection in multicenter inception cohorts of hemodialysis
patients.
Am J Infect Control. 2004;32(3):155-60.
75. Camp-Sorrell D. State of the science of oncology vascular access devices.
Semin Oncol Nurs. 2010;26(2):80-7.
76. McGee DC, Gould MK. Preventing Complications of Central Venous
Catheterization.N Endl J Med. 2003;348(12):1123-33.
77. Chaiyakunapruk N, Veenstra DL, Lipsky BA, Saint S. Chlorhexidine compared
with povidone–iodine solution for vascular catheter-site care: a meta-analysis.
Ann Intern Med. 2002;136(11):792-801.
78. รัตติมา ิริโ ราชัย, พิกุลทิพย์ ง ์เ ิร. การพยาบาลผู้ป่ ยที่มารับการผ่าตัด. ใน: อุ า ดี อั
ดร ิเ , บรรณาธิการ. าระ ลักทางการพยาบาล เล่ม2. พิมพ์ครัง้ ที่2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์
ัฒนาการพิมพ์; 2554. น้า 159-68.
79. KDOQI, National Kidney Foundation. KDOQI clinical practice guidelines and
clinical practice recommendations for anemia in chronic kidney disease. Am J
Kidney Dis. 2006;47(5 Suppl 3):S11–145.
80. น่ ยรับผู้ป่ ยในและคณะดูแลค ามต่อเนื่องในการรัก าทางยา. คาแนะนาเรื่องยา า รับ
ผู้ป่ ยที่จะเข้ารับการรัก าในโรงพยาบาล ิริราช. น่ ยพิมพ์โรงพยาบาล ิริราช; 2556.
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)69
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) คือ การนาเลือดของผู้ป่วยที่มี ่วนประกอบ
ของน า ของเ ี ย และ ารต่า งๆ ออกจากร่ างกายมาแลกเปลี่ ยนน าและ ารต่า งๆที่ มี อยู่ ใ นน ายา
(Dialysate) โดยผ่านตัวกรอง(Dialyzer) ซึ่งมีคุณ มบัติเป็น Semipermeable membrane
ใช้ความเร็วอย่าง ม่าเ มอ 350 - 400 มิลลิลิตรต่อนาที เลือดจะไ ลเวียนผ่านตัวกรอง (Dialyzer)
และไ ลกลับ ู่ร่างกายอย่างเป็นวงจร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จึง ามารถขจัดของเ ีย และ
นา ่วนเกินออกจากร่างกายได้ ซึ่งผู้ป่วยควรได้รับการฟอกเลือด ัปดา ์ละ 2-3 ครัง
ข้อบ่งชี้ในการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
กรณีภาวะไตวายเฉียบพลัน
1. ภาวะ Uremia เช่น คลื่นไ ้อาเจียน เบื่ออา าร ความรู้ ึกตัวลดลง ซึม ับ น ั่น กระตุก ชัก
เยื่อ ุ้ม ัวใจอักเ บ เลือดออกผิดปกติ เนื่องจากเกล็ดเลือดไม่ทางาน (Platelet dysfunction)
2. ภาวะนาเกิน (Volume overload) โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะ ัวใจล้มเ ลว และนาท่วมปอด ร่วม
ด้วย และรัก าด้วยยาขับปั าวะไม่ได้ผล
3. ภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ที่ไม่ตอบ นองต่อการรัก าด้วยยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะ
โปแต เซีย ม ู ง (Hyperkalemia) ระดับมากกว่า 6.5 mEq/L รือระดับพิ ัย 5.5-6.5 mEq/L
ร่วมกับมีคลื่นไฟฟ้า ัวใจผิดปกติ
4. ภาวะ Uremic pericarditis เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็น าเ ตุเ ียชีวิตได้ เนื่องจากอาจเกิด
เลือดออก (Hemorrhagic pericarditis) และทาใ ้เกิดภาวะนาคั่งในช่องเยื่อ ุ้ม ัวใจ Cardiac
temponade
5. ภาวะเลือดเป็นกรด ที่ไม่ ามารถแก้ไขได้ด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต
6. ระดับของ BUN และ Cr ในเลือด ในผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะ Hypercatabolism ร่างกายมีการ ลาย
โปรตีนมากกว่าการเ ริม ร้าง ควรฟอกเลือดเมื่อระดับ BUN มากกว่า 100 mg/dl รือ Cr ในเลือด
มากกว่า 10 mg/dl ากผู้ป่วยอยู่ในภาวะ Hypercatabolism ควรฟอกเลือดเมื่อ BUN มากกว่า 70
mg/dl รือ Cr ในเลือดมากกว่า 7 mg/dl
ผลกระทบจากการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในระยะยาว
ภาวะซีด เป็นภา ะที่พบได้ในผู้ป่ ยไตเรือรังเกือบทุกราย าเ ตุของภา ะซีด มีดังนี
1. การ ร้าง Erythropoietin ไม่เพียงพอ
2. เม็ดเลือดแดงมีชี ิต ันลง ประมาณ 70-80 ัน เนื่องจากมีการ ูญเ ียของ Na+- K + pump ใน
ผนังเซลล์ ทาใ ้เม็ดเลือดแดงแข็งและเ ียรูปร่าง ซึ่งเ ี่ยงต่อการเกิดเม็ดเลือดแดงแตก
3. การ ูญเ ียเลือดคงค้างอยู่ใน ายนาเลือดในการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
4. ภา ะ Platelet dysfunction และ Prolonged bleeding time ซึ่งทาใ ้ผู้ป่ ยเ ี่ยงต่อภา ะ
bleeding ได้ง่ายอีกด้ ย
5. ภา ะทุพโภชนาการ ที่จะเกิดการเบื่ออา าร รับประทานอา ารได้น้อย ไม่ ่าจะเป็นจากโรคอื่น
ที่เกิดร่ มกัน รือจากการถูกจากัดอา าร นอกจากนียัง ูญเ ีย ิตามินที่ละลายนาต่างๆ เช่น Folate
จากการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
แปรรู ป ต่ า งๆ รวมทั งอา ารที่ ใ ่ ผ งชู ร และผงฟู ไม่ ค วรเติ ม เครื่ อ งปรุ ง ร (น าปลา) ในขณะ
รับประทานอา ารอีก
โปแต เซียม: ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมักจะมีระดับโปแต เซียมในเลือด ูง จึงต้อง
จากัดโปแต เซียมได้แก่ ผัก ผลไม้ต่างๆ ผู้ที่แพทย์ ั่งงดผลไม้ ถ้าต้องการรับประทานผลไม้แนะนาใ ้
รับประทานในตอนเช้าวันฟอกเลือด ผู้ป่วยที่มีระดับโปแต เซียม ูง ควรงดทังผลไม้ และนาผัก นา
ผลไม้ทุกชนิด รวมทังนา มุนไพร เช่น นาลูกยอ ากจาเป็นต้องรับประทานผักเพื่อช่วยในการขับถ่าย
อุจจาระ การ ั่นผักเป็นชินบางๆต้มกับนาใ ้เดือด ักระยะ นึ่งแล้วเทนาทิง จะช่วยลดปริมาณโปแต เซียม
ในผักใ ้ต่าลงได้ โดยทั่วไปแพทย์มัก ั่งยา “จับ” โปแต เซียมใ ้ผู้ป่วยรับประทานพร้อมอา าร
เพื่อใ ้ยาออกฤทธิ์จับโปแต เซียมไว้ไม่ใ ้ดูดซึมเข้า ู่ร่างกาย
ฟอ เฟต: ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมักมีฟอ เฟต ูง ากปล่อยทิงไว้จะทาใ ้ระดับ
Parathyroid hormone ูงขึน ระดับวิตามินดีลดลง ผู้ป่วยจะกล้ามเนืออ่อนแรง กระดูกพรุนเร็วขึน
ควร ลีกเลี่ยงอา ารที่มีฟอ เฟต ูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกรูปแบบ ไข่แดง ถั่วแ ้งและ
อา ารที่ทาจากถั่ว พวกเมล็ดแ ้ง เช่น เมล็ดแตงโม เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ลูกนัท งด
อา ารที่ท าจากยี ต์ และควรระมัด ระวั ง การใช้ ยาชนิ ด ยา วนทวาร นั ก เพราะมี ารประกอบ
ฟอ เฟต โดยทั่วไปแพทย์มัก ั่งยา “จับ” ฟอ เฟต ใ ้ผู้ป่วยรับประทานพร้อมอา าร
แคลเซียม: ผู้ป่วยไตเรือรังมีระดับแคลเซียมในเลือดต่าอยู่แล้ว ประกอบกับการถูกจากัดอา าร
ใ ้มีฟอ เฟตต่า ด้วยการงดนมและผลิตภัณฑ์จากนม ทาใ ้ผู้ป่วยอาจได้รับแคลเซียมจากอา ารน้อย
ผู้ป่วยจึงควรได้รับยาแคลเซียมเ ริม และต้องใ ้ในปริมาณ ูง เพราะถูกดูดซึมจากลาไ ้ไม่ได้ดี แพทย์
อาจใ ้ ารประกอบแคลเซียม คือ แคลเซียมคาร์บอเนต รือแคลเซียมอะซิเตท เป็น ารจับฟอ เฟตใน
อา าร(Phosphate binder)และเป็นยา Calcium supplement ด้วย ในกรณีเช่นนีต้องกา นดเวลา
รับประทานใ ้ชัดเจน
เ ล็กและ Trace element: ผู้ป่วยมักมีภาวะโล ิตจาง รืออาจอยู่ในภาวะที่ขาดทังเ ล็กและ
Trace element จึ ง ควรได้ รั บ เ ริ ม ตามแพทย์ ั่ ง โดยร่ ว ม รื อ ไม่ ร่ ว มกั บ การได้ รั บ ฮอร์ โ มน
Erythropoietin
วิต ามิ น : ควรรั บ ประทานวิต ามิ น บีร วม วิ ตามิ น ซี กรดโฟลิ ก และวิต ามิน ดี ช นิ ด 1 Alpha
hydrocylated form ตามแพทย์ ั่ง ไม่ควรซือเกลือแร่ รือวิตามินเ ริมมารับประทานเอง
นาดื่ม: โดยทั่วไปแนะนาใ ้ดื่มนาได้เท่ากับ ปริมาณปั าวะต่อวัน บวกกับอีกวันละ 500 ใน
ปริมาณนีต้องรวมเครื่องดื่มชนิดอื่น อา ารทุกอย่างที่เป็นของเ ลวด้วย
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 113
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ภา ะไต ายเรือรังเป็นภา ะที่ ร้างค ามทุกข์ทรมานใ ้แก่ผู้ป่ ยและครอบครั เป็นอย่างมาก
เนื่องจากเป็นภา ะค ามเจ็บป่ ยที่มีค่ารัก าพยาบาล ูง การรัก าด้ ยการฟอกเลือดด้ ยเครื่องไต
เทียมเป็นการรัก าอย่างต่อเนื่องที่ยา นาน และมีภา ะแทรกซ้อนมาก ทาใ ้ผู้ป่ ยและญาติเกิด
ค ามรู้ ึกจาเจ เบื่อ น่าย ท้อแท้ เครียดเกี่ย กับภา ะทางเ ร ฐกิจ และ มดกาลังใจ ดังนันการทาใ ้
ผู้ป่ ยไตเรือรังมีคุณภาพชี ิตที่ดี มีแรงจูงใจที่จะมีชี ิตอยู่กับโรคไตเรือรังอย่างมี ุข จึงเป็นบทบาทที่
าคัญของพยาบาล ดังนี
1. ประเมินและติดตามภา ะ ุขภาพของผู้ป่ ยอย่างต่อเนื่องเพื่อใ ้ผู้ป่ ยได้รับการฟอกเลือดอย่าง
พอเพียงและมีคุณภาพชี ิตที่ดี
2. ใ ้กาลังใจ นับ นุน เกือ นุน ช่ ยเ ลือแนะนา เพื่อใ ้ผู้ป่ ยมีแรงจูงใจภายใน ที่อยากจะ
เรียนรู้และรู้ ึกถึงคุณค่าของการรัก าด้ ย ิธีที่จะใ ้ตนเองมีชี ิตอยู่ต่อไป รู้ ึกถึงค าม มายต่อชี ิต
ยินยอมที่จะปฏิบัติ และยอมรับ ่า การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียมเป็น ่ น นึ่งของชี ิต
3. ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมีค ามเชื่อด้าน ุขภาพที่ดี เพราะการมีค ามเชื่อด้าน ุขภาพที่ดีเป็นปัจจัย
ลักที่ าคัญ ที่มีอิทธิพลอย่างมากในการที่จะช่ ยผู้ป่ ยใ ้ ามารถจัดการกับปัญ า อุป รรค และ
ค ามยากลาบากในการดูแลที่เกิดขึนด้ ย การใ ้ผู้ป่ ยได้รับข้อมูลที่เป็ นด้านบ กต่อโรคที่เป็นอยู่ การ
นับ นุนค ามรู้และทัก ะที่จาเป็น า รั บการดารงชี ิตกับโรคที่เป็น จะ ่ งผลใ ้ผู้ ป่ ยมีการมอง
เ ตุการณ์ที่เกิดขึนในแง่ดี มีค ามเชื่อในค าม ามารถของตนเอง ่า ามารถดูแลตนเองได้ และเกิด
พลั ง ในการที่ จ ะพยายามแ ง า ิ ธี ก ารต่ า งๆ เพื่ อ ใ ้ ไ ด้ รั บ การดู แ ลที่ ดี และป้ อ งกั น ไม่ ใ ้ เ กิ ด
ภา ะแทรกซ้อน
4. ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมี ุขภาพจิตดี ด้ ยการเ ริมอัตมโนทั น์เชิงบ กใ ้ผู้ป่ ย ช่ ยใ ้ผู้ป่ ยรับรู้
เกี่ย กับตนเอง ่า ค าม ามารถ รือ ักยภาพในการจัดการ ุขภาพนันอยู่ในตนเองและเกิดค าม
พยายามที่จะกาจัดอิทธิพลของค ามเจ็บป่ ยที่มีต่อตน พร้อมกับ ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยใช้ ิธีการเผชิญ
ปัญ ากับค ามเครียดได้อย่างถูกต้อง เช่น การออกกาลังกาย การทางานอดิเรก การเข้ากลุ่ม รือ
ชมรมต่างๆ
5. เ ริมใ ผ้ ู้ป่ ยได้รับแรง นับ นุนจากครอบครั เพื่อนที่ใกล้ชิดและทีม ุขภาพ เป็นการใ ้ค าม
เอาใจใ ่ช่ ยเ ลือเกือกูล
6. ่งเ ริมช่ ยเ ลือใ ้ผู้ป่ ยได้มีการปรับตั ด้านร่างกาย ใ ้ผู้ป่ ย ามารถเผชิญกับค ามเจ็บป่ ย
ได้อย่างเ มาะ ม เช่น การออกกาลังกายด้ ย ิธีต่างๆ ่งเ ริมใ ้ผู้ป่ ยมีค ามเข้มแข็งทางด้านจิตใจ
คู่มือการพยาบาลผู้ป่ ยโรคไต ายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย นระยะยา เพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตร จติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผน ก 115
เอก าร ก) เรื่อง การฟอกเลือดด้ ยเครื่องไตเทียม
การควบคุมอา ารในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง24
หมู่ข้าว แป้ง
อาหารจาพวกข้าวและแป้ง เป็นอา ารที่ใ ้พลังงานแก่ร่างกาย เพื่อใช้ในการทางานของ
อวัยวะภายใน และการทากิจกรรมภายนอกร่างกาย รือ การทางานในกิจวัตรประจาวัน ผู้ป่วยโรคไต
เรื้อรังซึ่งได้รับการจากัดเนื้อ ัตว์จาเป็นต้องได้รับพลังงานจากอา ารใ ้เพี ยงพอ เพื่อป้องกันไม่ใ ้
ร่างกายนาโปรตีนที่ได้รับเข้าไปอย่างจากัดถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานแทน ซึ่งจะเป็นผลทาใ ้ร่างกาย
ขาดโปรตีนได้
แป้งที่มีโปรตีน ได้แก่ ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ขนมจีน บะ มี่ ข้าวโพด มัน เป็นต้น โปรตีนจาก
แป้ง เป็นโปรตีนคุณภาพไม่ดี ผู้ที่ถูกจากัดโปรตีนจึงไม่ควรรับประทานข้าว รือแป้งมากเกินไป ควร
ได้รับมื้อละ 2-3 ทัพพีเล็ก รือข้าวเ นียวนึ่ง ½ ทัพพี ถ้าชอบขนมปังใ ้ใช้ขนมปังขาว 2-3 แผ่น ถ้าไม่อิ่ม
ใ ้ใช้แป้งไม่มีโปรตีนทดแทน
แป้งที่ไ ม่มีโ ปรตีน รือ มีโ ปรตี นต่า ได้แก่ วุ้ นเ ้ น ถั่ว เขีย ว ก๋ว ยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ แป้งมั น แป้ ง
ข้าวโพด และ าคู ผู้ป่วยไตเรื้อรังควรเลือกแป้งเ ล่านี้ในการประกอบอา าร และรับประทานแทนข้าว
รือก๋วยเตี๋ยวในบางมื้อ จะทาใ ้ได้พลังงานเพิ่มขึ้นโดยไม่ไปเพิ่มของเ ียจากโปรตีน
อา ารจานเดียวจากแป้งที่มีโปรตีน
ข้าวผัดกระเพรา ข้าวราด น้าไก่ ข้าวผัดปู มู ไก่ กุ้ง
เ ้นจันท์ผัดไทไม่ใ ่ถั่ว
ผัดมักกะโรนีไก่ ปาเก็ตตี้ มู ับ
ข้าวเ นียว มูปิ้ง
แซนด์วิชไก่ฉีก รือทูน่าไม่ใ ่มายองเน แซนด์วิชไ ้แยมร ผลไม้ต่างๆ
อา ารจากแป้งที่ไม่มีโปรตีน รับประทานได้เป็นประจา
วุ้นเ ้นต้มยา แกงจืดวุ้นเ ้น ผัดวุ้นเ ้น วุ้นเ ้นผัดไท ยาวุ้นเ ้น
ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้น้า รือแ ้ง ยาก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ ขนมกุยช่ายทอดจากแป้งมันไม่ใ ่ซีอิ๊ว
อา ารจากแป้งที่ควร ลีกเลี่ยง คืออา ารแป้งบางประเภท มีความเค็มมากและมีไขมัน ูง เช่น
ข้าวคลุกกะปิ ข้าวผัดน้าพริก ข้าวผัดแ นม ข้าวราดแกงกะทิ
ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว
บะ มี่ าเร็จรูป
ขนมจีนน้ายากะทิ ขนมจีนน้าพริก ขนมจีนแกงกะทิ
มันทอด มันฝรั่ง ข้าวโพดคั่ว
ข้าวเ นียวดา/แดง รือข้าวเ นียวปิ้ง
อาหารจาพวกน้าตาล เป็นอา ารที่ใ ้พลังงานที่ าคัญแก่ร่างกาย เนื่องจาก ผู้ป่วยต้องจากัด
เนื้อ ัตว์แล้ว ยังต้องจากัดข้าวและแป้ง ที่มีโปรตีนเป็น ่วนประกอบ ผู้ป่วยที่รับประทานอา ารไม่ถูกต้อง
อาจจะได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทาใ ้น้า นักตัวลดได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ไม่เป็นเบา วานควรรับประทาน
น้าตาลในรูปขนม วาน น้า วานที่ไม่ใช่น้าอัดลม จะช่วยใ ้ผู้ป่วยได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น ควรเลือกขนม
ที่ไม่มี ่วนผ มของไข่แดง ถั่วเมล็ดแ ้ง และเลี่ยงขนมที่มี ่วนผ มจากเนย รือกะทิ
ขนมที่ควรเลือกรับประทาน
ขนมจากแป้งที่ไม่มีโปรตีน รับประทานได้บ่อยๆ
วุ้นน้า วาน าคูน้าเชื่อม ลูกชิดน้าแข็ง วุ้นลอยแก้ว
ขนมรวมมิตร ลอดช่อง ิงคโปร์ าคูเปียก าคูแคนตาลูป ซ่า ริ่ม (เลี่ยงน้ากะทิ)
ขนมมัน ขนมลืมกลืน ขนมชั้น ขนมตะโก้จากแป้งถั่ว วุ้นกรอบ
ลูกชิดเชื่อม ลูกตาลเชื่อม
ไอศกรีมน้าผลไม้ วานเย็น ซอร์เบท
ขนมจากแป้งที่มีโปรตีน รับประทานอย่างจากัด
ขนมปังทาเนยเทียมโรยน้าตาล ขนมปัง วาน ขนมไ ้แยม ขนมปังกรอบไ ้ ับปะรดกวน
ขนมดอกไม้ ขนมเปียกปูน
ข้าวต้มน้าวุ้น ข้าวเ นียวเปียกข้าวโพด
ข้าวโพดคลุก ขนมเ นียว ขนมฝรั่งกุฎีจีน
โดนัท เค้กไข่ขาว
ขนมที่ควรเลี่ยง (มีฟอ ฟอรั ูง)
หมู่ผัก
เป็น อา ารที่มี ิตามิน และเกลื อ แร่ ลายชนิ ด เช่น ิ ตามิ นซี ิ ตามิ นอี กรดโฟลิ ค เ ล็ ก
แคลเซียม โปแต เซียม และมีใยอา ารมาก ผู้ป่ ยที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มแรกและปานกลาง และ
มีระดับโปแต เซียมในเลือดไม่ ูง ยังคงรับประทานผักได้ทุกชนิดไม่ต้องจากัด
า รับ ผู้ ป่ ยไตเรื้ อรั งที่มีระดับโปแต เซียมในเลื อด ู งก ่า 5.0 มิล ลิ ก รัม/เดซิลิ ตร ค ร
ค บคุมปริมาณโปแต เซียมในอา าร โดยเลือกรับประทานผักที่มีโปแต เซียมต่าได้ ันละ 2 ครั้ง
ผู้ป่ ยไม่ค รงดผัก เพราะเป็นแ ล่งของ ิตามินและใยอา าร ซึ่งช่ ยป้องกันท้องผูก ผักที่มีโปแต เซียม
ต่าถึงปานกลาง รับประทานได้ ันละ1-2 ครั้ง ถ้าเป็นผักดิบมื้อละ 1 ถ้ ยต ง รือผัก ุกี้มื้อละ1/2
ถ้ ยต ง ได้แก่
แตงก า แตงร้าน ฟักเขีย ฟักแม้ บ บ มะระ
มะเขือยา มะละกอดิบ ถั่ แขก อมใ ญ่
กะ ล่าปลี ผักกาดแก้ ผักกาด อม
พริก าน พริก ย ก
ผักที่มีโปแต เซียม ูงค ร ลีกเลี่ยง
เ ็ด น่อไม้ฝรั่ง
บร็อคโคลี ดอกกะ ล่า แครอท แขนงกะ ล่า
ผักโขม ผักบุ้ง ผักกาดขา ผักคะน้า ผักก างตุ้ง
ยอดฟักแม้ ใบแค ใบคื่นช่าย
ข้า โพด มันเท มันฝรั่ง ฟักทอง อโ คาโด
น้าแครอท น้ามะเขือเท กระเจี๊ยบ น้าผัก
ผักแ ่น ผัก าน ะเดา ั ปลี
หมู่ผลไม้
ผลไม้เป็นแ ล่งพลังงาน าคัญเนื่องจากมี น้าตาลมาก และอุดมไปด้ ย ิตามิน เกลือแร่ และ
ใยอา ารแต่ผลไม้ ่ นใ ญ่จะมีโปแต เซียม ูง ผู้ป่ ยไตเรื้อรังระยะ ุดท้ายซึ่งมีระดับโปแต เซียม ูง
ก ่า 5.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ค รงดผลไม้ทุกชนิด
า รับผู้ป่ ยไตเรื้อรังที่ระดับโปแต เซียมในเลือดไม่ ูงมาก ค รเลือกรับประทานผลไม้ ที่มี
โปแต เซียมต่าในปริมาณที่พอเ มาะ อย่างไรก็ตามผู้ป่ ยทุกรายค รปรึก าแพทย์ก่อน
อา ารที่มีร เค็มมีผลต่อไต
เนื่องจากเกลือเป็น ่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์ อา ารที่เค็มจะมีโซเดียมมาก ทาใ ้เกิด
อาการกระ ายน้า และดื่มน้ามาก เกิดความดันโล ิต ูงตามมา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัญ าทางไต
โรค ัวใจ รือความดันโล ิต ูงอยู่เดิม อาจทาใ ้เกิด ัวใจวาย บวมน้าได้ ผู้ป่วยไตเรื้อรังจาเป็นต้อง
จากัดโซเดียม รือเกลือในอา าร โดยรับประทานอา ารร อ่อนเค็ม และ ลีกเลี่ยงน้าปลา ซอ ชูร
ผงชูร อา าร มักดอง
อา ารที่มีโซเดียมมาก
ประเภทซอ ได้แก่ เกลื อ น้ าปลา ซีอิ๊ ว ขาว ซอ ปรุ งร ซอ ถั่ว เ ลือง ซอ แม็ กกี้
ซอ อยนางรม เต้าเจี้ยว ซอ ร เค็ม ซุปก้อน ซุปผง ผงปรุงร ซอ พริก ซอ เปรี้ยว ซอ มะเขือเทศ
ซีอิ้ว วาน
อา าร มักดอง ได้แก่ เนยแข็ง ไข่เค็ม กะปิ เต้า ู้ยี้ เต้าเจี้ยว แ นม แฮม เบคอน ผัก
ดองเปรี้ยว อยดอง ไ ้กรอกอี าน ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาจ่อม ผลไม้ดอง
อา ารเติ มเกลือ ได้แก่ ซุปซอง ข้าวต้ม/โจ๊กซอง มันทอดเติมเกลือ ถั่วทอดใ ่เกลื อ
ข้าวเกรียบ บะ มี่/เ ้น มี่กึ่ง าเร็จรูป เนย เนยเทียม ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดต้ม
เนื้ อ ั ต ว์ ป รุ ง ร รื อ แปรรู ป ได้ แ ก่ ไ ้ ก รอก กุ น เชี ย ง มู ยอง มู แ ผ่ น มู ย อ
เนื้อปลาปรุงร เนื้อ ัตว์แปรรูปต่างๆ เนื้อแดดเดียว ฯ
คู่มือการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคไตวายที่มารับการผ่าตัดใ ่ าย วนระยะยาวเพื่อฟอกเลือด
ในระยะเตรียมก่อนผ่าตัดและระยะตรวจติดตามผล ลังผ่าตัด
ภาคผนวก 123
เอก าร ข) เรื่อง การควบคุมอา ารในผูป้ ่วยไตวายเรื้อรัง
สรุป
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ทั้งที่เป็นโรคเบา วานและไม่เป็นโรคเบา วาน มี ลัก าคัญในการรับประทาน คือ
1. ไม่เค็ม
2. โปรตีนจากเนื้อ ัตว์ ประมาณวันละ 1 ½ ช้อนกินข้าว ต่อน้า นักตัว 10 กิโลกรัมต่อวัน
3. พลังงานจากอา ารต้องเพียงพอ โดยควรได้จากน้ามันพืช และน้าตาล
4. รับประทานอา ารใ ้ครบ 5 มู่