เคมี 66-เฉลย

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 44

ขอสอบ A-level เคมี ป 2566

ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คําตอบที่ถูกที่สุด

1. พิจารณาขอมูลของธาตุสมมติ Q และ R ตอไปนี้


• ไอออน Q 2− มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนแกสมีสกุลที่อยูในคาบที่ 3
• ธาตุ R มีจํานวนอิเล็กตรอนใน 3p ออรบิทัล 5 อิเล็กตรอน
ขอใดถูกตอง
1. ธาตุ R อยูในคาบที่ 3 หมู VA
2. ขนาดของอะตอม R มีขนาดใหญกวา Q
3. ขนาดของไอออน R − มีขนาดใหญกวา Q 2−
4. ธาตุ Q มีจํานวนอิเล็กตรอนใน 3p ออรบิทัล 6 อิเล็กตรอน
5. พลังงานไอออไนเซชันลําดับที่ 1 ของธาตุ R มีคามากกวาธาตุ Q

24
2. NaCl เปนสารประกอบโซเดียมอยูในรูปของ Na − 24 เทานั้นซึ่ง Na − 24 สลายตัวใหรังสีบีตา
และมีครึ่งชีวิต 15 ชั่วโมง
ถาละลาย 24NaCl 5.95 กรัม ในนํ้าจนไดสารละลาย 25.00 มิลลิลิตร แลวนําสารละลายไปใช
20.00 มิลลิลิตร หากตั้งสารละลายที่เหลือไว 30 ชั่วโมง สารละลายนี้จะมีไอออน 24Na +
จํานวนกี่กรัม
กําหนดให มวลตอโมลของ 24NaCl = 59.5 กรัมตอโมล
1. 0.060
2. 0.120
3. 0.240
4. 0.300
5. 0.600

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
3. พิจารณาโครงสรางของสารตอไปนี้

สาร A สาร B สาร C

ขอใดระบุความมีขั้วของสาร A, B และ C ไดถูกตอง

สาร A สาร B สาร C


1. มีขั้ว มีขั้ว มีขั้ว
2. มีขั้ว มีขั้ว ไมมีขั้ว
3. มีขั้ว ไมมีขั้ว มีขั้ว
4. ไมมีขั้ว ไมมีขั้ว มีขั้ว
5. ไมมีขั้ว มีขั้ว ไมมีขั้ว

4. ธาตุสมมติ A และ E อยูตําแหนงติดกันในคาบที่ 3 สารประกอบคลอไรดของธาตุ A มีสูตรเคมีเปน ACl2 และ ACl4


ซึ่งทั้งคูเปนโมเลกุลมีขั้ว สารประกอบคลอไรดของธาตุ E มีสูตรเคมีเปน ECl3 ที่เปนโมเลกุลมีขั้ว และ ECl5 ที่เปน
โมเลกุลไมมีขั้ว
ตามทฤษฎี VSEPR ขอใดไมถูกตอง
1. ACl4 มีรูปรางโมเลกุลเปนทรงสี่หนาบิดเบี้ยว
2. ECl3 มีรูปรางโมเลกุลเปนพีระมิดฐานสามเหลี่ยม
3. ACl4 มีจํานวนอิเล็กตรอนคูโดดเดี่ยวที่อะตอมกลางเทากับ ECl3
4. มุมพันธะ Cl − A − Cl ใน ACl2 มีขนาดใหญกวามุมพันธะ Cl − E − Cl ใน ECl3
5. มุมพันธะที่แคบที่สุดของ Cl − A − Cl ใน ACl4 และ Cl − E − Cl ใน ECl5 มีคานอยกวา 109.5°

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
5. ถาผสมสารละลาย A และ B จนเกิดปฏิกิริยาพอดีกัน ไดตะกอนสีเขียวของ C และสารละลาย D
จากนั้นกรองตะกอน C ออกจากสารละลาย D เสร็จแลวเติมกรด HNO3 ลงบนตะกอน C จะเกิดฟองแกส X
และเมื่อเติมสารละลาย A gNO3 ลงในสารละลาย D จะเกิดตะกอนสีเหลือง Y สารละลาย A และ B คือสารในขอใด

สาร A สาร B
1. Ca Br2 KCl

2. CaCl2 K2CO3

3. Cu Br2 K2CO3

4. CuCO3 K Br

5. Cu(NO3)2 K2CO3

6. เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เตรียมจากสารใหความหวาน X มวล 3.04 กรัม ละลายในนํ้า 50.00 กรัม


โดยเครื่องดื่มนี้มีจุดเยือกแข็งเทากับ -0.744 องศาเซลเซียส
สารใหความหวาน X เปนสารในขอใด
กําหนดให สาร X เปนสารที่ระเหยยากและไมแตกตัวเปนไอออนเมื่อละลายในนํ้า
คา Kf ของนํ้าเทากับ 1.86 องศาเซลเซียสตอโมแลล
1. อิริทริทอล มวลโมเลกุล 122
2. ไชลิทอล มวลโมเลกุล 152
3. กูลโคส มวลโมเลกุล 180
4. แอสปาแตม มวลโมเลกุล 294
5. ซูโครส มวลโมเลกุล 342

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
7. ซิลิคอนคารไบด (SiC) ผลิตไดจากทรายหรือซิลิคอนไดออกไซด ทําปฏิกิริยากับคารบอนมากเกินพอที่อุณหภูมิสูง
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนกับคารบอนมอนอกไซด จากนั้นซิลิคอนที่เกิดขึ้นจะทําปฏิกิริยาตอกับคารบอนที่เหลืออยู
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนคารไบด
หากเริ่มตนใชซิลิคอนไดออกไซด 6.00 × 103 กิโลกรัม จะตองใชคารบอนอยางนอยที่สุดกี่กิโลกรัม
จึงจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซิลิคอนไดออกไซดทั้งหมดเปนซิลิคอนคารไบด
กําหนดให มวลตอโมลของซิลิคอนไดออกไซดเทากับ 60.00 กรัมตอโมล
1. 1.20 × 103
2. 2.40 × 103
3. 3.60 × 103
4. 2.40 × 106
5. 3.60 × 106

8. สารประกอบ Mg2 SiO4 ทําปฏิกิริยากับ CO2 ได ดังสมการเคมี


Mg2 SiO4 + CO2 MgCO3 + SiO2 (สมการยังไมดุล)
ถา Mg2 SiO4 ทําปฏิกิริยากับ CO2 ในอากาศที่ประกอบดวยแกส CO2 รอยละ 0.100 โดยมวล
และอากาศมีความหนาแนน 1.00 กรัมตอลิตร
หากตองการใหแกส CO2 ทั้งหมดที่มีอยูในอากาศ 88.00 ลิตร เกิดปฏิกิริยาเปนผลิตภัณฑจนหมด
จะตองใช Mg2 SiO4 อยางนอยกี่กรัม
กําหนดให ในกระบวนการนี้ Mg2 SiO4 และ CO2 ทําปฏิกิริยาระหวางกันเทานั้น
มวลตอโมลของ Mg2 SiO4 เทากับ 140.00 กรัมตอโมล
1. 0.140
2. 0.280
3. 0.560
4. 14.00
5. 28.00

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
9. ปฏิกิริยาเคมีระหวางสารสมมติ X2 และ Y2 ไดสารผลิตภัณฑเพียงชนิดเดียว เมื่อทําการทดลองพบวาความเขมขน
X2 และ Y2 ที่เวลาตางๆ เปนดังตาราง และที่เวลา 5.0 วินาที ความเขมขนของผลิตภัณฑเทากับ 4.00 โมลาร

เวลา (s) 0.0 5.0 10.0 15.0 20.0


[X2 ] (M) 10.00 6.00 4.00 3.00 2.50
[Y2 ] (M) 4.00 2.00 1.00 0.50 0.25

พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. อัตราการเปลี่ยนแปลงความเขมขนเฉลี่ยในชวงเวลา 0.0 - 10.0 วินาที ของ Y2 เทากับ 0.30 โมลารตอวินาที
ข. ความเขมขนของผลิตภัณฑที่เวลา 10.0 วินาที เทากับ 6.00 โมลาร
ค. สูตรโมเลกุลของผลิตภัณฑคือ X Y2
ขอความใดถูกตอง
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ก. และ ข. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
5. ข. และ ค. เทานั้น

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
10. เมื่อวิตามินซีทําปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนและนํา้ จะเกิดการสลายตัวใหกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก หากทําการทดลองเพื่อ
ศึกษาอัตราการสลายตัวของวิตามินซีในนํ้าแอปเปล โดยเติมวิตามินชี นํ้าตาลลงในนํ้าแอปเปลที่เหมือนกัน และมี
ปริมาตรรวมเปนรอยละ 75 ของขวดที่บรรจุ ซึ่งเปนขวดปดที่มีปริมาตรเทากัน โดยมีปริมาณวิตามินชี นํา้ ตาล เสนผาน
ศูนยกลางของขวด อุณหภูมิ และเวลาที่ใช (เวลาที่ปริมาณวิตามินซีลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่เติม) ในแตละการ
ทดลอง เปนดังตาราง

มวลของวิตามินซี มวลของนํ้าตาล เสนผานศูนยกลาง อุณหภูมิ เวลาที่ใช


การทดลองทีี่
(mg) ที่เพิ่ม (g) ของขวด (cm) (°C) (h)
1 200 0.0 5.0 28 4.2
2 200 0.0 5.0 8 4.8
3 200 10.0 5.0 28 4.6
4 200 10.0 5.0 8 5.6
5 400 10.0 5.0 8 5.2
6 200 0.0 8.0 28 X
7 100 10.0 5.0 8 Y

พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการเกิดกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก จะเพิ่มขึ้น
ข. การเติมนํ้าตาลทําใหวิตามินซีสลายตัวเร็วขึ้น
ค. X < 4.2
ง. Y < 5.6
1. ก. และ ค. เทานั้น
2. ข. และ ค. เทานั้น
3. ค. และ ง. เทานั้น
4. ก. ข. และ ง. เทานั้น
5. ก. ค. และ ง. เทานั้น

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
11. เติมลมยางรถยนต A และ B ดวยอากาศที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส จนอานคาความดันได 30.0 ปอนดตอตารางนิ้ว
จากนั้น อุณหภูมิในอากาศลดตํ่าลงอยางรวดเร็วจนเหลือ 12 องศาเซลเซียส
พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. ที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส อานคาความดันของยางรถยนต A ได 28.5 ปอนดตอตารางนิ้ว
ข. หากยางรถยนต B มีปริมาตรเปน 2 เทาของยางรถยนต A ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ของยางรถยนต
B จะเปนครึ่งหนึ่งของยางรถยนต
ค. หากเติมลมยางรถยนต A ดวยแกสไนโตรเจนแทนอากาศ ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ในยางรถยนต A
ที่เติมแกสไนโตรเจนจะมีคาเทากันกับเมื่อเติมอากาศ
กําหนดให แกสที่เกี่ยวของเปนแกสอุดมคติ และยางรถยนต A และ B เปนระบบปด
ขอความใดถูกตอง
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ค. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
5. ข. และ ค. เทานั้น

12. แกส X สามารถสังเคราะหไดจากแกส Y ทําปฏิกิริยาเคมีกับแกส SCl2 ดังสมการเคมี


2Y + SCl2 X
หากอัตราการแพรผานของแกส Y เปน 1.92 เทาของแกส SCl2 แกส X ควรเปนแกสในขอใด
กําหนดให มวลตอโมลของ SCl2 เทากับ 103 กรัมตอโมล
1. C2 H4 มวลตอโมเลกุล 28
2. C4 H8 มวลตอโมเลกุล 56
3. C2 H4Cl2 S มวลตอโมเลกุล 131
4. C4 H8Cl2 S มวลตอโมเลกุล 159
5. C8 H16Cl2 S มวลตอโมเลกุล 215

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
13. ไดไนโตรเจนเพนทอกไซด (N2O5) เปนของแข็งที่สลายตัวไดแกสไนโตรเจนออกไซด (NO2) และแกสออกซิเจน (O2)
ถาเก็บ N2O5 6.0 โมล ในภาซะปดขนาด 10.0 สิตร ที่อุณหภูมิหนึ่งพบวา ที่สมดุลจะเหลือสารนี้ 5.0 โมล
ถาสมการเคมีของปฏิกิริยาการสลายตัวของ N2O5 ที่ดุลแลวมีเลขสัมประสิทธิ์เปนจํานวนเต็มทีน่ อยที่สุด
คาคงที่สมดุลของปฏิกิริยาเคมีดังกลาวมีคาเทาใด
1. 8.0 × 10−5
2. 3.2 × 10−4
3. 0.010
4. 0.32
5. 8.0

14. เมื่อบรรจุแกส A2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ และ B2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ T เคลวิน
จะเกิดปฏิกิริยา ดังสมการเคมี
A2(g) + B2(g) ⇌ 2A B(g)
พบวา ที่สมดุล แกส A B มีความดัน 0.40 บรรยากาศ จากนั้นรบกวนสมดุลโดยการเพิ่มความดัน
ของ A2 อีก 0.20 บรรยากาศ
ถาทุกแกสในปฏิกิริยาเปนแก็สอุดมคติ ที่สมดุลใหม ความเขมขนของ A B และคาคงที่สมดุล
ของปฏิกิริยาในขอใดถูกตอง

ความเขมขนของ A B (M) คาคงที่สมดุล


0.40
1. มากกวา 0.16
RT
0.40
2. มากกวา 0.25
RT
0.40
3. มากกวา 0.44
RT
0.40
4. นอยกวา 0.25
RT
0.40
5. นอยกวา 0.44
RT

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
15. หินปูน (CaCO3) สลายตัวภายในภาชนะปดที่อุณหภูมิสูงไดปูนขาว (CaO) และแกสคารบอนไดออกไซด
ดังสมการเคมี
CaCO3(s) ⇌ CaO(s) + CO2(g) ΔH = +178 กิโลจูตอโมล
เมื่อปฏิกิริยานี้เขาสูสมดุลแลว ผลของการกระทําหรือการรบกวนสมดุลในขอใดถูกตอง
1. การบดหินปูนจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น
2. การเติมตัวเรงปฏิกิริยาจะทําใหเกิดปฏิกิริยาไปขางหนาเพิ่มขึ้น
3. การเพิ่มอุณหภูมิใหกับระบบจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น
4. การลดปริมาตรภาชนะจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น
5. การดูดแกสบางสวนออกจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น

16. สารประกอบอินทรียในขอใดไมเปนไอโซเมอรกับสารที่มีโครงสรางดังรูป

1. hexan-2-one
2. 3-methylpentanal
3. 2,2-dimethylbutanal
4. 2-methylpentan-1-ol
5. methoxycyclopentane

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
17. สารประกอบอินทรีย 3 ชนิด ไดแก A B และ C ที่ไมทําปฏิกิริยากัน และไมทําปฏิกิริยากับนํ้า
ทดลองโดยนําของผสมระหวาง A B และ C มาผสมกับนํา้ จากนั้นเขยาแลวตั้งไว 3 นาที พบวา เกิดการแยกชั้น
โดยในชั้นของสารประกอบอินทรียพบสาร B และ C ซึ่งเมื่อนําชั้นของสารประกอบอินทรียน ี้มาใหความรอน
ที่อุณหภูมิหนึ่ง พบวาสาร B ระเหยออกไปจนเหลือแคสาร C
สาร A B และ C ในขอใดสามารถใหผลที่สอดคลองกับการทดลองขางตนได

สาร A สาร B สาร C


1. propan-1-ol octan-1-ol octane
2. propan-1-ol octane octan-1-ol
3. octane propan-1-ol octan-1-ol
4. octane octan-1-ol propan-1-ol
5. octan-1-ol propan-1-ol octane

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
18. สารประกอบอินทรียชนิดหนึ่งจํานวน 1 โมล เมื่อเกิดปฏิกิริยาเผาไหมอยางสมบูรณ จะได
แกสคารบอนไดออกไซด 6 โมล และนํ้า 4 โมล และเมื่อนําสารประกอบอินทรียช นิดนี้จํานวน 1 โมล
มาทําปฏิกิริยากับโบรมีนในที่มืดจะทําปฏิกิริยาพอดีกับโบรมีน 2 โมล
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของสารประกอบอินทรียชนิดนี้
1. 2.

3. 4.

5.

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
19. สาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรดไดสาร P และสาร Q โดยสาร Q สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส
จากสีนํ้าเงินเปนสีแดงได
สาร P สามารถเตรียมไดจากปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 และสาร R จํานวน 1 โมล จะเกิดปฏิกิริยาพอดีกับ
Br2 จํานวน 1 โมล ในที่มืด ไดสาร S ดังแผนภาพ

ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสในกรด
สาร P + สาร Q

K MnO4

Br2 ในที่มืด
สาร S สาร R

ขอใดไมถูกตอง
1. ถาสาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในเบส จะยังไดสาร P เปนผลิตภัณฑ
2. ถานําสาร Q ไปทําปฏิกิริยากับเอมีนที่อุณหภูมิสูงจะไดสารประกอบประเภทเอไมด
3. ถานํา Oxalamide (H2 NOC − CONH2) มาทําปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรด จะยังไดผลิตภัณฑเปนสาร Q
4. ปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 ไดผลิตภัณฑเปนสาร P และตะกอนสีนํ้าตาล
5. สาร S มีสูตรโครงสราง คือ Br CH2CH(CH3)CH(CH3)CH2 Br

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
20. เมื่อนําไขมันชนิดหนึ่งมาทําปฏิกิริยาทรานสเอสเทอริฟเ คชันกับเมทานอลไดผลิตภัณฑเปนกลีเซอรอล
และไบโอดีเซล 2 ชนิด ที่มีสูตรเคมีเปน C19 H38O2 และ C17 H34O2
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของไขมันที่ใชในปฏิกิริยานี้

1. .

2. .

3. .

4. .

5. .

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
21. การสังเคราะหพอลิเอทิลีนที่ใชสารตั้งตนเปนอนุมูลอิสระ A ทําปฏิกิริยากับเอทิลีน ทําใหพันธะคู
ของเอทิลีนแตกตัวแลวเกิดอนุมูลอิสระที่ปลายสายซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาตอกับเอทิลีนโมเลกุลอื่นเรื่อย ๆ
กลายเปนพอลิเอทิลีน ดังสมการเคมี

แตในระบบที่มีอนุมูลอิสระบางชนิด (X) ที่สามารถดึงอะตอมไฮโดรเจนออกจากกลางสายพอลิเอทิลีน


ทําใหเกิดอนุมูลอิสระที่ทําปฏิกิริยากับเอทิลีนสายอื่นแลวเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอรตอไดผลิตภัณฑ
ดังสมการเคมี

โดยการเติมตัวเรงปฏิกิริยา Ziegler-Natta จะชวยปองกันไมใหเกิดปฏิกิริยาการดึง


อะตอมไฮโดรเจนจากพอลิเอทิลีนสายอื่นได
ในระบบที่มีอนุมูลอิสระ X เมื่อเติมตัวเรงปฏิกิริยา Ziegler-Natta ลงไป พอลิเอทิลีนที่สังเคราะหได
จะมีสมบัติหรือการเปลี่ยนแปลงอยางไร เมื่อเทียบกับพอสิเอทิลีนที่สังเคราะหโดยไมไดเติมตัวเรงปฏิกิริยาดังกลาว
1. มีจุดหลอมเหลวตํ่าลง
2. มีความยืดหยุนมากขึ้น
3. มีความหนาแนนมากขึ้น
4. กลายเปนพอลิเมอรเทอรมอเซต
5. มีความเปนกิ่งในโครงสรางมากขึ้น

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
22. พิจารณาโครงสรางของพอลิเมอรตอ ไปนี้

ขอใดเปนมอนอเมอรของพอลิเมอรชนิดนี้ และเกิดจากปฏิกิริยาประเภทใด

มอนอเมอร ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร

1 แบบเติม

2 แบบเติม

3 แบบควบแนน

4 แบบควบแนน

5 แบบควบแนน

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
23. ในปจจุบัน บริษัทผลิตรถยนตไฟฟานิยมใชแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประเภทที่มี Li FePO4
เปนแคโทด เนื่องจากมีตนทุนการผลิตตํ่าและมีความปลอดภัยสูง
โดยปฏิกิริยาเคมีขั้นตอนสุดทายในการสังเคราะหแคโทดชนิดนี้เปนดังสมการเคมี
24FePO4 ∙ 2H2O + 12Li2CO3 + C6 H12O6 ⇌ 24Li FePO4 + 18CO2 + 54H2O
ขอใดระบุตัวรีดิวซและตัวออกซิไดสของปฏิกิริยาขางตนไดถูกตอง

ตัวรีดิวซ ตัวออกซิไดส
1. C6 H12O6 Li2CO3

2. C6 H12O6 FePO4 ∙ 2H2O

3. Li2CO3 FePO4 ∙ 2H2O

4. FePO4 ∙ 2H2O Li2CO3

5. FePO4 ∙ 2H2O C6 H12O6

24. พิจารณาสมการรีดอกซตอ ไปนี้


XeF6 + OH − Xe + XeO64− + F − (สมการยังไมดุล)
ดุลสมการโดยวิธีครึ่งปฏิกิริยาในภาวะเบส ใหไดสมการรีดอกซที่ดุลแลว ทุกสารมีเลขสัมประสิทธิ์
เปนจํานวนเต็มที่นอยที่สุด ซึ่งมีครึ่งปฏิกิริยาที่เกี่ยวของดังนี้
ครึ่งปฏิกิริยาที่ 1 XeF6 Xe + F −
ครึ่งปฏิกิริยาที่ 2 XeF6 + OH − XeO64− + F −
ขอใดไมถูกตอง
1. ครึ่งปฏิกิริยาที่ 1 เปนครึ่งปฏิกิริยารีดักชัน
2. XeF6 ในครึ่งปฏิกิริยาที่ 2 ทําหนาที่เปนตัวรีดิวซ
3. สมการรีดอกซที่ดุลแลว มีเลขสัมประสิทธิ์ของ H2O เทากับ 6
4. สมการรีดอกซที่ดุลแลว ผลรวมของเลขสัมประสิทธิ์ทั้งหมดเทากับ 86
5. สมการรีดอกซที่ดุลแลว มีการถายโอนอิเล็กตรอนทั้งหมด 6 อิเล็กตรอน

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
25. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรี่ดักชันดังตอไปนี้ โดย A D และ G เปนธาตุสมมติ
2H2O(l ) + 2e − H2(g) + 2OH −(a q) E 0 = − 0.83V
O2(g) + 4H +(a q) + 4e − 2H2O(l ) E 0 = + 1.23V
A 2+(a q) + 2e − A(s) E 0 = + 0.30V
D +(a q) + 2e − D(s) E 0 = − 1.10V
G (s) + 2e − G 2−(a q) E 0 = + 1.50V
หากนําสารละลายผสมที่ประกอบดวย A 2+ 1.0 โมลาร D + 1.0 โมลาร และ G 2− 1.0 โมลาร ในนํ้า
ไปแยกสลายดวยไฟฟาโดย A 2+ D + และ G 2− ไมทําปฏิกิริยากัน
ผลิตภัณฑชนิดใดเกิดขึ้นที่แคโทด และตองใชแหลงกําเนิดไฟฟาที่มีอีเอ็มเอฟอยางนอยเทาใด

ผลิตภัณฑที่แคโทด อีเอ็มเอฟ (V)


1. A(s) 0.93
2. A(s) 1.20
3. D(s) 0.13
4. D(s) 0.40
5. G (s) 1.20

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
26. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรีดักชัน ดังตาราง

ปฏิกิริยาครึ่งเซลลรีดักชัน E 0 (V)

Na +(a q) + e − → Na(s) -2.71


Sn 2+(a q) + 2e − → Sn(s) -0.14
A g +(a q) + 2e − → A g(s) +0.80
Br2(l ) + 2e − → 2Br −(a q) +1.07
Cl2(g) + 2e − → 2Cl −(a q) +1.36

พิจารณาสารตอไปนี้
ก. A gNO3(a q) ข. Na NO3(a q) ค. Cl2(g) ง. Sn Br2(a q)
เมื่อบรรจุสารในภาชนะที่ทําจากดีบุก (Sn) สารใดไมทําใหภาชนะที่ทําจากดีบุกผุกรอน
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ก. และ ค. เทานั้น
4. ข. และ ง. เทานั้น
5. ข. ค. และ ง. เทานั้น

27. ขอใดเปนสารที่ไมสามารถแสดงสมบัติเปนทั้งคูกรดและคูเบสสารได
1. H2O
2. HSO3−
3. H2 PO4−
4. HCOO −
5. H3 N +CH2COO −

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
28. กําหนดให A X และ Z เปนธาตุสมมติ
H A(a q) + H2O(l ) → A −(a q) + H3O +(a q)
H X(a q) + H2O(l ) ⇌ X −(a q) + H3O +(a q) Ka = 1.0 × 10−5
Z(a q) + H2O(l ) ⇌ H Z +(a q) + OH −(a q) Kb = 1.0 × 10−4
พิจารณาสารละลาย 3 ชนิด ไดแก
• [H Z ]A 1.0 โมลาร
• [H Z ]X 1.0 โมลาร
• Na X 1.0 โมลาร
ขอใดเรียงลําดับสารละลายขางตนที่มี pH จากมากไปนอยไดถูกตอง
1. [H Z ]X [H Z ]A Na X
2. [H Z ]A [H Z ]X Na X
3. Na X [H Z ]A [H Z ]X
4. [H Z ]X Na X [H Z ]A
5. Na X [H Z ]X [H Z ]A

29. ปฏิกิริยาสะเทินระหวางกรดบอริก (H3 BO3) และสารละลาย NaOH เปนดังสมการเคมี


H3 BO3(a q) + NaOH(a q) ⇌ H2O(l ) + Na H2 BO3(a q)
ถาในปฏิกิริยาสะเทินนี้ใช NaOH 1.00 โมลาร ปริมาตร 70.00 มิลลิลิตร เพื่อทําปฏิกิริยาที่พอดีกัน
กับกรดบอริกปริมาตร 30.00 มิลลิลิตร ที่จุดสมมูลนี้จะมี pH เทาใด
กําหนดให กรดบอริกมีคา Ka1 = 7.00 × 10−10 และใช Ka1 เทานั้นในการคํานวณ
1. 2.50
2. 4.65
3. 9.15
4. 9.35
5. 11.50

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
30. นักเรียนคนหนึ่งทดลองเปรียบเทียบปริมาณนํา้ ตาลของผลไมชนิดตางๆ ตามขั้นตอนดังนี้
I. ชั่งผลไม 10.00 กรัม ดวยเครื่องชั่งทศนิยม 3 ตําแหนง
II. ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 100.00 มิลลิลิตร ดวยบีกเกอร แลวเทผสมกับผลไม จากนั้นปนและกรองดวยผาขาวบาง
III. ตวงสารละลายที่ไดจากขั้นตอนที่ II. ปริมาตร 5.00 มิลลิลิตร ลงในหลอดทดลองดวยปเปตต
IV. เติมสารละลายเบเนดิกตปริมาตร 1.00 มิลลิลิตร จากบิวเรตตลงในหลอดทดลองจากขั้นตอนที่ III.
จากนั้น จับเวลาที่ใชจนกระทั่งมีตะกอนเกิดขึ้น และทดลองซํ้าโดยเปลี่ยนชนิดของผลไม แลวเปรียบเทียบเวลา
ที่ใชในการตกตะกอน
ขั้นตอนใดเลือกใชอุปกรณวัดปริมาณสารที่ละเอียดไมเพียงพอกับขอมูลที่ตองการวัด
1. I. เทานั้น
2. II. เทานั้น
3. IV. เทานั้น
4. I. และ III. เทานั้น
5. II. และ IV. เทานั้น

ตอนที่ 2 แบบระบายตัวเลขที่เปนตัวเลข

31. ของเหลวชนิดหนึ่งมีสูตร Cx HyOz โดยมีรอยละโดยมวลของธาตุคารบอนและไฮโดรเจนเทากับ 54.54 และ 9.09


ตามลําดับ ถานําของเหลวนี้มวล 352.0 กรัม มาทําใหเปนไอทั้งหมดจะมีปริมาตร 89.60 ลิตร ที่ STP
คาของ x + y + z เปนเทาใด

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
32. การสังเคราะห Cp2 Si Me2 มีขั้นตอนในการสังเคราะหตอไปนี้

+ H2

หากใช Cp 1.320 กรัม ทําปฏิกิริยากับโซเดียม 690.0 มิลลิกรัม จากนั้น คอยๆ เติมสารละลายของผลิตภัณฑ


ทั้งหมดลงใน (CH3)2 SiCl2 2.580 กรัม แลวได Cp2 Si Me2 1.692 กรัม ผลไดรอ ยละจากการทดลองนี้เปนเทาใด
กําหนดให มวลตอโมลของ Cp เทากับ 66.0 กรัมตอโมล (CH3)2 SiCl2 เทากับ 129.0 กรัมตอโมล
และ Cp2 Si Me2 เทากับ 188.0 กรัมตอโมล

33. พิจารณาขอความเกี่ยวกับธาตุสมมติ ba X และ cdY ตอไปนี้


ก. X 3+ มีจํานวนอิเล็กตรอนเทากับจํานวนอิเล็กตรอนของแกสมีสกุลที่มีเวเลนซอิเล็กตรอนอยูในระดับพลังงานที่ 3
ข. Y เปนไอโชโทปของ X โดย Y มีจํานวนโปรตอนเทากับจํานวนนิวตรอน
คาของ c + d เปนเทาใด

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
34. เตรียมสารละลายสําหรับทําความสะอาดหินปูนที่เกาะบนกระจก 2 ขวด โดยขวดที่ 1 นําสารละลาย
กรดแอซีติกเขมขน 1.00 โมลาร ปริมาตร 90.0 มิลลิลิตร มาเติมนํ้าจนมีปริมาตร 2.00 ลิตร
ถาตองการเตรียมสารละลายขวดที่ 2 ปริมาตร 5.00 ลิตร ใหมีคา pH เทากับขวดที่ 1 โดยใชสารละลาย
กรดไฮโดรคลอริกเขมขนรอยละ 7.30 โดยมวลตอปริมาตร แทนกรดแอซีติก จะตองใชสารละลายกรดไฮโดรคลอริก
กี่มิลลิลิตร
กําหนดให Ka ของกรดแอซีติก = 1.80 × 10−5
มวลตอโมลของกรดแอซีติกเทากับ 60.0 กรัมตอโมล
มวลตอโมลของกรดไฮโดรคลอริกเทากับ 36.5 กรัมตอโมล

35. แกสไนทรัสออกไซด (N2O) เปนแกสที่ใชทําวิปครีมสําหรับฉีดบนอาหารหรือเครื่องดื่ม


โดยมีขั้นตอนการเตรียมวิปครีมดังนี้
ขั้นที่ 1 เทครีมซึ่งเปนของเหลวสีขาว 500.0 มิลลิลิตร ลงในกระปองเปลาซึ่งมีปริมาตร 910.5 มิลลิลิตร
และปดฝากระปองจนแนนสนิท
ขั้นที่ 2 เติมแกส N2O มวล 8.80 กรัม ลงในกระปอง
ขั้นที่ 3 เขยากระปองใหแกส N2O กับครีมผสมเปนเนื้อเดียวกัน ไดเปนวิปครีม
ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเชียส ความดันของแกส N2O ในกระปองวิปครีมเทากับกี่บรรยากาศ
กําหนดให แกส N2O ไมละลายในครีมและไมทําปฏิกิริยากับสารในครีม ขณะทําวิปครีม
ของเหลวมีปริมาตรไมเปลี่ยนแปลง

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

ขอสอบ A-level เคมี ป 2566

ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คําตอบที่ถูกที่สุด

1. พิจารณาขอมูลของธาตุสมมติ Q และ R ตอไปนี้

• ไอออน Q 2− มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนแกสมีสกุลที่อยูในคาบที่ 3 Q 2 8 8 ะ Q
• ธาตุ R มีจํานวนอิเล็กตรอนใน 3p ออรบิทัล 5 อิเล็กตรอน 3p5 R าร้2522p 3s23p5
งึ ้ว่ื วิญ
์ ิ 6๋

i หมู7A

ขอใดถูกตอง
✓ VIA
1. ธาตุ R อยูใ นคาบที่ 3 หมู VA \ z Y Y

2. ขนาดของอะตอม R มีขนาดใหญกวา Q × i. Qใหญ่nii R

3. ขนาดของไอออน R − มีขนาดใหญกวา Q 2− X เพราะ R และ ห9 จัดเรี ยงตัวeเท่ ากับ C2 8 8

4. ธาตุ Q มีจํานวนอิเล็กตรอนใน 3p ออรบิทัล 6 อิเล็กตรอน ณ่ ฑ๋

5. พลังงานไอออไนเซชันลําดับที่ 1 ของธาตุ R มีคามากกวาธาตุ Q Rจึ งมีขอบเขตของกลุ่ มหมอกEน้อยกว่ าQ

น้อย ฬื มาก
ณื่ ค๋

เล็ ก

มาก m
m
ฉื่

ยู ๋ณู่ ญุ่ ซ

2. 24
NaCl เปนสารประกอบโซเดียมอยูในรูปของ Na − 24 เทานั้นซึ่ง Na − 24 สลายตัวใหรังสีบีตา

และมีครึ่งชีวิต 15 ชั่วโมง

ถาละลาย 24NaCl 5.95 กรัม ในนํ้าจนไดสารละลาย 25.00 มิลลิลิตร แลวนําสารละลายไปใช i. เหลื อสจล.

20.00 มิลลิลิตร หากตั้งสารละลายที่เหลือไว 30 ชั่วโมง สารละลายนี้จะมีไอออน 24Na + 25 2o = 5 mL

จํานวนกี่กรัม

กําหนดให มวลตอโมลของ 24NaCl = 59.5 กรัมตอโมล

1. 0.060 1 25mL 2 ที5

ที่ ่ .oml N _:P M8


2. 0.120 แ แ
1 NaCl •INa 2Ct

3. 0.240
mn±µ ภ๋ =<, ๆ
m. =
น ยู = แ

?้
ําฐู =0.02×24 ฑุ µ= ฑุ ต้ µ

4. 0.300 m.
น. ใน = µ, !

5. 0.600 ใช้ สมไปา oml i.เหลื อ5mL


นะ 2
°

Nat
i. E4M ท

ํา µภ๋ sm เหลื อ 0.48


=

ฑุ uลืo = 0.12 g

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

EN: d>H แรงพันธะ µ

3. พิจารณาโครงสรางของสารตอไปนี้ c,>c i. แรงหับฮะ C.CI

a m a.

ฒื

ฬื

สาร A สาร B สาร C


แรงหักล้างกันไม่ มขัี ้ว แไม่หักล้างกัน ะ มีขั้ว

แไม่หักล้างกัน ะ มีขั้ว

ขอใดระบุความมีขั้วของสาร A, B และ C ไดถูกตอง

สาร A สาร B สาร C

1. มีขั้ว มีขั้ว มีขั้ว

2. มีขั้ว มีขั้ว ไมมีขั้ว

3. มีขั้ว ไมมีขั้ว มีขั้ว

4. ไมมีขั้ว ไมมีขั้ว มีขั้ว

5. ไมมีขั้ว มีขั้ว ไมมีขั้ว

าเป็นต้องเฮไปตามกฎออกรตท
ไม่สจํมมติ

4. ธาตุ A และ E อยูตําแหนงติดกันในคาบที่ 3 สารประกอบคลอไรดของธาตุ A มีสูตรเคมีเปน ACl2 และ ACl4

ซึ่งทั้งคูเปนโมเลกุลมีขั้ว สารประกอบคลอไรดของธาตุ E มีสูตรเคมีเปน ECl3 ที่เปนโมเลกุลมีขั้ว และ ECl5 ที่เปน

โมเลกุลไมมีขั้ว

ตามทฤษฎี VSEPR ขอใดไมถูกตอง

1. ACl4 มีรูปรางโมเลกุลเปนทรงสี่หนาบิดเบี้ยว

2. ECl3 มีรูปรางโมเลกุลเปนพีระมิดฐานสามเหลี่ยม

3. ACl4 มีจํานวนอิเล็กตรอนคูโดดเดี่ยวที่อะตอมกลางเทากับ ECl3


4. มุมพันธะ Cl − A − Cl ใน ACl2 มีขนาดใหญกวามุมพันธะ Cl − E − Cl ใน ECl3 × มากกว่
กู่ ACIz มี e คูโดดเดี ่ ่ ยว

าแบบ พันธะจึงถู ก

5. มุมพันธะที่แคบที่สุดของ Cl − A − Cl ใน ACl4 และ Cl − E − Cl ใน ECl5 มีคานอยกวา 109.5°

✓ บี บมากกว่ า

กd หรื อ A: E
ACIz ะ 2 แบน มีขั้ว ะ
E

ะ 4 แบน มีขั้ว
µ dl Ci
<<เอา5
µ,µ
พี ระมิ ด
ฐาน

Ad14
di di
่ า ยย
ทรงสีหน้
E 5
<<ioa.si

g....

ว่ า Aคื อหมู่ 6Aกาบ3 และ Aอยูติ่ UpCHEM


i. คาดเดาได้ ดกับEจึ งกาก
| เคมีพี่ตังค์
่ กาบ3
ได้ว่ า Eคื อธาตุหมู5A c, a E

no. อ c,

5. ถาผสมสารละลาย A และ B จนเกิดปฏิกิริยาพอดีกัน ไดตะกอนสีเขียวของ C และสารละลาย D

จากนั้นกรองตะกอน C ออกจากสารละลาย D เสร็จแลวเติมกรด HNO3 ลงบนตะกอน C จะเกิดฟองแกส X

และเมื่อเติมสารละลาย A gNO3 ลงในสารละลาย D จะเกิดตะกอนสีเหลือง Y สารละลาย A และ B คือสารในขอใด

สาร A สาร B At B ะ ญื ้ D

ไม่ มี °
1. วั้ Ca Br2 KCl
d HNo, ะ X<g, ได้ว่ า
คาด

dประกอบด้วco,

แสดงว่ าAu oมี แะ

2. CaCl2 K2CO3 p
i. a
มา วื ้ฐ่ื เราจสง รร

3. Cu Br2 K2CO3 7A ได้ตะกอน

รอBมี 7Aเรหอพระnou
i.แสดงว่ า Au

4. CuCO3 K Br

ไม่ ม7A
ี 5. 2 CaClztKzC03 CaCog 2K4 X
Cu(NO3)2 K2CO3

ขาว ขาว

31 duBy Kzdog CuCo, 2KBr ✓

เขี ยว ขาว

KBr

AxNg Arbr
เหลื อง

4เ Cudo, 2K Bv.cn Br หา 3 X

ด่ บน

6. เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เตรียมจากสารใหความหวาน X มวล 3.04 กรัม ละลายในนํ้า 50.00 กรัม

โดยเครื่องดื่มนี้มีจุดเยือกแข็งเทากับ -0.744 องศาเซลเซียส

สารใหความหวาน X เปนสารในขอใด

กําหนดให สาร X เปนสารที่ระเหยยากและไมแตกตัวเปนไอออนเมื่อละลายในนํ้า

คา Kf ของนํ้าเทากับ 1.86 องศาเซลเซียสตอโมแลล

1. อิริทริทอล มวลโมเลกุล 122

2. ไชลิทอล มวลโมเลกุล 152 DT= mll

3. กูลโคส มวลโมเลกุล 180 AT = molตัวและลาย ×

4. แอสปาแตม มวลโมเลกุล 294 นตัวทําละลาย


Kf

5. ซูโครส มวลโมเลกุล 342


3.04

° C 0.า441 = mw

× 1.86
5o

แู

i. Mw = 152

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

7. ซิลิคอนคารไบด (SiC) ผลิตไดจากทรายหรือซิลิคอนไดออกไซด ทําปฏิกิริยากับคารบอนมากเกินพอที่อุณหภูมิสูง

ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนกับคารบอนมอนอกไซด จากนั้นซิลิคอนที่เกิดขึ้นจะทําปฏิกิริยาตอกับคารบอนที่เหลืออยู

ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนคารไบด

หากเริ่มตนใชซิลิคอนไดออกไซด 6.00 × 103 กิโลกรัม จะตองใชคารบอนอยางนอยที่สุดกี่กิโลกรัม

จึงจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซิลิคอนไดออกไซดทั้งหมดเปนซิลิคอนคารไบด

กําหนดให มวลตอโมลของซิลิคอนไดออกไซดเทากับ 60.00 กรัมตอโมล

1. 1.20 × 103 ±

2. 2.40 × 103 1Siอุ 1 2วื่ 1Si 2C0 kท °


งู่
c
3. 3.60 × 10 3
ที่ ioz =

1Si 1 งื ๊ 1sid
4. 2.40 × 106 oo×103=3oomrl

6 Si 3C แ µ i. Kmolc = 3 × 6.

5. 3.60 × 10
6o

ikg, = 3oo× แ =36oo=3.6×เอ kg

8. สารประกอบ Mg2 SiO4 ทําปฏิกิริยากับ CO2 ได ดังสมการเคมี

Mg2 SiO4 +2CO2 (สมการยังไมดุล)

2MgCO3 + SiO2

ถา Mg2 SiO4 ทําปฏิกิริยากับ CO2 ในอากาศที่ประกอบดวยแกส CO2 รอยละ 0.100 โดยมวล

และอากาศมีความหนาแนน 1.00 กรัมตอลิตร

หากตองการใหแกส CO2 ทั้งหมดที่มีอยูในอากาศ 88.00 ลิตร เกิดปฏิกิริยาเปนผลิตภัณฑจนหมด

จะตองใช Mg2 SiO4 อยางนอยกี่กรัม

กําหนดให ในกระบวนการนี้ Mg2 SiO4 และ CO2 ทําปฏิกิริยาระหวางกันเทานั้น

มวลตอโมลของ Mg2 SiO4 เทากับ 140.00 กรัมตอโมล


1. 0.140
มํีา

1 หามวลอากาศ ใ

2. 0.280

d= อากาศloog มีdoz 0.2 g

3. 0.560 ทู i. อากาศ88g มีd02


อุ

4. 14.00 2 m= × 88 อ.088 g

5. 28.00 88

mmngg

3 Mgzsi04 ± 2C02

44 = อ. ooz

°
z

ะ =

ผi

2 2
Jm,s.อ4 0001×14°= อ.า4g
=

ทํา

= °ะ

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

9. ปฏิกิริยาเคมีระหวางสารสมมติ X2 และ Y2 ไดสารผลิตภัณฑเพียงชนิดเดียว เมื่อทําการทดลองพบวาความเขมขน

X2 และ Y2 ที่เวลาตางๆ เปนดังตาราง และที่เวลา 5.0 วินาที ความเขมขนของผลิตภัณฑเทากับ 4.00 โมลาร

÷ คาดเดาได้ว่ า 2Xz 1Yz • 2XY ผลิ ตภัณฑ์

เวลา (s) 0.0 5.0 10.0 15.0 20.0

[X2 ] (M) 10.00 ลก4 • 6.00 ลด2. 4.00 3.00 2.50

[Y2 ] (M) 4.00 ลด2... 2.00 ลด1... 1.00 0.50 0.25

ผลิ ตภัณฑ์ ooo ผิ่ ย4. 4.oo พี่ 2. 6.oo

พิจารณาขอความตอไปนี้

ก. อัตราการเปลี่ยนแปลงความเขมขนเฉลี่ยในชวงเวลา 0.0 - 10.0 วินาที ของ Y2 เทากับ 0.30 โมลารตอวินาที


ข. ความเขมขนของผลิตภัณฑที่เวลา 10.0 วินาที เทากับ 6.00 โมลาร

ค. สูตรโมเลกุลของผลิตภัณฑคือ X Y2 ×

ขอความใดถูกตอง

1. ก. เทานั้น

2. ข. เทานั้น RateY ที่ 0 ios = = 0.3 Mls ฒื ๋

3. ก. และ ข. เทานั้น

4. ก. และ ค. เทานั้น

5. ข. และ ค. เทานั้น

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

10. เมื่อวิตามินซีทําปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนและนํา้ จะเกิดการสลายตัวใหกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก หากทําการทดลองเพื่อ

ศึกษาอัตราการสลายตัวของวิตามินซีในนํ้าแอปเปล โดยเติมวิตามินชี นํ้าตาลลงในนํ้าแอปเปลที่เหมือนกัน และมี

ปริมาตรรวมเปนรอยละ 75 ของขวดที่บรรจุ ซึ่งเปนขวดปดที่มีปริมาตรเทากัน โดยมีปริมาณวิตามินชี นํา้ ตาล เสนผาน

ศูนยกลางของขวด อุณหภูมิ และเวลาที่ใช (เวลาที่ปริมาณวิตามินซีลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่เติม) ในแตละการ

ทดลอง เปนดังตาราง

มวลของวิตามินซี มวลของนํ้าตาล เสนผานศูนยกลาง อุณหภูมิ เวลาที่ใช

การทดลองทีี่

(mg) ที่เพิ่ม (g) ของขวด (cm) (°C) (h)

1 200 0.0 5.0 28 4.2

2 200 0.0 5.0 8 4.8

ข. 3 200 10.0 5.0 28 4.6

ก. ค.
4 200 10.0 5.0 8 5.6

5 400 10.0 5.0 8 5.2

ง. 6 200 0.0 8.0 28 X

7 100 10.0 5.0 8 Y

พิจารณาขอความตอไปนี้

เพราะอุณหภู ทํ
มิ าให้น9าตาล
ก. เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการเกิดกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก จะเพิ่มขึ้น ลดลงเร็ ว
ขึ้น


ข. การเติมนํ้าตาลทําใหวิตามินซีสลายตัวเร็วชึ้น X เพราะทําให้ใช้เวลามากขึ ้น i Rate2,37ดศัโตกฺโลนิกเพิ่ มขึ ้น

ค. X < 4.2 ํานนณ้ นํา


ง. Y < 5.6 X ปริมาณ3ตาปuิ นอนลงทําให้โอกาสการเกิ ดปฏิ กิริยาน้อยลงจึ งทําให้ใช้เวลามากบึ ้ นะ Y>5.6

ซี

1. ก. และ ค. เทานั้น

2. ข. × และ ค. เทานั้น
ค 1 โดยปกติ wn.ผ่รของการหาไม่มี ผลต่ อ ฐ ออกซิ เจน
อัตราการเกิ ด กิ ริยา
3. ค. และ ง. เทานั้น บนคื อวิ ตามิ นซีทํ าปฏิ กิริยากับ

4. ก. µ ××
ข. และ ง. เทานั้น
แต่ นี ้
ใหกรณี ปฏิ กิริยที า ่ เกิ ด
กลางอวดมากกว่ าออกซิ

iou

5. ก. ค. และ × ง. เทานั้น l ขวดนีมี ่ เสั


uผd ะuศู หย์

l มี โอกาสทําปฏิ กิริยากับ ริ น หนีได้มากกว่ าขวดทีมี ่

µµ
1สัuผ่ าน หนักลงน้อยกว่ า

สู 4.2

มากขึ ้น i. XC

i อัตราการเกิ ดปฏิ กิริยาจึ ง

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

Ta=TB Av = n

Pa =PB
v=n ไม่บอกV ไผ่บอก n ?
11. เติมลมยางรถยนต A และ B ดวยอากาศที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส จนอานคาความดันได 30.0 ปอนดตอตารางนิ้ว

จากนั้น อุณหภูมิในอากาศลดตํ่าลงอยางรวดเร็วจนเหลือ 12 องศาเซลเซียส

พิจารณาขอความตอไปนี้

ก. ที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส อานคาความดันของยางรถยนต A ได 28.5 ปอนดตอตารางนิ้ว

ข. หากยางรถยนต B มีปริมาตรเปน 2 เทาของยางรถยนต A ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ของยางรถยนต

B จะเปนครึ่งหนึ่งของยางรถยนต

ค. หากเติมลมยางรถยนต A ดวยแกสไนโตรเจนแทนอากาศ ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ในยางรถยนต A

ที่เติมแกสไนโตรเจนจะมีคาเทากันกับเมื่อเติมอากาศ

กําหนดให แกสที่เกี่ยวของเปนแกสอุดมคติ และยางรถยนต A และ B เปนระบบปด

ขอความใดถูกตอง
กเ ยางA ลดอุหกฺ ปิ ขาข้อมู ลไผ่เผียะพอ เนื่ องจากไปกําหนดmolมา
1. ก. เทานั้น
ะ ÷÷ะะ

2. ข. เทานั้น ะ ÷÷÷
ํา.................
้ ฐู่

° ศ

3. ค. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
ะได้ว่ า _ =
กุ กุ่ "ศู=:::: Nz

ป 3o = R กํา Pแนะกัu Vเน.ก้n Tเน่ ากทั


5. ข. และ ค. เทานั้น 12>ทาง snmsi

ะ28.5

i. ตัดเรื่ อย
้ ่ า บ. ผิ ดแน่ๆ

จะรู ว Pหรื อความกัu ก็ต้องเน่ ากัu

12. แกส X สามารถสังเคราะหไดจากแกส Y ทําปฏิกิริยาเคมีกับแกส SCl2 ดังสมการเคมี

2Y + SCl2 X

หากอัตราการแพรผานของแกส Y เปน 1.92 เทาของแกส SCl2 แกส X ควรเปนแกสในขอใด

กําหนดให มวลตอโมลของ SCl2 เทากับ 103 กรัมตอโมล

1. C2 H4 มวลตอโมเลกุล 28 สมมติเกิ ดX าในล

R
|
2. C4 H8 มวลตอโมเลกุล 56
จากกฎทรงมวนจะได้

ภั่

าะ รํา

3. C2 H4Cl2 S มวลตอโมเลกุล 131 ตก

4. C4 H8Cl2 S มวลตอโมเลกุล 159 R, wm 2 แ g เอง

ะ...ญ9

5. C8 H16Cl2 S มวลตอโมเลกุล 215

ะ Mwx = 159

1.92 103

i. Mwy = 28

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

13. ไดไนโตรเจนเพนทอกไซด (N2O5) เปนของแข็งที่สลายตัวไดแกสไนโตรเจนออกไซด (NO2) และแกสออกซิเจน (O2)

ถาเก็บ N2O5 6.0 โมล ในภาซะปดขนาด 10.0 สิตร ที่อุณหภูมิหนึ่งพบวา ที่สมดุลจะเหลือสารนี้ 5.0 โมล

ถาสมการเคมีของปฏิกิริยาการสลายตัวของ N2O5 ที่ดุลแลวมีเลขสัมประสิทธิ์เปนจํานวนเต็มทีน่ อยที่สุด

คาคงที่สมดุลของปฏิกิริยาเคมีดังกลาวมีคา เทาใด

1. 8.0 × 10−5

2. 3.2 × 10−4
2N,0sis, 4Nigi 102cg,

ร อู =อ.เรา o
3. 0.010

อ.2 to.อ5

4. 0.32 ป อ.2

5. 8.0 ส =o.sn 0.2M oosM

4 2

K Noz oz

4
อ.2 อ.อ5

8×10

14. เมื่อบรรจุแกส A2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ และ B2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ T เคลวิน

จะเกิดปฏิกิริยา ดังสมการเคมี

A2(g) + B2(g) ⇌ 2A B(g)

พบวา ที่สมดุล แกส A B มีความดัน 0.40 บรรยากาศ จากนั้นรบกวนสมดุลโดยการเพิ่มความดัน

ของ A2 อีก 0.20 บรรยากาศ

ถาทุกแกสในปฏิกิริยาเปนแก็สอุดมคติ ที่สมดุลใหม ความเขมขนของ A B และคาคงที่สมดุล

ของปฏิกิริยาในขอใดถูกตอง

PV

n = PV
ความเขมขนของ A B (M) คาคงที่สมดุล c._

อ.

1. มากกวา
0.04
ฮื อ 0.16
iii ญู ้

RT

0.04
2. มากกวา 0.25

RT ✓

0.04 ร 2 2 0

3. มากกวา • 0.44
ปนํ า นํา
RT

_ to.4

0.04
•อ RT RT
4. นอยกวา 0.25 o.pt

RT สุ ÷ °:..

0.04
4•0

5. นอยกวา 0.44
RT รอ 8 อ.า อ.8 อ.4

ป X × 2×

t =

ยุ ๋กุ๋
อ.8 × 0.4 า×

Az]ก
ไรื
สุ 1RT× RT RT
> 0.4
RT

ill

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
it = o.↳

15. หินปูน (CaCO3) สลายตัวภายในภาชนะปดที่อุณหภูมิสูงไดปูนขาว (CaO) และแกสคารบอนไดออกไซด

ดังสมการเคมี

ปฏิ กิริยาดูดคราบรัว
้u

CaCO3(s) ⇌ CaO(s) + CO2(g) ΔH = +178 กิโลจูตอ โมล

เมื่อปฏิกิริยานี้เขาสูสมดุลแลว ผลของการกระทําหรือการรบกวนสมดุลในขอใดถูกตอง

1. การบดหินปูนจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น สมดุ ไลม่เปลี่ ยน Rateปฏิ กิริยาเพิ่ มขึ ้น

2. การเติมตัวเรงปฏิกิริยาจะทําใหเกิดปฏิกิริยาไปขางหนาเพิ่มขึ้น เพิ่ ม Rateไปข้างหน้าและRateย้อนกลับ

ทั้ง

3. การเพิ่มอุณหภูมิใหกับระบบจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น ✓ เพราะ | มี ผลต่ อค่ า K, I เปลี่ ยน Kiปสีย่

4. การลดปริมาตรภาชนะจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น

5. การดูดแกสบางสวนออกจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น ดู ด คาย

19 we พื

ณ๊.
v. i ณึ ๊ ตoหื๊
ในขอนี้การลดปริมาตรภาชนะ ความเขมขนจะเทาเดิม เนื่องจาก คา K = [CO2] ไมวาจะลดหรือ h ทื wa

เพิ่มภาชนะ ความเขมขนจะตองคงที่(เพราะคา K ถูกบังคับดวยวาตองเทากับความเขมขนของ

CO2) แต mol CO2 จะลดลง ตามหลักการเลอชาเตอลิเอ แตปริมาตรที่ลดลงจึงทําให [CO2] ปฏิ กิริยไป
า ข้างหน้าทําให้ผลิ ต
กับมากขึ ้น

เทาเดิม

ฆัตั๊ ้ง

K= ผลิ ตภัณฑ์] P

ฒ๊ การดึ ง ไป
C02cg,ออก ทําให้เกิ ดปฏ่กิ ริยา ข้างหน้าก็จริ ง a.

แต่ dozy,ที่ เกิ ดขึ ้น ไม่ สามารถทํ า


ก็ ใหั้
Coz]มากกว่ าตอหเอาออก ได้

16. สารประกอบอินทรียในขอใดไมเปนไอโซเมอรกับสารที่มีโครงสรางดังรูป

GHi,0

1. hexan-2-one ✓ C 12°

เ n
2. 3-methylpentanal

✓CMF o

3. 2,2-dimethylbutanal
2-methylpentan-1-ol Cin

4.
5. methoxycyclopentane
XCM,3° อ on

CoHn0 o

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

17. สารประกอบอินทรีย 3 ชนิด ไดแก A B และ C ที่ไมทําปฏิกิริยากัน และไมทําปฏิกิริยากับนํ้า

ทดลองโดยนําของผสมระหวาง A B และ C มาผสมกับนํา้ จากนั้นเขยาแลวตั้งไว 3 นาที พบวา เกิดการแยกชั้น

โดยในชั้นของสารประกอบอินทรียพบสาร B และ C ซึ่งเมื่อนําชั้นของสารประกอบอินทรียน ี้มาใหความรอน

]
ที่อุณหภูมิหนึ่ง พบวาสาร B ระเหยออกไปจนเหลือแคสาร C

สาร A B และ C ในขอใดสามารถใหผลที่สอดคลองกับการทดลองขางตนได นํ า

เ ละลายนํา แ ไม่ละลายนํา r

สาร A สาร B สาร C

1. propan-1-ol propan-1-ol
Octwtoodan octane จุ ดเดื อดสารB>สารd

2. propan-1-ol octan-1-ol octan-1-ol B

e
จุ ดเถื อกสารd> สาร

3. octane propan-1-ol octan-1-ol


เพราะ 0ctan เ ol

µµ

4.
บั้ว
octane octan-1-ol propan-1-ol มีแรงยึ ดเหนี่ ยวเปัu

ไม่ละลายน9า n bondแข็ งแรงกว่ า


5. octan-1-ol octane ° octane Octaneที่ พuั แรง

procter

London

i Octan 1 olจุ ดเดื อด


ฏื ๊
ไม่ละลายน9าเพราะมี C เยอะ ควาไผ่ป็บั้ว> มีบั้ร ไม่ละลาย
น9า จึ งสู งกว่ าOctane

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์


1C×Hy 6C t 4 2° i.

18. สารประกอบอินทรียชนิดหนึ่งจํานวน 1 โมล เมื่อเกิดปฏิกิริยาเผาไหมอยางสมบูรณ จะได Xy I d, Hg

แกสคารบอนไดออกไซด 6 โมล และนํ้า 4 โมล และเมื่อนําสารประกอบอินทรียช นิดนี้จํานวน 1 โมล

มาทําปฏิกิริยากับโบรมีนในที่มืดจะทําปฏิกิริยาพอดีกับโบรมีน 2 โมล


หันธ=คู่ ทําปฏิ กิริยากับBrz 1 ใบล
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของสารประกอบอินทรียชนิดนี้

พันธะสาบ ทําปฏิ กิริยากับBrz 2 ใบล


1. 2 2.


พัหําม ผับระกู่ 2 ฝัuร>

Cb 14 2 4 d6 |4 2C 21

ะ i. C6 เอ

วงเuuฃัu CCMP

3. า 4.

พันธะภู่
h หื ๊

เ4 a

ไบ่ตอuข้อ3เพราะทําปฏิ กิริยากบั Brz 3ใบล

Cb 8

5.

ํา แ i. หื ฑ
๊ ่ื ะผ้

ะ C,

เอ

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

19. สาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรดไดสาร P และสาร Q โดยสาร Q สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส

จากสีนํ้าเงินเปนสีแดงได i. Q เป็นกรด

สาร P สามารถเตรียมไดจากปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 และสาร R จํานวน 1 โมล จะเกิดปฏิกิริยาพอดีกับ

Br2 จํานวน 1 โมล ในที่มืด ไดสาร S ดังแผนภาพ 0

กรดการออกซิสัก

hlycol
o อ

no กก

ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสในกรด

10ส แอร์ สาร P + สาร Q

า รในลิ ซส
ปฏิ กิริยไ ิ ใunรถ บภ เอสเทวร์ K MnO4

R อ 0 R Hz0 i A
การก
on R on
กลาง

Br
Br2 ในที่มืด

สาร S สาร R

แอลกีu

Br

ขอใดไมถูกตอง R o ก่
c nzo.in on i on

1. ถาสาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในเบส จะยังไดสาร P เปนผลิตภัณฑ✓

2. ถานําสาร Q ไปทําปฏิกิริยากับเอมีนที่อุณหภูมิสูงจะไดสารประกอบประเภทเอไมด✓

3. ถานํา Oxalamide (H2 NOC − CONH2) มาทําปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรด จะยังไดผลิตภัณฑเปนสาร Q


4. ปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 ไดผลิตภัณฑเปนสาร P และตะกอนสีนํ้าตาล C

✓ dn, 3

5. สาร S มีสูตรโครงสราง คือ Br CH2CH(CH3)CH(CH3)CH2 Br

ะ Br
Cnz Cห CH Cหz Br

ฒ R ง
nmmแกน
on เ R น R
รอบด่
N 2° Br
c
d
m ไบ่ สาร
ไม่ s

OH t การ

m
R Nnz Hzo R หา

รอปัu กรดการบอกซิลกา ิ

0 0 ° 0

my ห0 0ห

สาร Q

ตา0am ° 0ห

น c d t Mnอุ

µ
ciyµ

ออคัu

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
onosettntettottonzoa

ว9

รiฐื ๊ ii. หื ทs๋


0แ

ni R on nion f
Cn

0ห

20. เมื่อนําไขมันชนิดหนึ่งมาทําปฏิกิริยาทรานสเอสเทอริฟเคชันกับเมทานอลไดผลิตภัณฑเปนกลีเซอรอล

และไบโอดีเซล 2 ชนิด ที่มีสูตรเคมีเปน C19 H38O2 และ C17 H34O2 ueueuum dnz on

0 C
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของไขมันที่ใชในปฏิกิริยานี้

!๋

1. . ×

2. .

3. .

ําา

4g

4. .

ํา8

ํา8

5. .

C18 d18

t18

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

21. การสังเคราะหพอลิเอทิลีนที่ใชสารตั้งตนเปนอนุมูลอิสระ A ทําปฏิกิริยากับเอทิลีน ทําใหพันธะคู

ของเอทิลีนแตกตัวแลวเกิดอนุมูลอิสระที่ปลายสายซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาตอกับเอทิลีนโมเลกุลอื่นเรื่อย ๆ

กลายเปนพอลิเอทิลีน ดังสมการเคมี

แตในระบบที่มีอนุมูลอิสระบางชนิด (X) ที่สามารถดึงอะตอมไฮโดรเจนออกจากกลางสายพอลิเอทิลีน

ทําใหเกิดอนุมูลอิสระที่ทําปฏิกิริยากับเอทิลีนสายอื่นแลวเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอรตอไดผลิตภัณฑ

ดังสมการเคมี

โดยการเติมตัวเรงปฏิกิริยา Ziegler-Natta จะชวยปองกันไมใหเกิดปฏิกิริยาการดึง

อะตอมไฮโดรเจนจากพอลิเอทิลีนสายอื่นได

ในระบบที่มีอนุมูลอิสระ X เมื่อเติมตัวเรงปฏิกิริยา Ziegler-Natta ลงไป พอลิเอทิลีนที่สังเคราะหได

จะมีสมบัติหรือการเปลี่ยนแปลงอยางไร เมื่อเทียบกับพอสิเอทิลีนที่สังเคราะหโดยไมไดเติมตัวเรงปฏิกิริยาดังกลาว

1. มีจุดหลอมเหลวตํ่าลง X ก้าใส่ หลอมเหลวสู งขึ ้น


ชุด
ใส่ความยื ดหยุ่ นตdาลง

2. มีความยืดหยุนมากขึ้น Xกัา

3. มีความหนาแนนมากขึ้น

4. กลายเปนพอลิเมอรเทอรมอเซต × เปัu หอลิเบอร์เทอร์โบพลาสติ กทั้งคู่

5. มีความเปนกิ่งในโครงสรางมากขึ้น × ถ้าใส่จไ

ะ ม่ธกิ่ ง


กันต้นZiegler Natta จะไม่เกิ ดปฏิ กิริยดึา งAtomH ได้

จะ เป็าแค่ พอสักมอร์ แบบรสัu


HDPE Cwoลิwriสห ี ความหนาแน่ นสู ง

กันตนไม่ Ziegler Natta จะเกิ ดปฏิ กิริยดึา งAtomH ได้


ี ความหนาแน่ นตd1

LDPE Cwoลิwriสห

จะทําให้เกิ ดเป็น woลิเบอร์แบบกิ่ ง

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

maoa

° °

22. พิจารณาโครงสรางของพอลิเมอรตอไปนี้ thN R R 1 Hzo


R
กุ

R on
ะ เกิ ดปฏิ กิริยาควบบ่ น

ขอใดเปนมอนอเมอรของพอลิเมอรชนิดนี้ และเกิดจากปฏิกิริยาประเภทใด

มอนอเมอร ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร

1 แบบเติม

2 แบบเติม

3 แบบควบแนน

4 แบบควบแนน

5 แบบควบแนน

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

23. ในปจจุบัน บริษัทผลิตรถยนตไฟฟานิยมใชแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประเภทที่มี Li FePO4

เปนแคโทด เนื่องจากมีตนทุนการผลิตตํ่าและมีความปลอดภัยสูง

โดยปฏิกิริยาเคมีขั้นตอนสุดทายในการสังเคราะหแคโทดชนิดนี้เปนดังสมการเคมี
ง a. o ะ z ะ 42
วุ ้

24FePO4 ∙ 2H2O + 12Li2CO3 + C6 H12O6 ⇌ 24Li FePO4 + 18CO2 + 54H2O

ขอใดระบุตัวรีดิวซและตัวออกชีฒื
ไสของปฏิกิริยาขางตนไดถูกตอง

ตัวรีดิวซ ป.ออกซินาษห
ั ตัวออกซิไดส =>ป.รัดกั ษัu

•ออก
รี

1. C6 H12O6 •
ให้ Li2CO3
รับ


เพิ่ น a
ลด

2. C6 H12O6 FePO4 ∙ 2H2O

3. Li2CO3 FePO4 ∙ 2H2O

4. FePO4 ∙ 2H2O Li2CO3

5. FePO4 ∙ 2H2O C6 H12O6

24. พิจารณาสมการรีดอกซตอไปนี้

XeF6 + OH − Xe + XeO64− + F − (สมการยังไมดุล)

ดุลสมการโดยวิธีครึ่งปฏิกิริยาในภาวะเบส ใหไดสมการรีดอกซที่ดุลแลว ทุกสารมีเลขสัมประสิทธิ์

เปนจํานวนเต็มที่นอยที่สุด ซึ่งมีครึ่งปฏิกิริยาที่เกี่ยวของดังนี้ ลงย ลด ตัวออกฃิไคล์

ครึ่งปฏิกิริยาที่ 1 XeF6 Xe + F − Red: 1XeFเ 6e 2Xe 6F


ครึ่งปฏิกิริยาที่ 2 XeF6 + OH − XeO64− + F −

ขอใดไมถูกตอง
ใน
0× ะ1XeF, I 6h20 2อั 1Xe0 6F า2ท๋

1. ครึ่งปฏิกิริยาที่ 1 เปนครึ่งปฏิกิริยารีดักชัน ✓
ให้ เพิ่ ม ตัวรคั ิ วซ์
รั๋

2. XeF6 ในครึ่งปฏิกิริยาที่ 2 ทําหนาที่เปนตัวรีดิวซ


3. สมการรีดอกซที่ดุลแลว มีเลขสัมประสิทธิ์ของ H2O เทากับ18× 6

4. สมการรีดอกซที่ดุลแลว ผลรวมของเลขสัมประสิทธิ์ทั้งหมดเทากับ 86 t24tis =g

5. สมการรีดอกซที่ดุลแลว มีการถายโอนอิเล็กตรอนทั้งหมด 6 อิเล็กตรอน


1XeF. 2xe GF

IxeF. 30ห้ หุ อ Ixeoi ศิ ๋ ําท๋ ×3

ง"
อ xe µ ยู ๋ µ
ฐ20

36on
mXe 3Xe0 24F 18ห20

4Xeรู 36on วัUpCHEM


๋ | เคมีพี่ตังค์


25. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรี่ดักชันดังตอไปนี้ โดย A D และ G เปนธาตุสมมติ

2H2O(l ) + 2e − H2(g) + 2OH −(a q) E 0 = − 0.83V


O2(g) + 4H +(a q) + 4e − 2H2O(l ) E 0 = + 1.23V

A 2+(a q) + 2e − A(s) E 0 = + 0.30V

D +(a q) + 2e − D(s) E 0 = − 1.10V



G (s) + 2e − G 2−(a q) E 0 = + 1.50V

หากนําสารละลายผสมที่ประกอบดวย A 2+ 1.0 โมลาร D + 1.0 โมลาร และ G 2− 1.0 โมลาร ในนํ้า

ไปแยกสลายดวยไฟฟาโดย A 2+ D + และ G 2− ไมทําปฏิกิริยากัน



ผลิตภัณฑชนิดใดเกิดขึ้นที่แคโทด และตองใชแหลงกําเนิดไฟฟาที่มีอีเอ็มเอฟอยางนอยเทาใด


ผลิตภัณฑที่แคโทด อีเอ็มเอฟ (V)


1. A(s) 0.93


2. A(s) 1.20


3. D(s) 0.13


4. D(s) 0.40


5. G (s) 1.20


แวในด แก โทก ±°

4ห๋ 4e = I.23V
02

• 2 0
หา E 2Hzo 2e • H, 2on EY= 0.83V

d. ze G Ef= t1.5°V กั ๋ 2e • A
EI= อ.30V

ยุ ๊ p = เ.เอ V

p e
E

mn
ะ°

n

E:๚= E, E

ําอ


= 0.30 1.23 V


i. E:< = 0.93 V

i. ต้องปัou ความต่ างศักย์เข้าไปอย่ างน้อย cemf



= 0.93 V


UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

26. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรีดักชัน ดังตาราง

ปฏิกิริยาครึ่งเซลลรีดักชัน E 0 (V)

Na +(a q) + e − → Na(s) -2.71

Sn 2+(a q) + 2e − → Sn(s) -0.14

A g +(a q) + 2e − → A g(s) +0.80

Br2(l ) + 2e − → 2Br −(a q) +1.07

Cl2(g) + 2e − → 2Cl −(a q) +1.36

พิจารณาสารตอไปนี้ ตัวรบ
ั Ef=1.36v

ตัวรบั Ej=0.8v ตัวรบ ั Ef= 2.7N


ก. A gNO3(a q) ข. Na NO3(a q) ค. Cl2(g) ง. Sn Br2(a q)

เมื่อบรรจุสารในภาชนะที่ทําจากดีบุก (Sn) สารใดไมทําใหภาชนะที่ทําจากดีบุกผุกรอน รบ


• ตัว ั Ef=0.14V

1. ก. เทานั้น ตัวจ่ าย Eรู = 0.14v

2. ข. เทานั้น ไม่เกิ ดปฏิ กิริยา

3. ก. และ ค. เทานั้น ะ สารจะเกิ ดปฏิ กิริยา เมื่ อ Ej ตัวรับ > Ef ตัวว่ าย

4. ข. และ ง. เทานั้น ก. Aข๋ E =0.8v Sn Ef= 0.14V เกิ ดปฏิ กิริยา


5. ข. ค. และ ง. เทานั้น

บ. Nat EY= 2.7v Sn Efะ 0.14Vไม่เกิ ดปฏิ กิริยา

i Ef = tI.3N Sn Ef 0.14v เกิ ดปฏิ กิริยา


=

ก. CI,

J, 5 ทิ ๋ Ef= 0.14V Sn Efะ 0.14V ไม่เกิ ดปฏิ กิริยา

27. ขอใดเปนสารที่ไมสามารถแสดงสมบัติเปนทั้งคูกรดและคูเบสสารได

1. H2O
คูเบส

2. HSO3− คู่
กรด

3. H2 PO4− 0 ห้

H30
4. HCOO − HS0 5°

5. H3 N +CH2COO − ว้ Hz503
วั้

HzA0ห้ HP0

ncoo
Hgpoa
HCoon
หั้

H,Ntcห Hi i°° H. i°°

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

28. กําหนดให A X และ Z เปนธาตุสมมติ

H A(a q) + H2O(l ) → A −(a q) + H3O +(a q)

แก่
การก
H X(a q) + H2O(l ) ⇌ X −(a q) + H3O +(a q) Ka = 1.0 × 10−5

กอou
การ

+ − −4
Z(a q) + H2O(l ) ⇌ H Z (a q) + OH (a q) Kb = 1.0 × 10 เบสอ่ou

พิจารณาสารละลาย 3 ชนิด ไดแก P <7


ห9า

• [H Z ]A 1.0 โมลาร เบสอ่ ou


Z na
กรดแก่

woiou กรดอ่on 7
• [H Z ]X 1.0 โมลาร nz]× UpUa ะ เกลื อเบส pH>

Hx
ญi ข o กกว่ า แ2]×
ษ ่ ู iP
• Na X 1.0 โมลาร °

กo
ขอใดเรียงลําดับสารละลายขางตนที่มอิี pH
a n
์ จากมากไปนอยไดถูกตอง
นํ า แต่ Nax มีหบางuเบสมา

1. [H Z ]X [H Z ]A Na X

2. [H Z ]A [H Z ]X Na X

3. Na X [H Z ]A [H Z ]X

4. [H Z ]X Na X [H Z ]A

5. Na X [H Z ]X [H Z ]A

29. ปฏิกิริยาสะเทินระหวางกรดบอริก (H3 BO3) และสารละลาย NaOH เปนดังสมการเคมี

H3 BO3(a q) + NaOH(a q) ⇌ H2O(l ) + Na H2 BO3(a q)

ถาในปฏิกิริยาสะเทินนี้ใช NaOH 1.00 โมลาร ปริมาตร 70.00 มิลลิลิตร เพื่อทําปฏิกิริยาที่พอดีกัน

กับกรดบอริกปริมาตร 30.00 มิลลิลิตร ที่จุดสมมูลนี้จะมี pH เทาใด

กําหนดให กรดบอริกมีคา Ka1 = 7.00 × 10−10 และใช Ka1 เทานั้นในการคํานวณ

1. 2.50

เกลื อเบส

2. 4.65 กรดอ่ou t เบสแก่ →

3. 9.15

4. 9.35
i เอ้

5. 11.50
i. ori = C หµ
×
=
log

i. OH = = 2.5

=
jc× หฺ
pH

= 14 2.5 = 11.5
i.

=
0.7× เจ้า
>xi.io

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

30. นักเรียนคนหนึ่งทดลองเปรียบเทียบปริมาณนํ้าตาลของผลไมชนิดตางๆ ตามขั้นตอนดังนี้

I. ชั่งผลไม 10.00 ย×
ม ××
อ.×× กรัม ดวยเครื่องชั่งทศนิอ. 3 ตําแหนง
ฏู ้

อ.
×× × แลเวเทผสมกับผลไม จากนั้นปนและกรองดวยผาขาวบาง
II. ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 100.00 มิลลิลิตร ดวยบีกเกอร

อ.××มิลลิลิตร ลงในหลอดทดลองดวยปo.××
III. ตวงสารละลายที่ไดจากขั้นตอนที่ II. ปริมาตร 5.00 เปตต


IV. เติมสารละลายเบเนดิกตปริมาตร อ. ×× มิลลิลิตร จากบิอ.
1.00 ×× ลงในหลอดทดลองจากขั้นตอนที่ III.
วเรตต ?

จากนั้น จับเวลาที่ใชจนกระทั่งมีตะกอนเกิดขึ้น และทดลองซํ้าโดยเปลี่ยนชนิดของผลไม แลวเปรียบเทียบเวลา

ที่ใชในการตกตะกอน

ขั้นตอนใดเลือกใชอุปกรณวัดปริมาณสารที่ละเอียดไมเพียงพอกับขอมูลที่ตองการวัด

1. I. เทานั้น

2. II. เทานั้น เพราะบัแอร์ มีความละเอี ยดเพี ยง X ml ปกติไม่นิ ยมใช้ วัดปริมาตร

3. IV. เทานั้น

4. I. และ III. เทานั้น

5. II. และ IV. เทานั้น บาง เฉลย จ. เหตุเพราะมองว่ า การเติ มสารละลายเบเนดิ กต้ปริมาตร า.oom

ท่ี มากกว่ า

ใบั้ป่ปต ขนาด 1.ooml จะเหมาะสม

ตอนที่ 2 แบบระบายตัวเลขที่เปนตัวเลข

31. ของเหลวชนิดหนึ่งมีสูตร Cx HyOz โดยมีรอยละโดยมวลของธาตุคารบอนและไฮโดรเจนเทากับ 59.54 • และ 9.09


4

ตามลําดับ ถานําของเหลวนี้มวล 352.0 กรัม มาทําใหเปนไอทั้งหมดจะมีปริมาตร 89.60 ลิตร ที่ STP

คาของ x + y + z เปนเทาใด

ncs, = cn สู ตรโมเลกุ ลคื อ

C H ะ 0 v

=

54.54.9. 9.36.37 CzH40 2=Cg 8


รุ

m 22.4

12 16
g, 89 6° Y 2 = 4 8 า = 14

=
4.962 i 9.09:2.273

2.273 2.273 2.า73 mw 22.4

1.999 ะ 3.999ะ 2.°°° Mw ะ 88

ะ 2ะ 4 ะ 1

C,440 n ะ 88

C,H40 n สู ตรอย่ าง่งาย 44 n = 88

i. n = 2

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

32. การสังเคราะห Cp2 Si Me2 มีขั้นตอนในการสังเคราะหตอไปนี้

ir

2 1

8จาง

หากใช Cp 1.320 กรัม ทําปฏิกิริยากับโซเดียม 690.0 มิลลิกรัม จากนั้น คอยๆ เติมสารละลายของผลิตภัณฑ

ทั้งหมดลงใน (CH3)2 SiCl2 2.580 กรัม แลวได Cp2 Si Me2 1.692 กรัม ผลไดรอ ยละจากการทดลองนี้เปนเทาใด

กําหนดให มวลตอโมลของ Cp เทากับ 66.0 กรัมตอโมล (CH3)2 SiCl2 เทากับ 129.0 กรัมตอโมล

และ Cp2 Si Me2 เทากับ 188.0 กรัมตอโมล

หมด 1.3ะo o.no 2.sro นํา นํา น × °


a แ

2 2นํ า าccniici. าCpiimez 2Naei นายฎั


°

มี 0:20=o... อ. อา =o.อ2 °
= 1.692

ใช้ o.o2 o.oe t° °

o.oio.am, µµ
ได้ร้อยละ
ะ. ผล go

เหลื อ ° 0.01m.เอ. o,m

imi° 8 88 2mi

33. พิจารณาขอความเกี่ยวกับธาตุสมมติ ba X และ cdY ตอไปนี้

ข. Y เปนไอโชโทปของ X โดย Y มีจํานวนโปรตอนเทากับจํานวนนิวตรอน#


ก. X 3+ มีจํานวนอิเล็กตรอนเทากับจํานวนอิเล็กตรอนของแกสมีสกุลที่มีเวเลนซอิเล็กตรอนอยูในระดับพลังงานที่ 3

คาของ c + d เปนเทาใด

ก. X e =z 8 8 = 78e

i. X า 8 9 2 21e =p 2เ

V. Y ไอโซโทร X
y pteแ

d 42 21
C d =

รุ ๋

Y => Y ะ

Y ptzn° ทํ =z, a = 63

UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

34. เตรียมสารละลายสําหรับทําความสะอาดหินปูนที่เกาะบนกระจก 2 ขวด โดยขวดที่ 1 นําสารละลาย

กรดแอซีติกเขมขน 1.00 โมลาร ปริมาตร 90.0 มิลลิลิตร มาเติมนํา้ จนมีปริมาตร 2.00 ลิตร

ถาตองการเตรียมสารละลายขวดที่ 2 ปริมาตร 5.00 ลิตร ใหมีคา pH เทากับขวดที่ 1 โดยใชสารละลาย

กรดไฮโดรคลอริกเขมขนรอยละ 7.30 โดยมวลตอปริมาตร แทนกรดแอซีติก จะตองใชสารละลายกรดไฮโดรคลอริก

กี่มิลลิลิตร rn.ro # ° = ใบละร์cM> =>C

−5

กําหนดให Ka ของกรดแอซีติก = 1.80 × 10

มวลตอโมลของกรดแอซีติกเทากับ 60.0 กรัมตอโมล

มวลตอโมลของกรดฮโดรคลอริกเทากับ 36.5 กรัมตอโมล

C,vญi Gy

dn,corn] ไ

2×so = dz×าooo

7.70×10

Coon]=C. ะ
Cng
° อ.อ45M
36.5 บุ = g×เอ ×Sooo

ห๋]µm= ห
V, = 2.25 mL

ปC × ห = หแ]แ

µµµµµµ
ะ Ha},ะ 4M
9×เอั

35. แกสไนทรัสออกไซด (N2O) เปนแกสที่ใชทําวิปครีมสําหรับฉีดบนอาหารหรือเครื่องดื่ม


โดยมีขั้นตอนการเตรียมวิปครีมดังนี้
ขั้นที่ 1 เทครีมซึ่งเปนของเหลวสีขาว 500.0 มิลลิลิตร ลงในกระปองเปลาซึ่งมีปริมาตร 910.5 มิลลิลิตร
และปดฝากระปองจนแนนสนิท
ขั้นที่ 2 เติมแกส N2O มวล 8.80 กรัม ลงในกระปอง
ขั้นที่ 3 เขยากระปองใหแกส N2O กับครีมผสมเปนเนื้อเดียวกัน ไดเปนวิปครีม
1ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเชียส ความดันของแกส N2O ในกระปองวิปครีมเทากับกี่บรรยากาศ
กําหนดให แกส N2O ไมละลายในครีมและไมทําปฏิกิริยากับสารในครีม ขณะทําวิปครีม
ของเหลวมีปริมาตรไมเปลี่ยนแปลง

Il = 510.5 5ขอ = 410.5 mL


Vga,
21 8 ° = 0.2 mol
ทอนµ =

PVะ nRT
P= 0.2 ×0.อ8 แ × 12> 273
ญู ้
n = = 12 atm
§ณฺ
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์

You might also like