Professional Documents
Culture Documents
เคมี 66-เฉลย
เคมี 66-เฉลย
เคมี 66-เฉลย
24
2. NaCl เปนสารประกอบโซเดียมอยูในรูปของ Na − 24 เทานั้นซึ่ง Na − 24 สลายตัวใหรังสีบีตา
และมีครึ่งชีวิต 15 ชั่วโมง
ถาละลาย 24NaCl 5.95 กรัม ในนํ้าจนไดสารละลาย 25.00 มิลลิลิตร แลวนําสารละลายไปใช
20.00 มิลลิลิตร หากตั้งสารละลายที่เหลือไว 30 ชั่วโมง สารละลายนี้จะมีไอออน 24Na +
จํานวนกี่กรัม
กําหนดให มวลตอโมลของ 24NaCl = 59.5 กรัมตอโมล
1. 0.060
2. 0.120
3. 0.240
4. 0.300
5. 0.600
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
3. พิจารณาโครงสรางของสารตอไปนี้
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
5. ถาผสมสารละลาย A และ B จนเกิดปฏิกิริยาพอดีกัน ไดตะกอนสีเขียวของ C และสารละลาย D
จากนั้นกรองตะกอน C ออกจากสารละลาย D เสร็จแลวเติมกรด HNO3 ลงบนตะกอน C จะเกิดฟองแกส X
และเมื่อเติมสารละลาย A gNO3 ลงในสารละลาย D จะเกิดตะกอนสีเหลือง Y สารละลาย A และ B คือสารในขอใด
สาร A สาร B
1. Ca Br2 KCl
2. CaCl2 K2CO3
3. Cu Br2 K2CO3
4. CuCO3 K Br
5. Cu(NO3)2 K2CO3
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
7. ซิลิคอนคารไบด (SiC) ผลิตไดจากทรายหรือซิลิคอนไดออกไซด ทําปฏิกิริยากับคารบอนมากเกินพอที่อุณหภูมิสูง
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนกับคารบอนมอนอกไซด จากนั้นซิลิคอนที่เกิดขึ้นจะทําปฏิกิริยาตอกับคารบอนที่เหลืออยู
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนคารไบด
หากเริ่มตนใชซิลิคอนไดออกไซด 6.00 × 103 กิโลกรัม จะตองใชคารบอนอยางนอยที่สุดกี่กิโลกรัม
จึงจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซิลิคอนไดออกไซดทั้งหมดเปนซิลิคอนคารไบด
กําหนดให มวลตอโมลของซิลิคอนไดออกไซดเทากับ 60.00 กรัมตอโมล
1. 1.20 × 103
2. 2.40 × 103
3. 3.60 × 103
4. 2.40 × 106
5. 3.60 × 106
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
9. ปฏิกิริยาเคมีระหวางสารสมมติ X2 และ Y2 ไดสารผลิตภัณฑเพียงชนิดเดียว เมื่อทําการทดลองพบวาความเขมขน
X2 และ Y2 ที่เวลาตางๆ เปนดังตาราง และที่เวลา 5.0 วินาที ความเขมขนของผลิตภัณฑเทากับ 4.00 โมลาร
พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. อัตราการเปลี่ยนแปลงความเขมขนเฉลี่ยในชวงเวลา 0.0 - 10.0 วินาที ของ Y2 เทากับ 0.30 โมลารตอวินาที
ข. ความเขมขนของผลิตภัณฑที่เวลา 10.0 วินาที เทากับ 6.00 โมลาร
ค. สูตรโมเลกุลของผลิตภัณฑคือ X Y2
ขอความใดถูกตอง
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ก. และ ข. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
5. ข. และ ค. เทานั้น
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
10. เมื่อวิตามินซีทําปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนและนํา้ จะเกิดการสลายตัวใหกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก หากทําการทดลองเพื่อ
ศึกษาอัตราการสลายตัวของวิตามินซีในนํ้าแอปเปล โดยเติมวิตามินชี นํ้าตาลลงในนํ้าแอปเปลที่เหมือนกัน และมี
ปริมาตรรวมเปนรอยละ 75 ของขวดที่บรรจุ ซึ่งเปนขวดปดที่มีปริมาตรเทากัน โดยมีปริมาณวิตามินชี นํา้ ตาล เสนผาน
ศูนยกลางของขวด อุณหภูมิ และเวลาที่ใช (เวลาที่ปริมาณวิตามินซีลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่เติม) ในแตละการ
ทดลอง เปนดังตาราง
พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการเกิดกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก จะเพิ่มขึ้น
ข. การเติมนํ้าตาลทําใหวิตามินซีสลายตัวเร็วขึ้น
ค. X < 4.2
ง. Y < 5.6
1. ก. และ ค. เทานั้น
2. ข. และ ค. เทานั้น
3. ค. และ ง. เทานั้น
4. ก. ข. และ ง. เทานั้น
5. ก. ค. และ ง. เทานั้น
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
11. เติมลมยางรถยนต A และ B ดวยอากาศที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส จนอานคาความดันได 30.0 ปอนดตอตารางนิ้ว
จากนั้น อุณหภูมิในอากาศลดตํ่าลงอยางรวดเร็วจนเหลือ 12 องศาเซลเซียส
พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. ที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส อานคาความดันของยางรถยนต A ได 28.5 ปอนดตอตารางนิ้ว
ข. หากยางรถยนต B มีปริมาตรเปน 2 เทาของยางรถยนต A ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ของยางรถยนต
B จะเปนครึ่งหนึ่งของยางรถยนต
ค. หากเติมลมยางรถยนต A ดวยแกสไนโตรเจนแทนอากาศ ความดันที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ในยางรถยนต A
ที่เติมแกสไนโตรเจนจะมีคาเทากันกับเมื่อเติมอากาศ
กําหนดให แกสที่เกี่ยวของเปนแกสอุดมคติ และยางรถยนต A และ B เปนระบบปด
ขอความใดถูกตอง
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ค. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
5. ข. และ ค. เทานั้น
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
13. ไดไนโตรเจนเพนทอกไซด (N2O5) เปนของแข็งที่สลายตัวไดแกสไนโตรเจนออกไซด (NO2) และแกสออกซิเจน (O2)
ถาเก็บ N2O5 6.0 โมล ในภาซะปดขนาด 10.0 สิตร ที่อุณหภูมิหนึ่งพบวา ที่สมดุลจะเหลือสารนี้ 5.0 โมล
ถาสมการเคมีของปฏิกิริยาการสลายตัวของ N2O5 ที่ดุลแลวมีเลขสัมประสิทธิ์เปนจํานวนเต็มทีน่ อยที่สุด
คาคงที่สมดุลของปฏิกิริยาเคมีดังกลาวมีคาเทาใด
1. 8.0 × 10−5
2. 3.2 × 10−4
3. 0.010
4. 0.32
5. 8.0
14. เมื่อบรรจุแกส A2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ และ B2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ T เคลวิน
จะเกิดปฏิกิริยา ดังสมการเคมี
A2(g) + B2(g) ⇌ 2A B(g)
พบวา ที่สมดุล แกส A B มีความดัน 0.40 บรรยากาศ จากนั้นรบกวนสมดุลโดยการเพิ่มความดัน
ของ A2 อีก 0.20 บรรยากาศ
ถาทุกแกสในปฏิกิริยาเปนแก็สอุดมคติ ที่สมดุลใหม ความเขมขนของ A B และคาคงที่สมดุล
ของปฏิกิริยาในขอใดถูกตอง
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
15. หินปูน (CaCO3) สลายตัวภายในภาชนะปดที่อุณหภูมิสูงไดปูนขาว (CaO) และแกสคารบอนไดออกไซด
ดังสมการเคมี
CaCO3(s) ⇌ CaO(s) + CO2(g) ΔH = +178 กิโลจูตอโมล
เมื่อปฏิกิริยานี้เขาสูสมดุลแลว ผลของการกระทําหรือการรบกวนสมดุลในขอใดถูกตอง
1. การบดหินปูนจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น
2. การเติมตัวเรงปฏิกิริยาจะทําใหเกิดปฏิกิริยาไปขางหนาเพิ่มขึ้น
3. การเพิ่มอุณหภูมิใหกับระบบจะทําใหคาคงที่สมดุลของปฏิกิริยานี้เพิ่มขึ้น
4. การลดปริมาตรภาชนะจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น
5. การดูดแกสบางสวนออกจะทําใหความเขมขนของ CO2 ที่สมดุลใหมเพิ่มขึ้น
16. สารประกอบอินทรียในขอใดไมเปนไอโซเมอรกับสารที่มีโครงสรางดังรูป
1. hexan-2-one
2. 3-methylpentanal
3. 2,2-dimethylbutanal
4. 2-methylpentan-1-ol
5. methoxycyclopentane
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
17. สารประกอบอินทรีย 3 ชนิด ไดแก A B และ C ที่ไมทําปฏิกิริยากัน และไมทําปฏิกิริยากับนํ้า
ทดลองโดยนําของผสมระหวาง A B และ C มาผสมกับนํา้ จากนั้นเขยาแลวตั้งไว 3 นาที พบวา เกิดการแยกชั้น
โดยในชั้นของสารประกอบอินทรียพบสาร B และ C ซึ่งเมื่อนําชั้นของสารประกอบอินทรียน ี้มาใหความรอน
ที่อุณหภูมิหนึ่ง พบวาสาร B ระเหยออกไปจนเหลือแคสาร C
สาร A B และ C ในขอใดสามารถใหผลที่สอดคลองกับการทดลองขางตนได
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
18. สารประกอบอินทรียชนิดหนึ่งจํานวน 1 โมล เมื่อเกิดปฏิกิริยาเผาไหมอยางสมบูรณ จะได
แกสคารบอนไดออกไซด 6 โมล และนํ้า 4 โมล และเมื่อนําสารประกอบอินทรียช นิดนี้จํานวน 1 โมล
มาทําปฏิกิริยากับโบรมีนในที่มืดจะทําปฏิกิริยาพอดีกับโบรมีน 2 โมล
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของสารประกอบอินทรียชนิดนี้
1. 2.
3. 4.
5.
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
19. สาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรดไดสาร P และสาร Q โดยสาร Q สามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส
จากสีนํ้าเงินเปนสีแดงได
สาร P สามารถเตรียมไดจากปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 และสาร R จํานวน 1 โมล จะเกิดปฏิกิริยาพอดีกับ
Br2 จํานวน 1 โมล ในที่มืด ไดสาร S ดังแผนภาพ
ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสในกรด
สาร P + สาร Q
K MnO4
Br2 ในที่มืด
สาร S สาร R
ขอใดไมถูกตอง
1. ถาสาร A เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในเบส จะยังไดสาร P เปนผลิตภัณฑ
2. ถานําสาร Q ไปทําปฏิกิริยากับเอมีนที่อุณหภูมิสูงจะไดสารประกอบประเภทเอไมด
3. ถานํา Oxalamide (H2 NOC − CONH2) มาทําปฏิกิริยาไฮโดรลิชิสในกรด จะยังไดผลิตภัณฑเปนสาร Q
4. ปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 ไดผลิตภัณฑเปนสาร P และตะกอนสีนํ้าตาล
5. สาร S มีสูตรโครงสราง คือ Br CH2CH(CH3)CH(CH3)CH2 Br
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
20. เมื่อนําไขมันชนิดหนึ่งมาทําปฏิกิริยาทรานสเอสเทอริฟเ คชันกับเมทานอลไดผลิตภัณฑเปนกลีเซอรอล
และไบโอดีเซล 2 ชนิด ที่มีสูตรเคมีเปน C19 H38O2 และ C17 H34O2
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของไขมันที่ใชในปฏิกิริยานี้
1. .
2. .
3. .
4. .
5. .
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
21. การสังเคราะหพอลิเอทิลีนที่ใชสารตั้งตนเปนอนุมูลอิสระ A ทําปฏิกิริยากับเอทิลีน ทําใหพันธะคู
ของเอทิลีนแตกตัวแลวเกิดอนุมูลอิสระที่ปลายสายซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาตอกับเอทิลีนโมเลกุลอื่นเรื่อย ๆ
กลายเปนพอลิเอทิลีน ดังสมการเคมี
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
22. พิจารณาโครงสรางของพอลิเมอรตอ ไปนี้
ขอใดเปนมอนอเมอรของพอลิเมอรชนิดนี้ และเกิดจากปฏิกิริยาประเภทใด
มอนอเมอร ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร
1 แบบเติม
2 แบบเติม
3 แบบควบแนน
4 แบบควบแนน
5 แบบควบแนน
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
23. ในปจจุบัน บริษัทผลิตรถยนตไฟฟานิยมใชแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนประเภทที่มี Li FePO4
เปนแคโทด เนื่องจากมีตนทุนการผลิตตํ่าและมีความปลอดภัยสูง
โดยปฏิกิริยาเคมีขั้นตอนสุดทายในการสังเคราะหแคโทดชนิดนี้เปนดังสมการเคมี
24FePO4 ∙ 2H2O + 12Li2CO3 + C6 H12O6 ⇌ 24Li FePO4 + 18CO2 + 54H2O
ขอใดระบุตัวรีดิวซและตัวออกซิไดสของปฏิกิริยาขางตนไดถูกตอง
ตัวรีดิวซ ตัวออกซิไดส
1. C6 H12O6 Li2CO3
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
25. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรี่ดักชันดังตอไปนี้ โดย A D และ G เปนธาตุสมมติ
2H2O(l ) + 2e − H2(g) + 2OH −(a q) E 0 = − 0.83V
O2(g) + 4H +(a q) + 4e − 2H2O(l ) E 0 = + 1.23V
A 2+(a q) + 2e − A(s) E 0 = + 0.30V
D +(a q) + 2e − D(s) E 0 = − 1.10V
G (s) + 2e − G 2−(a q) E 0 = + 1.50V
หากนําสารละลายผสมที่ประกอบดวย A 2+ 1.0 โมลาร D + 1.0 โมลาร และ G 2− 1.0 โมลาร ในนํ้า
ไปแยกสลายดวยไฟฟาโดย A 2+ D + และ G 2− ไมทําปฏิกิริยากัน
ผลิตภัณฑชนิดใดเกิดขึ้นที่แคโทด และตองใชแหลงกําเนิดไฟฟาที่มีอีเอ็มเอฟอยางนอยเทาใด
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
26. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรีดักชัน ดังตาราง
ปฏิกิริยาครึ่งเซลลรีดักชัน E 0 (V)
พิจารณาสารตอไปนี้
ก. A gNO3(a q) ข. Na NO3(a q) ค. Cl2(g) ง. Sn Br2(a q)
เมื่อบรรจุสารในภาชนะที่ทําจากดีบุก (Sn) สารใดไมทําใหภาชนะที่ทําจากดีบุกผุกรอน
1. ก. เทานั้น
2. ข. เทานั้น
3. ก. และ ค. เทานั้น
4. ข. และ ง. เทานั้น
5. ข. ค. และ ง. เทานั้น
27. ขอใดเปนสารที่ไมสามารถแสดงสมบัติเปนทั้งคูกรดและคูเบสสารได
1. H2O
2. HSO3−
3. H2 PO4−
4. HCOO −
5. H3 N +CH2COO −
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
28. กําหนดให A X และ Z เปนธาตุสมมติ
H A(a q) + H2O(l ) → A −(a q) + H3O +(a q)
H X(a q) + H2O(l ) ⇌ X −(a q) + H3O +(a q) Ka = 1.0 × 10−5
Z(a q) + H2O(l ) ⇌ H Z +(a q) + OH −(a q) Kb = 1.0 × 10−4
พิจารณาสารละลาย 3 ชนิด ไดแก
• [H Z ]A 1.0 โมลาร
• [H Z ]X 1.0 โมลาร
• Na X 1.0 โมลาร
ขอใดเรียงลําดับสารละลายขางตนที่มี pH จากมากไปนอยไดถูกตอง
1. [H Z ]X [H Z ]A Na X
2. [H Z ]A [H Z ]X Na X
3. Na X [H Z ]A [H Z ]X
4. [H Z ]X Na X [H Z ]A
5. Na X [H Z ]X [H Z ]A
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
30. นักเรียนคนหนึ่งทดลองเปรียบเทียบปริมาณนํา้ ตาลของผลไมชนิดตางๆ ตามขั้นตอนดังนี้
I. ชั่งผลไม 10.00 กรัม ดวยเครื่องชั่งทศนิยม 3 ตําแหนง
II. ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 100.00 มิลลิลิตร ดวยบีกเกอร แลวเทผสมกับผลไม จากนั้นปนและกรองดวยผาขาวบาง
III. ตวงสารละลายที่ไดจากขั้นตอนที่ II. ปริมาตร 5.00 มิลลิลิตร ลงในหลอดทดลองดวยปเปตต
IV. เติมสารละลายเบเนดิกตปริมาตร 1.00 มิลลิลิตร จากบิวเรตตลงในหลอดทดลองจากขั้นตอนที่ III.
จากนั้น จับเวลาที่ใชจนกระทั่งมีตะกอนเกิดขึ้น และทดลองซํ้าโดยเปลี่ยนชนิดของผลไม แลวเปรียบเทียบเวลา
ที่ใชในการตกตะกอน
ขั้นตอนใดเลือกใชอุปกรณวัดปริมาณสารที่ละเอียดไมเพียงพอกับขอมูลที่ตองการวัด
1. I. เทานั้น
2. II. เทานั้น
3. IV. เทานั้น
4. I. และ III. เทานั้น
5. II. และ IV. เทานั้น
ตอนที่ 2 แบบระบายตัวเลขที่เปนตัวเลข
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
32. การสังเคราะห Cp2 Si Me2 มีขั้นตอนในการสังเคราะหตอไปนี้
+ H2
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
34. เตรียมสารละลายสําหรับทําความสะอาดหินปูนที่เกาะบนกระจก 2 ขวด โดยขวดที่ 1 นําสารละลาย
กรดแอซีติกเขมขน 1.00 โมลาร ปริมาตร 90.0 มิลลิลิตร มาเติมนํ้าจนมีปริมาตร 2.00 ลิตร
ถาตองการเตรียมสารละลายขวดที่ 2 ปริมาตร 5.00 ลิตร ใหมีคา pH เทากับขวดที่ 1 โดยใชสารละลาย
กรดไฮโดรคลอริกเขมขนรอยละ 7.30 โดยมวลตอปริมาตร แทนกรดแอซีติก จะตองใชสารละลายกรดไฮโดรคลอริก
กี่มิลลิลิตร
กําหนดให Ka ของกรดแอซีติก = 1.80 × 10−5
มวลตอโมลของกรดแอซีติกเทากับ 60.0 กรัมตอโมล
มวลตอโมลของกรดไฮโดรคลอริกเทากับ 36.5 กรัมตอโมล
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
• ไอออน Q 2− มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนแกสมีสกุลที่อยูในคาบที่ 3 Q 2 8 8 ะ Q
• ธาตุ R มีจํานวนอิเล็กตรอนใน 3p ออรบิทัล 5 อิเล็กตรอน 3p5 R าร้2522p 3s23p5
งึ ้ว่ื วิญ
์ ิ 6๋
i หมู7A
่
ขอใดถูกตอง
✓ VIA
1. ธาตุ R อยูใ นคาบที่ 3 หมู VA \ z Y Y
น้อย ฬื มาก
ณื่ ค๋
เล็ ก
มาก m
m
ฉื่
ยู ๋ณู่ ญุ่ ซ
2. 24
NaCl เปนสารประกอบโซเดียมอยูในรูปของ Na − 24 เทานั้นซึ่ง Na − 24 สลายตัวใหรังสีบีตา
และมีครึ่งชีวิต 15 ชั่วโมง
ถาละลาย 24NaCl 5.95 กรัม ในนํ้าจนไดสารละลาย 25.00 มิลลิลิตร แลวนําสารละลายไปใช i. เหลื อสจล.
จํานวนกี่กรัม
3. 0.240
mn±µ ภ๋ =<, ๆ
m. =
น ยู = แ
?้
ําฐู =0.02×24 ฑุ µ= ฑุ ต้ µ
4. 0.300 m.
น. ใน = µ, !
Nat
i. E4M ท
ฑุ uลืo = 0.12 g
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
a m a.
ฒื
ฬื
แไม่หักล้างกัน ะ มีขั้ว
าเป็นต้องเฮไปตามกฎออกรตท
ไม่สจํมมติ
โมเลกุลไมมีขั้ว
1. ACl4 มีรูปรางโมเลกุลเปนทรงสี่หนาบิดเบี้ยว
2. ECl3 มีรูปรางโมเลกุลเปนพีระมิดฐานสามเหลี่ยม
าแบบ พันธะจึงถู ก
✓ บี บมากกว่ า
กd หรื อ A: E
ACIz ะ 2 แบน มีขั้ว ะ
E
ะ 4 แบน มีขั้ว
µ dl Ci
<<เอา5
µ,µ
พี ระมิ ด
ฐาน
Ad14
di di
่ า ยย
ทรงสีหน้
E 5
<<ioa.si
g....
no. อ c,
สาร A สาร B At B ะ ญื ้ D
ไม่ มี °
1. วั้ Ca Br2 KCl
d HNo, ะ X<g, ได้ว่ า
คาด
dประกอบด้วco,
ย
แสดงว่ าAu oมี แะ
2. CaCl2 K2CO3 p
i. a
มา วื ้ฐ่ื เราจสง รร
รอBมี 7Aเรหอพระnou
i.แสดงว่ า Au
4. CuCO3 K Br
ไม่ ม7A
ี 5. 2 CaClztKzC03 CaCog 2K4 X
Cu(NO3)2 K2CO3
ขาว ขาว
เขี ยว ขาว
KBr
AxNg Arbr
เหลื อง
4เ Cudo, 2K Bv.cn Br หา 3 X
ด่ บน
สารใหความหวาน X เปนสารในขอใด
° C 0.า441 = mw
× 1.86
5o
แู
i. Mw = 152
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนกับคารบอนมอนอกไซด จากนั้นซิลิคอนที่เกิดขึ้นจะทําปฏิกิริยาตอกับคารบอนที่เหลืออยู
ไดผลิตภัณฑเปนซิลิคอนคารไบด
จึงจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซิลิคอนไดออกไซดทั้งหมดเปนซิลิคอนคารไบด
1. 1.20 × 103 ±
1Si 1 งื ๊ 1sid
4. 2.40 × 106 oo×103=3oomrl
6 Si 3C แ µ i. Kmolc = 3 × 6.
5. 3.60 × 10
6o
2MgCO3 + SiO2
ถา Mg2 SiO4 ทําปฏิกิริยากับ CO2 ในอากาศที่ประกอบดวยแกส CO2 รอยละ 0.100 โดยมวล
1 หามวลอากาศ ใ
2. 0.280
4. 14.00 2 m= × 88 อ.088 g
5. 28.00 88
mmngg
3 Mgzsi04 ± 2C02
44 = อ. ooz
°
z
ะ =
ผi
2 2
Jm,s.อ4 0001×14°= อ.า4g
=
ทํา
= °ะ
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
พิจารณาขอความตอไปนี้
✓
ข. ความเขมขนของผลิตภัณฑที่เวลา 10.0 วินาที เทากับ 6.00 โมลาร
ค. สูตรโมเลกุลของผลิตภัณฑคือ X Y2 ×
ขอความใดถูกตอง
1. ก. เทานั้น
3. ก. และ ข. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
5. ข. และ ค. เทานั้น
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ทดลอง เปนดังตาราง
การทดลองทีี่
ก. ค.
4 200 10.0 5.0 8 5.6
พิจารณาขอความตอไปนี้
เพราะอุณหภู ทํ
มิ าให้น9าตาล
ก. เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการเกิดกรด 2,3-ไดคีโตกูโลนิก จะเพิ่มขึ้น ลดลงเร็ ว
ขึ้น
✓
ข. การเติมนํ้าตาลทําใหวิตามินซีสลายตัวเร็วชึ้น X เพราะทําให้ใช้เวลามากขึ ้น i Rate2,37ดศัโตกฺโลนิกเพิ่ มขึ ้น
✓
ง. Y < 5.6 X ปริมาณ3ตาปuิ นอนลงทําให้โอกาสการเกิ ดปฏิ กิริยาน้อยลงจึ งทําให้ใช้เวลามากบึ ้ นะ Y>5.6
ซี
1. ก. และ ค. เทานั้น
2. ข. × และ ค. เทานั้น
ค 1 โดยปกติ wn.ผ่รของการหาไม่มี ผลต่ อ ฐ ออกซิ เจน
อัตราการเกิ ด กิ ริยา
3. ค. และ ง. เทานั้น บนคื อวิ ตามิ นซีทํ าปฏิ กิริยากับ
4. ก. µ ××
ข. และ ง. เทานั้น
แต่ นี ้
ใหกรณี ปฏิ กิริยที า ่ เกิ ด
กลางอวดมากกว่ าออกซิ
iou
µµ
1สัuผ่ าน หนักลงน้อยกว่ า
สู 4.2
มากขึ ้น i. XC
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
Ta=TB Av = n
Pa =PB
v=n ไม่บอกV ไผ่บอก n ?
11. เติมลมยางรถยนต A และ B ดวยอากาศที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส จนอานคาความดันได 30.0 ปอนดตอตารางนิ้ว
พิจารณาขอความตอไปนี้
B จะเปนครึ่งหนึ่งของยางรถยนต
ที่เติมแกสไนโตรเจนจะมีคาเทากันกับเมื่อเติมอากาศ
ขอความใดถูกตอง
กเ ยางA ลดอุหกฺ ปิ ขาข้อมู ลไผ่เผียะพอ เนื่ องจากไปกําหนดmolมา
1. ก. เทานั้น
ะ ÷÷ะะ
2. ข. เทานั้น ะ ÷÷÷
ํา.................
้ ฐู่
° ศ
3. ค. เทานั้น
4. ก. และ ค. เทานั้น
ะได้ว่ า _ =
กุ กุ่ "ศู=:::: Nz
ะ28.5
i. ตัดเรื่ อย
้ ่ า บ. ผิ ดแน่ๆ
2Y + SCl2 X
R
|
2. C4 H8 มวลตอโมเลกุล 56
จากกฎทรงมวนจะได้
ภั่
าะ รํา
ะ...ญ9
ะ Mwx = 159
1.92 103
i. Mwy = 28
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ถาเก็บ N2O5 6.0 โมล ในภาซะปดขนาด 10.0 สิตร ที่อุณหภูมิหนึ่งพบวา ที่สมดุลจะเหลือสารนี้ 5.0 โมล
คาคงที่สมดุลของปฏิกิริยาเคมีดังกลาวมีคา เทาใด
1. 8.0 × 10−5
2. 3.2 × 10−4
2N,0sis, 4Nigi 102cg,
ร อู =อ.เรา o
3. 0.010
อ.2 to.อ5
4. 0.32 ป อ.2
4 2
K Noz oz
4
อ.2 อ.อ5
8×10
14. เมื่อบรรจุแกส A2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ และ B2 ความดัน 1.00 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ T เคลวิน
จะเกิดปฏิกิริยา ดังสมการเคมี
ของปฏิกิริยาในขอใดถูกตอง
PV
n = PV
ความเขมขนของ A B (M) คาคงที่สมดุล c._
อ.
1. มากกวา
0.04
ฮื อ 0.16
iii ญู ้
RT
0.04
2. มากกวา 0.25
RT ✓
0.04 ร 2 2 0
3. มากกวา • 0.44
ปนํ า นํา
RT
_ to.4
0.04
•อ RT RT
4. นอยกวา 0.25 o.pt
RT สุ ÷ °:..
0.04
4•0
5. นอยกวา 0.44
RT รอ 8 อ.า อ.8 อ.4
ป X × 2×
t =
ยุ ๋กุ๋
อ.8 × 0.4 า×
Az]ก
ไรื
สุ 1RT× RT RT
> 0.4
RT
ill
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
it = o.↳
ดังสมการเคมี
ปฏิ กิริยาดูดคราบรัว
้u
เมื่อปฏิกิริยานี้เขาสูสมดุลแลว ผลของการกระทําหรือการรบกวนสมดุลในขอใดถูกตอง
ทั้ง
19 we พื
ณ๊.
v. i ณึ ๊ ตoหื๊
ในขอนี้การลดปริมาตรภาชนะ ความเขมขนจะเทาเดิม เนื่องจาก คา K = [CO2] ไมวาจะลดหรือ h ทื wa
CO2) แต mol CO2 จะลดลง ตามหลักการเลอชาเตอลิเอ แตปริมาตรที่ลดลงจึงทําให [CO2] ปฏิ กิริยไป
า ข้างหน้าทําให้ผลิ ต
กับมากขึ ้น
เทาเดิม
ฆัตั๊ ้ง
K= ผลิ ตภัณฑ์] P
ฒ๊ การดึ ง ไป
C02cg,ออก ทําให้เกิ ดปฏ่กิ ริยา ข้างหน้าก็จริ ง a.
16. สารประกอบอินทรียในขอใดไมเปนไอโซเมอรกับสารที่มีโครงสรางดังรูป
GHi,0
1. hexan-2-one ✓ C 12°
เ n
2. 3-methylpentanal
✓CMF o
3. 2,2-dimethylbutanal
2-methylpentan-1-ol Cin
4.
5. methoxycyclopentane
XCM,3° อ on
CoHn0 o
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
]
ที่อุณหภูมิหนึ่ง พบวาสาร B ระเหยออกไปจนเหลือแคสาร C
เ ละลายนํา แ ไม่ละลายนํา r
1. propan-1-ol propan-1-ol
Octwtoodan octane จุ ดเดื อดสารB>สารd
e
จุ ดเถื อกสารd> สาร
µµ
4.
บั้ว
octane octan-1-ol propan-1-ol มีแรงยึ ดเหนี่ ยวเปัu
procter
London
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
⇐
1C×Hy 6C t 4 2° i.
มาทําปฏิกิริยากับโบรมีนในที่มืดจะทําปฏิกิริยาพอดีกับโบรมีน 2 โมล
ษ
หันธ=คู่ ทําปฏิ กิริยากับBrz 1 ใบล
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของสารประกอบอินทรียชนิดนี้
ั
พัหําม ผับระกู่ 2 ฝัuร>
Cb 14 2 4 d6 |4 2C 21
ะ i. C6 เอ
วงเuuฃัu CCMP
3. า 4.
พันธะภู่
h หื ๊
เ4 a
Cb 8
5.
ํา แ i. หื ฑ
๊ ่ื ะผ้
ะ C,
เอ
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
จากสีนํ้าเงินเปนสีแดงได i. Q เป็นกรด
กรดการออกซิสัก
hlycol
o อ
no กก
ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสในกรด
า รในลิ ซส
ปฏิ กิริยไ ิ ใunรถ บภ เอสเทวร์ K MnO4
R อ 0 R Hz0 i A
การก
on R on
กลาง
Br
Br2 ในที่มืด
สาร S สาร R
แอลกีu
Br
ขอใดไมถูกตอง R o ก่
c nzo.in on i on
2. ถานําสาร Q ไปทําปฏิกิริยากับเอมีนที่อุณหภูมิสูงจะไดสารประกอบประเภทเอไมด✓
ป
4. ปฏิกิริยาระหวางสาร R กับ K MnO4 ไดผลิตภัณฑเปนสาร P และตะกอนสีนํ้าตาล C
✓ dn, 3
ะ Br
Cnz Cห CH Cหz Br
ฒ R ง
nmmแกน
on เ R น R
รอบด่
N 2° Br
c
d
m ไบ่ สาร
ไม่ s
OH t การ
m
R Nnz Hzo R หา
รอปัu กรดการบอกซิลกา ิ
0 0 ° 0
my ห0 0ห
สาร Q
ตา0am ° 0ห
น c d t Mnอุ
µ
ciyµ
ออคัu
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
onosettntettottonzoa
ว9
ni R on nion f
Cn
ะ
0ห
20. เมื่อนําไขมันชนิดหนึ่งมาทําปฏิกิริยาทรานสเอสเทอริฟเคชันกับเมทานอลไดผลิตภัณฑเปนกลีเซอรอล
และไบโอดีเซล 2 ชนิด ที่มีสูตรเคมีเปน C19 H38O2 และ C17 H34O2 ueueuum dnz on
0 C
ขอใดเปนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดของไขมันที่ใชในปฏิกิริยานี้
!๋
1. . ×
2. .
3. .
ําา
4g
4. .
ํา8
ํา8
5. .
C18 d18
t18
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ของเอทิลีนแตกตัวแลวเกิดอนุมูลอิสระที่ปลายสายซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาตอกับเอทิลีนโมเลกุลอื่นเรื่อย ๆ
กลายเปนพอลิเอทิลีน ดังสมการเคมี
ทําใหเกิดอนุมูลอิสระที่ทําปฏิกิริยากับเอทิลีนสายอื่นแลวเกิดปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอรตอไดผลิตภัณฑ
ดังสมการเคมี
อะตอมไฮโดรเจนจากพอลิเอทิลีนสายอื่นได
จะมีสมบัติหรือการเปลี่ยนแปลงอยางไร เมื่อเทียบกับพอสิเอทิลีนที่สังเคราะหโดยไมไดเติมตัวเรงปฏิกิริยาดังกลาว
2. มีความยืดหยุนมากขึ้น Xกัา
3. มีความหนาแนนมากขึ้น
5. มีความเปนกิ่งในโครงสรางมากขึ้น × ถ้าใส่จไ
ะ ม่ธกิ่ ง
•
กันต้นZiegler Natta จะไม่เกิ ดปฏิ กิริยดึา งAtomH ได้
•
ี ความหนาแน่ นตd1
LDPE Cwoลิwriสห
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
maoa
° °
R on
ะ เกิ ดปฏิ กิริยาควบบ่ น
ขอใดเปนมอนอเมอรของพอลิเมอรชนิดนี้ และเกิดจากปฏิกิริยาประเภทใด
มอนอเมอร ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร
1 แบบเติม
2 แบบเติม
3 แบบควบแนน
4 แบบควบแนน
5 แบบควบแนน
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
เปนแคโทด เนื่องจากมีตนทุนการผลิตตํ่าและมีความปลอดภัยสูง
โดยปฏิกิริยาเคมีขั้นตอนสุดทายในการสังเคราะหแคโทดชนิดนี้เปนดังสมการเคมี
ง a. o ะ z ะ 42
วุ ้
ขอใดระบุตัวรีดิวซและตัวออกชีฒื
ไสของปฏิกิริยาขางตนไดถูกตอง
ตัวรีดิวซ ป.ออกซินาษห
ั ตัวออกซิไดส =>ป.รัดกั ษัu
•ออก
รี
•
1. C6 H12O6 •
ให้ Li2CO3
รับ
•
•
เพิ่ น a
ลด
24. พิจารณาสมการรีดอกซตอไปนี้
ขอใดไมถูกตอง
ใน
0× ะ1XeF, I 6h20 2อั 1Xe0 6F า2ท๋
1. ครึ่งปฏิกิริยาที่ 1 เปนครึ่งปฏิกิริยารีดักชัน ✓
ให้ เพิ่ ม ตัวรคั ิ วซ์
รั๋
✓
3. สมการรีดอกซที่ดุลแลว มีเลขสัมประสิทธิ์ของ H2O เทากับ18× 6
ง"
อ xe µ ยู ๋ µ
ฐ20
36on
mXe 3Xe0 24F 18ห20
25. กําหนดคาศักยไฟฟามาตรฐานของครึ่งเซลลรี่ดักชันดังตอไปนี้ โดย A D และ G เปนธาตุสมมติ
2H2O(l ) + 2e − H2(g) + 2OH −(a q) E 0 = − 0.83V
O2(g) + 4H +(a q) + 4e − 2H2O(l ) E 0 = + 1.23V
A 2+(a q) + 2e − A(s) E 0 = + 0.30V
G (s) + 2e − G 2−(a q) E 0 = + 1.50V
หากนําสารละลายผสมที่ประกอบดวย A 2+ 1.0 โมลาร D + 1.0 โมลาร และ G 2− 1.0 โมลาร ในนํ้า
ผลิตภัณฑที่แคโทด อีเอ็มเอฟ (V)
1. A(s) 0.93
2. A(s) 1.20
3. D(s) 0.13
4. D(s) 0.40
5. G (s) 1.20
แวในด แก โทก ±°
4ห๋ 4e = I.23V
02
• 2 0
หา E 2Hzo 2e • H, 2on EY= 0.83V
d. ze G Ef= t1.5°V กั ๋ 2e • A
EI= อ.30V
ยุ ๊ p = เ.เอ V
p e
E
mn
ะ°
n
E:๚= E, E
ําอ
= 0.30 1.23 V
i. E:< = 0.93 V
แ
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ปฏิกิริยาครึ่งเซลลรีดักชัน E 0 (V)
พิจารณาสารตอไปนี้ ตัวรบ
ั Ef=1.36v
ก. CI,
27. ขอใดเปนสารที่ไมสามารถแสดงสมบัติเปนทั้งคูกรดและคูเบสสารได
1. H2O
คูเบส
่
2. HSO3− คู่
กรด
3. H2 PO4− 0 ห้
H30
4. HCOO − HS0 5°
5. H3 N +CH2COO − ว้ Hz503
วั้
HzA0ห้ HP0
ncoo
Hgpoa
HCoon
หั้
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
แก่
การก
H X(a q) + H2O(l ) ⇌ X −(a q) + H3O +(a q) Ka = 1.0 × 10−5
กอou
การ
+ − −4
Z(a q) + H2O(l ) ⇌ H Z (a q) + OH (a q) Kb = 1.0 × 10 เบสอ่ou
woiou กรดอ่on 7
• [H Z ]X 1.0 โมลาร nz]× UpUa ะ เกลื อเบส pH>
Hx
ญi ข o กกว่ า แ2]×
ษ ่ ู iP
• Na X 1.0 โมลาร °
กo
ขอใดเรียงลําดับสารละลายขางตนที่มอิี pH
a n
์ จากมากไปนอยไดถูกตอง
นํ า แต่ Nax มีหบางuเบสมา
1. [H Z ]X [H Z ]A Na X
2. [H Z ]A [H Z ]X Na X
3. Na X [H Z ]A [H Z ]X
4. [H Z ]X Na X [H Z ]A
5. Na X [H Z ]X [H Z ]A
1. 2.50
เกลื อเบส
3. 9.15
4. 9.35
i เอ้
5. 11.50
i. ori = C หµ
×
=
log
i. OH = = 2.5
=
jc× หฺ
pH
= 14 2.5 = 11.5
i.
=
0.7× เจ้า
>xi.io
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
I. ชั่งผลไม 10.00 ย×
ม ××
อ.×× กรัม ดวยเครื่องชั่งทศนิอ. 3 ตําแหนง
ฏู ้
อ.
×× × แลเวเทผสมกับผลไม จากนั้นปนและกรองดวยผาขาวบาง
II. ตวงนํ้ากลั่นปริมาตร 100.00 มิลลิลิตร ดวยบีกเกอร
อ.××มิลลิลิตร ลงในหลอดทดลองดวยปo.××
III. ตวงสารละลายที่ไดจากขั้นตอนที่ II. ปริมาตร 5.00 เปตต
✓
IV. เติมสารละลายเบเนดิกตปริมาตร อ. ×× มิลลิลิตร จากบิอ.
1.00 ×× ลงในหลอดทดลองจากขั้นตอนที่ III.
วเรตต ?
ที่ใชในการตกตะกอน
ขั้นตอนใดเลือกใชอุปกรณวัดปริมาณสารที่ละเอียดไมเพียงพอกับขอมูลที่ตองการวัด
1. I. เทานั้น
3. IV. เทานั้น
5. II. และ IV. เทานั้น บาง เฉลย จ. เหตุเพราะมองว่ า การเติ มสารละลายเบเนดิ กต้ปริมาตร า.oom
ท่ี มากกว่ า
ตอนที่ 2 แบบระบายตัวเลขที่เปนตัวเลข
คาของ x + y + z เปนเทาใด
C H ะ 0 v
ฐ
=
m 22.4
12 16
g, 89 6° Y 2 = 4 8 า = 14
=
4.962 i 9.09:2.273
ะ 2ะ 4 ะ 1
C,440 n ะ 88
i. n = 2
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
ir
2 1
8จาง
ทั้งหมดลงใน (CH3)2 SiCl2 2.580 กรัม แลวได Cp2 Si Me2 1.692 กรัม ผลไดรอ ยละจากการทดลองนี้เปนเทาใด
กําหนดให มวลตอโมลของ Cp เทากับ 66.0 กรัมตอโมล (CH3)2 SiCl2 เทากับ 129.0 กรัมตอโมล
มี 0:20=o... อ. อา =o.อ2 °
= 1.692
o.oio.am, µµ
ได้ร้อยละ
ะ. ผล go
imi° 8 88 2mi
คาของ c + d เปนเทาใด
ก. X e =z 8 8 = 78e
i. X า 8 9 2 21e =p 2เ
V. Y ไอโซโทร X
y pteแ
d 42 21
C d =
รุ ๋
Y => Y ะ
Y ptzn° ทํ =z, a = 63
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์
กรดแอซีติกเขมขน 1.00 โมลาร ปริมาตร 90.0 มิลลิลิตร มาเติมนํา้ จนมีปริมาตร 2.00 ลิตร
−5
C,vญi Gy
dn,corn] ไ
2×so = dz×าooo
7.70×10
Coon]=C. ะ
Cng
° อ.อ45M
36.5 บุ = g×เอ ×Sooo
ห๋]µm= ห
V, = 2.25 mL
ปC × ห = หแ]แ
µµµµµµ
ะ Ha},ะ 4M
9×เอั
PVะ nRT
P= 0.2 ×0.อ8 แ × 12> 273
ญู ้
n = = 12 atm
§ณฺ
UpCHEM | เคมีพี่ตังค์