Professional Documents
Culture Documents
BIM.. Information
BIM.. Information
สารบัญ.......................................................................................... i
3 CM - BIM ............................................................................. 5
5 BIM คือ................................................................................. 9
i
20 ขอตกลงและความรับผิดชอบเมื่อเริ่มใช BIM ........................... 45
21 ขอมูลกับการเชื่อมโยงเพื่อทํางานรวมกัน ................................ 47
33 BIM – M ............................................................................. 79
ii
1 BIM and I
ความก้าวหน้าในยุคอุตสาหกรรม 4.0 เป็ นการเปลีย่ นแปลงไปสูย่ คุ ใหม่ของการทํางาน ผูท้ ด่ี าํ รงอยูไ่ ด้ตอ้ ง
สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะได้อย่างดี ถึงแม้วา่ มนุษย์พยายามดัดแปลงธรรมชาติให้ตอบสนองความ
สะดวกสบายยิง่ ขึน้ การปรับตัวอย่างพอเหมาะและสอดคล้องกับภาวะธรรมชาติทด่ี าํ รงอยูเ่ ป็ นสิง่ ยังยื ่ น
เช่นเดียวกับ BIM เป็ นกระบวนการทํางานใหม่ทเ่ี ราได้สมั ผัสและดัดแปลงตัวเองเพือ่ ใช้ประโยชน์สงู สุดใน
ภาวะทีเ่ หมาะสมบนพืน้ ฐานของภูมศิ าสตร์ทเ่ี ป็ นอยู่ การเรียนรูเ้ พือ่ หาแก่นของมันเพือ่ นํามาต่อยอดการทํางาน
เป็ นสิง่ สําคัญ สําหรับ BIM แล้ว Information เป็ นหัวใจสําคัญในการทํางานทุกหน้าทีแ่ ละเกีย่ วข้องกัน
ตลอดเวลาผูท้ ท่ี าํ งานด้านนี้ควรตระหนักว่าการทํางานข้อมูลต้องมีความเข้าใจและจัดระเบียบเป็ นมาตรฐานเพือ่
นําส่งข้อมูลนัน้ ไปตลอดอายุของโครงการ
เริม่ เป็ น I (Information)
ในสภาวะแวดล้อมของการทํางานมีขอ้ มูลทีแ่ ตกต่างออกไปหลากหลายประเภท ทัง้ ข้อมูลในการออกแบบ
คุณสมบัตขิ องวัสดุ ความต้องการการใช้สอย ความสัมพันธ์ระหว่างพืน้ ที่ และอื่นๆอีกมากมาย ข้อมูล(Data)
เหล่านี้มลี กั ษณะทีแ่ ตกต่างออกไปเช่นทีเ่ ป็ น Graphic และ Non Graphic ต้องผ่านกระบวนการให้
เป็ น Information แล้วจึงสามารถนํามาเชื่อมต่อการใช้งานได้ดว้ ยคุณสมบัตขิ อง BIM ซึง่ เป็ น
Model base สามารถแสดงผลทีเ่ ป็ น Information และ Parameter ทีส่ ามารถแสดงผลเป็ น
Coordinate ,Space ,Function ,Area ,Type และอื่นๆ
สิง่ เหล่านี้เหมือนกับข้อมูลกองใหญ่ทเ่ี ราต้องทํางานกับมัน
จุดประสงค์ของการใช้งาน
ในกองข้อมูลเหล่านี้มที งั ้ ทีน่ ําไปใช้งานและไม่ได้ใช้งาน ,จําเป็ นและไม่ได้จาํ เป็ น เรามักกังวลเสมอเมือ่ เริม่ ต้น
ทํางานว่าต้องบันทึกอย่างไรจึงจะนําไปใช้ได้ แล้วต้องใส่ขอ้ มูลแค่ไหน? สิง่ ทีจ่ ะระบุได้กค็ อื ความต้องการใช้งาน
ของ BIM ในแต่ละโครงการและแต่ละขัน้ ตอน จุดประสงค์ของการใช้งานจึงเป็ นอันดับแรกก่อนเริม่ งานเพือ่
การจัดเตรียมข้อมูลสําหรับงานนัน้ ๆ สิง่ เหล่านี้เป็ นเรือ่ งทีแ่ ตกต่างจากการทํางานปรกติและนําไปทําในขัน้
สุดท้ายของการทํางานซึง่ หมายถึงความยุง่ ยากและไม่สามารถทําประโยชน์ในระหว่างทํางานได้ การจัดเตรียม
ตัง้ แต่เริม่ ต้นตามความประสงค์ของการใช้งานจะสามารถแสดงผลทีต่ อ้ งการเมื่อจบงาน เช่นการต้องการใช้ขอ้ มูล
ประมาณราคาเราต้องการจัดระเบียนข้อมูลตามมาตรฐานของอุปกรณ์ Component ทีม่ รี ายละเอียดที่
แตกต่างกัน บานประตูประกอบด้วย บาน ,วงกบ ,บานพับ ,มือจับ ,ลูกบิด การแสดงผลแต่ละขัน้ ตอนไม่
เหมือนกันเมือ่ ต้องการราคาก็ตอ้ งมีหวั ข้อเหล่านี้ ในกรณีตอ้ งการแสดงผล Clash Detection
องค์ประกอบของ บานพับ ,มือจับ ,ลูกบิด อาจไม่ตอ้ งแสดงผล ข้อแตกต่างเหล่านี้ตอ้ งนํามาตกลงและหา
ข้อสรุปตัง้ แต่เริม่ งาน
ความละเอียดของข้อมูล
เป็ นเรือ่ งทีต่ อ้ งทําความเข้าใจอย่างสูงสําหรับความละเอียดของของข้อมูลทีจ่ ะต้องบันทึกลงใน BIM Model
ดังทีก่ ล่าวมาแล้วสําหรับจุดประสงค์ของการใช้งานทําให้เกิดกรอบการทํางานทีใ่ ช้ขอ้ มูลในระดับทีแ่ ตกต่างกัน
ไม่ใช่เงือ่ นไขของการส่งงานทีป่ ั จจุบนั มีเงือ่ นไขแบบนี้อยูใ่ นการทํางาน การตกลงเนื้อหาของความละเอียดมีผล
ต่อการทํางานร่วมกันเพือ่ ตัดสินใจร่วมกันในการทํางาน ตัวอย่างเช่นการใช้ในงานโครงสร้างทีว่ ศิ วกรสามารถ
1
ตัดสินใจจากการแสดงผลการเชือ่ มต่อของโครงเหล็กในระดับแบบร่าง ต่อไปจนถึงชนิดของการเชื่อมต่อในระดับ
แบบก่อสร้างทีต่ อ้ งมีตวั ยึดประเภทต่างๆตามเงือ่ นไขของการคํานวณ ในขณะเดียวกันผูอ้ อกแบบด้านอื่น
สามารถรับรูแ้ ละทํางานในหน้าทีข่ องตัวเอง เนื้อหาของการกําหนดในแต่ละโครงการจะแตกต่างกันออกไปตาม
ประเภทของงาน
"ใช้ BIM ต้อง Share"
จุดประสงค์หนึ่งของ BIM คือการนํา Information ส่งต่อให้ผรู้ ว่ มงานนําไปวิเคราะห์ต่อบนฐานข้อมูล
เดียวกัน การเคารพการทํางานซึง่ กันและกันเป็ นหน้าทีข่ องทุกคน การคัดลอกการทําซํ้าโดยผูอ้ ่นื จะเป็ นเงือ่ นไข
ตกลงเมือ่ เริม่ ทํางาน ในปั จจุบนั ความรอบรูส้ ามารถสืบค้นหรือเรียนรูท้ นั ได้ การกําหนดข้อมูลลงไปโดยให้
ผูร้ ว่ มงานนําไปสืบหาเองหรือสมมุตขิ น้ึ เองไม่ใช่ประโยชน์ของการใช้ BIM การแบ่งปั นข้อมูลจึงมีลาํ ดับขัน้ ตอน
และจําแนกประเภทของข้อมูล ในการทํางานปรกติขอ้ มูลต่างๆก็มหี ลายประเภทของสกุล เช่น dwg. ,pdf.
,xml , ...อื่นๆ เนื่องจากการใช้ Software หลายประเภทนํามาทํางานร่วมกันซึง่ ในอนาคตการใช้ไฟล์
อิเล็กทรอนิกส์จะมากขึน้ บนสือ่ Internet และการประมวลผลบน Cloud การ Share จึงมีประโยชน์
ต่อการทํางานอย่างต่อเนื่อง
Information นําไปสู่ Knowledge
เมือ่ เราสามารถรับรูว้ า่ องค์ประกอบอาคารชิน้ นัน้ มันคืออะไร เรารูว้ า่ มันทํางานอย่างไร เรารูว้ า่ จะติดตัง้ มัน
อย่างไร เรารูว้ า่ รูปทรงสีและผิวเป็ นอย่างไร เรารูว้ า่ มันต้องการดูแลอย่างไรเมือ่ ไร เราจะนํามาใช้งานตามความ
ต้องการของเราอย่างมีประสิทธิภาพความรอบรูน้ ้ีเกิดจากฐานข้อมูลบนมาตรฐานทีเ่ รานํามาบันทึกและสามารถ
เลือกดูจากองค์ประกอบอาคารได้อย่างรวดเร็วจาก BIM Model ทําให้ผรู้ ว่ มงานสามารถเข้าถึงเป้ าหมาย
ได้อย่างดีดว้ ยการ Share ข้อมูลร่วมกัน นํามาสูก่ ารทํางานทีต่ อ้ งติดต่อประสานงานตลอดเวลา
ยังมีประเด็นทีต่ อ้ งศึกษาอีกมากสําหรับเรื่อง Information เพราะความเจริญของ BIM ไม่อยูน่ ิ่ง ใน
อนาคตอาจจะต้องเกีย่ วพันกับการทําธุรกรรมทางการเงินหรือการลงทุน การทํางานบนระบบอิเล็กทรอนิกส์และ
สามารถเบิกจ่ายหรือถ่ายโอนทุนผ่าน Internet เมือ่ ส่งงาน จากจัดซือ้ ตรงสูแ่ หล่งผลิตอุตสาหกรรมเมือ่ เริม่
โครงการ ในไม่ชา้ อาจได้เห็น ด้วยการทํางานด้วย BIM ทีม่ ี Information เป็ นหลักในการทํางาน
ทรงพล ยมนาค
600107
2
2 การพัฒนาองค์ กรของ BIM Manager
3
,ประสบการณ์กบั เครื่ องมือ ,ทัศนคติ ,การสื่ อสารที่ผดิ พลาด ,ความรับผิดชอบและหน้าที่ ในทางกลับกันความ
ต้องการใช้ BIM จากเจ้าของโครงการมีมากขึ้นผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็ นความสําคัญในการทํางานมากขึ้น
BIM Manager จึงต้องมีวธิ ีในการบริ หารการทํางานกับข้อมูลทีละขั้นโดยสร้างกระบวนการเปลี่ยนแปลง
อย่างมีแผนและสร้างความเข้าใจการทํางานให้ผรู ้ ่ วมงานมองเห็นผลลัพธ์ต้ งั แต่ตน้ ทางไปสู่ ปลายทางซึ่ งเกิดจาก
ความสําคัญของทุกคน
การจัดการกับปั ญหา
ในการเริ่ มต้นใช้ BIM ของแต่ละองค์กรจะมีเหตุการณ์คล้ายกันหลายอย่างเช่นการต่อต้านและความไม่มนั่ ใจว่าจะ
นํามาซึ่ งการบรรลุถึงการส่ งงานได้ ด้วยสิ่ งใหม่เหล่านี้มาพร้อมกันด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการทํางานที่แตกต่าง
จากเดิม BIM Manager จะต้องมีวธิ ีการทําให้ผรู ้ ่ วมงานสามารถเข้าใจสาระต่างๆได้อย่างดีตวั อย่างเช่น
• ผูร้ ่ วมงานต้องมองเห็นเป้ าหมายของการทํางานที่มีผลต่อ KPIs ที่พวกเขาสามารถรับรู ้ได้
• นําเสนอผลของ KPIs ให้ระดับบนรับรู ้ถึงการทํางาน
• เพื่อเพิ่มประสิ ทธิ ภาพการทํางานด้วยการสร้างทีมให้มีความเข้าใจการทํางานด้วยการเรี ยนรู ้
• ผูบ้ ริ หารระดับนโยบายควรรับรู ้เหตุผลของความก้าวหน้าหรื อความลมเหลวเพื่อปรับการทํางานให้สอดคล้อง
• นําเสนองบประมาณและค่าใช้จ่ายตลอดการทํางานให้ระดับบริ หารในการพิจารณาความคุม้ ในการลงทุน
ด้วยการสนับสนุนระดับนโยบายอย่างชัดเจนจะทําให้การพัฒนา BIM ในองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้ดว้ ย
การประสานงานและสร้างแผนการทํางานให้สอดคล้องกับนโยบายและวัฒนธรรมองค์กร
References :
1.Implementing Successful Building Information Modeling : Erika
Epestein
2.BIM and Integrated Design Stategies for Architectural Practice :
Randy Deutsch, AIA, LEED-AP
3.The BIM Manager's Handbook Guidance for Professionals in
Architecture,Engineering,and Construction : Dominik Holzer
ทรงพล ยมนาค
600114
4
3 CM - BIM
5
• วางแผนการทํางาน ,การขนส่ งวัสดุ ,การติดตั้งอุปกรณ์
จําลองการทํางานวิธีการก่อสร้างในการติดตั้งชิ้นงานและการประเมินการขนส่ งเพื่อลําเลียงวัสดุ การคํานวณ
ระยะทางและเวลา แล้วนําข้อสังเกตมาวางแผนการทํางาน
• บริ หารงานใน Site
นํา BIM Model มาวิเคราะห์และจําลองการทํางานกับผูร้ ับผิดชอบในแต่ละหน้าที่ในส่ วนต่างๆของการทํางาน
สร้างความเข้าใจและลดข้อขัดแย้งในการทํางาน
• บริ หารงานจากนอก Site
สามารถสื่ อสารกับผูผ้ ลิตชิ้นส่ วนอาคารด้วยการใช้ RFDI Tag บันทึกข้อมุลที่ตรงกับแบบและกําหนดตําแหน่ง
การติดตั้ง ความคืบหน้าในการทํางาน
• ออกแบบการทํางาน
สามารถติดตามผลงานอย่างทันเหตุการณ์ดว้ ยการรับรู ้ขอ้ มูลโดยใช้สื่อที่มีความเชื่อมโยงกับงานออกแบบทําให้
กําหนดวิธีการทํางานล่วงหน้าโดยเฉพาะการบริ หารอาคารหลังงานก่อสร้างแล้วเสร็ จ
• การประสานงาน
กระบวนการทํางานด้วย BIM จะเกิดการผลักดันให้มีการประสานการทํางานมากขึ้นด้วยการนําปั ญหาขึ้นมาแก้ไข
ในที่ประชุมก่อนการทํางานจริ งทําให้เกิดการเข้าใจการทํางานและความโปร่ งใส
• กรอบการทํางานที่ชดั เจน
เมื่อมีการสื่ อสารและทําความเข้าใจของเนื้องานจะทําให้การควบคุมการทํางานมีประสิ ทธิภาพ การกําหนดเวลา การ
ดูแลความปลอดภัย การเคลื่อนย้ายเครื่ องจักร สามารถกําหนดและควบคุมได้มากขึ้น
• การรายงานผลและปรับปรุ งข้อมูลให้ทนั สมัย
ด้วยการจําลองภาพเสมือนจริ งในการประชุมแก้ปัญหาการทํางานทําให้ทุกคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบและรับรู ้ความ
คืบหน้าอย่างเป็ นจริ งได้ หรื อสามารถรับรู ้มิติก่อนการก่อสร้างจริ งด้วยการจําลองการสํารวจภายในอาคารเช่นการใช้
BIM Model แทนการสร้าง Mockup Room ที่ตอ้ งใช้เวลาและค่าใช้จ่าย หรื อการใช้ 3D Scan
เก็บข้อมูลจากหน้างานมาเปรี ยบเทียบกับ BIM Model เพื่อหาข้อแตกต่างและความคืบหน้างาน
ในความเป็ นจริ งบางเรื่ องมีการใช้งานเกิดขึ้นแล้วเช่นการใช้ Drone หรื อ 3D Scan หรื อ VR
ประกอบการทํางานการนํามาประยุคใช้งานจะมีความก้าวหน้าขึ้นไปเรื่ อยๆนําไปสู่ Digital Construction
ทั้งนี้ทาํ ให้ผทู ้ ี่ทาํ งานต้องพัฒนาขึ้นมารองรับการทํางานในยุคใหม่ หวังว่าการเรี ยนรู ้และการสนับสนุนจะเกิดขึ้นใน
กระบวนของวิชาชีพหรื อการศึกษาในไม่ชา้ เป็ นที่ทราบดีวา่ บุคลากรที่มีความรู ้ทางด้านนี้ยงั ขาดแคลน การที่จะก้าว
ไปสู่ BIM ได้ตอ้ งมีแนวทางจากการกําหนดมาตรฐานจากองค์กรที่ทาํ ให้แนวทางการทํางานเป็ นสากลทุกๆฝ่ าย
สามารถทํางานร่ วมกันได้และต้องมีการจัดการก่อนที่จะไม่สามารถควบคุมได้ เรามีบุคลากรที่มีความสามารถทาง
Modeling มากขึ้นเรื่ อยๆแต่ยงั ขาดผูจ้ ะบริ หารงานได้ในขั้นที่สูง ขณะที่ความต้องการมีมากขึ้นงาน CM เป็ น
งานที่ตอ้ งการประสานงานและการจัดการบริ หารตั้งแต่ตน้ จนจบ CM ที่จะไปสู่ BIM ต้องผ่านการเรี ยนรู ้แนว
ทางการทํางานเพื่อดัดแปลงเทคโนโลยีให้ตอบรับกับงานสนามได้อย่างดี
ทรงพล ยมนาค
600128
6
4 การบริหาร BIM ในองค์ กร
7
• ระบบมาตรฐานการทํางานกับ คู่มือการทํางาน
• เครื่ องมือและพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่
• การบริ หารเอกสารและข้อมูล
• พื้นฐานการเชื่อมโยงการประสานการทํางาน
• ระบบการบริ หารและการเงินของสํานักงาน
• ขนาดและชนิดของเครื อข่ายในการทํางาน
• ระดับความสามารถของพนักงาน
• ความคาดหวังในมูลค่าและความตั้งใจในการลงทุน
• การบริ หารระดับความสําคัญในข้อตกลงการทํางาน
ยุทธศาสตร์ และการออกแบบวิธีการทํางาน
หลังจากการประเมินในหัวข้อดังกล่าวจะทําให้เห็นตัวตนของธุรกิจและวัฒนธรรมการทํางาน สามารถนํามาวาง
รู ปแบบการทํางานได้ดว้ ยการวางเป้าหมายตามจุดประสงค์ท่ีสอดคล้องกับนโยบายขององค์กร การทําแผนรวมการ
ทํางาน การกําหนดกรอบและหน้าที่ ลงไปถึงการใช้เครื่ องมือต่างๆที่นาํ ไปสู่ การผลิตงานได้ท้ งั หมดเป็ นเรื่ องการ
บริ หารคนกับกระบวนการทํางานให้สอดคล้องกัน กระบวนเหล่านี้จะนําไปสู่ การเปลี่ยนแปลงการทํางานจากเดิมที่มี
ระยะเปลี่ยนผ่านจากแรงเสี ยดทานหรื อการต่อต้านจากระบบเดิมไปสู่ การทํางานด้วยเครื อข่าย ขณะเดียวกันต้องมีเข็ม
มุ่งการทํางานที่ชดั เจนเพื่อป้องกันการเพลิดเพลินกับเครื่ องมือหลากหลายที่เกิดขึ้นมาให้ทดลองตลอดเวลาซึ่ งทําให้
หลงทางได้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ เป้าหมายต้องการ
• การเรี ยนรู ้ : การศึกษาเข้าถึงเทคโนโลยี การฝึ กฝนทดลองซํ้า
• การประเมินผล : ด้วยการกําหนดเป้าหมาย ประสิ ทธิ ผลการทํางาน
• การสร้างประสบการณ์ : ทดสอบแนวคิดในการทํางาน ทดลองทํางานจริ ง
• การทํางานตามเป้าหมาย : ปฏิบตั ิงานตามที่กาํ หนดไว้ควบคู่กบั การเรี ยนรู ้
งานเหล่านี้ระดับบริ หารงานต้องเรี ยนรู ้และสร้างแนวทางการทํางานอย่างมีศาสตร์ และศิลปะผูบ้ ริ หารเช่น BIM
Manager ต้องนําไปปรับใช้ตามความเหมาะสม ส่ วนหนึ่งเป็ นประสบการณ์ที่ได้พบมาในองค์กรขนาดใหญ่ที่
มีรูปแบบการทํางานบนระบบที่แตกต่าง สิ่ งที่ยากที่สุดคือการทําให้คนทํางานบนกระบวนการ BIM ได้อย่าง
ราบรื่ น การติดตามความเคลื่อนไหวแล้วแก้ไข การสร้างวิธีการทํางานอย่างเหมาะสม การทํางานเป็ นทีม นําพาไปสู่
เป้าหมายด้วยการใช้ BIM
ทรงพล ยมนาค
600203
8
5 BIM คือ
9
ครอบคลุมและไม่ผดิ พลาดย่อมลดค่าใช้จ่ายและภาระการทํางานหมายถึงต้นทุนที่ประหยัด การจัดการวิธีการทํางาน
จึงเป็ นสิ่ งสําคัญในการใช้ BIM
BIM ไม่ใช้กไ็ ด้ ?
การนํา BIM มาใช้ตอ้ งมีจุดประสงค์และเป้ าหมายในบางประเภทของงานที่ไม่ตอ้ งการความซับซ้อนหรื อมีขนาด
ไม่ใหญ่ไม่ตอ้ งใช้คนจํานวนมากมาทํางานร่ วมกันอาจไม่ใช้ BIM แต่คนที่สามารถใช้ BIM ได้แล้วจะไม่เลือก
วิธีการทํางานแบบเดิมเพราะเขาจะรู ้วา่ เขาได้ประโยชน์จากการทํางานมากกว่าถึงแม้วา่ เขาจะทํางานเพียงคนเดียวก็
ตาม เครื่ องมือเหล่านี้ข้ ึนกับ "คน" และ "กระบวนการทํางาน" ที่จะเลือกแนวทางการทํางานที่เหมาะสม
BIM ใช้ตวั ไหนดี ?
เมื่อเริ่ มต้นถึงเรื่ อง BIM มักมีคนถามเสมอว่าเลือกตัวไหนดี? ราคาถูกแพงอย่างไร? มีของฟรี ไหม? เชื่อว่าผู ้
ลงทุนทุกคนต้องการทํางานแลกกับรายได้ไม่วา่ ทางตรงหรื อทางอ้อมนอกจากรุ บุตวั เองเลยว่าทําเพื่อบริ จาค การใช้
งานจึงขึ้นกับความต้องการของผูใ้ ช้เลือกให้เหมาะสม ของดีราคาก็สูงถ้าคุมกับการทํางานก็ใช้เลย ทุก Software
มีวธิ ี การสร้างของตัวเองเพื่อรองรับการใช้งานที่ผผู ้ ลิตกําหนดไว้จึงไม่สามารถนํามาเทียบกันได้ ข้อสําคัญคือสามารถ
ทํางานร่ วมกันกับคนอื่นได้หรื อไม่? มีผลลัพธ์การทํางานตามความต้องการของเราหรื อไม่? ในโลกนี้จึงมี BIM
Software อยูม่ ากมาย และที่สาํ คัญที่สุดในอนาคตอันใกล้เราจะเห็นการใช้งานที่สามารถส่ งต่อข้อมูลระหว่าง
Software ใดๆก็ได้ซ่ ึ งจะเป็ นการเปลี่ยนแปลงการทํางานเชื่อมโยงข้อมูลขนานใหญ่จะเห็นได้วา่ ที่ผา่ นมามีการ
จับมือกันระหว่างยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายที่ครอบคลุมทั้งอเมริ กาและยุโรป ฉะนั้นไม่วา่ จะใช้เครื่ องมือชนิดใดจะทํางาน
ได้เหมือนกัน
คําถามเรื่ อง BIM ยังมีอีกมากมายที่กล่าวมาเพียงตัวอย่างที่ได้พบบ่อยและยังเป็ นข้อสงสัยตราบใดที่เรื่ อง BIM
ยังไม่ชดั เจนการเจริ ญเติบโตก็ยงั มีตวั ถ่วงรั้ง จนกว่ามีการทํางานกันอย่างแพร่ หลายและเห็นผลของการทํางานแล้วซึ่ ง
ต้องการแนวทางการทํางานที่ถูกต้องเพื่อเส้นทางการเดินของ BIM ไปสู่ เป้าหมายและเป็ นประโยชน์กบั ผูร้ ่ วมงาน
ทุกๆคน การเรี ยนรู ้และสร้างวิธีการทํางานจากประสบการณ์จะเพิม่ ความสามารถและมีบทสรุ ปที่ชดั เจนมากขึ้น
อาจจะต้องถามตัวเองบ่อยๆว่า "รู ้เรื่ อง BIM ดีแล้วหรื อยัง?"
ทรงพล ยมนาค
600218
10
6 BIM เริ่มต้ นไปด้ วยกัน
12
7 แผนปฏิบัตกิ าร BIM (BIM Execution Plan)
13
พัฒนาและสนับสนุนกระบวนการทํางาน
การทํางานบนกระบวนการที่ได้ออกแบบไว้ตอ้ งเดินไปตามแนวทางที่ตกลงร่ วมกันตั้งแต่เริ่ มโครงการซึ่ งมีขอ้ ตกลง
กับผูว้ า่ จ้างตามสัญญา การดําเนินงานที่เป็ นกระบวนการในการใช้เทคโนโลยีตอ้ งมีกรอบที่ชดั เจนมีประเด็นที่
สนับสนุนให้การทํางานบรรลุเป้าหมายได้เช่น
• การส่ งงานตามเงื่อนไขข้อตกลง ทุกฝ่ ายต้องร่ วมผลักดันให้งานบรรลุผลได้
• กรอบการสื่ อสาร จะทําให้ทุกคนรับรู ้และพัฒนาไปใช้งานได้
• เครื่ องมือและอุปกรณ์ เป็ นส่ วนสนับสนุนที่สาํ คัญที่ทาํ ให้เกิดงาน
• การควบคุมคุณภาพและการดําเนินงานของ Model
รายละเอียดที่อยูใ่ นกระบวนการทํางาน
นอกจากการมี แผนปฏิบตั ิการ BIM ,ข้อมูลโครงการ ,ข้อมูลการติดต่อ ,เป้าหมายและจุดประสงค์ของโครงการ ,
การออกแบบกระบวนการทํางาน ,การส่ งต่อเชื่อมโยงข้อมูล ,ข้อมูลอาคารสําหรับการบริ หารอาคารกระบวนการ
ประสานงาน ,การควบคุมคุณภาพของ Model ,ความต้องการของเครื่ องมือและอุปกรณ์ ,วิธีการส่ งงาน
โครงสร้างของ Model วิธีการสร้างและการใช้ Model ยังเป็ นหัวข้อที่สาํ คัญ วิธีการทํางานกับ Model
สามารถกําหนดขึ้นมาหลายรู ปแบบนอกจากการทํางานเดี่ยวแล้วการใช้ Model ที่แยกส่ วนเป็ นหลาย
องค์ประกอบเพื่อกําหนดหน้าที่การทํางานพร้อมกันทําให้ประสิ ทธิภาพการทํางานดีข้ ึนแต่ตอ้ งมีการจัดการจราจร
ระหว่างการเชื่อมโยง Model ให้ดีดว้ ยรวมถึงประโยชน์ในการตรวจสอบและนําไปใช้งานด้านอื่นๆ อีกส่ วนหนึ่ง
คือรายละเอียดในการทํางาน LOD.ต้องมีกรอบการใช้ในแต่ละช่วงการทํางาน วิธีต่างๆล้วนเป็ นศาสตร์ และศิลปะ
ในการสร้าง Model รวมถึงการควบคุมขนาดของ Model อย่างเหมาะสม
เป็ นเพียงบางประเด็นสําคัญที่ยกมาแสดงให้เห็นและสร้างความเข้าใจเบื้องต้นสําหรับการนําไปใช้งาน มักมีบางคน
บอกว่าทําขึ้นมาแต่ไม่มีคนอ่านหรื อใช้งานอาจจะเป็ นเพราะการสร้าง BEP. ขึ้นมาโดยไม่ได้มีการรับรู ้จาก
ผูร้ ่ วมงานหรื อเขียนบน Template สําเร็ จรู ปโดยไม่ทราบจุดประสงค์ในการทํา ทุก BEP. จะเหมาะสม
สําหรับแหล่งที่เขาได้สร้างขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดสําหรับทุกที่ เราต้องเข้าใจภูมิทศั น์และเป้าหมายการ
ใช้งานและการใช้ขอ้ มูลในแต่ละประเทศด้วย รวมถึงสาธารณูปโภคที่เอื้ออํานวยในการทํางานที่แตกต่างกัน เรา
อาจจะทําหรื อไม่ทาํ บางสาระ เราอาจจะวางแนวทางในแต่ละช่วงที่แตกต่างออกไป แต่ท้ งั หมดสามารถทําให้ทุกคนที่
ร่ วมงานบรรลุเป้าหมายที่กาํ หนดไว้ได้
สามารถศึกษาบางตัวอย่างตามรายละเอียดนี้
The National BIM Standard-United States® (NBIMS-US™)
https://www.nationalbimstandard.org/
Penn State University , BIM Project Execution Planning Guide
The BIM Project Execution Planning Guide and Templates - Version
2.0
http://bim.psu.edu/project/resources/
ทรงพล ยมนาค
600304
14
8 Clash Detection ส่ วนหนึ่งในการใช้ BIM
เมื่อมีการใช้ BIM มักจะได้ยนิ คําพูดเรื่ องการทํา Clash จาก BIM Model เป็ นจุดประสงค์หนึ่งที่ใช้กนั
มากที่สุดสําหรับการทํางานโดยนํา Model จากหน้าที่ต่างๆมารวมกันแล้วให้เครื่ องมือตรวจสอบการชนของ
ชิ้นงานจาก Model ซึ่ งมีเงื่อนไขการชนประกอบอยู่ เครื่ องมือจะแสดงผลการชนออกมาพร้อมกับภาพวัตถุและ
ตําแหน่งในการชน เครื่ องมือนี้คือ Game Software ที่ทาํ งานตามเงื่อนไขที่กาํ หนด การใช้ Clash เป็ น
การทํางานกว่า 80% ของการทํางาน Review Model แต่การทํางานจะเดินได้ดว้ ยการกําหนดเงื่อนไขและ
การเลือกการชนของชิ้นงาน
Clash คืออะไร?
การทํางานง่ายๆของมันก็คือการแสดงผลของระนาบวัตถุ 2 ด้านที่ห่างกัน ,สัมผัสกัน ,หรื ออยูใ่ นตําแหน่งเดียวกัน
วัตถุเหล่านี้คือองค์ประกอบของอาคารที่ผอู ้ อกแบบในแต่ละหน้าที่หรื อผูส้ ร้างวัตถุน้ ีกาํ หนดขึ้นมาแล้วระบุชื่อของ
วัตถุตามมาตรฐานเพื่อให้เครื่ องมือทําการตรวจสอบแสดงผลในตําแหน่งหรื อ Coordinate ของมัน บางครั้ง
อาจจะไม่ได้ใช้การกําหนดค่าทางกายภาพให้แสดงผล การทํางานจะถูกกําหนดเงื่อนไขเพื่อนําไปสู่ การแสดงผลนั้นๆ
ก่อนเริ่ ม Clash
แนวทางหลักของการใช้ BIM ก็คือการใช้ขอ้ มูล ฉะนั้นการบรรจุขอ้ มูลที่ผดิ หรื อไม่สมบูรณ์ยอ่ มทําให้งาน
ผิดพลาดได้ ก่อนการเริ่ มต้นจึงต้องวางแนวทางในการสร้าง Model ที่ถูกต้องโดยระบุให้ทีมงานมีแนวทางการ
ทํางานที่สอดคล้องกันตามมาตรฐานการทํางานหัวข้อหลักที่พอจะประมวลได้ก่อนการทํา Clash ก็คือ
○ ศึกษาว่า File จากสกุลที่แตกต่างของผูส้ ร้าง Model แต่ละหน้าที่ทาํ งานด้วยกันได้หรื อไม่?
○ ศึกษาโครงสร้างของ File ในหน้าที่ต่างๆเช่น Link File , Model File
○ การกําหนดชื้อ File Name ที่เป็ นมาตรฐานสามารถรับรู ้การใช้งานหรื อไม่?
○ การกําหนดชื้อ Object Name ที่เป็ นมาตรฐานในการจัดลําดับหรื อไม่?
○ Model Origin หรื อค่าพิกดั ของ Model แต่ละหน้าที่มีตาํ แหน่งตรงกันและถูกต้องหรื อไม่?
○ ข้อตกลงในค่าที่ยอมรับได้ระว่างการชนของวัตถุในแต่ละประเภท
○ การสร้าง Object Color เพื่อสะดวกแก่การตรวจสอบ
○ การกําหนด Zone ในการตรวจสอบ
○ ในแต่ละ File จะไม่มี Object หรื อการเปิ ด-ปิ ดวัตถุ หรื อ Line ที่ไม่เกี่ยวกับชิ้นส่ วนอาคาร
○ และอื่นๆ
การสร้างเงื่อนไขในการ Clash
การใช้ BIM Model ในแต่ละหน้าที่ตอ้ งระบุการชนของแต่ละ Model และลักษณะการชนรวมถึงระยะที่
ยอมรับได้ การเลือกวัตถุในการชนมักจะเกิดจากลักษณะการทํางานในการก่อสร้างเช่นการพึ่งพิงของวัตถุฝ้าเพดาน
กับระดับท่อที่อยูข่ า้ งบน
ตัวอย่างการกําหนดการชนของวัตถุได้ดงั นี้
HVAC vs. Gravity Drain
15
HVAC ducts vs. Fire
HVAC ducts vs. Electric
Structure vs. HVAC
Arch vs. Structure
การรายงานผลและการตรวจสอบด้วยเครื่ องมือ
การทํา Clash ต้องการ Report เพื่อส่ งต่อให้ผรู ้ ่ วมงานในแต่ละหน้าที่ไปทําการแก้ไขเพื่อพัฒนา Model
ของตนให้มีประสิ ทธิภาพมากขึ้นหมายถึงการลดงานข้อขัดแย้งของแบบให้นอ้ ยลง ผลของการทํา Clash อาจจะ
มีจาํ นวนมากก็ตามต้องรู ้จกั การจําแนกให้ชดั เจนเพราะบางเงื่อนไของการชนสามารถแก้ไขได้เองจากงานก่อสร้าง
บางเงื่อนไขต้องมีการย้ายหรื อหลบซึ่ งกันและกันตามหลักของวิศวกรรมหรื อทัศนะทางงานออกแบบ ผูท้ ี่มีความรอบ
รู ้ทางงานก่อสร้างเช่น CM สามารถช่วยให้ความเห็นและแนะนําได้ดีในการประชุม Review Model
นอกจากนี้ระหว่างการออกแบบ ผูอ้ อกแบบสามารถตรวจสอบ Clash ระหว่างกันก่อนเพื่อให้ Model มีความ
สมบูรณ์ ยกตัวอย่างเครื่ องมือทํา Review Model หรื อทํา Clash Detection อย่างสังเขปได้ดงั นี้
A360 Team
BIM Collab
BIM 360 Glue
Naviswork Manage
Solibri Model checker
Tekla BIMsight
ที่กล่าวมาเป็ นเพียงบางส่ วนในการทํางานซึ่ งเนื้อหามีรายละเอียดมากกว่านี้และกรอบการทํางานจําแนกตามประเภท
ของเนื้องาน ผลของการตรวจสอบจะเป็ นตัวชี้วดั คุณภาพของ Model ได้เป็ นอย่างดีซ่ ึ งต้องส่ งกลับไปยังการ
ทํางานเพื่อแก้ไขให้สมบูรณ์ต่อไป
ทรงพล ยมนาค
600319
16
9 การบริหารการทํางานเพื่อใช้ BIM
17
จากฐานการกําหนดที่ทาํ ไว้นาํ มาพิจารณาเนื้อหาในการทํางานเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีประสิ ทธิภาพและตรวจสอบ
การทํางานตามแผนที่วางไว้และนํามาปรับให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่มีเงื่อนไข ซึ่ งเป็ นการลดความเสี่ ยงในการ
ทํางานและการนํากระบวนการทั้งหมดมาใช้
แนวทางในการวางแผนก่อนเริ่ มใช้ BIM เป็ นกลไกที่จดั เตรี ยมตั้งแต่ระยะเริ่ มต้นของการทํางานเพื่อให้ท้ งั องค์กร
สามารถรับรู ้และเข้าใจเป้าหมายของการนํา BIM มาใช้ซ่ ึ งไม่ใช่เป็ นการเปลี่ยนแปลงแค่แผนกงานเดียวหรื อกลุ่ม
เดียวที่ทาํ แบบ การเปลี่ยนแปลงนี้นาํ มาถึงการสร้างรู ปแบบใหม่ของธุรกิจที่ทาํ งานด้วยเทคโนโลยี ก่อนการกลืนกิน
ของเทคโนโลยีใหม่ที่มีบทบาทเข้ามาแทนที่การทํางานในระบบเดิมแบบเงียบๆ อาจจะไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็ นอย่าง
นั้นจริ งแต่ถา้ เรารอให้เกิดเราจะปรับตัวไม่ทนั ก็ได้เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นโดยไม่มีการบอกกล่าวจะรอดแต่
คนที่สามารถปรับได้ทนั ในระยะเวลาที่เหลืออันน้อยนิด
ทรงพล ยมนาค
600327
18
10 ขั้นต่ อไปสู่ การใช้ BIM
19
สร้างกระบวนการทํางานและมาตรฐาน
เนื่องจาการทํางานด้วย BIM แตกต่างจากการทํางานแบบเดิมอย่างสิ้ นเชิงจําเป็ นต้องสร้างวิธีการทํางานอย่างเป็ น
ขั้นตอนให้กบั ผูร้ ่ วมงานสามารถดําเนินงานร่ วมกันได้บนการสื่ อสารด้วยข้อมูลในระบบอิเลคทรอนิกส์
• กระบวนการสร้าง Model จะต้องมีระเบียบวิธีการทํางานที่ทุกคนสามมารถทํางาร่ วมกันด้วยการสื่ อสารใน
ข้อมูลเดียวกัน จากหน่วยหนึ่งไปสู่ อีกหน่วยหนึ่งนําไปใช้งานต่อยอดการทํางาน
• มาตรฐานการทํา File Sharing การสื่ อสารด้วยการแบ่งปันข้อมูลเป็ นพื้นฐานการทํางานที่ตอ้ งมีขอ้ ตกลง
เป็ นมาตรฐานร่ วมกัน
• ระเบียบวิธีในการสื่ อสาร การสื่ อสารด้วยข้อมูลในระบบอิเลคทรอนิกส์มี Software , File เกิดขึ้นมาเห
ลายประเภทที่ตอ้ งทํางานร่ วมกัน การ Update การกําหนดการเชื่อมต่อเป็ นขั้นตอนต้องมีการกําหนดไว้
• วิธีการประสานงาน การกําหนดหน้าที่และบทบาทการทํางานให้ผรู ้ ่ วมงานสามารถรับรู ้สถานะและขั้นตอนการ
ทํางานทําให้การดําเนิ นงานสามารถทําได้อย่างราบรื่ นเพราะมีการปรับปรุ งแก้ไขตลอดเวลาตั้งแต่เริ่ มงาน วิธีการ
ประสานงานที่ดีสามารถทําให้ลดข้อขัดแย้งในการทํางานได้
• สร้างมาตรฐานในการทํางาน Graphic การใช้ BIM เป็ นการทํางานร่ วมกันระหว่าง Graphic
Model และ Data การนําเสนอผลานออกมาทาง Graphic ต้องการเงื่อนไขที่แตกต่างจากการทํางาน
2D Graphic
• สร้างกระบวนการทํา Model Review การเสนองานพึ่งพาการแสดงผลทาง 3D เพื่อสร้างความเข้าใจใน
เนื้องานมากขึ้น วิธีการนําเสนอจึงต้องกําหนดเนื้ อหาสาระเป็ นขั้นตอนที่เหมาะตามจุดประสงค์
• สร้างคู่มือกระบวนการทํางานเพื่อบรรลุเป้าหมาย สิ่ งที่กล่าวมาแล้วจะต้องถูกระบุอยูใ่ นแผนของกระบวนการ
ทํางานเพื่อให้ทีมงานสามารถสื บค้นได้ระหว่างการทํางานรวมทั้งแผนภูมการทํางานและความรับผิดชอบในหน้าที่
เนื้องานเหล่านี้ตอ้ งถูกจัดเตรี ยมตั้งแต่เริ่ มแรกการทํางานและปรับให้สอดคล้องกับความต้องการและวัฒนธรรมของ
องค์กรนั้นๆ บางประเด็นอาจจะต้องปรับตามสภาวะของงานแต่ละประเภทซึ่ งไม่สามารถกําหนดให้ตายตัวได้ เป็ น
ขั้นตอนที่ผจู ้ ะบริ หาร BIM จะต้องนําไปปรับใช้ตามเหมาะสม
ทรงพล ยมนาค
600401
20
11 ต่ อเนื่องสู่ การใช้ BIM
21
การพัฒนาจะเกิดจากการทดลองใช้งานกับโครงการจริ งด้วยการทดสอบด้านต่างๆว่าสามารถนําไปใช้งานได้
หรื อไม่? การนําข้อสรุ ปและปัญหาในการทํางานมาปรับปรุ งกระบวนการทํางานพร้อมกับประเมินประสิ ทธิภาพ
ของทักษะในการทํางานของทีมจากผลงานของการสร้าง Model จะทําให้คุณภาพของการทํางานดีข้ ึนบนวิธีการ
ทํางานที่ได้วางไว้
• ทดสอบการทํางาน New Standard
• ทดสอบการทํางาน New Work Flows
• ทดสอบการทํางาน Staff Skill Set
• ควบคุมคุณภาพและตรวจสอบ Model
พัฒนาการทํางานอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้วา่ การวางหลักเกณฑ์ได้ถูกกําหนดและนํามาใช้งานได้แล้วยังต้องการพัฒนาต่อยอดต่อไป เมื่อบุคลากรเริ่ มมี
ทักษะมากขึ้นการกําหนดตัวชี้วดั การทํางานจะเป็ นเครื่ องมือช่วยในการพัฒนาการทีมอย่างมีประสิ ทธิภาพรวมถึงการ
บันทึกและการทํางานด้านอื่นๆ
• ตรวจสอบการทํางานด้วยตัวชี้วดั
• รายงานเอกสารการทํางาน
• พัฒนาการสื่ อสาร
• พัฒนา Work Flows & Standard
• พัฒนาการทํางานโครงการต่อเนื่อง
นําไปสู่ การทํางานเป็ นทีม
การกําหนดหน้าที่ความรับผิดชอบการทํางานให้กบั บุคลากรอย่างถูกต้องเป็ นการยกระดับการบริ หารงานในองค์กร
และยกระดับการทํางานโครงการซึ่ งเป็ นสิ่ งสําคัญ รวมถึงทีมงานที่มีความสามารถความรับผิดชอบที่สามารถ
ยกระดับการทํางานที่มีประสิ ทธิภาพมากขึ้น การสร้างทีมต้องการความร่ วมมือและมองเห็นเป้าหมายในการทํางาน
ร่ วมกันตามขั้นตอนที่ได้วางไว้อย่างเป็ นระบบ
ที่กล่าวมาเป็ นกระบวนการเริ่ มต้นเพื่อนําไปสู่ การทํางานอย่างมีระบบ อาจจะไม่ได้กล่าวถึงวิธีการใช้เครื่ องมือทํางาน
ในรู ปแบบต่างๆ หรื อเทคนิคในการสร้าง BIM Model ซึ่ งหลายคนมุ่งไปแนวทางนั้นเพื่อไปสู่ BIM แต่ถา้
ขาดสิ่ งที่กล่าวมาเป็ นแนวทางที่จะสนับสนุนให้เกิดการทํางานรวมหมู่ซึงหมายถึงทุกคนทํางานร่ วมกันได้ ปัญหาที่
เกิดขึ้นบ่อยๆคือ "เราทําได้แล้วแต่คนอื่นยังไม่ทาํ ด้วย" ทําให้ติดขัดและเป็ นกําแพงที่ไม่สามารถทําลายได้ หัวข้อที่
กล่าวมาเป็ นประเด็นให้สามารถนําไปดัดแปลงใช้ตามสภาวะการขององค์กรนั้นๆ
ทรงพล ยมนาค
600408
22
23
12 มาตรฐาน หรื อ แนวทางในการทํางาน BIM
24
○ Quantity Take-off Standards
○ Construction Planning Standards
○ Documentation Standards
○ Facility Management Standards
แนวทางที่ควรจะรับรู ้
ทุกวันนี้เราจําเป็ นต้องเรี ยนรู ้มาตรฐานการทํางานจากแหล่งต่างๆแล้วนํามาประกอบการทํางานแต่การรับรู ้ที่แตกต่าง
กันทําให้ไม่สามารถนําไปสู่ การประสานงานที่ดีได้ มาตรฐานจากต่างประเทศมีการปรับปรุ งตลอดเวลาเช่น ใน
ประเทศอเมริ กามี Nation BIM Standard V-3 ในประเทศอังกฤษใช้ BIM Level 2 ในปี นี้
BIM Forum ประกาศปรับปรุ งมาตรฐาน LOD. ทุกปี และอื่นๆ รายละเอียดที่พฒั นาขึ้นมาจากการใช้งาน
ของคนทํางานจากหลายแหล่งที่รวบรวมความเห็นเข้ามา BIM Standard จึงไม่หยุดนิ่งและมีแนวโน้มใหม่ที่
จะยกระดับไปอีกขั้นในเร็ วๆนี้ ดว้ ยการประสานงานบนฐานเดียวกันที่สามารถสื่ อสารร่ วมกันได้มากกว่าการใช้
IFC ซึ่ งอาศัยการประมวลผลบน Cloud หมายถึงการทํางานบนมาตรฐานเดิมอาจจะต้องปรับอีกครั้ง ขณะที่เรา
เพิ่งเริ่ มต้นใช้ BIM การพัฒนาของมันจะเปลี่ยนไปอีกขั้นแล้ว
การสร้าง BIM Standard หรื อ BIM Guideline ในหลายๆประเทศใช้เวลาหลายปี ในการจัดทําส่ วน
หนึ่งเกิดจากภาคเอกชนที่เห็นความสําคัญ บางประเทศเกิดจากรัฐบาลต้องการนําไปใช้กบั โครงการที่ใช้งบประมาณ
และการวางแผนงบประมาณรวมถึงการสร้างความโปร่ งใสในการทํางาน จุดประสงค์ของการสร้างจึงแตกต่างกัน
ทั้งหมดนี้อยูร่ ะหว่างการพัฒนาสู่ การใช้งาน การปรับปรุ งจึงมีข้ ึนตลอดเวลาการนํามาใช้งานจึงต้องศึกษาเงื่อนไข
และจุดประสงค์ของการสร้างและคุณภาพของคนและเครื่ องมือในการใช้งาน เราต้องการเรี ยนรู ้เรื่ องเหล่านี้ซ่ ึ งเป็ น
เรื่ องสําคัญที่จะบรรลุเป้าหมายในการทํางาน นอกจากวิธีการสร้าง Model เพียงอย่างเดียว
ทรงพล ยมนาค
600414
25
26
13 BIM Model ทํางานอย่ างมีมาตรฐาน
27
มีผรู ้ ่ วมงานในหลายหน้าที่ วิธีการตั้งชื่อที่สามารถเข้าใจร่ วมกันจะลดข้อขัดแย้งในการทํางานและรับรู ้เงื่อนไขของ
ไฟล์น้ นั ๆจากชื่อ รวมทั้งชื่อของชิ้นงานที่เป็ นส่ วนต่างๆของอาคาร เมื่อนําไปประมวลผลทางด้านอื่นจะสามารถ
กรองข้อมูลไปใช้งานได้อย่างสะดวก เช่นการนําไปจัดการขั้นตอนการก่อสร้างจะต้องแบ่งชิ้นงานในแต่ละงวดงาน
เพื่อนําไประบุข้ นั ตอนการก่อสร้าง หรื อการเลือกชิ้นงานไประบุปริ มาณและกําหนดราคา นอกจากนั้นยังเกี่ยวโยงกับ
Code ต่างๆของชิ้นส่ วนอาคาร ในกรณี ที่ตอ้ งใช้งาน BIM Model สําหรับงานด้านอื่นๆมากกว่าทัศนียภาพ
การกําหนดชื่อไฟล์หรื อชื่อขององค์ประกอบมีระเบียบวิธีระบุไว้เป็ นมาตรฐานที่สามารถสื บค้นได้ถือเป็ น
ความสําคัญในการทํางาน
ข้อมูลแต่ละโครงการที่ใช้ร่วมกัน
ในโครงการที่แตกต่างกันมีเงื่อนไขที่หลากหลาย การระบุรายละเอียดของโครงการที่ตอ้ งบันทึกใน BIM
Model เพื่อนําไปประมวลผลทางการทํางานจะทําให้การเชื่อมโยงการทํางานมีประสิ ทธิภาพมากขึ้น เช่นการ
กําหนดตําแหน่งหรื อพิกดั ของโครงการเกี่ยวพันไปถึงข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรื อทิศทางของแดดและลมสามารถจะนํา
ข้อมูลไปวิเคราะห์ความสัมพันธ์ดา้ นต่างๆได้ ข้อมูลของโครงการจะบุเป็ นตัวอย่างดังนี้
○ Project Name
○ Project Number
○ Project Location
○ Coordinate System
○ Unit and Measurement System
○ Drawing Standard
สําหรับการทํางานกับ BIM Model นั้นยังต้องการการเชื่อมโยงการทํางานและกระบวนการต่างๆประกอบกัน
ถึงแม้วา่ การทํางานด้วยการสร้างชิ้นงานด้วยระเบียบวิธีที่ใช้ร่วมกัน เรามักจะพบปั ญหาเสมอระหว่าการทํางานแต่ละ
โครงการที่แตกต่างกัน เราอาจมีผรู ้ ่ วมงานมากขึ้นที่ยงั ไม่สามารถเข้าถึงการทํางานในระบบนี้ การสนับสนุนการ
ทํางานร่ วมกันด้วยการแบ่งปั นและถ่ายทอดความรู ้ซ่ ึ งกันและกันจะทําให้การทํางานราบรื่ นยิง่ ขึ้น เพราะ BIM ต้อง
พึ่งพาการทํางานร่ วมกันและการประสานงานเป็ นหลัก
ทรงพล ยมนาค
600422
28
29
14 องค์ ประกอบใน BIM Content
นอกจากรู ปทรงและ Materials ที่บรรจุลงใน 3D Model แล้ว BIM มีองค์ประกอบของข้อมูล Information ที่เป็ น
Graphic และไม่ใช่ Graphic อยูใ่ นองค์ประกอบของชิ้นส่ วนที่ประกอบขึ้นเป็ นอาคารหรื อสิ่ งก่อสร้าง หรื อชิ้นงานที่
เป็ น 3 มิติ ข้อมูลเหล่านี้มี Parameters และ Attributes เป็ นส่ วนประกอบการทํางานอยู่ ในพื้นฐานของ Computer
aided design (CAD) สามารถบรรจุค่าของ Dimension ,Text , ลงใน Project ได้อยูแ่ ล้วแต่ในส่ วนของ BIM ยังมีการ
ใช้ Parameters เป็ นค่าตัวแปรที่สามารถควบคุมชิ้นงานได้มากกว่า ทําให้ทาํ งานทางการคํานวณและการวิเคราะห์ได้
มากขึ้น การทําความเข้าใจสิ่ งนี้จะทําให้สามารถต่อยอดการทํางานอย่างมีประสิ ทธิภาพ
Parameters และ Attributes
ชิ้นส่ วนของ BIM ที่ถูกสร้างขึ้นจะมีส่วนประกอบของข้อมูลที่ระบุรูปร่ าง ขนาด สี และค่าทางกายภาพบรรจุอยูเ่ รา
สามารถปรับค่าต่างๆด้วยการบันทึกเป็ นตัวเลข ตัวอักษร ค่าทางคณิ ตศาสตร์ รวมทั้งประเภทของวัสดุตามที่เรา
ต้องการ ขนาดรู ปทรงและเงื่อนไขที่บนั ทึกเปลี่ยนแปลงสามารถปรับรู ปทรงตามที่ระบุน้ นั Parameters เป็ นค่าตัว
แปรที่สามารถกําหนดพฤติกรรมขององค์ประกอบนั้น ที่เราพบอยูเ่ สมอคือการสร้างขนาดของประตู หรื อ หน้าต่าง
เป็ นตัวเลขตามชนิดที่ได้สร้างขึ้นแล้วระบุรายละเอียดของประตูหรื อหน้าต่างว่าประกอบด้วยอะไรเป็ น Attributes
ด้วย Text เราสามารถสร้างชนิดของชิ้นงานได้หลายๆขนาดในชิ้นเดียวด้วยการควบคุมของ Parameters นอกจากนี้
เรายังสามารถสร้าง Parameters ขึ้นใหม่ตามความต้องการโดยระบุเงื่อนไขของการใช้งานในแต่ละประเภทอีกด้วย
ทําให้การสร้างวัตถุที่มีขอ้ มูลบันทึกอยูน่ าํ ไปใช้งานได้หลากหลาย
ชนิดของ Parameters และ Attributes
การใช้ Parameters ขึ้นอยูก่ บั จุดประสงค์ของการใช้แต่ละประเภทของงานที่มีขอบเขตที่แตกต่าง หลายตัวนําไปใช้
งานทางด้านวิศวกรรมเช่น พื้นที่ ปริ มาตร และขนาดด้วยค่าตัวแปรนี้มีประเภทที่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันเช่น
○ Length : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดระยะหรื อความยาว
○ Area : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดพื้นที่ของวัตถุ เช่นสามารถนําไปใช้กบั การประมาณราคา
○ Angle : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดมุม องศา ของตําแน่งวัตถุ
○ Text : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดรายละเอียดของวัตถุดว้ ยการบันทึกเป็ นตัวอักษร
○ Boolean (yes/no) : เป็ นตัวแปรที่มีเงื่อนไขการใช้เช่น เปิ ด-ปิ ดการมองเห็นรู ปทรงต่างๆ
○ Number : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดเป็ นตัวเลขที่สามารถนํามาทําการคํานวณ
○ Integer : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดจํานวนทั้งหมดเช่นการนับจํานวน แตกต่างจากการใช้ Number
○ Hyperlinks : เป็ นตัวแปรที่กาํ หนดการ Link URL
การนํามาใช้งาน
งานออกแบบสามารถนําข้อมูล Parameters ประกอบการทํางานตลอดเวลาด้วยการ Report เป็ นตารางข้อมูลที่
แสดงผลเป็ นจํานวนหรื อเงื่อนไขต่างๆที่ได้ระบุไว้ในชิ้นงานนั้นนอกจากนี้ค่าทางกายภาพของวัตถุที่ได้กาํ หนดไว้
สามารถนําไปวิเคราะห์ทางด้านวิศวกรรม , พลังงาน และอื่นๆอีกมาก นอกจากนี้ความเชื่อมโยงของข้อมูลที่เป็ น
Parameter มีผลกับการเปลี่ยนแปลงขนาดรู ปทรงของวัตถุตามที่เราปรับแก้ทาํ ให้เรา Update ข้อมูลในสภาที่เป็ นจริ ง
30
ตลอดเวลาประกอบกับการใช้ในงานแบบก่อสร้างที่ทาํ ให้เรารับรู ้สภาพของงานได้ทนั ที นอกจากนี้ Parameter ยัง
เป็ นข้อมูลที่จะนําไปสู่ การเขียนโปรแกรม เช่นการใช้ C# ,Ruby ,Python ,Dynamo และอื่นๆอย่างต่อเนื่องเพื่อการ
วิเคราะห์ดา้ นต่างๆโดยใช้ค่าตัวแปรเหล่านี้
เนื้อหาที่กล่าวมาอาจจะเป็ นเรื่ องไม่สนุกนักสําหรับการสร้าง Model แต่เป็ นความสําคัญสําหรับการทํางานด้วย BIM
ที่ตอ้ งบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องเพื่อทํางานต่อ ถ้าเข้าใจว่า Data เป็ นทรัพย์สินสําหรับการทํางานแล้วสิ่ งนี้คือมูลค่า
มหาศาลสําหรับโครงการและคือความต้องการของเจ้าของอาคารซึ่ งไม่ได้ตอ้ งการ Model เพียงอย่างเดียว มีคาํ พูด
หนึ่งที่น่าสนใจของ John Adams, BIM Strategy ในบทความตอนหนึ่งของเขาระบุวา่
“Most clients don’t have much use for the 3D model; they need the project team to use models to create the data
they need to operate their asset.”
สําหรับความเข้าใจเรื่ องการใช้ Data ตลอดทั้งอายุของโครงการจําเป็ นต้องศึกษาและทําความเข้าใจถึงวิธีการทํางาน
และนํามาใช้งานให้เกิดผล
ทรงพล ยมนาค
600430
31
32
15 กระบวนการในการดําเนินงาน BIM
33
○ การจัดเตรี ยม Model ในแต่ละหน้าที่
○ การบริ หาร Model
○ วิธีการทํางานกับ 3D Model, Formats, และ Model Structures
○ การพัฒนาการของ Model และ Level of Development (LOD)
○ การทํา Model Sharing
○ การทํา Model Coordination
○ วิธีการส่ งงานด้วย Model
○ การส่ งถ่าย Model ในแต่ละหน้าที่
การทํางานในแต่ละขั้นตอน
○ ขั้นตอนการเริ่ มโครงการ
○ ขั้นตอนการออกแบบ
○ ขั้นตอนการก่อสร้าง
○ ขั้นตอนการส่ งงานเพื่อนําไปบริ หารอาคาร
วิธีและรายละเอียดในการส่ งงาน
○ การส่ ง BIM Model
○ การส่ งงานเป็ นไฟล์ประเภทต่างๆ CAD/Pdf./IFC.
○ การส่ งข้อมูลอาคาร
การทํางานกับเทคโนโลยีในยุคปั จจุบนั ซึ่ งมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาต้องการกระบวนการควบคุมและแนวทางใน
การทํางานอย่างมีระเบียบแบบแผน บนความต้องการของตลาดในยุคใหม่ทาํ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย
เช่นมีการกล่าวถึงTechnology Disruption ,การเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีและการสื่ อสาร เป็ นที่การ
รบกวนไม่ข้ ึนกับระบอบเดิม ขึ้นกับความต้องการของคนใช้งานซึ่ งทําลายวิธีการทํางานในรู ปแบบเดิม อีกไม่นาน
ใครๆก็สามารถสร้าง Model ได้ดว้ ยเครื่ องมือง่ายๆ ไม่จาํ เป็ นต้องเรี ยนวิชาชีพเฉพาะสาขา อีกไม่นานทุกคน
เข้าถึงการทํางานด้วยภาพเสมือนจริ งในสัดส่ วน 1:1 อีกไม่นานหุ่นยนต์ตอ้ งทํางานร่ วมกับเราหรื อแทนเรา BIM
ได้ยกระดับไปถึงขั้น 2.0 แล้ว ก่อนถึงวันนั้นเราควรเตรี ยมตัวอย่างไร? ยังมีเวลาเหลืออีกหรื อไม่?
ทรงพล ยมนาค
600506
34
16 Computational Design
35
ใช้กบั งานออกแบบด้านใดบ้าง?
การใช้ Computational Design ครอบคลุมการทํางานอย่างกว้างขวางด้วยการเขียนโปรแกรมและการ
คํานวณทางคณิ ตศาสตร์ นักออกแบบยุคใหม่นาํ วิธีการนี้มาใช้ประกอบการทํางานออกแบบและนําผลสรุ ปของการ
วิเคราะห์มาใช้งานหลายๆโครงการ ความสามารถนี้มีตวั อย่างการใช้งานดังนี้
○ สร้างรู ปแบบได้หลายทางเลือก : การใช้ Coding ทําให้สามารถสร้างการคํานวณที่แสดงรู ปแบบของงานได้
หลายอย่างเราอาจจะสร้างผนังหรื อรู ปทรงอิสระเดียวแต่มี Type ที่แตกต่างซึ่ งเราสามารถเลือก Type ที่
เหมาะสมที่สุดมาใช้งานด้วยการใช้ Visual Programing ทําให้เราสามารถสร้างงานได้อย่างดี
○ ใช้ขอ้ มูลเชิงลึกเชื่อมโยงการใช้งาน : การใช้ BIM ย่อมต้องมีขอ้ มูลของชิ้นงานที่ถูกบันทึกใน Model เช่น
ตัวอย่าง Parameters ต่างๆเราสามารถนําข้อมูลเหล่านั้นออกมาใช้งานสองทิศทางกับ Revit Model
ไปยัง Excel เมื่อข้อมูลนี้อยูใ่ น Excel เราสามารถแก้ไขได้แล้วนําเข้ากลับมาใช้งานของโครงการ ทั้งหมดนี้
สามารถทําได้จาก Dynamo Script
○ การทํางานซํ้า : ในการทํางานเราอาจจะพบกับการสร้างชิ้นงานเดิมหรื อการใช้วงจรการทํางานด้วยชุดคําสั่ง การ
ใช้การเขียนโปรแกรมสามารถช่วยให้การทํางานได้ดีข้ ึนเช่นการเขียน API หรื อการใช้ Dynamo ทํางานเพื่อ
ทํางานนั้นแทน
○ จําลองการออกแบบ : เราสามารถใช้เครื่ องมือมาประกอบการออกแบบเพื่อทดสอบว่าถูกต้องหรื อเหมาะสม
หรื อไม่ เช่นการสร้างรู ปทรงอิสระที่ตอ้ งปรับเปลี่ยนมิติให้สามารถทําการก่อสร้างได้หรื อสอดคล้องกับความ
ต้องการทางจินตนาการออกแบบด้วยการปรับ ยืดหด หรื อสร้างรู ปทรงที่แปรผันตามพื้นผิว เครื่ องมือจะช่วย
แสดงผลให้ตดั สิ นใจได้รวดเร็ วขึ้น
○ ระเบียบความคิดประกอบงานออกแบบ : ถึงแม้วา่ งานออกแบบอาจต้องการแนวคิดนอกกรอบด้วยการใช้ตรรกะ
และจิตนาการการใช้หลักติดที่เป็ นระบบมาใช้กบั งานด้วยการสร้างสมการทางการเขียนโปรแกรมทําให้ผอู ้ อกแบบ
สร้างประโยชน์ได้อย่างมากมาย การสร้างความคิดที่เป็ นระบบจะทําให้สามารถทํางานสอดคล้องกับวิทยาการที่
ก้าวหน้า
ด้วยเครื่ องมือที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาเครื่ องทําให้สามารถสร้างรู ปแบบการทํางาน
แบบใหม่อีกมากมายซึ่ งเป็ นสัญญานของคลื่นลูกใหม่ของเทคโนโลยีท่ีกระทบกับการทํางานโดยตรง การเข้าใจและ
เรี ยนรู ้ต้ งั แต่เริ่ มต้นคือความได้เปรี ยบและเปิ ดทางสู่ ตลาดใหม่ๆ
ทรงพล ยมนาค
600512
36
37
17 ความต้ องการสํ าหรับการใช้ BIM
38
• การวิเคราะห์ทางวิศวกรรม : เราสามารถนํา BIM Model ไปใช้ในงานวิศวกรรมอีกหลายๆด้านด้วยการ
สร้าง Model ของ โครงสร้าง ระบบเครื่ องกล ประปา ไฟฟ้า ไม่เพียงแต่การแสดงผลเป็ นรู ป 3 มิติ แต่ยงั ไปทํา
การคํานวณสร้างการทดลองเสมือนจริ งเพื่อหาจุดที่เหมาะสมของการออกแบบ นํามาถึงการออกแบบการใช้อุปกรณ์
ต่างๆ ถือเป็ นหัวข้อใหญ่ในการทํางานสร้าง Model พร้อมกับการออกแบบเสมือนจริ ง
• การวิเคราะห์ทางด้านแสงสว่างและพลังงาน สภาวะแวดล้อม : การสร้าง BIM Model ต้องมีการกําหนด
ตําแหน่งไว้ตามพิกดั ของค่าทางภูมิศาสตร์ยอ่ มมีผลกับสภาพแวดล้อมทั้งหมด ค่าต่างๆที่ใช้กบั ภูมิศาสตร์สามารถ
นํามาวิเคราะห์แสดงการเคลื่อนไหวเสมือนจริ งประกอบงานออกแบบ เช่นค่าความร้อน ทิศทางและลักษณะของลม
ที่มีผลต่อรู ปทรงของอาคาร รวมถึงค่าพลังงานที่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่ระบุค่าทางกายภาพที่วเิ คราะห์ได้
• การทําประมาณการและงบประมาณ : การรับรู ้มูลค่าอาคารที่ถูกออกแบบตั้งแต่เริ่ มต้นโครงการจะมีประโยชน์กบั
ผูล้ งทุนและผูอ้ อกแบบเพื่อปรับการทํางานให้สอดคล้องกับงบประมาณ การทํางานนี้จะควบคู่กบั การออกแบบใน
ระยะงานทุกๆช่วงเพื่อนําไปสู่ การตัดสิ นใจ ความละเอียดของ Model เนื้อหาที่บรรจุไว้จะต้องถูกกําหนดเป็ น
เงื่อนไขให้ผรู ้ ่ วมงานบรรจุขอ้ มูลที่ตอ้ งการสําหรับทํางานต่อได้
• การบริ หารทรัพย์สินและอุปกรณ์ : เป็ นระยะเวลาหลังจากการก่อสร้างเสร็ จที่จะนําข้อมูลไปทําการบริ หารต่อ แต่
ในทางกลับกันผูอ้ อกแบบจะต้องรับรู ้ความต้องการเพื่อการบริ หารตั้งแต่เริ่ มต้นโครงการว่าจะบริ หารอะไรบ้าง? จะ
ใช้งานแบบไหน? การเข้าถึงข้อมูลจะใช้ได้อย่างไร? การส่ งงานด้วย BIM Model เพียงอย่างเดียวพอ
หรื อไม่? การส่ งบัญชีทรัพย์สินที่มีขอ้ มูลอุปกรณ์ ผูผ้ ลิต รุ่ น และอื่นๆที่บรรจุอยูใ่ น BIM Model จะมี
ประโยชน์อย่างมหาศาลสําหรับการใช้อาคาร เงื่อนไขเหล่านี้ตอ้ งถูกระบุต้ งั แต่เริ่ มโครงการ
หัวข้อดังกล่าวอาจจะเป็ นเรื่ องที่คุน้ เคยสําหรับผูท้ ี่ทาํ งานด้านนี้มาก่อนแต่การกําหนดวิธีการทํางานที่มาจากความ
ต้องการของโครงการจะเป็ นเหตุผลในการสร้าง BIM Model ที่แสดงผลกับการทํางานได้ เรามักพบบ่อยๆว่า
ระหว่างการทํางานมีความต้องการเพิ่มจากที่ไม่ได้ตกลงตั้งแต่แรกเสมอ ขณะที่เราไม่ได้บรรจุขอ้ มูลไว้ทาํ ให้ตอ้ งย้อน
ไปทํางานจากต้นใหม่ ความเข้าใจที่คาดเคลื่อนนี้ทาํ ให้การใช้ขอ้ มูลไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่โครงการได้
ทรงพล ยมนาค
600520
39
40
18 สร้ างทีม-สร้ าง BIM
41
19 กําหนดนโยบายเพื่อใช้ BIM
42
ผลลัพธ์ของการพัฒนา
ในระยะเวลาแห่ งการปรับเปลี่ยนต้องการผลการทํางานที่เปรี ยบเทียบกับวิธีการดั้งเดิมที่ทาํ มา การติดตามผลการ
ประเมินการทํางาน การหาคนที่เชี่ยวชาญเพื่อจัดวางในตําแหน่งที่เหมาะสม จะทําให้การพัฒนาไปสู่ ผลสําเร็ จและ
ยัง่ ยืนมากกว่าการมองที่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว
แนวคิด
การเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่ BIM มีตวั เหนี่ยวรั้งมากมายตั้งแต่กระบวนการทํางาน การเรี ยนรู ้ การสื่ อสาร การ
เชื่อมต่อข้อมูล แต่ประเด็นใหญ่คือการเปลี่ยนทัศนคติในการทํางานเพื่อการเปลี่ยนแปลง ผูบ้ ริ หารจะต้องเป็ นผู ้
กําหนดนโยบายอย่างชัดเจน วางตําแน่งของคนทํางานที่มีความสามารถเปลี่ยนแปลง และผูท้ ี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ได้ ช่วยผลักดันกรอบการทํางานทีละขั้นตอนด้วยการติดตามผลและนํามาปรับทีละขั้นเริ่ มจากกลุ่มย่อยไปสู่ กลุ่ม
ใหญ่ ถึงแม้วา่ เราเป็ นเจ้าของ Software ที่ซ้ื อมาเรายังต้องเป็ นเจ้าของกระบวนการทํางานโดยใช้ BIM ที่
องค์กรของเราได้ถูกสร้างขึ้นอีกด้วย
ทรงพล ยมนาค
600604
43
44
20 ข้ อตกลงและความรับผิดชอบเมื่อเริ่มใช้ BIM
45
ทรงพล ยมนาค
600610
สําหรับผูต้ ิดตามเรื่ อง BIM ที่ เป็ นส่ วนหนึ่ งของโลกในยุค 4.0 การสร้างความเข้าใจแบบง่ายๆเป็ นสิ่ งจําเป็ น เพราะมันจะเข้ามามีส่วนหนึ่ งของชี วิต
โดยตรง ทุกวันที่เราใช้ Fb เราใช้ Line เท่ากับได้เข้ามาใช้ Information อย่างเต็มที่อยูแ่ ล้ว เรารับรู ้ภาพ เสี ยง ข่าวสารที่ทนั ท่วงทีที่มีเหตุอย่าง
Real Time แนวคิดแบบนี้ถูกนํามาบรรจุในชิ้นส่ วนของอาคารที่ถูกจําลองขึ้นมาในคอมพิวเตอร์ ที่คุณสามารถสัมผัสได้ แต่การที่จะนําไปสู่ สิ่งเหล่านี้
ต้องมีขอ้ กําหนดและตกลงกันเพื่อทํางานในการใช้ขอ้ มูลให้ถูกต้องก่อนเสมอ เราอาจจะพบกับภาพที่ ไม่เหมาะใน Fb วันดี คืนดีก็มีคนไม่รู้จกั เข้ามา
รบกวน เหล่านี้แหละที่ไม่ไม่ขอ้ ตกลง ไม่มีวนิ ยั สําหรับการใช้ขอ้ มูล ผมอธิบายแค่น้ ีก่อน อธิบายยาวไม่ได้เพราะเพื่อนเขาบอกว่าสมาธิส้ ัน..
46
21 ข้ อมูลกับการเชื่ อมโยงเพื่อทํางานร่ วมกัน
47
การใช้ BIM Model ในทุกข้อมูลที่มีการบันทึกต้อมีผรู ้ ับผิดชอบหรื อเจ้าของข้อมูลนั้น ตั้งแต่การออกแบบ การ
ก่อสร้าง จนถึงการส่ งมอบงาน BIM Model และข้อมูลเหล่านี้ถูกสร้างเป็ นโครงการถือได้วา่ เป็ นทรัพย์สินทางปั ญญา
เมื่อทุกอย่างเป็ น Electronic Document ที่ทาํ งานบนคอมพิวเตอร์สามารถส่ งผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่
จะกล่าวถึงถึงความเป็ นส่ วนตัว ความเป็ นเจ้าของข้อมูล ความปลอดภัยของข้อมูล การมีจริ ยธรรมของการใช้ขอ้ มูล
วิธีการนําไปทําซํ้าหรื อลอกเลียนดัดแปลง จะต้องเป็ นข้อตกลงในการทํางานตั้งแต่เริ่ มงาน ทุกครั้งที่มีการ
ประสานงานการ Share เป็ นสิ่ งสําคัญที่ทาํ ให้ผอู ้ ื่นทํางานต่อได้ ข้อมูลและวิธีการทํางานที่ถูกบันทึกลงใน Model ถือ
ได้วา่ เป็ นทรัพย์สินทางปัญญาของผูท้ ี่สร้างขึ้นมา การนําไปใช้อย่างอื่นควรได้รับการอนุญาติจากเจ้าของก่อนเสมอ
การแบ่งปันให้ผรู ้ ่ วมงานก็ยงั ต้องทําอยูต่ ลอดระยะเวลาของโครงการจริ ยธรรมในการทํางานและข้อตกลงจึงเป็ น
ความสําคัญ
ทรงพล ยมนาค
600617
48
49
22 ความเคลื่อนไหวของ BIM
50
สามารถทําได้เชื่อว่าอีกไม่ชา้ ถ้างาน BIM เริ่ มขยายตัวมากขึ้นคงต้องมีเครื่ องมือต่างๆประกอบการใช้ BIM มาให้ผู ้
ออกแบบใช้อย่างแน่นอน
สมาคมวิชาชีพร่ วมมือสร้างแนวทางการทํางาน
เมื่อการทํางานด้านนี้มีมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทําให้องค์กรวิชาชีพคงเล็งเห็นความต้องการของสมาชิก
ในสาขาต่างๆ จึงมีการร่ วมมือการทํางานระหว่างสภาสถาปนิกและสภาวิศวกรเพื่อหาแนวทางให้สมาชิกสามารถ
ทํางานร่ วมกันโดยใช้ BIM ได้รวมถึงการให้ความรู ้ดา้ นต่างๆเช่นการจัดสัมมนาการทํา Workshop , การเจรจาให้
ผูข้ าย Software ทําราคาพิเศษสําหรับสมาชิก ,การกําหนด Cost Code ซึ่ งสามารถนํามาใช้กบั BIM ,และการสร้าง
แนวทางเพื่อทํางานร่ วมกันด้วย BIM บางเรื่ องอยูร่ ะหว่างการดําเนินงานบางเรื่ องได้ทาํ ออกมาแล้ว การพัฒนาการใน
ความร่ วมมือนี้ก่อให้เกิดการทํางานร่ วมกันระหว่าสาขาต่างๆซึ่ งเป็ นประโยชน์กบั ทุกๆฝ่ ายในอนาคตจึงต้องติดตาม
ความก้าวหน้าต่อไป
แรงผลักดันด้านต่างๆทําให้การทํางานต้องรองรับวิธีการทํางานรู ปแบบใหม่ไม่ใช่เป็ นเพียงกระแสของความ
เคลื่อนไหวที่ผา่ นไปแต่ความเคลื่อนไหวนี้นาํ มาสู่ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน วัฒนธรรมการ
ทํางานที่มีพนั ธะต่อกันมีมากขึ้น การใช้ขอ้ มูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์ท่ีมีขอ้ มูลเป็ นหนึ่งเดียว การมีมาตรฐานการ
ทํางานที่สามารถทํางานแบบสากล เมื่อเราก้าวมาสู่ การใช้ BIM ที่ไม่มีอาณาเขตขวางกั้นการเปลี่ยนแปลงจะรวดเร็ ว
อาจจะกรณี ต่างๆก็จะเกิดเช่น เมื่อความต้องการบุคลากรด้านนี้มากขึ้น ,การซื้ อตัวคนที่สามารถทํางานได้ หรื อการ
นําเข้าแรงงานเฉพาะทางหากถ้าเราไม่มีคนที่มีความถนัดเฉพาะด้าน ,การใช้บริ ษทั ที่มีศกั ยภาพทางเทคโนโลยี
มากกว่าจากภายนอก ,การใช้วสั ดุจากภายนอกที่กาํ หนดจากบริ ษทั ต่างชาติ เราคงต้องเตรี ยมรับมือกับภาวะที่จะ
เกิดขึ้นไม่วา่ ทางภาครัฐ ภาคการศึกษาที่ตอ้ งเตรี ยมบุคลากรที่สอดคล้องกับการทํางาน และที่สุดคือตัวเราเองต้อง
เข้าใจเรี ยนรู ้เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทํางานใหม่ ไม่เพียงแต่บอกให้เปลี่ยนแปลง แต่เราจะต้องบอกวิธีการเพื่อจะ
นําไปสู่ การเปลี่ยนแปลงอย่างถูกต้องอีกด้วย
ทรงพล ยมนาค
600624
51
23 การบริหาร BIM ในระยะออกแบบ
ผูท้ ี่ผา่ นประสบการณ์ BIM มาแล้วหลายคนจะแนะนําให้ใช้ BIM ตั้งแต่เริ่ มต้นโครงการเพือ่ ประโยชน์กบั ทุกฝ่ ายที่
ได้จดั เตรี ยมข้อมูลและติดตามการทํางานตลอดโครงการ การใช้ BIM ในแต่ละช่วงของโครงการอาจจะมีขอ้ มูลที่ไม่
ครบถ้วนหรื อขาดการเตรี ยมการซึ่ งเนื่องมาจากระยะเวลาการทํางานเป็ นตัวกําหนด บางครั้งอาจจะมีขอ้ เสนอการ
ออกแบบให้เสร็ จแล้วจึงสร้าง BIM Model เพื่อประกอบการส่ งงาน ประโยชน์ของการทําให้แบบมีคุณภาพจึงขาด
หายไปด้วยขาดการทํา Coordination ระหว่างหลายๆหน้าที่ ในอีกด้านหนึ่งเป็ นการสร้างต้นทุนในการทํางานเพราะ
เท่ากับการทําแบบถึง 2 ครั้ง จะด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตามถ้าผูอ้ อกแบบไม่สามารถใช้ BIM ให้อยูใ่ นระบบการทํางาน
ปรกติ คุณภาพของงาน ,ต้นทุนที่สูงขึ้น ,ปัญหาในระยะงานก่อสร้างที่ตอ้ งติดตามแก้ไข จะเป็ นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถ
เบิกเพิ่มได้ ขณะที่ค่าออกแบบเป็ นอัตราที่ตายตัวมาเป็ นเวลานานการสร้างมูลค่าในการทํางาน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย
เป็ นประเด็นที่ตอ้ งคํานึงถึงเพื่อสามารถยืนอยูใ่ นเวทีงานออกแบบได้ เราจึงต้องใช้ BIM เป็ นตัวที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
มากกว่าเป็ นสาเหตุที่ทาํ ให้เกิดต้นทุน
สร้างแผนการบริ หารงาน
การใช้ BIM เป็ นการทํางานร่ วมกันหลายๆฝ่ ายทุกคนจะต้องเข้าใจระบบวิธีที่จะนําไปสู่ ความสําเร็ จในการทํางานตาม
ความต้องการของโครงการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีซ่ ึ งมีองค์ประกอบของกระบวนการทํางานเป็ นตัวกําหนดบน
ข้อตกลงและเห็นพ้องร่ วมกันทุกฝ่ าย ไม่วา่ จะเป็ นระบบการทํางานแบบ Design Bid Built หรื อ Design Built หรื อ
วิธีการอื่นๆ ข้อตกลงต่างๆต้องนําไปสู่ การทํางานถึงขั้นสุ ดท้ายของโครงการ การสร้างแผนการทํางานจึงต้อง
คํานึงถึงข้อมูลและเอกสารประกอบการทํางานในทุกระยะการทํางานนั้น ตามระยะเวลาและขั้นตอนการทํางาน
กรอบการทํางาน
• สร้างการทํางานออกแบบด้วย BIM ที่สนับสนุนการนําเสนองานในขั้นตอนต่างๆ
• แผนการทํางานที่เป็ นไปตามความต้องการของโครงการ ตามขั้นตอนของพัฒนาการของการทํางาน
• คุณสมบัติขิงผูร้ ่ วมงานที่มีความสามารถในการใช้และการบริ หาร BIM
• การนําเสนอการใช้เครื่ องมือและเทคโนโลยีประกอบการทํางาน
• กําหนดการทํา Design Coordination , Clash Detection , Model Review
• กําหนดการส่ งงาน และข้อมูลประกอบพัฒนาการของการทํางานด้วย BIM Process
สิ่ งที่ตอ้ งคํานึงถึงในการส่ งต่อข้อมูล
• วิธีการส่ งต่อข้อมูล , การ Share File , การใช้พ้ืนที่เก็บงาน
• การจัดการให้แต่ละหน้าที่เข้าถึงการใช้ขอ้ มูลได้
• การใช้ Software และ Version ของผูร้ ่ วมงานที่มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน
• การส่ งข้อมูลที่มี File Format ที่แตกต่าง
• กระบวนการส่ งต่อข้อมูลที่ทาํ ให้ทุกฝ่ ายเข้าใจตรงกัน
• ข้อตกลงในความรับผิดชอบของเจ้าของ Model และสิ ทธิต่างๆ
52
สิ่ งที่ตอ้ งคํานึงถึงในการสร้าง Model
• แผนการกําหนดความละเอียดของเนื้องานในแต่ละขั้นตอนการทํา Model หรื อข้อตกลงในการใช้ LOD.
• วิธีการที่จะเสนอองค์ประกอบต่างๆของงานออกแบบด้วยการแสดงเป็ น Graphic หรื อการใช้พ้นื ที่ต่างๆ
• การนําเสนอพื้นที่สาํ หรับการใช้งานการซ่อมบํารุ งสําหรับการดูแลอาคาร
• การนําไปใช้งานทางการวิเคราะห์ในด้านต่างๆเช่น โครงสร้างหรื อพลังงาน
• การกําหนดค่าพิกดั และตําแหน่งของโครงการเพื่อทํางานร่ วมกัน
• โครงสร้างของ Model ที่กาํ หนดเพื่อการทํางานและการจัดการ
เป็ นหัวเพียงข้อบางส่ วนที่พอจะรวบรวมมาได้ให้เห็นเนื้อหาก่อนการเริ่ มต้นการทํางานด้วยการวางแผนและทําความ
เข้าใจกับทีมงาน ในโครงการที่มีรูปแบบที่แตกต่างออกไปอาจจะมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาเป็ นเงื่อนไขให้เพิม่ เติม
วิธีการประสานงานขึ้นกับลักษณะและรู ปแบบที่ถูกกําหนดจากความต้องการของโครงการนั้นๆ
ทรงพล ยมนาค
600701
53
24 BIM ต้ องการความร่ วมมือในการทํางาน
54
ทํา Clash คือการ Coordination ให้ทุกฝ่ ายนําข้อมูลไปปรับปรุ งการทํางานตามระยะเวลาที่ถูกกําหนด หมายถึง
ประโยชน์กบั ทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสี ยในโครงการ
ทุกอย่างนําไปสู่ การประชุม
วิธีการทํางานคือการนําข้อมูลหรื อประเด็นต่างๆเข้าสู่ การประชุมเพื่อร่ วมกันแก้ปัญหา แต่ความยากอยูท่ ี่จะทําให้ทุก
ฝ่ ายมีส่วนในการประชุมอย่างไร? การสร้างฐานความรู ้ที่ถูกต้องเป็ นหนึ่งเดียว และการสร้างพันธะสัญญาแห่งการ
ทํางานร่ วมกันจะต้องจัดตั้งแต่เริ่ มต้นโครงการ การยกประเด็นของปั ญหาหรื อแบ่งปันด้วยการร่ วมกันแก้ไขจะถูก
จัดตั้งในการประชุมจากนั้นข้อสรุ ปจะต้องนําไปแก้ไข ปั จจุบนั วิธีการประชุมสามารถทําได้หลายรู ปแบบอยูท่ ี่ความ
พร้อมของบุคลากรและเครื่ องมือ การกําหนดวาระการประชุมและประเด็นใหญ่ที่ตอ้ ขอข้อสรุ ปต้องถูกตัดสิ นด้วย
ความเข้าใจร่ วมกัน
อีกหลายๆเรื่ องที่ยงั ต้องเรี ยนรู ้การทํางานในกระบวนการที่ใช้ BIM และอีกหลายเรื่ องที่ยงั ไม่รู้ ต้องผ่านการทํางานที่
แตกต่างและสร้างประสบการณ์แล้วนํามาปรับใช้ แนวทางที่ชดั เจนจะพัฒนาจากข้อผิดพลาดที่ผา่ นมาแล้วนํามา
ปรับปรุ ง หลักเกณฑ์การทํางานที่มีมาตรฐานบนความเข้าใจจะช่วยให้มองเห็นคําตอบ
ทรงพล ยมนาค
600708
55
56
25 BIM Content-1
57
aided design (CAD) สามารถบรรจุค่าของ Dimension ,Text , ลงใน Project ได้อยูแ่ ล้วแต่ในส่ วนของ BIM ยังมีการ
ใช้ Parameters เป็ นค่าตัวแปรที่สามารถควบคุมชิ้นงานได้มากกว่า ทําให้ทาํ งานทางการคํานวณและการวิเคราะห์ได้
มากขึ้น การทําความเข้าใจสิ่ งนี้จะทําให้สามารถต่อยอดการทํางานอย่างมีประสิ ทธิภาพ
( Parameters และ Attributes คือองค์ประกอบสําคัญที่จะกล่าวถึงสําหรับครั้งต่อไปซึ่ งจะนํามาถึงการสร้างให้ BIM
Content เกิดประโยชน์อย่างมากมาย ขณะเดียวกันขอนําเอาเรื่ องที่จะต้องพบในระยะเวลาอันใกล้ให้เห็นภาพ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี "10 Futuristic Construction technologies | Future constructions | Explore
engineering" จะบอกให้เราได้ทราบว่า มนุษย์ - กระบวนการทํางาน - เทคโนโลยี - เครื่ องจักร+หุ่นยนต์ คือสิ่ งที่
จะต้องทํางานร่ วมกัน )
https://youtu.be/vrZ7ToBvwn4
ทรงพล ยมนาค
600715
58
59
26 BIM Content-2
60
การทํางานตั้งแต่ตน้ จนจบที่สามารถสื บค้นข้อมูลจากรหัสที่ระบุในชิ้นงาน
ข้อกําหนดเหล่านี้เราอาจจะยังไม่เคยสัมผัสมากนักแต่ได้ถูกบรรจุใน BIM Content อย่างน้อยก็จะเข้าใจในการจัด
หมวดหมู่และการสร้างกําหนดชื่อให้ถูกต้องตามหน้าที่ของมาตรฐานซึ่ งมีผลต่อการทํางานร่ วมกันใน BIM Software
นี่เป็ นส่ วนหนึ่งให้ Information ใน BIM สามารถทํางานในหลายด้านได้
(มีขอ้ เสนอจากหลายฝ่ ายให้ผผู ้ ลิตสิ นค้าสร้าง BIM Content ที่มีองค์ประกอบของข้อกําหนดและวิธีการติดตั้งตามที่
ผูผ้ ลิตได้สร้างไว้ซ่ ึ งเป็ นข้อมูลเริ่ มต้นสู่ การออกแบบและการก่อสร้าง ขณะเดียวกันสมาคมวิชาชีพก็ได้ผลักดันการ
กําหนดมาตรฐานราคา (Cost Code) เพื่อใช้กาํ หนดรหัสราคาในระดับของรัฐเพื่อเป็ นประโยชน์และความโปร่ งใส
ของงานราชการ ปัจจุบนั ก็มีผผู ้ ลิตหลายรายเริ่ มทํากันบ้างแล้วแต่ยงั ไม่มีใครที่นาํ มารวมและจัดหมวดหมู่ที่เป็ นที่เป็ น
ทางสําหรับการนําไปใช้ เป็ นประเด็นที่น่าสนใจ คงต้องติดตามความก้าวหน้ากันต่อไป)
ทรงพล ยมนาค
600722
61
62
27 BIM Content-3
63
ทํางานร่ วมกันเพื่อสื่ อสารข้อมูลที่ผรู ้ ่ วมงานสามารถนําไปต่อยอดการทํางาน ความเข้าใจนี้จะต้องเป็ นที่ตกลงกับผูม้ ี
ส่ วนได้ส่วนเสี ยของโครงการทุกๆคน
(LOD ยังเป็ นเรื่ องที่ตอ้ งเรี ยนรู ้อีกมาก ในระหว่างการทํางานยังมีความสับสนอยูพ่ อสมควรขณะเดียวกันก็มีความคิด
ของการกําหนดวิธีการใหม่ข้ ึนมาเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายและกําหนดลงในรายละเอียดของวัสดุได้ชดั เจนกว่า แต่เพิ่งเป็ น
เพียงความคิดเริ่ มต้น ตัวอย่างที่เห็นได้จากแนวคิดความละเอียดของขั้นตอนการทํางานที่กาํ หนดขึ้นจาก
PAS 1192-2:2013 โดย The British Standard Institution 2013 มีหวั ข้อ Level of Model Definition for Building and
Infrastructure Project กําหนดตามขั้นตอนการทํางานเป็ น 7 ขั้นตอนและบอกรายละเอียดของพัฒนาการทํางานพร้อม
กับการบันทึกข้อมูลจึงเป็ นอีกข้อสังเกตที่น่าศึกษา )
ทรงพล ยมนาค
600728
64
65
28 BIM Content-4
66
• ข้อมูล ข้อกําหนด เงื่อนไขทางการคํานวณ : BIM Content มักจะระบุขอ้ มูลของอุปกรณ์หรื อเงื่อนไขต่างๆลงใน
อุปกรณ์โดยเฉพาะ Content ทางงานระบบที่ตอ้ งมีการกําหนดเงื่อนไขตั้งแต่เริ่ มต้นในการทํางาน นอกจากนี้ยงั
เกี่ยวเนื่องกับการคํานวณ
• การนําไปใช้งาน : เมื่อมีขอ้ มูลและเงื่อนไขของอุปกรณ์แล้วการเลือกใช้งานให้ตรงตามความต้องการจะทําให้
สามารถแสดงผลได้อย่างสมบูรณ์ Content แต่ละประเภทไม่สามารถระบุเงื่อนไขตามวิธีการทํางานเฉพาะทางได้จึง
ต้องเปิ ดให้ทาํ การสร้างข้อมูลเพิม่ เติมเช่นการระบุชื่อหรื อตัวเลขระบุชนิด สิ่ งเหล่านี้ผใู ้ ช้จะต้องเข้าใจถึงวิธีการใช้
งานอย่างถูตอ้ ง
องค์ประกอบต่างๆจะถูกนํามาใช้งานตามจุดประสงค์ของการใช้งานแต่ละประเภทของงานที่จะต้องกําหนดขึ้นไว้
ก่อนเริ่ มงาน ด้วยการใช้เครื่ องมือและกลไกในการทํางานทําให้สามารถนําข้อมูลต่างๆที่บรรจุภายใน Content มาใช้
งานได้ ผูผ้ ลิตสิ นค้าที่มีขอ้ มูลเฉพาะสามารถบรรจุสิ่งต่างๆลงเพื่อประกอบการใช้งานได้อย่างดี นอกจากนี้ยงั สามารถ
เข้าถึงผูใ้ ช้ได้โดยตรงและง่ายต่อการเลือกใช้หรื อขายสิ นค้า ปัจจุบนั สามารถเข้าถึงจาก Free Download จาก Website
ต่างๆที่ให้ขอ้ มูลผลิตภัณฑ์จากโรงงานผูผ้ ลิตซึ่ งจะกล่าวถึงในครั้งต่อไป
ทรงพล ยมนาค
600805
67
68
29 BIM Content-5
69
http://www.revitcomponents.blogspot.com/
ตัวอย่างดังกล่าวสามารถนํามาใช้งานได้ตามความต้องการรวมทั้งรายละเอียดประกอบอุปกรณ์ในแต่ละชนิด ส่ วน
ใหญ่จะมี File Format หลายๆแบบให้เลือกก่อนการใช้งานต้องเลือกให้เหมาะสมกับการทํางาน สิ นค้าที่มีมาตรฐาน
จะทําเป็ น BIM Content แล้วทั้งนั้น หัวข้อนี้ยงั มีรายละเอียดอีกมากที่จะกล่าวถึงโดยเฉพาะปั จจุบนั SCG ได้มี BIM
Content ให้ลงทะเบียน Free Download ที่ http://www.scgbuildingmaterials.com/…/Download-SCG-BIM-Libr… มี
อุปกรณ์หลายรายการที่นาํ ไปใช้งานได้เช่นหลังคา สุ ขภัณฑ์ เป็ นต้น
พัฒนาการต่อเนื่อง
BIM Content ถือว่าเป็ นองค์ประกอบที่สาํ คัญอันหนึ่งในการทํางานไม่เพียงหยิบมาใช้งานเพียงอย่างเดียว ในอนาคต
ที่ผผู ้ ลิตสิ นค้าสามารถสร้าง BIM Content ให้เรานํามาใช้งานจะทําให้การเชื่อมต่อระหว่าผูผ้ ลิตอุตสาหกรรมสามารถ
เข้าถึงผูใ้ ช้งานและผูอ้ อกแบบได้อย่างรวดเร็ วด้วย Object ที่เป็ น3มิติ และข้อมูลที่เข้าใจง่ายส่ งผลให้เกิดการตัดสิ นใจ
ได้รวดเร็ ว ประโยชน์น้ ีจะได้กบั ทุกฝ่ ายที่ทาํ งาน เราอาจจะสร้าง BIM Content เฉพาะทางสําหรับการออกแบบ
เท่านั้น ยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่สามารถนํามาใช้งานได้อีกมากมายด้วยการพัฒนาการทํางานควบคู่กบั เทคโนโลยีที่
เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
ทรงพล ยมนาค
600812
70
71
30 ก้ าวไปข้ างหน้ า + เปลีย่ นแปลง
72
การนําไปสู่ การเปลี่ยนแปลง
หลายคนกล่าวว่าการนํา BIM มาใช้จะต้องกําหนดจากระดับนโยบายอย่างชัดเจนจะเป็ นตัวผลักดันให้เกิดการทํางาน
ได้ ในทางกลับกันถ้าบุคลากรในองค์กรไม่เข้าใจเป้าหมายมีทศั นคติที่แปลกแยก การตีความเพื่อนํามาทํางานตาม
ความเข้าใจของตัวเอง การพัฒนาก็ไม่สามารถบรรลุผลได้ ถึงแม้วา่ นโยบายจากระดับบนต้องการกําหนดให้ท้ งั
องค์กรเดินไปก็ตาม มีประเด็นที่ควรคํานึงถึงเช่น
• ทําความเข้าใจที่ถูกต้องว่า BIM คืออะไร? อะไรคือความสําคัญหลัก? กระบวนการทํางานเป็ นอย่างไร?
• ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงย่อมมีการต่อต้าน การเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมจะต้องถูกจัดเตรี ยมก่อนเข้าสู่
กระบวนการ
• การที่จะปรับเปลี่ยนต้องอาศัย กระบวนการทํางาน การประสานการทํางานเป็ นส่ วนใหญ่ การใช้เทคโนโลยีกบั
Information จะเป็ นสิ่ งที่สนับสนุนให้บรรลุผล
• การกําหนดเป้าหมายและแผนการทํางาน การกําหนดตัวชี้วดั ในการทํางาน การสร้างแนวทางการทํางาน และ
มาตรฐานในการทํางาน จะทําให้ผรู ้ ่ วมงานสามารถดําเนิ นงานได้
• ไม่เพียงแต่การกําหนดนโยบายการทํางานจากระดับบริ หาร ผูป้ ฏิบตั ิงานต้องนําเสนอความเห็นเพื่อปรับการทํางาน
ให้เหมาะสมอีกด้วย
• การทํางานร่ วมมือหาข้อสรุ ปที่ดีต้ งั แต่ระดับบริ หารและพนักงานจะเห็นความคืบหน้าและการแก้ปัญหาที่ดี
• การสร้างความรู ้สึกในการมีส่วนร่ วมในการเสนอความคิดวิธีการทํางานจะผลักดันให้เกิดการทํางานเป็ นทีม
BIM ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
การปรับไปสู่ ยคุ ใหม่ของการทํางานด้วย BIM ซึ่ งต้องประสานกับการใช้เทคโนโลยีเป็ นเรื่ องท้าทายขององค์กร การ
นําไปสู่ การเปลี่ยนแปลงไม่เพียงการกําหนดให้ทาํ เพียงอย่างเดียวยังต้องบอกวิธีที่จะนําไปสู่ เป้าหมายอย่างเป็ น
ขั้นตอนยังต้องสร้างทัศนะคติความเข้าใจและผลลัพธ์ต่อผูป้ ฏิบตั ิงานอีกด้วย เป็ นภารกิจที่นาํ มาประสานกับการใช้
เทคโนโลยีซ่ ึ งเลือกนํามาใช้งาน มนุษย์เป็ นผูส้ ามารถสร้างกระบวนการเรี ยนรู ้และพัฒนาด้วยตัวเองได้ การใช้
เทคโนโลยีจึงไม่ใช่เรื่ องยาก แต่การทําให้องค์กรและบุคลากรนําเทคโนโลยีท้ งั กระบวนการอย่างถูกต้องเป็ นเรื่ องที่
ยากกว่า
ทรงพล ยมนาค
600827
73
74
31 เตรียมโครงการก่ อนเริ่ม BIM
75
• การจัดมาตรฐานการแสดงผลของงานที่เป็ นตัวอักษร ,สัญลักษณ์ , การบอกมิติ บนมาตรฐานสากลที่ยอมรับได้
• การจัด Views ต่างๆไม่วา่ จะเป็ น 2D Sheet , 3D view การจัดการการตั้งชื่อ ,การระบุขอ้ มูลประกอบใน 3D
• Data Set การจัดการข้อมูลที่บนั ทึกลงใน 3D Model เพื่อใช้งานในรู ปแบบอื่นๆตามจุดประสงค์ของโครงการ
• การจัดสรรหน้าที่ในการทํางานร่ วมกันใน Model สําหรับการทํางานร่ วมกันในหลายหน้าที่
• การจัดการ Material และข้อมูลที่ถูกบันทึกลงใน Model
• การจัดการไฟล์เชื่อมโยงและการจัดโครงสร้าง Model เพื่อบริ หารการทํางานในแต่ละหน้าที่
• การใช้ LOD ในแต่ละขั้นตอนการทํางาน
• การบริ หารไฟล์ที่ตอ้ งส่ งต่อไปยังเครื่ องมืออื่นๆที่มี Format ที่แตกต่างกัน
• การเขียนโปรแกรมและเครื่ องมือในการสร้างโปรแกรมเพื่อประมวลผลและทํางานเชื่อมต่อกับเครื่ องมือที่แตกต่าง
• การจัดเก็บและบันทึกและการแบ่งปั นไฟล์ตามขั้นตอนในการทํางาน
• วิธีการส่ งงาน การจัดเตรี ยมการส่ งงานด้วยไฟล์และข้อมูลในรู ปแบบต่างๆ
หัวข้อดังที่กล่าวมาเป็ นแค่กรอบกว้างๆที่ควรรับรู ้ในการเริ่ มต้นการทํางานซึ่ งต้องมีการเตรี ยมการตั้งแต่เริ่ มโครงการ
จะเห็นได้วา่ ก่อนเริ่ มสร้าง Model ให้ได้ตามประสงค์ของโครงการมีเงื่อนไขมากมายที่มีผลกับการทํางานบน
สภาพแวดล้อมของ BIM
ทรงพล ยมนาค
600902
76
32 บางประการของการทํา Clash Detection
77
การโต้แย้งเพื่อหาข้อสรุ ปที่เหมาะสม ความเป็ นเจ้าของ Model ,ความรับผิดชอบ ,การปรับเข้าหากัน เป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้
โครงการดําเนินได้
ทํา Clash Detection แบบไหน?
การใช้เครื่ องมือในการทํา Clash ไม่ได้หมายความว่าการรายงานผลจะถูกนํามาใช้ได้ทุกรายการ เครื่ องมือคือหุ่นยนต์
ที่ทาํ งานตามข้อกําหนดที่เราตั้งขึ้นให้ทาํ งานแต่ในยุคนี้เครื่ องมือยังไม่สามารถคิดและแก้ปัญหาให้ทุกกรณี ได้ เรา
ต้องเป็ นผูว้ ินิจฉัยประเด็นต่างๆที่มีผลกับการทํางานจากประสบการณ์ในวิชาชีพ ถ้าจะแบ่งการทํา Clash ออกเป็ น
ประเภทได้เช่น การตรวจสอบวัตถุที่ชนกันโดยตรง ,การตรวจสอบวัตถุที่มีระยะหรื อกรอบที่กาํ หนดไว้ ,การ
ตรวจสอบวัตถุที่นาํ เข้าเพื่อการติดตั้งที่มีความสัมพันธ์กบั ระยะเวลาเช่นการกําหนดก่อนหลังของการเข้าทํางาน
เนื้อหาของการตรวจสอบแบ่งออกเป็ น
○ เบื้องต้นการสํารวจจากการทํา Visual Check สามารถทําให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมของโครงการและพบข้อขัดแย้ง
ในส่ วนที่ Clash ปรกติไม่สามารถแจ้งเตือนเช่น Sprinkle ที่วางลอยอยูน่ อกอาคารไม่ได้ชนกับวัตถุอื่นเครื่ องมือจะไม่
แสดงผล
○ ขั้นต่อไปคือการทํา Clash Check ที่แสดงผลการชนของวัตถุเป็ นภาพและรายงานผลซึ่ งสามารถบันทึกความเห็น
ในการทํางานเพื่อนําไปแก้ไข
ถึงแม้วา่ การใช้ BIM จะเป็ นที่แพร่ หลายในปัจจุบนั Clash Detection เป็ นหัวข้อหนึ่งในกระบวนการนี้ที่ทาํ กันอย่าง
มาก แต่ตอ้ งคํานึงถึงกระบวนการอื่นๆที่จะผลักดันให้เกิดคุณภาพในการทํางานมีบางประเด็นที่ควรนําไปพิจารณา
เมื่อเริ่ มทํางานด้วย BIM เช่น
○ การทํา Coordination เพื่อบรรลุเป้าหมายมีความสําคัญมากกว่าการทํา Clash เพียงอย่างเดียว
○ ควรจะนําผล Clash มาแก้ไขปั ญหามากกว่าการนับผลจํานวน Clash
○ Clash ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ท้ งั หมดของโครงการแต่เราสามารถกําหนดการแก้ปัญหาในจุดที่สาํ คัญ
ทรงพล ยมนาค
600930
78
33 BIM – M
79
หลักการตามมาตรฐาน ถึงแม้วา่ คําย่อของ M ใน BIM จะหมายถึง Modelling แสดงผลเป็ นภาพ 3 มิติที่มีขอ้ มูล
Graphic และ Non Graphic ก็ตามซึ่ งเป็ นเครื่ องมือที่นาํ ไปสู่ ความเข้าใจในการมองเห็น แต่ถา้ มองอีกแง่หนึ่งของการ
ทําให้ BIM บรรลุเป้าหมายยังต้องการ "M" ยังมีความหมายถึง Management ที่จะช่วยให้การทํางานเป็ นทีมและสร้าง
กระบวนการทํางานรวมถึงวิธีต่างๆให้ขอ้ มูลใช้งานได้ต้ งั แต่เริ่ มโครงการซึ่ งเป็ นเนื้อหาส่ วนใหญ่ในการทํางาน งาน
ด้านนี้ ดาํ เนินไปควบคู่การทํางานตลอดโครงการด้วยกระบวนการที่ตอ้ งการวิธีการด้านต่างๆให้ทีมทั้งหมดสามารถ
ประสานงานได้ เราไม่อาจจะมอบสิ่ งเหล่านี้ ให้กบั BIM Manager เพียงลําพัง การบริ หารจัดการต้องการทีมที่มีความ
เข้าใจและมีส่วนร่ วมในกิจกรรมทั้งหมดด้วย
การนําไปสู่ การทํางานบนแนวทางที่เป็ นกระบวนการทํางานโดยใช้เทคโนโลยียงั ต้องการประสบการณ์เพื่อหา
คําตอบที่เหมาะสม การ Implementation ที่จะนําให้องค์กรสามารถดําเนินการทํางานด้วย BIM ยังต้องการวิธรการ
บริ หารที่ลงตัวกับธุรกิจในแต่ละประเภทอาจจะเรี ยกว่าไม่มี Template มาตรฐานที่ใช้ได้กบั ทุกประเภทของงานขึ้นอยู่
กับความต้องการและจุดประสงค์ในการทํางานนั้นซึ่ งต้องการวิธีจดั การที่เข้าใจกระบวนการทํางานอย่างชัดเจนใน
การใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับทีมที่ทาํ งานด้วยกัน
ทรงพล ยมนาค
601007
80
34 เรือ
่ งของ Model
82
35 เรื่ องของ Model
Information Model
ภาพจําลอง 3 มิติที่บรรจุขอ้ มูลจากผูอ้ อกแบบมีองค์ประกอบของรู ปทรงที่เป็ น Graphic มีการควบคุมด้วย
Parameter ประกอบกับข้อมูลที่เป็ น Non Graphic เป็ นข้อมูลด้านต่างๆทําให้ BIM Model
สามารถทําการแสดงผลและนําข้อมูลไปวิเคราะห์ ผูอ้ อกแบบในแต่ละหน้าที่จะทําการสร้างองค์ประกอบของตนแล้ว
นํามารวมกันเพื่อหาข้อสรุ ปในการแก้ปัญหาตั้งแต่ระยะการออกแบบไปจนถึงการก่อสร้าง Model จึงถูกสร้างขึ้น
ตามหน้าที่ในการทํางานและตามประเภทของการใช้งาน
ชนิดของ Model
ในการทํางานเราคุน้ เคยกับ Model ในลักษณะต่างๆและใช้มนั ในทุกๆด้าน Model จะเกิดขึ้นตามจุดประสงค์
และความต้องการของการใช้งานแต่ละประเภทและแต่ละช่วงเวลาการทํางาน องค์ประกอบที่ถูกบันทึกจึงมีความ
แตกต่างออกไป รวมถึงการควบคุมคุณภาพที่มีกรอบเพื่อนําไปทํางานได้ ข้อกําหนดต่างๆจะกําหนดให้ Model มี
เงื่อนไขเพื่อนําไปสู่ การทํางานตามจุดประสงค์ Model จึงถูกแบ่งตามชนิดของการทํางานนั้นๆและไม่ได้นาํ ไปใช้
ทุกๆเรื่ องใน Model เดียว เช่นการใช้ VDC (Virtual Design & Construction) Models
ควบคู่ไปขณะการทํางานออกแบบและการก่อสร้างโดยใช้เครื่ องมือที่แตกต่างออกไปเพื่อให้แสดงผลอย่างที่ตอ้ งการ
Model แต่ละชนิดถูกสร้างขึ้นในระบบการทํางานของวงจร BIM ประเภทของ Model ได้รวบรวม
โดยสังเขปดังนี้
Design Models : สําหรับการทํางานของผูอ้ อกแบบแต่ละหน้าที่ระหว่างการออกแบบ
Design Intent Models
Energy and Performance Models
Construction Models : สําหรับการทํางานในระยะการก่อสร้าง
Construction Model
Trade Construction Models
Survey Model
Layout Model
VDC (Virtual Design & Construction) Models : สําหรับการทํางานควบคู่กบั งานออกแบบ
และก่อสร้างเพื่อช่วยวิเคราะห์และเข้าถึงข้อมูลเพื่อตัดสิ นใจในแต่ละช่วงการทํางานด้วยการแสดงภาพและแผนงาน
การติดตามผลและการประมาณราคา
83
Experience Simulation Models
Coordination Models
4-D Models
Tracking Models
Cost and Quantification Models
As-Built Models : สําหรับการส่ งงานเพื่อนําไปบริ หารอาคาร
Facilities Management Models and Operations Models
ในหัวข้อดังกล่าวอาจจะไม่ครบถ้วนนักนํามาแสดงให้เห็นเพื่อสร้างความเข้าใจถึงประเภทของการใช้งาน Model
ในแต่ละขั้นตอนซึ่ งยังต้อมีรายละเอียดอีกมากสําหรับการทํางานเช่น ข้อกําหนดของ LOD. ในแต่ละขั้นตอนการ
ทํางาน ,Model Structure ของ Model แต่ละประเภท ,การบันทึก Information ,Materials
,Standard และอื่นๆอีกมาก อีกเรื่ องที่นาํ มากล่าวถึงคือ VDC Models เพื่อให้เห็นได้วา่ สิ่ งนี้มีส่วน
เกี่ยวข้องกับกระบวนการของ BIM อยูแ่ ล้ว ไม่สามารถจะแยกเป็ นส่ วนใดส่ วนหนึ่งจาก BIM ซึ่ งเดิมทีได้มีการ
ทํากันมานานแล้วก็ตาม สิ่ งที่ควรคํานึงถึงเรื่ องการใช้ Model คือการเน้นเนื้อหาของการนําข้อมูลมาแลกเปลี่ยน
เพื่อสนับสนุนกระบวนการทํางานมากกว่าผลิตผลของสิ่ งประดิษฐ์ที่ได้จากกระบวนการทํางาน
ทรงพล ยมนาค
601014
84
36 เรื่ องของคนทํา Model
ในอุตสาหกรรมการออกแบบก่อสร้างต้นกําเนิดของการสื่ อสารข้อมูลคือแบบสําหรับก่อสร้างที่อธิบายถึงลักษณะ
เนื้องานออกมาเป็ นภาพที่มีความเชื่อมโยงไปยังภาพต่างๆให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาของงานที่ออกแบบ การอ่านแบบ
และตีความตามการแสดงผลในภาพฉายต่างๆต้องใช้จินตนาการและประสบการณ์ของการก่อสร้างประกอบการอ่าน
แบบ การสร้างภาพในมุมต่างๆมีระเบียบวิธีบนพื้นฐานของมาตรฐานการทํางานที่ยอมรับกันเป็ นสากลสําหรับ
ผูป้ ฏิบตั ิงานที่สามารถเข้าใจได้ จากการทํางานในยุคก่อนจนถึงปัจจุบนั มีพฒั นาการที่แตกต่างออกไปแต่เนื้อหาคือ
การสื่ อถึงความเข้าใจร่ วมกันของรู ปแบบสําหรับนําไปใช้งานในวงจรการออกแบบและก่อสร้าง
คนทํา Model
ในยุคก่อนเราเรี ยกผูช้ ่วยสําหรับงานออกแบบที่ผลิตแบบก่อสร้างว่า Draftman ต่อมาผูท้ ี่มีทกั ษะค่อยๆเลือนหายไป
จากวงการด้วยหลายเหตุผลจนในที่สุดผูอ้ อกแบบต้องลงมาทํางานด้านนี้ควบคู่กบั งานออกแบบด้วยการกําหนด
ตําแหน่งใหม่ๆขึ้นมาและให้คาํ จํากัดความที่ครอบคลุมเพือ่ รับผิดชอบงานทั้งหมด แต่ในความเป็ นจริ งผูอ้ อกแบบรุ่ น
ใหม่อาจยังไม่มีประสบการณ์หน้างานหรื อระเบียบวิธีของงานเขียนแบบก่อสร้าง อาจจะเป็ นเพราะบางส่ วนไม่ได้
เน้นจากการเรี ยนในระดับมหาวิทยาลัย ปัจจุบนั เมื่อ BIM มีบทบาทมากขึ้นมีความต้องการหน้าที่คนทํา Model ทําให้
เกิดตําแหน่งงานใหม่ข้ ึนมาเช่น BIM Modeler หรื อ BIM Operator ที่สามารถทํางานควบคู่กบั งานออกแบบด้วยการ
สร้างภาพ 3 มิติและแบบก่อสร้าง
หน้าที่และความรับผิดชอบ
กรอบการทํางานของคนทํา Model จะเป็ นผูท้ ่ีช่วยผูอ้ อกแบบหรื อทํางานออกแบบพัฒนางานจาก Model Base ตาม
ความต้องการของโครงการดังนั้นจึงต้องการความรู ้ประสบการณ์มากกว่าการทําแบบในระบบเดิมซึ่ งมีความแตกต่าง
จากตําแหน่ง Draftman ซึ่ งบางสํานักงานอาจจะยังไม่มี Job Description ของงานในหน้าที่เหล่านี้องค์ประกอบนี้เป็ น
สิ่ งสําคัญในการขับเคลื่อนให้ BIM Team เกิดขึ้นในสํานักงาน ทักษะของผูท้ ี่ทาํ งานทางด้านนี้อา้ งอิงจาก AEC (UK)
BIM Technology Protocol Version 2.1.1 June 2015 ได้ระบุไว้วา่ Modelling authoring ควรจะต้องมีความสามารถ
ดังนี้
• Content Creation : สามารถสร้างองค์ประกอบอาคารได้
• Modelling : สามารถสร้าง Model ของอาคารได้
• Drawing Production : สามารถผลิตงานแบบก่อสร้างได้
ผูอ้ อกแบบควรจะมีส่วนในกระบวนการสร้าง Model และถือเป็ นส่ วนหนึ่งของงานออกแบบที่สามารถนําข้อมูลไป
ทํางานต่อยอดเช่นการนําไปวิเคราะห์ ,การทําแผนงาน ,การประมาณราคา ,การศึกษาวิธีการก่อสร้าง คนทํา Model
จึงต้องการเรี ยนรู ้จากการ Training วิธีการใช้ Application หรื อเครื่ องมืออื่นๆที่ใช้ประกอบการทํางาน อย่างไรก็ตาม
การเรี ยนรู ้จะต้องนํามาใช้งานให้เกิดผลจริ งมากกว่าเพลิดเพลินสนุกสนานไปกับเครื่ องมือหลากหลายชนิดที่ไม่ได้
สนับสนุนให้งานสําเร็ จได้
กุญแจสําคัญของคนทํา Model
ต้องไม่ลืมว่าความสําเร็ จในการทํางานต้องเข้าใจ Concept ของการทํางานตั้งแต่การออกแบบเบื้องต้นและพัฒนา
85
Model ไปตามระดับความละเอียดของเนื้องานบนมาตรฐานร่ วมกันซึ่ งเป็ นการควบรวมการทํางานออกแบบและการ
ก่อสร้างด้วยการจําลองภาพเสมือนจริ ง สิ่ งที่ควรคํานึงถึงในการทํางานมีดงั นี้
• พัฒนาการของ BIM Model จะต้องสนับสนุนการทํางานออกแบบตามขั้นตอนของสถาปนิกและวิศวกร
• เข้าใจการทํางานบนพื้นฐานของ Office Standard และเงื่อนไขต่างๆในการทํางาน การส่ งงาน พัฒนางานออกมา
เป็ น 2D จาก BIM Model
• สนับสนุนการทํางานเชื่อมโยงกับผูร้ ่ วมงานในหน้าที่ต่างๆระหว่างการทํางาน
• จัดเตรี ยม Coordination Model ตามเงื่อนไขมาตรฐานการทํางานของสํานักงาน
• นําเสนอรายละเอียดของ Model ที่มีขอ้ กําหนดหรื อ Specification ประกอบใน Model ให้สถาปนิกและวิศวกร
• ให้คาํ แนะนําผลของข้อสรุ ปในทางเลือกประกอบการทํางานออกแบบให้สถาปนิกและวิศวกร
เป็ นบางประเด็นที่รวบรวมมาให้เห็นถึงความสําคัญของคนทํา Model ที่ตอ้ งมีหลักความคิดที่เป็ นระบบและทํางาน
บนมาตรฐานที่ได้กาํ หนดไว้เพื่อทํางานร่ วมกับผูอ้ อกแบบและผูร้ ่ วมงานอื่นๆที่มีเนื้อหาที่มากกว่าเดิม
ถาม-ตอบ
เมื่อเริ่ มงานได้สักระยะหนึ่งมักจะมีคาํ ถามที่คุน้ เคยเกิดขึ้นเสมอซึ่ งเป็ นพื้นฐานที่คนทํา Model ต้องการเพราะเขาจะ
เริ่ มมองเห็นเป้ าหมายปลายทางเพื่อผลสําเร็ จในการทํางาน สภาพแวดล้อมการทํางานของ BIM ไม่ได้เริ่ มจากการเปิ ด
คอมพิวเตอร์ แล้วเขียนงานเลย มันต้องการเป้าหมายตามความต้องการทํางาน ,แผนการทํางาน ,การจัดเตรี ยม ,การ
ทํางานเป็ นทีม และอื่นๆ พอจะหยิบเอาบางประเด็นมาแสดงได้ดงั นี้
• ไม่มีชิ้นงานอาคารเช่น ประตู หน้าต่าง ตามงานออกแบบจะทําอย่างไร? : เป็ นความสามารถของคนทํา Model อยู่
แล้วที่ตอ้ งทําขึ้นมา การเรี ยนรู ้ การฝึ กฝน การทดสอบ เป็ นวงจรในการทํางาน
• สร้าง Model อย่างเดียวไม่ตอ้ งทํา Detail ได้ไหม? : การสร้าง Model มีองค์ประกอบของ Model และ Detailing
ถึงแม้วา่ มีความสามารถในการทํา Model ได้อย่างดีแต่ไม่มี Detail งานนั้นจะไม่ไปสู่ ความสําเร็ จได้เลย
• อยากทํางานเร็ วๆมีทางด่วนให้ไหม? : ถ้าก่อนทํา Model ไม่เคยสร้างทางด่วนไว้จะเรี ยกมันมาใช้ได้อย่างไร? การ
ทํางานบนระเบียบวิธีที่ถูกต้องเสมือนการสร้างทางด่วนตั้งแต่เริ่ มทํางานเพราะเราสามารถรับรู ้วา่ ขั้นตอนใดสามารถ
กําหนดทิศทางได้แล้วจึงเลือกเดิน
เรื่ องราวยังมีอีกมากมายสําหรับการทํางานบนระบบนิเวศของ BIM คนทํา Model เป็ นจุดเริ่ มต้นการทํางานที่มี
สาระสําคัญอย่างสู งที่จะนําไปสู่ ความสําเร็ จทัศนะที่นาํ มาเสนอเป็ นเรื่ องที่เกิดขึ้นระหว่างการทํางานและข้อมูลจาก
รายงานที่มีส่วนสําคัญให้เห็นกรอบของผูท้ ี่ทาํ งานด้านนี้ และแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ทาํ งานเพียงคนเดียวอีกต่อไป
ทรงพล ยมนาค
601021
86