Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 62

ฟิสิกส์ 30 วัน ทันสอบ

ส่วนที่ 1 สรุปเนื้อหา
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
S

1. บทนาฟิสิกส์
1. ปริมาณฐาน อนุพันธ์ เสริม 4. เลขนัยสาคัญ
 ปริมาณฐาน คือ ปริมาณพื้นฐานที่จาเป็นต่อการอธิบาย  หลักการนับเลขนัยสาคัญ
ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ มี 7 ตัว คือ นับตัวเลขทุกตัวที่ไม่ใช่ศูนย์ ไม่นับ ศูนย์กลุ่มหน้าสุด และ ไม่นับ 10n
เช่น 12.35 มีเลขนัยสาคัญทั้งหมด = 4 ตัว
1001.0030 มีเลขนัยสาคัญทั้งหมด = 8 ตัว
0.0012300 มีเลขนัยสาคัญทั้งหมด = ____ ตัว
32.0 x 10-6 มีเลขนัยสาคัญทั้งหมด = 3 ตัว
 การบวก,ลบ ตามหลักเลขนัยสาคัญ
จานวนทศนิยมของผลลัพธ์ต้องเท่ากับจานวนทศนิยมที่น้อยที่สุด
ของตัวเลขที่นามาคานวณ
เช่น 519.7 + 628.4917 - 690.2209 - 413.2 = 44.7208
แต่คาตอบที่ถูกต้อง คือ 44.7
 ปริมาณอนุพันธ์ คือ ปริมาณที่เกิดขึน้ จากการนาปริมาณฐานมา
 การคูณ,หาร ตามหลักเลขนัยสาคัญ
ประกอบกันโดยการคูณ หรือ หาร เช่น อัตราเร็ว(v) = S/t
จานวนทศนิยมของผลลัพธ์ต้องเท่ากับจานวนเลขนัยสาคัญทั้งหมด
 ปริมาณเสริม ใช้สาหรับวัดมุม มี 2 ตัว คือ เรเดียน(rad) และ สเตอเรเดียน(Sr)
ที่น้อยที่สุดของตัวเลขที่นาคานวณ

2. คาอุปสรรค และ การเปลี่ยนหน่วย เช่น


15.00 x 12.0
= 36.000 แต่คาตอบทีถ่ ูกต้อง คือ 36.0
5.000
 คาอุปสรรค เป็นสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นมาเพื่อใช้แทนการเรียก
10n (เมื่อ n คือ จานวนเต็ม) เพือ่ ให้การจดบันทึก และการ 5. เครื่องมือวัด ความละเอียด และการบันทึกผล
นาเสนอข้อมูลให้กระทัดรัด
 ไม้บรรทัด ความละเอียด = 1 มม. บันทึก = 0.1 มม.
 เวอร์เนีย ความละเอียด = บันทึก = 0.1 มม.
 ไมโครมิเตอร์ ความละเอียด = บันทึก = 0.01 มม.
จงระบุว่าผลการวัดต่อไปนี้น่าจะเกิดจากเครื่องมือชนิดใด
1) 12.23 เซนติเมตร  0.01 ซม = 0.1 มม  ไม้บรรทัด , เวอร์เนีย
2) 5.725 เซนติเมตร  0.001 ซม = 0.01 มม  ไมโครมิเตอร์
3) 1.12 มิลลิเมตร  0.01 มม  ไมโครมิเตอร์
4) 3.5 มิลลิเมตร  0.1 มม  ไม้บรรทัด , เวอร์เนีย

6. การถ่ายทอดความคลาดเคลื่อน
 การเปลี่ยนหน่วยเวลา  สังเกต การบันทึกข้อมูลต่อไปนี้
1 hr = 60 min 1 min = 60 sec 1 hr = 3600 sec
 การเปลี่ยนหน่วยพื้นที่  ต้องยกกาลังสอง
 การเปลี่ยนหน่วยปริมาตร  ต้องยกกาลังสาม

3. เวคเตอร์
 การบวกเวคเตอร์(ใช้หาเวคเตอร์ลพ
ั ธ์)
แบบหางชนหาง แบบหัวชนหาง
B
A A+B A
A+B
B
 การลบเวคเตอร์ (หางชนหาง)

A A-B A BA

B B

Page 2
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

 หลักการถ่ายทอดความคลาดเคลื่อน 7. วิธีเรียนฟิสิกส์แบบชิวๆ

โจทย์ เสมอ เสมอ หลักคือ : แม่นยาเรื่อง สูตร กับหน่วย ก็ทาโจทย์ได้แล้ว


แบบที่ 1 ax  by =   ( ax + by ) สมมุติว่าน้องไปเรียนมาว่า F คือ แรง หน่วย Nนิวตัน
m คือ มวล หน่วย kgกิโลกรัม
x y a คือ ความเร่ง หน่วย m/s2 เมตรต่อวินาทียกกาลังสอง
และสูตร F = m a

Example 1 : How much force is needed to accelerate a 100 kg at 10 m/s2


โจทย์

xa yb เสมอ เสมอ เสมอ


x + b y + c z )
แบบที่ 2 =   ( a
zc x y z

ตย.1 ระยะทางจากจุด A และ B ถูกทาการวัดเป็น 2 ช่วง คือ


ช่วงแรก = 5.25  0.05 กิโลเมตร
Example 2 : A force of 270 N is applied to an object that accelerates at 5
ช่วงหลัง = 15.2  0.1 กิโลเมตร
m/s2. What is the mass of the object ?
จงหาระยะทางรวมทั้งหมด
1. 25 kg
2. 25 N
3. 54 kg
4. 54 N

8. การสร้างสูตรอัตราส่วนจากสูตรพื้นฐาน
ตย.2 กาหนด A = 1.00  0.02 , B = 2.00  0.2
จงหาค่าของ A2 x B3 และ A1/2 x B2  ตัวแปรอยู่ฝั่งเดียวกัน : หารกัน  ผันตรงกัน คูณกัน  ผกผันกัน
 ตัวแปรอยู่คนละฝั่งกัน : วางตรงกัน บน-บน หรือ ล่าง-ล่าง  ผันตรงกัน
วางสลับ บน-ล่าง หรือ ล่าง-บน  ผกผันกัน
L
ตย.1 R= สนใจ R,L -->
A

ตย.2 E k = 21 mv 2 สนใจ Ek,v -->

ตย.3 v = f สนใจ f, -->

kQq
ตย.4 E= สนใจ E,Q , r -->
r2

Page 3
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
ตย.5 หากกาหนดให้ v คือ อัตราเร็ว หน่วย m/s 11. เทคนิคการสร้างสูตรจากหน่วย
f คือ ความถี่ หน่วย Hz
 คือ ความยาวคลื่น หน่วย m ตย.1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุในปริมาตร 3 ลูกบาศก์เมตร ที่ความดัน
และ v = f  2 x 105 พาสคาล ทีอ่ ุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส จงหาน้าหนัก
แล้ว xxxxxxxx 10 m/s xxxxxxxx 5 m xxxxx 2 m xxxx ____ m/s ของแก๊สนี้ในหน่วยกิโลกรัม หากกาหนดให้ค่าคงที่ของแก๊สนี้มีค่าเท่ากับ
80 จูล/(เคลวิน.กิโลกรัม)
และกาหนดให้ หน่วย จูล = พาสคาล.ลูกบาศก์เมตร

9. การเขียนกราฟจากสูตร
 ผันตรง : y  x เส้นตรง , y  x2 พาราหงาย , y2  x พาราคว่า
 ผกผัน : กราฟไฮเปอร์มุมฉาก
2
ตย.1 E k = 21 mv
1) กราฟ Ek – v2 2) กราฟ Ek – v

12. เทคนิคการชิวตัวเลขข้อสอบตัวเลือก
กฎการชิวตัวเลข คือ
 ตัวเลขทั้งหมดต้องอยู่ในลักษณะ คูณ หรือ หาร กันเท่านั้น
 แต่ละตัวเลือก ต้องมีเลขหลักใหญ่(ซ้ายสุด 2 ตัวแรกแตกต่างกัน)

3) กราฟ m – v2 2) กราฟ m – v มาดูตัวอย่างกันนะครับ

ตย.1
25.32 × 1.91 × 10-2 = ?
0.0509
1. 9.5
2. 4.3
3. 12.5
4. 23.8

0.9 × 0.0201
ตย.2 0.0025x0.5 = ?
1. 36.75
10. การแปรความหมายพื้นที่ใต้กราฟและความชัน 2. 25.22
3. 14.47
 x . y = พื้นที่ใต้กราฟ  y / x = ความชันกราฟ 4. 10.47
2
ตย.1 E k = 21 mv
ตย.3
360 × 48 × 0.24 = ?
1) กราฟ Ek – v2 2) กราฟ m – v2 0.125x0.2
1. 993.7
2. 723.5
3. 645.8
4. 407.3

ตย.4
360 × 480 × 0.024 = ?
0.0125x0.2
1. 2536
2. 1288
3. 4250
4. 1845

Page 4
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

2. การเคลื่อนที่เส้นตรง
1. ความรู้พื้นฐานของการเคลื่อนที่ 3. การกระจัดช่วงวินาทีที่ n
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ระยะทาง S mเมตร 1 การกระจัดช่วงวินาทีที่ n S ช่วง n m
2 การกระจัด S mเมตร
2 การกระจัด ณ. วินาทีที่ n St m
 ระยะทาง คือ ความยาวตามเส้นทางการเคลื่อนที่ เป็นปริมาณสเกลาร์
3 การกระจัด ณ. วินาทีที่ n - 1 S t 1 m
 การกระจัด คือ เส้นตรงที่ต้องแสดงทิศทางจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดสุดท้าย
เป็นปริมาณเวคเตอร์ เช่น

No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย


1 อัตราเร็วเฉลี่ย v av m/sเมตร/วินาที Sช่วง n = Sn - Sn - 1
2 ความเร็วเฉลี่ย v av m/sเมตร/วินาที
3 เวลา t Sec , sวินาที
 อัตราเร็วเฉลีย
่ คือ อัตราการเปลีย่ นแปลงของระยะทาง เป็น ป.สเกลาร์
 ความเร็วเฉลีย
่ คือ อัตราการเปลีย่ นแปลงของการกระจัด เป็น ป.เวคเตอร์ 4. การเคลื่อนที่แนวดิ่ง
v av = St vav = St No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความเร่งของสนามโน้มถ่วง g m/s2
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  หลัก : ใช้หลักการเดียวกับ S u v a t แค่เปลี่ยน a เป็น g
1 ความเร็วต้น u m/s  Keyword :
2 ความเร็วปลาย v m/s 1. ปล่อย  u = 0 , g = 10
3 อัตราเร่ง a m/s2 2. โยนขึ้น  g = -10
4 ความเร่ง a m/s2 3. สูงสุด  v = 0
 อัตราเร่ง คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของอัตราเร็ว เป็นปริมาณสเกลาร์ 4. ตกกลับที่เดิม  S = 0

 ความเร่ง คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของความเร็ว เป็นปริมาณเวคเตอร์  การกาหนดทิศทาง “ u มีทิศเป็น + เสมอ ใครสวนทางกับ u ให้เป็น – “

a = v t- u a = v t- u 5. กราฟการเคลื่อนที่
Keyword :
1. เริ่มเคลื่อนที่  u = 0
2. หยุด  v = 0
3. ความเร็วเพิ่มขึ้น  มี ความเร่ง
4. ความเร็วลดลง  มี ความหน่วง

2. สูตรคานวณการเคลื่อนที่ S u v a t
Check ตัวแปรที่โจทย์กาหนด และ ทีโ่ จทย์ถาม … แล้วดูว่าตัวแปรใดที่
โจทย์ไม่บอก หรือ ถาม ก็ให้เลือกใช้สูตรที่ไม่ปรากฏตัวแปรนั้นในโจทย์

สูตรไม่มี S v = u+ at
1 2
สูตรไม่มี u S = vt - 2 a t S =  hสมฉ S = A v=u + A

สูตรไม่มี v S = ut + 21 a t 2 S = S2 - S1 S =  A
v = slope a = slope
สูตรไม่มี a S =  u +2 v  t
สูตรไม่มี t v2 = u2 + 2 a S v av = St vav = St

Page 5
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 8. การเคลื่อนที่ของวัตถุสองก้อนในแนวดิ่ง
 หัวใจสาคัญ คือ จุดบนแถบกระดาษแทนการกระจัดของวัตถุ ใช้หลักการเดียวกับหัวข้อที่ 7 แค่เปลี่ยนจาก a เป็น g
 จุดบนแถบกระดาษจะมี 3 ลักษณะทีข่ ้อสอบจะออกกัน คือ
ตัวอย่าง : นาย ก. ยืนอยู่ริมหน้าผาสูง 100 เมตร ขณะที่ นาย ข. ยืนที่ก้นเหว
ด้านล่าง หาก นาย ก. ปล่อยก้อนหินลงมา พร้อมกับที่ นาย ข. โยนก้อนหินขึ้นไป
ด้วยอัตราเร็ว 20 เมตร/วินาที จงหาว่านานเท่าไหร่ก้อนหินทั้งสองจึงจะกระทบกัน
และก้อนหินจะกระทบที่ความสูงจากก้นเหวด้านล่างกีเ่ มตร

*** แต่ละจุดใช้เวลาต่างกันเท่ากับ 1 / 50 วินาที ***


 สูตรคานวณอาศัยความรู้พื้นฐาน คือ

S างช่วงจุด a = v t- u
vav = t ระหว่
ระหว่างช่วงจุด ระหว่างช่วงจุด

ตัวอย่าง : จากแถบกระดาษที่กาหนดให้ แล้วข้อใดต่อไปนี้ คือ ความเร่งของจุด G


1. 1.0 m/s2 2. 1.7 m/s2 3. 17.5 m/s2 4. 1.0 cm/s2

9. แนวโจทย์บอลลูน
คิดเหมือนการเคลื่อนที่แนวดิ่ง แต่ต้องหาความเร็วต้นที่แท้จริงของวัตถุด้วยหลักการ
ความเร็วสัมพัทธ์ คือ u = v วัตถุ - v บอลลูน
ตัวอย่าง : ปล่อยบัลลูนขึ้นไปด้วยความเร่งคงที่ 2 เมตร/วินาที2 ขึ้นไปได้ 20 วินาที
บัลลูนก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ตลอด หลังจากปล่อยบัลลูนขึ้นไปนาน 40 วินาที
มีวัตถุหลุดจากบัลลูน นานเท่าใดวัตถุจึงจะตกถึงพื้นหลังจากหลุดจากบัลลูน

7. การเคลื่อนที่ของวัตถุสองก้อนในแนวราบ
หลักการที่สาคัญ คือ
 สร้าง สมการการกระจัด ของวัตถุทั้งสอง ด้วยตัวแปรเวลาเดียวกัน
 วัตถุใดเคลื่อนที่ก่อน หรือ เคลื่อนทีช่ ้ากว่า ต้องใช้เวลามากกว่า
แต่ถา้ เคลื่อนที่พร้อมกันก็ใช้เวลาเท่ากัน
 นาสมการจากข้อ  มาหาความสัมพันธ์ร่วมกันตามข้อเท็จจริง
ตัวอย่าง : รถยนต์ A เคลื่อนที่บนถนนตรงด้วยความเร็วคงที่ 12.5 เมตรต่อวินาที 10. การเคลือ่ นที่หลายช่วง
ผ่านรถยนต์ B ซึ่งจอดอยูอ่ ีก 10 วินาทีต่อมา รถยนต์ B ก็เริ่มเคลื่อนที่ตามรถยนต์
A ด้วยความเร่งคงที่ 5 เมตรต่อวินาที2 ในทิศทางเดียวกันรถยนต์ทั้งสองจะทันกัน หลัก : เขียนกราฟ v – t
เมื่อรถยนต์ B อยู่หา่ งจากจุดเริ่มต้นเป็นระยะกี่เมตร
ตัวอย่าง : รถคันหนึ่งเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 2 เมตร/วินาที2 จากจุด A จากนั้นจึง
ลดความเร็วลงในอัตรา 1 เมตร/วินาที2 เพื่อจอดที่จุด B หากระยะห่างระหว่าง A
และ B เท่ากับ 300 เมตร จงหาความเร็วสูงสุดของการเคลื่อนที่และเวลาที่ใช้
เคลื่อนที่จาก A ไป B

Page 6
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

3. มวล แรง กฏนิวตัน


1. มวล ความเฉื่อย น้าหนัก กฏข้อ 3 ของนิวตัน
ทุกแรงกิรยิ า(Action) ย่อมมีแรงปฏิกิรยิ า(Reaction) ทีม่ ี ขนาดเท่ากัน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
และกระทาใน ทิศตรงกันข้าม เสมอ โดยแรงทั้งสอง กระทาต่อวัตถุ
1 มวล m kg
คนละก้อนกัน
2 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g =10 m/s2
3 น้าหนัก N (Action)
W เช่น มือดันผนัง Action คือ มือดันผนัง ... Fact = 100 N 
 มวล  สเกลาร์  ไม่เปลี่ยนแปลงตาม g Reaction คือ ผนังดันมือ ... Freact = 100 N 
 น้าหนัก  เวคเตอร์  เปลี่ยนตาม g โดย W = m g ขนาดของ Fact = Freact แต่ มีทิศทางตรงกันข้าม
ผนังดันมือ
(Reaction)
2. แรงและแรงลัพธ์
4. ลิงไต่เชือก
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 แรงภายนอก(ทิศตามการกระทา) F N มีหลักการทาโจทย์มดี ังนี้
2 แรงตึงเชือก(ทิศดึง) T N ขั้นที่ 1 กาหนดทิศความเร่งตามโจทย์กาหนด
3 แรงปฏิกิริยาตั้งฉาก R, N N และ เขียนแรง แรงตึงเชือก(T) ทิศขึ้น
4 แรงเสียดทาน(ต้านการเคลื่อนที)่ f N แรงโน้มถ่วง(mg) ทิศลง
5 น้าหนัก,แรงโน้มถ่วง(ทิศลงล่าง) W N
ขั้นที่ 2 ใช้สูตร กฎข้อ 2 คือ F = ma แยกได้ 2 กรณี คือ
6 แรงลัพธ์(ทิศเดียวกับความเร่ง)  F N
 ไต่ขึ้น T - mg = ma
 การหาแรงลัพธ์
 ไต่ลง mg - T = ma
*** แรงเสียดทานที่มือลิง(f) ก็คือ แรงตึงเชือก(T) นั่นเอง ***

 F = F1 + F2  F = F1 - F2
5. ลิฟต์
ชุดพีธากอรัธ ที่ออกบ่อย
 เขียนแรงกระทาต่อวัตถุ
3 4 5 9 40 41
5 12 13 11 60 61
7 24 25 12 35 37
F
 = F12 + F22 8 15 17 a a 2a
ค่าของ cos = root(นิวด้าขวา) / 2

หมายเหตุ : เราอาจจะเรียก N และ T ว่า "นน.ที่ตาชั่งอ่านได้" ก็ได้นะครับ

 ใช้สูตร กฎข้อ 2 คือ F = ma แยกได้ 2 กรณี คือ


F
 = F12 + F22  2 F1 F2 cos 
 ลิฟต์ขึ้น : แรงขึ้น - แรงลง = ma
 ลิฟต์ลง : แรงลง - แรงขึ้น = ma
3. กฎข้อ 1 , กฎข้อ 2 และกฎข้อ 3 ของนิวตัน ตัวอย่าง : จากรูปที่ 5 หากลิฟต์เคลื่อนทีข่ ึ้นด้วยความเร่ง 5 m/s2 นาย ก ซึ่งมีมวล
50 กิโลกรัม ต้องออกแรงดึงเชือกกี่นิวตัน เพื่อให้ตาชั่งทีพ
่ ื้นอ่านค่าได้ 45 กิโลกรัม
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความเร่ง a m/s2
กฏข้อ 1 ของนิวตัน กฏข้อ 2 ของนิวตัน
 เนื่องจาก F = 0  เนื่องจาก F  0
 ทาให้วัตถุมี ความเร็วคงที่  ทาให้วัตถุมี ความเร็วไม่คงที่
 หรือ ไม่มคี วามเร่ง (a = 0)  หรือ มีความเร่ง (a  0)

 สูตร F =0  สูตร F =ma

Page 7
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. แรงดึงดูดระหว่างมวล 8. ระบบมวลถ่วงน้าหนัก
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ตัวอย่างที่ 1 : จงหาความเร่งและแรงตึงเชือกทั้งสอง
1 แรงดึงดูดระหว่างมวล FG N
2 ค่านิจโน้มถ่วงสากล G N.m2/kg2
3 มวลก้อนที่ 1 และ 2 m1 , m2 kg
4 ระยะห่าง r m
5 ความเร่งที่ตาแหน่งใดๆ g m/s2
6 ความเร่งที่ผิวดวงดาว g m/s2
7 รัศมีของดวงดาว R m
FG FG r
g หาความเร่ง a โดยการคิดทั้งระบบ
m1 m2 M ขั้นที่ 1 : กาหนดทิศความเร่ง(a) ให้ทุกก้อน
r R ขั้นที่ 2 : หาแรงลัพธ์โดยไม่ต้องคิดแรงกระทาระหว่างวัตถุ
ขั้นที่ 3 : หาความเร่งจากสูตร  F = m a
G m1 m2 g = G 2M g = G M2
FG = r
r2 R

7. ระบบมวล
 หลักการทั่วไป มวลทุกก้อนต้องเคลือ่ นที่ด้วยความเร่งเท่ากัน
 เทคนิคผ้าคลุมวิเศษ
ตัวอย่างที่ 1 : จงหาความเร่งและแรงตึงเชือกทั้งสอง

9. รอกเดี่ยวเคลื่อนที่

รอกเดี่ยวเคลื่อนที่

ตัวอย่างที่ 2 : จงหาความเร่งและแรงปฏิกิริยาระหว่างมวลแต่ละก้อน

ตัวอย่างที่ 3 : จากรูป จงหาว่าวัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางใด ด้วยความเร่งเท่าใด


และหาขนาดของแรงตึงเชือก T

Page 8
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

4. สมดุลกล
1. สมดุลแรง ตัวอย่าง หากแรงทัง้ หมดอยู่ในสภาพสมดุล จงหาขนาดของแรง F1 , F2

 สมดุลของแรง สอดคล้องกับ กฏข้อ 1 ของนิวตัน


หมายถึง ไม่มีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุ หรือ F = 0
 ขณะ "วัตถุอยู่ในสภาวะสมดุลของแรง" จะเป็นจริงดังนี้ ...
 วัตถุต้อง ไม่มีความเร่ง (หรือ a = 0 เสมอ)
 วัตถุจะ หยุดนิ่ง หรือ มีความเร็วคงที่ เสมอ
 แรงลัพธ์เป็นศูนย์ F = 0 F = F  F = F

2. สมดุล 2 แรง , 3 แรง และ หลายแรง


 สมดุล 2 แรง
4. สมดุลของแรง 3 แรง
 สาหรับโจทย์ที่ปรากฏ แรงคู่สมมาตร
แรงทั้งสองจะสมดุลกันเมื่อ 1) แรงทั้งสองต้องมี ขนาดเท่ากัน หลัก แตกแรงคู่สมมาตร เท่ากับ แรงตัวที่เหลือ
2) แรงทั้งสองมี ทิศทางตรงกันข้าม
 สมดุล 3 แรง ตัวอย่างที่ 1 จงหาขนาดของแรงตึงเชือกทั้งสอง

5kg

แรงทั้งสามจะสมดุลกันเมื่อ 1) ต้องอยู่บน ระนาบเดียวกัน  สาหรับโจทย์ที่ปรากฏ แรงคูฉ่ าก


2) ผลรวมเวคเตอร์ของแรงคู่ใดๆ = แรงที่เหลือ หลัก แตกแรงที่เหลือ = แรงคู่ฉาก
ในแง่เวคเตอร์ แรงทั้ง 3 ต้องเชื่อมต่อกันแบบหัวชนหางได้สามเหลี่ยมปิดพอดี ตัวอย่างที่ 2 กาหนดให้ m = 4 kg จงหาขนาดแรง T และ F
 แรงหลายแรงสมดุลกันเมื่อ นามาต่อแบบหัวชนหางได้รูปปิดหลายเหลี่ยมพอดี

3. การทาโจทย์สมดุลด้วยวิธีแตกแรง  สาหรับโจทย์ที่ไม่ปรากฏทั้ง แรงคู่สมมาตร และ แรงคู่ฉาก


F3 หลัก อัตราส่วนแรงต่อไซน์มุมตรงข้าม มีค่าคงที่
วิธีแตกแรงเป็นวิธีที่พื้นฐานใช้แก้ปัญหากับโจทย์ทุกรูปแบบ มีขั้นตอนง่ายๆ คือ
 เขียนแรงกระทาต่อวัตถุ ในเบือ้ งต้น คือ F , T , f , mg , N F1 F2 F2
 เลือกแกนมุมฉาก(x,y) ที่เหมาะสม แล้วแตกแรงจากข้อ  เข้าแกน x และ y 2
1
F2 sin 1 = sin 2 = sin 3
3
*** หลักการแตกแรง “ใกล้มมุ ใช้ cos” “ไกลมุม ใช้ sin ”
 ใช้สูตร สมดุลแนวราบ สมดุลแนวดิ่ง F1
F = F  F = F ตัวอย่างที่ 3 จากรูป จงหาแรงปฏิกิริยา N1 และ N2
*** ค่าตรีโกณทีต่ ้องทราบของมุม 30o , 45o , 60o ***

53
*** 37o , 53o *** 37

Page 9
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

5. แรงเสียดทาน 7. สมดุลของระบบมวล
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ตัวอย่าง จากรูป พืน้ เอียงและพื้นราบมีสัมประสิทธิ์ของความเสียดทานเท่ากับ 
1 แรงเสียดทานสถิต fs N
ปรากฏว่ามวล 40 กิโลกรัม เคลื่อนที่ลงตามพื้นเอียงด้วยอัตราเร็วคงที่ จงหาค่า 
2 แรงเสียดทานจลน์ fk N
3 สปส.ความเสียดทานสถิต s -
4 สปส.ความเสียดทานจลน์ k <s -
5 มุมของพื้นเอียง  องศา
6 ความเร่ง a m/s2
7 แรงเสียดทานสถิตสูงสุด fs,max N
8 แรงปฏิกิริยาตั้งฉาก N N
9 แรงกระทา F N
ขณะวัตถุถูกแรงกระทา พฤติกรรมของวัตถุจะเป็นไปดังนี้
F
 ถ้า ไม่เคลือ่ นที่ จะมีแรงเสียดทานสถิต(fs) นิ่ง
มีทิศสวนทางกับแรงพยายามที่จะทาให้วัตถุเคลื่อนที่
fs
fs = F
 ถ้า กาลังจะเคลือ่ นที่ จะมีแรงเสียดทานสถิต
กาลังขยับ 8. ระบบมวลซ้อน
F
สูงสุด(ชั่วขณะ) มีทิศสวนทางกับแรงพยายามที่จะทา
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ให้วัตถุเคลื่อนที่
fs,max 1 น้าหนักก้อนบน Wบน N
fs,max = F = sN 2 น้าหนักก้อนล่าง Wล่าง N
v คงที่ 3 สปส.ความเสียดทาน  -
 ทันทีทวี่ ัตถุ เคลื่อนที่ จะมีแรงเสียดทานจลน์(fk) ในทิศ
สวนทางกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ 4 ความเร่ง a m/s2
5 แรงดึง P N
fk
fk = k N a a

fk a
a
6. กฎนิวตันกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ

 ถ้ามีความเร่ง F =ma
F = F 
 ถ้าไม่มีความเร่ง(หรือความเร็วคงที)่ F =0 9. โมเมนต์
F = F No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 วิธีการตัดสินเลือกกฎของนิวตัน และสูตรที่ต้องใช้
 นิ่ง , เริ่มเคลื่อนที่ , ความเร็วคงที่ แสดงว่า a = 0  กฎข้อ 1 1 แรงกระทา F N
 ความเร็วไม่คงที่ แสดงว่า มีความเร่ง  กฎข้อ 2 2 ระยะแขนโมเมนต์ r m
 วิธีเลือกใช้แรงเสียดทาน 3 โมเมนต์รอบจุด A MA N.m
 นิ่ง ใช้ fs , เริ่มเคลื่อนที่ ใช้ fs,max , เคลื่อนที่ ใช้ fk *** แรงใดผ่านจุดหมุนไม่ต้องนามาคิดโมเมนต์
 MA = F x r *** F และ r ต้องตั้งฉากกันเสมอ
ตัวอย่าง นาย ก. สามารถกระทาแรงต่อเชือกที่ผูกติดกับกระดานเลื่อนได้สูงสุด 500
ตัวอย่าง จงหาโมเมนต์ลัพธ์รอบจุด A
N เชือกทามุม 30 กับแนวระดับ ถ้าสัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทานจลน์ระหว่าง
พื้ น กั บ กระดานเลื่ อ นเป็ น 0.25 จงหามวลมากที่ สุ ด ของกระดานเลื่ อ นที่ น าย
ก. สามารถลากไปด้วยอัตราเร็วคงที่

Page 10
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
10. สมดุลการหมุน 13. คานยื่น
 สมดุลการหมุน เรียกอีกอย่างว่า สมดุลโมเมนต์ ตัวอย่าง ลวดเส้นหนึ่งดึงคาน AB ซึ่งมีน้าหนัก 10 นิวตัน แขวนที่ปลาย ถ้าคาน
 สมดุลการหมุน เกิดขึ้นเมื่อ สม่าเสมอหนัก 50 นิวตัน ยาว 12 เมตร มีปลาย A เป็นบานพับตรึงติด
 โมเมนต์ลัพธ์มีค่าเท่ากับศูนย์ กับกาแพง คานสมดุลอยู่ได้ดังรูป จงหา
 ผลรวมทางคณิตศาสตร์ของโมเมนต์มีคา่ เป็นศูนย์
1) แรงตึงในเส้นเชือก
M = 0 หรือ Mทวน = Mตาม 2) แรงปฏิกิริยาแนวดิ่งที่บานพับ
 เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพสมดุลการหมุน พบว่า 3) แรงปฏิกิริยาแนวราบที่บานพับ
 วัตถุอาจจะอยู่นิ่ง ก็ได้ หรือ 4) แรงปฏิกิริยาที่บานพับ
 วัตถุ กาลังเริ่มหมุน หรือ เริ่มล้ม ก็ได้ หรือ
 วัตถุ หมุนด้วยอัตราเร็วเชิงมุมคงที่ ก็ได้

11. คานแขวน คานกระดก


ตัวอย่างที่ 1 จงหาขนาดของ W ที่ทาให้คานอยู่ในแนวระดับ

2m 1m 3m

10 kg W 5 kg

14. การไถล การล้ม


การไถล การล้ม
ตั ว อย่ า งที่ 2 ชายคนหนึ่ ง ถื อ แผ่ น ไม้ ข นาดสม่ าเสมอยาว 1.5 เมตร น้ าหนั ก
80 นิ ว ตั น ให้ ส มดุ ล ตามแนวระดั บ โดยมื อ ข้ า งหนึ่ ง ยกแผ่ น ไม้ ขึ้ น ที่ ต าแหน่ ง 50
เซนติเมตร จากปลายใกล้ตัวและมืออีกข้างหนึ่งกดแผ่นไม้ลงที่ปลายเดียวกันนั้น ดัง
รูป จงคานวณหาแรงกดและแรงยกจากมือทั้งสองตามลาดับที่ทาให้แผ่นไม้อยู่นิ่งได้

หลัก : สมดุลแนวราบ หลัก : สมดุลโมเมนต์ที่มุมกล่อง


ตัวอย่าง ทรงกระบอกสูง 20 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ซม. หนัก 100 นิวตัน
ตั้งอยู่บนพื้นราบที่มีค่าของสัมประสิทธิ์ของความเสียดทาน 0.2 ถ้าออกแรง 20
นิวตัน ขนานกับพื้นราบที่ตาแหน่งสูงสุด ทรงกระบอกจะเป็นอย่างไร
1. เริ่มไถล
2. กาลังจะล้ม
12. บันไดพิงกาแพง 3. ล้มไปแล้ว
4. เริ่มไถลโดยไม่ลม้
ตัวอย่าง บันไดขนาดสม่าเสมอมีน้าหนัก W วางพาดกาแพงเกลี้ยง ซึ่งไม่คิดแรง
เสียดทาน ถ้าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหว่างพื้นล่างกับบันได เท่ากับ  จง
หามุม  น้อยที่สุดที่ทาให้บันไดวางอยู่นิ่งได้

Page 11
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

5. สภาพยืดหยุ่น
1. ความเค้น , ความเครียด , ยังโมดูลัส 2. กราฟความเค้น ความเครียด
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 แรงภายในวัสดุ F N นิวตัน
2 พื้นที่หน้าตัด A m2 ตร.ม
3 ความเค้น  N/m2
4 ความยาวที่เปลี่ยนไป L m เมตร 
5 ความยาวเริ่มต้น L m เมตร
6 ความเครียด  - 
7 ยังโมดูลัส E(Y) N/m2 

L

 = FA  = LL
L
F F
A

L
F
A
F
E =  = AF LL  Proportional limit (ขีดจากัดการแปรผันตรง) ซึ่งเป็นตาแหน่งสุดท้ายที่ความยาว
สปริงยืดออก โดยการยืดตัวจะแปรผันตรงกับขนาดของแรงดึง ความชันของกราฟ
L ในช่วงนี้เท่ากับ E
 yield point(จุดคราก) หรือ elastic limit(ขีดจากัดยืดหยุ่น)
ตัวอย่างที่ 1 ลวดทองแดงเส้นหนึ่งยาว 4 เมตร มีพื้นที่ภาคตัดขวาง 1 x 10-8 ซึ่งเป็นตาแหน่งสุดท้ายที่สปริงยืดออกแล้วกลับสู่สภาพเดิม แต่แรงดึงไม่แปรผัน
ตารางเมตร มีค่ามอดูลัสของยังเป็น 1.2 x 1011 นิวตัน / ตารางเมตร ตรงกับระยะยืด
จะต้องออกแรงดึงเท่าใด จึงจะทาให้ลวดเส้นนี้ยืดออกอีก 1 มิลลิเมตร  Breaking point หรือ Ultimate Tensile Strength(จุดแตกหัก) เป็นตาแหน่งที่วัด
1. 0.2 N สุดฉีกขาด
2. 0.3 N
3. 0.4 N
4. 0.5 N

ตัวอย่างที่ 2 แท่งโลหะอันหนึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร และมีค่ามอดูลสั


ของยัง Y = 2 x 1011 นิวตัน / เมตร2 จงหาว่าจะออกแรงดึงกี่นิวตัน
จึงจะทาให้แท่งโลหะมีความยาวเพิ่ม 0.01 เปอร์เซ็นต์
1. 5,000
2. 5,700
3. 6,300
4. 7,000

Page 12
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

6. งาน กาลังงาน พลังงาน


1. การหางานทางฟิสิกส์ 4. พลังงานกล
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ขนาดแรงกระทา F N นิวตัน 1 พลังงานศักย์โน้มถ่วง EP J จูล
2 ขนาดการกระจัด S m เมตร 2 พลังงานจลน์ Ek J จูล
3 มุมระหว่างแรงและการกระจัด  องศา 3 พลังงานศักย์ยืดหยุน่ Es J จูล
4 งานของแรงกระทา W J จูล 4 แรงในสปริง Fs N นิวตัน
5 งานของแรงลัพธ์ Wทั้งหมด J จูล 5 ระยะยืด(หด) ของสปริง x m เมตร
6 ขนาดความเร่ง a m/s2 6 มวล m kg นิวตัน
7 มวล m kgกิโลกรัม 7 อัตราเร็ว v m/s เมตร/วินาที
8 ค่าคงที่ของสปริง k N/m นิวตัน/เมตร
 สูตร W = F S cos  9 ความสูง h m เมตร
10 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g m/s2
W0  แรงทางาน ... ส่งผลให้ พลังงานสะสมในวัตถุเพิ่มขึ้น  พลังงานศักย์โน้มถ่วง  พลังงานจลน์  พลังงานศักย์ยืดหยุน่
W0  แรงทาให้เสียงาน …ส่งผลให้ พลังงานสะสมในวัตถุลดลง
W=0  แรงไม่ทาให้ได้หรือเสียงาน …ส่งผลให้ พลังงานสะสมในวัตถุคงที่ EP = m g h Ek = 1
2 m v2 Es = 1
2 k x2
 Wทั้งหมด = ผลรวมของงานจากทุกแรงที่กระทาต่อวัตถุ

Wทั ้งหมด = S a m  แรงสปริง Fs = k x


 การต่อสปริง k k
k = k 1 k2
2. การหางานจากกราฟ F-S 1 2

k = k1 + k 2
 W= (พื้นที่ใต้กราฟ F – S) x cos 
(คิดเครื่องหมาย)

F F 5. การอนุรักษ์พลังงงาน(สาหรับการเคลื่อนที่อิสระทุกชนิด)
 S No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
S 1 พลังงานรวม ตน.1 และ ตน.2 E1,E2 J

3. กาลังงาน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 แรงกระทา F N นิวตัน
2 อัตราเร็ว v m/s เมตร/วินาที
3 กาลังงาน P Watt วัตต์ 6. สมการงานและพลังงาน
4 งาน W J จูล
5 เวลา t sec วินาที No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
6 กาลังงานเฉลี่ย Pเฉลี่ย Watt วัตต์ 1 พลังงานรวม ตน.1 และ ตน.2 E1,E2 J
7 อัตราเร็วต้น u m/s เมตร/วินาที 2 งานของแรงกระทา WF J
8 อัตราเร็วปลาย v m/s เมตร/วินาที 3 งานของแรงต้าน Wf J
9 อัตราเร็วเฉลี่ย vเฉลี่ย m/s เมตร/วินาที

 กาลังงาน  กาลังงานเฉลี่ย

P=Fv Pเฉลีย่ = Wt = F vเฉลีย่


vเฉลีย่ = u+v
2

Page 13
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

7. โมเมนตัม และ การชน


1. โมเมนตัม , การดล 1 มิติ และแรงดล 1 มิติ 4. โมเมนตัม , การดล 1 มิติ และแรงดล 1 มิติ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 มวล m kg 1 มวลวัตถุก้อนที่ 1 , 2 m1,m2 kg
2 ความเร็ว v m/s 2 ความเร็วก่อนชนก้อนที่ 1,2 u1 , u2 m/s
3 โมเมนตัม P kg.m/s
3 ความเร็วหลังชนก้อนที่ 1,2 v1 , v 2 m/s
4 โมเมนตัมตอนแรก P1 kg.m/s
4 ความเร่งวัตถุก้อนที่ 1 , 2 a1 , a2 m/s2
5 โมเมนตัมตอนหลัง P2 kg.m/s
5 เวลาขณะชนกัน t sec
6 ความเร็วตอนแรก v1 m/s 6 ผลรวมโมเมนตัมก่อนชน  P ก่อน kg.m/s
7 ความเร็วตอนหลัง v2 m/s 7 ผลรวมโมเมนตัมหลังชน  P หลัง kg.m/s
8 การดล P kg.m/s 8 ผลรวมพลังงานจลน์ก่อนชน  Ek ก่อน J
9 แรงดล(หรือ แรงเฉลีย่ ) F N 9 ผลรวมพลังงานจลน์หลังชน  Ek หลัง J
10 เวลา(ที่กระทบกัน) t sec  ขณะวัตถุกระทบกันเกิดแรงกระทาต่อกันตามกฎข้อ 3 นิวตัน
 โมเมนตัม คือ ความพยายามเคลือ่ นที่ไปข้างหน้า P=mv Action = - Reaction m2
 การดล หรือ “การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม”  F1 = -F2 F2 F1
 P = P2 - P1 = m ( v2 - v1)   m1 a1 = - m2 a2
m1

 แรงดล หรือ แรงเฉลี่ย หรือ อัตราการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม  จากข้อ  จึงได้ว่า 

 F = Pt m1u1 + m2 u2 = m1v1 + m 2 v2  



 จากข้อ  เรียก ด้านซ้ายว่า “ผลรวมโมเมนตัมก่อนชน”
ด้านขวาว่า “ผลรวมโมเมนตัมหลังชน”
2. การดล 2 มิติ , แรงดล 2 มิติ P
v1 v2
m1 m2
ก่อนชน
=  P หลังชน m1 m2
ก่อนชน หลังชน
ตัวอย่าง ลูกบอลตกกระทบกาแพงด้วยความเร็ว 20 m/s ด้วยมุมตกกระทบ 37o
และสะท้อนกลับด้วยความเร็ว 10 m/s ด้วยมุมสะท้อน 53o จงหาแรงเฉลี่ยที่กระทา  การชนทุกชนิดต้อง “อนุรักษ์โมเมนตัม”
ต่อลูกบอล หากกาหนดให้ลูกบอลมวล 200 กรัม  การชนที่อนุรักษ์พลังงาน เรียก “การชนแบบยืดหยุ่น”
 Ek =  Ek หลังชน
ก่อนชน
 การชนที่ไม่อนุรักษ์พลังงาน เรียก “การชนแบบไม่ยืดหยุน่ ” คือ สูญเสียพลังงาน
Ek สูญเสีย=  E k ก่อนชน -  Ek หลังชน
ตัวอย่าง รถทดลองมวล 1.0 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 2 เมตร/วินาที
เข้าชนรถทดลองอีกคันหนึ่ง ซึ่งมีมวลเท่ากันและอยู่นิ่ง หลังการชนรถทดลองทั้งสอง
เคลื่อนที่ติดกันไป จงหาค่าพลังงานความร้อนที่เกิดจากการชน
1. 0.25 J 2. 0.5 J 3. 0.75 J 4. 1.0 J

3. กราฟ F - t
F
Fmax
P = พื้นที่ใต้กราฟ F – t

t
t

Page 14
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

5. การชนแบบยืดหยุ่น 1 มิติ 8. การชน 2 มิติ ที่มีมวลเท่ากัน ยืดหยุ่น


 “การชนแบบยืดหยุ่น” คือ การชนที่ไม่สูญเสียพลังงาน
 Ek =  Ek หลังชน A + B = 90
ก่อนชน v A = u cos A
 สาหรับการชน 1 มิติ (แนวราบ หรือ แนวดิ่ง)  vB = u cos B
ก่อนชน หลังชน
u1 + v1 = u2 + v2  

6. การชน 2 มิติ 9. การกระเบิด


 แตกความเร็วเข้าสู่แกน x และ y  การระเบิดต้องอนุรักษ์โมเมนตัม
 อนุรักษ์โมเมนตัมแกน x
ตัวอย่าง วัตถุอันหนึ่งเมื่อเกิดการระเบิด เศษชิ้นส่วนกระจายอยู่ในแนวระดับ 3
m1u1x + m2 u2x = m1v1x + m2 v2x   ทิศทาง เมื่อวัดมุมในทิศตามเข็มนาฬิกา พบว่าชิน้ ส่วนที่ 1 กับชิ้นส่วนที่ 2 ทามุม
กัน 90 ชิ้นส่วนที่ 2 กับชิ้นส่วนที่ 3 ทามุมกัน 120 ถ้ามวลของชิ้นส่วนทั้งสามมีค่า
 อนุรักษ์โมเมนตัมแกน y  เดียวกัน อัตราเร็วของชิ้นส่วนที่ 1 จะเป็นกี่เท่าของชิ้นส่วนที่ 2
m1u1y + m2 u2y = m1 v1y + m2 v2y

ตัวอย่าง ลูกบิลเลียดลูกหนึ่งวิ่งเข้าชนลูกบิลเลียดอีกสองลูกซึ่งอยู่นิ่ง ด้วยความเร็ว
10 เมตร/วินาที หลังการชนลูกบิลเลียดลูกหนึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับความ
เร็วก่อนชนด้วยความเร็ว 7 เมตร/วินาที และอีกลูกหนึ่งเคลื่อนที่ในทิศตั้งฉาก กับ
ทิศนี้ด้วยความเร็ว 4 เมตร/วินาที จงหาขนาดของความเร็วบิลเลียดลูกที่สาม ถ้า
การชนเป็นแบบยืดหยุ่นและมวลของลูกบิลเลียดทั้งสามลูกมีค่าเท่ากัน

7. การชน 2 มิติ แบบตั้งฉากติดกันไป 10. การวิเคราะห์เหตุการณ์หลังการชน


u1 v ตัวอย่าง ลูกปืนมวล 5 กรัม มีความเร็ว 800 เมตร/วินาที ยิงทะลุแผ่นไม้หนัก 500
m1
m1  กรัม ที่ห้อยแขวนไว้ด้วยเชือกยาวหลังจากทะลุแผ่นไม้ลูกปืนมีความเร็ว 400
mรวม v
m2 m2 u2 เมตร/วินาที จงหาว่าแท่งไม้จะแกว่งขึ้นไปสูงจากจุดหยุดนิ่งเท่าใด
u2
ก่อนชน m2 หลังชน m1u1
ตัวอย่าง วัตถุมวล 4 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 6 เมตร/วินาที ไปทางทิศเหนือ
เข้าชนมวล 6 กิโลกรัม ซึ่งเคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว 3 เมตร/วินาที ไปทางทิศตะวัน
ออก ภายหลังการชนปรากฎว่ามวลทั้งสองเคลื่อนที่ติดกันไปด้วยความเร็วเท่าใด

Page 15
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

8. โปรเจ็คไทล์
1. ความรู้พนื้ ฐานของโปรเจ็คไทล์ 3. รูปแบบ ดิน – ดิน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ตัวห้อยแนวราบ , แนวดิ่ง x,y 1 ระยะสูงสุด(แทน vy = 0) Sy =H m
2 แรงกระทา F N 2 เวลาทั้งหมด(แทน Sy = 0) t=T sec
3 ความเร็วต้น u m/s 3 ระยะไกลสุด(แทน t ด้วย T) Sx = L m
4 ความเร็วปลาย v m/s 4 มุมปา 2 ครั้ง(ตกที่เดียวกัน) , องศา
5 ความเร่ง a m/s2  ลักษณะ vy = 0
6 มวล m Kg
7 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g m/s2
8 การกระจัด S m Sy = 0
 หัวใจของทั้งบท
แนวราบ(x) แนวดิ่ง(y)  สูตรคานวณ
Fx = 0 ส่งผลให้ ax = 0 Fy = mg  ส่งผลให้ ay = g   แทน vy = 0 , g = -g , Sy =H uy 2
ความเร็วแนวราบคงที่(vx = ux) ลงใน vy 2 = uy 2 + 2 g Sy
S y = H = 2g
ความเร็วแนวดิ่งไม่คงที่(vy  uy )
 แทน Sy = 0 , g = -g , t = T 2u
t= T = gy
ลงใน Sy = uy t + 1
2 g t2
 แทน t = T 2
ลงใน Sx = ux t S x = L = u sing 2
 โปรเจ็คไทล์  เป็นการเคลื่อนที่อิสระ 2 มิติ  มุม  = 45o จะทาให้ L ได้ไกลสุด
ทุกตาแหน่งจะมี u  ux , uy , v  vx , vy , S  Sx , Sy  ปาสองครั้งด้วย u เท่ากัน หากไปไกลเท่ากัน สรุปได้ว่า  +  = 90o
 เส้นทางการเคลื่อนที่เป็นรูปพาราโบลาคว่า
 ณ.ตาแหน่งสูงสุด v  0 แต่ v = vx เนื่องจาก vy = o 3. รูปแบบ ดิน – อากาศ
2. สูตรคานวณ u = u2x + u2y
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
v = v 2x + v 2y
1 มุมที่ u กระทากับแนวราบ  องศา
2 เวลา t sec S = S 2x + S 2y
 โปรเจ็คไทล์ 0 < < 180 ,   90o
ใช้สูตรเดียวกับหัวข้อที่ 2 โดย uy มีทิศเป็น + เสมอ ใครมีทิศสวนทาง uy ให้เป็น -
 สูตร
แนวราบ(x) แนวดิ่ง(y)
4. รูปแบบ อากาศ – ดิน
Fx = 0 ส่งผลให้ ax = 0 Fy = mg  ส่งผลให้ ay = g 
ความเร็วแนวราบคงที่( v = u ) ความเร็วแนวดิ่งไม่คงที่(vy  uy )
x x u = u2x + u2y
S x = vx t vy = uy + g t Sy Sy Sy
v = v 2x + v 2y

u Sy = vy t - 1
2 g t2 v v v S = S 2x + S 2y
uy
Sy = uy t + 1
2 g t2 ใช้สูตรเดียวกับหัวข้อที่ 2 โดย uy มีทิศเป็น + เสมอ ใครมีทิศสวนทาง uy ให้เป็น -

ux
ux = u cos 
Sy =  u +2 v  t
y y

u
5. โปรเจ็คไทล์บนพื้นเอียง
ใช้หลักการเดียวกันกับรูปแบบอากาศ-ดิน
2 2 
uy = u sin  vy = uy + 2 g Sy S
Sy
tan  = Sy
 x
Sx

Page 16
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

9. การเคลื่อนที่แบบวงกลม
1. ความรู้เบือ้ งต้น
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 จานวนรอบของการหมุน N รอบ ตน.3
2 เวลา t sec ตน.4
3 ความถี่ f Hz
4 คาบเวลา T sec
5 อัตราเร็วเชิงเส้น m/s  คาว่า เคลื่อนที่เป็นวงกลมได้(พอดี)
v
6 อัตราเร็วเชิงมุม  rad/sec หมายถึง T3 = 0  v 3  rg  v1  5rg
7 มุมรองรับส่วนโค้ง  องศา
 ตาแหน่งต่าๆ แรงตึงเชือกจะมีค่ามาก
8 รัศมีของวงกลม r m
 หาอัตราเร็วโดยสูตร “อนุรักษ์พลังงาน”
9 มวล m Kg
10 แรงลัพธ์สู่ศูนย์กลาง Fc N
11 ความเร่งสู่ศูนย์กลาง ac m/s2
4. แบบที่ 3 วงกลมในรางโค้ง
 ความถี่ , คาบเวลา และ อัตราเร็วเชิงมุม No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย

 = vr = 2  f = 2T = t
1 แรงปฏิกิริยาที่พื้นรางกระทาวัตถุ T N
2 มุมเทียบแนวดิ่ง ณ.ตาแหน่งวัตถุ  องศา

f = Nt = T1
3 รัศมีราง r m
 เขียนแรง
ตน.2
 แรงสู่ศูนย์กลาง ความเร่งสู่ศูนย์กลาง

 F c = m ac
ac
2
ac = vr = 2 r ตน.1

 ลากจากวัตถุ ไปยัง ศก. เรียก แกน c , ลากเส้นตั้งฉากแกน c เรียก แกน t h ตน.3


 หลักครอบจักวาลในการทาโจทย์ 
ตน.4
 เขียนแรง  กาหนดแกน c , t  ใช้สูตร  Fc  m ac

2. แบบที่ 1 วงกลมบนระนาบราบ  คาว่า เคลื่อนที่เป็นวงกลมได้(พอดี)


หมายถึง N2 = 0  v 2  rg  v 1  5rg  h  2.5r
 หาอัตราเร็วโดยสูตร “อนุรักษ์พลังงาน”

5. แบบที่ 4 แผ่นเสียงจานหมุน
3. แบบที่ 2 วงกลมบนระนาบดิ่ง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สปส.ความเสียดทานสถิต s -
1 แรงตึงเชือก T N
2 แรงเสียดทานสถิต fs N
2 มุมที่เส้นเชือกทากับแนวดิ่ง  องศา
 เขียนแรง
3 ความยาวเชื่อก L m
 เขียนแรง
ตน.2 
m 
r r

ตน.1

Page 17
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

6. แบบที่ 5 แพนดูลัมกรวย 8. แบบที่ 7 การเลี้ยวโค้งบนถนนเอียง(ลื่น)


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 มุมที่เส้นเชือกเอียงเทียบแนวดิ่ง  องศา 1 ระยะยกขอบนอกของถนน H m
2 ความยาวเชือก L m 2 ความกว้างของถนนแนวราบ L m
3 ความลึกของระนาบการแกว่ง H m 3 รัศมีความโค้งของถนน r m
4 อัตราเร็วเชิงมุม  rad/sec 4 มุมเอียงของถนน  องศา
5 คาบเวลา T sec  เขียนแรง
 เขียนแรง

r
2
 อาศัยสมการทั้งสองแกน นามาหารกันจะได้ tan  = vrg = HL
ลองฝึกทาดูนะครับ

*** ต้องแยก r กับ L ออกจากกันให้ได้นะครับ จากรูป r = L sin *** 9. แบบที่ 8 รถไต่ถัง


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 = Hg
 เรื่อง แพนดูลัมกรวย อย่าลืม “สมดุลแนวดิ่ง” นะครับ
เมื่อนาสมการของทั้งสองแกนมาหารกัน จะได้ 1 อัตราเร็วเชิงมุมของถังที่หมุน  rad/sec
พี่จะทาให้ดูนะ… 2 รัศมีถัง r m

T = 2 Hg 3 สปส.ความเสียดทานสถิต s -
 เขียนแรง ลองฝึกตั้งสมการเองซิครับ ใช้ 2 สมการ…จัดรูป

7. แบบที่ 6 การเลี้ยวโค้งบนถนนราบ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สปส.ความเสียดทานสถิต s - 10. แบบที่ 9 ดาวเทียม
2 แรงเสียดทานสถิต fs N
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
3 รัศมีความโค้งของถนน r m
1 รัศมีโลก(ดวงดาว) R m
4 มุมเอียงตัว  องศา
2 รัศมีการโคจรของดาวเทียม r m
5 อัตราเร็วเชิงเส้นของการขับขี่ v m/s
3 อัตราเร็วเชิงมุมดาวเทียม  rad/sec
 เขียนแรง…ฝึกสร้างสมการ 4 อัตราเร็วเชิงเส้นดาวเทียม v m/s
5 คาบเวลาดาวเทียม T sec
6 ความถี่การโคจร f Hz
r ศ.ก. 7 ความสูงจากผิวโลก(ดาว) h m
c.m.
r
 เขียนแรงกรณีเคลื่อนที่เป็นวงกลม  เขียนแรงกรณีวางวัตถุที่ผิวโลก(หมุน)
เขียนสมการขึน้ มา เขียนสมการขึ้นมา

 การหามุมเอียงตัว() เพือ่ ป้องกันการพลิกคว่า


2
ใช้หลัก M = 0 คือ ให้แรงลัพธ์ของ f และ N tan  = vrg
ผ่านจุดศูนย์กลางมวล
พี่จะทาให้ดูนะ…
ลองฝึกจัดรูปให้ได้สตู รต่อไปนี้

 = R g3 v = R gr T2  r 3 รู้นะ r = R + h
r

Page 18
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

10. ซิมเปิ้ลฮามอร์นิก
1. การกระจัด ความเร็ว ความเร่ง 3. การกระจัด ความเร็ว ความเร่ง…โดเมน x
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 
1 การกระจัด x m
2 ความเร็ว v m/s
3 ความเร่ง a m/s2
ไกลสุด สมดุล ไกลสุด
4 เฟสเริ่มต้น  rad , o
+90 +90  1) การกระจัด(X) เป็น + เสมอ มีทิศออกจาก ตน.สมดุลเสมอ
  x  v  a 2) ความเร่ง(a) เป็น - เสมอ มีทิศเข้าหา ตน.สมดุลเสมอ
ตัวอย่าง จงระบุว่ากราฟใดเป็นกราฟ การกระจัด ความเร็ว และ ความเร่ง 3) ความเร็ว(v) เป็น + หรือ – ก็ได้ … เข้าหาสมดุล + , ออกจากสมดุล –

 v =  A 2 - x 2 a = - 2 x

4. ค่าสูงสุด และต่าสุดของ x , v , a

2. การกระจัด ความเร็ว ความเร่ง…โดเมนเวลา
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 อัตราเร็วเชิงมุม  rad/sec ไกลสุด สมดุล ไกลสุด
2 เวลา sec vmin = 0 vmax vmin = 0
t
amax amin = 0 amax
3 ความถี่ f Hz
4 คาบเวลา T sec
 xMax = A vMax = A aMax = 2 A
5 เฟสเริ่มต้น  rad , o
6 แอมปลิจูด(ขนาดการกระจัดสูงสุด) A M
7 อัตราเร็วสูงสุด vmax m/s 5. ซิมเปิ้ลแพนดูลมั
8 อัตราเร่งสูงสุด amax m/s2
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 ฟังก์ชันโดเมนเวลา f(x) = Max sin(t + ) 1 ความยาวเชือก L m

 = vr = 2  f = 2T = t
2 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g m/s
3 อัตราเร็วเชิงมุม  rad/sec
4 คาบเวลา T sec
f = Nt = T1
= g T = 2 Lg
 ค่าสูงสุด xMax = A vMax = A 2
aMax =  A L

ตัวอย่าง จงเขียนฟังก์ชันของกราฟในแต่ละข้อต่อไปนี้

6. ซิมเปิ้ลสปริง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 มวล m kg
2 ค่าคงที่สปริง k N/m

= k
m T = 2 mk

Page 19
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

11. การกลิ้ง
1. การเคลื่อนที่แบบกลิ้ง  ทอร์ก ก็คอื โมเมนต์ สูตรจะคล้ายกัน คือ  = M= F x R
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  กฎข้อ 2 ของนิวตัน เราเคยเรียนมาว่า F = ma
1 การกระจัดเชิงมุม  rad เมื่ออาศัยหลักการเทียบตัวแปร จึงได้สูตร คือ
2 ความเร็วเชิงมุมตอนต้น 0 rad/sec ตัวอย่าง มวล m1 และ m2 ผูกต่อกันด้วยเชือกเบา คล้องผ่านรอกที่มีรัศมี 0.25
3 ความเร็วเชิงมุมตอนปลาย  rad/sec เมตร พบว่ามวล m1 เคลื่อนทีต่ ามพื้นราบเกลี้ยงด้วยความเร่ง 4 เมตรต่อ
4 ความเร่งเชิงมุม  rad/sec2 วินาที2 โมเมนต์ความเฉื่อยของรอกมีค่ากี่กิโลกรัม-เมตร2
5 เวลา t sec
 หลัก : วงกลมหมุนครบ 1 รอบ S=r 
มุม() = 2 และ เส้นรอบรูป(S) = 2r v=r 
diff
จับสมการหารกัน ย้ายข้างให้ได้ S  v  a
diff a=r 
 การเทียบเท่าตัวแปรระหว่างเชิงเส้นกับเชิงมุม(ทุกเรื่องนะ)

3. งาน กาลังงาน และพลังงานจลน์ในการกลิ้ง


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 งานของการกลิง้ Wr J
2 กาลังของการกลิ้ง Pr watt
3 กาลังเฉลี่ยของการกลิ้ง Pr เฉลี่ย watt
4 พลังงานจลน์ของการกลิ้ง Ekr J
5 พลังงานจลน์ทั้งหมด Ek รวม J
 การแปลงสูตร S u v a t 6 ความสูงพื้นเอียง h m
v = u+ at 7 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g m/s2
8 สปส.โมเมนต์ความเฉื่อย -
S = v t - 21 a t 2
k
9 อัตราเร็วของจุด ศก. มวล v m/s

S = u t + 21 a t 2  งาน กาลังงาน กาลังเฉลี่ย พลังงานจลน์

S =  u +2 v  t
v2 = u2 + 2 a S P=Fv
Pเฉลีย่ = Wt
2. โมเมนต์ความเฉื่อย ทอร์ก และ กฎข้อ 2 นิวตัน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 มวล m kg  พลังงานจลน์รวมของการกลิ้ง
2 ระยะห่างเทียบแกนหมุน r m
  Ek รวม = Ek + Ekr
3 โมเมนต์ความเฉื่อย I kg.m2 v
4 ทอร์ก(โมเมนต์)  N.m
5 แรง F N
6 ระยะห่างจากจุดหมุน R m
 โมเมนต์ความเฉื่อย(ความเฉือ่ ยเชิงมุม)  การอนุรักษ์พลังงาน(โจทย์กลิ้งวัตถุบนพื้นเอียง)… หลัก E1 = E2
2 จุดสูงสุด
v = 21 +g kh
m1 m2 ตน.2
I =  mr r1
r2
จากรูป I = r3
v h
ตน.1
m3 

Page 20
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

4. โมเมนตัมเชิงมุม
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความเร็วเชิงมุมตอนแรก 1 rad/sec
2 ความเร็วเชิงมุมตอนหลัง 2 rad/sec
3 โมเมนตัมเชิงมุม L kg.m2.rad/sec
4 โมเมนต้มเชิงมุมตอนแรก L1 kg.m2.rad/sec
5 โมเมนตัมเชิงมุมตอนหลัง L2 kg.m2.rad/sec
6 การดลเชิงมุม L kg.m2.rad/sec
7 ทอร์กลัพธ์  N.m

 โมเมนตัมเชิงมุม P=mv
 การดลเชิงมุม  P = P2 - P1 = m ( v2 - v1)

 ทอร์กดล(ทอร์กลัพธ์)  F = Pt
 กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม P =  P หลังชน
ก่อนชน

ตัวอย่าง ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนแป้นหมุนวิ่งหมุนรอบแกนดิ่ง ชายคนนี้และแป้นหมุน


มีโมเมนต์ความเฉื่อย 8.0 กิโลกรัม.เมตร2 มือแต่ละข้างถือดัมเบลไว้ข้างละ
อัน ดัมเบลแต่ละอันมีมวล 2.0 กิโลกรัม เหยียดแขนให้มวลดัมเบลอยู่ห่าง
จากแกนหมุน 1.0 เมตร แล้วหมุนแป้นจนมีอัตราเร็ว 5.0 รอบ/นาที ต่อไป
หดแขน ให้ดัมเบลอยู่ห่างจากแกนหมุน 20 เซนติเมตร จงหาว่าแป้นจะ
หมุนด้วยอัตราเร็วกี่รอบ/นาที
1. 6.0 รอบ/นาที
2. 6.2 รอบ/นาที
3. 6.6 รอบ/นาที
4. 7.3 รอบ/นาที

Page 21
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

12. ปรากฏการณ์คลื่น
1. การจาแนกคลื่นและความรู้เบื้องต้น 3. เฟส และ ความต่างเฟสของคลื่น
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
S = แหล่งกาเนิด , P = อนุภาคตัวกลาง , W = คลืน่
1 ความต่างเฟส  องศา,rad
 คลื่น คือ รูปแบบการส่งพลังงานโดยการสั่นของ S
2 ระยะห่างระหว่าง 2 ตน.ใดๆ S m เมตร
 คลื่นกล คือ คลื่นที่อาศัย P ในการส่งพลังงาน
 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(EMW) คือ คลืน่ ที่ไม่ใช้ P ในการส่งพลังงาน 3 ผลต่างเวลา t sec วินาที
*** พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า  f 4 คาบเวลา T sec วินาที
 คลืน่ ตามยาว คือ คลื่นซึ่ง ทิศ W  ทิศการสั่นของ P 5 ความยาวคลื่น  m เมตร
 คลื่นตามขวาง คือ คลื่นซึ่ง ทิศ W  ทิศการสั่นของ P
 1) fw = fp = fs  S t “เฟสตรงกัน” ก็ต่อเมื่อ “ = 0”
2) Aw = Ap = As 2 =  = T “เฟสตรงข้าม” ก็ต่อเมือ่ “ = 180”
3) vW  P,S W เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง แต่ P และ S สั่นแบบ SHM. ตัวอย่าง ตัวกาเนิดคลื่นน้าให้คลื่นที่มีความถี่ 8 เฮิรตซ์ ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 2
4) พลังงานคลื่นกล  A2 เมตร/วินาทีจุด A และ B อยู่บนผิวน้าในแนวเส้นตรงต่อกับตัวกาเนิดคลื่น โดยอยู่ห่าง
0.30 เมตร จุดทั้งสองมีเฟสต่างกันกี่เรเดียน
1. 0.25
2. 0.4
3. 2.25
4. 2.40

4. สมบัติคลืน่
คลื่นมีสมบัติ 4 ข้อ ได้แก่
 การสะท้อน เช่น เกิดเสียงสะท้อนกับหน้าผา
http://junior.edumedia-sciences.com/en/media/604-transverse-wave  การหักเห เช่น เกิดฟ้าแลป แต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
 การแทรกสอด เช่น เกิดเสียงดัง,ค่อยระหว่างลาโพง 2 ตัว
 การเลี้ยวเบน เช่น เกิดคลื่นด้านหลังสิ่งกีดขวาง
2. อัตราเร็วคลื่น,ความยาวคลื่น,ความถี่
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
5. สมบัติการสะท้อนของคลื่น
1 ความยาวคลื่น  m เมตร
2 ความถี่ f Hz,รอบ/วินาที  กฎการสะท้อนมี 2 ข้อ ดังรูป
3 อัตราเร็วคลื่น v m/s เมตร/วินาที
4 คาบเวลา T sec วินาที เส้นปกติ
รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน  รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน
5 ระยะทาง S m เมตร เส้นปกติ อยู่บนระนาบเดียวกัน
6 เวลา t sec วินาที
1 2  มุมตกกระทบ = มุมสะท้อน
7 จานวนลูก(รอบ)คลื่น N ลูก,รอบ
หน้าคลื่น

v = St = T = f  
v  เฟสของคลื่นสะท้อนให้พิจารณา ดังนี้
f = Nt = T1 ปลายเปิด,ปลายอิสระ,เฟสตรงกัน ปลายปิด,ปลายตรึง,เฟสตรงกันข้าม

ตัวอย่าง จงหาความยาวคลื่น ระยะห่างระหว่างหน้าคลื่น คาบเวลา ความถี่


อัตราเร็วคลื่น
การกระจัด การกระจัด
ระยะทาง(ซม) เวลา(วินาที)
0 5 10 15 20 25 0 4 8 12 16 20
การกระจัด
ระยะทาง(ซม) เวลา(วินาที) ซ้าย  ขวา ซ้าย  ขวา บน  ล่าง
5 0 4 8 12 16 20

Page 22
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. สมบัติการหักเหของคลื่น 9. คลื่นนิ่ง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  แหล่งกาเนิดอาพันธ์ คือ แหล่งกาเนิด 2 แหล่ง(S1,S2) ที่เหมือนกันทุกประการ
1 อัตราเร็วคลื่นใน ตก.1 , ตก.2 v1,v2 m/s (v , f ,) แต่จะมีเฟสต่างกันคงที่
2 ความยาวคลื่นใน ตก.1 , ตก.2 1,2 m  คลื่นนิ่ง คือ คลื่นที่ไม่ส่งพลังงาน(แต่สั่น) เกิดจากแหล่งกาเนิดอาพันธ์แทรกสอด
3 มุมตกกระทบ,มุมหักเห 1,2 องศา
4 ความลึกน้า d เมตร
 การหักเห คือ การที่คลื่นเปลี่ยนความเร็วเมื่อเปลี่ยนตัวกลาง … (f คงที่) Loop = 2
 สาหรับคลื่นน้า sin  , v ,   d
 สูตรคานวณ
เส้นปกติ ค่าของ sin = root(นิวด้านซ้าย) / 2
10. ริ้วรอยการแทรกสอด
1
ตก.1 รอยต่อ No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ตก.2 1 การแทรกสอดแบบเสริม A -
2 2 การแทรกสอดแบบหักล้าง N -
3 มุมเบี่ยงเบนจากแนวกลาง  -
sin 1 v1 1
sin 2 = v2 = 2
4 ตาแหน่งที่สนใจ P -
ต้องไม่ลืมว่า sin   1 นะครับ 5 ระยะจาก P ไปยัง S1 และ S2 S1P,S2P m,cm
6 ผลต่างระหว่าง S1P กับ S2P PD m,cm
ระวัง  คือ มุมระหว่าง ทิศคลืน่ กับ เส้นปกติ หรือ หน้าคลื่น กับ รอยต่อ
7 เลขลาดับของ A และ N n -
8 ระยะห่างระหว่างแหล่งกาเนิด d m,cm
7. มุมวิกฤต และ การสะท้อนกลับหมด
S1,S2 เฟสตรงกัน มี Ao S1,S2 เฟสตรงกันข้าม มี No
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย NA
1 มุมวิกฤต c องศา N2 A1N1Ao N1A1 N2 A2 N1 A1 o 1N1 A2
A2 A2 N2 N2
 มุมวิกฤต(C) ก็คือ 1 ที่ทาให้
 “มุมหักเห(2) = 90o
หรือ  “รังสีหักเหทับรอยต่อ(ระหว่างตัวกลาง)
หรือ  “หน้าคลื่นหักเหตั้งฉากกับรอยต่อ(ระหว่างตัวกลาง)
d d
เส้นปกติ
 สูตร ก็คือ
c S1P - S 2P n เมื่อ n = 0,1,2,…
ตก.1 รอยต่อ PD = (n - 1 )
sin 1c v1 1 d sin  2 เมื่อ n = 1,2,3,…
sin 2 = v2 = 2 ตก.2
หาจานวนริ้ว ให้แทน sin  = 1 แก้สมการหา n (ถ้าลงตัว...ริ้วสุดท้ายทับ S1,S2)
 มุมวิกฤต(C) เกิดขึ้นเมือ่ คลืน่ เคลือ่ นที่จาก แล้วพิจารณาทั้งสองฝั่ง(คูณ 2) ... + 1 ถ้ามีริ้วกลาง
ระวังคาถาม … “ทั้งหมด” หรือ “ระหว่าง”
น้า : น้าตื้น  น้าลึก เสียง : อากาศเย็น  ร้อน
แสง : ดัชนีหักเหมาก  น้อย
 การสะท้อนกลับหมด เกิดขึ้นเมือ่ 1 > C หรือ สังเกตุที่ sin   1 11. สมบัติการเลี้ยวเบนของคลื่น
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
8. สมบัติการแทรกสอดของคลื่น 1 ความยาวคลื่น  m,cm
2 ความกว้างช่องแคบเดี่ยว d m,cm
 สาเหตุ คือ คลื่น 2 ขบวนเคลื่อนที่มาพบกัน
 หลักการของ “ออยแกน” กล่าวว่า “ทุกจุดบนหน้าคลื่นเป็นแหล่งกาเนิดคลื่นได้”
ผล คือ คลื่นรวมตัวกัน ทาให้แอมปิจูดเปลี่ยนไป
 คลื่นเลี้ยวเบนจะทาให้เกิดคลื่นด้านหลังสิ่งกีดขวาง
 การซ้อนทับของคลื่น มี 2 แบบ ดังตาราง
 การเลี้ยวเบนผ่านช่องแคบคู่
 ซ้อนทับแบบเสริม  ซ้อนทับแบบหักล้าง ให้คดิ เหมือนหัวข้อที่ 10
(เรียก ปฏิบพ
ั A) (เรียก บัพ N)  การเลี้ยวเบนผ่านช่องแคบเดี่ยว แยกเป็น 3 กรณี
เฟสตรงกัน เฟสตรงข้าม(180o)  รูเล็ก[  >> d ]  ไม่เกิดริ้วการแทรกสอด
 รูใหญ่[  << d ]  เกิดริ้วการแทรกสอดมากมาย
 รูพอดี [d/2 <  < d]  เรียก เลี้ยวเบนดี มี N ทั้งหมด 2 แนว
 การคานวณการแทรกสอดผ่านช่องเดี่ยว ให้คิดเหมือนแบบกรณีมี A0 แต่ให้
 สลับ N กับ A
 เปลี่ยน – เป็น +

Page 23
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

13. เสียงและการได้ยิน
1. คลื่นเสียง 4. การหักเห มุมวิกฤต สะท้อนกลับหมด
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 อัตราเร็วเสียงใน ตก.1 , ตก.2 v1,v2 m/s
2 ความยาวคลื่นใน ตก.1 , ตก.2 1,2 m
3 มุมตกกระทบ,มุมหักเห 1,2 องศา
4 อุณหภูมิอากาศของ ตก.1, ตก.2 T1,T2 Kเคลวิน
 เสียงเป็นคลื่นกล อาศัยตัวกลางในการส่งพลังงาน
 เสียงเป็นคลื่นตามยาว ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น // ทิศการสั่นของตัวกลาง  การหักเหของเสียง คือ การที่เสียงเปลี่ยนความเร็วเมื่อเปลี่ยนตัวกลาง (f คงที่)
 การกระจัดมีเฟสนาหน้าความดัน อยู่ 90o  sin  , v ,   T
 สูตรคานวณการหักเห
เส้นปกติ sin 1 v1 1 T1
 Pสูง  Pต่า 1 sin 2 = v2 = 2 = T2
ตก.1 รอยต่อ
ตก.2 ระวัง  คือ มุมระหว่าง ทิศคลืน่ กับ เส้นปกติ
2. คลืน่ เส้นลวด และ อัตราเร็วคลื่น 2 หรือ หน้าคลื่น กับ รอยต่อ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 น้าหนักถ่วง W N  มุมวิกฤต(C) และการสะท้อนกลับหมด ใช้ความรู้เดียวกับหัวข้อที่ 7 บทที่แล้ว
2 แรงตึงเชือก T N
3 มวลเส้นเชือก m kg 5. คลื่นนิ่ง และการแทรกสอด
4 ความยาวเชือก  m
5 อัตราเร็วคลื่น v m/s  คลื่นนิ่ง = การแทรกสอดของแหล่งกาเนิดอาพันธ์
6 ความยาวคลื่น  m  A  ปฏิบัพ  เสริม  คลื่นมีเฟสตรงกัน  ดัง
7 ความถี่ f Hz,รอบ/วินาที N  บัพ  หักล้าง  คลื่นมีเฟสตรงกันข้าม  ค่อย
8 ระยะทาง S เมตร
 1 Loop = ระยะระหว่าง A ถึง A
9 เวลา t วินาที
= ระยะระหว่าง N ถึง N
 คลื่นในเส้นลวด  คลื่นนิ่งในเส้นลวด  อัตราเร็วคลื่น =/2

v = Tm Loop = 2 v = St = T = f   การคานวณริ้วรอยการแทรกสอดของคลื่นเสียงให้ใช้ความรู้เดียวกับเรื่องคลื่น
และแค่รู้ว่า ถ้าเสียงสะท้อนกับกาแพง ให้ใช้กาหนดแหล่งกาเนิดเสมือนขึ้นมา
หลังกาแพง แล้วใช้สูตรกรณีเฟสตรงข้าม(มี No)

6. เสียงคู่แปด และ บีตส์


Loop
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
3. สมบัติการสะท้อน 1 ความถี่ของ S1,S2 f1,f2 Hz
2 ความถี่บีตส์ fb Hz
 เสียงสะท้อนกับวัตถุที่มีขนาด   3 ความถี่ที่ผู้ฟังได้ยิน fo Hz
 เสียงก้อนจะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไข t  0.1 วินาที
 เสียงคู่แปด คือ เสียงที่มีความถี่เป็น 2 เท่าของเสียงที่สนใจ

 สูตร v = St = T = f  เช่น ถ้าเสียง C (โด) มีความถี่ 256 Hz แล้วเสียงคู่แปดของเสียงโด


เขียนแทนด้วย C จะมีความถี่เท่ากับ 2 x C = 512 Hz
 เสียงเดินทางใน 2 ตัวกลาง  บีตส์ เป็นปรากฏการณ์ที่ผู้ฟังได้ยินเสียงเป็นจังหวะเนื่องจาก
Xอากาศ = X น้า
แหล่งกาเนิด 2 แหล่งที่มีความถี่ต่างกันเพียงเล็กน้อย(  10 Hz)
vอt อ = v น t น
 มนุษย์เราจะแยกจังหวะ บีตส์ ได้ไม่เกิน 10 Hz

fb = f1  f2 f1 + f2
 อัตราเร็วเสียงในอากาศ  fo = 2
v1 T1
v = 331 + 0.6 t v2 = T2

Page 24
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

7. การสั่นพ้องของเสียงในท่อ 10. ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความยาวท่อ L m 1 อัตราเร็วเสียง(ในอากาศ) v m/s
2 ความถี่มูลฐาน fo Hz 2 อัตราเร็วแหล่งกาเนิด vs m/s
3 ความถีส่ ันพ้องครั้งแรก f1=fo Hz 3 ความถี่แหล่งกาเนิด fs Hz
4 ความถี่สั่นพ้องครั้งที่ n fn Hz 4 ความถี่ที่ผู้ฟังได้ยิน fo Hz
5 เลขลาดับการสั่นพ้อง n - 5 ความยาวคลื่นด้านหน้า หน้ำ m
6 จานวนบัพในท่อ n - 6 ความยาวคลื่นด้านหลัง หลัง m
7 เลขฮามอร์นิกส์ H.N. -
 ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์ คือ ปรากฏการณ์ที่ผู้ฟังได้ยนิ เสียงที่มี ความถี่ไม่
8 อัตราเร็วเสียง v m/s
เท่ากับแหล่งกาเนิด ซึ่งอาจจะเกิดจากแหล่งกาเนิด หรือ ผู้ฟงั มีการเคลื่อนที่
 ท่อปลายปิด และ ปลายเปิด
 ความยาวคลื่นที่ผู้ฟังจะได้รับ ใช้หลัก “อกเล็ก ตูดใหญ่”

v - vs
 หน้ า = fs
v +v
 หลัง = f s
s

 ความถี่เสียงที่ผู้ฟังจะได้ยิน ใช้หลัก “ยิ่งใกล้ ยิ่งเจ็บ(เสียงแหล๊มแหลม)”



S 
vo v  vo
vo fo = 

 การสั่นพ้องของลูกสูบ : ให้คิดเหมือนต่อปลายปิด แต่สลับ L  f
*** การสั่นพ้องสองครั้งติดกันท่อต้องยาวต่างกัน = 1 Loop เสมอ 11. คลื่นกระแทก
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
8. ความเข้มเสียง และระดับความเข้มเสียง
1 อัตราเร็วเสียง(ในอากาศ) v m/s
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 2 อัตราเร็วแหล่งกาเนิด vs m/s
1 กาลังเสียง P watt 3 ความสูงเพดานบิน h m เมตร
2 พื้นที่รับเสียง A m2 4 ระยะระหว่างผู้ฟังกับเครื่องบิน x m เมตร
3 ระยะห่างผู้ฟังกับแหล่งกาเนิด r m 5 มุมหน้าคลื่นกระแทก  องศา
4 ความเข้มเสียง I W/m2 6 เลขมัค M.N. -
5 ความเข้มเสียงต่าสุด Io W/m2
6 ระดับความเข้มเสียง L dB
 I มาก  เสียงดัง ( คน Imax = 1 W/m2)
I น้อย  เสียงเบา (คน Io = 10-12 W/m2)

 สูตร I= P
A=
P
4 r2 L = 10 log II
o
 
v
M.N. = vs = hx = 1
sin 
9. ผลต่างระดับความเข้มเสียง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ผลต่างระดับความเข้มเสียง L dB

 สูตร L = 10 log  P,I,N 


P,I,N
มีค่ามาก
มีค่าน้อย

L = 20 log R
R  
L = Lดัง – Lเบา , หลัง log ต้องเอา ตัวมาก / ตัวน้อย เสมอ

Page 25
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

14. แสงและการมองเห็น
1. ความสว่าง ตัวอย่างที่ 1 ชายคนหนึ่งสูง 1.8 เมตร ยืนอยู่หน้ากระจกเงาระนาบเพื่อต้องการเห็น
จากหัวถึงเอว กระจกเงาระนาบยาวน้อยที่สุดเท่าใด โดยทีเ่ อวสูงจากพื้น 105
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย เซนติเมตร
1 ความสว่าง E Lux ลักซ์
2 ความเข้มการส่องสว่าง I cd คาเดลาร์
3 ระยะห่างจากแหล่งกาเนิด r m เมตร
4 อัตราการให้พลังงานแสง F lm ลูเมน
5 พื้นที่รองรับแสง A m2 ตร.เมตร
6 กาลังไฟฟ้าของหลอดไฟ P W วัตต์
7 ประสิทธิภาพเนื่องจากการใช้งาน  <1 -
8 ประสิทธิภาพด้านความสว่าง Eff. lm/wattลูเมน/วัตต์ ตัวอย่างที่ 2 ชายคนหนึ่งมองต้นไม้ซึ่งอยู่ด้านหลังเข้าเป็นระยะ 5 เมตร ผ่านทาง
9 จานวนหลอดไฟ n หลอด กระจกซึ่งมีความสูง 20 เซนติเมตรโดยตาของเขาอยูห ่ ่างจากกระจกเป็นระยะ 30
10 มุมตกกระทบ เซนติเมตร พบว่าสามารถเห็นต้นไม้ได้ทั้งต้น อยากทราบว่าต้นไม้มีความสูงกี่เมตร

n  x Eff. x P
E = I cos2  E = AF
r
หลอดไฟ
A = 4  r2
r r

I

3. กระจกโค้งและเลนส์
2. กระจกเงาราบ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 1 ระยะโฟกัส f cm , m
1 มุมตกกระทบ,มุมสะท้อน 1, 2 องศา 2 รัศมีความโค้งกระจกโค้ง C cm , m
2 ระยะวัตถุ,ระยะภาพ S,S’ cm , m 3 ระยะวัตถุ,ระยะภาพ S,S’ cm , m
3 กาลังขยาย m - 4 กาลังขยาย m -
 กฎการสะท้อนมี 2 ข้อ ดังรูป เส้นปกติ 5 ขนาดวัตถุ,ขนาดภาพ I,I’ cm , m
รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน
 เลนส์นูน คู่กับ กระจกเว้า  รวมแสง  f เป็น +
 รังสีตกกระทบ รังสีสะท้อน
เลนส์เว้า คู่กับ กระจกนูน  กระจายแสง  f เป็น –
f = C2
เส้นปกติ อยู่บนระนาบเดียวกัน 1 2
 มุมตกกระทบ = มุมสะท้อน  “รวมแสง”  ได้ภาพจริง(เล็ก เท่า ใหญ่) , ไม่มีภาพ , ภาพเสมือน(ใหญ่)
ตาแหน่งวัตถุ
C f
 การเกิดภาพ m = SS = -1 “กระจายแสง”  ได้ภาพเสมือน(เล็ก) เท่านั้น อุปกรณ์
 ภาพจริง(ภาพที่ฉากรับได้ : หัวกลับ)
 การบิดกระจก สะท้อน = 2 กระจก  หน้ากระจก , หลังเลนส์ , S เป็น +
ภาพเสมือน(ภาพที่ฉากรับไม่ได้ : หัวตั้ง)
บิดกระจกกระจก  หลังกระจก , หน้าเลนส์ , S เป็น –

 สูตร 1= 1+ 1
f S S m = SS = I
I
 ภาพ *** ถ้าวัตถุอยู่หน้าอุปกรณ์  S เป็น + , อยู่หลังอุปกรณ์  S เป็น –
ภาพ วัตถุ
 การคานวณอุปกรณ์ 2 ตัว : S1  S1 = S2 
f
S2
 f1
N = 360
2


-1  รังสีขนาน : เข้าขนาน S =  , ออกขนาน S = 
ภาพ ภาพ  ไม่พาราแล็กซ์  ภาพสุดท้ายเกิดที่เดียวกับวัตถุ
 อุปกรณ์สุดท้ายต้องสะท้อนรังสีโดยตั้งฉากกับกระจก

Page 26
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
4. ดัชนีหักเห,การหักเห,มุมวิกฤต,สะท้อนกลับหมด 6. การเลี้ยวเบนของแสง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ดัชนีหักเห n - 1 จานวนช่องเกรตติง N ช่อง
2 อัตราเร็วแสงในสุญญากาศ c = 3 x 108 m/s 2 ระยะห่างช่องสลิตคู่ d=1/N m
3 อัตราเร็วของแสงในตัวกลาง v m/s 3 ความกว้างสลิตเดี่ยว a m
4 ดัชนีหักเห ตก.1 , ตก.2 n1,n2 - 4 เลขลาดับแถบสว่าง & มืด n =1,2,3,4,…
5 อัตราเร็วแสงใน ตก.1,ตก.2 v1,v2 m/s 5 ระยะเบี่ยงเบนจากแนวกลาง X m
6 ความยาวคลื่นแสงใน ตก.1,ตก.2 1,2 m 6 ระยะระหว่างสลิตกับฉาก L m
7 มุมตกกระทบ,มุมหักเห 1,2 องศา 7 ความยาวคลื่น  m
8 มุมวิกฤต c องศา 8 มุมเบีย่ งเบนจากแนวกลาง  องศา
ความกว้างแถบสว่างกลาง
 ดัชนีหักเห n = cv1) v < c เสมอ 2) n  1 เสมอ 9
(สลิตเดี่ยว)
B m
3) v ผกผันกับ n 4) nอากาศ = nสุญญากาศ = 1 ระยะห่างระหว่างแถบสว่างติดกัน
5) nน้า = 4/3 , nแก้ว = 3/2 10 X m
หรือ มืดติดกัน(สลิตคู,่ เกรตติง)
 การหักเหของแสง คือ การที่แสงเปลีย่ นความเร็วเมื่อเปลี่ยนตัวกลาง
 สลิตคู่ / เกรตติง สลิตเดี๋ยว
sin 1 v1 1 n2
sin 2 = v2 = 2 = n1 A A Ao A A
Ao

 สาหรับแสง sin  , v ,   n
1 N N N N N N N1 N1
X X X
 มุมวิกฤต(C) ก็คือ 1 ที่ทาให้ “มุมหักเห(2) = 90o N A N A N A0 N A N A N
B
เส้นปกติ
sin 1c v1 1 n2 c
ภาพบนฉาก

sin 2 = v2 = 2 = n1 ตก.1 รอยต่อ


L
X
ตก.2  
เกิดขึ้นเมื่อแสงต้องเคลื่อนที่จาก nมาก  nน้อย
สลิตคู่ สลิตคู่ : d สลิตเดี่ยว : a
 การสะท้อนกลับหมด เกิดขึ้นเมือ่ 1 > C (sin 1  1 non-sense) (เกรตติง) (เกรตติง : N)
1) เกิดเมื่อแสงเดินทาง nมาก  nน้อย
 
2) “มุมวิกฤตของ ตก.ใด ๆ”  ตก.2 จะต้องเป็นอากาศเสมอ(n2 = 1)
 สูตร สลิตคู่ / เกรตติง(d = 1/N) สูตร สลิตเดี่ยว

5. ความลึกปรากฏ สว่าง : d XL = n  มืด : a XL = n 


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย มืด : d XL = (n - 21 )  สว่าง : a XL = (n + 21 ) 
1 ความลึกจริง(รอยต่อกับวัตถุ) ลจ cm , m
2 ความลึกปรากฏ(รอยต่อกับภาพ) ลป cm , m  ในกรณีหาจานวน หรือ มุมเบี่ยงเบน เปลี่ยน ฝั่งซ้าย  d . sin 
3 ดัชนีหักเหของผู้สังเกตุ(ตา) -
X = dL
nตา
 สลิตคู่ / เกรตติง
4 ดัชนีหักเหของผู้ถูกสังเกตุ(วัตถุ) nวัตถุ -
กระทบ สะท้อน
 หลักการมองเห็นวัตถุ แสง  วัตถุ  ตา  สลิตเดี่ยว B = 2 aL
 nตา *** ขนาดภาพ(ของวัตถุ)  nวัตถุ ***
= ล.ป.
เช่น ถ้า nวัตถุ > nตา แล้ว ภาพจะใหญ่ขึ้น(ใกล้เข้ามา)
 แนวโจทย์แถบซ้อนทับกัน ใช้หลัก Xอุปกรณ์ 1 = Xอุปกรณ์ 2
nวัตถุ ล.จ.
ถ้า nวัตถุ < nตา แล้ว ภาพจะเล็กลง(ไกลออกไป)

7. สายตา
ล.ป.  สายตาสั้น  กระบอกตายาว  รังสีตัดก่อนเรตินา  ใส่แว่นเลนส์เว้า
ล.จ. ภาพ ล.จ. สายตายาว  กระบอกตาสั้น  รังสีตัดเลยเรตินา  ใส่แว่นเลนส์นูน
ล.ป.
 มองใกล้ ตาปกติ : Sชัด = 25 cm , ยาว : Sชัด > 25 cm , สั้น : Sชัด < 25 cm
วัตถุ วัตถุ
มองไกล ตาปกติ : Sชัด =  , ยาว : Sชัด =  , สั้น : มองไม่เห็น
ภาพ  โฟกัสแว่น : ใช้สูตรหัวข้อที่ 3 (  )
nตา cos ตา ล.ป. โดย S = Sชัด ของคนปกติ...โดยทั่วไป คือ 25 cm
 การมองเอียง
nวัตถุ cos  วัตถุ= ล.จ. S’ = Sชัด ก่อนใส่แว่น...ติดลบเสมอ
 หน้าที่แว่น คือ ย้ายวัตถุที่ 25 cm ไปไว้ที่ระยะที่ตาเปล่า(ก่อนตัดแว่น)มองเห็นชัด
*** 1 , 2 เป็นมุมตกกระทบ และ มุมหักเห ตามลาดับ

Page 27
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

8. การมองเห็นสี 9. ปรากฏการณ์รุ้งกินน้า
 การผสมสารสี  จะสังเกตปรากฏการณ์รุ้งกินน้าได้ ต้องประกอบด้วย
 แม่สี  แดง , น้าเงิน , เหลือง แสง และ หยดน้า ในอากาศ
 ผสมสี  ด + น = ม่วง  รุ้งกินน้าเกิดจาก สมบัติ การหักเหของแสง
น + ล = เขียว , ด + ล = ส้ม  รุ้งกินน้า มี 2 แบบ คือ รุ้งปฐมภูมิ และ ทุติยภูมิ
ด + น + ล = ดา โดย รุ้งทุติยภูมิจะอยู่เหนือรุ้งปฐมภูมิ

 การผสมแสง
 แม่แสง  แดง , น้าเงิน , เขียว
 ผสมแสง  ด + น = แดงอมชมพู
น + ข = ฟ้า , ด + ข = เหลือง
ด + น + ข = ขาว
รุ้งปฐมภูมิ รุ้งทุตยิ ภูมิ
 จากรูป “แสงเติมเต็ม” คือ แสงทีอ่ ยูต่ รงข้ามกันในข้อ  เช่น {ข,ด} v.s. {น} - แสงกระทบด้านบนหยดน้า - แสงกระทบด้านล่างหยดน้า
 การมองเห็นสีของมนุษย์ - สะท้อนกลับหมดภายใน - สะท้อนกลับหมดภายใน
แสง  วัตถุ  แผ่นกรองแสง  ตา(เซลล์กรวย) หยดน้า 1 ครั้ง หยดน้า 2 ครั้ง
ตัวอย่างที่ 1 แสงขาว วัตถุเหลือง แผ่นกรองแสงฟ้า ตาปกติ - เห็นสีแดงอยู่บน ม่วงล่าง - เห็นแดงอยู่ล่าง ม่วงอยู่บน

ตัวอย่างที่ 2 แสงชมพู วัตถุขาว ตาบอดน้าเงิน

ตัวอย่างที่ 3 แสงฟ้า แผ่นกรองแสงชมพู ตาบอดแดง

9. การกระจายของแสง

 แสงขาว คือ แสงที่ประกอบด้วยสี ทีเ่ รียงตามความถี่จาก


มากไปหาน้อย คือ ม่วง น้าเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง
*** ไม่ลืมนะ ความถี่มาก ความยาวคลื่นน้อย ***
 มุมหักเหให้เทียบจากเส้นแนวฉาก(ปกติ) แต่มุมเบี่ยงเบน
ให้เทียบจากทิศทางเดิมของแสง ... จึงได้ว่า

มาก  มุมหักเหมาก  มุมเบี่ยงเบนน้อย


 แสงทุกสีมี v เท่ากัน ในตัวกลางเดียวกัน

Page 28
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

15. ของเหลวของไหล
1. ความดัน 4. แรงดันของเหลวกระทาต่อผิวภาชนะ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความดัน P N/m2,Pa 1 แรงดันของเหลวที่กน้ ภาชนะ Fv N
2 แรงดัน F N 2 แรงดันของเหลวด้านข้างภาชนะ Fh N
3 พื้นที่รองรับแรง A m2 3 แรงดันของเหลวที่ผิวเอียงภาชนะ F N
 ความดัน(P) คือ ขนาดของแรงที่กระทาบน 4 ความลึกของเหลวในภาชนะ h m
1 หน่วยพื้นที่ P = AF 5 ความกว้างของภาชนะ L m
 ความดัน(P) ไม่มีทิศทาง แต่ แรงดัน(F) มีทิศทาง  A 6 ความหนาแน่นของเหลว  kg/m3
7 มุมเอียงเทียบแนวราบ  องศา
8 พื้นทีผ่ ิวที่แรงกระทา m2
2. ความหนาแน่น / ถ่วงจาเพาะ A
สูตรคานวณแรงดันของเหลว
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความหนาแน่น  kg/m3 F = Pเฉลี่ย A
2 มวล m kg
3 ปริมาตร V m3 Fv =  g h A
4 ความถ่วงจาเพาะ S - Fh = 21  g h2 L
5 ความหนาแน่นน้า w kg/m3 F = Fh cosec  สรุป แรงกับพื้นผิวต้องตั้งฉากกันเสมอ


 = mV S=  5. หลอดตัวยู
น ้า
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความหนาแน่นของเหลว 1,2 kg/m3
2 ความสูงของเหลว m
3. ความดันเกจ / ความดันสัมบูรณ์ 3 ความดันแก๊ส
h1,h2
N/m2 , Pa
Pgas
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 4 ความดันบรรยากาศ Patm 105 Pa
1 ความดันเกจ Pg N/m2,Pa หลัก : สองตาแหน่งใดๆ ที่ระดับเดียวกัน
2 ความหนาแน่นของเหลว  kg/m3 ในของเหลวชนิดเดียวกัน
3 ความลึกจากผิวของเหลว h m ต้องมี P เท่ากัน
4 ความดันบรรยากาศ N/m2,Pa
5 ความดันสัมบูรณ์
Patm
N/m2,Pa
Pซ้ าย = Pขวา
P
 ความดันเกจ (Pg) คือ  เปิดโล่งทั้งสองข้าง
 ความดันที่เกิดจากน้าหนักของของเหลว หรือ
 ความดันที่เป็นผลต่างระหว่างความดันสัมบูรณ์กับบรรยากาศ
 ความดันที่อ่านได้จากเครื่องมือวัดความดัน
1 h1 = 2 h2

Pg =  g h
 มาโนมิเตอร์  บารอมิเตอร์

 ความดันบรรยากาศ(Patm)
 โดยทั่วไป ความดันบรรยากาศที่ระดับน้าทะเล
มีค่าเท่ากับ 760 mmHg หรือ  105 Pa
 760 mmHg ความดันที่สามารถดันปรอทขึ้นไปได้สูง
760 mm
 ความดันสัมบูรณ์(P)

P = Pg + Patm Pgas =  g h + Patm Patm = ปรอท g h

Page 29
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. กฎของพาสคาล และเครื่องอัดไฮดรอลิก 8. แรงตึงผิว
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 พื้นที่ลูกสูบเล็ก,ใหญ่ a,A cm2,m2 1 แรงตึงผิว F N
2 เส้นผ่าน ศก.ลูกสูบเล็ก,ใหญ่ d,D cm,m 2 สปส.ความตึงผิว(ค่าความตึงผิว)  N/m
3 แรงกดที่ลูกสูบเล็ก F N ความยาวที่ของเหลวเกาะผิวข้าง
3 L m
4 น้าหนักกดที่ลูกสูบใหญ่ W N วัตถุ
5 การได้เปรียบเชิงกล M.A. -  แรงตึงผิว คือ แรงยึดเหนี่ยว
 แบบที่ 1 ไม่มีคานโยก  แบบที่ 2 มีคานโยก ระหว่างอนุภาคที่ผิวของของเหลว
ซึ่งพยายามจะยึดผิวของของเหลว
เอาไว้ไม่ให้ผิวของเหลวฉีกขาด

PL
M.A. = WF = Aa =  Dd 
2 แทน F ด้วย

*** แรงตึงผิวต้องสัมผัส(//) ทั้งผิวของเหลวและผิวของวัตถุ ***


สาหรับ ไฮดรอลิกต่างระดับใช้หลักการเดียวกันกับหลอดตัวยู  สูตรแรงตึงผิว
W
F A F =  L
a h
*แผ่นคิดรอบเดียวแต่ห่วงต้องคูณ 2*
 ค่าความตึงผิว () ผกผันกับ อุณหภูมิของเหลว
 แรงเชื่อมแน่น(โคฮีชั่น) คือ
7. แรงลอยตัว  แรงยึดระหว่างอนุภาคชนิดเดียวกัน
แรงยึดติด(แอดฮีชนั่ ) คือ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  แรงยึดระหว่างอนุภาคต่างชนิดกัน
1 แรงลอยตัว FB N นิวตัน Fยต.> Fชน. Fยต.< Fชน
 การซึมตามรูเล็ก
2 ปริมาตรวัตถุที่จม Vจม m3 ลบ.ม
รูเล็ก ระดับของเหลวจะสูงกว่ารูใหญ่
3 ความเร่งสนามโน้มถ่วง g 10 m/s2
4 ความหนาแน่นของเหลว ล kg/m3
5 แรงตึงเชือก T N นิวตัน 9. แรงหนืด
6 ปริมาตรวัตถุ Vวัตถุ m3 ลบ.ม No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 แรงลอยตัว คือ แรงที่ช่วยพยุงวัตถุไม่ให้จมลงไปในของเหลว มีทิศ  เสมอ 1 รัศมีลูกเหล็ก r m
 สูตร 2 สปส.ความหนืด 
FB = เหลว g Vจม ล Vจม 3 อัตราเร็ว v m/s
FB 4 แรงหนืด F N
5 ความหนาแน่นลูกเหล็ก วัตถุ kg/m3
 แนวโจทย์ทั้ง 3 กรณี 6 ความหนาแน่นของเหลว เหลว kg/m3
ใช้หลักเดียวกัน คือ 7 อัตราเร็วสุดท้าย vf m/s
F = F
 แรงหนืด เป็นแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุในของเหลว
โดยต้องรู้เพิ่มเติมว่า
Wวัตถุ = วัตถุ g Vวัตถุ  สูตร F = 6   r v
 การทดลองปล่อยลูกเหล็ก
 การชั่งวัตถุในน้า v
T
T = เหลว  g  Vจม vf a0
F
เมื่อ  = วัตถุ - เหลว ag
vf ag
t
 หาความ vf ต้องใช้หลัก สมดุลแรงแนวดิ่ง

Page 30
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
10. อัตราการไหลและสมการความต่อเนื่อง
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 อัตราการไหล Q m3/sec
2 อัตราเร็ว v m/s
3 พื้นที่หน้าตัด A m2
4 ปริมาตร V m3
5 เวลา t Sec

 อัตราการไหล Q = Vt = v A
 สมการความต่อเนื่อง หลัก : อัตราการไหลเข้า = อัตราการไหลออก
A1 v1 = A 2 v 2
***เน้น…สมการความต่อเนื่องทาให้
เราทราบว่า v  1/A
คือ ท่อเล็ก ของเหลวมีความเร็วสูง

11. สมการแบร์นลู ี
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความดัน P N/m2
2 ความเร็ว v m/s
3 ความสูง h m
4 ความหนาแน่น  kg/m3
5 พื้นที่ปีกเครื่องบิน A m2
6 แรงยกปีกเครื่องบิน F N
 ของไหลอุดมคติ…ต้อง…
1. ไหลอย่างสม่าเสมอ 2. ไหลโดยไม่หมุน
3. ไหลโดยไม่มีแรงต้านเนื่องจากความหนืด 4. ไม่สามารถอัด(หด)ตัวได้
 สมการแบร์นูลี “ผลรวมของความดัน พลังงานจลน์ต่อปริมาตร และพลังงาน
ศักย์ต่อปริมาตร ณ.ตาแหน่งใดๆ มีค่าคงตัว”

P1 + 21 v12 + gh1= P2 + 21 v 22 + gh2


***เน้น…สมการแบร์นูลีทาให้เราทราบว่า P  1 / v ***
คือ ความเร็วช้า ความดันสูง

 อัตราเร็วน้าพุ่งออกจากรู  แรงยกปีกเครื่องบิน

v= 2gh F = 21 air (v 2บน  v ล่2าง )A

Page 31
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

16. ความร้อน
1. อุณหภูมิ และ ความร้อน
 Q t = m c t หรือ Q t = C t
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
o องศาเซลเซียส
*** t ต้องแทนค่าด้วย + เสมอ เพราะ t = tสูง - tต่า
1 อุณหภูมิ t C
2 อุณหภูมสิ ัมบูรณ์ T K เคลวิน  QLm = m Lm QLv = m L v
3 อุณหภูมฟ ิ าเรนไฮห์ F F ฟาเรนไฮห์
4 อุณหภูมโิ รเมอร์ R R โรเมอร์  ค่าคงที่ความร้อนของน้า และน้าแข็งที่ควรจดจา
5 ความร้อน Q calแคลอรี , J จูล cน้าแข็ง = 0.5 cal/g.K หรือ  2100 J/kg.K
cwater = 1.0 cal/g.K หรือ  4200 J/kg.K
 อุณหภูมิ คือ ค่าเฉลีย่ ของ พลังงานจลน์ ของอนุภาคในสสาร
Lหลอม = 80 cal/kg หรือ  336x103 J/kg
 T = 273 + t Lระเหย  540 cal/kg หรือ  2268x103 J/kg
ร้อน เย็น
 ความร้อน(Q) คือ พลังงาน ซึ่งจะถ่ายเทระหว่างสสาร
อันเนื่องจาก ความแตกต่างของอุณหภูมิ(T) ความร้อน 4. การเปลี่ยนแปลง(ถ่ายเท) พลังงาน(ความร้อน)
*** ระวัง Q ไม่ใช่ T แต่ เกีย่ วข้องกัน ***
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ลองคิดดูนะ…”ความร้อนมากว่าไม่จาเป็นต้องร้อนกว่ามั้ย ?”
1 พลังงานศักย์โน้มถ่วง EP J จูล
 ความร้อนถ่ายเทจาก Tสูง  Tต่า 2 พลังงานจลน์ J จูล
Ek
 1 cal = 4.2 J 3 พลังงานไฟฟ้า E J จูล
 การเปลีย่ นหน่วยอุณหภูมิ C = F - 32 = R = K - 273 4 พลังงานความร้อน Q J จูล
5 9 4 5 5 ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน  -
6 พลังงานตอนแรก E1 J
2. ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงของสสาร 7 พลังงานตอนหลัง E2 J
8 พลังงานสูญเสีย Eเสีย J

 พลังงานมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบหน่วยเดียวกัน คือ J


 พลังงานแต่ละรูปแบบสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นกันและกันได้

 EP = m g h Ek = 21 m v 2 E ไฟฟ้า = P t
E 2
P = ไฟฟ้t า = V I = I 2 R = VR

 ผลของความร้อนต่อวัตถุ คือ ทาให้วัตถุเปลี่ยนอุณหภูมิ  E1 - Eเสีย = E 2 หรือ E1 = E 2


หรือไม่ก็เปลี่ยนสถานะ อย่างใดอย่างหนึ่ง เปลี่ยนทั้งสองไม่ได้
 ถ้าเปลีย่ น t ก็จะไม่เปลีย่ สถานะ ถ้าเปลีย่ นสถานะ ก็จะไม่เปลีย่ น t
 ลาดับการเปลี่ยนสถานะ ดูดความร้อน : แข็ง  เหลว  ก๊าซ 5. กราฟพลังงานความร้อนของสสาร
คายความร้อน : ก๊าซ  เหลว  แข็ง

3. สูตรคานวณความร้อน เส้นเอียง เปลีย่ นอุณหภูมิ


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย เส้นราบ เปลีย่ นสถานะ
1 ความร้อนในการเปลี่ยนอุณหภูมิ Qt J , cal
2 ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะ... QL J , cal
3 มวล m kg , g
4 ความจุความร้อนจาเพาะของ… cสถำนะ J/(kg.) , cal/(g.)
 โดยทั่วไป แกน x เป็น ความร้อน(Q) , y เป็น อุณหภูม(ิ t)
5 ความจุความร้อน C J/ , cal/
6 ความร้อนแฝงจาเพาะในการ… Lm,Lv J/kg , cal/g  Q1 คือ ความร้อนในการเปลี่ยนอุณหภูมิของของแข็ง
7 อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป o
C หรือ K ก็ได้ Q3 คือ ความร้อนในการเปลี่ยนอุณหภูมิของของเหลว
t
o Q2 คือ ความร้อนในการหลอมเหลว ที่อุณหภูมิ x
1)  หมายถึง ใช้ C หรือ K ก็ได้ตามใจ ตามโจทย์ ตาม choice
Q4 คือ ความร้อนในการระเหย ที่อณ
ุ หภูมิ y
2) จะใช้ J หรือ cal ให้สังเกตจากโจทย์ ให้รู้ว่า J คู่กับ kg , cal คู่กับ g
3) ตัวห้อย m = หลอมเหลว , v = ระเหย  เปลี่ยนแกน x จาก Q ให้เป็น t ด้วยสูตร Q = Pt

Page 32
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

6. อุณหภูมผิ สม
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
o
1 อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป t C หรือ K ก็ได้
o
2 อุณหภูมิผสม tผสม C หรือ K ก็ได้
ตัวอย่างที่ 1 ใส่น้าแข็ง 50 กรัม อุณหภูมิ 0 oC ลงในน้า 200 กรัมที่อุณหภูมิ
30 oC จะได้อุณหภูมิสุดท้ายเท่าใด (ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวของน้าแข็ง
เท่ากับ 80 แคลอรี่ตอ่ กรัม และความจุความร้อนจาเพาะของน้าเท่ากับ 1 แคลอรีต่อ
กรัม.เคลวิน)
1. 0 oC
2. 4 oC
3. 8 oC
4. 10 oC

ตัวอย่างที่ 2 น้าแข็งอุณหภูมิ -10 oC มีความจุความร้อนจาเพาะ 2.10 กิโลจูล/


(กิโลกรัมเคลวิน) และมีความร้อนแฝงจาเพาะของการหลอมเหลว 333 กิโลจูล/
กิโลกรัม ถ้าเอาน้าแข็งนี้ 200 กรัม ใส่ลงในกระป๋องคาลอรี่มิเตอร์ที่มีน้าบรรจุอยู่
550 กรัม และอุณหภูมิ 30 oC จงหาอุณหภูมิสุดท้ายของของผสมเป็น oC
เมื่อกระป๋องมีมวล 125 กรัม และความจุความร้อนจาเพาะ 0.40 กิโลจูล/(กิโลกรัมเคลวิน)
1. 0
2. 1.3
3. 1.8
4. 2.6

ตัวอย่างที่ 3 ท่อส่งน้าสองท่อ A และ B มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางในท่อเป็น


dA = 0.1 m และ dB = 0.25 m และความเร็วเฉลี่ยของการไหลในท่อเป็น
VA = 2 m/s และ VB = 1.0 m/s ตามลาดับ ถ้าอุณหภูมิของน้าในท่อเป็น
tA = 30 oC และ tB = 80 oC ตามลาดับจงหาอุณหภูมิของน้าที่ผสมกันในท่อรวม
1. 58.9 oC
2. 67.9 oC
3. 47.9 oC
4. 69.9 oC

Page 33
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

17. แก๊สและทฤษฏีจลน์
1. แก๊สอุดมคติ และ กฏของแก๊ส 3. ทฤษฏีจลน์ของแก๊ส
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความดันสัมบูรณ์ P N/m2,Pa 1 พลังงานจลน์เฉลี่ย Ek J
2 ปริมาตร V m3 2 อัตราเร็วของรากที่สองกาลังสองเฉลี่ย vrms m/s
3 โมล n mol 3 พลังงานจลน์รวม Ek J
4 ค่าคงที่แก๊ส R 8.3 J/mol.K 4 พลังงานภายใน U J
5 ค่าคงที่บ็อลทซ์มัน kB 1.38 x10-23 m2.kg.s-2K-1 5 มวลของแก๊ส 1 โมเลกุล m0 kg
6 อุณหภูมสัมบูรณ์ T K 6 จานวนโมเลกุล N โมเลกุล
7 มวล m g,kg  ทฤษฏีจลน์ของแก๊ส พยายามจะอธิบายว่า
8 มวลโมเลกุล M g/mol “ความดันของแก๊ส(P) เกิดจากการชนระหว่างแก๊สกับผนังภาชนะ” … P = F/A
9 ความหนาแน่น  kg/m3  ภาพรวม “สูตร”
10 จานวนโมเลกุล N โมเลกุล
 สมมุติฐานของแก๊สอุดมคติ...โมเลกุลแก๊ส
 เคลื่อนที่อิสระ  ขนาดเล็กมาก (ไม่มปี ริมาตร) U = Ek + B.E. = 32 P V = 32 n R T = NEk
 ไม่มีแรงกระทาระหว่างโมเลกุล  มีพฤติกรรมตามสูตร: PV = nRT
 มีความหนาแน่นต่า
 อัตราเร็วของรากทีส่ องกาลังสองเฉลีย่
 แก๊สในธรรมชาติ = แก๊สอุดมคติ เมื่อ ความดันต่า และอุณหภูมิสงู
 สูตรของแก๊สอุอมคติ PV=nRT หรือ P V = N kB T vrms = 3 M
RT

n= m
M <-- สูตรนีใ้ ช้ m หน่วย กรัม และ M หน่วย กรัม/โมล = 3P

  = PR MT <-- สูตรนีใ้ ช้ m หน่วย กิโลกรัม


 ตอบให้ได้ว่า....ปัจจัยใดมีผลต่อ vrms , Ek และ Ek
M หน่วย กิโลกรัม/โมล ตัวอย่าง แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุภายในภาชนะปิดที่มีความดัน 1 บรรยากาศ
อุณหภูมิ 15 o C มีความหนาแน่น 1.225 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่ออัดแก๊สนี้ให้
 กราฟความสัมพันธ์ตามกฎของแก๊ส PV=nRT มีปริมาตรน้อยลงและมีความดัน 3 บรรยากาศ อุณหภูมิ 100 o C จงหาอัตราเร็วของ
V P P รากที่สองกาลังสองเฉลี่ยของโมเลกุลของแก๊สนั้นในหน่วย เมตรต่อวินาที
(1 บรรยากาศ = 1.01 x 105 N/m2)
1. 4.9 x 102
T T V 2. 5.4 x 102
‎Charles' law Gay-Lussac's law Boyle's Law ‎ 3. 5.7 x 102
P คงที่ V คงที่ T คงที่ 4. 8.6 x 102

2. การเปลี่ยนสภาวะของแก๊ส 4. อัตราเร็วของรากที่สองของกาลังสองเฉลี่ย
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ตัวห้อยสภาวะแรก,หลัง 1,2 - ค่ารากที่สองของค่าเฉลี่ยกาลัง
1 vrms m/s
สองของอัตราเร็ว
 กรณีไม่มีการรั่ว (n คงที่)  กรณีมีการรั่วหรือเติมแก๊ส (n ไม่คงที)่
2 จานวนโมเลกุล N โมเลกุล
P1 V1 P2 V2 P1 V1 P2 V2 3 อัตราเร็วแต่ละโมเลกุล m/s
T1 = T2 = v
1 T1 2 T2
m,n,N 2 v12  v 22  v 32  ...  v N2
vrms = v =
 จากข้อ  ความหนาแน่นของแก๊สจะเปลี่ยนไป N
P1 P2
1T1 = 2T2
ตัวอย่าง จงหาอัตราเร็วเฉลี่ย และ ค่ารากที่สองของค่าเฉลี่ยกาลังสอง

***สาคัญมาก ทุกสูตรต้องใช้ P เป็น ความดันสัมบูรณ์(หน่วย ตามใจ)


และ T เป็นเคลวิน สาหรับตัวอื่นหน่วยอะไรก็ได้ขอให้ทั้งสองข้างหน่วยเดียวกันก็พอ

Page 34
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
5. อุณหภูมิผสม และ ความดันผสม
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 อุณหภูมผสม Tผสม, tผสม K , oC
2 ความดันผสม Pผสม อะไรก็ได้
3 ปริมาตรหลังผสม Vผสม อะไรก็ได้
3 จานวนโมเลกุล N โมเลกุล
4 จานวนโมล n โมล
5 อุณหภูมิ T,t K , oC
6 ความดัน P อะไรก็ได้

P1 V1 + P2 V2
 Pผสม = Vผสม
n T +n T
 Tผสม = 1 n1 + n2 2
1 2
 Pผสม Vผสม = nรวม R Tผสม

Page 35
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

18. กฏข้อที่ 1 เทอร์โมไดนามิกส์


 กราฟวัฏจักร P - V
1. การเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของแก๊ส P P
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 พลังงานจลน์ Ek J
2 ความดันสัมบูรณ์ P Pa W+ W-
3 ปริมาตร V m3 V V
4 จานวนโมล n mol วัฏจักรตามเข็ม วัฏจักรทวนเข็ม
5 มวลโมเลกุล N โมเลกุล
6 อุณหภูมิสัมบูรณ์ T K 3. กฎข้อ 1 ของเทอร์โมไดนามิกส์
7 พลังงานภายใน U J
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
8 การเปลี่ยนแปลงพลังงานภายใน U J
9 อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป K , oC 1 การเปลี่ยนแปลงพลังงานภายใน U J
T
10 ผลต่าง PV J 2 งานที่ทาโดยระบบ W J
PV
11 เลขห้อยสภาวะที่ 1 และ 2 1,2 - 3 การเปลี่ยนแปลงความร้อน Q J

 พลังงานภายใน U = Ek = 32 PV Q = U + W
 การเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของระบบ .... ระบบ หมายถึง แก๊ส ระบบดูดความร้อน Q > 0 , ระบบคายความร้อน Q < 0

U = 32 ( PV) เมือ่ T = T2 – T1
เม
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สจานวน 3 โมล บรรจุในกระบอกสูบที่ความดัน 2 บรรยากาศ หาก
1. ระบบคายความร้อน 2400 จูล
3
= 2 nRT
PV = P2V2 – P1V1
2. แก๊สหดตัว 30 ลิตร
แล้วอุณหภูมิของแก๊สจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
 เครื่องหมาย U
ร้อนขึ้น
U เป็น + เพราะ T2 > T1
“พลังงานภายในเพิม่ ขึน้ ”
เย็นลง
U เป็น - เพราะ T2 < T1
“พลังงานภายในลดลง”
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สจานวน 1 โมล บรรจุในกระบอกสูบที่ความดัน 2 บรรยากาศ หาก
1. อุณหภูมขิ องแก๊สเพิ่มขึ้น 60 องศาเซลเซียส
2. งานที่ทาโดยระบบ(แก๊ส) 2. แก๊สหดตัว 20 ลิตร
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย การถ่ายเทความร้อนต่อระบบนีเ้ ป็นเช่นไร
1 ปริมาตร(ภาชนะ) V m3
2 ปริมาตรที่เปลี่ยนแปลง V m3
3 งานที่ทาโดยแก๊ส W J
4 ความดัน P N/m2 , Pa
5 ความดันเฉลี่ย Pเฉลีย่ N/m2 , Pa

 งานที่ทาโดยแก๊ส W = P V เมื่อ V = V2 – V1
ตัวอย่างที่ 3 จงหาปริมาณความร้อนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะของแก๊ส
 แก๊สขยายตัว W เป็น + แก๊สหดตัว W เป็น -
ตามเส้นทาง b --> a --> c
 การหา W จากกราฟ ความดัน(P) – ปริมาตร(V)
P(x 105 N/m2)
W = พื้นใต้กราฟ P-V ขยายตัวเป็น + หดตัวเป็น -
12
P P P P 9 a l l b
  6
    3 c
  l

V1 V2 V V1 V V2 V V1 V
V2 V1 V2 3 6 9 12 V(x10-2 m3)
แก๊สขยายตัว แก๊สหดตัว แก๊สขยายตัว แก๊สหดตัว
ความดันคงที่ ความดันคงที่ ความดันไม่คงที่ ความดันไม่คงที่
W > 0 W < 0 W > 0 W < 0

Page 36
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

19. ไฟฟ้าสถิต
1. ประจุไฟฟ้า วิธที ี่ 2 การถ่ายเทประจุระหว่างตัวนา
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย ข้อเท็จจริงควรทราบ
1 ประจุไฟฟ้า Q,q Cคูลอมล์  วัตถุที่จะนามาถ่ายเทประจุกัน ต้องเป็นตัวนาเท่านัน้ ทีม่ ี Vผิว ต่างกัน
2 ประจุอิเล็กตรอน e -1.6 x 10-19 Cคูลอมล์  การถ่ายเท = เชือ่ มต่อด้วยลวด หรือ สัมผัสกันโดยตรง
3 ประจุโปรตอน p +1.6 x 10-19 Cคูลอมล์  ขณะถ่ายเท : e- จะเคลือ่ นทีจ่ าก ตัวนาทีม่ ี Vผิว ต่า  สูง เสมอ
4 จานวนโปรตอน np อนุภาค  เมื่อสิน้ สุดการถ่ายเท ตน.ทั้งสองจะมี Vผิว เท่ากันเสมอ ทาให้มีประจุชนิดเดียวกัน
5 จานวนอิเล็กตรอน ne อนุภาค ส่งผลให้เกิด แรงผลัก ต่อกันเสมอ
6 ผลต่างจานวนโปรตอนกับอิเล็กฯ N อนุภาค No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 ในธรรมชาติอะตอมจะประกอบด้วย 3 อนุภาค คือ 1 ประจุก่อนถ่ายเท Q1,Q2 C คูลอมบ์,?
 อิเล็กตรอน(e-)  e- = -1.6 x 10-19 C 2 รัศมี R1,R2 mเมตร,?
 โปรตอน(p+)  p+ = 1.6 x 10-19 C 3 ประจุไฟฟ้ารวม Qรวม C คูลอมบ์,?
 นิวตรอน(n)  n เป็นกลางทางไฟฟ้า 4 รัศมีรวม Rรวม mเมตร,?
5 ประจุหลังถ่ายเท Q1,Q2 C คูลอมบ์,?
 "ในธรรมชาติ อะตอมเป็นกลางทางไฟฟ้า" หมายถึง
Q R Q R
 จานวนอิเล็กตรอน เท่ากับ จานวนโปรตอน หรือ  Q1 = Rรวม 1 Q2 = Rรวม 2
 อะตอมนั้นมีประจุไฟฟ้าเป็นศูนย์(Q = 0) รวม รวม
 สูตร Q=Ne Q เป็น + เมือ่ np > ne , Q เป็น - เมือ่ ne > np  อนุรักษ์ประจุไฟฟ้า Qรวม = Q1 + Q 2 = Q1 + Q2
 e- เคลือ่ นทีไ่ ด้ จากศักย์ไฟฟ้าต่า  สูง แต่โปรตอนเคลื่อนที่ไม่ได้เด็ดขาด

2. ตัวนาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า วิธที ี่ 3 การเหนีย่ วนา

ข้อเท็จจริงควรทราบ
 ตัวนา หมายถึง วัตถุที่ อิเล็กตรอนเคลือ่ นทีผ่ า่ นได้
 ผิวใกล้ จะมี ประจุชนิดตรงข้าม กับตัวเหนี่ยวนา เสมอ
หรือ กระจายไปตามผิว ของมันได้อย่างง่ายดาย แต่จะ กระจุกตัวทีป่ ลายแหลม
ผิวไกล จะมี ประจุชนิดตรงกัน กับตัวเหนี่ยวนา เสมอ
 ฉนวน หมายถึง วัตถุที่ อิเล็กตรอนเคลือ่ นทีผ่ า่ นไม่ได้ ให้ประจุกับฉนวน
 ผิวใกล้เกิดแรงดูด ผิวไกลเกิดแรงผลัก
บริเวณใด ประจุจะ ออกัน อยู่ตรงนั้นไม่กระจายไปที่ไหน
 แรงดูด > แรงผลัก เสมอ
 ตัวเหนี่ยวนาและตัวถูกเหนี่ยวนาจะดูดกันเสมอ
ถ้าต้องการรู้โดยละอียดให้ศึกษาเนื้อหาเต็มเล่มใหญ่นะครับ

4. กฎคูลอมบ์ และแรงไฟฟ้า
3. การทาให้วัตถุมีสภาพทางไฟฟ้า No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 แรงไฟฟ้าระหว่างประจุ FE Nนิวตัน
วิธที ี่ 1 การขัดถูระหว่างฉนวนต่างชนิดกัน 2 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2
3 ประจุไฟฟ้า q1,q2 Cคูลอมบ์
 ข้อเท็จจริงสาหรับการทาให้วัตถุเกิดประจุโดยการถู
4 ระยะห่างระหว่างประจุ r mเมตร
 วัตถุที่จะนามาถูจะต้อง ต่างชนิดกัน
 เมื่อถูเสร็จวัตถุทั้งสอง เกิดประจุชนิดตรงกันข้าม จึงเกิดแรงดูดต่อกันเสมอ k Q1 Q2
 FE = r ต้องวัดระหว่าง ศก. ถึง ศก. นะครับ
 ด้ามจับต้องมีสภาพเป็น ฉนวนไฟฟ้า เพือ่ ป้องกันการถ่ายเทอิเล็กตรอน r2 สูตรนี้ไม่ต้องคิดเครื่องหมายประจุนะครับ
 ประจุชนิดเดียวกันจะเกิดแรงผลัก แต่ถ้า ประจุตา่ งชนิดกันจะเกิดแรงดูด

   

แท่งอาพัน เป็น – แท่งแก้ว เป็น +    


ผ้าขนสัตว์ เป็น + ผ้าไหม เป็น -
 อาศัยความรู้บทนา มองความสัมพันธ์ให้ออกนะครับ
 แรงไฟฟ้า เป็นแรงซึ่งเป็นไปตามกฎข้อ 3 ของนิวตัน

Page 37
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

5. เส้นแรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้า 8. สนามไฟฟ้าเนื่องจากตัวนาคู่ขนาน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 เส้นแรงไฟฟ้าถูกสมมุติขึ้นมา ภายใต้ข้อกาหนดต่อไปนี้
1 สนามไฟฟ้า E N/Cนิวตัน/คูลอมบ์
2 ความต่างศักย์ไฟฟ้า V Vโวลต์
3 ระยะห่างระหว่างแผ่นขนาน d mเมตร
   
 E = Vd
 เส้นแรงไฟฟ้ามีทศิ พุง่ ออกจากประจุบวก หรือ พุง่ เข้าประจุลบ  สนามไฟฟฟ้า E มีทิศ
 เส้นแรงไฟฟ้าแต่ละเส้น ต้องไม่ตดั กันเด็ดขาด พุ่งออกจากแผ่นตัวนาประจุบวกไป
ยังแผ่นตัวนาประจุลบ
 เส้นแรงไฟฟ้าต้องมีทศิ ตัง้ ฉากกับผิวตัวนาเสมอ
 ความเข้มสนามไฟฟ้า E ในตัวนาคูข่ นาน มีคา่ สม่าเสมอ
 เส้นแรงไฟฟ้าจะมี ความหนาแน่นมากบริเวณใกล้ผิวตัวนา ยิง่ ห่างยิง่ ลด
 สนามไฟฟ้า มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 สนามไฟฟ้า เป็นปริมาณ เวคเตอร์ จึงมีทั้ง ขนาด 9. ความสัมพันธ์ระหว่างสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้า
และ ทิศทางเดียวกันกับเส้นแรงไฟฟ้า
 สนามไฟฟ้า คือ ปริมาณทีบ่ ง่ บอกถึงความเข้มของเส้นแรงไฟฟ้า No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สนามไฟฟ้า E N/Cนิวตัน/คูลอมบ์
Nนิวตัน
6. สนามไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุ 2 แรงไฟฟ้า FE
3 ประจุทดสอบ q Cคูลอมล์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สนามไฟฟ้า E N/Cนิวตัน/คูลอมบ์
 FE = q E  ถ้า q เป็นบวก แล้ว FE มีทศิ เดียวกับ E
q เป็นลบ แล้ว FE มีทศิ ตรงข้ามกับ E
2 ประจุไฟฟ้า q Cคูลอมบ์
3 ระยะห่างจาก ศก.ประจุ r mเมตร
4 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2

 E = k 2q r ต้องวัดระหว่าง ศก. ถึง ศก. นะครับ


r สูตรนีไ้ ม่ตอ้ งคิดเครื่องหมายประจุนะครับ

 อาศัยความรู้บทนา มองความสัมพันธ์ให้ออกนะครับ 10. การเคลือ่ นที่ของประจุในสนามไฟฟ้า


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
7. สนามไฟฟ้าเนื่องจากตัวนาทรงกรมรัศมี R 1 สนามไฟฟ้า E N/Cนิวตัน/คูลอมบ์
2 แรงไฟฟ้า FE Nนิวตัน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
3 ประจุทดสอบ q Cคูลอมล์
1 สนามไฟฟ้า E N/Cนิวตัน/คูลอมบ์
4 มวล m kgกิโลกรัม
2 ประจุไฟฟ้า Q Cคูลอมบ์
5 ความเร่งสนามโน้มถ่วง a m/s2
3 ระยะห่างจาก ศก.ประจุ r mเมตร
4 รัศมีทรงกลม R m ตัวอย่างที่ 1 [ลอยนิ่ง] แผ่นโลหะคู่ขนานวางในแนวระดับห่างกัน 5 เซนติเมตร
5 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2 มีหยดน้ามันมวล 14.4 x 10-12 กรัม มีประจุ 4.8 x 10-19 คูลอมบ์ ลอยนิ่งระหว่าง
แผ่นคู่ขนาน หากกาหนดให้แผ่นตัวนาด้านล่างมีศักย์ไฟฟ้าเป็น 6000 โวลต์ จงหา
 การกระจายตัวของสนามไฟฟ้าของตัวนาทรงกลม
ศักย์ไฟฟ้าของแผ่นตัวนาด้านบน
 E ภายใน = 0 จุดสะเทิน

Eผิว = k Q2
R
ตัวอย่างที่ 2 [มีความเร่ง] ชายคนหนึ่งมวล 50 กิโลกรัม ยืนอยู่ในห้องที่มีสนามไฟ
E นอก = k 2Q ฟ้าสม่าเสมอขนาด 1000 นิวตัน/คูลอมบ์ มีทิศทางพุ่งขึ้นสู่เพดานในแนวดิ่ง อยาก
r ทราบว่าชายคนนี้จะลอยตัวขึ้นด้วยอัตราเร่งเท่าใด หากเขาสามารถทาตัวเขาเองมี
E  = 0 จุดสะเทิน ประจุเท่ากับ 0.75
คูลอมบ์

r เป็นระยะที่วัดจากจุด ศก. นะครับและไม่ต้องคิดเครือ่ งหมายประจุ

Page 38
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
11. จุดสะเทิน 13. ศักย์ไฟฟ้าเนื่องจากตัวนาทรงกลม
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สนามไฟฟ้า E1,E2 N/Cนิวตัน/คูลอมบ์ 1 ศักย์ไฟฟ้า V Voltโวลต์
2 ประจุไฟฟ้า q1,q2 Cคูลอมล์ 2 ประจุไฟฟ้า(คิดครื่องหมาย) Q Cคูลอมบ์
3 ระยะห่างจากประจุ r1,r2 mเมตร 3 ระยะห่างจาก ศก. ประจุ r mเมตร
4 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2 4 รัศมีของตัวนาทรงกลม R mเมตร
 จุดสะเทิน คือ จุดที่สนามไฟฟ้าลัพธ์(สนามไฟฟ้าหักล้างกัน) มีคา่ เป็นศูนย์ 5 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2
 ณ. จุดสะเทิน จะไม่มีอานาจทางไฟฟ้า จึงไม่เกิดแรงไฟฟ้ากระทาต่อประจุ  การกระจายตัวของศักย์ไฟฟ้าของตัวนาทรงกลม
 จุดสะเทินที่เกิดจากประจุ 2 ตัว
 ถ้าประจุ ชนิดเดียวกัน จุดสะเทินจะอยู่ ระหว่าง ใกล้ตวั น้อย  Vภายใน  0
 ถ้าประจุ ต่างชนิดกัน จุดสะเทินจะอยู่ ด้านข้าง ใกล้ตวั น้อย
ตัวอย่างที่ 1 จุดประจุขนาด +1 ไมโครคูลอมบ์ และ +4 ไมโครคูลอมบ์ วางไว้ห่างกัน Vภายใน = Vผิว = kRQ
เป็นระยะ 6 เซนติเมตร ตาแหน่งที่สนามไฟฟ้ามีค่าเป็นศูนย์ จะอยู่ห่างจากจุดประจุ
+1 ไมโครคูลอมบ์ กีเ่ ซนติเมตร Vนอก = k rQ
V = 0
r เป็นระยะที่วัดจากจุด ศก. นะครับ และต้องคิดเครือ่ งหมายประจุ

14. ความต่างศักย์ไฟฟ้า
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ตัวอย่างที่ 2 จุดประจุขนาด +1 ไมโครคูลอมบ์ และ -9 ไมโครคูลอมบ์ วางไว้ห่างกัน
1 ศักย์ไฟฟ้า ตน.1 และ ตน.2 V1,V2 Voltโวลต์
เป็นระยะ 12 เซนติเมตร ตาแหน่งที่สนามไฟฟ้ามีค่าเป็นศูนย์ จะอยู่หา่ งจากจุดประจุ
2 ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด V12 Voltโวลต์
-9 ไมโครคูลอมบ์ กีเ่ ซนติเมตร
3 สนามไฟฟ้า E N/C,V/m
4 ระยะห่างระหว่างแผ่นขนาน d mเมตร
5 ระยะขนานระหว่าง ตน.1 และ ตน.2 d12 mเมตร
6 ความต่างศักย์ระหว่างแผ่นขนาน V Voltโวลต์
 กรณีจุดประจุด  กรณีตัวนาคู่ขนาน
V12 = V1 - V2 V12 =  E d12
ตัวอย่างที่ 1 ที่ตาแหน่ง O และ Q มีประจุไฟฟ้า -2 และ 10 ไมโครคูลอมบ์
12. ศักย์ไฟฟ้าเนื่องจากจุดประจุ ตามลาดับ จงหาความต่างศักย์ระหว่างจุด R และ P

No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย P


โวลต์
1 ศักย์ไฟฟ้า V Volt 0.3 เมตร
2 ประจุไฟฟ้า(คิดเครื่องหมาย) q Cคูลอมบ์
O Q
3 ระยะห่างจาก ศก. ประจุ r mเมตร 0.4 เมตร R 0.4 เมตร
4 ค่าคงที่คูลอมบ์(=9x109) k N.m2/C2

 V = krq r เป็นระยะที่วัดจากจุด ศก. นะครับ


สูตรนี้ต้องคิดเครื่องหมายประจุนะครับ ตัวอย่างที่ 2 จากรูป จงหาความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด C และ A หากกาหนด
 ในกรณีประจุหลายตัวให้นา V ที่เกิดจากแต่ละตัวมารวมกันโดยคิดเครื่องหมาย ให้สนามไฟฟ้าสม่าเสมอเท่ากับ 200 N/m
A 15 cm B
ตัวอย่าง จงหาศักย์ไฟฟ้าที่จุด P
120
0.5 C 30 cm
0.1 m
4 C
0.5 m 0.2 m 2 C C
P

Page 39
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

15. ความสัมพันธ์ระหว่างสนามไฟฟ้ากับศักย์ไฟฟ้า 17. การเร่งประจุ


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ศักย์ไฟฟ้า V Voltโวลต์ 1 อัตราเร็ว ตน.1 , ตน.2 v1,v2 m/sเมตร/วินาที
2 สนามไฟฟ้า E N/C,V/m 2 พลังงานศักย์ไฟฟ้า ตน.1,ตน.2 Ep1,Ep2 m/sเมตร/วินาที
3 ระยะห่างจากประจุ r mเมตร 3 พลังงานจลน์ ตน.1,ตน.2 Ek1,Ek2 kgกิโลกรัม
4 พลังงานรวม ตน.1,ตน.2 E1,E2 Voltโวลต์
 ลองดูสูตรหัวข้อ 6 และ 12 หาความสัมพันธ์ระหว่าง
V กับ E ซิครับ…จะได้ไม่ตอ้ งจา  หลัก : อนุรักษ์พลังงาน E1 = E2

ตัวอย่าง ตัวนาทรงกลมรัศมี 10 เซนติเมตร มีการกระจายตัวของศักย์ไฟฟ้าดังรูป  Ep1 + Ek1 = Ep2 + Ek2


จงหาค่าสนามไฟฟ้าที่ระยะห่างจากผิวตัวนาเท่ากับ 2.9 เมตร
V (kV) ตัวอย่าง อนุภาคมีประจุ 2 x 10-5 คูลอมบ์ เริ่มเคลื่อนที่จากจุดหยุดนิ่ง ในบริเวณ
180 ที่มีสนาม ไฟฟ้าสม่าเสมอ 50 โวลต์ตอ่ เมตร เมื่ออนุภาคเคลือ่ นที่ได้ x เมตร ในทิศ
เดียวกับสนามอนุภาคจะมีพลังงานเป็น 1 x 10-5 จูล จงหา x ในหน่วยเมตร

r(cm)
0 10

16. พลังงานศักย์ไฟฟ้าและงานในการเคลื่อนย้ายประจุ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ศักย์ไฟฟ้า ตน.1 และ 2 V1,V2 Voltโวลต์
2 ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง ตน.1,2 V12 Voltโวลต์ 18. ความจุไฟฟ้าและพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
3 สนามไฟฟ้า E N/C,V/m
4 ระยะห่างระหว่างแผ่นขนาน d mเมตร No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
5 ระยะขนานระหว่าง ตน. 1,2 d12 mเมตร 1 พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ U Jจูล
6 ความต่างศักย์ระหว่างแผ่นขนาน V Voltโวลต์ 2 ประจุไฟฟ้าสะสม Q Cคูลอมบ์
7 ประจุไฟฟ้า(คิดครื่องหมาย) q C คูลอมบ์ 3 ศักย์ไฟฟ้าที่ผิว(หรือ ความต่างศักย์) V Voltโวลต์
8 งานในการย้ายประจุจาก ตน.1 2 W12 Jจูล 4 ความจุไฟฟ้า C Fฟารัส
9 พลังงานศักย์ไฟฟ้า EP Jจูล 5 รัศมีตัวนาทรงกลม R mเมตร

 EP = q V สูตรนี้ต้อง คิดเครือ่ งหมายทัง้ q และ V โดย V = kQ/r 

Q
 W12 = EP2 - EP1 ลองแทนค่า EP ลงไปจะได้ C = QV = Rk C = Vq
W12 = q(V2 - V1 ) ; V2 , V1 คิดเหมือนหัวข้อ 14
2
 U = 21 QV = 21 CV 2 = 21 QC
ตัวอย่างที่ 1 ตัวนาทรงกลมรัศมี 4 cm มีประจุ 0.8 ไมโครคูลอมบ์ จงหางานในการ
นาประจุ -1 คูลอมบ์ เคลื่อนที่จาก B ไป A
A 19. การต่อตัวเก็บประจุ
เส้ นทางเคลื่อนที่
2 เมตร
 ต่อขนาน  ต่ออนุกรม
4 เมตร B C1 C1
4 cm ตอบ 2
C2 C1 C2 C3 C1 C2 C3
C2

C3 C3
ตัวอย่างที่ 2 จากรูป จงหางานในการเคลื่อนประจุ -5 คูลอมบ์ จากจุด A ไป C หาก
กาหนด ให้สนามไฟฟ้าสม่าเสมอ 200 N/m 1 1 1 1
15 cm
Cรวม = C1 + C 2 + C 3 Cรวม = C1 + C2 + C3
A B
127  อนุกรม 2 ตัว  อนุกรม n ตัว แต่ละตัวเท่ากัน
30 cm
C C Cรวม = Cn
C Cรวม = C1  C2
1 2

Page 40
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
20. การวิเคราะห์วงจรตัวเก็บประจุ

ตัวอย่าง เมือ่ สับสวิตซ์ลงในวงจรดังรูป จะมีประจุไฟฟ้าขนาด 100 ไมโครคูลอมบ์


ไหลจากแบตเตอรีไปเก็บในตัวเก็บประจุทั้งสาม จงหาขนาดความจุไฟฟ้าของตัวเก็บ
ประจุ C1
C2 10 uF

C3 10 uF C1

s
25.0 V
1 4 ไมโครฟารัส
2 7 ไมโครฟารัส
3. 5 ไมโครฟารัส
4 3 ไมโครฟารัส

21. การอัดและคายประจุ
อัดประจุ คายประจุ
S1 a S2 S1 a S2

V1 C1 C2 V1 C1 C2

b b
ตัวอย่าง ตัวเก็บประจุสองตัวมีประจุเต็ม ตัวแรกมีค่าความจุ 3 ไมโครฟารัด มีความ
ต่างศักย์ระหว่างขั้ว 15 โวลต์ ตัวที่สองมีค่าความจุ 5 ไมโครฟารัด และความต่างศักย์
7 โวลต์ เมื่อนะตัวเก็บประจุทั้งสองมาต่อขนานกัน โดยให้ขั้วบวกต่อกับขั้วบวก ขัว้ ลบ
ต่อกับ ขั้วลบ ความต่างศักย์ระหว่างปลายทั้งสองขั้วมีค่ากี่โวลต์

Page 41
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

20. ไฟฟ้ากระแสตรง
1. กระแสไฟฟ้า 5. ความต้านทาน ความนาไฟฟ้าของเส้นลวดโลหะ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กระแสไฟฟ้า I Aแอมแปร์ 1 ความต้านทาน R โอห์ม
2 ประจุไฟฟ้า Q Cคูลอมล์ 2 สภาพต้านทาน  .mโอห์ม.เมตร
3 เวลา t Secวินาที 3 ความยาวเส้นลวด L mเมตร
 กระแสไฟฟ้า หมายถึง อัตราการเคลือ่ นย้ายประจุไฟฟ้าใน 1 หน่วยเวลา 4 พื้นที่หน้าตัดเส้นลวด A m2(ตร.ม)
5 ความนาไฟฟ้า C S(ซีเมนต์)
 สูตรคานวณ I = Qt 6 สภาพนาไฟฟ้า  Sm -1(ซีเมนต์ต่อเมตร)

L C = LA C = R1 ,
 ทิศทางของกระแสไฟฟ้า ถูกสมมุติมีได้หลากหลาย ดังนี้ R= A A
 มี ทิศเดียว กับอนุภาค ประจุไฟฟ้าบวก หรือ
 มี ทิศเดียว กับ สนามไฟฟ้า(E) หรือ L
 มี ทิศจาก ศักย์ไฟฟ้าสูงไปยังศักย์ไฟฟ้าต่า
 มี ทิศตรงข้ามอนุภาคไฟฟ้าลบ (หรือ อิเล็กตรอน) 6. ความต้านทานกับการรีด(ยืดเส้นลวด)
2. กราฟกระแสไฟฟ้า-เวลา No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความต้านทาน R โอห์ม
2 ความยาวเส้นลวด L mเมตร
Q = พื้นที่ใต้กราฟ I – t 3 พื้นที่หน้าตัด A m2(ตร.ม)
4 เส้นผ่านศูนย์กลาง d mเมตร

Iเฉลี่ย = Qt
     
L1 2 A2 2 d2
R1 4
R 2 = L2 = A1 = d1

3. การนากระแสไฟฟ้าในตัวนาชนิดต่างๆ
หลักการ คือ กระแสไฟฟ้าเกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า
 ตัวนาโลหะ  อิเล็กตรอนอิสระ 7. การอ่านค่าแถบสีของความต้านทาน
 ไดโอด(หลอดสุญญากาศ)  อิเล็กตรอน
 หลอดบรรจุแก๊ส  อิเล็กตรอนอิสระ และ ไอออนบวก
 สารกึง่ ตัวนา  อิเล็กตรอนอิสระ และ โฮล
 สารอิเล็กโตรไลท์  ไอออนบวก และ ไอออนลบ

4. กระแสไฟฟ้าในตัวนาโลหะ
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กระแสไฟฟ้า I Aแอมแปร์
2 ประจุไฟฟ้าของอิเล็กตรอน e Cคูลอมล์
3 อัตราเร็วลอยเลื่อน v m/s เมตร/วินาที
4 พื้นที่หน้าตัดเส้นลวด A m2(ตร.ม)
5 ความหนาแน่นอิเล็กตรอน n m-3 (ต่อลบ.ม)
 การเคลื่อนที่แบบ บราวน์ เป็นการเคลื่อนทีซ่ ึ่ง ทิศไม่แน่นอน vเฉลีย่ ของ e = 0
 การเคลื่อนที่แบบ ลอยเลือ่ น เป็นการเคลื่อนที่ซึ่งมี ทิศทางแน่นอน อันเนือ่ งจาก
ความต่างศักย์ vเฉลี่ย ของ e  0
I = evAn

Page 42
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

8. การต่อตัวต้านทาน 9.กฏของโอห์ม
 อนุกรม และ ขนาน No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กระแสไฟฟ้า I Aแอมแปร์
2 ความต้านทาน R โอห์ม
3 ความต่างศักย์ไฟฟ้า V Vโวลต์
 กฎของโอห์ม กล่าวว่า “I  V แต่ I  1/R
V
*** เน้น ความสัมพันธ์ให้ชานาญ จะดีมาก *** I R
 กราฟความสัมพันธ์ระหว่างกระแส และ ความต่างศักย์ไฟฟ้า

Trick : ตัวต้านทานที่ไม่มีผลต่อวงจร ให้ตัดทิ้งเลย


10. การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น
 กฎของโอห์ม(Ohm’s Law) ใช้อธิบายวงจรแบ่งกระแสและแบ่งความต่างศักย์
ตย.1 จงหาอัตราส่วน I1 , I2 , I3 ตย.2 จงหาอัตราส่วน V1 , V2 , V3

 บริดจ์สมดุล V2 V3
V1
ต้องอยู่ภายใต้เงือ่ นไข Vc = Vd
ส่งผลให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน R5
(เอาออกจากวงจรได้เลย)

บริดจ์สมดุล ตรวจสอบโดย R1 R 3 = R 2 R 4 ขนาน V เท่ากัน อนุกรม I เท่ากัน

 บริดจ์ไม่สมดุล(R1R3  R2R4) จะมีกระแสไหลผ่าน R5 (ห้ามตัดออกจากวงจร)


ต้องวิเคราะห์วงจรโดยการแปลงด้วยหลัก "Delta to Star"

Rstar = ผลคูณ R ซ้ายขวา  กฎของเคอร์ชอร์ฟ มี 2 ข้อ คือ


ผลบวก Rdelta  KCL ทุกจุดใดๆ กระแสไหลเข้า = กระแสไหลออก
ตย.3 จงหาค่า I

3A -1A -3A
 การต่อแบบสมมาตร ใช้หลัก : ผ่ากลาง รวมบน รวมล่าง คิดขนานกันตอนจบ
1A
I
4A -2A
1A 1A A
R

 KVL ผลรวม V ของ Loop ใดๆ = 0 เสมอ


ตย.3 จงหาค่า V1 , V2 , V3
 ต่ออนันต์

Loop1 Loop2 Loop3

Page 43
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
11. การวิเคราะห์วงจรอย่างง่าย 14. ไดโอด
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย กระแสไฟฟ้า
1 แรงเคลื่อนไฟฟ้า E V โวลต์ ไหลผ่านไดโอดจากขัว้ + ไป – เท่านัน้
2 ความต้านทานภายนอก R  โอห์ม
3 ความต้านทานภายใน r  โอห์ม 1 1 1
4 กระแสไฟฟ้า I Aแอมแปร์ A
 วงจรอย่าง่าย คือ สามารถยุบรวมได้เหลือเพียง 1 loop
 ใช้กฎของโอห์มวิเคราะห์ Loop จากข้อ  12 V 2 2 2 1
ตัวอย่าง จากวงจรที่กาหนดให้ จงหาความต่างศักย์ระหว่างจุด A และ B
B
1 1 A 1

1V 2 2 2 1

B
15. ความต่างศักย์ระหว่างจุดใดๆ(Vab)
 หา I  หา Vรวม จาก a ไป b
ตัวอย่าง พิจารณาวงจรไฟฟ้าดังรูป ขนาดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุด a และ b
มีค่าเท่าใด
3V 3
c b
12. การต่อเซลล์ไฟฟ้า 10 V
1
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 4
1 แรงเคลื่อนไฟฟ้า E V โวลต์
a d
2 ความต้านทานภายใน r  โอห์ม 2V
 ต่ออนุกรม
แรงเคลือ่ นไฟฟ้า : หันขั้วไปทางเดียวกันให้รวมกัน หัวขั้วคนละทางให้หักล้างกัน
ความต้านทาน : ให้รวมกันแบบ R อนุกรม 10V 6V 8V

2 3 1
6V 2
 ต่อขนาน กรณีทกุ ตัวมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเท่ากัน
แรงเคลือ่ นไฟฟ้า : ได้เท่ากับของแต่ละตัว
6V 3 17. กาลังไฟฟ้า
ความต้านทาน : ให้รวมกันแบบ R ขนาน 6V 6
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กาลังไฟฟ้า P W วัตต์
2 พลังงานไฟฟ้า W J จูล
13. ความต่างศักย์ระหว่างขั้วเซลล์ 3 เวลา t sec วินาที

No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  กาลังไฟฟ้า คือ อัตราการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า


1 ความต่างศักย์ระหว่างขั้วเซลล์ V โวลต์ 2
P = Wt = VI = I 2R = VR
Vab
ขณะยังไม่ใช้งาน ขณะยังใช้งาน

+  ไฟตก คือ V ลดลง เครื่องใช้ไฟฟ้ามีกาลังไฟฟ้าลดลง … ดูสูตร P  V2


ไฟเกิน คือ V เพิ่มขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้ามีกาลังไฟฟ้าเกินทีจ่ ะรับได้(=พัง)
แต่ R ของอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องคงที่

ทั้ง 2 กรณี ไม่มีกระแสไหลผ่านโวลต์มิเตอร์  การเปรียบเทียบกาลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ตัว


ต่อขนาน : V คงที่ P ผกผันกับ R  Rน้อย Pมาก
Vab = E = V Vab R ใช้หลักแบ่ง
E  R r ความต่างศักย์ ต่ออนุกรม : I คงที่ P ผันตรงกับ R  Rมาก Pมาก

Page 44
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

18. พลังงานไฟฟ้า 21. เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
ตัวอย่างที่ 1 หม้อหุงข้าวใบหนึ่งมีความต้านทานเท่ากับ 100 โอห์ม ต่อเข้ากับ
แหล่งกาเนิดไฟฟ้า 200 โวลต์ ใช้เวลาในการหุงข้าวให้สุกเท่ากับครึ่งชั่วโมง จง 1 ความต้านทานกัลป์วานอร์มิเตอร์ Rg  โอห์ม
คานวณหาพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ไปสาหรับหม้อหุงข้าว 2 กระแสสูงสุดของกัลป์วานอร์ ฯ Ig Aแอมแปร์
3 ความต่างศักย์สูงสุดของกัลป์วานอร์ ฯ Vg V โวลต์

G  Vg = Ig R g

การใช้งาน
วัดกระแส วัดความต่างศักย์
ตัวอย่างที่ 2 กาต้มน้าไฟฟ้าใบหนึ่ง ใช้กบั ความต่างศักย์ไฟฟ้า 220 โวลต์ เพือ่ ใช้ต้ม
อนุกรม ขนาน
น้า 1 ลิตร ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้เดือดในเวลา 5 นาที อยากทราบว่าถ้าใช้กาต้มน้า
ใบนี้กับความต่างศักย์ 110 โวลต์ ในการต้มน้าปริมาตรเท่าเดิมน้าจะเดือดภายในกี่ V
นาที
A

22. การดัดแปลงแอมป์มิเตอร์และโวลต์มิเตอร์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความต้านทานของชันต์ Rs  โอห์ม
 โอห์ม
19. การคิดค่าไฟ 2 ความต้านทานของมัลติพลายเออร์ Rm
3 กระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ต้องการวัด Imax Aแอมแปร์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 4 ความต่างศักย์สูงสุดที่ต้องการวัด Vmax V โวลต์
1 กาลังไฟฟ้า P kW กิโลวัตต์ การดัดแปลง
2 หน่วยการใช้ไฟฟ้า(=พลังงานไฟฟ้า) U Unit = kW.hr กิโลวัต.ชั่วโมง

แอมป์มิเตอร์ โวลต์มิเตอร์
3 เวลาใช้ไฟ t hr ชั่วโมง Rs ขนาน Rg Rm อนุกรม Rg
4 อัตราค่าบริการ Bath/unit Rs
Imax  Ig
Rate
5 ค่าไฟ Cost Bath Rm Rg
 หน่วยการใช้ไฟ U =Pt Ig Ig
Imax Rg
 ค่าไฟ cost = U  Rate
Vmax
 ขนาน V เท่ากัน I  1/R  อนุกรม I เท่ากัน V R
20. วงจรไฟฟ้าในบ้านและฟิวส์ Imax - Ig R Rm + R g
= Rg
Vmax
= Rg
Ig s Vg
 อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านทุกตัวต่อขนานกัน จึงต้องมีความต่างศักย์เท่ากัน
 ขนาดฟิวส์ เลือกตามปริมาณกระแส Fuse > I
P Pรวม = P1 + P2 + P3 +...
I = รวม
V
ตัวอย่าง บ้านหลังหนึ่งใช้ไฟฟ้าความต่างศักย์ 220 โวลต์ ถ้าใช้เครื่องไฟฟ้า
ดังต่อไปนี้ หม้อหุงข้าวขนาด 800 วัตต์ ตู้เย็นขนาด 200 วัตต์ และหลอด
เรืองแสงขนาด 40 วัตต์ 10 ดวง ควรใช้ฟิวส์รวมขนาดกี่แอมแปร์

Page 45
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

21. แม่เหล็กไฟฟ้า
1. เส้นแรงแม่เหล็ก และ สนามแม่เหล็ก 3. การเคลื่อนที่แบบวงกลมในสนามแม่เหล็ก
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 (ความเข้ม)สนามแม่เหล็ก B T เทสลา 1 มวล m kg กิโลกรัม
2 พื้นที่ระนาบ A m2 ตารางเมตร 2 สนามแมเหล็ก B T เทสลา
3 มุมระหว่าง A และ   องศา 3 แรงสู่ศูนย์กลาง Fc N นิวตัน
4 เส้นแรงแม่เหล็ก  Wb เวเบอร์ 4 ความเร่งสู่ศูนย์กลาง ac m/s2
5 รัศมี m เมตร
  = B A sin  B 6 คาบเวลา
R
T sec วินาที/รอบ
 A 7 ความถี่ F Hz รอบ/วินาที
8 เวลา t sec วินาที
 ภายในแท่งแม่เหล็ก : B พุ่งจาก S  N 9 มุมเบี่ยงเบน  องศา
ภายนอกแท่งแม่เหล็ก : B พุ่งจาก N  S
B
2
 หลัก Fc = mac , Fc = FB , ac = v / r , FB = q v B

 โลก : B พุ่งจาก ขั้วโลกใต้  ขั้วโลกเหนือ   = vr = 2  f = 2T = t = qmB


B
B
B B 4. ประจุเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงในสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 สนามไฟฟ้า E V/m โวลต์/เมตร
 การทดลองผงตะไบเหล็ก ใช้หาจุดสะเทิน ( B = 0)
2 สนามแม่เหล็ก B T เทสลา
*** จุดสะเทิน คือ จุดที่สนามแม่เหล็กหักล้างกันเป็นศูนย์ ***
3 อัตราเร็ว v m/s เมตร/วินาที
 เข็มทิศ ใช้หาทิศสนามแม่เหล็กl
4 ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างแผ่น V V โวลต์
5 ระยะห่างระหว่างแผ่นตัวนา d m เมตร
2. แรงแม่เหล็ก
 สนามไฟฟ้าแม่เหล็ก หมายถึง มีทั้งสนามไฟฟ้า(E) และสนามแม่เหล็ก(B)
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  E มีทิศจากแผ่นตัวนา +  -
1 ประจุไฟฟ้า q C คูลอมบ์ ประจุบวก FE มีทิศตรงกับ E แต่ ประจุลบ FE มีทิศตรงข้ามกับ E
2 อัตราเร็ว v m/s เมตร/วินาที  q เคลื่อนที่เป็นตรงเพราะ FB = FE โดย FE = qE E = dv
3 สนามแมเหล็ก B T เทสลา
4 มุมระหว่าง v และ B  องศา
5 แรงแม่เหล็ก FB N นิวตัน 5. แรงแม่เหล็กกระทาต่อเส้นลวด
 FB = q v B sin  No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
 v // B   = 0  FB = 0  q วิ่งเป็นเส้นตรง v คงที่ 1 ความยาวเส้นลวด L m เมตร
v  B   = 90  FB = qvB  q วิ่งเป็นวงกลม 2 สนามแม่เหล็ก B T เทสลา
v  B    0 , 90  FB = qvBsin  q วิ่งเป็นเกลียว 3 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
4 มุมระหว่าง I และ B  องศา
 ทิศของ B   “เข้าดอก ออกจุด”
 ทิศทาง FB
FB = L I B sin 
l v
FB FB FB
-
+ v v - +
FB v

Page 46
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. โมเมนต์ของแรงคู่ควบในมอร์เตอร์ไฟฟ้า 9. กฎของฟาราเดย์ และ เลนส์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  ฟาราเดย์ พบว่า “เมื่อฟลักซ์แม่เหล็กที่พุ่งผ่านขดลวดมีค่าเปลี่ยน แปลงจะมี
1 จานวนขดลวด รอบ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนาเกิดขึ้นในขดลวดตัวนานั้น”
N
 เลนส์ พบว่า “ขดลวดจะสร้างกระแสเหนี่ยวนาเพื่อต้านการเปลี่ยนแปลงฟลักซ์
2 พื้นที่ระนาบขดลวด A m2 ตารางเมตร
แม่เหล็กที่พุ่งผ่าน”
3 สนามแมเหล็ก B T เทสลา
 ขดลวด จะสร้างสนามแม่เหล็กต้านการเปลี่ยนแปลง
4 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
เกิดกระแสตามกฎมือขวา
5 มุมระหว่างระนาบขดลวดกับ B  องศา
หรือ ใช้หลัก “เข้าเหมือน ออกต่าง”
6 โมเมนต์ของแรงคู่ควบ M N.m นิวตัน.เมตร

 M = N I A B cos   Mmax เมื่อ  = 0 หมายถึง A // B


ตัวอย่าง จงหากระแสเหนี่ยวนาที่เกิดขึน้ ในขดลวด
Mmin เมื่อ  = 90 หมายถึง A  B
 ขนาดของ M ไม่ขึ้นกับรูปร่างของขดลวด
เรี ยงตามลาดับตรงตามข้ อใด S ออก N เข้ า N ออก S เข้ า
7. สนามแม่เหล็กเหนี่ยวนา N S S N
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
2 สนามแม่เหล็ก B T เทสลา 10. แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนา
3 ระยะห่างจากลวดเส้นตรง d m เมตร
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
4 รัศมีขดลวดวงกลม r m เมตร
1 จานวนขดลวด N รอบ
5 Air Permeability (4x10-7) o Wb/A.m 2 ความเร็ว m/s เมตร/วินาที
v
6 จานวนรอบขดลวด N รอบ 3 ความยาวเส้นลวด L m เมตร
7 ความยาวลวดโซเลนอยด์ L m เมตร 4 แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนา E V โวลต์
 ลวดเส้นตรง
o I
B= 2 d
E =vBLN

มือขวา: v = ปลายนิ้ว , B = ฝ่ามือ นิ้วโป้ง = ขั้ว +

 โซเลนอยด์ 10. เครื่องปัน่ ไฟ


N I
B = Lo ใครอยากรู้ไปดูเนื้อเต็มในเล่มนะครับ

11. การแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรง
 ไดโอด 1 ตัว แปลงจาก Sine wave  Half wave
8. แรงกระทาระหว่างเส้นลวด
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
2 แรงกระทาระหว่างเส้นลวด FB N นิวตัน
3 ความยาวเส้นลวด L m เมตร
4 ระยะห่างระหว่างเส้นลวด d m เมตร  ไดโอด 4 ตัว แปลงจาก Sine wave  Full wave
5 ค่าคงที่(2 x 10-7) k Wb/A.m

FB FB
k I1 I2 L
FB = d

กระแสไหลทางเดียวกัน กระแสไหลสวนทาง
เกิดแรงดูด เกิดแรงผลัก  ตัวเก็บประจุทาหน้าที่ปรับสัญญาณให้เรียบเป็นกระแสตรง

Page 47
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
12. แรงเคลื่อนไฟฟ้าต้านกลับในมอเตอร์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 แรงเคลื่อนไฟฟ้าของเซลล์ไฟฟ้า E V โวลต์
2 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
3 ความต้านทานของมอเตอร์ R  โอห์ม
4 แรงเคลื่อนไฟฟ้าต้านกลับ e V โวลต์
หลัก : ใส่ R , e ให้กับ motor  ใช้ KVL

e
IR + e -E=0

13. หม้อแปลงไฟฟ้า
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
-
1 เลขห้อยด้านปฐมภูมิ 1
-
2 เลขห้อยด้านทุกตยภูมิ 2
โวลต์
3 ความต่างศักย์ V1,V2 V
4 จานวนขดลวด N1,N2 รอบ
5 กระแสไฟฟ้า I1,I2 A แอมแปร์
6 กาลังไฟฟ้า P1,P2 W วัตต์
7 ความต้านทาน R  โอห์ม
8 ประสิทธิภาพ  -
 องค์ประกอบ วงจร
I1 I2
อุปกรณ์ ไฟฟ้า
V2 R 110 V
1200 รอบ

400 รอบ

V1 N1 N2
600 W
1000

VN V1 N1
V2 = N2
 หลัก จึงได้สูตรที่ใช้ได้กับโจทย์ทุกข้อในโลก

 หม้อแปลงอุดมคติ P1 = P2
 หม้อแปลงไม่อุดมคติ P1 - Pเสีย = P2 หรือ P1 = P2
2
 P1 = V1 I1 P2 = Wt = VI = I 2R = VR
W
Pเสีย = เสีt ย
 หม้อแปลง แปลงขึ้น V2 > V1 , แปลงลง V2 < V1

ตัวอย่าง หลอดไฟชนิด 100 วัตต์ 120 โวลต์ ต่อเข้ากับหม้อแปลงที่มีอัตราส่วนของ


จานวนรอบของขดลวดปฐมภูมิต่อขดลวดทุติยภูมิเป็น 5 : 1 ถ้าหม้อแปลงเป็นแบบ
สมบูรณ์ จงหาว่า กระแสไฟฟ้าไหลในขดลวดปฐมภูมิสูงสุดเป็นเท่าไร หลอดไฟจึงจะ
ยังไม่ขาด

Page 48
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

22. ไฟฟ้ากระแสสลับ
1. สัญญาณ , ค่าสูงสุด , ค่ายังผล  แผนภาพเฟสเซอร์ V
I
คือ ภาพแสดงขนาดและทิศทาง  
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย ระหว่างเวเตอร์ I และ V I V
V นา I I นา V
1 ความต่างศักย์สูงสุด Vmax V โวลต์
2 ความต่างศักย์ยังผล V โวลต์  วงจรอนุกรม I ต้องเท่ากันทั้งขนาดและทิศทาง I = IR = IL = IC
Vrms
วงจรขนาน V ต้องเท่ากันทั้งขนาดและทิศทาง V = VR = VL = VC
3 กระแสไฟฟ้าสูงสุด Imax A แอมแปร์
4 กระแสไฟฟ้ายังผล Irms A แอมแปร์ 
5 ความถี่ f Hz เฮิรตซ์
6 คาบเวลา T Hz-1
7 อัตราเร็วเชิงมุม  rad/secเรเดียน/วินาที
3. การวิเคราะห์วงจร RLC อนุกรม
o
8 เฟสเริ่มต้น  , rad

 V(t) = Vmax sin (t + v ) I(t) = Imax sin (t +  ) I No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย

 = 2  f = 2T
1 ค่าความต้านทานรวมเชิงซ้อน Z  โอห์ม
2 ตัวประกอบกาลัง(P.F.) cos -

V  หลัก : วงจรอนุกรม
Vrms = max Irms = Imax I ต้องเท่ากันทั้งขนาดและทิศทาง
2 2
I = IR = IL = I C
  ค่ายังผล หรือ ค่า rms = root mean square
= ค่ารากทีส่ องของค่าเฉลีย่ ของกาลังสอง 2 2
 Z = R + (XL - X C )
 ในทางปฏิบัติค่า rms = ค่าทีอ่ า่ นได้จากเครือ่ งมือวัด(มิเตอร์) Vrms , f
l โวลต์มเิ ตอร์ อ่านได้เป็นค่า Vrms 2 2
l แอมป์มเิ ตอร์ อ่านได้เป็นค่า Irms
V = VR + (VL - VC )
V
I
P.F. = cos  = RZ
 ความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยกับค่ายังผล
 
ตัวอย่าง จงหาค่าเฉลี่ย และค่ายังผลของข้อมูล 1 , -1 , 1 , -1 , 1 , -1 I V
กระแสนาหน้า
 V = IZ

4. การวิเคราะห์วงจร RLC ขนาน


 หลัก : วงจรขนาน
2. ตัวต้านทาน , ตัวเหนี่ยวนา , ตัวเก็บประจุ V ต้องเท่ากันทัง้ ขนาดและทิศทาง

No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย V = VR = VL = VC


1 ค่าความต้านทาน R  โอห์ม
2 ค่าความเหนี่ยวนา H เฮนรีห์  1 1 1 1 2
L Z = R2
+ (X - X )
L C
3 ค่าความจุไฟฟ้า C F ฟารัส
4 ค่าความต้านทานเชิงเหนี่ยวนา XL  โอห์ม 2 2
5 ค่าความต้านทานเชิงความจุ XC  โอห์ม I = IR + (IL - I C )
6 ความต่างศักย์ V โวลต์
P.F. = cos  = RZ
V
7 กระแสไฟฟ้า I A แอมแปร์
o
8 เฟส  , rad
I Vrms , f
V
 XL =  L  VR = IR R   V
I
V VL = IL XL กระแสล้าหลัง กระแสนาหน้า
X C = 1C I X VC = IC X C  V = IZ

Page 49
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

5. วงจร RLC ผสม 8. วงจรไร้ความถี่


ตัวอย่าง จงหาแผนภาพเฟสเซอร์ของวงจร  ไร้ความถี่ หมายถึง  = 0 ทาให้ XL = 0 , XC = 
8 3  เปลีย่ น L เป็นลวดตัวนา เปลีย่ น C เป็นฉนวนไฟฟ้า

5 7
10 โวลต์ ตัวอย่าง จงหากระแสที่ไหลออกจากเซลล์ไฟฟ้า
50 Hz
3 4 1H 1 1 A 1

1 2F
3V 3F 1H 1
2

9. กาลังไฟฟ้าเชิงซ้อน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 กาลังไฟฟ้าปรากฏ S VA
6. กาลังไฟฟ้าเฉลี่ย 2 กาลังไฟฟ้าจริง P Watt
3 กาลังไฟฟ้ารีแอคทีฟ Q VAR
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 4 ตัวประกอบกาลัง -
cos
1 กาลังไฟฟ้าเฉลี่ย P W ,VAโวลต์.แอมป์
วัตต์
ตัวอย่าง จงหากาลังไฟฟ้าเชิงซ้อน , กาลังไฟฟ้าปรากฏ , กาลังไฟฟ้าจริง และ
2 กาลังไฟฟ้าสูงสุด Pmax Wวัตต์,VAโวลต์.แอมป์
กาลังไฟฟ้ารีแอคตีฟ(กาลังไฟฟ้าเสมือน) และตัวประกอบกาลังของวงจรในรูป
 P = V I cos  Pmax = Vmax Imax cos  = 2P 8

 ทบทวนข้อความต่อไปนี้ให้แม่นยา 100 โวลต์


1.  คือ ความต่างเฟสระหว่างกระแสและความต่างศักย์ไฟฟ้า 50 Hz 3 2
2. ตัวต้านทานเท่านั้นที่มีการสูญเสียกาลังไฟฟ้า (L,C ไม่มีการสูญเสีย)

W 2 VR2
P = PR = t = VR IR = IR R = R

7. วงจรเรโซแนนซ์
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความถี่เรโซแนนซ์ fr Hz เฮิรตซ์
 ขณะวงจรเรโซแนนซ์ พบว่า  P จะมีค่าสูงสุด
 P.F. = 1 , cos  = 1
 R = Z เพราะ XL = XC
 อนุกรม Imax ขนาน Imin

 สูตร มาจาก XL = XC fr = 1
2 LC

Page 50
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

23. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
1. ความรู้ทั่วไป 2. สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถแยกออกมาได้ 7 สเปกตรัม คือ
1 ระยะทาง S m
2 เวลา t sec
3 ความเร็วคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า v m/s
4 ความยาวคลื่น  m
5 ความถี่ f Hz
6 คาบเวลา T Hz-1
7 ค่าคงที่ของพลังค์ h 6.6 x 10-34 J.s
8 สนามแม่เหล็ก B T
9 สนามไฟฟ้า E V/m
 เมื่อสนามไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง จะเหนี่ยวนาให้เกิดสนามแม่เหล็ก
หรือถ้าสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลงก็จะเหนี่ยวนาให้เกิดสนามไฟฟ้า
 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เกิดจากการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า คือ ระหว่าง  ทุกสเปกตรัมมีอตั ราเร็วเท่ากันในตัวกลางเดียวกัน เช่น ในอากาศ หรือ
สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กอย่างต่อเนื่อง เกิดพร้อมกัน สูงสุด ต่าสุด พร้อม สุญญากาศ จะมีความเร็วเท่ากับ 3 x 108 m/s
กัน หรือ เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ดว้ ยความเร่งหรือความหน่วงจะแผ่คลืน่
แม่เหล็กไฟฟ้าได้ 3. คลื่นวิทยุ
 มีความยาวคลื่นมากที่สุด ความถี่ต่าสุด พลังงานต่าสุด
 สะท้อนกับในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้(A.M.) จึงถูกนามาใช้ในการสื่อสาร
 คลื่นวิทยุมีการส่งสัญญาณ 2 ระบบคือ
 ระบบเอเอ็ม (A.M. = amplitude modulation) 530 - 1600 kHz
 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(C) จึงประกอบด้วยสนามไฟฟ้า(E)  A.M. = Sound wave + Radio wave(คลืน่ พาหะ)
และสนามแม่เหล็ก(B) ที่มีการสัน่ ตั้งฉากซึ่งกันและกัน  แอมปลิจูดคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตาม Sound wave
และตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย

C=ExB

 A.M. ส่งคลืน่ ได้ทง้ั


คลื่นดิน  ขนานกับผิวโลก และ
คลื่นฟ้า  คลื่นจะไปสะท้อน ที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์
 สมบัติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
1. เป็นคลื่นตามขวาง

v = St = T = f  f = Nt = T1
2. ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการเคลื่อนที่
3. อัตราเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนิดในสุญญากาศเท่ากับ 3x108 m/s
4. มีพลังงาน และถ่ายเทจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้โดยการแผ่รังสี
 ข้อดี : สื่อสารได้ไกลเป็นพันๆ กิโลเมตร (คลื่นฟ้า)
J
E = h f = h C ข้อเสีย : ถูกรบกวนง่าย

5. ถูกปล่อยออกมาและถูกดูดกลืนได้โดยสสาร  ระบบเอฟเอ็ม (F.M. = frequency modulation) 88 - 100 MHz


6. ไม่มีประจุไฟฟ้า  F.M. = Sound wave + Radio wave(คลื่นพาหะ)
7. สามารถแสดงสมบัติคลื่นได้ทุกข้อ แทรกสอด สะท้อน หักเห และเลี้ยวเบนได้  ความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตาม sound wave

Page 51
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
6. คลื่น(รังสี) อินฟาเรด
 กาเนิดจากแหล่งกาเนิดความร้อนทุกชนิด เช่น ดวงอาทิตย์ หลอดไฟ
ประสาทสัมผัสทางผิวหนังของมนุษย์สามารถรับรังสีอินฟราเรดได้
 บางครั้ง เรียกว่า รังสีความร้อน
 F.M. ส่งคลืน่ ได้เฉพาะคลืน่ ดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่  ความถี่ 1011 - 1014 เฮิรตซ์
ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับ  สิ่งมีชีวิตจะแผ่รังสีอินฟราเรดออกมาตลอดเวลา
 คาร์บอนไดออกไซด์ , ไอน้า ในบรรยากาศดูดซับไว้ ทาให้โลกอุ่น
 ข้อดี : ถูกรบกวนได้ยาก
 ใช้ถ่ายภาพพื้นโลกจาก ดาวเทียม เพราะทะลุผ่านเมฆหมอกที่หนาได้ดีกว่าแสง
ข้อเสีย : สะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้น้อยมาก(ทะลุ)
 ใช้ในระบบควบคุม รีโมทคอนโทรล หรือ การควบคุมระยะไกล
จึงต้องใช้สถานีถ่ายทอดเป็นระยะๆ (คลื่นดิน)
 ใช้เป็นพาหะในการส่งสัญญาณด้วยเส้นใยนาแสงเพื่อป้องกันการรบกวน

4. คลื่นโทรทัศน์ 7. แสงที่ตามองเห็น
 ความถี่ประมาณ 108 เฮิรตซ์  ความถี่  1014 เฮิรตซ์ หรือความยาวคลื่น 400 – 700 nm
 จะไม่สะท้อนที่ชนั้ ไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุ ผ่านออกไปนอกโลก  ประสาทตาของมนุษย์ไวต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วงนี้มากที่สามารถมองเห็นได้
 การส่งคลื่น โทรทัศน์ไปไกลๆ ในแนวเส้นตรงบน ผิวโลกนัน้ จะถูกส่วนโคง้ของ 
โลกบังไว้จึงต้องใช้สถานีถ่ายทอดคลืน่ เป็นระยะๆ รับคลื่น โทรทศัน์จากสถานีส่ง
มาในแนวเส้นตรง แล้วขยายให้สัญญาณแรงข้นก่อนที่จะส่งไปยังสถานีที่อยู่ถดั ไป
 อาจใช้คลื่นไมโครเวฟนาสัญญาณจากสถานีส่งไปยงัดาวเทียมแล้วส่งคลื่น
ต่อไปยังสถานีรบั ที่อยู่ไกลๆ ได้

 LASER = Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation


= “การขยายสัญญาณแสงโดยการปล่อยรังสีแบบเร่งเร้า”

8. อัลตร้าไวโอเลต
 ความถี่ 1015 - 1018 Hz บางทีกเ็ รียกว่า รังสีเหนือม่วง
 ส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์ แต่โดนสกัดจากบรรยากาศสตราโตสเฟียร์
ซึ่งมีแก๊สโอโซนเป็นองค์ประกอบ ถ้าโอโซนถูกทาลายรังสีอัตราไวโอเลตแผ่ลงมายัง
ผิวโลกมากขึ้น ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
5. คลื่นไมโครเวฟ  เป็นตัวการทาให้เกิดประจุอิสระ และไอออน ในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์
(เพราะรังสีอัลตราไวโอเลต มีพลังงานสูงพอที่ทาให้อเิ ล็กตรอนหลุดจากโมเลกุล
 ความถี่ 1 GHz ถึง 300 GHz อากาศ พบว่าในไอโอโนสเฟียร์มีโมเลกุลหลายชนิด เช่น โอโซน ซึ่งสามารถกั้น
 ไม่สะท้อนที่ชน้ั ไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุ ผ่านออกไปนอกโลก รังสีอัลตราไวโอเลตได้ดี)
 ใช้ทาให้อาหารสุก เพราะถูกดูดกลืนด้วยน้าได้ดี  ทาให้สารเรืองแสง เกิดการเรืองแสง
 สะท้อนกับผิวโลหะได้ดีจึงใช้ในการตรวจหาอากาศยาน ตรวจจับอัตราเร็วของ  สามารถทะลุผ่านวัตถุบาง ๆ บางชนิดได้
รถยนต์ เรียกว่า เรดาร์  ทาลายเซลล์เล็ก ๆ บางชนิดได้ เช่น เชื้อโรค รักษาโรคผิวหนัง

9. รังสีเอ็กซ์
 ความถี่ในช่วง 1016 - 1021 Hz
 แหล่งกาเนิดของรังสีเอกซ์ คือ ดวงอาทิตย์ หลอดรังสีเอกซ์เครื่องรับโทรทัศน์
 คุณสมบัติของรังสีเอกซ์
3.1 มีอานาจทะลุทะลวงสูง
3.2 ทาให้แก๊สหรืออากาศรอบ ๆ แตกตัวเป็นไอออนได้
3.3 ทาให้สารเรืองแสงเกิดการเรืองแสง
3.4 ทาปฏิกิริยากับแผ่นฟิล์มถ่ายรูปเหมือนกับแสง
3.5 รังสีเอกซ์มีอนั ตรายและทาลายเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้
3.6 ตรวจหารอยร้าวภายใน ชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่
3.7 ใช้ตรวจหาอาวุธปืน วัตถุระเบิด

Page 52
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

10. รังสีแกมมา
 ความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์
 แหล่งกาเนิดของรังสีแกมมา คือ การสลายตัวของนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี
 รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลกจะมีรังสีแกมมาอยู่ด้วย
 การแผ่รังสีของอนุภาคประจุไฟฟ้าทีถ่ กู เร่งในเครื่องเร่งอนุภาค
ก็ทาให้เกิดรังสีแกมมาได้
 ทาปฏิกิริยากับแผ่นฟิล์มถ่ายรูป และฟิล์มที่ไม่ไวต่อแสง

11. ปรากฏการโพลาไรเซชัน
 คลื่นตามขวางเท่านั้นที่สามารถเกิด
“ปรากฏการณ์โพลาไรเซชัน” ได้
 แสงจากดวงอาทิตย์ มีระนาบการสั่นของ
สนามไฟฟ้า(E) หลายระนาบ เรียกว่า
แสงไม่โพลาไรซ์

 การทาให้แสงมีระนาบสนามไฟฟ้าเหลือเพียง 1 ระนาบ เรียก แสงโพลาไรซ์


 แสงโพลาไรซ์ สามารถทาได้ 3 วิธี คือ ...
 โดยการดูดกลืน
Polariser Analyser

E1 I2
E2
Io I1

I1
I
= 2o I2 = I1 cos 2 
E2 = E1 cos
 ใช้การสะท้อน

n2
tan p = n1

 การกระเจิงของแสง

Page 53
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

24. ฟิสิกส์อะตอม
1. การค้นพบอิเล็กตรอน(ทอมสัม) 3. อะตอมไฮโดรเจน(โบร์)
และ การหาค่าประจุของอิเล็กตรอน(มิลิแกน) No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 โมเมนตัมเชิงมุม Ln kg.m2/s
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 2 มวลอิเล็กตรอน me kg
1 ประจุอิเล็กตรอน e 1.6x10-19 C คูลอมบ์ 3 ความเร็วอิเล็กตรอน vn m/s
2 มวล m kg กิโลกรัม 4 รัศมีวงโคจร rn M
3 รัศมีการโคจร r m เมตร 5 ค่าคงที่ของพลังค์ h 6.6 x 10-34
4 อัตราเร็ว v m/s เมตร/วินาที 6 พลังงานที่อะตอมดูด(คาย) E J,eV
5 ประจุไฟฟ้า q C คูลอมบ์ 7 พลังงาน(รวม)ของอะตอม En J,eV
6 สนามแม่เหล็ก B T เทสลาร์ 8 ระดับวงโคจร(เลขควอนตัม) n -
7 สนามไฟฟ้าฟ้า E N/C นิวตัน/คูลอมบ์ 9 พลังงานจลน์ของอิเล็กตรอน Ek J,eV
8 แรงไฟฟ้า FE N นิวตัน 10 พลังงานศักย์ไฟฟ้าของอะตอม Ep J,eV
9 แรงแม่เหล็ก FB N นิวตัน
10 ระยะห่างระหว่างแผ่นขนาน d m เมตร  Atomic model ของโบร์ พัฒนามาจาก รัทเทอร์ฟอร์ด
11 ความต่างศักย์ระหว่างแผ่นตัวนา // V Volt โวลต์  โบร์เสนอสมมุติฐาน 2 ข้อ เพือ่ ไม่ให้ขัดแย้งกับทฤษฏีคลืน่
12 จานวนอิเล็กตรอน n - แม่เหล็กไฟฟ้าของแม็กเวลล์ ดังนี้
ข้อ 1 อิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสจะไม่สูญเสีย
พลังงาน เพราะเคลื่อนที่ใน “ชั้นวงโคจรพิเศษ”
ทีม่ ี “โมเมนตัมเชิงมุมคงที”่
h
Ln = me vn rn = n h ; h = 2
ข้อ 2 “อะตอมมีพลังงานเป็นค่าๆ ไม่ต่อเนื่อง”
โดยอะตอมสามารถ “ดูด” และ “คาย”
 “ทอมสัน” เป็นคนแรกที่ “ค้นพบ” และหาค่า “ประจุต่อมวล” ของอิเล็กตรอน
พลังงานในรูปของ “สเปกตรัม” ได้
 “รังสีแคโทด” คือ “ลาของอิเล็กตรอน”
สอดคล้องกับการเปลี่ยนระดับวงโคจร
 อาศัยความรู้จากบท แม่เหล็กไฟฟ้า
e V ของอิเล็กตรอน
หัวข้อ 3 : r = mv/qB เมื่อ q = e m = r B2 d
และ หัวข้อ 4 : FE = FB  v = E/B  v = V/Bd E = E หลงั - Eแรก
จัดรูปได้ q / m คือ …
 “มิลลิแกน” เป็นคนแรกที่รู้ “ค่าประจุอิเล็กตรอน” และใช้ความรู้บทที่ 19  พลังงานรวมของอะตอม ณ ขณะที่ e โคจรในชั้นวงที่ n
เรื่อง ไฟฟ้าสถิต หัวข้อที่ 10 (กรณีลอยนิ่ง) เพื่อหาประจุของ e E *** En ติดลบเสมอ
 แบบจาลองอะตอมของทอมสัม ขัดแย้งกับ “การกระเจิงของ -ray” En = Ek + Ep = 21
(-x) = x (-2x) n
2. การกระเจิงของรังสีอลั ฟา(รัทเทอร์ฟอร์ด)
En = 13.6
แตกตัวเป็นไออน
 อะตอมไฮโดรเจน
n2 กระตุ้น 3th
E
e กระตุ้น 2nd
ดูด v3
v1 e
กระตุ้น 1st

n=1 คาย E
n=3
E1 = -13.6 eV E3 = -1.51 eV สถานะพื้น
สถานะพื้น สถานะกระตุ้น 2nd
 รัทเทอร์ฟอร์ด เห็น..
 -ray ส่วนใหญ่ทะลุผ่าน  สรุป “พื้นที่ส่วนใหญ่ในอะตอมเป็นที่ว่าง”  E J = h f = h C EeV  1240
nm
 -ray บางส่วนเบี่ยงเบน และน้อยมากที่จะสะท้อนกลับ

 สรุป “อะตอมมีนิวเคลียสขนาดเล็กแต่หนักมาก และมีประจุบวก
 แบบจาลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด ขัดแย้งกับ “ทฤษฏี EMW ของแม็กเวลล์”
 rn  n2 vn  n1
จากบทที่ผ่านมา...”q เคลื่อนที่ด้วย a จะเสียพลังงานในรูป EMW”

Page 54
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

4. อนุกรมสเปกตรัมอะตอมไฮโดรเจน
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ค่าคงที่ริดเบิร์ก Rh 1.09737 x 107
2 ระดับพลังงานก่อนการกระตุ้น ni -
3 ระดับพลังงานหลังการกระตุ้น nf -
4 ความยาวคลื่น  m เมตร, nm
5 ผลต่างพลังงาน E eV
 หลักการ ดูด E คาย E

e อะตอมถูกกระตุน้ e 6. ทวิภาคระหว่างคลื่นกับอนุภาค
ni = 1 อะตอมลดพลังงาน  แต่กอ่ น อนุภาค  คลื่น ตอนนี้ อนุภาค = คลืน

nf  คลืน่  อนุภาค : ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริกซ์ และ คอมพ์ตัน
Ei Ef  อนุภาค  คลื่น : การเลี้ยวเบนของอิเล็กตรอน และ  เดอร์บรอยด์
สถานะก่อนกระตุ้น(เสถียร) สถานะหลังกระตุ้น(ไม่เสถียร)
 อะตอมคายพลังงานออกมาในรูป EMW = สเปกตรัม = เส้นแสง 7. ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริกซ์(ทฤษฏี)
เพื่อให้อะตอมกลับมาเสถียรตามเดิม
หลัก “อิเล็กตรอนถูกกระตุ้นจากชั้นใด มันจะกลับมาชั้นเดิม” No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 จานวนโฟตอน npho อนุภาค
 อนุกรมสเปกตรัมของ H มีทั้งหมด 5 อนุกรม ดังนี้
Lyman : กระตุ้น e- จาก 1 แล้ว e- พยายามกลับชั้น 1 2 จานวนโฟโตอิเล็กตรอน ne อนุภาค
Balmer : กระตุ้น e- จาก 2 แล้ว e- พยายามกลับชัน้ 2 3 กระแสไฟฟ้าในวงจร I A
Pashen : กระตุ้น e- จาก 3 แล้ว e- พยายามกลับชัน้ 3 4 ความเข้มแสง Ipho W/m2
Bracket : กระตุ้น e- จาก 4 แล้ว e- พยายามกลับชัน้ 4 5 ความถี่แสง fpho Hz
Pfund : กระตุ้น e- จาก 5 แล้ว e- พยายามกลับชัน้ 5 6 พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กฯ Ek J
7 พลังงานโฟตอน Epho J
 สูตรหาความยาวคลื่นของสเปกตรัมที่คายออกมา
8 ความต่างศักย์หยุดยัง้ Vs V
1 =R ( 1 - 1 ) nm  1240eV
m h n2i n2f E  I  ne  npho  Ipho
 Lyman : Ultraviolet Balmer : Visible light Phshen,Bracket,Pfund : Infared
 keyword :  Vs  Ek  Epho  fpho
 แสงจ้า คือ แสงที่มี Ipho สูง , แสงสีมว่ ง คือ แสงทีม่ คี วามถีส่ งู

8. การคานวณปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริกซ์
No. ชื่อ ตัวแปร หน่วย
5. การทดลองของฟรังก์และเฮิรตซ์ 1 ฟังก์ชันของงาน(พลังงานยึดเหนี่ยว) W J , eV
2 ความยาวคลื่นแสง pho m เมตร, nm
 ทดลองเพือ่ สนับสนุน “โบร์” 3 ความถี่ขีดเริ่ม fo Hz, รอบ/วินาที
ว่า “พลังงานของอะตอมมีเป็นค่าๆ”
h fpho h fo
 โดยการเร่ง e เข้าไปชนกับ
“อะตอมไอปรอท” J h C
pho
h C
o
 จากบทที่ 19 ไฟฟ้าสถิต หัวข้อ 16 พบว่า..
 ถ้าเร่ง e ด้วย V = 3 โวลต์ แล้ว e ก็จะมี Ek = 3 eV ด้วย Epho = W + Ek
 ถ้าเร่ง e ด้วย V = 4.9 โวลต์ แล้ว e ก็จะมี Ek = 4.9 eV ด้วย
 ถ้าเร่ง e ด้วย V = 6 โวลต์ แล้ว e ก็จะมี Ek = 6 eV ด้วย fpho fo Vs
-
 การชนระหว่าง e กับ อะตอมไอปรอท จะมี 2 ลักษณะ คือ
h e h e
 แบบยืดหยุ่น  e- ไม่เสียพลังงาน  I up
 แบบไม่ยืดหยุ่น  e- เสียพลังงาน  I down  V1 st = 4.9 Volt
eV h C
epho h eC
o
 หลักการ คือ “ไม่พอไม่รับ เหลือคืน”  1240 1240
pho o
 ต้องตอบให้ได้วา่ 4.9 eV คือ En หรือ E

Page 55
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

9. กราฟปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริกซ์ 12. สมมุติฐานของเดอเบรย


No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 ความยาวคลื่นเดอบรอยด์ D m เมตร
2 ค่าคงที่ของพลังค์ h 6.6 x 10-34 J.s
3 มวล m kg กิโลกรัม
4 ความเร็ว v m/s เมตร/วินาที
5 พลังงานจลน์ Ek J จูล
6 โมเมนตัม P kg.m/s
 “ไอสไตล์” : E = mc2 และ “กลศาสตร์ควอนตัม” : E = hf
 จากข้อ  พบว่า e ทาตัวเหมือนคลื่นนิ่ง
จึงทาให้ e- ไม่สูญเสียพลังงาน และมีโมเมน
ตัมเชิงมุม ดังสมการ
h
Ln = me vn rn = n h ; h = 2

10. ปรากฏการณ์คอมพ์ตัน  จานวนลูกคลื่น จะมีค่าเท่ากับเลขระดับพลังงาน


หรือเลขควอนตัม
เช่น e อยู่ชั้นที่ 1 จะมีคลื่นนิ่ง 1 ลูก หรือ 2 บัพ
จากการยิงรังสีเอกซ์เข้าชน
e อยู่ชั้นที่ 2 จะมีคลื่นนิ่ง 2 ลูก หรือ 4 บัพ
กับ e- ในผลึกของแกรไฟต์
 สูตรการหา “ความยาวคลื่นเดอร์บลอยล์“ คือ
แล้ววัดความยาวคลื่นของ
รังสีเอกซ์ที่กระเจิงออกมาที่
D = Ph = mhv = h
มุมต่างๆ พบว่า ความยาว 2 m Ek
คลื่นของ X-Ray ที่กระเจิง
ออกมามี 2 แบบ
 กระเจิง = ตกกระทบ  fกระเจิง = fตกกระทบ  Eกระเจิง = Eตกกระทบ 13. กลศาสตร์ควอนตัมและหลักความไม่แน่นอน
แสดงว่า เกิดการชนแบบไม่สูญเสียพลังงาน หรือ ชนแบบยืดหยุ่น
 กระเจิง > ตกกระทบ  fกระเจิง < fตกกระทบ  Eกระเจิง <= Eตกกระทบ No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
แสดงว่า เกิดการชนแบบสูญเสียพลังงาน หรือ ชนแบบไม่ยืดหยุ่น 1 เความไมแนนอนของการวัด ตน. x m เมตร
2 ความไมแนนอนของโมเมนตัม P kg.m/s กิโลกรัม
11. รังสีเอ็กซ์(X-Ray)  กลศาสตรควอนตัมมีจุดกาเนิดมาจากกลศาสตรนิวตัน แต่กลศาสตรนิวตันไม่
สามารถอธิบายบางอย่างได้ เช่น การแผรังสีของวัตถุดา ปรากฏการณโฟโตอิ
No. ชื่อ ตัวแปร หน่วย เล็กทริกซ์ รังสีเอกซ กัมมันภาพรังสี เป็นต้น
-
1 ความต่างศักย์ที่ใช้เร่ง e V Volt  กลศาสตรควอนตัมอธิบายอะตอมไดดีกวาและมีขอบเขตที่กวางขวาง กวาทฤษฎี
2 ความยาวคลื่นต่าสุด min m เมตร, nm อะตอมของโบรมาก นักวิทยาศาสตรจึงใหการยอมรับสง ผลใหแนวคิดของ
กลศาสตรควอนตัมได้รับการยอมรับจนถึงปจจุบนั
 หลักความไม่แน่นอน
“ ในธรรมชาติของการวัดยอมมีความไมแนนอนที่เกิดจากอันตรกิริยาระหวาง
เครื่องมือวัดและะบบแฝงอยูเสมอ เชนเราไมสามารถวัดตําแหนงและโมเมนตัม
ของระบบใหแนนอนพรอมกันไดและผลคูณของความไมแนนอนของการวัดตํา
แหนงและโมเมนตัมจะมีคาไมนอยกวาคาคงตัวของพลังค”

X  P  h

 สเปกตรัมแบบตอเนื่อง เกิดจาก e- ที่วิ่งเข้าไป


ในอะตอมของเป้าโลหะ เสียพลังงานออกไปในรูปของ X – Ray
ได้ 2 แบบ คือ
 เฉียด/เฉี่ยว min  1240 V
 ชนนิวเคลียส(หยุดทันที)

 สเปกตรัมแบบเส้น=ไม่ต่อเนื่อง (ขึ้นกับชนิดของเป้า)
เกิดจาก e- ไปกระตุ้นอะตอมโดยชนกับ e- ในอะตอม เปลี่ยนระดับพลังงาน

Page 56
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

25. ฟิสิกส์นิวเคลียร์
1.สัญลักษณ์นิวเคลียส,ไอโซโทป,ไอโซโทน,ไอโซบาร์  สิง่ ที่ปล่อยออกมาจากการสลายตัว เรียก กัมมันตรังสี

No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย


1 จานวนโปรตอน Np อนุภาค
2 จานวนนิวตรอน Nn อนุภาค
3 จานวนอิเล็กตรอน Ne อนุภาค
4 เลขอะตอม Z อนุภาค,-
5 เลขมวล A อนุภาค,-

A = Np + Nn
Z = Np AX
Z
A  Z = Nn
 สัญลักษณ์นวิ เคลียร์ (nuclear symbol) ใช้บอก จานวน p และ n
 ไอโซโทป = p เท่า  ไอโซโทน = n เท่า สรุป  อานาจทะลุทะลวงสูงสุด 
 ทาให้ตวั กลางแตกตัวเป็นไอออนดีสดุ 
 ค่าประจุตอ่ มวลสูงสุด 
 ไอโซบาร์ = เลขบนเท่า  ไอโซอิเล็กทรอนิก = e- เท่า
 พลังงานตัง้ ต้นสูงสุด 

4. เครื่องชั่งมวลอนุภาค
2. รัศมีนิวเคลียส No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย 1 มวล m kg
1 รัศมีนิวเคลียส R m 2 ความต่างศักย์สาหรับเร่งอนุภาค V V
2 ค่าคงที(่ 1.2 ถึง 1.5 x 10-15) ro m 3 ความเร็ว v m/s
3 เลขมวล A อนุภาค , - 4 ประจุ q C
5 สนามไฟฟ้า E N/C , V/m
 นิวเคลียสของอะตอมจะมีลกั ษณะ เป็นทรงกลม ภายในนิวเคลียสจะ
6 สนามแม่เหล็ก B T
ประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน ที่รวมกันเรียกว่า นิวคลีออน
7 รัศมี(การเคลื่อนที่แบบวงกลม) R m
 ขนาดของนิวเคลียส เป็นสัดส่วนกับจานวนนิวคลีออน ถ้าอะตอมของธาตุมี
8 พลังงานศักย์ไฟฟ้า Ep J
จานวนนิวคลีออนมาก จะมีรศั มีนวิ เคลียสมาก
9 พลังงานจลน์ Ek J
10 แรงไฟฟ้า FE N
R = ro 3 A 11
12
แรงแม่เหล็ก
แรงสู่ศูนย์กลาง
FB N
N
Fc
 แมสสเปกโทรมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ วิเคราะห์มวล ของธาตุต่างๆ โดย
อาศัยหลักการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าในสนามแม่เหล็กและ
3. ธาตุกัมมันตรังสี,กัมมันตภาพรังสีและกัมมันตรังสี สนามไฟฟ้า ส่วนประกอบที่สาคัญของแมสสเปกโทรมิเตอร์ คือ ส่วนเร่งอนุภาค
ส่วนคัดเลือกความเร็ว และ ส่วนวิเคราะห์
 อองตวน อองรี เบ็กเคอเรล
พบรังสีแผ่ออกมาจากธาตุยเู รเนียม
หน่วย วัดกัมมันตภาพ(อัตราการสลายตัว)
คือ แบ็กแรล(Bq)
โดย Bq = นิวเคลียส/วินาที
 ต่อมา ปีแอร์ และมารี กูรี ได้จึงสรุป
Ek = Ep
1) ธาตุกมั มันตรังสี คือ ธาตุทแี่ ผ่รงั สีได้ เพราะนิวเคลียสไม่เสถียร( A > 82)
2) กัมมันตภาพรังสี คือ ปรากฏการณ์ที่ธาตุแผ่รังสีได้เองอย่างต่อเนือ่ ง FE = FB
3) นิวเคลียสสลายตัวเพือ่ ให้เกิดความเสถียร เป็นกระบวนการทีเ่ กิดขึ้นเองตาม FC = m ac
ธรรมชาติ ไม่เกีย่ วเนือ่ งกับทุกปัจจัย เช่น ความดัน หรือ อุณหภูมิ
FB
4) 1 ci = 3.7 x 1010 Bq

Page 57
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์
 สูตรที่ต้องทราบในการคานวณแต่ละส่วน 6. การคานวณปริมาณการสลายตัว
Ek = 1 2
 ส่วนเร่งอนุภาค
2m v Ep = q V V = E d No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย

 ส่วนคัดความเร็ว FE = q E E = Vd FB = q v B 1 ปริมาณเริ่มต้น เริ่ ม K , kg , นิวเคลียส


2 ปริมาณที่เหลือ เหลือ K , kg , นิวเคลียส
2
 ส่วนวิเคราะห์มวล Fc = m ac FB = q v B ac = vr 3 เวลาที่ผ่านไป t เวลา
4 เวลาครึ่งชีวิต T เวลา
ตัวอย่างที่ 1 อนุภาคมวล m มีประจุ +q ถูกเร่งให้เคลื่อนที่จากหยุดนิ่งในแนวราบ 5 ค่าคงที่การสลายตัว  1/เวลา
ด้วยสนามไฟฟ้าสม่าเสมอ E เป็นระยะทาง l แล้วผ่านเข้าสู่บริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก  เวลาครึ่งชีวติ คือ ระยะเวลาธาตุทสี่ ารสลายตัวไปจนเหลือครึง่ หนึง่ ของเดิม
สม่าเสมอ B ซึ่งมีทิศตั้งฉากกับทิศทางของสนาม E ปรากฏว่า อนุภาคจะไปตกที่  การสลายตัวเป็นไปตามสมมติฐาน ของรัทเทอร์ฟอร์ดและซอดดี (Soddy)
ระยะห่างจากจุดที่เข้าไปในสนามแม่เหล็ก เป็นระยะ d ดังรูป จงหาค่ามวลของ  อัตราการสลายตัว ผันตรงกับ จานวนนิวเคลียสขณะนัน้
อนุภาคนี้ โดยไม่ตอ้ งคิดแรงโน้มถ่วงของโลก(ตอบในติดตัวแปรที่กาหนดให้)
 T = ln2 เหลือ = เริ่ ม . et
t
= เริ่ม .  21  T
ตัวอย่างที่ 1 ในการสารวจแหล่งแร่แห่งหนึ่ง พบสารกัมมันตรังสีมวล 1,800 กรัม
ก้อนหนึ่ง และเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงจะเหลือมวล 1,350 กรัม อยากทราบว่าใน
อดีต 2 ชั่วโมงก่อนที่จะพบสารกัมมันตรังสีก้อนนี้ สารก้อนนี้มีมวลเท่าไร

5. การสลายตัวของนิวเคลียส
รัทเทอร์ฟอร์ดและซอดดี เสนอ สมมติฐานการสลายของธาตุกม ั มันตรังสี ดังนี้ ตัวอย่างที่ 2 ธาตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีมวล 400 กรัม ที่เวลา 9.00 น. เมื่อถึงเวลา
 ธาตุกัมมันตรังสีจะสลายตัวให้ธาตุใหม่ โดยปล่อย  ,  ได้ 10.00 น. จะเหลือมวลเพียง 200 กรัม ถ้า m  m0 e  t แล้ว ธาตุกัมมันตรังสีนี้
ธาตุใหม่  เสถียร = stop , ไม่เสถียร = สลายต่อ จะมีมวลกีก่ รัมที่เวลาเที่ยงวัน (12.00 น.) โดยที่ m0 เป็นมวลของธาตุกัมมันตภาพ
 การสลายของธาตุกมั มันตรังสีไม่ขนึ้ กับสภาพแวดล้อมภายนอกนิวเคลียส รังสีขณะที่เริ่มต้นพิจารณา และ m เป็น มวลของธาตุกัมมันตภาพรังสีที่เวลา t ใดๆ
เช่น อุณหภูมิ ความดัน เป็นต้น นับจากเริ่มต้นที่พิจารณา
 การสลายจะเป็นไปตามหลักสถิติความน่าจะเป็น หมายถึง ทุกนิวเคลียสของ
ธาตุนนั้ มีโอกาสสลายตัวได้เท่าๆ กัน
 หลัก A ก่อนสลายตัว = A หลังสลายตัว

 Z ก่อนสลายตัว =  Z หลังสลายตัว
ตัวอย่างที่ 1 ในการสลายตัวต่อๆ กันของธาตุกัมมันตรังสี โดยเริ่มจาก 2 39 82 U เมื่อ
24
สลายให้อนุภาคทั้งหมดเป็น 2, 2- และ 2 จะทาให้ได้นิวเคลียสใหม่ มีจานวน ตัวอย่างที่ 3 ไอโซโทปของโซเดียม ( 11Na ) มีครึ่งชีวิต 15 ชั่วโมง จงหาว่าเวลาผ่าน
โปรตอนและจานวนนิวตรอนเท่าใด ไป 75 ชั่วโมง นิวเคลียสของไอโซโทปนี้จะสลายไปแล้วประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของ
จานวนที่ตั้งต้น ถ้าตอนที่เริ่มแรกนิวเคลียสของไอโซโทปนี้มีคา่ 5 คูรี่

ตัวอย่างที่ 2 นิวเคลียส 2 18 02 P b สลายตัวสู่ไอโซโทปเสถียรตามลาดับดังนี้


2 1 0 P b 
82 ,  X    Y   ,  Z
จานวนนิวตรอนในไอโซโทปเสถียร Z เป็นเท่าไร

Page 58
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

7. กราฟการสลายตัว 9. กัมมันตภาพและสมดุลกัมมันตภาพ
ตัวอย่างที่ 1 จากการสลายตัวของธาตุ A , B , C จงหาปริมาณเริ่มต้น ครึ่งชีวิต No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
และค่าคงที่การสลายตัวของธาตุทั้งสาม 1 กัมมันตภาพ A Bq
2 จานวนนิวเคลียสขณะนั้น N นิวเคลียส
จานวนนิวเคลียส( x 106)
3 ค่าคงที่การสลายตัว  1/เวลา
20

15

10

5
 อัตราการแผ่รังสีออกมาในขณะหนึ่ง
A =N
คือ กัมมันตภาพ(activity)
0 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50
เวลา(วัน)
 เมื่อเกิดการสลายตัวอย่างต่อเนื่อง อัตราการสลายตัวของทุกช่วงต้องเท่ากัน
AX = AY = AZ

10. เสถียรภาพของนิวเคลียส
No. ชือ่ ตัวแปร หน่วย
1 จานวนนิวคลีออน(p + n) A อนุภาค
2 พลังงานยึดเหนี่ยว B.E. MeV
3 ค่าคงที่การสลายตัว  1/เวลา
4 มวลพร่อง m u
8. การสลายตัว  โยนลูกเต๋า  นิวเคลียส ประกอบด้วย p(+) กับ n เรียกรวมๆ กันว่า นิวคลีออน
 โปรตอนอยูร่ วมกันได้ เพราะ แรงนิวเคลียร์ ซึ่ง เป็นแรงที่เกิดจากการแลก
หน้า.คัดอออก
= เหลือ = เริ่ ม . et เปลี่ยนอนุภาคเมซอนระหว่างนิวคลีอออนในนิวเคลียส
หน้า.ทั้งหมด t  พลังงานยึดเหนี่ยว (binding energy) คือ “พลังงานทีใ่ ช้ในการยึดนิวคลีออน
= เริ่ม .  21  T เข้าไว้ดว้ ยกันในนิวเคลียสของธาตุ” หรือเป็น “พลังงานทีน่ ้อยที่สุด
T = ln2 ที่สามารถทําให้นิวเคลียสแตกตัวเป็นองค์ประกอบย่อย”
 มวล 1 u = 1.6605 x 10-27 กิโลกรัม….จาก E = mc2
ตัวอย่างที่ 1 ในการทดลองอุปมาอุปมัยการทอดลูกเต๋ากับการสลายตัวของธาตุ
กัมมันตรังสี โดยการโยนลูกเต๋าแล้วคัดหน้าที่ไม่แต้มสีออกไป ถ้าลูกเต๋ามี 6 หน้า มี มวล 1 u เทียบได้กับพลังงาน  931 MeV
หน้าที่แต้มสี 2 หน้า และมีจานวน 90 ลูก จงหาว่าถ้าทาการโยนลูกเต๋าทั้งหมด 2
 นิวเคลียสมี เสถียรภาพมาก = สลายตัวยาก ถ้ามี B.E./A สูง
ครั้ง โดยสถิติจะเหลือจานวนลูกเต๋าเท่าใด
1. 10 ลูก
 m = mก่อน - mหลัง B.E. = m  931
2 30 ลูก
3 40 ลูก ตัวอย่างที่ 1 ถ้าต้องการเปลี่ยนมวล 2 กิโลกรัม ให้เป็นพลังงานทั้งหมด
4 56 ลูก จะได้พลังงาน
1 9 x 1016 จูล
2 9 x 1020 จูล
3. 18 x 1016 จูล
ตัวอย่างที่ 2 ลูกเต๋าพิเศษมี 14 หน้า แต่ละหน้ามีหมายเลข 1 ถึง 14 เขียนไว้ เริ่มต้น 4 18 x 1020 จูล
โยนลูกเต๋านี้ จานวน 1,000 ลูก พร้อมกัน และคัดลูกที่ออกเลข 1 , 3 , 5 ออกไป
แล้วนาลูกเต๋าที่เหลือมาโยนใหม่ และคัดออกโดยใช้เกณฑ์เดิม ค่าครึ่งชีวิตของลูกเต๋า ตัวอย่างที่ 2 ถ้านิวเคลียสของธาตุ A มีมวล 4.0020 u และนิวเคลียสของธาตุ A นี้
จะมีค่าเท่าใด ประกอบขึ้นด้วยโปรตอนและนิวตรอนอย่างละ 2 ตัว (มวลของโปรตอน = 1.0073 u,
มวลของนิวตรอน = 1.0087 u, มวล 1u เทียบเท่ากับพลังงาน 930 MeV) พลังงาน
ยึดเหนี่ยวต่อนิวคลีออนของธาตุ A มีค่ากี่ MeV
1 2
2. 7
3 14
4 28

Page 59
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

11. สมการนิเคลียร์ 13. ฟิวชัน ฟิสชัน


 ปฏิกริ ยิ าฟิวชัน (Fision reaction)
เขียนย่อ X(a,b)Y เขียนเต็ม X+a  Y + b  ธาตุเบา + ธาตุเบา  ธาตุหนัก + พลังงาน
หมายถึง นิวเคลียส x ถูกกระตุ้น(ยิง) ด้วยอนุภาค a  เป็นปฏิกิริยาหลอมตัวของนิวเคลียสและมีพลังงานคายออกมาด้วย
แล้วสลายตัวได้นิวเคลียส y และ ปลดปล่อยอนุภาค b  ตัวอย่างในห้องปฏิบัตการ

198 197
ตัวอย่างที่ 1 ปฏิกิรยิ านิวเคลียร์ 80
Hg(n, y) Au
79
ถามว่า y คืออนุภาคอะไร
1 ดิวเทอรอน
 ตัวอย่างบนดาวฤกษ์
2 อนุภาคแอลฟา
3 โปรตอน
4 ทริทอน

 ปฏิกริ ยิ าฟิชชัน (Fission reaction)


ตัวอย่างที่ 2 X + อนุภาคนิวตรอน  Y + อนุภาคแอลฟา  ธาตุหนัก + n  ธาตุเบา + n + n + … + พลังงาน
Z + อนุภาคบีตา  เป็นปฏิกิริยาแยกตัวของนิวเคลียสหนัก(A >230)
ถ้า Z ในปฏิกิริยานิวเคลียร์นี้มีเลขมวลเป็น 2 เท่าของเลขอะตอม นิวเคลียสของธาตุ
X คือ อะไร  เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง ฟิวชัน กับ ฟิสชัน
31
ลักษณะปฏิกิรยิ า : ฟิวชัน = รวม , ฟิสชัน = แยก
1 14
Si
อุณหภูมใิ นการเกิดปฏิกิรยิ า : ฟิวชัน  Tสูง , ฟิสชัน  Tปกติ
2
31
P พลังงานต่อปฏิกริ ยิ า : ฟิวชัน > ฟิสชัน
15
การควบคุมปฏิกริ ยิ า : ฟิวชัน ยากกว่า ฟิสชัน
31
3 13
S
31  เตาปฏิกรณ์นวิ เคลียร์ สาหรับควบคุมฟิสชัน
4 17
Cl

12. พลังงานกับการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์
ตัวอย่างที่ 1 พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อไปนี้
234
92 
U® 218
84 Po + 4 24 He
234 218
โดย 92 U มีมวล 234.11408 u 84 Po มีมวล 218.07702 u
4
2 He มีมวล 4.002603 u จงหาพลังงานที่ปล่อยออกมาจากปฏิกิรยิ านี้

 แท่งเชือ้ เพลิง (Fuel Rod) เป็นแท่งที่มี ยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมเสียบอยู่


 ตัวกลาง (Moderator) เป็นตัวส่งผ่านนิวตรอนไปยังแท่งเชื้อเพลิงอีกแท่ง
อาจจะเป็นน้า หรือน้ามวลหนัก (ดิวทีเรียม) หรืออื่นๆ
 แท่งควบคุม (Comtrol Rod) ทาจากสาร ซับนิวตรอน ก่อนจะทะลุไปยัง
แท่งเชื้อเพลิงอีกแท่ง ใช้ควบคุมระดับพลังงานของเตา และหากปิดลงจนสุดก็
จะหยุดการทางานของเตา
ตัวอย่างที่ 2 จงคานวณค่าพลังงานน้อยที่สุด (ในหน่วยล้านอิเล็กตรอนไวลต์) ในการ
40
แยกเอาอนุภาคนิวตรอนหนึ่งตัวออกจากนิวเคลียสของธาตุ 20 Ca
40 39
กาหนด มวล Ca = 39.962589 u มวล Ca = 38.970691 u
1
มวล 0 n = 1.008665 u
และ มวล 1 u = 930 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์

Page 60
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

14. ประโยชน์ของธาตุกัมมันตรังสี

Page 61
ฟิสิกส์ สามสิบวัน ทันสอบ สรุปเนื้อหา และ ตะลุยโจทย์

Page 62

You might also like