Professional Documents
Culture Documents
การเกิดกระแสประสาท
การเกิดกระแสประสาท
การเกิดกระแสประสาท
การเกิดกระแสประสาท
Nerve Impulse
ขั้นตอนการเกิดกระแสประสาท
1. ระยะพัก (Resting potential หรือ Polarization)
2.ระยะดีโพลาไรเซชัน (Depolarization)
3.ระยะรีโพลาไรเซชัน (Repolarization)
4.ระยะไฮเพอร์โพลาไรเซชัน (Hyperpolarization หรือ Undershoot)
1
23/08/64
ระยะพัก
Resting potential หรือ Polarization
1 3
“
เป็นระยะก่อนที่เซลล์ประสาทจะถูกสิ่งเร้ากระตุ้น เซลล์มีค่าศักย์ไฟฟ้าเยือ่
เซลล์ -70 mV มีการเคลื่อนที่ของไอออนผ่าน Na-K pump
และช่อง leak channel ตามปกติ
2
23/08/64
3
23/08/64
ระยะดีโพลาไรเซชัน
Depolarization
2 8
4
23/08/64
เซลล์ประสาทมีการตอบสนองดังนี้
- โปรตีน Voltage-gated Na+ channel เปิดออก Na+ จาก
ภายนอกเซลล์แพร่เข้าสู่เซลล์จำนวนมาก
- ศักย์ไฟฟ้าเยื่อหุ้มเซลล์เพิ่มสูงขึ้นจนถึงประมาณ +40 mV
10
5
23/08/64
11
12
6
23/08/64
ระยะรีโพลาไรเซชัน
Depolarization
3 13
14
7
23/08/64
15
ระยะไฮเพอร์โพลาไรเซชัน
Hyperpolarization หรือ Undershoot
4 16
8
23/08/64
17
18
9
23/08/64
19
20
10
23/08/64
21
22
11
23/08/64
24
12
23/08/64
25
26
13
23/08/64
การไหลของกระแสไฟฟ้า
27
28
14
23/08/64
29
30
15
23/08/64
31
32
16
23/08/64
33
34
17
23/08/64
การถ่ายทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์
(Synapse หรือ Signal Cell to Cell)
การถ่ายทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์
เป็นการถ่ายทอดกระแสประสาทจากแอกซอนของเซลล์ประสาทหนึ่งไปยังเดนไดรท์ของอีกเซลล์
ประสาทหนึ่ง หรือเซลล์กล้ามเนื้อ หรือเซลล์ต่อมก็ได้ เรียกเซลล์ที่ส่งกระแสประสาท ว่า
presynaptic cell เรียกเซลล์รับกระแสประสาทว่า postsynaptic cell และเรียกช่องว่างระหว่าง
เซลล์ที่เกิดการส่งว่า ช่องไซแนปส์ (Synaptic cleft)
36
18
23/08/64
รูปแบบการไซแนปส์ มึ 2 รูปแบบ
◉ เป็นการแพร่ของไอออนจากเซลล์หนึ่ง ◉ เป็นการส่งสัญญาณจากเซลล์หนึ่งไปยังอีก
ไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยตรง ผ่านช่อง เซลล์หนึ่งโดยใช้ สารสื่อประสาท
(neurotransmitter) ที่บรรจุในถุง
เล็กๆเรียกว่า gap junction synaptic vesicle
◉ ข้อดี คือการไซแนปส์เกิดขึ้นได้เร็ว ◉ ข้อดี คือควบคุมการการตอบสนองของเซลล์
◉ ข้อเสีย คือควบคุมปริมาณและทิศทาง รับสัญญาณได้ดี
ได้ยาก ◉ ข้อเสีย คือทางานช้ากว่าไซแนปส์ไฟฟ้า
37
38
19
23/08/64
39
40
20
23/08/64
41
่
สารสือประสาท
42
21
23/08/64
43
44
22
23/08/64
45
ปัจจัยทีม่ ผี ลต่อความเร็วในการนากระแสประสาท
◉ ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของเซลล์ประสาท
◉ จานวนเยื่อหุ้มไมอีลีน
◉ ระยะห่างระหว่างโนดออฟเรนเวียร์
◉ จานวนไซแนปส์
46
23
23/08/64
ระบบประสาทของมนุษย์
(Human nervous system)
47
ระบบประสาทอัตโนวัติ ระบบประสาทโซมาติก
(autonomic nervous system) (somatic nervous system)
ระบบประสาทซิมพาเธติก ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก
(sympathetic nervous system) (parasympathetic nervous system)
48
24
23/08/64
ทาหน้าที่ควบคุมการทางาน
ส่วนต่างๆของร่างกาย เกิดจากเซลล์
ประสาทหลายล้านเซลล์ที่พัฒนามาจาก
“ท่อประสาท (neural tube)” ในระยะ
เอ็มบริโอ โดยด้านหน้าจะโป่งออกเป็น
สมอง ส่วนที่เหลือเจริญเป็นไขสันหลัง
49
50
25
23/08/64
51
52
26
23/08/64
53
54
27
23/08/64
การท้างานของสมอง
◉ สมองซีกซ้ายจะควบคุมการทางานของ
กล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสของ
ร่างกายซีกขวา ส่วนสมองซีกขวาจะ
ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อและ
ประสาทสัมผัสของร่างกายซีกซ้าย
55
56
28
23/08/64
เยื่อหุม้ ไขสันหลัง
มีเยื่อหุ้ม 3 ชั้น เหมือนกับสมอง
ได้แก่
- Dura matter
- Arachnoid
- Pia matter
แต่เยื่อหุ้มไขสันหลังจะหุม้ ไปจนถึง
กระดูกสันหลังข้อสุดท้ายเท่านั้น ทา
ให้เส้นประสาทบริเวณกระดูกบัน
เอวข้อที่ 1-2 ไม่มีเยื่อหุ้ม
57
58
29
23/08/64
59
60
30
23/08/64
61
ซีรีบรัม (Cerebrum)
◉ เป็นสมองส่วนที่ใหญ่ที่สุด มีรอยหยักจานวนมาก แบ่งเป็นสองซีก แต่ละซีกเรียกว่า
cerebral hemisphere ซีกซ้ายควบคุมการคิดวิเคราะห์ ซีกขวาควบคุมอารมณ์ แต่ละซีก
แบ่งเป็น 4 พู ดังนี้
◉ Frontal lobe
◉ Temporal lobe
◉ Occipital lobe
◉ Parietal lobe
62
31
23/08/64
ทาลามัส (Thalamus)
◉ เป็นส่วนของสมองเนื้อเทาอยู่บน
ด้านไฮโพทาลามัส ทาหน้าที่ถ่ายทอด
กระแสประสาทที่รับมาจากไขสันหลัง
ไปยังสมองส่วนต่างๆ ทั้งยังควบคุม
สติสัมปชัญญะ ควบคุมการนอนหลับ
และควบคุมการตื่นตัวอีกด้วย
63
ไฮโพทาลามัส (Hypothalamus)
◉ อยู่ระหว่างทาลามัสและก้านสมอง ทาหน้าที่
หลายอย่าง ดังนี้
◉ เป็นศูนย์กลางของระบบประสาทอัตโนวัติ
◉ สร้างฮอร์โมนประสาท ควบคุมการทางานของ
ต่อมใต้สมองส่วนหน้า
◉ สร้างฮอร์โมน ADH เพื่อควบคุมสมดุลน้าใน
เลือด และoxytocin ควบคุมการหลั่งน้านม
◉ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย อารมณ์ความรู้สึก
64
32
23/08/64
อิพิทาลามัส (epithalamus)
◉ อยู่กึ่งกลางสมองส่วนซีรีบรัมซีกซ้ายและซีกขวา เป็นที่อยู่ของต่อมไพเนียล ที่สร้างฮอร์โมน melatonin ยับยั้ง
การเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์
65
◉ เป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าสุดของสมอง
ส่วนหน้า ทาหน้าที่รับสัญญาณที่ส่ง
มาจากเซลล์รับกลิ่น ผ่านเส้นประสาท
สมองคู่ที่ 1 แล้วส่งไปประมวลผลต่อที่
ซีรีบรัม
66
33
23/08/64
สมองส่วนกลาง (Midbrain)
◉ เป็นสมองส่วนเล็กๆอยู่ด้านบนสุดของ
ก้านสมอง (brain stem) ทาหน้าที่
เป็นท่อส่งผ่านเส้นประสาทต่างๆ
ระหว่างสมองส่วนหน้ากับไขสันหลัง
67
68
34
23/08/64
◉ เป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างสมองใหญ่กับ
ไขสันหลัง อาการผิดปกติเกี่ยวกับก้าน
สมองอาจทาให้ถึงตายได้ เพราะมีส่วน
ทาหน้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ
ควบคุมการหายใจ และควบคุมวงจร
การนอนหลับ
69
ระบบประสาทรอบนอก
(Peripheral nervous system: PNS)
70
35
23/08/64
71
ชนิดของเส้นประสาท
◉ เส้นประสาทรับความรู้สึก (sensory
nerve) : รับความรู้สึกจากสิ่งเร้าและ
ส่งเข้าระบบประสาท
◉ เส้นประสาทสั่งการ (motor nerve)
: รับคาสั่งจากระบบประสาท
ส่วนกลางและส่งไปยังอวัยวะหรือต่อม
◉ เส้นประสาทผสม (mixed nerve) :
เป็นทั้งเส้นประสาทรับความรู้สึก
และเส้นประสาทสั่งการ
72
36
23/08/64
◉ เส้นประสาทที่แยกออกมาจาก
สมองเป็นคู่ๆ คนมี 12 คู่ มี
ทั้งเส้นประสาทรับความรู้สึก
เส้นประสาทสั่งการ
เส้นประสาทผสม รับ
ความรู้สึกและสั่งการบริเวณ
ศีรษะและลาตัว
73
รับกลิ่นต่างๆ
รับภาพต่างๆจากเรตินา
ควบคุมการยกหนังตา การกระพริบตา การขยาย-หดรูม่านตา
ควบคุมกล้ามเนื้อลูกตา การกลอกตาซ้าย-ขวา
ควบคุมและรับความรู้สึกของใบหน้า
ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลูกตา
ควบคุมการแสดงสีหน้า การหลั่งน้าลาย รับรสชาติต่างๆ
รับสัญญาณเสียงและการทรงตัวของร่างกาย
รับรสชาติ ควบคุมต่อมน้าลาย ควบคุมการกลืนอาหาร
ควบคุมและรับความรู้สึกอวัยวะภายใน
ควบคุมกล้ามเนื้อคอ เช่น การเอียงคอ การยกไหล่
ควบคุมการกล้ามเนื้อลิ้น
74
37
23/08/64
75
◉ เส้นประสาทที่แยกออกมาจากไขสัน
หลัง คนมี 31 คู่ ทุกคู่เป็น
เส้นประสาทผสม รับความรู้สึกและ
สั่งการ แขน ขา และลาตัว โดย
เรียนชื่อตามตาแหน่งกระดูกสันหลัง
76
38
23/08/64
77
78
39
23/08/64
ระบบประสาทอัตโนวัติ ระบบประสาทโซมาติก
(autonomic nervous system) (somatic nervous system)
ระบบประสาทซิมพาเธติก ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก
(sympathetic nervous system) (parasympathetic nervous system)
79
ระบบประสาทสัง่ การ
◉ เป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทรอบ
นอกที่รับสัญญาณประสาทมาจากระบบ
ประสาทส่วนกลางและส่งต่อไปยังอวัยวะ
หรือต่อมต่างๆ ทั้งต่อมมีท่อและต่อมไร้
ท่อเพื่อให้ตอบสนอง แบ่งเป็น 2
ระบบย่อย ดังนี้
80
40
23/08/64
81
แผนภาพการท้างานของระบบประสาทโซมาติ
แผนภาพการท้ างานของระบบประสาทโซมาติกกแบบ Reflex action
82
41
23/08/64
83
แผนภาพการท้างานของระบบประสาทโซมาติ
แผนภาพการท้ างานของระบบประสาทโซมาติกกแบบ Reflex action
84
42
23/08/64
85
86
43
23/08/64
2.1 ระบบประสาทซิมพาเธติก
(Sympathetic nervous system)
◉ มีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังระดับอกและเอว
ทาหน้าที่เพิ่มการใช้พลังงานเพื่อทาให้
ร่างกายตื่นตัว โดยเร่งการทางานของหัวใจ
เพิ่มเมทาบอลิซึมของอวัยวะต่างๆ เด่นชัด
ในช่วงเวลาเครียด หรือกลัวมาก เพิ่มการ
ใช้พลังงาน
87
2.2 ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก
(parasympathetic nervous system)
88
44
23/08/64
ตารางเปรียบเทียบการทางานของระบบประสาทซิมพาเทติกกับพาราซิมพาเทติก
อวัยวะ Sympathetic Parasympathetic
ตา ม่านตาขยาย ม่านตาหด
ต่อมน้าตา กระตุ้นให้หลั่งน้าตาออกมามากกว่าปกติ ควบคุมการหลั่งน้าตาให้เป็นปกติ
ต่อมน้าลาย ยับยั้งการหลั่งน้าลาย กระตุ้นการหลัง่ น้าลาย
หัวใจ เพิ่มอัตราการเต้นและการบีบของหัวใจ ชะลออัตราการเต้นของหัวใจ
ปอด กระตุ้นให้ท่อลมฝอยขยายตัวคลายตัว กระตุ้นให้ท่อลมฝอยหดตัว
ยับยั้งการบีบตัวและการหลั่งน้าย่อย กระตุ้นการบีบตัวและการหลัง่ น้าย่อย
กระเพาะอาหาร
ของกระเพาะอาหาร ของกระเพาะอาหาร
กระตุ้นให้ตบั ทางานพื่อเพิ่มปริมาณกลูโคส
ตับ กระตุ้นการหลัง่ น้าดี
ในกระแสเลือด
กระตุ้นให้ตอ่ มหมวกไตหลัง่ อะดรีนาลิน
ต่อมหมวกไต -
(Adrenalin หรือ Epinephine)
กระเพาะปัสสาวะ กระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะคลายตัว กระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะหดตัว
89
อวัยวะรับความรูส้ กึ
(Sense organ)
90
45
23/08/64
91
92
46
23/08/64
93
94
47
23/08/64
95
96
48
23/08/64
97
98
49
23/08/64
99
100
50
23/08/64
เซลล์รบั แสง (Photoreceptor cell) : มีโปรตีน opsin และรงควัตถุ retinal อยู่ที่เยื่อหุม้ เซลล์ ทา
หน้าที่แปลงภาพที่เห็นไปเป็นสัญญาณประสาท
เซลล์รับแสงมี 2 ชนิดคือ
1. เซลล์รูปแท่ง (rod cell) : รับภาพขาวดา ทางานได้ดีในที่แสงน้อย ไวต่อแสง
2. เซลล์รูปกรวย (cone cell) : รับภาพเป็นภาพสี ดูดกลืนแสงสีได้ดีที่ความยาวคลื่นต่างกัน
101
102
51
23/08/64
จุดสาคัญบนเรตินา
103
104
52
23/08/64
การส่งสัญญาณภาพไปยังสมอง
105
106
53
23/08/64
107
108
54
23/08/64
109
โรคเกีย่ วกับการมองเห็น
◉ ตาบอดสี (color blindness)
110
55
23/08/64
111
112
56
23/08/64
◉ ต้อกระจก (cataract)
◉ ต้อเนื้อ (pterygium)
◉ ต้อหิน (glaucoma)
113
จมูกและการได้กลิน่
(Olfactory system)
มีสิ่งเร้าคือ โมเลกุลกลิ่น, อวัยวะ
รับสัมผัสคือ จมูก, มีเซลล์รับ
ความรู้สึกคือ เซลล์รับกลิ่น
114
57
23/08/64
115
ลิ้นและการรับรส
(Gustatory system)
มีสิ่งเร้าคือ โมเลกุลที่มีรส
อวัยวะรับสัมผัสคือ ลิ้น
มีเซลล์รับความรู้สึกคือ เซลล์รับรส
116
58
23/08/64
ลิ้นบอกความแตกต่างของรสชาติอาหาร
ได้เนื่องจากมี ปุ่มรับรส จานวนมากบน
ลิ้น เรียกว่า แพพิลลี (papiiae) ปุ่ม
เหล่านี้ประกอบด้วย ต่อมรับรส
(taste bud) ซึ่งมีอยู่ 4 ชนิด ทา
หน้าที่รับรสต่างๆ ได้แก่ รสหวาน รส
ขม รสเค็ม รสเปรี้ยวกระจายอยู่บนลิ้น
บริเวณต่างๆ
117
118
59
23/08/64
ขั้นตอนการเกิดกระแสประสาท
1. ระยะพัก (Resting potential หรือ Polarization)
2.ระยะดีโพลาไรเซชัน (Depolarization)
3.ระยะรีโพลาไรเซชัน (Repolarization)
4.ระยะไฮเพอร์โพลาไรเซชัน (Hyperpolarization หรือ Undershoot)
119
หูกับการได้ยนิ
(Auditory system)
หู เป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการได้
ยินและทรงตัว โดยมีสิ่งเร้าคือ
พลังงานเสียง และมีประสาทรับรู้
เสียง เป็นเซลล์รับความรู้สึก
120
60
23/08/64
121
122
61
23/08/64
123
124
62
23/08/64
กระบวนการได้ยนิ : มีขั้นตอนดังนี้
1. เสียงเข้าสู่ช่องหู ผ่านหูชั้นนอกไปยังแก้วหู ทาให้แก้วหูสั่นสะเทือนตามคลื่นเสียง
2. การสั่นสะเทือนของแก้วหู ถูกส่งผ่านกระดูกหู ค้อน ทั่ง โกลน ซึ่งจะช่วยขยายสัญญาณเสียงแล้วส่งไปยังคอเคลีย
3. คอเคลียร์ ภายในบรรจุของเหลวและมีเซลล์ขน ซึ่งเมื่อคลื่นเสียงเดินทางมาถึงคอเคลีย จะทาให้ของเหลวภายใน
สั่นสะเทือน
4. การสั่นสะเทือนของของเหลวในคอเคลีย ทาให้เซลล์ขนแปลงการสั่นสะเทือนให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งไปยัง
ประสาทรับเสียง
5. ประสาทรับเสียงส่งสัญญาณต่อไปยังสมอง เพื่อแปลความหมายของเสียงที่ได้รับ
125
126
63
23/08/64
127
การทรงตัว (vestibular)
ใช้ระบบ semicircular canal system คือการใช้ท่อ
semicircular canal ที่ติดกับคอเคลียในหูชั้นใน ซึ่งมีลักษณะ
เป็นท่อรูปครึ่งวงกลม 3 หลอด ตั้งเป็นแนวฉากต่อกัน ภายใน
ท่อบรรจุของเหลวอยู่ ปลายท่อทั้ง 3 ต่อกับแอมพูลลา
(ampulla) ซึ่งมีเซลล์ขน (hair cell) เมื่อร่างกายมีการเอียงตัว
หรือมีการหมุนตัว ของเหลวจากท่อ semicircular canal จะไหล
ไปกระทบกับเซลล์ขน เกิดกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาท
สมองคู่ที่ 8
128
64
23/08/64
129
ผิวหนัง ทาหน้าที่รับความรู้สึกและ
รับการสัมผัสต่างๆจากภายนอก
ร่างกาย
130
65
23/08/64
- หนังกาพร้า (epidermis)
- หนังแท้ (dermis)
131
หนังก้าพร้า (Epidermis)
- อยู่ชั้นบนสุดและบางมาก มีเซลล์ซ้อนกัน
เป็นชั้นๆแบ่งตัวเรื่อยๆ
- เซลล์ชั้นบนสุดของหนังกาพร้าจะกลายเป็น
ขี้ไคลหลุดออกไป
- เป็นทางผ่านของรูเหงื่อ ไขมัน และเส้น
ขน หนังกาพร้าไม่มีหลอดเลือด เส้นประสาท
หรือต่อมต่างๆ
132
66
23/08/64
หนังแท้ (Dermis)
- อยู่ชั้นล่างและหนากว่าหนังกาพร้า มีต่อม
รับความรู้สึกต่างๆอยู่ในชั้นนี้
- ประกอบไปด้วยเนื้อเยือ่ คอลลาเจน
(collagen) อีลาสติน (elastin) หลอดเลือด
และเส้นประสาทต่างๆ
133
134
67