Karnrawee, Journal Manager, 7

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 7

65

จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์
ETHICS IN DANCE RESEARCH
นราพงษ์ จรัสศรี / NARAPHONG CHARASSRI
สาขาวิชานาฏยศิลป์ ตะวันตก ภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
DEPARTMENT OF THEATER DANCE ,FACULTY OF FINES AND APPLIED ARTS,
CHULALONGKORN UNIVERSITY.

บทคัดย่อ ของผลงานวิจยั
ปจั จัยทัง้ 10 ประการนี้ ถือเป็ นข้อมูลทีผ่ วู้ จิ ยั พบว่า
จริยธรรมทางการวิจยั จะช่วยให้ผลงานสร้างสรรค์ ได้มกี ารกระท�ำผิดทางจริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์ ซึง่ ได้
และงานวิจยั ทางนาฏยศิลป์นนั ้ สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ ท่ามกลางการ รับ การศึก ษาและค้น พบผ่ า นกระบวนการวิจ ัย ตรงตามจุ ด
สร้างผลงานทีม่ คี ณ ุ ภาพของผูส้ ร้างงานทีม่ คี วามตัง้ ใจจริง พบ ประสงค์ของการวิจยั ทุกประการ
ว่าได้มปี จั จัยในการกระท�ำผิดทางจริยธรรมเพิม่ มากขึน้ และ
ในเวลาทีผ่ า่ นมายังไม่ได้มกี ารศึกษาเรือ่ งนี้อย่างจริงจัง งาน ค�ำส�ำคัญ: จริยธรรม, การวิจยั , นาฏยศิลป์
วิจยั เรือ่ ง “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” นี้ มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ ศึกษาปจั จัยทีท่ ำ� ให้เกิดการกระท�ำผิดเกีย่ วกับจริยธรรมใน Abstract
การวิจยั ทางนาฏยศิลป์ โดยให้ความส�ำคัญกับผลงานวิจยั ทาง
นาฏยศิลป์ระดับบัณฑิตศึกษาในรูปแบบของเอกสารเป็ นหลัก Ethics in research in general is of the utmost
การวิจยั ในครัง้ นี้เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพ ทีผ่ า่ นกระบวนการ importance. How can you take research and its results
วิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยเครือ่ งมือทีป่ ระกอบไปด้วย ข้อมูลทางเอก seriously, if you are in doubt about its ethical soundness?
สาร ประสบการณ์สว่ นตัว และการสัมภาษณ์กบั กลุม่ ผูท้ ่ี Over the years, the author of this paper found more and
เกีย่ วข้องกับหัวข้องานวิจยั เป็ นหลัก โดยใช้ระยะเวลานับ more ethics infringements in student papers on graduate
ตัง้ แต่เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ถึง เดือน กรกฎาคม พ.ศ. level in his field of dance research. That is why this paper
2560 on “Ethics in Dance Research” aims to study this issue
ผลจากการวิจยั ท�ำให้ได้ขอ้ มูลใหม่ซง่ึ เป็ นปจั จัยทีส่ ่ง more closely. It is based on a qualitative process, using
ผลต่อการกระท�ำผิดทางจริยธรรมการวิจยั นาฏยศิลป์ ซึง่ พบ research literature, personal experience and interviews
ว่าแบ่งออกได้เป็ น 10 ประเด็น ดังนี้ 1) การมีอยูข่ องระบบ with prominent experts in dance research. Data collection
อาวุโสแบบไทยโบราณ ทีส่ ง่ ผลต่อการท�ำผิดทางจริยธรรมใน was carried out between July 2007 until July 2017
การวิจยั 2) การมีอยูข่ องระบบพวกพ้องในองค์กรทีม่ คี วาม The author identified 10 issues resulting in poor

เกีย่ วข้องกับการวิจยั ทางนาฏยศิลป 3) การคาดหวังผล ethics in dance research. These are;
ประโยชน์จากบุคคลหรือองค์กรใด ๆ จนท�ำให้เกิดการท�ำงาน 1) Not putting into question senior authority in
วิจยั ทีม่ ผี ลเบีย่ งเบน 4) การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจทีเ่ หนือกว่าใน critical situations.
สังคมไทย จนท�ำให้มกี ารท�ำผิดทางจริยธรรมในการวิจยั 5) มี 2) The loss of networking between Dance

การท�ำผิดกระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลปดว้ ยการน�ำระเบียบ Research Organizations.
วิธวี จิ ยั มาสวมใช้กบั งานทีไ่ ม่ได้ถกู สร้างขึน้ มาจากกรรมวิธขี อง 3) Strong advance expectations of sponsors,
การวิจยั ตัง้ แต่แรก 6) การละเมิดด้วยการไม่ขออนุญาต การไม่ causing a bias in research.
อ้างอิง และเอางานของผูอ้ น่ื มาเป็ นงานของตน 7) พบว่ามี 4) A general fear in Thai society to challenge
พฤติ ก รรมของการท� ำ เป็ น ไม่ รู้ โ ดยเจตนาของนั ก วิ จ ัย ที่ hierarchical structures.
เกีย่ วข้องกับการจงใจสร้างข้อมูลเท็จ 8) การปิดบังซ่อนเร้น 5) Replacing a process in a new work that is very
ข้อมูลในงานวิจยั เพือ่ ความสะดวกในกระบวนการท�ำการวิจยั different from the one that has been used before.
ให้ลุลว่ งไป โดยเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ผูท้ ม่ี อี ทิ ธิพลเพือ่ หวัง 6) A large increase in plagiarism.

ต�ำแหน่งหน้าทีข่ องตนทัง้ ในปจจุบนั และอนาคต 9) การใช้ 7) A bias in collecting information in one’s
พืน้ ทีใ่ นงานวิจยั เพือ่ ท�ำลายผูอ้ น่ื 10) การละเลยหรือละเว้น research project.
หน้าทีข่ องคณะกรรมการในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ 8) Researchers being corrupted by aspiring to a
66

future position in an attractive institution เรือ่ งของคุณธรรม ลดความส�ำคัญในการตรวจสอบคุณสมบัติ


9) Use your research as means to harm ในด้านนี้ลงอย่างน่าเสียดาย ดังหลักฐานทีว่ า่ จะมีอาจารย์สกั กี่
competitors. คนในสถาบันระดับอุดมศึกษาที่จะลุกขึ้นมาสอนผู้เรียนให้ม ี
10) Judges being completely ignorant of these คุณธรรม ในประเทศไทย ยิง่ เรียนสูงมากขึน้ เท่าไรการพูดถึงก็
problems. คุณธรรมและจริยธรรมยิง่ ถอยห่างออกไปมากเท่านัน้
ในเวลาทีผ่ า่ นมา เนื่องจากปริมาณของเหลักสูตรการ
Keywords: Ethics, Research, Dance ศึ ก ษาทางด้ า นนาฏยศิ ล ปในสถาบัน การศึ ก ษาในระดับ
อุดมศึกษามีเพิม่ มากขึน้ ก็เป็ นทีส่ งั เกตว่าแต่ละสถาบันต่างก็ม ี
บทน�ำ การตื่นตัวในการผลิตงานวิจยั และการสร้างสรรค์ผลงานทาง
ด้านนาฏยศิลป์ทงั ้ ในหลักสูตรปริญญาบัณฑิต บัณฑิตศึกษา
สิง่ ทีม่ าพร้อมกับการเปิ ดหลักสูตรการศึกษาทางด้าน และการขอผลงานทางวิชาการของเหล่าคณาจารย์ทางนาฏย
นาฏยศิลป์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ก็คอื การผลิตผลงาน ศิลป์เพือ่ เพิม่ ศักยภาพให้กบั ต้นสังกัด อย่างไรก็ตามท่ามกลาง
วิจยั และงานสร้างสรรค์ทางด้านนาฏยศิลป์ทม่ี เี พิม่ มากขึน้ การขยายวงกว้างของการสร้างงานทีม่ คี ุณภาพดังกล่าวของผู้
คุณภาพเป็ นสิง่ ทีค่ วรจะมาพร้อมกับปริมาณ และสิง่ หนึ่งทีจ่ ะ สร้างงานและศิลปินทีม่ คี วามตัง้ ใจจริงอย่างน่าสรรเสริญ พบว่า
ท�ำให้คณ ุ ภาพนัน้ สมบูรณ์กค็ วรจะเป็ น “จริยธรรมทางการวิจยั ได้มกี ารกระท�ำผิดทางจริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์ทท่ี วี
นาฏยศิลป์” ในเวลาทีผ่ า่ นมายังไม่ได้มกี ารศึกษาเรือ่ งนี้อย่าง ความซับซ้อนเพิม่ มากขึ้นโดยผู้รู้ท่อี ยู่ในวงการเดียวกันเอง
จริงจัง และท่ามกลางการสร้างผลงานทีม่ คี ณ ุ ภาพของผูส้ ร้าง นับตัง้ แต่ในเรื่องของการกระท�ำในลักษณะของการลักลอก
งานทีม่ คี วามตัง้ ใจจริง พบว่าได้มปี จั จัยในการกระท�ำผิดทาง เอางานของผูอ้ ่นื มาเป็ นงานของตัวเองในแบบทีเ่ คยได้ยนิ กัน
จริยธรรมเพิม่ มากขึน้ นับตัง้ แต่ในเรือ่ งของการกระท�ำใน อยู่ ค�ำนิยามของการลักลอกงานวิชาการและวรรณกรรม
ลักษณะของการลักลอกเอางานของผูอ้ ่นื มาเป็ นงานของตนใน (plagiarism) ค�ำศัพท์และนิยามบัญญัตโิ ดย กัญจนา บุณย
แบบทีเ่ คยได้ยนิ ทางสือ่ ปจั จุบนั พบว่าได้มกี ารกระท�ำใน เกียรติ (2556: 10) ได้อธิบายไว้วา่
ลักษณะของการใช้พน้ื ทีใ่ นงานวิจยั เพือ่ ลดคุณค่าผลงานของผู้
อืน่ การบิดเบือนข้อมูลในลักษณะนี้จะสร้างความสับสนให้กบั ก า ร ลั ก ล อ ก ง า น วิ ช า ก า ร แ ล ะ
ผูศ้ กึ ษารุน่ หลังทีไ่ ด้รบั ข้อมูลทีม่ คี วามขัดแย้งกัน ความเสีย วรรณกรรม (plagiarism) หมายถึงการลอกค�ำ
หายจะลุกลามไปถึงความไม่นาเชื่อถือในประวัตศิ าสตร์ทาง ประโยค เนื้อหา กระบวนการ หรือความคิด
ด้านนาฏยศิลป์ของชาติ คนรุน่ ใหม่ชาวไทยก็จะขาดความ ของบุคคลอืน่ ทีอ่ ยูใ่ นรูปของตาราง ภาพ หรือ
ภาคภูมใิ จในพัฒนาการการสร้างสรรผลงานทางนาฏยศิลป์ แผนภูม ิ หรือสถิตติ ่าง ๆ อาจเป็ นการคัดลอก
และศิลปะของชาติสบื ต่อไปอย่างน่าเสียดาย จากการกระท�ำที่ ค�ำต่อค�ำ การลอกเพียงบางส่วน การถอด
ไม่มจี ริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์ ความเนื้อหาสาระ หรือการสรุปความแล้วน�ำ
นับตัง้ แต่การเปิ ดหลักสูตรการศึกษาทางนาฏยศิลป์ เสนอให้ดูเสมือนเป็ นความคิดหรือผลงานตัว
ในโลกตะวันตกเป็ นต้นมา ประเทศไทยก็ได้มกี ารเปิดหลักสูตร เอง โดยมิได้ระบุถงึ แหล่งทีม่ าของข้อเขียน
การศึกษาทางด้านนาฏยศิลป์ โดยเริม่ จากวิทยาลัยนาฏศิลป หรือความคิดนัน้ ด้วยวิธกี ารอ้างอิงทีส่ มบูรณ์
ในปจั จุบนั ปริมาณของหลักสูตรการศึกษาทางด้านนาฏยศิลป์ ชัดเจนและเป็ นหลักสากล ทัง้ นี้รวมถึงการลัก
ในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามีเพิม่ มากขึ้นอย่างต่อ ล อ ก ค ว า ม คิ ด จ า ก ง า น วิ ช า ก า ร แ ล ะ
เนื่อง การผลิตบัณฑิตผูร้ อบรูใ้ นสายงานทางด้านนาฏยศิลป์ วรรณกรรมของผู้ อื น่ ที อ่ ยู่ ใ นรู ป ข้ อ เสนอ
เป็ นเป้าหมายทีส่ ำ� คัญของแต่ละสถาบัน ความส�ำคัญของแต่ละ โครงการและต้นฉบับบทความด้วย
สถาบันการศึกษาต่างให้ความส�ำคัญกับคุณธรรมในด้านต่าง
ๆ มากน้อยแตกต่างกันไป ดังจะขอยกตัวอย่างค�ำส�ำคัญของ ก า ร ลั ก ล อ ก ง า น วิ ช า ก า ร แ ล ะ
สองมหาวิทยาลัยมาให้เห็น ตัวอย่างแรกมหาวิทยาลัย วรรณกรรม (plagiarism) หรือทีเ่ รียกอย่าง
กรุงเทพได้ให้ความส�ำคัญกับการเป็ น “มหาวิทยาลัยแห่งความ ง่าย ๆ ว่าการขโมยความคิด ถือเป็ นประเด็น
คิดสร้างสรรค์” ในขณะทีต่ วั อย่างทีส่ อง จุฬาลงกรณ ส�ำ คัญ หนึ ง่ ทีป่ รากฏในหลากหลายแวดวง
มหาวิทยาลัยได้ให้ความส�ำคัญกับ “ความรูค้ คู่ ณ ุ ธรรรม” แต่ เช่น สือ่ สารมวลชน การเมือง และวรรณคดี
เท่าทีส่ งั เกตจะมีสมาชิกซึง่ รวมถึงอาจารย์และนิสติ นักศึกษา จากทีย่ กตัวอย่างมา เป็ นเพียงไม่กสี ่ าขาทีม่ ี
สัก กี่ค นที่จ ะมีค วามรู้ เ กี่ย วกับ ค� ำ ที่ม ีนั ย ยะที่ช่ ว ยส่ ง เสริม การขโมยความคิดทีม่ กั พบเห็นได้บ่อยครัง้
อุดมการณ์เหล่านี้ อย่างไรก็ตามไม่วา่ สถาบันการศึกษาของ บริบทของการขโมยความคิดจึงต้องกระตุ้น
ประเทศไทยจะมุง่ ให้ความส�ำคัญไปในทางใด สิง่ ทีผ่ เู้ รียน ผู้ ให้ผเู้ กีย่ วข้องหันกลับมาตัง้ ค�ำถาม โดย
สอน และผูท้ จ่ี บไปเป็ นบัณฑิตและนักวิชาการพึงมีกค็ งปฏิเสธ เฉพาะกับงานนิพนธ์หรืองานเขียนเหล่านัน้
ไม่ได้วา่ ควรจะเป็ นเรือ่ งของคุณธรรม ซึง่ หลายคนก็ได้ ควรสร้างความตระหนักและชี้ให้เห็นผลเสีย
ตระหนักในเรือ่ งนี้ดี แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าเรือ่ งของ ของการขโมยความคิด โดยเฉพาะอย่างยิง่ ใน
คุณธรรมเป็ นเรือ่ งทีจ่ บั ต้องกันได้ยาก ด้วยเหตุน้ีจงึ ท�ำให้ การเขียนงานนิพนธ์ในลักษณะต่าง ๆ ของ
สถาบันการศึกษาของชาติหลายแห่งไม่ได้ให้ความส�ำคัญกับ การศึกษาในระดับบัณทิตศึกษา (Pecorari,
67

2010: 7) กระบวนการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ ตามรูปแบบของการวิจยั


เชิงคุณภาพ
การขโมยความคิด (plagiarism) มัก
จะถูกกล่าวถึงภายใต้ชอื ่ เรียกขานทีแ่ ตกต่าง วัตถุประสงค์ของการวิจยั
กันไป เช่น การละเมิดลิขสิทธิใ์ นความคิดของ
งานเขียน การขโมยวรรณกรรม การเลียน เพื่ อ ศึ ก ษาถึ ง ป จั จั ย ที่ ท� ำ ให้ เ กิ ด การท� ำ ผิ ด ทาง
แบบ ฯลฯ แต่ไม่วา่ จะเรียกว่าอย่างไร ค�ำนี้ก็ จริยธรรมในการวิจยั ทางนาฏยศิลป์
ให้ความหมายเชิงลบ เพราะการขโมยความ
คิดผูอ้ นื ่ นัน้ เป็ นการดูถกู คุณค่าดัง้ เดิมของ
การเป็ นผูป้ ระพันธ์งานเขียนต้นฉบับ (Marsh, อุปกรณ์และวิธีดำ� เนินการวิจยั
2007: 1)
งานวิจยั เรือ่ ง “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” นี้ ผู้
วิจ ัย ต้อ งการศึก ษาป ญ ั หาที่ส�ำ คัญ ในวงการการศึก ษาและ
ในวงการศึกษาของประเทศไทย พวกเรามักจะได้คนุ้
เคยกับปญั หาในเรื่องทีม่ ผี ูล้ กั ลอกเอาผลงานของผูอ้ ่นื มาเป็ น สร้างสรรค์ผลงานทางนาฏยศิลป์ซ่ึงเกิดขึ้นไม่น้อยในสังคม
งานของตนแล้วไม่มกี ารเอาผิดถึงขัน้ ลงโทษกับผูล้ ะเมิดมาระ ไทย โดยผูว้ จิ ยั เริม่ กระบวนการศึกษาจากกรณีตวั อย่างผลงาน
ยะหนึ่งแล้ว หรือไม่กไ็ ด้ยนิ ข่าวของการลักลอกงานของนัก วิจยั ทีม่ ปี ญั หาทางการละเมิดซึง่ ท�ำให้ได้ประเด็นค�ำถามต่าง ๆ
วิชาการแล้วปล่อยไว้สกั พักเรือ่ งก็เงียบหายไป เช่นเดียวกับ 10 ค�ำถามทีร่ วมอยูใ่ น 4 ปจั จัยใหญ่ เพือ่ เป็ นแนวทางในการ
การคุน้ เคยกับปญั หาของนักเรียนทุจริตในการสอบในสังคม ศึกษาและให้ได้คำ� ตอบของงานวิจยั คือ ปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อการก
ไทย ทีด่ เู หมือนว่าจะมีปริมาณเพิม่ มากขึน้ หรือถ้าจะบอกได้วา่ ระท�ำผิดทางจริยธรรมการวิจยั นาฏยศิลป์ ผูว้ จิ ยั ใช้พน้ื ฐานของ
มีปรากฏให้เห็นในแทบทุกห้องสอบเลยก็ไม่น่าจะผิด และข้อ วิธกี ารวิจยั เชิงคุณภาพ ซึง่ เป็ นวิธกี ารทีใ่ ช้อธิบายกระบวนการ
สัง เกตอี ก ข้ อ หนึ่ ง ก็ ค ื อ เรามัว แต่ ไ ปจ้ อ งจับ ผิด เอาแต่ ก ับ ของสิง่ ใดสิง่ หนึ่งทีเ่ ป็ นบริบททางสังคม วิธวี จิ ยั เชิงคุณภาพนัน้
นักเรียน นิสติ นักศึกษา จนลืมหันกลับมามองทีต่ วั ครูบา มุง่ เน้นถึงการศึกษาถึงความหมายและเนื้อหาของสิง่ ใด ๆ ใน
อาจารย์หรือนักวิชาการเอง ทีม่ ผี ทู้ ข่ี าดจริยธรรมอันดีในการ สังคมมนุษย์ มากกว่าการมุง่ เน้นทีใ่ ห้ความส�ำคัญไปในด้าน
ท�ำงานวิจยั ซึง่ แท้ทจ่ี ริงแล้วการประพฤติผดิ ทางจริยธรรมใน ของปริมาณ ภายใต้ขอบเขตของการศึกษาเฉพาะจริยธรรมใน
การวิจยั ของผูส้ อนนัน้ ถือว่ามีความร้ายแรงมากกว่าการทุจริต การวิจยั ทางนาฏยศิลป์ในรูปแบบของเอกสาร ในช่วงปี พ.ศ.
ในการสอบของผูเ้ รียนเสียอีก เพราะครูบาอาจารย์นนั ้ สังคมมี 2550-2560 เท่านัน้ โดยให้ความส�ำคัญกับประเด็นใหม่ ทัง้ นี้
ความคาดหวังว่าควรจะต้องเป็ นแม่พมิ พ์ของชาติ เพือ่ ตอบวัตถุประสงค์ของการวิจยั ดังทีก่ ล่าวมาโดยใช้ 3 วิธี
จึงอาจกล่าวโดยอนุมานได้วา่ “จริยธรรมทางการวิจยั การเป็ นหลักในการรวบรวมข้อมูล
นาฏยศิลป์” เป็ นเสมือนหนึ่งแผนทีส่ ำ� หรับใช้น�ำทาง เพือ่ ตรวจ 1. การศึกษาเชิ งเอกสาร พิจารณาจากแหล่งทีม่ า
สอบหรือชี้วดั ถึงพัฒนาการขององค์ความรูท้ างนาฏยศิลป์ได้ หลากหลาย ทัง้ เอกสารต่าง ๆ และสิง่ ตีพมิ พ์อน่ื ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
อย่างถูกต้องเหมาะสมและเป็ นหลักสากล อันเป็ นทีย่ อมรับ กับจริยธรรม การวิจยั และนาฏยศิลป์
และเข้าใจได้โดยทัวไป ่ เสมือนเป็ นความฉลาดทางวัฒนธรรม 2. ประสบการณ์ส่วนบุคคล เกีย่ วข้องกับการศึกษา
ในการวิจยั ทีผ่ วู้ จิ ยั จ�ำเป็ นต้องตระหนักอยูต่ ลอดเวลา เหตุ ทบทวนการท�ำงานในศิลปะและงานวิจยั ของผูว้ จิ ยั เอง
เพราะ “ความฉลาดทางวัฒนธรรมทีม่ บี ริบททางวัฒนธรรมที่ 3. การสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ผทู้ ท่ี ำ� งานวิจยั ผูท้ ่ี
เฉพาะเจาะจง จึงต้องท�ำความเข้าใจในบริบทวัฒนธรรมนัน้ ให้ เกีย่ วข้องกับการแสดง เจ้าหน้าทีจ่ ากสถาบันทางศิลปกรรม
ลึกซึง้ ยิง่ ขึน้ ” (ธีระชน พลโยธา, พาสนา จุลรัตน์, อัจศรา
ประเสริฐสิน, พิศมัย รัตนโรจน์สกุล และนิยะดา จิตต์จรัส, นอกจากเครือ่ งมือดังทีไ่ ด้กล่าวมาแล้ว ผูว้ จิ ยั ได้ใช้วธิ ี
2560: 57) การตัง้ ค�ำถามของการวิจยั โดยเริม่ จากการศึกษากรณี
ดังนัน้ การวิจยั เรือ่ งนี้ จึงเกิดจากค�ำถามงานวิจยั ทีผ่ ู้ ตัวอย่างงานวิจยั ทีม่ กี ารละเมิดเอาผลงานของผูอ้ ่นื มาเป็ นงาน
วิจยั ต้องการศึกษาถึงปจั จัยของการผิดจริยธรรมการวิจยั ทาง ของตน ในกระบวนการวิจยั “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏย
นาฏยศิลป์ โดยเฉพาะในประเทศไทยก็ยงั ปรากฏงานวิจยั ใน ศิลป์” นี้ ค�ำถามของการวิจยั จึงเป็ นเสมือนกุญแจทีน่ �ำไปสูก่ าร
ลักษณะดังกล่าวอย่างจ�ำกัด ซึง่ จะน�ำไปสูก่ ารน�ำร่องการศึกษา หาค�ำตอบเพือ่ ไขปญั หาของการวิจยั ค�ำถามเหล่านี้ชว่ ยในการ
และวิจยั หลักคุณธรรมและจริยธรรมทางการวิจยั ในศาสตร์อ่นื ค้นหาข้อมูลได้ตรงประเด็นตามจุดประสงค์ของการวิจยั ที่

ต้องการศึกษาถึงปจจัยทีส่ ง่ ผลต่อการกระท�ำผิดทางจริยธรรม
ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องต่อไปในอนาคต อีกทัง้ อาจน�ำไปสูก่ ารพัฒนา
กระบวนการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณธรรมและ การวิจยั นาฏยศิลป์ ในกระบวนการเก็บข้อมูลทีไ่ ด้มาจาก
จริยธรรมในระบบการศึกษา และการถ่ายทอดเรือ่ งคุณธรรม เครือ่ งมือของการวิจยั ดังทีไ่ ด้มกี ารก�ำหนดไว้ ข้อมูลจากการ
และจริยธรรมแก่ผเู้ รียน โดยให้ตระหนักถึงผลกระทบทีส่ ง่ ผล สัมภาษณ์ ผูท้ ่เี กี่ยวข้องกับงานวิจยั นับได้ว่าเป็ นข้อมูลใหม่ท่ี
ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม อันเป็ นการสร้างมาตรฐานทาง ส�ำคัญเป็ นประโยชน์ ท่จี ะน� ำไปสู่การศึกษาเพื่อให้ได้ค�ำตอบ
วิชาการ ให้เกิดแหล่งอ้างอิงเชิงเอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกับ ส�ำหรับค�ำถามทีใ่ ช้ในการสัมภาษณ์ผูท้ เ่ี กี่ยวข้องกับงานวิจยั
จริย ธรรมการวิจ ยั ทางนาฏยศิล ป์ อ ย่า งเป็ น กิจ ลัก ษณะและ ถูกออกแบบให้มคี วามชัดเจนตรงไปตรงมา โดยผูว้ จิ ยั ทีม่ ี
สามารถน�ำไปใช้อา้ งอิงได้อย่างเป็ นเหตุเป็ นผลในอนาคต ผ่าน ประสบการณ์ตรงจากการถูกละเมิด ทัง้ นี้ขอ้ มูลจากการตอบ
ค�ำถามจากผูท้ เ่ี คยมีประสบการณ์ในงานทางนาฏยศิลป์ทงั ้ ใน
68

ด้านของผลงานการแสดง และผลงานทางด้านเอกสารได้ถกู แก่สมาชิกบางคน เช่น การช่วยเหลือให้สำ� เร็จการศึกษาแม้วา่


น�ำไปเข้าสูก่ ระบวนการแยกแยะ วิเคราะห์ให้ตรงกับหัวข้อ ผูน้ นั ้ จะขาดทัง้ คุณสมบัตแิ ละคุณภาพทางวิชาการทีน่ ่ าเชื่อถือ
ย่อยดังทีผ่ วู้ จิ ยั ได้ออกแบบไว้ การตรวจสอบความถูกต้องของ ก็ตาม อีกทัง้ ยังพบว่า ผูอ้ าวุโสนัน้ ๆ อาจมีตำ� แหน่งหน้าทีท่ ่ี
ข้อ มูล ถู ก กระท� ำ โดยการวิเ คราะห์เ ทีย บเคีย งควบคู่ ไ ปกับ เกีย่ วข้องกับการให้ทนุ ท�ำการวิจยั ในองค์กรหนึ่ง จึงเป็ นเหตุให้
ข้อมูลทีไ่ ด้จากเครือ่ งมืออืน่ เช่น งานวิจยั ในอดีตทีม่ ปี ระเด็น มีการเอือ้ ประโยชน์ซง่ึ กันและกัน
ของการกระท�ำผิดทางจริยธรรมและการวิจยั ทางนาฏยศิลป์ 1.2 ระบบพวกพ้อง ท�ำให้เกิดการตัดสิน
ในขัน้ ตอนสุดท้ายค�ำตอบที่ได้จะถูกสรุปออกมาเป็ นค�ำตอบ ช่วยเหลือกันเองในองค์กรทีม่ คี วามเกีย่ วข้องกับกระบวนการ
ตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจยั ทีร่ ะบุถงึ ปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อ วิจยั ทางนาฏยศิลป์ ในการวิจยั พบว่ามีตวั อย่างทีเ่ ห็นได้ชดั เจน
การกระท� ำ ผิด ทางจริย ธรรมในการวิจ ัย ทางนาฏยศิล ป์ ที่ จากกรณีการให้ทุนวิจยั กับพวกพ้องจากกรรมการผูท้ ม่ี สี ว่ นใน
ปรากฏในงานวิจยั เรือ่ ง “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” ดัง การให้ทนุ เช่น คณะกรรมการทีม่ หี น้าทีใ่ นการพิจารณาให้ทนุ
จะได้อธิบายเป็ นล�ำดับต่อไป ท�ำการวิจยั ในองค์กรหนึ่ง ซึง่ เห็นได้วา่ ผลทีเ่ กิดขึน้ ในล�ำดับ
แรกคือ การให้ทนุ ท�ำการวิจยั กับผูท้ ไ่ี ม่เหมาะสม และขาด
การวิเคราะห์ข้อมูล ศักยภาพในการท�ำงาน ล�ำดับทีส่ องคือ การท�ำวิจยั ทีข่ าด
คุณภาพ ล�ำดับทีส่ าม คือ การสร้างข้อมูลหรือผลการวิจยั ทีเ่ อือ้
ปจั จัยทีส่ ่งผลต่อการกระท�ำผิดทางจริยธรรมในการ ต่อความเห็นชอบของกรรมการทีใ่ ห้ทนุ ทีม่ ผี ลประโยชน์
วิจยั ทางนาฏยศิลป์ทป่ี รากฏในงานวิจยั เรือ่ ง “จริยธรรม แอบแฝง ล�ำดับทีส่ ่ี ผลประโยชน์จากเงินทุนอาจกลับมาทีผ่ ใู้ ห้

ทางการวิจยั นาฏยศิลป” สามารถอธิบายได้โดยสังเขปใน 4 ทุ น ตามค�ำ สัญ ญาต่ า งตอบแทนที่ส่ อ ไปในหนทางแห่ ง การ
ประเด็นใหญ่ 10 ปจั จัยย่อยดังนี้ คอรัปชันในองค์
่ กรการวิจยั นัน้ ล�ำดับทีห่ า้ ก่อให้เกิดงานวิจยั ที่
ขาดคุณภาพ ไม่สอดคล้องกับมูลค่าของทุนการวิจยั ทีไ่ ด้รบั
1. ปัจจัยที่เกิ ดจากระบบทางสังคมของไทย การพิจารณา เรือ่ งนี้สามารถอธิบายได้จากการให้ทนุ วิจยั โดย
สังคมและวัฒนธรรม เป็ นส่วนหนึ่งของสภาวะ องค์กรแห่งหนึ่ง ทีม่ มี ลู ค่าเกือบถึงหนึ่งล้านบาทกับการ
แวดล้อมทีส่ ง่ ผลต่อการกระท�ำของมนุษย์ เป็ นทีท่ ราบกันดีวา่ สร้างสรรค์ทางนาฏยศิลป์ไทย จนปรากฏว่ามีการร้องเรียน
สังคมและวัฒนธรรมสามารถส่งผลมีอทิ ธิพลต่อการสร้างสรรค์ เกีย่ วกับการละเมิดสิทธิ ์ ซึง่ น�ำเอาผลงานของผูอ้ น่ื มาสวมรอย
งานศิลปะ ในทางกลับกันงานศิลปะทีด่ สี ามารถสะท้อนถึง เป็ นของตนเองในการขอรับทุน
สภาพสังคม และวัฒนธรรมในชุมชนนัน้ ได้ เช่นเดียวกันกับ 1.3 การกระท�ำผิดทางจริ ยธรรมด้วย
วัฒนธรรมต่าง ๆ ในสังคมไทย เช่น การมีอยูข่ องระบบอาวุโส การคาดหวังผลประโยชน์ จากบุคคล หรือองค์กรใด ๆ จน
แบบไทยโบราณในสังคมไทยปจั จุบนั ระบบพวกพ้อง การ ท�ำให้เกิดการท�ำงานวิจยั ทีม่ ผี ลเบีย่ งเบนทีเ่ อือ้ ประโยชน์กบั ตัว
คาดหวังผลประโยชน์จากบุคคล หรือองค์กรใด ๆ ตลอดจน บุคคล หรือองค์กรนัน้ ๆ ในงานวิจยั ชิน้ นี้ได้พบพฤติกรรม
การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจทีเ่ หนือกว่าในสังคมไทย ประเด็นเหล่า การกระท�ำผิดทางจริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์ทเ่ี ริม่ ต้น
นี้อาจส่งผลท�ำให้เกิดการกระท�ำผิดทางจริยธรรมในงานวิจยั ตัง้ แต่ การคาดหวังทีจ่ ะได้รบั ทีเ่ ข้าเรียนในหลักสูตรทีเ่ กีย่ วข้อง
ได้เช่นกันถ้าผูล้ ะเมิดขาดเสถียรภาพ ซึง่ ผลทีไ่ ด้จากการวิจยั กับนาฏยศิลป์ พบว่ามีการเอือ้ ประโยชน์ดว้ ยการใช้งบ
ในปจั จัยนี้สามารถแบ่งอธิบายโดยสังเขปในหัวข้อย่อย ดังนี้ ประมาณของราชการให้แก่พรรคพวกตนเอง โดยการเชิญมา
1.1 ระบบอาวุโส การมีอยูข่ องระบบอาวุโส ท�ำหน้ าที่เป็ นผูท้ รงคุณวุฒใิ นหน่ วยงานที่เทียบเท่ากับระดับ
แบบไทยโบราณในสังคมไทยปจั จุบนั ทีส่ ง่ ผลต่อการท�ำผิด ภาควิชานาฏยศิลป์ในสถาบันการศึกษาทีม่ ชี ่อื เสียงแห่งหนึ่ง
ทางจริยธรรมในการวิจยั อาวุโสในองค์กรทางนาฏยศิลป์นนั ้ ทัง้ ๆ ทีม่ อี าจารย์ผทู้ ม่ี คี วามเหมาะสมและตรงกับหน้าทีน่ นั ้ อยู่
เริม่ ตัง้ แต่การให้โอกาสกับบุคลากรด้วยการประเมินคุณค่าจาก แล้ว กรณีน้ีสามารถตรวจสอบได้วา่ สถาบันใดมีการใช้ระบบ
วัยวุฒแิ ทนทีจ่ ะพิจารณาจากคุณสมบัติ และการมีจริยธรรมใน ของการรับนิสติ นักศึกษาเข้ามาศึกษาในหลักสูตรอย่างไม่
หน้าทีก่ ารงาน ในการประชุมในระดับหน่วยงานทีเ่ ทียบเท่ากับ โปร่งใส ด้วยการรับพรรคพวกให้เข้ามาเรียนในหลักสูตรโดย
ภาควิชานาฏยศิลป์ในหลายสถาบันการศึกษาต้นสังกัด พบว่า ขาดคุณสมบัตทิ เ่ี หมาะสม
เมือ่ มีวาระการประชุมขององค์กรทางการศึกษา ผลของการ 1.4 การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจที่เหนื อกว่า
ประชุมที่ได้จะขึ้นอยู่กบั พื้นฐานของการเกรงกลัวต่ออ�ำนาจ ในสังคมไทย จนท�ำให้มกี ารท�ำผิดทางจริยธรรมในการวิจยั
ของผูอ้ าวุโส ทีพ่ บตัวอย่างว่ามาจากอดีตผูบ้ ริหารและอดีต ในงานวิจยั ชิน้ นี้พบว่า อ�ำนาจทีเ่ หนือกว่านัน้ อาจมาจากผูท้ ่ี
อาจารย์ทบ่ี างครัง้ พบว่ามาจากผูอ้ าวุโสทีม่ คี วามเชีย่ วชาญใน อาวุโสกว่าหรือมีความน่าเกรงขาม เช่น อาจจะเคยเป็ นผูท้ เ่ี คย
สายวิชาอืน่ ทีไ่ ม่เกีย่ วข้องโดยตรงกับนาฏยศิลป์ หรือเห็นได้ ท�ำหน้าทีส่ อน หรืออาจจะเคยท�ำหน้าทีเ่ ป็ นทีป่ รึกษา ซึง่ ให้
ชัดเจนจากหลักฐานว่า มีกรณีการกีดกันไม่ให้โอกาสกับ ความช่วยเหลือและเอือ้ เฟื้อแก่กนั จนบรรลุเป้าหมายทีต่ นเอง
บุคลากรหรือผูเ้ ชีย่ วชาญทีเ่ หมาะสมในการสอนในวิชาหนึ่ง ๆ ต้องการ จึงอาจจะเป็ นเหตุผลหนึ่งทีท่ ำ� ให้เกิดเป็ นเรือ่ งของบุญ
แต่ดว้ ยการทีส่ มาชิกทีเ่ ข้าร่วมไม่แสดงความคิดเห็นในกรณีท่ี คุณต้องทดแทนจนท�ำให้มองข้ามเรือ่ งของความถูกต้อง ความ
ควรจะลงความเห็นเพื่อเอื้อประโยชน์ ให้แก่ผู้เรียนเป็ นหลัก เทีย่ งตรง และจริยธรรมทีด่ งี ามทีพ่ งึ ท�ำ ดังเช่นที่ สุพตั รา
เพราะมัวแต่เกรงกลัวอ�ำนาจของผูอ้ าวุโสจนขาดจริยธรรมใน สุภาพ (2536: 14) ได้กล่าวไว้วา่ “สังคมมักจะให้การยกย่องผูม้ ี
การตัดสินใจ จนบางครัง้ อาจจะไปยึดติดกับการคาดหวังทีจ่ ะ อ�ำนาจ โดยการให้ความเคารพยกย่อง และเกรงกลัวในบารมี
ได้รบั ผลประโยชน์จากผูอ้ าวุโส ซึง่ เคยเป็ นผูใ้ ห้ความช่วยเหลือ ไม่วา่ จะท�ำไปด้วยใจจริงหรือเสแสร้งก็ตาม คนไม่มอี ำ� นาจคนก็
69

ไม่เกรงใจ อ�ำนาจจึงเป็ นสิง่ ทีค่ นจ�ำนวนไม่น้อย ใฝห่ า และ 3.3 การใช้พืน้ ที่ในงานวิ จยั เพื่อท�ำลายผู้
อยากจะมีอำ� นาจเหมือนคนอืน่ ” อื่น ด้วยการสร้างข้อมูลเพือ่ ตอบสนองเหตุผลทางด้านอารมณ์
ส่วนตัว สร้างความเสียหายให้กบั ผูอ้ น่ื ซึง่ กระท�ำโดย
2. ปัจจัยที่เกิ ดจากการขาดวิ นัยในการท�ำงาน 1) ความต้องการของผูว้ จิ ยั เอง โดยทีผ่ ู้
วินยั เป็ นสิง่ ทีค่ อยก�ำกับการท�ำงานทีท่ ำ� ให้ได้ผลงาน ควบคุมงานวิจยั ไม่ได้รบั รูเ้ ท็จจริง
ทีม่ ปี ระสิทธิภาพ แต่ถา้ ผูว้ จิ ยั ขาดวินยั ก็ยอ่ มท�ำให้เกิดการท�ำ ) ความต้องการของผูค้ วบคุมงานวิจยั โดยมี
ผิดกระบวนการในการท�ำงาน และการขาดวินยั ก็สามารถ ผูว้ จิ ยั ลงมือปฏิบตั กิ ารแทน
ท�ำให้เกิดการละเมิดในกระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลป์ได้ดว้ ย 3) ผูว้ จิ ยั และผูค้ วบคุมงานวิจยั รับรูแ้ ละร่วม
ซึง่ สามารถแบ่งอธิบายได้โดยสังเขปในหัวข้อย่อย ดังนี้ มือกัน
2.1 การท�ำผิดกระบวนการ มีการท�ำผิดก
ระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลป์โดยการน� ำระเบียบวิธวี จิ ยั มา 4. ปัจจัยที่เกิ ดจากการประเมิ นที่ขาดคุณภาพฃ
สวมใช้กบั งานทีไ่ ม่ได้ถูกสร้างขึน้ มาจากกระบวนการของการ องผลงานวิ จยั
วิจยั ตัง้ แต่เริม่ ต้น จึงท�ำให้ได้ผลงานวิจยั ทีไ่ ม่สมเหตุผล ข้อมูล การประเมิน ผลงานนัน้ อยู่ใ นความรับ ผิด ชอบของ
ทีไ่ ด้จากเครื่องมือไม่ได้สนับสนุ นค�ำตอบหรือข้อสรุปของงาน คณะกรรมการผูป้ ระเมิน ฉะนัน้ การประเมินทีข่ าดคุณภาพของ
วิจยั เกิดภาวะของการสรุปผลของงานวิจยั ทีไ่ ม่มที ม่ี าทีไ่ ป ผลงานวิจยั นัน้ ผูป้ ระเมินจึงมีสว่ นในการรับผิดชอบ ซึง่ เข้าข่าย
และขาดความน่าเชือ่ ถือเชิงวิชาการ การละเว้นการปฏิบตั หิ น้าทีท่ จ่ี �ำเป็ นต้องตรวจสอบหรือรักษา
2.2 การละเมิ ด ด้วยการน�ำงานของผูอ้ ่นื ไว้ซง่ึ มาตรฐานของสถาบันการศึกษานัน้ ปจั จัยในหัวข้อนี้
มาใส่ในเล่มโดยไม่ขออนุญาต การไม่อา้ งอิง และเอางานเขียน สามารถแบ่งอธิบายได้อย่างสังเขปในหัวข้อย่อย ดังนี้
หรือรูปภาพของผูอ้ น่ื มาเป็ นงานของตน ซึง่ ถือเป็ นประเด็นพืน้ 4.1 การละเว้นการปฏิ บตั ิ หน้ าที่ของผู้
ฐานของการละเมิด เพราะลักลอกเอางานของผูอ้ น่ื มาเป็ นงาน ประเมิ น หมายถึง การละเลยในหน้าทีข่ องการตรวจสอบและ
ของตน อันเป็ นความผิดทีป่ รากฏเป็ นหลักฐานได้ชดั เจนทีส่ ดุ ควบคุมคุณภาพของผลงานวิจยั จากผูป้ ระเมิน จนท�ำให้เกิด
และในตัวอย่างของงานวิจยั ทีน่ � ำมาเป็ นกลุ่มตัวอย่างก็ยงั พบ การวิจยั ทีม่ ขี อ้ มูลเบีย่ งเบน โดยมีสาเหตุอนั เนื่องมาจาก
หลักฐานว่า มีการน�ำชีวประวัตแิ ละผลงานของศิลปินมาใช้ใน 1) งบประมาณค่าตรวจสอบของผูป้ ระเมิน
ลักษณะของการประชันขันแข่ง เปรียบเทียบ เป็ นกรณีศกึ ษา น้อยไป จนท�ำให้เกิดความไม่คมุ้ ค่าในการปฏิบตั ิ
โดยเจ้าของข้อมูลนัน้ ไม่ได้รบั รูด้ ว้ ย อีกทัง้ ตัง้ ข้อสังเกตว่าการ 2) ความไม่ถนัดหรือไม่เชีย่ วชาญของผู้
เปรียบเทียบนัน้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ กับงานวิจยั ประเมินต่อหัวข้องานวิจยั
หรือทางวิชาการ 3) ความไม่ใส่ใจของคณะผูป้ ระเมินต่อการ
ตรวจสอบผลงานวิจยั
3. ปัจจัยที่เกิ ดจากการมีเจตนาอคติ ของผูล้ ะเมิ ด 4) การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจทีเ่ กีย่ วข้อง
การมีอคติเป็ นปจั จัยแง่ลบอย่างมากของผูว้ จิ ยั งาน โดยตรงกับสายงานของผูว้ จิ ยั หรืออ�ำนาจทีเ่ กีย่ วข้องทางด้าน
วิจยั ทีม่ อี คติจะเป็ นงานทีไ่ ม่น่าเชื่อถือและเป็ นต้นเหตุของการ สังคมของบุคคลทีร่ ว่ มเป็ นผูป้ ระเมินในการตรวจสอบงานวิจยั
ละเมิด อันเป็ นผลมาจากพฤติกรรมของการท�ำเป็ นไม่รโู้ ดย 5) การขาดความรับผิดชอบของบุคคลที่
เจตนา การปกปิดซ่อนเร้นข้อมูล การเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ผูท้ ม่ี ี เป็ นผูป้ ระเมิน
อิทธิพลของนักวิจยั ตลอดจนถึงขัน้ ทีม่ กี ารใช้พน้ื ทีใ่ นงานวิจยั
เพือ่ ท�ำลายผูอ้ น่ื ซึง่ สามารถแบ่งอธิบายได้โดยสังเขปในหัวข้อ ปจั จัยใหญ่ทงั ้ 4 ประเด็น ทีป่ ระกอบไปด้วยปจั จัย
ย่อย ดังนี้ ย่อย 10 ประการ ดังทีไ่ ด้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็ นผลทีไ่ ด้จากการ
3.1 การปิ ดบังซ่อนเร้นข้อมูลเพื่อ วิจยั ในหัวข้อ “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” ทีไ่ ด้รบั การ
ประโยชน์ อนั มิ ชอบในงานวิจยั พบว่ามีพฤติกรรมของการ ศึกษาและค้นพบผ่านกระบวนการวิจยั ทีต่ รงตามจุดประสงค์
เขียนข้อมูลไม่ถกู ต้องครบถ้วน หรือการรูข้ อ้ เท็จจริงนัน้ แล้วแต่ ของการวิจยั ทุกประการ การศึกษาประเด็นทางด้านจริยธรรม
เลือกทีจ่ ะไม่กล่าวถึง อันเป็ นข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องโดยตรงกับงาน ทางการวิจ ัย นาฏยศิล ป์ จะสร้า งประโยชน์ สูง สุ ด ทัง้ ในด้า น
วิจยั ทีผ่ วู้ จิ ยั เจตนา ซึง่ ขัดต่อจริยธรรมของนักวิจยั เพือ่ อ�ำนวย บรรทัด ฐานที่ จ ะช่ ว ยให้ เ กิ ด ประโยชน์ ต่ อ มาตรฐานการ
ความสะดวกแก่ผวู้ จิ ยั ในการท�ำงานให้น้อยลง ทีอ่ าจจะ สร้างสรรค์ผลงาน และในเวลาเดียวกันก็จะเป็ นการสร้างก�ำลัง
เกีย่ วข้องโดยตรงกับความจงใจทีจ่ ะสร้างข้อมูลเท็จ และยังพบ ใจให้กบั ศิลปินหรือนักวิชาการผูท้ ต่ี งั ้ ใจท�ำงาน ความสัมพันธ์
ว่าเป็ นการกระท�ำทีท่ �ำให้เกิดการลดทอนจ�ำนวนเชิงสถิตขิ อง ของจริยธรรม และการวิจยั ทางนาฏยศิลป์นนั ้ ถ้าได้รบั การ
ข้อมูลนัน้ ๆ อันส่งผลแก่ความน่าเชือ่ ถือของกลุม่ ตัวอย่างทีถ่ กู สนั บ สนุ น จากผู้ท่ีม ีส่ ว นเกี่ย วข้อ งโดยเฉพาะผู้บ ริห ารของ
น�ำมาใช้เป็ นกรณีศกึ ษาในงานวิจยั สถาบันการศึกษา จะช่วยสร้างความน่าเชือ่ ถือและสร้างข้อมูล
3.2 การเอื้อประโยชน์ ให้กบั ผูท้ ี่มี ทางวิชาการทีม่ มี าตรฐาน ก่อให้เกิดเป็ นผลงานทีส่ มบูรณ์แบบ
อิ ทธิ พล พบว่ามีการสร้างข้อมูลทีข่ ดั แย้งกับความเป็ นจริง และเต็มไปด้วยคุณภาพ ในเวลาเดียวกันก็จะเป็ นการสร้าง
ด้วยการยกย่องและเอาอกเอาใจแก่ผทู้ ม่ี อี ทิ ธิพลนัน้ โดยคาด ความยุตธิ รรมต่อผูส้ ร้างงานในสังคมไทย ทีถ่ อื เป็ นการต่ออายุ
หวัง ว่ า ตนเองจะได้ ร ับ ประโยชน์ ไ ม่ ท างใดก็ ท างหนึ่ ง ใน สร้างก�ำลังใจให้กบั ศิลปิน และนักวิชาการผูท้ ต่ี งั ้ ใจท�ำงานให้ม ี
ต�ำแหน่งหรือความเจริญก้าวหน้า ทัง้ ในปจั จุบนั และอนาคต พลังและแรงขับเคลือ่ นในการสร้างสรรค์งานทางศิลปะและงาน
70

วิชาการ อันจะเป็ นประโยชน์ต่อวงการนาฏยศิลป์ในสังคมไทย จากโครงการหรือกิจกรรมทีถ่ ูกบัญญัตขิ น้ึ มาอย่างไร้หลักการ


และสังคมโลกต่อไป ของหน่วยงานหลักทางด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น รางวัลใน
ในด้านของการมีส่วนร่วมในการวิจยั ของผู้วจิ ยั ใน ระดับชาติทงั ้ หลายทีท่ างสถาบันคุยเฟื่องว่าเพือ่ เป็ นก�ำลังใจให้
ครัง้ นี้ ตามทีไ่ ด้ระบุไว้แล้วว่า “จริยธรรมในการวิจยั ทางนาฏย กับศิลปินกลุม่ หนึ่ง แต่กลับสร้างความน้อยเนื้อต�่ำใจให้กบั
ศิลป์” ยังไม่ได้มกี ารศึกษาอย่างลึกซึง้ จนกระทังบั ่ ดนี้ และเมือ่ ศิ ล ปิ นที่ เ หมาะสมกั บ รางวั ล แต่ ไ ม่ ไ ด้ ร ั บ การเหลี ย วแล
เวลาผ่ า นไปกลั บ มี ป ระเด็ น ใหม่ ข องการละเมิ ด เกิ ด ขึ้ น ท่ามกลางการมีผลประโยชน์ทางการเมือง การไม่รจู้ กั คุณค่า
ประสบการณ์ ก ารถู ก ละเมิด ของผู้ ว ิจ ัย ท� ำ ให้ ผู้ ว ิจ ัย ได้ น� ำ ของงานศิลปะอย่างจริงจังของบุคลากรในองค์กรนัน้ ๆ ซึง่ รวม
ประสบการณ์ นัน้ มาน� ำเสนอและวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่ได้ ไปถึงหน่ วยงานอื่นทีม่ สี ว่ นรับผิดชอบต่อการสนับสนุ นผลงาน
จากความเห็นของผูท้ เ่ี กีย่ วข้องกับการสร้างสรรค์และการวิจยั ทางศิลปะและนาฏยศิลป์ ความอยุตธิ รรมยังคงมีอยูโ่ ดยไม่มผี ู้
งานทางนาฏยศิลป์ การให้ความส�ำคัญกับสภาวการณ์ใน ใดสามารถขัดขวางได้ และทีส่ ำ� คัญยังพบว่ามีการกีดกันกันเอง

ปจจุบนั ท�ำให้ผลจากการศึกษาทีไ่ ด้กลายเป็ นประเด็นทีส่ ำ� คัญ ในหมูบ่ ุคลากรทีม่ คี วามรูท้ ท่ี ำ� หน้าทีเ่ ป็ นทีป่ รึกษาให้คำ� ปรึกษา
ของปจั จัยหลักหลายประเด็นทีย่ งั ต้องรอการแก้ไขส�ำหรับผูท้ ม่ี ี แต่คอยท�ำหน้าทีเ่ สมือนกับมีสทิ ธิในการชี ์ ้ขาดแก่ศลิ ปิ นทีต่ น
ส่วนในการรับผิดชอบการศึกษาของชาติ หากจะท�ำให้งานวิจยั พอใจ และไม่พอใจด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือผูท้ รงคุณวุฒทิ ท่ี ำ�
ทางนาฏยศิลป์ในอนาคตเป็ นงานวิจยั ทีม่ คี ณ ุ ภาพมากขึน้ และ หน้าทีพ่ จิ ารณาให้ทนุ ในสถาบันทีส่ ง่ เสริม และสนับสนุนทุนกับ
ที่ส�ำคัญผูว้ จิ ยั หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่าองค์ความรูจ้ ากการวิจยั ใน การสร้างผลงานทางนาฏยศิลป์ หรืองานวิจยั ในระดับชาติ
ครัง้ นี้จะเป็ นการกระตุน้ นักวิจยั นักวิชาการ หรือศิลปินผูท้ ถ่ี กู ที่ท�ำการอนุ มตั ใิ ห้ทุนที่มมี ูลค่ามหาศาลแก่ผูท้ ่นี อกจากจะไม่
ละเมิดทางจริยธรรม ให้กล้าท�ำในสิง่ ทีค่ วรท�ำ กระท�ำตนเป็ น เหมาะสมแล้ว ยังพบว่ามีกรณีของการลักลอกเอางาน
ตัวอย่างในการปกป้องผลประโยชน์ออกมาเรียกร้องความถูก สร้างสรรค์ของผูอ้ ่นื มาสวมรอยเพือ่ ให้เข้าใจว่าเป็ นผลงานของ
ต้อง สนับสนุนการสร้างขวัญก�ำลังใจ ให้กบั ศิลปินผูม้ งุ่ มัน่ ตนเองในการขอรับทุน อีกทัง้ บ่อยครัง้ ทีผ่ ทู้ ถ่ี กู ละเมิดไม่มพี ลัง
สร้างสรรค์ผลงานให้มมี าตรฐานน� ำความภาคภูมใิ จให้กลับมา พอทีจ่ ะออกมาต่อสูเ้ พือ่ ความถูกต้อง ในทีส่ ดุ ก็ตอ้ งล้มเลิกไป
สูป่ ระเทศชาติต่อไปในอนาคต ผูล้ ะเมิดก็ยงั คงปฏิบตั ติ นอยูใ่ นสังคมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
นอกจากนี้ยงั พบว่า คนทีไ่ ด้รบั การยกย่องว่าเป็ น
สรุปและอภิปรายผล ผูท้ รงคุณวุฒบิ างคนใช้ความรอบรูบ้ ดิ เบือนข้อเท็จจริงทีส่ งั คม
ควรรู้ เพือ่ ท�ำลายล้างข้อมูลทีส่ ำ� คัญเกีย่ วกับผลงานของศิลปิน
การกระท�ำทีผ่ ดิ จริยธรรมทางการวิจยั ในลักษณะของ ที่จ ัด อยู่ ใ นระดับ ชาติท่ีม ีพ ลัง พอเพีย งที่จ ะสามารถน� ำ ไป
การลักลอกเอางานของผูอ้ น่ื มาเป็ นงานของตนนัน้ ในปจั จุบนั ประชันขันแข่งในด้านคุณภาพและความก้าวหน้าทัง้ ทางด้าน
ได้มกี ารกระท�ำในลักษณะอืน่ ๆ ทีอ่ าจจะมีการพูดถึงกันใน ความคิดสร้างสรรค์และทางด้านวิชาการ ซึง่ พร้อมทีจ่ ะสร้าง
วงการศึกษาไม่มากนัก แต่ถา้ ปล่อยไว้ในอนาคตอาจจะ ชื่อเสียงเทียบเคียงกับศิลปิ นของชาติอ่นื ในระดับโลกได้เป็ น
เป็ นการสร้างความเสียหายให้กบั วงวิชาการอย่างประเมินค่า อย่างดี แต่การให้คำ� ปรึกษาของผูท้ รงคุณวุฒใิ นสถาบันเหล่า
ไม่ได้ เช่น การกระท�ำในลักษณะของการเลือกเขียนข้อมูลเพือ่ นัน้ กลับมีพฤติกรรมเบีย่ งเบนในการสร้างข้อมูลเท็จ สร้าง
การปิ ดบังซ่อนเร้นข้อมูลที่ส�ำคัญบางประการที่จดั ว่าเป็ นข้อ ความเสียหายในระดับถึงขัน้ ท�ำลายประวัตศิ าสตร์ทางศิลปะ
เท็จจริง จนถึงการใช้พน้ื ทีใ่ นงานวิจยั เพือ่ ลดทอนคุณค่าผล ของชาติให้ไม่มที ย่ี นื ในสังคมโลก ด้วยเหตุผลอันน้อยนิดคือ
งานของผูอ้ น่ื ลง สิง่ เหล่านี้กลับสร้างความเสียหายต่อการรับรู้ การน�ำมูลค่าผลงานของศิลปิ นทีล่ ้ำ� ค่าไปปะปนกับเรือ่ งส่วนตัว
ของสังคมในระดับประวัตศิ าสตร์ผลงานทางศิลปะของศิลปิ น เพียงเพื่อต้องการขัดขวางและกีดกันศิลปิ นที่ตนไม่พงึ พอใจ
ในราชอาณาจักรไทย ซึง่ การสร้างงานของศิลปินทางนาฏย ซึง่ อาจจะอยูก่ นั คนละสายงาน เพือ่ เดินตามรอยความคิดของ
ศิลป์ในประเทศไทยนัน้ เป็ นทีร่ กู้ นั อยูว่ า่ ขาดการสนับสนุนจาก สังคมโบราณในเรือ่ งทีว่ า่ “เมือ่ ตนเองไม่สามารถท�ำได้ ผูอ้ น่ื ก็
ภาครัฐอย่างจริงจังมาเป็ นเวลานานแล้ว ประกอบกับผูท้ ร่ี บั ผิด ต้องไม่มสี ทิ ธิท�์ ำได้เช่นกัน ทัง้ ๆ ทีค่ วามรูค้ วามสามารถนัน้ ไม่
ชอบในด้านวัฒนธรรมของชาติกข็ าดวิสยั ทัศน์ ทม่ี กี ารด�ำเนิน สามารถเทียบกันได้เลย”
การไปโดยไม่มนี โยบาย สืบทอดอิทธิพลของทีป่ รึกษาและ ทัง้ หมดทีไ่ ด้กล่าวมานี้ผวู้ จิ ยั พบว่า การกระท�ำผิด
บุคลากรในองค์กรทีอ่ ยูแ่ บบเช้าชามเย็นชามโดยไม่มผี ลงานที่ ทางจริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์นนั ้ เป็ นกระบวนการใหญ่
น่ าสนใจจนท�ำให้ประชาชนลืมไปว่ามีหน่ วยงานนี้ในประเทศ ทีก่ ารกระท�ำผิดนัน้ ไม่เพียงแต่อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของผู้
สังเกตได้จากการไม่มใี ครอยากรับรูห้ รือยินดีปรีดากับรางวัลที่ วิจยั ทีล่ ะเมิดเท่านัน้ แต่ยงั รวมไปถึงการกระท�ำของผูท้ ท่ี ำ�
ยกย่องในด้านคุณค่าและผลงานของศิลปิ นทางนาฏยศิลป์หรือ หน้าทีอ่ าจารย์ทป่ี รึกษา ผูค้ วบคุมวิทยานิพนธ์ ตลอดจนถึง
การแสดงในแต่ละปี กระทังไม่
่ มผี ใู้ ดอยากไปมีสว่ นในการ การท�ำงานของผูท้ ม่ี หี น้าทีใ่ นการบริหาร หรือผูท้ ป่ี ระเมินผล
ประเมินขององค์กรทีไ่ ม่น่าสนใจ การทีห่ น่วยงานหลักทางด้าน งานที่ขาดจิตส�ำนึกของความเข้มงวดในการตรวจสอบหรือ
ศิล ปวัฒ นธรรมของชาติเ องก็ย งั มีค วามคลุ ม เครือ ทางด้า น ลงโทษต่อผูก้ ระท�ำผิด ผูว้ จิ ยั จึงมีความสนใจทีจ่ ะน�ำร่องท�ำการ
ความมันคงในความคิ
่ ดเช่นนี้ จึงส่งผลท�ำให้ศลิ ปินทัง้ รุน่ เก่า ศึกษาถึงปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อการกระท�ำผิดทางจริยธรรมการวิจยั
และใหม่ในประเทศไทย ต้องทุมเททัง้ แรงกาย แรงใจ ซึง่ รวม นาฏยศิลป์ โดยศึกษาจากประสบการณ์สว่ นตัว ประกอบกับ
ไปถึงทุนทรัพย์ เพือ่ สานต่อผลงานของตนทีจ่ ะไปต่อยอดให้ การรวบรวมข้อมูลจากบุคคลทีเ่ กีย่ วข้องกับการสร้างงานและ
กลายเป็ นประโยชน์ ต่อประวัตศิ าสตร์ผลงานศิลปะทางนาฏย การวิจยั ทางนาฏยศิลป์เป็ นส�ำคัญ เพือ่ ให้ได้ประเด็นใหม่ทจ่ี ะ
ศิลป์ของชาติอย่างน่าเห็นใจ ท่ามกลางการถูกบันทอนก� ่ ำลังใจ เป็ นประโยชน์ต่อวงวิชาการทางนาฏยศิลป์ อีกทัง้ ยังเป็ นการ
71

สร้างขวัญก�ำลังใจให้กบั ศิลปิ นผูม้ ุ่งมันสร้


่ างความรูค้ ู่คุณธรรม
ให้มกี �ำลังใจในการสร้างงานทีจ่ ะน� ำความภาคภูมใิ จให้กลับมา
สูป่ ระเทศชาติต่อไปในอนาคต

ข้อเสนอแนะ
ควรมีการศึกษาวิจยั ในลักษณะท�ำนองเดียวกันนี้ กับ
ศาสตร์ทางด้านศิลปกรรมศาสตร์สาขาอืน่ ๆ เนื่องจากผลงาน
ศิลปะ เป็ นผลงานสร้างสรรค์ทเ่ี กิดขึน้ จากแนวคิดและแรง
บันดาลใจของศิลปิน ดังนัน้ หากมีการศึกษากระบวนการวิจยั
การผิดจริยธรรมทางด้านงานศิลปะ ก็จะเป็ นแนวทางในการ
พัฒนาศาสตร์ของงานศิลปกรรม และการวิจยั ทางด้านศิลปะ
ในวงการการศึกษาของประเทศชาติต่อไป

เอกสารอ้างอิง
กัญจนา บุณยเกียรติ. (2556). การลักลอกงานวิ ชาการและ
วรรณกรรม. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
ธีระชน พลโยธา, พาสนา จุลรัตน์, อัจศรา ประเสริฐสิน, พิศมัย
รัตนโรจน์สกุล และนิยะดา จิตต์จรัส (2560, มกราคม-
มิถุนายน). ความฉลาดทางวัฒนธรรมในบริบท
วัฒนธรรมอาเซียนส�ำหรับนิสติ นักศึกษาระดับปริญญาตรี:
การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วทิ ยา. วารสารสถาบัน
วัฒนธรรมและศิ ลปะ. 18(2): 57-62.
สุพตั รา สุภาพ. (2536). สังคมและวัฒนธรรมไทย: ค่านิ ยม
ครอบครัว ประเพณี . กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
Marsh, B. (2007). Plagiarism: Alchemy and remedy in
higher education. New York: State University of
New York.
Pecorari, D. (2010). Academic writing and plagiarism:
A linguistic analysis. New York: Aptara Books.

You might also like