Professional Documents
Culture Documents
Karnrawee, Journal Manager, 7
Karnrawee, Journal Manager, 7
Karnrawee, Journal Manager, 7
จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์
ETHICS IN DANCE RESEARCH
นราพงษ์ จรัสศรี / NARAPHONG CHARASSRI
สาขาวิชานาฏยศิลป์ ตะวันตก ภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
DEPARTMENT OF THEATER DANCE ,FACULTY OF FINES AND APPLIED ARTS,
CHULALONGKORN UNIVERSITY.
บทคัดย่อ ของผลงานวิจยั
ปจั จัยทัง้ 10 ประการนี้ ถือเป็ นข้อมูลทีผ่ วู้ จิ ยั พบว่า
จริยธรรมทางการวิจยั จะช่วยให้ผลงานสร้างสรรค์ ได้มกี ารกระท�ำผิดทางจริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์ ซึง่ ได้
และงานวิจยั ทางนาฏยศิลป์นนั ้ สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ ท่ามกลางการ รับ การศึก ษาและค้น พบผ่ า นกระบวนการวิจ ัย ตรงตามจุ ด
สร้างผลงานทีม่ คี ณ ุ ภาพของผูส้ ร้างงานทีม่ คี วามตัง้ ใจจริง พบ ประสงค์ของการวิจยั ทุกประการ
ว่าได้มปี จั จัยในการกระท�ำผิดทางจริยธรรมเพิม่ มากขึน้ และ
ในเวลาทีผ่ า่ นมายังไม่ได้มกี ารศึกษาเรือ่ งนี้อย่างจริงจัง งาน ค�ำส�ำคัญ: จริยธรรม, การวิจยั , นาฏยศิลป์
วิจยั เรือ่ ง “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” นี้ มีวตั ถุประสงค์
เพือ่ ศึกษาปจั จัยทีท่ ำ� ให้เกิดการกระท�ำผิดเกีย่ วกับจริยธรรมใน Abstract
การวิจยั ทางนาฏยศิลป์ โดยให้ความส�ำคัญกับผลงานวิจยั ทาง
นาฏยศิลป์ระดับบัณฑิตศึกษาในรูปแบบของเอกสารเป็ นหลัก Ethics in research in general is of the utmost
การวิจยั ในครัง้ นี้เป็ นการวิจยั เชิงคุณภาพ ทีผ่ า่ นกระบวนการ importance. How can you take research and its results
วิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยเครือ่ งมือทีป่ ระกอบไปด้วย ข้อมูลทางเอก seriously, if you are in doubt about its ethical soundness?
สาร ประสบการณ์สว่ นตัว และการสัมภาษณ์กบั กลุม่ ผูท้ ่ี Over the years, the author of this paper found more and
เกีย่ วข้องกับหัวข้องานวิจยั เป็ นหลัก โดยใช้ระยะเวลานับ more ethics infringements in student papers on graduate
ตัง้ แต่เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ถึง เดือน กรกฎาคม พ.ศ. level in his field of dance research. That is why this paper
2560 on “Ethics in Dance Research” aims to study this issue
ผลจากการวิจยั ท�ำให้ได้ขอ้ มูลใหม่ซง่ึ เป็ นปจั จัยทีส่ ่ง more closely. It is based on a qualitative process, using
ผลต่อการกระท�ำผิดทางจริยธรรมการวิจยั นาฏยศิลป์ ซึง่ พบ research literature, personal experience and interviews
ว่าแบ่งออกได้เป็ น 10 ประเด็น ดังนี้ 1) การมีอยูข่ องระบบ with prominent experts in dance research. Data collection
อาวุโสแบบไทยโบราณ ทีส่ ง่ ผลต่อการท�ำผิดทางจริยธรรมใน was carried out between July 2007 until July 2017
การวิจยั 2) การมีอยูข่ องระบบพวกพ้องในองค์กรทีม่ คี วาม The author identified 10 issues resulting in poor
์
เกีย่ วข้องกับการวิจยั ทางนาฏยศิลป 3) การคาดหวังผล ethics in dance research. These are;
ประโยชน์จากบุคคลหรือองค์กรใด ๆ จนท�ำให้เกิดการท�ำงาน 1) Not putting into question senior authority in
วิจยั ทีม่ ผี ลเบีย่ งเบน 4) การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจทีเ่ หนือกว่าใน critical situations.
สังคมไทย จนท�ำให้มกี ารท�ำผิดทางจริยธรรมในการวิจยั 5) มี 2) The loss of networking between Dance
์
การท�ำผิดกระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลปดว้ ยการน�ำระเบียบ Research Organizations.
วิธวี จิ ยั มาสวมใช้กบั งานทีไ่ ม่ได้ถกู สร้างขึน้ มาจากกรรมวิธขี อง 3) Strong advance expectations of sponsors,
การวิจยั ตัง้ แต่แรก 6) การละเมิดด้วยการไม่ขออนุญาต การไม่ causing a bias in research.
อ้างอิง และเอางานของผูอ้ น่ื มาเป็ นงานของตน 7) พบว่ามี 4) A general fear in Thai society to challenge
พฤติ ก รรมของการท� ำ เป็ น ไม่ รู้ โ ดยเจตนาของนั ก วิ จ ัย ที่ hierarchical structures.
เกีย่ วข้องกับการจงใจสร้างข้อมูลเท็จ 8) การปิดบังซ่อนเร้น 5) Replacing a process in a new work that is very
ข้อมูลในงานวิจยั เพือ่ ความสะดวกในกระบวนการท�ำการวิจยั different from the one that has been used before.
ให้ลุลว่ งไป โดยเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ผูท้ ม่ี อี ทิ ธิพลเพือ่ หวัง 6) A large increase in plagiarism.
ั
ต�ำแหน่งหน้าทีข่ องตนทัง้ ในปจจุบนั และอนาคต 9) การใช้ 7) A bias in collecting information in one’s
พืน้ ทีใ่ นงานวิจยั เพือ่ ท�ำลายผูอ้ น่ื 10) การละเลยหรือละเว้น research project.
หน้าทีข่ องคณะกรรมการในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ 8) Researchers being corrupted by aspiring to a
66
ไม่เกรงใจ อ�ำนาจจึงเป็ นสิง่ ทีค่ นจ�ำนวนไม่น้อย ใฝห่ า และ 3.3 การใช้พืน้ ที่ในงานวิ จยั เพื่อท�ำลายผู้
อยากจะมีอำ� นาจเหมือนคนอืน่ ” อื่น ด้วยการสร้างข้อมูลเพือ่ ตอบสนองเหตุผลทางด้านอารมณ์
ส่วนตัว สร้างความเสียหายให้กบั ผูอ้ น่ื ซึง่ กระท�ำโดย
2. ปัจจัยที่เกิ ดจากการขาดวิ นัยในการท�ำงาน 1) ความต้องการของผูว้ จิ ยั เอง โดยทีผ่ ู้
วินยั เป็ นสิง่ ทีค่ อยก�ำกับการท�ำงานทีท่ ำ� ให้ได้ผลงาน ควบคุมงานวิจยั ไม่ได้รบั รูเ้ ท็จจริง
ทีม่ ปี ระสิทธิภาพ แต่ถา้ ผูว้ จิ ยั ขาดวินยั ก็ยอ่ มท�ำให้เกิดการท�ำ ) ความต้องการของผูค้ วบคุมงานวิจยั โดยมี
ผิดกระบวนการในการท�ำงาน และการขาดวินยั ก็สามารถ ผูว้ จิ ยั ลงมือปฏิบตั กิ ารแทน
ท�ำให้เกิดการละเมิดในกระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลป์ได้ดว้ ย 3) ผูว้ จิ ยั และผูค้ วบคุมงานวิจยั รับรูแ้ ละร่วม
ซึง่ สามารถแบ่งอธิบายได้โดยสังเขปในหัวข้อย่อย ดังนี้ มือกัน
2.1 การท�ำผิดกระบวนการ มีการท�ำผิดก
ระบวนการวิจยั ทางนาฏยศิลป์โดยการน� ำระเบียบวิธวี จิ ยั มา 4. ปัจจัยที่เกิ ดจากการประเมิ นที่ขาดคุณภาพฃ
สวมใช้กบั งานทีไ่ ม่ได้ถูกสร้างขึน้ มาจากกระบวนการของการ องผลงานวิ จยั
วิจยั ตัง้ แต่เริม่ ต้น จึงท�ำให้ได้ผลงานวิจยั ทีไ่ ม่สมเหตุผล ข้อมูล การประเมิน ผลงานนัน้ อยู่ใ นความรับ ผิด ชอบของ
ทีไ่ ด้จากเครื่องมือไม่ได้สนับสนุ นค�ำตอบหรือข้อสรุปของงาน คณะกรรมการผูป้ ระเมิน ฉะนัน้ การประเมินทีข่ าดคุณภาพของ
วิจยั เกิดภาวะของการสรุปผลของงานวิจยั ทีไ่ ม่มที ม่ี าทีไ่ ป ผลงานวิจยั นัน้ ผูป้ ระเมินจึงมีสว่ นในการรับผิดชอบ ซึง่ เข้าข่าย
และขาดความน่าเชือ่ ถือเชิงวิชาการ การละเว้นการปฏิบตั หิ น้าทีท่ จ่ี �ำเป็ นต้องตรวจสอบหรือรักษา
2.2 การละเมิ ด ด้วยการน�ำงานของผูอ้ ่นื ไว้ซง่ึ มาตรฐานของสถาบันการศึกษานัน้ ปจั จัยในหัวข้อนี้
มาใส่ในเล่มโดยไม่ขออนุญาต การไม่อา้ งอิง และเอางานเขียน สามารถแบ่งอธิบายได้อย่างสังเขปในหัวข้อย่อย ดังนี้
หรือรูปภาพของผูอ้ น่ื มาเป็ นงานของตน ซึง่ ถือเป็ นประเด็นพืน้ 4.1 การละเว้นการปฏิ บตั ิ หน้ าที่ของผู้
ฐานของการละเมิด เพราะลักลอกเอางานของผูอ้ น่ื มาเป็ นงาน ประเมิ น หมายถึง การละเลยในหน้าทีข่ องการตรวจสอบและ
ของตน อันเป็ นความผิดทีป่ รากฏเป็ นหลักฐานได้ชดั เจนทีส่ ดุ ควบคุมคุณภาพของผลงานวิจยั จากผูป้ ระเมิน จนท�ำให้เกิด
และในตัวอย่างของงานวิจยั ทีน่ � ำมาเป็ นกลุ่มตัวอย่างก็ยงั พบ การวิจยั ทีม่ ขี อ้ มูลเบีย่ งเบน โดยมีสาเหตุอนั เนื่องมาจาก
หลักฐานว่า มีการน�ำชีวประวัตแิ ละผลงานของศิลปินมาใช้ใน 1) งบประมาณค่าตรวจสอบของผูป้ ระเมิน
ลักษณะของการประชันขันแข่ง เปรียบเทียบ เป็ นกรณีศกึ ษา น้อยไป จนท�ำให้เกิดความไม่คมุ้ ค่าในการปฏิบตั ิ
โดยเจ้าของข้อมูลนัน้ ไม่ได้รบั รูด้ ว้ ย อีกทัง้ ตัง้ ข้อสังเกตว่าการ 2) ความไม่ถนัดหรือไม่เชีย่ วชาญของผู้
เปรียบเทียบนัน้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ กับงานวิจยั ประเมินต่อหัวข้องานวิจยั
หรือทางวิชาการ 3) ความไม่ใส่ใจของคณะผูป้ ระเมินต่อการ
ตรวจสอบผลงานวิจยั
3. ปัจจัยที่เกิ ดจากการมีเจตนาอคติ ของผูล้ ะเมิ ด 4) การเกรงกลัวต่ออ�ำนาจทีเ่ กีย่ วข้อง
การมีอคติเป็ นปจั จัยแง่ลบอย่างมากของผูว้ จิ ยั งาน โดยตรงกับสายงานของผูว้ จิ ยั หรืออ�ำนาจทีเ่ กีย่ วข้องทางด้าน
วิจยั ทีม่ อี คติจะเป็ นงานทีไ่ ม่น่าเชื่อถือและเป็ นต้นเหตุของการ สังคมของบุคคลทีร่ ว่ มเป็ นผูป้ ระเมินในการตรวจสอบงานวิจยั
ละเมิด อันเป็ นผลมาจากพฤติกรรมของการท�ำเป็ นไม่รโู้ ดย 5) การขาดความรับผิดชอบของบุคคลที่
เจตนา การปกปิดซ่อนเร้นข้อมูล การเอือ้ ประโยชน์ให้กบั ผูท้ ม่ี ี เป็ นผูป้ ระเมิน
อิทธิพลของนักวิจยั ตลอดจนถึงขัน้ ทีม่ กี ารใช้พน้ื ทีใ่ นงานวิจยั
เพือ่ ท�ำลายผูอ้ น่ื ซึง่ สามารถแบ่งอธิบายได้โดยสังเขปในหัวข้อ ปจั จัยใหญ่ทงั ้ 4 ประเด็น ทีป่ ระกอบไปด้วยปจั จัย
ย่อย ดังนี้ ย่อย 10 ประการ ดังทีไ่ ด้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็ นผลทีไ่ ด้จากการ
3.1 การปิ ดบังซ่อนเร้นข้อมูลเพื่อ วิจยั ในหัวข้อ “จริยธรรมทางการวิจยั นาฏยศิลป์” ทีไ่ ด้รบั การ
ประโยชน์ อนั มิ ชอบในงานวิจยั พบว่ามีพฤติกรรมของการ ศึกษาและค้นพบผ่านกระบวนการวิจยั ทีต่ รงตามจุดประสงค์
เขียนข้อมูลไม่ถกู ต้องครบถ้วน หรือการรูข้ อ้ เท็จจริงนัน้ แล้วแต่ ของการวิจยั ทุกประการ การศึกษาประเด็นทางด้านจริยธรรม
เลือกทีจ่ ะไม่กล่าวถึง อันเป็ นข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องโดยตรงกับงาน ทางการวิจ ัย นาฏยศิล ป์ จะสร้า งประโยชน์ สูง สุ ด ทัง้ ในด้า น
วิจยั ทีผ่ วู้ จิ ยั เจตนา ซึง่ ขัดต่อจริยธรรมของนักวิจยั เพือ่ อ�ำนวย บรรทัด ฐานที่ จ ะช่ ว ยให้ เ กิ ด ประโยชน์ ต่ อ มาตรฐานการ
ความสะดวกแก่ผวู้ จิ ยั ในการท�ำงานให้น้อยลง ทีอ่ าจจะ สร้างสรรค์ผลงาน และในเวลาเดียวกันก็จะเป็ นการสร้างก�ำลัง
เกีย่ วข้องโดยตรงกับความจงใจทีจ่ ะสร้างข้อมูลเท็จ และยังพบ ใจให้กบั ศิลปินหรือนักวิชาการผูท้ ต่ี งั ้ ใจท�ำงาน ความสัมพันธ์
ว่าเป็ นการกระท�ำทีท่ �ำให้เกิดการลดทอนจ�ำนวนเชิงสถิตขิ อง ของจริยธรรม และการวิจยั ทางนาฏยศิลป์นนั ้ ถ้าได้รบั การ
ข้อมูลนัน้ ๆ อันส่งผลแก่ความน่าเชือ่ ถือของกลุม่ ตัวอย่างทีถ่ กู สนั บ สนุ น จากผู้ท่ีม ีส่ ว นเกี่ย วข้อ งโดยเฉพาะผู้บ ริห ารของ
น�ำมาใช้เป็ นกรณีศกึ ษาในงานวิจยั สถาบันการศึกษา จะช่วยสร้างความน่าเชือ่ ถือและสร้างข้อมูล
3.2 การเอื้อประโยชน์ ให้กบั ผูท้ ี่มี ทางวิชาการทีม่ มี าตรฐาน ก่อให้เกิดเป็ นผลงานทีส่ มบูรณ์แบบ
อิ ทธิ พล พบว่ามีการสร้างข้อมูลทีข่ ดั แย้งกับความเป็ นจริง และเต็มไปด้วยคุณภาพ ในเวลาเดียวกันก็จะเป็ นการสร้าง
ด้วยการยกย่องและเอาอกเอาใจแก่ผทู้ ม่ี อี ทิ ธิพลนัน้ โดยคาด ความยุตธิ รรมต่อผูส้ ร้างงานในสังคมไทย ทีถ่ อื เป็ นการต่ออายุ
หวัง ว่ า ตนเองจะได้ ร ับ ประโยชน์ ไ ม่ ท างใดก็ ท างหนึ่ ง ใน สร้างก�ำลังใจให้กบั ศิลปิน และนักวิชาการผูท้ ต่ี งั ้ ใจท�ำงานให้ม ี
ต�ำแหน่งหรือความเจริญก้าวหน้า ทัง้ ในปจั จุบนั และอนาคต พลังและแรงขับเคลือ่ นในการสร้างสรรค์งานทางศิลปะและงาน
70
ข้อเสนอแนะ
ควรมีการศึกษาวิจยั ในลักษณะท�ำนองเดียวกันนี้ กับ
ศาสตร์ทางด้านศิลปกรรมศาสตร์สาขาอืน่ ๆ เนื่องจากผลงาน
ศิลปะ เป็ นผลงานสร้างสรรค์ทเ่ี กิดขึน้ จากแนวคิดและแรง
บันดาลใจของศิลปิน ดังนัน้ หากมีการศึกษากระบวนการวิจยั
การผิดจริยธรรมทางด้านงานศิลปะ ก็จะเป็ นแนวทางในการ
พัฒนาศาสตร์ของงานศิลปกรรม และการวิจยั ทางด้านศิลปะ
ในวงการการศึกษาของประเทศชาติต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กัญจนา บุณยเกียรติ. (2556). การลักลอกงานวิ ชาการและ
วรรณกรรม. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
ธีระชน พลโยธา, พาสนา จุลรัตน์, อัจศรา ประเสริฐสิน, พิศมัย
รัตนโรจน์สกุล และนิยะดา จิตต์จรัส (2560, มกราคม-
มิถุนายน). ความฉลาดทางวัฒนธรรมในบริบท
วัฒนธรรมอาเซียนส�ำหรับนิสติ นักศึกษาระดับปริญญาตรี:
การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วทิ ยา. วารสารสถาบัน
วัฒนธรรมและศิ ลปะ. 18(2): 57-62.
สุพตั รา สุภาพ. (2536). สังคมและวัฒนธรรมไทย: ค่านิ ยม
ครอบครัว ประเพณี . กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
Marsh, B. (2007). Plagiarism: Alchemy and remedy in
higher education. New York: State University of
New York.
Pecorari, D. (2010). Academic writing and plagiarism:
A linguistic analysis. New York: Aptara Books.