Professional Documents
Culture Documents
Downloadfile 6
Downloadfile 6
ฝากถึงผู้อ่าน
สมัยเรียนปี 4 ที่คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ จะมี อ ยู่วิ ช าหนึ่ ง ชื่ อ ว่า เคมี อุส าหกรรม ผมจํา ได้ว่า ท่า น
อาจารย์ได้ให้พวกเราสร้างโปรเจคธุรกิจอะไรก็ได้ท่ตี อ้ งใช้ความรูต้ า่ งๆ ที่ได้
เรียนมาตัง้ แต่ปี 1 ตอนนัน้ กลุ่มของเราเลือกธุรกิจถุงยางอนามัย ก็ ตาม
ประสาวัยรุน่ ทั่วไปที่นกึ แค่สนุกขึน้ มาเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านัน้ เรา
ได้ทาํ แผนธุรกิจขึน้ มาโดยมีจุดเด่นที่ถงุ ยางอนามัยของเราเมื่อฉีกออกมา
จะมาสามารถสวมเข้า ไปที่ อ วัย วะเพศโดยที่ ส ารหล่ อ ลื่ น ไม่ เ ลอะมื อ
ท้ายที่สดุ อาจารย์ก็ได้นาํ เสนอโปรเจคของอาจารย์เองด้วยและมันคือสิ่งที่
จะเปลี่ยนชีวิตของพวกผมไปตลอดกาล อาจารย์ได้เสนอแผนธุรกิจทําสบู่
ขายแถมท่านได้ทาํ ตัวอย่างของสบู่ขึน้ มาด้วยเป็ น สบู่ก ลีเซอรีนใสผสม 3
กลับไม่มีความสามารถที่จะทําสบู่ได้ อะไรมันจะลึกลับซับซ้อนขนาดนี ้
องค์ค วามรู ข้ องสบู่ช่ า งกว้า งใหญ่ ไ พศาลเหลือ เกิ น จนในที่ สุด ผมต้อ ง
กลับมาคุยกับตัวเองว่าทําไมเราถึงไม่สามารถนําความรู ท้ างด้านเคมีที่
เรียนมา มาใช้กบั สบู่ได้เลยและท้ายที่สดุ ก็พบว่าปั ญหาไม่ได้อยู่ที่เราไม่มี
ความรู ใ้ นการทําสบู่แต่อยูต่ รงที่เราไม่สามารถจัดการความรู ต้ า่ งๆได้อย่าง
เป็ นระบบ เมื่อรู ถ้ ึงแก่นของปั ญหาแล้วผมก็กลับไปที่จุดเริ่มต้นของสบูโ่ ดย
การศึ ก ษาของที่ ไ ปที่ ม าของสบู่ ว่ า มี แ หล่ ง กํา เนิ ด มาจากไหนและมี
วิ วั ฒ นาการความเป็ นมาอย่ า งไรและก็ พ บว่ า สบู่ นั้ น อยู่ ใ นหน้ า
ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาโดยตลอด แรกเริม่ เดิมทีสบูไ่ ม่ได้มีหน้าตา
อย่างที่เราเห็นกันในปั จจุบนั แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาผ่านร้อนผ่านหนาว
ผ่านสงครามต่างๆ นาๆ สุดท้ายก็กลายมาเป็ นสบูใ่ ห้เราได้ใช้กนั ในทุกวันนี ้ 4
สิ่งนีม้ นั ยิ่งตอกยํา้ ลงไปในสมองผมทุกครัง้ ที่ได้ใช้สบู่ เรากําลังได้เรียนรู ้
ประวัติ ศ าสตร์อัน ยาวนานของมัน จนในที่ สุด ผมก็ กลายเป็ น กลุ่มคนที่
หลงใหลในศาสตร์ของการทําสบู่ไปโดยไม่รูต้ ัวและนับจากวันนัน้ จนถึง
ตอนนี ส้ บู่ก็ ไ ด้ก ลายเป็ น ส่ว นหนึ่ง ของชี วิ ตของผมไปแล้ว ต้อ งขอบคุณ
คณาจารย์ที่ ไ ด้ป ระสิท ธิ์ ป ระสาทวิ ช าความรู ต้ ่า งๆ และครอบครัว ที่ ไ ด้
สนับสนุนและหล่อหลอมทําให้ผมได้กลายมาเป็ น คนทําสบู่ ในวันนี ้ และ
ในที่สดุ ผมก็ได้ส่งมอบความรู ท้ ี่จาํ เป็ นสําหรับ คนทําสบู่ ลงในอีบ๊คุ เล่มนี ้
เพื่อเป็ นเสมือนคูม่ ือไว้สาํ หรับผูท้ ี่สนใจจะทําสบูแ่ ละสามารถนําความรูน้ ไี ้ ป
พัฒนาต่อยอดเพื่อเป็ นประโยชน์ตอ่ โลกต่อไป
สบู่
สบู่ คําที่คนุ้ หูดเู รียบง่ายแต่ลกึ ซึง้ การทําสบูใ่ นปั จจุบนั กลายเป็ น
เรือ่ งใกล้ตวั ของทุกคนไปแล้ว หลายคนเคยบอกกับผมว่าสบูค่ ือเรือ่ งกล้วยๆ
แค่เปิ ดเน็ตดูก็ทาํ ได้แล้วแน่นอนครับแค่เราเปิ ดอินเตอร์เน็ตค้นหาวิธีการ
ทํา สบู่ก็ ส ามารถผลิต สบู่ไ ด้แ ล้ว แต่ค าํ ถามคื อ สบู่ที่ ท าํ ขึน้ นั้น มี คุณ ภาพ
เพียงพอเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่ วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้เหมาะสม
มากเพี ย งใดและสามารถดึง ศัก ยภาพที่ แ ท้จ ริง ของตัว วัต ถุดิ บ ออกมา
ได้มากน้อยแค่ไหน หากเราลงลึกเข้าไปถึงแก่นของการทําสบูจ่ ะพบว่าสบู่
เป็ นเรื่องง่ายที่จะทําแต่เป็ นเรื่องยากที่จะทําออกมาให้ดตี อ้ งอาศัยทัง้
ประสบการณ์ความรูอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสมและเป็ นระบบ ซึ่งคณะผูจ้ ดั ทํา
ได้เล็งเห็นว่าคนทําสบู่จาํ เป็ นต้องเข้าใจถึงรู ปแบบและระบบของการผลิต 5
สารบัญ
บทที่ 1 เตรียมตัวก่อนทําสบู… ่ ………………….…………… 13
1.ทําความรูจ้ กั กับจักรวาลสบู…่ ……………………….. 13
2. ประวัติความเป็ นมาของสบูก่ อ้ น…………………….. 17
สบูย่ คุ โบราณ (Ancient soap)………………………. 17
สบู่สมัยใหม่ (Modern soap)………………………... 22
3. สบูน่ าํ้ มันคืออะไรและแตกต่างจากสบูช่ นิดอื่นอย่างไร 25
ปฏิกิรยิ า Saponification ของสบูก่ อ้ น………………. 26
4. ทําไมต้องทําสบูใ่ ช้เอง……………………………….. 28
5. อุปกรณ์………………………………………………. 30
1. อุปกรณ์ดา้ นความปลอดภัย……………………… 31
7
2. ภาชนะผสมสบู… ่ …………………………….…… 32
3. อุปกรณ์ช่งั ………………………………….….….. 33
4. อุปกรณ์ที่ใช้ในการตักหรือตวง………….…….….. 34
5. อุปกรณ์วดั อุณหภูม… ิ ………………………..…… 35
6. อุปกรณ์สาํ หรับกวนสบู… ่ ………………..….……. 37
7. แม่พิมพ์เทสบู… ่ …………………………..….…… 39
8. อุปกรณ์ให้ความร้อน…………………………..…. 41
5. สมุนไพรและสารสกัด…..……………………………. 74
สมุนไพร………………..………..…………………… 77
สารสกัด………………..……………..……………… 82
6. สารเติมแต่งเพิ่มเติม (ADDITIVES) ………………... 89
1. สารกันบูด (Preservative) …………….………… 89
2. สารเพิ่มความแข็ง………………………………… 90
3. สารป้องกัน UV…………………………………… 90
สูตรสบู่ 137
สูตรสบู่กลุ่มเพิ่มความชุ่มชืน้ (MOISTURIZER) 137
ALOE VERA GEL………..........…………................... 138
COCOA BUTTER & ALMOND……..........………….. 139
LANOLIN……….......................………….................. 140 10
NATTO GUM……….................………….................. 141
JOJOBA OIL & GREEN TEA.…………..…............... 142
AVOCADO & CUCUMBER.…………....................... 143
OAT & CINNAMON.…………................................... 144
HONEY YOGURT.…………...................................... 145
SODIUM PCA & UREA.………….............................. 146
MIX BUTTER……….................................................. 147
PAPAYA…................................................................. 151
PINEAPPLE…............................................................ 152
SUGAR CANE…....................................................... 153
ชะเอมเทศ…............................................................... 154
ถั่วเขียว…................................................................... 155
CHARCOAL…........................................................... 156
LACTIC ACID…........................................................ 157
TEA TREE OIL & CINNAMON POWDER.................. 158
บทที่ 1
เตรียมตัวก่อนทําสบู่
1.ทําความรู้จักกับจักรวาลสบู่
สบูเ่ กิดขึน้ ครัง้ แรกประมาณ 2,800 ปี ก่อนคริสตกาล ต่อมาในยุค
หลัง ๆ ก็ มี ก ารคิ ด ค้น ใส่สี กลิ่น และคุณ สมบัติ พิ เ ศษอื่ น ๆ ลงในสบู่ จน
ออกมาเป็ นสบูอ่ ย่างที่เราใช้กนั ทุกวันนี ้ โดยสารตัง้ ต้นหลักทีม่ กั ใช้ทาํ สบูค่ อื
สารชําระล้าง ซึง่ สามารถสรุปองค์ประกอบโดยรวมในการทําสบูไ่ ด้ดงั นี ้
13
แผนภาพแสดงประเภทของสารชําระล้างและชนิดของสบู่
จากแผนภาพจะเห็นว่าโครงสร้างหลักของจักรวาลในการทําสบู่
คือ สารชําระล้างต่าง ๆ เช่น นํา้ ยาล้างรถ นํา้ ยาถูพืน้ เป็ นต้น และแบ่ง
ออกมาเป็ นเครือ่ งสําอางประเภทสารชําระล้างได้ 2 ประเภท นั่นคือ
แต่จุดด้อยของสบู่กลีเซอรีน อยู่ตรงที่เมื่อเก็บในที่มีอุณหภูมิสงู
หรือความชืน้ สูงจะเสียสภาพได้ง่าย ซึ่งต่างจากสบู่นาํ้ มัน ที่ยิ่งทิง้ ไว้นาน
คุณภาพสบูย่ ิ่งสูงขึน้
สบู่ยุคโบราณ(Ancient soap)
ต้นกําเนิดของสบู่ที่แท้จริงยังเป็ นที่ถกเถียงกันอยู่ในวงวิชาการ
แต่ ต ามตํา นานของอารยธรรมโรมั น บอกไว้ว่ า มี ก ารเรี ย กชื่ อ สบู่ ว่ า
“SAPO(ซาโป)” ตัง้ ชื่อตามภูเขาซาโป(Mount Sapo) ซึ่งใช้เป็ นสถานที่ใน
การบูชายัญสัตว์เพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของคนในสมัยนัน้ ทําให้
บริเวณนีจ้ ะมีเถ้ากระดูกและไขมันสัตว์อยูจ่ าํ นวนมาก และเมื่อฝนตกลงมา
เถ้ากระดูกและไขมันสัตว์ตา่ งๆ ก็ได้ไหลลงไปรวมในแม่นาํ้ ไทเบอร์ (ในขีเ้ ถ้า
จะมีสารจําพวกด่างและในไขมันสัตว์จะมีกรดไขมัน เมื่อฝนตกนํา้ ก็จะทํา
การผสมด่างเข้ากับกรดไขมันเกิดเป็ นสบู่) ชาวบ้านเมื่อนําผ้าไปซักหรือไป
การรักษาโรคผิวหนังและทําความสะอาดร่างกาย ต่อไปในช่วงปลายอารย
ธรรมอียิปต์ โมเสสได้บอกเกี่ยวกับสบู่ไว้วา่ ใช้เพื่อทําความสะอาดร่างกาย
กับชาวยิว โดยในคัมภีรไ์ บเบิลบอกไว้ว่าเมื่อนําขีเ้ ถ้าจากไม้และนํา้ มันมา
ผสมกันจะได้ “Borith” ซึง่ เป็ นภาษาฮิบรู แปลว่า สบูห่ รือวัตถุดิบที่ใช้ในการ
ทําสบูส่ ามารถนํามาใช้กบั เส้นผมได้
312 ปี ก่อนคริสตกาลใน
ยุคของอารยธรรมโรมัน
ซึง่ มีการสร้างโรงอาบนํา้
สาธารณะขึน้ มากมายก็
ได้มีการทําสบูข่ นึ ้ เพื่อใช้
ทําความสะอาดร่างกาย 19
ศตวรรษที่ 17 มีการผลิตสบู่
จากนํา้ มันมะกอกแท้ขนึ ้ มา ที่
เมื อ งคาสตี ล ประเทศสเปน
เกิ ด เป็ น สบู่ค าสตี ล (Castile
Soap) ในอิตาลีก็มีการทําสบู่
สบู่คาสตีล ด้วยไขมันแพะและขีเ้ ถ้าจาก
ต้นบีชขณะเดียวกันฝรั่งเศสก็เริ่มใช้นาํ้ มันมะกอกเพื่อทําสบู่ที่เมืองมาร์ซ ์
เกิ ด เป็ น สบู่ม าร์แ ซย์ (Marseille Soap) และสูต รสบู่ม าแซย์ก็ ไ ด้ร ับ การ
ยอมรับ อย่า งเป็ น ทางการครัง้ แรกในปี ค.ศ. 1688 ในช่ ว งรัช สมัย ของ
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และเริ่มมีการนํานํา้ หอมมาใช้กบั สบูเ่ ป็ นครัง้ แรกซึง่ สบู่
ในยุคนัน้ มีการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็ นชําระล้างร่างกาย สระผม
โกนหนวดไปจนถึงใช้เพื่อซักผ้าล้างจานชาม
สบู่สมัยใหม่(Modern soap)
หลังจากที่มีการผลิตโซดาแอชสบู่ก็ได้กลายเป็ นอุต สาหกรรม 22
ในปั จ จุ บัน นี ้ก ารผลิ ต สบู่ นั้น จะให้ค วามสํา คัญ กั บ เรื่ อ งของ
สารเติมแต่งต่าง ๆ เป็ นหลักไม่วา่ จะเป็ น สารสกัด สารกันบูด สารเพิ่มฟอง
ที่ผูผ้ ลิตต่างเน้นไปที่เรื่องของความปลอดภัยต่อผูบ้ ริโภคและเป็ นมิตรกับ
สิง่ แวดล้อมและเมื่อไม่นานมานีก้ ระแสการใช้เครือ่ งสําอางโดยเฉพาะสบู่ที่
เน้นสูตรสบู่ในยุคโบราณแต่ใช้ด่างเป็ นด่างโซดาไฟแทนด่างจากขีเ้ ถ้าจาก
ถ่านไม้ ก็กลับได้รบั ความนิยมเพิ่มขึน้ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความนิยม
ของผูบ้ ริโภคที่เริม่ มีการตระหนักถึงผลกระทบของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ
ผูบ้ ริโภคที่มีกาํ ลังซือ้ ต่างมองหาคําว่า “ออแกนิค” , “ธรรมชาติแท้ 100 % ”
อันจะเห็นได้ว่าผูค้ นเริ่มรู จ้ ักพวกสบู่โบราณทัง้ หลายเช่น สบู่อเลปโป สบู่
มาร์แซย์ ฯลฯ มากขึน้ และมีการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านีม้ ากขึน้ เรื่อยๆ
เรียกได้ว่าเป็ นการขึน้ ไปถึงจุดสูงสุดและกลับคืนสู่สามัญและหากกระแส 24
ความนิยมของผูบ้ ริโภคยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็ นเช่นนีไ้ ปเรื่อยๆ ในไม่ชา้
เราก็อาจจะได้เห็นผูผ้ ลิตที่ผลิตสบู่ออกวางจําหน่ายในท้องตลาดด้วยสูตร
สบูโ่ บราณแท้ 100% ในราคาที่คอ่ นข้างสูงแต่มีคนยอมจ่ายอย่างแน่นอน
3. สบู่นา้ํ มันคืออะไรและแตกต่างจากสบู่ชนิดอื่นอย่างไร
ก่อนจะทําความรู จ้ ักกับชนิดของสบู่นาํ้ มัน คุณต้องรู ก้ ่อนว่าใน
นํ้า มั น นั้ น จะมี อ งค์ ป ระกอบหลั ก ทางเคมี เรี ย กว่ า ไตรกลี เ ซอไรด์
(Triglyceride) ซึง่ ประกอบด้วย กลีเซอรอลรวมอยูก่ บั กรดไขมัน
ไตรกลีเซอไรด์
25
กลีเซอรอล กรดไขมัน
โดยกรดไขมันจะเป็ นตัวเข้าทําปฏิกิริยากับด่างจนเกิ ดเป็ นสบู่
ปฏิกิริยาการเกิดสบู่นีม้ ีชื่อว่าปฏิกิริยา ซาปอนนิเฟเคชัน(Saponification)
โดยถ้ า เป็ นด่ างโซดาไฟหรื อโซเดี ยมไฮดรอกไซด์ ( Sodium hydroxide:
NaOH) จะได้ส บู่ก้อ นขึน้ มา ทั้ง นี ถ้ ้า หากเป็ น ด่า งคลี ห รือ โพแทสเซี ย ม
ไฮดรอกไซด์ (Potassium hydroxide:KOH) จะได้สบูเ่ หลว
โซดาไฟ สบูก่ อ้ น
กรดไขมัน
ปฏิกิริยา Saponification ของสบู่ก้อน
กรดไขมัน
ปฏิกิริยา Saponification ของสบู่เหลว
ความแข็งและค่าทําความสะอาดสูงมากแต่ให้ค่าความชุ่มชื่นตํ่า หรือใน
นํา้ มันมะกอกมีกรดไขมันชื่อ โอเลอิก อยูม่ ากเมื่อนํามาทําสบูจ่ ะให้สบู่ที่ให้
ค่าความสะอาดตํ่าแต่ความชุ่มชืน้ สูงมาก ซึง่ รายละเอียดของชนิดของกรด
ไขมันนีจ้ ะอยูใ่ นหัวข้อนํา้ มัน
4. ทําไมต้องทําสบู่ใช้เอง
สบู่เ ป็ น ผลิ ต ภัณ ฑ์เ ครื่ อ งสํา อางชํา ระล้า งผิ ว กายที่ จ ํา เป็ น ต่อ
ชีวิตประจําวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายซึง่ เป็ นที่นิยมใช้กนั มาก
ที่สดุ ในโลก โดยเฉพาะกลุม่ ประเทศที่อยูใ่ นเขตเส้นศูนย์สตู รเพราะมีสภาพ
อากาศที่รอ้ นตลอดทัง้ วัน โดยเฉลี่ยมักใช้สบู่วันละ 2 ครัง้ จึงทําให้เกิ ด
ค่าใช้จ่ายในส่วนนีพ้ อสมควร
และสํา คัญ ไปกว่ า นั้น คื อ การที่ เ ราต้อ งสัม ผัส กั บ สบู่ทุก วัน
อย่างน้อยวันละ 2 เวลา ซึ่งถ้าหากสบู่ที่เราใช้นนั้ มีสารเคมีบางตัวที่ส่งผล
กระทบต่อสุขภาพผิว เช่น สารกันบูดบางตัวหรือกลิ่นบางตัว เมื่อใช้ไปเป็ น
ระยะเวลานาน ๆ ผิวหนังที่เคยชุ่มชืน้ จะเริ่มอ่อนล้า กลายเป็ นคนผิวแห้ง
แพ้ง่าย ทําให้การดําเนินชีวิตเป็ นไปอย่างไม่ปกติสขุ 28
* ทําให้คณ
ุ ลดค่าใช้จ่าย สําหรับผลิตภัณฑ์บาํ รุงผิวอื่นๆ เพราะ
สบูธ่ รรมชาติมีความชุ่มชื่น ช่วยบํารุงอยูใ่ นตัว
* สามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคตเพื่อสร้างรายได้ ได้
* ลงทุนตํ่าเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น
5. อุปกรณ์
ปั จ จุบัน อุป กรณ์ในการทําสบู่น าํ้ มัน นั้น มี ด ว้ ยกัน หลากหลาย
แล้วแต่ความสะดวกของผูน้ าํ ไปใช้ โดยเฉพาะคนที่เริ่มทดลองทําสบู่ไป
ระยะหนึ่งแล้วจนฝี มือคงที่ระดับหนึ่ง มักจะเริ่มมีการประยุกต์การใช้งาน
อุป กรณ์เ พื่ อ ให้เ ข้า กับ รู ป แบบการทํา สบู่ข องแต่ล ะบุค คล จนเกิ ด เป็ น
อุป กรณ์เ ฉพาะทางส่ว นบุค คล และหากอุป กรณ์นั้น ใช้ง านได้ดี ก็ อ าจ
ทําขึน้ มาเพื่อจําหน่ายได้อีกด้วย
สํา หรับ มื อ ใหม่ ที่ เ ริ่ ม ต้น ทํา สบู่ อย่ า ได้กัง วลกับ การเลื อ กใช้
อุปกรณ์ในการทําสบู่ ไม่จาํ เป็ นต้องเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีราคาสูง สามารถ
เลือกประยุกต์ใช้อปุ กรณ์ที่ตนเองมีในบ้านได้
30
ในหนังสือเล่มนีผ้ ูเ้ ขียน ขออนุญาตแนะนําว่า หากท่านกําลังจะ
เตรียมจัดหาอุปกรณ์ในการทําสบูใ่ ห้ทอ่ งไว้ในใจว่า
ถ้าหากไม่มีกข็ อหรือยืมใครได้ไหม
1. อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย
เป็ นเรื่องสําคัญอันดับต้นๆ ที่ควรพิจารณา แต่หลายคนมักไม่
ค่ อ ยให้ค วามสํา คัญ โดยอุป กรณ์ด ้า นความปลอดภัย จะต้อ งปกป้ อ ง
ทุกส่วนของร่างกายไม่ให้สมั ผัสโดยตรงกับสบู่ซึ่งนอกจากจะเป็ นเรื่องของ
ความปลอดภัยแล้วยังเป็ นการลดการปนเปื ้อนสิ่งแปลกปลอมกับตัวสบู่ 31
ด้ว ย อุป กรณ์ด ้านความปลอดภัย สํา หรับ คนทําสบู่ไ ด้แ ก่ แว่น ตานิรภัย
ถุงมือ หน้ากากอนามัย ผ้าคลุมผม ผ้ากันเปื ้อน ที่กล่าวมาก็คืออุปกรณ์
พืน้ ฐานที่สามารถหาได้โดยง่าย
2. ภาชนะผสมสบู่
แม้ว่ า เราไม่ ไ ด้ท ํา สบู่สูต รร้อ นก็ ค วรใช้เ ป็ น พลาสติ ก ประเภทนี ้ เพราะ
สามารถนําไปใช้ได้กับสบู่ทุกประเภท แต่ถ้าหากไม่สามารถหาได้จริง ๆ
สามารถใช้ขวดนํ้าดื่ มตัดครึ่ ง (โดยทั่วไปขวดนํ้าดื่ มที่ มี ขายตามร้านสะดวกซื ้อ
ต่ า ง ๆ เป็ นพลาสติ ก เบอร์ 1( Polyethylene terephthalate) ซึ่ ง เป็ น
พลาสติกชนิดทนความร้อนได้ไม่สงู )
3. อุปกรณ์ช่ัง
4. อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการตักหรือตวง
คื อ อุปกรณ์ที่ ใช้ในการตักหรื อตวงวัตถุดิ บต่ าง ๆ ที่ ใช้ในการทําสบู่
เช่น ผงสมุนไพร สี กลิ่น เป็ นต้น โดยหากทําสบู่จนชํานาญระดับหนึ่งจน
สูตรสบู่คงที่แล้ว มักจะใช้อปุ กรณ์ในการตักหรือตวงมากกว่าการชั่งเพราะ
สะดวกและใช้เวลาน้อยกว่า และวัสดุที่ใช้สาํ หรับอุปกรณ์ประเภทนีค้ วร
เป็ น พลาสติ ก หรือ โลหะชนิ ดเดี ยวกับ ภาชนะผสมสบู่ ที่ ส าํ คัญ สิ่ง ที่ ควร
คํานึงถึง คือ วัสดุที่นาํ มาใช้ตอ้ งไม่ทาํ ปฏิกิริยาใด ๆ กับวัตถุดิบเพื่อไม่ให้
เกิดสารตกค้างหรือปนเปื ้อนในสบู่ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงกับผิวได้
34
5. อุปกรณ์วัดอุณหภูมิ
และเทอร์โมมิเตอร์อีกประเภทหนึ่งเป็ นเทอร์โมมิเตอร์แบบที่ตอ้ ง
สัมผัสกับสิ่งที่ตอ้ งการวัดอุณหภูมิ เราจะไม่นิยมนํามาใช้กบั สบู่เนื่องจาก
ตัววัสดุอาจทําปฏิกิริยากับตัวสบูไ่ ด้ หรือหากเป็ นเทอร์โมมิเตอร์แบบปรอท
หากแตก ตัวปรอทอาจหกปนเปื ้อนเข้าไปในเนือ้ ของสบู่ได้ เทอร์โมมิเตอร์
ประเภทนี ้ จึงไม่นิยมใช้ในการทําสบู่
36
6. อุปกรณ์สาํ หรับกวนสบู่
ในการทําสบู่จาํ เป็ นจะต้องใช้อปุ กรณ์กวนให้ด่างกับนํา้ มันผสม
เข้าเป็ นเนือ้ เดียวกัน และเป็ นตัวช่วยในการเร่งให้เกิ ดสบู่ได้เร็วขึน้ หาก
อุปกรณ์ที่ใช้ในการกวนสามารถกวนสบู่ได้เร็วก็จะเกิดเนือ้ สบู่ที่เร็วตามไป
ด้วย ซึ่งจะทําให้ประหยัดเวลาในการทําสบู่ ผูท้ าํ สบู่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้
ที่ป่ ั นมือถือ (Stick blender) เพื่อเป็ นตัวช่วยในการกวนสบู่
37
โดยวัสดุที่ใช้ทาํ ตัวปั่ นมือถือมักจะเป็ นโลหะชนิดที่สามารถใช้กบั
อาหารได้และไม่ขึน้ สนิม สําหรับผูท้ ี่สนใจทําสบู่สตู รเย็นควรจะมีติดตัวไว้
สักหนึ่งชิน้ ราคาที่ป่ ั นมือถือจะอยูท่ ี่ประมาณ 600 – 2,000 บาท ขึน้ อยูก่ บั
คุณภาพและยี่หอ้ แต่ผเู้ ขียนแนะนําในราคาพันต้น ๆ จะมีอายุการใช้งาน
นานกว่าชิน้ ที่มีราคาถูกเพราะใช้วสั ดุดีกว่า
สํา หรับ ผู้ที่ ไ ม่อ ยากซือ้ ที่ ป่ ั นมือ ถื อ ก็ ส ามารถใช้ต ะกร้อมื อหรือ
ไม้พายซิลโิ คนใช้กวนสบูไ่ ด้ แต่จะใช้เวลานานกว่าใช้ที่ป่ ั นมือถือ
สํา หรับ ผู้ที่ ต ้อ งการผลิต สบู่ค รัง้ ละจํา นวนมาก ๆ อาจต้อ งใช้
หม้อสแตนเลสที่มีขนาดใหญ่ตามความต้องการและหากทําสบู่ประเภทที่
ต้องใช้ความร้อนอาจจะต้องใช้เตาแก๊ส และถ้าต้องการผลิตในปริมาณที่
มากกว่านัน้ อี กก็ ตอ้ งใช้เป็ นหม้อ กวนสบู่ซึ่งมี ขนาดตัง้ แต่ประมาณ 5 –
1,000 ลิตร ขึน้ อยูก่ บั ความต้องการในการผลิต
38
7. แม่พมิ พ์เทสบู่
แม่พิมพ์สบู่หรือพิมพ์เทสบู่ สําหรับสบู่นาํ้ มันแล้วมักจะมีรูปร่าง
ไม่ซบั ซ้อนเท่ากับสบูก่ ลีเซอรีน โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มโดยวัสดุ
ที่ใช้ทาํ จะเป็ นไม้ (เวลาใช้ตอ้ งใช้กระดาษเคลือบห่ออาหารหรือที่ชอบเรียก
กันว่ากระดาษข้าวมันไก่รองก่อน) ซิลิโคนหรือกระดาษแข็งเคลือบเงาแบบ
กันนํา้ ก็ สามารถนํามาใช้แทนกันได้ แต่สาํ หรับคนที่ไม่อยากลงทุนเรื่อง
แม่พิมพ์สามารถใช้กล่องนมหรือกล่องนํา้ ผลไม้มาประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน
39
สําหรับสบู่สตู รเย็นสามารถใช้แม่พิมพ์ที่มีความซับซ้อนมากกว่า
สบู่สตู รร้อนเนื่องจากตอนจะเท สบู่ลงในแม่พิมพ์สบู่จะยังคงมีความเหลว
สูงอยู่
40
8. อุปกรณ์ให้ความร้อน
ในสบู่สตู รที่ตอ้ งใช้ความร้อน จําเป็ นต้องใช้อปุ กรณ์ให้ความร้อน
โดยนิ ย มใช้ห ม้ อ ตุ๋ น ที่ ตัว หม้อ เป็ น เซรามิ ก ส์ห รื อ แก้ว ไม่ แ นะนํา ให้ใ ช้
หม้อดินเพราะหม้อดินอาจถูกด่างกัดหรือโดนอุปกรณ์ที่ใช้กวนกระแทก
ทําให้ดินหลุดลอกออกมาปนกับเนือ้ สบูไ่ ด้
41
บทเรียนที่ 2
วิเคราะห์วัตถุดบิ
1. นํา้ มัน ( Oil , Fat , Wax )
1. Triglyceride (ไตรกลีเซอไรด์)
คือชื่อทางเคมีของเหล่านํา้ มันหรือไขมันซึ่งใน Triglyceride จะ
ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ Glycerine กับ Fatty acid (กรดไขมัน)
44
กรดไขมันอิ่มตัวนัน้ โดยหลักจะให้คุณสมบัติแก่สบู่คือความแข็ง
(Hardness) , การชําระล้าง (Cleansing) , ฟอง (Bubbly) เป็ นหลัก ซึ่งถ้า
นํา้ มันชนิดไหน ที่มีกรดไขมันอิ่มตัวอยูเ่ ป็ นจํานวนมาก (50% ขึน้ ไป) เราจะ
เรียกนํา้ มันชนิดนัน้ ว่า นํา้ มันแข็ง (Hard oil) เช่น นํา้ มันมะพร้าว, นํา้ มัน
ปาล์ม, นํา้ มันแก่นปาล์ม
47
50
51
คุณสมบัติของนํา้ แต่ละชนิด
นํ้ า กลั่ น สามารถใช้ ไ ด้ เ นื่ อ งจากนํ้า กลั่ น ไม่ มี เ กลื อ แร่ ช นิ ด ใดเป็ น
องค์ประกอบอยูแ่ ล้ว (นํา้ กลั่นเติมรถ สามารถใช้ได้)
ด่างจึงจะละลาย
3 รูปแบบในการคํานวณปริมาณนํา้
1. เทียบจากปริมาณนํา้ มัน
ในวิ ธี นี ป้ ริม าณนํา้ ที่ เราจะใส่นั้น จะขึน้ กับ ปริม าณนํา้ มัน ที่เรา
นํามาใช้โดยไม่คาํ นึงถึงปริมาณด่าง เช่น
54
1. ใช้นาํ้ จํานวน 35% ของจํานวนนํา้ มัน 800 กรัม
เราจะได้ 35% ของ 800 มีคา่ เท่ากับ 0.35 x 800 = 280
กรัม
2. ใช้นา้ํ เป็ นจํานวน 40% ของนํา้ มัน 1200 กรัม
เราจะได้ 40% ของ 1200 มีคา่ เท่ากับ 0.4 x 1200 = 480
กรัม
ควรใช้กี่ % ถึงเหมาะสม?
ค่าที่ผมมองว่ากําลังดีจะอยูใ่ นช่วง 25 % ถึง 45 % แต่ % ที่ผมชอบ
ใช้เป็ นการส่วนตัวจะอยูท่ ี่ 35 % ทัง้ นีน้ าํ้ มันแต่ละชนิดจะเกิด Trace ช้าเร็ว
ไม่เ ท่า กัน เพราะนํา้ มัน อ่อ นบางชนิ ด เกิ ด Trace ช้า มาก ดัง นั้น การลด
ปริมาณนํา้ ลง ก็เป็ นทางเลือกหนึง่ ที่ดี ซึง่ สามารถร่นระยะเวลาในการผลิต
สบูข่ องเราลงได้
2. คิดจากความเข้มข้นของด่าง
ในวิธีนีป้ ริมาณของนํา้ จะถูกบอกในรู ปของความเข้มข้นของด่าง
ซึง่ เราจะรูค้ วามเข้มข้นของด่างได้ เราต้องรู้ปริมาณของด่างที่ได้จากการ
คํานวณ SAP value ก่อน ยกตัวอย่างเช่น
55
1. นํา้ มันมะพร้าว 800 กรัม จะต้องใช้ดา่ งจํานวน 146 กรัม
โดยมี superfat 0%
ต้องการสารละลายด่างเข้มข้น 30%
จะเห็นได้วา่ ด่างจํานวน 30 กรัม ละลายในนํา้ 70 กรัม
(บวกกันแล้วต้องได้ 100)
ในสูตรต้องใช้ด่างจํานวน 146 กรัม ดังนัน้ จะละลายใน
นํา้ = (146 x 70) ÷ 30 = 340 กรัม
เราจะเห็นได้ว่าการคิดปริมาณนํา้ จากความเข้มข้นของด่างจะ
แตกต่างกับรูปแบบแรก คือยิ่งด่างมีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ปริมาณนํา้ จะ
น้อยลง แต่ในรูปแบบแรกยิ่งมีเปอร์เซ็นต์มากเท่าไหร่ ปริมาณนํา้ จะมากขึน้
ตามกัน 56
1. นํา้ มัน ปาล์ม 800 กรัม ใช้ด่า งจํา นวน 113 กรัม โดยมี
superfat 0 %
สัดส่วนที่จะใช้นนั้ เริม่ ต้นที่นาํ้ ด่าง 1 ส่วน ต่อนํา้ 1 ส่วน
ดังนัน้ ปริมาณนํา้ ที่จะใช้ก็คือ 113 กรัม เท่ากับด่าง
2. นํา้ มัน มะกอก 800 กรัม ต้อ งใช้ด่า งโซดาไฟ 103 กรัม
โดยมี Superfat 5%
ปริมาณนํา้ ที่จะใช้คือนํา้ ด่าง 1 ส่วนต่อนํา้ 2.5 ส่วน ก็จะ
ได้เป็ น 103 ต่อ 103 x 2.5
คิดเป็ นนํา้ ด่าง 103 กรัม ต่อนํา้ 256 กรัม ดังนัน้ เราต้องใช้
นํา้ เท่ากับ 256 กรัม
ถ้า เราใช้ส ัด ส่ว น 1 : 1 นํ้า ที่ ใ ช้อ าจจะน้อ ยเกิ น ไป จนทํา ให้น ํ้า ด่ า งทํา
ปฏิกิริยากับนํา้ มันไม่ท่วั ถึงถ้าเราไม่กวนให้ดี หรือการเกิดเทรสอาจจะเร็ว
เกินไปไม่ทนั ได้เติมสารอะไรเลย จึงเลยเทรสที่เราต้องการ
57
เพราะฉะนัน้ สัดส่วนที่แนะนําคือนํา้ ด่าง 1 ส่วน ต่อนํ้า 2 - 3 ส่วน
เมื่อเราเลือกชนิดของนํา้ หรือของเหลวที่จะนํามาละลายด่างได้แล้ว
ต่อมาควรเตรียมความพร้อมของเหลวก่อนที่จะนํามาละลายด่าง
ถ้า ในของเหลวมี นํ้ า ตาล เป็ น องค์ป ระกอบ สิ่ง ที่ ค วรทํา คื อ นํา
ของเหลวนัน้ ไปแช่แข็งหรือทําให้เย็นจัดๆ จากนัน้ จึงค่อยๆ นําผงด่างมา
ละลายที ล ะน้อ ย โดยค่อ ยๆเท ค่อ ยๆคน จนผงด่า งละลายจนเป็ น เนือ้
เดียวกัน ซึ่งการที่ตอ้ งเตรียมความพร้อมด้วยวิธีนีก้ ่อน เพราะว่าด่างจาก
58
หมายเหตุ:
3. ด่าง
ด่ า งที่ ใ ช้ท ํา สบู่ น ํ้า มั น มี ห ลายชนิ ด มากแต่ ที่ เ ป็ นที่ นิ ย มและ
สามารถหาซือ้ ได้ตามท้องตลาดทั่วไปจะมี 2 ชนิด คือ
เกิดเป็ นสบูก่ อ้ น
2. ด่างคลี(caustic potash)
ด่างคลี มีชื่อทางเคมีว่า โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์(Potassium
hydroxide) มี ส ัญ ลัก ษณ์ท างเคมี คื อ KOH (อ่ า นว่ า เค-โอ-เอช)เป็ น
โมเลกุลของสารประกอบที่เกิดจากอะตอมของ K (โพแทสเซียม) รวมตัวกับ
OH(ไฮดรอกซี่) ซึ่งมีค่าความเป็ นด่างที่สงู มากแต่ไม่สงู เท่าโซดาไฟ มีฤทธิ์
กัดกร่อนและจะปลดปล่อยพลังงานความร้อนออกมาเมื่อละลายกับนํา้ แต่
จะไม่รุนแรงเท่าโซดาไฟ จะนิยมใช้ด่างชนิดนีใ้ นการทําสบู่เหลวโดยกลไก
การเกิดปฏิกิริยาคือ ไอออนของ K+ จะเข้าทําปฏิกิริยาซาปอนนิฟิเคชันกับ
บริเวณหมูไ่ ฮดรอกซี่ของกรดไขมันเกิดเป็ นสบูเ่ หลว
ด่างคลี 100% กับ ด่างคลี 90% หมายถึง มีเนือ้ ของด่างคลีอยู่ 90 ส่วน อีก
10 จะเป็ นสารเจือปนอื่นๆ เช่น โซดาไฟ เป็ นต้น ซึ่งสามารถใช้ทาํ สบู่เหลว
ได้ทั้ง คู่แ ต่ใ นการคํา นวณต้อ งคํา นวณสัด ของด่า งคลี ที่ มี อ ยู่ใ ห้ถูก ต้อ ง
ในท้อ งตลาดด่า งคลี 1 00 % จะหาซื อ้ ยากและมี ร าคาสูง จึ ง นิ ย มใช้เ ป็ น
ด่างคลี 90%
วิธีการผสมนํา้ ด่าง
ขัน้ ตอนแรกให้ช่ งั นํา้ หนักของนํา้ กับด่างแยกกันต่อให้นําด่างเทลงในนํ้า
ห้ามเทนํ้าลงด่างเพราะอาจจะทําให้เกิดการกระเด็นเนื่องจากความ
ร้อนอาจทําให้น้ําเดือดได้จากนัน้ ใช้วสั ดุทนความร้อน (ไม่แนะนําให้ใช้
61
3. กลิ่น
ตัวอย่างนํา้ มันหอมละเหยและสรรพคุณ
นํ้ามันหอมละเหยจากดอกลาเวนเดอร์
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Lavandula angustifolia (Lavender) Flower Oil
ได้จาก : ส่วนดอก
สรรพคุ ณ : ขจั ด รัง แค ช่ ว ยให้ผ่ อ นคลายทํา ให้น อนหลับ ได้ง่ า ยขึ น้
ลดอาการคัน ตามผิ ว หนัง ลดริว้ รอยจุด ด่า งดํา ลดสิว อัก เสบ เยี ย วยา
64
ผิวไหม้จากแดด
นํ้ามันหอมระเหยเจอร์เรเนียม
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Pelargonium graveolens Flower Oil
ได้จาก : ส่วนดอก
สรรพคุณ : ลดเลือนรอยแผลเป็ น อาการอักเสบ ช่วยทําให้ผอ่ นคลาย
อาการเคลียด ทําให้รูส้ กึ สดชื่นมีสมาธิ ไล่แมลง
นํา้ มันหอมละเหยเปปเปอร์มนิ้ ท์
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Mentha piperita (Peppermint) Oil
ได้จาก : ส่วนใบ
นํ้ามันหอมละเหยมะกรูด
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : citrus aurantium bergamia (bergamot) fruit oil
ได้จาก : ส่วนผล
สรรพคุณ : บรรเทาอาการปวดศี ร ษะ ป้อ งกัน รัง แค รัก ษาอาการปวด
ระคายเคือง บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ ทําให้สดชื่น ฆ่าเชื่อโรค ช่วยให้
ทางเดินหายใจโล่ง
กลิ่นสังเคราะห์(Fragrance)
67
70
4. สี
โดยทั่วไปสีสามารถแบ่งประเภทตามการกระจายตัวได้ 2 ประเภท
71
1. Dye (สีทล่ี ะลายในตัวทําละลาย)
สีในกลุ่มนีจ้ ะละลายได้ดี ในตัวทําละลายที่แตกต่างกันไป โดย
พืน้ ฐานจะมีแบบที่ละลายในนํา้ กับแบบที่ละลายได้ในนํา้ มัน ในกรณีที่เรา
ทําสบู่นาํ้ มันแบบก้อนเราจึงจําเป็ นที่จะต้องเลือกใช้แบบที่ละลายได้ใน
นํ้ า มั น หรือ ที่ รู จ้ ัก กัน ดีในชื่ อ ว่าสีน าํ้ มัน ไม่เ ช่ น นั้น จะรวมตัวกับ เนือ้ สบู่
ได้ยาก และทุกครัง้ ที่มีการนําสีไปใช้ ต้องทําการละลายสีให้เป็ นสารละลาย
ก่ อ น โดยการนําผงสีที่ ตอ้ งการ นํา ไปละลายนํา้ มันซึ่งเราสามารถแบ่ง
นํา้ มันที่จะใช้ในสูตรมาละลายก็ได้ หรือใช้นาํ้ มันที่ช่ งั แยกโดยเฉพาะก็ได้
ซึ่งสีบางสีนนั้ จะละลายค่อนข้างยาก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะละลายได้ดี
ในกลุน่ นํา้ มันอ่อน ส่วนการจะใช้นาํ้ มันในการละลายสีมากน้อยขนาดไหน
ในจุด นี ไ้ ม่มี ก ารกํา หนดที่ ต ายตัว ขอเพี ย งไม่น อ้ ยเกิ น ไป จนทํา ให้ผ งสี
ละลายไม่หมด หรือไม่เยอะเกินไปจนทําให้สดั ส่วนนํา้ มันในสูตรผิดเพีย้ น
ได้
72
5. สมุนไพรและสารสกัด
แรกเริ่มเดิมทีสบู่มีไว้เพียงเพื่อทําความสะอาดร่างกายเท่านัน้
ปั จจุบนั กระบวนการผลิตสบู่ มีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เข้ามา เช่น เติมกลิน่
ลงไปจนสบู่ ก ลายเป็ นแฟชั่ น และถู ก พั ฒ นาต่ อ เนื่ อ งจนกลายเป็ น
74
เครื่องสําอาง โดยคุณสมบัติหลักของสบู่นอกจากเกิดจากตัวนํา้ มันแล้ว
ยังเกิดจากสมุนไพรหรือสารสกัดที่ได้เติมลงไปด้วย ซึ่งถ้าหากจะบอกถึง
ความจําเป็ นว่าสบูจ่ าํ เป็ นต้องใส่สมุนไพรหรือสารสกัดหรือไม่ ก็ตอ้ งบอกว่า
ไม่จาํ เป็ นต้องใส่เพราะจุดประสงค์หลักของสบู่คือการชําระล้างทําความ
สะอาด
มีคนหลายคนสงสัยว่าพวกสมุนไพรหรือสารสกัดที่ใส่ในสบู่นนั้
ช่วยบํารุ งผิวได้จริงหรือไม่ คําตอบคือสามารถช่วยบํารุ งผิวได้จริง ถ้าใส่ใน
ปริม าณที่ เ หมาะสมก็ จ ะสามารถออกฤทธิ์ ท างชี ว ภาพกับ ร่า งกายผู้ใ ช้
ได้จริง
76
สมุนไพร
77
สมุนไพร มีความหมายตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ว่า ยา
ที่ได้จากพืช สัตว์ หรือ แร่ธาตุ ซึง่ มิได้ผสม ปรุง หรือแปรสภาพ
จากความข้างต้นคือคําจํากัดความของคําว่าสมุนไพร ซึ่งโดย
ส่วนใหญ่สมุนไพรที่นิยมนํามาใส่ในสบูม่ กั จะเป็ นสมุนไพรที่ได้มาจากส่วน
ต่างๆ ของพืช เช่น ขมิน้ ทานาคา ผงถ่าน มะขาม เป็ นต้น และนิยมใช้เป็ น
สมุนไพรแบบแห้งและเป็ นผงเนื่องจากจะทําให้กระจายตัวได้ดีในสบู่นาํ้ มัน
โดยหากใช้เป็ นสมุนไพรสดอาจทําให้สบู่เน่าเสียได้ เนื่องจากสมุนไพรสด
มักจะเป็ นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น เชือ้ ราและแบคทีเรีย
นอกจากสมุนไพรแบบผงละเอียดธรรมดาแล้วยังมีแบบผงสครับด้วย เช่น
ผงสครับกาแฟ ผงสครับวอลนัท เป็ นต้น
จากที่กล่าวมาข้างต้นยังมีการใช้สมุนไพรอีกรู ปแบบหนึ่งคือการ
ใช้เป็ นนํา้ สมุนไพร เช่น นํา้ ผลไม้ นํา้ ผัก นํา้ นม เหล่านีส้ ามารถใช้แทนนํา้
ได้เ ลยแต่ จ ะต้อ งนํา ไปแช่ แ ข็ ง ก่ อ นเนื่ อ งจากถ้า นํา มาผสมกับ ด่ า งใน
อุณหภูมิปกติความร้อนความรุ นแรงที่เกิดขึน้ จากด่างจะทําให้นาํ้ สมุนไพร
เหล่านีเ้ สียสภาพ จนทําให้สเี ปลีย่ นหรือมีกลิน่ เหม็นและทําให้สบูเ่ น่าเสียได้
หลายคนคงคิดว่าการใส่สมุนไพรลงไปในตัวสบูก่ ็ไม่น่าจะมีอะไร
มากก็แค่ใส่ๆ ลงไปแล้วก็คนๆ ให้เข้ากันก็ได้สบู่แล้วแต่ในความเป็ นจริง
แล้ว หากต้องการสบู่สมุนไพรที่มีคุณภาพใช้แล้วเห็นผล คนทําสบู่จาํ เป็ น
ตารางแสดงรายชื่อสมุนไพรและสรรพคุณเบือ้ งต้น
ชื่อผงสมุนไพร สรรพคุณ
ข้าวไรซ์เบอรี่ บํารุงผิว ให้ความชุ่มชืน้ ลดสิว
ทานาคา ผิวกระจ่างใส ควบคุมความมัน
ถ่านไม้ไผ่ ดูดสารพิษ ดูดความชืน้ ฆ่าเชือ้ 80
ชื่อผงสมุนไพร สรรพคุณ
เปลือกมังคุด บรรเทาอาการโรคผิวหนังกลากเกลือ้ น ยับยัง้ แบคทีเรียที่ทาํ ให้
เกิดสิว
กวาวเครือขาว ขจัดรังแค ป้องกันเชือ้ รา กระชับผิวทําให้ดไู ม่เหี่ยวย่น
ไพล ต้านการอักเสบ ด้านเชือ้ โรคที่ก่อให้เกิดสิว
ใบเตย ป้องกันแบคทีเรีย ขจัดกลิน่ เหม็นอับของร่างกาย
ส้มโอ ลดสิวเสีย้ นสิวอุดตัน ช่วยลดริว้ รอยจุดด่างดํา
บอระเพ็ด ลดสิว ต้านอนุมลู อิสระป้องกันการเกิดริว้ รอยก่อนวันอันควร
มะขาม ผลัดเซลล์ผิว ลดริว้ รอยและจุดด่างดํา
บัวหิมะ บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังที่ถกู ทําลาย บรรเทาอาการ
คันที่ผิวหนัง 81
แอปเปิ้ ล มี AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวทําให้ผวิ กระจ่างใสขึน้
กระเจี๊ยบ มี AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวทําให้ผวิ กระจ่างใสขึน้
มะขามป้ อม มีวิตามินซีเยอะต้านอนุมลู อิสระ กระตุน้ การสร้างคอลลาเจน
บํารุงผิว
ตําลึง บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ แสบร้อน
ถั่วเขียว ดูดซับความมันได้ดี ต้านการอักเสบ ทําให้ผิวนุม่
มะรุ ม ให้ความชุ่มชืน้ กับผิว
มะเฟื อง ขจัดรังแค ป้องกันเชือ้ ราที่เป็ นสาเหตุของกลากเกลือ้ น
แครอท ฟื ้ นฟูเซลล์ผิว ลดการอักเสบบวมแดงที่เกิดจากการอักเสบของ
ผิวหนัง
สารสกัด
82
ตัวทําละลายเหล่านีส้ ดุ ท้ายแล้วจะถูกกําจัดออกไปให้เหลือแต่
สารสํา คั ญ ที่ ต ้อ งการเท่ า นั้น แต่ ใ นบางครั้ง ก็ ไ ม่ ส ามารถที่ จ ะนํา ตัว
ทําละลายออกไปได้ทงั้ หมดจึงเป็ นสาเหตุแห่งการแพ้ได้ ดังนัน้ ก่อนจะใช้
สารสกัดใด นอกจากจะศึกษาเรื่องสรรพคุณของสารนัน้ แล้วยังต้องทราบ
ด้วยว่าสารสกัดนัน้ ใช้สารอะไรเป็ นตัวทําละลายและส่งผลกระทบอะไรต่อ
ผิวหนังหรือไม่
นอกจากนีส้ ารสกัดบางชนิดยังไม่สามารถนํามาใช้ร่วมกันได้
เช่น Alpha arbutin จะทํางานได้ดีเมื่ออยูใ่ นสภาวะที่เป็ นด่างหากจะนําไป
รวมกับสารสกัดตัวอื่น ไม่ควรใช้รวมกับสารสกัดที่มีความเป็ นกรดสูง เช่น
พวก AHA ทัง้ หลายเนื่องจากจะไปทําให้สมดุลของ pH เปลี่ยนไปในทางที่
เป็ น กรด ส่ง ผลทํา ให้ Alpha arbutin กลายเป็ น สารพิ ษเกิ ดอัน ตรายต่อ
ผู้ใ ช้ไ ด้ นอกจากนี เ้ มื่ อ นํา มาใช้ง านควรคํา นึ ง ถึ ง เรื่ อ งอุณ หภูมิ เ พราะ
สารสกัดโดยทั่วไปมักจะไม่ทนต่อความร้อนที่สงู จึงนิยมนํามาผสมใส่ใน
สบูต่ อนท้ายสุด
ตัวสมุนไพรโดยเน้นให้สารสกัดออกฤทธิ์ทางชีวภาพส่วนสมุนไพรจะเน้นที่
ความดึงดูดน่าใช้และความรู ส้ ึกถึงความปลอดภัย ดังนัน้ ในการใช้งาน
สารสกัดและสมุนไพรจึงเป็ นของคูก่ นั ที่คอยสนับสนุนเกือ้ กูลซึง่ กัน ขอเพียง
ผูผ้ ลิตมีความรู เ้ ข้าใจในการเลือกใช้สมุนไพรและสารสกัดอย่างถูกต้อง
เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวสบู่และป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้
ในการใช้งาน
ตารางแสดงรายชื่อสารสกัดและสรรพคุณเบือ้ งต้น
ชื่อสารสกัด สรรพคุณ
ชาเขียว ทําให้รอยดํา รอยแดงจางหายไป
ใยไหม ปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก และให้ผิวสัมผัสที่นมุ่ นวล
ขิง ช่วยให้สวิ แห้งยุบไวพร้อมปรับผิวขาว กําจัดรอยดํา ทําให้
หน้าใสขึน้
vitamin B3 ช่วยลดริว้ รอย ลดรอยแดง/ดํา
มะพร้าว รักษาความชุม่ ชืน้ รักษาอาการผิวแห้ง แตก ลอก เป็ นขุย ลด
อาการผื่นแพ้ แสบคันตามผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวนวลเนียน
แครอท มีคณ
ุ สมบัตชิ ่วยควบคุมความมัน กระชับรูขมุ ขน
85
ขมิน้ ชัน ช่วยกําจัดสิวอักเสบ ฝ้า กระ และริว้ รอย
นํ้าดอกกุหลาบ ป้องกันการเกิดริว้ รอยและลดการระคายเคืองผิว
มะขาม ลดฝ้า กระ จุดด่างดํา
แตงกวา เพิ่มความชุ่มชืน้ ให้แก่ผิว ทําให้ผิวหนังสดชื่น เพิ่มความ
ยืดหยุน่ ลดการ บวมแดง สมานผิว
กาแฟ คืนความสดชื่นให้ผิว
องุน่ ช่วยลบเลือนริว้ รอยบนผิวหน้า
เกสรดอกบัว เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดริว้ รอย ลดการเหีย่ วย่น
หลวง
สาหร่ายทะเล ช่วยให้ผิวชุม่ ชื่น เต่งตึง เรียบเนียน และกระชับ
ชื่อสารสกัด สรรพคุณ
ชื่อสารสกัด สรรพคุณ
ชื่อสารสกัด สรรพคุณ
โสม ช่วยปรับสภาพผิวพรรณให้เต่งตึง แลดูออ่ นกว่าวัย ช่วยทํา
ให้ผิวนุม่
มะหาด ผิวกระจ่างใสขึน้
ไฮยาลูโรนิค รักษาริว้ รอยแห่งวัย
กวาวเครือขาว เพิ่มความชุ่มชืน้ ให้กบั ผิว ช่วยลดเลือนริว้ รอยให้แก่ผิว
แอล-กลูต้าไธโอน อาหารผิวเพื่อ ผิวเนียน ขาว ใส
vitamin c ( L- ทําให้ผิวดูสว่างสดใสขึน้ ลดริว้ รอย กระตุน้ การสร้าง
ascorbic acid ) คอลลาเจน ต้านอนุมลู อิสระ
Alpha arbutin ช่วยให้ ขาว กระจ่างใส
ทานาคา 88
ช่วยลดการสร้างเซลล์เม็ดสีที่ผิวและยับยัง้ แบคทีเรีย
สาเหตุสวิ
คาโมมายล์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรง เนียนนุม่ ชุม่ ชืน้ ให้กบั เซลล์ผิว ลด
การระคายเคือง การอักเสบของสิว และผิวพรรณ
1. สารกันบูด (Preservative)
หน้าที่หลักๆ ของสารกันบูด คือ ป้องกันการเติบโตของเชือ้ ราและ
แบคที เ รี ย ซึ่ ง ในส่ ว นของเชื ้อ รานั้น จะเป็ นปั ญ หามากกว่ า แบคที เ รี ย
เนื่องจากมีการเติบโตได้ง่ายกว่า เพราะตามปกติแล้วการผลิตสบู่นนั้ ไม่มี 89
superfat หรือ ไม่มี สารเติ ม แต่ง ใดๆ การที่ จ ะบูด หรือ มี เ ชื อ้ ราขึน
้ นัน้ เป็ น
เรือ่ งยากมาก แต่กรณีที่เกิดเชือ้ รา มักพบว่า เมื่อมีการเติมผงสมุนไพรลงไป
หรือของสดลง สิ่งเหล่านีม้ ีผลทําให้สบู่เกิดเชือ้ ราหรือบูดได้ ทัง้ นีร้ ะยะเวลา
ในการบูดขึน้ อยู่กบั ความชืน้ ความสะอาดของสบู่ หากเก็บไว้ในสภาวะดี
อายุของสบู่ก็สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปี กว่าจะบูด หากมีการใส่สาร
กันบูดลงไปก็สามารถยืดอายุของสบู่ได้ และสารกันบูดบางตัวยังสามารถ
ทําหน้าที่ตา้ นการเกิดปฏิกิรยิ า Oxidation ลดอาการเหม็นหืนของก้อนสบู่
ในกรณีที่ใช้นาํ้ มันอ่อนในสัดส่วนที่เยอะได้
2. สารเพิม่ ความแข็ง
การปรับความแข็งนอกจากจะปรับที่ชนิดของนํา้ มันที่ใช้แล้ว ยัง
สามารถเติมส่วนเพิ่มความแข็งต่างๆ ได้ดงั นี ้
1. เติมเกลือ ที่เรานํามาประกอบอาหาร เช่นเกลือชมพู เกลือดํา
ขอเพียงเป็ นเกลือที่มี โซเดียมคลอไรด์อยู่ ซึ่งเกลือจะทําให้ความหนาแน่น
ของสารที่ มี ป ระจุ ใ นก้ อ นสบู่ มี ค วามหนาแน่ น ขึ ้น ผลที่ ต ามมาก็ คื อ
ความแข็งของก้อนสบูท่ ี่เพิ่มขึน้
2. โซเดี ย มแลคเตท ( Sodium lactate) สารตัว นี ้เ ป็ นที่ นิ ย ม
ในการทําให้สบู่แข็ งตัวขึน้ ใช้ได้นานขึน้ รวมไปถึ งทําให้ผิ วเนื อ้ สบู่มี ความเนี ย น
มากขึน้ ด้วย
สารในกลุ่ม นี ถ้ ้า ใช้ม ากเกิ น ไปจะทํา ให้ส บู่มี ค วามเปราะหรื อ 90
มีความร่วนของผิว เพราะฉะนัน้ ควรใช้ในสัดส่วนที่พอดี
3. สารป้ องกัน UV
สารป้องกัน UV โดยหลักจะเอาไว้ใช้เพื่อป้องกันการเปลีย่ นของสี
หรือสารบางตัวที่มีสามารถเสื่อมสภาพได้เมื่อเจอแสงแดด ซึ่งจะมีราคา
ค่อนข้างสูงในการทําสบูจ่ ึงไม่คอ่ ยนิยมนํามาใส่กนั
บทที่ 3
การคํานวณสูตรสบู่
1. การคํานวณปริมาณนํา้ มัน,ด่าง,นํา้ , นํา้ มันส่วนเกิน และ
การตั้งสูตรสบู่นาํ้ มัน
ก่อนอื่นเลยต้องรู ก้ ่อนว่าในตัวของนํา้ มันนัน้ จะมีองค์ประกอบ
หลัก คือ ไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งในไตรกลีเซอไรด์นีจ้ ะประกอบด้วย กรดไขมัน
รวมอยู่กบั กลีเซอรอล ในปริมาณแตกต่างกันขึน้ อยู่กบั ชนิดของนํา้ มัน ซึ่ง
ตัว กรดไขมัน จะเป็ น ตัว เข้า ไปทํา ปฏิ กิ ริย ากับ ด่า งจนเกิ ด เป็ น สบู่นาํ้ มัน
ปฏิกิรยิ าที่เกิดขึน้ นีเ้ รียกว่า ปฏิกิริยา ซาปอนนิฟิเคชัน(Saponification)
91
ปริมาณนํา้ มันและการคํานวณปริมาณด่าง
นํา้ มันแต่ละตัวก็ จะมีค่า SAP value ที่แตกต่างกัน เช่น นํา้ มัน
มะกอกมี ค่ า SAP value 189.7 หมายความว่ า ด่ างโพแทสเซี ยมไฮดรอกไซ ด์ 92
(KOH) จํา นวน 189.7 มิ ลิ ก รัม ทํา ปฏิ กิ ริ ย าได้พ อดี กับ นํ้า มัน มะกอก
ปริมาณ 1 กรัม
สมมติ ว่ า คนทํา สบู่ต ้อ งการใช้น ํ้า มัน มะกอก 250 กรัม จะต้อ งใช้ด่า ง
โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) เท่าไร?
ตัว อย่ า งเช่ น SAP value ของนํ้า มัน ที่ ใ ช้กับ KOH ของนํ้า มัน
มะกอก คือ 0.1897 เมื่อต้องการเปลี่ยนเป็ นค่าของ NaOH ให้นาํ 0.189 x
0.713 = 0.135
กําหนดให้
SAP value นํา้ มันมะพร้าว = 0.190, นํามันมะกอก = 0.134,
นํา้ มันคาโนลา = 0.133, นํา้ มันรําข้าว = 0.128
การคํานวณปริมาณนํา้ มันส่วนเกิน(Superfat)
จากตัวอย่างการทําสบู่จากนํา้ มันหลายตัว จะเห็นได้ว่าหากใช้
ด่าง NaOH 153 กรัม ก็จะทําปฏิกิรยิ าพอดีกบั นํา้ มันทัง้ หมด 1000 กรัม ซึง่
ในทางปฏิบตั ิ คนทําสบู่มกั ต้องการให้มีนาํ้ มันเหลืออยู่บา้ ง ไม่ตอ้ งการให้
นํา้ มันทัง้ หมดทําปฏิกิริยากับด่างแล้วเกิดเป็ นสบู่ทงั้ หมด เพื่อต้องการเก็บ
ความชุ่มชื น้ อยู่ในสบู่ มาช่วยในการบํารุ งผิว ซึ่งนํา้ มันที่หลงเหลืออยู่นี ้
เรียกว่า นํา้ มันส่วนเกิน(Superfat) โดยปกติสบู่กอ้ นมักต้องการให้มีนาํ้ มัน
ส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 5%-20% ของนํา้ มันทัง้ หมด เช่น จากตัวอย่างใช้
นํา้ มันทัง้ หมด 1000 กรัม ต้องการ superfat 5% ของนํา้ มันจะได้ปริมาณ
การคํานวณปริมาณนํา้
ในการทํา สบู่นั้น ต้อ งมี ส่วนประกอบของนํา้ เข้ามาช่ วยในการ
ละลายด่าง ดังนัน้ จึงต้องมีการคํานวณหาปริมาณนํา้ ที่จะใช้
แบบทดสอบวัดความเข้าใจ
1. ต้องการทําสบูน่ าํ้ มันแบบก้อนจากนํา้ มันทัง้ หมด 500 กรัม ประกอบด้วย
นํา้ มันอโวกาโด 10% นํา้ มันมะกอก 25% นํา้ มันวอทนัท 45% นํา้ มันปาล์ม
20% และต้องการ%นํา้ 35% ผงขมิน้ 0.2% ผงมะขาม 0.3% และกลิน่ 3%
จะต้องใช้นาํ้ มันชนิดละกี่กรัม ด่างกี่กรัม นํา้ กี่กรัม ผงสมุนไพรกี่กรัม กลิ่น
กี่กรัม และนํา้ หนักรวมของสบูท่ ี่ได้ทงั้ หมดกี่กรัม
คําตอบ (ส่งคําตอบทีไ่ ด้ท่ี Line: แหล่งความรู้ไม่มีท่สี นิ้ สุด)
99
2. การออกแบบสบู่
เมื่ออ่านทฤษฎีการทําสบูท่ งั้ หมด ดังที่กล่าวมาจนมาถึงบรรทัดนี ้
แล้ว คงพอจะเข้าใจเรื่องของวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ กันมาบ้างแล้ว
บทเรียนนีจ้ ะเป็ นวิธีการนําความรู ท้ ี่เราได้ศึกษาทฤษฎีต่างๆ มา ผลิตเป็ น
สูตรสบูต่ ามที่เราต้องการ
แนะนําว่าสําหรับมือใหม่ควรเลือกคุณสมบัตเิ ด่นเพียง 1 – 2
อย่างก่อน ไม่ควรเลือกคุณสมบัตมิ ากเกินไป เพราะเวลาเลือกวัตถุดบิ ที่
นํามาเพิ่มเติมจะคํานวณค่าสูตรได้ยาก อาจเกิดความสับสนได้
ขั้ นตอนต่ อมา คื อ การหาสั ดส่ วนที่ จะใช้ ของนํ้ ามั นแต่ ละตั ว
โดยมี หลักคร่ าวๆ คื อ สัดส่ วนของนํ้ามั นที่ ให้ค่ าความแข็ งตั วปกติ จะอยู่ ที่
ประมาณ 20% – 40% ของนํา้ มันทั้งหมด ที่ เหลือก็ จะเป็ นนํา้ มันตัวอื่น ๆ ดังนั้น
จากนํา้ มันที่เราเลือกมาทัง้ หมด 2 ตัวก็จะได้สดั ส่วนของนํา้ มันปาล์มแล้ว
จากสูตรสบูท่ ี่เราช่วยกันสร้างนี ้
นํา้ หนักสบูท่ งั้ หมดที่ได้คือ 760 กรัม จะใช้นาํ้ มันทัง้ หมด 500 กรัม
ถ้าเราต้องการสบูท่ งั้ หมด 1,000 กรัม ก็จะต้องใช้นาํ้ มัน =
1000�500
= 657.89 กรัม
760
ทั้ง หมดที่ ก ล่า วมานี ้ คื อ แนวทางที่ ใ ช้ใ นการตั้งสูต รสบู่ ซึ่ง เรา
สามารถใช้เป็ นแนวทางในการออกแบบสบู่ได้ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่
สําหรับคนทําสบู่มือใหม่อาจใช้วิธีการนีเ้ ป็ นแนวทางในการออกแบบสบู่
ในเบือ้ งต้นก่อน หลังจากนัน้ ก็พฒ
ั นาปรับปรุงให้เป็ นแนวทางการออกแบบ
สูตรสบูข่ องตนเองต่อไป
104
บทที่ 4
การทําสบู่
การทําสบู่สูตรเย็น
ในขัน้ ตอนการเทสบู่ลงแม่พิมพ์จะต้องเทสบู่สีใดก่อน-หลังและต้องทําการ
กวักสบูแ่ บบไหน
รูปภาพที่ได้ออกแบบไว้ 106
และทําการแยกสบู่ออกตามจํานวนสีที่ได้เตรียมไว้และนําสีมา
ผสมกับส่วนนีค้ นให้เข้ากัน จะได้สบู่ตามจํานวนสีที่ได้วางแผนไว้ในระยะ
เทรสขัน้ ต้น
เช่นเดียวกัน ซึ่งหากต้องการทําให้สบู่แข็งตัวในเทรสระยะกลางพร้อมกัน
ทัง้ หมด สบู่สีที่จะเทในลําดับท้ายๆ อาจจะแข็งตัวก่อนก็เกิดขึน้ ได้ ดังนัน้
จึงต้องมีการวางแผนให้ดีๆ ด้วยว่าจะทําให้สบู่สีใดเป็ นเทรสระยะต่าง ๆ
ก่อน-หลัง เพื่อที่จะสามารถเทสบูท่ งั้ หมดได้ครบตามต้องการโดยที่ไม่มีสบู่
สีใดสีหนึง่ แข็งตัวก่อน
จากนัน้ ทําการเทสบู่ลงในแม่พิมพ์ตามลําดับของสีที่ได้วางแผน
ไว้โดยในขัน้ ตอนนีม้ กั จะมีการกวักเพื่อเล่นลวดลายโดยการกวักสบูค่ ือการ
ทําให้เนือ้ สบู่สีต่างๆ ปนกันเพื่อให้เกิดลวดลายตามต้องการ ส่วนรู ปแบบ
การกวักสบูน่ นั้ มีมากมายหลายรูปแบบสามารถลองทําได้ดงั นี ้
109
รูปตัวอย่างลายการกวัก
เมื่อทําการเทและเล่นลวดลายโดยการกวักเรียบร้อยแล้ว อาจใช้
ช้อนแต่งบริเวณผิวหน้าของสบูใ่ ห้มลี วดลายสวยงามตามต้องการ และอาจ
นําสีไมก้าหรือพวกดอกไม้แห้งต่างๆ โรยไปบนผิวหน้าก็ได้ตามสมควร
111
2. สบู่สูตรเย็น-เตาอบ
สบู่ สูต รนี ้เ พิ่ ง จะมี ก ารทํา มาได้ไ ม่ น านมานี ้เ องโดยเป็ นการ
แก้ปัญหาของตัวสบูส่ ตู รเย็นที่ตอ้ งใช้ระยะเวลานานมากในการบ่มเก็บกว่า
จะสามารถนํามาใช้ง านได้ ด้ว ยเหตุนีจ้ ึ งมีก ารคิด ค้น พัฒนาต่อว่าหาก 112
ต้องการทําให้สบู่สตู รเย็นนัน้ ให้เกิดสภาวะเนือ้ เจลได้รวดเร็ว โดยที่สีของ
สบู่ไม่เพีย้ นหรือเสียสภาพไปจากเดิมแล้วทิง้ ไว้ให้แข็งตัวสบู่นนั้ ก็จะไม่ตา่ ง
อะไรจากสูตรร้อนนัน้ หมายความว่าจะสามารถนําสบู่มาใช้ได้ภายใน 24
ชั่วโมง
ทําให้สามารถผลิตสบู่ได้จาํ นวนมากเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
ปั จจุบนั ในประเทศไทยสบู่สตู รเย็น เริ่มเป็ นที่นิยมมากขึน้ เรื่อยๆ ในธุรกิจ
ของชําร่วย จากประสบการณ์สว่ นตัวที่ได้พบเจอกับคนทําสบู่ที่อยูใ่ นธุรกิจ
ของชําร่วย ก็ ต่างประสบปั ญหาผลิตไม่ทันทัง้ สิน้ โดยบางคนมีคิวทําสบู่
สูตรเย็น เพื่อเป็ นของชําร่วยนัน้ ยาวถึง 2 ปี โดยสาเหตุหลักนัน้ มาจากการที่
ตัวสบูส่ ตู รเย็นต้องใช้เวลาในการบ่มเก็บนานมากอย่างน้อยก็ 2- 4 สัปดาห์
ถึงจะสามารถใช้ได้จึงเป็ นเหตุผลที่ทาํ ให้ผลิตไม่ทนั ต่อความต้องการ ดังนัน้
จึงอยากจะแนะนําให้ลองทําสบู่ดว้ ยวิธีนีด้ ู อาจต้องใช้เวลาลองผิดลองถูก
สักระยะหนึ่งก่อน แต่เมื่อฝี มือคงที่แล้วจะสามารถผลิตสบู่สง่ ลูกค้าได้เร็ว
กว่าเดิมอย่างแน่นอน
115
3. การทําสบู่สูตรร้อน
ในการทําสบู่สตู รร้อนนัน้ จัดได้วา่ เป็ นวิธีการทําสบู่ที่นิยมกันมาก
ในอุตสาหกรรมสบู่จะใช้วิธีนีเ้ ป็ นหลักเนื่องจากไม่จาํ เป็ นต้องบ่มเป็ นระยะ
เวลานาน ทําเสร็จแล้วสามารถใช้ได้เลย แต่ในเรื่องของลวดลายความ
สวยงามนัน้ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เนื่องจากลักษณะของเนือ้
สัมผัสที่หนืดของสบูส่ ตู รร้อน ทําให้ยากต่อการเล่นลวดลาย
วิธีการทํามีดังนี้
ให้ท ํา การวอร์ม ภาชนะที่ ใ ห้ค วามร้อ นระดับ นึ ง ก่ อ น จากนั้น
เตรียมนํา้ ด่าง ก่อนที่เราจะนํานํา้ ด่างกับนํา้ มันมาผสมกันอุณหภูมิควร
ห่างกัน ไม่เกิ น 10 องศาเซลเซียส เช่น นํา้ มันอุณหภูมิ 30 องศา นํา้ ด่าง
116
อุณหภูมิ 35 องศา สามารถผสมได้ หรือนํา้ มันอุณหภูมิ 60 องศา นํา้ ด่าง
อุณ หภูมิ 51 องศา ก็ ส ามารถผสมกัน ได้ ไม่จ ํา เป็ น ว่า จะต้อ งผสมกัน ที่
อุณหภูมิเท่าไหร่ แต่ขอให้ทงั้ สองอย่างอุณหภูมิหา่ งกันไม่เกิน 10 องศา เป็ น
อันใช้ได้
หลังจากที่ตดั สบู่แล้วเราจึงค่อยทําการบ่มเพื่อให้ได้ความแข็งที่
ต้องการแล้วจึงค่อยนําไปใช้หรือบรรจุในแพคเกจที่ได้ทาํ เอาไว้
119
4. การทําสบู่สูตรกึ่งร้อน
ในการทํา สบู่สูต รกึ่ ง ร้อ นนั้น จะมี ค วามคล้า ยคลึง กับ สูต รร้อน
อยู่มากในส่วนที่มีการให้ความร้อนแก่เนือ้ สบู่เพื่อเร่งปฏิกิรยิ า แต่ในกรณีนี ้
เราจะให้ ค วามร้ อ นถึ ง เพี ย งแค่ ร ะยะ heavy trace แล้ ว จึ ง ยุ ติ ก ารให้
ความร้อนจากนัน้ จึงปล่อยให้สบู่เข้าสู่ระยะเจลเอง ซึ่งเมื่อเป็ นระยะเจล
แล้ว อุณ หภูมิ จ ะไม่สูง ถึ ง ระดับ 80 องศาเซลเซี ย ส ซึ่ง จะเหมาะกับ คนที่
ไม่อยากให้ตอนเป็ นระยะเจลมีอณ ุ หภูมิสงู มากจนเกินไป หรือยังไม่เคยชิน
กับการคุมอุณหภูมิระหว่างการทําสบู่
วิธีการทํามีดังนี้
ให้ทาํ การเปิ ดวอร์มภาชนะที่ให้ความร้อนระดับนึงก่อน จากนัน้
120
เตรียมนํา้ ด่าง ก่อนที่เราจะนํานํา้ ด่างกับนํา้ มันมาผสมกันอุณหภูมิควร
ห่างกันไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส โดยจะผสมกันที่ช่วงอุณหภูมิไหนก็ได้
ทําการตุ๋นสบู่จากความร้อนภายในเดิมสักระยะ ให้ความร้อน
รวมกับอุณหภูมิที่ตวั เนือ้ สบู่ จนเกิดการคายตัวออกมาเอง จนเข้าสู่ระยะ
เจล ซึ่งในช่วงขัน้ ตอนนีจ้ ะใช้เวลามากกว่าสูตรร้อน รวมถึงตอนเข้าสูร่ ะยะ
เจลอาจจะไม่ชดั เจนเท่าสูตรร้อนดังนัน้ ๆ หมั่นกวน และดูลกั ษณะเนือ้ สบู่
121
เมื่อเข้าสูร่ ะยะเจลแล้วในสูตรกึ่งร้อนนีอ้ ณ
ุ หภูมจิ ะอยูท่ ี่ประมาณ
70 - 75 องศาเซลเซียส ซึง่ เป็ นอุณหภูมิท่เี หมาะสมต่อการใส่กลิน ่ จากนัน้ ทํา
การกวนต่อไปเพื่อให้กลิน่ เข้ากันกับเนือ้ สบู่
หลังจากที่ตัดสบู่แล้วเราจึงค่อยทําการบ่มเพื่อให้ได้ความแข็ง
ที่ตอ้ งการแล้วจึงค่อยนําไปใช้หรือบรรจุในแพคเกจที่ได้ทาํ เอาไว้
5. ความแตกต่างของแต่ละวิธีการทําสบู่
ถ้าคุณได้อา่ นวิธีทาํ สบูม่ าจนครบทุกวิธีแล้ว แต่ก็ยงั ลังเลว่าจะทํา
วิธีไหนดี ในหัวข้อนีผ้ มจะสรุปและเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยครับ
123
124
6. เทรส (Trace)
สบู่นาํ้ มันเกิดจากการทําปฏิกิริยาระหว่างด่างโซดาไฟและนํา้ มัน
ซึ่งเราจะเรียกปฏิกิริยานีว้ ่า Saponification ซึ่งปฏิกิริยานี ้ ไม่ใช่ผสมด่าง
กับนํา้ มันกันปุ๊ ปจะได้สบู่ป๊ั ปเลย มันจะค่อยๆ ทําปฏิกิรยิ ากัน ทีนเี ้ ราจะรู ไ้ ด้
ยังไงล่ะว่าถึงขัน้ ไหนแล้ว และใกล้เสร็จแล้วหรือยัง
127
130
ช่วงเวลาในการใส่ Superfat
การใส่ superfat สามารถทําได้ 2 วิธี
1. ใส่พร้อมกับนํ้ามันตั้งต้น (ในสูตร)
ในวิ ธี นี ใ้ ห้ท าํ การตั้งค่า superfat ในเว็ ป คํา นวณปริมาณด่าง
ตามที่ตอ้ งการแล้วเลือกชนิดนํา้ มันใส่ลงในรายชื่ อนํา้ มันได้เลยแต่วิธีนี ้
นํา้ มันที่เราตัง้ ใจจะให้เป็ น Superfat นัน้ อาจจะกลายเป็ นเนือ้ สบู่ และ
นํ้ า มั น ที่ เ ราต้ อ งการให้ เ ป็ นเนื ้อ สบู่ อ าจจะมาเป็ น superfat แทน
เนื่องมาจาก นํา้ มันทัง้ หมดผสมรวมกันแล้วทําปฏิกิริยากับด่างพร้อมกัน
133
8. การบ่มสบู่ (curing)
เมื่ อ เราทํา สบู่เ สร็จ แล้ว ไม่ว่า จะด้ว ยวิ ธี ใ ดก็ ต าม เราจะต้อ งมี
ขัน้ ตอนการบ่มสบู่ก่อนที่จะนําไปใช้ ก่อนที่เราจะรู ว้ ่าเราจะบ่มสบู่อย่างไร
ได้บา้ ง เราต้องมารู ก้ นั ก่อนว่า เราจะบ่มสบู่ไปเพื่ออะไร ซึ่งจุดประสงค์ของ
การบ่มสบูม่ ีอยู่ 2 ข้อ
1. บ่มเพื่อให้ด่างโซดาไฟที่หลงเหลืออยู่ในก้อนสบู่
ทําปฏิกิรยิ ากับนํา้ มันจนหมด
ในข้อนีจ้ ะมีความสําคัญมากเป็ นพิเศษ ในกรณีที่ทาํ สบู่สตู รเย็น
หรือวิธีที่ไม่มีการให้ความร้อนในการทําสบู่เลย เพราะอะไร ?? เพราะว่าใน
ปฏิกิรยิ า Saponification โดยปกติแล้วถ้าไม่มีการให้ความร้อนใดๆ ปฏิกิรยิ านี ้
จะใช้เวลา 2-4 อาทิตย์ ถึงจะสิน้ สุดลงด้วยตัวเอง แต่ในการทําสบู่สตู รเย็น 134
สูตรสบูก่ ลุ่ม
เพิม่ ความชุ่มชืน้ 137
(MOISTURIZER)
สูตรที่ 1
Aloe Vera gel
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 85 กรัม
2. นํา้ มันคาโนล่า 198 กรัม
3. นํา้ มันทานตะวัน 57 กรัม
4. นํา้ มันละหุง่ 28 กรัม
5. เนือ้ ว่านหางจระเข้ป่ ั นละเอียด 57 กรัม
6. นํา้ 280 กรัม
7. โซดาไฟ 280 กรัม 138
8. นํา้ มันหอมระเหย 280 กรัม
สูตรที่ 2
Cocoa Butter & Almond
ส่วนผสม
1. นํา้ มันแก่นปาล์ม 295 กรัม
2. นํา้ มันอัลมอนด์ 87 กรัม
3. นํา้ มันคาโนล่า 330 กรัม
4. โกโก้บตั เตอร์ 87 กรัม
5. นํา้ 304 กรัม
6. โซดาไฟ 112 กรัม
7. นํา้ มันหอมระเหย (2%) 25 กรัม
139
ในสบู่สตู รนีม้ ีโกโก้บตั เตอร์ หรือไขมันที่ได้จากเมล็ดโกโก้ เป็ นที่รูจ้ กั ในแง่
ที่มีประโยชน์รอบด้านและมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชืน้ ให้กับผิว อีกทัง้ ยัง
ช่วยฟื ้ นฟูผิวแห้งและผิวที่ไวต่อการกระตุน้ นอกจากนีแ้ ล้วโกโก้บตั เตอร์ยงั
มีวิตามิน E เป็ นองค์ประกอบซึง่ เป็ นสารแอนตีอ้ อกซิแดนท์ อีกด้วย และ
ยังมีนาํ้ มันอัลมอนด์ที่สามารถให้ความชุ่มชื น้ แก่ผิวทําให้ผิวไม่แห้งหรือ
ระคายเคือง
สูตรที่ 3
Lanolin
ส่วนผสม
1. นํา้ มันคาโนล่า 280 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 210 กรัม
3. นํา้ มันมะกอก 140 กรัม
4. นํา้ มันเมล็ดองุ่น 70 กรัม
5. Lanolin 3% (ไม่ทนต่อความร้อน) 21 กรัม
6. นํา้ 266 กรัม
7. โซดาไฟ 98 กรัม
8. นํา้ มันหอมระเหย (2%) 22 กรัม 140
สูตรที่ 4
Natto gum
ส่วนผสม
1. นํา้ มันถั่วเหลือง 280 กรัม
2. นํา้ มันเมล็ดองุ่น 70 กรัม
3. นํา้ มันงา 140 กรัม
4. นํา้ มันปาล์ม 210 กรัม
5. นํา้ 265 กรัม
6. โซดาไฟ 95 กรัม
7. นัตโตะกัม 3.5 กรัม
8. กลิน่ 141
สูตรที่ 5
Jojoba oil & Green tea
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 145 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 100 กรัม
3. นํา้ มันรําข้าว 115 กรัม
4. นํา้ มันถั่วเหลือง 255 กรัม
5. นํา้ มันโจโจบา 140 กรัม
6. นํา้ มันเมล็ดชา 50 กรัม
7. ผงชาเขียว 8 กรัม
8. นํา้ 287 กรัม 142
ในสูต รนี จ้ ะใช้น ํ้า มัน Jojoba เป็ น ตัว หลัก ในการให้ค วามชุ่ ม ชื น้ กับ ผิ ว
เนื่องมาจากนํา้ มัน Jojoba นัน้ มีโครงสร้างคล้ายกับนํา้ มันที่ร่างกายผลิต
ขึน้ ตามธรรมชาติ จึงสามารถให้ความชุ่มชืน้ กับผิวได้อย่างเป็ นธรรมชาติ
และที่สาํ คัญไม่อดุ ตันรูขมุ ขน และไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และยังมี
นํา้ มันเมล็ดชาที่คณ ุ ค่าการบํารุ งสูง เทียบเท่าได้กบั นํา้ มันมะกอก จนได้รบั
สมญาว่าเป็ นนํา้ มันมะกอกแห่งทวีปเอเชีย
สูตรที่ 6
Avocado & Cucumber
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 175 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 105 กรัม
3. นํา้ มันถั่วเหลือง 280 กรัม
4. นํา้ มันอโวคาโด 140 กรัม
5. เนือ้ อโวคาโด (บดละเอียดและแยกกาก) 40 กรัม
6. นํา้ แตงกวา 170 กรัม
7. สารสกัดแตงกวา (3%) 7.5 กรัม
8. นํา้ 100 กรัม 143
สูตรที่ 7
Oat & Cinnamon
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 280 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 245 กรัม
3. นํา้ มันปาล์ม 105 กรัม
4. นํา้ มันจมูกข้าว 70 กรัม
5. ข้าวโอ๊ต 7 กรัม
6. ผงซินนามอน 12 กรัม
7. นํา้ 266 กรัม
8. โซดาไฟ 107 กรัม 144
9. กลิน่ 22 กรัม
สูตรที่ 8
Honey Yogurt
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 105 กรัม
2. นํา้ มันทานตะวัน 245 กรัม
3. นํา้ มันปาล์ม 140 กรัม
4. นํา้ มันข้าวโพด 210 กรัม
5. นม (แช่งแข็ง) 110 กรัม
6. โยเกิรต์ (แช่แข็ง) 120 กรัม
7. นํา้ ผึง้ 43 กรัม
8. นํา้ 20 กรัม 145
สูตรที่ 9
Sodium PCA & Urea
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 700 กรัม
2. นํา้ 266 กรัม
3. โซดาไฟ 99 กรัม
4. Sodium PCA 0.5 – 10% 4 กรัม
5. Urea ใช้ได้ไม่เกิน 10% 2 กรัม
6. กลิน่ 22 กรัม
สารให้ค วามชุ่มชื น้ หลักในสูต รนี อ้ าจจะไม่ค่อ ยคุน้ เคยกัน แต่ Sodium 146
PCA และ Urea นัน้ นิยมนํามาใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชืน้ กับผิวมาก เนื่องจาก
สารทัง้ สอง เป็ นสารที่เกิ ดขึน้ ตามธรรมชาติภายในผิวมนุษย์ ซึ่งจะช่วย
สมดุลและเพิ่ มความชุ่ มชื ้นให้กับผิ ว รวมไปถึ งป้ องกันการสูญเสี ยความชุ่ มชื ้น
โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และไม่อดุ ตันรูขมุ ขน
สูตรที่ 10
Mix Butter
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 140 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 140 กรัม
3. นํา้ มันมะกอก 350 กรัม
4. เชียบัตเตอร์ 28 กรัม
5. โกโก้บตั เตอร์ 28 กรัม
6. แมนโก้บตั เตอร์ 14 กรัม
7. นํา้ 255 กรัม
8. โซดาไฟ 102 กรัม 147
9. กลิน่ 22 กรัม
สูตรสบูก่ ลุ่ม
รักษาและป้ องกันสิว 148
(Anti-Acne)
สูตรที่ 1
Salicylic BHA
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 85 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 198 กรัม
3. นํา้ มันละหุง่ 28 กรัม
4. Salicylic (ไม่เกิน 3%) 57 กรัม
5. นํา้ 266 กรัม
6. โซดาไฟ 99 กรัม
7. กลิน่ 15 กรัม
149
ในสูตรนีจ้ ะใช้ Salicylic acid (กรดซาลิไซลิค) หรือ BHA (กรดเบต้า ไฮ
ดรอกซี) ซึ่งมีคณ
ุ สมบัติในการฆ่าเชือ้ โรคและละลายสิวอุดตันได้ดีมาเป็ น
สารสําคัญในการลดสิว
สูตรที่ 2
Vit B รวม
ส่วนผสม
1. นํา้ มันแก่นปาล์ม 245 กรัม
2. นํา้ มันคาโนล่า 455 กรัม
3. นํา้ 266 กรัม
4. โซดาไฟ 98 กรัม
5 . กลิน่ 15 กรัม
6 . วิตามินบี 5 0.5-2% 6 กรัม
7. วิตามินบี 6 0.5-3% 6 กรัม
8. วิตามินบี 12 2% 14 กรัม 150
สูตรที่ 3
Papaya
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 245 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 350 กรัม
3. นํา้ มันรําข้าว 105 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 103 กรัม
6. กลิน่ 12 กรัม
7. Papain (1-5%) 25 กรัม
151
สบู่สตู รมะละกอ เป็ นสูตรที่นิยมตลอดการ จะขึน้ ชื่อในเรื่องของการลดสิว
และเพิ่ ม ความกระจ่ า งใสกับ ผิ ว เนื่ อ งมากเอ็ น ไซม์ Papain ที่ มี อ ยู่ใ น
มะละกอ ซึง่ จะทําให้ผิวหนังผลัดเซลล์ใหม่ได้เร็วขึน้
สูตรที่ 4
Pineapple
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 665 กรัม
2. นํา้ มันละหุง่ 35 กรัม 3
3. โซดาไฟ 96 กรัม
4. นํา้ สับปะรด 270 กรัม
5. สารสกัดสับปะรด 2-3% 20 กรัม
6. กลิน่ 15 กรัม
สูตรที่ 5
Sugar cane
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 210 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 455 กรัม
3. นํา้ มันรําข้าว 35 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 102 กรัม
6. กลิน่ 20 กรัม
7. สารสกัดจากอ้อย 3% 20 กรัม
153
สารสกัดจากอ้อย มีสารสําคัญ Polisocanol อยู่ มีคณ ุ สมบัติในลดการหลั่ง
นํา้ มันของต่อมไขมันลง และช่วยฆ่าเชือ้ ที่เป็ นต้นเหตุของสิวได้
สูตรที่ 6
ชะเอมเทศ
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 385 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 245 กรัม
3. นํา้ มันถั่วเหลือง 70 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 104 กรัม
6. ชะเอมเทศสกัด 0.5 – 1 % 1 กรัม
ชะเอมเทศ เป็ นสมุ น ไพรที่ เ หมาะกั บ การรัก ษาสิ ว เนื่ อ งจาก มี ส าร 154
Licochalcone A ที่มีคณ
ุ สมบัติลดอาการอักเสบของผิว ลดรอยแดงจากสิว
และลดความมันของผิว ที่เป็ นหนึง่ ในต้นเหตุของการเกิดสิวได้
สูตรที่ 7
ถั่วเขียว
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 280 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 420 กรัม
3. นํา้ 266 กรัม
4. โซดาไฟ 110 กรัม
5. กลิน่ 20 กรัม
6. ผงถั่วเขียว 2% 14 กรัม
สูตรที่ 8
Charcoal
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 280 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 140 กรัม
3. นํา้ มันมะกอก 280 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 108 กรัม
6. กลิน่ 20 กรัม
7. ผงถ่าน 25 กรัม
156
ในสูตรนีจ้ ะไม่ใช้สารสําคัญที่เป็ นกรดหรือเร่งให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวแต่จะ
ใช้ผงถ่าน ที่มีความสามารถในการดูดซับสิง่ สกปรกและความมันส่วนเกิน
จากผิวได้ดี ซึง่ เป็ นการป้องกันการเกิดสิวได้เหมาะสําหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย
หรือผิวบางเป็ นพิเศษ
สูตรที่ 9
Lactic acid
ส่วนผสม
1. นํา้ มันข้าวโพด 210 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 420 กรัม
3. นํา้ มันมะพร้าว 70 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 94 กรัม
6. กลิน่ 14 กรัม
7. กรดแลคติก 5% 35 กรัม
157
กรดแลคติค จัดเป็ นกรดในกลุม่ แอลฟาไฮดรอกซี (AHA) ที่สามารถพบได้
ในนม ซึ่งมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยไม่ก่อให้เกิดการ
ระคายเคืองและยังคงความชุ่มชืน้ ไว้ อีกทัง้ ยังช่วยในการลดการอุดตันของ
สิง่ สกปรกในรูขมุ ขน ซึง่ เป็ นสาเหตุของการเกิดสิว
สูตรที่ 10
Tea tree oil & Cinnamon powder
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 455 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 140 กรัม
3. นํา้ มันคาโนล่า 105 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 98 กรัม
6. กลิน่ 10 กรัม
7. นํา้ มันทีทรี 0.5% 3.5 กรัม
8. ผงซินนามอน 14 กรัม 158
สบูส่ ูตรกลุ่ม
ผิวกระจ่างใส 159
(WHITENING)
สูตรที่ 1
Kojic Acid
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 96 กรัม
2. นํา้ มันเมล็ดชา 224 กรัม
3. โซดาไฟ 46 กรัม
4. นํา้ 122 กรัม
5. สารสกัดกรดโกจิก 15 กรัม
6. นํา้ มันหอมละเหยต้นชา 10 กรัม
สูตรที่ 2
Arbutin white
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 175 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
3. นํา้ มันคาโนล่า 150 กรัม
4. เชียร์บตั เตอร์ 75 กรัม
5. โซดาไฟ 69 กรัม
6. นํา้ 190 กรัม
7. อัลฟ่ า อาร์บตู ิน (ห้ามใช้เกิน 2%) 10 กรัม
8. นํา้ มันหอมละเหยโรสแมรี่ 5 กรัม
9. นํา้ มันหอมละเหยกํายาน 5 กรัม 161
10. นํำามั
้ นหอมระเหยสะระแหน่ 5 กรัม
สูตรที่ 3
ผลัดเซลล์ผิว
ส่วนผสม
1. นํา้ มันแก่นปาล์ม 100 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
3. นํา้ มันรําข้าว 300 กรัม
4. โซดาไฟ 72 กรัม
5. นํา้ 190 กรัม
6. กรดซาลิไซลิก (อย. ห้ามใช้เกิน 2%) 10 กรัม
7. นํา้ มันหอมละเหยลาเวนเดอร์ 10 กรัม
8. นํา้ มันหอมละเหยมะนาว 5 กรัม
162
สบู่ สูตรนี ้เป็ นสบู่ที่ เน้นการผลัดเซลล์ผิ วที่ ได้จากกรดซาลิ ไซลิ ก ช่ วยลบเลื อ น
รอยด่างดําต่างๆ และเป็ นสบู่ที่ให้คา่ ความสะอาดสูงในขณะเดียวกันก็ให้
ความชุ่มชืน้ สูงเช่นเดียวกันจึงสามารถควบคุมความมันบนผิวหน้าได้ดว้ ย
และกลิ่นที่ได้จะทําให้รูส้ กึ สดชื่นผ่อนคลายเหมาะกับการใช้งานหลังจากที่
ออกกําลังกายเสียเหงื่อมาเป็ นอย่างยิ่ง
สูตรที่ 4
Double white
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 250 กรัม
2. นํา้ มันมะกอก 200 กรัม
3. นํา้ มันระหุง่ 50 กรัม
4. โซดาไฟ 75 กรัม
5. นํา้ 190 กรัม
6. วิตามิน บี 3 (เป็ นผงให้ละลายนํา้ ก่อน) 5 กรัม
7. N-Acetyl glucosamine (เป็ นผงให้ละลายนํา้ ก่อน) 5 กรัม
8. นํา้ มันหอมละเหยส้ม 15 กรัม
163
สบู่สตู รดับเบิล้ กระจ่างใสเนื่องจากใส่สารที่ให้ความขาวกระจ่างใส 2 ตัว
ที่ปกติก็ให้ความขาวอยู่แล้วแต่เมื่อใส่พร้อมกัน 2 ตัว จะทํางานเสริมกัน
เป็ นอย่างดีแล้วนํา้ มันที่ใช้จะให้ทงั้ ความสะอาด ความชุ่มชืน้ และฟองใน
ปริมาณมาก และกลิ่นส้มที่ให้ความหอมหวานละมุนมีฤทธิ์ ช่วยฆ่าเชื อ้
แบคทีเรียจะทํารูส้ กึ ดีมากเมื่อใช้งาน
สูตรที่ 5
กลูต้าไทโอน
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 100 กรัม
3. นํา้ มันคาโนล่า 200 กรัม
4. นํา้ มันข้าวโพด 100 กรัม
5. โซดาไฟ 72 กรัม
6. นํา้ 190 กรัม
7. L-Glutathione Reduced 15 กรัม (เป็ นผงให้ละลายนํา้ ก่อน)
8. นํา้ มันหอมละเหยมะกรูด 5 กรัม
9. นํา้ มันหอมละเหยพิมเสน 5 กรัม 164
10. นํา้ มันหอมละเหยกระดังงา 5 กรัม
สูตรที่ 6
มังคุดนํา้ ผึง้
ส่วนผสม
1. ไขวัว 250 กรัม
2. เชียร์บตั เตอร์ 150 กรัม
3. นํา้ มันงา 100 กรัม
4. โซดาไฟ 65 กรัม
5. นํา้ 190 กรัม
6. ผงสมุนไพรมังคุด 3 กรัม
7. นํา้ ผึง้ 5 กรัม
8. นํา้ มันหอมละเหยหญ้าแฝก 4 กรัม
9. นํา้ มันหอมละเหยลาเวนเดอร์ 4 กรัม 165
10. นํา้ มันหอมละเหยกํายาน 2 กรัม
สูตรที่ 7
ทานาคา
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 200 กรัม
2. นํา้ มันอัลมอนด์ 175 กรัม
3. นํา้ มันโจโจบาร์ 50 กรัม
4. นํา้ มันอโวกาโด 75 กรัม
5. โซดาไฟ 70 กรัม
6. นํา้ 190 กรัม
7. ผงสมุนไพรทานาคา 3 กรัม
8. นํา้ มันหอมละเหยลาเวนเดอร์ 8 กรัม
9. นํา้ มันหอมละเหยซีดาร์วดู 4 กรัม 166
10. นํา้ มันหอมละเหยส้มป่ า 4 กรัม
11. นํา้ มันหอมละเหยกระดังงา 2 กรัม
สูตรที่ 8
สครับผลัดเซลล์ผิว
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 250 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 250 กรัม
3. โซดาไฟ 85 กรัม
4. นํา้ 190 กรัม
5. ผงสคลับผิววอลนัท 3 กรัม
6. กลิน่ ยูคาลิปตัส 15 กรัม
สูตรที่ 9
นมแพะนํา้ ผึง้
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 100 กรัม
3. นํา้ มันเมล็ดแอปริคอต 250 กรัม
4. นํา้ มันอาร์แกน 50 กรัม
5. โซดาไฟ 70 กรัม
6. นมแพะ 190 กรัม
7. นํา้ ผึง้ 3 กรัม
8. กลิน่ นมข้าว 15 กรัม
168
สบู่เน้นการบํารุ งผิวจากนมแพะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึน้ เมื่อใช้เป็ นระยะ
เวลานานและมีนาํ้ ผึง้ และนํา้ มันอาร์แกนที่ให้ความชุ่มชืน้ สูงและช่วยยับยัง้
แบคทีเรียแล้วให้ความรูส้ กึ หอมหวานจากกลิน่ นมข้าว
สูตรที่ 10
คอมโบสมุนไพร
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 200 กรัม
2. นํา้ มันมะกอก 100 กรัม
3. เชียร์บตั เตอร์ 50 กรัม
4. นํา้ มันทานตะวัน 100 กรัม
5. นํา้ มันจมูกข้าว 50 กรัม
6. โซดาไฟ 73 กรัม
7. นํา้ 190 กรัม
8. รังไหม (ละลายกับด่าง) 2 รัง 169
9. ผงสมุนไพรแตงกวา 1 กรัม
10. ผงสมุนไพรว่านนางคํา 0.5 กรัม
11. ผงสมุนไพรขมิน้ 0.5 กรัม
12. ผงสมุนไพร ไพร 0.5 กรัม
13. นํา้ มันหอมละเหยโรสแมรี่ 5.4 กรัม
14. นํา้ มันหอมละเหยทรีที 3 กรัม
15. นํา้ มันหอมละเหยเจอเรเนียม 2.5 กรัม
16. นํา้ มันหอมละเหยสะระแหน่ 1.8 กรัม
17. นํา้ มันหอมละเหยยูคาลิปตัส 1.2 กรัม
170
สูตรสบูก่ ลุ่ม
ต่อตํา้ นริว้ รอย 171
(ANTI AGING)
สูตรที่ 1
Organic Anti-Aging
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 250 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 250 กรัม
3. โซดาไฟ 69 กรัม
4. นํา้ 190 กรัม
5. เชียร์บตั เตอร์ 3 กรัม(superfat)
6. นํา้ มันโจโจบาร์ 3 กรัม(superfat)
7. นํา้ มันมะพร้าว 3 กรัม(superfat)
8. นํา้ มันหอมละเหย/กลิน่ 16 กรัม 172
สูตรที่ 2
Avena sativa
ส่วนผสม
1. นํา้ มันคาโนโนล่า 400 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
3. โซดาไฟ 71 กรัม
4. นํา้ 190 กรัม
5. นํา้ มันจมูกข้าว 5 กรัม(superfat)
6. นํา้ มันอาร์แกน 5 กรัม(superfat)
7. สารสกัด (ข้าว) โอ๊ต 10 กรัม
8. ผงข้าวโอ๊ต 5 กรัม 173
สูตรที่ 3
VIT E
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
2. นํา้ มันอโวกาโด 150 กรัม
3. นํา้ มันมะกอก 100 กรัม
4. นํา้ มันวอลนัท 140 กรัม
5. ขีผ้ งึ ้ 100 กรัม
6. โซดาไฟ 67 กรัม
7. นํา้ 190 กรัม
8. วิตามินอี 15 กรัม 174
9. กลิน่ 16 กรัม
สบู่สูต รวิ ต ามิ น อี ที่ มี ส่ว นช่ ว ยในการลบเลือ นริว้ รอยแล้ว ส่วนผสมของ
นํ้า มั น ที่ จ ะเสริ ม ความสามารถของวิ ต ามิ น อี ให้ ท ํา งานอย่ า งเต็ ม
ประสิทธิ ภาพเหมาะมากกับคนที่มีผิวแห้ง ริว้ รอย จดด่างดํา และมีขีผ้ งึ ้ ที่
ช่วยเก็บความชุ่มชืน้ ของผิวหนังให้ยงั คงเต่งตึง
สูตรที่ 4
Aleppo
ส่วนผสม
1. นํา้ มันลอเรล 350 กรัม
2. นํา้ มันมะกอก 150 กรัม
3. โซดาไฟ 66 กรัม
4. นํา้ 190 กรัม
สูตรที่ 5
นมลํา
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 500 กรัม
2. โซดําไฟ 64 กรัม
3. นมลํา 190 กรัม
สูตรที่ 6
Coffee
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 100 กรัม
2. นํา้ มันเม็ดกาแฟ 200 กรัม
3. นํา้ มันปาล์ม 125 กรัม
4. เชียร์บตั เตอร์ 75 กรัม
5. โซดาไฟ 68 กรัม
6. นํา้ 190 กรัม
7. ผงสมุนไพรกาแฟ 2.5 กรัม
8. สารสกัดกาแฟ 15 กรัม 177
สูตรที่ 7
GABA Natural
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 75 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 75 กรัม
3. นํา้ มันรําข้าว 200 กรัม
4. นํา้ มันเมล็ดองุ่น 150 กรัม
5. โซดาไฟ 69 กรัม
6. นํา้ 190 กรัม
7. สารสกัดกาบา 15 กรัม
8. กลิน่ 15 กรัม 178
สูตรที่ 8
Salmon
ส่วนผสม
1. นํา้ มันปาล์ม 250 กรัม
2. นํา้ มันทานตะวัน 150 กรัม
3. นํา้ มันปลาแซลมอน 100 กรัม
4. โซดาไฟ 65 กรัม
5. นํา้ 190 กรัม
6. กลิน่ 15 กรัม
สูตรที่ 9
นํา้ มันม้า
ส่วนผสม
1. นํา้ มันม้า 250 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 150 กรัม
3. นํา้ มันเมล็ดแฟลกซ์ 100 กรัม
4. โซดาไฟ 72 กรัม
5. นํา้ 190 กรัม
6. กลิน่ 15 กรัม
สูตรที่ 10
THE REAR
ส่วนผสม
1. นํา้ มันโบราจ 75 กรัม
2. นํา้ มันถั่ว Kukui 65 กรัม
3. นํา้ มันนกอีมู 50 กรัม
4. นํา้ มันเบาบับ 85 กรัม
5. นํา้ มันเมล็ดบาบาสสุ 60 กรัม
6. นํา้ มันอะบิสสิเนียน 90 กรัม
7. นํา้ มันซีบคั ธอร์น 75 กรัม
8. โซดาไฟ 65 กรัม
9. นํา้ 190 กรัม 181
10. นํา้ มันหอมละเหยสน 5 กรัม
11. นํา้ มันหอมละเหยคาโมมาย 0.3 กรัม
(ETC)
สูตรที่ 1
Laundry soap
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 500 กรัม
2. นํา้ มันคาโนล่า 190 กรัม
3. ด่างโซดาไฟ 91 กรัม
4. กลิน่
สูตรที่ 2
Natural Shampoo bar
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 233 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 233 กรัม
3. นํา้ มันเมล็ดดอกคําฝอย 70 กรัม
4. นํา้ มันปาล์ม 55 กรัม
5. นํา้ มันแมคคาเดเมีย 55 กรัม
6. นํา้ มันละหุง่ 55 กรัม
7. นํา้ 266 กรัม
8. โซดาไฟ 100 กรัม 184
9. กลิน่ 22 กรัม
สูตรที่ 3
Syndet shampoo bar
ส่วนผสม
1. Sodium cocoyl isethionate 400 กรัม
2. Sodium coco sulfate 300 กรัม
3. เชีย บัตเตอร์ 20 กรัม
4. Cocobetain 150 กรัม
5. วิตามินบี 5 15 กรัม
6. โกโก้บตั เตอร์ หรือ ไขผึง้ 20 กรัม
7. ซิทิลแอลกอฮอ 45 กรัม
8. สเตียริก 5 กรัม 185
9. BTMS-50 25 กรัม
10. นํา้ หอม 20 กรัม
ในสูตรนีเ้ หมาะสําหรับท่านที่ไม่ชอบอาการเส้นผมติดกันหลังการสระผม
จากสูตรแชมพูกอ้ น ซึ่งสูตรนีจ้ ะไม่ใช่สบู่นาํ้ มันแต่จะเป็ นการนําสารเพิ่ม
ฟองที่มีความอ่อนโยน และเหมาะแก่การใช้กับเส้นผมและรวมถึงสารที่
ช่วยให้เส้นผมไม่พนั กันหลังใช้งานมาขึน้ รูปให้เป็ นก้อน
สูตรที่ 4
Dog soap
ส่วนผสม
1. นํา้ มันคาโนล่า 220 กรัม
2. นํา้ มันมะพร้าว 220 กรัม
3. นํา้ มันทานตะวัน 220 กรัม
4. นํา้ มันละหุง่ 40 กรัม
5. นํา้ 266 กรัม
6. โซดาไฟ 101 กรัม
7. กลิน่ 25 กรัม
8. นํา้ ส้มสายชู หรือนํา้ มะนาว 16 กรัม 186
สูตรที่ 5
Syndet bar
ส่วนผสม
1. Sodium Laureth sulfate 400 กรัม
2. Sodium coco sulfate 300 กรัม
3. เชีย บัตเตอร์ 20 กรัม
4. Cocamidopropyl betain 150 กรัม
5. นํา้ มัน Superfat 15 กรัม
6. โกโก้บตั เตอร์ หรือ ไขผึง้ 20 กรัม
7. ซิทิลแอลกอฮอ 45 กรัม
8. สเตียริก 5 กรัม 187
สูตรที่ 6
ก้อนครีมนวด (ไม่ใช่สบู่)
ส่วนผสม
1. เชียบัตเตอร์ 57 กรัม
2. โกโก้บตั เตอร์ 30 กรัม
3. ไขผึง้ 30 กรัม
4. นํา้ มันมะพร้าว 30 กรัม
5. นํา้ มันอาร์แกน 15 กรัม
6. นํา้ มันอโวคาโด 15 กรัม
7. นํา้ มันหอมระเหย 1.5 กรัม
188
ครีมนวดก้อนนีจ้ ะไม่มีองค์ประกอบของสารชําระล้างอยูใ่ ดๆ ดังนัน้ ใช้เพื่อ
การบํารุ งเท่านัน้ ซึ่งจะเป็ นการนํานํา้ มันหรือไขที่สรรพคุณในการบํา รุ ง
เส้นผมมาอยู่ดว้ ยกัน แนะนําให้ใช้หลังจากที่สระผมเสร็จ โดยการถูบน
ฝ่ ามือแล้วจึงนําไปนวดบริเวณเส้นผม แล้วจึงใช้ผา้ ขนหนูซับผมให้แห้ง
สามารถเติมสารเพิ่มฟองลงไปเพื่อให้สามารถล้างออกได้ในกรณีที่รูส้ กึ ว่ามี
ความมันเกินไป
สูตรที่ 7
ก้อนโลชั่น (ไม่ใช่สบู่)
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 115 กรัม
2. โกโก้บตั เตอร์ 170 กรัม
3. ไขผึง้ 115 กรัม
4. กลิน่ 7 กรัม
5. วิตามินอี 7 กรัม
สูตรที่ 8
Menthol
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 420 กรัม
2. นํา้ มันปาล์ม 280 กรัม
3. นํา้ 266 กรัม
4. โซดาไฟ 113 กรัม
5. กลิน่ 21 กรัม
6. เมนทอล (1%) 7 กรัม
สูตรที่ 9
สูตรดับกลิ่นตัวฆ่าเชือ้ แบคทีเรีย
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะพร้าว 280 กรัม
2. นํา้ มันแก่นปาล์ม 140 กรัม
3. นํา้ มันมะกอก 280 กรัม
4. นํา้ 266 กรัม
5. โซดาไฟ 110 กรัม
6. กลิน่ 22 กรัม
7. ไตรโคลซาน 2 กรัม
191
ในสูตรนีจ้ ะใช้ไตรโคลซาน ซึง่ เป็ นสารที่มีคณ
ุ สมบัติในการฆ่าเชือ้ แบคทีเรีย
ที่เป็ นต้นเหตุของกลิน่ ตัวได้ดี
สูตรที่ 10
สบู่โกนหนวด
ส่วนผสม
1. นํา้ มันมะกอก 315 กรัม
2. นํา้ มันพร้าว 170 กรัม
3. นํา้ มันละหุง่ 170 กรัม
4. นํา้ มันอัลมอนด์ 50 กรัม
5. นํา้ 266 กรัม
6. โซดาไฟ 99 กรัม
7. ดินเบนโทไนท์ 15 กรัม
192
สบู่โกนหนวดสูตรนีจ้ ะใช้ดินเบนโทไนท์ ซึ่งจะทําให้ผิวมีความลื่นมากขึน้
เพื่ อให้ง่ ายต่ อการโกน และยังมี น ํ้ามันละหุ่งเพื่ อเพิ่ มฟองและยังคงความชุ่มชื ้น
แก่ผิวหนังหลังการโกน รวมถึงนํา้ มันอัลมอนด์ที่ทาํ ให้ผิวกระชับและไม่
ระคายเคือง