Professional Documents
Culture Documents
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
เรื่อง ความเค็ม
หัวข้อเรื่อง
ความเค็ม
สาระสำคัญ
ความเค็มของน้ำมีผลต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ ทั้งด้านการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งกระบวนการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุและน้ำ สัตว์น้ำบางชนิดมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์วางไข่ ที่เกี่ยวข้องกับ
ความเค็ม ได้แก่ กุ้งก้ามกราม
วัตถุประสงค์ เพื่อให้
1. นักศึกษาทราบถึงความสำคัญของความเค็มที่มีผลต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2. นักศึกษาทราบถึงหลักการและวิธีการวัดค่าความเค็ม
3. นักศึกษาสามารถวัดค่าความเค็มได้อย่างถูกต้องตามหลักการและวิธีการ
4. นักศึกษาสามารถแปรความหมายและปรับปรุงคุณภาพน้ำได้ตามหลักและวิธีการ
เนื่อหา
ความเค็ม (Salinity)
ความเค็มของน้ำ หมายถึง ปริมาณของแข็ง หรือเกลือแร่ต่าง ๆ โดยเฉพาะโซเดียมคลอไรด์
(NaCl) ที่ละลายอยู่ในน้ำ โดยนิยมคิดเป็นหน่วยน้ำหนักของสารดังกล่าวเป็นกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำ หรือ ส่วน
ในพัน (parts per thousand, ppt.) ใช้ส ัญลักษณ์ ‰ ทั้งนี้ห ลังจากที่พวกเกลือ คาร์บอเนต ถูกเปลี่ยนเป็น
ออกไซด์ และพวกเกลือโบไมด์ และไอโอไดด์ ถูกแทนที่โดยคลอไรด์ และอินทรียวัตถุ ถูกออกซิไดส์ไปทั้งหมด
ค่าความเค็มของน้ำ จะสัมพันธ์กับค่าคลอรินิตี้ (chlorinity) ซึ่งหมายถึงปริมาณ คลอไรด์ โบร
ไมด์ และไอโอไดด์ ที่มีอยู่ในน้ำหนัก หนึ่ งกิโ ลกรั ม คำที่มีความหมายใกล้ เคี ยงกัน อี กคำหนึ ่ง คื อ คลอโรซิ ตี
(chlorosity) ซึ่งหมายถึงค่า chlorinity คูณด้วยค่าความหนาแน่นของน้ำ ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส จาก
ความสัมพันธ์ดังกล่าวมานี้ จึงสามารถคำนวณค่าความเค็มจากค่า คลอรินิตี้ ได้ดังสมการ
4.3 การวัดความเค็ม
ความเค็มของน้ำ หมายถึง ปริมาณของของแข็ง หรือเกลือแร่ต่าง ๆ โดยเฉพาะโซเดียมคลอไรด์ (NaCl)
ที่ละลายอยู่ในน้ำ โดยนิยมคิดเป็นหน่วยน้ำหนักของสารดังกล่าวเป็นกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำ หรือส่วนในพัน (parts
per thousand, ppt.) ใช้สัญลักษณ์ ‰ ทั้งนี้หลังจากที่พวกเกลือ คาร์บอเนต ถูกเปลี่ยนเป็นออกไซด์ และพวก
เกลือโบไมด์ และไอโอไดด์ ถูกแทนที่โดยคลอไรด์ และอินทรียวัตถุ ถูกออกซิไดส์ไปทั้งหมด
1) หลักการ
ค่าความเค็มของน้ำ จะสัมพันธ์กับค่าคลอรินิตี้ (chlorinity) ซึ่งหมายถึงปริมาณคลอไรด์ โบรไมด์
และไอโดไดด์ ที่มีอยู่ในน้ำหนักหนึ่งกิโลกรัม คำที่มีความหมายใกล้เคียงกันอีกคำหนึ่งคือ คลอโรซิตี (chlorosity)
ซึ่งหมายถึงค่า chlorinity คูณด้วยค่าความหนาแน่นของน้ำ ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส จากความสัมพันธ์
ดังกล่าวมานี้ จึงสามารถคำนวณค่าความเค็มจากค่า คลอรินิตี ได้ดังสมการ
3) วิธีการวัดความเค็ม
การวัดความเค็มด้วยเครื่องมือวัดการหักเหแสง เป็นการวัดดัชนีการหักเหแสงผ่านน้ำทะเล
ตัวอย่างการวัดที่ทำได้ง่าย ให้ผลรวดเร็ว เครื่องมือมีขนาดกระทัดรัด และราคาไม่แพง มีอายุการใช้งานนาน
เครื่องมือชนิดนี้จึงเป็ นที่นิยมใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ค่าความเค็มที่ได้จากเครื่องวัดการหักเหแสงมีความ
ละเอียด ± 0.5 ถึง ± 2 ส่วนในพันส่วน ข้อควรระวังในการวางใช้เครื่องวัดการหักเหแสง คือ ไม่ควรวางเครื่องมือใน
ที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป เช่น วางกลางแดด เพราะการหักเหของแสงในตัวกลางหนึ่งๆ ขึ้นกับค่าอุณหภูมิ
ขั้นตอนการวัดความเค็มด้วยเครื่องวัดการหักเหแสงเป็นดังนี้
1) ตรวจสอบสเกลของเครื่องให้อยู่ที่ระดับ 0 โดยหยดน้ำกลั่นลงบนแผ่นปริซึมเพื่อล้าง
ความเค็มที่อาจตกค้างอยู่ เสร็จแล้วหยดน้ำกลั่นลงไปบนแผ่นปริซึมอีกครั้ง
2) ปิดแผ่นทาบปริซึม ยกเครื่องวัดขึ้นส่องไปยังบริเวณที่มีแสงสว่าง ถ้าสเกลเครื่องวัดไม่
ตรงกับ 0 ปรับปุ่มปรับความเค็มที่อยู่ด้านบน เพื่อให้เครื่องอ่านค่าความเค็มเท่ากับ 0 ส่วนในพันส่วน ( ‰ )
3) เปิดฝาทาบปริซึมแล้วใช้กระดาษหรือผ้านุ่มๆ เช็ดน้ำที่เหลือออก แล้วหยดน้ำตัวอย่าง
ที่ต้องการลงบนแผ่นปริซึม ปิดแผ่นทาบปริซึม อ่านค่าโดยยกเครื่องวัดส่องไปยังบริเวณที่มีแสงสว่าง
4) เมื่อวัดตัวอย่างเสร็จแล้ว หยดน้ำกลั่นลงบนแผ่นปริซึมอีกครั้ง เพื่อทำความสะอาด
ก่อนเก็บเข้าที่
ภาพที่ 6.3 การวัดความเค็ม ด้วยเครื่องวัดการหักเหแสง (Reflecto-salinometer)
ที่มา : เทิดพันธุ์ นิ่มสกล (2563)