Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 9 เเก้เเล้ว
บทที่ 9 เเก้เเล้ว
บทที่ 9 เเก้เเล้ว
U(z) Xo(z)
G(z)
𝑒 𝑗(𝜔𝑡+𝜙) − 𝑒 −𝑗(𝜔𝑡+𝜙)
𝑦𝑠𝑠 (𝑡) = 𝑋 |𝐺(𝑗𝜔)|
2𝑗
= 𝑋 |𝐺(𝑗𝜔)| 𝑠𝑖𝑛( 𝜔𝑡 + 𝜙)
= 𝑌 𝑠𝑖𝑛( 𝜔𝑡 + 𝜙)
𝐼𝑚
โดยที่ 𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1 ( ) คือมุมเฟส G ( j ) = ( Re )2 + ( Im )2 คือขนาด
𝑅𝑒
𝑋 𝑌
𝑡
1. เมื่อ 𝐺(𝑗𝜔) = 𝐾
2. เมื่อ𝐺(𝑗𝜔) = 𝑗𝜔
1
3. เมื่อ𝐺(𝑗𝜔) = 𝑗𝜔
4. เมื่อ𝐺(𝑗𝜔) = 1 + 𝑗𝜔𝑇
1
5. เมื่อ𝐺(𝑗𝜔) = 1+𝑗𝜔𝑇
1
6. เมื่อ𝐺(𝑗𝜔) = 𝜔 𝜔 2
1+2𝜍(𝑗 )+(𝑗 )
𝜔𝑥 𝜔𝑥
กรณีที่ 1 เมื่อ𝑮(𝒋𝝎) = 𝑲
และมุมเฟสของ
𝐼𝑚
𝐺(𝑗𝜔)𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1 ( = 0)
𝑅𝑒
โดยที่
ซึ่งสามารถเขียนแสดงในรูปที่ 7.1
201𝑜𝑔|𝑗𝜔| = 201𝑜𝑔𝜔𝑑𝐵
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)
𝐼𝑚
𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1 ( = 0)
𝑅𝑒
โดยที่
1
เมื่อ 𝐺(𝑗𝜔) =
𝑗𝜔
มีหมายความว่าระบบมี โพล (pole) อยู่ที่ origin ดังนั้นขนาดของ𝐺(𝑗𝜔) ในรูป
ของ decibels จะ เขียนได้ดังนี้
𝜔𝑟 = 𝜔𝑥 √1 − 2𝜍 2
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)
𝐼𝑚
𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1 ( = −90)
𝑅𝑒
โดยที่
1 1 2 1
𝑅𝑒(𝜔) = 0; 𝐼𝑚(𝜔) = − และ |𝐺(𝑗𝜔)| = √(− ) =
𝜔 𝜔 𝜔
1
รูปที่ 9.5 Code matlap 𝐺(𝑗𝜔) = 𝑗𝜔
ซึ่งสามารถเขียนแสดงในรูปที่ 7.3
1
รูปที่ 9.6 แผนภาพโบดสำหรับ 𝐺(𝑗𝜔) = 𝑗𝜔
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)
𝐼𝑚
𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1
𝑅𝑒 = 𝑡𝑎𝑛−1 𝜔 𝑇
โดยที่
ซึ่งสามารถเขียนแสดงในรูปที่ 7.4
1
201𝑜𝑔 | | = −201𝑜𝑔√1 + 𝜔 2 𝑇 2 𝑑𝐵
1 + 𝑗𝜔𝑇
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)
𝐼𝑚
𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1
𝑅𝑒 = − 𝑡𝑎𝑛−1 𝜔 𝑇
โดยที่
1 𝜔𝑇
𝑅𝑒(𝜔) = ; 𝐼𝑚(𝜔) = −
1 + 𝜔2𝑇 2 1 + 𝜔2𝑇2
และ
1
รูปที่ 9.9 Code matlap 𝐺(𝑗𝜔) = 1+𝑗𝜔𝑇
1
รูปที่ 9.10 แผนภาพโบดสำหรับ 𝐺(𝑗𝜔) = 1+𝑗𝜔𝑇
𝟏
กรณีที่ 6 เมื่อ𝑮(𝒋𝝎) = 𝝎 𝝎 𝟐
𝟏+𝟐𝝇(𝒋 )+(𝒋 )
𝝎𝒙 𝝎𝒙
1
เมื่อ 𝐺(𝑗𝜔) = 𝜔 𝜔 2
มีหมายความว่าระบบมี complex poles อยู่ 1 คู่
1+2𝜍(𝑗 )+(𝑗 )
𝜔𝑥 𝜔𝑥
หรือ เขียนอยู่ในรูป
1
𝐺(𝑗𝜔) =
1 + 𝑗2𝜍𝑢 + (𝑗𝑢)2
โดยที่
𝜔
𝑢=
𝜔𝑥
1 𝜔2 𝜔 2
201𝑜𝑔 | | = −201𝑜𝑔√(1 − 2 ) + (2𝜍 )
𝜔 𝜔 2 𝜔𝑥 𝜔𝑥
1 + 2𝜍 (𝑗 ) + (𝑗 )
𝜔𝑥 𝜔𝑥
1
201𝑜𝑔 | | = −201𝑜𝑔√(1 − 𝑢2 )2 + (2𝜍𝑢)2
1 + 2𝜍𝑢 + (𝑗𝑢)2
1 1
𝐺(𝑗𝜔) = =
1 + 𝑗2𝜍𝑢 + (𝑗𝑢)2 (1 − 𝑢2 ) + 𝑗2𝜍𝑢
1 (1−𝑢2 )−𝑗2𝜍𝑢
= (1−𝑢2 )+𝑗2𝜍𝑢 . (1−𝑢2)−𝑗2𝜍𝑢
1−𝑢2 2𝜍𝑢
= (1−𝑢2)2 − 𝑗 (1−𝑢2)2
+(2𝜍𝑢)2 +(2𝜍𝑢)2
โดยที่
2𝜍𝑢 1−𝑢2
𝐼𝑚(𝜔) = (1−𝑢2 )2
+(2𝜍𝑢)2
และ 𝑅𝑒(𝜔) = (1−𝑢2 )2 +(2𝜍𝑢)2
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)
𝐼𝑚
𝜙 = 𝑡𝑎𝑛−1
𝑅𝑒
𝜔
2𝜍 2𝜍𝑢
−1 𝜔𝑥
= 𝑡𝑎𝑛 ( 𝜔 2
) = − 𝑡𝑎𝑛−1 ( )
1−( ) 1−𝑢2
𝜔𝑥
ซึ่งสามารถเขียนแสดงในรูปที่ 7.6
ความเสถียรสัมพันธ์(Relative Stability)
ส่วนเผื่อเฟสคือจำนวนของเฟสล้าหลังที่เพิ่มให้ระบบที่ความถี่อัตราขยายตัดข้าม( gain crossover
frequency ) จนระบบมีความเสถียรความถี่อัตราขยายตัดข้าม(gain crossover frequency )คือความถี่ที่
ขนาดของระบบเปิด|𝐺(𝑗𝜔)| ที่เป็นแบบ unity ส่วนเผื่อเฟส 𝛾 คือ180° ร่วมกับมุมเฟส𝜙ของระบบเปิดที่
ความถี่อัตราขยายตัดข้ามหรือ
𝛾 = 180° + 𝜙
ในเทอมของ decibels
𝐾𝑔 𝑑𝐵 = 201𝑜𝑔𝐾𝑔 = −201𝑜𝑔|𝐺(𝑗𝜔)|
𝐶(𝑠) 𝜔𝑥2
=
𝑅(𝑠) 𝑠 2 + 2𝜍𝜔𝑥 𝑠 + 𝜔𝑥2
หรือเขียนอยู่ในรูปการตอบสนองเชิงความถี่ของระบบปิดคือ
𝐶(𝑗𝜔) 1
= = 𝑀𝑒 𝑗𝜔
𝑅(𝑗𝜔) 𝜔2 𝜔
(1 − ) + 𝑗2𝜍
𝜔𝑥2 𝜔𝑥
โดยที่
𝜔
1 2𝜍
𝜔𝑥
𝑀= , 𝛼 = − 𝑡𝑎𝑛−1
𝜔2
𝜔 2 𝜔 2 1 −
√(1 − 2 ) + (2𝜍 ) 𝜔𝑥2
𝜔𝑥 𝜔𝑥
1
𝑀𝑟 =
2𝜍√1 − 𝜉 2
ขนาดของรีโซแนนซ์สูงสุดเป็นตัวชี้วัดถึงความเสถียรสัมพันธ์ของระบบเมื่อมีค่ามากแสดงว่ามีโพลเด่น 1 คู่ของ
ระบบปิดกับค่าที่มีค่าน้อยอันที่บ่งบอกถึงการตอบสนองชั่วครู่ที่ไม่พึงประสงค์
คงจำกันได้ค่ามีเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อและจะไม่มีค่าเกิดขึ้นเมื่อและค่าของเช่นกัน
แสดงความเกี่ยวพันกันระหว่างการตอบสนองชั่วครู่ต่ออินพุ ตแบบขั้นบันไดและการตอบสนองเชิงความถี่
ในระบบอันดับสองมาตรฐาน
สำหรับอินพุตที่เป็นแบบขั้นบันได และเอาท์พุตของระบบจะได้ดังนี้
โดยที
𝜔𝑑 = 𝜔𝑥 √1 − 𝜍 2
การพุ่งเกินสูงสุดสำหรับอินพุตที่เป็นแบบขั้นบันไดเราจะได้
𝜍
−( )𝑥
𝑀𝑟 = 𝑒 √1−𝜍2
การพุ่งเกินสูงสุดเกิดขึ้นในการตอบสนองชั่วครู่ที่มี𝜔𝑑 = 𝜔𝑥 √1 − 𝜍 2 การพุ่งเกินสูงสุดจะมีค่ามากสำหรับ
ค่า 𝜍 < 0.4
𝜔𝑥2
𝐺(𝑠) =
(𝑠 + 2𝜍𝜔𝑥 )𝑠
𝜔 = 𝜔𝑥 √√1 + 4𝜍 − 2𝜍 2
และมุมเฟสของ 𝐺(𝑗𝜔)คือ
√√1+4𝜍−2𝜍2
−1
= −90° − 𝑡𝑎𝑛
2𝜍
ดังนั้นส่วนเผื่อเฟส𝛾 คือ
𝛾 = 180° + ∠𝐺(𝑗𝜔)
หรือ
2𝜍
𝛾 = 𝑡𝑎𝑛−1
√√1 + 4𝜍 4 − 2𝜍 2
และขนาดสูงสุดรีโซแนนซ์ 𝑀𝑟
เราสามารถสรุปความเกี่ยวพันกันระหว่างการตอบสนองชั่วครู่ต่ออินพุตแบบขั้นบันไดและการตอบสนองเชิง
ความถี่ในระบบอันดับสองมาตรฐานได้พอสังเขปดังนี้
การวาดแผนภาพโบดด้วย MATLAB
𝟏𝟎(𝒔+𝟑)
ตัวอย่าง ถ้าระบบเปิดมีฟังก์ชั่นถ่ายโอน 𝑮(𝒔) = (𝒔𝟐+𝒔+𝟐)
10(𝑠+3)
หรือ𝐺(𝑠) = (𝑠2+𝑠+2)เราจำเป็นให้สัมประสิทธิ์ของฟังก์ชั่นถ่ายโอนในรูปของเศษและส่วน
ดังนี้ num =[10 30]; den =[1 1 2]; %num - แสดง เศษของ polynomials และ den - แสดงส่วนของ
polynomials
bode( num,den);
10(𝑠+3)
Code matlap ของ 𝐺(𝑠) = (𝑠2 +𝑠+2)
10(𝑠+3)
รูปที่ 9.17 Code matlap 𝐺(𝑠) = (𝑠2+𝑠+2)
10(𝑠+3)
รูปที่ 9.18 แผนภาพโบดสำหรับ 𝐺 (𝑠) = (𝑠2
+𝑠+2)
ความสำคัญในการออกแบบระบบควบคุมคือสมรรถนะการตอบสนองชั่วครู่ในการใช้วิธีการตอบสนองเชิง
ความถี่พิจารณาถึงสมรรถนะการตอบสนองชั่วครู่ในทางอ้อมซึ่งสมรรถนะการตอบสนองชั่วครู่จะถูกพิจารณา
ในเทอมของส่วนเผื่อเฟส, ส่วนเผื่ออัตราขยาย, ขนาดสูงสุดรีโซแนนซ์,ความถี่ขยายตัดข้าม, ความถี่รีโซแนนซ์
และ bandwidth ( ซึ่งใช้ประเมินความเร็วในการตอบสนองชั่วครู่ )และ static error constant (บ่งบอกถึง
ความแม่นยำในสถานะคงตัว)แม้ว่าความเกี่ยวพันระหว่างการตอบสนองชั่วครู่และการตอบสนองเชิงความถี่จะ
เป็นทางอ้อมรายละเอียดของโดเมนความถี่สามารถเป็นเครื่องมือที่สะดวกในการออกแบบอาทิเช่นแผนภาพ
โบด
เราพิจารณาตัวชดเชยแบบล้ำหน้าที่มีฟังก์ชั่นถ่ายโอน :
1
𝑇𝑠 + 1 𝑠+
𝐾𝑐 𝛼 = 𝐾𝑐 𝑇
𝛼𝑇𝑠 + 1 1
𝑠+
𝛼𝑇
(0 < 𝛼 < 1)
1 1
โดยที่ระบบจะมีศูนย์ท𝑠 = − 𝑇ี่ และ𝑠 = − 𝛼𝑇จะมีโพลที่ ขณะที่ 0 < 𝛼 < 1เราจะเห็นได้ว่า ศูนย์จะ
ตั้งอยู่ทางขวาของโพลเสมอใน s-plane ถ้าค่า𝛼 ยิ่งมีค่าน้อยโพลจะมีที่ตั้งอยู่ทางซ้ายที่ไกลออกไปค่าน้อยที่สุด
สำหรับ 𝛼 ถูกกำหนดโดยโครงสร้างทางกายภาพของตัวชดเชยแบบล้ำหน้าโดยทั่วไป𝛼 จะมีค่าประมาณ 0.05
(ในที่นี้หมายความว่า เฟสล้ำหน้าสูงสุดที่เราสร้างขึ้นโดยตัวชดเชยแบบล้ำหน้านั้น คือ )
𝑗𝜔𝑇 + 1
𝐾𝑐 𝛼
𝑗𝜔𝛼𝑇 + 1
(0 < 𝜔 < 1)
1−𝛼
2 1−𝛼
𝑠𝑖𝑛 𝜙𝑥 = 1+𝛼 =
1+𝛼
2
1 1 1
เนื่องจาก 𝑙𝑜𝑔 𝜔𝑥 = (𝑙𝑜𝑔 + 𝑙𝑜𝑔 )
2 𝑇 𝛼𝑇
1
𝜔𝑥 =
√𝛼𝑇
1
𝑇𝑠+1 𝑠+
Code matlap ของ 𝐾𝑐 𝛼 𝛼𝑇𝑠+1 = 𝐾𝑐 𝑇
1
𝑠+
𝛼𝑇
(0 < 𝛼 < 1)
กำหนดให้ 𝐾𝑐 𝛼 = 𝐾
ดังนั้น
𝑇𝑠 + 1
𝐺𝑐 (𝑠) = 𝐾
𝛼𝑇𝑠 + 1
ฟังก์ชั่นถ่ายโอนระบบเปิดของระบบชดเชยคือ
1
โพลของตัวชดเชยแบบล้ำหน้า 𝜔=
𝛼𝑇
เราพิจารณาตัวชดเชยแบบล้าหลังที่มีฟังก์ชั่นถ่ายโอน :
1
𝑇𝑠 + 1 𝑠+
𝐺𝑐 (𝑠) = 𝐾𝑐 𝛽 = 𝐾𝑐 𝑇
𝛽𝑇𝑠 + 1 1
𝑠+
𝛽𝑇
1
𝑇𝑠+1 𝑠+
รูปที่ 9.21 Code matlap 𝐺𝑐 (𝑠) = 𝐾𝑐 𝛽 𝛽𝑇𝑠+1 = 𝐾𝑐 𝑇
1
𝑠+
𝛽𝑇
• สมมุติว่าตัวชดเชยแบบล้าหลัง :
1
𝑇𝑠+1 𝑠+
𝑇
𝐺𝑐 (𝑠) = 𝐾𝑐 𝛽 = 𝐾𝑐 1 (𝛽 > 1)
𝛽𝑇𝑠+1 𝑠+
𝛽𝑇
กำหนดให้ 𝐾𝑐 𝛽 = 𝐾
ดังนั้น
𝑇𝑠 + 1
𝐺𝑐 (𝑠) = 𝐾
𝛽𝑇𝑠 + 1
ฟังก์ชั่นถ่ายโอนระบบเปิดของระบบชดเชย คือ
𝑇𝑠 + 1 𝑇𝑠 + 1
𝐺𝑐 (𝑠)𝐺(𝑠) = 𝐾 𝐺(𝑠) = 𝐺 (𝑠)
𝛽𝑇𝑠 + 1 𝛽𝑇𝑠 + 1 1
1)วิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์การตอบสนองเชิงความถี่ของระบบควบคุมคืออะไร?
2)การวิเคราะห์การตอบสนองเชิงความถี่มีความสัมพันธ์กับการออกแบบระบบควบคุมอย่างไร?
3) จงพร็อตกราฟโบเดของฟังก์ชันถ่ายโอนต่อไปนี้
10
𝑇(𝑠) =
(𝑠 + 1)(𝑠 + 10)
4) จงพร็อตกราฟโบเดของฟังก์ชันถ่ายโอนต่อไปนี้
𝑠
𝑇(𝑠) =
(𝑠 + 2)2 (𝑠 + 1)
1
5) จากระบบที่กําหนดให้𝐺 (𝑠) = จงออกแบบตัวชดเชยแบบเฟสล้าหลังที่ทําให้ได้โอเวอร์ชูต
𝑠(𝑠 2 +4𝑠+5)
20% และมึค่าความผิดพลาดในสถานะอยู่ตัว 0.1
6) ถ้าระบบเปิดมีฟังก์ชั่นถ่ายโอน
𝟏𝟎𝒔
𝑮(𝒔) =
(𝒔𝟐 + 𝒔 + 𝟏𝟎)
4
7) ลองพิจารณาระบบที่มี𝐺 (𝑠) = กำหนดให้สัญญาณขาเข้า𝑟(𝑡) = 5𝑠𝑖𝑛2𝑡
𝑠2 3𝑠+2
8) ให้วาดแผนภาพโบเดอย่างง่าย ลองพิจารณาวงจรกรอง
1 1
𝐺 (𝑗𝜔) = =
𝑗𝜔𝜏 + 1 𝑗𝜔𝑅𝐶 + 1
𝐾𝑉 = 5 𝑆 −1 และโพลเด่าวงปิดมี 𝜍 = 0.491
ตัวชดเชยแบบล้าหลัง พลานต์
C(s)
R(s) 𝐾
𝐺𝑐 (𝑠)
𝑠(𝑠 + 1)(𝑠 + 2)
+ -