Professional Documents
Culture Documents
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย (นักเรียน) ป.5 ภาคเรียนที่ 2 2565-04081614
ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย (นักเรียน) ป.5 ภาคเรียนที่ 2 2565-04081614
เพื่อการจัดการเรียนรูโดยใชการศึกษาทางไกลผานดาวเทียม
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นประถมศึกษาปที่ ๕
(ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๒)
คําชี้แจง
การใชชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน
มูลนิธิการศึกษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ
ข
สารบัญ
หนา
คําชี้แจงการใชชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ก
สารบัญ ข
หนวยการเรียนรูที่ ๘
เรียงรอยความคิดพินิจภาษา
๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของการอานจับใจความ
การอานจับใจความ คือ การอานที่มุงจับประเด็นสําคัญหรือจับใจความสําคัญ
ของเรื่ อ งที่ อา นหรื อ ขอ คิด ของเรื่ อ ง โดยใจความสํ า คั ญ จะเป น ข อ ความที่ ค รอบคลุ ม
ขอความอื่น ๆ ไวทั้งหมด
การอานจับใจความมักเปนการอานในใจเพื่อจับใจความสําคัญ ผูอานจะตองมี
สมาธิ ใ นการอ าน จะต อ งค น หาข อ คิ ด เพื่ อ ให ได รับ ประโยชน แ ละมี ป ระสิ ทธิ ภ าพใน
การอานมากขึ้น
การอ า นจั บ ใจความจากสื่ อ ต า ง ๆ เช น ข า ว เหตุ ก ารณ ป ระจํ า วั น บทความ
วรรณคดี วรรณกรรม นิทานตาง ๆ บทโฆษณา เรื่องสั้น หรือขอความที่มีขนาดยาว
นอกจากจะตองเขาใจสาระสําคัญของเรื่องแลว ควรฝกความสามารถในการอานเพิ่มเติม
ดังนี้
๑. การแยกขอเท็จจริงและขอคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
๒. การแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อานอยางมีเหตุผล
๓. การระบุความรูและนําขอคิดจากเรื่องที่อานไปใชในการดําเนินชีวิต
หลักพื้นฐานการอานจับใจความสําคัญ
๑. ตั้งจุดมุงหมายในการอานใหชัดเจน
๒. ทําความเขาใจเบื้องตนเกี่ยวกับชื่อเรื่อง เพราะจะทําใหเรารูวาเรื่องที่อาน
เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร เปนไปในแนวทางใด จะชวยใหเราคาดการณเรื่องได
๓. อานเรื่องราวอยางละเอียด และเก็บใจความสําคัญของแตละยอ หน า
๔. เมื่ออานจบควรตั้งคําถามวา “ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร อยางไร”
๕. นําสิ่งที่สรุปไดจากการอานมาเรียบเรียงใจความสําคัญใหมดวยสํานวน
ภาษาของตนเองเพื่อใหเขาใจงาย
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓
วิธีการจับใจความสําคัญ
วิธีการจับใจความมีหลายอยาง ขึ้นอยูกับความชอบวาอยางไร เชน
๑. การขีดเสนใต
๒. การใชสีตาง ๆ กัน เพื่อแสดงความสําคัญมากนอยของขอความ
๓. การบันทึกยอ เปนสวนหนึ่งของการอานจับใจความสําคัญที่ดี ผูท่ียอควร
ยอดวยสํานวนภาษาและสํานวนของตนเอง ไมควรยอดวยการตัดเอาขอความสําคัญ
มาเรี ย งต อ กั น เพราะอาจทํ า ให ผู อ า นพลาดสาระสํ า คั ญ บางตอนไปอั น เป น เหตุ ใ ห
การตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได
การแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
การแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน เปนการแยกแยะสวนตาง ๆ ของเรื่องที่อาน
อยางมีระบบ ผูอานจะตองอานจับใจความเนื้อหาของเรื่องใหเขาใจอยางถองแท เพื่อจะ
ไดวิเคราะหและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระความรู ขอคิด และประโยชนจากเรื่อง
สามารถนําสิ่งที่ไดจากการอานไปประยุกตใชในการดําเนินชีวิต
๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เนื้อเรื่องยอ “ภัยเงียบ”
จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต
ชั้นประถมศึกษาปที่ ๕
และจะรีบหาเงินมาคืนแพนใหเร็วที่สุด แพนสงเงินใหพี่เจี๊ยบโดยการโอนเงินผานธนาคาร
ซึ่งก็ผานมาแลว ๓ เดือน ไมมีการตอบกลับมาจากพี่เจี๊ยบอีกเลย แพนคงถูกหลอกแน ๆ
สวนพี่ทศเปนพี่ชายที่แสนดี ไมดุแพน และบอกวาโชคดีแลวที่แพนไมเปนอะไร หากเสียตัว
หรือเสียชีวิตครอบครัวคงทําใจไมได เงินทองเปนของนอกกายถาไมตายก็หาใหมได
ภั ย เงี ย บมี อ ยู ทุ ก หนแห ง และมาโดยเราไม ทั น ระวั ง ตั ว ครั้ ง นี้ ใ ห ถื อ ว า เป น บทเรี ย น
ตัวแพนเองไมเสียดายเงินทอง แตเสียดายความรูสึกดี ๆ ที่มีใหพี่เจี๊ยบ แตถูกภัยเงียบ
ทํารายโดยไมทันตั้งตัว
๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๓. อะไรบ า งที่ นั ก เรี ย นคิ ด ว า เป น “ภั ย เงี ย บ” ที่ ม าจากคอมพิ ว เตอร ห รื อ ทาง
อินเทอรเน็ต
ตอบ........................................................................................................................
................................................................................................................................
๗. นักเรียนจะนําขอคิดจากเรื่องนี้ไปใชในชีวิตประจําวันอยางไร
ตอบ……………………………………...............................................................................
...………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
๘. นักเรียนมีวิธีปองกันอยางไร ถามีคนแปลกหนาทักเฟซบุกมาพูดคุยดีกับนักเรียน
ตอบ……………………………………...............................................................................
...………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
๙. นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไรเกี่ยวกับเรื่อง “ภัยเงียบ”
ตอบ……………………………………...............................................................................
...………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของแผนภาพความคิด
แผนภาพความคิ ด เป นรู ป แบบที่ ใช ในการจั ดระบบของความคิ ด ข อ มู ล หรือ
ความรูตาง ๆ เพื่อใหเห็นและเขาใจภาพรวมทั้งหมดอยางชัดเจน สามารถนําไปเรียบเรียง
เปนงานเขียนที่สมบูรณ เนื้อหามีความสัมพันธตอเนื่องกัน
หลักการเขียนแผนภาพความคิดจากเรื่องที่อาน
๑. อานเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาใหเขาใจชัดเจน
๒. จับใจความสําคัญหรือประเด็นสําคัญของเรื่อง
๓. เลือกแผนภาพที่เหมาะสมกับเรื่อง
๔. จัดประเภทหรือจัดหมวดหมูของขอมูล
๕. ลงมือเขียนแผนภาพความคิด
๖. ตรวจทานการเขียนใหถูกตอง
๗. ตกแตงระบายสี เพื่อสวยงาม
รูปแบบของแผนภาพความคิด
การเขียนแผนภาพความคิดมีหลายรูปแบบ ซึ่งรูปแบบที่นักเรียนควรรูจัก มีดังนี้
๑. แบบใยแมงมุม ใชในการจัดขอมูลที่มีความสัมพันธกันระหวางหัวขอใหญและ
หัวขอยอย เพื่อแสดงรายละเอียดตาง ๆ
หัวขอใหญ
หัวขอยอย หัวขอยอย
หัวขอยอย
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๙
๒. แบบเปรียบเทียบ ใชในการจัดขอมูลที่มีสวนเหมือนและตางกันเพื่อเปรียบเทียบ
ใหเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
หัวขอ
ขั้นตอนที่ ๕
ขั้นตอนที่ ๔
ขั้นตอนที่ ๓
ขั้นตอนที่ ๒
ขั้นตอนที่ ๑
๑๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ประโยชนของการเขียนแผนภาพความคิด
๑. ชวยในการยอความจากเรื่องที่อาน
๒. ทําใหเขาใจเรื่องไดรวดเร็ว ชวยใหจับใจความของเรื่องที่ฟงและอานได
๓. ชวยจัดความรูอยางเปนระบบ ทําใหจดจํางายและแมนยํา
๔. ชวยใหสรุปเรื่องไดสมบูรณครบถวน
๕. ชวยพัฒนาทักษะการเขียนสรุปความรู
การนําไปใช
๑. ใชระดมพลังสมอง ๒. ใชนําเสนอขอมูล
๓. ใชจัดระบบความคิด ๔. ใชวเิ คราะหเนื้อหาหรืองานตาง ๆ
๕. ใชสรุปเรื่องหรือสรางองคความรู ๖. ใชสรุปใจความสําคัญ
แนวทางการเขียนแผนภาพความคิดจากนิทาน
สถานที่
ตัวละคร เหตุการณสําคัญ
หัวขอ/ชื่อเรื่อง
ขอคิด ผลของเรื่อง
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๑๑
กาลครั้งหนึ่งนานมาแลว สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งถูกหมาลาเนื้อของพวกนายพราน
ไลกัด มันวิ่งหนีจนหมดแรงมาเรื่อย ๆ และไดพบกับคนตัดไมคนหนึ่งซึ่งกําลังตัดตนไมอยู
มันจึงรีบวิ่งตรงเขาไปหาเพื่อขอความชวยเหลือ มันวิงวอนขอรองใหคนตัดไมชวยหา
ที่ ซ อ นสั ก แห ง คนตั ด ไม ใ จดี จึ ง พาสุ นั ข จิ้ ง จอกไปหลบซ อ นตั ว ในกระท อ ม เมื่ อ พวก
นายพรานมาถึ ง ถามว า “เห็ น สุ นั ข จิ้ ง จอกผ า นมาแถวนี้ ห รื อ ไม ” คนตั ด ไม ต อบว า
“ไมเห็น” แตชี้นิ้วไปที่กระทอม
พวกล า สั ต ว ไ ม รู ค วามหมายของคนตั ด ไม จึ ง พากั น กลั บ ทั น ใดนั้ น สุ นั ข จิ้ ง จอก
เห็นวาปลอดภัยแลว ก็ออกมาจากที่ซอนตัวในกระทอม แลวรีบวิ่งหนีไปไมไดกลาวลา
สักคําเดียว คนตัดไมรองตะโกนวา “เจากลับไปอยางนี้หรือ จะขอบใจขาสักคําก็ไมมี”
สุนัขจิ้งจอกไดหันกลับมาตอบวา “ทานผูกรุณาใหที่พึ่ง หากลิ้นของทานตรงอยางนิ้ว ขาก็
ตองพูดขอบคุณทานเปนแน”
นี่แหละคือปากวาตาขยิบ ยอมมีความไมซื่ออยูในดวงตานั้น
นิทานเรื่องนี้สอนใหรูวา หากจะชวยเหลือใคร ควรชวยเหลือดวยความจริงใจ
ไมควรพูดอยางทําอยาง ดังสํานวนที่วา “ปากวาตาขยิบ”
๑๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๑๓
จิตที่ควรพัฒนา : จิตสาธารณะ
รอยตํารวจตรีวิชัย สุริยุทธ หรือที่คนทั่วไปรูจักกันในนาม “นายดาบ วิชัย
ผูสรางปา” ทานเปนผูริเริ่มโครงการปลูกตนไม ในที่สาธารณะเพื่อสวนรวมที่บาน
ของตนคือ อําเภอปรางคกู จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเปนพื้นที่แหงแลง เพราะฝนตกนอย
และผูคนสวนใหญก็ยากจน
การปลูกตนไมของนายดาบวิชัยนี้ ทานจะนําเมล็ดพันธุไมใสถุงและแบกจอบ
หิ้วขึ้นรถจักรยานยนต โดยไปปลูกตามที่สาธารณะตาง ๆ จนตนไมเติบโต สามารถ
สรางอาชีพและเปนอาหารใหแกคนในชุมชนได
จิตสาธารณะของรอยตํารวจตรีวิชัย เกิดแรงบันดาลใจจากการที่ไดเขาอบรม
โครงการแผนดินธรรมแผนดินทอง และประทับใจแนวคิดที่มุงใหเกิดความสงบสุข
ของชาวบาน และเศรษฐกิจพอเพียง
(รอยตํารวจตรีวิชัย สุริยุทธ)
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง อักษรยอ
หมวดกระทรวงตาง ๆ
หมายเหตุ อักษรยอของกระทรวงจะไมใสเครื่องหมายมหัพภาค ( . )
อักษรยอ คําเต็ม อักษรยอ คําเต็ม
นร สํานักนายกรัฐมนตรี อก กระทรวงอุตสาหกรรม
กห กระทรวงกลาโหม พณ กระทรวงพาณิชย
กค กระทรวงการคลัง พน กระทรวงพลังงาน
กต กระทรวงการตางประเทศ วธ กระทรวงวัฒนธรรม
กก กระทรวงการทองเที่ยวและกีฬา รง กระทรวงแรงงาน
กษ กระทรวงเกษตรและสหกรณ คค กระทรวงคมนาคม
มท กระทรวงมหาดไทย ศธ กระทรวงศึกษาธิการ
สธ กระทรวงสาธารณสุข ทส กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอม
ดศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ พม กระทรวงการพัฒนาสังคม
และสังคม และความมั่นคงของมนุษย
อว กระทรวงการอุดมศึกษา - -
วิทยาศาสตร วิจัยและนวัตกรรม
๒๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
หมวดเดือนทั้ง ๑๒ เดือน
อักษรยอ คําเต็ม อักษรยอ คําเต็ม
ม.ค. มกราคม ก.ค. กรกฎาคม
ก.พ. กุมภาพันธ ส.ค. สิงหาคม
มี.ค. มีนาคม ก.ย. กันยายน
เม.ย. เมษายน ต.ค. ตุลาคม
พ.ค. พฤษภาคม พ.ย. พฤศจิกายน
มิ.ย. มิถุนายน ธ.ค. ธันวาคม
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๒๑
หมวดหนวยวัดระยะ เชน
อักษรยอ คําเต็ม อักษรยอ คําเต็ม
มม. มิลลิเมตร ตร.มม. ตารางมิลลิเมตร
ซม. เซนติเมตร ตร.ซม. ตารางเซนติเมตร
ม. เมตร ตร.ม. ตารางเมตร
ว. วา ตร.ว. ตารางวา
กม. กิโลเมตร ตร.กม. ตารางกิโลเมตร
น. นิ้ว ฟ. ฟุต
ตัวอยางเครื่องหมายวรรคตอนที่ควรรูจัก
๓. ใชเขียนแสดงลําดับยอยของรายการที่ไมตองใส
ตัวอักษร มีรายการคราว ๆ ดังนี้
- พิธีเปดงาน
- รําอวยพร
- ดนตรีบรรเลง
- ปดงาน
๖. อัญประกาศ “ ” ๑. ใชเพื่อแสดงวาคําหรือขอความนั้น เปนคําพูดหรือ
ความนึกคิด เชน
- “ขอใหทุกคนตั้งใจจริง แลวจะประสบความสําเร็จ”
๒. ใชเพื่อเนนคําหรือขอความนั้นใหเดนชัดขึ้น เชน
- คําวา “ตะโก” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดใหความหมายไววา หมายถึง “ชื่อขนม
ชนิดหนึ่งทําดวยแปงขาวเจากวนเขากับน้ําตาล ใสแหว
๒๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๓. ใชเปนตัวคั่นตัวเลขบอกเวลา สําหรับภาษาไทย
สามารถใชมหัพภาคแทนได เชน
- เวลา ๑๒ : ๐๐ น. (เวลาสิบสองนาฬิกา)
๒๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตอนที่ ๑ อักษรยอ
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๒๙
ตอนที่ ๒ เครื่องหมายวรรคตอน
ใสเครื่องหมายวรรคตอนเติมในชองวางใหถูกตอง
ชื่อ...............................................นามสกุล...........................................ชั้น........เลขที่........
๓๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การแยกขอเท็จจริงและขอคิดเห็น
การวิเคราะหเนื้อหาสาระของการอานนั้น จะตองรูวาอะไรเปนใจความสําคัญของ
เรื่องอะไรเปนเนื้อหาหลัก เนื้อหารอง ตอนใดเปนใจความที่แสดงเหตุและผล ขอเท็จจริง
ความคิดเห็นในขณะเดียวกันก็ตองใชความคิด ความรู และประสบการณ เพื่อพิจารณา
วาเรื่องนั้น และเรื่องมีความสมเหตุสมผลและมีความถูกตองหรือไม มากนอยเพียงใด
โดยมีหลักในการพิจารณา ดังนี้
ลักษณะขอเท็จจริง ลักษณะขอคิดเห็น
๑. เปนขอความที่แสดงความรูสึก
๑. มีความเปนไปได
๒. เปนขอความที่แสดงความคาดคะเน
๒. มีความสมจริง
๓. เปนขอความที่แสดงการเปรียบเทียบ
๓. มีหลักฐานเชื่อถือได
๔. เปนขอความที่เปนขอเสนอแนะหรือเปน
๔. มีความสมเหตุสมผล
ความคิดเห็นของผูพูดเอง
ตัวอยางประโยคที่เปนขอเท็จจริงและขอคิดเห็น
ประโยคที่เปนขอเท็จจริง ประโยคที่เปนขอคิดเห็น
๑. จังหวัดนานอยูภาคเหนือของไทย ๑. จังหวัดนานมีภูมิประเทศที่สวยงามนาอยู
๒. โลมาเปนสัตวเลี้ยงลูกดวยนม ๒. โลมาเปนสัตวนารักที่ชอบหอมแกมคน
๓. ผักบุงจีนมีลําตนอวบกวาผักบุงไทย ๓. ถาเรากินผักบุงจะทําใหตาหวาน
๔. แมวมีฝเทาเบามาก ๔. คนที่เชื่อถือโชคลาง เชื่อวาแมวเปนสัตว
ลึกลับ
๕. น้ําทะเลมีรสเค็ม ๕. ทะเลมีความสวยงาม
๖. ประเทศไทยมีภาษาไทยเปนภาษา ๖. ประเทศไทยมีรูปรางเหมือนกระบวยตัก
ประจําชาติ น้ํา
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓๑
ตอบคําถาม
๑. เขียนประโยคที่เปนขอเท็จจริงจากขาวมา ๒ ประโยค
ประโยคที่ ๑ คือ
...........................................................................................................................................
ประโยคที่ ๒ คือ
...........................................................................................................................................
๓๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๒. เขียนประโยคที่เปนความคิดเห็นจากขาวมา ๒ ประโยค
ประโยคที่ ๑ คือ
...........................................................................................................................................
ประโยคที่ ๒ คือ
...........................................................................................................................................
แตงประโยค
๑. แตงประโยคที่เปนขอเท็จจริงมา ๒ ประโยค
ประโยคที่ ๑ คือ
...........................................................................................................................................
ประโยคที่ ๒ คือ
...........................................................................................................................................
๒. แตงประโยคที่เปนความคิดเห็นมา ๒ ประโยค
ประโยคที่ ๑ คือ
...........................................................................................................................................
ประโยคที่ ๒ คือ
...........................................................................................................................................
ชื่อ...............................................นามสกุล...........................................ชั้น........เลขที่........
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓๓
การใชวิจารณญาณสารโนมนาวใจควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. สารนั้นเรียกรองความสนใจมากนอยเพียงใด หรือสรางความนาเชื่อถืออยางไร
๒. สารที่นําเสนอนั้น สนองความตองการพื้นฐานของผูอานอยางไร
๓. สารได เ สนอแนวทางที่ ส นองความต อ งการของผู อ า นหรื อ มี สิ่ ง ใดแสดง
ความเห็นวา หากผูอานยอมรับขอเสนอนั้นแลวจะไดรับประโยชนอะไร
๔. สารที่นํามาเสนอนั้น เราใจใหเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งใด และตองการปฏิบัติแบบใด
๕. ภาษาที่ใชในการโนมนาวใจนั้นมีลักษณะทําใหผูอานเกิดอารมณอยางไร
๓๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แนวทางการพิจารณาเนื้อหางานเขียนประเภทโนมนาวใจ ดังนี้
๑. อานเรื่องหรือเนื้อหาใหเขาใจกอนวาเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร
๒. สํารวจคํา ประโยค วามีการใชภาษาที่กลาวเกินจริงหรือไม อยางไร
๓. ตอบคําถามจากเรื่องที่อาน โดยตอบใหตรงประเด็นและใจความสมบูรณ
๔. วิเคราะหและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวามีความนาเชื่อถือหรือไม
อยางไร
๕. ประเมินและตัดสินเกี่ยวกับโฆษณาหรือเนื้อหาของสื่อประเภทโนมนาวใจ
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓๕
ตัวอยาง งานเขียนประเภทโนมนาวใจ
แนวการตอบคําถาม ดังนี้
๑. งานเขียนโนมนาวใจนี้จัดเปนประเภทใด
ตอบ ประเภทโฆษณา
๒. งานเขียนนี้เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ตอบ เปนเรื่องเกี่ยวกับสีทาบาน
๓. ภาษาที่ใชมีลักษณะเปนอยางไร
ตอบ ใชภาษาที่กลาวเกินจริง เชน “ผนังเลอะแคไหนก็เอาอยู” ซึ่งในความเปนจริงแลว
หากมีคราบสกปรกฝงแนน อาจทําความสะอาดไดไมหมด จึงถือวาเปนการกลาวเกินจริง
๔. นักเรียนอานงานเขียนนี้แลว ไดขอคิดเกี่ยวกับการซื้อสินคาอยางไร
ตอบ ไมควรซื้อสินคาที่กลาวเกินจริง หรือซื้อสินคาที่มีรูปลักษณภายนอกสวยงาม
แตควรเลือกซื้อสินคาที่มีคุณภาพและมีประโยชน
๓๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ปากกาตราหมูนอยติดปก
“ใชงาย ใชดี เขียนสวยทุกตัวอักษร” ตองปากกกาตราหมูติดปก ทํามาจาก
วัสดุชั้นเยี่ยม น้ําหมึกสีสวย เสนคมชัดลึก ออกแบบโดยนักวิชาการดานเครื่องเขียน
ผลิตโดยโรงงานที่ผานการรับรองมาตรฐานและคุณภาพ จากสํานักงานมาตรฐาน
ผลิตภัณฑอุตสาหกรรม (สมอ.) ปากการาคาดามละ ๒๐ บาท หากซื้อภายในสิ้นปนี้
จะมีของแถมเปนกระเปาลายหมูนอยติดปก จํานวน ๑ ใบ และซื้อ ๒ แถม ๑ ทันที
หากซื้อตั้งแต ๑๐ โหลขึ้นไป จะไดรับสวนลด ๓๐ %
๑. โฆษณานี้เปนขายสินคาเกี่ยวกับอะไร
ตอบ...........................................................................................................................
๒. ภาษาที่ใชกลาวเกินจริงหรือไม อยางไร
ตอบ...........................................................................................................................
๓. นักเรียนอานงานเขียนนี้แลว ไดขอคิดเกี่ยวกับการซื้อสินคาอยางไร
ตอบ...........................................................................................................................
..................................................................................................................................
๔. เนื้อหาของโฆษณามีความนาเชื่อถือหรือไม อยางไร
ตอบ...........................................................................................................................
๕. นักเรียนจะซื้อปากกาตราหมูนอยติดปกหรือไม เพราะอะไร
ตอบ...........................................................................................................................
ชื่อ..............................................นามสกุล...........................................ชั้น.........เลขที่........
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓๗
การจับประเด็นสําคัญจากเรื่องที่ฟงและดู
การจับประเด็นสําคัญจากเรื่องที่ฟงและดู เปนการจับใจความสําคัญหรือขอคิด
หรือความคิดหลักของเรื่องที่ฟงและดู โดยใจความสําคัญนั้น จะเปนสิ่งที่ครอบคลุม
เรื่องราวทั้งหมดที่ฟงและดู
หลักการจับประเด็นสําคัญจากเรื่องที่ฟงและดู
๑. ตั้งจุดมุงหมายในการฟงและดูใหชัดเจน
๒. ฟงและดูเรื่องราวอยางคราว ๆ พอเขาใจ และเก็บประเด็นที่สําคัญ ๆ ของเรื่อง
๓. เมื่อฟงและดูจบใหตั้งคําถามตนเองวาเรื่องที่อานมี “ใคร ทําอะไร ที่ไหน
เมื่อไร อยางไร”
๔. นําสิ่งที่สรุปไดมาเรียบเรียงใจความสําคัญใหมดวยสํานวนของตนเอง เพื่อให
เกิดความสละสลวย
๓๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
หลักการฟงที่ดี
๑. ฟงใหตรงจุดประสงค คือ กําหนดจุดประสงคในการฟง เชน ฟงเพื่อเอาความรู
ฟงเพื่อสรุปความรู
๒. ฟงดวยความพรอม คือ ตองมีความพรอมทั้งทางรางกาย จิตใจ และสติปญญา
๓. ฟงอยางมีสมาธิ คือ มีความตั้งใจ จดจออยูกับเรื่องที่ฟงหรือดู ไมฟุงซาน
๔. ฟงดวยความกระตือรือรน คือ มีความสนใจ เห็นประโยชนหรือคุณคาของเรื่อง
๕. ฟงโดยไมมีอคติ คือ ไมมีความลําเอียง ซึ่งเกิดจากความรัก ความโกรธ
๖. ฟงโดยใชวิจารณญาณ คือ นําสิ่งที่ฟงมาประเมินวามีประโยชนหรือนาเชื่อถือ
มากนอยเพียงใด
มารยาทในการฟงและดู
๑. ฟงและดูดวยความสงบ เพราะจะชวยใหมีสมาธิมากขึ้น
๒. ฟงและดูดวยความตั้งใจ และจดบันทึกประเด็นสําคัญ
๓. ปรบมือแสดงอาการ เมื่อประทับใจ
๔. มองหนาและสบตาของผูพูด
๕. เมื่อมีขอสงสัย ควรยกมือถามหลังผูพูดเปดโอกาสใหถาม
๖. ไมควรถามแทรกขณะที่ผูพูดกําลังพูดอยู
๗. ไมสงเสียงดังรบกานผูอื่นขณะฟง
๘. ไมควรแสดงทาทาง สีหนา เมื่อไมพอใจผูพูด
๙. ตั้งใจฟงและดูเรื่องราว ตั้งแตตนจนจบ ไมควรลุกเดินหนีออกจากที่ประชุม
๑๐. ไมควรแสดงกิริยาที่ไมเหมาะสม เชน โหรอง หัวเราะเสียงดัง พูดตะโกน
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๓๙
นิทานเรื่อง...................................................................................
คําถาม คําตอบ
๑. นิทานเรื่องนี้มีตัวละครกี่ตัว ..............................................................................
ใครบาง ..............................................................................
๒. เหตุการณในเรื่องเกิดขึ้น ..............................................................................
สถานที่ใดบาง ..............................................................................
๓. ผลของเรื่องเปนอยางไร ..............................................................................
..............................................................................
๔. ประเด็นสําคัญของนิทานเรื่องนี้ ..............................................................................
คืออะไร ..............................................................................
๕. นักเรียนจะปฏิบัติตนตาม ..............................................................................
ตัวละครตัวใด เพราะเหตุใด ..............................................................................
๖. นิทานเรื่องนี้ใหขอคิดอะไรบาง ..............................................................................
ที่เปนประโยชนแกนักเรียน ..............................................................................
๗. นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดไป ..............................................................................
ปรับใชในชีวิตจริงไดอยางไร ..............................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล.........................................ชั้น...........เลขที่.........
๔๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน เปนการเขียนขยายความคิดเห็นของ
ผูอานที่มีตอเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่อาน โดยอธิบายหรือแสดงความคิดเห็นประกอบเรื่องนั้น
ผูเขียนตองตรวจสอบขอเท็จจริงวาถูกตองหรือไม แลวเขียนใหกระจางชัด โดยมีหลักฐาน
ประกอบอางอิง
การเขี ย นแสดงความคิ ด เห็ น จะต อ งเขี ย นอธิ บ ายขยายความอย า งมี เ หตุ ผ ล
สอดคล อ งกั บ ข อ ความเดิ ม เสมอ ผู เ ขี ย นต อ งใช ค วามคิ ด อย า งเป น เหตุ เ ป น ผลด ว ย
ตองรูจักวิเคราะหขอความ และใชเหตุผลประกอบการวิเคราะห
หลักการเขียนความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
๑. อานทําความเขาใจเรื่องที่จะเขียนใหเขาใจแจมแจง
๒. เขียนขอมูลหรือขอเท็จจริ งกอน แลวจึงกลาวความรูสึกหรือ ความคิ ดเห็น
โดยใชเหตุผลหรือหลักฐานประกอบ
๓. ควรเขียนในเชิงสรางสรรค และมีขอเสนอแนะ
๔. มีมารยาทในการเขียน เขียนดวยภาษาที่สุภาพ ไมใชถอยคํารุนแรง
๕. ควรเขียนแบบรางกอนทุกครั้ง และตรวจสอบปรับปรุงแกไขสํานวนภาษา
รวมทั้งตรวจทานการเขียนสะกดคําใหถูกตอง
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๔๑
วิธีการวิเคราะห
๑. หาคําหลักของขอความใหได
๒. นําคําหลักมาอธิบายขยายความ โดยนําความรูและประสบการณมาอธิบายให
ชัดเจนขึ้นอยางมีเหตุผล
ขอความ “คนที่ทํามาหากินอยางสุจริต จะทําใหสังคมเปนสุข”
ตัวอยาง คําหลัก : ทํามาหากิน สุจริต สุข
การเขียนแสดงความคิดเห็น
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่กําหนดใหอยางมีเหตุผล
เรื่องของกลวยแตไมกลวย
กลวย เปนผลไมที่ชวยลดและบรรเทาอาการปวดหัว อันเกิดจากโรคไมเกรน
ไดอยางแนจริงเลยทีเดียว โดยเมื่อมีอาการปวดหัวไมเกรน แลวกินกลวยเขาไป
สารอาหารประเภทแมกนีเซียมที่สะสมอยูในกลวย จะชวยบรรเทาและระงับอาการ
ปวดหัวลงได นอกจากนี้ ถาเปนกลวยที่ผานการแปรรูปเปนอาหารบางชนิด เชน
ไอศกรีมกลวยหอม กลวยตาก ขนมกลวย ก็จะมีสวนชวยลดความเครียด อันเปน
ปจจัยหนึ่งในสาเหตุของ โรคไมเกรนไดอีกดวย ดังนั้นเราควรรับประทานกลวย
อยางนอยวันละ ๑ - ๒ ลูก หรือรับประทานควบคูกับอาหารชนิดอื่น ๆ ก็ได
ตอบคําถามและเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่อง
๑. บทความนี้กลาวถึงสรรพคุณของกลวยอยางไร
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๔๓
ชื่อ.............................................นามสกุล.........................................ชั้น...........เลขที่.........
๔๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ชื่อเรื่อง..................................................................................
การสรุปเรื่อง
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
ขอคิดที่ไดจากเรื่อง การนําขอคิดไปปรับใชในชีวิตจริง
............................................................ ............................................................
............................................................ ............................................................
............................................................ ............................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล.........................................ชั้น...........เลขที่.........
๔๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การระบุความรูและขอคิดจากเรื่องที่อาน
คื อ การหาข อ คิ ดหรื อ คติ ส อนใจจากเรื่ อ งที่ อ านว าเรื่ อ งนั้ น ๆ ให ข อ คิ ดที่ เ ปน
ประโยชนอะไรบางแกผูอานแลวจึงนําขอคิดนั้นมาประยุกต ใชในชีวิตประจําวัน เชน
นิทาน โดยอานจนจบเรื่องแลวจับใจความสําคัญหรือประเด็นสําคัญที่ผูเขียนตองการให
ขอคิดกับผูอาน
วิธีการอานสรุปความรู
๑. อานรอบแรกดูชื่อเรื่องกอน แลวอานโดยมีคําถามในใจวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน
เมื่อไร อยางไร ผลเปนอยางไร ขอความใดสําคัญใหขีดเสนใตไว
๒. อานอีกครั้งดูรายละเอียดของเนื้อหา
๓. สามารถอานเพิ่มไดจนกวาจะเขาใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น
๔. ใหสรุปใจความสําคัญเพียงใจความเดียวของแตละยอหนาไว
๔. นํ า ใจความสํ า คั ญ ที่ ร วบรวมไว ม าเขี ย นเรี ย บเรี ย งใหม อ ย า งละเอี ย ดและ
สละสลวยโดยใชสํานวนของตนเอง
๕. ทบทวนการสรุปความอีกครั้งเพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไขหรือตองการ
เพิ่มเติม
หลักการสรุปความรูจากเรื่องที่อาน
๑. อ านเนื้ อ เรื่ อ งที่ จะสรุ ปความโดยให ค วามสํ าคั ญกั บชื่ อ เรื่ อ ง ควรใช เ ทคนิค
การตั้งคําถาม เชน ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร อยางไร ผลเปนอยางไร หลังจากที่อาน
จบแลว
๒. หาใจความสําคัญของแตละยอหนา
๓. นําใจความสําคัญที่ไดมาเรียบเรียงใหตอเนื่องกัน โดยควรรักษาเนื้อความเดิม
ของแตละยอหนาไว แตใชคําเชื่อมเพื่อความสละสลวย และตอเนื่องสัมพันธกัน
๔. อานทบทวนและแกไขหากพบวาเนื้อความยังไมมีความตอเนื่องสัมพันธกัน
หากพบใจความซ้ําซอนควรตัดออก
๕. การสรุปความสามารถนําเสนอไดทั้งในรูปแบบของการเขียนและการพูด
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา ๔๗
คําชี้แจง ให นั ก เรี ย นอ านนิ ทานคติ ธ รรมที่ กํ าหนดให จากนั้ น เขี ย นระบุ ค วามรู แ ละ
ขอคิดที่ไดจากนิทานที่อาน
สรุปความรูจากเรื่องไดวา
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
สรุปขอคิดจากเรื่องไดวา
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล.........................................ชั้น...........เลขที่.........
๔๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๘ เรื่อง เรียงรอยความคิดพินิจภาษา
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดี ดี คอน พอ ปรับ
มาก ขางดี ใช ปรุง
๑ อานจับใจความและแสดงความคิดเห็น
๒ เขียนแผนภาพความคิด
๓ จับประเด็นสําคัญจากเรื่องทีฟ่ งและดู
๔ บอกชนิดของคํา
๕ สรุปความรูและขอคิดจากนิทานคติธรรมคําสอน
…………………………………………................................................................................................................
................................................................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
................................................................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๔๙
หนวยการเรียนรูที่ ๙
ตนเปนที่พึ่งแหงตน
๕๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ประโยค
ประโยคสวนประกอบ จงรอบคอบและจดจํา
ประธานกริยากรรม บทขยายไดใจความ
๑. สวนประกอบของประโยค
ประโยค คื อ คํ า หรื อ กลุ ม คํ า ที่ มี ค วามเกี่ ย วข อ งกั น อย า งเป น ระเบี ย บ และมี
เนื้อความครบบริบูรณวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน อยางไร
สวนประกอบของประโยค มีดังนี้
สวนประกอบของประโยค
ภาคประธาน ภาคแสดง
ประธาน บทขยาย กริยา บทขยาย กรรม บทขยาย
๒. ชนิดของประโยค
ประโยคแบงได ๒ ชนิด ตามสวนประกอบของประโยคไดแก
๒.๑ ประโยค ๒ สวน คือ ประโยคที่ประกอบดวย บทประธาน และ บทกริยา
๒.๒ ประโยค ๓ สวน ประโยคที่ประกอบดวย บทประธาน บทกริยา และบทกรรม
ตัวอยางการวิเคราะหสวนประกอบของประโยค
ภาคประธาน ภาคแสดง
ประโยค ชนิดของ
ประธาน ขยาย กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยา ประโยค
ประธาน
๑. นกบิน นก - บิน - - - ๒ สวน
๒. วัวกินหญา วัว - กิน หญา - - ๓ สวน
๓. ปลาวายน้ําในคลอง ปลา - วาย น้ํา ในคลอง - ๓ สวน
๔. มดตัวนอยกินน้ําหวาน มด ตัวนอย กิน น้ําหวาน - - ๓ สวน
๕. ตํารวจสืบคนขอมูล ตํารวจ - สืบคน ขอมูล - - ๓ สวน
๖. กอยอานหนังสือเกง กอย - อาน หนังสือ - เกง ๓ สวน
๗. นิดกินขนมทองหยอด นิด - กิน ขนม ทองหยอด - ๓ สวน
รสหวาน ๒ สวน
๘. ชมพูสวนนี้มีรสหวานมาก ชมพู สวนนี้ มี - -
มาก
๙. พอลางรถยนตจนสะอาด พอ - ลาง รถยนต - จนสะอาด ๓ สวน
๑๐. พอของฉันวิ่งในตอนเชา พอ ของฉัน วิ่ง - - ในตอนเชา ๒ สวน
๑๑. นักดนตรีเลนดนตรีไดไพเราะ นักดนตรี - เลน ดนตรี - ไดไพเราะ ๓ สวน
๑๒. คุณตาของผมนิยมรถเกา ๆ คุณตา ของผม นิยม รถ เกา ๆ - ๓ สวน
๑๓. สุนัขใหญกัดแมวตัวนั้นจนตาย สุนัข ใหญ กัด แมว ตัวนั้น จนตาย ๓ สวน
๑๔. สุนัขตัวนัน้ ไลกัดแมวจนตาย สุนัข ตัวนั้น ไล แมว - กัดจนตาย ๓ สวน
๑๕. แมคาตลาดนัดรีบขายผลไม ๓ สวน
แมคา ตลาดนัด รีบขาย ผลไม - ใหหมด
ใหหมด
๑๖. ปลาใหญกินปลาเล็กอยาง อยาง ๓ สวน
ปลา ใหญ กิน ปลา เล็ก
ดุเดือด ดุเดือด
๑๗. ตํารวจคนนั้นจับผูรายได ๓ สวน
ตํารวจ คนนั้น จับ ผูราย - ไดยากมาก
ยากมาก
๑๘. นักเรียนในหองนี้รับประทาน ๓ สวน
นักเรียน ในหองนี้ รับประทาน ขนม - -
ขนม
๑๙. นักเรียน ป.๕ เลนฟุตบอล ๓ สวน
นักเรียน ป.๕ เลน ฟุตบอล ในสนาม -
ในสนาม
๒๐. นักเรียนทุกคนทําการบาน ๓ สวน
นักเรียน ทุกคน ทํา การบาน ภาษาไทย อยางตั้งใจ
ภาษาไทยอยางตั้งใจ
๕๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนสวนประกอบของประโยคในชองภาคประธานและภาคแสดง
ใหถูกตอง
ภาคประธาน ภาคแสดง
ชนิดของ
ประโยค ประธาน ขยาย กริยา กรรม ขยาย ขยาย
ประโยค
ประธาน กรรม กริยา
ตัวอยาง
ยาย ของแกว รอย พวงมาลัย - - ๓ สวน
ยายของแกวรอยพวงมาลัย
๑. แพรกินโรตีสายไหม
๒. ใบไผนอนหลับ
๓. ฝนตกหนักมาก
๔. แมวตัวอวนกินปลา
๕. เท็นออกกําลังกาย
๖. ปนปนวิ่งอยางรวดเร็ว
๗. คุณแมปกดอกกุหลาบสีแดง
ในแจกัน
๘. คุณพอของฉันดื่มกาแฟรอนทุกเชา
๙. น้ําฝนรับประทานอาหารอยาง
เอร็ดอรอย
๑๐. คนไทยในสมัยโบราณกินขาว
ดวยมือ
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๕๓
การอานจับใจความ
การอานจับใจความ เปนการอานเพื่อหาสวนสําคัญของเรื่อง ซึ่งเรียกวา ใจความ
ตรงกันขามกับ พลความ (อานวา พน-ละ-ความ) ซึ่งหมายถึง สวนที่ไมสําคัญ ใจความ
สําคัญจะปรากฏอยูตามหนา ตาง ๆ ของเรื่องที่อาน อาจอยูสวนตน สวนกลาง หรือ
สวนทายของยอหนาก็ได
การอานจับใจความสําคัญ ควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานในใจทุกยอหนาอยางละเอียด
๒. ศึกษาความหมายของคํา กลุมคํา สํานวนที่ไมเขาใจ
๓. ตั้งคําถามวาใคร ทําอะไร ที่ไหน อยางไร ทําไม ฯลฯ
๔. สั ง เกตประโยคที่ แ สดงให เ ห็ น ว าเป น ใจความสํ า คั ญ ซึ่ ง มั ก มี ป ระโยคอื่ น ๆ
อธิบายขยายความหรือใหรายละเอียด
๕. จัดทําแผนภาพความคิดของเรื่องที่อาน
ตําแหนงของใจความสําคัญ
๑. ใจความสําคัญอยูตนยอหนา
ตัวอยาง ขอความที่มีใจความสําคัญอยูตนยอหนา
น้ํามีประโยชนตอชีวิตมนุษย มนุษยใชน้ําในการอุปโภค บริโภค ใชใน
การเกษตร เป น แหล ง อาหารของสั ต ว น้ํ า และพื ช น้ํ า ใช เ พาะเลี้ ย งปลา ปู กุ ง หอย
การอุตสาหกรรม การคมนาคมขนสง การผลิตกระแสไฟฟา ฯลฯ
๕๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๒. ใจความสําคัญอยูกลางยอหนา
ตัวอยาง ขอความที่มีใจความสําคัญอยูกลางยอหนา
การใช นํ้ า แล ว ระบายน้ํ า ทิ้ ง จากชุ ม ชน จากโรงงานอุ ต สาหกรรม
หรือจากการเกษตรซึ่งมีปุยและยาฆาแมลง โดยปราศจากการขจัดสารพิษ ออกก อ น
การระบายน้ําทิ้งเหลานี้ใหไหลลงสูแหลงน้ําเปนสาเหตุที่ทําใหน้ําเนาเสีย เกิดจากสูญเสีย
ทางเศรษฐกิจ อันตรายตอสุขภาพ อนามัย ทั้งตอชีวิตคน สัตว และพืช
๓. ใจความสําคัญอยูทายยอหนา
ตัวอยาง ขอความที่มีใจความสําคัญอยูทายยอหนา
น้ําที่มีกลิ่นและสีเปลี่ยนไปเปนบอเกิดของเชื้อโรค ถาไหลแพรกระจาย
ลงสูแมน้ํา จะทําใหปริมาณของออกซิเจนในน้ําลดลง มีผลตอพืชและสัตวน้ําเพราะไมมี
ออกซิเจนในการหายใจพืชและสัตวน้ําก็จะตายเปนการทําลายความสวยงามของแหลงน้ํา
นั่นคือ เกิดมลภาวะเปนพิษหรือมลพิษของน้ําที่มีตอสิ่งแวดลอม
เรียบเรียงเปนใจความสําคัญไดวา
น้ํามีประโยชนตอมนุษย การระบายน้ําทิ้งโดยไมขจัดสารพิษ จะทําใหน้ําเนาเสีย
เกิดมลพิษ อันจะมีผลกระทบตอสิ่งแวดลอม
ตนเปนทีพ่ ึ่งแหงตน
เราเกิดมาทั้งทีชีวิตหนึ่ง อยาหมายพึ่งผูใดใหเขาหยัน
ควรคะนึงพึ่งตนทนกัดฟน คิดบากบั่นตั้งหนามานะนํา
กสิกจิ พณิชยการงานมีเกียรติ อยาหยามเหยียดพาลหาวางานต่ํา
หรือจะชอบวิชาอุตสาหกรรม เชิญเลือกทําตามถนัดอยาผัดวัน
เอาดวงใจเปนทุนหนุนนําหนา เอาปญญาเปนแรงมุงแขงขัน
เอาความเพียรเปนยานประสานกัน ผลจะบรรลุสูประตูชัย
เงินและทองกองอยูป ระตูหนา คอยเปดอายิ้มรับไมขับไส
ทรัพยในดินสินในน้ําออกคล่ําไป แหลมทองไทยพรอมจะชวยอํานวยเอย
เพิ่ม สวัสดิ์วรรณกิจ
๑. ผูแตงบทประพันธตนเปนที่พึ่งแหงตน คือใคร..................................................
๒. อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ แปลเปนภาษาไทยวาอยางไร........................................
..............................................................................................................................
๓. คําวา “สุภาษิต” มีความหมายวาอยางไร.........................................................
๕๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๘. “เงินและทองกองอยูประตูหนา คอยเปดอายิ้มรับไมขับไส
ทรัพยในดินสินในน้ําออกคล่าํ ไป แหลมทองไทยพรอมจะชวยอํานวยเอย”
บทรอยกรองนี้มีความหมายวาอยางไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๙. จากบทประพันธ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ผูแตงบอกใหเอาอะไรมาเปนแรง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๑๐. ใจความสําคัญของบทประพัน เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน คืออะไร และนักเรียน
จะนําขอคิดที่ไดไปใชอยางไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๕๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ใบความรูที่ ๓
เรื่อง การอานออกเสียงบทรอยกรองและการอธิบายความหมายของคําศัพทในบทเรียน
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรือ่ ง ตนเปนที่พึ่งแหงตน
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑ เรื่อง วิเคราะหคิดพินจิ ประโยค
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นประถมศึกษาปที่ ๕
การอธิบายความหมายของคําศัพทในบทเรียน
ความหมายของคํา
เสียงที่เปลงออกมาครั้งหนึ่ง ๆ เสียงพูด หรือตัวหนังสือที่เขียนขึ้น มีความหมายในตัว
ไมวาจะมีกี่พยางคก็ตาม เชน มะละกอ ทะเล กบ ใชประกอบหนาคําอื่นเพื่อระบุประเภท
หรือชนิดของคํา
คําศัพทที่ปรากฏในบทรอยกรอง เรื่อง ตนเปนที่พงึ่ แหงตน
คําศัพท ความหมาย
๑. หยัน เยาะเยย
๒. บากบั่น ตั้งหนาฝาความยากลําบาก
๓. มานะ ความตั้งจริง
๔. กสิกิจ (กะ-สิ-กิด) งานดานการเพาะปลูก
๕. พณิชยการ (พา-นิด-ชะ-ยะ-กาน) งานดานการเพาะปลูก
๖. อุตสาหกรรม กิจการที่ใชทุนและแรงงานเพื่อผลิตสิ่งของ
หรือจัดใหมีบริการ
การอานออกเสียงบทรอยกรอง
บทร อยกรอง คื อ ถ อยคํ าที่ เรี ยบเรี ยงให เปนระเบี ยบถู กต องตามข อกํ าหนดฉันท
ลักษณ
กลอนสุภาพ คือ กลอนที่วรรคหนึ่งมีจํานวนคําระหวาง ๗ - ๙ คํา
หลักสําคัญในการอานออกเสียงบทรอยกรอง
๑. อานออกเสียงใหชัดเจนและถูกตองตามอักขรวิธี
๒. อ า นเว น จั ง หวะวรรคตอนให ถู ก ต อ งตามลั ก ษณะของบทร อ ยกรองแต ล ะ
ประเภท รูจักทอดจังหวะ เอื้อนเสียง หรือหลบเสียง
๓. น้ําเสียงไพเราะชัดเจน นุมนวลนาฟง เสียงไมเบาหรือดังมากจนเกินไป
๔. เนนเสียงแสดงอารมณใหเปนไปตามเนื้อเรื่อง เชน รัก ราเริง โกรธ เศรา
โดยใชน้ําเสียงใหเขากับสถานการณนั้น ๆ
มารยาทในการอาน
๑. อานดวยน้ําเสียงสุภาพ เสียงดังพอประมาณ ไมตะโกนเสียงดัง
๒. มีทาทางที่สุภาพในการอาน บุคลิกภาพเรียบรอย สงางาม
๓. ถาเปนการนั่งอาน ควรนั่งหลังตรง ถาเปนการยืน ควรยืนตรงดวยทาทางที่
สุภาพ
๔. ถาเปนการอานบทรอยกรอง ควรอานใหถูกตองตามฉันทลักษณ
๖๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การสรุปความรู
การสรุ ป ความรู เป น การสรุ ป ความรู ห รื อ ทฤษฎี ที่ ป รากฏอยู ใ นเรื่ อ งที่ อ า น
โดยเขียนสรุปเปนประโยคสั้น ๆ หรือขอความสั้น ๆ เพื่อขยายความเขาใจใหชัดเจน
มากขึ้น
การสรุปขอคิด
การสรุ ป ข อ คิ ด เป น การค น หาข อ คิ ด จากเรื่ อ งที่ อ า น ซึ่ ง ข อ คิ ด อาจแฝงอยู ใ น
เนื้อเรื่อง หรืออยูสวนทายของเรื่องที่อาน โดยผูอานอาจเขียนสรุปขอคิดเปนประโยค
หรือขอความสั้น ๆ ได หรือเปนคําคมก็ได
การสรุปความรูและขอคิด
จากเรื่องที่อาน คือ การคนหา เมื่อสรุปความรูและขอคิด
ขอคิดหรือคติสอนใจจากเรื่อง ได แ ล ว จึ ง นํ า ข อ คิ ด นั้ น มา
ที่อานวา เรื่องนั้น ๆ ใหขอคิด ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
ที่เปนประโยชนอะไรแกผูอาน
การบอกคุ ณ ค า ของเรื่ องที่ อา น เปนการอธิบายประโยชน หรือ สิ่ง ที่เ รีย กวา “ขอ ดี ”
โดยเขียนสรุปเปนประโยคหรือขอความสั้น ๆ เพื่อบอกใหรูวาเรื่องนั้นมีคุณคาแกผูอาน
อย า งไร เช น คุ ณ ค า ด า นเนื้ อ หา คุ ณ ค า ด า นวรรณศิ ล ป คุ ณ ค า สั ง คมและวั ฒ นธรรม
เปนตน
๖๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การสรุปความรูและขอคิดมีหลักพื้นฐานการปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานรอบแรกเพื่อดูชื่อเรื่องกอน แลวอานโดยมีคําถามในใจวา ใคร ทําอะไร
ที่ไหน เมื่อไร อยางไร ผลเปนอยางไร ขอความใดสําคัญใหขีดเสนใตไว
๒. อานอีกครั้ง โดยดูรายละเอียดของเนื้อหา เพื่อคนหาความรูสําคัญและขอคิด
๓. สามารถอานเพิ่มไดจนกวาจะเขาใจเนื้อหา
๔. ใหสรุปใจความสําคัญของแตละยอหนาไว
๕. นํ า ใจความสํ า คั ญ ที่ ร วบรวมไว ม าเขี ย นเรี ย บเรี ย งใหม อ ย า งละเอี ย ดและ
สละสลวย โดยใชสํานวนภาษาของตนเอง
๖. ทบทวนการสรุปความรูอีกครั้ง เพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไขหรือตองการ
เพิ่มเติม หลักการสรุปความจากเรื่องที่อาน
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๖๓
สรุปความรูไดวา
สรุปขอคิดไดวา
สรุปคุณคาไดวา
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๖๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การวิเคราะหและเขียนอธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน
การวิเคราะห หมายถึง การพิจารณา และประเมินคา เปนการแสดงความคิดเห็น
อภิปรายขอเท็จจริงใหผูอื่นทราบวา ใครเปนผูแตง เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีประโยชน
อย า งไร ต อ ใครบ า ง ผู วิ เ คราะห มี ค วามเห็ น อย า งไร เรื่ อ งที่ อ า นมี คุ ณ ค า ด า นใดบ า ง
แตละดานสามารถนําไปประยุกตใหเกิดประโยชนตอชีวิตประจําวันอยางไรบาง
แนวทางในการวิเคราะหวรรณกรรม มีดังนี้
๑. ความเปนมาหรือประวัติของหนังสือและผูแตง เพื่อชวยใหวิเคราะหในสวน
อื่น ๆ
๒. พิจารณาลักษณะคําประพันธ
๓. อานและสรุปเรื่องยอ
๔. ใหวิเคราะหเรื่องในหัวขอตอไปนี้ตามลําดับ ซึ่งบางหัวขออาจจะมี หรือไมมีก็ได
ตามความจํ าเป น ได แ ก โครงเรื่ อ ง ตั ว ละคร ฉาก วิ ธี ก ารแต ง ลั ก ษณะการเดิ นเรื่อง
การใชถอยคํา สํานวนในเรื่องทวงทํานองการแตง วิธีคิดสรางสรรค ทัศนะหรือมุมมอง
ของผูเขียน
๕. วิเคราะหแนวคิด จุดมุงหมาย เจตนาของผูเขียนที่เขียนไวในเรื่อง
คุณคาของวรรณกรรม โดยปกติจะวิเคราะหตามหัวขอตอไปนี้
๑) คุ ณ ค าด านวรรณศิ ล ป คื อ ความไพเราะของบทประพั น ธ ทํ าให ผู อ านเกิด
ความรูสึก ความคิดและจินตนาการตามคําประพันธ ความหมายของถอยคําและภาษา
ที่ผูแตงเลือกใชเพื่อใหมีความหมายกระทบใจผูอาน
๒) คุณคาดานเนื้อหาสาระ แนวความคิดและกลวิธีนําเสนอ
๓) คุณคาดานสังคม วรรณคดีและวรรณกรรม ที่สะทอนใหเห็นสภาพของสังคม
และวรรณคดีที่จรรโลงสังคมไดมีอะไรบาง
๔) การนํ า แนวคิ ด /ความรู / และประสบการณ จ ากเรื่ อ งไปประยุ ก ต ใ ช ใ น
ชีวิตประจําวัน
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๖๕
๒. คุณคาดานเนื้อหาสาระ
...........................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
๓. คุณคาดานสังคม
...........................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
๔. การนําไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน
...........................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๖๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การทองบทอาขยาน
การทองจําหรือทองบทอาขยาน เปนการอานออกเสียงที่อาศัยความจําโดยไมดู
บทอานตองใชความสามารถในการจําบททองจํา อานใหถูกตองตามฉันทลักษณและ
ทํานองเสนาะของบทรอยกรองนั้น ๆ สอดคลองกับอารมณในบทอาน โดยอานใหไพเราะ
ถูกตองคลองแคลวเกิดภาพพจนไดรสไดอารมณ
๑. ความหมาย
บทอาขยานคือ บททองจํา การเลา การสวด เรื่อง นิทาน ซึ่งเปนการทองจํา
ขอความ หรือคําประพันธท่ีชอบ บทรองกรองที่ไพเราะ โดยอาจตัดตอนมาจากหนังสือ
วรรณคดีเพื่อใหผูทองจําได เห็นความงามของบทรอยกรองทั้งในดานวรรณศิลป การใช
ภาษา เนื้อหา และวิธีการประพันธ สามารถนําไปใชเปนแบบอยางในการแตงบทรอยกรอง
หรือนําไปใชเปนขอมูล ในการอางอิงในการพูดและการเขียนได เปนอยางดี
๒. หลักการทองบทอาขยาน
การท อ งบทอาขยานส ว นใหญ เ ปน การท อ งออกเสี ย ง คื อ ผู ทอ งเปล ง เสียง
ออกมาดัง ๆ ในขณะที่ใชสายตากวาดไปตามตัวอักษร ยึดหลักการออกเสียงเหมือน
หลักการอานทั่วไป เพื่อใหการออกเสียงมีประสิทธิภาพควรฝกฝน ดังนี้
๑. ฝ ก เปล ง เสี ย งให ดั ง พอประมาณ ไม ต ะโกน ควรบั ง คั บ เสี ย ง เน น เสี ย ง
ปรับระดับเสียงสูง - ต่ํา ใหสอดคลองกับจังหวะลีลา ทวงทํานอง และความหมายของ
เนื้อหาที่อาน
๒. ทอง ดวยเสียงที่ชัดเจน แจมใส ไพเราะ มีกระแสเสียงเดียว ไมแตกพรา
เปลงเสียงจากลําคอโดยตรงดวยความมั่นใจ
๓. ทอง ออกเสียงใหถูกอักขรวิธีหรือความนิยม และตองเขาใจเนื้อหาของ
บทอาขยานนี้กอน
๔. ออกเสียง ร ล คําควบกล้ํา ใหถูกตองชัดเจน
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๖๗
คําชี้แจง ให ท อ งจํ า บทอาขยานเรื่ อ ง ตนเป น ที่ พึ่ ง แห ง ตน พร อ มทั้ ง แบ ง วรรคตอน
ใหถูกตอง
ตนเปนที่พึ่งแหงตน
เราเกิดมาทั้งทีชีวิตหนึ่ง อยาหมายพึ่งผูใดใหเขาหยัน
ควรคะนึงพึ่งตนทนกัดฟน คิดบากบั่นตั้งหนามานะนํา
กสิกิจพณิชยการงานมีเกียรติ อยาหยามเหยียดพาลหาวางานต่ํา
หรือจะชอบวิชาอุตสาหกรรม เชิญเลือกทําตามถนัดอยาผัดวัน
เอาดวงใจเปนทุนหนุนนําหนา เอาปญญาเปนแรงมุงแขงขัน
เอาความเพียรเปนยานประสานกัน ผลจะบรรลุสูประตูชัย
เงินและทองกองอยูประตูหนา คอยเปดอายิ้มรับไมขับไส
ทรัพยในดินสินในน้ําออกคล่ําไป แหลมทองไทยพรอมจะชวยอํานวยเอย
(เพิ่ม สวัสดิ์วรรณกิจ)
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๖๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของการอานจับใจความสําคัญ
การอานจับใจความสําคัญ คือ การอานเพื่อจับใจความหรือขอคิด ความคิด
สําคัญหลักของขอความหรือเรื่องที่อานเปนขอความที่คลุมขอความ ในยอหนาหนึ่ง ๆ ไว
ทั้งหมด
หลักพื้นฐานการจับใจความสําคัญ
๑. ตั้งจุดมุงหมายในการอานใหชัดเจน
๒. อานเรื่องราวอยางคราว ๆ พอเขาใจ และเก็บใจความสําคัญของแตละยอหนา
๓. เมื่ออานจบใหตั้งคําถามตนเองวา เรื่องที่อาน มีใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร
อยางไร
๔. นําสิ่งที่สรุปไดมาเรียบเรียงใจความสําคัญใหมดวยสํานวนของตนเองเพื่อให
เกิดความสละสลวย
วิธีจับใจความสําคัญ
วิ ธี ก ารจั บ ใจความสํ าคัญ มี หลายอย าง เช น การขี ดเส น ใต การใช สี ตาง ๆ กั น
แสดงความสํ า คั ญ มากน อ ยของข อ ความ การบั น ทึ ก ย อ เป น ส ว นหนึ่ ง ของการอ า น
จับใจความสําคัญที่ดี มีหลักจับใจความสําคัญดังนี้
๑. พิจารณาทีละยอหนา หาประโยคใจความสําคัญของแตละยอหนา
๒. ตัดสวนที่เปนรายละเอียดออกได เชน ตัวอยาง สํานวนโวหาร อุปมาอุปไมย
(การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคําถามหรือคําพูดของผูเขียนซึ่งเปนสวนขยาย
ใจความสําคัญ
๓. สรุปใจความสําคัญดวยสํานวนภาษาของตนเอง
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๖๙
๑. บานปานิดกับลุงวินตั้งอยูที่ไหน........................................................................
๒. ลุงวินทําน้ําหมักชีวภาพอยางไร........................................................................
.........................................................................................................................
๗๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๓. น้ําหมักชีวภาพมีประโยชนอยางไร....................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
๔. ลุงวินและปานิดยึดแนวทางอะไร และเปนแนวทางของใคร..............................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๗๑
หลักการคัดลายมือ
การคัดลายมือ เปนการฝกเขียนตัวอักษรไทยใหถูกตองตามหลักการเขียนคําไทย
ซึ่ ง ต อ งคํ า นึ ง ถึ ง ความถู ก ต อ งของอั ก ษรไทย เขี ย นให อ า นง า ย มี ช อ งไฟ มี ว รรคตอน
ตัวอักษรเสมอกัน วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกตใหถูกที่ ตัวสะกดการันตถูกตอง
และลายมือสวยงาม การคัดลายมือแบงได ๒ ประเภท คือ ตัวเหลี่ยมหรือตัวกลมหัวมน
จุดประสงคของการคัดลายมือ
การคั ด ลายมื อ มี ค วามสํ า คั ญ มากต อ การพั ฒ นาไปสู ทั ก ษะการเขี ย น การฝ ก
คัดลายมือจึงมีจุดประสงคสําคัญ ดังนี้
๑. เพื่อฝกการเปนผูมีสมาธิในการเขียนตัวอักษรไทย
๒. เพื่อใหเขียนตัวอักษรไทยไดถูกตองตามหลักวิธีการตาง ๆ
๓. เพื่อใหรูจักการจัดระเบียบ การเวนวรรคและเวนชองไฟไดประณีตและมีความ
สม่ําเสมอ ทําใหอานงาย ดูสบายตา
๔. เพื่อใหรูจักสังเกตแบบอยางตัวอักษรที่ถูกตองสวยงามและนําไปเปนตัวอยาง
ในการเขียนไดตอไป
๕. เพื่อใหมีความภาคภูมิใจ ศรัทธาและรักการเขียนภาษาไทยอันเปนมรดกและ
ภาษาประจําชาติไทย
หลักการคัดลายมือ
เขียนลายมือมีหลักรูจักนั่ง ตัวตองตั้งตรงแนบถูกแบบอยาง
จับดินสอปากกาถูกทาทาง สมุดวางพลางเพงแลวเล็งแล
คอยเขียนไปใหงามตามสวนสัด ชองไฟจัดวัดกะระยะแน
สระหรือเครื่องหมายอยายายแปร ตั้งใจแนมีระเบียบเรียบรอยเอย
(กระทรวงศึกษาธิการ)
๗๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
วิธีการคัดลายมือ
๑. อานขอความที่จะคัดใหจบกอนคัด เพื่อทําความเขาใจขอความ
๒. เริ่มคัดตัวอักษรจากหัวไปหางเสมอโดยไมยกดินสอหรือปากกา
๓. ไมเขียนตัวอักษรแบบนั่งเสน หมายถึง สวนลางของตัวอักษรทับเสนบรรทัด
โดยตลอด เชน ตัว ข ฐานลางของเสนจะไมลากตรงทีเดียว จะมีรอยหยักตรงมุมซาย
เล็กนอย
๔. ถาคัดลายมือครึ่งบรรทัด ขนาดความสูงของตัวอักษรดานบนตองสูงเทากัน
โดยตลอด
๕. คัดตัวอักษรและขอความดวยตัวตรงเสมอแนวเดียวกัน ตัวอักษรไมเอนเอียง
โยไปขางหนาหรือหลัง
๖. เวนระยะชองไฟระหวางตัวอักษรใหหางเสมอกัน
๗. ถาเขียนผิดหรือจําเปนตองลบ ตองระมัดระวังเรื่องความสะอาด กอนเขียนใหม
ตองลบรอยเกาใหสะอาดเรียบรอยเสียกอน
๘. สระและวรรณยุกตตองวางใหถูกที่
๙. ขนาดความกวางความสูงของตัวอักษรและสระตองตรงตามแบบ
๑๐. ควรควบคุมอัตราความเร็วในการเขียน อยาเขียนเร็วเกินไป
๑๑. ตองระมัดระวังอยาคัดใหตกหลน การเวนวรรคตอนตองถูกตอง
๑๒. เมื่อคัดจบตองอานทบทวนและตรวจสอบอีกครั้ง
๑๓. หมั่นฝกฝนคัดลายมือสม่ําเสมอ อยางนอยเดือนละหนึ่งครั้ง
มารยาทในการเขียนควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. ควรเขียนดวยลายมือตัวบรรจง เพื่อใหอานเขาใจงาย
๒. ควรเขียนโดยใชภาษาที่สุภาพถูกตองตามหลักภาษาไทย
๓. ไมควรเขียนวารายผูอื่นใหไดรับความเสียหาย
๔. เมื่อเขียนผิดควรใชยางลบ หรือน้ํายาลบคําผิด ลบใหสะอาด
๕. ไมควรขีดเขียนโตะ เกาอี้ หรือในที่ที่หามเขียน
๖. ควรเขียนในกระดาษที่มีสีขาว สะอาด ไมยับ หรือฉีกขาด
๗. ใชหมึกปากกาสีดํา หรือสีน้ําเงิน ไมควรใชหมึกปากกาสีฉูดฉาดในงานนําเสนอ
๘. หากนํางานเขียนของผูอื่นมาใช ควรเขียนอางอิงแหลงที่มาใหชัดเจน
๙. มีความรับผิดชอบในงานเขียนของตนเอง
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๗๓
๗๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๗๕
มารยาทในการพูด
๑. พูดจาไพเราะ
๒. ไมแยงกันพูด
๓. พูดดวยคําสุภาพไมหยาบคาย
๔. พูดดวยน้ําเสียงที่ไพเราะนุมนวล
๕. ไมพูดแทรกจังหวะผูอื่น
๖. พูดดวยหนาตายิ้มแยมแจมใส
๗. ใชความดังของเสียงใหพอเหมาะ ไมเสียงเบาหรือดังเกินไป
๘. ไมพูดนินทาวารายผูอื่น
ขอควรคํานึงในการพูด
การพูดแสดงความรูและความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟงและดู เราควรพิจารณาให
รอบคอบกอนพูด เพื่อไมใหเกิดความขัดแยงกับผูอื่น เพราะในเรื่องเดียวกัน แตละคน
อาจมีมุมมองและความคิดเห็นที่แตกตางกันได
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๗๗
แบบรางการพูดแสดงความรูสกึ จากเรื่องที่ฟงและดู
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๗๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนแสดงความรูสึก
เปนการถายทอดความรูสึกนึกคิดที่มีอยูใหผูอื่นไดรับรูโดย การเขียน ซึ่งสะทอน
จากความรูสึกที่ไดพบเห็นภาพ เหตุการณ สถานที่ หรือสิ่งของตาง ๆ แทน การพูดให
ผูอื่นฟง
การเขียนแสดงความคิดเห็น
เปนการเขียนขยายความจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยอธิบายหรือแสดงความคิดเห็น
ประกอบเรื่องนั้นอยางมีเหตุผล
หลักการเขียนแสดงความรูสึกและความคิดเห็น
๑. ศึกษาเรื่องที่สนใจจะเขียนใหเขาใจ ชัดเจน แจมแจง
๒. กลาวถึงขอมูลหรือขอเท็จจริงกอน แลวจึงกลาวความรูสึกหรือความคิดเห็น
โดยใชเหตุผลหรือหลักฐานประกอบ
๓. ควรเขียนในเชิงสรางสรรค และมีขอเสนอแนะ
๔. มีมารยาทในการเขียน เขียนดวยภาษาที่สุภาพ ไมใชถอยคํารุนแรง
๕. ควรเขียนแบบรางกอน ตรวจสอบปรับปรุงสํานวนภาษา รวมทั้งเขียนสะกดคํา
ใหถูกตอง
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน ๗๙
ตัวอยางการเขียนแสดงความคิดเห็น
๑. ตัวละครสําคัญมีใครบาง...................................................................................
.........................................................................................................................
๒. เหตุการณสําคัญในเรื่อง คือ..............................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
๓. เขียนแสดงความรูสึกและความคิดเห็นจากเรื่อง...............................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๘๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๙ เรื่อง ตนเปนที่พึ่งแหงตน
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ เขียนสรุปความรูขอคิดและคุณคาจากเรื่องที่อาน
๒ เขียนแสดงความรูสึกและความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
๓ พูดแสดงความความรูสึกจากเรื่องที่ฟงและดู
๔ จําแนกสวนประกอบของประโยค
๕ อธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน
…………………………………………….............................................................................................................
................................................................................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
๓. สิ่งที่ฉนั ตั้งใจจะทําใหดีขนึ้ ในการเรียนหนวยตอไป (สามารถเขียนไดมากกวา ๑ อยาง)
…………………………………………….............................................................................................................
................................................................................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๘๓
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐
โคลงโลกนิติขอคิดสอนใจ
๘๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของโคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่ สุ ภ าพ เป น โคลงชนิ ด หนึ่ ง ที่ ก วี ห รื อ คนส ว นใหญ นิ ย มแต ง มากที่ สุ ด
ด ว ยลั ก ษณะและเสน หข องการบั ง คั บ ตามฉั น ทลั ก ษณ ที่ มีว รรณยุ ก ต เ อก โท ที่ ล งตั ว
ไพเราะสวยงาม ซึ่งคําวา “สุภาพ” นี้หมายถึง คําที่ไมมีไดรูปวรรณยุกต
คําในภาษาไทยหลายคํา ไมมีรูปวรรณยุกต แตมีเสียงวรรณยุกต เชนคําวา “ตก”
ไมมีรูปวรรณยุกตเอก แตเปนเสียงเอก, คําวา “หมอ” ไมมีรูปวรรณยุกตจัตวา แตเปน
เสียงจัตวาและยังมีอีกหลายคําที่ในลักษณะเดียวกันนี้
บางคํา รูปและเสียงวรรณยุกตไมตรงกัน เชนคําวา “ไซร” รูปโท เสียงตรี, คําวา
“มี่” รูปเอก เสียงโท ฯลฯ
ดังนั้น ในการอานโคลงสี่สุภาพ จะพบวามีหลายคําที่รูปและเสียงไมตรงกัน
ฉันทลักษณของโคลงสี่สุภาพ
๑. คณะของโคลงสี่สุภาพ มีดังนี้
- หนึ่งบทมี ๔ บาท
- บาทหนึ่งมี ๒ วรรค
- บาทที่ ๑, ๒ และ ๓ มีจํานวนคําเทากัน วรรคหนามี ๕ คํา วรรคหลังมี
๒ คํา
- บาทที่ ๔ วรรคหนามี ๕ แตวรรคหลังจะมี ๔ คํา
- อาจมีคําสรอย ๒ คํา ในบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓
- โคลงสี่สุภาพ ๑ บท จะมีจํานวนคําทั้งหมด ๓๐ คํา
๒. จํานวน เอก โท ของโคลงสี่สุภาพนั้นมี คือ เอก ๗ โท ๔
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๘๕
แผนผังโคลงสี่สุภาพ
ตัวอยางโคลงสี่สุภาพ
เสียงลือเสียงเลาอาง อันใด พี่เอย
เสียงยอมยอยศใคร ทั่วหลา
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอา อยาไดถามเผือ
(ลิลิตพระลอ : ไมปรากฏนามผูแตง)
จากมามาลิ่วล้ํา ลําบาง
บางยี่เรือราพลาง พี่พรอง
เรือแผงชวยพานาง เมียงมาน มานา
บางบรับคําคลอง คลาวน้ําตาคลอ
(นิราศนรินทร : นรินทรธิเบศร)
๘๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ (อานวา โคลง - โลก - กะ - นิด) คําวา “กะ” ออกเสียงอะกึ่งเสียง
เปนวรรณคดีอีกเรื่องที่คนไทยรูจักกันดี มีที่มาจากสุภาษิตโบราณ ตอมาไดนํามาแตงเปน
บทประพันธ เพื่อใหเปนคติสอนใจแกคนทั่วไป
โคลงโลกนิ ติ เ ปน พระนิพ นธ ใ นสมเด็ จ พระบรมวงศ เ ธอ กรมพระยาเดชาดิ ศ ร
แตงดวยโคลงสี่สุภาพ มีความยาวหลายบท แตที่นํามาใหนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ ๕
ไดอานนั้น ไดคัดเลือกมาเพียงบางบทเทานั้น
โคลงโลกนิติ จัดเปนวรรณคดีคําสอน มุงหมายใหเปนเครื่องเตือนสติแกผูอาน
และเปนแนวทางในการดําเนินชีวิต มีเนื้อหาสาระสําคัญกลาวถึงความเปนจริงที่เกิดขึ้น
ในชีวิตของมนุษย รวมทั้งความเปนไปของโลก ถือเปนเรื่องปกติธรรมดา เชน ธรรมชาติ
ของมนุษย คุณคาของความรู วิธีการแสวงหาความรู แนวทางการดําเนินชีวิตเรื่อง เชน
การเลือกคบคน การวางตัวในสังคม เปนตน
ลักษณะเดนของโคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ แตละบทมักจะมีเนื้อความจบในบท กลาวถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียง
เรื่องเดียวเทานั้น ทําใหจดจําไดงาย ดังตัวอยางนี้
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
ปลาราพันหอดวย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
ใบพอพันหอหุม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศดวย
คือคนเสพเสนหา นักปราชญ
ความสุขซาบฤๅมวย ดุจไมกลิ่นหอม
ยางขาวขนเรียบรอย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝาย
กินสัตวเสพปลามี ชีวิต
เฉกเชนชนชาติราย นอกนั้นนวลงาม
๘๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
รูปแรงดูรางราย รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง ชั่วชา
เสพสัตวทมี่ รณัง นฤโทษ
ดังจิตสาธุชนกลา กลั่นสรางทางผล
เปนคนควรรอบรู สมาคม
สองประการนิยม กลาวไว
หนึ่งพาลหนึ่งอุดม นักปราชญ
สองสิ่งนีจ้ งให เลือกรูส มาคม
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๘๙
จุดประสงคในการแตง
โคลงโลกนิติ เปนโคลงสุภาษิตเกาแกที่มีจุดมุงหมายเพื่อแนะแนวทางการปฏิบัติตน
ในสังคม สอนใหคนในสังคมเปนคนดี มีขอคิดคติเตือนใจในการดําเนินชีวิต
ลักษณะเนื้อหาของโคลงโลกนิติ
เนื้อหาในโคลงโลกนิติมุงแสดงความจริงของโลกและสัจธรรมของชีวิต เพื่อให
ผูอานไดรูเทาทันตอโลกและเขาใจในความเปนไปของชีวิต พรอมเปนแมแบบเพื่อให
ผูอานไดดําเนินชีวิตไปในทางที่ถูกตองดีงามสืบไป โคลงโลกนิติมีความไพเราะเหมาะสม
ทั้งดานรูปแบบและเนื้อหาปรัชญาสาระ และคุณคาทางวรรณคดี
การอธิบายความหมายของคําศัพทในบทเรียน
การอ า นโคลงโลกนิติ จํ า เป น ที่ จ ะต อ งรู จั ก คํ าศั พ ท แ ละทราบความหมายของ
คําศัพท เพื่อใหเขาใจเรื่องที่อาน ซึ่งคําศัพทในบทเรียนั้น มีทั้งคําที่มีความหมายโดยตรง
และโดยนัย ผูอานจะตองใชบริบทในการเขาใจความหมาย จึงจะชวยใหอานเรื่องไดอยาง
ถูกตอง รวดเร็ว ทําใหเขาใจความหมายของบทรอยกรองที่อานได และเกิดความซาบซึ้ง
ประทับใจยิ่งขึ้น
การอธิบายความหมายของคําศัพท สามารถคนหาความหมายของคําไดจาก ดังนี้
๑. เปดพจนานุกรม เพราะในพจนานุกรมจะมีความหมายของคําศัพท
๒. เปดดูอภิธานศัพททายหนังสือเรียน
๓. สังเกตบริบทของคํา ประโยค และขอความจากเรื่องที่อาน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๙๑
ตัวอยาง คําศัพทในโคลงโลกนิติ
เวี่ยไวในกรรณ หมายถึง เปรียบไดกับอาภรณหรือเครื่องประดับหู
กลางสนาม หมายถึง ในที่ชุมชน
ขนนอย หมายถึง หามาแคเล็กนอย
ขร้ํา หมายถึง คือคําวา คร่ํา หมายถึง เกามาก
ครรโลง หมายถึง แผลงมาจากคําวา โคลง
จุ หมายถึง มีขนาด
โฉด หมายถึง โง, เขลา
ชะเล หมายถึง ทะเล
เด็ด หมายถึง ทําใหขาดออก หลุดออก ในที่นี้หมายถึง ตาย
เตา หมายถึง ภาชนะที่ใสปูน เรียกวา เตาปูน
ถายแทนชีวา-วาตม หมายถึง ตายแทนได
ผรอง หมายถึง ลดลง เปนคําโทโทษของคําวา พรอง
พสุธา หมายถึง แผนดิน
พาง หมายถึง เปรียบไดกับ
เพิด หมายถึง ขับไล
เพื่อ หมายถึง เพราะวา
ไพ หมายถึง มาจากคําวา ไยไพ หมายถึง เยาะเยย
มาน หมายถึง มี
มี หมายถึง ร่ํารวย
ยาก หมายถึง ยากจน
เยี่ยง หมายถึง อยาง
รังแตง หมายถึง สรางรัง
เรื้อ หมายถึง ราง
ศศิ หมายถึง ดวงจันทร
ศิขรา หมายถึง ศิขร หมายถึง ยอดเขา
๙๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง การอธิบายความหมายของคําศัพท
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
จากการอานโคลงโลกนิติบทขางตน จะตองแปลความหมายของคําศัพทที่ปรากฏ
เพื่อใหเขาใจความหมายของเรื่อง โดยสามารถคนหาคําศัพทจากเรื่องได ดังนี้
ปลาราพันหอดวย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๙๕
การถอดความหรือถอดคําประพันธ
ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ ใหความหมาย
ไววา ถอดความ หมายถึง แปลใหเขาใจความไดงายขึ้น
การถอดความจากบทรอยกรอง คือ การอธิบายความหมายของคําและเคาโครง
เดิมของบทรอยกรอง โดยอาจอธิบายจากบทรอยกรองที่เปนบทบรรยายหรือพรรณนา
โวหาร ทั้งนี้ การถอดความมีประโยชนคือ ทําใหเขาใจบทรอยกรองบทนั้นไดงายยิ่งขึ้น
ในการเรียนภาษาไทย ทักษะดานการอานเปนสิ่งสําคัญ แตในบางครั้งบทเรียน
นอกจาก จะเปนรอยแกวธรรมดาแลวยังมีรอยกรองอีกดวย ซึ่งรอยกรองบางบทยังใช
คําศัพทที่ยากและไมคุนเคยในชีวิตประจําวัน จึงทําใหยากตอการทําความเขาใจ จึงมีการนํา
รอยกรองแตละบทมาแยกคําศัพทยาก หาความหมายของคําศัพทนั้น พรอมถอดความ
เปนรอยแกว เพื่อความสะดวกในการทําความเขาใจในเรื่อง
หลักการถอดความจากบทรอยกรอง มีแนวทาง ดังนี้
๑. ตองรูความหมายของคําศัพทในเรื่องนั้น ๆ อยางถูกตองถองแท จะชวยให
สามารถถอดคําประพันธจากเรื่องที่อานไดงายขึ้น
๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ วาเรื่องนั้นกลาวเกี่ยวกับอะไรเปนสําคัญ
และตองทําความเขาใจเรื่องนั้นใหแจมแจง ชัดเจน
๓. ถอดความทีละบรรทั ด/หรือ ทีล ะวรรค ดวยภาษาของตนเอง โดยคํานึ ง ถึง
เรื่องราวกอนหนานั้นประกอบดวย
๔. ทําความเขาใจกับประโยคที่ถอดความใหเขาใจอยางถูกตอง ชัดเจน
๕. เรียบเรียงขอความใหมเหมือนการพูดเลาเรื่องราวนั้นใหผูอื่นฟง เพราะจะ
ทําใหไดตรวจทานการถอดความไดดีขึ้น
๙๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง การถอดความจากโคลงโลกนิติ
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
ปลาราพันหอดวย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม
ถอดความไดวา..................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………..……………………………………
ถอดความไดวา..................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๙๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การสรุปความรู
การสรุปความรู เปนการสรุปความรูหรือทฤษฎีที่ปรากฏอยูในเรื่องที่อาน โดยเขียน
สรุปเปนประโยคสั้น ๆ หรือขอความสั้น ๆ เพื่อขยายความเขาใจใหชัดเจนมากขึ้น
การสรุปขอคิด
การสรุ ป ข อ คิ ด เป น การค น หาข อ คิ ด จากเรื่ อ งที่ อ า น ซึ่ ง ข อ คิ ด อาจแฝงอยู ใ น
เนื้อเรื่อง หรืออยูสวนทายของเรื่องที่อาน โดยผูอานอาจเขียนสรุปขอคิดเปนประโยค
หรือขอความสั้น ๆ ได หรือเปนคําคมก็ได
ดังนั้น การสรุปความรูและขอคิดจากเรื่องที่อาน คือ การคนหาขอคิดหรือคติ
สอนใจจากเรื่องที่อานวาเรื่องนั้น ๆ ใหขอคิดที่เปนประโยชนอะไรบางแกผูอาน แลวจึง
นําขอคิดนั้นมาประยุกตใชในชีวิตประจําวันได
การหาขอคิดจากการอานหนังสือตาง ๆ เชน นิทาน เรื่องสั้น ฯลฯ โดยเมื่ออาน
จบเรื่องแลวจับใจความสําคัญหรือประเด็นสําคัญที่ผูเขียนตองการใหขอคิดกับผูอาน
การสรุปความรูและขอคิดมีหลักพื้นฐาน ดังนี้
ตัวอยาง การสรุปความรูและขอคิดจากโคลงโลกนิติ
กานบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทสอสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคําขาน ควรทราบ
หยอมหญาเหี่ยวแหงเรื้อ บอกรานแสลงดิน
สรุปความรูและขอคิดไดวา เราสามารถรูความลึกของรองน้าํ ลําน้ํา คลอง หวย ได
โดยการวัดความยาวของกานบัว เปรียบเทียบวา กานบัว สามารถบอกความตื้นลึกของน้ํา
ไดฉันใด กิริยามารยาทของคนก็สามารถบงบอกถึงการอบรมเลี้ยงดูไดฉันนั้น คําพูด
ก็สามารถบงบอกใหรูวาคนนั้นพูดฉลาดหรือพูดโง เชนเกี่ยวกับหยอมหญาที่เหี่ยวแหง
ยอมบอกใหรูวาดินในบริเวณนั้นไมดี
โคลงโลกนิ ติ เป น บทร อ ยกรองที่ ใ ห ทั้ ง ความรู แ ละข อ คิ ด สอนให รู จั ก ความดี
ความชั่ว การที่เราไดรับผลอยางไรยอมมีเหตุมาจากการกระทําของเราทั้งสิ้น ผูทําดี
ยอมไดรับผลดีตอบแทน ผูทําชั่วยอมไดรับผลชั่วตอบแทน ผลที่เกิดจากการทําความชั่ว
ยอมกัดกรอนใจ ซึ่งเปรียบไดกับสนิมกัดกรอนเนื้อเหล็กใหผุพัง ดังโคลงโลกนิติที่วา
สนิมเหล็กเกิดแตเนื้อ ในตน
กินกัดเนือ้ เหล็กจน กรอนขร้ํา
บาปเกิดแตตนคน เปนบาป
บาปยอมทําโทษซ้ํา ใสผูบาปเอง
ยางขาวขนเรียบรอย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝาย
กินสัตวเสพปลามี ชีวิต
เฉกเชนชนชาติราย นอกนั้นนวลงาม
๑. สรุปความรูและขอคิดไดวา
๒. นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดไปปรับใชในชีวิตประจําวันอยางไร
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๐๑
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
๑. สรุปความรูและขอคิดไดวา
๒. นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดไปปรับใชในชีวิตประจําวันอยางไร
ชื่อ............................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่.........
๑๐๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การอธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน เปนการวิเคราะหลักษณะดีเดนในดานตาง ๆ
ของเรื่องที่อาน โดยใชความคิดพิจารณาไตรตรอง กลั่นกรอง แยกแยะ และแสวงหา
เหตุผลเพื่อประเมินคุณคาของวรรณคดีอยางมีเหตุผล
การอ า นหนั ง สื อ หรื อ เรื่ อ งราวต า ง ๆ อย า งพิ นิ จ พิ เ คราะห จ ะทํ า ให ป ระจั ก ษ
ในคุณคา รวมทั้งสนุกสนานเพลิดเพลินจากการอานยิ่งขึ้น คุณคาของเรื่องที่อานแบงกวาง ๆ
ได ๔ ดาน ดังนี้
๑. คุณคาดานเนื้อหาสาระ
การที่ผูอานจะไดรับความรู ความคิดเพิ่มขึ้น ทําใหมีปญญาแตกฉานทั้งดาน
วิทยาการ ความรูรอบตัว ความรูเทาทันคนและอื่น ๆ
๒. คุณคาดานวรรณศิลป
ศิลปะในการประพันธและความงามทางภาษา เปนการใชคําใหเกิดความงาม
ความไพเราะทางภาษา ผูอานสามารถซาบซึ้งในความหมายของคํา เห็นภาพเคลื่อนไหว
เกิดภาพพจนจินตนาการตามอารมณและความนึกคิดตาง ๆ เชน ความรูสึกโศกเศรา
สะเทือนใจ โกรธ ตลกขบขัน เปนตน
๓. คุณคาดานสังคมและวัฒนธรรม
เรื่องราวที่อานจะสะทอนใหเ ห็นสภาพสั งคม วัฒนธรรมประเพณี คานิย ม
คติ ชี วิ ต คํ า สั่ ง สอน คุ ณ ธรรมและจริ ย ธรรม ความเป น อยู ประวั ติ ศ าสตร การเมื อ ง
อาหารการกิน สอดแทรกไปกับการดําเนินเรื่อง ทําใหผูอานไดรับความรูเกี่ยวกับสังคม
ในอดีต ชวยใหเขาใจวิถีชีวิตความเปนไทยมากยิ่งขึ้น และงานเขียนที่ดีจะชวยจรรโลง
สังคมไดดวย
๔. คุณคาดานการนําขอคิดไปใชในชีวิตประจําวัน
การที่ผูอานสามารถนําแนวคิดจากวรรณคดีและประสบการณจาก เรื่องที่อาน
ไปประยุกตใชหรือแกปญหาในชีวิตประจําวันได
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๐๓
การหาขอคิดจากเรื่องที่อาน
ขอคิด หมายถึง ประเด็นชวนคิด คติที่เปนประโยชน
การหาขอคิดจากเรื่องที่อาน หลังจากอานเรื่องนั้น ๆ ไดขอคิดที่เปนประโยชน
อะไรบาง แลวจะนําขอคิดนั้นมาประยุกตใชในชีวิตประจําวันอยางไร
การคนหาขอคิดจากการอานหนังสือ ควรอานตั้งแตตนจนจบเรื่อง แลวทําความ
เขาใจเนื้อเรื่อง จับใจความสําคัญ หรือประเด็นสําคัญที่ผูเขียนตองการใหขอคิดกับผูอาน
การอธิบายคุณคาและขอคิดจากโคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ เปนวรรณคดีคําสอนที่แฝงไปดวยสุภาษิต มุงหมายใหเปนเครื่อง
เตือนสติแกผูอาน และเปนแนวทางในการดําเนินชีวิต มีเนื้อหาสาระสําคัญกลาวถึง
ความเปนจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย รวมทั้งความเปนไปของโลก ถือเปนเรื่องปกติ
ธรรมดา เชน ธรรมชาติของมนุษย คุณคาของความรู วิธีการแสวงหาความรู แนวทาง
การดําเนินชีวิตเรื่อง เชน การเลือกคบคน การวางตัวในสังคม เปนตน
ข อคิ ด ของโคลงโลกนิ ติ โคลงแต ล ะบทจะมี ข อ คิ ดที่ ก ล าวอย างตรงไปตรงมา
และกลาวสอนแบบนัย (ความหมายแฝงและความหมายเชิงเปรียบเทียบ)
การใชอุปมาในโคลงโลกนิติ อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง
เพื่อใหเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่ทั้งสองสิ่งนั้นมีสภาพที่แตกตางกัน แตมีลักษณะ
เดนรวมกัน เชน ผิวของเธอขาวราวกับสําลี จมูกของเพียงพอเหมือนลูกชมพู ซึ่งทั้งสอง
ประโยคมีการใชคําสําคัญในการเปรียบเทียบ โดยในประโยคแรกใชคําวา “ราวกับ” และ
ประโยคที่สองใช คําวา “เหมือน” ดังนั้น คําสําคัญที่มักใชเปรียบเทียบ ไดแก ดุจ ดั่ง
ราว ราวกับ เปรียบ เสมือน พาง เพี้ยง ประดุจ เฉก เชน เลห ปาน ประหนึ่ง
เปนตน
ตัวอยาง การอธิบายคุณคาและขอคิดจากโคลงโลกนิติ
ปลาราพันหอดวย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
๑๐๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
๑. ดานเนื้อหา คือ.............................................................................................................
...........................................................................................................................................
๒. ดานวรรณศิลป คือ......................................................................................................
...........................................................................................................................................
๓. ดานสังคมและวัฒนธรรม คือ......................................................................................
...........................................................................................................................................
๔. ดานการนําขอคิดไปใชในชีวิตประจําวัน คือ..............................................................
...........................................................................................................................................
ชื่อ.........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๐๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
สํ า นวนเปรี ย บเที ย บ หมายถึ ง ถ อ ยคํ า ที่ เ ป น ชั้ น เชิ ง ไม ต รงตามรู ป ภาษา
มีลักษณะเฉพาะตัว มีความหมายเปนนัยแฝงอยู กินความกวางหรือลึกซึ้ง นํามาใชใหมี
ความหมายแตกต างไปจากความหมายเดิ มของคํ า ๆ นั้ น หรื อ อาจจะมี ค วามหมาย
เปรียบเทียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักใชถอยคําที่ไมยาวมาก คมคาย ลึกซึ้งกินใจ ตองอาศัย
การตีความจึงจะเขาใจ
การใชสํานวนเปรียบเทียบ จะตองใชใหถูกตอง ตรงตามความหมาย และเชื่อมโยง
ใหเขากับเนื้อหาของโคลงโลกนิติ สิ่งสําคัญจะตองใชใหถูกตองตามสถานการณ เหตุการณ
และจะตองเปรียบเทียบอยางมีกาลเทศะ และมีมารยาท
โคลงโลกนิติ เปนบทรอยกรองที่มีคุณคาและคําสอนแกผูอาน สามารถนําคุณคา
คําสอน และขอคิดที่ไดไปปรับใชในการดําเนินชีวิตไดเปนอยางดี นอกเหนือจากคําสอน
ที่ไดแลว โคลงโลกนิติยงั แทรกความรูเกี่ยวกับสํานวนไทยไว โดยเปรียบเทียบเนือ้ หาและ
ขอคิดกับสํานวนไทยอยางสัมพันธกัน
ตัวอยาง
ปลาราพันหอดวย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
ยางขาวขนเรียบรอย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝาย
กินสัตวเสพปลามี ชีวิต
เฉกเชนชนชาติราย นอกนั้นนวลงาม
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
ใบพอพันหอหุม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศดวย
คือคนเสพเสนหา นักปราชญ
ความสุขซาบฤๅมวย ดุจไมกลิ่นหอม
หนาเนื้อใจเสือ คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
๑๐๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
คมในฝก ดาบสองคม
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
กบเกิดในสระใต บัวบาน
ฤาหอนรูรสมาลย หนึ่งนอย
ภุมราอยูไกลสถาน นับโยชนก็ดี
บินโบกมาคอยคอย เกลือกเคลาเสาวคนธ
ใกลเกลือกินดาง ชางตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปด
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๐๙
รูนอยวามากรู เริงใจ
กลกบเกิดอยูใน สระจอย
ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมวาน้ําบอนอย มากล้ําลึกเหลือ
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
ดุจดังคนใจราย นอกนั้นดูงาม
๑. สํานวนที่เปรียบเทียบกับโคลงโลกนิติบทนี้ คือ
๒. อธิบายไดวา
ชื่อ..............................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๑๑๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนแสดงความคิดเห็น เปนการเขียนขยายความเขาใจจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
โดยอธิบายหรือแสดงความคิดเห็นประกอบเรื่องนั้นอยางมีเหตุผล
หลักการเขียนแสดงความคิดเห็น
๑. ศึกษาเรื่องที่สนใจจะเขียนใหเขาใจ ชัดเจน แจมแจง
๒. กลาวถึงขอมูลหรือขอเท็จจริงกอน แลวจึงกลาวความรูสึกหรือความคิดเห็น
โดยใชเหตุผลหรือหลักฐานประกอบ
๓. ควรเขียนในเชิงสรางสรรค และมีขอเสนอแนะ
๔. มีมารยาทในการเขียน เขียนดวยภาษาที่สุภาพ ไมใชถอยคํารุนแรง
๕. ควรเขียนแบบรางกอน ตรวจสอบปรับปรุงสํานวนภาษา รวมทั้งเขียนสะกดคํา
ใหถูกตอง
ตัวอยางการเขียนแสดงความคิดเห็น
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโคลงโลกนิติที่กําหนดให
ยางขาวขนเรียบรอย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝาย
กินสัตวเสพปลามี ชีวิต
เฉกเชนชนชาติราย นอกนั้นนวลงาม
ขอความการเขียนแสดงความรูสึกและความคิดเห็น
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
๑๑๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ชแตหางเองอา อวดอางฤทธี
ขอความการเขียนแสดงความรูสึกและความคิดเห็น
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ชื่อ..............................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๑๓
การพูดรายงานจากเรื่องที่ฟงและดู
การพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคนควาจากการฟง การดู และการสนทนา
ถือเปนวิธีการที่เหมาะสําหรับแลกเปลี่ยนความรู การพูดรายงานยังอาจพูดเพื่อนําเสนอ
ทฤษฎี นําเสนอวิธีการหรือนําเสนอเรื่องราวตาง ๆ ก็ได
หลักการพูดรายงาน
๑. เริ่มพูดดวยการกลาวนํา เชน ทักทายผูรวมงาน บอกจุดประสงคของการพูด
รายงาน
๒. ควรพูดใหชัดเจนออกเสียงถูกตอง เสียงดังพอประมาณ น้ําเสียงนุมนวลนาฟง
๓. รายงานเรื่องตามลําดับเนื้อหา ลําดับขั้นตอน หรือลําดับเหตุการณใหถูกตอง
และตอเนื่องสัมพันธกัน ควรมีแหลงอางอิงเพื่อความนาเชื่อถือ และควรทําความเขาใจ
เนื้อหาใหถองแท เพื่อประโยชนในการอธิบายและตอบขอซักถาม
๔. มีบุคลิกภาพที่ดี ยืน หรือนั่งอยางสํารวม
๕. รักษาเวลาในการพูดตามที่กําหนด ไมพูดยืดเยื้อวกวน
๖. เมื่อพูดรายงานจบ ควรเปดโอกาสใหผูฟงซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
๗. กลาวขอบคุณเมื่อไดรับคําชมเชย หรือขอคิดเห็นเรื่องตาง ๆ
ขอควรปฏิบัติในการพูดรายงาน
๑. พูดเสนอเนื้อหาสาระทีเปนประโยชน เปนขอ ๆ ชัดเจน ตรงประเด็น
๒. อาจมีอุปกรณประกอบการพูดรายงาน เชน เอกสาร รูปภาพ แผนผัง แผนภูมิ
๓. มีความรูความเขาใจเรื่องทั้งหมดเปนอยางดี
๔. มีทาทางประกอบการพูดที่เปนธรรมชาติเพื่อใหผูฟงรูสึกผอนคลาย
๕. ใชเวลาใหพอเหมาะ ถามีการกําหนดเวลาไวลวงหนา ตองรูจักรักษาเวลา
๖. ควรหลีกเลี่ยงภาษาที่ไมสุภาพเพื่อใหเกียรติผูฟง
๑๑๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําชี้แจง ให นั ก เรี ย นเขี ย นแบบร า งการพู ด รายงานจากเรื่ อ งที่ ฟ ง และดู แล ว ฝ ก พู ด
รายงานหนาชั้นเรียน
เรื่อง
ชื่อ..............................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๑๕
คําชี้แจง ใหนักเรียนฟงและดูโฆษณาอยางมีวิจารณญาณและวิเคราะหตามหัวขอที่กําหนด
โฆษณานาสนใจซื้อสินคาหรือไม เพราะอะไร
....................................................................................... โฆษณานี้ขายเกี่ยวกับอะไร
....................................................................................... .................................................
....................................................................................... .................................................
.......................................................................................
ชื่อโฆษณา
.............................................................
ชื่อ..............................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๑๗
ความหมายของวรรณกรรม
วรรณกรรม ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
ใหความหมายไววา น. งานหนังสือ, งานประพันธ, บทประพันธทุกชนิดทั้งที่เปนรอยแกว
และรอยกรอง
สรุปความหมายของ “วรรณกรรม” หมายถึง งานเขียนทั่วไป ที่แตงขึ้นตาม
ความรู ความคิด ความคิดเห็น หรือตามจินตนาการ เชน หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ
นวนิยาย เรื่องสั้น เทศนา คําสอน รวมถึงวรรณคดีดวย
ประเภทของวรรณกรรม มีดังนี้
๑. วรรณกรรมสารคดี หมายถึ ง หนั ง สื อ ที่ แ ต ง ขึ้ น เพื่ อ มุ ง ความรู ความคิ ด
ประสบการณแกผูอานซึ่งอาจใชรูปแบบรอยแกว หรือรอยกรองก็ได เชน หนังสือวิชาการ
ตําราเรียน ตําราอาหาร บทความ ฯลฯ
๒. วรรณกรรมบั น เทิ ง คดี หมายถึ ง วรรณกรรมที่ แ ต ง ขึ้ น เพื่ อ มุ ง ให ค วาม
เพลิดเพลิน สนุกสนานบันเทิงแกผูอาน จึงมักเปนเรื่องที่มีเหตุการณและตัวละคร เชน
เรื่องสั้น นวนิยาย นิทาน บทเพลงตาง ๆ ฯลฯ
ชนิดของวรรณกรรมไทย แบงเปน ๒ ชนิด คือ
๑. วรรณกรรมร อ ยกรอง คื อ ลั ก ษณะงานเขี ย นที่ ใ ช ภ าษาเขี ย นที่ ส ละสวย
คลองจองกัน มีสัมผัสบังคับตามฉันทลักษณ เชน พระอภัยมณี ขุนชางขุนแผน สังขทอง
รามเกียรติ์ ฯลฯ โดยจะใชคําประพันธหลายประเภท เชน โคลง ฉันท กาพย กลอน
ในการแตง
๒. วรรณกรรมรอยแกว คือ งานเขียนแบบความเรียง หรือ เรียงความ ที่ไมใช
ภาษาคลองจอง เชน บทความ นิทาน เพลง เรื่องสั้น นิยาย
หลักการสรุปความรูและขอคิดจากการอานวรรณกรรม
๑. อานเรื่องทั้งหมดใหเขาใจและคนหาสาระสําคัญของเรื่อง
๒. อานอีกครั้งดูรายละเอียดของเนื้อหา เพื่อคนหาความรูสําคัญและขอคิด
๓. อานเพิ่มอีกจนกวาจะเขาใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น
๔. สรุปใจความสําคัญเพียงใจความเดียวของแตละยอหนาไว
๕. นําใจความสําคัญที่รวบรวมไวมาเขียนเรียบเรียงใหมอยางละเอียด ดวยภาษา
ตนเอง
๖. ทบทวนการเขียนสรุปอีกครั้งเพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไข
๑๑๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยางการสรุปขอคิดจากนิทาน
นิทานพื้นบานเรื่องพิกุลทอง
นานมาแลว มีหญิงหมายนางหนึ่งมีลูกสาวอยูสองคน คนโตชื่อ “มะลิ” รูปราง
หนาตาและนิสัยเหมือนแม คนรองชื่อ “พิกุล” มีรูปรางหนาตาผิวพรรณดี นิสัยงาม
เหมือนพอซึ่งตายไปแลว หญิงหมายผูเปนแมรักมะลิมากกวาพิกุล เนื่องจากมะลิ
มีลักษณะหนาตาเหมือนนาง ดังนั้นจึงมักแกลงใชพิกุลใหทํางานหนัก สวนมะลินั้น
ใหทําเพียงงานเบา ๆ พิกุลไปตักน้ําจากลําหวยเดินผานตนไมใหญตนหนึ่ง พิกุลไดพบ
หญิงชรายืนอยูที่ใตตนไม หญิงชรากลาวกับพิกุลวา “ขอน้ําใหคนแกดื่มแกกระหาย
สักหนอยไดไหมจะ” พิกุลสงสารจึงเต็มใจใหหญิงชราผูนี้ดื่มน้ําที่ตนตักมา เมื่อดื่มน้ํา
เสร็ จ แล ว นางจึ ง เล า ความจริ ง ให ฟ ง ว า ที่ แ ท แ ล ว นางเป น นางไม ห รื อ รุ ก ขเทวดา
แปลงกายมา และเพื่ อ ตอบแทนที่ พิ กุ ล มี น้ํ า ใจ นางจึ ง จะให พ รตอบแทนโดยให มี
ดอกพิ กุ ล ทองร ว งออกมาจากปากทุ ก ครั้ ง ที่ พิ กุ ล พู ด ครั้ น เมื่ อ พิ กุ ล กลั บ ถึ ง บ า น
หญิงหมายผูเปนแมก็ดุดาวาที่พิกุลไปตักน้ําเสียนาน แตพอพิกุลอาปากพูดตอบแม
ดอกพิ กุ ล ทองที่ ส วยงามก็ ร ว งออกมาจากปาก และร ว งออกมาทุ ก ครั้ ง ที่ พิ กุ ล พู ด
หญิงหมายเห็นดอกพิกุลทองซึ่งเปนทองจริง ๆ มีสีเหลืองอรามรวงออกมาจากปาก
ก็เกิดความโลภ อยากไดทองมาก ๆ จึงบังคับใหพิกุลพูดอยูตลอดเวลา เมื่อพูดนานเขา
พิ กุ ล ก็ เ ริ่ ม เจ็ บ คอเสี ย งแหบแห ง ดอกพิ กุ ล ก็ ร ว งออกมาน อ ยลง หญิ ง หม า ยเห็ น
ดอกพิกุลทองออกมานอยลงจึงใหมะลิลูกสาวคนโตไปตักน้ําที่ลําหวยเหมือนกับที่พิกุล
เคยทํ าแล ว ได พ รจากหญิ ง ชรา เมื่ อ มะลิ ไปที่ ตน ไม ใ หญ มะลิ ก ลั บ พบหญิ ง สาวสวย
คนหนึ่งมาขอน้ําดื่ม ฝายมะลิเห็นวาไมใชหญิงชราอยางที่พิกุลบอก มะลิจึงไมใหนํ้าดื่ม
และยังพูดจาหยาบคายตอหญิงสาวผูนั้นอีกดวย ดังนั้นแทนที่หญิงสาวสวยหรือนางไม
จะให พ รเหมื อ นที่ น างให แ ก พิ กุ ล นางกลั บ สาปมะลิ แ ทน เมื่ อ มะลิ ก ลั บ มาบ า น
หญิงหมายผูเปนแมก็บังคับใหมะลิพูดมาก ๆ เพื่อจะไดทองเยอะ ๆ แตแทนที่จะมีทอง
รวงออกมาจากปากมะลิ กลับกลายเปนกิ้งกือไสเดือนรวงออกมาแทน หญิงหมาย
เห็นอยางนั้นก็โกรธมาก หันไปหาวาพิกุลพูดหลอกลวงในเรื่องที่เลาวาไปไดพรจาก
หญิงชรา เปนเหตุใหมะลิโดนสาป แลวนางก็ตรงเขาทํารายพิกุล พิกุลทนไมไดจึงหนี
ออกจากบานเขาไปในปา ระหวางทางนางพิกุลโชคดีไดพบกับพระพิชัยมงกุฎขี่มา
ผานมาพอดี พระพิชัยมงกุฎเห็นพิกุลมีรูปโฉมสวยงามและลักษณะกิริยาเรียบรอย
ก็นึกรัก จึงพาพิกุลเขาไปอยูดวยกันในพระราชวังครองคูอยูดวยกันอยางมีความสุข
มีพระโอรสสองพระองค
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๑๙
วันหนึ่งพระพิชัยมงกุฎ นางพิกุลและพระโอรสทั้งสองไดเสด็จออกประพาส
ลําน้ํา มีนางยักษตนหนึ่งแอบซุมดูขบวนเรือของเจาเมืองอยูอยากไดพระพิชัยมงกุฎ
มาเปนคูครองของตน จึงแปลงกายเปนดอกบัวขึ้นกลางน้ํา ทําใหนางพิกุลเกิดความ
หลงใหลใคร อ ยากได ไว เชยชม จึ ง สั่ ง ให ทหารไปเด็ ดมาให แต ก็ ไม สํ าเร็ จ ไม มีใ คร
สามารถเด็ดได นางพิกุลจึงไปเด็ดดอกบัวดวยตัวเอง นางยักษในคราบของดอกบัว
ก็ดึงแขนนางพิกุลจมดิ่งลงไปในน้ําทันที นางยักษไดถอดเอาเครื่องทรงของนางพิกุล
มาสวมใสแทน และสาปนางพิกุลใหกลายเปนชะนี พอพระพิชัยมงกุฎเห็นนางพิกุล
ตัวปลอมโผลขึ้นมาจากน้ําก็รีบรับขึ้นเรือทันที แตลูกทั้งสองของนางพิกุลคือพระยมยศ
และพระลักษณวงศซึ่งยังเล็กอยู จําไดวาไมใชแมของตน เพราะแมของตนนั้นเวลาพูด
จะต อ งมี ด อกพิ กุ ล ทองร ว งลงมาจากปาก เด็ ก น อ ยทั้ ง สองคนจึ ง ไม ย อมเข า ใกล
นางพิกุลตัวปลอม แตกลับชี้ไปที่ชะนีตัวที่เกาะอยูบนกิ่งไมแลวบอกวานั่นคือแมของตน
ทําใหพระพิชัยมงกุฎโกรธมาก พอพนสายตาพระพิชัยมงกุฎ นางยักษในคราบนางพิกุล
ทั้งหยิกทั้งตีเด็กทั้งสองคนจนเขียวช้ําระบมไปทั้งตัว สวนชะนีตัวนั้นยังคงติดตามเรือ
ไปตลอดเพื่อหาทางแกคําสาป เพราะนางยักษไดสาบไววานางพิกุลในรางชะนีจะพน
คําสาปไดก็ตอเมื่อตองเอาเลือดของนางยกษมารดหัวจึงจะกลับรางเดิมได นางยักษ
ไดรายมนตเสนหใหพระพิชัยมงกุฎหลงใหล ยุยงใหโกรธเกลียดลูกทั้งสองคน ถึงกับ
มีรับสั่งวา ถาหากเห็นวาชะนีนั้นเปนแม ก็จงอยูกับชะนีตัวนั้นก็แลวกัน แลวทิ้งลูก
ทั้งสองคนไวกับนางชะนีที่ใตตนไม แลวพระพิชัยมงกุฎก็เสด็จกลับเมืองไปพรอมดวย
นางยั ก ษ ท่ีแ ปลงเป นนางพิกุ ล ต อ มาลู ก ของนางพิ กุล ได เจริ ญ เติ บ โตเปน หนุมโดย
การเลี้ยงดูของนางพิกุลในรางชะนี เด็กหนุมทั้งสองไดฝกฝนวิชาการตอสูจนเกงกาจ
สามารถ จึงคิดจะกลับไปฆานางยักษทิ้งเสีย ทั้งสองจึงเดินทางกลับเมืองพรอมกับ
นางชะนี เมื่อความจริงถูกเปดเผย นางยักษในรางแปลงจึงยอมปรากฏรางที่แทจริง
ออกมา มนตเสนหที่ครอบคลุมจิตใจของเจาเมืองอยูก็คลายออก เมื่อเจาเมืองไดเห็น
รางนางยักษถึงกับเปนลมลมพับไป ลูกของนางพิกุลทั้งสองคนจึงเขาตอสูกับนางยักษ
ในที่สุดนางยักษบาดเจ็บและถูกจับได ลูกของนางพิกุลจึงนําเลือดของนางยักษไปรดหัว
ของนางชะนี นางชะนีจึงคืนรางกลับเปนนางพิกุล แลวปลอยตัวนางยักษไป ทั้งหมด
จึงกลับมาอยูดวยกันอยางมีความสุข
๑๒๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ขอคิด
๑. การไปดาวาผูอื่นดวยถอยคําที่หยาบคายยอมกอศัตรู
๒. ความอาฆาตพยาบาทจองเวรกัน นํามาซึ่งความทุกขและความวิบัติแกตนเอง
๓. นิทานเรื่องนี้ ทําใหเกิดสํานวนวา “กลัวดอกพิกุลรวง” หมายความวา
ถามอะไรก็นิ่ง ไมตอบหรือไมพูด
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๒๑
การสรุปความรู ประเภทของเรื่องที่อาน
......................................................... ...............................................
.........................................................
.........................................................
แหลงที่มา/แหลงคนควา
........................................
ชื่อเรื่อง.............................................
..........................................................
การนําขอคิดไปใชในการดําเนินชีวิต วรรณกรรมนี้สะทอนชีวิตอยางไร
.......................................................... ..........................................................
.......................................................... ..........................................................
.......................................................... ..........................................................
ชื่อ............................................นามสกุล........................................ชั้น............เลขที่..........
๑๒๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของการอานจับใจความ
การอานจับใจความ คือ การอานที่มุงจับประเด็นสําคัญหรือจับใจความสําคัญ
ของเรื่ อ งที่ อา นหรื อ ขอ คิด ของเรื่ อ ง โดยใจความสํ า คั ญ จะเป น ข อ ความที่ ค รอบคลุ ม
ขอความอื่น ๆ ไวทั้งหมด
การอ านจั บ ใจความมั ก เปน การอ านในใจเพื่ อ จั บใจความสํ าคั ญ ผู อ านจะต อ ง
มี ส มาธิ ใ นการอ า น จะต อ งค น หาข อ คิ ด เพื่ อ ใหได รั บ ประโยชน แ ละมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ
ในการอานมากขึ้น
การอ า นจั บ ใจความจากสื่ อ ต า ง ๆ เช น ข า ว เหตุ ก ารณ ป ระจํ า วั น บทความ
วรรณคดี วรรณกรรม นิทานตาง ๆ บทโฆษณา เรื่องสั้น หรือขอความที่มีขนาดยาว
นอกจากจะตองเขาใจสาระสําคัญของเรื่องแลว ควรฝกความสามารถในการอานเพิ่มเติม
ดังนี้
- การแยกขอเท็จจริงและขอคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
- การแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อานอยางมีเหตุผล
- การระบุความรูและนําขอคิดจากเรื่องที่อานไปใชในการดําเนินชีวิต
หลักพื้นฐานการอานจับใจความสําคัญ
๑. ตั้งจุดมุงหมายในการอานใหชัดเจน
๒. ทําความเขาใจเบื้องตนเกี่ยวกับชื่อเรื่อง เพราะจะทําใหเรารูวาเรื่องที่อาน
เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร เปนไปในแนวทางใด จะชวยใหเราคาดการณเรื่องได
๓. อานเรื่องราวอยางละเอียด และเก็บใจความสําคัญของแตละยอหนา
๔. เมื่ออานจบควรตั้งคําถามวา “ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร อยางไร”
๕. นําสิ่งที่สรุปไดจากการอานมาเรียบเรียงใจความสําคัญใหมดวยสํานวน
ภาษาของตนเองเพื่อใหเขาใจงาย
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๒๓
วิธีจับใจความสําคัญ
วิธีการจับใจความมีหลายอยาง ขึ้นอยูกับความชอบวาอยางไร เชน
- การขีดเสนใต
- การใชสีตาง ๆ กัน เพื่อแสดงความสําคัญมากนอยของขอความ
- การบันทึกยอ เปนสวนหนึ่งของการอานจับใจความสําคัญที่ดี ผูที่ยอควรยอ
ดวยสํานวนภาษาและสํานวนของตนเอง ไมควรยอดวยการตัดเอาขอความสําคัญมาเรียง
ตอกัน เพราะอาจทําใหผูอานพลาดสาระสําคัญบางตอนไปอันเปนเหตุใหการตีความ
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได
๑๒๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เนื้อเรื่องยอ วิถีชีวิตไทย
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอคิดสอนใจ
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง การอานจับใจความเรื่อง วิถีชีวิตไทย
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นประถมศึกษาปที่ ๕
เนื้อเรื่องยอ “วิถีชีวิตไทย”
นกมองดูพอที่สวมเสื้อพระราชทานแขนยาวสีครีม และแมท่ีแตงชุดไทยจิตรลดา
สี เ หลื อ งนวลด ว ยความชื่ น ชม ทั้ ง พ อ และแม แ ต ง ตั ว เป น พิ ธี ก าร เพราะต อ งไปร ว ม
พิธีสําคัญของบานเมือง คือ งานบายศรีสูขวัญที่ทางจังหวัดจัดขึ้น เพื่อรับเสด็จกษัตริย
และพระราชิ นี จ ากต า งแดน พระราชอาคั น ตุ ก ะของพระบาทสมเด็ จ พระเจ า อยู หั ว
เนื่องจากพอเปนขาราชการชั้ นผูใ หญ จึงตองรับผิดชอบการจั ดงาน แมเองก็ชวยทํา
บายศรี แม เ ด็ ก อย า งนกจะไม มี โ อกาสได ทํ า แต ก็ ทํ า หน า ที่ ถ า ยรู ป พ อ กั บ แม คู กั น
หนาพระบรมฉายาลักษณของ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว และสมเด็จพระนางเจาฯ
พระบรมราชินีนาถ เพื่อเก็บไวเปนที่ระลึก บานของนกเปนครอบครัวใหญ ตากับยาย
มีลูกหลายคน ลูกคนไหนแตงงานแลวก็แยกออกมาปลูกบาน ใหมในบริเวณเดียวกัน
นกเป น หลานสาวคนโต และยั ง มี น อ งซึ่ ง เป น ลู ก ของน า อี ก ๒ คน คื อ ต อ กกั บ แต ก
สามคนพี่นองชอบไปอยูบานตายาย ทั้งสองทานใจดีรักหลาน แตก็ไมตามใจจนเกินไป
เพราะคื อ คติ ว า “รั ก วั ว ให ผู ก รั ก ลู ก ให ตี ” ตากั บ ยายเป น ที่ เ คารพนั บ ถื อ ของผู ค น
ในละแวกนั้น เพราะใจดี ไมวาใครมีปญหาอะไร ทานก็ชวยเหลือรับเปนธุระใหเสมอ
โดยใหเหตุผลวาคนเราตองชวยเหลือกันเหมือน “น้ําพึ่งเรือเสือพึ่งปา” ทุกคนในครอบครัว
มีความสุข เมื่อรูวานากระปุกนองสาวคนเล็กของแมจะแตงงานกับนาวิชญ ซึ่งคบหาดูใจ
กันมานาน ตากับยายดีใจที่ลูกสาวจะไดเปนฝงเปนฝา ยายสอนหลานสาววา ลูกผูหญิง
ตองรักนวลสงวนตัว ไมปลอยตัวไปกับใคร ๆ กอนวันแตงงาน พอรูวาตายายจะไปหา
หลวงตาปุนที่วัดนอกเมือง เพื่อใหทานดูฤกษยาม วันมงคลจัดงานแตงงาน หลาน ๆ ก็
ขอตามไปดวย ในวันแตงงาน ตอนเชามีพิธีหมั้น ตามมาดวยพิธีหลั่งน้ําพระพุทธมนต
และประสาทพร ตอนเย็ น มี ง านฉลองมงคลสมรสที่ บ า น เชิ ญ แขกเหรื่ อ ไม ม ากนั ก
เพราะนาวิชญกับนากระปุกถือหลักประหยัด ทั้งสองคนไดจดทะเบียนสมรส เพื่อยืนยัน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๒๕
๓) ขนมหวานที่ตาชอบมากที่สุด คืออะไร
________________________________________________________________
________________________________________________________________
________________________________________________________________
๖) การหาฤกษยามที่เหมาะสมกอนการทําพิธีตาง ๆ ตามความเชื่อทํากันเพราะอะไร
________________________________________________________________
________________________________________________________________
๗) ความสมบูรณที่สุดของการแตงงานอยูที่พิธีการใด
________________________________________________________________
________________________________________________________________
๘) วัตถุประสงคของการบวชของลูกผูชายที่มีอายุครบ ๒๐ ป คืออะไร
________________________________________________________________
________________________________________________________________
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๒๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนอวยพรในโอกาสตาง ๆ
มีโอกาสสําคัญมากมายที่เราสามารถเขียนอวยพรถึงกันได เชน วันเกิด งานแตงงาน
วันขึ้นปใหม เขียนขอบคุณสําหรับความชวยเหลือ ฯลฯ ซึ่งจะตองเขียนขอความใหเขากับ
โอกาสและบุคคลคนนั้นดวย โดยเฉพาะคนที่สนิทมาก ๆ ยิ่งไมควรเขียนขอความอวยพร
ทั่วไป แตควรกลาวถึงความรูสึกและความทรงจําที่ดี ซึ่งจะสามารถสรางความประทับใจ
ใหผูรับพรมากยิ่งขึ้น
จะเขียนอวยพรใหใคร
ควรคํานึงถึงความรูสึก
ของผูรับพรดวยนะคะ
ขอบคุณคะ
การเขียนอวยพรเนื่องในโอกาสใดก็ได
โดยบัตรอวยพรจะตองระบุประเด็นสําคัญ ดังนี้
๑. ชื่อผูใหพร
๒. ชื่อผูรับพร
๓. โอกาสที่เขียน
๔. การสรุป/คําลงทาย
๑๓๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
อวยพรเรื่อง................................................................................
ผูรับพร.......................................................................................
เนื่องในโอกาส.............................................................................
ชื่อ.........................................นามสกุล..............................................ชั้น...........เลขที่........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอ คิดสอนใจ ๑๓๑
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๑๐ เรื่อง โคลงโลกนิติขอคิดสอนใจ
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ อานออกเสียงบทรอยกรองเรื่อง โคลงโลกนิติ
๒ เขียนอวยพร
๓ วิเคราะหความนาเชื่อถือจากเรื่องที่ฟงและดู
๔ เขียนสํานวนเปรียบเทียบที่ปรากฏในโคลงโลกนิติ
๕ สรุปความรูและขอคิดจากวรรณกรรมที่อาน
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
๑๓๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑
ผูรูดีเปนผูเจริญ
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๓๓
การอานออกเสียงบทรอยกรอง
บทรอยกรอง คือ ถอยคําที่เรียบเรียงใหเปนระเบียบถูกตองตามขอกําหนดฉันทลักษณ
กลอนสุภาพ คือ กลอนที่วรรคหนึ่งมีจํานวนคําระหวาง ๗ - ๙ คํา
การอานออกเสียงบทรอยกรอง
กอนอานควรศึกษาประเด็นตอไปนี้ เพื่อใหสามารถอานไดถูกตอง
๑. คําศัพทยากในบทรอยกรอง ตองศึกษาคําอานและความหมายใหเขาใจกอน
๒ รูปแบบของบทรอยกรอง ตองศึกษาประเภทของบทรอยกรอง จํานวนคํา
ในวรรค
๓. จังหวะการอาน ตองศึกษาจังหวะการอานของบทรอยกรองประเภทนั้น ๆ
เพราะบทรอยกรอง ถามี ๗ คํา ใหอานเปน ๒/๒/๓ ถามี ๘ คํา ใหอานเปน ๓/๒/๓ ถามี
๙ คําใหอานเปน ๓/๓/๓
หลักสําคัญในการอานออกเสียงบทรอยกรอง
๑. อานออกเสียงใหชัดเจนและถูกตองตามอักขรวิธี
๒. อ า นเว น จั ง หวะวรรคตอนให ถู ก ต อ งตามลั ก ษณะของบทร อ ยกรองแต ล ะ
ประเภท รูจักทอดจังหวะ เอื้อนเสียง หรือหลบเสียง
๑๓๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
มารยาทในการอาน
๑. อานดวยน้ําเสียงสุภาพ เสียงดังพอประมาณ ไมตะโกนเสียงดัง
๒. มีทาทางที่สุภาพในการอาน บุคลิกภาพเรียบรอย สงางาม
๓. ถาเปนการนั่งอาน ควรนั่งหลังตรง ถาเปนการยืน ควรยืนตรงดวยทาทางที่
สุภาพ
๔. ถาเปนการอานบทรอยกรอง ควรอานใหถูกตองตามฉันทลักษณ
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๓๕
มวลผูชูปรีชา เสาะวิทยาไมหางเหิน
ผิดชอบกอบไมเกิน รูดําเนินตามเหตุผล
ชื่อวาปรีชาดี ผิดชอบมีพิจารณยล
ผูนั้นจักพลันดล พิพัฒนพนจักพรรณนา
ควรเราผูเยาววัย จงใฝใจการศึกษา
อบรมบมวิทยา ปรุงปรีชาใหเชี่ยวชาญ
ขั้นนี้จักชี้วา มีปญญาไมสมฐาน
ตองหัดดัดสันดาน กอบวิจารณใชปญญา
สังเกตตามเหตุผล ผิดชอบยลดวยปรีชา
ดังนี้จึงชี้วา มีปญญาอยางเพียบเพ็ญ
มีดพราถาหินให มีดคมไดมิยากเย็น
ถาใชมีดไมเปน ฟนคนเลนโทษมหันต
เมื่อใดใชมีดเปน กอบกิจเห็นคุณอนันต
ปญญากลาวมานั้น เปรียบไดกันกับศัสตรา
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๓๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําศัพทที่ปรากฎในเรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ
คํา ความหมาย
๑. เชี่ยวชาญ สันทัดชัดเจน, ช่ําชอง, มีความชํานิชํานาญมาก
๒. ถา ถูใหคม, ลับ
๓. โทษ ความไมดี, ความชั่ว
๔. บม สั่งสมอบรมใหสมบูรณ
๕. ปรีชา ความสามารถ
๖. เปรื่อง เชี่ยวชาญ, แตกฉาน
๗. พรรณนา กลาวใหเปนเรื่องเปนราวอยางละเอียด
๘. พิจารณ พิจารณา ตรวจตราตริตรองโดยใชความรู
๙. พิพัฒน ความเจริญ
๑๐. เพียบ เต็ม, เต็มแปล
๑๑. มหันต มาก
๑๒. ยล มองดู
๑๓. เยาววัย อายุนอย
๑๔. วิทยา ความรู
๑๕. ศัสตรา อาวุธ
๑๖. สมฐาน สมฐานะ, สมสถานภาพ, เหมาะแกความเปนอยู
๑๗. สังเกต ตั้งใจดู, จับตาดู
๑๘. สันดาน อุปนิสัยที่มีมาแตกําเนิด
๑๙. เหตุผล เหตุ, เหตุและผล
๒๐. อนันต มากลน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๓๗
คําชี้แจง ใหนักเรียนคนหาคําศัพทในบทเรียนและอธิบายความหมายของคําศัพท
จากเรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ
ผูรูดีเปนผูเจริญ
มวลมนุษยผูเปรื่อง ปรีชา เชี่ยวแฮ
เพราะใครใฝศึกษา สิ่งรู
รูกิจผิดชอบหา เหตุสอด สองนา
นี่แหละบุคคลผู เพียบดวยความเจริญ
มวลผูชูปรีชา เสาะวิทยาไมหางเหิน
ผิดชอบกอบไมเกิน รูดําเนินตามเหตุผล
ชื่อวาปรีชาดี ผิดชอบมีพิจารณยล
ผูนั้นจักพลันดล พิพัฒนพนจักพรรณนา
ควรเราผูเยาววัย จงใฝใจการศึกษา
อบรมบมวิทยา ปรุงปรีชาใหเชี่ยวชาญ
ขั้นนี้จักชี้วา มีปญญาไมสมฐาน
ตองหัดดัดสันดาน กอบวิจารณใชปญญา
สังเกตตามเหตุผล ผิดชอบยลดวยปรีชา
ดังนี้จึงชี้วา มีปญญาอยางเพียบเพ็ญ
มีดพราถาหินให มีดคมไดมิยากเย็น
ถาใชมีดไมเปน ฟนคนเลนโทษมหันต
เมื่อใดใชมีดเปน กอบกิจเห็นคุณอนันต
ปญญากลาวมานั้น เปรียบไดกันกับศัสตรา
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)
๑๓๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๒. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๓. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๔. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๕. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๖. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๗. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๘. คํา…………………………. ความหมาย.........................................................
๙. คํา………..................…. ความหมาย.........................................................
๑๐. คํา……………………… ความหมาย.........................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๓๙
การถอดคําประพันธตองอาศัยหลักการดังนี้
๑. รูความหมายของคําศัพทในเรื่องนั้น ๆ ถูกตองถองแท
๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ
๓. ถอดความทีละบรรทัด/หรือวรรค โดยคํานึงถึงเรื่องราวกอนหนานั้น
๔. ทําความเขาใจ กับขอความที่ถอดตั้งไว
๕. เรียบเรียงขอความใหมเหมือนกําลังจะพูดเลาเรื่องราวนั้นใหผูอื่นฟง
ตัวอยางการถอดความ
ถอดความไดวา บุคคลทั้งหลายจะเปนผูที่มีความสามารถเชี่ยวชาญไดก็เพราะเปนผูใฝ
ศึกษาหาความรู ทําใหรูวาสิ่งใดควรทําหรือสิ่งใดไมควรทําไดอยางมีเหตุผล บุคคลนั้นคือ
บุคคลที่จะมีแตความเจริญกาวหนาตลอดไป
๑๔๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
มวลผูชูปรีชา เสาะวิทยาไมหางเหิน
ผิดชอบกอบไมเกิน รูดําเนินตามเหตุผล
ชื่อวาปรีชาดี ผิดชอบมีพิจารณยล
ผูนั้นจักพลันดล พิพัฒนพนจักพรรณนา
ควรเราผูเยาววัย จงใฝใจการศึกษา
อบรมบมวิทยา ปรุงปรีชาใหเชี่ยวชาญ
ถอดความได วา เราทุ ก คนที่ เ มื่ อ อายุ ยั ง น อ ย ควรใฝ ใ จศึ ก ษาหาความรู เพื่ อ เพิ่ มพูน
ความสามารถของตนเอง เพื่อใหเกิดความเชี่ยวชาญ
ขั้นนี้จักชี้วา มีปญญาไมสมฐาน
ตองหัดดัดสันดาน กอบวิจารณใชปญญา
สังเกตตามเหตุผล ผิดชอบยลดวยปรีชา
ดังนี้จึงชี้วา มีปญญาอยางเพียบเพ็ญ
ถอดความไดวา การจะทําอะไรตองพิจารณาดวยความรูความสามารถอยางมีเหตุผล
จึงจะพูดไดวาเรานั้นมีปญญาอยางเต็มเปยม
มีดพราถาหินให มีดคมไดมิยากเย็น
ถาใชมีดไมเปน ฟนคนเลนโทษมหันต
เมื่อใดใชมีดเปน กอบกิจเห็นคุณอนันต
ปญญากลาวมานั้น เปรียบไดกันกับศัสตรา
คําศัพท......................................................................................................................................
ถอดความไดวา........................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ควรเราผูเยาววัย จงใฝใจการศึกษา
อบรมบมวิทยา ปรุงปรีชาใหเชี่ยวชาญ
คําศัพท......................................................................................................................................
ถอดความไดวา........................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ขั้นนี้จักชี้วา มีปญญาไมสมฐาน
ตองหัดดัดสันดาน กอบวิจารณใชปญญา
คําศัพท......................................................................................................................................
ถอดความไดวา........................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๔๓
การสรุปความรู
การสรุปความรู เปนการสรุปความรูหรือทฤษฎีที่ปรากฏอยูในเรื่องที่อาน โดยเขียน
สรุปเปนประโยคสั้น ๆ หรือขอความสั้น ๆ เพื่อขยายความเขาใจใหชัดเจนมากขึ้น
การสรุปขอคิด
การสรุ ป ข อ คิ ด เป น การค น หาข อ คิ ด จากเรื่ อ งที่ อ า น ซึ่ ง ข อ คิ ด อาจแฝงอยู ใ น
เนื้อเรื่อง หรืออยูสวนทายของเรื่องที่อาน โดยผูอานอาจเขียนสรุปขอคิดเปนประโยค
หรือขอความสั้น ๆ ได หรือเปนคําคมก็ได
การสรุปความรูและขอคิด
จากเรื่องที่อาน คือ การคนหา เมื่อสรุปความรูและขอคิด
ขอคิดหรือคติสอนใจจากเรื่อง ได แ ล ว จึ ง นํ า ข อ คิ ด นั้ น มา
ที่อานวา เรื่องนั้น ๆ ใหขอคิด ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
ที่เปนประโยชนอะไรแกผูอาน
การบอกคุ ณ ค า ของเรื่ องที่ อา น เปนการอธิบายประโยชน หรือ สิ่ง ที่เ รีย กวา “ขอ ดี ”
โดยเขียนสรุปเปนประโยคหรือขอความสั้น ๆ เพื่อบอกใหรูวาเรื่องนั้นมีคุณคาแกผูอาน
อย า งไร เช น คุ ณ ค า ด า นเนื้ อ หา คุ ณ ค า ด า นวรรณศิ ล ป คุ ณ ค า สั ง คมและวั ฒ นธรรม
เปนตน
๑๔๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การสรุปความรูและขอคิดมีหลักพื้นฐานการปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานรอบแรกเพื่อดูชื่อเรื่องกอน แลวอานโดยมีคําถามในใจวา ใคร ทําอะไร
ที่ไหน เมื่อไร อยางไร ผลเปนอยางไร ขอความใดสําคัญใหขีดเสนใตไว
๒. อานอีกครั้ง โดยดูรายละเอียดของเนื้อหา เพื่อคนหาความรูสําคัญและขอคิด
๓. สามารถอานเพิ่มไดจนกวาจะเขาใจเนื้อหา
๔. ใหสรุปใจความสําคัญของแตละยอหนาไว
๕. นํ า ใจความสํ า คั ญ ที่ ร วบรวมไว ม าเขี ย นเรี ย บเรี ย งใหม อ ย า งละเอี ย ดและ
สละสลวย โดยใชสํานวนภาษาของตนเอง
๖. ทบทวนการสรุปความรูอีกครั้ง เพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไขหรือตองการ
เพิ่มเติม หลักการสรุปความจากเรื่องที่อาน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๔๕
สรุปความรูไดวา
สรุปขอคิดไดวา
สรุปคุณคาไดวา
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๔๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง
กาพยยานีลํานํา สิบเอ็ดคําจําอยาคลาย
วรรคหนาหาคําหมาย วรรคหลังหกยกแสดง
ครุลหุนั้น ไมสําคัญอยาระแวง
สัมผัสตองจัดแจง ใหถูกตองตามวิธี
(กําชัย ทองหลอ)
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๔๗
ภาษาจรรโลงใจ อานครั้งใดมีความสุข
เพลินใจไรความทุกข แสนสนุกทุกเวลา
อานแลวไดความรู เหมือนไปสูแดนหรรษา
เพลินพจนรจนา เพราะภาษาจรรโลงใจ
เพราะครูผูนําทาง ใชเรือจางรับเงินตรา
พุมพานจึงนํามา กราบบูชาพระคุณครู
หญาแพรกแทรกดอกไม พรอมมาลัยอันงามหรู
เข็มดอกออกชอชู จากจิตหนูผูรูคุณ
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ํา
สนธยาจะใกลค่ํา คํานึงหนาเจาตราตรู
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู
ตัวเดียวมาพลัดคู เหมือนพี่อยูผูเดียวดาย
(กาพยเหเรือ : เจาฟาธรรมธิเบศร)
วิชาเหมือนสินคา อันมีคาอยูเมืองไกล
ตองอยากลําบากไป จึงจะไดสินคามา
จงตั้งเอากายเจา เปนสําเภาอันโสภา
ความเพียรเปนโยธา แขนซายขวาเปนเสาใบ
(วิชาเหมือนสินคา : ไมปรากฏผูแตง)
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนตเสนงคง สําคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย
สถิตทั่วแตชั่วดี ประดับไวในโลกา
(สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)
๑๔๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เรื่อง
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๔๙
แผนภาพโครงเรือ่ ง การซักผา
๑. แยกผาสีและผาขาว และเตรียมกะละมังสําหรับซักผา
๒. เติมน้ําลงในกะละมังพอประมาณและใสผงซักออก
๕. บิดและสะบัดผา จากนั้นนําไปตากใหแหง
วิธีการซักผา
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๕๑
การเขียนอธิบาย
การเขียนอธิบาย เปนการเขียนเพื่อใหผูอานไดรับความรูและความเขาใจเรื่องราว
ตาง ๆ อยางละเอียดและถูกตอง ดวยกลวิธีที่หลากหลายและเหมาะสมกับเนื้อหา
วัตถุประสงคของการเขียนอธิบาย
เพื่อใหผูอานไดรับความรูและความเขาใจ ในเรื่องที่อธิบายอยางละเอียด ชัดเจน
ถูกตอง ตรงตามที่ผูเขียนอธิบายตองการ
ความสําคัญของการเขียนอธิบาย
๑. ชวยใหผูอานไดรับความรูและเขาใจความหมายของคําไดอยางถูกตอง
๒. ชวยใหผูอานเขาใจเรื่องราวตาง ๆ ไดชัดเจน และกวางขวางมากขึ้น
๓. ชวยใหผูอานเขาใจสาระสําคัญอันเกี่ยวของกับสังคมและวัฒนธรรมไดอยาง
ถูกตอง
๔. ชวยใหผูอานเกิดองคความรูใหมและมีประโยชนตอการเรียนการสอน
หลักการเขียนอธิบาย
การเขียนอธิบายที่ดีควรมีหลักการเขียน ดังนี้
๑. กําหนดวัตถุประสงคในการเขียนใหชัดเจนวา ตองการเขียนอธิบายเรื่องอะไร
และมีวัตถุประสงคใน การเขียนอยางไร เพื่อจะไดเลือกวิธีเขียนอธิบายไดอยางเหมาะสม
๒. เตรียมเนื้อเรื่องหรือขอมูล โดยศึกษาคนควาจากหนังสือหรือสื่ออื่น ๆ เชน
หนังสือ คูมือ ตํารา นิตยสาร วารสาร วิทยุ โทรทัศน และอินเทอรเน็ต เปนตน
๓. กําหนดโครงเรื่องที่จะเขียน เพื่อเรียบเรียงความคิดและขอมูลใหมีความตอเนื่อง
และนาสนใจ
๔. เลือกวิธีการอธิบายใหเหมาะสมสอดคลองกับเรื่อง ในบางครั้งอาจจะตองใชวิธี
อธิบายมากกวา ๑ วิธีในการเขียนอธิบายก็ได
๕. ควรใชภาษาที่เขาใจงาย กระชับ รัดกุม และตรงไปตรงมา เพื่อใหผูอานเขาใจ
เรื่องไดอยางชัดเจน
๑๕๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
จุดประสงค................................................................................................
ขั้นตอนการทํางาน
.....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
สรุปการทํางาน.......................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๕๓
การพูดรายงานลําดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน
เปนการพูดเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคนควาจากการฟง การดู และการสนทนา เปนวิธีการ
ที่เหมาะสําหรับแลกเปลี่ยนความรู เพื่อนําเสนอทฤษฎี นําเสนอวิธีการ นําเสนอเรื่องราวตาง ๆ
หลักการพูดรายงานลําดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน
๑. เริ่มพูดรายงานดวยการกลาวนํา เชน ทักทายผูรวมงาน บอกจุดประสงค บอกแหลงขอมูล
๒. ออกเสียงถูกตอง เสียงดังพอประมาณ น้ําเสียงนุมนวลนาฟง
๓. พูดตามลําดับเนื้อหา ลําดับขั้นตอน หรือลําดับเหตุการณและตอเนื่องสัมพันธกัน
๔. มีบุคลิกภาพที่ดี ยืนหรือนั่งอยางสํารวม
๕. รักษาเวลาในการพูดตามที่กําหนด ไมพูดยืดเยื้อ ไมพูดวกวนไปมา
๖. เมื่อพูดรายงานจบ ควรเปดโอกาสใหผูฟงซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
๗. กลาวขอบคุณเมื่อไดรับคําชมเชย หรือขอคิดเห็นเรื่องตาง ๆ
มารยาทในการพูดที่ดี มีดังนี้
๑. พูดจาไพเราะดว ยคํา สุภาพ ไม ห ยาบคาย และไม พูดว า ร า ยผู อื่น ๒. ไม แ ย งกั นพูด
ไมแทรกจังหวะผูอื่น ๓. พูดดวยน้ําเสียงที่นุมนวล หนาตามยิ้มแยมแจมใส และ ๔. ใชความดัง
ของเสียงใหพอเหมาะ ไมเสียงเบาหรือดังเกินไป
มารยาทในการฟงและดูที่ดี มีดังนี้
๑. ฟงและดูดวยความตั้งใจตั้งแตตนจนจบ
๒. ปรบมือเมื่อจบการฟงหรือการดู
๓. ไปถึงสถานที่ที่มีการแสดงกอนเวลา ประมาณ ๑๕ นาที
๔. ไมนําอาหาร-เครื่องดื่มเขาไปในงาน
๕. เมื่อมีขอสงสัยควรถาม เมื่อผูพูดเปดโอกาสใหถาม ไมควรถามแทรกขณะที่ผูพูดกําลังพูดอยู
๖. ไมสงเสียงรบกวนผูอื่นหรือพูดคุยหรือเลนในขณะฟงและดู
๗. ไมควรแสดงทาทางไมพอใจเมื่อไมชอบใจ
๘. ไมควรแสดงกิริยาที่ไมเหมาะสม เชน โหรอง
๙. ไมควรเดินเขาเดินออกขณะที่ผูพูดกําลังพูด หากมีความจําเปนควรทําความเคารพกอน
๑๕๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนแบบรางการพูดนําเสนอลําดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน
แบบรางการพูดเรือ่ ง........................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๕๕
การเขียนยอความ
เปนการเขียนจากการอานเก็บใจความสําคัญเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แลวนํามาเรียบ
เรียงใหมเปนถอยคําสํานวนของผูเขียนเอง และเขียนใหถูกตองตามรูปแบบของยอความ
การเขียนยอความที่ดี ผูเขียนจะตองอานเรื่องใหเขาใจ ควรอานเรื่องโดยละเอียด
และทําความเขาใจเรื่องนั้น ๆ แลวนํามาเรียบเรียงใหมเปนถอยคําที่สละสลวย
หลักการเขียนยอความ
๑. อานเนื้อเรื่องใหตลอดโดยละเอียดอยางนอย ๒ ครั้ง ครั้งแรกอานสํารวจอยาง
คราว ๆ อานเร็ว ๆ เพื่อใหรูวาเรื่องนั้นกลาวถึง “ใคร ทําอะไร กับใคร ที่ไหน อยางไร
เมื่อไร และผลเปนอยางไร” จากนั้นจึงอานอยางละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาใจความสําคัญ
ของเรื่อง
๒. วิเคราะหเนื้อหาวาเปนงานเขียนแบบใด ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น หรือแสดงอารมณ
๓. บันทึกใจความสําคัญเปนถอยคําของผูเขียน ใชคําสั้นที่สุดและเขาใจงาย
๔. ตัดเนื้อหาที่ไมจําเปนออก เชน การยกตัวอยาง รายละเอียด การเปรียบเทียบ
๕. ถามีเนื้อหาคําพูด ใหเปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ เปนสรรพนามบุรุษที่ ๓
๖. ไมใชอักษรยอ หากมีคําราชาศัพทตองเขียนใหถูกตอง และแปลความหมาย
ควรเปลี่ยนเปนคําที่อานงาย
๗. เมื่อเขียนยกรางยอความแลว ใหอานอีกครั้งหนึ่งและแกไขใหสมบูรณ โดยตัด
ขอความที่ซ้ําซอนออก ใหเนื้อหากระชับ รัดกุมและสัมพันธกันตั้งแตตนจนจบ
๘. ใหเขียนขึ้นตนตามรูปแบบของยอความ ใหรูที่มาของเรื่องที่นํามายอ แลวจึง
เขียนเนื้อเรื่องที่ยอ
รูปแบบของยอความทั่วไป
ยอเรื่อง................................................ผูแตง......................................................
จากหนังสือ..........................................................................ความวา
รูปแบบการขึ (เนื้อเรื้น่อยงที ่ยอ)....................................................................................................
อความ (สวนนํา)
......................................................................................................................................
๑๕๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ยอความเรียงรอยแกวธรรมดา ขึ้นตนดังนี้
ยอเรื่อง...........................ของ (ชื่อผูแตง)....................จากหนังสือ ...................
หนา...........ความวา
๒. ยอจดหมาย ขึ้นตนดังนี้
จดหมายของ.......................ถึง.....................ลงวันที่...........เดือน .....................
พ.ศ. .............. ความวา
๖. ยอคําประพันธ ขึ้นตนดังนี้
คําประพันธประเภท...............เรื่อง.................ของ .................... ตอน..............
ความวา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๕๗
ตัวอยางการยอความ
“พานไหวครู”
“ไหวครู” เปนกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อระลึกพระคุณของครูบาอาจารยที่ไดอบรมให
ความรูแกลูกศิษย ดังนั้น ในทุกปจึงมีการจัดพิธีไหวครูขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความเคารพ
บูชาของศิษยที่มีตอครู ในพิธีไหวครู สิ่งที่สําคัญอยางหนึ่งก็คือ เครื่องสักการะ โดยมาก
มักจัดในรูปพานดอกไม ธูปเทียน อยางงดงามประณีตที่สุด เพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริง
ของลูกศิษย
สิ่งที่ใชในการสักการะในพิธีไหวครู มีอยูสามสิ่งที่ขาดไมได คือ ดอกมะเขือ เปน
สั ญ ลั ก ษณ ข องความอ อ นน อ มถ อ มตน หญ า แพรก เป น สั ญ ลั ก ษณ ข องความอดทน
ขาวตอก เปนสัญลักษณความมีระเบียบวินัย ในเมื่อสามสิ่งนี้เปนตัวแทนสัญลักษณที่มี
ความหมายอั น เป น มงคล ดั ง นั้ น จึ ง พบว า พานไหว ค รู มั ก จะถู ก ตกแต ง ด ว ยสามสิ่ ง นี้
ในการแต ง พานจะป น ดิ น เหนี ย วเป น ทรงแหลมคล า ยเจดี ย ป ก ดอกไม มะเขื อ พวง
ดอกมะลิ ดอกรัก หรือดอกไมตาง ๆ เทาที่จะหาไดลงบนดินเหนียว ตกแตงเปนทรงพุม
พิธีไหวครูมักจัดสองพาน แยกเปนพานดอกไม และพานธูปเทียน พานดอกไมนิยมให
ผูหญิงถือ สวนพานธูปเทียนนิยมใหผูชายถือ
พานไหวครูในปจจุบันจะตกแตงไปตามความคิดสรางสรรคของแตละคน และถูก
ตกแตงดวยดอกไมหรือวัสดุตาง ๆ เพื่อใหสวยงาม และปจจุบันนี้มีการประกวดการแตง
พานไหวครู ดังนั้น ในทุกปนักเรียนในโรงเรียนนอกจากจะแตงพานไหวครูแลวยังทําเพื่อ
การประกวดอีกดวย
ตัวอยางยอความ
ยอบทความเรื่อง พานไหวครู จากวารสารกินนรี ฉบับเดือนพฤษภาคม พ.ศ.
๒๕๔๗ ของใบบุญ ความวา
พานไหวครูเปนเครื่องสักการะในพิธีไหวครู เพื่อแสดงออกถึงความเคารพบูชา
ของศิษยที่มีตอครู มักตกแตงดวยของสามสิ่งที่เปนสัญลักษณที่มีความหมายอันเปน
มงคล ประกอบดวย ดอกมะเขือ หญาแพรก และขาวตอก นิยมจัดเปนสองพาน คือ
พานดอกไม แ ละพานธู ป เที ย น ป จจุ บั น นั ก เรี ย นแต ง พานเพื่ อ ไหว ค รู ดว ยความคิ ด
สรางสรรคเพื่อประกวดอีกดวย
๑๕๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๕๙
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๖๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนคําขวัญ
คําขวัญ คือ ถอยคําที่แตงขึ้นเพื่อเตือนใจ เชิญชวน หรือขอรองใหผูอาน ผูฟง
ยึดเปนแนวทางในการปฏิบัติ ถอยคํามักมีความคลองจองหรือมีสัมผัสเปนรอยกรองสั้น ๆ
เพื่อใหจดจําขึ้นใจ
หลักการเขียนคําขวัญ
คําขวัญมีหลักการเขียนดังนี้
๑. ใชถอยคํากะทัดรัด สละสลวย มีสัมผัสคลองจองกัน
๒. ใชขอความเชิงขอคิดใหสอดคลองกับโอกาส เชน การตอนรับนักเรียนใหม
การไวอาลัย การเปดกิจการ แตละโอกาสจําเปนตองใชคติพจนหรือคําขวัญแตกตางกัน
๓. ใชขอความและขอคิดเหมาะสมแกฐานะของผูใหและผูรับหรือของหมูคณะ
ตัวอยางคําขวัญ
ทรัพยากรน้ํามีวันหมด ใชทุกหยดอยางรูคุณคา
น้ําประปามีคาตอชีวิต ประหยัดกันสักนิด ชวยเศรษฐกิจได
รวมภูมิใจในเอกราช อนุรักษชาติภาษาไทย
ยึดมั่นในความดี สามัคคีรวมใจ สุจริตโปรงใส ชาติไทยพัฒนา
เด็กดีเปนศรีแกชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
รูคิด รูเทาทัน สรางสรรคเทคโนโลยี
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๖๓
..........................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
๑๖๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
นิทานพื้นบานเรื่อง
นิทานพื้นบานภาคใด
นิทานพื้นบานชวนอานชวนคิด
สรุปความรูจากนิทานพื้นบาน
ชื่อ...........................................นามสกุล..........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๖๗
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรือ่ ง ผูรูดีเปนผูเ จริญ
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ ถอดความจากบทรอยกรอง
๒ เขียนยอความ
๓ พูดนําเสนอลําดับขั้นตอนปฏิบัติงาน
๔ แตงกาพยยานี ๑๑
๕ สรุปความรูและขอคิดจากเรื่องที่อาน
…………………………………………….............................................................................................................
................................................................................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
.
๓. สิ่งที่ฉนั ตั้งใจจะทําใหดีขนึ้ ในการเรียนหนวยตอไป (สามารถเขียนไดมากกวา ๑ อยาง)
……………………………………………........................................................................................................
…………………………………………….......................................................................................................
.........................................................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๑ เรื่อง ผูรูดีเปนผูเจริญ ๑๖๘
ชื่อ............................................สกุล.................................ชั้น.................เลขที่............
ประจํา : กลางภาค ปลายภาค หนวยการเรียนรูที่.......
สิ่งหนึ่งที่ฉันไดเรียนรูจากการเรียนวิชานี้ในกลางภาคเรียน คือ ........................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
ฉันนาจะเรียนรูไดดีกวานีห้ าก ........................................................................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒
ตามรอยเจาฟานักอาน
๑๗๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
พระราชประวัติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจาฟามหาจักรี
สิ ริน ธร มหาวชิ ราลงกรณวรราชภั กดี สิ ริกิ จการิ ณี พี รยพั ฒ น รั ฐสี มาคุ ณ ากรป ย ชาติ
สยามบรมราชกุมารี เปนสมเด็จพระเจาลูกเธอพระองคที่ ๓ ในพระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปหลวง พระองคทรงพระราชสมภพเมื่อวันเสาร
ที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไดรับพระราชทาน
พระนามวา สมเด็จพระเจาลูกเธอ เจาฟาสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเป น พระราชวงศ พ ระองค แ รกที่ เ รี ย นหนั ง สื อ อย างสามั ญ ชนทั่ ว ไป พ.ศ. ๒๕๐๑
ทรงเขาศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา ขณะพระชนมายุ ๓ พรรษาเศษ พ.ศ. ๒๕๐๓
จนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน พ.ศ. ๒๕๑๕ ทรงสอบไลจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ในแผนกศิ ล ปะด ว ยคะแนนสูง สุดของประเทศ ทรงโปรดการอ านหนัง สือ มาก ตั้ ง แต
ทรงพระเยาวจวบจนปจจุบันทรงสนับสนุนการอานของประชาชน ดังในพระราชกรณียกิจ
ที่ทรงประจําทุกป คือ เสด็จฯ เปดงานสัปดาหหนังสือแหงชาติ รวมทั้งพระราชทาน
รางวัลแกผูชนะการประกวดหนังสือดีเดน ประจําป
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ ทรงสอบไดลําดับที่ ๑ ในการสอบขอสอบของกระทรวงศึกษาธิการ
ดวยคะแนนรวมรอยละ ๘๙.๓๐ ตอมาป พ.ศ. ๒๕๑๖ ทรงสอบเขาศึกษา คณะอักษรศาสตร
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ทรงเปนนิสิตรุน อบ.๔๑ สาขาวิชาเอก ประวัติศาสตร ทรงเปน
เจาฟาองคแรกที่สําเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย และทรงไดรับเกียรติ
นิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ดวยคะแนนเฉลี่ย ๓.๙๘
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๗๑
พระราชกรณียกิจ
พระราชกรณียกิจสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงบําเพ็ญพระองคใหเปนประโยชนแกชาติบานเมือง โดยเสด็จ
พระราชดําเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคตาง ๆ อยูเสมอ และทรงชวยเหลือ
กิจการโครงการตามพระราชดําริทุกโครงการ พรอมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรง
ดําเนินการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ในดานตาง ๆ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงจัดตั้งโครงการตาง ๆ เพื่อ
พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนผูยากไรในชนบท โดยเฉพาะการสงเสริมสุขภาพ
อนามั ย และแก ไ ขป ญ หาภาวะทุ พ โภชนาการ ทรงเห็ น ว า เด็ ก จะเรี ย นหนั ง สื อ ไม ไ ด
ถาทองหิว หรือเจ็บปวย จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในโรงเรียนตํารวจ
ตระเวนชายแดน ตั้งแตพุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงเห็นความสําคัญของการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จึงพระราชทานพระราชทรัพยใหกอสรางโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ศูนยการเรียนชุมชน
สําหรับชาวไทยภูเขา หองเรียนเคลื่อนที่ ทั้งพระราชทานพระราชทรัพยเปนคาตอบแทน
ครูผูสอน และทรงจัดหาอุปกรณการเรียนการสอนพระราชทาน เพื่อใหเยาวชนมีโอกาส
ไดรับการศึกษาที่เหมาะสม จะไดมีความสามารถในการพึ่งตนเอง และเปนที่พึ่งของ
ครอบครัวไดในอนาคต ทรงติดตามการดําเนินงาน โครงการตามพระราชดําริอยางใกลชิด
และเสด็จพระราชดําเนินเยี่ยมราษฎรในโครงการ ดวยพระองคเองเสมอ
นอกเหนือจากงานพัฒนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงสนพระทัยงานศิลปวัฒนธรรมไทยเปนอยางยิ่ง มีพระราชดําริวา ควรจะมีการถายทอด
งานดานวัฒนธรรมไปสูเด็กและเยาวชนรุนใหม ผานกระบวนการจัดการศึกษาอบรม
ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อใหคนรุนใหม
เหลานี้ไดเรียนรู ตระหนักความสําคัญ รักและผูกพันในศิลปวัฒนธรรมของชาติ สามารถ
สืบทอดเพื่อการอนุรักษและอาจพัฒนาเปนอาชีพได ทรงสนับสนุนการดําเนินกิจกรรม
เพื่ออนุรักษและสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทย
๑๗๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
พระปรีชาสามารถ
เมื่อครั้งทรงเรียนอยูที่โรงเรียนจิตลดา ทรงใฝพระทัยศึกษาเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรี
ซอดวง ซอสามสาย ซออู จะเข ระนาด และขลุย ครูดนตรีไทยของพระองคไดแก ครูนิภา
อภัยวงศ, ครูจินดา สิงหัตน, ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล เปนตน ทรงเรียนระนาดเอก
กับครูสิริชัยชาญ ฟกจํารูญ
เมื่อทรงเขาศึกษาตอที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ก็ทรงดนตรีกับพระสหายในชมรม
ดนตรีไทย และทรงเรียนขับรองเพลงไทยกับอาจารยเจริญใจ สุนทรวาทิน ในดานการขับรอง
เพลงไทยทํานองเสนาะ พระองคทรงเรียนกับอาจารยกําชัย ทองหลอ และอาจารยเจริญใจ
สุนทรวาทิน สวนการประพันธบทเพลงนั้น ทรงนิพนธเพลงลูกทุงเพลงเปนแรกใน ป พ.ศ.
๒๕๑๓ ชื่อเพลงสมตํา เพลงอื่น ๆ ที่ทรงนิพนธไวไดแก เพลงเตากินผักบุง, เพลงพญาโศก
เพลงดุจบิดามารดร และเพลงลอยประทีปเถา เปนตน
นอกจากดนตรีไทยแลว พระองคยังทรงดนตรีสากลดวย โดยทรงเริ่มเรียนเปยโน
ตั้ ง แต พ ระชนมายุ ๑๐ พรรษา แต ไ ด ท รงเลิ ก เรี ย นหลั ง จากนั้ น ๒ ป และทรงฝ ก
เครื่องดนตรีสากล ประเภทเครื่องเปา จากพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว จนสามารถ
ทรงทรัมเปตนําวงดุริยางคในงานคอนเสิรตสายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนําวงดุริยางค
ในงานกาชาดคอนเสิรต
ดานพระราชนิพนธ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โปรดการอานหนังสือ และการเขียน ตั้งแตครั้งยังทรงพระเยาว ประกอบกับพระปรีชา
ดานอักษรศาสตร และภาษา ทั้งภาษาไทย และภาษาตางประเทศ เปนเหตุใหทรงเริ่ม
งานพระราชนิพนธ ทั้งรอยแกว และรอยกรองมากมาย งานพระราชนิพนธที่เปนที่รูจัก
โดยทั่ ว ไป ได แ ก หนั ง สื อ พระราชนิ พ นธ ชุ ด เสด็ จ พระราชดํ า เนิ น เยื อ นต า งประเทศ
งานพระราชนิพนธบทกวี และงานพระราชนิพนธแปล เปนตน พระองคทรงประพันธ
และแปลหนังสือมากมาย รวมทั้งหนังสือสําหรับเด็กและเยาวชน โดยทรงใชพระนามแฝง
หลายชื่อ อาทิ แวนแกว ที่ทรงใชเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ ในหนังสือพระราชนิพนธสําหรับเด็ก
ไดแก แกวจอมซน แกวจอมแกน และขบวนการนกกางเขน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๗๓
สรุปพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….……………………
………………………………………………………………………………………………………………..……
๑๗๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
สรุปพระราชนิพนธและพระปรีชาสามารถ
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
วิเคราะหขอคิดที่ไดจากการศึกษาพระราชประวัติ
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………….
นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดไปปรับใชในชีวิตจริงอยางไร
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………….
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๗๕
การพูดรายงาน
การพูดรายงานการศึกษาคนควา คือ การบอกเลา ชี้แจง แสดงผลจากเรื่องที่ไป
ศึกษาคนควา การพูดรายงานมีความสําคัญในฐานะที่เปนการเผยแพรความรูความคิด
เพื่อสรางความเจริญงอกงามทางสติปญญา ดังนั้น จึงถือวาเปนทักษะที่ควรศึกษาเรียนรู
และฝกฝนใหเกิดความชํานาญ
การพูดรายงานการศึกษาคนควา คือการรายงานความรูจากการคนควา โดยวางแผน
การพูดเปนระบบ อาจมีอุปกรณเสริมเพิ่มความชัดเจน เชน รูปภาพ แผนภูมิ ฯลฯ หรือมี
กิจกรรม เชน การเลนเกม ฟงเพลง การซักถาม เพื่อเพิ่มความนาสนใจ
การพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคนควาจากการฟง การดู และการสนทนา
ก็เปนวิธีการที่เหมาะสําหรับแลกเปลี่ยนความรู การพูดรายงานยังอาจพูดเพื่อนําเสนอ
ทฤษฎี นําเสนอวิธีการหรือนําเสนอเรื่องราวตาง ๆ ก็ได
หลักการพูดรายงาน
๑. เริ่มพูดรายงานดวยการกลาวนํา เชน ทักทายผูรวมงาน บอกจุดประสงคของ
การพูดรายงาน บอกแหลงขอมูลที่จะมานําเสนอ
๒. ในขณะเริ่มรายงานควรพูดใหชัดเจน ออกเสียงใหถูกตอง เสียงดังพอประมาณ
น้ําเสียงนุมนวลนาฟง
๓. รายงานเรื่องตามลําดับเนื้อหา ลําดับขั้นตอน หรือลําดับเหตุการณใหถูกตอง
และตอเนื่องสัมพันธกัน ควรมีแหลงอางอิงเพื่อความนาเชื่อถือ และควรทําความเขาใจ
เนื้อหาใหถองแท เพื่อประโยชนในการอธิบายและตอบขอซักถาม
๔. มีบุคลิกภาพที่ดี ยืน หรือนั่งอยางสํารวม
๕. รักษาเวลาในการพูดตามที่กําหนด ไมพูดยืดเยื้อวกวน
๖. เมื่อพูดรายงานจบ ควรเปดโอกาสใหผูฟงซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
๗. กลาวขอบคุณเมื่อไดรับคําชมเชย หรือขอคิดเห็นเรื่องตาง ๆ
๑๗๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนแบบรางการพูดรายงานจากการชมพระราชกรณียกิจของสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เรื่อง
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๗๗
การสรุปความรูและขอคิดมีหลักพื้นฐานการปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานรอบแรกเพื่อดูชื่อเรื่องกอน แลวอานโดยมีคําถามในใจวา ใคร ทําอะไร
ที่ไหน เมื่อไร อยางไร ผลเปนอยางไร ขอความใดสําคัญใหขีดเสนใตไว
๒. อานอีกครั้ง โดยดูรายละเอียดของเนื้อหา เพื่อคนหาความรูสําคัญและขอคิด
๓. สามารถอานเพิ่มไดจนกวาจะเขาใจเนื้อหา
๔. ใหสรุปใจความสําคัญของแตละยอหนาไว
๔. นํ า ใจความสํ า คั ญ ที่ ร วบรวมไว ม าเขี ย นเรี ย บเรี ย งใหม อ ย า งละเอี ย ดและ
สละสลวย โดยใชสํานวนภาษา ของตนเอง
๕. ทบทวนการสรุปความรูอีกครั้ง เพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไขหรือตองการ
เพิ่มเติม หลักการสรุปความจากเรื่องที่อาน
การสรุ ป คุ ณ ค า ของเรื่ อ งที่ อ า น เป น การอธิ บ ายประโยชน ห รื อ สิ่ ง ที่ เ รี ย กว า
“ขอดี” โดยเขียนสรุปเปนประโยคหรือขอความสั้น ๆ เพื่อบอกใหรูวาเรื่องนั้นมีคุณคาแก
ผูอานอยางไร เชน คุณคาดานเนื้อหา คุณคาดานวรรณศิลป คุณคาสังคมและวัฒนธรรม
เปนตน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๗๙
ตอบคําถามจากการอาน
๑. พระราชกระแสขางตน มีใจความสําคัญวาอยางไร
๑๘๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๓. นักเรียนสรุปความรูจากการอานพระราชกระแสที่กําหนดใหไดอยางไร
๔. นักเรียนไดรับคุณคาและขอคิดอะไรบาง จากการอานพระราชกระแสที่กําหนดให
ชื่อ..........................................นามสกุล.........................................ชั้น...........เลขที่..........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๘๑
คําราชาศัพท
คําราชาศัพท คือ ภาษาหรือถอยคําที่กําหนดขึ้นใชใหเหมาะสมกับระดับชั้นของ
บุคคล ไมเฉพาะแตพระมหากษัตริยเพียงเทานั้น แตยังรวมถึงพระบรมวงศานุวงศ ตั้งแต
ชั้นหมอมเจาลงมาถึงพระภิกษุสงฆ ขุนนางหรือขาราชการชั้นผูใหญ และสุภาพชน
ลักษณะของคําราชาศัพท เปนคําเฉพาะที่ใชสื่อสารเฉพาะบุคคล ซึ่งแสดงถึ ง
วัฒนธรรมการใชภาษาไทย เพราะสังคมไทยมีระดับบุคคลที่ตางกัน
การแบงลําดับชั้นของบุคคลในการใชคําราชาศัพทออกเปน ๕ ระดับ ดังนี้
๑. พระมหากษัตริย
๒. พระบรมวงศานุวงศ
๓. พระสังฆราชเจาและพระสงฆ
๔. ขุนนาง ขาราชการชั้นสูง
๕. สุภาพชน
คําราชาศัพท เปนลักษณะการใชถอยคําที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมการใชภาษา
ของไทยที่ชัดเจนอันเปนผลสืบเนื่องมาจากระบบและรูปแบบการปกครอง ภาษาไทย
เปนภาษาที่มีลักษณะพิเศษ เพราะแจกแจงการใชถอยคําตามระดับชนชั้นของบุคคล
เพื่อใหถูกตองและเหมาะสมตามกาลเทศะ คําราชาศัพทจึงเปนเอกลักษณที่สําคัญยิ่งของ
ชนชาวไทย เราคนไทยจึงมีความจําเปนตองใชคําราชาศัพทไดทั้งในการพูดและการเขียน
ตลอดจนเขาใจความหมายของคําราชาศัพททั้งในการอานและการฟงเพื่อใหการสื่อสาร
มีประสิทธิภาพ
๑๘๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ลักษณะการใชคําราชาศัพท
คําราชาศัพทใชสําหรับสามัญชนพูดกับพระเจาแผนดิน พระราชินี และพระบรม
วงศานุวงศ พระเจาแผนดิน พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศจะใชคําสามัญ ไมใช
คําราชาศัพทยกยองพระองคเอง พระเจาแผนดินจะใชราชาศัพทกับพระบรมวงศานุวงศ
ที่ทรงศักดิ์สูงกวาทางสืบสายโลหิตหรือทางการนับพระญาติ เชน ปู ยา ตา ยาย พอ แม
ลุง ปา นา อา พี่ และบรมวงศานุวงศ สวนเจานายจะใชราชาศัพทระหวางกัน เมื่อผูพูด
มีอิสริยยศต่ํากวา เชน เจานายมีศักดิ์เปนลุง กับหลานซึ่งเปนพระเจาแผนดิน
การแบงคําราชาศัพทหมวดตาง ๆ
การแบงหมวดหมูคําราชาศัพท ออกเปนหมวด ๆ นั้น เพื่อใหงายตอการจดจํา
และการใชถอยคํา เราจึงจัดเรียงคําราชาศัพทใหเปนหมวดหมู โดยมีทั้งคําราชาศัพท
หมวดตาง ๆ เชน หมวดเครือญาติ หมวดเครื่องใชตาง ๆ หมวดรางกาย หมวดกริยา
หมวดทั่วไป เปนตน
หมวดคําราชาศัพท
เครือญาติ คําสรรพนาม
รางกาย คํากริยา
เครื่องใช
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๘๓
คําราชาศัพทหมวดเครือญาติ
คําราชาศัพทหมวดรางกาย
คําราชาศัพทหมวดเครื่องใช
คําราชาศัพทหมวดคํากริยา
คําราชาศัพทหมวดคําสรรพนาม
๑. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๒. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๓. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๔. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๕. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๑๘๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๖. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๗. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๘. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๙. คําราชาศัพท.......................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
๑๐. คําราชาศัพท....................................หมวดหมู............................................................
การแตงประโยค.................................................................................................................
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๘๙
การอานหนังสือที่มีคุณคาตามความสนใจ เปนการเลือกอานหนังสือที่ตนเองชอบ
เช น บทความ สารคดี การ ตูน เรื่ อ งสั้ น นิ ย าย นวนิ ย าย นิ ทาน จากนั้ น เขี ย นแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อาน และสรุปใจความสําคัญจากเรื่องตามความเขาใจของ
ตนเอง และสามารถนําขอคิดที่ไดจากการอานไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
การเลือกหนังสืออาน
การเลือกหนังสืออานมีความจําเปนมาก นักอานที่ดีจะตองเปนผูที่รูจักวิธีเลือก
หนังสืออาน ใหไดประโยชนสูงสุดแกการอาน โดยพิจารณาวิธีเลือก (ศิวกานท ปทุมสูติ,
๒๕๔๐, หนา ๑๙-๒๐) ตอไปนี้
๑. เลือกหนังสือที่มีสาระเรื่องราวตรงกับความตองการหรือความจําเปนที่ตองอาน
๒. เลือกหนังสือที่ดีมีคุณลักษณะ ดังนี้
๒.๑ หนังสือที่เปนที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแลววาดี
๒.๒ หนังสือที่มีกระแสวิพากษวิจารณอยางกวางขวางวาดี
๒.๓ หนังสือที่ไดรับรางวัลสําคัญ ๆ ในการประกวดขององคกรที่มีคุณภาพ
๒.๔ หนังสือซึ่งเขียนโดยนักเขียนที่มีคุณภาพเปนที่ยอมรับของแวดวงนักอาน
๒.๕ หนั ง สื อ ที่ มี คุ ณ ค า ดี พ ร อ มทุ ก ด า น ได แ ก ด า นเนื้ อ หา ด า นความคิ ด
ดานกลวิธี ดานทางภาษา ดานรูปแบบและการนําเสนอ
๒.๖ หนังสือที่ไดรับการยอมรับศึกษาสืบทอดกันมาทุกยุคทุกสมัย
๒.๗ เลือกหนังสือที่จะไมโนมนําไปในทางเสื่อมทั้งปวง
การอานและจับใจความสําคัญ
ในการอานหนังสือตามความสนใจ ผูอานจะตองมีหลักและพื้นฐานในการอาน
จับใจความสําคัญจากเรื่องที่อาน ซึ่งมีหลักเกณฑการอาน (ฉวีลักษณ บุณยะกาญจน,
๒๕๔๗, หนา ๑๑-๑๒) ดังนี้
๑. ตั้งใจอาน มีสมาธิแนวแน พยายามอานอยางรวดเร็วจะชวยใหเก็บใจความ
สําคัญไดดีกวาอานชา ๆ เพราะการอานอยางเร็วนั้นจะทําใหความหมายของขอความ
แตละชวงสายตาที่ผูอานเขาใจ จะยังคงอยู และนํามาสัมพันธกัน ทําใหเขาใจขอความ
๑๙๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ประเภทของหนังสือที่อาน............................................................................................
๒. ชื่อหนังสือ/ชื่อเรื่องที่อาน..............................................................................................
๓. สรุปความรูที่ไดจากการอาน.........................................................................................
๕. ขอคิดที่ไดจากเรื่องที่อาน..............................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
๖. เรื่องนี้ใหสาระความรูและขอคิดที่เปนประโยชนตอนักเรียนหรือไม เพราะอะไร
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๑๙๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
หนังสือตาง ๆ
วรรณคดี บันทึก
นิตยสาร
ประเภทของวรรณกรรมไทย
วรรณกรรมไทย แบงเปน ๒ ชนิด ไดแก
๑. วรรณกรรมรอยกรอง คือ ลักษณะงานเขียนที่ใชภาษาที่สละสวย คลองจองกัน
มีสัมผัสบังคับตามรูปแบบฉันทลักษณ เชน พระอภัยมณี ขุนชางขุนแผน สังขทอง นิราศ
รามเกียรติ์ บทเหกลอมเรื่อง กากี ฯลฯ โดยจะใชคําประพันธประเภทโคลง ฉันท กาพย
กลอน ราย ประเภทตาง ๆ ในการแตง
๒. วรรณกรรมรอยแกว คือ งานเขียนแบบความเรียงหรือเรียงความ ที่ไมใช
ภาษาคลองจอง เชน เรื่องสั้น สารคดี วรรณกรรม บทความ นิทาน เพลง ฯลฯ
การเขียนสรุปเรื่อง
การเขียนสรุปเรื่องหรือเขียนสรุปความ เปนการสรุปแนวคิดหลักหรือประเด็น
สําคัญของเรื่อง จากการฟงหรือการอาน แลวถายทอดใหผูอื่นเขาใจ จึงตองเก็บใจความ
สําคัญของเรื่อง แลวนํามาเขียนใหมเพื่อใหงายใน การเขาใจ
วิธีการเขียนสรุปเรื่อง
เนื้ อ หาและงานเขี ย นแต ล ะประเภทมี วิ ธี ก ารที่ แ ตกต า งกั น ไปในรายละเอี ย ด
ปลีกยอยแตหลักการและขั้นตอนในภาพรวมมีความคลายคลึงกัน ดังนี้
๑. อานหรือฟงเรื่องราวใหเขาใจทั้งหมดอยางนอย ๒ เที่ยว เพื่อใหเขาใจวาเรื่อง
ที่อานเกี่ยวของกับ “ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร อยางไร ผลเปนอยางไร”
๒. พิจารณาประเภทของสาร/ประเภทของงานเขียน
๓. พิจารณาวัตถุประสงคของเรื่อง/งานเขียน เพื่อสรางกรอบประเด็นเนื้อหา
๔. คนหาประเด็นเรื่องจากชื่อเรื่อง หรือจากยอหนา
๕. คนหาหัวขอยอยจากแตละยอหนา
๖. คนหาใจความสําคัญตามหัวขอยอยใหถูกตองและครบถวน
๗. หากใจความสําคัญยังไมชัดเจน อาจจําเปนตองสรุปประเด็นจากเนื้อเรื่องยอย
๘. จัดเรียงประเด็นความคิด และลําดับเรื่องราว ดวยภาษาของตนเอง
๙. เรียบเรียงดวยภาษาเขียน ใชคําที่สั้น เขาใจงาย และไดใจความ ไมควรใช
คํายอ
๑๐. อานทบทวนและขัดเกลาภาษาใหสละสลวย
๑๙๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เรื่องยอ
จันทโครพ เปนโอรสของพระเจาพรหมทัต พระองคทรงรักพระโอรสดั่งดวงพระทัย
ของพระองคเลยที่เดียว ดังนั้นพระกุมารจึงแวดลอมไปดวยพระพี่เลี้ยงอยูตลอดเวลา
เนื่องจากพระกุมารจะตองปกครองบานเมืองในภายภาคหนา จึงจําเปนจะตองศึกษา
วิ ช าทุ ก แขนงอั นเป น ประโยชน ตอ การปกครองของตนในอนาคต วั น หนึ่ ง ในขณะที่
เพลิดเพลินอยูในพระราชอุทยานนั้น พระราชาก็ทรงรับสั่งใหพระกุมารเขาเฝาแลวรับสั่ง
ให พ ระกุ ม ารไปศึ ก ษาศิ ล ปวิ ช าการกั บ พระฤๅษี ใ นป า พระกุ ม ารก็ ยิ น ดี ป ฏิ บั ติ ต าม
พระประสงคพระราชบิดา และเดินทางไปอยูกับพระฤๅษี หลังจากสําเร็จการศึกษาแลว
เจาชายจันทโครพก็เขาไปกราบลาพระอาจารยกลับบานเกิดเมืองนอนของตน วาแลว
พระฤๅษีก็หยิบผอบเล็ก ๆ สงใหพรอมกับกําชับอยางหนักแนน
“เจาจงเก็บไวกับตัว แตจงจําไววาเจาจะเปดผอบไดก็ตอเมื่อถึงเมืองของตนแลว
เท า นั้ น อย า เป ด ในระหว า งเดิ น ทาง มิ ฉ ะนั้ น เจ า จะประสบอั น ตรายถ า ไม เ ชื่ อ ฟ ง ”
พระฤๅษี ก ล าวขึ้ น “ครั บ ท านอาจารย หลานจะเป ดผอบก็ ต อ เมื่ อ หลานถึ ง บ านเมื อ ง
ของหลานแลวเทานั้น” เจาชายยืนยันหนักแนน และแลวจันทโครพก็มุงหนาเดินทาง
กลับบานเมืองของตน เมื่อถึงเวลาเสวยอาหารกลางวันก็เขาไปนั่งใตตนโคนรมไมแลวควัก
หออาหารแหงที่เตรียมไวกอนลาพระอาจารยมาเสวย หลังจากเสวยเสร็จก็เกิดเคลิ้มหลับไป
และก็สุบินวา ผอบที่พระอาจารยใหไวนั้นหลุดจากมือตนตกลงน้ําไปแลว พระสุบินนี้เอง
ที่กระตุนใหพระองคอยากเปดผอบดู แตก็ยังคงกังวลถึงคําสั่งของพระอาจารย
ในระหวางทาง เจาชายหนุมก็ทรงครุนคิดถึงผอบที่ติดตัวมาตลอดเวลา และแปลก
พระทัยวาอะไรหนอที่อยูขางในนั้น ยิ่งนึกก็ยิ่งอยากเปดดูใหแน และในที่สุด พระองค
ก็ตัดสินพระทัยผิดคําพูดโดยการเปดผอบออก และในทันทีที่ฝาผอบถูกเปดออก ก็มี
หญิงสาวผูเลอโฉมปรากฏออกมาจากผอบใบนั้น เธอสงยิ้มหวาน ๆ ใหเจาชายหนุมผูซึ่ง
ทอดพระเนตรอยูดวยความตื่นเตนและแนะนําตัวนางวา
“นายจา หมอนฉันชื่อโมราเพคะ พระฤๅษีใสหมอมฉันไวในผอบใบนี้ หมอมฉัน
ดีใจมากที่ไดเปนอิสระเสียที” ทันทีที่เห็นหญิงสาว เจาชายหนุมก็ตกหลุมรักในทั น ที
และขอใหนางเปนชายาของพระองคและแลวทั้งคูก็เดินทางกันในปา เจาชายจันทโครพ
ดีพระทัยมากที่เพื่อนเดินทางแตในขณะเดียวกันก็ทรงกังวลวาทําไมพระฤๅษีจึงหามไมให
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๑๙๕
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนสรุปเรื่องจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อานและขอคิดจากเรื่อง
เรื่อง..............................................................................................
การสรุปเรื่องจากวรรณกรรมที่อาน
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
..................................................................................................................................
ฃ
..................................................................................................................................
ขอคิดที่ไดจากเรื่อง การนําขอคิดไปใชในชีวิตประจําวัน
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๑๙๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ชื่อเรื่อง..........................................................................................................................
๒. ประเภทของเรื่องที่อาน รอยแกว รอยกรอง
๓. แหลงที่มา.....................................................................................................................
๔. เลือกอานเรื่องนี้เพราะ..................................................................................................
...........................................................................................................................................
๕. สรุปความรูจากเรื่องที่อาน
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
๖. สรุปขอคิดจากเรื่องที่อาน
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๒๐๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แผนภาพโครงเรื่อง
การเขี ย นแผนภาพโครงเรื่ อ ง เป น การเขี ย นที่ แ สดงให เ ห็ น ภาพรวมของเรื่ อ ง
ทั้งหมด ทําใหจับใจความสําคัญของเรื่องที่อานไดดียิ่งขึ้น การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง
ตองอาศัยการตั้งคําถามและตอบคําถามจากเรื่องที่อานวา ตัวละครในเรื่องมีใครบาง
สถานที่เกิดเหตุการณคือที่ไหน มีเหตุการณอะไรเกิดขึ้น ผลของเหตุการณนั้นเปนอยางไร
แผนภาพโครงเรื่อง ใชในการวางโครงเรื่องที่มีตัวละคร ฉาก สถานที่ และ
การดําเนินเรื่องตามลําดับของเหตุการณ ซึ่งมีองคประกอบดังนี้
องคประกอบของแผนภาพโครงเรื่อง
ชื่อเรื่อง
๑. ตัวละคร
๒. ฉากและสถานที่
๓. เหตุการณสําคัญ
๔. ผลของเรื่อง
๕. ขอคิดจากเรื่อง
ขั้นตอนการสรางแผนภาพโครงเรื่อง
๑. กําหนดชื่อเรื่อง หรือความคิดรวบยอด
๒. ระดมสมองคิดถึงสิ่งที่เกี่ยวของกับชื่อเรื่อง หรือความคิดรวบยอดสําคัญนั้น
แลวจดบันทึกไวเปนคําหรือกลุมคําสั้น ๆ
๓. นําคําหรือกลุมคําที่จดบันทึกไวซึ่งมีความสัมพันธกันมาจัดกลุม ตั้งชื่อกลุมคํา
เปนหัวขอยอย แลวเรียงลําดับกลุมคําตามความสําคัญ
๔. เลือกรูปแบบแผนภาพความคิดใหเหมาะสมกับการนําไปใชประโยชนและ
เนื้อหา ของเรื่อง
ปรับปรุงมาจาก http://dlit.ac.th
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๒๐๑
ตัวอยาง การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง
เรื่อง กากับสุนัขจิ้งจอกเจาเลห
แผนภาพโครงเรื่อง :
กากับสุนัขจิ้งจอกเจาเลห
ตัวละครในเรื่อง :อีกา และสุนัขจิ้งจอก
สถานที่ :
ตนไมตนหนึ่ง
เหตุการณที่เกิดขึ้น :
อีกาซึ่งกําลังคาบเนื้ออยูในปาก หลงเชื่อคําพูดของสุนัขจิ้งจอกที่
ชมวา อีกามีเสียงไพเราะ จึงอาปากจะรองเพลงใหสุนัขจิ้งจอกฟง
ผลของเหตุการณ : ทําใหชิ้นเนื้อที่อีกาคาบมาหลนจากปาก สุนัขจิ้งจอกจึงมาคาบเนื้อ
ไปกินแทน
ขอคิด : อยาไวใจทาง อยาวางใจคน จะจนใจเอง คือ หากไวใจคนอื่นมาก
จนเกินไป อาจจะทําใหไดรับเคราะหหรือผลเสียได
จากนิทานอีสป
๒๐๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
โครงการสื่อ ๖๐ พรรษา
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๒๐๓
การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง
แผนภาพโครงเรื่อง
ตัวละคร
สถานที่
เหตุการณที่เกิดขึ้น
ผลของเหตุการณ
ขอคิดที่ไดจากเรื่อง
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่..........
๒๐๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การทองบทอาขยาน
การทองจําหรือทองบทอาขยาน เปนการอานออกเสียงที่อาศัยความจําโดยไมดู
บทอานตองใชความสามารถในการจําบททองจํา อานใหถูกตองตามฉันทลักษณและ
ทํ านองเสนาะของบทร อ ยกรองนั้ น ๆ สอดคล อ งกั บ อารมณ ใ นบทอ าน โดยอ า นให
ไพเราะถูกตองคลองแคลวเกิดภาพพจนไดรสไดอารมณ
บทอาขยาน คือ บททองจํา การเลา การสวด นิทาน ซึ่งเปนการทองจําขอความ
หรือคําประพันธที่ชอบ บทรองกรองที่ไพเราะ โดยอาจตัดตอนมาจากหนังสือวรรณคดี
เพื่อใหผูทองจําได และเห็นความงามของบทรอยกรองทั้งในดานวรรณศิ ลป การใช
ถอยคําภาษา เนื้อหา และกลวิธีในการประพันธ ตลอดจนสามารถนําไปเปนแบบอยาง
ในการแตงบทรอยกรอง หรือนําไปใชเปนขอมูล ในการอางอิงในการพูดและการเขียนได
เปนอยางดี
การกําหนดบทอาขยานใหทองจํา
กระทรวงศึกษาธิการ ไดกําหนดบทอาขยานที่ใหนักเรียนทองจํานั้น แบงออกได
เปน ๓ ประเภท ไดแก บทหลัก บทรอง และบทเลือกอิสระ (ตามความสนใจ)
๑. บทหลัก คือ บทอาขยานที่ทางกระทรวงศึกษาธิการกําหนดตามหลักสูตร
เพื่อใหนักเรียนทุกคน สามารถนําไปทองจําเหมือนกันทั่วประเทศ
๒. บทรอง คือ บทอาขยานที่ครูผูสอนหรือสถานศึกษา (โรงเรียน) เปนผูกําหนดให
นักเรียนทองจําเสริมจากบทหลักที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด โดยมักเปนบทรอย
กรองที่แสดงภูมิปญญาทองถิ่น เชน เพลงพื้นบาน, เพลงกลอมเด็ก, คาวซอ (วรรณกรรม
พื้นบานของภาคเหนือ), เพลงชานอง, เพลงเรือ (ภาคใต), บทกวีที่มีคุณคา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๒๐๕
๕. ไดรับคติสอนใจจากบทคําประพันธตาง ๆ ที่ทองจํา
๖. ทําใหเปนคนอารมณดี เพลิดเพลิน จากความงามของบทประพันธที่ทอง
๗. เพื่อตระหนักในคุณคาภาษาไทย และซาบซึ้งในความไพเราะของบทรอยกรอง
๘. เพื่อใหเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย
๙. เพื่อเปนพื้นฐานในการแตงคําประพันธ
๑๐. เพื่อใชเปนสื่อถายทอดคุณธรรมจริยธรรม และนําขอคิดที่เปนประโยชน
ไปใชในการดําเนินชีวิต
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรื่อง ตามรอยเจาฟานักอาน ๒๐๗
คําชี้แจง ใหนักเรียนเติมวรรคของบทอาขยานที่ขาดหายไปใหถูกตองและสมบูรณ
เรื่อง
วิชาเหมือนสินคา อันมีคาอยูเมืองไกล
จึงจะไดสินคามา
จงตั้งเอากายเจา
แขนซายขวาเปนเสาใบ
นิ้วเปนสายระยาง
ปากเปนนายงานไป อัชฌาสัยเปนเสบียง
ถือทายเรือไวใหเที่ยง
ถือไวอยาใหเอียง ตัดแลนเลี่ยงขามคงคา
ปญญาเปนกลองแกว
เจาจงเอาหูตา
จะทําลายใหเรือจม
เอาใจเปนปนคม
จึงจะไดสินคามา คือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๒๐๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การอานงานเขียนเชิงอธิบายจากสื่อตาง ๆ
การอานงานเขียนเชิงอธิบายจากสื่อตาง ๆ เปนการอานขอมูลเพื่อทําความเขาใจ
เชน ขาวสารทางราชการ ประกาศ ฉลากยา การใชวัสดุอุปกรณ ผูอานจะตองทําความ
เขาใจใหชัดเจนจึงจะสามารถปฏิบัติตามไดอยางถูกตองตามขั้นตอน ปลอดภัย และมี
ประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังเปนการอานเพื่อคนควาขอมูลหรือวิธีนําไปใช ตองอานอยางละเอียด
ใหไดความครบถวน จะทําใหปฏิบัติตามไดถูกตอง เชน ขาวสารทางราชการ คําแนะนํา
การใช พ จนานุ ก รม การใช วั ส ดุ อุ ป กรณ คํ า เตื อ นบนฉลากยา คู มื อ และเอกสารของ
โรงเรียน ขั้นตอนการซักผา การลางจาน ฯลฯ
หลักการอานงานเขียนเชิงอธิบาย
ตัวอยาง งานเขียนเชิงอธิบายแสดงขั้นตอน
ขั้นตอนที่ ๑
ฝามือถูฝามือ ลางมือดวยน้ําสะอาด ถูสบูจนขึ้นฟอง หลังจากนั้นนําฝามือทั้งสองขาง
ประกบกัน และถูวนใหทั่ว
ขั้นตอนที่ ๒
ถูหลังมือและซอกนิ้ว เพื่อฆาเชื้อโรคบริเวณมือและซอกนิ้วดานหลัง โดยใชฝามือถู
บริเวณหลังมือ และซอกนิ้วสลับไปมาทั้งสองขาง
ขั้นตอนที่ ๓
ถูฝามือและซอกนิ้ว นํามือทั้งสองขางมาประกบกัน ถูฝามือและซอกนิ้วดานหนา
ใหสะอาด
ขั้นตอนที่ ๔
หลังนิ้วมือถูฝามือ ใหนิ้วมือทั้งสองขางงอเกี่ยวกัน ถูวนไปมา
ขั้นตอนที่ ๕
ถูนิ้วและโคนนิ้วหัวแมมือ กางนิ้วหัวแมมือแยกออกมา ใชฝามืออีกขางกํารอบ
นิ้วหัวแมมือ แลวถูหมุนไปรอบ ๆ ทําสลับกันทั้งสองขาง
ขั้นตอนที่ ๖
ถู ป ลายนิ้ ว มื อ บนฝ า มื อ ให แ บมื อ แล ว ใช ป ลายนิ้ ว มื อ อี ก ข า งถู ว นเป น วงกลม
จากนั้นสลับขางทําแบบเดียวกัน
ขั้นตอนที่ ๗
ถู รอบข อ มื อ กํ ามื อ รอบข อ มื อ ข างหนึ่ ง ถู ว นจนกว าจะสะอาด หลั ง จากนั้ น ให
เปลี่ยนขางทําแบบเดียวกับมือขางแรก
แหลงที่มาของขอมูล https://www.nestle.co.th
๒๑๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง ฉลากยา
๑. งานเขียนขางตน คืออะไร
......................................................................................................................................
๒. เนื้อหาสวนใหญอธิบายเกี่ยวกับเรื่องใด
......................................................................................................................................
๓. ยานี้ รับประทานครั้งละเทาไร
......................................................................................................................................
๔. ยานี้ รับประทานกอนหรือหลังอาหาร และรับประทานเวลาใดบาง
......................................................................................................................................
๕. ยานี้ คือยาอะไร ควรทําอยางไรกอนรับประทาน
......................................................................................................................................
ชื่อ................................................สกุล............................................ชั้น..........เลขที่...........
๒๑๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๑๒ เรือ่ ง ตามรอยเจาฟานักอาน
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ การอานงานเขียนเชิงอธิบาย
๒ การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง บานหลังใหมของปอม
๓ การพูดรายงานจากเรื่องที่ฟงและดู
๔ ชวนคิดชวนจํา คําราชาศัพท
๕ การทองจําบทอาขยาน
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๑๓
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓
ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี
๒๑๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การอานจับใจความ
เป น การอ า นเพื่ อ หาส ว นสํ า คั ญ ของเรื่ อ ง ซึ่ ง เรี ย กว า ใจความ ตรงกั น ข า มกั บ
พลความ (อานวา พน-ละ-ความ) ซึ่งหมายถึง สวนที่ไมสําคัญ ใจความสําคัญจะปรากฏ
อยูตามหนาตาง ๆ ของเรื่องที่อาน อาจอยูสวนตน สวนกลาง หรือสวนทายของยอหนา
ก็ได
การอานจับใจความสําคัญ ควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานในใจทุกยอหนาอยางละเอียด
๒. ศึกษาความหมายของคํา กลุมคํา สํานวนที่ไมเขาใจ
๓. ตั้งคําถามวาใคร ทําอะไร ที่ไหน อยางไร ทําไม ฯลฯ
๔. สั ง เกตประโยคที่แ สดงให เ ห็ น ว าเป น ใจความสํ าคั ญ ซึ่ ง มั ก มี ป ระโยคอื่ น ๆ
อธิบายขยายความหรือใหรายละเอียด
๕. จัดทําแผนภาพความคิดของเรื่องที่อาน
วิธีจับใจความสําคัญ
วิธีการจับใจความมีหลายอยาง ขึ้นอยูกับความชอบวาอยางไร เชน
- การขีดเสนใต
- การใชสีตาง ๆ กัน เพื่อแสดงความสําคัญมากนอยของขอความ
- การบันทึกยอเปนสวนหนึ่งของการอานจับใจความสําคัญที่ดี แตผูที่ยอควร
ยอดวยสํานวนภาษาและสํานวนของตนเอง ไมควรยอดวยการตัดเอาขอความสําคัญ
มาเรี ย งต อ กั น เพราะอาจทํ า ให ผู อ า นพลาดสาระสํ า คั ญ บางตอนไปอั น เป น เหตุ ใ ห
การตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๑๕
๕. ผมแกละพาชาลีไปยืนที่ประตูวังดานหนึ่งแลวพูดวาอยางไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๖. สรุปใจความสําคัญของเรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๑๗
การวิเคราะหและเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
๑. การวิเคราะหเรื่อง โดยพิจารณาจาก
๑.๑ ผูเขียนเรื่องมีจุดประสงคในการเขียนอยางไร
๑.๒ เนื้อเรือ่ งเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีความเปนเหตุเปนผลเหมาะสมหรือไม
๑.๓ เนื้อเรือ่ งมีคุณคาตอผูอานหรือตอสวนรวมหรือไม มีขอคิดอะไรบาง
๒. ควรยกรางการเขียนแสดงความคิดเห็นกอนเสมอ
๓. การเขียนแสดงความคิดเห็น จะตองกลาวถึงขอเท็จจริงกอนแลวจึงกลาวถึง
ความคิดเห็นสนับสนุนหรือคัดคาน โดยมีเหตุผลประกอบ
๔. ผูเขียนตองมีมารยาทในการเขียน ไมใชถอยคํารุนแรง
๕. ผูเขียนควรอานและแกไขปรับปรุงขอเขียนของตนเอง รวมทั้งการตรวจตัวสะกด
การันต และถอยคําสํานวน
๒๑๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยาง การวิเคราะหและเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
น้ํา เปนสิ่งจําเปนสําหรับการดํารงชีวิต มีสถานะเปนทั้งของเหลว ของแข็ง
และก าซ โลกของเรามี น้ํ าอยู มากมาย ร างกายของเราก็มีน้ํ าเปนส วนประกอบใช
ในการควบคุมการทํางานของระบบตาง ๆ ใหเกิดความสมดุล น้ํามีความสําคัญเราจึง
ตองชวยกันอนุรักษน้ําดวยการดูแลแหลงตนน้ําลําธารใหสมบูรณ รักษาระบบนิเวศ
รวมกันพัฒนาแหลงน้ํา ดังโครงการในพระราชดําริที่มีอยูทุกภูมิภาคตามความตองการ
และความจําเปนของแตละพื้นที่ เชน การพัฒนาแหลงน้ําเพื่อการเกษตร การรักษา
ตนน้ําลําธาร การผลิตไฟฟา การระบายน้ําออกจากที่ลุม การบรรเทาอุทกภัย ทุกคน
ตองชวยกันรักษาระบบนิเวศของน้ําและชวยกันดูแลใชนํ้าอยางประหยัดและคุมคา
ดังที่องคการสหประชาชาติกําหนดใหวันที่ ๒๒ มีนาคมของทุกปนั้น เปน “วันน้ําโลก”
เพื่อรณรงคใหเห็นความสําคัญของน้ําและรวมมือกันดูแลแหลงน้ําเพื่อใหมีน้ํากินน้ําใช
ที่สะอาดและเพียงพอตลอดไป
เขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
จากขอความขางตน ผูเขียนตองการเขียนเพื่อรณรงคใหเห็นความสําคัญของน้ํา
และให ทุ ก คนร ว มมื อ กั น ในการดู แ ลแหล ง น้ํ า เพื่ อ ให มี กิ น มี ใ ช ต ลอดไป เนื่ อ งจากน้ํ า
มีความสําคัญตอการดํารงชีวิตของมนุษย หากทุกคนรวมมือกันดูแลและอนุรักษแหลงน้ํา
ก็จะสงผลใหเรามีน้ําที่สะอาดสําหรับการอุปโภคบริโภคตลอดไป
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๑๙
เพลงชาติไทย
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เปนประชารัฐ ไผทของไทยทุกสวน
อยูดํารงคงไวไดทั้งมวล
ดวยไทยลวนหมาย รักสามัคคี
ไทยนี้รกั สงบแตถึงรบไมขลาด
เอกราชจะไมใหใครขมขี่
สละเลือดทุกหยาดเปนชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชยั ชโย
๒๒๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ใจความสําคัญ คือ
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๒. เขียนวิเคราะหและแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อานไดดังนี้
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๓. การนําขอคิดไปใชในชีวิตจริง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๒๑
การตั้งคําถาม
เปนการตั้งประเด็นหรือขอสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวตาง ๆ ที่เกิดจากการอาน การดู
การสังเกต การฟงและการดู หรือการรับรู แลวตั้งคําถามเปนขอหรืออาจตั้งเปนประโยค
ซึ่งการตั้งคําถามที่ดีควรเปนคําถามที่มีเหตุผล เพื่อใหผูฟงเกิดกระบวนการคิด วิเคราะห
และการแกปญหา
ลักษณะของคําถามเชิงเหตุผล
คําถามที่ดีควรเปนคําถามเชิงเหตุผลและคิดวิเคราะห มักใชคําวา “เพราะเหตุใด
เพราะอะไร ทําไม อะไร อยางไร สาเหตุใด” เพื่อเปนการใชความคิดอยางเปนเหตุเปนผล
รูจักวิเคราะหขอความ และคิดหาหลักฐานและเหตุผลมาเขียนประกอบ
หลักทั่วไปของการตั้งคําถามและตอบคําถามจากการฟง การดู และการอาน
๑. กอนตั้งคําถาม เราควรตั้งใจฟง ตั้งใจดู หรือตั้งใจอาน เพื่อทําความเขาใจกับ
เรื่องนั้น ๆ
๒. จดบันทึกระหวางการฟง การดู การอาน ในเรื่องที่สนใจหรือมีขอสงสัย ไดแก
“ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร อยางไร ผลเปนอยางไร”
๓. จับใจความหรือประเด็นสําคัญของเรื่องที่ฟง ดู หรืออาน ใหได
๔. ตั้งคําถามที่ ชัดเจนตรงประเด็นไมกํากวม ใหเหมาะสม ถูกกาลเทศะ
๕. ใชภาษาที่สุภาพ เขาใจงาย และใชเหตุผลมากกวาอารมณหรืออคติ
๖. มีความคิดสรางสรรค รูจักคิดหลายแงมุม เพื่อจะไดคําถามที่หลากแนวคิด
แนวการตั้งคําถามเชิงเหตุผล
๑. เริ่มจากการตั้งคําถาม “ทําไม อะไร เพราะเหตุใด”
๒. ในเรื่องกลาวถึงอะไรบาง
๓. เรื่องนี้มีจุดประสงคอยางไร
๔. ขอเท็จจริงคืออะไร และขอคิดเห็นคืออะไร
๕. ขอความนาเชื่อถือมากนอยเพียงใด
๖. ขอคิดหรือความรูที่จะนําไปใชประโยชนคือ อะไร
๒๒๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๒. คําถาม ........................................................................................................
คําตอบ .......................................................................................................
....................................................................................................................
๓. คําถาม ........................................................................................................
คําตอบ .......................................................................................................
....................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๒๓
๔. คําถาม ........................................................................................................
คําตอบ .......................................................................................................
....................................................................................................................
๕. คําถาม ........................................................................................................
คําตอบ .......................................................................................................
....................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๒๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ขอคํานึงในการพูดแสดงความคิดเห็นมีดังนี้
๑. คิดใหดีกอนพูด
๒. มีความรูเกี่ยวกับเรื่องที่จะพูดเปนอยางดี
๓. มีเหตุผลโดยยกตัวอยางประกอบการพูดใหเห็นจริง
๔. เรียงลําดับการพูดใหตอเนื่อง ไมพูดวกวน
๕. เนื้อหาที่จะพูดเปนเชิงสรางสรรค
๖. หลีกเลี่ยงการพูดเรื่องสวนตัวทั้งของตนเองและผูอื่น
การใชภาษาในการพูดแสดงความคิดเห็น
๑. ใชถอยคําใหกะทัดรัดมีความหมายชัดเจน เรียงเนื้อความตามลําดับไมสับสน
๒. ใชถอยคําภาษาที่เปนลักษณะเฉพาะของการแสดงความคิดเห็น เชน การใช
คําสรรพนามบุรุษที่ ๑ ประกอบกับคํากริยาหรือกลุมคํากริยา ที่ระบุวาเปนการพูดแสดง
ความคิดเห็นเปนตนวา ดิฉันเห็นวา ผมคิดวา ดิฉันเขาใจวา ผมใครขอสรุปวา ที่ประชุม
มีมติวา เราจึงขอเสนอแนะวา หรือพวกเรามีความเห็นรวมกันวา
๓. ใชถอยคําหรือกลุมคําเพื่อบงชี้ใหเห็นวาเปนการแสดงความคิดเห็นอันไดแก
คําวา อาจ อาจจะ คง คงจะ นา นาจะ ทั้ง ควร เปนตน
๔. ใชถอยคําเชิงสรางสรรค กอใหเกิดผลดานศีลธรรมจริยธรรม และคุณธรรม
ไมประชดประชัน ไมพูดกาวราวเสียดสี ไมพูดแบบขวานผาซาก หรือมีเจตนาไมดี
๕. มีมารยาทในการพูด ไมใชคํารุนแรง เชน คําสบถ คําดา คําหยาบ มีกิริยาวาจา
ที่สุภาพ น้ําเสียง นุมนวล และตองรูจักยอมรับความคิดเห็นของผูอื่น
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๒๕
ลักษณะของผูพูดแสดงความคิดเห็นที่ดี
๑. เปนผูมีความรูความเขาใจในเรื่องนั้น ๆ เปนอยางดี
๒. สนใจตอปญหา หรือเหตุการณตาง ๆ อยางกวางขวาง
๓. เปนผูมีเหตุผลสามารถใชดุลพินิจ หรือใชปญญาพิจารณาเรื่องตาง ๆ ดวย
ความเปนกลาง ปราศจากอคติ ไมใชอารมณ ไมเดา ไมคาดคะเน
๔. เปนผูมีความกลาสามารถแสดงออกถึงความคิดที่มีอยูในตนเองใหผูอื่นทราบ
๒๒๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบรางการพูด
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๒๗
การวิเคราะหและเขียนอธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน
การวิเคราะห หมายถึง การพิจารณา และประเมินคา เปนการแสดงความคิดเห็น
อภิปรายขอเท็จจริงใหผูอื่นทราบ วาใครเปนผูแตง เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีประโยชน
อย างไร ต อ ใครบ าง ผู วิ เ คราะห มี ค วามเห็ น อย างไร เรื่ อ งที่ อ านมี คุ ณ ค าด านใดบ า ง
แตละดานสามารถนําไปประยุกต ใหเกิดประโยชนตอชีวิตประจําวันอยางไรบาง
แนวทางในการวิเคราะหวรรณกรรม มีดังนี้
๑. ความเปนมาหรือประวัติของหนังสือและผูแตง เพื่อชวยใหวิเคราะหในสวนอื่น ๆ
๒. พิจารณาลักษณะคําประพันธ
๓. อานและสรุปเรื่องยอ
๔. ใหวิเคราะหเรื่องในหัวขอตอไปนี้ตามลําดับ ซึ่งบางหัวขออาจจะมี หรือไมมีก็
ไดตามความจําเปน ไดแก โครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก วิธีการแตง ลักษณะการเดินเรื่อง
การใชถอยคํา สํานวนในเรื่องทวงทํานองการแตง วิธีคิดสรางสรรค ทัศนะหรือมุมมอง
ของผูเขียน
๕. วิเคราะหแนวคิด จุดมุงหมาย เจตนาของผูเขียนที่เขียนไวในเรื่อ ง ซึ่งตอง
วิเคราะหออกมา
คุณคาของวรรณกรรม โดยปกติจะวิเคราะหตามหัวขอตอไปนี้
๑. คุ ณ ค าด านวรรณศิ ล ป คื อ ความไพเราะของบทประพั น ธ ทํ าให ผู อ านเกิ ด
ความรูสึก ความคิด และจินตนาการตามคําประพันธ ความหมายของถอยคําและภาษา
ที่ผูแตงเลือกใชเพื่อใหมีความหมายกระทบใจผูอาน
๒. คุณคาดานเนื้อหาสาระ แนวความคิดและกลวิธีนําเสนอ
๓. คุณคาดานสังคม วรรณคดีและวรรณกรรม ที่สะทอนใหเห็นสภาพของสังคม
และวรรณคดีที่จรรโลงสังคมไดมีอะไรบาง
๔. การนําแนวคิด ความรู และประสบการณจากเรื่องไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
ไปประยุกตใชหรือแกปญหาในชีวิตประจําวันได
๒๒๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เพลงความฝนอันสูงสุด
บทเพลงพระราชนิพนธ
ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ขอฝนใฝในฝนอันเหลือเชื่อ ขอสูศึกทุกเมื่อไมหวัน่ ไหว
ขอทนทุกขรุกโรมโหมกายใจ ขอฝาฟนผองภัยดวยใจทะนง
จะแนวแนแกไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเปนผุยผง
จะยอมตายหมายใหเกียรติดํารง จะปดทองหลังองคพระปฏิมา
ไมทอถอยคอยสรางสิ่งที่ควร ไมเรรวนพะวาพะวังคิดกังขา
ไมเคืองแคนนอยใจในโชคชะตา ไมเสียหายชีวาถาสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุง หมายผดุงยุติธรรมอนั สดใส
ถึงทนทุกขทรมานนานเทาใด ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษยยอมจะดีกวานี้แน เพราะมีผูไมยอมแพแมถูกหยัน
คงยืนหยัดสูไปใฝประจัญ ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๒๙
๑. เนื้อเรื่องกลาวถึงอะไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๒. คุณคาของเรื่องคืออะไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๓๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของเรียงความ
เรียงความ คือ การนําถอยคํามาแตงเปนเรื่องราว เพื่อใชเปนขอเขียนที่แสดง
ความคิด ความรู ความรูสึก ความคิดเห็น และขอเสนอแนะตาง ๆ ที่ผูเขียนถายทอดสู
ผูอาน โดยมีองคประกอบ ๓ สวน คือ คํานํา เนื้อเรื่อง และสรุป จึงจะเรียกวาเรียงความ
อยางสมบูรณ
จุดประสงคในการเขียนเรียงความ
กอนเขียนเรียงความตองวางจุดประสงคใหชัดเจนวา
๑. เขียนเรื่องนั้น อยางไร
๒. เขียนใหใครอาน
๓. เขียนไปในแนวใด เชน เขียนชักจูง เขียนใหความรู เขียนแสดงความคิดเห็น
รูปแบบการเขียนเรียงความ
๑. คํานํา (ความนํา) เปนสวนเริ่มตน นําเรื่องเพื่อเชื่อมโยงเขาสูเรื่อง ควรเขียน
ใหผูอานเกิดความสนใจ เราใจ นาติดตาม คํานําเปนยอหนาแรกและควรมียอหนาเดียว
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียนคํานํา ไดแก
๑.๑ ไมเขียนออกนอกเรื่อ
๑.๒ ไมควรนําเรื่องราวประวัติศาสตรที่คนรูจักดีแลวมาเขียน
๑.๓ ไมควรนําขอคิดเห็นที่กวางเกินไปมาเขียน เชน ภาษาไทยในรอบ ๒๐ ป
๑.๔ ไมนําคํากลาวที่เปนความจริงในตัวเองอยูแลวมาเขียน เชน “เปนที่กลาว
กันวา สิ่งที่แนนอนในชีวิตมนุษยมีอยางเดียวเทานั้น คือ ความไมแนนอน”
๒. เนื้อเรื่อง เปนสวนที่แสดงสาระสําคัญของเรื่องราว ความรู ความคิดที่ตรงกับ
ชื่ อ เรื่ อ ง มี ร ายละเอี ย ดเนื้ อ หาที่ ค รอบคลุ ม ชื่ อ เรื่ อ ง เพื่ อ ตอบคํ า ถามว า เป น เรื่ อ งราว
เกี่ยวกับใคร อะไร ทําอะไร เมื่อใด ที่ไหน อยางไร เพราะเหตุใด สําคัญอยางไร เกี่ยวของ
กับใคร ฯลฯ อาจมีหลายยอหนา แตละยอหนามีความสัมพันธตอเนื่องกัน
หรืออาจกลาวไดวา เนื้อเรื่องเปนขอความที่ตอจากคํานํา ทําหนาที่ขยายใจความ
ของคํานําใหละเอียด แจมแจง แตละยอหนาจะขยายความของเรื่องตามแนวคิดที่ตั้งไว
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๓๑
ขั้นตอนในการเขียนเรียงความ
๑. การกําหนดหัวเรื่อง มี ๒ ลักษณะ การกําหนดหัวเรื่องไวเรียบรอยแลว และ
เลือกเขียนตามความสนใจ และมีความรูเรื่องนั้นมากที่สุด
๒. การกําหนดขอบเขตของหัวขอเรื่อง ไมควรกวางมากเกินไปจนเขียนไมจบ
ควรมีจุดมุงหมายที่เฉพาะ เจาะจง ตัวอยางหัวขอเรื่องที่กวาง “สมุนไพร” ถานํามาทําให
เฉพาะเจาะจง เปน “สมุนไพรรักษาโรค”
๓. การรวบรวมข อ มู ล ใช ว างโครงเรื่ อ ง ต อ งเป น ข อ มู ล ที่ มี ห ลั ก ฐานอ า งอิ ง
มีเหตุผลนาเชื่อถือ โดยพิจารณาวาหัวขอใดควรมากอน หรือมาหลัง แลวจัดเรียงลําดับ
๔. การจัดกลุมความคิดในการวางโครงเรื่อง อาจจัดเปนพวก หมวดหมูเดียวกัน
เปนหัวขอใหญ หัวขอยอย โดยจัดใหตอเนื่องสอดคลองกัน
๕. วางโครงเรื่องดวยการใชหัวขอหลัก หัวขอรอง และหัวขอยอย เชน
ตัวอยาง โครงเรื่อง สัตวเลี้ยงของฉัน
สวนคํานํา : เปดเรื่องดวยความหมายของสัตวเลี้ยง
สวนเนื้อเรื่อง : ๑. รูปรางลักษณะ (ของสัตวเลี้ยงของฉัน)
๒. การเลี้ยงสัตวเลี้ยง
๓. ประโยชนของสัตวเลี้ยง
สวนสรุป : ขอคิดของการเลี้ยงสัตว
(วิภา ตัณฑุลพงษ. ๒๕๕๖. เอกสารนิเทศการศึกษา แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนเขียน
ภาษาไทยในระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพคณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.)
๒๓๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คําชี้แจง ใหนักเรียนเขียนเรียงความตามหัวขอที่สนใจ
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๓๓
การเขียนจดหมาย
การเขียนจดหมาย เปนการสื่อสารกับบุคคลเพื่อแจงเรื่องราว ถามทุกขสุข หรือ
เลาเรื่องเหตุการณตาง ๆ จดหมายของบุคคลสําคัญจะเปนหลักฐานทางประวัติศาสตร
ในอนาคต และจดหมายที่เขียนดีมีคุณคาก็อาจเปนวรรณกรรมได
การเขียนจดหมายควรคํานึงถึงสิ่งตาง ๆ ตอไปนี้
๑. เขียนใหผูรับเขาใจจุดประสงคของผูเขียน
๒. ไมเขียนนอกเรื่อง ไมรวบรัด หรือเยิ่นเยอจนเกินไป
๓. เรียงลําดับขอความในจดหมายตามลําดับเหตุการณไมสับสน
๔. ใชภาษาสุภาพ คําขึ้นตน และคําลงทายถูกตองเหมาะสมกับโอกาสและบุคคล
๕. ลายมือสวยงาม สะอาด อานงาย
๖. วางรูปแบบถูกตอง สวยงาม เปนระเบียบ
รูปแบบของจดหมาย
๑. ที่อยูของผูเขียน อยูมุมบนขวาของหนากระดาษ โดยเริ่มเขียนจากกึ่งกลาง
หนากระดาษ
๒. วันเดือนป เขียนเยื้องที่อยูผูเขียนมาขางหนาเล็กนอย
๓. คําขึ้นตน อยูดานซายหางจากขอบกระดาษประมาณ ๑ นิ้ว และเปนแนวชิด
ดานซายสุดของเนื้อความ
๔. เนื้อความ เริ่มเขียนโดยยอหนา และควรขึ้นยอหนาใหมเมื่อขึ้นเนื้อความใหม
นอกจากนี้ตองเวนวรรคตอนใหถูกตองดวย
๕. คําลงทาย อยูตรงกับวันเดือนปที่เขียน
๖. ชื่ อ ผู เ ขี ย น เยื้ อ งลงมาทางขวามื อ ถ า เขี ย นจดหมายถึ ง บุ ค คลที่ ไ ม คุ น เคย
ควรวงเล็บชื่อที่เขียนเปนตัว บรรจงดวย ถาเปนจดหมายราชการตองบอกยศตําแหนง
ของผูสงดวย
๒๓๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนหนาซองจดหมาย
๑. ที่อยูของผูรับ ตองเรียงลําดับจากสวนยอยไปหาสวนใหญ ไดแก
- ชื่อ - นามสกุลของผูรับ
- บานเลขที่ ซอย หรือตําบล
- ถนนและที่ตั้ง
- ตําบลหรือแขวง
- อําเภอหรือเขต
- จังหวัดและรหัสไปรษณีย
๒. ที่อยูของผูสง เรียงลําดับเชนเดียวกับผูรับ จะเขียนไวดานบนซายของตนเอง
๓. คําขึ้นตน
- ถาเปนจดหมายสวนตัว อาจใชคําวา “กรุณาสง” หรือ “นามผูรับ”
- ถาเปนจดหมายราชการหรือจดหมายธุรกิจนิยมใช “เรียน”
- จดหมายถึงพระสงฆทั่วไปใช “นมัสการ”
๔. การติดดวงตราไปรษณียากร (แสตมป) ใหครบถวนตามราคาที่กรมไปรษณียฯ
กําหนด เพราะถาติดไมครบ ผูรับจะถูกปรับเปน ๒ เทาของราคาแสตมปที่ขาดไป
แบบของจดหมาย
สถานที่.............................................
วัน เดือน ป..........................................................
คําขึ้นตน.................................................
ขอความของจดหมาย.............................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
คําลงทาย................................................................
ชื่อผูเขียน.................................................
รูปแบบการเขียนหนาซองจดหมาย
ชื่อและที่อยูของผูฝาก แสตมป
ชื่อ...................................นามสกุล..................................... (ดวงตราไปรษณียากร)
บานเลขที่....................ถนน...................อําเภอ.................
จังหวัด........................รหัสไปรษณีย................................
ชื่อและที่อยูของผูรับ
ชื่อ...................................นามสกุล.....................................
บานเลขที่....................ถนน...................อําเภอ..................
จังหวัด........................รหัสไปรษณีย..................................
๒๓๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
คุณคาของการเขียนจดหมาย
๑. ไดเขียนหรือเลาเรื่องราวที่บางครั้งไมสามารถใชคําพูดได แตสามารถเขียนเปนจดหมายได
๒. ภาษาที่ใชเขียนควรเลือกใหเหมาะสมกับระดับบุคคลและเขียนใหถูกตองตามรูปแบบ
๓. การเขียนเรียงลําดับเรื่องและเหตุการณ เปนการบันทึกเรื่องราวและประสบการณ
ความทรงจํา
๔. สื่อสารไดทุกสถานที่และทุกโอกาส ทั้งในประเทศและตางประเทศ
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๓๗
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๓๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ภาษาไทยมาตรฐาน
ภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ภาษาไทยซึ่งเปนที่ยอมรับใหใชเปนภาษากลางใน
การติดตอสื่อสารทางราชการและในการศึกษาทั่วประเทศ
ภาษาไทยกรุ ง เทพ ก็ นั บ เป น อี ก ภาษาไทยถิ่ น หนึ่ ง ในภาคกลาง แต เ นื่ อ งจาก
กรุงเทพฯ มีฐานะเปนเมืองหลวง ภาษาไทยถิ่นกรุงเทพจึงถูกกําหนดใหเปนภาษาไทย
มาตรฐาน และใชเปนภาษากลางสําหรับการติดตอราชการ เปนสื่อในการศึกษาและเปน
ภาษาที่สอนใหแกผูที่เรียนภาษาไทย
ลักษณะของภาษาไทยมาตรฐาน มีลักษณะดังนี้
๑. ใชเปนภาษาราชการ ใชในโอกาสที่เปนทางการตาง ๆ
๒. ใชในการเรียนการสอนในโรงเรียนและสถานศึกษาตาง ๆ
๓. เปนภาษาที่สื่อสารมวลชนตาง ๆ ใช เชน การอานขาว การเขียนรายงาน
๔. มีความแตกตางไปจากภาษาพูด
ภาษาถิ่น
ภาษาถิ่ น หมายถึ ง ภาษาย อ ยของภาษาไทยที่ ใ ช สื่ อ สารกั น ในท อ งถิ่ น ต า ง ๆ
ในประเทศไทย และมีความแตกตางกันไปตามทองถิ่น เปนภาษาที่ใชพูดจากันในทองถิ่น
ตาง ๆ เพื่อการสื่อความหมาย ความเขาใจกันระหวาง ผูคนที่อาศัยอยูตามทองถิ่นนั้น ๆ
แตกตางไปจากมาตรฐานหรือภาษาที่คนสวนใหญของประเทศใช
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๓๙
ลักษณะของภาษาถิ่น
ภาษาถิ่นมีความเฉพาะ คือ ทั้งถอยคําและสําเนียง แสดงถึงเอกลักษณ ลักษณะ
ความเปนอยูและวิถีชีวิตของผูคนในทองถิ่นของแตละภาคของประเทศไทย
ภาษาถิ่นเปนภาษาที่สําคัญในสังคมไทย เปนภาษาที่บันทึกเรื่องราว ประสบการณ
และวัฒนธรรมทุกแขนง ของทองถิ่น เราจึงควรรักษาภาษาถิ่นทุกถิ่นไวใชใหถูก ต อง
เพื่ อ เป น สมบั ติมรดกของชาติ ตอ ไป ซึ่ ง ภาษาถิ่ น จะเป น ภาษาพู ดหรื อ ภาษาท าทาง
มากกวาภาษาเขียน
ภาษาถิ่นของไทยจะแบงตาม ภูมิศาสตรหรือทองถิ่นที่ผูพูดภาษา แบงไดเปน ๔ ถิ่น
ใหญ ๆ คือ ภาษาถิ่นกลาง ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน และภาษาถิ่นใต
ตารางเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับคําภาษาถิ่น
ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาใต ภาษาอีสาน ภาษาเหนือ
โกรธ หวิบ เคียด โขด
รับประทาน กิน กิ๋น กิ๋น
ดู แล เบิ่ง แอว
เที่ยว เตี๋ยว เถี่ยว ผอ
โกหก ขี้ฮก ขี้ตั๋ว ขี้จุ
กลับบาน หลบบาน เมือบาน ปกบาน
อรอยมาก หรอยจังฮู แซบอีหลี ลําแตๆ
กลางวัน กลางวัน กางเวน แมวัน
กลางคืน กลางคืน กางคืน แมคืน
ยอดเยี่ยม/ดีมาก แมเอย ดีหลาย ๆ ดีปะล่ําปะเหลือ
๒๔๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๒. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๓. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๔. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๕. คํา................................... ความหมาย..............................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๔๑
๖. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๗. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๘. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๙. คํา................................... ความหมาย..............................................................
๑๐. คํา................................ ความหมาย..............................................................
๑๑. คํา................................ ความหมาย..............................................................
๑๒. คํา................................ ความหมาย..............................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๔๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบบันทึกการอาน
อานวันที.่ ..............................เดือน................................................................พ.ศ......................
ชื่อเรื่อง...........................................................................................................................................
ชื่อหนังสือ.....................................................................................................................................
ผูแตง...............................................................................................................................................
เนื้อหาโดยสรุป
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
ขอคิด/ประโยชนที่ได
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๔๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การสรุปความรู
การสรุ ป ความรู เป น การสรุ ป ความรู ห รื อ ทฤษฎี ที่ ป รากฏอยู ใ นเรื่ อ งที่ อ า น
โดยเขียนสรุปเปนประโยคสั้น ๆ หรือขอความสั้น ๆ เพื่อขยายความเขาใจใหชัดเจน
มากขึ้น
การสรุปขอคิด
การสรุ ป ข อ คิ ด เป น การค น หาข อ คิ ด จากเรื่ อ งที่ อ า น ซึ่ ง ข อ คิ ด อาจแฝงอยู ใ น
เนื้อเรื่อง หรืออยูสวนทายของเรื่องที่อาน โดยผูอานอาจเขียนสรุปขอคิดเปนประโยค
หรือขอความสั้น ๆ ได หรือเปนคําคมก็ได
การบอกคุณคาของเรื่องที่อาน
เปนการอธิบายประโยชนหรือสิ่งที่เรียกวา “ขอดี” โดยเขียนสรุปเปนประโยค
หรือขอความสั้น ๆ เพื่อบอกใหรูวาเรื่องนั้นมีคุณคาแกผูอานอยางไร เชน คุณคาดาน
เนื้อหา คุณคาดานวรรณศิลป คุณคาสังคมและวัฒนธรรม เปนตน
การสรุปความรูและขอคิดมีหลักพื้นฐานการปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานรอบแรกเพื่อดูชื่อเรื่องกอน แลวอานโดยมีคําถามในใจวา ใคร ทําอะไร
ที่ไหน เมื่อไร อยางไรผลเปนอยางไร ขอความใดสําคัญใหขีดเสนใตไว
๒. อานอีกครั้ง โดยดูรายละเอียดของเนื้อหา เพื่อคนหาความรูสําคัญและขอคิด
๓. สามารถอานเพิ่มไดจนกวาจะเขาใจเนื้อหา
๔. ใหสรุปใจความสําคัญของแตละยอหนาไว
๕. นํ า ใจความสํ า คั ญ ที่ ร วบรวมไว ม าเขี ย นเรี ย บเรี ย งใหม อ ย า งละเอี ย ดและ
สละสลวย โดยใชสํานวนภาษาของตนเอง
๖. ทบทวนการสรุปความรูอีกครั้ง เพื่อพิจารณาหาสวนที่ตองแกไขหรือตองการ
เพิ่มเติม หลักการสรุปความจากเรื่องที่อาน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรื่อง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี ๒๔๕
เรื่องของมด
กาลครั้งหนึ่ง ยังมีปาแหงหนึ่งซึ่งอุดมสมบูรณฟาฝนตกตองตามฤดูกาล
ผืนดินชุมชื่นรมเย็น สัตวทั้งหลายอยูรวมกันอยางเปนสุข
ครั้นอยูมาไดเกิดมีชางอันธพาลตัวหนึ่งแสดงอาการเกเรเที่ยวระรานสัตว
ตาง ๆ ทําใหเกิดทุกขระส่ําระสาย ไปทุกหยอมหญานานนับป สัตวใหญนอย
ทั่วทั้งพงพีตางกลัวไมกลาแกปญหา จนกระทั่งมีแมลงหวี่ ผึ้ง และฝูงมดชวยกัน
วางแผนตอสูจนสามารถกรูกันเขาไปในงวงชางอันธพาลนั้น ชวยกันกัด ตี ตอย
ตอม จนมันลมสิ้นฤทธิ์ ปาทั้งปาจึงกลับคืนสูความสงบดังเดิม
เมื่อปาทั้งปาสงบสุข สัตวทั้งหลายเริ่มมาประชุมสนทนาปรึกษาหารือกัน
บางก็คุยถึงความหลังเมื่อครั้งปราบชางอันธพาล ตัวนั้นเปนผูกลาหาญมาก ตัวนี้
เป น ผู นํ า กลุ ม กล า ตาย ต า งก็ อ วดกั น จนกลายเป น การโต เ ถี ย ง เจ า มดแดง
มดตะนอย มดงาม ก็อวดเบงถึงบทบาทของกลุมมดในการสูรบครังนั้น เสือโครง
ทําหนาที่สื่อความซักถามพวกโนนบางวิจารณพวกนี้บาง จนเกิดการขุนเคืองกันไป
ทุกฝาย
นั บ วั น พวกสั ต ว ก็ เ ริ่ ม บาดหมางน้ํ า ใจกั น มากขึ้น พวกหนึ่ ง เสนอใหว าง
ระเบียบของปาขึ้นใหม อีกพวกหนึ่งใหจัดแบงพื้นที่และตนไมสําหรับสัตวแตละ
ประเภท บางก็เสนอใหชวยกันแบงหนองน้ําสําหรับสัตวสี่เทา สองเทา สัตวปก
และสัตวเลื้อยคลาน ในที่สุดตกลงกันไมได เกิดความขัดแยงกันรุนแรงยิ่งขึ้น
เพราะตางฝายตางก็คิดวาคนมีบุญคุณแกสัตวทั้งหลายในปานี้
๒๔๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๙. สรุปใจความสําคัญของเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๑๐. ขอคิดที่ไดจากเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๕๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๑๓ เรือ่ ง ดวยไทยลวนหมายรักสามัคคี
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ วิเคราะหแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อาน
๒ เขียนจดหมายถึงพอแม ผูปกครอง และญาติ
๓ ตั้งคําถามและตอบคําถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟงและดู
๔ วิเคราะหภาษาถิ่นจากวรรณกรรมที่อาน
๕ นําคุณคาและขอคิดจากการอานไปปรับใชในชีวิต
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
๓. สิ่งที่ฉนั ตั้งใจจะทําใหดีขนึ้ ในการเรียนหนวยตอไป (สามารถเขียนไดมากกวา ๑ อยาง)
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
…………………………………………................................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๕๑
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔
วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน
๒๕๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การเขียนสรุปเรื่อง
การเขียนสรุปเรื่อง หรือสรุปความ เปนการสรุปแนวคิดหลักหรือประเด็นสําคัญ
ของเรื่อง จากการฟงหรือการอาน แลวถายทอดใหผูอื่นเขาใจ จึงตองเก็บสําคัญของเรื่อง
แลวนํามาเขียนใหมเพื่อใหงายใน การเขาใจ
เทคนิคการสรุปความ
เนื้ อ หาและงานเขี ย นแต ล ะประเภทมี วิ ธี ก ารที่ แ ตกต า งกั น ไปในรายละเอี ย ด
ปลีกยอยแตหลักการและขั้นตอนในภาพรวมมีความคลายคลึงกัน ดังนี้
๑. อานหรือฟงเรื่องราวใหเขาใจทั้งหมดอยางนอย ๒ เที่ยว เพื่อใหเขาใจวาเรื่อง
ที่อานเกี่ยวของกับ “ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร อยางไร ผลเปนอยางไร”
๒. พิจารณาประเภทของสาร/ประเภทของงานเขียน
๓. พิจารณาวัตถุประสงคของเรื่อง/งานเขียน เพื่อสรางกรอบประเด็นเนื้อหา
๔. คนหาประเด็นเรื่องจากชื่อเรื่อง หรือจากยอหนา
๕. คนหาหัวขอยอยจากแตละยอหนา
๖. คนหาใจความสําคัญตามหัวขอยอยใหถูกตองและครบถวน
๗. หากใจความสําคัญยังไมชัดเจน อาจจําเปนตองสรุปประเด็นจากเนื้อเรื่องยอย
๘. จัดเรียงประเด็นความคิด และลําดับเรื่องราว ดวยภาษาของตนเอง
๙. เรียบเรียงเขียนดวยเปนภาษาเขียน ใชคําที่สั้น เขาใจงาย และไดใจความ
ไมควรใชคํายอ
๑๐. อานทบทวนและขัดเกลาภาษาใหสละสลวย
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๕๓
ตัวอยางที่ ๑
หลังฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรมักปลูกพืชอายุสั้นและทนแลง พืชที่เหมาะสมไดแก
ถั่วเขียว ถาปลูก ถั่วเขียวโดยวิธีหวานจะมีปญหามาก เพราะมีหญาขึ้นแขงกับตน
ถั่วเขียว จึงยากตอการกําจัดตนหญา ทําใหไดผลผลิตต่ํา
วิธีการสรุปความ
ใคร - เกษตรกร
ทําอะไร - ปลูกถั่วเขียว
เมื่อไร - หลังฤดูเก็บเกี่ยว
อยางไร - ใชวิธีหวาน
ผลเปนอยางไร - หญาขึ้นแขง ไดผลผลิตต่ํา
สรุปความไดวา
เกษตรกรปลูกถั่วเขียว หลังฤดูเก็บเกี่ยว ถาใชวิธีหวานทําใหหญาขึ้นแขง ไดผลผลิตต่ํา
๒๕๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
เรื่อง
การสรุปเรื่อง
ขอคิดที่ไดจากเรื่อง การนําขอคิดไปใชในชีวิตประจําวัน
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๕๕
บทอาน บรรยายโวหารและพรรณนาโวหาร
ตัวอยางบรรยายโวหารแบบรอยแกว
“น้ําตาซึมออกมาจากตอมน้ําตาอยูตลอดเวลา ตอมน้ําตามีขนาดราว ๆ ปลาย
นิ้วกอยอยูบริเวณเหนือตาเล็กนอย น้ําตาออกมาฉาบเคลือบดานหนาลูกตา แลวซึมลงไป
ในทางรูน้ําตาซึ่งอยูที่ขอบเปลือกตาบนและลางดานหัวตา จากรูน้ําตาทั้ง ๒ จะมีทั้งน้ําตา
มารวมกัน ใหน้ําตาไหลออกมาทางรูเปดที่เยื่อบุรูจมูก น้ําตาที่ออกมาจากตอมน้ําตา จึงมี
บางสวนที่ระเหยไป และบางสวนไหลซึมลงมาในรูจมูก น้ําตาทําหนาที่ชวยใหผิวดานหนา
ลูกตาชุมชื้น ไมแหง ชวยชําระลางตาใหสะอาด ชวยใหตามองเห็นดีขึ้น ชวยทําลาย
จุลินทรียหรือพิษตาง ๆ ที่เขาตาใหฤทธิ์เจือจางไปได คนเราจะกะพริบตาอยูเปนระยะ ๆ
โดยเฉลี่ยกะพริบตาทุก ๆ ๒-๓ วินาที การกะพริบตานั้นก็เพื่อใหน้ําตาแผเคลือบไปทั่วผิว
ดานหนาลูกตา เปนการปองกันไมใหลูกตาแหง”
(เกร็ดจากลวมยา : เสนอ อินทรสุขศร)
ตัวอยางพรรณนาโวหารแบบรอยแกว
…ขณะพระองคเสด็จมาใกลเบญจคีรีนครคือราชคฤห เปนเวลาจวนสิ้นทิวาวาร
แดดในยามเย็นกําลังลงสูสมัยใกลวิกาล ทอแสงแผซานไปยังสาลีเกษตร แลละลิ่วเห็นเปน
ทางสวางไปทั่วประเทศสุดสายตา ดูประหนึ่งมีหัตถทิพยมาปกแผอํานวยสวัสดี เบื้องบน
มีกลุมเมฆเปนคลื่นซับซอนสลับกันเปนทิวแถว ตองแสงแดดจับเปนสีระยับวะวับแวว
ประหนึ่งเอาทรายทองมาโปรยปราย เลื่อนลอยละลิ่ว ๆ เรี่ย ๆ รายลงจดขอบฟา...
(กามนิต : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป)
ตัวอยางพรรณนาโวหารแบบรอยกรอง
เสนาะเสียงแสนเศราดุเหวาเอย ไฉนเลยครวญคราราอยูได
หรือใครทําเจ็บช้ําระกําใจ จึงหวนไหโหยอยูมิรูแลว
แวววาบปลาบสายฟา ผสานวาตะโชยชาย
เปลาเปลี่ยวอยูเดียวดาย วิเวกแววคะนึงใน
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๕๗
การยืมคําภาษาตางประเทศ
การยืมคําจากภาษาหนึ่งไปใชอีกภาษาหนึ่ง เปนลักษณะของทุกภาษา ทุกภาษา
ในโลกนี้ ย อ มมี ก ารใช คํ า ภาษาอื่ น ปะป น กั น เป น เรื่ อ งธรรมดา เนื่ อ งจากแต ล ะชาติ
จําเปนตองมีการติดตอสัมพันธกันมาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน จึงเกิดการนําคําภาษาอื่น
เขามาใชในภาษาของตนเอง
สาเหตุการยืมคําภาษาอื่น ๆ มาใชในภาษาไทย
๑. ประเทศไทยมีพื้นที่ติดตอกับเพื่อนบาน ทําใหคนไทยนําคําของภาษานั้น ๆ มาใช
๒. ประเทศไทยติดตอคาขายกับตางประเทศ ทําใหมีการแลกเปลี่ยนสินคา
๓. การเผยแผศาสนา การรับเอาศาสนาและวัฒนธรรม ทําใหเราใชคําของศาสนานั้น
๔. การศึกษาและการกีฬาทั้งในหนังสือเรียน และขาวสาวในสื่อตาง ๆ
๕. สาเหตุอื่น ๆ เชน การแตงงาน การเขารีต การสงคราม การทูต ฯลฯ
คําภาษาตางประเทศที่ใชในภาษาไทย
๑. คํายืมภาษาจีน
๑.๑ ที่มาของการยืมคําภาษาจีน ไทยกับจีนมีการติดตอสัมพันธทางการทูต
มาตั้งแตอดีต และชาวจีนอพยพมาตั้งรกรากถิ่นฐานทํามาหากินในเมืองไทย ทําใหมีการ
ผสมผสานกันทางวัฒนธรรมและประเพณีตาง ๆ การยืมคําจีนบางคํา มักเปนคําเรียกชื่อ
สิ่งของเครื่องใช อาหาร พืช ผัก ผลไม รวมทั้งคําที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน นิยมใชคําจีน
เปนภาษาพูด
๑.๒ หลักการสังเกตคําภาษาจีน มีหลักสังเกตดังนี้
๑. เปนชื่ออาหารการกิน เชน กวยเตี๋ยว แปะซะ เฉากวย จับฉาย เปนตน
๒. เปนคําที่เกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช เชน ตะหลิว เกง ฮวงซุย เปนตน
๓. เปนคําที่เกี่ยวกับการคา เชน เจง หุน หาง เปนตน
๔. เปนคําที่ใชวรรณยุกตตรี จัตวา เปนสวนมาก เชน กวยจั๊บ กุย เก
เกก กง ตุน เปนตน
๒๕๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ตัวอยางคําภาษาจีน หมวดอาหารการกิน
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
เตาหู ถั่วที่โมเปนแปงแลวทําเปนแผน ๆ
เตาเจี้ยว ถั่วเหลืองหมักเกลือ ใชปรุงอาหาร
กวยเตี๋ยว ของกินชนิดหนึ่งทําดวยแปงขาวเจาเปนเสน ๆ ปรุงอาหารทั้งแหงและน้าํ
เกาเหลา แกงมีลักษณะอยางแกงจืด ปรุงรสได ไมใชแกงเผ็ดแกงสม
กุนเชียง ไสกรอกจีน
เกี๊ยว ของกินทําดวยแปง เปนแผนบาง ๆ ทอดกรอบ หรือหอหมูแลวนึ่ง
โจก ขาวตมแบบละเอียด ทําจากขาว
แปะซะ ชื่ออาหารใชปลานึ่งจิ้มน้ําสมกินกับผัก
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
เกกฮวย ดอกเบญจมาศหนู ใชเปนยารักษาโรคไดหลายอยาง หรือตมเปนน้ําดื่มกินได
ตั้งโอ ผักจีนชนิดหนึ่ง ใบเล็กหนามีกลิ่นหอม
กุยชาย ผักชนิดหนึ่งคลายตนหอมหอมหรือกระเทียมใบแบน ๆ มีกลิ่นหอมฉุย, กุยชาย ก็ใช
เกาลัด ไมตนขนาดเล็ก เปลือกผลหนา ไมมีหนาม เมล็ดเกลี้ยง
ตัวอยางคําภาษาจีน หมวดกริยา
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
แฉ แบ ตีแผ เปดเผย
ซวย เคราะหราย อับโชค
เซียน ชํานาญ
เอี่ยว มีสวนรวม
โละ ไมเอา ทิ้ง
เฮง ดี เจริญ
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๕๙
ตัวอยางคําภาษาจีน เกี่ยวกับการคาขาย
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
เหลา รานอาหาร ภัตตาคาร
โสหุย คาใชจาย
แปะเจี๊ยะ เงินกินเปลา
เจง ลมเลิกกิจการเพราะทุนหมด
ยี่หอ เครื่องหมายการคา
ตัวอยางคําภาษาจีน เกี่ยวกับเครือญาติ
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
กง ปู ตา
ตี๋ เด็กผูชายจีน
เตี่ย พอ
หมวย เด็กหญิงหรือหญิงสาวลูกจีน มวยก็ใช
เฮีย พี่ชาย, คือที่ใชเรียกผูชายเพื่อยกยอง
เจ พี่สาว, คําเรียกผูหญิงเพื่อยกยอง
ตัวอยางคําภาษาจีน หมวดทั่วไป
คํายืมภาษาจีน ความหมาย
เขง ภาชนะสานมีรูปแบบตาง ๆ
จับกัง กรรมกร ผูใชแรงงาน
ตั๋ว บัตรบางอยางแสดงสิทธิ์ของผูใช
แตะเอีย เงินที่ใชในโอกาสพิเศษ
ไตฝุน พายุกําลังแรง ๑๒๐ กม./ชม.
บวย สุดทาย ทีหลัง
๒๖๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๒. คํายืมภาษาอังกฤษ
๒.๑ ที่มาของการยืมคําภาษาอังกฤษ อังกฤษมีการติดตอกับไทยมาตั้งแต
สมัยอยุธยา โดยเขามาคาขาย และภาษาอังกฤษเริ่มมีบทบาทในไทยมากขึ้นในสมัย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว (รัชกาลที่ ๓)
๒.๒ หลักการสังเกตคําภาษาอังกฤษในภาษาไทย มีดังนี้
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําหลายพยางค เชน ช็อกโกแลต
แคปซูล โฟกัส เทรนเนอร คอมพิวเตอร ไวโอลิน เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส เปนตน
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําทับศัพท เชน
คําที่ไทยใช คําอังกฤษ
ออกซิเจน oxygen
เคก cake
คุกกี้ cookie
ครีม cream
ชี้ส cheese
สลัด salad
ฟุตบอล football
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําที่มีตัวสะกดหลายตัว และมี
เครื่องหมาย ทัณฑฆาตกํากับอยูบนตัวสะกดตัวแรก หรือตัวสะกดตัวสุดทาย เชน
ฟลม การด ปาลม มารค ชอลก ฟารม คอรส ฟอรม เบียร ออกไซด ไวน ฟวส กีตาร
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําที่ใชในกรณีที่ไมเปนทางการ
เชน แอร (air-conditioner) แอร (air-hostess) คอม (computer)
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําที่มีเสียงพยัญชนะควบกล้ํา บล
บร ดร ฟล ฟร ทร เชน บล็อก เบรก บร็อกโคลี บรอนซ ดรัมเมเยอร ดร็อป
แอดเดรส แฟลต ฟลุก ฟรี เฟรม แฟรนชายส ทรัมเปต เทรน อิเล็กทรอนิกส
- คํายืมภาษาอังกฤษสวนใหญเปนคําที่สะกดดวยพยัญชนะ ฟ ล ส ศ ต
เชน กราฟ กอลฟ บอล อีเมล โบนัส โฟกัส แกส ช็อกโกแลต รีสอรต แครอต
โดนัต
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๖๑
๒.๓ ตัวอยางคําภาษาอังกฤษที่ใชในภาษาไทย
คําภาษาอังกฤษที่ไทยนํามาใชในวงการตาง ๆ เชน
- คําศัพทในวงการการชาง เชน โซลา ดีเซล ไดนาโมแทรกเตอร น็อต
ปม ปารเกต แปบ มอเตอร สปริง สวิตซ คอนกรีตฯลฯ
- คํ า ศั พ ท ใ นวงการกี ฬ า เช น กอล ฟ เทนนิ ส ฟุ ต บอล มาราธอน
ยิมนาสติก วอลเลยบอล สกี สเก็ต สนุกเกอร เสิรฟ สเตเดียม สปอรต เกม ฯลฯ
- คําศัพทในวงการแพทย เชน เกาต คลินิก โคมา เซรุม วัคซีน ไวรัส
- คําศัพทในวงการวิทยาศาสตร เชน กาซ แกส คลอรีน แคลเซียม
แคลอรี่ เซลล ตะกั่ว ไนลอน โปรตีน ยิปซัม โมเลกุล เลเซอร ออกซิเจน อิเล็กทรอนิกส
ฯลฯ
- คําศัพทในวงการศึกษา เชน ชอลก เทอม สถิติ ฯลฯ
- คําศัพทในวงการเศรษฐกิจ เชน เครดิต แค็ตตาล็อก เช็ค แชร สต็อก
สโตร อีเมล ฯลฯ
- คํ า ศั พ ท เ กี่ ย วกั บ อาหาร ผลไม และเครื่ อ งดื่ ม เช น กาแฟ เค ก
แซนดวิช สตรอวเบอรี่ ไอศกรีม ไวน วิสกี้ ซอส ซุป ฯลฯ
- คําศัพทเกี่ยวกับเครื่องใชตาง ๆ เชน คลิป คัตเตอร โซฟา เน็กไท
เชิ้ต โนตบุก
๓. คํายืมภาษาเขมร
เขมรเปนชาติที่มีความสัมพันธกับไทยมานานทั้งการคา การสงคราม การเมือง
การปกครอง และวัฒนธรรมเขมร
ลักษณะคําภาษาเขมรในภาษาไทย
๑. เปนคําที่สะกดดวย จ ญ ร ล เชน เสด็จ เผด็จ อาจ อํานาจ บําเพ็ญ สราญ
กําจร จราจร ตําบล บันดาล
๒. เปนคําควบกล้ํา เชน ไกร ขลัง ปรุง ปรับปรํา ปรอง
๓. ขึ้นตนดวยคํา “บัง บัน บรร บํา นําหนา” เชน บังคับ บังคม บังเกิด บังอาจ
บันได บันดาล บันลือ บําเพ็ญ บําบัด บําเหน็จ
๒๖๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๔. มักขึ้นตนดวยคําวา “กํา ดํา ตํา จํา ชํา สํา บํา รํา” เชน
กํา = กําเดา กําแพง กําไร กําจัด กําจร กําพรา กําสรวล กําเนิด
ดํา = ดําเนิน ดําริ ดํารู ดํารง (ดํารี ดําไร แปลวา ชาง)
ตํา = ตํานาน ตํารวจ ตําบล ตํารา ตําลึง ตําหนัก ตําหนิ
จํา = จํานํา จํานอง จําหนาย จําแนก
ชํา = ชํานิ ชํานาญ ชํารวย ชําระ ชําแหละ ชํารุด
สํา = สําราญ สํารวย สําเริง สําเนา สําเภา
บํา = บําเรอ บําราบ บํานาญ บําเหน็จ บํารุง บําเพ็ญ
รํา = รําคาญ รําไร
๕. นิยมเปนคําที่นิยมใชอักษรนํา เชน สนุก สนาน สมัคร สมาน เสด็จ สมอ
ถนน เฉลียว
๖. คําเขมรสวนมากใชเปนคําราชาศัพท เชน เสวย ผนวช บรรทม เสด็จ โปรด
ขนง เขนย สรวล
๗. เปนคําแผลง เชน ครบ > คํารบ, ขดาน > กระดาน, จาย > จําหนวย,
แจก > จํ า แนก, ชาญ > ชํ า นาญ, เดิ น > ดํ า เนิ น , เรี ย บ > ระเบี ย บ, รํ า > ระบํ า ,
ตริ > ดําริ, ตรวจ > ตํารวจ
คําภาษาบาลี คําบาลีสันสกฤต
๑. ไมใชพยัญชนะ “ศ” และ “ษ” ๑. ใช “ศ” และ “ษ” เชน ปกษา ปกษี ศาสนา
กษัตริย ตรุษ ศาสตรา ศัพท อักษร ศรี เศียร
๒. ไมใช “รร” แตนิยมใช “ริ” เชน ๒. ใช รร เชน จรรยา สุบรรณ สุวรรณ สุพรรณ
จริยา ภริยา กริยา ภรรยา ครรภ ธรรม บรรพต วรรค ขรรค
๓. นิยมใชพยัญชนะ ๒ ตัวติดกัน ๓. ใชคําที่พยัญชนะขามวรรค ไมติดกัน เชน
เชน นิพพาน ปญญา บุคคล ปจจัย จันทรา มนตรี อุทยาน พิสดาร วิทยา พัสดุ
ภัตตา อัคคี วิญญาณ มัธยม ดัสกร อาตมา
๔. ไมใช ฤ ฤๅ ๔. ใชตัว ฤ ฤๅ เชน ฤๅษี ฤทธิ์ ฤกษ ฤทัย
กฤษณา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๖๓
๕. ภาษาชวา-มลายูในภาษาไทย การสังเกตคําภาษาชวา-มาลายูท่ีนํามาใชใน
ภาษาไทย
๑. ภาษาชวาที่นํามาใชในภาษาไทยสวนใหญเปนภาษาเขียน ซึ่งรับมาจาก
วรรณคดีเรื่อง ดาหลังและอิเหนาเปนสวนใหญ ใชในการแตงคําประพันธ เชน บุหรง
บุหลัน ระตู ปาหนัน บุหงา บุตรี บุตรา มะละกา มะละกอ กะทัดรัด ดาหลา
๒. ภาษาชวาใช สื่ อ สารในชี วิ ต ประจํ า วั น เช น กั ล ป ง หา กุ ญ แจ กระดั ง งา
ซาหริ่ม
๓. ภาษาชวายังนํามาใชในความหมายคงเดิม เชน ทุเรียน นอยหนา บุหลัน
ภาษาอื่น ๆ ตัวอยางเชน
• เปอรเซีย กุหลาบ คาราวาน ตราชู บัดกรี สักหลาด
• โปรตุเกส กะละแม กะละมัง สบู เลหลัง ปนโต
• ฝรั่งเศส กงสุล ครัวซองต คูปอง แชมเปญ บุฟเฟต
• ญี่ปุน กิโมโน คาราเต ซูโม ยูโด สุกี้ยากี้
• ทมิฬ กะไหล กุลี กานพลู กํามะหยี่ อาจาด
• อาหรับ กะลาสี การบูร กั้นหยั่น กะไหล ฝน
• มอญ มะ เมย เปงมาง พลาย ประเคน
• พมา หมอง กะป สวย
********************************
ขอความ (สําหรับขั้นนําเขาสูบทเรียน)
๑๐
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๖๕
การจับใจความสําคัญจากการฟงและดู
การจั บ ใจความสํ าคั ญจากการฟ งและดู เป น การจั บ ใจความสํ าคั ญ หรื อขอคิด
หรือความคิดหลักของเรื่องที่ฟงและดู โดยใจความสําคัญนั้น จะเปนสิ่งที่ครอบคลุม
เรื่องราวทั้งหมดที่ฟงและดู
ใจความสําคัญ หมายถึง ใจความที่สําคัญที่สุด หรือเรียกวา เปนหัวใจหลักของ
เรื่องนั้นทั้งหมด เชน
- การฟงและดูครูเลานิทาน : ในนิทาน ๑ เรื่องจะมีใจความสําคัญหรือความคิดหลัก
ของเรื่อง อาจเปนขอความหรือประโยคที่ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง
หรืออาจเปนขอคิดของเรื่อง
- การฟงและดูขา ว/เหตุการณในชีวิตประจําวัน : ในแตละวันเราจะไดฟงและดูขาว
หรือเหตุการณตาง ๆ ในชีวิตประจําวันซึ่งทําใหเราไดรูและเปนประสบการณนั้น
ในเรื่องที่ไดฟงและดู มักจะมีความคิดหลัก หรือที่เรียกวา “ประเด็นหลัก” ของ
ขาว/เหตุการณนั้น ๆ ซึ่งจะทําใหเราเขาใจภาพรวมไดโดยงาย
หลักการจับใจความสําคัญจากการฟงและดู
๑. ตั้งจุดมุงหมายในการฟงและดูใหชัดเจน
๒. ฟงและดูเรื่องราวอยางคราว ๆ พอเขาใจ และเก็บประเด็นที่สําคัญ ๆ ของเรื่อง
๓. เมื่อฟงและดูจบใหตั้งคําถามตนเองวาเรื่องที่อานมี “ใคร ทําอะไร ที่ไหน
เมื่อไร อยางไร”
๔. นําสิ่งที่สรุปไดมาเรียบเรียงใจความสําคัญใหมดวยสํานวนของตนเอง เพื่อให
เกิดความสละสลวย
๒๖๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
จุดมุงหมายของการสรุปความจากการฟงและดู
การจับใจความสําคัญจากเรื่องที่ฟงและดู แลวนํามาเรียบเรียงใหมอยางสั้น ๆ
เพื่อใหรูวาเปนเรื่องอะไร โดยมี “ใคร ทําอะไร มีใครทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร อยางไร”
จุดมุงหมายของการสรุปความจากการฟงและดูมีดังนี้
๑. เพื่ อ การนํ าไปใช เช น เพื่ อ ข อ มู ล ที่ ได มาเขี ย นเรี ย งความ เพื่ อ ช ว ยทบทวน
ความรู ความคิด และความจํา เพื่อนําใจความสําคัญไปใชในการติดตอสื่อสาร ชวยให
การฟงและการดูไดผลดียิ่งขึ้น
๒. เพื่อความเพลิดเพลิน ไดแก การรับสารเพื่อความสนุกสนาน ผอนคลายความ
ตึงเครียด ไมเนนความสําคัญของเนื้อหาสาระ ไมจําเปนตองมีสมาธิมากนักในการรับสาร
๓. เพื่อความจรรโลงใจ ไดแก การรับสารที่กอใหเกิดสติปญญาหรือชวยยกระดับ
จิตใจใหสูงขึ้น ผูรับสารตองมีวิจารณญาณที่จะเชื่อหรือปฏิบัติในสิ่งที่ถูกตอง
๔. เพื่อประเมินผลและวิจารณ ไดแก การรับสารที่ตองอาศัยความรูอยางละเอียด
ถูกตองในเรื่องที่จะประเมินหรือวิจารณ นอกจากนั้น ตองมีความเปนธรรม ไมมีอคติตอ
ผูสงสารหรือตัวสาร
หลักการฟงที่ดี
๑. ฟงใหตรงจุดประสงค คือ กําหนดจุดประสงคในการฟง เชน ฟงเพื่อเอาความรู
ฟงเพื่อสรุปความรู
๒. ฟงดวยความพรอม คือ ตองมีความพรอมทั้งทางรางกาย จิตใจ และสติปญญา
๓. ฟงอยางมีสมาธิ คือ มีความตั้งใจ จดจออยูกับเรื่องที่ฟงหรือดู ไมฟุงซานคิดถึง
เรื่องอื่น
๔. ฟงดวยความกระตือรือรน คือ มีความสนใจ เห็นประโยชนหรือคุณคาของเรื่อง
ที่ฟง
๕. ฟ ง โดยไม มี อ คติ คื อ ไม มี ค วามลํ า เอี ย ง ซึ่ ง ความลํ า เอี ย งเกิ ด จากความรั ก
ความโกรธ
๖. ฟงโดยใชวิจารณญาณ คือ นําสิ่งที่ฟงมาประเมินวามีประโยชนหรือนาเชื่อถือ
มากนอยเพียงใด
มารยาทในการฟงและดู
๑. ฟงและดูดวยความสงบ เพราะจะชวยใหมีสมาธิมากขึ้น
๒. ฟงและดูดวยความตั้งใจ และจดบันทึกประเด็นสําคัญ
๓. ปรบมือแสดงอาการ เมื่อประทับใจ
๔. มองหนาและสบตาของผูพูด
๕. เมื่อมีขอสงสัย ควรยกมือถามหลังผูพูดเปดโอกาสใหถาม ไมควรถามแทรก
ขณะที่ผูพูดกําลังพูดอยู
๖. ไมสงเสียงดังรบกวนผูอื่นขณะฟง
๗. ไมควรแสดงทาทาง สีหนา เมื่อไมพอใจผูพูด
๘. ตั้งใจฟงและดูเรื่องราว ตั้งแตตนจนจบ ไมควรลุกเดินหนีออกจากที่ประชุม
๙. ไมควรแสดงกิริยาที่ไมเหมาะสม เชน โหรอง หัวเราะเสียงดัง พูดตะโกนถาม
หรือนั่งกระดิกเทา
๑๐. ไมควรเดินเขาเดินออกขณะที่ผูพูดกําลังพูด หากมีความจําเปนควรทําความ
เคารพกอน
๒๖๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
โฆษณานาสนใจซื้อสินคาหรือไม เพราะอะไร
.......................................................................... โฆษณานี้ขายเกี่ยวกับอะไร
.......................................................................... ............................................................
.......................................................................... ............................................................
ชื่อโฆษณา
............................................................
............................................................
ขอคิดที่ไดรบั คืออะไร
............................................................
............................................................
............................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๖๙
ภาษาถิ่น
ภาษาถิ่ น หมายถึ ง ภาษาย อ ยของภาษาไทยที่ ใ ช สื่ อ สารกั น ในท อ งถิ่ น ต า ง ๆ
ในประเทศไทย และมีความแตกตางกันไปตามทองถิ่น เปนภาษาที่ใชพูดจากันในทองถิ่น
ตาง ๆ เพื่อการสื่อความหมาย ความเขาใจกันระหวาง ผูคนที่อาศัยอยูตามทองถิ่นนั้น ๆ
แตกตางไปจากมาตรฐานหรือภาษาที่คนสวนใหญของประเทศใช
ลักษณะของภาษาถิ่น
ภาษาถิ่นมีความเฉพาะ คือ ทั้งถอยคําและสําเนียง แสดงถึงเอกลักษณ ลักษณะ
ความเปนอยูและวิถีชีวิตของผูคนในทองถิ่นของแตละภาคของประเทศไทย ซึ่งบางที
จะเรียกวา ภาษาทองถิ่น เชน ภาษาถิ่นใต ก็มีภาษา สงขลา ภาษานคร ฯลฯ
ภาษาถิ่นเปนภาษาที่สําคัญในสังคมไทย เปนภาษาที่บันทึกเรื่องราว ประสบการณ
และวั ฒนธรรมทุ ก แขนงของท อ งถิ่ น เราจึ ง ควรรั ก ษาภาษาถิ่ น ทุ ก ถิ่ น ไว ใ ช ใ ห ถู กตอง
เพื่ อ เป น สมบั ติ ม รดกของชาติ ต อ ไป ซึ่ ง ภาษาถิ่ น จะเป น ภาษาพู ด หรื อ ภาษาท า ทาง
มากกวาภาษาเขียน
ภาษาถิ่นของไทยจะแบงตาม ภูมิศาสตรหรือทองถิ่นที่ผูพูดภาษานั้นอาศัยอยูใน
ภาคตาง ๆ แบงไดเปน ๔ ถิ่นใหญ ๆ คือ ภาษาถิ่นกลาง ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน
และภาษาถิ่นใต
๒๗๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ความหมายของวรรณคดีทองถิ่น
วรรณคดีทองถิ่น หมายถึง วรรณคดีที่แตงขึ้น หรือเผยแพร อยูในทองถิ่นตาง ๆ
ของไทย ซึ่งมีทั้งที่ถายทอดดวยปาก คือ เลาหรือขับรองเปนเพลง เรียกวา “วรรณคดี
มุขปาฐะ” และที่ถายทอดเปนตัวหนังสือ เรียกวา “วรรณคดีลายลักษณ” ซึ่งแตงเปน
รูปแบบรอยแกว หรือรอยกรอง ผูแตงสวนใหญเปนคนในทองถิ่น เขียนหรือเลา เพื่อสื่อ
เรื่องราวความคิด ความรูสึกกับคนในทองถิ่น ถอยคําภาษาที่ใชจึงเปนภาษาทองถิ่น
โดยทั่วไป แบงวรรณคดีทองถิ่นออกเปนกลุมใหญ ๆ ตามถอยคําภาษาที่ใชเปน ๔ กลุม
กล า วคื อ วรรณคดี ภ าคกลางใช ภ าษาไทยกลาง วรรณคดี ล า นนาใช ภ าษาถิ่ น เหนื อ
วรรณคดีอีสานใชภาษาอีสาน และวรรณคดีภาคใตก็ใชภาษาถิ่นใต หากเปนวรรณคดี
ลายลักษณ ที่เขียนขึ้นในสมัยกอน ก็มักใชตัวอักษรที่ใชในทองถิ่นดวย
วรรณคดีทองถิ่นบางเรื่อง อาจมีที่มาหรือไดรับอิทธิพลบางสวน มาจากวรรณคดี
ท อ งถิ่ น อื่ น ซึ่ ง อยู ใ กล เ คี ย ง และมี ข นบธรรมเนี ย มประเพณี แ ละภาษาคล า ยคลึ ง กั น
นอกจากนี้ ยังอาจพบวรรณคดีทองถิ่นในกลุมชนที่มีวัฒนธรรมตาง ๆ ซึ่งอยูอาศัยมา
ตั้งแตสมัยโบราณ หรืออพยพเขามาภายหลัง ในแตละภาคของไทย เชน ในภาคเหนือ
มีวรรณคดี ของกลุมคนไทยลื้อ ไทยเขิน และไทยใหญ ในภาคอีสานทางใต มีวรรณคดี
ของกลุมชนที่พูดภาษาสวย ในภาคใตมีวรรณคดี ของกลุมชนที่นับถือศาสนาอิสลาม
และในภาคกลางมีวรรณคดีของกลุมชนที่พูดภาษามอญ วรรณคดีของไทยโซงและไทยพวน
ประโยชนของการศึกษาภาษาถิ่น
ภาษาถิ่นมีประโยชนสําหรับเยาวชนที่เปนคนในทองถิ่นอยางยิ่ง ความรูภาษาไทย
ถิ่นจะชวยใหมีความรูความเขาใจ สามารถสืบทอดและพัฒนาภูมิปญญาทองถิ่นที่สืบทอด
กั น มาแต โ บราณให ค งอยูอ ย างเหมาะสมกับสั ง คมปจจุ บัน และอนาคตได นอกจากนี้
การศึกษาภาษาไทยถิ่นยังเปนประโยชนตอผูที่สนใจทั่วไป เชน
- ทําใหสามารถติดตอสื่อสารกับผูคนในทองถิ่นตาง ๆ ไดอยางถูกตองและสะดวกขึ้น
- ทําใหเขาใจวัฒนธรรมของทองถิ่นนั้น ๆ ไดดียิ่งขึ้น
- ทําใหเขาใจความหมายของคําโบราณบางคําที่อยูในวรรณกรรมทองถิ่น
- ทําใหสามารถรับรูและเขาใจบริบทแวดลอมของทองถิ่นนั้น ๆ ไดดีอีกดวย
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๗๑
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๗๒ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การวิเคราะหเรื่องที่ฟงและดู
ประเภทเรื่องที่ฟงและดู ในชีวิตประจําวัน ซึ่งอาจสรุปประเภทได ดังนี้
๑. สื่อโฆษณา จะเปนการสื่อใหคลอยตาม อาจไมสมเหตุสมผล ผูฟงตองพิจารณา
ไตรตรองกอนซื้อ
๒. สื่อเพื่อความบันเทิง เชน เพลง, เรื่องเลา ซึ่งอาจมีการแสดงประกอบดวย
ผูฟง/ดูตองระมัดระวัง ใชวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจกอนที่จะซื้อหรือทําตาม
๓. ขาวสาร ผูฟง/ดู ตองรูจักแหลงขาว ผูนําเสนอขาว การจับประเด็น ความมีเหตุ
มีผล รูจักเปรียบเทียบเนื้อหาจากที่มาของขาวหลาย ๆ แหง เปนตน
๔. ปาฐกถา เนื้อหาประเภทนี้ผูฟงตองมีสมาธิเพื่อจับประเด็นสําคัญใหได และ
กอนตัดสินใจเชื่อหรือนําขอมูลสวนใดไปใชประโยชนตองมีความรูพื้นฐานในเรื่องนั้น ๆ
อยูบาง
๕. สุนทรพจน สื่อประเภทนี้สวนใหญจะไมยาว และมีใจความที่เขาใจงาย ชัดเจน
แตผูฟงจะตองรูจักกลั่นกรองสิ่งที่ดีไปเปนแนวทางในการปฏิบัติ
แนวทางการฟงและดูอยางสรางสรรค
๑. เขาใจความหมายของคํา สํานวนประโยคและขอความที่บรรยายหรืออธิบาย
๒. เขาใจลักษณะของขอความวามีใจความสําคัญของเรื่อง ที่เปนความคิดหลัก
ซึ่งมักตรงกับหัวขอเรื่อง
๔. รูจักประเภทของเรื่องที่ฟงและดู ตองแยกขอเท็จจริง ขอคิดเห็นของเรื่อง/ขาว
๕. ตีความในเรื่องไดตรงตามจุดประสงคของผูเลา/ผูเขียน บางคนตองการให
ความรู บางคนตองการโนมนาวใจ ผูฟงและดูตองรูจุดประสงคของเรื่องใหได เพื่อจะได
จับใจความสําคัญได
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๗๓
ชื่อเรื่อง
............................................................
............................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๗๕
การเขียนเรื่องตามจินตนาการ
การเขียนเรื่องตามจินตนาการ เปนความคิดที่เชื่อมโยงประสบการณและความจริง
ในชีวิตจากอดีตไปสูอนาคต หรือเชื่อมโยงเรื่องราวและเหตุการณตาง ๆ ในปจจุบันโดยผูก
เปนเรื่องราวขึ้นมา จากความคิดของนักเรียน การเขียนเลาเรื่องจากภาพ เปนการใช
ประสบการณรวมกับจินตนาการของแตละคน โดยดูรายละเอียดตาง ๆ จากภาพเปน
พื้นฐานในการจินตนาการ เขียนเปนเรื่องราวที่นาสนใจหรือใหความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
แกผูอาน การเขียนเรื่องจากภาพตองเรียบเรียงเรื่องราวตาง ๆ จากภาพใหมีความเกี่ยวเนื่อง
สัมพันธกัน
หลักการเขียนเรื่องจากภาพ
๑. ดูภาพ พิจารณาภาพรายละเอียดตาง ๆ ใหครบถวน
๒. จิ น ตนาการผู ก เรื่ อ งราวย อ นไปในอดี ต คิ ด ไปในอนาคต หรื อ เชื่ อ มโยง
เหตุการณใด เหตุการณหนึ่งในปจจุบัน
๓. สรางความคิดคํานึงโดยใชความเปนจริงหรือเหตุการณที่สมจริงเปนพื้นฐาน
๔. ลําดับเรื่องราวใหตอเนื่องตั้งแตตนจนจบ
๕. เขียนเลาความใหตอเนื่อง
๖. ตั้งชื่อเรื่องใหนาสนใจ
๗. เขียนลายมือใหอานงาย จบประโยคเวนวรรคใหชัดเจน
๒๗๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ชื่อเรื่อง.....................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๗๗
ภาษาพูด ภาษาเขียน
ภาษาไทยเปนภาษาที่มีวัฒนธรรมทางภาษาและมีวิธีการใชถอยคําตามระเบียบ
ราชการและสื่อสารโดยทั่วไปในหมูคนไทย ภาษาไทยมาตรฐานแบงออกเปนภาษาพูด
และภาษาเขียน
หลักการใชภาษาพูด ภาษาเขียน
ภาษาพูด ภาษาเขียน
๑. ใชสื่อสารในการพูด ๑. ใชสื่อสารดวยการเขียน
๒. พูดโดยสรางความรูสึกเปนกันเอง ๒. ใชภาษาพูดปะปนในภาษาเขียนได
ไมนิยมใชภาษาพูดในภาษาเขียน ยกเวน ในบางลักษณะ เชน นิทาน เรื่องสั้น
การกลาวอางอิง หนังสือพิม ฯลฯ
๓. เครงครัดการใชถอยคําตามหลักเกณฑ ๓. เครงครัดการใชถอยคําใหถูกตองตาม
ในการใชภาษามากนัก หลักเกณฑในการใชภาษา
๔. ใชถอยคําภาษาที่สุภาพ และเหมาะสม ๔. ใชถอยคําภาษาที่สุภาพ และเหมาะสม
กับกาลเทศะ กับกาลเทศะ
ตัวอยางการใชภาษาพูด ภาษาเขียน
ภาษาพูด ภาษาเขียน
ผมอยากกินขาวแลวนะ ผมหิวขาวแลวครับ
ตาวไปหยิบหนังสือพิมมาใหนาหนอย ตาวชวยหยิบหนังสือพิมพใหนาดวย
โอย ! อยากจะบาตายทําไมการบานยาก ทําไมการบานวันนี้ถึงยากมากนะ
แบบนี้นะ
รอเดี๋ยวกําลังจะเอาหนังสือมาคืนให รอสักครูกําลังจะนําหนังสือมาคืนให
๒๗๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
ภาษาพูด ภาษาเขียน
ตัวอยาง วัยโจ ตัวอยาง วัยรุน
๑. ๑.
๒. ๒.
๓. ๓.
๔. ๔.
๕. ๕.
๖. ๖.
๗. ๗.
๘. ๘.
๙. ๙.
๑๐. ๑๐.
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๗๙
การอานสรุปความ
การสรุปความ หมายถึง การรวบรวมนําใจความสําคัญของเรื่อง มาเรียบเรียงใหม
แบบสั้น ๆ โดยใชสํานวนภาษาของตนเองโดยครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด สรุปขอความ
ที่อานใหตรงกับจุดมุงหมายของเนื้อเรื่องที่ทําใหผูอานเขาใจ
วิธีอานสรุปความ
๑. อานเรื่องอยางคราว ๆ พรอมตั้งคําถามวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร และ
อยางไร
๒. อานเรื่องอีกครั้งอยางละเอียดเพื่อดูเนื้อหา สาระสําคัญของเรื่อง
๓. อานเพิ่มเติมจนกวาจะเขาใจเรื่อง
๔. สรุปใจความสําคัญของแตละยอหนาไว
๕. นําใจความความสําคัญมาเรียบเรียงใหมโดยใชสํานวนภาษาของตนเอง
๖. อานทบทวนการสรุปความอีกครั้ง เพื่อปรับแกใหสมบูรณ
หลักการสรุปความจากเรื่องที่อาน
๑. อ า นเนื้ อ เรื่ อ งที่ จ ะสรุ ป ความโดยให ค วามสํ า คั ญ กั บ ชื่ อ เรื่ อ ง และใช ก ารตั้ ง
คําถามวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร และอยางไร ชวยในการสรุปความ
๒. หาใจความสําคัญของแตละยอหนา
๓. นําใจความสําคัญมาเรียบเรียงใหมดวยภาษาของตนเอง
๔. อานทบทวนและแกไขเพื่อใหการสรุปความมีความสมบูรณมากยิ่งขึ้น
๒๘๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
นิทานเรื่อง หนูกรุงกับหนูบานนอก
หนูกรุงกับหนูบานนอกเปนญาติกัน วันหนึ่งหนูกรุงไปเยี่ยมหนูบานนอก
ในหมูบานชนบท หนูบานนอกเชิญใหเขาไปในบานหลังเล็ก ที่มืดทึม แตอยูกลาง
ทุงนาขาวและทุงหญาเขียวสะอาด อากาศบริสุทธิ์ หนูกรุงไมพอใจในความเปนอยู
และอาหารที่หนูบานนอกนํามาให “อาหารมีแตขาวโพด ขาวเปลือก ฉันไมชอบ
มีอยางอื่นอีกไหม” หนูกรุงบน “มีมะมวงอีกอยางดวยนะ” หนูบานนอกบอก
“เจาไมมีเนยแข็ง เนยเหลวบางหรือไง เนื้อสัตว เนื้อปลาเลา เจาเคยกิน
บางไหม” หนูกรุงถาม
“แฮะ...แฮะ...ไมมีหรอกพี่ ทั้งเนยแข็ง เนยเหลว” หนูบานนอกตอบเสียง
เบาๆ
“นี่ถามจริง ๆ เจาเคยลิ้มชิมรสขนมเคก หรือคุกกี้บางไหม” หนูกรุงซักตอ
“ไมเคยหรอกพี่ แตบางวันนะ ฉันจะมีผลไมสุกหอมหวานนานาชนิด เชน
กลวย มะมวง มะละกอ มาใหพี่ลิ้มรสเปรี้ยวหวาน พอหายอยาก และมีประโยชน
ตอรางกายทําใหดวงตาแจมใส มองเห็นไดถนัดชัดเจนยิ่งขึ้นดวยนะ” หนูบานนอก
อธิบาย
“ พี่ละเศราใจ เสียดายแทนเจาที่ไมมีโอกาสกินอาหารทีแ่ สนอรอย จําพวก
หมูแฮม ไกทอด หรือขนมปงปง อะไรทํานองนี้ เอาอยางนี้ไหม ไปกับพี่ ไปเที่ยว
บานพี่ในเมืองกรุงกัน แลวเจาจะเห็นเองวา ตึกรามบานชองในเมืองลวนใหญโต
มีตลาดใหญกวางขวาง อุดมสมบูรณดวยขาวปลาอาหารนานาชนิด มีหางสรรพสินคา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๘๑
นิทานเรื่อง…………………………………………………………………………
วาดภาพประกอบ สรุปเรื่อง
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
ขอคิดที่ไดรับ การนําขอคิดไปใชในชีวิตประจําวัน
.................................................................... ....................................................................
.................................................................... ....................................................................
.................................................................... ....................................................................
.................................................................... ....................................................................
.................................................................... ....................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๘๓
การวิเคราะหและเขียนอธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน
การวิเคราะห หมายถึง การพิจารณา และประเมินคา ซึ่งจะเกิดประโยชนตอ
ผูวิเคราะหในการนําไปแสดงความคิดเห็น อภิปรายขอเท็จจริงใหผูอื่นทราบ ดวยวาใคร
เปนผูแตง เปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีประโยชนอยางไร ตอใครบาง ผูวิเคราะห มีความเห็น
อยางไร เรื่องที่อานมีคุณคาดานใดบางและแตละดาน สามารถนําไปประยุกต ใหเกิด
ประโยชนตอชีวิตประจําวันอยางไรบาง
คุณคาของวรรณกรรม โดยปกติจะวิเคราะหตามหัวขอตอไปนี้
๑) คุณคาดานวรรณศิลป คือ ความไพเราะของบทประพันธ ซึ่งอาจทําใหผูอาน
เกิดอารมณ ความรูสึกและจินตนาการตามรส ความหมายของถอยคําและภาษาที่ผูแตง
เลือกใชเพื่อใหมีความหมายกระทบใจผูอาน แนวการวิเคราะหคุณคา
๒) คุณคาดานเนื้อหาสาระ แนวความคิดและกลวิธีนําเสนอ
๓) คุณคาดานสังคม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะทอนใหเห็นสภาพของสังคม
และวรรณคดีที่ดีสามารถจรรโลงสังคมไดอีกดวย
๔) คุณคาดานการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ผูอานสามารถนําแนวคิด
และประสบการณจากเรื่องที่อานไปประยุกตใชหรือแกปญหาในชีวิตประจําวันได
๒๘๔ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ขอคิดที่ไดจากเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๒. คุณคาที่ไดจากเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๓. นําขอคิดที่ไดรับไปปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๒๘๖ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
๑. ขอคิดที่ไดจากเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๒. คุณคาที่ไดจากเรื่อง
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
๓. นําขอคิดที่ไดรับไปปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๘๘ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
การกรอกแบบรายการ
หมายถึง การเขียนกรอกรายละเอียดตาง ๆ ลงในเอกสารแบบรายการ เพื่อให
เอกสารนั้นสมบูรณถูกตอง ตรงตามจุดประสงค ของผูจัดทําแบบรายการ
การกรอกแบบรายการมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
๑. อานสํารวจเพื่อทราบวาแบบรายการนั้นมีขอมูลใดที่ตองการกรอกบาง
๒. เขียนขอมูลทีละรายการจนครบ
๓. สอบถามเจาหนาที่ หากไมเขาใจการกรอกบางรายการ
๔. อานทบทวนอีกครั้งวากรอกแบบรายการถูกตองครบถวนหรือไม
๕. เมื่อกรอกขอมูลสําคัญผิดพลาด เชน จํานวนเงิน อาจขีดฆาและเซ็นชื่อกํากับ
๖. ควรเขียนดวยลายมือที่อานงาย ใหขอมูลและภาษาที่ถูกตอง รวมทั้งไมทําให
แบบรายการเสียหาย เชน ยับ ฉีกขาด มีรอยขีดฆา
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๘๙
คําชี้แจง ใหนักเรียนกรอกแบบรายการตามที่กําหนดใหถูกตองสมบูรณ
แบบสํารวจขอมูลนักเรียนประจําปการศึกษา....................................................................................
โรงเรียน.............................................................................................................................................
ระดับชั้น อนุบาลปที่................ ประถมศึกษาปที่............. มัธยมศึกษาปที่.................
ขอมูลประจําตัวนักเรียน
ชื่อ........................................ นามสกุล......................................... ชื่อเลน.......................
เกิดวัน.......................ที.่ .................เดือน.........................................พ.ศ. .......................
หมูโ ลหิต.....................ศาสนา.....................เชื้อชาติ......................สัญชาติ......................
เลขประจําตัวประชาชน - - - -
ขอมูลที่อยูปจจุบันของนักเรียน
อยูตามลําพัง อยูกับผูปกครอง อยูกับองคกรในทองถิ่น (หนวยงาน มูลนิธิ วัด)
บานเลขที่...............หมูที่..................ตรอก/ซอย........................ถนน..............................
ตําบล/แขวง............................อําเภอ/เขต................................จังหวัด...........................
รหัสไปรษณีย......................... หมายเลขโทรศัพท...........................................................
อีเมล...............................................................................................................................
การเดินทาง
ระยะทางจากบานถึงโรงเรียน........................กิโลเมตร
สภาพเสนทาง (เชน ถนนลูกรัง ถนนลาดยาง).................................................................
เดินทางโดย ผูป กครองมาสง รถรับ-สงนักเรียน รถจักรยาน
มากับเพือ่ น/ผูปกครองเพื่อน ชื่อ...................................ชี้น.............
คาใชจา ยในการเดินทาง........................................บาท ตอ (วัน / เดือน / ภาคเรียน)
ใชเวลาในการเดินทาง...........................................นาที
ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................ชั้น..........เลขที่.........
๒๙๐ ชุดกิจกรรมการเรียนรู สําหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๒ (ภาษาไทย ป.๕)
แบบประเมินตนเอง
ชื่อ : ___________________________ สกุล : ______________________ชั้น_____เลขที่ _____
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรือ่ ง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน
๑. ประเมินการเรียนรูของตนเอง
กาเครื่องหมาย ในชองระดับความสามารถของแตละกิจกรรมที่นักเรียนคิดวาทําไดตามระดับการประเมินเหลานี้
ระดับความสามารถ : ดีมาก ดี คอนขางดี พอใช ปรับปรุง
ระดับความสามารถ
ที่ รายการ ดีมาก ดี คอน พอ ปรับ
ขางดี ใช ปรุง
๑ สรุปความรูจากเรื่องที่อาน
๒ กรอกแบบรายการตาง ๆ
๓ มีมารยาทในการฟงและดู
๔ วิเคราะหการใชคําภาษาตางประเทศ
๕ บอกหลักการอธิบายคุณคาจากเรื่องที่อาน
…………………………………………….............................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
…………………………………………….............................................................................................................
หนวยการเรียนรูที่ ๑๔ เรื่อง วินิจคุณคาภาษาพาเพลิน ๒๙๑
ชื่อ............................................สกุล.................................ชั้น.................เลขที่............
ประจํา : กลางภาค ปลายภาค หนวยการเรียนรูที่.......
สิ่งหนึ่งที่ฉันไดเรียนรูจากการเรียนวิชานี้ในปลายภาคเรียน คือ ........................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
ฉันนาจะเรียนรูไดดีกวานีห้ าก ........................................................................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................