Professional Documents
Culture Documents
ปรนัย ม.1 - พลังงานความร้อน - ตอนที่ 1 ตัวชี้วัด ม1ทับ1 ถึง ม.1ทับ4
ปรนัย ม.1 - พลังงานความร้อน - ตอนที่ 1 ตัวชี้วัด ม1ทับ1 ถึง ม.1ทับ4
ปรนัย ม.1 - พลังงานความร้อน - ตอนที่ 1 ตัวชี้วัด ม1ทับ1 ถึง ม.1ทับ4
โรงเรียน จังหวัด..........................
แบบทดสอบวัดผลรายตัวชี้วัด ชั้น มัธยมศึกษาปี ที่ 1
(ถ้ามี)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชา
วิทยาศาสตร์ รหัส วิชา ..................
ผู้ออกข้อสอบ นาย ...............................................................................
บทที่ 4 พลังงานความร้อน
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 (ตัวชี้วัด ม 1/1-
ม.1/4)
1. ความจุความร้อนจำเพาะหมายถึงข้อใด
ก. พลังงานความร้อนที่ให้แก่สาร
ข. พลังงานความร้อนที่ให้แก่สารต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น
ค. พลังงานความร้อนที่ให้แก่สารต่อหนึ่งหน่วยมวล
ง.พลังงานความร้อนที่ให้แก่สารต่อหนึ่งหน่วยมวลต่อหนึ่งหน่วยอุณหภูมิที่
เพิ่มขึ้น
ก. ปริมาณความร้อนที่สารใช้ในการเปลี่ยนแปลงสถานะ โดยอุณหภูมิ
เปลี่ยนแปลง
ข. ปริมาณความร้อนที่สารใช้ในการเปลี่ยนแปลงสถานะ โดยอุณหภูมิ
คงที่
ค. ปริมาณความร้อนที่สารใช้ในการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
ง. ปริมาณความร้อนที่สารใช้ในการรักษาสภาพทั้งสถานะและอุณหภูมิ
คงเดิม
ก. สาร A มีความจุความร้อนจำเพาะมากกว่าสาร B
ข. สาร A มีความจุความร้อนจำเพาะน้อยกว่าสาร B
ค. สาร A มีความจุความร้อนจำเพาะเท่ากับสาร B
ง. สาร A มีความจุความร้อนเท่ากับสาร B
ก. เหล็ก ข. น้ำ
ค. เท่ากันทั้งเหล็กและน้ำ ง. ข้อมูลไม่เพียงพอ
ก. 8 Cal. ข. 8 J
ก. 125.4 kJ ข. 146.3 kJ
ค. 292.6 kJ ง. 303.4 kJ
11. ข้อใดบอกความหมายของอุณหภูมิได้ถูกต้อง
ก. ขนาดของความร้อนในวัตถุ ข. ความจุความร้อนในวัตถุ
ค. ระดับความร้อนในวัตถุ ง. พลังงานความร้อนในวัตถุ
12. ข้อใดถูกต้อง
13. ข้อใดไม่ใช่หน่วยวัดอุณหภูมิ
ก. บาร์เรล ข. เคลวิล
ค. โรเมอร์ ง. ฟาเรนไฮต์
ก. น้ำเย็นจัด ข. น้ำร้อนจัด
ก. 273 K ข. 308 K
ค. -238 K ง. -373 K
18. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
ก. น้ำเย็นจัด ข. น้ำร้อนจัด
ค. เพิ่มขึ้น ง. ลดลงหรือเพิ่มขึ้น
ค. พลังงานจลน์เพิ่มขึ้น ง. พลังงานจลน์ลดลง
ก. เคลื่อนที่ช้าลง ข. เคลื่อนที่เข้าหากัน
ก. การขยายตัวเชิงเส้น ข. การขยายตัวเชิงพื้นที่
ค. การขยายตัวเชิงคุณภาพ ง. การขยายตัวเชิงปริมาตร
27. จากข้อความต่อไปนี้
1. โมเลกุลของแก๊สมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกันน้อย จึงทำให้มี
พลังงานจลน์มาก
2.ความร้อนของสารเกิดจากการสั่นของโมเลกุล
3.อุณหภูมิของสารสูง แสดงว่ามีความร้อนมาก
ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3
ค. 1 และ 3 ง. 1 2 และ 3
28. ข้อความต่อไปนี้ข้อใดกล่าวผิด
ค. แก๊สเป็ นสถานะที่มีเเรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลน้อยที่สุด
ง. ของแข็งเป็ นสถานะที่โมเลกุลไม่มีการสั่นจึงไม่มีความร้อนอยู่เลย
ก. มวลของสาร ข. ความจุความร้อนของสาร
ค. อุณหภูมิของสาร ง. ปริมาณความร้อนที่ให้
31. ข้อใดต่อไปนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการหดตัวหรือขยายตัวของสสาร
ก. ลูกหมุนระบายอากาศ ข. พืชสังเคราะห์ด้วยแสง
ค. ถนนคอนกรีต ง. เทอร์โมสตัท
ก. การนอนอาบแดดในฤดูร้อน
ข. การวางรางรถไฟโดยเว้นช่องว่างให้ห่างกันเล็กน้อย
ค. การทำที่จับพลาสติกของหม้อต้มเพื่อป้ องกันความร้อน
ง. การเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์จนเต็มเพื่อป้ องกันเครื่องยนต์เสียหาย
ก. นำไปต้ม ข. แช่ในตู้เย็น
ค. แช่ในแอลกอฮอล์ ง. แช่ในสารละลายกรด
34. เพราะเหตุใดสะพานโลหะจึงมักวางอยู่บนลูกกลิ้ง
ก. เพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้าย
ข. เพื่อสะดวกในการยกสะพานปิ ด-เปิ ด
ค. เพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่
ง. เพื่อให้โครงสะพานสามารถขยายตัวและหดตัวได้ลดการชำรุด
35. ข้อใดต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องกับการหดตัวหรือขยายตัวของสสารโดยตรง
ก. ด้ามจับกระทะทำด้วยพลาสติก ข. พืชสังเคราะห์ด้วยแสง
ค. ถนนคอนกรีต ง. การทำช่องระบายความร้อน
ของบ้าน
ก. เพราะสัตว์น้ำที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง ไม่เคลื่อนที่
ข. เพราะสัตว์น้ำที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง เกิดการเคลื่อนที่มากขึ้น
ค. เพราะน้ำที่อยู่ส่วนล่างแม่น้ำมีอุณหภูมิสูงกว่าด้านบนที่เป็ นน้ำแข็ง
ง. เพราะน้ำน้ำที่อยู่ส่วนล่างแม่น้ำมีความหนาแน่นน้อยกว่าส่วนบนที่เป็ น
น้ำแข็ง
ก. อากาศภายในบอลลูนและโคมลอยได้รับความร้อน
ข. มีแรงเป่ าจากลมภายนอกเข้าไปในบอลลูนและโคมลอยมาก
ค. อากาศภายในบอลลูนและโคมลอยเกิดการเย็นตัวลง
ง. เกิดจากแรงผลักของคนที่ดันให้บอลลูนและโคมลอยลอยขึ้น
38. เมื่อนำลูกโป่ งที่ครอบบนขวดไปแช่ในน้ำร้อนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก. การสร้างเรือ ข. การสร้างถนน
ค. การเคลื่อนที่ของบอลลูน ง. การเคลื่อนที่ของโคมลอย
ข. อากาศร้อนใต้หลังคาจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงแล้วระบายออกโดยลูกหมุน
ระบายอากาศที่ติดอยู่บนหลังคา
ค. การขยายตัวและหดตัวของปรอทที่บรรจุอยู่ในเทอร์มอมิเตอร์ สามารถ
ใช้วัดอุณหภูมิของสิ่งต่าง ๆ ได้
เฉลย
ข้อ เฉลย และ อธิบาย
1. ง.พลังงานความร้อนที่ให้แก่สารต่อหนึ่งหน่วยมวลต่อหนึ่งหน่วยอุณหภูมิ
ที่เพิ่มขึ้น
2. ข. ปริมาณความร้อนที่สารใช้ในการเปลี่ยนแปลงสถานะ โดยอุณหภูมิ
คงที่
3. ข. อุณหภูมิสาร A น้อยกว่าสาร B เพราะความจุความร้อนมาก จะต้อง
ใช้ความร้อนมากกว่าในการเปลี่ยนอุณหภูมิ สาร A จึงอุณหภูมิขึ้นช้า
กว่า
4. ค. ไม่เท่ากัน เพราะมีความจุความร้อนต่างกัน
5. ข. สาร A มีความจุความร้อนจำเพาะน้อยกว่าสาร B เพราะสาร A มี
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากกว่า B (กราฟชันกว่า) แปลว่า สาร A
ใช้ความร้อนเท่าๆ กับสาร A แต่สาร A สามารถมีอุณหภูมิเปลี่ยนไปได้
มากกว่า นั่นแปลว่า มีความจุความร้อนที่ต่ำกว่า
6. ข. น้ำ เพราะน้ำมีค่าความจุความร้อนมากกว่าเหล็ก การจะทำให้น้ำ
อุณหภูมิลดลงเท่าๆกันกับเหล็ก น้ำจะต้องคายความร้อนออกมา
มากกว่า
7. ค. 800 Cal.
q = ml
q = 10 g x 80 Cal./g = 800 Cal.
8. ข. 1,05 แคลอรี่
ใช้สูตร q = mc∆t
q = 60 x (0.05) x (60-25)
q = 105
9. ค. 292.6 kJ
ใช้สูตร q = mc∆t
q = 1 x (4,180) x (100-30)
q = 292600 J หรือ 292.6 KJ
10. ค. 68,000 Cal. น้ำเเข็งอุณหภูมิ -10 องศา กลายเป็ นน้ำเเข็งอุณห
ภูมิ 0 องศา
(C = ความจุความร้อนจำเพาะของสาร )
ใช้สูตร q = mc∆t
q = 800(0.5)(0 -(-10))
q = 4,000 cal หรือ 4 Kcal
น้ำเเข็งละลายกลายเป็ นน้ำ 0 องศา
(L = ความร้อนแฝง)
ใช้สูตร q = mL
q = 800(80)
q = 64,000 cal หรือ 64 Kcal
เอา q ที่ได้จากที่คิดด้านบนทั้ง 2 มาบวกกัน จะได้ 4 Kcal + 64 Kcal
= 68 Kcal หรือ 68,000 cal
11. ค. ระดับความร้อนในวัตถุ
12. ก. เคลวิน – ระบบเอสไอ
13. ก. บาร์เรล