Professional Documents
Culture Documents
รายงานตะกร้อ
รายงานตะกร้อ
เรื่อง เซปักตะกร้อ
เสนอ
นางสาวกิตติยา กิมาวหา
โดย
เด็กชาย....................................................ชั้น ม.1
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาพลศึกษา (เซปักตะกร้อ)
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียนบ้านพลวง(พรหมบารุงราษฎร์)
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3
คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิช าพลศึก ษา (เซปักตะกร้อ ) ซึ่งได้รวบรวมประวั ติ
ตะกร้อ ประวั ติตะกร้ อในประเทศไทย วิ วั ฒ นาการการเล่ น กติ กาตะกร้ อ ไทยสมั ยก่อ น กติ ก า
ตะกร้อของมาเลเซีย ประวัติสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย ประเภทของกีฬาตะกร้อ มารยาทใน
การเล่นตะกร้อที่ดี มารยาทของผู้ชมตะกร้อที่ดี
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมี
ข้อผิดพลาดประการใดทางผู้จัดทาต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เด็กชาย............................................
ผู้จัดทา
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ประวัติตะกร้อ
ประวัติตะกร้อในประเทศไทย
วิวัฒนาการการเล่น
กติกาตะกร้อไทยสมัยก่อน
กติกาตะกร้อของมาเลเซีย
ประวัติสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย
ประเภทของกีฬาตะกร้อ
มารยาทในการเล่นตะกร้อที่ดี
มารยาทของผู้ชมตะกร้อที่ดี
ประวัตติ ะกร้อ
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกาเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหา
ข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกาเนิดจากที่ใดจากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผล
ดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬา
ตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง”
ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา
(Sepak Raga) คาว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขน
ไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้
นาการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียว
ห่อด้วยผ้าสาลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
ประเทศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชน
ชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด
ประวัติตะกร้อในประเทศไทย
ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทาความผิด โดยการ
นาเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของ
ตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่น
ตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการ
เล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้
ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนาเอาหวายมา
สานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศ
ไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิก
แพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทยเรา
การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลาดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทาจาก
สมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )
ความหมาย คาว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ได้ให้คาจากัด
ความเอาไว้ว่า” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สาหรับเตะ”
วิวัฒนาการการเล่น
การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการ
ช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นต่อมาเมื่อเกิดความชานาญและหลีกหนีความจาเจ ก็คงมีการเริ่มเล่น
ด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลาดับ จากนั้นก็ตกลงวาง
กติกาการเล่นโดยเอื้ออานวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละ
พื้นที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร
กติกาตะกร้อไทยสมัยก่อน เรียกว่า ตะกร้อข้ามตาข่าย สาระสาคัญของกติกาพอสังเขป ดังนี้
1. สนามแข่งขันและตาข่ายคล้ายกันกับ กีฬาแบดมินตัน (ความยาวสนามสั้นกว่า)
2. จานวนผู้เล่นและคะแนนการแข่งขัน
2.1 การเล่น 3 คน แต่ละเซท จบเกมที่ 21 คะแนน (แข่งขัน 2 ใน 3 เซท)
2.2 การเล่น 2 คน (คู่) แต่ละเซท จบเกมที่ 15 คะแนน (แข่งขัน 2 ใน 3 เซท)
2.3 การเล่น 1 คน (เดี่ยว) แต่ละเซท จบเกมที่ 11 คะแนน (แข่งขัน 2 ใน 3 เซท)
3. ผู้เล่นแต่ละคน-แต่ละทีม สามารถเล่นได้ไม่เกิน 2 ครั้ง (2 จังหวะ)
4. ผู้เล่นแต่ละคน-แต่ละทีม ช่วยกันไม่ได้ หากผู้ใดถูกลูกตะกร้อจังหวะแรก ผู้นั้นต้องเล่น
ลูกให้ข้ามตาข่ายต่อไป
5. การเสิร์ฟ แต่ละคนต้องโยนและเตะลูกด้วยตนเองตามลาดับกับมือ ซึ่งเรียกว่ามือ 1, มือ
2 และมือ 3 มีลูกสั้น-ลูกยาว
กติกาตะกร้อของมาเลเซีย
เล่นแบบ ข้ามตาข่าย เช่นเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า เซปัก รากา จาริง ดังที่กล่าวมาแล้วว่า
ดัดแปลงการเล่นมาจาก กีฬาวอลเลย์บอล โดยมีนักกีฬาฝ่ายละ 3 คน แต่ละคนสามารถเล่นลูก
ตะกร้อได้คนละ ไม่เกิน 3 ครั้ง/จังหวะ และสามารถช่วยกันได้ ต้องให้ลูกตะกร้อข้ามตาข่าย ซึ่ง
เมื่อก่อน เซปัก รากา จาริง แต่ละเซทจบเกมที่ 15 คะแนน แข่งขัน 2 ใน 3 เซท เช่นเดียวกันการ
สาธิตกีฬาตะกร้อระหว่างไทย กับ มาเลเซีย
วันแรก เล่นกติกาของไทย ปรากฏว่าไทยชนะด้วย 21 ต่อ 0 คะแนน นักกีฬาไทย
ประกอบด้วย 1. จ.ส.ต.เจริญ ศรีจามร 2. ร.อ.จาเนียร แสงสม 3. นายชาญ ธรรมวงษ์ (ซึ่งทั้ง 3
คนได้เสียชีวิตแล้ว)
วันที่สอง เล่นกติกาของมาเลเซีย ปรากฏว่ามาเลเซีย ชนะด้วย 15 ต่อ 1 คะแนน นักกีฬา
ไทยประกอบด้วย 1. ส.อ.สวัลย์ วงศ์พิพัฒน์ 2. นายประเสริฐ นิ่มงามศรี 3. นายสาเริง หวังวิชา
(ซึ่งทั้ง 3 คนได้เสียชีวิตแล้ว)
จากผลของการสาธิต แสดงให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างถนัดหรือมีความสามารถการเล่นในกติกา
ของตน จึงได้มีการประชุมพิจารณาร่วมกัน กาหนดกติกาการเล่นตะกร้อขึ้นใหม่ เพื่อนาเสนอเข้า
แข่งขันใน กีฬาเซียพเกมส์ ต่อไป ข้อตกลงสรุปได้ดังนี้
– วิธีการเล่นและรูปแบบสนามแข่งขัน ให้ถือเอารูปแบบของประเทศ มาเลเซีย
– อุปกรณ์การแข่งขัน (ลูกตะกร้อ-เน็ต) และขนาดความสูงของเน็ต ให้ถือเอารูปแบบของ
ประเทศไทย
ประวัติสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย
เมื่อปี พ.ศ. 2524 คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีมติ
และอนุมัติให้ พ.อ.(พิเศษ) เดชา กุลบุตร ขณะที่ท่านเป็นเลขาธิการสมาคมกีฬาไทยในพระบรม
ราชูปถัมภ์ และกรรมการบริหารสมาคมกีฬาไทยกลุ่มหนึ่ง ไปก่อตั้งและขอจดทะเบียนตั้งสมาคม
ขึ้นมาอีก 1 สมาคม เพื่อบริหารกิจกรรมกีฬาตะกร้อโดยเฉพาะ ใช้ชื่อว่า สมาคมตะกร้อ โดยทา
การยื่นขอจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ในขณะที่กาลังดาเนินการจดทะเบียน ที่ประชุมได้มีมติ
ให้ พ.อ.(พิเศษ) เดชา กุลบุตร รักษาการเป็นนายกสมาคมตะกร้อ โดยมีนายนพชัย วุฒิกมลชัย
ผู้ทาหน้าที่เป็นเลขาธิการสมาคมฯ ต่อมาเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2526 สมาคมได้รับใบอนุญาต
จัดตั้งสมาคม ตามเลขที่อนุญาต ที่ ต.204/2526 เลขคาขอที่ 204/2526 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ไมตรีระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น
2. เป็นการส่งเสริม และสนับสนุนกีฬาตะกร้อให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
3. จัดการแข่งขันภายในประเทศ และนอกประเทศ
4. เผยแพร่ให้เยาวชน สถาบันการศึกษา โรงเรียน และรัฐวิสาหกิจ ให้มีการแข่งขันมากขึ้น
5. จัดให้มีการควบคุมให้อยู่ในขอบข่าย และจัดให้มีการแข่งขันในระดับต่างๆ มากยิ่งขึ้น
6. ตั้งศูนย์อบรม เผยแพร่ให้แก่เยาวชน และประชาชนทั่วไป
7. ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
มีที่ตั้งสานักงานแห่งใหญ่ ณ เลขที่ 179 ซอยเจริญพร ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญา
ไท กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2526 พ.อ.(พิเศษ) เดชา กุลบุตร และ
คณะกรรมการบริหาร (ชุดรักษาการ) และสโมสรสมาชิกในขณะนั้น ได้มีการประชุมใหญ่สามัญ
โดยมีวาระที่สาคัญคือให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เมื่อถึงวาระสาคัญ พ.อ.
(พิเศษ) เดชา กุลบุตร ท่านได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ท่านภูมิใจในการที่ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมฯ
นี้ขึ้นมา แต่ขณะนี้ท่านได้ชรามากแล้ว จึงเห็นควรที่จะมอบหมายหรือเลือกตั้งบุคคลอื่นมาทา
หน้าที่แทนท่าน และท่านได้เป็นผู้เสนอชื่อ พ.อ. จารึก อารีราชการัณย์ (ยศในขณะนั้น) เป็นนายก
สมาคมฯ ด้วยตัวท่านเอง ที่ประชุมไม่มีผู้ใดคัดค้านเห็นชอบตามเสนอ พ.อ. จารึก อารีราชการัณย์
จึงได้รับตาแหน่งนายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบัน
ประเภทของกีฬาตะกร้อ
กรณีที่ ฝ่ายเสิร์ฟจะได้คะแนน
– เสิร์ฟลงสัมผัสกับพื้นสนามของฝ่ายรับ
– เสิร์ฟลูกโดนตาข่าย แต่ลูกพลิกไปลงสัมผัสกับพื้นสนามของฝ่ายรับ
– เสิร์ฟลูกแล้วฝ่ายรับสัมผัสบอลแล้วบอลตกในฝั่งของฝ่ายรับเอง หรือ สัมผัสแล้วทาลูกสัมผัสพื้น
ในส่วนนอกสนาม
– เสิร์ฟลูกแล้วฝ่ายรับเล่นบอลเกิน 3 ครั้ง
– เสิร์ฟลูกแล้วฝ่ายรับเล่นบอลไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ไม่สามารถส่งลูกไปยังสนามของฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่
ว่าจะเป็น ติดตาข่าย ทาลูกหล่นสัมผัสพื้นในแดนตนเอง หรือส่งข้ามไปแล้วลูกสัมผัสพื้นนอกพื้นที่
การเล่น
กรณีที่ ฝ่ายรับจะได้คะแนน
มารยาทในการเล่นตะกร้อที่ดี
มารยาทของผู้ชมตะกร้อที่ดี
1. ปรบมือให้นักกีฬาและผู้ตัดสินเมื่อเขาดินลงสนาม
2. ปรบมือแสดงความยินดีเมื่อผู้เล่นเล่นได้ดี หรือชนะการแข่งขัน
3. นั่งชมด้วยความสงบเรียบร้อยไม่ส่งเสียงเอะอะ
4. ไม่แสดงท่าทางยั่วยุให้ผู้เล่นขาดสมาธิ
5. ไม่ใช้เสียงเพลงที่มีเนื้อหาหยาบคาย สร้างความแตกแยก
6. อย่าแสดงกิริยาไม่สุภาพหรือใช้วัสดุสิ่งของขว้างปาลงสนาม นักกีฬา หรือกรรมการ
7. ผู้ดูต้องยอมรับการตัดสินของผู้ตัดสิน
8. ไม่ส่งเสียงโห่ร้องหรือแสดงกิริยาเย้ยหยัน เมื่อผู้เล่นเล่นผิดพลาดหรือผู้ตัดสินผิดพลาด
9. ผู้ดูควรเรียนรู้กติกาการแข่งขันกีฬาชนิดนั้นๆ พอสมควร
10. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในสนามแข่งขัน
11. สนับสนุนให้กาลังใจและให้เกียรตินักกีฬาทุกประเภทเพื่อเป็นการส่งเสริมการกีฬาของชาติ
บรรณานุกรม