Professional Documents
Culture Documents
เมทริกซ์
เมทริกซ์
วิชา คณิตศาสตร์อุตสาหกรรม
รหัสวิชา 3000-1402
จัดทำโดย
นางสาว จิตรลดา วรยศ
รหัสนักศึกษา 6231050016 ปวส.1/3
สาขาอิเล็กทรอนิกส์
เสนอ
อาจารย์ วรรณิดา ไชยราช
ภาคเรียนที่2/2562 ปี การศึกษา 2562
วิทยาลัยการอาชีพหนองหาน
เมทริกซ์ คือกลุ่มของจำนวนหรือสมาชิกของริงใดๆ เขียนเรียง
กันเป็ นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจัตุรัส กล่าวคือเรียงเป็ นแถวในแนว
นอน และเรียงเป็ นแถวในแนวตั้ง เรามักเขียนเมทริกซ์เป็ นตารางที่
ไม่มีเส้นแบ่งและเขียนวงเล็บคร่อมตารางไว้ (ไม่ว่าจะเป็ นวงเล็บโค้ง
หรือวงเล็บเหลี่ยม) เช่น
การคูณด้วยสเกลาร์
การคูณ
โดยที่
การคูณนี้อาจทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นถ้ามองเมทริกซ์เป็ น j เวกเตอร์
ของเวกเตอร์ โดยถ้าเราให้ เป็ นเวกเตอร์
ที่มีสมาชิกเป็ นสมาชิกในแถว i ของ A และให้
และ
และ
และ
การคูณเมทริกซ์มีสมบัติต่อไปนี้
สมบัติการเปลี่ยนหมู่: ( AB)C=A(BC)
สำหรับเมทริกซ์ A ขนาด ,B ขนาด และ C ขนาด
ใดๆ ("สมบัติการเปลี่ยนหมู่")
สมบัติการแจกแจงทางขวา:
สมบัติการแจกแจงทางซ้าย:
เมทริกซ์จัตุรัส
เมทริกซ์ที่มีลักษณะพิเศษ
เมทริกซ์เอกลักษณ์ หรือ เมทริกซ์หน่วย In ขนาด n คือเม
ทริกซ์ขนาด n × n ที่มีตัวเลขบนเส้นทแยงมุมเป็ น 1 ซึ่งสมมติให้
เส้นทแยงมุมนั้นลากจากสมาชิกบนซ้ายไปยังสมาชิกขวาล่าง (เฉี
ยงลง) ส่วนสมาชิกที่เหลือเป็ น 0 ทั้งหมด มี
คุณสมบัติ MIn = M และ InN = N สำหรับทุกๆเมทริกซ์ M ขนา
ด m × n และเมทริกซ์ N ขนาด n × k เช่นเมื่อ n = 3:
เมทริกซ์สมมาตร คือเมทริกซ์จัตุรัสที่เมื่อสลับเปลี่ยน
(transpose) แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็ นเมทริกซ์ตัวเอง นั่นก็
คือ หรือ สำหรับทุกดัชนีที่ i และ j
เมทริกซ์สมมาตรเสมือน คือเมทริกซ์จัตุรัสที่เมื่อสลับเปลี่ยน
(transpose) แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็ นเมทริกซ์ที่สมาชิกทุกตัวมี
เครื่องหมายตรงข้ามจากเดิม นั่นคือ หรือ สำหรับ
ทุกดัชนีที่ i และ j
เมทริกซ์เอร์มีเชียน คือเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกเป็ น
จำนวนเชิงซ้อน และเมทริกซ์สลับเปลี่ยนสังยุค (conjugate
transpose) ของเมทริกซ์นั้นเท่ากับตัวเดิม นั่นหมายความว่า
สมาชิกในแถวที่ i หลักที่ j กับสมาชิกในแถวที่ j หลักที่ i จะ
ต้องเป็ นสังยุคซึ่งกันและกัน ดังนี้ หรือเขียนแทนด้วยการสลับ
เปลี่ยนสังยุคของเมทริกซ์ จะได้ว่า
เมทริกซ์โทพลิทซ์ คือเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกในแนวเส้น
ทแยงมุมหลักเป็ นค่าเดียวกัน และแนวขนานเส้นทแยงมุมหลัก
เป็ นค่าเดียวกันในแต่ละแนว นั่นคือ