รวมไฟล์แคลบท3

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 24

บทที่ 3

ปริพันธไมตรงแบบ (Improper Integral)

แผนการสอน รหัส ST2031201


หนวยเรียนที่ 3 บทที่ 3.1
ปริพันธไมตรงแบบ เวลา 180 นาที

ชื่อบทเรียน
3.1 ปริพันธไมตรงแบบบนชวงอนันต
3.1.1 ปริพันธบนชวง [a, ∞)
3.1.2 ปริพันธบนชวง (−∞, b]
3.1.3 ปริพันธบนชวง (−∞, ∞)
จุดประสงคการสอน
3.1 เพื่อใหนักศึกษามีความรูความเขาใจเกี่ยวกับปริพันธไมตรงแบบบนชวงอนันต และสามารถ
นำไปใชในการแกปญหาได
3.1.1 สามารถหาปริพันธบนชวง [a, ∞) ได
3.1.2 สามารถหาปริพันธบนชวง (−∞, b] ได
3.1.3 สามารถหาปริพันธบนชวง (−∞, ∞) ได

% ·Icedx = Featured = Fab - Ecas


a

I say to mild in a ,b
105
106 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

ปริ พันธ ไม ตรงแบบ (Improper Integral) เปนการขยายแนวคิด มาจากการหาปริ พันธ จำกัด เขต
โดยใหรวมถึงการหาปริพันธของฟงกชันบนชวงอนันต และการหาปริพันธจํากัดเขตบนชวงอันนี้ เราเรียก
วา ปริ พันธ ไม ตรงแบบ ปริ พันธ ไม ตรงแบบ แบง ออกเปน 3 ชนิด คือ ปริ พันธ ไม ตรงแบบบนชวงอนันต
(หรือปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1) ปริพันธไมตรงแบบซึ่งฟงกชันไมมีขอบเขตที่จุดปลายชวง (หรือปริพันธไม
ตรงแบบชนิดที่ 2) และปริพันธไมตรงแบบชนิดผสม (หรือปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 3) ซึ่งจะไดศึกษาราย
ละเอียดตอไป ดังนี้

3.1 ปริพันธไมตรงแบบบนชวงอนันต
ปริพันธไมตรงแบบบนชวงอนันต หรือปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 (improper integral of the
first kind) เปนการหาปริพันธจํากัดเขตบนชวงอนันต และชวงอนันตเราจะใชเพียง 3 แบบ คือเมื่อ [a, ∞) , (−∞, b]
และ (−∞, ∞) เมื่อ a และ b เปนจำนวนจริง และฟงกชันจะตองตอเนื่องทุกจุดบนชวงนั้น ๆ

3.1.1 ปริพันธบนชวง [a, ∞) = # ! t


บทนิยาม 3.1. ให f (x) เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง [a, +∞) และ ให f (x)dx มีคา สำหรับทุกคา
a
ของ t ∈ [a, +∞) แลว ! !
+∞ t

a I ~
f (x)dx = lim
f (x)dx
t→+∞ a
(3.1)

·- ·- ·->

รูปที่ 3.1: ปริพันธบนชวง [a, ∞) เมื่อพิจารณาทุกคาของ t ∈ [a, +∞)

ถาลิมิตหาคาไดเปนจำนวนจริง เราจะกลาววา ปริ~ พันธไมตรงแบบนี้ลูเขา (convergent) สูลิมิตนั้น


และคาปริพันธไมตรงแบบนี้จะเทากับคาของลิมิตที่ได
แตถาลิมิตหาคาไมได เราจะกลาววา ปริพันธไมตรงแบบนี้ลูออก (divergent) และคาปริพันธไม
-

ตรงแบบนี้ไมสามารถกำหนดได
! +∞ ! t
หมายเหตุ 3.1. ถา f (x) ตอเนื่องและ f (x) > 0 บนชวง [a, +∞) แลว f (x)dx = lim
t→+∞ a
f (x)dx
a
จะมีความหมายทางเรขาคณิต คือเปนพื้นที่ที่อยูภายใตเสนโคง y = f (x) กับแกน x ในชวง [a, +∞)
ดังรูปที่ 3.1

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
มี
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 107
! ∞
1
ตัวอยางที่ 3.1. จงพิจารณาวา dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก

militate
1 x

goede slimfitdx, lim


ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
te ม

/1
=lim lut - In
+> ม
lime but I &
I ออก
+- ม

รูปที่ 3.2: พื้นที่ระหวางเสนโคง f (x) = x1 กับแกน x บนชวง [1, ∞)

วิธีทำ
! ∞
1
A= dx
1 x
! t
1
= lim dx
t→+∞ 1 x
"t
"
= lim ln |x|""
t→+∞
1
= lim (ln |t| − ln 1), ln 1 = 0
t→+∞

= +∞

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !

ตัวอยางที่ 3.2. จงหาปริมาตรของรูป ทรงตัน ที่เกิดจากการหมุนพื้นที่ ที่ ลอมรอบเสน โคง f (x) = 1


x กับ
แกน x บนชวง [1, ∞) รอบแกน x

x ady

รูปที่ 3.3: รูปทรงตันที่เกิดจากการหมุนพื้นที่ที่ลอมรอบเสนโคง f (x) = x1 กับแกน x บนชวง [1, ∞)

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


ลู่
108 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

วิธีทำ v= S f(x) x
HG ) "
!
v= di 1+∞


V =π 2
dx =

1 x
! t

+lim) tzdx
1

,
2 = π lim dx
t→+∞ 1 x2
"
t -> ล 1 ""t
2 π
tesl *dx
lime
= π lim − "
t→+∞ x
# 1 $
= π lim − + 1
1
-( ·
t→+∞ t
=

=o / & " E +> I
I

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา π 2


ดังนั้น ปริมาตรของทรงตันที่เกิดจากการหมุนพื้นที่เทากับ π ลูกบาศกหนวย เ !

ขอสังเกต 3.1. Gabriel's horn (also called Torricelli's trumpet) is a geometric figure which has
infinite surface area, but finite volume.
หมายเหตุ 3.2. ถา a > 0 แลว ! ∞
1
dx
a xp

เปนปริพันธไมตรงแบบ ลูเขา เมื่อ p > 1 และเปนปริพันธไมตรงแบบ ลูออก เมื่อ p ≤ 1


! ∞
1
ตัวอยางที่ 3.3. จงพิจารณาวา 3 dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
1 (x + 3) 2
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ du- dexts)
u = x +

/ #
3 de

! ! 2 1 dx
∞ t
1 1
3 dx = lim 3 dx
t→∞ 1 =>
1 (x + 3) 2 (x + 3) 2
! t
− 32
= lim
t→∞ 1
&
(x + 3)
d(x + 3) -

% &"
1 "t
= lim −2(x + 3)− 2 " te
t→∞ &
1 ·

elect)
% &
= lim −2 (t + 3) − (1 + 3)− 2 =lim-
/ /
− 12 1

t→∞ =
# # $$ +-> a
1
= −2 0 −
=Ling-2C- ) =
2
1
=
เา
=1

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา 1 !


I

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
สู้
คู่
ช้
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 109
! ∞
ตัวอยางที่ 3.4. จงพิจารณาวา sin x dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
−2
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ
! ∞ ! t
sin x dx = lim sin x dx
−2 t→∞ −2
"t
"
= lim (− cos x)"
t→∞ −2

= lim (cos 2 − cos t) =

t→∞

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !


! ∞
dx
ตัวอยางที่ 3.5. จงพิจารณาวา x2+4
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
2
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ
! ∞ ! t
dx dx
= lim
2 x2 + 4 t→+∞ 2 x 2 + 22
# $"
= lim
t→+∞ 2
1
arctan
x ""t
2 "2
8 :

6-
# $
1 t 1
= lim arctan − arctan 1
t→+∞ 2 2 2 -
1 π 1 π
= · − ·
2 2 2 4
π π
= −
4 8
π
=
8

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา π8 !

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


110 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)
! ∞
xdx
ตัวอยางที่ 3.6. จงพิจารณาวา 1 + x2
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
0
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ
! ∞ ! t
xdx xdx
= lim
0 1 + x2 t→+∞ 1 + x2
#0 ! t $
1 1 2
= lim d(1 + x )
t→+∞ 2 0 1 + x2
# $"
1 "" " "t
2" "
= lim ln 1 + x "
t→+∞ 2
0
# $
1 "" "
2" 1
= lim ln 1 + t − ln 1
t→+∞ 2 2
1 " " "
= lim ln 1 + t2 "
t→+∞ 2

= +∞

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !


! ∞
dx
ตัวอยางที่ 3.7. จงพิจารณาวา เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
2 x ln2 x
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ
! ∞ ! t
dx dx
= lim
2 x ln2 x t→+∞ 2 x ln2 x
! t
= lim ln−2 x d (ln x)
t→+∞ 2
# $"
1 ""t
= lim −
t→+∞ ln x "2
# $
1 1
= lim − −
t→+∞ ln t ln 2
# $
1
= lim − 0 −
t→+∞ ln 2
1
=
ln 2

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา ln12 !

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
=

บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 111

3.1.2 ปริพันธบนชวง (−∞, b]


! b
บทนิยาม 3.2. ให f (x) เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (−∞, b] และ ให f (x)dx มีคา สำหรับทุกคา
t
ของ t ∈ (−∞, b] แลว ! !
b b
f (x)dx = lim
t→−∞ t
f (x)dx (3.2)
−∞
=

ถาลิมิตหาคาไดเปนจำนวนจริง เราจะกลาววา ปริพันธไมตรงแบบนี้ลูเขา (convergent) สูลิมิตนั้น


และคาปริพันธไมตรงแบบนี้จะเทากับคาของลิมิตที่ได
แตถาลิมิตหาคาไมได เราจะกลาววา ปริพันธไมตรงแบบนี้ลูออก (divergent) และคาปริพันธไม
ตรงแบบนี้ไมสามารถกำหนดได
! 0
1
ตัวอยางที่ 3.8. จงพิจารณาวา √ dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
−∞ 3−x -
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ &
I cand

/:- test
วิธีทำ
! !
dx -
0 0
1 1
√ dx = lim √
xied (3-
=So
−∞ 3−x t→−∞ t 3 −x 4
! 0 is- -
1
&
=- I

:"It
= lim √ d(3 − x)
dxclim-
-
· 3−x
-

elector- ti t→−∞ t
"0
+-- 0
~
√ " t
· = lim −2 3 − x""
t→−∞

crsteft
t
√ √
I lin- = lim (−2 3 + 2 3 − t)
m t→−∞
to - 10 √
= −2 3 + ∞
=- - ef340 = 0 &
=∞
·

-25 - E
เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก ! =

!
5E
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูอ--
อก 2 -
2
ตัวอยางที่ 3.9. จงพิจารณาวา
x
e 2 dx
−∞ ~
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ
! ! " = =2
Idy
2 2

Su·de
x
e dx = lim
2 e dx
x
2
duz d1=
−∞ t→−∞ t
# ! 2 % x &$ du =
Idx
the
x
= lim 2 e d
2 <-

*
2
edue dx
t→−∞

-> greeted refreedu


t
"2 &
x" =
= lim 2e 2 ""
t→−∞

Islands -
% t

=ser -2 - cetellentreceived= 2e − 0 = 2e
t
&
= lim 2e − 2e 2
t→−∞ lim acer ets
let --- G
a

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา 2e


lin ( ce - 38
!
= 2

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร +-- 5


2

+---
lin ( 22
=>
-
-
!
1
-> แดล จาร

112 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)


!
+ตัวอยางที่ 3.10. จงพิจารณาวา
0
x · 7−3x dx
2
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
−∞
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ

วิธีทำ
! 0 ! 0
−3x2 2
x·7 dx = lim x · 7−3x dx
−∞ t→−∞ t
! # $
1 0 −3x2 2
= lim − 7 d(−3x )
t→−∞ 6 t
' ("0
1 7−3x ""
2

= lim − "
t→−∞ 6 ln 7 "
t
' 2
(
1 7−3t
= lim − +
t→−∞ 6 ln 7 6 ln 7
1
=−
6 ln 7

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา − 6 ln1 7

Sunday Standa
!

-OE
-> - +0
3.1.3 ปริพันธบนชวง (−∞, ∞)
บทนิ
! c ยาม 3.3. ถา !f (x) เปน ฟงกชัน ที่ มี ขอบเขตแตละชวงจำกัด ที่ เปน สับ เซตของ R ให c ∈ R ซึ่ง
+∞
f (x)dx และ f (x)dx เปนปริพันธไมตรงแบบ ซึ่งลูเขา แลว
−∞ c

! ∞ ! c ! ∞
f (x)dx = f (x)dx + f (x)dx (3.3)
−∞ −∞ c

! c ! ∞ ! c
ถา f (x)dx และ f (x)dx เปนปริพันธ ลูเขา แลว f (x)dx ลูเขา
! −∞
c ! c
∞ ! −∞
c
แตถา f (x)dx หรือ f (x)dx เปนปริพันธ ลูออก แลว f (x)dx ลูออก
−∞ c −∞

! ∞
ตัวอยางที่ 3.11. จงพิจารณาวา xe−x dx
2
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
−∞
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ

วิธีทำ เนื่องจาก f (x) ตอเนื่องบนชวง (−∞, ∞) เลือก c = 0 แลวจะไดวา

*
! ∞ ! 0 ! ∞
−x2 −x2 2
xe dx = xe dx + xe−x dx
−∞ −∞ 0

พิจารณา f (x) ที่มีขอบเขตแตละชวงจำกัด ดังนี้

Ixedx_
fred
& I = Efedex
~>
รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
ย์นิ
:

บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 113

f (x) = xe−x
2
เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [t, 0] เมื่อ t ∈ (−∞, 0] จะได
! !
de
Jose forfast
0 0
and −x2 2
xe dx = lim xe−x dx
it t→−∞ t
−∞
#
$"
1 −x2 ""0
= lim − e "
x = 0 t→−∞ 2

- I,
t
# $
lime -
2
I 1 1 −t2
= lim − + e I
&--- 2 Exe t→−∞ 2 2
2 t 1
=− (1)
·firo
และ
- เปนฟงกชันทีI่มีขอบเขตบนชวง
f (x) = xe−x
2
-1
/cett
2

[0, t] เมื่อ t ∈ (0, ∞] จะได


! ∞ ! t
2 2
xe−x dx = lim xe−x dx
0 t→∞ 0
# $"
1 −x2 ""t
= lim − e "
t→∞ 2 0
# $
1 −t2 1
= lim − e
t→∞ 2
+ /
2
1
=
2
(2)

จาก
!
(1) และ (2) จะได
! !
∞ 0 ∞
−x2 −x2 2 1 1
xe dx = xe dx + xe−x dx = − + = 0
−∞ −∞ 0 2 2
เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา 0
! +∞
#ur-
Judu
!

ตัวอยางที่ 3.12. จงพิจารณาวา xex dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก


−∞
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
วิธีทำ เนื่องจาก f (x) ตอเนื่องบนชวง (−∞, ∞) เลือก c = 0 แลวจะไดวา
! +∞

−∞
xex dx =
! 0

−∞
xex dx +
!

0
+∞
xex dx
↓ seeds
-

พิจารณา f (x) ที่มีขอบเขตแตละชวงจำกัด ดังนี้


f (x) = xex เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [t, 0] เมื่อ t ∈ (−∞, 0] จะได
! !

:htt
0 0
x
xe dx = lim xex dx
−∞ t→−∞ t
"0

- t→−∞
"
= lim (xe − e )"" . lin
t
x x
close - Stet- ets
*+-- 0
~
)
= lim −1 − te + et
t

= lim 01- telet


t→−∞

= −1 (1)
&-- * ·
·

↑ "/ไ
= line -1 - t

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร -

+1- 0

2- 1
114 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

และ f (x) = xex เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [0, t] เมื่อ t ∈ (0, ∞] จะได


! +∞ ! t
xex dx = lim xex dx
0 t→+∞ 0
"t
"
= lim (xe − e )"" x x
t→+∞
0
) t t
*
= lim te − e + 1
t→+∞
) *
= lim (t − 1)et + 1
t→+∞

= +∞ (2)
จาก
!
(1) และ (2) จะได
! !
+∞ 0 +∞
x x
xe dx = xe dx + xex dx = −1 + ∞ = ∞
−∞ −∞ 0
เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !
!
ขอสังเกต 3.2. จากตัวอยางที่ 3.12 xex dx ใชเทคนิคการหาปริพันธโดยการแยกสวน (Integration by
Parts)

u dv
!
+ x& ex dx
xex dx = xex − ex + c
− 1& ex
+ 0 ex

การหาคาของ t→−∞
lim tet ซึ่งอยูในรูป รูปแบบไมกำหนด (Indeterminate Forms ) ∞ · 0 ตองจัดรูป
ใหอยูในรูป ∞

แลวหาคาของลิมิต โดยกฎของโลปตาล (L’Hôpital’s Rule)
t −1
ดังนั้น t→−∞
lim tet = lim −t = lim −t = lim −et = 0
t→−∞ e t→−∞ e t→−∞

ผม
า า า ของ ต =>no=
-0

สามารถ ใ โล ตาล
กฏ ใ

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
สิมิ
ค่
ว่
ค้
มิ
ต้
ช้
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 115

แบบฝกหัด 3.1.
จงพิจารณาวาปริพันธไมตรงแบบตอไปนี้ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
! 0
1
1. x2 +4
dx
−∞
! 1 +
2. 6 − ydy
−∞
! ∞
9
3. (1 − 3z)4
dz
2
! ∞
4. (1 + 2x)e−x dx
0
! 0
5. (1 + 2x)e−x dx
−∞
! ∞
6w3
6. dw
−∞ (w4 + 1)2
! +∞
7. e−x dx
−3

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 117

แผนการสอน รหัส ST2031201


หนวยเรียนที่ 3 บทที่ 3.2
ปริพันธไมตรงแบบ เวลา 180 นาที

ชื่อบทเรียน
3.2 ปริพันธไมตรงแบบซึ่งฟงกชันไมมีขอบเขต
3.2.1 ปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดปลายชวง
3.2.2 ปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดระหวางชวง
3.3 ปริพันธไมตรงแบบชนิดผสม
จุดประสงคการสอน
3.2 เพื่อใหนักศึกษามีความรูความเขาใจเกี่ยวกับปริพันธไมตรงแบบซึ่งฟงกชันไมมีขอบเขต
และสามารถนำไปใชในการแกปญหาได
3.2.1 สามารถหาปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดปลายชวงได
3.2.2 สามารถหาปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดระหวางชวงได
3.3 สามารถหาปริพันธไมตรงแบบชนิดผสมได

·- G
Staids =
t

a Inoltreida
ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร
a,b,
อง (
ที่ช่
Seconds = Feast 2 Fcb) - Ecasi

118 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

3.2 ปริพันธไมตรงแบบซึ่งฟงกชันไมมีขอบเขต
ปริพันธไมตรงแบบซึ่งฟงกชันไมมีขอบเขต หรือปริ
! b
พันธไมตรงแบบชนิดที่ 2 (improper integral Domain
of the second kind) ในกรณีที่เราหาปริพันธจำกัดเขต f (x)dx เมื่อ a, b เปนจำนวนจริง ถาฟงกชัน
a ! #
b
f (x) ไมมีคาที่จุดใดบนชวง [a, b] แลวจะทำใหเราไมสามารถหาปริพันธจำกัดเขต f (x)dx ไดโดยวิธี
a
ปกติบนชวง [a, b] ซึ่งปริพันธจำกัดเขตในลักษณะนี้ เราเรียกวา ปริพันธไมตรงแบบ เชนกัน ซึ่งเปนในกรณี
ที่ชวงของการหาปริพันธมีขอบเขต แตฟงกชันไมมีขอบเขต ①
ตัวอยางเชน
!
So -
2
&
4# ·
1
dx 1
1. (x − 1)2
, f (x) =
(x − 1)2
ไมมีคาที่ x = 1
0

! 5
dx 1
2. , f (x) = ไมมีคาที่ x = 3

#Steady
3 (3 − x) (3 − x)

! 4
dx 1
3. (x − 2)
, f (x) =
(x − 2)
ไมมีคาที่ x = 2
1

ปริ พันธ ไม ตรงแบบลักษณะนี้ แบง ออกเปน 2 ชนิด คือ ชนิด ที่ ฟงกชัน ไมมี คาที่ จุด ปลายชวง และชนิด ที่
ฟงกชันไมมีคาที่จุดกลางชวง
b) * ·
(a,
*
#
=

·
3.2.1 ปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดปลายชวง
&

! t
บทนิยาม 3.4. ถา f (x) เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง [a, b) และไมมีคาที่ x = b แต f (x)dx มีคาบน
-
a
ชวง [a, t] สำหรับทุกคาของ a < t < b และ ถาเราให x มีคาเขาใกล b ทางซาย แลว f (x) มีคาเขาใกล
∞ หรือ −∞ เราจะได ต าม! t
! b
f (x)dx = lim f (x)dx (3.4)
a t→b− a

รูปที่ 3.4: เมื่อ&


t → b− คาของพื้นที่จาก a ถึง t จะเขาใกลพื้นที่จาก a ถึง b

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
สิมิ
ซ้
to at
#
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 119
! b
บทนิยาม 3.5. ถา f (x) เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (a, b] และไมมีคาที่ x = a แต f (x)dx มีคาบน
t
ชวง [t, b] สำหรับทุกคาของ a < t < b และ ถาเราให x มีคาเขาใกล a ทางขวา แลว f (x) มีคาเขาใกล
∞ หรือ −∞ เราจะได ! b ! b


f (x)dx = lim
a
f (x)dx
t→a+ t
(3.5)

จากบทนิยามที่ 3.4 และ 3.6 ถาหาคาลิมิตได จะทำใหปริพันธลูเขา (convergent) สูคาลิมิตนั้น


แตถาหาคาลิมิตไมได จะทำใหปริพันธนั้นลูออก (divergent)
ในกรณีที่หาคาลิมิตได คาลิมิตที่ไดจะมีคาเขาใกลพื้นที่ที่อยูภายใตเสนโคง y = f (x) กับแกน x
ในชวง [a, b) หรือ (a, b] ดังตัวอยางรูปที่ 3.4
! 3
1
ตัวอยางที่ 3.13. จงพิจารณาวา √ dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
0 3−x
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
1
วิธีทำ f (x) = √ เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง [0, 3) และไมมีคาที่ x = 3
3−x
! 3 ! t
1 1
√ dx = lim dx √
0 3−x t→3− 0 3−x
"t
√ "
= lim (−2 3 − x)""
t→3− 0
√ √
= lim (2 3 − 2 3 − t)
t→3−

=2 3
2

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา



2 3 ht; I >0 !
! 2
ตัวอยางที่ 3.14. จงพิจารณาวา x ln xdx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
&<-
0
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ %

วิธีทำ f (x) = x ln x เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (0, 2] และไมมีคาที่ x = 0 x =


2

- . cot Flux - Ex
! !
Sudv-avagodu
2 2
x ln xdx = lim x ln xdx 2
t

0 t→0+ t
# $"
1 2 ""2
+One -
1 2
Ixlxdy = lim
t→0+ 2
#
x ln x − x "
4
1 2
t
1 2
$

uthux, Ido-fxdx - (Ent-


= lim 2 ln 2 − 1 − t ln t + t
t→0+ 2 4
= 2 ln 2 − 1
du- dlux, o =
=lin.I
real - File + +
EPrel
1

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา 2 ln 2 − 1 =

!
2
Idx !ขอสังเกต 3.3. จากตัวอยางที่ 3.14
x ln xdx ใชเทคนิคการหาปริพันธโดยการแยกสวน (Integration by Parts)

·xluxdx = ted =
ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร

flux -Ed = =Cust -Ifede 12

=- Andux - E.
2 x
=
2
=x2
-lux- Gr

Side; text = " -

#
-

fexs Diodes os x = 3
t

=lin
I the
on
di
tes
!
&
first -
=- 2C3 - th -(2) 0
0

&
t

threeSo
t h e
+

-line

. see
(320)
East

=253
-
เ า #

E
x zt
(
le= -Ed (
t

·Jo
·
2

↓ #title =
I 0
(3- X)
-
3-x

t
x2 &

2 . ( 3- x)* | <3 - x5Ed (e-


-- - It *
จะว

&
x = + x

=- - - - - - - - /จ
t

3 -X
2 x zt
2 ป

= -

< =
ข้
ลู่
-It h = " + tel = It =
2 I
2
120 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

สมมติ u = ln x และ dv = xdx


! !
จะได du = x1 dx และ v = dv = 1
xdx = x2
2
! !
1 1 2 1
x ln xdx = x2 ln x − x · dx
2 2 x
!
1 1
= x2 ln x − xdx
2 2
1 1 x2
= x2 ln x − ·
2 2 2
1 1 2
= x2 ln x − x
2 4

สำหรับการหาคาของ lim t2 ln t ซึ่งอยูในรูป รูปแบบไมกำหนด (Indeterminate Forms ) 0 · ∞ ตอง


+
t→0

จัดรูปใหอยูในรูป ∞ แลวหาคาของลิมิต โดยกฎของโลปตาล (L’Hôpital’s Rule)
! 4
1
ตัวอยางที่ 3.15. จงพิจารณาวา √ dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
0 16 − x2
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
1
วิธีทำ f (x) = √ เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง [0, 4) และไมมีคาที่ x = 4
16 − x2
! 4

1
dx = lim
!

t
1
dx
du = sinternet
It a

0 16 − x2 t→4− 0 16 − x2
% "
x &""t
= lim arcsin
t→4− 4 "0
# $
t
1 = lim arcsin − arcsin 0
size = t→4− 4

cin = ' = (arcsin 1 − arcsin 0)


π
- -

= -0=#
2

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสู π2 !

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 121
! √
5
xdx
ตัวอยางที่ 3.16. จงพิจารณาวา √ เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
1 x2 − 1
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
x √
วิธีทำ f (x) = √ เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (1, 5] และไมมีคาที่ x = 1
x2 − 1
! √ ! √
5 5
xdx xdx
√ = lim √
1 x2 − 1 t→1+ t x2 − 1
! √5
' (− 1
= lim x x2 − 1 2 dx
t→1+ t
! √
5' (− 1 ' (
1
= lim x2 − 1 2 d x2 − 1
t→1+ 2 t
"√
'
( 1" 5
= lim x2 − 1 2 ""
t→1+ t
% '2 (1 &
= lim 2 − t − 1 2
t→1+

=2−0=2

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูเขาสูคา 2 !


! √π
2
ตัวอยางที่ 3.17. จงพิจารณาวา x sec2 x2 dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
0
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
) * $ *
π π
วิธีทำ f (x) = x sec2 x2 เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง 0,
2
และไมมีคาที่ x = 2
! √π ! t
2
2 2
x sec x dx = lim
√π− x sec2 x2 dx
0 t→ 0
2
! t
1
= lim
√π− sec2 x2 d(x2 )
t→ 2 0
2
"
# $" t
1 "
= lim
√π− tan x2 ""
t→ 2 "
2
0
# $
1
= lim
√π− tan t2 − 0
t→ 2
2
# $
1 2
= lim
√π− tan t
t→ 2
2

1 π
= tan
2 2
=∞

เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


122 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

3.2.2 ปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดระหวางชวง
ปริ พันธ ไม ตรงแบบชนิด ที่ 2 นี้ ถา f (x) เปน ฟงกชัน ที่ ไมมี ขอบเขตบริเวณใกล จุด c ซึ่ง เปน จุด
ภายในชวงของปริพันธหรือ f (x) เปนฟงกชันไมมีขอบเขตมากกวาหนึ่งแหงบนชวงของปริพันธ ดังนั้น การ
พิจารณาการลูเขา ลูออกของปริพันธลักษณะนี้ จะตองแบง ชวงของปริพันธ ออกเปน ชวงยอย เพื่อ เปนปริ
พันธไมตรงแบบของฟงกชันไมมีคาที่จุดปลายชวง และตองมีปญหาเพียงแหงเดียว ดังตัวอยางตอไปนี้
! 5
dx 1
1. (x − 4)
, f (x) =
(x − 4)
ไมมีคาที่ x = 4
2 !I !
4 5
dx dx
สามารถแบงเปนสองปริพันธ คือ (x − 4)
และ (x − 4)
2 &
4

! 4
dx 1
2. x(x − 3)
, f (x) =
x(x − 3)
ไมมีคาที่ x =&
0, 3
=-
0 2 2 ! 1 ! !
3 4
dx dx dx
สามารถแบงเปนสามปริพันธ คือ x(x − 3)
, x(x − 3)
และ x(x − 3)
0 1 3

เมื่อพิจารณาการแบงชวงยอยของปริพันธไดแลว เราสามารถหาปริพันธไมตรงแบบไดโดยใชนิยามตอไปนี้
บทนิยาม 3.6. ถา f (x) เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง [a, b] และไมมีคาที่ x = c เมื่อ a < c < b แตถาเรา
ให x มีคาเขาใกล c ทางซายหรือทางขวา แลว f (x) มีคาเขาใกล ∞ หรือ −∞ เราจะได
! b ! c ! b
f (x)dx = f (x)dx + f (x)dx (3.6)
a a c
! c ! b ! b
ถา f (x)dx และ f (x)dx เปนปริพันธลูเขา แลว f (x)dx เปนปริพันธลูเขา
a! c! a !
c b b
แตถา f (x)dx หรือ f (x)dx เปนปริพันธลูออก แลว f (x)dx เปนปริพันธลูออก
a c a
! 3
1
ตัวอยางที่ 3.18. จงพิจารณาวา x3
dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
-
−2
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ

+ ; xf0
+

1
วิธีทำ f (x) =
x3
ไมมีคาที่ x = 0 จากสมการที่ 3.6 จะไดวา
! 3 ! 0 ! 3
1 1 1
dx = dx + dx
−2 x3 −2 x3 0 x3
! 0
1
พิจารณา x3
dx ซึ่ง f (x) = x13 เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [−2, t] เมื่อ −2 < t < 0 จะได
−2
! 0 ! t
1 1
dx = lim dx
−2 x3 t→0− −2 x 3
# $"
1 "t
= lim − 2 ""
t→0− 2x −2
# $
1 1
= lim − 2 +
t→0− 2t 8
= −∞

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 123
! 0 ! 3
1 1
พบวา x3
dx ลูออก ดังนั้น เราสามารถสรุปไดทันทีวา x3
dx เปนปริพันธไมตรงแบบ ลูออก
fixtures
−2 −2
de

/tim,
โดยไมจำเปนตองพิจารณาปริพันธที่เหลืออีก !
! 7
1
ตัวอยางที่ 3.19. จงพิจารณาวา 2 dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
−2 (x + 1) 3 ~
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ #
<
·

1
วิธีทำ ไมมีคาที่ x = −1 จากสมการที่ 3.6 จะไดวา
first exceede
f (x) = 2
(x + 1) 3

*
! 7 ! −1 ! 7
1 1 1
2 dx = 2 dx + 2 dx
−2 (x + 1) 3 −2 (x + 1) 3 −1 (x + 1) 3

-
! −1
1
พิจารณา 2 dx
−2 (x + 1) 3
1
ซึ่ง f (x) =
เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง
2 [−2, t] เมื่อ −2 < t < −1 จะได
(x + 1) 3
! −1 ! t
1 1
2 dx = lim 2 dx
−2 (x + 1) 3 t→−1− −2 (x + 1) 3
! t
2
= lim (x + 1)− 3 d(x + 1)
t→−1− −2
"t
" 1
= lim 3(x + 1) "" 3
t→−1 −
−2
% 1 1
&
= lim 3 (t + 1) 3 − (−2 + 1) 3
t→−1−

= 3(0 + 1) = 3 (1)
#

+ −1 1
เราจะไดวา −2 2 dx ลูเขาสูคา 3
(x + 1) 3 &
! 7
1
พิจารณา 2 dx
−1 (x + 1) 3
1
ซึ่ง f (x) = 2 เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [−1, t] เมื่อ −1 < t < 7 จะได
(x + 1) 3
! 7 ! 7
1 1
2 dx = lim 2 dx
−1 (x + 1) 3 t→−1+ t (x + 1) 3
! 7 2
= lim (x + 1)− 3 d(x + 1)
t→−1+
t
"7
1"
= lim 3(x + 1) ""
3
t→−1+ t
% 1 1
&
= lim 3 (7 + 1) 3 − (t + 1) 3
t→−1+

= 3(2 + 0) = 6 (2)

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


124 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)
! 7
1
เราจะไดวา 2 dx ลูเขาสูคา 6
−1 (x + 1) 3
! 7
1
จากสมการ (1) และ (2) จะได 2 dx = 3 + 6 = 9 ลูเขา !
−2 (x + 1) 3

ก ด
<- แบบ

%
! 2
1
ตัวอยางที่ 3.20. จงพิจารณาวา √ dx เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
~ −2 4 − x2 ~
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ

1
วิธีทำ f (x) = √ ไมมีคาที่ x = −2, 2 จากสมการที่ 3.6 จะไดวา
4 − x2

! 2 ! 0 !& 2
1 1 1
√ dx = √ dx + √ dx
4 − x2 4 − x2 4 − x2
−2
&
−2 0

! 0
1 * *
พิจารณา √ dx
−2 4 − x2
1
ซึ่ง f (x) = √ เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [t, 0] เมื่อ −2 < t < 0 จะได
4 − x2

! 0 ! 0
1 1
√ dx = lim √dx
−2 4 − x2 t→−2+ t 4 − x2
! 0
1
= lim √ dx
t→−2 +
t 2 − x2
2
"
x ""0
= lim arcsin "
t→−2+ 2 t
# $
0 t
= lim arcsin − arcsin
t→−2+ 2 2
= lim (0 − arcsin(−1))
t→−2+
% π& π
=0− −
2
=
2
(1)

! 0
1
เราจะไดวา √
2
dx ลูเขาสูคา π2
! 2−2 4 − x
1
พิจารณา √ dx
0 4 − x2

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
ฝึ
หั
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 125
1
ซึ่ง f (x) = √ เปนฟงกชันที่มีขอบเขตบนชวง [0, t] เมื่อ 0 < t < 2 จะได
4 − x2
! 2 ! t
1 1
√ dx = lim dx √
0 4 − x2 t→2− 0 4 − x2
! t
1
= lim √ dx
t→2 −
0 2 − x2
2
"
x ""t
= lim arcsin "
t→2− 2 0
# $
t 0
= lim arcsin − arcsin
t→2− 2 2
= lim (arcsin(1) − 0)
t→2−
%π & π
=
2
−0=
2
(2)
! 2
1 π
เราจะไดวา √
2
dx ลูเขาสูคา
2
0 4−x ! 2
1 π π
จากสมการ (1) และ (2) จะได √
2
dx = + = π
2 2
ลูเขา !
−2 4−x

3.3 ปริพันธไมตรงแบบชนิดผสม
ปริพันธไมตรงแบบชนิดผสม หรือปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 3 (improper integral of the third kind)
จะมีลักษณะหรือรูปแบบผสมกันระหวางปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 กับปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 2 คือ
เปนการหาปริ พันธ ไม ตรงแบบบนชวง [a, ∞), (∞, b], และ (−∞, ∞) เมื่อ a, b เปน จำนวนจริง และ
ฟงกชันไมมีคาที่ x = a หรือ x = b หรือไมมีคาที่กลางชวงดังกลาว
การที่เราจะรูวาปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 3 ลูเขา หรือลูออก ก็จะเปนไปตามสมบัติของปริพันธไมตรง
แบบชนิดที่ 1 และ 2 นั่นเอง
! ∞
dx
ตัวอยางที่ 3.21. จงพิจารณาวา x2
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก
&
0
ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ
>
วิธีทำ ในที่นี้เปนการหาปริพันธบนชวง [0, ∞) และ f (x) = x12 ตอเนื่องบนชวง (0, ∞) และไมมีคาที่
x = 0 เปนรูปแบบผสมกันระหวางปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 และ 2 ดังนั้น

! ∞ ! 1 ! ∞
dx dx dx
(1)
&

= +
0 x2 0 x2 1 x2
2

! 1
dx
จาก (1) พิจารณา x2
เปนปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 2 คือปริพันธของฟงกชันไมมีคาที่จุดปลายชวง
0

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


126 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)
1
f (x) =
x2
ตอเนื่องบนชวง (0, 1] และไมมีคาที่ x = 0 จะไดวา
! 1 ! 1
dx dx
= lim
0 x2 t→0+ t x
2
"1
1"
= lim − ""
t→0+ x
# t $
1
= lim −1 +
t→0+ t
=∞ (2)
! ∞
dx
และจาก (1) พิจารณา x2
เปนปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 คือปริพันธบนชวง [1, ∞)
1
1
f (x) =
x2
ตอเนื่องบนชวง [1, t] เมื่อ t ∈ [1, ∞) จะได
! ∞ ! t
dx dx
= lim
1 x2 t→+∞ 1 x
2
"t
1"
= lim − ""
t→+∞ x
1
# $
1
= lim − + 1
t→0+ t
=1 (3)
จาก
!
(2) และ (3) จะได
! !
∞ 1 ∞
dx dx dx
= + =∞+1=∞
0 x2 0 x2 1 x2
เราจะไดวา ปริพันธไมตรงแบบนี้ ลูออก !
! 1 ! ∞
dx dx
ขอสังเกต 3.4. จากตัวอยางที่ 3.21 พบวา x2
ลูออก ดังนั้น เราสามารถสรุปไดทันทีวา x2
เปน
0 0
ปริพันธไมตรงแบบ ลูออก
โดยไมจำเปนตองพิจารณาปริพันธที่เหลืออีก
! 0
x2 dx
ตัวอยางที่ 3.22. จงพิจารณาวา (8 + x3 )2
เปนปริพันธไมตรงแบบที่ลูเขาหรือลูออก +x
−∞ 1

ถาลูเขาจงหาคาปริพันธ x " I- 8
x2#
dx
วิธีทำ ในที่นี้เปนการหาปริพันธบนชวง (−∞, 0] และ f (x) = (8 + x3 )2
ไมมีคาที่ x = −2 เปนรูป
x "* (- 2)
3
&

แบบผสมกันระหวางปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 และ 2 ดังนั้น


! 0 ! −3 ! 0
x 1 -2
x2 dx x2 dx x2 dx
(8 + x3 )2
=
(8 + x3 )2
+
(8 + x3 )2
(1)
−∞ −∞ −3

! −3
x2 dx
จาก (1) พิจารณา (8 + x3 )2
เปนปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 1 คือปริพันธบนชวง (−∞, −3]
−∞

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู
บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL) 127
x2
f (x) =
(8 + x3 )2
ตอเนื่องบนชวง [t, −3] เมื่อ t ∈ (−∞, −3] จะได
! −3 ! −3
x2 dx x2 dx
= lim
−∞ (8 + x3 )2 t→−∞ t (8 + x3 )2
! −3
= lim (8 + x3 )−2 x2 dx
t→−∞ t
! −3
1
= lim (8 + x3 )−2 d(8 + x3 )
t→−∞ 3 t
# $"−3
1 (8 + x3 )−1 ""
= lim "
t→−∞ 3 −1 t
"−3
(1 "
= lim − "
t→−∞ 3(8 + x3 ) "
t
# $
(1 (1
= lim +
t→−∞ 57 3(8 + t3 )
1
=
57
(2)
! 0
x2 dx
จาก (1) พิจารณา (8 + x3 )2
เปนปริพันธไมตรงแบบชนิดที่ 2 คือปริพันธของฟงกชันที่ไมมีคาที่จุด
−3
ระหวางชวง 2
x
f (x) =
(8 + x3 )2
ไมมีคาที่ x = −2 จะได
! 0 ! t
x2 dx x2 dx
= lim
−3 (8 + x3 )2 t→−2− −3 (8 + x3 )2
! t
= lim (8 + x3 )−2 x2 dx
t→−2− −3
! t
1
= lim (8 + x3 )−2 d(8 + x3 )
t→−2− 3 −3
# $"t
(8 + x3 )−1
1 "
= lim "
t→−2− 3−1 "
−3
"t
(1 "
= lim − "
t→−∞ 3(8 + x3 ) "
−3
# $
(1 (1
= lim − −
t→−∞ 3(8 + t3 ) 57
= −∞ (3)
! 0
x2 dx
จาก (3) จะไดวา (8 + x3 )2
ลูออก
! −3
0
x2 dx
นั่นคือ (8 + x3 )2
เปนปริพันธไมตรงแบบ ลูออก !
−∞

ST2031201 แคลคูลัส 3 สำหรับวิศวกร


128 บทที่ 3. ปริพันธไมตรงแบบ (IMPROPER INTEGRAL)

แบบฝกหัด 3.2.
จงหาคาปริพันธไมตรงแบบตอไปนี้
! 0
1
1. x2 +4
dx
−∞
! 1 ,
2. 6 − ydy
−∞
! ∞
9
3. (1 − 3z)4
dz
2
! ∞
4. (1 + 2x)e−x dx
0
! 0
5. (1 + 2x)e−x dx
−∞
! ∞
6w3
6. dw
−∞ (w4 + 1)2
! +∞
7. e−x dx
−3

รศ.ดร.กรรณิการ มวงชู

You might also like