เอกสารประกอบการสอนเรื่อง เวกเตอร์

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 84

LECTURE FOR

“VECTOR”
BY
TEACHER: PANTAWAT SUNDARA
GRADE: XI

RATCHASIMA WITTHAYALAI SCHOOL


NAME: …………………… NO……… ROOM…….
Page | 2

1. ระบบพิกัดฉากสามมิติ

กำหนดเส้นตรง XX , YY  และ ZZ  เป็นเส้นตรงที่ผ่ำนจุด O และตัง้ ฉำกซึ่งกันและกัน


โดยกำรกำหนดทิศทำงของเส้นตรงทั้งสำมนั้นเป็นไปได้ 2 ระบบ คือ ระบบมือขวำ หรือ ระบบมือ
ซ้ำย ดังรูปที่ 1
Z Z

X' Y'

Y' Y X' X
O O

X Z' Y Z'

ระบบมือขวา ระบบมือซ ้าย

รูปที่ 1

ถ้ำเส้นตรงทั้งสำมเป็นเส้นจำนวน (real line) จะเรียก เส้นตรง XX , YY  และ ZZ  ว่ำ


แกนพิกัด X แกนพิกัด Y และ แกนพิกัด Z หรือเรียกสั้นๆ ว่ำ แกน X (x-axis) แกน Y (y-
axis) และ แกน Z (z-axis) ตำมลำดับ และเรียกสุด O ซึ่งเป็นจุดตัดของแกน X แกน Y และ
แกน Z ว่ำ จุดกาเนิด (origin) ดังรูปที่ 2
Z

แกน Z
X'

Y' แกน Y Y
O

แกน X

Z'
X

รูปที่ 2
Page | 3

เรียกรังสี OX , OY และ OZ ว่ำแกน X ทำงบวก (positive x-axis) แกน Y ทำงบวก


(positive y-axis) และ แกน Z ทำงบวก (positive z-axis) ตำมลำดับ และเรียกรังสี OX , OY 
และ OZ  ว่ำแกน X ทำงลบ (negative x-axis) แกน Y ทำงลบ (negative y-axis) และ แกน
Z ทำงบ (negative z-axis) ตำมลำดับ
โดยทั่วไปเมื่อเขียนรูปแกนพิกัดในสำมมิติ นิยมเขียนเฉพำะแกน X แกน Y และ แกน
Z ที่เน้นเฉพำะด้ำนที่แทนจำนวนจริงบวกซึ่งมีหัวลูกศรกำกับไว้ โดยละทำงด้ำนจำนวนจริงลบไว้
ในฐำนที่เข้ำใจ ดังรูปที่ 3

Z Z

Y Y
O O

X X

รูปที่ 3

แกน X แกน Y และ แกน Z จะกำหนดระนำบขึ้น 3 ระนำบ รัยกว่ำ ระนาบอ้างอิง


และเรียกระนำบที่กำหนดด้วย แกน X และ แกน Y ว่ำ ระนาบอ้างอิง XY ระนำบที่กำหนด
ด้วย แกน Y และ แกน Z ว่ำ ระนาบอ้างอิง YZ และระนำบที่กำหนดด้วย แกน X และ แกน
Z ว่ำ ระนาบอ้างอิง XZ หรือเรียกสั้นๆ ว่ำ ระนาบ XY ระนาบ YZ และ ระนาบ XZ
ตำมลำดับ ดังรูปที่ 4
ระนำบ XY ระนำบ YZ และ ระนำบ XZ ทั้งสำมระนำบดังกล่ำวจะแบ่งปริภูมิสำมมิติ
ออกเป็น 8 บริเวณ คือ เหนือระนำบ XY จำนวน 4 บริเวณ และใต้ระนำบ XY จำนวน 4
บริเวณ เรียกแต่ละบริเวณว่ำ อัฐภาค (octant) ดังรูปที่ 4 อัฐภำคที่บรรจุ แกน X แกน Y
และ แกน Z ทำงบวกจะเรียกว่ำ อัฐภาคที่ 1 ส่วนอัฐภำคอื่นๆ จะใช้ข้อตกลงเดียวกับในระบบ
พิกัดฉำกสองมิติ (นับทวนเข็มนำฬิกำไปตำมลำดับ) โดยพิจำรณำบริเวณเหนือระนำบ XY ก่อน
Page | 4

Z Z

ระนาบ XZ
ระนาบ YZ

O O

Y อ ัฐภาคที่ 1 Y
X
ระนาบ XY X

รูปที่ 4

เมื่อกำหนดจุด P เป็นจุดใดๆ ในปริภูมิสำมมิติ จะระบุตำแหน่งของจุด P หรือพิกัดของ


จุด P โดยใช้จำนวนจริงสำมจำนวนเรียงตำมตำมลำดับ หรือเรียกว่ำ สามสิ่งอันดับ (ordered
triple) ในรูป  x, y, z 
x ระบุว่ำ จุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ YZ ไปตำมแนวแกน X เป็นระยะเท่ำใดและใน
ทิศทำงใด เมื่อ x เป็นจำนวนบวก แสดงว่ำจุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ YZ ไปตำมแนวแกน X
ทำงด้ำนบวก และห่ำงจำกระนำบ YZ เป็นระยะ x หน่วย เมื่อ x เป็นจำนวนลบ แสดงว่ำจุด P
อยู่ห่ำงจำกระนำบ YZ ไปตำมแนวแกน X ทำงด้ำนลบ และห่ำงจำกระนำบ YZ เป็นระยะ x
หน่วย และเมื่อ x เป็น 0 แสดงว่ำจุด P อยู่บนระนำบ YZ
y ระบุว่ำ จุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ XZ ไปตำมแนวแกน Y เป็นระยะเท่ำใดและใน
ทิศทำงใด เมื่อ y เป็นจำนวนบวก แสดงว่ำจุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ XZ ไปตำมแนวแกน Y
ทำงด้ำนบวก และห่ำงจำกระนำบ XZ เป็นระยะ y หน่วย เมื่อ y เป็นจำนวนลบ แสดงว่ำจุด P
อยู่ห่ำงจำกระนำบ XZ ไปตำมแนวแกน Y ทำงด้ำนลบ และห่ำงจำกระนำบ XZ เป็นระยะ y
หน่วย และเมื่อ y เป็น 0 แสดงว่ำจุด P อยู่บนระนำบ XZ
z ระบุว่ำ จุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ XY ไปตำมแนวแกน Z เป็นระยะเท่ำใดและใน
ทิศทำงใด เมื่อ z เป็นจำนวนบวก แสดงว่ำจุด P อยู่ห่ำงจำกระนำบ XY ไปตำมแนวแกน Z
ทำงด้ำนบวก และห่ำงจำกระนำบ XY เป็นระยะ z หน่วย เมื่อ z เป็นจำนวนลบ แสดงว่ำจุด P
อยู่ห่ำงจำกระนำบ XY ไปตำมแนวแกน Z ทำงด้ำนลบ และห่ำงจำกระนำบ XY เป็นระยะ z
หน่วย และเมื่อ z เป็น 0 แสดงว่ำจุด P อยู่บนระนำบ XY
Page | 5

เรียก  x, y, z  ว่ำ พิกัด ของจุด P และบำงครั้งจะเขียนจุดและพิกัดกำกับไว้ด้วยกันเป็น


P  x, y, z  ดังรูปที่ 5
Z

P(x,y,z)

z Y
O y
x

รูปที่ 5

ตัวอย่างที่ 1 จำกรูป จงหำพิกัดของ B, C, D, E, F และ G เมื่อกำหนด A  2, 4,3


Z

C B A(2,4,3)
D
Y
O G
E F

B ......, ......, ...... C ......, ......, ...... D ......, ......, ......

E ......, ......, ...... F ......, ......, ...... G ......, ......, ......


Page | 6

ตัวอย่างที่ 2 จงเขียนจุด A  2, 2, 1 , B 1, 3, 2 , C  1,3,3 ลงในระบบพิกัดฉำกสำม


มิติ
Z

Y
O

X
Page | 7

2. ระยะทางระหว่างจุดสองจุดในปริภูมิสามมิติ

ถ้ำเรำลำกเส้นผ่ำนจุด P  x, y, z  ให้ขนำนกับแกน Z ไปตัดระนำบ XY จะได้จุดตัดที่มี


พิกัด Q  x, y, 0 เรียกจุดนี้ว่ำเป็น ภาพฉาย ของจุด P บนระนำบ XY ในทำนองเดียวกันจะเรียก
จุด R  0, y, z  ว่ำเป็นภำพฉำยของจุด P บนระนำบ YZ และเรียกจุด S  x, 0, z  ว่ำเป็นภำพฉำย
ของจุด P บนระนำบ XZ ดังรูปที่ 6
Z

R(0,y,z)

P(x,y,z)
S(x,0,z)

Y
O

Q(x,y,0)

รูปที่ 6

กำรหำระยะทำงระหว่ำงจุดสองจุดใดๆ ในปริภูมิสำมมิติ สมมติว่ำเป็น P  x , y , z  และ


1 1 1

Q  x , y , z  ทำได้โดยอำศัยภำพฉำยของจุดทั้งสองบนระนำบ XY และอำศัยทฤษฎีบทพีทำ
2 2 2

โกรัส ดังนี้ บทพิสูจน์


Z
E Q(x2,y 2,z2)

F I
G R(x2,y 2,z1)

P(x1,y 1,z1)
H
Y
O
D C(x2,y 2,0)

A(x1,y 1,0) B
X
Page | 8

ทฤษฎีบท ระยะทำงระหว่ำง P  x , y , z  และ Q  x , y , z  หรือ


1 1 1 2 2 2 PQ มีค่ำเท่ำกับ
 x2  x1    y2  y1    z2  z1 
2 2 2

ตัวอย่างที่ 3 จงหำภำพฉำยของจุด P  2, 2,3 บนระนำบ XY , YZ และ XZ


Z
ภำพฉำยของจุด P  2, 2,3 บนระนำบ XY
คือ...................................

ภำพฉำยของจุด P  2, 2,3 บนระนำบ YZ


Y คือ...................................
O

ภำพฉำยของจุด P  2, 2,3 บนระนำบ XZ


คือ...................................
X

ตัวอย่างที่ 4 จงหำระยะทำงระหว่ำงจุด A 1, 0,3 และ B  1,3, 2


..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
Page | 9

แบบฝึกหัด
1. จำกรูป จงหำพิกัดของจุดมุมที่เหลือของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉำก ซึ่งมีหน้ำทั้งหกขนำนกับ
ระนำบอ้ำงอิง
Z

A  3, 2, 0  B ......, ......, ......

G
C ......, ......, ...... D ......, ......, ......
F(1,5,3)

H E ......, ......, ...... F 1,5,3


E Y
O G ......, ......, ...... H ......, ......, ......
D C

A(3,2,0) B
X

2. จำกรูป จงหำพิกัดซึ่งเป็นภำพฉำยของจุด C 3,3,1 บนแกนและระนำบที่กำหนดให้


ต่อไปนี้
Z

Y
O

C(3,3,1)

2.1) บนแกน X ตอบ........................


2.2) บนแกน Y ตอบ........................
2.3) บนแกน Z ตอบ........................
2.4) บนระนำบ XY ตอบ........................
2.5) บนระนำบ YZ ตอบ........................
2.6) บนระนำบ XZ ตอบ........................
Page | 10

3. จงหำรูปทั่วไปของพิกัดของจุดที่อยู่บนแกน หรือระนำบที่กำหนดให้ต่อไปนี้
3.1) จุดบนแกน X ตอบ........................
3.2) จุดบนแกน Y ตอบ........................
3.3) จุดบนแกน Z ตอบ........................
3.4) จุดบนระนำบ XY ตอบ........................
3.5) จุดบนระนำบ YZ ตอบ........................
3.6) จุดบนระนำบ XZ ตอบ........................

4. จงกำหนดระบบพิกัดฉำกของจุดในปริภูมิสำมมิติ โดยใช้ระบบมือขวำและเขียนจุดในปริภูมิ
สำมมิติ ที่มีพิกัดต่อไปนี้

A 1,1,1 B 1, 1, 2  C  3, 2, 1 D  1, 1, 2 

Y
O

X
Page | 11

5. จงหำภำพฉำยของจุด P และ Q บนระนำบ XY , YZ และ XZ เมื่อ P และ Q มีพิกัด


เป็น 3, 4,8 และ  7, 2,8 ตำมลำดับ
Z

Y
O

ภาพฉายบนระนาบ ของจุด P ของจุด Q

XY ......, ......, ...... ......, ......, ......

YZ ......, ......, ...... ......, ......, ......

XZ ......, ......, ...... ......, ......, ......

6. จงหำระยะทำงระหว่ำงจุด P 1, 2, 7  และ Q  2, 1, 0


..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
Page | 12

7. จงพิจำรณำว่ำ รูปสำมเหลี่ยมที่มีจุดยอดที่ A 1, 2,1 , B  3,7,9 และ C 11, 4, 2 เป็น


รูปสำมเหลี่ยมชนิดใด
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
Page | 13

3. เวกเตอร์

บทนิยาม ปริมำณที่มีแต่ขนำดเพียงอย่ำงเดียว เรียกว่ำ ปริมาณสเกลาร์ (Scalar


quantity) ส่วนปริมำณที่มีทั้งขนำดและทิศทำง เรียกว่ำ ปริมาณเวกเตอร์ (Vector quantity)
หรือเรียกสั้นว่ำ เวกเตอร์

ปริมำณสเกลำร์ แทนด้วยจำนวนจริง ส่วนปริมำณเวกเตอร์ ในเชิงเรขำคณิตแทนได้ด้วย


ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทำง (directed line segment หรือ directed segment) โดยควำม
ยำวของส่วนของเส้นตรงบอกขนำดของเวกเตอร์และหัวลูกศรบอกทิศทำงของเวกเตอร์

รูปที่ 6

รูปที่ 6 แสดงเวกเตอร์จำก A ไป B อ่ำนว่ำ เวกเตอร์เอบี เขียนแทนด้วย AB หรือ AB


เรียก A ว่ำ จุดเริ่มต้น (initial point) ของเวกเตอร์ และเรียก B ว่ำ จุดสิ้นสุด (terminal
point) ของเวกเตอร์ ควำมยำวของส่วนของเส้นตรง AB หรือ BA คือขนำดของเวกเตอร์ เขียน
แทนด้วย AB
ในกรณีที่ต้องกำรกล่ำวถึงเวกเตอร์ใดๆ โดยที่ไม่ต้องระบุจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดจะใช้
ตัวอักษรเดียว และมีเครื่องหมำย หรือ หรือ กำกับไว้ เช่น u , v หรือ u , v หรือ
u , v ถ้ำ u เป็นเวกเตอร์ที่แทนได้ด้วยส่วนของเส้นตรงจำก A ไป B ดังรูปที่ 7 จะเขียน
u  AB และใช้สัญลักษณ์ u แทนขนำดของ u
B

u
A

รูปที่ 7
Page | 14

u 

รูปที่ 8

เวกเตอร์ที่มีทิศทำงเดียวกันเป็นเวกเตอร์ที่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันหรือเส้นตรงที่ขนำน
กัน และมีหัวลูกศรไปทำงเดียวกัน จำกรูปที่ 8 u และ v มีทิศทำงเดียวกัน
ส่วนเวกเตอร์ที่มีทิศทำงตรงกันข้ำมเป็นเวกเตอร์ที่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันหรือเส้นตรงที่
ขนำนกันแต่หัวลูกศรไปทำงตรงข้ำมกัน จำกรูปที่ 8 u กับ w และ v และ w มีทิศทำงตรงกัน
ข้ำมกัน

บทนิยาม u และ v ขนำนกัน ก็ต่อเมื่อ เวกเตอร์ทั้งสองมีทิศทำงเดียวกันหรือมีทิศทำง


ตรงกันข้ำม

u D

v
A

รูปที่ 9
ในกรณีที่ AB และ CD มีขนำดเท่ำกันและมีทิศทำงเดียวกัน ดังรูปที่ 9 จะกล่ำวถึง
ควำมสัมพันธ์ของ AB และ CD โดยใช้คำว่ำ เท่ากัน

บทนิยาม u เท่ำกับ v ก็ต่อเมื่อ เวกเตอร์ทั้งสอง มีขนำดเท่ำกันและทิศทำงเดียวกัน


เขียนแทนด้วย u  v
Page | 15

u D

v
A

รูปที่ 10
ถ้ำ AB กับ CD มีขนำดเท่ำกันแต่มีทิศทำงตรงข้ำมกัน จะกล่ำวถึงควำมสัมพันธ์ของ AB
และ CD โดยใช้คำว่ำ นิเสธ

บทนิยาม นิเสธของ u (negative of u ) คือเวกเตอร์ที่มีขนำดเท่ำกับขนำดของ u แต่มี


ทิศทำงตรงกันข้ำมกับทิศทำงของ u เขียนแทนด้วย u

ตัวอย่างที่ 1 จงเขียนเวกเตอร์แสดงกำรเคลื่อนที่ของรถยนต์ซึ่งเคลื่อนที่ไปทำงทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือด้วยอัตรำเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
N

W E

ตัวอย่างที่ 2 ABCDEF เป็นรูปหกเหลี่ยมด้ำนเท่ำมุมเท่ำ เวกเตอร์ที่กำหนดให้คู่ใดบ้ำงที่


เท่ำกัน คู่ใดบ้ำงเป็นนิเสธซึ่งกันและกัน
E D

C
F

A B
Page | 16

ตัวอย่างที่ 3 ABCDEFGH เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉำก จงพิจำรณำว่ำ เวกเตอร์


AB, GB, DC, DA, CB, FG, AF และ GH เวกเตอร์ใดบ้ำงที่เท่ำกัน และเวกเตอร์ใดบ้ำงที่เป็น
นิเสธซึ่งกันและกัน
H
E

G
F

C
D

A B

ตัวอย่างที่ 4 นกตัวหนึ่งบินหำอำหำร โดยเริ่มบินไปทำงทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็น


ระยะทำง 2 กิโลเมตร แล้วบินตรงไปทำงทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทำง 2 กิโลเมตร อยำก
ทรำบว่ำนกตัวนี้อยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้นเป็นระยะทำงเท่ำใด และอยู่ในทิศใดของจุดเริ่มต้น
Page | 17

แบบฝึกหัด
1. จงยกตัวอย่ำง ปริมำณสเกลำร์และปริมำณเวกเตอร์ อย่ำงละ 3 ตัวอย่ำง
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

2. จำกรูป จงหำเวกเตอร์ที่มีทิศทำงเดียวกันและมีทิศทำงตรงกันข้ำมกันอย่ำงละ 4 คู่ (ให้


กำหนดหัวลูกศรตำมควำมเหมำะสม)
D

F E

A B

..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

3. ถ้ำกำหนดทิศทำงเป็นองศำ ด้วยกำรบอกค่ำมุมที่วัดจำกทิศเหนือไปตำมเข็มนำฬิกำ ซึ่งค่ำ


อยู่ระหว่ำง 0 ถึง 360 องศำ โดยใช้ระบบตัวเลขสำมตัว (three figure system) เช่น
030, 125 ในกำรระบุทิศ จงเขียนส่วนของเส้นตรงที่มีทิศทำงแทนปริมำณเวกเตอร์
ต่อไปนี้
3.1) 120 เมตร ไปทำงทิศเหนือ
Page | 18

3.2) 30 เมตร ไปทำงทิศ 060

3.3) 80 กิโลเมตร ไปทำงทิศ 300

3.4) 10 กิโลเมตร ไปทำงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

4. ให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน จำกรูปจงหำเวกเตอร์ที่เท่ำกับเวกเตอร์ที่กำหนดให้


ต่อไปนี้
D C

A B

4.1) AB ตอบ ............................................................................................................


4.2) AE ตอบ ............................................................................................................
4.3)  BC ตอบ ............................................................................................................
4.4) BC ตอบ ............................................................................................................
4.5) ED ตอบ ............................................................................................................
4.6)  AE ตอบ ............................................................................................................
Page | 19

5. กำหนด ABCDEFGH เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉำก


E F

D C

H G

A B

จงหำ
5.1) เวกเตอร์ที่ขนำนกัน 3 คู่ ตอบ (1) ............... (2)............... (3) ...............
5.2) เวกเตอร์ที่เท่ำกัน 3 คู่ ตอบ (1) ............... (2)............... (3) ...............
5.3) เวกเตอร์ที่เป็นนิเสธซึ่งกันและกัน 3 คู่
ตอบ (1) ............... (2)............... (3) ...............
6. ถ้ำ u แทนกำรเดินทำง 300 กิโลเมตร ไปทำงทิศ 075 จงบรรยำยกำรเดินทำงที่แทน
ด้วย u

..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

7. ชำยคนเหนึ่งเดินไปทำงทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทำง 3 กิโลเมตร จำกนั้นเดินไป


ทำงทิศ 315 เป็นระยะทำงอีก 3 กิโลเมตร ชำยคนนี้อยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้นกี่กิโลเมตร
และอยู่ในทิศทำงใดของจุดเริ่มต้น
Page | 20

4. การบวกและการลบเวกเตอร์ (Addition and Subtraction of Vector)


4.1 การบวกเวกเตอร์
บทนิยาม ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ใดๆ เลื่อน v ให้จุดเริ่มต้นของ v ไปที่สุกสิ้นสุดของ
u ผลบวกของ u และ v เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ u  v คือ เวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้น
ของ u และจุดสิ้นจุดที่จุดสิ้นสุดของ v (ดังรูปที่ 11)

v v
u+v

รูปที่ 11
อำจหำผลบวกของ u และ v โดยใช้วิธีกำรที่เรียกว่ำ กฎของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
ดังต่อไปนี้
เลือกจุด A เป็นจุดเริ่มต้น หำจุด B ที่ทำให้ u  AB แล้วหำจุด D ที่ทำให้ v  AD
จำกนั้นสร้ำงรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ABCD และอำศัยบทนิยำมของกำรบวกเวกเตอร์ จะได้ u  v
เป็นเวกเตอร์ผลลัพธ์ ซึ่งแทนด้วยเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนนั้น โดยเวกเตอร์ผลลัพธ์
จะมีจุดเริ่มต้นเดียวกันกับจุดเริ่มต้นของ u และ v ดังรูปที่ 12

v D
u+v

u B
v
u
A

รูปที่ 12
Page | 21

ตัวอย่างการบวกเวกเตอร์
E
D

B
C

C
A
A B

AB+BC =AC
AB+BC +CD+DE=AE

รูปที่ 13
***ข้อสังเกต ถ้ำ u และ v เป็นเวกเตอร์ใดๆ แล้ว u  v  v  u

บทนิยาม เวกเตอร์ศูนย์ (zero vector) คือเวกเตอร์ที่มีขนำดเป็นศูนย์ เขียนแทนด้วย 0

***ข้อสังเกต
1. กรณีของเวกเตอร์ศูนย์ ไม่จำเป็นต้องกล่ำวถึงทิศทำงของเวกเตอร์ แต่ถ้ำต้องกำร
กล่ำวถึง มีข้อตกลงว่ำจะระบุทิศทำงของเวกเตอร์ศูนย์เป็นเช่นใดก็ได้
2. เมื่อเขียนรูปเรขำคณิตแทนเวกเตอร์ศูนย์ จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเวกเตอร์ศูนย์
จะเป็นจุดเดียวกัน ดังรูปที่ 14
C
D

P
B

A
PP=0

AB+BC+CD+DA=AA=0

รูปที่ 14
Page | 22

4.2 การลบเวกเตอร์
บทนิยาม ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ใดๆ ผลลบของ u ด้วย v หมำยถึง ผลบวกของ u
และนิเสธของ v เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ u  v นั่นคือ u  v  u   v  (ดังรูปที่ 15)

v
-v
u
-v
u
u
u-v

รูปที่ 15

กำรหำผลลบของเวกเตอร์ อำจทำได้อีกวิธีหนึ่งโดยให้จุดเริ่มต้นของเวกเตอร์ทั้งสองเป็นจุด
เดียวกันและสร้ำงรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ซึ่งเวกเตอร์ที่เป็นผลลบจะมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเป็น
จุดสิ้นสุดของเวกเตอร์ทั้งสองที่กำหนดให้ โดยเวกเตอร์ที่เป็นผลลบกับเวกเตอร์ที่เป็นตัวตั้งมี
จุดสิ้นสุดเป็นจุดเดียวกัน ดังรูปที่ 16

u-v

u
v
u

รูปที่ 16
Page | 23

***ข้อสังเกต กำหนด u และ v เป็นเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุดเดียวกัน เช่นที่จุด A


โดยให้ AB  u , AD  v แล้วสร้ำงรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ABCD ดังรูปที่ 17
D C
จะได้ AC  u  v

v BD  v  u

DB  u  v
A B
u

รูปที่ 17
จะเห็นว่ำเมื่อกำหนดเวกเตอร์ให้สองเวกเตอร์ สำมำรถหำผลบวกและผลลบของเวกเตอร์
ทั้งสองได้โดยสร้ำงรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน เส้นทแยงมุมทั้งสองของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน จะแทน
ผลบวกและผลลบที่ต้องกำรเมื่อระบุทิศทำงให้ถูกต้อง

ตัวอย่างที่ 5 จำกรูป จงหำ AC , AD และ BE ในรูปของ u , v และ w

E D

F C
v
A u B
Page | 24

ตัวอย่างที่ 6 กำหนดรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ABCD ให้ AB  a , AD  d จงเขียน


เวกเตอร์ BC, CD, CA และ BD ในรูปของ a และ d
D C

d E

A B
a
Page | 25

แบบฝึกหัด
1. จำกรูป จงเขียนเวกเตอร์ AB, CA, BD, DB, AF , FA, AE และ EA ในรูปของเวกเตอร์
a, b, c, d , e และ f
B b C

a c

D
A e
c
F

E d

2. PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่ำว มีเส้นทแยงมุมตัดกันที่จุด O จงหำ

Q
2.1) 
PQ  QS  SP 
P R
O
2.2) OR  QS   RO

2.3)  PQ  QR   SR
S

3. กำหนด ABCDEFGH เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉำก จงหำ

G F
3.1) BC  DE  FA
B
C
H
3.2) DC  GF  AB E

3.3) เวกเตอร์ที่บวกกันแล้วได้ 0 A D
Page | 26

4. กำหนด ABCDEF เป็นปริซึมสำมเหลี่ยม จงเขียน AD, FD, BD และ FC ในรูปของ


u , v และ w

D
F
w
E
C
A
u v
B
Page | 27

5. การคูณเวกเตอร์ด้วยสเกลาร์ (Scalar motiplication)

u
u

u
u+u

รูปที่ 18
บทนิยาม ให้ a เป็นสเกลำร์ และ u เป็นเวกเตอร์ ผลคูณของเวกเตอร์ u ด้วยสเกลำร์ a
เป็นเวกเตอร์ เขียนแทนด้วย au โดยที่
1. ถ้ำ a0 แล้ว au  0

2. ถ้ำ a0 แล้ว au จะมีขนำดเท่ำกับ a u และมีทิศทำงเดียวกับ u

3. ถ้ำ a0 แล้ว au จะมีขนำดเท่ำกับ a u และมีทิศทำงตรงข้ำมกับ u

จำกบทนิยำมจะได้  1 u  u
A B L K

C D J I

E F

H G

รูปที่ 19
พิจำรณำรูปที่ 19
Page | 28

ตัวอย่างที่ 7 ให้ au เป็นเวกเตอร์ที่มีขนำด 4 หน่วย และมีทิศทำงดังรูป จงบรรยำย


ลักษณะของเวกเตอร์ต่อไปนี้

1. 4u
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

2. 4u
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

3. 1
u
4
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

4. 1
 u
4
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
Page | 29

ตัวอย่างที่ 8 จำกรูป ABCDE เป็นพีระมิดตรงฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถ้ำกำหนด


AB  a , AE  b และ CE  c แล้วเขียนเวกเตอร์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้ในรูปของ a , b และ c

1) BC

D C

A B
a
2) EF

ตัวอย่างที่ 9 จงแสดงว่ำส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมต่อจุดกึ่งกลำงของด้ำนสองด้ำนของรูป
สำมเหลี่ยมใดๆ ย่อมยำวเป็นครึ่งหนึ่งของด้ำนที่สำม และขนำนกับด้ำนที่สำมเสมอ

M N

A C
Page | 30

ตัวอย่างที่ 10 จงแสดงว่ำผลรวมของเวกเตอร์ที่เป็นมัธยฐำนของรูปสำมเหลี่ยมใดๆ มีค่ำ


เป็นศูนย์ เมื่อจุดยอดของรูปสำมเหลี่ยมเป็นจุดเริ่มต้นของเวกเตอร์ที่เป็นมัธยฐำน

E D

A F B
Page | 31

แบบฝึกหัด
1. กำหนด u ดังรูป จงหำควำมสัมพันธ์ระหว่ำง u กับเวกเตอร์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้
1.1) v เมื่อ 3u  2v  v ตอบ..............

1.2) w เมื่อ 2u  w  2w  5u ตอบ..............

2. กำหนด u และ v เป็นเวกเตอร์ที่ไม่ขนำนกัน ให้ w   a  4b  u   2a  b  1 v


และ s  b  2a  2 u   2a  3b 1 v ถ้ำ 3w  2s จงหำค่ำของ a และ b

3. จำกรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ABCD จงพิจำรณำว่ำข้อควำมต่อไปนี้ข้อใดเป็นจริง

3.1) v w ตอบ.............. w
D C
3.2) DB  u  v ตอบ..............
s
3.3) 2s  u  v ตอบ.............. E
u s
3.4) 2AE  u  v ตอบ..............
3.5) AE  w  s ตอบ..............
A v B
3.6) u w
AE   ตอบ..............
2 2
Page | 32

4. กำหนด ABCDEFGH เป็นทรงสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ดังรูป มี X และ Y เป็นจุด


กึ่งกลำงของด้ำน AD และ CF ตำมลำดับ และ GZ  1 GF ถ้ำ
3
a  AB, b  AD, c  AH จงเขียน AX , AZ , EY และ XZ ในรูปของ a , b , c

G Z F

Y
B C

H E

A X D

5. จำกรูป ถ้ำ P เป็นจุดกึ่งกลำงของด้ำน AB จงแสดงว่ำ OP  1  OA  OB 


2

O B
Page | 33

6. A, B และ C เป็นจุดซึ่งอยู่บนเส้นตรงเดียวกัน C แบ่ง AB ตำมอัตรำส่วน


AC : CB  m : n O เป็นจุด ๆ หนึ่งซึ่งไม่อยู่บน AB ให้ OA  v , OB  u จง

แสดงว่ำ OC  1  nv  mu 
mn

7. ให้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และ M , N เป็นจุดกึ่งกลำงของด้ำน BC และ


CD ตำมลำดับ ให้ u  AM และ v  AN จงแสดงว่ำ AB  4 u  2 v
3 3
Page | 34

6. เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉาก
6.1 เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉากสองมิติ
Y

C
v
A

u
X
O

รูปที่ 20
จำกรูปที่ 20 AB เป็นผลรวมของ u และ v โดยที่ u มีขนำด 3 หน่วย ทิศทำงขนำนกับ
แกน X ไปทำงขวำ และ v มีขนำด 2 หน่วย ทิศทำงขนำนกับแกน Y ไปข้ำงบน ในกรณีนี้อำจ
3
เขียนแทน AB ด้วย 2 หรือ 3, 2
 

ส่วน OC เป็นเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุด O  0, 0 ซึ่งเป็นจุดกำเนิด (origin) และ OC


เป็นผลบวกของเวกเตอร์ที่มีขนำด 2 หน่วย มีทิศทำงไปตำมแกน X ไปทำงซ้ำย กับเวกเตอร์ที่มี
ขนำด 2 หน่วย มีทิศทำงไปตำมแกน Y ไปข้ำงบน เขียนแทน OC ด้วย  2
2

a 
ในกรณีทั่วไป เมื่อ a และ b เป็นจำนวนจริงใด ๆ จะเขียน b  แทนเวกเตอร์ซึ่งเป็น
 
ผลบวกของเวกเตอร์สองเวกเตอร์ โดยที่เวกเตอร์แรกมีขนำด a หน่วย ซึ่งถ้ำ a  0 เวกเตอร์นี้
จะมีทิศทำงไปตำมแกน X ไปทำงขวำ ถ้ำ a  0 เวกเตอร์นี้จะมีทิศทำงไปตำมแกน X ไป
ทำงซ้ำย เวกเตอร์ที่สองมีขนำด b หน่วย ซึ่งถ้ำ b  0 เวกเตอร์นี้จะมีทิศทำงไปตำมแกน Y ไป
ข้ำงบน ถ้ำ b  0 เวกเตอร์นี้จะมีทิศทำงไปตำมแกน Y ไปข้ำงล่ำง
Page | 35

3
ตัวอย่างที่ 1 จงเขียนรูปแสดงเวกเตอร์  2  โดยมีจุดเริ่มต้นที่ O  0, 0 , A 1,3 และ
 
B  4, 2 

O
X

a 
จะสังเกตเห็นว่ำในเชิงเรขำคณิต เวกเตอร์ b  เป็นเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุดกำเนิดและ
 
จุดสิ้นสุดที่  a, b  หรือมีจุดเริ่มต้นที่  x, y  และมีจุดสิ้นสุดที่  x  a, y  b 
ถ้ำกำหนด AB มีจุดเริ่มต้นที่ A  2, 2 และจุดสิ้นสุดที่ B  1, 1 ดังรูปที่ 21 (ก) จะได้
 3 
AB คือ   และอำจจะเขียนแทน AB ที่มีจุดเริ่มต้นที่ A  2, 2 และจุดสิ้นสุดที่ B  1, 1
 3 

ด้วย 1  2


 1  2 

ในกรณีทั่วไป ถ้ำ AB มีจุดเริ่มต้นที่ A  x , y  และจุดสิ้นสุดที่ B  x , y  ดังรูปที่ 21 (ข)


1 1 2 2

 x1 
จะเขียนแทน AB ด้วย  x 2
 และถ้ำ x2  x1  a และ y2  y1  b แล้วจะเขียนแทน AB
 y2  y1 
a  Y
ด้วย b 
Y
 
B(x2,y 2)

A AB

O A(x1,y 1)
X X
O
B (ก) รูปที่ 21 (ข)
Page | 36

ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ A มีพิกัด  0,3 และ B มีพิกัด  2, 4  จงหำ AB


Page | 37

6.2 เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉากสามมิติ


x
 y
บทนิยาม กำหนดให้ x, y, z เป็นจำนวนจริงใด ๆ เรียก   ว่ำ เวกเตอร์ในปริภูมิสาม
 z 

มิติ หรือเวกเตอร์ในสามมิติ หรือเรียกสั้น ๆ ว่ำ เวกเตอร์


x
 y
ในทำงเรขำคณิตเรำแทนเวกเตอร์   ด้วยส่วนของเส้นตรงทีกำหนดทิศทำงซึ่งมี
 z 

จุดเริ่มต้นที่จุดกำเนิด  O  และมีจุดสิ้นสุดที่  x, y, z  ดังรูปที่ 22


Z

P(x,y,z)

OP

Y
O

รูปที่ 22

ตัวอย่างที่ 3 จงหำเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุดกำเนิด  O  และมีจุดสิ้นสุดที่จุดต่อไปนี้


3.1) P 3,1, 2

3.2) Q  0, 2,5
Page | 38

2 1 
ตัวอย่างที่ 4 จงเขียนเวกเตอร์ต่อไปนี้ลงไปในระบบพิกัดฉำก a   1 , b   3 
 
และ
 3   4
4
c   0 
 2 

Y
O

X
Page | 39

กำรกำหนดเวกเตอร์ในระบบพิกัดฉำกที่มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ใช่จุดกำเนิด สำมำรถกำหนดได้
ดังนี้
ส่วนของเส้นตรงที่ระบุทิศทำง มีจุดเริ่มต้นที่ P  x , y , z  และสิ้นสุดที่ P  x , y , z 
1 1 1 1 2 2 2 2

 x2  x1 
y  y 
เขียนแทนด้วย P1 P2 หมำยถึง เวกเตอร์  2 1 ดังรูปที่ 23
 z2  z1 

รูปที่ 23

ตัวอย่างที่ 5 กำหนดให้ P มีพิกัดเป็น 3, 4, 4 และ Q มีพิกัดเป็น 5, 0, 7  จงหำ PQ


Page | 40

บทนิยาม เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสองมิติ เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสามมิติ


กำรเท่ำกัน a   c 
b    d 
a   d 
b   e 
       
 c   f 

ก็ต่อเมื่อ ac และ bd ก็ต่อเมื่อ a  d,b  e และ c f

กำรบวก a   c   a  c  a   d  a  d 
 b    d   b  d  b   e    b  e 
เวกเตอร์            
 c   f  c  f 

เวกเตอร์ศูนย์ เวกเตอร์ศูนย์ คือ 0


0
0
0
  เวกเตอร์ศูนย์ คือ  
 0 

นิเสธของ a   a   a  a   a   a 
นิเสธของ คือ     
b 
b   b  นิเสธของ b  คือ   b    b 
เวกเตอร์        
 c   c   c 

กำรลบเวกเตอร์ a   c   a  c  a   d  a  d 
 b    d   b  d   b   e    b  e 
           
 c   f  c  f 

กำรคูณเวกเตอร์  a   a   a   a 
  
ด้วยสเกลำร์ b  b     b    b 
 c   c 
เมื่อ  เป็นจำนวนจริงใด ๆ เมื่อ  เป็นจำนวนจริงใด ๆ

***หมายเหตุ
a   1 a   a 
1. ในกรณีที่   1 จะเห็นว่ำ  1     นั่นคือ
b   1 b   b 
a   a   a 
 1     b    b  ในสำมมิติก็มีผลในทำนองเดียวกัน
b     
a  c 
2. เวกเตอร์ b  ขนำนกับเวกเตอร์ d  ก็ต่อเมื่อมีจำนวนจริง 0 ที่ทำให้ a  c และ
   
b  d ในสำมมิติก็มีผลในทำนองเดียวกัน
Page | 41

 2  1
ตัวอย่างที่ 6 กำหนดให้ u   , v    และ   3 จงหำ
 3 4

6.1) u v

6.2) u v

6.3) v

6.4) u

1   3
ตัวอย่างที่ 7 กำหนดให้ a  2 , b   4
  และ    1 จงหำ
    2
 4   2

7.1) a  2b

7.2) 3a  b

7.3) a

7.4) a
Page | 42

แบบฝึกหัด
1. จงหำ AB และ BA เมื่อกำหนด A และ B ดังต่อไปนี้

A และ B AB BA

1.1) A  2,1 , B 3, 2

1.2) A  0, 0 , B  1, 4

1.3) A  2, 8 , B  1, 2

1.4) A 1, 1, 2 , B  2, 1, 0

1.5) A  7,3,1 , B  1,8,3

1.6) A 1,1, 1 , B  0, 0, 0


Page | 43

1   1
 1  3
2. กำหนด a    , b    , c   2 , d   0 
 
จงหำ
3  4  3  7 

2.1) a  5b

2.2) นิเสธของ a  5b

2.3) 2c  d

2.4) นิเสธของ 2c  d
Page | 44

a  c e
3. กำหนดให้ u   , v   , w    เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ในระนำบ และ  ,  เป็น
b  d  f
จำนวนจริงใด ๆ จงแสดงว่ำ
3.1) u  v  v  u

3.2)  u  v   u  v

3.3)   u      v

3.4)      u  u  u

3.5) u  v   w  u   v  w
Page | 45

4. จงแสดงว่ำสมบัติทั้งห้ำข้อในโจทย์ข้อ 3 เป็นจริงในสำมมิติ
4.1) u  v  v  u

4.2)  u  v   u  v

4.3)   u      v

4.4)      u  u  u

4.5) u  v   w  u   v  w
Page | 46

5. เวกเตอร์ต่อไปนี้เวกเตอร์คู่ใดบ้ำงขนำนกัน
1   2  8 6 1 7  8  2
5.1)  2 , 1  ,  4 ,  3 , 3 ,  0 , 0 ,  4
               

 1 
1  0  2  1  0  1
 2 , 3  ,  4 , 1  ,  3 ,  
5.2)            3
1   2  2  2  2  2
 
 3
Page | 47

7. ขนาดของเวกเตอร์ในสองมิติและสามมิติ

ถ้ำ PQ เป็นเวกเตอร์ในระบบพิกัดฉำกสองมิติ P มีพิกัดเป็น  x , y  และ Q มี


1 1

พิกัดเป็น  x , y  ดังรูปที่ 24
2 2

Q(x2,y 2)
PQ

P(x1,y 1)
a
X
O

รูปที่ 24

 x2  x1 
จะได้ PQ    และ PQ   x2  x1    y2  y1 
2 2

 y2  y1 

a 
ถ้ำให้ x2  x1  a และ y2  y1  b แล้วจะได้ PQ    และขนำดของเวกเตอร์
b 
a 
b  เท่ำกับ a 2  b2
 
Page | 48

ถ้ำ AB เป็นเวกเตอร์ในระบบพิกัดฉำกสำมมิติ A มีพิกัดเป็น  x , y , z  และ


1 1 1 B
มีพิกัดเป็น  x , y , z  ดังรูปที่ 25
2 2 2

B(x2,y 2,z2)
AB

A(x1,y 1,z1)
Y
O

รูปที่ 25
 x2  x1 
จะได้ AB   y2  y1  และ  x2  x1    y2  y1    z2  z1 
2 2 2
AB 
 z2  z1 

a 
ถ้ำให้ x2  x1  a , y2  y1  b และ z2  z1  c แล้วจะได้ AB  b  และขนำด
c 
a 
b 
ของเวกเตอร์   เท่ำกับ a 2  b2  c 2
 c 
Page | 49

ตัวอย่างที่ 8 จงหำขนำดของเวกเตอร์ต่อไปนี้
3
8.1) u  
4

8.2) PQ โดยที่ P มีพิกัดเป็น  2,1, 0 และ Q มีพิกัดเป็น  1,1, 0


Page | 50

8. เวกเตอร์หนึ่งหน่วยในสองมิติและสามมิติ

บทนิยาม เวกเตอร์ที่มีขนำดหนึ่งหน่วยเรียกว่ำ เวกเตอร์หนึ่งหน่วย (unit


vector)

a 
เนื่องจำกเวกเตอร์ b  ใด ๆ จะมีขนำดเท่ำกับ a 2  b2 ดังนั้นเวกเตอร์ที่มี
 
a 
ขนำดหนึ่งหน่วย และมีทิศทำงเดียวกับเวกเตอร์ b  ใด ๆ ที่ไม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์ คือ
 
1a 
 
a  b b 
2 2

a 
b 
ในสำมมิติ เวกเตอร์ที่มีขนำดหนึ่งหน่วย และมีทิศทำงเดียวกับเวกเตอร์   ใด ๆ
 c 
a 
1 b 
ที่ไม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์ คือ 2  
a b c  
2 2

c 

1  0
เวกเตอร์หนึ่งหน่วยในสองมิติที่สำคัญคือ 0 และ 1  เพื่อควำมสะดวกจึงแทน
   
1  0
0 ด้วย i และแทน 1  ด้วย j ดังรูปที่ 26
   

N(0,1)

j
X
O
i
M(1,0)

รูปที่ 26
Page | 51

1  0 0
0 1  0
เวกเตอร์หนึ่งหน่วยในสำมมิติที่สำคัญคือ   ,   และ   เพื่อควำมสะดวกจึง
 0   0  1 
1  0 0
0 1  0
แทน   ด้วย i แทน   ด้วย j และแทน   ด้วย k ดังรูปที่ 27
 0   0  1 

(0,0,1)

k
Y
O j
(0,1,0)
(1,0,0) i

รูปที่ 27

ให้ u  a  เป็นเวกเตอร์ในสองมิติ เรำสำมำรถเขียนเวกเตอร์ u ให้อยู่ในรูป i


b 
และ j ดังนี้

 a   a  0 1  0
u           a    b    ai  bj
 b   0  b  0 1 

a 
และในทำนองเดียวกัน ให้ u  b  เป็นเวกเตอร์ในสำมมิติ เรำสำมำรถเขียน
 
 c 
เวกเตอร์ u ให้อยู่ในรูป i , j และ k ดังนี้

 a   a  0  0 1   0  0
u  b  0  b  0  a 0  b 1  c 0  ai  bj  ck
           
             
 c   0  0 c  0 0 1 
Page | 52

a  a 
***หมายเหตุ เรำทรำบว่ำ  b   ai  bj  ck และ b  มีขนำด a 2  b2  c 2 ดังนั้น
   
 c   c 
ai  bj  ck  a 2  b2  c 2

ตัวอย่างที่ 9 จงหำเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่ P  2, 3 และจุดสิน้ สุดที่ P  4, 6 และ


1 2

เวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่มีทิศทำงเดียวกับเวกเตอร์นี้ในรูป i และ j

ตัวอย่างที่ 10 P P มีจุดเริ่มต้นที่ P 1, 2, 0 และจุดปลำยที่ P  2,3,1 และเวกเตอร์


1 2 1 2

หนึง่ หน่วยทีม่ ีทศิ ทำงเดียวกับ P P ในรูป i , j และ k


1 2
Page | 53

9. โคไซน์แสดงทิศทาง
Z

P(a1,a2,a3)
S

  Y
O R

รูปที่ 28

กำรกำหนดทิศทำงของเวกเตอร์นั้น นอกจำกกำหนดด้วยพิกัดของเวกเตอร์แล้วยัง
สำมำรถกำหนดด้วยมุมที่เวกเตอร์ทำกับแกนพิกัดทั้งสำมดังนี้

 a1 
กำหนดจุด P  a , a , a  จะได้
1 2 3
OP   a2  กำหนดให้  ,  ,  0,   เป็น
 a3 

ขนำดของมุมที่วัดจำกแกนพิกัดด้ำนบวกทั้งสำม ตำมลำดับ ไปยัง OP จะได้


OQ a1 OR a2 OS a3
cos    , cos    , cos   
OP OP OP OP OP OP

***หมายเหตุ ในที่นี้ OQ, OR, OS หมำยถึง ระยะทำงที่มีทิศตำมแนวแกน


X , Y , Z ตำมลำดับ

, ,  คือขนำดของมุมที่ OP ทำกับแกน X , Y , Z ทำงด้ำนบวก ตำมลำดับ


เรียกมุมดังกล่ำวว่ำ มุมกาหนดทิศทาง (direction angle) ของ OP และเรียก
cos  , cos  และ cos  ว่ำ โคไซน์แสดงทิศทาง (direction cosines) ของ OP เรำ
สำมำรถนิยำมโคไซน์แสดงทิศทำงของ เวกเตอร์ใด ๆ ได้ดังนี้
Page | 54

 a1 
บทนิยาม โคไซน์แสดงทิศทำง (direction cosines) ของ a เมื่อ a   a2  ซึ่ง a 0
 a3 

เทียบกับแกน X , Y, Z ตำมลำดับคือจำนวนสำมจำนวนที่เรียงตำมลำดับดังนี้
a1 a2 a3
, ,
a a a

3
ตัวอย่างที่ 11 ให้ a   4  จงหำโคไซน์แสดงทิศทำงของ a
 5 

ตัวอย่างที่ 12 จงหำโคไซน์แสดงทิศทำงของเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่ P  0,3,5 และ


จุดสิ้นสุดที่ Q 1,5, 2

บทนิยาม เวกเตอร์สองเวกเตอร์ จะมีทิศทำงเดียวกันก็ต่อเมื่อมีโคไซน์แสดงทิศทำง


ชุดเดียวกัน และจะมีทิศทำงตรงกันข้ำมก็ต่อเมื่อ โคไซน์แสดงทิศทำงเทียบแต่ละแกนของ
เวกเตอร์หนึ่งเป็นจำนวนตรงข้ำมกับโคไซน์แสดงทิศทำงของอีกเวกเตอร์หนึ่ง
Page | 55

ตัวอย่างที่ 13 จงตรวจสอบว่ำเวกเตอร์ต่อไปนี้คู่ใดขนำนกัน

13.1) เวกเตอร์ PQ มีจุดเริ่มต้นที่ P 1, 2,3 และจุดสิ้นสุดที่ Q  2, 3,5

 2 
13.2) a   10 
 4 

13.3) เวกเตอร์ OR ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่จุดกำเนิด และจุดสิ้นสุดที่ R  3,15, 6


Page | 56

แบบฝึกหัด
1. จงเขียนเวกเตอร์ต่อไปนี้ในรูปของ i และ j ในระบบพิกัดฉำกสองมิติและเขียนในรูป
i , j และ k ในระบบพิกัดฉำกสำมมิติ
1 
1.1) OA    เมื่อ O เป็นจุดกำเนิดในระบบพิกัดฉำก
4

1
1.2) OS   3  เมื่อ O เป็นจุดกำเนิดในระบบพิกัดฉำก
 4 

1.3) AB โดยที่ A 3, 2 และ B  4,1

1.4) CD โดยที่ C  3, 4 และ D 1, 2

1.5) PQ โดยที่ P 1, 1, 2 และ Q 3, 2, 6

1.6) MN โดยที่ M  0,1,1 และ N  1, 1, 2


Page | 57

2. จงหำขนำดของเวกเตอร์ต่อไปนี้

1  3  1  3
2.1)  2 ,  4 ,  4 ,  2
       

1  3  4
2 ,  1 , 0
2.2)      
3   2   1

2.3) AB เมื่อพิกัดของ A และ B คือ 1, 2  และ  5, 7  ตำมลำดับ

2.4) RS เมื่อพิกัดของ R และ S คือ  7, 4,1 และ  1,3,5 ตำมลำดับ


Page | 58

3. จงแก้สมกำรในแต่ละข้อต่อไปนี้
1   3 7 
3.1) x  y    
2  4 8 

1  1  3
3.2) x  y    
3  1   2

1  3 1   3 
3.3) x 1  y 2  z 1    7 
   
     
3 1   2  1
Page | 59

4. จงหำเวกเตอร์หนึ่งหน่วยที่มีทิศทำงเดียวกับเวกเตอร์ที่กำหนดให้ โดยเขียนในรูปของ i
และ j ในระบบพิกัดฉำกสองมิติ และเขียนในรูป i , j และ k ในระบบพิกัดฉำกสำมมิติ
2
4.1) u  
1 

1
4.2) a   3
 1

4.3) AB โดยที่ A 1, 3 และ B  4,5

4.4) QC โดยที่ Q 1,5,8 และ C  0, 3,1

5. จงหำเวกเตอร์ที่มีขนำด 4 หน่วย และขนำนกับเวกเตอร์ที่กำหนดให้ในข้อ 4


5.1)

5.2)

5.3)

5.4)
Page | 60

6. จงหำเวกเตอร์พร้อมทั้งบอกขนำดและโคไซน์แดสงทิศทำงของเวกเตอร์ซึ่งมีจุดเริ่มต้นและ
จุดสิ้นสุดดังต่อไปนี้
6.1) จุดเริ่มต้น P  2,5,3 จุดสิ้นสุด Q 3,5, 1

6.2) จุดเริ่มต้น R  1, 4, 2 จุดสิ้นสุด S  2, 4, 7 

6.3) จุดเริ่มต้น T  3,1, 0 จุดสิ้นสุด V  4, 2,8


Page | 61

7. จงตรวจสอบว่ำเวกเตอร์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้เวกเตอร์ใดบ้ำงที่ขนำนกัน
7.1) เวกเตอร์ PQ มีจุดเริ่มต้นที่ P 1, 4,3 และจุดสิ้นสุดที่ Q  2, 0,1

3
7.2) a   4 
 2 

7.3) เวกเตอร์ OP มีจุดเริ่มต้นที่จุดกำหนดและจุดสิ้นสุดที่ P 5, 0, 2


Page | 62

10. ผลคูณเชิงสเกลาร์ (Scalar Product or Dot Product)

ผลคูณเชิงสเกลำร์ หมำยถึง ผลคูณของเวกเตอร์ที่ได้ผลลัพธ์เป็นสเกลำร์ ซึ่งนิยำมสองมิติ


และ สำมมิติ ได้ดังนี้

บทนิยาม ถ้ำ u  x i  y j และ


1 1 v  x2 i  y2 j ผลคูณเชิงสเกลำร์ของ u และ v คือ
x1 x2  y1 y2
ถ้ำ u  x1i  y1 j  z1k และ v  x2 i  y2 j  z2 k ผลคูณเชิงสเกลำร์ของ u และ
v คือ x1 x2  y1 y2  z1 z2
เขียนแทนผลคูณเชิงสเกลำร์ของ u และ v ด้วย u  v

ตัวอย่างที่ 1 u  2i  3 j และ v  3i  4 j จงหำ u  v

4 1
ตัวอย่างที่ 2 a   1  และ b   2 
 
จงหำ a b
 2   3
Page | 63

สมบัติทสี่ าคัญของผลคูณเชิงสเกลาร์
1. ให้ u , v และ w เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ในสองมิติ หรือสำมมิติ และ a เป็นสเกลำร์ จะได้ว่ำ
1.1) u  v  v  u
1.2) u   v  w  u  v  u  w
1.3) a u  v    au   v  u   av 
1.4) 0  u  0
1.5) u  u  u 2

1.6) i  i  j  j  k  k  1
i  j  i k  j k  0
2. ถ้ำ  เป็นมุมระหว่ำง u และ v ซึ่ง 0    180 แล้ว u  v  u v cos (มุมระหว่ำง
เวกเตอร์ หมำยถึง มุมที่ไม่ใช่มุมกลับ ซึ่งมีแขนของมุมเป็นรังสีที่ขนำนและมีทิศทำง
เดียวกันกับเวกเตอร์ทั้งสอง)
3. ถ้ำ u และ v เป็นเวกเตอร์ที่ไม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์ u ตั้งฉำกกับ v ก็ต่อเมื่อ u  v  0

บทพิสูจน์

P1

u-v
u
P2
v Y
O

X
Page | 64

ตัวอย่างที่ 3 จงหำโคไซน์ของมุมระหว่ำง u และ v เมื่อ

 2  2
3.1) u   , v   
3  1 

 4  2
3.2) u   2  , v   7 
 4   1
Page | 65

ตัวอย่างที่ 4 จงแสดงว่ำรูปสำมเหลี่ยมที่มีจุดยอดที่ A  4,9,1 , B  2, 6,3 และ


C  6,3, 2  เป็นรูปสำมเหลี่ยมมุมฉำก

ตัวอย่างที่ 5 จงแสดงว่ำเส้นมัธยฐำนที่ลำกจำกจุดยอดของรูปสำมเหลี่ยมหน้ำจั่วย่อมตั้ง
ฉำกกับฐำน

A D C
Page | 66

แบบฝึกหัด
1. จงหำค่ำของ u  v เมื่อกำหนด u และ v ดังต่อไปนี้
1.1) u  3i  4 j และ v  2i  j

1.2) u  2i  5 j และ vj

1.3) u   i  3 j  k และ v  3i  4k

1.4) u  i  k และ v  3i  j

2. จงหำขนำดของมุมระหว่ำงเวกเตอร์ต่อไปนี้
2.1) u  3i  2 j และ v  9i  6 j

2.2) u  3i  j และ v  2i  6 j

2.3) u  2i  j  k และ v  i  2 j  4k

2.4) u  i 2j k และ v   i  j  4k


Page | 67

2  4 1
3. กำหนดให้ a   , b   , c    จงหำ
 3 1   1
3.1) a b  a c

3.2)  a  b    a  b 

3.3) b a  b 

3.4)  a  b    a  b 

 4 2 6


4. กำหนดให้ a   2  , b   7  , c   3
   
จงหำผลคูณเชิงสเกลำร์เช่นเดียวกับข้อ 3
 4   7   0 

4.1) a b  a c

4.2)  a  b    a  b 

4.3) b a  b 

4.4)  a  b    a  b 
Page | 68

5. ถ้ำ a  0 และ b  0 จงบอกชนิดของมุมระหว่ำง a และ b ที่ทำให้


5.1) a  b  0

5.2) a b  0

5.3) a b  0

6. เวกเตอร์ในข้อใดเป็นเวกเตอร์ที่ตั้งฉำกซึ่งกันและกัน

2  3 
6.1)  3  ,  2 
   

2 1 
 2  , 2
6.2)    
 1   2 

2  1
6.3) 6  , 3
   

2 2
1  ,  2 
6.4)    
 2   1 
Page | 69

7. จงหำค่ำ m เมื่อกำหนดเวกเตอร์ u  1  m i  2 j และ v  mi   m  2  j โดยที่

7.1) เวกเตอร์ u ตั้งฉำกกับเวกเตอร์ v

7.2) เวกเตอร์ u มีขนำดเท่ำกับเวกเตอร์ v

8. ถ้ำ u และ v เป็นเวกเตอร์ใด ๆ จงแสดงว่ำ u  v  u  2u  v  v


2 2 2
และ
u  v  u  2u  v  v
2 2 2
Page | 70

9. ถ้ำ u ตั้งฉำกกับ v โดยที่ u  0 และ v  0 แล้วจงแสดงว่ำ u  v  u  v


2 2 2

10. ถ้ำ u ตั้งฉำกกับ v โดยที่ u  0 และ v  0 แล้วจงแสดงว่ำ u  v  u  v


2 2 2

11. ในรูปสำมเหลี่ยม ABC มีมุม A เป็นมุมฉำก AC  b, AB  c และ BC  a จงแสดงว่ำ


a 2  b2  c 2
Page | 71

12. ถ้ำ u  5, v  3 และ u v  4 แล้ว u v มีค่ำเท่ำใด

13. กำหนดให้ u , v และ w เป็นเวกเตอร์ ซึ่งมีสมบัติ u  w และ u v  v  w ถ้ำมุมระหว่ำง



u และ v มีขนำด แล้วมุมระหว่ำง v และ w มีขนำดเท่ำใด
5

14. กำหนดให้ OA  i  3 j , OB  4i  j ถ้ำลำกเส้นตรงจำกจุด A ไปตั้งฉำกกับ OB ที่จุด D


แล้วพื้นที่ของรูปสำมเหลี่ยม OAD เท่ำกับเท่ำใด
Page | 72

11. ผลคูณเชิงเวกเตอร์ (Cross Product or Vector Product)


ผลคูณเชิงเวกเตอร์ หมำยถึง ผลคูณของเวกเตอร์ที่ได้ผลลัพธ์เป็นเวกเตอร์ หำได้ในสำม
มิติเท่ำนั้น
 a1   b1   a2b3  a3b2 
บทนิยาม ผลคูณเชิงเวกเตอร์ ของ u   a2  และ v  b2  คือเวกเตอร์
  a b ab 
 3 1 1 3
 a3  b3   a1b2  a2b1 

a2 a3 a1 a3 a1 a2
หรือ i  j k เขียนแทนผลคูณเชิงเวกเตอร์ของ u และ v ด้วย u  v
b2 b3 b1 b3 b1 b2

อ่ำนว่ำ เวกเตอร์ยู ครอส เวกเตอร์วี

***หมายเหตุ ในทำงปฏิบัตินิยมใช้รูปของดีเทอร์มินันต์ เพื่อหำผลลัพธ์ของ u v ดังนี้


i j k
u  v  a1 a2 a3
b1 b2 b3

โดยถือว่ำกำรเขียน u  v ในรูปดังกล่ำว เป็นวิธีกำรหรือเครื่องมือที่ช่วยให้จำรูปแบบได้


ง่ำยขึ้น และสังเกตว่ำจำนวนจริงที่คูณ i หำได้โดยกำรตัดแถวและหลักที่มี i แล้วจึงหำดีเทอร์
มินันต์ ดังนี้
i j k
a1 a2 a3
b1 b2 b3

สำหรับกำรหำจำนวนจริงที่คูณกับ j และ k ก็ทำได้ในทำนองเดียวกัน


Page | 73

 1 1 
ตัวอย่างที่ 1 ให้ u   0  , v   3 
 
จงหำ u v
 3   4 

ตัวอย่างที่ 2 จงหำ u  v เมื่อกำหนด


2.1) u  2i  3 j , v  i  5 j

2.2) u  2i  3k , v  i  5k
Page | 74

สมบัติทสี่ าคัญของผลคูณเชิงเวกเตอร์
1. ให้ u , v และ w เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ในสำมมิติ และ k เป็นจำนวนจริงใด ๆ จะได้ว่ำ
1.1) u  v    v  u 
1.2) u  v   w  u  w   v  w
1.3) u   v  w  u  v   u  w
1.4) u   kv   k u  v 
1.5)  ku   v  k u  v 
1.6) u  u  0
1.7) i  j  k , j  k  i , k  i  j
2. ให้ u , v และ w เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ในสำมมิติ จะได้ว่ำ u   v  w  u  v   w
3. ถ้ำ u  0 และ v  0 จะได้ว่ำ u  v  u v sin  เมื่อ  เป็นมุมระหว่ำง u และ v ซึ่ง
0    180
4. ให้ u และ v เป็นเวกเตอร์ในสำมมิติ ที่ไม่ใช่เวกเตอร์ศูนย์และไม่ขนำนกัน จะได้ว่ำ u  v
ตั้งฉำกกับ u และ v

บทพิสูจน์
Page | 75

ข้อสังเกต จำกสมบัติข้อ 4 จะทำให้สรุปได้ว่ำ u , v และ u  v จะตั้งฉำกกัน ในที่นี้จะ


แสดงรูปของ u  v และ v  u โดยใช้ระบบมือขวำ ดังรูปที่ 29

k k
uxv

v v

u
u

v xu
j j
O O

i i

รูปที่ 29

ตัวอย่างที่ 3 กำหนดให้ a  2i  j , b  2i  j  k จงหำค่ำของ sine ของมุมระหว่ำง


a และ b
Page | 76

12. การใช้เวกเตอร์
12.1 การใช้เวกเตอร์ในการหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน

v
v sin

รูปที่ 30
จำกรูปที่ 30  เป็นมุมระหว่ำง u กับ v และ v sin  คือส่วนสูงของรูปสี่เหลี่ยมด้ำน
ขนำน
ดังนั้น u  v  u v sin  เป็นพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนที่มีด้ำนไม่ขนำนกันยำว u

และ v หน่วย

ตัวอย่างที่ 4 จงหำพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน ABCD เมื่อ AB  i  3 j  4k และ


AD  3i  2 j  k
Page | 77

ตัวอย่างที่ 5 จงหำพื้นที่ของรูปสำมเหลี่ยมที่มีจุดยอดเป็น A 1, 1,3 , B  2,3, 2 และ


C 1,1,5 ตำมลำดับ
Page | 78

12.2 การใช้เวกเตอร์ในการหาปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน

u
vxr

h r

รูปที่ 31
กำหนดทรงสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนซึ่งมี u , v และ r เป็นด้ำน ดังรูปที่ 31 ถ้ำ h เป็นควำม
สูงของเส้นตั้งฉำกที่ลำกจำกจุดสิ้นสุดของ u มำยังระนำบที่กำหนดด้วย v และ r  เป็นมุม
ระหว่ำง u และ v  r จะได้ว่ำ h  u cos โดยที่ v  r คือพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนที่
มีด้ำนประกอบมุมเป็น v และ r
ดังนั้น ปริมำตรของทรงสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน (parallelepiped) เท่ำกับ
u cos  v  r  u v  r cos   u   v  r 

***ข้อสังเกต
1. u   v  r   r  u  v   v   r  u 
u   v  r   u   r  v   v   u  r   r   v  u 

2. ถ้ำ u , v และ r อยู่บนระนำบเดียวกัน แล้วจะได้ว่ำ u   v  r   0


3. จำกเวกเตอร์ 3 เวกเตอร์ใด ๆ ถ้ำทรำบเวกเตอร์เท่ำกันสองเวกเตอร์ จะได้ว่ำ
u   v  v   r  u  u   v   r  r   0
Page | 79

ตัวอย่างที่ 6 จงหำปริมำตรของทรงสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนที่มี u  i  j, v  j k, r  i k เป็น


ด้ำน
Page | 80

แบบฝึกหัด
1. จงหำ u  v และ v  u จงหำเวกเตอร์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้
1.1) u  2i  3k , v  i  2 j  k
u v v u

1.2) u  i  j k, v  j
u v v u

 2 5
1.3) u  7  , v   4 
 
 0   3

u v v u
Page | 81

2. ให้ u  5i  3 j  4k , v  j k จงหำ
2.1) u  v

2.2) u v

2.3) ค่ำ sine ของมุมระหว่ำง u และ v


Page | 82

3. ให้ u , v เป็นเวกเตอร์ใด ๆ ๆในสำมมิติ จงแสดงว่ำ u  v   u  v    2u   v

4. จงพิจำรณำว่ำกำรนำเวกเตอร์มำคูณกันดังต่อไปนี้มีควำมหมำยหรือไม่ เพรำะเหตุใด ถ้ำมี


ควำมหมำย จะมีผลลัพธ์เป็นปริมำณเวกเตอร์หรือสเกลำร์
4.1) u  v   r

4.2)  u  v  r

4.3) u  v   r

4.4) u  v   r

4.5) u  v  r 
Page | 83

5. ให้ และ v  i  j  2k จงหำเวกเตอร์สองเวกเตอร์ที่มีขนำดเท่ำกับ


u  2i  j  k
u v และมีทิศทำงตั้งฉำกกับระนำบที่ประกอบด้วยเวกเตอร์ u และ v

6. จงหำพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้ำนขนำน PQRS เมื่อ PQ  3i  2 j , PS  3 j  4k


Page | 84

7. จงหำพื้นที่ของรูปสำมเหลี่ยมที่มีจุดยอดเป็น A  0, 2, 2  , B 8,8, 2  และ C 9,12, 6

8. จงหำปริมำตรของทรงสี่เหลี่ยมด้ำนขนำนที่มี u, v และ r ดังนี้


8.1) u  i  k , v  i  j , r  j  k

8.2) u  2i  3 j  4k , v  i  j  k , r  i  j  2k

You might also like