สำนักแพทย์อันดับหนึ่ง เล่ม3

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 775

ตอน 227 ระหวางทางกลับบาน (1)

“ปนั้นที่องคชายหกเดินทางออกจากเมืองหลวง เดิมทีก็ไมคิดพาคนรับใชในจวน
อองไปดวยอยูแลว ดังนั้นจวนอองจึงมีคนคอยทําความสะอาดอยูเรื่อยๆ ในชวงแรก แต
พอไมมีขา วจากองคชายหกนานวันเขา คนรับใชเหลานั้นก็ถูกยายไปทํางานในจวนออง
อื่นๆ แทน จนสุดทายเหลือเพียงผูรับใชวัยหกสิบกวาคนเดียวที่คอยดูแลอยู ซึ่งนอยครั้ง
นักในแตละปที่จะเปดประตูตอนรับแขก”
รถมาคันหนึ่งกําลังอยูระหวางการเดินทางไปจวนหมิงออง
กลุมชายหนุมที่ติดตามมากอนหนานี้ มีเพียงสองคนที่ตามมากุมบังเหียนใหอยูนอก
ตัวรถ
เฉินจวีเฟงเลาสถานการณของจวนหมิงอองทีผ่ านมาหลายปใหฟงเบาๆ
“จนกระทั่งเมื่อไมกี่วันมานี้ จูๆ ก็มีคนมากมายปรากฏตัวขึ้นที่จวนหมิงออง พวก
เขาพากันปดกวาดเช็ดถูจวนจนสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเรเรไร แลวทําการเปดจวนขึ้นใหม”
ลูสวินอี้กะพริบตาเล็กนอย เขารูดีวาเปนเพราะขาวการปรากฏตัวขึ้นของหมิงออง
“หลังเปดจวน ฮองเฮาที่หลายปไมเคยเสด็จออกจากวังก็เสด็จมาพักผอนอยูครึ่ง
คอนวัน ตามดวยองคชายและองคหญิงอีกหลายทาน รวมทั้งพระญาติหลายฝายก็พากัน
เสด็จมา จากนั้นผูสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ กระทั่งพอคาวานิชผูมั่งคั่งก็ไดนําของขวัญมา
ให จนถึงวันนี้ จวนอองก็ยังคงมีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยือนไมขาดสาย...”
ลูสวินอี้พยักหนาเขาใจ
แมตอนนี้ประเทศชาติอยูในภาวะสงคราม แตผูคนยังยึดถือประเพณีดั้งเดิมของ
มอจื้ออยู
หมิงอองในวันนี้ ไมใชหมิงอองในอดีตแลว การปรากฏตัวอยางอาจหาญเชนนี้ คน
ในเมืองหลวงถือวาเปนผูมีบารมีคนใหมที่นาเกรงขาม และมีเหลาผูสูงศักดิ์อยากคบหา
สมาคมดวยก็เปนเรื่องปกติ
สวนการที่พระญาติฝายตางๆ ทั้งลูกหลานเหลนโหลนมาก็ไมใชเรื่องแปลก
องคชายหกหายสาบสูญไปหลายป ตอนนี้พอปรากฏตัวขึ้น ญาติพี่นองมาแสดงความ
หวงใยก็เปนเรื่องสมควรอยู
“ทานรอง ตอนนี้จวนหมิงอองกลายเปนจุดสนใจของเมืองหลวงไปแลว
มีตาสัปปะรดของแตละอิทธิพลใหญคอยจับตาดูอยู คนในจวนก็ลวนแลวแตถูกคนในวัง
สงเขามาแฝงตัว ไมมีแมคนเดียวที่เชื่อใจได ทานคิดดีแลวหรือ ตอนนี้พวกเรายังจะ
กลับไปอีกหรือ?”
หลังเลาสถานการณจบ เฉินจวีเฟงก็ถามขึ้นดวยแววตานิ่งขรึม
ลูสวินอี้แววตาจริงจัง ตอบเสียงเบา
“เรากลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ ไมไดกลับมาเปนโจร เมื่อกลับมาแลว ยอมตองพักอยู
ที่จวนหมิงออง”
“แตวา...” เฉินจวีเฟงขมวดคิ้ว รูสึกกระวนกระวายใจ
“ทําไมไมรอสงศีรษะเหลานั้นเขาวังใหเรียบรอยกอนแลวคอยกลับมา? ตอนนี้กลับ
จวนก็เทากับเปดเผยเบาะแสลวงหนา ไมเปนการสรางปญหาเพิ่มขึ้นหรือ?”
“ไมมีปญหา หากจวนอองรางนี่สิ กลับยิ่งอันตราย ตองมีคนกลาบุกเขามาจูโจม
ขโมยศีรษะเหลานี้แน แตตอนนี้ในเมื่อจวนหมิงอองถูกเปดขึ้นอีกครั้งและกลายเปนจุด
สนใจ ก็ถือวาปลอดภัย ใครจะกลาทําผิด ลงมือกับเราตอหนาตอตาผูที่จองมองเราอยู?”
ลูสวินอี้พูดดวยน้ําเสียงนิ่งเรียบ แตแววตาไมนิ่งเรียบ ยังคงมีความกังวลใหเห็น
“ที่ๆ อันตรายที่สุดก็คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด ขอเพียงสามารถกลับจวนอองไดอยาง
ปลอดภัย...”
พอเฉินจวีเฟงไดยินเชนนี้ก็รูสึกใจชื้นขึ้น
“ไมมีปญหา แมตอนนี้มีคนจับตาดูเรา พอเห็นขาอยูขางกายทาน ก็ตองคิดวาขามา
เปนเพื่อนทานมาเยี่ยมเยือนผูสูงศักดิ์”
แมพูดเชนนี้ แตคิ้วของเขายังคงขมวดอยู ยังคงมีเรื่องใหกังวลใจ
ลูสวินอี้เหลือบมองเขา กอนถามเสียงเบา
“ทานกําลังกังวลวาจะกระทบกับกิจการของรานขายขาชางหัวหรือ?”
เฉินจวีเฟงพยักหนาอยางไมปดบัง น้ําเสียงแสดงความกังวลสุดจะเปรียบ
“ทานรอง ถาเปนเชนนี้ ก็เทากับเปดเผยสถานะของรานขายยาชางหัว พวกเรา
ลงทุนไปกับรานนี้มากมายมหาศาล กิจการไปไกลถึงปากแมน้ําทั้งทางเหนือและใต เรา
อาจตองยอมรับกับการปรับเปลี่ยนฉับพลัน”
ขณะเฉินจวีเฟงพูด ลูสวินอี้ก็จองหนาเขานิ่ง ใชสายตาสํารวจทุกอิริยาบถที่สื่อถึง
ความรูสึกของเขา แลววา
“ครั้งนี้ที่ขาเขาเมืองหลวง ไมวาจะเปนเรื่องเวลาหรือเรื่องความปลอดภัยก็ลวน
ระมัดระวังยิ่ง ไมสามารถวางแผนระยะยาวได ตองคอยสืบดูสถานการณ และรีบทํา
ความเขาใจใหแจมแจงโดยเร็ว นอกจากพบทานแลว ขาไมมีทางเลือกอื่นอีก แตพอพบ
ทาน สถานะทานก็ตองถูกเปดเผย...”
ลูสวินอี้พยักหนา ถอนหายใจเบาๆ กอนพูดตอ
“เฮอ...รานขายยาชางหัว ถึงเวลาเปดเผยก็ตองเปดเผย ทรัพยสินเงินทองเปนเรื่อง
สําคัญก็จริง แตก็เทียบไมไดกับเรื่องใหญที่องคชายหกกําชับไว”

หนังตาเฉินจวีเฟงกระตุกอยางแรงสองครั้ง ดวยยังรูสึกเสียดายโครงสรางของ
รานขายยาชางหัวอยู
ซึ่งเปนเรื่องปกติ เพราะนี่ไมใชกิจการเล็กๆ บริหารจัดการอยางยากลําบากมาสามป
พอมาถึงจุดนี้ อยาวาแตเขาเลย ดานขององคติ้งอูก็ใชวาจะยอมรับเรื่องนี้ไดโดยงาย
แตสุดทาย เถาแกเฉินยังคงถอนหายใจออกมายาวๆ กอนถาม
“เรื่องนี้ องคชายหกรับทราบแลวใชไหม?”
“แนนอน กอนออกเดินทางก็คิดอยางถี่ถวนแลว ตอนนี้สถานการณในหมิงจูเขาขั้น
วิกฤต โดยเฉพาะอยางยิ่งหลังองคชายหกสังหารชุยเฉาเหยี่ยนแลว คนเถื่อนเกือบจะ
พลิกแผนดินตามหาเบาะแสของเรา แตเรายังไมพรอมตอสูซึ่งหนากับพวกมัน จึงไดแต
เงียบไวชั่วคราว คอยฟงขาวจากภายนอกอยางระมัดระวัง ตอนขาออกเดินทาง ก็ยังไมรู
ขาวจวนหมิงอองในเมืองหลวงเปดแลว เดิมทีคิดวาพอมาถึง จวนหมิงอองตองเปดขึ้น
เพื่อตอนรับเรา องคชายหกแมรับความคลาดเคลื่อนเล็กนอยนี้ได แตจวนหมิงอองเปน
สิ่งที่ไมสามารถแอบซอนไวอีกตอไป จากวันนี้เปนตนไป เราตองเปนหนึ่งในผูมีอํานาจ
บารมีที่ยิ่งใหญ และแนนอนวาองคชายหกจะไมออกหนาติดตอเรื่องตางๆ ดวยตัวเอง
แตเมื่อเปดจวนแลวยอมตองมีการติดตอกับบุคคลตางๆ ซึ่งตอนนี้เรายังไมสามารถยืน
อยางมั่นคงไดในหมิงจู จวนหมิงอองในเมืองหลวงจึงเปนฐานที่มั่นอันเหมาะสมที่สุดที่
องคชายหกทรงเลือก”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้สะดุดนิดหนึ่ง กอนพูดตอ
“การเปดจวนหมิงอองขึ้นใหม ตองมีผูที่เหมาะสมคอยจัดการดูแลคนหนึ่ง องคชาย
หกพิจารณาคนในจวนแลวเห็นวา ผูที่มีความรูความเขาใจและเคยเกี่ยวของกับฐาน
อํานาจตางๆ อีกทั้งยังมีความสามารถจัดการบริหารคนในทุกๆ ฝาย ไมมีใครเหมาะสม
ไปกวาทานเฉินแลว”
“หา?” เฉินจวีเฟงตะลึง ชี้นิ้วเขาหาตนเองอยางงงๆ “ขา...ทานรอง ความหมาย
ของทานคือ?”
ลูสวินอี้แววตาจริงจัง
“ไมผิด แมกิจการรานขายขาชางหัวใหญโต แตการคาจะอยูรอดหรือไมยอมขึ้นอยู
กับผูควบคุม องคชายหกใหขามาปรึกษากับทานเฉินดูวาทานจะยอมรับตําแหนงพอบาน
จวนหมิงอองหรือไม?”
มานตาเฉินจวีเฟงพลันหดตัวลง สั่นเทิ้มไปทั้งรางอยางไมสามารถสงบลงได
สุดทายจึงตองคุกเขาลงบนพื้นรถมา ประสานมือคารวะ
“ขาขอถวายชีวิตรับใชทานออง”
เมื่อครูลูสวินอี้จองมองเฉินจวีเฟงตาไมกะพริบ จวบจนเฉินจวีเฟงรับปาก เขาคอย
รูสึกผอนคลายลง น้ําเสียงจึงเปยมความจริงใจมากขึ้น
“ทานเฉิน ทานอองเคยพูดไววา เรื่องนี้สําคัญมาก อาจเกี่ยวของถึงชีวิต ทานอองอยู
ไกลถึงหมิงจู เกรงวายากที่จะดูแลไดอยางทั่วถึง...”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้สังเกตเห็นวาแววตาเฉินจวีเฟงไมหลุกหลิกแมแตนอย สีหนา
ยังคงแนวแน จึงพูดตอ
“ทานเฉิน ทานก็รูวา ทานอองกลับมายิ่งใหญในครั้งนี้ ทําใหผูมีอํานาจมากมาย
ตองการสืบรูความเปนมาเปนไป แตเบาะแสของทานอองยากสืบเสาะ และมีไมกี่คนที่
กลาลงมือกับทานออง แตไมไดหมายความวาจะไมกลาลงมือกับทาน...”
เฉินจวีเฟงคิ้วกระตุก รอนระอุไปทั้งราง ประสานมือคารวะ พูดดวยน้ําเสียงแนวแน
ไมลังเลแมแตนอย
“ทานรอง อยาพูดเชนนี้เปนอันขาด ขอทานทูลทานอองแทนขาดวยวา ตระกูลขุน
นางขาอยูมาหาสมัย ลวนทําคุณตอบแทนประเทศชาติทั้งสิ้น ขาเองก็เรียนหนังสือมาแต
เด็ก หวังเสมอวาจะไดทํางานรับใชราชสํานัก เสียดายตอนสอบจองหงวน กลับทิ้งตํารา
ลงเรือไปเอาดีดานการคาเสียนี่...
ปนั้น ตระกูลขาประสบเคราะหกรรม โชคดีที่ขากับพอไดรับความชวยเหลือจาก
ทานออง และไดดิบไดดีมาจนทุกวันนี้ก็เพราะทานอองมอบโอกาสให ทานอองฐานะ
สูงสงแตกลับเลือกที่จะอยูในพื้นที่เสี่ยง ทํางานเพื่อราษฎร ปณิธานอันยิ่งใหญเชนนี้ ขา
ไดมีโอกาสใชความสามารถทําเพื่อประเทศชาติ ถวายชีวิตรับใชทานออง ก็นับเปนเกียรติ
สูงสงแลว ไหนเลยจะคิดปฏิเสธอีก ขาตองพยายามอยางสุดความสามารถ แมตายก็ไม
เสียดาย!”
แววตาลูสวินอี้วูบไหวไมหยุด พอสงบลงไดจึงแยมยิ้มแลววา
“ทานเฉินคุณธรรมสูงสง โปรดรับการคารวะจากขา”
ลูสวินอี้คุกเขาขางหนึ่งลงบนพื้นรถมา แสดงความยอมรับนับถือดวยใจจริง
“ทานรองรีบลุกขึ้นเถิด ขาไหนเลยจะรับการเคารพจากทานได...”
ภายในรถมาเงียบสงบลง ชายหนุมสองคนที่กุมบังเหียนอยูนอกตัวรถหันมาสบตา
กัน
พวกเขาบําเพ็ญเพียรมาไมนอย จึงไดยินเสียงพูดคุยในรถอยางชัดเจน พอสบตา
ตางก็มีความสงสัยในแววตา แตสุดทายก็ไดแตละสายตาไปเฝาระวังรอบทิศ
“มา...พวกเราดื่มใหหัวหนาอูแกวนึง!”
“ถูกตอง เพราะพวกเราติดตามหัวหนาอู ถึงมีโอกาสกินของดีและดื่มสุราดีเชนนี้ พี่
นอง ยกจอกขึ้น...”
“ฮะๆ นี่มันรวมหัวกันมอมเหลาลูกพี่ชัดๆ มาๆ รินเต็มแกว ลูกพี่ไมกลัว ฮาๆ...”
ในเจียงหัวเหลา อูประตูเมืองกับลูกนองคนสนิทกําลังดื่มสุรากันอยางสะใจ ชนิดไม
เมาไมเลิก
เห็นไดชัดวาเขาเดนสุดในโตะ ไดรับการยกยอปอปนตลอด
และเขาก็ชอบเสียดวย ทวาเจียงหัวเหลาที่มีแตลูกคนมีเงินเดินเขาเดินออก เสียง
เอะอะมะเทิ่งของกลุมทหารจึงไมเปนที่พอใจของแขกที่นั่งอยูโดยรอบสักเทาใดนัก
“เฮย นึกวาใคร ที่แทก็ทหารอันธพาลไมกี่คน เจียงหัวเหลารับคนกักขฬะพวกนี้เขา
มาไดอยางไร?”
ในที่สุดก็มีคนแสดงความไมพอใจแลว เปนกลุมคุณชายที่เพิ่งกาวเขามาในเหลา
หนุมหนาขาวคนหนึ่ง มือถือพัดโบกไปมาแมอยูในฤดูหนาวเดือนสิบสอง พูดพลาง
มองดูอูประตูเมืองกับพวกอยางขยะแขยง
ปง!
อูประตูเมืองฟาดฝามือลงบนโตะทันที ลุกพรวดขึ้น หันกายเผชิญหนากับหนุมหนา
ขาว กอนตะโกนเสียงดัง
“ที่พูดเมื่อครู หมายถึงลูกพี่ใชไหมไอหนุมหนาขาว?”
“โอ?” หนุมหนาขาวทําทาตกใจในความกาวราวของเขา แตแลวหนาก็แดงดวย
ความโกรธขึ้นทันที
“ชางกลา พูดจาเสียมารยาทกับขา...”
เพลง....
“เสียยาเจาสิ....”
อูประตูเมืองจับขวดเปลาฟาดศีรษะหนุมหนาขาว โลหิตสดๆ ไหลลงจากหนาผาก
หนุมหนาขาวรอง
“พวกตอตาน...”
ผูที่อยูขางกายเขาตางสับสนอลหมาน แตละคนรีบรองเสียงดัง
“พวกบาระห่ํา ทหารอันธพาลพวกนี้มาจากไหนกัน?”
“พวกเจาเดือดรอนแน ทานผูนี้คือคุณชายสาม บุตรชายใตเทาอูแหงกรมศาสนา
และวัฒนธรรม...”
“เจาหนาที่ ยังไมมาจับทหารอันธพาลพวกนี้ไปอีก!”
“เฮย กลาขมขูลูกพี่อยางนั้นรึ ลูกพี่รับใชใตเทาฟาง ฟางโหยวฉิน ใครกลาวาลูกพี่
เปนทหารอันธพาล? เห็นลูกพี่ไมตีลูกเมียนอยอยางพวกเจาใหตายใชไหม...”
อูประตูเมืองคลายดื่มมากเกินไป เขาเดือดดาลจนชักดาบออกจากเอวขึ้นเตรียม
ตอสู
ตอน 228 ระหวางทางกลับบาน (2)
“เออ หัวหนาอูๆ อยาๆ ไมเอาๆ!”
“หัวหนาอูใจเย็นๆ!”
“ไมไดนา หัวหนาอู...”
กลุมทหารยังมีสติอยู แตอูประตูเมืองกลับไมยึดถือเหตุผลอะไรทั้งสิน้ ระเบิด
อารมณอยางฉับพลันจนลูกนองหามปรามไมทัน ไดเลือดจนได
กลุมทหารตางมองดูผูคนในเหลา ซึ่งลวนเปนลูกผูดีทั้งนั้น อารมณตกใจทําใหพวก
เขาสรางเมา รีบชวยกันลากอูประตูเมืองออกไป ไมใหเขากอเรื่อง
ทวาอูประตูเมืองแรงดีมาก ขนาดหลายคนเขาลากก็ยังเอาไมอยู หนําซ้ํายังหันมา
เอาเรื่องกลับ ทําเอาลูกนองแทบเปนบา
ขณะตะโกนใสกันชุดใหญ ผูจัดการเจียงหัวเหลาก็พาคนเดินเขามา พอเห็นสภาพก็
มิไดพูดจาอะไร ชวยคนกอน แตอูประตูเมืองกลับบาระห่ําหนัก ฤทธิ์สุราทําใหเขาดิ้นรน
ตอสูอยูพักหนึ่ง จนขาวของในเจียงหัวเหลาตกแตกเสียหายกระจัดกระจาย สวนกลุม
ทหารที่มาดวยกันก็มิไดเขาไปชวยเหลือแตอยางใด แตก็ไมกลาหนี แตละคนยืนเหงื่อตก
สีหนาคลายจะรองไห เนื้อตัวสั่นเทา
ยังดีที่อูประตูเมืองเปนชายชาตรี เขาเหมือนยังไมรูวาพี่นองที่ตนเองพามานั้นไม
เพียงไมเขามาชวย ยังถูกจับกุมตัวอีก จึงรองตะโกนเสียงดัง
“วะ พวกมากรังแกพวกนอยนี่หวา รอเดี๋ยว พวกเจารอเดี๋ยว เจาหัว เถียนจื่อ พวก
เจาไมตองกลัว สูตอไปเพื่อลูกพี่ ตีลูกเมียนอยพวกนี้ใหตาย...เออ...”
กลุมทหารพลันสีหนาซีดขาว เกือบกระอักโลหิต ตางคิด เราลงมือแตเมื่อไหรกัน?
การอาละวาดสิ้นสุดลง อูประตูเมืองกับพี่นองทีด่ ื่มสุราดวยกันถูกจับมัด กอนนําตัว
ออกไป
หองขังในกองปราบปราม
“เอ เหตุใดนําทหารสงมาใหพวกเราละ? ดูจากเสื้อผาแลวนาเปนพวกรักษาการณ
ประตูเมือง”
“ดื่มจนเมา บาดีเดือด ตีหัวลูกชายใตเทาอูแหงกรมการศาสนาเขาให ทั้งยังเกือบพัง
เจียงหัวเหลาอีก...”
“โอ ชางกลาอะไรขนาดนั้น รนหาที่ตายชัดๆ”
“เฮย อยาพูดมาก คนก็สงมาแลว ใตเทาไมอยูก็ขังไวกอน แตตองจําไววา อยาให
ใครมาทํามิดีมิรายไดละ”
“หา? อยางไร?”
“แมเปนทหารเฝาประตูเมือง แตเขาบอกวาเปนลูกนองใตเทาฟาง ตองระวังใหดี
อยาทําใหผูใหญทะเลาะกัน ใตเทาเราบอกแลววา ถาไมอยากเดือดรอน ใหขังไวกอน รอ
ใหใตเทาทั้งสองตกลงกันเองเสร็จ ผลออกมาเปนอยางไรคอยวากัน”
เจาหนาที่หองขังอึง้ กอนพยักหนา
“รูแลว ตองไมใหเกิดเรื่องกับเขา!”
เจาหนาที่เขาใจในสิ่งที่ถูกกําชับไว คุณชายรุมรวยที่ถูกตีหัว ดีไมดีอาจมาแกแคนตอ
ที่นี่ โดยปกติแลวพวกเขาจะไมหาม แลกกับผลประโยชนเล็กๆ นอยๆ แตการกําชับ
พิเศษครั้งนี้ เปนการบอกเขาวา อยาตุกติก
“ใตเทาฟางหนาใหญมาก แตหมอนี่เปนคนเฝาประตูเมืองนี่? เหตุใดถึงเปนลูกนอง
ใตเทาฟางไดละ?”
เจาหนาที่พึมพําเบาๆ กอนลั่นกุญแจหอง แลวหันไปกําชับผูดูแลหองขังทุกคนวา
อยาใหใครเขาใกลเจานี่
หองขังเงียบสงบลง
อูประตูเมืองที่นอนกรนเสียงดังอยูบนพื้นคอยๆ ลืมตาขึ้น ไหนเลยจะมีเจตนาลุย
แหลกอีก หันมองสภาพแวดลอมรอบเรือนจํา ตาทอประกายวูบ แลวจึงพลิกกาย นอน
กรนตอ
ขณะเดียวกัน ที่พักแหงหนึง่ ของคนตระกูลหลิน คนผูหนึ่งซึ่งมีอายุราวสี่สิบกวา
บุรุษหนาขาววัยกลางคน กําลังนั่งอยูดานใน เงยหนาขึ้นพูดเสียงขรึม
“เจาวาอะไรนะ? เมาสุราอาละวาด? ถูกจับไปที่กองปราบปรามแลว?”
“ขอรับอาจารยหลิว เราตามมันไปถึงเจียงหัวเหลา แตในเหลาไมสามารถลงมือ จึง
ไดแตรอ คิดไมถึงวาคุณชายสาม บุตรชายใตเทาอูแหงกรมการศาสนาจะพาเหลาสหาย
คุณชายมากินขาวที่เหลา แลวพูดจาถากถางมัน เจาอูประตูเมืองนี่ก็ดื่มเขาไปมาก เมา
แลวลงมือหนัก แถมเกือบพังเจียงหัวเหลาดวย...เห็นมันถูกจับไป พวกเราก็ไมกลา
วูวาม!” ชายฉกรรจสวมชุดสีเขียวรายงานเสียงขรึม
อาจารยหลิว ก็คือผูที่สั่งใหหวนเออเฆี่ยนหนิงเออรตอนหนิงเออรอยูใ นนิวาสสถาน
และกําลังจะถูกสงตัวกลับในตอนนั้น
หลายปตอมา เขาปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงอีกครั้ง และตอนนี้ไดลุกขึ้นยืน เดินไป
มาพรอมแววตาอันล้ําลึก สักพักแววตาคอยทอประกาย เงยหนาขึ้น
“คลังยาสกุลหวงที่เปยเหอละ สืบไดความวาอยางไร?”
“ศาลาวาการเปยเหอไดออกเอกสารขอผานทางใหคลังยาสกุลหวงจริง คลังยาสกุล
หวงจึงสงคนมาดูแลสินคาจํานวนหนึ่ง แตที่ทานกําชับใหสงรูปวาดของคนเหลานี้ใหทาง
เปยเหอยืนยัน ยังตองรออีกสักพัก ไมสามารถตรวจสอบใหไดในทันที เร็วที่สุดนาจะเปน
คืนนี้” ชายชุดเขียวตอบ
“คืนนี้ไมทัน ไมทันแน!” อาจารยหลิวกําหมัด พึมพําไปมา
“รานขายยาชางหัวยายมาจากหมิงจู ตอนเฉินจวีเฟงอยูหมิงจูไดเปดรานขายยา ลูก
ชายคนเดียวของเขาเรียนดานการแพทย
ไปฉางชิงไดรับการยกยองจากวงการแพทยหมิงจูใหเปนหมอเทวดาอันดับหนึ่ง ราน
ขายยาชางหัวของเฉินจวีเฟงก็เปนรานขายยาคุณภาพอันดับหนึ่งในหมิงจูเชนกัน เปนไป
ไดสูงที่ทั้งสองจะไปมาหาสูกับ แตพอไปฉางชิงเปดเผยตัวตนวาเปนหมิงออง คนอยาง
เฉินจวีเฟงกลับมีปฏิกิริยาเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เหมือนไมเคยรูจักไปฉางชิงมากอน
ผิดปกติ ผิดปกติยิ่ง”
“สวนเจาอูประตูเมือง เดิมทีเปนทหารคนสนิทของฟางโหยวฉิน แตเพราะทํา
ความผิดอยางหนึ่งในกองทัพ จึงถูกยายไปรักษาการณที่ประตูเมือง เหตุใดตอนนี้เขาถึงมี
ใจรับสินบน? แถมยังดื่มสุราอยางสะใจเพียงนั้น? นี่ก็ไมถูกตอง”
“แมไมมหี ลักฐาน แตเรื่องผิดปกติหลายเรื่องนั้นนาสงสัย หลังจากหมิงอองสังหาร
กลุมคนจากสํานักเตาแลว ลาสุดก็ยังไมมีขาวใดๆ ของเหมยจื้อเฟงกับคุณหนู ตอนนี้ราช
สํานักไดประกาศยกยองเขาซางชิงและสํานักเตาที่ไปหมิงจู สวนเหมยจื้อเฟงที่เปนตัว
ประกันอยู สํานักเตา...”
“ไม ไมถูก ตองไมใหราชสํานักญาติดีกับสํานักเตาเปนอันขาด ถาสํานักเตาไมขึ้นกับ
ราชสํานัก ก็ไมมีทางรวมมือกับหมิงอองแน...ยังมี ศีรษะของคนจากสํานักเตา หาก
สามารถชวยสํานักเตาสกัดกั้นไมใหถึงมือราชสํานัก ก็จะลดทอนบารมีหมิงอองลงได...”
อาจารยหลิวพูดเองเออเองสักพัก พลันหันมามองชายชุดเขียว
“คนพวกนี้ตอนนี้อยูที่ไหน”
“เฉินจวีเฟงพาลุงหัวหนาคลังยาสกุลหวงนั่งรถมาไปถนนหมิงฝู โดยมีผูที่มาดวยกัน
กับลุงสองคนเปนผูกุมบังเหียนมา สวนอีกหาคนอยูที่รานขายขาชางหัว” ชายชุดเขียว
ตอบ
“ผูกุมบังเหียน ผูกุมบังเหียนรถมาสองคนเปนคนของคลังยาสกุลหวง ไมใชคนของ
เฉินจวีเฟง นี่ก็ไมถูกอีก พวกเขามาถึงเมืองหลวงทั้งที เฉินจวีเฟงตองรับผิดชอบที่พัก
อาหารการกินและความปลอดภัยของพวกเขาสิ แลวเหตุใดจึงใหพวกเขามาบังคับมา?
ถนนหมิงฝู นอกจากบานตระกูลผูสูงศักดิ์แลว จวนหมิงอองก็อยูบ นถนนเสนนี้ นี่...”
อาจารยหลิวหรี่ตา
“เปนพวกเขาแน พวกเขาตองมาแลวแน เสียดาย เจาอูประตูเมืองกับทหารพวกนั้น
ถูกจับเพราะทะเลาะวิวาทเสียนี่ แยชะมัด...ไมได รอไมได แมผิด ก็ยอมฆาคนผิด ปลอย
ไปไมได”
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ทําตาโต
“รีบสงขาวใหเขาซางชิง บอกทุกอยางใหพวกเขารูวาคนของหมิงอองมาแลว...”
“ขอรับ!” ชายชุดเขียวรับคําสั่ง แตกลับชะงัก กอนถามขึ้น
“อาจารย ตอนนี้พวกนั้นกําลังอยูระหวางการเดินทางไปยังถนนหมิงฝู เกรงวาไม
สามารถลงมืออยางอุกอาจได!”
อาจารยหลิวกะพริบตาหลายครั้ง “เชนนั้นก็รอใหพวกมันไปถึงถนนหมิงฝูกอน ตอง
เร็ว”
“ขอรับ!”
“เดี๋ยว!” อาจารยหลิวเห็นเขาหันกายจึงรีบเรียก
“คิดหาทางสงจดหมายใหคณะทูตานุทูตของประเทศฉีดวย บอกพวกเขาวาหมิงออง
สงศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนมาที่เมืองหลวงแลว...”
ปง!
เหมยอวิ๋นชิงตบโตะ สีหนาเย็นชาราวหิมะ พลังปราณทั่วรางคลายเย็นยะเยียบ แม
เปนอิสตรี แตความคิดกลับล้ําลึก นากลัว
เทียบกับครั้งแรกที่เห็นนางในทองพระโรง ใบหนานางแทบไมเปลี่ยนแปลง
กาลเวลาหาปไมสามารถทําอะไรนางได ไมมีริ้วรอยกล้ํากลาย มีแตรัศมีบารมีที่เพิ่มขึ้นใน
ทุกอิริยาบถ
จะเห็นไดวาหลายปมานี้ เขาซางชิงเปนมิตรกับทุกฝายทามกลางความวุนวายทั่ว
หลา นางกลายเปนผูนําสตรีที่ไดรับการเคารพยกยอง สมกับภาพลักษณและบุคลิกอัน
สงางามที่นางรักษาไวเรื่อยมา
นางไมพูดอะไร ลุกขึ้นหันกายเดินออกนอกประตู ชงเสวียนที่อยูขางกายพลันหนา
เปลี่ยนสี รีบโพลง
“ศิษยนองเหมย อยาวูวาม!”
เหมยอวิ๋นชิงหยุดเดิน ชะงักเล็กนอย กอนเอยปากพูด
“ศิษยพี่ชงเสวียนก็รูนี่วา ศิษยพี่หลิวซื่อเหยียนสูจนตัวตายเพื่อสํานัก เขาซางชิงจะ
อยางไรก็ตองใหความเปนธรรมกับเขา ไมควรใหใครนําศีรษะของเขามาลบหลู และเขา
ซางชิงยิ่งไมสามารถยอมรับความอัปยศอดสูเชนนี้เปนอันขาด!”
ชงเสวียนกาวเขาไปขวางหนานางไว
“แตศิษยนอง เจาตองรูนะวาที่นี่คือเมืองหลวง พวกเราจะทําอะไรลวนตอง
ระมัดระวัง หากเกิดเรื่องใหญขึ้นมา อยาวาแตชีวิตเจากับขาเลย ศิษยในสํานักก็ตอง
เดือดรอนไปดวย”
ทวาสีหนาเหมยอวิ๋นชิงกลับเย็นชา พูดเสียงดังกอง
“เฮอะ คนรุนใหมบาระห่ําบกพรองทางความคิด กลาสังหารคนของสํานักเรา ซ้ํา
จับจื้อเฟงเปนตัวประกันนี่นะ แตขากลับอยากดูวา พวกมันจะกลามากแคไหน กลา
ขนาดเอาชีวิตคนตระกูลเหมยของขาดวยหรือไม?”
“ศิษยนอง...”
ชงเสวียนยอมแพ ยอมแพจริงๆ หลายปที่ผาน บารมีนางไมเพียงไมลดลง แตกลับ
เพิ่มมากขึ้นจนนากลัว เขาจึงไดแตพูดวา
“ศิษยนอง หามวูวามเด็ดขาด ขาไมไดบอกวาเราจะนิ่งดูดาย เพียงแตถาลงมือ เจาก็
ไมควรลงมือเอง มิฉะนั้นแลวหากเกิดปญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ แมแตจอมยุทธก็ตองตกที่
นั่งลําบาก”
พอพูดถึงจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิงคอยเก็บอารมณคืนกลับ
ชายวัยกลางคนที่นั่งไมขยับเขยื้อนมาแตตน ที่สุดแลวจึงเอยปาก
“อวิ๋นชิง อยาวูวาม ควรฟงคําของศิษยพี่ชงเสวียน”
“พี่ใหญ หมิงอองสงคนมาแลว ตองเปนคนสนิทแน หากจับมันมาได...” เหมยอวิ๋น
ชิงพูดเสียงขรึม
“พอแลว จื้อเฟงเปนบุตรชายขา ขาไมไดหวงเขานอยไปกวาเจาเลย แตศิษยพี่
ชงเสวียนพูดมีเหตุผล หากจัดการเรื่องโดยไมคิด ปญหาที่ตามมาจะแกยาก เจาก็นาจะรู
วา แมแตคนบานหลินยังรูขาวนี้ ไหนเลยที่ราชสํานักจะไมรูเลา? เปนไปไดไหมที่พวกเขา
จะขุดหลุมพรางลอใหพวกเรากระโดดลงไป? จิตใจขององคติ้งอูมิไดกวางขวางอยางที่เจา
กับขาคิด เขาอาจตองการสรางความเสียหายใหทั้งสองฝายก็เปนได!”
ชายวัยกลางคนผูนี้ที่แทก็คือบิดาของเหมยจื้อเฟง
บุตรชายจอมยุทธเหมย เหมยอวิ๋นเทียน
เขาดูมีบารมีนอยกวาเหมยอวิ๋นชิง วิชาเตาก็ดอยกวา การเปนอาจารยไมใชเรื่องงาย
เขามีพรสวรรคไมพอ แมเปนบุตรชายจอมยุทธ แตผลสุดทายก็เปนไดเพียงระดับ
อาจารยเทานั้น
เหมยอวิ๋นเทียนพูดเสียงขรึม
“ศิษยพี่ชงเสวียน ตามความเห็นของทาน ควรจัดการเรื่องนี้อยางไร? จะใหศีรษะ
ศิษยพี่หลิวตกอยูในมือคนของราชสํานักไมไดอยางเด็ดขาด มิฉะนั้นจะมีผลกระทบตอ
ความนาเชื่อถือที่คนในแวดวงสํานักเตามีตอเขาซางชิงเรา
อีกทั้งจื้อเฟงตอนนี้เปนอยูอยางไร เราก็ไมมีทางรูเลยสักนิด เดิมทีชีวิตของจื้อเฟง
ไมใชเรื่องใหญ แตสถานะหลานศิษยจอมยุทธ หากเกิดเรื่องขึ้นภายใตน้ํามือหมิงออง ก็
เทากับบารมีจอมยุทธถูกลบหลู!”
ชงเสวียนรูสึกขมขื่น พูดไปพูดมา ทานที่ดูเยือกเย็นนี้ กลับกลายเปนคนบีบเขาแทน
จึงไดแตสูดหายใจเขาลึกๆ ครุนคิดสักพัก แนนอน เขารูสึกลําบากใจ เพราะตองคิดใหทั้ง
เขาซางชิงและตระกูลเหมย จะทิ้งฝายใดฝายหนึ่งไปไมได
แตสุดทายแลวก็ไมมีวิธีที่ดีที่สุด จึงหลับตาและลืมตา
“เชนนั้นเราก็ไดแตลองลงมือดู ไมวาจะสําเร็จหรือไม คนของเราก็หามเปดเผย
ตัวตนเด็ดขาด แตก็ไมสามารถสงปรมาจารยไปมากเกิน เพียงทานเดียวก็พอ!”
“หา?” เหมยอวิ๋นชิงมีสีหนาจริงจัง
“ปรมาจารยทานเดียวจะทําสําเร็จไดอยางไร?”
ชงเสวียนพูดเสียงขรึม
“ในเมืองหลวงตอนนี้ ปรมาจารยเกือบทั้งหมดมาจากสํานักเรากับราชสํานัก หาก
เราสงปรมาจารยไปเปนกลุม ก็เทากับปาวประกาศอยางโจงแจงใหรูทั่วกันวา นี่เปนฝมือ
เรา อีกทั้งพวกเขาก็มีกันนอยนิด และยังหนุมอยูท ั้งนั้น มีคนแกเพียงคนเดียว อยางมาก
ก็แคอาจารย สวนเฉินจวีเฟงที่มาดวยก็ไมมีวรยุทธ การที่รานขายยาชางหัวมีกิจการ
ใหญโตถึงเพียงนี้ได สถานะของเฉินจวีเฟงไมนาต่ําตอย เพียงใชชีวติ ของเขาใหเปน
ประโยชน เบนความสนใจจากอาจารยทานนั้น เราก็ทําสําเร็จได เพราะเราไมไดสังหาร
คน เพียงแยงศีรษะศิษยพี่หลิวกับศีรษะที่เหลือมาได ก็นับวาสําเร็จแลว!”
“ไมได ตองจับตัวคนของหมิงอองมาดวย อาจารยนั่น...” เหมยอวิ๋นชิงปฏิเสธโดยไม
ตองคิด
“ศิษยนอง!” ชงเสวียนเริ่มเสียงดัง
“อยาลืมวา นี่เปนเมืองหลวง นอกจากจอมยุทธจะลงจากเขา มิฉะนั้นแลวที่นี่ไมใช
ที่ๆ พวกเราสามารถลงมือไดอยางชะลาใจโดยไมตองเกรงกลัวใดๆ ”
อันที่จริงคําพูดนี้เกินไปหนอย ซึ่งแมจอมยุทธเหมยลงจากเขามาดวยตัวเอง ก็อยา
คิดวาจะทําอะไรไดตามอําเภอใจ หาปรมาจารยที่อยูนี่ หนึ่งเปนคนของราชสํานัก หนึ่ง
เปนคนของเชื้อพระวงศ นี่ยังไมพูดถึงกองทัพทหารอีกนับพันนับหมื่น พูดเพียงเรื่อง
พละกําลังของผูบําเพ็ญเพียร ที่นี่ยอมมิใชที่ที่จอมยุทธเหมยจะมาอวดเบงศักดาได
พลังปราณในรางของเหมยอวิ๋นชิงเย็นยะเยียบลงไปอีก แตสุดทายก็มิไดปริปากพูด
ชายวัยกลางคนก็มีสีหนาไมสูดีนัก ไดแตตอบวา
“ทําตามที่ศิษยพี่วาก็แลวกัน”
ชงเสวียนโลงอก น้ําเสียงจึงนุมนวลลง
“และการทําเชนนี้ หากเกิดปญหาขึ้นมาจริงๆ ก็ยังโบยใบไปไดวา หากเปนฝมือเขา
ซางชิงเราจริง เหตุใดจึงสงปรมาจารยมาแคคนเดียวเลา เห็นไดชัดวามีคนคิดใสรายปาย
สีเรา”
เหมยอวิ๋นเทียนกับเหมยอวิ๋นชิงตะลึง ทั้งสองนั่งลงพรอมกัน โดยไมพูดจาอะไรอีก
อีกดานหนึ่ง คณะทูตานุทูตประเทศฉีพอทราบขาว ก็คิดทําการโดยไมรีรอ
ทานทูตที่มาครั้งนี้ มีนามวา จาวหมิงรุย เปนผูชวยเจากรมการตางประเทศ ซึ่งกอน
หนานี้เคยพํานักอยูในหมิงจู ตอนนี้ เขากับกุนซือกลุมหนึ่งกําลังนั่งขมวดคิ้วอยูดวยกัน
“พวกทานคิดเห็นอยางไร?” จาวหมิงรุยถามขึ้นเสียงขรึม
“ถาขาวนี้เปนจริง ยอมตองนําศีรษะของทานปรมาจารยกลับมา เพื่อเสริมสราง
ความเชื่อมั่นในการทําลายลางตาเซี่ย!” มีคนพูดขึ้นโดยไมลังเลใจ
“ไมผิด องคชายหกแหงตาเซี่ยโอหังเกิน วางแผนสังหารปรมาจารยเรา ทําใหผูที่อยู
ในแวดวงบําเพ็ญเพียรของเราหวาดกลัว นี่เปนผลเสียกับเราเปนอยางยิ่ง
ที่ตองรีบดําเนินการจูโจมอยางแข็งแกรง ทําใหคนตาเซี่ยที่ขลาดกลัวพวกนี้รูวาไมมี
ทางรบชนะจักรวรรดิฉีของเราได”
“พูดถูกตอง พวกเราควรลงมือจูโจมอยางไมตองลังเลแมแตนอย!”
แตกตางอยางสิ้นเชิงกับเขาซางชิง คนกลุมนี้แทบไมสนใจวาที่นี่คือเมืองหลวง เห็น
พองตองกันเปนหนึ่งเดียว ลงมือ!
อันที่จริง พวกเขาโอหังยิ่ง แตถาไมโอหังก็คงไมกลามาที่นี่หรอก
กองทัพอันแข็งแกรงเปนฐานความมั่นใจอยางไมสิ้นสุดของพวกเขา ประเทศเรา
กําลังจะถูกพวกเขาทําลายจนสิ้นแลว เหตุใดพวกเรายังไมคุกเขาลงตรงหนาพวกเขาอีก?
นี่เปนความเชื่อมั่นอยางไรทสี่ ิ้นสุดชนิดหนึ่งของผูแข็งแกรง
จาวหมิงรุย พยักหนา เหลตามองผูที่นั่งอยูไมไกลนัก ผูอาวุโสซึ่งกําลังนั่งหลับตา มือ
กุมกระบี่ยาว
“อาจารยจิน!”
ผูอาวุโสที่ถูกเรียกวาอาจารยจินลืมตา แลวจึงคอยๆ พยักหนา ลุกขึ้นยืน กอนพูด
อยางสงบนิ่ง
“ได รอขาสักครู ตองนําศีรษะศิษยนองกลับมาแน พรอมสมุนหมิงออง!”
จาวหมิงรุย ยืนขึ้นโคงคํานับ
“ตองไหววานทานอาจารย สําแดงเดชจักรวรรดิฉีของเราใหเปนที่ประจักษในเมือง
หลวงตาเซี่ยดวย!”
“เปนเชนนี้แน!”
ตอน 229 เหมือนเขาเขตปลอดคน
แมรานขายยาชางหัวกับจวนหมิงอองตางตั้งอยูในเขตกึ่งกลางเมืองริมรั้วพระราชวัง
แตถาใชรถมาเดินทางไปมาหาสูกัน ระยะทางกลับไมใกล
รานขายยาชางหัวตั้งอยูในเขตตะวันตกที่คึกคักสุดของเมืองหลวง สวนถนนหมิงฝู
ตั้งอยูในเขตใตที่เงียบสงบสุดของเมืองหลวง
ทั้งสองสถานที่หางกันไมใกลไมไกล ถาใชเทาเดินพลางชมทิวทัศนสองขางทางไป
ดวย ก็ประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได
แมพวกลูสวินอี้นั่งรถมาก็ยังตองใชเวลาราวครึ่งชั่วโมง ถึงจะเห็นถนนหมิงฝู
แนนอนวาหากไมใชชวงเย็นที่มีผูคนพลุกพลานมากสุดเชนนี้ อาจมาถึงเร็วกวานี้
เพราะไมสามารถบังคับมาใหวิ่งเร็วเกิน พวกเขาจึงไปไดไมเร็วไปกวาคนเดินเทามากนัก
แตอยางไรก็ใกลถึงจวนหมิงอองแลว ลูสวินอี้ยื่นมือเปดประตูรถมาดานหนึ่งออก
กอนกวาดตามองโดยรอบ ดานหลังยังคงเห็นความคึกคักชัดเจน สวนดานหนาเปนถนน
กวางใหญสายหนึ่ง ที่เรียกกันวาถนนหมิงฝู
บนถนนเห็นรถมาวิ่งไปมาประปรายอยางเปนระเบียบ ไมวุนวาย
“ถึงตรงนี้ก็นาจะปลอดภัยแลว ตอนนี้เปนชวงเวลาเย็นที่ผูคนเลิกงานเดินทางกลับ
บานกัน ทานดูสิ ผูที่นั่งอยูในรถมาเหลานี้เปนคนใหญคนโตในแตละสาขาอาชีพ รวม
เดินทางสายเดียวกันกับพวกเขา ไมนาจะมีใครกลาบาบิ่นจูโจมเปะปะเขามา”
เฉินจวีเฟงใจตุมๆ ตอมๆ ตลอดการเดินทาง แตยังไมถึงกับขาดสติ พอเห็นลูสวินอี้
เปดประตูออกดู ก็รูวาเขาคิดอะไรอยู จึงบอกใหอุนใจ
ทวาแววตาระแวดระวังภัยของลูสวินอี้กลับมิไดยอหยอนลงแตอยางใด เขายังคง
กําชับชายหนุมสองคนที่นั่งอยูหนารถ
“ยังคงตองระวังใหมากขึ้น”
“ขอรับ!” ชายหนุมทั้งสองพอไดยินก็ขานรับพลางพยักหนาใหรูวารับทราบ
ลูสวินอี้ปดประตู แลวจึงหันมายิ้มกับเฉินจวีเฟงพลางพูดเสียงเบา
“การเดินทางครั้งนี้สําคัญยิ่ง ไมอนุญาตใหผอนคลาย เนื่องเพราะศีรษะเหลานี้ พวก
เราจึงไมอาจดูหมิ่นความกลาบาบิ่นของใครบางคน ตอนงานสมรสทานอองในจวนก็ยัง
เกิดเรื่องขึ้นมิใชรึ?”
“ไมผิด ไมประมาทเปนดี”
เฉินจวีเฟงมิไดโตเถียง เห็นชัดวา เขามิไดวิตกกังวลเทาลูสวินอี้ เพราะรูสึกวาการ
เดินทางครั้งนี้ระวังอยูคอนขางมาก ถาเปนไปตามนี้ก็ไมนาจะมีปญหาอะไร
เขาละสายตาออก เริ่มคิดตอถึงหนาที่รับผิดชอบที่ตองเผชิญในจวนออง จึงถามขึ้น
ดวยความกังวล
“ทานรอง ในจวนอองตอนนี้ลวนมีแตผูรับใชที่ทางวังหลวงสงมา ไมวาจะเปน
พอบาน ผูชวย สาวใช บาวไพร มีทุกอยาง พวกเรากลับไปรับชวงตอเชนนี้ เกรงวาจะ
ไมใชเรื่องงายๆ!”
ลูสวินอี้ไดยินกลับนิ่งเฉย เพียงพูดตามน้ํา
“อยากังวลไป จวนหมิงอองอยางไรก็เปนจวนของทานออง พวกเราตางหากที่เปน
คนของทานออง”
เฉินจวีเฟงเหลือบมองใบหนาอันสงบนิ่งของเขา ริมฝปากขยับเล็กนอย แมพูดเชนนี้
แตคนที่ถูกสงมาจากในวังซึ่งมีฝาบาทคอยหนุนหลัง พอเห็นจวนหมิงอองกําลังจะเฟองฟู
ตองไมยกอํานาจในมือใหกับกลุมของพวกเขาที่มาจากจวนอองบานปาอยางแนนอน
อีกอยางหมิงอองไมอยูจวน ไมมีเจานายใหพึ่งพาอาศัย คิดสูกับคนเหลานี้เปนเรื่องที่
ยากเอาการ
แตสุดทาย เฉินจวีเฟงก็ไมพดู มากอีก เพียงหัวเราะขมขื่น แลวเขาสูหวงภวังค
ความคิด เตรียมแผนรับมืออยูในใจ
สวนลูสวินอี้ยอมไมคิดเรื่องราวเหลานี้ใหรกสมอง เขายังมีเรื่องใหญอีกมากที่ตองขบ
คิด จึงคอยๆ หลับตาลง สะสมสติ รวบรวมสมาธิ พลางดักฟงความเคลื่อนไหวรอบดาน
ภายในรถมาเงียบสงบลง มีเพียงเสียงสวนประกอบของลอรถที่เสียดสีกันดังเอี๊ยด
อาดไมหยุดตลอดทาง
ผานไปสักพัก ขณะมองเห็นจวนหมิงอองอยูดานหนา ลูสวินอี้ที่หลับตาอยูพลันเกร็ง
พลังทั่วราง ลืมตาขึ้น แลวตะโกนเสียงดัง “ระวัง!”
สิ้นเสียง มือซายลูสวินอี้พลันจับเฉินจวีเฟงที่กําลังมึนงงกับเสียงของเขา มือขวาฟาด
เขาที่ประตูรถมาดานขาง
ตูม! เสียงระเบิดดัง ประตูไมดานขวาของรถมาทั้งบานหลุดออก ลูสวินอี้ไมทนั ไดอุด
หูก็ใชความเร็วปานสายฟาแลบโยนเฉินจวีเฟงออกจากรถมา แลวหันไปควากลองไมใบ
ใหญไวในมือ กระโดดเหินตัวออกจากรถ
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุมสองคนที่อยูหนารถยังไมทันไดคิด พอไดยินเสียงในวินาที
แรกก็ทะยานรางไปดานขวาตามสัญชาตญาณ ขณะรางเฉินจวีเฟงซึ่งหมุนควางกลาง
อากาศ ตกลงกลิ้งลุนๆ กับพื้นมาอยูขางกายเขาพอดี เขาจึงจับรางของเฉินจวีเฟงขึ้นโดย
ไมสนใจลูสวินอี้ แลวเหินรางออกจากรถมาอยางรวดเร็ว พุงเขาหารถมาคันขางหนาที่อยู
ไมไกลกันนัก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนบรรยายไมทัน ในวินาทีที่กลุมคนบนรถมาทะยาน
ตัวออก พลันไดยินเสียงดังกัมปนาทกลางอากาศ ราวกับถูกทองฟาจูโจมใส
ตูม! หลังคารถมาที่ลูสวินอี้และพวกนั่งมาระเบิดออก ชิ้นสวนตัวรถแตกหักปลิว
กระเด็น
“ฮี๊~” มายกขาหนาขึ้นสงเสียงรองดวยความตกใจ จากนั้นจึงลากชิ้นสวนรถมาที่
เหลือวิ่งไปขางหนาอยางคลุมคลั่ง
รถมาที่วิ่งอยูขางหนาไมทราบเปนของบานไหน ทราบแตเปนรถที่วิ่งดวยมาคู แสดง
วาผูที่นั่งอยูในรถตองเปนผูสูงศักดิ์
แตตอนนี้ มาคลุมคลั่งยอมไมรูวาใครเปนผูสูงศักดิ์หรือไม อารมณตกใจ ไดลากเอา
ชิ้นสวนรถมาวิ่งเตลิดเปดเปงเขาหามาคู ทําใหรถมาทั้งสองคันชนกัน
คนกุมบังเหียนรถมาคันขางหนาไมคิดวาจะเกิดเรื่องขึ้นอยางปจจุบันทันดวน เขา
กําลังตกใจกับเสียงระเบิดและคิดวาเพื่อความปลอดภัยของใตเทาควรหยุดรถเพื่อลงมาดู
วาเกิดอะไรขึ้น
แตพอหันหลังมองไดไมทันไร มาคลุมคลั่งก็วิ่งเขามา ปฏิกิริยาหนึ่งเดียวที่ทําไดคือ
หนาซีดพลางรองลั่น
“ไม...”
โครม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงมารองดังไมหยุด รถมาทั้งคันพลิกคว่ํา คลายมีคนกระเด็นออกจากหนาตางรถ
เสียงชายชรารองโอดโอยดวยความเจ็บปวดดังคลอไปกับเสียงมาวิ่ง
มาคูวิ่งตะบึงไปขางหนาดวยความตกใจพรอมลากตัวรถที่พลิกคว่ําไปดวย คนกุม
บังเหียนที่กระเด็นตกแตแรกเหงื่อแตกเต็มหนา มองดูรถมาวิ่งออกไปไกลดวยความงุนงง
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกะทันหัน พอรถมาสองคันหนาเกิดอุบัติเหตุ รถมาคันที่วิ่งอยู
ดานหลังตางก็รีบหยุดรถดวยความตื่นตระหนก ถนนสายนี้จึงเกิดความวุนวายขึ้น
“เกิดเรือ่ งอะไรกัน?”
“มาดูเร็ว รถมาใตเทาชวีคว่ํา!”
“อะไรนะ? ใตเทาชวี?”
“ใตเทาระวัง อันตราย!”
“คุมกันใตเทา...”
เสียงรองอุทานและเสียงตะโกนดังทั่วทองถนน
ไมตําหนิพวกเขาที่ยังไมทันรูเ รื่องรูราวอะไรแนชดั ก็รองโหวกเหวกโวยวายไปกอน
เพราะไมมีใครคาดคิดจริงๆ วาจะเกิดเรื่องที่นาตกใจเชนนี้ที่หนาบานตน
หลายปที่ผาน ถนนเสนนี้ไมเคยเกิดเหตุรายแรงมากอน พวกเขาจึงไมเคยเตรียมใจ
รับเรื่องเชนนี้ ตองทราบวาบริเวณนี้ลวนมีแตที่พักอาศัยของผูสูงศักดิ์ เปนเหตุใหผูที่ผาน
ไปมาหลีกเลี่ยงการสงเสียงดังรบกวน จึงไมมใี ครคาดคิดวาจะเกิดเรื่องขึ้น
แตตอนนี้ ทุกคนลวนไมรูอะไรแนชัดวา สวนใหญไดยินเพียงเสียงดังกึกกอง ยังนึก
วารถมาของลูสวินอี้ประสบอุบัติเหตุ
ขุนนางผูใหญทานหนึ่งรีบลงจากรถดวยความกระวนกระวายใจ เพื่อมาดูวาเกิด
อะไรขึ้น
“นี่มันรถมาบานไหน คนบังคับมาละ? พวกเขาชนรถของใตเทาชวี ชางกลา บาไป
แลวหรือไร?”
“ใตเทาชวีละ? เร็ว...ไปดูหนอยวาใตเทาชวีเปนอยางไรบาง?”
“ยังไมรีบแจงกองปราบอีก ใหสงคนมาชวยเร็ว...”
ขุนนางสวมชุดยาวหลายทานพอลงจากรถแลวเห็นมาคลุมคลั่งวิ่งไปขางหนาไมหยุด
ก็ยิ่งตกอกตกใจ เกิดความโกลาหลเขาไปใหญ รีบวิ่งเขาไปดูเหตุการณ เพื่อแสดงความ
เอาใจใสของผูนอย
ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแหวกอากาศเขามาเพิ่มความตื่นตระหนก ทําให
ทุกสิ่งทุกอยางหยุดนิ่งไปชั่ววูบ
“ใตเทาระวัง มีการลอบสังหาร!”
ลอบสังหาร!
ลูสวินอี้ยังไมไปไหน กลองไมในมือถูกสะพายไวที่หลัง กระบี่ยาวถูกชักออกจากฝก
กุมอยูในมือ ไมรูวาเขายืนอยูตรงจุดกึ่งกลางของที่เกิดเหตุตั้งแตเมื่อไหร เทาเหยียบเศษ
ไมจากรถมา รังสีฆาฟนกะพริบในดวงตา
มองนิ่งไปยังเงารางจํานวนหนึ่งที่ทะยานขึ้นจากรถมาคันหนึ่ง กอนเหินมาปกหลัก
ลงที่ขางกายตนพรอมดาบและกระบี่ในมือ จองมองคนของตนดวยสายตาเย็นชา
พริบตานั้น เขาถูกลอม รังสีฆาฟนปะทุขึ้นรอบบริเวณ ทําใหคนบนทองถนนสติแตก
ตื่นตกใจสุดขีด
“กลามากที่ทําการลอบสังหารในพื้นที่นี้...”
“ใตเทา หลบเร็ว!”
“คนประเทศฉี พวกมันเปนคนจากประเทศฉี!”
ถนนทั้งสายอลหมาน รอบบริเวณลวนเปนที่พักอาศัยของคนชั้นสูง แตกลับปรากฏผู
มีวรยุทธจากประเทศฉีจํานวนหนึ่งกระทําการอุกอาจ ถืออาวุธในมือเขาลอมชาวเซี่ยผู
หนึ่ง
เสียงรองอุทานดวยความตกใจเงียบลง ขุนนางหลายคนที่กําลังเดือดดาลพลันสงบ
นิ่ง เหงื่อหยดลงจากหนาผาก ถอยหลังตามคนขางกายไป
ขณะลูสวินอี้จับดามกระบี่ พลันเห็นปฏิกิริยาขุนนางเหลานี้ แมเดาไดแตแรก ก็ยัง
อดปวดใจไมได ตาเซี่ยที่เปยมอํานาจบารมี เมื่อเห็นคนฉีโอหัง กลับมีปฏิกิริยาตอบกลับ
เชนนี้
เขาละสายตามามองดูนักรบประเทศฉีที่เปลงรังสีอํามหิตลอมรอบตัวเองดวยสีหนา
เยือกเย็น จากนั้นจึงมองดูผูเฒาทานหนึ่งซึ่งกําลังเดินเชิดหนาเขาหาเขา
ผูเฒาไมทราบอายุ กอดอกถือกระบี่ กาวเดินอยางเยอหยิ่งในพื้นทีข่ ุนนางระดับสูง
แหงตาเซี่ย เสมือนหนึ่งเดินอยูหนาบานตน สายตาผูเฒาทั้งลึกล้ําและแหลมคม แตละ
ยางกาวมั่นคงยิ่ง
คนที่ยืนลอมอยูยังไมลงมือ พวกเขาทั้งไมรีบและไมกลัว รอผูเฒากาวเดินไปขางหนา
ทีละกาว
มานตาลูสวินอี้หดตัว พลังปราณของผูเฒาทานนี้ทําใหเขาเกร็งพลังเต็มที่ คลาย
ความรูสึกตอนเผชิญหนากับปรมาจารยหลิวซื่อหยวนแหงเขาซางชิง เครียดก็จริง แต
พลังของลูสวินอี้ยังดีไมมีตก
“คนเถื่อนประเทศฉีหรือ? คิดไมถึงวาจะเปนพวกเจา”
ผูเฒายืนกอดอก จองมองลูสวินอี้สักพัก กอนละสายตาดูแคลนไปหยุดอยูบนกลอง
ไมที่เขาสะพายไวดานหลัง แลวจึงชี้นิ้วใสลูสวินอี้
“คืนศิษยนองขามา แลวขาจะไวชีวิตเจา!”
“ไวชีวิตขาหรือ?” ดวงตาลูสวินอี้คมวาว ยกกระบี่ขึ้น เปลงเสียงดังกอง
“ชาวยุทธประเทศเล็กกระจอยรอยผูหนึ่ง กลาอวดดีในเมืองหลวงตาเซี่ยขา เจา ทา
จะเบื่อการมีชีวิตอยูแลวละสิ?”
“ตาเซี่ยหรือ?” ผูเฒาทวนคําพูดดวยสีหนาสงบนิ่ง
เขาไมมีความหวาดกลัวแมแตนอย ไมผิด เขาฟงออก แนนอนวาเขาก็แคปรมาจารย
คนหนึ่ง ในที่ที่เรนมังกรซอนพยัคฆอยางเมืองหลวงยอมไมนับเปนตัวอะไร แค
ปรมาจารยสํานักเตาของที่นี่ก็สามารถสังหารเขาไดไมยาก ทวาแลวอยางไร เขาเชิดหนา
พูดตอ
“ตาเซี่ยแลวอยางไร? หมิงอองวางแผนสังหารศิษยนองขา แมเปนตาเซี่ยก็ตองให
คําอธิบายแกพี่ขา วันนี้ ขาจะนําศิษยนองกลับแผนดินเกิด ใครกลาขวาง!”
โอหัง!
นี่คือตาเซี่ย เขากลาอวดเบงเพียงนี้ ไมมีใครกลาขวางอยางนั้นรึ?
ทวาอยูในที่ที่มีผูสูงศักดิ์มากมายเชนนี้ แตกลับไมมีสักคนออกมาโตแยง หลายคนสี
หนาไมสูดีนัก กลับอดไมไดที่จะนึกถึงแตกองทัพนับพันนับหมื่นที่หนุนหลังพวกเขาอยู
ผูเฒากวาดตามองไปรอบๆ เขาพอใจกับสภาวะนี้มาก
วันนี้มาก็เพื่อคําคํานี้ ‘สําแดงเดช’ และอีกคํา ‘แกแคน’
เขาหลุบตาลง มองดูกระบี่ยาวในมือลูสวินอี้ คลายเบื่อหนาย
“จะฝนตอสูก็เทานั้น หากนายเจาหมิงอองอยูนี่ อาจยังมีคุณสมบัติพอที่จะประมือ
กับขา แตเจา ไมนา”
หมิงอองหรือ?
ผูสูงศักดิ์ที่อยูรอบๆ พลันถลึงตา มองมาที่ลูสวินอี้เปนจุดเดียว
“ที่แทเปนคนของหมิงออง!”
“เขาจะเอาอะไร? ศิษยนองหรือ?”
“ศีรษะ ศีรษะชุยเฉาเหยี่ยน ลังไมนั่น ศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนอยูในลังไมนั่น”
คนเหลานี้มิไดสมองทึบ จากคําพูดของคนทั้งสองเมื่อนํามาประกอบขาวคราวที่พวก
เขามีอยู ก็พอจะเห็นความจริงได ทวาตอนนี้ พวกเขากลับยิ่งตกใจ
“หมิงออง ที่สุดแลวก็สงศีรษะพวกนั้นมาจริงๆ...”
ไมตกใจไมได เพราะนี่เปนเรื่องใหญระดับประเทศ
ไมวาจะเปนศีรษะคนฉีชุยเฉาเหยี่ยน หรือศีรษะกลุมปรมาจารยสํานักเตา พอสงมา
ยอมหมายถึงความแข็งแกรง
บางคนรูสึกกระตือรือรนขึ้น นี่เปนบารมีของประเทศ บารมีของหมิงออง
บางคนรูสึกกังวลและไมพอใจ นี่เปนพวกเลือดรอนเกินเหตุ เพิ่มความขัดแยงเปลาๆ
ไมควรวูวามขนาดนี้ รุนแรงโดยใชเหตุ
“ฮาฮาฮา...ประมือกับทานอองหรือ? หากทานอองอยูนี่ แมแตจอมยุทธก็ยังไมกลา
ชักกระบี่ นับประสาอะไรกับปรมาจารยประเทศเล็กกระจอยรอยอยางเจา ทาทางคน
ประเทศฉียังไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ชุยเฉาเหยี่ยนแคนี้ หานไจโควก็แคนี้
เจาก็ไมตางกัน ยังไมรูอีกวาทานอองเอาชีวิตสุนัขสองตัวนี้ในเวลาชั่วพริบตาเทานั้น
เจาก็ไมโชคดีไปกวานี้หรอก”
ลูสวินอี้เห็นสถานการณรอบๆ แลวก็แหงนหนาตะโกนกองตอ
“เจาเอาความบาแบบสุนัขมาจากไหนไมทราบ กลาพูดอยางหนาไมอายเชนนี้ คง
ลืมไปวา ตอนนี้ศีรษะชุยเฉาหเยี่ยนอยูบนหลังขา?”
เสียงกองกังวานของเขาทําใหบุคคลสําคัญรอบบริเวณเคลื่อนไหว แตที่แหงนี้กลับ
เงียบกริบ
จอมยุทธไมกลาประมือดวย!
สําหรับกลุมเจาใหญนายโตในเมืองหลวงแลว กระทั่งปรมาจารยมาพูดเอง ก็เพิ่งได
ยินคําพูดอวดเบงเชนนี้เปนครั้งแรกในชีวิต จอมยุทธไมกลาประมือดวย ตั้งแตอดีตจนถึง
ปจจุบัน มีใครพูดจาเชนนี้? มีใครกลาพูดเชนนี้?
หมิงออง!
วันนี้ คนทั้งหมดที่นี่จึงมีภาพลักษณอันแทจริงของหมิงอองที่พวกเขาไมเขาใจและไม
เคยเห็นหนาคาตามาหลายปเก็บไวในความทรงจํา
ไมวาจะเปน ความแข็งแกรง ความเด็ดขาด ลวนชนะเลิศในสามโลก!
“สามหาว!” ผูเฒาคลายตกตะลึง แตไมทันไรรังสีฆาฟนก็พลันปรากฏขึ้นในดวงตา
“เห็นแกครั้งนี้ที่เรามาในนามทูตานุทูต สําหรับเจาที่บังอาจลบหลูบารมีจักรวรรดิฉี
ขา ตอนไปเขาเฝาองคจักรพรรดิตาเซี่ยของเจา คอยเรียกชีวิตเจามาชดใชก็แลวกัน”
“เจาตางหากที่สามหาว!”
ที่ลึกล้ํายิ่งกวารังสีฆาฟนก็คือมดปลวกในดวงตาลูสวินอี้ เขาพูดตออยางเยือกเย็น
และยังคงไมเกรงกลัว
“เปนทูตประสาอะไร ชักกระบี่หนาตาเฉย มีความผิดมหันตยิ่ง นึกวาตาเซี่ยขาไมมี
คนเห็นหรืออยางไร? วันนี้ตองใหเจาดูเสียหนอยวา ตาเซี่ยขาปลอดคนจริงหรือไม แม
ทานอองไมอยู แตหูมดปลวกกระจิดริดอยางเจา กลับกลาสามหาวหนาจวนหมิงออง เขา
มา ใหขาตัดศีรษะเสีย!”
ลูสวินอี้ชี้หนาปรมาจารยผูเฒา ไมมีใครกลาขวางเจา แตจวนหมิงอองกลา!
ตองพูดวา ไมมีใครกลาริเริ่มมากกวา เพราะพอเห็นคนผูนี้กลาหาญชาญชัย ก็อด
ไมไดที่จะตื้นตันใจ
ฟบ! ผูเฒาชักกระบี่ออกจากฝก
ควับ!
ตอนผูเฒาชักกระบี่ กระบี่ในมือลูสวินอี้พลันวาดออกในแนวขวาง กระบี่แรกเปอน
โลหิต
ผูเฒามัวแตสนใจสถานะ ไมคิดวาลูสวินอี้พอลงมือก็ใชเพลงสังหาร จึงรองเสียงดัง
“เหลวไหล!”
ผูเฒาวาดกระบี่ แตลูสวินอี้กลับไมสนใจ สิ้นเสียงรอง ผูเฒาจึงถูกกระบี่ลูสวินอี้กรีด
ไปหนึ่งแผล
จากนั้นลูสวินอี้กลับสับขาหมุนตัว แสงสวางวาบตลอดทั้งราง วาดกระบี่ในแนวขวาง
อีกครั้ง ตองสังหารปรมาจารยเฒากอน คนอื่นคอยวากัน นี่เปนอีกสาเหตุหนึ่งที่คนฉีไม
ลงมือ พวกเขามาเพื่อชวยสําแดงเดชเทานั้นไหนเลยจะเปนคูตอสูของลูสวินอี้
ทวาตอนลูสวินอี้หมุนตัววาดเพลงกระบี่สังหารครั้งที่สอง ผูเฒาก็วาดกระบี่ออก
จังหวะนีอ้ ันตรายยิ่ง เพราะลูสวินอี้กําลังหันแผนหลังใหผูเฒา เหมือนสังหารทหารเลวแต
กลับเอาชีวิตเขาแลก
แตลูสวินอี้กลับยังคงสงบนิ่ง ผูเฒาจึงตกใจ ใจเตนไมเปนระส่ํา
ไมมีปรมาจารยคนไหนที่ใชทาเสี่ยงตายเชนนี้ เขาไมเชื่อ และเกือบพริบตานั้น หูของ
เขาพลันกระดิก คิ้วกระตุก ตัดสินใจปลอยโอกาสวาดกระบี่สังหารลูสวินอี้ไป แตไม
สามารถหมุนตัวหลบทัน จึงยื่นกระบี่ขึ้นดานบน
เปรี้ยง!
รวดเร็วมาก กลุมคนมองตามไมทัน ไดยินเพียงเสียงคมโลหะกระทบกันดังปาน
อสุนีบาตจนเสียดแกวหู พรอมแสงสวางจาแผกระจาย
กลุมคนถูกแสงจาแยงตา จึงกะพริบตา พอลืมตาอีกครั้งก็ตองตะลึงงัน
“มีอีกคน!”
“ปรมาจารย ปรมาจารยอีกคน!”
“ใครกัน?”
“ตองเปนคนของหมิงอองแน!”
คําพูดไรสาระ ผูที่ชวยหมิงอองสังหารศัตรู ถามิใชคนของหมิงอองแลวจะเปนใครไป
ได ผูเฒาหนาเปลี่ยนสี ขาวกรองคลาดเคลื่อน ปรมาจารยมิไดมีเพียงคนเดียว!
ไมผิด คนผูหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขณะเกิดแสงสวางจา เขากุมดาบยาวไวในมือ ราง
กํายําเปลงรัศมีแสงสีแดงบาดตา พลังปราณนาตื่นตระหนก
“สังหารมัน!” เสียงลูสวินอี้ดังขึ้น คลายสัญญาณเรงเราเอาชีวิต
ตอน 230 คนของหมิงออง
เฉินจวีเฟงผูถูกจับโยนหมุนควางกลางอากาศจนตาลาย แลวถูกชายหนุมทั้งสองหิ้ว
ปกวิ่งหนีออกมาอยางรวดเร็ว พอเรียกสติคืนไดก็ถามขึ้นอยางรอนรน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนลงมือกับเรา ทานเฉินอยาเพิ่งตกใจ!”
ชายหนุมผูหิ้วปกเฉินจวีเฟงคนหนึ่งตอบอยางรวดเร็วพลางซอยเทาไมหยุด
“ทานรอง...” เฉินจวีเฟงตกใจขณะสะดุดทางขรุขระ
“ทานรองเตรียมพรอมของทานไวแลว” ชายหนุมคนเดิมตอบพลางเพิ่มความเร็ว
ฝเทาใหเทากับอีกคนหนึ่ง ทั้งสองหอตะบึงไปยังจวนหมิงออง
ดานหลัง หางจากพวกเขาไมไกล มีสายตาคูหนึ่งแอบจองมองพวกเขาอยูในรถมาคัน
หนึ่ง
“คิดไมถึงวายังมีปรมาจารยอีกทานแอบตามคุมครองอยู ยังดีที่คนฉีเขาแทรกกอน
หาไมแลวเราอาจทําไมสําเร็จ” เสียงชายสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้นในรถมา
“อาจารยหลี่ เชนนี้ก็ดี เราอาศัยจังหวะชุลมุนลงมือ แลวใหคนฉีรับผิดไปเต็มๆ หาก
สามารถแยงกลองมาได เราก็อาศัยเหตุการณนี้บีบใหราชสํานักขอใหประเทศฉีสงมอบ
ศีรษะสามปรมาจารยคืนสํานักเตา ความขัดแยงของราชสํานักกับประเทศฉียิ่งตึงเครียด
เทาไหร เราก็ยิ่งผอนคลายเทานั้น” เสียงชายหนุมในรถมาดังขึ้น
“อืม เสียดาย หากรูลวงหนาวาจะเปนเชนนี้ เปลี่ยนชุดสักหนอยก็ดี” เสียงผูสูงวัย
เสียใจเล็กนอย
“ไมเปนไร พวกเราลวนสวมชุดดําปกปดใบหนา แมไมไดแตงกายเชนฉี ก็บอกไปวา
เพราะถูกสงมาแฝงตัว พวกฉีกระทําการอุกอาจ คราวเคราะหครั้งนี้พวกเขาตองแบกรับ
ไป” เสียงชายหนุมพูด แลวรีบพูดตอ
“เราตองสังหารสองคนนั่นกอนที่มันจะเขาไปในจวนหมิงออง ตอนนี้ไมตองกลัววา
จะกลายเปนเรื่องใหญ จําไว ตองจับเฉินจวีเฟงใหได คนผูนี้เปนคนสนิทหมิงอองอยางไม
ตองสงสัย เปนผูดูแลทรัพยสินเงินทองของหมิงออง จึงมีคายิ่ง ถาจะสูกับหมิงออง ตอง
อาศัยโอกาสนี้จับมาใหได”
“ดี ทําตามที่เจาวา เตรียมลงมือ!” ผูที่ถูกเรียกวาอาจารยหลี่ไมถามอะไรอีก พยัก
หนาตอบ
“ขอรับ” เสียงขานรับหลายเสียงดังขึ้นพรอมกัน
จากนั้นเห็นเพียงประตูรถมาเปด คนชุดดําปดหนาปดตากลุมหนึ่งพลิ้วกายออกจาก
ประตู ไลตามชายหนุมทั้งสองไปอยางรวดเร็ว
ทวาในรถมาพลันมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “ขาไปดวย!”
“อาจารยหลี่ตองจําไววา ตองเร็ว เวลามีจํากัด หากทําไมสําเร็จตองรีบถอย หาม
ตอสูยืดเยื้อเปนอันขาด มิฉะนั้นหากสถานะถูกเปดเผย แลวถูกหาวาเปนพวกเดียวกับ
คนฉีละก็ ผลที่ตามมาพวกเราจะรับไมไหว”
“วางใจ แคปรมาจารยหนุมจิบ๊ จอยสองคน ไมครณนามือผูเฒาอยางขาหรอก!”
พูดจบอาจารยหลี่พลันยอกายลง เงารางสั่นไหว พลิ้วกายหายไป
ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกวาคอยพูดเสียงขรึม
“ไป คอยๆ เคลื่อนไปขางหนา ไปอยูขางรถมาของใตเทาจาง”
“ขอรับ” คนบังคับรถมาขานรับ
รถมาคอยๆ เคลื่อนตัวออกอยางเงียบๆ กอนไปจอดอยูในบริเวณเดียวกับรถมาของ
เหลาขุนนางที่พากันจอดเพื่อลงมาดูเหตุการณ ชายวัยกลางคนลงจากรถ แลวเขาไปยืน
ขางๆ คนมุง แสดงสีหนาตกใจขณะยืนดูเหตุการณรวมกัน
ขณะนี้จิตใจของทุกคนลวนจดจออยูกับการตอสูของปรมาจารย ไมมีใครรูสึกถึง
ความผิดปกติของเขา
การตอสูเปนไปอยางดุเดือด ในชวงเวลาสั้นๆ กลับเปยมอันตรายมากลน
นอกจากแสงสวางวูบวาบยามกระบี่ปะทะกันแลว ยังมีเสียงสั่นประสาทบาดแกวหู
อีก
หลังลูสวินอี้สังหารคนไปจํานวนหนึ่ง จึงผละออกมาลอมปรมาจารยชาวฉีรวมกันกับ
ชายกํายําถือดาบ พลังปราณปะทุขึ้นในพริบตา
แมไมทราบเวลาแนชัดในการบําเพ็ญเพียรของคนทั้งสอง แตการติดตามหมิงอองมา
นานหลายป ยอมไดรับการถายทอดกลยุทธการตอสูที่ยอดเยี่ยมมากมาย แมยังบําเพ็ญ
เพียรไมพอ แตความมุงมั่นมีอักโข ทําใหปรมารจรยชาวฉีอดที่จะเครียดไมได
เขาไมหวั่นเรื่องสองรุมหนึ่ง จากชื่อเสียงที่มีมานานและบําเพ็ญเพียรมามากกวา
ชุยเฉาเหยี่ยน การรับมือสองปรมาจารยมือใหมไมถึงกับเปนอันตรายแกชีวิตก็จริง แตก็
ยากที่จะชนะได
สภาวะเชนนี้ เปาหมายการพาคนมาเพื่อสําแดงเดชเห็นทีจะไมบรรลุผล ซ้ํารายคน
สวนหนึ่งยังถูกสังหารอีก อับอายสุดประมาณ นึกถึงตอนกอนมาที่รับคําอยางเปนมั่น
เปนเหมาะ ก็ยิ่งรูสึกกระดากใจ
“เฮอะ พวกเจาชาวเซี่ยที่แทก็เปนพวกขลาดกลัว ความสามารถไมถึง รูจักแตใชคน
มากรังแกคนนอย ไมพัฒนาเอาเสียเลย แนจริงก็เขามาสูตัวๆ กับขา!” ปรมาจารยชาวฉี
ตะโกนลั่นอยางเดือดดาล
“ทานอองเคยพูดไววา ประเทศกระจิดริดที่กลัวคนแข็งแกรง ชอบรังแกคนออนแอ
ก็เปรียบไมพนพวกหมูหมากาไก ผูออนแอกมหนาคอมตัวคุกเขา ผูแข็งแกรงสําแดงเดช
อวดวิชา บาดีเดือดไดไมทันไร
ก็มีลางบอกเหตุวาจะไมไดสืบทอดมรดกแหงชาติเสียแลว ในบรรดาประเทศตางๆ
ทั่วโลก คงมีแตพวกเจา คนขี้ขลาดกลุมหนึ่งที่ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ไมรูวาผูมีบารมีสูงสง
ตองอาศัยอะไร ไมรวู าผูแข็งแกรงที่แทจริงเขาเปนกันอยางไร?”
ลูสวินอี้เปลงเสียงขณะใชกระบี่ตอสู เพิ่มความฮึกเหิมในการจูโจม เสียงจึงดังไปรอบ
ทิศ
“เจาสําแดงเดชอวดวิชากอน พูดจาบาบอวาทั่วหลาไมมีใครกลาขวางเจา แลวยัง
บอกอีกวาขาไมคูควรประมือกับปรมาจารยอยางเจา แตเจากลับพาคนมามากมายลอมจู
โจมขา คนขี้ขลาดตาขาวหนาไมอายเชนเจา ตอนนี้กลับทาสูตัวตอตัว? ไมกลัวคนรุนหลัง
หัวเราะเยาะหรือไร?”
“พูดถึงผูที่ถูกเรียกขานวาวีรบุรุษ เจาก็รูวาหมิงอองเราอายุเพียงยี่สิบกวา ยังกลาบุก
ฝากองทัพเปนพันเปนหมื่นของพวกเจาไดสบายๆ สังหารชุยเฉาเหยี่ยนในชั่วพริบตา ตัด
ศีรษะหานไจโควในชั่วหมอขาวเดือด ผูมีราศีวีรบุรุษเชนนี้ เจามีหรือเปลาแมเพียงครึ่ง
เสี้ยว?”
“เจาสูอุตสาหบําเพ็ญเพียรมานับสิบป ไดรับยกยองวาเปนปรมาจารย แลวอยางไร?
เทียบกับทานอองเราแลว เจามีความกลาถึงครึ่งหนึ่งหรือไม? อยูหมิงจูตั้งนานเหตุใดไม
เห็นเจาไปทารบตัวๆ กับทานออง ทานอองไมกลัวการบําเพ็ญเพียรสิบปของเจา และไม
สนดวยวาเจาเปนปรมาจารยมากี่ป ทานอองสามารถใชรางกายอันออนแอ ตัดศีรษะ
นายพลของเจาไดในเวลาอันสั้น ในทุกพื้นที่ที่คนเถื่อนอยางเจาเขายึดครองดวยความ
ภาคภูมิใจ ขอเพียงเจากลาไป แมเจาเรนกายอยูในกองทัพ ทานอองขาก็กลาเสี่ยง
อันตรายเขาไปตัดศีรษะเจา”
“เจาไมกลาไปละสิ แมมีกองทัพนับหมื่นนับพันปกปองเจาก็ไมกลาไป นาขําแทบ
ตาย นาขันจริงๆ พวกเจารูทั้งรูวาทานอองไปตัดศีรษะนายพลเจาเพียงคนเดียว แตกลับ
สงทหารเปนพันเปนหมื่นลอมคนคนเดียว เหตุใดไมสงมาสูกันตัวๆ ละ? สวนเจาพาคน
มาลอมขา ตอนเห็นขาอยูคนเดียว เหตุใดไมพูดเรื่องสูกันตัวๆ? ตอนนี้พอเห็นวาจะแพ
กลับหนาดานทามาได”
“หลังจากวันนี้เปนตนไป ทั่วหลาก็จะรูแลววา ประเทศฉีมีคนอยางเจาอยู บําเพ็ญ
เพียรถึงขั้นปรมาจารย ไดรับการเคารพนับถือจากผูคน ที่แทก็หนีไมพนคนขี้ขลาดตาขาว
กลัวคนแข็งแกรง รังแกแตคนออนแอ เชนนี้โอหังไมไดนาน ไดแคชั่วขณะเทานั้น เห็น
ภายนอกแข็งแกรง แตภายในออนแอ กลาทําสงครามไปทั่วไดอยางไร ยังกลาพูดคําวา
จักรวรรดิอีกหรือ? ขี้ขลาดปานนี้ กระบวนเดียวก็แพแลว ประเทศขามีประวัติศาสตรมา
ยาวนาน ทําสงครามมานับครั้งไมถวน และทุกครั้งจะมีวีรบุรุษสะทานสะเทือนแผนดิน
ถือกําเนิดขึ้นเสมอ วันนี้หมิงออง องคชายหกโอรสแหงจักรพรรดิประเทศขา สวมเกราะ
นักรบสูรบเพื่อปวงประชาในพื้นที่เสี่ยงตาย แตพวกเจากลับตัวสั่นงันงกไมกลาสูรบ นี่ละ
จุดเริ่มตนของการลมสลาย!”
วาจาชุดนี้ เปลงออกดวยพลังลมปราณ ไมรูสามารถแพรกระจายไดไกลแคไหน
บรรยากาศเงียบลง ไมมีใครไมรูสึกตื่นตระหนก
วาจาชุดนี้ เสมือนภาพวาดของโลกอันยิ่งใหญทถี่ ูกคลี่ออกใหเห็น ในภาพมีกองทัพ
มีปรมาจารยเยี่ยมยุทธ มีนายพลกําลังแผดรองเสียงดัง
และมีคนคนหนึ่ง สวมชุดราชสํานัก มือกุมกระบี่ ตะลุยไปในกองทัพที่มีทหารนับพัน
นับหมื่น เขามีความสามารถโดดเดนเหนือผูใด บุกเขาไปในสนามรบอยางสบายๆ เห็น
ศัตรูเหมือนความวางเปลา ตัดศีรษะปรมาจารยและสังหารนายพลตกมาตายทามกลาง
กองทัพทหาร
คนหนุมอยางเขา หันกายเดินจากไป ทั้งๆ ที่ดานหลังมีทหารถือดาบ ปน ขอ งาว
กระบี่ แตไมมีสักคนกลาเขาใกล ดวยทุกคนกําลังตัวสั่นงันงกจนลมลงไปกองกับพื้น...
นาหวาดกลัวแคไหน!
มีเพียงปรมาจารยเฒาที่หนาแดงก่ํา แหงนหนาคํารามกอง
“อาก...เด็กอมมือริอาจพูดจาเลอะเทอะลบหลูขา ตายเสียเถอะ!”
เขาโกรธเกรี้ยวแลว
คําพูดชุดนี้กรีดลึกยิ่งกวาคมกระบี่เสียอีก ถูกตอนเขาสูความขลาดกลัวในเขตอัปยศ
แลวยังกระทบถึงประเทศฉี เขารับไมไหว
ปฏิบัติการครั้งนี้หากพายแพ เขาตองรับผลไมไดแน ยิ่งรับการดูหมิ่นเชนนี้ไมไดดวย
ตองสังหาร วันนี้ตองสังหารคนทั้งสองใหตกตายเทานั้น มีเพียงโลหิตเทานั้นที่
สามารถฟนคืนเกียรติยศใหเขา และสามารถสําแดงบารมีประเทศฉีใหครอบคลุมทองฟา
เมืองหลวงตาเซี่ยอีกครั้ง
ตลอดทั้งรางเปลงแสงจาขณะโกรธเกรี้ยว ภายใตความสวางของทองฟา ทําใหผูคน
มองเขาตรงๆ ไมได เสียงคํารามของเขาดังจนนาตกใจ กระบี่คมวาวสาดแสงยาวนากลัว
ลูสวินอี้คือเปาหมาย เขาตองสังหารใหได
แขนของลูสวินอี้เปอนโลหิต หัวไหลมีแผลเปนรู โลหิตสดๆ ไหลออก ถาปรมาจารย
เฒาสูสุดกําลัง ลูสวินอี้คงตานไดไมนาน ดวยบําเพ็ญเพียรมานอย
ทวาหากปรมาจารยเฒาสูฤทธิ์ ยอมตองไดแผล เห็นไดจากดาบยาวในมือของชาย
กํายํา ที่กรีดลงบนรางเขาหลายครั้ง แตยังคงไมพอแรงทีท่ ําใหเขาถึงแกชีวิต
ทั้งสองตอสูพัวพันกันอยางสูสี กลุมคนฉีที่ยืนดูอยูไมสามารถแสดงความขลาดให
เห็น ไดแตรอปฏิกิริยาของชาวเซี่ย ภายใตสายตาของคนในเมืองหลวงที่จองมองอยู คน
ของหมิงอองถึงตายก็ไมยอมถอย
เครง! กระบี่ในมือลูสวินอี้หัก
เขาคํารามเสียงต่ํา ดวงตาลุกวาว หายใจหนักหนวง แตปณิธานไมลดลงแมแตนอย
คนของหมิงอองคลายมีนิสัยทนทายาด เมื่อเห็นปรมาจารยเฒาพุงเขามา แววตาลูสวินอี้
สะทอนแววเหี้ยมโหดขึ้นวูบหนึ่ง
“ศิษยนอง ลอมไว!”
แมหลายปมานี้เขาไดเปนกุนซือของหมิงออง แตพวกเขาพี่นองทุกคนลวนผานความ
เปนความตายมาหลายป เปนพวกกระดูกเหล็กก็วาได
ผูถือดาบกะพริบตา
“ศิษยพี่ ขาเอง!” วาแลวก็ทะยานรางถอยออก
ทวาปรมาจารยเฒากลับไมสนใจเขา ตองสังหารลูสวินอี้ใหตกตายใตคมกระบี่ใหได
“ตายเสีย!”
ลูสวินอี้ยกกระบี่หักขึ้นตานอยางรอนรน พลันมองผูถือดาบ
“ศิษยนอง...”
ไมทันการแลว ดวยเห็นผูถือดาบลูบคอ เห็นขวดยาแตก ไมตองคิดก็รูวา ผูถือดาบ
กินยาแลว ในมือยังมีเข็มเงินหลายเลม เขาฝงเข็มลงบนจุดฝงเข็มบริเวณทรวงอกอยาง
เชี่ยวชาญ
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก มีเพียงลูสวินอี้เทานั้นที่เห็นชัดเจน และรูสึก
เครียดเมื่อเห็นใบหนาผูถือดาบแดงก่ําเหมือนถูกไฟเผา ลูสวินอี้ไมพูดมากอีก ดวงตาแดง
ระเรื่อ ตะโกนเสียงดัง
“ตาเฒา วันนี้ถาไมฆาเจา ขาก็ไมใชคน!”
“เฮอะ จะตายอยูรอมรอยังปากดี!”
ปรมาจารยเฒาไมกลัว พลันกระโดดขึ้นพรอมเงือ้ กระบี่ยาวในมือ ฟนขวางกลาง
อากาศ
ลูสวินอี้ทิ้งกระบี่หัก กําหมัดแนน กระโดดขึ้นเชนกัน คิดตอสูประชิดตัว พรอมจูโ จม
ดวยหมัดเหล็ก
และแลว พริบตาที่เขาเกร็งพลังปราณจนถึงขีดสุด พลันมีลมแรงสายหนึ่งพัดเขา
ดานหลัง แรงกดดันมหาศาลจูโจมเขาใสฉับพลัน ลูสวินอี้หนาเปลี่ยนสี
ดานหนาแสงวาบของกระบี่ประชิดมา ดานหลังยังมีพลังอันนาเกรงขามอีก
“ใคร?” ลูสวินอี้คําราม ในใจรอนรน เดิมเขาคิดเอี้ยวตัวหลบกระบี่ แตก็รูสึกวาหาก
หันรางแลวคน
ดานหลังฟาดฝามือเขามา ตนเองตองโดนเต็มๆ แน
ชวงเวลาสําคัญ คิดอะไรไมไดมาก เขาไมหันกาย และไมเอี้ยวตัว ดวงตาแดงก่ํา แวว
ตาแนวแน เหินไปขางหนา ไมวาจะอยางไร เขาเลือกที่จะปลอยหมัดใสปรมาจารยเฒา
หนึ่งหมัด ศิษยนองกินยาแลว หมิงอองไมอยูที่นี่ วันนี้ตองสังหารปรมาจารยชาวฉี ศิษย
นองตองใชยากระตุนใหพลังทั้งหมดถูกปลอยออก
ไมวาอยางไร เขาก็ตองชกปรมาจารยเฒาหนึ่งหมัด ขอเพียงสามารถทําใหตาแก
บาดเจ็บภายในได ศิษยนองก็ยังมีความหวัง พลังปราณจึงถูกรวบรวมไวในหมัดนี้อยางที่
ไมเคยรวบรวมไดมากอน
วิทยายุทธของเขาในสายตามอไปไมนบั วาแข็งแกรง ดังนั้นจึงเขาสูขั้นปรมาจารยได
เร็ว
แตตอนนี้ หมัดสุดทายที่เขากําลังจะจูโจมออก คลายจูโจมไดเกินขอบเขต
ความสามารถของตน
สวบ! กระบี่แทงเขาที่หัวไหลลูสวินอี้ หมัดหนึ่งของเขาตกลง แตอีกหมัดกลับฮึกเหิม
พลังปราณตลอดทั้งรางขึงตึง นาทีนี้จึงไมรูสึกเจ็บ ชีวิตทั้งชีวิตรวมไวในหมัดนี้
“เฮอะ คิดตายพรอมขาอยางนั้นหรือ ฝนไปเถอะ!”
ปรมาจารยเฒาดูหมิ่น พลางเงื้อกระบี่ คิดฟนใหลูสวินอี้ขาดเปนสองซีก
แตรางของลูสวินอี้กลับโนมไปขางหนา ตรงไปยังดามกระบี่ปรมาจารยเฒา
เปรี้ยง! ในที่สุดหมัดนี้ก็จูโจมออก
ปรมาจารยเฒาคํานวณออกแตแรกแลววาหมัดนี้ไมถูกจุดสําคัญ แนนอน จูโจมใส
ไหลของเขา
ทวาขณะหมัดกําลังจะถึงตัว ใบหนาลูสวินอี้พลันแดงระเรื่อ มีโลหิตไหลออกจาก
ปาก ยังดีที่สามารถยืนหยัดอยู ยิ้มเย็นชาแลววา
“ไปตายเสีย!”
ปรมารจารยเฒารีบปลอยมือที่จับดามกระบี่ แลวเกร็งพลังฝามือ จับเขาที่คอหอย
ของลูสวินอี้ที่อยูใกลสุด
ดวงตาลูสวินอี้ไมขยับแมแตนอย แมปากกระอักโลหิต แตหมัดที่จูโจมไหลของ
ปรมาจารยเฒาและยังคาเอาไวนั้น พลันเคลื่อนไหว
“หะ!” ปรมาจารยเฒาตาถลน เหลือเชื่ออยางสิ้นเชิง เปนไปไดอยางไร พลังหมัด
นาจะหมดแลว เหตุใด...
ปง!
ปง!
ปง!
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นสามครั้งติดตอกันพรอมเสียงกระแทกหมัดอยางตอเนื่อง
ปรมาจารยเฒากระอักโลหิต หมดแรงบีบคอลูสวินอี้ เขาคํานวณไดวา หากยังอยูในระยะ
ประชิดเชนนี้ รางของตนตองถูกหมัดจูโจมใสอกี จนเละแน
เปรี้ยง! เขาฟาดฝามือใสแขนที่คาไวกับไหลของตน
กรอบ! เสียงกระดูกหัก แขนลูสวินอี้ตกลง
ปรมาจารยเฒาพนโลหิตออกจากปาก แววตาที่หวาดกลัวยังมีความคม คิดฟาดอีก
หนึ่งฝามือเพื่อจบชีวิตลูสวินอี้ ทวาดานหลังกลับมีเสียงตะโกนดัง
“ตายเสีย ตาแก!”
เขาจะไมสนใจก็ไมได บาดเจ็บก็ไมนอย คิดพลิ้วกายหลบ แตเสนเอ็นตลอดทั้งราง
กลับปวดแปลบจนแทบระเบิดออก
ไมทันแลว จึงไดแตจับดามกระบี่ที่ปกอยูกับหัวไหลลูสวินอี้ แลวใชแรงถีบรางลูสวิน
อี้เพื่อดีดตัวออกพรอมกระบี่ พลิกตัวใชกระบี่รับการจูโจมจากฝายตรงขาม
แตครั้งนี้เขาผิดมหันต
ไมเพียงประเมินกําลังหมัดของลูสวินอี้ผิด ยังประเมินพละกําลังของชายถือดาบผิด
อีก
กระบี่หัก ดาบฟนฉับลงตรงหัวไหล
“อากกก...”
ปรมาจารยเฒาทั้งโกรธทั้งเจ็บปวด รองโหยหวนเสียงดังลั่น ฟาดฝามือจูโจมชายถือ
ดาบ รางปลิวกระเด็น
โลหิตฉีดกระจายออกจากแขนขางหนึ่งของปรมาจารยเฒา เขารับไมไดวาตนแขน
ขาด จึงมองตามแขนที่กําหมัดและสั่นอยูกลางอากาศ พลางพุงตัวลงไปนํากลับคืน
ฉับ... เสียงและแสงวาบของดาบบินผานตา แขนของเขาขาดเปนสองทอน
นาทีนี้ ผูคนทั้งหมดที่อยูโดยรอบตางตะลึงงันกับการตอสูอันนาอเนจอนาถ ไมมีใคร
ไมตื่นตระหนก
“อากกก! ไม!”
ปรมาจารยเฒาเดือดดาล รองโหยหวนยาว มองไปยังชายกํายําที่ไมมีดาบในมือ
กอนใชมือขางหนึ่งจับไหลตนเองไว พลิ้วกายรับชิ้นสวนแขนที่เหลือไว
“ฆา!”
เสียแขนไปขางเหมือนเสียพลังปราณไปครึ่ง จากวันนี้ไป บารมีของเขาคงไม
เหลือหลอ ทั้งๆ ที่เขายังไมไดไปหมิงจูแกแคนหมิงออง ยังไมมีชื่อเสียงจากการตอสูใน
ครั้งนี้
“ฆา!” เขาตะโกนกองอีกครั้ง
ผูเยี่ยมยุทธ มักยากรับไดกับการสูญเสียวรยุทธ เถี่ยสงรับไมได เขาในฐานะ
ปรมาจารยยิ่งรับไมได
นี่อาจเปนสาเหตุที่ทําใหเขาไมสามารถเขาสูเสนทางจอมยุทธ
นาทีนี้ เขาไมสนใจอาการบาดเจ็บ ความเศราและความโกรธอยางยิ่งยวดในใจแปร
สภาพเปนรังสีฆาฟน ตองฆาคน ทวาตอนนี้คูตอสูไหนเลยจะกลัวเขาอีก
ดวงตาสีแดงเขมคูนั้น เหมือนออกมาจากนรก เด็ดขาดเกิน
ตอนที่อาจิ่วใชยาก็เพื่อตองการถวงเวลา ขณะประมือกับปรมาจารยไดเพิ่มพลังแฝง
ทีละนิดจนระเบิดออก แตคนผูนี้กลับโหดเหี้ยมกวา เขาเพิ่มการไหลเวียนโลหิตตนเองไป
กวาครึ่ง นี่ถามอไปสอนวิชาฝงเข็มแหงความตายใหโดยไมเหลือพลังชีพไวสายหนึ่งละก็
เกรงวาเขาก็คงไมเหลืออะไรเลย
เขาในตอนนี้ หัวสมองเต็มไปดวยภาพอันนาสลดของเหลาพี่นอง จึงรองคําราม
ออกมาเชนกัน แลวพุงเขาตอสู การตอสูแบบประชิดตัว หากมอไปเปนที่สอง ในโลกนี้
เกรงวาคงไมมีใครเปนที่หนึ่ง
จุดแข็งของปรมาจารยเฒาอยูที่กระบี่ หมัดแมพอทําเนา แตทําไดไมดีเทาเพลงหมัด
ที่มอไปถายทอดใหลูกศิษย
ไมใชแคพลังหมัดเพียงนอยนิด แตเปนพลังหมัดแปดปรมัตถ ที่เพิ่มความหนักหนวง
ขึ้นเรื่อยๆ ในแตละครั้งที่ปลอยออก ปรมาจารยเฒาถูกหมัดของลูสวินอี้เขาไปหนึ่งชุด
บาดเจ็บหนักแลวยังแขนขาดอีก แมมีพลังโกรธแคนเขาเสริม แตสุดทายก็ยังตานการ
ระเบิดพลังของชายกํายําไมได
“อาก!”
ชายกํายํากระอักโลหิตเชนกัน แตกลับมีความกลาบาบิ่นมากขึ้น รัศมีแสงหมัดเจิด
จาดังดวงอาทิตย เสียงแหบแหงดังสัตวปา
“ไมใชเจาตาย ก็ขามวย!”
หมัดสุดทายถูกปลอยออก ปรมาจารยเฒาตื่นจากความโกรธแคน เมื่อเห็นหมัดแผด
เผาอากาศอันเปยมพลังทําลายลางชีวิตพุงเขามา
ปรมาจารยหวาดผวา เขาถอย!
คิดหนี แต...หมดหนทาง
ปรมาจารยแหงยุค ถูกปรมาจารยมือใหมสองคนใชวิชาสูตายถวายชีวิตอันเหี้ยมโหด
สังหารลงดวยประการฉะนี้
เปรี้ยง!
แสงสวางเจิดจาวาบขึ้นพรอมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แมเก็บหมัดแลว แตราง
ปรมาจารยเฒาก็ยังลอยละลิ่วไปไกล
ชายกํายําละสายตา พลิ้วกายดุจสายฟาแลบ เหลือเพียงเสียงคํารามที่ทําผูคน
แตกตื่น
“เจากลาทํารายศิษยพี่ขา ขาตองฉีกเจาเปนชิ้นๆ!”
ตอน 231 ใครกลาจับขา
เนื่องจากปรมาจารยเฒาชาวฉีคิดวาตนเองมีวรยุทธเหนือกวา อีกทั้งยังดูแคลน
พละกําลังปรมาจารยมือใหม ขณะยามใจเพียงเสี้ยวนาที ไมอยากเลนตออยากถอยก็สาย
เสียแลว
เขาถูกหมัดกระแทกรางลอยขึ้นฟา รัศมีแสงจาบาดตาที่ปรากฏตลอดทั้งรางดับวูบ
ลงอยางไรสุมไรเสียง ปรมาจารยแหงยุคสิ้นลาย!
ผูสูงศักดิ์กับผูรับใชที่อยูในเหตุการณมีจํานวนไมนอย พวกเขาเห็นการตอสูอันนา
อเนจอนาถกับตา เห็นปรมาจารยเฒาตัวเปนๆ ถูกสังหารเสียชีวิตในที่เกิดเหตุกับตา
นาทีนี้ ที่เกิดเหตุเงียบงัน
เกือบทุกคนมานตาหดตัว ควบคุมลมหายใจ สําหรับพวกเขาแลว ถือวาจิตใจถูกจู
โจมอยางหนัก
ผูมากบารมีสวนใหญคลุกคลีกับปรมาจารยในชีวิตประจําวันพอควร กระทั่งที่ผาน
มา ลวนเคยเห็นการประมือที่ตัดสินความเปนความตายของเหลายอดฝมือมากอน
ในใจพวกเขาตางมีภาพประทับใจของการตอสูที่ทั้งสองฝายประจันหนากัน
ทามกลางสายลมโชยพัด เสื้อผาพลิ้วไหว ยืนตัวตรงมือไพลหลัง
ยามประมือ เห็นลําแสงกระบี่สวางไสว กระบวนทาแปรเปลี่ยนพรางพราว ตางฝาย
ตางหยุดเมื่อกระบี่แตะเนื้อตองตัว แสดงใหเห็นพรสวรรคอันเยี่ยมยอดอยางถึงที่สุด
เสียงกระบี่กระทบกันติงตัง พอแตะตัวตางก็แยกออกมายืนตัวตรง นิ่งเงียบดุจอากาศ
ลมพัดผมยาวปลิวไสว ถึงไดเห็นวามีคนหนึ่งเปอนโลหิต ที่แทตอนเปลงรัศมีแสงใสกันก็
ไดตัดสินแพชนะแลว
ฉากนี้ ผอนหนักใหเปนเบา งดงามดุจบทกลอนและภาพวาด เปนการแสดง
ความสามารถที่ไดรับการยกยองชื่นชมในทางที่ดี
เปนฉากที่งดงามยิ่งภายในใจของผูคน พวกเขาไมเคยเห็น และไมเคยคิดจริงๆ วา
การตอสูอยางจริงจังของปรมาจารยจะนาสลดหดหูถึงเพียงนี้ นาอนาถกวาการวิวาทกัน
ของคนธรรมดาหรือการสูรบของทหารนับหมื่นเทา
ไฉนจะมีลลี าพลิ้วไหวงดงามเชนเทพเซียน ที่เห็นมีเพียงราชสีหพิชิตศึกกระหาย
โลหิต และสุนัขปาหิวโซเผด็จศึกขณะบาดเจ็บ
หลายคนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากดุจเม็ดฝน แววตาเต็มไปดวยความหวาดผวา
แมคนสวนใหญไมเปนวรยุทธ แตความกลาหาญชาญชัยของปรมาจารยเฒาเมื่อครู
ทุกคนยังคงดูออก
เขาถูกลอมจูโจม แตกลับเชื่อมั่นวาเหนือกวา ดุจราชสีหมากบารมีกําลังลาสุนัขปา
หิวโซสองตัว
สุนัขปาหิวโซสองตัวตลอดทั้งรางอาบดวยโลหิต เนื้อตัวเต็มไปดวยบาดแผล ยากที่
จะรวมมือกันจูโจม แตพวกเขากลับเหมือนหมาบา สูตายไมถอย เมื่อถูกกระตุนดวยกลิ่น
คาวโลหิต ความดุรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทามกลางเสียงคํารามกอง พวกเขาใชความเหี้ยมชนิดยอมตกตายรวมกัน กระโดด
งับคอราชสีหจนขาด!
ปรมาจารยเฒาเสียชีวิต!
นี่เปนการตอสูจริงๆ ที่ยากพบเห็น ลบลางความคิดเดิมจนสิ้น ทําใหพวกเขาตื่นกลัว
ทําใหพวกเขาไมสนใจมองรางปรมาจารยเฒาที่ลอยละลิ่วอยูกลางอากาศ แตกลับอด
ไมไดที่จะจับจองมองรางอาบโลหิต เสนผมกระจายยุงเหยิงของชายกํายําที่ยังดูเหี้ยมไม
เสื่อมคลาย
ทวาตอมา ความรูสึกของพวกเขาก็ถูกกระชากออกอีกครั้ง
หลังชายกํายําเปนฝายกําชัย ความเหี้ยมไมเพียงไมสลาย แตกลับเพิ่มพูนขึ้น จาก
เสียงคํารามลั่น
“เจากลาทํารายศิษยพี่ขา ขาตองฉีกเจาเปนชิ้นๆ!”
ไมมีใครไมตัวสั่น แตพริบตานั้น มานตาตองหดลงอีกครั้ง เมื่อเห็นวาไมรูตอนไหนใน
ที่เกิดเหตุกลับมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง คนชุดดําคลุมหนา ผูเงื้อกระบี่ยาวในมือพรอมรัศมี
แสงเจิดจา กําลังจะสังหารลูสวินอี้ที่นอนเจ็บหนักอยูบนพื้น
ปรมาจารยอีกทาน!
ทุกคนใจหายใจคว่ํา เมื่อเห็นปรมาจารยทานนั้นกําลังจะฟนลง แตคลายตกใจเมื่อ
เห็นรางปรมาจารยเฒาลอยละลิ่ว จึงชะงักนิ่งอยูกับที่ รางสั่นเล็กนอยเมื่อไดยินเสียง
คําราม กอนซอนแววตาฆาฟน และถอยหลังออกหนึ่งกาว จองมองชายหนาเหี้ยม
ซึ่งขณะทีเ่ ขากาวถอย ชายผูสงเสียงคํารามไดพลิ้วกายดุจสายฟาแลบ ลงมายืน
ประจันหนากับเขาในทาเตรียมพรอม สายตาเฝาระวังรอบทิศ
นาทีนี้เหมือนเปนอมตะ การตอสูอยางโหดรายกําลังจะเริ่มขึ้นอีก
ทุกคนตางกลั้นหายใจ จองมองการตอสูอันนาตื่นตระหนกที่กําลังจะเกิดขึ้นตาไม
กะพริบ
แตแลว...
นาทีตอมา เห็นเพียงกระบี่ในมือชายชุดดําเปลงแสงวูบหนึ่ง กอนรางของเขาจะ
ทะยานขึ้นฟา และหายไปอยางรวดเร็วทามกลางสายตาชาวประชา
“หือ?”
“นี่!”
“หนีแลว?”
บรรยากาศเครงเครียดเมื่อครู พลันเปลี่ยนเปนเสียงดังจอแจ
ชายกํายําเหมือนยังบาระห่ํา ไมสนใจรอยแผลที่ปรากฎอยูทั่วตัว พลันปราณทั้งราง
ถูกกระตุน พลิ้วกายตามไปอยางไมลดละ พลางคํารามดังกองทั่วเมือง
“พวกหนูกระจอยรอย นึกวาตนเปนหมูหมากาไก คิดลองดีกับทานออง คิดหนีหรือ
ตายเสีย!”
คําพูดถากถางจี้ใจดํา จนรางปรมาจารยที่หนีเตลิดพลันหยุดชะงัก เปลงรัศมีแสงทั่ว
ราง ทวาชายกํายําที่ไลตามมากลับไมกลัวแมแตนอย หมัดเปลงแสงจาปานแสงอาทิตย
รังสีฆาฟนตลอดทั้งรางรุนแรงยิ่งขึ้น แมยังทิ้งระยะหาง แตกลับเชิดหนาสงเสียงดัง
“ฆา!”
ฆา...
เสียงนี้ทําใหพลังปราณตลอดทั้งรางของชายกํายําปะทุออกทันที แรงปะทุทาํ ใหรถ
มารอบบริเวณสั่นไหวไมหยุด ทําใหผูคนตาคางไปตามๆ กัน
ในที่สุด รางที่อยูขางหนาก็ไมกลาหันมา กลับเพิ่มพลังปราณทะยานรางขึ้นลง
สะเปะสะปะ กอนหายไปในถนนหมิงฝู
ชายกํายํายังคงไลตามไปติดๆ เขาคลายบาไปแลว ตองฆาใหได
ทันใดนั้น พอมาถึงทางแยก ผูคนกลับเห็นรางชายกํายําที่มุงมั่นไลลาหยุดชะงักลง
กลับหลังหัน มุงไปยังจวนหมิงอองแทน เงารางเขาหายไปในพริบตา ทิ้งไวเพียงคําพูดที่
นาตกใจ
“พวกหนูตายแน!”
ที่เกิดเหตุเงียบสงบ ในที่สุดก็ไดยินเสียงฝเทามาและทหารดังอึกทึกครึกโครมมาแต
ไกล
ผูสูงศักดิ์ทั้งหลายจึงคอยโลงอก ยกมือปาดเหงื่อกันไป แตพลันไดยินเสียงทึบๆ
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่เกิดเหตุอีก
ตุบ!
ทุกคนหันมอง รางปรมาจารยเฒาตกลงบนพื้น
ลูสวินอี้บาดเจ็บสาหัส หายใจถี่และหนักหนวง เขาเอนศีรษะพิงลังไมที่แบกไว
ดานหลัง ใชมือกดปากแผลที่ถูกแทงตรงหัวไหลบริเวณดานบนหัวใจเพื่อใหโลหิตหยุด
ไหล อีกมือหนึ่งยันพื้นไว ตาเปลงประกาย คอยๆ ลุกขึ้นยืนอยางยากลําบาก
ทามกลางสายตาผูคนมากมาย เขาสูดหายใจเขาลึกๆ หันรางที่เหลือพลังปราณ
เฮือกสุดทาย รางโงนเงนเล็กนอย เขาลืมตา มองดูศพของปรมาจารยเฒาที่อยูไมไกล
ตึก!
ตึก!
ทรวงอกปรมาจารยเฒายุบเปนรู โลหิตไหลนองยอมพื้นจนเปนสีแดงอยางรวดเร็ว
ทุกคนกําลังมองดูลูสวินอี้กาวเดินทีละกาวเขายืนขางศพ กอนเงยหนาขึ้น กวาดตา
มองผูคนที่อยูในเหตุการณ สุดทายจึงใชพลังปราณเฮือกสุดทายเปลงเสียงดังลั่น
“ยังมีใครอีก?”
ยังมีใคร?
ดานหนาเห็นทหารขี่มาสงเสียงดังเขามา แตที่เกิดเหตุกลับเงียบเชียบ ไมมีใครกลา
เอยปากพูดสักคํา
ปรมาจารยลวนตกใจหนีหาย นอกจากทหารมาอันสงางามของคนตระกูลจินแหง
ประเทศฉีแลว ใครยังกลาตอสูกับลูสวินอี้ที่ปลอยพลังรุนแรงไมยงั้ ทามกลางสายตาผูคน
อีก?
แมเขาบาดเจ็บสาหัส แมเขาเปนเพียงกุนซือฝายบูของหมิงออง แตยังคงไมมใี ครใจ
กลาบาระห่ํา
ลูสวินอี้มองไปรอบๆ แลวจึงกมมองศพที่อยูบนพื้น คอยๆ โคงตัวลงหยิบดาบยาวที่
ตัดแขนปรมาจารยเฒาขึ้น ปลอยมือที่กดปากแผลลง อาศัยจังหวะที่โลหิตไหลออกจาก
ปากแผลอยางนาหวาดเสียว สองมือจับดามดาบ เงื้อขึ้นสูง ทุกคนลวนรูวาเขากําลังจะ
ทําอะไร!
ตัดศีรษะ!
อยากดูฉากนี้ ตองทําใจใหแข็งอยางไมตองสงสัย แตนาทีนี้ กลับไมมีใครยอมเบือน
หนาหนี จองมองดาบที่กําลังจะฟนลงอยางไมวางตา
ทหารมามาถึงดานหนา พรอมเสียงตะโกนดังกึกกอง
“ใครหนาไหนกลาบาบิ่น ฆาคนบนถนนหมิงฝู ยอมใหจับเสียโดยดี...”
ผูตะโกนเปนแมทัพรูปรางบึกบึนสูงใหญ เขาขี่มานํามาบนทองถนน โดยมีผูชวยขี่มา
ตามมาดานหลัง รวมกับพลทหารจํานวนนับไมถวนที่วิ่งตามมาดานขาง แตละคน
เขมแข็งกลาหาญ มีศักยภาพขมขวัญผูคน
“ไมใชกองปราบปราม!”
“หนวยจิงจี!”
มีเสียงตื่นตกใจ หนวยจิงจี กองทหารอันดับหนึ่งแหงตาเซี่ย มีหนาที่ปกปอง
คุมครองเมืองหลวง
ทหารหนวยนี้เกงกลาสามารถ รับผิดชอบเฉพาะเรื่องใหญ ปกติจะถูกเรียกใชเมื่อ
ศัตรูตางชาติรุกรานเมืองหลวง หรือใชปราบปรามกบฏในเมือง ผูคนไมคาดคิดวา หนวย
จิงจีจะถูกสงใหมาจัดการเรื่องนี้ เห็นชัดวาฝาบาทใหความสําคัญกับเรื่องนี้มาก
ฉับ!
“บังอาจ!”
ทามกลางเสียงซุบซิบนินทา สองเสียงดังขึ้นแทบพรอมกัน เสียงหนึ่งคือเสียงดาบตัด
เลือดเนื้อ อีกเสียงหนึ่งแนนอนวาเปนเสียงตะโกนของทานแมทัพ
ผูคนรีบหันกลับทันที เห็นเพียงใบหนาลูสวินอี้เต็มไปดวยโลหิตสดๆ ในมือมีศีรษะ
เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
ยอมเปนศีรษะปรมาจารยเฒา
กองทหารมาลอมรอบบริเวณที่เกิดเหตุและตัวเขาในพริบตา
แมทัพใชสายตาดุดันดั่งพยัคฆจองมองลูสวินอี้ และใชงาวชี้ไปที่ตัวเขาโดยไมตองคิด
พรอมตะโกนกอง
“เจาเปนใคร ริอาจกอเหตุฆาตกรรมตอหนาเหลาทหาร...”
“ฆา...” กลุมทหารถือของาวจอลูสวินอี้
แมทัพนิ่งไปสักพัก กอนออกคําสั่งเสียงสูง “จับเปน!”
ลูสวินอี้กลับไมรูสึกกลัว เนื้อตัวของเขาเลอะไปดวยโลหิต ปณิธานในดวงตา
แข็งแกรงดั่งหิน มือหนึ่งจับดาบ อีกมือหนึ่งถือศีรษะ โลหิตยังคงไหลออกจากแผลที่
หัวไหล เขาเชิดหนาขึ้นพลางพูดเสียงสูง
“ขา ลูสวินอี้ ผูใตบังคับบัญชาของหมิงออง ไดรบั คําสั่งจากทานอองใหมาเมืองหลวง
เพื่อเขาเฝาฝาบาท ใครกลาจับขา?”
แมทัพชะงัก สํารวจมองลูสวินอี้ดวยสายตา แตแววตากลับนิ่ง ชายผูนี้กําลังบาดเจ็บ
สาหัส แตกลับมีพละกําลังบาบิ่น สมชายชาตรี แตคิ้วของเขากลับกระตุก
“ที่แทก็เปนแมทัพของจวนหมิงออง ฝาบาทมีรับสั่งใหจบั ทุกคนที่กอความไมสงบ
บนถนนหมิงฝู เจาเปนหนึ่งในผูเกี่ยวของ วางดาบลง แลวตามขาไป!”
“ใช!” พลทหารตะโกนขึ้นพรอมกัน
ลูสวินอี้จําเปนตองแสดงพลังใหเห็น ดวงตาทอประกาย มองตรงไปยังแมทัพ
“เหลวไหล ฝาบาทรับสั่งใหจบั ผูกอความไมสงบ ผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีใจกลาบาบิ่น จู
โจมสังหารขากับคนในจวนหมิงอองหนาประตูจวน นี่เปนการกอความไมสงบของคน
ตางชาติ ขาในฐานะคนของจวนหมิงอองจึงตองสังหารปรมาจารยชาวฉีและตัดศีรษะ
เพื่อประกาศศักดาใหประเทศชาติ สรางความกดดันแกศัตรู มิไดมากอความไมสงบแต
อยางใด
ทานเปนแมทัพพิทกั ษเมืองหลวง ยังกลาพูดจาเหลวไหลไมดูความจริง กลับดําเปน
ขาว กลับขาวเปนดํา มองวาจวนหมิงอองขากอความไมสงบ คิดเปนกบฏกลางวันแสกๆ
หรืออยางไร?”
เงียบเปนเปาสาก
ทุกคนรูสึกเครียดขึ้ง สถานการณไมถูกตอง คนดุของจวนหมิงอองโตเถียงกับหนวย
จิงจี...
ฝาบาทคือผูหนุนหลังหนวยจิงจี หากไมมีรับสั่งจากฝาบาท หนวยจิงจียอมไม
สามารถอวดเกงจับคนของจวนหมิงอองเปนอันขาด คนดุไมรูเรื่องหรือบาไปแลวกันแน?
หรือตองการใหหมิงอองกับฝาบาทขัดแยงกัน?
แมทัพหนาแดงพลัน หนาที่รับผิดชอบอันยิ่งใหญ หรือเขาจะทําไมได
“เก็บคําพูดสวยหรูไวดีกวา พื้นที่นี้อยูหนาประตูพระราชวัง แตกลับเกิดคดีสะเทือน
ขวัญเชนนี้ ยังมีทูตตางชาติเกี่ยวของกับคดีนี้อีก เจาเองก็เกี่ยวของ ยอม...”
“หยุดพูดมากความ ขารับคําสั่งจากหมิงออง มีภารกิจสําคัญตองเขาเฝาฝาบาท แต
กลับถูกคณะทูตและทหารติดอาวุธจูโจมสังหาร เมื่อกลาถืออาวุธเขาสังหารจวนหมิงออง
ขายอมไมคิดวาพวกเขาเปนทูต ทานอองเคยพูดไววา เมื่อไรก็ตามที่ประเทศฉีไมเลิกทํา
สงครามกับตาเซี่ย เราชาวตาเซี่ยทั้งทหาร หนอนหนังสือ ชาวนา ชางศิลปะ พอคา ลวน
สามารถจับอาวุธขึ้นฆาพวกฉีได ถือเปนผลงานมิใชความผิด!”
ลูสวินอี้พลันหายใจถี่ขึ้น เขาไมสามารถพัวพันใหมากความอีก จึงตัดบทตรงๆ กับ
ทานแมทัพ
“ขาเพียงอยากถามทานคําหนึ่ง หมิงอองบอกวาที่ขาทําถือเปนผลงาน มิใชความผิด
แลวทานยังจะบอกวาขาทําผิดอยูอีกหรือ?”
ตอน 232 ควบคุมไมยาก
เมื่อไรก็ตามที่ประเทศฉีไมเลิกทําสงครามกับตาเซี่ย เราชาวตาเซี่ยมีสิทธิ์จับอาวุธขึ้น
ฆาพวกฉี ถือเปนผลงานมิใชความผิด!
เชนนี้ก็ไดหรือ?
บรรยากาศเงียบกริบ
ทานแมทัพกําลังตกที่นั่งลําบาก หมูนี้ขาวที่เขาไดยินมากสุดก็คือขาวของหมิงออง
แมรูวาทานอองเด็ดขาด แตวันนี้พอไดเจอกับตนเองเขาก็ยังอดไมไดที่จะรูสึกตื่น
ตระหนก
รูสึกวาตนไมไดรับความเปนธรรม ประมาณวา ขามิไดบอกวาเจาผิด แตเปนรับสั่ง
จากฝาบาท!
เขาจึงไมกลาพูดมากอีก เพียงทําตามที่ฝาบาททรงกําชับ การพาพวกเขากลับไปถือ
เปนการปกปองพวกเขา
ขืนยังโตเถียงตอ ยอมแสดงใหเห็นวาฝาบาทปฏิเสธคําพูดของหมิงออง เขาที่ไหนมี
ความกลาทําใหฝาบาทกลายเปนคูอริของหมิงอองตอหนาปวงประชาเลา
เมื่อลูสวินอี้เห็นวาแมทัพเอาแตหนาแดงไมพูดไมจา จึงพูดเสียงนุมลง
“ขานอยไดรับบาดเจ็บ ไมสะดวกที่จะคุยกับทานตอ รอใหขากลับจวนพักรักษาตัว
สักระยะ แลวจะรีบเขาเฝาฝาบาทใหเร็วที่สุด”
พูดจบเขาก็หันกาย เอ็ดเสียงดัง “หลีกทาง!”
เหลาทหารหันมองแมทัพ ที่สุดแลวแมทัพก็ยกมือปรามเหลาทหาร แลววา
“เก็บศพพวกนี้กอน!”
“ขอรับ!”
ลูสวินอี้ไมสนใจ สะพายลังไม หิ้วศีรษะ คอยๆ กาวเดินไปยังจวนหมิงออง
แมทัพมองดูศีรษะในมือเขาแลวรูสึกหดหู อยากเอยปากใหเขาทิ้งศีรษะไว แต
สุดทายก็มิไดเอยอะไร
มองดูลูสวินอี้มือหนึ่งถือดาบ อีกมือหนึ่งหิ้วศีรษะปรมาจารย เนื้อตัวเต็มไปดวย
โลหิตขณะเดินอยูบนถนนหมิงฝู ยอมทําใหผูสูงศักดิ์ทั้งหลายตื่นตกใจขนานใหญ
ภาพหมิงอองที่พวกเขาไมเขาใจไดเขาไปประทับอยูในจิตใจของพวกเขาอีกครั้ง
แมพวกเขายังไมเคยเห็นหมิงอองตัวเปนๆ แตการไดเห็นความดุดันและความแข็ง
กราวของผูใตบังคับบัญชาของหมิงอองทั้งสองคนในวันนี้ ทําใหรูวาหมิงอองผูออนเยาว
ทานนี้ไมธรรมดา
อยางนอยคนดุดันทั้งสอง เวลาพูดถึงหมิงอองกลับแสดงความเคารพนบนอบยิ่ง
เทานี้ก็เพียงพอแลวที่จะพูดไดวา หมิงอองมีความสามารถไมนอย รวมทั้งเรือ่ งราวที่บอก
ตอๆ กันมา อยางนอยก็ทําใหทุกคนเขาใจตรงกันวาหมิงอองและพลพรรคแข็งแกรงยิ่ง
การตอสูในครั้งนี้ที่สุดแลวก็จบลง ทําเอาทุกคนเหงื่อแตกซานไปหมด
ทานแมทัพจึงรีบจัดทหารคุมกันผูสูงศักดิ์เหลานี้กลับจวน ซึ่งทานเหลานี้ยังอดไมได
ที่จะกระตือรือรน เพราะรูวาเรื่องนี้ยังไมจบ ค่ํานี้ราชสํานักจะจัดเลี้ยงคณะทูตานุทูตจาก
ประเทศฉี เกรงวาไมนาจะจบลงอยางสงบ และอาจจะเกิดความผันผวนครั้งใหญที่ยาก
จินตนาการ
“อะไรนะ? จริงรึ?” ทานแมทัพถลึงตามองผูชวยที่เขามารายงาน
“ไมผิด หนาประตูจวนหมิงอองยังมีการตอสูกัน...” ผูชวยตอบ
“ยังรออะไร ไป!”
แมทัพรีบหอตะบึงมาไปจวนหมิงอองทันที เขาคิดวาเชนนี้ก็ดี จะไดคุมกันลูสวินอี้ไป
ในตัว
ขณะที่หนวยจิงจีกําลังรีบบึ่งไปจวนหมิงออง เหลาผูสูงศักดิ์ตางหนาเปลี่ยนสี ยังไม
จบอีกรึ?
พวกเขาจึงกุลีกุจอไมกลับบาน รีบตามไปดูสถานการณตอ
แตครั้งนี้ กลับทําใหมุมปากของพวกเขากระตุก
“ศิษยพี่?” ชายกํายํารางอาบไปดวยโลหิต ดวงตาแดงก่ํา พลังปราณทั่วรางดุจ
สายฟา ยากควบคุมยิ่ง
ลูสวินอี้ไมพูดมากความ เกร็งพลังปราณเฮือกสุดทายไวที่นิ้ว แลวจี้ไปตามจุดสําคัญ
ตางๆ บนรางของชายกํายํา แตก็ยังไมเปนผล
“ศิษยพี่ ไมมีประโยชน ไมตองสนใจขา ขายังมีแรงเชนนี้อยูอีกสักพัก ไมสูไปสังหาร
ศัตรูเพิ่มดีกวาหรือ...”
ชายกํายําพูดพลางสายศีรษะ ดวงตาแดงก่ําจนนากลัว พลังปราณโคจรไมหยุด
ลูสวินอี้ตาแดงระเรื่อ รีบลวงยาขวดหนึ่งออกจากอกเสื้อ ขวดยาแมแตกแตเม็ดยายัง
อยูดี เขายื่นเม็ดยาใหชายกํายําทันที
“ศัตรูสังหารหมดรึ? ควรเก็บรักษารางกายไวใชทําประโยชนอื่นๆ ดีกวา อยาหมด
หวัง เจาเพียงทําเทาที่สามารถทําได เหลือพลังชีพไวสายหนึ่ง ในวังยังมีจอมยุทธ หาก
จอมยุทธไมชวยแกปญหา ขอเพียงเจายืนหยัดใหไดนานที่สุด ขาจะสงเจากลับไป ทาน
อองยอมชวยเจาได! เร็ว รีบกินเสีย แลวเขาไปในจวน นั่งสมาธิคอยๆ ควบคุมลมปราณ”
ชายกํายําเงียบ หันมองรอบบริเวณอยางลังเลใจ
“วางใจ ไมมีใครกลาลงมือสะเปะสะปะกับพวกเราหรอก ทําตามที่ขาบอก!”
ลูสวินอี้พูดเสียงเบา เขารูวาศิษยนองคิดอะไรอยู พลางกวาดสายตามองรอบบริเวณ
กอนกะพริบดวงตาอันมืดมน บริเวณเทาของเขามีศพชายฉกรรจนับสิบ
พูดแลวตนเองก็กินยาหนึ่งเม็ด แลวคอยๆ หลับตา พอลืมตาขึ้นก็มองดูเฉินจวีเฟงที่
ตัวสั่นเทิ้มอยู
“ทานเฉิน ปลอดภัยดีใชไหม?”
“ทานรอง ทาน ทาน...” เฉินจวีเฟงงุนงง
“ไมเปนไร ไมตายหรอก!” ลูสวินอี้ตอบเสียงเบา พอเห็นประตูจวนปดสนิท จึง
ขมวดคิ้วถาม
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดไมเขาไป?”
วาแลวก็หันมองชายหนุมสองคนที่พาเฉินจวีเฟงหนี เห็นคนหนึ่งเนื้อตัวเปอนโลหิต
อีกคนหนึ่งไมรูไปไหน ลูสวินอี้หนาเครียด กมลงมองศพบนพื้น เห็นมีศพหนึ่งสวมเสื้อผา
ตางออกไป
“พวกเขาไมใหเราเขาไป!” เฉินจวีเฟงพยายามควบคุมน้ําเสียง
“ถาพวกเขาไมปดประตู เสี่ยวลูก็ไมตาย!”
ชายหนุมเอยขึ้นเสียงต่ํา “ขาแสดงปายคําสั่งแลว แตพวกเขาไมเชื่อ!”
“หือ?” ลูสวินอี้สูดหายใจเขาลึกๆ มองดูชายหนุมที่ยังมีชีวิตอยู
“ไปเคาะประตู!”
“ขอรับ!” ชายหนุมขานรับพลางพยักหนา แววตาเต็มไปดวยความโกรธ
ขณะเดียวกัน หนวยจิงจีไดมาถึงพอดี ทานแมทัพลงจากหลังมา รีบรุดมาดูศพที่
กระจายอยูบนพื้น
ลูสวินอี้ไมสนใจ รวบรวมสติสัมปชัญญะ ใหเฉินจวีเฟงพยุงเดินไปที่หนาประตูใหญ
ไดยินชายหนุมเคาะประตูอยูนาน ก็ยังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ
เหลาทหารไดยินก็อดไมไดที่จะหันมอง โดยเฉพาะทานแมทัพกับกลุมผูชวยที่หันมา
สบตากันโดยไมรูวาเกิดอะไรขึ้น
ลูสวินอี้ไมพูดไมจา เพียงยืนรออยูหนาประตูรวมกับเฉินจวีเฟง ศิษยนอง และชาย
หนุม
ผานไปสักพัก คอยมีความเคลื่อนไหว เห็นประตูถูกเปดออกเปนชองเล็กๆ และ
สายตาคูหนึ่งกําลังมองดูสถานการณผานชองนี้
เขามองเห็นชายหนุมเปนคนแรก อึ้งเล็กนอย แลวจึงมองดูพวกลูสวินอี้ เห็นเนื้อตัว
พวกเขาเปอนไปดวยโลหิต จึงงับประตูลง
ทวาคลายไดยินเสียงคนหลายคนอยูนอกประตู และคลายเปนเสียงทหารดวย จึง
เปดประตูขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ชองใหญกวาเดิม พอเห็นทหารมากมายก็ถอนหายใจดวย
ความโลงอก เปดประตูทั้งสองบานออก ดานหลังของเขามีผูรับใชราวสิบคน มือถืออาวุธ
ยืนหลบอยูในจวนพลางมองออกมา
“ไมมีเรื่องแลว ทหารมากันแลว!”
คนผูนั้นไมไดกาวออกนอกประตู แตหันกลับไปบอกกลุมผูรับใช
“รีบไปรายงานพอบานหวังเร็วเขา!”
หลังผูรับใชทั้งหมดถอนหายใจดวยความโลงอก คนผูนั้นจึงหันกายมามองกลุมคนที่
ยืนอยูหนาประตู และยังคงใจสั่นเมื่อเห็นคนเนื้อตัวเปอนโลหิต แตพอเห็นทหารมากัน
มากมายก็คอยวางใจลง
“พวกเจา...”
พูดพลางกะพริบตามองชายหนุมและเฉินจวีเฟง
“ออ ที่แทเปนพวกเจาเองรึ ขาไดรายงานพอบานหวังแลว พอบานหวังเชิญพวกเจา
ใหเขาไปได!”
ชายหนุมไมสงเสียง มองดูลูสวินอี้ เขาพยักหนา
“ไป เขาไป!”
“เออ ชากอน พวกเจาเปนใครกัน จวนอองเขมงวด ไหนเลยจะปลอยให...”
เขายังไมทันพูดจบ เทาก็ลอยขึ้นเหนือพื้น จึงรองเสียงดังดวยความตกใจ “อะ...”
เสียงรองทําใหเหลาทหารหันมอง แตก็ไดแคมอง มิไดเขาไปยุงเกี่ยว
เขาถูกจับลําคอแลวยกตัวขึ้น จึงตะโกนลั่น
“ปลอยขาลงเดี๋ยวนี้ กลาดีอยางไร รูไหมวา ที่นี่คือสถานที่อะไร...”
ลูสวินอี้พยักหนา ชายหนุมคอยวางเขาลง ลูสวินอี้เอยปาก
“กอนอื่นเหตุใดตองปดประตู? ไลพวกเราใหยืนหนาประตูหรือ?”
คนผูนี้คลายไมเขาใจคําถามของลูสวินอี้ เขากาวถอยหลังไปหลายกาวอยางกระวน
กระวายใจ กอนชี้หนาลูสวินอี้พลางตวาดดวยความโกรธ
“พวกเจาเปนใคร? กลาสามหาวหนาจวนหมิงออง มีโทษประหารถึงขั้นตัดศีรษะ!”
ลูสวินอี้ไมพูดมาก หันมองชายหนุม “เปนใครที่ไมใหพวกเจาเขาไป?”
ชายหนุมตอบเสียงขรึม
“หลังแสดงปายคําสั่ง พวกเราก็ยืนรออยูหนาประตู พอดีมีศัตรูจูโจมมา พวกเราจึง
เขาตอสู แตจวนอองกลับปดประตูใส จากนั้นในจวนก็ไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ ”
เห็นไดชัดวา มีคนไปรายงานพอบานแลว ซึ่งพอบานทั้งๆ ที่รูวาพวกเขากําลัง
ประสบเหตุเภทภัย แตยังคงปลอยใหพวกเขาอยูนอกประตูโดยไมแยแสสนใจ
ลูสวินอี้พยักหนา หันมองศิษยนอง เห็นพลังปราณที่ยังไมเพลาลงและดวงตาที่แดง
เขมขึ้นจนนาตกใจ
“ไมควรเสียเวลาอีก ฆา!” ลูสวินอี้พูดเสียงเบาออกมา
ศิษยนองแทบไมลังเลใจ รางกายเปลี่ยนรูปเล็กนอย
เปรี้ยง! ขณะทุกคนไมทันตั้งตัว พลันไดยินเสียงดังสนั่น
เหลาทหารที่ยืนอยูใกลประตู เห็นเพียงหนาประตูมีศพเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ซึ่งก็คือผูที่
เปดประตูเมื่อครู
“ทานแมทัพ...” ผูชวยที่อยูขางกายแมทัพตื่นตระหนก
แมทัพหนาถอดสีเชนกัน กอนหนานี้ก็ถือวาบาระห่ําแลว แตตอนนี้พอกลับจวนยัง
กลาบาเลือดฆาคนอีก นี่มันเกิน...
“อา ฆาคนแลว!”
“ที่นี่คือจวนหมิงออง!”
“พวกเจาคิดกบฏหรืออยางไร?”
เพียงพริบตาเดียว ผูรับใชที่รวมตัวกันอยูในจวนตางตอบโตเสียงดังออกมา
“พอบานหวังคือใคร?” ลูสวินอี้เชิดหนามองกลุมผูรับใช
แตทุกคนกําลังตกใจกลัว ไหนเลยจะสนใจตอบคําถามเขา
มีคนวิ่งออกไป พลางรองบอกทหารใหจับตัวพวกเขาไว
“ฆาใหหมด!” ลูสวินอี้เอยปากดวยสายตาเย็นชา
ครั้งนี้ชายหนุมเปนผูลงมือ ดวยการพุงรางเขาจับคอผูรับใชที่วิ่งโรออกไป เสียงกร
อบดังขึ้นครั้งหนึ่ง ลําคอผูรับใชถูกบิดหัก กอนถูกโยนออกนอกประตู
แมทัพเห็นเหตุการณก็รีบพุงเขามาพลางรองตะโกน “ยั้งมือ!”
“หมิงอองรับสั่งดวยตนเองวา ใหขานอยเปนผูดูแลจวนอองชั่วคราว หรือทานแมทัพ
คิดยุงเกี่ยว?”
เสียงลูสวินอี้ยิ่งมายิ่งออนแรงลง แมทัพจึงหยุดชะงักหนาประตู ไมกลากาวเขาจวน
อองแมเพียงครึ่งกาว แตยังคงพูดเสียงสั่นเล็กนอย
“พื้นที่สําคัญอยางเมืองหลวง ไหนเลยจะอนุญาตใหฆาคนตามอําเภอใจได!”
“กระทั่งอํานาจจัดการบาวไพร จวนหมิงอองก็ไมไดรับอนุญาตแลวหรือ?”
ลูสวินอี้พูดดวยน้ําเสียงราบเรียบ แลวจึงหันไปสบตากับเฉินจวีเฟงที่ยืนมึนงงอยู
“ไป พวกเราเขาไป”
เฉินจวีเฟงที่ยืนตัวแข็งไดสติ เขาพยุงลูสวินอี้เหยียบหยาดโลหิต เดินเขาประตูไป
“ทานแมทัพระวัง...”
แมทัพที่ยืนอยูหนาประตูพลันถูกผูชวยขางกายดึงตัวไว เพราะเห็นวามีศพอีกหนึ่ง
ถูกโยนออกมา
“ทานแมทัพ หรือวาใหพวกเขา...” ผูชวยยากที่จะรับเหตุการณเชนนี้ได
แมทัพรูสึกอารมณขึ้น แตสุดทายก็ไมพูดจาอะไร ไดแตยืนมองแผนหลังลูสวินอี้
เหยียบหยาดโลหิตกาวทีละกาวเขาจวนไป
ลูสวินอี้ก็ไมหันกายมอง เดินหนาตอ
“จวนหมิงอองไมเคยกลัวศัตรูตางชาติ แมถูกหอมลอมดวยกองทหารนับพันนับหมื่น
เราก็ไมอนุญาตใหใครมาทําสามหาวหนาประตู ไมคิดวากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะเห็น
จวนอองตกอยูในอันตราย บาวรับใชถึงกับทอดทิ้งคนในจวนใหเผชิญเภทภัยอยูหนา
ประตูดวยการปดประตูใส เมื่อครูตอนพวกขาอยูหนาประตูวังหลวง บาวไพรพวกนี้ก็เสีย
สติแลว มีชีวิตไปก็ไรประโยชน ฆาใหหมด! หามเหลือไวแมแตคนเดียว แลวโยนออกนอก
ประตูไป”
“สามหาว ฝาบาทสงขามา ใครกลาฆาขา...” มีคนตะโกนขึ้น
เขายังไมทันพูดจบ ก็ไดยินเสียงลูสวินอี้พูดขึ้นวา “ฆา!” ตอดวย “ฝาบาทไมเคย
รับสั่งหามหมิงอองจัดการเรื่องบาวไพรในจวน!”
พอเห็นศพพอบานหวังลอยละลิ่วออกมาพรอมเสียงรองโหยหวน กอนตกลง
ตรงหนาแมทัพ แมทัพจึงเงียบเสียงลง
หนาประตูใหญจวนหมิงอองถูกปดลงอีกครั้ง
ลูสวินอี้กับพวกไดสิทธิ์ควบคุมจวนอยางสิ้นเชิง
เฉินจวีเฟงแตกตื่นเล็กนอย เขาพอจะเขาใจแลววาเหตุใดลูสวินอี้ในตอนนั้นจึงไมใส
ใจเรื่องการควบคุมจวนมากนัก เพราะเมื่อจัดการขึ้นมาจริงๆ คลายไมใชเรื่องยาก
ตลอดทั่วทั้งถนนหมิงฝูลวนกําลังจองมองการลําเลียงศพที่หนาประตูบานนั้น...
ตอน 233 ฝาบาทยืนมือไพลหลังรอ
ประตูใหญจวนหมิงอองปดสนิท หนาประตูจวนมีศพกองพะเนิน
โลหิตหลั่งไหลออกจากศพ แลวคอยๆ แผออกเปนวงกวาง แดงฉานสะดุดตา
พอจวนหมิงอองปดประตูก็ไมมีขาวคราวใดๆ เล็ดลอดออกจากปากผูคนซึ่งอาศัยอยู
ตลอดสองฟากฝงของถนนทั้งสาย
จวบจนรองแมทัพคนหนึ่งเงยหนามองทานแมทัพ กอนเอยปากขอคําชี้แนะ
“ทานแมทัพ!”
แมทัพคอยๆ ยกมือปาดโลหิตบนใบหนา เปนหยดโลหิตที่กระเด็นใสตอนศพถูกโยน
ออกมา เขาหลุบตามองโลหิตสีแดงสดในมือ กอนหายใจเขาลึกๆ เงยหนามองจวนหมิง
อองที่อยูต รงหนา แลวจึงเปลงเสียงออก
“ถอยหางสิบเมตร พรอมปดถนนทั้งสาย!”
“ขอรับ!” รองแมทพั รับคําสั่ง
เหลาทหารเคลื่อนตัวออกอยางรวดเร็ว ทําใหเกิดความเคลื่อนไหวบนถนนอีกครั้ง
เหลาผูสูงศักดิ์ที่ยืนดูอยูบางเพิ่งเรียกสติคืนกลับ พอทหารถอยออก พลันเห็นศพอยู
ตรงหนาอยางชัดเจน มานตาจึงหดตัวลง
“ขอเชิญใตเทาทุกทานกลับจวนกอน ชวงที่หากยังไมมีรบั สั่งใหเขาเฝา ขอความ
รวมมือจากใตเทาทุกทาน กรุณาอยาออกจากจวนโดยพละการเปนอันขาด”
เสียงทานแมทัพดังกองไปทั่วพื้นที่รอบบริเวณ ถนนหมิงฝูถูกปดการเขาออก เหลา
ทหารผลัดกันกระจายกําลัง เดินตรวจตราตลอดถนนทั้งสาย
บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นตั้งแตนาทีนี้
กลุมผูสูงศักดิ์หันกายจากไปอยางเงียบๆ ตางสาวเทากาวเดินอยางรวดเร็ว พอกลับ
ถึงจวนก็ปดประตูแนน จวนแตละหลังจึงเงียบกริบ
มีเพียงใตเทาทานหนึ่ง ที่กลับจวนแลวก็เขาหองหนังสือตอ วิเคราะหความคิด
ความรูสึกของตนเอง ที่ไมเพียงแตหวาดกลัว ยังไมรูวาตอไปควรทําอยางไรดี
เทียบกับพื้นที่ที่เกิดไฟสงครามแลว เมืองหลวงยังเปนที่ๆ ผูสูงศักดิ์มีชีวิตอยูกันอยาง
สุขสบาย แมความยากลําบากในพื้นที่หางไกล กลิ่นคาวโลหิตคละคลุง ก็ยังไมสามารถ
ทําใหพวกเขาซึมซับความหนาวเหน็บจนเขาถึงกระดูกดําไดเทารังสีฆาฟนของที่นี่
ที่นี่ยังคงปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีมาชานาน เมื่อดําเนินการตามวิธีการอะไรแม
เพียงเล็กนอย ก็มักมีขอหามออกมาตางๆ นาๆ ซึ่งทุกคนลวนเคยชินกับการละเมิดกฎทุก
ขอ
แตวันนี้ หมิงอองที่ทุกคนควรรูจักมักคุน กลับทําอะไรทีแ่ ปลกแยกตอหนาทุกคน
เขามิไดใชวิธีของที่นี่ในการแกไขปญหา แตกลับนําความผันผวนที่ทุกคนยากยอมรับ
มาใหในขณะที่ทุกคนยังมิไดเตรียมความพรอม
ทูตจากประเทศฉีเขาลอมสังหารคนจากจวนหมิงออง พวกเขายังพอรับได เพราะ
คนฉีคือชาวตางชาติ
ความยโสโอหังและความบาบิ่นของพวกเขา ทุกคนลวนเคยชินแลว
แตจวนหมิงอองกลับไมลังเลแมแตนอยในการสังหารคนฉี รวมทั้งปรมาจารยผู
บําเพ็ญเพียรของพวกเขา
นี่ทําใหผูคนยากที่จะปรับตัวใหยอมรับไดกับการที่พวกเขาสามารถฆาคนไดตาม
อําเภอใจ ไมรูวาการฆาในครั้งนี้จะทําใหสถานการณสงครามที่ตึงเครียดอยูแลว ระเบิด
ออกจนเกิดเปนภัยพิบัติในภายหลังหรือเปลา?
ผูรับใชในจวนหมิงออง แมไมนับเปนตัวอะไร แตจะอยางไรก็เปนคนที่วังหลวงสงมา
นี่เปนคนที่ฝาบาทสงมา แตคนของหมิงอองพอพูดวาฆาก็ฆากันไดงายๆ อยางนั้นหรือ!
การสังหารอยางเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และความใจกลาบาบิ่นของพวกเขา ทําให
ความคิดอานอันลึกซึ้งของผูสูงศักดิ์ทั้งหลายไมมีทางยอมรับอยางสงบเสงี่ยมได
จวนหมิงอองเปดตัวอีกครั้งดวยการเปดฉากสังหารโหดอยางโจงแจง ทําใหพวกเขา
รูสึกแปลกแยกและอันตราย ศพแลวศพเลา สังหารกันโตงๆ ทําใหพวกเขาเงียบงันขณะ
เนื้อตัวสั่น โดยเฉพาะขุนนางหลายทานที่เคยนําเสนอขอดีตางๆ นาๆ เพื่อใหฝาบาท
เห็นชอบในการเชิญหมิงอองกลับวัง แตตอนนี้พวกเขาเริ่มสับสน
พริบตาเดียว พวกเขารูสึกวาตนเองคิดผิด
หมิงอองที่เอาแตใจ บาเลือด โหดรายและนากลัว ไมใชผูที่พวกเขาสามารถควบคุม
ได ไมใชผูที่พวกเขาหวังจะไดพานพบ
หรือ พวกเขาคิดผิดจริงๆ
คนอยางหมิงอองไมควรกลับวัง เพราะจะทําใหพวกเขาทําอะไรไมถูก
นี่ขนาดหมิงอองยังไมไดมาเอง คนของเขามาเพียงไมกี่คน ก็ทําใหความหวาดผวา
และความหวาดกลัวกลายเปนความรูสึกฝงใจที่ทุกคนมีตอจวนหมิงอองไปแลว
บนถนนหมิงฝู ในจวนหนึ่งทีช่ ื่อวา จวนชวี
มีเจาของจวนชื่อ ชวีเสี้ยวเหริน เขาอายุสี่สิบกวา เห็นเขาอายุไมมากเชนนี้ แต
ตําแหนงกลับใหญโตไมนอย เปนถึงขุนนางระดับสอง ที่มีอํานาจตัดสินใจเรื่องตางๆ ใน
ทองพระโรงได
แมขุนนางระดับสองในเมืองหลวงยังไมนับเปนตัวอะไร แตอยางไรก็เปนขุนนาง
ระดับสูง ที่มีความโดดเดนพอควร
อีกทั้งบรรพบุรุษตระกูลชวีลวนเปนขาราชบริพารในราชสํานักมากอน ผูที่โดดเดน
สุดยังมีชื่อเสียงเปนที่รูจักอีกดวย นับเปนตระกูลเกาแกที่อยูคูราชสํานักมานาน
เพียงแตตอนนี้เมื่อเทียบกับปนั้น ยอมเทียบกันไมได ทวาไมมีตระกูลใดที่ไมเคย
เสื่อมถอย เรื่องราวในโลกก็เปนเชนนี้ แตเมื่อตองเผชิญกับโลกที่ยุงวุนวาย ชวีเสี้ยวเหริน
ที่อายุเพียงสี่สิบกวากลับมีชื่อเสียงเกียรติยศโดดเดนขึ้นอีกครั้ง...
เขาก็เหมือนใตเทาทุกทาน ที่เห็นเหตุการณเมื่อครูดวยตาตนเอง ชวีเสี้ยวเหรินเดิน
กลับจวนอยางเงียบๆ
ทวาเขากลับกระตือรือรนมากกวาใตเทาทานอื่นๆ พอสิ้นเสียงปดประตูจวน เขาก็
เดินตุปดตุเป เหมือนโลกลมสลายลงทั้งใบอยางไรอยางนั้น ทรุดนั่งลงกับพื้น หนาผาก
เต็มไปดวยเหงื่อ แววตากระวนกระวายใจ
พอบานที่รอรับใชอยูหนาประตูเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเขามาพยุงใหลุกขึ้น
“นายทาน ไมเปนไรใชไหมขอรับ”
ชวีเสี้ยวเหรินลุกขึ้นยืน หายใจเขาลึกๆ คอยสงบนิ่งลง
“นายทาน...”
เสียงพอบานที่ดังขึ้นขางหู ทําใหอารมณเขากระเจิดกระเจิงขึ้นอีก สีหนาซีดขาว
“เจาวาอะไรนะ?”
พระราชวัง
หองทรงพระอักษร
เวลานี้เดิมทีเปนเวลาเสวยอาหารเย็น แตองคติ้งอูกลับไมมีใจจะเสวย
สถานการณบนถนนหมิงฝูถูกบันทึกไวอยางละเอียดในเอกสารที่ทรงถืออยูในมือ
ทรงมีสีหนาเครงเครียด
ตุบ ทรงโยนเอกสารในมือลงบนโตะ
มหาดเล็กในหองทรงพระอักษรและจางปงลีร่ ีบหลุบตาลง ใจเตนแรง หายใจถี่
“ลูกหกสงคนมาเมืองหลวง เหตุใดคนฉีรูเรื่องนี้ แตพวกเรากลับไมรูแมแตนอย?”
องคติ้งอูเงยพระพักตรขึ้น มองไมออกวาทรงกริ้วหรือทรงยินดี ทวาสายตาอันคม
กริบของพระองคกําลังจองมองมายังจางปงลี่
ตั้งแตเกิดเรื่องมาจนถึงบัดนี้ นี่เปนครั้งแรกที่พระองคทรงตําหนิจางปงลี่ที่ทํางาน
ผิดพลาด
จางปงลี่ยืนกมหนาอยูตรงหนาพระองค ในใจยากแยกแยะวาทรงกริ้วจวนหมิงออง
หรือคนฉี จึงคุกเขาลง
“เปนความผิดของกระหมอมเอง ขอทรงเมตตา!”
องคติ้งอูจอ งมองเขา แลวจึงคอยๆ ลุกขึ้นยืน แววตาคมกริบคอยๆ จางลง ทรงกาว
เทาเดินไปมาหลังโตะทรงพระอักษร ชะงักนิดหนึ่งกอนตรัสขึ้น
“เจาทําความเขาใจหนอยวาเหตุใดพวกเราจึงไมรู แตคณะทูตประเทศฉีกลับรู”
ทั้งสองประโยคดูเหมือนมีเนื้อหาเหมือนกัน แตถาวางสลับกัน ความหมายกลับไม
เหมือน
ประโยคแรกเห็นชัดวาตําหนิจางปงลี่ สวนประโยคที่สอง เห็นชัดวาปลอยใหเขา
กลับไปขบคิด
จางปงลี่รูสึกละอายใจ ฝาบาทเชื่อมั่นในตัวเขามาก ขนาดความผิดรายแรงเชนนี้ ยัง
ทรงไมถือสาหาความ
เขากมศีรษะลง สีหนายังคงลําบากใจ ผานไปสักพักจึงเอยปากอธิบาย “จากการสืบ
เบื้องตน อาจเปนไปไดวาพวกเขาไดรับขาวจากเขาซางชิง!”
“อาจเปนไปไดหรือ?” องคติ้งอูนิ่งไปสักพัก รูสึกไมพอใจ จองมองจางปงลี่
จางปงลี่ละอายใจหนัก
“เรารูตัวผูสงขาวนี้ใหสายลับประเทศฉี แตตอนไปจับกุม เขากลับเสียชีวิตแลว คนผู
นี้เปนศิษยเขาซางชิงที่ใชชีวติ เชนคนธรรมดา เพียงแต...ตอนเราไปถึง เขาพลันเสียชีวิต
ดวยโรคปจจุบันทันดวน!”
“หึๆ เขาซางชิง!” องคติ้งอูท ุบโตะ ความโกรธกริ้วฉายอยูบนพระพักตร แตทรง
เรียกสติกลับคืนไดอยางรวดเร็ว “เบื้องตน?”
องคติ้งอูท รงเย็นพระทัยมาก เรื่องใหญเชนนี้ แมทรงกริ้วก็กริ้วอยางมีสติ
ในสายตาจางปงลี่ พระองคเปนผูมีปรีชาญาณที่คูควรแกการรับใช การติดตาม
พระองคมีเพียงทุมเทใหเกิดผล ไมตองกังวลแมถูกกริ้วหรือเขาใจผิด เขาจึงเงยหนาขึ้น
วิเคราะหเสียงขรึม
“กระหมอมแมโงเขลา แตเมืองหลวงคือฐานที่มั่นของเรา กระหมอมจึงไมกลาปลอย
วาง เขาซางชิงเปนเพียงขุมกําลังหนึ่งของสํานักเตา พวกเขาไมสามารถทําอะไรใหญโตใน
เมืองหลวงได มีก็แตศิษยที่เปนบุคคลธรรมดาคอยรับสงขาว ซึ่งความสามารถดานการ
ขาวไมมีทางเหนือกวาเราอยางแนนอน”
“เรื่องคนของหมิงอองเขาเมืองหลวง นาจะเปนหลังเขามาแลวคอยเปดเผยเบาะแส
มิฉะนั้นคนฉีไมมีทางรอใหพวกเขาเขามาแลวคอยลงมือ คนของทานอองระวังตัวมาก
ขนาดถึงเมืองหลวงแลวเราก็ยังไมรู แตเขาซางชิงกลับสืบไดกอน ซึ่งตามเหตุผลแลว
เปนไปไมไดแนนอน อีกทั้งแหลงขาวยังชี้ไปที่เขาซางชิงโตงๆ เหมือนตั้งใจใหเราสืบพบ
อยางไรอยางนั้น นี่ยิ่งทําใหนาสงสัยเขาไปใหญ”
“ออ?” ดวงตาองคติ้งอูทอประกายเปนครั้งแรก “แลวแทจริงเปนใคร?”
จางปงลี่หยุดเล็กนอย กอนวา “ตอนนี้ยังไมสามารถยืนยันได ตั้งแตเขาเมืองหลวง
มา ลูสวินอี้หยุดอยูแคสองสถานที่ ที่หนึ่งคือประตูเมือง อีกที่หนึ่งคือรานขายยาชางหัว
พวกเขาระวังถึงเพียงนี้ การเปดเผยเบาะแสก็ควรเกิดขึ้นในสองสถานที่นี้ ที่ประตูเมือง
เราสืบดูแลว ไมนามีปญหาอะไร ผูรักษาการณเปนทหารคนสนิทของใตเทาฟางโหยวฉิน
พวกเขาไมมีอะไรผิดปกติ ทุกคนอยูดวยกันตลอด สุดทายเพราะทะเลาะวิวาทที่เจียงหัว
เหลาจึงถูกจับขังอยูที่กองปราบ ดังนั้นจึงมีเพียงรานขายยาชางหัวที่มีปญหา เพราะทาง
รานมีกิจการใหญโต จรดเหนือใตแมน้ํา จึงเกี่ยวของกับผูมีบารมีมากมาย”
“รานขายยาชางหัว?” องคติ้งอูจําเจาของรานได ทรงเปนผูมอบปายประกาศเกียรติ
คุณใหดวยองคเอง คิดไมถึงวาจะเปนพลพรรคของลูกหก ทรงรูสึกวาความสามารถของ
ลูกหกนั้นล้ําลึกยิ่ง
แตถาคิดอีกอยาง กลับเสียพระทัยเล็กนอย
“การจัดใหคนของรานขายยาชางหัวเขาเมืองหลวงมาในระยะเวลาอันสั้น ถือวาเดิน
หมากไดดี แตสุดทายกลับถูกคนหลอกใช ลูกหกยังเยาววัยนัก ตองฝกฝนกลยุทธเพิ่มเติม
จึงจะสัมฤทธิ์ผล!”
ตรัสถึงตรงนี้ ทรงนิง่ ไปพักหนึ่ง กอนตรัสตอพรอมรังสีฆาฟนที่แผกระจาย
“เฮอะ คนทรยศนาย ชั่วรายที่สุด ตองประหาร สั่งปดรานขายยาชางหัวทันที แลว
สืบใหละเอียดทุกซอกทุกมุม ขากลับอยากดูวา ใครกันแนที่กอเรื่องลับหลังขา!”
จางปงลี่ไดยินดังนั้นก็กมศีรษะลง ริมฝปากกระตุก รูสึกทรงเปลี่ยนอารมณเร็วมาก
พริบตาเดียวก็ทรงเปลี่ยนเรื่องมาวิจารณความสามารถของพระโอรส แตเขาก็ไมกลาขัด
พระบัญชา รีบขานรับ “พะยะคะ!” แตเขายังไมรีบจากไป ทูลเสียงขรึมตอ
“การจัดใหคนฉีเขากอกวน ปายสีใหเขาซางชิง หมูนี้ดูไปแลวมีคนมากมายที่
สามารถทําเชนนี้ได แตความเปนไปไดมากสุดมีเพียงหนึ่งเดียว โจรถอยหลิน”
“มิผิด เปนการกระทําที่ตองการสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตัวขา อยูเมืองหลวงปดหู
ปดตาขามานานหลายป ยอมมีขุมกําลังซุกซอนอยู เหมือนหมาจูที่อุมเขาซางชิงไวไมยอม
ปลอย แลวคอยยุแหยตางๆ นาๆ คอยสรางความราวฉานเพิ่มใหขากับสํานักเตา เฮอะ
ไมชาก็เร็วโจรถอยตองถูกขาประหารเกาชวงโคตร!”
องคติ้งอูมนั่ ใจในคําพูดแทบไมตองคิด เห็นไดชัดวาทรงรูสึกเกลียดชังโจรถอยหลิน
เพียงไหน
แตก็นับวาทรงวินิจฉัยถูกตอง เรื่องนี้เปนการกระทําของคนตระกูลหลินจริง
องคติ้งอูกลอกสายตาไปมา
“สงศพสายลับผูนั้นใหนักพรตชงเสวียน ใหตาเฒานั่นมาอธิบายกับขาเอง อีกอยาง
ใหเขารูเรื่องราวทั้งหมดดวย ใหเขาเห็นวาโจรถอยหลินจริงใจกับพวกเขาแคไหน”
“พะยะคะ!” จางปงลี่กมศีรษะ ทวายังอยูเตือนสติพระองค
“ฝาบาท แตเรายังไมมีหลักฐานแนชัด”
“เฮอะ โจรถอยเขี้ยวลากดิน ฉลาดแกมโกง ทําเรื่องใหญไมสําเร็จหรอก!” องคติ้งอู
โบกมือวิจารณ แลวกลาวตอ “อืม อยางก็ปลอยใหมันทําไป คิดวาเขาซางชิงคงไมโง ไม
สืบความเปนมาเปนไปของเรื่องนี้ เราปลอยขาวใหพวกเขาสืบไดก็แลวกัน”
“ทรงพระปรีชายิ่ง!” พูดถึงตรงนี้จางปงลี่ก็อยากขอคําชี้แนะ
“ฝาบาท ตอนนี้พวกลูสวินอี้ไมยอมมากับหนวยจิงจีเรา สวนศพเหลานั้นก็ยังกองอยู
หนาประตูจวนออง หนวยจิงจีจึงใครขอคําชี้แนะจากฝาบาทวาควรจัดการเรื่องนี้เชน
ไร?”
องคติ้งอูแสดงสีหนาเหยเกอยูสักพัก แตก็รีบซอนอารมณอยางรวดเร็ว เงียบไปครู
หนึ่งคอยเอยปากขึ้น
“คนทั้งสองที่ลูกหกสงมานาจะไมรูวาขาตองการปกปองพวกเขา ตอนนี้พวกเขา
เหมือนกลัวไปทุกอยาง ไมยอมใหใครจับตัวไปงายๆ ก็มีเหตุผลอยู”
จางปงลี่ยกมุมปากขึ้น ฝาบาท เขาแสดงใหเห็นจะๆ แลววาไมขอรวมมือดวย แต
ทานกลับอธิบายออกมาเชนนี้ แตจางปงลี่ก็เขาใจ ไมอธิบายเชนนี้ก็เทากับตบหนาตน วา
โอรสตนไมเชื่อมั่นตน เขาจึงโคงตัวลง
“เมื่อเปนเชนนี้ สองคนนั่นนาจะรูแลววาพอเขาเมืองมาไมทันไรก็ถูกทรยศแลว คิด
วาตองเพิ่มความระมัดระวังใหมากขึ้นแน”
องคติ้งอูพ ยักหนา หลุบตามองเอกสารในมืออีกครั้ง รูสึกตกใจเล็กนอย
“สองคนนี้สามารถสังหารจินเฉิงปาไดจริงหรือ? เมื่อวานทูตประเทศฉีปลอยขาววา
วันนี้ตอนพบขาในงานเลี้ยงอาหารค่ํา จะใหปรมาจารยแสดงวิทยายุทธใหดู ขาสงคนไป
ถามตามสํานักเตาโดยเฉพาะ กลับไดรับคําตอบกลับมาวา ถาใหปรมาจารยในเมืองหลวง
จากสํานักเตาแตละแหงสูกับปรมาจารยชาวฉีตัวตอตัว ก็ไมมั่นใจวาจะชนะได ทําใหขา
คิดวาดีที่สุดนาจะถวงเวลาการแสดงวิทยายุทธออกไป โดยการใหปรมาจารยทั้งสี่ของเรา
แสดงกอน”
พูดถึงตรงนี้ก็ทรงมีสีหนาไมพอใจ
“ตอนนี้ชาวยุทธที่ลูกหกหลับหูหลับตาสงมาสองคน กลับตัดศีรษะจินเฉิงปาได
เฮอะ ขากลับอยากถามพวกสํานักเตาจริงๆ วา พวกเจามีผูเยี่ยมยุทธมากมาย ยังเทียบ
ไมไดกับชาวยุทธที่ลูกหกหลับหูหลับตาสงมา เชนนี้แลวพวกเจายังจะเปนกองหนุนใหขา
ไดอยางไร?”
จางปงลี่รูเรื่องนี้ดี เพราะเขาเปนผูเขียนรายงานเอง คณะทูตประเทศฉียโสโอหัง
หลังชุยเฉาเหยี่ยนถูกสังหาร พวกเขาก็ไมยอมแพ ปลอยขาววาหมิงอองวางแผนลอบ
สังหารชุยเฉาเหยี่ยน ซึ่งไมเปนความจริง พวกเขาใชความแข็งแกรงของคนฉีมากดดันตา
เซี่ยเรา โดยวันนี้อาจทาสูกับชาวตาเซี่ย จึงคิดเรื่องการแสดงวรยุทธขึ้น
เจตนาชัดเจน อวดเบงบารมี ใหฝาบาทและราชสํานักรูสึกลําบากใจ
ตอนนี้ชัดเจนวาฝาบาทกําลังสงสัยเรื่องสํานักเตาไมอยากลงแรง จึงจงใจปดบังและ
ทําใหฝาบาทไมพอใจ จางปงลี่จึงรีบเอยปากพูด
“ฝาบาท จินเฉิงปามีชื่อเสียงโดงดังในการบําเพ็ญเพียร โดยเริ่มเปนที่รูจักจากการ
สังคายนาวิถีเตาเมื่อยี่สิบปกอน ตอนนั้นปรมาจารยสํานักเตาตางก็พายแพใหกับเขา
ตอมาก็เหมือนวันนี้ ทาประลองตัวๆ กับเจาบานตระกูลจาว และไดชัยเมื่อประลองกัน
เกินรอยกระบวนทา”
“ออ?” แววตาองคติ้งอูสงบลง แตก็ยังไมเขาใจอยูบาง จึงถามขึ้น
“เมื่อเขารายกาจเชนนี้ เหตุใดจึงถูกคนทั้งสองของลูกหกซึ่งไมมีชอื่ เสียงเรียงนาม
ใดๆ สังหารเลา? หรือคนของลูกหกเปนปรมาจารยที่เทียบชั้นไดกับปรมาจารยทั้งสี่ที่
แข็งแกรงสุดของราชสํานักเรา?”
จางปงลี่ไมรูจริงๆ วาควรตอบเชนไร เพราะเขาเองก็ไมรูตื้นลึกหนาบางของเรื่อง
เชนกัน เรื่องที่หมิงอองกับคนขางกายกระทํา มักทําใหเขาสืบหาเบาะแสยาก
เรื่องหมิงอองสังหารชุยเฉาเหยี่ยน สังหารหานไจโคว และสังหารปรมาจารยสาม
ทาน...
วันนี้คนของเขาสองคนยังสังหารจินเฉิงปาตอหนาผูคนมากมายอีก นี่เปนเรื่องที่ไม
สมเหตุสมผลยิ่ง
สุดทาย เขาจึงไดแตพูดตรงไปตรงมา
“การตอสูในครั้งนี้เปนไปอยางนาอนาถ ทั้งสองเปนผูลอมจูโจม ถาพูดถึงพลังปราณ
แลว พวกเขานาจะมีนอยกวาจินเฉิงปา แตพวกเขามีความเหี้ยมเกรียม ยอมสูตายไม
ยอมถอย ตองเฉือนเนื้อฝายตรงขามใหได และทายที่สุดก็ชนะอยางทุกลักทุเล ทั้งสอง
บาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะลูสวินอี้ แตพลังปราณของพวกเขาแข็งแกรงจริง เรื่องนี้ปฏิเสธ
ไมได มิฉะนั้นแลวปรมาจารยอีกทานหนึ่งคงไมรีบหนีไปทั้งๆ ที่ยังไมไดตอสูดวยซ้ํา”
องคติ้งอูพ ยักหนา อันที่จริงการที่คนทั้งสองสามารถชนะไดก็ทําใหทรงตกพระทัย
มากแลว สวนเรื่องที่จะชนะปรมาจารยทั้งสี่ของราชสํานักไดหรือไมนั้นไมใชเรื่องสําคัญ
“ลูสวินอี้!” ทรงหรีต่ าลงเล็กนอย สักพักคอยสงเสียง “ยืนยันสถานะของพวกเขาได
แลวหรือยัง?”
“พะยะคะ เขาเปนศิษยพี่รองของเถี่ยสง เปนผูอารักขาขางกายทานออง จากขอมูล
ปจจุบันวิเคราะหไดวาหลายปมานี้ กลุมของเถี่ยสงนาจะอยูขางกายทานอองมาตลอด
จึงมีความเปนไปไดที่จะถูกสงตัวมาเมืองหลวง เพียงแตยังมีเรื่องบางอยางที่ยากอธิบาย”
จางปงลี่กมศีรษะลงอยางระมัดระวัง เขาลังเลเล็กนอยกอนพูด
“ขอมูลที่ไดรับทั้งหมดในปนั้น บอกวาลูสวินอี้มิไดมีพลังปราณแข็งแกรงเชนนี้”
“เขาปกปดไวหรือเปลา?” พูดถึงการปกปด สีหนาองคติ้งอูเปลี่ยนเล็กนอย ปนั้น
หมิงอองเปนผูใกลชิดเขา แตกลับปกปดเขาเรื่องการบําเพ็ญเพียรถึงขั้นปรมาจารย ทํา
ใหเขาตัดสินใจผิดพลาด
“ขอนี้ไมนาเปนไปได ปนั้นขณะเถี่ยสงกับพวกเดินทางมาเมืองหลวง ถูกคนของ
สํานักไทเหอสังหารไปหลายคน เหลาพี่นองตองหลั่งโลหิตหนีตายตลอดทาง สุดทายยัง
ตองลําบากเถี่ยสง ที่นองสาวเกือบถูกลูกชายเจาของบานลักพาตัว แตก็ไดรับการ
ชวยเหลือจากทานออง จึงติดตามอยูขางกายทานอองเรื่อยมา หากปนั้นพวกเขามีพลัง
ปราณขนาดนี้ เหตุใดจึงมีสภาพดังกลาว?”
จางปงลี่ไมเขาใจเปนอยางยิ่ง พอเห็นฝาบาทกําลังใชความคิด ก็อดไมไดที่จะรูสึก
ละอายใจ
กับฝาบาทแลว สถานะของเขา ไมควรพูดคําวาไมทราบ ยิ่งไมควรใชคําวา นาจะ
แตเบาะแสของมอไปสืบยากจริงๆ เขาทําการสืบมานานแลวก็ยังสืบไมได
ขอมูลที่เขาหาได ใครๆ ก็หาได เชนเรื่องมอไปเคยใชสถานะไปฉางชิงรักษาผูปวย
แตตอนนั้นเขาปกปดสถานะ จึงยากที่จะสืบละเอียด ยังมีเรื่องวรยุทธของเขา เรื่องขุม
กําลังของเขา
ทวาองคติ้งอูกลับไมตําหนิ ตรึกตรองดูแลววา
“เชนนั้นก็มีความเปนไปไดเพียงอยางเดียว ลูสวินอี้ใชเวลาไมกี่ปที่ผานมาฝกฝนพลัง
ปราณ ยังจําสาวใชนางนั้นไดไหม?”
“พะยะคะ นางชื่อเถี่ยหนิงเออร”
จางปงลี่รูวาที่ฝาบาทหมายถึงคือสาวนอยผูประมือกับเสี่ยวเตาในวันนั้น
“นางสามารถประมือกับหนุมสาวแถวหนาของสํานักเตาได นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบาย
ปญหาแลว”
องคติ้งอูตรัสเสียงขรึม แตพอตรัสแลวสีหนาก็เหยเกอีก เพิ่งรูสึกตัววา ตนกับ
เสนาบดีคูใจกําลังเดาสถานภาพของโอรสตนอยู สําหรับพระองคแลว นี่เปนเรื่อง
ตะขิดตะขวงใจพอควร จึงไมคิดพูดถึงอีก ไดแตสายพระพักตรกอนตรัสออกตรงๆ
“รอถามจากลูสวินอี้โดยตรงก็แลวกัน”
“สวนพวกผูรับใชที่เห็นปายคําสั่งจากลูกหกแลวปดจวนไมตอนรับ มีความผิดโทษ
ฐานไมเคารพเชื้อพระวงศ สมควรตาย! บอกหนวยจิงจีวา ใหเคลื่อนยายศพไปที่กอง
ปราบรอรับโทษ!”
องคติ้งอูเริ่มจัดการแกไขสถานการณ
“พะยะคะ!”
จางปงลี่เขาใจในความหมาย เรื่องนี้เปนไปตามเหตุผล ตองจบใหไดโดยเร็ว ไมควรมี
เรื่องเพิ่มขึ้นอีก
“สวนเรื่องประเทศฉี...” สีหนาองคติ้งอูเครงขรึมขึ้น
“สังหารแลวก็คือสังหาร เปนพวกเขาที่ลงมือกอน คนมากมายก็เห็น หนวยจิงจีของ
ขายังไมทันลงมือ พวกเขาก็ถูกคนของลูกหกสังหารเสียกอน บอกคณะทูตประเทศฉีวา
เรื่องนี้ขาไมถือสาก็ถือวาเมตตาแลว อยาริอาจกอกวนอะไรอีก อีกอยาง พวกเขาอยาก
แสดงวรยุทธมิใชรึ? บอกพวกเขาดวยวา ขายืนมือไพลหลังรออยู!”
ตอน 234 องคติ้งอูไมกลา หมิงอองกลา
ที่ทําการเขาซางชิง
ชงเสวียนสบถสาบานดวยสีหนาจริงจัง “เขาซางชิงสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อุทิศตนเพื่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเรื่อยมา ยามนี้บานเมืองเกิดศึกสงคราม ศิษยเขา
ซางชิงกระจายตัวอยูตามพื้นที่ตางๆ คุมครองความปลอดภัยใหแกแมทัพนายกองใน
สมรภูมิรบอยางไมเห็นแกชีวิต ตอสูกับผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีครั้งแลวครั้งเลา ซึ่งทุกคนตาง
ก็ประจักษแกสายตาดี ขอกงกงโปรดเขาใจ เรื่องนี้ตองมีศิษยคิดไมซื่อ วางกับดักปายสี
สํานัก”
“นักพรตชงเสวียน เรื่องนี้แทจริงเปนอยางไรนัน้ พวกเราไมกลาตัดสิน พวกเรา
เพียงนําคําพูดฝาบาทมาไตถามทานดู การสมคบคิดกับชาวตางชาติแทจริงแลวเปนการ
กระทําของศิษยทานหรือไม ทานก็เพียงตอบคําถามเพื่อใหเราสามารถนํากลับไปรายงาน
ใหฝาบาททรงทราบก็พอ!”
มหาดเล็กจากวังหลวงตอบดวยสีหนานิ่งเรียบ
สีหนาชงเสวียนไมสูดีนัก เขากมลงมองศพในเปลที่วางอยูบนพื้น มุมปากกระตุกไม
หยุด ไดแตยิ้มขมขื่น
“กงกง คนผูนี้เคยเรียนวิชากับเขาซางชิงเราจริง...”
“ดี เมื่อเปนเชนนี้ พวกเราก็ขอตัวกลับไปรายงานฝาบาทแลว” มหาดเล็กยกมือขึ้น
คารวะ กอนหันไปบอกทหารที่มาดวยกัน “พวกเรากลับ”
“ชากอน!” เสียงหญิงสาวดังขึ้น
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี หันมองเหมยอวิ๋นชิง แลวรีบเขาปราม “ศิษยนอง!”
กงกงชะงักฝเทา หันกายมาเผชิญหนากับบุตรีจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิง เขายกมือขึ้น
คารวะ
“ไมทราบวานักพรตเหมยมีเรื่องใดอยากชี้แนะ?”
สีหนาเหมยอวิ๋นชิงนิ่งดุจน้ําแข็ง นางชี้ไปที่ศพ พลางเอยปาก
“กงกง ถึงคนผูนี้เปนศิษยเขาซางชิงที่ใชชีวิตเชนคนธรรมดา แตการที่ทานสงศพเขา
มา ยอมหมายถึงกําลังกลาวโทษวา เขาซางชิงเราสมคบคิดกับศัตรูตางชาติ เกรงวาเรา
คงยากที่จะทําใจยอมรับได!”
ชงเสวียนไดยินก็รูสึกขมขื่นใจ คิดวาทานนี้คงรูสึกวาเรื่องราวยังวุนวายไดไมมากพอ
ชงเสวียนไมทันตําหนิเหมยอวิ๋นชิง จึงไดแตมองไปยังมหาดเล็ก และเห็นวาสีหนา
มหาดเล็กไมสูดีนัก เขายืดตัวตรงแลวพูดขึ้นดวยน้ําเสียงราบเรียบ
“โทษประหารเกาชวงโคตรนี้ แนนอนวาไมใชการกระทําของสํานักทาน พวกเราไม
กลาพูดจาเหลวไหลแมสักครึ่งคํา พวกเราเพียงไดรับคําสั่งใหมาถามดูเทานั้น ขอนักพรต
เหมยอยาไดเขาใจพวกเราผิด”
“กงกงอยาเขาใจผิด นักพรตเหมยมิไดหมายความเชนนั้น...”
มหาดเล็กมองชงเสวียน “ทานนักพรตวางใจ เราไมกลานําคําพูดของนักพรตเหมย
มาคิดสุมสี่สุมหาเปนอันขาด เราเพียงนําคําพูดนี้รายงานใหฝาบาททรงทราบ ใหฝาบาท
เปนผูวินิจฉัย นี่คือหนาที่เรา ขอตัว!”
พูดแลวก็สะบัดแขนเสื้อ กาวเทาเดินจากไปโดยไมหยุดเหลียวมองใดๆ
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี ไมพูดไมจารีบตามออกไป อธิบายดวยสีหนาขมขื่น
“กงกงอยาเพิ่งโกรธ นักพรตเหมยอยูบนเขานานเกินไป ไมรูกาลเทศะ หากพูดจา
ลวงเกินไปขอกงกงอภัยใหดวย เรื่องของศิษยผูนี้ ขาตองขอรบกวนทานชวยรายงานฝา
บาทวา เรื่องนี้กะทันหันมาก เขาซางชิงเต็มไปดวยความหวาดกลัว แตขอใหทรงเชื่อมั่น
วา เรื่องนี้ไมใชการกระทําของเขาซางชิงอยางแนนอน ขอฝาบาทใหเวลาเขาซางชิงสัก
พัก ใหเราไดสืบหาความจริงใหกระจาง เพื่อพิสูจนความบริสุทธิ์และอธิบายใหฝาบาท
ทรงทราบ”
พูดพลางจับแขนเสื้อของมหาดเล็กขึ้น ยาขวดหนึ่งถูกใสเขาไปในแขนเสื้อ
มหาดเล็กสะดุงเล็กนอย สีหนาลังเลใจ แตคิดอีกที คําพูดของชงเสวียนมีความหมาย
ชัดเจนและมิไดรองขอใหเขาทําอะไร เพียงขอใหอยาจดจําความไรเหตุผลของเหมยอวิน๋
ชิง อยาใชคําพูดไมดีรายงานทาทีของเหมยอวิน๋ ชิงใหฝาบาททราบไดเปนดี สวนเรื่อง
อื่นๆ ยอมไมเกี่ยวกับเขาแตอยางใด
สีหนามหาดเล็กคอยดีขึ้นหนอย เก็บขวดยาไว น้ําเสียงนุมลง ถอนหายใจเบาๆ มอง
ชงเสวียนพลางพูดเสียงขรึม
“ทานนักพรตวางใจ เราตองรายงานตามคําพูดของทานอยางแนนอน เฮอ อยาวา
เราปากมากเลย เรื่องนี้ไมใชเรื่องเล็ก ฝาบาททรงกริ้วมาก ขอทานนักพรตลงมือจัดการ
ดวยตนเองจะดีกวา หากไมรีบจัดการ อาจกลายเปนความผิดพลาดไปชั่วชีวิต!”
“อืม...” มานตาชงเสวียนหดตัว ริมฝปากสั่นเล็กนอย แตแลวก็โคงตัวใหมหาดเล็ก
“ขอบคุณกงกงที่ตักเตือน ผูเฒาจะจําใสใจไว”
มหาดเล็กไมพูดมากความ ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง สายศีรษะไปมา กอนเดินจาก
ไปพรอมทหารกลุมหนึ่ง
ชงเสวียนมองดูแผนหลังของเขา พลางไดยินคําพูดสะทอนไปมาในหัวสมองไมหยุด
‘หากไมรีบจัดการ อาจกลายเปนความผิดพลาดไปชั่วชีวิต’
คําพูดนี้กําลังบอกเขาใชหรือไมวา ดาบถูกเงื้อขึ้นแลว อยาหวังวาจะโชคดีอีก!
เขาหันกายเดินกลับดวยสีหนาเครงเครียด พอดีไดยินเหมยอวิ๋นชิงตบโตะ กอนพูด
เสียงดังดวยความโกรธ “เฮอะ อาศัยคนตายคนหนึ่ง ก็คิดงัดขอกับเขาซางชิงขา ขมเหง
กันเกินไปแลว เขาซางชิงขาเปนสํานักเตาแนวหนา มีรึที่จะยอมใหใครมาครอบงําได
งายๆ”
ชงเสวียนหนาตาบึ้งตึง แตยังคงพยายามพูดเตือนสติ “ศิษยนอง กงกงเมื่อครูเปน
มหาดเล็กคนสนิทของฝาบาท เราไมควรลวงเกินเขา หากเขาจงใจพูดใหรายเราตอหนา
ฝาบาท ทําใหฝาบาทกริ้วขึ้นมา จะทําใหเรายิ่งเดือดรอนกันไปใหญ”
เหมยอวิ๋นชิงที่กําลังโกรธจัด พอไดยินชงเสวียนตําหนิก็ยิ่งรูสึกเดือดดาล หันควับมา
มองชงเสวียน “ศิษยพี่ ทานตองรูไวดวยวา ที่เขาซางชิงเรามีบารมีมาไดจนทุกวันนี้ มิใช
อาศัยการนอบนอมโคงตัวคุกเขาเยี่ยงบาวรับใช...”
“อวิ๋นชิง หยุดพูดเหลวไหล!” เหมยอวิ๋นเทียนที่อยูขางกายนาง พอไดยินนางพูดจา
ทํารายจิตใจคน และเหลือบเห็นชงเสวียนโกรธจนหนาแดง จึงรีบตะโกนหาม
เหมยอวิ๋นชิงชะงักเล็กนอย นางลุกขึ้นยืน ยังคงพูดตอ “พี่ใหญ ทานก็เห็นอยู เขา
อาศัยเพียงศพหนึ่ง บุมบามกลาวโทษเราอยางไรเหตุผล หาวาเราสมรูรวมคิดกับศัตรู
ตางชาติ ใสรายปายสีเรา นี่หมายความวาอะไร? เดรัจฉานนั่นสังหารปรมาจารยทั้งสาม
ของเราแทๆ แตเรากลับถอยอยูได ทําใหติ้งอูไดใจ เริ่มคิดไดคืบจะเอาศอก เฮอะ...หาก
ยอมเขาไปเรื่อยๆ เชนนี้ เกรงวาอาจทําใหเขาลืมไปจริงๆ วา ตนเองในตอนนี้ไมใชองค
จักรพรรดิเซิ่งอูเมื่อครั้งกอรางสรางประเทศอีกตอไป และเขาซางชิงในตอนนี้ยอมไมใช
เขาซางชิงในรัชสมัยองคเซิ่งอู!”
พูดถึงตอนนี้ อารมณเหมยอวิ๋นชิงยิ่งรุนแรงขึ้น นางหันมองชงเสวียน
“ศิษยพี่ อยาหาวาศิษยนองเสียมารยาทเลย องคติ้งอูเคยพอใจพวกเราที่ไหน มีเวลา
ไหนบางที่เขาไมคิดกําจัดพวกเรา แลวผลเปนอยางไร? เขากลาไหม? กลาพอหรือเปลา?
วันนี้ทั่วหลาตางก็รูวา ราชสํานักแตกแยกแบงพรรคแบงพวก แผนดินถูกตางชาติที่มี
อาวุธทันสมัยรุกราน ในประเทศถูกนายพลหลินตอตาน กองทัพแตกออกเปนสองฝาย
เชนนี้องคติ้งอูจึงไมกลาลงมือกับเราแนนอน นอกจากอยากใหประเทศยุงเหยิงไปกวานี้
แลวเหตุใดเราถึงตองกลัวดวย?”
เหมยอวิ๋นเทียนฟงแลวขยับริมฝปากเล็กนอย แตสุดทายก็ไมไดพูดอะไร กลับหัน
มองชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน อวิ๋นชิงแมเสียมารยาท แตที่นางพูดมาก็มีเหตุผล แมเราไม
สามารถวูวาม แสดงใหเห็นตรงๆ วาเราเปนศัตรูกับราชสํานัก แตถาองคติ้งอูขมเหงกัน
เกินไป ถึงเวลาที่ควรแข็ง เราก็ตองแข็ง”
หัวใจชงเสวียนเตนไมเปนระส่ํา ใบหนาแดงก่ํา เขาไหนเลยจะไมรูวา ที่ผานมาเหม
ยอวิ๋นชิงไมชอบวิธีการบางอยางที่เขาใชจัดการกับปญหา แตกลับคิดไมถึงจริงๆ วาคนผู
นี้จะมองตนเชนนี้
นอบนอมโคงตัว คุกเขาเยี่ยงบาวรับใช ทําใหเขาซางชิงขายหนา...
นี่ไมใชคําพูดของคนธรรมดา แตเปนคําวิพากษวิจารณจากบุตรีจอมยุทธแหงเขาซาง
ชิง ซึ่งเกือบจะเปนคําตัดสินสถานะภายภาคหนาในเขาซางชิง
หลายปมานี้ในฐานะผูดูแลสาขาเขาซางชิงในเมืองหลวง เขาพยายามทําทุกอยางให
ดีที่สุดเพื่อเขาซางชิง แตวันนี้กลับไดรับคําวิจารณเชนนี้ แมชงเสวียนเชี่ยวชาญการ
ประนีประนอมอยางหาตัวจับยากในเมืองหลวง แตตอนนี้เขากลับยากที่จะรับไหว
ไมคุมคายิ่ง!
โกรธแคนยิ่ง!
เขาเชิดหนามองเหมยอวิ๋นชิงและเหมยอวิ๋นเทียน ลมหายใจหนักหนวง ไหนเลยจะ
ไมรูวาทั้งสองทานมีนิสัยหยิ่งยโส เพราะถูกเลี้ยงดูอยางตามใจมาแตเด็ก
แตเขาก็ไมคิดเกรงกลัวอีก ดวงตาแดงระเรื่อ เสียงแหบเล็กนอย “ทานทั้งสองควร
จะรูไววาที่นี่คือที่ไหน? นี่คือเมืองหลวง ขอเพียงราชสํานักยังไมสิ้น ขอเพียงองคติ้งอูยงั
เปนองคจักรพรรดิ เขายอมมีอํานาจมากเปนที่หนึ่ง ไมเปนสองรองใครในเมืองหลวง
ตอนนี้แนนอนไมใชปนั้น ทั่วหลาแตกกกแตกเหลา แตพวกทานเคยคิดไหมวาเมื่อพูดถึง
ผูนําของตาเซี่ยแลว ยังมีใครที่เหมาะสมไปกวาเขา?”
เหมยอวิ๋นชิงไดฟงก็เลิกคิ้วอยางเหยียดๆ เห็นไดชัดวานางไมมีความยําเกรงเชื้อพระ
วงศแมแตนอย
“ศิษยพี่ ทานอาจลืมไปวายังมีแมทัพหลินอีกคนที่ถูกยกยองใหเปนวีรบุรุษ!”
“แลวอยางไร?” พอสิ้นเสียงนาง ชงเสวียนพลันเชิดหนาจองมองนางนิ่ง กระทั่งพลัง
ปราณที่ไมเคยเห็นทั้งสองเปลงใสกันก็ปะทุขึ้น
“ตระกูลหลินถือกําเนิดจากคนธรรมดา และเปนขุนนางมาโดยตลอด วันนี้ถูกเรียก
ขานวาวีรบุรุษ ศิษยนองคิดวาเขากับองคติ้งอูเหมือนกันอยางนั้นรึ?”
เหมยอวิ๋นชิงไมเคยเห็นผูเฒาใจดีอยางศิษยพี่โกรธมากอน นางแมไมกลัว แตพอเห็น
ศิษยพี่หนาตาบูดบึ้ง จึงอดทนสักพัก กอนพูดเสียงขรึม
“เหตุใดจะไมเหมือนกัน? ปนั้นองคเซิง่ อูก็ถือกําเนิดจากคนธรรมดา ก็รองอุแว
เหมือนกันนี่ จะกษัตริย ขุนนาง หรือนักรบก็เหมือนกัน ตางกันก็แคชื่อเรียก”
“ผิดแลว เจาผิดแลว!” ชงเสวียนสวนกลับทันควัน
“องคเซิ่งอูถือกําเนิดจากคนธรรมดาก็จริง แตก็เคยกมกราบผูมีบารมีทั่วทุกทิศ แต
องคติ้งอูไมใช เขาไดรับความเคารพแตเด็ก ทั้งชีวิตนอกจากกราบไหวบุพการีแลว ไมเคย
กราบไหวผูอื่น องคเซิ่งอูสรางประเทศ วางรากฐานทุกดานมาหารอยป หารอยปนี้ใต
หลาเปนของตระกูลมอ พวกเขาพัฒนาจิตวิญญาณและเกียรติยศของกษัตริยเรื่อยมา นี่
เปนสิ่งที่คนตระกูลหลินไมมี องคติ้งอูมธี รรมาภิบาลของกษัตริย สามารถประสานทั้งสี่
ทิศ แตนี่มิไดหมายความวาเราสามารถแสดงอํานาจตอหนาเขา ศักดิ์ศรีตระกูลกษัตริยไม
สามารถดูหมิ่น แมวันนี้เปนของปวงชน แมเปนวันสุดทายกอนสิ้นชาติ เขาก็ไมมีทางทน
ดูคนในประเทศยุยงปลุกปนจนแตกแยกกันเองตอหนาแนนอน เจาเชื่อหรือไม ถาเขา
ซางชิงกลายอมรับวาสมคบคิดกับชาวตางชาติตรงหนาเขา เขาตองลงมือกับเราแน”
“ศิษยพี่ อาจไม ขนาดคนตระกูลหลินกบฏ ซ้ําเรียกตนเองวาออง แลวอยางไร เขา
ทําอะไรได?” ครั้งนี้เหมยอวิ๋นเทียนเปนผูเอยปาก ทําเอาชงเสวียนคิ้วกระตุก
“แลวตอนนี้เราถูกตางชาติรุกราน ราชสํานักแยเชนนี้ ศิษยนองเห็นเขายอมทน
อัปยศอดสูรวมมือกับตระกูลหลินตอสูตางชาติหรือเปลาละ? นี่เปนศักดิ์ศรีตระกูล
กษัตริยของเขา ไมสามารถประนีประนอมกับกบฏเด็ดขาด ไมผิด
เขาซางชิงเราก็เชนเดียวกัน หากเปนศัตรูกับเขาซึ่งหนา เขาไมสามารถบอกใหทหาร
ยกทัพมาทําลายลางเขาซางชิงในทันทีก็จริง แตก็ไมมีทางอดทนเหมือนกอนแน นาทีแรก
ตองประกาศวาเราเปนกบฏ แลวใชศีรษะขากับทานทั้งสองสังเวยใหเปนแบบอยางโทษ
ฐานกบฏ”
“เขากลาหรือ?” เหมยอวิ๋นชิงเสียงดัง เหมยอวิ๋นเทียนหนาเปลี่ยนสี
ชงเสวียนมองดูใบหนาบิดเบี้ยวของเหมยอวิ๋นชิง แลวจึงพูดตอ
“ผูนํากองกําลังอื่นๆ อาจอดทนไดเพราะหวงกังวลเรื่องตางๆ แตองคติ้งอูไม เขา
สามารถอดทนกับทุกอยางในใตหลาได ยกเวนเรื่องประกาศตัวเปนกบฏ นี่เปนศักดิ์ศรี
ของเขา และเปนกาวที่เขาไมสามารถถอยได เพราะถาปลอยใหมีหนึ่งก็ตองมีสองตามมา
ผูที่ถูกปวงชนเรียกวาจักรพรรดิตาเซี่ย เหตุใดตองทําเพื่อขุนนาง? ขุนนางแซหลินคนหนึ่ง
เคยทําใหเขาจองทําลายลางโดยไมสนใจศัตรูตางชาติ ถึงทําใหยุงเหยิงกันมาจนทุกวันนี้
พวกทานยังกลาสงสัยในเกียรติยศและความเด็ดขาดขององคจักรพรรดิอยูอีกหรือ?”
เหมยอวิ๋นเทียนริมฝปากสั่นเล็กนอย สวนเหมยอวิ๋นชิงดวงตาคมกริบทะลุจักรวาล
นางยังคงไมเชื่อ
“จะเอาเรื่องในปนนั้ มาเทียบกับปนี้ไมได ตอนนั้นเขายังมีกําลังงัดขอกับทานหลิน
แตตอนนี้เขาเหลืออะไร หากคิดงัดขอกับเขาซางชิง ตองทําใหสํานักเตาทั่วประเทศยุงแน
หากสํานักเตาเราไมสงคนไปชวย ผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีก็ยิ้มหวาน ถึงตอนนั้นสมรภูมิรบ
คงวุนวายนาดู ดังนั้นขาจึงไมเชื่อวาเขาจะกลาลงมือกับเรา นอกจากวาเขาอยากใหสิ้น
ชาติ”
ชงเสวียนเห็นนางมั่นใจเชนนี้ จึงสายหนาชาๆ
“ใช อยางที่เจาวา องคติ้งอูไมกลา เขาตองอดทนและอดทนตอไปเพื่อประเทศชาติ
เขาไมกลาก็จริง แตลกู หกของเขา หมิงอองกลาหรือไม?”
“หมิงอองหรือ?”
พอพูดถึงหมิงออง เหมยอวิ๋นเทียนกับเหมยอวิ๋นชิงตางชะงัก เหมยอวิ๋นชิงยิม้ เย็นชา
“เดรัจฉานนั่นก็แคเด็กรับใชจิ๊บจอยที่ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา เหมือนบาเลือด อยาก
เบงบารมีชั่วครั้งชั่วคราว จริงๆ แลวมีความสามารถที่ไหน จะเทียบกับเขาซางชิงเราได
อยางไร?”
ชงเสวียนเงียบแลว เขาไมรูจะพูดอยางไรดี
นางหยิ่งยโสเกินไป บอกวาหมิงอองไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา แตกลับไมรูวานางเองนั่น
ละที่ไมรูอะไรเลย
ชงเสวียนสงสัยอะไรบางอยาง ที่ศิษยนองเหมยเกลียดชังเชื้อพระวงศอยางไมลืมหู
ลืมตาเชนนี้ อาจเปนเพราะการเขาวังในปนั้น องคติ้งอูใชอํานาจบีบบังคับนางกลางทอง
พระโรง และนางที่มีฐานะสูงสงมาตลอด ไมเคยแบกรับความไมเปนธรรมมากอน พอถูก
ทําใหอับอายจึงฝงใจและคับแคนใจเรื่อยมา
แตไมวาอยางไร เมื่อพูดกันขนาดนี้แลว ชงเสวียนก็ไมกลัวบารมีสองพี่นองอีก
มิฉะนั้นชาเร็วก็ตองถูกพวกเขากลั่นแกลงจนย่ําแยในหนาที่แน จึงตอบเสียงเบา
“ไมผิด หมิงอองอายุแคยี่สิบเศษก็จริง แตระหวางถูกทหารนับพันลอมจับ เขากลับ
ตัดศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนไดภายในไมกี่กระบวนทา ศิษยนอง เจาวาเขาซางชิงเรานอกจาก
จอมยุทธแลว ใครสามารถทําไดอีก?”
“และเจาอยาลืมดวยวา เขามิไดอยูตัวคนเดียว นี่ยังไมพดู ถึงสถานะหมิงอองนะ พูด
แคเฉพาะในมือเขา ยังประกอบไปดวยกองกําลังขนาดใหญทั้งคนทัง้ มาที่ออกปฏิบัติการ
ไดจํานวนหลายรอย และมีความแข็งแกรงดุจกองทัพนับหมื่น เขาโจมตีสํานักซานเวย
เอาชีวิตหานไจโควทามกลางทหารฉีมากมาย ลําพังกําลังเชนนี้ เทียบไมไดกับเขาซางชิง
เรารึ?
“อีกทั้งตอนกองทัพประเทศฉีพยายามปดลอมพื้นที่ทั่วทุกหัวระแหงนั้น เขากลับ
อาจหาญบุกเขาบานตระกูลตูหรือที่ทําการกลุมเยาวชน เพื่อเผชิญหนากับสาม
ปรมาจารยสํานักเตาเรา ประหนึ่งบุกเขาเขตปลอดคน สังหารปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธทั้ง
สองในกระบวนเดียว...”
พูดถึงตรงนี้ ชงเสวียนก็ใจสั่น เงยหนามองสองพี่นอง
“กระบวนเดียว ใชแคกระบวนเดียวเทานั้น และแหลงขาวที่เชื่อถือไดยังบอกดวยวา
หนึ่งหมัดของเขายังมีเสียงคํารามของพยัคฆดังออกมาดวย ทั้งสองทาน พลัง
ความสามารถของหมิงอองยังสามารถดูหมิ่นไดรึ?”
“ไรสาระ! ตองเปนขาวลือที่เดรัจฉานนั่นจงใจปลอยออกมาแน อายุแคยี่สิบเศษ จะ
กลายเปนจอมยุทธไดอยางไร ฝนไปเหอะ”
เหมยอวิ๋นชิงเสียงแข็ง แตสีหนาที่เดิมแดงระเรื่อพลันเปลี่ยนเปนซีดขาว เห็นไดวา
นางรูสึกหวาดกลัว
ชงเสวียนไมโตแยง พูดเสียงทุมต่ํา “เปนจอมยุทธหรือไมขา ไมรู แตเมื่อครู ลูกนอง
ของเขาสองคนที่อายุไมเกินสี่สิบไดตัดศีรษะจินเฉิงปา ปรมาจารยชาวฉีทามกลางสายตา
ผูคนมากมาย นี่คงไมปลอมสินะ วิทยายุทธของศิษยพี่หลี่ ทั้งสองทานก็ชัดเจนดี แลวผล
เปนอยางไร? พอไปถึงตรงหนากลับถูกบีบใหถอยเสียอยางนั้น พลังยุทธเชนนั้น ไมพูด
เฉพาะเขาซางชิง พูดถึงสํานักเตาทั้งหมด สํานักไหนบาง ที่มีปรมาจารยอายุต่ํากวาสี่สิบ
ที่มีความสามารถเชนนี้? หมิงอองใชจอมยุทธหรือไม ขาไมพูดถึง แตการที่เขามีลูกนอง
เชนนี้ เราก็ควรระวังแลว”
“เขายังมีลูกนองเชนนี้อยูอีกกี่คน? พลังยุทธของเขาฝกถึงขั้นไหนแลว ไมพูดถึงพลัง
ยุทธก็ได ที่นากลัวที่สุดก็คือ เขาเหมือนเทพสงคราม ไมมีอะไรที่จะหยุดยั้งเขาไวได กอง
กําลังในใตหลารวมทั้งเขาซางชิงขาตางมีหลักการของตน กระทําการอยางสมดุล ไมกลา
ล้ําเสนโดยพละการ”
ชงเสวียนเหมือนชราลงมากในชั่วพริบตา พอเห็นทั้งสองสีหนาซีดขาวจึงถอนหายใจ
กอนพูดตอเสียงขรึม
“แตหมิงออง ใครสามารถพูดเรื่องสมดุลกับเขา? สงครามกอเกิดความเสื่อมโทรม
ผูคนนอยใหญในประเทศตางคิดหาวิธีหยุดยั้งสงคราม แตเขากลับใจกลาบาบิ่นสังหาร
คนฉี ทั้งปรมาจารยและขุนนางระดับสูง
เขาไมกลัววาคนฉีจะลางแคนอยางบาคลั่งหรือไม พูดเพียง สายน้ําหนึ่งหยดก็คือ
โลหิตหนึ่งหยด เยาวชนหนึ่งแสนคนก็คือทหารหนึ่งแสนนาย ยอมตายดีกวาสิ้นชาติ เขา
ทําตามปณิธานของตนเองบนพื้นฐานความเปนจริง ไมมีใครกลาสงสัยในความกลาหาญ
และความเด็ดเดี่ยวของเขา”
“ไมเพียงแตคนฉี คนในประเทศก็เชนกัน ผูคนลือกันวาแมทัพเฉินเขอจานถูกพวก
เราสํานักเตาสังหาร แตในความเปนจริงพวกเราตางชัดเจนดี ความตายของเขาไม
เกี่ยวกับเรา ฆาตกรเปนใคร คิดวาตอนนี้ทานทั้งสองก็คงรูอยูแกใจดี เขากระทั่งแมทพั
ของราชสํานักยังสังหารได แมเปนแมทัพคนสนิทขององคติ้งอูก็ตาม...มาดูวันนี้ กอนที่
พวกเขาจะสังหารผูรับใชในจวนหมิงอองที่องคติ้งอูสั่งใหคนจัดหามา พวกเขาลังเลแมแต
นอยหรือเปลา? เหมือนองคชายทานอื่นๆ ที่กังวลวาจะทําใหฝาบาทไมพอใจหรือเปลา?
เขาไมสนใจดวยซ้ํา!”
“ไมตองพูดถึงปรมาจารยสํานักเตาเรา พวกทานก็เห็นกันแลว เมื่อคืนสั่งไปวา วันนี้
เชาใหไปสังหารคน ขาเองยังคิดไมถึงวาเขาจะปฏิเสธอยางไมแยแสแมแตนอยวาสํานัก
เตาเราจะหาวาเขาทรยศสํานักดวย”
“พวกทานบอกขาหนอยวา เขากลัวอะไร? มีใครที่เขาไมกลาสังหารรึ? เทพแหง
สงครามผูนี้ คิดวาเขาจะกลัวเขาซางชิงเราไหม เขาจะคิดไหมวาหากแตะตองเขาซางชิง
เราแลวจะมีผลตามมาเชนไร?”
“ศิษยพี่ก็ พูดเสียเดรัจฉานนั่นนากลัว หากเขาคลุมคลั่งเชนนี้จริง ก็ถือวาเปนศัตรู
กับผูคนทั่วหลา จะชาเร็วอยางไรก็ตองไมตายดีแน!” เหมยอวิ๋นชิงรังเกียจเดียดฉันท กัด
ฟนกรอด
“ไมผิด ตามประวัติศาสตรแลวผูที่ไมหวาดกลัวอะไรเชนนี้ ยอมมีชีวิตอยูไดไมนาน
แตเกรงวาเขานาจะยังไมตายในเวลาอันสั้นนี่สิ นอกเสียจากวาคนฉี หรือคนในประเทศ
สวนใหญอยากใหเขาตาย แตก็ยังไมมีใครกลาลองไปสังหารเขาดู อยางนอย หากยังไมมี
ความมั่นใจก็ไมมีใครบุมบามเปดศึกกับเขา แมแตจินเฉิงปายังมีสภาพเชนนี้ ทั้งๆ ที่คิด
ทาสูกับปรมาจารยตาเซี่ยในทองพระโรง
แตกลับไมกลาตรงไปหมิงจูสงั หารหมิงออง อยาวาแตกองกําลังในประเทศเลย เขา
ซางชิงขามีใครยอมไปหมิงจูสงั หารเขาหรือเปลา?” ชงเสวียนถามกลับ
คําพูดนี้ทําใหเหมยอวิ๋นชิงอับอาย ถูก นางก็รู พลังยุทธของหมิงอองในตอนนี้
นอกจากจอมยุทธแลว เกรงวาไมมีปรมาจารยทานใดที่กลาไปหมิงจูทาประลองกับเขา
นางเองยอมไมตองพูดถึง กระทั่งชุยเฉาเหยี่ยน หรือหลิวซื่อเฉิงยังไมใชคูตอสูของห
มิงออง นางแมดูแคลนหมิงออง แตกระทั่งความกลาก็ยังไมมีที่จะไปยืนเผชิญหนาอยู
เพียงลําพังกับหมิงออง
เมื่อเห็นทั้งสองไมพดู จาใดๆ ชงเสวียนจึงพูดนิ่งๆ
“ขอเพียงเขายังไมตาย ใครกลางัดขอกับเขา ก็จงเตรียมเผชิญหนากับศัตรูที่นากลัว
คนหนึ่งได เขาเด็ดขาดมาก ไมเหมือนพวกราชสํานักที่ยอมอดทน เมื่อเขาบอกวาจะ
สังหารคนฉี ไมเพียงกองกําลังตางๆ ที่มี ใครๆ ก็ตองสังหารคนฉี ใครไมสังหาร คนนั้นก็
คือศัตรูของเขา เขาก็สังหารคนนั้น เขาซางชิงเราจึงเปนศัตรูรายแรกที่เขาใชประกาศ
ศักดา”
สองพี่นองตระกูลเหมยรับไมได ที่เขาซางชิงตองกลายเปนศัตรูรายแรกที่เดรัจฉาน
นั่นใชประกาศศักดา
แตหากคิดโตแยง จะสามารถพูดอะไรได?
พูดถึงตรงนี้ ที่ควรพูดก็พูดไปเกือบหมดแลว ชงเสวียนถอนหายใจยาว
“ทานทั้งสอง ใชวาขาชงเสวียนขลาดกลัว และใชวาขาอยูเมืองหลวงนานเกินจน
สูญเสียความเปนศิษยสํานักเตาไป ทานทั้งสองวาจะชิงศีรษะทั้งสามกลับคืน ใชวาขาชง
เสวียนไมกลาเสี่ยงตาย ใชวาเกรงกลัวบารมีหมิงออง ใชวาไมกลาเปนศัตรูกับเขา แตเปน
เพราะเราไมสามารถใชเหตุผลกลใดกับหมิงอองแลวจริงๆ แมพวกเราสามารถชิงศีรษะ
เหลานั้นกลับมา หันใบหนาที่ถูกหมิงอองตบกลับคืน แตสุดทายหมิงอองจะคิดไหมวา
พวกเรายากตอแย? จึงไมกลาทําอะไรจื้อเฟง? ขายิ่งหวงวา หมิงอองจะตัดศีรษะจื้อเฟง
โดยไมตองคิดแลวแหขบวนตีฆองรองเปาสงเขาเมืองหลวงดวยตัวเองมากกวา”
“หากกลาทําถึงเพียงนี้...ก็เขามาได แตกลับออกไปไมได!” ครั้งนี้เหมยอวิ๋นเทียน
โกรธแลว ปากเขาสั่นจนไดยินเสียงฟนกระทบกระทั่งกัน
ชงเสวียนเงียบ จนถึงตอนนี้ทั้งสองทานยังคงครุน คิดพลางกอดศักดิ์ศรีและบารมี
ของเขาซางชิงไว พวกเขายังไมรูสึกถึงอันตรายที่แทจริง
นี่เปนเรื่องที่ชวยไมได พวกเขาเปนบุตรของจอมยุทธ ในโลกที่ยุงวุนวาย เกรงวา
แมแตเชื้อพระวงศก็ยังไมสูงสงเทาพวกเขา เมื่อมีบารมีขนาดนี้ก็ยอมเลี่ยงไมไดที่จะหยิ่ง
ยโส
ทวาเมื่อชงเสวียนพูดมาถึงเพียงนี้ได ยอมไมปลอยใหเสียเปลา ตองไมใหพวกเขาคิด
ทําการเหลวไหลอีก
“สถานการณในตอนนี้ ผูคนทั่วหลายอมกําลังกนดาหรือพูดจาเผาเขาซางชิงเราจน
ไหมเกรียม ไมรูมีผูคนกี่มากนอยที่หวังใหเรากับหมิงอองผิดใจกัน ใชเราหยั่งเชิงขุมกําลัง
ของหมิงออง ไมตองสงสัย จากความกาวราวดุดันของหมิงออง พอเราผิดใจกับราชสํานัก
เขาตองใชวิธีที่รุนแรงที่สุด รวดเร็วที่สุด จัดการประหัตประหารเขาซางชิงเราแน พูด
หยาบหนอยก็คือ กระทั่งจอมยุทธก็อาจเปนเปาหมายสังหารของเขา เพราะเขาตองการ
สําแดงเดช จึงตองใชความรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นสรางความหวาดกลัวไปทั่ว”
“ทานทั้งสอง หากคิดไตรตรองใหถวนถี่อีกสักนิด ก็จะพบวา การเผชิญหนากับหมิง
ออง เรามิไดเหนือกวามากมายอยางที่คิด โดยเฉพาะอยางยิ่ง หลังจากที่ลูกนองสองคน
ของเขาตอสูกับจินเฉิงปาแลว ขุมกําลังของเราสิ้นสุดอยูแคจอมยุทธเจาสํานัก แตขุม
กําลังของหมิงอองกลับยากแทหยั่งถึง ยังไมมีใครสามารถรูได สวนขุมกําลังของเราอยูที่
บรรดาศิษยเอก แตสํานักเตารอยแปดสํานักจะยอมใหเราเปนผูนําแลวทําตามเราอยาง
นั้นรึ? ตอนนี้ หมิงอองขึ้นแทนแลว เขาอายุยังนอยแตบําเพ็ญเพียรไดขนาดนี้ หากไม
เสียชีวิตกอนวัยอันควร ตองประสบความสําเร็จอยางยิ่งยวดในภายภาคหนาแน และ
อาจทําไดถึงขั้นที่ไมเคยมีใครทําไดมากอนในรอบพันป นี่แสดงใหเห็นวาหมิงอองมีวิถี
แหงเตาที่ไดรับการถายทอดมาอยางสมบูรณ เขามีศักยภาพที่จะพัฒนาสํานักเตาใหกาว
ไปขางหนาไดมากกวาเขาซางชิงเรา
มีกี่คนที่ติดอยูในขั้นปรมาจารยไมสามารถบรรลุได และยังมีอีกกี่คนที่หวังวาจะ
บําเพ็ญเพียรใหไดขั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ หมิงอองมีความสามารถขนาดนี้ พวกเขายังจะ
ลวงเกินหมิงอองเพือ่ เขาซางชิงอยูอีกหรือ?”
คําพูดชุดนี้ถึงเปนคําพูดที่ทําใหเหมยอวิ๋นชิงและเหมยอวิ๋นเทียนเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ
เพียงชั่วครู เขาทั้งสองเหมือนอาบเหงื่อตางน้ํา เหตุผลงายมาก หากหมิงอองมี
ความสามารถชวยใหคนในสํานักเตาบรรลุจริง การที่สํานักเตาตางๆ เอาใจออกหางจาก
เขาซางชิงยอมไมใชเรื่องลอกันเลน กระทั่งศิษยเขาซางชิงเองก็ไมเวนและมีความเปนไป
ไดที่จะคิดแปลกแยก นี่จึงถือเปนการถอนรากเหงาเขาซางชิงอยางแทจริง
“เด็กนี่สมควรตาย ใหอยูตอไมไดเด็ดขาด!” เหมยอวิ๋นชิงยังไมทันพูดอะไร เหม
ยอวิ๋นเทียนก็ลุกพรวด มองชงเสวียนดวยสายตาเ**ยมโหด
“ศิษยพี่ชงเสวียน หมิงอองเปนตัวคุกคามขนาดนี้ เหตุใดทานถึงไมนําเรื่องนี้รายงาน
ตอที่ประชุมสํานัก”
ชงเสวียนพูดไมออกจริงๆ ถาวันนี้ไมถูกบีบขนาดนี้ เขาไหนเลยจะพูดเรื่องนี้ ใครพูด
เรื่องนี้ก็ยอมหมายความวาเคยคิด ใครเคยคิดก็หมายความวาอยากแปรพักตรไปอยูกับห
มิงออง ชงเสวียนยอมไมมีทางปากมาก ทําใหผูอื่นรูวาเขามีความคิดแปลกแยก ตอนนี้จึง
ไดแตสายศีรษะ
“เรื่องนี้ขาไมจําเปนตองพูด ในสํานักมีผูรอบรูมากมาย ยอมมีคนคิดเรื่องนี้อยูแลว
หากสํานักไมเคยคิดเรื่องนี้มากอนจะไมมีทางญาติดีกับหมิงอองชั่วคราวโดยการอดทนไว
แลวสงคนมาเจรจาตอรองกับราชสํานัก แทนที่จะสงคนไปหมิงจูสังหารหมิงออง”
เหมยอวิ๋นเทียนรูสึกอึดอัดใจ คําพูดนี้กําลังวาเขาโงอยางไมตองสงสัย ผูอื่นยังคิด
เหตุผลงายๆ เชนนี้ได แตเจากลับมองไมออก ทวาแววตาเหมยอวิ๋นชิงกลับทอประกาย
“เดรัจฉานนั่นแปลกประหลาดจริง อายุยังนอยอยูแทๆ แตกลับมีความสามารถถึง
เพียงนี้ ตองมีความลับซุกซอนอยูแน หรือพวกเราควรรีบลงมือ...”
ชงเสวียนยอมแพ หากสิ่งที่เจากําลังจะพูดเปนไปได ยังตองรอใหเจาพูดอยูอีกหรือ?
“ยังไมตองพูดถึงเรื่องสามารถสงคนที่ไมกลัวอะไรเขาหมิงจูหรือไม คนฉีตองทําเปน
ไมสนใจ ปลอยใหเราเขาไปอยูแลว แตพอเราเขาไปได ก็ไมสามารถตีฆองรองเปาวาจะ
ไปสังหารหมิงอองอยูดี ถาสงคนลักลอบเขาไป ใครจะมั่นใจไดวาสามารถตอสูกับหมิง
อองในพืน้ ที่ที่เขาเชี่ยวชาญอยางหมิงจูได และพอพูดเรื่องพลังยุทธ นอกจากจอมยุทธ
แลว ก็ไมมีใครมีความมั่นใจอยางเต็มเปยมสักคน” ชงเสวียนพูดสบายๆ
เหมยอวิ๋นชิงหนาเครียด ลอเลนแลว บิดานางไมสามารถไปยังพื้นที่เสี่ยงอยางหมิงจู
ดวยตนเองแน
เรื่องนี้จึงตกไป บิดาเจาไมไป แลวคิดวาคนอื่นโงงมรึ?
“ทานทั้งสอง เราตองรีบเขาวังแลว ขอใหทานทั้งสองอดทนกับสถานการณที่นา
หนักใจนี้ใหได โดยไมควรทําเรื่องเพิ่มขึน้ อีกเปนอันขาด อยาคิดอะไรมาก คิดแคเรื่อง
ความปลอดภัยของหลานศิษยจื้อเฟงก็พอ พวกเราไมสามารถหาเรื่องเดือดรอนใสตัวอีก
แลวจริงๆ และหากไมระวังขึน้ มา นอกจากพวกเราจะหาชีวติ ไมแลวยังทําใหศิษยใน
สํานักเดือดรอนอีก” ชงเสวียนยกมือคารวะพลางออนวอน
เมื่อเห็นวาคนทั้งสองมีสีหนาไมสูดีนักและในที่สุดก็ไมพูดจาอะไร จึงรูสึกผอนคลาย
ลงเล็กนอย ถาคนทั้งสองพูดจาเหลวไหลในทองพระโรง นั่นก็เปนการรนหาที่เอง เขายัง
สงสัยวา แมราชสํานักไมลงมือ คนของหมิงอองอาจชักดาบใสก็เปนได จึงหันกายมอง
ออกนอกประตู ถอนหายใจแลววา
“เฮอ ศพที่ราชสํานักสงมานี้ ยังไมรวู าแทจริงแลวเปนใครกันแนที่วางแผนตลบหลัง
เขาซางชิงเรา...ปฏิบัติการของพวกศิษยพี่หลี่ในครั้งนี้ลมเหลว ถึงตอนนี้ ก็ยังไมมีขาวจาก
ศิษยพี่หลี่ คนอื่นๆ ตายไปก็คือตายไป แตศิษยพี่หลี่เปนปรมาจารยที่มีชื่อเสียงมานาน
หากเกิดเรื่องขึ้นยอมสรางความเสื่อมเสียใหเขาซางชิงเรา อีกทั้ง...”
ความจริงเขาอยากพูดวา ศิษยพี่หลี่เปนผูมีชื่อเสียงที่ทุกคนคุนหนา หากเกิดเรื่อง
ถูกราชสํานักหรือหมิงอองจับตัวได ยอมเดือดรอนแลว
ตอน 235 โลกวุน วาย ไมเพียงมัน่ ใจ ยังมีหยาดน้ําตา
การตอสูที่ทําใหผูคนตื่นตระหนกเมื่อครู เดิมทีคูตอสูมิไดมีเพียงจินเฉิงปา ยังมี
ปรมาจารยอีกทานหนึ่งที่คิดลงมือ แตกลับหนีไปเสียกอน จึงไมมใี ครใหความสนใจมาก
นัก ไมวาจะเปนราชสํานักหรือกองกําลังตางๆ ลวนพูดถึงเขานอยมาก
แตก็ใชวาทุกฝายจะลืม เพียงแตไมรูจะพูดถึงเขาอยางไรใหนาสนใจ
การปรากฏตัวของเขาชางนาขัน กระบี่ก็เงื้อขึ้นแลว สุดทายกลับตกใจเสียงคําราม
หนีไปหนาตาเฉย...
การปรากฏตัวของเขานอกจากชวยเสริมสงบารมีใหจวนหมิงอองแลว ก็มิได
หลงเหลืออะไรไวใหผูคนไดจดจํา แมใครตอใครจะรูวาเขาเปนปรมาจารย แตเขาก็ไมได
รับการเคารพยกยองเพิ่มขึ้นแตอยางใด
ดังเชนคําพูดที่ชายกํายําคํารามออกระหวางไลลาเขา “แคพวกหนูที่หนีไมพน หมู
หมากาไก!”
หนีไมพนก็ตองหนี บทบาทเชนนี้ ก็เหมือนคนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง
อีกอยาง สิ่งที่ทุกคนรูก็คือ ผูลงมือในวันนี้เปนคนฉี การที่ปรมาจารยทานหนึ่งของ
คนฉีถูกคนของหมิงอองตัดศีรษะ ก็เปนเรื่องนาตื่นตกใจพอแลว เวลาที่มีอยูควรนําไปคิด
เรื่องผลกระทบที่ตามมาของเรื่องนี้ดีกวา ใครจะไปสนใจคนที่ไมมีบทบาทสําคัญนั่น
ปรมาจารยที่ใครตอใครเคารพยกยอง กลับตองมาประสบกับนาทีแหงความตกต่ํา
เชนนี้ พูดแลวก็นาสังเวชใจ ทวาในความเปนจริง นอกจากเขาซางชิงแลว ไมมีใครสนใจ
เขาจริงๆ หรือ?
จวนหมิงออง
หองโถงใหญซึ่งไดรับการปดกวาดเสียสะอาดสะอาน กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
อีกครั้ง
แตฟาหลังฝนครั้งนี้ ยังมีลมกระโชกเปนระลอก ในอากาศยังคละคลุงไปดวยกลิ่น
คาวโลหิต
ยังดีที่ผูคนในหองไมสะทกสะทานกับเรื่องเหลานี้มากนัก ซึ่งนอกจากพวกลูสวินอี้
แลว ในหองโถงยังมีผูคนเพิ่มขึ้นมาอีกจํานวนหนึ่ง
เปนกลุมชายหนุมซึ่งกอนหนานี้รออยูในรานขายยาชางหัว และตอนนี้ไดทยอยรุด
มาที่นี่ กระจายกําลังออกเฝาระวังตามจุดสําคัญในจวน
แมมีคนไมมากพอกับจวนที่ใหญโตนี้ แตมีพวกเขาอยูทามกลางกลิ่นคาวโลหิตที่ยัง
ไมจางหาย ก็นับวาชวยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นบาง
ลูสวินอี้บาดเจ็บสาหัส การตอสูเมื่อครู เขาถูกจินเฉิงปาจูโจมอยางหนัก ตองกัดฟน
ดิ้นรนใหรอดชีวิตเพื่อสรางโอกาสใหศิษยนองสาม ตลอดทั้งรางจึงเต็มไปดวยบาดแผล
จากคมกระบี่นับไมถวน กระดูกซี่โครงหนาอกหักสองซี่ กระดูกสะบักราว เหลานี้ยังดี
เกิดเปนผูฝกยุทธยอมเคียงคูกับการบาดเจ็บ ขอเพียงมีกําลังภายในหลอเลี้ยง รวมกับ
การกินยารักษาทั้งภายในภายนอกที่หมิงอองใหไว แลวพักรักษาตัวสักระยะก็จะหายดี
เอง
ทวาบาดแผลบริเวณหัวไหล ตรงตําแหนงเหนือหัวใจทีถ่ ูกจินเฉิงปาใชกระบี่แทงทะลุ
กลับรักษาไมงาย
กระบี่ที่แฝงพลังปราณของปรมาจารย ไมเพียงแตทําใหเกิดบาดแผล ยังทําลาย
กลามเนื้อเสนเอ็นบริเวณหัวไหล สงผลใหลูสวินอี้ไมสามารถโคจรพลังไดตลอดทั่วทั้งราง
โดยเฉพาะวินาทีที่ถูกแทง จินเฉิงปาไดทุมพลังปราณที่หลอหลอมมาหลายปจูโจมผาน
เสนเอ็น ขยายลึกเขาทํารายอวัยวะภายใน
อีกทั้งหลังถูกกระบี่ ลูสวินอี้ยังกัดฟนฟาดหมัดหยงชุนออกไปอีกหนึ่งชุด ทําใหยิ่ง
บาดเจ็บหนักจนลมลงกองกับพื้น และเกือบจะไมมีแรงลุกขึ้นตอสู
อาการบาดเจ็บนี้ถือวาสาหัสมาก หากเปลี่ยนเปนผูอื่น ไมไดหมอมารักษาใหละก็
อาการบาดเจ็บภายในอาจปะทุขึ้นอยางรวดเร็ว หนักหนอยก็เสียชีวิตทันที เบาหนอยก็
ตองใชการบําเพ็ญเพียรชวยรักษาความพิการ
ยังดีที่ลูสวินอี้กับพวกติดตามอยูขางกายหมิงอองมานานหลายป นอกจากพกยา
รักษาชีวิตที่หมิงอองปรุงขึ้นจากสมุนไพรหายากแลว ยังสามารถใชวิชาปฐมพยาบาล
อาการบาดเจ็บฉุกเฉินแตละชนิดที่หมิงอองสอน รักษาตนเองในเบื้องตนกอน
ทวา แมหมิงอองมีฝม ือการรักษาดุจหมอเทวดา ก็ตองไดรับความรวมมือจากผูปวย
ดวย จึงจะเปนผล
แตตอนนี้ลูสวินอี้ไมมีเวลารักษาอาการบาดเจ็บใหตนเอง สิ่งแรกที่เขาตองจัดการคือ
รักษาอาการบาดเจ็บของศิษยนองสาม หูเปยว
“เขามานี่ ตองถายพลังออกกอน ขาจะชวยเจากดพลังภายในไว!”
ลูสวินอี้ที่นั่งอยูบนเบาะรองนั่ง สีหนาซีดขาว ตะโกนเสียงแหบบอกหูเปยวที่ยืนหนา
แดงแจคลายถูกเปลวไฟเผาไหมอยูขางๆ
“ศิษยพี่ ขาไมเปนไร ทานรักษาตัวกอน ยังมีปรมาจารยอีกทานที่เรนกายอยู ขาเฝา
ระวังใหทา นเอง”
หูเปยวสายหนา พลางใชดวงตาทั้งสองขางที่คลายถูกธาตุไฟเขาแทรก กระทั่งตา
ขาวก็แดงก่ํา จองมองใบหนาอันซีดขาวของลูสวินอี้ มุมปากเขายังมีคราบโลหิตติดอยู
“บอกใหเขามาก็เขามา!” ลูสวินอี้เอ็ดหูเปยว แมออนแรง แตเสียงของเขายังคงดุดัน
รอยยิ้มนอยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหนาหูเปยว ทําใหเสนโลหิตบนใบหนาคอยๆ ปูดตาม
จนเห็นเปนโครงตาขาย รวมทั้งเสนผมที่สยายออกทั้งๆ ที่ไมมีลมพัด ทําใหเขาดูดุราย
และนากลัวสุดๆ
เขาไมไดเขาไป แตกลับหันกายเดินออกไปนั่งทําสมาธิอยูหนาประตู พลางพูดเสียง
เบา
“ศิษยพี่ ขาไมเปนไรจริงๆ มีเวลาอีกไมถึงชั่วโมง กอนที่ทานตองเขาวังเขาเฝาฝา
บาท ยังไมรูวาตองเผชิญกับอะไร ทานรีบรักษาตัวดีกวา อยาเสียเวลาอีก ขาเฝาใหเอง”
ลูสวินอี้ไดยินก็รูสึกโกรธ ลุกพรวดขึ้นจากเบาะรองนั่ง แตดวยอาการบาดเจ็บ โลหิต
จึงไหลออกจากปากอีก ทวาเขากลับไมสนใจความเจ็บปวดปานรางกายถูกฉีกขาด แวว
ตารอนรน อาปากคิดตะโกน แตพอเห็นดวงตาที่แนวแนของหูเปยว ดวงตาเขาก็แดงระ
เรื่อ คําพูดที่ออกจากปากจึงนุมนวลลง
“ดานนอกมีกําลังทหารปดลอมอยู ปรมาจารยไมวาจะมีอีกกี่คนก็ไมกลาเขามา
หรอก เจาวางใจ ไมมีเรื่องแนนอน ขาบาดเจ็บเพียงภายนอก ไมเปนไร มียาขององคชาย
หกชวยไว พักสักครูก็หาย แตเจาหากยังไมถายพลังออกไป จะไมทันการแลวจริงๆ”
หูเปยวคลายเตรียมจะพูดอะไร แตกลับพลันกมหนา รางสั่นเล็กนอย คอยสงเสียง
ออก
“จะพูดเชนนั้นก็ได แตสถานการณที่ยุงวุนวายในตอนนี้ยังประมาทไมได
ปรมาจารยที่หนีไปนั่นวรยุทธสูงสง นาจะไมดอยไปกวาปรมาจารยชาวฉี สภาพขาเมื่อครู
ยังไลตามเขาไมทัน พอพบวาพวกเสี่ยวลูเกิดเรื่องที่หนาประตูจวน จึงปลอยเขาไป แลว
พอมาประมือกับกลุมไอโมงที่หนาประตูจวน ก็พบวาพวกมันไมใชคนฉี เกรงวาผูที่ลงมือ
ในวันนี้มิไดมีเพียงคนฉี ยังมีคนจากกองกําลังอื่นอีก เสียดายดูไมออกวาเปนพวกตระกูล
หลินหรือสํานักเตา หรืออื่นๆ...”
“เวลานี้ไมใชเวลาที่จะพูดเรื่องพวกนี้!” ลูสวินอี้ไดยินเสียงที่ราบเรียบของศิษยนองก็
รูสึกกระวนกระวายใจ รีบกาวเขาหา แลวนั่งลงตรงดานหลังของเขาโดยไมใชเบาะรองนั่ง
กอนสงเสียงแหบแหง
“ไมตองสนใจเรื่องพวกนี้ รักษาอาการบาดเจ็บกอนคอยวากัน”
พูดจบก็ใชฝามือขางที่ยังดีอยูท าบลงบนแผนหลังของหูเปยว
หูเปยวเงยหนาขึ้น ดวงตาทั้งสองขางแดงก่ํา น้ําตาโลหิตไหลออกสองสายตั้งแต
เมื่อไหรไมรู โดยที่ลูสวินอี้ซึ่งนั่งอยูดานหลังมองไมเห็น ผานไปสักพัก จมูกหูเปยวก็มี
โลหิตสดๆ หยดลง...
เขาแหงนหนาขึ้น มองดูเมฆขาวที่ลอยอยูบนทองฟา เพื่อไมใหโลหิตหยดลง พลาง
พูด
“เมื่อพบเรื่องเหลานี้ ขายิ่งไมกลาวางใจ อยากไลตามปรมาจารยนั่นตอ แตเพียง
ชั่วขณะก็ไมพบเบาะแสแลว ไมรูสึกถึงพลังปราณของเขา ศิษยพี่ ทานก็รูวาขาในตอนนี้
แข็งแกรงมาก แมเทียบเขาไมไดก็จริง แตก็ไมนาจะหางกันสักเทาไหร ขายังหายตัวอยาง
รวดเร็วและซอนเบาะแสอยางหมดจดบนถนนหมิงฝูอยางเขาไมได ขาสงสัยวาเขายังอยู
แถวนี้ และเปนไปไดวาอาจเรนกายอยูในจวนใดจวนหนึ่งขางจวนเรา เราสังหารคนใน
จวนเราจนหมด แตจวนอื่นๆ เราไมสามารถ ศิษยพี่ ทานจะประมาทไมได ในเมืองหลวง
เรามีศัตรูรอบทิศ คนฉีกลาลงมือ คนอื่นๆ เหตุใดจะไมกลา แมสังหารปรมาจารยชาวฉี ก็
ใชวาจะทําใหพวกเขาหวาดกลัว หนาที่ครั้งนี้ของทานสําคัญยิ่ง ตองระวังแลวระวังอีก
ผูอื่นลวนพึ่งไมไดนอกจากพวกเรากันเอง โชคไมไดเขาขางเราเสมอไป”
“บนพึมพําอะไรอยูไ ด”
ไมรูวาใบหนาซีดขาวราวกระดาษของลูสวินอี้เต็มไปดวยน้ําตาตั้งแตเมื่อไหร ยา
รักษาชีวิตที่เขากินลงไปเมื่อครู ตอนนี้ไดเปลี่ยนเปนกําลังภายในอบอุนไหลเวียนอยูใน
รางของหูเปยว อยากชวยใหหูเปยวสงบนิ่งลงตองใชพลังปราณที่พรั่งพรูไมหยุด แต
สภาพเขาในตอนนี้เหมือนแกวน้ํารั่ว จึงชวยอะไรไมไดมาก น้ําจึงไหลออกจากตาของเขา
แตเขากลับเอ็ดเสียงต่ํา
“นอกจากศิษยนองสวี่แลว เจามุทะลุที่สุด บาบิ่น ไมชอบใชสมอง เรื่องพวกนี้เจาคิด
ได มีหรือที่ขาจะคิดไมได? เจาไมตองหวง ตั้งใจโคจรพลังไป เรื่องใชสมองตองศิษยพี่ รีบ
โคจรพลัง ปฏิบัติ!”
“ศิษยพี่ ไมไดผลหรอก ไมตองสนใจขา” หูเปยวมิไดเหลียวหลังมอง พูดเสียงเบาตอ
“องคชายหกบอกแตแรกแลววา...”
“ไรสาระ ดูอาจิ่วสิ อาจิ่วยังไมเห็นเปนไร” ลูสวินอี้ตัดบท กอนตวาดเสียงดัง “เจา
จะเชื่อหรือไมเชื่อฟง?”
หูเปยวเงียบเสียง หากสามารถรอดชีวิต ใครบางอยากเสียชีวิต?
แตเขาเขาใจ ถึงเขาจะปลอยพลังออกหมดก็ไมมีทางรอดชีวิต เขากับอาจิ่วไม
เหมือนกัน อาจิ่วบําเพ็ญเพียรในขั้นอาจารย ปริมาณยาที่ใชยอมไมเทากัน พลังปราณที่
ถูกกระตุนจึงเทียบกันไมได
ชวยอาจิ่วได ก็ใชวาจะชวยเขาได
แมชวยได เขาก็ไมสามารถทําเชนนี้ อาการบาดเจ็บของศิษยพี่อันตรายถึงชีวิต
พอกัน ไมสามารถใหพลังปราณกับเขาจนหมดตัว
องคชายหกพูดไววา ยานี้ใหใชเฉพาะตอนใกลตายเทานั้น นอกนั้นหามใช
ศิษยพี่เสมือนไมทอ นเดียวที่แบกรับความวุนวายในเมืองหลวง แลวยังมีเขามาเปน
ภาระอีก!
ลูสวินอี้คลายรูวาเขาคิดอะไรอยู จึงพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเด็ดขาด “ถาชวยเจาไมได
เราก็ตายพรอมกัน!”
รางหูเปยวสั่นเทิ้ม เขาไมสงสัยในความใจเด็ดของศิษยพี่ น้ําตาโลหิตหยดลง หายใจ
เขาลึกๆ “ได ขาโคจรพลัง!”
พูดจบ สองมือประกบ ดวงตานิ่ง เลือดลมราวกับพลังมังกรตลอดทั้งรางพลันไหล
ยอนกลับตามเสนชีพจร บังคับใหพลังปราณที่ปะทุขึ้น เคลื่อนกลับไปยังจุดตันเถียน
วิธีนี้อันตรายมาก หากเสนชีพจรรับไมไหว จุดตันเถียนก็รับไมไหวเชนกัน เมื่อเสน
ชีพจรขาด จุดตันเถียนเสียหาย ก็ไมสามารถรักษาชีวิตไวได
ลูสวินอี้คํารามเสียงต่ํา ไมสนใจโลหิตที่ไหลออกจากปากและจมูก พยายามยันพลัง
ปราณทั้งรางที่แทบไมเหลือหลอของตนไว ชวยหูเปยวกดเลือดลมพลุงพลานใหสงบลง
ทวากลับไดยินเสียงระเบิด
ตูม!
“อาก!” ลูสวินอี้พนโลหิตออกจากปาก คนทั้งคนปลิวกระเด็นถอยหลัง กระทบ
กําแพง กระอักโลหิตอีกครั้งกอนรวงหลนลง น้ําในดวงตาทําใหภาพตรงหนาพรามัว เห็น
ลางๆ วาศิษยนองลุกขึ้นยืน เสื้อขาดกระจาย เสนผมปลิวสยาย
ลูสวินอี้รองไห “ขาไมเอาไหน!”
เมื่อครูหูเปยวพยายามกดพลังชีพที่คุกรุนไว ทําใหจุดตันเถียนของเขาคุกรุนตาม
เลือดลมทั้งหมดในรางพลุงพลาน ดันกําลังภายในที่ออนแรงของลูสวินอี้สะทอนกลับใน
พริบตา
ลูสวินอี้มิไดมีเลือดลมอันหนักหนวงดั่งขุนเขาและพลังปราณอันลึกล้ําดั่งทะเล
เหมือนมอไป เขาไมสามารถกดพลังภายในที่ใกลระเบิดของหูเปยวไว กระทั่งชวยรักษา
ในเบื้องตนก็ยังทําไมได
“เปนขาที่ไมเอาไหน ไมควรสําเร็จเปนอาจารย ไมควร...” ลูสวินอี้บนอูอี้
หูเปยวมิไดหันมอง น้ําเสียงของเขานับวาสงบนิ่ง
“ศิษยพี่ไมตองหวง ทางสูยมโลก มีเหลาพี่นองเตรียมสุราชั้นเลิศและกับแกลมชั้นดี
ตอนรับขาอยู ขาไปกอนละ บอกทุกคนดวยวา ไมตองรีบมา พวกเรายังไมไปไหน เวลา
ยังมีอีกมาก”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หันกายมา โลหิตไหลออกเจ็ดทวาร มองลูสวินอี้นิ่ง แลวเปลงเสียง
ออกมา “ศิษยพี่ ถนอมสุขภาพ!”
พูดจบก็ใชมือลูบโลหิตที่เลอะอยูเต็มหนาทิ้ง พลังปราณตลอดทั้งรางที่กดไวนาน
สุดทายก็ระเบิดออก เขาดีดรางขึ้น หมุนควางดุจพายุ รัศมีราวยี่สิบเมตร กวาดเศษไมใบ
หญาและฝุนผงขึ้นสูทองฟา
รางหายลับไปในอากาศ
ปง ปง! ลูสวินอี้ชกพื้นสองครั้ง ปากสั่น เขารูวาศิษยนองใชเวลาชวงสุดทายที่เหลือ
กวาดถนนปูทางในเมืองหลวงใหเขา
ภาพตรงหนาพรามัวเพราะหยดน้ําตา ภาพเวลาอันมีคาที่ผานมานับสิบปตั้งแตวัย
เยาวที่รูจักกัน ปรากฎขึ้นเปนฉากๆ ตรงหนาไมหยุด
สุดทายเขาจึงหลับตาขณะที่รางสั่นเทา และขณะที่ไดยินเสียงคํารามดังกองมาจาก
ฟากฟานั้น เขาก็เริ่มนั่งขัดสมาธิ โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ!
ทางเดินที่เหลือ เขาจักเปนผูเดินเอง!
จิตใจอันแข็งแกรงทีไ่ มหวาดกลัวใดๆ มักไดจากประสบการณความเจ็บปวดในแตละ
ครั้งที่ผันผาน
เพราะไหลของพวกเขาแบกรับความหวังของผูค นมากเกินไป จึงตองเดินหนาตอ แม
รูวาความยากลําบากเพิ่งเริ่มตนขึ้น รูวามีอุปสรรคขวากหนามรออยู ก็ถอยไมไดแมเพียง
ครึ่งกาว ดานหลังของพวกเขามีดวงตาคอยจองมองใหเดินไปขางหนาตลอดเวลา!
เมื่อเดินเขาสูโลกอันวุนวายแลว ก็มิใชดีแตพูด
เหลาพี่นองของเถีย่ สงเหลือกันอยูไมกี่คน พวกเขาเปนผูสืบทอดสายตรงของมอไป
เปนกลุมคนที่มีประสิทธิภาพมากสุดและอุทิศตนมากสุดที่ทําใหมอไปสามารถพิชิตชัยใน
โลกอันยุงวุนวายนี้ได แตแลว เพิ่งเปดเผยโฉมหนา เพิ่งเริ่มเปนที่รูจักไดไมนาน สิ่งที่ตอง
แลกมากลับทําใหผูคนรองไหจนน้ําตากลายเปนสายเลือด
เสนทางสายนี้ ไมเพียงตองการวีรบุรุษกระดูกเหล็ก เปยมความมั่นใจและ
กระตือรือรน ยิ่งตองการผูที่มีจิตใจอันแข็งแกรงทีส่ ามารถเผชิญกับความตายของผูเปนที่
รักคนแลวคนเลาไดดวย
หมัดถูกวาดออกอยางสวยงาม แตโลหิตสดๆ บาดตายิ่ง
ตอน 236 ใตเทาชวีกบั อาจารยหลี่
จวนชวี
ใตเทาชวีสาวเทาเขามายืนอยูหนาประตูหองหนังสือ มองดูรอบดานอยางระมัดระวัง
เมื่อแนใจวาไมมีใคร คอยหายใจเขาลึกๆ ปรับอารมณตนเอง ทําสีหนาใหเปนปกติ แลว
จึงผลักประตูเขาไป
อะไรทําใหเขาตองระมัดระวังขณะอยูในจวนของตนเองเชนนี้? เห็นชัดวามีพิรุธ
ประตูเปด!
เห็นชายชราหนาตาเครงขรึม สวมชุดดํานั่งอยูกลางหองหนังสือ เงยหนามองชวี
เสี้ยวเหริน
ชวีเสี้ยวเหรินพอเห็นเขา หางตาก็กระตุกโดยไมรูตัว แตก็รีบหันกายปดประตู ปกปด
ทาทางพิรุธของตน จากนั้นก็รีบกาวเขาหาชายชรา พรอมสีหนากระวนกระวายใจ กอน
ถามขึ้นอยางหวงใย
“อาจารยหลี่ ทานเปนอยางไรบาง? เมื่อครูไดรับบาดเจ็บหรือเปลา?”
อาจารยหลี่?
มินาเลา ใตเทาชวีทานนี้ถึงระมัดระวังยิ่ง ที่แทชายชราชุดดําทานนี้ก็คือปรมาจารย
คลุมหนาที่ปรากฎตัวในการตอสูเมื่อครู
หูเปยวคาดเดาถูก เขายังซอนตัวอยูในถนนหมิงฝูที่รายลอมดวยกองทหาร
ใตเทาชวีอุตสาหแสดงความหวงใย แตกลับไมทําใหอาจารยหลี่มีสีหนาดีขึ้น เขาลุก
ขึ้นยืน หันกายมือไพลหลัง แคนหัวเราะกอนพูดเสียงขรึม
“เฮอะ ขายังจะเปนอะไรได?”
ชวีเสี้ยวเหรินที่ยืนอยูดานหลัง มองดูแผนหลังที่หยิ่งทะนง มานตาฉายแววลึกล้ํายิ่ง
แตปากกลับตอบวา
“ทานไมเปนไรก็ดีแลว ดีที่ทานฉวยโอกาสถอยออกมากอน มิฉะนั้นหากทานสังหาร
คนทั้งสอง ก็จะยิ่งเพิ่มความเดือดรอนอีก เฮอะ แยที่ชื่อเสียงอันโดงดังของจินเฉิงปา
กลับเปนชื่อเสียงจอมปลอม กระทั่งลูกกระจอกสองคนของหมิงอองก็ยังเอาไมอยู นึกวา
พวกเขาจะชวยเราได กลับกลายเปนเกือบทําใหเราเสียงานใหญไปเสียนี่ โชคดีมากที่
ทานไมไดพัวพันดวย มิฉะนั้นแลวหากโยงใยไปถึง...”
ไดยินดังนี้ ชายชราก็ยิ่งรูสึกลําบากใจ ความเกงกาจของจินเฉินปาเขายอมรูดี และ
เขาก็ไมไดแกรงไปกวาจินเฉิงปาแตอยางใด เมื่อจินเฉิงปาถูกดาวาเชนนี้ เขาก็รูสึกเหมือน
ตนเองถูกดาวาเชนกัน
อยางไรก็ตาม เขาก็ไดแตยอมรับ และยังตองพูดตามชวีเสี้ยวเหรินดวย เพราะมี
เพียงวิธีนี้เทานั้น ที่สามารถผลักความรับผิดชอบจากการหนีออกเมื่อครูใหแกคนฉี เพื่อกู
หนาของตนกลับคืน
“เฮอะ คิดไมถึงจริงๆ วาจินเฉิงปาที่มีชื่อเสียงมานานกลับทําไดแคนี้...หากเขาไมเขา
มายุง ใหขาจัดการสองคนนั่นแตแรก เรื่องก็จะงายกวานี้ แตจินเฉิงปากลับทําใหเบาะแส
เราถูกระแคะระคาย ทําใหขาตองกล้ํากลืนฝนทนหนีออกมาอยางอัปยศและคับแคนใจ
คนผูนี้ไมไดเรื่องจริงๆ!”
ฟงคําของเขาแลว ชวีเสี้ยวเหรินก็อดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้น มารดาเจา ยังกลาอวด
อุตริอีก?
ใครตอใครก็เห็นกันทั้งนั้นวาเจาตกใจกลัวจนหัวหดตดหาย รีบหนีอยางไมคิดชีวิต
กระทั่งลูกศิษยตัวเอง
ถูกสังหารก็ไมสนใจ หันกายวิ่งหนีลูกเดียว ยังโทษพอแมที่ใหเทามาแคสองขางดวย
ชวีเสี้ยวเหรินแยกแยะไดอยางชัดเจนตั้งแตตนจนจบวา ผูที่แบกลังไมอยูบาดเจ็บ
สาหัส หากอาจารยหลี่ผูนี้สังหารเขา ชิงลังไมมา แลวคอยวิ่งหนีก็ยังทัน ไมถึงกับ
ตานทานชายกํายําสักสองสามกระบวนทาไมไดมั้ง? ซึ่งทานผูนี้ไดเงื้อกระบี่ขึ้นแลว
ชายกํายําก็อยูหางกันมาก แตเขากลับไมกลาลงมือ หันกายหนีไปดื้อๆ ปลอยใหเสีย
โอกาสไปเปลาๆ
ปรมาจารยแหงยุคถูกดาวาเปนหนูที่หนีไมพนหมูหมากาไก ก็ยังไมกลาหันกายกลับ
ตัดสินใจปลอยใหกลายเปนเรื่องขําขันของผูคนไป ตอนนี้ยังมีหนามาพูดอยางไมละอาย
ใจ
ชวีเสี้ยวเหรินรูสึกไมพอใจเปนอยางยิ่ง นึกดาในใจ
“มินาเลา พวกเจาเขาซางชิงถึงหนีไมพนน้ํามือหมิงอองในกระบวนเดียว หากพวก
เจาเปนเชนนี้กันหมด อยางนั้นพวกเจายังจะมีประโยชนอะไรอีก?”
ตองพูดวา เมื่อกอนเขาเคารพนบนอบปรมาจารยมาก
แตเหตุการณในวันนี้ ทําใหเขารูสึกวาอาจารยหลี่ที่อยูตรงหนาไมนา เคารพเอา
เสียเลย เปนแคคนขี้ขลาดกลัวตายคนหนึ่งเทานั้น หากมีคนเชนนี้อยูในจวนเขา เขาตอง
อดไมไดที่จะสับใหตายในทันที
เรื่องนี้ทําใหอารมณขึ้นก็จริง แตจะวาไป เรื่องที่ทําใหชวีเสี้ยวเหรินโกรธแคนสุดๆ ก็
คือ ตาแกนี่พอทําเรื่องลมเหลว ดันไมหนีไปใหไกล แตกลับมาแอบอยูในจวนของเขานี่
ลอเลนรึเปลา?
ถาเบาะแสถูกเปดเผย ตระกูลชวีของเขามิตองโลหิตนองดุจสายน้ําหรอกรึ นี่ไมใช
เมื่อกอนที่ขณะถูกราชสํานักตรวจคนยังพอมีทางหนีทีไล แตตอนนี้หมิงอองที่เสมือนเทพ
สงครามนั่นจะยังใหโอกาสเขาอยูอีกหรือ ไมประหารคนในตระกูลเขาใหสิ้นซากนี่สิ ถึง
เปนเรื่องนาขัน
ทวาคิดไปก็ไดแตคิด ไมกลาแสดงออกอยูดี เพียงพูดขึ้นอยางระมัดระวัง
“อาจารยหลี่พูดถูก ขาก็คิดไมถึงวาปรมาจารยชาวฉีนั่นจะตานไดไมทันไรก็ถูก
สังหารเสียแลว ทําใหอาจารยหลี่ตองเสี่ยงอันตราย ขออาจารยอยาถือโทษโกรธขาที่
รูเทาไมถึงการณเลย!”
อาจารยหลี่ไดยินดังนี้ก็รูสึกดีขึ้นมาก โบกมือเบาๆ แลววา “ชางเหอะ!” กอนถาม
ตอ “ตอนนี้สถานการณดานนอกเปนอยางไรบาง ศิษยรวมสํานักขาทําสําเร็จไหม ลา
ถอยไดอยางปลอดภัยหรือเปลา?”
ชวีเสี้ยวเหรินเหยียดหยามในใจ เสแสรงอะไร?
ตอนที่พวกเขาเสียชีวิต เจาก็ไมไดหายไปไหน ไมรูเรื่องเลยรึ?
สีหนาชวีเสี้ยวเหรินเศราสลด
“เฮอ คนของจวนหมิงอองโหดรายมาก พวกเขา...พวกเขาทั้งหมด...”
เขาสําลักคําพูด ไดแตสายหนาในใจ เจาไมเอาไหนก็วาไปอยาง นี่ลูกนองมือดีของ
เจาอีกสิบกวาคนก็ยังตอสูกับคนของหมิงอองแคสองสามคนไมได เขาซางชิงเปนที่สถิต
ของหมีนอ ยแลวหรือนี่
นาทีนี้ ใตเทาชวีเดือดดาลมากจริงๆ เกือบจะมองไมเห็นหัวเขาซางชิงดวยซ้าํ
ปง! อาจารยหลี่ฟาดฝามือลงบนโตะกอนลุกพรวดขึ้น สีหนาเหยเก
“เหลวไหลสิ้นดี กลาสังหารคนของเรา!”
กับความโกรธของเขา ชวีเสี้ยวเหรินไดแตกมหนาไมพูดไมจา ดวยกลัววาตนเองจะ
ทนไมไหว ถุยน้ําลายใสหนาตาแกนี่เสียกอน
เงียบไปสักพัก จึงคอยเอยขึ้นดวยสีหนาปกติ
“อาจารยหลี่ ตอนนี้ศพเหลานั้นตกอยูในมือของหนวยจิงจี หากถูกตรวจพบสถานะ
ตองเกิดเรื่องเดือดรอนใหญแน จําตองรีบบอกนักพรตชงเสวียนใหเตรียมการไวเสียแต
เนิ่นๆ แตถนนหมิงฝูถูกปด ทําใหขาไมสามารถสงคนออกไปชั่วคราว จึงตองอาศัย
ความสามารถของทาน ชวยนําขาวนี้กลับไปแจงใหทราบโดยเร็วที่สุด”
มานตาอาจารยหลี่หดตัวอยางเห็นไดชัด ที่เขาแอบอยูที่นี่ พูดใหสวยหรูหนอยก็เพื่อ
สืบดูความปลอดภัยของศิษยรวมสํานัก
แตความจริงแลวเปนเพราะเขาเกิดกลัวขึ้นมา กลัววาจะถูกชายกํายําตามไมเลิก
ฉากที่จินเฉิงปาถูกสังหาร ทําใหเขาตะลึงงัน เมื่อสังหารจินเฉิงปา ปรมาจารยอาวุโสรุน
เดียวกัน ความสามารถพอๆ กันได เหตุใดจะสังหารเขาไมได?
อาจารยหลี่รูสึกหนาวเหน็บทันที
ขณะเห็นชายกํายําสังหารศิษยรวมสํานัก เขาก็รูแลววาพวกนั้นตานชายกํายําไดอีก
ไมนาน จึงรีบแวบเขามาหลบซอนตัวในจวนชวี เพราะถึงคนของจวนหมิงอองกลาดี
อยางไรก็ไมสามารถเขามาสังหารคนในจวนนี้
“อืม เรื่องนี้ชักชาไมได ไมรูวาสถานการณในจวนหมิงอองตอนนี้เปนอยางไร?”
อาจารยหลี่ไมมีทางเลือก จะปฏิเสธไมไดอีก และไมสามารถพูดหนาตาเฉยวาไมกลา
ออกไป ทําไดเพียงสืบดูสถานการณภายนอกใหถวนถี่
ชวีเสี้ยวเหรินเปลี่ยนความรูสึก รีบเลาเรื่องคนของหมิงอองสังหารคนในจวนที่วัง
หลวงสงมาจนหมดใหฟง อาจารยหลี่กะพริบตา เพิ่งรูสึกลึกๆ ขึ้นมาวาคนของหมิงออง
ตางจากที่ตนเคยคิดไวมาก ระดับความเสี่ยงที่ตองเผชิญจึงเพิ่มขึ้นหลายเทาตัว
ชวีเสี้ยวเหรินพูดตอวา จวนหมิงอองปดประตูอยู สองคนนั้นนาจะกําลังรักษาอาการ
บาดเจ็บ เพื่อเตรียมตัวเขาเฝาในชวงค่ํา สวนหนวยจิงจียังคงเฝาดูอยางแข็งขันโดยวาง
กําลังลอมรอบจวนหมิงอองไว
“อาจารยหลี่ ถาหนวยจิงจียงั อยู ยอมตองสงคนผูนั้นเขาวังหลวงแน เกรงวาพวกเรา
คงไมมีโอกาสลงมือแลว จึงตองขอใหทา นแจงกับนักพรตชงเสวียนดวยวา ศีรษะของ
ปรมาจารยเหลานั้นเกรงวาคงยากที่จะนํากลับคืน แตถายังคิดลงมือใหได ก็ตองวางแผน
ใหรัดกุม ลงมือระหวางที่พวกเขาเดินทางไปวังหลวง...”
อาจารยหลี่ไดยินหนังตาก็กระตุก ยังคิดลงมืออีกหรือ?
เขาไมมีทางยอมเสี่ยงอีกแนนอน พอไดยินวาสองคนนั้นอยูแตในจวน มิไดออกมา
สืบเสาะเบาะแสอีก รวมทั้งหนวยจิงจีก็ยังเฝาอยูหนาประตู
จุดสนใจจึงอยูหนาจวนหมิงอองโดยไมเคลื่อนไหวไปไหน เขาคิด อาศัย
ความสามารถของตน การหนีออกไปอยางเงียบๆ ยอมทําไดไมยาก
ดังนั้นจึงพยักหนา ไมพูดมากอีก หันกายจากไป
“ชากอนอาจารยหลี่ หากไมถือสาโปรดใชประตูหลัง แมหนวยจิงจีปดถนนทั้งสาย
แตยังใหความสําคัญกับบริเวณรอบจวนหมิงออง ออกทางประตูหลังจะปลอดภัยกวา”
ชวีเสี้ยวเหรินเตือนสติ
ไมรูวาเสนประสาทเสนไหนถูกกระตุกใหอาจารยหลี่โกรธ อาจเปนเพราะคําพูด
ประเภทเดียวกับการหนีที่กระตุนความรูสึก เขาจึงสะบัดแขนเสื้อ
“เฮอะ แคหนวยจิงจีจิ๊บจอย ขวางขาไมไดหรอก”
ชวีเสี้ยวเหรินมองตามรางที่พุงออกไป กอนหายวับไปตรงหนา จึงรีบวิ่งออกไปดู
เห็นเขาดีดตัวไปไกล พอกระโดดอีกรอบก็ปรากฏตัวอยูบนกําแพงจวนอยางไรสุมไรเสียง
พลิว้ กายอีกทีก็ไมเห็นแมแตเงา
ชวีเสี้ยวเหรินยังคงรูสึกตื่นตะลึงในความสามารถของปรมาจารย นี่มันเหนือมนุษย
ชัดๆ!
แตนาทีถัดมาแววตาเขาก็ผอนคลายลง นับวาสงบุคคลอันตรายออกไปไดเสียที จึง
ปาดเหงือ่ บนหนาผากและถอนหายใจยาวๆ ออกจากปาก
หลังจากยืนอยูกับที่กลอกตาไปมาสักพัก กลับยังรูสึกไมปลอดภัย จึงรีบวิ่งไปยังโถง
หลัก เห็นพอบานเดินเขามาหา จึงกะพริบตา กระซิบเรื่องราวบางอยางขางหูพอบาน ทํา
ใหพอบานหนาซีดขาว ถามกลับ “นายทาน ทั้งหมด...ใหฆาทั้งหมด?”
ดวงตาชวีเสี้ยวเหรินฉายแววเยือกเย็น “ใครก็ตามที่เห็นเขาเขามา ฆาหมด ไมเหลือ
แมแตคนเดียว!”
“เสี่ยวเฉินละ...” พอบานพึมพํา
ชวีเสี้ยวเหรินหันกาย มือไพลหลัง ตอบเสียงเย็นชา “ฆา!”
พอบานสั่นสะทาน เสี่ยวเฉินเปนคนสนิทของใตเทาชวี วันนี้ถูกเลือกใหบังคับรถมา
โดยเฉพาะ
ตอนนี้ชวีเสี้ยวเหรินกลับสั่งใหฆาอยางเลือดเย็น รวมทั้งผูรับใชที่อยูบริเวณหอง
หนังสือกอนที่อาจารยหลี่จะเขามา ไมวาพวกเขาจะเห็นอาจารยหลี่หรือไม ก็ตองฆาให
หมด
พอบานหนาซีดขาวจนถึงขีดสุด เขาไมคิดไมไดวา ตนเองก็เปนผูหนึ่งซึ่งรูเรือ่ งนี้ นาย
ทานตองการฆาพยานปดปาก ไมใหเหลือเบาะแสใดๆ ทั้งสิ้น...
ขณะเดียวกัน ที่หนาประตูพลันมีเสียงคํารามที่นาตื่นตระหนกแหวกอากาศดังมา
ใตเทาชวีหันกาย แววตาเต็มไปดวยความหวาดกลัว ปากพูดเสียงต่ําตามจิตใตสํานึก
โครม!
“ไป ไปเร็วเขา ฆา ฆา...”
พอบานรับคําอยางเสียขวัญ แลวรีบเดินจากไป
เหลือเวลาอีกไมถึงชั่วโมง ที่คณะทูตประเทศฉีจะเขาเฝา
การกลับมาของจวนหมิงอองและการตอสู กระตุนโสตประสาทที่ออนไหวของผูคน
ทั่วเมืองหลวงอีกครั้ง
โดยเฉพาะผูสูงศักดิ์ในบริเวณถนนหมิงฝู ตางพากันปรับความผันผวนของจิตใจให
สงบลงในความเงียบ โดยไมมีใครคาดคิดวา จวนหมิงอองที่เพิ่งผานการตอสูอันตื่น
ตระหนก จะเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นอีก
บนถนนหมิงฝูที่ถูกปด มีทหารติดอาวุธยืนตัวตรงประจําอยูเปนระยะ
เงียบสงบมาก จนเกือบไมมีความวุนวายใดๆ
ทานแมทัพขี่มาตรวจตราบนทองถนนดวยตัวเอง ขณะผานจวนหมิงออง เขาเตรียม
ระวังรอบทิศ ดวยไมอยากใหเรื่องใดๆ เกิดขึ้นกับคนในจวนกอนเขาวัง
แตแลวประตูจวนพลันเปดออก เขารูสึกเครียดเมื่อเห็นชายกํายําที่แสดงพลังกอน
หนานี้เดินกมหนา ผมปลิวสยายออกมา
เกิดเปนแมทัพยอมมีความรูสึกไว ตอนชายหนุมเดินออกจากประตู แมไมมีความ
เคลื่อนไหวพิเศษอะไร แตพริบตาหนึ่งเขากลับรูสึกไดถึงรังสีฆาฟนอันเย็นยะเยียบที่
ปะทะเขามา
สีหนาเขาเปลี่ยน คิดขี่มาเขาไปดู ทวามาของเขาพลันถอยหลัง แมพยายามจับ
บังเหียนใหนิ่งเทาไร มาก็ไมเชื่อฟง
เสนโลหิตที่เห็นเปนโครงตาขายกับความแดงบนใบหนาหูเปยวจางลงแลว มีเพียง
ดวงตาโลหิตที่ยังดูนากลัวอยู เขาไมสนใจเหลาทหารที่รายลอมเขามา
ผูฝกยุทธเชนเขา ไมเคยรูสึกวาตนเองมีพลังปราณสูงสุดเชนนี้มากอน รูสึกวาพอ
ตนเองยกมือขึ้นสัมผัสอากาศก็สามารถพลิกคว่ําจักรวาลได
ประสาทสัมผัสของเขาวองไวอยางที่ไมเคยเปน แววตาที่สับสนกอนกินยาก็พลันใส
กระจาง ความเคลื่อนไหวรอบดานแมเพียงเล็กนอย คลายมิอาจเล็ดลอดการรับรูของเขา
เขารูวาความแข็งแกรงชนิดนี้หมายความวาอะไร หมายความวาชีวิตของเขาไดเดิน
มาจนถึงจุดสิ้นสุดแลว
แจมใสกอนดับสูญ!
ขณะสติแจมใส ในใจเขาไมรูสึกเศราเสียใจมากนัก มีเพียงความวางเปลาและการยืน
หยัด
เวลาชวงสุดทายของชีวิต เขาไมปลอยใหเสียเปลาแน
ในสายตาแมทัพ ขณะมองเขาเขากาวเดิน เหมือนเห็นภาพพรามัว ตายังไมทัน
กะพริบ คนก็หายไปแลว
“ชากอน!” แมทัพตะโกนเสียงดัง
“ทานแมทัพ!” รองแมทัพขางกายหนาเปลี่ยนสี ขอคําชี้แนะวาจะเคลื่อนไหวหรือไม
แมทัพกลับยกมือปราม
“ไมถูกตอง คนอื่นๆ อยาเพิ่งขยับ พวกเจาไมกี่คนตามขามา ตามเขาไป!”
พูดจบก็รีบขี่มาตามไปขางหนา ตอนนี้มาของเขาขยับแลว
หูเปยวไมสนใจกลุมแมทัพที่ตามมาดานหลัง เขาใชสมาธิทั้งหมดตามหาเบาะแส
อันตรายที่ซอนตัวอยู แมไมมั่นใจวา ปรมาจารยทานนั้นยังคงซอนตัวอยูในบริเวณนี้
หรือไม และไมมั่นใจวาตนเองจะสามารถหาพบ แตอยางไรก็ดี เขาก็ตองหา แมหาไมพบ
ก็ตองคิดวิธีสรางความตื่นตระหนกดวยชีวิตคน
บางครั้ง เรื่องของโชคชะตาก็พูดยาก ถาอาจารยหลี่หนีออกจากจวนชวีเร็วกวานี้นิด
หรือชากวานี้หนอย ก็คงไมเกิดเรื่องขึ้น
หรือบางทีสวรรคคิดเมตตาวีรบุรุษ ใหชายกระดูกเหล็กอยางหูเปยว สําแดงความ
กลาหาญอันยิ่งใหญในการตอสูครั้งสุดทาย
อาจารยหลี่พลิ้วกายชนิดเทาไมติดดิน เพราะเหยียบแตกิ่งกานตนไมใหญดีดทะยาน
ไปขางหนา
เขาบําเพ็ญเพียรในขั้นสูง ทะยานรางแตละครั้งดุจหานปา คลองแคลวและเสรี เหลา
ทหารที่อยูดานลางตางไมรูสึกถึงการเคลื่อนไหวของเขา
เขายอมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะหยิ่งทะนง กอนจากไป ยังหันกลับมามองสํารวจ
จวนหมิงอองอีกครัง้ คลายกําลังจดจําวา สักวันหนึ่งตองแกแคนความอัปยศที่ไดรับใน
วันนี้ใหจงได
ทวาการมองในครั้งนี้ กลับทําใหใจเขาสั่นไหว เพราะสบเขากับดวงตาแดงก่ําคูหนึ่ง
พอดี ซึ่งก็คือรางที่เหินทะยานขึ้นมาพรอมเสียงคํารามดังสะทานสะเทือนจักรวาล
“หนูสกปรก มอบชีวิตมา!”
ตอน 237 เขาวัง
กลับไปหนาเรื่อง
“หนูสกปรก มอบชีวิตมา!”
เสียงคํารามอยางคลุมคลั่งดังมาจากฟากฟาบนถนนหมิงฝู ทําใหเหลาผูสูงศักดิ์ที่
อาศัยอยูตลอดทั้งถนนตกตะลึงพรึงเพริศขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังหวาดผวาอยูไมหาย
เกือบทุกคนทําตามสัญชาติญาณในนาทีแรก ลุกขึ้นแลวแหงนมองไปบนฟากฟา
อยางหวาดหวั่น
แนนอน ผูที่อยูในหองยอมไมเห็นอะไร แตไมจําเปนตองดู พวกเขาก็ฟงออกวา
จวนหมิงอองคือตนกําเนิดของเสียงอันดังสะเทือนเลือนลั่นนี้
“เกิดเรื่องขึ้นอีกแลว!”
ผูคนมากมายตกใจจนเหงื่อเม็ดโปงผุดขึ้นบนใบหนา รีบวิ่งออกจากบาน โดยไม
สนใจวาดานหนามีคนขวางอยูหรือไม เอาแตรองตะโกนวา “เร็ว ออกมาดูกันเร็ว!”
พวกเขารองตะโกนพลางวิ่งออกมายืนดานหนา
เห็นชัดวา แมจิตใจยังไมสงบนิ่ง แตผูสูงศักดิ์ที่รับใชราชสํานักมานานหลายปเหลานี้
ความกลาหาญและการวางตัวเมื่อตองเผชิญกับเรื่องใหญ ยังคงมีมากกวาคนธรรมดา
ทั่วไป
ทวาพูดไมไดวาพวกเขามีสติปญญาล้ําเลิศกวา เพียงแต สําหรับคนธรรมดาแลว
เรื่องที่ไมเกี่ยวกับตนก็ขอแขวนไวบนที่สูง พวกเขาเลือกที่จะใชชีวติ อยูอยางสุขสงบ
หลีกเลี่ยงเหตุเภทภัย
แตสําหรับใตเทาเหลานี้แลว ยอมไมเหมือนกัน
ไมวาจวนหมิงอองคิดจะทําอะไร ลวนมีผลกระทบตอสถานการณในเมืองหลวง
ทั้งสิ้น และสถานการณในเมืองหลวงลวนเกี่ยวของโดยตรงกับพวกเขา
ดังนั้นไมวาจะนากลัวเพียงใด ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือตองรูใหไดวาเกิดอะไร
ขึ้นอยางเร็วที่สุดเทาที่จะเร็วได มีเพียงขาวที่เร็วที่สุดเทานั้นที่สามารถเปนแรงหนุนให
พวกเขาควบคุมแผนการของตนใหดําเนินการในขั้นตอไปใหไดโดยเร็วที่สุด
ถนนหมิงฝูวุนวายแลว เหลาใตเทาพกพาความหวาดกลัวออกจากบาน ขาทาส
บริวารจะไมตามออกมาก็ไมได ในความโกลาหล จวนนับไมถวนเปดประตูออก ไมสนใจ
กฎการปดถนนอีกตอไป รีบเดินไปทองถนนทันที พลางมองดูรอบดานอยางหวาดหวั่น
มองหาที่ที่กําลังจะเกิดเหตุนองเลือด
ซึ่งพวกเขาไมจําเปนตองตามหากันใหจาละหวั่น ตอนนี้ถนนตลอดทั้งสายอลหมาน
ไปทั่ว ทหารกลุมหนึ่งวิ่งอยางบาคลั่งไปรวมตัวกันในที่ที่หนึ่ง สูงขึ้นไปไมมากนักบน
ศีรษะของพวกเขา เปนแนวตนไมใหญที่ยืนตนมานานกี่ปไมทราบได แตมีสายตาที่กําลัง
จองมองลงมายังถนนหมิงฝู
เหมือนไมตองบอก ทุกคนพากันมองตามสัญชาติญาณไปยังกลุมทหารที่รวมตัวกัน
ปลายฤดูหนาว บนตนไมยอมมีหิมะที่ยังไมละลาย
ภายใตแสงแดด กิ่งไมแตละกิ่งรูปรางเหมือนตะขอน้ําแข็งโดดเดนยิ่ง ทําใหผูคนมอง
ไมคอยเห็นวาบนตนไมกําลังเกิดเรื่องอะไรกัน
และในขณะที่ทุกคนกําลังตั้งใจมองสํารวจอยูนนั้ พลันไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
พรอมแสงสวางจาแยงตา
เปรี้ยง!
เสียงดังดุจอสุนีบาตทําเอาผูคนบนพื้นดินตัวสั่นโดยไมทันตั้งตัว ตางหลับตาตาม
สัญชาติญาณ เพราะตอนเกิดเสียงดัง ตะขอน้ําแข็งเปลงแสงจาออกพรอมเปลวเพลิงลุก
ไหม ผูที่มองดูจึงตองหลับตาลงอยางชวยไมได
“ไม ไมใช...”
นาทีนี้ทุกคนลวนถูกเสียงนี้ปลุกใหตื่น แสงจานั้นมิใชตะขอน้ําแข็งเปลงแสงออก
แตเปนคน!
เปนการสูกันของปรมาจารย
จิตใจที่สั่นไหวอดไมไดที่จะพองโต ผูคนดานลางพลันลืมตาขึ้นทาทายแสงจาของ
เปลวเพลิง เพราะตองการเห็นความจริงใหได
และสิ่งที่ปรากฏอยูตรงหนาพวกเขาก็คือ ใบไมแหงปลิววอนเต็มทองฟา ลมแรงไร
รูปสงเสียงหวีดหวิวกลางนภา ระหวางนี้คลายมีหยดสีแดง กําลังพนกระจายอยูกลาง
อากาศ ตามดวยใบไมแหงและกอนหิมะที่หลนลงจากฟากฟา
มีแสงสวางสองจุด แยกกันอยูบนยอดไม แสงหนึ่งถอย อีกแสงหนึ่งรุกเขาหา
เปรี้ยง! ขณะผูคนยังไมมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เสียงสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้นอีก
บนถนนหมิงฝู ตรงที่เหลาทหารรวมตัวกัน รางหนึ่งไดตกลงกลางวงในทากึ่งคุกเขา
เขาตกลงมาอยางแรง ทําใหกระเบื้องเขียวแตกหัก เศษกระเบื้องปลิวกระจาย มอง
ไมเห็นสภาพที่แทจริงของผูตก
เหลาทหารรีบกระจายตัวลาถอยออก ผูคนจึงสามารถเห็นรางๆ วาเขาสวมชุดสีเทา
รูปรางกํายํา คุกเขาขางเดียวอยูกับพื้น กมหนาและยกริมฝปากขึ้นหนึ่งขาง กอนเงยหนา
ขึ้น
รังสีฆาฟนอันคลุมคลั่งคลายแผออกพรอมใบหนาที่เงยขึ้น เขาหันมองรอบทิศ กําลัง
หาที่ระบาย
พริบตานั้น ทุกคนลวนจดจําคนผูนี้ได ไม อาจจําเขาไดจากการตอสูกอนหนานี้ ผูที่
เนื้อตัวเต็มไปดวยโลหิต หรืออาจจําเขาไดจากการพุงไปขางหนาอยางไมหยุดยั้งดวยพลัง
ปราณอันดุดัน!
“เปนเขา!” หลายคนหนังตากระตุกหลายครั้ง รูแตแรกแลววาตองเปนเขา!
คนของจวนหมิงอองเหมือนสุนัขปาหิวโซอยางไรอยางนั้น หมัดคลุมคลั่งของ
ปรมาจารยผูกระหายโลหิตสังหารปรมาจารยชาวฉีจินเฉิงปา
และเขากําลังสังหารอีกคน กําลังจะสังหาร!
ใคร?
เขาจะสังหารใครอีก?
เพื่อตอบขอสงสัยของทุกคน อีกดานหนึ่ง คนผูหนึ่งถูกจูโจมจนตกลงจากกิ่งไมสูพื้น
เชนเดียวกัน ฝุนตลบ
อบอวลเต็มทองฟา เห็นเพียงแสงสวางจากดวงตาคมวาว ที่แทก็เปนรางอีกรางหนึ่ง
ที่ไรสุมไรเสียง กําลังพุงออกไปไกลอยางรวดเร็ว
เห็นไดชัดวาเขากําลังหนี!
ในนาทีเดียวกัน ชายชุดเทาผูคุกเขาขางเดียวพลันลุกขึ้นยืน แขนเสื้อทั้งสองขางขาด
หายไป บนแขนมีรอยแผลลึกจนเห็นกระดูก เขาหายใจแรงดุจสายฟา ทรวงอกกระเพื่อม
ขึ้นลง
ทุกคนลวนมองออกวา เขาบาดเจ็บสาหัสและเหนื่อยมาก
แตตอนนี้เขากลับเชิดหนายืดอก กําหมัดทั้งสองแนน พลังปราณตลอดทั้งรางไม
เพียงไมหมด กลับยังประทุเพิ่ม เทาขางหนึ่งเหยียบพื้นจนกระเบื้องแตกปลิวหมุนเปน
วงกลมลอมรอบ
ผูคนตกใจรีบถอยหลบกระเบื้องหินจาละหวั่น และในตอนนี้เองที่รา งของเขากลับ
เปนดั่งภาพที่ทุกคนตรึงตรา พุงไปขางหนาอยางไมหยุดยั้ง ไลตามรัศมีแสงนั่นไปอยางบา
คลั่ง
เขาเร็วมาก คนดูมองตามไมทัน ไดยินแตเสียงตะโกนกองอันดุดันที่ดังมาจาก
ระยะไกล
“หนูสกปรก ตอใหขึ้นสวรรคหรือลงนรก จวนหมิงอองก็ตองประหารสิ้น วันนี้ เจา
ตองตาย!”
ผูคนแหงนหนามอง เห็นโลหิตสดๆ หยดลงจากทองฟาอยางชัดเจน
ที่เกิดเหตุมีคนธรรมดา และแมเปนคนธรรมดาก็คลายเห็นวา หยดโลหิตที่สะดุดตา
นั้นหยดลงจากมุมปากของชายกํายําทีละหยดตอนตะโกนรอง
แมทัพแหงจวนหมิงออง แมผานศึกสงครามอันโหดรายทารุณมา บาดเจ็บสาหัสใกล
มวย ก็ยังคิดฆาคน!
“หนูสกปรก ตอใหขึ้นสวรรคหรือลงนรก จวนหมิงอองก็ตองประหารสิ้น!”
“หนีไมรอด!”
เด็ดขาดปานนั้น มั่นใจปานนั้น เสียงของเขา พลังปราณของเขา การเคลื่อนไหวของ
เขา ทําใหบริเวณที่เกิดเหตุนิ่งเงียบ กระทั่งมือทัง้ สองของแมทัพยังจับบังเหียนแนน ริม
ฝปากสั่นระริก นานกวาจะผอนคลายลง
ไกลออกไป ไดยินเสียงดังลั่นขึ้นอีก เห็นรางๆ วาชายกํายําถูกกระแทกจนถอยอยู
หลายครั้ง แตก็ยังไลตามอยางไมลดละ
ปง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยงปราง!
ปรมาจารยที่อยูขางหนายังพยายามหนี เสียงคํารามของชายกํายําจึงดังขึ้นเปน
ระยะ ทวายิ่งมาก็ยิ่งหางออก แตก็คลายอยูขางหู เพราะทุกคนรูสึกไดถึงพลังอันดุดันของ
เขาที่คลายเพิ่มขึ้นและกระจายออกอยางไรที่สิ้นสุด ดังคําที่เขาวา ‘ตอใหขึ้นสวรรคหรือ
ลงนรก!’ ไมฆาคน ไมสบายใจ ไมสิ้นสุด!
กุบกับ กุบกับ กุบกับ! เสียงดังทําลายความเงียบ
แมทัพหันมองไปยังจวนหมิงออง นั่นเปนเสียงมาย่ําพื้น
ชายหนุมสองคนนั่งอยูบนหลังมาตัวใหญคนละตัว พวกเขาไมพูดไมจา ยกแสขึ้น
หวดและควบมามายังถนนซึ่งถูกเหลาทหารปดทางไว
เหลาทหารตื่นตัวเมื่อเห็นมาศึกสองตัววิ่งเขามาอยางรวดเร็ว แมทัพริมฝปากสั่น
เล็กนอย รีบยกมือขึ้นพลางตะโกน
“ชากอน ถนนสายนี้ถูกปด หามเขาออก พวกเจาจะไปไหน?”
คําพูดนี้แมฟงดูนาขัน แตการตอสูของปรมาจารยเมื่อครู เดิมทีก็ขัดตอกฎหมายอยู
ซ้ํายังมีคนของจวนหมิงอองรวมอยูดวย เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน เขาทําอะไรไมได ไดแต
ปองกันไมใหคนยิงธนูเขาใสปรมาจารยเสื้อเทาที่สาบานวาแมตายก็ตองไลลาตอ
ตองทราบวา ฝาบาทรับสั่งในทองพระโรง ควรใหพื้นที่สวนหนึ่งกับเหลาปรมาจารย
หากไมมีคําสั่ง แมทัพทําไดเพียงแคยนื ดู
ซึ่งถาอนุญาตใหใครเขาไปยุงเกี่ยว แมไมถือวาขัดรับสั่ง แตก็ผิดตอหนาที่รับผิดชอบ
ทวาชายหนุมทั้งสองมิไดลดราวาศอก กลับยิ่งเพิ่มความเร็วในการควบมาอยางไม
แยแสสนใจ คิดฝากองทหารออกไป แมทัพถลึงตา รูสึกโมโหขึ้นทันที
ขณะกําลังคิดจับพวกเขาไว จูๆ มาทั้งสองตัวก็หยุดลงกะทันหัน
เสียงชุลมุนวุนวายพลันเงียบลง ผูคนปรับอารมณไมทัน จึงไมมีทาทีตื่นตกใจ
ทุกคนจองมองมาและชายหนุมทั้งสอง เห็นทั้งสองกมหนาเงียบไปพักหนึ่ง โดยไมรู
วาใครเปนผูพูดขึ้นกอน น้ําเสียงแมไมดังและไมดุ แตมีอานุภาพขมขวัญผูฟง
“ทานแมทัพ แมทัพหูเปยวแหงจวนหมิงอองเราบาดเจ็บสาหัสขณะตอสูศัตรู และ
กําลังหาญกลาพลีชีพในไมชา ทางจวนจึงใหเราสองคนมาสงแมทัพหูเปนครั้งสุดทาย
โดยการนําวิญญาณของเขากลับจวน เพื่อทําพิธีไวอาลัยวีรบุรุษผูกลา!”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งสองจึงเงยหนาขึ้น หนึ่งในนั้นชูปายคําสั่งขึ้นสูง กอนหันมองรอบ
บริเวณ ประกายตาเจิดจาจนนาตกใจ กอนตะโกนเสียงดัง
“หมิงอองมีคําสั่ง ใครกลาขวางคนของจวนหมิงอองตั้งแตระดับอองไปจนถึงบาว
ไพร คนผูนั้นตองไดรับโทษประหารทั้งตระกูลทุกระดับชั้นเชนเดียวกัน!”
พูดจบก็ไมรอปฏิกิริยาตอบกลับจากผูคน ไมรอใหแมทพั เอยปาก เงื้อแสเฆี่ยนมาให
วิ่งไปขางหนา พุงเขาหาเหลาทหารที่ถือของาวในมือ
ทุกคนในที่เกิดเหตุ รวมทั้งแมทัพ ลวนพูดไมออก ไดแตยืนมองดูพวกเขาขี่มาแหวก
กองทหารออกไป
มาวิ่งออกไปไกล พวกเขาหอตะบึงไปยังที่ที่เกิดความเคลื่อนไหวจากการตอสู
พวกเขาดูสงบนิ่ง แตเสียงที่ทั้งเศราและเขมแข็งยังคงสะทอนไปมาอยูนานบนถนนห
มิงฝู
“เขาวาอะไรนะ?” ใตเทาทานหนึ่งถามคนขางๆ ดวยเสียงอันสั่นเทา
“เขาวา...” คนขางๆ ตอบไดเพียงสองคํา ก็ไมรูจะพูดอยางไรตอ
หาญกลาพลีชีพ!
ผูบําเพ็ญเพียรในระดับปรมาจารยทานหนึ่ง ยอมตายแตไมยอมเลิกตอสู ไมสิ...เขา
ไปโดยไมคิดหวนกลับ หลายคนไมอยากจะเชื่อ แตสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เปน ยังมีอะไรให
สงสัยอีก?
นาทีนี้ ไมเพียงใจหายวาบ ยังมีความรูสึกที่ยากอธิบาย
ปรมาจารยใชวาตายไมได จินเฉิงปายังตายไปแลว แตทุกคนตางก็รูวากอนจินเฉิงปา
จะมา ตองไมคาดคิดวาจะมีจุดจบเชนนี้เปนอันขาด แตแมทัพแหงจวนหมิงออง พอรูว า
ตองตาย กลับขอเสี่ยงตายเขาเขนฆาศัตรู
ปรมาจารย!
ปรมาจารยที่แข็งแกรงถึงเพียงนี้ ทําผูคนอดไมไดที่จะสะทกสะทอนใจ
สองประเทศสูรบกัน โลหิตนองปฐพี กระดูกกองเปนภูเขาเลากา ปรมาจารยทาน
หนึ่งรบจนตัวตาย ทําใหสํานักเตากาวถอยหลัง...
ไมมีกรณีเปรียบเทียบ มิไดทํารายใคร ตอนนี้เวลานี้ ทุกคนลวนเงียบ ในใจสั่นไหว
อยางรุนแรง
ตึง!
เสียงนาฬิกาในพระราชวังดังกังวาน ผูคนบนทองถนนคอยรูสึกเหมือนตื่นจากฝน
มีคนชะเงอมองไปยังอาคารสูงตระหงานในพระราชวัง ถึงเวลาเขาวังแลว
ผูคนมองไปยังที่ที่หางไกล ไมมีรองรอยปรมาจารยสักนิด สุดทาย จึงพากันมองไปที่
จวนหมิงออง
ยังไมเห็นรถมาวิ่งออกมา มีเพียงมาศึกหนึ่งตัวที่ไมรูมายืนอยูหนาประตูตั้งแต
เมื่อไหร
ผูสูงศักดิ์อึ้งเล็กนอย แลวจึงเปลี่ยนเปนตกใจ เมื่อเห็นผูสะพายลังไม เนื้อตัวเปรอะ
ไปดวยโลหิตนั่งอยูบนหลังมา บาดแผลตรงหัวไหลมีเข็มเงินฝงไวหลายเลม แมโลหิตหยุด
ไหล แตปากแผลยังคงดูนากลัว
ลูสวินอี้!
ทุกคนลวนจําไดวาเขาคือใคร!
เขาเพียงคนเดียวที่ไมไดอาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผา และไมมีรถมาใหใช กระทั่งผูคุมกันก็
ไมมี เปนแมทัพผูบาดเจ็บเพียงหนึ่งเดียว
“ไป!” เขาใชเทาแตะทองมา ทามกลางสายตาผูคนมากมาย เขาขี่มาออกจากจวน
ไปยังพระราชวัง
หลายศีรษะที่ชักนําปรมาจารยใหมาตอสูดวยยังอยูบนหลังของเขา เขาไมปดบัง
อาการบาดเจ็บ สีหนาสงบนิ่ง คอยๆ ขี่มาไป
ไมมีใครกลาขวาง ผูสูงศักดิ์ไมกลา แมทัพไมกลา เหลาทหารก็ไมกลา
ทุกคนเห็นมาของเขาคอยๆ วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทําใหบาดแผลจากคมกระบี่บนรางถูก
กระทบกระเทือนจนโลหิตไหลออกมาอีก
บนถนนสายยาว เขาขี่มาอยูขางหนาเพียงลําพังจนลับตา โดยไมมีใครกลาขวาง
และเมื่อผูคนหันกลับมาก็เห็นแมทัพมีปฏิกิริยาตอบสนอง คํารามลั่น “ไป!”
เหลาทหารจึงควบมาตามลูสวินอี้ไป กอนขนาบอยูหางๆ ทั้งสองขาง เหลือตรงกลาง
ใหลูสวินอี้คนเดียว
“นายทานตองเขาวังแลว แตยังไมไดอาบน้ํา...”
“อยาปากมาก เตรียมออกรถ!”
แตละจวนคอยๆ คึกคักขึ้น รถมาแตละคันทยอยวิ่งออกมาบนถนนเปอนโลหิต
ตึง! เสียงนาฬิกาดังครั้งที่สอง
บนถนนมุงสูพระราชวังเต็มไปดวยรถมาของเหลาขุนนางนอยใหญ
ไมนานนัก ทหารมาหลายกองก็ขี่มาออกจากพระราชวังผานหนาพวกเขาไป โดยไม
มีใครแสดงอาการตกอกตกใจใหเห็น พวกเขารูดีวา การสูกันครั้งที่สองของปรมาจารยทํา
ใหบรรยากาศในเมืองหลวงตึงเครียดขึ้น
พวกเขายังคงทอดสายตาไปยังผูที่มีลังไมอยูบนหลัง พลางมองไปรอบๆ พวกเขา
กําลังรอคอย อยากยืนยันกับตาวา ‘วิญญาณผูกลา’ ที่คนของหมิงอองพูดถึง เปนความ
จริงหรือไม
ทันใดนั้น มากับคนโดดๆ ที่อยูขางหนาพลันชะงักฝเทา
แมทัพหยุดมา เหลาทหารหยุดมา
ผูสูงศักดิ์แตละทานก็หยุดมาตาม
ผูสูงศักดิ์เอะใจ ไมคิดวางมาดอีก รีบกาวลงจากรถอยางตัวสั่นงันงก ออกมายืนอยู
ในที่สูง มองดูลูสวินอี้
ขางหนาลูสวินอี้เปนชายหนุมขี่มาสองคน ควบมาแหวกทหารที่ปดถนนเขามาอยาง
รวดเร็ว กอนชะลอมาใหชาลงเมื่อเขาใกลลูสวินอี้
เมื่อถนนสูวังหลวงทั้งสายถูกปด ผูคนสองฟากฝงถนนจึงออกมายืนดูเหตุการณที่
เกิดขึ้น และเมื่อเห็นคนผูหนึ่งเต็มไปดวยบาดแผลตลอดทั้งราง ก็พากันตกอกตกใจและ
พูดคุยกันอยางเซ็งแซ
สวนผูสูงศักดิ์ที่อยูบนถนนทั้งสายกลับเงียบงัน เสียงพูดคุยเริ่มลุกลามออกไป ไมวา
จะเปนดานในหรือดานนอกถนน สายตาทุกคูลวนจับจองไปยังชายหนุมทั้งสองซึ่งคอยๆ
ขี่มาเขาหาลูสวินอี้
ในที่สุดพวกเขาก็หยุดมาลง
แมทัพอยูด านขางไมหางจากลูสวินอี้มากนัก เขาหรี่ตามองชายหนุมทั้งสอง
คนหนึ่งถือธงผืนใหญที่มีอักษรโลหิตคําวา ‘หมิง’ อีกคนมีรางของคนๆ หนึ่งมัดติด
เอวอยูดานหลัง ในมือหิ้วศีรษะที่มีโลหิตหยาดหยดศีรษะหนึ่ง
ชายหนุมทั้งสองลงจากหลังมา คนหนึ่งยืนถือธง พยุงเอวของรางที่แบกอยูดานหลัง
อีกคนถือศีรษะเดินเขาหาลูสวินอี้ที่มิไดลงจากมา แตเพียงยื่นมือมา รับศีรษะที่โลหิต
หยาดหยด กอนมองนิ่ง
คนหนึ่งนําธงที่เลอะโลหิตปูไวบนพื้น จากนั้นก็ชวยอีกคนปลดผาคาดเอวที่มัดราง
นั้นไว ทั้งสองนํารางที่ไรซงึ่ ลมหายใจ วางลงบนธง
เหลาผูสูงศักดิ์ตางเดินไปดานหนา เมื่อเห็นใบหนาของรางรางนั้น ตางก็พากันสูด
อากาศหนาวเหน็บ และตองสั่นเทิ้มไปทั้งรางเมื่อเห็นศีรษะในมือของลูสวินอี้
นาทีนี้ บรรยากาศตลอดถนนทั้งสายเปลี่ยนเปนตึงเครียดทันที
แมทัพขี่มาไปขางหนา กะพริบตาหลายครั้ง ในที่สุดก็พูดขึ้น
“นําศพของแมทัพหูเขาวังหล...”
“ขาเขาวังคนเดียวก็พอ!” ลูสวินอี้พูดขึ้นขณะแมทัพยังไมทันพูดจบ จากนั้นจึงแหงน
หนามองทองฟา เงียบไปสักพัก
แมทัพอยากพูดอะไรแตก็หยุดไว สงสัยในใจวาวีรบุรุษผูกลาเชนนี้ เหตุใดจึงไมสงเขา
วัง?
แตตอนนี้คนของจวนหมิงอองบารมีสูงสงยิ่ง แมลูสวินอี้ขี่มามาเพียงลําพัง ผูสูงศักดิ์
ทั้งถนนก็ลวนใหความสําคัญ
เมื่อจวนหมิงอองแข็งกราวถึงเพียงนี้ ก็ไมนาประนีประนอมดวยได แมทัพเองก็ไม
อยากกอเรื่องเพิ่ม ที่สุดแลวจึงไมกลาพูดจาอะไร
ลูสวินอี้คอยกมหนา พูดเสียงเบา “สงเขากลับจวน!”
“ขอรับ!” ชายหนุมพยักหนา นําศพหูเปยวมัดกับเอวแบกไวดานหลังอีกครั้ง
ลูสวินอี้ชูศีรษะในมือขึ้น มือสั่นเล็กนอย กอนนิ่ง “ธง!”
ชายหนุมอีกคนนําธงยื่นให ลูสวินอี้รับธงมา นําศีรษะในมือเสียบเขาดานบนสุดของ
กานธง โลหิตไหลลงตามกานธง เลอะทับตัวอักษร ‘หมิง’
“ทุกคนบอกผูคนตามทางเดินกลับบานดวยวา หมิงอองเปนใคร หูเปยวเปนใคร
ศีรษะนีเ้ ปนใคร พวกเรามาเพื่ออะไร และรบเพราะอะไร จะรบไปถึงเมื่อไหร ที่ไหน!”
เสียงสูงแฝงพลังปราณอันแข็งแกรงของลูสวินอี้ดังกึกกองไปทั่วทั้งบริเวณ
“ขอรับ!” ชายหนุมทั้งสองเงยหนารับคํา พลันดีดตัวขึ้นนั่งบนหลังมา ชูธงหมิงออง
ขึ้นสูง แลวควบมากลับจวน
สายตาทุกคูจองมองชายหนุมทั้งสอง เห็นน้ําตาลูกผูชายของพวกเขาไหลออก พลาง
พูดดวยน้ําเสียงที่ทั้ง เศรา ทั้งโกรธ ทั้งสูง ทั้งแข็งแกรง
“กลางดึกยามสอง ขึ้นแปดค่ําเดือนสาม ฤดูใบไมผลิ ปที่สิบเกา รัชสมัยติ้งอู คน
เถื่อนประเทศฉีทรยศหักหลัง สงทหารหนึ่งแสนสามหมื่นนายบุกรุกประเทศตาเซี่ยเรา
โดยไมบอกกลาว ทหารลาดตระเวนชายฝงหมิงจูยิงปนขึ้นนัดแรก จากนั้นผูคนใน
ประเทศไดลุกขึ้นตอสู สงครามชี้วัดความเปนตายอันโหดรายของชาติพันธุมนุษยอุบัติขึ้น
ดวยเหตุนี้...”
ตอน 238 ทรงพระพิโรธ
“กลางดึกวันที่แปด ประเทศฉีฉวยโอกาสสงทหารเรือบุกเขาปากอาว ตอนที่เรา
ไมไดเตรียมการปองกัน ที่ตองโกรธแคนมากก็คือ พวกเขาหันกระบอกปนเขาใส
ชาวประมงของเราแปดรอยคนที่กําลังประกอบอาชีพอยูกลางทะเล หลังชาวประมงสอง
พันคนถูกสังหารหมูอยางโหดเหี้ยม ประเทศฉีก็ไดสงทหารปลอมตัวเปนชาวประมงเรา
ลองเรือเขาเทียบทาที่ทาเรือหลานเจียง อาศัยจังหวะที่ทหารลาดตระเวนไมทันระวังตัว
เปดฉากยิงถลม พอทหารหมิงจูรูขาวก็รีบรวมตัวกันแปดหมื่นนาย ตอสูขาศึกที่ทาเรือ
หลานเจียง ไมทันขามวัน สี่โมงเย็น ทหารเราแตกพาย! สกัดกั้นไมอยู ทหารฉียกพลขึ้น
บกยึดทาเรือหลานเจียง”
“คืนนั้นจินไจเฉิง แมทัพกองทหารแนวหนาประเทศฉี พอขึ้นบกมา ก็ใชปนสังหาร
ประชาชนเพื่อทําการปดปากความจริงที่ตนเองนําทัพสังหารชาวประมง โดยอางวา
ประชาชนบุกโจมตีคายทหาร ครั้งนี้สังหารชาวประมงไปอีกเจ็ดพันคน พรอมออกคําสั่ง
ใหทหารสังหารหมูไดไมเวนแมคนชราและเด็ก จนทะเลกลายเปนทะเลโลหิต กระทั่งลม
ทะเลที่พัดมาอยางบาคลั่งยังคละคลุงไปดวยกลิ่นคาวโลหิต”
“วันที่สิบ ทหารหมิงจูรบกับทหารแนวหนาประเทศฉี พอคนในพื้นที่ไดขาว
สถานการณอันโหดรายที่ทาเรือหลานเจียงก็โกรธแคนมาก รอฟงขาวเหลาทหารโจมตี
ขาศึกแกแคนใหญาติพี่นองตน แตสุดทายยังคงยืนหยัดไดเพียงหนึ่งวัน ทหารเราแพ!
เมืองซานในเขตตะวันออกถูกยึดครอง จินไจเฉิงใชขออางที่ฟงไมขนึ้ อีกครั้ง ออกคําสั่งให
ทหารใชโลหิตและความโหดเหี้ยมแสดงใหเห็นความแข็งแกรงของกองทัพฉี ครั้งนี้
ชาวเมืองซานตองประสบเคราะหกรรมสามวันเต็ม ทั้งบานเรือนถูกเผา ปลนสะดม
ขมขืนแลวฆาเปนตน โลหิตไหลทาแผนดิน...”
“จากนั้นราชสํานักสงกําลังทหารเขาเสริมไมหยุด แตขาวทหารเราแพแลวแพอีกถูก
กระจายออกไป ทหารฉียึดพื้นที่ไหนไดก็จะกุขาวสรางความสับสนใหกองทัพตาเซี่ย แลว
ใชวิธีการเหี้ยมโหดทําใหประชาชนในพื้นที่ที่ยึดครองยอมจํานนใหไดโดยเร็ว ขึ้นหาค่ํา
เดือนหก ราชสํานักถอนกําลังทหารออกหมด
โดยประกาศวาหมิงจูอยูนอกเหนือการควบคุม หรือถูกคนฉียึดครองนั่นเอง
ประชาชนในเมืองใหญอยางหมิงจูตอ งบานแตกสาแหรกขาด ผูคนไวทุกขมากมาย
ซากศพเกลื่อนกลาด จิตวิญญาณถูกย่ํายี เปนตน ซึ่งนี่เปนเพียงเศษเสี้ยวความทุกข
ทรมานที่คนหมิงจูไดรับเทานั้น”
“ขึ้นหาค่ําเดือนหก หมิงจู...สิ้น!”
หลังเสียงนาฬิกาบอกเวลาประชุมครั้งใหญในวังดังขึ้น ผูคนนับไมถวนในเมืองหลวง
เริ่มใหความสนใจ เมื่อเห็นเหลาทหารมาปดถนนรอบวัง รถมาผูสูงศักดิ์มากันอยางลน
หลาม ผูคนสัญจรผานไปมาหยุดดูเหตุการณ
พวกเขากําลังสํารวจดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเมื่อจองจับไปยังชายหนุมขี่
มาสองคน ก็ตองตื่นตกใจเมื่อพบวาดานบนสุดของกานธงมีศีรษะชุมโลหิตเสียบอยู
ประชาชนธรรมดาผูใดบางที่เห็นภาพนี้แลวไมตื่นตระหนก เพียงแตทุกคนไมกลาสง
เสียงดังเอะอะออกมาเทานั้น แตในใจตางก็เดาวาตองเกิดเรื่องใหญขึ้นแน ถึงไดยินคําพูด
ที่ทั้งเศราสลดและแข็งแกรงหลุดออกจากปากของชายหนุมทั้งสองคน
คําพูดที่เจ็บปวดเชนนี้กระตุนอารมณของผูฟงมากมาย พวกเขาหนาดําหนาแดง น้ํา
หูน้ําตาไหล จนทําใหเกิดความโกลาหลขึ้น
ทุกคนลวนไมสามารถนิ่งดูดายได การบรรยายที่ดูเหมือนธรรมดา แตคําพูดทุกคํา
ของผูพูดลวนกลั่นออกมาจากเลือดเนื้อและโลหิตที่เห็นมากับตา ซึ่งทําใหผูฟงตองขนลุก
ซูทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่นากลัวเหลานั้น
ชายหนุมทั้งสองมิไดอยูในบริเวณที่ลูสวินอี้หยุดอยูตั้งนานแลว แตที่นี่ยังคงเงียบงัน
ผูสูงศักดิ์หลายทานตางตกตะลึงพรึงเพริศ บางตื่นกลัว บางตัวสั่น บางชักกระตุก!
พวกเขาคิดไมถึงวาจวนหมิงอองจะนําขาวที่ราชสํานักปกปดไวเหลานี้ ออกมาแฉให
ประชาชนรับรูโดยทั่วกัน ชางกลา ทําอะไรผลีผลามบุมบามเกินเหตุ
นี่ตองกลายเปนเรื่องใหญแน คิดดูก็รูวา หัวจิตหัวใจประชาชนตองมีแตความเคียด
แคนจนแนนอก จนตองเรียกรองใหราชสํานักแกแคนคนฉีและชิงหมิงจูกลับมา แต
สถานการณขณะนี้ ราชสํานักทําไดที่ไหน?
การระเบิดอารมณรุนแรงของประชาชนตองนําความกดดันที่ไมสามารถจินตนาการ
ไดมาสูเมืองหลวงเปนแน กระทั่งนําไปสูการกอจลาจลที่ยากปราบปราม
แตตอนนี้เวลานี้ ผูที่กอเรื่องคือจวนหมิงออง ผูสูงศักดิ์ที่รูลึกอยางพวกเขาทําไดเพียง
ดูและฟง ไมสามารถตอตานอะไร ทวา นี่ยังไมสิ้นสุด เสียงของคนจากจวนหมิงอองยังคง
ดังตอเนื่อง ทําใหประชาชนที่ไดยินยากทําใจใหสงบลงได
“เที่ยงวัน ขึ้นหกค่ําเดือนหก รานรวงหลายรานบนถนนในหมิงจูถูกปดลอม
โดยเฉพาะรานอาหาร เหตุเพราะพอคาชาวฉีแจงวาอาหารไมถูกปาก พอโวยวายก็
ทะเลาะกับเสี่ยวเออ เจาของรานออกมาหามปรามและไมทันระวัง ผลักคนฉีลมลงกับพื้น
ดวยเหตุเชนนี้ในรานคาเชนนี้ ทุกคนที่อยูในราน ไมวาจะเปนเจาของราน ผูจัดการ เสี่ยว
เออ รวมทั้งแขกในราน ลวนถูกทหารฉียิงตายหมด จากนั้นคนในตระกูลของผูตายยังถูก
โยงใยใหเกี่ยวของและถูกฆาตายหมดเชนเดียวกัน!”
“หลายวันตอมา คนฉีอีกหลายคนปรากฏตัวขึ้นกอเรื่อง จองหาแตบานที่มีหญิงสาว
อยูและทําการลวงละเมิดหญิงสาวตอหนาครอบครัว เมื่อสามีทนไมไหวตอตานขึ้นมา
ผูชายทั้งบานก็ถูกทหารฉีฆาตาย กอนนําตัวหญิงสาวไป ตามดวยคนทั้งบานถูกฆาตาย
หมดเหมือนเคย ผูเห็นเหตุการณทนไมไหวเอยปากหามปราม ยังถูกฆาตายหมดทั้งบาน
ตาม!”
“อีกไมกี่วันตอมา คืนหนึ่ง ขณะทหารฉีขี่มาลาดตระเวน ไดยินเสียงไอของชายชรา
ดังรบกวนไมหยุด จึงเขาไปฆาตายทั้งบาน ซ้ําออกคําสั่ง ดึกดื่นค่ําคืนหามทุกบานสงเสียง
ดังรบกวน มิฉะนั้นจะถือวาละเมิดกฎหมาย มีโทษประหารทั้งตระกูล! คืนนั้น ถนนทั้ง
สายกลายเปนถนนโลหิต สมาชิกในบานหลังแลวหลังเลาถูกฆาตายเกลี้ยง จัดงานศพไม
เวนแตละวัน ในนี้มีคนชราฆาตัวตาย ทารกมากมายถูกทําใหตาย ครอบครัวที่ทนความ
เจ็บปวดไมไหว พรอมใจฆาตัวตายกันหมดทั้งบานก็มีไมนอย”
ผูฟงแทบไมอยากจะเชื่อวา เหตุการณที่ไมนาจะเปนไปไดเหลานี้เปนไปแลวในหมิงจู
เดรัจฉานพวกนี้ เหตุใดจึงทําเรื่องที่ฟาดินสุดทานทนเชนนี้ได?
ขนาดแคฟงยังสติกระเจิดกระเจิง คิดไมออกจริงๆ วาคนหมิงจูมีชวี ิตอยูกับอมนุษย
พวกนี้ไดอยางไร?
นาทีนี้ไมมีใครคิดสงสัยวาคําพูดเหลานี้จริงเท็จอยางไร ไมเห็นวาที่นี่มีผูสูงศักดิ์
รวมตัวกันอยูมากมายดวย
“นี่...จะใหพวกเขามีชีวิตอยูกันอยางไร?”
“ตองใหพวกเดรัจฉานชิงหมาเกิดพวกนี้ชดใช!”
“ฆา ฆาคนฉีตายใหหมด!”
คนมากมายเดือดดาลแลว ไดยินเสียงเอะอะดังรอบทิศ คลื่นลูกใหญที่ยาก
จินตนาการเหมือนกําลังกอตัวขึ้นอยางบาคลั่ง เพราะภาพในความคิดของพวกเขา
สยดสยองมาก สําหรับผูที่ยังไมเคยพานพบเรื่องทํานองนี้ ความรูสึกแรกที่เกิดขึ้นกลับ
มิใชหวาดกลัว แตเปนโกรธแคน โกรธแคนอยางหาที่สุดมิได
ที่ชายหนุมทั้งสองพูดมาทั้งหมด ตั้งใจพูดใหประชาชนคนธรรมดาไดยิน ใหคนตา
เซี่ยทุกคนเกิดความรูสึกรวม ซึ่งยอมไมมีใครยินยอมใหตนเองมีชีวิตอยูในความนากลัว
เชนนั้น
ผูสูงศักดิ์แตละทานหนาถอดสี มือที่จับบังเหียนของทานแมทัพก็ยังยากควบคุม ไมรู
วาคนจากจวนหมิงอองคิดจะทําอะไรกันแน?
ราชสํานักกําลังจะพบคณะทูตานุทูตจากประเทศฉี แตพวกเขากลับปลุกระดม
มวลชนเสียนี่ บาไปแลว?
นาแปลกที่ แมทัพยังคงไมไดรับคําสั่งจากฝาบาทใหจับคนของจวนหมิงออง แตเขา
คิดวา อยางไรก็ไมควรใหชายหนุมทั้งสองพูดตอไป
มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องใหญขนึ้ ได เขาจึงรีบหันหนาเขาหาลูสวินอี้ กอนตะโกนเสียงดัง
“แมทัพลู โปรดหยุดพวกเขาดวย...” ลูสวินอี้จองมองเขาอยางเย็นขาแทนคําตอบ
สายตาเชนนี้ทําใหคําพูดของแมทัพกระจุกอยูที่คอหอยแลวเนื้อตัวสั่น
สายตาเย็นชาไรความรูสึก ไรความหวาดกลัว ไรความกังวล มีแตความเย็นชา ทําให
ใจของผูพบเห็นเย็นยะเยียบ
“นี่...เปนคําสั่งของหมิงอองรึ?” แมทัพถามเสียงสั่น เขารูตัววาควบคุมผูที่อยู
ตรงหนาไมได จึงจําเปนตองพูดถึงหมิงออง ซึง่ ลูสวินอี้รูดีวาคําถามนี้ไมเหมาะที่จะตอบ!
กับโจรถอยหลิน ราชสํานักยอมไมปลอยใหลอยนวลแน แตกับประเทศฉี เกรงวา
องคติ้งอูยงั ไมคิดตัดสัมพันธ การเจรจาสงบศึกจึงไมใชเรือ่ งแปลก
ตอนนี้หากพูดวาเปนคําสั่งทานออง ทานอองยอมตองถูกมองวากําลังทาทายพระ
บิดาอยางไมตองสงสัย ไมเพียงกลายเปนลูกอกตัญู กลับยิ่งทําใหพอลูกเพิ่มความแคน
ตอกันเขาไปอีก
หากบุตรชายอยางหมิงอองทําเรื่องเชนนี้ ยอมทําใหองคติ้งอูอับอายจนโกรธ
ลูสวินอี้เงียบ แตพอนึกถึงดวงตาที่แนวแนคูนั้นของทานออง จึงเปลงเสียงออกมาวา
“ใช!”
แมทัพสั่นสะทาน มานตาหดลงอีกครั้ง จองมองลูสวินอี้นิ่ง สุดทายก็ไมพูดอะไร
กลับเงื้อแสหวดมา ควบเขาวังไปอยางรวดเร็ว เขาไมสามารถรออยูที่นี่อีก รีบบึ่งไปเฝา
หนาประตูวังเพื่อรอรับคําสั่ง
ลูสวินอี้มองเขาขี่มาจากไปอยางเงียบๆ โดยไมสงเสียง เขาไมรูสึกหวาดหวั่นไมวา
ราชสํานักจะมีปฏิกิริยาใดๆ ก็ตาม หากกลัวตาย เขากับศิษยนองก็คงไมมาหรอก!
มองดูกําแพงพระราชวัง แลวจึงควบมาไปขางหนาแตเพียงผูเดียวบนถนนสายยาว
จุดหมายคือพระราชวัง ธุระของเขายังไมเสร็จสิ้น
ผูสูงศักดิ์หลายทานใจสั่น รีบตามเขาวังไปเชนกัน
รถมาทยอยเคลื่อนไหวอยางรวดเร็ว ขณะที่เสียงของชายหนุมทั้งสองยังคงดัง
ตอเนื่อง
น้ําเสียงพลันสูงขึ้น ถึงเลือดถึงเนื้อและปลุกเรามากขึ้น!
“ประเทศฉีแข็งแกรงถึงเพียงนี้ กองทัพยิ่งใหญเกรียงไกรจนประเทศเราตานทานไม
ไหว พวกเขาสามารถสังหารผูบริสุทธิ์อยางบาบิ่น แตพอไดครอบครองหมิงจูแลว พวก
เขานากลัวถึงขนาดอยากฆาใครก็ฆาไดอยางนั้นรึ?”
“ฝนไปเถอะ อองของหมิงจูยงั อยู จนถึงวันนี้ก็ยังอยู พวกเขาทําอะไรได?”
“เดือนหา ขณะสูรบ เฉินเขอจานกลับถอยทัพ หมิงอองไลตามเปนพันลี้ ตัดศีรษะ
ของมันกลับมา แขวนไวในเขตยึดครองประเทศฉี คนฉีตื่นตระหนก แตแลวก็ทําอะไร
ไมได!”
“เดือนหก กองทัพทหารของเราถอยทัพ หมิงจูถูกยึดครอง วันที่สิบหา คนฉีสังหาร
ครอบครัวชางตัดเสื้อหาชีวิต ในคืนเดียวกัน หมิงอองแมไมมีกองทัพในมือ แตไดสั่งใหคน
ในบานจํานวนหนึ่ง สังหารทหารฉีเปนจํานวนสิบเทา หาสิบศีรษะถูกเรียงเปนเจดียลาง
แคน ประเทศฉีโกรธมาก แต มีกองทัพนับพันนับหมื่น แลวอยางไร? ตั้งแตวันนั้น
ประเทศฉีก็ไมกลาทําอะไรบุมบามอีก”
“หลายวันตอมา วีรสตรีหมิงจู ทานตู ตูเวยเวย ถูกปรมาจารยชาวฉี ชุยเฉาเหยี่ยน
ลอบสังหาร หมิงอองเขาประมือตอสูจนปรมาจารยชาวฉีตกใจกลัว อาศัยกองทหารคุม
กันหลบหนีไป ตั้งแตนั้นมา ชุยเฉาเหยี่ยนก็ไมกลากาวออกจากสํานักซานเวยโดยพลการ
แมแตกาวเดียว!”
“กอนหนานี้ไมกี่วัน ชายาหมิงอองเดินทางถึงหมิงจู ถูกปรมาจารยชุยเฉาเหยี่ยนยิง
ธนูสายฟาใส หมิงอองออกคําสั่ง ตัดศีรษะทหารฉีรอยคน ประเทศฉีโกรธจนตองลาง
แคน สังหารหมูประชาชนเราสองรอยคน กอคดีหนี้โลหิตขึ้นอีก คิดบีบหมิงอองใหติดกับ
หมิงอองแมรูวาเปนกับดักแตก็ยังเดินเขาหา สั่งใหคนในจวนทุกๆ คนเอาคืนสิบเทา
ภายในหนึ่งคืนคนในจวนหมิงอองเราพลีชีพรอยคน สามารถสังหารทหารฉีไดสอง
พันกวาคน! หมิงอองตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉีชุยเฉาเหยี่ยนดวยตัวเอง!”
พูดถึงตรงนี้ ทุกคนพลันตื่นรูคําวา หมิงออง!
นี่คือตัวตนของหมิงออง!
ตองพูดวา ตอนนี้พอไดฟงเรื่องราวเหลานี้ ทุกคนตางใจเตนแรง หนาแดง โลหิตรอน
ระอุ องคชายของพวกเขาที่แทกําลังทําเพื่อบานเมือง สังหารและแกแคนศัตรู ทําใหผูคน
กระตือรือรนขึ้น
“จากนั้น กลับมีคนพูดวาการที่หมิงอองสังหารคนเถื่อน เปนการนําความเดือดรอน
มาสูคนหมิงจู เนื่องจากการใชมาตรการรุนแรงตอบโตคนเถื่อน ทําใหประชาชนสองรอย
กวาคนถูกสังหารหมู ผูบริสุทธิ์ถูกดึงมาเกี่ยวของดวย หมิงอองผิดพลาดครั้งใหญ! คนฉี
เตือนใหหมิงอองวางมือยอมจํานน มิฉะนั้นจะสังหารชาวหมิงจูเพิ่มขึ้นเพื่อชดใชใหกับ
ทหารฉีที่ตายไป จะใชหนี้โลหิตที่ไมสิ้นสุดบีบใหหมิงอองยอมรับผิด!”
“หลายคนเห็นดวยกับความคิดนี้ คิดวาเมื่อตองเผชิญกับประเทศฉีที่แข็งแกรง พวก
เราทําไดแตเพียงอดทนตอความอัปยศแลวใชชีวิตตอไปวันๆ ลืมหนี้โลหิตที่เคยเกิดขึ้น
เจรจารองขอประเทศฉีอยางอะลุมอลวย ถึงจะนํามาซึ่งสันติภาพ แมเฉือนดินแดน ชดใช
คาเสียหายให ก็คุมคา มีเพียงวิธีนี้เทานั้นที่สามารถทําใหเหลาทหารไมตองตกตาย
สามารถทําใหประชาชนอยูอยางสงบสุข”
นาทีนี้ ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบเสียงลง!
ทวาเสียงเขมๆ เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีก “วันนี้ตอนบาย ปรมาจารยชาวฉีสองทานนํา
กลุมคนใจกลาบาบิ่น จูโจมสังหารแมทัพแหงจวนหมิงอองใจกลางเมืองหลวง แมทัพหู
เปยวปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธแหงจวนหมิงอองตอสูจนสังหารปรมาจารยชาวฉีไปหนึ่ง
ขณะบาดเจ็บสาหัส ไมสนใจชีวิตตนเอง ไลลาปรมาจารยอีกคนไปไกลนับสิบลี้ ที่สุดก็ตัด
ศีรษะได และแขวนอยูบนธงเราอยางที่เห็น สวนแมทัพหูเปยวผูหาญกลาพลีชีพ ตอนนี้
อยูบนหลังของขา!”
“นี่ก็คือคําตอบที่จวนหมิงอองของเราใหกับประชาชนใตหลา!”
“หนี้โลหิตตองชดใชดวยโลหิต ทานอองไมกลัวตาย แมทัพแหงจวนหมิงอองไมกลัว
ตาย แตยามมีชีวิตไมคิดตายในทาคุกเขา! หากตองตาย ขอตายในสนามรบ!”
“สันติภาพ แตไหนแตไรมาลวนไดจากการรบ มิใชไดจากการรองขอ จากวันนี้เปน
ตนไป ทานอองขอสาบานกับปวงชนใตหลาวา ความผิดบาปที่ทหารฉีทําไวในตาเซี่ยเรา
แมน้ําสามสายก็ชะลางไมหมด หมิงอองเปนอองของหมิงจู วันนี้หากยังไมตาย ตองให
ชาวฉีชดใชสิบเทา! ไมตองพูดเรื่องตาเซี่ยรองขอสันติภาพยอมเฉือนดินแดนชดใช
คาเสียหาย แมวันนี้ประเทศฉียอมจํานน ทานอองก็ไมลดราวาศอก หนี้โลหิตไมลางแคน
ไมเลิกรา!”
“คําพูดนี้ ฟาดินเปนพยาน!”
พระราชวัง
องคติ้งอูห ายใจถี่ สองมือกําแนน ยากควบคุมอารมณตนเอง
ใบหนาจางปงลี่เต็มไปดวยเหงื่อ “ฝาบาท แมทัพหลิวรอรับคําสั่งอยูหนาประตูวัง!”
“รับคําสั่งอะไร?” องคติ้งอูพ ลันหันมอง น้ําเสียงแฝงอารมณโกรธ
จางปงลี่รีบกมศีรษะ ใชสิ ยังจะรอคําสั่งอะไรอีก? เรื่องเปนถึงขนาดนี้แลว ยัง
สามารถทําอะไรได
หรือวาทามกลางสายตาประชาชน ยังคิดขวางไมใหพวกเขารับรูความจริง? ยังจะทํา
ใหความขัดแยงระหวางพอลูกบานปลายเพิ่ม?
จางปงลี่รูสึกขมขื่นใจยิ่ง เรื่องนี้เขาทําอะไรไมไดจริงๆ พูดไดวาทุกคนลวนทําอะไร
ไมได จวนหมิงอองบารมีแข็งแกรงถึงเพียงนี้ สําหรับฝาบาทแลวเปนบารมีที่ใชปองปราม
เปนหมากชั้นเลิศโดยเฉพาะในการใชปองปรามสํานักเตา แนนอนวาตองใหการ
สนับสนุนอยูแลว
แตไหนเลยจะคิดวาหมิงอองกลับดําเนินการโดยไมคํานึงถึงสถานการณโดยรวม เขา
ดื้อรั้นและมุทะลุเกินเหตุ ทําใหองคติ้งอูที่เฉยชามานานหลายป อดรนทนไมไหว ตบโตะ
ติดตอกันหลายรอบกอนตะโกนเสียงต่ํา
“เหลวไหล เหลวไหลจริงๆ!”
“เจาคิดวา จะใหโลกหมุนตามเจาเพียงคนเดียวอยางนั้นรึ? โธ...อายุยังนอยยังขวาง
โลกขนาดนี้ แลวจะแบกรับเรื่องใหญไดอยางไรเลา?”
“ขาเปนฮองเต ยอมหวงบานเมืองไมดอยไปกวาขบถอยางเจา? หรือขาจะไมรูวา
คนฉีปาเถื่อนอํามหิต แตตอนนี้ประเทศขาดแคลนกําลัง กองทัพฉีแข็งแกรง แมขาคิดสู
แตจะเอาอะไรเขาสู? ใหพึ่งวิทยายุทธขบถอยางเจาอยางนั้นรึ?”
“เด็กโง โงจริงๆ มีวิทยายุทธเสียเปลา กลับสมองกลวง นึกวาตนเองฉลาด ทําตัว
เปนแมทัพของขา ทําไมเจาไมคิดวา เหตุใดตางชาติจึงรุกรานเราไดอยางงายดาย? กบฏ
ภายในนั่นอยางไร ตนเหตุแหงความหายนะ ขอเพียงทําลายลางโจรถอยหลินได ยอมให
ประเทศฉีโอหังไปสักพัก ทนอัปยศหนอย รอรวมกําลังประเทศเปนหนึ่งเดียวและปรับ
โครงสรางกองทัพได จะกังวลไปไยวาจะทําลายประเทศเล็กกระจอยรอยอยางประเทศฉี
ไมได?”
“ทําไมขาถึงไดใหกําเนิดขบถสายตาสั้นเชนนี้ได นาโมโหจริงๆ!”
องคติ้งอูท รงพระพิโรธเขาใหแลวจริงๆ ดาวาอยางเกรี้ยวกราดตอหนาจางปงลี่
จางปงลี่กมศีรษะลงไปจนต่ําสุด ทําเหมือนไมไดยิน เขายอมไมเอยปากพูดแน
ผานไปครูใหญ องคติ้งอูจึงสูดลมหายใจเขาลึกๆ สงบนิ่งลงได
เหมือนเมื่อครูมิใชพระองคที่โกรธกระฟดกระเฟยด ทรงถอนหายใจเอาอากาศเสีย
ออก กอนพูดเสียงเบา “ชางเหอะ ใหเขากอกวนไป!”
“พะยะคะ อยางนั้นฝาบาท ตอนนี้เราควรจะเผชิญหนากับคณะทูตจากประเทศฉี
อยางไร?”
จางปงลี่คิดไวในใจแลว แตยังตองถามเพื่อความแนใจ องคติ้งอูมิไดมองเขา เงียบไป
สักพักกอนวา
“เจาลูกขบถกอกวนขนาดนี้ ขายังจะทําอะไรได? ดูกอนก็แลวกันวาคณะทูตจะทํา
อยางไรกับลูกหก จะยังอหังการอยางนั้นอยูไหม...”
จางปงลี่อึ้ง สักพักคอยเขาใจความหมายของฝาบาท
สมองพลันพลิกกลับ ตองบอกวาเขายกยองสรรเสริญในพระปรีชาญาณยิ่ง โกรธจัด
ขนาดนี้ ยังแจมใสไดในพริบตา ทรงหมายความวาทุกเรื่องมีขอดีขอเสีย ตองเริ่ม
พิจารณาจากผลประโยชนทไี่ ดรับกอน ก็ถูก การกอกวนในครั้งนี้ของหมิงออง กลับแสดง
ใหเห็นวาฝาบาทถอยไมได ตองใชกําลังที่มีทั้งหมดสูศึกสงครามอยางไมหวัน่ เกรงใดๆ ซึ่ง
จะสรางความกดดันกลับใหชาวฉีระหวางเจรจา ทําใหฝาบาทเปนฝายไดเปรียบกวา!
แนนอน สําหรับฝาบาทแลว หากเจรจาแบบอะลุมอลวย ตองเสียหนาแน เพราะลูก
เลือดรอนจะรบ แตพอกลับออนปวกเปยก...
ในทองพระโรง ขุนนางพากันลุกขึ้นยืนตรงอยางพรอมเพรียง
กลุมศิษยสํานักเตายืนอยูในแถว ในนั้นมีคนของเขาซางชิงรวมอยูด วย
หนวดชงเสวียนสั่นเล็กนอยโดยมีพี่นองตระกูลเหมยนั่งอยูขางๆ ซึ่งเห็นชัดวาแววตา
ของพวกเขาไมนิ่ง
คณะทูตานุทูตประเทศฉีมาแลว พวกเขานั่งอยูแถวหนาสุด โดยแตละคนมีสีหนา
เขียวคล้ํา จองมองอยางดุดันไปยังผูที่ยืนโดดเดี่ยวเนื้อตัวเลอะไปดวยโลหิตอยูกลางทอง
พระโรงอยางลูสวินอี้
ผูแทนของคนตระกูลหลินก็มา แตพวกเขาไมมีที่นั่ง จึงไดแตยืนอยูดานขางกลมกลืน
กับขุนนางของราชสํานัก ยังดีที่คนจากตระกูลหลินไมมีทาทีหยิ่งยโส เขาดูเงียบมากใน
ทองพระโรง เพียงแตถูกองคประธานการประชุมเหลือบมองบางเปนครั้งคราว
องคชายทานอื่นๆ ลวนอยูในแถว แตละทานเหมือนมีสีหนาสงบนิ่ง แตแววตากลับมี
อารมณตางๆ นาๆ จะเห็นไดวาจริงๆ แลวพวกเขาไมสงบนิ่ง
วันนี้ ในทองพระโรงเหมือนเปนที่รวมของขุมกําลังแตละฝาย ซึ่งยากที่จะเกิดโอกาส
เชนนี้ขึ้น
แนนอน นาทีนี้ไมมีใครรูสึกผอนคลาย คําพูดแตละคํา เรื่องแตละเรื่องที่เกิดขึ้น ณ
ที่แหงนี้ลวนมีผลกระทบตอเรื่องใหญในใตหลาทั้งสิ้น
องคติ้งอูป ระทับนั่งอยูดานบนสุด พระพักตรเปยมบารมีราศีจับ ทรงทอดเนตรมอง
ลงโดยรอบ สีหนาของบุคคลสําคัญแตละคนลวนตกอยูในรัศมีสายตาของพระองค
สุดทายทรงมองไปยังลูสวินอี้ ที่สุดแลวทรงเปดฉากการประชุมที่ถูกกําหนดขึ้นในสภาวะ
ไมปกติดวยการตรัสวา
“เจาเปนใคร!”
ตอน 239 ไมตรงเจตนารมณ
หากไมเกิดเหตุพลิกผันในตอนบาย ลูสวินอี้ตองรูสึกตื่นเตนพอสมควร
เพราะนี่เปนครั้งแรกที่ไดเขาวัง มาอยูในสถานที่ใหญโตโออา ไดเห็นองคจกั รพรรดิ
กับตา และยังคงเปนจุดสนใจของทุกคน แมเขากลายเปนปรมาจารยแหงยุคไปแลว แตก็
ใชวาจะไมมีความกดดันเลย
แตตอนนี้เขากลับยืนนิ่ง แมเนื้อตัวเปรอะเปอนไปดวยโลหิต แตสีหนากลับสงบนิ่ง
มาก
ถูกที่วา คนคนหนึ่งแมตายก็ไมกลัว แลวยังจะมีอะไรทําใหเขากลัวไดอีกเลา!
“เจาเปนใคร!”
เสียงอันนาเกรงขามขององคติ้งอูดังสะทอนกองในทองพระโรง ลูสวินอี้คอยๆ เงย
หนาขึ้น มองดูองคติ้งอูที่อยูเบื้องบน ทามกลางสายตาทุกคน เขาคุกเขาลงขางหนึ่งแลว
ยกมือขึ้นประสานแบบแมทัพในสนามรบ
“กระหมอมลูสวินอี้ แมทัพเล็กๆ คนหนึ่งของจวนหมิงออง ถวายบังคม!”
หือ?
การคุกเขาเชนนี้ทําใหทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ บางคนยังแสดงทาทีมึนงงอยู
รวมทั้งองคติ้งอูที่มีเดิมมีสีหนานิ่งเรียบ ยังพลันรูสึกวูบไหว มองลูสวินอี้นิ่งโดยมิได
สงเสียงใดๆ
“เฮอะ!”
เสียงแคนหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนจึงรีบเรียกสติคืนกลับ หันไปทางตนกําเนิด
เสียง
เห็นอาจารยแตละทานตางนั่งอยูอยางสํารวมตรงที่นั่งสํานักเตา สายตาทุกคูจึง
เพงเล็งไปยังเหมยอวิ๋นชิง เพราะเมื่อครูทุกคนไดยินอยางชัดเจนวาเปนเสียงแคนหัวเราะ
ของผูหญิง และอาจารยที่นั่งอยูก็มีเพียงนักพรตเหมยคนเดียวที่เปนเพศหญิง
องคติ้งอูรบี ดึงสติกลับจากอาการอึ้ง สีหนาเย็นชาเล็กนอย กวาดตามองเหมยอวิ๋น
ชิง ขณะจะเอยปากตรัส ชงเสวียนกลับลุกขึ้นยืน กาวไปขางหนาหนึ่งกาว ทําความ
เคารพองคติ้งอูแลวทูลวา
“ฝาบาททรงเมตตา นักพรตเหมยไมคอยสบาย เมื่อครูจึงไอออกมารบกวนฝาบาท
ทําใหตกพระทัย ขอทรงโปรดอภัย!”
สีหนาองคติ้งอูนิ่งเรียบดังเดิม ตรัสถามเสียงเบา “ออ? นักพรตเหมยไมคอยสบาย
หรือ?”
ชงเสวียนรีบหันมองเหมยอวิน๋ ชิง ซึ่งพอนางเห็นแววตาที่เครงขรึมของชงเสวียนมอง
มา ที่สุดแลวก็ไดแตสูดหายใจเขาลึกๆ ลุกขึ้นยืน ทําความเคารพองคติ้งอู
“มิบังอาจทําใหฝาบาทหวงใย หมอมฉันเพียงฝกยุทธหักโหมไปหนอย รูสึกไมสบาย
อยูบาง พักรักษาตัวไมกี่วันก็หาย เมื่อครูทนไมไหวจึงไอออกมารบกวนฝาบาท ขอทรง
โปรดอภัย”
องคติ้งอูเผยอยิ้มที่ริมฝปาก กอนตรัสเสียงเบา
“ไมเปนไร แตเจาก็ควรระวังสุขภาพ เจายังอายุไมถึงสี่สิบก็ฝกวิชาสําเร็จถึงขั้น
อาจารยแลว นับวามีความสามารถและประสบความสําเร็จยิ่ง ไมจาํ เปนตองหักโหม
รางกายอีก ความขยันหมั่นเพียรแมเปนสิ่งที่ดี แตก็ควรดูกําลังของตนเองดวย มากไปก็
ไมดี!”
เหมยอวิ๋นชิงสั่นเทิ้มไปทั้งราง กมศีรษะ ใบหนาแดงไปหมด คําพูดนี้หากเปน
เมื่อกอน นางยอมรูสึกภาคภูมิใจ แตตอนนี้กลับไมใช อาจารยที่มีอายุไมถึงสี่สิบ
ยังไมตองพูดถึงกรณีหมิงอองที่ไมเคยพบมากอนในประวัติศาสตร พูดถึงแตลูสวินอี้
ที่คุกเขาอยูก็พอ เกรงวาอายุก็ไมนาจะเกินสี่สิบ แตการบําเพ็ญเพียรไปไกลกวาตนไมรูกี่
เทาอยางไมตองสงสัย อาจารยอายุไมถึงสี่สิบ จากนี้ไปคงกลายเปนคําพูดดูหมิ่นมากกวา
อีกทั้งคําพูดที่วา ‘ควรดูกําลังของตนเองดวย มากไปก็ไมดี’ นี่ใชเยยหยันนาง
หรือไม?
“คําชี้แนะของฝาบาท ขาและศิษยสํานักเตาจักจดจําไวใหมั่น!” ชงเสวียนรูสึกไม
คอยดี กลัววาลูกสาวจอมยุทธที่ยืนอยูดานขางจะทนไมไหว จึงรีบพูดเสียงสูงเตือนสติ
เหมยอวิ๋นชิง
เหมยอวิ๋นชิงยอมไมกลาผลีผลาม เพียงคิดถึงการตายของอาจารยหลี่ขึ้นมา ตอนนี้
จึงไดแตเอยปาก “เพคะ คําชี้แนะของฝาบาท หมอมฉันตองปฏิบัติตามอยางแนนอน”
องคติ้งอูพ อพระทัยแลว จึงไมถือสาเรื่องนี้อีก ละสายตามาหยุดอยูที่ลูสวินอี้ ผู
คุกเขาหลุบตาต่ํา และยังคงประสานมืออยูอยางนั้นโดยไมพูดจา
ผูคนตางมองตามพระองค ลูสวินอี้ทําใหพวกเขาจิตใจสั่นไหว ยากที่จะสงบนิ่งลง
เขาก็เปนอาจารยสํานักเตาคนหนึ่งนี่!
และอาจเปนอาจารยที่มีความสามารถโดดเดนสุดในทองพระโรงนีก้ ็วาได ผูคนตาง
คิดไมถึงวาเหตุใดเขาจึงไมสนใจสถานะคนจากสํานักเตาแมแตนอย กลับทําความเคารพ
แบบแมทัพฝายบูที่จัดเปนขุนนางระดับลางไปได...
ขุนนางผูภักดีตางรูสึกตื้นตันใจ ขุนนางคิดไมซื่อตางรูสึกกังวลใจ สวนดวงตาของ
เหลาองคชายตางก็แฝงแววโกรธแคนอยางไมสิ้นสุด แตก็หวาดหวั่นยิ่ง
ดานกลุมผูแทนจากตระกูลหลิน โดยเฉพาะแววตาของอาจารยหลิวทานนั้นเห็นได
ชัดวาเครงขรึมลง
ดานคนฉีที่อหังการสุดจะเปรียบ ดวงตายังฉายแววดุดันไมเสื่อมคลาย
“ลุกขึ้นยืนพูดกับขา!”
องคติ้งอูตรัสดวยน้ําเสียงราบเรียบ ยังคงความเครงขรึมและลึกซึ้ง แมในใจจะรูสึก
ปลื้มปติ แตพระองคก็ไมแสดงออกใหเห็นแมแตนอย
“ขอบพระทัยฝาบาท”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน แลวลวงปายทองปายหนึ่งออกจากอกเสื้อ มหาดเล็กเดินเขามารับ
เอาไป มอบใหฝาบาทๆ พยักหนา
“เปนปายคําสั่งของหมิงออง เจาไมอยูขางกายหมิงออง แตกลับมาเมืองหลวง
เพราะเหตุใด?”
ลูสวินอี้ปลดลังไมลงจากบา แลวเงยหนามององคติ้งอู กอนพูดเสียงขรึมเล็กนอย
“ทูลฝาบาท กระหมอมไดรับคําสั่งจากทานอองใหเขาวังหลวงเขาเฝาฝาบาท เพื่อ
นําของสิ่งนี้มามอบใหพระองค!”
“หือ?”
องคติ้งอูกวาดตามองคนจากสํานักเตาที่กําลังตึงเครียด แลวกวาดตามองคณะทูต
ประเทศฉีที่นั่งหนาไมสูดีนัก คอยกะพริบตาเล็กนอย กอนพูดเสียงเบา
“ของอะไร?”
ลูสวินอี้เงยหนาขึ้นแลวเอยปาก “ศีรษะคนจํานวนหนึ่ง!”
เสียงดังเซ็งแซ
จริงๆ แลวทุกคนลวนรูวาลังไมเปอนโลหิตมีอะไรบรรจุอยูภายใน แตพอไดยินลูสวิน
อี้พูดออกมาจริงๆ กลับยังคงสะดุงสะเทือน
“อะไรนะ?” องคติ้งอูตะลึงงัน พลันยืดตัวตรงคลายตกใจ สายตาจับจองลังไม
น้ําเสียงตึงเครียดขึ้น
“ศีรษะคน? ศีรษะใคร?”
เมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกขององคติ้งอู ผูคนในทองพระโรงจึงเงียบ ขณะที่เหลาขุน
นางตางพากันวิพากษวิจารณเสียงดัง
ทามกลางสายตาที่จองมองมา ลูสวินอี้ยังคงมีทาทีสบายๆ เขาคุกเขาขางเดียวอีก
ครั้ง และเปดลังไมออกอยางไมลังเลใจ ขณะที่ทุกคนยังไมทนั ตั้งตัว เขายื่นมือลงไปหยิบ
ศีรษะขึ้นมา
ศีรษะแรกที่เขาหยิบอยูในมือทําใหนักพรตทั้งสามจากเขาซางชิงลุกขึ้นยืน ตามดวย
คนจากสํานักเตาอื่นๆ ไมมีใครสามารถสงบนิ่งไดเมื่อจองมองศีรษะนี้
ศีรษะที่ผานการจัดการเรียบรอยโดยเฉพาะ เสนผมกระจาย สีหนาซีดขาว
“ศิษยพี่หลิว...” ชงเสวียนกระตือรือรนกาวเขาไปขางกายลูสวินอี้ เขายื่นมืออันสั่น
เทาออก คิดรับศีรษะจากมือลูสวินอี้
เพี๊ยะ!
เสียงตบหนา ทองพระโรงเงียบกริบ
ชงเสวียนยกมือขึ้นจับหนาตนเองเมื่อเห็นโลหิตหยดลง ที่แทเปนโลหิตของลูสวินอี้
บนใบหนาชงเสวียนมีรอยนิ้วมือโลหิตประทับอยู
ชงเสวียนผูจัดการเรื่องราวตางๆ ไดดี ไมคาดคิดมากอนวา วันหนึ่งจะถูกคนตบหนา
ตอหนาตอตาสาธารณะชนเชนนี้
กระทั่งคิดไมออกวาควรโตตอบอยางไรดี นาทีนี้ในสมองเขามีแตความวางเปลา ได
แตมองดูลูสวินอี้
“เจา...”
ทาทีลูสวินอี้เปลี่ยนไป เลือดลมตลอดทั้งรางพลันคุกรุน ดวงตาพยัคฆจองชงเสวียน
เขม็ง กอนเปลงเสียงออกดังกองทองพระโรงทีละคํา น้ําเสียงไมสูงแตดุดันอยางไร
ขอบเขต
“กลากาวเขามาอีกกาวละก็ ฆา! ไม! เวน!”
รังสีฆาฟนทําใหทุกคนในทองพระโรงอกสั่นขวัญแขวน มานตาหดเล็กลง
ชงเสวียนพยายามเรียกสติกลับคืน รางเขาเริ่มสั่นเทา ใบหนาแดงระเรื่อ ชี้นิ้วใสลูส
วินอี้ ริมฝปากสั่นระริก แตกลับพูดอะไรไมออก
แตเขายังสามารถใชเหตุผลยับยั้งอารมณไว อีกดานหนึ่ง เหมยอวิ๋นเทียน เหมยอวิ๋นชิง
และกลุมคนจากเขาซางชิงเริ่มมีปฏิกิริยา แตละคนสีหนาพลันเปลี่ยน เหมยอวิ๋นชิงเปน
คนแรกที่รุดมาอยูขางกายชงเสวียน จองมองลูส วินอี้อยางแคนเคืองพลางตะโกนลั่น
“เจากลาเสียมารยาท...”
“ศิษยนอง!”
ลูสวินอี้แววตาเยือกเย็น เขายังไมทันโตตอบ ชงเสวียนพลันดึงสติกลับได แลวรีบ
รองหามเหมยอวิ๋นชิงไว กอนหันกาย โคงคํานับใหองคติ้งอู กอนพูดเสียงสั่น
“ขอ...ขอฝาบาททรงตัดสิน!”
องคติ้งอูตื่นจากภวังค ทรงคิดไมถึงวาเพียงชั่วพริบตาจะเกิดเรื่องเชนนี้ขึ้น ทรง
เหลือบมองคนฉีซึ่งกําลังมองดูเหตุการณอยางออกรส
ดานผูแทนตระกูลหลินที่ภายนอกดูสงบนิ่ง แตทรงแยกแยะออกวาในใจพวกเขา
กําลังกระโดดโลดเตนดวยความปติ
องคติ้งอูมองดูลูสวินอี้อยางเงียบขรึม เรื่องนี้จัดการลําบาก
ทรงผิดหวังมาก ลูสวินอี้ใชความบาบิ่นเกินเหตุในการจัดการเรื่องราว แมทรงคิดใช
การกระทําของหมิงอองสรางความกดดันใหสํานักเตา แตใชวาตองฉีกหนาขนาดนี้
ลงมืออยางเปดเผยทามกลางสายตาสาธารณะชนโดยไมเหลือทางหนีทีไลใหตนเอง
แมแตนอย โงเขลาเบาปญญาจริง อีกทั้งยังไมเห็นใครอยูในสายตาดวย กลาทําการ
บุมบามตอหนาพระพักตร ทําใหทรงมีสีหนาไมสูดี รูสึกไมสบายใจ
ตอนแรกยังชื่นชมเขาอยูหลัดๆ ตอนนี้กลับรูสึกวาเขาก็ไมพนคนมุทะลุที่เยอหยิ่ง
มากคนหนึ่ง ใชใหทําเรื่องอะไรมากไมได ทําเอาบรรยากาศดีๆ ถูกตีรวนจนเปนเชนนี้
“สามหาว!” องคติ้งอูตบที่เทาแขนเกาอี้บัลลังกมังกร แลวลุกขึ้นยืน มองลูสวินอี้
ดวยสายตาดุดัน “อยานึกวาเจาเปนปรมาจารยเตาแลวจะเสียมารยาทตอหนาขาได”
คําพูดนี้พอหลุดออก เหลาขุนนางตางลอบเบะปาก ยังไมพูดถึงคนของหมิงออง พูด
ถึงปรมาจารยกอน ยังไมทันไรก็มอบเรื่องนี้ใหเปนความขัดแยงภายในสํานักเตาไปเสีย
แลว ทั้งๆ ที่เมื่อครูตอนคนผูนี้ทําความเคารพทาน ก็ไมเห็นทานทักเขาวาปรมาจารยนี่?
ลูสวินอี้กลับยังคงสงบนิ่ง เขาหันมององคติ้งอู กอนพูดขึ้นอยางใจเย็น “ขอทรงอภัย
ใชวากระหมอมไมเคารพ แตหมิงอองมีคําสั่ง ใหกระหมอมนําศีรษะเหลานี้มอบให
พระองคดวยมือกระหมอมเอง กระหมอมจึงตองทําตามหนาที่ มิฉะนั้นกระหมอมตองถูก
ทานอองตัดศีรษะอยางไมละเวน!”
หือ?
องคติ้งอูองึ้ เหลาขุนนางตะลึง
ตัดศีรษะ?
ลูสวินอี้พูดตอ “ตั้งแตเดินทางออกจากหมิงจู กระหมอมและพวกถูกศัตรูจูโจมมา
ตลอดทาง อยางวันนี้ชวงบาย มีสองปรมาจายนํากลุมคนเขาจูโจม แตสุดทายปรมาจารย
ทั้งสองก็ถูกปรมาจารยหูเปยวแหงจวนหมิงอองสังหาร ผูมีวรยุทธทุกทาน ผูนอยบาดเจ็บ
สาหัส แมมาถึงทองพระโรง แตยังมิไดมอบของ ขอเพียงผูนอยยังมีลมหายใจ ถึงตายก็ไม
ยอมใหใครมาแยงชิงของไปได!”
คําพูดนี้พอพูดออกมา องคติ้งอูกลับกะพริบตาเล็กนอย มองดูชงเสวียนโดยไมมี
คําพูดจะตรัสตอ ดวยความหมายชัดเจน คนเขาพูดมีเหตุผล เจาก็เห็นอยู จะใหขา
จัดการอยางไร
ชงเสวียนสั่นเทิ้มไปทั้งราง เห็นชัดวาโกรธ “ฝาบาท ผูเฒาเพียงเห็นวาเปนศิษยพี่
กลับมา มิไดคิดแยงชิง...”
ลูสวินอี้พลันหันมองชงเสวียนอีกครั้ง ยังมีเหมยอวิ๋นชิงและพวกที่รุดมายืนขางชง
เสวียนและจองตาเขาอยางโกรธแคน พวกเขาไหนเลยจะไมรวมพลังกัน ครั้งนี้เขาซางชิง
มีปรมาจารยมาหาทานดวยกัน พอรวมพลังกันก็ดูนากลัวอยู
ลูสวินอี้ไมรอใหฝาบาทเอยปาก ประทุพลังปราณขึ้นทันที ดวงตาดุรายสุดๆ หยิบ
ศีรษะขึ้นจอตรงหนาชงเสวียน ดวยเคลื่อนไหวมากเกิน โลหิตจึงซึมออกจากปากแผล
บริเวณทรวงอก แตลูสวินอี้ราวกับไมรูสึกรูสาใดๆ จองมองชงเสวียนนิ่ง
“ขารูวาเจาเปนปรมาจารย...มา...ใหเจา ลองยื่นมือสัมผัสศีรษะนี้สิ?”
“ขาบอกแลว ขามิไดคิดแยงชิง นี่เปนศิษยพี่ขา!” ชงเสวียนหนาแดงไปหมด มองดู
ศีรษะตรงหนา ไหนเลยจะกลาลอง ไมวาจะแยงหรือไม คนเขาก็บอกแลววา ไมอนุญาต
ใหผานมือใครกอนเปนอันขาด
หากตนกลายื่นมือออกไปแตะจริง เกรงวาทานผูนี้ตองตัดศีรษะตนแน อยาบอกวา
ตนไมกลาผิดใจกับราชสํานักหรือหมิงอองเลย ตอใหกลา ตอนนี้ตนก็ไมมีทางขยับ
เด็ดขาด อยางนอยก็ไมมีความมั่นใจวาจะหนีจากเงื้อมมือของทานผูนี้ไปได แมทานจะ
บาดเจ็บสาหัสก็ตาม
ลอเลนนา ผูที่สามารถสังหารจินเฉิงปาได เขาหรือจะสามารถประมือดวย?
ใครบางอยากตาย อยางนอยชงเสวียนไมอยาก
“เจากลาหรือไม?” แววตาลูสวินอี้เย็นชา!
เงียบกริบ ทุกลมหายใจลวนเงียบ
ในทองพระโรง ทุกคนตางอกสั่นขวัญแขวน นาทีนี้มีแตองคติ้งอูที่เปลงประกายตา
เจิดจา แตยังไมจบ
แนนอนวาชงเสวียนไมกลา เขายืนอีหลักอีเหลื่ออยูที่เดิม ไมรูวาควรทําอยางไรตอ ดี
ที่ลูสวินอี้ปลอยเขา โดยการกาวไปขางหนา เชนเดียวกัน จอศีรษะตรงหนาเหมยอวิ๋นชิง
และถามคําถามเดิม
“เจาไมยอมจํานนนี่ อยางนั้นเจาก็ลองดู!”
เหมยอวิ๋นชิงกะพริบตาปริบๆ นาทีนี้ ความโกรธอัดแนนอยูในทรวงอก นางไมใชชง
เสวียน ไมวาผลสุดทายจะหนักหนาเชนไร นางก็ไมมีทางอดทนตอการดูหมิ่นเชนนี้ จึง
ยื่นมือออกไปจะสัมผัส
“ศิษยนอง ใจเย็น...” ชงเสวียนกลับไมกลาใหนางลอง ดึงนางออกทันที
มือของลูสวินอี้กลับไมสั่นแมแตนอย ละสายตาจากนาง หันไปมองปรมาจารยหลาย
ทานที่สงสายตาแคนเคืองเมื่อครู
“พวกเจาละ กลาหรือไมกลา? พวกเจาคนเยอะนี่ ขาก็บาดเจ็บสาหัส สังหารพวก
เจาไมหมดแน แต ปรมาจารยของพวกเจาทุกคน สามารถตานทานพลังหมัดเพียงหมัด
เดียวของหมิงอองไดหรือเปลา?”
พูดถึงตรงนี้ ปรมาจารยหลายทานพลันหนาเปลี่ยนสีและไมกลาวูวามแตอยางใด
ลูสวินอี้กวาดตามองคนจากสํานักเตาอื่นๆ ทําใหคนเหลานี้ตื่นตกใจ พวกเขาอาน
ความหมายของการกระทํานี้ออก และสัมผัสไดถึงพลังคุกคามอันบาดีเดือด
ความรูสึกนี้ทําใหคนยากทานทน เกิดเปนคนของสํานักเตารอยแปดสํานักทั้งที
สํานักไหนบางที่ยังไมเคยชินกับการถูกกอกวน มีบางไหมที่จะยอมรับการขมขูคุกคาม
เชนนี้ อีกทั้งยังเปนการดูแคลนวรยุทธ...
จากนั้น แมสีหนาทุกคนดูไมได แตอยางไรก็ไมมีใครกลาปริปากพูดสักคน
ลวนตองอดทน
เนื่องจากพลังเพียงหนึ่งหมัดที่ลูสวินอี้เอย ทําใหพวกเขานึกถึงหมัดนั้น หมัดที่มอไป
สังหารสามปรมาจารยในกระบวนเดียว
มีเพียงเหมยอวิ๋นชิงที่โกรธจัด เขาซางชิงทั้งสํานักตอสูกับหมัดเดียวของหมิงออง
ไมไดอยางนั้นหรือ?
ไมตองพูดถึงปรมาจารย ยังมีจอมยุทธผูเปนบิดาของตน แตเจานั่นถึงกับไมรูฟาสูง
แผนดินต่ํา นึกวาเปนหนึ่งเดียวในปฐพีที่ไมมีใครโคนลมได?
นางหมดความอดทน แตนางไมตองเอยปากแลว ลูสวินอี้เหมือนรูว านางคิดอะไรอยู
พลันหันไป วางศีรษะนั้นลงในลังไม แลวหยิบอีกหนึ่งศีรษะออก
“จินเฉิงปามาแยงชิง ขายังกลาสังหาร เจา เหตุใดขาจึงไมกลา เหตุใดจึงสังหาร
ไมได?”
เหมยอวิ๋นชิงตัวแข็งทื่อในพริบตา พลังปราณตลอดทั้งรางคลายผนึกเปนกอนน้ําแข็ง
ใบหนาที่แดงอยูกลับกลายเปนซีดขาว คําพูดนี้เถียงไมขึ้น ไมวามอไปสามารถหรือไม
สามารถสูกับปรมาจารย นางก็เขาใจความหมายแฝงของประโยคนี้แลว
คนเขาแมแตชาวฉียังสังหาร ก็ยอมไมกลัวเขาซางชิงอีก ตอนนี้ยอมกลาฆานางแน
ระยะประชิดเชนนี้ นาทีนี้ นางรูสึกไดถึงอันตราย
นางยอมไมอยากตาย แตผูมีศักดิ์ศรีสูงเชนนาง กลับไมรูวาจะทนคําพูดเชนนี้ไปได
อีกสักกี่น้ํา และเมื่อเห็นกลุมคนที่กําลังทนก็ยิ่งรูสึกกล้ํากลืนฝนทนยิ่ง นางจึงยืนตัวแข็ง
ทื่ออยูที่เดิม
ยังดี ที่มีผูคลายความอีหลักอีเหลื่อนี้ใหนาง
“เหลวไหล!”
ขณะชาวฉีกําลังดูละครตรงหนาอยางออกรส แตละคนมีแววตาวูบไหววาบตางกัน
โดยไมรูวากําลังคิดอะไรอยูนนั้ ลูสวินอี้พลันหยิบศีรษะที่สะทอนประกายโลหิตออกมา
อยางไมคาดคิด ทําใหจิตใจทีก่ ําลังเต็มไปดวย
อารมณของพวกเขาถูกขัดจังหวะ จนเหลือแตความโกรธที่กําลังแผดเผา
พริบตานั้น ทูตจากประเทศฉีลุกขึ้นยืน พรอมเสียงกนดาของใครบางคน
ทามกลางสายตาหวาดผวาของผูคน ลูสวินอี้เหลือบมองพวกเขา กอนโยนศีรษะใน
มือลงบนพื้นเหมือนโยนขยะอยางไรอยางนั้น กอนหันไปหยิบศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนในลังไม
ออก แลวโยนลงบนพื้นดวยทาทีเชนเดียวกัน ใหเคียงคูอยูกับศีรษะของจินเฉิงปา
“กลาดูหมิ่นจักรวรรดิฉีของเรา...”
พูดยังไมทันจบ ลูสวินอี้ก็เงยหนาขึ้น “ดูหมิ่นหรือ?”
เปรี้ยง!
พูดจบ เห็นลูสวินอี้เพียงยกเทาขึ้น ตามดวยเสียงดังเปรี้ยง มันสมองพรอมของเหลว
ในศีรษะจินเฉิงปาระเบิดกระจาย
ชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงทีย่ ืนอยูใกลสุดกาวถอยแทบไมทัน สีหนาเต็มไปดวยความ
ตื่นตระหนก
ไมผิด นาทีนี้สติของเหมยอวิน๋ ชิงกระเจิดกระเจิง นางสะดุงตกใจ
ไมตองพูดถึงเหลาขุนนางในทองพระโรง ไมมีใครไมตกใจ ยิ่งเห็นมันสมองไหลนอง
บนพื้นก็ยิ่งรูสึกสะอิดสะเอียน แตอยางไรก็เปนขุนนาง แมตกใจแทบตาย ก็ตองยืนนิ่งอยู
ใหจงได ถึงใจเตนไมเปนระส่ําแคไหน เหงื่อกาฬแตกซานเพียงใด ก็ตองอดทนไวไมสง
เสียงดังออกมา
สวนองคติ้งอูที่อยูเบื้องบนยอมคิดไมถึงวาจะเกิดเหตุการณเชนนี้ มานตาจึงหดลง
และในตอนนี้เอง ที่ขางกายพระองคพลันมีผูเฒาเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง
ผูเฒาทานนี้ไมรูปรากฏตัวขึ้นแตเมื่อใด ทวาลูสวินอี้เห็นและกําลังสบตากับเขา
ลูสวินอี้คอยๆ เงียบลง ปรับลมหายใจอันหนักหนวงของตน มองดูคณะทูตประเทศฉี
โดยไมพูดจา
ไมจําเปนตองพูดอะไรอีก พวกเขากลาหรือไม นี่ก็คือคําตอบ!
ลูสวินอี้จองมององคติ้งอูกอนคุกเขาขางเดียวลงกับพื้น
“ฝาบาท ศีรษะเมื่อครูหมิงอองมิไดใหกระหมอมนํามาสงมอบใหพระองค
กระหมอมโกรธแคนชั่วขณะ ทําใหทองพระโรงสกปรก ขอทรงลงอาญา!”
ผูเฒาที่ยืนขางกายองคติ้งอูจอ งมองลูสวินอี้ดวยแววตาอันลึกซึ้ง กอนพลิ้วกายหาย
วับไป
องคติ้งอูกาวไปขางหนาหนึ่งกาว มองดูแววตาที่ผกผันของลูสวินอี้
คนฉีไฉนทานทนไหว พวกเขาแมยโสโอหัง แตมิไดหมายความวาไรสมอง ตอนนี้
พวกเขามองดูเหตุการณที่เปนไปดวยความโกรธแคนจนถึงขีดสุด
หากสามารถสังหารลูสวินอี้ไดในตอนนี้ ตองสับลูสวินอี้เปนหมื่นๆ ชิ้นแน
ยังมีหมิงออง!
ไมถูก คนในทองพระโรงทั้งหมด ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ ตองสังหารใหหมด!
ทูตของประเทศฉีจาวหมิงรุย ตอนนี้สีหนาเขียวคล้ํา สายตาดุดันมิไดจองมองไปยัง
ลูสวินอี้ แตกลับยกมือประกอบทาทางพลางตะโกนใสคนขางตัว กอนหันมององคติ้งอู
แลวพูดอยางโกรธแคนแฝงอํานาจขมขู
“จักรพรรดิตาเซี่ย บุตรชายของทานวางแผนสังหารนักรบแหงจักรวรรดิฉีเราอยู
เรื่อย รวมทั้งยังดูหมิ่นเชนนี้อีก เรื่องนี้หากไมมีการชดใชที่ทําใหเราพอใจ ทหารหาญแต
ละคนของจักรวรรดิฉีเราตองใชโลหิตชาวเซี่ยลางความอัปยศใหกับนักรบของเราอยาง
แนนอน!”
ขมขู! เปนการขมขูอยางแนนอน!
ยืนอยูในพระราชวังตาเซี่ยแทๆ ยังดําเนินการขมขูองคจักรพรรดิตาเซี่ย พูดออกมา
ตรงๆ วาจะฆาชาวเซี่ยลางแคน ระดับของความอหังการชนิดนี้...
ลูสวินอี้กลับเหลือบตามององคติ้งอูโดยไมเอยปากใดๆ
องคติ้งอูมองดูของเหลวบนพื้น กอนปดปากแนน พระองครูสึกจริงๆ วาวันนี้การ
ไมไดพบหนาและตระเตรียมกับลูสวินอี้กอนเปนความผิดอยางหนึ่ง
เรื่องที่เกิดขึ้นลวนเหนือความคาดหมายของพระองคอยางสิ้นเชิง คนในทองพระโรง
ในวันนี้บาบิ่นเกินเหตุ พุงชนไปทั่ว คิดแตจะแสดงความเหนือกวาใหเห็น
“เฮอะ เราตองถามกอนวา ประเทศของเราสองทําสงครามกันมานาน จนขาเห็นวา
กองทัพเราสองรบกันไมหยุดเสียทีจึงคิดใชหลักการทูตแกไขปญหา เมื่อครูยังไดจัดเลี้ยง
ตอนรับพวกทาน แตพวกทานกลับกลากอเรื่องขึ้นใจกลางเมืองหลวง ขอนี้พวกทานยัง
ไมไดชดใชใหเรา!”
องคติ้งอูสีหนาเครงขรึม พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ นั่งลงบนบัลลังกมังกร
ทูตประเทศฉีไดยินดังนั้นก็เชิดหนาขึ้น
“จักรพรรดิตาเซี่ย เปนเพราะหมิงอองของพวกทานวางแผนสังหารชุยเฉาเหยี่ยน
ปรมาจารยเรากอน พวกเรามิไดตรงไปสังหารหมิงออง เพียงชิงศีรษะของวีรบุรุษเรา
กลับคืน นี่นับเปนการเคารพทานแลว ยังมีอะไรตองชดใชอีก?”
ปง! องคติ้งอูตบที่เทาแขนเกาอี้มังกรอีกครั้ง
อยางไรก็ทรงเปนองคจักรพรรดิ ถึงจะทนแคไหน ก็ไมอนุญาตใหแสดงความยโส
โอหังเชนนี้
“นาขัน พวกเจากอเรื่องในเมืองหลวงของขา ยังบอกวาเคารพขาหรือ?”
เห็นไดชัดวาทรงพยายามยับยั้งชั่งใจ พูดเพียงคําวากอเรื่อง มิไดพูดคําวาจูโจม
สังหารคนของหมิงอองออกมาตรงๆ หรือคิดปลนชิงของทีห่ มิงอองตองการมอบใหองค
จักรพรรดิ
“พวกเราเพียงตองการนํานักรบของเรากลับคืน แตคนของพวกทานไมเพียงไม
รวมมือดวย ยังวางแผนสังหารนักรบของเราอีกคน เห็นชัดวาบาคลั่งและเหี้ยโหดยิ่ง
จักรพรรดิตาเซี่ย พวกทานกําลังปฏิเสธมิตรภาพและความปรารถนาดีของเรา หาก
ไมสามารถชดใชใหสาสม เราก็จะใชปนในสนามรบยิงแกแคนใหนักรบเรา!”
“อยางนี้ก็มีดวย ในใตหลายังไมมีเหตุผลที่วาใชสงครามเพื่อปลดปลอยมิตรภาพ
และความปรารถนาดี พวกเจากอเรื่องในเมืองหลวงตาเซี่ย ยังกลาพูดกลับดําใหเปนขาว
บอกวาเปนความปรารถนาดี ที่แทก็ขมเหงกันชัดๆ!”
“หากจะมาคุยกันเรื่องสงคราม เราไมสงปรมาจารยไปหรอก แตจะสงขุนศึกใน
สนามรบไป”
“เฮอะ เมืองหลวงตาเซี่ยเรา เจาคิดสงทหารมาก็สงมาไดงายๆ อยางนั้นรึ?”
“ทานกําลังดูแคลนนักรบในสนามรบของจักรวรรดิฉีเรา? นี่คือการยั่วยุ!”
“หยุดพูดจาเหลวไหลไดแลว เปนประเทศฉีของเจาที่รุกรานตาเซี่ยเรา...”
“เปนทหารพวกเจาที่ทาทายบารมีประเทศฉีเรากอน...”
......
องคติ้งอูเปดหัวเรื่องแลว ยอมไมสามารถลงสนามโตเถียงดวยองคเองไปเรื่อยๆ ทวา
การเจรจาก็เปนเชนนี้ ทานพูดมา ขาพูดไป
ลูสวินอี้ฟงการพูดเรื่องหยุมหยิมเชนนี้แลวก็รูสึกหดหูใจ
ตั้งแตตนจนจบ ชัดเจนวาขุนนางทุกทานลวนพยายามปองปรามการใชกําลังทหาร
ทําศึกสงคราม พูดกันก็แตเหตุผล ไมกลาตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
เปนดังเชนที่องคชายหกคาดการณ สุนัขปาฉีแสดงความเถื่อนใหเห็นอยางชัดเจน
ตองการสงบศึกโดยไมจําเปนตองชนะศึก ซึ่งนาเศราใจมาก
เพราะขอเพียงสามารถยืดลมหายใจเฮือกสุดทายออกไป พวกเขาก็ไมตองจดจําแลว
วาผูคนในเขตสงครามตองประสบเคราะหกรรมอยางไร
ลูสวินอี้มองดูสีหนาเครงเครียดองคติ้งอู แลวก็มิไดเอยปากอีก เขาดูออกวา องคติ้งอู
ก็ไมอยากรบ จึงไมมีความจําเปนที่ตองอยูฟงอีกตอไป การมาเมืองหลวงครั้งนี้ เขามี
หนาที่สามอยาง
จึงกมศีรษะลง นําศีรษะในลังไมออกมาทีละศีรษะ ลังใหญแตก็ใสไดไมมาก ที่นํามา
ไดจึงมีเพียงสี่ศีรษะเทานั้น เขานําออกมาแลวแตก็มิไดรีบมอบใหฝาบาท นํามาวางลง
ตรงโตะขางเกาอี้ที่เหมยอวิ๋นชิงนั่ง
ศีรษะปรมาจารยสามทาน บวกกับชุยเฉาเหยี่ยนอีกหนึ่ง รวมเปนสี่ วางไวกลางทอง
พระโรงใหทุกคนไดเห็น พอผูคนเห็นการกระทําของเขาก็คอยๆ เงียบเสียงลง
ลูสวินอี้ทําความเคารพองคติ้งอู แลววา
“ฝาบาท หมิงอองใหกระหมอมมอบคําพูดใหแกใตเทาทุกทาน!”
ขุนนางนอยใหญทกุ คนพลันนิ่ง
องคติ้งอูสะดุงในใจ ไมอยากใหลูสวินอี้พูดอีก แตไมรูจะพูดอยางไรดี?
ขืนเขาพูดจาตัดเยื่อใยออกมาอีกจะทําเชนไร จะใหพูดซี้ซั้วไมได มิฉะนั้นจะทําใหขุน
นางเอาใจออกหาง
และสิ่งสําคัญที่สุดคือ เขาในตอนนี้มีเจตนาที่จะอบรมสั่งสอนมอไป เพราะในหมู
องคชาย ไมงายนักที่จะปรากฎผูโดดเดน อยางไรก็เปนโอรสของตน จะไมใหคิดเรื่องนี้ได
อยางไร?
แตหากมอไปลวงเกินขุนนางเหลานี้ ตอไปจะขึ้นนั่งปกครองไดอยางไร?
“วันนี้เปนวันตอนรับคณะทูตานุทูตประเทศฉี เรื่องอื่นคอยพูดกันวันหลัง” องคติ้งอู
ตรัสเสียงขรึม
พอคนฉีเห็นองคติ้งอูไมใหพดู จึงเยยยิ้มพลางพูดขึ้น
“เฮอะ หมิงอองคิดวาแผนการชั่วรายของตนจะสําเร็จอยางนั้นรึ? คิดปายสีพวกเรา?
เขาเปนผูสังหารคนจากสํานักเตาที่ไปรวมสังคายนาวิถีแหงเตาที่หมิงจูหมดทุกคน นี่เปน
หลักฐานบงชี้วาเขาเปนผูทําลายสันติภาพและมิตรภาพ!”
ทวาลูสวินอี้มิไดสนใจในคําพูดเขาแมแตนอย
ทูตชาวฉีผูนี้จึงมองไปรอบๆ และพบวาผูคนในทองพระโรงไมมีใครมีปฏิกิริยา
ตอบสนอง รวมทั้งสามปรมาจารย หนําซ้ําชงเสวียนที่เมื่อครูถูกดูหมิ่นยังโมโหอีก
“พูดจาเหลวไหล หยุดพูดใหตาเซี่ยเราบาดหมางกันสักที คนจากสํานักเตาเราสาม
คนพลีชีพเพื่อชาติและประชาชน เรื่องนี้เปนที่รูกันทั่ว ใหเจาใสรายปายสีไดอยางนั้นรึ”
“ถูก พวกเจาคิดวาตาเซี่ยเราไมมีผูกลาแลวรึ? กองทหารนับพันนับหมื่นในสํานัก
ซานเวย ปรมาจารยสามทานของเราก็บุกเขาไปตัดศีรษะแมทัพพวกเจามาได พวกเจายัง
ไมรีบสํานึก ยังกลาใชจิตใจปรารถนารายทําลายพวกเราอีก?”
“ฝาบาท วันเวลาพิสูจนใหเห็นวา สํานักเตาเราภักดีเสมอมา ขอฝาบาทอยาหลงกล
คนมีเลหเหลี่ยมเปนอันขาด...”
ขุนนางระดับสูงมองดูฉากนี้โดยไมพูดจา
อาจารยหลิวของตระกูลหลินก็กมหนาไมพูดเชนกัน อยางไรเขาก็ไมสามารถผลักไส
สํานักเตาใหไปอยูกับประเทศฉีได จึงเลือกที่จะเงียบ
“เฮอะ คนตาเซี่ยตางหากที่เจาเลห หลอกลวง ตีสองหนา!”
ทูตชาวฉีทานนี้กลับไมแยแสสนใจ ขอเพียงบรรลุจุดประสงคเปนใชได เขารูวาสํานัก
เตาไมยอมรับหรอก แตไมเปนไร อยางนอยก็ไดทําใหพวกเขาหวาดระแวงกันเอง
ลูสวินอี้ไมพูดความจริงเรื่องใครเปนผูสังหาร เขาเอยปากขึ้น
“ถาการจูโจมสังหารคนในเมืองหลวงเปนความปรารถนาดีและมิตรภาพของพวก
เจา ความตายของชุยเฉาเหยี่ยนและหานไจโควก็เปนความปรารถนาดีและมิตรภาพ
ของหมิงอองที่มีตอพวกเจา”
“ทหารของพวกเจากลาหาญชาญชัยในสนามรบ ยิงปนแมนยํา คิดใชโลหิตทหารเรา
ลางความอัปยศชดใชหนี้เลือด สวนทานอองเราไมมีปน แตสามารถทะยานไกลเปนพันลี้
แลวใชกระบี่ตัดศีรษะแมทัพทามกลางทหารนับหมื่น แมสังหารทหารของพวกเจาไดไม
หมดในเวลาอันสั้น แตก็สามารถใชศีรษะแมทัพและขุนนางคนสําคัญของพวกเจามาเซน
ไหววิญญาณผูบริสุทธิ์และนักรบของเราที่ตายไปได!”
“ทหารฉีของพวกเจานับแสนในสนามรบ เมื่อเทียบกับคนของเราก็แคหนึ่งตอสิบ
ทานอองเคยพูดไววา ตาเซี่ยเรา สายน้ําหนึ่งหยดก็คือโลหิตหนึ่งหยด เยาวชนหนึ่งแสน
คนก็คือทหารหนึ่งแสนนาย ตั้งแตประเทศเจากอตั้งขึ้นมา เลี้ยงทหารไดอยางมากก็ไม
เกินลานคน เยาวชนตาเซี่ยเรารอยลานคน ใครจะตายหมดกอนกัน?”
“พวกเจามีทหารในหมิงจูหาหมื่น แตเหตุใดกลับหวาดกลัวทานอองเพียงคนเดียว
เชนนี้? ซึ่งก็เพราะภายในคืนเดียวทานอองสังหารทหารพวกเจาไปแลวสองพัน ถานับไป
ก็แคอีกไมกี่ครั้ง ทหารหาหมื่นของพวกเจายังใชไดอยูอีกไหม? หมิงจูเปนฐานที่มั่น
สุดทายของพวกเจา จะเกิดความผันผวนไมได พอถึงเวลานั้นพวกเจาก็ไดแตเพิ่มทหาร
เขาปองกันหมิงจู การพิชิตตาเซี่ยก็จะกลายเปนเรื่องขําขันไป กลับกลายเปนวาความไม
นิ่งในหมิงจูสงผลกระทบตอสมรภูมิรบอื่นๆ ตาเซี่ยทําสงครามอยูในแผนดินแม ไมมีทาง
ขาดแคลนกําลังรบ เสบียง และอาวุธอยางแนนอน แมพายแพบางเปนครั้งคราว ทวา
ตั้งแตเปดฉากรบ เวลาของพวกเจาก็มีไมมาก จึงจําตองเผด็จศึกใหเร็ว มิฉะนั้นแลว พวก
เจาตองพายแพลงอยางไมตองสงสัย”
“เจาเอาความกลามาจากไหนไมทราบ ถึงไดเดินทางมาสามหาวถึงนี่? เจาคิดวาทุก
คนลวนไมรูกําพืดของเจาอยางนั้นรึ หากขาเปนเจา ตอนนี้สิ่งที่ตองคิด นาจะเปนความ
ปลอดภัยของตัวเองมากกวา ทานอองไดออกคําสั่ง ใครก็ตามที่ยังคงกอสงครามในตา
เซี่ย ลวนฆาไดหมด วันนี้พวกเจาสงปรมาจารยมาสังหารพวกขา ก็ไมนับเปนทูตแลว
เกรงวาพวกเจาคงกลับประเทศไมไดแลวละ!”
“ชางกลา!” ทานทูตชาวฉีจาวหมิงรุย ใบหนาเขียวคล้ํา พอไดยินประโยคสุดทาย
ใบหนาพลันเปลี่ยนสีอีก เขายังมีสติอยู จึงรีบหันหาองคติ้งอู “จักรพรรดิตาเซี่ย กองทัพ
ทั้งสองประเทศรบกันไมหยุดจึงใชการทูตเขาแกปญหา แตทานไดยินหรือไม? เขาขมขู
คุกคามอยางเปดเผยวาจะฆาพวกเรา หากพวกเราถูกฆา พระราชาของเราตองตัดขาด
ความสัมพันธในทุกทางของทั้งสองประเทศแน...”
“เจานาจะยังไมรู ทานอองเคยพูดไววา แมวันหนาพวกเจายอมแพ พวกเราก็ไมมี
ทางยอมรับ ดังนั้นความสัมพันธทุกทางจึงไมจาํ เปนตองคงไว!” ลูสวินอี้พูดสบายๆ
“เหลวไหล!” องคติ้งอูในที่สุดก็เอยปากพูดกับลูสวินอี้ “เปนเพียงแมทัพเล็กๆ ยัง
พูดจาไรสาระอีก ทหาร...”
ไมรูวาเขาคิดจะพูดอะไร แตพูดไดแคครึ่งเดียวก็ชะงัก กอนพูดตอวา “นําตัว
ออกไป!”
ลูสวินอี้กลับไมกลัว และไมขัดขืน
พูดตามตรง วันนี้เขาล้ําเสนไปบาง มีเรื่องมากมายที่ทําเกินกวาเหตุ สิ่งที่หมิงออง
กําชับ แมมีความหมายทํานองนี้ แตก็มิไดบอกใหเขาเลือกกระทําเชนนี้ ซึ่งถาผิดพลาดก็
อาจถึงแกชีวิต อยางนอยสิ่งที่เขาทําลงไปทั้งหมดหากไมตรงกับเจตนารมณขององคติ้งอู
ก็ทรงสามารถสังหารเขาเพื่อชดใชใหเขาซางชิงได
และก็อาจชดใชใหประเทศฉีดวยการสังหารเขาไดเชนกัน
กอนจากไป เขายังจองมองคณะทูตชาวฉีดวยสายตาดุรายเปยมรังสีฆาฟน ทําให
คณะทูตรูสึกกระสับกระสายไมหยุด แตพอออกจากทองพระโรง สีหนาของลูสวินอี้ก็
คอยๆ สงบลง อาจเพราะความตายของศิษยนอง ทําใหหัวสมองที่เคยเยือกเย็นมาตลอด
ของเขา พยายามระบายเลือดรอนตรงทรวงอกออก บางครั้งคนเราก็อยากตาย เพราะ
คิดวาเปนวิธีหนึ่งทีท่ ําใหคุณธรรมดํารงอยู
“เขาไปเถิด!”
มิไดถูกจํากัดที่ทาง แตกลับถูกสงมายังตําหนักหนึ่ง
“หือ? นี่คือ...”
ลูสวินอี้ตะลึง เขารูสึกประหลาดใจ เดิมทีนึกวาตองถูกพาไปยังที่เงียบๆ แลวถูกคน
เคนสอบเรื่องราวตางๆ
แตที่นี่ เขาตระหนักไดในพริบตา
ฮองเฮา!
ตอน 240 พอครัวในจวนหมิงอองก็เปนปรมาจารย?
พอมาถึงหนาประตูพระตําหนัก มหาดเล็กพลันหยุดเดิน
เห็นนางกํานัลซึ่งเปนหญิงชราคนหนึ่งเดินเขาไปพูดคุยกับมหาดเล็กสักพัก
มหาดเล็กก็เดินจากไป
หญิงชราจึงเดินมาหาลูสวินอี้ และสํารวจมองลูส วินอี้อยางระมัดระวัง กอนหยุด
สายตาอยูบนเสื้อผาที่เต็มไปดวยคราบโลหิต แตก็มิไดพูดอะไรมาก เพียงถาม “ทานคือ
อาจารยลู จากจวนหมิงอองหรือ?”
“มิกลาเปนดั่งคําทานมามา* ขานอยลูสวินอี้ เปนเพียงแมทัพเล็กๆ คนหนึ่งในจวน
หมิงออง”
(มามา เปนสรรพนามที่ใชเรียกนางกํานัลอาวุโสที่เคยแตงงานแลว)
ไมตองสําแดงเดชใหเห็นแจมแจงเหมือนตอนอยูในทองพระโรงอีก ลูสวินอี้เก็บพลัง
ลงไปตั้งแตตอนมาถึง แมแตผูรับใชเล็กๆ เขาก็โคงตัวแสดงความเคารพ
หญิงชราอึ้งเล็กนอยเมื่อเห็นทาทางของลูสวินอี้
เรื่องบนถนนหมิงฝูเมื่อชวงบายที่ผานมา นางรูอยางละเอียด สวนสถานการณใน
ทองพระโรงเมื่อครู พระสนมทานอื่นๆ ตอนนี้อาจยังไมรู แตฮองเฮากลับรู
คนผูนี้มองเขาซางชิงเหมือนอากาศธาตุ อาจหาญโตตอบซึ่งหนากับคณะทูตประเทศ
ฉี ทําเอาคนใจหายใจคว่ําไปตามๆ กัน แตตอนนี้ พอนางเห็นคนผูนี้กับตา ก็พบวาเขา
มิไดคิดกรางวางกลามแตอยางใด กลับมีทาทีเคารพนอบนอม ไมเหมือนปรมาจารยสัก
นิด
เหนือความคาดหมาย นางจึงเก็บสายตากลับแลวแสดงความเคารพตอบ
“อาจารยลู ฮองเฮาอยากพบทาน”
เปนฮองเฮาจริงๆ!
ลูสวินอี้กลับคืนสูสีหนาปกติ กมลงดูเสื้อผาของตนแลววา
“ทานมามา ขานอยฉุกละหุกไปหนอย ไมทราบวาตองเขาเฝาฮองเฮา จึงมิไดเปลี่ยน
เสื้อผาใหเรียบรอย ทานวาควรทําอยางไรดี...”
พูดพลางใชมือจับเสื้อผาใหเขาที่ ทวาเสื้อผาที่ถูกกระบี่ฟนขาดและเต็มไปดวยคราบ
เลือดหมาดๆ ไมวาจะพยายามจัดใหเรียบรอยอยางไรก็ปกปดรองรอยไวไมอยู
หญิงชราเห็นทาทางเขาแลวก็ชะงักเล็กนอย หลุบตามองลูสวินอี้อีกครั้ง คอยเอยขึ้น
“ถาอาจารยไมถือสา ขาจะใหคนพาไปเปลี่ยนเสื้อผาตัวใหมใหเรียบรอยกอน อาจารย
เห็นเปนอยางไร?”
“เชนนี้ก็ดีทีเดียว รบกวนทานมามาแลว!” ลูสวินอี้รีบพยักหนาขานรับ
ไมนานนักก็มีบาวรับใชมาพาเขาออกไป
แนนอนวาไมสามารถเปลี่ยนเสื้อผาในพระตําหนักฮองเฮา เขาถูกพาไปยังหองซักรีด
หลังเปลี่ยนเสื้อผาชุดใหมเรียบรอย คอยเดินตามหญิงชราเขาไปในพระตําหนัก
ลูสวินอี้กมตัวหลุบตาตลอดทางเดิน แตมิไดหลับตา เขาลอบสังเกตบริเวณโดยรอบ
พบวาในพระตําหนักแทบไมมีมลพิษ รูปสลักและการตกแตงเปนไปอยางมีรสนิยม ตนไม
ดอกไมใหความสดชื่นมีชีวิตชีวา มีนางกํานัลและบาวรับใชเดินอยูเปนระยะ
เขาคิดในใจ ดูจากสภาพแวดลอมแลว ชีวิตความเปนอยูในวังของฮองเฮานาจะ
เปนไปดวยดี ไมนาจะเปนอยางที่องคชายหกกังวลใจ มาเมืองหลวงคราวนี้ การสืบดู
ความเปนอยูของฮองเฮา เปนอีกหนึ่งภารกิจที่สําคัญของลูสวินอี้!
ตั้งแตปที่มอไปเดินทางไปหมิงจูอยางเงียบๆ และพี่ชายแทๆ เสียชีวิตลง มอไปก็เปน
กังวลในความเปนอยูของฮองเฮามาโดยตลอด เพราะการสิ้นลงขององครัชทายาทและ
การไมสามารถเปดเผยตัวตนของเขา ทําใหฮองเฮาเหมือนถูกตัดแขนตัดขาไปโดยปริยาย
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชาย แมเปนแมของแผนดิน ก็ใชวาจะสามารถ
แบกรับไดโดยงาย อีกทั้งฮองเฮายังมีโรคประจําตัวอยู มอไปจึงไมรจู ะทําอยางไรดี
หลายปมานี้ แมวานใหคนชวยสืบเสาะ แตฮองเฮาที่อยูในพระราชฐานชั้นใน ก็
เหมือนไมมีขาวความเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงขาวพระสนมหลานไดรับความเอ็นดูจากฝา
บาท
มอไปไมสนวาพระสนมหลานเปนใคร และไมสนวานางไดรับความเอ็นดูไดอยางไร
เขาเพียงหวงวา พระราชฐานชั้นในที่ชิงอํานาจสลับซับซอน มารดาผูซึ่งไมมีบุตรใหพึ่งพิง
ขณะบิดาเอ็นดูสนมอื่น จะมีชีวิตอยางไรในพระราชวังที่วุนวายสับสนนี้?
เดิมทีลูสวินอี้ก็เห็นดวยกับองคชายหกวานาหวงอยู แตตอนนี้พอเห็นสิ่งแวดลอม
เชนนี้กลับรูสึกวา อยางนอยตําแหนงของฮองเฮายังมั่นคง ยังไมถึงกับถูกละเลยเสีย
ทีเดียว!
เดินไปเรื่อยๆ ไมนานนักก็มาถึงหองโถงหลัก
หญิงชราหยุดยืนหนาประตู กอนสงสัญญาณบอกลูสวินอี้ แลวจึงหันมาบอกกับผูที่
อยูในหอง
“ฮองเฮา อาจารยลูมาเพคะ”
ลูสวินอี้รูสึกไดวาในหองโถงมีคนผูหนึ่งนั่งอยูดานบน และกําลังมองมายังตน แตเขา
มิไดเงยหนามองตอบ ไดแตกมหนาหลุบตา รอการอนุญาตใหเขาเฝา
“มาแลวรึ? ใหเขามาได” คนในหองมิไดรีบรอนอนุญาต นิ่งไปพักใหญ แลวจึงคอยๆ
เอยปาก น้ําเสียงนับวาสงบนิ่ง แตปรมาจารยอยางลูสวินอี้กลับฟงออกวามีความสั่นเครือ
ปนอยูดวย
“อาจารยลู เชิญ...” หญิงชราเอย
ลูสวินอี้กาวเขาดานใน ยังคงมิไดเงยหนาขึ้น กาวเดินมาหยุดยืนในระยะหางจากผูที่
นั่งอยูราวสามเมตร แลวจึงคุกเขาลงสองขาง ประสานมือคารวะ
“ลูสวินอี้ถวายบังคมฮองเฮา ขอจงทรงพระเจริญ” ตามดวยการโขกศีรษะสามครั้ง
หญิงชราที่อยูดานขางตกตะลึง กะพริบตาปริบๆ
ยังดีที่ฮองเฮามิไดคิดมากเรื่องสถานะปรมาจารยวาควรทําอยางไร เพียงพูดเสียงเบา
“ไมตองมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฮองเฮา” ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน เงยหนามองผูที่อยูเบื้องหนาเปนครั้งแรก
ฮองเฮาสวมเสื้อคลุม บนศีรษะประดับปนหงส แมอยูในวัยกลางคน แตใบหนายังคง
งามสงา
ที่เขามองสํารวจยอมมิใชหนาตาของฮองเฮา แตเปนอารมณและสภาพจิตใจ
มองอยางหยาบๆ ก็รูสึกวาไมมีปญหา อารมณของฮองเฮาดูไปแลวก็สงบดี
พูดตามตรง สําหรับลูสวินอี้แลว กับฮองเฮา เขามิไดรูสึกถึงความกดดันจากอํานาจ
อันสูงสงของผูสูงศักดิ์ในเขตพระราชฐานชั้นในแตอยางใด
ตอนนี้ดวงตาฮองเฮาแดงระเรื่อ มือที่วางอยูขางกายสั่นนอยๆ กําลังใชดวงตาหงส
จองมองตนเอง เห็นชัดวาทรงเกิดความรูสึกบางอยาง ลูสวินอี้ไมกลาสบตาดวย เพราะ
คิดวาทรงกําลังรอฟงขาวของหมิงอองอยู การเกิดความรูสึกตื่นเตนยอมเปนเรื่องปกติ
ทวาจากการพบกันครั้งแรก ลูสวินอี้กลับมองไมออกวาฮองเฮาผิดปกติ ซึ่งหากมอไป
อยู ตองพบความผิดปกติตั้งแตนาทีแรกอยางแนนอน หากยังจํากันได ครั้งแรกที่มอไป
เขามาในพระตําหนัก หนาตาฮองเฮาออนเยาวมากจนเขาประหลาดใจ ไหนเลยจะเห็น
ริ้วรอยของหญิงวัยกลางคนเชนนี้
ปนั้นแมฮองเฮานั่งนิ่งไมพูดจา แตประกายตาที่เปลงออกมีอํานาจสูงสงที่ทําใหผูคน
เชื่อฟงคําสั่ง แตตอนนี้กลับมองไมเห็นรัศมีราศีใดๆ ทรงนั่งอยูตรงนัน้ หากมิไดคิดถึงลูก
ก็จะเห็นเพียงอารมณในดวงตา เสมือนหนึ่งพระพุทธรูปที่นั่งนิ่งอยูในวิหารอันสงบเงียบ
มาเปนเวลานานนับพันป
“ทานอาจารย องคชายยัง...” ฮองเฮาเอยขึ้นขณะมองดูลูสวินอี้ แตกลับพูดไดเพียง
ครึ่งประโยคก็หยุดนิ่ง
ลูสวินอี้รูวาพระองคคิดถามอะไร จึงเงยหนาขึ้นตอบดวยสีหนาจริงจัง “ฮองเฮาวาง
พระทัย ทานอองปลอดภัยแข็งแรง กอนมายังกําชับกระหมอมวา หากมีโอกาสเขาเฝา
ใหนําจดหมายและของสิ่งหนึ่งมอบใหพระองคๆ ก็จะทรงทราบวาทานอองปลอดภัยดี”
“ของอะไร?” ฮองเฮาไดยินก็รีบถามขึ้นขณะหนังตาสั่นระริก
หญิงชราเอะใจเชนกัน แมคนเปนพันเปนหมื่นบอกวาหมิงอองยังมีชวี ิตอยู แต
ฮองเฮากลับเชื่อไดไมสนิทใจ เมื่อไมไดพบเห็นกับตา พระองคก็ยิ่งคลางแคลงใจ
ลูสวินอี้หยิบกระเปาสตางคใบหนึ่งกับจดหมายฉบับหนึ่งออกจากกระเปาเสื้อตอ
หนาบุคคลทั้งสอง
“ทานอองวา กระเปาสตางคใบนี้ฮองเฮาทรงเก็บไวในปที่ทานอองกลับเขาวัง แลว
ทรงมอบคืนใหทานอองกอนที่ทานอองจะจากไป...”
“ฮองเฮาเพคะ นี่...นี่เปนของที่ปนั้น...”
“มามา รีบนํามาใหขาดู เร็ว!”
พอเห็นกระเปาสตางค สีหนาฮองเฮากับหญิงชราพลันตื่นเตนขึ้น โดยเฉพาะฮองเฮา
พอเห็นกระเปาสตางคก็ตาแดงน้ําตาไหล
หญิงชรารีบเรงรับของจากมือลูสวินอี้ ขณะถือกระเปาสตางคนางไมอาจไมเชื่อ
พลางนึกถึงคืนนั้น เปนนางเองที่มอบใหมอไปกับมือ
ทวาแมตื่นเตนอยางไร นางก็ยังตองระมัดระวังยิ่ง ใชแรงจับกระเปาสตางคพลิกไป
มา ตรวจดูวามีอาวุธลับหรืออุปกรณกลใดๆ หรือไม แลวจึงใชกําลังภายในคอยๆ อบ
กระเปาสตางคใหรอน เพื่อตรวจหาพิษที่อาจเคลือบไว เมื่อเห็นวาสิ่งของไมมีพิษภัยทํา
รายคน จึงสงมอบใหฮองเฮา
พอลูสวินอี้เห็นการกระทําของนาง ก็มิไดวาอะไร การไมประมาทเปนสิ่งสมควรยิ่ง
ฮองเฮาสัมผัสกระเปาสตางคพลางหลั่งน้ําตา มองดูอยูนานจึงวา
“มามา เปนองคชาย เปนองคชายจริงๆ!”
“เพคะฮองเฮา ทานอองสบายดีจริงๆ” หญิงชราพยักหนาปลอบโยน
ลูสวินอี้นําจดหมายในมือมอบให “ฮองเฮา ทานอองยังมีจดหมายอีกพะยะคะ”
ไดยินดังนั้น ฮองเฮาก็กํากระเปาสตางคไวในมือไมยอมปลอย กอนมองดูจดหมายใน
มือลูสวินอี้ พระองคทั้งกระตือรือรนและมีความหวัง
“องคชายเขียนเองกับมือหรือ?”
ลูสวินอี้พยักหนา “พะยะคะ ทานอองวา ฮองเฮาตองจําลายมือทานไดแนๆ ”
ฮองเฮาพยักหนา กอนพูดตอ “ขาจําได จําได ปนั้นองคชายยังเขียนใบสั่งยาใหขา
ดวย...”
พอมามารับซองจดหมายมาไวในมือก็สัมผัสไดถึงความหนา นึกเอะใจวาเนื้อความ
ในจดหมายตองไมนอยแน จึงรูสึกผอนคลายลง ดูไปแลวหมิงอองนาจะเขียนขึ้นดวยใจ
จริง
หวังวาฮองเฮาไดอานแลว จะดีใจขึ้นบาง
เมื่อตรวจไมพบความผิดปกติใดๆ จึงสงมอบใหฮองเฮา
พอเปดผนึกครั่งบนซองจดหมายออก ก็พบวาในซองมีจดหมายอยูราวสิบฉบับ
เห็นชัดวาจดหมายยาวมาก ฮองเฮาจับกระดาษจดหมายดวยมืออันสั่นเทา รีบมองดู
ตัวอักษรในจดหมายแผนแรก เพียงแวบเดียวก็เงยหนาขึ้น น้ําตาไหลอีก
“มามา เปนลายมือขององคชายจริงๆ เจาดูสิ เจาตองดูออกแน...”
หญิงชรามิไดรับจดหมายมา เพียงเขาไปดูใกลๆ แลวจึงพยักหนา
“เพคะ เปนลายมือทานอองจริง ลายมือที่เปนเอกลักษณเชนนี้ในใตหลามีเพียงหนึ่ง
เดียว พิเศษมาก”
ในจดหมายเขียนวาอะไรไมรูได แตหญิงชรากับลูสวินอี้เห็นฮองเฮาน้ําตาไหลพราก
แตแรกอาน มือสั่นระริก แตก็คอยๆ หยุดลงพรอมน้ําตา ทรงอานชามาก จดหมายเพียง
สิบแผนทรงอานอยูน าน ราวกับไมอยากผานตาแมสักตัวอักษรเดียว พออานจนถึงแผน
สุดทาย ก็ทรงไมรองไหอีก มุมปากกลับโคงขึ้นโดยไมรูตัว
ทรงถือจดหมายไวในมือพลางนั่งนิ่ง ความคิดความรูสึกไมรูไปไกลถึงไหนตอไหน
หญิงชรามิไดรบกวนพระองค ลูสวินอี้ยิ่งไมกลา
ผานไปพักใหญ ฮองเฮาคอยดึงสติกลับ กมหนากมตาอานอีกรอบ ครั้งนี้เพียงน้ําตา
คลอหนวย ในที่สุดก็ถอนหายใจเบาๆ กอนวา
“เด็กโง ขอเพียงเจาปลอดภัย ขอเพียงเจากลับมาอยูขางกายแม แมก็ไมตองการ
อะไรอีก...”
“ฮองเฮา อาจารยลูอยูขางกายทานอองมาตลอด ทรงถามชีวิตความเปนอยูของ
ทานอองจากเขาดีไหมเพคะ?” เมื่อเห็นทองฟาเริ่มมืดค่ํา หญิงชราก็อดไมไดที่จะกลาว
เตือน
ฮองเฮาเงยหนาขึ้นมองลูสวินอี้ คลายนึกอะไรขึ้นได
“หือ? มามา เหตุใดไมเชิญอาจารยลูนั่งละ!”
ลูสวินอี้โคงตัวลง “ฮองเฮา อยูตอหนาพระองค กระหมอมไมกลานั่ง กระหมอมยืน
เชนนี้ดีแลว”
“ทานเปนปรมาจารยแหงยุค อยูในทองพระโรงยังมีที่ใหนั่ง เหตุใดในตําหนักขาจึง
นั่งไมได?”
ฮองเฮาตรัสถึงตรงนี้ก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหนา
“เจาติดตามอยูขางกายองคชายมานาน สถานะเจา องคชายบอกขาหมดแลว แต
แมไมเห็นวาเจาเปนคนนอก ก็ตองตอนรับเจาใหดี เจายังหนุมยังแนน คิดวาในยามปกติ
คนจัดการเรื่องราวอาจเสียมารยาทกับเจาไปบาง อยางไรก็ขออภัยเจาดวย!”
ลูสวินอี้ตะลึงงัน รีบโคงตัวลง
“ฮองเฮา กระหมอมแมบําเพ็ญเพียรในขั้นอาจารย แตก็เปนเพียงแมทัพคนหนึ่งใน
จวนหมิงออง ฮองเฮาทรงเปนพระมารดาของทานออง หากกระหมอมยึดถือสถานะ
ปรมาจารยตอหนาพระองค ก็จะถือวาขามหัวเจานาย ไหนเลยจะเปนแมทัพในจวนได
อีก ยิ่งไปกวานั้นที่กระหมอมโชคดีมีวันนี้ไดก็เพราะทานอองเปนผูมอบให กระหมอม
เปนเพียงปรมาจารยเล็กๆ หรือแมเปนจอมยุทธ ก็ไมกลานั่งตอหนาพระองคเปนอัน
ขาด”
ฮองเฮายังไมทันเอยปาก หญิงชรากลับรูสึกสะทกสะทอนใจ คําพูดนี้คลายกับที่นาง
คิด ดวยนางกําลังนึกถึงอดีตของตนที่มีฐานะต่ํากวาฮองเฮา ทําใหไดเขามาเปนผูรับใชใน
ตระกูลฮองเฮา มองดูฮองเฮาเติบใหญ เพราะเห็นเปนคนกันเอง จึงสามารถรักษา
ความสัมพันธเชนนี้ไปตลอดทั้งชีวิต
นึกถึงหมิงอองในปนั้น คุณชายรุมรวยบอบบาง สามารถทําไดถึงเพียงนี้ ทําให
ปรมาจารยเยี่ยมยุทธผูบําเพ็ญเพียรเยี่ยมยอดทานหนึ่งยอมศิโรราบใหเชนนี้ นางรูวา
ยากลําบากมาก อยางนอยสําหรับนาง นอกจากฮองเฮา เกรงวาใตหลาคงมีอีกไมกี่คนที่
ทําใหนางยอมปรนนิบัติใหเชนนี้
“องคชายสามารถมีผูชวยอยางอาจารยลูอยูขางกาย นับวาโชคดีจริงๆ” ฮองเฮา
ถอนหายใจเบาๆ
ลูสวินอี้สายหนานอยๆ
“มิอาจรับคําชมจากฮองเฮา กระหมอมดอยความรู แตทานอองยังไมทอดทิ้ง จึงได
ติดตามขางกายทานอองแตแรก หากพูดถึงความสามารถ ในจวนหมิงออง มีผูสามารถ
มากมาย ซึ่งเกรงวากระหมอมอาจจัดอยูในลําดับทายๆ”
คําพูดเชนนี้พอหลุดจากปาก ฮองเฮากับหญิงชราพลันสบตากัน ตางเห็นแววตา
ตกใจของกันและกัน คราวนี้หญิงชราเขาใจแลว ในจดหมายของทานอองคงมิไดเขียนถึง
เรื่องพวกนี้
ฮองเฮาเงียบไปสักพัก สุดทายกลับมิไดถามเรื่องนี้ตอ
“อาจารยลู ในจดหมาย องคชายเลาชีวิตความเปนอยูในหลายปที่ผาน รูวาเขายัง
สบายดี ขาก็ดีใจมาก ลูกโตแลว ยอมมีทางเดินของเขาเอง เรื่องอื่นขาไมอยากรู
รายละเอียด มีเพียงเรื่องเดียวที่ติดอยูในใจ ไมทราบวาอาจารยลูพอจะอธิบายใหขาหาย
ของใจไดหรือไม?”
หญิงชราหนังตากระตุก
ลูสวินอี้สะดุงในใจ ในที่สุดก็หนีไมพนคําถามนี้ จึงกล้ํากลืนตอบออกไป “ขอเพียง
ฮองเฮาถาม ถากระหมอมรู ตองตอบโดยไมปดบังแมแตนอย!”
ฮองเฮาเงียบไปอีกสักพัก จึงเอยปาก “ปนั้นเหตุใดลูกขาจึงออกจากเมืองหลวงไป
อยางเงียบๆ แลวหลายปที่ผาน เหตุใดจึงไมมขี าวคราวใดๆ ”
“ปนั้นขณะทานอองออกจากเมืองหลวง ไดถูกนักพรตลอบสังหาร แมที่สุดแลวทาน
อองจะสังหารศัตรูและรอดพนอันตรายไปได แตก็ไดรับบาดเจ็บ รางกายภายนอกไม
เทาไหร แตความทรงจําถูกกระทบกระเทือน จําอะไรไมไดไประยะหนึ่ง จวบจนไมนาน
มานี้ ความจําของทานอองคอยฟนคืนมา...” ลูสวินอี้กมหนาตอบ
หญิงชราเบะปาก เชนนี้หรือที่เรียกวา ตอบโดยไมปดบังแมแตนอย?
เขาจําอะไรไมได แตทําไมไมลืมวิชาแพทย?
แลวถาเขาลืม พวกเจาก็ลืมดวยหรือ? พวกเจามิใชติดตามเขาตลอดหรือ? เหตุใดจึง
ไมบอกออกไปละวาเขาเปนหมิงออง? ตอนนั้นหมิงจูยังปกครองโดยราชสํานักอยู เหตุใด
พวกเจาจึงไมพาเขาไปที่จวนผูวา?
เหตุผลนี้ฟงไมขึ้น แตขารูวาเจามีความจําเปนตองพูดแบบนี้
ฮองเฮาไดยินคําตอบก็เงียบไปพักใหญ แตแลวก็พูดออกมาคําหนึ่ง “เปนเชนนี้จริง
หรือ?”
ลูสวินอี้รูสึกเจ็บปวดไปทั้งราง เปนเพราะเหงื่อไหลไปถูกบาดแผลเขา เขากมหนา
“พะยะคะ ทานออง...พูดเชนนี้!”
หญิงชรากมหนาเชนกัน
ฮองเฮาจึงเงียบไป สุดทายก็พยักหนา
“ที่แทเปนเชนนี้!” พูดจบก็มองดูทองฟา แลวพูดกับลูสวินอี้วา “องคชายบอกวา
เจาจะอยูในเมืองหลวงถึงปหนา ขาใหปายคําสั่งเจาไวปายหนึ่ง หากมีเรื่องอะไร เจาก็
เขาวังมาหาขาไดทุกเมื่อ!”
“ขอบพระทัยฮองเฮา” ลูสวินอี้รูวาถึงเวลาสงแขกแลว รูสึกประหลาดใจอยูบาง ไม
คิดวาฮองเฮาจะไมถามอะไรมากมาย หญิงชราก็เชนกัน!
กอนจากไป ลูสวินอี้จึงพูดขึ้น
“ฮองเฮา ทานอองยังกําชับใหกระหมอมถามอีกวา โรคเขาของพระองคตอนนี้เปน
อยางไรบาง?”
หญิงชราชะงัก แตฮองเฮาทรงหัวเราะพลางวา “ไมเปนไรแลว ตองชมเชยองคชายที่
ใหใบสั่งยาไว ไมคิดวา โรคที่หมอหลวงในวังหลายทานรักษาไมได แตองคชายกลับรักษา
ได”
พอออกจากพระตําหนัก ลูสวินอี้ก็ขมวดคิ้ว “อยางที่ทานอองวา เคยใหใบสั่งยาไว
ถาทานตามนั้น ไมเกินครึ่งป ฮองเฮาก็จะหายดี แตเมื่อครูฮองเฮาบอกวาไมเปนไรแลว”
“ทวาเห็นชัดวาหญิงชรามีสีหนาผิดปกติ จริงๆ แลวนางเตรียมเดินออกมาสงขา แต
ถูกฮองเฮาเรียกไว แลวใหอีกคนออกมาสงขาแทน...”
“ตั้งแตเขาตําหนักจนออกมา ยังไมเห็นฮองเฮาลุกขึ้นยืน นี่...”
“ไมนา ถาฮองเฮายังไมหายจากโรคเขา เหตุใดตองปดบังขา? ตองบอกอาการของ
โรคใหชัดเจน ใหทานอองเขียนใบสั่งยาใหใหมถึงจะถูก รีบรักษานาจะดีกวา หรือกังวล
วาทานอองจะเปนหวง หรือขาคิดมากไป โรคเขาของฮองเฮาดีขึ้นนานแลว”
“ชางเถอะ ฮองเฮานาจะเรียกขาเขาเฝาอีก มาคราวหนาตองถามจากหญิงชราใหรู
เรื่อง”
เดิมทีตอนลูสวินอี้อยูในจวนหมิงอองก็เปนผูรอบรูคนหนึ่ง เมื่อครูกอนออกจากพระ
ตําหนัก เขารูสึกวามีบางอยางผิดปกติ แตอยางไรก็คิดไมออก ทวาเรื่องนี้ยังไมรีบ เพียง
พบฮองเฮาอีกครั้ง ก็นาจะชัดเจน
ตอนนี้ในตัวเขายังมีพัสดุอีกหนึ่งหอ เมื่อคิดถึงน้ําหนักของพัสดุ สีหนาเขาก็
หมนหมองลง
นี่คือสิ่งของล้ําคาที่ฮองเฮามอบใหเมื่อครู มิไดใหเขา แตใหศิษยนองสาม
เปนเงินสวนพระองคที่ฮองเฮาทรงมอบไวใหเปนคาใชจายของสมาชิกในครอบครัว
ศิษยนองสาม
ศิษยนองสามแตงงานมีครอบครัวแลวและมิไดขัดสนเรื่องเงินทอง อีกทั้งพอเขาจาก
ไป จวนหมิงอองยอมไมปลอยใหภรรยามายของเขาตกระกําลําบาก แตเมื่อฮองเฮามอบ
ใหอีก เขาก็ไดแตรับมา
แหงนหนามองทองฟาที่คอยๆ มืดค่ําลง ดวงตาเขาทอประกายอบอุน อาจไมนาน
นับจากนี้ ภรรยาที่ตบแตงเมื่อสองปกอนของเขา ก็อาจไดรับเงินบํานาญในลักษณะนี้
เชนเดียวกัน นางและลูกจะสามารถมีชีวิตอยูอยางมั่นคงตอไปไดหรือไม?
คิดถึงถนนหนทางอันมืดมิดในหมิงจู ความอบอุนในดวงตาคอยๆ จางลง เกิดความ
แนวแนขึ้นในใจ ถนนสายนี้ หากไมทําใหสวาง จะรักษาทรัพยสินเงินทองไดอยางไร?
ทางตองเดินตอไป
“ปรมาจารยใตเทา เชิญ!” บาวรับใชเอยปาก
ลูสวินอี้มองดูสถานที่ราชการอันเงียบสงบ เขายืนอยูหนาประตู ไมรูสึกกลัวแมแต
นอย
รูดีวาราชสํานักไมปลอยใหเขาจากไปโดยไมถามขาวคราวของหมิงอองแน
“ดี!” เขายืดอกเดินเขาไป ไมเหมือนตอนเดินเขาพระตําหนักฮองเฮา
หองทํางานนี้ไมใหญนัก ตกแตงเรียบงาย ภายใตหลอดไฟสีเหลืองนวล ผูที่มีสีหนา
ซีดขาวผูหนึ่งยืนอยูหลังโตะทํางาน
“ที่แทเปนใตเทาจาง ไมไดพบกันหลายป ทานสบายดีไหม”
ลูสวินอี้มองเขาดวยสีหนาเรียบเฉย เห็นชัดวารูจักเขาและรูดวยวาเขามีหนาที่อะไร
“เราเคยพบกันหรือ?” จางปงลี่พูดพลางยิ้มนอยๆ
ลูสวินอี้เหมือนเสียใจเล็กๆ “หากขาจําไมผิด นาจะเปนตอนทานอองเดินทางออก
จากเมืองหลวงในคืนฝนตก ขาโชคดีไดพบหนาใตเทาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นใตเทายืนอยาง
ยิ่งใหญภายใตแสงอาทิตย แตทานอาจไมสนใจคนตัวเล็กๆ ไรชื่อเสียงอยางขา”
“ออ? คืนนั้นคนมากจริงๆ แตผูที่ผานเขามาในสายตา ขาตองจําไดแนนอน ทาน
นาจะเปนหนึ่งในกลุมคนที่ปกปดหนาตา” จางปงลี่พูดพลางผายมือ “ปรมาจารยใตเทา
เชิญนั่ง”
ลูสวินอี้พยักหนา นั่งลง กอนพูดเสียงเบา “ไมผิด ตอนนั้นขาไมกลาเปดเผยโฉม
หนาที่แทจริง มิฉะนั้นคงไมมีโอกาสมาอยูตรงหนาใตเทาเชนนี้ นาจะเสียชีวิตภายใต
น้ํามือทานไปแลว”
“โชคดีจริง คิดไมถึงวาผูที่ยากจนขนแคนดิ้นรนใหรอดชีวิตไปวันๆ ในเมืองหลวง
วันนี้จะกลายเปนปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธแหงยุคและไดรับการเทิดทูนจากผูคนใตหลา ผู
แซจางนับถือๆ!”
จางปงลี่ยกมือขึ้นคารวะ กอนเดินเขานั่งลงตรงขามลูสวินอี้
ลูสวินอี้กลับยิ้ม “ปรมาจารย? ศิษยนองขาก็เปนปรมาจารย บําเพ็ญเพียรสูงกวาขา
อีก แลววันนี้เปนอยางไรเลา อันที่จริงก็ไมตางกัน ปรมาจารยก็ดี คนจนก็ดี ไมตางอะไร
จากในปนั้น เปนชาวยุทธที่สามารถแตกดับไดทุกเมื่อเชนเดียวกัน
กลับเปนใตเทาที่โชคดีจริง คิดไมถึงวาพอผานเหตุการณในวันนั้นแลว ทานไมเพียง
ไมไดรับโทษ ยังมีตําแหนงหนาที่สูงขึ้นอีก นี่สิถึงทําใหผูแซลูนับถือ นับถือจริงๆ!”
จางปงลี่มุมปากกระตุกเล็กนอย กอนคอยๆ พูด “ผูแซจางก็ทําเพื่อประเทศชาติ
เชนกัน ปนั้นหลังรับโทษ ก็ไดรับพระมหากรุณาธิคุณใหโอกาสทํางานชดใชความผิด จึง
ไดแตทําอยางสุดความสามารถจนหาชีวิตไม เพื่อไถบาปที่เกิดขึ้นในปนั้นใหสาสม”
ลูสวินอี้กะพริบตา กลับคิดวาจางปงลี่แบกรับความรับผิดชอบไวหลายอยาง หมิง
อองในวันนี้เปนที่หวาดกลัวของเหลาขุนนาง แตจางปงลี่กลับยอมรับผิดแทนฝาบาท ไม
งายจริงๆ
ทวามิไดหมายความวาลูสวินอี้จะยอมรับนับถือเขา อยางที่หมิงอองพูดไว จางปงลี่
ไมเหมาะที่จะอยูขางกายฝาบาท เขาอนุรักษนิยมเกินไป กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด กับ
สถานการณบานเมืองที่ยุงเหยิง การแบหมัดที่กําออก เปนวิธีเดียวที่จะเรียกแรงศรัทธา
กลับคืน ลูสวินอี้จึงพูดดวยน้ําเสียงเยือกเย็น
“เกรงวาคงยาก ทานอองมีฐานะและวรยุทธสูงสง หากไมเกี่ยงอายุ ตอใหวีรบุรุษใน
ใตหลาดวยกัน เกรงวาคงยากที่จะหาใครเทียบเคียง วีรบุรุษเชนนี้ หากตองตายไปใน
ตอนนั้น ไมรูวาประชาชนหมิงจูที่ทุกขยากลําบากอยูในตอนนี้ ใตเทาจางจะสามารถ
สําแดงเดช ใหพวกเขารูสึกถึงความแข็งแกรงและมีความหวังที่จะมีชีวิตอยูตอไปได
หรือไม”
จางปงลี่หนาดําแลว
ลูสวินอี้พูดตอ “หากไมสามารถ ใตเทาจางคงไดแตปลอบใจตัวเองดวยการหลอก
ตัวเองแลว”
จางปงลี่จับที่เทาแขนเกาอี้ไว ไมสงเสียงใดๆ แตเขาใชคนธรรมดาๆ ที่ไหน ถูก
กระตุนเชนนี้ กลับยังคงรับได แมลึกๆ แลวจะรูสึกวาไมไดรับความเปนธรรมก็ตาม
เรื่องในตอนนั้นกลายเปนปมในใจของเขา เปนรอยดางพรอยรอยใหญที่กาวผาน
ไมได ยามปกติยอมไมมีใครพูดถึงเรื่องนี้ตอหนาเขา แตตอนนี้เวลานี้กลับถูกคนถากถาง
ตรงๆ เชนนี้ ทําไมเขาจะไมรูสึก
“พอแลวปรมาจารยใตเทา เรื่องเกาไวคอยคุยกันคราวหนา เราควรทําเรื่องที่ควรทํา
กอน”
จางปงลี่กมศีรษะ หยิบกระดาษและปากกาออกมาเตรียมจดบันทึก ลูสวินอี้หัวเราะ
“ใตเทาจางไดรับฉายาวาผูควบคุมการขาวในใตหลา คิดวาเรื่องที่ควรรูก็รูพอสมควร
แลว...ก็ได...ดูสิวายังมีอะไรที่ตองการใหขาเติมเต็มอีก ขาบอกใหได”
จางปงลี่หัวเราะ ตอดวยคําถามทันที
“คืนนั้น กลุมที่ปลอมตัวเปนกลุมเยาวชนเปนคนของใคร?”
คําถามแรกทําใหแววตาลูสวินอี้ลึกลงกะทันหัน แตสีหนายังคงเปนปกติ
“ใตเทาจาง ทานมองขาสูงไปจริงๆ”
“หือ?” จางปงลี่ขมวดคิ้ว
“พูดไปทานอาจไมเชื่อ ขาเปนเพียงชาวยุทธคนหนึ่งในจวนหมิงออง เฉก
เชนเดียวกับศิษยนองขาที่เพิ่งพลีชีพไป สามารถตายในสนามรบไดทุกเมื่อ คําถามที่ทาน
ถามเมื่อครู ขาจะรูไดอยางไรเลา?”
ลูสวินอี้ตอบดวยทาทีสบายๆ แตจางปงลี่กลับไมเชื่อ
“พวกเจาพี่นองติดตามหมิงอองออกจากเมืองหลวงในตอนนั้น และไดรับการชุบ
เลี้ยงในจวนหมิงอองจนกลายเปนปรมาจารยไปตามๆ กัน
อาจารยลู ทานจะบอกกับผูแซจางวา ทานเปนเพียงคนตัวเล็กๆ ในจวนหมิงออง
อะไรก็ไมรูเรื่องอยางนั้นรึ? คําตอบนี้ เกรงวาขาคงไมสามารถรายงานใหฝาบาททรง
ทราบได!”
“ออ? ใตเทาจาง ทานเปนผูควบคุมขาวกรองในใตหลา ขาก็ไมคิดทําใหทานลําบาก
ใจ แตไมพูดก็ไมได ดีละ เชนนั้นขาก็ตองขอโทษดวย ทานหาคนผิดจริงๆ ในสายตาทาน
ปรมาจารยคลายผูที่ยอดเยี่ยมมาก แตบอกตามตรง ในจวนหมิงอองเรา ปรมาจารยไม
นับเปนตัวอะไรจริงๆ พูดแลวก็กลัววาทานจะไมเชื่อ กระทั่งพอครัวในจวนหมิงอองยัง
เปนปรมาจารยไดเลย!” สีหนาลูสวินอี้เบาสบาย
แกรก!
จางปงลี่ถือถวยน้ําชาในมือ เตรียมรินน้ําชา แตพอฟงถึงตรงนี้ เสียงแกรกดังขึ้น
ถวยน้ําชาหลนลงบนโตะ
“พอ...พอครัว?”
“ใช พอครัว!” ลูสวินอี้พยักหนา “ในจวนหมิงออง สถานะปรมาจารยเปนเชนนี้!”
ตอน 241 นายกับบาวพูดถึงหมิงออง
“มีแคนี้?”
ในหองทรงพระอักษร องคติ้งอูพลิกเอกสารไปมา ทรงกําลังอานรายงานการสนทนา
ระหวางจางปงลี่และลูสวินอี้พลางขมวดคิ้ว เงยหนามองจางปงลี่ สีหนาไมพอพระทัย
จางปงลี่ไดแตพยักหนาขมขื่น ก็คนเขาไมรวมมือดวย จะใหทําอยางไรได
“เปนเพียงการสนทนาเบื้องตน ลูสวินอี้ระมัดระวังตัวมาก ยืนยันวาตนไมรูเรื่องราว
อะไร”
“เฮอะ!” องคติ้งอูไดยินก็แคนเสียงเย็นชาออกมา ทิ้งเอกสารในมือลงบนโตะ กอน
ลุกขึ้นยืนทวนคํา “ระมัดระวังตัวหรือ?”
จางปงลี่ไหนเลยจะไมรูวา คําๆ นี้ตองทําใหฝาบาททรงกริ้วแน
บุตรระวังกระทั่งบิดา อยาวาแตผูมีบารมีเชนฝาบาทเลย แมเปนครอบครัวคน
ธรรมดา ผูเปนพอก็ยอมตองไมพอใจ แตความจริงก็คือความจริง เขาจะทําอะไรได สี
หนายิ่งทุกขใจ ไดแตตอบเสียงเบา
“ลูสวินอี้เพิ่งเขาเมืองหลวงไดไมทันไร ก็ตองเผชิญกับเรื่องผกผันมากมาย อีกศิษย
นองยังตอสูจนตัวตาย ทําใหกระวนกระวายใจ เกรงวาอาจตกหลุมพรางที่มีอยูรอบตัว
รอใหเขาสงบนิ่งกวานี้อีกหนอยคอยคุยกันใหม คิดวาตองไดบทสรุปแนพะยะคะ”
องคติ้งอูไมตอบ คําพูดนี้หลอกพระองคไมได
หากมิไดรับคําสั่งจากลูกหก คนของลูกหกไหนเลยจะกลาปกปดพระองค?
คําพูดนี้พูดออกมาไดแตไมนาฟง แมกําลังโกรธ ก็ไดแตเก็บไวในใจ หรือจะใหถก
ปญหาเรื่องลูกอกตัญูกับจางปงลี่?
องคติ้งอูน ั่งลงอีกครั้ง เก็บความโกรธและความไมพอใจไว เงียบไปครูใหญจึงเอย
ปากขึ้น
“เขากลับจวนหมิงอองแลวรึ?”
จางปงลี่พยักหนาพลางตอบ
“พะยะคะ เปนการคุยกันเบาๆ เขาบาดเจ็บสาหัส ตองพักรักษาตัว จึงเอยปากขอ
ลากลับ”
องคติ้งอูชะงักเล็กนอย ถามกลับ
“ในเมื่อบาดเจ็บ เหตุใดไมใหเขาพักในวัง แลวใหหมอหลวงตรวจดูอาการ!”
“กระหมอมก็มีเจตนาเชนนั้น”
จางปงลี่เขาใจความหมายฝาบาท คิดควบคุมตัวไวในวังหลวง แลวคอยๆ สอบถาม
ซึ่งเรื่องนีไ้ หนเลยตองใหองคติ้งอูชี้แนะ เหตุผลนี้จางปงลี่มองเห็นแตแรก เพียงแตพูดไม
ออกเมื่อคนเขาพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“แตถูกปฏิเสธ เขาบอกกระหมอมวา ถาพูดถึงวิชาแพทยในใตหลา ผูสําเร็จวิชาที่จะ
ออกจากจวนหมิงอองแมมนี อย แตอาการบาดเจ็บเพียงเล็กนอย คนในจวนหมิงอองยอม
สามารถจัดการรักษาเองได!”
องคติ้งอูแววตาวูบไหว ริมฝปากขยับเล็กนอย แตกลับไมสงเสียงใดๆ
ทรงลืมไปวา ลูกหกเปนหมอในหมิงจูอยูหลายป!
เมื่อลูสวินอี้พูดถึงหมิงออง จางปงลี่จึงทําอะไรไมได หรือเขายังกลาดูแคลน
ความสามารถดานการแพทยของทานอองอีก?
“อีกทั้งฮองเฮายังทรงรับสั่งใหลูสวินอี้กลับไปจัดการงานศพใหปรมาจารยหูเปยวที่สู
จนตัวตายเมื่อชวงบาย ดังนั้นกระหมอมจึงไดแตใหคนสงเขากลับจวนหมิงอองโดยมิไดรั้ง
ตัวเขาไว” จางปงลี่ตอบ
“อืม”
ยังพูดถึงฮองเฮาอีก แมแตองคติ้งอูก็ไดแตพยักหนา ไมพูดถึงการรั้งตัวลูสวินอี้ไวอีก
คิดวา อยางไรก็ยังอยูในเมืองหลวง จะอยูในวังหรือไม ความจริงแลวก็ไมตางกันมากนัก
พอพูดถึงฮองเฮา ทรงนึกขึ้นได จึงตรัสถาม “ตอนอยูกับฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นบาง?”
“ลูสวินอี้ไดมอบจดหมายของทานอองใหฮองเฮา...” เรื่องนี้จางปงลี่รูดี
องคติ้งอูรบี เงยหนาขึ้น “จดหมาย?”
“พะยะคะ เปนจดหมายที่ยาวมาก ประมาณสิบหนาเห็นจะได คิดวาทานอองตอง
คิดถึงพระมารดามาก!”
จางปงลี่ยังไมรูตัววากําลังพูดอะไร
องคติ้งอูจอ งมองเขาอยูสักพัก ริมฝปากขยับเล็กนอย คลายอยากถามอะไร แตกลับ
รูสึกวาไมควรถาม
พอจางปงลี่เห็นทาทีฝาบาทพลันเอะใจ ในใจคิดวาแยแน จึงรีบกมศีรษะลง ไมกลา
เงยหนาขึ้น
ทาทางของเขาทําใหสีหนาองคติ้งอูที่กําลังรอใหเขาพูดตอคอยๆ เปลี่ยนเปนเครง
ขรึม และหนาดําคร่ําเครียดในทายที่สุด
“เฮอะ! นับวาขบถยังรูจักกตัญู! เพราะพระมารดาใหกําเนิดเขา จึงตองทนทุกข
ทรมานมาจนทุกวันนี้ แตเขากลับจากไปหลายปโดยไมมีขาวคราว เฮอะ!”
เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยกถวยน้ําชาที่มีฝาปดขึ้น แตพอเปดฝาออกแลวไมเห็นน้ําชา
พลันโกรธดุจสายฟาฟาด กระแทกถวยน้ําชาลงบนโตะอยางแรง แกรก! กอนตะโกนเอ็ด
มหาดเล็กหนาประตู
“คนละ? มัวทําซากอะไรอยู? ”
เสียงตะโกนเอ็ดทําใหมหาดเล็กในหองทรงพระอักษรตกใจ รีบคุกเขาลง
จางปงลี่จึงคอยรูตัววาตนเองพูดผิดไป ทานอองฝากจดหมายใหฮองเฮา แตไมมี
อะไรฝากใหฝาบาท หนําซ้ํายังตั้งปอมระแวงอีก เชนนี้จะไมใหฝาบาทโกรธดุจสายฟา
ฟาดไดอยางไร?
เขากมศีรษะลงทันที มือที่อยูดานหลังลอบสงสัญญาณใหมหาดเล็กที่คุกเขารีบ
ออกไปจากหอง
มหาดเล็กจึงคอยๆ คุกเขาถอยหลังออกไป องคติ้งอูไมสนใจ เพียงพูดเสียงดังขึ้น
จมูก
“พูดตอไป เจาขบถนั่นเขียนวาอะไร?”
จางปงลี่รีบทูล “ฮองเฮาเปนผูอานจดหมายดวยองคเอง เนื้อหายังไมทราบแนชัด
แตจากที่ฮองเฮาทรงเลาใหมามาฟง เนื้อหาสวนใหญบอกเลาชีวิตความเปนอยูของทาน
อองในหลายปที่ผานมา”
พูดถึงตรงนี้เขาก็เงยหนาขึ้นเพื่อเนนย้ํา
“หลังฮองเฮาทรงอานจดหมายจบ ก็มิไดถามอะไรลูสวินอี้มากมาย คิดวาใน
จดหมายนาจะเขียนไวอยางละเอียด”
“นางอานจดหมายแลว อะไรก็มิไดถามเลยอยางนั้นรึ?” องคติ้งอูกลับชะงัก เหมือน
ผิดคาด
“ก็ไมเชิงวามิไดถามอะไรเสียทีเดียว...” พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่กลับหยุดพูดไปดื้อๆ
องคติ้งอูขมวดคิ้วเล็กนอย “พูด!”
“ที่สุดแลวฮองเฮาทรงถามลูสวินอี้วา เหตุใดปนั้นทานอองตองลักลอบจากไป และ
หลายปมานี้เหตุใดจึงไมติดตอกลับ!” จางปงลี่ไดแตแข็งใจตอบออกไป
คําตอบนี้พอหลุดจากปาก บรรยากาศในหองทรงพระอักษรพลันเงียบกริบ
องคติ้งอูน ั่งอยูตรงนั้น ดวงตาที่เคยลึกล้ํามาตลอด ผันผวนใหญในพริบตา
จางปงลี่จึงรีบพูดตอ “ลูสวินอี้วา เปนเพราะทานอองบาดเจ็บ สมองถูก
กระทบกระเทือน ทําใหความจําเสื่อม จําเรื่องในอดีตไมไดอยูนานหลายป จึงมิไดติดตอ
ฮองเฮา และเมื่อเร็วๆ นี้ความทรงจําจนเพิ่งฟนคืนกลับ...”
ราวกับวามีลมเบาๆ พัดผาน บรรยากาศในหองทรงพระอักษรผอนคลายลง
แตองคติ้งอูยังคงเงียบไปพักใหญ สุดทายก็ตรัสเสียงเบา
“เขา...รูเรื่องแลว”
จางปงลี่ใจสั่น คุกเขาลงกับพื้น
“กระหมอมสมควรตาย ที่ปนั้นคุมครองทานอองไมดี แตฝาบาทกลับเมตตาไม
ลงโทษ ทําใหทานอองไมพอใจ และยังติดอยูในใจจนทุกวันนี้ ซึ่งเมื่อครูลูสวินอี้ไดจงใจ
พูดใหกระหมอมฟงอยางลึกซึ้ง...”
เห็นไดวา จางปงลี่ลึกซึ้งอยางไร จึงถูกใจองคติ้งอู
เรื่องบางอยาง ไมวาใจหรือปาก ก็ไมสามารถคิด ไมสามารถพูดไดทั้งหมด
แมตอนนี้ในหองมีเพียงองคติ้งอูและจางปงลี่สองคน จางปงลี่ก็ยังคงยึดหลักการนี้
เรื่องนี้เขาตองแบกรับไว คิดวาฝนไปก็แลวกัน หรือไดแตคิดวาเปนความผิดของตน ไม
อาจโยงใยถึงฝาบาทแมแตนอยอยางเด็ดขาด แมวาตองหลอกลวงก็ตาม
องคติ้งอูคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก อารมณผันผวนคอยๆ สงบนิ่งลง
น้ําเสียงเริ่มกลับมามีพลัง ดังกังวานอีกครั้ง
“เขายังเยาววัยนัก รอใหถึงวันนั้น วันที่เขาไดมาเห็นอาณาเขตอันกวางใหญ ก็จัก
เขาใจเอง!”
จางปงลี่ที่คุกเขาอยูรูสึกบีบหัวใจ นาทีนี้ ฝาบาททรงตัดสินพระทัยแลว
ทรงมีผูสืบทอดบัลลังกอยูในพระทัยจริงๆ และเขาผูนั้นยอมเปนหมิงออง!
องคติ้งอูท รงสายหนา กอนตรัส “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฝาบาท” จางปงลี่ลุกขึ้นยืน
องคติ้งอูสงบนิ่งลง เริ่มพูดเรื่องจริงจัง
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เจาก็เห็นหมดแลว ลูสวินอี้ผูนี้เจามองวาเปนอยางไร?”
คราวนี้จางปงลี่ตองระวังใหมาก ดวงตานิ่ง มองดูองคติ้งอูกอน คอยวา “ฝาบาท
จากทุกสิ่งอยางที่ลูสวินอี้กระทําตั้งแตเขาเมืองหลวงมา เบื้องตน มีเรื่องบางอยางที่เรา
สามารถวิเคราะหได”
“ลองวามา” องคติ้งอูพยักหนา
“กอนอื่น ลูสวินอี้มาคราวนี้ หนึ่งในจุดประสงคของเขานาจะมาแสดงใหเห็น
ศักยภาพของหมิงอองอยางเปนทางการในการเขาแทรกแซงความยุงเหยิงในใตหลา”
จางปงลี่ทอประกายตาแวววาว
“แทรกแซงใตหลา? แสดงศักยภาพ?”
องคติ้งอูขมวดคิ้วเล็กนอย แมที่พูดหมายถึงโอรสตน แตตนก็รูสึกไมชอบการพูดใน
ลักษณะนี้
เนื่องจากใตหลาเปนของตน ไมวาใครก็ตามที่คิดแทรกแซง ยอมตองเปนกบฏไปโดย
ปริยาย
ทวาตอนนี้ตนกลับไมโกรธ
สวนจางปงลี่ก็ไมคิดปดบังอะไรทั้งสิ้น เขาคิดวาตองวิเคราะหอยางชัดเจนใหเห็น
ลวดลายของจวนหมิงออง เพื่อใหเปนประโยชนในการตัดสินพระทัยของฝาบาท
“การประกาศศักดาของหมิงอองในครัง้ นี้ ไมวาจะเปนกองกําลังซึ่งปรากฏตัวในค่ํา
คืนที่หมิงจู หรือการเปดเผยความแข็งแกรงของจวนหมิงออง ลวนกําลังพิสูจนใหเห็นวา
หมิงอองแอบตระเตรียมมานาน มิใชเปนการแสดงความกลาหาญเพียงชั่วขณะ”
องคติ้งอูเคาะนิ้วไปมาบนโตะ ขณะเกิดความซับซอนขึ้นในใจ
ทรงไมรูวา ลูกหกเริ่มสั่งสมกําลังตั้งแตเมื่อไหร หากเริ่มแตตอนประเทศฉียังไม
รุกราน งั้นลูกหกคิดจะทําอะไร? ตองพูดวา เกิดเปนองคจักรพรรดิ เหนื่อยนักที่ตองดูแล
รักษาระบบการปกครองของตนเองไว กระทั่งลูกของตนเองยังตองคอยระวังอยูเปน
ระยะ...
“จากการเตรียมการของทานอองและการเคลื่อนไหวกอกวนสถานการณในหมิงจู จะ
เห็นวา ทานอองไดตัดสินใจอยางเด็ดขาดแลววาตองแทรกแซงกลุมอิทธิพลใหญในใต
หลา และแมทานอองเชี่ยวชาญพื้นที่ในหมิงจู จนสามารถกอการไดขนานใหญ แต
หมิงจูกลับไกลเกินไป อีกทั้งยังทําการเพียงลําพัง ยากยิ่งที่จะแผขยายบารมี”
“ที่ทานอองตองการมิไดหยุดอยูเพียงแคนี้ โดยคิดใหผูคนในใตหลาหันมาให
ความสําคัญตอปณิธานของทานออง และการที่สงพวกลูสวินอี้มาที่นี่ ไมเพียงนําศีรษะ
แมทัพนายกองชาวฉีมา ยังนําศีรษะปรมาจารยมาดวยเพื่อสรางความหวาดกลัวใหแกขุน
นางในราชสํานัก อีกทั้งยังใชการหลั่งโลหิตและความดิบเถื่อนของสองปรมาจารย ทําให
บารมีทานอองในหมิงจูแผขยายจนเปนที่จดจําไวในใจผูคนทั่วหลาในชั่วพริบตา โดย
กําลังประกาศใหทุกคนรูวา ทานอองคือหมิงอองแหงราชสํานัก บุคคลซึ่งใกลชิด
ประชาชนไดและเปนผูซึ่งทุกคนมิอาจมองขาม นับจากนี้ไป คําพูดของทานออง ใครตอ
ใครก็ตองจดจําไว ใครตอใครก็ตองใหความสําคัญ”
“ทําไดดี!”
ฟงจบ องคติ้งอูก็กลาวชื่นชมออกมาพลางพยักหนา เพียงแตไมรวู าทรงชื่นชมวิธีการ
หรือจิตวิญญาณของหมิงออง ทรงคิดทบทวนสักพัก กอนมองจางปงลี่แลววา
“พูดเชนนี้ ตามความเห็นเจา ลูกหกกําลังเตรียมกลับมาดํารงตําแหนงหมิงออง โดย
คิดหยิบยืมอิทธิพลอันยิ่งใหญของราชสํานักเพิ่มพูนบารมีตนเองหรือ?”
“ถูกตองพะยะคะ!” จางปงลี่เชื่อมั่นมาก
องคติ้งอูกะพริบตา มองดูรายงานการสนทนาของจางปงลี่กับลูสวินอี้ที่วางอยูบน
โตะ พลางคิด หากเปนดังจางปงลี่วาจริง ลูสวินอี้ไหนเลยจะกลามีทาทีเชนนี้กับราช
สํานัก
จางปงลี่รูสึกตะขิดตะขวงใจ แตตองไมสนใจ พูดตอ “ฝาบาท จากคําพูดและการ
กระทําของทานออง แสดงใหเห็นความจงรักภักดีกับราชสํานักอยางแนนอน ลูสวินอี้มา
เขาเฝาพระองคในสถานะปรมาจารย นอกจากบอกชัดเจนวาเปนคนของจวนหมิงออง
แลว ยังแสดงใหเห็นวาหมิงอองมองปรมาจารยเปนขุนนางคนหนึ่งที่มีบารมี หรือ
หมายถึง หมิงอองใหความเคารพและศิโรราบใหกับพระบิดานั่นเอง”
คําพูดเชนนี้เปนคําพูดที่องคติ้งอูชอบฟง พอทรงไดยินจึงรีบพยักหนา
“อืม ทําไดดี ไมวากับขาหรือกับฮองเฮา เห็นชัดวาลูสวินอี้ไมกลาสามหาวแมแต
นอย”
จางปงลี่พยักหนาหงึกๆ แลวพูดตอ “เชนเดียวกับที่ลูสวินอี้ใหความเคารพหมิงออง
อีกทั้งการดําเนินการของหมิงอองก็มองไดอีกวา จวนหมิงอองมีกฎเกณฑแนนอน ทาน
อองเปนผูออกคําสั่งทั้งหมด ผูใตบังคับบัญชาตองเชื่อฟง นี่มิใชเพียงมีวรยุทธก็สามารถ
ทําได ตองมีบารมีอันยิ่งใหญดวย ทานอองปกครองจวนหมิงอองมาหลายป มีความคิด
ความอานในการจัดระเบียบการปกครองมาแตไหนแตไร”
องคติ้งอูคอยๆหนาเขียว คําพูดนี้กําลังบอกวาหมิงอองปกกลาขาแข็งแลวอยางไม
ตองสงสัย เขามีความคิดของเขาเอง แมกลับมาดํารงตําแหนงหมิงออง ก็มีเรื่องมากมาย
ที่เตรียมการไวแลวในใจ ไมเหมือนองคชายทานอื่นๆ ที่ตองเคารพฝาบาทในทุกๆ เรื่อง
ซึ่งก็คือเคารพปณิธานของฝาบาทนั่นเอง
“ทานอองไดตัดสินใจทําอยางที่ตนเองคิดไวใหถึงที่สุด เพื่อแสดงใหเห็นความ
แข็งแกรง จวนหมิงอองยอมทนเจ็บปวด พลีชีพปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธที่โดดเดนทาน
หนึ่ง ซึ่งเพียงพอทีจ่ ะทําใหผูคนเห็นปณิธานอันลึกซึ้งของทานออง” จางปงลี่มีสีหนา
ระมัดระวังมากขึ้น กอนพูดตอ
“วันนี้ในทองพระโรง ลูสวินอี้ไมพูดถึงเรื่องนี้แมแตนอย เขาดูเหมือนบาดีเดือด แต
ความจริงแลวกําลังทําตามจุดประสงคที่ไดรับมอบหมาย ซึ่งไมมอี ะไรมากไปกวาการ
ทุมเททําลายการเจรจาประนีประนอม ตามปณิธานของทานออง โดยมุงมั่นที่จะรบใหถึง
ที่สุด และนี่ก็เปนอีกสาเหตุหนึ่งที่จวนหมิงอองสงคนมาเมืองหลวง ทานอองตองการมี
สิทธิ์มีเสียงในราชสํานัก ไมสามารถใหอิทธิพลใหญมาทําจุดหมายใหไกลหางออกไป ตอง
หยุดยั้งเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวของกับการเจรจา และยังตองการบีบใหผูคนไมกลาพูดถึงการ
เจรจา”
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่พลันมีสีหนาจริงจัง
“ฝาบาท เกรงวาเราตองใสใจในความปลอดภัยของคณะทูตานุทูตประเทศฉีแลว
การขมขูของลูสวินอี้มินาเปนการพูดขึ้นมาลอยๆ ทานอองอาจลงมือจริง และไมแนวา
อาจลงมือในเมืองหลวงดวย!”
“หา?” องคติ้งอูพลันเลิกคิ้วสูง
หากยอมใหลงมือในเมืองหลวง แลวหนาตาของพระบิดาอยางตนจะเอาไปไวไหน
“เพิ่มการรักษาความปลอดภัยใหคณะทูต ตองไมใหพวกเขาเกิดเรื่องขึ้นเปนอัน
ขาด”
“พะยะคะ” จางปงลี่พยักหนา
“อีกอยาง เตือนลูสวินอี้หนอย บอกใหเขารูแนวความคิดของขา!” องคติ้งอูพ ูด
จริงจัง
จางปงลี่ไดยินก็รูสึกกังวลใจ หากพูดใหเขาฟงแลว ทานอองยังลงมืออีก ฝาบาทก็จะ
ยิ่งรูสึกลําบากใจเขาไปใหญ ถึงเวลาที่จําเปนตองปกปดเรื่องบางอยาง
ตอน 242 หมิงอองไมอาจเปนศัตรูกับจอมยุทธหรือ?
ทามกลางการคุมกันของเหลาทหารมา ลูสวินอี้ขี่มากลับจวนหมิงอองพลางกวาดตา
มองจวนตางๆ บนถนนหมิงฝู พรอมซอนรังสีฆาฟนอันคุกรุนอยูภายใน
คําพูดของศิษยนองกอนจากไปเขายอมจําขึ้นใจ
ปรมาจารยที่ถูกศิษยนองสังหารตองเคยหลบอยูในจวนของผูสูงศักดิ์แถวนี้แน ไม
จวนใดก็จวนหนึ่ง
แตตอนนี้ ลูสวินอี้ทําไดเพียงกวาดตามอง ไมสามารถรูไดวาเปนจวนหลังไหน
สายในเมืองหลวงของพวกเขายังมีนอย กับผูสูงศักดิ์เหลานี้ ยิ่งไมสามารถสืบรูไดใน
เวลาอันสั้น
ทวาไมเปนไร...
เขายอมมีวิธีสืบรูจนได!
เรื่องนี้เก็บไวกอน ตอนอยูตอหนาฮองเฮาและจางปงลี่ ดีที่เขาไมหลุดเรื่องสําคัญ
ออกมา
กับศัตรูแลว จวนหมิงอองรูลกึ กวาราชสํานักอีก!
ดึกดื่นค่ําคืน ถนนทั้งสายเงียบมาก แตประตูจวนหมิงอองยังเปดอยู
เหลาทหารมาพอสงลูสวินอี้ถึงจวนเรียบรอย กลับยังไมจากไป กระจายกําลังออก
ตรวจตราบนถนนหมิงฝู
ลูสวินอี้ไมสามารถวิเคราะหไดวาพวกเขากําลังคุมครองจวนหมิงออง หรือคอยคุม
เชิงมิใหเกิดเหตุรายเชนเมื่อชวงเย็นอีก เขาไมสามารถแทรกแซงการตัดสินใจของราช
สํานักได และไมมีจติ ใจแทรกแซง
“ทานรอง!” ชายหนุมคนหนึ่งเดินออกมาทําความเคารพลูสวินอี้
“อืม” ลูสวินอี้พยักหนาแลวกาวเขาไปในจวน
หลังประตูจวนปดลง เขาจึงสงหอผาที่สะพายไวบนบาใหชายหนุม แลวแหงนหนา
มองดวงดาวบนทองฟา กอนพูดเสียงเบา
“อาจารยเจาละ?”
“อาจารยนอนสงบอยูในหองโถงเล็ก!”
ชายหนุมถือหอผาไวในมือพลางพูดเสียงเครือ ที่แทเขาเปนศิษยของหูเปยว
ชายหนุมมีนามวา ฟานอู ไมเพียงเปนศิษยหูเปยว ยังเปนนาเล็กของหูเปยวอีก
หลายปกอน บานที่ฟานอูกับพี่สาวอยูประสบภัยธรรมชาติพังถลม พอแมเสียชีวิต
สองพี่นองจึงกลายเปนขอทาน เรรอนไปตามเมืองใหญใกลเคียง ประทังชีวติ ใหรอดไป
วันๆ
ตอนนั้นฟานอูยังเด็ก สิบสามสิบสี่เห็นจะได พี่สาวก็เปนหญิงสาวบอบบาง การเปน
ขอทานจึงไมใชเรื่องงาย ยากลําบากพอสมควร ครั้งหนึ่งขณะพี่สาวถูกขมเหง ไดหูเปยว
ชวยเอาไว ตอมาทั้งสองจึงผูกสมัครรักใครและแตงงานกัน พอหูเปยวพบวาฟานอูมี
หนวยกานไมเลว จึงพาเขาจวนหมิงออง
การมาเมืองหลวงครั้งนี้เสี่ยงอันตรายมาก ลูสวินอี้ไมเพียงตองการผูชวยที่เกงกลา
สามารถ ยังตองการผูชวยที่ไวใจไดดวย
ชายหนุมที่เดินทางรวมกันมาในครั้งนี้ จึงเปนผูที่เขาคัดเลือกจากศิษยของเหลาพี่
นองดวยกันเอง และฟานอูก็เปนหนึ่งในนั้น
ในหองโถงเล็ก ลูสวินอี้ยืนนิ่งอยูขางศพศิษยนอง ฟานอูยืนกลั้นน้ําตาอยูขางๆ มองดู
ลูสวินอี้ กอนถาม “อาจารยลุง พวกเราจะสงทานอาจารยกลับหรือไม?”
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก คอยเงยหนามองฟานอู แลววา “สงกลับไมไดหรอก ระหวาง
ทางอาจถูกคนปลนฆา”
“อาจารยขาก็ตายไปแลว พวกมันยังไมปลอยอีกหรือ?” ฟานอูกําหมัดแนน
ลูสวินอี้คอยๆ สายหนา ตอบอยางสงบนิ่ง
“อาจารยเจาตายก็จริง แตผูที่สงศพยังตองมีชีวติ อยู เหตุการณครั้งนี้เผยใหเห็น
เบาะแสการเดินทางของเรา ไมรูวามีคนอีกมากนอยเทาไหรที่อยากสืบเสาะความเปนไป
ของจวนหมิงออง อีกหนทางยังยาวไกล ตองมีคนที่คิดลงมือกับพวกเจาแน”
ดวงตาฟานอูแดงระเรื่อ “ขาไมกลัวตาย แนจริงก็เขามา...”
เพี๊ยะ! ลูสวินอี้ตบจนฟานอูหนาหัน ลมลงกองกับพื้น
“อาจารยลุง...” ฟานอูจองมองลูสวินอี้
ลูสวินอี้ใชสายตาอันสงบนิ่งจองมองฟานอู “ไมเขาใจใชไหม วาเหตุใดขาถึงตองตี
เจา?”
ฟานอูตาแดง ปากสั่น
“ถาอาจารยเจายังอยู ขายอมไมตีเจาแน!” ลูสวินอี้หันมองศพศิษยนองอีกครั้ง กอน
พูดเสียงเบา “แตเขาไมอยูแลว!” ลูสวินอี้เงียบไปอีกพัก กอนพูดตอ “เจาลุกขึ้นมามองดู
พี่เขยเจาหนอย!”
ฟานอูลุกขึ้นยืน ใชดวงตาแดงๆ มองศพหูเปยวแลวจึงเก็บอารมณกลับ แตสีหนาที่
ซีดขาวยังคงปกปดบาดแผลในใจไมมิด
“เจาวา พี่เขยเจากลัวตายหรือไม?” ลูสวินอี้ถามขึ้นเสียงขรึม
“ไมกลัว!” ฟานอูน้ําตาไหล
เพี๊ยะ! ลูสวินอี้ใชหลังมือตบใบหนาอีกขางของฟานอู
ฟานอูถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้นอีกครั้ง ครั้งนี้น้ําหนักมือมากกวาเกา ทํามุมปากเขามี
โลหิตซึมออก สายตาที่มองมายากเขาใจยิ่ง
ลูสวินอี้จองมองเขาพลางพูดเสียงหนักแนน “เจาผิดแลว พี่เขยเจาไมใชวีรชนหรือ
วีรบุรุษผูยิ่งใหญอะไรอยางที่เจาคิด เขากลัวตาย กลัวตายมากกวาใครดวย”
“อาจารยลุง...” ฟานอูตัวสั่น ไดแตจองลูสวินอี้ ไมกลาโตตอบ แตดวงตาไมยอม
จํานน
“กลัวตาย ขายขี้หนามากไหม?” ลูสวินอี้ไมสนใจดวงตาที่คลายถูกหยามของฟานอู
ถามเสียงขรึมตอ “พี่เขยเจาสามขวบกําพราพอ หกขวบกําพราแม ตกระกําลําบากบน
ถนนอยูนานหลายป ตอมาไปยังบานตระกูลเถี่ย ไมงายนักที่ไดมีชีวิตอยางสุขสงบไป
หลายป แตไมทันไรบานก็แตก ตองผจญกับโลหิตและน้ําตาอีกครั้ง...เจาวา ตอนนี้เขามี
เมีย มีลูก มีบานเปนของตัวเองแลว เขาอยากตายไหม? เขายอมไมอยากตาย แลวที่เขา
อยากมีชีวิตที่มีความสุขไปอีกหลายป ขายขี้หนามากไหม?”
ฟานอูหลุบตาลงแลว น้ําตาไหลอาบสองแกม
“เจาจําไวเลยวา เขาไมอยากสูรบ เขาไมอยากตาย แตเขาก็ตายแลว และเขาไมได
คิดเปนวีรชนหรือวีรบุรุษผูยิ่งใหญอะไร นี่จึงทําใหเขาไมตาย แตผูที่ตายคือศิษยพี่อยาง
ขา นาเล็กอยางเจา พี่สาวเจา และหลานชายเจา!”
“ชาวหมิงจูเหตุใดจึงถูกคนเถื่อนเหยียบย่ําอยูใตฝาเทา เจาก็เห็นแลว แตเจาตองจํา
ไววา ที่เราทําเพื่อปวงชนใตหลานั้นไมผิด แตจิตใจที่แทจริงของเรายังคงต่ําตอย เหมือน
คนธรรมดาทั่วไป ขาเพียงไมอยากใหญาติพี่นองอยางพวกเจา เปนเหมือนชาวหมิงจูทถี่ ูก
ดูหมิ่นและอยูไปวันๆ เหมือนสุกรเหมือนสุนัขแคนั้น”
“พี่เขยเจาตายแลว เขาไมใชบุมบามออกไปตาย เขาไมไดเลือดรอนบุกตะลุย เขา
เพียงแตทําเพื่อพวกเรา ทําตามหนาที่รับผิดชอบ”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็ดึงใหฟานอูลุกขึ้นยืน แลวมองตาเขา
“ตั้งแตวันนี้เปนตนไป เจาจําใหขึ้นใจวา ตองรักษาชีวิตตนเองไวใหดี ไมเพียงทําเพื่อ
พี่เขยเจา ยังทําเพื่อพี่สาวเจาที่สูญเสียสามี ทําเพื่อหลานเจาที่สูญเสียบิดา
หากมีวันที่จําเปนตองตาย เจาก็ตองเปนเหมือนพี่เขยเจา ตายเพื่อใหพวกเขามีชีวิต
อยู จะตายไปเปลาๆ ไมไดเปนอันขาด เขาใจไหม?”
“ขอรับ!” ฟานอูพยักหนา รูสึกเจ็บปวดและเศราใจ
ภายในหอง
ลูสวินอี้กมศีรษะ ไมขยับเขยื้อนอยูสักพัก
แมสั่งสอนฟานอูเชนนี้ แตตัวเขาเองก็ใชวาจะหยุดยั้งอารมณบุมบามได
ในทองพระโรง ตบหนาชงเสวียนไปหนึ่งฉาด ดูหมิ่นศิษยเขาซางชิง กระทั่งยั่วยุจอม
ยุทธของราชสํานัก อยางนี้ไมเรียกวาบุมบามใชโลหิตเซนความโกรธ แลวจะเรียกวาอะไร
ไมเพียงแคโกรธ ยังไมรูวาจะมองหนาลูกกําพราและแมหมายไดอยางไร...
“ฟูววว...” เขาระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก แลวจึงเงยหนามองประตู
กอกๆ เสียงเคาะประตู
“เขามา” ลูสวินอี้พูดเสียงขรึม
ประตูเปดออก ฟานอูที่มีรอยฝามืออยูบนใบหนาอุมลังไมลังหนึ่งเขามา
“อาจารยลุง นี่คือศีรษะของปรมาจารยผูนั้น!”
สายตาลูสวินอี้ดุดันขึ้นวาบหนึ่ง กอนพยักหนา “ดี วางไวที่นี่!”
“ขอรับ” ฟานอูนําลังไมวางลงตรงหนาเขา
ลูสวินอี้เปดลังไมขึ้น มองดูศีรษะอาจารยหลี่แหงเขาซางชิง เขาไมรูจักคนผูนี้
วันนี้ศีรษะที่นําเขาวัง ขาดก็แตศีรษะนี้ แตคนฉีกลับไมมีปฏิกิริยาโตตอบ มิไดพูดถึง
คนผูนี้แมแตนอย ถาเปนไปตามที่ศิษยนองพูด เขาก็มั่นใจไดวา คนผูนี้ควรเปนคนของ
สํานักเตา เพียงแตไมรูวาอยูฝายไหน
ลูสวินอี้ครุนคิดเล็กนอยคอยเอยปากขึ้น “ใหทานเฉินเขามาหาขาหนอย”
ฟานอูกําลังมองดูศีรษะในลังไม มองออกวาดวงตานั่นมีความโกรธแคนลนปรี่ พอได
ยินเสียงลูสวินอี้จึงสะดุง รีบเงยหนาขึ้นตอบ
“คือวา อาจารยลุง ทานเฉินถูกจับตัวไป!”
“อะไรนะ?” ลูสวินอี้ตะลึง “ใครถูกจับตัวไป?” พูดจบก็หนาถอดสี ลุกพรวดขึ้นถาม
ทันที “ใครจับเขาไป?”
“คนในวัง บอกวารานขายยาชางหัวตองสงสัยฐานกบฏ องคจักรพรรดิมีรับสั่งใหปด
รานและจับตัวคนในรานไปใหหมด”
ขณะฟานอูพูด คลายมีความรูสึกสับสนกับบางสิ่งบางอยาง
“เหตุใดไมรีบบอก?” ลูสวินอี้หดมานตาลง แลวรีบถามตอ “เรื่องเกิดขึ้นตอนไหน?”
ตอนแรกฟานอูเตรียมจะบอกอยู แตพอโดนตบ จิตใจวาวุน จึงลืมไปชั่วขณะ “หลัง
ทานเขาวังไปไมนาน ทหารก็เขามา พวกเราขวางไมอยู”
“เปนกอนหนานั้นหรือ?” มิใชตอนคุยกับจางปงลี่แลวคอยเกิดเรื่องขึ้น
สีหนาลูสวินอี้คอยๆ เปลี่ยน เหมือนผอนคลายลงเล็กนอย เดิมทีการมาในครั้งนี้ กับ
ราชสํานักก็คาดการณอยูแลววาตองผานกระบวนการลองใจซึ่งกันและกัน จวนหมิงออง
ยอมตองรักษาแนวความคิดไว แตก็ไมสามารถหันหลังแลวเดินหนีไปเลยเสียทีเดียว นี่ก็
ตองขึ้นกับวาองคติ้งอูจะมีขดี ความอดทนแคไหน
เขากังวลมากในเรื่องที่วา หากหลังจากคุยกับจางปงลี่แลว ราชสํานักพลันมาจับ
ตัวเฉินจวีเฟงไป นั่นก็หมายความวาราชสํานักมีทาทีแข็งกราวกับแนวคิดของหมิงออง
ซึ่งก็ตองระมัดระวังในการปฏิบัติตัว
ฟานอูเห็นลูสวินอี้เงียบไป ดวงตาก็แวววาวพลางวา “ทานรอง ตอนมหาดเล็กเห็น
พวกเราสกัดกั้นนั้น คอยบอกเราวาการที่เบาะแสของเราถูกเปดเผย นาจะมีสวน
เกี่ยวของกับรานขายยาชางหัว”
พอไดยินเรื่องดังกลาว ลูสวินอี้กลับเงียบลง ขมวดคิ้วแลวหันมองฟานอู “เรื่องนี้อยา
เที่ยวพูดซี้ซั้ว ขณะยังไมสืบใหแนชัด ไมอนุญาตใหพูดเรื่องไรสาระนี้ในจวนแตอยางใด”
“แตวาทานรอง...” เห็นชัดวาฟานอูยังสงสัยไมหาย
“เฉินอวี่บอกวากอนหนานี้ คนกลุมที่ลงมือจูโจมหนาประตูจวน นาจะอยากจับเปน
ผูจัดการเฉิน เหมือนพวกเขาไมอยากสังหาร มิฉะนั้นแลวเกรงวาไมเพียงศิษยพี่ลูเทานั้น
ที่เสียชีวิต เฉินอวี่ก็อาจรักษาชีวิตไวไมได...”
เฉินอวี่กับเสี่ยวลูก็คือชายหนุมสองคนที่คอยคุมครองเฉินจวีเฟง ทั้งสองไดประมือ
กับคนกลุมหนึ่งหนาประตูจวนหมิงออง เสี่ยวลูสูจนตัวตาย แตเฉินอวี่ยังมีชีวิตอยู
“พอแลว!” ลูสวินอี้ยกมือขึ้นปราม กอนพูดเสียงขรึม
“เฉินจวีเฟงผูนี้ เปนคนที่ทานอองไวใจ หลายปมานี้ไดทํางานใหญใหจวนหมิงออง
หลายตอหลายครั้ง หากไมมีหลักฐาน เจาจะเดาสุมสี่สุมหาไมได”
“หือ? อาจารยลุง ทานก็สงสัยเขา...” ฟานอูตาเปนประกาย
พอเห็นดวงตาแวววาวของฟานอู ลูสวินอี้ก็ขมวดคิ้ว
“ผูหักหลังเรานาจะเปนคนอื่น แตไมประมาทไวกอนเปนดี ทวาก็ไมควรวูวามสรุป!
ขารูวาเจาคิดแกแคนใหอาจารยเจา แตอยาวูวามเปนอันขาด ยิ่งเปนเวลานี้ดวยแลว ยิ่ง
ตองทําใจใหเย็นเขาไว ระวังความเคลื่อนไหวรอบดาน โดยเฉพาะตองสังเกตใหดี วามี
ใครบางที่จงใจกระตุนใหเจาแคน ใหเจาไปจัดการกับเฉินจวีเฟง...”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาลูสวินอี้ฉายแววล้ําลึก “ที่ขาพูดนี่ เจาเขาใจไหม?”
ฟานอูอึ้งเล็กนอย เขาไมโง และเขาใจความหมายของลูสวินอี้ดี “ทานหมายถึง
เฉินอวี่หรือ?”
“มิใชวาเขา ขาหมายความวาใหเจาหัดใชสมอง เชน เมื่อเฉินอวี่พูดเรื่องนี้กับเจา ก็
แปลวาเขาสงสัยเฉินจวีเฟงเชนกัน อยางนั้นเจาก็ตองคิดแลววา เขาเริ่มสงสัยตรงไหน
แคการตอสูหนาประตูจวนหรือเปลา หรือยังมีเหตุการณอื่นอีก เปนไปไดไหมวาอาจมีคน
จงใจชี้นําใหเขาคิดเชนนี้...สรุปแลว เจาตองคอยสังเกต ไมเฉพาะแตเฉินอวี่ ทุกคนที่
สงสัยเฉินจวีเฟง เจาตองพิจารณาจากที่มาของความสงสัยนั้น พอเจาสังเกตใหถวนถี่แลว
และแนใจวาไมมีปจจัยภายนอก ไมมีคนคอยยุยง เจาถึงยอมรับและยืนยันกับผูอื่นได
หากพบความผิดปกติเมื่อใด เรื่องก็ยอมเกิดจากคนไมปกติ ไมวาเฉินจวีเฟงจะมีปญหา
หรือไม กอนอื่นผูยุยงยอมมีจิตคิดไมซื่อ เจาก็ตองแอบสืบดูวา เหตุใดเขาตองยุยง ขอ
เพียงควบคุมสถานการณโดยรวมได เจาจึงสามารถยืนยืดอกอยางผูไมมีทางแพ คิดดู
ครั้งนี้เหตุใดอาจารยเจาถึงตองตาย เพราะในเมืองหลวงเราควบคุมอะไรไมได จึงตองตก
เปนฝายเสียเปรียบ!”
เห็นชัดวา ลูสวินอี้กําลังเตือนสติฟานอู ไมรูวาเปนเพราะลึกๆ แลวเขาอยากชดเชย
ใหศิษยนองจึงตั้งใจอบรมสั่งสอนฟานอู หรือพยายามเตรียมความพรอมใหกับผูสืบทอด
ที่ศิษยนองหลงเหลือไว
บางครั้ง ผูรอบรูก็คือผูที่มีคามากสุด สามารถไดรับการคุมครองสูงสุด นี่เปนสิ่งที่ใช
อธิบายวา เหตุใดจึงเปนศิษยนองเขาที่ไปตาย แตไมใชเขา เพราะเขามีคุณคามากกวา
และนี่อาจเปนเหตุใหลูสวินอี้ขยันศึกษาเพื่อปกปองพี่นอง
ผูที่อยูในชวงวัยรุน อาจมีความรูดานวัฒนธรรมหรือขาวสารไมมากเทาคนรุนกอน
แตอยาลอวาพวกเขาโง ความจริงแลวพวกเขาไมโง เพียงแตขาดการสนับสนุนเทานั้น
เชนฟานอูในตอนนี้อาจไมเขาใจคําพูดของเขา เปนเพราะฟานอูติดตามหูเปยวมา
ตลอด หูเปยวเปนคนมุทะลุ วิถีวรยุทธจึงเอาแตใจ แตมิไดวาเขาโง เพียงมิไดจัดอยูใน
ประเภทเดียวกับผูวางแผน
นาทีสุดทายที่หูเปยวสามารถคิดไดและพูดเรื่องผิดปกติเหลานั้นกับลูสวินอี้นั้น เปน
ลักษณะของคนใกลตายที่มักครุนคิดมากมาย
ฟานอูที่ติดตามหูเปยวจึงมีนสิ ัยคลายคลึงกัน ตอนนี้ยังตองคอยๆ อบรมบมนิสัย แต
ลึกๆ แลวมีแวววาชอบครุนคิดอยู สวนเรื่องอื่นๆ ยังตองคอยๆ เคี่ยวกรํากันไป
ฟานอูยอมไมคิดวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงอยางสิ้นเชิง
จนถึงวันหนึ่งที่เขาอยูในตําแหนงที่ตองตัดสินใจ หวนคิดถึงวันนี้ คอยรูวาความรักความ
เมตตาที่อาจารยลุงมีตอเขานั้นมั่นคงดุจขุนเขา
ตอนนี้เขายังไมสามารถคิดอะไรมากมาย ในใจคิดแตเรื่องแกแคน อยางไรก็ยังไมลืม
เฉินจวีเฟง
“ทานเฉินนั่นถูกจับตัวไป พวกเราจะทําอยางไรดี? คิดหาวิธีชวยเขาออกมาดีไหม?”
ลูสวินอี้ขมวดคิ้ว แววตาครุนคิด สุดทายคอยสายศีรษะไปมา
“ไมตอง ในใจเจากําลังสงสัยในความภักดีของทานเฉินมิใชรึ? ไมวาเขาจะมีปญหา
หรือไม เราก็ใหเขาอยูในกํามือฝาบาทสักระยะ อาจยืนยันปญหาบางอยางได ถาเขาพูด
เรื่องทั้งหมดที่รูเกี่ยวกับจวนหมิงออง ก็แปลวาคนผูนี้มิใชคนทรยศ กอนหนานี้ไมไดขาย
พวกเรา แตภายหลังไมควรใชงานอะไรเขามาก แตถาตอใหตายเขาก็ไมยอมปริปาก ก็
พิสูจนไดวากอนหนานี้เขาไมไดขายพวกเราแน และภายหลังยังสามารถใชใหทํางานใหญ
ได”
ลูสวินอี้ยังคงทุมเทแรงกายแรงใจสอน
คําพูดเหลานี้ชัดเจนแจมแจง ฟานอูนับวาฟงเขาใจ คิดๆ ดูก็จริง แตก็ยังถามขึ้น
“แตทานเฉินจะมีอนั ตรายไหม?”
ลูสวินอี้สายหนาอีกรอบ “เจาคิดดู รานขายยาชางหัวมีกิจการใหญโตขนาดนี้ และ
ราชสํานักในตอนนี้ยิ่งตองการใชเงินอยู แมเฉินจวีเฟงมีความผิดฐานกบฏ แตราชสํานัก
ยังไมสืบชัดเจน ก็เขาควบคุมทรัพยสินจํานวนมากของเขาแลว เชนนี้ราชสํานักจะทํา
อันตรายเขาไหมละ?”
พูดไป ลูสวินอี้ก็รูสึกวาวันนี้ตนพูดมากแลว การอบรมบมนิสัยมิไดทําสําเร็จไดในวัน
เดียว จึงวา “เรื่องนี้รอดูไปกอน สวนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขาเขียนรายงานไวแลว เจา
ชวยสงใหทานอองหนอยก็แลวกัน”
“ขอรับ”
“จําไว เจาตองดําเนินเรื่องเอง จะใชใครไปแทนไมได!” ลูสวินอี้กําชับ
พูดจบพลันไดยินเสียงฝเทาดังขึ้นที่นอกประตู ลูสวินอี้หันมอง
“ทานรอง นักพรตชงเสวียนแหงเขาซางชิงมา” หนาประตูมีเสียงรายงานดัง
ลูสวินอี้คิ้วกระตุกทันที เปลวเพลิงวาบขึ้นในดวงตา กมมองศีรษะในลังไมอีกครั้ง
“ที่แทก็เปนพวกเจาจริงๆ!”
เหมยอวิ๋นเทียน คุณชายใหญตระกูลเหมยกับชงเสวียนยืนอยูหนาประตูจวนหมิง
อองพรอมสีหนาเครงเครียด เหมยอวิ๋นเทียนคลายกระวนกระวายใจมาก
“ศิษยพี่ คงไมเกิดเรื่องกับจื้อเฟงใชไหม!”
ชงเสวียนเขาใจความหวงใยเหมยจื้อเฟงของเขา ถาอาจารยหลี่ถูกตรวจพบวาเปน
คนของเขาซางชิงแลวละก็ ดูตามนิสัยบาอํานาจของหมิงออง ชีวิตของเหมยจื้อเฟงก็
เสี่ยงอยูพอสมควร
“ศิษยนองวางใจเถิด” ชงเสวียนไดแตพูดปลอบใจไปหนึ่งประโยค
เพราะความจริงแลว ใจเขาเองก็ไมสงบนิ่ง คงถูกลูสวินอี้ตบจนมึนงงไปจริงๆ อายุอา
นามขนาดนี้แลว ยังไมเคยถูกทําใหอับอายขายหนาเชนนี้มากอน
ฝามือนี้ทําใหใจเขาสั่น อดคิดไมไดวา ที่ลูสวินอี้ไมไดนําศีรษะนั้นเขาวัง และยัง
บาบิ่นตบหนาตนเองนั้น หรือเพราะรูสถานะของอาจารยหลี่แลว ถึงไดทําตามอําเภอใจ
เชนนี้ ดวยมั่นใจวาตนไมกลาขัดขืนแน
เดิมทีชงเสวียนไดเตรียมพรอมไวแลว ถาศีรษะนั้นถูกนําเขาทองพระโรง จะพูดวา
อาจารยหลี่เปนแขกของบานตระกูลชวี พอเห็นคนฉีจูโจมสังหารคนจากจวนหมิงอองก็
คิดเขาชวยเหลือ แตพอเห็นคนจากจวนหมิงอองมีทีทาวาจะเขาใจผิด จึงรีบหนีไปกอน
คิดไมถึงวาตอมาจะถูกคนจากจวนหมิงอองสังหารเขาจริงๆ เรื่องนีจ้ วนหมิงอองตอง
รับผิดชอบ
เหตุผลนี้หยาบและฟงไมขึ้นก็จริง แตอาจารยหลี่ก็ไดตายไปแลว นอกจากคน
ตระกูลชวีอยากฆาลางเผาพันธุตนเอง หาไมแลวพวกเขายอมไมกลาพูดจาเลอะเทอะ
เปนอันขาด เรื่องนี้ก็จะเปนคดีที่ตัดสินไมไดเพราะไมมีเบาะแส
จนสุดทายก็จะเปนการโตเถียงกันของทั้งสองฝาย เพียงแต เขาซางชิงเสียเปรียบอยู
แลว อีกทั้งเรื่องการปกปดหนาตาก็ยากอธิบายอยู โดยเดิมพันอยูที่การกดดันใหจวนหมิง
อองชดใช เพื่อไมใหฝาบาททรงกริ้ว
สวนเรื่องชื่อเสียงนั่น เขาซางชิงเสียหายแนนอน
แตใครจะคิดเลาวา จวนหมิงอองกลับเก็บเรื่องนี้ไว ทําใหชงเสวียนยังผอนคลาย
ไมได หนําซ้ํากลับรูสึกแยลงอีก ที่จวนหมิงอองทําเชนนี้มิใชวาขลาดกลัวแนนอน
เพราะหมิงอองบอกจะฆาก็ยังฆาปรมาจารยสํานักตนได สวนคนของเขาขนาดอยูในทอง
พระโรงแทๆ ยังกลาตบกระทั่งตน ไหนเลยจะเหมือนคนขลาดกลัว
สาเหตุที่แทจริงนาจะเปนเพราะไมอยากใหราชสํานักเขาแทรกแซง ตองการแกแคน
สวนตัว เชนนี้จึงทําใหเขาไมสบายใจ รวมทั้งไมรูสภาพภายในที่แทจริงของจวนหมิงออง
อีก ไมรูวาคนเขาเกงกลาขนาดไหน
หมิงอองพรอมเปนศัตรูกับจอมยุทธจริงหรือ?
ขณะขมวดปมในใจอยูนั้น คนในจวนหมิงอองก็เดินเขามา
“ทานรองใหพวกเทานเขาไปได”
ให มิใช เชิญ!
นี่ทําใหชงเสวียนเห็นทาไมดีแตแรก ทวาวันนี้อยางไรเขาก็ตองมา มาแลว ยังอาจพอ
มีทางแกไขปญหา แตถาไมมาเกรงวาคงตองเปนศัตรูกันแน
ความไมเปนธรรมยิ่งกวา ก็ตองยอมรับใหได
ยังดีที่เหมยอวิ๋นเทียนยอมรับไดเชนกัน เพียงแตเปนหวงบุตรชายเทานั้น ทั้งสองจึง
เดินเขาไป
ผลปรากฏวาถูกนําทางมายังหองโถงเล็ก มิใชหองโถงใหญ สิ่งแรกที่เห็นคือศพ
ตอมาคือศีรษะหนึ่งวางเหมือนเครื่องเซนไหวอยูบนโตะ
ชงเสวียนรูสึกบีบหัวใจ แตประสบการณอันโชกโชนของเขาทําใหสีหนายังคงเปน
ปกติไดอยู กอนหันมองลูสวินอี้ที่นั่งอยูเพียงลําพัง
“สหายเตา...” ชงเสวียนยกมือขึ้นคารวะกอน
เหมยอวิ๋นเทียนปฏิบัติตาม
ทั้งสองไมคิดนั่งอยูแลว ลูสวินอี้ก็มิไดหันมองทัง้ สอง ไดแตมองศพศิษยนองแลวพูด
ขึ้นวา
“แมศิษยนองขาบาดเจ็บสาหัส แตศัตรูที่ตอสูกับเขา ที่สุดแลวก็มวยมรณาไปดวย
เขาซางชิงไมธรรมดาจริง ไมเสียทีที่เปนหนึ่งในสี่ขุนเขาแหงสํานักเตา!”
เหมยอวิ๋นเทียนหรี่ตา ทวาชงเสวียนแกลงไมเขาใจในความหมาย
“สหายเตา โปรดอภัยที่เรามิไดกราบไหว เสียมารยาทแลว!”
ลูสวินอี้หันมองชงเสวียน “เขาเมืองหลวงครั้งนี้ เดิมทีทานอองมีคาํ พูดที่จะบอก
กลาวกับจอมยุทธเจาสํานักของทาน”
“หือ?” เรื่องที่อยากพูดยังมิไดพูด คําพูดของลูสวินอี้กลับทําใหเหมยอวิ๋นเทียนกับ
ชงเสวียนตะลึงเสียแลว
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน
“นักพรตและวิถีเตาทําใหประชาชนมีความสงบทางใจ แตคนขายชาติกลับใชวิถีเตา
รวมพลพรรคเลนการเมือง ถาเปนสิ่งถูกตอง ฉางชิงขอเปนผูรักษากฎหมาย แตถาเปนสิ่ง
ชั่วราย ขาจักใชศีรษะหลานทานเปนจดหมายทารบ!”
เปรี้ยง!
เหมยอวิ๋นเทียนกับชงเสวียนประหนึ่งถูกสายฟาฟาดพรอมกัน
เปนที่แนนอนยิ่ง!
เรื่องที่ไมเคยมีมาชานาน ไดเกิดขึ้นแลวจริงๆ
หมิงออง...
จดหมายทารบ!
เขาคิดทาทายจอมยุทธจริงหรือ!
“สหายเตา หมิงอองพูดเชนนี้จริงหรือ?”
ชงเสวียนรวบรวมสติ เบิกตาโตจองมองลูสวินอี้
“เปนจอมยุทธนั้นยาก ไมสามารถดูแคลนกันไดงายๆ ทานอองนับถือจอมยุทธยิ่ง
หากจอมยุทธยอมทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน ปกปกษรักษาชีวิตผูคนในใตหลา
ทานอองยอมเคารพนบนอบ!”
สีหนาลูสวินอี้นิ่งเรียบ น้ําเสียงไมมีความคึกคะนองแตอยางใด
“ทานทั้งสอง ทานอองขาทั้งสูงสงและยิ่งใหญ บุญคุณความแคนของสํานักทานกับ
ทานอองขา ทานทั้งสองยอมตระหนักดี”
“ศิษยเขาซางชิง คนของเหมยจื้อเฟงบุกรุกสถานที่ของทานออง ไมเพียงเนรคุณ
ประเทศ ยังแคนเคืองทานอองอีก ทวาทานอองกลับไมใสใจ ยอมทนอัปยศ แลวตั้งใจ
วางแผนปกปองประเทศ คิดไมถึงวา คนของเขาซางชิงกลับไมมีเหตุผล บุกเขามายั่วยุอีก
ชงเสวียน หากเปลี่ยนเปนทานละ จะสามารถทนไดหรือไม?”
“อีกทั้งยังคิดวามีปรมาจารยอยูดวย จึงกลารวมมือกับคนเถื่อนชาวฉีสังหารคนใน
จวนหมิงออง แตทานอองขาก็ยังทนไดอีก!”
“ทวาพวกเขากลับไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา คิดวาทานอองกลัวพวกเขา มองความอดทน
ของทานอองไปในเชิงลอเลน ขมเหงกันมากเกินไป ผลสุดทาย สามปรมาจารยรวมมือ
กันยังไมพนหมัดเดียวในเสี้ยวนาทีของทานออง เรียกไดวา ไมเห็นโลงศพไมหลั่งน้ําตา
จริงๆ”
ชงเสวียนรูสึกลําบากใจที่จะพูด หากรูวาเปนหมิงออง และรูวาทานอองเจารายกาจ
เชนนี้ เหมยจื้อเฟงไหนเลยจะบุกเขาไปได? นี่เปนหลุมพรางชัดๆ!
เพียงแตอธิบายออกไปไมได แตเหมยอวิ๋นเทียนยังคิดแกตัวใหบุตรชาย
“สหายเตา...”
“สามหาว!” ลูสวินอี้หันควับ พุงสายตาคมกริบไปยังเหมยอวิ๋นเทียน
“ชาวยุทธเล็กๆ อยางเจา กลาดียังไงมาเรียกขาวาสหายเตา? เขาซางชิงอวดดีถึง
เพียงนี้เชียวรึ?”
สีหนาเหมยอวิ๋นเทียนแดงขึ้นทันใด กัดริมฝปากแนน เพราะไมเคยถูกลบหลูเชนนี้
มากอน
เขาเปนชาวยุทธก็จริง แตคนในแวดวงเตา ใครบางที่เขาไมสามารถเรียกวาสหาย
เตา?
ปรมาจารยนอยคนนักที่คบหาเขาได แตคําพูดนี้ของลูสวินอี้ เขากลับหมดหนทาง
โตตอบ
ชงเสวียนคิดประนีประนอม
“สหายเตา ทานผูนี้คือบุตรชายของจอมยุทธเหมย เหมยอวิ๋นเทียน!”
“แลวอยางไร? ที่บุตรอกตัญู ก็เพราะมีบิดาที่หยิ่งยโสเชนนี้นี่เอง มินาเลาเหมยจื้อ
เฟงถึงกลาอวดดี เสียมารยาทกับทานอองครั้งแลวครั้งเลา!” ลูสวินอี้พูดอยางใจเย็นตอ
อีก
“หรือจอมยุทธเก็บตัวบําเพ็ญเพียรอยูนาน จนละเลยที่จะอบรมสั่งสอนเจา?”
“เจา...” เหมยอวิ๋นเทียนเริ่มทนไมไหว
ชงเสวียนหนาแดงเชนกัน “ทาน...กลาลบหลูจอมยุทธหรือ?”
“บุตรเจายังกลาลบหลูทานอองเลย เหตุใดขาจะไมกลาลบหลูจอมยุทธบาง?”
ลูสวินอี้ไมถอยแมครึ่งกาว คําพูดกลับเผยใหเห็นรังสีฆาฟนทันใด
“ขาไดสงตอคําพูดของทานอองแลว คําตอบของพวกเจาขาก็เขาใจ ชีวิตศิษยนองขา
ก็คือคําตอบ”
“หมิงอองไมอาจเปนศัตรูกับจอมยุทธใชไหม? ขาตองรายงานใหทานอองทราบแน
จากนั้น ทานอองจะทําอยางไร จะกลัวจอมยุทธหรือไมนนั้ คอยดูเอาเองก็แลวกัน!”
ตอน 243 ไป...พาเจาไปดูหมิงจู
ปง!
ประตูใหญจวนหมิงอองปดลงเสียงดังลั่นตอหนาตอตาชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นเทียน
สีหนาคนทั้งสองดูไมไดเปนอยางมาก เนื่องจากถูกขับไลออกมา
พวกเขาไมเคยพบอะไรเชนนี้มากอน เดินเขาไปอยางนอบนอมถอมตน พูดไดไมกี่คํา
ก็ถูกคนเขาขับไลออกนอกประตู
ความอัปยศอดสูและความอึดอัดใจเชนนี้ ยากรับไดจริงๆ
ยิ่งผูที่อยูเมืองหลวงมานาน และเปนนักประนีประนอมตัวยงอยางชงเสวียน ตอนนี้
ยังหนาแดงก่ํา มือที่ซุกไวในแขนเสื้อสั่นนอยๆ แนนอนวา เขาไมเพียงโกรธแคนและอับ
อาย ยังรูสึกเครียดและกังวลดวย
จบเห
จบเหแลวงานนี้ เขายังไมรูดวยซ้ําวามาถึงจุดๆ นี้ไดอยางไร พวกเขามาเพื่อแกไข
ปญหาของเหมยจื้อเฟงและเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งสองปญหายังไมทันไดเริ่มพูดคุยกัน
ความสัมพันธก็มาถึงจุดแตกหักเสียกอน!
โดยไปถึงขั้นหมิงอองแตกกับจอมยุทธ ตองชี้วัดความเปนความตายสถานเดียวไม
เปดโอกาสใหพวกเขาโตแยงใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้ใหญมาก พูดไดวารากฐานที่มีมากวารอย
ปของเขาซางชิงกําลังตกอยูในความเสี่ยง!
ชงเสวียนรูสึกตื่นตระหนก สับสนและมึนงง
“จวนหมิงอองเตรียมที่จะเปนศัตรูกับเรามานานแลว...” ชงเสวียนพึมพํา ริมฝปาก
สั่นระริก
นาทีนี้เขารูสึกวาจวนหมิงอองมิไดคิดประกาศศักดาแตเพียงอยางเดียว
“อวดดี!”
เหมยอวิ๋นเทียนไมไดยินเสียงพึมพําของชงเสวียน แววตาเขาเต็มไปดวยความโกรธ
แคนสุดคณนา แตก็ยังตัดใจปลอยบุตรชายไปไมได หันมามองชงเสวียนดวยสีหนาเหยเก
ยิ่ง
“ศิษยพี่ เราควรทําอยางไรดี?”
ชงเสวียนสูดหายใจเขาลึกๆ ขมอาการใจสั่นไว สายหนาชาๆ
“ศิษยนองอยาเพิ่งรอนใจไป เรากลับสํานักกอน รีบนําคําของหมิงอองบอกตอทาน
เจาสํานัก ขอคําแนะนําจากจอมยุทธทาน แลวคอยตัดสินใจ!”
พอพูดถึงบิดา เหมยอวิ๋นเทียนก็ผงกศีรษะตามสัญชาติญาณ แตเมื่อรูแลววาจวนห
มิงอองบาอํานาจ เขาเองก็ไมโง จึงเริม่ ไมสบายใจ
“ศิษยพี่ แลวถาพวกเขาลงมือกับจื้อเฟงทันทีละ...”
ชงเสวียนแววตาสั่นไหว หันมองประตูที่ปดแนนของจวนหมิงออง เสียงสั่นเล็กนอย
“นาจะไม...”
เห็นชัดวาเขาก็ไมแนใจเชนกัน คลายกําลังปลอบใจตัวเอง
“การที่หมิงอองฝากคําพูดมาถึงจอมยุทธ พิสูจนไดวาใจจริงเขาไมอยากขัดแยงกับ
จอมยุทธสักเทาไหร เราตองรอดูทาทีของจอมยุทธกอน...”
เหมยอวิ๋นเทียนพยักหนาโดยไมรูตัว “ศิษยพี่พูดมีเหตุผล”
วาแลวก็สะบัดแขนเสื้อ รีบหันกาย “ไป เรารีบกลับไปกัน รายงานเรื่องนี้ใหจอม
ยุทธทราบ!”
ชงเสวียนพยักหนาตาม กอนขึ้นรถมา ยังหันไปจองมองจวนหมิงอองใหลึกซึ้งอีก
รอบ จวนหมิงอองยามค่ําคืน ในสายตาของเขาราวกับวากําลังเปลงรังสีฆาฟนสะทานโล
กันต!
กลัวก็แตคําพูดของหมิงอองจะไมใชการขอความเห็นจากจอมยุทธ แตเปนการยื่นคํา
ขาด!
สวนการลงมือของอาจารยหลี่กับการสูจนตัวตายของปรมาจารยจากจวนหมิงออง
ซึ่งถูกจวนหมิงอองมองวาเปนคําตอบของเขาซางชิงไปแลวนั้น ชงเสวียนรูสึกหวาดกลัว
และกระสับกระสาย หากถูกเขาใจเชนนี้จริง ตอนหมิงอองจับกระบี่บุกเขาซางชิง เขา
อาจตองกลายเปนแพะรับบาป ชดใชชีวิตเพื่อหยุดยั้งความโกรธของหมิงออง
ไมมีใครชัดเจนไปกวาเขาอีก กองกําลังในใตหลาโยงใยซึง่ กันและกัน เขาซางชิงที่ดู
เหมือนเงียบสงบปลอดภัย ราชสํานักไมกลาแตะตองนั้น ความจริงแลวกลับเหมือนคนที่
กําลังเดินบนธารน้ําแข็งอันเปราะบาง พวกเขากลาสุมสี่สุมหาเปดศึกกับราชสํานักหรือ?
ลูสวินอี้ยังคงนั่งอยูห นาศพศิษยนอง จองมองศีรษะอาจารยหลี่อยางเครงขรึม
ผานไปเนิ่นนาน เขาจึงลุกขึ้นยืน เดินมายืนขางศพศิษยนอง มองดูอยางเงียบๆ ริม
ฝปากขยับ
“อยาเพิ่งไปไกล รอกอนๆ สักวันศิษยพี่ตองแกแคนใหเจาแน!”
พูดแลวก็หันกายเดินออกจากประตูไป
แตยังไมเขาหอง แหงนหนามองดวงดาวที่พรางพราวบนทองฟา แลวจึงนั่งลง
ขัดสมาธิปรับพลังปราณบนลานกลางจวน
ไมรูผานไปนานเทาใด ดานหนาเขาพลันมีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึน้ ลูสวินอี้ลืมตา
เห็นเหมือนชายอายุราวสี่สิบกวา สวมเสื้อผาเนื้อหยาบ แตงกายแบบผูรับใชสูงวัยกําลัง
เดินเขามาหาเขา
ที่แทก็เปนผูรับใชสูงวัยซึ่งปรากฏตัวอยูขางกายเฉินจวีเฟงตอนอยูในรานขายยาชาง
หัว
ลูสวินอี้หลับตา กอนพูดเสียงเบา
“รานขายยาชางหัวถูกปดแลว ทางการกําลังตามจับตัวคนในรานทั้งหมด หมูนี้เจา
อยาเพิ่งปรากฎตัวกอนเปนดี”
“ขอรับ ขาจะระวังใหมาก” ผูรับใชสูงวัยผงกศีรษะ
“ดี” ลูสวินอี้พยักหนา ไมสงเสียงอีก
แตผูรับใชสูงวัยยังไมไปไหน ยืนมองลูสวินอี้อยูพักหนึ่ง แลวจึงเอยปากขึ้นดวยสีหนา
ซับซอน “ทานรอง ที่เบาะแสรั่วไหลในครั้งนี้มิใชฝมือผูจัดการเฉินอยางแนนอน ตั้งแตรู
ขาวทานเขาเมืองหลวง จนเดินทางมาจวนหมิงอองกับทาน ไมพบความผิดปกติของเขา
แมแตนอย”
ลูสวินอี้พยักหนานอยๆ “ดี ขารูแลว เรื่องนี้ขาตองสืบใหได”
ผูรับใชสูงวัยไดยินก็เงียบไปสักพัก แลวจึงพูดเสียงขรึม
“ทานยังสงสัยผูจัดการเฉินอยูอีกหรือ?”
ลูสวินอี้ลืมตามองดูเขา แลวสายหนาชาๆ “เจาคิดมากไป หากขาไมเชื่อใจผูจัดการ
เฉิน ไฉนจึงตรงไปยังรานขายยาชางหัวทันทีที่เขาเมืองหลวง?”
ผูรับใชสูงวัยหลุบตาลงเล็กนอย ถามเสียงขรึมตอ “ไดยินผูจัดการเฉินวา ทานเตรียม
ใหเขาออกจากการเปนผูจัดการรานขายยาชางหัว?”
สายตาลูสวินอี้คมกริบขึ้นทันที มองดูผูรับใชสูงวัย “ทําไมรึ เจารูสึกวาไมเหมาะสม
หรืออยางไร หรือวาในใจทานเฉินมีความคิดอะไรอยู?”
พอเห็นสีหนาเขา ผูรับใชสูงวัยก็มีสีหนาเครงขรึมลง “ทานรอง เห็นทีทานมิไดสงสัย
เพียงทานเฉินแลว ยังสงสัยขาดวย หากทานรูสึกวาขามีปญหา ก็สามารถใชดาบตัด
ศีรษะขาไดทันที หากเหลาเหอขมวดคิ้วสักนิด หรือรองออกมาสักแอะ ยอมไมนับเปน
ลูกผูชาย!”
“เหลาเหอ เจาควรเขาใจสถานการณในตอนนี้ของเราวามีความเปนตายเทากัน ขา
ไมมีเวลาถกปญหานี้กับเจา” ลูสวินอี้ขมวดคิ้วเขาหากัน
“ทานรอง ทานรูสึกวาเหลาเหอเปนคนไมมีเหตุผลที่พัวพันไมเลิกอยางนั้นหรือ?”
ผูรับใชสูงวัยโกรธเล็กนอย คลายมีทั้งความเศราและความไมพอใจแฝงในคําพูด
“ขาเพียงคิดไมตกวา เหตุใดทานจึงตองทําเชนนี้? เหตุใดจึงไมสนใจขา ชีวิตขา ทาน
อองเปนผูมอบให ขาไมมีความผูกพันใดๆ ขอเพียงสามารถทํางานใหทานอองไดแมเพียง
เล็กนอย จะเอาชีวิตขาเมื่อไหรก็ยอมได”
“เจาไมพอใจที่เราโยกยายทานเฉินหรือ? กําลังเรียกรองความเปนธรรมใหทานเฉิน
หรือ?” ลูสวินอี้ขมวดคิ้วนิ่ง “เหลาเหอ ยังจําไดใชไหมวากําลังภักดีตอผูใด?”
“ขารู!” เหลาเหอยิ่งรูสึกเศรา “ขารูวาทานเริ่มสงสัยวาขาทรยศทานออง!”
“ขาพูดแลววา ขาไมสงสัยในความภักดีที่เจามีตอทานออง ถาขาไมเชื่อเจา ปนั้น
ไฉนใหเจาแฝงตัวอยูขางกายทานเฉินเลา แมตอนนี้ ขาก็ยังไมสงสัยในความภักดีของเจา
แตเจาไมรูสึกหรือวาความคิดในตอนนี้ของเจาเสี่ยงอยูมาก เจากําลังทําเพื่อทานเฉินโดย
ตอตานความคิดของทานอองหรือ?”
มองไมออกวาลูสวินอี้โกรธอยูหรือไม แตน้ําเสียงเขาหนักแนนมาก
“ขากําลังเสี่ยงหรือ?” เหลาเหอใชนิ้วจิม้ จมูกตนเอง สีหนาเต็มไปดวยความซับซอน
กอนพูดตอ “ทานรอง การโยกยายทานเฉินเปนความคิดของทานออง หรือเปนความคิด
ของทานกันแน?”
“หือ?” ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืนพลัน มองดูเหลาเหอดวยรังสีฆาฟนที่กําลังคุกรุนอยูใน
ดวงตา “เจาสงสัยวาขาทรยศทานอองหรือ?”
เหลาเหอไมกลัว น้ําเสียงกลับทุมต่ําลง “ปนั้นเดิมทีทานอองคิดสงขามาคุมครอง
ความปลอดภัยใหทานเฉิน แตสุดทายกลับตองทําตามความเห็นทาน ขาจึงตอง
กลายเปนคนแฝงตัวอยูขางกายทานเฉินแทน จนถึงบัดนี้ทานเฉินก็ยังไมรูวาขาเปนคน
ของจวนหมิงออง อีกทั้งยังไมรูดวยวาขามาเปนสายอยูขางกายเขา มองวาขาเปนคน
สนิทมาตลอด ขาคอยเฝาดูการกระทําของเขาทุกกระเบียดนิ้ว
เห็นเขาทุมเททํางานใหทานอองเต็มที่ อุทิศตนครั้งแลวครั้งเลา บอกตามตรง
บางครั้งที่ขาลอบสงขาวของเขา ยังรูสึกละอายใจยิ่ง!”
พูดถึงตรงนี้ สีหนาเหลาเหอยิ่งดูยิ่งซับซอน เห็นชัดวา หลายปที่ผานมาเขารูสึกทุกข
ทรมาน
“แตขาก็ยังเห็นดวยกับความคิดทาน ในโลกอันสับสนวุนวาย เงินกอนโตเพียงนี้
จิตใจคนยอมเปลี่ยนกันได หากทานเฉินมีปญหา ยอมมีผลกระทบตอจวนหมิงอองทัง้
จวน ดังนั้นขาจึงไมกลาลืมหนาที่รับผิดชอบของตน แตอยางไรขาก็ยังไมเขาใจ เมื่อแนใจ
แลววาทานเฉินไมมีปญหา เขาเคารพนบนอบทานอองถึงเพียงนี้ มีผลงานถึงเพียงนั้น
เหตุใดทานยังไมเชือ่ ใจเขาอีก หรือสงสัยวาขารายงานเท็จ? ถาเปนเชนนี้ ทานสามารถ
จับตัวขา แลวใชวิธีทรมานเคนสอบ ขายอมไมขัดขืนแน แตทานมาถึงก็สั่งโยกยายทาน
เฉินโดยไมมีเหตุผล รานขายยาชางหัว เขาเปนผูจัดการทุกอยางกับมือจนถึงทุกวันนี้
ยอมรูสึกผูกพันอยู อยางที่ขาพูด กลับถูกมองวาไมภักดี ทานรอง เราทํางานใหทานออง
ทานทําเชนนี้ จะไมทําใหเขาเจ็บปวดใจรึ?”
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก สุดทายเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง “ยังคงพูดเหมือนในปนั้น
จวนหมิงอองใหความสําคัญกับชีวิตคนในจวนทุกคน ตอนนี้เรามาถึงเมืองหลวงแลว
วันนี้เราสูญเสียปรมาจารยไปหนึ่งคน จึงทําเหมือนเดิมไมไดอีก กิจการของรานขาย
ยาชางหัว จําตองใหผูเชี่ยวชาญทานอื่นของเรารับชวงตอ นี่ไมเกี่ยวกับเรื่องทานเฉินภักดี
หรือไม เขาอยูในตําแหนงนี้มาสามปแลว ไดพบเจอผูคนมากมาย สําหรับขา ขอเพียงมี
ความเสี่ยง ก็ตองขจัดใหสิ้น ไมผิด นี่คือการตัดสินใจของขา แตทานอองไดใหอํานาจนี้
แกขาแลว หากเจาไมพอใจ สามารถพูดตรงๆ กับทานอองได ขาไมขวางเจา ทวาขาตอง
บอกเจาใหชัดเจนวา ขอเพียงทานอองยังไมตัดศีรษะขา ขอเพียงขายังเปนผูจัดการใน
จวนหมิงออง ขายอมเปนคนเลวผูนี้เอง หวังวาเจาจะเขาใจ!”
เหลาเหอน้ําตาคลอหนวย แหงนหนามองทองฟาสักพัก แลวจึงหันกาย ไดยินเพียง
เสียงของเขาดังมา “ทานรอง ยังมีอีกเรื่องที่ขาอยากถาม”
ลูสวินอี้มองดูแผนหลังของเขา “วามา!”
เหลาเหอหันมาจองมองลูสวินอี้เขม็ง กอนพูดเสียงขรึม “เมื่อครู เหตุใดทานจึงไม
เคนถามชงเสวียนวา ไดขาวการเดินทางของทานมาจากที่ใด?”
“หือ?” ลูสวินอี้ลืมตา นิ่งไปสักพัก “เจาหมายความวาอะไร?”
“ทานตัดสินใจแลวใชหรือไมวาตองตัดรากถอนโคน สังหารทานเฉิน” เสียงของ
เหลาเหอสั่นเครือ
ลูสวินอี้ตะลึงงัน ทวาเขาใจในความหมายของเหลาเหออยางรวดเร็ว
เหลาเหอกําลังสงสัยวาเขาตั้งใจไมสืบถามความจริง เพื่อใชความผิดนี้เปนขออางใน
การสังหารทานเฉิน แววตาลูสวินอี้พลันซับซอนขึ้น เขาไดกลายเปนคนโหดรายในสายตา
ของเหลาเหอไปแลวอยางไมรูเนื้อรูตัว จึงนิ่งอยูน าน มองดูรางที่กําลังรอคอยคําตอบ
“ขาลูสวินอี้ แมชีวิตนี้ไมอาจพูดไดวาเปนคนตรงไปตรงมา แตก็ไมถึงกับมีจิตใจคด
โกง! ที่ไมถามชงเสวียนเพราะวายังไมถึงเวลา เขาซางชิงยากตอแย พวกเขาไมยอมแพ
งายๆ เปนอันขาด ไมมีแรงกดดันอยางถึงที่สุดพวกเขายอมไมมีทางรวมมืออยางจริงใจ
แน!”
เหลาเหอพยักหนา กอนพูดทิ้งทาย “ทานรอง ขาไมอยากอยูรานขายยาชางหัวตอ
แลว ใหขาอยูขางกายทานเฉินตอไดหรือไม”
ลูสวินอี้มองดูแผนหลังของเขา “ดี ชั่วชีวิตนี้จะไดไมมีใครพูดถึงเรื่องเกาในปนั้นอีก!”
เหลาเหอจากไปอยางเงียบๆ
ลูสวินอี้แหงนหนามองทองฟา แววตาซับซอนสุดเปรียบเปรย เขาไมเคยคิดถึงเรื่องนี้
จริงๆ วาเหลาเหออยูขางกายเฉินจวีเฟงสามป จะมีความกดดันเชนนี้
ใจคน ซับซอนยิ่ง!
“ทานออง! จดหมายของทานรอง...มาแลว!”
มอไปยืนอยูในหวงภวังคตรงหนาแผนที่ พลันมีเสียงดังขึ้นที่หนาประตู
เขาหันมองผูมา เห็นวาผูมาดวงตาแดงระเรื่อ จึงเอะใจ รวบรวมสติทันที “มาถึง
เมื่อไหร?”
“เมื่อครู!” ผูมายื่นจดหมายใหเขา พลางพูดเสียงสั่นเครือ “ทานอาจารย ทาน
อาจารยเขา...”
มอไปไมสงเสียง หลุบตารับจดหมาย
เนื้อหาไมซับซอน มีขาวเพียงไมกี่ขาว
“ปลอดภัยถึงเมืองหลวง พบเฉินจวีเฟงแหงชางหัว ซึ่งกังวลในการเปลี่ยนตําแหนง
ของตน...”
“ขาวรั่วไหล ถูกปรมาจารยชาวฉี จินเฉิงปาจูโจมบนถนนหมิงฝู โดยมีปรมาจารย
สํานักเตารวมดวย หูเปยวใชยาในการตอสู สุดทายตัดศีรษะสองปรมาจารยได หูเปยว
เสียชีวิต!”
“เขาวัง พยายามทําลายการเจรจากันของราชสํานักกับประเทศฉี ไดเขาเฝาฮองเฮา
ทรงสบายดี มอบจดหมายที่ทานเขียนใหแลว!”
......
มอไปจับกระดาษจดหมาย สายตาจองอยูที่คําวา หูเปยวเสียชีวิต
ผานไปสักพักคอยละสายตา จองมองประโยค ปรมาจารยชาวฉี จินเฉิงปากับ
ปรมาจารยสํานักเตารวมดวย
ผานไปครูใหญ คอยวางจดหมายลง เดินไปยืนขางหนาตาง
หมิงจูอยูต ิดทะเล ค่ําคืนในฤดูหนาวอากาศจึงเย็นมาก
“กลับไปสืบ! ตองทําดวยตนเองทุกอยาง ทํากอนคอยรายงาน!” มอไปพูดเสียงเบา
“ขอรับ!” ชายหนุมที่อยูในหองกลั้นน้ําตา ขานรับเสียงสูง
หลังชายหนุมจากไป มอไปจึงยืนอยูเพียงลําพัง มองดูทองฟาดวยแววตามืดมนครู
ใหญ แลวคอยหันกาย
เดินออกจากประตูไป
ไมนานนักก็เดินมาถึงหองหนิงเออร
หนิงเออรตื่นแลว แตยังลุกไมขึ้น ไดแตนอนอยูบนเตียง พอเห็นมอไปมาจึงเอยปาก
เรียก “นายนอย”
“อืม ดีขึ้นบางไหม?” มอไปเดินมานั่งขางเตียง จับศีรษะนางอยางออนโยน
“ขาไมเปนไร นายนอย เหตุใดไมเห็นพวกพี่ๆ มาเยี่ยมขาบาง?” หนิงเออรสงสัย
มอไปหัวเราะ “พวกเขาไหนเลยจะเหมือนเจา ตางก็มีเรื่องที่ตองทํา”
หนิงเออรรูสึกเกรงใจ “นายนอยวางใจ ตอไปขาจะไมขี้เกียจอีก ตองหมั่นฝกวิชาให
ดี!”
“รักษาตัวเองใหดีกอนคอยวากัน” มอไปชะงักแววตาเล็กนอย ลุกขึ้นยืน ยิ้มใหนาง
แลวจึงหันกาย
“นายนอย พระชายามีคนดูแลหรือเปลา?” หนิงเออรถามขึ้น
“เจาไมตองหวง อีกไมนานนางก็จะไปแลว” มอไปหันกายเดินออกจากหองไป
“ฟูว...”
เขายืนอยูหนาประตูหอง สูดหายใจเขาลึกๆ นึกถึงความตั้งใจแตแรกเริ่มของพี่นอง
เถี่ยสงที่ตองการเพียงใหทายาทตระกูลเถี่ยคนสุดทายมีชีวิตอยูตอไปเทานั้น
ไมมีทางเลือก หนทางยังตองเดินตอ
เหลือบตามองหองขางๆ ที่ปดประตูแนน
มอไปยืนเงียบๆ อยูหนาประตูสักพัก แลวคอยผลักประตูเขาไป เห็นรางในชุดสีขาว
นั่งอยูขางหนาตาง
ตั้งแตวันที่มอไปอธิบายคําพูดเหลานั้นใหนางฟง นางเหมือนไมมีทาทีเชนวันกอน
อาจใช ในโลกนี้ไมมีอะไรโหดรายไปกวา ถูกคนสนิทที่สุดทอดทิ้งอยางไมใยดี
ประตูเปดแลว แตนางยังไมหนั มามอง
มอไปเดินเขามาในหอง นั่งลงที่โตะ แลวพูดเสียงเบา “พรุงนี้ ขาสงเจาไปจากที่นี่!”
“หือ?” อาจเปนเรื่องที่นางไมคาดคิด หลินซูอินหันมองมอไปอยางงงงัน
มอไปสบตากับนาง กอนลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ!”
หลินซูอินยกเขาขึ้นกอดบนตั่ง เหมือนไมยอมเขยื้อนไปไหน มองดูแผนหลังมอไป
มอไปชะงักฝเทา หันกายกลับ “มาหมิงจูทั้งที ก็ไมควรมาเสียเปลา ขาจะพาเจาไปดู
วาแทจริงแลวหมิงจูเปนเชนไร”
ตอน 244 ขาเกลียดเจา
ค่ําคืนอันหนาวเหน็บ สายลมดุจคมมีด!
แมยังมืดค่ําไดไมนาน แตหมิงจูกลับเงียบเหงา
รถลากคันหนึ่งกําลังแลนทะลุไปตามตรอกซอกซอย โดยมีคนสองคนนั่งอยูบนรถ
คนหนึ่งสวมชุดสีดํา อีกคนสวมชุดสีขาว ซึ่งก็คือมอไปกับหลินซูอิน
ทั้งสองมิไดปลอมตัวแตอยางใด นั่งอยูดวยกันเหมือนคูรัก นั่งรถกินลมชมวิวเลนใน
เมืองชายทะเลยามค่ําคืน เพียงแตการที่ทั้งสองมิไดคุยกันทามกลางความมืดในคืนอัน
หนาวเหน็บของเมืองเหงาๆ บรรยากาศจึงดูเครงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
ลมพัดแรง พัดเอาเสื้อผาและผมเผาหลินซูอินปลิวไสว จนนางตองใชมือคอยจับไว
และในที่สุดก็หันมองคนขางๆ “เจาจะสงขาไปไหน?”
เสียงแมไพเราะดุจนกกางเขน แตโทนเสียงที่ต่ําในตอนนี้ ฟงออกวาขาดความยินดี
และรอคอย คําถามของนางจึงดูผิดปกติ ราวกับถามดวยความไมเขาใจ
มอไปหันมองผูที่นั่งอยูขางกาย นางสวมชุดขาวโดดเดน ผมปลิวไสวในความมืด แสง
ไฟแมสลัวมัว แตสายตามอไปกลับเห็นชัดวา ผานไปเพียงไมกี่วัน หญิงสาวดูซูบผอมลง
ใบหนาแลดูทรุดโทรมจากที่เคยงามสะคราญ
มอไปเขาใจ สภาพเชนนี้ของหลินซูอิน เปนเพราะนางปลอยปละละเลยตัวเอง
ไมวาเยือกเย็นขนาดไหน ก็ยอมรับความจริงอันโหดรายที่วาบิดาแทๆ ของตนคิดสง
ตนไปตายอยางไรเยื่อใยไมไดหรอก
มอไปดึงสายตากลับสูความสงบนิ่งดังเดิม กอนถามเสียงเบา “เจาอยากไปไหน?”
อยากไปไหน? แววตาหลินซูอินสั่นไหว สับสนเล็กนอย
กลับบานตระกูลหลิน?
หรือเขาซางชิง?
ผานไปสักพัก นางกลับชะงัก หลุบตาลงต่ํา แลวพูดขึ้นวา “ขาสามารถเลือกได
หรือ?”
มอไปเหลือบตามองนาง แตก็ไมไดพูดอะไร
ในตอนนี้เองที่รถมาลดความเร็วลง ทั้งสองจึงหันมองคนลากรถ ไดยินคนลากรถ
บอกวา “องคชายหก ขางหนานี่ก็ถึงแลวขอรับ”
ถึงแลว? ถึงไหน?
หลินซูอินหันมองรอบๆ แตมองไดไมไกลนัก เพราะถูกสกัดจุดโคจรพลังปราณ
เพียงเห็นมอไปพยักหนา แลวพูดอยางสงบนิ่ง “อืม ไปเถอะ”
“ขอรับ” คนลากรถหยุดรถ ไมพูดจามากความ หันมาทําความเคารพ กอนพลิ้วกาย
จากไปอยางรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ดานหลังของพวกเขาพลันปรากฎเงารางหลายสาย พลิ้วกายจากไปใน
ความมืดพรอมๆ กับคนลากรถ
“ลงรถเถอะ” มอไปกาวลงไปยืนบนพื้น แลวหันมามองหลินซูอิน
หลินซูอินหันมองรอบๆ อีกครั้ง “ที่นี่ที่ไหน?” มอไปไมตอบ หลินซูอินจึงลงจากรถ
แลวหันมายืนขางมอไป “พวกเขาไปไหนกันแลว? เจาคิดจะทําอะไร?”
นางรูอยูแตแรกแลววา มอไปมิไดพานางออกมานั่งรถกินลมชมเมืองธรรมดาแน!
ยามค่ํามืดที่รางราผูคนเชนนี้ ยังจะสามารถชมอะไรได?
มอไปมองไปยังที่หางไกลดวยสีหนาเรียบนิ่ง เหมือนความมืดไมเปนอุปสรรคกับรัศมี
การมอง เขากําลังมองดูกลุมคนที่พลิ้วกายไปเมื่อครู กอนสงเสียงเบาๆ ออกมา
“ที่นี่หมิงจู ขาจะสังหารคน!”
“หือ?” หลินซูอินตะลึงงัน นาทีถัดมา คอยรูสึกวาทองนอยตนถูกกระแทก ฝามือ
หนึ่งประทับอยูที่ทองนอยตน
นางหนาเปลี่ยนสีทันที ยกมือขึ้นจูโจมใสมอไป ทวาลมจากฝามือพัดเขาขางหูนาง
ไดยินเสียงดังหมับ แขนของนางถูกมือของมอไปยกขึ้นจับไวตั้งแตเมื่อไหรไมรู
หลินซูอินพยายามสลัดออก ทวามือขางนั้นแข็งแกรงดั่งเหล็กไหลก็มิปาน ตอใหนาง
ออกแรงดิ้นเพียงใด ก็ไมสามารถสลัดออกได
นางหนาแดง ดวงตาคอยๆ ใสกระจาง จองมองใบหนาที่ไรซึ่งความรูสึกตรงหนา
หายใจเร็วและถี่อยูสักพัก กอนสงบลงไดในที่สุด
“ปลอยขา!”
มอไปคลายมือออก แลวกาวเดินไปขางหนา
หลินซูอินที่ยืนอยูดานหลัง ตอนนี้คอยรูสึกวามีพลังความรอนที่คุนเคยสายหนึ่ง
ปะทุขึ้นที่จุดตันเถียน กอนไหลเวียนไปทั่วรางอยางรวดเร็ว นางถูกสกัดจุดโคจรพลัง
ปราณกอนออกเดินทาง และเมื่อครูมอไปไดใชฝามือคลายจุดให เพียงแตนางมิไดรูสึก
ยินดีอะไร แตกลับรูสึกหวั่นใจ จึงยืนอยูกับที่ มิไดเดินตามไป
มอไปที่เดินนําจึงชะงักฝเทา มิไดหันหลังกลับ ไดยินเพียงเสียงที่สงบนิ่งของเขาดัง
ขึ้น
“ที่ขาสกัดจุดเจาไวมิไดกลัววาเจาจะหนี แตกลัววาเจาจะตกอยูในเงื้อมมือของคน
เถื่อน ตอนนี้คนเถื่อนตองการจับตัวขา จึงตั้งดานตรวจไปทั่วทั้งหมิงจู ขอเพียงเจา
ปรากฏตัวใหเห็น ถึงมีปกก็ยากที่จะบินหนีพน”
พูดถึงตรงนี้ มอไปจึงหันมามองหลินซูอ ิน
“และพอเจาตกอยูในมือของพวกมัน ขากลารับรองไดวา กอนที่เจาจะตาย ตอง
ไดรับการทรมานอยางแสนสาหัส ถึงตอนนั้นเกรงวาเจาก็จะไมตางอะไรจากตายทั้ง
เปน!”
หลินซูอินสะดุงเฮือก กัดริมฝปากเบาๆ ทวายังมิไดเคลื่อนไหว
มอไปหันหลังกลับ “อยางไรเจาก็เปนชายาหมิงออง หากปลอยใหเกิดเรื่องเชนนี้
ขึ้นกับเจาขณะที่เจาอยูขางกาย ขาคงหนาแตกยับ!”
หลินซูอินรูสึกเศราหมอง จึงแหงนหนามองทองฟา น้ํารื้นที่ขอบตา สุดทายก็หันกาย
เดินตามมอไปไป
ขณะเดินออกจากถนนสายนี้ เหมือนไดยินเสียงคนดังเอะอะอยูดานหนา และไกล
ออกไปมีแสงสองสวางอยู หลินซูอินโคจรพลังปราณที่ฟนคืนไปยังดวงตา เห็นลางๆ วา
ดานหนาคลายมีอาคารเล็กๆ อยูหลังหนึ่ง โดยมีแสงจากดวงไฟสองสวางออกจากอาคาร
ทามกลางความมืด
นางหันมองมอไป และพบวาสายตามอไปกําลังจองมองอาคารหลังเล็กนั่นเชนกัน
ฝเทามอไปแมไมเร็ว และหลินซูอินอยากถามวาสถานที่นี้คืออะไร แตสุดทายก็เงียบ
มิไดถามออกไป ไดแตกาวเดินตามมอไป
ทันใดนั้น หลินซูอินกลับชะงักฝเทา เกร็งพลังเล็กนอย
เมื่อเห็นทหารเถื่อนกลุมหนึ่งเดินยิ้มหัวออกมาจากอาคารนั้น หนึ่งในนั้นหันมองซาย
ขวา พอเห็นทั้งสองก็หยุดชะงัก รีบเปดไฟฉายในมือขึ้นสอง
หลินซูอินระวังตัวทันที แตมอไปที่อยูข างกายกลับไมมีปฏิกิริยา ยังคงเดินไป
ขางหนา
พอแสงจากไฟฉายสาดมายังใบหนาของมอไป และรางของหลินซูอ ินที่กมหนาลง
เล็กนอย เพื่อนทหารเถื่อนที่เหลือก็คลายตื่นตัว พุงเปาสายตามายังคนทั้งสอง
จากนั้นกลุมทหารก็ยกปนขึ้นจอแลวสาวเทาเขาหา พลางตะโกนถาม “นั่นใคร!”
หลินซูอินหยุดเดิน แตมอไปพลันจับมือนางไว แลวเดินไปขางหนาตอ “ไป!”
หลินซูอินที่พลันถูกมอไปจับมือ จึงรูสึกประดักประเดิด อยากดึงมือกลับและสงเสียง
รอง แตดานหนามีทหารเถื่อนอยู ซึ่งทหารเถื่อนไมกี่คน นางยอมไมกลัว เพียงนางรูวา
สถานะของตนกับมอไปเปนเรื่องละเอียดออน อยางไรก็ดี นางไมควรโวยวาย เพราะอาจ
ทําใหมอไปกับนางมีอันตราย
จึงไดแตสูดลมหายใจเขาลึกๆ เดินตัวแข็งตามมอไปเขาหาทหารเถื่อนกลุมนั้น
“หยุด อยาขยับ!” ไมนานนัก ทั้งสองฝายก็เผชิญหนากัน
มอไปหยุดเดิน ปนหลายกระบอกในมือทหารเถื่อนหลายคนจอมายังคนทั้งสอง คน
หนึ่งจอปนลงตรงทรวงอกมอไป “หมอบลง!”
มอไปจองมองเหลาทหารเถื่อนนิ่ง ขณะทหารเถื่อนคนอื่นๆ กลับเดินมาลอมรอบตัว
หลินซูอิน มีคนหัวเราะขึ้น แลววา “พวกเจาเปนใคร เงยหนาขึ้น!”
พูดพลางมีคนยื่นมือมาจับผมของหลินซูอิน
หลินซูอินเห็นมอไปไมขยับ และตนยอมไมยอมใหทหารเถื่อนมาแตะตองตัว จึงเงย
หนาขึ้น สงเสียงดุ “หลีกไป!”
พอนางเงยหนาขึ้น ดวงไฟหลายดวงก็รีบหันมาสองตองใบหนานาง
ทหารเถื่อนหลายคนตาคางทันที ดวยตกใจที่เห็นใบหนาหลินซูอิน นาทีถัดมา สิ่งที่
ทําใหหลินซูอินคาดไมถึงก็คือ ทหารเถื่อนหลายคนนั้นพลันพุงเขาหานาง
สวนคนที่ถือปนจอมอไปอยู ก็ไมพูดอะไรมาก ยกปนขึ้นสูง คิดยิงศีรษะมอไป
หลินซูอินโกรธขึ้นหนา ไหนเลยจะใหคนเหลานี้เขาใกล ในตอนนี้เองที่มอไปปลอย
มือนาง นางจึงทะยานรางขึ้น ใชฝามือไมกี่กระบวนฟาดใสทหารเถื่อนปลิวกระเด็น แลว
จึงหันมองมอไป “พวกเราไป!”
แตนางกลับเห็นรางมอไปลางเลือน คนมิไดอยูที่เดิม จากนั้นจึงไดยินเสียงดังตุบตับ
พอหันกลับทางเดิม ก็เห็นรางที่นางฟาดปลิวกระเด็นเมื่อครู ไมมีสุมเสียงใดๆ ดังออกมา
อีก
“ไป!” เสียงนิ่งๆ ของมอไปดงั ขึ้น
หลินซูอินไดแตมองดูแผนหลังของผูที่ลงมือเอาชีวิตคนไดในพริบตาโดยไรสุมเสียง
อยางมอไป พลางหายใจถี่ แตยังคงเดินตามเขาตอ “ที่นี่คือที่ไหน พาขามาทําไม?”
หลินซูอินถามขึ้นอีกครั้ง นางมีลางสังหรณวามอไปมาที่นี่เพื่อฆาคน
และแลว มอไปก็พูดขึ้นสองคํา “ฆาคน!”
อาคารนี้คลายคายทหาร แตก็ไมคลาย!
ประตูอาคารปดสนิท ดานในเหมือนมีเสียงดังครึกโครมเล็ดลอดออกมา แตพอเดิน
เขาไปใกล เสียงที่อยูภายในก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หลินซูอินพลันหนาเปลี่ยนสี หันควับมองมอไปที่ยังคงมีสีหนาสงบนิ่ง
มอไปยกมือขึ้นกระแทกประตูอาคารหลังนอย
เปรี้ยง! เสียงสิ่งของแตกหัก
ประตูระเบิดออก
หลินซูอินมองเขาไป ดานในอาคารสวางจา ทวาภาพที่เห็นทําใหนางสั่นเทิ้มไปทั้ง
ราง รีบหันหลังกลับทันที มอไปมิไดหนั กลับ เขายืนอยูหนาประตู จองมองเขาไป ภายใต
แสงสวางนั่น ทหารเถื่อนจํานวนหนึ่งกับสภาพเปลือยเปลาทั้งราง ไมสนใจอากาศหนาว
ภายนอก กําลังขมขืนกระทําชําเราหญิงสาวที่รองไหขณะรางเปลือยเปลาอยางทารุณ
เสียงประตูระเบิดทําใหพวกเขาตกใจ มีคนรองตะโกน “นั่นใคร?”
ตอนนี้เองที่รางมอไปขยับ
เสียงกรีดรองดังไปทั่วอาคาร ตามดวยเสียงวุนวายดังอึกทึก และเสียงปนดังไมหยุด
ไมนานนัก หลินซูอินที่ยืนหันหลังอยูตรงประตูจึงไดยินเสียงที่ยังคงสงบนิ่งอยูอยาง
นั้นของมอไป
“ไป!”
หนาสวยของหลินซูอินซีดขาว นางกําหมัดแนน เงยหนามองมอไป
เนื้อตัวมอไปไมมีรอยโลหิตแมแตนอย เขาพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเย็นชา
“ที่นี่คือที่ผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารลาดตระเวนชาวฉี ทั่วทั้งหมิงจูไมรูมีทพี่ ัก
เชนนี้มากนอยแคไหน”
“นาง พวกนาง...”
หลินซูอินมิไดหันมอง เพียงชี้เขาดานใน ไปยังเหลาหญิงสาวที่กําลังรองหมรองไห
มอไปเหลือบตามองหญิงสาวที่กําลังนําเสื้อผาขึ้นมาปกปดรางกายตัวเอง บางก็หด
ตัวรองไหอยูในมุมมืด
“เปนชาวบานที่อยูในละแวกนี้”
“พวกนางทําไมถึง...” หลินซูอินเสียงสั่นเล็กนอย
นางยัง...ยังอายที่จะหันไปมอง
“ถาเมื่อครูเจาไมมีวิชาปองกันตัว เจาก็ไมตางอะไรจากพวกนาง!”
มอไปหันกาย “ไปเถอะ!”
“ไป?” ในที่สุดหลินซูอินก็หันมองดานใน ดวงตาแดงระเรื่อ
“พวกเราไปแลว พวกนางจะทําอยางไร?”
กึก! เสียงของแข็งกระทบกัน หลินซูอินพลันเบิกตากวาง
หญิงสาวสวมใสเสื้อผาที่ถูกฉีกขาดของตนเรียบรอย เดินเขาโขกศีรษะกับกําแพง
เสียชีวิตลงตรงหนาหลินซูอิน
มอไปมิไดหันมอง เขามองไปยังที่ที่หางไกล ที่ที่มีเปลวไฟและควันดําลุกโชน พรอม
เสียงปนดัง
เขาจับมือหลินซูอิน พลางกาวเทาเดิน “ไป!”
หลินซูอินสลัดมือออก มอไปจึงพูด “พวกนางไมอยากใหใครมาเห็นพวกนางใน
สภาพนี้หรอก คนที่สามารถมีชีวิตอยูตอก็จะหนีไปเอง ที่นี่ไมมีทหารเถื่อนแลว พวกนาง
ยังมีเวลาหนี”
กึก!
กึก!
ขณะหลินซูอินหันกายเดินจาก กลับมีเสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้นตอเนื่อง
นางตัวสั่นเทิ้ม น้ําตาไหลริน
“หญิงสาวบริสุทธิ์ลวนถูกทางบานนําตัวไปไวที่อื่นหมดแลว ที่นี่สวนใหญเปนหญิง
สาวที่แตงงานแลว ตกดึกถูกฉุดกระชากมา ยากที่พวกนางจะกลับบานเดิมไดอีก...คืนนี้ที่
ฆาตัวตายมิไดมีเพียงพวกนาง คนทางบานของพวกนางดวย”
มอไปถอนหายใจ กอนจับมือหลินซูอนิ จากไป
รถลากคันนั้นไมรมู าจอดไมไกลจากอาคารหลังนอย รอคอยพวกเขาตั้งแตเมื่อไร
กอนพาพวกเขาจากไปอยางรวดเร็ว
คืนนี้ รถลากคันนี้วิ่งผานหลายสถานที่
ไมรูเพราะอากาศหนาวหรือเพราะเหตุผลอื่น รางของหลินซูอินสั่นระริกไมหยุด
จนกระทั่งหลังเที่ยงคืน หมิงจูจึงเกิดเหตุโกลาหล
ทหารเถื่อนเริ่มตรวจคนทุกซอกทุกมุมของเมืองหมิงจูอยางบาคลั่ง เสียงปนดังขึ้น
เปนระยะ
โชคดีที่ทั้งสองกลับมาอยางปลอดภัย
เสื้อผามอไปเปอนโลหิต เขาสงหลินซูอินกลับหอง แตยังไมจากไปในทันที รินน้ําชา
ใสถวยแลวถือมายืนขางหนาตาง เหมือนสามารถมองเห็นความโกลาหลที่อยูหางไกล
“คืนนี้ขาฆาทหารเถื่อนไปไมนอยอีกแลว พรุงนี้ทหารเถื่อนตองแกแคนอยางสาสม
แน และจากพฤติกรรมของเขาซางชิง พวกเขาก็ยังคงนําชีวิตผูตายและผูบาดเจ็บมา
กลาวโทษขาตอ โดยตั้งธงไวที่ความหมายของศีลธรรมอันยิ่งใหญ ประณามขาวาเปนตน
ตอที่ทําใหประชาชนตองตายลงเชนนี้!”
หลินซูอินเงยหนามองมอไป สีหนานางขาวซีด มอไปพูดตอ
“มีคนบอกวา ตําแหนงองคจักรพรรดิก็แคผลัดกันชมเทานั้น ใตหลาเปนของใคร ฟา
ดินยอมกําหนดไว จะรบกันไปทําไม มันก็เปนแคผูมีอํานาจมั่งคั่งพยายามรักษาอํานาจ
และความมั่งคั่งของตนไว พลีชีพใหพวกเขาไปเปลาๆ การเจรจาสันติภาพตางหาก เปน
ทางเดียวที่จะชวยประชาชนได!”
มอไปหันกายมา
“เจาก็เห็นแลว นี่ก็คือหมิงจูหลังถูกยึดครอง ที่เจาเห็นนะเปนแคเพียงเศษเสี้ยว
เทานั้น หากเจรจาประนีประนอม หรือหยุดรบกันไดจริง พื้นที่ที่ถูกยึดครองแหงนี้ละ
หากประชาชนตองมีชีวิตอยูไปวันๆ ในสภาพแวดลอมเชนนี้ตลอดไป เจาคิดวาพวกเรา
กําลังอยูในสงครามหรือสันติภาพกันแน?”
“แนนอนวาอยูในสงคราม!” หลินซูอินพูดแลว น้ําเสียงของนางทั้งโศกเศราทั้งโกรธ
แคน
มอไปหันมามองหลินซูอินนิ่งอยูพักหนึ่ง แลวจึงหันกลับ ดื่มน้ําชาในถวยตอเงียบๆ
พอดื่มหมด ก็วางถวยน้ําชาลงบนตั่ง เงยหนามองหลินซูอนิ อีกครั้ง
“เจาคิดดีแลวหรือยัง?”
“หือ? อะไร?” หลินซูอินมองเขาอยางไมเขาใจ
มอไปจึงคอยๆ เดินเขาหานาง แลวนั่งลงขางกายนาง
หลินซูอินหนาเปลี่ยนสีเล็กนอย เพราะนางกําลังนั่งอยูบนเตียง ขณะจะลุกขึ้นยืน
มอไปพลันดึงแขนนางไว ทําใหนางรูสึกสับสน รีบถาม “เจาทําอะไร?”
“เจาไมอยากใหขาสงเจาไปไหนในวันพรุงนี้หรอกหรือ?” มอไปสบตานาง
“เจาปลอยขากอน” หลินซูอินตอบ
มอไปกลับใชแรงดึง ซึ่งหลินซูอินไหนเลยจะตานไหว นางเซเล็กนอย กอนลมลงใน
ออมอกมอไป หนานางแดง รองเสียงดัง “เจา.....”
“ในจวนยังมีคนอื่นอีก หากเจาอยากใหพวกเขาบุกเขามาก็รองตอได!” แววตามอไป
หมองหมน ไมตื่นเสียงรองของนาง เสียงของหลินซูอินคางอยูในลําคอทันที แววตาเต็ม
ไปดวยความสับสน พยายามดิ้นรน
มอไปคอยๆ คลายแขนที่โอบรัด นางจึงหลุดออกจากออมอก แตยังถูกมอไปดึงแขน
ไว นางจึงไดแตพูด “เจา เจาอยา...ทําอะไรบาบอ”
มอไปยังไมปลอยมือนาง แตละสายตาไปมองเทียนที่ตั้งอยูบนโตะ “ขาจะสงเจา
กลับเมืองหลวง!”
หลินซูอินใจเตนระรัว นาทีนี้กระทั่งจะไดกลับเมืองหลวงอยูรอมรอ แตนางกลับรูสึก
ยากที่จะบอกไดวายินดีหรือไม
นางเพียงรูสึกแปลกๆ ตั้งแตตกอยูในเงื้อมมือมอไป มอไปไมเคยแตะตองนางแมแต
นอย เดิมทีคิดวาคงไมมีอะไรแลว แตตอนนี้ นางรูสึกถึงความไมปกติจริงๆ จึงไมอยากคุย
วาจะใหสงไปที่ไหนแลว รีบเอยปาก “ดึกแลว ขาอยากพักผอน!”
“ไปถึงเมืองหลวงแลว เจาตองเขาเฝาเสด็จพอกับเสด็จแมขา จากนั้น ตองอยูใน
จวนหมิงออง!” มอไปพูดตอเหมือนไมไดยินที่นางพูด
หลินซูอินไมตอบ บรรยากาศเชนนี้ทําใหนางอึดอัด ภายใตแสงเทียน คนสองคนนั่ง
อยูดวยกัน เหตุการณเชนนี้ นางยังไมเคยประสบมากอนในชีวิต
มอไปหันมองนาง “เจานาจะจําไดวา เจาคือชายาหมิงออง ตั้งแตนี้เปนตนไป เจาก็
เปนไดเพียงชายาหมิงออง องคติ้งอูยอมรับ หลินหัวเหยาก็ยอมรับ เขาซางชิงก็ตอง
ยอมรับ!”
หลินซูอินหันมาสบตาเขา นางคิดหนีอีกครั้ง
แตมอไปใชพลังปลายนิ้วดับเปลวเทียน!
“ไม!” หลินซูอินกลัวแลวจริงๆ
แตไรประโยชน
มอไปสะบัดแขนเสื้อปดหนาตาง หองพลันมืด!
หลินซูอินใชแรงทั้งหมดตานทาน แตแมไมถูกสกัดจุด นางไหนเลยจะใชคูตอสู
ของมอไป
อยากปฏิเสธก็ยังทําไมได
หนึ่งหยดน้ําตาจึงไหลรินใหกับความสิ้นหวัง
แววตานางแคนเคืองอยางลึกซึ้ง ทําไดเพียงรองอยางเจ็บปวดออกมาคําหนึ่ง แต
สุดทายก็หลับตาลง เปลงเสียงออกมาสามคํา
“ขาเกลียดเจา!”
ตอน 245 ขาเชื่อใจเจามากกวาลูส วินอี้
ฟายังไมสาง นักพรตก็ยืนอยูหนาประตูบานหลังนอยแลว และกําลังรูสึกประหลาด
ใจเมื่อมองดูลานที่มอไปใชฝกวรยุทธอยูเปนประจํา
ตามปกติในเวลานี้ ทานอองควรเริ่มฝกวรยุทธแลว แตเหตุใดวันนี้ยังไมตื่น?
ขณะรูสึกแปลกๆ เสียงฝเทาก็ดังขึ้น ผูอารักขาเดินเขามาทําความเคารพ
“ใตเทา ทานอองเชิญใหทานขึ้นไปชั้นบน”
“ได” นักพรตผงกศีรษะ
เดินตามผูอารักขาเขาบานไป เดิมทีคิดวาผูอารักขาจะเดินนําขึ้นบันไดแลวตรงไปยัง
หองของมอไป แตไมคาดคิด ขณะกําลังจะเดินถึงหองพระชายา ประตูหองก็เปดออก
มอไปสวมเสื้อผาลวกๆ ยังไมไดมวยผม ปรากฏตัวขึ้นที่หนาประตูหอง
“หือ?” นักพรตเห็นเขาเดินออกจากหองพระชายายามเชาเชนนี้ ทาทางเชนนี้ จึง
ยืนอึ้งไปสักพัก กระทั่งลืมทําความเคารพ
แตผูอารักขายังจําได โคงตัวทําความเคารพ “ทานออง ใตเทามาแลวขอรับ”
“อืม!” มอไปไมมีทา ทีแปลกใจ พยักหนาเบาๆ “ทานตูมาหรือยัง?”
“ยังขอรับ” ผูอารักขาตอบ
มอไปพยักหนา “ไปเตรียมการเถิด!”
“ขอรับ!” ผูอารักขาทําความเคารพ กอนถอยออกไป
มอไปหันไปปดประตูหองหลินซูอินกอนหันกลับ นักพรตตั้งสติไดจึงทําความเคารพ
มอไปพยักหนาแลวหันเดินไปยังหองตนเอง พลางเอยปากถาม “จัดการเสร็จเรียบรอย
หรือยัง?”
นักพรตกําลังมองดูประตูที่ถูกปดลงดวยสายตาอันลึกล้ํา พอไดยินจึงรีบเดินตาม
พลางตอบ “พอไดรับคําสั่งจากทานออง คนในสํานักก็ออกเดินทางทันที!”
มอไปไดยินก็ยังไมพูดอะไร รอจนกลับเขาหองตนเอง นั่งลง รินน้ําชาดื่มคําหนึ่ง
แลวจึงเงยหนามองดูสีหนาวาวุนใจของนักพรตที่ยืนอยูตรงหนา กอนถามเสียงเบา
“เรื่องในเมืองหลวงเจารูหมดแลวใชไหม!”
นักพรตหนาเศรา
“ขอทานอองโปรดหักหามใจ วีรกรรมของอาจารยหู ขานอยเคารพนับถือยิ่ง แตก็
ยังรูสึกเศราเสียใจอยู ดวยคิดไมถึงวาอาจารยหูจากไปครั้งนี้ จะเปนการจากไปอยาง
ถาวร ฟานําตัววีรบุรุษไปกอนเวลาอันควรจริงๆ...”
มอไปยกถวยน้ําชาขึ้นดื่มเงียบๆ กอนวา “การเดินทางกอนหนานี้เปนการนําศีรษะ
ไมกี่ศีรษะไป ลูสวินอี้แมระวังแลวระวังอีก แตสุดทาย ขาวยังคงรั่วไหลจนได จึงตอง
ชดใชอยางสาหัสสากรรจ!”
สักพัก พอน้ําชาหมดแกว มอไปก็เงยหนาขึ้นมองนักพรตอีกครั้งพรอมดวงตาลึกล้ํา
“สวนการเดินทางของพระชายาในครั้งนี้ ระดับความเสี่ยง ขาคงไมจําเปนตองพูด
อีก!”
นักพรตรีบเก็บความเศรา เปลี่ยนเปนความกระตือรือรน โคงกายยืนยันทันที
“ทานอองวางใจ สํานักไทเสวียนสาบานวาจะคุมครองความปลอดภัยใหพระชายา
จนตัวตาย โดยไมยอหยอนพละกําลังเปนอันขาด เพียงแต...”
“พูด” มอไปเสียงเขม
“เพียงแตทานออง ตั้งแตชุยเฉาเหยี่ยนถูกทานสังหาร แวดวงผูบําเพ็ญเพียรของ
ประเทศฉีไดเพิ่มยอดฝมือเขามาในหมิงจูมากมาย เพื่อไมใหเปนการแหวกหญาใหงูตื่น
คนของสํานักขาจึงไมควรเขาหมิงจู แตจะรอรับอยูนอกหมิงจูอีกที เมื่อคืนการลงมือของ
ทานสะทานสะเทือนหมิงจู ทําใหสถานการณตึงเครียดขึ้น
เกรงวาตลอดการเดินทางออกจากหมิงจูของพระชายาในครั้งนี้จะไมราบรื่น...หรือ
เราควรรอสักพักกอน ใหทหารฉีผอนคลายการตรวจตราอยางเขมงวดลงกวานี้คอยออก
เดินทาง!” สีหนานักพรตบงบอกวากังวลใจ
แตมอไปกลับเยือกเย็น วางถวยน้ําชาลงแลววา “เจาไมตองหวงเรือ่ งเสนทาง ขา
วางแผนไวเรียบรอย!”
“ขอรับ” เมื่อนักพรตเห็นวามอไปไดตัดสินใจแลว ก็ไมกลาพูดมากอีก
มอไปลุกขึ้นยืน ไพลมือไปดานหลัง แววตาลึกล้ํา “ความปลอดภัยของพระชายา
สําคัญที่สุด ตองระมัดระวังใหมาก!”
นักพรตรูสึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเล็กนอย แตก็ไมกลารีรอ รีบเงยหนาขึ้นขานรับ
“ทานอองวางใจ ศิษยสํานักไทเสวียนตองสานตอเจตนารมณแหงความภักดีของอาจารย
หูแนนอน!”
“ไปเถอะ!” มอไปพยักหนา กอนวา “ความสามารถของศิษยสํานักไทเสวียนขารูดี
เชื่อวาพวกเจาตองไมทําใหขาผิดหวัง”
พอออกจากหอง ขณะเดินผานหองที่ปดประตูแนน สีหนานักพรตก็ซับซอนยิ่ง เขา
พลันรูสึกวาบาของตนแบกรับเรื่องอันหนักอึ้งไว และกําลังกดทับจนหายใจแทบไมออก
เขาไมใชคนโง รูดีวาการที่หมิงอองเดินออกจากหองพระชายาในสภาพผมเผา
กระเซิง เสื้อผายุงเหยิงใหเห็นนั้น หมายความวาอะไร! ตองการบอกอะไรเขา
กอนหนานี้ พูดไดวาพระชายาเปนตําแหนงเพียงในนามเทานั้น และยากแยะแยะวา
เปนเพื่อนหรือศัตรู ทวาเหตุการณที่เขาเห็นกับตาเมื่อครู พริบตานั้นพระชายานับวาไม
เหมือนเดิมอีกตอไป นางไดกลายเปนพระชายาหมิงอองอยางแทจริงแลว
เปนนายหญิงแหงจวนหมิงอองโดยสมบูรณ!
คนในจวนหมิงอองตองรับผิดชอบความปลอดภัยของนางแตกตางจากเดิมอยาง
สิ้นเชิง
และเมื่อครู แมหมิงอองไมพูดอะไรมาก ทวาคําพูดแตละคําลวนทําใหนักพรตสะดุง
ในใจ
ไดยินที่ทานอองพูดไหม?
การเดินทางของลูสวินอี้เปนการนําศีรษะเพียงไมกี่ศีรษะไปเทานั้น แตกลับตองสูจน
ตัวตาย
ตอนนี้เปลี่ยนเปนนายหญิงที่มีชีวิตแหงจวนหมิงออง สํานักไทเสวียนของเจาจะ
รับมืออยางไร ในใจนาจะรูดีอยู อีกทั้งฝมือของศิษยสํานักไทเสวียนเหนือกวาลูสวินอี้ขั้น
หนึ่ง หากสุดทายทําพลาด...
นักพรตไมสงสัยเลยวา หากเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาแลว ศิษยสํานักไทเสวียนรอด
ชีวิตกลับมาคนหนึ่ง ทานอองตองโมโหดุจสายฟาฟาดแน!
คิดถึงตรงนี้ นักพรตก็สะทานไปทั้งราง ไมกลารอชาอีก รีบสาวเทาพลิ้วกายจากไป
ทันที
ไมนานนัก ก็เห็นเขากลับมายังหองตนเอง รีบลงมือเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สงให
ศิษยคนหนึ่ง ขณะหนาผากเต็มไปดวยเม็ดเหงื่อ กอนกําชับดวยน้ําเสียงจริงจัง
“จงจําไว ตองใหเจาสํานักรูวาความปลอดภัยของพระชายามีน้ําหนักดุจเขาไทซาน
เกี่ยวของกับการอยูรอดของศิษยทุกคนในสํานักไทเสวียนเรา ตองทุมเทแรงกายแรงใจ
ทั้งหมดเต็มที่...”
ศิษยรูสึกหวาดกลัว แตก็ไมกลารีรอ รีบจากไปโดยเร็ว
หมิงจูถูกยึดครองชองทางติดตอสื่อสารกับโลกภายนอกของจวนหมิงอองลวนทํา
ดวยความระมัดระวังมาโดยตลอด ทวาตอใหระมัดระวังอยางไร ก็สามารถเกิดความ
ผิดพลาดขึ้นได เพียงแตเพื่อความปลอดภัยแลว ที่อยูของหมิงอองตองไมตกอยูในความ
เสี่ยงแมเพียงนอยนิด จึงไมสามารถทําการติดตอสื่อสารจากในจวน ซึ่งเสี่ยงตอการถูก
คนเถื่อนสืบพบ
ดังนั้นชองทางการรับสงขาวสารจึงซอนตัวอยูนอกเมือง!
การเคลื่อนไหวของนักพรต ยอมหนีไมพนสายตามอไป
ใชวาเขาไมเชื่อใจสํานักไทเสวียน ที่สํานักไทเสวียนยอมลงทุนใหกับตัวตนของ
ตนเองนั้น ไมเพียงคิดอยากไดวิชาเตาเพื่อออกทองโลกเสรี ยังคิดเปนหนึ่งในสี่สํานักเตา
ที่ยิ่งใหญ มีผลงานรับใชองคจกั รพรรดิ เพื่อความรุงโรจนในอนาคตดวย
โดยเหตุผลแลว จากพลังยุทธที่มอไปแสดงใหพวกเขาเห็น พวกเขาไมนาจะคิดไมซื่อ
แตอยางไรก็ตามพวกเขาก็เปนขุมกําลังจากสํานักเตา ซึ่งที่ผานมาจัดวามีศักดิ์ศรีในตัวตน
สูงมาก ไมเคยไดรับความกดดันใดๆ อยากใหพวกเขาเปนเหมือนพวกเถี่ยสง ทําเพื่อ
ผลประโยชนของจวนหมิงอองและสามารถพลีชีพเพื่อปกปองคนในจวนในชวงคับขัน
เห็นทีจะเปนไปไดยาก
ทวาพอตกอยูในสถานการณเมื่อครู สํานักไทเสวียนกลับไมมีหนทางถอย ทําไดเพียง
ทุมเทพละกําลังทั้งหมดดําเนินการใหสําเร็จ หากพวกเขาลงมือชนิดระเบิดพลังเต็มที่
หลินซูอินยอมมีความปลอดภัยตลอดการเดินทางเพิ่มมากขึ้นอยางไมตองสงสัย
อีกทั้งคนในสํานักลวนผานการอบรมสั่งสอนมา มีครั้งแรกก็ตองมีครั้งที่สอง เขา
ตองการใหสํานักไทเสวียนคอยๆ คุนชินกับกฎเกณฑของจวนหมิงออง
เมื่อจัดการเรื่องนี้เรียบรอย เขาก็กมลงดูเสื้อผาที่ไมเรียบรอยของตน พลันใจลอย
ขึ้นมา เงยหนามองไปยังหองขางๆ ดวงตาอันลึกล้ําปรากฏความรูสึกหลากหลาย
ลมเย็นพัดมา คอยๆ เย็นจนถึงกระดูก
เขากําลังรูสึกสับสน
เมื่อไมกี่ชั่วโมงกอนหนานี้ เขารูสึกดี กับทุกสิ่งอยาง เขาไดมาโดยไมตองบังคับ
แตตอนนี้ ความคิดความอานของเขากลับลึกซึ้ง เริ่มคิดคํานวณจิตใจผูคน วางหมาก
พิชิตใตหลา
เขาเคยเปนคนมองโลกในแงดี เปนคนดีมีน้ําใจ เปนแพทยที่มีจิตใจเมตตา ใชฝมือ
อันเกงกลาชวยชีวิตชาวประชา
แตตอนนี้ มือของเขาเปอนโลหิตไมรูกี่ครั้งตอกี่ครั้ง มีจิตสังหาร โลหิตเขมขนขึ้น
เรื่อยๆ!
เขานั่งนิ่ง ตากลมเย็น มองดูดวงอาทิตยยามเชา ในยามเงียบสงบเชนนี้ ทําใหคิดถึง
เรื่องในอดีต
“กายเปนเตา วิชายอมเปนไปตามธรรมชาติ!”
มุมปากมอไปทองหลักแหงเตา ดวงตามองทองฟา คอยๆ พึมพําออกมา
“ยามศึกสงคราม ขาไมเปนผูเสียสละ แลวใครเลาจักเปน ขาไมเปนผูกลา แลวใคร
เลาจักเปน? เมื่อใจไมนิ่ง จักรูสึกดีไดอยางไร?”
เขาคอยๆ สงบสติอารมณ จนจิตใจคอยๆ สงบนิ่งลง
ใชมือรวบผมยาวสยายที่ถูกลมตีจนพันกันยุง แววตายังคงล้ําลึก แตกระนั้นก็ยังมี
อารมณความรูสึกบางอยางที่ยากยอยสลาย ไดแตปลอยใหคอยๆ ตกตะกอน
แมมีเหตุผลมากมาย เรื่องเมื่อคืน อยางไรก็ตองรับผิดชอบ!
มิไดเพื่อปลดปลอยตนเอง เขารูสึกดีก็จริง ทวาแตไหนแตไรมา ชายชาตรีผูสงางาม
และหาญกลาไมเคยคิดหลบหนี แมตองพบกับความทุกขทรมานเขาก็ตองยอมรับ
เมื่อทําผิด ก็ไมคิดปดความรับผิดชอบ
ภายภาคหนาหากไมสามารถมีชีวิตเสรี เขาก็ไมโทษใคร รวมทั้งตัวเองดวย
เมื่อสงบนิ่งลงแลว จึงลางหนาลางตา อาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผา มวยผมใหเรียบรอย
แลวจึงนั่งลงบนโตะเขียนหนังสือ จับปากกา เขียนอะไรบางอยาง เสร็จแลวคอยลุก
ขึ้น หันกายเดินออกจากหอง มาหยุดอยูหนาหองหลินซูอ ิน
ในหองไรสุมเสียงใดๆ เขาคอยๆ หลับตา กอนลืมตาขึ้น แลวผลักประตูเขาไป
หนาตางยังคงปดอยู ในหองจึงไมคอยสวาง
บนเตียงมีมานปงตาบางๆ กั้นอยู จึงเห็นรางบนเตียงไมถนัดตา
ไดยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ มอไปจึงเดินเขามานั่งขางเตียง ผูที่อยูหลังมานเหมือน
ไมรูวามีความเคลื่อนไหวอะไรในหอง ยังไมพูดไมจา
มอไปนั่งนิ่งๆ สักพัก สุดทายจึงลุกขึ้นยืน
“เจาตองออกเดินทางหลังเที่ยง ขาใหคนจํานวนหนึ่งอารักขาเจาตลอดเสนทาง
หากพบเจอเหตุสุดวิสัยอันใด เจาตองรักษาชีวิตตนเองใหอยูรอดปลอดภัยเปนสําคัญ
อยาสนใจความเปนตายของพวกเขาจนทําใหตนเองตองตกอยูในอันตราย”
“เมืองหลวงแมปลอดภัยกวาหมิงจู แตสถานการณในตอนนี้ที่ใดก็ลวนไมสงบ ลูสวิน
อี้พักอยูในจวนขา เขาเชื่อใจได แตยังคงเปนคําคําเดิม ตองจําไว พออันตรายมาถึงตัว
ตองรักษาตัวเองใหรอดเปนสําคัญ อยาคิดถึงเรื่องอื่นเปนอันขาด”
“หลังถึงเมืองหลวงแลว เจาอยากพบเจอผูใด ขาไมหาม ไมวาจะเปนคนตระกูลหลิน
หรือเขาซางชิงก็แลวแตเจา แตตองจําคําขาไว ยามประสบเหตุเภทภัย อยาไดฝาก
ความหวังสุดทายไวกับพวกเขาเปนอันขาด ขาเขียนจดหมายไวฉบับหนึ่ง วานเจามอบ
ใหกับฮองเฮา หากรูสึกมีภัยจริงๆ ฮองเฮาจะเปนบุคคลเดียวที่เจาไวใจได และเปนบุคคล
เดียวที่ขาไวใจ”
“ขอเพียงราชสํานักยังไมลมสลาย ขอเพียงขายังไมตาย เจาเขาวังอยูขางกาย
ฮองเฮา ยอมไดรับการดูแลเอาใจใสจากพระองค และยอมไมมีใครกลาบุมบามลงมือกับ
เจา! จําไว ที่ขาพูดถึงคือเฉพาะเสด็จแม มิใชราชสํานักและเสด็จพอ หรือขุนนางระดับสูง
คนอื่นๆ”
ไมมีเสียงตอบรับใดๆ จากผูที่อยูหลังมาน
มอไปจึงเดินเงียบๆ ไปที่หนาตาง คิดเปดหนาตางออก
“ปดไว...”
เพิ่งแงมออกเพียงเล็กนอย ผูที่อยูหลังมานก็สงเสียงซึ่งปราศจากความโกรธออกมา
มอไปจึงหยุดมือ ทําตามที่นางบอก ปดหนาตางไวดังเดิม กอนหันกาย นําจดหมาย
สามฉบับออกจากแขนเสื้อ แลวคอยๆ เดินกลับขางเตียง แตพอเขาใกล กลับชะงักเทา
เงยหนาขึ้น คลายสบตากับผูที่อยูหลังมาน
สักพัก เขาก็ยื่นจดหมายเขาไปในมาน
“หนึ่งในนี้ใหฮองเฮา อีกหนึ่งใหเจา!” คนหลังมานยังไมเคลื่อนไหว
“สวนฉบับสุดทาย เปนเคล็ดวิชาสํานักเตา ขาเคยตรวจดูพื้นฐานชีพจรของเจา
พบวาเหมาะกับการฝกวรยุทธมาก อีกทั้งเจายังบําเพ็ญเพียรไดในขั้นสูง แตนั่นยังมิใชสิ่ง
ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเจา สวนเหมยอวิ๋นชิงก็มีขีดจํากัดในการบําเพ็ญเพียร พรสวรรค
ของนางสูเจาไมได ยังเรียกอาจารยไมไดดวยซ้ํา ถาใชประสบการณของนางมาสอนเจา
ก็ดูจะไมเหมาะ!” มอไปพูดเสียงเรียบ
คราวนี้คนหลังมานคลายมีความเคลื่อนไหว
มอไปรูสึกไดวาสายตาที่อยูหลังมานกําลังจองมองตน แตไมชัดเจนวานางรูสึก
อยางไร
“หากตองการแกแคนขา เจาก็ควรมีชีวิตอยูตอ แลวตั้งใจฝกวรยุทธอยางหนัก!”
มอไปหลุบตาเล็กนอย
และแลวจดหมายสามฉบับในมือเขาก็ถูกคนหลังมานรับไว แตยังไมมีเสียงใดๆ เล็ด
ลอดออกมา
มอไปจึงหันกาย กาวเดินจากไปอยางเงียบๆ แตก็หยุดอยูตรงหนาประตู คิดอะไรสัก
พัก แลวรีบกาวเดินลงบันไดไป
ไมนานนักเขาก็มาถึงหองลับ
ในหองลับ มีคนผูหนึ่ง
“องคชายหก!” อาจิ่วแหวกมาน คิดลุกขึ้นทําความเคารพ
“ไมตอง พักผอนไป!” มอไปดุ เหมือนกับวาทุกครั้งที่มาหาอาจิ่ว อารมณเขาจะเปน
เชนนี้
คนทั้งสองลวนคุนเคยในสถานะนายกับบาว
มอไปนั่งลงขางเตียง ยื่นมือออกตรวจชีพจรใหอาจิ่ว เก็บมือ แลวพูดเสียงขรึม
“วันนี้ขาตองสงพระชายากลับเมืองหลวง และเจาตองตามนางไปดวย!”
อาจิ่วเงยหนาขึ้นฉับพลัน ตาแดงระเรื่อ ริมฝปากสั่น แววตามืดมน
“องคชายหก ขา ขา ขา...”
หลังขาสามคําติด เขาก็พูดอะไรไมออกอีก
“มีอะไรก็วามา” สีหนามอไปเครงขรึม พูดเสียงขรึม
อาจิ่วกมหนา เขายังอายุนอย จึงอดไมไดที่จะหลั่งน้ําตา
“ขอรับ อาจิ่วรับคําสั่ง อาจิ่วตองปรนนิบัติดูแลพระชายาใหดี!”
“รองทําไม?” มอไปขมวดคิ้ว
อาจิ่วรีบกลั้นน้ําตาแทบไมทัน ไมกลาเงยหนา
มอไปลุกขึ้นยืน สองมือไพลหลัง สงเสียงเขม
“ใหเจากลับไปพักรักษาตัว ใชวาใหเจาเกษียณ!”
อาจิ่วเงยหนามองมอไปแวบหนึ่ง แลวจึงกมหนาตอ
“องคชายหก ขาสูญเสียกําลังภายในแลว...”
มอไปมองดูเขาพลางพูด
“สูญเสียแลวก็ฝกใหมได ขอเพียงเจายังไมตายก็พอ บาดเจ็บเล็กนอยแคนี้ ทํา
สําออยไปไย”
“องคชายหก กลามเนื้อขา...”
อาจิ่วรูเรื่องวิชาแพทย เขารูสภาพของตนเองดี แมกลามเนื้อตลอดทั้งรางไมถึงกับ
ฉีก แตตอไปอยาวาแตฝกวิชาเลย ใชมือยกของยังยาก
“ขาเคยบอกแลววา วิชาแพทยกวางขวางและลึกซึ้ง อยาคิดวามีความรูนิดหนอยก็
เขียนใบสั่งยาได เจาลืมแลวหรือไร” มอไปสีหนานิ่ง
อาจิ่วพลันตัวสั่น กมหนาลงอีกครั้ง
“มีความสามารถยังไมถึงครึง่ ถังน้ํา ก็กลาสรุปแลว ใครสอนเจาฮึ” มอไปดุเสียงขรึม
อีก
เมื่อถูกดุเชนนี้ อาจิ่วก็เอะใจ ลอบมองดูมอไป พลางทอประกายตา
มอไปคลับคลายโกรธขึ้นมา “เจาติดตามอยูขางกายขาไมใชแควันสองวัน หลายป
มานี้เจาไมไดกาวหนาขึ้นเลยรึ คนเราขอเพียงไมตายจะกลัวไปทําไม อยาวาแตเจายังไม
สูญเสียวรยุทธ หรือหากสูญเสีย แลวอยางไร เจาก็ยอมกลายเปนคนพิการเชนนี้รึ ถา
เชนนั้นวิชาแพทยที่จาสูอุตสาหเรียนมาหลายปจะมีประโยชนอะไร”
อาจิ่วเห็นมอไปโกรธ จึงเกิดหวาดกลัวจนลืมเรื่องเศราของตน รีบพูด
“องคชายหกทรงเมตตา อาจิ่วผิดไปแลว!”
มอไปยกมือขึ้นปราม “เจาบาดเจ็บสาหัส หากคิดฟนฟูพละกําลังยอมมิใชทําได
ภายในวันสองวัน อยูเมืองหลวงปลอดภัยกวาที่นี่ อีกทั้งขางกายพระชายาก็ตองมีคนคน
หนึ่งที่ขาสามารถเชื่อใจและจัดการเรื่องราวตางๆ ได ตอนนี้ดูไปดูมาก็มีแตเจาเหมาะสม
ที่สุด แมเจาไมสามารถฟนฟูกําลังภายในไดภายในวันสองวัน แตก็เคยเรียนวิชาแพทยมา
หลายวัน อยางนอยเรื่องอาหารการกินในจวนหมิงออง ก็ไมมีปญหาถามีเจาอยู ”
เมื่อแนใจวาชีวิตยังมีความหวัง และยังมีประโยชน สภาพจิตใจของอาจิ่วพลันดีขึ้น
ฟนกลับเหมือนกอน “ขอรับ องคชายหกวางใจ ขาตองระมัดระวังเต็มที่ รับรองวาพระ
ชายาปลอดภัยหายหวง”
เห็นเขากลับมามีทาทางเหมือนเดิม มอไปก็พยักหนา แลวจึงนั่งลง แววตาลึกล้ํา พูด
เสียงขรึม “อาจิ่ว สถานการณที่นี่ของเราเจาชัดเจน สถานะของพระชายาเจาก็ชัดเจน
หลังไปถึงเมืองหลวงแลว เจาจงจําไววา ตองตั้งใจ อยาใหเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาเปนอัน
ขาด ชีวิตของนางเกี่ยวพันกับความราบรื่นในการรวมมือกันตอตานประเทศฉีของราช
สํานักและคนตระกูลหลิน ประมาทไมไดแมแตนอย”
พูดถึงตรงนี้ มอไปจึงลวงปายทองออกจากอกเสื้อสงใหอาจิ่ว แลวพูดตอเสียงขรึม
“จวนหมิงอองในเมืองหลวงตอนนี้ ลูสวินอี้เปนคนจัดการเรื่องตางๆ สถานะของเจาเปน
เพียงผูรับใชขางกายพระชายา เจาสนใจแตหนาที่รับผิดชอบของตนก็พอ สวนเรื่องอื่นๆ
ใหฟงคําสั่งจากลูสวินอี้ แตถาเปนเรื่องเกี่ยวกับพระชายา เจาตองคิดใหมากกอนลงมือ
ทํา พอรูสึกวาไมเหมาะไมควร เจาสามารถใชปายทองนี้ สืบหาขอมูลทั้งหมดในจวนหมิง
ออง เพื่อประกันความปลอดภัยใหพระชายา!”
อาจิ่วเอะใจเล็กนอย ยื่นมือออกรับปายทอง รูสึกไมเขาใจเรื่องบางอยาง
พอคิดดูอีกที ก็เกิดความตื่นกลัวขึ้นในแววตา เงยหนามององคชายหกอยางหวาดๆ
“องคชายหก ทานรองเขา...”
มอไปยกมือปราม
“อยาคิดมาก ขาเชื่อใจลูสวินอี้ แตถาเลือกมอบความปลอดภัยของพระชายาใหเขา
กับใหเจารับผิดชอบ ขาเชื่อใจเจามากกวา เขาใจหรือยัง”
ตอน 246 ไปเถอะ ทานตู
“องคชายหก ทานตูมาถึงแลว!” ขณะกําลังกําชับอาจิ่ว คนในจวนก็เขามารายงาน
“ดี ใหนางนั่งรอในหองรับแขกกอน แลวขาจะรีบตามไป!” มอไปตอบกลับไป
ประโยคหนึ่งแลวจึงหันมามองอาจิ่ว พลางพูดตอ “ที่ขาพูดมาทั้งหมด เจาจําไดหรือไม?”
“ขอรับ องคชายหกวางใจ” อาจิ่วผงกศีรษะรับคําสั่ง
“อืม หลังเที่ยงออกเดินทาง พอถึงเมืองหลวง รายละเอียดตางๆ เจาจัดการเอาเองก็
แลวกัน” มอไปไมพดู มากอีก มือไพลมือหลัง หันกาย
อาจิ่วติดตามขางกายมอไปมานานหลายป จัดการเรื่องราวแทนมอไปเปนประจํา
ขอเพียงอาจิ่วเขาใจจุดประสงคสําคัญ วิธีจัดการรายละเอียดตางๆ มอไปเชื่อใจใน
ความสามารถของอาจิ่ว
“องคชายหก” อาจิ่วเรียกขึ้นอีก
“วามา” มอไปหันมอง
“หนิงเออร...” อาจิ่วลังเลเล็กนอย แตยังคงพูด “องคชายหก หนิงเออรก็บาดเจ็บ
นางจะไปเมืองหลวงกับพวกเราไหม?”
“นางไมไป” มอไปสายศีรษะ มองหนาอาจิ่วสักพัก แลววา “อยาคิดวาเมืองหลวง
ปลอดภัยกวาที่นี่จริงๆ หนิงเออรกับเจาไมเหมือนกัน เถี่ยสงกับเหลาพี่นองเปนผูสืบทอด
โดยตรงของจวนหมิงออง นางเปนนองสาวเถี่ยสง มีคนคิดมิดีมิรายกับนางนอยเสียที่
ไหน? พอเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา เจาปกปองนางไมไดหรอก”
สีหนาอาจิ่วหมองคล้ําลง ไมสงเสียงใดๆ อีก
ลาสุด ชีวิตทานตูไมคอยมีความสุขนัก
หลังจากหานไจโควเสียชีวิต ทหารฉีก็ทําการลางแคนอยางหนักหนวงและรุนแรง
กวาที่คิดไวมาก
จวนหมิงอองสามารถเรนอยูในที่ลับ แตกลุมเยาวชนไมสามารถ
กลุมเยาวชนใหญเกินไป คนก็มากเกินไป!
ในเมืองหมิงจู ธุรกิจเกือบทุกประเภทลวนมีกิจการและอิทธิพลของพวกเขาอยู
อยากหาตัวหัวหนาใหญอยางทานตูแมไมงาย แตอยากจัดการสมาชิกในกลุม
เยาวชนกลับไมยาก
หลายวันมานี้ ทหารฉีจูโจมอยางหนัก เกือบทุกวันตองมีสมาชิกจํานวนมากของกลุม
เยาวชนติดรางแห ตามดวยบุคคลสําคัญของกลุมถูกจับกุมตัวหรือถูกสังหาร!
เมื่อตองเผชิญหนากับสถานการณเชนนี้ กลุมเยาวชนยอมไมนั่งรอความตาย แตถา
ปะทะกันซึ่งหนา พวกเขายอมแพแนนอน สิ่งที่ทําไดคือ ยังคงใชความมั่นคงของหมิงจู
เขาขมขู
พวกเขากอเหตุวุนวายตามโรงงานและทาเรือตางๆ เชนรวมตัวกันนัดหยุดงาน ทํา
ใหนักธุรกิจชาวฉีไมสามารถผลิตสินคาไดอยางราบรื่น รวมตัวกันเก็บคาระวางสินคา
ทาเรือ วางระเบิดไปทั่ว การจราจรติดขัด รานอาหารหยุดกิจการ หนังสือพิมพหยุดสง
กระทั่งทําลายโรงงานไฟฟาและโรงงานผลิตน้ําประปา กอเหตุวุนวายทางสังคม ลอบ
สังหารและจับบุคคลสําคัญชาวฉีเปนตัวประกัน! เผาโกดังเก็บสินคาของคนฉี ปลน
ธนาคาร ทําลายเศรษฐกิจและสังคม
ตองบอกวา วิธีการที่กลุมเยาวชนใชตอบโต ทําใหคนเถื่อนปวดเศียรเวียนเกลาเปน
อยางมาก หากปลอยใหเปนเชนนี้ตอไปเรื่อยๆ ไมวาจะมีวัตถุประสงคทางการปกครอง
หรือวัตถุประสงคทางการทหารอยางไร คนเถื่อนยอมไมสามารถยืนหยัดอยูไดแน
เฉพาะการปราบปรามผูกอการจลาจลก็ทําใหพวกเขาตองวิ่งกันหัวหมุนแลว ไหน
เลยจะเหลือแรงเพือ่ เปนกําลังหนุนใหสมรภูมิแตละแหงอีก?
แตครั้งนี้ คนเถื่อนกลับไมยอมประนีประนอม เห็นชัดวา พวกเขาหมดความเชื่อถือ
ในตัวทานตูแลว
ดังนั้นไมวาตองจายแพงอยางไร ก็ตองทําใหนางหลุดจากตําแหนงผูนําใหได มิฉะนั้น
แลวกลุมเยาวชนตองเปนตนเหตุแหงความหายนะในหมิงจูของพวกเขาเปนแน
อีกทั้งคนเถื่อนก็ไมใชคนโงเขลาเบาปญญา ที่เอาแตปรามปรามสังหารคนอยางเดียว
พวกเขาไดออกมาตรการตอบโตเชนเดียวกัน เปนวิธีการที่ใชกับทานตูโดยเฉพาะ
ซึ่งอันที่จริง ก็ไมใชเรื่องแปลก เพราะพวกเขาทํามาโดยตลอด พยายามทําใหกลุม
เยาวชนแยกตัวออกจากการควบคุมของทานตู โดยใหคนของตนแฝงตัวเขาไปปลุกปนยุ
ยง
เพียงแตกอนหนานี้พวกเขาไมคิดมากอนวาตองจายแพงหรือแลกดวยอะไรมากมาย
และไมคิดบีบทานตูใหอับจนหนทาง คิดวาคอยๆ วางแผน แตตอนนี้กลับตองสําแดง
อํานาจบารมีใหเห็นกันตรงๆ
พวกเขาจูโจมดวยหมัดหนัก ดึงหัวไชเทาออกจากหลุม ขมขูคุกคามเอาชีวิต โดยคิด
วาภายใตแรงจูงใจของอํานาจบารมี คนในกลุมเยาวชนตองเลือกทําอะไรที่ไมเหมือนกัน
เมื่อเห็นทานตูกลายเปนคูอริที่คนฉีตองกําจัดใหได คนในกลุมเยาวชนยอมตองมี
ความคิดหลากหลาย ไมมีทางอยูเฉยแน
ซึ่งเดิมทีวิธีการเดียวที่ทานตูใชก็คืออดทน จนกวาคนเถื่อนจะมาขอประนีประนอม
แตตอนนี้ นางกลับเกรงวาคงยากที่จะยืนหยัดอยูไดนาน เพราะตองรับทั้งศึกนอก
และศึกใน อยางไรชาเร็วก็ตองแพอยูวนั ยังค่ํา
ยังดี กอนหนาที่ทานตูจะตัดสินใจเปนศัตรูกับคนเถื่อนก็ไดเตรียมใจไวแลว ตอนนี้สิ่ง
ที่นางสามารถทําไดก็คือพยายามยืนหยัดตอไปใหถึงที่สุด ไมวาผลจะเปนอยางไร ก็ตอง
กัดคนเถื่อนใหเจ็บปวดจนได!
มอไปกาวเขาไปในหองรับแขก เห็นทานตูนั่งอยูอยางสงบบนเกาอี้รับแขก
บอกตามตรง ตั้งแตพบหญิงสาวผูนี้ครั้งแรก มอไปก็อดประหลาดใจไมไดในทุกๆ
ครั้งที่พบนาง
ไมวาจะเปนหนาตาหรือรูปราง ทานตูดูออนโยน ไมมีทาทีวางอํานาจบาตรใหญ
ดังเชนผูมีบารมีทั้งหลาย
และนางก็ไมตองจงใจเลียนแบบผูชาย การแตงหนาแตงตัวก็เปนเชนหญิงสาวปกติ
เรื่อยมา ทุกอิริยาบถของนางดูนุมนวลมาก
หากไมรูมากอนวานางคือ ‘ทานตู’ ผูมีชื่อเสียงโดงดังแลวละก็ เพียงดูจาก
บุคลิกลักษณะ จะตองรูสึกวานางไมเหมือนใคร และเห็นวานางเปนหญิงสาวสูงสงที่
สวยงามโดดเดนคนหนึ่งเทานั้น
ทวาหญิงสาวเชนนี้ กลับมีอํานาจควบคุมกลุมเยาวชนมาจนถึงตอนนี้ได และใน
สภาวะเชนนี้ก็ยังไมมีใครสามารถสั่นคลอนอํานาจนางลงได
ไดยินเสียงฝเทา ทานตูก็เงยหนาขึ้น พอเห็นมอไป ก็มิไดกระตือรือรน คอยๆ ลุกขึ้น
ยืนแลวทําความเคารพ
“ทานออง”
มอไปจองหนานางนิ่ง เห็นนางสงบนิ่งเชนนี้ เขากลับรูสึกชื่นชมมาก จึงหัวเราะ
ออกมา กอนพยักหนา “ขอโทษดวยทานตู ที่ทําใหทานรูสึกไมเปนธรรม”
คําพูดนี้หมายถึงกอนหนานี้ ที่ทานตูถูกปดตากอนพามาที่นี่ แตทานตูคลายไมถือสา
สายศีรษะไปมา “ความปลอดภัยของทานอองสําคัญกวาอื่นใด ทําเชนนี้ถูกตองแลว
ทานอองไมตองเกรงใจ!”
มอไปก็ไมเสแสรงอีก เดินไปยังที่นั่งเจาของบาน กอนผายมือออก “เชิญนั่ง”
“ขอบพระทัยทานออง” ทานตูยกมือคารวะ กอนนั่งลง เงยหนาขึ้น แลวเอยปาก
ทันที “วันนี้ทานอองเรียกใหเขาเฝา ไมทราบวามีเรื่องอะไรที่ตองการกําชับหรือ?”
“ไมถึงกับกําชับ” มอไปไมถือสาที่นางถามออกมาตรงๆ พูดตอ “วันนี้ที่เชิญทานตู
มา มีเรื่องสําคัญอยูสองเรื่อง”
“อยูตอหนาทานออง มิกลาใหเรียกขานวาทาน หากไมถือ เรียกขาวา ตูเจวียน ยอม
ได” ทานตูเงยหนามองมอไป แมสีหนาเขาดูสงบนิ่ง แตแววตาปรากฏความซับซอน
ครั้งแรกที่เห็นชายผูนี้ ใครจะคิดเลาวาเขาคือปรมาจารยหนุมชื่อกองปฐพี หมิงออง
ตอนนี้นางก็ยังไมลืมทาทางของเด็กหนุมผอมบางผูถูกเสี่ยวเตาคํารามใสครั้งเดียว
แลวไอเปนโลหิตในตอนนั้น แตพอหมุนรูปภาพไป เขาก็คือผูมากบารมีที่สามารถใชหมัด
เดียวสังหารปรมาจารย...
เพิ่งคิดถึงเสี่ยวเตา ก็ไดยินมอไปพูดขึ้นพอดี
“ทานตู เรื่องของเสี่ยวเตาในวันนั้น...ตองขออภัยทานดวย!”
มิไดพูดมากความ แตทานตูกลับสะดุดกึก สบตาหมิงออง แลวหลุบตาลง เงียบไปสัก
พักคอยพูดเสียงขรึม “ตอนนั้นดวยไมทราบสถานะทานออง ขณะจัดการเรื่องในสํานัก
เสี่ยวเตาไดลวงเกิน ทําใหทานอองกริ้ว เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากขา เดิมทีขาควรเปน
ผูรับผิดชอบ!”
“ขาไวชีวิตเขา เพราะนับถือความเปนวีรสตรีของทาน สวนที่ขาสังหารเขาลวนไม
เกี่ยวของกับทาน!” แววตามอไปจริงจัง น้ําเสียงจริงใจ
ทานตูมองมอไปอีกครั้ง นางเขาใจความหมายของคําพูดนี้
ไวชีวิตเสี่ยวเตา ก็เพราะเรื่องในปนั้น
แตที่สังหารเสี่ยวเตา กลับไมเกี่ยวกับเรื่องในปนนั้ เมื่อเปนเชนนี้ นางจึงไมตอ ง
รับผิดชอบ ไมจําเปนตองแบกรับความรูสึกผิดไวในใจ
ทานตูครุนคิดสักครู ไมรูวาจริงๆ แลวนางคิดอยางไร เพียงไดยินนางพูดอยาง
ออนโยน “แลวเรื่องที่สองทีท่ านอองตองการพูด ไมทราบวาคือเรื่องอะไร?”
มอไปมองหนานาง เงียบไปสักพัก ไมคิดพูดเรื่องแรกอีกเชนกัน แววตาแนวแนพลาง
วา “ทานตู ตอนนี้คนฉีกําลังจัดการกับกลุมเยาวชนอยางบาคลั่ง ไมทราบวาทานคิด
ดําเนินการอยางไร?”
ทานตูไมตกใจกับคําถามของมอไป จึงถามขึ้นเสียงเบา “ขออภัย ตูเจวียนโงเขลา ที่
ทานอองถามเชนนี้ ไมทราบวามีคําชี้แนะใชหรือไม?”
“สถานการณกําลังตึงเครียด ขาขอพูดอยางไมเกรงใจก็แลวกัน หมิงจูถือเปนเขตยึด
ครอง ทหารฉีแข็งแกรง การที่กลุมเยาวชนยืนหยัดตอสูอยางแข็งกราวตอไปจึงไมใช
แผนการที่ดีนัก!”
มอไปพูดออกมาตรงๆ อยางไมเกรงใจ ทําใหทานตูเงียบไป ไมพูดจา รอใหมอไปพูด
ตอ
มอไปลุกขึ้นยืน มือสองขางไพลหลัง มองดูทองฟาสีสดใสที่อยูดานนอก แลวคอยๆ
พูด “กลุมเยาวชนหยั่งรากลึกในหมิงจูมานาน คนเถื่อนคิดขุดรากถอนโคน เกือบเปน
เรื่องที่เปนไปไมได สิ่งที่พวกเขาทําไดมีเพียง การเปลี่ยนผูนํากลุมเยาวชน ดังนั้นทานตู
ความปลอดภัยของทานจึงสําคัญยิ่ง”
ทานตูเงยหนา มองแผนหลังของเขา
“ขายังคงไมเขาใจความหมายของทานออง”
มอไปหันกายมาเผชิญหนากับทานตู “ขออภัยที่ขาพูดตรงๆ สถานการณในตอนนี้
ทานกําลังตกอยูในอันตราย ไมทราบวาทานเคยคิดลี้ภัยชั่วคราวหรือไม?”
“ลี้ภัยชั่วคราว?” ทานตูลุกขึ้นยืน แววตาเปลี่ยนเปนล้ําลึกฉับพลัน “ทานออง
ตองการใหขามอบกลุมเยาวชนใหหรือ?”
มอไปเห็นแววตานางวูบไหว จึงมองออกวานางกําลังเขาใจผิด แตก็เขาใจ นางตองรู
แลววาตนเองยื่นมือเขาแทรกแซงเรื่องของกลุมเยาวชนมานาน จึงพูดอยางไมปดบัง
“ทานตู เปนเรื่องจริงที่วาขาไดใหคนของขาแฝงตัวอยูในกลุมเยาวชน แตทานไม
ตองหวง ทานก็รูวาที่ขาสามารถพูดกับทานเชนนี้ไดก็เพราะไมมีจิตคิดอกุศลกับกลุม
เยาวชน เพียงแตอยูในหมิงจูไมมีทางเลือก ตองอาศัยอิทธิพลของกลุมเยาวชนเทานั้น”
ทานตูรูสึกวูบไหวอีก กมหนาครุนคิดสักพัก นางกลับเห็นดวยกับคําพูดของมอไป
เพียงกลุมเยาวชนกลุมหนึ่ง แมเปนเมื่อกอน ก็ไมคุมคาพอที่มอไปจะมายึดครอง อยาวา
แตตอนนี้ที่ภายในแตกแยกเปนหลุมเปนบอ
แตอยางไรก็เปนกิจการตกทอดจากบรรพบุรุษ นางยังคงตองสนใจ สีหนาและ
น้ําเสียงจึงออนโยนลง “เชนนี้ไมทราบวาทานออง...”
“ออกจากหมิงจู!” มอไปเปลงเสียงขรึมออกมาสี่คํา
ทานตูอึ้ง แลวจึงสงบนิ่งลง ใบหนาปรากฏรอยยิ้มนอยๆ “ขอบพระทัยทานอองที่
หวงใย เพียงแตคิดวาทานอองคงเขาใจสถานการณของกลุมเยาวชนในตอนนี้ดี มีขาอยูห
มิงจูก็ยังไมรูวาสามารถยืนหยัดไดอีกนานเทาไร แตถาขาจากไป เกรงวากลุมเยาวชนคง
ตองกลายเปนกลุมคนทรยศชาวเซี่ยที่ชวยคนเลวกอกรรมทําเข็ญแน”
“ไม ทานตูมองโลกในแงรายแลว!” มอไปเห็นนางมิไดปฏิเสธในทันที จึงกลับไปนั่งที่
เดิม แลวเริ่มอธิบาย “ขอเพียงทานยังมีชีวิต ไมวาจะอยูที่ใด ปณิธานของทานยอมสงผล
ตอกลุมเยาวชนได ทานก็รูวาหลายปมานี้ ขาวางขุมอํานาจจํานวนหนึ่งไวในกลุมเยาวชน
มีคนของขาคอยสนับสนุนคนของทาน หากเกิดการตอตานอยางไรก็ไมมีทางลุกฮือขึ้นทั้ง
กลุมแน ในทางกลับกัน หากทานไมอยู กลุมเยาวชนจะไดรูรสชาติที่แทจริงของการ
เปลี่ยนนามสกุล!”
ทานตูฟงแลวก็ไมมีปฏิกิริยาสนองตอบอะไร กลับพูดเสียงเบา “พูดเชนนี้ไดก็จริง
แตทานอองตองรูวา หากขาไปแลว แตยังคิดรักษาสิทธิ์ในการออกเสียง ตองมีผูสืบทอด
ของขาจํานวนหนึ่งคุมอํานาจอยูในกลุม ซึ่งหลังขาไป คนฉีตองจัดใหคนของพวกเขาขึ้น
ดํารงตําแหนงแทน แลวผูสืบทอดของขาจะทําเชนไร? คนฉีจะปลอยพวกเขาไวหรือ?
อยางนอยพวกเขาก็ตองถูกทอดทิ้ง”
นี่เปนปญหาที่เกิดขึ้นไดจริง แนนอนวามอไปก็เคยคิด แตเรื่องบางอยางมิไดสวยงาม
ชนิดไรที่ติ มีไดก็ตองมีเสีย
“หากทานเชื่อใจขา สามารถทิ้งรายชื่อไว ขาตองพยายามคุมครองใหพวกเขา
ปลอดภัย หากสถานการณเลวรายจริง ขาตองพยายามจัดเตรียมใหพวกเขาเดินทางออก
จากหมิงจู!” มอไปพูดเสียงขรึม
ทานตูจองมองมอไป
“ตูเจวียนดอยปญญา ดอยสามารถ ไหนเลยจะกลารบกวนทานอองเชนนี้”
“ทานตูอยาไดสงสัยไป ที่ผูแซไปเกลี้ยกลอมทานเชนนี้ มิไดคิดวางแผนใดๆ กับทาน
หรือกลุมเยาวชน เพียงแตชีวิตของทาน มีสวนเกี่ยวของกับเราเปนอยางยิ่ง”
ทานตูขมวดคิ้วเขาหากัน มอไปจึงอธิบายเสียงขรึม “ตอนแรกที่สังหารชุยเฉาเหยี่ยน
เปนการยืนยันกับทานและบอกใหคนฉีรูวา ทานกับขาเปนพันธมิตรกัน สวนการตายของ
หานไจโคว เปนเพราะขาตองการโจมตีอํานาจของพวกเขา ซึ่งหากทานถูกพวกเขา
สังหาร ก็เทากับวาพวกเขาไดแกแคนขา สถานการณในตอนนี้ ทานนาจะชัดเจน การ
เผชิญหนากับประเทศฉี ไมวาคนหมิงจู หรือคนทั้งประเทศ เราตางขาดความเชื่อมั่นและ
พลังในการเอาชนะ พวกเขามีอาวุธยุทโธปกรณทันสมัย ราวกับใครตั้งตนเปนศัตรู ก็ตอง
ตายอยางไมตองสงสัย และสถานการณเชนนี้ไมควรปลอยใหดําเนินตอไป มิฉะนั้นจะไม
เปนผลดีตอประเทศ เราตองทําใหทุกคนรูวา พวกเขาก็เปนคน ตายไดเชนกัน พวกเรา
สามารถฆาพวกเขาได ฆาแลวยังสามารถทําใหพวกเขาทําอะไรไมไดอีกดวย”
ทานตูฟงแลวก็ไมพูดจาใดๆ นางยอมรับวามอไปพูดมีเหตุผล แตจะใหนางจากไป
โดยทิ้งเหลาพี่นองงายๆ ไดอยางไร
“ทานตู ขารูวาทานคิดเชนไร แตถาทานยังอยูในหมิงจูตอ จะสามารถยืนหยัดอยูได
นานแคไหน?”
มอไปมองออกวานางรูสึกลําบากใจ จึงพูดตอ “แนนอน หากทานยืนยันวาจะอยูตอ
ขาก็ไมยอมใหทานถูกคุกคามความปลอดภัยแน แตหากทานมีภัย คนในจวนหมิงออง
ยอมตองพยายามอยางสุดความสามารถที่จะคุมครองทาน”
ทานตูจองมองดวงตาที่ไมกะพริบทั้งสองขางของหมิงออง กอนสูดหายใจเขาลึกๆ
เห็นชัดวา หากนางไมไป กลับยิ่งทําใหจวนหมิงอองเดือดรอนหนักเพราะนาง
สถานการณในตอนนี้ หากนางมีภัยขึ้นมา คิดคุมครองนาง จวนหมิงอองตองแลกดวย
อะไร?
ในที่สุด ทานตูก็คอยๆ หลับตาลง พลางถาม “คิดวาทานคงจัดเตรียมที่ทางไวใหขา
แลว”
“เมืองหลวง!” มอไปเปลงเสียงเบาๆ ออกมาสองคํา
ทานตูลืมตา “เมืองหลวงหรือ?”
“ทานเปนศิษยสํานักหวง เมืองหลวงมีสาขายอยของสํานักหวงประจําการอยู ใน
ภาวะอันตรายเชนนี้ ทานไปดูแลที่นั่นเหมาะสมที่สุด” มอไปพยักหนา
ทานตูกลับตะลึงงัน “สํานักหวงหรือ?” หรือหมิงอองไมรวู านางถูกสํานักหวงขับ
ออกจากการเปนศิษยแลว?
มอไปยอมรูแนนอน และยังคงพูดตอ “สําหรับกลุมเยาวชนแลว สาเหตุที่แทจริงของ
การอยากเปลี่ยนนามสกุล ก็เพราะพวกเขารูสึกวาการติดตามทาน มองไมเห็นความหวัง
ดังนั้นหากทานกลับสํานักหวง ก็เปนการแสดงใหเห็นวาทานยังมีอิทธิพลสํานักเตาหนุน
หลังอยู บารมีของทานก็จะมากขึ้นกวาเดิม และยอมเพิ่มความมั่นใจใหกับพวกเขาได...”
“ทานออง ขาจะกลับสํานักหวงไดอยางไร?” ตูเวยเวยอดไมไดที่จะขัดจังหวะ
มอไปมองดูนาง “แลวเหตุใดจะกลับไมได?”
ตูเวยเวยมองมอไปนิ่ง นางพูดไมออก ก็ถูกขับออกจากสํานักแลว จะใหกลับไป
อยางไร?
มอไปกลับพูดเสียงดังกอง “ขากําลังคิดจัดการกับสํานักเตา นอกเสียจากสํานักหวง
อยากทําตัวแตกตาง กลาลองพลังหมัดของขาวาสามารถทําใหพวกเขาตกจากแทนบูชา
ไดหรือไม”
ตูเจวียนอาปากคาง มองดูประกายตาเจิดจาของมอไป ผานไปเนิ่นนานก็ยังเปลง
เสียงไมออกแมครึ่งคอนคํา
ตอน 247 ตูเวยเวยมองหมิงออง
“นี่...ทานรับปากหรือยัง?”
ตูเวยเวยมิไดนั่งนานที่จวนหมิงออง พอกลับมา นางก็นําขอเสนอและจุดประสงค
ของหมิงอองบอกกับพอบานดวยสีหนานิ่งเรียบ แตพอบานกลับไมนิ่งเชนนาง เขา
ตื่นเตนอยางเห็นไดชัด สีหนาบอกความรูสึกทั้งดีใจและประหลาดใจอยางปกปดไมมิด
จะไมใหประหลาดใจไดอยางไร? ขณะเดินอยูบนหนทางที่มีแตตายกับตาย จูๆ ก็มี
หนทางปลอดภัยที่สามารถรอดชีวิตโผลขึ้นมา
เพียงแตพอมองดูสีหนาที่สงบนิ่งของทานตู ใจเขาก็เตนไมเปนระส่ํา ลึกๆ ในใจกลัว
วา ที่สุดแลวทานตูจะปฏิเสธความชวยเหลือจากหมิงออง เพราะเสี่ยวเตาถูกคนของ
จวนหมิงอองสังหาร
ดวงตาตูเวยเวยฉายแววล้ําลึก พูดเสียงเบา “ขาสามารถปฏิเสธไดหรือ?”
“ฟูว...”
แมอยูทามกลางความหนาวเย็นของฤดูหนาว แตหนาผากของพอบานก็ยังผุดเม็ด
เหงื่อขึ้น แตพอไดยินคําตอบที่แนนอนแลว เขาก็จับหนาอกแลวถอนหายใจออกมา
เหมือนรูสึกโลงไปทั้งราง เห็นไดชัดวาเมื่อครูเขารูสึกตื่นเตนแคไหน
ทานตูลุกขึ้นยืน มือไพลหลังเดินไปที่ระเบียงอาคารมองไปยังปลายฟาโดยไมพูดไม
จา
ผานไปเนิ่นนาน พอบานจึงเก็บอารมณความรูสึกกลับคืน
เขาสงบลงแลว พรอมที่จะคิดทบทวนปญหานี้อีกครั้ง
พอเห็นทาทางเครงขรึมของทานตู ความคิดอยางหนึ่งก็วาบเขามา จึงสาวเทาเขา
ใกล กอนพูดเสียงเบา
“ทานตู ทานไมจําเปนตองกังวลใจ ทานอองไมนามีจิตอกุศลกับกลุมเยาวชนเรา
หรือถา...”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงัก เหมือนมีคําพูดที่ไมควรจะพูด
ตูเวยเวยมิไดมองเขา แตดวงตาที่มองออกไปไกลกลับใสกระจาง พูดตอบอยาง
ออนโยน
“เจาอยากพูดวา ถาเขามีแผนกับเรา เรากลับยิ่งวางใจไดมากกวา?”
พอบานไดยินก็พลันเขาใจ เรื่องทั้งหมดที่ตนคิดได เกรงวาทานตูก็รูอยูแตแรกแลว
จึงไมปดบังอีก พยักหนายอมรับ
“ขอรับ ถาทานอองคิดจะทําอะไรกับกลุมเยาวชนเรา อยางนอยในระยะนี้เรา
สามารถวางใจได เพราะทานอองยอมตองทุมเทกําลังทั้งหมดมาคุมครองทาน หากไมมี
ทาน กลุมเยาวชนถูกคนฉียึดครองแน ขอเพียงทานยังมีชีวิตอยู ทานอองจึงสามารถใช
ประโยชนจากกลุมเยาวชนได”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหนามองดูทานตูอีก
“ทานตู ตามความคิดของขา ทานไมจําเปนตองคิดมาก ทานอองเปนมังกรเรนกาย
จะชาเร็วสักวันก็ตองบินขึ้นฟา จากอํานาจบารมีในวันนี้ของทานออง ตอไปตองปกครอง
ใตหลาไดแน ซึ่งถามีวันนั้นจริง และเราสามารถสนิทสนมกับทานออง สําหรับทานหรือ
กลุมเยาวชนก็ลวนเปนพร มิไดเปนภัย”
ทานตูหันกลับมามองพอบาน สายหนานอยๆ แลวพูดพรอมดวงตาใสกระจาง
“ขาไมหวงถาเขาจะยึดครองกลุมเยาวชน ขาเตรียมพรอมไวแลว หากสุดทายยันไม
อยูจริงๆ ใหกลุมเยาวชนตกอยูในกํามือของเขายังจะแข็งแกรงกวาถูกคนเถื่อนใช
ประโยชน ดังนั้นขาจึงไมไดกาํ จัดคนของเขาที่แฝงตัวอยูในกลุม พูดไมไดวาหมิงอองคือ
วีรบุรุษก็จริง แตเขาไมขายชาติ ไมขายประชาชน โลกทุกวันนี้ ถากลุมเยาวชนสามารถ
ทําประโยชนใหเขาได ขาก็ไมเสียใจ ไมวาในวันขางหนาขาจะกลับมาไดหรือไม
ขอเพียงคนตระกูลตูรุนตอๆ ไปทุมเทพัฒนาไมใหกลุมเยาวชนตองกลายเปนกลุม
ขายชาติ ไมใหลูกหลานชาวหมิงจูตองกนดาสาปแชง ขาก็ไมเสียใจแลว”
พอบานพยักหนา ยังมีบางอยางที่เขาไมเขาใจ ในเมื่อคิดตกแลว เหตุใดจึงมีทาทาง
เชนนี้ จึงเอยปากถาม
“เชนนั้นทานกําลังกังวลเรื่อง...”
ทานตูกมหนาหลุบตา น้ําเสียงแฝงความตะขิดตะขวงใจ
“ขาไปเพียงลําพัง ไมสามารถพาทุกคนไปดวย”
“เรื่องนี้ทา นไมตองคิดมาก สถานการณในตอนนี้ทุกคนลวนเขาใจดี ไมมีใครนึก
โกรธทานหรอก ขอเพียงทานปลอดภัยไรกังวล ในใจของพวกเราก็มีความหวังแลว
เพราะเรามิใชมังกรไรศีรษะเสียทีเดียว อีกอยางความปลอดภัยของพวกเขาก็มีทานออง
คอยคุมครองใหอยูม ิใชรึ? ทานวางใจได...” พอบานพูดกลับทันทีโดยไมตองคิด
ทานตูสายหนา กอนพูดดวยน้ําเสียงเศราสรอย
“ขาไมไดหวงวาทุกคนจะมองขาเชนไร เพียงแตคิดวาถาขาสามารถพาคนไปดวย มี
บางคนยินยอมละทิ้งอํานาจที่มีแลวไปกับขา แตเกรงวาคนสวนใหญจะทิ้งอํานาจไปไมลง
ไมยอมหนีไปหรอก”
พอบานพูดไมออก
เขาชัดเจนดีวา ถาทานตูจากไป คนระดับสูงในกลุมเยาวชนไมเพียงไมคิดอะไร ซ้ํายัง
ฮึกเหิมขึ้นดวย ใชวาพวกเขาไมภักดีตอทานตู แตเรื่องของอํานาจ หากมีโอกาสไดลิ้มลอง
สักครั้งหนึ่ง ก็ยากที่จะปลอยวางลง แมรูวาที่นี่อันตรายก็ยังเปนเหมือนเดิม ขอเพียงดาบ
ยังไมฟนลงมาที่คอ การแยงชิงอํานาจก็ยังคงมีอยูเปนนิจ
ทานตูแหงนหนาขึ้น มองดูทองฟาและเมฆขาว
“อยางกลุมคนรุนใหมที่ลางบางผูอาวุโสรุนกอนในปนั้นและตอนนี้กุมอํานาจอยูใน
กลุมเยาวชน ก็ลวนอยูเคียงขามานานหลายป ผูที่มีผลงานโดดเดนก็มีอยูไมนอย หลาย
ครั้งขาตกอยูในสถานการณยากลําบาก พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดเคียงขาง และทําใหขา
สามารถใชภาพลักษณของสตรี ปกครองกลุมเยาวชนที่ยิ่งใหญมาไดนานหลายป”
“แตในขณะเดียวกัน เพื่อปกครองพวกเขา กลุมเยาวชนถึงไดอนุรักษระบบผูนําเปน
ใหญเพียงคนเดียว จนทําใหถึงตอนนี้ ขาคิดอยากหาผูที่มีศักดิ์ศรีพอที่จะมาแทนขาสัก
คนก็ยังไมมี คาดวาพอขาจากไป การแยงชิงอํานาจขนานใหญตองเกิดขึ้นแน คน
ระดับสูงบางก็หัวรุนแรง บางก็รอบคอบ บางก็ใจรอน บางก็เครงขรึม บางก็มีปณิธาน
แนวแน บางทั้งโลภทั้งบากาม บางมีภูมิหลังซับซอน...ขาอยูหมิงจูยังพอควบคุม
สถานการณได แตถาขาจากไป เรื่องก็ไมงายแลว เรื่องพวกเขาแยงกันเปนใหญขาไมกลัว
กระทั่งฆากันเองขาก็ไมกลัว แตตอนนี้เราอยูในสถานการณอะไร? คนเถื่อนวางแผนหวัง
ใหเราแตกแยกมานานแลว พอเราสูกันดุเดือดรุนแรง และคนเถื่อนทําดีดวย มั่นใจไดเลย
วา ตองมีคนสวามิภักดิ์คนเถื่อนเพื่อยืมแรงหนุนแน มีหนึ่งก็ตองมีสอง มีสองก็ตองมี
สาม”
พอบานไมพูดตอ เพราะนี่คือเรื่องจริง จึงไดแตพูดวา “แตทานตู ถาทานไมไป เกรง
วา.....” พอบานกลับพูดไมออก
ทานตูยิ้มออนโยน แมนางอายุเกินสามสิบ แตการบําเพ็ญเพียร ทําใหใบหนาดูออน
กวาวัย พอยิ้มก็เหมือนดอกไมผลิบาน บริสุทธิ์ สงางาม เหมือนน้ําอันชุมชื่นและออนโยน
พูดตามตรงมอไปยงั รูสึกประหลาดใจที่หัวหนาพรรคมาเฟยมีรูปลักษณเชนนี้ ไมใชเรื่อง
แปลกถาผูที่ไมรูชื่อและประวัติของนาง จะตกตะลึงโดยไมรูตัวเมื่อแรกพบ
ทวาพอบานเคยชินแลว จึงตั้งใจฟงแตคําพูดนาง
“เหตุผลนี้ขาเขาใจ ถาขาอยูในหมิงจู ถึงตายไป เรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นอยูดี จะ
รุนแรงกวาและควบคุมไมไดดวย ดังนั้นขาจึงไมสามารถปฏิเสธหมิงออง”
พูดเชนนี้ได แตคนเราเมื่อตายทุกอยางก็จบสิ้น ก็เพราะยังมีชีวิตอยู จึงมีความคํานึง
มีความหวงกังวล
“เรื่องอาจไมกลายเปนเชนนี้ ทานลืมแลวหรือวายังมีทานอองอยู ถาเขาอยากใช
ประโยชนจากกลุมเยาวชน ตองไมนิ่งดูดาย ปลอยใหการเมืองภายในกลุมยุงเหยิงแน”
พอบานปลอบโยนใหนางสบายใจ ทั้งๆ ที่รูวาพูดไปก็ไรประโยชน ทานตูอาศัย
ความรูความสามารถกุมอํานาจมานานหลายป จะไขวเขวกับคําพูดเพียงไมกี่คําของเขา
ไดอยางไร แตไมมีทางเลือก เขากลัววาสุดทายแลวทานตูจะเปลี่ยนใจ ยืนยันที่จะอยูใ นห
มิงจูตอจนวินาทีสุดทาย
“ทานอองหรือ?” ตูเวยเวยหันมองพอบานดวยแววตาลึกล้ํา “ครั้งนี้ ขาไมคิดพาเจา
ไป!”
พอบานอึ้ง ในใจมิไดนึกแคนหรือหวาดกลัว เขาเปนคนตระกูลตู ดูแลทานตูตั้งแต
เล็กจนเติบใหญ เหมือนญาติสนิทก็วาได ความปลอดภัยของทานตูจึงสําคัญสุดสําหรับ
เขา ใหแลกดวยชีวิตก็ยอมโดยไมลังเลแมแตนอย
ที่อึ้งก็เพราะเหนือความคาดหมาย “ทานใหขาอยูที่นี่หรือ?” พูดจบก็รีบอธิบายตอ
“ทานตู ขาเกรงวาจะไมเหมาะ!”
“มิไดใหเจาเปนทานตู!” ตูเวยเวยแววตาล้ําลึกยิ่ง
“ขาคิดใหเจาอยูขางกายหมิงออง”
“หือ?” พอบานยิ่งงงเขาไปใหญ
สีหนาตูเวยเวยเครงขรึม “ทานอองเปนผูกลาแหงยุคก็จริง แตวันนี้หลังจากที่ขาได
พบเขาแลว กลับรูสึกไดถึงความจริงเรื่องหนึ่ง เขามิใชไปฉางชิงเมื่อหลายปกอน เขา
ในตอนนี้ เปยมดวยอํานาจบารมี ดังที่ทานพูด ปณิธานของเขาคือใตหลา บุคคลเชนนี้
กลุมเยาวชนสําหรับเขาแลวเปนเพียงหมากตัวหนึ่งเทานั้น ถาเขาคิดฮุบอํานาจในกลุม
เยาวชนจริง ขากลับวางใจ อยางนอยก็รับประกันไดวากลุมเยาวชนจะไดพฒ ั นาและได
ประโยชน แตขากลับมองไมเห็นความอยากเปนเจาของในสีหนาของเขาแมแตนอย
ดวงตาของเขา บุคลิกของเขา ทั้งหมดลวนคิดเพื่อประเทศชาติและประชาชน”
พูดถึงตรงนี้ ทานตูก็ยังไมรูวา ตนเองรูสึกเชนไร อยูในหมิงจูมานาน มีอํานาจอิทธิพล
และรูจักผูสูงศักดิ์ไมนอย แตวันนี้พอไดพบมอไป กลับทําใหนางนึกหวั่น รูสึกวาตนเองตัว
เล็กไปถนัดตา
คนผูนี้ไมเพียงเปลงรัศมีบารมีเชื้อพระวงศ ยังมีวิสัยทัศนกวางไกลอีกดวย ทําใหนาง
รูสึกกังวงมาก
“หมากตัวนี้เขาจะใชอยางไร? เพื่อปกปองประเทศ กลุมเยาวชนในสายตาเขาคือ
อะไร? ถาเปนประโยชนตอเขา เขายอมตองรักษาไว เชนการชวยขา ก็เพราะคํานึงถึง
สถานการณโดยรวม ไมยอมใหขุมกําลังที่เพิ่งเปนพันธมิตรถูกคนเถื่อนกลับมาปกครอง
อีกอยางงายดาย แตกลุมเยาวชนมีทานตูสักกี่คนกัน? หรือมีสักกี่คนที่เขารูสึกวาสามารถ
ใชงานไดจริงๆ บาง?”
“สําหรับขาแลว กลุมเยาวชนก็เหมือนบาน แตสําหรับเขาก็คือดาบที่ใชการได
ชั่วคราวเลมหนึ่งเทานั้น เขาสนใจแตความคมของมัน หากมีคนลังเลคิดสวามิภักดิ์คน
เถื่อน ขาจะเขาไปหยุดยั้งไมใหเกิดเรื่องเชนนี้ขึ้น แตเขากลับไม ขอเพียงมีเบาะแส เขา
ตองทําลายทิ้งทันที เขาไมมานั่งสนใจหรอกวาคนผูนี้เคยมีผลงานอะไรบางในกลุม
เยาวชน หรือมีบุญคุณกับขาตูเวยเวยหรือไม”
“สวนคนในกลุมที่มีนิสัยบุมบาม แข็งกราว อยางทานลุงฉี สําหรับทานอองแลว
ตองใชทุกวิธีไปกระตุนความหาวหาญของทาน แตจะไมไปกดดันทาน เพื่อใหคนของ
ทานอยูแนวหนาของสมรภูมิ และรบจนตัวตาย!”
พูดถึงตรงนี้ ตูเวยเวยก็รูสึกสะทอนใจ
“เรื่องลูสวินอี้ คนของจวนหมิงอองไปเมืองหลวง เจาคงรูแลว หูเปยวปรมาจารยผูมี
ฝมือโดดเดนคนหนึ่งไดเสียชีวิตลงจากการตอสูในครั้งนี้”
แววตานางจริงจัง มองพอบานดวยสีหนาซีดขาว
“นั่นขนาดเปนคนของจวนหมิงอองเอง แลวกลุมเยาวชนเราละ ใครมีความสามารถ
เชนหูเปยวหรือใกลเคียงหูเปยวบาง? คนเชนนั้นยังพลีชีพเชนนี้ เจาวาในสายตาทานออง
คนของกลุมเยาวชนเราใครสามารถไมตายบาง? ขอเพียงเปนประโยชนกับเขา ทุกคน
ลวนตายไดหมด!”
มอไปคงไมคาดคิดวา ตนเองในมุมมองของทานตูจะเปนเชนนี้
แตนี่จะวากระไรได ในเมื่อสิ่งที่เขาแสดงออกทําใหเขามีภาพลักษณเชนนี้ บาอํานาจ
รุนแรง ตอนนี้ยังมีเย็นชาเพิ่มขึ้นมาอีก ก็จริงที่วา คนเชนนี้เทานั้น จึงสามารถทําใหทุก
คนรูสึกวานากลัวและบาดีเดือด ทุกคนจึงหวาดกลัวและไมกลาลองดี
ตอน 248 ออกเดินทาง
พอบานมุมปากสั่นนอยๆ ครั้งนี้กระทั่งคําพูดปลอบใจเขาก็นึกไมออก ที่สุดจึงกม
ศีรษะ
“ทานอองทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน จึงมิใชคนเลวราย แมหลายปกอนเรา
ไมรูสถานะสูงสงของเขา แตผูคนนับไมถวนไมวายากดีมีจน ตางก็รอดชีวิตดวยน้ํามือเขา
ทําความดีขนาดนี้ เสแสรงไมไดแน สวนตอนนี้เขาก็ไมเหมือนคนเลวรายอะไร เชนคนมี
คุณธรรมอยางทาน ทานอองก็ยังใหความเคารพทุกครั้งและไมเคยดูหมิ่นแมแตนอย
ตอนที่ยังไมเผยสถานะ ก็เคยเสี่ยงอันตรายชวยทานโดยไมบอกวาเปนใคร คนที่ไมหวัง
ผลตอบแทนเชนนี้ ไมเหมือนคนไรความสามารถแนนอน!”
คําพูดนี้กลับทําใหตูเวยเวยเงียบไปพักใหญ นางรูสึกขัดแยง อาจเปนเพราะการ
ปรากฎตัวขึ้นของมอไปแปลกประหลาดเกิน นางยังไมคุนเคย แตก็ไมถึงกับแปลกหนา
ตอนเปดฉาก เขาเปนเพียงเด็กหนุมที่มีความอดทน แมเปนคนไมยอมใคร แตก็ไม
คอยเห็นความเฉียบขาด กลับดูออนโยน สงางาม รูกาลเทศะ ทําใหผูพบเห็นเกิดความ
เมตตา
เหมือนสิ่งที่อยูใกล แตกลับมองไมเห็น หลายปผานไป พบกันอีกครั้ง ไดยินชื่อเสียง
อีกครา ภาพลักษณของเขากลับเปลี่ยนไปมาก บาอํานาจ นากลัว บารมีลนฟา ซับซอน
ขึ้นกะทันหัน
ซึ่งผูรอบรูอ ยางตูเวยเวยยังยากหยั่งถึงนิสัยใจคอของเขา มีเพียงความหวาดกลัวที่
อยูในสวนลึกของจิตใจ และสุดทาย นางก็สายศีรษะ
“ชางเถอะ หวังวาจะเปนอยางที่เจาพูด แตถาไม...ขาก็ไมมีทางเลือก!”
พูดถึงตรงนี้ นางกลับไมเศราหมอง ใชดวงตาใสกระจางจองมองพอบาน แลวพูด
อยางจริงจัง
“แตไมวาจะอยางไร เราก็ตองปองกันไวกอน ขาจึงใหเจาคอยอยูขางกายทานออง”
พอบานหนังหนากระตุก ความกลัวปรากฏขึ้นในแววตา “ทานตู ขา...”
“เจาไมตองทําอะไร ขาใหเจาอยูขางกายเขา เขาก็ควรเขาใจความหมายของขา ใน
เมื่อชีวิตขายังมีประโยชน เขาก็ไมสามารถละเลยการมีอยูของขาไปได มีเจาอยูขางกาย
คอยดู อยางไรเขาก็ตองตั้งใจกับกลุมเยาวชนบาง ไมถึงกับทํารายขาเสียทีเดียว อีกทั้งขา
ไมเปนที่รูจักในเมืองหลวง การไปครั้งนี้จะโชคดีหรือโชคราย ก็ยังคาดเดาอะไรไมได เจา
จะอยูตอในกลุมเยาวชนยอมไมเหมาะสมแน ผูอาวุโสระดับสูงเหลานั้นตองไมอนุญาตให
เจาเปนหูเปนตาใหขาตอเด็ดขาด ดีไมดีอาจลงมือกับเจาอยางอํามหิต เจาอยูขางกาย
ทานอองยังปลอดภัยกวา ตัวทานอองไมเกิดเรื่อง ก็ยอมไมใหเรื่องเกิดกับเจาแน แต
สุดทายหากทานอองเกิดเรื่อง ไมวาเจาหรือขาก็ยอมมีจุดจบเชนเดียวกัน” ตูเวยเวยพูด
เสียงขรึม
ครั้งนี้พอบานเขาใจแลว ขยับริมฝปากคิดพูดจา แตพอเห็นดวงตาที่แนวแนทั้งสอง
ของทานตู ดวงตาของเขาก็แดงเล็กนอย ไดแตโคงตัวตอบรับ
“แตวา ทานไปเพียงลําพัง คนขางกายชวยจัดการเรื่องใหสักคนก็ไมมี เชนนี้จะดีได
อยางไร”
“ยังตองใชคนอีกหรือ?” ตูเวยเวยละสายตาจากพอบาน มองไปยังที่หางไกล
“หรือเจามองไมออกวา ขาไปเมืองหลวงอยางเดียวดายแตชื่อ ทวาความจริงแลวก็
เทากับประกาศใหทุกคนรูวา ขายอมจํานนใหจวนหมิงออง ขา...ยังตองการคนของ
ตัวเองไปเพื่ออะไร?”
ดวงตาพอบานแดงระเรื่อ เขาชัดเจนที่สุด ทานตูดูเหมือนออนโยนแบบอิสตรี แตใจ
เด็ดไมแพชายชาตรี คําพูดที่นุมนวลของนางเผยใหเห็นความปวดราวในใจที่ทําใหเขา
ยากรับได
ตูเวยเวยหันกาย เอยปากเสียงเบา “เรียกคนทั้งหมดมาที่นี่!”
“ขอรับ!” พอบานพยักหนา รูวากอนทานตูจากไปตองเรียกประชุมทุกคน จึงถาม
ขึ้นหนึ่งประโยค “รวมทั้ง...ผูที่พบปะคนเถื่อน ผูที่มีทาทีสวามิภักดิ์คนเถื่อน กระทั่งผูที่
สวามิภักดิ์คนเถื่อนแลวหรือไม”
ตูเวยเวยชะงักฝเทา สายศีรษะเล็กนอย ไมพูดจาอะไร
พอบานเขาใจ ทานตูไมมีเวลาจัดการพวกเขาแลว พอบานจึงมองแผนหลังทานตู
พลางวา “ขอรับ ขาจะจัดคนไปพาพวกเขามา!”
“ก็ดี เลี่ยงการโยงใยถึงผูอื่น”
ตูเวยเวยเงยนิ่งไปสักพัก คอยพูด “อยาแตะตองครอบครัวของพวกเขาเปนอัน
ขาด!”
พอบานตาคมกริบ ที่เขาจะพามาไมใชคน แตเปนชีวิตคน
“กอนไป ตองใหคนของกลุมเยาวชนจดจําใหขึ้นใจอีกครั้งวา ใครคือทานตู!”
ทานตูเปนคนเด็ดเดี่ยวไมกลัวตาย แข็งกราวไมแพชายชาตรี
อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดมองการณไกล กุมอํานาจมานานหลายป ประสบการณ ความรู
อีกยุทธวิธียอมไมแพใคร แผนการของหมิงอองครั้งนี้แฝงความนัย นางมองเห็นอยาง
ทะลุปรุโปรง มิไดเชื่ออยางบริสุทธิ์ใจวาหมิงอองใหความเคารพจึงเชิญไปอุทศิ ตนเพื่อรับ
ใชองคพระสัมมาสัมพุทธเจาแตอยางใด
นางเขาใจดี ที่ใหนางเห็นดวยกับการไปเมืองหลวงในครั้งนีห้ มายความวาอะไร แต
นางก็ยังคงเห็นดวย
ไมมีทางเลือก ปฐพีอันกวางใหญ นอกจากหมิงอองแลว ไมมีที่ทางสําหรับนางอีก
เดิมที ตามแนวคิดสวนตัวนั้น นางไมมีทางเดินบนเสนทางที่หมิงอองจัดใหเปนอัน
ขาด อยางเรื่องของเสี่ยวเตา ยังไมตองพูดถึงเรื่องแกแคนหรือไม อยางนอยนางก็ไม
ยอมรับน้ําใจมอไปแน
แมเสี่ยวเตาทําไมดีกับคนทั้งโลก แตกับนางแนนอนวามีทั้งความดีและความรัก นาง
ไมสามารถลืมความรูสึกเกาๆ เหลานั้นได
แตสุดทาย นางก็เห็นดวย ดังนั้นหลายครั้ง เมื่อคนเราไปถึงจุดหนึ่ง จะไมมีทางเปน
ตัวของตัวเองจริงๆ หรอก เรื่องราวหลายอยาง ปญหามิไดอยูที่วาอยากทําหรือไมอยาก
ทํา มีเพียงคิดวาควรทําหรือไมควรทํา
มอไปไมรวู าทานตูเศราเสียใจและมองเขาอยางไร หรือแมรู ก็ยังคงพูดคําเดิม เรื่อง
ที่ควรทําก็ตองทํา
และอยางที่เขาพูด ตองเปนเรื่องที่ทําแลวไมละอายใจ
สภาวะเชนนี้ของทานตู นอกจากจัดใหเปนเชนนี้แลว เขายังจะทําอะไรไดอีก?
หรือใหนั่งดูนางถูกคนเถื่อนสังหาร จึงจะเปนวีรบุรุษอยางแทจริง?
ใหนางอยูข างกายตนโดยไมมีเจตนาราย พยายามปกปองคุมครองนาง เชนนี้จะไม
กลายเปนวีรบุรุษผูยิ่งใหญไดอยางไร?
อยางไรก็ตาม การยอมจํานนของทานตู นับวาทําใหสถานะของเขาในหมิงจูขยับ
ขยายขึ้น ตอนนี้กองกําลังของเขายังไมแข็งแกรงพอ โดยเรื่องหลินซูอินไปหมิงจู เขาตอง
ดําเนินการกอนเวลาอันควร ทั้งๆ ที่ยังเตรียมการไดไมพรอม ดังนั้นสถานการณจึงตึง
เครียดมาก
อยางนอยเขายังไมสามารถตอสูกับอาวุธที่รุนแรงและทรงประสิทธิภาพของ
กองทัพฉีในสนามรบได เดิมทีควรตองรอ รอ แลวก็รอ...
ชั่วพริบตา ก็ไดเวลาหลังเที่ยง
จากการที่ทานตูขอตัวกลับไปประเดี๋ยว กลุมคนที่รอเดินทางหลังเที่ยง จึงตองรอไป
จนถึงเย็น
บอกตามตรง ตกกลางคืน แมเปนมอไปเองก็ยังไมมั่นใจวาจะออกจากหมิงจูไดอยาง
ปลอดภัย
นักพรตเคยเตือนมอไปแลววา ปฏิบัติการจูโจมเมื่อคืนของเขา ทําใหการขาวในหมิง
จูเขมขนขึ้น ไมจําเปนตองพูดก็รูวาคนเถื่อนตองตื่นตระหนกอีกครั้งและพยายามอยางถึง
ที่สุดในการพลิกทุกซอกทุกมุมของหมิงจูเพื่อตามหาเบาะแสทั้งหมดของจวนหมิงออง
ถาใหพระชายาออกจากหมิงจูในตอนนี้ คิดหลบหลีกหูตาสัปปะรดที่มีอยูเต็มถนน
และออกจากเมืองอยางปลอดภัยนั้นเปนไปไดยากยิ่ง
ความหมายของเขาก็คือใหรอไปกอน รอจนการขาวลดความเขมขนลงแลวคอยออก
เดินทาง
คําแนะนํานี้เดิมทีมิไดมาจากความหวงใยที่นักพรตมีตอพระชายาอยางเดียว ความ
จริงแลวเขามีเหตุผลสวนตัวดวย คืออยากใหศิษยในสํานักมีเวลาแสดงปฏิกิริยา
วันนี้เชา ทาทางของหมิงอองทําใหเขารูสึกวา การคุมครองพระชายาในครั้งนี้หาม
เกิดความผิดพลาดเปนอันขาด ศิษยในสํานักตองจัดการวางแผนใหม การเพิ่มคนเปนสิ่ง
ที่ตองทํา ขาวการหลั่งโลหิตของปรมาจารยสามทานในการเดินทางของลูสวินอี้ ไฉนจะ
ไมทําใหอาจารยในสํานักอกสั่นขวัญแขวน?
แตถึงวางแผนอยางไร พวกเขายินดีรับมือรึ? แมรับมือได แตจะรับประกันไดอยางไร
วาพวกเขาจะทําไดอยางหูเปยว คุมครองความปลอดภัยใหพระชายาชนิดสูตายไมยอม
ถอย?
นักพรตมิไดสงสัย แตเกือบจะเชื่อมั่นวา ศิษยในสํานักไมมีใครยอมรับเผือกรอนชิ้นนี้
แน
แตถึงเวลานี้แลว จะปฏิเสธงาน บอกวาไมทําแลว ก็ไมไดอีก
อีกอยาง สํานักไทเสวียน เปนฝายเสนอตัวยอมจํานนเสียเอง ดีมาก ตอนนี้หมิงออง
จัดหนาที่ใหทําครั้งแรก พอเห็นวายากลําบากก็บอกวาไมทําแลว นี่...มิใชกําลังลอเลน
กับหมิงอองรึ?
ดังนั้นนักพรตจึงอยากประวิงเวลา เผื่อใหศิษยในสํานักแสดงปฏิกิริยา
แตสุดทายกลับถูกมอไปปฏิเสธ
หากเปนเชนนี้ นอกจากเจาสํานักจะลงเขามาควบคุมสถานการณดวยตนเองแลว ก็
ไมมีวิธีอื่นอีก สํานักไทเสวียนไมมีโอกาสกลับลํา ถือวาไดตีตราประทับของหมิงอองแลว
การที่ศิษยในสํานักทุกคนลงจากเขามาปฏิบัติภารกิจใหหมิงออง หรือยังจะอธิบาย
ไดอีกวา นี่เปนเพียงเรื่องสวนตัวของศิษยบางคนที่ยอมจํานนใหหมิงอองเทานั้น
ทวานอกจากเหตุผลสวนตัวของนักพรตแลว คําพูดของเขาก็นับวามีเหตุผลอยู
ตอนนี้ฝายขาวกําลังจับตามองทุกฝเกา การรีบรอนเคลื่อนไหวจึงมีความเสี่ยงสูง
แตก็ใชวามอไปคิดบีบสํานักไทเสวียนอยางเดียว จริงๆ แลวความคิดในการ
ดําเนินการตรงกันขามของเขาเปนเพราะเสนทางที่ลูสวินอี้ใชเดินทางออกจากหมิงจู ถูก
คนเถื่อนเฝาดูอยูอยางเขมงวด ถาไมออกเคลื่อนไหวเมื่อคืนลอใหคนเถื่อนยายกําลังเขา
มาในเมือง กลับยิ่งอันตรายกวา
แตตอนนี้มีทานตูเขามาชวยอีกแรง และนางเดินทางเองได ระหวางออกนอกเมือง
จึงหายหวง
กลุมเยาวชนซอกแซกในหมิงจูมานาน เรื่องเชนนี้มอไปสูพวกเขาไมได นี่ก็เปนอีก
จุดประสงคหนึ่งที่มอไปตองการความชวยเหลืออยางเต็มที่จากกลุมเยาวชน
ยามเย็นมาถึง พระอาทิตยสาดแสงในแนวเฉียง
มอไปมิไดเขาไปในหองของหลินซูอินอีก อาจิ่วใชไมค้ํายันชวยเดินเขามารายงานวา
วันนี้ทั้งวันพระชายามิไดรับประทานอาหาร
มอไปผงกศีรษะ ไมพูดมากความ “ไดเวลาแลว ไปกันเถอะ”
อาจิ่ววางไมค้ํายันลง คอยๆ คุกเขา โขกศีรษะใหมอไป
มอไปมิไดหามปราม เพียงพูดออกมาวา “หามประมาทในทุกๆ เรื่อง ตองระวังแลว
ระวังอีก!”
การกลาวคําอําลาลวนทําใหเศราโศก โดยเฉพาะคูสามีภรรยาที่เพิ่งแตงงานกัน
แตในจวนหลังนี้ การจากลากลับเย็นชายิ่ง
หลินซูอินใชผาขาวปดบังใบหนา ไมมีความผิดปกติในทาทีแตอยางใด คลายที่ผาน
มาไมเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางแลดูสงบนิ่งกวาตอนเขาจวนมาใหมๆ ดวยซ้ํา
ไมมีใครรูว านางกําลังหลุบตาต่ําหรือกําลังมองดูใครอยู
มอไปหลบสายตาตามสัญชาติญาณ แตพอเห็นนักพรตกับกลุมผูคุมกันยืนอยูขางๆ
นาง เขาก็เดินเขาไป
ทามกลางแสงอาทิตยอัศดง สายลมออนๆ ตองใบหนา แววตาเขาวูบไหว ยื่นมือ
ออกจับมือหลินซูอนิ
หลินซูอินยืนนิ่งอยูต รงนั้นโดยไมขัดขืน
แตที่สุดแลวมอไปกลับมิไดกลาววาจาใดๆ กับนาง หันกายบอกนักพรต “ไปเถิด!”
“ขอรับ” นักพรตโคงตัว
ระยะทางชวงแรกเขาตองไปสงดวยตนเองกอน พอสงตอใหศิษยในสํานักแลวเขา
คอยกลับมา
กอนจากกัน หลินซูอินคลายเงยหนามองมอไปอยางลึกซึ้งครั้งหนึ่ง แลวจึงหันกาย
ขึ้นรถมา
“นอมสงพระชายา...” คนในจวนหมิงอองที่ยืนอยูหลังมอไปโคงกายประสานมือ
คารวะ
หลินซูอินมิไดหันกลับ เดินตรงขึ้นรถมาไป
อาจิ่วหันกลับมามองมอไปอกี ครั้ง มอไปพยักหนา อาจิ่วจึงหันกลับ เขานั่งหนารถ
มา
รถมาคอยๆ วิ่งจากไป มอไปถอนหายใจเบาๆ
มองดูความมืดที่คอยๆ คลืบคลานมา ในที่สุดก็ทะยานรางขึ้น
กลุมคนในจวนหมิงอองเพียงรูสึกวารางของเขาคอยๆ จางลง กลายเปนเงารางสาย
หนึ่ง พลิ้วไปตามทางที่รถมาวิ่งไป
ตอน 249 จอมยุทธเหมย
ลึกๆ แลวมอไปยังไมวางใจ จึงตามดูอยูในความมืด กลัววาจะเกิดเหตุไมคาดคิด
เพราะสถานะของหลินซูอินและทานตูแตกตางจากลูสวินอี้และพรรคพวกมาก
เพื่อไลลาพวกนางแลว คนเถื่อนตองจัดหนักแน ทําใหมอไปไมกลาผอนคลาย
ในตอนนี้
ขณะซอนตัวอยูในความมืดและหนทางยังราบรืน่ เขาพลิ้วกายตามรถมา มาจนถึง
ทาเรือ
เมื่อเห็นเรือเดินสมุทรขนาดกลางจอดรออยูอยางเงียบๆ พรอมทานตูที่ยืนตอนรับ
หลินซูอินอยูบนหัวเรือ เขาก็รูสึกแปลกใจยิ่ง
บนทาเรือ มีดวงไฟขนาดใหญของทหารเถื่อนคอยกวาดไปมาสอดสองคนเขาเมือง
อยู
ตอนนี้ดวงไฟสวางจา ทานตูกระโดดลงมาที่ทาเรือ นางสวมชุดสีขาว ไมปดบังโฉม
หนา คลายไมกังวลสักนิดวาใบหนาของตนจะถูกแสงไฟสาดสองใหทหารเถื่อนเห็น และ
นํามาซึ่งการรั่วไหลของเบาะแส
นางไมมีอาการลุกลี้ลุกลนรีบขึ้นเรือแมแตนอย ยืนโตงๆ ภายใตแสงไฟดวงใหญ
เหมือนเปนเจาของที่อยางไรอยางนั้น นางทําความเคารพหลินซูอินที่ลงจากรถมา และ
เดินขึ้นเรือไปดวยกัน
มอไปที่เรนกายอยูในความมืด เห็นทั้งสองคอยๆ เดินกันไปอยางสงบ จึงมิไดออกไป
เรงเรา
สุดทาย ทุกคนลวนไดขึ้นเรือโดยดุสดี!
เสียงคลายเสียงหวูดเรือดังแหวกความเงียบอันมืดมิด แลวใบเรือก็คอยๆ ถูกชักขึ้น
กอนที่คนทั้งหมดจะเขาหองโดยสาร มอไปไมเห็นหลินซูอินหันมองกลับมาเลยสัก
นิด ในใจรูสึกวูบไหว จึงไดแตเงียบไป
เรือออกจากฝงไปไกลแลว แตผูที่เรนกายอยูในความมืดอยางมอไปยังไมจากไป
กระทั่งแนใจแลววารอบดานไมมีความผิดปกติใดๆ จิตใจที่ตึงเครียดจึงผอนคลายลง
และอดไมไดที่จะเศราเสียใจ
“มังกรแกรงไมเปนอริกับงูเจาถิ่น ผลที่สุดก็ไมควรดูแคลนกลุมเยาวชนที่อยูในหมิงจู
มานานและรูชองทางหลบหนีเปนอยางดี!”
เห็นไดชัดวา เสนทางในวันนี้ มิใชเสนทางที่คนในจวนหมิงอองเคยใช
ตอนนี้เวลานี้ เขาตองยอมรับวา ในเมืองหมิงจู หากเปนเรื่องกึ๋นแลวละก็ ไมวาคน
เถื่อนหรือเขามอไป เมื่ออยูตอหนาทานตูแหงกลุมเยาวชน ลวนตองยอมรับนับถือจากใจ
จริง
เหนือความคาดหมายของเขาอยางสิ้นเชิง คิดไมถึงจริงๆ วาสถานการณในตอนนี้
ทานตูยังสามารถหนีไปไดอยางสบายๆ ไมมีอาการเรงรีบแตอยางใด ประหนึ่งออก
ทองเที่ยวธรรมดาก็ไมปาน
ความมั่นใจและอํานาจอันยิ่งใหญ ทําใหคนรูสึกไดอยางแทจริง โดยเฉพาะมอไป อด
ไมไดที่จะรูสึกทึ่งในตัวหญิงสาวผูนี้อีกครั้ง
ถาไมมีทานตู เขายอมมีวิธีสงหลินซูอินไปเมืองหลวง แตเปนไปไดอยางยิ่งวาตอง
เปนเสนทางที่แปดเปอนโลหิตอีก เขายอมรับวา ไมมีทางทําอะไรสบายๆ ไดอยางทานตู
แน
กอนจากไป เขาโคจรพลังปราณที่สายตาเพื่อใชมองทะลุผานความมืดไปยังเรือเดิน
ทะเล และเห็นเปนลางๆ วาทานตูยืนรับลมทะเลอยูทายเรือ
เรือไปไกลมาก ซึ่งมอไปไมสามารถเห็นลักษณะทาทางที่ชัดเจนของนาง เพียงเห็น
เสื้อผาและเสนผมที่ปลิวไสวตามแรงลม
นางสงบนิ่งมาก ยืนมือไพลหลังไมขยับ มองดูผืนแผนดินที่คอยๆ หางออกไป รางที่
เตรียมจากไปของมอไปพลันชะงัก คลายถูกทองฟาคั่นกลางขณะสบตากับทานตู
สุดทาย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
ทานตู...หญิงสาวที่แข็งแกรงไมแพบุรษุ ที่สุดแลวก็ทิ้งภาพสีที่ยากซีดจางไวในใจของ
เขา
เดิมทีเขาทั้งสองไมสนิทกัน การติดตอไปมาหาสูยิ่งไมตองพูดถึง
แตหญิงสาวกลับใหภาพประทับใจที่ลึกซึ้งกับมอไปมาก มิใชความสัมพันธระหวาง
หนุมสาว เพียงแตคนเชนนางเพียงพอใหมอไปจดจําไวมิรูลืม
ทามกลางโลกอันแสนสับสนวุนวาย ทานตูอาจไมนับเปนวีรสตรี แตมอไปรูสึกวา
ประวัติศาสตรควรจารึกถึงมุกเม็ดงามเม็ดนี้...หมิงจู! (แปลวามุกเม็ดงาม)
ไมผิด นี่เปนความคิดเห็นที่มอไปมีตอนาง มุกเม็ดงามแหงหมิงจู!
นางมิไดมีกายเปนบุรุษก็จริง แตลักษณะนิสัย ความรูความสามารถ จิตวิญญาณ
ทาทาง วิธีการ เพียงพอที่จะทําใหบุรุษในใตหลาเหงื่อตก
“รักษาตัวดวย”
มอไปประสานมือใหกับความมืด แลวจึงหันกาย เงารางรางเลือน กอนเลือนหายไป
ในมานวิกาล
เสนทางที่กาวเดิน มีผูคนมากมายที่ทําใหจดจํา แตเขาเพียงหลงเหลืออนาคตไว เพื่อ
หวนนึกและพูดถึงคนและเรื่องที่นาทึ่งในปนั้นๆ
เปรี้ยง เปรี้ยง ปง ปง!
ดึกขนาดนี้แลว ระหวางทางกลับบาน มอไปพลันไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวชุดหนึ่ง
ทําใหรางที่พลิ้วดุจสายลมพลันหยุดนิ่ง ดวงตาคมวาวขึ้นในพริบตา หันกายจองมองไกล
แตพอหันกลับจากการมองไปยังทิศของเสียง แววตาก็ชะงักคาง
ที่ที่หางจากเขาไมไกล เปนเขตที่อยูอาศัยของผูมีอันจะกิน แตละบานตางจุดโคมไฟ
ตามดวยเสียง เปรี้ยงปรางดังสนั่นหวั่นไหวแหวกทองฟายามค่ําคืนไมหยุด
ความคมวาวในดวงตาของมอไปคอยๆ จางหายไปพรอมกับเสียงที่ทําใหคนหมิงจู
หวาดผวา
เขาไมไดเขาใกล แตกลับฟงออกวานั่นมิใชเสียงปน แตเปนเสียงประทัด
เสียงประทัดที่ดังขึ้นกลางดึก!
ฟงเสียงประทัดแลวมองดูบานนอยที่แขวนหอยโคมแดงจนใจลอย กอนคอยๆ เรียก
สติกลับคืน
“ใกลปใหมแลวหรือ!” มอไปหยุดชะงัก มุมปากพึมพําเสียงเบา
พักนี้เขาใชชีวิตอยางเครงเครียดและเรงรีบ หันมองอีกที กลับลืมไปวาที่แทวันนี้เปน
วันกอนวันตรุษจีน
ฉะนั้นวันสงทายปเกาซึ่งเปนวันที่คนในครอบครัวไดมาอยูพรอมหนากันก็เหลืออีก
ไมถึงหนึ่งอาทิตย
แหงนหนามองทองฟา แลวหันมองเมืองหมิงจูทมี่ ืดมิดและเงียบเหงา
ปนี้...ปนี้.....ในที่สุดก็ผานไป
วันเวลาที่ซอนตัวอยูนานหาป ที่สุดแลวก็สิ้นสุดลง
ปนี้ สําหรับผูคนที่มีชีวิตอยูบนผืนแผนดินนี้ ลวนยากลืมเลือน
แตบางคน ปนี้ กลับมีชีวิตที่นับวาดีไมนอย
เชนศิษยสํานักเตาหนึ่งรอยแปดแหง
ไมวาโลกจะวุนวายเพียงใด พวกเขาก็ยังคงนั่งโดดๆ อยูบนเขา มองเมฆลอยละลอง
ไปมา
เกิดสงครามไปทั่ว แตสิ่งที่พวกเขาของเกี่ยวกลับมิใชอาวุธ โลหิต และการตอสูที่
โหดราย แตเปนการรําลึกถึงองคเซิ่งอูผ ูทําสงครามอยางเกรียงไกรในอดีตเมื่อหลายรอย
ปที่แลว
ไมผิด โลกวุนวายเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ถึงเวลาแลวที่พวกเขาจะมีชีวิตราบเรียบอีก
ครา เดิมทีพวกเขารุงโรจนชชั วาลมาก แมตอนนี้ไมคึกคักเชนเดิม แตก็ใชใจเผชิญความ
ยากลําบาก เตนรําอยูในโลกอันวุนวาย อธิษฐานใหความรุงโรจนคงอยูตลอดกาล
พวกเขาไมเสี่ยงอันตราย ไมคิดแปดเปอนโลหิต ซึ่งปนี้นับวาราบรื่นสมใจ ใครจะ
เปนผูควบคุมสังคมก็แลวแต พวกเขายังคงสูงสงไดยิ่งๆ ขึ้น มองดูเดือนยามฤดูใบไมผลิ
ฟงเสียงสายลมยามฤดูใบไมรวง
เพียงแต...
เมืองจูเจียงมีภูเขาสลับซับซอนและมีแมน้ําอยูเคียงกัน ที่ตั้งและภูมิประเทศ
สําหรับตาเซี่ยแลว อยูในสวนกลางของแผนที่ ที่นี่มีดินและน้ําอุดมสมบูรณ ถูกจัดใหเปน
ศูนยกลางผลิตผลทางการเกษตรในอนาคต
ภูเขาที่มีชื่อเสียงมากสุดของเมืองจูเจียงคือเขาเซิ่งซาน หรืออีกชื่อหนึ่งคือเขาซางชิง
ที่คุนเคยกันดี ซึ่งมีตํานานเลาขานเกี่ยวกับเทพเซียนโบราณมากมาย เปนสถานที่บําเพ็ญ
เพียรของนักพรตแหงเขาซางชิง
ภูเขาแหงนี้พูดแลวไมธรรมดา ตั้งอยูบนที่สูงชัน หรืออาจสูงสุดดวยซ้ํา สูงจน
สามารถมองเห็นกอนเมฆลอยอยูรอบตัว เปนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คลายมีกลิ่นอายเทพ
เซียนสถิตอยูจริงๆ
แตแทจริงแลวนักพรตแหงเขาซางชิงเคยบําเพ็ญเพียรอยูที่นี่หรือไม กลับยากที่จะ
วินิจฉัยวาจริงเท็จอยางไร ซึ่งตอนนี้ภูเขาเซียนลูกนี้เปนของใคร มีเพียงฟาดินเทานั้นที่รู
ไมผิด ในบรรดาสํานักเตารอยแปดสํานัก สี่ขุนเขามีชื่อเสียงโดงดัง รุงโรจน และ
ยิ่งใหญสดุ ซึ่งเขาซางชิงก็เปนหนึ่งในนี้
เพียงแต...แมมีชื่อเสียงจากนักพรตชื่อดัง ที่นี่ก็ยังคงเปนที่อยูอาศัยของมนุษยเดิน
ดิน มิใชเซียน และมนุษยก็มักมีเรื่องไมคาดคิด
อยางปนี้ ศิษยเขาซางชิงเดิมมีชีวิตที่ดีพอสมควร โลกวุนวายสําหรับพวกเขาแลวไม
มีอะไรนากลัว แตใครจะคาดคิดเลาวา นี่ก็ใกลถึงเทศกาลปลายปแลว แตพวกเขากลับ
เงียบสงบไมลงจากเขา
การประชุมในสํานักเตามีขึ้นไมบอยนัก ลาสุดเปดประชุมไปเมื่อคืน ซึ่งมีคนเดิน
เขาๆ ออกๆ ไมหยุด
เหตุการณนี้ทําใหศิษยบางคนตกตะลึง ตองทราบวาผูที่เดินเขาออกมิใชบุคคล
ธรรมดา จํานวนหนึ่งเปนผูมากความสามารถของสํานักเตาที่หาตัวจับยาก ซึ่งปกติแลว
จะอยูในปาลึก ไมคอยปรากฏตัวใหเห็น
แตสองวันมานี้ศิษยในสํานักเห็นหนาคาตาพวกเขาบอยขึ้น โดยแตละครั้งจะเห็น
พวกเขารวมตัวกันประชุมอยางเปนทางการ บรรยากาศเชนนี้ทําใหศิษยในสํานักรูสึกตึง
เครียดขึ้นอยางไมมปี ไมมีขลุย
วันนี้หลายคนรูสึกหวั่นใจ เปนหวงวาจะเกิดเรื่องกับศิษยพี่เหมย
การปรากฏตัวของหมิงอองและการเสียชีวิตลงของปรมาจารยหลายทาน แมสํานัก
เตาไมตั้งใจใหเปนขาว แตเรื่องใหญเชนนี้อยางไรก็ไมสามารถปกปดได ที่ไหนมีคนที่นั่น
ยอมมีขาวลือ ไมสามารถปดชองตามประตูหนาตางไดหมดตลอดกาล
สองวันมานี้การมารวมตัวประชุมกันของบุคคลระดับสูง ทําใหขุนเขาเลื่องชื่อแหงนี้
ไมสงบเหมือนวันกอนอีกตอไป แมผูอาวุโสทั้งหลายพยายามหามปรามไมใหเลาลือกัน
ภายใน ใหพูดแต ‘ความจริง’ ทวาขนาดเหลาผูอาวุโสเองก็ยังยากสงบจิตสงบใจ แลวจะ
ใหเหลาศิษยไมหวั่นใจอยางไรไหว
“ถึงตอนนี้แลวจื้อเฟงก็ยังไมกลับมา ไปฉางชิงโอหังเชนนี้ คิดวาตองมีแผนในใจแน
ศิษยในสํานักตางก็รูสึกหวั่นใจ และสวนมากหวาดหวั่น พวกเขาจึงคิดวาตองรีบสรุปผล
การประชุมดวน เพราะยิ่งนานวันชีวิตของจื้อเฟงก็ยิ่งนาเปนหวง!”
เขาซางชิงมีสานุศิษยมากมาย เฉพาะที่เปนศิษยผานพิธีรับเขาสํานักจริงๆ ไมรวมคน
รอบขางก็มีหลายรอยคนแลว กลุมใหญเชนนี้ยอมตองแบงงานกันทําเปนกลุมยอยๆ
ผูพูดเมื่อครูคือรองเจาสํานัก นักพรตชงหลิง ซึง่ มีสีหนาเครงเครียด แววตาเต็มไป
ดวยความวิตกกังวล
แมเปนรองเจาสํานัก แตความจริงแลวในเขาซางชิง ผูที่มีตําแหนงสูงสุดมีเพียงหนึ่ง
เดียว นั่นคือจอมยุทธเหมย และจอมยุทธเหมยยังมีทายาทอีก ดังนั้นตําแหนงของเขาใน
เขาซางชิงจึงดูประดักประเดิดอยูบาง มีตําแหนงแตอํานาจกลับมีไมมาก
เขามีหนาที่จัดการเรื่องทั่วไปในเขาซางชิงแทนจอมยุทธ เพื่อใหจอมยุทธไดบําเพ็ญ
เพียรโดยไมถูกรบกวน แตหนาที่นี้กลับมีความรับผิดชอบไมนอย ตอนนี้พอไดขาวจากชง
เสวียน เขาก็นั่งไมติด แตก็ไมกลาพูดใหชัดเจน เพราะตองรักษาอํานาจบารมีใหจอมยุทธ
และปกปองไมใหเหมยจื้อเฟงไดรับอันตราย
เมื่อตองอยูตอหนาผูอาวุโสของสํานัก เขาก็รูสึกกระอักกระอวน จึงไดแตขอ
ความเห็นจากทุกทาน
และแลวตอนนี้ผูคนที่นั่งอยูใ นที่ประชุมตางก็มีสีหนาไมสูดี เห็นความหวาดกลัวใน
แววตาที่ปดไมมิด
ผูมีลักษณะคลายเทพเซียนทานหนึ่งพูดขึ้น
“ไปฉางชิงนั่นอาจารยทานใดเปนผูถายทอดวิชาให? เขามีฝมือจริงรึ ตองตรวจสอบ
ใหชัดเจน จริงเท็จแคไหนทีศ่ ิษยนองหลิวถูกเขาฟาดตายในหนึ่งฝามือ?”
คําพูดนี้มิไดถูกยกขึ้นมาถกกันแคครั้งเดียว ชงหลิงพูดไมออก ไดแตพยักหนา
“เรื่องนี้...ไดรับการยืนยันแตแรกแลว”
ตอน 250 รบ
จวนหมิงออง
ชงเสวียนมาถึงแตเชา
และมิตองยืนรอนานที่หนาประตู ถูกเชิญใหเขาไปนั่งในหองรับแขกอยางรวดเร็ว ซึ่ง
ทําใหความกระวนกระวายใจที่มีอยูแตเดิมสงบนิ่งลง เขากลอกตาเล็กนอย คิดในใจ
“ทานจอมยุทธไมนาผิดพลาด ดูแลวหมิงอองมิไดบําเพ็ญเพียรถึงขั้นจอมยุทธจริง
เปนเพียงการแสดงเพื่อขมขวัญเทานั้น”
คิดถึงตรงนี้ เขาก็รูสึกสบายใจขึ้น พอไดยินเสียงฝเทาดังเขามา จึงวางถวยน้ําชาลง
แลวเงยหนามอง
ผูมาเปนลูสวินอี้ตามคาด
เขารีบลุกขึ้นยืน กวาดตามองลูสวินอี้อยางรวดเร็ว และเห็นวาลูสวินอี้ในตอนนี้ ตาง
จากวันนั้นอยางสิ้นเชิง มิไดสวมเสื้อผาโชกโลหิต ผมเผามัดเรียบรอย มิไดดูกระหาย
โลหิตเชนวันนั้นอีก แตกลับดูออนโยนและสงางาม ที่สําคัญเมื่อดูสีหนาลูสวินอี้ เขาก็รูสึก
แปลกใจเล็กนอย
เพิ่งผานไปแควันสองวัน ลูสวินอี้ที่บาดเจ็บสาหัสในวันนั้น มีสีหนาดูดีขึ้นผิดหูผิดตา
มาก ชงเสวียนคิดในใจวูบหนึ่ง
‘หากไมมีหมอเทวดาฝมือดีจัดยารักษาอาการบาดเจ็บใหละก็ ไมมีทางฟนฟูไดเร็ว
ขนาดนี้แน!’
แตตอนนี้เขามิไดมาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ทวาเมื่อเห็นลูสวินอี้มีสีหนาสงบเสงี่ยม มิได
เปลี่ยนทาทีเมื่อเห็นเขา เพียงเหลือบมอง แลวเดินไปนั่งอยางเงียบๆ ชงเสวียนซึ่งอยูใน
เมืองหลวงมานานและมีทักษะการเจรจาสูง กลับยังคงรอยยิ้มบนใบหนาไว ไมถือโทษ
โกรธลูสวินอี้ที่ไรมารยาท เพียงยกมือขึ้นคารวะเหมือนเพื่อนเกาที่ไมไดเจอกันมานาน
กอนพูดขึ้นอยางอารมณดี
“ทานลู ผูเฒามารบกวนอีกแลว หวังวาคงไมทําใหเสียเวลาในการบําเพ็ญเพียรของ
ทาน”
ลูสวินอี้มิไดขึ้นไปนั่งในตําแหนงเจาบาน นี่คือจวนหมิงออง ตําแหนงเจาบานมี
เพียงหมิงอองเทานั้นที่นั่งได เขาเดินมายืนหนาที่นั่งตรงขามชงเสวียน สีหนาเรียบนิ่ง
ขณะมองชงเสวียน สายตาเย็นชา เห็นไดวามิไดมีทาทียินดีแตอยางใด ทวาอยางไรก็เปน
แขกผูมาเยือน เขาจึงคอยๆ ยกมือคารวะตอบ กอนถามออกมาตรงๆ
“ทานนักพรตมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง หรือวายังมีเรื่องอะไรที่อยากชี้แนะเพิ่มเติม?”
“มิกลา!”
คําพูดกระแนะกระแหนมิไดทําใหสีหนาชงเสวียนเปลี่ยน กลับเพิ่มรอยยิ้มใจดีบน
ใบหนาขึ้นอีก มองออกวา ครั้งนี้เขามิไดมีเจตนามาเปนศัตรูกับจวนหมิงออง
ถูกตอง หากคิดเปนศัตรู ก็ไมจําเปนตองมา
เขายกมือคารวะอีกครั้งพรอมใบหนายิ้มแยม พลางพูดตามมารยาท
“ทานลูบําเพ็ญเพียรในขั้นสูง และยังทํางานในจวนอองอีก ผูเฒาไหนเลยจะกลา
สามหาวตอหนาทาน”
“ทานนักพรตลอขาเลนแลว!” ไดยินเชนนี้ ลูสวินอี้ก็ยิ่งเพิ่มความเย็นชาบนใบหนา
มองเขาพลางวา “ตอหนาทานนักพรต ผูแซลูไหนเลยจะกลาพูดเรื่องระดับการบําเพ็ญ
เพียร ใครจะไมรูบางวาสํานักของทานเปนสํานักเตาชั้นแนวหนา มีศิษยผูมีวิชาเตาไร
ขีดจํากัดมากมาย กระทั่งสุมสี่สุมหาสงมาสักคนหนึ่ง เพียงยกฝามือขึ้นก็สามารถทําใหผู
แซลูบาดเจ็บปางตายแลว”
“มิกลาๆ...” ชงเสวียนยกริมฝปากขึ้นเล็กนอย ยืนอยูที่เดิม ไมรูวาควรพูดตาม
มารยาทอยางไรตอดี ขืนพูดหัวขอนี้ตอ เรื่องของอาจารยหลี่ตองถูกหยิบยกขึ้นมาแน
บรรยากาศเริ่มเครียด
“หากทานนักพรตมาเพื่อตักเตือนผูแซลูถึงความยิ่งใหญเกรียงไกรของสํานักทาน
แลวละก็ ขอทานจงวางใจ ผูแซลูรูอยูแ กใจแตแรกแลว ทานนักพรตไมจําเปนตองมา
เฉพาะเจาะจงอีกรอบ”
ลูสวินอี้มิไดนั่งเชนกัน ยืนมือไพลหลังหันกายมองไปดานนอก
“ขออภัยทาน ผูแซลูมีอาการบาดเจ็บอยู ขอตัว!”
พูดจบก็ยกเทากาวเดิน
อีกแลว พูดแคสองสามคําก็ไล ทวาครั้งนี้ชงเสวียนมิไดจากไปเหมือนครั้งกอน
เพราะครั้งกอนยังไมมีขอมูลในใจ ครั้งนี้ไดความรูจากทานจอมยุทธ เขายอมตองทํา
ภารกิจใหสําเร็จกอนคอยไป
“เขาใจผิดแลวๆ...” ชงเสวียนรีบยกมือขึ้นปรามใหลูสวินอี้อยูตอ
ลูสวินอี้ชะงักเทา กอนพูดวา “ถูกแลว เกรงวาตองบอกทานนักพรตอีกอยาง ผูแซลู
ไมมีความสามารถก็จริง แตในจวนหมิงอองอยางไรก็ยังมีผูที่ใชงานไดอยู สํานักทาน
ยิ่งใหญคบั ฟาก็จริง แตจวนหมิงอองก็ไมปลอยใหถูกลบหลูไดงายๆ เชนตอนนี้ ตอหนา
ดวงวิญญาณของศิษยนองขา ยังคงมีศีรษะหนึ่งศีรษะวางอยู”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็หันมองสีหนาที่นิ่งคางของชงเสวียน ตาทอประกาย “ทาน
นักพรตยังจําไดไหม?”
เงียบ
ชงเสวียนปรารถนาบรรยากาศอบอุน แตสุดทายกลับเปนไปไดยากแลว
แนนอน เขาควรนึกถึงเรื่องที่เขาซางชิงเคยลงมือหลายตอหลายครั้งกับจวนหมิงออง
สองวันกอนยังทําใหคนในจวนเสียชีวิตไปหนึ่ง มีหรือที่จวนหมิงอองจะทําเหมือนไมมี
อะไรเกิดขึ้นแลวยิ้มตอนรับเขา?
ตระกูลอื่นอาจทําได แตที่นี่ เกรงวาไมได
ชงเสวียนคอยๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหนา ในเมื่อพูดตามมารยาทไปก็ไมไดทําให
บรรยากาศดีขึ้น เชนนั้นก็ควรเขาเรื่องตรงๆ ดีกวา เขาเงยหนามองลูสวินอี้ที่ยังมิไดเดิน
จากไปจริงๆ จึงลดความกังวลใจลง
เห็นไดชัดวา ชงเสวียนคิดวาตนเองคาดเดาความคิดของคนในจวนหมิงอองออก
จอมยุทธบอกแลววา เปนไปไมไดที่หมิงอองจะฝกวิชาไดถึงขั้นจอมยุทธ
หรือพูดอีกอยางก็คือ จริงๆ แลวหมิงอองยังไมมีความสามารถประมือกับทานจอม
ยุทธ
เมื่อเปนเชนนี้ คําทารบ ก็เปนการสําแดงฤทธิ์เดชตบตาแลว
หรือคิดเดิมพันใหเขาซางชิงยอมประนีประนอมกอนเทานั้น
พอชงเสวียนเขาใจ จึงรูวาเหตุใดลูสวินอี้ถึงตองแข็งกราวเชนนี้ ถาไมแข็งกราว มี
หรือจะสามารถควบคุมเขาซางชิงได?
“ทานลู ที่ผูเฒามาในวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากหารือดวย ขอเวลาทานสักนิด เรื่อง
เมื่อครั้งกอนที่ทานเปนตัวแทนของทานอองสงจดหมายใหจอมยุทธแหงเขาซางชิง คิดวา
ทานคงจําได”
ชงเสวียนสบตากับลูสวินอี้ สีหนาจริงจัง
ลูสวินอี้หางตากระตุกเล็กนอย ผิดจากที่ชงเสวียนคาด สีหนาลูสวินอี้เหมือนคาดไม
ถึง “เรื่องนี้มีขอสรุปแลว พวกเรายังจะหารือกันไปทําไม?”
“ขอสรุปหรือ?” ชงเสวียนงุนงง “นี่...ขอสรุปจากไหน?”
ลูสวินอี้กลับมามีสีหนาดังเดิม สายศีรษะไปมา คลายไมอยากพูดถึงอีก หันกายคิด
เดินจาก
ชงเสวียนตกใจ แตสีหนายังไมเปลี่ยน จองมองแผนหลังลูสวินอี้ กอนทอประกายตา
เงียบๆ
เขาไมรีบรอนเอยปากรั้งตัว เพราะเชื่อวาลูสวินอี้ไมนาจะกลาตัดสินใจแทนหมิงออง
ซึ่งอาจทําใหจวนหมิงอองกับเขาซางชิงแตกหักกันในที่สุด
หากเปนเชนนี้จริง จวนหมิงอองคงไมเชิญตนเองเขามาหรอก!
หากเปนเชนนี้จริง เหมยจื้อเฟงคงไมสามารถมีชีวิตอยูมาไดจนถึงทุกวันนี้!
หากเปนเชนนี้จริง หมิงอองคงตองตอสูกับจอมยุทธจริงๆ อยางไมมีทางถอย
มานตาชงเสวียนหดตัว ขณะมองลูสวินอี้ที่ยังไมหันกายมา รูสึกเครียดขึ้ง ดวย
ทั้งหมดนี้ตองคาดเดากันใหม และที่สุดแลวก็ทําไดเพียงคาดเดา!
“ทานลู...” ยังคงเปนชงเสวียนที่ทนไมไหว เอยปากเรียกเสียงสูงทันใด
พอเรียกออกไป ใจก็สั่นตาม รูสึกทั้งอายทั้งโกรธ การสงเสียงกอนแสดงใหเห็นวา
เปนฝายงอ จึงรูสึกเสียใจ นาจะอดทนตออีกหนอย แตก็กระวนกระวายใจ กลัววาลูสวิน
อี้จะไมหยุดเดิน ซับซอนเสียจริง เขาจองแผนหลังนั่นเขม็ง
ลูสวินอี้หยุดเดิน ยืนนิ่ง หันกายมาอีกครั้ง ยังคงพูดเสียงเรียบ
“ทานนักพรตยังมีเรื่องอะไรรึ?”
ชงเสวียนมีสีหนาขมขื่น ลูสวินอี้หันกายมาตามคาด แสดงวามิไดคิดเปนศัตรูดวย
เปนเพราะตนไมมั่นใจไปเอง รูสึกเสียดาย แตก็เอยปากไปแลว จึงไดแตสูดลมหายใจเขา
ลึกๆ สีหนายิ่งมายิ่งตึงเครียด
“ทานลู เรื่องจดหมายของทานออง ผูเฒาไดรายงานกับทางสํานักแลว ทานจอม
ยุทธก็รับทราบแลว”
ลูสวินอี้มองเขา คลายกําลังรอใหเขาพูดตอ แตเขากลับมองตนโดยไมพูดตอเสียนี่
ลูสวินอี้จึงพูดขึ้น “มีแคนี้เองหรือทาน?”
“หือ?” ชงเสวียนแอบโกรธเล็กนอย แตยังทนไดอยู “ทานอองสงจดหมายใหจอม
ยุทธ หรือทานลูไมคิดสงจดหมายตอบจากจอมยุทธกลับใหทานออง?”
ฟงถึงตรงนี้ ลูสวินอี้คลายเพิ่งเขาใจ จึงพยักหนา “ที่แทเรื่องก็เปนเชนนี้ หมายความ
วา ทานนักพรตในนามตัวแทนของจอมยุทธเหมย มาเพื่อสงจดหมายตอบกลับ”
“ถูกตอง!” สีหนาชงเสวียนจริงจัง “พอไดรับจดหมายจากหมิงออง ผูเฒาก็ไมกลา
รอชา รีบสงใหสํานักทันที เดิมทีทานจอมยุทธกําลังสกัดยาจากสมุนไพรอยู พอไดยินก็ให
ความสําคัญยิ่ง หยุดทําการแลวออกมา...”
ไดยินดังนี้ ลูสวินอี้ก็สายศีรษะเล็กนอย “นาเสียดาย!”
ชงเสวียนชะงักงัน มองหนาลูสวินอี้ดวยสายตาที่ไมเขาใจ “ทานลูหมายความวา
อะไร?”
ลูสวินอี้คิดสักพัก คอยพยักหนา “ก็ดี เมื่อทานจอมยุทธมีคําพูดจะกลาว ก็ขอเชิญ
ทานนักพรตพูดออกมาเถิด ขาจะไดรายงานใหทานอองทราบ!”
วาแลวก็เดินกลับที่เดิม กอนผายมือใหชงเสวียนนั่ง
กวาจะเชิญใหแขกนั่ง...แตชงเสวียนก็ไมถือสา เห็นลูสวินอี้กลับสูการเจรจาได ก็ไม
อยากเวิ่นเวออีก ทําทาขึงขังจริงจัง นัง่ ตัวตรงจัดแจงเสื้อผาใหเรียบรอย เตรียมเจรจา
อยางเปนทางการ
“เชิญ!” ลูสวินอี้พูดขึ้น
เมื่อเห็นสีหนาของลูสวินอี้ยังคงนิ่งเรียบ ชงเสวียนก็รูสึกไมพอใจ แตก็ทําไดเพียง
อดทนไว ไมอยากกอเรื่องเพิม่ แขงกันเอาชนะคะคานเสียแรงเสียเวลาเปลา เมื่อฝายตรง
ขามยังคิดวาตนเองไมรูความจริง ก็ใหเขาคิดไป
ชงเสวียนประสานมือคารวะ กอนพูดเสียงขรึม “ทานลู พอทานจอมยุทธไดยินวา
ทานอองบําเพ็ญเพียรไดอยางนาอัศจรรย ก็แสดงความชื่นชมเปนอยางมาก! อีกทั้งยัง
รูสึกยินดีและซาบซึ้งใจในคุณธรรมของทานอองดวย”
คําพูดนี้ทําใหลูสวินอี้ตะลึงงัน แตถาคิดๆ ดูก็พอจะเขาใจ ทาทีเชนนี้ของคนเขา
นับวามีเพดานบินสูงยิ่ง
ชื่นชม ยินดี!
ฟงดูเหมือนไมมีปญหาอะไร แตน้ําเสียงและทาทีดูเปนผูอาวุโสสูงสง สวนหมิงออง...
เปนเพียงคนรุนใหม!
ชงเสวียนพูดจบก็มองดูลูสวินอี้ รอเขาเอยปากตอบ
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก แลววา
“ทานอองเคยพูดไววา เปนจอมยุทธไมงาย ตองคอยรักษามาตรฐานตนเอง ถาทําดี
ชาวประชาก็โชคดี แตถาทําไมดีชาวประชาก็เดือดรอน”
ชงเสวียนอึ้งคาง!
เขากลารับรองวา ชาตินี้ ก็มีคราวนี้นี่ละที่เพิ่งไดยินคนกลาวิจารณจอมยุทธผูหลุด
พนอยางตรงไปตรงมา! มันนาโมโหเสียจริง!
แตก็ตองทน ยิ้มมุมปากนอยๆ ไมขยายความเรื่องนี้ตอ เห็นเพียงดวงตาของเขาทอ
ประกายขณะจองมองลูสวินอี้ ยิ้มหึๆ กอนวา “โดยเฉพาะตอนที่ทานจอมยุทธไดยินวา
ทานอองอายุเพียงยี่สิบกวาก็ฝกพลังปราณเปลี่ยนรูปไดแลวนั้น ก็ตื่นเตนดีใจ ยิ้มแยม
ออกมา บอกวา วิชาพลังปราณเปลี่ยนรูปในขั้นปรมาจารยแหงเตานี้ ในรอบพันป นอย
คนนักที่จักฝกได ชางนายินดีเสียจริง ซึ่งผูสูงสงในที่ประชุมของเขาซางชิงก็ไดยินกันถวน
หนา ทานจอมยุทธยังชี้แนะพวกเขาวา ฝมือหมิงอองล้ําเลิศเชนนี้ เปนการพิสูจนใหเห็น
วาวิชาเตาเราทรงคุณคาจริง ใหสหายเตาทุกทานจดจําเอาไว ขอเพียงหมั่นเพียรฝกฝน
ยอมมีอายุมั่นขวัญยืนทันตาเห็น!”
“หือ!” คราวนี้ลูสวินอี้ตื่นตระหนกแลว
เขาไมสามารถยับยั้งสีหนาที่แสดงอารมณวูบไหวออกมา ชงเสวียนจองมองเขาอยู
ตลอด จึงเห็นความเคลื่อนไหวนี้อยางชัดเจน
ขั้นปรมาจารยแหงเตา
ลูสวินอี้หลุบตาต่ํา รูสึกวาวุนใจ เพราะจริงๆ แลวเขาก็ไมแนใจวาพลังปราณของมอ
ไปอยูในขั้นไหน
นายไมบอก บาวยอมไมถาม แตทุกคนลวนรูดีวา พลังปราณของทานอองแข็งแกรง
มาก!
ปรมาจารย!
ตอนนี้นักพรตไดใหคําตอบแลว เปนคําตอบจากปากจอมยุทธ พลังปราณเปลี่ยนรูป
อยูในขั้นปรมาจารย!
ลูสวินอี้เชื่อ!
เพราะเขาจําไดวา มอไปเคยบอกไว ปรมาจารยที่มีอยูในยุทธภพ สวนใหญมิได
บรรลุจริงๆ หรอก
ปรมาจารยตองมีทั้งเทคนิควิชา ลมปราณและพละกําลัง ตองมีครบ ขาดอยางใด
อยางหนึ่งไมได
แตปรมาจารยในยุทธภพสวนใหญควรเรียกวาอาจารยมากกวา เพราะยังมีกันไม
ครบ แลวบางคนยังใชยาเพื่อเปดจุดตันเถียนอีก
รวมทั้งลูสวินอี้เองก็เขาขายมีไมครบ ศิษยนองเถี่ยตางหากที่กําลังเดินอยูบนเสนทาง
ปรมาจารย
ตอนนี้จอมยุทธใชคําวา ปรมาจารยแหงเตา ทําใหลูสวินอี้เขาใจวา ปรมาจารยแหง
เตาก็คือปรมาจารย ไมใชจอมยุทธ
ชงเสวียนไมพูดอะไรอีก เขาใจสงบลงมาก สีหนานิ่งเรียบ
ลูสวินอี้นิ่งไปครูใหญ ในที่สุดก็เงยหนามองชงเสวียน
“มีเพียงเทานี้หรือทาน?”
“หือ?” ชงเสวียนเงยหนาพลัน
“ก็ดี คําพูดของทานจอมยุทธ ขาจะแจงใหทานอองทราบเอง แตทานนักพรตอาจ
เขาใจอะไรผิด กอนหนานี้ทานอองไดรบั จดหมายตอบกลับจากทานจอมยุทธ และเขาใจ
ความหมายของเขาซางชิงอยางชัดเจนแลว”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี “อะไรนะ?” ตอนกลับเมื่อไหร เหตุใดตนเองจึงไมรู
“ชีวิตศิษยนองขา และศีรษะบนโตะบูชา!” ลูสวินอี้พูดทีละคํา พลางจองตาชง
เสวียน “ไมมีคําตอบใดที่ชัดเจนไปกวานี้แลว”
ชงเสวียนกะพริบตาปริบๆ พลางจองหนาลูสวินอี้ ดวยอยากรูคําตอบใหแนชัด จึง
รีบพูดขึ้น “ทานลู...”
ถึงเวลานี้แลว เขายังคิดตอรองอะไรอีก หรือวาจวนหมิงอองคิดรบจริง...
“ไมจําเปนตองพูดมากความ เปนคําสั่งของทานออง เดิมทีขาคิดวารักษาตัวใหหาย
แลวคอยไปเขาซางชิงแจงขาวดวยตนเอง แตในเมื่อวันนี้ทานนักพรตมาแลว พูดใหฟงก็
คงไมเปนไร!”
แววตาลูสวินอี้ไมวูบไหวแมแตนอย สบตาชงเสวียน พลางวา “ขาอุตสาหใหใจแก
จันทรา แตจันทรากลับสองตองคูน้ําเสียนี่! เมื่อเขาซางชิงยังหลับใหลไมยอมตื่น ตองการ
เปนศัตรูกับอองอยางขา ก็ได! เดิมทีขาคิดขึ้นเขาซางชิงนําจดหมายทารบมามอบใหดวย
ตนเอง แตเมื่อประชาชนนับพันนับหมื่นยังอยูในเขตสูรบที่หมิงจู ขาจึงยังปลีกตัวมาไมได
หากทานจอมยุทธกลาหาญชาญชัย เชิญมาหมิงจูสักครั้ง! ตอนนี้หลานทานเหมยจื้อเฟง
ขายังไมเอาชีวิตชั่วคราว การตอสูในครั้งนี้ สองฝายตองตอสูจนเห็นผลแพชนะชนิดตาย
กันไปขาง! หากขาชนะ จะคืนเหมยจื้อเฟงที่สมบูรณโดยไมสึกหรอให และตองลบชื่อเขา
ซางชิงทิ้ง!”
ชงเสวียนถลึงตา แตลูสวินอี้ยังคงพูดตอโดยไมสนใจความหวั่นใจของเขา
“แนนอน หากจอมยุทธไมยินยอมไปหมิงจู ไมเปนไร อองอยางขาก็ยังรักษาคําพูด
นําจดหมายทารบขึ้นเขาซางชิงมามอบใหดวยตนเอง!”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาลูสวินอี้พลันคมกริบ
“ในสายตาทานออง เขาซางชิงก็ธรรมดาๆ ผูสูงสงทั้งหลายเปนเพียงเมฆหมอก
เพียงเคารพจอมยุทธเหมยจอมยุทธแหงยุคเทานั้นจึงยินยอมประกระบี่ดวย หากเขาซาง
ชิงเห็นวาไมถูกกาลเทศะ คิดวาแปลกและไรสาระ เชนนี้ก็อยากลาวโทษ ถาจวนหมิงออง
จะฆาลางบางพวกทานทั้งหมด!”
“ชากอน!” ชงเสวียนทนฟงไมไหวแลว และไมสามารถนิ่งเฉยไดอีก “ทานลู เหตุใด
ถึงเปนเชนนี้ เหตุใดถึงเปนเชนนี้? จอมยุทธเจาสํานักขาไมเคยอยากทําอะไรใหทานออง
ลําบากใจ เรื่องนี้เปนการเขาใจผิด เขาใจผิด!”
“ทานนักพรตไมจําเปนตองพูดจามากความ ทานและขาเปนเพียงผูนอย การ
ตัดสินใจของทานออง ขาไหนเลยจะสามารถขัดได ทานอธิบายกับขาไปก็ไรประโยชน!”
ลูสวินอี้โบกมือ “ทานกลับไปเถิด เปนตัวแทนขานําคําพูดของทานอองแจงตอทานจอม
ยุทธ รอจนอาการบาดเจ็บของขาทุเลาลง ตองไปสํานักทานดวยตนเองอยางแนนอน!”
“ทานลูชากอน ทานจอมยุทธมิไดมีจิตเจตนาเชนนี้จริงๆ และมีจดหมายถึงทานออง
ดวย!” ชงเสวียนไมคิดเยิ่นเยออีก รีบพูดทันที
ตอน 251 ราชสํานักกดดัน
ชงเสวียนจากไปแลว แตลูสวินอี้ยังคงยืนอยูในหองรับแขก นานๆ จึงขยับตัวที
เขามีสีหนาเครงเครียด คิ้วขมวด เหมือนมีปมบางอยางที่ยงั แกไมได ซึ่งทาทาง
ในตอนนี้ตางกับทาทางสบายๆ ตอนอยูกับชงเสวียนราวฟากับดิน
ไมรูผานไปเนิ่นนานเทาไร เมื่อไดยินเสียงฝเทาดังขึ้นที่หนาประตูหองรับแขก ลูสวิน
อี้จึงคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก กอนเรียกสติกลับคืน
คิ้วที่ขมวดเขาหากันถูกคลายออก เก็บความเครียดไวในใจ แมในจวนหมิงอองไมมี
คนนอก แตเขาก็ไมอยากใหใครมาเห็นความหดหูที่มีอยูในตอนนี้
รางของชายหนุมผูหนึ่งปรากฏขึ้นที่หนาประตู โคงคํานับเขาแลววา
“ทานรอง คนในวังหลวงมา บอกวาตองการพบทาน”
ลูสวินอี้สะอึกเล็กนอย กระพริบตากอนถาม “ใชจางปงลี่หรือไม?”
“ใชขอรับ” ชายหนุมตอบ
ลูสวินอี้หันมองไปนอกประตู แลวจึงพยักหนา “เชิญเขาเขามา”
นี่มิใชครั้งแรกที่จางปงลี่มาเยือนจวนหมิงออง แตครั้งนี้สายตาของเขาตองเพิ่มความ
ระแวดระวังขึ้นกวาเมื่อกอน แววตาเต็มไปดวยความเครงเครียด
ทาทางเชนนี้ตางจากเมื่อครั้งกอนที่ลูสวินอี้พบเห็นมาก
พอเดินเขามาในหองรับแขก ทั้งสองฝายยังไมทันไดคารวะซึ่งกันและกัน จางปงลี่ก็
ถลึงตาใสลูสวินอี้ พลางพูดเสียงดัง “ลูสวินอี้ เจากลามาก!”
ลูสวินอี้กําลังจะยกมือขึ้นคารวะ พอไดยินเสียงก็ชะงัก เงยหนาสบตากับจางปงลี่
แลวจึงพูดเสียงเย็นชา “ใตเทาจาง ทานหมายความวาอยางไร?”
“ทางที่ดีเจาบอกมาตรงๆ ดีกวาวาทําเชนนี้ไปเพื่ออะไร ตองการอะไรกันแน ถึงได
กลาปลุกปนใหราชสํานักกับสํานักเตาแตกคอกัน?” จางปงลี่สะบัดมือ สีหนายิ่งมายิ่ง
เครงเครียด
ลูสวินอี้หนังตากระตุก “ใตเทาจาง ทานกําลังลอเลนกับผูแซลูอยูหรือ?”
“ลอเลนหรือ?” จากทาทีที่สงบนิ่งในวันนั้น จางปงลี่ในวันนี้พลิกจากหนามือเปน
หลังเทา พูดตออยางดุดัน “เจาอยากรนหาที่เอง ผูแซจางไมยุงดวยแลวและไมคิดจะยุง
ดวย เพียงแตผูแซจางอยากเตือนเจาวา ทางที่ดีควรคิดใหดีกอนพูด แลวคอยใหคําตอบที่
นาพอใจแกผูแซจาง วันนี้ถือวายังไมถึงกับตัดขาด แตถาเจายังโงงมงายอยูอีก ผูแซจางก็
ไมกลัวที่จะลอเลนอยางจริงจังกับเจา...”
สีหนาเขามิไดเสแสรงแกลงทําแมแตนอย ดวงตาเปยมรังสีฆาฟน พูดตอดวยน้ําเสียง
หนักแนนเยือกเย็น
“อีกสักราวสามชั่วยาม กองทัพทั้งกองก็จะยกมาที่นี่ ระดมยิงธนูใสเจา จากนั้น
โลหิตก็จะไหลนองดั่งสายน้ํา ไมรูวาจะมีคนอีกมากนอยเทาไรที่ตองเสียชีวิตลงเพราะเจา
ลูสวินอี้ เจาคิดวาการลอเลนเชนนี้นาขําหรือไม?”
จางปงลี่ไมปกปดรังสีฆาฟนของตนแตอยางใด น้ําเสียงของเขาเย็นชายิ่ง ทาทาง
เชนนี้ ไมมีใครกลาคิดวาเขากําลังลอเลน ความผิดปกติของเขา แนนอนวาลูสวินอี้เขาใจ
คําพูดของเขา แนนอนวาลูสวินอี้ยอมเขาใจ
คําตอบจากหมิงอองมิไดใหกับเขาจางปงลี่ แตใหกับฝาบาท ใหกับราชสํานัก
ผูที่ตองเดือดรอนก็มิใชคนของเขา แตเปนหมิงอองกับจวนหมิงออง
เห็นชัดวา ชงเสวียนไดรายงานสถานการณเมื่อครูกับราชสํานักแลว จางปงลี่จึงรีบ
รุดมาเพื่อเขาซางชิง หรือพูดใหถูกตองก็คือ มาเพื่อคําวา ‘รบ’ ของหมิงอองนั่นเอง
เพียงแตเมื่อเปนเชนนี้ ลูสวินอี้จะทําอะไรได ดวงตากลับเปลงประกาย ยังคงพูดดวย
น้ําเสียงนิ่งเรียบ
“ใตเทาจาง เกรงวาทานอาจลอเลนเกินกวาเหตุ ถาบอกวาผูแซลูถูกธนูยิงดับ ผูแซลู
ยังคงเชื่อทาน ตั้งแตเขาเมืองหลวงมาในวันนั้น ผูแซลูก็ไดเตรียมใจมอบชีวิตแลว ไมวา
จะถูกสับเปนหมื่นชิ้นหรือถูกธนูยิงพรุนทั่วรางก็ไมตางอะไรกันมาก แตถาบอกวาผูแซลู
จะทําใหผูบริสุทธิ์ตองเดือดรอนจนโลหิตไหลนองเปนสายน้ํา เกรงวาใตเทาจางอาจมองผู
แซลูสูงสงเกินไป ซึ่งผูแซลูเคยบอกไวแลววา เปนเพียงแมทัพตัวเล็กๆ ของทานออง ทํา
ตามคําสั่งทานอองเทานั้น จะมีความสามารถอันใดที่จะทําใหผูอื่นเปนหรือตาย?”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็เงยหนาขึ้น สีหนาเขายิ่งมายิ่งผอนคลาย กลับยิ้มนอยๆ
ออกมา
“การลอเลนเชนนี้จึงเปนเพียงการลอเลน ใตเทาจางมีเรื่องใดก็ควรพูดกันตรงๆ
ดีกวา ผูแซจางยังบาดเจ็บอยู ตองรีบรักษาตัวตอ”
จางปงลี่จองลูสวินอี้เขม็ง สีหนายิ่งมายิ่งเครงเครียดเย็นชา
“ในเมื่อเจาเตรียมตัวตายแตแรก จําเปนดวยหรือที่ตองรักษาตัว?”
ลูสวินอี้จองตาเขา
“พูดเชนนี้ก็ถูก แตขอเพียงยังมีชีวิตอยูหนึ่งวัน ก็ตองภักดีตอทานอองหนึ่งวัน
ตอนนี้ศีรษะอยูบนคอ ความภักดีอยูกับตัว ยอมตองรักษาตัว วันหนาคอยสูตอ!”
ความภักดีอยูกับตัว?
จางปงลี่อดไมไดที่จะหวั่นใจ และอดคิดไมไดวา ความภักดีนี้คือการขึ้นเขาซางชิง
มอบจดหมายทารบจากหมิงออง!
เปลวเพลิงในใจจางปงลี่ลุกพึ่บพั่บ ดวงตาแดงระเรื่อทันที จองมองลูส วินอี้พลางพูด
ชัดๆ ทีละคํา
“เจาอยากใหทานอองกาวเขาสูความหายนะจริงๆ หรือ?”
“ใตเทาจาง!” ลูสวินอี้หนาเปลี่ยนสีทันที ดวงตาคลายมีเปลวเพลิง “ผูแซลูแมเปน
ลูกผูชายธรรมดาๆ ผูหนึ่ง แตขอใหใตเทาจางใหเกียรติกันบาง อยาพูดโดยไมยั้งคิด
ความผิดบางอยาง ผูแซลูรับไมไหว ใตเทาจางแมเปนขุนนางระดับสูงในราชสํานัก แต
ทางที่ดีอยาไดทาทายขีดความอดทนของผูแซลู!”
จางปงลี่กลับไมกลัวเขา ยิ้มเย็นชาแลววา “ผูแซจางรูวาทานเปนปรมาจารย ไหน
เลยจะกลาพูดโดยไมยั้งคิดกับทาน แตเห็นๆ อยูวาทานเพิ่งทําเรื่องเรื่องหนึง่ ลงไป วันนี้
แมสามารถปดปากผูแซจาง แตคิดหรือวาจะสามารถปดปากผูคนได?”
ลูสวินอี้ใชแววตาอันลึกล้ําจองตาจางปงลี่ ที่สุดแลวก็พูดวา “ใตเทาจาง หากไมมี
เรื่องอื่นใดอีก ขอเชิญทานกลับไปเถิด!”
“ขาก็ไมอยากอยูนานนักหรอก!” สีหนาจางปงลี่เย็นลง ไมดุดันเหมือนเมื่อครูอีก แต
กลับทําใหคนกลัว “ขาไมมีเวลามากพอ ที่ควรพูดก็พูดแลว ตอนนี้เพียงอยากขอคําตอบ
จากทานลู”
“ขออภัยที่ผูแซลูโงงม ไมทราบวาเมื่อครูใตเทาจางหมายความวาอะไร ตองการ
คําตอบอะไร?” ที่ลูสวินอี้พูดแฝงนัยยะสงแขก แตเขาก็กลับหันกาย นั่งลงไปเสียเอง
“ดี! พูดกันมาก็มาก ไมวาทานจะคิดอยางไร ผูแซจางก็นับวาเมตตาและชวยเหลือ
อยางถึงที่สุดแลว”
จางปงลี่คอยๆ หลุบตาลง
“เรื่องในปนั้น เปนความผิดของผูแซจางเอง แตกลาสาบานกับฟาดินวา ที่ทําไป
เพราะความรักชาติลวนๆ ไมมีเรื่องสวนตัวปะปนแมแตนอย โชคดีที่ทานอองยังมีชีวิตอยู
และยังเปนวีรบุรุษแหงยุคดวย พอไดขาวผูแซจางก็อดไมไดที่จะกระตือรือรน และรูวาสัก
วันหนึ่งตองขอรับโทษจากทานอองเอง ซ้ํายังกลาถามตัวเองอีกวา เคยรูสึกเสียใจกับเรื่อง
ที่ทําลงไปบางหรือไม กลับไมพบเรื่องทีร่ ูสึกเลวรายในใจ เพียงหวังวาสักวัน ทานออง
สามารถแสดงแสนยานุภาพ สืบตอการปกครองประเทศ ผูแซจางเปนตายอยางไรก็ไม
เสียดาย!”
ลูสวินอี้ฟงแลวก็มิไดพูดอะไร และมิไดวิเคราะหวาคําพูดของเขาจริงเท็จแคไหน รู
แตวาคําพูดนี้จางปงลี่มิไดพูดกับเขา แตพูดกับทานออง
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่ก็มิไดพูดเรื่องนี้ตอ เพียงเงยหนามองลูสวินอี้ “ทานลู วันนี้
นักพรตชงเสวียนแหงเขาซางชิงมาหาทานหรือไม?”
“มา!” ลูสวินอี้พยักหนา เก็บอารมณทั้งหมดลง
“เขาซางชิงเขาเฝาฝาบาท ทูลวาลูสวินอี้แหงจวนหมิงอองมีจิตใจหยาบชา คิด
วางแผนยุยงปลุกปนทําลายความสัมพันธของทานอองกับเขาซางชิง มีเรื่องเชนนี้จริง
หรือ?” จางปงลี่บอกวาเมตตาและชวยเหลืออยางถึงที่สุด ก็คือเรื่องราชการเรื่องนี้เอง
แตพอถามออกมาจริงๆ เขากลับเสียงสั่น
ลูสวินอี้ไดยินดังนี้ก็รูวาชงเสวียนมิไดรายงานตามจริง
ตนเองมีจิตใจหยาบชาอะไร ยุยงปลุกปนอะไร?
ทวาเขาเขาใจ ราชสํานักไดเตรียมวางแผนไวแลววา จะผลักทุกสิ่งทุกอยางมาไวที่
ตน นําชีวิตตนมาปลอบประโลมเขาซางชิง ขณะเดียวกันก็แสดงทาทีของราชสํานักให
สํานักเตาเห็น
แมชัดเจนเรื่องพวกนี้ แตลูสวินอี้กลับไมแสดงออก
ขณะมองจางปงลี่และคิดเอยปาก จางปงลี่กลับชิงตัดหนาเอยปากกอน
“ทานลู ผูแซจางยังมีคําพูดอีกหนึ่งประโยค ไมทราบวาทานจะยินยอมรับฟง
หรือไม?”
ลูสวินอี้เงียบ จางปงลี่ไมรอใหเขาตอบ พูดตอทันที
“ประเทศเราตอนนี้มีทั้งศึกนอกศึกใน จะดําเนินการอะไรจึงยากลําบาก ชาวประชา
ทั่วหลาตกทุกขไดยาก ฝาบาทพยายามคิดหาวิธีแกไข ทานอองก็ติดอยูกับการตอสูศัตรู
ตอนนี้สถานการณไดมาถึงหัวเลี้ยวหัวตอสําคัญ...
ราชสํานักตานศึกในไมไหว ไมเพียงราชบัลลังกยากรักษา ชาวประชายังทุกขยากซ้ํา
กระทั่งความปลอดภัยของทานอองก็ยังยากรับประกัน!”
คําพูดนี้ ไมตองพูดใหเปนทางการ ก็ลึกซึ้งเกินพอ
ตั้งแตเขาเริ่มพูด ลูสวินอี้ก็เขาใจความหมายของเขาแลว
หากอยากรักษาความมั่นคงของราชสํานัก ก็ไมควรใหเกิดเรื่องใหญขึ้นอีก เขาซาง
ชิงมิไดเปนเพียงเขาซางชิง แตเปนตัวแทนของสํานักเตารอยแปดสํานัก จึงยากประเมิน
ไดวาอิทธิพลของเขาซางชิงสามารถทําใหเกิดผลอยางไร มากนอยแคไหน
ที่ยากประเมินเพราะไมมีใครกลาเปดกลองกลองนี้
ซึ่งก็มีความเปนไปไดมากวา เขาซางชิงก็คือเขาซางชิงเทานั้น สํานักเตาอื่นๆ ไมรวม
เปนกบฏดวย แตขณะเดียวกันก็เปนไปไดวา ถาเขาซางชิงเปนกบฏ สํานักเตาหนึ่งรอย
แปดสํานักจะยุงวุนวายขึ้น
เชนกอนหนานี้ที่ตระกูลหลินกบฏ และเขาซางชิงสนับสนุนตระกูลหลินอยางลับๆ
ราชสํานักก็มิไดจัดใหพวกเขาเปนศัตรูอยางเปดเผย ยังคงทําตัวตามปกติ
เพราะเหตุใดเลา ก็เพราะไมกลาเปดกลองนี้ออก พอเปดออกแลว มีความเปนไปได
วาจะทําใหหนึ่งรอยแปดสํานักเตาอยากเขาขางใครก็ทําไดตามอําเภอใจ
แมกําลังของพวกเขาจะมีไมมาก แตอยาลืมวา ทุกๆ ครั้งที่เปลี่ยนแปลงรัชสมัย การ
สูรบจะเริ่มจากการที่สํานักเตาเลือกสนับสนุนเจานายหลายฝาย เปนเหตุใหกอนหนานี้
ราชสํานักไมกลาตัดสินใจ อยาวาแตตอนนี้ที่กําลังถูกศัตรูตางชาติบุกรุก ราชสํานักเกรง
วาประชาชนอาจตื่นตกใจ จึงกาวเดินไดยากยิ่ง
ตอนนี้หมิงอองตองการแตกหักกับเขาซางชิงอยางเปดเผย เอยปากทีไรก็ตองการ
ลางบางเขาซางชิงใหราบ
ซึ่งถาประมือกันขึ้นมาจริงๆ ไมแนวาราชสํานักอาจตีฆองรองเปาไปทั่ว เพราะไมวา
แพหรือชนะ หมิงอองที่มีอายุยี่สิบกวาสามารถตอสูกับจอมยุทธได ก็เพียงพอที่จะสราง
ตํานานอันยิ่งใหญใหเชื้อพระวงศแลว
แตหมิงอองกลับตองการลมโตะ ชี้วัดความเปนตาย ตองใหตกตายกันไปขางหนึ่ง
เทานั้น นี่สิถึงทําใหทุกคนสะดุงโหยง
ที่สําคัญคือ ราชสํานักควบคุมความคิดและการกระทําของหมิงอองไมได ควบคุม
การบานปลายของเรื่องไมได ไหนเลยจะอนุญาตใหเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
ราชสํานักหวังที่จะสรางความกดดันใหเขาซางชิง หวังยืมกําลังของหมิงอองกดดัน
สํานักเตา เห็นชัดวา เรื่องนี้มีขีดจํากัด
เรื่องนี้ความจริงแลวเปนเพียงเรื่องของคนในจวนหมิงอองเทานั้นรึ?
ราชสํานักสามารถวางตัวอยูวงนอกรึ? องคติ้งอูสามารถไมใสใจไดรึ?
เห็นชัดวา ไมสามารถ
ยังไมตองพูดถึงวา หากปวงประชารูวาหมิงอองกับราชสํานักตางไมเชื่อใจซึ่งกันและ
กัน
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ราชสํานักจะทําอยางไรได?
ถึงลางบางเขาซางชิง ก็ยังคงทําใหพอลูกแคนเคืองกันอยูดี?
ไมไดทั้งนัน้ ! ดังนั้น จึงแตกหักไมได!
เดิมทีสําหรับราชสํานักแลว หมิงอองเปนหมากตัวหนึ่ง หมากที่ใชรักษาสมดุล
ควบคุมจิตใจที่มักใหญไฝสูงของสํานักเตา
เรื่องเหลานี้ลูสวินอี้รูอยูแตแรกแลว อันที่จริง เขาสามารถคิดไดลึกซึ้งกวานี้อีกวา
ถาหมิงอองชนะสํานักเตาไดจริง ราชสํานักก็ยังคงกดดันใหหมิงอองรักษาสมดุลนี้ไว
ไมมีความหมายอื่น เพราะสําหรับองคจักรพรรดิแลว ผูใดก็ตามที่คุกคามราชบัลลังก
ผูนั้นก็คือศัตรู โอรสของพระองคก็เชนเดียวกัน
ชัดเจนก็คือชัดเจน แตลูสวินอี้กลับทําใหฝาบาทและจางปงลี่ผิดหวัง เขาเงยหนาขึ้น
“ใตเทาจาง เกรงวาทานผิดแลว!”
มานตาจางปงลี่หดตัว
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง หันมองทองฟา
“ทานอองมิไดเปนอยางที่ทานจินตนาการ ในจวนหมิงออง ไมมีใครกลาขัดคําสั่ง
ทานออง หรือไมมีใครสามารถขัดคําสั่งทานอองได! ผูแซลูเปนเพียงแมทัพเล็กๆ ไมมี
ความกลาที่จะฝาฝน หรือฝาฝนไปก็ไรประโยชน!”
“และเกรงวาใตเทาไดประเมินจิตวิญญาณวีรบุรุษของทานอองผิดไปเชนกัน ทาน
ลองคิดดู ตอนแรก เขาซางชิงกลาวโทษทานอองวาทําใหผูบริสุทธิ์ตองตาย แลวทานออง
ตอบวาอะไร? ทานอองตอบวาตองใชโลหิตลางโลหิต และตองเปนโลหิตลางโลหิต
เทานั้น! แผนการบนดิน ใตดิน วาทกรรมใดๆ ลวนไรซึ่งประโยชนทงั้ สิ้น”
“ตอนนี้สํานักกระจอยรอยสํานักเดียวอยางเขาซางชิง สามารถตานทานกองทัพคน
เถื่อนนับพันนับหมื่นรึ? อยาวาแตทานอองยังกลาลุยเดี่ยวเขาสังหารคน ทามกลาง
กองทัพคนเถื่อนนับพันนับหมื่น ซึ่งตอนนี้ยิ่งไมตองพูดถึง เมื่อทานอองออกคําสั่งลางบาง
เขาซางชิง ก็ตองทําตามที่พูดอยางแนนอน! วันนี้ถาผูแซลูยอมรับความผิดฐานจิตใจ
หยาบชา เกรงวาตอนผูแซลูถูกธนูหมื่นเลมปกอก ทานอองอาจกุมกระบี่มรกตยาวสาม
ฉื่อไวในมือ บุกเขาที่ประชุมเขาซางชิง ตัดศีรษะจอมยุทธเพื่อตอบโตก็เปนได!”
ตอน 252 สนมหลันภักดีตอ องคจกั รพรรดิ
จางปงลี่จากไปแลว เชนเดียวกับชงเสวียน ไมสามารถอยูในจวนหมิงอองไดนาน
และจากไปในอารมณเดียวกับชงเสวียน
ลูสวินอี้นั่งคนเดียวอีกครั้งในหองรับแขกโดยไมเห็นเขาขยับตัวอยูนานพอสมควร
เทียบกับกอนหนานี้ เห็นชัดวาสีหนาเครงเครียดขึ้น
ขณะนั่งในหองรับแขก เพียงไดยินเสียงผิดปกติเล็กนอยนอกประตู คิ้วที่ขมวดเขาหา
กันของเขาก็จะกระตุกขึ้น เทียบกับเมื่อไมกี่วันกอน เวลาของวันนี้ดูจะเดินชาเปนพิเศษ
แตไมวาจะยากลําบากเพียงใด ในที่สุดทองฟาก็ยังคงคอยๆ มืดค่ําลง
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน กาวเดินไปที่ประตูหองรับแขก เหมอมองไปยังหนาประตูจวน
ที่นั่นยังคงเงียบสงบเหมือนเคย ไมมีความผิดปกติใดๆ
ลูสวินอี้หลับตาลงชาๆ คิ้วที่ขมวดอยูคอยๆ คลายลง พรอมกับการระบายลมหายใจ
ออกจากปาก
วันอันตรายสุดๆ อีกหนึ่งวัน นับวาผานพนไปแลว
เขาลืมตาขึ้น ดึงสายตากลับจากประตูจวน แลวหันมองจวนหมิงอองทั้งหลัง
ใกลถึงเทศกาลตรุษจีนเต็มที แมหมิงอองยังไมกลับมา แตในวังยังคงใหความสําคัญ
เห็นไดจากกองของขวัญที่สงมอบมา
คนในจวนแมมีกันไมมาก แตก็ตองเฉลิมฉลองเทศกาลสักครั้ง ในจวนจึงประดับ
ตกแตงจนไดบรรยากาศเทศกาลตรุษจีนพอประมาณ
ยังดี!
ดูไปแลว ศีรษะของตนยังมีโอกาสไดฉลองปใหมกับเขาบาง!
หลังจางปงลี่จากไป ถึงลูสวินอี้รูวาคําพูดของจางปงลี่เปนเพียงการขมขู แตเขาก็
ตระหนักดีวาชีวิตนี้อาจถูกธนูหมื่นเลมปกอกไดในชั่วพริบตา
แตเขาก็ไมหนีไปไหน และไมไดสั่งใหคนในจวนเตรียมตัวรับมือใหพรอมในทุกเวลา
แตอยางใด
มิใชไมกลัวตาย แตเมื่ออยูในเมืองหลวง ก็เหมือนอยูในกํามือราชสํานัก ลําพังเขาลูส
วินอี้ ลําพังคนไมกี่คนในจวนหมิงออง จะสามารถตานทานอยางไรไหว?
หากราชสํานักตองการชีวิตเขาเพื่อปลอบประโลมเขาซางชิงจริง หรือจะจับเขาไป
ทรมานเพื่อสอบถามชองทางการติดตอกับหมิงออง เชนนี้ การที่เขาจะหนีหรือไม เตรียม
รับมือหรือไม ก็ไมมีความหมายอะไร เมื่อตองเผชิญกับการลงดาบของราชสํานัก ตอตาน
อยางไรก็ลวนแลวแตไรประโยชน!
ทวายังดี เขาชนะพนันในครั้งนี้ ราชสํานักยังมิไดตัดสินใจทําอะไร
อาการปวดศีรษะขององคติ้งอูกําเริบขึ้นอีก
อาจเพราะออนลาตอเนื่องกันมานานหลายวัน บวกกับขาวที่จางปงลี่รายงานใหฟง
เมื่อชวงเที่ยง ทําใหเสวยมื้อกลางวันไมลง และมีสีหนาซีดขาว จนมหาดเล็กตองสง
พระองคไปยังตําหนักพระสนมหลัน
พระสนมหลัน หญิงสาวผูไดรับความรักความเอ็นดูจากองคจักรพรรดิติดตอกัน
หลายป ขณะที่นางกําลังกังวลใจมานานหลายวัน กลับคิดไมถึงวาจะไดพบหนาองค
จักรพรรดิอีกครั้ง
ตลอดชวงบาย หลังจากที่นางทุมเททักษะบีบนวดคลายเสนและรับใชพระองคอยาง
ระมัดระวังแลว องคติ้งอูก็คอยๆ สงบนิ่งลง และบรรทมไดในที่สุด
หรืออาจเพราะหลายวันมานี้ทรงคิดมากและเหนื่อยลาเกิน หลังจากบรรทมกลางวัน
ก็ทรงบรรทมยาวไปจนถึงค่ํามืด
หางจากตั่งไมไกล ไดยินบาวรับใชรายงานเสียงต่ํา
“เรียนพระสนม ใตเทาจางยังรออยู...”
พระสนมหลันกําลังนั่งแตงหนาอยางประณีตบนตั่ง แมมิไดอยูในวัยยี่สิบแปดแลว
แตใบหนาภายใตดวงโคม ยังดูเปลงปลั่ง สูงสงอยางหาที่เปรียบมิได
เมื่อไดยินรายงาน นางก็ลุกขึ้น แลวคอยๆ เดินไปหนาประตู มองดูบาวรับใช กอน
พูดตอบอยางอารมณดี
“ฝาบาททรงเหนื่อยแลว บอกใตเทาจางวา หากมีเรื่องราชการหารือ รอใหทรงตื่น
บรรทมกอนคอยมาใหม”
“พระสนม...” บาวรับใชมีสีหนาขมขื่นใจ เงยหนาขึ้นเล็กนอย เหมือนอยากพูดอะไร
แตไมกลา
ภายใตดวงโคม พระสนมหลันเหลือบตามองเขา กอนยกมุมปากขึ้นเล็กนอย แลววา
“ทําไม? กลัวใตเทาจางจะกินเจาหรือไร?”
“พระสนม!” บาวรับใชรีบคุกเขายอมรับ “ครั้งกอนใตเทาจางบอกวา หาก
กระหมอมกลาทําใหการใหญชักชาเสียเวลา จะเอาศีรษะกระหมอม...”
“เจาไปบอกเขาวา ขาเปนคนพูดเอง!” สนมหลันเชิดหนา แตน้ําเสียงยังคงออนโยน
“พระสนม ใตเทาจาง ใตเทาจางเขา...”
บาวรับใชยังคงไมถอยออก เห็นชัดวาลําบากใจยิ่ง ยังคงคุกเขาไมยอมลุก
“ทําไม เขาทําใหเจาตกใจขนาดนี้แลว ยังกลาเอาชีวิตขาอีกรึ?” สนมหลันเริ่มไม
พอใจ
บาวรับใชคุกเขากมหนา “พระสนม ฝาบาททรงกําชับ...”
สนมหลันเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนอึดอัดใจ
“ก็จริง ขาก็เคยถูกฝาบาทตําหนิ ไหนเลยจะกลาลบหลูใตเทาจาง”
วาแลวสนมหลันก็หันกาย เดินกลับไปยืนขางตั่ง มองดูองคติ้งอูที่บรรทมสนิทอยูสัก
พัก แลวจึงหันกายเดินกลับไปที่หนาประตู พูดเสียงเบา
“วันนี้ฝาบาททรงกริ้วมาก ทําใหอาการปวดศีรษะกําเริบ อาจเพราะทรงพบ
ความผิดอะไรเขา ไดยินวาทรงกริ้วขณะใตเทาจางเขาหารือราชการดวย ตอนนี้ใตเทา
จางมาเฝา เกรงวาอาจไมเปนผลดีตอสุขภาพฝาบาทที่เพิ่งฟนฟู ขาไรสามารถ ไมอาจรับ
เรื่องแทนฝาบาทก็จริง แตก็ไมสามารถอนุญาตใหใครรบกวนการพักผอนของฝาบาท
เชนกัน เจาไปเถิด พูดตามที่ขาพูด รอใหฝาบาทตื่นแลว ขาจะรายงานใหทรงทราบเอง!”
บาวรับใชไดฟงดังนีก้ ็ลุกขึ้นยืนพรอมสีหนาขมขื่น แตยังอดไมไดที่จะย้ําเตือน
“พระสนม คือ...”
“ไมตองพูดแลว ฝาบาทคิดแกไขปญหาบานเมืองที่ยุงวุนวาย จึงทรงงานอยางหนัก
ตรากตรําพระวรกายติดตอกันนานหลายวัน ขารูวาใตเทาจางมาคราวนี้ ตองมีเรื่องใหญ
มากแน แตสําหรับขาแลว กลับไมมีเรื่องใดสําคัญไปกวาสุขภาพที่แข็งแรงของฝาบาท
หลังจากฝาบาทตื่นแลว ขาคอยขอรับโทษจากใตเทาจาง หรือถาทําใหเสียการใหญจริงๆ
ก็คอยขอใหฝาบาทตัดศีรษะขาก็แลวกัน ขายอมรับไดทุกอยาง ขอเพียงสามารถทําใหฝา
บาทไดทรงพักผอนอยางสงบนิ่งก็พอ...”
“พระสนม...” บาวรับใชรองเสียงสูงอยางรอนรน
“ชางเถอะ ไมจําเปนตองพูดมากอีก ฝาบาททรงมีพระคุณยิ่งตอพวกเราๆ ไมตอง
สนใจเรื่องอื่น เพียงรับใชฝาบาทใหดีเปนพอ เรื่องชาติบานเมืองอะไรนั่น สําหรับพวกเรา
แลวลวนไมสําคัญ สุขภาพฝาบาทเทานั้นที่สําคัญ! เจาอยูขางกายขามานานหลายป เหตุ
ใดยังไมรนู ิสัยขาอีก? ไปเถอะ อยารบกวนขา หาไมแลวถาขาลงโทษเจาอยางหนัก ก็อยา
มาโทษขาก็แลวกัน!”
คําพูดจริงจังทําเอาบาวรับใชที่เพิ่งลุกขึ้นยืนตกใจ คุกเขาลงไปใหม เสียงดังกึก
“ขอพระสนมทรงอภัย กระหมอม...”
“เอะอะอะไรกัน!”
ขณะบาวรับใชกําลังโขกศีรษะ พลันไดยินเสียงดังมาจากบนตั่ง เสียงบางเบาแต
ยังคงทรงอานุภาพ
ตอมา บรรยากาศรอบดานพลันนิ่งคาง บาวรับใชตัวสั่นเล็กนอย ไมกลาสงเสียงใดๆ
อีก
สนมหลันตัวแข็งทื่อ แตก็เรียกสติกลับไดในพริบตา รีบหันกายมองไปที่ตั่ง
เห็นองคติ้งอูนอนลืมตาอยูบนตั่งแลว และกําลังคอยๆ ลุกขึ้นนั่ง กอนหันมองมายัง
คนทั้งสอง
สนมหลันรีบถวายความเคารพ
“หมอมฉันผิดไปแลวที่สงเสียงรบกวน ทําใหฝาบาทตื่นบรรทม!”
องคติ้งอูใชมือจับหนาผากตนเอง จองมองสนมหลัน แลวจึงโบกมือเบาๆ
“ไมเปนไร” วาแลวก็มองดูสีทองฟา กอนพูดเสียงเบา
“กี่โมงกี่ยามแลวนี่?”
สนมหลันรีบลุกขึ้นแลวเดินเขานั่งลงขางกายฝาบาท กลั้นหัวเราะกอนตอบเสียงเบา
“เพิ่งไดเวลาอาหารค่ําเพคะ ฝาบาทนาจะทรงหิวแลว หมอมฉันใหคนตุน...”
องคติ้งอูมองดูทองฟาอีกครั้ง สายพระพักตร กอนยื่นหัตถออก สนมหลันรีบจับพระ
หัตถไว
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบๆ เหมือนเพิ่งเห็นวามีบาวรับใชคุกเขาอยู จึง
ตรัสถาม “มีเรื่องอะไรกัน?”
“เจียงฝูมาถามถึงสํารับมื้อค่ําเพคะ ไมคิดวาจะรบกวนฝาบาท หมอมฉันไมรอบคอบ
เอง ควรถามใหไกลออกไปอีกหนอย ขออภัยดวยเพคะ!”
สนมหลันเหลือบมองบาวรับใชที่คุกเขา แลวพูดพลางยิ้มกับองคติ้งอู
องคติ้งอูไดยินดังนั้นก็ทรงสายศีรษะ แสดงวาไมเปนไร กอนเดินไปนั่งที่โตะโดยมี
สนมหลันคอยพยุง
สนมหลันหันไปพูดกับบาวรับใช
“ยังไมไปเตรียมมื้อเย็นใหฝาบาทอีก!”
เห็นบาวรับใชยืนเกๆ กังๆ ยังไมจากไป องคติ้งอูจึงเหลือบมองแผนหลังของเขา
แลวมองดูรางอรชรออนแอนของสนมหลันที่เดินเขาไปสั่งงาน แลวก็มิไดพูดอะไร
เมื่อสํารับมื้อค่ํามาถึง องคติ้งอูเสวยไมมากนัก สนมหลันจึงถามขึ้นดวยความหวงใย
“หลายวันมานี้ฝาบาททรงตรากตรําพระวรกายจนเกินกําลัง เดี๋ยวหมอมฉันจะคอย
ปรนนิบัติตอนสรงน้ํา คืนนี้ฝาบาทจะไดเขาบรรทมเร็วขึ้น!”
องคติ้งอูพ ยักหนา กอนพูดขึ้นลอยๆ “ดานนอกถามีเรื่องสําคัญก็ชวยบอกขาดวย!”
สนมหลันหนาซีดเล็กนอย รีบลุกจากเกาอี้ คุกเขาลงใหองคติ้งอู “หมอมฉันผิดไป
แลว!”
“อะไรกันพระสนม...” องคติ้งอูมองการกระทําของนาง กอนลุกขึ้นยืน ยื่นมือเขา
พยุงนางใหลุกขึ้น
สนมหลันน้ําตาคลอเบาพลางสารภาพความผิด “ฝาบาท กอนหนานี้ใตเทาจางมาเพ
คะ แตหมอมฉันเห็นทรงบรรทมอยู จึงไมอยากรบกวน...”
“เหลวไหล!” องคติ้งอูเอ็ดพรอมสีหนาขึงขัง
“ขอทรงอภัยใหหมอมฉันดวย!”
ไดยินเสียงดังกึกมาจากดานนอก ที่แทบาวรับใชเจียงฝูคุกเขาลงออนวอน
“พระอาญาไมพนเกลา เปนความผิดของกระหมอมเองพะยะคะ ฝาบาท...”
องคติ้งอูเงยหนาขึ้น กวาดตามองบาวรับใชอยางดุดัน กอนเอยปาก “นําตัว
ออกไป!”
เสียงไมดังมาก แตประหนึ่งสายฟาฟาด
บาวรับใชตัวสั่นงันงก ลมตัวลงนั่งทันที ทหารยามติดอาวุธที่อยูดานนอกสองคนเดิน
เขามา หิ้วปกซายขวา ลากตัวเขาออกไป
สาวใชทุกนางในพระตําหนักรีบคุกเขาลงทันที ไมมีสุมเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก
อํานาจองคจักรพรรดิ ตัดสินความเปนตาย!
องคติ้งอูน ั่งอยูตรงนั้นโดยไมขยับเขยื้อน มองดูรางอันชดชอยของสนมหลันที่กําลัง
คุกเขาเนื้อตัวสั่นเทาเชนเดียวกัน
สักพักจึงเอยปากขึ้นดวยน้ําเสียงที่ออนโยนลง “ไปเชิญใตเทาจางเขามา!”
“เพคะ” เสียงขานรับจากดานนอก
ภายในหองเงียบกริบ คนในพระตําหนักทั้งหมดไมกลาสงเสียง รอจนฝเทาผูที่อยู
ดานนอกจากไปไกล องคติ้งอูจึงคอยพูดขึ้น “ลุกขึ้นเถิด”
สนมหลันจึงคอยๆ เงยใบหนาที่ซีดขาวขึ้น แววตากระดากอาย “ฝาบาท...”
องคติ้งอูมองทาทางนางดวยแววตาออนโยน พลางลุกขึ้นพยุงนางเปนครั้งที่สอง รอ
จนนั่งกันเรียบรอย คอยพูดขึ้นดวยน้ําเสียงจริงจัง
“พระสนม ตั้งแตขาสืบทอดตําแหนงมา ก็ไมกลาหยอนยานแมสักวัน เหลาขุนนางมี
เรื่องสําคัญรายงาน ขาไหนเลยยังนอนหลับอุตุอยูได ตอไปตองพิจารณาความหนักเบา
ของเรื่อง อยาเอาแตอารมณ!”
สนมหลันน้ําตานองหนา ทําทาจะคุกเขาลงอีก แตถูกองคติ้งอูปรามไว “หมอมฉัน
สมควรตาย ไมไดคิดถึงสวนรวม เขาใจผิดในพระปรีชาญาณ พระอาญาไมพนเกลา!”
ริมฝปากองคติ้งอูป รากฏรอยยิ้มนอยๆ สายหนาเบาๆ ผายมือไปยังผูที่อยูรอบๆ
“ใหพวกเขาทุกคนออกไปเถิด!”
สนมหลันรีบขานรับ กอนนําชุดชงชามาชงน้ําชาใหฝาบาทดวยตนเอง
ไมนานนัก จางปงลี่ก็เขามา
เพิ่งถวายความเคารพเรียบรอย สนมหลันก็กลาวสารภาพผิดกับตนทันที “ใตเทา
จาง ขาทําใหงานการของทานชักชา ขออยาไดถือโทษโกรธเคืองกัน!”
“พระสนมอยาไดกลาวเชนนี้ กระหมอมรับไมไหวจริงๆ!” จางปงลี่รีบคุกเขาลง
องคติ้งอูเหลือบเห็นทาทางลําบากใจของจางปงลี่ จึงพูดขึ้นอยางเย็นชา
“เจียงฝูนั่นโอหังเกินไป ไมใสใจในกฎระเบียบ ตอไปสนมหลันตองอบรมสั่งสอนบาว
ไพรใหดี หวังวาจะไมเห็นผูที่ไมแยกแยะเรื่องหนักเบาในตําหนักนี้อีก ใตเทาจางเปนขุน
นางสําคัญของบานเมือง ไหนเลยจะตองมาเสียเวลาเพราะบาวไพร อยาใหมีคราวหนาก็
แลวกัน”
ตอน 253 ใจจักรพรรดิขององคตงิ้ อู
“เพคะ หมอมฉันจะจดจําไว!” สนมหลันแสดงความเคารพฝาบาทอีก
จางปงลี่ไดยินก็ชะงักเล็กนอย กมศีรษะลงพลางวา “ฝาบาทกลาวเกินไปพะยะคะ!”
“เอาเถอะ ขามีเรื่องตองทําอีกมาก ยามดึกจึงจะกลับมา!” องคติ้งอูลุกขึ้นยืน หัน
กายเดินออกนอกประตูไป
จางปงลี่รูสึกโลงอก เงยหนามองสนมหลันที่ยืนนอมสงเสด็จ เขาโคงตัวใหนางอีก
ครั้ง ครั้งนี้ใหความเคารพกวาครั้งกอน แลวพูดขึ้นอยางระมัดระวัง
“พระสนม กระหมอมขอตัว!”
“ใตเทาจางตามสบาย!”
ใบหนาสนมหลันเต็มไปดวยรอยยิ้มอันอบอุน พรอมมารยาทงามทุกกระเบียดนิ้ว
ขณะมองดูทาทางของนาง จางปงลี่ยังไมรูวาในตําหนักเกิดเรื่องอะไรขึ้น แตใจเขา
เหมือนถูกคอนทุบอยางแรง ดวยรูวาตองเกิดปญหาใหญขึ้นแน
เกรงวาสนมหลันทานนี้คงไดใจฝาบาทไปแลวจริงๆ ตอไปภายภาคหนาฮองเฮาคง
ลําบากใจยิ่ง
เขายืดตัวตรง เดินตามฝาบาทไปดวยฝเทาอันหนักหนวง
เขาไมคิดยุงเรื่องในวัง และยุงไมไหวดวย แตฮองเฮาเปนพระมารดาของหมิงอองนี่
สิ!
ภายใตสถานการณเชนนี้ ดานหมิงอองตองมีปญหากับที่นี่แน เกี่ยวกับฮองเฮา จาง
ปงลี่ไมสงสัยแมแตนอยวาจะกลายเปนน้ําหนักสําคัญที่ทําใหหมิงอองแตกหักกับราช
สํานักจริงๆ
หลายวันกอน เห็นชัดวาฝาบาททรงตระหนักถึงปญหานี้ จึงจงใจทิง้ ระยะหางกับ
สนมหลัน แตเหตุใดวันนี้...
“ยังดีที่พวกลูสวินอี้เปนขุนนางนอกวัง เรื่องในวังเหลานี้ หมิงอองยังยากที่จะเขาใจ
ไดในเวลาอันสั้น!” จางปงลี่ไดแตปลอบใจตนเอง
กอนจากไป เขายังหนักใจไมหาย จึงกวาดตามองบาวไพรในตําหนัก และรูสึกวาตอง
ตรวจสอบคนเหลานี้อยางเขมงวดเสียที ดูตามสถานการณแลว เกรงวาฝาบาทคงตองมา
อีกหลายครั้ง ตองไมใหคนเหลานี้นําไปพูดเหลวไหล ถึงรูดีวาเสียแรงเปลา แต...ยืดเวลา
ออกไปไดอีกวันก็ยอมดีกวา
ทาทางขึงขังจริงจังขององคติ้งอู ดูไมออกวาเปนน้ําหรือไฟ ยินดีหรือโกรธเคือง
ทวาในสายตาของจางปงลี่ ทาทางขององคติ้งอูในตอนนี้ดีกวาเมื่อกลางวันที่ระเบิด
อารมณรุนแรงออกมา
“ชงเสวียนรอเขาเฝาจนถึงค่ํา คอยกลับออกไป” จางปงลี่เหลือบมองอารมณของ
องคติ้งอูอกี ครั้ง กอนพูดเนิ่บๆ
“ดูตามสถานการณ ครั้งนี้พวกเขากระตือรือรนกันแลวจริงๆ ”
องคติ้งอูห ลุบตาลงมองโตะ ในใจรูสึกเครียดขึ้ง
“เจาวา หากเหมยจื้อเฟงถูกสังหารจริง เขาซางชิงจะทําอยางไร สํานักเตารอยแปด
สํานักจะทําอยางไร โจรถอยหลินกับเหลาขุนศึกจะทําอยางไร?”
จางปงลี่กมศีรษะลงเล็กนอย “ชีวิตของเหมยจื้อเฟง เดิมทีไมสําคัญนัก แมเขาเปน
หลานศิษยจอมยุทธ แตหมิงอองก็เปนเชื้อพระวงศ ปนั้นเหมยจื้อเฟงกลาลงมือกับหมิง
ออง ตอนนี้ถาหมิงอองจะแกแคนโดยการเอาชีวิตเขา ก็ไมใชเรื่องเกินกวาเหตุ”
เมื่อพูดถึงเรื่องในปนั้น ความโกรธแคนจากจิตใตสํานึกขององคติ้งอูก ็คุกรุนขึ้น แต
เมื่อทรงเปนจักรพรรดิ จึงไมอาจสงเสียงใดๆ ออกมา
“แตเรื่องผานมาหลายปแลว และหมิงอองในตอนนี้ก็ไมใชหมิงอองในปนั้น ถา
สังหารเหมยจื้อเฟง ความหมายจะไมเหมือนเดิม ผูคนในใตหลาไมมีใครมองวาเปนการ
แกแคนสวนตัวแน”
เห็นไดชัดวา ไมสามารถเปลี่ยนเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็กได
เมื่อเห็นวาองคติ้งอูมิไดตอบรับหรือปฏิเสธ จางปงลี่จึงพูดตอ
“แตถาเปนเชนนี้จริง และสุดทายหมิงอองเขนฆาศิษยเขาซางชิงดวย ก็ไมมีผลอะไร
แมตอนนั้นหมิงอองจะยกความผิดทั้งหมดใหคนเถื่อน แลวใหหนทางถอยกับเขาซางชิง
และสํานักเตาตางๆ แตตอนนี้หมิงอองกลับไวชีวิตเหมยจื้อเฟง มิไดสังหาร ซึ่งเขาซางชิง
ก็รับมือโดยการเรียกประชุมสํานักเตาทุกสํานัก หารือเกี่ยวกับชีวิตของเหมยจื้อเฟง แต
แทจริงแลวกลัวหมิงอองจะเห็นชีวิตศิษยสํานักเตาเปนผักปลามากวา ดังนั้นจึงคิดกดดัน
กลับ โดยใชบรรยากาศเชนนี้สรางแรงกดดัน แสดงใหผูคนเห็นบารมีของสํานักเตา หาก
กระทั่งหลานศิษยจอมยุทธหมิงอองยังกลาฆา แลวตอไปยังจะมีใครในสํานักเตาที่ฆา
ไมไดอีก?”
องคติ้งอูแววตาวูบไหวเล็กนอย พูดตอวา
“ไมเพียงเทานี้ หมิงอองบอกจะฆาคนของสํานักเตาก็ตองฆา ยอมทําใหสํานักเตาแต
ละแหงใจไมดี ซึ่งครั้งนี้สํานักเตาตางมาก็เพราะเรื่องเขาซางชิง ที่สําคัญคือพวกเขากลัว
วาเหมยจื้อเฟงจะกลายเปนชนวนเหตุแหงความขัดแยง กลัววาขาจะทุบหมอขาวตีเมือง
โดยใชโอกาสที่หมิงอองฆาเหมยจื้อเฟง ลางบางเขาซางชิงในคราวเดียว ทําลายสภาวะ
หวาดกลัวและคิดประนีประนอมซึ่งกันและกันของราชสํานักและสํานักเตาทิ้งเสีย”
“ฝาบาททรงพระปรีชาญาณยิ่ง!” จางปงลี่โคงตัวดวยความชื่นชม กอนขยายความ
อยางเครงขรึม “ที่เปนเชนนี้เพราะราชสํานักคิดจัดการความยุงเหยิงภายใน ดวยที่ผาน
มาแมทัพนายกองหลายทานมีจิตใจไมมั่นคง รูสึกหวาดหวั่นและกังวลใจ ทําใหรบกับ
ศัตรูตางชาติไดไมเต็มที่”
ปง! องคติ้งอูตบโตะ ที่สุดแลวก็อดกลั้นความโกรธไวไมอยู
แนนอน เมื่อเปนประมุขของประเทศและตองเผชิญกับสภาวะเชนนี้ ไหนเลยจะ
ยินยอมได
ทวาพระองคมิใชจกั รพรรดิไรสติ ตอนนี้จึงมิไดฟาดงวงฟาดงาออกมา ยังคงนิ่งเงียบ
จางปงลี่หยุดพูด แตพอเห็นองคติ้งอูไมมีปฏิกิริยาเพิ่มเติม ยังคงเยือกเย็นอยู จึงพูด
ตอ “ตอนนี้ ที่หมิงอองไวชวี ิตเหมยจื้อเฟง ก็เพื่อแสดงใหเห็นทาทีประนีประนอม เปน
การสรางความกดดันและใหความหวังพวกเขาไปในตัว ซึ่งในสายตาของพวกเขา การมา
ประชุมกันในเมืองหลวงครั้งนี้ เปนการหารือที่ละเอียดออน เปนการเจรจาเพื่อ
ผลประโยชน ขณะเดียวกันก็ใชโอกาสนี้นําจุดแข็งของทั้งสองฝายมาถกกัน เพื่อสราง
ขวัญกําลังใจใหศิษยทุกคน ดังนี้เหลาสํานักเตาตางมาดวยเเรื่องเขาซางชิง ดูเหมือน
สนับสนุนเขาซางชิง แตจริงๆ แลวพวกเขาไดถือวาเรื่องนี้เปนเรื่องของสํานักตนไปแลว”
องคติ้งอูคอยๆ ถอนหายใจ แววตาล้ําลึก แตแลวพลันเงยหนา
“เรื่องหมิงอองประมือกับจอมยุทธจึงไมใชความลับอีก สามารถทําใหเรื่องนี้
กลายเปนเรื่องงายกวานี้ไดหรือไม ทําใหสํานักเตาตางๆ เขาใจวาเรื่องนี้เปนการประลอง
ยุทธแกแคนสวนตัวโดยไมลามไปถึงเรื่องอื่น”
จางปงลี่ครุนคิดสักพัก สุดทายก็เงยหนาขึ้น
“ฝาบาท ที่สําคัญคือเราไดยื่นมือเขาไปเกี่ยวของแลว!”
“หือ?” องคติ้งอูคิ้วกระตุก
“หมิงออง!” จางปงลี่เปลงเสียงออกมาสองคํา แลวจึงหลุบตาลงอยางออนลา
องคติ้งอูฟ งแลวก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ยากแยกแยะความหมายของยิ้มนี้ ได
แตฟงคําตรัส “ใช...ขาเปนประมุขของประเทศ โอรสขายอมเปนอองของประเทศ หรือ
ขายังสามารถนิ่งดูดายใหผูใดมาประหัตประหารโอรสตอหนาผูคนโดยไมสนใจความเปน
ตายของโอรสได?”
จางปงลี่ไมกลาวิพากษวิจารณวาที่สุดแลวองคจักรพรรดิสนใจหรือไม เขาไดแตพูด
ตอ “ดังนั้นตอนนี้ ยังไมตองพูดเรื่องหมิงอองจะประมือกับจอมยุทธหรือไม พูดเพียงเรื่อง
เหมยจื้อเฟง ซึ่งไดกลายเปนหัวใจสําคัญของสํานักเตาไปแลว ถาเขาตาย สํานักเตายอม
ตองยุงเหยิง!”
องคติ้งอูน ิ่งเงียบ ไมพูดอะไรอีก
จางปงลี่ก็เงียบเชนกัน เดิมทีคําพูดนี้ไมจําเปนตองพูด หากไมชัดเจนเรื่องพวกนี้ เขา
คงไมรอนรนจนไฟลุกทวมตัว ตองรีบวิ่งไปหาลูสวินอี้ที่จวนหมิงออง
แตจะไมวเิ คราะหก็ไมได เพราะองคจักรพรรดิและขุนนางตางก็รูดีวา หมิงออง
ควบคุมไมไดหรอก!
จางปงลี่เงียบไปครูใหญ คอยเอยปากขึ้นอีกครั้ง โดยเปลี่ยนหัวขอเปนวิธีแกไข
ปญหา
“เหมยจื้อเฟงตายไมได มิฉะนั้นแลวจะไมเปนผลดีกับทุกฝาย!”
องคติ้งอูกําหมัดหลวมๆ หรี่ตามองจางปงลี่
จางปงลี่จึงรูสึกกระอักกระอวนใจ หายใจเขาลึกๆ แลววา
“กระหมอมไมแนะนําใหลงมือกับลูสวินอี้ เพราะเปนหวงวาเมื่อจับเขาไวแลว เราก็
ยังคงหาวิธีติดตอกับหมิงอองไมไดอยูด ี แมนับวามีชองทาง หมิงอองก็อาจไมตอบ อีกทั้ง
ลาสุดลูสวินอี้ไดบอกกับกระหมอมวา ถาจับเขาไวเมื่อไหร หมิงอองจะรีบจับกระบี่แลว
เดินทางขึ้นเขาซางชิงทันที ทําใหกระหมอมรูสึกไมมั่นใจขึ้นมาจริงๆ !”
ชวงกลางวัน องคติ้งอูกริ้ว ตองการจับตัวลูสวินอี้จอมอหังการใหได แตจางปงลี่กลับ
ไมเห็นดวย
องคติ้งอูจงึ อดไมไดที่จะสายศีรษะ แลวเดินไปที่หนาตาง จองมองไปยังทิศที่ตั้งของ
เมืองหมิงจู เรื่องมาถึงขั้นนี้แลว เขายังมองไมออกวาโอรสที่อยูหางไกลแทจริงแลวเปน
อยางไรกันแน กระทั่งคิดก็ยังไมมีปญญาจะคิด เพราะไมมีขอมูลอางอิงใดๆ
เชนเดียวกับที่จางปงลี่พูด หมิงอองเปนคนเชนไร
ภาพทรงจําที่มีอยูรางเลือนเต็มที หรือแมไมรางเลือนก็ไรประโยชน เพราะองคติ้งอู
มั่นใจวานั่นมิใชโอรสผูไมรูอิโหนอิเหนที่ตนเคยรูจักแน
ที่จางปงลี่บอกไมมั่นใจ เพราะเห็นแกหนาองคติ้งอู ซึ่งความจริงแลวในใจของทั้ง
สองยอมชัดเจนในภาพลักษณที่แข็งกราวของหมิงอองดี ดังนั้นที่ลูสวินอี้พูดก็คงมิไดเปน
การลอเลน
“เชนนี้ มีทางเดียวคือฆาใหตายหรือ?” น้ําเสียงองคติ้งอูด ูออนลาและคลายมีความ
กดดันอยูบาง
ฆาใหตาย ฆาใคร?
แนนอนวาเปนลูสวินอี้
จางปงลี่มิไดตอบในทันที เขายืนอยูดานหลังองคติ้งอูและกมศีรษะอยูนาน คอยพูด
เสียงเบาออกมา
“ที่สุดแลวหากเกิดผลลบ อาจมีเพียงวิธีนี้ที่จะลดผลกระทบในดานตางๆ เพราะ
สํานักเตารอยแปดสํานักแทจริงแลวกังวลตอทาทีของฝาบาท แมการฆาลูสวินอี้จะไม
สามารถทําใหเขาซางชิงสงบลงไดก็จริง แตอยางนอยอาจทําใหสํานักเตาบางสํานักลังเล
ใจ ไมทําใหพวกเขารวมตัวกันจนกลายเปนหมาจนตรอกที่กระโดดหนีตายกันจาละหวั่น
และยังลดความกดดันของพวกเราลงอีก แตถึงตอนนั้นก็เกรงวายังไมอาจปลอยวางลง
เพราะมีคนมากมายที่คิดไมซื่อ และขณะสถานการณภายในของเรายังคงวุนวาย
ประเทศฉียอมไมปลอยโอกาสใหเสียไปแน นอกจากนี้ พอฆาลูสวินอี้...”
พอฆาลูสวินอี้
องคติ้งอูคอยๆ หลับตาลง ใชแลว พอฆาลูสวินอี้...ไม...ลูสวินอี้หรือ?
ไมใชลูสวินอี้ แตเปนจวนหมิงออง!
เปนการทําลายทุกอยางในจวนหมิงออง ไลจวนหมิงอองใหออกจากเชื้อพระวงศ
คาดโทษใหกับโอรสของตน เพื่อใหเหลืออํานาจเพียงหนึง่ เดียว!
ยังดีที่ในเมืองหลวงมีเพียงลูสวินอี้ หากมีญาติของหมิงอองอีก เชนพระชายา บุตร
ธิดา...
องคจักรพรรดิของประเทศอยางองคติ้งอูเคยสังหารโอรสมาแลวครั้งหนึ่ง แตครั้งนี้
การตัดสินใจเชนนี้ยอมไมดีแน
จางปงลี่มองดูฝาบาท แลวจึงโคงตัว กอนพูดดวยน้ําเสียงแนวแน
“ขอฝาบาททรงเมตตา เมื่อเรื่องยังไมถึงที่สุด กระหมอมยอมตองพยายามหาทาง
แกไขใหจงได!”
องคติ้งอูห ันกลับมามองเขา สักพักก็สายพระพักตร
“ไปเถิด ไปบอกเขา!”
เขา!
ยอมไมใชลูสวินอี้
จางปงลี่รูอยางแจมแจงวา ฝาบาททรงตัดสินพระทัยแลว หากในที่สุดยังแกปญหา
ไมได เมื่อถึงยามคับขัน ฝาบาทจะเลือกผิดใจกับโอรส เมื่อเห็นการตัดสินใจเชนนี้ จางปง
ลี่ก็ไดแตพยายามจัดการเรื่องคน ไปยื่นคําขาดครั้งสุดทายกับลูสวินอี้อยางเปนทางการ
โดยหวังวาหมิงอองจะสามารถตระหนักถึงปญหารายแรงที่เชื่อมโยงกัน และไม
เดินทางผิด
จางปงลี่ไปแลว องคติ้งอูนั่งอยูคนเดียวสักพัก มหาดเล็กก็เขามา
องคติ้งอูมองดูรอบๆ หอง สุดทายก็เอยเสียงเบา “ไปตําหนักสนมหลัน!”
องคจักรพรรดิและขุนนาง ทั้งสองทานตางกลัดกลุมใจ
เขาซางชิงในตอนนี้ก็เริ่มดึงสํานักเตาหลายสํานักเขามาเกี่ยวของ กระตือรือรนสุดจะ
เปรียบในการเตรียมใชอํานาจอันยิ่งใหญกดดันตอบ
ขุนนางทุกยุคทุกสมัย ขุนนางระดับสูง ลวนรูสึกวาคืนนี้บรรยากาศตึงเครียดที่ไรรูป
กําลังหดตัวลงอยางชาๆ ทําใหใจคนสั่น ทวาตอนนี้เวลานี้ กลับไมมีใครสังเกตเห็นวา มี
รถมาคันหนึ่งกําลังวิ่งเขาสูเมืองหลวง
ตอน 254 อูป ระตูเมืองกลับสูตําแหนงเดิม
“เพิ่มเวลายืนยามลงโทษเราก็นาจะพอแลว เหตุใดตองริบเสื้อกันหนาวตัวใหม
ดวย?”
“นั่นนะสิ ดูๆ อากาศหนาวเชนนี้ ที่เราตรงนี้ก็ไมมีอะไรกําบังลมได ตองการใหเรา
หนาวตายชัดๆ ”
“ถารูแตแรกวาเปนอยางนี้ อยูในคุกเสียยังดีกวา อยางนอยก็ไมหนาว ไมหิว...”
“เบาเสียงกันหนอย อยาใหไดยินถึงหูเบื้องบนเขาละ!”
“กลัวอะไร อยางมากก็แคลาออก...”
“พอเถอะ พูดใหนอยๆ หนอย อยางนอยเราทุกคนก็ลวนมีความสามารถ วาแตครั้ง
นี้หัวหนาอูซวยจริงๆ ไดยินวาถูกทรมานจนไมเปนผูเปนคน ไมรูวาจะรอดชีวิตมาทัน
ฉลองปใหมหรือเปลา...”
เชาตรู ก็ไดยินเสียงทหารรักษาการณยืนกนดาวากลาวกลางลมหนาวที่หนาประตู
เมืองหลวง
พอมองไปอีกที ก็พบวาคนเหลานี้ที่แทก็คือเพื่อนทหารรวมทุกขรวมสุขที่ถูกจับเขา
หองขังพรอมอูประตูเมืองในวันนั้น แตไมรูเปนเพราะเหตุใดพวกเขาทั้งหมดถูกปลอย
ออกมา แตกลับไมมีอูประตูเมืองรวมอยูดวย ฟงจากที่คุยกัน เหมือนอูประตูเมืองยังถูก
ขังอยู
และขณะที่พวกเขากําลังบนกันอยางขมขื่นนั้น กลับไมทันเห็นวา มีรางที่ดูโซม
เล็กนอยรางหนึ่งกําลังเดินโซเซเขามา
อาจเปนเพราะคนผูนี้กมศีรษะและใสเครื่องแบบเหมือนกัน จึงไมมีใครสนใจ กระทั่ง
สามารถเดินไปยืนอยูตรงหนาพวกเขาโดยไมพูดอะไร ยื่นมือเขาจับตัวทหารซึ่งกําลังนั่ง
ดื่มสุราอบอุนรางกายอยูบนมานั่งเตี้ย แลวโยนออกไป...
“โอยยย.....”
เสียงรองครวญครางอยางเจ็บปวดดังขึ้นโดยไมคาดคิด ทุกคนมีสีหนาตื่นตะลึง จอง
มองไปยังแขกที่มิไดรับเชิญ แตอยางไรก็นึกไมออกจริงๆ วา ในกลุมพวกเขามีใครกลา
โอหังเชนนี้ กินยาผิดขวดหรือเปลา?
แลวผูที่ลมลงเมื่อครูก็เดือดดาล ดาทอออกมา
“ขาจะ***บรรพบุรุษเจา...” แลวลุกขึ้นคิดเอาคืน
แตพอหันมองเพื่อนๆ กลับเห็นยืนกันตัวแข็ง กอนเห็นดวงตาดุดันที่จองมองตนเขม็ง
คอยรูสึกกระสับกระสาย เหงื่อหยดลงจากหนาผาก ริมฝปากขยับขึ้นลง พลางยิ้ม
แหงๆ
“เปน เปนทานนั่นเอง...หัว...หัวหนาอู”
“ออกไป!”
อูประตูเมืองกวาดตามองเพื่อนทหารทุกคนที่ถูกจับตัวไปพรอมๆ กับเขาในวันนั้น
สุดทายก็คอยๆ นั่งลงบนมานั่งเตี้ยพรอมสีหนาเครงเครียด ไมสนใจสุราบนโตะวาเปน
ของใคร ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดดวยความกระหาย
กลุมทหารมีสีหนาลําบากใจ หันมองสบตากัน ไมรูวาควรทําอยางไรดี
“หัวหนาอู ทานออก...ออกมาแลว...”
ทหารผูซึ่งปกติไปไหนมาไหนกับอูประตูเมืองพูดขึ้นเพื่อคลายความอึดอัด แตยังไม
ทันพูดจบ อูประตูเมืองก็ลุกพรวด พรอมตะโกนเสียงดัง
“ออกไป...ออกไปใหหมด!”
“ทุกคนคิดวาลูกพี่จบชีวิตลงแลว”
“ทุกคนรีบไปเลียแขงเลียขาลูกชายใตเทาเจากรมศาสนา”
“ลูกพี่ดูเบาพวกเจาจริงๆ...ทําไดดี...แตละคนมีลูกไมไมใชยอย! พวกที่ราดน้ํา
โสโครกใสศีรษะลูกพี่ ทาทางจะคิดกันมาไมนอย ลวนอยากใหลูกพี่ตายใชไหม!”
“แลวคนพวกนี้สามารถเอาชีวิตลูกพี่ไดหรือเปลา? ใหความกลามันไป มันยังไมกลา
ตัดศีรษะลูกพี่ดวยซ้ํา!”
“ได ยอมไดแนนอน แตลูกพี่ยังไมตายนี่ เกรงวาพวกเจาคงตองรอบคอบกันหนอย
เพราะลูกพี่เปนคนมีแคนตองชําระ ตั้งแตวันนี้เปนตนไป พวกเจาระวังตัวกันใหดีละ ทาง
ที่ดีอยาใหลูกพี่จับได มิฉะนั้นอยาหาวาผูแซอูเ**ยมโหดใจดําก็แลวกัน”
แลวอูประตูเมืองก็หนาดําคร่ําเครียด งานการไมทํา นั่งดื่มสุราแกลมถั่วอยูตรงนั้น
พลางเงยหนามองเหลาทหารที่ทํางานกันอยางกระวนกระวายใจเปนระยะ แลวยิ้มเย็น
ชาออกมา ทุกครั้งที่เขามองใคร คนผูนั้นพลันหนาซีดขาว รูสึกหนาวเหน็บโดยไมรูตัว
พวกเขารูสึกกลัวจริงๆ คิดไมถึงวาอูประตูเมืองทําเรื่องใหญขนาดนี้ แตกลับออกมา
จากหองขังไดอยางไมสึกหรอแมแตนอย แถมยังสามารถดํารงตําแหนงหัวหนาทหาร
รักษาการณประตูเมืองเหมือนเดิมอีก
เหลาทหารเหงื่อตกไปตามๆ กัน มองตากัน หนังตากระตุกไมหยุด!
การที่อูประตูเมืองโมโหโทโส ทันทีที่กลับมา ก็เพียงพอที่จะพิสูจนใหเห็นชัดวาเขา
ตัดสินใจหักกับเพื่อนผูรวมเปนรวมตาย รวมทุกขรวมสุขกันมา
อันที่จริง วันที่คนเหลานี้ถูกจับเขาหองขัง คืนนั้นก็ถูกปลอยตัวออกทันที แตอูประตู
เมืองกลับถูกขังมาจนถึงวันนี้ จึงเห็นปญหาที่เกิดขึ้นอยางชัดเจน
ซึ่งขณะนีไ้ ดเกิดหลักจริยธรรมที่หาไดยากยิ่งหนาประตูเมือง ไมไดยินเหลาทหาร
พูดจาแบบนักเลงอันธพาลอีก ทําเอาพอคาวานิชที่ผานเขาออกเมืองบอยๆ ยังอดแปลก
ใจไมได หรือคนตางถิ่นที่รีบรอนมาถึงก็ยังอยากมาเมืองหลวงอีก ดูไปแลว สิ่งแวดลอมที่
ดีงามเชนนี้ ยอมไมเหมือนพื้นที่อื่น เปนเมืองหลวงที่เชิดหนาชูตาของประเทศชาติจริงๆ
ตื่นเตนเมื่อใกลถึงบาน
คําคํานี้เห็นทีจะไมเหมาะนัก แตสามารถพูดเชนนี้ไดในอดีต เพราะนางเติบโตที่นี่
ยอมคิดถึงเปนธรรมดา
ทวาตั้งแตปที่หมิงอองออกจากเมืองหลวงและตระกูลหลินกบฏ สําหรับนางแลว ที่นี่
ก็ไมใชบานเกิดอีกตอไป หนําซ้ํายังกลายเปนเขตหามเขา
แตวันนี้ขณะนั่งอยูใ นรถมา รอการตรวจตราของดานประตูเมือง ดวงตาที่อางวาง
ของนางกลับวูบไหว คนเราขอเพียงไมตาย ยอมมีความรูสึก!
ชีวิตคนมีคายิ่ง ไมมีเรื่องใดใหญไปกวาเกิด แก เจ็บ ตาย ซึ่งใชวาหลินซูอินจะไมเคย
คิดเรื่องความเปนความตาย แมนางเขาเปนศิษยสํานักเตา บําเพ็ญเพียรเพื่อใหมีอายุยืน
และหลุดพน ฝกการปลงตอชีวิตตามวิถีแหงเตา นางก็ควรปลดปลงตอทุกสิ่ง ไมควร
หวั่นไหวตอสิ่งเราในทางโลกไดงายๆ ยิ่งไมตองพูดถึงเรื่องการปลิดชีวิตตนเอง
ทวามุมมองของนางในตอนนี้ เปนมุมที่ยากอธิบาย ดวยไมเคยเตรียมใจรับเรื่องที่
เกิดขึ้นหลังจากคืนนั้นมากอน จึงไมใชเรื่องงายที่จะยอมรับ แตไมวาจะยอมรับหรือไม
นางก็หยิ่งทะนงเกิน
นางสูงสงดวยชาติตระกูล รูปโฉม พรสวรรคที่นาทึ่ง เหมือนสวรรคไดใหสิ่งล้ําคา
ทั้งหมดนี้กับนาง แลวจะไมใหนางหยิ่งทะนงไดอยางไร?
และคนเชนนี้ก็มักทําตามใจตัวเองเสียดวย!
พวกนางยากที่จะยอมรับความผิดหวัง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับตนเองแมเพียงเล็กนอย ก็
จะรูสึกเหมือนโลกทั้งใบถลมทลายลงตรงหนา
ปที่นางหนีออกจากจวนหมิงอองไปเปนศิษยเขาซางชิง นางไมรูสึกวาตนเองทําผิด
กลับรูสึกวาไดประนีประนอมกับโชคชะตาแลว เมื่อไมไดใชชีวิตคู ก็ขออยูคนเดียวดีกวา!
ตอนถูกเหมยจื้อเฟงเกี้ยว พูดยากวาจริงๆ แลวนางรูสึกหวั่นไหวหรือไม แตมั่นใจได
วา นางไมมีทางยอมเหมยจื้อเฟงแน ซึ่งความจริงแลวมิใชเพราะนางตองการรักษาความ
บริสุทธิ์ แตเปนเพราะนางตองการเปนตัวของตัวเอง
การไมยอมเหมยจื้อเฟงทําใหนางรูสึกภูมิใจในตนเอง ที่ยอมละทิ้งความสุขเพื่อ
พรหมจรรย นี่จึงจะคูควรกับความสูงสงของนาง
แตสําหรับหมิงออง นางรูสึกวาตนกําลังยึดติดกับอะไรสักอยาง ซึ่งมิใชความรัก แต
เปนการไมยอมแพ ซึ่งครั้งหนึ่งหมิงอองเคยทําเรื่องไรยางอายกับนางตอหนาผูคน ซึ่ง
หญิงสาวในใตหลาใครบางสามารถใหความจริงใจกับคนเชนนี้ อยาวาแตนางเปนถึงสาว
งามระดับประเทศ ไหนเลยจะยอม ยอมไมยอมแน
แตวันนี้ตอนนี้ หมิงอองกลับทําเรื่องนาทึ่งระดับประเทศ ชายหนุมในใตหลาจะมีสัก
กี่คนที่เปนวีรบุรุษ หากถามหญิงสาว สามีเชนนี้ใครบางที่ไมอยากได?
แตหลินซูอินกลับรูสึกวาไมใช ถาปนั้นตนยอมใหกับหมิงอองก็วาไปอยาง ยังไมตอง
พูดถึงเรื่องทางบานของทั้งสองฝาย พูดแตเรื่องถาคุณหนูผูหยิ่งทะนงยอมรับวาผิด ที่
ตอนนี้พอเห็นวาเขาเปนวีรบุรุษสะทานฟา ก็รีบยอมใหเขา ซึ่งยอมเปนไปไมได นางหยิ่ง
ทะนงเกิน สูงสงเกิน
ทวาคืนนั้น คืนที่ฉุกละหุก ไดกลายเปนคืนที่สิ้นสุดความยึดมั่นถือมั่นในตนเองและ
ความแคนที่ยากหาขอสรุปของนาง ความรูสึกนี้ คนธรรมดายากเขาใจยิ่งจริงๆ
ในรถมา หลินซูอินมีสีหนาซีดขาว
คืนนั้น เปนคืนที่นางไมเคยคาดคิดมากอน ไมเพียงเปนไปตามพิธีของสามีภรรยา
แตสําหรับผูที่มีความโดดเดนในทุกดานอยางนาง กลับเปนคืนแรกที่มิไดเกิดขึ้นจาก
ความรัก
ใชแลว คืนนั้น ราวกับวากําลังทําเพื่อประเทศชาติ!
ความอัปยศเชนนี้ นางเคยคิดตัดชองนอยแตพอตัว ทวาที่สุดแลวก็ไมไดทํา ยังคง
เปนคําพูดคํานั้น นางไมสามารถจากโลกนี้ไปทั้งๆ ที่ยังไมไดคิดหรือทําอะไรสักอยาง
ทวา ถาไมตายแลวจะอยูอยางไรเลา?
หลังจากคืนนั้น นางจึงเงียบงันมาตลอด เมื่อไดกลายเปนหญิงสาวเขาจริงๆ ราวกับ
วาพริบตานั้น ปญหาที่อยูในสมองและไมเคยคิดอยางจริงจังมากอน ก็พรั่งพรูออกมา
เชน คําวาพระชายาหมิงออง!
สถานะที่นางไมอยากรับ แตแมไมอยาก นางก็รูวา ตอนนี้ตนเองก็คือพระชายาหมิง
อองแลว
แซมอ คือแซที่นางตองแบกรับไวตราบเทาที่มีลมหายใจ
หมิงออง เปนชายที่นางสลัดหลุดไมไดไปชั่วชีวิต
เมื่อยังเผชิญกับเรื่องเหลานี้ไมได นางจึงเงียบขรึม และจากมาในที่สุด
ทวา กระทั่งจากมาแลว นางก็ยังปลอยวางลงไมได
นางลืมตา มองออกนอกหนาตางรถมา จึงรูวาตนเองมาถึงเมืองหลวงแลว นางไม
อยากคิด แตก็อดคิดไมได เมืองหลวงคือที่ใด มีความหมายอะไรกับนาง?
คลายโลกเปลี่ยนไปอยางกะทันหัน กระทั่งนางก็รูสึกวาตนเองเปลี่ยนไป อยางนอย
ไมมีความกลาเชนเมื่อกอนอีก เพราะเกิดรูสึกกลัวกับการใชแซมอนําหนาชื่อ ในเมือง
หลวงแหงนี้!
ไมจําเปนตองคิดมากอีก ก็แคยอมรับหรือไมยอมรับ!
ควรคิดวา ถายอมรับแลว จะยอมรับอยางไร? หรือถาไมยอมรับแลว จะไมยอมรับ
อยางไร?
“ฮูหยิน ทานไมเปนไรใชไหม” น้ําเสียงสงางามดังขึ้น
หลินซูอินหนังตาชะงักคาง คอยๆ หันมามองทานตูที่นั่งอยูขางๆ แลวจึงสายหนานิ่ง
“ไมเปนไร”
ทานตูมีสีหนาปกติและไมถามมากความ เพียงพูดเบาๆ ออกมาอีกหนึ่งประโยค
“ดานหลังเราเหมือนไมมีคนแลว”
หลินซูอินไมสนใจปญหานี้ จึงไมตอบอะไร
รถมาเคลื่อนที่อีกครั้ง ใกลประตูเมืองเขาไปทุกที
หลินซูอินพลันหันมองทานตูที่นั่งสงบอยูขางๆ อยางไมมที าทีตื่นเตนแมแตนอย จึง
กะพริบตา แลวถามเสียงเบา
“ศิษยพี่ ใกลเขาเมืองหลวงแลว ทานไมกังวลใจเลยหรือ?”
ทานตูอึ้ง กอนยิ้มเล็กนอย “ไมนาจะมีอะไร ฮูหยินก็ยังอยูในรถ”
หลินซูอินคอยๆ เงียบลง นางจับผาขาวที่อยูขางหูขึ้นมาปดบังใบหนา พลางพูดขึ้น
เรียบๆ
“เกรงวาถาอยูขางกายขาจะยิ่งไมปลอดภัย ที่นี่มีคนคิดสังหารขามากมาย”
ทานตูไดยินจึงเก็บรอยยิ้มลง คําพูดนี้ทําใหนางรูสึกเศราเล็กนอย ที่นี่ไมใชหมิงจู
เทียบกับหญิงสาวขางกายแลว ตนก็ไมนับเปนตัวอะไร จึงสายหนาเบาๆ
“ฮูหยินไมตองหวง ทานมีฐานะสูงสง ผูปองรายแมมี แตผูที่กลาทําการบุมบาม
ตรงหนาทาน เกรงวาคงมีไมมาก ขอเพียงเขาเมืองได พวกเราก็ปลอดภัยแลว”
สีหนาใตผาคลุมสีขาวของหลินซูอินเปนอยางไรนั้น ทานตูมองไมเห็น และไมไดมอง
ไดยินเสียงดังมาจากดานนอก “พระชายา พวกเรากําลังจะเขาเมือง!”
ตอน 255 หัวหนาอูหาเรื่อง
“เขานะหรืออูประตูเมือง?”
หางจากประตูเมืองออกไปไมไกล ชายวัยกลางคนผูหนึ่ง กําลังยืนตัวตรงมือไพลหลัง
จองมองไปยังอูประตูเมืองที่กําลังเศราสรอย
ขางกายเขาคือชายกํายําคนหนึ่ง พอไดยินคําถามก็ตอบอยางนอบนอม
“ใชขอรับ ตามที่ทานไดกําชับไว ผูนอยสงคนไปเฝาจับตามองบริเวณศาลาวาการมา
โดยตลอด เชาวันนี้พอเห็นเขาถูกปลอยตัวออกมา ก็รีบสงคนไปบอกทาน คุณชายจาง
เจาหมอนี่มีความไมชอบมาพากลตรงไหนกัน ถึงกับทําใหทานตองรุดมาดูดวยตนเอง?”
“พอถูกปลอยก็ตรงมานี่เลยหรือ?”
ชายวัยกลางคนพึมพํา แตก็รีบดึงสติกลับ หันมองชายกํายําที่จองมองเขาอยู กอน
เตือนสติ
“ไมใชธุระกงการอะไรของเจา ทางที่ดีเจาอยาทําตัวเปนนักสืบจะดีกวา มิฉะนั้นแลว
พอเสียแผนขา ก็อยาหาวาขาไมเตือนก็แลวกัน หรือแมแตนายของเจาออกหนาก็ยังคุม
กะลาหัวเจาไวไมอยู!”
ชายกํายําไดยินก็รูสึกหนาวเหน็บ รีบตอบอยางเคารพนอบนอมกวาเดิม
“มิบังอาจคุณชายจาง แมกินหัวใจเสือดํามา ขาก็ไมกลาทําเสียแผนทาน เพียงแต
แปลกใจๆ ที่...”
คุณชายจางตาคมวาวขึ้นทันที “ความอยากรูอยากเห็นทําคนตายมานักตอนักแลว
เรื่องที่ใหเจาทําถาไมเกิดเหตุสุดวิสัยก็ทําขาวรั่วไหล...”
“มิกลา มิกลาจริงๆ คุณชายจางวางใจ ขา เฉิงที่หา อยูในเสนทางสายนี้มานาน
สรางชื่อจากความเชื่อใจ ขาทํางานอยางรัดกุมแนนอน ขอใหทานวางใจ ไมมีทางเกิด
เรื่องขึ้นแน”
เฉิงที่หารูสึกเครียดขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบพูดรับรองไมหยุด
“ทางที่ดีขอใหเปนเชนนี้ ขอเพียงเจาสามารถจัดการเรื่องใหเรียบรอย เรื่องที่รับปาก
เจา ขายอมใหไดอยางแนนอน”
คุณชายจางพูดพลางลวงเขาไปในอกเสื้อ นําถุงผาใบนอยถุงหนึ่งวางลงในมือเฉิงที่
หา
“เรื่องในวันนี้ทําไดดี คนของเจาลําบากกันพอสมควร นําเงินเล็กๆ นอยๆ นี่ใหพวก
เขาไปดื่มสุรา”
พอถุงเงินน้ําหนักมากตกถึงมือ เฉิงที่หาก็ยิ้มยินดี พลางตอบทันที
“ผูแซเฉิงขอขอบคุณคุณชายจางแทนเหลาพี่นองดวย ตอไปตองการใหผูแซเฉินทํา
อะไร ขอเพียงทานสั่งการมาก็พอ!”
ถูกตบศีรษะแลวแลวลูบหลังเชนนี้ เฉิงที่หายอมเชื่อฟงและปฏิบัติตามอยางเจียม
เนื้อเจียมตัว
ชายวัยกลางคนหันมองไปทีอ่ ูประตูเมืองอีก พลางพูดเสียงเบา
“หลังจากเจาหมอนี่ออกมา ไดพบเจอใครบาง มีอะไรผิดปกติหรือเปลา?”
“ไมมี คนของขาจับตาดูอยูตลอด เจาหมอนี่พอออกจากศาลาวาการก็เดินตรงมาที่
ประตูเมืองอยางโกรธแคน พอมาถึงก็ทุบตีดาทอทหารพวกนั้น อาละวาดอยูสักพัก ก็นั่ง
ลงวางทาใหญโตทาทายขุนนางระดับสูงทามกลางสายตาผูคนมากมาย ขมขูวาจะแกแคน
เพื่อนรวมงาน...”
ชายกํายํากลับเลาไดอยางละเอียดยิบ รายงานพฤติกรรมทุกกระเบียดนิ้วของอู
ประตูเมืองใหฟง
ชายวัยกลางคนฟงแลวก็อึ้งเล็กนอย อูประตูเมืองนี่เถื่อนถึงเพียงนี้เลยรึ? คิดแลวก็
หันมองอูป ระตูเมืองใหชัดเจนอีกครั้ง สักพักคอยพูดขึ้น
“หลังจากมาถึง เขานั่งอยูตรงนั้นตลอดแลว ไดพูดคุยกับผูคนที่ผานเขาออกบาง
ไหม?”
“ไม เขาไมทําอะไรเลย นั่งดื่มสุราดาทอผูคนอยูตรงนั้นละ!” ชายกํายําสายศีรษะ
“ดี จับตาดูตอไป อยาใหคลาดสายตา ขาตองการรูทุกอิริยาบถของเขาอยางชัดเจน
แจมแจง!” คุณชายจางพูดเสียงขรึม
“ขอรับ ขาไมกลาละเลยอยางเด็ดขาด” เฉิงที่หาตอบ
คุณชายจางหันกาย แลวกําชับประโยคสุดทาย
“ยังมี อยาเหลือรองรอยใหพบเห็นเปนอันขาด หากเกิดเหตุสุดวิสัย เจานาจะรูอยู
วา ตองทําอยางไร!”
“ทานวางใจ ไมผิดพลาดแนนอน หรือหากเกิดเรื่อง ก็ไมมีทางโยงใยไปถึงทาน ขา
เฉิงที่หากลาหากินในเสนทางสายนี้ ยอมมีความสามารถจัดการเรื่องยุงยากตางๆ ได
มิฉะนั้นแลวไหนเลยจะกลารับปากทาน!” เฉิงที่หาตบหนาอกรับรอง
ชายวัยกลางคนไมเชื่อแตก็ไมปฏิเสธคําพูดของเขา สุดทายยังคงมองดูอูประตูเมือง
อีกรอบ เขาสงสัยเปนอยางยิ่งวา อูประตูเมืองอาจรูเรื่องทหารเหลานี้แตแรกแลว หรือถา
ไมรู ที่ทําไปก็เพื่อปองกันการถูกจับตามอง
เพราะถาเปนคนของจวนหมิงอองจริงๆ จะไมสามารถแสดงพฤติกรรมเชนนี้เปนอัน
ขาด
ชวยไมได คนของจวนหมิงอองเดินเรื่องในเมืองหลวงไมสะดวก นอกจากใชคน
เหลานี้แลว ก็ไมมีหนทางอื่นอีก ไมตองพูดถึงเรื่องที่พวกเขาไมไดหวังอะไรมากมาย มิได
หวังใหเจาหมอนี่สืบเสาะเรื่องสําคัญอะไร
วันนี้ที่มาดวยตนเอง เพราะไดยินวาเจาหมอนี่พอออกจากหองขังก็ตรงดิ่งมาที่ประตู
เมือง จึงสงสัยวา อาจมีคนจากจวนหมิงอองเขาเมืองมาอีก เจาหมอนี่จึงมาอํานวยความ
สะดวกให
แตคิดๆ ดูก็ไมนาเปนไปได ตอนนี้ถาคนของจวนหมิงอองจะเขาเมืองก็ไมจําเปนตอง
ยุงยากแลว เพราะหลังผานการตอสูโลหิตสาดของพวกลูสวินอี้ในครั้งกอน ไมวาใครก็
ตาม หากคิดลงมือกับพวกเขาทามกลางผูคนมากมาย เกรงวาคงตองคิดหนักถึงผลที่
ตามมา
“เอาเถอะ เจาไปทํางานได มีเรื่องอะไรก็รีบสงคนมาบอกขาก็แลวกัน!”
คุณชายจางกําชับไปอีกประโยค แลวเตรียมหันกายจากไป
ทวาขณะนั้น ประตูเมืองคลับคลายเกิดเหตุโกลาหลขึ้น!
“หยุดรถ!”
รถมากําลังจะเขาเมือง แตถูกทหารตะโกนเรียกใหหยุด อาจิ่วที่นั่งอยูหนารถใช
สายตาเหลือบมองไปรอบๆ แลวคอยๆ ลวงปายคําสั่งออกจากอกเสื้อ กอนพูดกับกลุม
ทหารที่เตรียมเขามาตรวจ
“คนของจวนหมิงอองเขาออก รีบหลีกทาง!”
“อะไรนะ? จวนหมิงออง?” ทหารที่อยูรอบๆ ไดยินก็อึ้ง
สายตาทุกคูพุงมองมายังปายคําสั่งในมืออาจิ่วทันที ตัวอักษรสีทองคําวา ‘หมิง’ แวว
วาวอรามตา เห็นไดชัดวาสีหนาทุกคนกระตือรือรนขึ้น ไมพูดมากความ กลุมคนและรถ
มารีบโคงตัวแลวถอยหลังเพื่อเปดทางให
เพราะเมื่อไมกี่วันมานี้ เรื่องการกลับมาของคนในจวนหมิงอองไดกลายเปนหัวขอ
สนทนาหลังอาหารหรือขณะจิบน้ําชาไปแลว สวนผูที่ทํางานราชการตางก็ฝงใจกับ
ภาพลักษณที่วา ตอแยไมได หามตอแย!
พอเห็นทาทางของกลุมทหาร อาจิ่วก็รูแลววาจวนหมิงอองมีบารมีเพียงใดในเมือง
หลวง
เมื่อไมมีใครกลาเรื่องมาก คิดตรวจตราผูที่นั่งอยูในรถ อาจิ่วก็ยอมไมคิดหาเรื่องใส
ตัว เก็บปายคําสั่ง ยกแสขึ้นเฆี่ยนมา มุงตรงเขาเมือง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
รถมาเพิ่งวิ่งไดไมทนั ไร เสียงตะโกนพลันดัง “บอกวาใหหยุดเดี๋ยวนี้!”
อาจิ่วกุมแสบังคับมาไวแนน สายตาคมกริบขึ้นในพริบตา แตยังไมหยุดรถ ยังคงให
มาเดินไปขางหนาชาๆ
“หึ กลาดีอยางไร คิดบุกรุกเขาเมืองหลวง...พวกเจาแตละคน ยังไมรีบจับตัวพวกมัน
ไวอีก!”
อูประตูเมืองโมโห เขวี้ยงขวดเหลาในมือแตกกระจาย แลวชักดาบที่เสียบไวตรง
หวางเอวออก สาวเทาเดินเขาหา แตเทาคลายไดรับบาดเจ็บ พอเคลื่อนไหวมากเกิน ก็
ลมคะมําลง กลิ้งสองรอบบนพื้น นาอายจริงๆ
กลุมคนและรถมาที่กําลังรอเขาเมือง พอเห็นเหตุการณก็อดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้น
แตไมกลาสงเสียง
ชาวบานรานตลาดยังดี ดวยไมรูวามีคนของจวนหมิงอองจะเขาเมือง แตเหลาทหาร
กลับหนาซีดขาว ทหารนายหนึ่งรองขึน้ “หัวหนาอู...”
เสียงรองเพิ่งออกจากปาก แขนเสื้อพลันถูกเพื่อนทหารที่อยูขางๆ ดึง เขาตกใจ หัน
มองเพื่อนทหารที่รายลอมอยู และพบวาทุกคนตางจองมองมาดวยสายตาที่เหมือนปดบัง
อะไรไว
ใจเขาจึงเตนไมเปนระส่ํา เขาใจในทันที เพื่อนๆ ตัดสินใจไมสนใจหัวหนาอูอีก
ปลอยใหลูกพี่รนหาที่ไป!
เขาขยับริมฝปาก แตที่สุดแลวก็มิไดพูดอะไรออกมา โคงตัวกมศีรษะอยูขางๆ ใชหาง
ตามองดูอูประตูเมืองที่กําลังพยายามลุกขึ้นยืน
ดวยเมื่อครูรูสึกอับอายยิ่ง จึงทําใหอูประตูเมืองโกรธจนถึงขีดสุด
พูดตามตรง เหตุใดผูคนจึงบอกวาคนทํางานราชการฉลาด ก็เพราะทํางานอยูใน
สิ่งแวดลอมเชนนี้ เปนใครก็ตองหัดฉลาด ดูๆ ขนาดทหารระดับลางกระจอยรอยที่ยืน
เฝาประตูเมืองกลุมนี้ ยังสามารถฝงคนผูหนึ่งใหตายไดอยางงายดายโดยไมรูสึกรูสาใดๆ
ในสิ่งแวดลอมเชนนี้ ถาไมฉลาดและระมัดระวังพอ ก็ไมสามารถอยูไดนาน
แนนอน อูประตูเมืองในตอนนี้เหมือนยังไมรูเรื่องนี้ หลังจากลุกขึ้นยืนไดแลว เขาก็
กวัดแกวงดาบในมือพรอมสีหนาดุราย กาวเขาหารถมาพลางตะโกนใสเหลาทหารที่ยืน
ไมขยับ
“พวกเจากลามาก กลาติดตอกับศัตรูตางชาติ รอดูแลวกันวาเดี๋ยวลูกพี่จะเชือดพวก
เจายังไง...หยุดรถ ถายังไมหยุดอีก ลูกพี่จะฟนใหตาย!”
ในที่สุดอาจิ่วก็หยุดรถ จองมองผูที่ดูทรุดโทรมซึ่งยืนอยูด านหนาดวยสายตาหมอง
หมน รางนั้นชักดาบออกจากฝกแลว มองออกวา คนผูนี้เหมือนไมมีสติ ตั้งใจจะจัดการ
พวกตนทั้งที แตก็ตะโกนโหวกเหวกอยูนานสองนาน เหมือนจะไมจดั การแลว แตก็ยัง
ไมใหพวกตนไป
“พระชายา!”
อาจิ่วเอนตัวไปดานหลัง สงเสียงเบาๆ ขอคําชี้แนะ ขณะที่มือขางหนึ่งยื่นลงไปที่
แขนของตัวรถ เหมือนกําลังพยุงตัวรถไว
นาทีนี้ทําเอาหลายคนที่ยืนรอเขาเมืองอยูดานหลังแทบหยุดหายใจ
ขณะเดียวกัน ในเมืองก็มีคนรีบยองเขามาดูใกลๆ
“อยาตกใจ ถามเขาวาจะทําอะไร?” เสียงทานตูดังออกมา สวนหลินซูอินเงียบ
อาจิ่วชะงักเล็กนอยเมื่อไมไดยินเสียงหลินซูอิน เขาคอยๆ เก็บมือ แลวมองไปยังผูที่
เดินมาอยูตรงหนา ทันใดนั้นมือของอูป ระตูเมืองก็ยื่นเขาจับอกเสื้อเขาไว แลวทําทาจะ
โยนเขาลงจากรถ
“มีเรื่องอะไรก็พูดกันได แตถาเจากลาลงมือ ก็อยาหาวาขาไมเกรงใจแลวกัน!”
ปง! อาจิ่วเพิ่งพูดจบ ก็ถูกอูประตูเมืองดึงลงจากรถ ลมลงบนพื้น
ตองพูดวานาทีนี้อาจิ่วเองก็ตกตะลึง มองดูอูประตูเมืองที่มือหนึ่งเทาสะเอว อีกมือ
หนึ่งจับดาบ จองมองตนเองอยางเ**ยมเกรียม พลางวา “อยูในพืน้ ที่ของลูกพี่ยังกลา
อวดดี รนหาที่ชัดๆ !”
กึก! อูประตูเมืองวางดาบลงบนหัวไหลอาจิ่ว
อาจิ่วแคนเสียง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผาก เขาบาดเจ็บสาหัสอยู พอถูกอูประตู
เมืองระรานเชนนี้ จึงปวดแปลบไปทั้งตัว แตก็ไมพูดจาใดๆ คอยๆ ลุกขึ้นจากพื้น กลับไป
ที่รถมา
เมื่อเห็นอาจิ่วดูหงิมๆ อูประตูเมืองก็ไมลงมือตอ สีหนาอวดเบงสุดจะเปรียบ หันมอง
เหลาทหารที่อยูดานหลังซึ่งไมขยับเขยื้อนใดๆ พลางตะโกนสั่ง
“ทุกคนเขามานี่ อายัดรถมาคันนี้ไว!”
“หัว...หัวหนาอู ไมไดหรอก นี่...นี่เปน...”
ตอนนี้เองที่ทหารอีกกลุมขยับตัว และวิ่งเขามาจริง แตกลับเขามาจับอูประตูเมือง
และควบคุมตัวไว
ขณะเดียวกัน อาจิ่วก็จับกระบี่ที่วางไวใตที่นั่งขึ้น
เครง... กระบี่ถูกชักออกจากฝก
อาจิ่วยืนอยูขางรถมา จองมองอูประตูเมืองที่ถูกเพื่อนทหารกลุมหนึ่งควบคุมตัวอยู
โดยไมขัดขืนแมแตนอย กอนมองไปยังทหารอีกกลุมหนึ่ง แลวจึงคํารามเสียงเบา
“กุมตัวไวใหหมด!”
“พวกเจากลามาก กลาจับลูกพี่เปนตัวประกัน คิดเปนกบฏหรืออยางไร?”
“หัวหนาอู รีบขอโทษคนของจวนหมิงอองเร็วเขา!”
“หัวหนาอู เชื่อเราเถอะ รถมาของจวนหมิงอองอายัดไมได หามอายัด มีโทษถึงตาย
เชียวนา!”
ขณะกําลังโกลาหลอยูนั้น พวกเขาพลันไดยินเสียงลมพัดมาเปนระลอก จากนั้นก็
เห็นโลหิตสาดกระเซ็นอยางไมทันตั้งตัว กระทั่งไมทันพูดจาอะไร กลุมทหารที่ยืนอยูกับอู
ประตูเมือง พรอมอูป ระตูเมือง ทั้งหมดเปนอันหลั่งโลหิต กอนลมลงบนพื้น แตยังคง
เปนอูประตูเมืองที่แข็งแกรงกวาและมีความสามารถอยูบาง จึงถือดาบ คุกเขาขางหนึ่ง
กับพื้น มิไดลมลง เพียงแตไดรับบาดเจ็บ ดวงตาจองเขม็งไปยังนักดาบจํานวนหนึ่งที่พลัน
ปรากฏตัวขึ้น
ไมมาก ราวสิบกวาคน แตที่ลงมือมีเพียงสามคน สวนคนที่เหลือกระจายตัวคุมครอง
รถมาซายขวา
“จวนหมิงออง?”
อูประตูเมืองเหมือนเพิ่งตื่นจากฝน เหงื่อเม็ดโปงหยดลงจากหนาผาก แตดวงตามิได
ลดความแข็งกราวลงแมแตนอย จองมองชายหนุมถือดาบทั้งสาม พลางตะโกนเสียงดัง
“จวนหมิงอองแลวอยางไร? หนาที่ขาคือเฝาประตูเมือง รถมาคันไหนเขาเมืองก็ตอง
ยอมใหตรวจทั้งนั้น คนของจวนหมิงอองตอตานโดยพลการ ขาทําผิดตรงไหน!”
“ออกรถไปกอน!” เสียงดังออกมาจากในรถ ยังคงเปนเสียงของทานตู
อาจิ่วมองอูประตูเมือง และมองไปยังประตูเมืองอีกดานตามทิศที่ไดยินเสียงทหาร
มาเคลื่อนไหว นี่เปนทหารลาดตระเวนประจําเมือง ซึ่งเห็นชัดวากําลังควบมามาดวยคาด
วาที่นี่อาจเกิดเรื่องขึ้น
เขาเขาใจความหมายของทานตู จึงไมคิดพัวพันกับเรื่องนี้อีก ไปกอนแลวคอยวากัน
นาจะไมมีคนกลาตามมา!
“จับเขาไว!” อาจิ่วชี้ไปที่อูประตูเมือง
สามนักดาบไมพูดไมจา ถือดาบเดินหนาเขาหา
“ลูกพี่เกิดมาก็เคยแตสูจนตัวตาย ไมเคยถูกจับเปนเชลย สูก็สู ใครกลัวใคร?”
อูประตูเมืองคํารามอยางบาดีเดือด แลวจึงกวาดมือไปที่พนื้ หยิบดาบอีกเลมที่อยู
บนรางของเพื่อนทหารขึ้น มือถือดาบคู ทาทางดุรายไมเบา
แมเปนการยากที่จะตอสูกับคนทั้งสาม อีกทั้งเนื้อตัวยังมีบาดแผลจากคมดาบ แตผูรู
ตางดูออกวา เขาปกปดจุดอันตรายไวไดหมด
“ชากอน!” อาจิ่วพูดขึ้น กอนจองมองอูประตูเมือง “เจาเคยรบ? เคยสังหารคน
เถื่อนรึ?”
อูประตูเมืองหายใจถี่และแรง เขาไมใชคนโง จึงรีบตอบ “ผูแซอูเคยเปนทหารคน
สนิทของใตเทาฟาง ฟางโหยวฉินมากอน ยอมตองเคยรบและเคยสังหารคนเถื่อนอยู!”
“ไปเถอะ!” เสียงดังมาจากในรถอีก ครั้งนี้เปนเสียงของหลินซูอิน
อาจิ่วกลับไปนั่งที่เดิม แลวหันบอกเสียงเบากับกลุมคนที่คุมกันอยูโดยรอบ “ไป!”
รถมาจากไป
ทวานักดาบสิบกวาคนกลับไมไป ยืนอยูที่เดิมมองดูทหารมาที่ควบมามาจากประตู
เมืองอีกดาน เห็นชัดวาเรื่องยังไมจบ
หลังจากที่รถมาจากไป อูประตูเมืองก็นั่งแหมะลงกับพื้น แตแลวก็พลันลุกขึ้น ไม
สนใจวากําลังเจ็บปวดไปทั้งตัว เสียบดาบคืนสูฝก กอนนํามาใชตีเพื่อนทหารที่นอน
บาดเจ็บอยู พลางตวาดกอง
“บรรพบุรุษเจาเถอะ พวกเจาริอาจวางแผนใหลูกพี่ลวงเกินคนจากจวนหมิงออง
ลูกพี่ตองตีพวกเจาใหตาย...”
เสียงรองครวญครางดังระงม
ทหารมามาถึงอยางรวดเร็ว โดยเฉพาะหัวหนากองที่มาเร็วจนนาประหลาดใจ อู
ประตูเมืองยอมไมสามารถตีเพื่อนทหารใหตายหมดได เขาถูกจับมัดอยางแนนหนา เพิ่ง
ออกจากหองขังยังไมทันไร ก็ถูกจับกลับเขาไปเสียแลว
สวนนักดาบสิบกวาคนนั้น พอเห็นวาทหารมามิไดตามรถมาไป ตางก็พลิ้วกายแยก
ยายจนไมเห็นแมเงา
เรื่องที่เกิดขึ้นหนาประตูเมือง ไมนานก็แพรสะพัดไปทั่วเมืองหลวง ซึ่งเปนที่สนใจ
ของคนจํานวนไมนอย
ตอน 256 ฟางโหยวฉินผูอยูเบื้องหลังอูป ระตูเมือง
“อาจิ่วหรือ?” องคติ้งอูพลันเงยหนาจากเอกสารบนโตะ แววตาชะงักคาง กอนถาม
ตอ “คนที่ติดตามขางกายลูกหกมาตลอดนั่นรึ?”
เรื่องโกลาหลที่หนาประตูเมืองแมมิใชเรื่องใหญแตก็มิใชเรื่องเล็ก เมื่อเกี่ยวของกับ
จวนหมิงออง ยอมทําใหจางปงลี่รูสึกหวั่นไหวตั้งแตนาทีแรกที่ไดยิน แมยังไมสามารถ
สรุปเรื่องไดทั้งหมด แตพอเขียนรายงานเสร็จเรียบรอย เขาก็รีบนําขึ้นทูลทันที
“ใชพะยะคะ” จางปงลี่พยักหนาอยางมั่นใจและตอบอยางระมัดระวัง
“พอรถมาปรากฏขึ้นที่หนาประตูเมือง คนของเราก็เริ่มสงสัยวาเปนเขา เพียงแตเขา
ปลอมตัวอยู จึงไมอาจยืนยันไดแตแรก ขณะรอการเปรียบเทียบและตรวจสอบ เขาก็ชู
ปายคําสั่งจากจวนหมิงอองขึ้น จากนั้นตอนเผชิญหนาเกับอูประตูเมือง ก็เห็นไดชัดวาเขา
มีอาการบาดเจ็บ หากเปนแคคนบังคับมาธรรมดา คงไมสามารถออกคําสั่งกับผู
ปฏิบัติการมากมายได ลักษณะหลายประการทําใหมั่นใจไดวาเขาคืออาจิ่ว คนสนิทของห
มิงอองอยางแนนอน!”
องคติ้งอูวางเอกสารในมือลง คอยๆ รวบรวมสติ ครุนคิดอยูสักพัก ดวงตาพลันนิ่ง
จองมองจางปงลี่
“ใครอยูในรถ?”
จางปงลี่เห็นสีหนาขององคติ้งอูก็รูแลววาทรงคิดถึงเรื่องสําคัญ ที่เขารีบรอนมา
รายงานดวยตนเอง แนนอนวามิไดคิดถกปญหารายละเอียดของเรื่องโกลาหลที่หนา
ประตูเมืองกับฝาบาท
เหลานั้นลวนเปนเรื่องเล็กนอย จุดสําคัญอยูที่อาจิ่ว จางปงลี่จึงตอบเสียงขรึม
“พอไดรบั รายงาน กระหมอมก็รีบสั่งมิใหทหารรักษาการณประตูเมืองกระทําการ
ใดๆ โดยพลการ จนถึงตอนนี้ คนในรถยังคงไมปรากฏโฉมหนาใหเห็น ซึ่งแทจริงแลวเปน
ใคร ยังไมสามารถยืนยันไดชั่วคราว ตอนนี้รถมากําลังมุงสูจวนหมิงออง และคนของเรา
กําลังติดตามตรวจสอบอยูอยางตอเนื่อง”
ไมรู!
ไมรูแลวเหตุใดไมเขาไปตรวจดูเลา?
องคติ้งอูรสู ึกโกรธเล็กนอย แมเขาใจวาเปนสถานการณฉุกละหุก แตไมวาคนในรถ
จะเปนใคร ถาถึงกับใหคนสนิทลูกหกมาเปนคนบังคับมาแลวละก็ แมคนคนนี้ไมใชลูกหก
เอง ก็ตองเปนคนสําคัญในจวนหมิงอองแน
เรื่องที่เกี่ยวของกับจวนหมิงออง ถาไมมีคําสั่งจากตน จางปงลี่ยอมไมกลาจัดการ
โดยพลการ
ครุนคิดอีกสักพัก คอยทรงเยือกเย็นลง กอนตรัสวา “ในเมื่อรถมาตรงดิ่งไปยังจวนห
มิงออง ก็ไมตองดําเนินการอยางเอิกเกริกแลว”
“พะยะคะ” จางปงลี่มาเพื่อรับคําสั่งนี้เอง ไดยินดังนี้เขายอมไมมีความเห็น แตกลับ
พูดขึ้น “เดิมทีวันนี้กระหมอมคิดไปจวนหมิงอองหาลูสวินอี้”
“อืม” องคติ้งอูพยักหนาโดยมิไดคัดคาน ไหนๆ คนก็มาแลว จะเปนใครนั้น ยอม
ตองรูใหแนชัดโดยเร็ว
ทรงหลุบตาลง อานเอกสารตอ สายตาพลันจับจองอยูทชี่ ื่อ อูประตูเมือง คลายมี
เหตุบังเอิญบางอยาง “ขาเหมือนคุนๆ กับชื่อนี้ อูประตูเมือง...”
จางปงลี่พยักหนา
“หลายวันกอน อูประตูเมืองมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับบุตรชายใตเทาหู เจากรมการ
ศาสนาและเพื่อนคุณชายผูสูงศักดิ์อีกหลายทาน และเพราะเรื่องนี้เองที่ทาํ ใหใตเทาหู
เจากรมการศาสนา และใตเทาเฉา เจากรมราชทัณฑกลาโหมตองขัดแยงกัน!”
“มีเรื่องเชนนี้จริง ขานึกออกแลว วันนั้นที่พวกเขาโตเถียงกันก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เฮอะ ไรสาระสิ้นดี!”
ฟงถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็นึกขึ้นได หลายวันกอน เรื่องที่เจากรมศาสนากับเจากรม
ราชทัณฑมีปากเสียงกัน ก็ทรงนึกโกรธอยูในใจ ประเทศชาติวิกฤตเชนนี้ พวกเขายังมา
โจมตีกันดวยเรื่องเล็กๆ นอยๆ แคนี้ เหลือเกินจริงๆ
เมื่อทรงพูดถึงอูประตูเมือง จางปงลี่กลับรับหัวขอนี้
“ฝาบาท เกี่ยวกับอูประตูเมืองผูนี้ กระหมอมเกรงวาจําเปนตองตรวจสอบอยาง
ละเอียด!”
“หือ?” องคติ้งอูมิไดถามในทันที ทรงกมดูเอกสารอีกครั้ง และไมพบความผิดปกติ
อะไร แตถาจะพูดถึงความผิดปกติ ก็เห็นจะมีเพียงอยางเดียว คือคนผูนี้มีฝมือไมเบา
สามารถตานทานการจูโจมของคนทั้งสามจากจวนหมิงอองได แตก็ทรงรูวา คําพูดของ
จางปงลี่มีนัยยะบางอยาง
“ทําไม เบื้องหลังอูประตูเมืองเปนใคร ถึงขนาดที่เจาไมกลาแตะตอง?”
คําพูดนี้จี้ใจดําสุดๆ ทําใหจางปงลี่มีสีหนาลําบากใจ แตไมพูดก็ไมได
“อูประตูเมืองเปนทหารคนสนิทของใตเทาฟาง เปนผูที่ใตเทาฟางไววางใจ กอนหนา
นี้ขณะปฏิบัติหนาที่ไดทุจริตประพฤติมิชอบ เกือบตองรับโทษตาย ใตเทาฟางโกรธมาก
จึงยายใหไปละลายพฤติกรรมดวยการเปนทหารรักษาการณประตูเมือง หลายวัน
กอนหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่เจียงหัวเหลาก็ถูกนําตัวไปฝากขังที่กองปราบ ทาน
เจากรมศาสนาตองการใหลงโทษสถานหนัก แตพอใตเทาฟางรูเขาก็สั่งใหสงตัวอูประตู
เมืองกลับ เพื่อทําการโบยอยางหนักตามวินัยทางทหาร...”
“ฟางโหยวฉิน”
องคติ้งอูท รงตะลึงอยางเห็นไดชัด ในความคิดปรากฏภาพของชายทาทางอันธพาลผู
หนึ่ง จึงยกมุมปากขึ้นโดยไมรูตัว กอนดาวาออกมาคําหนึ่ง
“ไรเหตุผลจริงๆ ”
จางปงลี่ไมตอบ ไมเพียงไรเหตุผล ฟางโหยวฉินยังเรียกทหารกลับจากสนามรบที่อยู
หางไกลเปนพันลี้ ใหมาโบยตีอูประตูเมือง มารดาทาน นี่เปนการเลนพรรคเลนพวก
แทรกแซงและบิดเบือนกระบวนการทางกฎหมายชัดๆ
การโบยตีในครั้งนี้ทาํ ใหเจากรมศาสนาไมกลาโวยวายอีก เจากรมราชทัณฑก็ไมพูด
มากความ ปลอยคนออกมาทันที ซึ่งการนี้ใตเทาฟางกําลังบอกใหทุกคนรูวา อูประตู
เมืองเปนคนของตน เมื่อทําผิด ตนก็ลงโทษแลว ใครยังกลาพัวพันไมเลิกอีก?
ทานผูนี้บาอํานาจจริง!
บอกตามตรง จางปงลี่ไมกลาตอแยดวย
องคติ้งอูดาวาออกมาคําหนึ่งแลวจึงพูดตอ “ฟางโหยวฉินแมทําตัวอันธพาล แตก็ใช
วาเปนคนไมแยกแยะผิดชอบชั่วดี อีกอยางพอดูในเอกสาร อูประตูเมืองกลับเปนทหารที่
ดีคนหนึ่ง ยามคับขันไมลนลาน ยอมตายดีกวาไมไดรับความเปนธรรม ขากลับมองวาคน
รุนหลังของตระกูลขุนนางระดับสูงทั้งหมดในเมืองหลวง จําเปนตองควบคุมใหดี ใหอยูใน
ขอบเขต”
คําพูดนี้เปนโลคุมภัยใหฟางโหยวฉินอยางเห็นไดชัด จางปงลี่ยอมรูดีวาสําหรับฝา
บาทแลวฟางโหยวฉินอยูในฐานะอะไร จางปงลี่ไมคิดวาตนใกลชิดฝาบาทแลวจะกลา
ตอแยฟางโหยวฉิน บุคคลผูนี้กลาที่จะบุกเขาสังหารทานถึงบาน สวนฝาบาทอยางมากก็
ดาวาแคคําสองคํา
ทวาจางปงลี่ยอมมีความอดทน เมื่อนึกถึงปนั้นที่ฝาบาททรงขึ้นครองราชย บุคคล
ทานนี้ไดติดตามรับใชใตเบื้องพระยุคลบาทเสมอมา รวมทั้งสงครามในครั้งนี้ดวย แม
ทหารเถื่อนดุราย แตใตเทาฟางยังยืนหยัดจัดทัพออกรบทั้งศึกนอยศึกใหญนับครั้งไมถวน
และไดกัดกินเลือดเนื้อของคนเถื่อนมากมาย รักษาชื่อเสียงของประเทศชาติใหคงอยูได
จนถึงทุกวันนี้
บุคคลทานนี้มีคุณคามากพอที่จะใหฝาบาทเคารพนับถือ!
แตวันนี้ เขากลับแตะตองทานผูนี้อยางเสียไมได จึงมีสีหนาเครงเครียด กรอกตาไป
มาภายใตการเฝามองของฝาบาท
องคติ้งอูองึ้ ไปครูใหญ ในดวงตาพลันปรากฏรังสีฆาฟนขึ้น แตยังคงอดกลั้นไว กอน
ตรัส “ออกไปใหหมด!”
“พะยะคะ” มหาดเล็กในหองทุกคนโคงคํานับแลวลาถอยออกไป
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน ใชดวงตาอันลึกล้ําจองมองจางปงลี่
“พูด! อูประตูเมือง แทจริงแลวมีอะไรไมถูกตอง” ทรงเนนคําวาอูประตูเมือง
จางปงลี่ยอมรูดี ฝาบาททรงเตือนวา ตรวจสอบอูประตูเมืองได แตฟางโหยวฉิน ใช
วาใครก็สามารถพูดขึ้นมาลอยๆ ได ดวยทรงเปนคนชางสงสัย แตทรงเชื่อใจผูที่สามารถ
ควบคุมกองทัพนับพันนับหมื่นจนถึงขนาดนี้ได เพียงพอที่จะเห็นแลววาทานผูนี้มีฐานะ
สําคัญอยางไรในพระทัยฝาบาท
“ขออภัยฝาบาท กระหมอมมิอาจโอหังสงสัยใตเทาฟาง” จางปงลี่รีบโคงตัว
องคติ้งอูยกมือไพลหลัง กาวเดินไปมา กอนตรัส “พูด!”
จางปงลี่ไมกลาร่ําไร รายงานตรงๆ
“ตั้งแตวันที่พวกลูสวินอี้เขาเมือง กระหมอมก็ไมไดขาวคราวใดๆ อีก สวนเรื่องที่
ชาวฉีสืบทราบขาวไดเร็วกวาเราหนึ่งกาว กระหมอมกําลังตรวจสอบอยูวาเกิดปญหาจาก
สวนไหน”
องคติ้งอูชะงักฝเทา เงยหนามองจางปงลี่
“เกี่ยวกับอูประตูเมืองรึ?”
“ไมพะยะคะ เบาะแสพอไปถึงเขาซางชิงก็ขาดไป” จางปงลี่สายหนา พูดจบก็ไมรอ
ปฏิกิริยาตอบสนองจากองคติ้งอู พูดตอ
“เนื่องจากเบาะแสเสนนี้ขาด กระหมอมจึงไดแตเริ่มหาสาเหตุจากตนเอง ซึ่งไมวา
ชาวฉีไดขาวมาจากไหนก็ไมสําคัญเทาเหตุใดเราจึงไมไดขา ว นี่ตางหากที่เปนปญหา
ใหญ”
“อืม!” องคติ้งอูพยักหนาเบาๆ เห็นดวยกับคําพูดนี้
ไมวาผูอื่นมีระบบการขาวเชนไร สําคัญที่ตองพัฒนาระบบการขาวของตนเองกอน
เมื่อเห็นวายังทรงเยือกเย็นอยู จางปงลี่จึงพูดตอ
“พวกลูสวินอี้สามารถนําศีรษะทั้งหมดออกจากหมิงจูมายังเมืองหลวงโดยที่เราไมรู
อะไรเลย นั่นเพราะพื้นที่ที่เกิดสงคราม สายของเรามีขอจํากัด แตพออยูในเมืองหลวง
แลว เราก็ยังไมไดขา วลวงหนา ปญหาจึงอยูที่การทํางานของกระหมอม ดานแรกที่พวก
เขาตองผานกอนเขาเมืองหลวงก็คือประตูเมือง”
ทหารรักษาการณประตูเมืองมิไดอยูในขอบเขตอํานาจของจางปงลี่ องคติ้งอูเขาใจ
ในจุดๆ นี้ จึงมิไดวากลาวตําหนิ จางปงลี่จึงกลายอมรับผิด
เมื่อพูดถึงประตูเมือง องคติ้งอูก็รูแลววาเรื่องของอูประตูเมืองกําลังมา
และแลวก็ไดยินจางปงลี่พูดวา “วันที่พวกลูสวินอี้เขาเมือง อูประตูเมืองปฏิบัติ
หนาที่อยู”
พอพูดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็ตรัสขึ้น “ความหมายของเจาคือ เขาจงใจปลอยพวกลูส
วินอี้เขาเมือง? หรือเขารูสถานะของพวกลูสวินอี้แลว แตไมแจงใหทราบ หรือไมแจงให
ขาทราบแตกลับแจงตอคนฉี?”
“ลวนมีความเปนไปได หรือเขาอาจไมรูสถานะของพวกลูสวินอี้จริง หรือเพราะ
สินบนของลูสวินอี้ทําใหเขาไมตรวจเขมและปลอยผาน”
จางปงลี่พูดตอเนื่องไมหยุด แถมยังเพิ่มความเปนไปไดอีกสองขอ
องคติ้งอูห รี่ตา คําพูดของจางปงลี่แสดงใหเห็นทัศนคติที่เปนกลาง มิไดจงใจโจมตีอู
ประตูเมือง หรือใชอูประตูเมืองโจมตีฟางโหยวฉิน
จากตรงนี้เห็นไดชัดวาองคติ้งอูเกิดความสงสัยขึ้นในใจแลว กระทั่งจางปงลี่ก็ยังไม
เชื่อมั่นเต็มรอย ซึ่งปกติจะแสดงความเชื่อมั่นใหเห็น แตพอเกี่ยวของกับขุนนางคนสําคัญ
ของพระองค ก็เริ่มสงสัยความคิดของจางปงลี่แทน
องคจักรพรรดิ อยางไรก็ไดชื่อวาโดดเดี่ยว
เห็นองคติ้งอูเงียบเสียง จางปงลี่จึงพูดตอ
“กระหมอมตรวจสอบสถานการณอยางละเอียดก็พบวาทหารยามที่อยูยามรวมกับ
เขาในตอนนั้น ก็ตรวจดูอยางละเอียดแลวเชนกัน แตก็ไมพบความผิดปกติใดๆ แตที่
กระหมอมใหความสนใจในจุดนี้ก็เพราะไดตรวจประวัติโดยสังเขปของอูประตูเมือง และ
พบวาเดิมทีเขาเปนคนของใตเทาฟาง และยังสามารถเปนถึงทหารคนสนิท ติดตามอยู
ขางกายใตเทาฟางเสมอ เขาไมมีประวัติเกี่ยวของกับจวนหมิงอองแตอยางใด สวนชาวฉี
เขาเคยอยูในสนามรบและมือเปอนโลหิตทหารฉีนับครั้งไมถวน ดังนั้นจึงเปนไปไดนอยที่
เขาจะทํางานใหคนฉี”
องคติ้งอูเอยขึ้น “แตวันนี้ มีคนจากจวนหมิงอองเขาเมือง เขาก็บังเอิญปรากฏตัวขึ้น
ครั้งแรกอาจเปนความบังเอิญ แตสองครั้งก็ไมใชเรื่องบังเอิญแลว!”
“พะยะคะฝาบาท เรื่องในวันนี้ผิดปกติเกิน ครั้งกอนเขาเปนผูอนุญาตใหพวกลูสวิน
อี้ผานไป แตครั้งนี้ เดิมทีรถมาของจวนหมิงอองผานดานแลว แตเขากลับหาเรื่องขวาง
เอาไว ทําใหผูคนรูกันถวนหนา นี่เปนเรื่องที่ผิดปกติเปนอยางยิ่ง!” จางปงลี่ขมวดคิ้ว
องคติ้งอูเลิกคิ้วขึ้น คิดจะตรัส แตพอคําพูดมาถึงริมฝปากกลับไมเอยปากตรัส
ทรงคิดจะตรัสวา นี่มิใชหรือที่พิสูจนใหเห็นวา อูประตูเมืองไมมีปญ
 หา อยางนอยก็
ไมมีความของเกี่ยวกับจวนหมิงออง ครั้งกอนเปนความบังเอิญ มิฉะนั้นแลวครั้งนี้เขาจะ
มีเรื่องมีราวกับคนของจวนหมิงอองไปทําไม!
แตขณะเดียวกันก็ทรงคิดถึงความเปนไปไดอีกหนึ่งอยาง ครั้งกอน เขาคิดใหคนฉีไป
สังหาร ไมคิดแหวกหญาใหงูตื่น
แตครั้งนี้เขาจงใจทําใหผูคนรู เพราะแมคนฉีไมสามารถลงมือได แตคนที่อยาก
จัดการกับคนของจวนหมิงอองมิไดมเี ฉพาะคนฉี จึงทําการแหวกหญาใหงตู ื่น เผื่อใครมี
ขวัญกลาสะทานฟาลงมือไดจริง
คิดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็หนาถอดสี “รีบเพิ่มกําลังคน อารักขารถมาของจวนหมิงออง
...”
“ฝาบาทวางพระทัย กระหมอมไดเตรียมการเรียบรอย ไมเพียงจัดคนนับสิบแฝง
กายอารักขารอบจวน ยังสั่งใหคอยเฝาระวังอารักขาตลอดเสนทางดวย!” จางปงลี่รีบ
ตอบ
ไดยินดังนี้องคติ้งอูก็วางพระทัยลง จางปงลี่เห็นสีพระพักตรแลวก็ฉุกคิดในใจ
อยางไรเสียฝาบาทก็ทรงเห็นคนของจวนหมิงอองเปนคนกันเองอยูดี
“ฝาบาท พฤติกรรมของอูประตูเมืองไมปกติ การกระทําทั้งสองครัง้ มีจุดประสงค
อะไรและเขายังมีสถานะอื่นอีกหรือไม เรายังไมพูดถึงชั่วคราว ปญหาสําคัญคือถาเขา
ผิดปกติจริง เขาในฐานะทหารคนสนิทของใตเทาฟาง เหตุใดจึงรูความเปนไปของคนใน
จวนหมิงออง? ทั้งสองครั้งทีค่ นในจวนหมิงอองเขาเมือง เขาลวนรูลวงหนา เราจึง
จําเปนตองตรวจสอบใหละเอียด!” จางปงลี่โคงตัว
พูดถึงตรงนี้ หองทรงพระอักษรพลันเงียบกริบ
องคติ้งอูเงียบเสียงอยูนาน จนเม็ดเหงื่อคอยๆ ผุดขึ้นบนหนาผากจางปงลี่ เขารูวา
ตรวจสอบอูประตูเมืองก็คือตรวจสอบใตเทาฟาง
โดยเฉพาะการตรวจสอบเหตุการณหลังจากใตเทาฟางออกหนาชวยเหลืออูประตู
เมืองดวยตนเอง นี่ก็เปนเรื่องละเอียดออนแลว
แตจางปงลี่ไมตรวจสอบไมได จึงกมศีรษะต่ําลงไปกวาเดิม แลวเอยปากขึ้น
“ฝาบาท หมิงอองเคยแอบสั่งสมกองกําลังมากมายในหมิงจู ที่มาของกองกําลัง
เหลานี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังตรวจสอบไมพบ!”
เปรี้ยง!
ประหนึ่งสายฟาฟาดใสกลางใจองคตงิ้ อู พริบตานั้นทรงมีสีหนาซีดขาว กําหมัดแนน
โดยไมรูตัว เกิดอารมณรุนแรงขึ้น
ประโยคสุดทายของจางปงลี่ทําใหองคติ้งอูมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรง เหมือน
พยัคฆที่หลับไหลถูกปลุกใหตื่นทันใด
ฟางโหยวฉิน แมทัพที่ทรงเชือ่ ใจมากสุด เขาเปนคนกันเองในสายตาองคติ้งอู เขาไม
ควรสนิทสนมกับผูอื่น นี่ยังไมพูดถึงเรื่องโยกยายกําลังทหารชวยเหลือกัน ซึ่งเปนเรื่องที่
นากลัวมาก
ยิ่งเชื่อใจมากเทาไร เมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง ก็ยิ่งนาโมโหมากเทานั้น
“ตองตรวจ รีบตรวจทันที!” องคติ้งอูคํารามเสียงต่ํา
ทรงอยูในตําแหนงประมุขสูงสุด ไมยินยอมใหใครขมขูคุกคามไดเปนอันขาด ไมเวน
แมแตโอรส
ทรงฟงออกวา ที่จางปงลี่สงสัยที่สุดมิใชอูประตูเมืองแปรพักตรไปอยูประเทศฉีหรือ
กรณีอื่นๆ พูดใหชัดเจนก็คือ เขามิไดสงสัยในตัวอูประตูเมือง เพราะไมมีเบาะแสการ
ติดตอกับจวนหมิงออง แตสงสัยวาอูประตูเมืองกําลังอุทิศตนทํางานบางอยาง ซึ่งผูที่
ติดตอกับจวนหมิงออง แทจริงก็คือฟางโหยวฉิน
“พะยะคะ!”
จางปงลี่ที่เพิ่งรับรูอารมณโกรธกริ้วขององคติ้งอู ตอนนี้เหงื่อแตกเต็มหนาผาก เขา
กําลังกลัว
ตรวจสอบฟางโหยวฉิน เพื่อรักษาระบบการปกครอง เขาจําเปนตองพูดเรื่องที่
ตนเองสงสัย
แตถาฟางโหยวฉินไมมีปญหา ชีวิตเขา ก็คงถึงกาลอวสาน!
ตอน 257 ยินดีตอ นรับพระชายา
รถมาหนึ่งคันเขาเมือง เกิดหนึ่งเหตุพิพาท คนมีอํานาจกลั่นแกลงคนตัวเล็กๆ ที่
ออนแอกวา แตคลายกับวาไดเปดฉากที่ยิ่งใหญขึ้นอยางไมมีปไมมีขลุย
ตอนเฉิงที่หายังมิไดเดินบนเสนทางสายนี้ เขาอาศัยอยูในเมืองหลวงก็จริง แตเปน
เพียงนักเลงการพนันที่อยูไปวันๆ เทานั้น แตก็พูดยาก คนจะโชคดีทั้งที อะไรก็ฉุดไมอยู
เขาผูนี้ ปกติไมมีนิสัยไหวพระไหวเจาอยางแนนอน จึงไมตองพูดถึงเรื่องเมตตาธรรม
และการทําความดีทั้งหลาย มีก็แตเรื่องลักเล็กขโมยนอย ทําความเดือดรอนใหผูอื่นร่ําไป
แตแลวตอนเขาอายุยี่สิบหากลับพลันมีเรื่องดีๆ หลนใส
วันหนึ่งขณะที่เขาชนะพนันเงินเล็กๆ นอยๆ ในบอน เดิมทีเตรียมจะไปเที่ยวซอง แต
ไมรูเหตุใดกลับรูสึกเบื่อตงิดๆ คิดอยากหาหญาออนมาเคี้ยวเลน
หญาออนอะไรนะหรือ?
ก็เด็กสาวอยางไรเลา!
ไมผิด เด็กสาว
เวลามีคนสั่งสอนอะไรดีงาม เฉิงที่หาจําไมไดหรอก แตสําหรับเรื่องเลวทรามแลวละ
ก็ เขากลับจําไดอยางแมนยําจนนาประหลาดใจ
ไดยินวาที่ตลาดประมูลสินคาริมแมน้ํา พวกเศรษฐีตางก็มีรสนิยมเชนนี้ ราคาแพง
เทาไหรก็ไมเกี่ยง เขาจึงอยากลองดู ชวยไมได มีเงินนิดหนอยแลวใจมันเริ่มคันยุกยิก ซึ่ง
เขาก็ใชวาจะไรสามารถเสียทีเดียว เชนการเลือกเฟนคนที่ตลาดประมูล เขากลับมีสายตา
แหลมคมยิ่ง
อีกทั้งยังใหราคาประมูลสูงไมนอย แตกลับไดสินคาราคากลางๆ มา แตครั้งนี้นับวา
โชคเขาขาง เขาพบสินคาชั้นเลิศเขาอยางจัง
เด็กสาวอายุไมเกินเจ็ดแปดขวบ พูดแลวเขาก็เหมือนเดียรัจฉานยิ่ง ผูที่ทําเรื่องเชนนี้
สวนใหญไมเลือกเด็กอายุนอยขนาดนี้ แตเขาเห็นปุบก็ถูกใจทันที
สายตาเขาแหลมคมมาก มองออกวาเด็กสาวตองมาจากตระกูลสูงศักดิ์ และไมแนวา
อาจเปนสาวนอยรอยชั่งเสียดวย ไมพูดพลามทําเพลง จายเงินเรียบรอยก็ลอหลอกเด็ก
นอยที่กําลังรองไหใหเงียบเสียง กอนพาเดินจากไป ทวาเด็กนอยยังไมรูเรื่องรูราว จึง
รองไหไปตลอดทาง แมเปนเชนนี้เขาก็ไมสนใจ คนเลวเสียอยาง
ตองบอกวาเขามีความอดทนสูง ใหเด็กนอยกินแตของดีของอรอย แลวยังอาบน้ํา
อาบทาใหเสียจนสะอาดสะอาน เปลี่ยนเสื้อผาชุดใหม เปนทานอาใจดีคนหนึ่งก็วาได
ที่สุดแลวก็ปลอบขวัญจนเด็กนอยไมรองไหอีก
พอเห็นวาใกลค่ํา เขาก็เตรียมทําเรื่องเดียรัจฉานกับเด็กนอยใสซื่อบริสุทธิ์ แตหนา
ประตูพลันมีคนและมาจํานวนหนึ่งมาถึง
คนเหลานี้ดุรายมาก พังประตูเขามา แลวเงื้อคมดาบจอเขาที่คอหอยของเขา การ
เปลี่ยนแปลงอยางฉับพลันเชนนี้ทําใหเขาตกใจแทบขาดใจตาย
พอเห็นชายวัยกลางคนผูหนึ่งพุงเขามาโอบกอดเด็กนอยไว แลวเด็กนอยก็เรียกวา
‘ทานพอ’ เขาจึงรูวาความซวยมาเยือน ความเดือดรอนอยูตรงหนา แตกอนตายเขายังมี
สติ รีบรองเสียงดังวาเขาใจผิด
บางคนอาจเปนเพราะชาติที่แลวทําแตความดี เฉิงที่หาก็คือคนประเภทนี้ หากเด็ก
นอยโตกวานี้อีกหนอย หรือเขาทําเรื่องเดียรัจฉานเร็วกวานี้ ก็จะไมมีเฉิงที่หา อยูมาได
จนถึงวันนี้
เพราะไมมีคําวาหาก ดังนั้นเด็กนอยจึงไมรูวาทานอาผูนี้เปนคนดีหรือคนเลว ใน
สายตาของเด็กนอย ทานอาเปนคนดี ใหกินแตของดีๆ ยังคุยเลนใหสบายใจอีก ดีกวา
ผูคนที่ตลาดประมูลเยอะ เด็กนอยชอบเลนกับเขา
พริบตาเดียว หลายปผันผาน เมืองหลวงปรากฏผูมีชื่อเสียงทานหนึ่ง รูจักกันในนาม
คุณชายหา!
ไดยินวาคนผูนี้ยากแยกแยะดําขาว ขอเพียงทานมีเรื่องยุง ยากใจ ไปหาคุณชายหา
แลวปญหาของทานจะหมดไป คําบอกตอๆ กันนี้ ฟงดูโออวดมิใชยอย
แตเฉิงที่หาก็ทําได เขามีชีวิตอยูอยางสุขสบาย เงินทองไหลมาเทมา จนคิดวาตนเอง
มีชื่อเสียงจริงบนเสนทางสายนี้ โดยไมคาดคิดวา ชีวิตที่สุขสบายและโชติชวงมากวาสิบป
นี้ ที่สุดแลวก็ไดรูเรื่องที่ไมควรรูเขา
ตุบ! เสียงทึบตัน เฉิงที่หารูสึกวาตลอดทั้งรางของตนออนยวบ
เขามิไดถูกตีจนสลบ แตถูกจับใสกระสอบ ปวดระบมไปทั้งราง แตไมกลารอง
โวยวายเสียงดัง แมรอบดานเงียบเสียง แตเขาก็รูวามีคนจองมองอยู รูสึกหนาวเหน็บ แม
ไมรูวาใครจับตนเองมัดไว และไมรูวามัดไปทําไม
ทวาพอจะคาดเดาไดวา ฝายตรงขามอาจเปนคนของ...จวนหมิงออง
ตอนเกิดเรื่องขึ้นทีป่ ระตูเมือง พอรูวาเปนเรื่องของคนในจวนหมิงออง เขาก็ตกใจ
แตพอหันมองกลับ ก็เห็นคุณชายจางหายลับไปในฝูงชนแลว
จากความเคยชิน แมรูสึกวาการจับตาดูอูประตูเมือง ไมเกี่ยวอะไรกับจวนหมิงออง
แตสัญชาติญาณบอกวา ใหเขารีบหนีไปโดยเร็ว
แตแลวก็ผิดคาด ระหวางที่กําลังหนีอยูนั้น จูๆ ดานหลังก็มีกริชจี้เขามาเลมหนึ่ง เขา
มิไดสงเสียงรอง กระทั่งมิไดหันหลังกลับ ไดแตเดินไปขางหนาตามคําสั่งเจาของกริช
เมื่อไปถึงที่เปลี่ยวราง เขาก็ถูกจับใสกระสอบ แลวนําตัวมาที่นี่
“ชื่อแซอะไร!” น้ําเสียงละออนแตเย็นชา
เฉิงที่หาไดยินก็รูสึกหนาวเหน็บจับใจ อยูในเสนทางสายนี้มานาน ไฉนจะไมรวู าคน
พวกนี้โหดอยางไร
“เฉิงที่หา!” เฉิงที่หาบอกตามตรง
“ใครใชใหเจาทํา?” น้ําเสียงออนโยนลงเล็กนอย
ตลอดทั้งรางของเฉิงที่หาชุมไปดวยเหงื่อ เขามิไดตอบในทันที
ทวาเงียบไปสักพัก กลับมิไดถูกตีหรือเรงเราใหพูด
ที่สุดแลวเฉิงที่หาจึงพูด “คุณชายจาง!”
รถมาคันหนึ่งวิ่งเขาเมือง ทหารเฝาประตูเมืองคนหนึ่งกอเรื่อง กลับกลายเปนขาว
ใหญขึ้นมาได
แนนอนวา เหตุการณนี้ผูคนสวนใหญในเมืองหลวงไมเห็นและไมมีผลกระทบตอ
ชีวิตประจําวันของพวกเขา อยางมากก็แคมีขอมูลสนทนาเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ ‘จวนหมิง
ออง’
ผูที่มีอารมณรวมในเหตุการณก็คือผูสูงศักดิ์และคนฉลาดที่มีวิสัยทัศนกวางไกล
องคติ้งอูและจางปงลี่เปนคนฉลาด พวกเขาจึงกระชากมานโหมโรงของละครฉากนี้
ออก
ทวาคนฉลาดมิไดมีเพียงพวกเขา คนตระกูลหลินสามารถแยงชิงพืน้ ที่ในการพูดจา
กับประชาชนมาได ยอมไมสามารถถูกมองขาม
แมเพียงผูปฏิบัติงานระดับลางของคนตระกูลหลิน ความคิดความอานก็ไมธรรมดา
เห็นไดจากครั้งกอนที่คนตระกูลหลินเฝาดูอูประตูเมืองไดดีกวาจางปงลี่
แตเหตุการณในวันนี้กลับทําใหพวกเขารูสึกโงงมไป
คุณชายจางเปนเพียงหมากตัวเล็กๆ ผูเดินเกมตัวจริงของคนตระกูลหลินคืออาจารย
หลิว ผูซึ่งวางแผนทํารายหนิงเออรในปนั้นนั่นเอง
และตอนนี้ อาจารยหลิวกําลังนั่งหนานิ่วคิ้วขมวดอยูในสถานที่ลับแหงหนึ่ง
เรื่องที่จางปงลี่คิดไมออก เขาก็คิดไมออกเชนกัน
จวนหมิงอองสงใครมาอีก? เกิดอะไรขึ้นกับอูประตูเมือง?
ภายในหอง นั่งไวดวยผูปฏิบัติการในเมืองหลวงของตระกูลหลิน ซึ่งลวนไมมี
ความเห็นที่คืบหนามากนัก
“หรือเราเขาใจผิด อูประตูเมืองมิใชคนของจวนหมิงออง เขาเกือบถูกคนของจวนห
มิงอองฆาตายดวยซ้ํา”
“แตขากลับรูสึกวานี่เปนการเลนละครปดบังความจริง ดวยจวนหมิงอองตองการ
ลางไพความสัมพันธกับอูประตูเมือง ซึ่งเรื่องในครั้งกอนทําใหอูประตูเมืองถูกสงสัยเปน
อยางมาก หากจวนหมิงอองตองการฆาเขาจริง เมื่อครูยอมสามารถทําได แตสุดทายก็ไว
ชีวิตเขา!”
“จวนหมิงอองไมนา โงขนาดนี้ ครั้งกอนเขาถูกสงสัยแลว แตพอจวนหมิงอองสงคน
มาอีก เขาก็บังเอิญโผลมาอีก นี่ไมยิ่งทําใหคนรูสึกผิดปกติหรอกรึ?”
“พอเถอะ ไมวาพวกเขาจะเกี่ยวของกันอยางไร อูประตูเมืองก็ถูกจับกลับไปแลว
ครั้งนี้ตามเหตุการณ เขาลวงเกินจวนหมิงออง เกรงวาไมนาจะถูกปลอยออกมาไดงายๆ
ถาเราคิดจะสืบเรื่องจวนหมิงอองจากเบาะแสอยางเขา เห็นทีจะทําไมได”
หลังจากอาจารยหลิวฟงความคิดเห็นจากทุกคน ก็มิไดสงเสียงใดๆ แตคนสุดทาย
กลับทําใหแววาตาเขานิ่งคาง พูดขึ้นทันที “ไม ทําได!”
“หือ?” ทุกคนหันมองเขาเปนจุดเดียว
อาจารยหลิวลุกขึ้นยืน กะพริบตา ครุนคิดสักพักจึงวา
“พวกเจาคิดวา ถาอูประตูเมืองถูกฆา เรื่องจะเปนอยางไร?”
“ถูกฆา?”
“สมมติวาเขาไมใชคนของจวนหมิงออง แตเปนคนของฟางโหยวฉิน แมลวงเกิน
จวนหมิงอองก็ไมควรที่จะถูกฆา”
อาจารยหลิวไมตอบ กลับพึมพํา “เสียดายจริง หากเมื่อครูคนของจวนหมิงอองฆาอู
ประตูเมืองตายก็จะดีไมนอย...”
ภายในหองเงียบกริบ ในความคิดของทุกคนลวนมีคําวาฟางโหยวฉินวาบผาน สักพัก
คอยมีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังมา
“เชนนั้นก็ไมตองสนใจวาเขาเกี่ยวของอะไรกับจวนหมิงออง พวกเราชวยจวนหมิง
อองฆาเขา ก็สิ้นเรื่อง”
คําพูดนี้ทุกคนไดยินกันหมด แตกลับไมมีใครพูดตอ
อาจารยหลิวนั่งลง เหมือนไมคิดเรื่องนี้อีก สวนคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปสนใจผูที่จวนห
มิงอองสงมา
“หรือจะเปนหมิงอองเอง?”
“อาจเปนไปได โดยเรื่องของเขาซางชิงทุกคนก็รูแลว จึงเปนไปไดวาหมิงอองจะ
เดินทางออกจากหมิงจู”
“อาจิ่วเปนคนสนิทของเขา ไมนาผละจากการรับใชขางกายนายมางายๆ”
“ถาเปนเขาจริง ก็นาเสียดายแลว ถารูขาวเร็วหนอย...”
“ถึงจะเปนเขา ตอนนี้เขาก็มิไดเพงเล็งมาที่เรา ผูที่รอนรนควรเปนเขาซางชิง
มากกวา”
เขาซางชิงยอมรอนรนอยูแลว กระทั่งโกลาหลกันทั้งสํานักก็วาได
อาจิ่วเปนใคร ผูที่อยูในสถานะสูงสงหนอยใครบางไมรู ทุกคนลวนกําลังสงสัยวาผูที่
อยูในรถมาอาจเปนผูที่กลายเปนตํานานอยางหมิงออง
การเขาเมืองของรถมาคันนี้ เปนที่สนใจของผูคนทั่วทั้งเมืองหลวง เพียงแตจดุ ที่
สนใจแตกตางกันออกไป
สําหรับจวนหมิงอองแลว เรื่องนี้ไมเปนปญหาแตอยางใด อาจิ่วนั่งอยูหนารถ ผาน
ถนนสายยาว ผานชุมชนจอแจ โดยไมปดบังโฉมหนา
ยอมถูกผูคนจับตามองและคาดเดาเปนธรรมดา ซึ่งตลอดทางที่ผาน จวนหมิงออง
ราศีบารมีจับจนไมมีใครกลาขวางทางแตอยางใด
ประตูจวนหมิงออง ยังคงถูกปดและอยูในความควบคุมของทางการ แมทัพกอง
ทหารลาดตระเวนไดขาวแตแรกก็รีบรุดมา เขานั่งอยูบนหลังมา เฝาอยูหนาประตูจวน
อยางเครงครัด
พอรถมามาถึง เขาก็กระตือรือรนทันที รีบสงเสียงบอกซายขวา
“มาแลว ระวังใหดี อยาใหเกิดเรื่องขึ้นเปนอันขาด!”
“ขอรับ!” ทหารขางกายขานรับ
รถมามิไดสนใจพวกเขา รักษาความเร็วอยางสม่ําเสมอ วิ่งผานพวกเขาที่ขนาบอยูทั้ง
สองขาง ตรงไปยังประตูจวน เหมือนไมมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ผูมีฐานะสูงศักดิ์ในละแวกนั้นตางอดรนทนไมไหว เดินออกมาดูหนา
ประตูจวนตน แมไมกลาเขาใกล แตสายตาทุกลวนจองมองไปยังรถมา
รถมาหยุดอยูหนาประตูจวนหมิงออง ถนนทั้งสายเงียบสนิท
อาจิ่วแหงนหนามองจวนหมิงอองขณะยังไมลงจากรถ เขารูสึกเศราใจและสะทก
สะทอนใจ
จากไปครั้งเดียว กลับนานหลายป...
เขาหลุบตาลง มองดูประตูจวน เห็นเพียงทหารอารักขาสองคนยืนอยูหนาประตู สี
หนาเขานิ่งเรียบแตภายในใจกลับวูบไหว
ยังดีที่นาทีถัดมา เมื่อเขากวาดตามองกวาง คอยปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
ทวาผูคนที่อยูโดยรอบพลันเกิดความตื่นเตนขึ้นในใจ สายตาที่จองมองหนาประตู
จวนหมิงอองฉายแววหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
แมทัพทหารที่อยูไมไกลก็จับบังเหียนแนน เกิดความตึงเครียดขึ้นทันที
พวกเขาเห็นอะไร
ประตูจวนหมิงอองเปดออก ทุกคนในจวนโดยการนําของลูสวินอี้ยืนตอนรับอยู
หางจากรถมาราวสามเมตร ลูสวินอี้และผูปกปองจวนหมิงอองทัง้ หมดโคงตัวลง
ลูสวินอี้เปลงเสียงดังกองไปทัว่ ทั้งถนน
“ลูสวินอี้ยินดีตอนรับพระชายากลับจวนหมิงออง!”
“ยินดีตอนรับพระชายา!”
ตอน 258 กลับจวน
สะทานสะเทือนไปทั่วทุกหยอมหญา!
คําคํานี้ไดยินคนพูดบอย แตถามวาใครเคยเห็นตัวจริงแลวบาง เกรงวาตองหายากยิ่ง
แตตอนนี้ ผูคนรอบๆ จวนหมิงอองกําลังเฝาดูผูที่อยูในรถมา ซึ่งเกือบทุกคนตางอด
ไมไดที่จะทําตาโตดวยความตกใจและประหลาดใจยิ่ง
พระชายา!
ครั้งนี้ผูมาคือ พระชายาหมิงออง หลินซูอิน หญิงสาวตระกูลหลิน ตระกูลซึ่งเอาใจ
ออกหางจากราชสํานัก!
ผูที่อยูในเหตุการณไมมีใครเตรียมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากอน เหตุใดจึงเปนนางไปได?
เหตุใดนางจึงปรากฏตัวขึ้นอยางกะทันหันเชนนี้?
เปนเรื่องที่ไมเกินเลยหากจะพูดวา สถานการณยุงเหยิงในตอนนี้ การปรากฏตัวขึ้น
อยางปจจุบันทันดวนของพระชายาหมิงออง ทําใหผูคนรูสึกตื่นตกใจมากกวาการได
เห็นหมิงอองหลายเทาตัว
นั่นเพราะพระชายาไมเพียงเปนพระชายา นางยังเปนสัญลักษณอันละเอียดออน
ที่สุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของประเทศ ในสถานการณการเมืองอันยุงเหยิงเชนนี้
ดวย
“ยินดีตอนรับพระชายา!”
ทุกคนตางยากขมใจ ไมใหตื่นตกใจจากการถูกจูโจมอยางฉับพลัน ยังดีที่เสียงแสดง
ความเคารพสั้นๆ ไดสะทอนกองอยางใสกระจางอยูขางหูทุกคน ทําใหหัวใจที่เตนไมเปน
ระส่ําของพวกเขาสงบนิ่งลงได ดวงตาทั้งสองขางจองมองไปยังรถมาที่ยังจอดนิ่งอยูอยาง
นั้นไมวางตา
ที่เกิดเหตุเงียบสงบอยางแปลกประหลาด เงียบจนทําใหผูคนที่อยูภายใตแสงอาทิตย
กลางวันแสกๆ รูสึกวาตนเองเหมือนมิไดอยูบนโลกมนุษย
กระทั่งมาของทานแมทัพยังคลายรูสึกถึงความแปลกประหลาดของบรรยากาศ
ความกดดันรุนแรงทําใหมันตื่นตกใจ แตก็ไมกลาสายศีรษะสะบัดหาง ใชดวงตากลมโต
ทั้งสองขางจองมองไปยังรถมาเชนเดียวกับมนุษย
ลมโชยพัด แดดออนๆ ยามบายสองลงมาในแนวเฉียง ลูสวินอี้และกลุมคนยังคงโคง
ตัวใหรถมาอยูอยางนั้นโดยไมกลาขยับ ทวาในรถมายังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ
แมรอคอยไมนาน แตตอนนี้ ผูคนกลับรูสึกเหมือนผานไปแลวชาติหนึ่ง
ภายใตสายตาผูคน คนในรถยังไมออกมาเสียที อาจิ่วที่ยืนอยูขางตัวรถปกปดสีหนา
กระวนกระวายไวไมอยู มือในแขนเสื้อของเขาสั่นนอยๆ ดวยไมกลาเอื้อมไปเปดประตูรถ
มาออกโดยพลการ แตที่สุดแลวก็อดใจไมได เอยปากเสียงเบาขอคําชี้แนะจากคนในรถ
“พระชายา!”
ตูเวยเวยใชดวงตาอันงามสงามองดูหลินซูอินที่นงั่ ผมยาวสลวยดุจแพรไหมอยูขางๆ
แตกลับมีใบหนาขาวดุจเสนดาย นางเหมือนไมรูสึกถึงบรรยากาศคึกคักที่อยูดานนอก
หลุบตาลง ราวกับวาอยูคนเดียวในโลกใบนี้
ตูเวยเวยละสายตาจากนางโดยไมพูดจา และไมกระทําการใดๆ เพียงนั่งรอคอย
อยางสงบนิ่ง ไมสงเสียง
ไมควรสงเสียง และไมคิดสงเสียง
นี่เปนเรื่องภายในครอบครัวของจวนหมิงออง และเปนเรื่องสวนตัวของหลินซูอิน
อีกทั้งนางในตอนนี้ไมมีจิตใจยื่นมือเขาแทรกแซงเรื่องของผูอ ื่น
การรวมมือกับจวนหมิงอองมิไดหมายความวา นางตองแบงเบาเรื่องภายในจวน
นางไมรูสึกวาตนเองมีคุณสมบัตินี้ และไมรูสึกวาตนเองตองเอาใจหมิงอองดวยการออน
นอมแบบคนระดับลาง
ยิ่งมิไดคิดวาหมิงอองไมสูงศักดิ์ และหลินซูอินไมนายกยอง แตนางเปนทานตูที่เคย
โลดแลนอยูในหมิงจูมานาน จึงยังมีความหยิ่งทะนงอยู
คลายมีเสียงถอนหายใจเบาๆ แตก็คลายไมมี ทานตูหันมอง พอดีกับหลินซูอินเงย
หนา ดวงตาหลินซูอินสงบนิ่งเหมือนมีอารมณความคิดซับซอนรอยแปดพันเกา จนทําให
ผูพบเห็นอยากถอนหายใจ
หลินซูอินมองหนาทานตู ใบหนาที่ขาวราวเสนดายของนางเหมือนปรากฏรอยยิ้ม
นอยๆ กอนเอยเสียงเบา
“ศิษยพี่ หากสามารถมีชีวิตอิสระเหมือนทานก็คงจะดีไมนอย...”
ทานตูอึ้ง แววตาตะลึงงัน แตหลินซูอินไมรอคําตอบ หันมองประตูรถมา แลววา
“ลงรถกันเถอะ”
อาจิ่วที่รอรับอยูนอกรถไดยินก็ถอนหายใจดวยความโลงอก มือที่สั่นเล็กนอยยื่น
ออกไปเปดประตูรถมา
นาทีถัดมา หลินซูอินในชุดขาวพรอมผาบางๆ ปกปดใบหนา กาวลงจากรถมา
ทามกลางสายตาผูคน นางกําลังยืนอยูตรงหนาผูคน ลมพัดผาน เสนผมนางปลิวไสว
ชายกระโปรงพลิ้วตามแรงลม เปนที่นาจับตามองยิ่งนัก
ในความเงียบ นางคอยๆ กวาดตามองทุกสิ่งที่ทั้งคุนเคยและทั้งแปลกตา สุดทาย
หยุดสายตาอยูที่จวนหมิงออง กอนกาวเทาเดินไป โดยไมมีใครรูวานางกําลังลําบากใจ
หรือสบายใจ
เวลาเหมือนหยุดอยูกับที่ ภายใตแสงอาทิตยแนวเฉียงและสายลมออนๆ รางของ
นางที่ผูคนทั้งคุนเคยทั้งแปลกตา หายไปในกําแพงสูงของจวนหมิงออง
ปง!
เสียงประตูใหญปดเขาหากัน ดังสนั่นเหมือนเสียงโหมตีคอนกลอง ทําใหผูคนตื่นขึ้น
จากนั้นแมทัพตะโกน “ไป!” แลวกองทหารก็จากไปดั่งสายลม
จากนั้นถนนตลอดทั้งสายก็ยุงวุนวาย กลุมคนรีบวิ่งกลับบานอยางรวดเร็ว
จนสุดทาย ทุกสิ่งทุกอยางกลับเงียบสงบดังเดิม เหมือนผูคนแยกยายหลังงานเลี้ยง
เลิกรา
แตความจริงแลว ความวุนวายเพิ่งเริ่มตนขึ้น
“อะไรนะ”
องคติ้งอูลุกพรวด น้ําชาที่ถืออยูในมือกระฉอกออกจากถวย แยกแยะสีหนาบน
ใบหนาอันดุดันไมออก ดวงตาทั้งสองขางจองมองมหาดเล็กผูรายงานเขม็ง น้ําเสียงแผ
ความเย็นยะเยียบไปทั่ว
“เจาพูดอีกครั้งสิ เปนใครกัน?”
กึก... มหาดเล็กคุกเขาลงกับพื้น ตอบเสียงสั่น “เปน...เปนพระ...พระชายาหมิงออง
พะยะคะ”
ตุบ! เพลง!
ถวยน้ําชาในมือองคติ้งอูชนเขากับศีรษะมหาดเล็กอยางจัง กอนหลนลงแตกบนพื้น
โลหิตและน้ําชาคอยๆ ไหลลงจากเสนผมมหาดเล็กซึ่งตองอดทนตอความเจ็บปวด
จากศีรษะที่แตกและถูกน้ําชาลวก ขณะคุกเขาตัวสั่นเทิ้มอยูกับพื้น ไมกลาสงเสียงใดๆ
มหาดเล็กที่อยูรอบๆ ลวนคุกเขาลงเชนกัน
เวลาองคติ้งอูพิโรธ ภูเขาและแมน้ําลวนแหลกลาญไมมีผูใดกลาเงยหนาขึ้นมองพระ
พักตรที่ดูไมไดยิ่ง
บรรยากาศอันหนักหนวงอบอวลอยูในพระราชวังอยางยากควบคุม สีพระพักตรแย
จนนาตกใจ ลมหายใจที่ออกจากปากและจมูกเดือดพลานเปนระลอก ราวกับ
เตรียมพรอมออกศึกใหโลหิตไหลนองเต็มทองทะเล
ไมรูผานไปเนิ่นนานเทาไร จึงไดยินเสียงแหบแหงดังขึ้น
“ออกไป...”
มหาดเล็กรีบใชมือและเทาชวยในการคลานถอยออกจากหอง
องคติ้งอูกมศีรษะ ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอยางแรง ทันใดนั้น ทรงลมโตะ เสียงดัง
ปง
สิ่งของทั้งหลายที่อยูบนโตะหลนกระจัดกระจายไปทั่ว ทรงยกเทาขึ้นถีบเกาอี้ใหลม
ลงตอ
ทวาความโกรธก็ยังคงฉายอยูบนพระพักตรไมจางหาย
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงอันสงบนิ่งของชายชราดังขึ้น
“ฝาบาท เย็นพระทัยไว!”
เสียงดังมาจากระยะไกล แตราวกับวาสะทอนไปมาอยูขางหูองคติ้งอู
องคติ้งอูเงยหนาขึ้น เห็นชายชรารางเล็กบอบบางยืนตัวตรงอยูขางโตะที่พลิกคว่ํา
ตั้งแตเมื่อไรไมรู กําลังใชดวงตากระจางใสจองมองตนเอง
องคติ้งอูเก็บความรูสึก คอยๆ เชิดหนา ทรวงอกคอยๆ ชะลอการกระเพื่อมลง
ผูเฒาเห็นเหตุการณแลวก็ไมคิดพูดมาอีก เพียงโคงตัวลงเล็กนอย ใชสามนิ้วแตะโตะ
ขยับขอมือเบาๆ โตะก็พลิกหมุนกลางอากาศ กอนตกลงสูที่เดิมอยางเงียบเสียง
จากนั้น ผูเฒาก็ละสายตา รางกายคลายเคลื่อนไหวไดตามใจชอบ มองไปทางไหน
รางก็พลันอยูที่นั่น และยังคงเหมือนเมื่อครู เกาอี้กลับสูตําแหนงเดิม
สวนของที่ตกอยูบนพื้น ผูเฒามิไดเก็บ กลับไปยืนตัวตรงหางจากโตะไมไกล กอน
เอยปากเสียงเบา
“ความโกรธทํารายตัวเอง และจะยิ่งทําใหฝาบาทปวดศีรษะหนักเขาไปอีก”
คําพูดคลายแฝงพลัง เห็นองคติ้งอูพลันหนาซีดขาว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผาก
ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงอีกครั้ง
สีหนาผูเฒายังนับวาสงบนิ่ง รางวูบไหว พลันยายไปยืนขางกายองคติ้งอู พยุงใหทรง
นั่งลงบนเกาอี้ กอนเอยปาก “ฝาบาท ทําใจใหสงบ”
ไรซึ่งขอหาม ผูเฒายกมือขึ้นจับชีพจรองคติ้งอู ชะงักเล็กนอย นิ้วทั้งสองประหนึ่ง
กระบี่ เปลงแสงสีขาวบริสุทธิ์สวางไสว แตมิไดสัมผัสถูกผิวหนัง เห็นเพียงพลังดรรชนีเขา
สูเสนชีพจรขององคติ้งอู ขณะแขนผูเฒากําลังจะเลื่อนขึ้น
“ไมตองแลว!”
องคติ้งอูพ ลันยกมือออกจากการกุมหนาผากมากันดรรชนีกระบี่ของผูเฒาไว แววตา
แสดงความเจ็บปวด ใบหนาเต็มไปดวยเม็ดเหงื่อ น้ําเสียงแฝงความปวดราวและออนลา
“อาจวิน เสียพลังปราณเปลาๆ!”
ผูเฒาที่มีดวงตาวาวใส กลับสายศีรษะอยางอดไมได วางมือองคติ้งอูลง แลวพูดเสียง
เบา
“ฝาบาทตองสงบใจใหไดกอน พื้นฐานพลังปราณของผูเฒามิใชธาตุไม รักษาอาการ
ปวดศีรษะของฝาบาทไดยากเอาการ!”
องคติ้งอูเจ็บปวดเหลือคณา จึงไมมีกะใจพูดมาก ไดแตอดทนไว จึงหายใจหอบ
ผูเฒายืนเงียบอยูดานขางครูใหญ พอเห็นองคติ้งอูคอยๆ รูสึกดีขึ้น จึงสงเสียงพูด
“โลกอันกวางใหญ ไมขาดผูมากความสามารถ โรคของฝาบาท ใชวาจะรักษาไมได”
องคติ้งอูลืมตา ตาแดงเล็กนอย เพียงชั่วขณะราวกับชราภาพลงมาก คลายพูดกับ
ตัวเอง
“ดานนอกมีพยัคฆอีกสุนัขปาลอมรอบ ดานในมีกบฏคอยชิงอํานาจ สถานการณ
วิกฤต ถาขาประกาศหาหมอมารักษา เกรงวาจะกลายเปนขาวลือไปทั่ว ทําใหผูคนคิดกัน
ไปตางๆ นาๆ!”
คําพูดนี้แสดงถึงความเสื่อมถอยและลําบากใจ เกรงวาทรงไดแตพูดตอหนาผูเฒา
เพื่อระบายความทอแทภายในใจ
“อาจวิน ตั้งแตขาขึ้นครองราชย ไมเคยทุจริตและเสวยสุขสวนตน หมั่นเพียร
พยายาม ไมกลายอหยอนแมสักวัน ทุมเทความสามารถทั้งหมดที่มี ขอเพียง
ประวัติศาสตรไมซ้ํารอย แตเหตุใด ถึงตอนนี้ ระบบการปกครองที่มีมาหารอยป กลับ
เละเทะไมเปนชิ้นดีในมือขา และมีแนวโนมวาจะพาประเทศไปสูความลมสลาย”
น้ําเสียงขององคติ้งอูออนแรงลงเรื่อยๆ ทวาในความโกรธเคืองปนหดหูใจ กลับเปยม
ไปดวยความลึกซึ้ง
ผูเฒาไมมีคําอธิบาย ประเทศตาเซี่ยหารอยป กับอายุรอยปของเขา ผาน
ประสบการณมาสี่แผนดิน เห็นอะไรมาก็มากและหลากหลาย แตเพิ่งเห็นความเสื่อมก็
ตอนนี้ ถามใจตนเองดู ในจักรพรรดิทั้งสี่ องคติ้งอูเรียกไดวาเปนจักรพรรดิผูเกงกลา
สามารถ ทวาตาเซี่ยที่นากลัว กลับมาถึงจุดๆ นี้ได
ผูเฒาคอยๆ หลุบตาลง น้ําเสียงยังคงบางเบา
“โชคชะตาฟาลิขิต แตชีวิตเรากําหนด บานเมืองก็เชนเดียวกัน ขอเพียงสูตอเทานั้น
ฝาบาทยังอยู จักรวาลยังคงเปนธรรม เหตุใดฝาบาทตองเศราเสียใจถึงเพียงนี้ดวย?”
องคติ้งอูไดยินดังนี้จึงพยักหนา คอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก
“อาจวินไมตองเปนหวง ขาถือกําเนิดในราชวงศกษัตริย มีหนาที่รับผิดชอบของ
กษัตริย แมตองกลายเปนกษัตริยผูทําใหชาติลมสลาย ก็ไมมีวันทําใหบรรพบุรุษตอง
อัปยศอดสูเปนอันขาด ยังไมถึงนาทีสุดทาย ขาไมยอมพายแพแน!”
ผูเฒาพยักหนา พูดอยางเด็ดขาดโดยไมลังเล
“หลังกาลเวลาผันผานรอยปพันป ฝาบาทยอมไดชื่อวาเปนกษัตริยผูปรีชาสามารถ
อยางแนนอน”
ใบหนาองคติ้งอูปรากฏรอยยิ้มนอยๆ ขึ้น เห็นชัดวาทรงมีอารมณรวมกับคําพูดนี้
ทรงคอยๆ นั่งตัวตรง ครุนคิดสักพัก จึงเอยปาก
“อาจวิน ทานคิดเห็นอยางไรกับลูกหกของขา?”
แววตากระจางใสของผูเฒาวูบไหวเล็กนอย มองดูองคติ้งอู “หมิงอองหรือ?”
“มิผิด!” องคติ้งอูพ ยักหนา
ทรงจับโตะไวแลวคอยๆ ลุกขึ้นยืน อาจเพราะความเจ็บปวดเมื่อครูทําใหรางกาย
ออนแอลง จึงตองระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก กอนตรัส
“ขามีทายาทไมนอย แตกลับไมเคยคิดวา หมิงอองหรือลูกหกที่ทิ้งใหอยูกับสามัญ
ชนในปนั้น วันนี้กลับทําใหขารูสึกเหนือความคาดหมายเปนอยางยิ่ง!”
ตอน 259 ขอความเห็นจากพระชายา
ผูเฒาไมอยากคิดวิเคราะหคําพูดขององคติ้งอูวาแฝงความหมายอะไรลึกซึ้ง พอใจ
หรือไมพอใจในตัวหมิงออง เปนธรรมดา ที่เขาไมคิดแทรกแซงการวิพากยวิจารณทายาท
ของฝาบาท มิไดกลัววาจะถูกโยงใยเขาสูเกมการเมือง ซึ่งไมวาภายภาคหนาผูใดไดขึ้น
ครองราชย เขาก็ยังคงเปนเขา ไมจําเปนตองวาดงูเติมขา
แตวันนี้ เขากลับเอยปาก
“หมูนี้ผูเฒาไดยินเรื่องราวของหมิงอองมามากมาย ทั้งเรื่องนิสัยใจคอและ
ความสามารถ แตผูเฒาก็ยังไมรูแนชัดและไมกลาพูดสุมสี่สุมหา รูเพียงวาการบําเพ็ญ
เพียรของทานออง ทําใหผูเฒารูสึกแปลกใจมาก ปที่ทานอองกลับเขาวัง ผูเฒาก็เคยพบ
เห็น ดูจากภายนอกแลวไมมีวี่แวววาจะฝกวิชาไดถึงเพียงนี้”
สิ่งที่องคติ้งอูอยากรูยอมมิใชเรื่องเหลานี้ แตพอไดฟงผูเฒาพูดถึงเรื่องในปนนั้ ก็ทรง
จําไดวา หากเชื้อพระวงศมีคุณสมบัติพอที่จะบําเพ็ญเพียร ยอมตองไดรับการฝกอบรม
บมเพาะใหถึงที่สุด ซึ่งนอกจากจะเปนผลดีตอประเทศชาติแลว อยางนอยยังทําใหผูฝกมี
อายุมั่นขวัญยืนดวย
ดังนั้น ทายาทสายตรงขององคติ้งอูตองผานการตรวจสอบจากจอมยุทธกอน ปที่หมิ
งอองกลับเขาวัง ก็ไดผานตาจอมยุทธแลว และไดรับการยืนยันวา ไมวาจะเปนดาน
รางกายหรือความรอบรู ลวนไมมีพื้นฐานพอที่จะฝกได คิดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็รูสึกแปลก
ใจ แตเพื่อเห็นแกหนาจอมยุทธ บวกกับตอนนี้ยังไมมีกะใจพูดถึงเรื่องนี้ จึงสายพระ
พักตรอันเครงขรึม แลววา
“อยาวาแตอาจวินเลย ขาเองในปนั้นก็ใชวาจะเห็นความพิเศษของลูกคนนี้ มิฉะนั้น
แลวไหนเลยจะหละหลวมการเขมงวดทางวินัย จนทําใหเปนขบถตอตานขามาจนทุก
วันนี้!”
ผูเฒาเลิกคิ้วขึ้นเล็กนอย เขาเขาใจแลว องคติ้งอูกําลังไมพอใจหมิงอองเปนอยางยิ่ง
คิดตอถึงเรื่องพระชายา ก็ยิ่งเขาใจในทันที
ครั้งนี้หมิงอองไดกระตุนตอมกริ้วขององคติ้งอูเขาใหแลวจริงๆ ดวยสถานการณ
วุนวายของราชสํานักในตอนนี้ องคติ้งอูคิดมาตลอดวาเปนความผิดของคนตระกูลหลิน
ทรงเกลียดคนตระกูลหลินยิ่งกวาคนเถื่อนเสียอีก หากเขียนบัญชีรายชื่อผูที่องคติ้งอู
อยากสังหาร ตองมีคนตระกูลหลินอยูในลําดับตนๆ อยางแนนอน ถึงขั้นที่วาสับเปน
หมื่นๆ ชิ้นก็ยังไมหายแคน กับคนระดับลางในตระกูลหลินยังไมเทาไหร แตถาเห็นผูที่มี
สายเลือดตระกูลหลินแลวละก็ ในใจของพระองคจะรอนเปนไฟ คิดแตอยากสังหารให
หายแคน
ซึ่งการกลับมาของพระชายาในครั้งนี้ แมองคติ้งอูรูวาเปนโอกาสดีที่พระองคและ
ตระกูลหลินจะจับมือสงบศึกชั่วคราว เพื่อรวมกันตอตานศัตรูนอกประเทศ แตก็ยังทรง
ไมยินยอม มีจักรพรรดิองคไหนที่ยอมประนีประนอมกับกบฏบาง?
ตาเซี่ยอยูยั้งยืนยงมาหารอยป เคยยิ่งใหญเพียงใด? วีรบุรุษเชนองคติ้งอู ไหนเลย
ยอมรับความอัปยศอดสู
ดังนั้น วินาที่ที่รูวาพระชายากลับมา รังสีฆาฟนของพระองคก็คุกรุนขึ้น
ผูเฒาหลุบตาลงอีกครั้ง ตอนนี้เวลานี้ อารมณโกรธขององคติ้งอูยังไมเจือจาง แต
กลับยังไมออกคําสั่งฆาหลินซูอิน เห็นชัดวาทรงยังมีสติพอที่จะรูวาฆาไมได แตสตินี้กลับ
ทําใหทรงรูสึกวาถูกดูหมิ่น จึงทรงโกรธแคนเปนอยางมาก
“ฝาบาทมีสิ่งใดตองการกําชับผูเฒา?”
ผูเฒารูวาจูๆ องคติ้งอูคงไมพดู เรื่องเหลานี้ขึ้นมาลอยๆ แน จึงกมศีรษะถาม
“ขาไมอาจปลอยใหเจาขบถนั่นอยูนอกวังหลวงอีก ขืนเปนเชนนี้ตอ เกรงวาอาจ
กลายเปนลูกที่ไมจงรักภักดีหรือลูกอกตัญูไป!” ดวงตาองคติ้งอูฉายแววเขมงวด
แตแววตาผูเฒากลับวูบไหว เห็นชัดวาแมแตเขายังตกใจ “ฝาบาทคิดจะ...”
“ขาอยากรบกวนทานใหไปหมิงจูสักครา พาเจาขบถนั่นกลับมาหาขา!” องคติ้งอู
ตรัสเสียงขรึม
ที่แทเปนเชนนี้นี่เอง
ผูเฒาคอยๆ เงียบไป หลังครุนคิดสักพัก จึงวา
“ฝาบาท แมผูเฒาหวังมีชื่อเสียงในขณะที่อายุขัยเหลืออยูไมมาก แตการไปหมิงจูสัก
ครา สิ่งที่ผูเฒากลัวกลับมิใชกองทัพนับพันนับหมื่น แตกลัววาไปแลวจะพาทานออง
กลับมาไมไดนี่สิ!”
“หือ?” องคติ้งอูฟงแลวก็อึ้งเล็กนอย “อาจวินหมายความวาอยางไร?”
ผูเฒาสายศีรษะ “เหมยชิงเฟงบอกวาทานอองยังไมเขาขั้นจอมยุทธ แตเขาก็ไมกลา
ไปหมิงจูประลองยุทธกับทานอองดวยตัวเองอยางแนนอน ดวยทานอองสามารถสังหาร
สามปรมาจารยไดในหมัดเดียว ซึ่งใชวาปรมาจารยทั่วไปสามารถทําได แมนับวาพวกเรา
อยูในขั้นหลุดพน แตก็ไมกลาพูดวาสามารถทําใหทานอองพายแพคามือ และมีความ
เปนไปไดวา ตองตอสูจนถึงขั้นตกตายกันไปขาง แมนับวาสุดทายแลวพวกเราสามารถ
เอาชนะได ความเคลื่อนไหวนี้ก็เพียงพอที่จะทําใหคนเถื่อนยกทัพมาซ้ําเติม!”
นาทีนี้ องคติ้งอูจึงไมรูแลววาตนเองรูสึกเชนไร เปนความรูสึกที่ซับซอนยิ่ง
จอมยุทธที่อยูตรงหนากําลังหวาดกลัวโอรสตน ทําใหตนอดไมไดที่จะรูสึกภาคภูมิใจ
แตพอคิดวาตนอับจนหนทางที่จะนําตัวหมิงอองกลับมา ก็รูสึกหงุดหงิดใจ
“ทวาหากเปนรับสั่งของฝาบาทและสามารถทําเพื่อตาเซี่ยแลว แมตองตอสูกับ
กองทัพนับพันนับหมื่น ผูเฒาก็ขอลองดูสักตั้ง...” ผูเฒาพูดตอ
องคติ้งอูกลับโบกมือปราม “จะใหอาจวินไปเสี่ยงอันตรายไดอยางไร? เมื่อครูขาไม
ทันคิดจริงๆ วาลูกหกมีความสามารถในทางเตาถึงเพียงนี้ เรื่องนี้จึงถือวาตกไป!”
หากสามารถนําตัวกลับมาเงียบๆ ไดก็คงดี แตถาขาวรั่วไหล ยอมกลายเปนเรื่อง
ใหญ
ความปลอดภัยของเชื้อพระวงศเปนสิ่งสําคัญ แมเชื่อวาจอมยุทธทั้งสามไมกลาทํา
เรื่องที่ไมถูกตองในสายตาผูคน เชนการลอบสังหารลูกหก แตก็ไมอยากใหลูกตองเสี่ยง
อันตราย
ถาเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นระหวางการนําตัวกลับ ก็เปนเรื่องนากลัวแลว ราชสํานักมีจอม
ยุทธสองทาน ทานหนึ่งขณะนี้เผชิญอันตรายอยูในสนามรบ หากเกิดเรื่องขึ้นกับอีกทาน
ยอมไมดีแน แมอายุขัยของทานเหลืออยูไมมาก แตถาอยูรอดไดหนึ่งวัน ก็สามารถปอง
ปรามศัตรูไดอีกหนึ่งวัน
และพอฟงถึงตรงนี้ ก็พลันรูสึกหวั่นไหว อาจวินอายุขนาดนี้ หากหมิงอองสามารถ
บําเพ็ญเพียรไดถึงขั้นนี้
จริง...ทรงรูสึกไมสบอารมณขึ้นมาในพริบตา เจาขบถนั่นไมอยูที่นี่ คิดเรื่องพรรคนี้
ไปจะมีประโยชนอะไร จึงตรัสถามขึ้น
“อาจวิน ในความเห็นของทาน ถาหมิงอองเกิดประลองกับเหมยชิงเฟงจริงๆ ผลจะ
เปนเชนไร?”
ผูเฒาเงยหนา กอนสายหนานอยๆ “แพแนนอน!”
ภายในหองเหลือองคติ้งอูอยูเ พียงลําพัง บอกตามตรง การเปนจักรพรรดิเชน
พระองคเหน็ดเหนื่อยมาก ประเทศไมเปนสุข บานก็ไมสงบ!
แมโอรสที่นากลัวอยางมอไป ไมพอใจในตัวพระองค แตพระองคก็ยังคิดปกปองใน
ทุกวิถีทาง
ทรงหลับตา ละทิ้งสิ่งละอันพันละนอยในใจ เพื่อใหตนเองเยือกเย็นลง
หมิงอองไมสามารถกลับมา ก็ไมสามารถทําใหลูกคุกเขาขอรองใหตนไวชีวิตพระ
ชายาหลินซูอินตอหนาขุนนางนอยใหญในทองพระโรงแลว
มิผิด ทรงอยากใหเปนเชนนี้ ที่เมื่อครูโมโหโทโสจนถึงขีดสุด ก็เพราะในหัวสมองคิด
แตวิธีตอบโต
ทรงอยากสังหารหลินซูอินแตก็สังหารไมได ดังนั้นเมื่อไมสังหารตรงๆ ก็ตองคิดหาวิธี
ซี่งไมมีวิธใี ดจะดีไปกวาการทําใหหมิงอองวิงวอนขอรองตนเองตรงหนา และเนื่องจากลูก
มีผลงานตอตานศัตรู อีกทั้งยังถูกทิ้งใหอยูกับสามัญชนนานหลายป ทําใหองคจักรพรรดิ
รูสึกละอายใจและสงสาร ดวยความรักของพอทีท่ นเห็นลูกเสียใจไมได จึงปลอยตัวหลินซู
อินไป!
ศักดิ์ศรี!
ศักดิ์ศรีขององคจักรพรรดิยิ่งใหญกวาฟาดิน!
ทันใดนั้น เสียงฝเทาที่หนาประตูดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณความคิดขององคติ้งอู ทรง
ลืมตาขึ้นทันที พลางปลอยรังสีฆาฟนใสผูมา
“ฝาบาท ใตเทาจางขอเขาเฝา!”
มหาดเล็กหนาวเหน็บไปทั้งตัว อยากรองไหจริงๆ แตก็ตองยืนยักแยยักยันรายงาน
“หือ?” ทรงชะงักรังสีฆาฟนในดวงตา จางปงลี่ เขามิไดไปจวนหมิงอองรึ เหตุใดจึง
มาเร็วเชนนี้?
ทรงลุกขึ้นยืนมือไพลหลัง กอนพูดเสียงขรึม
“เก็บของใหเรียบรอย แลวใหเขาเขามา”
มหาดเล็กรีบชวยกันเก็บขาวของที่หลนกระจายบนพื้น แลวจึงประกาศเรียกจางปง
ลี่ใหเขาเฝา
“ฝาบาท” จางปงลี่ทําความเคารพ
“ไปจวนหมิงอองมาแลวหรือ?” องคติ้งอูนั่งลง พยักหนาแลวถามขึ้น
หนาผากจางปงลี่มีเม็ดเหงื่อ แสดงวารีบมาก แตกลับเห็นเขาสายศีรษะ กอนวา “ยัง
ไมไปพะยะคะ รีบกลับมากอนเพราะเรื่องหนึ่ง!”
“ขารูแลววาผูมาเปนใคร” องคติ้งอูตรัสเสียงขรึม
จางปงลี่เหลือบดูสีหนาองคติ้งอู รูสึกแปลกใจอยูบาง คิดไมถึงวาจะทรงสงบนิ่งได
เชนนี้ ซึ่งเขายอมไมรูวา เมื่อครูองคติ้งอูทรงพิโรธไปแลว
“กระหมอมกลับมาเพราะ หนึ่ง เรื่องของพระชายา สอง ถูกคนของโจรถอยหลิน
สกัดกั้นไว!”
จางปงลี่รีบรายงาน
“หือ? เจาวาอะไรนะ?” องคติ้งอูดวงตาคมวาว เหมือนอารมณขึ้นในพริบตา
“พวกมันเบื่อโลกกันนักรึ?”
“ฝาบาททรงเมตตา!” จางปงลี่รีบโคงตัวปลอบประโลม
การกลับมาของพระชายา สงผลกระทบโดยตรงตอราชสํานักและโจรถอยหลิน
ทั้งสองฝายไมคาดคิดเหมือนกัน ตื่นตกใจเหมือนกัน และอึดอัดใจเหมือนกัน
แตทาทีกลับแตกตางกัน ดานราชสํานักใหความสําคัญกับศักดิ์ศรีมากเกิน จนองคติ้ง
อูเกือบระงับรังสีฆาฟนไวไมอยู สวนพวกโจรถอยหลิน ตางตกใจที่เห็นหลินซูอินกาวเขา
ไปในจวนหมิงอองจริงๆ ทําใหพวกเขาไมมีความคิดเห็นไปชั่วขณะ แตแลวก็ดึงสติ
กลับมาได
“เมตตาหรือ?” องคติ้งอูทรงสงบนิ่งลงแลว กะพริบตากอนถาม “ที่พวกมันไปหา
เจาก็เพราะเรื่องนี้หรือ?”
“พะยะคะ พวกโจรถอยหลินพอไดขาววาพระชายาหมิงอองกลับมา ก็ตกใจเชนกัน
พวกมันกลัววาฝาบาทจะทรงพิโรธ แตไมมีคุณสมบัติพอที่จะเขาเฝา จึงมาสกัดกั้น
กระหมอมไว ขอรองใหกระหมอมเห็นแกพระชายา ที่แมเกิดในตระกูลหลิน แตไดสมรส
กับเชื้อพระวงศตามกฎหมาย จึงถือวาเปนคนของเชื้อพระวงศคนหนึ่ง ขอใหฝาบาท
เมตตา อยาถือโทษโกรธพระชายา!”
คําพูดของจางปงลี่ฟงดูดี แตความจริงเปนเชนไรทุกคนลวนรูอยูแกใจ
“เฮอะ เมื่อเปนคนของเชื้อพระวงศ ขาจะจัดการอยางไร ไหนเลยจะใหพวกกบฏมา
บงการได คิดวาดาบในมือขาสังหารคนไมไดรึ?” องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชา สีหนาเต็มไป
ดวยความโกรธ
“ฝาบาททรงเมตตา กระหมอมเห็นทาทีของพวกโจรถอยหลินออนนอมมาก พวก
มันพูดวา แมพระชายาเกิดในตระกูลหลิน แตก็เปนลูกสาวสุดที่รักของหลินหัวเหยา
เพราะเห็นแกความรักของพอลูก จึงกลามาขอใหฝาบาททรงเมตตา!” จางปงลี่รีบตอบ
ซึ่งคนตระกูลหลินเคยพูดเชนนี้จริงหรือไมนั้นมีเพียงจางปงลี่เทานั้นที่รู แตเห็นไดชัด
วา จางปงลี่ชัดเจนวาฝาบาทตองการขั้นบันไดในการเสด็จลง
หลินซูอินสังหารไมได!
เมื่อเห็นฝาบาทยังคงมีสีหนาเครงขรึม เขาก็รูวาครั้งนี้ฝาบาทมิไดวางทาทีแลว ดวย
ไมเห็นความยินดีบนพระพักตรแตอยางใด วันนี้ทรงเปลงรังสีฆาฟนออกมาจริง จึงรีบ
คุกเขาลง
“ฝาบาท ที่กระหมอมรีบมาไมใชเพียงเพราะโจรถอยหลินขอรอง แตเปนเพราะ
กังวลในความปลอดภัยของพระชายา จึงมาขอใหฝาบาทรีบสงองครักษแฝงกายคุมครอง
พระชายา”
องคติ้งอูห ัวเราะ “เจาวาอะไรนะ ใหขาสงคนไปคุมครองนาง?”
“พะยะคะฝาบาท กระหมอมหวงวาโจรถอยหลินจะมีจิตคิดชั่ว ลงมือกับพระชายา
แลวปายความผิดใหราชสํานักเรา ปลอยขาวลือวาฝาบาทไมสนใจศัตรูตางชาติรุกราน
ประเทศ ไมใสใจทหารหาญและทานอองที่รบอยางดุเดือดในหมิงจู เพียงเพราะความ
โกรธแคนในใจ จึงสังหารพระชายาหลินซูอิน คูสมรสที่ถูกตองตามกฎหมายของหมิงออง
หรือคนของเชื้อพระวงศอยางไมเปนธรรม...”
จางปงลี่กมศีรษะพูดรวดเดียวโดยไมสนใจวาฝาบาทในตอนนี้จะมีสีหนาเชนไร
ซึ่งเห็นชัดวาองคติ้งอูที่อยูตรงหนาเขากลับมีสีหนาและแววตาเปลี่ยนไป พลาง
ตะโกนเสียงดัง
“เหลวไหลจริงๆ!”
ราชสํานักกับตระกูลหลินเคลื่อนไหวตั้งแตนาทีแรกแลว สวนกลุมอิทธิพลอีกกลุม
หนึ่งที่หลินซูอินสนิทดวยนั้น ยอมทนไมไดเชนกัน หนําซ้ํายังมีปฏิกิริยาตอบสนอง
มากกวาราชสํานักกับตระกูลหลินอีก
หนาประตูจวนหมิงออง ชงเสวียนมาแลว
นี่ยังไมทนั เที่ยง ดูทาทางก็รูวา พอไดขาวปุบก็ไมกลารีรอ รีบรุดมาทันที
และครั้งนี้คนในจวนยังคงแจงตอลูสวินอี้
ฟานอูมองดูลูสวินอี้ที่นิ่งเงียบไมพูดไมจา จึงรูสึกกังวลใจ “ทานรอง ทานวาพระ
ชายาจะ...”
“เหลวไหล!” ลูสวินอี้พลันจองมองเขาดวยดวงตาคมกริบ “ลืมแลวหรือวาอะไรคือ
ความภักดี? กลาวิพากษวิจารณนายหญิง!”
ฟานอูถูกอารมณโกรธอยางฉับพลันของลูสวินอี้ทําใหตกใจกลัวตัวสั่น รีบตอบ
“ทานรองอยาเพิ่งโกรธ เปนความผิดของขาเอง!”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน แลวพูดดวยน้ําเสียงหนักแนน “จงจําไวใหดีวา ครั้งนี้ขอเปนครั้ง
แรก และครั้งสุดทาย”
“ขอรับ! ไมมีครั้งหนาอีกเปนอันขาด!”
ดูออกวาลูสวินอี้โกรธจริง และฟานอูตกใจจริง
ลูสวินอี้มิไดพูดตออีก เขาคอยๆ หลับตาลง พลางเอยปาก
“ยังมี ตั้งแตวันนี้เปนตนไป หากมีคนมาขอพบพระชายา เจาควรไปรายงานพระ
ชายา มิใชมาขอความเห็นจากขาหรือคนอื่นๆ ในจวน”
ตอน 260 ประกาศศักดา
พูดจากใจจริง หลินซูอินไมอยากยุงเกี่ยวกับเรื่องในจวนหมิงออง
แตสุดทาย นางก็กาวเขามาในจวนหมิงอองจนได เพียงเพราะไมมที างเลือก และไม
มีที่ไป
หลังจากวันที่ถูกมอไปจูโจมอยางหนักดวยการประเมินคุณคาที่คนตระกูลหลินมอง
นางออกมาตรงๆ ตอหนานางอยางโหดรายสุดๆ แลว นางก็เจ็บปวดอยางสุดซึ้ง
แมใจนางปฏิเสธมาโดยตลอด คิดวาอาจไมเปนอยางที่มอไปพูด บิดานางอยางไรก็
ไมมีทางลงมือสังหารบุตรสาวตนเองเพื่อผลประโยชนหรอก นี่เปนเรื่องที่ไรสาระสิ้นดี
ในใจมอไปมีแตความดํามืด ถึงไดสรุปเรื่องราวออกมาไดชั่วรายเชนนี้ เพื่อใหนางทํา
รายบิดานางเอง
ถาหาก...
ถาหากถอยหลังกลับไปคิด...
คนตระกูลหลินมีความเปนไปไดที่จะคิดเชนนี้จริง แตตองไมใชความคิดของบิดานาง
แน ตองเปนคนบางคนในกองกําลังทางใตที่ตองการผลประโยชน จึงบังคับใหบิดา
ตัดสินใจ ซึ่งบิดาตองถูกปดบังความจริงอะไรบางอยางไว...
นางปฏิเสธเสมอมาในการสืบหาความเปนไปได ที่จะลมลางความคิดของมอไป
เนื่องจากทุกครั้งที่หัวสมองนึกถึงคําพูดของมอไป นางก็จะหายใจไมออกโดยไมรูตัว
เจ็บปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด!
ความรักของบิดาและบุตรี หนักแนนดุจเขาไทซาน
ความรูสึกนี้ยังคงยืนยงอยูโดยไมถูกทําลาย แตถาพลันถูกทําลายลงไปจริงๆ จาก
คนๆ หนึ่งซึ่งเคยเปนที่พึ่งทางใจมาโดยตลอด ถูกพลิกจากหนามือเปนหลังเทา คงทําให
อีกคนหนึ่งเจ็บปวดจนไมอยากมีชีวิตอยูอีก!
แมความเปนไปไดตามที่มอไปพูดมีเพียงหนึ่งในลาน ก็ไมมีใครกลายอมรับ
กระทั่งความกลาที่จะไปสืบหาความจริงยังไมมี ดังนั้นขณะนี้ หลินซูอินจึงยินยอมที่
จะอยูแตในจวนหมิงออง เผชิญหนากับคนโหดรายนั่น ยังดีกวาที่จะกลับบานตระกูล
หลินหรือพบเจอผูคนในตระกูลหลิน
นางตองการเวลา เวลาที่คอยๆ คิดพิจารณา ใหความกลากับตนเองในการ
เผชิญหนา
จวนหมิงอองแหงนี้ แมนางเคยมาแลว แตกลับยังไมคุนเคย
เห็นไดชัดวา ที่นี่ไมมีความหมายอะไรกับหลินซูอิน นางไมคิดทําความคุนเคยกับ
สถานที่ ไมคิดทําความคุนเคยกับผูคนในจวน ยิ่งไมตองพูดถึงสถานะนายหญิงที่ตองเรียก
ทุกคนมาประชุม เพื่อรับฟงรายงานความเปนไปในทุกๆ ดานของจวน
ทาทางของนางเหมือนตอนอยูในหมิงจูขณะถูกกักบริเวณอยางไรอยางนั้น นางเดิน
ตรงเขาหอง
แตที่ทําใหนางรูสึกอึดอัดใจก็คือ ในจวนหมิงออง ไมวานางจะยินยอมหรือไม หองที่
ใหนางอาศัยอยู มีเพียงหองที่ตบแตงใหมซึ่งใชประกอบพิธีสมรสในวันนั้นเทานั้น
อาจิ่วเปนผูนําทาง หลังจากยืนนิ่งอยูหนาประตูสักพัก ในที่สุดนางก็ไมขัดขืน เดิน
เขาไปในหอง
อยากเปลี่ยนหองไปก็เทานั้น คนเราสามารถลบลางเรื่องในคืนนั้นไดหรือ?
เชนนี้ การกลับมาของนายหญิง จึงเปนไปอยางเงียบเชียบ จนแทบไมมีตัวตนใน
สายตาคนในจวน
ถาสามารถใหนางอยูอยางสงบเงียบไดพักหนึ่ง ขอเพียงสักพักหนึ่ง สําหรับนางแลว
ยอมสามารถคลายความกดดันในใจลงได
แตโลกนี้ไมมีคําวาถา และโลกมักไมทําใหคนสมหวัง นางอาจยังไมรูวา ตั้งแตที่นาง
กาวเขามาในจวนหมิงอองทามกลางสายตาผูคน ชีวิตของนางก็ไมมีทางที่จะหลุดพนอีก
ตอไป
บางครั้ง โดยไมจําเปนตองบังคับ นางก็ตองเดินออกจากหองบาง เพื่อรับแขกของ
จวนหมิงออง
“พระชายา นักพรตชงเสวียนจากเขาซางชิงขอเขาเฝา” เสียงของอาจิ่วดังขึ้นที่หนา
ประตูหอง
หลินซูอินลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ แหงนหนามองเพดานหอง กอนถอนหายใจ
เบาๆ เงียบไปครูหนึ่ง จึงลุกขึ้นยืนพลางตอบ
“รูแลว เชิญทานนักพรตไปดื่มน้ําชาที่หองโถงหลัก”
“พะยะคะ” อาจิ่วไดยินก็มีทาทีปกติ กอนมาสิ่งที่มอไปควรกําชับก็ไดกําชับแลว
หองโถงหลัก
ชงเสวียนนั่งอยูอยางสงบ แตถาดูใหดี ดวงตาที่ล้ําลึกของเขายังคงมีแววไมสบายใจ
พอไดยินขาววาหลินซูอินมาเมืองหลวงกะทันหัน ศิษยเขาซางชิงที่อยูในเมืองหลวง
รวมทั้งชงเสวียนดวยตางตื่นเตนไมหยุด อาจารยของหลินซูอิน เหมยอวิ๋นชิง ถึงกับลุกขึ้น
ยืน คิดบึ่งมาพบลูกศิษยในทันที
นางมั่นใจมาก คิดวาขาวทั้งหมดที่พวกตนอยากรู ขอเพียงไดพบหลินซูอินๆ ตองเลา
ทุกอยางใหนางฟงโดยไมปดบังแมแตนอย
เห็นชัดวา อาจารยเหมยคิดวาตนเองสามารถควบคุมลูกศิษยคนนี้อยู แตสุดทาย
นางก็มาไมได เปนชงเสวียนที่ไมใหนางมา เพราะเมื่อเทียบกันแลว ชงเสวียนมีความ
ยืดหยุนมากกวามาก และหลังจากชงเสวียนคอยๆ สงบสติอารมณลง ความรูสึก
ประหลาดใจก็เปลี่ยนเปนความไมสบายใจ
เขามิใชคนที่มองอะไรในแงเดียว และไมเชื่อวาตอนนี้ผูที่สาบานวาจะตอสูกับ
อิทธิพลในใตหลาจนถึงที่สุดอยางหมิงอองจะเปนเชนดังทอนไมที่ไมรูอะไรเลย เมื่อกลา
สงหลินซูอินกลับเมืองหลวง ก็ตองมั่นใจแลววาหลินซูอินจะไมทรยศตน
ที่สําคัญกวานั้น หลินซูอินไดตกอยูในกํามือหมิงอองนานแลว นางก็เปนผูหญิงคน
หนึ่ง...
เสียงฝเทาดังมาจากดานหลัง ชงเสวียนสะดุง รีบลุกขึ้นยืนแลวหันมอง จองไปยัง
ทางเดินดานหลัง
เปนอยางที่คาด ไมนานนักก็เห็นรางในชุดขาวราวหิมะที่คุนเคยคอยๆ เดินเขามา
มานตาชงเสวียนนิ่งคางตามสัญชาติญาณ จองมองใบหนาหลินซูอินอยางไมวางตา
หลินซูอินมิไดใชผาขาวปกปดใบหนา เผยใหเห็นโฉมหนาที่ยังคงงามสะคราญ นาง
เงยหนาขึ้นและพบวาผูที่อยูตรงหนาคือนักพรตชงเสวียน
“อาจารยลุง”
นางไมคุนเคยกับชงเสวียน เพียงเคยเห็นหนาตอนทําพิธีเขาเปนศิษยเขาซางชิง อีก
ทั้งชงเสวียนยังประจําการอยูที่ทําการของเขาซางชิงในเมืองหลวง ซึ่งปกตินางก็ไมคอย
ไดมา
ทวานาทีแรกที่ไดพบ หลินซูอินก็รูสึกหวั่นไหว เหมือนนานแลวที่ไมไดพบกับผูที่ทํา
ใหนางรูสึกสบายใจ แมชงเสวียนมิใชคนคุนเคย แตจิตใจนางพลันรูสึกดีขึ้นมา ปรากฏ
รอยยิ้มนอยๆ ขึ้นบนใบหนา
แตชงเสวียนกลับเหมือนคนใจลอย มิไดทักทายหรือมีปฏิกิริยาทาทางใดๆ ในนาที
แรกที่ไดพบ ดวงตาของเขาจองมองอยูแตใบหนาของหลินซูอิน...
หลินซูอินชะงักเล็กนอย จองมองดวงตาเขา และพบวาเขากําลังมองมาที่หวางคิ้ว
ทําใหนางคาดเดาเรื่องหนึ่งขึน้ ได จึงรูสึกตะขิดตะขวงใจ
รอยยิ้มบนใบหนาพลันจางหาย ปรากฏความซีดขาวขึ้นแทน นางกมหนาลง หลบ
หลีกสายตาของชงเสวียนตามสัญชาติญาณ
“บังอาจ กลาเสียมารยาทกับพระชายา องครักษ!”
รางหนึ่งทีอ่ ยูขางกายหลินซูอินตวาดเสียงดังพรอมรังสีฆาฟน กาวขึ้นดานหนาทันที
จองมองชงเสวียนดวยแววตาคมกริบดุจลูกธนู
เมื่อเห็นหลินซูอินเปนเชนนี้...ชงเสวียนก็รูสึกผิดหวังเปนอยางยิ่ง แตพอไดยินเสียง
ตวาด สติก็กลับคืน เห็นชายหนุมหนาซีดขาวผูหนึ่ง กําลังใชดวงตาที่ลุกเปนไฟและเต็ม
ไปดวยรังสีฆาฟนจองมองตน จึงสะดุงตกใจ คิดเอยปาก แตไมทันการณแลว
พลันไดยินเสียงลมวืดวาด เขารีบถอยรางจนชิดเกาอี้ เห็นแสงแวววาวของคมกระบี่
สะทอนอยูโดยรอบ เงารางหลายสายไมสงเสียงใดๆ ลงมือจูโจมใสทันที
ชงเสวียนตื่นตกใจ ขณะจะยกมือขึ้นตานตามสัญชาติญาณ สติพลันกลับสูสมองได
ทันทวงที ปากจึงรีบเอยขึ้น
“เขาใจผิด โปรดยั้งมือ!”
แตองครักษในจวนไหนเลยจะอนุญาตใหเขาอธิบาย เงื้อกระบี่ขึ้นจูโจม
ชงเสวียนไมกลาลงมือจริงๆ ไดแตกระโดดขึ้น อยางไรเขาก็บําเพ็ญเพียรในขั้น
ปรมาจารย สวนองครักษไมมีผูใดอยูในขั้นปรมาจารย เขาทะยานรางขามเกาอี้ ลอยตัว
ไปดานหลัง และรีบพูดขึ้นกลางอากาศ
“มีอะไรก็พูดกันได อยาเพิ่งลงมือ!”
พูดจบก็พบวาเกาอี้ที่นั่งอยูเมื่อครูถูกกระบี่แบงออกเปนสองซีก มานตาเขาหดตัวลง
หากชาไปกาวเดียว สองซีกนี้ตองเปนรางของตนเองแน
พลันเงยหนาขึ้นมองหลินซูอนิ หรือนางตองการสังหารเขาจริงๆ ไมเหลือหนทางให
เดินแมแตนอย
หลินซูอินไมคาดคิดมากอนวาจะเกิดเหตุการณเชนนี้ขึ้น และไมสามารถระงับอาการ
ตกใจเมื่อถูกชงเสวียนมองนางออกเมื่อครู พอไดสติก็รีบรอง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เทียบกับชงเสวียน คําพูดของนางไดผลชะงัด
ชายหนุมทั้งหมดลดกระบี่ลง รีบถอยออก แตยังไมเก็บกระบี่ ยังคงถือกระบี่ชี้ไปที่ชง
เสวียน รอรับคําสั่ง
“พระชายา คนผูนี้เสียมารยาท เขาประชิดตัวทาน ตองรีบจัดการ!” อาจิ่วไมสนใจ
ชงเสวียน โคงกายพูดกับหลินซูอิน น้ําเสียงเปยมความเด็ดขาด
“เขาใจผิด ทูลพระชายา เนื่องจากผูเฒาเพิ่งไดพบพระชายาครั้งแรก จึงรูสึกตื่นเตน
เปนพิเศษ ไมมีเจตนาเขาประชิดตัว ขอพระชายาประทานอภัย!”
พอชงเสวียนไดยินคําของอาจิ่ว ก็ไมกลาเสียมารยาทอีก รีบเรียกขานออกมาวาพระ
ชายา เขารูวาไมควรถูกองครักษลงมือจูโจมอีก มิฉะนั้นเกรงวาอาจเกิดเรื่องใหญ
แมองครักษไมกี่คนไมคณนามือเขาก็จริง แตตอใหเขามีความกลาสะทานฟา ก็ไม
กลาทําการเขนฆาในที่แหงนี้ นี่ยังไมพดู ถึงเรื่องที่วาหนาประตูมีกองทหารรออยู พูดแค
ในจวนอยางนอยก็มีลูสวินอี้อีกคน เขาไมมีทางตานไหวแน!
“บังอาจ เปนเพียงนักพรตในปาเขา กลับกลายกยอตนเองตอหนาพระชายา ใครใช
ใหเจาทําเชนนี้ พระชายา ไมควรไวชีวิต ตองรีบเชิญทานปรมาจารยในจวนมาตัดสินโทษ
...” อาจิ่วไมรอใหหลินซูอินเอยปาก รีบพูดแทรก
“พอแลว ขาไมเปนไร เรื่องนีข้ อใหยุติแตเพียงแคนี้ พวกเจาออกไปเถิด!”
หลินซูอินเห็นอาจิ่วแสดงเจตจํานงวา ถาไมสังหารชงเสวียนก็ไมเลิกรา จึงไมอยาก
ปลอยใหยืดเยื้อ ถาเปนผูอื่นก็วาไปอยาง แตกับชงเสวียน นางจะสังหารไดอยางไร?
ทั้งๆ ที่ไมอยากรับสถานะพระชายาหรือนายหญิง แตตอนนี้จําตองใชสถานะนาย
หญิงออกคําสั่ง
“พะยะคะ!” พอนางสั่ง มือกระบี่ทุกคนยอมตองเคารพ โคงตัวขานรับ แลวถอย
ออกจากหองอยางรวดเร็ว
อาจิ่วก็ไมพูดมากอีก แตกลับไมไปไหน หันกายไปยืนขางเกาอี้ที่อยูสูงขึ้นไปของหลิน
ซูอิน กอนจองมองชงเสวียนอยางไมวางตา พลางพูดเสียงขรึม
“พระชายาไวชีวิตเจาแลว ยังไมรีบขอบพระทัยอีก!”
หลินซูอินกําลังจะโบกมือบอกไมตอง แตชงเสวียนกลับยิ้มขมขื่นในใจ โคงตัวอยาง
นอบนอม
“ผูเฒ...กระหมอมขอบพระทัยพระชายาที่ทรงยกโทษให!”
เขาจําไดแลว คนผูนี้ก็คือผูที่มีชื่อเสียงโดงดังชั่วขามคืนในนามคนสนิทหมิงอองในวัน
นั้น อาจิ่ว ผูซึ่งเคยถูกปรมาจารยเขาซางชิงรวมกับศิษยสํานักเตาอื่นๆ ทํารายบาดเจ็บ
แตชงเสวียนไมอยากพูดถึงเรื่องนี้อีก สําหรับผูที่เขานอกออกในวังหลวงและเมืองหลวง
มานานอยางเขา การกล้ํากลืนฝนทนไมพูด ไมใชเรื่องยากแตอยางใด
“อาจารยลุงไมจําเปนตองทําเชนนี้”
หลินซูอินสายหนานอยๆ แลวจึงเหลือบมองเกาอี้ที่ถูกแบงออกเปนสองซีก ในใจเกิด
อารมณหลากหลาย พระชายา พระชายา...
จิตใจดําดิ่งลงอีกครั้ง ไมอยากพูดอะไรมาก หันไปพูดกับชงเสวียน
“อาจารยลุงเชิญนั่งทางนี้”
ผานเหตุการณเมื่อครู ชงเสวียนไมกลาทําตัวไมเหมาะสมอีก ทําความเคารพตาม
มารยาท แลวจึงนั่งลงแตโดยดี ทวายังไมเอยปาก เนื่องจากเหตุการณเมื่อครูทําใหไมรูวา
ควรพูดอะไรดี ถามไถทุกขสุขตามมารยาทสักสองสามคําหรือ?
มีอาจิ่วยืนจองอยูด านขาง หากถามไมดี ทําตัวไมดี อาจิ่วก็ตองหาเรื่องอีกจนได เขา
เองก็มองออกวา อาจิ่วไมอยากใหเขาพูดมากกับหลินซูอิน จึงรูสึกอึดอัดใจ
ตอน 261 สอบถาม
แตหลินซูอินกลับมีเรื่องอยากพูด นางเหลือบมองเกาอี้ที่ถูกกระบี่ฟนพัง แลวจึงพูด
เสียงเบา
“อาจิ่ว ใหคนมาเก็บกวาดหนอย แลวรินน้ําชาใหนักพรตชงเสวียนใหม”
อาจิ่วมองหลินซูอิน เห็นหลินซูอินคอยๆ หลุบตาลง เขาจึงโคงตัว
“พะยะคะ อาจิ่วไปจัดการเดี๋ยวนี้ หนาประตูมีองครักษคอยพิทักษอยู มีเรื่องอะไร
พระชายาสามารถเรียกใชไดทุกเมื่อ”
“ไปเถิด”
หลินซูอินคอยๆ เงยหนาขึ้นมองอาจิ่ว คิดไมถึงวาอาจิ่วจะอนุญาตใหนางพูดคุยกับ
ชงเสวียนสองตอสอง
ดวยกอนหนานี้มอไปเคยรับปากนางวาจะไมขวางการพบปะผูคนของนาง แต
เหตุการณเมื่อครูทําใหนางคิดวาหมิงอองพูดไปเชนนั้นเอง แตในความเปนจริงกลับทํา
ตรงขาม
อาจิ่วออกไปแลว ภายในหองเงียบสงบลง หลังจากเหลือเพียงคนทั้งสอง คิดไมถึงวา
กลับยิ่งอึดอัดใจกวาเมื่อครูเสียอีก
ชงเสวียนไมเพียงพูดไมออก หนังตายังกระตุกอยูเปนระยะ มองดูหวางคิ้วที่คลาย
ออกของหลินซูอินแลว เขาก็พูดไมออก
ในที่สุดก็เปนไปตามตาด หลินซูอินมิไดเปนหญิงสาวที่ไมเคยผานหองหออีกตอไป
สายตาเขาดูไมผิด กอนหนานี้พอมองไป ก็รูทันทีวาหลินซูอินไดผานโลกียวิสัยแลว
สวนจะเปนใครนั้น ชงเสวียนใชบั้นทายคิดก็ยังรูวานอกจากหมิงอองแลวจะเปนใคร
อื่นไดอีก
มิฉะนั้นวันนี้หลินซูอินไหนเลยจะนั่งในตําแหนงพระชายาได?
หลินซูอินแมกระอักกระอวนกับสายตาของชงเสวียน แตหลังจากเงียบไปสักพัก ก็
เริ่มเอยปากขึ้น
“อาจารยลุงมาคราวนี้ เพราะเรื่องของศิษยพี่เหมยใชหรือไม?”
เรื่องบางอยางปดไมมิด!
ชงเสวียนเงยหนา สบตาหลินซูอิน เห็นดวงตาที่สดใสและกระจางชัดของนาง ในใจ
จึงเกิดความลังเล แตก็ตองกัดฟนพูด ไมพูดก็ไมได มิฉะนั้นแลวจะกลับไปรายงาน
อยางไร?
คิดถึงตรงนี้ จึงถอนใจเบาๆ ออกมา กอนพูดออกไป
“พระชายาเฉลียวฉลาดยิ่ง กระหมอมมาคราวนี้...”
“อาจารยลุง ไมจําเปนตองพูดเชนนี้”
ไดยินเขาเรียกแทนตนเองวากระหมอม หลินซูอินก็รูสึกไมชินและอึดอัดใจ
“เรื่องแสดงความเคารพยอมสมควร”
ชงเสวียนพูดดวยความขมขื่นใจเล็กนอย เปนปรมาจารยเขาซางชิงทั้งที ทองพระโรง
ก็ไปมาแลว ตามอายุการบําเพ็ญเพียรของเขา ลวนสามารถเรียกตนเองวา ‘ผูเฒา’ ได
แตวันนี้ขณะอยูในจวนหมิงออง กลับถูกคนบังคับใหแกเปน ‘กระหมอม’...
นี่หมายความวาอะไร?
ถาเรื่องนี้ถูกพูดออกไป เกรงวาศักดิ์ศรีคงไมมีเหลือ
แตอยางวา กฎเกณฑทั่วไปไมสามารถใชกับจวนหมิงอองได อยูที่นี่ เขาไมรูสึกวา
ปรมาจารยอยางตนควรไดรับความเคารพนบนอบแตอยางใด คิดถึงเรื่องในวันนั้น
กระทั่งบุตรชายของจอมยุทธเหมยมาเอง ยังถูกลบหลูเชนนั้น...
อยูที่นี่ อยากจัดการเรื่องใหราบรื่น ไมสามารถคิดเล็กคิดนอย!
ตอนนี้พอดีมีคนยกน้ําชาเขามา หลินซูอินจึงกมหนาเงียบ รอจนคนถอยออกไปแลว
นางคอยมองไปยังหนาประตูพลางพูดเสียงเบา
“อาจารยลุง ทานก็นาจะรูวา หมูนี้เกิดเรื่องขึ้นกับขามากมาย จึงไมรูวาจะเริ่มพูด
จากตรงไหน...”
ชงเสวียนอมยิ้ม แตก็ยังไมรับมุข เพียงมีทาทีนอบนอมขณะฟงนางพูด พอเห็นนาง
หยุดก็ตอบไปหนึ่งประโยค
“พระชายามีชะตาที่ดี ยอมเปลี่ยนรายใหกลายเปนดี สบายใจได!”
หลินซูอินเห็นใบหนาที่แสดงความชื่นชมอยางไมกลาลวงเกินและจะยิ้มก็ไมยิ้มของ
เขาแลว พลันรูสึกเหนื่อยลาขึ้นมา ชั่วพริบตากลับกลายเปนไมรูสึกคุนเคยกันแมแตนอย
จึงหลุบตาลง เหมือนหัวเราะ กอนพูดเสียงเบา
“ชางเถิด ที่นี่ก็ไมใชที่ๆ จะพูดคุยกัน ไมพูดเรื่องนี้ก็แลวกัน เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ไม
รูวาอาจารยขาเปนอยางไรบาง อาจารยลุงพอจะรูหรือไม?”
“หือ?”
ชงเสวียนอึ้งเล็กนอย มองสํารวจหลินซูอิน เหมือนนางไมรูเรื่องจริงๆ จึงกะพริบตา
กอนตอบ
“พอนักพรตเหมยรูขาวจากหมิงจูวาศิษยหลานถูกจวนอองทานเชิญไป ก็รีบรุดมา
เมืองหลวงทันที ตอนนี้รออยูที่ทําการเขาซางชิง”
“ทานอาจารยก็อยูในเมืองหลวงหรือ?” ดวงตาหลินซูอินทอประกาย โพลงออก
ทันที “เหตุใดทานอาจารยจึงไมมาดวย? ทานนาจะรูวาขามาแลว...”
พูดถึงตรงนี้ หลินซูอินก็ชะงัก รูวาตนเองถามคําถามโงๆ ออกไป อาจารยลุงชง
เสวียนก็มาแลว ทานอาจารยจะไมรูขาวของตนไดอยางไร?
“ตั้งแตไดยินขาววาพวกเจาเกิดเรื่องในหมิงจู นักพรตเหมยก็ใจรอนดั่งไฟสุม วันนี้
พอไดยินวาเจากลับมา ก็รีบลุกขึ้นจะมาหาเจาใหได เพียงแต...” ชงเสวียนมีสีหนาขมขื่น
ขึ้น พลางพูดเสียงต่ํา
“เพียงแตครั้งกอนนักพรตเหมยเคยมีเรื่องกับลูสวินอี้ แมทัพในจวนอองทาน แม
นักพรตเหมยอยากพบหนาทาน แตก็กลัววาจะมากระตุนใหเกิดเรื่องขึ้นอีก ไมตองพูดถึง
เรื่องถูกลบหลู เพียงหวงวาจะทําใหพระชายาลําบากใจ ดังนั้นจึงไหววานใหขามาถามไถ
ความเปนไปของทาน อยากรูวาตอนนี้ทานสบายดีหรือไม?”
หลินซูอินคลายมีน้ําตาคลอหนวย
ถามุมมองตางกัน ก็ไมมีทางที่จะเขาใจความคิดจิตใจซึ่งกันและกันไดตลอดกาล
ในสายตาคนทั่วไปยอมรูสึกวานักพรตเหมยสูงสงเกิน ทวาในจวนหมิงออง ไม
สามารถใชคําวาสูงสงมาเปรียบเปรย ควรจะเปนหยิ่งและเห็นแกตัวมากกวา
ในปนั้น นักพรตเหมยมองวาชีวิตหมิงอองเหมือนมดปลวก สังหารไปแลวก็คงไมมี
ปญหาอะไร นี่ก็ทําใหรูแลววานักพรตเหมยเปนคนเชนไร แตสําหรับหลินซูอินกลับไม
เหมือนกัน
เปนนักพรตเหมยที่ชวยนางออกมาจากจวนหมิงออง ทําใหนางไมตองอยูอยางโดด
เดี่ยวในจวนไปจนชั่วชีวิต และเปนนักพรตเหมยที่พานางขึ้นเขาซางชิง อบรมสั่งสอน
อยางพิถีพิถัน จนตอมาไดกลายเปนผูมีพระคุณที่นางพึ่งพาไดมากสุด ทําใหคนในเขาซาง
ชิงและสํานักเตาทั้งหมดไมมีใครกลาขมเหงรังแกนาง
นางบากบั่นบําเพ็ญเพียรมาหลายป ผูที่คอยอยูเปนเพื่อนตนมากที่สุดก็คือทาน
อาจารย
แมทานจะคอยจับคูนางกับเหมยจื้อเฟงอยูเปนนิจ แตสําหรับนางแลว เห็นวาเปน
เพราะอยากใหนางไดใชชีวิตอยางมีความสุข จึงไมสนใจวาใครจะมองอยางไร
ในใจของหลินซูอิน นอกจากญาติพี่นองโดยสายเลือดแลว พูดไดวาเหมยอวิ๋นชิงเปน
ผูที่นางสนิทสนมที่สุด
แมหมิงอองเคยพูดวา อยูที่เขาซางชิง นางก็เปนเพียงหมากตัวหนึ่งเทานั้น ถึงเปน
เชนนี้จริง นางก็ยังคงมีความผูกพันอันลึกซึ้งกับเหมยอวิ๋นชิง พอไดยินวาเหมยอวิ๋นชิง
ฝากความคิดถึงมา นางก็รูสึกตื้นตันใจ หางตามีหยดน้ําตาไหลริน กอนถามขึ้น
“เกิดเรื่องมากมายขึ้นกะทันหัน ทานอาจารยในตอนนี้คงยากรับไดพอสมควร”
“พระชายาอยาทรงเปนกังวลไป ถานักพรตเหมยรูวาตอนนี้ทานสบายดี ยอมตอง
รูสึกสบายใจ”
ชงเสวียนหางคิ้วกระตุก น้ําเสียงปลอบโยนก็จริง แตพอพูดถึงตรงนี้ กลับเปลี่ยน
หัวขอเรื่อง
“เฮอ! เพียงแตศิษยหลานเหมยยังอยูในอันตราย เมื่อยังไมรูวาเปนตายรายดีอยางไร
มีสภาพอยางไรกันแน นักพรตเหมยก็คงยากที่จะสบายใจไดอยางแทจริง!”
“ขออาจารยลุงชวยบอกทานอาจารยดวยวา ศิษยพี่ยังมีชวี ิตอยูอยางปลอดภัย ไม
ตองเปนหวง!”
หลินซูอินรีบตอบ
ชงเสวียนตาเปนประกาย รูสึกเครงเครียดขึ้น รีบกวาดตามองไปยังหนาประตู เขา
ระมัดระวังมาก และพลันรูสึกโลงใจไปอีกหนึ่งเปราะ เมื่อเห็นวาหนาประตูไมมีความ
เคลื่อนไหวใดๆ แสดงวาคนในจวนหมิงอองไมคิดยุงเกี่ยวกับการสนทนาในหองนี้ ชง
เสวียนรูสึกเหนือความคาดหมาย จึงพูดขึ้นอยางกระตือรือรน
“มีชีวิตอยูยอมเปนเรื่องที่ดี ยอมเปนเรื่องที่ดี” หลังจากพึมพําออกมาสองคํา ก็รีบ
ถามเสียงต่ํา
“ถาเชนนั้น พระชายาจะบอกดวยไดหรือไมวา ตอนนี้สภาพของศิษยหลานเหมย
เปนเชนไร?”
หลินซูอินยอมสังเกตเห็นการจงใจกดเสียงใหต่ําลงของเขา แตนางกลับไมถือสาอะไร
และไมมอี ะไรที่นางไมกลาพูด หากจวนหมิงอองคิดสังหารนาง เพราะเหตุวานางพูดอะไร
ออกไป นางก็ไมมีแรงขัดขืน และไมรูสึกหวาดกลัว
แตพอนึกถึงเหมยจื้อเฟงแลว สีหนานางก็เครงขรึมลง สายหนานอยๆ
“ศิษยพี่แมยังมีชีวิตอยู แตสภาพกลับไมคอยดีนัก เปนอาการบาดเจ็บจากการตอสู
กอนหนานี้”
ชงเสวียนที่คอยระวังสถานการณหนาประตูมาตลอด พอไดยินคําตอบก็ตกใจ แตอด
ใจไวไมกลาถามตอในทันที กวาดตามองหนาประตูอยางรวดเร็วอีกครั้ง พอแนใจวายังคง
ไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ จึงเอยปากถาม
“ศิษยหลานเหมยบาดเจ็บสาหัสรึ? เปนทานอองลงมือหรือเปลา?”
หลินซูอินนึกถึงเหตุการณตอนที่เถี่ยสงลงมือในวันนั้น จึงคอยๆ หลับตาลง นางพลัน
นึกถึงเรื่องที่หนิงเออรตองเคราะหรายเพราะนาง จึงมิไดเอยชื่อเถี่ยสงออกมา เพียงสาย
หนานอยๆ แลววา “เพราะขา ทําใหศิษยพี่มีสภาพเชนนี้”
“นี่...”
เพราะขา?
คําพูดนี้ไมชัดเจน ชงเสวียนอยากถามใหกระจาง แตจูๆ ก็เปลี่ยนใจ ดวยพอจะ
เขาใจ ตองเปนเพราะขาวลือของศิษยหลานเหมยกับหลินซูอินแน ที่ทําใหหมิงอองโกรธ
จัด จนลงมือทํารายเหมยจื้อเฟง
ชงเสวียนกะพริบตาปริบๆ รีบถามตอเพื่อไมใหเสียเวลา
“พระชายาไมจําเปนตองตําหนิตนเอง เรื่องเกิดขึ้นเพราะเหตุปจจัย ศิษยรวมสํานัก
สามารถเขาใจได เพียงแต ไมทราบวาทานสามารถบอกไดหรือไมวา ทานอองคิดจัดการ
อยางไรกับศิษยหลานเหมย จะลงมือสังหารหรือไม?”
นี่เปนการสอบถามความลับแลว
แตเขาไมมีทางเลือกจริงๆ หากทําไดเขาอยากถามคําถามอื่นๆ อีกดวยซ้ํา เปนตนวา
หมิงอองบําเพ็ญเพียรถึงขั้นไหน หมิงอองซอนตัวอยูที่ใด คนในจวนหมิงอองเปนอยางไร
จวนหมิงอองตองการทําอะไรกันแน พวกเขามีแผนการอะไรบาง...
แตตอนนี้เวลานี้ เขาไมกลา นอกจากเปนกังวลคนที่อยูนอกประตูแลว ยังเกรงกลัว
หลินซูอินอีก
เขาเปนคนคิดมาก ตั้งแตพบวาหลินซูอินสูญเสียพรหมจรรย เขาก็ไมเชื่อเรื่องที่หลิน
ซูอินพูดไปเสียทั้งหมด หวังเพียงใหนางนึกถึงไมตรีจิตที่ฝกวิชาอยูบนเขาซางชิงมานาน
หลายป บอกกลาวสภาพของเหมยจือ้ เฟงใหฟง บางก็ดีมากแลว
แตพอเขาถามหลินซูอินวาหมิงอองคิดจัดการกับเหมยจื้อเฟงอยางไร กลับรูสึกวา
ถามผิดคนแลวจริงๆ
หลินซูอินไหนเลยจะรูวาหมิงอองคิดอยางไร นางจึงตอบอยางตรงไปตรงมา “นี่ ขา
ก็ไมชัดเจน”
ชงเสวียนรูสึกจุก บรรยากาศตึงเครียดเล็กนอย “ไม...ไมชดั เจนหรือ?”
ความจริงหลินซูอินอยากทําใหทานอาจารยคลายความกังวล แตตนเองกลับเปนหวง
เหมยจื้อเฟงเชนกัน นึกถึงทาทางเย็นชาของมอไปในวันนั้น ที่เถี่ยสงเกือบสังหารเหมยจื้อ
เฟงแลว แตมอไปก็ไมหามปรามแตอยางใด บวกกับภาพลักษณของมอไปในสายตานาง
ตอนนี้ ชัดเจนมากวาเปนผูที่จัดการอะไรเด็ดขาดอยางยิ่งคนหนึ่ง นึกถึงศิษยรวมสํานัก
และปรมาจารยเหลานั้น นึกถึงคนสํานักเตาที่ไปหมิงจูดว ยกัน หลินซูอินก็รูสึกเย็นยะ
เยียกขึ้นมา นางไมสงสัยถึงความเปนไปไดที่มอไปจะสามารถสังหารเหมยจื้อเฟงไดทุก
ขณะ
“อาจารยลุง ตอนที่ขาเดินทางออกจากหมิงจู แมศิษยพี่ยังมีชีวิตอยูก็จริง แตศิษยใน
สํานักตองพยายามรีบเรงคิดหาวิธีที่จะรับศิษยพี่กลับมา มิฉะนั้นหากยิ่งยาวนาน เกรงวา
ยิ่งไมเปนผลดี มอ...”
หลินซูอินสูดลมหายใจเขาลึกๆ
“มอไปใจแข็งดั่งเหล็ก มีทาทีเย็นชากับศิษยพี่ ขาเปนหวงมากวาหากเกิดความ
เปลี่ยนแปลงแมเพียงเล็กนอย เขาอาจลงมือสังหารศิษยพี่ได”
คําพูดนี้นางคาดเดาเอาเอง แตกลับทําใหหนังตาชงเสวียนกระตุกไมหยุด
เขาจองมองทุกอิรยิ าบถของหลินซูอินขณะพูด กําลังสงสัยวานางพูดเชนนี้ไปเพื่อ
อะไร ใชถามนําใหหมิงอองหรือไม หรือนางยังรูสึกผูกพันกับเหมยจื้อเฟง จึงบอกขาวนี้
ใหตนรู
“ทานอองคิดสังหารจื้อเฟงจริงหรือ?”
ชงเสวียนสูดหายใจเขาลึกๆ เหมือนกําลังตัดสินใจครั้งสุดทาย
ตอน 262 ปดประตูอีกครัง้
หลินซูอินกลับคิดวาเขาไมเชื่อ จึงพยักหนา
“อาจารยลุง มอไปเปนคนโหดราย อีกทั้งยังมีความกลาอยางถึงที่สุด เปนคนที่ทํา
อะไรไมคดิ ถึงผลที่จะตามมาในภายหลัง เขาไมเหมือนคนทั่วไป หากโกรธขึ้นมา ยอมไม
สนใจศิษยพี่กับคนในสํานักแน กระทั่งทานจอมยุทธเขาก็ไมเกรงกลัว จึงอยากให
อาจารยลุงใหความสําคัญ ทางที่ดีควรคิดหาวิธีเจรจาอยางสันติกับเขา อยาเอาชีวิตคนใน
สํานักหรืออะไรก็ตามไปขมขูใหเขายอมจํานน นั่นไมเพียงไมชวยอะไรแลว ยังไปสะกิด
ตอมโกรธของเขา ทําใหสถานการณวิกฤตหนักเขาไปอีก”
ชงเสวียนฟงคําพูดของหลินซูอินพลางขยับนิ้วไมหยุด ยิ่งมาเขาก็ยิ่งดูไมออกแลววา
แทที่จริงหลินซูอินยืนอยูตรงจุดไหนกันแน จึงรูส ึกวาตองลองใจอีกสักหนอย
เห็นเขาแสดงความกังวลออกมาทางสีหนาเต็มที่ พลางวา “ทานจอมยุทธรูเรื่องนี้
แลว และสั่งวาใหเจรจาอยางสันติกับทานออง แตทานอองกลับปฏิเสธ และยังบอกดวย
วา อีกไมนานจะใชศีรษะของศิษยหลานแทนหนังสือทาประลองชนิดที่ตองตอสูใหตาย
กันไปขาง!”
“อะไรนะ?” หลินซูอินลุกพรวด แววตาตื่นตระหนก รองเสียงดัง
“พระชายามีเรื่องอะไรหรือเปลา!” เสียงของอาจิ่วที่อยูหนาประตูดังขึ้นเกือบจะ
พรอมกัน
ชงเสวียนคอยไดสติ สวนหลินซูอินไมแมแตจะหันไปมอง ตะโกนพรอมสีหนาบึ้งตึง
“ไมใชกงการอะไรของเจา!”
หนาประตูนิ่ง ไมมีเสียงใดๆ อีก
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากชงเสวียน เขามองไปหนาประตู แลวมองกลับมาที่หลินซู
อินซึ่งกําลังจองเขาเขม็ง...สักพักจึงวา “ทานยังไมรูเรื่องนี้หรือ?”
“ขาไมรู!” หลินซูอินรีบสายศีรษะ “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร มอไปพูดจริงหรือวาเขา
จะทาประลองชนิดตัดสินเปนตายกับจอมยุทธ? เขาบาไปแลว”
“หือ?” ชงเสวียนกะพริบตา รูสึกวาตนตองเสี่ยงถามอีก
“เรื่องนี้จริงแทแนนอน หมิงอองในตอนนี้บําเพ็ญเพียรถึงขั้นไรผูเทียมทาน วากันวา
ไปถึงขั้นจอมยุทธแลว ทานอองฝงใจและเขาใจผิดเกี่ยวกับพวกเราเขาซางชิงมาโดย
ตลอด จากเรื่องเกาหลายเรื่องในปนั้น ครั้งนี้แมเขาซางชิงไมอยากรบราดวย แตทานออง
ไดตัดสินใจแลว เขาซางชิงก็คงตองถึงคราวพินาศอยางเลี่ยงไมได”
“เปนไปไดอยางไร? เขาไปทาประลองกับจอมยุทธไดอยางไร?”
หลินซูอินเหมือนไมรูวาตนเองกระวนกระวายใจแคไหน นางหันไปเรียกผูที่อยูหนา
ประตูทันที
“อาจิ่ว เขามา!”
ชงเสวียนตะลึง เดิมทีแคอยากรูขาวคราวเพิ่มเติมจากปากของนาง เชน หมิงออง
สามารถเปนคูตอสูของจอมยุทธไดหรือไม? หรือหมิงอองบําเพ็ญเพียรไปถึงไหนแลว?
คิดไมถึงวานางจะเรียกอาจิ่วเขามา ไมรูวานางคิดทําอะไร จึงรีบรวบรวมสติ หลุบตา
ลงต่ํา ไมมองวอกแวกไปมาอีก
แตในใจก็ยังกังวลจริงๆ วา นางอาจสั่งใหคนลงมือกับตนอยางฉับพลัน!
อาจิ่วกาวเขามาอยูตรงหนาหลินซูอินอยางรวดเร็ว กอนทําความเคารพ “พระ
ชายา!”
หลินซูอินไมเวิ่นเวออีก ถามออกทันที “เรื่องทานอองทาประลองกับจอมยุทธแหง
เขาซางชิง เจารูหรือไม?”
อาจิ่วไมรเู รื่องนี้จริงๆ เขาไดแตกมศีรษะ กะพริบตาเล็กนอย แตก็พอจะเขาใจ
สถานการณ เพราะกอนมา ไดทําความเขาใจสถานการณในเมืองหลวงอยูพอสมควร
ตอนนี้ลูสวินอี้กําลังทําอะไร เขาก็ชัดเจน จึงพยักหนาแลววา “เคยไดยินพะยะคะ”
“ตกลงเปนอยางไรมาอยางไรกันแน? เหตุใดเจาจึงไมบอกขา?” หลินซูอินถามพลาง
ขมวดคิ้ว
เหนือความคาดหมายของอาจิ่ว นาทีนี้เขาอยากเงยหนามองพระชายา แลวถามวา
ทานเริ่มเปนหวงเปนใยองคชายหกตั้งแตเมื่อไหร?
ทวานาทีถัดมาเขาคอยคิดออกวา ที่พระชายาโมโห เพราะกําลังกังวลใจแทนเขาซาง
ชิง
ตองบอกวา นาทีนี้จิตใจของอาจิ่วไมสงบนิ่ง เขาเงยหนาขึ้น ทําความเคารพหลินซู
อินแลววา
“ขอพระชายาประทานอภัย การตัดสินใจขององคชายหก อาจิ่วไมกลาสอบถาม จึง
ไมชัดเจนในรายละเอียด แตภาพรวมที่รูก็คือ เขาซางชิงแมไมภักดีตอประเทศชาติและมี
จิตคิดไมซื่อ แตดวยสถานการณเฉพาะหนา ทานอองจึงสนใจคนเถื่อนมากกวา เดิมทีก็
ไมมีกะใจไปสนใจการกอความปนปวนของผูที่อยูนอกเขาซางชิง ซึง่ การจะไปถลมพวก
เขาหรือไมนั้นก็เปนเพียงเรื่องเล็กนอยที่ไมเกี่ยวของกับสถานการณโดยรวม ดังนั้นจึงจัด
ใหพวกเขาไดเตรียมพรอมรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหนา ใหโอกาสพวกเขาแกตัว
อีกทั้งองคชายหกเองก็เปนผูบําเพ็ญเพียร จึงคิดวา อยางไรก็ตามจอมยุทธเหมยและ
นักพรตทั้งหลาย ที่สามารถประสบความสําเร็จเชนทุกวันนี้ได ลวนควรคาแกการยกยอง
ทวาหากยามคับขันสามารถเปลี่ยนแนวคิด อุทิศตนภักดีตอประเทศชาติได ยอมเปน
เรื่องที่ดี ดังนั้นแมเหมยจื้อเฟงจะลวงเกินองคชายหกครั้งแลวครั้งเลา แตองคชายหกก็ยัง
เห็นวาเขาอยูในวัยเยาว อยากเลนสนุกเทานั้น อีกทั้งยังเปนหลานจอมยุทธ จึงยอมเห็น
แกหนาทานจอมยุทธ หากเขาซางชิงตระหนักไดเมื่อไร ก็ตองมารับตัวเขากลับไปสั่งสอน
แน”
เขาซางชิง...เรื่องเล็กนอย?
ความสําเร็จของจอมยุทธ...ควรคาแกการยกยอง หวังวาทานจะเปลี่ยนแนวคิด!
เหมยจื้อเฟง...ยังอยูในวัยเยาว คิดเลนสนุก?
หลินซูอินแมกําลังโกรธ แตก็ถูกคําพูดที่ฟงดูสบายๆ ของอาจิ่วทําใหตะลึงงันโดยไม
รูตัว
ความจริงแลวตั้งแตเกิดมานางยังไมเคยไดยินคําพูดที่หยิ่งทะนงเชนนี้มากอน!
สวนอีกดาน ชงเสวียนอึ้งตะลึงไปแตแรกแลว นาทีนี้ เขารูสึกวาสถานการณพลิกผัน
จึงทําตาโตเทาไขหาน จองมองอาจิ่วตาไมกะพริบ
ราวกับกําลังพิจารณาวาคนผูนี้สติสตังยังดีอยูหรือไม รูหรือเปลาวาตนเองกําลังพูด
อะไร?
บําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต ยังมีบุญไดยินคําพูดยโสโอหังเชนนี้ ไมเสียแรงที่มชี ีวิตอยู
จริงๆ!
ทวาอาจิ่วมิไดมีเจตนาลอเลน และมิไดพูดเลน ในใจของเขาคิดวา เปนจอมยุทธแลว
อยางไร สามารถเทียบกับองคชายหกไดหรือ?
เห็นเขาพูดถึงตรงนี้ พลันหันมองชงเสวียน
“แตวา องคชายหกลําบากใจเชนนี้ เขาซางชิงไมเพียงไมรูสึกรูสา ยังทําตัวเหมือนมี
หัวใจเชนสุนัขปา มีปอดเชนสุนัขบาน คิดวาองคชายหกกลัวพวกเขา จึงกระทําการ
รุนแรงตอบ เขารวมกับศัตรูของชาติ อาศัยจังหวะที่จวนหมิงอองกําลังรบกับศัตรูใน
สนามรบ สังหารปรมาจารยหูเปยวเพื่อจารึกชื่อในประวัติศาสตร ความแคนครั้งนี้ หาก
จวนหมิงอองไมลางบางเขาซางชิง แลวจะใหสงบสุขไดอยางไร?”
คําพูดครึ่งแรกรูสึกตลก แตคําพูดครึ่งหลัง กลับทําใหชงเสวียนขนลุกซู
หลินซูอินไมรูวหูเปยวคือใคร แตพอจะรูวาเรื่องราวนาจะหนักหนาสาหัส จึงรีบหัน
มองชงเสวียน
แนนอนวาชงเสวียนตองรีบยกมือขึ้นฟาปฏิเสธพัลวัน
“ไมมีเรื่องเชนนี้แน พระชายา ไมมีเรื่องเชนนี้แน ตองมีคนคิดปายสี วางกับดักคิด
ปองราย ยุยงปลุกปนเปนแนแท เขาซางชิงไดรับการประกาศจากราชสํานักใหเปนหนึ่ง
ในสี่ขุนเขาเลื่องชื่อ ศิษยในสํานักคอยนําทัพอยูแนวหนา บรรพบุรุษไดรับความเมตตา
จากราชสํานักเสมอมา ไมวาจะอยางไรก็ไมมีทางรวมมือกับศัตรูของชาติเปนอันขาด
เรื่องนี้จึงเปนเรื่องเหลวไหล เหลวไหลสิ้นดี!”
“ผูเฒา ยังคิดหลอกลวงจวนหมิงอองเราอยูอีกรึ? อีกทั้งยังกลายกมือสาบานตอฟา
ดิน คิดวาฟาดินไมมีจริงหรืออยางไร? ตอนนี้หลักฐานก็ยังอยูทนโท ยังกลาโปปด
หลอกลวงพระชายา เจานึกวาเราจําศีรษะที่พี่หูตัดลงมากับมือไมไดหรือ? แมนับวาเรา
จําไมได แตพระชายายอมจําได!” อาจิ่วพูดอยางรวดเร็วพรอมสีหนาดุดัน
หลินซูอินมองทั้งสองคนไปมา และเห็นหนาผากชงเสวียนเต็มไปดวยเหงื่อ จึงเอย
ถามเสียงขรึม
“ศีรษะอะไร?”
“นี่...”
อาจิ่วยังไมทันตอบ ชงเสวียนก็ใจเตลิดแลว หัวขอนี้พอถูกเปดขึ้น ก็ไมสามารถ
กลับไปยังจุดๆ เดิมไดอีก
นาทีนี้ เขาพลันเขาใจแลววาเหตุใดจึงสงหลินซูอนิ มา
ใชสิ!
จวนหมิงอองยอมไมสามารถชี้ชัดวาศีรษะนั่นเปนใคร แมสงสัย แตก็ยังไมกลาฟนธง
แตหลินซูอินเปนทายาทที่เขาซางชิงทุมเทอบรมสั่งสอน นางตองจําอาจารยหลี่ไดแน
“พระชายา เรื่องนี้เปนการเขาใจผิดอยางสิ้นเชิง เขาใจผิด!” ชงเสวียนใจเตนตูม
ตามดั่งสายฟาฟาด รีบพูดตอ “พระชายา ทานก็รูวา เขาซางชิงเราไมมีทางเขารวมกับ
ศัตรูอยางคนเถื่อนแน!”
หลินซูอินเงียบไปสักพัก คอยเอยปาก
“อาจิ่ว เจาออกไปกอน!”
อาจิ่วโคงตัว แลวจึงลาถอยออกไป
หลินซูอินคอยๆ นั่งลง แตชงเสวียนยังคงยืนอยู ซึ่งตอนนีห้ ลินซูอินมิไดสนใจเชิญให
เขานั่ง
ผานไปครูใหญคอยไดยินเสียงหลินซูอนิ พูดขึ้น
“วันนี้อาจารยลุงมาหาขา ยังมีเรื่องอืน่ ใดอีกหรือไม?”
ชงเสวียนนิ่ง แตสักพักก็รอนรนขึ้น เขาคิดวาคําพูดนี้เปนการตัดสินใจเลือกขางของ
หลินซูอินแลว วาแตนี้ไปจะเปนศัตรูกับเขาซางชิง...ซึง่ ไมดีแน
ยังไมพูดถึงเรื่องที่วา นางจะมีผลกระทบกับตระกูลหลินหรือไม เพียงขณะนี้ เขาซาง
ชิงไมสามารถเสี่ยงแมแตนิดเดียวที่จะเปนศัตรูกับทั้งสองฝาย
และการมาของนางในครั้งนี้ มีแนวโนมวาจะมาเปดศักราชความรวมมือกันระหวาง
ราชสํานักกับตระกูลหลิน เมื่อถึงเวลานั้น ถาเขาซางชิงตองกลายเปนหมากที่ถูกทิ้ง นั่นก็
อันตรายแลว
ชงเสวียนตื่นตระหนกเปนอยางยิ่ง เขาไดคนพบจุดประสงคการกลับมาของหลินซู
อินอีกหนึ่งขอ เปดฉากการตอสูระหวางหมิงอองกับเขาซางชิง
ในใจรูสึกเย็นยะเยียบ จึงจําตองเอยปากรับรองอีกครั้ง
“พระชายา ทานอยูบนเขาซางชิงฝกวิชามาหลายป ยอมรูวาคนในสํานักไมมีทาง
ศิโรราบใหกับศัตรูอยางเด็ดขาด!”
นาทีนี้ หลินซูอินพบวาตนเองกําลังวาวุนใจ คิดอยากสงบจิตสงบใจ จึงพูดเสียงต่ํา
“อาจารยลุง ถาไมมีเรื่องอะไรแลว ขาตองขอตัวกอน หากเสียมารยาท มีโอกาส
คอยชดใชใหอาจารยลุง!”
สงแขกแลว
ชงเสวียนไมอาจกูหนาไดอีก จึงรีบแยงพูด “พระชายา การมาครั้งนี้ นักพรตเหมยมี
คําพูดฝากถึงทาน”
“หือ?” หลินซูอินเงยหนา “ทานอาจารยพูดวาอยางไร?”
“พระชายากับศิษยหลานเหมยเปนพี่นองรวมสํานักกันมาหลายป คิดวาคงไมอยาก
เห็นศิษยหลานเหมยตองเสียชีวิตลงเชนกัน หากสะดวก อยากใหทานเห็นแกความเปน
มิตรที่มีมานาน ทําการชวยชีวิตศิษยหลานเหมย...” เหมือนชงเสวียนจะพูดอีกยาว
แววตาหลินซูอินพลันเศราสรอยลง ที่แทนี่จึงเปนจุดประสงคที่พวกเขารีบมากัน
เชนนี้
“นี่เปนความประสงคของทานอาจารยหรือ?”
“ถูกตอง พระชายา นี่เปนสิ่งที่นักพรตเหมยไดไตรตรองเพื่อทานแลว ทานก็รู ทาน
อองแมมพี รสวรรคไรเทียมทาน แตถาบุมบามแตกหักอยางถึงที่สุดกับเขาซางชิง ถึงเวลา
นั้น ทานในฐานะพระชายาและศิษยเขาซางชิง จะทําอยางไร? ตั้งแตวันที่มีขาวจากหมิง
จู นักพรตเหมยก็คิดแตเรื่องนี้ซ้ําแลวซ้ําเลา วิตกกังวลก็แตสถานะของทาน โดยเฉพาะ
เมื่อรูวาศิษยหลานเหมยอยูในจวนหมิงออง นักพรตเหมยก็รูวาทานตองลําบากใจเปน
อยางยิ่งทีต่ องปกปองศิษยหลานเหมย ดังนั้นจึงยิ่งกังวลไปอีกวาทานอองจะตองโกรธ
ทาน นางทั้งเปนหวงในความปลอดภัยของหลาน ทั้งเปนหวงวาทานจะเดือดรอนเพราะ
ชวยจื้อเฟง กระวนกระวายใจมาก”
หลินซูอินเงียบ ไมพูดจา พูดเชนนี้แสดงวาตองการใหนางไปหาหมิงออง แลวไมหวง
ความปลอดภัยของนางบางหรือ?
ชงเสวียนพอเห็นนางเงียบ ก็นึกวานางกําลังซาบซึ้งใจ จึงรีบตีเหล็กที่ยังรอนดวยการ
พูดตอวา
“สถานการณในตอนนี้เดิมทีไมควรใหทานเขาไปเกี่ยวของ แตทานลองคิดดู นาทีนี้
ถาเรื่องยืดเยื้อตอไป ผลจะยิ่งลามปาม นักพรตเหมยไมยอมเห็นทานตกที่นั่งลําบากแน
แตทานก็รูวา หมิงอองจะทาประลองจอมยุทธ ไมวาผลจะเปนอยางไร
นักพรตเหมยก็ไมอยากเห็นทั้งนั้น เชื่อวาทานก็เปนเชนเดียวกัน สามารถมองดูทาน
อองชนะ แลวลางบางศิษยเขาซางชิงทั้งหมดรวมทั้งนักพรตเหมยดวยอยางนั้นหรือ?
เหตุผลเดียวกัน การประลองที่ตัดสินความเปนตาย นักพรตเหมยก็ไมสามารถทนเห็น
ศิษยที่นางผูกพันหรือพระชายาตองมีชะตาชีวิตที่ผกผัน เจ็บปวดไปชั่วชีวิต ดังนั้นทาที
ของเราในตอนนี้จึงจําเปนตองเปนมิตรกัน กับทานอองเขาซางชิงเราก็ใหความเคารพ
เปนอยางยิ่ง กระทั่งจอมยุทธยังชื่นชมคุณธรรมและความสามารถของทานออง ไมคิดที่
จะกาวไปถึงจุดที่วัดความเปนตายซึ่งกันและกันหรอก”
“เพียงแตเราไมสามารถเขาเฝาทานออง และไมมีหนทางเจรจากับทานอองดวย
ตัวเอง ไมมีหนทางที่จะทําใหทานอองสัมผัสไดถึงความปรารถนาดีของเรา เรื่องจึงสับสน
ไปหมด แลวยังมีผูไมหวังดีคิดปองรายอีก ถึงไดมีสภาพเชนนี้ ขอเพียงทานอองยอมให
โอกาสสักครั้ง ใหเราไดสรางความเขาใจซึ่งกันและกัน แสดงความคิดความรูสึกจากใจ
จริง ทานอองตองรูส ึกไดถึงความจริงใจของเราอยางแนนอน!”
“พระชายา เรารูวาทานลําบากใจ เราก็ไมอยากเห็นทานลําบากใจ ดังนั้นขอเพียง
ทานสามารถอธิบายกับทานอองถึงความปรารถนาดีของเรา ทําใหทานอองรูถ ึงความคิด
ที่แทจริงของเราแลว ไมวาทานอองจะตัดสินใจเชนไร เขาซางชิงยอมไมดึงพระชายาเขา
มาเกี่ยวของอีกเปนอันขาด แมผลที่สุดแลวเขาซางชิงตองพังพินาศลงไปจริงๆ อยางนอย
ก็ยังมีผูสืบทอดอยางพระชายาหลงเหลืออยู”
“ทวาเราเชื่อ ทานอองมีอุดมการณกวางไกลและสูงสง ขณะประเทศชาติประสบภัย
พิบัติ ยอมอุทิศตนปฏิบัติภารกิจ ยอมตองมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ สามารถรูซึ้งถึงจิตใจ
คน เราศิษยเขาซางชิง แมไมมีกําลังเพียงพอทีจ่ ะชวยทานอองทําลายศัตรู แตอยางไรก็
ยังมีหัวใจภักดี ยอมอุทิศกําลังสวนหนึ่งเพื่อประเทศชาติและประชาชน ขณะเดียวกัน
ทานจอมยุทธก็รูสึกทึ่งในความสามารถทางเตาของทานออง คอนขางชื่นชมดวยซ้ํา บอก
วา ถามีโอกาส ก็อยากสนทนาวิถีแหงเตาอันกวางใหญไพศาลกับทานออง!”
ชงเสวียนอาจเดินทางผิด เขาไมควรบําเพ็ญเพียร ควรไปเปนนักการทูตดูจะ
เหมาะสมกวา กาวหนากวา
มองดูการพูดเจรจาแกไขสถานการณเฉพาะหนาของเขาแลว ที่ไหนยังเหมือน
นักพรตจิตใจบริสุทธิ์อีก เปนนักการเมืองที่เต็มไปดวยกลอุบายตางหาก
เพียงเสียดาย ที่วันนี้อาจตื่นเตนไปหนอย จึงไมอาจรูแนชัดขณะเผชิญหนากับหลินซู
อินวา ใจจริงแลวนางคิดอยางไรกันแน
เขาพูดเสียยืดยาวในที่นี้ ลวนเปนสิ่งที่ไมเกี่ยวของกับหลินซูอิน คําพูดแตละคําชักนํา
ใหหลินซูอ ินกลับเขาจวนหมิงอองอยางเต็มตัว!
เขาใชไมออนสลับไมแข็ง บอกนางวา หากเปนหวงหมิงอองจริง ตองพยายามชวย
เขาซางชิง ซึ่งจะเปนการดีตอหมิงออง!
ความหมายที่เขาหลุดออกมา สิ่งเดียวที่ทําใหหลินซูอินรูสึกลึกๆ ก็คือ ตอจากนี้ไป
เขาซางชิงไดผลักไสใหนางเปนคนของจวนหมิงอองอยางสมบูรณ
เขาซางชิง มิใชที่ที่นางจะสามารถหลบลี้หนีความยุงยากใจทางโลกเพื่อแสวงหา
ความสงบทางใจอีก
จิตใจของนางเดิมทีกําลังแกวงไกวอยูในพายุฝน บานตระกูลหลินกลับไปไมไดแลว
ตอนนี้เวลานี้ เขาซางชิงก็ยังปดประตูใสนางอีก
นางจึงลุกขึ้นยืนอยางออนลา แคนหัวเราะแลววา
“อาจารยลุง ที่ทานพูดขาจําไดขึ้นใจแลว ขอใหทานกลับไปบอกทานอาจารยแทน
ขาวา ความเมตตาที่ทานอาจารยมีตอซูอิน ซูอนิ ไมมีวันลืม เรื่องของศิษยพี่เหมย ซูอินไม
นิ่งดูดาย และตองพยายามจัดการใหอยางแนนอน”
ตอน 263 เหมือนไมเคารพ
ผูที่มาหาลูสวินอี้ นานๆ ทีจะมีสักคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กําลังยืนอยูหนาเรือนพักของเขา
เริ่มแรกอาจิ่วไมสนใจ คิดวาเปนคนในจวนที่มีเรื่องรายงานลูสวินอี้ แตพอเดินเขาไป
กลับพบวาคนผูนี้ดูแปลกๆ เดินไปเดินมาอยูหนาเรือนลูสวินอี้ไมหยุด แตก็ไมยอมเขาไป
สักที
นักสะกดรอยอาจดูลับๆ ลอๆ อยูบาง ทําใหอาจิ่วซึ่งพึง่ ยายมาใหมรูสึกประหลาดใจ
อาจิ่วมิไดกังวลวาเขาจะเปนคนแปลกหรือไม เพียงแตคนผูนี้หันหลังอยู ทําใหมอง
ไมเห็นใบหนา ทวาเสื้อผาที่สวมใสกลับเปนเครื่องแบบองครักษจวนหมิงออง
ทําใหอาจิ่วเริ่มสงสัยคนผูนี้ไปในทางที่ไมดีเขาแลว คิดวาเขาไมนาโงเขลา เดินมา
หาลูสวินอี้ตอหนาตอตาคนในจวน แมนับวาองครักษคนอื่นๆ ไมเห็น แตลูสวินอี้ที่อยูใน
หองมิใชผทู ี่ตอแยไดงายๆ
“ปกติพี่ลูคงเขมงวดมาก คนในจวนจึงกลัวกันไมนอย”
อาจิ่วอดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กนอย เขาไมรอชา กาวยาวๆ ไปยังหองลูสวิน
อี้
พอไดยินเสียงฝเทา ฟานอูจึงรีบหันมอง เมื่อเห็นเปนอาจิ่ว ก็ยกมือขึ้นคารวะ
“พี่จิ่ว!”
“อาว เปนเจาเองรึ!”
อาจิ่วหัวเราะพลางพยักหนา สํารวจมองเขาอยางละเอียด มินาเลาถึงรูสึกวาแผน
หลังนี้คุนๆ
“จริงสิ เจาชื่ออะไร?”
เขาไมรูจักคนผูนี้ เพียงแตจาํ ไดวา กอนหนานี้คนผูนี้เคยไปหาพระชายาเพื่อแจงวา
ชงเสวียนขอเขาเฝา
“ฟานอู อูที่แปลวาวิทยายุทธ เปนลูกศิษยทานอาจารยหูเปยว”
ฟานอูไมแปลกใจที่อาจิ่วจําชื่อเขาไมได เพราะเวลาผานมานานพอควร จากเมื่อพบ
กันครั้งกอน
“ลูกศิษยของพี่หู? ฟานอู?” อาจิ่วตะลึง รีบพูดตอ
“ขาจําไดแลว เจาก็คือนาเล็กของพี่หูนี่เอง มินาละ ตอนที่เห็นเจา ก็รูสึกคุนๆ พิกล
เปนอยางไรบาง ครั้งนี้เจาก็มากับเขาดวยรึ?”
อาจิ่วเคยพบเจอคนผูนี้จริงๆ
ปที่หูเปยวแตงงาน เขาไปรวมยินดีดวย ตอนนั้นไดเห็นหนาฟานอูแวบเดียวที่บานหู
“ใช ขาเอง!” ฟานอูพยักหนา เพียงแตพอพูดถึงหูเปยว หนาตาฟานอูก็มืดมนลง กม
ศีรษะตอบ “ครั้งนี้ติดสอยหอยตามทานอาจารยมา เพียงแตทานอาจารย...”
เห็นสีหนาของฟานอูแลว อาจิ่วก็เก็บรอยยิ้มที่มุมปาก แลวเดินเขาไปตบบาเขา
พลางวา
“เสียใจดวยจริงๆ ทานอองรูเ รื่องพี่หูแลว และไดจัดใหพี่สาวกับหลานของเจาไดใช
ชีวิตอยูอยางเหมาะสม เจาก็ไมควรโศกเศราเกินเหตุ แมพี่หูจากไป แตพวกเรายังคงอยู
แคนของพี่หู พวกเรายังตองชําระให!”
ฟานอูตาแดงระเรือ่ พยักหนาหงึกๆ “ใช พี่จิ่ววางใจ ขาตองลางแคนใหทานอาจารย
กับมือใหจงได!”
“ดีมาก!”
อันที่จริงอาจิ่วก็ไมไดโตกวาฟานอูมากนัก แตประสบการณที่ทั้งสองพบพานมาไม
เหมือนกัน โลกที่เห็นจึงแตกตางกัน แตพอยืนอยูดวยกัน เห็นชัดวาอาจิ่วดูแกกวามาก
อาจิ่วตบบาฟานอูอีกครั้ง
“ตอไปขาก็อยูในจวนนี้ละ หากมีเรื่องอะไร ก็มาคุยกับขาได”
“ขอบคุณพี่จิ่ว” ฟานอูตอบรับพลางพยักหนา
อาจิ่วหัวเราะ หันมองประตูหองลูสวินอี้ พลันนึกขึ้นไดถึงทาทางที่เดินไปเดินมาเมื่อ
ครูของเขา จึงถามขึ้น
“มีเรื่องมาหาทานรองหรือ? เหตุใดไมเขาไปละ?”
เดิมทีคิดถามไปเชนนั้นเอง อยากรูวาเขามีเรื่องลําบากใจอะไรหรือเปลา ไมคิด
วาฟานอูจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปกติเปนอยางยิ่ง เขาโบกมือไปมาแลวพูดอยาง
เกรงใจ
“ไม ไมมีอะไร ขาไมมีเรื่องอะไร!”
“นี่...”
อาจิ่วอึ้ง ขณะกําลังจะถามตอ ก็เห็นเขาโบกมืออีกรอบ กอนพูดวา “พี่จิ่วไปทํางาน
ของพี่เถิด ขาไปกอนละ!” แลวจึงหันกายเดินจากไป
มองดูเขาวิ่ง เหมือนควันลอยอยางรวดเร็วจนไมเห็นเงา อาจิ่วจึงหุบยิ้มและสาย
ศีรษะอยางอดไมได กอนหันกายเดินเขาไป
เมื่อมาถึงหนาหอง ก็เคาะประตู “พี่ลู”
มีเสียงตอบกลับอยางรวดเร็วจากลูสวินอี้ที่อยูในหอง “อาจิ่วหรือ เขามาสิ”
ประตูไมไดลงกลอน ผลักเบาๆ ก็เปดออก อาจิ่วมองดูภายในหอง เห็นลูสวินอี้
นั่งขัดสมาธิอยูบนเบาะรองนั่งซึ่งตั้งอยูบ นเตียง และยังไมลืมตาขึ้น กําลังทาบฝามือเขา
ดวยกันแบบเตา เห็นชัดวากําลังโคจรพลัง แตยังเอยปากเสียงเบา
“เจานั่งกอน”
“ได” อาจิ่วพยักหนาอยางไมเกรงใจ
เขากับพวกลูสวินอี้ยอมคุนเคยกันดี จึงลากเกาอี้เขามานั่งอยางแผวเบา แลวสํารวจ
ดูสีหนาลูสวินอี้อยางละเอียดพลางนึกกังวลใจ
เรื่องของที่นี่เขารูหมดแลว กอนเขาจวนก็ไมมีเวลาคุยสวนตัว ถามไถทุกขสุขของพี่ลู
ทวาการที่พี่หูสูจนตัวตาย เขาไมตองคิดก็รูวา พี่ลูตองบาดเจ็บสาหัสไมนอย
วิชาการแพทยของเขา แมถูกมอไปแซวอยูเปนประจําวารูแคเพียงผิวเผิน แตอันที่
จริงความรูรอบตัวของเขามีอยูไมนอย มิฉะนั้นแลวหลังจากมอไปเก็บตัว เขาไหนเลยจะ
มีชื่อเสียงอยูในทําเนียบแพทยของหมิงจูได
เมื่อมองดูอยางละเอียด สีหนาอาจิ่วก็ดูไมดี เพราะเห็นชัดวาสีหนาของลูสวินอี้เริ่ม
เหลือง เหมือนคนเจ็บปวยรายแรง เขาบาดเจ็บเรื้อรังมานานหลายวัน แมจะมียาเม็ด
รักษาอาการบาดเจ็บที่องคชายหกปรุงขึ้นเปนพิเศษติดตัวมา แตจนถึงวันนี้ ก็ยังมีอาการ
เหมือนเดิม จึงพอจะรูวาอาการบาดเจ็บในครั้งแรกของเขาหนักหนาจนเกือบเปน
อันตรายถึงชีวิต!
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาอาจิ่วก็แดงขึ้นในพริบตา
“ฟู!” บนเบาะรองนั่ง ลูสวินอี้เก็บพลัง ระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก ลืมตา
แลวจึงถามวา “ชงเสวียนไปแลวหรือ?”
อาจิ่วรวบรวมสติ รีบลุกขึ้นยืน พยักหนาแลวเดินเขาหาลูสวินอี้พลางพูด “เพิ่งไปได
สักพัก มา พี่ลู ขาพยุงทาน”
พูดแลวก็ยื่นมือออกจะพยุงลูสวินอี้ใหลุกขึ้นยืน แตลูสวินอี้กลับหัวเราะ แลวโบกมือ
ปราม
“พี่ลูของเจาไมถึงขนาดยืนยังยืนไมไหวหรอก วางใจ ผานการพักรักษาตัวมาหลาย
วัน ไมเปนไรแลว”
อาจิ่วไดยินก็ไดแตตามใจลูสวินอี้ ทั้งสองเดินมานั่งที่โตะ อาจิ่วรินน้ําชาให
ลูสวินอี้จับถวยน้ําชา เหลือบมองไปที่ประตู กอนถามขึ้นดวยสีหนาเครงขรึม
“เปนอยางไรบาง?”
“เปนไปตามคาด เขามาสืบถาม!”
อาจิ่วไมไดรินน้ําชาใหตนเอง พอพูดจุดประสงคของชงเสวียนจบ ก็จองมองลูสวินอี้
พลางเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่ลู เรื่องเหลานี้เดี๋ยวเราคอยคุยกัน ขาขอตรวจดูอาการของทานกอน!”
“ขาไมเปนไร!” ลูสวินอี้สายศีรษะ
“นี่เปนสิ่งที่องคชายหกกําชับมา บอกวาเรื่องแรกที่ตองทําเมื่อมาถึงก็คือตรวจดู
อาการของทาน องคชายหกยังรอจดหมายตอบจากขาดวย” อาจิ่วไมเวิ่นเวอ รีบอาง
ถึงมอไปทันที
แตกลับคิดไมถึงวา พอลูสวินอี้ไดยินก็หัวเราะเสียงดัง
“อยาหลอกคนแก วิชาการแพทยเล็กๆ นอยๆ ของเจา ในสายตาองคชายหกยังขึ้น
เวทีไมไดดวยซ้ํา องคชายหกไหนเลยจะใหเด็กนอยอยางเจามาดูอาการคนแกอยางขา?”
อาจิ่วพูดไมออก รูสึกสะเทือนใจ จึงยืนยันออกไป “พี่ลู หากทานยังเปนเชนนี้อยู ขา
กับองคชายหกจะยิ่งกังวลใจ”
ลูสวินอี้วางถวยน้ําชาลง สายศีรษะไปมา สุดทายก็ยื่นมือออกอยางเลี่ยงไมได ปากก็
พูดจาสบายๆ “อาการบาดเจ็บบางอยางยุงยาก แตไมเปนไร กินยาเม็ดแลวก็รูสึกดีขึ้น
มาก...”
อาจิ่วไมสนใจวาเขาพูดอะไรและไมตอบ
สงบสติอารมณ ยื่นมือออกจับชีพจร ผานไปครูใหญก็ยังไมคลายมือ
ลูสวินอี้คอยๆ เงียบลง รอจนอาจิ่วที่หลับตาอยู ลืมตามามองดูตนเอง คอยพูดขึ้น
เสียงเบา “เจารูก็พอ ไมตองบอกองคชายหก”
อาจิ่วมองดูดวงตาที่จองมองมาอยางจริงจัง กอนกมศีรษะลง ครุนคิดสักพัก แลววา
“หัวใจและปอดบอบช้ําหนัก พี่ลู ทานตองกลับหมิงจูใหองคชายหกลงมือรักษาดวย
ตนเอง มิฉะนั้นแลวยังไมพูดถึงเรื่องเจ็บปวดมากขึ้น ก็เกรงวาอาจไมทันการณ!”
“ไมได!” ลูสวินอี้ตอบอยางไมตองคิด น้ําเสียงเครงเครียด “เจ็บปวดมากขึ้นจะ
เปนไรไป? พี่ลูเจากอนจากมาก็มิไดขมวดคิ้วแตอยางใด”
อาจิ่วจองมองดวงตาที่เด็ดเดี่ยวของลูสวินอี้ ที่สุดแลวก็ไดแตพยักหนา แมพี่ลูไมรู
วิชาแพทย แตสําหรับอาการของตนเองแลว นาจะรูอยูในใจพอสมควร และเมื่อปดบัง
องคชายหกมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ยอมพิสูจนไดวาเขาไดตัดสินใจอยางแนวแนแลววาจะ
ไมรีบกลับไป
อาจิ่วลุกขึ้นยืน นํากระดาษและพูกันออกจากชั้นวางหนังสือ มองลูสวินอี้พลางพูด
เสียงต่ําเล็กนอย
“อันที่จริงแมทานไมบอก องคชายหกก็คาดเดาไดจากการตอสูของพวกทานในวัน
นั้น อาการบาดเจ็บของทานเกรงวาจะมิใชแคที่ทานพูดงายๆ เชนนั้น และองคชายหกก็รู
วาทานคิดอยางไร เพราะกอนขามา องคชายหกไดคุยกับขาอยูนานเรื่องอาการบาดเจ็บ
ของทาน ทั้งอาการเปนอยางไร ใชยาอะไร ลวนกําชับไวอยางละเอียด”
ลูสวินอี้รูสึกหวั่นไหวเล็กนอยขณะมองดูอาจิ่วจับพูกันเขียนใบสั่งยา จึงมิไดสงเสียง
ใดๆ ออกมา
พอเขียนใบสั่งยาเสร็จเรียบรอย อาจิ่วก็ยื่นใหลูสวินอี้พลางพูด
“องคชายหกบอกวา หากยังไมเปนอันตรายถึงชีวิต และทานยืนยันวาจะไมกลับไป
องคชายหกก็ไมบังคับ แตขอใหทานจําไววา เรื่องที่เราตองทํายังมีอีกมาก ตอนนี้เพิ่งจะ
เริ่มตนเทานั้น ศัตรูในตอนนี้ยังไมมีคณ
ุ สมบัติพอที่พวกเราตองพลีชีพให! การตายของหู
เปยวทําใหเราเศราโศกเสียใจมากพออยูแลว ชีวิตของทานจึงไมควรพลีใหกับพวกเขาอีก!
แมมีความแคนล้ําลึกแคไหน ก็ตองมีชีวิตอยูตอ ขอเพียงคนยังอยู ยอมตองมีวันชดใช!”
ลูสวินอี้จับใบสั่งยาไวในมือ ขณะฟงอาจิ่วพูดตอ
“สมุนไพรที่อยูดานบนทั้งหมดเปนองคชายหกจัดให อยูในคลังยาวังหลวง ซึ่งชวง
บายตองรบกวนฮองเฮาเขาวัง และองคชายหกไดเขียนจดหมายกํากับไวแลว เพียงนําไป
ใหฮองเฮา ทุกอยางก็จะไมเปนปญหา”
“อืม” ลูสวินอี้สูดหายใจเขาลึกๆ ไมพูดจามากความ เพียงพยักหนา
บรรยากาศในหองเงียบไปชั่วขณะ จนกระทั่งลูสวินอี้เอยปาก “เหตุการณเมื่อครู
เปนอยางไรบาง?”
อาจิ่วเก็บอารมณความรูสึก พยักหนากอนพูด “ชงเสวียนมาสืบขาว แตพระชายา
ไมไดพูดอะไรมาก พวกเขาพูดกันแตเรื่องที่เกี่ยวกับเหมยจื้อเฟง”
ลูสวินอี้แคนหัวเราะอยางเย็นชา “ชงเสวียนนากลัวจะคิดมาก เมื่อเรากลาใหพระ
ชายาพบเขา ไหนเลยที่เขาจะไดเปรียบกลับไป”
อาจิ่วคิ้วกระตุกทันที คําพูดนี้เสียมารยาท!
เหลือบมองเล็กนอย เหมือนลูสวินอี้เยังไมรูตัววาคําพูดของตัวเองมีปญหา อาจิ่ว
ขยับริมฝปาก อยากพูดอะไร แตสมองพลันนึกขึ้นไดวา กอนมาองคชายหกไดกําชับอยาง
จริงจังเกีย่ วกับลูสวินอี้ โดยไมใหตนยุงเกี่ยวกับความคิดหรือการตัดสินใจใดๆ ของลูสวิน
อี้!
คําพูดขององคชายหกยังอยูขางหู แตอาจิ่วไมเคยเสแสรงกับพวกลูสวินอี้ และ
แนนอนวาเขาไมอยากเห็นลูสวินอี้เดินทางผิดในวันขางหนา ในที่สุด จึงตัดสินใจฝาฝน
คําพูดของมอไปเปนครั้งแรก
เขายื่นมือออกยกกาน้ําชามารินใหตนเอง แลวมองดูไอรอนที่ลอยขึ้นจากน้ําชา คอย
พูดเสียงเบา “พี่ลูพูดถูก ชงเสวียนพยายามสืบขาวจากคําพูดตามมารยาท แตก็ไดแตฝน
โดยไมคิดวา พระชายาก็คือพระชายาของจวนหมิงออง จะเปดเผยสถานการณจวนหมิง
อองเราใหเขาฟงไดอยางไร ทั้งซื่อบื้อทั้งฝนเฟอง!”
ลูสวินอี้ยิ้มนอยๆ พลางหันมองอาจิ่ว ไมไดพูดอะไรเพิ่ม เพียงพยักหนา รวบรวมสติ
แลววา “อืม ไหนพวกเขาสนทนาอะไรกันบาง เลาใหขาฟงหนอย!”
หากเปนเมื่อครู อาจิ่วตองไมคิดอะไรกับคําขอของเขาแน แตตอนนี้ เมื่อไดยินวาให
เลาสถานการณที่เกิดขึ้นในการสนทนาของพระชายาใหฟง คําพูดนี้แคไดยินก็เสียดแกว
หูแลว
ตอน 264 แทจริงแลวกําลังทําอะไร
อาจิ่วรูสึกอยางชัดเจนวา ในสายตาลูสวินอี้ พระชายาคลายเปนเพียงหมากตัวหนึ่ง
ของจวนหมิงอองเทานั้น จะทําอยางไรก็ได
แววตาอาจิ่วขณะกมหนาดื่มน้ําชาเต็มไปดวยความซับซอน แตจะอยางไรก็มิไดพูด
มาก คิดวาอาจเปนเพราะลูสวินอี้ยังไมรูวาทานอองกับพระชายาเขาหองหอแลว
แตตอนนี้เขาคิดวายังไมเหมาะที่จะพูดเรื่องนี้ ดวยเกรงวาอาจทําใหเรื่องทีล่ ูสวินอี้ไม
เคารพพระชายาแดงขึ้น ทําใหคนในจวนลําบากใจ จึงวางถวยน้ําชาลง เลาขยายความ
การสนทนาระหวางหลินซูอนิ กับชงเสวียนใหฟง
เขามองดูสีหนาลูสวินอี้เปนระยะ และเห็นวาลูสวินอี้หรี่ตาลงเล็กนอย ตั้งใจฟงเขา
บรรยายในทุกรายละเอียด ราวกับกําลังวิเคราะหสถานการณอยางบริสุทธิ์ใจโดยมิไดคิด
อะไรเกินเลย
อาจิ่วจึงสรุปปดทายเสียงขรึม
“ขาแสดงใหชงเสวียนเห็นจุดยืนของจวนหมิงอองเรา จนสุดทายพระชายาก็มิไดพูด
อะไรเกินเลย คิดวาชงเสวียนนั่นก็คงไมกลาสงสัยเรื่องจวนหมิงอองเราตัดสินใจลางบาง
เขาซางชิงของพวกเขาอีก”
อาจิ่วเพิ่งพูดจบ ลูสวินอี้พลันหรี่ตา กอนถาม “ตั้งแตตนจนจบ ทั้งพระชายาและเจา
ตางก็มิไดหลุดปากบอกสถานะการบําเพ็ญเพียรขององคชายหกแมแตนอย?”
“มิไดบอก ทานก็รูนี่วาองคชายหกไมเคยคุยเรื่องสถานะการบําเพ็ญเพียรกับพวก
เรา จนถึงตอนนี้นอกจากองคชายหกแลว ก็ไมมีใครในจวนหมิงอองรูวาทรงสําเร็จถึงขั้น
ไหน ทวาหลังจากขาเดินออกมา ชงเสวียนยังคงใชไมออนสลับไมแข็ง คลายขอรองให
พระชายาชวยปกปองเหมยจือ้ เฟง แตความจริงแลวกลับกําลังขมขู เพราะพูดถึงขั้นจอม
ยุทธอยูหลายรอบ ดูไปแลว อยางไรเขาก็คิดวาองคชายหกยังฝกไมถึงขั้นจอมยุทธ และ
ไมสามารถกําชัยในการตอสูกับจอมยุทธ!” อาจิ่วสายหนา
ลูสวินอี้พยักหนา ไมถามอะไรอีก กลับลุกขึ้นยืน เดินไปเดินมาสักพัก ไดยินเหมือน
เขาพูดกับตัวเอง
“ไมวาจะอยางไร หลังจากชงเสวียนไดพบพระชายา เขาก็ไมนาคิดเดิมพันอีก และ
ตานไมอยูดวย แมการใชจอมยุทธมาขมขูจะมีน้ําหนัก ทวาเขาซางชิงมีหรือที่จะกลา
ตอสู? ขอเพียงพวกเรากลาตอสูใหถึงที่สุด องคชายหกเราไมวาจะเปนปรมาจารยหรือ
จอมยุทธ พวกเขาก็ตานไมอยูหรอก!”
“เฮอะ สํานักเตาแถวหนาอะไรกัน ก็แคคนนั่งมองฟาอยูบนบอน้ํา ถาองคชายหกลง
มือจริง ใตหลามีใครตานทานไดบาง?” อาจิ่วเสริมใหอีกประโยค
ลูสวินอี้มิไดสนใจความมั่นใจลอยๆ ของอาจิ่ว แมเขาชัดเจนวา ตั้งแตลงมือมา องค
ชายหกไมเคยพายแพ แมไมใชปรมาจารย แตก็สามารถตัดศีรษะปรมาจารยดวยกระบี่ได
พูดตามตรง ขนาดในใจของผูบําเพ็ญเพียรดวยกันยังมีแนวความคิดเกี่ยวกับการสําเร็จ
ขั้นจอมยุทธที่แตกตางกัน
ใชวาไมมั่นใจในตัวมอไป แตเขายอมไมคิดใหมอไปไปประลอง หรือหากคิดประลอง
จริง ก็ไมใชตอนนี้
ลูสวินอี้ยังคงเดินไปมา พลางบนพึมพํา
“ตอนนี้ยังไมถึงเวลาตอสู หากคิดแตะตองเขาซางชิง ใชวาชนะจอมยุทธแลวจะถือ
วามีชัย พวกเขาแมอยูในปาลึก ก็ยังสืบทอดสํานักกันมาจนถึงทุกวันนี้ ถาแตะตองพวก
เขา ตองเกิดผลกระทบที่ประเมินไมไดกับสํานักเตาทั้งหมดอยางไมตองสงสัย ปฏิกิริยา
ตอบสนองโดยตรงอยูที่สนามรบซึ่งกําลังคุกรุนอยูในตอนนี้ เกรงวาพอเหลาสํานักเตาตื่น
ตระหนก ก็จะรีบเรียกคนของพวกตนที่อยูในสนามรบกลับสํานักเพื่อรวมตัวกันเปนพลัง
ขมขูตอบ ทําใหแมทัพนายกองของเราถูกคุกคามความปลอดภัยอยางหนัก การ
เปลี่ยนแปลงเชนนี้ เรายอมรับไมไหว”
“พูดเชนนี้ ก็หมายความวาเราแตะตองเขาซางชิงไมได?” อาจิ่วยังไมยอม
“ใชวาแตะตองไมได แตทางที่มี ตองคอยๆ กาวเดินทีละกาว!”
ลูสวินอี้นิ่งไปครูหนึง่ แลวจึงพูดตอเรียบๆ
“ถาแตะตองไมได แลวตอนนี้พวกเรากําลังทําอะไร!”
“ความหมายของทานคือ?”
อาจิ่วรูวามีนัยยะของการกระทํา แตเขาเรงรีบมา ทานอองจึงกําชับเรื่องมากมาย
เพียงคราวๆ ยังมีอกี หลายเรื่องที่เขาตองสื่อสารกับลูสวินอี้เมื่อมาถึงที่นี่
“เขาซางชิงเปนสํานักเตาชั้นแนวหนา พวกเขาจึงมีความหยิ่งยโส นอกจากศักดิ์ศรี
ในการปกครองสํานักเตาอื่นๆ มานานหลายปแลว สําคัญที่สุดก็คือบารมีของจอมยุทธ”
ลูสวินอี้ทอประกายตา
อาจิ่วพยักหนา แตก็ยังไมอยากยอมรับวาเขาซางชิงรายกาจ
“จอมยุทธแลวอยางไร? กระบี่ขององคชายหกใชวาจะตัดศีรษะจอมยุทธไมได!”
“มิผิด!” ไมคิดวาลูสวินอี้พลันพยักหนา แลวยังชื่นชมตอ “เจาพูดถูก จะแตะตอง
เขาซางชิง จําเปนตองสรางเขาซางชิงอีกแหงขึน้ มากอน ตัวขององคชายหกก็เปน
ทางเลือกหนึ่ง จอมยุทธเหมยมีศักดิ์ศรีสูงเกิน องคชายหกจึงจําเปนตองทําใหทุกคนทึ่ง
ดวยการทําใหสํานักเตาทั้งหมดยอมรับวาองคชายหกมีความแข็งแกรงในทางเตา จอม
ยุทธเหมยก็ยังเทียบไมได! ดังนั้นจึงมีขาวออกมาวา ถาองคชายหกกริ้ว ยอมตองใชกระบี่
ประลองกับจอมยุทธวัดความเปนความตาย...เขาใจหรือยัง?”
อาจิ่วพลันรูสึกวาตนมีความคิดความอานเพิ่มขึ้น ลูสวินอี้ผานการอบรมสั่งสอน
จากมอไปมา แตเขาติดตามมอไปมานานกวาลูสวินอี้ และมอไปก็ไดอบรมสั่งสอนอยู
เรื่อย แตไฉนไมมีความคิดความสามารถเชนนี้บาง พอไดฟงและคิดพิจารณาอยูสักพัก
จึงตาสวาง
“มินา องคชายหกถึงใหพวกเราปรากฏตัวในที่แจง ที่แทก็เตรียมแผนรับมือเขาซาง
ชิงไวแลวนี่เอง พวกเราแมอายุไมมาก ทวาแตละคนกลับมีการบําเพ็ญเพียรที่แข็งแกรง
เพียงขอนี้ การเรียนการสอนของเขาซางชิง ก็เทียบองคชายหกไมไดแลว
ถาองคชายหกลงมือจริง และสามารถสังหารจอมยุทธเหมยไดในขณะอายุยังนอย
องคชายหกก็จะมีบารมี ชักนําคนเกงที่สุดเขาสูสํานัก!”
ลูสวินอี้หันมองอาจิ่ว แววตาแสดงความชื่นชม หลายปมานี้เห็นแตหมอนี่กาวหนา
ทางการแพทย ไมคิดวาดานอื่นๆ จะเติบโตไดถึงขั้นนี้ เขาเมมปากและละสายตาออก
คิดไปก็เทานั้น อาจิ่วเปนคนที่องคชายหกชุบเลี้ยงมากับมือ ลูสวินอี้ยอมไมกลาฉกมา
ดื้อๆ ที่สําคัญฉกไมขึ้นดวย อาจิ่วไมยอมทิ้งองคชายหกเพื่อมาอยูกับพวกตนแน
นาเสียดาย คอยๆ สอนฟานอูไปก็แลวกัน!
ดีที่เขาไมไดพูดคําพูดเหลานี้ออกมา มิฉะนั้นแลวถาคนในจวนรูเขา คงหัวเราะทอง
ขัดทองแข็ง
เจาไดรับการสอนสั่งจากองคชายหก แตกลับเสียดายที่อาจิ่วติดตามองคชายหก?
ขายขี้หนาหรือไม?
“ไมผิด แตเรื่องยังไมเปนอยางที่เราพูดกันในตอนนี้ ใชวาองคชายหกจะถือกระบี่
เหาะขามปาขามเขาเปนหมื่นลี้มาสังหารจอมยุทธ ทุกอยางก็จะจบ”
ลูสวินอี้พูดตอ “เขาซางชิงเปนสํานักเตาเกาแก หยั่งรากลึกมานาน จึงคาดเดาได
ยาก ใครที่นึกวาพวกเขาอาศัยบารมีจอมยุทธ อาศัยจังหวะที่โจรถอยหลินกอความ
วุนวาย เหยียบเรือสองแคม จึงทําใหอยูรอดมาไดจนทุกวันนี้ เชนนี้ก็เทากับวาไมรูจักเขา
ซางชิงจริง กองทัพใหญโตของราชสํานักกลับแตะตองสํานักเตาเล็กๆ นี้ไมได เปนไปได
หรือ? แตเจาเชื่อหรือไม ถาราชสํานักเปดประชุมอภิปรายเรื่องลางบางเขาซางชิง ตองมี
ขุนนางนับไมถวนรีบกระโดดออกมาคัดคาน และหัวขอนี้ก็ตองตกไปในที่สุด”
ในที่สุดอาจิ่วก็เขาใจการตัดสินใจของลูสวินอี้ เขาจึงลุกขึ้นยืน พยักหนายอมรับจาก
ใจจริง
“มินาเลา ทานถึงยืนยันวาตองหาจวนขุนนาง รังที่ปรมาจารยเขาซางชิงใชซอ นตัว
และทําใหพี่หูตองตายใหได!”
“ทําไม เจาคิดวาพี่ลูของเจาทําเชนนี้เพราะความโกรธแคนอยางนั้นรึ?” ลูสวินอี้หัน
มองอาจิ่ว
อาจิ่วรูสึกผิด เขาคิดเชนนี้จริงๆ แตก็มิไดรูสึกวาไมถูกตอง เขาเองก็ยังแคนมาก
“ความคิดแกแคนยอมมี!” ลูสวินอี้ทอดถอนใจ “แตหูเปยวยอมตายดวยความเต็ม
ใจ พี่รองอยางขาไหนเลยจะไมภาคภูมิใจกับความกลาหาญของเขา!”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็เงียบไป เห็นชัดวาคิดถึงหูเปยวและรูสึกเศรา แตสักพักก็ไดยิน
เขาพูดขึ้น
“ผูที่อยูบริเวณถนนหมิงฝู มีแตผูสูงศักดิ์ฐานะร่ํารวย เกือบทุกบานสามารถแสดง
อํานาจในทองพระโรงไดทั้งนัน้ เราจึงไมสามารถชี้ชัดลงไปวามีเพียงบานเดียวหรือกี่บาน
ที่หนุนหลังพวกเขาอยูลับๆ นี่พูดแคเพียงเขาซางชิงเทานั้น เจาคิดดูยังมีสํานักเตาอีกรอย
แปดแหง ที่เหลาขุนนางสนิทสนมดวย เมื่อยังมีขุนนางเหลานี้อยู ราชสํานักยอมไม
ตัดสินใจแตะตองสํานักเตา”
“อืม ถาฝาบาทตัดสินใจเพียงลําพัง ราชสํานักตองยุงวุนวายแน!” อาจิ่วพยักหนา
“ไมใชแคนั้น! แมฝาบาทไมออกเสียง แลวใหทานอองลงมือก็ไมได! ถึงตอนนั้นเหลา
ขุนนางจะบีบใหฝาบาทหันมาตอกรกับทานออง อางวาเพื่อความสงบของประเทศ และ
ไมวาฝาบาทจะสามารถรับความกดดันไดหรือไม เรื่องนี้ก็จะทําใหเกิดความผันผวน
ตามมามากมาย เชน กองกําลังแนวหนาของโจรถอยหลินไมสามารถนั่งรอความตาย
ตองฉวยโอกาสสรางความไดเปรียบโดยการเติมเชื้อไฟ พอบารมีฝาบาทถูกลบหลู
ประเทศก็เตรียมพินาศ! ตอนนี้สิ่งที่ทําใหเราตานคนเถื่อนได มีเพียงความเปนหนึ่งเดียว
ของตาเซี่ยเทานั้น เปลี่ยนใครขึ้นมาครองราชยก็เหมือนกัน หากการเมืองภายในยังไมนิ่ง
ก็เพียงพอที่จะทําลายชาติได บวกกับศัตรูแข็งแกรงเขาประชิดชายแดน การลมสลาย
ของประเทศชาติจึงมิใชเรื่องลอเลน”
ลูสวินอี้พูดพลางขมวดหัวคิ้วเขาหากัน
“อืม ตองตัดความสัมพันธระหวางเหลาขุนนางกับสํานักเตากอน!” อาจิ่วพูดเสียงขรึม
“ขุนนางเกือบทั้งหมดใครบางขาวสะอาด ใครบางไมมีความสัมพันธกับสํานักเตา
เลย? เราจะสังหารพวกเขาทั้งหมดไดหรือ ทวาคนเหลานี้ก็ใชวาจะเปนสุนัขรับใชสํานัก
เตาทั้งหมด เพียงมีผลประโยชนรวมกันเทานั้น พวกเราจึงจําเปนตองเชือดไกใหลิงดู ให
พวกเขารูซึ้งถึงความหมายที่แทจริงของธรรมชาติที่วา สรรพสิ่งยอมมีขึ้นมีลง
เชนเดียวกับสํานักเตาที่ไมมีวันอยูยั้งยืนยง ตอนนี้สถานการณเปลี่ยนแลว ยามเผชิญหนา
กับจวนหมิงอองเราหรือวิกฤตการณใดๆ สํานักเตาไมเพียงมิใชฟางเสนสุดทายของพวก
เขาอีกตอไป ในทางกลับกันอาจขายพวกเขาเพื่อความอยูรอดของตนเองก็เปนได เมื่อ
ตองเผชิญหนากับทานอองและสํานักเตาซึ่งเชื่อถือไมได มิสูพึ่งพาราชสํานักดีกวา!”
ดวงตาลูสวินอี้เปลงประกาย
“ตอนนี้ทานมั่นใจวาสามารถทําใหเขาซางชิงกลายเปนไกใหเชือดแลวหรือ?” อาจิ่ว
สีหนาจริงจัง
ดําเนินการมามากมาย ถึงเพิ่มความกดดันใหชงเสวียนอีก ก็คงคาดหวังอะไรไมได
มาก เพียงตองการใหขุนนางซึ่งใหที่กบดานแกปรมาจารยเขาซางชิงในวันนัน้ ปรากฎตัว
ขึ้น
ดูไปแลวเหมือนมีเปาหมายที่ไมใหญโตนัก แตในความเปนจริง ถาไมสามารถทําลาย
รากลึกของเขาซางชิง พวกเขาก็ไมมีทางยอมจํานนไดงายๆ ดังนั้นตั้งแตวันที่หูเปยว
เสียชีวิต และพวกชงเสวียนรีบรุดมา ลูสวินอี้จึงตองทําใหพวกเขาเห็นแนวคิดที่เฉียบขาด
ชนิดไมจําเปนตองพูดมาก นอกจากความเปนตายของทั้งสองฝายแลว ไมมีหนทางที่สอง
ใหเดินอีก
ซึ่งจวนหมิงอองยอมไมกลาบุกเขาซางชิง เรื่องนีพ้ ูดกันแตในบานได
ทวาสายตาของผูคนภายนอกมิใชเชนนี้ ตั้งแตหมิงอองกลับสูยุทธภพ เขากลัวผูใด
หรือไม?
ไฉนตองยําเกรงผูใด?
ใครกลาเดิมพันกับอุปนิสัยแข็งกราวของเขา ตอนนี้ใครไมรูบางวา แรกเริ่มเดิมที
ขนาดแมทัพที่ฝาบาททรงเชื่อใจอยางเฉินไมรบ หมิงอองบอกฆาก็ตองฆา
นับประสาอะไรกับเขาซางชิง กลาหรือที่จะบอกวาหมิงอองไมกลาแตะตองพวกเขา?
ไมกลาแตะตอง แลวชีวิตของสองปรมาจารยกับลูกศิษยเหลานั้นตายอยางไรละ?
ตอนนี้เงื่อนไขเดียวที่พวกเขากอดอยูก็คือ เขาซางชิงมีจอมยุทธ คนของสํานักเตา
ใครกลาดูหมิ่นการฝกตนจนหลุดพนบาง?
เปนไปไมได! พวกเขาไมเชื่อ และไมอยากจะเชื่อ ดังนั้นจึงยังคงตอตานดวยการ
พยายามหาขอบกพรองของจวนหมิงอองที่วา แสรงแข็งแกรง กุเรื่องปลอมตบตา ทําให
ผูคนตื่นกลัว
นี่เปนการถวงเวลาการตอสู เพียงแตจวนหมิงอองอยูในทีม่ ืด เขาซางชิงอยูในที่แจง
ขาวที่ไดรับจึงไมเหมือนกัน!
“นี่ก็ผานมาพอสมควร ถึงเวลาของทานตูแลว!”
ตอน 265 ทานตูอ ําลา
“ศิษยพี่จะไปจากจวนอองหรือ?”
หลินซูอินลุกขึ้นยืนอยางตกใจ มองดูสีหนาอันสงบนิ่งของตูเวยเวยขณะกลาวลา
นางรูวาตูเวยเวยมาลี้ภัยในเมืองหลวงชัว่ คราว ดวยสถานการณในหมิงจูอันตราย
เกินไป และคิดมาตลอดวา ตูเวยเวยจะหลบอยูในจวนหมิงออง ไมคิดวาเพิ่งจะมาถึง นาง
ก็มาอําลาเสียแลว
ตูเวยเวยกลับยังสงบนิ่ง ยิ้มพลางแสดงความขอบคุณ
“ทานอองสามารถชวยขาใหหนีออกจากหมิงจูไดก็นับวาเมตตาแลว เมื่อมาถึงเมือง
หลวง ขายอมไมสามารถรบกวนไดอีก”
“แตวา...” หลินซูอินไดแตอาปากนอยๆ พลันไมรูวาควรพูดอะไรดี คิดรั้งนางไว แต
จะรั้งอยางไร ชักอยากทําตัวเปนนายของที่นี่ขึ้นมาจริงๆ
เดิมทีนางกับตูเวยเวยเคยเปนมิตรกันในทางเตา บวกกับตอนไปถึงหมิงจู ก็ไดรับการ
ตอนรับขับสูจากตูเวยเวย และยังเปนเพื่อนเดินทางซึ่งกันและกันมาจนถึงเมืองหลวง
อยางไรก็ตามนางก็ไมอยากเห็นเรื่องเกิดขึ้นกับตูเวยเวย
แมนางยังไมยอมใหตนเองเปนนายหญิงของจวนหมิงออง แตพอเงียบกันไปสักพัก
นางกลับเอยปากขึ้น
“ศิษยพี่ เมืองหลวงแมมิใชเขตยึดครองของศัตรู แตก็ไมใชที่ๆ ปลอดภัยนัก คน
เถื่อนก็ใชวาจะไมมีสายอยู ทานเพิ่งจะมาถึง ตอนนี้ยังไมคนุ สถานที่ หากถูกพบเห็นคงไม
ดีแน สํานักเตาเลื่องชื่อในเมืองหลวงแตละสํานักก็ลวนมีอิทธิพลทั้งสิ้น ทานออกไป
ตอนนี้ แมไมถูกคนเถื่อนพบ ก็เปนไปไดมากวาจะกลายเปนจุดสนใจของสํานักเตา
อยางไรก็ดีหากอยูที่นี่ไปกอนชั่วคราว รอจนมั่นใจแลววาปลอดภัยคอยไปก็ยังไมสาย
เมื่อมอไปสงทานมาเมืองหลวง ก็ยอมไมอยากเห็นทานเกิดเรื่องขึ้น แลวไหนเลยจะไม
อยากใหทานอยูในจวนหมิงอองเลา?”
ตูเวยเวยรูสึกผิดคาด ดวยไมคิดจริงๆ วาหลินซูอินจะรั้งนางไว แมเดินทางมาดวยกัน
ในรถมา แตทั้งสองก็คุยกันนอยมาก ในทางเตา การเคารพรุนพี่ยังคงเปนขอปฏิบัติอันดี
งาม
ตูเวยเวยขัดแยงกับสํานักตนสังกัด คิดวาหลินซูอินผูเปนทายาทแถวหนาของสํานัก
เตามาตรฐานชื่อดังนาจะเห็นวาไมเหมาะสม แมไมพูดตอหนา แตในใจนาจะไมชอบนัก
ทวาหลินซูอินกลับรั้งนางไวอยางจริงใจ ทําใหนางผิดคาดยิ่ง แตเมื่อพูดวาจะไปแลว
ก็ยังคงตองไป จึงยิม้ พลางวา
“ขอบพระทัยพระชายามากที่ทรงเปนหวง ขาแมอยูหมิงจูมานาน แตก็ใชวาจะไมมี
หนทางใดๆ ในเมืองหลวง ขาพอมีเพื่อนฝูงอยูบาง อีกทั้งการมาในครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องตอง
ทํา ซึ่งไมอาจรอชา!”
รั้งก็รั้งแลว กลอมก็กลอมแลว นาจะเปนเพราะเพิ่งรูจักกัน ทั้งสองอาจยังไมคุนเคย
กันนัก เมื่อตูเวยเวยไดตัดสินใจแลว หลินซูอินก็อับจนหนทาง ครุนคิดสักพัก จึงพยัก
หนา
“ก็ดี ในเมื่อศิษยพี่ไตรตรองอยางรอบคอบแลว ขาก็จะไมพูดมากอีก แมขาเองยังไม
รูวาสามารถอยูในเมืองหลวงไดนานแคไหน แตขอเพียงขายังอยูที่นี่ หากศิษยพี่มีเรื่อง
เดือดรอน ก็มาหาขาไดทุกเมื่อ”
ตูเวยเวยยกมือขึ้นคารวะแบบผูชาย ดวงตาทอประกาย พูดอยางจริงจัง
“พระชายาทรงเมตตา วันหนาหากผูแซตูสามารถ ตองคิดแทนคุณอยางสุดกําลัง”
หลินซูอินกลับไมแปลกใจกับทาทางของตูเวยเวย ตอนอยูหมิงจู นางเคยเห็นตูเวยเว
ยแตงกายเปนสตรี แตมีทาทางเชนบุรุษมาแลว ซึ่งนางไมสามารถทําได จึงไดแตประสาน
มือคารวะตอบแบบเตา กอนพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่ไมจําเปนตองทําเชนนี้ ตอนอยูหมิงจู ซูอ ินก็ยังตองใหศิษยพี่คอยดูแล จึง
สามารถรอดชีวิตมาได นับเปนบุญคุณอันใหญหลวง ตอนนี้ศิษยพี่มีภัย แตขากลับชวย
อะไรไมได พูดแลวนาละอายใจยิ่งนัก!”
ตูเวยเวยพลันเขาใจ หลินซูอินยังคงจดจําเหตุการณหลังถูกธนูทําราย วาไดพักรักษา
ตัวอยูที่บานของนาง แตอันที่จริงนางกลับรูสึกวา ตั้งแตตนจนจบ นางมิไดชวยเหลือ
อะไรหลินซูอินอยางจริงจังนัก ซึ่งแมเปนเพราะคําแนะนําของนางที่ทําใหไดพบกับมอไป
แตตอนนี้ นางไหนเลยจะไมรวู า ที่มอไปชวยหลินซูอินนั้น ไมเกี่ยวของอะไรกับตนเอง
แมแตสตางคแดงเดียว หากพูดขึ้นมาจริงๆ นางพากลุมคนไปหามอไป กลับทําใหสํานัก
เตาตองเดือดรอนหนักดวยซ้ํา!
วันนี้คําพูดนี้ของหลินซูอิน ทําใหนางรูสึกดีกับหลินซูอินมากขึ้น ทานตูโลดแลนใน
ยุทธภพมาครึ่งชีวิต สามารถใชสถานะของผูหญิงจัดการเรื่องราวในกลุมพรรคทั้งแงบวก
และแงลบ ยอมมีจุดที่ทําใหผูคนเคารพนับถือ
คุณธรรม คํานี้ทานตูไมเคยขาด หากใครมีบุญคุณกับขา ขายอมตองทดแทน!
อีกทั้งจวนหมิงอองตองการหลินซูอิน นางก็ตองการจวนหมิงออง ดังนั้นสุดทายจึง
ตัดสินใจวาตนเองควรพยายามอีกหนอย คอยกมหนาลง เงียบไปสักพัก แลวจึงเงยหนา
ขึ้น ยกมือคารวะอยางจริงจังอีกครั้ง
“พระชายา ผูแซตูกอนไป มีคําพูดบางอยางอยากบอกกับพระชายา เพียงแต...ไม
ทราบวาจะเหมาะสมหรือไม?”
หลินซูอินยิ้มพลางสายหนา แสดงใหเห็นวาไมถือสา
“หรือมีเรือ่ งอะไรอยากใหขาชวย? ศิษยพี่ไมตองเกรงใจ มีเรื่องก็พูดมาเถิด ไมมี
ปญหา”
ทานตูเงยหนาขึ้นแลวสายศีรษะเล็กนอย คลายมีทาทีลังเลใจ แตพอเห็นทาทางที่
จริงใจของหลินซูอนิ นางจึงเอยปากในที่สุด
“พระชายามีฐานะสูงสง ผูแซตูเปนเพียงสามัญชนคนธรรมดา เดิมทีไมควรพูดพลาม
ไรสาระตอหนาพระชายา แตเมื่อพระชายาทรงเมตตา ในใจผูแซตูจึงเกิดความคิด
บางอยาง ที่หากไมพูด จิตใจคงยากสงบยิ่ง และถาตอนนี้ไมพูด
พอจากไปแลวก็ไมรูวายังจะมีโอกาสไดพบพระชายาอีกหรือไม ดังนั้นถาผูแซตูพูด
อะไรไมถกู ทําใหพระชายาไมพอพระทัย ก็โปรดประทานอภัย คิดเสียวาผูแซตูพูดจา
เลอะเทอะเอง!”
“หือ?” หลินซูอินพลันตัวแข็งทื่อ สีหนาคอยๆ เครงขรึม นางรูสึกไดทันทีวาทานตู
มิไดมีเรื่องขอใหชวย แตมีเรื่องเกี่ยวกับตนที่อยากจะพูด และเรื่องนี้ก็คงหนีไมพน มอไป
บอกตามตรง นางไมอยากฟง และไมอยากไดยินคําวามอไปตรงหนา
พอเห็นทาทีของหลินซูอิน ทานตูก็รูวาตนเองปากมากแลว จึงไดแตถอนหายใจในใจ
ชางเถอะ เดิมทีตนเองก็ไมควรกังวลเรื่องนี้ และไมควรทําใหใครไมสบายใจ
พอคิดถึงตรงนี้นางจึงตัดสินใจกลาวลา
“พระชายา ผูแซตูเลอะเทอะเอง พูดมากชั่วขณะ ลวงเกินแลว เมื่อเปนเชนนี้ ผูแซตู
ก็ขอลา วันขางหนายังอีกยาวไกล ขอพระชายาถนอมสุขภาพดวย”
วาแลวก็ยกมือขึ้นคารวะอีกครั้ง กอนหันกายเดินจาก
หลินซูอินมองตามแผนหลังของทานตูไป นางรูวาทานตูไมมีเจตนาราย ในน้ําเสียงก็
ฟงออกวาทานตูรูตัวดีวา หลังออกจากจวนหมิงอองแลว ไมสามารถรับประกันไดวาจะมี
ชีวิตรอดหรือไม และไมรูจะอยูไดอีกนานแคไหน
สายตาชะงักเล็กนอย เจตนาดีของทานตู เหตุใดจึงถูกตนเองมองเปนเรื่องรายไปได?
ฟงๆ ดูก็ไมนาจะเสียหายอะไร กมหนาเล็กนอย ในที่สุดก็เอยปากขึ้น
“ชากอนศิษยพี่!”
ทานตูหันกลับ เห็นหลินซูอินยื่นมือออก บอกใหนางนั่ง นางไมคอยเขาใจ ไดยิน
หลินซูอินพูดวา
“สถานะของขาในตอนนี้ คิดวาศิษยพี่คงรูอยูบ าง ผูสูงศักดิ์อะไรนั่น เปนเพราะศิษย
พี่ใจดีใหเกียรติขาเทานั้น ซูอินเขาใจดี ศิษยพี่ไมจําเปนตองคิดวาตนเองตอยต่ําถึงเพียง
นั้น”
พูดถึงตรงนี้นางก็ยกกาน้ําชาบนโตะขึ้น รินน้ําชาใหตนเอง มองดูน้ําชาไหลลงในถวย
พลางพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่อยากเตือนขาเรื่องมอไปใชหรือไม ไมเปนไร ขารูวาศิษยพี่หวังดีตอขา เชิญ
นั่งลงพูดเถิด!”
ทานตูจองมองนางแลวรูสึกไมพอใจตงิดๆ ก็จริง แตพอเห็นทาทีเชนนี้ของนาง กลับ
รูสึกวา ไมวาจะอยางไร ตนพูดเพราะเห็นแกที่หลินซูอินมีความจริงใจคิดชวยเหลือ แต
สุดทายแลวหลินซูอินจะฟงหรือไมนนั้ ก็ไมเกี่ยวกับตนแลว
จึงพยักหนา เดินกลับมานั่งตามคําเชิญของหลินซูอิน กอนพูดเสียงเบา
“พระชายา เรื่องของทานกับทานออง ผูแซตูเปนเพียงคนนอก แมเคยไดยินขาวลือ
มาบาง แตไมรูเรื่องราวลึกๆ ภายใน พูดอีกก็คือเรื่องสวนตัวของทานกับทานอองสองคน
ผูแซตูเปนคนนอกจะกลาพูดมากอยางไรได!”
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย “ศิษยพี่มิไดคิดพูดเรื่องนี้? ถาเชนนั้น...”
ทานตูยิ้มพลางสายศีรษะ
“ผูแซตูมาเมืองหลวงดวยกันกับพระชายา เพียงเห็นวาตลอดทางพระชายาเหมือนมี
เรื่องอะไรหนักใจ และมักใจลอย อีกทั้งยังพูดคุยกับอาจิ่วนอยมาก พอกลับเขามาในจวน
ก็ไมคอยไดถามไถเรื่องทั่วไป เปนเพราะทานเพิ่งออกจากสํานักเตาไดไมนาน เรื่องทาง
โลกอาจรูสึกวายังไมคุนเคยมากนักใชหรือไม?”
“หือ?” หลินซูอินตะลึงงัน จึงหัวเราะออกมาเบาๆ นางเขาใจแลว
เรื่องของนางกับมอไป ผูคนตางรูกันอยางงูๆ ปลาๆ มานานแลว นางไมเชื่อวาตูเวย
เวยจะไมรูสถานะจริงๆ ของนางในตอนนี้ พูดก็พูด ตูเวยเวยพูดออมไปออมมาเชนนี้
จริงๆ แลวก็ยังคงเปนเรื่องนั้น คิดๆ แลวก็ยกถวยน้ําชาขึ้น พลางพูดเสียงเบา
“อาจมีบางนิดหนอย ที่ศิษยพี่จะพูดก็คือเรื่องนี้หรือ?”
ทานตูพยักหนากอนวา
“พระชายาก็รู ผูแซตูกอนหนานี้เคยเปนศิษยสํานักเตา ขณะเดียวกันก็บริหาร
จัดการกลุมเยาวชนไปดวย จึงมีประสบการณกับเรื่องทํานองนี้พอควร ดังนั้นวันนี้จึง
อยากบอกพระชายาวา อาจมีบางคนที่คิดจาบจวง หากทานรูสึกวาไมถูกตอง ก็ควรลอง
ฟงเหตุผลดูกอน หากมีคุณประโยชนตอทานก็ถือวาเปนเรื่องดี”
“ศิษยพี่เกรงใจแลว!” หลินซูอินพยักหนารับโดยไมคัดคาน
“พระชายาก็รู ผูแซตูเขาสํานักหวงไดอยางไร?” ทานตูเปดหัวเรื่อง
เรื่องนี้หลินซูอินไมรูจริงๆ จึงสายหนา
“เคยไดยินมา ปนั้นศิษยพี่มีพรสวรรคล้ําเลิศ จึงถูกสํานักหวงเพงเล็ง พาเขาสํานัก
ฝกวิชาแตเยาววัย เพียงไมกี่ปก็ประสบความสําเร็จอยางโดดเดน จนไดรับเสียงชื่นชม
จากศิษยรวมสํานักมากมาย”
“พระชายาชมเชยเกินไป ผูแซตูไหนเลยจะกลาพูดเรื่องพรสวรรคตอหนาพระ
ชายา!”
ทานตูกลับสงบนิ่ง กอนพูดตอ “ปที่ขาเขาสํานักหวง นับวาอายุยังนอยจริงๆ วาแลว
ขาก็เคยไดยินเรื่องตอนพระชายาเขาเปนศิษยสํานักเตา แตไมรูวาจริงเท็จอยางไร”
หลินซูอินมองดูตูเวยเวย เห็นแววตานางสงบนิ่งสุดจะเปรียบ ไมมีวี่แววหลบสายตา
จึงพยักหนา
“ไมทราบวาที่ศิษยพี่ไดยินมาคือเรื่องใด?”
“นาจะเปนขาวลือ เพียงแตมีชวงหนึ่งที่ลือกันเกินจริง...บอกวาหลังจากที่ทานสมรส
แลว ก็รีบทําพิธีเปนศิษยเขาซางชิง เพราะไมพอใจในชีวิตสมรส คิดจะใชชีวิตอยางสงบ!”
น้ําเสียงของทานตู แสดงใหเห็นวาลังเลอยูสักพักกอนพูด
ขาวลือเชนนี้ หลินซูอินไดยนิ มามากพอสมควร คําพูดทานตูนับวาใหเกียรตินางมาก
ขาวลือที่วา นางมีใจใหเหมยจื้อเฟง กระทั่งมีอะไรกันแลวจึงรีบเขาเปนศิษยเขาซาง
ชิง ก็มีอยูไมนอย
“ปนั้นขาไปเขาซางชิงอยางกะทันหันจริงๆ จึงเลี่ยงไมไดที่จะถูกคาดเดาไปตางๆ
นาๆ”
หลินซูอินยังนับวาสงบนิ่ง
ตอน 266 ไมรูวาควรหรือไมควรพูด
ทานตูเห็นสีหนานางแลวจึงพยักหนา
“คนมีความสามารถลวนผานการเคี่ยวกรํา” กอนพูดตอ
“ปนั้น พรสวรรคอันนาทึ่งของพระชายาทําใหคนบางคนอิจฉาตารอน ปลอยขาวลือ
ออกมาทําราย นี่ก็ไมใชเรื่องแปลก แตขออภัยที่ผูแซตูพูดอยางตรงไปตรงมา ตอนนี้พอ
มองการสมรสของพระชายา ที่จูๆ ก็เขาเปนศิษยเขาซางชิง นาจะมีเหตุผลที่ไมอยากให
ผูคนมากมายรับรูอยู”
หลินซูอินคิ้วกระตุก มองตูเวยเวยนิ่งโดยไมพูดจา
นางไมรูวา จริงๆ แลวตูเวยเวยตองการพูดอะไรกันแน กําลังจงใจสืบถามสถานะของ
นางหรือ?
หนาตาตูเวยเวยดูออนโยน สงางาม ดวงตาใสกระจาง เมื่อเห็นหลินซูอินขมวดคิ้ว
เล็กนอยก็รูแลววากําลังคิดอะไรอยู
บอกตามตรง เดิมทีทานตูมิใชคนชอบพูดจาออมคอม ที่ผูคนเรียกวาทานตู นอกจาก
ใหความเคารพแลว ยังเปนเพราะนางมีลักษณะการทํางานและทาทางที่ไมดอยไปกวา
ผูชาย
ซึ่งการยุงเรื่องชาวบานยอมมิใชปกติวิสัย และนางก็ไมชอบดวย แตครั้งนี้เปนเพราะ
สํานึกในบุญคุณและตองการตอบแทนเทานั้น
“พระชายา ผูแซตูกําลังจะบอกวา อาจเปนเพราะตอนผูแซตูเขาเปนศิษยสํานักเตาก็
เคยตกอยูในสภาวะคลายๆ กับทาน ซึ่งไมเพียงมิไดเปนอยางที่คนนอกมอง ยังรูสึกอึดอัด
ใจที่ไมเปนตัวของตัวเองดวย!”
ทานตูพูดออกมาตรงๆ แลว
“หือ? อึดอัดใจ?”
หลินซูอินคิดไมถึง แตนางก็ยังไมคอยเขาใจทานตู ความจริงเรื่องการเขาบําเพ็ญ
เพียรในสํานักเตา ยอมเปนเรื่องที่ดีในสายตาผูคน จึงถามขึ้น
“ศิษยพี่หมายความวาอะไร?”
ทานตูยกถวยน้ําชาขึ้น แตไมไดดื่ม เพียงมองดูน้ําชาในถวยสักพัก แลวคอยๆ พูด
“บานตระกูลตูบริหารจัดการธุรกิจกลุมอิทธิพลมาแตบรรพบุรษ...”
ทานตูมิไดตอบคําถาม แตกลับพูดถึงกลุมเยาวชน
หลินซูอินไมเขาใจ แตก็ไมรีบ นางรูวาที่ทานตูพูดเรื่องเหลานี้ เพราะอยากบอกอะไร
กับนาง
แมนางคิดวาพูดตรงๆ ก็ได แตพอคิดในทางกลับกัน เรื่องของนาง ลวนเปนเรื่อง
ละเอียดออน เกี่ยวของกับหมิงออง และยังเกี่ยวของกับสถานะพระชายา ยอมมิใชเรื่องที่
คนทั่วไปจะวิพากยวิจารณอยางตรงไปตรงมาไดงายๆ
“แตแลวบานขาพลันเกิดไฟไหม ที่ขารอดมาไดก็เพราะทานอาทานหนึ่งเสี่ยง
อันตรายฝาเปลวเพลิงอุมขาออกมา สวนคนอื่นๆ ในบานนอกจากพี่ชายขา ลวนแลวแต
เสียชีวิตในเปลวเพลิง ตอนนั้นขาเพิ่งอายุไมถึงสิบขวบ”
ทานตูเลาเรื่องของตนเอง
หลินซูอินไมคิดวาศิษยพี่ที่นั่งอยูตรงหนา จะมีชีวิตในวัยเด็กที่รันทดเชนนี้ จึงไมรูวา
ควรพูดอะไรดี ไดแตปลอบโยนเสียงเบา “ศิษยพี่ ขาเสียใจดวย...”
“ไมเปนไร เรื่องผานมาหลายปแลว”
ทานตูมิไดแสดงความเศราเสียใจออกมา บุคลิกภาพยังดูเบาสบายเหมือนเคย
ตอนนี้หลินซูอินพลันเขาใจแลววา การที่สตรีนางหนึ่งถูกเรียกขานวา ‘ทานตู’ เปน
เพราะบุคลิกที่สงบนิ่งและเยือกเย็นยามเผชิญหนากับเรื่องราวตางๆ นี่เอง ซึ่งใชวาคน
ทั่วไปจะทําได
“กลุมเยาวชนเปนกิจการของบานตระกูลตู ไมวารุนไหนหัวเรือใหญตองแซตูเทานั้น
ดังนั้นพี่ชายคนเดียวของขาที่ยังมีชีวิตอยู แมอายุยังนอย ก็ตองกาวขึ้นเปนหัวหนาพรอม
บารมีเปยมลน”
ทานตูยังคงพูดเรื่องของนางตอดวยสีหนาสงบนิ่ง “แตคิดไมถึงวา พี่ขารอดชีวิตจาก
เปลวเพลิงมาไดอยางยากเย็น แตกลับกุมอํานาจในกลุมเยาวชนไดไมนาน ก็ตองจบชีวิต
ลงอยางกะทันหัน”
หลินซูอินขยับริมฝปาก แตสุดทายก็มิไดพูดปลอบโยนอีก สีหนาทานตูบอกนางวาไม
จําเปน
“หลังพี่ชายขาเสียชีวิต ก็พลันไมมีบุรุษแซตูที่ตองสืบทอดตําแหนงหัวหนากลุม
เยาวชนตอ ขาก็แซตูเชนกัน เพียงแตเปนเด็กหญิง เดิมทีเปนไปไมไดที่จะใหขารับชวงตอ
แตกลุมอิทธิพลที่ใหญโตยอมตองมีหัวหนา และไมเคยใหผูใดที่มิไดแซตูดํารงตําแหนงมา
กอน จึงเปนครั้งแรกที่คณะกรรมการผูอาวุโสเขากุมอํานาจ ภายในคืนนั้น พี่นองรวม
สาบานที่รวมเปนรวมตายกันมากลับเริ่มแยงชิงอํานาจในทุกวิถีทาง และการตอสูกันของ
พวกเขาก็ทําใหคนในกลุมเยาวชนทุกระดับชั้นสับสนไปหมด ทุกๆ คืน หมิงจูทั่วทั้งเมือง
ตองเกิดเหตุการณนองเลือดที่ ทําใหผูคนหวาดผวาไมหยุด”
หลินซูอินเกิดความรูสึกรวมในจุดๆ นี้ การที่นางตองมีสภาพเชนทุกวันนี้ ที่สุดแลวก็
มีสาเหตุมาจากการแยงชิงอํานาจมิใชหรือ?
“แตไหนแตไรมา การแยงชิงอํานาจมักมีแตความโหดรายทารุณ!”
อารมณของนางดําดิ่งลง แตฟงถึงตรงนี้ หลินซูอินก็เดาตอนจบของเรื่องได และรู
แลวววาทานตูมิใชผูที่มาจากครอบครัวธรรมดา แตก็ยังไมรูวาที่ทานตูเลาเรื่องเหลานี้ให
นางฟงหมายถึงอะไรกันแน จึงยังคงพูดเสียงเบา
“ดังนั้นสุดทายเมื่อขมกันไมลงโดยไมมีใครยอมใคร พอเห็นวาเรื่องชักจะบานปลาย
ใหญโต จึงเห็นดวยอยางพรอมเพรียงกันที่จะยกใหทานเปนหัวหนา”
ทานตูพยักหนา มุมปากที่ปรากฏรอยยิ้มมาตลอดคลายเพิ่มความลึกซึ้งขึ้น ขณะที่
น้ําเสียงของนางออนโยนลงเรื่อยๆ
“ตอนนั้นผูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเปนหัวหนามากที่สุดมีอยูดวยกันสามคน
พวกเขาลวนเปนพี่นองรวมเปนรวมตายของบิดาขามากอน และเปนผูอาวุโสที่มีบารมี
สูงสุดในที่ประชุม แตหนึ่งในนั้นก็คือทานอาที่ชวยขาออกมาจากกองเพลิง ซึ่งไมไดแยง
ชิงอะไรกับเขา ที่แยงชิงกันอยางดุเดือดคืออีกสองทานที่เหลือ โดยทั้งสองมีอิทธิพล
อํานาจในที่ประชุมพอๆ กัน และไมสามารถตัดสินแพชนะกันไดในเวลาอันสั้น อีกทั้ง
พวกเขายังกระทําการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งผูอาวุโสหลายทานในกลุมเยาวชนตอง
เสียชีวิตลงอยางตอเนื่องจากเกมการชิงอํานาจนี้ ซึ่งทานอาขาก็ยังตองวางตัวลําบาก
ดวยทั้งสองฝายตางก็บีบใหสนับสนุนตน”
ทานอาที่นางพูดถึงยอมเปนผูอาวุโสฉี
ผูอาวุโสฉีเปนสหายที่บิดาตูเวยเวยสนิทสนมที่สุด เขาเปนผูที่มีคุณธรรมสูงสง ไมคิด
แยงชิงตําแหนงจากคนตระกูลตูในขณะที่สหายเพิ่งกลายเปนเถาถานไดไมทันไร ถึงจะรู
วาตระกูลตูไมมีใครแลวก็ตาม
แตการไมแยงชิงของเขา กลับทําใหเขาอยูไมได เพราะไมวาเขาจะสนับสนุนใคร ก็
จะเปนการลบหลูอีกคนหนึ่ง ขอหนึ่ง ทั้งสองลวนเปนพี่นองที่กอดคอเปนตายกันมา เขา
ไมสามารถเลือกได ขอสอง เขาไมใชคนโง ไมวาสนับสนุนใคร ผลสุดทายลวนไมมีจุดจบ
ที่ดีทั้งสิ้น
เพราะผูแพตองโกรธแคนเขาอยางถึงที่สุด สวนผูชนะก็ตองหวาดระแวงในบารมีของ
เขา เปนไปไดสูงที่จะสังหารเขาหลังขึ้นสูอํานาจ ดังนั้นไมวาสนับสนุนใคร จุดจบของเขา
ก็ไมสวยงาม
หลินซูอินฟงถึงตรงนี้จึงเขาใจ “ดังนั้นทานอาของทานจึงคิดทางเลือกขึ้นมาอีกหนึ่ง
ทาง คือใหทานเปนหัวหนาแทนหนึ่งในสองผูอาวุโส”
ทานตูยิ้มพลางพยักหนา “พระชายากลาวถูกตอง ตอนนั้นผูอาวุโสหลายทานในที่
ประชุม แมแตผูที่ตัดสินใจเลือกขางแลว ก็ลวนพบวาสถานการณเริ่มควบคุมไมได ถา
ปลอยใหเปนเชนนี้ตอไป กลุมเยาวชนตองแตกแยกแน กระทั่งชีวิตของพวกเขาเองก็ยัง
ไมรับประกันวาจะปลอดภัย สามารถถูกอีกฝายลอบสังหารไดทุกเมื่อ และในสถานการณ
เชนนี้ ทานอาขาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกเสนอใหขาเปนหัวหนา ซึ่งผิดคาดที่ไมถูก
ตอตานมากมายนัก แมทั้งสองทานที่แยงอํานาจกันอยูจะไมยินยอม แตที่ประชุมมี
อํานาจมากกวา พวกเขาจึงอับจนหนทาง บวกกับทางการไดยื่นคําขาดไมใหกลุมเยาวชน
เขนฆากันอีก เพื่อความสงบสุขในพื้นที่ ที่สําคัญก็คือ ทั้งสองฝายไดมาถึงจุดที่เริ่มไมมี
ความมั่นใจวาสุดทายจะชนะหรือไม จึงคิดวาสงบศึกชั่วคราวนาจะดีกวา หลังวางแผน
ประนีประนอมกันแลว คอยลงมือก็ยังไมสาย อีกทั้งขาก็เปนเพียงเด็กนอยที่ไม
ประสีประสา ไมมีทางคุมพวกเขาไดหรอก ดังนั้นเด็กสาวอายุไมถึงสิบสามอยางขาจึงขึ้น
สูตําแหนงจนได”
พูดถึงตรงนี้ ทานตูก็เงยหนาขึ้นมองหลินซูอิน
“พระชายา ทานรูหรือไมวาขารูรายละเอียดตางๆ เหลานี้เมื่อไร?”
หลินซูอินสายศรีษะ
ทานตูหัวเราะแลววา “คืนกอนวันที่ขาจะเขาพิธีรับตําแหนงหัวหนาใหญ ทานอามา
หาขา และเลาเรื่องทั้งหมดใหเด็กอยางขาฟง ตอนนั้นขาจึงปฏิเสธตําแหนงทันทีโดยไม
ตองคิด เพราะขากลัว แมขายังเด็ก แตก็อายุสิบสองสิบสามแลว หลังพี่ชายขาเสีย ขาก็
เคยไดยินเรื่องราว ที่วาพี่ชายขาถูกลอบสังหารก็เพราะเปนหัวหนากลุมเยาวชน พอได
ยินวาพวกเขาจะใหขาเปน ขาที่หันไปทางไหนก็ไมเห็นใคร ไหนเลยจะกลา?”
หลินซูอินคิดๆ ดูก็อดไมไดที่จะรูสึกวา เมื่อเทียบกับตนเองแลว ชะตากรรมของทาน
ตูอเนจอนาถกวายิ่งนัก ดีที่ตอนตนเองยังเด็ก ไดกินดีอยูดี ไมมีอะไรใหตองหวงกังวล
“แตขากลับปฏิเสธไมได พอเห็นขาไมยอม ทานอาก็บอกเรื่องทั้งหมดกับขา และพูด
อยางไมปกปดดวยวา ถาขาไมเปนหัวหนา ขาตองถูกฆาตาย เพราะคนตระกูลตูมีบารมี
สูงมากในกลุมเยาวชน และเหลือเด็กสาวอยางขาเพียงคนเดียว
ตองถูกถอนรากถอนโคนอยางแนนอน โดยเฉพาะภายใตสถานการณที่ผูอาวุโสในที่
ประชุมลวนสนับสนุนขาอยางพรอมเพรียงกัน ถาตองการทําใหคนกลัว พวกเขาไมมีทาง
ที่จะรอใหขาเติบใหญ จึงมีเพียงการเปนหัวหนาเทานั้น ที่อยางนอยก็ทําใหขาอยูตอไปได
อีกระยะ”
สีหนาทานตูไมเปลี่ยนแมแตนอย ยังถามขึ้นอยางผอนคลาย
“พระชายา ทานตองคิดไมถึงแนๆ วาวันนั้นทานอายังพูดกับขาอีกวา เขาจะ
พยายามปกปองขาอยางสุดความสามารถ ถาขาพยายามอยูตอใหผานไปอีกไมกี่ป รอจน
ขาอายุสิบหาสิบหก สามารถมีบุตรไดแลวนั้น เขาก็จะรีบชวยขาเลือกเจาบาว จากนั้นก็
ใหขารีบคลอดบุตร เชนนี้เมื่อถึงเทศกาล บานตระกูลตูก็จะมีคนคอยจุดธูปไหวบรรพชน
แลว!”
นาทีนี้ หลินซูอินรูสึกตกใจจริงๆ
ใครก็ตามที่ไดยินคําพูดนี้ ยอมยากที่จะสงบใจได
จะใหจินตนาการอยางไรวา เด็กสาวสิบสองขวบที่ไมเหลือใครในครอบครัว พอได
ยินคําพูดที่โหดรายทารุณเชนนี้แลว จะรูสึกหวาดกลัวและหมดหวังเชนไร
อยางนอยหลินซูอินแนใจวาตนไมสามารถรับสภาพเชนนี้ได นางคิดไมออกวาจะเอา
ความกลาที่ไหนยืนหยัดอยูอยางเขมแข็งตอไป
หลินซูอินมองศิษยพี่ที่นั่งอยูต รงหนาดวยดวงตาแดงระเรื่อ
ทวาทานตูผูผานอุปสรรคขางตนมาแลวทั้งหมด ยังมีสีหนาคงเดิม ยังถือถวยน้ําชา
ในมืออยางผอนคลาย ใบหนานางออนโยนมาก บุคลิกตลอดทั้งรางชางงามสงาและใส
สะอาดยิ่ง
ตอนนี้เวลานี้ หลินซูอินยากที่จะมองเห็นความระทมขมขื่นบนใบหนาทานตู ราวกับ
วาเรื่องทั้งหมดผานไปแลวจริงๆ ก็แคอดีตที่ผานไปแลวแคนั้น
“ทาน...” หลินซูอินรูสึกวาตนควรจะพูดอะไรเสียหนอย แตกลับไมรูวาควรจะพูด
อะไร
ถึงตอนนี้ นางพลันไมคิดแลววาทานตูพูดเรื่องเหลานี้กับนางทําไม
“สุดทายขาจึงรับปากทานอา วันตอมา ตอหนาผูอาวุโสทั้งหลาย ขาไดจุดธูปให
บรรพบุรุษ และดํารงตําแหนงหัวหนาใหญแหงกลุมเยาวชน” น้ําเสียงทานตูผอนคลาย
ลงเรื่อยๆ
หลินซูอินอยากถามจริงๆ วา นางในตอนนั้น เหตุใดจึงสามารถตัดสินใจไดอยาง
รวดเร็ว?
แตถาไมรับปากแลวจะเปนอยางไร?
ไมรับปากก็ตายนะสิ!
ตอน 267 ความยากลําบากกลายเปนตํานาน
กลับไปหนาเรื่อง
ทานตูเงยหนาสบตากับหลินซูอิน ระบายยิ้มบนใบหนา กอนถาม
“พระชายา ตอนนั้นหัวหนาใหญของกลุมเยาวชนในหมิงจู สําหรับผูคนทุกภาคสวน
กระทั่งคนจากทางการ ตางก็เห็นวาเปนตําแหนงที่นาชื่นชมยิ่ง สามารถควบคุมรัตติกาล
ของหมิงจูเกือบทั้งหมด ชางมีอํานาจใหญโตอะไรเชนนี้ แตกลับใหเด็กสาวที่ไมมี
คุณสมบัติสืบทอดอยางขามาสืบทอด ตอนนั้นคนสวนใหญบอกวาขาโชคดีมาก ทานละ
รูสึกอยางไร?”
หลินซูอินมองดูดวงตาแวววาวของทานตู ที่สุดแลวก็ถอนตัวออกจากเรื่องของทานตู
และดึงสติคืนกลับ
นางเขาใจแลววา ทานตูไมใชแคเลาเรื่องของตน ยังอุปมาอุปไมยกับสถานะพระ
ชายาของนางดวย
มิผิด นางในตอนนี้ ผูคนตางก็ชื่นชม
พูดไดวาตั้งแตหมิงอองปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ไมวาฐานอันดร สถานะ หรือ
ความสามารถ ทามกลางบรรดาชายหนุมยุคนี้ เกรงวายากนักที่จะหาใครมาเปรียบ
สถานะชายาหมิงอองในสายตาคนนอก ดูก็รูวาสูงสงขนาดไหน
บวกกับการไปหมิงจูในฐานะคนตระกูลหลินและผูสืบทอดเขาซางชิง สตรีในโลกนี้
ยังมีใครโชคดีไปกวาตนอีกเลา?
เหมือนทานตูในตอนแรกไมมีผิด ความสวยงามทั้งหมดปกปดความขมขื่นที่เกิดจาก
เรื่องราวอันนาหวาดหวั่นหลายอยาง ซึ่งตนเองลิ้มลองอยูเพียงผูเดียวมาตลอด
“ขาไมอยากเปนหัวหนาใหญ แตก็ตองเปน ทําอยางไรได?” น้ําเสียงทานตูยังคง
ออนโยนไมเปลี่ยน “ขาก็ไดแตเปนมันไป!”
ดวงตาหลินซูอินคลายมีแสงสวางวาบ แตก็ดับมืดลง สักพักจึงถามเสียงเบา “ไดแต
ยอมรับชะตากรรมหรือ?”
คําถามนี้นางเองก็รูสึกวาไรน้ําหนัก!
ชายาหมิงออง ผูคนในใตหลารูวาตนเปนพระชายาที่ถูกตองตามกฎหมายของหมิง
ออง แมตนตองตกตายไปในตอนนี้ สถานะหนาหลุมฝงศพก็ยังเปนชายาหมิงอองอยูด ี
อีกทั้งยังผานคืนนั้นมาแลว นางคอยๆ หลับตาลง นางไดเปนแลวตามความเปนจริง!
จะไมยอมรับชะตากรรมไดอยางไร? สามารถหนีไดหรือ?
“แนนอน ไมยอมรับชะตากรรม!”
นางคิดไมถึงวา ทานตูกลับตอบโดยแทบไมตองคิด
เสียงทานตูหนักแนนมาก ไมมีความลังเลแมแตนอย
หลินซูอินเบิกตามองใบหนาที่เพิ่งหุบยิ้มและแทนที่ดวยความจริงจัง ไมมีแววลอเลน
แตอยางใด จึงถามขึ้น
“ไมยอมรับชะตากรรม?”
“ไมยอม!” ทานตูย้ําอีกครั้ง แมน้ําเสียงมิไดสูงสงเชนเดิม แตคําพูดกลับมีน้ําหนัก
เพิ่มขึ้น “หากยอมรับชะตากรรม ขาคงไมไดมานั่งอยูตอหนาทานเชนนี้แน เกรงวาคงถูก
ดินกลบหนาไปตั้งแตเมื่อสิบกวาปกอนแลว และบุตรที่ขาคลอดตอนขาอายุสิบสี่สิบหาคง
ไดจุดธูปไหวขาจริง”
หลินซูอินยังไมเขาใจคําวาไมยอมรับชะตากรรมของนาง
“ศิษยพี่ ที่สุดแลวทานก็ยังเปนหัวหนาใหญของกลุมเยาวชนนี่?”
“หรือพระชายารูสึกวาขาไมควรเปน?” ทานตูถามกลับ
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย นี่เปนเรื่องควรเปนหรือไมควรเปนอยางนั้นหรือ นี่ถูกบังคับ
แบบอับจนหนทางชัดๆ
“บรรพชนขาเปนผูกอตั้งกลุมเยาวชน ตั้งแตรุนบิดาของปูเปนตนมา หัวหนากลุม
เยาวชนทุกรุนก็ลวนเปนคนตระกูลตู หัวใจและเลือดเนื้อของพวกเขาลวนอยูกับกลุม
เยาวชน ขาในฐานะทายาทคนสุดทายของตระกูลตู แมเปนสตรี แตใครบางที่มีคุณสมบัติ
เหมาะตอการเปนหัวหนาใหญไดดีไปกวาขา?”
ทาทีของทานตูตางจากเมื่อครู นางในตอนนี้ หรือก็คือทานตูในตํานานเลาขาน
นั่นเอง ผูซึ่งมีน้ําเสียงออนโยนแตแฝงความหนักแนน
“แตวา...”
หลินซูอินรูสึกวาหัวขอสนทนาของพวกนางเริ่มเบี่ยงประเด็น การพูดคุยกันกอน
หนาไมนาใชความหมายนี้ ทวาทานตูกลับหัวเราะ
“พระชายา นี่ก็คือขาเมื่อสิบกวาปกอน ซึ่งแตกตางจากขาในตอนนี้ ตอนนั้นขายอม
ไมคิดถึงปญหาที่วาขาควรเปนหรือไมควรเปน ไมผิด ชวงนั้นเปนชวงเวลาที่ผานไปอยาง
ยากลําบาก ขานั่งอยูที่เกาอี้ตัวนั้น มองดูผูอาวุโสทาทางดุรายเหลานั้นอยางนอบนอม
ยามที่พวกเขาจองมองขาพรอมรังสีฆาฟน ขาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด และคิดหนีไม
ต่ํากวาหนึ่งครั้ง กระทั่งคิดฆาตัวตายใหจบสิ้นไปดวยซ้ํา ขารับไมได และตานทานภาวะ
หวาดกลัวในใจอยางไมสิ้นสุดเชนนั้นไวไมไหว! ความรูสึกเชนนี้ไมมีใครสามารถชวยแบง
เบาได ตองแบกรับความทุกขทรมานดวยตัวเอง แตวันนี้ ความคิดของขาเปลี่ยนไปหมด
สวนใหญที่ขาคิดก็คือ ถายอนกลับไปดู หากพวกเขาไมบีบบังคับขา ขาก็ตองเปนอยูดี
เพราะกังวลในการรอดชีวิต ขอเพียงปนั้นขาไมตาย ชาเร็วขาก็ตองพยายามทําทุกวิธี
เพื่อที่จะนั่งอยูในจุดสูงสุดใหได แมตองเสี่ยงอันตรายมากกวานี้ขาก็ตองนั่ง เพราะเกาอี้
ตัวนั้นเดิมทีก็ไมเลว ขาเปนลูกหลานตระกูลตู ยอมมีสิทธิตามสมควร เหตุใดขาจะนั่ง
ไมได?”
หลินซูอินแววตาวูบไหว ใจเตนดุจสายฟาฟาด
นางไมรูวา ตนกําลังสับสนอะไร ไดแตสายหนาตามจิตใตสํานึก
“ไม ศิษยพี่ ปญหาไมใชเรื่องนี้ เมื่อครูที่เราพูดกันคือ...”
ทานตูคลายสัมผัสไดถึงความสับสนของหลินซูอนิ น้ําเสียงของนางจึงเปลี่ยนเปน
ออนโยนลง
“พระชายา ที่ขาตองการพูดก็คือเรื่องนี้!”
แววตาหลินซูอินวูบไหวอีกครั้ง จองมองทานตูนิ่ง ไมพูดจา
ก็คือเรื่องนี้?
คืออะไร?
ที่หลินซูอินไดยินไมใชตําแหนงหัวหนาใหญ แตเปนตําแหนงพระชายาหมิงออง
“ไม ไมเหมือนกัน!”
ที่สุดแลวหลินซูอินยังคงสายศีรษะ นางระบายลมหายใจออกจากปากยาวๆ กอนพูด
“ศิษยพี่ ขากับทานจริงๆ แลวไมเหมือนกัน ทานสามารถพูดกับขาวาควรหรือไม
ควรนั่งเกาอี้ตัวนั้น แตขาไมเหมือน แมแตพูดก็ยังไมควร!”
หลินซูอินไมเคยพูดความในใจกับใครมากอน นาทีนี้ คําพูดที่คลุมเครือเชนนี้ อาจ
เปนครั้งแรกที่นางเปดเผยความอึดอัดใจของตนตอหนาคนไดมากที่สุด
ทานตูขมวดคิ้วโดยไมรูตัว แตก็คลายออกโดยเร็ว
“เกาอี้อาจไมเหมือนกัน แตเหตุผลบางทีก็ไมซบั ซอนถึงเพียงนั้น เกาอี้ขาเปนมรดก
ตกทอด ของทานก็เปนไปตามกฎหมาย บางครั้งเจาของเองก็สับสน อยางขาในปนั้น
แรกเริ่มคิดอยูแตวาถูกบังคับจึงอยากหนี ขาไมควรยอมรับชะตากรรมเชนนี้ ขาไมไดทํา
อะไรผิด เหตุใดจึงตองเผชิญหนากับสภาวะที่นาเศราดวย เกาอี้ที่ทําใหขาตองแบกรับ
ความกดดันและความกลัวที่ไมสิ้นสุดตัวนี้
เหตุใดจึงตองใหขา ในเมื่อทุกคนตางแยงกัน ก็เอาไปเถอะ ขาไมเคยคิดแยงใคร ขอ
เพียงใหขา ไดอยูอยางสงบ ขอเพียงใหขาไมตองเผชิญหนากับคนเหลานี้ ขาก็พอใจมาก
แลว”
“ทวาเรื่องบางอยาง ก็เปนเชนนี้ มองปญหาในมุมที่แตกตาง วาแทจริงแลวทั้งหมด
เปนการเคี่ยวกรําที่ไมจําเปนตองยอมรับ และตอไปก็จะกลายเปนเรื่องไรความหมาย”
ทานตูชะงักเล็กนอย แตที่สุดแลวยังคงพูดตอ
“ปนั้นสิ่งที่ขาประสบพบทั้งหมด ตอนนี้ในสายตาคนนอกกลับกลายเปนตํานาน
ชวงหนึ่งของ ‘ทานตู’ ถาไมมีชะตากรรมนี้ ขาไมมีทางไดกลายเปนหัวหนาใหญที่มีบารมี
รุงเรืองมากสุดในประวัติศาสตรของกลุมเยาวชน ดังนั้นพระชายา ขาคิดวาเรื่อง
บางอยาง ความยากลําบากเหลานั้น จุดเปลี่ยนที่ยากยอมรับ กลับเปนเรื่องราวชวงหนึ่ง
ที่มีสีสัน เนื้อหาที่ยังดํารงอยูของมัน หลายปหลังจากนี้ เมื่อไดนึกถึง ก็จะไมรูสึกถึงความ
ทุกขทรมาน เพียงรูสึกถึงคุณคาของเรื่องราวในชวงนั้น และเพราะมีจุดเปลี่ยนเหลานี้ ก็
ยิ่งทําใหเรามีความทรงจําที่ดีเก็บไว”
หลินซูอินน้ําตาคลอหนวย นางขยับมุมปากขึ้นลง แตสุดทายก็มิไดพูดจาอะไร
มีคําพูดมากมายที่ไมสามารถพูดกับคนนอกได
นางไมใชคนโง เขาใจในสิ่งทีท่ านตูเตือน
แนนอนวาเกาอี้พระชายาตัวนี้ไมเลว แตแยที่คนทั้งสองตัดสินใจมองผาน
ความสัมพันธทางใจ
นางเคยเปนสาวรุนที่อยากแตงงานกับผูมีความรูความสามารถ
แตในตอนนั้น นางกลับรูสึกรังเกียจหมิงอองมาก ดั่งโบราณวาเกลียดอะไรก็ไดสิ่งนั้น
ผลที่สุดนางกลับตองแตงงานกับคนที่เกลียดอยางไมมีทางเลือก จนกลายเปนเรื่องตลก
ขบขันในสายตาผูคน
และตอนนี้นางยังถูกผูคน ‘อิจฉา’ ที่อาศัยเชื้อพระวงศขึ้นสูฐานะสูงสง
ถาเพียงเทานี้ก็คงไมเทาไหร แตเรื่องราวในโลกชางนาอัศจรรยยิ่ง คืนวันแตงงาน
กลับกลายเปนปมแคนที่ไมสามารถแกออกได
ทามกลางขาวลือหนาหู นางเดินทางไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ
สวนเขาหายสาบสูญไปทามกลางการตอสู
ความจริง เรื่องราวมากมายเหลานี้เปนเพียงพรหมลิขิตที่ผิดพลาด ไมสิ โชคราย
มากกวา
จนคิดวาความโชครายนี้คงทําใหนางอยูอยางเดียวดายไปจนแกเฒา สวนเขาก็คง
คอยๆ ถูกผูคนลืมเลือน
มนุษยมีความอดกลั้น สามารถเลือกที่จะไมพูดเรื่องบางอยาง แตก็ไมไดหมายความ
วาไมเคยคิด
ทานตูพูดวาเกาอี้พระชายาไมเลว นางสามารถนั่งได ก็ใช ทั้งถูกกฎหมายและถูก
ศีลธรรม เหตุใดจะนั่งไมได อีกทั้งยังเปนไปตามความอยากแบบสาวรุน ความเกงกลา
ของหมิงอองในตอนนี้ ไหนเลยจะแคมีความรูความสามารถ
ยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทําใหไมยอมนั่ง? ไมยอมจํานน?
เพียงแต สามารถยอมอยางไรได จํานนอยางไรได
ดวยสาเหตุหลายอยางหลอหลอมใหเปนเชนนี้ ความแคนที่เปยมลนของสองตระกูล
ที่อาจสงผลใหตองตายกันไปขาง ชนิดไมสามารถอยูรวมโลกกันได
สิ่งสําคัญคือ ทั้งสองลวนเปนคนหยิ่งทะนง
แมผลที่ยากยอมรับเหลานี้ จะกลายเปนชีวิตสมรสชวงหนึ่งที่มีสีสัน และสุดทายจะ
กลายเปนความทรงจําที่ควรคาแกการจดจํา
ทวาใครเลาจะสามารถกมศีรษะยอมรับ? มันทําไดงายขนาดนั้นเชียวหรือ?
นางมั่นใจวาตนเองตัดสินใจไมผิด ปนั้นคิดจะไปก็ไป ไมเคยคิดเสียใจ
และตอนนี้กลับมาเปนผูสูงศักดิ์อีกครั้ง ก็ไมคิดวาเปนเรื่องนาอับอาย หากตองการมี
ชีวิตอยู ก็ตองยืนหยัดตอสูกับเรื่องบางอยาง เกิดมาหยิ่งทะนง ไฉนตองนอบนอม?
“แนนอน ตอนนี้พอขาคิดถึงเรื่องที่ผานมา ก็มีความรูสึกเชนนี้ แตชวงแรกที่ประสบ
เหตุ กลับไมงาย”
เสียงของทานตูดังขึ้นอีกครั้ง “โดยเฉพาะหลังจากนั้น ตอนที่ขารูสึกวาตนเองรับไม
ไหวแลวนั้น ทานอาก็จูโจมใสขาอยางหนักอีกครั้ง บอกวา พี่ชายขาเสียชีวิตอยางผิดปกติ
ขามีแคนที่ตองชําระ จากเดิมทีที่ขาเริ่มรับไมไหว สุดทายกลับตองแสรงทําตัวนอบนอม
ใหกับคนที่ขามีความแคนดวย แสรงเปนหุนเชิดใหพวกเขา ตอนนั้นจิตใจขาย่ําแยมาก”
“แตจะใหทําอยางไรได? ถาขาละทิ้งทุกสิ่ง ก็ตองพายแพอยางราบคาบ หลังขาตาย
อยางนาอนาถ คนนอกก็จะพูดวา นาสงสาร แตขารูดีวา ที่สุดแลวจุดจบของขายอมไม
เกี่ยวของกับพวกเขา ทุกสิ่งทุกอยางของขาลวนไมเกี่ยวของกับพวกเขา จุดจบของขา
เกี่ยวของกับตัวขาเอง กระทั่งทานอาขา ก็ไมสามารถทําอะไรใหขาไดหลังขาตายจากไป
เขามีครอบครัวของเขา มีผลประโยชนของเขา เขาชวยเปนกําลังใจใหขาในทุกครั้งก็
นับวาไมเลวแลว”
“ขาจะใชชีวิตอยางไรนั้น อันที่จริงเปนเรื่องของตัวขาเอง ดีที่ขามิไดละทิ้งไป แต
กลับยิ่งอดทนอดกลั้น แมบางครั้งพวกเขาพูดถึงบิดาขาอยางหยาบคายตอหนาขา ขาก็
ตองอดทน ขาเริ่มตั้งใจเปนหุนเชิด หรือพูดไดวาขาเริ่มเรียนรูการเปนหุนเชิดที่ประสบ
ความสําเร็จ นี่ก็ไมใชเรื่องงาย ที่จะใหขายอมรับทั้งกายใจ แตกลับคิดไมถึงวา หลังจากที่
ตนเองยุงอยูกับการงาน ก็ไมมีเวลาไปคิดถึงสิ่งที่มีหรือไมมี จิตใจก็ไมเกิดความกดดัน
มากมายเหมือนเมื่อกอน ชีวิตในแตละวันจึงผานไปไดดวยดี ไมคิดหนีอีก แตเลือกที่จะ
เผชิญหนา”
“ไมวาสุดทายแลวขาจะไดใชชีวิตในอยางที่ขาตองการหรือไม จะลางแคนไดหรือไม
ขาก็ตองเดินหนาตอ
โดยไมคิดอะไรมาก ลงมือทําแลวคอยวากัน คอยๆ ทําไปทีละนอย ดังคําโบราณ
ที่วา เกิดเปนคนยอมไมอับจนหนทาง ขาจึงรอจนสํานักหวงมาหา!”
พูดถึงตรงนี้ น้ําเสียงของทานตูก็เริ่มไมหนักแนน จนเงียบไปพักหนึ่ง
สวนหลินซูอินนั่งฟงอยางเงียบๆ มาตลอดโดยไมมีปฏิกิริยาอะไร จวบจนพูดถึง
สํานักหวง นางจึงเพิ่งนึกขึ้นไดวา การสนทนาในครั้งนี้ แรกเริ่มเดิมทีพูดถึงสํานักเตา
นางจึงหันมองทานตู และพบวารอยยิ้มบนใบหนาทานตูหายไป
“เดิมทีสํานักหวงทําธุรกิจกับตระกูลตูมาโดยตลอด โดยตระกูลตูคอยเปนแมวมอง
หาคนมีฝมือปอนใหสํานักหวง ขายังเคยเขียนจดหมาย บอกเลาพรสวรรคของตนเองกับ
สํานักหวง โดยหวังใหพวกเขารับเขาเปนศิษย เพียงแตหลังจากบิดาขาเสียชีวิต ขาก็ไมได
ตามเรื่องตอ กระทั่งสหายของบิดาทานนั้นมาทําธุระที่หมิงจู และนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา...”
“สํานักเตาไมสามารถยุงเกี่ยวกับกลุมอิทธิพลในพื้นที่ แตการปรากฏตัวของขา ทํา
ใหสํานักหวงพลันมีขออางที่จะยุงเกี่ยวกับกลุมอิทธิพลในพื้นที่ การรับขาเปนศิษยไม
เพียงไมผิดกฎสํานัก ยังสามารถทําใหพวกเขามีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในสังคมผานสัมพันธอัน
แนบแนนกับกลุมเยาวชน สวนขาเมื่อไดแรงหนุนจากสํานักเตา ก็เทากับเพิ่มขีด
ความสามารถในการปองกันตัวเอง แมตองจายคาตอบแทนที่สูงลิบลิ่ว นั่นก็คือกิจการ
สืบทอดของบรรพชนตระกูลตู โดยนับแตนั้นมาไดกลายเปนกิจการสวนบุคคลของสํานัก
หวงตามคํารองขอ!”
ทานตูเลาถึงโฉมหนาที่แทจริงของสํานักหวงอยางตรงไปตรงมา ทําใหหลินซูอนิ
เงียบ
หลายสิ่งหลายอยางพลันไมเหมือนเดิมอีกตอไป เชนสํานักเตา เมื่อกอนเคยเปน
สถานที่ที่นางรูสึกวาเงียบสงบที่สุด แตตอนนี้ สํานักเตาในสายตานางกับสํานักเตาใน
ความเปนจริงคลายแตกตางกันมาก
มอไปเคยเปดกะลาครอบนี้ตอหนานาง ตอนนี้ทานตูก็พูดถึงอีก ปฏิกิริยาตอบสนอง
ของนางจึงไมแข็งกราวเชนเมื่อกอน นางเลือกที่จะเงียบ
เพราะการมาของชงเสวียนดวย ที่ทําใหนางเห็นกับตาในสิ่งซึ่งเมื่อกอนไมเคยเห็น
“แตขาก็ไมลังเลใจ นี่เปนทางเลือก เปนทางที่ขาตองเลือก ตองมีชีวิตรอดใหไดกอน
คอยทําอะไรตอ คิดทําการใดๆ ใหสําเร็จ จําตองจายคาตอบแทน ไมวาจะยากลําบากแค
ไหน หากไมยอม ก็ตองจายคาตอบแทนเชนกัน และผลของมัน ก็มีแตตนเองที่ตองแบก
รับไปตลอดชีวิต”
จบหัวขอสนทนา สิ่งที่ทานตูตองการพูด มาถึงตอนจบ
ทานตูพยายามอยางสุดความสามารถแลว นางลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นคารวะหลินซูอิน
“พระชายา เรื่องบางอยางไมยากอยางที่คิด เพียงเปลี่ยนมุมมองในการคิด หรือไม
ตองคิดอะไรมาก พวกเรามักมีเรื่องที่ตองทํามากมาย เชนตลอดการเดินทางในชีวิต ขา
ตองรอดชีวิต ตองแกแคน ตองปกปองกิจการทางบาน พอถึงตอนนี้ ตองเปนศัตรูกับคน
เถื่อน แตละเรื่องขาลวนมีเหตุผลที่ตองไปทํา ไหนเลยจะมีเวลาไปคิดวาสภาพขา
ในตอนนี้เหมือนสุนัขไรบาน ยากลําบากแคไหนที่ตองลี้ภัยออกจากหมิงจู ขาเพียงคิดแค
วา นี่เปนสิ่งที่ขาตองทําก็พอแลว แตยังคงเปนประโยคนั้น หากฟาไมเปนใจใหขา สักวัน
หนึ่ง วันที่หมิงจูฟนคืน ความยากลําบากนี้ก็จักกลายเปนตํานานที่รุงโรจนในชีวิตขาซึ่ง
ควรคาแกการถูกบันทึกไวในประวัติศาสตร และเมื่อวันนั้นมาถึง ขาก็ไมตองหวงเรื่อง
ชื่อเสียง ไมตองรับผิดชอบใดๆ! ขอทรงถนอมพระวรกาย หากมีโอกาสหวังวาเราคงจะได
พบกันอีก!”
ตอน 268 เขาวัง
“พระชายา รถมาเตรียมพรอม สามารถออกเดินทางไดทันที”
เสียงของอาจิ่วดังมาจากหนาประตู ทําใหหลินซูอ ินตื่นจากภวังค หันมองสํารวจ
รอบๆ ดวยความมึนงง เมื่อครูนางเพิ่งดิ้นรนออกจากความสับสนในใจ กลับเขาสูความ
เปนจริง
“ไปไหน?” หลินซูอินหันมองหนาประตู กอนถามตามสัญชาติญาณ
อาจิ่วที่อยูหนาประตูเหมือนถูกคําถามนี้ทําใหตะลึงงัน ผานไปสักพัก คอยตอบกลับ
“พระชายา ไดเวลาเขาวังเขาเฝาแลว”
เขาวัง?
ความสับสนจางหาย หลินซูอินหายใจเขาลึกๆ คอยๆ หลับตาลง ตอนลืมตาขึ้นจึง
กลับสูความสงบนิ่ง เงียบไปสักพัก คอยสงเสียงเบา
“ขารูแลว...”
พอกลับถึงเมืองหลวง ยอมไมสามารถอยูแตในจวนหมิงออง กระทั่งเสด็จพอเสด็จ
แมของสวามีก็ไมไปเฝา
พูดก็พูด หากเปลี่ยนเปนชายาขององคชายอื่นๆ ที่จากไปไกลและไมไดกลับวังมา
นาน เกรงวาพอถึงเมืองหลวง ก็ตองเขาวังเพื่อเขาเฝากอนเขาจวนตัวเองดวยซ้ํา
เชนนี้จึงเปนการแสดงความเคารพนบนอบตอองคจักรพรรดิและฮองเฮา เปนการ
บอกวาขณะที่นางอยูตางถิ่น นางรูสึกคิดถึงและผูกพันกับเสด็จพอเสด็จแมมากเพียงใด
นี่จึงจะถือเปนการแสดงความกตัญูจากใจจริง
ทวาเห็นชัดวา จวนหมิงอองไมจําเปนตองแสดงอะไรเชนนีใ้ หเห็น และไมคิดที่จะทํา
ดวย เพียงทําอะไรแลวไมล้ําเสน ไมผิดตอกฎหมายก็พอ
อีกอยางไมวาจะแสดงออกอยางไร หมิงอองก็ไมสามารถทําตามความคิดของ
องคติ้งอูไดทุกเรื่อง ที่สุดแลวก็ไมสามารถสรางสถานการณแบบคุณพอใจดีคุณลูกกตัญู
ไดอยูดี!
รถมาจอดรออยูหนาประตูใหญของจวนหมิงอองแลว
และครั้งนี้ยอมไมเรียบงายเหมือนครั้งกลับจวน รถมาแมยังคงเปนรถมา แตมากลับ
มีสองตัว และเปนมาที่แข็งแรง สงางาม ขนยาวแวววาว
ตัวรถสีเหลืองสดใส สลักลายมังกรประดับหงส แมไมใหญโตโอฬารเทาขององค
จักรพรรดิ แตรถมาที่หรูหราเชนนี้ก็ไมคอยไดพบเห็นบนทองถนน
ขางรถมามีคนถือดาบ และคนถือบังเหียนยืนขนาบซายขวา ซึ่งกําลังใชสายตาอัน
คมกริบมองดูโดยรอบ ผูคนที่ผานไปมาเห็นก็ไมรูหรอกวาคนเหลานี้เปนองครักษ แตถา
หยุดยืนดูการกระทําของพวกเขา ก็ตองรูวาพวกเขาลวนเปนยอดฝมือ
ไมตองพูดถึงชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่กําลังเดินสํารวจที่นั่งคนกุมบังเหียนและรอบๆ
ตัวรถอยูหลายรอบ โดยวันนี้เห็นเขาสวมชุดที่แปลกตาออกไป เหมือนคนกุมบังเหียน
และผูที่จองมองมาบางคนจองอยูแตชายวัยกลางคนผูกุมบังเหียน เพราะชื่อของเขา
คือลูสวินอี้ ผูซึ่งไมนานมานี้เคยตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉีบนถนนหมิงฝูแหงนี้จนมี
ชื่อเสียงโดงดังไปทั่ว
และหางออกไปราวสิบกาว กลุมคนที่กําลังจองมองมาที่รถมาก็ใชยอย แมมีจํานวน
ไมมาก ราวสิบกวาคน ทวาแตละคนพกกระบี่สะพายอาวุธยิงธนู นั่งตัวตรงอยางสงบนิ่ง
อยูบนหลังมา
มองใหดีจะพบวาแทจริงแลวพวกเขามิใชใครอื่น เปนแมทัพและเหลาทหารฝมือดีผู
มีหนาที่คอยเฝาระวังอยูรอบจวนหมิงอองนั่นเอง ซึ่งดูจากทาทางแลว การเดินทางเขาวัง
ของพระชายาในครั้งนี้ พวกเขาก็ตองคอยอารักขาไปตลอดทาง
ยังไมตองพูดถึงเรื่องที่วาพระชายาไดรับความสนใจขนาดไหน เฉพาะขบวนเสด็จก็
เพียงพอที่จะทําใหคนธรรมดาสามัญที่ไมรูเรือ่ งรูราวอะไรมองออกวา นี่เปนการออก
เดินทางของผูสูงสงที่มิอาจลวงเกิน
เหตุการณไมมีอะไรวุนวาย ทุกคนตางเหลือบมองเปนระยะ ไปยังหนาประตูจวนที่
เปดกวางอยู รอเจานายเสด็จออก
แนนอนวาหลินซูอินตองปรากฏตัวออกมาโดยไมตองบังคับ วันนี้นางตองขึ้นรถมา
คันนี้ เพื่อเขาเฝาฝาบาทและฮองเฮา ไมวานางจะคิดอยางไร ผูคนในปฐพียังคงรูวานาง
คือชายาหมิงออง ถาวันนี้นางไมไป ก็จะไมใชนางเพียงคนเดียวที่ถูกติฉินนินทาวาไมมี
ความเคารพและความกตัญู แตเปนคนทั้งตระกูลหลินของนาง
แมนางพึ่งพาตนเองได แตบุตรสาวที่แตงออกไปอยางไรก็ถือวาเปนคนของอีก
ตระกูลดวย ถาตอตานและเนรคุณเขา ก็เสมือนไมไดรับการสั่งสอน เกรงวามิใชกระทบ
เฉพาะบิดา แตคนในตระกูลทั้งหมดก็ตองอับอายกันไปถวนหนา
ดังนั้นหลินซูอินไมเพียงออกมาแลว การปรากฏตัวของนางในขณะนี้ ยังมิไดแตงตัว
เรียบงายเหมือนกอนดวย นางสวมชุดหรูหรา สวมเครื่องประดับทองและหยก แตงหนา
ไดสงางาม เหมาะกับบุคลิก ซึ่งพอนางปรากฎตัวขึ้นที่หนาประตูก็กลายเปนจุดสนใจของ
ผูคนทันที
คิ้วโกงดั่งคันศรเลิกขึ้นเล็กนอย ดวงตาใสกระจางจองมองนิ่ง ทําใหผูคนรอบดานรีบ
กมหนาลง
ใชสิ ใครจะเชื่อวา ผูที่ตั้งอกตั้งใจแตงกายอยางพิถีพิถันและใสใจในทุกรายละเอียด
เพื่อเขาเฝาเชนนาง จะเปนหญิงสาวที่ไมอยากเปนชายาหมิงออง
ตองบอกวา ขางกายหลินซูอินไมมีสาวใชคอยชวยแตงตัวให นางจึงตองใชความ
ตั้งใจเปนอยางสูงในการแตงหนามวยผมดวยตัวเอง
คนทั่วไปดูไมรู มีเพียงนางเทานั้นที่รูวาตนเองรูสึกเศราและลําบากใจสุดจะเปรียบ
จึงไดแตนิ่งเงียบ
อาจิ่วยืนอยูดานหลัง หางจากนางไมไกล เมื่อเห็นนางยืนนิ่งที่หนาประตู ก็รูสึกรอน
ใจ กลัววาจะเกิดปญหาขึ้น จึงไมมีทางเลือก ไดแตกาวยาวๆ เขาไปยืนขางกายนาง หัน
มองลูสวินอี้พลางถาม
“ทานรอง ทุกอยางพรอมหรือยัง?”
ลูสวินอี้เปนเพียงคนเดียวที่เห็นแววตาหลินซูอิน จึงรีบหลุบตาลงไมมองนางอีก พอ
ไดยินเสียงอาจิ่ว เขาก็พยักหนา แลวหันมองทานแมทัพที่นั่งอยูบนหลังมา
ทานแมทัพหันมา สบตาลูสวินอี้พอดี เขาพยักหนาเบาๆ บอกวาพวกเขาไมมีปญหา
ลูสวินอี้จึงหันบอกอาจิ่ว “เชิญพระชายาเสด็จได”
“พระชายา ทุกอยางพรอมแลว เชิญทาน” อาจิ่วหันไปพูดกับหลินซูอินกอนแสดง
ความเคารพ
หลินซูอินถอนหายใจเบาๆ คอยๆ หลุบตาลง ถกกระโปรง กาวเทา
อาจิ่วเดินทิ้งระยะหางอยูขางกายนางราวหนึ่งเมตร กําลังมองดูกระโปรงยาวที่ถูก
ลากไปกับพื้นของนาง พลางนึกตําหนิตนเองที่เลินเลอ
นาจะคิดไดวา ขางกายพระชายาไมมีสาวใช กระทั่งกระโปรงลากพื้นก็ยังไมมีใคร
ชวยยกให ไมไดการ
แตตอนนี้ไมสามารถทําอะไรได การหาสาวใชสักคนไมใชเรื่องยากก็จริง แตปญหา
คือเขาไมสามารถใหใครก็ไดมาอยูขางกายพระชายา สถานการณในตอนนี้ หากเกิด
ความผิดพลาดขึ้นแมเพียงเล็กนอย ทําใหพระชายาเปนอะไรแลวละก็ แมตายรอยครั้ง
อาจิ่วก็ชดใชใหไมหมด
ตอไปตองจัดการเรื่องนี้ใหเรียบรอย อาจิ่วคิดในใจ แลวรีบกาวยาวๆ สองกาว
เขาขางรถ นําที่เหยียบเทาวางลงให แตหลินซูอินไมเหมือนหญิงสาวทั่วไป นางเปนผู
บําเพ็ญเพียร จึงไมจําเปนตองใหใครชวยพยุง กาวตัวเบาขึ้นนั่งบนรถมา
เสียงลอรถบดถนน หลินซูอินหลับตาลงอยางเงียบๆ
พอความเร็วรถคงที่ นางคอยประสานฝามือแบบเตา แลวเริ่มโคจรพลัง เพียงไมรูวา
นางใชตองการสงบสติอารมณหรือไม
รถมาวิ่งไดอยางนิ่มนวล และเลี้ยวหายไปจากถนนหมิงฝูอยางรวดเร็ว
หลังรถมาจากไป ถนนที่เงียบสงบ พลันมีเสียงดังจอแจ แตก็มิไดวุนวายอะไร เปน
เสียงของการแยกยายสลายตัวของผูคนที่กดดันจากความตื่นเตนเมื่อครู ซึ่งไมตองสืบ
สาวราวเรื่องก็รูวา เพราะรถมาดึงดูดความสนใจของทุกๆ คน ไมวาพวกเขาจะชะเงอ
มองหรือไม ในใจของพวกเขาก็ตองคิดเกี่ยวกับรถมาคันนี้
เพียงแตผูที่เฝามองโดยตลอดมีความคิดที่แตกตางออกไป บางคนไมไดตื่นเตนอะไร
ก็แคอยากดู
แตบางคนไมอยากพลาดแมรายละเอียดเพียงเล็กนอย
หลังรถมาจากไปสักพัก บางคนก็เริ่มออกจากบาน พวกเขามีทาทีรอนรน และเปน
เชนเดียวกับรถมา หายไปตามแตละมุมเมืองอยางรวดเร็ว
ทานตูยังไมชินกับการขี่มา หมิงจูไมเหมือนเมืองหลวง ที่นั่นเปนที่ที่ชาวตางชาติ
อาศัยอยูรวมกัน จึงมีวิถีชีวิตแตกตางจากเมืองเกาอยางเมืองหลวงมาก
กระทั่งพูดไดวา แมทั้งสองเมืองอยูหา งกันไมถึงพันลี้ แตกลับเหมือนอยูกันคนละ
โลก
ที่นั่นตอนยังไมถูกคนเถื่อนเขายึดครอง ไฟฟาก็เขาถึงอยางครอบคลุม รถยนตแมไม
กลาพูดวาเปนของธรรมดา แตก็พบเห็นไดไมนอ ยตามถนนที่กวางขวางใหญโต
สวนตามตรอกซอกซอยก็มีรถลากคอยวิ่งบริการไมหยุด เมืองหลวงก็มี แตถนนหมิง
ฝูไมมีแนนอน
หรือถามี จวนหมิงอองก็ไมเห็นดวยที่นางจะนั่ง ความเปนตายของนางเปนสิ่งที่
จวนหมิงอองละเลยไมได การจากไปครั้งนี้ จวนหมิงอองจึงจัดคนคอยคุมครองความ
ปลอดภัยอยูขางกายนาง
รถลากวิ่งชาเกินไป ไหนเลยจะเทียบอาชาได ซึ่งหากเกิดเรื่อง ตองเปนอุปสรรคตอ
ความปลอดภัยแน
ดังนั้นทานตูจึงไดแตขี่มา!
มามิไดวิ่งเร็ว เพราะทานตูกําลังขี่มาชมเมือง นางเคยมาเมืองหลวงก็จริง แตก็นาน
มาแลว หมิงจูในตอนนั้นตางกับเมืองหลวงในตอนนี้ไมมากนัก
แตตอนนี้ดูๆ ไป ทานตูเหมือนหลุดมาอยูอีกโลกหนึ่ง
เงยหนาขึ้นมอง เห็นสายไฟเพียงไมกี่เสนเทานั้นที่โยงใยไปทั่วทุกสารทิศ ซายขวามี
อาคาร แตก็ไมสูงนัก!
มองดูผูคน ตางอยูกันอยางสบายๆ ไมรีบรอน มีจิตใจบริการและมีความเปนมิตร
แตกตางอยางสิ้นเชิงกับหมิงจูที่เต็มไปดวยพลังและมีชีวิตชีวา
เมื่อคนเถื่อนรุกราน ประเทศชาติออนแอ ผูมีปณิธานสูงสงจึงพยายามคิดหาวิธี
ปฏิรูปทางการเมืองเพื่อชวยประเทศชาติใหพนภัย
เรื่องมากมายไมมีอะไรล้ําลึก เพียงความแตกตางของหมิงจูกับเมืองหลวง ก็สามารถ
บอกไดโดยไมตองพูดวา เหตุใดตาเซี่ยจึงถูกประเทศเล็กๆ ขมเหงรังแก
ทานตูสายหนา วิถีชีวิตไมเหมือนในหมิงจู ที่นั่นสามารถวิพากษวิจารณไดอยางเสรี
หนังสือพิมพไมเคยขาดแคลนบทวิเคราะหสถานการณบานเมืองในระยะยาว ซึ่งบางก็
นุมนวล บางก็เผ็ดรอนถึงพริกถึงขิง
ดังนั้น จึงเกิดปญหามากมาย และทานตูไดคาดการณไวในใจแลววา ราชสํานักไมมี
ทางปลอยใหพวกตนสรางสังคมอยางที่เปนอยูแน
ทานตูเงยหนามองพระราชวังอันนาเกรงขาม ซึ่งแมอยูหา งกันมาก ก็ยังสามารถเห็น
ความยิ่งใหญและสงางาม ทานตูทอดถอนใจ ความคิดอานของนางมิไดดอยไปกวาผูชาย
แตพอยืนอยูในเมืองหลวง ราศีนางก็ไมจับเหมือนตอนยืนอยูทุกแหงหนในหมิงจู ที่นี่
เสียงของนางไรความหมาย และไมมีทางสะทอนไปถึงพระราชวังอันสูงตระหงานนั้น
“ทานตู!” ขางกายพลันมีเสียงสั้นๆ ดังขึ้น
ทานตูดึงสติกลับ กมลงมองชายเหนุมที่กําลังจูงมาใหนาง ชายหนุมทาทางอายุยี่สิบ
ตนๆ รูปรางจัดวาไมสูงใหญและไมบึกบึนนัก แตทานตูมองปราดเดียวก็รูสึกไดอยาง
ชัดเจนวาคนผูนี้มีความสามารถที่ยากพานพบในคนธรรมดาทั่วไป
ทานตูยังไมรูวาเหตุใดเขาถึงเอยปากขึ้น จึงสงบสติอารมณ ยิ้มอบอุน กอนเงยหนา
กวาดตามองรอบดาน แลวเปลงเสียงเบาๆ ออกจากมุมปาก
“ไมตองตกใจ!”
ชายหนุมผูจูงมาสีหนาสงบนิ่ง พลางตอบเสียงเบา
“แนใจไดวา ตั้งแตเราปรากฏตัวขึ้นบนถนนเสนนี้ คนจํานวนหนึ่งก็เริ่มเฝาดูเรา”
ตอน 269 ลงมืออยางลับๆ
ทานตูไดยินก็รูสึกแปลกใจ เพราะตนไมรูสึกแมแตนอย แตชายหนุมกลับมั่นใจมาก
ทวาก็มิไดคิดอะไร
“หาตัวออกมาไดไหม?”
“ได!” ชายหนุมแนใจ และพูดตอ “ในบรรดาผูที่เฝาดูเราเมื่อครู มีคนหนีไปกอน
เจาสิบสามตามไปแลว แตตอนนี้ยังไมแนใจวาพวกเขาเปนใคร และยังไมแนใจวาใน
บริเวณนี้ยังมีคนของพวกเขาอีกมากนอยแคไหน และถามีปรมาจารยตามมา ก็จะเปน
ภัยคุกคามอยางรายแรงตอความปลอดภัยของทาน ขาคิดวา นาจะสงทานกลับจวนออง
กอน รอใหเราสืบรูวาฝายตรงขามเปนใครแลวคอยวากันอีกที”
ทานตูยิ่งรูสึกแปลกใจ นางก็อยูขางๆ ชายหนุมตลอดเสนทาง แตกลับไมเห็นความ
ผิดปกติของเขา เขาพบปญหานี้ตั้งแตเมื่อไร และจัดคนตามไปอยางไร
“นานหรือยัง?”
“ก็ตอนที่ขาเรียกทานนั่นละ!” ชายหนุมพูดตรงๆ
ทานตูไตรตรองสักพัก แลวจึงสายศีรษะ กอนพูดเสียงเบา “อีกไกลแคไหน กวาเรา
จะไปถึง?”
“ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ถึง” ชายหนุมไมขัดการตัดสินใจของนาง
“ดี เชนนั้นก็ไมตองสนใจพวกเขา ไปตอ!” ทานตูพยักหนา มองไปขางหนา แววตา
วูบไหว
ผูที่แคนเคืองนางมีอยูมากก็จริง แตในเขตเมืองหลวง ผูซึ่งลงมือกับนาง หรือกลาลง
มือบนทองถนนกลับมีอยูไมมาก ไมคนเถื่อน ก็เปนคนจากสํานักหวง!
แตทานตูก็ยังไมเชื่อวาเปนสองฝายนี้ เพราะถาเปนพวกเขาจริง คิดวาคงไมรอจนถึง
ตอนนี้ก็ยังไมลงมือ
“ตอนนี้สํานักเตาตางสงคนของตนเขาเมืองหลวงแลวรึ!” จูๆ ทานตูก็ถามขึ้น
“อืม ตั้งแตตอนราชทูตประเทศฉีเขาเมืองหลวง สํานักเตาตางๆ ก็สงคนเขามากัน
แลว!”
ชายหนุมพูดเสียงขรึม ทานตูไมไดพูดตอ นางกําลังคาดเดาอะไรบางอยาง
เรื่องที่ตนออกจากสํานักหวง สํานักเตาทุกสํานักนาจะรูเรื่องแลว และพวกที่เฝาดู
ตนเองเมื่อครูก็ไมใชสํานักหวงและคนเถื่อน แตเปนคนของสํานักเตาอื่นๆ ที่เขามา
เคลื่อนไหวในเมืองหลวง
พวกเขาไมมีทางลงมือสังหารศิษยทรยศที่มิใชศิษยสํานักตัวเองเปนอันขาด แต
เปนไปไดที่หลังจากเห็นนางแลว พวกเขาจะไปบอกสํานักหวงใหมาจัดการ
“เมื่อครูเจาบอกวา มีคนหนีไปกอน ไปทางไหน?” ทานตูถามอีก
ชายหนุมมิไดชี้นิ้ว เพียงพยักพเยิดไปดานหนา “ขางหนา!”
“ที่ทําการสํานักหวงในเมืองหลวงหรือ?”
ชายหนุมพยักหนากอนพูด “แตมิไดมีเพียงสํานักหวง สํานักเตาอื่นๆ ก็มีที่ทําการ
ตั้งอยูดานหนา”
“ออ ขารูแลว จริงสิ เจาชื่ออะไร” ทานตูเพิ่งนึกขึ้นไดวาตนเองยังไมรูชื่อแซของผูที่
อยูตรงหนา
“มอเกา” ชายหนุมตอบ
มอเกา?
ทานตูพยักหนาหงึกๆ พลันนึกขึ้นไดอีกวา เมื่อครูเขาพูดถึง เจาสิบสามตามไป
เกา สิบสาม!
ชื่อเหลานี้ธรรมดามาก แตตอนนี้ทานตูเกิดสงสัยขึ้นมา “เจาแซมอ?”
“อืม!” ชายหนุมใชตัวอักษรอยางประหยัดเสียจริง!
“เมื่อครูที่เจาพูดถึง เจาสิบสาม เขาแซอะไร?” ทานตูถามตอ
ชายหนุมชะงักเล็กนอย คลายกําลังคิด แตสุดทายก็ตอบ “เขาชื่อมอสิบสาม”
มอสิบสาม!
ทานตูเขาใจแลว พวกเขาใชลําดับหมายเลขแทนชื่อ แสดงวาจํานวนคนนาจะมีไม
นอยทีเดียว
และทุกคนลวนแซมอ...
“เสียมารยาทถามอีกคําถาม การบําเพ็ญเพียรของเจาเปนอยางไรบาง เผื่อเกิดเหตุ
สุดวิสัยขึ้นมา”
ทานตูถามอีก แตชายหนุมกลับสายศีรษะไปมา
“ขาไมมีคุณสมบัติพอ ไมสามารถบําเพ็ญเพียรได”
ทานตูอึ้ง หรือตนเดาผิด พวกเขาไมใชคนที่จวนหมิงอองฝกฝนใหมาเปนผูคุมกัน
ความปลอดภัยหรือ?
“อะไรนะ? เจาจําผิดคนหรือเปลา?”
ที่ทําการสํานักหวง ภายในหองหองหนึ่ง ผูเฒารูปรางผอมบางในชุดยาวแบบเตา
แสดงสีหนาตกใจ มองดูศิษยที่เพิ่งเขามารายงานขาวอยางประหลาดใจ
“ไมผิดแนนอน ศิษยเคยพบหนาตูเจวียนมาแลวครั้งหนึ่ง เปนนางแน!” เขามั่นใจ
“เปนไปไมได นางจะเดินทางออกจากหมิงจูมาเมืองหลวงไดอยางไร!”
ผูเฒามีสีหนาสงสัย แตแลวก็ถามขึ้นอยางจริงจัง
“ผูใดอยูขางกายนาง?”
เขาสายศีรษะ “ไมมี นางมาคนเดียว ขี่มาชมเมืองเลน จริงสิ มีเด็กรับใชคอยจูงมา
ใหคนหนึ่ง”
“เจาแนใจหรือ?” ผูเฒายิ่งประหลาดใจเขาไปใหญ แมตูเจวียนในสายตาของเขา
เปนเพียงสตรีตัวเล็กๆ นางหนึ่ง แตเขาก็รูวา สตรีนางนี้มีความสามารถพอควรในหมิงจู
“เพราะศิษยรีบรอนมารายงาน จึงยังไมกลาชี้ชัดวา รอบขางนางยังมีคนเรนกายอยู
หรือไม”
เขาอยากพูดวาแนใจ แตเห็นผูเฒาจริงจังขนาดนี้ จึงไมกลาพูดซี้ซั้ว ไดแตพูดวา
“แต...ไมนาจะมี ตอนที่ศิษยเห็นนาง ไดพยายามมองดูรอบๆ แลว และไมเห็นอะไร
พิเศษเพิ่มเติม”
ผูเฒากะพริบตา “เรื่องนี้นอกจากเจาแลว ยังมีใครรูเห็นอีกบาง?”
“อันนี้...ไมทราบวายังมีใครเห็นอีก!” เขาสายศีรษะ
ผูเฒาขมวดคิ้ว พลันมองไปที่ประตูพลางกะพริบตาปริบๆ กาวไปขางหนาหนึ่งกาว
กอนพูดเสียงต่ํา
“เจารีบไปแจงใหศษิ ยในสํานักรู ใหจับตาดูตูเจวียนไว สืบสถานการณรอบตัวนางให
แนชัด แลวคิดหาวิธีจับตัวนางมา!”
“ขอรับ ศิษยไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบพยักหนาอยางไมลังเลใจ
“หลังจับนางได อยาเพิ่งบอกใคร ซอนนางไว รอขากลับมากอนคอยวากัน!” ผูเฒา
กลาวเพิ่มเติม
เขาอึ้ง จึงโพลงออกไป “เราไมสงมอบนางใหสํานักหวงหรือ?”
ที่แทผูเฒาทานนี้มิไดเปนคนของสํานักหวง เขาเปนผูจัดการเรื่องตางๆ ของสํานักใบ
ไผในเมืองหลวง คลายชงเสวียน คนผูนี้บําเพ็ญเพียรในระดับอาจารย มีชื่อวาหวงเซิน
วันนี้พอดีมาหารือเรื่องบางอยางกับสํานักหวง
“อยายุงเรื่องชาวบาน!” ผูเฒาดุ “จําไว ถาอยากบรรลุจุดประสงคอยางแยบยล ก็
ตองทําตามที่ขาบอก แตถามีสํานักเตาอื่นเขามาแทรก จับนางไดแลว คอยสงใหสํานัก
หวง”
“ขอรับ!” เขาไมกลาถามอีก ขานรับแลวก็หันกายจากไป
“ชากอน!” ผูเฒากลับรูสึกวาไมเหมาะสมขึ้นมา จึงสายหนาแลววา “บอกให
อาจารยจาวตามไปดวย เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย!”
หลังศิษยรีบจากไป ผูเฒาก็ยืนเงียบๆ คนเดียวในหอง คิดอะไรตอมิอะไรสักพัก คอย
หันกายจากไป
ไมนานนัก ก็เดินมาถึงหองหองหนึ่ง
ภายในหอง มีผูเฒาอีกคนนั่งอยู กําลังฟงศิษยคนหนึ่งรายงานเรื่องบางอยาง พอเห็น
หวงเซินเขามา ก็ยกมือปรามศิษย “ดี ขารูแลว จับตามองตอไป!”
พอหวงเซินไดยินคํานี้ ก็สะดุดกึกในใจ หรือพวกเขาก็เห็นแลวเชนกัน?
ขณะคิด คอยเห็นผูเฒาที่อยูขางหนามองเขา กอนพูดเสียงขรึม
“ทานก็รูเรื่องแลวสิ!”
หวงเซินไดยินคําถามก็มองหนาเขา ใจเตนแรง รูสึกพูดไมออก ตูเจวียนกําลังทํา
อะไรกันแน นางไมรูหรือวาตนเองไดกลายเปนคนทรยศที่คนของสํานักเตาตองการ
สังหาร?
เหตุใดยังกลากรีดกรายไปมาเชนนี้ รนหาที่ชัดๆ ทําใหตนเองเสียเวลาคิดแผนการ
เปลาๆ ไมมีทางเลือก ในเมื่อปดไมมิด ก็ไดแตพยักหนาเบาๆ
“อืม เมื่อครูศิษยขาก็เพิ่งรายงานใหฟง บังเอิญจริงๆ...”
“เฮอะ บังเอิญอะไรกัน!” ผูเฒาฉินแหงสํานักหวง ฉินไทจือ ยกถวยน้ําชาบนโตะขึ้น
สายศีรษะพลางวา “ไมรูวาเขาซางชิงมาถึงจุดๆ นี้ไดอยางไร? อบรมสั่งสอนหลินซูอินมา
นานหลายป ผลสุดทายกลับมองขามหมิงอองไปเสีย ไมรูจริงๆ วาพวกเขาคิดอยางไรกัน
แน?”
“หือ?” หวงเซินแหงสํานักใบไผอึ้ง
นาทีนี้คอยพบวาพูดกันคนละเรื่อง เม็ดเหงื่อจึงผุดขึ้นบนหนาผาก ดีที่ฉินไทจือ
ขัดจังหวะการพูดของเขา หาไมแลวเขาจะกลายเปนคนบอกขาวเรื่องตูเจวียนเสียเอง จึง
รีบถามงูๆ ปลาๆ ออกไป “จะพูดอยางไรดี?”
ฉินไทจือเหลือบมองเขา กอนยิ้มเยยหยัน “อยางไรรึ ทานยังจะเสแสรงตอหนาขา
อีก คิดไปฟองเขาซางชิงเรื่องขาอยางนั้นสิไมวา?”
“ดูสิ ดูสิ ผูเฒาฉินนอยใจอีกแลว...” หวงเซินหัวเราะ
“เฮอะ ฟองเลย ขาไมกลัว ตอหนาชงเสวียน ขาก็กลาพูดเชนนี้!”
ฉินไทจือแคนเสียงเย็นชาอีกครั้ง เห็นชัดวาเขาไมพอใจความคิดของชงเสวียนมาก
หวงเซินกลับเขาใจ หงเจิ้นแหงสํานักหวงกับฉินไทจือเปนสหายกัน พอไดขาววาหง
เจิ้นเสียชีวิตในหมิงจู ฉินไทจอื ก็โกรธแคนมาตลอด และไมพอใจมากเมื่อเขาซางชิงไม
ยอมแสดงความรับผิดชอบโดยการออกหนาเรื่องแกแคน
หวงเซินจึงตักเตือน
“ทานฉิน เรื่องบางอยางเราตางก็ชัดเจนดีวา ไมมีความจําเปนที่จะทําใหแยไปกวานี้
ตอนนี้ผลประโยชนของเราผูกไวดวยกัน คําพูดบางอยางไมพูดยังจะดีเสียกวา เพราะถารู
ไปถึงเขาซางชิง ลวนไมผลดีตอทุกคน ครั้งนั้นเขาซางชิงเองก็สูญเสียอยางหนัก ถา
สามารถแกแคนได พวกเขาไฉนตองใหใครมาบอก?”
“เปนเรารนหาที่เองรึ!” ฉินไทจือยังคงไมพอใจ “ขามิใชไมฟงเหตุผล เรื่องนี้มีสาเหตุ
มาจากอะไร? ปนั้นถาพวกเขาไมลงมือกับหมิงออง เขาจะทํากับพวกเราเชนนี้รึ? ลงมือ
แลวก็แลวไป แคนก็ไดแกแลว ผลก็คือคนเขากลับยังอยูดี พูดถึงหลินซูอิน พวกเขาแยง
หลินซูอินเขาสํานัก ก็เพราะผลประโยชนของพวกเขาเอง สุดทายเปนอยางไร ทําใหพวก
เราตกกระไดพลอยโจนไปดวย ความสัมพันธกับราชสํานักยิ่งมาก็ยิ่งแย”
“พูดเชนนี้ไมไดหนาทาน...” หวงเซินสายศีรษะ
“ดี ขารูวาเจาจะพูดอะไร ใช การที่เขาซางชิงออกโรงเปนกันชนกับราชสํานัก เปน
ผลดีตอเราทุกคน แตผลเปนอยางไร? หลินซูอินขึ้นเขาหลายป พวกเขาสัญญาจริงจังวา
ตองใหเหมยจื้อเฟงแตงกับหลินซูอินใหได แตตอนนี้ละ? ทําสําเร็จไหม? กลับกลายเปน
วาพริบตาเดียวหลินซูอินไดกลายเปนพระชายาหมิงอองไปจริงๆ ตอนนี้เขาวังไปแสดง
ความกตัญูที่บุตรมีตอบิดาอยางองคติ้งอูแลว เจาคอยดูก็แลวกัน ตระกูลหลินตองรีบ
แสดงปฏิกิริยาตอบสนองในไมชา ความมั่นคงที่พวกเขาตองการก็จะไมใชแคชั่วคราวอีก
ตอไป ตอนนี้ฟาใหโอกาสแลว ตระกูลหลินตองเจรจากับราชสํานัก ไมปลอยใหโอกาส
หลุดลอยไปแน ขากลับอยากดูวา พอถึงเวลานั้นแลวสํานักเตาเราจะอยูกันอยางไร!” ฉิน
ไทจือโมโหไมหยุด ยิ้มเย็นชาตลอด
หวงเซินเพิ่งเขาใจ วาเหตุใดฉินไทจือจึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ ที่แทก็เรื่องหลินซูอิน
กําลังเขาวังเขาเฝานี่เอง
เขาไดแตยิ้มขมขื่น เขาใจวาฉินไทจือกําลังพูดวาเกลียดใครบาง แรกเริ่มเดิมทีเขาพุง
เปาไปที่หมิงออง ตอมาก็เปนตูเจวียน สุดทายก็หลินซูอิน
ไมมีอื่นใด สาเหตุมาจากการหาทางรักษาอาการบาดเจ็บจากลูกธนูใหหลินซูอนิ ทํา
ใหไปตอแยหมิงอองเขา และทําใหหงเจิ้นตองจบชีวิตลง!
ทวาจะวาไปแลว คําพูดของฉินไทจือก็ใชวาไมมีเหตุผล หวงเซินแสดงสีหนา
ระแวดระวังขึ้นมา เขาซางชิงมิไดจัดการเรื่องเหลานี้ใหเรียบรอยจริงๆ ขมวดคิ้วพลางวา
“ทานฉิน ตอนนี้สถานการณยิ่งมาก็ยิ่งซับซอน ยากแยกแยะใหชัดเจน ชงเสวียนไป
พบหลินซูอินแลว ผลเปนอยางไรนั้นเราไมรู แตไดยินมาวาพอเขากลับสํานัก นักพรต
เหมยก็โกรธเปนฟนเปนไฟ ดูทาจะไมคอยดีนัก หากทุกอยางยังคงดําเนินไปในแนวทางนี้
เรื่องที่หมิงอองคิดสังหารเหมยจื้อเฟงและทาประลองกับจอมยุทธเหมยคงตองเกิดขึ้น
แน”
“ไมดีรึ? พอเขาซางชิงสังหารหมิงออง เราจะไดโลงอกอยางไรละ” ฉินไทจือยิ้มเย็น
ชาอีกครั้ง
“ทานฉิน ทานไมควรมีความสุขบนความทุกขของผูอื่น ครั้งนี้หมิงอองพุงเปาไปที่
เขาซางชิง แตทานอยาลืมวาตอนนี้ศัตรูในสายตาเขามิไดมีเพียงเขาซางชิง สํานักหวง
ทาน และสํานักใบไผขา เขาก็ผูกใจเจ็บอยู แลวถาเขาซางชิงเพลี่ยงพล้ําขึ้นมา เราสอง
สํานักยังสามารถอยูดีไดอีกหรือ?” หวงเซินขมวดคิ้วแนน
ในที่สุดฉินไทจือก็เงียบ เขายอมรับวาตนเองพูดไปดวยอารมณ
เขาซางชิงสามารถสังหารหมิงอองไดจริงหรือ?
ถาสามารถ ชงเสวียนจะรอนรนเชนนี้หรือ ยังไมพูดถึงราชสํานัก ที่สําคัญคือตระกูล
หลินตองไมปลอยใหเขาซางชิงสังหารหมิงอองกอนที่ตนจะประสบความสําเร็จในการ
เจรจาความรวมมือกับราชสํานักเปนอันขาด
แตถาหมิงอองชนะ ผลก็นากลัวแลว อยางที่หวงเซินพูด หมิงอองไมมีทางรูสึกดีกับ
พวกเขาแน
“เชนนั้นเราทําอะไรไดบาง?” ฉินไทจือถอนหายใจยาวๆ
“ตอนนี้สํานักทานกับสํานักขาลงเรือลําเดียวกันแลว ก็ไดแตตามเขาซางชิงไป” หวง
เซินถอนหายใจเชนกัน กอนวา “ถาไดรับการยกยอง ก็ไดรับดวยกัน แตถาเสียหาย ก็
เสียหายดวยกัน ไดแตคิดหาวิธีแกไขสถานการณไป ซึ่งตองทําใหราชสํานักกับตระกูล
หลินเปนศัตรูกันตอไปเทานั้น เราจึงสามารถขัดขวางการกระทําบางอยางของหมิงออง
ได”
ฉินไทจือพลันหัวเราะเย็นชาออกมา กอนเหลตามองหวงเซิน
“แลวทานวาเราควรทําอยางไรเลา? สังหารหมิงออง หรือสังหารชายาหมิงออง?
ทานหวง ขาขอเตือนทานอยางหนึ่ง อยาคิดวาขาไมรูถึงความคิดขายชาติของทาน คิดที่
จะหลอกใชสํานักหวงขารึ ฝนไปเถอะ!”
“ทานหมายความวาอยางไร?” หวงเซินอารมณขึ้นทันที “ขามาหารือแผนการกับ
ทานดวยเจตนาดี ไฉนกลายเปนมาหลอกใชพวกทานไปได หวังดีกลับกลายเปนหวังราย
เสียนี่ สํานักหวงไมควรสงทานมาดําเนินการในเมืองหลวงเลย!”
วาแลวก็สะบัดแขนเสื้อ หันเดินจากไปอยางไมพอใจ
ทวาฉินไทจือที่อยูดานหลังกลับตอบวา “แตถาไมสงขามา ลําพังคนปากดีอยางทาน
ก็อยาหวังวาจะทําอะไรสํานักหวงขาได อยาหาวาขาไมเตือน ถาหลินซูอินเปนอะไร
ขึ้นมา เลิกคิดไดเลยวาสํานักหวงจะรวมรับผิดชอบกับพวกทาน!”
ตอน 270 ปนยาวยอสวน
กลับไปหนาเรื่อง
แมพบวาเบาะแสของตนรั่วไหล ตูเวยเวยก็มิไดหันหลังกลับ
ตอใหตอนนี้สํานักหวงสงคนมาจับนางจริง นางก็ไมขัดขืน เพราะนางเตรียมไปหา
พวกเขาอยูแลว
“ยังไมมีความเคลื่อนไหวหรือ?” ผานถนนใหญที่อึกทึกก็แลว เขาสูถนนสายเล็กๆ ที่
เงียบสงบก็แลว สํานักหวงก็ยังไมสงคนมาจับตน นี่กลับทําใหตูเวยเวยเกิดความสงสัย
“คนทั้งสองที่ตามเรามาตลอดทางยังอยู พวกเขาไมใชพวกเดียวกัน และซอนตัวไดดี
มาก” มอเกายังคงเดินจูงมา พลางพูดเสียงเบา
ตูเวยเวยขมวดคิ้ว ขณะกําลังครุนคิดวาการที่คนของสํานักหวงไมปรากฎตัวออกมา
นั้นหมายความวาอะไรกันแน พลันไดยินเสียงสุนัขเหาดังขึ้นขางหู เสียงเหาของมันไมมี
อะไรผิดปกติ ตูเวยเวยจึงไมสนใจ แตมอเกาที่จูงมาอยู จูๆ ก็เกร็งตัวทันที แววตาวาววับ
กาวเทาชาลง
แมมอเกาพยายามซอนทาที แตเพราะอยูใกลมาก ผูบําเพ็ญเพียรอยางทานตูจึงรูสึก
ไดถึงความผิดปกตินี้ แตนางก็ไมกระโตกกระตาก ยังคงสงบนิ่งและมีทาทีปกติ กวาดตา
มองดานหนา พลางถามเสียงเบา
“มีอะไรรึ?”
แมอยูในเมืองหลวง แตผูที่อยูในที่ทําการของสํานักเตาแตละแหงบนถนนสายนี้
ยังคงไดบําเพ็ญเพียรอยางสงบ การเลือกตั้งอยูในสถานที่ที่หางไกลจากความคึกคัก ยอม
เงียบสงบกวา
ถนนสายนี้ผูคนเดินผานไปมาเบาบาง มีเพียงพอคาแมขายหาบเรไมกี่คนที่หาบของ
สองกระจาดเดินกระยองกระแยงอยูดานหนา
นาจะเปนคนในละแวกนี้กําลังหาบของเล็กๆ นอยๆ ไปขายที่ถนนใหญ
ทานตูมองไปก็ไมพบความผิดปกติใดๆ ลวนเปนชาวบานรานตลาดธรรมดา สายตา
นางดี ถาในนี้มีคนจากสํานักเตาแฝงตัวอยู นางตองเห็นแน
“ทานตู มีอะไรบางอยาง!” มอเกาที่อยูขางๆ ชะลอฝเทาลง ครั้งนี้เขาไมซอนทาที
เชนเมื่อครูอีก กาวเทาสั้นลงและเตรียมหยุดเดิน
ทานตูไดยินก็เหลือบมองสายตาที่ตึงเครียดอยางเห็นไดชัดของเขา จึงสงเสียงบอก
ทันที
“อยาตกใจ เดินตอไป คอยๆ พูดวามีอะไร?”
พูดพลางนางก็หันไปยังทิศทางที่มอเกามอง รีบมองตามสายตาของเขาไป และเห็น
วามอเกากําลังมองดูหาบเรหนุมคนหนึ่ง ซึ่งกําลังมองมาทางพวกเขาอยางตื่นๆ
ทานตูหยุดสายตาเพื่อจดจําทุกอยางของหนุมหาบเร คนผูนี้ธรรมดายิ่ง แตทาทางดู
เหนื่อย คานหาบตระกราสองใบโกงลงมาก ของในตระกรานาจะหนักเอาการ
แตฝเทาของชายหนุมกลับไมชา มือทั้งสองขางจับเชือกที่หอยจากไมคานไดอยาง
สมดุล แมหนาผากปรากฏเม็ดเหงื่อ แตแววตาเห็นชัดวายังสามารถแบกรับน้ําหนักได ดู
ออกวาเปนผูมีพละกําลังแข็งแกรง
ตูเวยเวยมองสํารวจอยางละเอียด แตก็ไมพบความผิดปกติใดๆ จึงหันมองมอเกา
และเห็นมอเกายังคงมองชายเหนุมอยู
“คนผูนี้มีปญหารึ?” ตูเวยเวยถามเสียงต่ํา
“ไม เขาเปนคนของเรา มาสงขาว!” มอเกาจองมองชายหนุม พลางตอบเสียงต่ํา
คนกันเอง...ทานตูรูสึกโลงไปหนึ่งเปราะ
บอกตามตรง นางไมคิดจริงๆ วา สํานักหวงจะลงมือกับนางอยางระแวดระวัง เสีย
แรงเสียเวลาใหคนปลอมตัวมาอยางซับซอนเชนนี้ นี่ไมนาเปนไปได สําหรับสํานักหวง
แลว การจัดการเรื่องภายใน มีแตตองโหมประโคมขาวเพื่อโออวดบารมีสํานัก
และในตอนนี้เอง ที่หนุมหาบเรเดินมาถึงขางกายพวกเขา และกําลังจะเดินผานไป
ทานตูมองนิ่ง สํารวจดูทุกทวงทาของเขา หากเปนไปตามคาด การสงขาวนาจะทํา
กันชวงนี้
แต ผิดคาด นาทีตอมา ชายหนุมไดเดินผานพวกเขาไปหนาตาเฉย กระทั่งสายตาก็
มิไดเงยขึ้นสบกับมอเกาแมแตนอย
ทานตูมั่นใจวา เขามิไดมีปฏิสัมพันธใดๆ กับมอเกาอยางแนนอน จึงไมตองพูดเรื่อง
การสงขาว
ขณะที่นางกําลังประหลาดใจ ก็รูสึกวามอเกาลดฝเทาใหชาลงอีกรอบ และน้ําเสียงก็
เริ่มรอนรนอยางที่ไมเคยไดยินมากอน
“มีคนจํานวนไมนอยซุมอยูด านหนา ลวนแลวแตเปนยอดฝมือ!”
“ซุม?” ทานตูขมวดคิ้ว “ไมนาเปนไปได!”
สํานักหวงจะลงมือกับตนยังตองซุมอีกหรือ?
แตพอคิดอีกที ก็พลันโลงอก พวกเขาอาจคิดอยางรัดกุม เกรงวาจะเกิดเหตุสุดวิสัย
“ไมมีปญหา สํานักหวงไมสังหารขาในทันทีหรอก อีกสักเดี๋ยวไมตองขัดขืน เดินตาม
พวกเขาไปก็พอ”
ทานตูพยักหนานอยๆ แววตาสงบนิ่ง
นางชัดเจนดี ศิษยทรยศอยางตน หากสํานักหวงจับเปนได ยอมตองจับเปน สิ่งที่
พวกเขาตองการมากสุดคือนําตนมาลงโทษตามกฎของสํานักตอหนาตอตาผูคนเพื่อลาง
ความอัปยศ ขณะเดียวกันก็เปนบทเรียนใหศิษยในสํานักไดเห็นชะตากรรมของผูทรยศ
“มีบางอยางไมถูกตอง ทานตู ผูที่ซุมอยูอาจไมใชคนของสํานักหวง!”
มอเกายังคงเกร็งราง แววตามีความกังวล
“ไมใชสํานักหวง” ทานตูชะงักงัน แววตาเครียดขึ้ง “หรือเปนคนเถื่อนฉี? เจอ
เหตุการณครั้งกอนไป พวกเขายังกลาเคลื่อนไหวในเมืองหลวงอีกรึ?”
“ไมแนวาผูที่ตามเรามาและหนีไปกอนเปนคนจากสํานักเตาที่รีบไปรายงานสํานัก
หวง แตแปลก เขาออกมาจากที่ทําการสํานักหวงเร็วมาก และที่นั่นก็ไมมีความ
เคลื่อนไหวแมแตนอย ซึ่งหลังจากคนผูนี้ออกมาก็ทําตัวลับๆ ลอๆ บอกใหคนผูหนึ่งไป
ชุมสายโทรศัพท แตเรายังไมรูวาโทรศัพทใหใคร และพูดเรื่องอะไร สักพักก็มีคนกลุม
หนึ่งรีบรอนมารวมตัวกัน กอนมายังที่นี่ คนพวกนี้แมสวมเสื้อผาแบบชาวบาน แตดูจาก
ลักษณะทาทางแลวมีความเปนไปไดสูงที่จะเปนคนของสํานักเตา...” มอเกาพูดใหฟง
อยางรวดเร็ว ราวกับวาเขาเห็นมากับตาอยางไรอยางนั้น
ทานตูตกใจมาก ทั้งๆ ที่มอเกาอยูกับตนตลอดเวลา แตกลับรูเรื่องมากมายเชนนี้
ตองเปนชายหนุมเมื่อครูสงขาวใหแน แตจนแลวจนรอด ตนก็ไมเห็นวิธีการสงขาว
ของพวกเขา
นาทีนี้ จึงอดไมไดที่จะรูสึกชื่นชมคนจากจวนหมิงอองเหลานี้ ยังไมตองพูดถึง
ความสามารถอื่นๆ เฉพาะความสามารถในการติดตามและสงตอขาวสารก็ไมธรรมดา
แลว
ทวาตอนนี้ยังไมใชเวลาที่จะคิดเรื่องเหลานี้ ทานตูเลิกคิ้ว กําลังครุนคิดเรื่อง
บางอยาง แตในระยะเวลาอันสั้นยังไมสามารถชี้ชัดวาเกิดอะไรขึ้นกันแน
พอรูขาวของตน สิ่งที่สํานักหวงนาจะทําก็คือ รีบรวบรวมกําลังคนออกมาตามจับถึง
จะถูก เหตุใดที่ทําการจึงไมมีความเคลื่อนไหวสักนิด นางไมโง แนใจแลววาเรื่องนี้ตองมี
เงื่อนงํา คนเหลานี้นาจะไมใชคนที่สํานักหวงสงมาจริง เมื่อครูก็รูสึกแลววาหากสํานักหวง
คิดลงมือ ยอมไมมคี วามจําเปนตองซุมเชนนี้ เรื่องนี้แปลกมาก แตดูไปแลว ถาไมใชคน
ของสํานักหวงก็ไมใชเรื่องแปลก
เพียงแตตอนนี้ควรทําอยางไรดี?
ถอยหรือ?
ทานตูกระพริบตาไปมา สุดทายก็สายหนาในใจ ไมได...ดานนี้จําเปนตองกาวผาน
หาไมแลวนางจะไมมีทางตั้งหลักในเมืองหลวงได ถาไมสามารถตั้งหลักในเมืองหลวง
กลุมเยาวชนในหมิงจูก็ไมมีเสถียรภาพ
ทานตูสูดหายใจเขาลึกๆ กอนมองดูมอเกา
“หากลงมือตอสู พวกเจาสามารถตานทานไดสักระยะหรือไม?”
“ทานวางใจ พวกเราตองคุมครองความปลอดภัยใหทานอยางสุดความสามารถ แต
หากทานตองการผานดานนี้ไป พอตอสูกันขึ้นมาแลวเกิดเหตุสุดวิสัย ทานตองรีบลาถอย
จากไป จะมีคนของเรามารับผิดชอบความปลอดภัยของทานตอ”
มอเกาพูดออกมาตรงๆ โดยไมตองคิดนาน
“ดี!” ทานตูก็ไมพูดพลามทําเพลง พยักหนาแลววา “ไป!”
มอเกาหันมองนางอีกครั้ง กอนพูดเพิ่มอีกประโยค
“สองคนที่ตามเราอยูดานหลัง ตองจัดการตอนนี้ หาไมแลวอาจเปนอุปสรรคตอการ
ลาถอยของทาน!”
ทานตูไดยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กนอย “พวกเจาลงมือกันแลวหรือ?”
“ยัง เบื้องบนกําชับมาวา ขณะที่เราติดตามอยูขางกายทาน ทุกอยางตองฟงคําสั่ง
จากทาน!” มอเกาพูดตอ “แตวา ทุกอยางตองยึดความปลอดภัยของทานเปนสําคัญ ขอ
ทานพิจารณาอยางถี่ถวนดวย!”
ทานตูคิดๆ ดูแลว ยังคงพยักหนา “อยาสังหารพวกเขา!”
ครั้งนี้นางมาเพื่อประนีประนอมกับสํานักเตาชั่วคราว ไมควรเพิ่มหนี้แคนที่ไร
ประโยชนอีก
“ขอรับ! จับตัวแลวจะนํามาสอบถามความเปนมาหรือไม?”
มอเกาขานรับแลวถามตอ พลางจูงมาไปขางหนา
“ได!”
ทานตูมองเขาดวยแววตาสับสนเล็กนอย เขาขอคําชี้แนะจากนางจริงๆ แตเขาจะ
บอกพรรคพวกอยางไร?
ในใจสงสัย นางแปลกใจกับเรือ่ งนี้จริงๆ แตก็มิไดรีบถาม ทวายังไมทันไร ก็ไดยิน
เสียงสุนัขเหาดังขึ้นจากดานหลัง ไมรูวาดังมาจากมุมไหน
แลวเสียงมอเกาก็ดังขึ้น “เรียบรอย สองคนนั่นถูกจับตัวแลว และจะถูกสอบในไมชา
แตเราไมใชวิธีทรมาน จึงอาจรูเรื่องชาหนอย”
“ลงมือแลวรึ?” ทานตูยิ่งรูสึกแปลกใจเขาไปใหญ จนในที่สุดก็สงเสียงถาม
“เจาสงขาวใหคนของพวกเจาอยางไร? เมื่อครูชายหนุมในจวนพวกเจาสงขาวใหเจา
อยางไร? ใชเสียงสุนัขนั่นหรือไม?”
มอเกาชะงักเล็กนอย เหมือนกําลังคิดวาควรพูดหรือไม แตสุดทายก็ตอบเสียงต่ํา
“รหัสลับ!”
“รหัสลับ?”
ทานตูพึมพํา นางยอมรับวาไมเขาใจ แตมิใชไมเขาใจความหมาย เพียงไมรูวา รหัส
ลับนี้ถูกสงกันอยางไร
แตพอเห็นทาทางมอเกา นางก็มิไดถามมากความ ถามอีกก็ไมเหมาะสมแลว
โดยนางพอจะเขาใจความเปนไปบางอยางของจวนหมิงออง ไปฉางชิงในปนั้น มี
ความเปนมาที่ทําใหคนตื่นตะลึง ซึ่งเกรงวาจะมิใชแคการบําเพ็ญเพียรอันนาทึ่งของเขา
ไมคิดมากอีก อยางไรตอนนี้นางก็ไดผูกติดอยูกับจวนหมิงอองชั่วคราว เมื่อจวนหมิง
อองเข็งแกรงขึ้น สําหรับนางก็ถือวาเปนเรื่องดี
ไมนานนัก นางก็เห็นกลุมคนที่ขวางทางอยู
มาหยุดเดินแลว!
ไมหยุดไมได!
รางที่ทะยานขึ้นถูกทานตูมองดูอยางใจเย็น กอนสัมผัสไดถึงแรงลมที่พุงเขาจูโจมตน
เมื่อเตรียมใจไวแลว วาตองเผชิญหนากับการซุมโจมตี ยอมตองลงมือ
ไมมีเสียงทักทายใดๆ ฝายตรงขามเตรียมมาดี โอบลอมรอบทิศ คิดเผด็จศึกในคราว
เดียว
นาทีนี้ นางนั่งอยูบนหลังมาโดยไมมีความกลัวแมแตนอย ผูหญิงประหลาด ความ
ออนแอของ ‘ทานตู’ เปลี่ยนเปนเหล็กกลา กระบี่ในมือเปลงรัศมีเย็นยะเยียบ
เชนเดียวกับประกายตาที่เยือกเย็น
“คนในจวนหมิงอองเดินทาง ใครกลาลอบกัด?”
ทานตูยังไมทันลงมือ มอเกาซึ่งมิใชผูบําเพ็ญเพียร กลับประกาศศักดาออกมากอน
เขาชูปายทองขึ้นสูงทันที ระหวางเผชิญหนากับประกายกระบี่แวววาวกลางอากาศ
ไมมีพลังปราณในน้ําเสียง แตคําวาจวนหมิงอองสามคํานี้ กลับเพียงพอที่จะทําให
โจรกระจอกตื่นกลัว
ซึ่งพอสิ้นเสียง รางที่พุงเขามาทั้งหมดกลับหยุดลงกลางคันในพริบตา เห็นชัดวาพวก
เขารูสึกตื่นตระหนกไปตามๆ กัน
“นางคือตูเจวียน ศิษยทรยศของสํานักเตา เกี่ยวอะไรกับจวนหมิงออง?”
เสียงแสดงความไมพอใจที่ไมรูเปนของใครดังขึ้น
“กลาดีอยางไรไมยอมใหจบั รนหาที่!”
ประกายกระบี่ยังมีใหเห็นประปราย เพราะรางของคนเหลานี้ยังลอยอยูกลางอากาศ
ไมรูวาเก็บกระบี่ไมทันหรือกําลังรอคําสั่ง
ทานตูวาดกระบี่ยาวในแนวขวางกลางอากาศ พรอมดีดตัวออกสองกาวกระโดด มา
ของนางลมลง
เห็นชัดวา มาตัวนี้ก็เปนเปาในแผนการดวย
“ทานตู รีบหนีไป!”
สีหนามอเกาคงเดิม ปายทองถูกเก็บแลว แตกลับมีสิ่งหนึ่งรูปรางคลายปนอยูในมือ
ของเขาแทน
เพียงแตปนกระบอกนี้สั้นมาก คลายปนยาวยอสวน
ตอน 271 มือปน
ขนาดเห็นกับตาวาเปนคนของจวนหมิงออง คนของสํานักเตายังกลาลงมือ กระบี่
เลมหนึ่งจูโจมใสทานตู สังหารมาของทานตู
สายตามอเกาคมกริบ ไมลังเลอีก รีบรองบอกทานตูที่ดีดตัวขึ้นจากหลังมาใหรีบลา
ถอยไป
ขณะเดียวกัน วัตถุที่ทําจากโลหะในมือของเขาก็ถูกยกขึ้นทันที ราวกับฝกมาเปน
รอยครั้งพันครั้ง เล็งไปยังชายหนุมจากสํานักเตาซึ่งกําลังเตรียมเก็บกระบี่ กอนเหนี่ยวไก
ปง!
เสียงดังลั่นพรอมประกายไฟ ทําลายความเงียบสงบบนทองถนน
การเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว ทําเอาผูอยูในเหตุการณตกตะลึง
ไมวาจะเปนผูที่ดีดตัวขึ้น มือกุมกระบี่คมกริบ และเทายังไมแตะพืน้ อยางทานตู
หรือคนของสํานักเตาที่กําลังจะพุงเขามารอบๆ ตางก็ชะงักรางตามสัญชาติญาณ สายตา
ละจากทานตูไปยังมอเกาในพริบตา
ซึ่งหลังจากมอเกายิงปนออกไปหนึ่งนัด ก็รีบหันกายเผนแนบอยางรวดเร็วไปยังถนน
สายเล็กๆ ดานขางโดยไมมองดวยซ้ําวาตนเองยิงถูกเปาหมายหรือไม
เขาปราดเปรียวและวองไวมาก แมไมเทาศิษยสํานักเตาหันกายไปมาหนึ่งอึดใจ แต
ลําพังการวิ่งของเขา และพลังที่ระเบิดออกทั่วทั้งรางกลับมีมากเกินกวาคนธรรมดาทั่วไป
ขณะที่ผูคนกําลังตะลึงงันอยูน ั้น ก็รูสึกวาจุดที่เขาวิ่งไปกับจุดที่เขายืนอยูเมื่อครูหาง
จากกันมากทีเดียว
ความเร็วของเขานาตกใจในสายตาคนทั่วไปก็จริง แตสําหรับศิษยสํานักเตาแลว ยัง
ไมนับวาเร็วแตอยางใด ดวยเกือบทุกคนลวนทําเชนนี้ได อีกทั้งทาทางของเขายังเหมือน
หนูวิ่งปรูด ปราด เห็นแลวนาขันสิ้นดี
ไมวาศิษยสํานักเตา หรือทานตูที่เทาเพิ่งแตะถึงพืน้ เมื่อครู ลวนกําลังยืนอึ้งใหกบั
ทาทางของเขา
เมื่อครูยังเทหราววีรบุรุษกระดูกเหล็กรุนใหมไฟแรงของจวนหมิงอองที่ยอมสูจนตัว
ตายอยูแทๆ พริบตาเดียวเหตุใดกลับเหมือนถูกไฟลนกนจนตองวิ่งหนีอยางไมใสใจใน
ภาพพจนเชนนี้ได...
ฉากนี้มีบางอยางไมกลมกลืนกันและเหนือความคาดหมาย ขนาดทานตูยังอดไมไดที่
จะแสดงความไมเปนธรรมชาติออกมาทางสีหนา
ทวาตอนนี้การวิ่งหนีที่ดึงดูดความสนใจเปนอยางยิ่งของมอเกามิใชจุดสําคัญแลว
เกือบทุกสายตากําลังจองมองไปยังแขนซึ่งเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงของมอเกาขณะวิ่ง
ไมสิ พูดใหถูกตองก็คือ จองมองวัตถุโลหะความยาวครึ่งทอนแขนที่มอเกายังคงถือ
อยูในมือนั่น
“เปนสิ่งนี้หรือ?”
สายตาของผูที่อยูในเหตุการณตางฉายแววครุนคิด พวกเขามิใชคนธรรมดาทั่วไป
ยอมรูวาเสียงดังลั่นเมื่อครู เปนเสียงปน แตที่ทําใหไมแนใจและแปลกใจ เพราะปนนั้น
ทุกคนลวนเคยเห็น แตของเลนขนาดเล็กเชนนี้ยังไมเคยเห็นจริงๆ
“ปะ..ปะ...เปนปน ทุกคนระวังจะถูกลอบยิง!”
เหตุการณทั้งหมดเกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนบรรยายไมทัน จริงๆ แลวตั้งแตเริ่มยิงปน
จนถึงตอนนี้ เปนชวงเวลาเพียงหนึ่งอึดใจเทานั้น
ขณะที่ผูคนกําลังจองมองปนดวยความตะลึง เสียงรองโหยหวนอยางเจ็บปวดปนตื่น
กลัวก็ดังขึ้น
เสียงนี้ทําลายความหวาดผวาของทุกคนที่มีตอเสียงเปรี้ยงเมื่อครูลง ทุกคนพลันนึก
ถึงเปาหมายที่ถูกปนยิงเมื่อครู ศิษยสํานักเตาหนาเปลี่ยนสี หันมองชายหนุมที่กําลังอา
ปากรอง
เห็นเขาอยูไมไกลจากมาตัวที่ลมลง ใบหนาเต็มไปดวยเหงื่อเย็น กําลังใชมือปดปาก
แผลบนแขนขางขวา พลางพยายามดิ้นรนลุกขึ้นอยางยากลําบาก โดยมีโลหิตไหลออก
จากงามนิ้วไมหยุด
สายตาของเขาจองเขม็งไปยังชายหนุมที่กําลังวิ่ง แววตามีทั้งความแคนและรังสีฆา
ฟนเกี่ยวกระหวัดกัน
ในมือเขาไมมีกระบี่ กระบี่ยังคงปกและสั่นไหวอยูบนรางของมาที่ลมลงกับพื้น
เห็นชัดวาตอนถูกอาวุธปนจูโจม เขาไมทันดึงกระบี่และหลบออก จึงบาดเจ็บไป
อาการบาดเจ็บไมรุนแรงก็จริง แตเฉพาะบาดแผลที่แขนขวา ก็ทําใหพลังปราณ
ตลอดทั้งราง โคจรไดเพียงครึ่งเดียว
“ศิษยนอง!”
ศิษยรวมสํานักผูหนึ่งรองขึ้นดวยความตกใจ คิดไมถึงวาศิษยนองจะบาดเจ็บจริงๆ
จึงรีบพลิ้วกายเขาไปประคอง พลางถามอยางรอนรน “ศิษยนอง เปนอยางไรบาง?”
“ไมเปนไร แคคิดไมถึงวาจะถูกยิง!”
ชายหนุมผูบาดเจ็บกัดฟนพูด เหมือนโกรธแคนมาก เห็นชัดวาเขามิใชแคโกรธแคนที่
ตนเองบาดเจ็บ ยังโกรธแคนที่ตองอับอายตอหนาศิษยรวมสํานักดวย
เห็นชัดวาฝายตรงขามเปนเพียงคนธรรมดาเทานั้น แมถือปนอยูในมือ แตผูมีฝมือ
เชนเขาก็ไมควรไดรับบาดเจ็บเชนนี้ อีกทั้งยังถูกบีบใหทิ้งกระบี่ดวย เชนนี้จะใหศิษย
สํานักเตาผูสูงสงที่เห็นคนธรรมดาเปนมดปลวกยอมรับไดอยางไรเลา
ยิ่งเห็นสายตาของศิษยรวมสํานักที่มองมา ก็รูสึกวาไมสามารถอดทนตอความโกรธ
และความอับอายไดนาทีนี้จึงคิดสับมอเกาใหเปนหมื่นๆ ชิ้น แตพอเห็นมอเกาวิ่งหนีอยาง
สุดชีวิต ก็รีบรองบอกศิษยพี่ที่กําลังประคองตนเองอยางรอนรน
“ศิษยพี่ อยาปลอยใหมันหนีไป รีบ...หือ?”
ยังไมทันพูดจบ ก็พลันตื่นตกใจ “แยแลว!”
ศิษยพี่ที่ประคองเขาอยูยังไมรูตัว พอเห็นสีหนาเขาเปลี่ยนไปพรอมคําพูด ก็รีบเงย
หนาขึ้นมองตามทิศทางที่เขามอง พลันเห็นมอเกาที่ทุกคนเห็นวาวิ่งหนีไปแลวนั้น กําลัง
คุกเขาขางเดียวลงบนพื้น โดยทิ้งระยะหางจากทุกคนพอสมควร หันหนาเขาหาทุกคน
พรอมยกวัตถุโลหะในมือขึ้นอีกครั้ง
ผูบําเพ็ญเพียรหูไวตาไว เพียงแรกเห็นก็ทําใหศิษยนองผูบาดเจ็บหนาถอดสี เพราะ
รูสึกไดวาชั่วระยะเวลาเพียงหนึ่งอึดใจนี้ ปากกระบอกปนไดเล็งมาที่ตนเรียบรอย
ศิษยพี่ที่อยูดานขางก็หนาถอดสีเชนกัน ดวงตาคมวาว เดนตาย! ยังกลามาลอบยิง
อีก
“เจากลา...”
ปง!
พริบตาเดียวกับที่เขาเปลงเสียงออกจากปาก มานตาก็หดลงทันที
ภาพในความคิดปรากฎ พริบตาที่เขาอาปาก มอเกาที่คุกเขาขางเดียวอยูตรงหนา
ตั้งสติมั่น ปากกระบอกปนนิ่ง ปลอยประกายไฟลูกหนึ่งออก ขางหูเกิดเสียงดังกึกกอง...
คนของสํานักเตายอมโดดเดนกวาใคร ลูกปนที่พุงออกจากปากกระบอกปน คน
ธรรมดาทั่วไปไหนเลยจะหลบหลีกทัน แตคนของสํานักเตาฝกพลังปราณ ทําใหรางกาย
ตอบสนองไดเร็วกวา จึงไมธรรมดา
ในเวลาคับขัน พวกเขากลับสงบนิ่ง ศิษยพี่ทานนี้จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองตาม
สัญชาติญาณ ใชแขนลากศิษยนองพรอมบิดปลายเทาเบาๆ รางศิษยนองจึงหันขาง หลบ
เงาดําสายหนึ่งที่บินเขาจูโจมไดทัน
นาทีนี้ แววตาเขาดุดันแลว รูสึกไดอยางชัดเจนวา ลูกปนเมื่อครู เล็งมาที่ตําแหนง
หัวใจของศิษยนอง หากเขามิไดอยูขางกายศิษยนอง ศิษยนองผูบาดเจ็บตองไมสามารถ
เบี่ยงจุดตายออกไดแน และไมแนวาอาจไดรับอันตรายจริง ที่สําคัญคือหมอนี่นากลัวมาก
เดิมทีคิดวาหนีไปแลว ที่ไหนไดยังกลากลับมาลอบยิงอีก
นาทีที่หลบพนอันตราย ยังไมทันยืนนิ่ง ศิษยพี่ทานนี้ก็คํารามออกมาอยางโกรธแคน
“ตาม! จับมันมาใหได!”
คนของจวนหมิงออง...
คนของจวนหมิงอองแลวอยางไร?
ก็แคมดปลวกตัวเล็กๆ คิดสังหารพวกเขาอยางนั้นรึ?
คิดวาคนของจวนหมิงอองจะทําใหพวกเขาตกใจไดจริงรึ เฮอะ รนหาที่ชัดๆ !
แมเปนบิดาหมิงอองมาเอง ก็ยังไมกลาสุมสี่สุมหาสังหารพวกเขา
นับประสาอะไรกับหมิงออง!
ตองพูดวา อุปนิสัยของศิษยสํานักเตาไดรับการบมเพาะใหเปนเชนนี้จริงๆ พวกเขา
อยูกับความทะเยอทะยานมาเปนเวลานานหลายป มีเรื่องราวมากมายที่เปนตัวอยางให
เห็น ทําใหพวกเขาหยิ่งทะนงจนไมเห็นผูอื่นในสายตา เชนปนั้น ที่ศิษยเขาซางชิงสองคน
ลอบสังหารหมิงอองในวันมงคลสมรส ผลก็เงียบ ไมมีอะไรในกอไผ ศิษยสองคนกลับเขา
เขาซางชิงตอ
เชนนี้ ทําใหพวกเขากลาทําทุกอยาง แมตอนนี้ผูคนจะพูดถึงหมิงอองวานากลัว
เพียงใด แตสุดทายก็เปนเพียงขาวลือ อาจารยของพวกเขายังคงใหพวกเขาหยิ่งทะนงตอ
และใหรักษาทาทีขางตนของสํานักเตาดวย
ลูกปนนัดที่สอง แมไมโดน มอเกาก็ไมคิดเสียใจ ผลลัพธเชนนี้ วันแรกที่เขาฝกยิงก็
คุนเคยกับมันแลว ความเร็วในการตอบสนองของศิษยสํานักเตา ใชวาปนกระบอกหนึ่ง
จะสามารถควบคุมได
ดังนั้นเขายอมรับได และไมสูญเสียความมั่นใจที่มีตอคนของสํานักเตาที่อยูแนวหนา
เขาเตรียมตัวลุกขึ้นยืน วิ่งหนีอีกครั้ง แตนาทีนี้เอง เขาเหลือบไปเห็นทานตู พบวา
ทานตูยังคงอยูในทีเ่ กิดเหตุ ยังคงกุมกระบี่ไว มิไดหนีไปไหน
แววตาเขาเปลี่ยนทันที รีบแผดเสียงดังลั่น “ทานตู หนีเร็ว!”
คิดไมถึงวา เสียงตะโกนของเขากลับทําลายความเงียบสงบเมื่อครู ทําใหทานตูมี
ตัวตนขึ้นอีกครั้งในสายตาคนสํานักเตา
กระทั่งคนของจวนหมิงออง พวกเขาก็ยังคิดประมือดวย นับประสาอะไรกับ
เปาหมายในครั้งนี้อยางทานตู
พวกเขาไมลังเลใจ สําหรับพวกเขาแลว ทําตามคําสั่งอยางเดียว แตพอคนของจวนห
มิงอองเขามายุงเกี่ยว พวกเขาอาจลังเลในตอนแรก แตตอนนี้ความขัดแยงระเบิดขึ้นแลว
ไฉนยังตองคิดมากอีก หนาที่ของพวกเขาคือจับคนใหไดอยางลับๆ เรื่องอืน่ ทางสํานัก
ยอมจัดการเอง แตถาไมจับคนกลับไป จะไมถูกผูอาวุโสในสํานักเรียกใชใหทํางานใหญ
อีก
ที่สําคัญคือมีปรมาจารยตามดูอยูในที่มืด จนถึงตอนนี้ก็ยังไมแสดงตนออกมา แสดง
วายังคงตองทําตามภารกิจตอไป
“ลงมือ! ใหไว!” มีคนตะโกนเสียงต่ําออกมา ทุกคนจึงเริ่มเคลื่อนไหว
“ชากอน!” ทานตูมือกุมกระบี่ ทาทีสงางามดังเดิม “ทุกทานไมตองรีบรอน แมทุก
ทานไมมา ผูแซตูก็ตองไปที่ทําการสํานักหวงอยูแลว ทุกทานไมจําเปนตองนําคนมา
มากมาย หากไมเชื่อ ทุกทานสามารถเดินไปดวยกันกับขาได”
“เฮอะ คนทรยศสํานัก ใครอนุญาตใหเจาทําตามอําเภอใจ!”
ในกลุมคนเหมือนมีคนเปนหัวหนาคนหนึ่ง พลิ้วกายมายืนตรงหนาทานตู เปลงเสียง
เย็นชาสะทอนไปมาในอากาศ “จับนาง!”
ทานตูยังคงมีทาทีสงบนิ่ง “ดี จะจับผูแซตูก็ได แตผูแซตูก็อยากรูบางวาพวกทาน
เปนใคร มาจากไหน เชิญแจงนามสํานัก!”
“ใหมันนอยๆ หนอย หากไมอยากใหผิวสวยๆ ตองมีรอยแผลแลวละก็ ยอมใหจับ
เสียแตโดยดีนั่นละดีที่สุด!” ผูอยูตรงหนาพูด
“หึๆ คิดไมถึงวาในสํานักเตา ยังมีคนกลาบาบิ่นจริงๆ กลาคิดแทนหนึ่งในสิบสํานัก
ใหญอยางสํานักหวงดวย ไมรูวาผูแซตูมีคาตัวเทาไหร สํานักทานถึงอยากจับใหไดโดยไม
เสียดายที่ตองบาดหมางกับสํานักหวง”
ในที่สุดทานตูก็ทําใจ นางมิไดโง และมิไดใสซื่อ รูสึกแปลกๆ แตแรกแลว จึงไมอยาก
ใหเกิดเรื่องเพิ่มขึ้นการลี้ภัยมาเมืองหลวงในครั้งนี้เพราะไมอยากใหกลุมเยาวชนตกอยูใน
ภาวะไรผูนํา ซึ่งถามาขวางทางเพราะตองการจับนางมอบใหกับสํานักหวงเพื่อเอาใจ
สํานักหวงจริงๆ แลวละก็ นางก็ไมอยากสรางความเกลียดชังอีก ใหพวกเขาสมหวังบาง
จะเปนไรไป แตตอนนี้พฤติกรรมของคนเหลานี้ เห็นชัดวามีพิรุธ พวกเขามาเพื่อตนเอง
โดยเฉพาะ ไมเกี่ยวกับสํานักหวงแตอยางใด
ทานตูคอยๆ ยกกระบี่ในมือขึ้น มองดูผูที่กําลังจะจูโจมเขามา กอนตะโกนเสียงสูง
“แตเกรงวาพวกทานคงจะดูเบาผูแซตูไป ผูแซตูแมรูวาสํานักหวงเปนสถานที่
อันตราย แตยังคงกลาไป เชนนี้ ทานคิดวาผูแซตูไปรนหาที่อยางนั้นรึ?”
ตอน 272 ระเบิด
“กระทั่งสํานักหวงผูแซตูยังไมกลัว นับประสาอะไรกับพวกภูตผีปศาจที่กอกรรมทํา
เข็ญ ผูแซตูกลับอยากดูวา พวกเจาที่สุดแลวมีความกลาแคไหน กลาเผชิญหนากับการ
แกแคนชนิดไมตายไมเลิกจากจวนหมิงออง สํานักหวง และสมาชิกนับแสนของกลุม
เยาวชนขาในคราวเดียว”
วาแลว สงครามก็เริ่มตนขึ้น
ทานตูเพียงผูเดียวตอสูกับคนรอบดาน!
นางเคยเปนศิษยผูมีพรสวรรคชั้นเลิศของสํานักหวงอยูนานหลายป หากมิใชหัวหนา
ใหญของกลุมเยาวชนและอยูในหมิงจูไดนานกวานี้ ชื่อเสียงของนางอาจไมดอยไปกวา
หลินซูอินและตองเปนตัวแทนที่นาภาคภูมิใจยิ่งของคนรุนใหม
ในกลุมเยาวชน นอยคนนักที่เคยเห็นนางลงมือ
คนของสํานักเตาก็ดวย การบําเพ็ญเพียรของทานตูเปนอยางไรนั้น ไมคอยจะมีคนรู
จริงๆ
แตตอนนี้ ศิษยสํานักเตารุนใหมที่ทานตูกําลังประมือดวยกลับรูสึกตื่นตระหนก
คนมากมายเชนนี้ยังไมสามารถจับนางไดในคราวเดียว นี่จะไมใหพวกเขาตกใจ
อยางไรได
ทวาจริงๆ แลว พวกเขาควรคิดไดวา พวกเขาเปนใคร ทานตูเปนใคร แมไมนับเรื่อง
บําเพ็ญเพียร ทานตูก็โลดแลนอยูในทะเลโลหิตขณะอยูในกลุมเยาวชนมานาน มี
ประสบการณในสนามตอสูทุกรูปแบบนับไมถวน เมื่อพูดถึงความเ**ยมโหดรุนแรงแลว
ไหนเลยที่พวกเขาจะเทียบชั้นได
การบําเพ็ญเพียรของศิษยสํานักเตาไมเลวก็จริง แตโดยปกติแลวไหนเลยจะเคยตอสู
ชนิดวัดความเปนความตายซ้ําแลวซ้ําเลา บวกกับการที่เบื้องบนตองการจับเปน
พวกเขาจึงตอสูไดไมถึงที่สุด และแมมีคนมาก แตก็ไมมีใครยอมทุมตัวรับสักหนึ่ง
กระบี่ เพื่อสรางโอกาสใหเพื่อนๆ
เมื่อเปนเชนนี้ ทานตูก็อยูในตําแหนงที่เหนือกวาพวกเขาอยางเห็นไดชัด เพียงนาง
ฝนทนตานรับเทานั้น!
“ตูเจวียน เจามีความสามารถล้ําเลิศเชนนี้ อยาเดินทางผิด รีบใหจับเสียแตโดยดี
หากยังฝนตานตอไป อยาหาวาขาเด็ดดอกไมอยางโหดรายก็แลวกัน!”
ขณะตอสู ผูเปนหัวหนาไดยินเสียงดังปงปง พอมองไปก็เห็นกลุมคนที่เขาไปจับมอ
เกา ยังไมทันลงมือ ก็รองเสียงดังออกมาเสียแลว แววตาจึงวูบไหว
ทานตูรูวาเขาคิดอะไรอยู จึงกะพริบตา กอนถอยรางออก กวาดตามองรอบดาน
เห็นมอเกาเพียงคนเดียวในที่เกิดเหตุ แลวเพื่อนๆ ของเขาละ เหตุใดยังไมปรากฏตัวขึ้น
อีก จึงรีบรองบอก
“มอเกาหนีไป อยาสนใจขา รายงานเรื่องในวันนี้ใหหมิงอองรับรูกพ็ อ!”
มอเกาไมพูดจาใดๆ บอกตามตรง ไฉนเขาไมคิดหนีเลา แตหนาที่เขาคือคุมครอง
ความปลอดภัยใหทานตู ไหนเลยจะรูวาที่เตี๊ยมกันวาจะถอย แตทานตูกลับไมถอย ทําให
สถานการณเปนเชนนี้ไป
ทําไงได เขาไมสามารถทิ้งทานตูไวแลวหนีไปได อีกทั้งเขาก็ไมกลัว ใชยุทธวิธีสูแลว
ถอยกับศิษยสํานักเตาสองคนที่ตามราวีไมเลิก ตามเขามาจนถึงทุงรางริมถนนสายนอย
ไดยินเสียงเขาคําราม
“ลงมือ!”
ศิษยสํานักเตาทั้งสองหยุดชะงัก ยังไมเขาทุงราง กวาดตามองโดยรอบกอน
หากอาศัยการบําเพ็ญเพียรขั้นอาจารย ใชพลังปราณเสาะหาผูซุมโจมตี ก็ยังตองดู
วาแตละคนบําเพ็ญเพียรไดเชนไร ดังนั้นไมตองพูดถึงศิษยที่ยังไมบรรลุขั้นอาจารย
เมื่อกวาดตามองรอบดานและไมพบวามีการซุมโจมตี จึงรูสึกโกรธที่ถูกหลอก
กอนหนานี้มอเกาก็ตะโกนเสียงดังวาใหจับพวกเขา พวกเขาจึงคิดวานาจะมีคนของ
จวนหมิงอองซุมอยู ผลก็คือ มอเกายิงปนหนึ่งนัดแลวก็หันกายวิ่งหนี
ตอนนี้กลับมาเลนลวดลายนี้อีก
“โจรกระจอก ไปตายเสีย!”
ตามจับอยูนานยังจับไมได คนธรรมดาผูนี้มีพลังอันนาทึ่ง หนําซ้ํายังเปนนักแมนปน
ดวย พวกเขาทําไดเพียงหลบหลีกเปนระยะ ยากที่จะจับได จึงเกิดความไมพอใจขึ้น
เรื่อยๆ ตอนนี้ยังถูกลอเลนอีก เห็นคนธรรมดานั่นหนีมาไกล กอนวิ่งเขาไปในทุงราง ทิ้ง
ระยะหางจากพวกเขาไปจนได ไหนเลยที่พวกเขาจะไมโมโห
ทั้งสองสบตากัน แววตาดุดัน คิดวาอาจยอมใหคนหนึ่งบาดเจ็บ เพื่อรีบจับเขาใหได
แตระหวางที่คนทั้งสองกระโดดเขาทุงรางนั้น กลับพลันคํารามออกมาพรอมกัน
“แยแลว!”
ปง ปง ปง...
เสียงปนหลายนัดดังขึ้นขางหู
และแลว...
ไมมีและแลว...อืม...สําหรับพวกเขา ไมมีและแลวจริงๆ
มอเกาเหลือบมองตําแหนงหัวใจของคนทั้งสอง แลวก็ไมสนใจอีก หางจากเขาไมไกล
ชายหนุมสามคนที่คลานอยูกับพื้นก็ไมมองศพทั้งสองเชนกัน
“ทานตูไมยอมหนี ทําอยางไรดี?” คนหนึ่งถามขึ้น
“หนุนตอ!” มอเกาสรุปสองคํา แลวลุกพรวด กระโดดไปยืนบนถนนสายนอยอีกครั้ง
“พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วเกิน หากเรารวมกันจูโจม อาจเกิดอุบัติเหตุกันเอง!” อีกคน
พูดเสียงต่ํา
“ไมสนแลว พวกเจาจูโจมรอบนอก สวนคนขางกายทานตูขาจัดการเอง!”
ครั้งนี้ผูพูดมิใชมอเกา แตดูๆ ไปอายุยังนอยกวามอเกาดวยซ้ํา เขากับพวกมอเกาไม
เหมือนกัน เขาใชปนคู
พอเขาเอยปาก ทั้งมอเกาและคนอื่นๆ ตางขานรับเปนเสียงเดียวกัน ทั้งหมด
กระโดดลงบนถนน
ทั้งหมดมีปนเปนอาวุธ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุอยางไมลังเล
ทุงรางกับที่เกิดเหตุหางไกลกันพอควร กอนหนานี้ที่มอเกาตองวิ่งอยางตะบี้ตะบันก็
เพราะเหตุนี้
ปนในมือของเขา จะไรซงึ่ ประสิทธิภาพ หากใชกับคนของสํานักเตาในระยะใกล
เกินไป
เมื่อเริ่มตน มอเกาไดตกลงกับทานตูวา ถาตอสูกันขึ้นมาใหทานตูรีบหนีไปโดยไม
ตองสนใจอะไรทั้งสิน้ ก็เพราะไดเตรียมพรอมสําหรับการจูโจมระยะไกลไวแลว มิฉะนั้นก็
จะไมสามารถจูโจมได
ขอเพียงสรางความกดดันจากระยะไกล คนของสํานักเตาก็ไมสามารถจับพวกเขาได
ในระยะเวลาอันสั้น ทวาเสียงปนก็ทําใหตอสูกันไดไมนาน เพราะทหารมาจะตามมาได
อยางรวดเร็ว
แตใครจะคิดเลาวา ทานตูจะอยางไรก็ไมหนี!
พวกเขากับทานตูไมเหมือนกัน พวกเขาคิดแคเพียงทําอยางไรใหทานตูปลอดภัย
สวนทานตูคิดจัดการเรื่องอยางไรนั้น ไมอยูในขอบเขตความคิดของพวกเขา
ซึ่งทานตูคิดวา ถาตองการเพียงความปลอดภัย อยูแตในจวนหมิงอองก็สิ้นเรื่อง ไม
จําเปนตองมาที่นี่ แตนางมาคราวนี้ มาเพื่อเสี่ยงอันตราย และจะเดินผานไปไดหรือไมนนั้
ก็ตองลองเดินดูกอนคอยวากัน จะใหเห็นอะไรทะแมงๆ แลวหนีไปทันทีไดอยางไร
ปง ปง...
เสียงปนดังติดตอกันฉับพลัน ทําใหผูที่กําลังลอมจูโจมทานตูอยูตกใจไปตามๆ กัน
และยังไมทันมีปฏิกิริยาตอบโต ก็เริ่มรูสึกถึงภัยคุกคาม พวกเขาหันมองทันที
และไมเพียงเห็นมอเกา ครั้งนี้ พวกเขากลับกลายเปนผูถูกโอบลอมเสียเอง
โดยพรรคพวกมอเกามีปนรูปทรงสั้นๆ อยูในมือคนละกระบอก ที่ทําใหพวกเขามีสี
หนาไมสูดีก็คือ ปนชนิดนี้ สามารถยิงติดตอกันได ไมตองยิงทีใสลูกปนที
นี่ก็รับมือยากแลว มิใชชีวิตตกอยูในอันตราย แตพอแยกยายกันหลบลูกปน ก็จะ
เปดโอกาสใหทานตูหลบหนีไปได และขณะที่ทุกคนกําลังลําบากใจอยูนั้น ศิษยคนหนึ่ง
พลันรองเสียงดัง
“ทุกคนระวัง ดานนั้นก็มีคน!”
กลุมคนยังไมทันหันไปมอง ก็ไดยินเสียงดังปงขึ้นอีก
“สวะ!” ผูเปนหัวหนาตะโกนดา
พลางรูสึกวาดานหลังของตนมีภัยคุกคามเขาใกล จึงรีบหลบจนเฉียดคมกระบี่ของ
ทานตูไปนิดเดียว
และขณะที่เขาเอี้ยวตัวหลบนั้น สายตาทานตูพลันนิ่ง จองมองหัวหนาทานนี้เขม็ง
กอนรองเสียงดัง
“สํานักใบไผ ที่แทเปนสํานักใบไผนี่เอง!”
“อืม!” สีหนาหัวหนาพลันเครงขรึมลง แมรูอยูแ กใจวาถาประมือกันจริงๆ คงยาก
ปดบังสถานะ
ทานตูมิไดอยูประจําสํานักเตามานานก็จริง แตในสิบสํานักใหญมีการไปมาหาสูกัน
เสมอ มากนอยอยางไร ทานตูก็รูจักวิทยายุทธของแตละสํานัก
หัวหนารูวาเมื่อครูตนพลาดไป ขณะเอี้ยวตัวหลบ เผลอใชวิชาประจําสํานัก เปดเผย
สถานะจนได
กอนมา เขายังกําชับลูกนองวาตองปดบังสถานะ โดยพยายามไมใชวิชาประจําสํานัก
ตอนนี้จึงรูสึกโกรธกอนมาคิดไมถึงวาจะมีเรื่องมากมายเชนนี้ หญิงสาวตัวเล็กๆ อยางตูเจ
วียน เพียงยื่นมือออกก็นาจะจัดการไดแลว ไฉนผานไปเนิ่นนานขนาดนี้ ยังจัดการไมได
ชวยไมได ถึงวางแผนกันมากอน ถึงถูกผูอื่นตรวจพบสถานะ อยางมากก็ทําการจับ
อยางเปดเผยไป เพียงความรูสึกไมเต็มใจยอมมีอยู แตเมื่อทําใหเกิดเรื่องใหญแลว ก็ตอง
จับตัวเปาหมายใหได เพื่อความสาแกใจ
แตพอมองไปเห็นสถานการณไมสูดีนัก เขาก็รูสึกไมพอใจ ตะโกนเสียงต่ําออกมา
“อยาชักชา รีบจับตูเจวียนใหได ไมเกี่ยงวิธี!”
ขณะเดียวกัน ตูเจวียนก็เริ่มถอยหลัง นางเห็นพลพรรคแมนปนของจวนหมิงอองใน
ระยะไกล จึงตะโกนเสียงกอง
“คนของจวนหมิงอองทุกคนรีบถอย รายงานหมิงอองวา หากเกิดเรื่องขึ้นกับผูแซตู
ทั้งหมดลวนเปนการกระทําของสํานักใบไผ!”
นางรูแลววา ขืนสูกันเชนนี้ตอไปไมดีแน เมื่อเปนการกระทําของสํานักใบไผ หนึ่งใน
สิบสํานักใหญดวยกัน เรื่องยอมมีเงื่อนงํา นั่นก็ไมมีทางที่จะพูดคุยกันได
เชนเดียวกับที่นางเขาใจทันใด การที่สํานักใบไผกลาทําเรื่องเชนนี้ ยอมตอง
เตรียมการมาเปนอยางดี
เพียงแต กวาที่นางจะรูก็สายเสียแลว!
เสียงกังวานใสดังมาจากระยะไกล “ไปจับปลาซิวปลาสรอย!”
ศิษยสํานักเตาแสดงสีหนาเคารพ กอนกระจายตัวกันออกไป ไมลอมจับตูเจวียนอีก
แตตูเจวียนกลับมีสีหนาเครงเครียด แววตาตื่น มองไปยังผูซึ่งคลายยังอยูหางไกล
แตรางเหมือนสายฟากลางสายลม ปรากฏรางผูเฒาตรงหนาตนอยางรวดเร็ว
“นึกแลว!” ทานตูเดาไมผิด มีปรมาจารยตามมาจริงๆ
มอเกากับพวกที่อยูอีกดาน ยอมเห็นผูเฒาแลวเชนกัน สีหนาจึงเปลี่ยนเปนตื่น
ตระหนก แมไมถึงกับหวาดกลัว แตก็ระมัดระวังขึ้นอยางเห็นไดชัด
ปนในมือของพวกเขา นาทีนี้ไมมีทางเล็งไดแนนอน เพราะฝายตรงขามเร็วเกินไป
แมเดาทิศทางได แตก็ไมสามารถยิงโดน
“ปรมาจายปรากฏตัวขึ้นแลว เหตุใดพวกเขายังไมลงมืออีก?”
มอเกามองดูรางปรมาจารย และกวาดตามองรอบดาน หนาผากเต็มไปดวยเม็ด
เหงื่อ
สวนหนุมปนคู ดวงตายิ่งฉายแววคมกริบ เอยขึ้นวา
“ไมสนละ พี่เกา พาคนคุมครองทานตูหนีไปตามเสนทางเดิม ขาจะตานไวให”
มอเกากับพวกรูสึกตึงเครียด มอเกาสายศีรษะ
“ไมได เจาตานไมไหวหรอก รออีกหนอย ขาไมเชื่อวาพวกเขาจะไมกลาปรากฏตัว!”
“แลวถาไมปรากฏตัวจริงๆ ละ? เราไมควรฝากความหวังไวกับผูอื่น พวกเราแมมิได
บําเพ็ญเพียร แตก็ไมควรใหผูอื่นคิดวาคนของจวนหมิงอองไมไดเรือ่ ง!”
หนุมปนคูแมอายุยังนอย แตดูเหมือนเปนคนพูดไดทําไดในกลุม
ไดยินดังนี้ มอเกากับพวกก็ตาแดง สุดทายพวกเขาก็กระโดดมายืนตรงหนาหนุมปน
คู
“รักษาตัวดวย!”
วาแลวมอเกาก็วิ่งเขาหาทานตู พลางแผดเสียงดัง
“ทานตู อยาพัวพันอีก หนีตามแผนเดิม ขาวถูกสงใหทานอองแลว เรื่องในวันนี้
ทานอองตองจัดการขั้นเด็ดขาดแน!”
ทานตูมองดูพวกเขาวิ่งตะบึงเขามา แตกลับสายหนานอยๆ
“พวกเจาไปกันกอน ขาจะลองตามพวกเขาไป มีทานอองอยู อาศัยภูตผีปศาจพวกนี้
ใหความกลาไป ก็ไมกลาสังหารขาหรอก”
“สังหารศิษยสํานักขา ไปไหนไมไดทั้งสิ้น”
ไดยินคําพูดพวกเขา ผูเฒาก็พูดขึ้นดวยน้ําเสียงใสเบาดังเดิม
เพียงแตพอสิ้นเสียง รางก็พลันขยับ ยกแขนขึ้นกลางอากาศ ปรากฏรัศมีแสงสีเขียว
ตาเหลือบมองหนุมปนคูที่อยูขางถนน ทาทีที่เบาสบายอยูแตเดิมเปลี่ยนเปนตื่นตกใจ
ทันที
ทวาสีหนาของหนุมปนคูยังคงเดิม เขาวิ่งออกในทิศทางตรงกันขามกับทางเดิมที่
ทานตูมา
ปนในมือขยับตามไมหยุด เขาวิ่งโดยไมหันมามองแมแตนอย ราวกับวาไมตองเล็ง
กอนหันมายิงกระสุนแตละนัดออกอยางเฉียบขาด จนหมดชุด
แมยิงไมถกู ผูเฒา แตเห็นชัดวา ผูเฒาไมสามารถไลตามตูเจวียนได ปนคูในมือเขา
สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไปขางหนาของผูเฒา
“คิดคุกคามขาอยางนั้นรึ?”
ในที่สุดปรมาจารยก็ยกแสงสีเขียวบนฝามือขึ้น แววตาเปลี่ยนเปนคมกริบ หันรางพุง
ตรงไปยังหนุมปนคู
รางปรมาจารยเร็วปานสายฟาแลบ ไมนานก็ตามทัน
“หนีไป!” หนุมปนคูวิ่งตะบึงพลางตะโกนรอง
ผูที่ลอมทานตูอยูแตเดิม เริ่มทําตามคําสั่ง ไลตามพวกมอเกาไป
“หนีไป!” มอเกากับพวกตะโกนรองเชนกัน
แมเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางกะทันหัน แตทานตูก็มองสถานการณออก แววตานาง
วูบไหว ที่สุดแลวก็ปลีกตัวออกจากกลุมคนอยางเงียบๆ พลิ้วกายถอยออกไปอีกทาง
กอนหนานี้เปนนางที่ตัดสินใจเดินตอ และการไมถอยออกในทันที ก็เปนการ
ตัดสินใจของนางเชนกัน ถึงไดทําใหเกิดสถานการณเชนนี้ขึ้น
แตนี่มิไดหมายความวานางเปนคนหัวแข็ง ตอนนี้นางชัดเจนดีวา หากตนเองยังอยู
ตอ ทุกคนอาจจบชีวิตลง ในทางกลับกัน หากตนเองหนีไปอีกทาง อาจสามารถปกปอง
ชีวิตทุกคนได
แมตนเองหนีไมรอด ก็ยังสามารถสรางโอกาสใหพวกเขา ขอเพียงหนีออกไปไดสัก
คน สํานักใบไผยอมไมกลาสังหารตนเอง แตก็เกรงวาตอนนี้พวกเขาจะไมเชื่อวาขาวได
ถูกสงออกไปแลว
แตขอเพียงหนีไปไดสักคน...
เปรี้ยง! ผูเฒาฟาดฝามือออก หนุมปนคูกระเด็นไปไกล กระอักโลหิต นอนแนนิ่งอยู
กับพื้น
ผูเฒาไมตามไปดู เพียงเหลือบมองเขากับปนในมือ แลวหันกาย พลิ้วรางกลับทาง
เดิม
“ไวชีวิต รอสอบสวน!”
ผูเฒาสงเสียงบอกศิษยที่เตรียมเขาไปจับหนุมปนคู แลวคอยทะยานรางตามทานตู
ไป
ทานตูรวบรวมพลังปราณตลอดทั้งราง ทะยานหนีอยางรวดเร็ว ไมนานก็พบวามีคน
ตามติดมา
ผูที่อยูดานหลังมีพลังปราณคุกคามอันแข็งแกรง ทวาดวงตาทานตูนิ่ง เมื่อเห็นคนผู
หนึ่งกําลังวิ่งตะบึงเขามาทางดานหนา เปนหนุมหาบเรพรอมไมคานกับตระกรา!
“หนีไป!” ทานตูรอง
แตหนุมหาบเรเหมือนไมไดยนิ ยังคงวิ่งเขามาอยางรวดเร็ว พลางรองคํารามออกมา
สามคํา
“เร็ว เร็ว เร็ว!”
และตอนนี้นี่เองที่ทานตูรูสึกวามีพลังคุกคามขนาดมหึมากําลังเคลื่อนเขาใกลตนเอง
จากดานหนาจึงรูสึกระตือรือรน มองไปยังตระกราที่หนุมหาบเรหาบอยู
ควันดําจางๆ พวยพุง ขึ้นจากตระกรา ลอยไปทางดานหลังของเขา กลิ่นกํามะถัน
เขมขนโชยแตะจมูก
ทานตูตื่นตระหนก เขาใจในทันทีวาในตระกราใสอะไรไว
นางโลดแลนอยูในยุทธภพหลายป เผชิญทะเลโลหิตเปนระยะ ชินชากับความเปน
ความตายมานาน แตตอนนี้นาทีนี้ หนุมหาบเรที่หนาผากเต็มไปดวยเหงื่อ ดวงตาแนวแน
วิ่งมาที่ตนเองอยางรวดเร็ว...
ไมสิ เขาวิ่งอยางกลาหาญไปยังผูที่มีพลังปราณคุกคามดานหลังนาง ทําใหขอบตา
นางมีน้ํารื้นๆ เออลนขึ้นโดยไมรูตัว นาทีนี้ นางกัดริมฝปาก ใบหนาสะสวยแดงขึ้นทันใด
มองดูรางที่คลายเต็มไปดวยพละกําลัง ขอใหเขาวิ่งไดเร็วขึ้นกวานี้ นางหลับตาลง พลัง
ปราณตลอดทั้งรางคุกรุน กอนฝามือของผูที่อยูดานหลังจูโจมมา นางเบี่ยงตัวหลบหนุม
หาบเรอยางรวดเร็ว
ตูม! เสียงดังสนั่นที่สามารถทําใหคนหูหนวก คลื่นความรอนขนาดมหึมาพวยพุงขึ้น
“อาก!”
พลังระเบิดลูกใหญจูโจมจากดานหลัง ทานตูถูกแรงอัดตัวลอยละลิ่ว กระอักโลหิต
รางลวงลงสูพื้น
ดวงตานางเลื่อนลอย ในความรางเลือน นางเห็นรางสองรางยืนอยูขางกาย กอนอุม
นางออกจากคลื่นความรอนที่อยูตรงหนา
รางของทานตูกําลังลอยอยูกลางอากาศ นางใชสติสัมปชัญญะสุดทายที่มี หันมองผู
ที่กําลังอุม พลางพูดในใจ
“เปนปรมาจารย! ปรมาจารยของจวนหมิงออง! เหตุใด...เหตุใดพวกเขาเพิ่งมา!”
ตอน 273 หมิงอองเรียกพบ
ยามเย็น แสงสีทองสองหลา นักพรตอุนสุราไวปานหนึ่ง ทํากับขาวงายๆ อีกสอง
สามอยาง หางตาและปลายคิ้วของเขากําลังยิ้มอยางอารมณดี เพราะเพิ่งไดรับขาววา
พระชายาเดินทางถึงเมืองหลวงอยางปลอดภัย
แมเปนนักพรตผูบําเพ็ญเพียรอยางสงบ แตใจก็อดไมไดที่จะรูสึกยินดีปรีดา คิดวา
เมื่อผานครั้งนี้ได มุมมองของทานอองที่มีตอพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไป
ตอจากนี้แมทานอองยังคงไมใหความสําคัญตอพวกเขาเฉกเชนพวกเถี่ยสง แต
นักพรตเชื่อวา อยางนอยในบรรดาสํานักเตา พวกเขาจะเปนสํานักที่ทานอองเชื่อใจได
มากสุด
ตอไปภายภาคหนา ถาทานอองสามารถเปนมังกรที่โผลขึ้นเหนือน้ําและมีบารมีหมื่น
ลี้ไดจริง สํานักไทเสวียนของพวกเขาก็ไมแนวาอาจเปนดังเชนสี่ขุนเขาในสมัยองคเซิ่งอู
อาศัยพลังมังกร กาวขึ้นสูผูนําสํานักเตา ซึมซับเกียรติยศอันสงางามไมรูจบ!
หากมีวันนั้นจริง สํานักไทเสวียนจะเปนไปในรูปแบบใดหนอ
สวนตัวนักพรตเอง ตอแตนี้ก็ตองกลายเปนประวัติศาสตรของสํานักไทเสวียน เปน
บุคคลสําคัญที่ถูกจารึกไวอยางจริงจัง
“คิดมากไป คิดมากไป ฮาฮา ฮาฮาฮา...”
นักพรตอดไมไดที่จะปลาบปลื้มใจ จนสามารถหัวเราะออกมาขณะอยูในภาพฝน
พูดตามตรง นักพรตก็มีอายุมิใชนอย ตอนนี้ยังมาแสดงทาทีนาเอ็นดูเชนนี้อีก นาขัน
จริงๆ
แตผูที่อยูในยุคสมัยนี้ และไดรับการสั่งสอนมาเชนเดียวกับพวกเขา ก็จะรูสึกไดวา
หากสามารถทําใหคนในตระกูลมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พวกเขาก็จะรูสึกภาคภูมิใจยิ่ง
ขณะกําลังปลื้มปติอยางฉุดรั้งไวไมอยูน ั้น หนาประตูก็มีเสียงฝเทาดังขึ้น
“อืม แคกแคก...”
นักพรตรีบเก็บรอยยิ้มบนใบหนา เขาอยูในสถานะอะไร ปรมาจารยแหงยุคเชียวนา
ตองสํารวมหนอย
เสียงฝเทาเบาแตมั่นคง นักพรตขยับสายตามองประตู เห็นผูมาเปนชายหนุมผูหนึ่ง
หลังอาจิ่วจากไป ผูที่คอยรับใชอยูขางกายหมิงอองก็คือ เหลียงจวิน
“ใตเทา” เหลียงจวินยืนนิ่ง โคงคํานับอยูหนาประตู
นักพรตมองเขาพลางกะพริบตาเล็กนอย
เดิมทีผูที่ไดรับความเชื่อใจและอยูขางกายหมิงอองมาตลอดก็คือเถี่ยสงกับพวก
รวมทั้งอาจิ่ว แตตอนนี้เนื่องจากจวนหมิงอองมีเรื่องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงคอยๆ เปด
กวางใหแตละคนควบคุมจัดการเรื่องตางๆ แทน
คนขางกายหมิงอองก็คอยๆ เปลี่ยนเปนคนใหมๆ ดังเชนเหลียงจวิน
นักพรตพลันรูสึกขึ้นมาวา เถี่ยสงกับพวกที่อยูขางกายหมิงอองมาตลอด มิไดมีไมตรี
จิตกับคนจากสํานักเตาอยางพวกเขาเทาใดนัก นักพรตคิดคบหาใหสนิทใจก็แทรกตัวเขา
ไปลําบาก
แตพวกเหลียงจวินกลับไมเหมือนกัน ใชวาไมสามารถคบกับพวกเขาได แมตอนนี้
พวกเขายังไปไมถึงตําแหนงของเถี่ยสงกับพวกในจวนหมิงออง แตชาเร็วก็ตองถูกหมิง
อองใชงานในเรื่องสําคัญ
“เหลียงจวินนั่นเอง!”
คิดถึงตรงนี้ คิ้วของนักพรตพลันออนโยนขึ้นมา รีบนําชั้นเตี้ยๆ มาตั้งบนตั่ง ยกมือ
คารวะตอบ ทักทายอยางกระตือรือรน
“ขาเพิ่งอุนสุราไวปานหนึ่ง กําลังกลุมที่ไมมีใครดื่มเปนเพื่อน เจามาไดจังหวะพอดี
เรามาดื่มกับขาสักจอกสองจอกเปนอยางไร”
ความกระตือรือรนและความไมพิถีพถิ ันของนักพรต เปนสิ่งที่เหลียงจวินคาดไมถึง
เปนอยางที่นักพรตคิดไวจริงๆ คนอยางพวกเขาไมสามารถมีทาทีที่หยิ่งทะนงดังเชน
อาจิ่วกับพวกได สําหรับปรมาจารยอยางทานนักพรต พวกเขายอมตองใหความเคารพ
เปนอยางสูง
จึงเห็นไดชัดวา ถาพวกเขาไมมีธุระ ยอมไมมา พอไดยินคําชักชวนจึงรีบปฏิเสธอยาง
นอบนอม
“ใตเทา ทานอองเรียนเชิญ!”
“ได งานสําคัญกวา เราคอยดื่มกันทีหลัง!”
นักพรตไดยินก็ยิ้มพยักหนา นําเสื้อคลุมขึ้นสวมพลางถาม
“ขาเพิ่งกลับออกมาจากหองทานออง มีอะไรเกิดขึ้นในจวนหรือเปลา?”
ขณะทั้งสองเดินออกจากประตู บังเอิญมีศิษยคนหนึ่งวิ่งเขามาอยางรวดเร็ว จน
เกือบชนเหลียงจวินเขาให นักพรตแสดงสีหนาไมพอใจ เอยปากเอ็ด “จะรีบรอนไป
ไหน!”
พอเงยหนาขึ้นเห็นอาจารยอยูตรงหนา เขาก็รีบเอยปากตอบ “อาจารย...ศิษยมีเรื่อง
สําคัญ...”
แตพอหันไปเห็นเหลียงจวิน ก็หุบปากไมพูด หนาผากผุดเม็ดเหงื่อ
ตอนนักพรตมาประจําในจวนหมิงออง ไดพาศิษยมาสองสามคน ไวใชติดตอกับคน
ในสํานัก ดวยเขาเพียงลําพังเขาออกจวนไมสะดวก
ตอนนี้พอเขาเห็นสีหนาศิษย ก็รูแลววาทางสํานักตองมีเรื่องดวนแน แตศิษยผูนี้กลับ
ไมพูดขณะเหลือบไปเห็นเหลียงจวินยืนอยูขางๆ แสดงวาไมตองการใหคนในจวนหมิง
อองรู กิริยาเชนนี้ทําใหนักพรตรูสึกโกรธ เพราะคิดวาหากมีเรื่องไมสะดวกจะพูด ก็ควร
พูดเฉไฉเรื่องอื่นไปกอน ไมควรทําใหคนเขารูสึกวามีเรื่องปกปดเขา
โงเงาเสียนี่กระไร นักพรตเห็นเขาไมมีไหวพริบ จึงโบกมือปราม “วันนี้ขาเห็นเจา
งุนงานทั้งวัน ก็ไมเห็นมาขอใหขาชวยจัดการ เรื่องทางบานไมตองรีบ รอขากลับมากอน
คอยวากัน!”
“ขอรับ” ศิษยไดยินก็รูสึกไมเปนธรรมอยูบาง แตก็ไมกลาเอยปาก ไดแตถอยออกไป
“ศิษยขาไมรูกาลเทศะ ทําใหเจาขบขันแลว”
นักพรตประสานมือใหเหลียงจวิน ยิ้มพลางวา “ไปกันเถิด”
เหลียงจวินเคารพตอบดวยสีหนาจริงจัง “ใตเทา เชิญ”
ทวากอนไป เหลียงจวินกลับกวาดตามองศิษยที่ยังคงจองมองพวกตนอยู จึงพอจะ
เดาไดวา พวกเขาก็คงจะรูขาวแลวเชนกัน
ขณะเดินไป เหลียงจวินยังไมวายที่จะเหลือบตามองนักพรต แตเมื่อเห็นนักพรตยังมี
ทาทีสบายๆ เขาจึงเงียบ ไมคิดสงเสียงใดๆ แนนอนวาเขารูเรื่องแลว เพียงแตตองปฏิบัติ
ตามหนาที่ ไมสามารถบอกกลาวนักพรตแมเพียงครึ่งคํา
สวนนักพรตผูเดินอยูขางกายเขา จริงๆ แลวมิไดรูสึกสบายใจแมแตนอย ทั้งๆ ที่เมื่อ
ครูเพิ่งกลับมาจากหองของทานอองยังไมทันไรก็ถูกมาเชิญกลับไปอีก บวกกับศิษยที่รอน
รนรีบรุดมา ทุกสิ่งทุกอยางไดบอกเขาอยางชัดเจนวา ทางสํานักเกิดเรื่องขึ้น และที่ทาน
อองเชิญพบก็นาจะเปนเรื่องซึ่งเกี่ยวของกัน
พระชายาเกิดเรื่องขึ้นหรือ?
นักพรตใจสั่น!
วันนี้ไมมีฝน มีแตลม!
วันนี้ตรงกับวันจาย พรุงนี้เปนวันไหวหรือวันสงทายปเกาที่เรียกกันวาฉูซี
หนาตางถูกเปดทิ้งไว มอไปยืนอยูริมหนาตางตามลําพัง มองดูอาทิตยอัสดง
ดานหลังของเขา บนโตะกลางหองมีของวางไวคลายกับของนักพรตเมื่อครู สุราหนึ่ง
ปาน และกับขาวไมกี่อยาง แสดงใหเห็นวาเมื่อครู มอไปก็กําลังนั่งทานขาวเชนเดียวกับ
นักพรต
เพียงแตตอนนี้ สุราเย็นแลว กับขาวก็เย็นแลว เขาจึงวางตะเกียบลงแลวเดินมายืน
เงียบๆ ขางหนาตาง
ตอนนักพรตมาถึง จึงไดเห็นกับขาวที่ทานไปเพียงครึ่งหนึง่ พอหันมองแผนหลังที่
เงียบงันดุจขุนเขา หนังตานักพรตก็กระตุกขึ้นมาโดยไมรูตัว
“ทานออง” เหลียงจวินมิไดเขามา นักพรตเดินเขามาเองอยางเงียบๆ กอนโคง
คํานับมอไป
“อาว!” มอไปที่ยืนอยูขางหนาตางไดยินเสียง จึงหันมามองนักพรต “มาแลวรึ”
นักพรตเงยหนา อาศัยแสงสีทองมองดูมอไป เห็นสีหนามอไปเรียบนิ่ง ทาทาง
สบายๆ มองไมออกแมแตนอยวาอารมณไมดีตรงไหน
แตยิ่งเปนเชนนี้ ก็ยิ่งทําใหนักพรตจับจุดไมถูก ดังคําพูดที่วา ผูที่สนิทสนมดวย
แสดงวากําลังพูดความจริงกับทาน สวนผูที่เหินหางกับทาน แสดงวากําลังเสแสรง
นักพรตจึงไมกลาคาดเดาอะไรมาก ทําความเคารพอีกครั้ง ไมกลาทําอะไรผิดอีก
“ทานออง มีเรื่องตองการกําชับขาหรือ”
“นั่งสิ” ใบหนามอไปปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กนอย กอนเดินมาที่โตะ ผายมือออก “คิด
วาเจายังไมไดกินขาว...มา...เรามากินไปคุยไป”
นักพรตกมลงมองของบนโตะ เห็นชัดวามีชามและตะเกียบเพียงหนึ่งชุด จึงรีบตอบ
“มิกลาชักชาเรื่องงาน ขอเพียงทานอองสั่งมา แมบุกน้ําลุยไฟขา...”
มอไปนั่งลงแลว ยิ้มราวกับวาไมจําเปนตองทําเชนนี้ จึงโบกมือปรามไมใหเขาพูด
กอนเงยหนามองออกไปดานนอก
“เหลียงจวิน นําชามกับตะเกียบมาใหทานนักพรตหนอย”
“ขอรับ” เสียงขานรับหนาประตู
นักพรตจึงนั่งลงอยางกระสับกระสาย มอไปยกปานสุรา รินสุราใหเขา ยิ้มพลางวา
“ยังไมเคยดื่มสุรากับทานนักพรตเลย ดูไปแลวขาเองก็สะเพรา สุราในจวนเกรงวา
จะสูสุราหมักจากผลองุนของสํานักทานไมได ทานนักพรตมาอยูนี่หลายวัน คงอึดอัด
แย!”
เปรี้ยง!
นักพรตเหมือนถูกสายฟาฟาด แผนหลังเต็มไปดวยเหงื่อ มือที่เพิ่งยกจอกสุราเริ่มไม
นิ่ง แววตาตื่นตระหนก รีบลุกขึ้นคุกเขาลงกับพื้น พูดอยางหวาดๆ
“ที่ทานอองพูดมา กระหมอม...ไมกลารับ!”
“ทานนักพรตทําอะไร? รีบลุกขึ้นกอน!” มอไปเห็นเขาทําเชนนี้ ก็ตกใจจนยิ้ม
ออกมา แลววา “ขาเพียงรูสึกเสียใจไปชั่วขณะ เปนความจริงที่วาหลังออกจากเมือง
หลวงในปนั้น ขาก็ไมเคยลิ้มลองสุราเลิศรสอีก ผานไปเนิ่นนาน จึงกลายเปนความเคยชิน
ถาทานนักพรตไมรูสึกอึดอัดใจ ขาก็วางใจ”
ใบหนานักพรตเต็มไปดวยเหงื่อขณะถูกมอไปเชิญใหนั่งลงใหม แตจะดื่มสุราลงได
อยางไร เขารูวาตองเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับศิษยรวมสํานักในเมืองหลวงแน
จึงแอบปรายตามองสีหนาหมิงออง แตจนแลวจนรอดก็ยังไมรูวาหมิงอองคิดอะไร
อยู
“สํานักเตาชั้นแนวหนายอมมีความยอดเยี่ยม ในโลกนี้แมมีสีสันหลากหลาย มีทุกข
มีสุข แตก็มีขอจํากัด ไมเหมือนเทพเซียนผูหลุดพนอยางแทจริง!”
การทานขาวมื้อหนึ่ง ยากนักที่หมิงอองจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับชีวิตความเปนไปใน
สํานักเตา และยังพูดอยางเสียดายอีกวา
“หากมิไดเกิดเปนเชื้อพระวงศ และไมตองเผชิญกับสถานการณวุนวาย ขาก็อาจไป
เปนคนปาในเขาที่ไหนสักแหง”
นักพรตไมเขาใจความหมายที่ลึกซึ้งของคําพูดมอไป จึงตอบอยางระมัดระวัง
“สํานักเตาตองหลุดพน แตก็ตองค้ําจุนราชสํานักและสรางความสงบสุข ตอนนี้
บานเมืองไมสงบ เกิดสงครามรอบดาน ทานอองจึงตองเปนมังกรทะยานฟา ทําให
บานเมืองที่ยุงวุนวายสงบลง แตถาทานอองคิดไปเปนคนปา สรางสํานักเตาขึ้นใหม จาก
ความสามารถอันนาทึ่งของทานอองยอมไมใชเรื่องยาก ทวาหากเปนเชนนี้จริง ก็จะไมมี
ทานคอยบําบัดทุกขบํารุงสุข อยาวาแตพวกเราที่ตองพึ่งพาความเมตตาจากราชสํานักก็
ตองไปเปนนักพรตหลีกหนีความวุนวายทางโลก ราษฎรในใตหลาก็ตองพบกับความมืด
มิดอยางไมสิ้นสุด ซึ่งการเปนผูนํานั้นเปนสิ่งที่ยากยิ่ง!”
“ฮาฮา!” มอไปไดยินก็หัวเราะเสียงดัง “ทานนักพรตก็พูดเกินไป ลําพังขาเพียงผู
เดียว แมมีพละกําลังเปนพันๆ ชั่ง ก็ไมสามารถพลิกภูเขาสูงลูกนั้นได พูดอยางไมอายก็
แลวกันวา หากไมมีสํานักไทเสวียนทุมกําลังสนับสนุนแลวละก็ เกรงวาขาก็ไมอาจ
รับประกันกระทั่งความปลอดภัยของพระชายา...มา...ขาขอดื่มใหทานหนึ่งจอก ขอบคุณ
ทานและศิษยรวมสํานักที่คุมครองพระชายาขาใหกลับสูเมืองหลวงไดอยางปลอดภัย”
นักพรตรีบยกจอกขึ้น
“ทานอองชมเกินไป เกิดเปนขาราชบริพาร ยอมตองแบงเบาความกังวลของนาย
รักษาความปลอดภัยใหนายหญิง สิ่งเหลานี้สํานักไทเสวียนลวนสมควรทํา”
วาแลวก็ดื่มสุรารวดเดียวหมดจอก พลันรูสึกสบายใจขึ้น ดูไปแลวไมนาเกิดเรื่อง
อะไรขึ้นกับพระชายา ไมมีเรื่องอะไรก็ดี ดีมากจริงๆ!
ขอเพียงพระชายาไมเปนอะไร สําหรับนักพรตแลว เรื่องอื่นๆ ลวนมีทางอธิบายได
ตอน 274 พอลูกตระกูลเจิ้ง
มอไปวางจอกสุราลง หยิบกลองผาไหมที่อยูบนโตะมอบใหกับนักพรต
“ทานนักพรต การที่สํานักไทเสวียนเปนธุระคุมครองพระชายากลับเมืองหลวงไดใน
ครั้งนี้ นับเปนผลงานชิ้นเยี่ยม อันที่จริงควรตบรางวัลใหอยางงาม แตเนื่องจากตอนนี้ขา
กระเปาแหง จึงตองปรุงยาจิว่ หยวนตันขึ้นเปนพิเศษดวยตัวเองเพื่อใหเปนของขวัญ งาน
นี้ขาจะจดจําไว วันขางหนา ขาคอยมอบของขวัญชิ้นใหญให!”
“จิ่วหยวนตัน!” นักพรตตะลึงงัน มองดูกลองผาไหมพลางสั่นเทิ้มไปทั้งราง
ไมควรตําหนิที่เขาตื่นเตนขนาดนี้ ดวยเมื่อกอนขณะที่เขาบําเพ็ญเพียรติดอยูในขั้น
อาจารยมานานหลายปอยางไมเห็นหนทางที่จะกาวผานความยากลําบากนี้ไปได และใน
ปนั้น ยาจิ่วหยวนตันหนึ่งเม็ดของทานอองบวกกับการชี้แนะวิถีเตาในคืนวันรุงขึ้น เขาจึง
สามารถรวบรวมพลังปราณทั้งหมดไดในคืนนั้น และกาวเขาสูพรมแดนใหมแหงเตา
หลายปที่ผาน สํานักไทเสวียนจึงเคารพนับถือทานอองมาก กระทั่งไมเสียดายในการ
ใหศิษยทุกคนในสํานักสิโรราบตอทานออง พูดไดวา เขาไมมีวันลืมความโชคดีเชนนี้ไป
ตลอดชีวิต
“ทานออง ของขวัญชิ้นใหญขนาดนี้ กระหมอม...ไมกลารับ!”
ความเยายวนใจเชนนี้ยากปฏิเสธจริงๆ แตตอนนี้เวลานี้ นักพรตตองยับยั้งชั่งใจ มิใช
อื่นใด เปนเพราะเขายังรูสึกไมสบายใจอยู
ถาไมมีเรื่องใดเกิดขึ้นจริง อาศัยผลงานคุมครองความปลอดภัยใหพระชายาแลวได
ยาเม็ดนี้เปนรางวัล เขายอมปติยินดียิ่ง แตตอนนี้ดวยไมรูวาศิษยรวมสํานักทําอะไรกัน
แน ถาพวกเขาทําสิ่งที่ขัดตอความตองการของทานออง ยาวิเศษเม็ดนี้แมดีอยางไร เขาก็
ไมกลารับไว
“รับไวเถิด กอนหนานี้ขาเตรียมจะใหเจาอยูแลว ยาเม็ดนี้สรรพคุณไมเลวก็จริง แตก็
ชวยเดินพลังภายในบางสวนเทานั้น ใชวาทานไปแลวจะเปนอาจารยไดทันที สิ่งที่ขาให
ไมเทากับสิ่งที่พวกเจาอุทิศให ดังนั้นขาจึงละอายที่จะให
เดิมทีคิดอดทนรอจนถึงปหนา เก็บสมุนไพรหายากใหไดมากกวานี้ คอยเริ่มปรุงยา
ตัวใหมที่มีสรรพคุณดีกวา แลวคอยสงมอบใหพวกเจา แตคิดไปคิดมา ก็ชักไมแนใจวาคน
ในสํานักเจาตองการยาชนิดนี้หรือไม หากมีคนทานแลวดี จะไดรีบทําใหทานกัน ดังนั้น
จึงเรียกเจามารับยาตัวนี้ไปกอน”
มอไปยิ้มพลางสายศีรษะ
นักพรตชะงักเล็กนอย ที่เรียกตนมาเพื่อการนี้เองหรือ?
ในที่สุดนักพรตก็รับไว
แตก็ยังไมสบายใจอยูดี รูสึกวาควรถามออกไปตรงๆ ดีกวา ทานอองที่นั่งอยูตรงหนา
แมเยาววัย แตเหมือนทะเลอันกวางใหญที่ไมรวู าลึกแคไหน เพราะจนถึงตอนนี้ การลอบ
สังเกตสีหนาทาทางของทานออง ไมเกิดประโยชนแมแตนอย ไมไดขอมูลอะไรเพิ่มเติม
เขาจึงเลือกที่จะพูดอยางตรงไปตรงมา
“ทานออง เมื่อครูมีศิษยผูหนึ่งกําลังจะบอกขาวจากทางสํานัก แตพอดีทานออง
เรียกพบ ขาจึงยังไมทันถาม แตก็อดคิดไมไดวาคนในสํานักมิไดปฏิบัติภารกิจเชนนี้มา
นานหลายป เกรงวาพวกเขาอาจผิดพลาด จึงกังวลวาพวกเขาอาจทําอะไรที่ทําใหทาน
อองตองเดือดรอน”
มอไปสายศีรษะ
“เรื่องคุมครองความปลอดภัยพระชายาเรื่องนี้ พวกเขาทําไดดี สํานักไทหยวนทําได
ดีจริงๆ !”
นักพรตเงยหนา ไมเห็นทานอองมีความผิดปกติใดๆ จึงคอยพยักหนา “ที่พระชายา
ปลอดภัย ก็ดวยบุญบารมีของทานออง”
มอไปหัวเราะ “ไปเถิด วันหนาเห็นทียังตองรบกวนทานนักพรตกับศิษยสํานักไท
เสวียนอีก หวังวาทางสํานักสามารถทุมเทสรรพกําลังสนับสนุนเต็มที่ ขาในตอนนี้แมมี
ความสามารถจํากัด ก็ตองทุมเทตอบแทนเต็มที่เชนกัน ไมใหทางสํานักตองเสียแรงเปลา
อยางแนนอน”
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตา เพื่อทานอองแลว สํานักไทเสวียนจักพยายามอยางสุด
ความสามารถจนกวาชีวิตจะหาไม” นักพรตทําความเคารพและแสดงความขอบคุณ
“ไปเถิด” มอไปมองเขาพลางกลาวเสียงเบา
“ทานอองยังมีเรื่องกําชับเพิ่มเติมอีกหรือไม?” นักพรตถามขึ้น
มอไปลุกขึ้นยืน สายศีรษะ “ไมเปนไร ลําบากทางสํานักมามากแลว เรื่องอื่นขา
จัดการเองได!”
นักพรตคอยจากไป
มอไปเดินไปยืนขางหนาตางเหมือนเดิม มองดูแผนหลังที่ถือกลองยาไวในมือ นิ่ง
เงียบอยูสักพัก
ทองฟาคอยๆ มืดค่ําลง มอไปยังคงยืนอยูริมหนาตาง
ทันใดนั้น ไดยินเขาเรียก “เหลียงจวิน!”
“ทานออง” เหลียงจวินปรากฎตัวขึ้น
“ลาสุดพอลูกตระกูลเจิ้งเปนอยางไรบาง?”
มอไปมองดูแสงไฟสลัวๆ ของเรือนปกตะวันตก พลันนึกขึ้นไดวาในจวนยังมีคนนอก
อีกสองคน
หมูนี้เขายุงมาก จนลืมทั้งสองเสียสนิท
“พวกเขาอยูแตในหองปกตะวันตก ผูจัดการเฉินก็พักรักษาตัวอยูที่นั่น แตคุณหนู
เจิ้งยังเดินมาดูแลแมนางหนิงเออรอยูบ อยๆ ” เหลียงจวินรายงาน
มอไปคิดๆ กอนหันกายมา
“อืม นี่ก็ใกลปใหมแลว ใหพวกเขาอยูแตในนี้ ก็ควรไปเยี่ยมเยือนหนอย” วาแลวก็
กาวเดิน
เหลียงจวินเดินตาม มอไปหยุดกึก หันมองเขา
“เจาไปหาหนิงเออร บอกใหนางไปหาพี่ชาย สักพักขาคอยตามไป”
“นางอยูบริเวณเดียวกับหัวหนาเถี่ยหรือไม?” เหลียงจวินไมแนใจจึงถามซ้ํา
หลายวันมานี้ หนิงเออรมาหามอไปเพื่อขอพบพี่ชาย แตกลับถูกปฏิเสธ
“อืม ไปเถิด” มอไปพยักหนา หันกายเดินจากไป
หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น พอลูกตระกูลเจิ้งก็ยายมาที่นี่ และอยูมาโดยตลอด
เดิมทียอมรูสึกตื่นตัวและไมคุนชินสถานที่ แตพอผูจัดการเฉินฟน ก็มักเดินมาคุย
เปนเพื่อนผูอาวุโสเจิ้ง ตอมามอไปไดสงคนออกไปตามหาและรับตัวคุณชายเจิ้งมารักษา
หลังจากจัดยาใหทานและไดยินวาเห็นผล มอไปก็คอยๆ เบาใจลง
สวนคุณหนูเจิ้ง เจิ้งหลิงหลง ยังดีที่ใชเวลาในแตละวันดูแลผูใหญสองทาน และเดิน
ไปคุยกับหนิงเออรอยูเปนประจํา แมหนิงเออรอายุนอยกวานาง แตทั้งสองก็มีหัวขอที่คุย
กันไดเรื่อยๆ
“ไมตองหวง คําพูดผูจัดการเฉินอยางขา เจายังไมเชื่ออีก เจาดู ขาใชอยูตัวคนเดียว
ในที่นี้หรือไม แลวอยางไร เจาเห็นขารอนรนหรือไม? ฉางชิงบอกแลววาครอบครัวขา
สบายดี ก็ยอมไมมีเรื่องอะไร ถาขาไมเขาใจในตัวเขา ขาจะกลาอยูที่นี่อยางสบายใจไดรึ
เจาควรปลอยวางเสียบาง ครอบครัวเจากับลูกชาย ไมมีปญหาแนนอน เรื่องอื่นขาไมกลา
พูด แตเรื่องฝมือการรักษา ในโลกนี้ขาเชื่อฉางชิงเพียงผูเดียว มิฉะนั้นแลวขาจะกลา
เขียนจดหมายบอกเจาใหพาลูกชายเดินทางไกลมารักษาที่หมิงจูนี่รึ? รออีกสักหนอย พอ
เจาไดเห็นลูกชายอีกครั้ง ยอมตองเห็นวาเขาก็เปนคนหนึ่งที่มีสติปญญาแจมใส สามารถ
สืบทอดกิจการทางบานไดอยางแนนอน”
ตอนมอไปมาถึง ไดยินเสียงผูจัดการเฉินดังมาพอดี เสียงของเขาดังกังวานใชยอย
น้ําเสียงมีพลัง และมีทวงทีคุยโมคุยโตเหมือนเดิม
“ไม ขาไมไดหมายความเชนนี้ ใชวาขาไมเชื่อทานออง เพียงแตมองๆ ไปนีก่ ็ใกลป
ใหมแลว ที่บานไมมีหัวเรือใหญคอยจัดการเรื่องตางๆ ไมรูวาจะยุงแคไหน...เฮอ...”
เสียงของผูอาวุโสเจิ้งฟงดูเศราสรอย
“อาเจิ้ง คบกับเจามานานหลายป มีรึที่ขาจะไมรูวาเจาชอบคิดแทนผูอื่น แตบอก
ตามตรง สถานการณในตอนนี้ มีบางอยางที่เจาไมควรทํา!”
น้ําเสียงผูจัดการเฉินพลันเปลี่ยน บางคําล้ําลึกและทรงพลัง
“ขา...” ผูอาวุโสเจิ้งคลายขมขื่นใจ
ผูจัดการเฉินพูดตอ “อาเจิ้ง อยาหาวาขาพูดจาขวานผาซากเลย ความคิดอานของ
เจา ขารูดี จริงๆ แลวไมเพียงแตเจาที่กลัว ขาก็กลัว ตอนนี้เราติดอยูที่นี่ เขาก็ไมได ออก
ก็ไมได แลวยังอาจทําใหหมิงอองเดือดรอนอีก มีสภาพอนาถยิ่ง! แตเรื่องทุกเรื่องยอมมี
ที่มาที่ไป เราไมสามารถโกรธเคืองคนเขาเชนยามปกติไรศึกสงครามได อยาวาแตจวนห
มิงอองนีค่ นเขาบังคับใหเรามาหรือเปลา? ก็ไม เพราะคนเขาตองการชวยชีวิตเรา
ตางหาก”
ไดยินถึงตรงนี้ มอไปก็ชะงักเทา ไมไดคิดแอบฟงพวกเขาคุยกัน แตเพราะยุงมา
ตลอด จึงไมมีเวลาคิดถึงหัวอกพวกเขาจริงๆ ตอนนี้พอไดยินคอยรูสึกวา ใหพวกเขาอยู
ที่นี่นานไปก็ไมเหมาะสม
อยางไรพวกเขาก็เปนคนธรรมดา
เสียงผูจัดการเฉินดังขึ้นอีก “พูดตามตรง ถาเมื่อกอนขารูวาคนเขาเปนทานอองที่
เคารพยิ่งแลวละก็ ไหนเลยจะกลาเอยปากใหเขาชวยเรา เราอยูตอหนาเขานับเปนตัว
อะไร? เขายุงอยูกับความสงบสุขของชาติบานเมือง ชีวิตธรรมดาสามัญอยางเราๆ จะมี
ผลอะไรกับสถานการณ? แลวผลเปนอยางไร คนเขาไมไดพูดอะไรสักคํา เสี่ยงชีวิตเพื่อ
ชวยชีวิตเราไว นี่คืออะไร นีค่ ือคุณธรรมน้ํามิตร เราตองซาบซึ้งใหมาก”
“ตอนนี้เรามีอันตรายก็จริง แตเราก็ไมควรเอาแตหวงตัวเองแลวเนรคุณเขา เราไป
ไดก็จริง แลวเขาเลา? เขาชวยเราไวนะ หรือเราจะทําใหเขาเดือดรอนอีกรอบ ออกไป
ชวยเราตอนเราออกไปใหคนเถื่อนจับ พี่เจิ้ง ถาพูดถึงเรื่องบุญคุณตองทดแทนแลวละก็
ไมวาจะอยางไร เขาก็มีน้ําใจกับเรา มิไดแคนเคืองอะไรเรา แมเราทดแทนไมได ก็ไมควร
ทําเรื่องที่ไมดีตอเขา!”
“นี่ ขาไมไดหมายความเชนนี้จริงๆ เพียงแต...เฮอ!”
ผูอาวุโสเจิ้งตอบเสียงต่ํา แตสุดทายก็มิไดพูดอะไรออกมา เพียงถอนหายใจยาวๆ
เสียงผูจัดการเฉินพลันดังขึ้นอีก “ความจริงวันนัน้ ที่หลิงหลงพูด ขาไดยินหมดแลว!”
“หา?” ผูอาวุโสเจิ้งคลายรูสึกอีหลักอีเหลื่อ
“เรื่องหลานของเจาจริงๆ แลวเปนอยางไรนั้นขาไมชัดเจน แตขากลารับรองวา ถา
ฉางชิงฆาเขาจริงๆ นั่นก็แสดงวาเขาสมควรตายจริงๆ คํานี้ขาอาจไมควรพูด แตขาไมพูด
ไมได ดูจากเรื่องนี้ หรือยืนอยูในมุมของเจาๆ รูสึกไมสบายใจก็ถูก แตยังคงเปนคําคําเดิม
ขากับเจาเปนใคร? เขาไมไดติดคางอะไรเรา เราไมสามารถขอรองใหเขาทําเรื่องอะไร
เพื่อเห็นแกเราเปนอันขาด ใช นั่นมันหลานเจา แลวอยางไร? หรือเพื่อหลานเจาแลว จะ
ใหอองอยางเขาไมใสใจในชีวิตของตัวเองหรืออยางไร? หามฆาหลาน? ดี เขาฆาแลว
อยางไร หรือหลานเจาสนิทกับเจามากกวาลูกชายเจา? แตตอนนี้ผูที่ชวยลูกชายเจาคือ
เขานะ”
ผูจัดการเฉินพูดไดอยางล้ําลึกและทรงพลัง
แตมอไปที่อยูนอกเรือนกลับยืนซึมเซา
เขาเพิ่งนึกไดวา ในกลุมศิษยสํานักเตาคลายมีอยูคนหนึ่งเปนคนตระกูลเจิ้งจริง และ
เพราะคนผูนี้ พอลูกตระกูลเจิ้งจึงสามารถมาถึงหมิงจู
แตนับวามอไปยังสงบนิ่งได เห็นชัดวา เขาไมรูสึกเสียใจอะไรในการสังหารศิษย
สํานักเตาไปคนหนึ่ง
ขณะเผชิญหนากับศัตรู ถาเจาไมตายขาก็มวย
สมควรชวยก็ชวย สมควรฆาก็ฆา!
“อาเฉิน ขาไมไดโกรธแคน จริงๆ นะ บุญคุณของทานอองขาก็ยังจดจําไวในใจ”
ผูอาวุโสเจิ้งพูดแลว ภายใตแสงโคม เห็นเหมือนเขาลุกขึ้นยืน รางกระเผลกเล็กนอย
“เพียงแตอาเฉิน เจาวา วันหนาพอขากลับบานแลวจะเผชิญหนาคนในบานอยางไร?
ผูมีพระคุณสังหารลูกหลานตระกูลเจิ้ง แลวยังเปนหลานที่มีอนาคตมากสุดในตระกูล
ดวย”
ผูจัดการเฉินเงียบไปสักพัก เขาเหมือนเขาใจเรื่องที่ผูอาวุโสเจิ้งตองแบกรับไวภายในใจ
“เรื่องทุกเรื่องมองไดทั้งแงบวกและแงลบ เจาไมมา คิดวาหลานเจาตายไมไดอยาง
นั้นรึ? พูดก็พูด เรายังไมชัดเจนในตําแหนงที่เรายืน คนเขาฆาไมฆาหลานเจา ไมใชเรื่องที่
เจากับขาจะหยุดยั้งได และไมใชเรื่องที่เจากับขาจะทําอะไรได เรื่องบางอยาง เจาก็อยา
หาวาขายืนพูดในมุมของฉางชิงเลย จริงๆ แลว วันนั้นที่กลุมศิษยสํานักเตาเขามาใน
สํานักแพทย ขาก็อยูในเหตุการณ ตอนนั้นหลานเจากับคนกลุมนั้นขยับปากก็จะฆาคน
ถายเดียว เจารูไหมวาพวกเขาจะฆาใคร? เด็กสาว เด็กสาวหนิงเออรนะ เจาวาเด็กสาว
อายุเทาไหร อยูในวัยที่ยังไมรูเรื่องอะไรดวยซ้ํา พวกเดียรัจฉานนั่นก็จะลงมือฆานางแลว
ขาไมกลัวที่จะบอกเจาวา เสียดายที่ขาไมมีวรยุทธ ถาขาจับดาบตอสูไดละก็ ตอนนั้นขาก็
ตองฆาพวกเดียรัจฉานนั่นเหมือนกัน!”
ฟงถึงตรงนี้ มอไปก็ไมคิดฟงอีก เขาตัดสินใจแลว จึงกาวเทาเขาไปดานใน
และในตอนนี้เอง ที่ไดยินผูจัดการเฉินพูดขึ้นอีกวา
“เพียงเสียดาย ที่ตอนแรกขาคิดจับคูใหหลิงหลงกับฉางชิง...เฮอ!”
ใตแสงโคม ผูจัดการเฉินสายศีรษะ
มอไปชะงักเทา หันมองอีกทาง หองที่อยูขางๆ
แมผนังหองขางๆ จะอยูหางจากคนทั้งสองอยูหนึ่งหนาตาง แตอาศัยการบําเพ็ญ
เพียรของมอไป ก็สามารถรูสึกไดวาในหองมีคนอยูและรางของคนผูนี้กําลังสั่นเทิ้ม
มอไปแหงนหนาขึ้น มองดูดวงจันทร ในหัวสมองของเขาพลันนึกถึงหญิงสาวที่ไม
เคยพบเจอกันมานานหลายป หญิงสาวที่ทําใหใจเขารูสึกแปลกๆ ในชวงที่เพิ่งมาถึงหมิง
จู
จนถึงตอนนี้ ในหัวสมองของเขายังคงสามารถจดจําภาพภายใตแสงอาทิตยในปนั้น
คุณหนูฉูที่กําลังอยูในหวงแหงความรัก
เขายิ้มมุมปาก สายศีรษะเบาๆ ชาติกอนไมมีเรื่องเชนนี้ ชาตินี้แมมี แตกลับคลาด
กันไปคนแลวคนเลา!
ตอน 275 พบเถีย่ สง
ยืนอยูหนาประตู ฟงอาเฉินและอาเจิ้งสนทนากันอยางเงียบๆ ในที่สุด มอไปก็
ตัดสินใจไมเขาไปเยี่ยมเยือนคนทั้งสอง
เรื่องบางอยางมักเปนเชนนี้ พอเกิดเรื่องขึ้นก็แนนอนแลววาตองเปนไปตามนั้น ตอ
ใหมีเหตุผลมากเพียงใด ก็ไมสามารถทําใหคนตระกูลเจิ้งทุกคนเขาใจหรือปลอยวางเรื่อง
จริงที่เขาสังหารคนในตระกูลลงได
การอธิบายใดๆ ลวนแลวแตไรประโยชน แกไขอะไรไมได
อีกอยางมอไปก็ไมมีกะใจอธิบาย ไมใชเขาไมอยากอธิบาย และไมใชพอลูกตระกูล
เจิ้งเปนเพียงคนตัวเล็กๆ แตเปนเพราะในสถานการณสงคราม เขาไมมีเวลาจริงๆ และไม
คิดที่จะใสใจเรื่องเหลานี้
คนตระกูลนี้ อยูที่นี่ในฐานะคนไข เขาในฐานะแพทยที่ชวยไดก็ชวย ทําแลวไม
ละอายใจเปนดี
สวนในวันขางหนา พอลูกตระกูลเจิ้งจะถือวาเหตุการณที่โชคชะตาชักนํามาโดย
บังเอิญนี้ ที่สุดแลวจะจดจําเปนบุญคุณ หรือเปนความแคนอันใหญหลวง ก็แลวแต
โชคชะตาเถิด!
ใตแสงจันทร เขาสายหนาเบาๆ โยนระลอกคลื่นภายในใจที่กระเพื่อมขึ้นเล็กนอยทิ้ง
ไป กลับคืนสูความเบาสบายอีกครั้ง
ตองพูดวา ผูซึ่งเคยเปนแพทยที่มีจิตใจบริสุทธิ์และเมตตาอยางมอไป เมื่อกาวเขาสู
โลกที่ยุงเหยิงวุนวาย หลังเปนสวนหนึ่งในสถานการณสําคัญของบานเมือง ที่สุดแลวเขา
ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
คนบางคน เรื่องบางเรื่อง สําหรับเขาในตอนนี้ กลับกลายเปนไมมีความสําคัญ
เหมือนกอน และเขาก็ไมพยายามฝน
ในกาวยางที่เดิน เขาเดินผานหองหลายหอง
หองที่เถี่ยสงพักอยู เขาไมไดเดินผานมานาน
พูดใหถูกตองก็คือ นาจะเปนหลังจากวันที่พูดคุยกับเถี่ยสง หองหองนี้ นอกจากคน
สงน้ําและอาหารแลว คนในหองก็มิไดยุงเกี่ยวกับผูใดอีก
เหลียงจวินยืนรออยูหนาประตูเพียงลําพัง พอเห็นมอไปเดินมา ก็รีบทําความเคารพ
“ทานออง”
“อืม” มอไปพยักหนา มองดูดวงโคมที่สองสวางภายในหอง กอนถามเสียงเบา
“หนิงเออรเขาไปนานแคไหนแลว”
“สักพักไดขอรับ” เหลียงจวินพยักหนา
มอไปยืนมือไพลหลัง มองดูดวงโคมเงียบๆ คอยถามเสียงเบาอีก
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปลา”
เหลียงจวินเงยหนามองมอไป แลวมองไปที่หอง เหมือนไมเขาใจความหมายใน
คําพูด จะเกิดเรื่องอะไรไดหนอ?
มอไปเหมือนถามไปเชนนั้นเอง พอเห็นทาทางเหลียงจวิน ก็มิไดพูดอะไร เพียงหัน
ไปทางหองของพอลูกตระกูลเจิ้ง ชี้นิ้วไปที่หองของคนทั้งสอง พลางพูดเสียงขรึม
“จัดเตรียมสงพอลูกตระกูลเจิ้งออกเดินทางในวันพรุงนี้!”
“พอลูกตระกูลเจิ้ง?” เหลียงจวินอึ้ง มองไปตามทางที่มอไปชี้ ไมเขาใจในบางอยาง
จึงถาม “สงไปไหนขอรับ?”
“ไปถามพวกเขากอน ถาพวกเขาอยากกลับเมืองหลวง เราก็สงพวกเขาออกจากห
มิงจู ถาพวกเขาอยากอยูหางจากเมืองหลวงชั่วคราว ก็ชวยหาที่อยูที่ปลอดภัยในหมิงจูให
พวกเขา”
มอไปพูดอยางสงบนิ่ง กอนปดทายวา
“สวนที่นี่ ตอนนี้ไปจัดการเรื่องกลบเกลื่อนเบาะแส กอนสงพวกเขาไป เราตองยาย
ออกใหหมด”
เหลียงจวินคอยเขาใจความหมายของมอไป แตก็ยังไมรูวาเกิดอะไรขึ้น ทําไมตองสง
พวกเขาไปในเวลาคับขันเชนนี้ แตชัดเจนวามอไปไดตัดสินใจแลว เขาไมสามารถถาม
อะไรอีก จึงพยักหนาและโคงคํานับ
“ขอรับ ขาจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ทวากอนไปเขาเกิดคิดอะไรบางอยางขึ้นได จึงเอยปากถาม
“แลวเรื่องตอไปที่ทานอองจะทํา...”
มอไปกาวเดินพลางพูดเสียงเบา
“เรื่องเหลานี้เจาจัดการตอได สวนแผนการเดินทางของขายังคงเดิม!”
“ขอรับ” เหลียงจวินขานรับกอนจากไป
คนในหองไดยินความเคลื่อนไหว ขณะที่เขายังไมทันเดินออกจากบริเวณ
เถี่ยสงออกจากหองมาทําความเคารพ “องคชายหก”
มอไปมองสํารวจตลอดทั้งรางเถี่ยสง พบวาพลังปราณสงบนิ่ง แลวคอยเหลือบมองห
นิงเออรทอี่ ยูขางๆ กอนพยักหนา “อืม เขาไปคุยกัน”
มอไปเดินเขาไปกอน เถี่ยสงกับหนิงเออรเดินตามเขาไป
ในหองไมมีเตาทําความรอน ทวาทั้งสามตางเปนผูบําเพ็ญเพียร จึงไมรูสึกหนาว
มอไปนั่งลงขางโตะ กอนเงยหนามองเถี่ยสงพลางวา
“เจาก็นั่งลงเถิด”
เถี่ยสงทําความเคารพ ไมทําตัวฝน นั่งลงตรงหนามอไป หนิงเออรรนิ น้ําชาใหคนทั้ง
สองอยางสงบเสงี่ยม
มอไปมองดูไอรอนที่ระเหยขึ้นของน้ําชา กอนเงยหนามองเถี่ยสงอีกครั้ง แตยังไม
เอยปากพูด ละสายตาไปมองหนิงเออร
“สองวันนี้อาการเปนอยางไรบาง?”
“ลวนดีขึ้น ไมเปนไรแลว” หนิงเออรกมศีรษะตอบเสียงเบา คลายตื่นเล็กนอย
มอไปกับเถี่ยสงเห็นทาทางของนาง ก็รูวานางกําลังกลัวอะไร มอไปยกถวยน้ําชาขึ้น
ไมไดพูดอะไร แตเถี่ยสงที่อยูดานขางกลับเอ็ดเสียงเขม
“ครั้งนี้เปนเพราะอาจิ่วเอาชีวิตเขาแลก และองคชายหกอยูในเหตุการณ เจาจึงโชค
ดีเก็บชีวิตนอยๆ กลับคืนมาได จําบทเรียนขึ้นใจหรือยัง วันหนายังกลาไมตั้งใจฝกยุทธ
เอาแตเลนอีกหรือไม?”
หนิงเออรไดยินก็ลอบมองสีหนามอไป กอนตอบอยางหวาดๆ
“ไมกลาแลว ไมกลาอีกแลว!”
มอไปวางถวยน้ําชาลง มองนางอยางเขมงวด พลางพูดเสียงเบา
“ขอมือหนอย!”
หนิงเออรรีบมายืนขางกายเขา พับแขนเสื้อ ยื่นมือออก
มอไปจับชีพจรนาง แลวพบวารางกายนางฟนฟูไดไมเลวจริงๆ
วันนั้นแมหนิงเออรมีสภาพอเนจอนาถ แตความจริงแลว ทุกฝายลวนมิไดคิดลงมือ
สังหารนาง เพียงอยากจับตัวนางมากกวา ดังนั้นแมดูบาดเจ็บสาหัส แตก็ยังไมหนักหนา
เทาอาจิ่ว
บวกกับพรสวรรคอันนาทึ่งในวัยเยาว และการกินยาเม็ดหลายชนิดประหนึ่งกิน
ลูกกวาดก็มิปานในหลายปที่ผาน พลังซึ่งสะสมอยูในรางกายแมยังไมสามารถแสดง
อานุภาพออก แตทั้งหมดลวนเปนปจจัยที่ทําใหรางกายนางฟนฟูไดอยางรวดเร็ว
ทวามอไปมิไดบอกนางตามตรง ยังคงตีหนาขรึม
“ยังดีที่ยังเก็บชีวิตนอยๆ กลับคืนมาได แตยายังคงตองกินตอ และหากขารูวาเจาใส
ลูกกวาดลงในน้ําสมุนไพรอีกละก็...”
“ไมนะ ไมมี!” หนิงเออรรีบสายศีรษะ
มอไปเก็บมือกลับ มองทาทางไมยอมรับของนางแลวก็ครานจะเอาเรื่อง จึงโบกมือ
“กลับไปพักผอนเถอะ”
หนิงเออรไดยินก็โลงอก หันกายจะเดินออก แตก็ยังทําลีลาแอบมองคนทั้งสอง ไม
ยอมจากไป
“ไปเถิด รอเจาหายดีกอน คอยมาหาพี่เจาใหม”
มอไปรูวานางคิดอะไรอยู ครั้งกอนนางรองจะมาหาเถี่ยสง แตถูกเขาดุกลับไป
ตอนนี้จึงไมกลาขอรองเขาอีก แตพอไดยินคําอนุญาต นางจึงอาปาก กระโดดโลดเตน
จากไป
ในจวนแหงนี้ คนที่นางรูจักแตละคนจากนางไปเรื่อยๆ แมแตอาจิ่วก็ไมอยู มีแตพี่
ใหญที่ยังอยู แตมอไปกลับไมใหพบ นางจึงรูสึกเบื่อหนาย ไมมีคนที่จะคุยดวยสักคน
ถาเปนเมื่อกอน นางกลับไมชอบอยูกับพี่ใหญ แตชอบอยูขางกายมอไป แตตอนนี้
มอไปยุงมาก ไหนเลยมีเวลามาอยูเปนเพื่อนนาง
พอหนิงเออรจากไป เถี่ยสงก็เงียบไปสักพัก คอยเอยปากถามขึ้นกอน
“องคชายหก ลาสุดในจวนสงบดีหรือไม?”
สีหนาเขาเครงขรึม แตในใจรูด ีวา ที่มอไปมาหาในยามดึกขนาดนี้ อีกทั้งยังใหหนิง
เออรมาหาเขาดวย ตองมีเรื่องสําคัญกําชับอยางแนนอน
มอไปยกถวยน้ําชาขึ้น พลางพูดเสียงเบา “หนิงเออรไมไดเลาสถานการณลาสุดให
เจาฟงหรอกหรือ”
“หนิงเออร? นางเพียงบอกวาอาจิ่วไปแลว!” เถี่ยสงพยักหนา แลวพูดตอพรอมพยัก
หนาเบาๆ อีก “ไดยินวาเขากลับเมืองหลวงพรอมพระชายา?”
มอไปรูแลววาหนิงเออรตองไมทันไดบอกเรื่องการตายของหูเปยวใหเขาฟง หลังจาก
วันนั้น มอไปก็มิไดรบกวนเถี่ยสง ใหเขาคิดเรื่องตางๆ อยางเงียบๆ
“อืม” มอไปดื่มน้ําชา ไมไดรีบเลาเรื่องเหลานี้ เขาถามอีกเรื่องหนึ่งกอน “เก็บตัวมา
หลายวัน ไดอะไรบาง?”
วันนั้นมอไปฝากสามคําถามไวใหเขาคิดหาคําตอบ เถี่ยสงจึงรูวาทีม่ อไปกําลังถามก็
คือสามคําถามนี้ แตสุดทาย เถี่ยสงยังคงตอบเสียงต่ํา
“เถี่ยสงโงเขลา!”
“คิดไมออกสักคําถามหรือ?” มอไปมีสีหนาเครงขรึม
เถี่ยสงไดยินน้ําเสียงที่ไมคอยจะดีนักของมอไป จึงรูสึกเครงเครียด ตอบเสียงเบา
ออกไป “ขาคิดซ้ําแลวซ้ําเลา มีความคิดบางอยาง ไมรูวาถูกตองหรือไม”
“พูด!” มอไปลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง เดินไปยืนริมหนาตาง
เถี่ยสงก็ยืนขึ้นเชนเดียวกัน และยืนอยูดานหลังของเขา มองดูแผนหลังของเขา เงียบ
ไปครูหนึ่ง จึงเปลงเสียงออก “ไรสามารถ!”
“ไรสามารถ...” มอไปไมไดหันมอง มุมปากพึมพําเสียงเบา สักพักจึงถามขึ้น “ใครไร
สามารถ?”
“ขา!” เถี่ยสงสูดหายใจเขาลึกๆ “ขา ขาไรสามารถ!”
“ไรสามารถอยางไร?” มอไปจี้ถาม
“วันนั้นทานถามขาวา เหตุใดขาจึงไมทําตามคําสั่งทาน แตกลับตอสูกับสมาคมดาบ
ยาวไมยอมถอย จนเกือบทําใหพี่นองทัง้ หมดเสียชีวิต...”
พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหนาเถี่ยสงก็ซีดขาว เสียงสั่นเล็กนอย สักพักคอยนิ่งลง แลว
พูดตอ
“หลายวันมานี้ ขาคิดทบทวนอยูหลายรอบ ใช ทานพูดถูก ตอนแรกเปนความผิด
ของขาจริง”
“ไมพูดเรื่องผิดถูก!” มอไปพูดเสียงขรึม
เถี่ยสงเงียบลงอีก สักพักจึงคอยๆ พูด
“ตั้งแตทางบานประสบเคราะหกรรม พวกเราเหลาพี่นองก็ไมเคยทําอะไรสําเร็จ แต
ละวันใชชีวิตผานไปอยางยากลําบาก อยูกันอยางยากจนขนแคนนานหลายป เหมือนหนู
ที่อยูในความมืด ไมเห็นเดือนเห็นตะวัน จนมาถึงเรื่องสมาคมดาบยาว ที่บีบเราจนหมด
หนทางเดิน แมเราไมสามารถยืนยืดอกอยางภาคภูมิใจ แตอยางนอยเราก็ไมเคยเสียใจ
แมเราไมมีอะไร แตกลับรับผิดชอบชีวิตตัวเองได บุกน้ําลุยไฟอยางมากก็แคเสียชีวิต แต
เรื่องสมาคมดาบยาว เปนเรื่องที่เราติดคางทาน ทําลายความเชื่อมั่นที่ทานมีตอเรา
สมุนไพรหายากสองคันรถที่ทานรอคอยเพื่อใชตอชีวิต เราเกิดอีกสิบชาติก็ชดใชใหไม
หมด มิใชเพียงชีวิตเราเทานั้น เรายังพยายามคิดหาวิธี แตสุดทายก็เห็นเพียงหลมที่ลึก
ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาก็ยิ่งไมมีแรงตานทาน กระทั่งยังตองพึ่งคนปวยอยางทานแบกสังขาร
คอยชวยเราแกไขปญหาอีก”
มอไปไมขดั ปลอยใหเขาพูดตอ
“อีกทั้งพี่นองแตละคนก็ลวนมีนิสัยไมเหมือนกัน บางบุมบาม บางเงียบขรึม แต
ความเปนจริง ไมวาเงียบขรึมขนาดไหน ไฟในใจก็คุกรุนมานานแลว ถาสามารถใหโอกาส
แกเราสักครั้งในการลางรอยเปอนบนรางกาย ใหตอสูไดอยางสะใจ ปลดเปลื้องความ
กดดันจากชีวิตประจําวัน สําหรับเราแลว ถือวาโชคดีมากจริงๆ ! เพียงแตหนิงเออรยงั
เด็ก ขายังทิ้งนางไปไมได เหลาพี่นองก็ยังทิ้งนางไปไมไดเชนกัน!”
เถี่ยสงคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก ขณะนึกถึงเรื่องในปนั้น
“ดังนั้น เจาจึงคิดเสมอมาวา ปนั้นที่เจายืนหยัดเชนนั้น เปนเพราะสถานการณและ
ความเปนจริงในชีวติ พาไป การตัดสินใจของเจา เปนเชนเดียวกันกับความคิดของเหลาพี่
นองที่อับจนหนทาง เจาเพียงไมอยากใหทุกคนตองตกต่ําเชนนั้นไปเรื่อยๆ เมื่อตางเปน
วีรบุรุษผูกลา เหตุใดจึงไมดื่มด่ํากับการสละชีพ อยางนั้นใชหรือไม?”
มอไปพูดแลว โทนเสียงสงบนิ่ง ฟงไมออกวาพอใจหรือไมพอใจ
ตอน 276 ไปลางบางสํานักเตา
เถี่ยสงเงยหนาขึ้นมองแผนหลังมอไป ที่สุดแลวก็สายศีรษะ
“ไม เมื่อกอนขาคิดเชนนี้จริง แตตอนนี้ไมแลว”
ในที่สุดมอไปก็หันมา จองมองเถี่ยสง “พูด!”
เถี่ยสงกมหนา กําหมัดแนน
“เพราะขาไรสามารถ ตอนเห็นเหตุการณตรงหนา กลับรูสึกวาตนเองทําไดเพียง
นําพาเหลาพี่นองไปตาย และยังนึกดวยวาการกระทําเชนนี้คือวีรบุรุษผูกลา แตกลับไม
คิดวาการนําพาพวกเขาใหรอดชีวิต นําพาพวกเขาไปสูชัยชนะ จึงจะเปนผูนําที่แทจริง!”
กึก! เถี่ยสงคุกเขาลง มิใชคุกเขาใหมอไป แตคุกเขาใหนอกหนาตาง
มอไปหันกายกลับไปมองนอกหนาตาง เขารูวาที่เถี่ยสงคุกเขาใหคือศิษยพี่ทั้งสามที่
ประสบเคราะหกรรมในการตอสูกับสมาคมดาบยาวในปนั้น
“ไรสามารถ” มอไปทอดถอนใจ พึมพําคํานี้ออกมาอีกครั้ง แลวจึงคอยๆ หันกายมา
“กลายอมรับวาไรสามารถ เจาก็มาถึง เสนทางปรมาจารยแลว!”
เถี่ยสงสะดุง เงยหนามองมอไป
“หนึ่ง เจายอมรับวา ปนั้นที่เจายืนหยัดวาจะไปตาย เปนเพราะเจาไรสามารถ แต
มิไดหมายความวาตอนนั้นเจาไมมีความสามารถ แตเปนเพราะเจาไมมีปณิธานอัน
ยิ่งใหญ เจาดูเหมือนวีรบุรุษไรเทียมทานหรือลูกผูชายอกสามศอกก็จริง แตบนบาทั้งสอง
ของเจากลับแบกรับน้ําหนักใดๆ ไมไดแมแตนอย เวลาพบกับเรื่องยุงยาก นอกจาก
เลือดรอนในกายเจาคุกรุนกับคิดใชความตายหลบหนีเรื่องราวแลว เจายังไมมีใจคิดทําให
ชีวิตดีขึ้นแมแตนอย เจามองตัวเองต่ําตอยเกินไป เจารูสึกแตวาตองสูตายจนนาทีสุดทาย
จึงถือวาไดทํางานใหขาอยางสุดความสามารถแลว
เถี่ยสง เจาไมเคยรูสึกวาการมีชีวิตอยูของเจานั้นมีประโยชน และไมเคยรูสึกวา
ตนเองเปนที่พึ่งที่หนิงเออรและเหลาพี่นองพึ่งไดมากสุด
ยิ่งไมตองพูดถึงเรื่องที่เจาไมเคยคิดดวยซ้ําวา จะใชตัวเองบังแดดบังฝนใหพวกเขา
เจาคิดดูเอาเองก็แลวกันวา คนเชนนี้ คูควรกับการเปนชายชาตรีหรือไม?”
น้ําเสียงมอไปสงบนิ่งอะไรปานนั้น
แตเถี่ยสงกลับสั่นไปทั้งตัวขณะฟง เขากมศีรษะลงต่ํา
ทุกคนลวนมีความหยิ่งผยองในตัว ความหยิ่งผยองของเถี่ยสงกับพวกก็คือการเปน
คนที่สามารถยืดอก ยอมตายเพื่อคุณธรรมอันยิ่งใหญ ความภาคภูมิใจเชนนี้ ไหนเลยจะ
ไมคูควรกับคําวาชายชาตรี?
แตตอนนี้เวลานี้ เถี่ยสงกลับไมมีคําพูดตอบโต เขาสงสัยวาผูที่ไมกลัวตาย ไฉนมิใช
วีรบุรุษเลา?
เขาจึงไดแตกมศีรษะและตัวสั่น ยอมรับวาตนเองต่ําตอยเกินไป ต่ําตอยจนไมคูควร
กับการแบกรับคุณธรรมอันยิ่งใหญ!
“เสนทางปรมาจารยรึ กระทั่งจิตใจในการเปนคนยังไมมี จะพูดถึงปรมาจารยไป
ทําไม?”
มอไปคลายเหยียบเถี่ยสงจนมิดเทา ไมเหลือพื้นที่ใหขยับแมแตนอย
“เจาเบิกตามองใหดี ดานนอกของเรือนหลังนี้ ประชาชนกําลังใชชีวิตอยูภายใตการ
ขมเหงรังแกของคนเถื่อน ใครที่สุขสบายไปกวาเจาในหลายปนั้นบาง แตชายชาตรีใน
ครอบครัวของพวกเขา เคยพาคนแกและเด็กในบานไปตายไหม? พวกเขาคนไหนไมยอม
หัวรางขางแตกเพื่อใหคนแก สตรี และเด็กในบานมีขาวกินประทังชีวิตบาง พวกเขากลัว
ตาย นั่นมิใชเรื่องนาอาย พวกเขาตองมีชีวิตอยูตอ เพราะบาของพวกเขาแบกคนทั้ง
ครอบครัวไว!”
ภายใตคําพูดเชนนี้ เถี่ยสงไดกลายเปนดินที่ใชประโยชนไมไดมานานแลว เมื่อคนคน
หนึ่งถูกปฏิเสธ ถึงเขาจะใจกวางแคไหน ก็ไมสามารถรับไดโดยงาย
มอไปทอดถอนใจอีก สายศีรษะไปมา
“สอง ที่ขาไมบอกเจาเรื่องศิษยพี่เจาฝกถึงขั้นอาจารยแลวนั้น ใชวากลัวเจาจะอิจฉา
และไมไดหวงวาเจาจะรีบรอนฝกจนสมาธิแตกซาน ขารูวาเจาไมใชคนเชนนั้น พูดก็พูด
สาเหตุสําคัญยังคงเปนคําคํานั้น ไรสามารถ! เจาไรสามารถจริงๆ แตคุณงามความดีของ
เจากลับไมมีใครปฏิเสธ จิตใจที่คิดรับผิดชอบแทนทุกคน ไมมีใครกลาปฏิเสธ แตยิ่งเปน
เชนนี้ตอไป เจาก็จะยิ่งหวาดระแวง เจามักตําหนิตนเองที่ตระกูลเถี่ยทําใหพี่นองเจาตอง
เดือดรอน ตอนนี้ที่สุดแลวเจาก็มีความหวัง เจาพยายามไลตาม เจาอยากแข็งแกรงขึ้น
เพื่อเปนยันตคุมภัยใหพวกเขา แตสุดทาย เจาก็พบวาศิษยพี่ศิษยนองของเจาตางก็
กาวหนาไปกวาเจา เจายังคงเปนผูออนแอที่สุดอยูอยางนั้น และตองกลายเปนภาระให
พวกเขาตอไป...เถี่ยสง เจาไมมีจิตใจที่แข็งแกรง งายที่จะถูกความจริงทําราย เจาไมมี
ความมั่นใจในตัวเองมากพอ!”
มอไปหยุดพูดแลว คําถามสุดทาย เขาไมพูด เพราะตองการใหเถี่ยสงพูดออกมาเอง
เขาผลักหนาตางอีกบานออก ลมเย็นพัดเขามา
มอไปยืนตัวตรง มือไพลหลัง เถี่ยสงนั่งในทาคุกเขาอยูดานหลัง
ในหอง มีเพียงเสียงลมสะทอนไปมา
มอไปกําลังรอ!
ในที่สุด เถี่ยสงก็มีความเคลื่อนไหว ดวงตาที่ดูเลื่อนลอยของเขาคอยๆ แนวแนขึ้น
ยืดตัวคุกเขาโขกศีรษะใหมอไป
“องคชายหกเมตตากรุณาเถี่ยสงเปนลนพน เถี่ยสงจักจดจําไวไมมีวันลืม”
มอไปแหงนหนามองไปยังที่ๆ ไกลแสนไกล ไมพูดจา
เถี่ยสงคอยๆ ลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเขาลึกๆ สงบสติอารมณ กอนพูด
“องคชายหกวางใจ เถี่ยสงเขาใจแลว วันนั้นที่ตองการฆาเหมยจื้อเฟงโดยไมสนใจ
อะไรนั้น เปนเพราะขาไรสามารถ ขากลัว กลัวความแข็งแกรงของฝายตรงขาม กลัววา
ถาไมฆา วันหนาพอเหมยจื้อเฟงกลับเขาซางชิง
มีพรรคพวกและจอมยุทธยืนอยูดานหลังของเขา ขาก็จะไมสามารถแกแคนได
ตลอดไป ขาตองการฆาพระชายา แมเรื่องในปนนั้ ความจริงยังไมกระจาง แมพระชายา
จะไมใชผทู ี่ทําใหหนิงเออรบาดเจ็บเจียนตาย แตขาก็ตองฆา เพราะขากลัววาขาจะรับมือ
พวกเขาไมได ขากลัววาถาขาพลาดโอกาสฆาพวกเขาขณะอยูภายใตปกของทาน ขาจะ
ไมมีโอกาสอีก ขาไมเคยคิดวาทานเปนผูจับตัวเหมยจื้อเฟงและพระชายามา คิดแตวาถา
ครั้งหนาศัตรูแข็งแกรงขึ้น แลวขาตองรับมือเพียงลําพัง ขาจะปกปองหนิงเออรได
อยางไร?”
กึก! เถี่ยสงคุกเขาลงอีก “องคชายหก คําถามสุดทายที่ทานถามวา หากผูอยูใต
บังคับบัญชาของทานมีความสามารถมากมาย ขาจะอยูตรงไหน! องคชายหก เถี่ยสง
ไดรับความเมตตาจากทาน ใหติดตามอยูขางกายทานตั้งแตไหนแตไร ยอมไมกลาสูญเสีย
ความมั่นใจในตัวเอง และตองมีความกลาหาญเพิ่มขึ้น จักไมทําใหการอบรมสั่งสอนของ
ทานตองเสียเปลา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป แมเถี่ยสงไมกลาพูดเรื่องยืดอกอยางยิ่งใหญอกี
แตเถี่ยสงสาบานวา ชีวิตนี้จักไมคิดหนีอีกเปนอันขาด!”
เปรี้ยง!
เสนผมมอไปกระจายออก เสื้อผาทั่วทั้งรางปลิวไสว พลังแหงความภาคภูมิใจที่นอย
ครั้งจะไดเห็น เปลงรัศมีออกจากราง เขาหันมา ดวงตาใสกระจาง เหมือนสามารถมอง
ทะลุจิตใจผูคน พูดเสียงไมดัง แตจี้ใจดํา
“อยาทําใหความตั้งใจของขาตองสูญเปลา!”
“ถึงตายก็ไมมีวันลืมพระคุณ!” เถี่ยสงคารวะและโขกศีรษะ
“ลุกขึ้น!”
มอไปแหงนหนามองฝาเพดาน หลายวันแลวที่ใจของเขาปลอยวางไมลง นาทีนี้
นับวาฟาเปด และเมฆหมอกไดผานพนไป
เถี่ยสงไมเหมือนคนทั่วไป ในสายตาของเขา ตั้งแตตนจนถึงวันนี้ เถี่ยสงคือสหายที่
ทําเพื่อเขามามากกวามาก เขาไมสามารถปฏิบัติกับเถี่ยสงเหมือนคนอื่นๆ และไม
สามารถปลอยผานโดยไมแยแสสนใจได
ชั่วชีวิตนี้ สามารถมีสหายเชนนี้คนหนึ่ง ไมงาย
เถี่ยสงลุกขึ้นยืนได ไหนเลยที่มอไปจะไมดีใจ!
น้ําชาหมดกา สุราเขาแทนที่!
มอไปชอบดื่มสุรา เถี่ยสงก็เชนกัน แตทั้งสองกลับดื่มสุรานอยมาก
วันนี้เมื่อบรรยากาศเปนใจ มอไปดื่มสุราจอกแรก จึงพูดเรื่องงานทันที “ขาตองจาก
ไปสักพัก ตอไปหมิงจูตองมอบใหเจาแลว!”
เถี่ยสงมือไมสั่น รีบเงยหนามองมอไป “จากไป? องคชายหก ทานจะไปจากหมิงจู?”
มอไปยังคงสงบนิ่ง พยักหนาเล็กนอย “สักสิบวันเห็นจะได ไปลางบางสํานักเตา
สํานักหนึ่ง!”
สุราดื่มไมลงแลว เถี่ยสงลุกพรวดขึ้น
มอไปมองตาม “ทําไม? กลัววาขาจะทําไมได?”
“ไมใช!” เถี่ยสงรีบสายหนา ใจเตนแรงไมหยุด ในโลกนี้ใครบางที่กลาพูดวาจะลาง
บางสํานักเตาไดอยางสบายอารมณเชนนี้
“ดีเลย ขาก็อยากจะดูวา คนปวยใกลตายในปนั้น วันนี้จะใชหนึ่งกระบี่ลางบาง
สํานักเตาไดหรือไม!”
มอไปลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง หันกาย กอนเดินจากไปยังพูดทิ้งทาย
“หลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ขาไมอยากพูดอีก เจาไปทําความเขาใจเอาเอง
แลวกัน เจ็บปวดก็ดี โกรธแคนก็ได เจาตองผานมันไปไดดวยตัวเอง
หวังวาตอนขากลับมา เจาคงบรรลุวิถีปรมาจารยแลว จําไววิถีปรมาจารยของเจา ไม
จําเปนตองพึ่งวัตถุภายนอก!”
ฟาสางแลว!
เถี่ยสงยืนอยูชั้นบน ในจุดที่มอไปมักมายืนมองดวงอาทิตยเพียงลําพัง
เสื้อผาของเขาถูกน้ําคางสาดใสจนเปยกปอนไปหมด ดวงตาที่แดงระเรื่อไมรวู า
เพราะไมไดนอนทั้งคืนหรือเจ็บปวดจนถึงที่สุด
ตอนไดยินเสียงวุนวายดังมาจากชั้นลาง เขาจึงคอยๆ เคลื่อนไหว
หลับตาลงชาๆ กําหมัดแนน สุดทายมองดูดวงอาทิตยที่กําลังจะโผลพนขอบฟา
พลางสงเสียงแหบแหง
“ศิษยพี่หลับใหสบาย รอรับขาวดีที่อาจมีโลหิตเซนวิญญาณทานในเร็ววันนี้!”
พูดจบ ก็หันกายลงนั่งบนเกาอี้ที่มอไปเคยนั่ง
เสียงฝเทาใกลเขามา เถี่ยสงเหลือบมองไปที่ประตู เปนเหลียงจวิน
“ทานหัวหนา” เหลียงจวินทําความเคารพ
“เปนอยางไรบาง?” เถี่ยสงพยักหนากอนถาม
“ทุกอยางปกติ คนอื่นๆ ไดยายออกไปกอนฟาสางจนหมดแลว ลาสุดในบานเหลือ
ไมถึงสิบคน”
เหลียงจวินพูดเสียงขรึม เถี่ยสงพยักหนา
“ดี ใหพวกที่อยูในกลุมเยาวชนจับตาดูใหดี มีอะไรเกิดขึ้นในหมิงจู แมลมพัดใบไม
ไหวเพียงเล็กนอยก็ตองรีบมารายงาน เพื่อปองกันเหตุสุดวิสัยในทุกขณะ!”
“ขอรับ! ทานวางใจ ไมวาจะเปนทางคนเถื่อน ราชสํานัก คนตระกูลหลิน และ
นักสืบของฝายตางๆ ที่เคลื่อนไหวในหมิงจู เราลวนจับตามองอยู พอพวกเขาเคลื่อนไหว
อะไร เราก็รูไดในทันที”
เหลียงจวินรูวาเหตุการณกําลังอยูในชวงหัวเลี้ยวหัวตอ ครั้งนี้ที่พวกเขายายออกจาก
บานหลังนอยไปอยูในที่แหงใหม แมลึกลับกวา แตยากรับประกันไดวาความลับจะไม
รั่วไหลเขาสักวัน จึงตองระมัดระวังใหรอบคอบ ซึ่งคนในบานหลังนอยลวนเปนผูที่จวนห
มิงอองอบรมบมเพาะมาเปนอยางดี สูญเสียไมไดอีก
“อืม ในกลุมเยาวชนยังสงบดีอยูหรือเปลา?” เถี่ยสงเงียบไปสักพัก กอนถามขึ้น
ครั้งนี้เหลียงจวินสีหนาเครงเครียดลง สายหนานอยๆ
“ซับซอนมาก ขาวทานตูออกจากหมิงจูเริ่มถูกลือกันหนาหู สองวันนี้ ความวุนวายที่
เกิดขึ้นภายในยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรง ตอนนี้ผูอาวุโสฉีตองออกโรงมาไกลเกลี่ย แตก็ยังควบคุม
สถานการณไดยากอยู เกรงวาถาเปนเชนนี้ตอไปอาจเกิดปญหาใหญขึ้น”
“กอนไปทานตูไดเตรียมพรอมไวทุกอยางแลวนี่ เหตุใดจึงยุงกันเร็วเชนนี้? อีกอยาง
เมื่อผูอาวุโสฉีออกหนา ไมนาจะมีปญหาเรื่องการคุมสถานการณในระยะเวลาอันสั้น”
เถี่ยสงขมวดคิ้วพลางลุกขึ้นยืน พวกเขาตองการใหกลุมเยาวชนมาเปนแนวรวม ถา
เปนเชนนี้ก็ไมดีแน
“เราอาจประเมินความเชื่อมั่นที่กลุมเยาวชนมีตอทานตูต่ําเกินไป เรื่องทานตูลี้ภัย
กลายเปนเรื่องใหญสําหรับกลุมเยาวชนทันที แมกอนไปทานตูไดสังหารพวกที่ติดตอกับ
คนเถื่อนเพื่อแสดงบารมี แตคนเถื่อนไหนเลยจะยอมรามือ นางสังหารไปกลุมหนึ่ง ก็โผล
มาอีกกลุมหนึ่ง ตอนนี้คนกลุมนี้ไดปลอยขาวลือไปที่คนระดับลางของกลุมเยาวชน บอก
วาทานตูหนีไปแลว และอยาคิดวาจะกลับมาอีก ขาวลือทํานองนี้ไมเพียงแตคนระดับลาง
ที่เชื่อ คนระดับสูงสวนหนึ่งยังคิดเชนนี้ดวย ดังนั้นพอทานตูจากไป ทุกอยางจึงยุงไปหมด
นอกจากมีพวกที่คนเถื่อนสนับสนุนคอยชิงอํานาจแลว ยังมีคนในชิงอํานาจกันเองอีก ทุก
คนเชื่อมั่นในผูอาวุโสฉีก็จริง
แตก็ไมสนิทเทาทานตู บางคนที่ทานตูพึ่งพามาเสมอ ก็ยังปรามไมอยู ซ้ํายังถูกมอง
วาฉวยโอกาสขึ้นสูอํานาจ รวมทั้งคนเถื่อนก็กําลังสืบหาที่อยูของพวกเขาดวย พวกผู
อาวุโสฉีจึงไมกลาปรากฏตัวถาไมจําเปน” เหลียงจวินสายศีรษะ
“เชนนี้ไมคอยดี หลังปใหมเรามีกองทหารมาและเชื้อเพลิงจํานวนหนึ่งเขามาในหมิง
จู เวลากระชั้นชิดมาก!” เถี่ยสงพูดเสียงขรึม
“เดิมทีองคชายหกเตรียมวิธีตอบโตไวแลว แตตองรอใหพวกทานตูสงรายชื่อมากอน
วาผูใดสมควรสังหาร ผูใดสามารถไวชีวิต แตเมืองหลวงเกิดเรื่องดวนขึ้นกอน องคชาย
หกยังไมทนั จัดการก็ไปเสียแลว”
เหลียงจวินพูดเสียงขรึม เถี่ยสงฟงแลวก็เขาใจความหมายของมอไป มอไปยังไม
อยากเคลื่อนไหวใหญโต หนึ่งเพราะกลัวทานตูเขาใจผิด สองเพราะไมอยากใหกลุม
เยาวชนยุงวุนวายไปกวานี้
“พอบานของทานตูมิใชอยูที่นี่หรอกรึ ใหเขาไปหาผูอาวุโสฉีสักตั้ง เพื่อแบงรายชื่อ
และสถานะคนใหชัดเจน รอไมไดอีก ขอเพียงมีหลักฐานวาติดตอกับคนเถื่อน ทางเราจะ
ไดจัดการทันที!”
เถี่ยสงคิดพิจารณาสักพักก็ตัดสินใจ
“ขอรับ!” ตอนนี้เถี่ยสงเปนผูบัญชาการ เหลียงจวินยอมไมโตแยง
“ดานลางเกิดเรื่องอะไร? ใครสงเสียงวุนวาย?” เถี่ยสงเห็นเขากําลังจะไปจึงถาม
“เปนคุณหนูเจิ้ง ขอพบองคชายหก ยังมีทานนักพรตก็มาแลวรอบหนึ่ง ขอพบองค
ชายหกเชนกัน”
ตระกูลเจิ้ง?
เถี่ยสงพยักหนา “ทําตามที่องคชายหกสั่งไว รีบจัดใหคนตระกูลเจิ้งออกเดินทาง
แลวทานนักพรตยังไมไปอีกหรือ?”
“ยังขอรับ หัวหนา เมื่อวานองคชายหกใหยาจิ่วหยวนตันกับทานนักพรตไป ความ
จริงมีเรื่องบางอยาง...”
เหลียงจวินนึกขึ้นได วาลืมบอกทานนักพรตไปเรื่องหนึ่ง
พอฟงเขาเลาจบ เถี่ยสงพลันทอประกายตา ดวยเรื่องในอดีตของมอไป ทําใหเขากับ
พวกอาจิ่วไมคอยเชื่อใจคนของสํานักเตามาโดยตลอด ตอนนี้พอไดยินเรื่องของทานตูใน
เมืองหลวง ซึ่งมีสาเหตุมาจากพวกเขา เถี่ยสงจึงมีทาทีเย็นชาเล็กนอย
“รอองคชายหกกลับมากอน คอยมาดูกันวาสํานักเตายังหยิ่งยโสไดอีกแคไหน!”
เดิมทีเขาคิดพบหนานักพรต เผื่อวาจะมีเรื่องอะไร แตตอนนี้กลับรูสึกวา ตองขูสัก
หนอย
“บอกนักพรตวาใหทําตามคําสั่งขององคชายหก ใหพวกเขาสลายตัวไปกอน หากไม
ทําตามก็อาจแยกยาย ตางคนตางเดิน!”
ตอน 277 ออกจากหมิงจู
นักพรตสีหนาซีดขาว ตลอดทั้งคืนหลับตาไมลง เขายืนอยูกลางหอง ตรงหนาศิษย
สองสามคนที่รอรับใชอยูดานขาง ในสภาพผมเผายุงเหยิง แววตาไมสบายใจอยางยิ่ง
“ไมนาเลย ไมนาเลยจริงๆ” ปากพร่ําบนแตคํานี้ไมหยุด
ศิษยสองสามคนเมื่อไดยินตางก็เหลือบมองไปยังเม็ดยาในกลองผาไหมที่วางอยูบน
โตะวางของ
ผานไปสักพัก คอยมีศิษยผูหนึ่งเงยหนามองนักพรตอยางหวาดๆ กอนเอยปากอยาง
ยากเย็น
“อาจารย คนในสํานักกําลังรอคําตอบจากเราวา ทานอองมีปฏิกิริยาอยางไร
เกี่ยวกับเรื่องที่เมืองหลวง”
“ปฏิกิริยา?” นักพรตเหมือนพึมพําออกมาโดยไมรูตัว
เขาเดินชาๆ เขาไปหยิบกลองผาไหม หันมองศิษยดวยดวงตาที่เต็มไปดวยเสนเลือด
ฝอย กอนยกกลองผาไหมขึ้นพิจารณาอยูนาน สุดทายจึงคอยๆ นั่งลง กมหนาพูด
“ไปเถิด ตอบคนในสํานักวา เราสรางความหายนะใหกับธุระของทานออง ทานออง
ดีใจมาก เรียกขาเขาพบเปนกรณีพิเศษ แสดงความยินดีโดยมอบยาทรงคุณคา จิ่วหยวน
ตันหนึ่งเม็ด ใหเปนรางวัลและขวัญกําลังใจ”
พอจบประโยค ศิษยในหองตางก็หันมาสบตากัน ไมมีใครคิดไปรายงานเชนนี้จริงๆ
จึงพากันกมหนาลง ไมพูดไมจา
นอกหอง เสียงฝเทาวิ่งวุนคอยๆ เปลี่ยนเปนสงบลง
ผานไปเนิ่นนาน ไดยินเพียงเสียงลมโชยพัดอยูนอกหนาตาง พอมองออกไปกลับไม
พบเงารางของใคร
เขารู จวนหลังนอยเหลือก็แตพวกเขาแลว ความรูสึกถูกจวนหมิงอองทอดทิ้งประดัง
ประเดเขามา
นักพรตหลับตาลงชาๆ หนวดเคราสั่นนอยๆ รูสึกอยากรองตะโกนอยางบาคลั่งมาก
ที่ผานมาตนตองพยายามมากแคไหน เพื่อทําใหหมิงอองปลอยวางปมในใจที่มีตอ
สํานักเตา และมอบหมายหนาที่สําคัญให!
ตองลําบากมากเพียงใด ในการทําตัวกลมกลืนไปกับระบบภายในของจวนหมิงออง!
และขณะเมฆหมอกจางหาย ฟาเปด เห็นแสงสวางอยูรําไร ความพยายามทั้งหมด
กลับถูกศิษยรวมสํานักทําลายลงงายๆ ปลอยใหหยาดเหงื่อหยาดโลหิตไหลลงสูทองธารา
ไปอยางสูญเปลา
นักพรตหายใจเขาลึกๆ แลวหายใจออกยาวๆ มีแววกังวลในดวงตา กอนหันบอกศิษย
“ไปเถิด!”
มอไปจะออกจากหมิงจู แนนอนไมใชเรื่องงาย
เนื่องจากเขาเปนศัตรูอันดับหนึ่งของคนเถื่อนในหมิงจู คนเถื่อนลงทุนลงแรงอยาง
นาตกใจในการตามหาเขา พูดไดวา ทุกพื้นที่ในหมิงจูแทบไมมีใครไมรูวามอไปหนาตา
เปนอยางไร ถาเขาปรากฏตัวขึ้นตามทองถนนเมื่อไหร ไมถึงนาทีคนเถื่อนก็รูเรื่องแลว
คิดผานดานปองกันภัยระดับสูงตามทาเรือแตละทา ก็ยากยิ่งกวายาก
แมดูจากภายนอก หลังมอไปสังหารปรมาจารยชาวฉีแลว คนฉีมิไดจัดใหคนจาก
สํานักเตาของตนลอมรอบหมิงจูเพื่อจับมอไปก็จริง แตขอเพียงมีสมองก็ตองคิดออกวา
เพื่อกอบกูศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปกลับคืน คนฉีไมเกี่ยงแมตองสูญเสียเลือดเนื้อเทาใดก็ตอง
จัดการหมิงอองใหได
ในหมิงจู พวกเขาไมกลาพูดวาราชสํานักตาเซี่ยมิไดสงจอมยุทธมาอยางเรงดวน แต
ที่แนนอนก็คือ พวกเขาแอบสงปรมาจารยเขามาจํานวนหนึ่ง แมไมนับเปนคูตอสูของห
มิงออง แตอยางนอยพอหมิงอองปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาก็ยอมรูสึกไดถึงพลังปราณทันที สามารถใชกองทัพทั้งกองทัพรับมือหมิง
อองได แตคิดหาตัวหมิงอองจําตองพึ่งผูบําเพ็ญเพียร
ดังนั้นการที่มอไปจะออกจากหมิงจูจึงไมใชเรื่องงาย เผลอๆ ยากกวาตอนทานตู
ออกไปเสียอีก วิธีการในการรับมือกับคนทั้งสองของคนเถื่อนไมเหมือนกัน
ทวา ผนังทองแดงกําแพงเหล็ก ทําใหมอไปไมสามารถออกไปไดจริงหรือ?
ในหองพักชั้นสองของเรือเดินสมุทรลําหนึ่ง มอไปในชุดยาวสีเรียบ กําลังยืนมือไพล
หลัง มองดูหมิงจูอยูริมหนาตาง สีหนาเขาใสเรียบ ทาทางสบายๆ ไมมีวี่แววออนลาจาก
การหลบหนีใหเห็นแตอยางใด
จนเรือแลนออกจากฝงมาไกลพอสมควร มอไปจึงคอยๆ หันกายมานั่งลงบนหัวเตียง
มองดูเตียงที่อยูฝงตรงขาม
หองพักเปนหองแบบสองเตียง และเตียงฝงตรงขามเปนเตียงของหญิงสาวนางหนึ่ง
อายุราวยี่สิบแปด ใสชุดสีขาวทันสมัยแบบตะวันตก สวมหมวกปกแคบแบบคุณหนูผูสูง
ศักดิ์
หนาตานางไมจัดวาสวย แตก็ไมขี้เหร แลดูหรูหราสงางาม แตตอนนี้นางเอาแตกม
หนากมตาแกะเปลือกผลสมในมือ โดยไมมองมอไปที่นั่งอยูตรงหนาแมแตนอย เหมือน
กําลังอารมณไมดี
มอไปมองดูนางดวยสายตาออนโยนอยางที่ไมคอยไดพบเห็น ริมฝปากขยับขึ้นลง
กอนพูดขึ้น
“ไมตองหวง พอเรือออกจากอาว เราก็ปลอดภัยแลว!”
แตหญิงสาวยังคงกมหนาแกะเปลือกสมตอ เหมือนมอไปมิไดกําลังพูดกับนาง
มอไปเห็นนางเงียบไมพูดไมจา ก็เหมือนไมรูจะพูดอะไรตอดี จึงคอยๆ หลุบตาลง
บรรยากาศจึงดูแปลกๆ
ยังดีที่หองขางๆ มีเสียงพูดคุยกันดังมาทําลายความเงียบ
“เมื่อครูเจาเห็นการเคลื่อนไหวบนทาเรือรึเปลา เหมือนในเมืองเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อยางนั้นแหละ!”
“เห็นตั้งแตแรกแลว คราวนี้ไมนาใชเรื่องเล็กๆ เจายังไมรู กอนหนาที่ขาจะมาถึงก็
ติดแหงกอยูบนทองถนน นาจะไมใชแคทาเรือนะ เหมือนทหารทั่วทั้งหมิงจูพากัน
เคลื่อนไหวหมด รถทหารทยอยกันแลนไปที่เขตตะวันตก”
“เฮอ...เกิดเรื่องยุงๆ ขึ้นอีกแลว หวังวาอยาไดเกิดการนองเลือดขึ้นก็พอ!”
“พอเถอะ หองขางๆ ไดยินหมดแลว ระวังหนอยก็ดี พวกเรานับวาหนีออกมาไดเสีย
ที...ไมรูวาเมื่อไหรจงึ จะกลับไปได?”
จะเห็นไดวาความเลวรายของคนเถื่อนฝงลึกอยูในจิตใจผูคน แมตัวออกจากหมิงจู
มาไกลและลอยอยูใน
ทะเลอันกวางใหญแลว แตความหวาดกลัวในใจก็ยังคงอยู กระทั่งพูดจา ก็ยังตอง
ระมัดระวัง
มอไปแหงนหนามองฟากวางไรขอบเขตนอกหนาตาง แลวจึงพูดเสียงเบาขึ้นอีกครั้ง
“สถานการณในหมิงจูยิ่งมาก็ยิ่งซับซอน เพื่อจัดการขา ขอเพียงมีขาวเล็กนอย คน
เถื่อนก็จะกรีฑาทัพมากันทั้งหมด อยูยากจริงๆ ดีนะที่ออกมากอน!”
หญิงสาวฝงตรงขามพอไดยินก็เงยหนาขึ้นมองมอไป แววตาบงบอกวาไมเขาใจ นาง
ไมมีอะไรเหมาะสมกับเขา ไมวาจะเปนแววตา อายุ และการแตงกาย
ลวนเปนความซับซอนที่เขากันไมได นางจองมองมอไปอยูนาน คอยวา “เรื่องพวกนี้
เกี่ยวอะไรกับขา?”
มอไปสบตาหญิงสาว สักพักก็กมหนาลง ถอดรองเทาออก นั่งขัดสมาธิ หลับตา
หญิงสาวมองใบหนาที่ทั้งแปลกหนาและคุนเคย ขอบตาคอยๆ แดงระเรื่อ
แตสุดทาย นางยังคงกมหนาแกะสมตอ พลางพูดเสียงต่ํา “ทานฐานะสูงสง สวนขา
เปนเพียงสามัญชน ทานมาหาขากะทันหัน เกรงวาจะทําใหขาเดือดรอนมากกวา”
มอไปกําลังนั่งทําสมาธิ พอไดยินมือจึงกระตุกเล็กนอย แตยังไมลืมตา
หญิงสาวแกะสมเสร็จ แตกลับไมทาน วางผลสมไวบนโตะขางเตียง แลวคลี่ผาหม
ออกเงียบๆ นํารางและศีรษะซุกเขาใตผาหม
ไมนานนักก็ไดยินเสียงจากผาหม
“ขาไดยินมาวาทานอยูหมิงจูนานแลว ไมทราบจริงหรือเท็จ...”
มอไปลืมตามองเตียงฝงตรงขาม ขณะอาปากจะพูด กลับเห็นแตผาหมที่คลุมโปงจน
มิดชิด จึงคอยๆ หุบปากลง ละสายตาไปมองผลสมที่แกะเปลือกแลว
ความทรงจําในอดีตพลันปรากฏขึ้นในใจ เขาเงียบไปสักพัก คอยหยิบผลสมบนโตะ
ขึ้น แกะกินไปหนึ่งกลีบ พลางพูดเสียงเบา “ใช อยูมานานแลว!”
“แลว...” หญิงสาวในผาหมคลายอยากถามอะไรตอ แตก็กลาๆ กลัวๆ
มอไปกมหนากินสม แววตาวูบไหว แตยังพูดตอ “เรื่องของขาไมสามารถอธิบายให
ฟงอยางชัดเจนไดดวยประโยคเพียงสองสามประโยค แมมาถึงหมิงจูนานแลว แตก็ไมเคย
อยูอยางสงบจริงๆ ไดสักวัน”
พูดจบ คนในผาหมก็ขยับ นางโผลศีรษะออก มองดูมอไปดวยดวงตาแดงระเรื่อ
“แต...เจารูขาวของขาแตแรกแลว รูวาขาอยูที่ไหนมาตลอด!”
มอไปเงยหนามองนาง ใบหนานี้ เขารูสึกคุนเคยมาก แตเมื่อเผชิญกับคําถามนี้ เขา
กลับไมยอมรับตรงๆ แตในที่สุดก็พยักหนา
“ครั้งแรกที่ไดขาวของเจา คือเมื่อสามปกอน”
“สามปกอน...” หญิงสาวน้ําตาไหล ฟนกระทบกัน คลุมโปงตอ
“ตอนนั้นขาตองอยูอยางหลบๆ ซอนๆ เพราะอาจเกิดอันตรายไดทุกเมื่อ” มอไป
อธิบายมาหนึ่งประโยค
“อันตรายกวาตอนนี้อีกหรือ?” น้ําเสียงในผาหมเริ่มกระตือรือรน
มอไปสายศีรษะแลวพูดอยางสงบนิ่ง “ไมเหมือนกัน กอนหนานี้เจายังปลอดภัยอยู
แตตอนนี้เจาไมสามารถอยูในหมิงจูไดอีก”
คนในผาหมไมตอบ
มอไปกินสมหมด มองออกนอกหนาตาง รูแลววาเกิดเรื่องเขาใจผิดบางอยาง
รอจนรางของคนในผาหมหยุดสั่น คอยไดยินเสียงถามอยางเย็นชาดังมา
“เกรงวาแทจริงแลวไมใชปญหาเรื่องความปลอดภัยของขา แตเพราะตอนนี้เจา
ตองการตั๋วโดยสารเรือหนึ่งใบ และคนที่สามารถคุมครองเจาใหออกจากหมิงจูไดอยาง
ปลอดภัย จึงมาหาขา”
มอไปคอยๆ หลับตาลง ดวยไมอยากยุงกับเรื่องพรรคนี้
ในหองพักคอยๆ เงียบสงบ
ไมรูผานไปนานเทาไร หญิงสาวบนเตียงจึงเลิกผาหมออก มองดูมอไปอีกครั้ง มอง
อยูนานพอควร แลวพลันลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบกระเปา นั่งแตงหนาอยูหนากระจกบาน
นอย
สักพัก หนาตาคอยเปนดังเดิม อารมณสงบนิ่งลง น้ําเสียงกลับเปนปกติ จึงพูดขึ้น
เรียบๆ
“ถือวาเปนคนรูจักกัน ขาสงเจาถึงซูเปย จากนั้นขาก็ลงเรือ เจาดูแลตัวเองแลวกัน”
มอไปลมื ตา จองมองหญิงสาว
“เจาไมสามารถอยูในหมิงจูไดอีก ตองออกมา ขาจะจัดการใหเจาไปเมืองหลวง!”
หญิงสาวเงยหนา “เมื่อครูเจาพูดเองไมใชหรือวา อยูขางกายเจาไมปลอดภัย อีก
อยางขาก็เปนเพียงสามัญชน ฐานะเจาสูงสง ขาไมกลานับญาติกับเจาหรอก”
“ตอนนี้ไมเหมือนกันแลว เพราะคนเถื่อนตองการจัดการขา จึงทําไดทุกวิธี กระทั่ง
ชีวิตของสามัญชนที่ไมเกี่ยวของกับขาแมแตนอย พวกมันก็ยังนํามาบีบบังคับขาได พอ
พวกมันหาเจาพบ ผลลัพธคงไมตองพูดถึง ดังนั้นแมอยูขางกายขาจะไมปลอดภัย เจาก็
ตองตามขาไป”
มอไปมิไดแกตัวกับนาง เพียงพูดเสียงขรึม
“หาขาพบ? ใครจะมาหาขา? ขาเปนแคลูกกําพรา แมเคยเกี่ยวของกับผูมีฐานะ
สูงสงอยางเจา แตก็ไมนับเปนอะไรนี่? เรื่องพวกนี้ กระทั่งเจาก็ยังจําไมได แลวใครยังจะ
มาสนใจอีก?”
หญิงสาวสายหนา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยยหยันจางๆ
มอไปสายหนา
“เจาโตแลว มีความคิดเปนของตนเอง เรื่องบางอยางขาไมสามารถพูดชัดเจนกับเจา
ไดดวยประโยคสองสามประโยค พูดแลวเจาก็ไมเชื่ออีก สวนเรื่องเขาใจผิดบางอยางไมมี
ความจําเปนตองพูดใหกังวลใจเพิ่ม”
“เราไมมีอะไรเขาใจผิดกัน!” หญิงสาวสีหนาสงบนิ่ง
มอไปกมหนา “ที่ขาสามารถออกจากหมิงจูได ไมใชเพราะเจาใหตั๋วเรือกับขา และ
ไมใชเจาอยูขางกายขา แตเปนเพราะตอนเราออกจากทาเรือ เดิมทีตองมีคนเฝาอยูตรง
นั้น แตเชาวันนี้ คนเถื่อนพลันตรวจพบที่พักของขาเขา ทหารทั่วทั้งหมิงจูจึงรีบระดมพล
เพราะเรื่องนี้ ถาไมเกิดสุดวิสัยอะไร ตอนนี้พวกมันนาจะบุกจูโจมเขาที่พักขาเรียบรอย
และเพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นกะทันหัน พวกมันตางก็พุงเปาไปที่นั่น ดังนั้นขาจึงสามารถขึ้น
เรือไดอยางราบรื่นตลอดรอดฝง”
พูดถึงตรงนี้ มอไปก็จองมองหญิงสาวอีกครั้ง
“ถาขาตกต่ําขนาดตองขอความชวยเหลือจากเจาถึงจะออกจากหมิงจูไดแลวละก็
คนเถื่อนจะยกใหขาเปนศัตรูอันดับหนึ่งที่ไมฆาใหตายไมเลิกราอยางนั้นรึ?”
หญิงสาวดวงตาสั่นไหว ยากแยกแยะความรูสึกตนเอง
คําพูดของหองขางๆ เมื่อครู บวกกับคําพูดในตอนนี้ของมอไป ยากโตแยงก็จริง
แตมอไปอยูหมิงจูตั้งหลายป และรูมานานแลววานางอยูที่ไหน แตวันนี้เพิ่งจะมาหา และ
พอมาหาก็อยูในสถานการณขอความชวยเหลือ ทําใหนางอดไมไดที่จะคิดมากจริงๆ
แตพอละทิ้งปญหานี้ไปไมพดู ถึง หญิงสาวก็ยังคงไมเขาใจการพบกันอยางกะทันหัน
อยูดี นางจึงกมหนา
“หากขาไมตามเจาไปละ?”
“ตองตาม!” มอไปหลับตา
“เจาหวงใยในความเปนตายของขาจริงหรือ? หรือกลัววาตอไปผูอื่นจะรูวา เจามี
นองสาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยโจรขายชาติ?” หญิงสาวหันมองออกนอกหนาตาง
มอไปกําหมัดแนน แลวคลายออก
“ยังคงเปนคํานั้น เจาโตแลว มีความคิดเปนของตนเอง ปมในใจของเจา ตองใชเวลา
สักระยะ แลวเจาจะพบคําตอบเอง แตตอนนี้เมื่อเจายอมรับวาขาเปนพี่ชาย ขาก็ตองพา
เจาไป!”
“ขาไมไดยอมรับเจา!” หญิงสาวหันมามองเขาที่หลับตาอยู
มอไปไมสงเสียงใดๆ หากไมยอมรับจริง เขาทั้งสองตอนนี้คงมิไดอยูบนเรือลํา
เดียวกันหรอก
ตอน 278 ซูเปย
ชิงชิง!
ลูกสาวของแมเลี้ยงมอไปตอนกอนเขาวัง เปนนองสาวที่เติบโตมาดวยกัน
แมตอนนั้นยังเล็ก แตการใชชีวิตในวัยเด็กดวยกันตลอด ทําใหมอไปเกิดความ
ประทับใจในตัวนองสาวผูนี้อยางลึกซึ้งและเก็บไวในความทรงจํามาตลอด
แมแตพี่นองสายเลือดเดียวกันที่อยูในเมืองหลวงก็ยังไมรูสึกสนิทใจเทาชิงชิง
กระทั่งการที่เขายอมชวยหนิงเออร พานางไปอยูในจวน และใหนางติดตามอยูขาง
กายนั้น จริงๆ แลวเปนเพราะเขาคิดถึงชิงชิง
ตอนออกจากเมืองหลวงมาถึงหมิงจูในชวงแรก เขารีบเตรียมการตามหานาง คิดให
นางกลับมาใชชีวิตอยูขางกายเหมือนกอน แตพอหาพบ เขากลับลังเลใจ หลังพิจารณา
อยูหลายรอบ ในที่สุดก็ลมเลิกความตั้งใจ
หนึ่ง เพราะตอนนั้นเขาอยูในสภาวะที่ไมคอยจะดีนัก สอง สถานะของชิงชิงในตอน
นั้นถือวาไมเลว อยางนอยก็ดีกวามาหลบๆ ซอนๆ อยูขางกายเขามาก
หนําซ้ํายังกังวลอีกวา จะมีคนจับตามองนองสาว แลวใชนางลอใหผูที่หายตัวไป
อยางไรรอ งรอยเชนเขาออกมาติดกับ!
ดังนั้นที่สุดแลวจึงตัดสินใจ สงคนแฝงตัวคอยดูแลนางแทน ไมไดเขาไปพบเจอ
ในทันที คิดวารอใหมีสถานะที่ดีกวานี้คอยวากันใหม
เวลาผานไปเรื่อยๆ แตจนแลวจนรอดมอไปก็ยังไมสามารถหลุดพนจากความ
ยากลําบากไดเสียที เด็กสาวในปนั้นที่สุดแลวก็เติบโตเปนผูใหญ
บอกตามตรง มอไปเองก็คิดไมถึงวา ตองมาพบกับนองสาวในสภาพเชนนี้
ตอนนี้ ทั้งสองแมอยูใกลกันแคเอื้อม แตใจกลับหางไกลกันลิบ มอไปเพิ่งรูส ึกวาตน
ทําผิดมหันต
แมตนไมเคยลืมนาง แตระหวางที่นางเติบใหญ ชวงเวลาที่สําคัญสุดในชีวิต กลับไมมี
ตนคงอยูในความเปนจริง
เรือกําลังเดินทางไกล มอไปหลับตา นั่งสมาธิ แตก็ยังอดไมไดที่จะรูสึกแย
เขามิไดเจ็บปวดที่ชิงชิงเย็นชาใสและคาดเดาไปผิดๆ แตรูสึกติดคางและตําหนิ
ตนเอง
แมเขามิใชมอไปคนเดิมที่เติบโตมาดวยกันกับเด็กหญิง แตความทรงจําที่มอไปคน
เดิมมีตอนาง อยูกับเขามานานหลายป ไมเคยลืมเลือน ทําใหเขายากแยกแยะความรูสึก
ในชาตินี้ ความคิด ความรูสึก ความผูกพันที่มอไปคนเดิมมีอยูนั้น ไมมากก็จริง แตก็
เพราะมีไมมากนี่แหละ ในแตละความรูสึกจึงลึกซึ้งมาก
ในสายตามอไปคนเดิม เด็กสาวเปนเหมือนญาติสนิทที่พานพบไดยากยิ่งในชาตินี้
ดังนั้นแมเวลาผานไปเนิ่นนานเพียงใด ความรูสึกซึมลึกเขากระดูกดําเชนนี้ จึงมิไดจาง
หายไปตามกาลเวลา
และอาจเพราะเดิมทีมอไปเปนเด็กกําพรา เขาจึงไมมีวันลืมนองสาวคนเดียวที่มี
และไมยอมเพิกเฉยตอความสนิทสนมนี้
มอไประบายลมหายใจที่กลัดกลุมออกจากปาก เขาลืมตา แตชิงชิงไดซุกตัวเขาไปใน
ผาหมแลว
แมนางไมยอมไปกับมอไป แตก็มิไดเอะอะใหญโต อาจเปนเพราะไมวาจะกลาวโทษ
ในใจอยางไร นางก็ยังไมอยากเห็นมอไปเกิดเรื่องขึ้น ที่แสดงออกเชนนี้เพราะไมยอม
ประนีประนอมดวยเทานั้น
แววตามอไปลึกล้ํา ที่สุดแลวก็สายศีรษะ การอธิบายใชวาพูดเพียงสองสามคําก็
เขาใจ อีกอยางตอนนี้ก็ไมใชเวลาที่จะมาอธิบาย ไมวานางจะยินยอมหรือไม เขาก็ตอง
จัดการใหนางออกจากหมิงจู
ในภาวะสงคราม ยากนักที่จะหาสถานที่เงียบสงบสักแหง
ซูเปย มีอาณาเขตติดกับหมิงจู จึงมิไดมีสภาพดีไปกวาหมิงจูสักเทาใด สงครามที่
ยาวนานตอเนื่องทําใหพลเมืองของทีน่ ี่ยากที่จะเฉลิมฉลองปใหมดวยใบหนายิ้มแยม
แจมใสเต็มที่เชนเดียวกัน
แตยังไมทนั ครึ่งวัน กลับมีเรือนอยใหญมาจอดเทียบทาซูเปยมากมาย
รวมทั้งเรือเดินสมุทรที่จอดพักชั่วคราว และอนุญาตใหผูโดยสารเดินเขาเดินออก
ในหองพัก มอไปลืมตานานแลว และกําลังมองดูชิงชิงที่กมหนากมตาไมพูดจา
“ไปเถอะ!”
ชิงชิงไมตอบ แตสักพักก็เงยหนาขึ้น “ขามีบาน ขาไมไปเมืองหลวง!”
“รอใหบานเมืองสงบกอน เจาคอยกลับไป ตอนนี้ตองฟงคําสั่งขา!”
มอไปลุกขึ้นยืน หันมองนอกหนาตาง หันหลังใหนาง
“อยาบังคับขา!” ชิงชิงใชดวงตาแดงระเรื่อมองดูแผนหลังของเขา
มอไปมิไดหันกลับ เพียงหันกาย เดินออกจากหองไปกอน
ชิงชิงมองดูเขาเดินจากไป กําหมัดแนน กัดริมฝปากสักพัก ในที่สุดก็เดินออกจากหอง
“คุณหนู” หนาประตูไมรูวามีชายหนุมสองคนยืนไวตั้งแตเมื่อไร พอเห็นนางก็ทํา
ความเคารพ
“พวกเจา...” ชิงชิงอึ้ง มองนิง่
เมื่อแนใจวาทั้งสองเรียกนาง จึงตระหนักไดอยางรวดเร็ววาทั้งสองตองเปนคน
ของมอไป นางจึงหันมองไปรอบๆ แตกลับไมเห็นแมแตเงาของมอไป
“มอ...เขาไปไหนแลว?”
“นายนอยมีเรื่องสําคัญตองทํา จึงเดินทางลวงหนาไปกอน เชิญคุณหนูทางนี้ การ
เดินทางตอจากนี้ไปพวกเราจะเปนคนสงคุณหนูเอง!” ชายหนุมตอบ
“ไปแลวรึ?” ชิงชิงงุนงง รีบวิ่งออกจากระเบียงทางเดิน มองหาไปรอบๆ...
แนนอนวามอไปไดลงจากเรือแลว แตไมไดจากไปในทันที
เขายืนมองชิงชิงขึ้นนั่งบนรถมาที่เตรียมพรอมไวแลว รอจนรถมาวิ่งเขาสูเสนทางไป
เมืองหลวง และจากไปไกลพอสมควร เขาคอยถอนหายใจออกมาเบาๆ
หันมองดูเรือเดินสมุทรที่ยังคงจอดเทียบทาอยู กอนหันกายเดินหายไปในฝูงชน
อยางไมทงิ้ รองรอยใดๆ
ตั๋วเรือของเขาระบุปลายทางวากวางตุงก็จริง แตในความเปนจริง เขาไมสามารถอยู
บนเรือไดตลอดทาง
มิใชกลัววาชิงชิงจะเปดเผยเบาะแสของเขา แตสําหรับเขาแลว ดินแดนอันกวางใหญ
ยอมปลอดภัยกวาพื้นที่อันนอยนิดซึ่งลอยอยูในมหาสมุทร
ซูเปยตามประวัติศาสตรเปนดินแดนแหงความมั่งคั่ง ไมเพียงมีบานเรือนเศรษฐี
มากมาย ยังเปนแหลงรวมผูมีชื่อเสียงในสังคมดวย เดิมไดชื่อวาเปนดินแดนอันสงบสุข
แตเพราะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ จึงโชคราย กลายเปนจุดยุทธศาสตรที่ทุกฝายแยงชิง
กันทุกครั้งที่เกิดสงคราม
ดังนั้นหลังจากหมิงจูประสบภัยพิบัติ ที่นี่จึงกลายเปนสมรภูมิรบสําคัญในเวลาตอมา
เมื่อตองเผชิญสภาวะสงครามนานหลายเดือน เมืองเกาที่เคยคึกคักรุงเรือง สุดทายก็
เหลือแตซากปรักหักพัง
ยามเย็น มอไปนั่งอยูบนรถมาซึ่งกําลังวิ่งไปยังสมรภูมิหลัก มองดูความเศราโศกของ
เมืองที่ปกคลุมไปดวยไฟสงคราม ในใจรูสึกหมนหมอง
“นายทาน ทางขางหนาถูกปด เกรงวานาจะเกิดการสูรบกัน ดูแลวอาจตองรอนาน
กวาจะไปตอได นี่ก็ใกลมืดค่ําแลว เรากลับเขาเมืองกันกอนดีกวา ขืนชักชา อาจกลับไม
ทัน”
คนบังคับมาเดินไปดูสถานการณดานหนาแลวจึงกลับมารายงานมอไป
มอไปมองออกไปไกล เห็นสองขางทางมีทหารมาเฝาอยู จึงถามเสียงเบา “ไมทราบ
วาที่นี่คือเขตพื้นที่รักษาการณของใตเทาฟาง ฟางโหยวฉวินใชหรือไม?”
“ใชแลว ทานดูสิ ทหารมาขางหนาก็คือทหารหาญในกองทัพฉางเซิ่งของใตเทา
ฟาง” พอพูดถึงใตเทาฟาง คนบังคับมาก็พูดเสียงขรึมดวยความเคารพยกยองทันที
“หากไมมีใตเทาฟางคอยรักษาการณอยูที่นี่ เกรงวาพวกเราอาจไมมีชีวิตรอดมาได
จนถึงทุกวันนี้! ขนาดวันขึ้นปใหม คนเถื่อนที่โหดรายทารุณก็ยังไมยอมหยุด...”
แววตามอไปทอประกาย ไมพูดมากอีก กาวลงจากรถ หยิบเหรียญเงินหนึง่ เหรียญ
ใหกับคนบังคับมา “ลงตรงนีแ้ หละ ขอบใจมาก!”
คนบังคับมาเห็นมอไปใหเหรียญเงินมาก็รีบโคงตัว “มากไปๆ ทาน ขาไมมีเงินทอน
หรือวารอกลับเขาเมืองกอน ทานคอยใหขาก็ได!”
มอไปยิ้มนอยๆ แลวสายหนา
“ขาไมกลับแลว มีคนรูจักอยูในกองทัพขางหนา รออีกสักสองวัน ถาขากลับออกมา
ก็ไมแนวาอาจเรียกใชรถมาของทานอีก เทศกาลปใหมรถราหายาก เงินจํานวนนี้ทาน
เก็บไวกอน ถึงเวลาที่ขาตองการใชรถ อาจตองรบกวนทานใหชวยเหลือ พอจะไดไหม?”
“ได ยอมได นายทานวางใจ ขาอาศัยอยูที่ซอยเฉิงซี บานหลังที่สาม ทานมาไดทุกเมื่อ
...”
ฟงมอไปพูดเชนนี้ ชายสูงวัยก็รับเงินไวพรอมระบายยิ้มบนใบหนา ปที่ผานมาเขาใช
ชีวิตอยางยากลําบาก มีเงินพอเลี้ยงครอบครัวก็ดีถมแลว ยังตองพูดถึงเทศกาลปใหม
อะไรอีก
พอรถมาจากไป มอไปจึงถอดหมวกออก มองไปขางหนา แมยังไมเห็นที่ตั้งคาย
ทหาร แตก็รูสึกโลหิตในกายคุกรุน ชะงักเล็กนอย แหงนหนามองทองฟา เย็นแลว แตก็
ยังไมถึงกับค่ํามืด เห็นทหารมาขางหนาเฝาระวังอยางแข็งขัน มอไปคิดไปมา ยังคงสวม
หมวกดีกวา
หลังบนพึมพําเสียงเบา “ฟางโหยวฉวิน” เขาก็หันกาย กาวเบาๆ จากไป
ลมในซูเปยแมไมแรงเทาหมิงจู แตสมรภูมิโลหิตนี้ ยังคงทําใหมอไปรูสึกเศราสลด
อยางอดไมได
ในสายลมยามค่ําคืน คละคลุงไปดวยกลิ่นคาวโลหิตเขมขน จนมอไปรูสึกไดอยางชัดเจน
ในความมืด เขากําลังยืนอยูในที่สูงกลางสมรภูมิรบ มองดูกลุมควันหนาทึบที่พวยพุง
อยูดานหนาสี่จุดอยางนิ่งเงียบไรสุมเสียง
ควันลอยไปตามแรงลม แตกลิ่นไหมเชนนี้ เพียงพอที่จะทําใหมอไปรูวา พวกเขา
กําลังทําการเผาศพทหารที่เสียชีวิตจากการสูรบอยู
นี่คือวีรบุรุษ หลังจากควบมาตอสูในสนามรบ ในที่สุดก็ไดกลับบาน...
เปลวเพลิงโหมกระหน่ํา คลายกําลังเผาผลาญโลหิตในกายของชายชาตรี โดยเฉพาะ
ผูมีจิตใจรักชาติเชนเดียวกับมอไป เขากําลังใชสายตามองไกลไปยังคายทหารศัตรู!
ทวาตอใหเกิดแรงกระตุนที่ยากทานทนเพียงใด สุดทายก็ตองทน
สังหารศัตรูเพียงสี่หาคน โลหิตสาดกระเซ็นไปทั้งราง ก็ยังไมสามารถแกไข
สถานการณโดยรวมได!
มอไปหลับตา หมัดที่กําแนนคอยๆ คลายออก พลิ้วกาย หายไปในอากาศ
ดึกแลว ทวายังคงเห็นแสงสวางจากดวงไฟ แมทัพใหญยงั ไมถอดชุดเกราะออก!
เขายืนอยูหนากระบะทราย อายุราวหาสิบเศษ แตงเครื่องแบบเต็มยศ รูปรางกํายํา
บึกบึน มือจับดามดาบที่เสียบไวหวางเอว มองนิ่งไปยังกระบะทรายตรงหนา ไมพูดไมจา
ขางกายเขา มีแมทัพนายกองยืนอยูจํานวนหนึ่ง ทุกคนมีสีหนาทาทางเครงเครียด
คนหนึ่งชี้ไปยังกระบะทราย กอนพูดอยางเครงขรึม
“ทานแมทัพ ตอนนี้ดานตะวันออก หัวหนาหูเสียอําเภอซีเจียง อวิ๋นโซว ซานเฉิง
สามอําเภอแลว ตอนนี้เหลือเพียงอําเภอซูเหอทีย่ ังยืดหยัดตานทานอยู หากตองเสียอีก
เราคงตองเผชิญหนากับการตีขนาบทั้งสองดานของทหารเถื่อน ซึ่งอันตรายเปนอยางยิ่ง
เราจึงตองสงทหารกองหนุนไป!”
อีกคนรีบพูดขึ้น
“จะสงไปอยางไร? สองสามวันนี้ทหารเถื่อนเคลื่อนไหวคึกคักผิดปกติ เห็นชัดวา
กําลังเตรียมลอมตีกองหนุนเรา แลวถากองหนุนเราแพ กําลังทหารที่นี่ยอมไมพอแน
หากตองสูญกําลังไป คนเถื่อนก็ไมจําเปนตองรอรวมทัพตะวันออกกับตะวันตกอีก โจมตี
เราอยางรุนแรงไดในทันที ซึ่งกองหนุนเรากลับมาไมทันแน อยางไรหัวหนาหูก็ตองแพอยู
แลว เราไมควรเขาไปสมทบอีก”
“แตถาไมไปชวย หัวหนาหูตองตําหนิกองทัพขา...” อีกคนพูด
แมทัพใหญพลันยกมือปราม ทั้งสองจึงเงียบเสียงลง หันมองแมทัพใหญ
“คนเถื่อนใจใหญมาก ยังไมทันหยิบอําเภอหูฟานเขาปาก ก็คิดจะกลืนขาแลว!”
ในที่สุดแมทัพใหญก็พูดจาหยาบกระดางออกมา แววตาโกรธแคน เปลงรังสีฆาฟน
รอบทิศ
“ขากลับอยากจะดูวา พวกมันจะไดลิ้มรสจริงหรือไม! แมทัพทุกทาน!”
“ขอรับ!” แมทัพทั้งหมดรีบประสานมือรับคําสั่ง
แมทัพใหญเงยหนามองทิศตะวันตก เปลวเพลิงในตาลุกโชน
“พรุงนี้เชา นําทหารทั้งหมด บุกเขาตะวันตกหกสิบลี้ กอนตะวันตกดิน ขาตองเห็น
ธงทหารฉีที่ตีอําเภอชุยอู!”
เหลาแมทัพพากันตื่นตระหนก
“บุกตะวันตก? ทานแมทัพคิดจะ...”
ตอน 279 เขาคายทหารยามค่าํ คืน
“ไมผิด พวกมันจะตีหัวหนาหู ก็ใหพวกมันตีไป พวกมันตีตะวันตก ขาก็ตีตะวันออก
พวกมันทําลายอําเภอหูฟาน ขาก็ทําลายอําเภอชุยอู มันฆาคนของขาเทาไหร ขาก็ตัด
ศีรษะพวกมันเทานั้น”
แมทัพใหญไมมีสีหนาหวาดกลัวแมแตนอย
แตแมทัพทั้งหลายตางหนาเปลี่ยนสี ใตเทาฟางแสดงใหเห็นแลววา จะไมชวย
หัวหนาหู จะตีเมืองใหเกิดความวุนวาย!
พูดไดวานี่เปนวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง จะวาพวกเขาชวยหัวหนาหูก็ได หรือจะวาไมชวยก็ได
การตีอําเภอชุยอู ทําใหทัพหลักของคนเถื่อนลําบากเหมือนที่พวกเขาเปนอยู แตยังไมรู
วาจะชวยไดหรือไม!
แตปญหาคือผูอื่นมิไดคิดเชนนี้ ถาเปนเชนนี้ ไมวาผลจะออกมาเปนอยางไร เริ่มแรก
ยอมพิสูจนใหเห็นวา ฟางโหยวฉวินไมสนใจความเปนความตายของหัวหนาหู ซึ่งหัวหนา
หูยอมตองโกรธแคนมาก และในราชสํานักก็ยอมเกิดขาวลือตามมาอยางแนนอน
แมทัพคนหนึ่งหนาเปลี่ยนสีอีกครั้ง กอนวา
“ทานแมทัพ หัวหนาหูเปนเนื้อที่เขาปากคนเถื่อนแลว แตอําเภอชุยอู แมเราทุม
กําลังลงไปทั้งหมด ก็ไมแนวาจะยึดกลับคืนไดทันกอนที่ทัพหลักของคนเถื่อนจะยกมา
ชวย และถาหัวหนาหูถูกคนเถื่อนกลืนเขาไปจริงๆ และเรายึดชุยอูคืนไมไดอีก เกรงวา
ราชสํานักจะมีความเห็น...”
“กลัวอะไร ถาทัพหลักคนเถื่อนไมมาชวยที่ชุยอู แลวเรายังตีพวกมันไมได ก็ไมถึงกับ
ตองใหคนปากมากที่หูฟานไปทูลฝาบาทเรื่องขาหรอก ขาไมหนาหนาเทาคนผูนี้ ถาแพ
ขาก็ไมมีหนากลับเมืองหลวง”
แมทัพใหญสีหนาสงบนิ่ง ชักดาบออก ฟนลงกลางโตะทราย*จนเม็ดทรายปลิว
กระจาย
“ทําตามแผนนี้ ทุกฝายรีบไปเตรียมการ!”
เหลาแมทัพตางสบตากัน สุดทายก็โคงตัวรับคําสั่ง แลวรีบเคลื่อนตัวออกไป
รอจนภายในหองเหลือแมทัพใหญอยูเ พียงลําพัง รังสีฆาฟนคอยเจือจางลง เขามอง
โตะทรายนิ่ง แลวจึงทอดถอนใจ
แมทัพกระดูกเหล็กตอสูในสนามรบ พิชิตใตหลาอยางไมเกรงกลัวความตาย กลัวก็
แตเพียงมองไมเห็นความหวังในชัยชนะ
ครึ่งปในซูเปย เขาทุมเทแรงกายแรงใจ แตก็แทบไมเห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ได
แตยืนหยัดปกปองไมใหเสียดินแดน ซึ่งเปนเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ เขามีเกียรติประวัติ
เฟองฟูในสนามรบมาทั้งชีวิต แตครั้งนี้เขาไมสามารถคาดเดาวาตนเองจะมีจดุ จบอยางไร
จริงๆ
การสูรบที่ประชิดเขามา แมทัพในสนามรบไมมีเวลามากพอที่จะคิดอะไรมาก เขาจึง
ตองรีบเรียกประชุมหนาโตะทราย เพื่อเรียกขวัญกําลังใจ
ดึกสงัด แมทัพใหญยังไมหยุดใชความคิด ขางกายเขาไมมีแมทัพประจํากองใดๆ อีก
มีก็แตผูเฒาทานหนึ่งนั่งเงียบๆ อยูริมประตูดานหนึ่ง
ผูเฒาไมพูดไมจา หลับตานั่งสมาธิ เห็นชัดวา เขาคือคนจากสํานักเตาผูทําหนาที่
อารักขาแมทัพใหญ
อันที่จริงหนาที่นี้ไมมีอะไรซับซอน แมทหารตอสูกันอยางดุเดือดในสนามรบอยางไร
เอาเขาจริงผูที่สามารถเล็ดลอดเขาคายทหารที่มีการปองกันอยางแนนหนา มาลอบ
สังหารแมทัพนั้นมีนอยมาก ดังนั้นผูเฒาซึ่งอยูขางกายแมทัพใหญมานาน จึงยังไมเคยลง
มือจริงๆ เลยสักครั้ง
วันนี้สําหรับเขาแลว ไมมีอะไรแตกตางจากวันกอนๆ แตทันใดนั้น เขากลับรูสึกวูบ
ไหว จึงลืมตาขึ้น พลัน มองไปรอบๆ
คลายมีอะไรที่หยุดชะงัก และเขาคลายตองการเวลาชั่วครูในการตอบโต ความจริง
ในเวลาอันสั้นนี้ หากเปนคนธรรมดายอมไมใสใจสิ่งละอันพันละนอย
แตเนื่องจากตอนผูเฒาลืมตา และละสายตาไปมองรอบๆ พรอมอารมณความคิดที่
ยังไมชัดเจนดีนั้น ผูเฒาจะรองบอกก็ไมทันแลว จึงรีบลุกขึ้นยืน คิดเขาไปบอกแมทัพ
ใหญที่ยืนอยูขางโตะทราย
และตอนนี้นี่เอง ที่แมทัพใหญยังคงตกอยูในภวังคเรื่องแผนการเดินทัพ ไมรูตัว
แมแตนอย
ตุบ เสียงทึบตันเบาๆ ดังขึ้นขางหู แมทัพใหญสะดุง
เงยหนามองตนกําเนิดเสียง มือจับดามดาบตามความเคยชิน แววตาตื่นตกใจ สักพัก
คอยกลับสูความสงบ
มอไปสวมชุดดํา ยืนนิ่งตรงมุมหนึ่งของหอง หรือมุมที่ผูเฒานั่งอยูเปนประจํา ซึ่ง
ตอนนี้ ผูเฒาก็ยังคงนั่งอยู แตมุมปากมีโลหิตซึมออก ดวงตาจองจับอยูแตรางที่ใชมือกด
ไหลตนเองไว
“เจา...” ผูเฒากลืนน้ําลาย พูดเสียงออน
มอไปหันมามองเขาอยางลึกล้ํา โดยไมปดบังหนาตา ผูเฒาเบิ่งตามองดวยความตก
ตะลึงพรึงเพริด โดยไมอยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“รูหรือไม ขาคือใคร?”
ทาทีมอไปสงบนิ่ง ขยับปากเบาๆ ยังไมสนใจแมทัพใหญ พูดเบาๆ กับผูเฒากอน
คําพูดเบามาก แตทําใหคนทั้งสองที่อยูในหองเหมือนถูกคอนทุบอยางหนัก
มอไปคลายมือ ผูเฒาที่เพิ่งถูกมอไปใชฝามือกดรางไว ระเบิดพลังลมปราณจนเสื้อผา
ปลิวไสว แตพอเห็นมอไปหนั หลังให แลวเดินมือไพลหลังไปยังโตะทราย เขาก็ไมกลาลง
มือ
หรือพูดใหถูกก็คือ มือเขากําลังสั่น พริบตาเมื่อครู เห็นอยูวาฝามือของตนฟาดลงบน
ทรวงอกมอไป แตตอนนี้มอไปกลับเดินมือไพลหลัง ไมเปนอะไรเลย
หนึ่งฝามือปรมาจารย ใครเลาจะรับไดอยางสบายๆ เหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น
จิตใจผูเฒายากสงบยิ่ง แตสุดทายก็โคงตัวลงใหมอไป
“ไมทราบวาทานอองเสด็จ ผูเฒาบุมบามลงมือ ขอประทานอภัย!”
มอไปมิไดหันมอง เพียงโบกมือ
“เจารับคําสั่งอารักขาแมทัพใหญ แตพอขาเขาใกลคายทหาร เจากลับไมรูตัวแมแต
นอย เจาวา มีเจาอยูจะมีประโยชนอะไร?”
รางผูเ ฒาสั่นเทิ้ม คําถามเชนนี้เขาไมเคยชิน
แววตาตื่นตกใจของแมทัพใหญคอยๆ สงบนิ่ง เขาไมไดรีบทําความเคารพ ดวงตาที่
จองมองมอไปคอยๆ คมกริบขึ้น แตยังไมพูดจา ไดแตจองมอง
“ผูเฒาผิดพลาด!” ผูเฒาที่อยูดานหลังไมกลาปากแข็ง โคงตัวยอมรับผิด
“เห็นแกเจาที่อารักขาขางกายใตเทาฟางมาหลายเดือน ไมมีผลงาน แตมีมานะ วันนี้
จึงละเวนชีวิตเจา ฝามือเมื่อครูถือเปนการลงโทษสถานเบา ถามีครั้งหนาอีก ขาตองเอา
ชีวิตเจาแน!”
พูดถึงตรงนี้ มอไปก็ยกมือขึ้นโบก
“ออกไปเฝาดานนอก ไมมีคําสั่งขา หามใหใครเขาออกเด็ดขาด!”
ผูเฒาหนาเปลี่ยนสีเมื่อเห็นมือที่ยกขึ้นโบกสบายๆ ของมอไป ขณะที่มือขวาของตน
กําลังสั่น สงสัญญาณเตือนวา ชายหนุมผูนี้นากลัวเพียงใด สุดทายจึงไมกลาพูดอะไรสัก
คํา โคงตัวเดินออกจากประตูไป
ฟางโหยวฉวินผูผานศึกสงครามมาอยางโชกโชน ยอมเรียกสติคืนไดนานแลว เขา
มิไดสงเสียงใดๆ กลับมองดูทาทางสบายๆ ของมอไป ที่ไมเห็นปรมาจารยผูสูงสงอยูใน
สายตาแลว ยังยัดเยียดใหเปนคนรับใชอีก หนําซ้ํายังพูดถึงความเปนความตายดวย
ขณะมองดวงตามอไป ดวงตาของเขาก็อดไมไดที่จะคมคริบขึ้นมา
ลาสุดชวงหนึ่ง ชื่อของหมิงอองมอไป เปนชื่อที่กลุมอํานาจตางๆ มิอาจมองขาม
กระทั่งสนามรบที่เต็มไปดวยโลหิต ก็ยังเจ็บปวดเพราะเขาไมนอย
ฟางโหยวฉวินเคยเห็นมอไปมากอน แตนั่นเปนเมื่อหลายปที่แลว ทารกไมสิ้นกลิ่น
น้ํานมในตอนนั้นไมอยูในสายตาของเขา ทวาตอนนี้ เขากลับอดไมไดที่จะมองสํารวจแขก
ที่มาอยางกะทันหันผูนี้
ทุกอิริยาบถของมอไป ลวนอยูในสายตาฟางโหยวฉวิน ตองพูดวา เขารูสึกชื่นชม สิ่ง
ที่พูดกันมามิใชคําลวง บุคลิกของชายหนุมแตกตางจากปนั้นอยางสิ้นเชิง
ในโลกนี้ใครกลามองปรมาจารยเปนอากาศธาตุบาง?
มอไป องคชายองคหนึ่ง แตกลับมีทาทางเรียบงายสบายๆ ไมมีอาการอวดเบงแมแตนอย
มอไปเงยหนาสบตากับฟางโหยวฉวิน แลวจึงเอยปากขึ้นกอน
“ใตเทาฟาง ขามาเยือนโดยพลการในยามวิกาลเชนนี้ ตองขออภัยทานดวย!”
ฟางโหยวฉวินคอยๆ เก็บสายตา แตยังไมทําความเคารพ ลดมือลงจากดามดาบ
กอนตอบอยางไมยหี่ ระ
“ที่แทก็เปนทานอองจริงๆ กระหมอมสวมชุดเกราะ ไมสะดวกถวายบังคม ขอทรง
ประทานอภัย”
“ใตเทาไมตองมากพิธี” มอไปพูด
ฟางโหยวฉวินผายมือเชิญมอไปนั่ง จองมองมอไปอีกครั้ง
“ไมทราบวาเหตุใดทานอองจึงเขาคายทหารมาหาขาในยามวิกาลเชนนี้”
“ขาผานทางมา ไดยินวาใตเทาฟางตั้งทัพอยูทนี่ ี่ จึงมาเยี่ยมเยือนโดยเฉพาะ” มอไป
สายศีรษะ
“ออ?” ฟางโหยวฉวินไหนเลยจะเชื่อคําพูดนี้
หมิงอองที่หายสาบสูญไปนานหลายป พลันปรากฎตัวขึ้นที่หมิงจู และขณะที่ทุกคน
กําลังสืบขาวคราวของเขา เขากลับมาปรากฏตัวในคายทหารของตน และบอกวาเปน
เพียงทางผาน จึงแวะมาดู
ไมรอใหฟางโหยวฉวินคิด มอไปบอกวาจะไปก็ไป ลุกขึ้นยืนพลางเอยปาก
“ตอนนี้คนขาก็ไดพบแลว นี่ก็ดึกมากแลว ใตเทาฟาง ขาไมอยากอยูในคายทหารนาน!”
ฟางโหยวฉวินกะพริบตาปริบๆ ชะงักเล็กนอย แลวจึงลุกขึ้นยืน เดินไปสง
พอเดินมาถึงหนาประตู มอไปกลับชะงักฝเทา กอนหันมา
“ใตเทาฟาง ไมตองสง การพบกันครั้งนี้ ทําใหขาเบาใจลงไมนอย ซูเปยมีใตเทาอยู
คนเถื่อนตองไมมีวนั สมหวังแน!”
ฟางโหยวฉวินยกมือขึ้นคารวะพลางพูด
“กระหมอมเพียงทําหนาที่แมทัพเทานั้น มิกลารับคําชมจากทานออง!”
มอไปพยักหนา ยกมือขึ้นคารวะอยางสํารวมจริงจัง
“แมขาเกิดเปนเชื้อพระวงศ แตก็มีหนาที่รับผิดชอบตอประเทศชาติ แมไมมีอํานาจ
แตยังดีที่มีตําแหนงออง ทําใหขาอุทิศตนเพื่อชาติไดอยางเต็มที่ ขาจะพยายามอยางสุด
ความสามารถ จะไมยอมใหใครประพฤติมิชอบเปนอันขาด ใตเทาวางใจ ตั้งใจวางแผนสู
รบก็พอ หากมีคนคิดปองราย ขาตองไมนิ่งดูดายแน”
พอไดยินคําพูดนี้ ฟางโหยวฉวินกลับมึนงงเล็กนอย
แมไมเขาใจความหมายในทางลึกของมอไป แตเจตนาของคําพูด เขาเขาใจ เห็นชัด
วา มอไปไดยินการประชุมเมื่อครูของเขากับเหลาแมทัพ จึงรับรองกับเขาวา จะยืนอยู
ขางเดียวกันกับเขา
แตที่ทําใหฟางโหยวฉวินรูสึกแปลกใจก็คือ เหตุใดมอไปจึงมาพูดเรื่องนี้กับเขาอยาง
ฉุกละหุกเชนนี้?
การมาในยามวิกาลของหมิงออง เพียงเพื่อแสดงความเปนมิตรกับเขาหรือ?
หมิงอองคิดทําอะไร?
ไมรอตอบ มอไปพลันพลิ้วกายจากไปจริงๆ ทิ้งใหฟางโหยวฉวินไตรตรองการมา
อยางฉุกละหุกของเขาอยูนานสองนานเพียงลําพัง สุดทายก็มองไปยังทิศทางที่เขาจากไป
อดไมไดที่จะสายศีรษะ
“ประเทศชาติกําลังย่ําแย แตองคชายทานนี้กลับตอสูอยางไมยอทอ...”
การมาอยางปจจุบันทันดวนของมอไป สําหรับฟางโหยวฉวินแลว ไมนับเปนเรื่องใหญ
แตสําหรับใครบางคน กลับถูกขาวดวนขาวนี้ทําใหตกอกตกใจจนเหงื่อไหลออกจาก
หนาผากไมหยุด

*โตะทราย คือภาพจําลองสภาพภูมิประเทศแบบเสมือนจริงที่ใชในราชการทหาร
ตอน 280 ขอความชวยเหลือจากเขาซางชิง
ตั้งแตเกิดสงคราม ผูสูงศักดิ์ในเมืองหลวงยอมไดรับผลกระทบกระเทือนเกือบ
ทั้งหมด แตยังไมถึงกับรูสึกไมปลอดภัยและหวาดผวาตลอดเวลา
สงครามยังอยูหางไกลจากเมืองหลวง ผูบาดเจ็บและเสียชีวิตอยางโหดรายเปนเพียง
ตัวเลขแตละบรรทัดที่ใชประกอบรายงานเทานั้น คงเร็วเกินไปถาจะบอกวาชาติกําลังจะ
ลมสลาย
และจริงๆ แลว ทุกวันในทองพระโรงก็ยังมีขุนนางอีกมากมายที่ยกคํากลาวอาง
ตางๆ นาๆ มาเถียงกันไมเลิกวาจะรบหรือจะเจรจา
สรุปวา องคจักรพรรดิผูอยูเบื้องบน และประชาชนผูอยูเบื้องลาง ทุกคนจะใชชีวิต
ผานไปในแตละวันอยางไร แลวอยางไรตอ ซึ่งตางก็เริ่มมีชีวิตที่ไมสะดวกสบายเทา
เมื่อกอนแลว
แนนอนวาทั้งหมดนี้ เปนเหตุการณที่เกิดขึ้นกอนที่หมิงอองจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ในหมิงจู!
และตั้งแตวันที่หมิงอองปรากฏตัวขึ้นอยางไมคาดคิด ก็ไดนํากลิ่นคาวโลหิตที่อยู
หางไกล มายังเมืองหลวงอยางเปดเผย หัวใจผูคนจึงถูกกดทับดวยหินกอนใหญอยาง
ฉับพลัน ไมสามารถใชชีวิตงายๆ ไดเหมือนเดิมอีก
พวกเขามีลางสังหรณวา เมืองหลวงยากที่จะสงบสุขเหมือนกอน หรือวิกฤตการณ
ขนาดมหึมาจะขยายตัวออกพรอมๆ กับการปรากฏตัวอยางกะทันหันของหมิงออง ทุก
คนเริ่มเฝาระวังอยางรอบคอบ และคิดหนักวาตนจะทําอยางไรจึงจะรับประกันไดวา
สามารถอยูรอดปลอดภัยในวิกฤตการณนี้
พวกเขาลวนเปนคนชาญฉลาดอยางไมตองสงสัย สามารถมองวิกฤตการณออก แต
อยางไรก็ตาม พวกเขายอมคิดไมถึงอยางแนนอนวาทุกอยางจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว เร็ว
จนทุกคนที่กําลังเฉลิมฉลองวันสงทายปเกาอยูนั้น ตองรูสึกหนาวเหน็บเขากระดูก
การเตรียมห้ําหั่นกันของจวนหมิงอองกับสํานักเตาเปนขาวใหญที่ดึงดูดความสนใจ
ของผูคนยิ่ง
นาทีที่ตัวตนของทั้งสองฝายถูกเปดเผย ขุมอํานาจแตละฝายในเมืองหลวงตางตื่น
ตระหนกไปตามๆ กัน
จวนหมิงออง!
สํานักเตา!
สองขุมอํานาจยักษใหญในเมืองหลวงทีท่ ุกคนมิอาจมองขาม ปาวประกาศขาวการ
ตอสูครั้งยิ่งใหญใหทุกคนไดรับรูอยางโจงแจง พวกเขาตองการพลิกฟาคว่ําแผนดินรึ?
เพียงดึงแขนก็ขยับไปทั้งตัว พอขาวแพรกระจายออก ผูคนตางก็นั่งกันไมติด
ไมวาจะเปนเจาเหนือหัวอยางองคติ้งอู หรือเขาซางชิงกับสํานักเตาเลื่องชื่อตางๆ
กระทั่งตระกูลหลิน คนฉีและกองกําลังอื่นๆ ลวนแลวแตสั่งการลงไปใหรีบสืบหา
รายละเอียดที่แทจริงของเรือ่ งนี้อยางเรงดวน
ขณะเดียวกัน ขุมอํานาจแตละฝายในเมืองหลวงก็เริ่มกระตือรือรนเตรียมพรอมรับ
สถานการณ คําสั่งแลวคําสั่งเลาถูกสงจากวังหลวงไปยังทหารทุกกรมกอง ใหเตรียมรับ
คําสั่งฉุกเฉินทุกเมื่อ!
คนในที่ทําการสํานักเตาเลื่องชื่อแตละแหง ตางรีบสงขาวกลับสํานักตนจาละหวั่น
พรอมเรียกศิษยที่อยูนอกสํานักกลับสํานัก โดยกําชับอยางเขมงวดวา หามผูใดไปไหนมา
ไหนโดยไมบอกกลาว และหามทําอะไรที่ผิดแผกแตกตางอยางเด็ดขาด
ผูสูงศักดิ์แตละทานในเมืองหลวง พรอมใจกันปดประตูสงแขก หลบอยูแตในบาน
ทําใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ตางฝายตางหวาดกลัวเชนนี้ ก็เพราะพวกเขาไดเฝาดูเหตุการณมาโดยตลอด
เริ่มจากหมิงอองสังหารคนเถื่อนฉี โดยไมเหลือหนทางเจรจาแมแตนอย!
ตอมากอเรื่องใหญในใตหลา ดวยการสังหารปรมาจารยและศิษยสํานักเตา ทําให
ความสัมพันธอันหมิ่นเหมของราชสํานักกับสํานักเตาไปถึงจุดที่พรอมระเบิดออกไดทุก
เวลา!
จากนั้น การมาเมืองหลวงของพระชายา ทําใหความสัมพันธที่นิ่งเฉยชั่วคราวของ
ราชสํานักและตระกูลหลินตองเผชิญกับบททดสอบตอการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน
เห็นชัดวาหมิงอองกําลังใชความพยายามอยางสุดความสามารถ ในการรื้อปม
ทั้งหมดที่แตะตองไมไดของราชสํานักขึ้น ขณะที่ผูคนกําลังรองขอสันติสุข แตหมิงอองก
ลับทําใหชาติยุงวุนวายอยางไมสนใจใดๆ จึงทําใหผูคนหวาดหวั่นวา ความยุงเหยิงในครั้ง
นี้หากระเบิดออกจริง ยอมแพรกระจายความเดือดรอนไปทั่วทุกแหงหน อยางหลีกเลี่ยง
ไมได
สายตาทุกคูกําลังจับจองเรื่องนี้อยางกระตือรือรน ความจริงในการตอสูกันของสอง
ยักษใหญไดถูกตีแผใหเห็นกันอยางรวดเร็ว
“ตูเวยเวย?”
ตอนที่ทุกฝายไดยินชื่อทานตูนั้น เกือบทุกคนตางตะลึงงัน และมึนงงไปชั่วขณะ
แมในเมืองหลวงมีคนรูจักทานตูไมนอย แตสถานะของทานตู กลับไมอยูในสายตา
ของคนเมือง
แตสักพัก ผูคนก็ไมสนใจแลววาทานตูคือใคร เพราะมั่นใจแลววา ระหวางจวนหมิง
อองกับสํานักใบไผตองเกิดการตอสูครั้งใหญขึ้นอยางแนนอน
ทวาไมนานนัก เรื่องราวกลับกระจาง พูดไดวาทําใหผูคนมากมายโลงอกไปตามๆ กัน
รวมทั้งองคติ้งอูที่นั่งอยูในวังอยางเครงขรึม หมัดที่กําแนนก็คอยๆ คลายออกโดยไม
รูตัว นิ่งเงียบอยูนาน กอนเงยหนาขึ้น ตรัสกับจางปงลี่ที่ยืนเหงื่อแตกเต็มหนาผาก
ตรงหนา
“เชนนี้หมายความวา สํานักเตาไมเคยคิดเปนปรปกษกับจวนหมิงอองมากอนหรือ?
ความขัดแยงในครัง้ นี้เปนการเขาใจผิดหรือ?”
จางปงลี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหนาผาก เรื่องนี้แมพูดวาเขาใจผิด แตเห็นชัดวามี
เงื่อนงํา ทวาองคติ้งอูกลับใชคําวาความขัดแยงมานิยาม เพียงพอที่จะบอกวาพระองค
ตองการเบี่ยงเบนขอสรุป ซึ่งนอกจากพูดวาเขาใจผิดแลว ก็ทําอะไรไมไดจริงๆ
ไมวาราชสํานัก หรือสํานักเตา ตางก็ไมอยากฉีกหนาอีกฝาย ดังนั้นจึงไดแตใชคําวา
เขาใจผิดมาอธิบาย จางปงลี่จึงไดแตพยักหนา กอนตอบ
“พะยะคะ สํานักหวงยืนยันแลววา พวกเขาเปนผูขอใหสํานักใบไผชวยจับศิษย
ทรยศตูเจวียนให และจากการตรวจสอบยืนยันไดวา ตูเจวียนเคยเปนศิษยสํานักหวง
ตอมาเกิดความไมพอใจ จึงขอลาออก แตกลับถูกสํานักหวงมองวาเปนศิษยทรยศ
เนรคุณอาจารยและทําบรรพชนเสื่อมเสีย”
“เชนนี้จะอธิบายอยางไรดี คนของจวนหมิงอองแจงสถานะแลว แตพวกเขาก็ยังลง
มือ หรือนี่ก็เปนการเขาใจผิด?” องคติ้งอูยังคงมีสีหนาเครงขรึมจนนาตกใจ
จางปงลี่เขาใจ นี่ตองมีเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบาย เขาจึงกมหนา
“คําอธิบายของสํานักเตาก็คือ ทางบานตูเจวียนสืบทอดกิจการชนชั้นลางมาหลาย
รุน ตูเจวียนเองก็จัดเปนชนชั้นลางในหมิงจู สวนทานอองเปนหนอเนื้อเชื้อกษัตริย
สถานะสูงสง ไหนเลยจะมาคบหาสมาคมกับคนสถานะต่ําตอย เนรคุณอาจารยและ
บรรพบุรุษอยางตูเจวียนได แมตอนผูคุมกันขางกายนางบอกวาพวกเขาเปนคนของ
จวนหมิงออง ศิษยสํานักใบไผก็ยากที่จะเชื่อ ซ้ํายังสงสัยวาตูเจวียนกลากลาวเท็จ นํา
หมิงอองเขามาเกี่ยวของ ซึ่งถือเปนความผิดรายแรง...”
“เหลวไหล!” เขาพูดยังไมจบ องคติ้งอูก็ตบโตะ สบถเสียงต่ํา
จางปงลี่รีบเก็บคําพูด กลั้นหายใจ คําพูดนี้กําลังลบหลูหมิงอองอยางไมตองสงสัย
ในความหมายวาเปนหนอเนื้อเชื้อกษัตริย แตกลับทําตัวตกต่ํา
ทวาคําพูดเชนนี้ก็เปนคําอธิบายที่ดีที่สุดใหกับการตอสูที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ขณะเดียวกันก็สามารถใชไกลเกลี่ยขอพิพาทใหจบลงแตเพียงเทานี้ ไมตองสืบสาว
ราวเรื่องตอ
เมื่อเปนเรื่องอื้อฉาวก็ตองปกปด ทําเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็ก เมื่อเปนเรื่องเล็กไดก็
ถือวามีเหตุผล
“เฮอะ มีเหตุผลที่ไหน ไรสาระชัดๆ!”
องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชา ซึ่งไมรูวาพระองคกําลังวาใครไรเหตุผล สุดทายก็ทรงโบกมือ
“กลาลงมืออยางชะลาใจในเมืองหลวงเชนนี้ แสดงวาคิดทาทายอํานาจราชสํานัก
ตองจับตัวผูเกี่ยวของทั้งหมดมาลงโทษสถานหนัก!”
“พะยะคะ” จางปงลี่ไมลังเลแตอยางใด
การจับกุมคนเหลานี้เปนเรื่องที่ตองทํา สํานักเตาหากรูกาลเทศะ ก็ยอมไมกลากอ
เรื่องเพิ่ม
ทวากอนออกจากหอง เขากลับรูสึกไมสบายใจ จึงวา “ฝาบาท ดานจวนหมิงออง
เกรงวาคงจะไมเลิกรางายๆ...”
องคติ้งอูแววตาคมวาว เปลงรัศมีดุดันทั่วราง แตน้ําเสียงยังคงนิ่งเรียบ
“องคชายอยูนอกวังมานานหลายป ขางกายมีทั้งคนดีและไมดี ควรเรียนรูกฎเกณฑ
ใหดีจึงจะถูก!”
จางปงลี่เขาใจ นี่ถือวาองคติ้งอูใจกวางกับจวนหมิงอองมากพอแลว พวกเขามักลบ
หลูพระองค แตพระองคก็ทรงอดทน ทวาพวกเขากลับยิ่งไดใจ ไมคิดวาทรงปกปกษ
รักษาแผนดินอยางยากลําบาก ละเมิดขอหามอยูเรื่อย พระองคจึงไมสามารถอดทนได
อีก
“พะยะคะ กระหมอมจะไปดําเนินการเดี๋ยวนี้!” จางปงลี่โคงตัว กอนถอยออกไป
ราชสํานักเคลื่อนไหวเร็วมาก ศิษยสํานักใบไผที่ลงมือทั้งหมดถูกจับกุมตัวหลังเกิด
เหตุไมนาน กระทั่งปรมาจารยที่โดนระเบิดบาดเจ็บก็ไมละเวน ถูกขังไวในหองขัง
สํานักใบไผใหความรวมมือเปนอยางดี ไมขัดขืนแตอยางใด ปลอยใหเปนไปตาม
กฎหมาย
สวนสํานักเตาอื่นๆ ก็รีบออกมาแสดงทาทีสนันสนุนการดําเนินการของราชสํานักใน
เรื่องนี้
อยางไรก็ตาม คนสวนใหญในเมืองหลวงก็ยังรูสึกไมไววางใจ พวกเขาเขาใจทาทีที่
ราชสํานักและสํานักเตามีตอการดําเนินการในเรื่องนี้ก็จริง แตในใจยังมีอีกแงมุมหนึ่ง
จวนหมิงออง
จวนหมิงอองในจิตใจของผูคน มิไดมีความเห็นเปนไปในทางเดียวกันกับราชสํานัก
อาศัยความอหังการของพวกเขา เกิดเรื่องใหญเชนนี้ ยอมไมจบลงแตโดยดีแน
กระทั่งปรมาจารยแหงเขาซางชิง หมิงอองยังกลาสังหาร ราชทูตประเทศฉีพวกเขาก็กลา
สังหาร แลวสํานักใบไผที่กลาเปนศัตรูอยางโจงแจงกับพวกเขา เขาจะยอม
ประนีประนอมหรือ?
เปนไปไดนอยมาก จึงเกรงวาเรื่องนี้ ยังไมจบ!
ทวาไมนานนักก็มีขาวเล็ดลอดออกมาจากในวังวาพระชายาที่เขาเฝาถูกฮองเฮารั้ง
ตัวไวใหอยูในวัง สวนองครักษขางกายนาง รวมทั้งลูสวินอี้ ก็ถูกรั้งตัวไวในวังเพื่อรอรับใช
เชนกัน
สวนการรักษาความปลอดภัยในจวนหมิงออง ในวังไดสงทหารรักษาการณมาให
หนาประตูจวนจึงมีทหารเพิ่มขึ้นมากมาย!
เชนนี้ ผูหลักผูใหญคอยเบาใจลง มองออกวา ที่สุดแลวราชสํานักก็ใชมาตรการขั้น
เด็ดขาดกับจวนหมิงออง ไมอนุญาตใหพวกเขากอความวุนวายในเมืองหลวงอีก
เห็นชัดวา ราชสํานักลงดาบจริงจังแลว จวนหมิงอองคงยากที่จะพลิกวิกฤตใหญไปได
เรื่องใหญที่ทําใหผูคนตื่นกลัว ก็จบลงดวยประการฉะนี้ ผูคนที่ไมมีกะใจฉลองปใหม
ที่สุดแลวก็โลงใจไปไดหนึ่งเปราะ
แตในความเปนจริง เรื่องนี้จบลงแลวจริงๆ หรือ?
ราชสํานักมีความเคลื่อนไหวนอยลงแลวก็จริง แตทางสํานักเตา ระลอกคลื่นเพิ่ง
เริ่มตนขึ้น
คืนนั้น คนของสํานักเตาไมกลาผลีผลามรวมตัวกัน ทั้งหมดเงียบสงบ
แตพอมาวันนี้ รอจนฝนหยุดคลื่นลมสงบ ที่ทําการเขาซางชิง ก็ไดตอนรับแขกผูมาเยือน
ผูประสานงานสํานักใบไผ อาจารยหวงเซิน
จุดประสงคการมาของหวงเซินยอมเกี่ยวของกับศิษยที่ถูกราชสํานักจับตัวไป ซึ่งไม
สามารถปลอยปละละเลย ตองคิดหาวิธีนําตัวพวกเขาออกมา ซึ่งเรื่องใหญเชนนี้ จําตอง
ขอความชวยเหลือจากเขาซางชิง
ชงเสวียนตระหนักในเรื่องนี้ดี แตจะใหเขารับเผือกรอนกอนนี้อยางไรเลา หลังทํา
ความเขาใจในเจตนารมณ เขาก็ไดแตตีสีหนาเครงขรึม
“อาจารยหวง เจาไมใชคนนอก ขาก็จะไมพูดมาก เจาเองก็ชัดเจนดี เรื่องนี้ลงเอย
เชนนี้ได ก็นับวาโชคดีหนักหนาแลว”
“ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักใบไผเราประสบเคราะหกรรมในครั้งนี้ ทั้งตนสายและปลาย
เหตุ ลวนไมเกี่ยวของกับเราทั้งสิ้น การลงมือจับตูเจวียน เราไมเพียงชวยสํานักหวง ยัง
ชวยแกแคนใหคนของเขาซางชิงที่เสียชีวิตในหมิงจูดวย เราลงมือแทนคนจากสํานักเตา
ทุกคน แตพอเกิดเรื่องกับเรา เขาซางชิงกลับไมสนใจใยดี เชนนี้เหตุใดเราจะไมเสียใจ
เลา?”
ชงเสวียนอุตสาหพูดอยางมีชั้นเชิง แตเหตุใดหวงเซินเขาใจเปนเชนนี้ไปได
ตอน 281 สํานักหวงทําวุน
“อาจารยหวงพูดเชนนี้ก็ไมถูกแลว ไมผิด ตูเจวียนสมควรถูกจับ แตรายละเอียดของ
เรื่อง เจากับขาตางก็ชัดเจนในใจดี หรือที่พวกเจาวูวามลงมือกับจวนหมิงออง เปนการ
ทําเพื่อพวกเราทุกคน?”
หวงเซินหนาเปลี่ยนสีทันที
“ศิษยพี่ชงเสวียน คําพูดของทานผูแซหวงไมกลาเห็นดวยแลว ไมผิด จวนหมิงออง
แข็งแกรงจริง แตสํานักเตาเราตกต่ําเชนนี้ตั้งแตเมื่อไรกัน มีความแคนล้ําลึก ไมกลาชําระ
ก็แลวไป ทวากระทั่งจัดการเรื่องภายในสํานัก ยังตองดูสีหนาผูอื่นอีกหรือ? ศิษยพี่ชง
เสวียน ขนาดเขาซางชิงของทานมีจอมยุทธไวเพื่อสรางความสมดุล ยังคิดเชนนี้ สํานักใบ
ไผขาครั้งนี้ก็ถือวาโชครายแลวกัน!”
พูดจบก็ลุกพรวด ประสานมือคารวะ “ขอลา!”
ตัวขุนของชงเสวียนถูกโจมตี ทําใหชงเสวียนหนาแดงก่ําทันที นึกโกรธในใจ หวงเซิน
เขาใจเรื่องราวดีแตแสรงทําเลอะเลือน สถานการณในตอนนี้ออนไหวขนาดไหนเขาไมรู
หรือ?
ไมมีทางเลือก เรื่องบางอยางรูทั้งรู แตก็พูดออกมาไมได
เชนตอนนี้ ถึงใหความกลาแกเขา เขาก็ไมกลายอมรับวาจอมยุทธกลัวหมิงออง ไม
กลาเปนศัตรูดวย
จึงไดแตยับยั้งความโกรธ ลุกขึ้นยืนเพื่อรั้งตัว
“อาจารยหวงอยาเพิ่งโกรธ ขามิไดหมายความเชนนี้!”
“เฮอะ ศิษยพี่ชงเสวียนไมจําเปนตองพูด ผูแซหวงเขาใจ ครั้งนี้เปนสํานักใบไผเราหา
เรื่องใสตัวเอาเอง ไมควรมารบกวนเขาซางชิง ศิษยพี่วางใจ ขาก็แคกลับไปรับโทษจาก
ทานเจาสํานัก เปนขาหวงเซินที่โงเขลา สมควรแลวที่มีสภาพเชนนี้!
ถึงตอนนี้ ผูแซหวงนับวาเขาใจแลว แตละสํานักควรทําความสะอาดหนาบานของ
ตนใหดี เมื่อมีความเดือดรอน แตละสํานักก็ควรแยกยายจัดการกันเอง” หวงเซินยังโกรธ
ไมเลิก
“เฮอ...หมดกัน อาจารยหวงพูดเสียหมดกัน นั่งๆ เราคอยๆ พูดคุยกัน!”
ชงเสวียนยกมุมปาก ไดแตทําหนาหนารั้งตัวเขาไวสุดฤทธิ์ เพราะถาปลอยใหเขา
กลับไปพูดเชนนี้ จะยิ่งเดือดรอนกันไปใหญ
สํานักเตาในตอนนี้ ทุกคนตองรักใครสามัคคี ขืนแตกแยกละก็...
“อาจารยหวงใจเย็น อยาเพิ่งใชอารมณ ความรอนใจของเจาขาเขาใจ แตเจาลอง
ถามใจตัวเองดู พอเกิดเรื่องขึ้น ใชเขาซางชิงหรือไมที่รับเรื่องไวแตนาทีแรก เสี่ยง
อันตรายสนับสนุนพวกเจา แลวไปเจรจากับราชสํานัก อาจารยหวง เจาชัดเจนดี ถาเขา
ซางชิงนิ่งดูดาย เรื่องจะจบลงเชนนี้หรือ คิดวาเจานาจะเดาได”
ชงเสวียนพูดอยางนิ่มนวล แตความหมายไมนิ่มนวล
แนนอนวาหวงเซินฟงความอหังการนี้ออก เดิมทีเขาก็มิไดคิดจะแตกกับเขาซางชิง
จริงๆ เพียงแสดงทาทีไปเชนนั้นเอง ขณะฟงเขาก็ทําหนาขมขื่น วางทาทีใหออ นลง
“ศิษยพี่ชงเสวียน ถาขาไมคิดวาเขาซางชิงเปนสํานักเตาแถวหนาที่เชื่อถือได ไหน
เลยจะมาขอรองทานถึงนี่ บุญคุณของเขาซางชิง สํานักใบไผยอมซาบซึ้งใจ หากเขาซาง
ชิงมีภัย สํานักใบไผยอมตองชวยเหลืออยางสุดกําลัง เขาซางชิงลําบากใจไฉนขาไมรู แต
ศิษยพี่ก็ตองเขาใจความลําบากใจของพวกเราเชนกัน ครั้งนี้ศิษยหลายคนถูกจับตัวไป
กระทั่งปรมาจารยก็ไมละเวน พวกเราในฐานะศิษยรวมสํานักไหนเลยจะนิ่งดูดายได หาก
เปนเชนนี้ ศิษยสํานักเตาไหนเลยจะไมใจเสียเลา!”
แววตาชงเสวียนเต็มไปดวยความขมขื่น คนเขากลาวโทษมาที่หัวเรือใหญเต็มๆ
แตเรื่องนี้ไหนเลยจะจัดการไดงายๆ เดิมทีสถานะของเขาซางชิงก็ใชวามั่นคง กับ
จวนหมิงอองก็เหมือนน้ํากับไฟดวยซ้ํา ถาไมระมัดระวังใหรอบคอบก็อาจเกิดเรื่องใหญ
ขึ้นได
ตอนนี้ถาใหชวยสํานักใบไผขอคนคืน ยังไมตองพูดเรื่องทําสําเร็จหรือไม แควาราช
สํานักโอนออนผอนโทษให หมิงอองก็ไมรูจะตอบโตอยางไรแลว?
“เรื่องนี้ ควรคิดกันยาวๆ ดีกวา ตอนนี้ยังไมพดู เรื่องหมิงอองจะทําอยางไร พูดเรื่อง
ความสัมพันธของเรากับราชสํานักที่ตกต่ําจนถึงขีดสุดกอน ครั้งนี้ราชสํานักสามารถ
อดทนไดถึงขั้นนี้ก็ถือวาไมงายแลว ตอนนี้ถาใหเขาซางชิงไปชวยพวกเจาไกลเกลี่ย
นอกจากกระตุกตอมโกรธขององคติ้งอูแลว ยังชวยอะไรไมไดดวย”
ชงเสวียนไดแตพูดใหเขาประวิงเรื่องไวกอน หวงเซินจึงผอนคลายลง ทําไมเขาจะไม
รูเรื่องราวเหลานี้ เขาเพียงตองการใหชงเสวียนรับไมไว เพราะไมวาผลจะเปนอยางไร
อยางนอยเขาก็มีคําพูดไปรายงาน แมชวยคนเหลานั้นออกมาไมได เขาซางชิงก็ตองชวย
เขาแบงเบาภาระ
“เฮอ...เชนนี้ก็ตองรบกวนสํานักทานแลว ศิษยพี่ชงเสวียนวางใจ ไมวาผลจะเปนเชน
ไร น้ําใจและความชวยเหลือที่สํานักทานมีให ขายอมแจงตอทานเจาสํานักแน รวมทั้ง
บอกใหทุกสํานักรูดวยวา เราตางเปนเสมือนพี่นอง เกื้อกูลซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน
ของทุกๆ คน ถามีเหตุเภทภัย ทุกคนก็ตองชวยกันสอดสองดูแล...”
ชงเสวียนยิ้มขมขื่น เผือกรอนชิ้นนี้ถูกโยนใสมือจนได หนําซ้ําตนอาจตองตั้งใจ
จัดการใหจริงๆ อีก!
จึงสายหนาเบาๆ มิใชตนโง แตบางครั้งก็จนปญญา เขาซางชิงเปนสํานักเตาแถว
หนา ความรับผิดชอบยอมตองมีอยู คนเขาก็พูดอยางชัดเจนแลววา ที่ทําลงไปเปนการ
ทําเพื่อเราทุกคน รวมทั้งแกแคนใหเขาซางชิงดวย แตพอเกิดเรื่องขึ้น ถาเจาจะสะบัด
บั้นทายเดินจากไปโดยไมสนใจแลวละก็ บารมีสํานักใหญจะเหลืออยูไหมเลา ตอไปสํานัก
เตาตางๆ มิตองอยูกันอยางอกสั่นขวัญแขวนหรอกรึ
ถาสถานการณปกติยังไมเปนไร แตตอนนี้สถานะของเขาซางชิงลอแหลมยิ่ง ไมอาจ
เสียภาพพจนซ้ําอีก เผือกรอนชิ้นนี้อยางไรก็ตองกิน
ขณะรูสึกขมขื่นใจ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นที่หนาประตูอยางเหนือความคาดหมาย
“ทําเพื่อเราทุกคนหรือ? หวงเซิน เจาชางกลาพูด!”
ชงเสวียนชะงักคาง หันมองประตู เห็นเงารางนักพรตปรากฏขึ้น ยังคงเปนคน
คุนเคย จึงรีบลุกขึ้นยืนตอนรับ “อาจารยฉินก็มาดวย? เชิญนั่งๆ”
หวงเซินทีอ่ ยูอีกดานยอมเห็นผูมาเชนกัน สีหนาเขาเปลี่ยนในทันที
ที่แทผูมาคือปรมาจารยฉินไทจือแหงสํานักหวง ซึ่งเดินหนาดําคร่ําเครียดเขามา
พรอมรางที่เต็มไปดวยความโกรธ ถลึงตามองหวงเซินไมกะพริบ
ชงเสวียนกวาดตามองคนทั้งสอง รูสึกวามีบางอยางไมถูกตอง แตยังไมรูวาอะไร
หวงเซินกะพริบตา กอนยกมือขึ้นคารวะฉินไทจอื อยางกระอักกระอวนใจ
“พ...พี่ฉิน ก็มาดวย?”
“ทําไม ขามาไมไดหรืออยางไร?” ฉินไทจือไมไวหนาแตอยางใด
เขาไมนั่ง เดินโทงๆ มาทางชงเสวียน ทาทางโกรธจัด ชนิดพรอมลงมือทุกขณะ
“พี่ฉินพูดอะไร...แคกๆ นี่...” หวงเซินเห็นทาทางเขาแลว จําตองถอยหลังกาวหนึ่ง
ออกตัวแรงขนาดนี้ ชงเสวียนยอมดูออก เพียงไมเขาใจวาทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน
ดูตามเหตุผลแลว สํานักใบไผชวยสํานักหวงจนเกิดเรื่องใหญเชนนี้ ถือวาแบกรับ
ความเดือดรอนแทนสํานักหวง ผูที่โกรธควรเปนหวงเซินมากกวา มิใชฉินไทจือ
ทวา อยางไรก็ตาม ไมสามารถใหคนทั้งสองตอสูกันในที่แหงนี้ จึงรีบขวางฉินไทจือไว
“พี่ฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ถึงตองโกรธขนาดนี้?”
ชงเสวียนขวางไว ฉินไทจือจึงหยุดเดิน เขายังไวหนาชงเสวียน แตเปลวไฟในใจยังไม
ดับมอด จองมองชงเสวียนนิ่ง กอนหันไปชี้หนาหวงเซิน
“ทางที่ดีเจาใหเหตุผลที่ฟงขึ้นกับขามา หาไมแลวเราเห็นดีกันแน กลาใชสํานักหวง
เปนเครื่องมือ สํานักหวงเราจักไมประนีประนอมเปนอันขาด!”
“พี่ฉิน ทานพูดอะไร...” สีหนาหวงเซินเปลี่ยนอีกครั้ง
ชงเสวียนกลับจับพิรุธออก หันไปกวาดตามองหวงเซิน แลวหรี่ตา
พอเห็นสายตาชงเสวียน หวงเซินก็อึ้ง แตที่สุดแลวชงเสวียนก็ไมพูดมาก หันมองฉิน
ไทจือ แลววา “พี่ฉิน ตอนนี้สถานการณเราไมคอยดีนัก เราไมควรแตกกันเอง มีอะไรนั่ง
ลงแลวคอยๆ พูดกันดีกวา”
ฉินไทจือจึงคอยๆ เก็บอารมณ สุดทายก็นั่งลง แตเปลวไฟในใจยังไมดับ ยังพุงเปาไป
ที่หวงเซิน “จะพูดหรือไมพดู ?”
หวงเซินคอยๆ สงบนิ่งลง สีหนาก็เครงขรึมลง “พี่ฉิน ผูแซหวงเคยลวงเกินอะไรทาน
ไวหรือไม เหตุใดทานจึงมีทาทีเชนนี้?”
เมื่อเห็นวาเขายังไมยอมรับ ฉินไทจือจึงลุกขึ้นยืน ชี้หนาหวงเซินพรอมพูดอยางดุดัน
“เจาคิดวาขาฉินไทจือโงเงาเตาตุนจริงรึ? จะบอกอะไรให อยาคิดวาขาไมไดพูดอะไร
กับราชสํานัก เกรงวาขาพูดรุนแรงกวาที่เจาคิดไวเสียอีก เจาเชื่อหรือไม วันนี้ถาเจาไมมี
คําอธิบาย ออกไปจากที่นี่ ระหวางเราสองคน จักมีเพียงหนึ่งที่รอดชีวิตเทานั้น!”
“เจาบาไปแลว....” สีหนาหวงเซินเปลี่ยนอีก
ถึงกับพูดเรื่องเปนตายกัน ชงเสวียนยอมนั่งไมติด รีบกลาวเตือน
“พี่ฉินใจเย็น เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน เลาใหฟงแลวเราคอยปรึกษาหารือกัน”
“ศิษยพี่ชงเสวียนวางใจ สํานักหวงขากับสํานักใบไผเปดศึกกัน คิดวาตองเปนบุญตา
ของราชสํานักยิ่ง ซึ่งไมมีผลตอสัมพันธภาพระหวางราชสํานักกับสํานักเตาเปนอันขาด!”
ฉินไทจือสีหนาเยือกเย็น น้ําเสียงเด็ดขาด
หวงเซินรูส ึกกระสับกระสายแลว จึงรีบโมโหตอบ “ฉินไทจือ ขาวาเจาบาไปแลว
จริงๆ ตอนนี้ยังมาพูดอะไรเชนนี้อีก เคยคิดถึงผลที่จะตามมาบางไหม?”
“ผลที่จะตามมาหรือ? แลวที่สํานักใบไผเจากลาวอางสํานักหวงขา เคยคิดถึงผลที่จะ
ตามมาหรือไม? คิดจริงๆ รึวาสํานักหวงขาออนแอ เกรงกลัวสํานักใบไผเจา?”
ฉินไทจือเห็นเขายังปากแข็ง พลังปราณตลอดทั้งรางจึงปะทุขึ้นทันที ขณะเตรียม
ปลอยพลัง พลันรูสึกถึงรังสีกระบี่ที่กระจายออก!
ขณะเห็นการตอสูจะเริ่มในไมชา ชงเสวียนก็รีบกาวยาวๆ เขาไปยืนระหวางคนทั้ง
สอง กอนยกมือทั้งสองขางขึ้น
“ทานทั้งสอง ที่นี่คือเขาซางชิง ไมใชที่ที่พวกทานจะมาตอสูกัน”
คํานี้พอหลุดจากปาก ฉินไทจือจึงเก็บพลังลง แตน้ําเสียงยังเต็มไปดวยความโกรธเกรี้ยว
“ศิษยพี่ชงเสวียน วันนี้ผูแซฉินมิไดคิดมาหาเรื่อง แตสํานักใบไผขมเหงกันเกินไปจริงๆ!”
“พี่ฉินใจเย็น!” ชงเสวียนมีสีหนาออนโยนลง แลวจึงหันมาทางหวงเซิน
“อาจารยหวง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน? เหตุใดปรมาจารยฉินจึงโกรธหัวฟดหัว
เหวี่ยงเชนนี้?”
“ศิษยพี่ พูดแลวขาก็ยังงงอยู สํานักขาเกิดเรื่องใหญขนาดนี้ ขาไหนเลยยังมีเวลาไป
ลวงเกินเขา? ใครจะรูวาเขากินยาอะไรผิดไปหรือเปลา?”
จนถึงขั้นนี้แลว หวงเซินยังไมยอมรับอีก
ฉินไทจือเหมือนจะระเบิดพลังขึ้นอีก ชงเสวียนจึงกาวเขาไปสงเสียงดังหามไว
“พี่ฉิน ชงเสวียนรูวาที่ทานทําเชนนี้ ยอมตองมีเรื่องแน ทานพูดมาเถิด วาเรื่องเปน
อยางไรมาอยางไร?”
ฉินไทจือจองหวงเซินเขม็ง สุดทายก็สูดหายใจเขาลึกๆ จึงคอยๆ สงบนิ่งลง แลววา
“เกรงวาศิษยพี่ยังไมรูวา เรื่องเมื่อวานที่สํานักใบไผประมือกับตูเจวียน ศิษยสํานัก
หวงขาไมมีใครรูเรื่องนี้แมเพียงคนเดียว!”
“หือ?” ชงเสวียนตะลึง
มองดูหวงเซินผูมีสีหนาเครงเครียดเชนเดียวกัน แลวหันกลับมองฉินไทจืออีก ขมวด
คิ้วแลววา “พี่ฉิน ที่พี่พูด หมายความเชนไร?” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงัก ถามตอ “พี่ฉิน
กําลังตําหนิสํานักใบไผวา กระทําการบุมบามเกิน ทําใหเกิดเรื่องขึ้นใชหรือไม?”
เห็นชัดวา เขาเขาใจผิดแลว คิดวาฉินไทจือตําหนิสํานักใบไผที่กระทําการแลวโยงใย
มาถึงพวกเขา โกรธที่สํานักใบไผทําการหาเรื่องหมิงอองโดยพลการ
โดยไมคิดวาฉินไทจือกลับหัวเราะเย็นชา แลววา “ศิษยพี่ไมลองถามหวงเซินดูวา วัน
นั้นกอนที่พวกเขาจะลงมือกับคนของจวนหมิงอองนั้น พวกเขาอยูที่ไหน?”
ตอน 282 พันธมิตรแตกหัก
ชงเสวียนงงไปหมด จับตนชนปลายไมถูก จึงหันมองหวงเซิน กลับเห็นหวงเซินพูด
อยางลุกลี้ลุกลน
“ขาวาแลว ที่วันนี้ปรมาจารยฉินวางทาทางใหญโต ชี้หนาดาขา ที่แทก็เพราะเรื่องนี้
นี่เอง”
พูดถึงตรงนี้ หวงเซินก็ละสายตาจากฉินไทจือ มามองชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน เรื่องเปนเชนนี้ วันนั้นขาไปสํานักหวง เพราะเรื่องหญิงสาวแซ
หลิน หรือศิษยสํานักทาน หลินซูอินเขาเมืองหลวง ขาเขาพบปรมาจารยฉินเพื่อหารือวา
เราควรรับมือกันอยางไรในสถานการณเชนนี้ และอาจเพราะผูแซหวงมีความเห็น
บางอยางไมตรงกับปรมาจารยฉิน ทําใหปรมาจารยฉินไมพอใจ วันนี้จึงคิดสั่งสอนผูแซ
หวง!”
พูดถึงตรงนี้ หวงเซินก็ละสายตาจากชงเสวียน มาสบตาฉินไทจือที่เต็มไปดวยความโกรธ
“ปรมาจารยฉิน บางเรื่องที่พดู กัน ทําใหทานโกรธใชหรือไม!”
เขาเนนย้ําคําวา ‘บางเรื่องที่พูดกัน!’
ฉินไทจือโมโหจนตองหัวเราะออกมา ชี้หนาหวงเซินอีกครั้ง พลางหัวเราะเสียงดัง
“ฮาๆ...หวงเซิน คนตัวกระจอยรอยอยางเจาคงคิดวาวีรบุรุษในใตหลาทุกคนมีแผน
ชั่วเต็มกระเพาะเชนเจาอยางนั้นรึ? คิดขมขูขาหรือ? ฝนไปเถอะ!”
หวงเซินเห็นเขามีทาทีบาดีเดือดโดยไมสนใจอะไร ก็รีบลุกขึ้นยืน รองเตือนเสียงสูง!
“ฉินไทจอื ทางที่ดีเจาควรคิดกอนพูด! อยาพูดโดยใชอารมณ อยานึกวาผูแซหวงจะ
ใหเจาขมเหงรังแกไดงายๆ!”
ทวาฉินไทจือกลับไมกลัวเกรง ยิ้มเย็นชา แสดงสีหนาเหยียดหยาม กอนวา “ขาเปน
คนกลาทํากลารับ คําที่ขาเคยพูด ขาก็กลารับวาพูด ไมผิด วันนั้นระหวางที่คุยกัน ขาไม
พอใจเขาซางชิงในเรื่องบางอยางจริง!”
“เจา...” เมื่อหวงเซินเห็นวาเขากลาพูด ก็โกรธจนตัวสั่น
สวนชงเสวียนที่อยูอีกดานหนังตาพลันกระตุก เหลือบมองฉินไทจอื
“พี่ฉิน ขาไมเขาใจ คําพูดนี้หมายความวาอะไร? หรือเขาซางชิงเคยลวงเกินอะไรพี่ฉิน?”
ฉินไทจือยังไมทันเอยปาก หลิวเซินก็รีบขัด
“ศิษยพี่ชงเสวียน อยาไปฟงคนหยาบคายพูดจาเลอะเทอะ เขาเปนคนโงคนหนึ่ง...”
“ปรมาจารยหวง พูดเชนนี้หมายความวาอะไรอีก?” ชงเสวียนหันควับ จองมองหวงเซิน
หวงเซินตกใจชั่วขณะเมื่อเห็นแววตาระมัดระวังของชงเสวียน ใช ทั้งสองตอง
วิพากษวิจารณเขาซางชิงเปนการสวนตัวไวไมนอย ใชหรือไมขณะฉินไทจอื พูดอะไร
ออกมา หวงเซินก็คิดวาเขาซางชิงมิไดเปนเชนนั้น แลวจะขัดทําไม คนผูนี้แปลกพิลึก
ฉินไทจือไมสนใจความรูสึกของหวงเซิน แตกลับยิ้มเย็นชาแลววา “อยาเสแสรง
ดีกวา ขาไมใชเจา เรื่องที่เคยทํา เคยพูด ไมมีอะไรที่ไมกลารับ”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปยกมือคารวะชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ผูแซฉินไมพอใจการจัดการเรื่องบางอยางของเขาซางชิงจริง และ
ไดวิจารณออกมาในวันนั้น หวงเซินคิดใชเรื่องนีข้ มขูขา แตกลับไมรูวาขาไหนเลยจะยอม
ใหขมขู? เห็นชัดวาไมรูจักขาจริง”
“ออ?” ชงเสวียนไมสนใจประโยคหลังของเขา ถามถึงแตประโยคหนา
“ไมทราบวาที่ปรมาจารยฉินพูดถึงคือเรื่องอะไร?”
“ศิษยพี่ก็รูวา ขากับศิษยพี่หงเปนเพื่อนที่ดีตอกันมานาน พอศิษยพี่หงประสบภัย
ในหมิงจู ใจขายอมยากที่จะปลอยวางได วันนั้นจึงพูดวา สํานักทานจัดการเรื่องไม
เรียบรอย เมื่อตัดสินใจเปนศัตรูกับหมิงอองตั้งแตแรก เหตุใดจึงไมลงมือใหหนักในวัน
สมรส ทําใหหมิงอองกลับมาสรางความเดือดรอนใหจนได! ตอมาพอหลินซูอ ินเขาเปน
ศิษยเขาซางชิง เหตุใดจึงไมจดั การใหลงเอยกับหลานจอมยุทธใหรูแลวรูรอดไป เชนนี้ก็
ไมตองมีวนั พระชายาเขาวัง เราก็ไมตองมาหวาดกลัวแนวโนมที่ราชสํานักกับตระกูลหลิน
จะปรองดองกัน แลวทําใหเราหมดหนทางเดิน”
ฉินไทจือไมรูสึกละอายใจแมแตนอย เขาไมรูสึกวาคําพูดเหลานี้พูดไมได อันที่จริง
พูดออกมาตรงๆ ก็ไมมีผลกระทบอะไรมาก อีกทั้งคําพูดก็ไมมีเจตนาสรางความอับอาย
ใหกับเขาซางชิง เพียงเขารูสึกไมพอใจเปนการสวนตัวเทานั้น ดังนั้นตอนนี้สีหนาเขาจึง
สงบนิ่ง พอพูดจบก็ยกมือคารวะ
“ศิษยพี่ชงเสวียน ผูแซฉินปกติสนิทสนมกับศิษยพี่หงมากสุด การจากไปอยาง
กะทันหันของเขา ทําใหผูแซฉินรูสึกเศราเสียใจยิ่ง จึงมีความคิดสุดโตงไปบาง ขอศิษยพี่
อภัยใหดวย!”
ชงเสวียนยังไมตอบในทันที สวนหวงเซินพอเห็นสีหนาที่สงบนิ่งของฉินไทจือ ก็กน
ดาในใจวา โงเขลาเบาปญญา เจาคิดหรือวาชงเสวียนจะคิดวามีเพียงสํานักเจาสํานัก
เดียวที่พูดเชนนี้?
เจาคิดจริงๆ หรือวาเขาซางชิงจะคิดวาเจามีความจริงใจกับพวกเขาถึงไดกลาพูดจา
ตรงไปตรงมาเชนนี้? โงเงาสิ้นดี เขาซางชิงคิดแตเพียงวา กระทั่งผูสูงสงแหงสํานักหวง
อยางเจายังมีความคิดเชนนี้ คนอื่นๆ ก็คงคิดกันไปหมดแลว โดยคิดสงสัยความสามารถ
ในการจัดการเรื่องราวของเขาซางชิงกอน จนกระทั่งตําหนิวา สถานการณที่เปนอยู
ในตอนนี้ลวนเกิดจากการกระทําของเขาซางชิง จึงรูสึกไมพอใจเขาซางชิงมานานแลว
หวงเซินสูดหายใจเขาลึกๆ จริงๆ แลวไมอยากมองคนโงอยางฉินไทจือใหเสียลูกตา
ดวยซ้ํา
แตเขากลับไมคิดๆ ดูวา ถาเขาไมพูดเรื่องนี้ขึ้นกอน ฉินไทจือจะรูสกึ โกรธจนยาก
สงบนิ่ง แลวทําการแจงสี่เบี้ยออกมาเชนนี้หรือ?
ที่สุดแลวไมอยากจะพูดวา ใครกันแนที่โงเขลาเบาปญญา
“ที่แทก็เรื่องนี้นี่เอง!” สีหนาชงเสวียนออนโยนลง ยิ้มพลางวา “ขากับอาจารยฉินมี
นิสัยตรงไปตรงมาเหมือนกัน ไมเปนไรๆ ทั้งสองเรื่องที่อาจารยฉินพูดมา ความจริงก็มี
เหตุผลอยู เรื่องแรก วันมงคลสมรสของหมิงออง เขาซางชิงมีศิษยมากอกวน ทําใหเขาใจ
ผิด เราไมรูเรื่องการบําเพ็ญเพียรของหมิงอองดวยซ้ํา เพียงมีศิษยบางคนโมโหที่หมิงออง
แสดงพฤติกรรมแยงคนรักของศิษยอีกคนซึ่งๆ หนา จึงทําการลงมือตามอารมณ ไมคิด
คราชีวิตกันจริงๆ เขาซางชิงเราแมเปนสํานักเตาแถวหนา แตก็มิไดเห็นชีวิตคนเปนผัก
ปลา จะใหลงมือคราชีวิตคนกันงายๆ ไดอยางไร เรื่องนี้จงึ ไมมีอะไรใหตองพูดถึงอีก
ดังนั้นปรมาจารยฉิน ความคิดของทานสุดโตงไปบางจริงๆ ตอไปทานตองระวังคําพูดให
มาก ถาพูดมากไป อาจนําความเดือดรอนมาสูตัวได”
ปรมาจารยฉินยังไมยอมรับวิธีการพูดเชนนี้ แตขณะจะเอยปาก กลับเห็นชงเสวียน
โบกมือ
“เรื่องที่สอง หลินซูอินเขาเปนศิษยสํานักขาก็จริง แตเริ่มแรกที่นางยอมแตงกับหมิง
อองก็มีสาเหตุอยู ซึ่งอยางไรก็ตาม นางก็ไดแตงงานแลว เขาซางชิงจะบังคับใหนางมา
เปนสะใภไดอยางไรเลา คนเขาจะมองเราอยางไร? สถานการณในตอนนี้ ที่ปรมาจารย
ฉินพูดมาก็ไมผิด แตถาตอนแรกทําตามที่ปรมาจารยฉินพูด ตอนนี้สถานการณอาจดีกวา
นี้ก็จริง แตคนสมัยนี้ ตองเดินไปในทางที่ถูกตอง บางสิ่งควรทํา บางสิ่งไมควรทํา
ปรมาจารยฉินเห็นดวยหรือไม?”
ฉินไทจืออาปากคาง แนนอนวา ในใจไมเชื่อเรื่องคุณธรรมอันสูงสงที่ชงเสวียนพูดมา
แตจะโตตอบวาเขาพูดไมถูกไดอยางไร?
อีกทั้งชงเสวียนยังมีสีหนาจริงใจ ไมเหมือนกําลังเสแสรง ฉินไทจอื ก็ไมโง มิไดคิด
ลวงเกินเขาซางชิงจริงๆ จึงยกมือขึ้นคารวะ
“เปนเพราะศิษยพี่หงประสบเคราะหกรรม ทําใหผูแซฉนิ จิตใจคับแคบเกินไป ขอ
ศิษยพี่อภัยใหดวย!”
“ไมเปนไรๆ อาจารยฉินยังคงพูดมาดีกวาวา วันนี้ที่พวกทานมีพฤติกรรมเชนนี้
เพราะเรื่องอะไรกันแน? ขาไมเขาใจจริงๆ!” ชงเสวียนเปลี่ยนหัวขอสนทนา
พอฉินไทจือถูกเตือนสติ ก็หันมามองหวงเซินอยางโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง กอนพูดอยาง
เย็นชา
“ศิษยพี่ยังไมรู วันนั้นหวงเซินมาเปนแขกที่สํานักหวงขา ทั้งๆ ที่รูขาวตูเจวียน
ปรากฏตัวในเมืองหลวง แตกลับจงใจปดบังขา ตอมายังสงคนไปจับตูเจวียนอยางลับๆ
อีก ซึ่งที่สุดก็ทําใหเกิดเรื่องใหญขึ้นจนได ศิษยพี่คิดวาหวงเซินคิดทําอะไรกันแน?”
“อะไรนะ?” คราวนี้ชงเสวียนตื่นตกใจจริงๆ มองดูหวงเซิน “ปรมาจารยหวง มีเรื่อง
เชนนี้จริงหรือ?”
“ศิษยพี่อยาฟงเขาพูดจาเลอะเทอะ ถาขารูขาวจริง ไหนเลยจะไมบอกเขา ที่จับตูเจ
วียนก็เพราะตองการชวยสํานักหวง ที่ลงมือกอนรายงานก็เพราะกังวลวาตูเจวียนจะหนี
ไป กลัวเสียโอกาสและเกิดเหตุสุดวิสัย อีกทั้งตูเจวียนไมเพียงทํารายคนของสํานักหวงกับ
เขาซางชิง ยังทํารายคนของสํานักใบไผดวย ศิษยในสํานักเราเห็นนางก็รูสึกอยากสับให
เปนหมื่นๆ ชิ้น จึงลงมือดวยความโกรธแคน ตอนนั้นแมขาอยูที่สํานักหวง แตกลับไมรู
เรื่องนี้ มารูเอาหลังจากเกิดเรื่องแลว”
หวงเซินไมยอมรับแมแตนอย ซ้ํายังแสดงทาทีเจ็บปวดอีก
“จะอยางไรขาก็คิดไมถึงจริงๆ วา สํานักใบไผมีเจตนาดี แตกลับตองแลกเปลี่ยน
ดวยการตอบแทนเชนนี้ เปนจริงอยางที่เขาวา ทําดีไดดีมีที่ไหน!”
ฉินไทจือลุกขึ้นยืน ชี้หนาหวงเซินอีกครั้ง
“คนต่ําชา ยังไมยอมรับอีก นี่คิดจริงๆ หรือวาสํานักหวงขาขมเหงได? หนึ่งในศิษย
ของเจาที่ลงมือ เคยไปสํานักหวงหาเจา เจายังไมยอมรับอีก?”
“ไมผิด มีศิษยมาหาขา มารายงานเรื่องพระชายาเขาวังเพียงเรื่องเดียว เจายังสงคน
คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่จวนหมิงอองได แลวเหตุใดขาจะสงคนจับตาดูบางไมได
พอพวกเขาเห็นเหตุการณ ก็รีบมารายงานขา ไมไดรึไง?” ตีใหตายหวงเซินก็ไมยอมรับ
“เฮอะ ไมจําเปนตองพูดถึงเรื่องอื่นใหวนุ วาย เรื่องใหญขนาดนี้ กระทั่งปรมาจารย
ยังถูกสงตัวไป ไมมีเจาพยักหนา พวกเขากลาทํารึ? เจากําลังคิดอะไรอยู อยานึกวาขาไม
รู จับตูเจวียนอยางลับๆ คิดเอาใจกลุมเยาวชนสิทา สํานักใบไผของพวกเจาก็ชางกลา
เห็นสํานักหวงขาเปนอากาศธาตุรึ? รูทั้งรูวากลุมเยาวชนเปนชองทางติดตอกับทางโลก
ของสํานักหวง พวกเจาก็ยังกลาคิดวางแผนชวงชิง ชวงชิงกระทั่งพืน้ ที่ขาวดวยการเปน
ศัตรูกับจวนหมิงออง ความคิดที่เลวทรามเชนนี้ บอกเลย สํานักหวงไมปลอยใหเรื่องนี้จบ
ลงงายๆ แน!”
พูดถึงตรงนี้ ฉินไทจือจึงหันกาย ยกมือคารวะชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ที่สํานักหวงยอมรับกับราชสํานักวา ใหสํานักใบไผชวยตามจับ
ตูเจวียนนั้น เปนเพราะหวงสถานการณโดยรวม ไมอยากใหความเกลียดชังทําใหทุกคน
เดือดรอน ยอมอดสูเพียงสํานักเดียวเพื่อสวนรวม แตวันนี้ตองขอใหศิษยพี่เขาใจดวยวา
สํานักหวงไมปลอยใหเรื่องนี้เงียบแน สํานักใบไผหลอกลวงขาเชนนี้ สมควรรับโทษเปน
อยางยิ่ง ถาเขาซางชิงใหความสนิทสนมกับสํานักใบไผมากกวา โดยไมคํานึงถึงความรูสึก
ของสํานักหวง ยังคงชวยศิษยสํานักใบไผออกมา สํานักหวงก็ไมมคี ําพูดใดๆ จะกลาว”
“เหลวไหล!” หวงเซินโกรธจัด ดาวาเสียงดัง “ฉินไทจือ คนโงเงา สํานักหวงสงคน
ต่ําชาอยางเจามาจัดการเรื่องไดอยางไร เสียแผน เสียแผนจริงๆ...”
จะไมใหเขาโกรธไดอยางไร โดนฉินไทจือแฉจนหมดเปลือกขนาดนี้ แตฉินไทจือไมรู
หรือวา กําลังแฉตัวเอง ตีแผความตกต่ําของสํานักเตาไปดวย
เพราะสํานักหวงกับสํานักใบไผตางก็อยูใตรมเงาของเขาซางชิง ถาเขาซางชิงไมชวย
สํานักใบไผ ตอไปถาเกิดเรื่องกับสํานักหวง ก็อยาไดหวังใหเขาซางชิงชวย
การใหเขาซางชิงรับผิดชอบเรื่องนี้ จะเปนผลดีกับทุกๆ ฝายในภายหลัง!
ทวาหวงเซินกลับไมคิดๆ ดูวา ถาตนเปนสํานักหวง มีหรือที่จะเพิกเฉยไมเอาเรื่อง
ลอเลนกันหรือ ถาเรื่องเชนนี้ยังไมสนใจแลวละก็ ตอไปใครเลาจะเห็นสํานักหวงอยูใน
สายตา ใครอยากทํารายใครก็ปลอยใหทําไปเชนนั้นรึ?
“เฮอะ หวงเซิน เจาอยาโยนความผิดใหขาจะดีกวา หาไมแลวขานี่ละจะใหเจาเห็น
ผลที่ตามมา!”
ฉินไทจือกลัวที่ไหน พูดเสียงเย็นชาใส กอนหันไปคารวะชงเสวียน
“ที่ตองการพูดก็มีเทานี้ ขอใหสํานักทานจัดการดวย ผูแซฉินขอลา!”
พูดแลวก็ลมติดเทา หันกายเดินจากไป
จะเห็นไดวา การกระทําของเขาเหมือนหวงเซินกอนหนานี้เปะ ไมอนุญาตใหชง
เสวียนปฏิเสธแตอยางใด
พรอมแสดงเจตจํานงวา ครั้งนี้ตองใหสํานักใบไผไดรับบทเรียน จึงจะยอมเลิกรา
ชงเสวียนยกมือรั้ง แตมิไดเอยปาก ไดแตมองดูฉินไทจือเดินจากไป เห็นชัดวา เขา
เองก็ยอมรับได ถาผลสรุปจะเปนเชนนี้
จึงหันมาสายศีรษะกับหวงเซินดวยความผิดหวัง
“ปรมาจารยหวง ทานเลอะเลือน เลอะเลือนแลวจริงๆ!”
หวงเซินยกมุมปากขึ้น ไฉนเขาจะไมรูวาชงเสวียนถือโอกาสระบายความในใจ แต
เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เขาก็ไดแตพยายามเฮือกสุดทาย
“ศิษยพี่ก็รูดี เรื่องนี้คนต่ําชาฉินไทจือแตงขึ้นเองทั้งหมด คนผูนี้เชี่ยวชาญการใชวิธี
ต่ําชาใหรายคนดี กอนหนานี้ก็เคยตั้งขอสงสัยมากมายกับสํานักทาน ตอนนี้ก็มาทําเชนนี้
กับสํานักใบไผอีก เพียงเทานี้ก็แสดงใหเห็นแลววาคําพูดของคนผูนี้เชื่อถือไมได ศิษยพี่ไม
ควรเชื่อที่เขาพูด มันเปนการทําลายบรรยากาศสมานฉันท!”
ตอนนี้ชงเสวียนยอมไมรอนใจแลว
“ปรมาจารยหวง เรื่องนี้เกี่ยวของกับหลายเรื่อง และอาจทําใหเกิดความขัดแยง
ใหญโตขึ้นภายใน ซึ่งขาชงเสวียนมิอาจชี้ขาดได แตขอใหปรมาจารยหวงวางใจ ขาตอง
นําความเปนมาเปนไปของเรื่องทั้งหมดรายงานใหทางสํานักทราบ สวนผลจะเปนเชนไร
นั้น ยอมตองใหผูมีอํานาจตัดสินใจ”
หวงเซินทําอะไรไมได จึงตองจากไปอยางคับแคนใจ
ชงเสวียนมองดูเขาเดินจากไป แววตาวูบไหว คําตําหนิของฉินไทจอื แผนสกปรก
ของหวงเซิน ลวนทําใหเขารูสึกถึงความไมมั่นคง
ไมเพียงตองเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก ภายในสํานักเตาเอง อาจตองทําใจที่
ไมอาจหวังใหทุกคนรวมใจสามัคคีเปนหนึ่งเดียวได
ใครจะรูวา หลังเกิดเรื่องเชนนี้ สํานักเตาสามสํานักที่เคยไปหมิงจูดวยกันและสนิท
สนมกันมากขึ้นเพราะเรื่องหมิงอองกลับตองมารางลากันเชนนี้
ขณะที่สามสํานักเตาคิดวาเรื่องนี้ไดจบลงแลว และกําลังเริ่มคิดอุบายเอาคืนกัน
ภายใน จึงไมมีใครคิดถึงหมิงออง ซึง่ ไดถือกระบี่ ดําเนินแผนโลหิตสะทานแผนดินเพิ่มขึ้น
ในปใหมแลว
โดยเนนไปที่มิตรภาพอันแนนแฟนของสํานักเตาทั้งสาม ดวยการทิ้งรอยแผลเปนที่
ไมมีวันจางหายใหกับความเปนเอกภาพของพวกเขา
แนนอน ผูที่รูวาหมิงอองมีความเคลื่อนไหวผิดปกติในตอนนี้ยอมตองเปน ราชสํานัก
ทวาราชสํานักไมมีทางรูเปาหมายอันแทจริงของหมิงออง เพราะพวกเขากําลัง
เตรียมพรอมรับมือความเปนไปอันสืบเนื่องจากการที่หมิงอองเขาพบฟางโหยวฉวิน
ตอน 283 ฮองเฮากับพระชายา
สภาพจิตใจของลูสวินอี้ในตอนนี้เปนเฉกเชนสภาพอากาศที่มืดมนของวันนี้
ในสํานักงานฝายกิจการทั่วไปของจางปงลี่ ลูสวินอี้กําลังนั่งมองเจาหนาที่ที่ยิ้มหนา
บานอยูตรงหนา แตแทจริงแลวเปนการยิ้มไปตามมารยาท สุดทายเขาจึงถามขึ้น
“ขามีเรื่องเรงดวนที่ตองทํามากมาย เจาบอกขามาตามตรงดีกวาวาเมื่อไหรขาจึงจะ
ไดพบเขา?”
“ปรมาจารยใตเทาใจเย็น ใตเทาจางงานยุงมาก จะกลับมาเมื่อไหรนั้น ผูนอยไม
ทราบจริงๆ...เชิญใตเทาดื่มน้ําชา ดื่มน้ําชา...” เจาหนาที่พูดตามมารยาทอีก
ลูสวินอี้รอมาสองชั่วโมงเต็มๆ ตั้งแตเชาจนถึงเที่ยงวัน
ถาเปนเมื่อกอน หากเขามาหาจางปงลี่ดวยตัวเอง จางปงลี่แมเดินทางออกจากเมือง
หลวงไปแลว ก็ตองรีบเรงกลับมาพบเขา
แตตอนนี้ เห็นชัดวา จางปงลี่จงใจหลบหนาเขา
เขาจึงไมพูดมากอีก มองเจาหนาที่นิ่ง สักพักจึงลุกขึ้นยืน คิดจากไป
แตพอเดินไปถึงหนาประตู กลับชะงักฝเทา หันกลับมามองเจาหนาที่อีกครั้ง หลัง
เงียบไปอีกสักพัก คอยยกมือขึ้นคารวะ
“ในเมื่อใตเทาจางงานยุง ขาก็ไมคิดรบกวนแลว แตมีเรื่องหนึ่งทีผ่ ูแซลูอยากขอ
คําแนะนําจากใตเทา และหากใตเทาสามารถคลายขอสงสัยใหได ผูแซลูจักทดแทน
พระคุณในภายหลัง!”
“มิกลาๆ...ปรมาจารยใตเทากลาวหนักเกินไป ทานมีเรื่องใดเชิญถามมา หากผูนอย
ทราบ ยอมตองบอกทานอยางแนนอน” เจาหนาที่อึ้ง รีบคารวะตอบอยาง
เกรงอกเกรงใจ
ลูสวินอี้จองมองเจาหนาที่เขม็ง
“ผูแซลูไมอยากทําใหทานลําบากใจ เพียงอยากรูวา เมื่อวานหลังจากคนของจวน
หมิงอองตอสูกับคนของสํานักเตาแลว สถานการณดานนอกเปนเชนไรบาง?”
เจาหนาที่กะพริบตา หัวเราะออกมา แลววา “ขออภัยปรมาจารยใตเทา เมื่อคืน
ผูนอยเขาเวรดึก จนถึงตอนนี้ก็ยังไมเลิกงาน จึงไมรูเรื่องอะไรจริงๆ”
ลูสวินอี้ไมรอใหเขาพูดตอ โบกมือปราม สายตาที่จองมองเขาเปลี่ยนเปนคมกริบขึ้น
ทันที น้ําเสียงพลันเย็นยะเยียบจนนาตกใจ
“ดี เมื่อใตเทาตัดสินใจทําใหคนของจวนหมิงอองตกที่นั่งลําบาก ลูสวินอี้ก็ขอลา แต
อยากบอกใหใตเทารูวา ทานตูผูนั้น เปนสหายที่ทานอองใหความเคารพนับถืออยางยิ่ง
หากเกิดเรื่องไมคาดคิดขึ้น...”
ลูสวินอี้หยุดชะงัก คอยๆ หันหลังใหเจาหนาที่ กอนพูดตอ “แลวทําใหทานอองตอง
พิโรธ ถึงตอนนั้นใตเทาคิดสํานึกเสียใจก็สายเกินไปแลว!”
“นี่...”
คําพูดนี้พอหลุดจากปาก เจาหนาที่ที่อยูดานหลังลูสวินอี้เกิดสั่นไปทั้งตัว หนาถอดสี
รีบพูด “ขอปรมาจารยใตเทาโปรดเขาใจ ผูนอยเปนเพียงขาราชการต่ําตอย เรื่องใหญ
ทํานองนี้ผูนอยไมมีสวนเกี่ยวของดวย ไมมีสวนเกี่ยวของดวยจริงๆ”
ลูสวินอี้พลันหันกายกลับ ถลึงตามองเขา พลังปราณปะทุ
“ไมชอบดื่มสุรามงคล กลับดื่มสุราพิษเสีย ตอนนี้เปนชวงเวลาสําคัญซึ่งเกี่ยวของกับ
ชีวิตคนของจวนหมิงอองทีอ่ ยูดานนอก แตเจากลับถวงเวลาผูแซลูอยูที่นี่นานสองชั่วโมง
หากคนในจวนขาเปนอะไรไป เจายังกลาพูดอยูอีกหรือวาไมเกี่ยวกับเจา? ผูแซลูอดทน
แลวอดทนเลา แตเจากลับคิดจริงๆ วาคนจากจวนหมิงอองหลอกลวงได ก็ดี วันนี้ผูแซลู
จัดการอะไรเจาไมได รอวันหนา ทานอองเสด็จมาเอง ขากลับอยากเห็นวาใตเทาจางที่
บุญหนักศักดิ์ใหญในสํานักงานนี้ จะปกปองเจาไดหรือไม!”
พูดจบลูสวินอี้ก็หันกาย กาวเดินจากไป
สีหนาเจาหนาที่ซีดขาว พอเห็นลูสวินอี้กําลังจะจากไปจริงๆ ก็รีบยกมือเรียก
“ชากอน ใตเทาชากอน...”
เย็นวาน หลังลวงรูขาววาทานตูเกิดเรื่อง ยังไมทันมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ คําสั่งรั้ง
ตัวพระชายารวมทั้งผูติดตามทั้งหมดใหอยูแตในวังก็มาถึง
และที่มาพรอมพระบัญชาก็คือองครักษประจําวังหลวงราวสิบกวาคน เขามา
คุมครองอยูขางกายพวกเขาอยางเครงครัด บอกใหพวกเขาเฝารอรับใช แตแทจริงแลว
เปนการกักบริเวณ!
ในเมืองหลวง ไมมีใครกลาฝาฝนพระบัญชาขององคจักรพรรดิ และผูมีฐานะต่ําตอย
อยางลูสวินอี้ยิ่งไมตอ งพูดถึง
พริบตาเดียว เขาไมเพียงออกจากวังหลวงไมได ขาวจากภายนอกก็ไมไดรับรู
ดีที่ราชสํานักยังเหลือทางเดินใหเดินไดบาง ไมถึงกับหมางเมิน แมถูกกักบริเวณ ก็ยัง
สามารถเดินไปไหนตอไหนในวัง แตถึงกระนั้นก็ตาม เขายังสามารถไปไหนไดอีก?
นอกจากไปขอความชวยเหลือจากฮองเฮาแลว ผูที่สามารถไปหาไดก็มีเพียงจางปงลี่
ดังนั้น เขาจึงมานั่งรออยูในสํานักงานฝายกิจการทั่วไปชวงครึ่งวันเชา แตผลก็คือจาง
ปงลี่หลบหนาไมยอมออกมาพบ แตก็นับวาไดอะไรกลับไปพอควรภายใตการบังคับขมขู
ทําใหไดรูขาวคราวนอกวังคราวๆ จากปากของใตเทาทานนั้น
พอออกจากสํานักงาน ภายใตการ ‘คุมครอง’ ขององครักษที่ตามติดอยูดานหลัง
เขายืนมองไปรอบๆ สํานักงาน!
สุดทายก็สูดหายใจเขาลึกๆ ทอดสายตาไปยังทิศที่ตั้งพระตําหนักฮองเฮา
ถายังมีหนทางอื่น เขาก็ไมคิดขอความชวยเหลือจากหลินซูอิน!
เพราะรูดีวา แมหลินซูอินยอมชวย ก็ใชวาจะชวยอะไรได เนื่องจากในวังหลวง
สถานะของหลินซูอ ินเมื่อเทียบกับเขาแลว ยังมีความละเอียดออนและลําบากใจยิ่งกวา
แตตอนนี้ นอกจากนางแลว เขาก็ไมมีผูใดอีก!
เที่ยงวัน
หลินซูอินกําลังนั่งรับประทานอาหารมื้อกลางวันกับฮองเฮา
ในหองเงียบมาก หลินซูอินไดแตกมหนากมตาทานอาหาร จนแทบไมไดเงยหนาขึ้น
สีหนาฮองเฮานิ่งเรียบ นั่งหัวโตะ เงยหนามองหลินซูอินเปนระยะ แตก็มิไดพูดจาอะไร
หญิงชรายืนตัวตรงอยูข างกายฮองเฮา นางละสายตาจากลูกสะใภฮองเฮาเปนระยะ
รูสึกวาเปนการพบกันครั้งแรกที่แปลกและเงียบผิดปกติ
นางเห็นลูกสะใภฮองเฮาที่นี่และเฝาดูมาโดยตลอด แตถึงตอนนี้ นางก็ยิ่งรูสึกไมเขาใจ
ทาทีที่ไมยินดี แตก็ไมเย็นชาของฮองเฮา นางยังพอเขาใจ
พูดตามตรง เปนธรรมดาที่ฮองเฮาไมชอบหลินซูอิน ยังไมพูดถึงสถานะบุตรสาว
ตระกูลหลิน พูดเพียงชื่อเสียงที่เสื่อมเสียของนาง ก็ไมมีแมยายคนไหนที่ชอบแลว
หญิงชรารูวา หากไมใชเพราะฮองเฮาเหลือมอไปเปนโอรสเพียงคนเดียวที่เฝาคิดถึง
มานานหลายป บวกกับในจดหมายมอไปไดเขียนขอใหฮองเฮายอมรับลูกสะใภนางนี้แลว
ละก็ ฮองเฮาคงไมแสดงทาทีดีเชนนี้
แตที่ทาํ ใหหญิงชราประหลาดใจก็คือ หลินซูอิน นางไมรูจริงๆ หรือ นางคิดอะไรอยู
กันแน?
ยังพูดไมไดวานางผิด เพราะมารยาทที่ควรมีนางก็มีไมขาด เวลาฮองเฮาเอยปาก
ถาม นางก็ตอบอยางนอบนอม แตจะใหพูดอยางไรดีละ?
พูดวาสถานะนางมีความละเอียดออนและชื่อเสียงไมคอยดีนัก พอเห็นฮองเฮา แม
ไมถึงขนาดตองพูดวาตนกับบิดาตัดขาดกันแลว หรือกนดาบิดาที่เปนโจรกบฏ นี่ก็เกินไป!
ทวาอยางนอยก็ควรชัดเจนในใจวา ตนเองควรแสดงทาทีสนิทชิดเชื้อกับราชวงศ เส
แสรงหนอยก็ยังดี!
แตนางกลับไมรักดี ไมพูดไมจา ฮองเฮาไมเอยปาก นางก็ไมพูดสักคํา หรือนางยัง
หวังใหฮองเฮาตอนรับขับสูนางดวยอัธยาศัยไมตรีที่อบอุนกวานี้?
ไมมีทาง เมื่อหลินซูอินเงียบ ฮองเฮาก็ยิ่งรูสึกเฉยๆ ระหวางคนทั้งสองจึงเกิด
บรรยากาศชนิดที่พูดไมถูกวาคุนเคยหรือหางเหิน
โตะอาหารที่ไรสุมเสียงสนทนา ฮองเฮาจึงเสวยไดไมมากนัก พอเหลือบไปเห็น
หลินซูอินที่ยังคงกมหนากมตา จึงทรงวางตะเกียบลง
หญิงชราพลันหันมองหลินซูอ ิน ซึ่งแมยังไมเงยหนา แตอากัปกิริยามิไดเชื่องชา วาง
อุปกรณรับประทานอาหารในมือลงเชนกัน แลวคอยลุกขึ้นยืน ถอยหลังสองกาว ไปยืน
อยูดานขาง
“เก็บเลยแลวกัน!” ฮองเฮาไมพูดมากความ
หญิงชรารีบกาวเขา เตรียมชวยพยุงฮองเฮาลุกขึ้นยืน
ทวาฮองเฮาพลันยื่นมือซายออก หญิงชราชะงัก เหลือบมองหลินซูอิน
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย ดวยนางยืนอยูดานซายมือของฮองเฮา
นาทีนี้ หลินซูอินตื่นตัวแลว ใชวานางไมรูกาลเทศะวาตนเองควรมีทาทีสนิทสนมกับ
ฮองเฮาใหมากกวานี้ แตจิตใตสํานึกนางไมยินยอมแสดงออก ไมอยากประจบสอพลอให
ฮองเฮาชื่นชมเอ็นดู
แตจะอยางไร หลินซูอินก็ทําตัวแข็งทื่อไดเพียงพักเดียว นางกาวเทาออกมายืนกม
หนาขางกายฮองเฮา ยื่นมือออกชวยพยุงพระองคอยางระมัดระวัง
ใจที่เตนตุมๆ ตอมๆ ของหญิงชราคอยผอนคลายลง เมื่อครูนางกังวลใจจริงๆ
หลินซูอินชวยพยุงฮองเฮาจนเสด็จมาประทับในหองโถง กอนยืนอยูดานขาง
ฮองเฮาเหลือบมองนางอีกครั้ง เงียบไปสักพักคอยพูดเสียงเบา
“เจามาอยูเมืองหลวง แตองคชายกลับอยูที่หมิงจู ถาเปนเชนนี้ตอไปเรื่อยๆ เห็นที
จะไมดีนัก เรื่องนี้เจาคิดเห็นอยางไร?”
หลินซูอินไมรูวาฮองเฮาถามถึงเรื่องอะไร จึงไดแตตอบวา “ไมทราบเสด็จแมทรง
หมายถึงเรื่อง...”
“ดูทาทางแลวเจาไมนาจะเคยคิดเรื่องนี้!” ฮองเฮาคอยๆ เงยหนา เหลือบมองหลินซู
อิน แลววา “องคชายเสกสมรสกับเจามาหลายป แตจนถึงตอนนี้ก็ยังไมมีบุตรธิดา กอน
หนานี้เพราะเกิดสถานการณบางอยางก็แลวกันไปไมตองพูดถึง แตตอนนี้เจาควรคิดได
แลว”
บุตรธิดา?
สีหนาหลินซูอินบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวขาว นาทีนี้ตองใชคําวา ตกใจสายฟาแลบ
“คือ...ขา...เขา...”
หลินซูอินอาปากแลวก็หุบปากลง ที่สุดแลวก็ไมไดพูดใหจบประโยค
ฮองเฮาเห็นนางอ้ําๆ อึ้งๆ ก็รูสึกไมพอใจ ขมวดคิ้วพลางมองดูนาง คอยเห็นวาแวว
ตานางไมสงบนิ่งดังเดิม แตกลับคมกริบขึ้น
และในตอนนี้เองที่ดานนอกพลันมีเสียงฝเทาดังมา ผูรับใชเขารายงานหนามานไขมุก
“ฮองเฮาเพคะ ปรมาจารยลูสวินอี้จากจวนหมิงอองขอเขาเฝา”
“หือ?”
ฮองเฮากําลังจะเอยปากเอ็ดหลินซูอิน แตถูกขัดจังหวะเสียกอน จึงคลายคิ้วที่ขมวด
ลง ที่สุดแลวก็ไมไดพูดอะไร หันกลับมามองหลินซูอิน
“ขาไมพบเขาแลว เจาไปพบเขาเอาเอง!”
ตอนนี้ขอเพียงไดออกจากที่นี่ ไมวาจะใหทําอะไรหลินซูอ ินก็ไมปฏิเสธ จึงรีบทูล
“เพคะ เสด็จแม!”
วาแลวก็รีบถอยออก และหายไปจากมานไขมุกอยางรวดเร็ว
รอจนไมเห็นรางนางแลว ฮองเฮาคอยพูดเสียงเบา “เจาวา ทาทางตะขิดตะขวงใจ
เมื่อครูของนางหมายความวาอะไร?”
หญิงชราไดยินก็รีบกาวเขาขางกายฮองเฮา ยิ้มนอยๆ พลางวา “พระชายานาจะเขิน
อาย ที่จูๆ พระองคทรงถามขึ้น นาจะตกใจเกินเหตุเพคะ!”
“แตขากลับรูสึกวาไมใช” ฮองเฮาเกิดความสงสัย สายศีรษะไปมา “เกิดเปน
ลูกผูหญิง อายุอานามก็ยี่สิบกวาแลว เรื่องนี้นาจะคิดไดแตเนิ่นๆ เหตุใดจึงมีทาทางตกใจ
เชนนี้เลา?”
“พระชายาไมเหมือนเพคะ แมเสกสมรสกับทานอองมาหลายป แตเพิ่งไดเขาหอ
จริงๆ ก็เมื่อไมนานมานี้ อาจยังมีจิตใจของเด็กสาวอยูบาง อีกอยางหลายปที่ผานมาพระ
ชายาใชเวลาสวนใหญอยูบนเขา ดังนั้นพอไดยินคําถามที่ไมเคยคาดคิดมากอน จึงตกอก
ตกใจเปนธรรมดา...”
หญิงชราอธิบายตรงๆ
ตอน 284 พระชายากับสนมหลัน
“อืม” คําพูดนี้ฮองเฮากลับเห็นดวย แตก็รูสึกรันทดใจ “เปนความผิดของขาเอง ถา
ขาไมตอบรับเรื่องเสกสมรส องคชายก็ไมตองมาลําบากเชนนี้! คงเหมือนองคชายองค
อื่นๆ ที่ตอนนี้มีลูกมีหลานหอมลอมเต็มไปหมด”
“ฮองเฮาไมควรคิดเชนนี้ ทานอองเกิดมามีความโดดเดน มีพรสวรรคติดตัว ยอมไม
เหมือนผูอื่น ทานคิดดู ถาตระกูลหลินไมกอการ พระชายาก็นับไดวามีความโดดเดนสม
เปนคูชีวิตของทานอองอยู!”
หญิงชรารีบปลอบโยน ไมวาอยางไร สถานการณก็เปนเชนนี้แลว ฮองเฮาไม
จําเปนตองเศราเสียใจอีก
“เปนเพราะทานรอนใจอยากอุมหลานใชหรือไม ทานก็รออีกสักนิด เกรงวาไมนาน
นัก ขี้ครานจะมีซายคนขวาคน รอใหทานอุมแทบไมทัน!”
คําพูดปลอบประโลมเชนนี้ทําใหฮองเฮารูสึกราเริงขึ้นทันตาเห็น ปรากฏรอยยิ้มบน
ใบหนา
“เปนเชนนี้ไดก็ดีสิ!”
หญิงชราเห็นฮองเฮาดีใจ ในใจก็เกิดรูสึกวาบขึ้นมา มองไปที่เทาของพระองค กอน
พูดเสียงเบา
“ฮองเฮาเพคะ ใตหลาเลาลือกันวา วิชาแพทยของทานอองสูงสงยิง่ เปนที่หนึ่งใน
ปฐพีก็วาได ทานนาจะเลาอาการปวยใหทานอองฟง คิดวาทานอองตองรักษาไดแน
เชนนี้พอทานอองมีบุตรธิดา ทานจะไดจูงมือหลานคนละขาง พาพวกเขาไปเที่ยว ดียิ่ง
นักเพคะ”
“เจานี่ก็!” รอยยิ้มบนใบหนาฮองเฮาจางลง คอนหญิงชรา “อยาพูดถึงเรื่องนี้อีก นึก
วาขาไมรูหรือ เมื่อวานเจาจงใจเรียนเชิญพระชายามาทานขาวกอนหมายกําหนดการ
เพราะอยากใหนางเห็นอาการปวยของขา ตอไปเจาไมควรคิดเชนนี้อีก”
เมื่อถูกฮองเฮาจับไดไลทัน หญิงชราก็ตกใจ กมหนากล้ํากลืน
“ฮองเฮา หมอมฉันเพียงปวดใจที่เห็น...”
“พอแลว!” ฮองเฮาสายหนานอยๆ กอนพูดเสียงเบา “เจาก็นาจะรูวา ตอนนี้องค
ชายกับฝาบาทมีเรื่องไมลงรอยมากมาย ไมควรหาเรื่องเดือดรอนใหองคชายอีก!”
หญิงชรากลับวา “แตพระชายาไดเห็นอาการปวยที่เทาของทานแลว คงยากที่จะปด
ทานอองได”
ฮองเฮาเงียบไปครูหนึ่ง
“ชางเถอะ ถาองคชายรูแลว ก็บอกวาเปนเพราะโรคเจ็บเทานี้ไมไดรักษามานานก็พอ”
“ไมไดนะทาน ถาไมบอกอาการที่ถูกตองใหทานอองทราบ แมทานอองมีวชิ าแพทย
สูงสงเพียงใด ก็ไมมีทางรักษาใหหายได” หญิงชราสีหนาหมนหมอง
“ตามนี้ละ!” ฮองเฮากมดูเทาของตนเอง พลางพูดเสียงเบา
“เจาไมตองรอนใจไป อยางไรก็ผานมาหลายปแลว ถาองคชายรูขาว เขาก็ตอง
กลับมา!”
หญิงชรารูสึกเครียด ไมรูตองรออีกกี่ปกวาทานอองจะกลับมา
ถึงตอนนั้นสถานการณจะเปนอยางไรก็ไมรู
ฮองเฮาไมพูดถึงเรื่องนี้อีก กลับมองผานมานไขมุกออกไป กะพริบตาแลววา
“ลูสวินอี้มาครั้งนี้ คงอยากใหขาชวย!”
หญิงชราหันมองตาม พยักหนา กอนพูดเสียงขรึม
“ฝาบาทกักบริเวณพวกเขาไว ไมใหออกจากเขตวัง ตอนนี้คงอยากออกไปเต็มที”
วาแลวก็หันมองฮองเฮา
“ฝาบาทถูกจวนหมิงอองยั่วโมโหครั้งแลวครั้งเลา ครั้งนี้เกรงวาคงไมยอมเลิกรางายๆ”
ฮองเฮาเขาใจความหมายของหญิงชรา วาทางที่ดีตอนนี้ไมควรไปขอรองฝาบาท จึง
หัวเราะแลววา
“ขาสามารถปกปองพระชายาแทนองคชายไดก็ดีถมแลว เรื่องอื่นๆ แมขาคิดจัดการ
ก็จัดการไมไหว!”
หญิงชราหนาเจื่อน รูสึกคําพูดฮองเฮาฟงดูแปลกๆ
ทานใหพระชายาไปพบลูสวินอี้ แสดงวาใหพระชายาไปจัดการ จากนั้นทานก็มา
จัดการพระชายาอีกที นี่มิใชแปลวาทานกําลังจัดการเรื่องนี้อยูหรือ?
ทวาครั้งนี้นางผิดแลว ที่ฮองเฮาใหพระชายาไป แทจริงแลวอยากดูวา พระชายาจะ
ทําอยางไรตางหาก จะทําเพื่อจวนหมิงออง หรือจะเหมือนที่นางอยูตอหนาพระองค เอา
แตเงียบ
ตองพูดวา เปนไปไมไดที่ฮองเฮาจะดูอะไรไมออก!
หลินซูอินนั่งอยูดานบน พอฟงลูสวินอี้พูดจบ ก็นิ่งเงียบไป ไมสงเสียงใดๆ
ลูสวินอี้ขมวดคิ้วเล็กนอย หลุบตาลง กอนพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องอื่นๆ ชักชาได แตมีเรื่องหนึ่งตองรีบคิดหาวิธี”
หลินซูอินคอยเงยหนามองดูเขา พลางเอยปากถาม “เรื่องอะไร?”
“ทานตูถูกราชสํานักจับขังไว เราตองรีบชวยนางออกมา เรื่องนี้เรงดวน ไมอาจ
ชักชา หาไมแลวอาจเกิดผลเสียกับทานตูมากกวาผลดี”
ลูสวินอี้เห็นนางเอยปากก็คอยโลงใจ เขาชัดเจนในความสัมพันธของนางกับหมิงออง
ดี กลัวแตวานางจะเพิกเฉย ไมฟงและไมถาม
“ทานตู?” หลินซูอินเลิกคิ้ว “บาดเจ็บสาหัสหรือ?”
“ไมใชปญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ แตเปนราชสํานัก ขากังวลวาราชสํานักอาจลงมือ
กับนาง กระทั่งอาจลงมือไปแลวดวยซ้ํา!” น้ําเสียงลูสวินอี้เครงเครียดสุดจะเปรียบ
“อะไรนะ? ราชสํานัก?” หลินซูอินลุกขึ้นยืน “เจาหมายความวาอะไร?”
ลูสวินอี้ขมวดคิ้วแนน ทาทางกลุมหนัก
“ไดยินวาครั้งนี้เพราะสํานักเตาอางสถานะทานตู บีบใหราชสํานักถอยใหกาวหนึ่ง
ทําเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็ก ซึ่งขืนเปนเชนนี้ตอไป เพื่อศักดิ์ศรีของราชวงศและทานออง
แลว ฝาบาทอาจกําจัดหัวหนากลุมอิทธิพลมืดอยางทานตูเปนการลับๆ ก็เปนได”
หลินซูอินขมวดคิ้ว แววตาพลันวูบไหว เพราะรูสึกวาคําพูดของลูสวินอี้มีความ
เปนไปได
“อีกอยาง ทานตูยังเปนศิษยทรยศของสํานักเตา ราชสํานักไมสามารถปกปองทานตู
จากขอกลาวหานี้ได
ขณะเดียวกันก็ไมสามารถสงทานตูกลับไปใหสํานักเตา เพราะจะทําใหสํานักเตาได
หนา เชนนี้ การกําจัดทานตูอยางลับๆ จึงเปนวิธีแกปญหาที่ดีที่สุด!”
ลูสวินอี้เงยหนา “พระชายา ทานตูตายไมไดเปนอันขาด ทานอองสงนางมาเมือง
หลวงเพื่อทํางานใหญ นางยังตายไมได!”
คําคํานี้ทําใหหลินซูอินรูสึกไมพอใจ จึงมีสีหนาเย็นชา
“นางในสายตาพวกทานมีไวเพียงใชประโยชนเทานั้นหรือ?”
ลูสวินอี้ฟงความหมายนางออก แตก็ไมคิดแกตัวมากความ เพียงวา
“เราไมไดตองการใหเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ดังนั้นจึงมาขอความชวยเหลือจากพระชายา”
หลินซูอินไมปฏิเสธ แตกลับพูดเสียงต่ํา
“ฐานะขาในวังหลวง ทานก็รูดี ขายังสามารถทําอะไรได? เอาอยางนี้ ขาจะทูล
ฮองเฮาให”
“ถาทานยอมชวยทานตู ดีที่สุดควรเปนทานออกหนากอน ในเขตพระราชฐานชั้นใน
แมฮองเฮามีฐานะสูงสุด แตถายุงเกี่ยวกับราชกิจ ก็ยอมมีผลกระทบตามมา ทางที่ดีทาน
ควรยืนยันใหไดกอนวาทานตูยังมีชีวิตอยูหรือไม หากยังมีชีวิตอยู ทานคอยลงมือชวย
หากชวยไมได คอยไปขอความชวยเหลือจากฮองเฮา เชนนี้พอฮองเฮาออกหนา ก็จะ
สมเหตุสมผลกวา”
ลูสวินอี้สายศีรษะ “เรื่องนี้ยงั คงเปนพระชายาออกหนาจัดการจะเหมาะสมกวา”
หลินซูอินเงยหนา สงสัยเปนอยางยิ่งวาตนเองสามารถทําอะไรได
ลูสวินอี้พูดขึ้น “ขอใหทานรีบไปหาจางปงลี่ เขาเปนคนสนิทฝาบาท และเปนหัวเรือ
ใหญในการจัดการเรื่องนี้ ขอเพียงเกลี้ยกลอมเขาได ก็มีความเปนไปไดสูงที่ทานตูจะ
ปลอดภัย เมื่อครูขาก็ไปหาเขามา แตเขาไมยอมออกมาพบ จึงตองมาขอใหทานชวยออก
หนาแทน”
“เมื่อเขาหลบหนาทาน แลวจะยอมพบขาหรือ? หรือไมถาพบหนาขาแลว เขาจะ
ยอมฟงขาหรือ?”
หลินซูอินถามเสียงขรึม
“กระหมอมฐานะต่ําตอย แตทานเปนถึงพระชายาหมิงออง ใตหลานี้ ผูที่กลาปฏิเสธ
เมื่อทานเขาพบถึงที่เห็นทีจะมีนอยยิ่งกวานอย กระหมอมกลารับรองวา จางปงลี่ก็ไมมี
ความกลาเชนนี้” ลูสวินอี้พูดอยางมั่นใจ
พูดมาครึ่งคอนวัน ยังคงวนเวียนอยูแตฐานะพระชายา หลินซูอินรีบกมหนา ไมพูดไมจา
ลูสวินอี้ไมสนใจวานางกําลังคิดอะไรอยู พูดตอ
“หลังจากพบเขาแลว ทานสามารถบอกเขาวา ทานตูเปนผูนํากลุมเยาวชนในหมิงจู
ถาตองตายดวยน้ํามือราชสํานักจริง กลุมเยาวชนตองเกิดเหตุวุนวายใหญแน และเปนไป
ไดสูงที่จะมีคนใชเหตุนี้อางในการสวามิภักดิ์คนเถื่อน เชนนี้สถานการณในหมิงจูยอม
เลวรายลงอยางแนนอน!”
“พูดแคนี้หรือ?” หลินซูอินถามเสียงขรึม “หรือผลที่ตามมาเหลานี้ราชสํานักก็คิดไมได?”
“ทานตองรูไววา ในสายตาราชสํานักแลว กลุมเยาวชนไมนับเปนตัวอะไร เทียบ
อะไรไมไดกับสํานักเตา หมิงจูกลายเปนเขตยึดครองแลว ถึงวุนวายขึ้นมา ก็ไมมีผลตอ
สถานการณโดยรวม พวกเขากับเราไมเหมือนกัน เราผูกพันกับหมิงจู ยอมไมยอม
ปลอยหมิงจูไปงายๆ ดังนั้นแมพวกเขารูผลที่ตามมา ก็จะไมสนใจอะไร”
เปลวเพลิงวาบผานแววตาลูสวินอี้
“ดังนั้น ยังคงขอใหพระชายาบอกกับจางปงลี่วา ในสายตาทานออง ทานตูเพียงคน
เดียวสําคัญกวาจางปงลี่สิบคน ถาเขากลาฆาทานตูจริง ก็หมายความวาไมเห็นความ
ยากลําบากของทานอองในหลายปที่ผานมาอยูในสายตา ไมสนใจความปลอดภัยของ
ทานออง ความแคนที่ยิ่งใหญเชนนี้ ถาทานอองโชคดีรอดชีวิตกลับมาได เขาตองไดรับ
โทษประหารเกาชวงโคตร ไมเวนแมสุนัข!”
หลินซูอินอาปากนอยๆ พูดเชนนี้เลยหรือ?
“แลวถาการขมขูเชนนี้ไมไดผลเลา? จางปงลี่ไมพบทาน ก็สามารถบอกขาไดเชนกัน
วาเปนคําสั่งของฝาบาท” หลินซูอินติง
ลูสวินอี้กมหนา พลางพูดเสียงต่ํา
“ถาเขาตั้งใจเปนศัตรูกับทานอองจริง ก็ขอใหพระชายารีบเขาเฝาฝาบาท”
“อะไรนะ ใหขาเขาเฝาฝาบาท?”
หลินซูอินตกใจ ใหพบจางปงลี่ยังพอไหว ดวยชั่วชีวิตนี้ ผูที่นางไมอยากพบที่สุดยอม
เปนองคจักรพรรดิ
“พะยะคะ ขอเพียงพระชายาเขาเฝาฝาบาท ตองสามารถเปลี่ยนความคิดของฝา
บาทไดอยางแนนอน!”
ลูสวินอี้พูดอยางมั่นใจ พูดจบ ก็คุกเขาลง
“โปรดชวยเหลือดวย ตอนนี้ทานอองรูเ รื่องในเมืองหลวงแลว ขอเพียงสามารถทําให
เรื่องบางอยางนิ่งลงทานอองยอมตองมีวิธีจัดการ!”
สําหรับหลินซูอินแลว การอยูในวังหลวงเปนเรื่องที่กดดันจริงๆ
หากเปนไปได นางไมขอเหยียบเขามาอีกชั่วชีวิต
ยังไมตองพูดถึงสภาพในตอนนี้ที่ตองวิ่งวุนอยูในที่แหงนี้
ยิ่งถาอยูในสถานการณแยงชิงบัลลังกแลว สถานะในพระราชฐานชั้นในของนางก็ถือ
วาใหญโตไมนอย
ทามกลางเสียงนกกระจอกแตกรัง และเงารางที่เคลื่อนไหวออนแอนในทุกซอกทุก
มุมของที่แหงนี้
การปรากฏตัวของนางยอมดึงดูดสายตาที่มองมาอยางผิดปกติและประหลาดใจ
นางเปนผูบําเพ็ญเพียร ความสามารถในการฟงยอมไมธรรมดา
กระทั่งไดยินอยางชัดเจนหลังเดินผาน ถึงการซุบซิบเรื่องเกี่ยวกับนางของกลุมคนใน
ที่ตางๆ
ในคําพูดเหลานั้นมีบางคําที่หยาบคาย
เชน ลูกสาวโจรกบฏอะไร ยังมีหนามาเดินเชิดอยูในวังอีก?
หรือ เสียทีที่เกิดมามีความสามารถ แตดันไมรูจักรักตัวเอง...
หรือแมแตการกระเซาเยาแหยกันเรื่องชะตาเจาฟาเจาแผนดินของนาง
แตไหนแตไรมา นางไมเคยอยากแตงกับเชื้อพระวงศ เพราะรูอยูวาหญิงสาวในวังมี
ชีวิตที่นาเศราเพียงใด
วันนี้จึงถือเปนประสบการณ ยังดีที่นางแซหลิน และเปนลูกสาวโจรกบฏ ถึงมีคน
สนใจในตัวนางแคไหน ก็ยังไมมีใครกลาเขามาพูดยั่วยุอารมณนางโตงๆ ดวยเกรงวาถา
เขามามีปฏิสัมพันธกับนางทามกลางสายตาสาธารณะชนเชนนี้ อาจนํามาซึ่งความ
เดือดรอนได ขอนินทาลับหลังดีกวา
นางจึงไดแตทําไมรูไมเห็น รวบรวมสมาธิ เดินไปขางหนาภายใตการนําของสาวใชในวัง
แตในที่สุดก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได
ดานหนาปรากฏผูคนขบวนหนึ่ง สาวใชในวังที่เดินนําหนารีบขยับเขาดานขาง โคง
ตัวทําความเคารพ
เหมือนกอนหนานี้ หลินซูอินเงยหนามองผูซึ่งอยูกลางขบวน นางมีอายุราวสามสิบ
เศษ ใบหนางดงามและหรูหรายิ่ง ขางกายรายลอมไปดวยคนรับใช คิดวาถาไมใชพระ
สนมก็ตองเปนนางใน จึงรีบกมศีรษะทําความเคารพ นางยอมจําคนในวังไดไมหมด แต
ยังพอแยกแยะสถานะจากการแตงกายได
เห็นชัดวาพระสนมนางในผูนี้กําลังจองมองมายังตน ตลอดทางเดินนางก็ถูกมองดวย
สายตาเชนนี้นับครั้งไมถวน จึงไมสนใจ คิดวาก็คงเหมือนครั้งที่ผานๆ มา รอใหผานไปก็
พอ
ใครเลาจะคาดคิด ขณะขบวนกําลังจะผานนางไปนั้น พลันมีเสียงดังขึ้น
“เอะ ทานนี้ก็คือชายาหมิงอองผูเลื่องชื่อละบือไกล แมนางหลิน หลินซูอินใช
หรือไม?”
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย ไมคิดวาที่สุดแลวก็มีคนเขามายุงกับตนจนได จึงเงยหนาขึ้น
มองผูสูงสงที่เอยปาก พลางเห็นสายตาที่มองดูตนจากหัวจรดเทา
หลินซูอินไมชอบสายตาเชนนี้ แมคําพูดของนางฟงดูไมมีปญหา แตหลินซูอินไมโง
คําวาเลื่องชื่อละบือไกลไมใชคํายกยองสรรเสริญแน คําวาแมนางหลิน ก็มีนัยยะกระแนะ
กระแหนอยู
แตหลินซูอินไมอยากกอเรื่อง จึงเพียงทําความเคารพ
“ถวายบังคมพระสนม!”
“ชางกลา รูกฎที่นี่หรือไม พระสนมหลันถาม ไฉนไมตอบ!”
ผูสูงสงยังไมทันเอยปาก ผูรับใชขางกายพลันตวาดแวดใสตนเสียนี่
หลินซูอินขมวดคิ้ว เหลือบมองผูรับใชแลวหันมองผูสูงสง ซึ่งมีแววตาออนโยนลง ไม
สํารวจมองรูปรางตนอีก แตกลับมองใบหนาตน พลางยิ้มนอยๆ ที่มุมปาก
“ชะตาเจาฟาเจาแผนดิน เห็นจะจริงดังคําร่ําลือ ไมเพียงงามระดับประเทศ ยังมี
บารมีสูงสงคับจักรวาล!”
หลินซูอินขมวดคิ้วอีกครั้ง “มิกลา มิไดเปนดังคําชมของพระสนม!”
“หึ! เปนไดสิ เปนได เทียบกับหญิงสาวสูงศักดิ์ดวยกันแลว ยังมีใครเลิศไปกวาเจา
อีก? แตขาจะบอกอะไรไวอยาง แมมีชะตาเจาฟาเจาแผนดินจริง ก็ตองระวังคําพูดและ
กิริยา จะแปดเปอนและทําตามอําเภอใจเหมือนกอนไมได ในวังเนนเรื่องความบริสุทธิ์
และกฎเกณฑ ชายาหมิงอองควรจําใหขึ้นใจ อยาทําผิดเปนอันขาด!” สนมหลันหัวเราะ
อยางออนโยน
หลินซูอินสบตาสนมหลันครูหนึ่ง ดวงตานางกระจางใส ทําความเคารพอีกครั้งแลววา
“ทูลพระสนม ซูอินถึงเกิดเปนหญิง แตก็ไมเคยกลาลบหลูคําวาบริสุทธิ์ทั้งในอดีต
และปจจุบัน ไมทราบวาที่พระสนมพูดเรื่องทําตามอําเภอใจ แปดเปอนความบริสุทธิ์นั่น
หมายความวาอะไร?”
รอยยิ้มบนใบหนาสนมหลันเจื่อนเล็กนอย ไมคิดวาสถานะเชนหลินซูอินจะกลาตอก
กลับตน ผูรับใชขางกายนางพอเห็นนายไมสบอารมณ ก็รีบกาวออกมา ชี้หนาหลินซูอิน
พรอมตวาด
“สามหาว กลาเสียมารยาทกับพระสนม สมควร...”
ปง!
ผูรับใชยังไมทันพูดจบ รางก็ลอยควาง กอนตกลงบนสวนดอกไมที่อยูไกลออกไป ไม
รูเปนหรือตายอยางไร นาทีถัดมา ที่เกิดเหตุเงียบกริบ คนในขบวนทั้งสองแถว และผูคน
ที่เฝาดูอยูรอบๆ ลวนตะลึงงัน
“กรด!”
“มีคนราย!”
“พระสนมระวัง!”
“องครักษละ รีบไปจับคนรายเร็วเขา!”
จากนั้น ที่เกิดเหตุก็วุนวาย เต็มไปดวยความกระอักกระอวนใจ
“เจาเปนใคร กลาใชวรยุทธตอหนาขา กลามาก!”
หนาสวยๆ ของสนมหลันพลันถอดสี แตบารมีที่สั่งสมมาหลายปทําใหนางสงบนิ่งได
อยางรวดเร็ว โดยเฉพาะสายตาที่จองมององครักษผูพลิ้วกายมาอยูตรงหนานาง สีหนา
เย็นชาของนางดูนาเกรงขามเปนอยางยิ่ง
ใครกัน?
ยอมเปนลูสวินอี้!
เขายืนอยูในที่เกิดเหตุ สีหนาสงบนิ่ง จองมองมายังสนมหลัน สักพักคอยยกมือขึ้นคารวะ
“พระสนม กระหมอมลูสวินอี้แหงจวนหมิงออง”
“ลูสวินอี้...”
สนมหลันที่เตรียมอาปากพูด กลับหุบปากลงในพริบตา ดวงตาวูบไหววาบ สีหนาดูไมได
“ที่แทเจาก็คือลูสวินอี้ผูตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉี ขาเคยไดยินวาเจามีความเกงกลา
สามารถที่โดดเดน ดูยิ่งใหญมากจริงๆ แตไดยินวาเจาเปนแคแมทัพเล็กๆ ในจวนหมิง
ออง หมิงอองจึงไมไดสอนเจาใหเคารพกฎเกณฑขณะอยูในที่ประทับขององคจักรพรรดิ
หรืออยางไร เจาถึงไดทําตามอําเภอใจเชนนี้”
ลูสวินอี้แววตานิ่ง ตอบเสียงเบา
“ผูแซลูยอมรูสถานะตนเองดี หรือพระสนมคิดวาเมื่อผูแซลูเห็นนายหญิงถูกลบหลู
แลวเพิกเฉยคือการเคารพกฎ? ขออภัย จวนหมิงอองเราไมมีกฎนี้จริงๆ แตผูแซลูก็อยาก
บอกพระสนมไวอยางวา หมิงอองเปนผูมีบุญญาธิการแหงยุค เปนโอรสของมารดาแหง
แผนดิน ไดรับการแตงตั้งใหเปนองคชายในราชสํานัก และการเสกสมรสของหมิงอองกับ
พระชายา ฝาบาทเปนผูพระราชทานดวยตนเอง ดังนั้นวาดวยเรื่องฐานะ นอกจากองค
ชายและฮองเฮาแลว ไมนามีผูใดกลาลบหลูพระชายา แตวาคนของพระสนมวันนี้อาศัย
บารมีผูใดไมทราบ ถึงไดกลาทําตามอําเภอใจตอหนาพระชายา”
“หยุดพูดจาเลอะเทอะเดี๋ยวนี้!” สนมหลันโกรธ
ลูสวินอี้กลับหันกาย คุกเขาขางเดียวใหหลินซูอนิ
“พระชายา กระหมอมเสียมารยาทสังหารคนเลวไป แตกับสถานการณวุนวาย
ในตอนนี้ ยากที่จะรับประกันไดวาจะมีผูไมรูฟาสูงแผนดินต่ํามารบกวนอีกหรือไม เชิญ
พระชายาเสด็จ!”
หลินซูอินมองดูลูสวินอี้ที่คุกเขาขางเดียวแลวก็คอยๆ สงบสติอารมณ ที่สุดก็พยัก
หนา หันกายเดินจากไปโดยไมมีใครกลาขวาง!
สนมหลันมองดูแผนหลังของพวกเขา พลางกัดริมฝปากแนน วันนี้นางเสียหนาอยาง
ไมตองสงสัย
“พระสนมๆ ซุนฝูเสียชีวิต เสียชีวิตแลว...” เสียงเอะอะโวยวายดังมาแตไกล
คนของสนมหลันตางตื่นตกใจ คอยนึกถึงคําพูดเมื่อครูของลูสวินอี้ ‘สังหารคนเลวไป’
เขากลาลงมือสังหารคนจริงๆ!
ทุกคนตางตัวสั่นงันงกขณะมองตามแผนหลังนั้น
สีหนาสนมหลันซีดขาวในพริบตา รีบหันมองรอบดาน หลังเห็นมีคนมองดูอยูเต็มไป
หมด ก็โมโหจนหนาแดง ตวาดเสียงดัง “ไป!”
ตอน 285 ฟนปายสํานัก
“ปใหมแลว จุดปะทัดแลว!”
เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กๆ ดังขึ้นพรอมๆ กับเสียงประทัดลูกแรก ตามดวยลูก
ตอๆ มา ดังทั่วทองฟายามค่ําคืน
มอไปอยูห างจากเมืองเล็กๆ แหงนี้พอควร และกําลังยืนเงียบๆ อยูบนที่สูงกลางลม
หนาว มองดูเปลวไฟที่ถูกจุดขึ้นเปนจุดๆ ในราตรีที่มืดมิด
ทัศนวิสัยการมองของเขาดีมาก อาศัยแสงจากเปลวไฟ ก็สามารถเห็นเด็กๆ กระโดด
โลดเตนไปมารอบๆ ประทัด กอนจะถูกผูหญิงทั้งหลายลากเขามาไวในออมอก แลวยก
มือปดหูให
เห็นรอยยับยนบนใบหนาของคนชราขณะนั่งพิงกรอบประตู
รวมทั้งเห็นชายหนุมหลายคนอมยิ้ม บางนั่งยองๆ บางยืนมองอยูไมไกลจากประทัด
มอไปคอยๆ เงยหนามองไปยังที่ๆ ไกลออกไป ที่นั่นก็คงมีเปลวไฟลุกไหมกลาง
อากาศเชนเดียวกัน แมมองไมเห็นทาทางของผูคน แตคิดวาก็คงไมแตกตางจากเมือง
เล็กๆ มากนัก
“คืนสงทายปเกาแลว...”
สีหนาเย็นชาของมอไปคอยๆ อบอุนขึ้น แววตาเครงเครียดคมกริบในลมหนาวคอยๆ
ออนโยนลง พึมพําออกมาเบาๆ กอนพลิ้วกาย ดีดตัวขึ้นนั่งบนกิ่งไมของตนไมเกาแกตน
หนึ่งบนเนินเขา
มองดูแสงจากดวงไฟมากมายตรงหนา ฟงเสียงโปงปางของประทัดเงียบๆ คนเดียว
ในปาลึก
แปลกมาก มอไปมิไดรูสึกอางวางแตอยางใด มุมปากคอยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เพียง
พอที่จะบงบอกวาเขากําลังอารมณดี
เสียงประทัดคอยๆ สงบลง เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กๆ ก็คอยๆ เงียบหายไป
บรรยากาศเงียบสงัดอีกครา ราวกับวาสิ่งที่เห็นเมื่อครูเปนเพียงภาพฝน
มอไปยังไมจากไป ยังคงนั่งอยูบนตนไมเกาแก มองภาพตรงหนาเงียบๆ อยูอยางนั้น
ถึงไมมีเสียงประทัด ไมมีเสียงเด็กๆ แตดวงไฟจากบานเรือนหลายหลังยังไมดับลง เขาจึง
ไมอยากจากไป
แมเปนชั่วเวลาสั้นๆ เพียงปเดียว แตมอไปกลับรูสึกวานานมาก นานมากแลวที่เขา
ไมไดเห็นการเปดดวงไฟมากมายเนื่องจากสมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกันเชนนี้
“ตองดีขึ้น ตองดีขึ้นแนนอน ขารับรอง...”
ไมรูวามอไปนั่งอยูบ นตนไมเกาแกนานเพียงใด มุมปากถึงมีเสียงเล็ดลอดออกมาเบาๆ
จากนั้นเขาจึงกระโดดลงมายืนนิ่งบนพื้นดิน มองดูดวงไฟที่อยูไกลออกไปอีกครั้ง
รอยยิ้มนอยๆ ที่มุมปากขยายกวางขึ้น ดวงตาคลายทอประกายวิบวับ
แหงนหนามองทองฟา แลวจึงหันกาย มองดูภูเขาสูงที่อยูตรงหนา เก็บรอยยิ้มลง
ชาๆ ประกายตาเจือจาง พลิ้วกายหายวับไปกับตา
ทิ้งดวงไฟจากบานเรือนไวดานหลัง เปลงรัศมีปณิธานอันแรงกลามารวมกันตรงหนา
ไมคอยเห็นมอไปใชกระบี่ แตตอนนี้ ภูเขาสูงตระหงานนั่น คลายเปลงแสงเย็นยะ
เยียบออกพรอมๆ กับการหายไปอยางสายฟาแลบของรางที่เย็นเขากระดูก!
สํานักใบไผ!
ตัวอักษรจากปลายพูกันที่ใหความรูสึกสวยงามและแข็งแกรง ทําใหปายแนวขวางที่
วางอยูบนเสาซึ่งทําจากตนไผคลายลอยอยูกลางอากาศ ฝมือสลักปายชื่อสํานักที่พลิ้ว
ไหวดุจใบไมบินบนประตูทางเขา บงบอกถึงบารมีอันยิ่งใหญเกรียงไกร
แมดึกดื่นค่ําคืน ก็ยังเปลงบารมีใหเห็น
หลังประตูทางเขา เรียงรายดวยตะเกียงน้ํามันตามทางเดินอยางเปนระเบียบ ให
ความรูสึกโบราณและลึกลับ ซึ่งตอนนีม้ ีศิษยรุนเยาวสองคนนั่งสมาธิอยูที่เสาประตูใต
ตะเกียงน้ํามัน เหมือนกําลังหลับตาโคจรพลัง แมมีปาไผเปนแนวกําแพงกั้นลมหนาว แต
ศิษยผูสวมเสื้อผาเนื้อบางทั้งสองก็ไมยี่หระลมหนาวยามขึ้นสิบหาค่ํา ทั้งสองยังคงมีสี
หนาสงบนิ่ง เห็นแลวรูสึกไดวาทั้งสองไมธรรมดา
สมแลวที่เปนนักพรตบนภูเขาเซียน ภาพพจนของสํานักที่เห็นในแวบแรกก็ทําให
รูสึกนาเกรงขามแลว
แตเห็นชัดวา ถึงภาพพจนไมธรรมดาอยางไร ก็ไมสามารถสรางความตื่นกลัวใหกับผู
ที่ยืนนิ่งอยูหนาประตูอยางมอไป
ลมหนาวพัดหวีดหวิว มอไปในชุดดํา มือกุมกระบี่มรกตยาวสามเชียะ เปลงประกาย
เย็นยะเยียบทามกลางแสงริบหรี่ของตะเกียงน้ํามัน!
เมื่อเสื้อผาชุดยาวและเสนผมของเขาพลิ้วไหวตามแรงลมขณะเคลื่อนไหวทาราง
กลางอากาศ ศิษยทั้งสองของสํานักคอยรูสึกตัว
ทั้งสองลืมตาขึ้นเกือบพรอมกัน แววตามีความงุนงงอยูบาง หันมองไปที่ปาไผ
เห็นดานหนาคลายมีคนคนหนึ่งยืนไรสุมไรเสียงอยูนอกประตู กุมกระบี่อยูในมือไม
ไกลจากพวกเขานัก และกําลังแหงนหนามองปายชื่อสํานัก จึงสงเสียงตกใจโดยไมรตู ัว
“หือ?”
เห็นชัดวาพวกเขาตื่นตระหนกอยูพักหนึ่ง ดึกขนาดนี้แลวยังมีคนมา อีกทั้งมาถึง
ตรงหนานานแลว แตพวกเขากลับไมรูตัว
ทั้งสองหันมองตากัน เมื่อมั่นใจวาตางไมไดตาฝาด หนาพลันถอดสี รูทันทีวาผูที่
สามารถบําเพ็ญเพียรไดถึงขั้นที่ยืนอยูตรงหนาทั้งสองไดโดยที่ทั้งสองไมรูตัวนัน้ ตองเปน
ผูสูงสงของสํานักแน
จึงรีบลุกขึ้นยืน โคงตัวใหมอไปพรอมกัน
“ไมทราบผูอาวุโสทานใดมาถึง ศิษยไมทันตอนรับ ตองขออภัยดวย”
น้ําเสียงกังวานใส แสดงความเคารพนอบนอม
เพียงแตทั้งสองยังคงโคงตัวอยูโดยไมมีเสียงตอบใดๆ
ทั้งสองจึงเงยหนาขึ้น ถึงเห็นอยางชัดเจนวา ผูที่อยูตรงหนาคลายมิใชผูอาวุโส แต
เปนชายหนุมคนหนึ่ง
ทั้งสองจึงโลงอก แตกลับเครียดเมื่อเห็นกระบี่ในมือเขาเปลงแสงเย็นยะเยียบ ให
ความรูสึกเย็นชาและนากลัว
ทั้งสองหรีต่ ามอง แลวหันมาสบตากันอีกครั้ง พยายามชะเงอมองผูม า กลับเห็นเขา
แหงนหนามองปายชื่อสํานักอยูอยางนั้นโดยไมขยับแตอยางใด ทวาทั้งสองก็ยังยากที่จะ
เห็นใบหนาผูมาชัดเจน
เมื่อแนใจแลววาพวกตนปลอยไก ฝายตรงขามไมใชผูอาวุโส แตเปนชายหนุม ทั้ง
สองก็หนาเปลี่ยนสีจนแทบดูไมได แตติดที่ผูมาสามารถปรากฏตัวอยางไรสุมไรเสียง ทํา
ใหพวกเขาไมกลาบุมบาม เพียงทําหนาตาขึงขัง พูดเสียงเขม
“ไมทราบเปนสหายเตาทานใด กลาถือกระบี่อยูหนาประตูสํานักเรา หรือไมรูวานี่
เปนการไมใหความเคารพ? ขอใหสหายเตารีบเก็บกระบี่ลงเสีย!”
แนนอนวามอไปไมเก็บกระบี่อยูแลว เขากมหนาลง หันมองศิษยทั้งสอง กอนพูดจา
สบายๆ
“ไป ไปเรียกเจาสํานักของพวกเจาออกมารับความตาย!”
ในความมืด ทั้งสองเห็นใบหนามอไปแลว แตยังไมรูสถานะของมอไป หรือพูดไดวา
ตอนนี้ พวกเขาไมมีจิตใจจะดูใหถี่ถวนแลววาคนผูนี้เปนใคร ทั้งสองถูกคําพูดตีแสกหนา
จึงรูสึกขุนเคือง คนผูนี้วาอะไรนะ ใหทานเจาสํานักออกมารับความตายหรือ?
“สามหาว!” คนหนึ่งตอบโตเร็วกวา ดวยความโกรธกําลังพลุงพลาน ชักกระบี่ออกชี้
หนามอไป พลางแผดเสียงดังทันที
“กลาดีอยางไร มาลบหลูเจาสํานักขา ไมวาเจาเปนใคร ยอมตองตายอยางไมตองสงสัย!”
พูดจบก็วาดเทาออก ทะยานรางขึ้น พุงกระบี่เขาใสตําแหนงหัวใจของมอไป
จนถึงตอนนี้ อีกคนคอยตื่นตัว ชักกระบี่ออกทันที และพุงเขาสังหารเชนกัน
ถึงขั้นนี้แลว ยังตองพูดอะไรกันอีก?
ปง!
แตแลว เขายังไมทันลงมือ ก็ไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแนวกําแพงปาไผถึงกับ
สั่นสะเทือน
เขาเงยหนาขึ้นตามสัญชาติญาณ เห็นปายชื่อสํานักที่แขวนมาเปนรอยป แหลก
ละเอียดไมเปนชิ้นดี เศษไมปลิววอนไปทั่ว!
ศิษยผูนี้คลายวิญญาณหลุดออกจากรางในพริบตา สีหนาซีดขาว รางสั่นเทิ้มไมหยุด
สํานัก ปายสํานักถูกคนใชกระบี่เลมหนึ่งทําใหแหลกละเอียดตอหนาตอตาเขา...
“ยิ่งใหญตรงไหน?” มอไปพูดสบายๆ
“อองอยางขาถึงไมใชกระบี่ ก็ลงโทษสํานักใบไผได!”
พอไดยินคํานี้ ศิษยที่พุงเขามากอนไดแทงกระบี่มาถึงหนาอกมอไปแลว เขาพลัน
ตกใจ แตยังรักษาความเคยชิน แทงเขาใสมอไป
มอไปเหมือนไมรูตัว ยกเทาขึ้น ขณะรังสีฆาฟนระเบิดออก ปายหยกบนเสื้อยาว
สั่นสะเทือน
พลังปราณกระจายออกจากรางกาย ทําใหศิษยที่จูโจมเขารองเสียงหลง รางกระเด็น
ออกเร็วกวาตอนพุงเขา มอไปมิไดประมือกับเขา เพียงรางเสมือนหนึ่งลูกธนู พุงขึ้นอยาง
รวดเร็ว ราวยายกาย หายไปในอากาศ
ผลั่ก!
เสียงดังลั่นอีกครั้ง รางของศิษยผูนั้นชนเขากับแนวกําแพงปาไผ พนโลหิตสดๆ ออก
กอนลวงลงสูพื้น ไมรูเปนตายรายดีอยางไร
ลมหนาวยังคงพัดหวีดหวิว ศิษยที่ยังไมทันลงมือ รูสึกเปนครั้งแรกวาตนใสเสื้อผา
นอยไป ความหนาวแทรกซึมไปทั่วราง ตัวสั่นงันงกอยางหยุดไมได
เขาชะเงอมองศิษยรวมสํานักที่ไมรูยังมีชีวิตอยูหรือไม กอนมองแนวกําแพงตนไผที่
หักโคนและโอนเอนไปมาทําทาจะลมไมลมแหล สุดทายจึงหันมองที่ที่มอไปยืนอยูเมื่อครู
จากนั้น เขาก็ลมตัวลง ไมไดสติสมประดี
บนยอดเขาตนไผ มีวิหารขนาดใหญตั้งอยู มองเห็นแสงไฟสวางไสว
เหลาเซียนกําลังสุขสําราญ กลิ่นหอมของสุรากําจายไปทั่ว!
ภายในวิหารทองคําที่ปกติมีแตความเงียบสงบ บัดนี้กลับมีเสียงผูคนดังจอแจ ทําให
วิหารอันกวางใหญแคบลงถนัดตา เพราะเต็มไปดวยผูคนที่นั่งอยูท ั้งดานบนและดานลาง
เนื่องจากคืนนี้เปนคืนสงทายปเกา นักพรตผูบําเพ็ญเพียรในสถานที่นี้ อยางไรก็ยัง
เปนมนุษยปุถุชน ยอมไมลืมที่จะสืบทอดประเพณีเกาแกที่มีมาเปนพันป
คืนนี้ผูที่มารวมตัวกันในวิหารทองคําบนยอดเขาตนไผลวนแลวแตเปนบุคคลสําคัญ
ในสํานักใบไผทั้งสิ้น ผูที่นั่งอยูดานบนรวมสิบคน ก็คือผูสูงสง ถามิใชผูซึ่งมีทาทีระดับเทพ
เซียนสํารวมกายใจ ก็เปนผูซึ่งมีรัศมีบารมีระดับปรมาจารยอยางไมตองสงสัย
สวนดานลางของวิหารมีแตคนรุนใหมที่เปยมพลังกระฉับกระเฉงและกําลังแขงกัน
อยางดุเดือด แตละคนตางมีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงไมยอหยอนไปกวากัน ตางสําแดงเดช
ประลองฝปากกันอยางเต็มที่
ลางลงไปยังมีศิษยอีกรอยกวาคนนั่งอยูกับโตะยาว กําลังตั้งใจฟงการอภิปรายบน
เวที พรอมทั้งคอยฟงปรมาจารยและผูอาวุโสที่อยูดานบนแสดงความคิดเห็น
เพียงแตพอกวาดตามองอยางคราวๆ ในครั้งแรกก็จะรูสึกวาสํานักใบไผนั้นไม
ธรรมดาจริงๆ นอกจากความภาคภูมิใจที่เปนหนึ่งในสิบสํานักใหญแลว ปรมาจารยทั้งสิบ
ทานยังมีวรยุทธที่จัดวายอดเยี่ยม มีศิษยรุนใหมกวารอยคนที่เกงกลาสามารถ
ภาพลักษณเชนนี้ จะไมสูงสงอยางไรได
ผูที่นั่งอยูดานบนและมีบารมีสูงสงสุดจะเปรียบเห็นทีไมมีใครเกินผูอาวุโสที่กําลังนั่ง
หนาแดง จองมองเหลาศิษยที่กําลังโตคารมอยูดานลาง ขางกายเขายังมีผูอาวุโสทานหนึ่ง
ซึ่งเปยมรอยยิ้มอยูเต็มใบหนาขณะพูดเสียงต่ํา
“ยินดีดวยทานเจาสํานัก เกรงวาอีกไมกี่ป จวินเสียนก็คงไดเปนอาจารยสมใจ สํานัก
ใบไผเราจะมีผูบรรลุในระดับอาจารยที่มีอายุต่ํากวาสี่สิบจริงๆ ก็คราวนี้!”
ไมผิด ผูอาวุโสหนาแดงทานนี้ก็คือเจาสํานักใบไผ ฉางคุน ปรมาจารยชื่อเสียงโดงดัง
ในลําดับตนๆ ตอนนี้พอไดยินคําพูดเชนนี้ก็รูสึกยินดียิ่ง แตยังคงสายหนาแลววา
“จวินเสียนเปนคนมีพรสวรรค ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย อนาคตมีแววไดเปนอาจารย
แตจะไดเปนกอนอายุสี่สิบหรือไมนั้น ขาก็ยังบอกไมได โดยเฉพาะยังมีเหมยอวิ๋นชิงทีม่ ี
พรสวรรคล้ําเลิศ อีกทั้งไดรับการชี้แนะจากจอมยุทธเหมย ผูเปนบิดาอีก โชคดีจริงๆ ขา
ไหนเลยจะกลาเทียบกับจอมยุทธเลา? ปลอยใหเปนไปตามธรรมชาติเถิด”
“เจาสํานักอยาไดดูแคลนตนเองไป ถาสํานักใบไผเราสามารถมีสถานที่ดังเชนเขา
ซางชิง ลําพังความสามารถทาน คิดวาสามารถบรรลุขั้นหลุดพนไดไมยาก ตามความเห็น
ขา ไมแนวาจวินเสียนอาจเหนือกวานักพรตเหมยดวยซ้ํา ถาเปนเชนนี้จริง ก็จัดวาเปน
เรื่องนายินดีแหงยุคของสํานักใบไผเรา!”
ผูอาวุโสอีกคนพูดขึ้นอยางยินดีปรีดา พลางพยักหนาไมหยุด
ตอน 286 กลาอกตัญูตอ อองอยางขาหรือ
พอเจาสํานักไดยิน ก็หนาแดงขึ้นอีก เห็นไดชัดวา พอพูดถึงความสามารถที่
เหนือกวาจอมยุทธของเขา เขาก็อดไมไดที่จะรูสึกดี แตพลันนึกอะไรไดอยาง จึงถอน
หายใจเบาๆ แลววา
“จวินเสียนอาจโชคดีจริง แตเกรงวากําลังอยูในชวงที่ไมเหมาะสม ดวยตอนนี้ใน
กลุมคนรุนใหม กลับไมใชยุคทองของเหมยอวิ๋นชิงอีกตอไป ผูที่เหนือกวานางก็คือ
หมิงออง ซึ่งมีอายุเพียงยี่สิบตนๆ เทานั้น หนําซ้ํายังบําเพ็ญเพียรไดไมดอยไปกวาเราๆ
อีก...เฮอ...จวินเสียนจะสูไดอยางไร?”
ผูซึ่งเอยปากพูดขึ้นกอนในตอนแรก หรือก็คือหูเทียนหลุน ผูคุมกฎของสํานัก พอได
ยินคําวาหมิงอองก็รูสึกไมพอใจ จึงพูดขึ้น
“ศิษยพี่เหตุใดถึงพูดเชนนี้? หมิงอองนั่นยังเด็กอยูเลย และเพราะใชวิชานอกรีต ถึง
ไดดูเกงกลาสามารถ ใชความรุนแรงเขาขมเชนนี้จะเทียบกับพวกเราไดที่ไหน? อีกทั้งวิชา
นอกรีตพวกนี้ก็ใชตบตาผูคนเพื่อสรางบารมีจอมปลอมเทานั้น เกรงวาอีกไมนานพอหาง
โผล สภาพก็คงดูไมจืด ศิษยพี่ไมควรนํามาคิดใหรกสมอง”
“ศิษยพี่หูพูดถูกตองที่สุด สํานักเตาที่มีมาเปนพันๆ ปยังไมเคยไดยินวามีคนอายุ
ยี่สิบกวาสําเร็จเปนปรมาจารยได หมิงอองนัน่ ตองเปนพวกมารนอกรีตแน ศิษยพี่จะนํา
เครื่องเคลือบไปเปรียบกับกระเบื้องแผนทําไม? สํานักใบไผเรามีรากฐานมายาวนาน มี
คนเกงมากมาย มีวีรบุรุษตอสูในสนามรบเพื่อบานเมือง ผูคนตองใหความเคารพนับถือ
อยูแลว สวนหมิงอองตัวคนเดียวนั่น ถึงมีพลังชั่วรายที่แข็งแกรง แลวอยางไร? ศิษยพี่
อยาไดนํามาใสใจ รอใหถึงวันนั้น วันที่ศิษยพี่เจาสํานักบรรลุขั้นหลุดพน อยาวาแตหมิง
อองตัวกระจอยรอยเลย แมฮองเตเองก็ตองใหความเคารพศิษยพี่!”
มีคนยกจอกสุราขึ้น หัวเราะราแลววา
“ไมผิด สํานักใบไผกอตั้งมารอยกวาป จักตองเจริญรุงเรืองในเร็ววันนี้แน ทุกทาน ดื่ม!”
ปง! อยางไมคาดคิด นอกวิหารพลันมีเสียงดังกัมปนาท
ผูสูงสงที่อยูดานบนมีความสามารถในการไดยินไมออนดอย จึงรูสึกงงเล็กนอย สวน
ผูคุมกฎหูเทียนหลุนสีหนาไมสูดีเปนคนแรก จึงพูดขึ้น
“ดูเหมือนไมควรใหศิษยในสํานักผอนคลาย เพราะพอผอนคลายก็ไมเครงครัดใน
กฎเกณฑ!”
ศิษยในสํานักรูนิสัยเขาดี จึงไดแตอมยิ้ม คืนสงทายปเกาเปนเวลาที่ควรรื่นเริง ไมมี
ใครอยากทําใหเสียบรรยากาศ จอกสุราจึงถูกยกขึ้น
“พวกเรารูดีวาศิษยพี่เขมงวด แตแหม คืนสงทายปเกาทั้งที หยวนๆ ใหก็แลวกัน
คนทั่วไปก็ยังไมมีขอหามใดๆ นักพรตอยางเราๆ ก็ทําตามธรรมเนียมเขาไป!”
“มีเหตุผลๆ” เหลาศิษยหัวเราะเฮฮา ตางยกจอกสุราขึ้น “เชิญ!”
ทวาใบหนาที่แยมยิ้มกลับมีไดเพียงชั่วขณะ นาทีถัดมา เจาสํานักหนาแดงฉางคุน
เปนคนแรกที่ถือจอกสุรานิ่ง พลันหันมองออกนอกวิหาร
ทําใหศิษยทุกระดับชั้นหนาเปลี่ยนสี หันมองตาม มีคนสงเสียงรองอยางตื่นๆ
“เปนศิษยพี่ทานใดกําลังสําแดงพลัง? ถึงไดมีความรุนแรงขนาดนี้!”
ไมคิดวาคํานี้พอหลุดออกจากปาก ศิษยทั้งหลายก็เริ่มมีสีหนาเครงเครียด
หูเทียนหลุนพลันกวาดตามองในวิหาร กอนลุกพรวดขึ้นสบตากับเจาสํานัก
“ศิษยพี่เจาสํานัก เกรงวาผูมาไมประสงคดี!”
สีหนาฉางคุนเครงเครียดจนถึงขีดสุด แตยังไมจบั อาวุธ เพียงมองไปนอกประตู
พลางเปลงเสียงดังกอง
“ไมทราบวาผูมาเยือนคือผูใด? สําแดงพลังในสํานักใบไผขาเชนนี้ หรือกําลังตําหนิที่
ผูแซฉางมิไดออกไปตอนรับดวยตนเอง?”
นาทีนี้ ศิษยที่อยูดานลางสุดยังไมรูวาเกิดอะไรขึ้น แตผูสูงสงที่นั่งอยูดานบนทั้งหมด
ตางลุกขึ้นยืนไปตามๆ กัน แตละคนพลันหนาเปลี่ยนสี เพราะสัมผัสไดวาผูมาไมประสงค
ดี
เนื่องจากมีรังสีฆาฟนกําลังหลอหลอมขึ้น หูเทียนหลุนทนไมไหว ถลึงตามองพลาง
สงเสียงไมพอใจ
“มีอยางที่ไหน กลาสามหาวอยูนอกวิหารเรา แลวยังกลามาขูเราถึงหนาประตูอีก
รนหาที่ชัดๆ เจาสํานัก รอประเดี๋ยวขาจะจับมันมาให คิดวาสํานักใบไผเราไมมีคนหรือ
อยางไร!”
ดวงตาฉางคุนฉายแววคมกริบขึ้น เขาเอยปากถามแลว แตฝายตรงขามไมตอบ และ
เขายังรูสึกไดวาฝายตรงขามพุงมาที่วิหารดวยความเร็วสูง หากพลังปราณปะทุขึ้นอีก
รังสีฆาฟนตองระเบิดออกแน
แมจอมยุทธมาเอง ก็ไมนากลาขมขูเขาเชนนี้!
จึงตัดสินใจ ไมวาฝายตรงขามเปนใคร เขาลวนไมปรานี จึงพยักหนาใหหูเทียนหลุน
“ได เจาเปนตัวแทนขาไปรับแขกหนอย อยาใหแขกวาสํานักใบไผเราไมรูจัก
มารยาท!!”
“ศิษยพี่คอยดูก็แลวกันวาขาจะเชิญเขามาอยางไร!”
หูเทียนหลุนพลันปลอยพลังปราณทั่วรางออก รางจึงทะยานไปดานนอกทันที
ในที่สุดศิษยที่อยูดานลางก็รูแลววาเกิดเรื่องขึ้น ศิษยสองคนที่โตคารมกันเมื่อครูก็รีบ
แยกยาย หนึ่งในนัน้ คือ เฮอจวินเสียน ที่ดูออนเยาวแตแทจริงอายุสามสิบเศษ เขาหนา
เปลี่ยนสี ยกมือคารวะเจาสํานัก
“อาจารย เหตุใดคนผูนี้ถึงกลาบุกสํานักเราอยางไรมารยาทเชนนี้?”
ฉางคุนยิ้มเย็นชา กอนพูด “ถอยไปดานขาง รออาจารยอาเจาเชิญเขามากอน จักได
รูกัน!”
พริบตานั้นศิษยรุนใหมกลุมหนึ่งพลันยืนขึ้น ทั้งหมดถอยไปดานขาง แลวเริ่มกระซิบ
กระซาบกันวา ผูคุมกฎนาจะลงมือแลว เพียงรอฟงขาวใหญ เชนนี้จะไมใหตื่นเตนได
อยางไร
จากนั้นไมนาน พลันไดยินเสียงคํารามรองอยางเจ็บปวดรวดราวดังลั่น
“อากกก! โจรรายกลาทําลายสํานักขา หากไมสับเจาเปนหมื่นๆ ชิ้น ขาไมเลิกราแน
...อั่ก!”
เหลาศิษยตางตะลึงงันเมื่อไดยินเสียงคํารามลั่น นาทีตอมา ไมเพียงเหลาศิษยที่อยู
ดานลาง ผูสูงสงและผูเยี่ยมยุทธที่อยูดานบนตางก็รอนใจจนวุนวาย
แตพวกเขายังไมทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสียงรองอันนาอนาถที่ทั้งเศราโศกและ
โกรธแคนของหูเทียนหลุนก็ดังขึ้นอีก และคลายดังกองไปทั่วทั้งภูเขา
เหลาศิษยยังไมกลาคาดเดาวาเสียงนี้หมายความเชนไร แตฉางคุนกับพวกหนาถอดสี
ไปแตแรกแลว จึงเปลงเสียงดังอยางไมพอใจ
“ไมไดการ ศิษยนองมีอันตราย ผูมาเปนศัตรู ทุกทานรีบตามขามา!”
เสียงสะทอนอยู แตผูพูดพลิ้วกายออกจากวิหารแลว
ผูสูงสงทั้งหลายไหนเลยจะพูดอะไรอีก เกือบทั้งหมดพลิ้วกายตามไปทันทีพรอม
ความรูสึกหวิวๆ ในใจเพียงเห็นหนาผูมา หูเทียนหลุนก็ไมตองตอสูแลว นี่ยังวา ผูมาไม
ประสงคดีอีกหรือ...
ขณะผูเยี่ยมยุทธออกจากหอง เฮอจวินเสียนก็หนาถอดสี รีบตะโกนเสียงดัง
“เกิดเรื่องใหญแลว ทุกคนตามขามา!”
พูดจบก็พุงออกไปอยางไมลังเลใจ ศิษยคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ใจเตนแรง ไมตามไปได
หรือ พริบตาเดียวศิษยสํานักใบไผตางก็เฝาระวังกันถวนหนา
พวกเขาไมเร็วเหมือนผูเยี่ยมยุทธ แตผิดคาด พวกเขาออกไปไดไมนาน ก็ตามทัน
เหลาผูเยี่ยมยุทธ
ไมสิ มิไดตามทัน
แตไมรูเพราะเหตุใด เหลาผูเยี่ยมยุทธกลับยืนนิ่งอยูดานหนาโดยไมขยับเขยื้อน ทุก
คนคลายจองมองอะไรอยู
“ทําไมรึ?”
“รีบ...รีบเขาไปดูกอน”
เหลาศิษยรีบพุงเขาไป ตอนพวกเขาไปถึงขางกายเหลาผูอาวุโส และมองตามไป
ดานหนา ภาพนี้ ทําใหพวกเขาไมมีวันลืมไปชั่วชีวิต
คนผูหนึ่ง มือกุมกระบี่ที่มีโลหิตหยาดหยด เดินเขาหาพวกเขาทีละกาว ทีละกาว
ไมผิด คนเพียงคนเดียว
คนผูนี้มิไดทําใหพวกเขาหนาวเหน็บไปทั่วทั้งรางจนขยับไมได แตศีรษะที่อยูในมือ
ของเขา เพียงพอทีจ่ ะทําใหคนสํานักใบไผทั้งสํานักขวัญกระเจิง
ไมเพียงพวกเขา กระทั่งผูเยี่ยมยุทธทั้งกลุม กระทั่งฉางคุน ก็ไดแตยืนตาถลนออก
จากเบา จองมองศีรษะในมือมอไปอยางไมละสายตา ดวยไมอยากจะเชื่อ
สวบ สวบ สวบ...
มอไปกาวไปขางหนาทีละกาว ขางหนาเปนคน แตฝเทาของเขาไมสั่นไหวแมแตนอย
แตละกาวลวนเปนไปอยางมั่นคง!
ในที่สุด สายตาของผูคนก็ยายจากศีรษะไปยังรางของผูถือ
เห็นเพียงผมดําสลวยปลิวตามแรงลมอยูหลังใบหนาละออน ที่เห็นไดอยางชัดเจน
ผูเยี่ยมยุทธคนหนึ่งอดไมไดที่จะตัวสั่น ยื่นมือชี้ไปที่มอไป ริมฝปากสั่นระริก กวาจะ
เปลงเสียงออกมาได
“หมิง...”
“เปนเจา หมิง หมิง...” มีคนพูดสมทบ
เหลาศิษยตื่นตระหนกตั้งแตแรก รวมทั้งเฮอจวินเสียน ผูมีความสามารถโดดเดน
เทียบชั้นเหมยอวิ๋นชิง
ทุกคนตางมีสีหนาซีดขาว ไมกลาเพงดูสีหนามอไป ไดแตเงี่ยหูฟงเสียงหมิง หมิง...ที่
สองอาจารยอางึมงําออกมา
สุดทายเจาสํานักใบไผฉางคุนสูดลมหายใจเขาลึกๆ กอนกาวออกมาขางหนาหนึ่ง
กาว พลังปราณอันแข็งแกรงถูกปลอยออก จองมองมอไป พรอมพูดดวยความโกรธแคน
ที่ถูกขมไวจนถึงที่สุด
“ที่แทเปนเจา หมิงออง!”
หมิงออง?
ศิษยรุนเยาวทุกคนพลันเงยหนาขึ้น มองไปยังผูทอี่ ยูตรงหนา
หมิงออง ชายหนุมผูมีอายุนอยกวาพวกเขา แตไดกลายเปนตํานานเมื่อหลายปกอน
ตอมาถูกลืม และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพรอมทําใหคนในวัยเดียวกันตื่นตะลึงจนยากแก
การคาดเดา
เปนเขา!
“เปนเขาจริงๆ หมิงออง...”
นาทีนี้ เฮอจวินเสียนรูสึกประหนึ่งสายฟาฟาด จับหนาอก จองมองหนาใสๆ ของห
มิงออง ขณะที่หนาของตนคอยๆ ถอดสี
เขาเคยทะเยอทะยานที่จะเปนคนรุนใหมแถวหนา นําพาสํานักใบไผสูความรุงเรือง
โดยตั้งปณิธานวาตองเหนือกวาคนรุนใหมที่มีความสามารถเปนอันดับหนึ่งอยางอาจารย
เหมยอวิ๋นชิงใหได แตหมิงอองกลับปรากฎตัวขึ้น
คนผูนี้ทําใหเขาผิดหวัง เขาจึงเลือกที่จะเชื่อคําพูดของเหลาศิษยพี่และผูอาวุโสของ
สํานัก ที่วาคนผูนี้เปนมารนอกรีต หรือแสดงละครตบตาผูคน จนทําใหเขาเชื่อมาเสมอวา
คนผูนี้เทียบตนไมได
จากนั้น ตอนนี้...
มอไปเย็นชาเปนอยางยิ่ง นอกจากโลหิตที่หยดหยาดจากกระบี่ในมือแลว ตลอดทั้ง
รางของเขาตั้งแตแววตาไปจนถึงพลันปราณ เย็นชาจนทําใหผูคนขนลุก
และในที่สุดมอไปก็หยุดเดิน ยืนนิ่งตอหนาผูคน กมลงดูศีรษะในมือ กอนเงยหนาขึ้น
มองดูทุกคนที่อยูขางหนา ที่นี่มีปาไผโอบลอม ลมจึงไมแรงนัก นอกจากตะเกียงน้ํามันที่
ถูกพลังปราณของพวกเขาโบกพัดจนดับแลว สํานักในตอนนี้ นับวายังมีแสงสวางอยู
มอไปมองฉางคุน แลวเลยไปมองกลุมปรมาจารย สุดทายคอยเหลือบมองกลุมศิษย
ที่อยูดานหลังพวกเขา แววตาเย็นชาลงขณะจองมองฉางคุน พลางวา
“หารอยปกอน องคเซิ่งอูสรางประเทศ มีสํานักเตารอยแปดสํานักชวยพระองคนํา
ความสงบสุขสูชาวประชา ดังนั้นบรรพบุรุษจึงมอบวิชาหลุดพนใหกับสํานักเตารอยแปด
สํานัก ตอมา สํานักเตาเริ่มตกต่ํา ที่มีมาตรฐานมีเพียงไมกี่สํานัก ตอนนั้นสามขุนเขาและ
สี่สํานักเตาสูงสงสุด แตที่เหลืออีกรอยกวาสํานัก บรรพบุรุษก็ยังเมตตา ใหสามารถหลุด
พนแบบปุถุชนได! จนกระทั่งเมื่อรอยปกอน องคเหวินตี้มีพระกรุณา เห็นวาสามขุนเขาสี่
สํานักแมมีมาตรฐานสูง แตก็ไมควรลืมอีกรอยกวาสํานัก จึงเพิ่มปจจัยสนับสนุนให ทําให
มีสิบสํานักใหญเชนทุกวันนี้!”
คืนสงทายปเกา มอไปมาถึง มือหนึ่งถือศีรษะปรมาจารย มือหนึ่งกุมกระบี่ ยืนอยู
หนาศิษยสํานักใบไผทุกคน พลางเลาประวัติความเปนมาของสิบสํานักใหญใหฟง
ศิษยรุนใหมแมฟงไมออกวาเขาหมายความวาอะไร แตก็ไมมีใครกลาหายใจดัง
แตเหลาปรมาจารยตางตื่นตระหนก โกรธแคน พลุงพลาน หลากหลายอารมณ
ปนเปซับซอน ฉางคุนมีสีหนาไมสูดีเปนอยางยิ่ง เพราะเขาฟงออก
“ที่สามขุนเขาสี่สํานักไดรับความเคารพนับถือจากประชาชนก็ดวยชื่อเสียงที่มีมาแต
เกากอน และที่โดดเดนขึ้นมาก็เพราะมีราชสํานักคอยสนับสนุนค้ําจุน จึงมีชื่อเสียงมาได
จนทุกวันนี้ สวนสิบสํานักใหญ แรกเริ่มไมมีชื่อเสียง ไมมีผลงาน ไมมีแรงกําลัง ลวนตอง
พึ่งพาบรรพบุรุษขาเมตตา ถึงมีวันนี้ได!”
พูดถึงตรงนี้ คิ้วมอไปก็ขมวดเขาหากัน ยกกระบี่ในมือขึ้นชี้ทุกคน
“บรรพบุรุษขาขุนพวกเจาจนอวนพี ภาพลักษณที่มีปรมาจารยนับสิบ มีลูกศิษยเต็ม
สํานักในวันนี้ นึกวาปกกลาขาแข็งแลวหรือ? อาศัยคนอยางพวกเจากับสุนัขปาที่เลี้ยงไม
เชื่องกลุมหนึ่ง ยังกลาอกตัญูตออองอยางขาหรือ?”
ตอน 287 ไมเวนแมสนุ ขั
ลบหลู!
อยางไมตองสงสัย ทั้งโทนเสียงและทาทีของมอไป ลวนมิไดมองผูสูงสงซึ่งไดรบั การ
ยกยองอยางพวกเขาอยูในสายตา หรือเห็นพวกเขาเปนเหมือนอากาศธาตุ
แนนอนวาเปนการยากที่จะทําใหกลุมคนเหลานี้ยอมรับได เพราะพวกเขาถือวา
ตนเองสูงสง อยูเหนือสามโลก และเปนนักพรตที่ไมไดอยูภ ายใตกฎหมาย
หรือแมแตศิษยของพวกเขาเองไดยินแลวก็ยังรูสึกบาดแกวหูสุดจะเปรียบ
ในคําพูดของหมิงออง ผูที่เห็นคนธรรมดาเปนมดปลวกอยางพวกเขา เปนไดก็แค
เพียงสุนัขปากลุมหนึ่งที่ราชสํานักเลี้ยงไว หรือไมก็เปนสุนัขปาตาขาวที่เลี้ยงไมเชื่องกลุม
หนึ่ง
หากเปลี่ยนเปนคนคนหนึ่งกลาลบหลูพวกเขาในสํานักของพวกเขาๆ ตองโกรธจนใช
กระบี่ฟาดฟนคนอวดดีที่รนหาที่ใหกลายเปนเถาทุลีอยางไมตองสงสัย
แตขณะนี้เวลานี้ ศิษยทุกคนของสํานักใบไผ ไดแตมองดูผูที่ยืนอยูอยางโดดเดี่ยว
ตรงหนาพวกเขา สายตาเย็นชาของมอไป ทําใหไมมีผูใดกลากระทําการบุมบาม กระทั่ง
สงเสียงตอบโต
แมพวกเขาหยิ่งยโสเพียงใด ตอนนี้ก็ไดแตกมศีรษะ
เพราะแมวาพวกเขามองคนธรรมดาเปนมดปลวก แตหมิงอองกลับมีคุณสมบัติจะ
มองพวกเขาเปนมดปลวกอยางแทจริงไดเชนกัน
ไมวาจะเปนความสําเร็จทางโลกหรือทางเตา หมิงอองมอไป ผูซึ่งหิ้วศีรษะผูคุมกฎ
ของพวกเขายืนอยูตรงหนา แตพวกเขาไมมีทางเทียบเคียงหรือเสมอเหมือน ทําไดแต
แหงนหนามอง
นาทีนี้ คําลบหลูของมอไป ทําใหพวกเขาทั้งเศราและไมพอใจก็จริง แตความรูสึกไม
ปลอดภัยและหวาดกลัวมีมากกวา ซึ่งยังไมรูวา คืนนี้จะเปนเชนไร
พวกเขาขมใจไมใหเตน ไมกลาหายใจแรง ไมกลาขยับ ไดแตรอใหปรมาจารยเจา
สํานักที่พวกเขาพึ่งพาไดเปนผูตอบ
ซึ่งคําลบหลูนี้ ศิษยทั่วไปยอมไมกลาโตตอบ แลวเหลาผูอาวุโสเลา?
พอมอไปพูดจบ พวกเขารวมทั้งเจาสํานักฉางคุน ลวนมีสีหนาไมสูดีจนนาตกใจ
พวกเขาไมสามารถยอมรับอยางเงียบเสียงเชนนี้ แมแตปรมาจารยชั้นสูงของสํานัก
ซึ่งอยูในทีน่ ี้ดวย ก็ยังอดรนทนไมไหว
ยิ่งอยูตอหนาผูอาวุโสมากมาย หากพวกเขายอมรับความอัปยศอดสูนี้ เมื่อขาวแพร
ออกไป คนในสํานักยังจะมีหนาอยูในสังคมไดอยางไร?
ปง! เกือบจะนาทีเดียวกับที่หมิงอองพูดจบ เจาสํานักใบไผฉางคุนระเบิดพลังตลอด
ทั้งราง กาวออกมาขางหนาหนึ่งกาว
เหมือนมีแสงแลบแปลบปลาบ เขาจองมอไปเขม็งดวยดวงตาที่มีประกายไฟปะทุ
และพรอมลุกโชนไดทุกขณะ
รวมทั้งรังสีฆาฟนอันลึกล้ําที่อยางไรก็ขมไวไมอยู เขาพูดดวยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว
อยางไรขอบเขต
“หมิงออง เจารูหรือไมวา เจา กําลังทําอะไรอยู?”
เจาสํานักหนึ่งในสิบสํานักใหญยอมมีพลังที่ไมธรรมดา!
เพียงกาวหนึ่งที่กาวออก ก็คลายมีโลหิตพุงขึ้นสูทองฟา ทําใหอากาศรอบดาน
ผิดปกติ เปลวไฟในตะเกียงที่ไกลออกไปพลันวูบไหว และเหมือนจะดับไดทุกเมื่อ
เขาไมสนใจเรื่องทีม่ อไปพูดวาสิบสํานักใหญถือกําเนิดขึ้นไดอยางไร และไมตอบ
เรื่องอกตัญู
ในเมื่อวันสงทายปเกา สํานักเขาถูกมอไปทําลาย และยังสังหารผูคุมกฎอาวุโสตอ
หนาอีก เทานี้ก็บงบอกไดอยางชัดเจนแลววา พูดไปก็ไรประโยชน!
เรื่องในวันนี้ไมสามารถจบลงดวยดี!
พูดตามตรง ถาตอนนี้ผูที่ยืนอยูตรงหนาฉางคุนมิใชมอไป เกรงวาฉางคุณคงระเบิด
พลังออกมาแตเนิ่นๆ และใชพลังที่มีทั้งหมดมวนมวลอากาศ บีบอัดศัตรูที่อยูตรงหนาให
แหลกเปนผุยผง
แตติดที่ผูอยูตรงหนาคือหมิงออง แมราชสํานักออนแออยางไร เมื่อวันนั้นยังมาไมถึง
สํานักใบไผก็ไมมีความกลาพอที่จะลงมือกับหมิงอองตอหนาสาธารณะชน
ดังนั้นแมในใจโกรธเกรี้ยวเพียงใด ก็ตองยับยั้งชั่งใจ
ใตทองฟายามราตรี นาทีที่ฉางคุนกาวออกมา มือที่กุมกระบี่มรกตของมอไป รูสึกได
ทันทีวามีพลังอันแข็งแกรงสายหนึ่งพุงเขาใส เขาหรี่ตามอง กระบี่ยาวในมือเรืองแสง
แสงนี้ฉางคุนเห็น ผูอาวุโสตางก็เห็น ทุกคนลวนมีสีหนาเหยเก
พลังปราณทั้งหมดของเจาสํานักปะทุออก แมกระบี่ในมือหมิงอองเรืองแสง แตก็
เปนเพียงเสี้ยวนาที
พวกเขาอดไมไดที่จะตื่นตระหนกกับพลังนี้ มอไปคอยๆ คลายสายตาที่หรี่ลง
ทามกลางสายตาผูคน มอไปจองมองฉางคุน กอนเปลงเสียง
“เจาไมยอมจํานนหรือ?”
ฉางคุนพลันประกบฝามือเขาหากัน ควบคุมพลังใหนิ่ง พูดขึ้นดวยน้ําเสียงปราศจาก
รังสีฆาฟน
“มอไป เพียงเพราะศิษยชนชั้นลางทรยศสํานักเตานางหนึ่ง เจาถึงกับกลาใชกระบี่
ทําลายสํานักขา กลาใชพลังปราณสังหารผูคุมกฎอาวุโส หรือเจาคิดจริงๆ วาสํานักขาจะ
ปลอยใหเจาเขนฆาเหมือนหมูเหมือนหมาไดงายๆ ผูแซฉางทนแลวทนเลา เจาคิดจริงๆ
หรือวาสํานักใบไผเราเกรงกลัวบารมีเจา?”
ความจริงเขาไมจําเปนตองพูดมาก รอจนเขาพูดจบ ขางกายเขาพลันมีปรมาจารย
ทานหนึ่ง กระทําเหมือนเขา กาวออกมาขางหนาหนึ่งกาว ระเบิดพลังปราณทั่วราง จอง
มองมอไปพลางตะโกนกอง
“ขมเหงกันเกินไปแลว สํานักใบไผขาพิชิตศึกเหนือใต ตอสูเพื่อบานเมืองมาแตสมัย
องคเซิ่งอู เปนสํานักเตาสํานักหนึ่งที่มีผลงานอุทิศตนเพื่อชาติ วันนี้กลับถูกเจาทําลาย ผู
อาวุโสถูกเจาสังหาร คิดจริงๆ หรือวาสํานักใบไผเปนที่ที่เจาสามารถสําแดงฤทธิ์เดชได?”
ปง! พูดจบก็พุงพลังปราณตลอดทั้งรางเขาใสมอไป
“ถือวาบําเพ็ญเพียรในขั้นสูงไดก็กระทําการบุมบามไดรึ หารูไม เมื่อพูดถึงการ
บําเพ็ญเพียรแลว สํานักใบไผเรากลัวที่ไหน?” อีกทานพูดขึ้น
“สํานักใบไผเราเปนหนึ่งในสิบสํานักใหญ ขนาดทานจอมยุทธมาเอง ก็ยังตองปฏิบัติ
กับเราอยางสุภาพนอบนอม เจากลาโอหังเชนนี้ เคยคิดถึงผลที่ตามมาหรือไม?” อีกทาน
หนึ่งพูด
ปรมาจารยกาวออกมาทีละทาน ตางพุงพลังปราณอันหนาวเหน็บเขาใสมอไป
ไมนานนัก ปรมาจารยทั้งสิบทานก็เขามายืนเคียงขางฉางคุน ทําใหเกิดพลังปราณ
ขนาดมหึมาบีบอัดอยูกลางอากาศ กระทั่งศิษยที่อยูดานหลังพวกเขาก็หนาซีดตั้งแตแรก
ถอยหลังแลวถอยหลังอีก ดวยรับผลพวงจากแรงบีบอัดไมไหว รวมทั้งเปลวไฟในตะเกียง
ที่ประตูทางเขา ก็ถูกแรงบีบอัดสะทานฟาทําใหดับไปแตแรกแลว
ทวาตอนนี้ ทุกคนตางเห็นรางมอไปชัดเจน เนื่องจากกระบี่ในมือมอไปสวางขึ้น แต
มิไดเปนแสงเรืองๆ อีก กลับเปนแสงสีเขียวแดงที่เจิดจาสวางไสว
ทุกคนตางจองมองรางที่ยังกุมกระบี่ยืนนิ่ง เผชิญหนากับเหลาปรมาจารย
มอไปไมใชคนรูปรางสูงใหญ เมื่อยืนอยูหนาปรมาจารยทั้งสิบจึงดูเล็กลงไปถนัดตา
ทวาเขายังคงไมถอย
สวนเฮอจวินเสียนที่อยูดานหลังปรมาจารยรวมกับกลุมศิษย ถอยไปแลวกวาสิบกาว
ขณะมองจากระยะไกล เห็นมอไปกุมกระบี่เปลงแสงคมวาวอยางไมขยับเขยื้อน ดวงตา
เขาก็หมนหมองลง
แมหยิ่งทะนงในตนเองสักเพียงใด นาทีนี้ ขนาดเขาพยายามตานผลพวงจากพลัง
ปราณก็ยังตองถอยหลังรวมสิบกาว แตมอไปกลับยืนเผชิญหนาไดอยางไมกลัวเกรง...
ตางกันมาก...ไมสิ...เทียบกันไมไดดวยซ้ํา!
ตุบ!
ตุบ! ตุบ!
แตแลว พลันไดยินเสียงทึบตันดังขึ้นหนึ่งครั้ง กอนดังตามมาอีกสองครั้ง
เฮอจวินเสียนที่กําลังขวัญกระเจิงพลันตาสวาง ถลึงมองตาไมกะพริบ พยายามมองสี
หนาผูกุมกระบี่ และเมื่อมองทะลุแสงพรางพราวได ก็เห็นใบหนาที่ดูสบายๆ มาตลอด
ของมอไปปรากฎความซีดขาวขึ้น นี่ทําใหเขารูสึกดีอยูบาง แตก็เปนเพียงชั่วครูเทานั้น
เพราะนอกจากสีหนาที่ซีดขาวแลว เขายังเห็นแววตาที่เยือกเย็นและคมกริบยิ่ง
ถอยแลว!
ในที่สุด มอไปก็ถอยจนได! ถอยไปสามกาว!
แนนอนวาความหยิ่งยโสเชนนี้ของสํานักใบไผ แมจอมยุทธมาเอง เมื่อตองเผชิญกับ
สิบปรมาจารยที่ปลอยพลังปราณออกพรอมๆ กัน ก็ตองถอย
ในโลกนี้ ไมมีใครสามารถตานทานปรมาจารยมากมายเหลานี้ไดโดยลําพัง!
แมเปนเพียงการปะทะกันของพลังปราณ มิใชการตอสูเอาชีวิตจริงจัง แตสําหรับ
ปรมาจารยแลว การปะทะพลังปราณถือเปนการตอสูอยางหนึ่ง
เมื่อเห็นมอไปถอยไปแคสามกาว แตกลับยืนไดอยางมั่นคงกวาเดิม ฉางคุนก็รูสึกตกใจยิ่ง
และไมเพียงเขาคนเดียว ปรมาจารยทั้งหมดของสํานักใบไผตางก็รูสึกตื่นตระหนก!
“เปนพลังที่นากลัวมาก อายุแคยี่สิบกวาเอง...”
มีคนหันมาสบตากัน มีคนมองไปที่เจาสํานัก
ฉางคุนกําหมัดแนน ในแสงสวางจา เขากะพริบตาไมหยุด รังสีอยางหนึ่งเริ่มกอตัว
ขึ้นในราง
รังสีฆาฟน!
ไมผิด ความตองการฆากอใหเกิดรังสีฆาฟน!
เห็นชัดวา เขากลัวแลว นาทีนี้เขาคิดฆาคนจริงๆ
ไมเพียงแตเขา ดวงตาผูอาวุโสสํานักใบไผหลายคนเริ่มสอแววชั่วราย กอนหนานี้
พวกเขาคิดเพียงจับเปนมอไป โดยไมตองการฆา พวกเขาไมมีความกลาพอที่จะลงมือฆา
องคชายตอหนาผูคนในเวลาเชนนี้
พวกเขาเพียงตองการจับตัว แลวสงใหราชสํานักเพื่อกูศักดิ์ศรีคืนกลับ ขณะเดียวกัน
ก็คิดรวมมือกับสํานักเตาตางๆ บีบใหราชสํานักประหารมอไป!
จุดนี้ พวกเขาเชื่อวาสามารถทําได!
แตตอนนี้พลังเชนนี้ของมอไปทําใหพวกเขาเริ่มหวาดหวั่น ถามอไปไมตาย เกรงวา
อีกไมกี่ปขางหนา พวกเขาตองหวาดกลัวจนยากจินตนาการ ดวยจะกลายเปนศัตรูที่มี
ความแคนอยางใหญหลวง ศัตรูที่ตองวัดกันดวยความเปนความตาย...
แตสุดทาย ความคิดที่แทรกเขามาจําตองตกไป อยางไรก็ตาม พวกเขาไมสามารถลง
มือคราชีวิตมอไปได
แตขณะที่พวกเขากําลังขมใจสังหาร มอไปกลับตัดสินใจ หายใจเขาลึกๆ สงเสียงที่
ทั้งใสทั้งเย็นชาออก
“พวกเจาแข็งแกรงจริง...แต..แลวอยางไร?”
พูดจบ ก็กาวไปยังประตูทางเขาสํานักทีละกาว ตลอดทั้งรางเปยมดวยพลังปราณที่
ยังไมปลอยออก แตแลวจูๆ เขาก็ทะยานตัวขึ้นฟา เปลงเสียงออกรอบทิศ
“จากนี้อีกครึ่งชั่วยาม สํานักใบไผจะถูกลบชื่อออก สวรรคยังมีคุณธรรม ขาไมอยาก
สังหารผูบริสุทธิ์ จึงใหอภัยเปนพิเศษกับอาจารยและศิษยในสํานัก ใหสลายตัวกันไปกอน
ฟาสาง จากนี้อีกครึ่งชั่วยาม สํานักจะนองไปดวยโลหิต ไมเวนแมสุนัข!”
ครึ่งชั่วยาม!
ไมเวนแมสุนัข!
เปรี้ยง!
อยาวาแตศิษยธรรมดารูสึกตะขิดตะขวงใจ แมแตปรมาจารยและเจาสํานัก พลัน
หนาเปลี่ยนสี แตละคนแววตาดั่งอสุนีบาต อยากฆาคนเปนอยางยิ่ง!
ทุกคนมองตามแผนหลังที่คอยๆ เดินจากไปของมอไป พลางตัวสั่นงันงก สุดทาย
พวกเขาก็หันมามองเจาสํานักที่มีแววตาเย็นชา
“ทานเจาสํานัก...”
ฉางคุนจองแผนหลังมอไปเขม็ง พลางตวาดเสียงสูง “เจาโอหังเกินไป!”
ไมจําเปนตองปกปดอีก ถึงขั้นไมตายไมเลิกราแลว!
มอไปไมพดู ไมตอบ
“เจากําลังบีบใหขาฆาเจา!” ฉางคุนพูดตอ
หลังคําพูดเขา คนในสํานักทั้งหมดพลันรูสึกตกใจ
มอไปยังคงเดินไปที่ประตูโดยหันหลังใหเขา พลางสงเสียงตอบ
“หากขามีจิตเมตตา วันนี้คงไมมา แตถาเจาตองการดึงคนวัยเยาวเหลานี้ใหตกตาย
ไปพรอมกับเจาแลวละก็ ขาก็ชวยไมได!”
เฮอจวินเสียนพลันกาวออกมา สงเสียงดังกอง
“อยามายุใหเราแตกแยก พวกเราลวนซาบซึ้งในบุญคุณสํานัก ตองรวมเปนรวมตาย
กับสํานักอยูแลว!”
“ศิษยพี่พูดไมผิด ถาเจาฆาไมเลี้ยง เจาก็คือมาร แตขาเปนคนสํานักเตาแทๆ ไฉนจะ
หลงกลเจา หากตองตายดวยกระบี่ของเจา ขาก็ไมเสียดาย!”
“จอมมาร เปนหมิงอองเสียเปลา แทนที่จะสนับสนุนสํานักเตา กลับมาฆาผูมี
คุณธรรมสูงสง ปกปองชาวประชาอยางปรมาจารยสํานักเตา การกระทําเชนนี้ ทั้งคน
และเซียนตองไมพอใจแน...”
“อาจารยขา ผูคุมกฎอาวุโสที่เปนดั่งวีรบุรุษ กลับตองมาตายใตคมกระบี่เจาไปอยาง
สูญเปลา แมขาบําเพ็ญเพียรไดไมเทาเจา ก็ไมขออยูรวมโลกกับเจาอยางเด็ดขาด!”
ไมวาเวลาใด ยอมตองมีคนชาญฉลาดกาวออกมาเสมอ!
ศิษยสํานักใบไผอาจมีผูที่รูสึกหวาดหวั่นจริง แตสวนใหญ โดยเฉพาะศิษยที่มีสถานะ
โดดเดน พวกเขาลึกซึ้งดีวาไมมีใครสามารถบุกเดี่ยวลางบางสํานักใบไผได ถาไมรีบเอย
ปากสรางความดีความชอบเสียแตตอนนี้ แลวจะรอใหถึงเมื่อไหรเลา?
หรือบางคนมีความสามารถ แตไมอยากอยูรวมยุคสมัยเดียวกันกับคนอยางมอไป
พอเห็นวามอไปใกลตายเต็มที ก็รูสึกกระตือรือรน!
สิ้นเสียงดังของพวกเขา สํานักใบไผคอยสงบเงียบลง ไมมีสักคนที่คิดจากไป
“เฮอ!”
มอไประบายลมหายใจเบาๆ ออกจากปาก แหงนหนามองทองฟา รูสึกวาคืนนี้อาจ
ตองทําการสังหารหมูเขาแลวจริงๆ
ทวา สถานการณบานเมืองเชนนี้ ทุกวันลวนมีคนตาย!
คนธรรมดาตายได ไฉนพวกเขาจึงตายไมได?
“ทําลายสํานักขา สังหารผูอาวุโสขา สํานักใบไผไหนเลยจะอนุญาตใหเจาเขาออก
ตามใจ ผูอาวุโสทุกทานจงฟง รวมกับขา จับคนผูนี้ใหได!”
และตอนนี้เองที่ดานหลังฉางคุนพลันมีเสียงรองตะโกนดัง ตามดวยเสียงลมพัดที่
หนาวเย็นเขากระดูก!
มอไปชะงักฝเทา แววตาเย็นชา มือยกกระบี่!
ตอน 288 ตอสู
กอนหนานี้ในวิหาร ผูอาวุโสสํานักใบไผเคยแสดงทาทีเหยียดหยามมอไปจากขาวที่
ไดยินมา
ตอนนี้พอไดยินคําสั่งของฉางคุน พวกเขาจึงไมรรี อ ระเบิดพลังปราณทันที ตลอดทั้ง
รางเปลงรัศมีแสงพรางพราว พรอมอาวุธในมือ พุงเขาใสมอไป
ถึงขั้นนี้แลว ไมมีคําวาตัวๆ หรือสําแดงทวงทาการตอสูอีกตอไป เห็นชัดวาพวกเขา
มิไดคํานึงถึงศักดิ์ศรีและหนาตาใดๆ ทั้งสิ้น
แมมีศิษยมากมายกําลังจองมองพวกเขาอยู แตพวกเขายังคงไมลังเลแมแตนอยใน
การใชยุทธวิธีสิบรุมหนึ่ง ผูอาวุโสนับสิบลอมจูโจมชายหนุมอายุยี่สิบกวาๆ เพียงคนเดียว
ปรมาจารยนับสิบทุมพละกําลังเต็มที่ โดยแมแตศิษยที่บําเพ็ญเพียรมานานหลายปก็
ยังไมเคยเห็นเหตุการณเชนนี้มากอน อากาศรอบกายคลายถูกปกคลุมดวยพลังอันนา
กลัวในชั่วพริบตาอยางเห็นไดชัด
แมพวกเขาอยูหางไกลไปรอยกวากาว ก็ยังรูสึกเหมือนตกอยูในหลมโคลน โลหิต
ตลอดทั้งรางเหมือนถูกแชแข็ง!
“อากกก!” ศิษยนองใหมบางคนทนไมไหว พนโลหิตสดๆ ออกมา ตาเหลือก กอน
ลมตัวลง!
“อึก!” อีกหลายคนแคนเสียง สีหนาซีดขาวสุดจะเปรียบ รูสึกหวาดกลัวแตก็ยังยืน
นิ่งจองมองขางหนา
เห็นชัดวา ปรมาจารยผูอาวุโสตางกลัวมอไปจนเกินเหตุ พอลงมือก็ใสพละกําลังลง
ไปทั้งหมด กระทั่งไมสนใจวาศิษยที่อยูดานหลังจะไดรับบาดเจ็บจากผลพวงของพลัง
ปราณอันคลุมคลั่งแตอยางใด คิดแตตองเผด็จศึกใหไดในคราวเดียว
แตกระนั้นก็ตาม เหลาศิษยสํานักใบไผก็ไมมีใครถือโทษโกรธผูอาวุโสเหลานี้ ตรงกัน
ขาม หลายคนแมตื่นตระหนก แตไมเพียงไมบน ยังรูสึกภาคภูมิใจเปนอยางยิ่ง
รูสึกวาเหลาปรมาจารยและศิษยพี่มีพละกําลังที่แข็งแกรงอะไรปานนี้ มีพลังปราณที่
แข็งกลาอะไรปานนี้ แลวจะไมใหศิษยสํานักใบไผอยางพวกเขากระตือรือรนไดอยางไร
โดยเฉพาะกลุมคนรุนใหมที่โดดเดนอยางเฮอจวินเสียน ตางก็สั่นสะทานไปทั้งราง
แตละคนพยายามอดทนตอรัศมีพลังอันเกรี้ยวกราดและบาคลั่ง ขณะเดียวกันก็จอง
มองไปยังมอไปที่ถูกสิบปรมาจารยรุมจูโจมอยางไมวางตา
“หนีไมพน ตองหนีไมพนแน ตานไมอยู ไมสามารถตานได!”
เฮอจวินเสียนมือกุมกระบี่ รางโอนเอนไปขางหนา ริมฝปากขยับขึ้นลงไมหยุด
ดวงตาทอประกายตื่นเตนอยางถึงที่สุด!
เขามิไดกลาวเท็จ ไมเพียงแตเขา ผูที่กําลังพุงเขาจูโจมมอไป พรอมพลังขนาดมหึมา
อยางฉางคุนก็คิดเชนเดียวกัน
ฉางคุนลงมือกอน นาทีที่เขาใกลมอไป ดวงตาเขาฉายแววชั่วราย รางที่ลอยอยูกลาง
อากาศพลันยกฝามือ
เหล็กรัศมีแดงเพลิงที่กําลังเดือดพลานทั้งสองขางขึ้น กอนใชพละกําลังอันแข็งแกรง
ฟาดเขาใสแขนขวาที่กุมกระบี่ของมอไป!
ซึ่งปกติแลว วิชาฝามือเหล็กของเจาสํานักใบไผฉางคุน มีกิตติศัพทวา ผูใดสามารถ
เห็นฝามือของเขาดวยตาตนเองแลวละก็ ตองรูสึกหนาวสั่นจนถึงขั้วหัวใจ
อีกทั้งชื่อเสียงที่ฉางคุนไดมาก็มิใชเรื่องลอเลน ถาฝามือนี้ฟาดถูกแขนขวาของมอไป
จริง มอไปตองพิการอยางไมตองสงสัย และการบําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิตก็เทากับสูญเปลา
ฉางคุนเร็วมาก จนถึงเวลานี้แลวมอไปก็ยังไมหันกายมา ทวาเขาบําเพ็ญเพียรถึงขั้น
นี้แลว จําเปนดวยหรือที่ตองใชตามอง?
เพียงรูสึกไดถึงพลังคุกคามอยางรุนแรงที่พุงเขาใกล และประเมินระดับความเกรี้ยว
กราดของพลังได
นาทีนี้การตอบโตที่เหมาะสมที่สุด มิใชการหันกาย แตเปนการเบี่ยงตัวหลบอยางรวดเร็ว
แตประหนึ่งสายฟาที่เร็วจนอุดหูไมทัน มอไปกลับหันกายมา จนขางหูรูสึกไดถึง
ความรอนที่เกิดจากการแผดเผา ดวงตาทั้งสองของเขายังคงเยือกเย็นและสงบนิ่ง ยกมือ
ที่กุมกระบี่ขึ้น แตกลับมิไดพุงใสฉางคุน และเหมือนไมรูวาแขนที่จับกระบี่ของตนกําลัง
จะถูกจูโจมอยางนากลัว เขาวาดกระบี่ออกรอยแปดสิบองศา กอนแทงเขาดานขางอยาง
รวดเร็วปานสายฟาแลบ
“อากกก!” รางที่ถูกกระบี่แทงสงเสียงรอง
ปรมาจารยนับสิบลงมือพรอมกัน โลหิตพุงกระจายเปนครั้งแรก
โลหิตทั้งอุนและสด พุงจากดานขาง ใสหูและเสนผมมอไป ทําใหฝามือเหล็กสีแดง
เพลิงทั้งสองขางของฉางคุนกลายเปนสีแดงเขม
แววตาฉางคุนบงบอกวาเหลือเชื่อ จึงชะงักฝามือโดยไมรตู ัว!
รางผูเยี่ยมยุทธของสํานักใบไผที่กําลังพุงเขามา ตางชะงักรัศมีแสงโดยพลันเชนกัน
นาทีนี้ เหมือนเวลาหยุดลงกะทันหัน
ตั้งแตเสียงรองโหยหวนดังขึ้นจากดานขาง ตอดวยเสียงตะโกนจากรัศมีแสงจาที่พุง
เขามา ทุกอยางก็คืนสูปกติ
“ศิษยพี่...หมิงออง ขาจะฆาเจา!”
สีหนามอไปยังเหมือนเดิม ยังคงเยือกเย็น เขาไมไดมองรางดานขางที่ถูกกระบี่ในมือ
แทงดวยซ้ํา สายตาจองมองแตฉางคุน
เมื่อเห็นสีหนาฉางคุนเปลี่ยนจากชั่วรายเปนตกใจในพริบตา อีกในดวงตาปรากฎรังสี
ฆาฟนปะทุขึ้นอยางโกรธแคน โกรธแคนจนถึงขั้นที่ทําใหคนเห็นแลวตองหนาวสั่น
“ยากกก!” ภายใตเสียงคําราม ฝามือเหล็กทั้งสองขางของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรง
แสงสีแดงโลหิตสวางจาบาดตากลุมปรมาจารยที่อยูรอบๆ
เขาระเบิดอารมณโกรธ เพราะถูกทํารายจิตใจ!
เขาคือใคร ฉางคุน!
เจาสํานักใบไผ ที่กระทั่งจอมยุทธยังตองสุภาพออนนอมให วันนี้กลับตองทุมเท
พละกําลังทั้งหมดเพื่อตอกรกับหนุมนอยอายุยี่สิบกวาที่ไมเห็นเขาอยูในสายตา
ภายใตการจูโจมอยางนากลัวของเขา มอไปไมเพียงไมตานทาน กลับกระทําการที่ไม
มีทางเปนไปได สังหารปรมาจารยชื่อดังของสํานักใบไผทานหนึ่งอยางงายดายในกระบี่
เดียว!
ดวงตาฉางคุนแดงไปหมด นึกถึงสายตามอไปที่ยังคงเยือกเย็นและจองมองเขาอยาง
เย็นชา ก็รูสึกวาถูกเยยหยันอยางถึงที่สุด!
“ยากกก!” ฉางคุนตะโกนเสียงดัง
ความโกรธแคนสุดจะเปรียบทําใหเขาคลั่ง ฝามือเหล็กที่ใกลถึงหัวไหลมอไปเต็มที
พลันชะงักอีกครั้ง รัศมีแสงสีแดงโลหิตสวางวาบ พรอมพลังอันนากลัวและชั่วรายสุด
ประมาณ ถูกเงื้อขึ้นสูงอีกหนึ่งนิ้ว กอนฟาดลงอยางหนักหนวง
ฝามือนี้มอไปแทบจะหมดหนทางตอบโต กระบี่ของเขายังติดอยูในรางไรลมหายใจ
ชักกลับไมทัน
แตขณะฉางคุนมาถึงตรงหนานั้น มอไปกลับกระทําสิ่งที่ไมคาดฝนขึ้นอีกครั้ง รางที่
นิ่งอยูในทาเดิมพลันขยับ ไมผิด มอไปขยับแตไมถอย มือขวากุมกระบี่ที่คาอยู มือซายจึง
ถูกยกขึ้น เชนเดียวกับฝามือที่ฉางคุนจูโจมมา ฝามือมอไปนาบเขาที่ทรวงอกฉางคุนใน
พริบตา
“อะไร?”
ดวงตาฉางคุนแทบถลนออกจากเบา แววตาชั่วรายหายไป มิใชหวาดกลัว แตไม
เขาใจเปนอยางยิ่ง จองมองใบหนาอันสงบนิ่งของมอไป ตอนนี้ในใจเขามีเพียงประโยค
เดียว
“บาไปแลว เขาบาไปแลวรึ?”
ตองทราบวา ถามอไปถูกฝามือของตนฟาด ตองบาดเจ็บชนิดสูญเสียพรสวรรคอัน
นาทึ่งอยางแนนอน
อยาวาแตการใชฝามือแลกฝามือเชนนี้ของมอไปยังไมสามารถสังหารตนไดอีก หรือ
ถาสามารถ ดานขางก็ยังมีกลุมปรมาจารยจูโจมเขาใส ผูบาดเจ็บอยางเขาจะตานทานได
อยางไร?
ถูกตอง ขอนี้เขาคิดวา เปนไปไมได
ถาไมบาแลวจะใหเรียกวาอะไร ดูจากอนาคตที่สดใสและพรสวรรคของมอไป ก็ไม
นาจะทําอะไรที่โงเขลาเชนนี้ ยอมบาดเจ็บจากฝามือเขา?
ประหลาด เขามองดูแววตาที่ไมหวั่นไหวแมแตนอยของมอไป อดใจสั่นไมได ถา
เปลี่ยนเปนเขา ยอมทํารายตนเองเชนนี้ไมไดแน
แตสถานการณตอนนี้ไมอนุญาตใหเขาถอยกลับ กระทั่งไมอนุญาตใหคิดมาก พลัง
ปราณที่ถูกปลอยออกยอมถอยกลับไมได หรือถาทําได เขาก็ไมสามารถถอย!
“คิดวาขาจะกลัวฝามือเจา ยอมละทิ้ง ไมจูโจมอยางนั้นหรือ? ฝนไปเถิด!”
เขารูสึกวาตนเองโหดรายก็จริง แตศัตรูที่นากลัวเชนนี้ จําตองทําใหพิการ ไมควร
ออมมือแตอยางใด!
ถามิใชเพราะยังมีเหตุผลอยูบาง เขาตองลงมือสังหารมอไปอยางไมลังเลแมแตนอยแลว
ภายใตแววตาอันโหดราย เขาขยับรางเล็กนอย หลบฝามือที่มอไปจูโจมใสทรวงอก
กอนตะโกนเสียงกองอีกครั้ง ฝามือเหล็กถูกลดระดับลงอยางฉับพลัน กอนจูโจมใสทรวง
อกมอไปอยางแรงเสียงดัง ปง!
ขณะเดียวกัน ปรมาจารยนับสิบก็รวมพลังพุงเขามา
พลังปราณอันคลุมคลั่ง กระจายไปรอบๆ จุดที่มอไปยืนอยู ฝุนดินฟุงกระจายขึ้นสู
ทองฟา เสนผมมอไป
ปลิวสยาย!
ภายใตการจูโจมอันนากลัว มอไปที่ไมเคยสงเสียงดังใดๆ ดวงตาซึ่งแบงแยกดําขาว
ชัดเจนพลันเปลงแสงสีทองออก กอนกระจายจนเต็มใบหนา เสนผมปลิวสยายพรอม
สะทอนแสงสีเงินเจิดจา
พริบตาที่กําลังตานทานพลังอันนากลัวสุดจะเปรียบอยูนั้น เขาของเขาก็ยอลง
เหมือนฐานอันมั่นคงของตนไมเกาแก ตลอดทั้งรางเปลงแสงสีทอง ธาตุทองที่ยังไมเปน
รูปรางพลันระเบิดออก ปกคลุมตลอดทั้งรางของเขา!
ฝามือที่จูโจมใสฉางคุนพลันเปลี่ยนเปนกรงเล็บ พรอมระเบิดเสียงคํารามดุจพยัคฆ
ดังกองฟา
“โฮกกก...”
นาทีนี้ ไมเพียงฉางคุนที่กําลังเผชิญหนาอยู และไมเพียงเหลาปรมาจารยที่ทุมเท
พลังพุงเขามา แมแตศิษยที่อยูหางออกไป ก็ลวนแลวแตนิ่งงัน เบิ่งตามองฉากที่ราวกับ
ระเบิดมิติ กอนพยัคฆรายจากปาดึกดําบรรพซึ่งทะยานไดไกลเกาหมื่นลี้จะหลุดออกมา
ปรากฎอยูเหนือศีรษะฉางคุน คํารามเสียงกองแลวเหยียบฉางคุนไว
“ไม...”
นาทีนี้ ใบหนาอันแดงก่ําของฉางคุนเหมือนซีดขาวในทันที เขาหันมองทองฟา แสดง
ความหวาดกลัวชนิดขวัญหนีดีฝอออกมาทางแววตาใหเห็นเปนครั้งแรก เบิ่งตามอง
พยัคฆราย กอนทําใจใหสงบ!
ปง!
ปง!
ม!
เขียว แดง ขาว ทอง...
การจูโจมอยางสะเทือนเลือนลั่นไดสองสวางทองฟาสํานักใบไผ
แมแตเมืองเล็กๆ ที่อยูไกลหางออกไปก็ยังรูสึกไดถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดิน!
“บานไหนจุดประทัดยักษเนี่ย...”
คนกําลังนอนหลับถูกทําใหตกใจตื่น จึงสายหนาพลางบนเสียงเบา แลวหันไปกลอม
ลูกนอยที่ตกใจจนรองไหใหนอนหลับตอ
ยังดีที่อยูในชวงปใหม
ทวาสําหรับภายในสํานักใบไผแลว กลับเงียบงันราวปาชา
แสงสวางอันเจิดจานั่นดับไปนานแลว
เสียงที่นากลัวนั่นก็หายไปอยางไรรองรอย
ฝุนละอองลอยเอื่อยอยูในอากาศสะทอนใหเห็นศิษยแตละคนที่ไดรับผลกระทบใน
วงกวาง จากการถูกพลังจูโจมจนรางปลิวเกลื่อนกอนรวงลงสูพื้นดิน ขณะที่บางรางกําลัง
สั่นอยางหวาดกลัว
เฮอจวินเสียนใชฝามือยันรางใหพลิกกลับ อดทนตออาการไอและหูอ้อื ตาลาย
พยายามลุกขึ้นยืน ใชมือจับทรวงอกขณะมองดูที่เกิดเหตุ นาทีตอมา เขากลับสติแตกเขา
ออน นั่งลงไปอีก แววตาเลื่อนลอย
ปรมาจารยนับสิบรวมตัวกันอีกครั้ง ในมือถือกระบี่ ยกขึ้นตั้ง
แตไมวาพวกเขาจะพยายามควบคุมจิตใจอยางไร ก็ไมสามารถหยุดยั้งความรูสึก
สยองพองขนได
แนวกําแพงปาไผเสียหายยับเยิน ลมหนาวจึงจูโ จมเขา แมแตปรมาจารยก็ยังรูสึก
หนาวเหน็บไปทั้งตัว
“แคก แคก แคก...”
ทันใดนั้น เสียงไอต่ําๆ อยางเจ็บปวดก็ดังขึ้นทามกลางความเงียบที่ออยอิ่งอยูใน
อากาศ
“เจาสํานัก!”
“ศิษยพี่...”
เหลาปรมาจารยตางกุมกระบี่แลวกาวถอยหลังอยางระมัดระวัง น้ําเสียงเต็มไปดวย
ความเศราเสียใจ!
ตอน 289 ลบชื่อออกในทีส่ ุด
แขนขวาของฉางคุนมีโลหิตหยด เขานอนหนาซีดขาวอยูบนพื้น ปรมาจารยทานหนึ่ง
รีบเขาไปพยุง แลวนํายาเม็ดใหทาน
“ศิษยพี่เจาสํานัก ทาน...”
ใบหนาที่เคยแดงของเขาบัดนี้กลายเปนสีเทา เหลือเพียงแววตาโศกาอาดูร สะทอน
ความรูสึกซับซอนมากมาย เขาหายใจเขาออกหนักหนวง ทรวงอกสั่นไหวเปนระยะ ทํา
ใหโลหิตที่ไหลออกจากบาดแผลบนแขนขวามีสีแดงสดตลอดเวลา
“พยุง...พยุงขา...” พอฉางคุนพูด ก็มีโลหิตไหลออกจากปากและจมูก ทําใหเขาพูด
ไดไมมากนัก
“เจาสํานัก...” ปรมาจารยแตละทานพยายามขมอารมณตนเอง หลับตาไมพูดจา
ปรมาจารยทานหนึ่งพลันแหงนหนาแลวตะโกนเสียงกอง
“สวรรคกลั่นแกลงขา สวรรคกลั่นแกลงขา...”
เฉินคุนสะดุง ยกมือซายขึ้น “ไม.....”
แต...ไมทนั แลว รางของปรมาจารยทานนั้นพุงไปขางหนาดุจธนูแหวกอากาศ ตรง
เขาหามอไปที่ยังคงยืนนิ่งอยูในระยะไกล เขาเก็บรัศมีแสงแลว และกระบี่ในมือขวายัง
เสียบคาอยูกับรางปรมาจารย
ปรมาจารยทานนี้ไมใชวรยุทธ ไมเปลงรัศมีแสง ใชเพียงพลังปราณอันแข็งแกรงพุง
เขาใส
มอไปยืนนิ่ง แววตาเขายังคงเย็นชาและเยือกเย็นดังเดิม มองดูปรมาจารยจูโจมเขา
มา เขายังคงไมขยับ ยืนรอการจูโจมจากคมกระบี่
เพียงพริบตาเดียว เพียงเสี้ยวนาที!
มีแคปรมาจารยไรชื่อเสียงเรียงนามทานนี้ ไมมีใครตามมาอีก กระบี่ของเขาแทงลง
บนรางของมอไป
แกรง! เสียงเหล็กกระทบทอง
ทรวงอกมอไปมีโลหิตซึมออก แตสีหนายังคงไมเปลี่ยน เขาจองมองเจาของกระบี่
อยางเย็นชา กระบี่ยาวที่แทงไมเขากําลังสั่นนอยๆ สีหนาปรมาจารยเต็มไปดวยความสิ้น
หวัง มอไปคอยๆ ยกมือขึ้น ดึงกระบี่ยาวออกจากรอยแทงที่ทรวงอกชาๆ
สรางความสิ้นหวังใหกับทุกคนที่ยืนมองเหตุการณอีกครั้ง
มอไปไมพดู จาใดๆ มือซายปลอยกระบี่ยาวลง
“สวรรคทําลายสํานักใบไผขา...”
ปรมาจารยที่จูโจมเขามามิไดลาถอย เขาปลอยกระบี่ลงกับพื้น พึมพําอีกครั้ง แลวจึง
หลับตาลง
“โปรดยั้งมือ...เขาไปชวยเร็ว...” ฉางคุนใชพลังที่มีอยู สงเสียงรองพรอมตาแดงระเรือ่
ปง!
แนนอนวาปรมาจารยนับสิบใหคําตอบเขาดวยการยืนนิ่งอยูกับที่ ไมมีใครเขาไปชวย
ทุกคนยืนมองฝามือที่เพิ่งสรางความตื่นตระหนกเมื่อครูทาบลงบนทรวงอกของ
ปรมาจารยผูจูโจมเขา
จากนั้น รางปรมาจารยก็ลอยละลิ่ว เขาหาเหลาเพื่อนปรมาจารย
ปรมาจารยทานหนึ่งทะยานเขารับราง กอนแผดเสียงรอง “ศิษยนองหลาน!”
ทวาไมมีเสียงตอบรับใดๆ ศิษยนองหลานเพียงมองดูทองฟาดวยแววตาสิ้นหวัง
โลหิตไหลออกจากมุมปาก พูดติดๆ ขัดๆ
“แพแลว แพแลว...เหตุใด เหตุใด...สํานักใบไผขา...ไมมี...จอมยุทธ...”
สิ้นลมหายใจ
ทุกคนกมหนาเงียบเสียง อาจกําลังกลั้นน้ําตา ขมความแคน ควบคุมความหวาดผวา
ยับยั้งความสิ้นหวัง กอนเงยหนาขึ้นมองผูซึ่งยืนนิ่งอยูขางหนา มอไป ผูกลาที่โคนไมลง
ฉางคุนออนแรงลงเรื่อยๆ เขานั่งโดยใชแขนซายยันพื้นและกําลังจองมองมอไป
เชนกัน เขาในตอนนี้ เหลือเพียงความเสียใจและความสิ้นหวัง กับความเหลือเชื่อติดอยู
ในใจ
“ไมนา ไมนา แมแต...จอมยุทธ ก็ทําไมได...”
มอไปที่ทุกคนจับตามองอยู เสื้อผาขาดกะรุงกะริ่ง บาดแผลหลายแหงบนรางบง
บอกวาเมื่อครูเขาไดเผชิญกับการจูโจมที่นากลัวเพียงใด
สีหนาเขาก็ซีดขาวเชนกัน ไมปรากฏรัศมีแสงใดๆ บนราง มีเพียงเสนผมที่ยังคงปลิว
สยายตามแรงลม กับความสงางามจากจิตวิญญาณสะทานปฐพีเมื่อครู!
พลังปราณปนปวนเล็กนอย หัวใจเตนแรง แตสีหนายังคงไมมีความหวาดกลัวแมแตนอย
คลายมองปรมาจารยนับสิบที่ไมไดรับบาดเจ็บใดๆ เหมือนอากาศธาตุเชนเดียวกับ
กอนหนานี้ แตในใจก็คิดวาสํานักใบไผมีพลังที่นากลัวจริงๆ ทั้งๆ ที่กอนเขาจะมา เขาได
ทําใจใหสงบดุจเขาไทซานแลว
เหลาปรมาจารยจองมองเขา เขาก็จองมองเหลาปรมาจารย ทั้งสองฝายตางนิ่งเงียบ
ดวยกําลังรอบทสรุปสุดทาย
ไมนาน มอไปเปนผูขยับกอน เขาคอยๆ ชักกระบี่ออกจากรางไรลมหายใจ จึงเพิ่ง
มองดูปรมาจารยทานแรกที่เสียชีวิตจากการรุมโรมรัน
ปรมาจารยผูมีแววตาโศกสลด ผูที่ยังไมทันไดสําแดงพลังปราณ ก็ตองมาตายใตคม
กระบี่ของมอไปอยางไมคาดคิด มอไปมองดูดวงตาที่ยังเปดอยูของเขา รูวาเขาตายตาไม
หลับ!
ไมเพียงมอไป คนอื่นๆ ก็กําลังมองและนึกถึงความเปนมาเปนไปของศิษยพี่เหลียน
ทานนี้
ตอนนั้นไมวาผูใดมาอยูในตําแหนงของศิษยพี่เหลียนก็ไมมีทางคาดคิดวา มอไปจะ
ไมหลบฝามือเหล็กของเจาสํานัก แตกลับใชกระบี่จูโจมใสผูที่มีพลังคุกคามนอยกวาอยาง
ศิษยพี่เหลียน
พวกเขารูสึกหนาวเหน็บลงเรื่อยๆ ศิษยพี่เหลียนตายอยางนาอนาถจริงๆ แต
ขณะเดียวกันก็สะทอนใหเห็นจิตวิญญาณและพลังปราณของมอไป
พวกเขามองดูมอไปอีกครั้ง โดยเฉพาะฉางคุน แววตาเขาคอยๆ หมองหมนลง ที่แท
มอไปมิไดบา เปนตนที่ไมรูความเอง!
เขา...
เขาไมกลัวฝามือเหล็กอันเลื่องชื่อของตนแมแตนอย ฝามือเหล็กที่ตนใชพิชิตปฐพี
ที่สุดแลวก็...ทําอะไรเขาไมได!
ฉางคุนหลับตา น้ําตาไหลออกจากหางตา
ปณิธานของเขาถูกจูโจมจนพังทลายลง
ไมใชเขาไมพยายาม แตเปนเพราะศัตรูแข็งแกรงเกินไป
มอไปชักกระบี่ออกแลว แตทองฟากลับยิ่งมืดมิด แมไมมีแสงอันนอยนิดจาก
ดวงดาว ก็เพียงพอที่จะทําใหเหลาปรมาจารยมองเห็นหยาดโลหิตทอประกายเย็นยะ
เยียบอยูบนกระบี่!
กระบี่เลมนี้ ดูนากลัวกวากอนหนานี้อีก มันทําใหความกลาของเหลาปรมาจารยถูก
แชแข็ง!
มอไปคอยๆ กมหนาลง ภายใตแสงดาว เขาขยับ แตไมเร็ว เพียงหนึ่งกาว กาวเขา
หาปรมาจารย
สวบ! หนึ่งกาว
สวบ สวบ สวบ...
ชางนาขัน เขากาวหนึ่งกาว ลมดานหนาก็พัดวูบ
มอไปเงยหนา
ศิษยที่อยูดานหลังปรมาจารยจํานวนหนึ่งดึงสติกลับ ศิษยที่รางสั่นเทิ้มเงยหนาขึ้น
ทั้งหมดกําลังมองดูเหตุการณ และตองตกตะลึงเปนอยางยิ่งอีกครั้ง!
หนึ่งกาว!
มอไปกาวไปขางหนาหนึ่งกาว ปรมาจารยนับสิบกลับพากันถอยครูดไปทั้งหมด!
“เจา พวกเจา...”
มอไปมิไดพูด เหลาศิษยมิไดพูด ผูพูดก็คือผูที่กําลังพยุงเจาสํานัก เขาเบิ่งตามอง
ปรมาจารยรวมสํานักเขาไปกระจุกรวมกันกอนถอยครูดๆ ไปขางหลัง ปลอยใหเขากับ
เจาสํานักอยูขางหนา ความโกรธปะทุขึ้นทันที มองดูปรมาจารยทุกทานอยางกราด
เกรี้ยว
ไมมีใครตอบ
เพราะไมมีหนาตอบ และไมกลาสบตากับเขา
ฉางคุนลืมตา ไมไดมองพวกเขา แตมองมอไปอยางเศราโศก
มอไปกาวเดินตอ คอยๆ กาวเขาหาพวกเขา จองมองพวกเขา พลางยกกระบี่ขึ้น
“จ เจา เจา...”
ปรมาจารยที่พยุงเจาสํานักหนาแดงก่ํา จองมองมอไป แววตาโกรธแคนแตก็สับสน
เห็นชัดวา ที่สุดแลวเขาก็ไมกลาพูดใหจบประโยค
“วิถีเตามีเหตุและผล เจาจําไดหรือไม?” เสียงมอไปไมสูง
ฉางคุนยิ้มเศรา พยายามลุกขึ้นยืน เขายืนโงนเงนแตยังสลัดปรมาจารยที่พยุงตน
ออก จองมองมอไป กอนใชพลังเฮือกสุดทายพูดพลางไอเปนโลหิต
“เจายังไมชนะ!”
มอไปเงยหนาขึ้นอยางเย็นชา ยกกระบี่ในมือขึ้น จอเขาที่คอหอยของเขา
เจาสํานักไมหลบ เพราะไมมที างหลบพน กลับยิ้มพลางวา “ถึงสังหารขา แตสํานัก
ใบไผขายังคงอยู ยังมีปรมาจารยอีกสี่สิบคน ศิษยอีกเปนพัน...”
มอไปอดทนฟงเพราะเห็นเขาพูดพลางไอเปนโลหิต แตกลับชําเลืองมองเหลา
ปรมาจารยที่อยูดานหลัง ทําใหเขาตัวแข็งทื่อ สุดทายก็ไมไดพูดตอ
ฉางคุนไมตองหันมองก็รูวา ปรมาจารยคนสุดทายที่พยุงเขาก็ถอยไปดานหลังเชนกัน
จึงหลุบตาต่ํา มองดูปรมาจารยที่พุงเขาหามอไปแลวถูกสังหารเมื่อครู กอนแหงนหนา
มองฟา เขาออน คุกเขาทั้งสองขางลงตรงหนามอไป แตยังคงแหงนหนามองฟา
“แพแลว...สํานักใบไผ ไมเหลือแลว!”
“เจาสํานัก!” ในที่สุดในเหลาปรมาจารยก็มีคนทนไมไหว กลั้นน้ําตากาวออกมา
รองเสียงดัง
ฉางคุนมิไดหันมอง เพียงยกมือขึ้นปรามไมใหเขาเขามา กอนคอยๆ ทําความเคารพ
มอไปอยางยากลําบาก หลังโขกศีรษะสามครั้ง ก็พยายามพูดพรอมลมหายใจและแววตา
หวงสุดทาย
“ทานออง ฉางคุนผิดเอง โปรดประทานอภัย ศิษยสํานักใบไผเปนผูบริสุทธิ์ ขอทาน
อองไวชีวติ พวกเขา!”
“เจาสํานัก!”
เหลาผูอาวุโสอดสะเทือนใจไมได
ทวามอไปยังคงพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเยือกเย็น
“ชาวประชาแมทุกขยากก็ยังเคารพบูชาพวกเจา! แตพวกเจากลับฝนเฟอง หนึ่ง ไม
ชวยชาติ สองไมปกปองชาวประชา แลวยังสรางความเดือดรอนใหสังคม เปนอันตราย
ตอชาวประชาอีก! เหลือไว...จะมีประโยชนอะไร?”
“ไม!” ฉางคุนพลันเงยหนา พูดอยางออนระโหยโรยแรง “มีประโยชน มีประโยชน
ขอทานอองเมตตา พวกเขาสามารถรับใชทานออง สามารถ...ชดใช...ความผิด...”
ยังไมทันพูดจบ โลหิตก็กระอักออกจากปาก กระเซ็นใสรองเทามอไป
เห็นลมหายใจเฮือกสุดทายของเขาแลวมอไปก็ไมพูดจาใดๆ
ฉางคุนพยายามใชแรงสูดลมหายใจเขา เขายังอยากพูดตอ แตเห็นชัดวาทําไมได
สุดทายจึงไดแตแคนหัวเราะอยางเศราๆ ใชพลังทั้งหมดที่มี ยกคอหอยขึ้นเฉือนกับคม
กระบี่มอไปที่อยูดานหนา...
ฟากําลังจะสาง
ศีรษะฉางคุนอยูที่ปลายเทา!
ปรมาจารยที่อยูตรงหนาแตละทานตางรูสึกสับสน เศราโศกเสียใจจนพูดไมออก
ศิษยที่อยูดานหลังพวกเขาลวนคุกเขาอยูกับพื้น รวมทั้งผูมากพรสวรรคอยางเฮอจ
วินเสียนดวย
ไมมีใครจองมองมอไปอีก เพราะไมกลา
พวกเขากําลังรอ รอมอไปตัดสินใจ
มอไปกําลังนั่งขัดสมาธิหลับตา รางเปลงแสงสีเขียวออก เขากําลังรักษาอาการ
บาดเจ็บประหนึ่งไมมีผูคนอยูในที่เกิดเหตุ
เหลาปรมาจารยไมกลาจองมองมอไปตรงๆ อาศัยจังหวะที่ฟาคอยๆ สวาง แววตา
ของพวกเขาก็เริ่มปรากฏความผิดปกติใหเห็น มีคนสบตากัน มีคนกมหนาไมพูดจา
สุดทาย เมื่อเห็นมอไปยังไมลืมตา ลมหายใจเริ่มเขาที่เขาทาง ก็มีคนอดรนทนไมไหว
บําเพ็ญเพียรมานานหลายปหวังเพียงมีอายุยืน
ถาขาไมอายุยืนแลวใครเลาจะอายุยืน
สํานักเตากําลังแขงขันกัน สามารถมีที่ยืนในวันนี้ได ใครใหความเมตตาใคร ถาไมมี
จิตคิดเอาตัวรอด ใครจะประสบความสําเร็จไดจนถึงทุกวันนี้? ใครอยากฝนสลาย ใคร
อยากลมลงเพราะโชครายเพียงครั้งเดียว?
ไรสุมเสียง ไรการบอกลาว ทันใดนั้น พริบตาที่ทองฟากําลังจะสวางจากความมืด ได
ยินเพียงเสียงสายลมพัด!
ทุกคนเงยหนาขึ้น เห็นเงารางหลายสาย พุงทะยานแหวกอากาศกระจายออกทั้งสี่ทิศ
หนี!
ไมผิด พวกเขาไมคิดตอสูอีก จึงหนี
แตมอไปไมคิดผอนปรนใหแนวคิดนี้ คิดจัดใหผูที่กลัวจะพลาดโอกาส ไรซึ่งโอกาส
ปรมาจารยสี่ทานหนีไป ปรมาจารยและศิษยที่เหลือรีบมองไปที่มอ ไป
แมคนอื่นๆ ไมหนี แตก็ไมไดหมายความวาพวกเขาไมคิด แตพอมองไปก็ทําใหพวก
เขารูสึกรอนๆ หนาวๆ!
จากนั้น พวกเขาเห็นรางนั้นทะยานขึ้น เปลงแสงสีทองตามศิษยรวมสํานักที่หนีไป
ทานหนึ่ง
เขาเร็วจนระดับปรมาจารยยังรูสึกหนาว พริบตาเดียว ก็หายไปในสายตาทุกคน ไม
จําเปนตองเดา ทุกคนตางรูชะตากรรมของปรมาจารยทานนั้นดี
แตนาทีนี้ กลับไมมีใครสนใจ ปรมาจารยหันมาสบตากัน มอไปกําลังไลตามคนอยู
ตอนนี้ทุกคนตองตัดสินใจแลววาจะหนีหรือจะอยู...
“หนี!” แทบไมตองคิด ถาตอนนี้ไมหนี แลวจะรอถึงตอนไหนเลา!
แตพอขยับเทา ก็กาวไมออกเสีย เนื่องจากดานหนามีแสงสีทองวาบผาน ผูหิ้วศีรษะ
กลับมาแลว
มอไปมิไดรักษาอาการบาดเจ็บตอ และมิไดไลตามอีกสามทานไป เขาหิ้วศีรษะเดิน
เขามาชาๆ มองดูเหลาปรมาจารย บรรยากาศในที่เกิดเหตุตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง
“ปรมาจารยแมเกงกาจ แตถาขาตองการฆา ถึงฟาดินกวางใหญเพียงใด จะหนีไป
ไหนพน ใครจะปกปองได?” มอไปพูดเสียงเบากับตัวเอง
ปรมาจารยที่เหลือมีสีหนาไมสูดีขึ้นมา ไมมีใครกลาขยับแลวจริงๆ แมหนีไปไดสาม
คน แตคําพูดของมอไปไดกําหนดบทสรุปของพวกเขาไวเรียบรอย
ที่สําคัญคือ แมพวกเขาหนีกันไปทั้งหมด อาจหนีไดก็จริง แตตองมีคนกลุมหนึ่งที่ถูก
ฆา แลวใครจะรูเลาวาตนเองจะเปนวิญญาณที่โชครายนั่นหรือไม?
เห็นชัดวา ตอนที่ยังไมถึงขั้นที่มอไปตองลงมือฆาอยางไมมที างเลือก พวกเขาก็ไม
อยากเสี่ยง
มอไปหิ้วศีรษะพลางมองดูรอบๆ สํานักใบไผอยูนานสองนาน ในที่สุดฟาก็สวาง เขา
เก็บกระบี่ยาวเขาฝกที่เอว กอนหันหลังใหศิษยสํานักใบไผ
“ใตหลายุงเหยิง ชาวประชาไมคุยกันเรื่องการมีชีวิต สวนสํานักเตามีสนามรบรอให
ไปผดุงคุณธรรมเพื่อชาวประชา สรางความรุงโรจนใหตนเอง แตกลับไมทํา กลับเลือกที่
จะเปนหนูสรางความเดือดรอนใหสังคม ขาผูใชบารับผิดชอบความสงบสุขของชาว
ประชา อดทนกับพฤติกรรมของสํานักเตามานาน พูดก็พูด อยางไรก็เปนประชาชนตา
เซี่ย ในชวงสงคราม ขาไมอยากขัดแยงกับคนในประเทศแลวทําใหศัตรูไดใจ”
“แตความอดทนของขากลับถูกมองเปนความหวาดกลัว นานวันเขา จนถึงตอนนี้
คนพวกนี้กลับกลาลงมือกับอองของราชสํานัก พวกเจามักคิดวาตนเองสูงสง แตใครบาง
กลาออกมายืนตรงหนาขาแลวบอกวา ความสามารถเกิดจากคุณธรรม แลวเอาตัวพิสูจน
ใหเห็น ทําเพื่อประชาชน เพื่อราชสํานัก เพื่อแผนดิน พวกเจาควรรูไววา ในเมืองหลวง
สํานักใบไผสังหารตูเจวียน และแมทัพนายกองของจวนหมิงอองไดก็จริง
แตเคยหลั่งโลหิตเพื่อผูประสบภัยและชวยชีวิตคนบางหรือไม? ในสายตาคนเถื่อน
เพื่อตอกรกับพวกเขาแลว กองทัพเราทุมกําลังทหารเปนพันเปนหมื่น แลวพวกเจาละ?
นักพรต อาจารย กระทั่งจอมยุทธ ในสายตาคนเถื่อนมีน้ําหนักสักเทาใด? พวกเจาคิดวา
ตนเองสูงสง มองวาผูอื่นกลัวพลังยุทธพวกเจา แตกลับไมรูวาผูอื่นไมเคยใสใจพวกเจา
พูดกันไมเกินสามคําก็สามารถเก็บชนชั้นกลางอยางพวกเจาไดทุกเมื่อ โดยไมจําเปนตอง
ใชกําลังทหารกับพวกเจาดวยซ้ํา!”
“และในขณะที่ขาใชชีวิตปกปองประเทศชาติและประชาชน ชนชั้นกลางอยางพวก
เจายังคิดดื่มด่ํากับผลประโยชนจากการเคารพบูชาของพวกเขา ชักศึกเขาบาน โดยใช
พลังยุทธที่พวกเจาคิดวายอดเยี่ยมจัดการกับหนามยอกอกที่คนเถื่อนคิดกําจัดโดยไม
สนใจวาจะตองใชวธิ ีอะไร!”
พูดถึงตรงนี้ เขาจึงหันกายมา เมื่อเห็นวาสายตาทุกคนจองจับอยูท ี่ตน รังสีฆาฟน
อยางเย็นชาในแววตาจึงคอยๆ จางหาย เปลี่ยนเปนออนโยนลง
“เดิมทีขาเชี่ยวชาญการแพทย ตอสูไมเปน แตเพราะรางกายออนแอ และตองเผชิญ
กับพวกโจรชักศึกเขาประเทศอยางพวกเจา หากขายังอดทนและไมอยากเห็นโลหิตอยู
ละก็ ไหนเลยจะกุมกระบี่มาไกลสามพันลี้ เพื่อสังหารผูที่ทําใหวีรบุรุษในใตหลาผิดหวัง
และเจ็บปวดอยางพวกเจาเลา?”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ปรมาจารยและศิษยพลันหนาถอดสี
แตสุดทาย ยังคงไมมีใครกลาทําอะไรผิดปกติ อาจเปนเพราะมอไปไดเก็บกระบี่ลง
แลว พวกเขาจึงสามารถรักษาความสงบนิ่งไวในขณะที่ยังรูสึกขนลุกขนพองอยู
มอไปคลายไมเห็นอากัปกิริยาที่ผิดปกติของพวกเขา จึงกมลงมองศีรษะฉางคุน
เงียบไปสักพัก คอยพูดเสียงเบา
“ผูตายก็ไดตายไปแลว มีผลงานยอมตองชมเชย มีความผิดยอมตองลงโทษ ในอดีต
บรรพบุรุษวาไว สํานักเตาใดมีผลงานตองสนับสนุน วันนี้พวกเจาขายชาติ จะใหขานิ่งดู
ดายไดอยางไร!”
มอไปเงยหนา มองดูทุกๆ คนดวยแววตาคมกริบ แสงอาทิตยยามเชาสาดนิ่งอยู
ดานหลังของเขา เขาพูดอยางตรงไปตรงมาและเฉียบขาด
“ขาขอสั่งวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ใหลบชื่อสํานักใบไผออก!”
สํานักใบไผ
หนึ่งในสิบสํานักใหญ
ลบชื่อ!
ตอใหนากลัวเพียงใด นาทีนี้ ไมวาจะเปนปรมาจารยหรือศิษย ตางก็มึนงงและสับสน
แตสุดทาย จะทําอยางไรได?
เหลาปรมาจารยมองดูหลายศีรษะที่อยูแทบเทามอไป ผานการตอสูในวันนี้แลว
สํานักใบไผ ยังจะทําอยางไรได?
มอไปมองไปยังผูซึ่งยืนอยูตรงกลาง
เขาไมรูจักชื่อของคนผูนี้ แตไมสําคัญ เขาจองมองปรมาจารยทานนี้ตาไมกะพริบ
สีหนาปรมาจารยทานนี้โศกาอาดูรจนดูไมได กอนกมศีรษะลง เมื่อรูวาตนเองถูก
เลือกแลว
ทุกคนเงียบเสียง บรรยากาศนิ่งคาง
กึก! ในที่สุดเขาก็คุกเขาลง ไมมีทางเลือก เมื่อถูกมอไปมองก็ไดแตคุกเขา ผูอื่นอาจ
สามารถหนีได แตเขาหนีไมไดแลว
“ขามีความผิด สมควรรับโทษ แตขอทานอองเมตตา คิดเสียวาขาอยูแตในปาเขา
ไมรูเรื่องรูร าวอะไร ยกโทษใหขาดวย!”
เงียบกริบ
ความจริงแลวควรเกิดความโกลาหล แตกลับไมมีอะไรเกิดขึ้น
มอไปไมพดู
ปรมาจารยผูคุกเขาจึงเงยหนา หันมองคนขางๆ ซึ่งก็คือรองเจาสํานัก
แววตารองเจาสํานักทั้งเศราทั้งสับสน แตไมมีทางเลือก เขาไดแตคุกเขาแลวตะโกน
เสียงดัง
“ขอทานอองเมตตา!”
“ขอทานอองเมตตา...”
......
ภายใตดวงอาทิตย ไมมีใครยืนอีก
มอไปแหงนหนามองฟามือไพลหลัง กอนพูดเสียงเรียบ
“วันนี้ขาไวชีวิตพวกเจา โทษตายละเวน แตโทษเปนยากหลีกเลี่ยง ตั้งแตวันนี้เปน
ตนไป ขาไมอนุญาตใหพวกเจาทองยุทธภพอีก พวกเจาตองชดใชความผิดบาปที่พวกเจา
กอ!”
ทุกคนเงยหนามองมอไป รองเจาสํานักจึงเอยขึ้น “ทานออง เรา...”
“ขาไมไดมาตอรองกับพวกเจา!”
ยังไมทันพูด มอไปก็ใชสายตาเย็นชาจองลึกเขาไปในดวงตาของเขา ทําใหเขาสะดุง
เฮือก รีบกมหนาไมกลาพูดอีก
“ใครยังไมยอมจํานน ก็กาวออกมา!”
นาทีนี้ ใครยังกลาไมจํานนอีก
“ควรไมควรแลวแตจะโปรด!”
แววตามอไปยังคงเย็นชา
“เดิมทีขาไมอยากฆาใคร แตสถานการณในวันนี้ กระบี่ขาไดเปอนโลหิตแลว จึง
ตัดสินใจวาถาสถานการณบานเมืองไมสงบ ขาจักไมเก็บกระบี่ พวกเจาคิดทําอยางไร
ตัดสินใจอยางไร ยอมอัปยศก็ดี ทําเพื่อชาติก็ได ขาไมบังคับ ขากลาไวชีวิตพวกเจา ก็
สามารถฆาไดอีกครั้งอยางไมสนใจเชนกัน! แตขารูดีวาในสํานักเตามีขาวลือมากมาย ลือ
กันวาตั้งแตปที่เกิดเรื่องขึ้นกับขา ขาไดตัดขาดจากสํานักเตาและเดินคนละทางกับ
นักพรตในปฐพี!”
เหลาปรมาจารยพลันเงยหนาขึ้น หนังตากระตุกขณะมองมอไป
มอไปกมหนาเล็กนอย
“ลวนเปนคําพูดที่ไรสาระ บานเมืองยุงวุนวาย ขาไหนเลยไมอยากเห็นคนเกงของตา
เซี่ยเราแสดงความสามารถ? ขาหรือสูอุตสาหมองดวงจันทร แตไฉนดวงจันทรกลับสอง
ตองคูน้ําเสียนี่!”
พูดจบ มอไปก็หันกาย เดินจากไป
ผูคุกเขาทั้งหมดหันมองรางโดดเดี่ยวนั้นอยางงุนงง
แตผูบําเพ็ญเพียรไหนเลยจะโงเขลาเบาปญญา ทามกลางความสับสนของเหลา
ปรมาจารย ทันใดนั้น คนผูหนึ่งพลันตะโกนใสแผนหลังมอไป
“ทานออง ขาจางเชียนเตา ยินยอมแกไขในสิ่งผิด รับใชขางกายทานออง ใชครึ่ง
ชีวิตที่เหลือชดใชความผิด ขอทานอองสนับสนุนดวย!”
วาแลวก็โขกศีรษะลง
เหลาปรมาจารยขางกายเขาตางทําปากยื่นปากยาว แตคิดอะไรมากในตอนนี้ก็ไม
ทันแลว จึงรีบทําตามเขา!
เปนเรื่องที่ไมมีทางเลือกจริงๆ
อยางที่มอไปพูดไว วันนี้จะตัดสินใจอยางไรก็ตาม ตองรอดชีวิตกอนคอยวากัน
สิบสํานักใหญ!
สํานักใบไผบารมียิ่งใหญลนฟา แตมอไปคนเดียว กุมกระบี่พันลี้ ลบชื่อออกในคืนเดียว!
ตอน 290 ปน ปกผมรูปหงส
หากยึดตามระเบียบการปกครองสมัยกอตั้งตาเซี่ย วันขึ้นปใหมตองเปนวันที่ขุนนาง
นอยใหญและองคจกั รพรรดิยุงสุดๆ เนื่องจากเหลาขุนนางจะเริ่มทยอยเขาวังเพื่ออวยพร
ปใหมตั้งแตตีสี่!
เนื่องจากมีกฎเกณฑมารยาทยุงยากมากมาย ทุกอยางเปนสิริมงคลไปหมด เต็มไป
ดวยคําอวยพรสรรเสริญและคําทายทักไพเราะเสนาะหูนับไมถวน แนนอนวาที่ขาดไมได
ยอมเปนการมอบของขวัญ...
แมประเพณีเชนนี้ทําใหเหลาขุนนางและองคจักรพรรดิที่ตองตื่นแตเชาเพื่อทํา
กิจกรรมเหลานี้ทั้งวัน เหนื่อยจนแทบขาดใจ ทวาสิ่งที่สืบสานตอกันมายอมมิไดถูก
กําหนดขึ้นเพื่อจงใจทรมานผูคน แตเปนเพราะเล็งเห็นประโยชนทไี่ ดรับ ในการแสดงให
เห็นความรุงโรจนอยางถึงที่สุดของราชสํานัก พระปรีชาญาณขององคจักรพรรดิ และ
ความจงรักภักดีของเหลาขุนนาง
แตมาจนถึงวันนี้ ยังไมพูดเรือ่ งความกาวหนาของยุคสมัย พูดเพียงสถานการณ
บานเมืองตาเซี่ยที่วิกฤตถึงขั้นนี้แลว ถายังขืนทําสิ่งเหลานี้อยูอีก เกรงวาจะเหมือนตัว
ตลกที่ทําตนเองขายหนาเปลาๆ
พูดถึงงานเฉลิมฉลองปใหมของราชสํานัก ตองใชงบประมาณมหาศาลจริงๆ หากอยู
ในยุคเรืองรองยอมไมนับวามาก แตสําหรับตอนนี้แลว ราชสํานักแตกแยก งบประมาณ
รอยหลอ องคติ้งอูตองรัดเข็มขัดเต็มที่ในการจัดงาน ไมสามารถฟุมเฟอยเชนเดิมไดอีก
ดังนั้น สิ่งใดที่สามารถประหยัดไดก็ตองประหยัด เชนขุนนางไมจาํ เปนตองเขาวัง
ถวายพระพร เปลี่ยนเปนสงคําอวยพรมาก็พอ บรรยากาศจึงไมคึกคักเหมือนเมื่อกอน
แตไมเปนไร บรรยากาศในวังอยางไรก็ไมเงียบเหงา แมขุนนางไมมา คนในบานก็
ตองมาอยูดี และแมบรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศในเมืองหลวงจะลดนอยลง แตพวกเขาก็
มิไดยากจน
ตอนเขาวัง ก็ยังเต็มไปดวยรถมาและรถราเหมือนเดิม บรรยากาศไมธรรมดา!
แมมิไดมาจากนอกวัง แตงานเลี้ยงรับรองภายในเชื้อพระวงศเชนนี้ ยอมขาดชายาห
มิงอองไมได
หลินซูอินแตงหนาแตงตัวเสร็จเรียบรอยแตเชา
อาจเพราะมีพลังปราณจากการบําเพ็ญเพียร แมคืนสงทายปเกาไมไดนอนทั้งคืน
นางก็มิไดดูออนลาแตอยางใด
แตจะอยางไร นางก็ไมสามารถแจมใสราเริง ยังคงมีทาทีเฉยเมยกับทุกสิ่ง กมศีรษะ
ถวายพระพรฮองเฮา
“สวัสดีปใหมเพคะเสด็จแม”
วันนี้ฮองเฮาสวมมงกุฎเกียรติยศ สูงสงสงางาม ทวากลับมีทาทีเหมือนหลินซูอิน ไม
ปรากฏความแจมใส ดวงตาและคิ้วยังคงเหมือนวันปกติ สีหนายังคงสงบนิ่ง
แตพอเห็นหลินซูอิน ก็ทรงใชดวงตาหงสสํารวจมองนางจากหัวจรดเทา สุดทายมา
หยุดอยูที่มวยผมดําสนิทของนาง นิ่งไปสักพัก คอยหันไปหยิบกลองเครื่องประดับบนโตะ
ขางตัวมาไวในมือ เปดกลองออก แลวหยิบปนปกผมออกมาอันหนึ่ง สงใหหญิงชรา
“ปกใหนาง”
หญิงชรารับมาไว มองดูปนปกผมรูปสลักหงสเหมือนจริง (หงสเปนสัญลักษณแหง
จักรพรรดินี) แลวหันมองหลินซูอินที่ยงั กมศีรษะอยู รูสึกประหลาดใจขึ้นมา จึงมองดู
ฮองเฮาอีกครั้ง เห็นแววตาฮองเฮาใสกระจาง ไมมีความผิดปกติแมแตนอย
“เพคะ” หญิงชรากะพริบตา มินาละ วันนี้จูๆ ฮองเฮาก็ใหนางนํากลอง
เครื่องประดับออกมา ตรัสวาจะเลือกดวยองคเอง ที่แทก็กําลังหาปนปกผมอันนี้
พูดตามตรง นางทั้งตะลึงทั้งยินดี
ในที่สุดฮองเฮาก็ไมคิดกล้ํากลืนฝนทนอีก นางรูดี ปนหยกอันนี้เปนการตอบโต
สนมหลัน ชวยหลินซูอินใหพน จากการถูกดูหมิ่นในวันนั้น!
หลินซูอินรูสึกไดวามวยผมของตนถูกปนหยกปกลง แตกลับไมรูวาเปนปนหยกรูป
สลักหงสเหมือนจริง นางกมศีรษะใหโดยมิไดขัดขืน ยังคงรักษาบุคลิกทาทางไดคงเสนคง
วาเหมือนเดิม
พอปนหยกถูกปกลงเรียบรอย ฮองเฮาก็พูดเสียงเบา “เงยหนาขึ้นได”
หลินซูอินเงยหนา หลุบตา ไมพูดไมจา ฮองเฮาพิศดูนางสักพักคอยเก็บสายตา
“ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยเสด็จแม” หลินซูอินลุกขึ้นยืน
ฮองเฮาพยักหนาใหหญิงชรา หญิงชราจึงนํากลองผาไหมบนโตะมอบใหฮองเฮาๆ
รับมาแลวมอบใหหลินซูอิน
“วันขึ้นปใหมในวัง พระบรมวงศรุนหลังตองใหของขวัญฝาบาท เพื่อแสดงความ
กตัญู ซึ่งของขวัญไมจําเปนตองมีราคาแพง แตกระนั้นก็ตาม เมื่อเปนหนอเนื้อเชื้อ
กษัตริย องคชายหกแมไมอยูในเมืองหลวง ก็ไมควรไมรกู าลเทศะเมื่อตองอยูตอหนาพี่ๆ
นองๆ ขาเลือกของชิ้นหนึ่งใหเจา นําไปมอบใหฝาบาท”
กอนหนานี้หลินซูอินไมรูจริงๆ วาตองทําเชนนี้ กระทั่งไมรูวาตนเองตองเขารวมงาน
ฉลองวันขึ้นปใหมดวย แตตอนนี้ นางกลับมองกลองของขวัญ แลวพูดเสียงเบา
“ทูลเสด็จแม จวนหมิงอองไดตระเตรียมของขวัญปใหมไวใหแลวเพคะ”
“ออ?” ฮองเฮารูสึกตะลึงเล็กนอย รีบตรัสถาม “องคชายไดเตรียมไวแตแรกแลวหรือ?”
หญิงชราที่ยืนอยูดานขางเลิกคิ้วดวยความประหลาดใจเล็กนอย หมิงอองเตรียมไว
แลว? แลวพระชายาพกติดตัวตลอดรึ? เพราะหลายวันมานี้นางถูกหามไมใหออกจากวัง
แตหลินซูอินกลับไมรูวาใชหมิงอองเตรียมไวแตแรกหรือไม ดวยเมื่อวานลูสวินอี้เพิ่ง
บอกเรื่องนี้กับนาง แตคิดๆ ดูแลวยังคงพยักหนาแลววา “หมิงอองปรุงยาเม็ดไวหนึ่งขวด
ใหลูสวินอี้พกติดตัวไวตลอด”
“ออ ยาเม็ด? องคชายเปนผูปรุง?” ฮองเฮานิ่ง แลวยิ้มในทันที เห็นชัดวารูสึกดี แต
สักพักก็สายศีรษะ
“พระชายา ทานวา ยาเม็ดหรือ?” หญิงชราทีอ่ ยูดานขางอึ้ง ยกมุมปากขึ้น แลวพูด
ตอ “ไมทราบวาเปนยาชนิดใด?”
“หมิงอองคนควาและคิดสูตรยาขึ้นเอง ฟงจากที่ลูสวินอี้พูด เห็นวาเปนยาตออายุ
เพคะ” หลินซูอินตอบเสียงเบา
“อะไรนะ?” หญิงชราหนาเปลี่ยนสี รองออกดวยความตกใจ
ฮองเฮาก็ตกใจเชนกัน แมสีหนามิไดเปลี่ยนกะทันหันเชนหญิงชรา แตทรงคอยๆ
เก็บรอยยิ้ม สายหนานอยๆ แลววา
“องคชายเลนตลกแลว เหตุใดจึงตั้งชื่อตองหามเชนนี้?”
หลินซูอินมองทั้งสองทาน ชะงักเล็กนอย ชื่อนี้มีปญหาหรือ?
ในสํานักเตา ยาแตละชนิดมักมีชื่อตามสรรพคุณ แมนางรูสึกวาชื่อยาของหมิงออ
งอวดอางเกินไปหนอย แตยาของสํานักเตาที่อวดอางกวานี้ก็ใชวาไมมี
“ฮองเฮาเพคะ...” หญิงชราพลันกมลงกระซิบกระซาบขางหูฮองเฮาอยาง
ระมัดระวัง
ยิ้มยินดีบนใบหนาฮองเฮาคอยๆ จางหาย จนสุดทายกลายเปนโมโห พลันเอ็ดหญิง
ชราเสียงเบา “สามหาว ใครกลาปายสีลูกหกขา?”
หญิงชรามองฮองเฮาอยางกระอักกระอวนใจ เปนครั้งแรกที่หลินซูอินเห็นฮองเฮา
กริ้ว ไมรูวาหญิงชราพูดอะไรที่ทําใหทรงกริ้ว นางจึงไดแตยืนอยูดานขางไมพูดไมจา
แววตาฮองเฮาคลายมีเปลวไฟวาบผาน ทรงสงางามอยางเรียบๆ มาตลอด แตพอ
กริ้วขึ้นมา ทรงดูนาเกรงขามมาก!
ผานไปสักครู เมื่อฮองเฮาสงบอารมณลง คอยหันมองหลินซูอิน
“ลูสวินอี้ยังอยูในตําหนักหรือเปลา!”
“อยูเพคะ” หลินซูอินพยักหนา
“ใหเขาเขามา!” ฮองเฮาตรัสเสียงขรึมกับหญิงชรา แตเพิ่งตรัสจบ กลับเปลี่ยน
พระทัย “ชางเถอะ ไมตองแลว”
หญิงชราหันมองพระองคอยางไมเขาใจ
ฮองเฮาตรัสกับหลินซูอินแทน “เมื่อเตรียมของขวัญมา ก็นําไปมอบใหฝาบาทเถิด”
“เพคะ ซูอินขอตัว” หลินซูอินโคงตัวแลวถอยออก
กอนไปยังหันมองหญิงชราทีจ่ องมองตนอยางกระวนกระวายใจ
พอเห็นหลินซูอินจากไป หญิงชราก็รีบเอยปาก
“ฮองเฮาเพคะ...”
ฮองเฮากลับยกมือปราม “ไมตองพูดมาก!”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาฮองเฮาฉายแววคมกริบขึ้น
“ขาไมคิดแยงอะไรใครทั้งสิ้น แตใครก็อยาคิดวาจะแตะตองลูกหกขาได!”
หญิงชราขยับริมฝปากขึ้นลง กอนสั่นเล็กนอย สุดทายก็ไมมีเสียงเล็ดลอดออก ไดแต
มองตามทิศทางที่หลินซูอินจากไปอยางกังวลใจ
ถาฝาบาทไมเชื่อหมิงอองละ?
หญิงชรามิไดหวาดกลัว แตเปนหวงวาฮองเฮาจะเสียพระทัย
ตลอดทางเดิน หลินซูอินนึกวาที่ตนยังเปนเปาสายตาอยู เปนเพราะสถานะและ
องครักษขางกายจํานวนมากที่ดึงดูดความสนใจของผูคน
นางรูสึกวาขบวนของตนออกจะใหญเกินไปหนอย ซึ่งแมนางพักอยูในพระตําหนัก
ฮองเฮา แตองครักษในครั้งนี้กลับมิไดเปนองครักษของฮองเฮา ดวยใชวาจวนหมิงอองไม
มีองครักษ เมื่อตองออกงานลักษณะนี้ จะใหถูกผูคนดูหมิ่นไมไดเปนอันขาด
พวกลูสวินอี้เดิมทีถูกกักไวในวังใหรอรับใชชั่วคราว พวกเขาจึงมีสถานะพอที่จะเดิน
ไปไหนมาไหนในวังได พรอมองครักษพกดาบคอยคุมครองอยูขางกายกลุมหนึ่ง จึง
เทากับวาในขบวนมีองครักษรวมกันสองกลุม จํานวนคนที่มากเชนนี้เองที่ทําใหดูตื่นตา
ตื่นใจ
สวนจะเกินหนาเกินตาใครนั้น ลูสวินอี้ขี้ครานจะสนใจ เขาเปนองครักษจากจวนห
มิงออง มีหนาที่คุมครองพระชายา องครักษที่พกดาบหาใชผูที่เขาเรียกมาไม พวกเขา
ตามมาเอง ลูสวินอี้จะทําอยางไรได
ดานหลินซูอินเมื่อเห็นวาผูคนตางจองมองตนอยางตกตะลึงพรึงเพริดตลอดทางเดิน
ก็คิดวาดวยสาเหตุนี้
แตตอมาคอยรูสึกวาสายตาของผูคนตางพุงตรงมาที่ปนปกผมบนศีรษะนาง นางไม
โง จึงรูแลววาปนปกผมนี้นาจะมีปญหา
ทามกลางสายตาผูคนมากมาย ไมดีแนถานางจะดึงปนปกผมออก เพราะจะทําใหผม
เสียทรงดวย จนเดินมาถึงสระชมทิวทัศนแหงหนึ่ง นางจึงเห็นรูปหงสจากเงาสะทอนใน
น้ํา ทําใหเขาใจแลววาเหตุใดตลอดทางเดินที่ผานมา ผูคนจึงมองตนอยางตกตะลึง
เชนนั้น
ฮองเฮาใหนางปกปนที่กอใหเกิดกระแสขาว นางชัดเจนแลววา การปกปนนี้ในวังทํา
ใหตกเปนขาว ตองมีคนไมชอบหนานาง กระทั่งอีกสักครูบรรดาองคชายและพระชายาที่
เขาถวายพระพรก็อาจรังเกียจนาง!
เดิมทีสถานะนางเปนที่สนใจของผูคนอยูแลว ไมวาจะเปนชะตาเจาฟาเจาแผนดิน
ศิษยเขาซางชิง หรือบุตรสาวตระกูลหลิน นางไมอยากตกเปนขาวอีก อยากออกไปจาก
ที่นี่อยางเงียบๆ ใหเร็วที่สุด
แตตอนนี้ มีหงสตัวนี้ปกอยูบนศีรษะ...
นางคอยๆ หลับตาลง สูดหายใจเขาลึกๆ ที่สุดแลวยังคงแหงนหนาขึ้นมองหิมะที่เริ่ม
ตกลงมาจากฟากฟา ไมพูดจาใดๆ ไมมีทางเลือก เมื่อฮองเฮาใหนางปกปนนี้ไว นางยอม
ดึงออกไมได
เมื่อเปนเชนนี้ ก็ไมตองคิดอะไรมาก
ตําหนักไทเหอใหญยิ่ง
แตจะใหญอีกแคไหนก็ไมเพียงพอตอการรองรับคนเปนจํานวนมาก
ตอนที่หลินซูอินมาถึง ทั้งในและนอกตําหนักลวนเต็มไปดวยผูสูงศักดิ์
มีเสียงเปยโนดังขึ้นอยางไพเราะจากมุมๆ หนึ่ง
มีเสียงดนตรีเตนรําดังคลออยูในตําหนัก
มีเสียงพูดคุยสนทนาจากทุกทิศทุกทาง
มีเด็กเล็กๆ เลนอยูดวยกัน
ในวังไมไดคึกคักมานานแลว ขณะที่ฝาบาทและผูสูงศักดิ์หลายทานยังไมมา
บรรยากาศที่นี่ผอนคลายมาก วันนี้ไมมีขอหามใดๆ มีแตเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นไมหยุด
แตเสียงที่ทั้งดังทั้งสูงเสียงหนึ่ง กลับทําใหผูคนที่อยูทั้งในและนอกตําหนักหยุดชะงัก
“ชายาหมิงอองเสด็จ!”
ทุกซอกทุกมุมของตําหนักคลายหยุดเวลาไว กระทั่งเด็กนอยที่เลนซนอยูในแตละมุม
ยังไมกลาเลนตอ รีบวิ่งเขามาหาคนในครอบครัว
หลินซูอินเดินเขามาที่โถงดานหนาทามกลางบรรยากาศขางตน กอนปรากฏตัวขึ้น
กลางตําหนัก
พอเงยหนาขึ้น ก็เห็นสายตาแตละคูซึ่งมีความหมายหลากหลาย กําลังมองมายังปน
ปกผมบนศีรษะตน กอนเลื่อนสายตาลงมองรูปรางตน
ไมมีใครเอยปากทักทาย ทุกคนลวนกําลังจองมองนาง
เดาไดไมยากวา บรรยากาศโชคดีมีสุขแตเดิม กลับกลายเปนนิ่งคางกะทันหัน การ
มาถึงของตนเปนแรงกดดันชนิดไหนกัน
พอกวาดตามอง หลินซูอินก็จําคนเหลานี้ได ดวยรูจักกันตั้งแตตอนอยูเมืองหลวงในปนั้น
เชนองคชายชื่อเสียงโดงดังในเมืองหลวงหลายทาน หญิงสาวที่สนิทกันพักหนึ่งและ
ตอนนี้กลายเปนพระชายา อยางไรก็ตามยังมีคนอีกมากมายที่นางไมรูจัก
ทวาไมวาจะรูจักหรือไมก็ไมแตกตางกัน ดวยไมมีใครเปนมิตรกับนาง!
แมแตมหาดเล็กที่พานางมา ตอนนี้ก็ยังประดักประเดิด กมศีรษะ ใบหนาเต็มไปดวย
เหงื่อ หวังเพียงรีบสงๆ นางมาใหจบๆ ไป
โตะวางตัวหนึ่ง
จวนหมิงอองจัดอยูในกลุมจวนอองที่มีความสนิทสนมมากสุด ในราชสํานัก
นอกจากฝาบาทแลว ศักดิ์ของพวกเขาจัดอยูในลําดับตนๆ ที่ผูคนใหความสนใจมากสุด
เชนกัน
นางกาวทีละกาวมาที่โตะและนั่งลง ทามกลางสายตาแตละคูที่จองมองอยู
ไมมีใครสงเสียงใดๆ บรรยากาศยังคงคางแข็ง
แตหลินซูอินรูวา สําหรับตนเองนั้น บรรยากาศเชนนี้ จัดวาเปนมิตรแลว
ผูที่ควรมายอมตองมา
ซึ่งในที่สุดก็มีคนเอยปากจนได และเปนไปตามคาด ผูที่เริ่มตนกอนมักเปนผูหญิง
“พี่สะใภหก ปนปกผมรูปหงสของทานสวยมาก!”
ตอน 291 ตบหนาสามฉาด
ดวยสถานะชายารัชทายาทก็ดี ดวยสถานะบุตรสาวตระกูลหลินก็ดี
หลินซูอินรูดีวาปนปกผมบนศีรษะตน ตองกลายเปนเปาโจมตีในวันนี้แน
ดังนั้นพอเสียงหญิงสาวคนแรกดังขึ้น นางก็ไมแปลกใจแตอยางใด กระทั่งมิไดหนั
มอง แมจะรูวาผูที่เอยปากนั้นเปนองคหญิง!
ไมใชเพราะหญิงสาวเรียกตนวาพี่สะใภหก แตเพราะเหลาองคชายซึ่งจงเกลียดจงชัง
ตนไมสามารถออกรบเองโดยตรง และแมเหลาชายาสามารถ แตอยางไรก็มิใชญาติสนิท
ขององคติ้งอู ถาเกิดความวุนวายขึ้นกลางงาน พวกนางอาจทําใหสวามีอองของตนเอง
เดือดรอนได
ดังนั้นผูที่ถูกเลือกใหมากอกวนและมีความเหมาะสมมากสุดยอมเปนองคหญิง
เพราะแมกอกวนจนเสียบรรยากาศอยางไร ฝาบาทก็ไมนาตําหนิอะไรมากมาย กลับเปน
หลินซูอินเองตางหากที่ไมดูตามาตาเรือ
หลินซูอินแมไมมีกลอุบายอะไร แตเนื่องจากเติบโตมาในตระกูลขุนนาง
ประสบการณเล็กๆ นอยในเรื่องพรรณนี้ยอมมีอยูบาง
พอไดยินเสียงฝเทาใกลเขามา หลินซูอินคอยหันมอง และเห็นวาผูมามีทาทีสูงสงงาม
สงา ดูจากใบหนาแลวนาจะไมเกินยี่สิบแปด
นางจําชื่อไมได ดวยองคติ้งอูม ีลูกหลานมากมาย เฉพาะที่โตเปนผูใหญแลวในตอนนี้
ก็มีเกินสิบ
จําไดแตผูที่ดูเปนผูใหญหนอย บรรดาองคชายองคหญิงที่ยงั เล็กตอนนางออกจาก
เมืองหลวงในปนั้น นางจําหนาไมไดแลว
กอนหนานี้ชวงเขาวังใหมๆ ก็ไมเหมือนตอนออกเรือนที่มีคนคอยชี้แนะใหทาํ โนนทํา
นี่ อธิบายแตละอยางใหฟง แตไมวาฝายตรงขามเปนใคร
เมื่อหลินซูอินหันมองรอบทิศ ก็เห็นแตสายตาที่จองมองมาอยางไมเปนมิตร ก็ถูก
คนตระกูลมอจะเปนมิตรกับคนตระกูลหลินไดอยางไร?
หลินซูอินมองดูใบหนาอมยิ้มของหญิงสาว กอนเอยปากเปดใจเบาๆ
“ถาองคหญิงชอบปนปกผมนี้ ขาก็ยินดีที่จะมอบให”
หลินซูอินไมลังเลแมแตนอย ยกมือดึงปนปกผมออก ยื่นใหองคหญิงผิงอัน
เงียบสนิท
นี่กําลังถอย หรือ...กําลังยั่วยุกันแน?
ผิงอันไมคิดมากอนวาหลินซูอินจะเถรตรงเชนนี้ ยื่นปนปกผมมาตรงหนา บอกจะให
นาง จึงงุนงงเล็กนอย ทวาก็ตอบกลับไดอยางรวดเร็ว ยิ้มหึๆ แลววา
“พี่สะใภหกลอเลนแลว ปนปกผมรูปหงสนี้พี่หกเปนผูมอบใหทาน ขาไหนเลยจะ
กลารับไว?”
นางเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
“โอ ของมีคาอะไรกัน ถึงขนาดทําใหองคหญิงผิงอันสนใจได เลาใหขาฟงหนอย ให
ขาไดมีความรูติดตัวบาง!”
หลินซูอินมิไดหันมอง แตเห็นผิงอันหันมอง แลวหันมายิ้มใหหลินซูอินโดยไมสนใจ
ปนปกผมในมือของหลินซูอินที่ยื่นใหนาง กอนผละไปหาเจาของเสียง พลางทักทาย
“พี่สะใภสาม เหตุใดทานเพิ่งมา?”
พี่สะใภสาม?
จากนั้นมีเสียงถวายบังคมของคนกลุมหนึ่งดังขึ้นจากดานหลัง
ทานผูนี้ยอมเปนชายาผิงออง
นางมิไดมาเพียงลําพัง ดานหลังนางยังมีชายายงออง ชายาไทออง
ราชสํานักสถาปนาตําแหนงอองขึ้นสี่ตําแหนงดวยกัน ประกอบดวย องคชายใหญยง
ออง องคชายสามผิงออง องคชายหกหมิงออง และองคชายเกาไทออง
พระชายาทั้งสี่เดินเขามานั่งในโตะแถวเดียวกันกับหลินซูอิน
พวกนางมิไดทักทายหลินซูอิน หลินซูอินก็มิไดทักทายพวกเนาง ทั้งสี่นั่งโตะที่ตั้งอยู
แถวหนาสุด สายตาทุกคูลวนจับจองมาที่พวกนาง
หลินซูอินไมพูดจา นางรูวาเรื่องเพิ่งเริ่มตน
“พี่สะใภสาม ทานดูสิ ปนหงสที่พี่หกมอบใหพี่สะใภหกงามแคไหน” ยังคงเปนองค
หญิงผิงอันเอยปากกอน
หลินซูอินเงยหนาขึ้น พอดีสบตากับชายาผิงออง
ชายาผิงอองเห็นนางมองตนนิ่ง สักพักจึงหลุบตาลงแลววา
“ไดยินวาปใหมนี้ที่บานนองหกมีคนมากันหลายคน คิดไมถึงวาจะเปนเรื่องจริง”
วาแลวก็ชําเลืองมองปนหงส กอนแสดงสีหนาที่ยากแยกแยะความรูสึก กอนหันไป
พูดกับผิงอัน
“โอ นองผิงอัน ที่เจาวาคือปนหงสอันนี้รึ? เชนนั้นเจาก็ไมมีทางไดครอบครองหรอก
ของสิ่งนี้ใชวาคนธรรมดาจะใชกันได นั่นหมายถึงชะตาหงสเชียว ผูที่ถูกกําหนดใหเปน
ฮองเฮาเทานั้นจึงจะกลาใช!”
“ฮองเฮา?” ผิงอันสงเสียงตกใจ หันมองหลินซูอ ินหนาตาตื่น “พี่สะใภหกจะไดเปน
ฮองเฮาหรือ?”
สิ้นเสียงผิงอัน ก็มีเสียงหญิงสาวจากดานขางดังขึ้นอยางไมสบอารมณนัก
“หึๆ ไมเห็นหรือวาคนเขาอุตสาหปกปนมาใหพวกเราเห็นกันตรงหนา คนเขามี
ความทะเยอทะยานอยางที่พวกเรารูกันดี ตอไปนองผิงอันตองจําเอาไว อยาไดเสีย
มารยาทตอหนาคนเขาเปนอันขาด!” กอนพูดตอ
“ไมเคยไดยินหรือ? กอนหนานี้กระทั่งสนมหลันพูดจาไมเขาหูนางเพียงไมกปี่ ระโยค
คนรับใชยังถูกนางสังหารดวยความโกรธไปแลวหนึ่ง พวกเราเองก็ควรระวังใหดี!”
ผูพูดก็คือพระชายาขององคชายใหญ หรือชายายงอองนั่นเอง
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ก็รอนไปทั้งตําหนัก
ปง เสียงหนึ่งดังสะทอนกอง
“ตายแลว ทําอยางไรดี พี่สะใภใหญ เมื่อครูที่พวกเราเดินเขามาเหมือนไมไดทํา
ความเคารพทานผูนั้น ทําอยางไรดี เกรงวาเราจะกอเรื่องใหญเขาใหแลว” ชายาไทออง
เอยปากบาง
“ฮาฮาฮา...”
คําพูดชายาไทอองทําใหเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งหอง ตามดวยเสียงกระซิบ
กระซาบจากทุกทิศทุกทาง
ยามที่ผูหญิงทะเลาะกัน บางครั้งก็ทําใหผูคนรูสึกกระอักกระอวนไดมากกวาผูชาย
ห้ําหั่นกันเสียอีก
“ไรยางอายเสียจริง เปนโจรกบฏแทๆ ยังกลามีหนามากรีดกรายอีก!”
“แหม ถามียางอายนางจะกลับมารึ?”
“ชะตาหงสหรือ? ฝนไปเถอะ!”
“ชู เสียงเบาหนอย พูดไมไดนะคํานี้”
“เหตุใดจะพูดไมได หมิงอองยังมีชีวิตอยูแลวอยางไร อยางไรเขาก็มาจากสามัญชน
อยูในเมืองหลวงไมถึงสองปดวยซ้ํา ไมมีทางเปนไปไดหรอก...”
“อยาเพิ่งวาหมิงอองไรสามารถ แมมีวันนั้นจริง ตําแหนงหลังเรือนก็ไมมีทางเปนนาง”
“นั่นสินะ ก็ไมรูวานางจะโออวดไปทําไม? ผูหญิงที่ไมรูกาลเทศะเชนนี้ ดูไปก็แลวกัน
ตองมีจุดจบอยางนาอนาถแน!”
......
ความสามารถในการไดยินของหลินซูอนิ ดีเกินไป แมเสียงเบาแคไหน นางก็ไดยิน
นางคอยๆ หรี่ตา ใจเตนไมเปนระส่ํา กมลงมองปนปกผมในมือ
ยังไมพูดอะไร แตในใจรูสึกโกรธดั่งไฟสุม มิไดโกรธเคืองคําพูดเหลานี้ แตสิ่งที่อัดอั้น
อยูในใจเหมือนจะกดเอาไวไมอยู นางไมสามารถอธิบายกับตัวเองไดวา เหตุใดตองมา
แบกรับอะไรในที่นดี่ วย
นางไมรูวา เหตุใดตนเองจึงตองมานั่งอยูตรงนี้
หรือวาในโลกที่ยุงวุนวายนี้ นางไมมีที่ไปแลวจริงๆ
บานตระกูลหลิน เขาซางชิง นางลวนกลับไปไมได
นางแคอยากอยูอยางสงบ มีที่เงียบๆ ใหสงบจิตสงบใจสักพัก ใหไดคิดโดยไมตองถูก
รบกวนวาตนเองควรจะเดินไปทางไหนตอดี!
นางกมศีรษะ หลับตา ไมอยากขุนของหมองอารมณ ไมอยากตอบโตใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะนางรูสึกวาไมคุม นางไมอยากเปนชายาหมิงอองอะไรทั้งนัน้ คนเหลานี้พุงเปา
โจมตีพระชายา นางไมอยากตอบโตเพื่อสถานะพระชายา
แตในที่สุด หูของนางยังคงไดยินขอสงสัยเกี่ยวกับพรหมจรรย และนางก็มิไดมีความ
เยือกเย็นอยางที่อยากจะเปน ซึ่งในความเปนจริง นางไดแตคิดเอาเองมาตลอดวาวานาง
ไมสนใจเรื่องนี้แลว
อาจเพราะตอนอยูเขาซางชิง นางไมเคยไดยินกับหู หรือตอนอยูจวนหมิงออง ไมมี
ใครกลาพูดตอหนานาง
บอกตามตรง นอกจากวันที่พบกับสนมหลันแลว ก็มีวันนี้แหละ ที่นางเพิ่งไดยิน
คําพูดที่ทํารายจิตใจลูกผูหญิงเชนนี้ อยางไรก็หลีกหนีไมพน!
“ใครไมรบู างวา สมัยสาวแรกรุน นางก็มีเสนหเยายวนผูชายจนเลื่องลือไปทัว่ เมือง
หลวงแลว ชะตาหงสอะไรนั่น จึงเปนเรื่องที่โจรกบฏอยางบิดานางอาศัยความโดงดังของ
นางแตงขึ้นมาเอง เพื่อดึงดูดความสนใจของเหลาองคชาย พวกเจาไมรูหรอกวา งาน
เลี้ยงในปนั้น เรื่องของนางกับหมิงออง ขาก็อยูในเหตุการณ ที่เขาพูดกันวาหมิงอองขม
เหงนาง หึ ความจริงแลวเปนนางตางหากที่ยั่วยวนหมิงออง จงใจสรางโอกาสใหไดพบ
กับหมิงอองสองตอสอง...เสียดาย แผนนี้ความจริงสําเร็จแลว แตนางยังไมพอ ตอมา
เพราะตองการอยูกับเหมยจื้อเฟง จึงยอมบําเพ็ญเพียร ทําเอาชาตินี้หมิงอองเปนอันโงหัว
ไมขึ้น!”
“เฮอะ คนเขามีความสามารถจริงสิไมวา เรื่องของเหมยจือ้ เฟงยังไมจบ นางก็เดิน
เชิดหนาเขาเปนนายหญิงของจวนหมิงอองแลวนี่ ไมรูวาอยูที่หมิงจู ปรนเปรออยางไรถึง
ทําใหหมิงอองพอใจได...”
บรรยากาศในหองกําลังคุกรุน เสียงซุบซิบเหลานี้จึงเบามาก
แตอยางวา ผูบําเพ็ญเพียรอยางหลินซูอินลวนไดยินทุกคํา นางที่พยายามสงบสติ
อารมณ ในที่สุดก็มีสีหนาซีดขาว ศีรษะที่กมมาตลอดเงยขึ้น กอนจะคอยๆ ลุกขึ้นยืน
ในหองพลันเงียบกริบ
สายตาที่จองมองนางมาตลอด กําลังรอดูนางโตตอบ
และในตอนนี้เอง ที่หนาประตูพลันมีเสียงฝเทาดังขึ้น
แตทุกคนลวนจับจองอยูแตหลินซูอิน ไมมีใครมองไปทีห่ นาประตู
หลินซูอินก็ไมสนใจวาหนาประตูมีเงารางของคนผูหนึ่งยืนอยู นางมองไปยังหญิงสาว
รุนราวคราวเดียวกับนางสามคนที่อยูหางออกไปราวสิบเมตร
“ทางที่ดีพวกเจาหุบปากเสีย!” หลินซูอินไมไดเดินเขาหา นางยังยืนอยูที่เดิม ใช
สายตาอันเย็นชาจองมองหญิงสาวทั้งสาม
ไมแปลกที่หลินซูอินรูจักพวกนาง เพราะตอนอยูในเมืองหลวงพวกนางก็ลวนเปน
สตรีสูงศักดิ์ที่มีอายุไลเลี่ยกัน หนึ่งในสามยังเคยเปนสหายที่ไปมาหาสูกันและเคยไปงาน
เลี้ยงในครั้งนั้นดวยกัน
พริบตานั้น สายตาทุกคูก็ยายไปที่หญิงสาวสามนางตามสายตาหลินซูอิน
ใชวาทั้งสามมีฐานะต่ําตอย แตพวกนางมิใชเชื้อสายโดยตรงขององคติ้งอู เปนเพียง
คนรุนหลังที่มีเชื้อสายจากพี่นองขององคติ้งอู สถานะยอมเทียบไมไดกับลูกหลานสาย
ตรง
เดิมที สถานะของทั้งสามสูงสงไมนอยเมื่ออยูนอกวัง คนหนึ่งเปนจวิ้นจู* อีกสองคน
เปนชายาจวิ้นออง*
ทั้งสามพอถูกโตตอบทามกลางผูคนมากมาย ก็เสียขวัญไปสักพัก แตก็สงบลงได
อยางรวดเร็ว หันมองซายขวา เห็นคนมากมายในหองที่ซบุ ซิบเรื่องหลินซูอิน แตหลินซู
อินกลับมาลงดาบที่พวกนาง จงใจขมเหงผูออนแอกวาหรืออยางไร?
“ชายาหมิงออง นีห่ มายความวาอะไร?” สองชายาจวิ้นอองยังไมทันปริปาก จวิ้นจูผู
นั้นก็ชักสีหนาแลว ดวยรูสึกเสียหนา จึงตอกกลับตรงๆ
หลินซูอินจองมองพวกนาง “ขาไมอยากหาเรื่อง แตพวกเจาอยาใหมันเกินไป!”
สิ้นเสียงหลินซูอิน เสียงที่นาเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หนาประตู
“มีเรื่องอะไรกัน?”
ทุกคนคอยหันไปมอง เห็นชายกลุมหนึ่งยืนอยูไมรูตั้งแตเมื่อไหร แตละคนมีบุคลิกไม
ธรรมดา
และกําลังมองมาที่หลินซูอิน
คนพูดอายุราวสามสิบเศษ รูปรางเล็ก บุคลิกเครงขรึม ถามขึ้นดวยความสงสัย
หลินซูอินเห็นพวกเขาแตแรกแลว จึงหันไปเหลือบมอง จําไดวา เขาคือองคชายใหญ
ยงออง ขางกายเขาก็คือผิงอองกับไทออ ง ดานหลังพวกเขายังมีองคชายอีกกลุมหนึ่ง
เห็นชัดวาพวกเขามานานแลว แตไมไดเขามา ตอนนี้ที่เขามาก็เพื่อเตรียมตอนรับ
องคจักรพรรดิ
คนในหองรีบทําความเคารพบเหลาองคชายและอองซึง่ ทัง้ หมดเดินตามยงอองผูนํา
ขบวน
หลินซูอินยังคงขมวดคิ้วมองหญิงสาวทั้งสาม แตเมื่อเหลาองคชายเสด็จ และ
บรรยากาศในหองเปลี่ยน นางจึงหันกายแลวนั่งลง
แตใครเลาจะคาดคิด ยงอองกลับไมปลอยผานเรื่องนี้ หลังฟงคําบอกเลาเหตุการณ
จากคนตรงหนา เขาก็เลิกคิ้วมองบรรดาพี่นอง กอนถามออกมาคําหนึ่ง
“ทุกทานเห็นวาควรจัดการอยางไร?”
“แลวแตพี่ใหญก็แลวกัน!” ผิงอองกับไทอองสบตากันกอนพยักหนา
ยงอองเหลือบมองนองชายทั้งสอง แลวพูดขึ้นชาๆ
“แมเจาหกเปนพี่นองเรา แตพอเกิดเรื่องเชนนี้ พวกเราก็ไมควรใหญาติๆ ตองติดใจ
เรื่องความสัมพันธของคนในตระกูล”
“มีเหตุผล”
“พูดถูกตอง”
ผิงอองกับไทอองสบตากันอีกครั้ง ยังคงพยักหนาแสดงวาเห็นดวย
“ดี ขณะที่เสด็จพอยังไมมา เรื่องนี้เราสามคนพี่นองจัดการกอนก็ดี ไมควรทําให
เสด็จพอตองหัวเสียในวันขึ้นปใหม”
ยงอองพาหญิงสาวทั้งสามเดินเขาหาหลินซูอิน
กับหมิงออง ทุกคนสามารถนับเปนพวกไดชั่วคราว เพราะทุกคนตางไมสนิทกับหมิงออง
เรื่องนี้งายมาก ไมนานนักทั้งสามก็ถูกพามายืนอยูหนาหลินซูอินทามกลางสายตาคน
ในหอง
“พวกเราไมรูวาไปลวงเกินชายาหมิงอองเขาตอนไหน จูๆ ก็มาลบหลูพวกเราตอ
หนาผูคนมากมาย องคชายใหญ องคชายสาม องคชายเกา หรือสถานะเราต่ําตอยจนนา
ขมเหง แตถึงเราจะตอยต่ําอยางไร วันนี้ก็ยังมาถวายพระพรฝาบาท แลวเหตุใดชายาห
มิงอองถึงทํากับเราเชนนี้? ขอทานอองทั้งสามใหคําอธิบายกับนองดวย!”
จวิ้นจูผูนั้นยังอารมณขึ้นอยู
กลุมชายาจวิ้นอองพอไดยินก็รูสึกโกรธ ชายาหมิงอองไมหาเรื่องผูที่นั่งซุบซิบอยูขาง
กาย แตกลับมาลงกับกลุมของนาง รังแกผูออนแอกวาชัดๆ ใครจะทนไหว
ยงออง หันไปสบตากับผิงอองและไทออง กอนหันมองหลินซูอิน ขมวดคิ้วพลางวา
“เหตุใดตองลบหลูทานหญิง?”
หลินซูอินยืนขึ้นอีกตรั้ง ขมวดคิ้วเชนกัน จองมองทานหญิง
“พวกเจาพูดอะไรกันยอมรูอยูแกใจ ขาไมอยากพูดมากอีก เรื่องนี้ใหจบลงเพียงแคนี้
อยาใหขาไดยินเรื่องเหลานี้อีก แมสักคําเดียว!”
“พวกเราพูดอะไรกันหรือ?”
“นั่นสิ พวกเราไมไดพูดอะไรสักหนอย...”
“องคชายใหญ ทานก็เห็น นางยังขูพวกเราไมเลิก!”
คําพูดเหลานั้นหลินซูอินยอมไมพูดซ้ําเพื่อประจานตัวเองแน
ยงอองหนาเครียด ตอหนาคนมากมาย ชายาหมิงอองกลับไมไวหนาอองทั้งสามผู
เปนประธานจัดการ
“เจา...” ยงอองทําทาวาจะพูดอะไร
แตหลินซูอินกลับสุดจะทานทนแลวจริงๆ ทามกลางสายตาผูคนมากมาย นางพลัน
เงื้อมือขึ้น ตบเขาที่ใบหนาของหญิงสาวที่อยูตรงหนาทั้งสามคน
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
ยงอองตะลึงงัน ผิงอองกับไทอองก็ตะลึงงันเชนเดียวกัน
เหลาพระชายาและองคหญิงตางถลึงตาอาปากคางไปตามๆ กัน
กระทั่งผูที่ถูกตบทั้งสามก็ยังตอบโตไมทัน
เสียงตบทั้งสามฉาดทําใหผูคนรูสึกวาในตําหนักปกคลุมไปดวยไอเย็น
บรรยากาศนิ่งคางอยูนาน จนกระทั่งมีเสียงดังขึ้นที่หนาประตู
“ฝาบาทเสด็จ!”
*จวิ้นจู พระราชธิดาที่ประสูติจากเจานายเชื้อพระวงศ ตามธรรมเนียมโบราณที่
เจานายจะไปครองเมือง ธิดายอมเปนนายแหงเมืองนั้นๆ หากแปลตามความหมายเดิม
คือ ‘เจานายแหงเมือง’
*ชายาจวิ้นออง ตําแหนงพระชายาเอกในจวิ้นออง (ตําแหนงรองจากออง) ซึ่ง
ตําแหนงนี้ผูเปนจวิ้นอองสามารถแตงตั้งไดคนเดียว
ตอน 292 การโตตอบของสนมหลัน
แมเปนเจาเหนือหัวกุมชะตาดินฟาสวนหนึ่งอยางไรก็ยังสลัดความเปนมนุษยไมพน
ไมวาจะมีบุคลิกเย็นชาล้ําลึกเพียงใด วันนี้ไดเห็นครอบครัวมารวมตัวกันพรอมหนา
องคติ้งอูก็อดไมไดที่จะเกิดความปลื้มปติ ขณะเดินมือไพลหลังนําหนาฮองเฮาและเหลา
สนมนางใน ใบหนาพระองคจึงดูอิ่มเอิบไปดวยบุญบารมี ความออนโยนปรากฎขึ้นโดยไม
รูตัว
ความจริงแลว ที่ทรงรูสึกสบายอกสบายใจในตอนนี้ นอกจากเพราะไดซึมซับ
บรรยากาศอันอบอุนของความกตัญูที่ลูกๆ มีตอพอแลว ยังมีเหตุผลซอนอยูอีกชั้นหนึ่ง
องคติ้งอูสูงสงดั่งโอรสสวรรค ครอบครองปฐพีทั่วหลา มีหัวใจดั่งมังกรซอนพยัคฆ
ทุมเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิต จับจองหุบเขาและลําธาร หวังวาสักวันจะทําใหแผนดิน
เจริญรุงเรืองดังเชนบรรพชนเคยทําไว
แตนาเศรา คําวาจักรพรรดิที่ทรงไลตามมาทั้งชีวิต จิตวิญญาณอันงดงามที่ตองการ
บําบัดทุกขบํารุงสุขใหราษฎรทั่วทุกหมูเหลา กลับหางไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ...
อาจเพราะ เวลาที่ไดอยูตอหนาลูกหลานและเครือญาติเทานั้น ที่พระองคทรง
สามารถสัมผัสไดถึงบารมีอันสูงสงอยางไรที่เปรียบขององคจักรพรรดิ
และมีเพียงคนเหลานี้เทานั้นที่เห็นพระองคเปนโอรสสวรรค เคารพนบนอบและยอม
จํานนโดยดุสดี อยูตอหนาพวกเขาไมวาพระองคจะตําหนิหรือประทานรางวัลก็ลวนเปน
พระกรุณาธิคุณอันลนพน ซึ่งแนนอนวา ความทุกขและความเศราใจของพวกเขา
พระองคไมสามารถรับรูไดตลอดกาล หรือแมรับรูก ็ไมสามารถยอมรับ
ดังนั้นใหพระองคไดรูสึกสบายใจในวันที่ครอบครัวอยูพรอมหนากันบางเถิด!
“ขอพระองคทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน หมื่นป หมื่นๆ ป...”
องคติ้งอูเดินมือไพลหลังนําขบวนเขามาในหอง
ทามกลางเสียงถวายพระพรที่เหลาองคชาย พระบรมวงศและขาราชบริพาร เปลง
ขึ้นพรอมเพรียงกันสามรอบดวยความเคารพนบนอบเหมือนเชนเคย เสียงสะทอนกองไป
มาขณะทรงกาวเดินอยางสงางามมายืนตรงหนาบัลลังกมังกร ทอดเนตรมองบรรยากาศ
ภายในหอง เห็นทุกคนลวนคุกเขากมหนาคารวะพลางกลาวคําถวายพระพร
พระองคยังไมตรัสใดๆ จึงยังไมมีใครกลาขยับเขยื้อน ทรงทอดเนตรดวยความพอ
พระทัยเปนอยางยิ่ง อดไมไดที่จะเกิดความกระตือรือรน
ในยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง ฉากที่แสดงใหเห็นอํานาจบารมีของ
พระมหากษัตริยพบเห็นไดนอยลงทุกขณะ อยางประเพณีคุกเขาในการประชุมขุนนาง
ทองพระโรงก็ยกเลิกไปนานแลว สวนการเปลงเสียงถวายพระพรสามรอบยิ่งไมตองพูด
ถึง
พระองคละสายตาจากบรรยากาศภายในหอง เหมอมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล ราว
กับวาทรงมองเห็นผืนแผนดินอันกวางใหญ แววตาที่ออนลาและเศราสรอยคอยๆ ถูก
แทนที่ดวยความแนวแนในปณิธานอันแรงกลา
ทรงมองขึน้ ดานบน ราวกับกําลังมองทองฟา และใหคําสัญญาวาปใหมนี้ สักวันหนึ่ง
พระองคตองฟนฟูชาติบานเมืองใหจงได ตองแสดงอํานาจบารมีในฐานะองคพระประมุข
ใหเปนที่ประจักษไปทั่วหลา
เมื่อเห็นองคติ้งอูไมสงเสียงอยูนาน เหลาองคชายและพระบรมวงศยังคงไมกลาขยับ
สวนเหลาสนมนางในก็ยังยืนอยูในตําแหนงที่นั่งของตน พลางเหลือบมององคติ้งอู
เห็นพระองคทรงไมพูดจา ทอดเนตรออกนอกหนาตาง จึงไดแตยืนนิ่ง
สักพัก เมื่อเห็นวาองคติ้งอยูยังคงไมสงเสียงใดๆ เหลาสนมนางในจึงอดไมไดที่จะสง
สายตาประหลาดใจไปยังฮองเฮา ผูซึ่งนั่งเงียบๆ อยูขางกายพระองคและมีหญิงชรายืน
อยูดานขาง
ฮองเฮาเปนผูเดียวที่นั่งอยูภายในหองจัดเลี้ยงขนาดใหญแหงนี้ ดวยอาการปวยที่เทา
ซึ่งไมสามารถยืนไดนาน เรื่องนี้ทุกคนตางรูดี ทวาการที่ฮองเฮามีพระวรกายไมสมบูรณ
ยอมมีผลตอภาพลักษณของประเทศ ดังนั้นหากจําเปนตองเขาประชุมในเรื่องใหญๆ องค
ติ้งอูตองเปนผูพยุงฮองเฮาใหประทับนั่งดวยพระองคเอง เพื่อไมใหชักชาเสียเวลา และ
หลีกเลี่ยงคําครหานินทาที่บั่นทอนบารมีมารดาของแผนดิน
แตขณะนี้ องคติ้งอูกลับละเลยฮองเฮา จึงทําใหเหลาสนมนางในหนาเปลี่ยนสี ซึ่ง
พวกนางมักคิดมากกับเรื่องเชนนี้ คิดวาการที่ฝาบาทจะทําอะไรมักมีจุดหมาย ทุกแววตา
ทุกอิริยาบถ ลวนมีความหมายแฝง นาทีนี้พอพวกนางเห็นสีหนาที่เฉยเมยของฮองเฮา
ซึ่งตางจากหญิงชราที่หนาถอดสี ก็อดที่จะคิดกันไปตางๆ นาๆ ไมได
พวกนางหันมาสบตากัน แลวจึงเริ่มมองไปยังผูท ี่ยืนอยางจงรักภักดี อยูขางกายอีก
ดานขององคติ้งอู พระสนมหลันซึ่งดูสูงสงหรูหราและกําลังกวาดตามองไปรอบๆ
วาไปแลว การที่พระสนมหลันสามารถยืนในระดับเดียวกับฮองเฮาไดนั้นไมใชเรื่องที่
จะเห็นกันไดงายๆ หรือพูดอีกอยางวา ไมถูกตอง!
อันที่จริงตามประเพณีราชวงศเซี่ย นอกจากฮองเฮาแลว อีกตําแหนงที่สามารถออก
ประชุมขางกายองคจักรพรรดิไดก็คือพระมเหสี แตตองรอใหฮองเฮาสิ้นพระชนมกอน
จึงจะไดขนึ้ เปนมารดาของแผนดินแทน
แตดวยจุดสูงสุดของตําแหนงพระมเหสีคือเขาแทนที่ฮองเฮา ที่นั่งขางกายฝาบาทจึง
ไมมีใครกลานั่ง ถึงแมเคยมีคนทําใหเห็นเปนตัวอยาง แตก็ไมมีฮองเฮาพระองคใดที่
สามารถทนเห็นพระมเหสีที่อาจเขาแทนที่ตนไดทุกเมื่อนั่งอยูอีกขางได
ในราชวงศเซี่ย นอกจากสาวงามแหงยุคผูนั้นแลว ก็ไมมีตําแหนงพระมเหสีใหเห็น
อีก คิดไมถึงวา ในรัชสมัยติ้งอู มารดาของแผนดินจะมีพระวรกายไมสมบูรณ โดยเฉพาะ
ชวงที่ถูกทํารายจิตใจอยางหนักจากการสูญเสียพระโอรส ทรงเริ่มเฉยชา เก็บตัวไมคอย
ออกงาน จัดการเรื่องหลังเรือนนอยลง กระทั่งงานเล็กๆ ก็ยังไมยอมปรากฏตัว ซึ่งมี
หลายงานที่จําเปนตองใหฮองเฮาชวยออกหนาให แตแลวจูๆ สนมหลัน สนมคนโปรด
ขององคติ้งอูก็ปรากฎตัวขึ้นในงาน
เมื่อเปนเชนนี้ นางจึงไดรับเลือกจากองคติ้งอูใหออกหนาแทนฮองเฮาเรื่อยมา นาน
วันเขา พอในวังมีงานอะไร แมแตมหาดเล็กสวนพระองคก็ยังตองเชิญพระสนมหลันออก
หนา
แตชวงแรกที่ชวงฮองเฮาออกงาน สนมหลันยังยืนอยูแคดานขาง มีเพียงงานเลี้ยงใน
วังครั้งหนึง่ ที่ฮองเฮาอยูในงานดวย แตองคติ้งอูปวดศีรษะขึ้นกะทันหัน สนมหลันจึงได
เขาปรนนิบัติขางกายตลอดงาน จากนั้นมาก็มิไดยืนดานขางอีก ปรนนิบัติขางกายฝา
บาทมาตลอด...
องคติ้งอูเห็นปฏิกิริยาของเหลาสนมนางในแลว แตยังคงไมสงเสียง ฮองเฮาก็เงียบ
เหลาขุนนางก็เงียบ
เชนกัน ดวยเขาใจดีวาที่ฮองเฮามิไดจัดการเรื่องในวังมานานเพราะเสียพระทัยเรื่อง
พระโอรส สวนเหลาสนมนางในแมไมยอมรับกับพฤติกรรมของสนมหลัน แตก็ไมมีใคร
กลาพูดอะไรออกมา
อยางที่วากันวา เรื่องราวมากมายในโลกมักเปนไปตามผูลงมือกอน แมสนมหลันยัง
มิไดรับการแตงตั้งใหเปนพระมเหสี แตกลับนั่งอยูในที่นั่งของพระมเหสี นานวันเขา เมื่อ
ฮองเฮาไมคัดคาน นางก็ยอมไดรับการเคารพนบนอบจากคนวังหลัง
แตอยางไรก็ตาม ตําแหนงสูงสุดของพระราชฐานชั้นในยังคงเปนฮองเฮาโดยที่ไมมี
ใครสามารถแตะตองได แมสนมหลันจะไดรับความเคารพ แตตราบใดที่นางยังไมถูก
สถาปนาใหเปนพระเมหสี นางก็ยังคงเปนเพียงพระสนม ไมสามารถกระโดดทีเดียวขึ้น
เปนหงสได
แตอยางไรขาวลือยอมมีอยูไมนอย ตําแหนงพระมเหสีที่คนวังหลังไมเคยคิดมากอน
วาจะมี ก็ปรากฎขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้ง หลายคนรูสึกวา มีความเปนไปไดสูงที่สนมห
ลันจะกระโดดทีเดียว ก็ไดตําแหนง ‘พระมเหสี’ ไปครอง
แตใครจะคาดคิดเลาวา เมื่อไมนานมานี้ ฮองเฮาที่สูญเสียพระโอรสไป พลันไดรับ
พระโอรสชื่อกองปฐพีอีกคนกลับคืน และเมื่อไดยินวาหมิงอองที่เคยเกเรสุดๆ และหาย
สาบสูญไปนั้น ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หนําซ้ํายังกอคลื่นความเปลี่ยนแปลงขนาดมหึมา
อยางนาตกใจลูกแลวลูกเลา ทําเอาคนวังหลังงงเปนไกตาแตกไปตามๆ กัน
ตอนมองดูสนมหลันอีกครั้ง จึงยอมมีคนคิดในใจวา แมเจาจะมีเคล็ดลับมัดใจฝา
บาทเพียงใด ที่ทํามาก็เทากับเสียเปลา เหมือนเอาตะกราหวายไปตักน้ํา! และแนนอนวา
เรื่องตําแหนงพระมเหสีอะไรนั่นก็คงตกไป แตวันนี้เมื่อมีฉากนี้เกิดขึ้น จึงทําใหเหลาสนม
นางในใจเตนตุมๆ ตอมๆ
ฝาบาททําเชนนี้หมายความวาอะไร?
ถาเปนปกอนๆ ตองทรงใหความเคารพฮองเฮาตอหนาผูคนอยางไมรีรอ แตวันนี้แม
มิใชงานประชุมระดับประเทศ แตกลับทําเย็นชากับฮองเฮาตอหนาพระบรมวงศานุวงศ
เปนสัญญาณบอกเหตุอะไร?
หรือทรงกําลังทดสอบ? ทดสอบวาหากขาวนี้แพรสะพัดออกไป เหลาขุนนางจะ
ตอบสนองอยางไร ประชาชนจะตอบสนองอยางไร?
ผูคนพุงเปาสายตาไปที่ฮองเฮาซึ่งยังคงนิ่งเฉย เทียบกับสนมหลันที่ยิ่งดูก็ยิ่งงดงาม
ในใจก็คลายถูกสายฟาฟาด หายใจไมทั่วทอง
พริบตาเดียว มีคนคิดไปถึงปจจัยหลากหลาย และเสนอขอโตแยงมากมายใหกับเรื่องนี้
อาทิ ฝาบาทตองการหยิบยืมสายสัมพันธของตระกูลตางๆ ที่สนมหลันสั่งสมไวในวัง
มาเปนฐานอํานาจสนับสนุนบารมีของรัชทายาทองคใหม...
หรือฝาบาทกําลังเตรียมเจรจาประนีประนอมเพื่อยุติสงครามกับคนเถื่อน ซึ่งหมิง
อองคือผูที่อยูรวมโลกกับคนเถื่อนไมได ฝาบาทจึงตองควบคุมหมิงอองเพื่อใชเปนขอ
แลกเปลี่ยนกับคนเถื่อน...
และยังเปนไปไดอีกวา หมิงอองมีชายาเปนบุตรีของโจรกบฏ ซึ่งเปนการลบหลู
บรรพบุรุษ ทําใหฝาบาทกริ้ว...
นาทีนี้องคติ้งอูทรงคิดอะไรอยู ไมมีใครรูได แตตองทรงคิดไมถึงแนวา การเงียบไป
ชั่วครูของพระองค
จะทําใหคนวังหลังคิดไปรอยแปดพันเกา เวลาที่หยุดชะงัก ไดกอเกิดหัวขอตองหาม
ขึ้นในใจของพวกเขา วาดวยเรื่องการปลดฮองเฮา
หญิงชราชักทนไมไหว เมื่อเห็นฝาบาทยังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ การที่ตองเห็น
ฮองเฮาถูกลบหลูกลายเปนขี้ปากของเหลาสนมนางในเปนสิ่งที่หญิงชรายอมไมได ขณะ
รอนรนจนไมสนใจใดๆ เตรียมจะคุกเขาทูลนั้น พลันเห็นฮองเฮาขยับ
ฮองเฮาที่มองทุกคนอยางนิ่งเฉยมาตลอดคอยๆ หลุบตาลง จองมองบริเวณที่หลินซู
อินคุกเขาอยู เห็นมีผูคุกเขาในตําแหนงเปะปะซายคนขวาคน จึงขมวดคิ้ว อาศัยจังหวะที่
องคติ้งอูยงั ไมสงเสียงใดๆ ใชมือตบที่เทาแขนเกาอี้เบาๆ กอนเอ็ดเสียงเบา
“พวกเจาเหตุใดไมอยูถวายพระพรในที่นั่งของตน เปนเชื้อพระวงศประสาอะไร ยืน
สะเปะสะปะโดยไมรูธรรมเนียมปฏิบัติ หรือกระทั่งมารยาทก็ลืมไปแลว?”
หองจัดเลี้ยงอันใหญโตเงียบกริบ ทุกคนตางคิดไมถึงวา องคติ้งอยูยังไมทันพูด
ฮองเฮาที่ดูซึมเซาและพูดนอยมาตลอดพลันชิงพูดขึ้นกอน ทําเอาทุกคนตกตะลึงไป
ตามๆ กัน
ขณะที่หลายคนหนาเปลี่ยนสี หันควับไปมองสนมหลัน จึงไดเห็นสีหนานางเปลี่ยน
กะทันหัน ใบหนาที่งดงามกลับนิ่งคางในพริบตา กอนที่จะแดง แลวกลับคืนสูความปกติ
แตคนที่เห็นฉากนี้ ลวนพากันเลิ่กลั่ก ใครเลาจะไมรูวา นางกําลังอารมณขุนเคืองอยางถึง
ที่สุด
ขณะเดียวกันหัวใจของหลายคนก็เตนระรัว รีบกมหนากมตา ไมกลามองฮองเฮา
กลัววาจะทําใหทรงกริ้วเพิ่มขึ้น ทุกคนลวนคิดวาฮองเฮากําลังพูดกับสนมหลันอยางไม
ตองสงสัย
พวกเขาเพิ่งเห็นฮองเฮากริ้วเปนครั้งแรกในรอบหลายปที่ผาน ทรงตบหนาสนมหลัน
ตอหนาฝาบาทและผูคนมากมายไปหนึ่งฉาดตรงๆ อยางไมแยแสสนใจ
สําหรับฮองเฮาแลว นี่ตองเปนเรื่องใหญเรื่องหนึ่งที่มีผลกระทบตามมามากมาย
อยางแนนอน ทําใหในใจทุกคนยากสงบนิ่งลง แตก็ไมกลาแสดงออก รอปฏิกิริยาของฝา
บาทกอน
สนมหลันกํามือ แมพยายามสงบสติอารมณ แตภายในใจก็ยังรูสึกเกลียดชังสุดคณา
ทวาไมวาจะอยางไร นางก็ไมกลาตอบโตตัดสัมพันธกับฮองเฮาในตอนนี้ จึงไดแตหนั มอง
ฮองเฮาที่นั่งราศีจับดวยสายตาหมองหมน กอนกะพริบตา แลวมองฝาบาทตอ เห็นชัดวา
นางตองการพึ่งพาฝาบาท โดยหวังวาฝาบาทจะสามารถชวยนางโดยการพูดออกมาสัก
หนึ่งประโยค ขอเพียงประโยคเดียวเทานั้น เปนประโยคเรียบๆ งายๆ ที่ปกปองนางได
เปนพอ และจากนี้เปนตนไป นางจะไดเปนผูที่ไดรับความเคารพนบนอบในวังหลังเพียง
หนึ่งเดียว มิใชเจาแหงวังหลังซึ่งไรชอื่ เสียงเรียงนามอีก
ตอน 293 เขาถึงบทบาทยิ่ง
แตแลว องคติ้งอูกลับเพิ่งรูสึกตัว ปฏิกิริยาแรกคืออึ้ง หันมองฮองเฮาที่อยูขางกาย
เหมือนกําลังมองใหแนใจวาเมื่อครูฮองเฮาเปนผูพูดจริงๆ
ทรงมองดูสีหนาฮองเฮา นาทีนี้ ทรงมึนงงเล็กนอย จริงๆ หลายปที่ผานมา ทรงพบ
หนาฮองเฮาชนิดนับครั้งได ไมตองพูดถึงเรื่องทีฮ่ องเฮามิไดเปลงรัศมีความเปน ‘ฮองเฮา’
มานานแลว
เมื่อเห็นองคติ้งอูยังไมเอยปาก และไมมีทาทีโกรธเคืองแตอยางใด สนมหลันก็ดิ้น
พลานในใจ นางรูดี การถูกดูหมิ่นในวันนี้นางไมยอมแน หาไมแลวตอไปถานางยืนขาง
กายองคติ้งอู ก็ตองมีเสียงติฉินนินทาตามมายางแนนอน กระทั่ง...ไมสามารถอยูขางกาย
องคติ้งอูไดอีกตอไป!
ตองกูสถานะคืนใหจงได นางยังคงเชื่อมั่นในองคติ้งอู อยางไรนางก็อยูเคียงขาง
พระองคมานานหลายป ยอมเขาใจพระองคดี
น้ําตาจึงถูกนางเคนออกโดยอัตโนมัติ ดึงดูดสายตาผูคนใหจับจอง จากนั้นคอยกาว
ออกไปขางหนาหนึ่งกาว มาอยูตรงหนาองคติ้งอูและฮองเฮา อาศัยจังหวะที่องคติ้งอูไม
ทันตั้งตัว คุกเขาลงตรงหนาทั้งสองพระองค น้ําตาหลั่งไหลไมขาดสาย สีหนาเศราเสียใจ
ยิ่ง โขกศีรษะใหองคติ้งอู
เหลาสนมนางในพอเห็นฉากนี้ก็รูสึกเครียด ผูที่ไมกลาเงยหนาก็รีบเงยหนามอง
สนมหลันอยางอดไมได ทุกคนตางรูอยูแกใจวาที่นางทําเชนนี้ก็เพราะไมยอมแพ โดย
ยอมรับคําดาวาของฮองเฮา เพื่อที่จะไดเปนฝายเหนือกวา นี่เปนการตอสูกันอยาง
โจงแจงของคนวังหลังเปนครั้งแรก
ไมผิด หากตองการใหคนเคารพแคตอนนี้ สนมหลันยอมไมกาวออกมายอมรับเรื่อง
การไมรูมารยาทของชนชั้นสูงแน แมตองเสียเปรียบจากการทําตัวเปนใบ ก็ยังดีกวาฉีก
หนาใหตายกันไปขาง
สนมหลันมีความทะเยอทะยานสูง เมื่อมาถึงจุดนี้แลว จะใหยอมแพไดอยางไร
โดยเฉพาะนางชัดเจนวา การกลับมาของหมิงออง ทําใหนางตองตกที่นั่งลําบากแน นาง
รอไมได ตองการเพียงโอกาสเดียว รบทีเดียวใหรูผล ขืนมัวรีรอ โอกาสชนะของนางก็จะ
ยิ่งนอยลง อาศัยขณะที่ความสัมพันธของฝาบาทกับหมิงอองไมราบรื่น และฮองเฮาเหิน
หางจากฝาบาทมานาน นางตองลองสูดูสักตั้ง ถาเอาแตรอใหพอลูกดีกัน ฮองเตฮองเฮา
ฟนความรักความผูกพัน ความมุงมาดปรารถนามาหลายปของนางก็เทากับเสียแรงไป
เปลาๆ
สตรีเพศ โดยเฉพาะสตรีในวังหลัง ความปรารถนาในอํานาจบารมีและการตอสูของ
พวกนาง นากลัวกวาบุรุษเพศเสียอีก
“สนมหลัน เจากําลังทําอะไร?”
องคติ้งอูเพิ่งออกจากภวังค ทรงเพิ่งไดสติ แตยังดึงความคิดความรูสึกกลับมาไมหมด
พอเห็นเหตุการณ ก็ทรงขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปจะพยุงสนมหลันใหลุกขึ้นตามสัญชาติ
ญาณ
เมื่อเห็นองคติ้งอูโนมกายลงพยุงสนมหลันตอหนาฮองเฮา เหลาสนมนางในก็ตกใจ
หนาตาเลิ่กลั่กไปตามๆ กัน เบิกตามองอยางระทึกใจ
ฮองเฮามองต่ํา ดูสนมหลันคุกเขารองหมรองไหตอหนาองคติ้งอู ทรงมองไมออกวา
นางมาอารมณไหนกันแน สวนหญิงชราดานหลังพระองคก็จองมองสนมหลันดวยสีหนา
เย็นชา ยากคาดเดาอารมณของนางเชนเดียวกัน แตแววตาหญิงชราไมเหมือนฮองเฮา
ตรงมีเปลวไฟลุกพรึบอยู
ทามกลางสายตาผูคน สนมหลันคอยๆ ยืนขึ้นจากการพยุงขององคติ้งอู แตนาทีถัด
มา นางคลายเหลือบมองฮองเฮาแลวจึงตัวสั่นงันงก คุกเขาลงไปอีกครั้ง ไมสิ ครั้งนี้ตอง
พูดวาถูกทําใหตกใจจนเขาออน นางโขกศีรษะอีกรอบ พูดพลางสะอื้นไห
“ฝาบาท หมอมฉันรูดีวามีโทษสมควรตายหมื่นครั้ง ตายอยางนาสมเพชดวย...”
นางยังไมทันพูดจบ องคติ้งอูก็ขมวดคิ้วแนน คลายไมพอพระทัยจึงเอ็ดเสียงดัง
“วันนี้เปนวันขึ้นปใหม เหตุใดสนมหลันจึงพูดจาไมเปนมงคลเชนนี้? มีเรื่องอะไร ลุก
ขึ้นคอยพูด!”
น้ําเสียงไมพอพระทัยอยางเห็นไดชัด เพราะคําวา ‘ตาย’ เปนคําตองหามในวันนี้ แต
พระองคมิไดคิดแคนี้ เมื่อครูทรงอึ้งไปสักพัก แตตอนนี้ทรงรูสึกตัวแลว มือที่เดิมทีคิดพยุง
สนมหลันขึ้นมาอีกครั้งกลับชะงักเล็กนอย ทรงเลิกคิ้วขึ้น หันมองฮองเฮาพรอมสีหนา
เครงขรึม
ทรงกําลังคิดวา ไมโนมตัวพยุงสนมหลันดีกวา ทรงเขาใจความหมายของฮองเฮา
แลว แตพูดก็พูด ทรงสับสนเล็กนอย ดวยไมพอพระทัยการโจมตีสนมหลันตอหนาผูคน
ของฮองเฮาเชนกัน
สําหรับพระองคแลว เรื่องนี้มิใชเรื่องของสนมหลันเพียงคนเดียว เพราะถาทรงไม
เห็นดวย สนมหลันยอมไมมีวนั นี้ เห็นชัดวา ฮองเฮาไมเพียงตบหนาสนมหลัน ยังสั่งสอน
พระองคตอหนาผูคนอีก!
เปนถึงองคจักรพรรดิผูมีอํานาจลนฟา แมอยูตอหนาวงศาคณาญาติ ก็ตองรักษา
หนา ไมควรถูกสบประมาท
เหลาสนมนางในพอเห็นสีหนาองคติ้งอู ก็รูแลววา ทรงตองตอบโตแน แมฮองเฮา
สามารถบีบใหพระองคพูดไมออก และดูหมิ่นสนมหลันได แตฮองเฮาก็ทําใหพระองคไม
พอใจเชนกัน
จึงเห็นองคติ้งอูไดแตไพลมือไวดานหลัง กอนตรัสเสียงเบา
“วันขึ้นปใหมเปนวันรวมญาติของแตละครอบครัว เชื้อพระวงศเราก็มารวม
รับประทานอาหารเชนกัน วันนี้เพียงมาอวยพรตอนรับปใหม ไมพูดเรื่องอืน่ !”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ดวงตาที่เออลนไปดวยน้ําตาของสนมหลันก็ทอ
ประกาย นางเงยหนาขึ้น จองมององคติ้งอูอยางซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเปนลนพน
ตื้นตันเปนอยางยิ่งที่ทรงปกปองนาง
ตองพูดวาแววตาองคติ้งอูในตอนนี้ ทําใหนางรูสึกยินดียิ่ง บุรุษผูหนึ่ง บุรุษผูเปน
ประมุขของประเทศ องคจักรพรรดิผูตองการอํานาจสูงสุดในการปกครองทามกลาง
สถานการณวุนวาย ยอมตองยอมรับความออนโยนเชนนี้ของนางดวยความปติยินดียิ่ง
เชนกัน
สําหรับคนวังหลังแลว เมื่ออยูตอหนาฝาบาท พวกนางในไมจําเปนตองแสดงบารมี
ความสุขของพระองคเปนตัวชี้วัดศักดิ์ศรีของพวกนาง สามารถทําใหฝาบาทพอพระทัย
พวกนางก็ไดรับความเคารพ แตถาฝาบาททรงกริ้ว พวกนางก็ตกต่ํา
สนมหลันโขกศีรษะใหองคติ้งอูอีกครั้ง ประเมินความพอใจของพระองค กลาวขอ
อภัย แลวจึงเงยหนาขึ้น แตกลับลังเลเล็กนอย รูวาจากทาทีของฝาบาทในวันนี้ ตอไป
ตองไมมีใครกลาติฉินนินทาเกี่ยวกับสถานะของนางอีก แมฮองเฮาลงมือตบนางดวย
ตัวเอง ฝาบาทก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะตอบ ไมมีคําอธิบายใหฮองเฮา ถือเปนการปกปองนาง
อยางทะนุถนอม
นางคอยๆ ลุกขึ้นยืน คิดกาวถอยหลัง แตพอกวาดตามองผูคนที่คุกเขาอยู แลว
เหลือบเห็นปนรูปหงสบนศีรษะหลินซูอินเขา ก็รูสึกโกรธทันใด จึงตัดสินใจไมถอยหลัง
แววตาวูบไหว เดินไปขางหนาหนึ่งกาว คุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา
ขณะที่ทุกคนกําลังประหลาดใจและองคติ้งอูทรงขมวดคิ้วมองมานั้น น้ําตานางก็ไหล
ออกมาอีก
“ทานพี่ นองรูวาวันนี้ควรถูกทานพี่ลงโทษ แตมิใชเพราะคําครหายุยงปลุกปนในวัง
นะเพคะ ทานพี่ในฐานะมารดาของแผนดิน จัดการเรื่องตามกฎระเบียบ มิไดอิง
ความรูสึกสวนตัว ตามที่เคยสอนพวกเราไววาตองจงรักภักดีตอฝาบาท เห็นฝาบาทสุข
เราก็พลอยสุขไปดวย เห็นฝาบาทกังวลเราก็พลอยกังวลไปดวย ในวังแมมีคําพูดมากมาย
ทํารายจิตใจนอง ทําใหนองเสื่อมเสียชื่อเสียง แตนองเชื่อมั่นวา ถาทานพี่ตรวจสอบให
ชัดเจน ยอมตองแยกแยะผิดถูกได และตองไมตําหนิในความจงรักภักดีที่นองมีตอฝา
บาทอยางแนนอน”
เดิมทีเรื่องควรเงียบไปแลว แตสนมหลันกลับมาไมนี้อีก แววตาเหลาสนมนางในจึง
เครงเครียดขึ้น ในใจรูดี วันนี้สนมหลันตัดสินใจไมปลอยฮองเฮาแนแลว
คําพูดวางเขื่องเชนนี้ มีความหมายอยางชัดเจนวา ทานพี่ฮองเฮา ทานขาเจ็บ ทําให
ภาพพจนประเทศดูไมดี และทานยังไมมีกะใจแบงเบาความทุกขของฝาบาทอีก นองยอม
ถูกคนนินทาวารายเสียๆ หายๆ ก็เพียงเพราะตองการชวยทานแบงเบาภาระ ชวยฝา
บาทคลายความกังวล
ตามปกติที่ยืนขางกายฝาบาทซายขวา ก็ไดแตคิดถวายความจงรักภักดีเทานั้น ทาน
ไมเห็นใจความเหน็ดเหนื่อยของนองไมเปนไร แตทานก็ควรคิดเผื่อฝาบาท ไมใชวาตัว
ทานเองทําอะไรไมได ก็ไมอนุญาตใหผูอื่นแสดงความจงรักภักดี หรือทานอยากเห็นฝา
บาททุกขใจ อีกอยางการรวมญาติกันในวันนี้ ทานกลาวโทษนองตอหนาผูคน ทําใหฝา
บาทตองอับอาย นี่ไมใชแคการนอยใจธรรมดา ยังไมเห็นแกสวนรวม ไมเคารพฝาบาท
จิตใจเชนนี้ควรลงโทษใหสาสม
คําพูดนี้ องคติ้งอูยอ มรูความหมายโดยนัย แตขณะเดียวกันสําหรับพระองคแลว
อยางไมตองสงสัย สนมหลันไดชวยกูหนาและชวยแกไขความอึดอัดใจเมื่อครูไปได
ดังนั้นจึงทรงไมสงเสียงใดๆ
สวนฮองเฮาก็มองสนมหลันนิ่งโดยไมพดู จา เหมือนไมมีคําพูดจะตอบโต
ทวาผูคนลวนไมโงงม รูวาสนมหลันใชบารมีขององคติ้งอูบีบใหฮองเฮาพูดไมออก ซึ่ง
ฮองเฮายอมไมสามารถพูดออกมาวา ก็เพราะขาหมั่นไสที่ฝาบาททะนุถนอมเจา ขาไม
อนุญาตใหเจาแบงเบาภาระฝาบาท ยิ่งพูดอีกไมไดวา ที่ฝาบาทใหเจาอยูขางกาย
ในตอนนี้ไมถูกตอง และขาตองการใหฝาบาทหนาแตกตอหนาผูคน
เมื่อตองเผชิญหนากับเหตุการณเชนนี้ คนในวังยอมไมคิดสงสารอะไรฮองเฮาที่ถูก
บีบ พูดก็พูด เรื่องทํานองนี้เปนเรื่องธรรมดาในวังหลัง เมื่อครูฮองเฮาตบหนาสนมหลัน
ไปหนึ่งฉาด
ถาไมมีฝาบาทคอยปกปอง ตอนนี้สนมหลันตองเจ็บยิ่งกวาตายเสียอีก แตพอไดรับ
การปกปองจากฝาบาท สนมหลันตองการเอาคืนเพื่อดับอารมณโกรธเมื่อครูบาง ก็เปน
เรื่องปกติ
แตกระนั้นผูคนยังคงชัดเจนดีวา ฮองเฮาอยางไรก็ยังเปนฮองเฮา ตอนนี้ไมวาจะ
อยางไรสนมหลันก็ยังสูฮองเฮาไมได อยางนอยโดยสถานะเปนไปเชนนี้
แมฮองเฮาสามารถดาวานางไมรูที่ต่ําที่สูงตอหนาธารกํานัล โดยสถานะแลว นาง
ยังคงทําไดเพียงคุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา พูดไดแตคํายกยอปอปน ยอมไมกลาชี้หนาดา
ฮองเฮาเปนแน กระทั่งไมสามารถแสดงความไมเคารพแมแตนอยดวย
แนนอนวาไมมีใครกลาดูหมิ่นนางจากเหตุการณนี้อีก กลับยิ่งกลัวนางมากขึ้นดวยซ้ํา
เนื่องจากในใตหลา การที่หญิงสาวนางหนึ่งกลาแสดงความรายกาจกับฮองเฮา ยอมเพียง
พอที่จะทําใหหญิงสาวนางอื่นๆ ไมกลาตอแยดวย ทวายังมีคนไมเขาใจ สนมหลันลบหลู
ฮองเฮา พูดจาระบายความโกรธเชนนี้ เกรงวาไมคอยคุมคานัก
ฮองเฮามองสนมหลันโดยไมพูดจา และรูวาสนมหลันยังพูดไมจบ หากเปนยามปกติ
ก็คงไมสนใจอะไร แตวันนี้ ทามกลางเสียงเงียบของผูคนที่กําลังลุนวานางจะตอบโต
อยางไร นางกลับไมไวหนาฝาบาท ไมไดใหสนมหลันลุกขึ้น
เหตุการณจึงยิ่งตึงเครียด วันขึ้นปใหมที่อบอุน กลับตองหยุดนิ่งอยูตรงจุดๆ นี้
แมสนมหลันสงสายตาขอความเห็นใจจากองคติ้อู แตพระองคก็ไดแตขมวดคิ้วแนน
ไมมองพวกนางทั้งสอง เห็นชัดวาทรงไมอยากออกโรง ไมอยากออกเสียงปกปองสนมห
ลันอีก เพราะจะทําใหฮองเฮาหาทางลงไมไดเขาไปใหญ แมองคจักรพรรดิมีบารมีเปนลน
พน แตงานเลี้ยงของครอบครัวในวันนี้ ฮองเฮายอมมีธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพบุรุษ
ปกปองคุมครองอยู
ตอน 294 คุกเขาไปกอนก็แลวกัน
เมื่อเห็นฮองเฮายังไมเอยปาก คิ้วขององคติ้งอูก็ยิ่งขมวดแนน
ทรงชอบความเขาอกเขาใจคนของสนมหลัน แตก็ทรงกลุมพระทัย เหตุใดนางตอง
ตอแยฮองเฮาตอดวย ถาขืนยังนิ่งคางอยูเชนนี้ ยอมไมเปนผลดีตอฮองเฮา ยังไมพูดถึง
ความคับของใจ เหตุการณนี้ถาไมกูศักดิ์ศรีคืน ฮองเฮาตองไมสบายใจแน
พระองคสามารถกริ้วใสผูอื่น แตกับฮองเฮา ทรงทําไมได ไมเพียงเพราะสถานะ
ฮองเฮา ยังมีเรื่องเมือ่ ครั้งสงลูกหกไปตายดวย ซึ่งพระองคเองยังคงไมลืมเลือน
โดยเฉพาะหลังจากสิ้นองครัชทายาท ก็ทรงมองหนาฮองเฮาไมติด มนุษยเรา ไมเห็นผูอื่น
อยูในสายตาได แตกับภรรยาคนแรก ทรงไมใสใจไมได จึงทรงเลือกที่จะหนีไมพบหนา
หลายตอหลายครั้ง
ในหอง สนมหลันไมตกใจ นางไมเพียงเขาใจพระองค ยังเขาใจฮองเฮา นางไมแปลก
ใจที่ฮองเฮาไมพูดและใหนางคุกเขาตอไป แตไหนแตไรมานางไมเคยดูเบาบารมีฮองเฮา
ถึงแมฮองเฮาเงียบไปหลายปก็ตาม
ดังนั้นนางจึงเอยปากขึ้นอีกครั้ง ดวยเดิมทีนางยังพูดไมจบ แตที่ตองคุกเขาไมรีบพูด
ตอเชนนี้ เพราะตองการใหฝาบาทเห็นนางตกระกําลําบากแลวรูสึกละอายใจและสงสาร
นางมากขึ้น เห็นนางกําลังทําเพื่อพระองค ยอมถูกฮองเฮาลงโทษ แตเอาเขาจริงนางก็นิ่ง
อยูไดไมนาน จึงวา
“ทานพี่ นองรู ที่ทานพี่ลงโทษนองในวันนี้ เปนเพราะเรื่องเขาใจผิดระหวางนองกับ
ชายาหมิงอองในวันนั้น...”
คําพูดนี้พอหลุดออกมา คนเกือบทั้งหองลวนตะลึงงัน ทุกคนตางหายใจเอาอากาศ
เย็นเขาปอด สนมหลันรายกาจเกินเหตุ คิดทําเรื่องนี้ใหเปนเรื่องใหญ...
นี่ไมเพียงพุงลูกธนูใสฮองเฮาเพื่อแกแคน ยังจอกระบี่ใสองคชายหกอีก!
กระทั่งองคติ้งอูยังเงยหนาขึ้นฉับพลัน แววตาเปยมพลังอํานาจ
ดูไปแลว หลินซูอินชื่อนี้ มีน้ําหนักไมเบาในใจพระองค หรือพูดไดวา อะไรก็ตามที่
เกี่ยวของกับชื่อของโจรถอยหลิน สามารถปลุกเราความเกลียดชังชนิดกระหายโลหิตได
หมด
สายตาหญิงชราคมกริบฉับพลันเชนกัน กมลงจองมองสนมหลันไมวางตา ครั้งนี้
เปลวไฟในดวงตาของนางปกปดไมมิด เปลงรังสีฆาฟนอยางชัดเจน
ทําเอาสนมหลันตกใจ มองดูหญิงชรา แตก็ไมสนใจ นางรูสถานะหญิงชราดี จึงไม
อยากแบงใจไปหาเรื่องดวย ไดแตมองดูฮองเฮาอยางนาสงสาร แตแลวดวงตาที่นิ่งงัน
ของฮองเฮาก็พลันมองนางอยางดุดัน รางนางสั่นระริกโดยไมรูตัว พริบตาเดียวดวงตา
ฮองเฮาก็ใหความรูสึกเชนเดียวกับดวงตาหญิงชรา
สนมหลันรูวานี่เปนดวงตาโลหิตที่มีเจตนาฆาฟน ทําใหนางรูสึกหวาดผวาขึ้น เดิมที
นางแครูสึกกลัวฮองเฮา แตนาทีนี้นางใจสั่น ชื่อเสียงของคนมีอิทธิพลจริงๆ ดูอยาง
ฮองเฮาที่เงียบไปหลายป แมนางกลาแยงชิงอํานาจ แตถาจะใหชี้เปนชี้ตาย นางก็ไม
มั่นใจวาจะชนะ
แตแลวฮองเฮาก็เงียบไปดังเดิม นางจึงรูสึกโลงอก คอยพูดตอ
“ขอทานพี่เชื่อนองนะเพคะ วันนั้นดวยนองเพิ่งพบชายาหมิงอองเปนครั้งแรก จึง
จองมองนางอยูนาน แลวพูดกับนางไปไมกี่คํา มิไดตั้งใจทําใหนางลําบากใจแมแตนอย
แตกลับไมคิดวานางจะตอบและกระทํากับนองแปลกๆ นองเปนหวงวานางอาจอยูกับ
สามัญชนนานเกินไป อีกทั้งผูอาวุโสที่บานก็...”
พูดถึงตรงนี้สนมหลันพลันหยุดชะงัก คลายเพิ่งรูตัว จึงไมพูดถึง แตทุกคนลวนรูวา
นางหมายความวาอะไร นางกําลังจะพูดวา ผูอาวุโสที่บานก็เปนกบฏ จะใหสั่งสอนใหดี
ไดอยางไร ซึ่งจุดนี้ทุกคนที่อยูในหองยอมไมมีใครกลาโตแยงตอหนาองคติ้งอู
สนมหลันพูดตอ “พอนองเห็นเชนนี้ จึงพูดไปอีกไมกี่คํา อาจเปนเพราะเสียงของ
นองดุไปหนอย”
นางเงยหนามองฮองเฮา กอนปรับเสียงใหสูงขึ้นพรอมนัยยะสบถสาบาน
“แตขอใหทานพี่รูไววา นองเพียงพูดไปตามทัศนคติของคนในวัง และพูดไปเพียงนิด
เดียว ไมมีเจตนาลวงเกินทานพี่แตอยางใด นองรูดีวาชายาหมิงอองอยูในตําหนักทานพี่
ยอมตองไดรับการสอนสั่งจากทานพี่ นองไหนเลยจะกลาล้ําเสน นองรูวาตัวเองผิดไป
แลว นองเปนคนดอยการศึกษา ไมกลาเทียบเคียงทานพี่ และไมคิดวาในตําหนักของนอง
จะมีสาวใชนางหนึ่งพูดถึงชายาหมิงอองไปในทางที่ ทางที่...นองไมเห็นดวย หนําซ้ําสาว
ใชนางนี้ยังกลาลวงเกินชายาหมิงอองอีก จึงขอใหทานพี่ใจกวาง อภัยใหนองดวย นองรู
วาตัวเองอบรมสั่งสอนเด็กๆ ไมดีพอ ควรไดรับโทษ เดิมทีควรรีบไปขออภัยทานพี่ที่
ตําหนัก แตยังไมทันไรก็เห็นปรมาจารยองครักษของชายาหมิงอองสังหารสาวใชนางนั้น
ไปตอหนาตอตานอง ซึ่งความโหดรายและนากลัวเชนนี้นองไมเคยพานพบมากอน
อารามตกใจ สลบไสลไปโดยไมรูตัว จึงมิไดไปขออภัยทานพี่ วันนี้นองสํานึกแลวจริงๆ
ตองขออภัยทานพี่ไว ณ ที่นี้ดวย ตอไปนองตองเขมงวดกับคนของนองใหมากกวานี้ ขอ
ทานพี่เมตตา นองไดรับบทเรียนแลว และไมกลาทําผิดอีกเปนอันขาด”
พูดถึงตรงนี้ สนมหลันก็โขกศีรษะใหฮองเฮา และกมอยูอยางนั้น
สายตาทุกคูจึงจองจับอยูที่รางของนางอยางระทึกใจ ไมมีใครคิดมากอนวา ความไม
ลงรอยกันระหวางฮองเฮากับสนมหลันจะระเบิดศึกขึ้นในวันนี้
และไมคิดวาสนมหลันจะกลาชนอยางโจงแจงเชนนี้ นี่มิใชแคแกแคนที่ถูกตบไปหนึ่ง
ฉาดเมื่อครู ทุกคนเชื่ออยางสนิทใจวา นางอาจเตรียมพรอมไวนานแลว อยากฉะกับ
ฮองเฮาดูสักตั้ง ใหรดู ํารูแดงกันไปวาใครจะอยูใครจะไป
ซึ่งใครไมชัดเจนบางวา ที่ฮองเฮาฮึดสู ไมใชเพราะตําแหนงเจาแหงวังหลัง แตเปน
เพราะองคชายหก
ซึ่งไมวาจะมีองคชายหกหรือไม นางก็อาจไมสนใจวาใครจะขึ้นเปนใหญ
แตถาไมมีองคชายหก นางก็อยูของนางไปเหมือนเดิม อยางที่สนมหลันเปนที่นับ
หนาถือตาแตเพียงผูเดียวในวังหลัง สวนนางก็เงียบ ไมพูดจาใดๆ
และตอนนี้นางก็ยังคงเฉยกับการโขกศีรษะของสนมหลัน สถานการณคลายคลึงกับ
กอนหนานี้
แตครั้งนี้ทุกคนรูดีวาไมเหมือนเดิม เพราะจิตใจของฝาบาทไมเหมือนเดิม ไมผิด
รอยยิ้มบนใบหนาพระองคมลายหายสิ้น ทรงมองไปทางหลินซูอนิ แววตาคลายมีระลอก
คลื่นกระเพื่อมขึ้นลง ครั้งนี้ ทรงไมรอใหฮองเฮาเอยปากแลว ทรงยืนมือไพลหลัง กอน
พูดอยางใจเย็น
“สนมหลัน คนในวังไรมารยาทกับเจานาย สมควรถูกประหารอยู!”
“ทรงเมตตาที่ชี้แนะ หมอมฉันจะจดจําไว!”
สนมหลันไมแกตัวแมแตนอย รีบเงยหนารับคําขององคติ้งอู
องคติ้งอูพ ยักหนา แลวหันมองฮองเฮา
“ฮองเฮา เรื่องนี้แมสนมหลันทําตัวไมเหมาะสม ทวาสามัญชนยังรูท ี่ต่ําที่สูง เชื้อพระ
วงศยิ่งตองเปนตัวอยางที่ดี ชายาหมิงอองแมอยูในตําหนักฮองเฮา แตสนมหลันเห็นวาไม
เหมาะสมจึงตักเตือนไปตามความเหมาะสม ขาคิดวา นางมีเจตนาปกปองเชื้อพระวงศ
ไมคิดลวงเกินเจาจริงๆ เพียงแตคนรับใชไรมารยาท จึงทําใหเสียไปหมด เมื่อนางขออภัย
จากใจจริงแลว ฮองเฮาก็ไมควรถือสาหาความอีก”
หลังคําพูดนี้ขององคติ้งอู ฮองเฮาที่เงียบมาตลอด ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาแลว นาง
คอยๆ ละสายตาจากรางที่สะอื้นไหของสนมหลัน มองดูองคติ้งอู
ทวายังคงเงียบ
พอเห็นทั้งสองสบตากัน เหลาสนมนางในทั้งหลายกลับรูสึกตึงเครียด
ไมมีใครรูว านาทีถัดไปจะเกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาจะโตตอบอยางไร ยกนี้ฮองเฮาแพ
แลว หลายคนใจเตนมาจนถึงลูกคอ ขืนฮองเฮายังคงไมไวหนาฝาบาท จากนี้ไป รูปแบบ
การปกครองในวังหลังอาจมีการเปลี่ยนแปลง!
ครั้งนี้องคติ้งอูมิไดหลบสายตาฮองเฮา ทรงมองดวงตาอันสงบนิ่งที่ทงั้ คุนเคยและ
เหินหางของฮองเฮา ไมรูวาทรงคิดอะไรในใจ แตชัดเจน ทรงแนวแนในแววตาวา ‘ใหยุติ
ลงแตเพียงเทานี้!'
ทวาสําหรับฮองเฮาแลว สายตาที่องคติ้งอูมองมานั้นมีความหมายมากมาย
หนึ่งอยางที่รูสึกไดอยางลึกซึ้งก็คือ องคติ้งอูกําลังบอกนางวา ทรงเปนเจาเหนือหัว
สูงสุด แนวคิดของพระองคไมมีใครสามารถสั่นคลอนได รวมทั้งเหลาโอรส สวนนาง
สามารถเปนฮองเฮาที่ผูคนเคารพนบนอบไดนั้นมิใชเพราะเปนมารดาของโอรส แตเปน
เพราะพระองคทรงเห็นชอบตางหาก
หรือยังมีหนึ่งความหมาย องคติ้งอูกําลังบอกวา ทรงอดทนกับพฤติกรรมของหมิง
อองครั้งแลวครั้งเลา อดทนมามากพอแลว หมิงอองขัดคําสั่งก็ทรงอดกลั้น มิไดลงโทษ
ใดๆ
บุตรีโจรกบฏเขาวัง ก็ทรงขมใจ มิไดแสดงทาทีใดๆ
กระทั่งหญิงสาวนางนี้กลาสามหาวในวังของพระองค ก็ยังทรงขมใจ มิไดลงโทษใดๆ
พอแลว มากพอแลว ที่ทรงอดทนอดกลั้นกับเรื่องเหลานี้ได เพียงเพราะทรงเห็นแก
ฮองเฮาและหมิงออง ทรงใหความสําคัญกับสองแมลูกมามากพอแลว อยาไดทาทาย
อํานาจและความอดทนของพระองคอีกเลย
ทุกคนเฝารอปฏิกิริยาตอบกลับของฮองเฮา
ซึ่งฮองเฮาก็คอยๆ ละสายตาจากองคติ้งอู และเอยปากในที่สุด
เพียงแตเสียงของนางกลับทําใหผูที่ลุนระทึกตกตะลึง เห็นนางมองผานสนมหลันไป
ยังองคชายที่คุกเขาอยูดานลางหนาสุดสามพระองค
“ยงออง เจาวา นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
องคติ้งอูตะลึงงัน!
สนมหลันตะลึงงัน!
สนมนางในทั้งหลาย กระทั่งมหาดเล็กขางกายฝาบาทยังตะลึงงัน!
หมายความวาอะไร?
ในสมองผูคนพลันปรากฏคําถาม นาทีถัดมา พวกเขาตางมองตามสายตาฮองเฮา มี
เพียงสนมหลันที่ยังคงคุกเขาอยูอยางเศราสรอยและไมสามารถหันมอง
ขณะเดียวกัน ผูซึ่งตื่นเตนสุดจะเปรียบกอนหนานี้ คอยพบวาผูที่อยูดานลางคลายมี
อะไรไมเหมาะสมจริง...พวกเขาจึงหันมองฮองเฮา แลวหันมองดานลางอีก กลับไป
กลับมาเชนนี้หลายครั้ง แตก็ยังคงโงงมเหมือนเดิม
สนมหลันไมสามารถหันมอง แตสามารถสังเกตสีหนาผูคนดานบนที่มองดูดานลางได
เห็นแววตาพวกเขาคอยๆ แสดงความแปลกใจ และใชสายตาแปลกใจเชนนี้มองมาที่ตน
เปนระยะ
นางรูสึกอึดอัดแทบบา ดวยแยกแยะไมออกวาความแปลกใจในลักษณะนี้
หมายความวาอะไรกันแน พวกเขาเห็นอะไร แมรอนใจอยากรู แตก็ไมกลาหันมอง เพียง
รูสึกวามีกลิ่นทะแมงๆ
นางรีบมองดูองคติ้งอู เห็นสีหนาพระองคเปลี่ยนเปนเครงขรึมทีละนอยๆ แววตาที่
มัวหมองของนางจึงคลายจะบีบน้ําตาออกมาอีก นาทีถัดมา นางพลันพบวาพระองคทรง
กวาดตามองนาง ทําใหนางหนาซีด
สายตาพระองคไมมคี วามออนโยนใหเห็นอีก นางชัดเจนวา ทรงกําลังกริ้ว กริ้วมาก
เสียดวย!
หลังจากมองดูดานลางอีกครั้ง ก็ทรงมองมาทีน่ างดวยแววตาอันรอนรน กอนตรัส
เสียงต่ํา
“เจา...ลุกขึ้น!”
สนมหลันสั่นไปทั้งตัว ริมฝปากสั่นคลายจะสงเสียง แตพอเห็นองคติ้งอูละสายตา
จากตน แลวใชสายตาอันหมองหมนมองไปยังฮองเฮาที่กําลังมองดานลางนิ่ง กอนสะบัด
แขนเสื้อฉับพลัน หันกายประทับนั่งลงบนบัลลังกมังกร แลวจองมองนางอยางดุดัน
เมื่อนางเห็นบรรยากาศเปลี่ยนฉับพลัน ก็ไมกลาลังเลใจอีก คิดลุกขึ้นยืนแลวถอย
กลับที่เดิมเพื่อมองดูเหตุการณดานลาง
แตขณะนั้นกลับไดยินเสียงกลาๆ กลัวๆ ของยงอองดังขึ้น
“เสด็จแมทรงเย็นพระทัยกอน!”
ฮองเฮาไดยินดังนั้นก็ละสายตาจากดานลางมายังสนมหลัน พลางตรัสเสียงเรียบ
“คุกเขาไปกอนก็แลวกัน!”
คําคํานี้พอหลุดออกมา ความสนใจทั้งหมดในหองพลันเปลี่ยนไปอยูดานลางอีกครั้ง
สวนสนมหลันที่กําลังจะลุกขึ้นยืนพลันมองดูฮองเฮา ขณะสบตาและกําลังจะอาปาก
กลับตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นอารมณขุนเคืองที่ลุกเปนไฟแฝงอยูใ นดวงตา นางเห็นดวงตาที่ไม
อนุญาตใหถามของฮองเฮา
ตอน 295 ปกปองซึง่ กันและกัน
ไมผิด ไมอนุญาตใหถาม ทาทีของฮองเฮาเปนทาทีแบบเดียวกันกับยามปกติที่องค
ติ้งอูมักแสดงอํานาจบารมีอยางไรอยางนั้น
เทาของสนมหลันสั่นนอยๆ บอกตัวเองซ้ําไปซ้ํามาวา อยากลัวๆ ฝาบาทบอกใหนาง
ลุกขึ้นแลว ใครก็ขวางนางไมได แตเทากลับไมทําตามใจบอก ความกลัวในสวนลึกบอก
นางวา ไม ไมควรลุกขึ้น...
นางมององคติ้งอูที่นั่งอยูเบื้องบนอยางหวาดกลัว ดวยเห็นสีหนาพระองคหมองหมน
ตลอดทั้งรางยังปรากฏรัศมีบารมีอันนาเกรงขามสุดจะเปรียบอีก
แมนางสงสายตาเวาวอนขอความชวยเหลืออยางไร องคตงิ้ อูก็มิไดมองมา และมิได
ตรัสอะไรหลังฮองเฮาตรัสวา ‘คุกเขาไปกอนก็แลวกัน!’
ทวากลับสงสายตาขูบังคับ พลางตรัสเสียงดังอยางพิโรธ
“พูด พวกเจากลาดีอยางไร ถึงไดสามหาวตอหนาขาเชนนี้?”
คําคํานี้มิไดพูดกับสนมหลัน แตก็ทําใหนางหนาถอดสี รูวาตนแยแน เทาที่กําลังจะ
ลุกที่สุดก็ไรเรี่ยวแรง ซุกศีรษะลงกับพื้น กะพริบตาถี่ๆ ควรทําอยางไรดี ทําอยางไรดี?
ไมเพียงแตนาง เมื่อองคจักรพรรดิทรงพิโรธ นอกจากฮองเฮาแลว ผูที่ยืนอยูขาง
พระองค รวมทั้งเหลาสนมนางในที่ยืนอยูดานลาง ลวนตองคุกเขาลง
“ขอฝาบาททรงเมตตา!”
แมแตยงอองที่เงยหนาขึ้นกําลังจะปริปากพูดก็รีบคุกเขาลง กลุมคนจึงคุกเขาตาม
พลางสงเสียงพรอมกัน
“ขอฝาบาททรงเมตตา!”
จะใหทรงเมตตาอยางไร วันนี้อุตสาหอารมณดีแลว แตก็ไมวายอารมณเสียอีก
บานเมืองยุงเหยิง วังหลังไมสงบ เชื้อพระวงศรุนหลังเหลานี้กลาไมเคารพพระองคกัน
แลวหรือไร?
ทรงเปนที่เคารพทั่วหลา หรือจะทรงสั่งประหารไมได?
“ไรเหตุผผลสิ้นดี!”
องคติ้งอูพ ลันตบโตะ รังสีฆาฟนแผกระจายทั่วราง ดวงตาดุดันดั่งพยัคฆรายจองมอง
ไปยังพระบรมวงศที่อยูดานลางไมวางตา ทรงพิโรธแลวจริงๆ
ทวา ขณะที่กําลังจะปลอยสายฟาฟาด เสียงของฮองเฮาก็ดังขึ้น
“ขอฝาบาททรงเย็นพระทัยไว เหลาองคชายและพระบรมวงศลวนมีมารยาทและ
กตัญูเสมอมา เห็นไดจากการที่ทรงไดรับคํายกยองสรรเสริญจากผูคนไปทั่ว วันนี้เสีย
มารยาทเชนนี้ คิดวาตองมีสาเหตุ อยางไรใหพวกเขาลุกขึ้นพูดกอนจะดีกวา!”
องคติ้งอูระเบิดความโกรธขึ้นแลวจริงๆ แตพอฮองเฮาเอยปาก ก็ทรงกะพริบตา
หลายครั้ง และขมใจไมใหโกรธ มิใชเกรงกลัวฮองเฮา แตเพราะเมื่อครู เรื่องที่สนมหลัน
กอ เพิ่มความลําบากใจใหพระองคยามอยูตอหนาฮองเฮามากขึ้นไปอีก ตอนนี้จึงตอง
พยายามอดกลั้น
แนนอนวาทรงมีบารมี สามารถกริ้วได ไมพอใจได แตกลับไมสามารถกริ้วแลวบอก
ใหนําตัวฮองเฮาไปประหาร ยังคงเปนคําคํานั้น ยังไมตองพูดถึงเรื่องที่วาทรงสั่งใหนํา
ฮองเฮาไปประหารไดหรือไม ที่สําคัญคือทรงเปนมนุษยเชนกัน ฮองเฮาเปนภรรยาคน
แรก และเปนคนในครอบครัวคนหนึ่งในจํานวนไมกี่คนที่ทรงไมสามารถหมางเมินได
องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชาออกมา กอนโบกมือ “ทั้งหมดลุกขึ้น” แลวจึงยืนมือไพล
หลัง หันหลังใหทกุ คน
ทุกคนจึงคอยๆ ลุกขึ้น รวมทั้งหลินซูอนิ ดวย เกือบทุกคนสวนใหญใบหนาเต็มไป
ดวยเหงื่อทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็น
หลินซูอินยังดี พูดตามตรง นางในตอนนี้กลับไมคิดอะไรมาก ไมใชไมรูสึกกลัว แตไม
รูจะกลัวไปทําไม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด นางถูกจูงมือไปตลอด โดยไมสามารถ
เปลี่ยนแปลงได หรือบอกตามตรง จนถึงตอนนี้นางก็ยังไมเขาใจวา เหตุใดตนจึงตองมี
ชีวิตอยูและมาอยูในที่นี้ดวย
อาจเปนเพราะตนไมยินยอมฆาตัวเอง จึงเลือกมาตายในที่นี้
นางเหลือบมองแผนหลังขององคติ้งอู เมื่อเทียบกับฮองเฮาและคนในที่นี้ทั้งหมด
ตองพูดวา องคติ้งอูทําใหนางรูสึกแปลกๆ และสับสนเปนที่สุด
ไมวาอยางไร นางก็เปนบุตรีบานตระกูลหลิน บิดานางกําลังแยงชิงอํานาจกับ
พระองค นางจึงไมรูกระทั่งวาตอไปตนเองควรวางตัวเชนไร
จําไดวา ตอนยังเปนเด็ก นางเคยรูสึกวาทรงเปนจักรพรรดิที่นาเกรงขามที่สุด
ทุกคนลุกขึ้นยืน สนมหลันที่คุกเขาอยูตรงหนาฮองเฮาแววตาวูบไหว ขณะฉวย
โอกาสเตรียมลุกขึ้นยืน พลันไดยินเสียงเบาๆ ของฮองเฮาดังขึ้นที่ขางหู
“เจายังคงคุกเขาไปกอน!”
สนมหลันพลันรูสึกหนาว หลับตาลง รอเวลา แตกลับไมไดยินฝาบาทเอยปากอะไร
ออกมา จึงกํามือแนน จนเล็บจิกเขาไปในเนื้อ รูสึกเกลียดชังฮองเฮาจับจิต สาบานในใจ
สักวันตองลางอายใหจงได
นางยอมมองไมเห็นวา พอฮองเฮาพูดจบ องคจักรพรรดิหันมองผูคนแวบหนึ่ง คลาย
เตรียมหันกายกลับ แตมิไดหันมาคัดคานอะไรฮองเฮาที่ยังคงใหสนมหลันคุกเขาอยู
ทวาการขยับตัวของพระองคกลับทําใหแววตาฮองเฮามืดหมนลง ทรงเขาใจแลววา
ในใจองคติ้งอูมีคนใหมเขาแทนที่แลว
สตรีในใตหลา ใครสามารถตัดใจลงไดงายๆ
ฮองเฮาอยูในตําหนัก มิไดออกมานานหลายปก็จริง แตมิไดหมายความวานางมี
จิตใจที่สงบนิ่งดุจน้ํานิ่งแลว ไมมีใครอยากเย็นชากับผูซึ่งเคยเดินเคียงคูกันมานานหลายป
ทวาไมรูตั้งแตเมื่อไร ไมรูเพราะเหตุใด ระหวางนางกับองคติ้งอูเหมือนคอยๆ
ปรากฎเสนขีดคั่นที่ตางฝายตางไมสามารถกาวล้ําเขาไป นางไมรูวานั่นคืออะไร รูแตวา
มันเปนไปแลวและยังเปนไปอยู
เริ่มตั้งแตตอนหมิงอองหายสาบสูญ นางกับองคติ้งอูก็เหินหางกันไปทุกวันๆ จนผาน
ไปหกป สองสามีภรรยาก็ชินกับความหางเหินเชนนี้เสียแลว
แววตาวูบไหว น้ําตาคลอ นางหันมองหลินซูอินที่ยืนคนเดียวโดดๆ อีกดานหนึ่งตรง
แถวหนา ความรูสึกจึงเปลี่ยน ถอนหายใจเบาๆ น้ําในตาคอยๆ หายไป กลับสูความสงบ
นิ่ง มองดูกลุมคนซึ่งยืนกมศีรษะอยูแถวหนาแลวหันมองหลินซูอนิ อีกครั้ง คอยเอยปาก
เสียงเบา
“ซูอิน มานี่!”
หลินซูอินชะงัก เงยหนาขึ้นมองฮองเฮา คลายดูใหแนใจวาเรียกนางจริง เห็นทรง
มองนางอยางสงบนิ่ง จึงคอยๆ เงีบบ กอนทําความเคารพ “เพคะ”
องคติ้งอูไดยินก็คอยๆ หันกายมา มองไปยังหลินซูอิน นี่ไมใชครั้งแรกที่ทรงเห็นนาง
กอนหนานี้ไมนานก็ทรงเห็นแลว แตมิไดเห็นกันตรงๆ ตอนหลินซูอินขอเขาเฝาและถูก
ปฏิเสธ ทรงยืนอยูต รงหนาตาง มองดูนางเดินจากไป
ทรงจองมองหลินซูอ ินนิ่งโดยไมตรัสใดๆ ไมมีใครมองสีพระพักตรออกวาทรงคิด
อะไรอยู เพียงมองเห็นความไมพอพระทัยที่พระองคทรงเผยใหเห็นอยางไมปดบัง
ทุกคนตางไมแปลกใจ ถาจะบอกวาคนในวังทีท่ ําใหองคติ้งอูไมพอพระทัยเปนที่สุด
ยอมไมมีใครเกินหลินซูอิน สวนพวกยงอองที่สังเกตเห็นวาทรงมิไดเย็นชาใสหลินซูอิน
มากนัก ก็รูสึกโลงอก องคชายทั้งสามหันมาสบตากัน เปนอันรูกันวาควรปฏิบัติตนเชนไร
เหลาองคชายสามารถสงบนิ่งได ทวาเหลาสนมนางในไมสามารถ พวกนางรูสึก
หนาวเหน็บเมื่อเหลือบมองสนมหลันผูซึ่งไดรับความเคารพเพียงหนึ่งเดียวในวังหลังและ
มีอุปนิสัยไมยอมใคร กําลังคุกเขาไมกลาขยับอยูกับพื้น และมองเห็นสายตาฮองเฮาที่
เปลี่ยนเปนกลาๆ กลัวๆ
ฮองเฮาไมสนใจวาคนอืน่ จะมองอยางไร รอจนหลินซูอินกาวเขามาขางกาย จึงมองดู
ปนปกผมบนศีรษะนาง กอนพูดเสียงเบา “ไมเลว!”
ทุกคนที่กําลังจองมองพวกนาง ตางมองตามสายตาฮองเฮาไปยังปนรูปหงส พอได
ยินคําคํานี้ของฮองเฮา ตางก็คิ้วกระตุกโดยไมทันตั้งตัว หันมองสีหนาองคติ้งอูทันที
องคติ้งอูเหลือบมองปนรูปหงสเชนกัน เห็นชัดวาทรงมีสีหนาแยลง ดวงตาวูบไหว
เล็กนอย แตสุดทายก็มิไดเอยปากอะไร หันไปมององคชายทั้งสาม พลันกาวไปขางหนา
หนักๆ หนึ่งกาว กอนตรัสเสียงเย็นชา
“พวกเจาสามพี่นองในฐานะอองบอกขาหนอยสิวา เปนเพราะปกติขาไมไดอบรม
พวกเจาหรือไร ถึงไดทําเชนนี้? ยังไมพูดความจริงออกมาอีก วาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน
ที่ทําใหพวกเจาไรมารยาทเชนนี้?”
ทั้งสามไฉนกลาชักชา คุกเขาลงพรอมกันอีกครั้ง ยงอองในฐานะพี่ใหญยอมตองเปน
คนออกหนา
“เสด็จพอทรงเย็นพระทัย มิใชลูกๆ ไมเคารพเสด็จพอ แตเปนเพราะกอนหนานี้ใน
หองเกิดความขัดแยงขึ้น ลูกกับนองทั้งสองกลัววาจะรบกวนปติสุขของเสด็จพอ จึงตกลง
กันวาใหรีบแกไขปญหาเฉพาะหนาไปกอน ทําใหตอนเสด็จพอมาถึง ทุกคนกลับไปนั่งที่
เดิมไมทัน จึงไดลวงเกินเสด็จพอและเสด็จแม เรื่องนี้เปนเพราะลูกจัดการไมดีเอง ขอ
ทรงลงพระอาญา!”
ความขัดแยง?
คําคํานี้พอหลุดออกจากปาก ผูที่อยูเบื้องบนตางไมเขาใจ วาเหตุใดวันสําคัญเชนนี้
ยังมีคนกลาสามหาวตอหนาพระพักตรอีก พวกเขาจึงอดไมไดที่จะมองไปยังฮองเฮาและ
สนมหลัน พลางคิดในใจ สองทานนี้มิใชผูที่คนรุนหลังอยางพวกเจาจะเทียบเคียงเสมอ
ตนได นี่มันรนหาที่ชัดๆ
ใครกันที่กลาถึงเพียงนี้?
“ใครกัน?”
สิ้นเสียงนี้ พลันเห็นแววตาองคติ้งอูคมกริบ กระเพาะเต็มไปดวยความโกรธ อยาก
เห็นแลววาในใตหลาใครกันแนที่ไมกลัวตาย!
เกือบจะนาทีเดียวกับคําถาม สายตาทุกคูที่อยูดานลางพุงตรงไปยังผูที่ยืนขางกาย
ฮองเฮา หลินซูอิน
สายตาองคติ้งอูคมวาวทันที เดิมทีก็โกรธเปนฟนเปนไฟอยู คราวนี้ ยังเปนนางอีก!
อยางไมตองสงสัย ถาใหจัดการกับคนตระกูลหลิน พระองคยอมไมคิดลังเลใจแมแต
นอย บอกตามตรง ถาสามารถประหารไดละก็ อาจถือดาบไปจัดการเองดวยซ้ํา
ทวาในตอนนี้ ฮองเฮาที่นั่งนิ่งกลับพลันยื่นมือออกใหหลินซูอิน
ทําใหองคติ้งอูที่กําลังกริ้วและจะเอยปากพูดสะดุดกึก คนในหองทุกคนตะลึงงัน แต
หลินซูอินกลับเขาใจความหมายของฮองเฮา แตก็ยังลังเลเล็กนอย สวนหญิงชราที่ยืนอยู
ดานหลังฮองเฮากลับขยับมายืนตรงขามหลินซูอินทันที เพื่อเขาพยุงแขนอีกขางของ
ฮองเฮา
หลินซูอินหายใจเขา เหตุใดนางจะไมรูวา ฮองเฮากําลังชวยนางแกไขปญหา อยางไม
ตองสงสัย ทรงเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได และกลัววาปญหาจะมาลงที่นาง จึงเรียกนางขึ้นมา
ยืนขางกายกอน
นางคอยๆ นิ่งเงียบ พูดตามตรง ตอนนี้ใจนางกระเพื่อมเปนระลอกคลื่น ปกติแม
ฮองเฮามีทาทีเย็นชากับนาง แตจริงๆ แลวดีกับนางจนไมรูจะดีอยางไรแลว
ขณะมองดูแขนที่ยื่นใหตนเอง หลินซูอินไมสนใจอีกแลววาคนในหองกําลังพูดถึงนาง
อยางไร โนมตัวลงพยุงฮองเฮา พลางเคลื่อนพลังปราณเล็กนอย พยุงรางฮองเฮาใหเทา
ทั้งสองสัมผัสพื้น แมถูกพยุง แตเหมือนกําลังคอยๆ เดินไป
หญิงชราและฮองเฮายอมรูสึกไดถึงการกระทําของหลินซูอ ิน ฮองเฮาเหลือบมอง
หลินซูอิน หญิงชราเหงื่อตก ชะงักเล็กนอย เหมือนรอนรนในใจ
แตมือของฮองเฮากลับตีไปที่มือของหญิงชราเบาๆ บอกใบวาอยาลน กอนคอยๆ
เงยหนาขึ้น มองดูผามานขางๆ ที่อยูดานหลังองคติ้งอู
ตอน 296 การโจมตีที่เปนไปตามคาด
เมื่อเห็นการกระทําของหลินซูอิน ฝามือของหญิงชราก็เต็มไปดวยเหงื่อ นางตกใจ
มาก เนื้อตัวสั่น มองตามสายตาฮองเฮาไป
หลินซูอินรูสึกถึงความผิดปกติของหญิงชรา แตไมรูวาเกิดอะไรขึ้น พอมองดูฮองเฮา
ที่ยังมีสีหนาปกติ จึงคิดวาคงไมมีอะไร พยุงฮองเฮาเดินตอทีละกาวๆ ไปนั่งเคียงขางองค
ติ้งอู
นางยอมไมรูวา ในหองนี้ การเดินพลังปราณโดยพลการตอหนาองคจักรพรรดิ เปน
เรื่องที่นากลัวและอันตรายเรื่องหนึ่ง นาทีนี้ หากไมใชฮองเฮาดึงสายตาทุกคนใหมองไป
ที่ผามานดานขาง เกรงวานาทีถัดมาตองถูกพลังอํานาจประดุจสายฟาฟาดลงโทษแน
และนางยังไมรูอีกวา หญิงชราที่อยูอีกดานหวาดกลัวมากขนาดไหน แมฮองเฮา
กําลังชวยเหลือนาง แตก็ไมรูวาทานผูนั้นจะสามารถขมใจไมใหโกรธเกลียดไดหรือไม
ยังดีที่สุดทาย ผามานดานขางไมมีความเคลื่อนไหว ฮองเฮาจึงคอยๆ ดึงสายตากลับ
มองดูองคติ้งอู
องคติ้งอูเห็นฮองเฮาเดินมานั่งขางๆ คิดยกมือขางหนึ่งขึ้นพยุง แตสีหนาพลันเปลี่ยน
กอน จึงมองที่อื่นแทน เปลวไฟที่ลุกโชนในใจพลันหยุดชะงักในพริบตา คลายสายตา
ฮองเฮาเขามาขัดจังหวะพลังความรอนที่กําลังคุกรุนในพระวรกาย ทําใหทรงทําอะไรไม
ถูกไปชั่วขณะ
ไมผิด วันนี้ทรงนึกถึงเรื่องตางๆ หลายเรื่องจนลืมพยุงฮองเฮาใหมานั่งเคียงขาง ทํา
ใหถูกมองเปนจักรพรรดิเลือดเย็น จึงอดไมไดที่จะรูสึกละอายใจ
ความโกรธแคนที่พุงมาถึงริมฝปากถูกขมลงโดยปริยาย แมขณะหลินซูอินพยุง
ฮองเฮาใหกาวเดินมาทีละกาว จะทําใหทรงรูสกึ กริ้วเปนอยางยิ่งก็ตาม
นาทีนี้จึงไดแตพักความโกรธไวชั่วคราว คอยจัดการทีหลัง หันใบหนาที่ทั้งอายทั้ง
โกรธไปยังยงออง กอนเอ็ดเสียงดัง
“ยังรออะไรอยู พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน?”
ยงอองไหนเลยจะกลาชักชา เลาเรื่องทั้งหมดใหฟงอยางโปรงใสตรงไปตรงมา
เหลาสนมนางในไมแปลกใจแมแตนอยเมื่อไดยินวาเรื่องเริ่มตนจากสถานะของหลิน
ซูอิน แตทุกคนก็ยังจองมองปนหงสที่ดึงดูดสายตาอีกครั้งอยางอดไมได กอนยิ้มเย็นชา
พลางคิดในใจ หาเรื่องใสตัวชัดๆ
แตเพิ่งยิ้มเย็นชาหมาดๆ กลับรูสึกหนาวเหน็บ วันนี้ฮองเฮาไดแสดงใหเห็นอยาง
ชัดเจนแลววาทรงสนับสนุนนาง กระทั่งกําลังบอกทุกคนวา ถากลารังแกนางก็ลองดู
ตัวอยางมีใหเห็นแลว กําลังคุกเขาอยูนั่นไง!
ดังนั้น ตอนที่ยงอองกําลังเลาเรื่องราวจึงไมมีใครพูดแทรกแตอยางใด
แตพอเลาถึงตอนสุดทาย ที่หลินซูอินโมโห ตบหนากลุมทานหญิงจนหนาหัน ทุกคน
ในหองก็ตกตะลึง เหลาสนมนางในจองมองหลินซูอินพลางหันหนาซุบซิบกันไมหยุด
แมแตฮองเฮาที่เพิ่งถูกพยุงใหนั่งลงก็ยังนั่งตัวเกร็ง กอนเหลือบมองหลินซูอ ิน
เห็นชัดวา ทรงคิดไมถึง
เชนกันวานางจะลงมืออยางกะทันหัน จึงหันไปสบตากับหญิงชรา ทั้งสองตางพูดไมออก
ดวยไมเคยไดยินมากอนจริงๆ วา พระชายาจะกลาลงมือทํารายพระบรมวงศในวัง
ครั้งแรกก็ทําเอาฮองเฮาปวดเศียรเวียนเกลาเสียแลว
ไมผิด ฮองเฮาสามารถกดดันองคจักรพรรดิไมใหทรงกริว้ ได แตเรื่องนี้ไมเหมือนกัน
การตบตีพระบรมวงศนั้นไมเทาไหร ที่สําคัญคือไมถูกเวลา วันนี้เปนวันซึ่งพระบรมวงศ
มาสวัสดีปใหมองคจักรพรรดิ สวนเจามีศักดิ์เปนเพียงพระชายา แตกลับลงมือตบตีคนรุน
หลังอยางพวกเขา นี่ไมใชเรือ่ งที่จะลอกันเลนได
เรื่องนี้จัดการลําบาก ในวังตองมีคําตอบให มิฉะนั้นจะทําใหเหลาพระบรมวงศเกิด
ความคลางแคลงใจ
ยามประเทศชาติเผชิญวิกฤต พระบรมวงศยอมเปนหัวใจหลักของราชสํานัก ไมวา
พวกเขาจะโลภมากเพียงใด หรือเรียบงายเพียงใด ในโลกที่ยุงวุนวาย กลับมีสิ่งหนึ่งซึ่ง
เปนจุดแข็งเหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือพวกเขาตองพึ่งพิงราชสํานักมากขึ้นอยางหมดหัวใจ ซึ่ง
ถาราชสํานักลมสลาย พวกเขาก็ไมมีขอยกเวน ตองมีชีวิตอยางนาอนาถ แมเปลี่ยนแปลง
การปกครอง กลุมอํานาจใหมก็ไมมีทางละเวนพวกเขา
ดังนั้นอยางไรพวกเขาก็ไมมีทางเลือก ไดแตพึ่งพาอาศัยราชสํานัก พวกเขาจึงเปน
คนที่ราชสํานักไวใจไดมากสุด
และในยามหัวเลี้ยวหัวตอที่ละเอียดออนเชนนี้ เห็นชัดวา ฝามือของหลินซูอินทําให
เรื่องเปลี่ยนไปจนยากจัดการ โดยเฉพาะสถานะของนาง เดิมทีก็เปนเรื่องใหญที่ยาก
จัดการอยู ฮองเฮาไมตองคิดก็รูวา เรื่องในวันนี้จบไมสวยแน พอน้ําหนักหมุนกลับไปที่
พระบรมวงศ พวกเขาก็จะรวมตัวกัน พูดถึงสถานะของหลินซูอิน ประมาณวานางเปนผู
ที่โจรถอยหลินสงมาเพื่อปลุกปนใหพระบรมวงศแตกสามัคคี จึงตั้งใจทําเรื่องเลวราย
เชนนี้ เราตองไมหลงกล
ถาพระบรมวงศทําเชนนี้ แมดูเหมือนเปนการทําใหฝาบาทเดินลงจากเวทีไดอยาง
สวยงาม แตความจริงแลวคําวา ตั้งใจทําเรื่องเลวราย เปนการแสดงเจตนารมณ หากคน
ที่ตั้งใจทําเรื่องเลวราย แลวราชสํานักยังไมจัดการ แตกลับนิ่งดูดาย ปลอยใหคนในบาน
ไมไดรับความเปนธรรม แลวยังจะมีพระบรมวงศทั้งหลายอยูในใจอีกหรือ? แลวจะไมให
ทุกคนเอาใจออกหางไดอยางไร?
ในหองไมมีคนโง กอนที่ทุกคนจะรูเรื่องและองคจักรพรรดิจะเสด็จ พวกเขาจึงไม
สนใจกลับที่นั่งของตน ทําใหหลินซูอนิ กลายเปนผูรนหาที่ตายไปจริงๆ
ทุกคนตางกลัวองคชายหก แตใครจะคาดคิดเลาวาคนในบานขององคชายหกกลับ
ทําเรื่องโงงมเชนนี้ ทุกคนลวนคิดวาไมจําเปนตองใหใครลงมือ นางฆาตัวตายเอง
องคติ้งอูท ี่เพิ่งขมเปลวไฟในใจลง แตมันกลับปะทุขึ้นอีกจนได เพียงแตครั้งนี้ ทรงไม
แสดงออกทางสีหนา เห็นชัดวา อารมณพระองคเริ่มเปลี่ยนเปนเย็นชา
ทรงเห็นโจรถอยหลินเปนมารในใจอยูแลว เรื่องนี้อันทีจ่ ริงไมจําเปนตองใหพระบรม
วงศเปนผูกอ ทรงวางชะตากรรมใหหลินซูอินไวแตแรกแลว โดยจะบอกวาโจรถอยหลิน
เปนผูสงนางมาทําลายพระราชอํานาจของพระองค
หญิงสาวทั้งสามที่ถูกตบกําลังคุกเขาอยูกับพื้น รอยฝามือบนใบหนายังคงอยู พวก
นางเจ็บแคนจนน้ําตาไหล จวิ้นจูนอยนางนั้นก็ไมธรรมดา พอเห็นสถานการณเปนเชนนี้
จึงรีบหยิบผาปกลวดลายพับหนึ่งมาไวในมือ รองหมรองไหพลางวา
“ฝาบาท ที่อันหัวมาในวันนี้ก็เพื่อถวายพระพรในวันขึ้นปใหม นําความสุขในฤดู
ใบไมผลิมามอบให กอนหนานี้หนึ่งเดือนอันหัวตั้งใจอยูกับบานปกผาลวดลายทิวทัศนอัน
งดงามใหฝาบาทโดยเฉพาะ โดยขอใหปใหมนี้ ฝาบาทยังคงปกครองบานเมืองไดอยาง
ราบรื่น ประเทศชาติสงบสุข ประชาชนรมเย็นเปนสุข...”
พูดจบนางก็ยกมือขึ้น เห็นนิ้วมือนางเหมือนมีผาขาวพันไว ชัดเจนวา ถูกเข็มปกทิ่ม
ตําขณะปกผา ตองพูดวา มือขางนี้สามารถทําใหหลินซูอินยากที่จะหลุดพนจากความผิด
ไดจริงๆ
“วันนี้อันหัวเพิ่งพบชายาหมิงอองเปนครั้งแรก เดิมทีรูสึกเบิกบานใจยิ่ง แมไมไดพบ
เสด็จพี่หก แตอันหัวรูวาเสด็จพี่หกตองชอบอันหัวเหมือนเสด็จพี่องคอื่นๆ แน...แตอัน
หัวคิดไมถึงจริงๆ พระชายากลับเห็นวาอันหัวกับพี่สะใภทั้งสองมีสถานะต่ําตอย สามารถ
ดุดารังแกไดตามอําเภอใจ สุดทายยังลงมือตีพวกเราอีก...ฮือออ...ฝาบาท ขอทรงให
ความเปนธรรมกับอันหัวดวย!”
นางอายุไมมาก แตคําพูดและทาทางที่เจ็บแคนกลับสะเทือนอารมณยิ่ง อยางไมตอง
สงสัย นางอธิบายวาหลินซูอินทําเกินไป ไมสิ ไมไดทําเกินไป แตทําเรื่องที่ไมนาใหอภัย
จริงๆ
และขณะที่นางพูดปรักปรําอยูนั้น ชายาจวิ้นอองทั้งสองที่อยูขางกาย แมไมพูดสัก
คํา แตก็สะอึกสะอื้นเสียงเบาคลอตลอด แสดงใหเห็นวาไดรับความอับอายจนเจ็บปวด
เหลือคณา บวกกับทาทางที่นารักนาชัง ถาบอกวาพวกนางสามารถทําใหเขมขนขึ้นดวย
การนําศีรษะเขาชนกําแพง ใครตอใครก็เชื่อ
มาถึงขั้นนี้ สีหนาฮองเฮาเครงเครียดแลว แววตาไมสงบนิ่งดังเดิมอีก มือทั้งสองขาง
ที่วางไวบนตักคอยๆ กําเบาๆ นางกระวนกระวายใจจริงๆ
ที่ผานมานางเก็บตัว ไมสนใจเรื่องราวคนอื่น แตเพราะเรื่องหมิงออง นางถึงตองฟน
คืนอํานาจที่รางราไปนาน เพียงเพราะอยากชวยลูกปดเปาอุปสรรคบางอยาง ในเมื่อลูก
ยืนยันวาตองปกปองพระชายา นางก็ไดแตชวยใหพระชายายืนอยูในวังไดอยางมั่นคง
วันนี้นางประสบความสําเร็จกับการลอปลาใหญอยางสนมหลันใหติดกับและจัดการ
จนเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนวังหลวง แตอยางไรนางก็คิดไมถึงวา จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทําใหนางรูสึกเครียด กวาดตามองฝาบาทที่เย็นชาไปตั้งแตตน นางไมอยากพูดมากอีก
และไมจําเปนตองพูดดวย จึงนิ่งเงียบลง
นางรูวา ตอนนี้นอกจากนางแลว ไมมีใครสามารถปกปองหลินซูอนิ ไดอีก
มีเพียงนาง นางเทานั้นที่สามารถ นางคอยๆ หลับตาแลวลืมตา แววตามืดมน เกรง
วาคงตองนําบารมีที่เหลืออยูเพียงนอยนิดของตนเขาแลกแลว
มิไดคิดเสียดาย เพียงแตเมื่อเปนฮองเฮา มีอํานาจยิ่งใหญ เปนสตรีที่ไมสามารถรับ
การดูหมิ่น พอถูกดูหมิ่น ชีวิตของนาง ไมวาจะเปนกายหรือใจ ลวนแลวแตจบสิ้นลง
และในบันทึกประวัติศาสตร ชื่อของนางก็จะเหลือเพียงตัวแทนของความอัปยศ
ตลอดกาล...
ในใจพลันเยือกเย็นลง หลังจากนางใชทุกสิ่งอยางของตนแลกกับความสงบสุขของ
พระชายาแลว ยอมไมเหลือศักดิ์ศรีที่จะอยูในโลกนี้อีก นางไมกลัว เพียงเสียใจและ
เสียดาย ที่ไมทันไดพบหนาลูกชายที่อยูในแดนไกล
ภายในหองเงียบกริบอีกครา นาทีนี้องคติ้งอูที่ควรพิโรธดั่งสายฟาฟาดกลับนิ่งไมสง
เสียงอยูเปนนาน ทรงหลุบตาลงต่ํา ไมมีใครรูวาทรงคิดอะไรอยู แตสามารถรูสึกไดวา
อุณหภูมิในหองหนาวเย็นลงเรื่อยๆ กระทั่งเตาผิงไฟก็ยังเอาไมอยู
เหลาพระบรมวงศหันมาสบตากัน นาทีนี้ ใจของพวกเขากําลังกระเพื่อม เหมือนเขา
ใจความเงียบของเสด็จพอ ไมผิด พวกเขารูวา สถานะของหลินซูอินมีความละเอียดออน
ถาเสด็จพอเอยปาก หลินซูอินคงหนีไมพนความตาย
พอนางตาย ตองเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ แตแมเปนเชนนี้ สามพี่นองก็ยังหวัง
ใหเสด็จพอประหารนางอยูดี เพราะไมวาสถานการณจะเปนอยางไร ก็เทียบไมไดกับพวก
เขา ถาไมมีพวกเขา สถานการณจะดีแคไหน ก็ทําอะไรไมได
อีกทั้งลําพังโจรถอยหลิน ผูซึ่งเคยเปนขุนนางเล็กๆ ในราชวงศเซี่ย มีชาติกําเนิดต่ํา
ตอย ไหนเลยจะมีปญญาแยงชิงอํานาจที่ปกครองโดยราชวงศเซี่ยไดจริงๆ ความพายแพ
และความตายเปนบทสรุปของโจรถอยหลินตั้งแตแรก ถาไมมีศัตรูตางชาติเขามาคั่น โจร
ถอยหลินยอมถูกลงโทษไปนานแลว
รอใหศัตรูตางชาติถอยทัพกอน โจรถอยหลินก็จะกลายเปนเพียงชิ้นเนื้อบนเขียง ที่
ไมจําเปนตองเจรจาอะไรกันอีก
ความคิดของพวกเขาไมใชเรื่องนาขัน ความจริงแลว การปกครองในระบอบกษัตริย
รวมทั้งองคติ้งอูดวย ตางไมชื่นชอบคนอยางคนตระกูลหลินมาแตไหนแตไร ไมเคยคิดวา
พวกเขาจะสามารถพลิกฟาคว่ําแผนดินได แตเมื่อเหตุการณเปนเชนนี้ พวกเขาก็ยิ่ง
เกลียดเขาไส เห็นคนพวกนี้เปนเพียงสุนัขที่เคยรับใชตาเซี่ย สวนคนเถื่อนเปนเหมือน
สุนัขปา พวกเขาสามารถตอสูกับสุนัขปาได แตไมสามารถอนุญาตใหสุนัขรับใชทรยศเปน
อันขาด
องคติ้งอูกําลังอยูในอารมณโกรธก็จริง แตจะใหตัดสินใจก็ลําบากอยู ทรงยังหวง
สถานการณบานเมือง จุดประสงคที่หมิงอองสงหลินซูอินเขาวัง พระองคยอมมองออก
อยางชัดเจนถึงขอดีขอเสีย แมยากตัดใจใหยอมรับ แตทรงเขาใจ ในเวลานี้เรื่องนี้มีขอดี
มากกวาขอเสีย ดังนั้นจึงทรงเฝามองนางเขาวังอยางเงียบๆ ในระยะที่ไมใกลไมไกล โดย
ยังไมขับไลนางไป มองนางเปนเพียงหมากตัวหนึ่งที่ทรงวางไวกอนคอยวากัน
ครุนคิดสักพัก จึงทรงหรี่พระเนตร มองหลินซูอนิ กอนตรัส
“ใครใหเจากลาขนาดมายืนอยูตรงหนาขาได?”
หลินซูอินเงยหนามององคติ้งอู ขยับเล็กนอย กําลังจะหันกายมาเผชิญหนากับองคติ้งอู
ตอน 297 กบฏ
หลินซูอินรูดี ตนอาจจบชีวิตลงในไมชา นางยืนอยูบนนี้นานแลว ไมมีใครรู นางคิด
อยูตลอดเวลาวาควรมีทาทีอยางไรดี ในฉากสุดทายที่ตองเผชิญหนากับองคติ้งอู
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังคิดอยู แตในที่สุด ใบหนาสะสวยลมเมืองก็ใชดวงตาอันใส
กระจางมองดูพระบรมวงศทั้งหลายที่อยูกันเต็มหอง แลวคอยๆ ทําใจใหสงบนิ่งลง
จนนาทีสุดทาย นางกลับพบวาตนเองคิดมากไปจริงๆ ในที่นี้ นางเปนเพียงบุตรีโจรถอย
คนในที่แหงนี้ไมมที างอยูรวมโลกกับนางได แลวจะคิดฟุงซานไปทําไม อยางไรก็ตาม
นางยังเปนคนตระกูลหลิน ไมวาคนตระกูลหลินจะทําอยางไรกับนาง นาทีสุดทายนี้ ถา
ใหนางเลือกสลักอักษรบนแผนปายหลุมฝงศพ หนึ่งเดียวที่สลักไดก็มีแตคําวาบุตรีตระกูล
หลินเทานั้น
นอกจากสิ่งเหลานี้ นางยังจะมีอะไรอีกเลา?
นางจึงยืนตัวตรง คิดหันกาย ปรารถนาใหนาทีสุดทายนี้ นางไดทําเพื่อบิดาที่เลี้ยงดู
นางมา แสดงความกตัญูอีกครั้ง นางจะไมยอมกมศีรษะรับความตาย ไมรูวาสุดทาย
แลวบิดาจะมีจุดจบเชนไร แตอยางนอยนาทีนี้ นางควรสนองตอบความทะเยอทะยาน
ของบิดา ใชสถานะองคหญิงของประเทศเขาเผชิญหนา
ทวาขณะที่นางไดตัดสินใจแลวนั้น แขนของนางพลันถูกฮองเฮาดึงเอาไว ทามกลาง
สายตาทุกคู หลินซูอินหันมองฮองเฮา ฮองเฮาสบตากับนางอยางสงบนิ่ง พลางพูดเสียง
เบากวาเมื่อครู
“ไมตองกลัว เมื่อทําผิด ก็ตองยอมรับผิด ไปคุกเขาใหเสด็จพอของเจา!”
ดวงตาที่มืดหมนของหลินซูอนิ พลันนิ่ง ความคิดตอตานตามสัญชาติญาณปะทุขึ้น
นางขยับแขน คิดสลัดใหหลุดจากพันธนาการของฮองเฮา นางไมอยากคุกเขา!
แตฮองเฮาจับแนนมาก และยังจองนางเขม็งอีก ปมในใจหลินซูอินก็แนนเชนกัน ไม
ผิด นางสามารถใชพลังภายในสลัดหลุดจากแขนฮองเฮา แตเหตุการณที่ฮองเฮาปกปอง
นางเมื่อครู นางยังจําไดดี
ทุกคนในหองกําลังมองดูการกระทําของพวกนาง ฮองเฮาเพียงจองมองหลินซูอิน
ไมใหนางทําการตอตาน แตสุดทายหลินซูอินกลับมองลง นางคุกเขาแลว แตมิไดคุกเขา
ใหองคติ้งอู กลับคุกเขาใหฮองเฮา
นางกมศีรษะ แขนยังคงอยูในมือฮองเฮา และเหมือนฮองเฮาไมขยับเขยื้อนแมแต
นอย ยังคงจับนางไว แลววา
“เปนความผิดของขาเองที่ไมไดอบรมเจา ไมจําเปนตองคุกเขาใหขา ควรไปขออภัย
กับเสด็จพอเจา!”
“ฮองเฮา...”
ทามกลางสายตาผูคน หลินซูอินยังไมเงยหนาขึ้น แตกลับสายศีรษะไปมา เคลื่อน
พลังปราณที่แขน คิดสลัดออกจากมือฮองเฮา
แตขณะที่นางเคลื่อนพลังปราณ พลันรูสึกวาแขนของตนแข็งทื่อ ไม ไมเพียงแขน
ตลอดทั้งรางเหมือนถูกฟาดินกดทับไวอยางไรอยางนั้น เหตุใดนางจึงไมสามารถสลัดแขน
ที่ออนแอไรเรี่ยวแรงของฮองเฮาออกไปได
หลินซูอินสะดุง เงยหนาขึ้นตามสามัญสํานึก รูสึกตื่นตกใจ แตแววตาฮองเฮายัง
มั่นคงอยูอยางนั้น
ทุกคนรวมทั้งฮองเฮา ไมมีใครสังเกตเห็นวาปอยผมขางหูหลินซูอนิ คลายถูกแรงลม
สายหนึ่งพัดจนปลิวขึ้น ดวงตาหลินซูอินฉายแววงงงันวูบ เบิกตามองฮองเฮา
สักพัก นางก็รูสึกวาวุนและเจ็บปวด จึงหลับตาแลวลืมตา มองดูฮองเฮาที่อยู
ตรงหนาอีกครั้ง ยังคงรูสึกลังเลใจ แตสุดทาย นางก็พยักหนาใหฮองเฮา
ฮองเฮามองดูนางอยูพักหนึ่ง คอยปลอยมือออก หลินซูอินจึงลุกขึ้น ยกเทาอันหนัก
หนวงกาวไปยืนตรงหนาองคติ้งอู หลุบตาลง หายใจเขาลึกๆ ในที่สุดก็คุกเขาลง
องคติ้งอูคอยๆ ประทับยืน ทรงเห็นความเคลื่อนไหวเมื่อครูของหลินซูอินกับฮองเฮา
อยางชัดเจน หญิงสาวนางนี้แสดงจิตใจขบถใหเห็นอยางเปดเผย
พระองคยังคงมีสายตาเย็นชา หากเมื่อครูหลินซูอินไมปฏิเสธและคุกเขาลงอยางวา
งาย พระองคอาจใจเย็นลง และอาจไดดูหมิ่นโจรถอยหลิน
แตนางกลับแข็งขืน จากทาทางที่แข็งกราวเมื่อครู ทําใหเปลวไฟในใจพระองคลุก
โชนจนสามารถแผดเผาไดทั้งตําหนัก นางโจรกบฏ ถือดีอยางไรถึงไดยอมหักไมยอมงอ?
เจาอาศัยอะไรทําตัวสูงสงตอหนาขาหรือ?
องคติ้งอูมที าทีเหมือนตอนแรกที่เขามา เชิดพระพักตรมองไปยังขุนเขาและสายน้ําที่
หางไกล กอนตรัสอยางยิ่งใหญทีละคํา
“ชายาหมิงอองหลินซูอิน ตั้งแตเสกสมรสเขาเปนหนึ่งในสมาชิกราชวงศ ไมสนใจ
กฎเกณฑ ไมเคารพกฎหมาย...”
เสียงขององคจักรพรรดิสะทอนไปมาในพระตําหนัก ทุกคนตางตื่นเตน ตั้งใจฟงจน
แทบกลั้นลมหายใจ
สีหนาสงบนิ่งเรื่อยมาของฮองเฮาพลันแปรเปลี่ยน นางฟงเพียงไมกี่คํา ก็รูแลววา
องคติ้งอูตองการขับหลินซูอินออกจากสมาชิกเชื้อพระวงศใหเห็นๆ กัน
นางอึ้งไปสักพัก ถลึงตามองและหรี่ตาลง กอนเอยปากขัดจังหวะ
“ฝาบาท!”
“ฮองเฮา!” องคติ้งอูหันมองทันที
พุงสายตาอันคมกริบมาที่ฮองเฮา นาทีนี้ พระองคไมอนุญาตใหคัดคาน ไมวาใคร
หนาไหนทั้งสิ้น!
ฮองเฮาอยากพูด แตหญิงชราที่อยูดานขางกลับเห็นสถานการณไมสูดี จึงรีบจับมือ
ฮองเฮาพลางสงเสียงปรามเบาๆ “ฮองเฮา ฮองเฮา!”
แตองคติ้งอูไมรอใหฮองเฮาพูด หันมองสนมหลันที่คุกเขาอยูกับพื้น พรอมเอ็ดเสียงดัง
“สนมหลัน ยังไมลุกขึ้นอีก!”
สนมหลันกําลังดูฉากอันนาอนาถของหลินซูอินอยางสะใจ พอไดยินเสียงองคติ้งอู
เรียกก็ตกใจ สมองประมวลผลสักพัก คอยรูตัววาองคติ้งอูใหนางลุกขึ้น จึงตัวสั่นเทิ้ม รีบ
ขอบพระทัย คอยๆ ลุกขึ้นยืน ปรากฎรอยยิ้มยินดีเต็มใบหนา รีบกาวเขาหาองคติ้งอู
ขณะกาวผานหลินซูอินที่กําลังคุกเขา ยังชะงักฝเทาครูหนึ่ง เหมือนกําลังประกาศวา
เฮอะ คิดสูกับขารึ...
ขณะกําลังไดใจ ยังคิดสงสายตาเยยหยันฮองเฮา แตอาจเพราะยังตกใจไมหายกับ
เมื่อครูที่ฮองเฮาจัดการกับตน จึงยังไมกลาพอ รีบกาวเขายืนขางกายองคติ้งอู แลวคอย
มองฮองเฮา
นาทีนี้ ทุกคนลวนเขาใจ ฝาบาทกริ้วฉับพลัน จึงใชสนมหลันเตือนสติฮองเฮา
ทวาฮองเฮากลับไมกลัว ไมวาหญิงชราปรามอยางไร นางก็ไมสามารถมองดูหลินซู
อินถูกขับออกจากสมาชิกราชวงศ นางยังไมลืมคํากําชับของลูกชาย ดังนั้นไมวาอยางไร
นางตองปกปองหลินซูอินใหได
แตองคติ้งอูไมใหโอกาสนางอีก ทรงจองมองผูทคี่ ุกเขาอยูกับพื้นและกําลังเงยหนา
ขึ้นจองมองพระองค
สายตาหลินซูอินสงบนิ่งมาก สงบนิ่งจนทําใหยิ่งพิโรธ
ฉากนี้แมหลินซูอินเคยจินตนาการอยูหลายครั้ง แตนาทีนี้ ขางหูนางก็ยังมีเสียงดัง
โหวงๆ และนางยังรูสึกเจ็บปวดอยางที่ไมเคยคิดมากอน
เหตุใดนางจะไมรู สตรีนางหนึ่งเมื่อถูกขับออกจากการเปนเชื้อพระวงศมีสาเหตุ
อะไรบาง นางไมสามารถจินตนาการไดวาความอัปยศอดสูเชนนี้จะนากลัวเพียงไหน
พูดไดวาสําหรับสตรีเพศแลว โทษทัณฑที่นาสมเพชที่สุดในโลกก็มีไมเกินนี้ ขางหู
นางยังมีเสียงดังโหวงๆ ชั่วขณะหนึ่งนางนึกเสียใจ นางไมนาคุกเขา
พอคุกเขา นางก็ไมมีบานใหกลับ ปายหลุมศพของนาง ตอจากนี้ไปก็ไมสามารถระบุ
ใดๆ ไดอีก
ตระกูลหลินไมมีวันยอมรับความอัปยศนี้ เชื้อพระวงศยงิ่ ไมยอมรับ
ทวาก็แคความคิดชั่ววูบ ไมแนวาหลังจากนางตายไป อาจไมมีโอกาสฝงดวยซ้ํา แลว
จะมีปายหลุมศพไปเพื่ออะไร
บอกตามตรง คนเราอาจไมกลัวตาย แตนางในนาทีนี้ กลับเดียวดายจนหาที่เปรียบ
ไมได คนเรามีชีวิตในชาติหนึ่ง เสมือนตนไมมีชีวิตในฤดูหนึ่ง พอตองเผชิญหนากับจุดจบ
จริงๆ จะไมใหหัวใจที่มีเลือดเนื้อ เกิดรูสึกเศราเสียใจไดอยางไร
นางมององคติ้งอูอยางสงบนิ่ง ซึ่งตอมาองคติ้งอูพ ูดอะไรนั้น นางไดยินไมชัด แตกลับ
ลุกขึ้นยืนตามจิตใตสํานึก คอยๆ ยืนตัวตรง รอจุดจบ
นางไมเคยคิดวาสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรไดอกี อันที่จริง นางเดินทางไปหลายที่ ก็
ยังไมพบผูที่สามารถชวยนางไดสักคน แนนอน นางเองก็ไมคิดวาจะไดรับความชวยเหลือ
นางรูสึกวางเปลา จนไมไดสังเกตวา องคติ้งอูมิไดประกาศคําพิพากษาถึงความผิด
ของนางตอ ยิ่งไมไดสังเกตวาในหองมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
จางปงลี่
ทวานางก็ฟงไมชัดอีกวาจางปงลี่พูดอะไรกับองคติ้งอู
พอนางจองมองใหชัดเจนอีกครั้ง สิ่งที่เห็นก็คือ องคติ้งอูถลึงตามองนาง
ทุกอยางเงียบลง หลินซูอินอยูทามกลางความเงียบ ยืนอยูคนเดียวในตําหนัก จอง
มองสายตาขององคติ้งอู คอยๆ ดึงความคิดจิตใจกลับคืน
นางยอมไมรูวาองคติ้งอูเปนอะไร และไมเห็นมีใครมาจับตัวนางไป จึงละสายตา หัน
มองผูที่อยูขางกาย
หางออกไปไมไกล ผูที่กําลังยืนโคงตัวพรอมหนาผากที่เต็มไปดวยเหงื่ออยางจางปงลี่
นางสังเกตเห็นวารางของจางปงลี่กําลังสั่นเทิ้มไมหยุด ขณะเดียวกัน เขาก็หันมอง
นางเชนกัน นางอึ้ง มองออกวาแววตาจางปงลี่มีความเกรงกลัวชนิดอยากปดก็ไมมิด
หลินซูอินเลิกคิ้วขึ้น นางรูสึกวาไมถูกตอง จึงเงยหนามองฮองเฮา กลับเห็นฮองเฮามี
ความปลาบปลื้มอยูเต็มใบหนา หนําซ้ํายังมีน้ําตาสองสายไหลอาบสองแกมขณะสบตา
กับหญิงชราที่กําลังตื้นตันใจเชนกัน
คนอื่นๆ ที่อยูรอบๆ แตละคนมีสีหนาแตกตางกันไป สายตาคนสวนใหญยังมองมาที่
นางเหมือนเมื่อครู แตพอนางมองกลับ สายตาของทุกคนก็พลันสับสน กอนหลบสายตา
นาง โดยเฉพาะเหลาสนมนางในที่ลวนไมยอมสบตานาง เหมือนกําลังหลีกเลี่ยง
หลินซูอินกัดริมฝปากเบาๆ ในที่สุดนางก็รูแลววา ชั่วขณะที่นางอยูในภวังค ตองเกิด
เรื่องอะไรขึ้นแน
นางไมรูวา นางพลาดเหตุการณไปเสี้ยวเวลาหนึ่ง หากนางที่เหมือนวิญญาณ
ลองลอยในเสี้ยวเวลานั้นไดยิน ก็ตองตื่นตระหนกกับขาวสะเทือนขวัญนี้เชนกัน
เปนขาวที่จางปงลี่นํามา
“คืนวันสงทายปเกา หมิงอองแหงราชสํานัก กุมกระบี่เดินทางพันลี้เพียงลําพัง หนึ่ง
กระบี่ หนึ่งคืน หนึ่งพิโรธ ลางบางหนึ่งภูเขา!”
นางไมไดยินขาวนี้ ทวาหลังบรรยากาศนิ่งคางไปพักหนึ่ง ในที่สุดองคติ้งอูก็เอยปาก
ขึ้น ครั้งนี้นางไดยินอยางชัดเจน
“เนื่องจากหมิงอองไดตอสูเพื่อประเทศชาติอยูนอกเมือง มีความดีความชอบ ขา
ใครครวญแลวเห็นวา สมควรใหชายาหมิงอองอยูใ นวังชั่วคราว เพื่อใหฮองเฮาอบรมสั่ง
สอนดวยองคเอง หวังวาจะทบทวนความผิดและสํานึกได...”
ตอน 298 ชนะหรือแพ
งานเลี้ยงวันขึ้นปใหมปดฉากลงดวยการที่องคติ้งอูรีบรอนเสด็จนําจางปงลี่ออกจาก
งานไป
กระทั่งคําพูดตามพิธีการก็ไมทันไดกลาว เพียงฝนกลาวคําตัดสินอยาง
ประนีประนอมใหกับหลินซูอินไปเมื่อครู แลวก็รีบรอนจากไป ทิ้งเหลาพระบรมวงศที่มา
ถวายพระพรวันขึ้นปใหมไว
พอไมเห็นเงารางพระองคแลว หลายตอหลายคนรูสึกเหมือนตื่นจากฝน ยืนนิ่งอยูที่
เดิม หันมาสบตากันอยางงงๆ ไมมีใครรูวาจะเผชิญหนากับขาวนาขนลุกที่ไดยินเมื่อครู
อยางไรดี ยิ่งไมมีใครรูวา ตอนนี้เวลานี้ควรไปหรือควรอยูตอดี
บรรยากาศกดดันในหองจึงคุกรุนขึ้น ทุกคนลวนรูสึกหวาดหวั่น จึงหุบปากเงียบ
หรืออาจเปนเพราะทั้งหองมีหลินซูอินเพียงคนเดียวที่ยังยืนตะลึงงันอยู ดวยไมรู
สถานการณแนชัด ไมเขาใจวาเมื่อครูทั้งๆ ที่องคติ้งอูกริ้วมากขนาดนั้น แตเหตุใดสุดทาย
กลับกลายเปน ‘กักบริเวณชั่วคราวในวัง ใหฮองเฮาอบรมสั่งสอน?’
นี่...
ขณะที่นางกําลังครุนคิดอยูนั้น กลับรูสึกไดวามีคนจองมองมา พอเงยหนาขึ้น ก็สบ
กับดวงตาที่ไมสามารถหาคํามาเปรียบเปรยไดของสนมหลันพอดี
โกรธแคน มืดมน อิจฉา...
สนมหลันไมสามารถขมใจตนเอง นางบาไปแลว กระทั่งอยูทามกลางผูคน ริมฝปาก
ยังสั่นไมหยุด ยากควบคุมรังสีฆาฟนจากความโกรธแคนที่อัดแนนอยูในดวงตาขณะจอง
มองหลินซูอิน
เพราะอะไร?
เปนไปไดอยางไร?
หลายปมานี้ นางมุมานะจัดการเรื่องราวอยางระมัดระวัง ตองแบกรับความไมเปน
ธรรมไปเทาไร อดทนกับความขมขื่นไปเทาไร ทุมเทวางแผนเทาไร จนในที่สุดก็ไดพบ
แสงสวาง...
ขาดอีกเพียงนิดเดียว นิดเดียวเทานั้น เพียงรอนาทีนั้น นาทีที่ฝาบาทจะตัดสินโทษ
ตายใหกับหลินซูอิน ก็จะทําใหบิดาและบุตร ฝาบาทกับหมิงอองขัดแยงกันตอ และ
ฮองเฮาเกลียดชังฝาบาทไปชั่วชีวิต!
ไมมีใคร
ถึงตอนนั้น ยอมไมมีใครสามารถขัดขวางกาวยางในการขึ้นสูตําแหนงมารดาแหง
แผนดินของตนไดอีก และยอมไมมีใครกลาสงสัยสถานะสูงสุดในวังหลังของตนไดอีก!
ถูกตอง ใชเวลาเพียงไมกี่ป ไมกี่ปจริงๆ ที่นางสามารถชวยใหองคชายเกาที่ยัง
เยาววัยขึ้นครองบัลลังกได หลังจากนั้นแผนดินนี้ นาง ก็คือพญาหงสที่จุติลงสูใตหลา!
แตแลว ในนาทีสุดทาย ทุกอยางกลับเปลี่ยนไปหมด เปลี่ยนไปหมด!
หมิงอองที่สมควรตายปรากฏตัวขึ้น ใชหนึ่งกระบี่ตัดหนทางสูความรุงโรจนของนาง
ขาดสะบั้น!
‘เหตุใดมันไมตาย? เหตุใดไมไปตายเสีย?’
สนมหลันเปลงแววตาอาฆาตออกทุกทิศทาง นางกําลังจะบา เกลียดจนคลุมคลั่ง!
นางเกลียด อยากพุงเขาหาหลินซูอิน แลวฉีกนางแพศยาที่กลาดูหมิ่นตนเอง
ออกเปนชิ้นๆ แตทําไมได!
แนนอน ที่นางเกลียดมิไดมีหลินซูอินเพียงคนเดียว แตถึงโกรธแคนอยางไร จิตใต
สํานึกก็ยังคงเตือน ไมใหนางใชสายตาเชนนี้จองมองฮองเฮา
นางไมกลา!
หลินซูอินมองความเกลียดชังในแววตาของสนมหลันออก นางจึงขมวดคิ้วพลางจอง
มองกลับอยางไมสะทกสะทาน
ในวังแหงนี้ ผูที่อยากเห็นนางตกต่ํามีอยูมากตอมาก สนมหลันก็เปนหนึ่งในนั้น
เชนกัน ทวาระหวางที่นางจองตากับสนมหลันนั้น แววตานางแสดงความคมกริบใหเห็น
ชัดเจนวา เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แลว นางรูสึกกับสนมหลันมากเปนพิเศษ ซึ่งอาจ
เปนเพราะนางยังไมรูตัววา ที่นางจองตาสูกับสนมหลันเชนนี้ ความจริงแลวไมใชเพราะ
นางไมพอใจสนมหลัน แตเปนเพราะกอนหนานี้นางเห็นกับตาวาคนผูนี้เปดศึกกับ
ฮองเฮา!
ซึ่งนางยังไมรูตัววา นางมีอารมณความรูสึกที่เอนเอียงมาสนับสนุนผูที่ปกปองนาง
เมื่อครูอยางฮองเฮาแลว
และการที่นางไมรตู ัวก็ดีไปอยาง ถาตอนนี้นางตระหนักจริงๆ วาตนสนิทกับฮองเฮา
ไปอีกขั้นนั้น นางอาจปฏิเสธตามสามัญสํานึก
สวนอีกดาน ฮองเฮาซึ่งกําลังนั่งอยูบนบัลลังกหงส ที่สุดแลวก็ดึงสติกลับคืนจาก
ความตื้นตันใจ นางระบายลมหายใจออกมาเบาๆ คอยๆ ทําใจใหสงบ ยกมือขึ้นปาด
คราบน้ําตา กอนเงยหนาขึ้นสํารวจความเปนไปในหอง
เห็นในหองอบอวลไปดวยบรรยากาศนิ่งคาง มองไปทางไหนก็ไมเห็นมีใครสักคนที่
รูสึกยินดีหรือกระตือรือรนกับปณิธาน บุกเดี่ยวพันลี้ เสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศชาติของ
บุตรชาย
สีหนานางเปลี่ยนไปเล็กนอย คอยๆ เยือกเย็นลง แววตาคลายคืนสูความสงบนิ่ง
ดังเดิม ไมมองดูผูคนอีก เพียงหันมองหลินซูอินที่ยังคงยืนนิ่งไมขยับอยูที่เดิม
พอเห็นหลินซูอินจองตากับสนมหลัน นางจึงใชหางตามองสนมหลัน
คนในหองยอมเคลื่อนไหวตามการเคลื่อนไหวของนาง มองตามนางไปยังคนทั้งสอง
ที่จองตากันอยู
ในหองเงียบกริบอีกครั้ง
หญิงชรายืดตัวตรง แววตาหวาดกลัวเมื่อครูจางหายไป และกําลังใชสายตาที่ไม
ปดบังความเกลียดชังจองมองสนมหลันจนประกายไฟแลบ กอนโนมกายเขาหาฮองเฮา
พลางถาม
“ฮองเฮาเพคะ ตองการใหหมอมฉันจัดการตามพระประสงคหรือไม?”
เสียงของนางดังไมหยอก เพียงพอที่จะไดยินไปทั่วทั้งหอง คิ้วของทุกคนพลันกระตุก
กอนมองไปที่สนมหลัน
คําพูดของหญิงชรา ยอมใชเตือนสติสนมหลัน แตสีหนาสนมหลันกลับเปลี่ยนไปใน
พริบตา ไมสนใจหลินซูอินอีก หันมาจองมองฮองเฮาหนาตาตื่น
แตพอสบกับดวงตาฮองเฮาที่สงบนิ่งกวาเมื่อครู นางก็เหมือนนกเห็นคันธนู ถอยหลัง
ออกสองกาวทันที กอนรองเสียงดัง “เจา...”
“หญิงแพศยาชางกลา!”
หญิงชราพลันยืดตัวตรง ชี้หนาสนมหลันพลางตวาดอยางโกรธแคน
“เจากลาดูหมิ่นขา...”
สนมหลันแมตกใจและสั่นไปทั้งตัว แตเมื่อถูกคนรับใชตวาดตอหนาผูคนมากมาย
ศักดิ์ศรีที่ค้ําคอกลับทําใหนางฮึด ตวาดกลับอยางรอนรนทันที
แลวนางก็รีบกาวฉับๆ ไปทางประตูพรอมสีหนาโกรธขึ้ง พลางวา
“ทาสรับใชจิ๊บจอยกลาสามหาวตอหนาขา คงคิดวาในวังไมมีกฎอยางนั้นสิ ขาจะ
ขอใหฝาบาทตัดสินใหเบญจอาชาแยกรางคนไมเคารพเจานายอยางเจา!”
นางกาวไปยังประตูที่องคติ้งอูเสด็จออก ดูทาทางนางแลว ตองไปฟององคติ้งอูเพื่อ
เรียกรองความเปนธรรมแน
สีหนาหญิงชราไมมคี วามกลัวปรากฏ นางเกลียดสนมหลันมากกวากลัวตายมานานแลว
คนในหองมองตามแผนหลังสนมหลันซึ่งกําลังยกมือขึ้นปดปาก พลางสายหนาในใจ
ใครๆ ก็มองออกวา นางไหนเลยจะรับคําสบประมาทไมไดจนตองรีบไปฟองฝาบาท
แตเปนเพราะนางกลัวตางหาก ไมกลาเผชิญหนากับฮองเฮาจนตองรีบหนีออกไป แตคิด
หรือวาจะหนีพน?
ในหองไมมีใครสงเสียง ทุกคนตางกําลังจองมองสนมหลัน รอดูนาทีตอนาที
โดยเฉพาะเหลาสนมนางใน ที่กําลังยืนเกๆ กังๆ อยูตรงมุมหนึ่งของหอง บางคน
หนังตากระตุกไมหยุด ปฏิเสธไมไดวา ฮองเฮาแมไมไดลงสนามมานานหลายป แตนาง
เปนที่เคารพในวังหลังมากวายี่สิบป ยอมมีฝไมลายมือที่ไมธรรมดา
เห็นไดจากวิธีเบาะๆ ที่นางใชจัดการกับสนมหลันกอนหนานี้ คือพอเห็นสนมหลัน
กระโดดออกมาเลนละคร นางกลับนิ่งเฉย รอจนฝาบาทแสดงอาการ และทุกคนถูกบีบ
จนถึงทางตันแลว นางคอยลงมือจูโจม ทําใหฝาบาทไดแตนิ่งเงียบไมพูดจา มองดูสนมห
ลันคุกเขาอยูตรงหนา
ตอนนี้ฝาบาทเสด็จออกไปแลว แตกลับมิไดพาสนมหลันไปดวย บรรดาองคชายอาจ
เขาใจวาเปนเพราะขาวดวนเมื่อครูทําใหทรงรอนใจ รีบออกไปจัดการงานบานงานเมือง
แตเหลาสนมนางในกลับไมคิดเชนนี้
องคติ้งอูไหนเลยจะไมรูวา เมื่อครูสนมหลันลวงเกินฮองเฮาไปมาก ความไมพอใจ
และความแคนนี้ ฮองเฮาไหนเลยจะปลอยผาน?
หากไมจัดการสนมหลัน ตอไปจะปกครองวังหลังไดอยางไร
แตตอนเสด็จออกแลวมิไดพาสนมหลันออกไปดวยนั้น เหลาสนมนางในไมคิดวาเปน
เพราะทรงรีบรอน แตทรงสงสัญญาณบอกฮองเฮาวา ทรงไปกอน ฮองเฮาจะจัดการ
อะไรจะไดไมลําบากใจ
แนนอนวานี่เปนการใหทางเลือกแกฮองเฮา ทรงเคารพฮองเฮามาก และหวังวา
ฮองเฮาจะไวหนาพระองคบาง ไมจัดการจนเกินเหตุ
พระราชวังที่กวางใหญแหงนี้ เกรงวาคนไมฉลาดพอคงอยูย าก
เมื่อเห็นสนมหลันตื่นตกใจราวกระตายตื่นตูมเชนนี้ เหลาสนมนางในจึงไมสงเสียง
ใดๆ ทุกคนเบิกตามองดวยความระทึกใจ สมองประมวลผลถึงชีวิตในวันขางหนา
ที่ผานมาพวกนางสนิทกับสนมหลัน เพราะอยูในคายทหารของสนมหลัน ยอมหวัง
ใหสนมหลันสามารถกาวผานความยากลําบากไปไดอยางราบรื่น เพราะถาสนมหลันลม
อาจมีผลกระทบมาถึงตน
ดังนั้นที่ผานมาพอถูกสนมหลันขมเหงรังแก ก็ไดแตถลึงตามอง รอใหนางถูกใครคน
หนึ่งจัดการใหสาแกใจ ตอนนี้จึงมีคนโดนใจและสะใจ อยากเห็นฮองเฮาสัง่ ประหาร
สนมหลัน แตถาเปนเชนนี้ ก็เทากับทํารายจิตใจองคจักรพรรดิ
พอเห็นสนมหลันกําลังจะกาวไปถึงประตู และกําลังจะเดินหายไปทามกลางสายตา
มากมายที่จองมองอยูนั้น ฝามือทุกคนก็เริ่มเปยกชื้น และในที่สุด ก็ไดยินเสียงเรียบๆ
ของฮองเฮาดังขึ้น
“คุกเขา!”
เปรี้ยง! เสียงเบาอะไรเชนนี้ แตเกือบจะนาทีเดียวกันกับที่เสียงเปลงออก เสียงทึบ
ตันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงสนมหลันคุกเขาลงตรงหนาประตูนั่นเอง
ไมสิ ลมคะมําลงกับพื้นมากกวา
ดูเหมือนไมระวังแลวหกลมลง แตทุกคนตางรูอยูแกใจวา นางมิไดหกลม นางคุกเขา
ลงไปเอง แตที่ตองทําเปนลมก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีเปนครั้งสุดทาย
สนมหลันกมศีรษะรองหมรองไห นางมิไดลุกขึ้นยืน เปนการแสดงใหเห็นวา นาง
คุกเขาลงเองและไมกลาลุกขึ้น
ในตําหนักนอกจากไดยินเสียงรองไหที่ไมมีใครสนใจของสนมหลันแลว พระญาติที่
ไมสนิทกับฮองเฮา โดยเฉพาะญาติผูหญิงที่มีฐานะต่ําตอย ตางตื่นตกใจจนหนาซีดเปนไก
ตม
พวกนางตางใชมือมวนชายเสื้อขณะมองดูฮองเฮาออกคําสั่งเสียงเบา เทียบกับ
สนมหลันที่มักวางทาทางสูงสงขมพวกนาง จนทําใหพวกนางตองคอยระมัดระวังแมตอน
ประจบสอพลอ ตอนนี้กลับมีสภาพตกต่ําเชนนี้
ทั้งหองเงียบกริบ ไมมีใครกลาสงเสียงคัดคาน
เทานี้ก็เพียงพอแลว ทวาสิ่งที่นากลัวที่สุด กําลังจะเกิดขึ้น
เห็นฮองเฮาซึ่งนั่งอยูบนบัลลังกหงสเชิดหนาขึ้นเล็กนอย แตมิไดมองสนมหลัน กลับ
มองไปยังเหลาสนมนางในที่ยืนอยูอยางไมกลาขยับเขยื้อนแมแตนอย
นาทีนี้ พวกนางเห็นอยางชัดเจนวา สายตาฮองเฮาไปหยุดอยูที่ใครบาง เห็นคนผู
หนึ่งสีหนาซีดขาว ไมคํานึงถึงภาพพจน รีบคุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา กมศีรษะ รางสั่น
เทิ้ม
มีทั้งหมดสี่คนดวยกัน ซึ่งผูรับใชของพวกนางที่รออยูหนาประตูก็ตองคุกเขาตามโดย
ไมกลาสงเสียงใดๆ
ยังมีคนที่สนิทสนมกับพวกนางก็ลวนเหงื่อกาฬหลั่งไหลไปตามๆ กัน ตางกมศีรษะไม
กลาเงยหนาขึ้น ยืนอยูที่เดิมไมกลาขยับ
หลินซูอินเห็นเหตุการณเหลานี้เกิดขึ้นตรงหนา จึงหันมองฮองเฮาที่ยังคงมีสีหนา
สงบนิ่ง ไมพูดไมจา ทําใหนางรูสึกสะทกสะทอนใจ
เหตุการณนี้ ราวกับวาสวนลึกของจิตใจในแตละมุมของนางถูกชอนขึ้น ทําใหนาง
หนาซีดเล็กนอย
นางจําไดแลว นี่เปนความรูสึกที่เคยเกิดขึ้นกับนางตอนออกเรือน ที่มาของความ
กลัวในสวนลึกของจิตใจ!
ตอน 299 บารมีหงส
ไมผิด นอกจากบุรุษที่ไมอยากแตงงานดวยแลว ความกลัวในตัวฮองเฮาก็มีสวนทํา
ใหหลินซูอ ินยากสงบใจลง นาทีนี้นับวานางไดเห็นกับตาแลว บานไหนๆ ก็มีกฎเกณฑกัน
ทั้งนั้น แตนางรูสึกไดอยางชัดเจนวา ณ ที่นี้ เวลานี้ ความไมเปนตัวของตัวเองและไมมี
อิสรภาพ หนักหนาและรุนแรงเชนนี้นี่เอง
และไมวากบฏที่ประสบความสําเร็จเพียงครึ่งทางอยางบานนาง หรือคนในวังที่
ปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ ก็มักเกิดเหตุการณที่สะทอนใหเห็นความนากลัวในลักษณะนี้
นางคุนเคยกับเหตุการณเชนนี้ แตอยางไรก็ไมชอบ
นางมองออกทุกอยาง ทวาเมื่อกอนจนถึงตอนนี้นางก็ไมเคยคิดวา ในอนาคคตนเอง
จะตองนัง่ อยูตรงนั้นและมีชีวิตเชนเดียวกับฮองเฮา
ขณะที่จิตใจกําลังปนปวน ฮองเฮาก็บังเอิญเหลือบมาเห็นเขา แตแลวก็ละสายตาไป
มองดูพระบรมวงศรุนหลังที่อยูดานลาง
ยงออง ไทออง ผิงออง พอเห็นฮองเฮามองมา ก็กมศีรษะถวายความเคารพ
ฮองเฮากวาดตามองทั้งสามอยูนาน สุดทายก็หยุดอยูที่องคชายเกา องคชายซึ่งมี
อายุนอยสุด
ไมมีใครเห็นเม็ดเหงื่อบนหนาผากที่ใกลหยดลงเต็มทีขององคชายเกา นอกจากเสด็จ
พี่ทั้งสองที่อยูขางๆ
“ลูกเกา” ฮองเฮาเรียกเสียงเบา
เหงื่อบนหนาผากองคชายเกาหยดลง ทรงเงยหนาประสานมือคารวะ แลวโคงตัวลง
มากกวาเดิม น้ําเสียงแมดูสงบนิ่ง แตยังยับยั้งความตื่นเตนไวไมอยู
“เชิญเสด็จแมรับสั่ง”
ยงอองกับไทอองไดยินน้ําเสียงที่ตื่นเตนของนอง ก็หันมาสบตากันทั้งๆ ที่ยังกม
ศีรษะอยู และตางเห็นดวงตาที่ทอประกายของกันและกัน ซึ่งไมรวู ากําลังดีใจหรือเสียใจ
กับนองกันแน
“วันนี้เปนวันเริ่มตนฤดูใบไมผลิ แตอากาศยังคงหนาวเหน็บ เจายังเยาววัย ความ
แข็งแรงของรางกายสูเสด็จพี่ทั้งหลายของเจาไมได ขืนไมสบายขึ้นมา จะทําใหเสด็จพอ
กับเสด็จแมเปนหวงได”
ฮองเฮาพูดเสียงเบาตอเนื่อง “เจาเขามา”
องคชายเกาคอยๆ ยืดตัวตรงมองดูฮองเฮา ชะงักเล็กนอย คอยประสานมือ “พะยะ
คะ เสด็จแม”
แลวจึงคอยๆ เดินเขาหา กอนหยุดยืนที่ระยะหางราวสองเมตร ทุกคนจองมองอยาง
ระทึกใจ จะไมใหตนื่ เตนไดอยางไร ใครบางจะไมรูวา องคชายเกาผิงออง เปนหลานของ
สนมหลัน มิใชบุตรชายนาง
ครอบครัวสนมหลันโชคดีมาก สองสาวพี่นองไดรับเลือกใหเขาวังพรอมกัน นองสาว
ไดรับความเอ็นดูจากฝาบาทและใหกําเนิดพระโอรส สวนพี่สาวอยางไรก็ไมมบี ุตรธิดาให
ทรงไดชื่นใจ
ตอมาพระมารดาขององคชายเกาลมปวยและสิ้นพระชนมลง ฝาบาทสงสารองคชาย
เกาที่ยังเล็ก จึงสั่งใหสนมหลันอบรมเลี้ยงดู เพราะสนิทกันมากสุด จะไดตั้งใจดูแลอยาง
เต็มที่ และผลก็เปนอยางที่เห็น เพราะโอกาสนี้สนมหลันจึงไดกาวขึ้นมาอยูแถวหนา และ
โดดเดนในเวลาตอมา
องคชายเกามีความเฉลียวฉลาดและเปนที่ชื่นชอบของพระบิดา ทําใหแมทรงพระ
เยาว แตกลับมีอํานาจคะคานกับยงอองและไทออง ซึ่งอยางไรตอนนี้องคติ้งอูก็ยัง
สามารถเปนจักรพรรดิไดอีกนาน เพราะทรงมีพระวรกายแข็งแรง แตถาองคชายเกา
บรรลุนิติภาวะแลว ตําแหนงรัชทายาทจะตกเปนของใครนั้น ตอบไดเพียงวา องคชาย
เกาดูไมออนดอยจริงๆ
องคชายเกาจึงเปนปจจัยหนึ่งที่ทําใหกอนหนานี้สนมหลันมีความกลาและ
ทะเยอทะยานอยากที่จะบินขึ้นฟาอยางรวดเร็ว อีกทั้งนางยังคิดวาฮองเฮาไมมีทาง
กลับมาไดอีก สวนนางเองนอกจากไดรับความเอ็นดูจากฝาบาทแลว ยังมีตระกูลสูงศักดิ์
คอยหนุนหลังดวย เมื่อมีพรอมเชนนี้ จะไมใหคิดใหญทําใหญไดอยางไร?
ดังนั้น ตอนนี้ถาฮองเฮาคิดจัดการสนมหลัน โดยนําองคชายเกาขึ้นเขียงกอน ทุกคน
ก็ไมแปลกใจแตอยางใด และจากขาวดวนเมื่อครู แมหมิงอองมิไดอยูในวัง แตคาดวาใน
ใตหลาไมมีใครกลามองขามสถานะพระองค ซึ่งถาฮองเฮาตองการปดเปาอุปสรรคใหลูก
ชาย ก็เปนเรื่องที่เขาใจกันไดอยู
แมเหตุผลเปนที่รูกันดี แตพอไดเห็นกับตา ทุกคนยังคงอดใจเตนไมได ซึ่งนี่อาจเปน
ฉากโหดรายที่สุดในวังก็เปนได
ทามกลางสายตาผูคน ขณะที่องคชายเกากําลังเครงเครียดอยูนั้น กลับเห็นฮองเฮา
ถอดผานวมอุนมือของพระองคออก แลวมอบใหกับองคชายเกา
“เอาไปใชเถิด!”
เงียบ นิ่งไปสักพัก ในที่สุดองคชายเกาก็ขยับ กาวไปขางหนา โคงตัวรับไว พลางกลาว
“ลูกเกาขอบพระทัยเสด็จแมที่ทรงหวงใย ขอบพระทัยสําหรับของพระราชทาน”
“เจาฉลาดแตเด็ก ขากับเสด็จพอเจาชื่นชอบเจามาก แตรางกายขาไมแข็งแรง จึงไม
คอยไดใสใจเจา วันนี้ไดพบกับเจา ถือเปนโอกาสพิเศษ แตกลับเห็นเจาสวมเสื้อผาเนื้อ
บางทามกลางอากาศหนาวเย็น กลัววาคนในจวนเจาอาจดูแลเจาไดไมครบถวน ขาจึง
เปนหวง ตอไปอยากใหเจามาเดินเที่ยวที่ตําหนักขาบอยๆ ใหขาไดเห็นเจาบาง จะได
วางใจ!”
ฮองเฮาพูดอยางเนิ่บชา ทําเอาลมหายใจของทุกคนแทบหยุดชะงัก สวนสนมหลันที่
คุกเขาอยูก็หยุดรองไหทันที รีบเอี้ยวตัวหันมาจองฮองเฮาเขม็ง นางในตอนนี้สีหนาซีด
ขาว ริมฝปากสั่นพลางรอง
“อยา อยารั...”
“ตบปาก!”
นางยังไมทันพูดจบ ฮองเฮาไมแมแตจะมอง เพียงหลุบตาลง พูดเสียงเบาออกมา
หญิงชราไหนเลยจะเกรงใจ หลังรับคําสั่ง ก็กาวยาวๆ ออกมาสองกาว ถึงขางกาย
สนมหลัน ทามกลางสายตาผูคน ในขณะที่สาวใชขางกายสนมหลันไมทันเขาขวาง หญิง
ชราก็ตบหนักๆ เขาที่ใบหนาสนมหลันจนสนมหลันลมคว่ําไปกับพื้น
สนมหลันถูกตบจนงง แตพอหันมาเห็นหญิงชราเงื้อมือขึ้นอีก ก็รีบยื่นมือขึ้นปอง
พลางรองเสียงดัง
“ฝาบาท ฝาบาท...”
เหลาสาวใชขางกายนางเพิ่งไหวตัวทัน รีบกาวเขามาคุกเขาขวางหนาหญิงชรา
ฮองเฮาเงียบเสียง เหงื่อเม็ดโปงผุดขึ้นเต็มหนาผากองคชายเกา ทรงคุกเขาลงเสียง
ดังกึก ขอรองฮองเฮา
“ขอเสด็จแมประทานอภัย พระมารดาไมมีเจตนาลวงเกินเสด็จแม ขอเสด็จแมยก
โทษใหดวย”
ฮองเฮาไดยินก็โบกมือเบาๆ หญิงชราคอยกลับมายืนขางกาย สวนสนมหลันกลับ
รองไหหนักเขาไปอีก ลุกขึ้นยืนพลางมองฮองเฮาอยางอาฆาตมาดราย คลายจะไปฟอง
ฝาบาทจริงๆ
แตครั้งนี้ไมจําเปนตองใหฮองเฮาลงมืออีก สาวใชขางกายนางที่ตกใจจนหนาซีดขาว
รีบดึงใหนางคุกเขาลง กั้นไมใหนางไป
นางกําลังเลนอะไร ฮองเฮาไมไดบอกใหเจาไป ถาเจาไปจริงก็จะกลายเปนเรื่องใหญ
เจาตายไมตายไมรู แตคนในตําหนักเจาไหนเลยจะยับยั้งอารมณโกรธของฮองเฮาได?
“เอาเถิด เห็นวาเจาเปนบุตรกตัญู พอเทานี้!”
ฮองเฮารับสั่งเสียงเบากับองคชายเกา และไมพูดอะไรอีก เหลือบมองหลินซูอ ิน
“ขาเหนื่อยแลว!”
หลินซูอินไดยินก็กมศีรษะเล็กนอย ลุกขึ้นเดินตามพระองคไป
หลินซูอินกับหญิงชราพยุงฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหลังนอย ทวากอนที่คนในวังจะแบกเกี้ยว
ออกไป ฮองเฮาไดเหลือบมองหญิงสาวสามคนที่ถูกหลินซูอินตบกอนหนา พลางกวักมือ
เรียก
ทั้งสามตื่นตกใจ ไหนเลยยังกลาทําอะไรอีก แคเห็นฮองเฮาเรียก แมคลานก็ยังตอง
คลานเขาไป
ทั้งสามไดแตเดินเขามาอยางกลาๆ กลัวๆ พอมาถึงตรงหนาก็คุกเขาลง
ฮองเฮากมลงมองพวกนาง สุดทายหยุดอยูที่ผาปกในมืออันหัว ยิ้มนอยๆ พลางวา
“เจาคืออันหัวรึ ปที่เห็นเจา เจาเพิ่งหกเจ็ดขวบเอง พริบตาเดียวโตเปนสาวสูงโปรง
แลว ขาเห็นเชนนี้ก็รูสึกดีใจมาก!”
“ขอบ...ขอบพระทัยฮองเฮา...” อันหัวกลัวจนพูดตะกุกตะกัก
“ผาปกเจาดูไปแลวคงจะงดงามยิ่ง ใหขาชื่นชมบางไดหรือไม?” ฮองเฮาพูดพลาง
หัวเราะ
“ไมตองคุกเขากันหรอก พื้นมันเย็น รีบลุกขึ้นมาเร็ว!”
อันหัวตัวสั่นพลางลุกขึ้นยืน มองดูฮองเฮา แลวจึงมอบผาปกใหอยางหวั่นๆ
ฮองเฮารับมาแลวพิจารณาอยางละเอียด กอนแยมยิ้ม
“เปนการปกดวยใจจริงๆ ฝมือดีเยี่ยม ขาชอบมาก”
พูดถึงตรงนี้ ทรงหันมองนิ้วมืออันหัว
“ลําบากเจาจริงๆ กตัญูจนมือนอยๆ ตองมาเจ็บเชนนี้”
“ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงหวงใย บาดแผลเล็กๆ นอยๆ เอง ขอเพียงฝาบาทกับ
ฮองเฮาชอบของขวัญชิ้นนี้ แมอันหัวตองเจ็บกวานี้ ก็ไมหวั่นเพคะ” อันหัวกมศีรษะพูด
ฮองเฮาไดยินก็หัวเราะชอบใจ แลวจึงมองหลินซูอิน “เจามานี่!”
หลินซูอินไมเขาใจ แตก็ยังกาวเขาไปยืนขางกายฮองเฮา ฮองเฮายกมือดึงปนหงสบน
ศีรษะนางออก กอนพูดเสียงเบา
“ซูอิน ปนอันนี้แมดูไมคอยมีคานัก แตก็เปนของขวัญทีฮ่ องเฮาซูเหวินมอบใหแม
และเปนของรักของหวงของแมเรื่อยมา พอเห็นปนนี้ แมยอมไมลืมคุณงามความดีของ
ฮองเฮาซูเหวิน วันนี้ที่แมมอบปนนี้ใหเจา เพราะหวังใหเจาสืบทอดเจตนารมณของ
ฮองเฮาซูเหวิน เปนแบบอยางที่ดีตอไป แตการกระทําของเจาในวันนี้ เปนการทําผิดโดย
ไมไดตั้งใจ แตก็ทําใหนองอันหัวของเจาไมไดรับความเปนธรรม แมเคยไดยินเกี่ยวกับ
นองอันหัวของเจาวา เปนผูมีความรอบรูและมีมารยาท แมอายุไมมาก แตกลับสราง
ชื่อเสียงมากมายใหกับราชวงศเรา แมเองก็ชื่นชอบในตัวนางมาก วันนี้เจาตองถูกลงโทษ
ในสิ่งที่เจาทํา เพื่อเปนการชดเชยใหอันหัว ปนนี้ แมขอเก็บกลับคืน เจายินยอม
หรือไม?”
หลินซูอินมองดูปนหงสในมือฮองเฮา เก็บกลับคืน?
นางไมเขาใจความหมายของฮองเฮา นางไมเคยคิดอยากไดปนนี้ เพียงแตปนนี้มี
ความหมายยิ่งใหญมาก ยิ่งใหญจนนางเองก็อดไมไดที่จะจองมอง แตฮองเฮาบอกวาจะ
เก็บกลับคืน ความหมายที่ลึกซึ้งคือ...
แตสุดทายนางยังไมลืมวาตนเองเปนใคร นางจําได เดิมทีนางไมไดอยากปกปนนี้
ไมไดอยากอยูในสถานะพระชายา
“ซูอินยอมรับโทษ!” หลินซูอินขานรับ
ผูคนเห็นแลวตางก็พากันคาดเดาไปตางๆ นาๆ วา ฮองเฮาทําเชนนี้เพื่ออะไร?
เปนเพราะเพิ่งรูตัววาปนอันนี้ไมควรใหหลินซูอนิ นํามาปกผมในตอนนี้ หลีกเลี่ยง
ปญหาที่จะตามมา
หรือวาไมพอใจในตัวหลินซูอินจริงๆ?
แตกลับไมคาดคิดวา ฮองเฮาจะนําปนอันนี้ยื่นไปตรงหนาอันหัว
ทําเอาอันหัวตะลึงงัน!
อยาวาแตอันหัวเลย ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ลวนแลวแตสมองวางเปลาทันที
เห็นเพียงฮองเฮาตรัสอยางสงบนิ่ง
“อันหัว ขาเปนผูปกครองวังหลัง มีหนาที่จัดการเรื่องของสตรีในใตหลา เรื่องในวันนี้
ขาไมสามารถนิ่งดูดายโดยไมสนใจ การกระทําของชายาหมิงอองไมเหมาะสม ควรถูกทํา
โทษ เจาเปนผูถูกกระทํา ยอมไดรับการชดใช! แตขาก็มีสวนเกี่ยวของดวยที่อบรมสั่งสอน
นางไมดีพอ ปนซึ่งฮองเฮาองคกอนมอบให วันนี้ขาจึงขอมอบใหเจา แทนความละอายใจ
ของขากับซูอิน รับไวเถิด!”
อันหัวไหนเลยจะคิดวาเรื่องมาไกลถึงเพียงนี้ได ปนอันนี้มีความเปนมาที่ยิ่งใหญ
และมีความหมายชัดเจนนางเปนเชื้อพระวงศ มิไดเปนคุณหนูโงงม ไหนเลยจะกลารับไว
จึงรีบคุกเขาโขกศีรษะปฏิเสธ ทวาฮองเฮาก็คอยๆ พูดเสียงเบา
“อันหัวไมจําเปนตองกังวลใจ ขาแมอยูแตในวังหลัง แตก็เคยไดยินกิตติศัพทของเจา
รูดีวาเจาอายุยังนอย แตมีความกตัญูสูง เหลาพระบรมวงศก็ยังชมเชยเจาหลายตอ
หลายครั้ง ซึ่งฮองเฮาองคกอนมอบปนนี้ใหขาดวยความจริงใจ วันนี้ที่ขามอบใหเจา
นอกจากเปนการชดเชยแลว ยังปรารถนาใหเจาทําคุณความดีเรื่อยไป เพื่อเปน
แบบอยางที่ดีใหกับราชวงศเรา!”
ตอน 300 นีม่ นั เรือ่ งอะไรกันแน
“ฮองเฮา อันหัว อันหัวละอายใจ ไมกลารับคําชมจากพระองค ขอทรงเก็บปนนี้ไวเถิด!”
อันหัวยังไมกลารับไว
“เจานี่นะ!” ฮองเฮาหัวเราะ มอบปนใหหญิงชรา ใหนางมอบใหอนั หัว แลวจึงวา
“ไปเถอะ”
ฮองเฮารับสั่งแลว อันหัวไมรบั ก็ตองรับ หญิงชรายื่นปนให อันหัวยกมือทั้งสอง
ขางขึ้นรับ อยากรองไหแตไมมีน้ําตา ศีรษะมึนไปหมด
จากนั้นพลันไดยินเสียงฮองเฮาดังออกมาจากเกี้ยวที่ถูกแบกขึ้นบาเตรียมเดินจาก
“ผาปกของเจาขาชอบมากจริงๆ แตเจาตั้งใจมอบใหฝาบาท ขาก็ไมกลาขอแลว ไมรู
วารอจนนิ้วมือเจาหายเจ็บ จะมาหาขาที่ตําหนักไดหรือไม ปกใหขาสักผืน ขาอยากเห็น
ชาววังที่ทั้งสวยและเกงแสดงฝมือใหเห็นเปนบุญตาสักครั้ง...”
ราวสายฟาฟาดใสขางหูอันหัว นางขนลุกซูไปทั้งรางดวยความตกใจอยางไมคาดคิด
มากอน เบิกตามองขบวนเกี้ยวของฮองเฮาจากไป แลวจึงเหลือกตา เปนลมลมพับลง
“เรื่องจริงรึ? เจาแนใจหรือวาสํานักใบไผถูกลางบางแลวจริงๆ?”
องคติ้งอูท ี่รีบรอนกลับหองทรงพระอักษร ตอนนี้ไมมีกะใจจัดการเรื่องในวังหลังพวก
นั้นแลว พอเขาประตูหองมา ไมรอใหมหาดเล็กยกน้ําชา ไมรอใหเสนาบดีนั่งลง ทรงมอง
ตรงไปยังจางปงลี่ และเอยปากถามตรงๆ อยางรอนใจ
จางปงลี่ไฉนไมรูวาเรื่องนี้ทําใหฝาบาทตกพระทัยมาก เขาจึงไมใสใจมารยาทตางๆ
อีก พยักหนาใหองคติ้งอู แลววา
“แนใจพะยะคะ ไมผิดพลาดแนนอน เรื่องเกิดขึ้นกอนรุงสาง เราไดรับขาวสดๆ
รอนๆ หลังฟาสาง อีกทั้งคนจากจวนหมิงอองก็ขึ้นเขาเพื่อรับชวงตอบูรณาการสํานักใบ
ไผแลว”
“จวนหมิงอองรับชวงตอบูรณาการ...แลวฉางคุนละ? ปรมาจารยผูอาวุโสเหลานั้น
อีก? สถานการณภายในสํานักใบไผตอนนี้เปนอยางไร?”
องคติ้งอูยา้ํ คําของจางปงลี่อีกครั้ง เพื่อใหแนใจในความหมาย แตพลันชะงักนิดหนึ่ง
รีบถามจางปงลี่กอน
พอถามถึงฉางคุน จางปงลี่ก็สูดลมหายใจเขาลึกๆ แววตาตื่นตระหนกอยางยับยั้งไว
ไมอยู ถึงตอนนี้จิตใจเขาก็ยังไมสงบ
“ฉางคุนยอมรับโทษจากกระบี่ของหมิงออง!”
สิ้นเสียงนี้ จางปงลี่รูสึกไดอยางชัดเจนวาองคติ้งอูกําลังจองลึกเขาไปในดวงตาของ
เขา ดวงตาที่สวางไสวในพริบตา ดุจดวงดาวยามรุงอรุณ ทรงยังจองอยูอยางนั้นไม
วางตา!
จางปงลี่สูดลมหายใจเขาลึกๆ อีกครั้ง
“แนใจไดวาเขาตายแลว และไมเพียงแตฉางคุนเจาสํานัก ยังมีสามผูสูงสง หูเทียน
หลุนกับสองปรมาจารยผูอาวุโสก็เสียชีวิตดวยน้ํามือหมิงอองเมื่อคืน สวนปรมาจารยอีก
สิบกวาทานที่เหลือถูกหมิงอองทํารายบาดเจ็บ!”
พูดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็กําหมัดแนน ควบคุมอารมณสะใจไวไมอยู ทุบลงไปบนโตะ
อยางแรง แววตาเย็นชายิ่ง
“พวกโจรกอความวุนวาย ขาใหโอกาสพวกเจาหลายครั้ง แตพวกเจากลับไมทะนุ
ถนอม คิดวางแผนทําการกบฏอยูเรื่อย จุดจบที่ตกต่ําในวันนี้ เปนเพราะพวกเจาริอาจ
เปนปรปกษกับขาเอง!”
เมื่อเห็นความกดดันที่องคติ้งอูเก็บไวมานานไดระบายออกจริงๆ จังๆ เสียที จาง
ปงบี่ก็ดีใจแทนพระองคดวย หลายปที่ผานมา ฉางคุนเจาสํานักใบไผทําตัวหนาไหวหลัง
หลอก ชวงเกิดสงครามภายในพวกเขารวมกับเขาซางชิงแอบชวยเหลือตระกูลหลิน
ตอตานกองทัพ เรื่องนี้ทรงรูม านานแลว หลายครั้งทรงวางแผนจัดงานเลี้ยง เชิญฉางคุน
เขาวังเพื่อทําการจับกุม แตฉางคุนก็ปวยการเมืองอยูเรือ่ ย
ฝาบาทรูสึกเอือมระอากับคนผูนี้มานาน แตไมอยากจัดการอยางเปดเผย เพราะอาจ
เกิดผลกระทบในวงกวาง จึงคิดจัดการในทางลับ แตก็เศราใจที่ประเทศเกิดวิกฤต แต
สํานักเตาตางๆ กลับไมเกรงกลัวราชสํานัก การสงคนแทรกซึมเขาไปในสํานักใบไผจึง
เปนเรื่องคอนขางยาก ทรงไดแตอดทนแลวอดทนเลา รอคอยโอกาส
ตอนนี้ พอฉางคุนตายไป จึงถือวาฝาบาททรงโลงใจไปอีกหนึ่งเปราะ
ฉางคุนตาย ผูอาวุโสรับโทษ แสดงวาขาวจวนหมิงอองเขาควบคุมสํานักใบไผเปน
ความจริง ฝาบาทจึงใจชื้นขึ้น ทําใจใหสงบได กอนคอยๆ นั่งลง ถามถึงรายละเอียดตอ
“รายละเอียดเปนมาอยางไร ลูกหกมิไดอยูที่หมิงจูหรอกรึ? เหตุใดถึงเดินทางพันลี้
เขาจูโจมสํานักใบไผในคืนเดียวได ลูกหกนําคนไปดวยกี่คน เปนใครมาจากไหน
ปรมาจารยสํานักใบไผมีเปนสิบ ลูกศิษยมีเปนรอยเปนพัน หนําซ้ําฉางคุนยังเปนยอด
ฝมือระดับสูงอีก ลูกหกทําไดอยางไรฮึ?”
ถามถึงตรงนี้ องคติ้งอูกลับขมวดคิ้ว จองจางปงลี่เขม็งดวยทรงไมพอพระทัย
เล็กนอย
“เรื่องใหญขนาดนี้ ในเมื่อเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน แตเจากลับมารายงานขาเอาปานนี้
จางปงลี่ ลาสุดเจากําลังทําอะไรของเจาอยู? ตองรอใหศัตรูเขามาสังหารขาในหองนอน
แลวคอยสงขาวบอกเจาใหมาชวยอยางนั้นรึ?”
จางปงลี่คุกเขาลงทันที เหงื่อบนหนาผากหยดแหมะ
แมน้ําเสียงขององคติ้งอูไมดุดัน แตการตําหนิเชนนี้ไมใชเรือ่ งที่จางปงลี่สามารถรับได
ทวาครั้งนี้จางปงลี่กลับตองยอมรับจากใจจริง จะโทษองคติ้งอูไมเชื่อใจเขาก็ไมได
เพราะลาสุด ประสิทธิภาพการทํางานของเขาต่ําลงจริงๆ ทุกครั้งหลังเกิดเรื่อง เขาก็ยัง
ไมไดขาว ถือเปนการบกพรองตอหนาที่จริงๆ
เมื่อเห็นเสนาบดีคนสนิทเปนเชนนี้ องคติ้งอูก็ไดแตโบกมือใหลุกขึ้น
เห็นจะเปนดังคําพูดที่วา ไมควรใหความสนิทสนมกับผูใดและไมควรใจกวางกับญาติ
มากเกินไป แมนับเปนขอดีที่ทรงมีลูกนองซึ่งยอมพลีชีพเพื่อพระองค แตในขณะเดียวกัน
ขอเสียก็คือ ถาจางปงลี่ทํางานต่ํากวามาตรฐานหลายครั้งเขา ทรงทําไดแคเพียงตําหนิ
สองสามคําแลวก็แลวกันไป
แตองคติ้งอูยังคงทําเชนนี้ ยังคงเงื้อไมขึ้นสูง แลวคอยๆ วางลง เพราะทรงเชื่อใจจาง
ปงลี่ จึงไมไตรตรองวาเขาไรความสามารถ และควรเปลี่ยนคนหรือไม
ในใจพระองค มีคําอธิบายใหจางปงลีเสร็จสรรพ นั่นคือ จางปงลี่ไดตั้งใจแลว
พยายามอยางสุดความสามารถแลว แมทํางานไมไดประสิทธิผลสูงสุด แตอยางนอยก็
ไมไดผิดพลาดมากมายอะไร ทรงสบายใจที่ใชเขาทํางาน
เมื่อจางปงลี่เห็นวาองคติ้งอูมไิ ดสืบสาวราวเรื่องตอ จึงคอยๆ ลุกขึ้นยืน เริ่มเลา
เหตุการณที่เกิดขึ้นใหฟง ซึง่ ตั้งแตประโยคแรกก็ทําใหองคติ้งอูลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ฝาบาท ทานอองมิไดพาใครขึ้นเขาไปดวย ทรงบุกเดี่ยวเขาลางบางสํานักใบไผ
โดยตรง”
“อะไรนะ บุกเดี่ยว?”
องคติ้งอูตกใจแลวจริงๆ โดยกอนหนานี้ที่จางปงลี่รายงานวาหมิงอองหนึ่งคนหนึ่ง
กระบี่โคนสํานักใบไผ ทรงนึกตามหลักเหตุผลวา หนึ่งคนก็คือมิไดพึ่งพากองทหารของ
ราชสํานัก เปนกลุมคนจากจวนหมิงอองเอง
ขนาดกลุมคนก็ทําใหตกใจมากพอแลว คิดไมถึงวากองกําลังที่ลูกหกมีในมือจะ
เทียบเทากับหนึ่งในสิบสํานักเตาชั้นนํา บอกตามตรง วินาทีแรกที่รูขาว สัญชาติญาณ
ของเขาก็ประมวลผลทันที วาตองตรวจสอบที่มาของกองกําลังในมือลูกชายใหชัดเจน ซึ่ง
อาจใชทํางานเพื่อชาติได มีกองกําลังเชนนี้ยอมเปนผลดีไมนอย
ซึ่งตาเซี่ยก็มีหนวยงานที่ประกอบไปดวยผูเยี่ยมยุทธคอยทําหนาที่ปองกันประเทศ
อยูเชนกัน การลางบางสํานักใบไผยอมไมใชปญหา ปญหาคือประเทศใหญเกินไป
แตผูเยี่ยมยุทธที่สังกัดราชสํานักกลับมีอยูไมมาก ไมพอใช มิฉะนั้นคงไมจําเปนตอง
แกลงทําดีกับสํานักเตามานานหลายปหรอก
“พอกระหมอมไดขาว ก็ไมอยากจะเชื่อเชนกัน คิดวาเปนเรื่องไรสาระ กลัววาการ
ขาวอาจผิดพลาด จึงตรวจสอบซ้ําแลวซ้ําเลาใหแนใจ ทําใหเสียเวลาไปพอควรพะยะคะ”
จางปงลี่ถือโอกาสแกตัวเรื่องที่ตนเองคาบขาวมาบอกลาชา
แตตอนนี้องคติ้งอูไหนเลยยังมีกะใจฟงเรื่องพวกนี้ แตก็ทรงจําคําแกตัวของจางปงลี่
ไวในใจ ทรงโบกมือปราม แลววา
“ขอเนื้อๆ”
พอรอดพนแลว จางปงลี่ก็เริ่มเลาเหตุการณในตอนนั้น
“จากขาวที่ไดรับลาสุด สาเหตุที่หมิงอองตองเดินทางไกลพันลี้เพียงลําพังและโกรธ
จนตองโคนสํานักเตานั้น เกี่ยวของกับเหตุการณหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไมกี่วัน
มานี้”
“หือ?” องคติ้งอูขมวดคิ้ว ในเมืองหลวงเกิดเหตุการณอะไรรึ?
จางปงลี่รีดน้ําออก ตรงเขาเรื่อง
“ฝาบาทยังทรงจําเรื่องที่ตูเจวียน ศิษยทรยศสํานักหวงถูกจูโจมเมื่อไมกี่วันกอนได
หรือไม”
ไรสาระ เพิ่งผานมากี่วันเอง ทําไมจะทรงจําไมได พอไดยินเรื่องนี้ ทรงตระหนักได
ในทันที จึงพึมพําขึ้นโดยไมรูตัว
“เจาคงไมไดกําลังจะบอกวา ลูกหกไปลางบางสํานักใบไผเพราะเรื่องนี้หรอกนะ?”
จางปงลี่ยกมุมปากขึ้น บอกตามตรง เขาก็ไมอยากจะเชื่อ นี่เปนการกระทําของคน
บาชัดๆ เพราะเรื่องนี้แหละ หมิงอองถึงไดทําเรื่องยุงยากที่สะเทือนขวัญผูคนเชนนี้ แตก็
จําตองพูดความจริงออกไป
“เพราะเรื่องนี้พะยะคะ ตามขาวที่สงมา พอหมิงอองไปถึงสํานักใบไผ ไมมีการ
เจรจาตอรองใดๆ ใชกระบี่ฟาดฟนปายสํานักใบไผอยางแข็งกราว แลวลงมือตัดศีรษะหู
เทียนหลุน พอศิษยสํานักใบไผรีบออกมาก็เผชิญหนากัน คําแรก ทานอองถามฉางคุน
เกี่ยวกับสํานักเตา พูดถึงกลุมคนที่ทําตัวเหมือนหนอนแมลงสูบเลือดสูบเนื้อ อาศัย
ความสามารถอันนอยนิด กลาตอแยทานออง ลงมือกับผูที่ทานอองตองการปกปอง เกรง
วาคงเบื่อโลกเต็มที...”
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่สังเกตเห็นองคติ้งอูหนาดําคร่ําเครียด จึงรูในทันทีวาคําพูด
เหลานี้ทรงไมชอบฟง ก็ถูก สําหรับองคติ้งอูแลว ศักดิ์ศรีของฉางคุนและผูอาวุโสสามารถ
ย่ํายีได แตเด็กนอยหมิงอองอยางเจาพูดเชนนี้ คิดตบหนาผูอาวุโสเหลานั้นหรือไร หรือผู
อาวุโสตองเปนเหมือนเจา?
พอเห็นสีหนาองคติ้งอูไมถูกตอง จางปงลี่จึงรีบวา
“จากคําพูดของทานออง ใชวาเพราะตูเจวียนเสียทั้งหมด ทานอองบอกวา เมื่อ
สํานักใบไผไดรับพระกรุณาธิคุณจากราชสํานัก ไดรับแรงศรัทธาจากประชาชน แตกลับ
ไมคิดตอบแทนประเทศชาติ ใชสัญชาติญาณสุนัขปา สรางความวุนวายทําตัวเหนือ
กฎหมาย ทานอองเกลียดชังที่พวกเขาไมรักชาติ ไมเคารพฝาบาทมานานแลว แตเพราะ
เปนหวงชาวหมิงจูที่กําลังเผชิญความทุกขยาก จึงไมสามารถปลีกตัวมาจัดการ ไดแต
อดทนไว คิดวาในที่สุดสํานักเตาตองกลับมาปกปองตาเซี่ยรากเหงาของตน การบําเพ็ญ
เพียรไมงา ย หากหลงทางแลวหาทางกลับถูก แกไขเสียแตเนิ่นๆ ก็สามารถจงรักภักดีตอ
ชาติ ตอฝาบาทไดดวยการทํางานชดใชความผิด สวรรคยังเมตตา รับคนจากสํานักเตา
เขาคายทหาร ทานอองยอมขมความเกลียดชัง สนับสนุนพวกเขาในหมิงจู เหลือทางเดิน
ใหพวกเขามีโอกาสเดินออกจากความมืดเขาสูทางสวาง แตผิดคาด พวกเขากลับไมยอม
จํานน ไมสํานึกที่ทรงเมตตา คิดแตจะแกแคน มองความใจกวางของราชสํานักเปนความ
ออนแอ เห็นชัดวาทานอองทรงทนแลวทนเลา จนในที่สุดก็โกรธจนชักกระบี่ มุงมั่นทํา
การเพื่อชาติ ลางบางกบฏที่มีความผิดมากมายจนบรรยายไมหมด!”
ตองพูดวา ขุนนางมีสองปาก มอไปพูดเชนนี้จริง แตความหมายคลายไมเหมือนกับที่
จางปงลี่พูดเสียทีเดียว แนนอน ถาจะบอกวาจางปงลี่รายงานเท็จ ก็ยอมไมได สรุปแลว
พออธิบายดวยคําพูดเชนนี้ จิตใจองคติ้งอูก็ดีขึ้นมาก ลูกชายคนนี้ยังรูจักเห็นแกภาพรวม
ที่สําคัญคือยังเคารพพระองคอยู ดูๆ ไปแลวคําพูดที่ลูกหกพูดก็เปนเรื่องจริง องคติ้งอูคิด
เชนนั้นจริง จึงไมแตะตองพวกเขา มิใชใจกวางหรอกรึ? มิใชใหโอกาสพวกเขาหรอกรึ?
ตอน 301 เดาใจองคจักรพรรดิไมถูก
“เฮอะ ลูกหกเพิ่งจะอายุเทาไหรเอง ก็มองเหตุผลเหลานี้ออกแลว พวกฉางคุน
บําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต กลับเลอะเลือนขนาดนี้ ขาเมตตาและชวยเหลือพวกเขาจนถึง
ที่สุดแลว วันนี้ที่ตกต่ําไดถึงเพียงนี้เปนเพราะพวกเขารนหาที่ตายเอง ยากเยียวยา!”
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง แหงนหนามองฟา
บอกตามตรง จางปงลี่ไมไดคิดพูดเผื่อหมิงออง ความสัมพันธของเขากับหมิงอองนัน้
เฉยๆ ตอนนี้พอมองดูแผนหลังของฝาบาท ความคิดจริงๆ ในใจคือ คําพูดที่ตนพูดเพื่อ
ราชสํานักเมื่อครู แทจริงแลวเปนเหตุผลรองในใจหมิงออง ซึ่งเหตุผลหลักที่ทําใหโกรธจน
ตองชักกระบี่ ที่สุดแลวยังคงเปนเพราะตูเจวียน
ตั้งแตรูเรื่องนี้ ในหัวสมองของเขาก็วนเวียนอยูแตใบหนาลูสวินอี้
เขายังจําคําพูดที่ลูสวินอี้พูดตอนถูกกักบริเวณไดอยางชัดเจนวา
‘อยาวาแตสํานักใบไผเลย แมแตเขาซางชิงเอง ถากลาทําใหทานอองโกรธ กระบี่
เดียวก็ราบเปนหนากลอง!’
ตอนนั้นเขาไมไดคิดจริงจัง แตตอนนี้ รูสึกหนาวเขากระดูกแลว เพราะลูสวินอี้ยัง
บอกอีกวา
‘ถาตูเจวียนตาย ทานอองตองกลับเมืองหลวง ระเบิดพายุโลหิตหาใหญแน และเขา
จางปงลี่ตองเปนคนแรกที่เซนสังเวย!’
คําพูดนี้อาจฟงดูโมไปหนอย ถาเปลี่ยนเปนผูอื่นพูด เขาตองโมโหไปนานแลว แตนี่
เปนหมิงอองพูด เขาจึงไดแตอดทน ไมมีทางเลือก ถาทานนั้นไมยอมใหควบคุม เขาก็
ตองทํา!
แตก็ไมสามารถบอกใหองคจกั รพรรดิประหารโอรสไดเชนกัน ดังนั้นเขาจึงตองทน
ฟงคําพูดบาบอไปอยางนั้น อีกอยางหมิงอองก็เปนคนทําอะไรบุมบามอยูแลว
ทวาตอนนี้ ประกายโลหิตที่ยังสองแสงวิบวับเปนความจริงที่ทําใหเขาไมกลาคิดวา
คําพูดนั้นบาบออีก เขาชัดเจนดี ชีวิตตัวเองแมมคี า แตเมื่อเทียบกับศิษยสํานักใบไผทั้ง
สํานักแลว เขาไมนับเปนตัวอะไรเลย!
ตั้งแตหมิงอองมาถึง ฟนปายสํานักใบไผ ตัดศีรษะผูคุมกฎอาวุโสหูเทียนหลุนใน
พริบตา ตอมาใชกระบวนทาเดียวรับมือศัตรูเปนกลุมไดอยางนาสะพรึง นอกจากสังหาร
คนไปหนึ่งคนแลว ยังทําฉางคุนบาดเจ็บอีก...
เขาบรรยายละเอียดยิบ สวนองคติ้งอูก็ถามเปนระยะ นายบาวทั้งสองเสมือนอยูใน
เหตุการณดวย ซึ่งพวกเขายอมรูสึกลึกๆ วาองคชายหกที่ไมไดพบเจอกันมานานหลายป
มีลักษณะนิสัยหยิ่งทะนงมากเพียงใด มีจิตวิญญาณที่แข็งแกรงมากเพียงใด
ชื่อเสียงแตละชื่อลมลงกับพื้น ภาพความรุนแรง เพียงสะบัดกระบี่ ฝนโลหิตสาด
กระจาย องคติ้งอูเองก็นั่งเกร็งไปหลายรอบโดยไมรูสึกตัว ทรงดูออนเยาวขึ้นหลายป
และปรากฏความภาคภูมิใจใหเห็น
แมพูดดวยน้ําเสียงเสียใจเปนระยะ วิจารณวาหมิงอองกระทําการบุมบามแบบวัยรุน
แตแลวก็ยอมรับโดยรวมวา ลูกชายมีจิตวิญญาณคลายพระองคในวัยหนุมสมัยออกรบ
สรุปสุดทาย นับวาไมทําใหพระองคเสียหนา
ทวาทั้งสองคงอยูในตําแหนงใหญโตยาวนานเกิน แมทึ่งความสามารถในการบําเพ็ญ
เพียรของหมิงออง
เชนเดียวกัน แตนี่กลับมิใชจุดสําคัญที่ทั้งสองสนใจที่สุดมาแตไหนแตไร จุดที่ทั้งสอง
สนใจอยูตรงจุดประสงคของหมิงอองในการถลมสํานักใบไผ การดําเนินการอยางรัดกุม
และปญหาคือสํานักใบไผยอมจํานนจริงหรือ?
แมในสายตาพวกเขา การเปลี่ยนแปลงเปนเรื่องธรรมชาติ วรยุทธของแตละคน ไม
จําเปนตองสนใจจริงจัง ซึ่งหลายครั้งที่พวกเขาไมใสใจดวยซ้ํา
แมพวกเขาไมไดใสใจเปนพิเศษ แตเวลาสนทนาจนเขาดายเขาเข็ม กลับไมรูตัววา มี
ผูเฒาผูหนึ่งปรากฎตัวขึ้นอยางฉับพลันและกําลังฟงพวกเขาพูดถึงหมิงอองวา ใช
พละกําลังตอสูกับปรมาจารยนับสิบในหนึ่งกระบวนทา แมผูเฒามิไดขยับ แตดวงตาที่ลึก
ล้ําดั่งมหาสมุทรกลับวูบไหวไมหยุด เห็นชัดวาสติอารมณที่ไมถูกรบกวนมานาน กําลังผัน
ผวนอยางแรง
“ฉางคุนฆาตัวตายใตคมกระบี่ทานออง ปรมาจารยที่เหลือไมตายก็บาดเจ็บ บางคน
บาดเจ็บสาหัส สวนผูที่ฉวยโอกาสหลบหนีผูหนึ่ง ถูกทานอองสังหารในพริบตา ผานการ
ตอสูในครั้งนี้ ศิษยสํานักใบไผที่เหลือรอดนับวาโชคดีมาก พวกเขาตางเกรงกลัวบารมี
ทานอองและตื่นตระหนก ไมมีใครกลาขัดขืนอีก ทั้งหมดกมศีรษะลง ทานอองยืนอยูห นา
ประตูสํานัก พูดอยางเจ็บปวดและจริงจัง เมื่อเห็นวาฉางคุนใชชีวิตตนเองขอรอง ที่สุด
แลวจึงไวชีวิตคนที่เหลือชั่วคราว พอคนจากจวนหมิงอองซึ่งสวมชุดดําในมือกุมดาบยาว
รุดมาถึง ก็เขาควบคุมสํานักใบไผ ดูแล เปลี่ยนแปลง และฝกฝนคนในสํานัก ใหเตรียม
ความพรอมในการเขารวมรบที่หมิงจู ทํางานชดใชความผิด!”
จางปงลี่พูดปดทาย
“หมิงจู?” องคติ้งอูขมวดคิ้ว รีบถามตอ “ปรมาจารยสิบกวาทานนั้นยังอยูในสํานัก
ใบไผร?ึ ”
จางปงลี่เห็นทาทางของพระองคแลว ก็ยิ้มขมขื่น กอนวา
“เหลือเพียงสามทานคอยดูแลสํานัก สวนที่เหลือไปกับทานออง”
ปง! องคติ้งอูตบโตะ สีหนาเครงเครียด พูดเสียงดังดวยความโกรธ
“ไรสาระ คนพวกนี้ไหนเลยจะยอมจํานนงายๆ ที่ไมกลาตอตานเพราะบาดเจ็บอยู
หรอก รอใหหายจากการบาดเจ็บ ตองกลายเปนภัยคุกคามแน!”
จางปงลี่ก็คิดเชนเดียวกัน จึงพยักหนา
“ฝาบาทตรัสถูกตอง กระหมอมก็เปนหวงเชนกันวา ในบรรดาปรมาจารยเหลานี้
อาจมีบางคนสังกัดกองกําลังอื่นๆ ซึ่งจะเปนอุปสรรคและไมเปนผลดีกับทานออง แม
ตอนนี้พวกเขาไมมีกําลังตอตาน ก็ตองหาโอกาส กระทั่งแฝงตัวซุมโจมตีฐานที่มั่นของ
ทานออง จนถึงขั้นเอาชีวิตทานออง!”
“โงจริงๆ!” องคติ้งอูกนดาหนาดําคร่ําเครียด
“ยังไมเปนผูใหญพอ ถึงไดจัดการเรื่องไดชะลาใจเชนนี้ มักใชแตความกลาบาบิ่น ไม
ใชสมอง นี่เปนเรื่องระดับชาติ หาใชหนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ก็ขึ้นสูจุดสูงสุดได จัดการเรื่อง
เชนนี้ แลวจะรับผิดชอบเรื่องใหญไดอยางไร?”
คําพูดนี้จางปงลี่ก็ไมกลารับแลว ขณะเดียวกันก็ใจเตนตูมตาม ดวยนี่เปนครั้งแรกที่
ไดยินฝาบาทแสดงความคิดออกมาตรงๆ
ความหมายในคําพูดเผยใหเห็นอยางชัดเจนวา องคติ้งอูไมเคยละทิ้งความคิดที่จะ
อบรมบมนิสัยหมิงออง ยิ่งพอผานเหตุการณนี้ไป ก็ทรงมีผูที่เลือกแลวอยูในใจ
เดิมทีจางปงลี่มีขอเสนอแนะเพิ่มเติม แตตอนนี้กลับไมกลาเอยปาก
ทวาไมตองรอใหเขาเอยปาก องคติ้งอูพลันเยือกเย็นลง แววตาทอประกาย คอยๆ
หันหลังใหแลวตรัสวา
“ไดสงคนไปสืบเบาะแสองคชายวาไปไหนตอหรือไม?”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากจางปงลี่ แตก็รีบตอบวา
“เกาะติดเลยพะยะคะ แตเบาะแสของกลุมทานออง คนธรรมดายากแกะรอย พวก
เขาขึ้นเขาลงหวย ไปไหนมาไหนไดตามใจ รวดเร็วสุดจะเปรียบ อีกทั้งแมเราสืบรู
รองรอยแลว ก็ไมกลานํากองทหารเขาลอมตรวจ เกรงวา...”
องคติ้งอูซงึ่ ยืนหันหลังให พลางถามเสียงเบา “สามารถสืบรูรองรอยจริงรึ?”
“สามารถพะยะคะ ในสํานักใบไผเดิมทีมีคนของเราอยู ครั้งนี้ก็ไปกับทานอองดวย
เพียงแตตองรอเวลาสักพัก จึงจะพบรองรอย!” จางปงลี่พยักหนารับรอง
องคติ้งอูคลายใจเย็นลง เดินไปเดินมาครูหนึ่ง คอยถามเสียงเบาอีกครั้ง
“ถาหาเจอ เจามีทางพาตัวเขากลับมาหรือ?”
จางปงลี่อึ้ง แววตาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสวาง ดวยไมคอยเขาใจความหมายของฝาบาท จึง
ลองถามออกไป
“ถาทานอองไมขัดขืน...”
“ตามลักษณะนิสัยที่ผานมาของลูกหก จะยอมเชื่อฟงรึ?” องคติ้งอูเหลตามองจางปงลี่
“เออ...” จางปงลี่พูดไมออก
เขาชัดเจนดีวา แมเขาไปดวยตนเอง เกรงวาไมเพียงพากลับมาไมได ยังอาจถูก
สังหารกอนเพื่อน
องคติ้งอูคลายกลุมพระทัยยิง่ สายศีรษะไปมา
“ชางเถอะ อยางไรลูกหกก็ชอบอยูนอกวังมากกวา ก็แลวแตเขา เขายังหนุมยังแนน
ยังตองถูกเคี่ยวกรําอีก ใจเขาไมอยูนี่เสียอยาง ถึงมัดมือมัดเทาจับกลับมาก็ไร
ประโยชน?”
จางปงลี่นับวาเขาใจความหมายขององคติ้งอูแลว ที่แทก็ยังทรงเห็นผลประโยชน
เปนสําคัญ!
ทรงอยากรูขอบขายกองกําลังหมิงออง ตองการสืบใหชัดเจนวาหลายปที่ทานออง
โลดแลนอยูนอกวังนั้นไดอะไรมาบาง
หรือพูดตามตรงก็คือ อยาเพิ่งทําใหทานอองรูตัว ใหผูที่แฝงตัวสืบตอไปเรื่อยๆ
ถาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่วาชีวิตทานอองตั้งอยูบนความเสี่ยงหรือไมนนั้ ในสถานการณ
เชนนี้ ทานอองยอมเสี่ยงอันตรายแนนอน แมสํานักใบไผถูกทานอองโคน แตโลกนี้มิไดมี
สํานักใบไผเพียงสํานักเดียว!
เบื้องตนทานอองผิดใจกับสํานักเตาแลว ตอไปพวกเขาตองทําการตอบโตอยาง
แนนอน เรื่องนี้ยังไมหารือฝาบาท ซึ่งผลที่ตามมาจะนาสะพรึงกลัวเชนไร จางปงลี่ไมรู รู
แตวา เปาหมายอันดับแรกของพวกเขาคือตัวทานออง
ถาตองการคุมครองความปลอดภัยใหทานอองจริงๆ ดีที่สุดคือการรับทานอองกลับ
เมืองหลวง อยูขางนอกยิ่งอันตราย แตสุดทายองคติ้งอูกลับตัดสินใจเชนนี้
จางปงลี่กมศีรษะ ไมกลามองพระองค ดวยรูสึกงงไปหมด เดาความคิดพระองคไมถูก
เมื่อครูเห็นชัดๆ วาทรงมีพระประสงคที่จะอบรมบมเพาะใหหมิงอองเปนผูสืบราช
บัลลังก แตพริบตาเดียวกลับตัดสินใจใหสืบดูกองกําลังของหมิงอองกอน หรือ
ความหมายคือตองการใหหมิงอองเปนตัวลอ ใหหมิงอองเอาตัวรอดเองในสถานการณ
อันตราย ฝาบาทขอนั่งอยูในสถานะผูตกปลา แอบดูเหตุการณดวยสายตาเย็นชา เตรียม
เก็บปลาที่ตกได!
เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เขาจับทางไมถูกจริงๆ วาองคติ้งอูทรงคิดอะไรอยู
ซึ่งอันที่จริง ความคิดอานขององคจักรพรรดิ คนนอกยอมไมมีทางดูออก แตคนในก็
ใชวาจะดูออก
กอนหนานี้ที่ทรงคิดอบรมบมเพาะองคชายหกอาจเปนเรื่องจริง แตแลวที่ทรงเตรียม
ใหองคชายหกพลีชีพก็เปนเรื่องจริง
เนื่องจากดานหนึ่งคือชาติ ดานหนึ่งคือครอบครัว ดานหนึ่งคือแนวคิดอันแนวแน
ดานหนึ่งคือความออนโยนและความเมตตา อาจเปนเพราะนาทีนี้ ใจของพระองคทรงอยู
ที่ประเทศ นาทีถัดมาอยูที่ครอบครัว ทรงเปลี่ยนจุดยืนไดตลอดเวลา
เมื่อครูทรงเห็นความสามารถอันโดดเดนขององคชายหก จึงคิดอบรมบมเพาะใหสืบ
บัลลังก แตนาทีถัดมากลับตัดสินใจบูชายันองคชายหก เพราะรูสึกวาไดประโยชนอยาง
แทจริงมากกวา หรืออาจดีกวาเรื่องๆ หนึ่งที่ยังมาไมถึง
องคติ้งอูครุนคิดเล็กนอย คอยตรัสวา
“คิดหาวิธีทําใหหมิงอองรูตวั คนในกองกําลังอื่นที่แฝงตัวอยู เพิ่มการเฝาระวังใหมากขึ้น”
จางปงลี่ไมอยากเดาความคิดขององคติ้งอูอีก พยักหนารับ
“พะยะคะ แตภายใตสถานการณที่กระหมอมควบคุมได ก็ไมกลารับประกันวาจะไม
เกิดเหตุสุดวิสัย!”
องคติ้งอูป ระทับนั่ง คอยๆ หลับตาลง กอนพูดเสียงเบา
“ลูกหกตองเรียนรูท ี่จะเติบใหญ เมื่อคิดใชคน ก็ตองดูคนเปน ขาสามารถชวยเทาที่
ชวยได ที่เหลือเขาตองพึ่งตัวเอง สวนจะสามารถยืนหยัดตอไปไดหรือไมนั้น ก็ขึ้นกับ
โชคชะตาของเขาเอง!”
จางปงลี่เงียบไปอีกครั้ง หัวขอนี้ เขาไปตอไมได
องคติ้งอูครุนคิดสักพัก พลันลืมตา เอยปากจริงจัง
“แตนี้เปนตนไป ใหจับตาดูนักพรตทั้งหมดในเมืองหลวงอยางใกลชิด เพิ่มการเฝา
ระวังทุกลูทางเขาออกใหเขมงวด นักพรตในเมืองหลวงเขาได แตออกไมได!”
“พะยะคะ!” จางปงลี่รีบขานรับ
ไมจําเปนตองใหองคติ้งอูสอนวาตองทําอยางไรจึงจะทําใหผูที่คิดหนี หยุดอยูกับที่ได
ถาแมเหตุผลแคนี้ยังคิดไมออก องคติ้งอูก็ไมจําเปนตองใชเขาอีก
ตอน 302 ใหสนมหลันปวยการเมืองไป
จางปงลี่โคงกายนอมรับคําสั่ง แตขอถามฝาบาทอีกประโยค
“กระหมอมคิดวาอีกไมนานคนของสํานักใบไผในเมืองหลวงก็นาจะรูขาว เกรงวา
อาจมีการเคลื่อนไหว หรือวาจะจับพวกเขาไวกอน...”
“ไมตอง!” องคติ้งอูจองมองจางปงลี่ กอนพูดทีละคํา
“เคลื่อนไหว? ขาจะรอดู! สํานักเตานี่อะไรนิดอะไรหนอยก็นึกวาสามารถเขาแยงชิง
ชื่อเสียงและผลประโยชนทั้งหมดไดรึ? อุตสาหเฝาระวังอยางดี กลัววาราชสํานักจะสงคน
แฝงตัวเขายุยงใหแตกแยก เฮอะ ครั้งนี้ลูกหกบุกเดี่ยว อาศัยเพียงกระบี่มรกตยาวสาม
เชียะ ถลมสํานักใบไผราบคาบ อยางนี้สิถึงจะเรียกวานักพรตผูเยี่ยมยุทธ นี่มิใชเรื่องที่
พวกเขาควรสังคายนากันหรอกรึ เกี่ยวอะไรกับราชสํานัก ขากําลังรอใหพวกเขามาขอ
ความเปนธรรมตางหาก!”
จางปงลี่แขนสั่นเล็กนอย เขาเดาถูกวาฝาบาทตองการใชหมิงอองเปนตัวลอ แตคิด
ไมถึงวา ฝาบาทจะถอนตัวออกทั้งตัว ปลอยใหหมิงอองเผชิญอันตรายแตเพียงผูเดียว!
ดวงตาฉายแววหวาดกลัวขึ้นวาบหนึ่ง กอนรีบปกปด ไมกลาแสดงออก คอยๆ สงบ
สติอารมณ เขาคิดแลวคิดอีก อยางไรก็ตองชัดเจนในเจตนารมณของฝาบาท จึงถามออก
ดวยความระมัดระวัง
“ถาตอนนี้สํานักเตาแตละสํานักรูขาวแลว นาทีแรกพวกเขาตองสอบถามถึง
ปฏิกิริยาของราชสํานักแน เราควรตอบสนองเชนไรพะยะคะ?”
องคติ้งอูเหลือบตามองจางปงลี่ ความหมายในแววตาทําใหจางปงลี่ตกใจเนื้อเตน
สักพัก คอยตรัสวา
“เจาก็ดูเอาแลวจัดการตามนั้น!”
จางปงลี่แอบสูดหายใจเขาลึกๆ ดูเอาแลวจัดการตามนั้น?
เชนนี้จะดูแลวจัดการอยางไร?
ราชสํานักสามารถตอบสนองอยางละมุนละไม ใหสํานักเตารูสึกกลัว ลดความกดดัน
ใหหมิงออง
แตพอฟงความหมายของฝาบาทแลว คลายถอนตัวออกทั้งตัว กระทั่งตองคิดหาวิธี
ทําใหสํานักเตาคิดวา เรื่องนี้ฝาบาททรงกริ้วความบาบิ่นของหมิงอองเชนกัน แตทรงขี่
หลังเสือแลวลงยาก จึงไดแตเกลียดชังหมิงออง
ตอนนี้สิ่งที่ราชสํานักกังวลก็คือ เรื่องนี้อาจทําใหสํานักเตาเกิดการเปลี่ยนแปลง
ฉับพลัน ทําใหพวกเขาเขาใจวาตอนนี้ถาพวกเขาตอบโตหมิงออง ราชสํานักก็คงไดแตลืม
ตาขางหนึ่ง หลับตาขางหนึ่ง
“กระหมอมยังคงรูส ึกวา ราชสํานักตองเตรียมการกอน เพราะพวกเขาไมนาคิดวา
เรื่องนี้ไมเกี่ยวของกับราชสํานัก พวกเขาไมใชนกที่กลัวคันธนู และไมใชสุนัขจนตรอก!”
เผือกรอนชิ้นนี้ จางปงลี่ไมกลารับ
องคติ้งอูไดยินก็ลุกพรวดขึ้น ดวงตาเปลงแววรายกาจอยางนาตกใจ
“ดีเลย ขารอเวลานี้มานานแลว!”
จางปงลี่ไดแตจมลงสูเบื้องลึกของอารมณ ในที่สุดก็ไมพูดอีก
เขารูวาที่องคติ้งอูพ ูดคือเรื่องจริง ทรงรอมานานหลายปจริง ความสัมพันธระหวาง
สํานักเตากับราชสํานักซับซอนมาก ราชสํานักอยากลางบางสํานักเตา แตก็กลัววาจะทํา
ใหเกิดความวุนวายใหญโต องคติ้งอูไมอยากเสี่ยง แตทรงไมรูเหตุผลนี้จริงๆ หรือ เหตุผล
ที่วาแผลกลัดหนองเรื้อรังก็ทําใหคนถึงตายได สูใชมีดเฉือนเนื้อรายออก ยอมเจ็บแตแรก
เพื่อมีชีวิตใหมที่ดีกวา
ไม องคติ้งอูชัดเจนดี แตชัดเจนก็สวนชัดเจน เมื่อวันที่ตองขุดรากถอนโคนยังไม
มาถึง แตละวันที่ตัดสินใจไมไดก็เจ็บปวดและกินลึกเขาไปในใจทุกวันๆ

และถาคิดแตะตองสํานักเตา ก็ไมใชแคปญหาวาตองสูญเสียอะไร
โดยเมื่อครั้งองคเซิง่ อูเปดประเทศ สํานักเตารอยแปดสํานักอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ
องคเซิ่งอูจ ึงพระราชทานนามใหแตละสํานักดวยองคเอง แลวใหคุณความดีสรางชื่อเสียง
จนขจรขจายไปทั่วหลา ทําใหสํานักเตาเขาไปอยูในสวนลึกของจิตใจผูคน ดังนั้นคิดแตะ
ตองพวกเขา กอนอื่นตองมีเหตุผลมากพอ ซึ่งตอนนี้เมื่อหมิงอองลงมือกอน แมองคติ้งอู
เห็นวาบาบิ่น แตเรื่องมาถึงขั้นนี้แลว ทรงไมมีทางถอยอีก
ไดแตคิดวา ถาสํานักเตากลาทําเรื่องใหญที่คานสายตาประชาชน และชักนําใหราช
สํานักลงมือ ก็ถือวามีเหตุผลมากพอที่จะทรงยอมทนเจ็บตัดเนื้อราย และเวลานั้นก็ใกล
มาถึงแลว
แตที่ทําใหเขาหวาดกลัวก็คือ เขาจับจุดไมไดวาเรื่องนี้จะเดินไปในทิศทางใด
ที่สุดแลวฝาบาทเพียงคิดยืมวรยุทธของหมิงอองบีบใหสํานักเตาเปดไพที่ซอนไวทีละ
ใบๆ ออกมา
หรือจริงๆ แลวคิดยืมกําลังของสํานักเตาเคี่ยวกรําหมิงอองใหเผชิญกับความ
ยากลําบากเพื่อที่จะไดเติบใหญ ขณะเดียวกันก็ตองการเห็นไพที่หมิงอองเก็บไวเชนกัน
แตจนแลวจนรอดหมิงอองจะสามารถยืนหยัดไดถึงเมื่อไร จะทําลายสํานักเตาไดถึงขั้น
ไหน?
นี่เปนการฝากความหวังไวที่หมิงอองชัดๆ ถาหมิงอองสามารถบีบใหสํานักเตาไมมี
ทางไปเหมือนสุนัขจนตรอก สามารถลางบางและจัดระเบียบสํานักเตาอื่นๆ ใหมเหมือน
ที่ทํากับสํานักใบไผ แลวทําใหสํานักเตาเดินเกมกบฏขึ้นมา ฝาบาทก็จะเงื้อดาบเฉือน
เนื้อรายนี้ทิ้งทันที!
จางปงลี่ชัดเจนมากในจุดๆ หนึ่งที่วา ฝาบาทตองการใหราชสํานักหลีกเลี่ยงความ
ขัดแยงกับสํานักเตากอน และขณะที่ราชสํานักพยายามถนอมกําลังที่แทจริงของตนไว
ฝาบาทก็ขีดเสนวงกลม ใหหมิงอองกับสํานักเตาเดินเขาไป
ใหพวกเขาตอสูกันจนสะทานสะเทือนแผนดิน และเมื่อไพใบสุดทายกําลังจะถูกทิ้ง
สูกันจนแทบตายกันไปขาง สูกันจนราชสํานักคิดวาเอาละไดเวลาเหมาะสมที่จะลงมือ
แลว ก็จะดีมาก
จางปงลี่เขาใจในจุดนี้ เขาจึงไดแตทําไปตามนี้ แตที่เขาไมรูก็คือ ภายใตการตอสูที่
นาเศราเชนนี้ ใครจะรับประกันไดวา เมื่อไหร ทีไ่ หน ซึ่งมีความเปนไปไดตางๆ นาๆ วา
ทานอองจะไมแพและไมเสียชีวิต
เรื่องนี้เปนเผือกรอนสําหรับจางปงลี่ เห็นชัดวา ฝาบาทก็ยังไมมีความมั่นใจ ดังนั้น
จึงพูดวา ใหเขาดูเอาเองวาจะจัดการอยางไร
พอเกิดปญหา ยอมตองเปนเขาจางปงลี่เปนผูรับผิดชอบ
จางปงลี่จงรักภักดีตอองคติ้งอู เขายินยอมแบกหมอดํานี้ และไมใชครั้งแรกดวยที่แบก
ทวายินยอมก็คือยินยอม แตจะไมใหกลัวไดอยางไร?
จะไมใหคดิ ไดอยางไร?
ถาเขาทํารายหมิงอองจริง ครั้งนี้แมไมเทากับครั้งกอนที่หมิงอองตองเผชิญกับความ
ตาย ก็บอกไมไดวา เวลาที่องคติ้งอูคิดถึงหมิงออง ความรักความรูสึกที่บิดามีตอบุตร
เขมขนขึ้น เมื่อนั้นเขายอมถึงแกความตายเปนแนแท
แตถาหมิงอองไมตาย ตอนกลับเขาวัง อยางไมตองสงสัย ไมมีใครทัดทานบารมีได
แน สวนเขาจางปงลี่ที่ทําใหหมิงอองเกือบตายครั้งแลวครั้งเลาละ เขาสามารถลวงรูจุด
จบตนเอง ไมสิ จุดจบตระกูลตนเองมากกวา...
แตกระนั้นก็ตาม จางปงลี่ยังคงตองทํา!
และตองทุมเทแรงกายแรงใจทําเต็มที่ดวย ตองยุงมาก เพราะเรื่องนาตกตะลึงพรึง
เพริดที่กระจายออกไปทุกขณะในเวลานี้ ไดกระจายไปยังหูของผูม ีบารมีทุกทานในใต
หลาแลว
และผูที่สนใจในเรือ่ งนี้ทุกคนลวนไมสามารถนิ่งดูดายได พวกเขาลวนยุงมาก ดังนั้น
จางปงลี่จึงตองยุงกวาพวกเขา
จางปงลี่ไปแลว แตองคติ้งอูยงั คงนั่งคิ้วตกอยูในหองไมขยับเขยื้อน ทรงเงียบไมพูด
ไมจา แววตาเหมือนมีอารมณความรูสึกมากมายวาบผาน
ผานไปเนิ่นนานคอยเอนหลังพิงพนักเกาอี้ มองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล มุมปากพึมพํา
เสียงต่ํา
“ลูกหก เกิดเปนเชื้อพระวงศ เกิดในสถานการณที่ยุงเหยิง...”
เสียงฝเทาเบาๆ ดังขึ้น ตามดวยเสียงมหาดเล็กที่ยืนอยูหนาประตู
“ฝาบาท เที่ยงแลว ไดเวลาเสวยอาหารกลางวันพะยะคะ”
องคติ้งอูคอยรูสึกตัววาเวลาผานไปอยางรวดเร็ว ไมรูเมฆขาวนอกหนาตางหยุด
เคลื่อนที่ และแสงแดดยามเที่ยงสาดสองตั้งแตเมื่อไร
ทรงลุกขึ้นยืน คลายนึกอะไรได จึงถามเสียงเบา
“ฮองเฮากลับตําหนักแลวหรือยัง?”
มหาดเล็กทูลเสียงเบา “กลับแลวพะยะคะ”
องคติ้งอูกะพริบตา กอนเดินไปริมหนาตาง แลวถามเสียงเบาอีก
“พอขาออกมา ที่นั่นเปนอยางไรบาง?”
มหาดเล็กมิไดเงยหนา เลาเหตุการณที่เกิดขึ้นทั้งหมดดวยเสียงอันเบาอยาง
ตรงไปตรงมา มิไดเอนเอียงเขาขางผูใด
องคติ้งอูฟ งรวดเดียวตั้งแตตนจนจบโดยมิไดขัดจังหวะ พอไดยินวาสนมหลันถูก
ลงโทษใหคุกเขา ถูกตบปาก ก็ไดแตทอดสายตาออกนอกหนาตาง
ตอมาพอไดยินวาฮองเฮาเรียกองคชายเกาเขาไปคุย ก็ทรงขยับดวงตาเล็กนอย แต
แลวก็ไมมีปฏิกิริยาอะไร
เพียงแตตอนไดยินวาฮองเฮาจัดการเรื่องอันหัวอยางไรนั้น ทรงเพิ่งนึกอะไรออก จึง
ถามเสียงเบา
“ฮองเฮาใหปนปกผมและใหอันหัวปกผา?”
“พะยะคะ พอฮองเฮาเสด็จไป ทานหญิงอันหัวก็สลบพะยะคะ หมอหลวงบอกวา
เพราะตกใจมาก ไมมีอะไรนาเปนหวง ฮองเฮานึกสงสารที่ทานหญิงรางกายไมแข็งแรง
จึงพระราชทานสมุนไพรล้ําคาให แลวใหคนสงกลับจวนไปกอน โดยมีหมอลวงตามไป
ดวย ทรงกําชับวาตองรักษาทานหญิงใหหายแลวคอยกลับมา”
คราวนี้มหาดเล็กพูดยาวหนอย
องคติ้งอูคอยๆ ทอดถอนใจ สายศีรษะไปมา ไมสงเสียงใดๆ
ทรงไมรูจะพูดอะไรดี อันหัวตกใจจนเปนลม เหตุใดจะทรงไมรูวาเปนเพราะผาปก
ผืนนั้น เด็กสาวเพิ่งจะอายุเทาไหรเอง เกิดเปนเชื้อพระวงศ ไดรับการเลี้ยงดูอยางประคบ
ประหงม ปกผาก็นาจะพอปกได แตอาจเทียบไมไดกับนักปกผาชื่อดัง...
แตนี่ไมสําคัญ สําคัญที่จิตใจกตัญูของเด็ก ซึ่งบรรดาพระบรมวงศทั้งหลายมีใคร
บางที่ไดทําจริงตามที่พูด ไดลําบากตรากตรําเพื่อสรรหาของขวัญมาสวัสดีปใหมพระองค
บาง?
นี่ยอมทําใหทานหญิงไมกลาถือสาหาความเรื่องถูกตบอีก แตพอผานเรื่องนี้ไป คน
ในจวนทานหญิงตองไมพอใจแน แตองคติ้งอูกลับมิไดพูดอะไร ทรงมองออกวา ฮองเฮา
ไดแสดงทาทีอยางชัดแจงแลว จากที่ไมไดยุงเกี่ยวมาหลายป สิ่งที่ทําทั้งหมดในเชาวันนี้
กําลังบอกกับทุกคนวา เรื่องอื่นๆ นางไมถือสาหาความได
แตถาใครกลากลั่นแกลงหลินซูอินแลวละก็ นางไมไวหนาแน
บอกตามตรง องคติ้งอูรูสึกไมสบายใจ ไมสบายใจยิ่ง
ฮองเฮาฟน ฟูบารมี กลับมานั่งขางพระองค ปกครองใตหลารวมกับพระองคอีกครั้ง
แตมิไดทําเพื่อพระองค กลับทําเพื่อหลินซูอิน เพื่อบุตรีโจรกบฏนางหนึ่ง สีหนาองคติ้งอู
เครงขรึมลง
เงียบไปครูใหญ ที่สุดแลวองคติ้งอูก็ตอบโตการกระทําของฮองเฮาดวยการโบกมือ
ไหวๆ พลางพูดเสียงเบา
“ไป ใหคนสงสนมหลันกลับตําหนัก!”
“พะยะคะ” มหาดเล็กขานรับ
“ชากอน!” ขณะมหาดเล็กกําลังจะไป ทรงตรัสกําชับ
“บอกนางวา พักนี้งานบานงานเมืองยุงมาก ขาคงไมมีเวลาไปหานาง ใหนางดูแล
รักษาตัวใหดี จะไดหายจากอาการปวย!”
อาการปวย?
มหาดเล็กกะพริบตา เขาใจแลว สนมหลันคงตองแบกรับความไมเปนธรรมไป
ชั่วคราวกอน แมไมถึงกับสงไปตําหนักเย็น แตการรักษาอาการปวย ก็ไดแตรักษาอยาง
เงียบๆ!
ขณะเดียวกันเปนการบอกความคิดของพระองคใหฮองเฮารับรู เพราะพอหายจาก
อาการปวย ฝาบาทก็ไมถึงกับโบยสนมหลันใหตายหรอก
คิดในใจ ตอไปสนมหลันยังมีวันกลับมาใหมก็จริง แตจะลวงเกินฮองเฮาอีกไมได
ตองสํารวมและคงไวซึ่งความดีงามจึงจะดี คิดถึงตรงนี้ก็ไมกลาแสดงความเห็น โคงตัวรับ
คําสั่งแลวถอยออก
พอมหาดเล็กถอยออก องคติ้งอูคอยประทับนั่ง ขณะกําลังจะยกพูก ันขึ้นเขียนอะไร
บางอยาง กลับไดยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากดานลาง
“ยินดีดวยฝาบาท!”
องคติ้งอูไมตกใจ ทรงเงยหนามองผูที่ยืนอยูดานลาง ราวกับวาผูเฒายืนอยูตรงนั้นมา
นานแลว
เพียงคลายไมคาดคิดเล็กนอย จึงเอยปากถามเสียงเบา
“ออ? เหตุใดถึงพูดเชนนี้ละ?”
ผูเฒาอมยิ้ม
“ฝาบาททรงมีโอรสที่มีความสามารถโดดเดนอยางหมิงออง ซึ่งไมเพียงบําเพ็ญเพียร
ขั้นเทพแลว ยังมีความคิดจิตใจที่เหนือกวาคนทั่วไป ผูเฒาขอชื่นชมจากใจจริง!”
องคติ้งอูมองดูผูเฒา พลันตกใจเล็กนอย แววตาผูเฒาไมเรียบเฉยเหมือนเมื่อกอน
จึงมองนิง่ พลางวา
“องคชายยังคงมีนิสัยแบบวัยรุน ยังกาวไมพนวัย กระทําการบาบิ่นอยูเรื่อย ไมรูตอง
เคี่ยวกรําอีกเทาใดจึงจะเติบใหญ เหตุใดทานจึงชมเชยองคชายเชนนี้เลา?”
ตอน 303 ความเมตตาจากจอมยุทธ
ผูเฒากลับสายศีรษะแลววา
“ขาพระองคมิไดพดู พร่ําเพรื่อ ฝาบาททรงจําคําถามนั้นไดไหม ที่ทรงถามวา
สามารถพาหมิงอองกลับมาหรือไม ตอนนั้นขาพระองคไมมีความมั่นใจจริงๆ แตตอนนี้
คิดๆ แลวก็รูสึกโชคดี เหมือนรอดชีวิตจากการปลนครั้งใหญ! พูดแลวก็นาละอาย เกรง
วาถาไปแลว อุปสรรคใหญสุดไมใชกองทัพคนเถื่อนนับพันนับหมื่น แตจะหลุดพนจาก
น้ํามือหมิงอองไดหรือไมนี่สิ!”
“ทานลอเลนแลว!” องคติ้งอูพูดพลางยิ้ม
ทวายังคงเห็นสีหนาผูเฒาไมเปลี่ยนแมแตนอย ยังคงมีความซับซอนในแววตา
รอยยิ้มของพระองคจึงคอยๆ จางลง มองดูผูเฒาอยางจริงจัง
“ทานพูดจริงรึ?”
“ฝาบาทดูไมออกรึ?” ผูเฒามีทาทีไมเหมือนเดิม แตน้ําเสียงยังคงนิ่งเรียบ
เหมือนเดิม
องคติ้งอูคอยๆ กมพระพักตรลง สักพักพลันเงยขึ้น มานตาขยาย แสดงสีหนาตื่นตกใจ
“หรือ ทานกําลังบอกวาลูกหกสําเร็จขั้นจอมยุทธแลว?”
องคติ้งอูไมสนใจฝมือวรยุทธสวนตัวของบุตรชาย เขาอยากใหมอไปมีความรูดาน
การเมืองการปกครองมากกวา! แตทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็เคยคิดเรื่องสถานะของจอมยุทธ
เชนกัน
ผูบําเพ็ญเพียรมีเปนพันเปนหมื่นในใตหลา แตจะเปนจอมยุทธไดสักกี่คน?
ทั้งโลกนาจะมีไมถึงสิบคนดวยซ้ํา!
จอมยุทธ หรือที่เรียกกันวาเทวดาเดินดิน เปนผูสูงสงซึ่งผูคนใหความเคารพนับถือ
และใหความสนใจในการดํารงอยู บารมีที่มีมิไดเปนเพียงตํานานในดานวรยุทธ ทุกอยาง
ในตัวพวกเขาลวนเหนือกวาคนธรรมดาทั่วไป มีสิ่งที่คนทั่วไปไฝฝนและขอพรอยูเสมอนั่น
คือ มีชีวิตยืนยาว มีสติปญญา มีความรูความสามารถ...
พูดไดวา ถาลูกหกเปนจอมยุทธ พระองคแมถูกชิงอํานาจและสวรรคตไปในตอนนี้ ก็
ยังสามารถฝากความหวังไวทลี่ ูกหกซึ่งอายุมั่นขวัญยืนใหชิงคืนกลับมา! อีกทั้งลูกหกยัง
อายุแคยี่สิบกวาป ยี่สิบกวาปเอง!
องคติ้งอูยงิ่ คิดก็ยิ่งตื่นเตน จอมยุทธอายุยี่สิบกวา กับพรสวรรคอันนาทึ่งเชนนี้
อนาคตอันยาวไกลของลูกหกจะเปนเชนไร เปนไปไดหรือไมวาวันหนึ่งจะหลุดพนจาก
ความเปนปุถุชน กลายเปนเทพเซียนที่อยูบนโลกตามตํานานไดจริง
ความลับมากมายของประเทศ ขนาดองคติ้งอูมไิ ดบําเพ็ญเพียร ยังรูมากกวามาก จึง
อดคิดไมไดวา ถาวันหนึ่งบุตรของตนสําเร็จเปนตํานานจริง ควบคุมฟาฝนไดจริง ใตหลา
นี้ยังมีศัตรูที่สามารถตอตานไดอีกหรือ ยังมีใครกลาขวางความรุงโรจนของตาเซี่ยอีก?
ชีวิตนี้พระองคไมสามารถ แตถาโอรสของพระองคสามารถทําความปรารถนาที่มีมา
ตลอดชีวิตของพระองคใหเปนจริงได พระองคยังตองการอะไรอีก?
ทวาทั้งหมดนี้อาจเปนเพราะทรงตื่นเตนเกินไปจริงๆ คิดมากเกินไป
คําตอบของทานผูเฒาทําใหความคิดฟุงซานของพระองคกลับสูความเปนจริง
“ทานอองสําเร็จถึงขั้นจอมยุทธหรือไมนั้น ขาพระองคไมรู แตคิดดูแลวขาพระองค
กับจอมยุทธเหมยคิดเห็นเหมือนกัน ทานอองนาจะยังอยูในระดับปรมาจารย!”
ประกายตาวิบวับขององคติ้งอูดับลงทันที ทรงรีบสั่นศีรษะไปมาใหคืนสูอารมณ
ความคิดเดิม กอนถามตามปกติ
“ถาเชนนั้น คําพูดของทานเมื่อครูหมายความวาอยางไร?”
แววตาผูเฒาซับซอนขึ้นเรื่อยๆ
“ฝาบาท การจะขึ้นสูตําแหนงจอมยุทธไดนั้น ตองดูโอกาส โชคชะตา และเวลา
ประกอบกัน มนุษยยากคาดเดาชะตาฟา แตสําหรับความสําเร็จของทานอองในตอนนี้
นั้น ในแวดวงสํานักเตายอมไมมีใครกลาดูหมิ่นอีก แมแตขาพระองคเอง ยังตองเรียก
ทานอองวาสหายเตา!”
องคติ้งอูองึ้ ครั้งนี้ตะลึงงันจริง ผานไปสักพัก ทรงคอยๆ สายพระพักตร
“ทานผูเฒา ขอคําอธิบายอีก”
ผูเฒาหัวเราะ ใบหนาขมขื่นเล็กนอย
“ถาทานอองเปนจอมยุทธ จะสามารถทําอะไรได? อยางมากก็อายุยืน ความคิด
จิตใจ ความรูความสามารถก็จํากัดอยูแคทางเตาเทานั้น!”
องคติ้งอูพ ยักหนา จิตแหงเตา เทานี้ก็เพียงพอที่จะทําใหคนตางกันราวฟากับดิน
ผูเฒากมหนาเล็กนอย คลายรูสึกโดดเดี่ยว
“หากพูดถึงเรื่องอายุยืน ขาพระองคแมเปนจอมยุทธ ก็เทียบทานอองไมได”
องคติ้งอูน ิ่ง นํามาเทียบกันไมไดหรอก ทานผูเฒาเปนผูสูงอายุ แตลูกหกเพิ่งจะยี่สิบ
กวาเอง...
ทรงขมวดคิ้ว ผูเฒาจึงพูดตอ
“หากพูดถึงความคิดจิตใจ ความรูความสามารถ แนนอนวาขาพระองคมี
ประสบการณชีวิตมารอยกวาป เห็นความเปลี่ยนแปลงมามากมาย แตตอนนี้ ขา
พระองคไดรับพระเมตตา เพลิดเพลินกับเกียรติยศและศักดิ์ศรีไดตลอดชีวิต ซึ่งตอนนี้
เหลืออยูไมมากนัก มองยอนกลับไป ชีวิตที่ผานมาก็ยังยุงวุนวาย ไมกลายอหยอนตอ
หนาที่ แตพอหันมาดูทานออง ยังจําไดวา ตอนออกจากเมืองหลวงทรงพระเยาวมาก แต
กลับตองดิ้นรนตอสูใหพนวิกฤตทามกลางความเปนตายเทากัน สิ่งแวดลอมที่ทรงพาน
พบ พูดไดวาเปนเคราะหกรรมที่ยากลําบากแสนสาหัส ทวาจนถึงตอนนี้ ไมถึงหกป ไม
เพียงทรงรอดชีวิต ยังทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ตามปณิธานอันยิ่งใหญของชายชาตรีในโลกนี้ไดอีก ซึ่งถาไมมีจิตใจที่แข็งแกรง
ความรูความสามารถที่เหนือกวาแลวละก็ เด็กหนุมที่ไมรอู ิโหนอิเหนในตอนนั้น จะรอด
มาถึงตอนนี้ไดอยางไร?”
รอยยิ้มที่เจือความขมขื่นของผูเฒาลึกล้ําขึ้น
“ถาพูดถึงการมีชีวิตยืนยาว ขาพระองคอาจมีมากกวาก็จริง แตถาพูดถึง
ความสามารถ ขาพระองคยอมเปนรองอยางแนนอน! เมื่อครูที่ใตเทาจางพูดวา อาจารย
ทั้งสํานักใบไผรวมกันรุมลอมทานอองคนเดียว แตทานอองใชเพียงกระบวนทาเดียวใน
การตอสู สุดทายยังใชกระบี่สังหารปรมาจารยหนึ่งทาน ใชหมัดสังหารผูสูงสงหนึ่งทาน
ในเวลาที่ตางกันดวย ฝาบาท ทานตองรูวาในแวดวงเตา นี่เปนเรื่องที่นากลัวเพียงใด”
“ทานหมายถึง...” องคติ้งอูมองผูเฒา
“ไมผิด ขาพระองคกลาบุกเดี่ยวสํานักใบไผ และกลาตอสูกับพวกเขา แตยามที่
ปะทะกันจนถึงที่สุด ตองแลกชีวิตกันจริงๆ ขึ้นมา ขาพระองคอาจสังหารพวกเขาได
จํานวนหนึ่ง แลวหาจังหวะหลบหนีไป! ยอมไมกลาทําอยางทานอองบุกเดี่ยวใชกระบวน
ทาเดียวพิชิตศิษยสํานักใบไผทั้งสํานักเปนอันขาด”
ดวงตาผูเฒาวูบไหวขึ้นอีกครั้ง ชะงักเล็กนอย คลายตอนนี้ก็ยังคิดไมออกวาหมิงออง
ทําไดอยางไร แตก็เงยหนามององคติ้งอูแลวพูดเพิ่มเติ่ม
“ขาพระองคไมสามารถทําได สวนเหมย จาง ชวี เหยียน สี่คนนี้แข็งแกรงเทาขา
พระองค ก็ไมมีความสามารถที่จะทําไดเชนกัน นี่...ในใตหลา ที่ขาพระองคเห็นมา
นอกจากทานอองแลว เกรงวาไมมีใครกลาฝกกระบวนทานี้แน!”
พูดกันขนาดนี้ เห็นทีองคติ้งอูจะไมสนใจวรยุทธของมอไปไมไดแลว แตคิ้วของ
พระองคก็ยังไมคลายจากกัน
“ทานผูเฒา กอนหนานี้ทานบอกวาองคชายหกไมใชจอมยุทธ เปนเพียงปรมาจารย นี่...”
องคติ้งอูสงสัย ผูเฒาก็ลังเล ที่สุดแลวก็สายหนา
“เรื่องนี้ยงั ชี้ชัดไมได! กอนหนานี้ขาพระองคก็คิดวาตาเฒาเหมยดูผิด ทานอองอาจ
สามารถทําลายกฎเกณฑ สรางความมหัศจรรย เปนจอมยุทธตอนอายุยี่สิบกวาไดจริง!
แตพอฟงใตเทาจางเลาเมื่อครู กลับรูสึกวามีบางอยางไมถูกตอง”
“ตรงไหนไมถูกตอง?”
องคติ้งอูตื่นเตนขึ้นมา ทรงนึกถึงคําพูดทั้งหมดของจางปงลี่ กลับพบวาไมมีคําพูดใด
ที่สามารถพิสูจนไดอยางจริงจังวาองคชายหกเปนจอมยุทธหรือไม ที่ผานมาก็ไดแตฟง
จากจอมยุทธเหมย ถาวรยุทธที่องคชายหกสําแดงใหเห็น กระทั่งทานผูเฒาที่อยูตรงหนา
ยังไมกลาเทียบชั้น เชนนี้ก็มีความเปนไปไดวาองคชายมีความโดดเดนจริง
แตผูเฒากลับสายศีรษะยืนยันอีกครั้ง
“คําพูดของใตเทาจางที่วา มีปรมาจารยสี่ทานฉวยจังหวะกระจายตัวหนีออกทั้งสี่
ทิศ เหนือ ใต ออก ตก แตทานอองกลับตามสังหารไดเพียงหนึ่งทาน นี่พอจะบอกไดวา
ทานอองยังอยูในขัน้ ปรมาจารย เพราะหากเปนขาพระองค พูดไมไดวาจับกลับได
ทั้งหมดก็จริง แตอยางนอยตองจับไดสองทาน กระทั่งสามทานดวยซ้ํา ไมมีทางยืนมอง
ใหหนีไปเชนนั้นแน นี่แสดงใหเห็นวาทานอองยังไมสําเร็จขั้นจอมยุทธ ยังไมสามารถใช
พลังกดดันคนได! อาศัยเพียงพลังจากการบําเพ็ญเพียรพิชิตใตหลา แตถึงเปนเชนนี้ ถึงใช
เพียงพลังอันแข็งแกรงของตน ก็ทําใหจอมยุทธตางหวาดกลัวกันแลว อยางนอยขา
พระองคก็ไมกลาพูดวาสามารถเอาชนะทานอองได!”
“ใชพลังกดดันคน!”
องคติ้งอูท วนคําๆ นี้ซ้ําไปมา นึกถึงตําราที่เคยอาน ก็พอเขาใจในความหมายของ
ทานผูเฒา สุดทายจึงรูสึกเสียใจ พยักหนาหงึกๆ แตยังตรัสถามตอ
“แลวที่ทานผูเฒาบอกวาหวาดกลัวนี่ หมายถึงอะไร?”
“หากประมือกัน ขาพระองคเกรงวาจะสูไมไหว!”
หลังจากผูเฒาคอยๆ พิจารณาสักพัก ก็พูดประโยคนี้ออกมาดวยทาทางจริงจัง ทํา
ใหองคติ้งอูนิ่งไปอีก
“ทวาขอเพียงไมแลกชีวิตกับทานออง ถาขาพระองคคิดหลบหนี ทานอองก็ไมนาจะ
ตามทัน!”
ผูเฒาหัวเราะขมขื่น บอกตามตรง เขาไมเคยมีแนวคิดที่วายังไมตอสูก็คิดหนีเชนนี้มา
หลายปแลว แตตอนนี้กลับอดไมไดที่จะสายศีรษะอีก
“แตถาตอนแรกขาพระองคไปหมิงจูจริงๆ และประมือกับทานออง ตอนนั้นขา
พระองคยังไมเคยไดยินเกี่ยวกับพลังที่นากลัวของทานออง ซึ่งถาทานอองใชกระบวนทา
ที่ตอสูกับศิษยทั้งสํานักใบไผมาสูกับขาพระองค บวกกับความชะลาใจ ขาพระองคตอง
ถูกทานอองฟาดหนึ่งฝามือแน ยิ่งขาพระองคตองออมแรงไวไมพยายามทํารายทานออง
ขณะตอสูดวยแลว...เกรงวาคงรอไมถึงภาวะสิ้นอายุขัย ตองจากไปเชนคนธรรมดากอน
แน!”
เมื่อไดยินขอสันนิษฐานเชนนี้ พระพักตรองคติ้งอูก็เปลี่ยนสีอยางอดไมได ทรงรูสึกโลงใจ
นี่มีความเปนไปไดสูง คิดๆ ดู พระองคเกือบสงทานผูเฒาไปใหโอรสสังหารดวยมือ
พระองคเองแลว ถาเปนเชนนี้ก็คงเปนเรื่องตลกที่ขยายความไดใหญโต ทรงไมกลา
จินตนาการตอวาประวัติศาสตรจะจารึกเรื่องราวนี้เชนไร คนรุนหลังจะมองพระองค
อยางไร?
องคติ้งอูพ ลันหนาดําคร่ําเครียด หนังตากระตุกไมหยุด ตัดสินใจโบกมือพลางตรัส
“ทานจอมยุทธคิดมากไป ใหความกลากับลูกหกพันครั้ง เขาก็ไมกลาสามหาวกับ
จอมยุทธหรอก ไมอยางนั้นจะกลายเปนกบฏไปจริงๆ!”
จอมยุทธผูเฒาหัวเราะ ไมพูดไมจาอีก เงารางวูบไหวเล็กนอย กอนหายไปในอากาศ
องคติ้งอูมองดูความวางเปลาตรงหนา สีพระพักตรเปลี่ยนจากแดงเปนขาว จากขาว
เปนเขียว ตองใชเวลาสักพักจึงสงบนิ่งลง
แววตาพระองคคอยๆ ล้ําลึกขึ้น ทานผูเฒาปกติจะไมปรากฏตัวขึ้นเอง ทานสงบนิ่ง
เสมอ ดานหนึ่งบําเพ็ญเพียร ดานหนึ่งทําหนาที่ของตนในวังหลวง ไมคอยไดเอยปากขึ้น
กอน ไมใชกับพระองคคนเดียว กับจักรพรรดิองคกอน ทานผูเฒาก็เปนเชนนี้!
ยากที่จะเห็นทานผูเฒาพูดมากมายเหมือนในวันนี้ นี่ตองเปนเพราะผลงานลูกหกอยู
เหนือความคาดหมายมากเกิน จนทําใหจอมยุทธอยากรูสาเหตุ แตองคติ้งอูรวู า จอมยุทธ
มิไดมาเพราะแคอยากรู เขาสงบนิ่งมาตลอดชีวิต บําเพ็ญเพียรสําเร็จมาไดจนถึงขั้นนี้
และกําลังเขาสูภาวะสิ้นอายุขัย เรื่องทางโลกไมมีทางกวนใจเขาได เขาสามารถนิ่งเฉยกับ
เรื่องทุกเรื่อง
สุดทายจึงทรงประทับยืน หันกาย เดินไปยังมานไขมุกที่อยูดานหลัง คอยๆ โคงตัวลง
แมทรงโคงตัวเพียงเล็กนอย แตก็เปนการแสดงความเคารพขององคจกั รพรรดิ!
หลังมานไขมุกมีเสียงดังเบาๆ เหมือนมีคนหลบการเคารพของพระองค ทรงไมไดพูด
อะไร หันกายเดินออกจากหองทรงพระอักษรไป
ทรงเขาพระทัยแลว ที่ทานผูเฒาพูดมากมายเชนนี้ ความจริงคิดบอกพระองคเรื่องเดียว
หมิงอองกุมกระบี่มรกตยาวสามเชียะยืนตัวตรง มิใชเพราะถูกภูตผีเขาสิงอยาง
แนนอน!
อายุขัยของทานจอมยุทธผูเฒาเหลืออีกไมมาก โลกยุงวุนวาย ฟาดินไรเมตตา ทานผู
เฒารับใชชาติมารอยป แตสุดทายก็ไมสามารถรอคอยใหผูสืบทอดมารับชวงตอ
บานเมืองยุงเหยิง ทานกําลังจะไป ราชสํานักยังอยู องคติ้งอูยังอยู ยังตองการคนเฝา
รักษาการณอยู!
ผูใดกัน?
อยางไมตองสงสัย ในที่สุดจอมยุทธก็รอจนพบ องคชายหกแหงราชสํานัก หมิงออง!
หมิงอองที่อยูหางไกล ยังไมรูตัววา ที่เมืองหลวงอันไกลโพน มีสหายเตาที่ไมรูจัก
ทานหนึ่ง ไดใชโอกาสในชวงเชาของวันขึ้นปใหม ถักทอความเมตตา ปลูกยันตคุมกายไว
ใหเขาทามกลางโลกที่ยุงเหยิงวุนวาย
คําพูดของทานผูเฒา อยางนอยไดทําใหองคติ้งอูไมคิดใชชีวิตมอไปเปนเดิมพันงายๆ อีก
เพราะการที่คุณคามอไปสูงขึ้นอีกครั้ง ไดทําใหผลประโยชนที่ทรงตองการรักษาไว
ขยายใหญขึ้นอยางไมตองสงสัย
ตอน 304 ยังไมรตู ัว
หวงเซิน ผูประสานงานที่ทําการในเมืองหลวงของสํานักใบไผ แตงกายเรียบรอยแต
เชา ยืนมือไพลหลังอยูกลางหอง เชิดหนาเล็กนอย มองดูทองฟาที่เพิ่งรุงอรุณ ลมหนาว
พัดผานวูบหนึ่ง ชายเสื้อเขาปลิวไสวเสียงดังพึ่บพั่บ มองเผินๆ เหมือนผูสูงสงที่มีแนวคิด
ของตนโดยไมยี่หระใดๆ
แตถามองใหดีกลับพบวา บนหนาผาที่เชิดขึ้นเล็กนอยของเขา หัวคิ้วทั้งสองขางขยับ
เขาหากัน แววตาเครงเครียด มานตาคลายมีปมกังวลใจสั่นไหวอยู
ราวกับวา เขาไมคอยมีความสุขนักในวันขึ้นปใหม
ยืนอยูคนเดียวสักพัก ดานหลังพลันมีเสียงดัง ยังไมทันหันมอง เสียงชราภาพเสียง
หนึ่งก็ดังขึ้น
“ศิษยนอง!”
หวงเซินรีบหันกาย เห็นศีรษะและใบหนาของผูมาพันไวดวยผาพันแผล เหลือเพียง
ดวงตาทั้งสองขางที่เต็มไปดวยความมืดมน กําลังเดินขากระเผลกเขามาหาเขาทีละกาวๆ
หวงเซินรีบกาวยาวๆ เขาหาพลางวา
“ศิษยพี่ยังบาดเจ็บอยู ควรพักรักษาตัวเงียบๆ เหตุใดจึงออกมาเลา?”
“ขาไมเปนไร!” พอพูดถึงอาการบาดเจ็บ ดวงตามืดมนของผูเฒาก็คมกริบขึ้นทันที
ยกมือปรามพลางวา
“คิดวาขาจะตกตายพรอมมดปลวกกระจอยรอยพวกนั้นอยางนั้นรึ นาขันสิ้นดี ขา
ไมเปนไร บาดแผลเล็กนอย ไมตองสนใจ!”
หวงเซินไดยินดังนั้นจึงมองดูผาพันแผลบนใบหนาผูเฒาอีกครั้ง พลางคิดถึงสภาพ
ผิวหนาใตผาพันแผลที่หลุดลอกออกหมด ก็อดไมไดที่จะทําปากยื่นปากยาว กอนพูด
ปลอบโยน
“ศิษยพี่พูดถูกตอง โจรกระจอกพวกนี้แมรวมหัวสมคบคิดกัน ก็ยังหางชั้นกับศิษยพี่
มาก ถึงไดถูกระเบิดแหลกเปนเถาทุลี เหมือนตั๊กแตนตํารถนั่นอยางไรละ ศิษยพี่วางใจ
ศิษยนองใหคนไปสืบความเปนมาเปนไปของโจรกระจอกพวกนี้แลว กลาลอบทําราย
ศิษยพี่ แมตายไป เราก็ตองใหมันนึกเสียใจในปรโลก...”
ที่แทผูที่ไดรับบาดเจ็บก็คือปรมาจารยที่ลงมือกับตูเจวียนและถูกระเบิดลูกใหญในวันนัน้
ตองยกใหกับความรายกาจของทานผูนี้ ทั้งๆ ที่เปนคนแรกที่พุงเขาใสระเบิด
อานุภาพรุนแรงขนาดนั้น แตกลับยังมีชีวิตอยูได แมอยูในสภาพเชนนี้ก็นับวาเกงกาจ
มากแลวจริงๆ
ทวาแมมีชีวิตรอดมาได เจาตัวก็ไมคิดวามีเกียรติอะไร กลับคิดวาอัปยศอดสูดวยซ้ํา
โดยเฉพาะเรื่องหนักหนาสาหัสที่ตามมาหลังจากนั้น
การถูกทหารของทางการจับมัดดวยเชือก เดินไปตามทองถนน กอนสงตัวเขาหอง
ขังเชนนั้น เกิดเปนปรมาจารยทั้งที ยังไมเคยไดรับความอับอายเทานี้มากอน รูสึกแคน
จนอยากสังหารทุกคนที่ขวางหนาใหหายแคน
ทวาก็ไดแตคิด หลังออกจากหองขัง สํานักหวงก็สงอาจารยทานหนึ่งมาเยี่ยม แต
กลับหัวเราะคิกคักตอหนาเขาพลางมอบสมุนไพร ‘ตังกุย’ ใหขณะสนทนา โดยระหวาง
นั้น ก็ยังพูดจาเยาะเยยถากถางไมหยุด ทําใหเขาโกรธแคนและอับอายมาก จนเห็นใครก็
รูสึกเกลียดชังไปหมด!
ทุกครั้งเมื่อคิดวา เรื่องเลาขําขันในแวดวงเตา เกี่ยวกับปรมาจารยผูซึ่งตกอยูในเงื้อม
มือมดปลวกผูนั้นคือเขา เขาก็เกลียดชังจนแทบคลั่ง คิดวาความปรารถนาในชีวิตนี้ ไมมี
อะไรแลวนอกจากแกแคนลางอาย
ทวา แมเขาเกลียดจวนหมิงอองจนแทบคลั่งขนาดไหน ยังไมตองพูดถึงอาการ
บาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ แมหายดีแลว เขาก็มีเพียงใจ แตไรกําลัง ทวาอยางไรเขาก็ตอง
ทําอะไรบาง พูดอะไรนิดเหนอยก็ยังดี
นี่จึงทําใหเขาไมสนใจพักรักษาอาการบาดเจ็บ ที่มาหาหวงเซินก็เพราะมีเปาหมาย
เขามองหวงเซินดวยสายตาคมกริบพลางวา
“ขาไดยินมาวา สํานักหวงเตรียมใชโอกาสงานเลี้ยงปใหมของเขาซางชิงในวันนี้ เปด
ฉากโจมตีเราตอหนาสํานักเตาตางๆ นี่เปนเรื่องจริงรึ?”
“ศิษยพี่ก็รูเรื่องนี้แลว?” หวงเซินชะงัก ใบหนามีแววกังวล สายศีรษะ ยิ้มขมขื่น
พลางวา
“อาจเปนเพียงขาวลือ เพราะตามหลักเหตุผลแลว สํานักหวงยอมตองคํานึงถึง
กาลเทศะ แตตอนนี้สํานักหวงดันมีคนจัดการเรื่องในเมืองหลวงทีช่ ื่อฉินไทจือนี่สิ ไอนี่มัก
จัดการเรื่องตามอารมณ ซึ่งเกรงวาเขาอาจทําเชนนั้นจริง!”
“ขมเหงกันเกินไปแลว!”
ผูเฒาทานนี้แซจาว ผูคนจึงเรียกวาอาจารยจาว ตอนนี้กําลังเปลงรังสีฆาฟนระดับ
ปรมาจารยออกทางแววตาโดยไมปกปดแตอยางใด จองมองหวงเซินพลางพูดตรงๆ
“หากเปนเชนนี้จริง ศิษยนองจะเตรียมรับมืออยางไร?”
หวงเซินยิม้ ขมขื่น สายหนา
“ศิษยนองก็กําลังปวดหัว อีกสักครูพอคนจากสํานักเตามากันครบแลว ถาเดาไมผิด
สํานักหวงตองหาทางยั่วยุปลุกปนใหศิษยสํานักตางๆ ทาประลองกับศิษยสํานักใบไผเรา
ใหทุกคนไดรับความสนุกสนาน”
“ดี!” อาจารยจาวตะโกนเสียงดัง
“สํานักใบไผเรากลัวสํานักหวงที่ไหน ศิษยนอง วันนี้ขาไปกับเจา ขาอยากจะเห็น
ตอนที่ศิษยสํานักใบไผเราจัดการพวกมันจนลุกไมขึ้น ดูซิวาพวกมันยังจะกลาดูหมิ่นขา
อีกหรือไม!”
“เออ...” หวงเซินปวดหัวหนักเขาไปอีก จึงโบกมือพลางสายศีรษะ แลวเตือนสติ
“ศิษยพี่กําลังบาดเจ็บ...”
“หะ?” แววตาอาจารยจาวเปลี่ยนไปทันที จองหวงเซินเขม็ง
“ก็บอกแลวไงวาไมเปนไร หรือศิษยนองก็คิดวาศิษยพี่ถูกมดปลวกลอบทํารายจนถึง
ขั้นลุกไมขึ้นจริงๆ?”
ซวยแลว!
หวงเซินคิดในใจ เกรงวาศิษยพี่อาจไปเปนมารผจญหรืออาจไปทําการขออภัยเขา
มากกวา จึงวา
“ศิษยพี่ก็พูดไปเรื่อย ผูอื่นไมรู แตศิษยนองมีหรือที่จะไมรวู าศิษยพี่ฝมือยอดเยี่ยม
ขนาดไหน คิดถึงปนั้นที่ศิษยพี่ออกพิชิตใตหลา...”
พูดเอาใจไวกอนเปนดี เชนนี้คอยทําใหแววตาที่อาจระเบิดไดทุกเมื่อของผูเฒาจาว
สงบลง แลวจึงคอยเตือนสติอีกครั้ง
“ศิษยพี่ ใจของศิษยนองก็ลุกเปนไฟตามศิษยพี่ไปดวย ไฉนตองเกรงกลัวพวกหนู
สายตาสั้นอยางสํานักหวง พูดถึงเรื่องวรยุทธ สํานักใบไผเราเคยกลัวใครที่ไหน? สํานัก
เตารอยแปดสํานักในใตหลา ใครกลาสบประมาทสํานักใบไผบาง? ดานบนเรามีฝามือ
เหล็กสะทานสะเทือนของทานเจาสํานัก ดานลางเราก็มีเฮอจวินเสียน ดาวรุงในกลุมคน
รุนใหม แมสํานักใบไผถูกจัดใหเปนหนึ่งในสิบสํานักใหญ แตถาพูดกันจริงๆ แลว สํานัก
หวงที่กระจอยรอยจะเปนคูตอสูกับยอดฝมือของเราไดอยางไร”
“เมื่อเปนเชนนี้ก็แสดงวาศิษยนองเขาใจ แลวจะงอมืองอเทาอยูใย จะทําใหผูคนเยย
หยันได อยางเมื่อวานที่คนจากสํานักหวงกลาดูหมิ่นศิษยพี่ ก็เพราะเห็นวาพวกเราต่ํา
ตอย เราจึงสมควรใหพวกมันเห็นฤทธิ์เดชสํานักใบไผเสียบาง!”
รางอาจารยจาวโงนเงนขณะชูกําปน น้ําเสียงเต็มไปดวยอารมณรุนแรง
ทําไมหวงเซินจะดูไมออก พูดไปพูดมาก็เพราะตองการแกแคนความอับอายเมื่อวาน
แตมันเปนเรื่องงายๆ เสียที่ไหน
“แตวาศิษยพี่ นี่ไมใชปญหาเรื่องกลัวหรือไมกลัว คนชอบใชกําลังอยางฉินไทจอื ไม
คํานึงถึงผลที่จะตามมา แตเราไมคํานึงไมได เรื่องตูเจวียนที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ทําใหเราถูก
วิพากษวิจารณไมนอย ยิ่งไปกวานั้น ตอนนี้สํานักหวงยังมาเปนฝายตรงขามกับเราอีก
หากเกิดเหตุวิวาทขึ้นจริง เกรงวาเราจะหาทางลงลําบาก และคิดวาทานเจาสํานักก็ไม
อยากแตกหักกับสํานักหวงดวยเหตุนี้หรอก และศิษยพี่อยาลืมวา ยังมีเขาซางชิงคอยดู
อยู ศิษยนองคิดแลวคิดอีก เรื่องนี้ตองปรึกษากับศิษยพี่ชงเสวียน ใหเขาปรามฉินไทจือไว
ไมใหทําการบุมบาม”
ยิ่งหันไปจับมือกับเขาซางชิง ยิ่งทําใหใจของอาจารยจาวลุกเปนไฟ แตไมมีทางเลือก
หากเกิดเหตุวิวาทขึ้น เขาก็รับผิดชอบไมไหว แตคิดไปคิดมา ก็ยังไมยอมอยูดี จึงวา
“ถาศิษยนองลําบากใจเชนนี้ สํานักหวงนั่นตองคิดวาเรากลัวมันแน จากทาทางเมื่อ
วานที่พวกมันกลามาดูหมิ่นศิษยพี่ถึงสํานัก คงคิดจริงๆ วาตนเองไรเทียมทาน ซึ่งชง
เสวียนก็ไมนาจะเอาอยู เมื่อถึงตอนนั้น ศิษยนองจะทําอยางไร?”
หวงเซินรูว าในใจศิษยพี่อยากใหเกิดเรื่องขึ้นจึงจะรูสึกดี ซึ่งเปนไปไมไดหรอก แต
ตอนนี้ก็ไดแตตอบออกไปวา
“ถาเปนเชนนี้ สํานักใบไผเราก็ตองแสดงใหสํานักเตาตางๆ ในใตหลาเห็นวาเราเปน
หนึ่งในสิบสํานักใหญไดอยางไร!”
“ดี!” อาจารยจาวพยักหนา “อยางนั้นถาเปนเชนนี้ ศิษยพี่กับศิษยนองก็นั่งดวยกัน
ในงาน ถาสํานักหวงขมเหงสํานักใบไผอีกจริงๆ วันนี้ศิษยพี่ตองไมใหสํานักใบไผเราขาย
หนาแน!”
หวงเซินไมมีทางเลือก เมื่อขวางไมอยูก ็ตองยอมใหไป ขณะเดียวกันก็คิดในใจวา
ตองเตรียมพรอมใหดี เพราะมีสิทธิ์เปนไปอยางที่ศิษยพี่พูด ถาฉินไทจือจอมผลีผลาม
อยางไรก็ไมยอม ตองสูกันใหได
คิดถึงตรงนี้ก็รีบคิดคํานวณ ตองเลือกศิษยในเมืองหลวง แตสุดทายก็ยังคงไมมีความ
มั่นใจ ตนเองก็ไมเคยคิดถึงกรณีนี้ ศิษยในที่ทําการเมืองหลวงลวนมีไวเดินเรื่อง สวนศิษย
ผูมีฝมือโดดเดนยอมบําเพ็ญเพียรอยูบนภูเขา แตเขาจะไมเตรียมก็ไมได เมื่อสํานักหวงมี
แผนการ ยอมตองเตรียมการไวแลว แตก็ไมนามีศิษยฝมือดีอยูในเมืองหลวงจริง
หวงเซินคิดๆ ดูแลว ไมวาจะอยางไร ที่เขาซางชิงเชิญใหมารวมตัวกันในวันนี้ สํานัก
ใบไผจะขายหนาไมไดเปนอันขาด หาไมแลวตนเองอาจรับผิดชอบไมไหว สุดทายจึงนํา
ศิษยในเมืองหลวงทุกคนไปรวมงาน เพื่อปองกันเหตุสุดวิสัย
มีคนมากมายเชนนี้ คนหนึ่งสูไมได ก็เปลี่ยนคนใหม ปลอดภัยไวกอนเปนดี
ขณะที่องคติ้อูเสด็จเขาหองจัดเลี้ยงฉลองวันขึ้นปใหมในพระตําหนัก
ที่ทําการเขาซางชิงก็กําลังยุงวุนวาย
วันนี้แขกที่พวกเขาเชิญมางานเลี้ยงปใหม ลวนแลวแตเปนสํานักเตาที่ตองพึ่งพาพวก
เขาและมีที่ทําการในเมืองหลวงทั้งสิ้น ซึ่งอันที่จริง เปนการใชโอกาสพิเศษเพื่อเชื่อม
สัมพันธไมตรี ย้ําเตือนแนวคิดที่ทุกคนมีรวมกัน
เมื่อเทียบกับปกอนแลว เห็นชัดวางานเลี้ยงในปนี้ตองระมัดระวังเปนอยางมาก
เพราะหมูนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย โดยเฉพาะวีรกรรมที่สํานักหวงกับสํานักใบไผเพิ่งกอขึ้น
อีกทาทางที่ไมพอใจเขาซางชิงเปนการสวนตัวของฉินไทจือและหวงเซินนั้นยังติดอยูในใจ
ชงเสวียน
สถานการณในตอนนี้เปราะบางมาก ไมเพียงภายนอกไมสงบ ความสัมพันธระหวาง
สํานักเตาดวยกันเองยังแกวงอีก ดังนั้นพอมีโอกาสที่พันธมิตรมารวมตัวกัน ชงเสวียนจึง
ตัดสินใจสํารวจทาทีของแตละสํานัก
ขณะกําลังครุนคิดอยูในหองโถง ศิษยผูหนึ่งก็เขามาทําความเคารพ
ชงเสวียนหรี่ตาเล็กนอย แลวจึงลืมตามองศิษย กอนถามเสียงเบา
“เปนอยางไรบาง?”
“สํานักหวง สํานักใบไผ หุบเขาเชียนเฉิง...สํานักที่เราเชิญไปทุกสํานักลวนออก
เดินทางมาหาเราตรงตามเวลาที่กําหนด จนถึงตอนนี้ ยังไมพบอะไรผิดปกติ เพียงแตคน
ของสํานักใบไผในปนี้ดูเหมือนจะมีมากหนอย โดยเฉพาะศิษยรุนใหมที่มากันเกือบ
ทั้งหมด” ศิษยรายงาน
เมื่อไดยินวาพันธมิตรเขาซางชิงที่เชิญไปนั้นมากันครบ
ความกังวลที่อยูในใจชงเสวียนก็คอยๆ คลายลง โดยไมไดใหความสนใจเรื่องที่ศิษย
สํานักใบไผมากันมากมาย เขาพยักหนา ดวงตาทอประกาย กอนถาม
“สถานการณของสํานักอื่นๆ ละ?”
“ไมตางอะไรกับปกอนมากนัก แบงคนไปงานเลี้ยงเขาอี้ชิงกับเขาไทชิงเหมือนเดิม!”
ชงเสวียนพยักหนา รูสึกผิดหวังอยูบาง
“อืม...อาศรมชุยอวิ๋นออกเดินทางแลวหรือยัง?”
“แลวขอรับ อาศรมชุยอวิ๋นตอนนี้กําลังอยูระหวางเดินทางไปที่ทําการเขาอี้ชิง”
ศิษยพยักหนายืนยัน
ตอน 305 ประวัติแตกแยกของสํานักเตา
ชงเสวียนไมไดพูดอะไร กมหนาลง ถอนหายใจเบาๆ ที่สุดแลวก็ไมสามารถดึง
อาศรมชุยอวิ๋นมารวมเปนพันธมิตรจนได เขาพยายามอยูนาน ครั้งนี้ที่เชิญมางานปใหม
เปนการลับๆ เพราะควรแกเวลาที่จะไดรับคําตอบแลว แตอาศรมชุยอวิ๋นก็ยังคงเลือก
เขาอวี้ชิง
เขาสายศีรษะ พอแลว ขอเพียงสี่สํานักใหญไมถกู ดึงไปก็พอ อยางไรก็ดี สามขุนเขา
ก็ถือวาเปนพันธมิตรกันอยู แตใครจะคิดเลาวา เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ก็ไดยินเสียงศิษยพูดขึ้น
“แตหุบเขาเชียนเฉิงปนี้ดูแปลกๆ เหมือนพวกเขามิไดเตรียมตัวไปรวมงานเลี้ยงที่
เขาไทชิง”
“หุบเขาเชียนเฉิง?”
ชงเสวียนตะลึง หนึ่งในสิบสํานักใหญอยางหุบเขาเชียนเฉิง เปนสํานักเตาที่มีชื่อเสียง
โดงดังดานการปรุงยา สอนการบําเพ็ญเพียรและความรูเรื่องสมุนไพรเปนหลัก ซึ่งอยูใต
รมเงาของเขาไทชิงมาตลอด และมีอิทธิพลเปนอยางยิ่งในบรรดาสํานักเตาทั้งหลาย พอ
ไดยินเชนนี้ ชงเสวียนก็นึกสงสัยขึ้นมา หุบเขาเชียนเฉิงและเขาไทชิงมีสัมพันธอันดีตอกัน
เรื่อยมา อีกทั้งบุตรสาวของเจาสํานักหุบเขาเชียนเฉิงยังจับคูบําเพ็ญเพียรกับศิษยเอก
ของเจาสํานักเขาไทชิงอีก...
หือ? ชงเสวียนพลันชะงัก รีบใชนิ้วมือนับ กอนเขกหัวตนเอง “ไมถูกๆ ”
ศิษยที่ยืนอยูดานขางงงในชัว่ ขณะ ไมรูชงเสวียนพูดถึงเรื่องอะไร
ชงเสวียนกลับตาเปนประกาย พลางบนพึมพํา
“เกือบลืมเสียสนิท งานแตงงานกําลังจะมีขึ้นในอีกสิบกวาวันขางหนานี้แลว แต
ตอนนี้ยังไมไดยินขาวการเตรียมงานใดๆ จากทางฝงหุบเขาเชียนเฉิง ขาเกือบลืมเรื่องนี้
แลวจริงๆ ...”
จึงรีบหันมาถาม “เจาแนใจนะวาคนของหุบเขาเชียนเฉิงไมไดไปงานปใหมของเขาไทชิง”
“ขอรับ ประตูใหญหุบเขาเชียนเฉิงปดสนิท ไมมีใครออกมาสักคน” ศิษยพยักหนารับ
“นั่นไง เปนตามนี้แนๆ ”
ชงเสวียนตบมือเขาหากัน มุมปากปรากฏรอยยิ้ม รีบหันกายมาบอกกับศิษย
“เจารีบไปสืบดูวา ฟูเมิ่งเซียน บุตรสาวของเจาสํานักหุบเขาเชียนเฉิงยังบําเพ็ญเพียร
อยูที่เขาไทชิงหรือไม”
“ขอรับ” ศิษยรับคําสั่ง
แตพอเห็นศิษยกําลังจะจากไป ชงเสวียนกลับเรียกไว “ชากอน!”
ศิษยชะงักฝเทา ชงเสวียนกัดฟนพูด
“อีกอยาง รีบใหคนสงเทียบเชิญไปยังที่ทําการหุบเขาเชียนเฉิงทันที!”
คราวนี้ศิษยอึ้งไปสักพัก เงยหนามองชงเสวียน เห็นเขามีสีหนาจริงจังก็รูสกึ แปลกใจ
หุบเขาเชียนเฉิงเปนพวกเขาไทชิง จะมางานเลี้ยงของเขาซางชิงไดอยางไร แตก็ไมกลา
ถาม ไดแตขานรับแลวเดินจากไป
หลังกําชับเสร็จเรียบรอย ชงเสวียนก็กระตือรือรนขึ้นมา ในใจคิดวา หากเขาไทชิง
ขัดแยงกับหุบเขาเชียนเฉิงขึ้นมาจริงๆ แลวละก็ ยอมเปนเรื่องที่ดีไมนอย
จะไมใหเขากระตือรือรนไดอยางไร เพราะถาสามารถดึงหุบเขาเชียนเฉิงใหมาเขากับ
เขาซางชิงได ก็ถือเปนผลงานชิ้นเอกเลยทีเดียว คิดถึงตรงนี้ เขาก็หันกาย รีบเดินเขาหลัง
หองโถง ไปยังที่พักพี่นองตระกูลเหมย
พอมาถึงหลังหองโถง ก็เห็นเหมยอวิ๋นชิงพอดี นางสวมชุดขาวกําลังนั่งสมาธิอยูบน
อาสนะ จึงรีบเขาไปทําความเคารพ
“ศิษยนองเหมย”
เหมยอวิ๋นชิงลืมตา มองดูชงเสวียน แตกลับไมลุกขึ้น เพราะรูสึกเฉยๆ จึงไดแตพยัก
หนาตอบ
“ศิษยพี่”
ตองบอกวานางกําลังเสียมารยาท แตชงเสวียนไมวากลาว อยางวานางมีสถานะ
อะไร ตนเองมีสถานะอะไร จึงไมถือสา ยิ้มพลางพูด
“อีกสักครู คนของสํานักตางๆ ก็จะมากันแลว ไมรูวาศิษยนองเตรียมการอะไรไวบาง”
เหมยอวิ๋นชิงยังคงมีสีหนานิ่งเรียบ กอนพูดเสียงเบา
“ไมจําเปนตองเตรียมการอะไร พอคนมา ศิษยพี่ก็พาพวกเขามาทักทายขาก็พอ”
ชงเสวียนยิ้มคาง ที่เขามาก็เพราะตองการใหเหมยอวิ๋นชิงออกไปยืนตอนรับแขก
กอนที่แขกจะมา แตนางกลับแสดงทาทีเชนนี้...
เขาจะโมโหก็ไมได จึงคอยๆ อธิบายไป
“ศิษยนอง ตอนนี้สถานการณไมสูดี ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนไป วันนี้ที่เชิญ
สํานักเตาแนวรวมเดียวกันมารวมตัวกันได ถือเปนนิมิตหมายอันดีที่เราจะสานไมตรีให
แนนแฟนขึ้น วันนี้ศิษยนองอยูพอดี ถางานเลี้ยงมีศิษยนองเปนประธาน รับรองวาตอง
ทําใหศิษยสํานักเตารูสึกตื้นตันใจเปนอยางยิ่งทีเ่ ราใหความสําคัญ”
เหมยอวิ๋นชิงไมโง พอไดยินเชนนี้นางก็ไมไดพูดอะไร เห็นชัดวา นางใหความสําคัญ
กับสถานะมาก การยืนตอนรับแขกเหรื่อไมใชเรือ่ งที่นางตองทํา จึงพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่ไมควรคิดมาก ที่เขาซางชิงเราอยูยั้งยืนยงมาไดนับพันป ก็เพราะความ
แข็งแกรง สํานักตางๆ ใหความเคารพยกยองเรา ก็เพราะบารมีของทานจอมยุทธ
ความคิดของศิษยพี่แมมีเหตุผล แตก็ไมควรกังวลมากเกินไป มิฉะนั้นแลวอาจทําใหสํานัก
เราสูญเสียบารมีไป”
บอกตามตรง เมื่อกอนชงเสวียนประทับใจในตัวเหมยอวิ๋นชิงมาก
เพราะเปนแบบอยางที่ดีและโดดเดนสุดในบรรดาคนรุนใหมของเขาซางชิง แต
หลังจากจอมมารหมิงอองปรากฏตัวขึ้น เขาก็รูสึกเฉยๆ กับวิถีเตาของนาง บวกกับหมูนี้
พอไดคลุกคลีกับนางมากขึ้น ถึงไดรูจักตัวตนจริงๆ ของนาง
ความหยิ่งยโสไมใชเรื่องเสียหาย แตนางหยิ่งยโสเกินไป ชงเสวียนรูสึกไมเปนตัวของ
ตัวเองเมื่ออยูตอหนานาง พอนางเอยปาก การกระทําทุกอยางของชงเสวียนก็กลายเปน
การพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อใหทุกคนไมพอใจ แมนางไมไดพูดตรงๆ แตทาทีที่
แสดงออกก็บงบอกวาดูแคลนอยางเห็นไดชัด
ไมมีทางเลือก ยังคงเปนประโยคนั้น นางมีสถานะอะไร ชงเสวียนจึงไดแตเกลี้ย
กลอมไป
“ศิษยนองพูดมีเหตุผลมาก เพียงแตตอนนี้ เกิดความขัดแยงขึ้นระหวางสํานักหวง
กับสํานักใบไผ วันนี้ทั้งสองสํานักตองมาอยูรวมกัน เกรงวาอาจเกิดเรื่องวิวาทขึ้น ศิษยพี่
แคหวงวา หากเกิดเรื่องขึ้นตอหนาสํานักอื่นๆ เขาซางชิงเราอาจเสียหนา ดังนั้นจึงมา
เชิญใหศิษยนองออกหนาเพื่อยับยั้งความคุกรุนของสถานการณ ศิษยพี่มีบารมีไมพอ
กลัวจะจัดการไดไมดี แตถาศิษยนองอยูในงาน พวกเขายอมไมกลากอเรื่อง”
“คนอยางขา ไมคิดมีบารมีสูงสง ไมอยากใชพลังไปยุงเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ นอยๆ
เชนนี้ เสียเวลาเปลา นาขันสิ้นดี!”
ดวงตาเหมยอวิ๋นชิงมีแววสบประมาทวาบผาน เห็นชัดวารูสึกเหยียดหยามสอง
สํานักนั้นมาก แตสุดทายนางก็ลุกขึ้นยืน
“เอาเถอะ ศิษยพี่ไปกอนแลวกัน เดี๋ยวขาคอยตามออกไป!”
“เชนนั้นก็ตองขอบใจศิษยนองมาก” ชงเสวียนรีบคารวะ ขณะกําลังจะออกไปพลัน
กะพริบตา แลววา “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ศิษยพี่ยังตัดสินใจไมได คิดขอคําปรึกษาจาก
ศิษยนอง”
“ออ ไมเปนไร ศิษยพี่วามา...”
เหมยอวิ๋นชิงรูสึกวาอยางไรก็ได ดวยทาทีของชงเสวียน นางยังรับไดอยู
“กอนหนานี้มีศิษยมารายงานวา...”
ชงเสวียนเลาเรื่องหุบเขาเชียนเฉิงที่เกี่ยวของกับเขาไทชิงใหฟง ซึง่ เหมยอวิน๋ ชิงกลับ
สนใจมาก สํานักเตาในโลกนี้ทั้งหมด มีเพียงไมกี่สํานักที่นางใหความสนใจ พอไดฟงจึง
พยักหนา
“เชนนี้ ศิษยพี่สงสัยวาเขาไทชิงกับหุบเขาเชียนเฉิงมีปญหากัน?”
“ไมผิด เพิ่งไมนานนี้เคยไดยินวา ศิษยเจาสํานักเขาไทชิง มอซื่อเฟย กับบุตรสาวเจา
สํานักหุบเขาเชียนเฉิง นัดกันบําเพ็ญเพียรคูที่เขาไทชิง แตพอใกลถึงวันแตงงาน ก็
เหมือนเรื่องเงียบๆ ไป ตองมีอะไรผิดปกติแน คิดวานาจะเกี่ยวของกับการที่หุบเขาเชียน
เฉิงไมไดไปงานปใหมที่เขาไทชิงจัดขึ้น ขาใหคนรีบไปสืบแลว” ชงเสวียนพูด
แตเหมยอวิ๋นชิงกลับขมวดคิ้ว
“แมดองกันไมสําเร็จอยางไร หุบเขาเชียนเฉิงที่อยูใตรมเงาของเขาไทชิงมานานก็ไม
นากลาแปรพักตร!”
ชงเสวียนอึ้ง กอนยิ้มขมขื่น ทานผูนี้...ทานคิดจริงๆ หรือวานอกจากขุนเขาทั้งสาม
แลว ผูอื่นเปนมดปลวกไปหมด จึงเงยหนาถามเสียงเบา
“ศิษยนองลืมเรื่องสํานักใหญทั้งสี่ เหลียน ฟาง เมิ่ง กู แลวรึ?”
พอพูดถึงสี่สํานักใหญนี้ สีหนาเหมยอวิ๋นชิงพลันเปลี่ยน บรรยากาศระหวางคนทั้ง
สองราวกับเยือกเย็นลงในพริบตา
ประวัติศาสตรที่ถูกปกคลุมไปดวยฝุน คลายปรากฏขึ้นตรงหนาอีกครั้ง...
ราชสํานักมีกกมีเหลา ชาวเรามีทั้งเพื่อนสนิทและคนรูจัก สํานักเตาก็ยอมมีการแบง
พรรคแบงพวก
ที่ไหนมีมนุษย ที่นั่นก็ยอมมีความขัดแยง สํานักเตาดวยกันเอง ไหนเลยจะรวมเปน
หนึ่งได?
ไมเพียงรวมเปนหนึ่งไมได ถาเปรียบเทียบกันแลว สถานการณความแตกแยกใน
สํานักเตายังดูรุนแรงกวาราชสํานักเสียอีก
เริ่มตั้งแตยุคตาเซี่ยสรางประเทศ ที่สํานักเตาแบงเปนสามขุนเขากับสี่สํานักใหญ
และทั้งหมดไดทําการแขงขันกันอยางดุเดือดเรื่อยมา
ไมผิด สามขุนเขายอมเปนสํานักเตาแถวหนา สวนสี่สํานักใหญตกเปนรอง ซึ่งตาม
หลักเหตุผลแลว สี่สํานักใหญไมควรตอสูแยงชิงผลประโยชนกับสามขุนเขา
แตในความเปนจริงกลับไมเปนเชนนั้น ดวยสามขุนเขากับสี่สํานักใหญลวนมีสิ่งหนึ่ง
เหมือนกัน นั่นก็คือ มีชื่อเสียงอันยาวนาน ซึ่งมิไดมาจากคนรุนหลัง แตมาจากผลงานที่
คนรุนกอนรวมรบกับองคเซิ่งอูสมัยสรางประเทศ
ตอนนั้นสํานักเตาทั้งเจ็ดลวนมีความโดดเดนในแวดวงเตามาก แตละสํานักลวนเคย
มีจอมยุทธอยูในประวัติศาสตร เพียงแตสามขุนเขาโชคดีกวาตรงที่มีจอมยุทธอยูตอน
สรางประเทศพอดี สวนอีกสี่สํานักกลับไมมีผูสืบทอดตอ ไมสิ พอสามขุนเขายิ่งใหญ สี่
สํานักก็ตกเปนรอง
พอเขาใจประวัติศาสตรนี้ก็จะคิดออกวา ไฉนสํานักใหญทั้งสี่จึงไมยอมตกอยูใน
สถานะนี้
แตไมมีทางเลือก ตอนนั้นองคเซิ่งอูทรงแข็งแกรงมาก พูดคําเดียวสยบสี่ทิศ เมื่อทรง
เอยปากขอใหรักษาสันติ ใครจะกลาขัดขืน ดีที่ยังทรงใหโอกาส บอกวาขอเพียงมี
ความสามารถ ก็มีสิทธิ์ติดอันดับได
ทวาโลกอันกวางใหญ ทรัพยากรมากมายก็จริง แตถาเจาไดมาก ขาก็ไดนอย
สามขุนเขายอมไมมีวันยอมแบงทรัพยากรในมือใหใคร ดังนั้น เจายิ่งไลตาม ขาก็ยิ่ง
กดดัน เปนเชนนี้เรื่อยมา ความแคนและความเกลียดชังจึงกลายเปนปมฝงลึกไปโดย
ปริยาย
สี่สํานักใหญมีชื่อเสียงมานาน ศิษยแตละรุนยอมมีปรมาจารยสูงสุด แตกลับขาด
หนึ่ง โชคชะตา สอง ปจจัย ดังนั้นหารอยปที่ผานมาอยางไรก็ไมมจี อมยุทธ
แตสามขุนเขา ผลัดกันมีจอมยุทธมารอยกวาป ในหารอยป
พวกเขาจึงยังคงมีจอมยุทธอยูเหนือโชคชะตาเรื่อยมา
พอเห็นวาแตละยุคผานไป ทานผูเฒาในสํานักไมมีใครสําเร็จเปนจอมยุทธ สี่สํานักก็
ไมอยากชี้วัดกับสามขุนเขาอีก และมิใชไมเคยคิดปรองดอง ซึ่งตอนนั้นสามขุนเขาเสนอ
วา จะชวยสี่สํานักอบรมบมเพาะปรมาจารยที่โดดเดนใหสําเร็จเปนจอมยุทธ!
ก็คือ ใหปรมาจารยผูโดดเดนและมีความหวังมากสุดในสี่สํานักใหญ เขามาศึกษา
เพิ่มเติมที่สามขุนเขา
และไมเพียงแคสี่สํานักใหญ แตเปนสํานักเตาทั้งหมดที่มี สามารถสงผูมีพรสวรรค
และความสามารถ เขามาศึกษาตอที่สามขุนเขาได ขอตกลงนี้สํานักเตาอื่นๆ พิจารณา
กันแลวก็ไมมีใครขัด อยางเริ่มแรกที่สํานักหวงคิดสงตูเจวียนไปศึกษาตอ
ทวาสี่สํานักใหญกลับปฏิเสธอยางไมลังเล เพราะหนึ่ง พวกเขามีความหยิ่งยโส ไม
อยากขอความชวยเหลือจากสามขุนเขา สอง โครงการนี้ฟงดูดี จะสามารถเปนจอมยุทธ
หรือไมนนั้ เอาไวกอน แตถาไปที่สามขุนเขาแลว ยอมตองเปดเผยความลับเกี่ยวกับเคล็ด
วิชาของพวกเขา เมื่อเปนเชนนี้ ถึงสําเร็จเปนจอมยุทธ ก็ตองตกอยูในเงื้อมมือควบคุม
ของสามขุนเขาอยูดี
เรื่องนี้ สําหรับสี่สํานักที่มีความทะเยอทะยานสูงยอมรับไมไดอยางไมตองสงสัย และ
ไมเพียงรับไมได กลับยิ่งตอกย้ําใหเห็นวาสามขุนเขายังคงตองการทําลายลางพวกเขาอยู
ภายใตสถานการณความขัดแยงที่ฝงลึก การสังคายนาวิถีเตาในแตละครั้ง แมทั้งสอง
ฝายไมแสดงตนวาเปนศัตรูกัน แตสี่สํานักใหญก็ถูกสามขุนเขาขมมาตลอด ซึ่งแวดวงเตา
ก็พัฒนาเชนนี้ไปเรื่อย จนถึงเมื่อรอยกวาปที่แลว แวดวงเตาพลันเกิดเรื่องใหญที่สะทาน
สะเทือนปฐพีเรื่องหนึ่ง
วันหนึ่ง สํานักเหลียน หนึ่งในสี่สํานักประกาศขาวรายวา ปรมาจารยผูเฒาในสํานัก
ทานหนึ่งซึ่งมีแนวโนมวาจะกาวผานขั้นจอมยุทธ ถูกสังหารอยางแปลกประหลาดขณะ
อยูนอกสํานัก!
ปรมาจารยผูเฒาของสํานักเหลียนผูนี้เปนที่รูกันในแวดวงเตาวาบําเพ็ญเพียรได
อยางนาทึ่ง การสังหารทานจึงไมใชเรือ่ งงาย แตอยางไร เรื่องก็เกิดขึ้นจนได
คิดดูก็รูวา ราชสํานักไมมีทางทําเชนนี้แน
ในตอนนั้นสามขุนเขาเริ่มขัดแยงกับราชสํานักแลว ทําใหราชสํานักตองตั้งสิบสํานัก
ใหญขึ้นเพื่อใหรวมมือกับสี่สํานักใหญเดิม จัดระเบียบแวดวงสํานักเตาใหม ซึ่งเมื่อสี่
สํานักใหญไดผูซึ่งมีแนวโนมวาจะสําเร็จเปนจอมยุทธ มาคะคานอิทธิพลของสามขุนเขา
ราชสํานักตองดีใจจนเนื้อเตนถึงจะถูก จะมาลอบสังหารไดอยางไร?
ดังนั้นผูที่ทําเรื่องนี้ได จึงมีเพียงสามขุนเขา เพราะเปนฝายที่ไดรับผลกระทบมากสุด
หากสี่สํานักใหญมีคนสําเร็จเปนจอมยุทธ ทวาคิดสืบเรื่องนี้กลับยาก ดวยไมมีใครกลาพูด
วาจอมยุทธทานใดเปนผูลงมือสังหาร
และไมจําเปนตองสืบวาเปนใคร สี่สํานักใหญก็ไมสามารถอยูรวมโลกกับสามขุนเขา
ไดอีก การสังคายนาวิถีเตาในปนั้น ขณะปรมาจารยประลองยุทธ สี่สํานักใหญที่เก็บกด
มานานไดละเมิดกฎขอหาม ลงมือฆาไมเลี้ยง การเริ่มตนดวยการฆากันอยางโกรธแคน
เชนนี้ ทําใหทุกคนเขาใจแลววา เหตุใดสี่สํานักใหญที่ไมมีจอมยุทธถึงไดกลาแกงแยงใน
การเปนสํานักแถวหนากับสามขุนเขา
ภายในหนึ่งวัน คนของสามขุนเขาที่ไดรับการยกยองมานานหลายปถูกตัดศีรษะเปน
วาเลน ดวยไมยอมกมศีรษะและไมยอมแพ ปรมาจารยชื่อเสียงโดงดังนับรอยจึงตองตก
ตายภายใตคมดาบคมกระบี่ของคนจากสี่สํานักใหญ
หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ถูกคนในแวดวงเตาปดเปนความลับมาโดยตลอด ไม
มีใครกลาพูดถึงอีก แตผูที่เขารวมการสังคายนาในครั้งนั้นลวนไมลืมคําพูดที่สี่สํานักใหญ
พูดอยางบาคลั่งขณะฆาลางสามขุนเขา
“แมเราไมมีจอมยุทธ ก็สามารถทําใหสามขุนเขาไรผูสืบทอดได!”
ทวาอยางไรพวกเขาก็ไมสามารถฆาลางไดนาน จอมยุทธยอมตองออกโรง
เมื่อฆากันขนาดนี้ จะไมใหจอมยุทธเดือดดาลไดอยางไร แตจอมยุทธยอมไมกลา
กระทําผิดบาปสังหารปรมาจารย จึงทําใหสี่สํานักใหญสังหารจนสะใจ แตสามขุนเขาไฉน
ยอมปลอยวาง ผูคนตายไปมากมายเชนนี้ สามขุนเขาจะไมลางแคนไดอยางไร?
สุดทายจุดจบของเรื่องก็มาถึง เมื่อสํานักเหลียน ฟาง เมิ่ง กู สี่สํานักใหญ ทา
ประลองกับจอมยุทธผูเฒาแหงเขาอวี้ชิง ครั้นปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธที่สุดสี่ทานจากสี่
สํานักประลองกับจอมยุทธเพียงหนึ่งเดียว แมคนมากกวา และเหลาปรมาจารยสามารถ
ตอสูไดอยางสะเทือนเลือนลั่นฟาดิน แตผลที่สุด ผูเฒาทั้งสี่แมสามารถทําใหจอมยุทธผู
เฒาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตกอนอายุขัย แตทั้งสี่ก็พายแพและเสียชีวิตขณะตอสู ปด
ฉากงานสังคายนา
การตอสูครั้งนี้ถูกจารึกไวในประวัติศาสตรแวดวงเตาวา ทําใหรูปแบบของสํานักเตา
เปลี่ยนแปลงไป
ตั้งแตนั้นเปนตนมา จอมยุทธไมสามารถทาประลองกับผูใด ขอนี้ไมมีใครกลาสงสัย!
ตั้งแตนั้นเปนตนมา สี่สํานักใหญคือสัญลักษณแหงความเหียมโหด
้ ขอนี้ไมมีใครกลา
สงสัย!
แตเรื่องสามารถจบลงแตเพียงเทานี้จริงหรือ?
แนนอนวาไมจริง ปมแคนฝงลึกถึงเพียงนี้ ยอมไมสามารถคลี่คลายไดดวยการตอสู
เพียงครั้งเดียว พูดใหชัดเจนก็คือ อยางไรสามขุนเขาก็ตองแข็งแกรงกวา ดังนั้นสี่สํานัก
ใหญจึงตัดสินใจกระทําการอยางหนึ่ง
พวกเขาเขาหาราชสํานัก ซึ่งการนี้ไมมีใครพูดไดอยางชัดเจนวาราชสํานักมีเอี่ยวดวย
หรือไม แตใครๆ ก็รูวา ราชสํานักลวงรูความแตกแยกในแวดวงสํานักเตาแลว
สี่สํานักใหญพอเขาหาราชสํานัก ก็ไดรับปจจัยสําหรับใชพัฒนาสํานักมากกวาเดิม
ซึ่งหวังวาจะบมเพาะจอมยุทธ ลางอายใหสี่ปรมาจารยที่ตอสูกับจอมยุทธได
สามขุนเขาเห็นดังนี้ ก็ไมยอมใหราชสํานักเห็นวาพวกเขาออนดอย จึงทําในสิ่งที่ขัด
กับแนวทางเตา เริ่มลงมือกับสิบสํานักใหญที่ราชสํานักตั้งขึ้นมา ดวยการคอยดึงตัวศิษย
มากฝมือของสํานักเตารอยแปดสํานัก และคอยตามดูอิทธิพลของสี่สํานักใหญในทุกฝเกา
จึงทําใหรปู แบบสํานักเตาเปนไปดังเชนทุกวันนี้
สามขุนเขากอดปายชื่อที่องคเซิงอูทรงมอบใหเมื่อครั้งมีผลงานสมัยเปดประเทศ
พรอมแรงศรัทธาของประชาชน และอิทธิพลความรุงโรจนของสํานักเตา ทําใหยังคงยืน
หยัดอยู
สิบสํานักใหญที่อาศัยบารมีราชสํานักในระยะแรก พอราชสํานักเสื่อม พวกเขาก็ตอง
หาทางออก ภายใตการดึงคนของสามขุนเขาและสี่สํานักใหญ พวกเขาตางคนตางเอาตัว
รอด เอาใจออกหางจากราชสํานัก
สวนบารมีของสี่สํานักใหญยอมเสื่อมถอยตามราชสํานักไป หากราชสํานักคิด
ควบคุมสํานักเตา ก็ตองสนับสนุนในสิ่งที่สํานักเตาตองการอยางเต็มที่ พวกเขาจึงจะ
เจริญรุง เรือง
ยังดีที่แมสี่สํานักใหญทําไมไดอยางสามขุนเขา ราชสํานักก็ยังตองการพวกเขา และ
พวกเขาก็ตองการราชสํานักเชนกัน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงเปนคนของราชสํานัก
เขาขางราชสํานัก แตองคติ้งอูก็ยังไมสามารถควบคุมพวกเขาได สี่สํานักใหญตองการเห็น
ราชสํานักเขาควบคุมสํานักเตาทั้งหมดหรือ?
ผูที่ควรทอดถอนใจมากสุดในที่นี้ควรเปนราชสํานัก ที่แรกเริ่มอยูในจุดสูงสุด แต
ทามกลางแผนการสมคบคิด กลับกลายเปนฝายเดียวที่เสื่อมถอย
ขณะยอนนึกเรื่องราวในประวัติศาสตร เหมยอวิ๋นชิงจึงนิ่งเงียบไป กอนพูดขึ้น
“ศิษยพี่หมายความเชนไร?”
สีหนาชงเสวียนเปลี่ยนเปนระมัดระวังขึ้น คอยๆ พูด
“ศิษยนองตองรูวา สํานักเหลียนฟางเมิ่งกู สี่สํานัก ยังมีใจคิดทําลายสามขุนเขาอยู
ไมเสื่อมคลาย หลายปมานี้ พวกเขาอาศัยแรงหนุนจากราชสํานัก เปนศัตรูกับสามขุนเขา
เรามาโดยตลอด สํานักฉืออวิ๋น หนึ่งในสิบสํานักใหญ ปกอนคิดมาอยูกับเขาซางชิงเรา
แตถูกสี่สํานักใหญขวาง สุดทายก็กลายเปนปกใหพวกเขาไป ตอนนี้สิบสํานักใหญแมอยู
ใตอาณัติสามขุนเขา แตสี่สํานักใหญตองไมปลอยงายๆ แน ขาจึงเปนหวงอยางยิ่งวา ที่
หุบเขาเชียนเฉิงผิดปกติไป ใชมีสาเหตุมาจากพวกเขาหรือไม”
“เฮอะ ก็แคพวกไมรูฟาสูงแผนดินต่ําเทานั้น อยากรูวาหากทานจอมยุทธไมใจกวาง
ละก็ ลําพังพวกเขาสี่สํานัก จะกลาเหิมเกริมหรือไม”
เหมยอวิ๋นชิงดาวาไปหนาดําคร่ําเครียดไป พูดจบก็หันหนาหาชงเสวียน
“ศิษยพี่ กรณีนี้ไมเหมือนสํานักฉืออวิ๋น ตอนนั้นราชสํานักยังรุงเรืองอยู แตวันนี้ราช
สํานักยังมีบารมีอะไรใหพูดถึงอีก? สี่สํานักใหญชาเร็วก็ตองเสื่อมสลายไปกับราชสํานัก
หุบเขาเชียนเฉิงจะไปเขากับพวกเขาไดอยางไร?”
ชงเสวียนมิไดโตแยงคําพูดนาง แตกลับมีสีหนาจริงจังสุดๆ พูดตอวา
“ตอนนี้ราชสํานักอยูในชวงขาลงก็จริง แตศิษยนองอยาลืมวา แวววงสํานักเตา
ในตอนนี้กลับมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนที่เรามิอาจมองขาม!”
“หือ?” เหมยอวิ๋นชิงฟงคําพูดนี้แลวพลังปราณทั่วรางก็เย็นขึ้นมาทันที
ครั้งนี้ชงเสวียนกลับไมสนใจอารมณความรูสึกของนาง เปลงคําสองคําออกมาตรงๆ
“หมิงออง!”
“เขาเนี่ยนะ?” เหมยอวิ๋นชิงคิ้วกระตุก
“คนของสํานักเตาที่ยึดแนวทางเดียวกับเรายอมเคารพสามขุนเขา อยางที่ศิษยนอง
วา เรามีบารมีทานจอมยุทธคุมอยู มีวิถีแหงเตานับไมถวนในการหลุดพน ทําใหอายุยืน
กาวขึ้นเปนเซียน แตตอนนี้หมิงอองมอไป ไดแสดงใหเห็นวิถีเตาที่หลากหลาย จึงยากที่
จะรับประกันวาจะไมโดนใจพวกเขา” ชงเสวียนพูด
“ก็แคแนวทางของจอมมาร ที่สุดแลวก็ตองรับกรรมที่กอไว คนของสํานักเตาตา
บอดกันหมดหรือ? ที่คิดจะไปเรียนวิชากับมัน? นี่เปนแนวทางรนหาที่ตายชัดๆ!”
เหมยอวิ๋นชิงพูดหนาดุแตใจสั่น ชงเสวียนพูดตอ
“วิสัยทัศนศิษยนองเคยถูกเมฆหมอกบดบังอยางไรก็ยากรับประกันไดวาพวกเขาไม
เคยเปนเชนเดียวกัน ในโลกนี้ผูที่เห็นผลประโยชนมากกวาคุณงามความดีและไมคํานึงถึง
วิธีการ หรือเรียกอีกอยางวาหนูสายตาสั้นพวกนี้มีอยูมาก ยิ่งมีหมิงอองเปนแรงจูงใจ สี่
สํานักใหญยิ่งตีปกพั่บๆ อีกทั้งเรื่องในปนั้น บรรดาสํานักเตาก็ยังจํากันได พวกเขายังมี
ความยําเกรงสี่สํานักใหญอยู เพียงแตเราสามขุนเขายังรุงเรือง พวกเขาถึงมาเขาพวกดวย
หากสี่สํานักใหญปดตาพวกเขาแลวใชวิชาของหมิงอองเขาหลอกลอ ปูทางสูจอมยุทธให
เกรงวาสถานการณของเราอาจเลวรายลง”
ชงเสวียนพูดเสียงขรึม แลวจึงเงยหนา ทอดถอนใจแลววา
“ศิษยพี่ไหนเลยไมรูวาเขาซางชิงเรามีบารมีมากแคไหน จึงอยากใหศิษยนองเปน
ประธานของงานในวันนี้ และเพราะสถานการณในตอนนี้เปนผลมาจากการปรากฏตัว
ของหมิงออง พวกเราแมไมกลัว แตก็ควรรวมพลังกันไวใหมั่น ไมใหหมิงอองฉวยโอกาส
ได”
เหมยอวิ๋นชิงเงียบไปสักพัก จึงวา
“ยังคงเปนศิษยพี่ที่คิดไดรอบคอบ แตจากมุมมองของศิษยพี่ เรื่องของหุบเขาเชียน
เฉิงเราควรทําอยางไร หรือตองรีบสงขาวใหทางสํานักรู จะไดเตรียมพรอมไวแตเนิ่นๆ”
ชงเสวียนโลงอก รีบพูดตอ
“คงไมจําเปน ลาสุดเรื่องยังไมชัดเจนนัก และการที่หุบเขาเชียนเฉิงเอาใจออกหาง
เขาไทชิงก็นับเปนเรื่องที่ดี แตถาสี่สํานักใหญอยากไดหุบเขาเทียนเฉิง เราก็มีสิทธิ์แยง
และถาศิษยนองสามารถเกี้ยวใหหุบเขาเชียนเฉิงมาอยูกับเราได ตอไปเขาซางชิงเราตอง
เปนผูนําแหงสามขุนเขาสํานักเตาแถวหนาแน!”
เหมยอวิ๋นชิงไดยินก็หวั่นไหว ถาเปนเชนนี้จริง นางคงมีชื่อกองในแวดวงสํานักเตา
จะไดใชโอกาสนี้ทลายความคับของใจที่ถูกหมิงอองกดดันพอดี ซึ่งจริงๆ แลว นางคิด
มากไป เพราะชื่อของนางในตอนนี้ไมสามารถเทียบชั้นกับหมิงอองแลว แตนางเองยอม
ไมคิดเชนนี้ พอคิดๆ ดู จึงวา
“จะทําอยางไร ก็แลวแตศิษยพี่ก็แลวกัน?”
“เรื่องนี้ตองวางแผนระยะยาว เราสามารถรีบสืบดูกอน ขาคิดวา หุบเขาเชียนเฉิงยัง
ไมไดตัดสินใจออกจากออมอกเขาไทชิงเสียทีเดียว เพราะเรื่องใหญขนาดนี้นาจะมีขาว
เล็ดลอดออกมาบาง แตวันนี้พวกเขามิไดไปงานเลี้ยง ก็พอที่จะแสดงใหเห็นวา พวกเขา
กําลังขัดแยงกับเขาไทชิง แถมยังรุนแรงจนอาจนําไปสูความแตกหักไดทุกเมื่อ หลังจาก
วันนี้ไป สํานักเตาอื่นๆ ตองรูสึกไดถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา ดังนั้นไมวาจะ
อยางไร ตอนนี้เราตองฉวยโอกาสนี้กอน โดยแสดงทาทีใหหุบเขาเชียนเฉิงรูวา เราหวังดี
ตอพวกเขา พรอมตอนรับพวกเขาทุกเมื่อ ขาไดสงเทียบเชิญไปยังที่ทําการหุบเขาเชียน
เฉิงแลว ผูกไมตรีไวกอน ขอเพียงสืบรูวาเรื่องนี้เปนความจริง คอยใหศิษยนองออกหนา
ใหพวกเขาเห็นความจริงใจของเรา เรื่องนี้จึงจะสําเร็จลุลวง” ชงเสวียนพูด
เหมยอวิ๋นชิงคิด เชนนี้ยอมไดแนนอน ไมวาจะอยางไรฉวยโอกาสไวกอนเปนดี ไดก็
ดี ไมไดก็ไมเสียหายอะไร
“ดี จัดการเชนนี้แลวกัน” แตก็ยังลังเลเล็กนอยจึงถามขึ้น
“ในเมื่อทุกคนกําลังจับตามองอยู เขาอวี้ชิงจะไมทําเชนที่เราทํารึ?”
ชงเสวียนหัวเราะ “ไมมีทาง เขาซางชิงเรามีศิษยนองอยูเปนประธานของงาน แต
เขาอวี้ชิงไมมี พวกเขาตองกลับสํานักกอน แลวรอใหเหลาปรมาจารยตัดสินใจ กวาจะ
ไปๆ มาๆ ยอมแขงกับเราไมทันแน คราวนี้นับวาเราโชคดีมากที่ศิษยนองอยูพอดี”
เหมยอวิ๋นชิงคอยผอนคลายลง คิดวาถาเรื่องนี้เปนจริง บิดานางหรือทานจอมยุทธ
ตองยอมรับในตัวนางมากขึ้นแน จึงรูสึกระตือรือรนขึ้นทันตาเห็น
“ดี เรื่องนี้มอบใหศิษยพี่จัดการทั้งหมด ถาสําเร็จ ขาตองรายงานผลงานของศิษยพี่
ใหทานจอมยุทธทราบดวยตัวเองอยางแนนอน”
“ตองขอขอบใจศิษยนองมากๆ!” ชงเสวียนยินดีปรีดาขึ้นทันที รีบคารวะ
ขณะมองดูชงเสวียนเดินจากไป เหมยอวิ๋นชิงพลันนึกอะไรขึ้นได ลังเลสักพักคอยถามขึ้น
“ซูอินมีขาวอะไรบางไหม?”
ชงเสวียนชะงัก หันมามองนาง พลางสายศีรษะ
“ไดยินวาวันนี้ชายาหมิงอองตองเขารวมงานเลี้ยงปใหมของเหลาเชื้อพระวงศ”
มองดูชงเสวียนหันกายเดินจากไปไกลแลว เหมยอวิ๋นชิงจึงคอยกํามือแนน
“เด็กนอยมอไป ขาตองฆาเจา...”
พูดแลวก็จัดเสื้อผาใหเรียบรอย กอนกาวออกเขาหองโถง เตรียมตอนรับแขกเหรื่อ
และขณะที่นางกาวเขาสูหองโถง แนนอนวานางยังไมรูขาวคราวของสํานักใบไผ
และยังไมรูเชนกันวาวันนี้ประวัติศาสตรไดรับการจดบันทึกใหม ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มี
ขึ้นระหวางหุบเขาเชียนเฉิงกับสี่สํานักใหญ เหมือนกําลังบอกวา รูปแบบตายตัวที่สํานัก
เตาฝนสืบทอดกันมานั้น ในที่สุดก็คงไวไมอยู
เรื่องผันแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา คลายนําประวัติศาสตรการแยงชิงอํานาจของ
สํานักเตาขึ้นมาปดฝุนอีกครั้ง แตครั้งนี้กลับรุนแรงกวา
ตอน 306 ความขัดแยง
ที่ทําการเขาซางชิงในวันขึ้นปใหมคึกคักมาก
ผูสูงสงในแวดวงเตาที่ยามปกติพานพบยากหลายทาน ไดฝาความหนาวเย็นเขามา
นั่งรวมกันเปนกลุมๆ อยูในหองโถง โดยมีชงเสวียนคอยรับรองอยูก อน ตอมาบุตรีจอม
ยุทธ เหมยอวิ๋นชิง คอยออกมาตอนรับขับสูดวยตนเอง ทําใหศิษยสํานักเตาตางๆ ไมวา
จะเปนกลุมผูอาวุโสสูงสงหรือเหลาดาวรุงดวงใหมลวนรูสึกประหลาดใจและยินดีปรีดา
กันถวนหนา หลังจากยิ้มแยมทักทายกันพอหอมปากหอมคอ บรรยากาศก็เริ่มคึกคัก
ไมรูวาบังเอิญหรือไม ทั้งๆ ที่หวงเซินแหงสํานักใบไผระวังมากแลว ก็ยังมาถึงบริเวณ
งานเกือบจะพรอมกับฉินไทจือแหงสํานักหวงที่มากับกลุมศิษยอยางไมคาดคิด
ศิษยเขาซางชิงที่ยืนตอนรับอยูหนาประตูเดิมทีเห็นสํานักใบไผลงจากหลังมากอน
ขณะคิดเขาไปตอนรับ กลับเห็นฉินไทจือพลิ้วกายมายืนตรงหนาเฉย ขวางทางหวงเซิน
อยางไมเกรงใจ เหมือนไมเห็นวาสํานักใบไผมาถึงกอนอยางไรอยางนั้น พลางยืนมือไพล
หลังอยูหนาประตูอยางไมยหี่ ระ กอนหันบอกศิษยอยางเย็นชา
“ไป ตามขาเขาไปดานใน”
สิ้นเสียง ศิษยรุนใหมที่อยูดานหลังก็ตอบรับ ซอยเทากาวเขาประตูทันที พรอมกับ
ศิษยสํานักใบไผกลุมหนึ่งที่รบี เขามาจับจองที่นงั่
หนาประตูมีพื้นที่กวางก็จริง แตศิษยสํานักใบไผมากันเปนจํานวนมาก จึงเลี่ยงไมได
ที่จะเบียดและกระทบกระทั่งกับศิษยสํานักหวงที่คิดเดินขึ้นหนา
ศิษยสํานักใบไผเมื่อเห็นเชนนี้ ไหนเลยจะไมโกรธเปนฟนเปนไฟ ติดที่ทานอาจารย
ยังไมเอยปาก จึงไมกลาชักกระบี่ ไดแตยืนหนาดํา ไมจอมจํานน
แลวหนาประตูก็เกิดความโกลาหล ฝายหนึ่งชักกระบี่ขึ้นขมขวัญ หวงเซินเดิมทีไม
อยากมีเรื่องกับคนใจรอน ทวาไหนเลยจะยอมรับการดูหมิ่นทามกลางสายตาผูคน
มากมายเชนนี้ได ขณะกําลังจะพูด พลันไดยินศิษยพี่ที่อยูขางกายตะโกนขึ้น
“ไรการศึกษามาจากไหน ถึงกลาไรมารยาทเชนนี้ นึกวากระบี่มรกตสามเชียะในมือ
ขาเปอนโลหิตไมไดหรือไร...”
ฉินไทจือยืนมือไพลหลัง พอไดยินก็คอยๆ หันมา ใชสายตาเหยียดๆ เหลือบมอง
อาจารยจาวที่ศีรษะและใบหนายังคงพันไวดวยผาพันแผล
“อวดดีจริงๆ ทีแรกขานึกวาสูงสงมาจากไหน ที่แทก็พวกคนปกปดหนาตาไมกลาให
ผูคนเห็นหนานั่นเอง!”
วาแลวก็หัวเราะ สีหนาเย็นชา พูดเสียงเย็นชา
“พวกคางคกขึ้นวอ ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ยังกลามาทําอวดดีตอหนาขา ดูสารรูป
ตนเองเสียกอนแลวคอยพูด ไมรูวามีแรงชักกระบี่หรือเปลานั่น”
“เจา...” อาจารยจาวโมโหจนสั่นไปทั้งตัว เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่ในมือถูกชักออกจากฝก
“สาวหาว!” ฉินไทจือตวาดใสอาจารยจาวพรอมสายตาคมกริบ พลังปราณพลุง
พลานไปทั่วราง
“กลาชักกระบี่ตอหนาขา คิดวาขาไมกลาสงเจาไปปรโลกหรือไร?”
ศิษยขางกายฉินไทจือเห็นเชนนี้ ไฉนยังสนใจอีกวาฝายตรงขามเปนปรมาจารยอะไร
ทั้งหมดไมพูดไมจา ชักกระบี่ชี้หนาศิษยสํานักใบไผ
ศิษยสํานักใบไผก็ไมพูดพร่ําทําเพลง ทุกคนชักกระบี่ออกจากฝก ตอนนี้ตางฝายตาง
ชักกระบี่ขมขวัญซึ่งกันและกัน รอเพียงคําสั่งอยางเดียว พรอมตอสูโลหิตนองทุกเมื่อ
ความเคลื่อนไหวขนาดนี้ไมจําเปนตองรอรายงาน
สหายเตาที่อยูดานใน รวมทั้งชงเสวียนที่เพิ่งพาแขกเขาหองโถง ยอมสัมผัสได
ฉับพลันวาเกิดเรื่อง
ชงเสวียนรีบหันมอง เห็นศิษยที่อยูหนาประตูรีบรุดเขารายงาน พอไดยินวาเปนสอง
สํานักกอเหตุทะเลาะวิวาท เขาก็หนาดําคร่ําเครียดทันที
เขาสงคนจับตาดูทางเขาอวี้ชิงกับเขาไทชิง เพื่อเตรียมดึงขุมกําลังอยู เหตุใดจะไมรู
วาตอนนี้สองขุนเขา หรือกระทั่งสี่สํานักใหญก็กระทําเชนเดียวกัน สงคนมาไมรูเทาไหร
เพื่อจับตาดูเขาซางชิง
หากวันนี้สํานักหวงกับสํานักใบไผชักกระบี่ใสกันที่หนาประตูจริง พวกเขายอมตองดี
ใจแน ไมตองคิดก็รูวาไมมีทางทําใจดีเขาหาม เกรงวานาทีถัดมาอาจลงมือทําใหพันธมิตร
เขาซางชิงลมสลายดวยซ้ํา อยาวาแตยังมีคนจากราชสํานักที่คอยเฝาดูอยูและพรอมฉวย
โอกาสเขาขย้ําทุกเมื่อ
“เหลวไหลจริงๆ!”
ชงเสวียนไหนเลยจะทันคิดอะไรอีก สีหนาเขียวคล้ํา ยิ้มสูใหแขกเหรื่อพรอมปลอบ
ประโลม แลวรีบพลิ้วกายไปยังหนาประตู
สวนแขกที่อยูดานในพอเห็นเชนนี้ ก็รูทันทีวาเกิดอะไรขึ้น
แตจะใหทําเชนไร เมื่อมีเหมยอวิ๋นชิงที่อยูเหนือพวกเขาคอยคุมสถานการณอยู จึง
ไดแตทนไว ไมตามออกไปดูความคึกคัก ทําเปนไมรูเรื่องรูราว กลับมาเฮฮากันตอ
ทวาดวงตาของแตละคนกลับฉายแววผิดปกติที่แตกตาง
“เกรงวาคงมีอะไรดีๆ ใหดูแลว!” ทุกคนสบตากันและสงความรูสึกใหกันถวนทั่ว
ซึ่งขณะทีช่ งเสวียนยังไมทันมาถึง พลันไดยินเสียงเย็นชาของหวงเซินดังขึ้น
“ฉินไทจอื วันนี้เขาซางชิงเปนเจาภาพเชิญเรามารวมงานเลี้ยง อยากอเรื่องอยางไร
เหตุผลอีกเลย ถูกหรือผิดอยางไร ขาไมอยากถือสาหาความกับคนอยางเจา เขาซางชิง
ยอมใหความเปนธรรมเอง และเพื่อเห็นแกปรมาจารยเราที่เปนพี่นองกัน อยาก
ปรองดอง ไมอยากทํารายกัน ขาจึงขอแนะนําวา ทางที่ดีเจาควรเก็บอารมณหนอย อยา
นึกวาคมดาบคมกระบี่พวกนี้สามารถขมขวัญใครตอใครได สํานักใบไผเรามีมานานรอย
กวาป ยอมไมเกรงกลัวใครเชนกัน หากเจายังไมสํานึกผิดถูก กระบี่ในมือขาก็สามารถฆา
คนเชนกัน!”
วาแลวก็ยืดตัวตรง ตะโกนบอกคนในสํานัก
“เก็บกระบี่ ตามขาเขาไปอวยพรดานใน!”
พูดจบก็พลิ้วกายไปอยูดานหนาฉินไทจือ เชิดหนากาวเดิน ขณะกําลังจะกาวเขา
ประตู กลับเห็นฉิน
ไทจือพลิว้ กายมาขวางหนาไวอีก พรอมพูดดวยสีหนาเย็นชาเชนเดียวกัน
“สํานักใบไผเจากลาอวดบารมีดวยการเลนหัวสํานักหวงขาแลวรึ จะบอกอะไรให
กอนหนานี้ที่พวกเจาไรยางอายทําเรื่องสกปรก ริอาจทําผิดตอสํานักหวงขานั้น ที่แท
ไมใชเพราะนิสัยโลภมากของเจา แตเปนเพราะไมเคยเห็นสํานักหวงอยูในสายตาจริงๆ
เห็นสํานักหวงเปนอากาศธาตุ เมื่อครูก็ยังใจกลาหนาดานอีก ดี ขากลับอยากเห็น
เหมือนกันวา สํานักใบไผเจาเอาความกลามาจากไหนกันแน และอยากเห็นกระบี่ฆาคน
ของเจาวาจะเปอนโลหิตขาไดหรือไม ศิษยทุกคนจงฟง! วันนี้มีโจรลบหลูสํานักเรา ขาขอ
ใชโลหิตพิสูจนศักดิ์ศรีสํานัก!”
เห็นฉินไทจือคิดลงมือจริง หวงเซินจึงโมโห ตะโกนกอง
“ตาเฒาหัวรอน เจากลา!”
“นาโมโหยิ่ง!”
อาจารยจาวขางกายหวงเซินระเบิดอารมณ แลวชี้กระบี่ไปที่กระบี่ของฉินไทจือ
พลางวา
“ศิษยทุกคน ชักกระบี่ ฆามัน!”
“ชากอน!” เสียงถึงกอนกาย ในที่สุดชงเสวียนก็รุดมาถึง
ทั้งสองฝายพอเห็นชงเสวียนมา ก็ไดแตวางมือ อันที่จริงจะสูกันที่นี่ไดอยางไร สอง
ฝายเพียงยากสงบจิตสงบใจเทานั้น
“พี่หวง พีฉ่ ิน! วันนี้ทานทั้งสองลวนเปนแขกของขา หากมีเรื่องไมดีตอกัน ขอใหเห็น
แกหนาเขาซางชิงขาคอยพูดคอยจากันภายหลัง!”
ชงเสวียนตองทําหนาจริงจัง ไมพูดเพื่อใหไวหนาตน แตแสดงใหเห็นศักดิ์ศรีของเขา
ซางชิง
“ศิษยพี่ชงเสวียนมาไดจังหวะพอดี ใชวาสํานักใบไผขาไมเคารพเขาซางชิง ที่เรา
มารวมงานเลี้ยงในวันนี้ ก็เพราะเห็นแกหนาทานประธาน แตคิดไมถึงวาจะถูกคนใจรอน
ขมเหงจนเกินเหตุทามกลางสายตาผูคนมากมายโดยไมคิดถึงผลที่ตามมา อีกทั้งยังสบ
ประมาทสํานักใบไผเราหลายตอหลายครั้ง เราก็ทนแลวทนเลา เพียงแตไมอยากถูกมอง
วากลัวและถูกเขาใจผิด เรื่องเมื่อครู ศิษยพี่ก็เห็น วันนี้ใครผิดใครถูก ขอศิษยพี่ใหความ
เปนธรรมดวย!”
ที่สุดแลวหวงเซินก็พูดไดลื่นไหลกวา ยกยอตนเอง ทําลายฝายตรงขาม ชิงความ
ไดเปรียบไปอีกหนึ่งกาว
“เฮอะ ตอนนี้ขากลับรูสึกชื่นชมศิษยพี่เจาที่ปกปดหนาตายิ่ง เพราะอยางนอยเขายัง
รูจักอาย รูวาคนลวงโลกไมมีหนาพบใครไดอีก แตเจาหวงเซินกลับหนาดานหนาทน เปน
พวกปากกรรไกร กลาโกหกหนาตายอยางโจงครึ่ม ขากลับอยากถามเจาคําหนึ่ง ใครกัน
แนไมสนใจปรองดอง ใครกันแนขมเหงกันจนเกินเหตุ หรือเจาคิดจริงๆ วา สํานักหวงขา
ถูกลบหลูเชนนี้แลว เจาเพียงเลนลิ้นนิดหนอย พูดสองสามคําก็ถือวาไมมีอะไรเกิดขึ้น
แลว? กระบี่สํานักใบไผเจาฆาคนได แลวดาบสํานักหวงขาใชผาฟนหรือไร? กลาขอความ
เปนธรรม วันนี้ขากลับอยากถามวา สํานักหวงขามีคุณสมบัติที่จะขอความเปนธรรม
หรือไม?”
ประโยคสุดทายที่พูด ฉินไทจือหันมากวาดตามองชงเสวียน
หวงเซินทีย่ ืนอยูอีกขาง พลันหนังตากระตุก จองฉินไทจือเขม็ง เขาเขาใจแลว ตา
เฒาหัวรอนมิใชไมรวู าที่นี่คือเขาซางชิง ที่ตาเฒาทําทุกสิ่งอยางในวันนี้ ไมเพียงพุงเปามา
ที่ตน ยังพุงเปาไปที่เขาซางชิงดวย
เขาจงใจกอเรื่อง เพราะอยากบอกเขาซางชิงวา เรื่องตูเจวียนพวกเขาไมยอมจบ
งายๆ แน อยางไรก็ตามตองไดรับการชดใช หรือก็คือ เขาซางชิงตองใหความสําคัญกับ
ทาทีของพวกเขา และชดใชผลประโยชนที่แนนอนให
หวงเซินรูส ึกแยที่รูวาตนเองหลงกลตาเฒาฉินจนได ครั้งนี้ทางสํานักตองตําหนิตน
เพิ่มขึ้นแน พอคิดถึงตรงนี้ในใจก็รูสึกเกลียดชังสุนัขชราฉินไทจือเปนอยางยิ่ง
ขณะคิดโตแยง กลับเหลือบเห็นสีหนาชงเสวียนเสียกอน จึงรีบหุบปาก
ชงเสวียนในตอนนี้สีหนาแยมาก ทําใหหวงเซินรูสึกหวาดหวั่น พอเหลือบมองฉิน
ไทจือ ก็รูสึกโกรธ พลางคิดในใจ “ตาเฒาหัวรอน ถาขาไมรอด เจาก็อยาหวังวาจะรอด!”
วากันตรงๆ เขาไมสงเสียงแลว เพราะรูวา ฉินไทจือแมบรรลุจุดประสงค แตกลับ
ลวงเกินชงเสวียนอยางจัง แนนอน เขาดูไมผิด ชงเสวียนกําลังโกรธจัด เพราะมอง
จุดประสงคของฉินไทจือออกเชนกัน แตกลับไมยืนอยูขางฉินไทจือ
เหตุผลงายมาก เรื่องตูเจวียนสุดทายจะจัดการอยางไรนัน้ ใชวาเขาชงเสวียนจะ
ตัดสินใจได
ฉินไทจือก็รู จึงไมไปเอาเรื่องที่สํานักใบไผ ไมขึ้นเขาซางชิงขอความเปนธรรม แต
กลับกอเรื่องขึ้นหนาที่ทําการเขาซางชิงในเมืองหลวง นี่เปนการจงใจแสดงใหเห็นความ
ผิดพลาดในหนาที่ของชงเสวียน ตบหนาชงเสวียน แสดงทาทีอยางโจงแจงใหเขาซางชิง
เห็น
ขมเหงกันเกินไปจริงๆ พวกเจาไมเห็นผูเฒาอยูในสายตาเชนนี้นี่เอง?
ชงเสวียนพยายามขมความโกรธ เขาเหลือบตามองทั้งฉินไทจือและหวงเซิน สุดทาย
ก็ตัดสินใจปกปองหวงเซิน ไมมีเหตุผลอื่น เพียงเพราะวันนี้หวงเซินเห็นแกหนาเขา
พยายามควบคุมอารมณ แตฉินไทจือกลับจงใจทําใหเขาหนักใจ เขาจึงจําตองแสดงทาที
ใหเห็น
ที่สําคัญคือ เกรงวาคนบนเขาซางชิงเองก็ไมสามารถชดใชใหสํานักหวงไดเชนกัน แม
สํานักหวงจะพูดวาเรื่องที่สํานักใบไผกระทํา เปนการทําลายลางสํานักเตาก็ตาม แตอยา
ลืมวา ถาสํานักใบไผยอมรับวาจงใจกระทําเพื่อแยงผลประโยชนของสํานักหวงในหมิงจู
จริง เรื่องนี้ก็ไดบทสรุปทันที สํานักหวงตองรามือ มิฉะนั้นแลวจะยังเปนสํานักเตาได
อยางไร?
และเขาซางชิงก็ไมอนุญาตใหทั้งสองสํานักฟาดฟนกัน
ดังนั้นอยางไรก็ตาม ชงเสวียนก็ไมสามารถยืนขางสํานักหวงได
เขาจึงเงยหนาขึ้น เผชิญหนากับฉินไทจือ สบตาตรงๆ จองมองไมวางตา กอนพูด
เสียงขรึม
“อาจารยฉิน วันนี้สํานักเตาตางๆ มารวมตัวกันโดยมีบุตรีจอมยุทธแหงเขาซางชิง
เปนประธาน ซึ่งนักพรตเหมยไดออกมาตอนรับแขกเหรื่อดวยตัวเอง จึงอยากขอให
อาจารยฉินระงับความโกรธไวชั่วคราว เขาไปดานในกอน ไมวาทั้งสองทานเขาใจผิด
อะไรกัน หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงคอยใหนักพรตเหมยเปนผูไกลเกลี่ย ไมทราบวาอาจารย
ฉินเห็นเปนเชนไร?”
ตอน 307 คิดกําจัดหมิงออง ใครอาสาทําหนาทีน่ ี้
วาจานี้ เหตุใดฉินไทจือจะฟงไมออก ชงเสวียนถามความเห็นของเขาคนเดียว แสดง
วากําลังหาวาเขาเปนผูกอเรื่อง สีหนาจึงเย็นยะเยียบ เหรตามองหวงเซินที่อยูด านขาง
ในมุมของฉินไทจือ แนนอนวารูสึกไมพอใจ จึงพูดเสียงขรึม
“เมื่อศิษยพี่ชงเสวียนเอยปาก ขาไหนเลยจะกลาไมทําตาม เพียงแตตองขออภัย
ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักหวงขาแมพูดไมเกง แตหลายปมานี้ เราใหความสําคัญกับการ
แยกแยะผิดชอบชั่วดี เพื่อพิทักษสํานักเตาใหคงอยู คนในสํานักหวงแมตองตายก็ไม
เสียดาย ขอเพียงสํานักทานมีคําสั่ง คนในสํานักหวงไมวา สถานะสูงต่ําเพียงใด ลวน
ปฏิบัติตามโดยไมคํานึงถึงผลตอบแทน ขอเพียงใจกวางกับเราก็พอ ผูแซฉินมีนิสัย
บุมบาม วันนี้หากลวงเกินอะไรไป หลังจบเรื่องยอมตองขอรับโทษจากสํานักทาน สํานัก
หวงเราใครทําดีมีรางวัลให ใครทําผิดตองไดรับโทษ ไมเปะปะเปนอันขาด ถึงเวลานั้น ถา
สํานักทานคิดฆาแกงผูแซฉินอยางไร ผูแซฉินยอมตองชดใชให”
คําพูดนี้ทําใหคิ้วของชงเสวียนกระตุกไมหยุด รูสึกไมพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แตก็รูวา
วันนี้ตนไดลวงเกินทานผูนี้เขาใหแลว แตไมมีทางเลือก บางครั้งสามารถประนีประนอม
แตบางคราก็หามถอย
อีกอยาง ตอนนี้ไมควรพัวพันกันตอตรงหนาประตู ตองทําใหสงบนิ่งลงกอน
“อาจารยฉินพูดเกินไปแลว เชิญ!” ชงเสวียนไมพูดมากความ หันกายผายมือทันที
ฉินไทจือหนาตาเครงขรึม ใชสายตาคมกริบเหลือบมองหวงเซินที่อยูดานขางอีกครั้ง
คอยหันกายเดินเขาดานใน หวงเซินใชสายตาจงเกลียดจงชังมองตามแผนหลังเขาไป รอ
จนเขาเขาไปแลว ก็รีบกาวเขาหาชงเสวียน ยกมือคารวะพรอมยิ้มขมขื่น พลางวา
“วันนี้ทําใหศิษยพี่เดือดรอน ขารูสึกลําบากใจจริงๆ ”
ชงเสวียนสายศีรษะไปมา ไมรูวาควรพูดอะไรดี อีกอยางไมควรสนิทสนมกับหวงเซิน
มากเกินไป เพราะจะดูเปนการลวงเกินสํานักหวงเขาไปอีก จึงไดแตสายศีรษะ “เชิญ!”
แตหวงเซินกลับดึงเขาไวไมปลอย พลางวา
“ศิษยพี่ชากอน ศิษยนองยังกังวลอยู จําตองพูดกับศิษยพี่ใหชัดเจน มิฉะนั้นเกรงวา
ประเดี๋ยวอาจเกิดเรื่องขึ้นอีก ศิษยนองเสียหนานั้นเรื่องเล็ก ทําพวกเรากันเองหมดสนุกนี่
สิเรื่องใหญ!”
ชงเสวียนขมวดคิ้ว จองมองหวงเซิน
หวงเซินจึงรีบกาวเขา กระซิบขางหูชงเสวียน บอกสาเหตุที่ตองนําศิษยมากมายเขา
มาในงาน เพื่อปองกันแผนการจูโจมของสํานักหวง
ขณะเดียวกับที่ฉินไทจือซึง่ เดินเขาประตูไปหันมามอง เห็นคนทั้งสองยืนกระซิบ
กระซาบกันพอดี ก็รูสึกเอือมระอา ศิษยที่ยืนอยูขางๆ เห็นเชนกัน รูสึกไมพอใจ จึงพูด
เสียงเบาขางหูฉินไทจือ
“อาจารย หรือสํานักใบไผกับเขาซางชิงจะมี...”
“เฮอะ!” ฉินไทจือไมพูดอะไร กาวเขาดานในพรอมสีหนาดําคล้ํา
สักพัก ชงเสวียนกับหวงเซินก็กาวเขามา ชงเสวียนขมวดคิ้ว เหลือบมองรางของฉิน
ไทจือที่เพิง่ นั่งลง กอน
ยิ้มทักทายแขกเหรื่อ แลวเดินมายืนขางกายเหมยอวิ๋นชิง เลาเรื่องที่เกิดขึ้นดานนอก
เมื่อครูใหฟงดวยเสียงแผวเบา
เหมยอวิ๋นชิงเปนคนหยิ่งยโสอยูแลว พอไดยินชงเสวียนเลาก็ขมวดคิ้วทันที คิดวา
กลาถึงขนาดกอเรื่องทั้งๆ ที่รวู านางเปนประธานในงานเลี้ยง นี่แสดงวาไมเห็นนางอยูใน
สายตาชัดๆ
ฉินไทจือเห็นเหมยอวิ๋นชิงขมวดคิ้วเหลือบมองมาทางตน ก็รูสึกไมสบายใจ
ดีที่เหมยอวิ๋นชิงมิไดแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา ดวยกําลังอยูในงานรื่นเริง โดย
ถาเปนปกอนๆ หรือในชวงเทศกาลแหงความสุข จะไดยินเสียงสรวลเสเฮฮามากกวานี้
แตปนี้ เมื่อคนจากสํานักเตามารวมตัวกัน อยางไรก็หลีกเลี่ยงไมไดที่จะตองพูดถึง
หัวขอหนึ่ง
ซึ่งจริงๆ แลว เขาซางชิงจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ขึ้น เพื่อตองการดูทาทีของสํานักเตาตางๆ
โดยหลังจากยกจอกสุราขึ้นสามครั้ง ชงเสวียนก็สงสัญญาณสบตาถามเหมยอวิ๋นชิง
พอนางพยักหนาบอกใหเริ่ม เขาจึงวางจอกสุราลง แสดงสีหนาอมทุกข ปราศรัยกับทุก
คนในหองดวยความเจ็บแคน
“สหายเตาทุกทาน นี่ก็ผานไปอีกหนึ่งปแลว บานเมืองเราเกิดเรื่องวุนๆ ขึ้นมากมาย
ไมวาจะเปนสงครามกลางเมือง ศัตรูตางชาติรุกราน ราชสํานักระส่ําระสาย และในชวง
วิกฤตเชนนี้ สํานักเตาเรายังมาประสบกับปญหาภายในสํานักหรือระหวางสํานักกันอีก
ทําใหทุกครั้งที่นึกถึง ชงเสวียนก็อดไมไดที่จะรูส ึกสะทกสะทอนใจ ไมทราบวาทุกทานมี
นโยบายดีๆ ที่จะแกไขปญหาเหลานี้อยางไร ที่สามารถคืนความสุขใหบานเมือง สราง
ความสงบแกสํานักเตาเราได?”
ทันใดนั้น ผูคนในหองตางก็มีสีหนาจริงจังขึ้น ดวยพอจะรูหัวขอสนทนาและเขาใจ
ความหมายของชงเสวียน
ฉินไทจือที่นั่งอยูซา ยมือดานลางมิไดเอยปากอะไร แตพอเหลือบมองหวงเซินที่นั่งอยู
ฝงตรงขาม กลับเห็นสุนัขตัวนี้รีบลุกขึ้นยืนประจบสอพลอเสียงดังแจวๆ วา
“ที่ศิษยพี่ชงเสวียนพูดมา ลวนเปนความกังวลของเราทุกคน แตจะทําอยางไรได คน
จากสํานักเตาเราแมมีความสามารถมากมาย มีใจขจัดทุกขใหปวงประชา แตกลับมีเรื่อง
ใหตองลําบากใจอยางไมคาดคิด แมเราพรอมสละชีพ แตสุดทายกลับไมเห็นทางสวาง
ตองตกอยูกับความเจ็บแคนที่สํานักเตาอาจถึงคราวลมสลาย ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ ผูแซ
หวงก็มักน้ําตาไหล พลางทอดถอนใจ เก็บความในใจที่ยากบอกกลาวเอาไว”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ผูคนก็หันมาสบตากัน แลวก็นิ่งเงียบ
พอเห็นสีหนาทุกคน ชงเสวียนก็รีบรับลูก “ศิษยพี่หวงหมายความวาอยางไร?”
“สํานักเตาเราเดิมทีไมอยากยุงเกี่ยวกับทางโลก แตหลายปที่ผานมา กลับมีคน
ตองการทําลายลางเรา ไมอยากใหเราหลุดพน กอนหนานี้ก็ทําใหเราลําบากมามาก
พอแลว แตเพราะเราเห็นแกคุณงามความดีขององคเซิ่งอู เราจึงอดทนแลวอดทนเลา
แตกลับไมคิดวา ตอนนี้ในราชสํานักกลับมีวายรายที่นําภัยพิบัติมาสูชาติบานเมืองโผล
ขึ้นมา อยางเมื่อเดือนกอน ไดสังหารยอดฝมือที่สํานักเตาเราสงไปแกปญหาใหบานเมือง
ที่หมิงจูอยางโหดเหียม
้ สงสารก็แตยอดฝมือผูมีทั้งความกระตือรือรนและความจริงใจ
แตสุดทายกลับตองตกอยูในสภาพเชนนั้น! ทุกทาน แคนนี้เราควรทําอยางไร? ทํา
อยางไรดี?”
จูๆ หวงเซินก็เศราโศกขึ้นมา
ดูจากลูกรับลูกชงของคนทั้งสอง ทําใหทุกคนที่นั่งอยูในหองพอจะคาดเดาไดวา งาน
เลี้ยงในวันนี้คงหนีไมพนเรื่องการกําจัดหมิงออง
แตก็ไมเหนือความคาดหมาย ดวยหมิงอองเคยจูโจมตรงๆ ใสเขาซางชิง ประกาศวา
จะลางบางเขาซางชิง อีกทั้งยังทาประลองกับจอมยุทธอยางบาบิ่น เขาซางชิงยอมไม
สามารถนิ่งดูดายยอมรับในเรื่องนี้
ทวาผูคนกลับมองสํารวจสีหนาหวงเซินหลายครั้ง ใจคิด หรือเขาซางชิงตองการ
ปกปองสํานักใบไผ ที่แทก็เปนเชนนี้นี่เอง และแมตางชัดเจนในใจ แตก็ไมมีใครสงเสียง
ขานรับ ใครก็ไมอยากเปนผูนําในเรื่องนี้ทั้งนั้น
ชงเสวียนเห็นเชนนี้ จึงสงเสียงกระแอมเบาๆ กอนพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องเศราที่หมิงจู นาแคนใจจริงๆ ทุกครั้งที่คิดถึงดวงวิญญาณที่ไปไมมีวันกลับของ
ยอดฝมือเหลานั้น ใจขาก็ยากจะรับไหว แคนจนอยากพลิ้วกายไปหมิงจู ตัดศีรษะจอม
มาร ลางแคนใหยอดฝมือทุกทาน สรางความเปนธรรมใหกับบานเมืองเรา!”
“นาแคนใจจริงๆ!”
“ผูเฒาก็มีความรูสึกเชนนี้!”
“ศิษยพี่ชงเสวียนชางกลาหาญเด็ดเดี่ยวยิ่ง นับถือๆ!”
......
ในที่สุดผูคนก็พูดแลว แตในคําพูดกลับไมมีสักคนยอมเปนผูนํา
เหมยอวิ๋นชิงเห็นเชนนี้ก็ขมวดคิ้ว คนเหลานี้พูดกันไปพูดกันมาจนนางเขาใจแลววา
ไมมีผูใดรับอาสาทําหนาที่นี้แน ทําใหนางรูสึกไมพอใจยิ่ง เกิดเปนคนของสํานักเตาทั้งที
กลับไมอาสาแบงเบาความทุกขใหสํานัก แสดงวาไมมีความภักดี!
แตนางกลับไมคิดๆ ดูวา ใครเลาจะโง สังหารมอไปนั้นไมเทาไหร แตคนเขามีราช
สํานักหนุนหลัง เขาซางชิงของเจาเองยังไมกลาออกหนาลงมือ แลวจะใหผูอนื่ ไปแทน
หรือ?
ความจริงฉินไทจือคิดแสดงทาที เพราะการตายของหงเจิ้นทําใหเขาแคนหมิงออง
มาก เทียบกับผูที่นั่งอยูในทีน่ ี้ เขาคือผูที่อยากกําจัดหมิงอองมากสุด
แตวันนี้เขารูสึกไมพอใจทาทีของเขาซางชิง ยิ่งพอเห็นชงเสวียนกับหวงเซินเปนลูกคู
ประสานเสียงกันเปนอยางดี เขาจึงตั้งใจนั่งเงียบไมสงเสียง มองดูเขาซางชิงพายแพอยาง
สะใจ
พอเห็นเหมยอวิ๋นชิงคลายมีทาทีที่ทนไมไหว ชงเสวียนก็กลัววานางจะพูดอะไร
ออกมาที่ทําใหผูคนหาทางลงไมได จึงรีบกวาดตามองหวงเซิน แลวแยงพูด
“แตศิษยพี่หวงไมจาํ เปนตองแคนเคืองจนเกินไป พฤติกรรมขุนนางเชนนี้ยอมทําให
ผูคนมากมายโกรธแคน อยางไรก็ดี ทําชั่วยอมไดชั่ว คนบาระห่ํา ยอมตองตายในไมชา!”
“ออ? ศิษยพี่ชงเสวียนพูดจริงรึ?” หวงเซินตื่นตัวทันที รีบถาม
ชงเสวียนรับลูกตอ “ทุกทานก็รูวา ถาตองการกําจัดขุนนางที่หมิงจูอยางเดียวความ
จริงแลวไมยากอะไร! แมคนผูนี้มีวิชาเตานอกรีตอยูบาง แตก็สําแดงความเหียมโหดได

เพียงครั้งเดียว ถาเราทุกคนอยูที่นั่น ใครบางไมมีวิชาที่สืบทอดมานาน ใครบางไมมี
พื้นฐานที่ลึกล้ํา อีกอยางขุนนางนั่นก็อายุแคยี่สิบกวา จะกาวราวไดถึงไหนกัน?
เพียงอาศัยโอกาสชั่วขณะแอบรวมพลังนอกรีตเทานั้น คลายกระดาษหอดวงไฟ เห็น
วาสวางอยางนั้น แตจริงๆ แคใชนิ้วจิ้ม กระดาษก็ทะลุแลว! ทุกทานเห็นดวยหรือไม?”
จุดนี้ทุกคนตางยอมรับ จนถึงขณะนี้ก็ยังไมมีใครเชื่อวามอไปสามารถตอสูกับจอม
ยุทธได ถึงรายกาจอยางไร ก็นาจะพอๆ กับปรมาจารยจอมโหดของสี่สํานักใหญเทานั้น
แมฝมือนากลัวจริง แตอยางไรมอไปกแ็ คคนคนเดียว จะมีพลังคุกคามมากมายได
อยางไร?
คิดฆาเขาจริงๆ นั้น งายเหมือนพลิกฝามือ
ทุกคนจึงพยักหนา
“ศิษยพี่พูดมีเหตุผล ขาวา ไมตองถึงระดับจอมยุทธหรือผูมีพลังปราณแข็งแกรงของ
สํานักเตาเราหรอก เพียงเราทุกคนอยูเผชิญหนา ก็สามารถทําใหโจรนั่นไปไมกลับแลว!”
“ไมผิด ถาไมใชเพราะสถานะ พวกเรามีใครกลัวมันบาง?”
“ถูกตอง ขาวา เรื่องที่หมิงจู ไมแนอาจเปนเพราะโจรนั่นเห็นยอดฝมือเรามีคุณธรรม
คอยระมัดระวังสถานะมัน ไมกลาลงมือจริงจัง ทําใหมันวางแผนลอบสังหาร จนเปนหนี้
โลหิตเชนนี้!”
ผูคนพากันแสดงความคิดเห็นตางๆ นาๆ อยางนี้คอยทําใหเหมยอวิ๋นชิงมีสีหนาดีขึ้น
จึงเอยปากพูด
“ยอมเปนเชนนั้น เพียงแตตอนนี้โจรนั่นกําลังนั่งอยูปากบอ นึกวาใชฝมือเล็กๆ แคนี้
ก็สามารถพิชิตใตหลาได อีกทั้งยังไมรกั ชีวิต กลาเสียมารยาทกับทานจอมยุทธ ผูที่มีจิตใจ
เชนนี้สมควรตายเปนอยางยิ่ง!”
คําพูดนี้พอพูดออกมา ทุกคนก็แสดงทาทีวามอไปรนหาที่ตายจริงๆ
เมื่อเห็นวาเริ่มปลุกเราบรรยากาศไดแลว ชงเสวียนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ตามเหตุผลที่ทุกทานพูดมาทั้งหมด ทําใหขุนนางนั่นอยูอยางสุขสบายมาไดจนทุก
ถึงวันนี้ ความจริงพูดก็พูด หากเราไมยอมเดินทางเขาเขตยึดครองของศัตรูตางชาติ
สังหารมันลางแคนใหสาแกใจแลวละก็ นั่นเทากับวาเราปลอยใหผืนดินที่องคเซิ่งอูและ
บรรพชนรวมรบเพื่อใหไดมาครอบครองถูกกัดกรอนไปเปลาๆ ตอนนี้ราชสํานักมีปญหา
ทั้งภายในและภายนอก แตกแยกเปนกกเปนเหลา คิดไมถึงวา จะมีคนบางคนไมเห็นแก
ชาติบานเมือง คิดแตจะลงมือกับสํานักเตาเราใหได สํานักเตาเราก็อยูของเราในพื้นที่
เล็กๆ แตกลับถูกมองวาไมรกั ชาติ สํานักเตาเราหลั่งโลหิตในสนามรบ แตกลับถูกมองวา
ทรยศประเทศ สรุปแลวไมวาสํานักเตาเราทําอะไร ก็ลวนแลวแตถูกกลาวหาวามีเจตนา
รายทั้งสิ้น คนผูนี้ตองการทําใหสํานักเตาเราเดินเขาสูความตายใหไดถึงจะพอใจ”
คําพูดนี้ทําใหทุกคนรูสึกเครงเครียด แตก็ไมประหลาดใจเทาไร เรื่องนี้พูดกันมานาน
แลว ทุกคนตางก็รูดี
“ยังคงเปนคําคํานั้น บานเมืองคือมรดกที่องคเซิ่งอูใหมา เราตองรักษาไว ตอบแทน
พระคุณทาน ทวาแมเราอดทนมาหลายตอหลายครั้ง ก็ไมสามารถแลกมาซึ่งความสันติ
เสียที กลับทําใหผูคนตกทุกขไดยากยิ่งขึ้น ตอนนี้คิดไปคิดมา ทั้งหมดเปนเพราะราช
สํานักมีขุนนางทรยศ ยิ่งตอนนี้ ยิ่งมีขุนนางทรยศตัวเปงโผลมาอีก และกําลังใชหมิงจูเปน
ฐานที่มั่น ซึ่งเราไมควรทนอีกตอไป ตองกําจัดขุนนางนั่นใหสิ้น เพื่อรักษาบานเมืองเราไว
เพื่อความสงบสุขของปวงประชา และความสงบสุขของสํานักเตาเรา!”
ชงเสวียนพลันพูดอยางหนักแนน พรอมสีหนาจริงจัง
ตอน 308 หวงเซิน “ฆาหมิงออง นอกจากขาแลวยังมีใคร”
เปนครั้งแรกที่ชงเสวียนพูดจบแลวหันมองหวงเซิน
หวงเซินรูง าน เพียงทําลังเลเล็กนอย กอนลุกขึ้นยืน พูดเสียงสูง
“ศิษยพี่ชงเสวียนพูดมีเหตุผล เราทนจนทนไมไหวแลว หากคิดกําจัดขุนนางนั่น เรา
ตองสาบานวาแมตายก็ตองตามสังหารใหจงได!”
ทุกคนไดยินดังนี้ก็ไมมีทางเลือก ไดแตขานรับแลวคิดในใจ
‘ขอตามเขาซางชิงไปสังหารแลวกัน!’
ไดแตตามอยูดานหลังของเขาซางชิง ไมมีทางลงมือคนเดียวอยางแนนอน
ชงเสวียนกะพริบตาแลววา
“เห็นทุกทานมีน้ําใจเชนนี้ ชงเสวียนขอกลาวขอบคุณ ทวาทุกทานก็รู ขุนนางนั่นมี
สถานะพิเศษ หากกําจัดแลว ยอมมีเรื่องเดือดรอนตามมา แตทุกทานวางใจ แมไดรับแรง
กดดันมากเพียงใด มีเราเขาซางชิงเปนผูนําทั้งที ตองปกปองทุกสํานักใหอยูรอดปลอดภัย
อยางแนนอน”
คําพูดนี้ทําใหทุกคนสะดุดกึก พูดมาครึ่งคอนวัน เจายังคงใหพวกเราเปนแนวหนา
สวนพวกเจาก็อยูแนวหลังคอยกันราชสํานักเสียนี่
เหตุผลนี้ฟงขึ้นก็จริง แตที่สําคัญ หลังจากกําจัดหมิงอองแลว ภายใตความโกรธแคน
ของราชสํานัก ยอมตองจับแกนนําที่กระทําความผิด ถึงตอนนั้นเขาซางชิงจะออกมา
ยอมรับวาเปนผูบงการจริงหรือ?
บรรยากาศเย็นยะเยียบลงอีกครั้ง
วันนี้หวงเซินมาเพื่อตองการสานสัมพันธอันดีกับเขาซางชิง เพราะกอนหนานี้เคยกอ
เรื่องไว ตอนนี้ตองหาทางชดเชย ซึ่งถาสํานักหวงยังคงคิดหาเรื่องอีก ก็ตองใหเขาซางชิง
ชวยพูดจึงจะดี
“ศิษยพี่วางใจ ขุนนางนั่นเรื่องเล็ก เราตองจัดการไดแน...” หวงเซินพูด
“เฮอะ ตลก!”
ไมมีใครคาดคิด หวงเซินพูดยังไมทันจบ กลับมีเสียงแคนหัวเราะดังขึ้น
ในหองเงียบกริบ ทุกคนมองไปยังตนกําเนิดเสียง ที่แทก็เปนฉินไทจือนี่เอง มือของ
เขาจับจอกสุราพลางจองมองหวงเซิน สีหนาเต็มไปดวยความเยยหยัน
หวงเซินหาทางลงยากแลว จึงหนาดําพลางวา
“ฉินไทจอื เจาหมายความวาอะไร หรือเจากลัวฝมือของจอมมารนั่น กลัวจนหัวหด
ตดหายเลยสิทา”
“ฮาๆ!” ฉินไทจือพลันแหงนหนาหัวรอ ทําเอาสีหนาหวงเซินบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว
และไมเพียงแคสีหนาของหวงเซินคนเดียวที่ไมนาดู แมแตชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิง
ก็รูสึกวาฉินไทจือโอหังเกินไป ชงเสวียนจึงเอยปาก
“อาจารยฉินมีคําชี้แนะเชิญกลาว!”
ฉินไทจือคอยๆ เก็บรอยยิ้ม หันมามองชงเสวียน แลวชี้นิ้วไปที่หวงเซิน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ถามัวอาศัยพวกหนูขี้ขลาดที่เอาแตลอบกัดมาวางอุบายกําจัดหมิง
อองแลวละก็ เกรงวาถึงพวกเรารอไปจนหมดอายุขัย ก็ยังไมเห็นผลงานแน!”
“ฉินไทจอื !” หวงเซินตวาดเสียงดัง เขาโกรธแลวจริงๆ
ชิ้ง! ฉินไทจือพลันชักกระบี่ชี้หนาหวงเซิน
“ดูตัวเองเสียกอน วาตัวเองเปนตัวอะไร ผูที่อยูขางๆ เจา กระทั่งมดปลวกตัวเล็กๆ
ลูกนองของเขาก็ยังไมมีปญญารับมือ หนําซ้ํายังเกือบมอดมวยภายใตเงื้อมมือพวกเขาอีก
สุดทายโชคดีหลบหนีไดก็จริง แตก็ถูกพลทหารธรรมดาๆ จับมัดแลวพาตระเวนไปตาม
ทองถนน ถามีความมุงมั่นจริง วันนี้ไฉนยังมายืนอยูในที่นี้อีก? อาศัยคุณสมบัติเชนนี้ ก็ยัง
กลาคุยโวโออวด หมิงอองแมเปนเพียงเด็กนอยที่ทุกทานเพียงพลิกฝามือก็เอาอยู
แตกับสํานักใบไผเจา เรื่องประจบสอพลอไมเอาหนาเอาตาถือวาไมเลวทีเดียว แต
สําหรับการตอสูแลว เงียบๆ ไวจะดีกวา มิฉะนั้นหากสุดทายยังกําจัดหมิงอองไมได เจา
อาจตองเลียนแบบคนขางๆ หาผามาปดหนาปดตา แลวคิดเสียวาไมมีอะไรเกิดขึ้น”
คําพูดนี้ทําเอาเกือบทุกคนในหองหัวเราะออกมา แตแลวก็มีสีหนาแปลกๆ อดคิด
ไมไดวา คนทาทางโบราณๆ อยางฉินไทจือ พอดาคนขึ้นมาก็...เจ็บแสบใชยอย
ไมตองพูดถึงหวงเซินกับคนขางๆ ที่นั่งหนาเขียวสลับแดงอยู ไมสิ เห็นหนาหวงเซิน
เพียงคนเดียว อีกคนมองไมเห็นหนา แตก็รูสึกไดจากลมหายใจที่ขุนเคือง ตาแทบถลน
ออกจากเบา ทําใหสงสัยวานาทีถัดมา เขาอาจลุกขึ้นเชิดหนาเปลงเสียง แลวหมดสติไป
“ฉินไทจอื ขาไมขออยูรวมโลกกับเจา!”
อาจารยจาวลุกขึ้นเปลงเสียงจริง แตกลับไมหมดสติ ชักกระบี่ออกดวยมืออันสั่นเทา
คิดกาวออกไปตอสู
“เจาเก็บแรงอันนอยนิดไวจะดีกวา คิดกําจัดหมิงอองมิใชรึ? ทาทางที่โอนเอนไปมา
เชนนี้ ระวังจะหกลมเขาละ ถึงหมิงอองจะออนดอยอยางไร แตก็ใชวาคนพิการคนหนึ่ง
จะรับมือไหว!” ฉินไทจือเยยหยัน
ตอนนี้คนกลุมหนึ่งเริ่มทนไมไหว หนังหนากระตุกไมหยุด รีบลุกขึ้นอําพรางรอยยิ้ม
เดินเขาไปดึงตัวอาจารยจาวไวพลางพูดเตือนสติ
อาจารยจาวถูกลากใหถอยหลัง แตปากยังแผดเสียงรอง
“เจา...หยุดพลามไปเลย อีแคเด็กนอยมอไป แมขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดทาย ก็ยัง
สังหารมันได...”
ไมวาหวงเซินจะทําใจดีสูเสืออยางไร อารมณก็ระเบิดออกจนได ซ้ํายังเติมเชื้อไฟ
ดวยการชี้หนาฉินไทจือพลางดา
“ฉินไทจอื เจาขมเหงเราสองพี่นองรวมสํานักไมเปนไร แตจะลบหลูสํานักเราไมได
อยาวาแตเด็กนอยหมิงอองเลย แมสํานักหวงเจามากันทั้งสํานัก สํานักใบไผขาก็สามารถ
ฟนใหเ**ยนเตียนไดในหนึ่งกระบี่ อยาดีแตพูด เจากับขามาวัดกันใหตายกันไปขางตอนนี้
เลยดีกวา!”
“นึกวาขากลัวเจารึ!” ฉินไทจือก็ระเบิดอารมณเชนกัน พับแขนเสื้อขึ้นพรอมลุย
“พอไดแลว!” เหมยอวิ๋นชิงสงเสียงใสเย็นทันที
เหตุการณหยุดนิ่งชั่วขณะ ฉินไทจือกับหวงเซินไมกลาทําอะไรตอ
เหมยอวิ๋นชิงคอยๆ กวาดตามองคนในหอง จนมาหยุดอยูที่ฉินไทจอื เปนคนสุดทาย
“อาจารยฉิน พวกเราลวนเปนสหายเตากันทั้งนั้น ทานอยาไดทําเกินไป!”
ฉินไทจือเงยหนามอง
“นักพรตเหมย ใชวาขาอยากหาเรื่อง แตทนไมไดจริงๆ ที่เห็นทาทางเสแสรงของตา
เฒาหวง แคหมิงอองคนเดียว ไมเห็นจําเปนตองเรื่องมากเพียงนี้ ในที่นี้มีใครไมสามารถ
ฟนใหเหียนเตี
้ ยนในหนึ่งกระบี่บาง? แมตาเฒานั่นทําไมได แตสํานักใบไผก็มีปรมาจารย
นับสิบ หากมีใจและกลาจริง ยังตองมาพลามกันอีกทําไม
เพียงแคออกคําสั่งสงปรมาจารยเดินทางไปหมิงจูจัดการรวดเดียวก็สิ้นเรื่อง ไม
จําเปนตองมาพูดจาใหสวยงาม ทั้งหมดนี่ลวนแลวแตไรสาระ ผูแซฉินทนเห็นไมไดเปน
ที่สุดก็คือพวกหนูขี้ขลาด วันนี้ยังมีหนามายืนสาบานอีก แนจริงพอออกจากประตูนี้ไป
ตางคนตางกุมกระบี่บุกเดี่ยวไปหมิงจู แลวใหทุกคนคอยดูวา เด็กหนุมกระจอกๆ เพียง
คนเดียว ไมควรคาใหตองพูดถึง หวงเซิน ถาเจาแนจริง ก็ไปพรอมขา!”
คําพูดนี้ทําเอาทั้งหองเงียบกริบ
เหมยอวิ๋นชิงก็อึ้งไปเชนกัน ไมรูจะตําหนิอยางไรดี หรือจะโกรธใหกับความกาวราว
ของเขา
สีหนาหวงเซินก็เปลี่ยนเชนกัน นี่มิใชเรื่องลอเลน คนหนึ่งไมดี เปนตายยังไมเทาไหร
แตกระทบถึงสํานักนี่สิ แมเติบโตนอกบาน แตมิไดหมายความวาไมมีคนที่บาน คนหนึ่ง
ไมดียอมสงผลตอคนทั้งบาน
สวนฉินไทจือพอเห็นสีหนาหวงเซินเต็มไปดวยอารมณหลากหลาย ก็แคนหัวเราะ
เยยหยันอีก
“เหตุใดไมกลาเสียแลวละ? ผูแซฉินรูว าพวกหนูกลัว กลัวสุนัขปาที่อยูขางหนา กลัว
พยัคฆที่อยูขางหลัง แตก็ยังกลาบอกวาเปนคนจากสํานักเตา วันนี้ขาขอใหทุกทานเปน
พยาน ออกจากประตูนี้ไป ตางคนตางลาออกจากสํานักแลวไปหมิงจู ผลที่ตามมาทุก
อยางตางคนตางรับผิดชอบ ขอใหทุกทานชวยกระจายขาวนี้แทนขาดวย”
ทุกคนตางตกละลึง แตพอรูสึกตัว กลับคิดวา เชนนี้ก็ดี!
เชนนี้ยอมไดแนนอน
หรือที่ฉินไทจือกลาพูด เพราะคิดมานานแลว แตแมเปนเชนนี้ คนอื่นๆ ก็ทําไมได
อยางเขา เพราะถือวาอันตรายมาก แลวใครอยากเสี่ยงอันตรายเลา
สายตาทุกคูคอยๆ พุงไปที่หวงเซิน
สีหนาหวงเซินจึงคอยๆ ซีดขาว คนยิ่งฉลาดยิ่งคิดมาก เขาเขาใจในพริบตา ตาเฒา
ฉินเตรียมการไวกอนแลว โดยไมยี่หระกับการลบหลูเขาซางชิงเพื่อผลประโยชนสํานักตน
เปนการปูทางอนาคตใหกับคนรุนหลัง แตเขา หวงเซินมิไดเตรียมการใดๆ เพื่อการนี้
ควรถอยออกอยางไรดี แตถาถอย อยาวาแตสหายเตาทั่วหลาเลย ทางสํานักเองก็ไม
ปลอยเขาหรอก
สุดทายจึงไดแตไปตายเอาดาบหนา พูดเสียงสูง
“เจาฉินไทจือกลา หรือขายังดอยไปกวาเจา ศิษยสํานักใบไผทุกคนไมมีใครกลัวตาย
ดี เมื่อยืนยันเชนนี้ ก็ตองดูวาเจากับขา ใครสามารถนําศีรษะโจรกลับมาไดกอนกัน!”
ชงเสวียนตบมือ ลุกขึ้นยืนยกจอกสุรา ตะโกนเสียงกอง
“ดี! ทุกทาน วันนี้เราไดเห็นจิตใจที่กลาหาญของศิษยพี่ฉินและศิษยพี่หวง ขอใหทุก
ทานยกจอกสุราอวยพรใหทั้งสองทานทํางานสําเร็จลุลวงไปไดดวยดี เชิดชูบารมีขั้นเทพ
ของสํานักเตาเรา ทุกทาน ดื่มพรอมกัน!”
ทุกคนรีบยกจอกสุรา พลางกลาวสรรเสริญตามๆ กันไป บรรยากาศแลดูยิ่งใหญ
สุราจอกนี้พอตกถึงทอง ก็เปนอันวาหวงเซินเขาตาจน ไมมีทางถอยอีก เขาจึงรูสึก
เกลียดชังฉินไทจือเขาไส เหวี่ยงจอกสุราลง จองมองฉินไทจือเขม็ง แลววา
“สํานักใบไผยิ่งใหญเกรียงไกร ในจํานวนสํานักเตารอยแปดสํานัก ไมมีใครกลาลบ
หลูแมแตนอย! ทางที่ดีเจาอยาตายในหมิงจูกอนก็แลวกัน รอใหเจารอดชีวิตกลับมา ก็จะ
รูเองวา สํานักใบไผไรเทียมทานขนาดไหน!”
“เมื่อเจายอมรับคําทา สํานักหวงขายังตองกลัวอะไรอีก?” ฉินไทจือยังคงเผ็ดรอน
ชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงหันมาสบตากัน แลวยิ้มในดวงตา เปนอันรูกันวา วันนี้พอ
คนทั้งสองออกเดินทางไปหมิงจู ยอมมิใชเรื่องโดดๆ ของแตละคนอีก
ไมแนวาเขาซางชิงอาจเปนศูนยบัญชาการให เพราะลําพังคนทั้งสอง ไมมีทาง
สังหารหมิงอองได แตการมีคนทั้งสองเปนผูนํายอมเปนเรื่องที่ดี โดยพวกเขาตองบอกให
ทั้งสองสํานักแอบสงคนตามไปอยูแลว
“ครั้งนี้ โจรนั่นตองหนีไมรอดแน!” ชงเสวียนพูดเสียงเบากับเหมยอวิ๋นชิง
และแลวใบหนาของเหมยอวิน๋ ชิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“ถาสามารถจับเปนกลับมา ขาตองจัดการมันดวยมือขาเอง!”
ชงเสวียนหนังตากระตุก รีบพูดเสียงเบา
“ไมควรเพิ่มใหเรื่องยุงยากอีก สังหารไดเปนดี!”
เหมยอวิ๋นชิงจึงไดแตทอดถอนใจดวยความเสียดาย
“เอาเถอะ แลวแตเขาก็แลวกัน!”
ในหองโถงกําลังคึกคัก ผูคนยอมเขามาแสดงความเคารพนับถือผูที่กําลังจะออก
เดินทางไปยังสนามรบทั้งสองทาน และในตอนนี้เอง พลันมีเสียงซอยฝเทาอยางรวดเร็ว
และรอนรนดังมาจากดานนอก
ทามกลางบรรยากาศสรวลเสเฮฮา เห็นศิษยผูหนึ่งมิไดรายงานตัวที่หนาประตู ตรง
เขาดานในทันที และรีบกาวเดินจนเกือบสะดุดขาตนเอง เหตุการณนี้ทําใหคนในหอง
ตกใจเล็กนอย พอสํารวจดูและเห็นวาผูมาแตงเครื่องแบบเขาซางชิง จึงมิไดวาอะไร
เพียงคิดในใจ พวกเขาซางชิงไมมีกฎเกณฑกันหรือไร
เหมยอวิ๋นชิงกับชงเสวียนหนาชาแตแรกแลว ชงเสวียนลุกพรวด เอ็ดเสียงดัง
“รีบรอนอะไรกันนักกันหนา ถึงไดละเมิดกฎเกณฑเชนนี้!”
“อา...อาจารย...”
หนาผากของเขาเต็มไปดวยเหงื่อทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็น มุมปากสั่นเทา เห็นชัดวา
ตื่นตระหนกเกินพิกัด ซ้ําตอนนี้ยังถูกชงเสวียนเอ็ดอีก จึงเขาออน คุกเขาลง แตก็ยังไม
ลืมรายงานขาวสะเทือนขวัญที่เพิ่งไดรบั น้ําเสียงเต็มไปดวยความตื่นตระหนก
“สํา สํานัก สํานักใบ ใบไผ...”
ตื่นเตนเกินเหตุ จนพูดไมจบประโยค
ทามกลางผูคนมากมาย ชงเสวียนยอมรูสึกขายหนา จึงมีสีหนาเย็นชา
“อะไรของเจา พูดจาติดอางตั้งแตเมื่อไหรฮึ!”
แตแลวพอเห็นอาการสั่นของศิษย ชงเสวียนก็ตกใจ รวบรวมสติ เปลงเสียงแทนให
จบประโยค
“สํานักใบไผทําไม?”
ไมมีใครคาดคิดวาหลังจบประโยคนี้จะตามมาดวยขาวอะไร แตชงเสวียนกลับอึ้ง
เหลือบมองสีหนาที่แสดงความแปลกใจเชนเดียวกันของหวงเซิน ลังเลเล็กนอย ดวยเปน
เรื่องของคนเขา เมื่ออยูตอหนาคนเขาแลวแสดงความสนใจเรื่องของคนเขา จะทําให
แลดูไมดี แตเรื่องมาถึงขั้นนี้แลว จึงไดแตจองมองศิษย พลางวา
“รีบพูดความจริงออกมา”
ศิษยสูดหายใจเขาลึกๆ กอนพูดเสียงดัง
“สํานักใบไผ ถูกลางบางแลว!”
ผูคนในหองคลายไมมีปฏิกิริยาอะไร ยังคงมีสีหนาปกติ
แตนาทีถัดมา เหมือนไมถูกตอง!
นาทีถัดมาอีก ชงเสวียนหนังตากระตุก พลันโมโหโทโส
“เวรกรรม เจากลากลาววาจาเท็จรึ?”
“มิไดทานอาจารย!” ศิษยสะดุงตกใจ รีบโขกศีรษะติดตอกัน ปากก็รีบพูด
“ศิษยมิไดกลาวเท็จ เมื่อคืนหมิงอองบุกเดี่ยวขึ้นเขาใบไผ ตอสูกับศิษยสํานักใบไผ
ทั้งสํานักเพียงลําพัง สังหารเจาสํานักและปรมาจารยไปหลายทาน...ลางบางสํานักใบไผ
ในคราวเดียว!”
ตอน 309 เปนไปไมได
โงงม!
นี่เปนปฏิกิริยาแรกของทุกคนในหอง
มิใชถูกทําใหตกใจจนโงงม แตถึงตอนนี้ก็ยังฟงไมออกจริงๆ วาที่ศิษยผูนี้พูดเมื่อครู
หมายความวาอะไร?
ตางหันมองคนขางๆ หลายคนยังถือจอกสุราอยูในมือ และยังไมเก็บรอยยิ้มลง
ในความเงียบแบบแปลกๆ หลายคนเริ่มหายใจไมทั่วทอง กระทั่งหูยังเริ่มไดยินเสียง
หัวใจคนขางๆ เตนแววตาเริ่มเปลี่ยน จากกําลังยิ้มเปนไมอาจปฏิเสธ จนสุดทายมานตา
คอยๆ หดตัวลง
ยิ้มบนใบหนาเริ่มกลายเปนยิ้มคาง มือที่ถือจอกสุราเริ่มสั่นจนควบคุมไมอยู
“ขา...ฟงไมเขาใจ!”
ไมมีใครรูว าหองเงียบอยูกับบรรยากาศแปลกๆ เมื่อครูนานเทาใด รูตัวอีกทีเมื่อได
ยินเสียงสั่นๆ ดังเขาหู ทําใหความรูสึกตลอดทั้งรางคืนกลับ หันไปมองผูพูดตามสัญชาติ
ญาณ
ฉินไทจือ!
ผูที่เอยปากเปนคนแรกมิใชเหมยอวิ๋นชิงกับชงเสวียนแหงเขาซางชิง และมิใชหวง
เซินกับศิษยสํานักใบไผ แตกลับเปนอริของสํานักใบไผอยางฉินไทจอื
ไมผิด ฉินไทจือคอยๆ ลุกขึ้นยืนทามกลางบรรยากาศนิ่งคาง แววตาคลายทั้ง
โศกเศราทั้งยินดี จองมองศิษยเขาซางชิงที่คุกเขาตัวสั่นอยูกลางหอง คอยๆ ถาม
“เมื่อครูเจาวาอะไรนะ? สํานักใบไผทําไมรึ?”
พอเห็นบรรยากาศในหองเครงเครียด ศิษยผูรายงานก็ยิ่งตัวสั่นไมหยุด
“สํานัก...สํานักใบไผ ถูก...ถูกหมิงอองลางบางแลว!”
ฉินไทจือพูดทวนซ้ํา “ถูกหมิงอองลางบาง...ลางบางแลว!”
เขาคอยๆ กมศีรษะลง เหมือนกําลังครุนคิดใหแนใจในขาวที่ไมนาจะเปนไปได
จอกสุราในมือของใครบางคนหลนลงบนพื้น เสียงดังเพลง
บางคนหันมองไปทางสํานักใบไผ จองหวงเซินไมกะพริบตา
บางคนยื่นมือที่สั่นเทาออก คิดหยิบตะเกียบบนโตะ แลวกินกับขาวตอ แตสุดทายก็
หยิบไมขึ้น หลังสูดลมหายใจเขาลึกๆ คอยหันมองเหมยอวิ๋นชิงที่นั่งอยูดานบน
บรรยากาศยังคงนิ่งคาง ทันใด ฉินไทจือที่กมหนาครุนคิดพลันเงยหนาขึ้น ครั้งนี้มิได
จองมองศิษยผูรายงาน แตมองตรงไปยังหวงเซินที่นั่งนิ่งมองศิษยผูรายงานอยู จากนั้น
มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มเยยหยัน แคนเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา แลววา
“หวงเซินเอยหวงเซิน ขามีชีวิตอยูมาครึ่งคอนชีวิต ถาวันนี้ไมไดเห็นดวยตาตนเอง
ตองไมเชื่อเปนอันขาดวาโลกนี้ยังมีคนที่หนาดานหนาทนไรยางอายเชนเจา”
เสียงฉินไทจือสะทอนไปมาในบรรยากาศเงียบงัน ทําใหผูคนหันมามองเขาดวย
ความตะลึง
เห็นชัดวา ผูคนรูสึกไมเขาใจจริงๆ หลังไดรับขาวที่เหนือความคาดหมายเชนนี้แลว
เหตุใดเขายังมีแกใจเยาะเยยถากถางหวงเซินตออีก
มีคนเอยปากตามสามัญสํานึก “อาจารยฉิน พูดเชนนี้ไดอยางไร?”
ฉินไทจือเก็บกระบี่เขาฝก กาวออกไปยืนกลางหอง แหงนหนาหัวรอเสียงดัง
“ฮาฮาฮา...”
ทุกคนตางจองมองเขา จองมองทาทางหัวเราะอยางบาคลั่งของเขา ผานไปสักพัก
ฉินไทจือพลันเก็บรอยยิ้ม ยกนิ้วขึ้นชี้หนาหวงเซิน แลวกวาดตามองคนในหอง กอนพูด
ขึ้นดวยเสียงเย็นชาและบาดลึก
“ทุกทานยังมองไมออกอีกหรือ ตาเฒาผูนี้เมื่อครูยังคุยโววาไมกลัวตายพรอมไป
สังหารหมิงอองทีห่ มิงจูกับขา ขายังนึกวายังดีที่พอจะมีจุดยืนอยูบาง แตกลับไมคิดวา ตา
เฒายังคงเปนหนูตอยต่ําเหมือนเดิม ตั้งแตผูแซฉินเกิดมา ฟงมาก็เยอะ เห็นมาก็แยะ ก็ยัง
ไมเคยเห็นคนที่กลัวตาย ไมกลาตามใครไปหมิงจู ขนาดตองแตงเรือ่ งวาสํานักตนถูกลาง
บาง เจาสํานักถูกสังหารโดยไมสนใจในศักดิ์ศรีและหนาตาแตอยางใด”
พูดถึงตรงนี้ ผูคนก็ยิ่งมึนงง นี่มันเรื่องอะไรกันแน
“นี่...นี่...”
มีคนปากอาตาคาง มองดูทาทางแปลกๆ ดุจเทพเจาของฉินไทจือ พูดไมออกไปสัก
พัก หรือคําพูดของฉินไทจือ ทําใหพวกเขาไดเห็นในสิ่งที่ไมเคยเห็น ไดยินในสิ่งที่ไมเคย
ไดยิน!
เพราะคิดหลีกเลี่ยงการไปหมิงจู หวงเซินจึงจงใจแตงเรื่องทั้งหมดขึ้น?
เรื่องนี้นาขันเอามากๆ แมผูคนกําลังสะเทือนขวัญสั่นประสาทกับขาวที่ไดยิน แตก็
ยังไมถึงกับโงงม
ยังไมตองพูดเรื่องศิษยผูมาสงขาววาเปนคนของเขาซางชิง
พูดถึงแตหวงเซิน ที่แมกลัวตายโงเขลาเพียงใด หรือกินหัวใจเสือหรือดีหมีมา ก็ไม
กลาสรางเรื่องไรสาระอยางสํานักถูกลางบาง เจาสํานักถูกสังหาร ขึ้นมาเปนอันขาด
แตพอมองดูสีหนาที่เต็มไปดวยความเหยียดหยามของฉินไทจือ ซึง่ ไมเหมือนแกลง
ทําแมแตนอย แตเปนทาทางมั่นใจแบบคนที่ดูออกแตแรก หัวใจของผูคนก็เตนไมเปนระ
ส่ํา
จริงๆ แลว พูดตามตรง พวกเขายังไมอยากเชื่อความจริงที่วาสํานักใบไผถูกลางบาง
แมรูทั้งรูวา เรื่องที่ฉินไทจือพูดไมมีทางเปนไปได แตจิตใตสํานึกของพวกเขาก็ยังแบงพื้นที่
ใหกับโชคอันนอยนิด ซึ่งแมแตชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงที่หนาถอดสีไปแลว ก็ยังหันมา
มองหวงเซิน
“ขารูสึกอายแทนคนผูนี้จริงๆ ทุกทาน ขาขอเดินทางลวงหนาไปกอนก็แลวกัน ไป
พบกับหมิงอองผูกุมกระบี่บุกเดี่ยวลางบางสํานักใบไผจนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟาดิน
เสียหนอย รอใหขานําศีรษะโจรผูนี้กลับมากอน คอยถือวาลางแคนแทนสํานักใบไผเจาที่
ถูกลางบางก็แลวกัน ฮาๆ!”
ฉินไทจือไมสนใจปฏิกิริยาผูคน หัวเราะเสียงดังพลางประสานมือคารวะ
“ทุกทาน ขอลา!”
ผูคนมองดูความเปนไปอยางตะลึงงัน และขณะกําลังมองรางที่กําลังจะเดินจากไป
ของเขา หวงเซินก็เหมือนตื่นจากฝน คอยๆ ลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบๆ กอนหยุด
สายตาไวกับผูคน โดยไมสนใจฉินไทจอื แมแตนอย แลวจึงคอยๆ หันไปมองชงเสวียน พูด
เสียงแหบแหง
“ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักใบไผใหความเคารพนับถือเขาซางชิงเสมอมา แตวันนี้กลับ
ถูกคนสบประมาท ขอทานใหความเปนธรรมกับผูแซหวงดวย ซึ่งแมสํานักใบไผไร
สามารถ แตไมมีทางยอมรับการดูหมิ่นเชนนี้เปนอันขาด!”
เขายืดตัวตรงพรอมสีหนาภาคภูมิใจ แมน้ําเสียงแหบแหง แตยังทรงพลัง ทําใหผูคน
ทั้งหองรูสกึ หวาดหวั่น เมื่อครูคําพูดของฉินไทจอื ทําใหพวกเขารูสึกดีขึ้นเล็กนอย แต
ตอนนี้กลับมลายหายไปไมมีเหลือ
แตละคนรูสึกลําคอแหงผาก หายใจหนักหนวงยิ่ง
สวนฉินไทจือที่กําลังจะสาวเทากาวออกจากหองพลันหนาซีดขาวเชนกัน ริมฝปาก
สั่นเล็กนอย หันกายจองมองหวงเซินอีกครั้ง เสียงสั่นที่พยายามกดใหนิ่งถูกตะโกนออก
“หวงเซิน แผนของเจา ถูกขาเปดเผย...”
“เจา!...หุบปากเสีย!”
หวงเซินหันควับอยางบาคลั่ง เสนผมปลิวไสว ดวงตาถมึงทึง พลังปราณตลอดทั้งราง
ปะทุ รังสีฆาฟนสะทานโลกันตร เปนพลังคลุมคลั่งสุดขีดที่พบเห็นไดไมบอยนัก ตางกับ
ทาทีกอนหนานี้ของเขาอยางสิ้นเชิง พลางสงเสียงดังกอง
“ขืนพลามไมเลิก ขาจะฆาลางครัวเจา!”
เปรี้ยง!
หวงเซินระเบิดพลังออกทันที รอบหองราวกับเกิดไฟลุก ลมไรรูปพัดหวีดหวิว โตะที่
อยูดานหนาเขาแตกกระจาย เศษไมปลิววอน ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด หนาเปลี่ยนสี ลุก
ขึ้นยืนโดยไมรูตัว
แมแตฉินไทจือที่อยูในรัศมีทําลายลางก็ยังตองถอยหลังสามกาว ปกปดแววตาตื่น
ตกใจไมมิด
นาทีนี้ ไมมีใครกลาสงสัยในความคลุมคลั่งของหวงเซินอีก!
และเพราะไมมีใครกลาสงสัย ทุกคนจึงรูสึกจมลึก ดิ่งลงสูกนบึ้งของจิตใจในพริบตา
นาทีนี้ทุกคนลวนมีสีหนาซีดขาว ผูที่สั่นไปทั้งรางจนควบคุมไมอยู มิไดมีเพียงฉินไทจือ
หลังหวงเซินคําราม ก็ไมสนใจฉินไทจอื อีก ปรับลมหายใจสักพัก คอยหันกลับมาหา
ชงเสวียน ดวงตาทั้งสองขางแดงระเรือ่ จองมองชงเสวียนอยางดุรายไมวางตา
ชงเสวียนสบตาหวงเซิน ขณะที่ใจสั่นไมหยุด มิไดกลัวหวงเซิน แต...
เขาสูดหายใจเขาลึกๆ หันมองศิษยที่ตกใจกลัวจนลมลงไปกองกับพื้น คอยๆ
หลับตาลง แลววา
“ศิษยพี่หวงใจเย็น เรื่องนี้มีพริ ุธ ขอขาสืบใหชัดเจนกอน หากมีคนกลาใชเขาซางชิง
เปนเครื่องมือจริง ชงเสวียนจะไมปลอยใหมันผูนั้นลอยนวล ตองใหความเปนธรรมกับ
สํานักทานแน!”
“ดี!” พลังคลุมคลั่งในตัวหวงเซินถูกปลอยออกมากับเสียงอันดัง
เขามองตามชงเสวียนไปยังรางของศิษยที่ลมลง ทวารางตนกลับสั่นเทิ้มโดยไมรูตัว
ครั้งนี้ ผูคนคอยเห็นความหวาดกลัวในใจของเขา ไมมีผูใดหัวเราะเยาะเขา
“เวรกรรม!”
ชงเสวียนหันมองเหมยอวิ๋นชิง กลับเห็นนางหนาซีดขาว มือทั้งสองขางที่อยูใตโตะ
กุมเขาหากันแนนอยูนานแลว และเพราะใชแรงมาก เล็บจึงซีดขาวไปหมด ชงเสวียนไม
หวังสบตากับนางอีก หันหาศิษยที่กําลังพยายามลุกขึ้น กอนแผดเสียงดังเขาใส
พลังลมจากชงเสวียนจูโจมจนรางศิษยถอยครูดไปกับพื้นราวสองเมตร โลหิตไหล
ออกจากปากศิษยขณะเงยหนามองชงเสวียน รูสึกตื่นตกใจยิ่ง
“ผูใดเปนผูบงการใหเจาทําการปลุกปนเชนนี้ ใจกลาบาบิ่นมาก ยังไมรีบสารภาพ
ออกมาอีก!”
ชงเสวียนถลึงตามอง สีหนาเต็มไปดวยความดุราย
ศิษยผูนั้นแทบสิ้นสติ แตก็ไมสนใจความเจ็บปวด พยายามลุกขึ้นคุกเขา โขกศีรษะ
อีกครั้ง
“พูด!” ชงเสวียนไหนเลยจะรอไหว ตะโกนเสียงดังใสอีก
หลังสิ้นเสียงตะโกน นาทีถัดมา ทุกคนในหองก็เริ่มเขาสูหองแชแข็ง ตลอดทั้งราง
เริ่มเย็นขึ้นทีละนอยๆ
ความจริงที่ทุกทานไมอาจยอมรับได คอยๆ หลั่งไหลออกจากปากศิษยผูนั้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของแตละคนก็คอยๆ บางเบาลงตามเสียงอันสั่นเทาของผูเลา
พวกเขาไดยินวาหมิงอองถลมสํานักใบไผดวยกระบี่เลมเดียว ไดยินวาหมิงอองตอสู
กับปรมาจารยสี่สิบทานตามลําพัง ไดยินวาฉางคุนปลิดชีพตนเอง ไดยินวาสํานักใบไผสูญ
สลายภายในคืนเดียว
ศิษยนับรอย ปรมาจารยนับสิบ หนีไปไดสามคน ที่เหลือยอมแพทั้งหมด!
“ภายใตคมกระบี่ของหมิงออง ไมมีผูใดกลาขัดขืน ทุกคนลวนยอมจํานน ตอนนี้
หมิงอองเปนผูดูแลจัดการ โดยใหคนชุดดําจากจวนหมิงอองประสานงานกับรองเจา
สํานักใบไผคุมเชิงอยูทั่วภูเขา!”
ในหองเย็น สุดทาย ศิษยผูนั้นก็คอยๆ พูดขึ้น
“สํานักใบไผ...ไมมี...อีกแลว!”
“เปนไปไมได!”
หวงเซินยืนตัวแข็งทื่อ หนาถอดสีไปแตแรก ไมเหลือรองรอยพลังความดุรายเมื่อครู
ใหเห็นอีก เหลือเพียงวิญญาณหลงทาง ดวงตาทั้งสองขางแดงก่ํา สายหนาไปมา พลาง
พูดไมหยุด
“เปนไปไมได เปนไปไมไดอยางเด็ดขาด! สํานักใบไผกอตั้งมากวารอยป บารมี
สะทานสะเทือนทั่วแวดวงสํานักเตา ฝามือเหล็กของเจาสํานักฉางคุนสามารถตัดเดือน
เฉือนดาว! ลงโทษเทพเซียนอาวุโสผูถือกระบี่เลมเดียว ถลมภูเขาเปนพันเปนหมื่นใหราบ
เปนหนากลอง! หนําซ้ํายังมีปรมาจารยนับสิบผูไรเทียมทานในใตหลาอีก...”
ตอน 310 ลมสลายแลวจริงๆ
เสียงหวงเซินดังสะทอนไปมาในหองไมหยุด แตก็ไมสามารถกระตุนใหมีเสียงตอบ
กลับใดๆ
เหมยอวิ๋นชิงพูดไมออกแตแรกแลว สีหนาชงเสวียนเต็มไปดวยความตื่นตระหนก
หันมองหวงเซิน ไมมีความกระตือรือรนที่จะพูดอะไรอีก ถอนหายใจยาวๆ หันหลังใหกับ
ทุกคน
คนของสํานักเตาในหอง ไมวาจะเปนปรมาจารยหรือศิษย ลวนตื่นตระหนกกันหมด
ไมมีใครสนใจวาหวงเซินบาไปแลวหรือไร เพียงรูสึกวาฟาดินสะทานสะเทือนไปวูบหนึ่ง
เครง! เสียงทําลายความเงียบ
ผูคนตางหันมอง เห็นกระบี่ในมือฉินไทจือหลนอยูบนพื้นหนาประตูหอง สวน
เจาของกระบี่แววตาไมเปนผูเปนคน
เหมือนเสียงคุยโวเมื่อครูยังคงดังกองอยูในหูทกุ คน ถาจําไมผิด ฉินไทจือประกาศวา
...จะไปสังหารหมิงออง
ทามกลางสายตาที่จองมองมา ฉินไทจือหายใจเขาออกอยางยากลําบาก เม็ดเหงื่อ
ผุดขึ้นบนหนาผากดุจสายฝน เทาประหนึ่งถูกหลอมดวยสารตะกั่ว กาวไมออก
เพียงเขาหันกาย เดินออกนอกประตู ก็จะเขาสูหนทางของผูยิ่งใหญทันที แตตอนนี้
เวลานี้ แมตองอับอายทามกลางสายตาผูคนทั้งหลาย เขาก็ไมยอมหันกาย เหมือนนอก
ประตูมีสัตวรายขนาดใหญกําลังอาปาก รอกลืนกินเขาลงสูความมืดมิดตลอดกาล
มนุษยที่ไมกลัวตาย มีอยูจริงหรือ?
ถามี ยอมไมใชฉินไทจือเปนแนแท สิ่งที่คนสํานักเตาปรารถนาคือการมีอายุยืนยาว
ไหนเลยจะไมเสียดายชีวิต
กอนหนานี้เขากลา เพราะสถานการณพาไป เพราะความเกลียดชังในใจ ทีส่ ําคัญคือ
เขาไมเชื่อวาตนเองมีฝมือการตอสูดอยไปกวาหมิงออง เขาไมเชื่อวาหนุมนอยอายุยี่สิบ
กวาคนหนึ่งจะมีพลังดุจผนังทองแดงกําแพงเหล็ก เขามั่นใจเปนอยางยิ่งวาสิ่งที่เคยไดยิน
มาลวนเปนขาวโคมลอย เขาตอสูชนะหมิงอองไดแน
ที่เขายอมเสี่ยงเพราะตองการชื่อเสียงเกียรติยศ ตองการปูทางใหคนรุนใหม แต
ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งสิ้น เหลือเพียงความหวาดกลัวอันไรขอบเขต
“ฮาๆ!”
ไมรูผานไปเนิ่นนานเพียงใด จึงไดยินเสียงหัวเราะของหวงเซินดังกองไปมาอยางบา
คลั่ง ปดทายดวยเสียงชักกระบี่ออกจากฝก เดินทีละกาวเขาหาฉินไทจือ
“ปรมาจารยฉิน ไปเถอะ เราออกเดินทางกัน!”
ตึกๆ ฉินไทจือพลันกาวถอยหลังจนรางชิดติดประตู เหงื่อเย็นบนหนาผากหยดลงไม
ขาดสาย
“ขา...” ริมฝปากสั่นเทา คลายอยากพูดอะไร แตก็พูดไมออก ไดแตกลอกตาไปมา
เมื่อเห็นฉากนี้ ไมมีใครชวยใครพูด ทุกคนตางไมมีกะใจพูดอะไรในตอนนี้ ตางไมกลา
พูดเรื่อง
เกี่ยวกับหมิงออง ไมอาปากพูดมากแมสักประโยคอีก
ทุกคนไมมีกะใจอยูตอ เพียงแตยังเขาออนกันอยูเทานั้น
“ไปกันเถอะ เจาเรียกรองนักหนามิใชรึ วาใหไปหมิงจูสังหารหมิงออง? เจาดูหมิ่นขา
มาตลอดมิใชรึ เหตุใดเขาออนเสียละ? ไป ขาไปเปนเพื่อนเจา!”
น้ําเสียงแปรงๆ ดังขึ้นขางหูผูคน พรอมสีหนาไรความรูสึกของหวงเซิน
ชงเสวียนที่ยืนอยูดานบนหันกลับมามอง และเอยปากในที่สุด
“ชากอน!”
หวงเซินกลับทําเปนไมไดยิน ยังคงตีหนาตายจองมองฉินไทจือ
ชงเสวียนสูดลมหายใจเขาลึกๆ กอนพูด
“ศิษยพี่ฉิน สํานักใบไผเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนควรทําเปนอันดับ
แรกก็คือแจงเรื่องนี้ใหทางสํานักของตนทราบ แลวรอผูมีอํานาจตัดสินวาจะจัดการเชน
ไร!”
ฉินไทจือไดยินก็สะดุงเฮือก ยืดตัวตรง กอนตะโกนกอง
“ไมผิด...เปนไปตามนี้ ทุกทาน ขาขอลากอน!”
พูดจบก็หันกาย เดินพลิ้วจากไปอยางรวดเร็ว
ทิ้งหวงเซินใหยืนมองตามแผนหลังเขาไปอยางซึมเซา ชงเสวียนพอเห็นหวงเซินยืน
นิ่งไมไหวติงอยูตรงประตู มุมปากก็กระตุกไมหยุด เมื่อครูเขาเรียกฉินไทจือวาศิษยพี่ฉิน
ความหมายก็ชัดเจนอยู
หวงเซินในตอนนี้ ไมมีคุณคาอะไรอีก
มาถึงขั้นนี้ การพูดจาใดๆ ก็ลวนแลวแตไรประโยชน จะพูดเรื่องโตตอบหมิงอองตอ
ก็แปลวาไมสนใจในศักดิ์ศรีที่เหลืออยูเพียงนอยนิดแลวจริงๆ
คนของทุกสํานัก ลวนเขามากลาวอําลาเจาภาพอยางเรียบงาย แลวรีบเดินจากอยาง
รวดเร็ว
ทุกคนตางเดินผานหวงเซินไป โดยไมมีใครทักทายเขาแมเพียงคําเดียว
ใชวาไมมีน้ําใจ แตสํานักใบไผถูกทําลายภายใตน้ํามือหมิงอองแลว ใครจะรูวา
ตอไปหมิงอองจะตามลางตามผลาญใหสิ้นซากหรือไม แมหวงเซินเปนปรมาจารยที่ยาม
ปกติทุกสํานักตองรีบกระตือรือรนรับบุคคลซึ่งมีความสามารถเชนเขาเขารวมดวย แต
ตอนนี้ ใครจะกลาลวงเกินหมิงอองรับเขาไวเลา?
มองดูผูคนเดินจากไปจนเกือบหมด เหลือเพียงหวงเซินกับศิษยสํานักใบไผที่ยังคงอยู
หวงเซินขวัญกระเจิงแลวจริงหรือ?
เปลา เขายังมีสติอยู
คนบําเพ็ญเพียร รักสํานักก็จริง แตก็รักตัวเองดวยเชนกัน
ที่เขาบีบใหฉินไทจอื ไปสังหารหมิงออง มิใชทําไปดวยความโมโห
แตเพราะรูวาชงเสวียนไมมีทางใหฉินไทจือไปแน ซึ่งตอนนี้เขาซางชิงยอมไมกลา
ผลีผลามปลุกปนใหใครทําอะไรหมิงอองอีก
ถาเขาไมวางแนวทางไวกอน สํานักเตาในใตหลา ยอมไมมีสํานักไหนกลากระทําการ
ดังนั้นจึงตองสรางภาพของผูกลาที่รวมเปนรวมตายกับสํานัก และสาบานวาจะแกแคน
ใหเหลาปรมาจารย
แตอยางไรในตอนนี้ ทั้งสํานักก็เหลือศิษยเพียงไมกี่คนที่ยังคงยืนอยูในที่ทําการเขา
ซางชิงกับหัวใจที่แตกสลาย
หวงเซินหันมาสบตากับอาจารยจาว ตั้งแตรูขาว อาจารยจาวก็ไมมีอารมณโกรธ
เกรี้ยวเชนตอนแรกอีก กระทั่งตอนที่หวงเซินแสดงความกลาหาญใหเห็น เขาก็มิไดทํา
ตาม เพียงยืนหวาดกลัวอยูกับที่ โดยไมรูจะทําอยางไรดี
หวงเซินกวาดตามองศิษยในสํานักที่ดวงตามีแตความเศราหมอง บางคนยังหลั่ง
น้ําตาดวย เขาหลับตาพลางวา
“สํานักใบไผ ไมมีแลวจริงๆ!”
สุดทายก็อดไมไดที่จะมองชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิง ทวาชงเสวียนกลับกมหนา สวน
เหมยอวิ๋นชิงหนายังคงซีดขาว นั่งอยูที่เดิม ไมพูดไมจา
หวงเซินรูอ ยูแกใจดี ชงเสวียนหวังใหเขาเดินจากไปเอง แตเขาไมสามารถจากไป ฟา
ดินอันกวางใหญ ไฉนไมมีที่ใหเขายืนสักนิด เขาสูอุตสาหไมใชโอกาสตอหนาคนหมูมาก
บีบใหเขาซางชิงรับตนเองไว
รูวาหากทําเชนนี้ เขาซางชิงยอมไมปฏิเสธ เพื่อรักษาหนาตา แตขณะเดียวกัน ก็
สงสัยวา เมื่อรับตนแลว ตนอาจตายลงอยางเงียบๆ ดวยอุบัติเหตุที่ไมตั้งใจก็เปนได
สมองจึงคิดวกกลับ สุดทายยอมรอตออีกหนอย ใหคนจากไปหมดกอน
ขาของหวงเซินคอยออนยวบคุกเขาลงตรงหนาเหมยอวิ๋นชิง เสียงดังตึง พรอมโขก
ศีรษะ แลววา
“นักพรตเหมย สํานักใบไผขาถูกทําลายยอยยับอยางไมเปนธรรม หวงเซินไมเพียง
ทําอะไรไมได ตอนนี้ชีวิตยังรันทดอีก ไมมีพละกําลังลางแคนใหสํานัก เพียงอยากรอง
ขอใหสํานักทานเห็นแกสํานักใบไผที่เปนพันธมิตรกันมานาน แมไมมีผลงานแตเราก็
ทุมเทแรงกายแรงใจใหเสมอ ขอใหทานจอมยุทธออกโรง ใชวิชาขั้นเด็ดขาด กําจัดมารให
สิ้นซาก! หากสามารถชําระความไมเปนธรรมในครั้งได หวงเซินขอนําศิษยที่เหลือ
ทั้งหมดเขาเปนวัวเปนมา รับใชเขาซางชิง ตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต!”
ไดยินดังนี้ เหมยอวิ๋นชิงที่นิ่งไปนาน ในที่สุดก็ไดสติ มองดูหวงเซินอยางงงๆ เสียงใน
สมองคอยๆ ดังขึ้น “ใช ทานจอมยุทธ ยังมีทานจอมยุทธ...”
ใบหนาซีดขาวของนางคอยๆ มีเลือดฝาดดังเดิม นางเขาใจแลว เดรัจฉานนอยที่
พลิกฝามือก็ฆาคนไดอยางเลือดเย็น ไมมีคาพอที่จะใหนางคิดพิจารณา
สํานักใบไผทั้งสํานัก...
ยังไมตองพูดถึงทั้งสํานัก แคหวงเซินเพียงคนเดียว นางก็ไมกลาพูดวาเปนคูตอสู
เพราะขนาดปรมาจารยนับสิบรวมพลังกับฝามือเหล็กฉางคุนที่ทานจอมยุทธเคยชื่นชม ก็
ยังไมใชคตู อสู
แตไมเปนไร ยังมีทา นจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิงพึมพําเบาๆ ในใตหลาไมมีใครเปนคู
ตอสูของทานจอมยุทธปรมาจารยไรเทียมทานของสี่สํานักใหญก็ไมใช เดรัจฉานนอยนั่น
ยิ่งไมใชคตู อสูของบิดาเขาไปใหญ
ขอเพียงบิดาออกโรง ยอมสามารถสังหารเดรัจฉานนอยนั่นได!
ขณะเหมยอวิ๋นชิงกําลังจมอยูกับความคิด ชงเสวียนกลับกลัววานางจะรับปากเขา
จริงๆ จึงพูดขึ้น
“ปรมาจารยหวง”
แตหวงเซินไมยอมใหโอกาสชงเสวียนพูด รีบพูดดวยความเศราโศกตอ
“นักพรตเหมย จอมมารเหียมโหดจนผู
้ คนหวาดกลัวพลังชั่วรายกันไปหมด มีเพียง
ทานจอมยุทธเทานั้นที่สามารถคืนความเปนธรรมใหเรา นักพรตเหมย ทานเปนบุตรีทาน
จอมยุทธ ผูแซหวงมั่นใจวา จอมมารนั่นแมมีเลหเหลี่ยมแพรวพราว ก็ไมกลาโอหังตอ
หนาทานนักพรตแน จึงมีเพียงทานที่ชวยสํานักใบไผเราได หาไมแลว ผูแซหวงเกรงวา
ถาใหจอมมารลุแกอํานาจอีก ตอไปอาจมีรัชสมัยแตไมมีอนาคต ขอใหนักพรตเหมยเห็น
แกความเปนมิตรของสํานักเตา คืนความเปนธรรมแกผูแซหวงดวย!”
เหมยอวิ๋นชิงพลันลุกพรวดขึ้น
“ขาขอถามหนอย เจาพรอมภักดีตอสํานักจนถึงที่สุดหรือไม!”
“ตอใหตายหมื่นครั้งผูแซหวงก็ไมคิดตีจาก” หวงเซินโขกศีรษะ
“เจากลาเปนผูนํา ชี้ตัวจอมมารตอหนาผูคนหรือไม!” เหมยอวิ๋นชิงถามอีก
จะเห็นไดวา นางก็มิใชคนไรสมองเสียทีเดียว ยังคิดใชคนของสํานักใบไผที่เหลืออยู
ใหเปนประโยชนอีก ซึ่งผูถูกกระทําอยางพวกเขายอมคิดกอบกูชื่อเสียงคืนอยูแลว จึงไมมี
อะไรเหมาะสมไปกวาใหพวกเขาออกหนาอีก
รางหวงเซินที่คุกเขาหมอบอยูกับพื้นสั่นเล็กนอย แตชั่วพริบตาเขาก็ตระหนักวา ไมมี
หนทางอื่นอีก มีเพียงทางเดียวคือการตอบรับ จึงจะมีโอกาสรอด
“ขอเพียงสามารถลางแคน ผูแซหวงไมเสียดายแมชีวิต!” หวงเซินตอบเสียงดัง
“ดี เจาลุกขึ้นเถิด ไวขากลับสํานัก จะรีบเขาพบทานจอมยุทธ!”
เหมยอวิ๋นชิงโบกมือ กอนพูดปลุกเรา
“มอไปกลาเขายึดครองสํานักเตาเรา นิสัยชั่วรายเลวทรามเชนนี้ ยอมถูกฟาดิน
ลงโทษ เขาซางชิงขาเปนสํานักเตาที่มีบารมีมากสุด ไหนเลยจะยอมใหใครมาทําบาบอ
เชนนี้!”
“ศิษยนอง...”
ชงเสวียนเห็นนางยังไมทันไรก็ตัดสินใจแลว จึงสะดุง รีบปรามทันที
แตกลับเห็นหวงเซินโขกศีรษะ
“ขอบคุณนักพรตเหมยที่เมตตา หวงเซินสาบานวา ตอไปจะติดตามทานนักพรต
และพรอมสูตายถวายชีวิต!”
เมื่อเห็นเปนเชนนี้ ชงเสวียนก็ไดแตทอดถอนใจ สายศีรษะไมพูดไมจา เพราะไมรูวา
คราวนี้ เขาซางชิงจะจัดการกับความเปลี่ยนแปลงอันสะเทือนเลือนลั่นนี้อยางไร
เขามองไปยังหองที่วางเปลา นึกถึงความสามัคคีและความกระตือรือรนในชวงแรก
แตพอตอนจากลา กลับรีบรอนเหมือนคนหนีตาย พอมองออกนอกประตู จึงรูสึกเหมือน
เมฆดําปกคลุมทองฟาจนมืดมัวไปหมด
ขาวสะเทือนขวัญสั่นประสาทแพรกระจายออกดุจความเร็วแสง ชวงกลางวันของ
วันนี้ สํานักเตารอยแปดสํานัก ไมมีสํานักใดที่ไดยินขาวแลวไมตื่นตระหนก กอนเงียบไป
ครูหนึ่ง
โดยเฉพาะสามขุนเขาที่ผูคนใหความเคารพนับถือมาแตอดีตจนถึงปจจุบัน ตาง
วุนวายโกลาหลกันยกใหญ
ไมสามารถกลับสูสภาวะปลีกวิเวกของเทพเซียนอยางในวันวานไดอีก
สวนผูคนที่อยูอาศัยอยูบริเวณตีนเขาก็ไดยินเสียงระฆังดังเหงงหงางอยูบนเขาหลาย
ครั้ง หลายคนอยูมาทั้งชีวิตก็เพิ่งเคยไดยินเสียงระฆังบนเขาดังเปนครั้งแรก
ไมเพียงสํานักเตา กองกําลังตางๆ ในใตหลา ไมวาจะเปนกองกําลังของขุนนาง
ระดับสูงชื่อกอง แมทัพนายกองที่มีอํานาจอยูในมือสวนหนึ่ง กระทั่งคนเถื่อนฉีที่โอหังอยู
บนผืนแผนดินตาเซี่ย ก็ลวนตื่นกลัวกับขาวที่ไดรับในชวงกลางวัน คนมีอํานาจรีบเรียก
หัวหนาทุกหมูเหลาเขาพบดวยความตื่นกลัว และปรึกษาหารือวาตอไปเรื่องนี้จะสงผล
กระทบเชนไร ควรวางแผนรับมืออยางไร
ในระยะเวลาอันสั้น ขาวลือถูกโหมกระพืออยางรวดเร็วปานสายฟา จนกลายเปนวา
ทุกวันนี้ ถาตองการหยอนเทาเขาแทรกเพื่อดํารงชีวิตอยูภายใตวิกฤตการณ ปากตองหนี
ไมพนคําวา ‘หมิงออง’ สองคํา!
ตอน 311 ไปเปยเหออีกครั้ง
เปยเหอ!
มอไปเคยมาแลวครั้งหนึ่งเมื่อหกปกอน ตอนนั้นเขามีเพียงพลังชีพเฮือกสุดทาย แต
ตอนนี้เขามาพรอมบารมีอันยิ่งใหญ มาอยางสงาผาเผย เดินนําปรมาจารยนับสิบ ปรากฏ
ตัวขึ้นที่หนาประตูเมืองเหอเปย
ตอนทหารรักษาการณประตูเมืองเห็นเขาชูปายทองอาญาสิทธิ์ขึ้น ก็ตกใจจนแทบ
เขาออน!
คนอื่นๆ ตางตื่นตกใจเชนกัน เมื่อเห็นเขาเดินนําขบวนขึ้นไปยืนบนกําแพงเมือง
“กระหมอมไตชุนเหอ ไมทราบวาทานอองจะเสด็จมา จึงมิไดเตรียมการตอนรับ ขอ
ทรงประทานอภัย!”
เสียงอันนอบนอมของเจาเมืองเปยเหอดังขึ้น
มอไปกําลังยืนอยูบนจุดสูงสุดของกําแพงเมืองทามกลางลมหนาวพัดหวีดหวิว เปน
ครั้งแรกที่เขาใชสถานะหมิงอองอยางจริงจัง ยืนอยูใตทองฟาสีคราม มองไปยังทิศที่ตั้ง
เมืองหลวง
ไตชุนเหอโคงตัว ประสานมือเขาหากัน ตอหนาเหลาปรมาจารยที่ยืนรายลอม
หนาผากเขาเต็มไปดวยเหงื่อ ขณะกมหนากมตายังรูสึกตกอกตกใจไมหาย
เขายอมคิดไมถึงวา ทานที่เพิ่งอยูบนเขาใบไผเมื่อคืน เพิ่งทําเรื่องสะทานสะเทือน
แผนดินไป ตอนนี้พลันมาปรากฏตัวที่เมืองเปยเหอ
มองดูกลุมคนที่ยังใสเสื้อผาซึ่งมีสัญลักษณสํานักใบไผกํากับอยู อีกตลอดทั้งรางยังมี
คราบโลหิตและความออนลาใหเห็นประปราย เมื่อคิดวากลุมปรมาจารยจากสํานักใบไผ
ในตํานานที่ถูกลางบางไปหมาดๆ ยืนอยูขางกาย ใจของเขาก็ยากสงบลงได
เขาเงยหนาขึ้นอยางเจียมเนื้อเจียมตัว แตกลับเห็นจุดสูงสุดของกําแพงหางออกไป
ราวสิบเมตร กลางลมหนาว มีรางบอบบางรางหนึ่งกําลังยืนหันหลังใหกับกลุมคน หัน
หนาไปทางเมืองหลวง
เหตุการณนี้ ภาพนี้ ทําใหเขาเขาใจอยางแจมชัดแลววา เหตุใดชาตินี้ตนจึงไมมีวัน
ลืมแผนหลังนี้!
ตามตํานาน อองทานนี้มีเรื่องเลาขานมากมาย แตอยางไรก็ดี เทียบไมไดกับฉากตื่น
ตาตื่นใจที่ตนไดเห็นกับตาในตอนนี้
เขายืนตัวตรงมือไพลหลังอยูบนยอดสูงสุดของกําแพงเมืองตามลําพัง ลมหนาวโชย
พัดเสื้อผาพลิ้วไหว ผมดําขลับกลางศีรษะถูกมวยมัดดวยผาสีเขียว ปลอยผมยาวที่เหลือ
ปลิวไสวตามแรงลม
สายตาที่ทอดยาวของเขา เหมือนกําลังชมทิวทัศนของผืนแผนดินอันกวางไกล
สวนดานหลังของเขา กลับเปน ‘ศัตรู’ กลุมหนึ่ง
ไมผิด ไตชุนเหอไมคิดวาบรรดาปรมาจารยที่มีพิษสงรอบกายและสํานักในสังกัดเพิ่ง
ถูกทานผูนี้ถลมไปจะยอมจํานนใหทานผูนี้จริงๆ แตทานผูนี้กลับมีทาทีพยัคฆผอนคลาย
ไมยี่หระใดๆ
ไมจําเปนตองพูดจา ไมจําเปนตองเห็นหนา ไมจําเปนตองเขาใจ เพียงภาพที่เห็น ไต
ชุนเหอก็รูแลววา เรื่องเลาของทานผูนี้ไมเพียงพอที่จะบงบอกความอหังการที่มี!
ครั้งแรกที่พบกัน มอไปไมสามารถทําใหเขาเห็นรัศมีบารมีของผูสูงศักดิ์ที่ติดตัวมา
แตกําเนิดดังเชนองคชายทานอื่นๆ ในเมืองหลวง แตกลับเหมือนคนในสังคมที่ลองลอย
ไปมา ทําอะไรไมเปนชิ้นเปนอัน ไมถึงกับบานนอกคอกนา เพียงแตขาดรัศมีคุณชายผูรุม
รวยไปหนอย
ทวาตอนนี้ ไตชุนเหอรูสึกวาที่ผานมาตนเองเขาใจผิด เพราะคิดไดวาสมัยสรางบาน
แปลงเมือง องคเซิ่งอูก็ไมมีรัศมีของผูสูงศักดิ์ มีแตความอหังการตอดินฟาเชนนี้ เปนจิต
วิญญาณอันยิ่งใหญที่สามารถโบกมือใหผูคนเกิดความเสถียรภาพได
มอไปหันกลับมา เห็นชัดวา แมใบหนาซีดขาว แตดวงตาทั้งสองขางยังคงใสกระจาง
มองดูไตชุนเหอที่แตงเครื่องแบบเต็มยศ รัศมีขาราชการจับ กําลังทําความเคารพเขา
เขาจึงพยักหนา กอนพูดเสียงเบา
“เปยเหอสงบดังเดิมหรือไม?”
เสียงของมอไปไมสูง บอกตามตรง ไมคอยมีพลังดวยซ้ํา โดยเฉพาะเมื่ออยูกลางลม
หนาว กลับดูเหมือนพลังภายในไมเพียงพอ ทําใหผูฟงรูสึกวาออนแอ บวกกับรางกายที่ดู
ผอมบาง เหลานี้ทําใหไตชุนเหออดไมไดที่จะรูสึกตุมๆ ตอมๆ อยูในใจ
ไดยินมาวา ทานผูนี้คลายมีโรคประจําตัวดวย...
ไมกลาคิดมาก กระทั่งไมกลาสํารวจมองสีหนามอไป ไดแตตอบวา
“ทานอองวางใจ สงครามยังมิไดลุกลามเขาเขตเมืองชั้นใน นอกจากโจรปาที่คอยกอ
ความเดือดรอนแลว ราษฎรชาวเปยเหอนับวายังสามารถใชชีวิตและทํางานได
ตามปกติ!”
ใชชีวิตและทํางานไดตามปกติ คําพูดนี้เปนคําพูดปรุงแตง แตมอไปก็ไมมีกะใจถาม
จริงจัง เขาพยักหนาหงึกๆ แลวถามเบาๆ อีกประโยค
“ความเปนอยูของราษฎร เปรียบดังหมวกประจําตําแหนงที่สวมอยูบนศีรษะเจา
ความเปนตายของราษฎร เปรียบดังเรื่องในชีวิตเจาที่เจาจําเปนตองใสใจ เห็นดวย
หรือไม?”
ไตชุนเหอเหงื่อแตกพลั่กๆ ยังคงเปนจริงดังคําร่ําลือ ทานผูนี้ดูเหมือนออนโยน แต
จริงๆ แลวใจคอโหดราย ทานไมสนวาเจามีสถานะอะไร ฟนไมเลี้ยงไดทุกขณะ!
ทําใหไมกลาคุยโว โดยเฉพาะเมื่อเห็นปรมาจารยขางกายแตละคนเสื้อผาเปรอะ
เปอนไปดวยโลหิต ไตชุนเหอจึงตอบอยางระมัดระวัง
“คําชี้แนะของทานออง กระหมอมจะจดจําไวเปนคติพจนประจําใจ”
“ไปทํางานของเจาเถอะ เดี๋ยวขาก็ไปแลว” มอไปหันหลังให มองไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง
ความจริงไตชุนเหออยากไปมาก แตไมสามารถทิ้งทานผูนี้ไวโดยไมแยแสสนใจ
“ทานอองเดินทางมาไกล อาจรูสึกเหนื่อยลา ในจวนกระหมอมมีสุราบางๆ...”
“ไมจําเปน!” มอไปยกมือขึ้นปรามโดยมิไดหันกลับ กอนพูดเสียงเบา “ไมแนวาอาจ
มีคนมาสังหารขาไดทุกขณะ เจาอยูหางๆ ขาไวจะดีกวา หลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจถึงแก
ชีวิต!”
เออ...
ไตชุนเหอไมมีคําพูดใดจะกลาวอีก
ทานก็รูนี่วามันอันตราย เขาคิดพลางเงยหนาขึ้นเหลือบมองทาทางที่หยิ่งผยองของ
ทาน ใจเตนตุมๆ ตอมๆ นี่ทานกําลังรอใหคนมาฆาอยูชัดๆ
คิดเชนนี้แลวก็อดไมไดที่จะมองดูเหลาปรมาจารยที่ยืนอยูขางกาย ซึ่งไมรูวาเคารพ
ทานหรือเกลียดชังทานกันแน รูสึกแตวานาทีถัดมาพวกเขาอาจชักกระบี่ออกแลวเสือก
แทงใสทานที่อยูตรงหนา!
เขาอยากจะรองไหแตไมมีน้ําตา รูสึกวาตนเองเหมือนนั่งอยูดีๆ แลวจูๆ ก็มีเรื่อง
เดือดรอนหลนใส ทานผูนี้เปนเผือกรอนของแท ถาเกิดเรื่องขึ้นที่นี่จริง ไมวาทานจะถูก
รุมสังหารหรือไม ศีรษะของเขาก็ตองหลุดจากบาอยูดี
สูดหายใจเขาลึกๆ ไมไดการ ตองลงจากกําแพงกอน แลวรีบจัดทหารมาอารักขา ใน
กําแพงสามชั้น รอบกําแพงอีกสามชั้น แลวจับตาดูใหดี
ทานที่อยูบนกําแพงก็ไมสนใจวาเขาจะจัดการเชนไร ไมเกี่ยงถาเขาจะเฝาอยู
ดานลางกําแพงไมไปไหน
ไตชุนเหอไมรูวาเหตุใดมอไปจึงมาที่นี่ และเหตุใดจึงยืนที่นั่น เหลาปรมาจารยสํานัก
ใบไผก็ไมทราบสาเหตุเชนกัน พวกเขากมศีรษะอยูขางกายมอไป เหมือนกําลังอารักขา
แตก็พูดไมถูกวาในใจรูสึกเชนไร รูความจริงเพียงอยางเดียววา ถาทานผูนี้ยังคงยืนอยู
มิไดลมลง ไมวาทานดูเหมือนประมาทเลินเลอเชนไร ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย พวกเขายอม
ไมกลาเสี่ยงอันตรายเปนอันขาด
ยกตัวอยางเชน กําแพงเมืองที่สูงใหญเชนนี้ ถาพวกเขารวมมือกัน บีบใหทาน
กระโดดลงไป ถึงไมตายก็เลี้ยงไมโต แตอยางไรก็ไมมีใครกลาทํา สืบเนื่องจากฤทธิ์เดชที่
ทานแสดงไวเมื่อคืน
มอไปยังคงทอดสายตาไปที่เมืองหลวง ไมมีใครรูวาเขากําลังคิดอะไรและกําลังทํา
อะไรอยู
เขายืนอยูนาน ราวสองชั่วโมงเห็นจะได ขณะทองฟากําลังมืดค่ํา นอกกําแพงเมือง
คอยมีคนควบมาเร็วหอตะบึงมานับสิบ
ไตชุนเหอที่เฝาดูอยูในกําแพงเมืองไมกลาจากไปไหน พอไดรับรายงานก็ตื่นตกใจ
กําชับย้ําวา ใครมาก็ตาม ตองสกัดกั้นไวกอน จะประมาทไมได
ขณะเดียวกันก็ไมสนใจวาตนเองจะเปนอันตรายหรือไม รีบวิ่งขึ้นกําแพง คิดเตือนให
ทานผูนั้นลงจากกําแพงกอน แตทานกลับยืนอยูที่เดิม ไมขยับไปไหน กระทั่งไมสนใจมอง
กลุมคนและมาเร็วเหลานั้นดวย
“หยุด!”
เรื่องเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว คนควบมานับสิบพอใกลถึงประตูเมืองก็ตะโกนเสียงดัง ไต
ชุนเหอเห็นพวกเขาพากันหยุดอยูที่ระยะหางราวสามสิบเมตรจากประตูเมือง
แมเปนเวลาใกลค่ํา แตเขาก็เห็นชัดวา กลุมคนแตงกายแบบนักพรต จึงรูสึกตื่น
ตระหนกยิ่ง รีบบอกใหพลธนูเตรียมพรอม
แตคนของสํานักใบไผพอเห็นกลุมคน กลับเกิดความสงสัยขึ้น บางคนหันมาสบตา
กัน ริมฝปากขยับ
“นี่คลับคลายเปน...สํานักไทเสวียน?”
เห็นชัดวานี่เปนสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขา สํานักเล็กๆ เชนนี้มาที่นี่ได
อยางไร มาแลวพวกเขาจะทําอะไรได?
พรึบ!
ขณะเหลาปรมาจารยกําลังนึกสงสัยอยูนั้น คนบนหลังมาราวสิบกวาคนพลันลงจาก
หลังมา แลวคุกเขาลงพรอมกันโดยไมสนใจปฏิกิริยาผูคนรอบขาง กอนสงเสียงพรอม
เพรียง
“ทานออง!”
รอบขางเงียบสนิท มอไปปลอยใหพวกเขาคุกเขาสักพัก คอยวา
“ทานเจาสํานักขึ้นมา คนที่เหลือคอยอยูดานลาง!”
“พะยะคะ!” เสียงรอนรนเล็กนอยของเหลาผูอาวุโสที่อยูดานลางขานรับ
จากนั้นรางที่อยูกลางกลุมคนคอยลุกขึ้นยืน กาวเดินไปหนากําแพง
ไตชุนเหอคอยเปาปากดวยความโลงอก ที่แทเปนคนของทานอองนี่เอง เขาปาด
เหงื่อบนหนาผาก แลวหันบอกแมทัพขางกาย
“เปดประตูเมือง...ไมสิ...หยอนเกาอี้หวายลงไปก็พอ...”
เหลาปรมาจารยสํานักใบไผแอบผิดหวังเงียบๆ ไดแตจองมองกลุมคนจากสํานัก
ไทเสวียนไมวางตา
เจาสํานักไทเสวียน ซวีหลีจื่อ ปนี้อายุเกาสิบกวาแลว ผมขาวทั้งศีรษะ แตสุขภาพ
รางกายยังแข็งแรงดี มองดูเกาอี้หวายตรงหนา ลังเลเล็กนอย ชีวิตนี้ไปไหนก็เขาออกแต
ประตูหลัก ทวาสุดทายก็นั่งลงจนได
อยางไมตองสงสัย ตอนนี้เขารูสึกกังวลใจยิ่งกวาไตชุนเหอเสียอีก พูดอยางไมนาฟงก็
คือ เขารูสึกลําบากใจมากกวาคนของสํานักใบไผเสียอีก
หลังเกิดเรื่องกับตูเจวียน เดิมทีคิดวาไมมีอะไรแลว แตใครจะรูเลาวาเจานายทานนี้
กลับโมโหจนกระทําการอุกอาจสะเทือนขวัญเชนนี้
พอขึ้นมาบนกําแพงเมือง แลวเห็นกับตาวาคนจากสํานักใบไผยืนนิ่งอยูกับที่ ทั้งๆ ที่
กอนหนานี้ตองคารวะทักทายกันทุกครั้งที่พบหนา ปากของเขาก็กระตุกไมหยุด
มารดาทาน พูดก็พูด เปนเพราะพวกเขาไมตั้งใจฝกวิชา จึงทําใหสํานักที่ขึ้นชื่อวา
เปนหนึ่งในสิบสํานักใหญถูกถลมยอยยับในคืนเดียว ขณะมองดูคนเหลานี้ เขาก็อดคิด
ไมไดวา ไมรูวาพวกเขาลวงรูบทสรุปของเรื่องนีห้ รือไม ถารูเปนตองขนหัวลุกแน!
“ทานออง กระหมอมมาตอนรับลาชา ขอทรงประทานอภัย!”
ไมกลาสงวนทาทีใดๆ อีก ยอมเรียกแทนตัวเองวากระหมอม
ไตชุนเหออึ้ง คนของสํานักใบไผตะลึงงัน แมตอนนี้ชีวิตพวกเขารันทด แตรางกลับ
สั่นระริก ถาไมตกอยูในสถานการณเชนนี้ พวกเขาตองพูดใหคนผูนี้อับอายจนตอง
กระโดดลงไปใหได แตสุดทายพวกเขาก็ทําไดเพียงมองไปที่อื่น ไมอยากเห็นภาพอุจาด
ตา
มอไปจองซวีหลีจื่อนิ่ง สุดทายก็ไมไดพูดอะไร เพียงถามเสียงเบา
“เลือกคนไปกับเจาจํานวนหนึ่ง!”
ซวีหลีจื่อฟงไมเขาใจ จึงเงยหนามองมอไป เห็นมอไปชี้นิ้วไปยังกลุมคนสํานักใบไผที่
ยืนอยูดานหลัง พอเขามองตาม สีหนาก็เปลี่ยนฉับพลัน
“ทานออง นี่...”
“ขายังมีเรื่องตองทําอีกมาก ไมอาจชักชารีรอ!”
มอไปไมอยากพูดมากอีก รางที่อยูสูงขยับเล็กนอย กอนรอนลงชาๆ หมุนกายเขายืน
ดานลางกําแพงแลวเดินจากไป พลางพูดทิ้งทายกับกลุมคนดานลาง
“เลือกคนจํานวนหนึ่งไปกับเขา แลวซวีหลีจื่อจะบอกหนาที่ที่ตองทําในภายหลัง
สวนคนที่เหลือตามขามา”
ตอนนี้คนของสํานักใบไผถึงรูวาเกิดอะไรขึ้น เกือบทุกคนแววตาเปลี่ยน บรรยากาศ
เครงเครียด เงียบไปสักพัก ระหวางเสียงฝเทามอไปดัง คนผูหนึ่งก็เอยปากขึ้น
“เหตุใดทานอองจึงตองสบประมาทเราเชนนี้?”
ไตชุนเหอรูสึกไดถึงแรงกระตุนที่จะทําใหเกิดเรื่อง จึงคอยๆ กาวถอยหลัง พลางสง
สัญญานมือใหแมทพั ที่ยืนอยูขางกาย
ซวีหลีจื่อหายใจเขาออกอยางหนักหนวงเนื่องจากลําบากใจ ใจเตนไมเปนระส่ํา
เชนเดียวกัน
บรรยากาศเชนนี้ ทําใหมอไปชะงักฝเทา แตยังครานที่จะหันมามอง เพียงพูดเสียงเบา
“ขาเคยบอกแลววา ศีรษะของเจาอยูบนคอของเจาเพียงชั่วคราว ถาไมอยากใหมัน
อยูตอ เจาสามารถโวยวายออกมาอีกหนึ่งประโยค!”
ตอน 312 กลัวอะไร?
สิ้นเสียงมอไป เหลาปรมาจารยสํานักใบไผลวนหนาเปลี่ยนสี เปลวไฟในใจกวัดแกวง
ใบหนาแดงระเรื่อ แตละคนกัดฟนกรอด ทรวงอกกระเพื่อมไมหยุดขณะมองดูรางที่ยืน
หันหลังใหพวกเขาในระยะไกล ราวกับความโกรธและความอับอายที่ขมกลั้นไวสามารถ
พรั่งพรูออกอยางบาคลั่งทุกเมื่อ
สีหนาและทาทางของพวกเขา มิไดทําใหมอไปทหี่ ันหลังใหตกใจแตอยางใด แตกลับ
ทําใหเจาสํานักไทเสวียนซึ่งกังวลใจอยูแตแรก กับไตชุนเหอเจาเมืองเปยเหอตื่นตระหนก
ยังดีที่เจาสํานักไทเสวียน ซวีหลีจื่อ รวมพลังปราณตลอดทั้งรางไดในทันที
เชนเดียวกัน เพื่อปองกันการเกิดกรณีที่ไมคาดคิดขึ้น เนื่องเพราะเขาเปนคนจากสํานัก
เตา จึงเขาใจในพลังที่มอไปปลอยออกเมื่อคืนวามีความรายกาจเพียงใด ดังนั้นแมกําลัง
กระวนกระวายใจ แตพอเห็นรางที่บอบบางของมอไปหยุดนิ่ง แผนหลังไมมีความตื่นกลัว
แมแตนอย จึงรีบขมใจไวพลางถอยหางออกจากพื้นที่ๆ อาจเกิดเรื่อง ไปยืนอยูกลางกลุม
ปรมาจารย กอนสะกดลมหายใจไวไมใหผลีผลาม
สวนไตชุนเหอกลับไมเหมือนกัน พูดไดวาแมเขามีสถานะสูงสงระดับเจาเมือง แตที่
ผานมาก็ไมกลามองขามเหลาปรมาจารยสํานักเตา ปรมาจารยคนสองคนเขาอาจไมกลัว
สามถึงหาคนยังพอไหว แตพอหลักสิบคนมาอยูรวมกัน อยาวาแตขุนนางฝายบุนอยาง
เขาเลย แมแตแมทัพฝายบูที่เหียมโหด
้ คุมกองทัพเปนพันเปนหมื่นฆาฟนในทะเลโลหิต
มามากมาย ภายใตสถานการณประชิดตัวเชนนี้ เกรงวาก็คงขมใจไวไมอยูเชนเดียวกัน...
ทวาก็ไมกลายอหยอนแมแตนอย แมพริบตานั้นไดกาวถอยออก กอนกาวเขาหลบ
หลังแมทัพอยางไมใสใจภาพพจน ทวานาทีถัดมา กลับตะโกนเสียงดังกึกกอง
“ทุกคนเตรียมพรอม อารักขาทานออง!”
สิ้นเสียงคําสั่ง พลทหารซึ่งเตรียมปองกันเรื่องไมคาดคิดอยูแตแรก ไหนเลยจะกลา
หยอนยาน พริบตาเดียว ทหารจํานวนนับไมถวนไดปรากฏขึ้นทั้งบนสุดและลางสุดของ
กําแพง พรอมอาวุธครบมือทั้งธนูและดาบ
จอเขาหากลุมปรมาจารยที่อยูดานลาง เห็นชัดวาพวกเขาเล็งเปาหมายไวแตแรก
แลว แมเหลาปรมาจารยยืนกันกระจัดกระจาย แตตอนนี้กลับไมมีใครหนีพนระยะยิง
ของลูกธนู
ทามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันและการระเบิดออกของรังสีฆาฟนอันไร
ขอบเขต ไตชุนเหอพกพาสีหนาซีดขาวภายใตการอารักขาของพลทหาร สาวเทาเขา
หามอไป พลางใชดวงตาที่หวาดกลัวหันมองเหลาปรมาจารยที่ถูกทหารลอมไว และเห็น
วาทุกคนยิ่งมาก็ยิ่งมีสีหนาไมดี ระหวางความเปนความตาย แตละคนตางเปลงรัศมีแสง
ออกอัตโนมัติ บางคนยังมีแสงเย็นยะเยียบสวางวาบ แสงกระบี่!
ทามกลางเปลวไฟในใจที่แกวงไกว ไตชุนเหอรูสึกเย็นยะเยือก
ไฉนดูไมออกวาคนเหลานี้ระเบิดอารมณออกแลว ในใจรูสึกตลอดวาวันนี้ตนเองโชค
ไมดี ดานหนึ่งแอบตําหนิมอไปที่ไมรูกาลเทศะ เขากลารับรองวาชีวิตนี้ไมเคยเห็นผูที่หยิ่ง
ยโสโอหังไปกวามอไปอีก ตองรูวา เมื่อครูผูที่มอไปพูดสบประมาท กระทั่งขมขูคุกคามวา
จะเอาชีวิตนั้นเปนถึงปรมาจารยที่ขนาดในทองพระโรงก็ยังมีที่นั่งพระราชทาน!
“ไมดี!” ไตชุนเหอโอดครวญในใจ
หมิงอองเห็นพวกเขาเปนผักปลา พูดดูหมิ่นพวกเขาตอหนาสาธารณะชน แมชนชั้น
ลางไดยินก็ยังโกรธจนกระอักโลหิตในหากาว นับประสาอะไรกับผูสูงสงเหลานี้!
นาทีนี้ ไตชุนเหออยากรองไหออกมาดังๆ แตไมมีน้ําตา ไดแตเวทนาตนเองที่ฟาไม
เขาขาง ตองมาติดอยูในกับดักของเรื่องบาบอคอแตกเชนนี้ วันนี้นากลัววาตองทิ้งชีวติ ไว
แลวจริงๆ!
แมในใจเต็มไปดวยความหวาดผวา และตอใหไตชุนเหอกลัวตายอยางไร ก็ไมกลา
หนีไปคนเดียวโดยทิ้งมอไปไปอยางไมใยดีแน ที่สําคัญคือไมแนใจวาจะหนีพน จึงไดแต
เตือนมอไปเสียงสั่น
“ทานอองระวัง ทีน่ ี่อันตราย รีบตามกระหมอมหนีออกไปเถิด!”
เขาชัดเจนมากวา แมรอบกายจะเต็มไปดวยทหาร แตคนเหลานี้มิใชผักปลาใตมีด
อีโตแนนอน แมไมถึงกับเหาะเหินเดินอากาศไดอยางในตํานานเลาขานของพวกชาวบาน
แตการสังหารคนๆ หนึ่งภายในสิบกาวก็ไมใชเรื่องยากสําหรับพวกเขาแตอยางใด
ทวาความกังวลของไตชุนเหอกลับไมสงผลใดๆ ตอผูที่อยูขางกายซึ่งกําลังยืนหันหลัง
ใหกับกลุมคนแมแตนอย เหมือนทานผูนี้ยังไมรวู าสถานการณในตอนนี้ไดอยูในสภาวะ
หนาสิ่วหนาขวานแลว
แนนอนวาเขาถอยไมได ภายใตความตื่นตระหนกของไตชุนเหอ มอไปยังคงมีทาที
สบายๆ เหมือนตอนยืนอยางภาคภูมิใจบนกําแพงอยางไรอยางนั้น เขาเพียงคอยๆ หัน
กายมา ไมไดมองดูกลุมคน แตกลับจองมองเหงื่อกาฬที่หลั่งไหลดุจหาฝนบนหนาผาก
ของไตชุนเหอ
“ทานออง...” ไตชนุ เหออาปากคาง คําพูดมากมายที่อยากพูด กลับถูกดวงตาอันลึก
ล้ําบนใบหนาซีดขาวของมอไปสะกดจนสําลัก พูดไมออก
เขาตีความดวงตาลึกล้ําคูนี้ไมออกจริงๆ ที่แสดงออกหมายความวาอะไรกันแน แต
ยอมรับวาเกิดความรูสึกหนึ่งที่จูโจมเขาใสจิตวิญญาณ ทานอองไมชอบทาทางตื่นตกใจ
ในตอนนี้ของเขา
เหมือนกําลังบอกวา เจาเมืองแหงราชสํานักตาเซี่ยที่ยิ่งใหญ ขุนนางคนสําคัญที่
สามารถเขารวมประชุมในทองพระโรง ไฉนจึงไมมีสงาราศีเอาเสียเลย!
ใหตายสิ พริบตาเดียวไตชุนเหอกลับอานดวงตาอันลึกล้ําของมอไปออกมาเปน
ความคิดเชนนี้ เขาอาปากพูดอีกครั้ง “ทานอ...”
แตสุดทาย กลับพูดอยางยากลําบาก เปลงเสียงออกมาไดเพียงคําเดียว
ใหตายสิ เปนเจาเมืองเชนเขา แตกลับตองมาตกใจและหวาดกลัว แลวยังทําอะไร
ไมไดอีก ไรความเปนธรรมสิ้นดี อยากจะรองดังๆ เหตุใดถึงตองมาเจอกับอองทานนี้ดวย
เขารูสึกวาซวยจริงๆ จึงไมมอี ะไรจะพูดอีก!
คิดวาความจริง นาจะเห็นใจกันบาง คนเขามีใจปกปองอารักขา ไมวาทานตองการ
หรือไม ก็ควรเห็นแกความจงรักภักดีของคนเขาบาง ทวามอไปกลับไมมีเหตุผล ไมเพียง
ไมขอบคุณ กลับยังแสดงสีหนาไมพอใจใสอีก นี่มิใชกําลังทํารายจิตใจกระตือรือรนที่มตี อ
ความภักดีของคนเขาหรอกรึ?
มีเจานายเชนนี้ ยอมทําใหลูกนองลําบากใจ!
ซึ่งไตชุนเหอกลับไมรูวา มอไปมิใชไมรูกาลเทศะ หรือไมรูวาควรทําตนเชนไร เอาใจ
ใสลูกนองเชนไร
ความจริงสิ่งที่เขาปฏิบัติตอไตชุนเหอนับวาเกรงใจมากแลว ขณะบานเมืองวุนวาย
บทลงโทษตามกฎหมายยอมรุนแรง นี่ไมใชยุคสมัยที่เจานายตองใหความเปนธรรมแก
ลูกนองผูซึ่งเอาแตภักดีโดยไมคิดอะไร
โลกปจจุบัน ตองการผูที่สามารถแบกรับปญหา จัดการปญหาและแกไขปญหา
ภายใตการจูโจมอยางรุนแรงจากทุกทิศทาง จําเปนตองมีทักษะทั้งบุนและบู ตองมี
ปณิธานและลงมือทํา ถาขาดสิ่งเหลานี้ ยอมไมเพียงพอตอการเปลี่ยนโลก
มอไปมิไดมีลักษณะนิสัยหยิ่งผยองตามตํานานเลาขาน ที่ดุไตชุนเหอไปรอบหนึ่ง ทํา
ใหเขาหาทางลงไมไดตอหนาพลทหารก็ถือวารักษาหนาเขามากพอแลว ซึ่งมอไปรูวา ใน
ยุคสมัยนี้ สํานักเตาสุขสบายมานาน ไดรับเกียรติและความเมตตาอยางไมสิ้นสุดจนเคย
ชิน ทําใหมีความทะเยอทะยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแมแตองคจักรพรรดิเองยังตองเกรง
กลัว นับประสาอะไรกับขุนนางในราชสํานักเลา? ทาทางที่ไตชุนเหอทําอะไรไมถูกเมื่อ
เผชิญหนากับปรมาจารยกลุมนี้ ยอมมิใชความผิดของเขา มิใชความผิดของเขา!
มอไปหลุบตาลงเล็กนอย ถอนหายใจเบาๆ ไมมองไตชุนเหออีก คอยๆ หันกาย มอง
ขึ้นไปบนกําแพง เห็นกลุมคนมีสีหนาเหียมเกรี
้ ยมสลับหวาดกลัว พลังปราณตลอดทั้งราง
พลุงพลาน รัศมีแสงวูบวาบ เปนกลุมปรมาจารยที่มีพลังปราณนากลัวสุดๆ
ไมผิด พวกเขาในตอนนี้ มิไดมีทาทีสงบเสงี่ยมกมหนาเชนที่อยูตอหนามอไปเมื่อครู
อีก รัศมีฆาฟนปะทุออกทั่วราง ซึ่งมอไปมองวาพวกเขาอดรนทนไมไหวในทีส่ ุด ตองการ
ตอสูใหเปนที่เกรงขามในปฐพี
มอไปมองพวกเขา พวกเขาก็มองมอไป พริบตาที่สบตากัน รัศมีแสงบนรางพวกเขา
ไมเพียงไมดับวูบ ยังสองแสงแรงขึ้นอีก นาทีนี้ เกรงวานอกจากมอไปกับซวีหลีจื่อแลว
ที่นี่ไมมีใครรูวา ภายในใจของคนเหลานี้เกิดความรูสึกซับซอนมากนอยขนาดไหน
เนื่องจากซวีหลีจื่อรูอยางลึกซึ้งวา ปรมาจารยแหงสํานักเตายอมรับไมไดกับการสบ
ประมาทเชนนั้นของมอไป แตเขาก็เขาใจอีกเชนกันวา มอไปนากลัวเพียงใดในใจของ
พวกเขา
ในการเดิมพันระหวางความเปนความตาย ไมลงมือก็ไมได ลงมือก็ไมกลา!
มอไปมองดูพวกเขาเงียบๆ สักพักโดยไมพูดจา ทําใหไตชุนเหอที่อยูดานขางดีใจ
อยางนอยทานผูนี้ก็มิไดสั่งใหเขารับผิดชอบเรื่องการอารักขา เขาจึงมีความปลอดภัยอยู
บาง!
ภายใตสถานการณนิ่งคาง ราวกับวาเวลาที่ยืดเยื้อออกไป จะผอนหนักใหเปนเบาได
แตทันใด ในบรรยากาศที่เริ่มผอนคลาย กลับเห็นมอไปกระทําการอยางหนึ่ง ที่ทํา
ใหทุกคน รวมทั้งผูที่คิดเปนศัตรูหันมาจับจองจนแทบหยุดหายใจ
ไมมีใครคาดคิดวา มอไปที่เงียบอยูครึ่งคอนวันพลันยกมือขึ้นสูง ฝามือตั้งตรงดั่งคมมีด!
หัวใจไตชนุ เหอบีบตัวทันที ถลึงตามอง ยืดตัวตรงตาม ในความตื่นตระหนก ริม
ฝปากเขาสั่นไมหยุด
ซวีหลีจื่อแหงสํานักไทเสวียนที่ยืนอยูในกลุมปรมาจารย ขมใจไวไมอยูเชนกัน เสน
ผมลุกตั้ง รัศมีแสงที่กดไวกอนหนา เปลงออกในพริบตา กระเบื้องเขียวใตฝาเทาปริแตก
เสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’
เสียงนี้แมไมดังมาก แตทามกลางความเงียบ ทุกคนกลับไดยินชัดเจน
เขากับไตชุนเหอเหมือนกันอยูอยาง ริมฝปากสั่นระริก เพียงแตเขาสงเสียงออกจาก
ลําคอมาไดสองคํา
“ทานออง...”
เขายังเปนขนาดนี้ เหลาปรมาจารยสํานักใบไผยิ่งไมตองพูดถึง พวกเขาลวนคิดวา
มอไปกําลังจะสั่งทหารดวยสัญญาณมือ ขอเพียงมอไปสับมือลง ลูกธนูเปนพันเปนหมื่น
ตองพุงตรงมาที่พวกเขา เหลาปรมาจารยที่เพิ่งสงบจิตสงบใจลง ในที่สุดก็ใจสั่นขึ้นมาอีก
แตละคนตกอยูในความกลัวอันไมสิ้นสุด ตางเบิกตามองมือที่เหยียดตรงของมอไปเขม็ง
ทามกลางสายตาคนหมูมาก ผูที่จองมองมอไปคลับคลายเห็นชัดวา ดวงตาเขาวูบ
หนึ่งมีความเย็นชาแฝงเจตนาฆาฟนอันนากลัว อีกทั้งใบหนายังโหดรายและเยือกเย็น
นาทีนี้เองที่ฝามือของมอไปเริ่มเอียงลง
ดวงตาของปรมาจารยสิบกวาคนนากลัวมาก จองมองริมฝปากที่เริ่มขยับของมอไป
คําวา ‘ฆา’ ติดอยูที่มุมปาก อีกนิดเดียวก็จะถูกเปลงออก
ทนตอไปไมไหวแลว ไมสามารถสงบนิ่งไดอีก ความโชคดีทั้งหลายทั้งปวงถูกทุบ
ทําลายในที่สุด ปรมาจารยสํานักใบไผผูเอยปากถามกอนหนานี้ตบะแตกกอน ไมรอใหมอ
ไปทิ้งแขนลง และไมรอใหคาํ วาฆาหลุดออกจากปากเขา ตวัดกระบี่ในแนวขวาง พลาง
รองตะโกน
“ทุกทาน คนทรยศผูนี้ คิดสังหารเราแตแรกแลว จึงลอใหเรามาติดกับดักทหารนับ
หมื่น กลายเปนผักปลาใตคมดาบ หมดหนทางถอย ตอนนี้มีแตตองจับคนทรยศใหได จึง
จะมีโอกาสรอดชีวิต ทุกทาน ยังรออะไรอยู ฆา!”
ในความมืด เสียงของเขาดังไกลไปหลายลี้ คําวาฆาที่อยูทายสุด ทําใหทุกคนที่ไดยิน
ตางเลือดเขาตา รางสั่นเทิ้มอยางฉุดไมอยู
บรรยากาศที่คางแข็งมานาน ถูกทุบจนแตกละอียดในทายที่สุด
ตอน 313 บีบใหโตกลับ
หากเปนไปตามคาด ปรมาจารยสํานักใบไผผูนี้ตองชิงลงมือกอนเพื่อความไดเปรียบ
เปนแน ดวยความตกใจ ไตชุนเหอจึงไดแตยืนตาแข็งอยูกับที่ พอแสงสีเขียวของเงาราง
ฝายตรงขามกะพริบ ก็รูสึกไดถึงความเย็นที่พุงเขาหา
เร็ว เร็วมากจริงๆ!
ขนาดลูกธนูของเหลาทหารถูกงางออกพรอมยิงก็ยังโตตอบไมทัน ปรมาจารยพลิ้ว
กายทีเดียวไปไกลหลายกาว เพียงพริบตา คมกระบี่ที่ซอนอยูใตแสงวาวบาดตา กําลังจะ
แทงเขาสูหัวใจเจาเมืองของพวกเขา
ไมผิด ไตชุนเหอนั่นแหละ เพราะเขายืนอยูขางมอไป สวนปรมาจารยทานนี้เดิมทียืน
อยูในแนวเดียวกันกับเขา จึงพุงตรงมาโดยก็มิไดออมไปทีอ่ ื่น คมกระบี่ก็แทงออกไป
ตรงๆ เห็นชัดวายิงกระสุนนัดเดียวไดนกสองตัว กระบี่เดียวสังหารคนสองคน
ซึ่งอาจมีเพียงมอไปกับกลุมคนของสํานักเตาที่รูวา กระบี่นอกจากตองรีบแทงออก
แลว ยังไมมีใครยอมเผชิญหนากับมอไปตรงๆ พวกเขายอมใหมอไปมีเวลาตอบโต
เล็กนอย โดยเลือกที่จะใหไตชุนเหอขวางอยูตรงกลาง
ปฏิกิริยาตอบโตของเหลาทหารไมเร็วเทาปรมาจารยสํานักเตา พวกเขาพอตื่นตกใจ
ก็เล็งคันธนูลง แลวยิงลูกธนูออก แตเวลาที่พวกเขามองวานอยนิดนี้ กลับเพียงพอให
ปรมาจารยสํานักเตาทําอะไรไดหลายอยาง
ขณะแมทัพกําลังจะอาปากตะโกนสั่ง พลันเหลือบเห็นแสงแวววาวของกระบี่ที่มิไดมี
เพียงหนึ่ง แตเปลงแสงเจิดจาบาดตามาจากทั้งสี่ทิศ ซึ่งยากจับทางเปนอยางยิ่ง
ปรมาจารยที่ตะโกนพูดเมื่อครู ออกตัวทีหลังแตเขาใกลมอไปกอน
มีหลายคนที่เบี่ยงตัวหลบลูกธนู บางก็ใชความเร็วดุจสายฟาพุงเขาหลบหลังที่กําบัง
บางก็เขาสังหารทหารโดยตรงแลวจับรางทหารมาเปนเกราะกําบังธนู
ซวีหลีจื่อรีบถอยทันที เขาคิดแผนเผื่อสถานการณเลวรายเตรียมพรอมอยูกอนแลว
พลิ้วถอยทีเดียวก็มาถึงเกาอี้หวาย จับเกาอี้หวายแลวรอนตัวลงโดยอาศัยแรงผอนจาก
เชือกเขาชวย เพื่อความมั่นใจในการรอนลงอยางปลอดภัย
แตพอรางลงมาถึงพื้น เขากลับไมกลารีบหนี ยังรูสึกเกรงกลัวมอไปอยู ดังนั้นแม
อันตรายเพียงใด เขาก็ยังตองอยูตอเพื่อใหเห็นความเปนไปของมอไปกับตา แลวคอยวา
กัน
และในชั่วพริบตาเขาก็พบวา ปรมาจารยเหลานี้ไมเสียทีที่เปนศิษยรวมสํานัก
ประสานงานกันอยางเขาอกเขาใจ เห็นชัดวาผานการคิดมาหลายตลบ ซึ่งมิไดพุงเขาจู
โจมมอไปทั้งหมด เพราะมอไปอยูในที่ต่ํากวา และอาจถอยรางหลบออกจากการตอสูได
อยางรวดเร็ว
คือถาพวกเขาเขาไปพรอมกันหลายคนอาจทําใหมอไปถอยออก สูเขาไปนอยคน แม
สังหารไมสําเร็จ แตใชความบาบิ่นของมอไปเปนเดิมพัน ซึ่งเปนไปไดที่มอไปจะตานไม
ถอย โดยขอเพียงเสี้ยววินาทีที่ทําใหมอไปเขาสูการตอสู ถึงตอนนั้นพอไดประมือ และ
พรรคพวกหนุนเขามา บีบมอไปใหอยูต รงกลาง เกรงวาลูกธนูเปนพัน
เปนหมื่นยอมไมกลายิงเขามามั่วซั่วแน!
แนนอนวา ซวีหลีจื่อกวาดตามองสถานการณแลว เห็นวายังมีปรมาจารยอีกสิบกวา
คนที่มิไดเคลื่อนไหวไดแตระมัดระวังตัวอยางดี และไมออกไปลุยพรอมศิษยรวมสํานัก
ในเวลาคับขัน ซวีหลีจื่อตองตื่นตระหนกอีกครั้ง รูสึกเกรงกลัวหมิงอองมากขึ้น ดวย
นึกถึงความเปนไปไดอีกอยางเกี่ยวกับเหลาปรมาจารย โดยเหตุที่เหลาปรมาจารยมิไดพุง
เขาหาหมิงอองทัง้ หมด ความจริงแลวมิไดวางแผนอะไรเลย แตอาจเปนเพราะกลัวจนไม
กลา จึงไมสามารถรวมกันเปนหนึ่งแลวเผชิญหนากับหมิงอองมากกวา
พอมาถึงขั้นความเปนตายตรงหนา พวกเขาสวนหนึ่งกลับเลือกที่จะคงไวซงึ่ ความ
โชคดี ไมคิดขยับไปไหน หวังวาหลังจากจบเรื่องแลวหมิงอองอาจไวชีวิตพวกเขา
เพียงระยะเวลาสั้นๆ กลับทําใหซวีหลีจื่อตื่นตกใจไปหลายรอบ ในหัวสมองเขาอาจ
คิดซับซอนมากเกินไป แตทั้งนี้ทั้งนั้น ไมมีอะไรสําคัญไปกวาจุดที่หมิงอองยืน
ทุกคน ไมวาจะเปนผูที่พุงเขาสังหารหมิงออง หรือผูที่กําลังสังหารทหารที่อยูรอบตัว
สุดทายสายตาทุกคูยังคงจับจองไปทีห่ มิงอองและไตชุนเหอ รอคอยฉากตื่นตาตื่นใจที่
กําลังจะเกิดขึ้นในอีกไมชา
ไมวาอยูในอารมณไหน ทุกคนลวนรูสึกตึงเครียด
สีหนาไตชุนเหอซีดขาว แมแตเวลาหลับตาก็ยังไมมี จูๆ ก็รูสึกเย็นที่ทรวงอก ภาพ
ตรงหนามืดสนิท ในใจเหลือเพียงคําวา ‘ตายแนเรา!’
เปรี้ยง! ไดยินเสียงดังกึกกองขึ้นที่ขางหู จากนั้นรางก็ถูกพละกําลังสายหนึ่งกระแทก
ขาลอยขึ้นจากพื้น ตัวลอยอยูกลางอากาศ
ความรูสึกลองลอยเชนนี้ เขาไมสามารถเปรียบเปรยได และยังไมทนั ไดคิด กนก็
จ้ําเบาลงกับพื้นเสียงดังตุบ! ไมผิด แมแตตัวเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริด ที่สุดแลวเขาก็นั่ง
ลง มิไดลมลงกับพื้น
เขาไมรูวาตนเองกําลังเปนหรือตาย ไดแตเงยหนาขึ้นอยางสับสน ตามสัญชาติญาณ
จากนั้นก็นั่งมึนไมเคลื่อนไหวไปพักหนึ่ง เขามึนงง แตผูอื่นไม!
สายตาผูคนนับไมถวนกําลังจับจองมองเหตุการณ ซึ่งกอนหนานี้ขณะกระบี่
ปรมาจารยกําลังจะแทงทะลุหัวใจของไตชุนเหอนั้น รางมอไปที่เดิมยืนอยูขางไตชุนเหอ
พลันปรากฏขึ้นตรงหนาใตชุนเหอตั้งแตเมื่อไหรไมมีใครรู กอนชูสองนิ้วขึ้นคีบกระบี่ยาว
ไดอยางงายดายและรวดเร็วราวสายฟาแลบ ทามกลางสายตาที่เหลือเชื่อของผูคน โดย
กระบี่ยาวไดแทงทะลุเสื้อของไตชุนเหอไปแลว
แสงแวววาวของกระบี่ยาวกระจายออก สองนิ้วที่ราวกับไมใชนิ้วพลันเปลงแสงสีทอง
แสงสีทองเจิดจา สวางคาตา พรางพราวพรามัวไปหมด ในนาทีที่ตาคางกันเปนแถบ
ทั้งเหลาทหารและแมทัพ คอยเห็นรางของไตชุนเหอลอยละลิ่วออกมา
สวนกระบี่ยาวที่ถูกมอไปคีบไว หักเปนทอน กอนระเบิดออกเปนเสี่ยงๆ พรอมเสียง
อันดัง เศษเหล็กปลิวกระจายไปทั่ว นาทีถัดมาคอยเห็นคมกระบี่นับสิบที่พุงเขาหามอไป
พลันปลิวออกจากตัวเขา แลวแตกกระจายหายไปในทิศตางๆ เชนเดียวกัน
สวนรางของมอไปกเ็ ปลี่ยนตําแหนงอีก เขายืนประจันหนากับปรมาจารยผูพูด ซึ่ง
กําลังจับดามกระบี่ที่อยูตรงตําแหนงหัวใจมอไป
อารมณความคิดทั้งมวลหยุดนิ่งฉับพลัน!
ทหารนับไมถวนเบิกตามองจนตาแทบถลนออกจากเบา!
ซวีหลีจื่อที่หลบอยูดานขางก็ตะลึงงันเชนเดียวกัน เม็ดเหงื่อหยดลงจากหนาผาก
“หมิง...หมิงออง!” ริมฝปากขยับขึ้นลง
เจาของกระบี่ที่กําลังหลบคมกระบี่หักที่พุงเขาหาและหนาเสียอยูนั้น พอเห็น
เหตุการณก็อึ้ง กระทั่งรัศมีแสงยังเปลงตามอารมรณจนควบคุมไมอยู
นี่...
เปนไปไดอยางไร?
หมิงอองผูสั่นสะเทือนฟาดินเมื่อคืน ที่สุดแลวก็เปนเชนนี้ ถูกฆาตาย...เชนนี้?
พวกเขาไมมีกะใจครุนคิดวาการที่หมิงอองถูกพวกเขาสังหารจะกลายเปนเรื่องใหญ
ที่โลกตองตกตะลึงเพียงใด จะทําใหเกิดผลอยางไรตามมา ตอนนี้ไมใชเรื่องของการลาง
แคนใหตายกันไปขาง แตนาทีนี้หากผานไปไมได ก็ตองตายกันตรงนี้แน ที่ไหนยังจะคิด
มากไดอีก
อาจมีเพียงแมทัพทีเ่ ฝาดูอยูดานบนของกําแพงเมือง หนึ่งเดียวที่ยังมีสติ ใชวาเขามี
จิตวิญญาณแกรงกวาปรมาจารยสํานักเตา แตเปนเพราะเขาไมรูวาหมิงอองอยูในสถานะ
อะไรในสายตาคนของสํานักเตากลุมนี้
เขาเปนเพียงแมทพั ในสนามรบ มีหนาที่ปกปองคุมครองความปลอดภัย แตตอนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหนา สิ่งที่เขาเห็นกับตา ทําใหเขาตาแดง หนาซีด เศราสลด
เจานายตายแลว จะไมใหเขาเสียใจไดอยางไร?
ทวาเมื่อเกิดเปนแมทัพ ยอมไมลืมสังหารศัตรู นี่เปนหนาที่รับผิดชอบและเปน
สัญชาติญาณ นาทีนี้ไมวาศัตรูเปนใครหนาไหน ทามกลางความเงียบ เขายอมตอง
ตะโกนออก
“ฆา ฆามันใหหมด ฆา! ฆา! ฆา!”
เขาแผดเสียงอยางบาคลั่งดวยความเจ็บแคน นาทีนี้เสียงสะทอนกองไปทั้งในและ
นอกกําแพง!
แลวยังตีกลองหนักๆ อีกหนึ่งครั้ง ทําใหเหลาทหารดึงสติกลับคืน แมเปนเพียงทหาร
รักษาการณประตูเมือง อยางนอยก็ตองมีสัญชาติญาณในการรบอยู พริบตานั้น คันธนูใน
มือไดถูกผอนลง รอเพียงนาทีถัดมา ที่ขนนกปลายธนูจะปลิววอนทั่วฟา พรอมหยาด
โลหิตซานกระเซ็น วันนี้หิมะในเปยเหอกําลังจะถูกยอมดวยสีแดงสดของโลหิต
เสียงแมทัพไมเพียงกระตุนตื่นเหลาทหาร
ยังกระตุนตื่นเหลาปรมาจารย พรอมทั้งซวีหลีจื่อและไตชุนเหอดวย ทุกคนตาง
ตัดสินใจแลววา นาทีถัดมา พวกเขาจะทําอะไร
ไตชุนเหอกมหนาดูหนาอกตนเอง ซวีหลีจื่อลุกขึ้นยืนตัวสั่นขณะเทายังเหยียบเกาอี้
หวายอยู เหลาปรมาจารยทั้งที่ไดลงมือและไมไดลงมือ รัศมีแสงบนรางเปลงออกอีกครั้ง
คิดทะยานขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือทิศทางที่ไตชุนเหอกําลังนั่งกมหนาดูวาตนยัง
มีชีวิตอยูหรือไม
และตอนนี้เอง เสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึน้ ขัดจังหวะโลกทั้งใบ โลกของผูที่รอลูกธนู
ลอยเต็มทองฟา
พรอมโลหิตยอมสีจักรวาล โลกของปรมาจารยที่เกร็งพลังเตรียมทะยานไกลรอยกาว
โลกของผูที่รอขึ้นเกาอี้หวาย
แลวใชพลังเบาๆ เหินตัวไปที่ปลายกําแพง
พอไดยินเสียงๆ นี้ ทุกอยางก็หยุดลงอีกครั้ง
“ยั้งมือ!”
ไมผิด ยั้งมือ!
น้ําเสียงใสกระจางดังกังวานอยางทรงพลัง มิไดรองตะโกน เพียงสงเสียงกระจาย
ออกรอบทิศ เหมือนเทพเซียนลงมากระซิบที่ขางหูของทุกคน!
ภายใตคําสั่งจากฟากฟา ลูกธนูของเหลาทหารที่กําลังจะเหินบิน คันธนูที่งางออก
เต็มที่ คางแข็งในทันที เหลาทหารหนาซีดขาวไปตามๆ กัน โทนเสียงจากพลังปราณ ทํา
ใหพวกเขารีบเก็บอาวุธแทบไมทัน กอนที่จะบาดเจ็บไปกวานี้ ไมมีใครสงเสียงครวญ
คราง ตางคนตางหันไปยังตนกําเนิดเสียง
ใบหนาโกรธเกรี้ยวและดวงตาแดงก่ําของแมทัพหันไปมองเชนกัน เขารูสึกทั้งดีใจ
และประหลาดใจอยางเหลือเชื่อขณะกําลังจองมองรางทีแ่ บบบางนั้น
เกาอี้หวายที่อยูใตฝาเทาของซวีหลีจอื่ แตกดังเปรี๊ยะ!
เหลาปรมาจารย ไรเรี่ยวแรงขยับเขยื้อน!
นาทีนี้คงมีเพียงไตชุนเหอเทานั้นที่เคลื่อนไหว เขาใชมือจับทรวงอกตนเองไปมา
กอนทุบลงไปสองที...
สุดทายเขาก็ยัง ‘อยู’ รอดปลอดภัย ใบหนามีเลือดฝาด ดวงตากลับมามองเห็น
เหมือนเดิม เงยหนาขึ้น มองไปยังตนกําเนิดเสียงเหมือนทุกคน
มอไปยืนประจันหนากับปรมาจารยทานนั้น ดามกระบี่ยังอยูบนทรวงอกของเขา
เขามองดูปรมาจารยที่อยูตรงหนา เห็นดวงตามึนงงชั่วขณะ กอนเปลี่ยนเปนตื่นกลัว
ในเวลาตอมา
สีหนามอไปไมเปลี่ยนแมแตนอย ไมสิ ตองพูดวาเปลี่ยนเล็กนอย ไมมีรังสีฆาฟนให
เห็น เหลือเพียงความเย็นชา!
ทามกลางสายตาที่จองมองมา มอไปยกฝามือขางหนึ่งขึ้นชาๆ แตความชานี้ทําให
ทุกคนปรับตัวไมทัน เพราะทุกคนลวนเห็นชัดเจน แตก็ไมเขาใจวาเหตุใดพริบตาเดียว ฝา
มือมอไปจึงไปทาบอยูบนทรวงอกของฝายตรงขามได
“เจา...” ปรมาจารยคลายเพิ่งตื่น เขาตกใจมาก แตยังไมมองฝามือมอไป กลับกมลง
มองดามกระบี่ที่ยังคงคาอยูบนทรวงอกมอไป
มือของเขาคลายสั่นเล็กนอย แลวคอยหยุดลง เหมือนไมกลาดึงดามกระบี่ออกจาก
ทรวงอกมอไป เหมือนทรวงอกของเขาถูกจูโจม ถึงไดกลายืนอยูครงหนามอไปในระยะ
ประชิดเชนนี้
สถานการณเงียบลงอีกครั้ง
ทวา นาทีถัดมา เปนไปตามคาด ฝามือมอไปพลันกระจายแสงสีทองออก ไมผิด
กระจายออก มิใชเปลงออก
ตอน 314 ฆา
เหลาปรมาจารยสํานักเตาดวงตาวูบไหว รูสึกเศราสลด
ปรมาจารยผูอยูตรงหนามอไปเปลงรัศมีแสงทั่วรางอีกครั้งตามรัศมีแสงสีทองที่
กระจายออกจากฝามือมอไป ตลอดทั้งรางเขาสั่นระริก เงยหนาสบตามอไป และพบวา
แววตามอไปใสกระจางอยางที่เขาไมเคยพบเห็นมากอนในชีวิต
มือของเขาจับแนนที่ดามกระบี่ตั้งแตตน ไมขยับเขยื้อน เพราะไมสามารถ ราวกับวา
พละกําลังทั้งหมดไดใชในการเสือกแทงกระบี่ใสมอไปไปแลว และดามกระบี่ที่จับอยูเปน
ความหวังเพียงหนึ่งเดียว
ทวาพอเห็นความเย็นชาบนใบหนามอไป ความหวังที่มีก็มลายหายสิ้น แตเขายังไม
ยอมแพ เพราะกระบี่ยังอยูในมือ
“เขาซางชิง?” ขณะที่เขาจองหนามอไป กลับไดยินเสียงมอไปดังขึ้น
มอไปยังคงทาทีเยือกเย็นดังเดิม เพียงโทนเสียงต่ํากวาเดิม และมิไดดังกองกังวาน
เพียงผูที่อยูใกลเคียงเทานั้นที่ไดยิน
เขาซางชิง!
สามคํางายๆ แตกลับทําใหแววตาของผูเฒาที่อยูตรงหนาพลันมีแสงสวางวาบขึ้นอีก
สาย แตยังคงจองมองมอไปไมวางตา รัศมีแสงทั้งรางยังคงเปลงออกอยางตอเนื่อง พลาง
มีเสียงดังออกจากลําคอ
มอไปพูดตอโดยไมสนใจเขา
“ขาเคยบอกแลววา ในสายตาขา พวกเจาเปนเพียงพลเมืองตาเซี่ยเทานั้น สํานักใบ
ไผเปนเชนนี้ เขาซางชิงจะเปนอยางไรได? ขาเคยสัญญาวาจะไวชีวิตพวกเจา ไฉนเจายัง
รนหาที่อีก?”
“อยาเพิ่งยามใจ ขาเกลียดเจา แมไมสามารถฆาเจาได ก็ไมเปนไร อยานึกวา
สามารถทําลายความเชื่อดั้งเดิมที่มีมาเปนหมื่นๆ ปของสํานักเตาเราได เจาทําไมได
หรอก และโลกนี้ก็ไมมีใครทําไดดวย! รอไปเถอะ เจาตายแน อีกไมนาน เจาตองไดมาอยู
เปนเพื่อนขาในอเวจีแน!”
ในที่สุดปรมาจารยผูนี้ก็พูดแลว น้ําเสียงทั้งเศราโศกทั้งกระหายโลหิต!
“อยางนั้นหรือ?” เสียงของมอไปยังคงใสกระจาง ไมรูสึกกระทบกระเทือนแมแตนอย
และในตอนนี้เอง รัศมีแสงที่ฝามือของเขาพลันสวางจาสุดๆ คลายไดยินเสียงกรอบ
ดวงตาทั้งสองของผูเฒาขยายใหญ รัศมีแสงทั้งรางดับวูบ
ทุกคนเบิ่งตามองปรมาจารยแหงยุค คอตกลงชาๆ
มอไปเก็บรัศมีแสง คอยๆ หันกาย ขณะผูเฒาลมลงกับพื้น ดามกระบี่ที่ไมมีกระบี่
หลนลงจากมือ เสียงดังเครง
ทุกคนที่อยูในเหตุการณ ไมมีใครกลาหายใจแรง
สําหรับเหลาทหาร แมทัพ และไตชุนเหอแลว ยากละสายตาจากผูเฒาที่ลมลงได
ปรมาจารยสํานักเตาแหงยุค ผูมีที่นั่งพระราชทานในทองพระโรง เสียชีวิตลงตรงหนา
พวกเขาอยางงายดาย
ความตื่นตระหนกเชนนี้ เปนความรูสึกที่ยากบรรยาย ทหารสวนใหญยังไมรูเรื่อง
เมื่อคืน ในใจพวกเขา
ยังคงรูสึกวาปรมาจารยมีสถานะสูงสงดังเดิม
แมในมือพวกเขาถือคันธนู เตรียมตอสูเต็มที่ ก็เปนการทําตามคําสั่ง ไมไดคิด
นอกเหนือจากนี้!
พวกเขาจึงอดไมไดที่จะเงยหนาขึ้น มองดูหมิงอองของพวกเขาอีกครั้ง
หมิงอองที่เพิ่งสังหารปรมาจารยหนึ่งทานดวยฝามือ ยังคงมีทาทีดังเดิม ยังคงมองผู
สูงสงที่อยูในที่นี้ดุจอากาศธาตุ เขายังคงนิ่งดุจขุนเขา ราวกับเรื่องเมื่อครู มิได
กระทบกระเทือนจิตใจแตอยางใด
เขาแหงนหนามองทองฟา เงียบไปครูหนึ่ง แลวมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล
ครั้งนี้ ทิศที่เขามอง คนทั่วไปไมรู แตเหลาปรมาจารยกลับเงียบกริบ เพราะรูวาเปน
ทิศที่ตั้งของเขาซางชิง
ในที่สุดก็ไดยินเสียงมอไป เห็นเขาหันมองศพทีก่ องอยูกับพื้น คลายถอนหายใจ แลววา
“เดิมทีขาคิดคํานับเจาสามครั้ง ถาความเชื่อดั้งเดิมเปนหมื่นปจากปากเจา ที่วาอีก
ไมนานจะมีคนสงขาไปเปนเพื่อนเจาในอเวจีนั้นเปนความจริง ทวาขาก็รอมาทั้งวันแลว
กลับไมเห็นเขามาเสียที”
เกือบทุกคนที่ไดยินและรูความหมายที่ลึกซึ้งของคําพูดนี้ ลวนตองสูดอากาศเย็นเขา
ดับความรอนรุม ซวีหลีจื่อก็เกือบยืนไมอยู เขามองดูเกาอี้หวายใตฝาเทา รูสึกหวาดผวา
คิดวาโชคดีที่ตนไมไดหนีไปแตแรก
สวนคนอื่นๆ ในสํานักใบไผ กลับมีสีหนาไมสูดีและสับสน
พวกเขาเห็นกับตาวา ทานผูนี้ยืนบนจุดสูงสุดของกําแพงเมืองอยูนาน ที่แทก็กําลัง
รอการมาถึงของจอมยุทธและคนจากเขาซางชิงหรอกหรือ?
เขาคิดลุยเดี่ยวกับสํานักเตาทั้งหมดจริงหรือ?
แมสํานักใบไผลมสลาย ก็เทียบไมไดกับคําพูดที่นํามาซึ่งความหนาวเหน็บในนาทีนี้
หลังจากคําพูดนี้ ความกลาที่หลงเหลืออยูในใจของเหลาปรมาจารย คงยากขมกลั้น
ไวแลวจริงๆ
มอไปไมสนใจผูตายอีก เขากวาดตามองปรมาจารยทุกทานที่อยูในเหตุการณ พอ
เขาละสายตาไปจากปรมาจารยทานไหน ทานนั้นก็จะเปาปากดวยความโลงอก สุดทาย
สายตาเขามาหยุดอยูที่ปรมาจารยสี่ทานซึ่งเมื่อครูชักกระบี่ใสเขา
มองนิ่ง
คนทั้งสี่รูสึกหวาดกลัว สีหนาเปลี่ยนทันที บางคนกระบี่ยาวในมือยังสั่นนอยๆ
มอไปพลันยกมือขึ้น คนทั้งสี่รีบกาวถอยทันที มอไปพูดขึ้นอยางเย็นชา
“ไตชุนเหอ บอกใหทหารถอยไป!”
ไตชุนเหอที่ยังนั่งมึนอยู พอไดยินก็รีบขานรับตามสัญชาติญาณ “พะยะคะ”
แตพอขานรับแลวคอยคิดไดวาเมื่อครูมอไปพดู วาอะไร จึงกวาดตามองเหลา
ปรมาจารย และนึกถึงตอนที่ตนเกือบถูกฆาตายภายใตคมกระบี่ ก็รูสึกหนาวเหน็บขึ้น
ทันที สีหนามวงคล้ํา
แตยังกัดฟน มองทานออง มองผูตาย แลวจึงใชสองมือยันพื้น พยายามลุกขึ้นยืน
อยางทุลักทุเล กอนหันไปสั่งถอนกําลังทหาร
ไมใชเรื่องที่วาเขาอยากหรือไม แตเมื่อมาถึงขั้นนี้แลว เขาก็ไมกลาขัดมอไปอีก
เหลาทหารเคลื่อนตัวออกราวสายน้ํา ไมคึกคักเหมือนชวงแรก เมื่อปราศจากอํานาจ
คุกคามชีวิต เหลาปรมาจารยคอยสงบนิ่งลง
แตแลว พวกเขายังไมทันไดผอนคลาย ก็ตองตกใจกับการกระทําของมอไป
เหลาทหารเพิ่งถอยไดไมทันไร รางของมอไปพลันวาบเขาหาปรมาจารยสี่ทานที่ลง
มือเมื่อครูโดยไมมีสัญญาณบอกเหตุแมแตนอย
เร็วมากจริงๆ คนทั้งสี่ที่ถูกมอไปมองนิ่งจนหวาดผวา แตพอไดยินคําสั่งใหถอนทหาร
ก็โลงอก ความเครียดที่คลายลง ทําใหปรมาจารยมีปฏิกิริยาชาลงไดเชนกัน
เพียงพริบตา ผูเฒาที่ยืนดานหลังมอไป พลันเห็นมอไปขยับ ในมือปรากฏกระบี่
มรกตที่ชักออกจากฝกเมื่อไหรไมรู จอเขาที่ดานหนาของตน
สําหรับปรมาจารยแลว พอเห็นเชนนี้ ตองมีปฏิกิริยาโตตอบทันที แตเขากลับชาไป
หนึ่งกาว จึงรองตกใจเสียงดัง จากนั้นก็รีบหันกายหนี
มิไดปดปอง เขาเลือกหันกายใตคมกระบี่มอไปในระยะประชิด
นาทีถัดมา คอยรูตัววาคิดผิด แตไมทันการ หัวใจหยุดเตนเสียกอน
การตายของเขาเรียบงายและนาเห็นใจกวาปรมาจารยทานแรก
มอไปนิ่งดุจผูบําเพ็ญเพียร เคลื่อนไหวดุจกระตายหลุดออกจากกรง หลังสังหารคน
กลับไมรามือ
วาดกระบี่ขณะโลหิตสาดกระเซ็นกลางอากาศ พรอมทะยานรางขึ้น ชวงเขาดายเขา
เข็ม ระหวางที่ผูคนเห็นเพียงเสนผมที่สยายออกและแผนหลังของเขานั้น พลันไดยินเสียง
กระบี่กระทบกันดังเครง
เปนปรมาจารยอีกทานหนึ่งที่รูสึกตัวกอน จึงเกร็งพลังทั้งรางยกกระบี่สกัดกั้นกระบี่
มอไปที่ฟน เขาตรงคอหอยตน ภายใตความตื่นตระหนก
เขาไมทันไดสงเสียงรอง ไดแตปองกันตัวเองในนาทีแรก เขาไมหนี พอเห็นเพื่อนลม
ลง ก็รูแลววาตองสูสถานเดียว แตการเผชิญหนากับมอไปทําใหเขารูสึกเหน็บหนาวอยาง
ที่ไมเคยรูสึกมากอน
กระทั่งตอนยกกระบี่ขึ้นสกัดกั้น เขายังกลัวจนตัวสั่น กลัววาจะไมทัน ความนากลัว
ของมอไป ทุกคนตางรูอยูแกใจ การจูโจมของปรมาจารยนับสิบเมื่อคืนยังถูกทําลายลง
ดวยกระบวนทาเดียว นับประสาอะไรกับคนๆ เดียว
แตเหนือคาดหมาย การใชกระบี่ตานคราวนี้ สามารถตานกระบี่มรกตในมือมอไปได
จริง เขาอึ้งเล็กนอย แตไมทันคิดมาก เพราะมอไปตวัดกระบี่สะทอนแสงแยงตา แทงเขา
ที่คอหอยเขาอีกครั้ง
สกัดกั้นไดอีก มอไปตวัดกระบี่ออก พุงเปาไปที่หัวใจ
สีหนาผูเฒารอนรนสุดขีด เขาพบวา มอไปมิไดหมดแรง เพียงแตเปลี่ยนรูปแบบการ
ตอสู ในนาทีแหงความเปนความตาย กระบี่ของมอไปอยางไรก็ไมพน จุดอันตรายของเขา
ทําใหเขาไดแตตั้งรับ
มีพละกําลังสั่นสะเทือนฟาดินของเซี่ยงอวี่ และมีความออนนุมสยบความแข็งชนิด
หาตัวจับยาก พลังของมอไปมีมากกวาความกลาแกรง ความรูสึกไมควรประมือดวยฝงใจ
พวกเขาตั้งแตสิ้นสุดการตอสูเมื่อคืน แตตอนนี้ พวกเขากลับไมกลาคิดเชนนี้
วิถีเตา วิถีแหงเตา!
เตาตองมีวิถี ตอนนี้ มอไปไดแสดงใหเห็นวิถีของเขา
มอไปมีวิถีหรือไม?
อยางไมตองสงสัย อาจารยยังสําเร็จเปนจอมยุทธไดในยุคมืด แลวผูมีความรอบรู
มากมายเชนมอไป จะขาดวิถีไดอยางไร?
วิถีกระบี่ชาวเตาชื่อดังในชาติกอนแบงออกเปนหาสายไดแก ดิน น้ํา ไฟ ไม ทอง แต
ละพลังจากกระบี่หาแสงสียังแบงออกเปน คม เร็ว แข็ง ออน ถอย ตาน พัน เหมือน
แบงแยก แตถาประยุกตใชรวมกัน ยอมสามารถเอาชีวิตไดอยางแนนอน
ตามตํานานเลาวาผูใหกําเนิดวิถีกระบี่ขางตนก็คือเลาจื้อ ปราชญแหงเตาสมัยชุนชิว
ชวงนั้นบานเมืองเกิดความขัดแยง ลือกันวามีมารปะปนอยูในมวลมนุษย เลาจื้อเห็น
ชาวบานตกทุกขไดยากกับตา จึงชักกระบี่ออก ปรากฎพลังแสงจากองคประกอบทั้งหา
ประหนึ่งวิถีเตานับหมื่นมารวมตัวกัน กําจัดมารใหสิ้นไปจากโลก
เรื่องนี้พูดยากวาเสริมแตงตํานานเทพเขาไปหรือไม และแมไมมีใครสามารถมี
อิทธิฤทธิ์ดั่งเทพเซียน กําจัดมารใหสิ้นไปจากโลก แตเรื่องตอสูศัตรู สังหารคนในระดับ
เดียวกัน มอไปกลับทําไดแน
“ทุกทาน ยังไมเขามาชวยกันอีก จะรอจูโจมทีละคนอยูไย...”
ผูเฒาทานนี้มือไมไมวาง และกําลังจะตานแสงแหงกระบี่ไมอยู ซึ่งแมอาศัยรัศมีแสง
จากพลังปราณทั่วรางตานไว แตในเสี้ยวพริบตา รางยังคงถูกคมกระบี่จนปรากฏโลหิตไป
ทั่ว ขืนเปนเชนนี้ตอไป อีกไมกี่นาทีขางหนา เขาตองหาชีวิตไมแน
พูดก็พูด การที่มอไปเปลี่ยนวิธีตอสูฉับพลัน นอกจากทําใหผูคนตื่นตกใจและควบคุม
สติไมอยูแลว วิถีกระบี่ที่ไมเคยเห็นและไมเคยไดยินยังทําใหคนยากละสายตา
นาทีนี้ แตละคนตางจับจองวิถีกระบี่และการเคลื่อนรางของมอไปอยางไมวางตา
รอจนผูเฒารองเรียก พวกเขาจึงคอยรูสึกตัว แตนั่นสิ ยังรออะไร?
ซวีหลีจื่อกวาดตามองเหตุการณอยางรวดเร็วอีกครั้ง ซึ่งกอนหนานี้ไมทันมองผูที่มอ
ไปประมือดวย ตอนนี้พอสบตาจึงเพิ่งเห็นวาคนผูนี้กําลังมีสีหนาไมสูดี
ซวีหลีจื่อมองหาโอกาสมานาน เมื่อเห็นทุกคนไมกลาลงมือเขาชวย จึงรีบตะโกนเสียงดัง
“ทุกทาน ภายใตบารมีทานออง หามกระทําผิดเปนอันขาด ทุกทานอยาไดเดินผิด
ทาง หาไมแลวจะเปนการรนหาที่ใหตัวเอง หากผูใดยังไมตระหนัก พลังปราณไมดี และ
ยังคิดตอตาน ก็มาแลกชีวิตกับขาได!”
พูดจบก็ชักกระบี่ ขยับกายมายืนตรงหนาทุกคนอยางรวดเร็วพรอมสายตาดุดัน
ทุกคนตางจองมองเขาอยางดูแคลน คิดอับอายแทนคนผูนี้ในใจ แตอยางไรทุกคนก็
ยังไมเคลื่อนไหว เหมือนกําลังลังเลวาจะเขาไปชวยดีหรือไม แตการมีคนเขามาขวาง
เชนนี้ อยางนอยก็ทําใหเสียหนานอยลง
ตอน 315 สับเปนหมืน่ ๆ ชิน้ ไมใหผุดไมใหเกิด
เมื่อเห็นเปนเชนนี้ ซวีหลีจื่อพลันเหงื่อตก หันไปมองมอไป พลางตะโกนเสียงดัง
“กลุมโจรที่ไมเคารพทานออง กลาชักกระบี่ตอหนาทานออง สมควรรับโทษตาย แต
กลับไมกลัวเกรง ยังไมยอมรามือ โทษจึงหนักหนายิ่ง! ถาเปนผูอื่นตองถูกนําไปประหาร
หมด แตทานอองยังเมตตา ประทานความตายใหดวยตัวเอง นับวาใหโอกาสพวกเจา
มากแลวจริงๆ...”
พอพูดออกไป พลันรูสึกตัวเย็นวาบ รีบหันหลังกลับ พบวาผูคนที่ถูกขวางทางไว
กําลังจองมองเขาอยางโกรธเคืองพรอมรังสีฆาฟนในดวงตา เขาจึงรีบหุบปาก ไมกลาพูด
ยั่วยุอีก
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ทุกคนไมมีกะใจสนใจเขาอีก เนื่องจากไดยินเสียงรอง
คร่ําครวญที่เต็มไปดวยความเจ็บแคน
“พวกเจา...โงเงาสิน้ ดี!”
พวกเขาหันมอง คอยเห็นวาพริบตาเดียว ชีวิตปรมาจารยอีกทานไดแตกดับคา
มือมอไปแลว
ทั้งหมดเงียบกริบ จองมอไปนิ่ง พลันเห็นเขายังไมวางมือ อยางไมตองสงสัย พลิ้ว
กายเขาหาอีกสองคนที่เตรียมตัวพรอมและคิดวาโชคอาจเขาขาง
แตพอทั้งสองรูตัว ไหนเลยจะกลาคิดวาโชคเขาขางอีก ไมมีทางเลือก คิดวาอยางไร
วันนี้คงหนีไมพนแน จึงรูสึกเสียใจที่เมื่อครูไมเขาไปตอสูดวย และโกรธแคนที่ตองมาตาย
เชนนี้ ทั้งสองจึงกูรอ งเรียกความกลา
“ฆา!”
ไมมีใครเขาชวยพวกเขา ทั้งสองมิไดหนี ที่นี่ไมตางอะไรกับสํานักใบไผ พวกเขาไมมี
ทางหนีพนกองทหารที่รายลอมอยูดี จึงไดแตแผดเสียงรอง
ทั้งสองถูกมอไปใชกระบี่มรกตคราชีวิตในคราวเดียวตอหนาผูคน ฟนทะลุรัศมีแสงที่
หลอหลอมจากพลังปราณ!
มิไดอยูเหนือความคาดหมายของทุกคน แตที่ทุกคนเปนกังวลคือมอไปยังจะทรมาน
พวกตนตอหรือไม
โชคเขาขางอยูเพียงเรื่องเดียวคือ กอนที่มอไปจะลงมือไดใหทหารถอยออกไป แสดง
วาไมคิดสังหารหมดในคราวเดียว ยังพอเหลือที่ยืนไวใหบาง
ศพทั้งสี่กองอยูกับพื้นดานหนึ่ง มอไปกุมกระบี่เปอนโลหิต สีหนาซีดขาว บน
หนาผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นอยางไมปดบัง ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลง เหมือนการตอสูเมื่อครู
กินแรงไปสวนหนึ่ง
ทวาก็ยังไมมีใครกลาลองดีอีก เนื่องจากกอนหนานี้ทุกคนเห็นมอไปมีทาทีออนแอ
แตพริบตาเดียว กลับสังหารปรมาจารยไปหาทาน
ไตชุนเหอที่นั่งหลบอยูมุมหอง รอจนทุกอยางเงียบลงแลวจริงๆ จึงลุกขึ้นยืนชาๆ
มองดูศพที่เพิ่มขึ้น แลวคอยหันมองแผนหลังแบบบางที่ยืนอยูเพียงลําพัง สูดหายใจเขา
ลึกๆ รีบกระเผลกเขายกเกาอี้ตัวหนึ่งไปวางไวขางกายทานออง พลางพูดอยางเคารพ
นอบนอมและระมัดระวัง
“ทานออง เชิญ...เชิญนั่ง!”
มอไปเหลือบมองเขา แลวจึงโบกมือใหเขาถอยออกไป
ครั้งนี้ไตชุนเหอไมกลาเสนอความเห็นอื่นใดอีก รีบกระเผลกไปยืนดานหลังมอไป ทิ้ง
ระยะหางราวสองเมตรโดยยังไมยอมจากไป จะมีที่ไหนปลอดภัยไปกวาดานหลังของมอ
ไปเลา?
มอไปมิไดนั่ง เสียงที่เจือความเหนื่อยลาของเขาดังขึ้น
“ยังมีใครอีก?”
ไมมีเสียงขานรับ
“ยังมีใครอีก?” มอไปถามอีกครั้ง
กึก! มีคนขยับแลว ผูเฒาผูที่ยืนอยูรอบนอกและกอนหนานี้มิไดลงมือ คุกเขาลงกับ
พื้นพลางกมศีรษะ
“ขอทานอองประทานอภัย!”
ปรมาจารยคุกเขา!
ไตชุนเหอเบิกตามอง จองคนผูนี้อยางไมคาดคิด แมผานความผันผวนอยางหนัก
มาแลว แตเขาก็ยังไมกลาเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหนา
ไมเพียงแตเขา ซวีหลีจื่อก็ยังยกมุมปากอยางอดไมได แววตาวูบไหวไมหยุด เพราะ
กระทั่งเขาก็ยังไมเคยคุกเขาใหหมิงออง
สวนปรมาจารยทานอื่นๆ ตอนอยูสํานักใบไผก็คุกเขาอยางเสียไมไดมาแลว ตอนนี้
ยังตองคุกเขาตอหนาสาธารณะชนมากมายอีก ใบหนาพวกเขาจึงรอนผะผาวขึ้นทันที
“ยังมีใครอีก?” มอไปถามเปนครั้งที่สาม
ครั้งนี้ ในความเงียบ เกิดเสียงทึบตันดังตามๆ กัน
ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานหลังมอไป รูสึกวาสิ่งที่ยากลืมเลือนมากสุดในชีวิต มิใชความ
ประทับใจแรกพบที่เห็นมอไปยืนอยูคนเดียวบนที่สูงเสียแลว
แตกลับเปนความรูสึกในตอนนี้และภาพที่เห็นในขณะนี้
ไตชุนเหอมองไป เห็นเพียงซวีหลีจื่อยืนโดดๆ ในกลุมปรมาจารย ซึ่งพอรูตวั วาไม
เหมาะสม ก็รีบคุกเขาลง
กึก! เสียงทึบตันอีกหนึ่งเสียง
ไตชุนเหอกะพริบตา คอยรูสึกตัว รีบสาวเทาเขาหามอไป กอนคุกเขาลง พลางพูด
สรรเสริญเสียงดัง
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
ทันใดนั้น เสียงนี้คลายสรางความสั่นสะเทือนไปทั่ว ทั้งผูที่อยูในกําแพงและนอก
กําแพงตางคุกเขาลงแทบพรอมกัน
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
ยามค่ําคืน เสียงที่ทุกคนเปลงออกจากปากตามคนผูหนึ่ง ดังกระหึ่มทั่วฟาเปยเหอ
และรอบนอก
ในเมืองหลวงที่หางไกล คนผูหนึ่งเงยหนามองไปยังเมืองเปยเหอ
อีกผูหนึ่งรีบรอนสาวเทาเขารายงานขาวที่ไดรับใหคนในวังหลวงทราบ!
ที่แทขาวการมาเปยเหอของมอไปทําใหคนในเมืองหลวงกระตือรือรนตั้งแตรูขาว
และไดสั่งใหกองทัพออกเดินทางเพื่อรับตัวทานอองกลับวัง แตแปลก สุดทายขาวกลับ
เงียบหายไป เหมือนพวกเขาไมรูขาวสะเทือนแผนดินอยางไรอยางนั้น
ทวา แสงไฟในหองทรงพระอักษรยังคงสวางไสวอยูตลอด...
มอไปยืนอยูคนเดียวบนกําแพงเมือง ผูคนที่เหลือลวนคุกเขาลง
โลหิตทีละหยดๆ ลงจากกระบี่เปอนโลหิตในมือเขา เขายืนตัวตรงอีกครั้ง เงยหนา
ขึ้น กวาดตามองอยางถวนทั่ว
“ขากุมกระบี่เพื่อสังหารโจร ที่ใดบางที่ขาสังหารไมได? เมื่อใดบางที่ขาสังหารไมได?
ใครบางที่ขาไมกลาสังหาร?”
“อาศัยพวกเจาคูควรใหขาเดินทางรอยลี้ เพื่อมาจัดทัพแลวลอมฆารึ?”
มอไปชูกระบี่ในมือขึ้น พูดเสียงดังกังวานไปทั้งในและนอกเมือง เขากําลังแสดง
ความอหังการในความเงียบ
“ขากลาละเวนพวกเจา ยอมแสดงวาไมกลัวพวกเจาตอตาน ตอตานหนึ่งคน ฆาหนึ่ง
คน ตอตานสิบคน ฆาสิบคน สํานักเตาทั้งหมดตอตาน ขาพลิกฟาคว่ําแผนดินฆาจะ
เปนไรไป?”
นาทีนี้ คนของสํานักเตาตางทนไมไหว กําหมัดแนน รวมทั้งซวีหลีจื่อดวย มิใชคิด
ตอตาน แตเกิดเปนคนสํานักเตา พอไดยินคําพูดเชนนี้ โลหิตในใจลวนคุกรุนจนยาก
ควบคุม
ถาสํานักเตาทั้งหมดตอตาน ฆาทั้งหมด...
“กองทัพคนเถื่อนฉีปดลอมขาที่หมิงจู ขายังกลาบุกเดี่ยวสังหารพวกมันสามครั้งสาม
ครา นับประสาอะไรกับพวกเจา ที่กลายโสโอหังตอหนาขา?”
มอไปพลันชูกระบี่ ชี้ไปยังกลุมคนสํานักเตา แลวจึงคํารามเสียงดังกึกกองเปนครั้งแรก
“ใครกลายโสโอหัง?!”
“ฆา!”
“ฆา!”
“ฆา!”
สนามตอสูไมกลัวหลั่งโลหิต กลัวก็แตไรสามารถ!
ในและนอกเมือง ทหารหาญในสนามรบ ตอนนี้เวลานี้ ภายใตโลหิตที่คุกรุนของหมิง
ออง ทุกคนตางรองตะโกนวาฆา
เสียงฆาที่ดังกระหึ่มไปทั่วฟา ทําใหหนาผากซวีหลีจื่อและปรมาจารยที่กําลังคุกเขา
ขางเดียวเหงื่อกาฬหลั่งไหลจนหยดลง
เปนครั้งแรกที่พวกเขากมศีรษะลงตอหนาความกระตือรือรนและความกลาหาญของ
พลทหาร
“พวกเจาจงฟงเปนครั้งสุดทายและจําไวใหดีวา ขาไวชีวิตพวกเจา มิใชเพราะพวก
เจาเปนปรมาจารยสํานักเตา และมิใชเพราะขาโลภ คิดใชประโยชนจากยอดฝมืออยาง
พวกเจา สําหรับขา มิใชเฉพาะปรมาจารย แมผูเหาะเหินเดินอากาศดําดินหลบหนีได
ตามตํานาน หรือจอมยุทธที่ใฝหาความสุขสบายในชีวิต ใครก็ตามที่กลาทรยศตาเซี่ยขา
กลาทรยศประชาชนขา แมขาขึ้นสวรรคหรือลงนรก ก็ตองสับมันผูนั้นเปนหมื่นๆ ชิ้น
ไมใหผุดไมใหเกิดไปสามชาติ!”
กึก!
ปรมาจารยที่เดิมทีคุกเขาขางเดียว รีบคุกเขาอีกขางลงทันที
ไพรฟาประชาชน เคารพองคจักรพรรดิประหนึ่งฟาดิน!
ผูบําเพ็ญเพียรทางเตา เคารพจอมยุทธประหนึ่งเทพเซียน!
จอมยุทธ เปนผูที่พวกเขาศรัทธา แตทานผูนี้กลับนําคํา ‘สับเปนหมื่นๆ ชิ้น’ ‘ไมให
ผุดไมใหเกิด’ มาใชกับจอมยุทธ เหลาปรมาจารยจึงรูสึกตื่นตระหนกวาตอนที่รูวาสํานัก
ใบไผลมสลายเสียอีก!
ตามประวัติศาสตร นี่เปนครั้งแรกที่มีคนกลาบาบิ่น พูดเชนนี้ตอหนาประชาชน
และคําพูดในีนาทีถัดมา ทําเอาไตชุนเหอที่คุกเขาอยางยากลําบากตองลมตัวลงนั่งกับพื้น
“วันนี้ ขาชูกระบี่ขึ้นฟา เพื่อสาบานตอปวงประชาวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ใน
สถานการณยากลําบากของบานเมือง ไมวาใครหนาไหนในตาเซี่ย ไมวาผูลากมากดี ผูสูง
ศักดิ์ ผูสูงสง หรือแมทัพนายกองในสนามรบ ถากอความเดือดรอนวุนวาย สรางความ
แตกแยก ทํารายประชาชนขา ขาขอกุมกระบี่ สังหารตั้งแตกังฉินเบื้องบน จนถึงคนเดิน
ดินเบื้องลาง หาไมแลว ขาขอใชกระบี่ในมือขา ประหารตัวขาเอง!”
ถาไมฆาโจร จักฆาตัวตาย!
เสียงของมอไปดังสะทอนกองทั้งในและนอกกําแพงเมือง แมอากาศอันหนาวเหน็บก็
มิอาจสกัดกั้นโลหิตที่พลุงพลานของเขา
เขาหันกาย กุมกระบี่เดินลงบันไดกําแพงเมือง
ทุกคนลวนคุกเขา ไมมีใครเงยหนาขึ้น กระทั่งเสียงฝเทาของเขาหางออกไปไกล
ไตชุนเหอเงยหนาขึ้นขณะตัวสั่นงันงก มองดูรางที่เดินลงบันไดซึ่งคอยๆ พรามัวออก
จากสายตา แลวจึงโขกศีรษะอีกครั้ง
ทุกคนทั้งในและนอกกําแพงเมือง ในที่สุดก็สงเสียงตอบมอไป
“ขานอยพรอมพลีชีพตามทานออง!”
“เบื้องบนฆากังฉิน เบื้องลางฆาคนทรยศชาติ!”
ทหารกูร องกอง ประชาชนแผดเสียงดังกอง!
ตอน 316 แมทัพรบเพื่อใคร
การมาเปยเหอในครั้งนี้ ที่สุดแลวมอไปรูสึกอยางไร เกรงวาคงมีแตเจาตัวเองที่รู
เมื่อลงมาจากกําแพงเมือง ไตชุนเหอก็เดินตามมาอีก บอกตามตรง เขารูเรื่องราว
ของมอไปไมนอย จึงไมกลาหืออือกับมอไปตั้งแตแรก
แตสิ่งที่ไดยินอยางไรก็เปนสิ่งที่ไดยิน จนกระทั่งไดผานเหตุการณระทึกขวัญดวย
ตัวเองพรอมใจที่สั่นระรัวเมื่อครู จึงคอยเขาใจคํา สิบปากวา ไมเทาตาเห็น สิบตาเห็นไม
เทามือคลํา
เขาเดินลงบันไดตาม และมองดูมอไปอยางระมัดระวัง เห็นทาทางมอไปสงบนิ่ง ไมมี
ความผิดปกติแมแตนอย ราวกับเมื่อครูที่เพิ่งผานพนความเปนความตาย และไดตัดสินใจ
กระตุนใหเกิดผลในการดํารงชีวิตอยูที่ยากจินตนาการ ดวยผูคนมิไดคิดเหมือนเขาทุกคน
ไป
ไตชุนเหอยิ่งมาก็ยิ่งเกรงกลัวมอไป อดคิดไมไดวาในสายตาทานอองผูสงางามและ
เปนที่ภาคภูมิใจของราชสํานัก เหตุการณเมื่อครูไมนับเปนอะไรจริงหรือ...
สิ่งที่เกิดขึ้น มอไปไมมีกะใจเก็บมาคิด เพียงรอฟงคําตอบจากซวีหลีจื่อ แลวคอย
เตรียมตัวจากไป
แตพอลงจากกําแพงเมือง และเห็นเหลาทหารยังคงรักษาการณอยางแข็งขัน ดาน
ในสามชั้น ดานนอกสามชั้น จึงพูดเสียงเบา
“นอกจากผูที่ตองเฝาประตูเมืองตามปกติแลว ที่เหลือใหกลับกรมกองของตนไป”
ไตชุนเหอไดยินดังนั้น ไหนเลยจะกลารีรอ รีบขานรับแลวหันกายโบกมือเรียกแมทัพ
ที่กอนหนานี้อยูขางกายเขามาตลอดใหเขามาหา
สักครู แมทัพผูนั้นก็เรียกรองแมทัพเขามา แลวกําชับใหถอนทหารออก แตกลับคิด
ไมถึงวา หลังจากนั้น เหลาทหารกลับไมถอนตัว
ไตชุนเหอพูดจากับสองแมทัพสักพัก กอนมีสีหนาลังเลและลําบากใจ สุดทายจึงพา
ทั้งสองกลับเขามา
เมื่อทั้งสองแมทัพมาถึงและทําความเคารพมอไปเรียบรอย ก็แสดงความกังวลใจขึ้น
“ทานออง นักวิชาการและเจาของกิจการหลายทานในเปยเหอ อยากตอนรับทาน
อองที่เสด็จมาเยือน จึงรวมตัวกันที่หนาประตูเมืองเพื่อแสดงความยินดี ทานดู...”
มอไปไดยินก็อึ้งอยางเห็นไดชัด เขาไมเคยสัมผัสบรรยากาศที่มีผูคนมากมายมาคอย
ตอนรับขณะเชื้อพระวงศเสด็จไปไหนมาไหนจริงๆ นี่จึงนับเปนครั้งแรกที่ไดยิน
เมื่อไตชุนเหอเห็นเขาไมพูดไมจา ก็นึกวาเขากําลังตําหนิตนที่ปลอยใหขาวรั่วไหล จึง
แสดงสีหนาตกอกตกใจ รีบโคงตัวพลางแกตัว
“ทานอองโปรดอภัย เดิมทีกระหมอมไดสั่งใหปดขาวการมาของทานอองแลว แต
อาจเพราะจัดกําลังมาอารักขาเต็มที่ จึงทําใหเกิดขาวลือขึ้น และพอเกิดเรื่อง...”
“พอแลว!” มอไปโบกมือขัดจังหวะคําพูดของเขา กอนสายศีรษะนอยๆ
“ขามาครั้งนี้ ไมจําเปนตองหลบๆ ซอนๆ”
“กระหมอมสมควรตาย...”
ไมพูดยังดีเสียกวา พูดแลวไตชุนเหอก็ตองตกใจจนอยากรองไห ขุนนางเกาแกมิได
หมายความเชนนี้หนา
มอไปมิใชไมรู แตขอปฏิบัติระหวางนายกับบาว ตอนนี้เขาไมมีกะใจสนใจจริงๆ อีก
ทั้งทาทางของไตชุนเหอ พูดตามตรง เขาเขาใจ แตมิไดชื่นชมมากมาย ซึ่งจริงๆ แลวเขา
ก็ยังไมคอยเขาใจในตัวไตชุนเหอ จึงไมสามารถวิจารณการทํางานของเขาวาเปนอยางไร
อีกทั้งยังมีแมทัพอยูขางกายเขา มอไปไมอยากทําใหเขาเสียหนาตอหนาลูกนอง จึง
เพียงโบกมือ แสดงใหเห็นวาไมเอาความ แลวจึงเริ่มครุนคิด
คนเหลานี้เขาควรพบหรือไมควรพบดี?
บอกตามตรง เขามีใจที่จะพบอยูเหมือนกัน คนเหลานี้ตองเปนผูที่ควบคุมทิศ
ทางการดําเนินชีวิตสวนหนึ่งของประชาชน สามารถคุยกับพวกเขา ตอกย้ําใหพวกเขา
มั่นใจในความมั่นคงของตาเซี่ย อาจเปนผลดีตอความสงบสุขของเปยเหอ
แตสุดทาย มอไปกลับสายศีรษะ สถานการณบานเมืองเปนเชนนี้ พูดเพียงปากเปลา
ยากที่จะทําใหคนเกิดความเชื่อมั่นได อีกอยางพวกเขามิใชคนในสํานักเตา มอไปไม
สามารถใชกําปนแสดงอํานาจบารมี
ถามีทาทีออนนอมตอหนาพวกเขา ก็จะถูกดูแคลน
แตถามีทาทีแข็งกราว ก็จะถูกมองวาทําตัวเหินหาง กดขี่คุกคาม!
ไมมีทางเลือก อํานาจราชสํานักเดิมทีเปนอํานาจผูกขาด สถานะหมิงอองมิไดขึ้นกับ
ผลงานที่เขาทํากอนหนาและหลังจากนี้ เกรงวาลับหลังเขา ผูคนอาจเห็นวาเขาไมมี
คุณคาแมสักแดงเดียวก็เปนได!
ชางเถอะ ไมพบดีกวา
รอใหเรื่องที่เกิดขึ้นคอยๆ ตกตะกอน แลวไดยินไปถึงหูพวกเขา ใหพวกเขาคอยๆ
สัมผัสถึงปณิธานและความแข็งแกรงของตน พอพวกเขาตกใจ นึกสงสัยและคาดเดา
อาจเกิดความเกรงกลัว ซึ่งสงผลดีตอรูปแบบการดําเนินเรื่องตางๆ ในภายภาคหนา
คิดถึงตรงนี้ เขาจึงพูดเสียงขรึม
“คน ยังไมพบแลวกัน ขอหนึ่ง การพบหนากันกะทันหันยามค่ําคืน อาจทําใหเกิด
เรื่องวุนวายที่ไมพึงประสงคขึ้น ขอสอง ขามีเรื่องสําคัญที่ตองทํา ไมอาจพักอยูที่นี่ รอขา
กลับมาในครั้งหนา คอยทําการขอบคุณชาวประชาที่มีเจตนาอันดี บอกใหพวกเขา
กลับไปเถิด และถอนทหารออกไปดวย!”
“พะยะคะ!” อันที่จริงไตชุนเหออยากไปใหพนๆ นานแลว วันนี้มีเรื่องที่ทําใหตกใจ
มากเกินไป แมบอกวาคนเหลานี้เปนประชาชนธรรมดา แตใครจะรับประกันไดวา
ปลอดภัยหายหวง?
เขาเองไมมีทางเลือก คนเหลานี้มีตาสัปปะรด เขาคิดปดขาวก็ปดไมมิด แตจะไมไว
หนาพวกเขาก็ไมได พอบอกพวกเขาตามคําทานอองเรียบรอย จึงกลับมารายงาน
แตตอนแมทัพรับคําสั่งเรื่องถอนกําลัง มอไปกลับสังเกตเห็นวา ไตชุนเหอแอบสง
สายตาให
มอไปครุนคิดเล็กนอยก็เขาใจทันที ปากบอกใหถอนทหาร แตกลับทําการปองกัน
ในทางลับเพิ่ม
บอกตามตรง หากเปลี่ยนเปนเจานายทานอื่น ตองชื่นชมในการรูงานของไตชุนเหอ
แน แตตอนนี้มอไปกลับมีแตความเศราใจ วันนี้มีคนเอาใจนายอยางเขามากพอแลว
แมทัพควรควบคุมทหารในสนามรบ ไมควรมาแสดงความภักดี คุมครองความ
ปลอดภัยใหเจานายเพียงอยางเดียว!
“ชากอน!” หลังแมทัพรับคําสั่งและกําลังจะจากไป มอไปจึงเรียกไว กอนถามเสียงขรึม
“ไมทราบวาทานแมทัพมีนามวาอะไร?”
แมทัพคิดไมถึงวาจูๆ มอไปจะถามชื่อเขา จึงยืนอึ้ง ไตชุนเหอก็ไมรูเชนกันวามอไป
จะทําอะไร จึงไดแตเตือนสติ
“ทานอองถาม ยังไมรีบตอบอีก!”
แมทัพคอยไดสติ รีบตอบ “กระหมอมหูเมาติง!”
“แมทัพหู!” มอไปพยักหนา “ขามีคําพูดไมกี่คําอยากบอกทานแมทัพ ไมทราบวา
ทานแมทัพจักยินยอมฟงหรือไม”
หูเมาติงหนาเปลี่ยนสีทันที ปฏิกิริยาแรกคือมองหนาไตชุนเหอ เห็นชัดวาถูกทาทาง
ของมอไปทําใหตกใจ
ไมรูวาโชคดีหรือโชคราย เขาคุกเขาขางเดียวลงกอน
“ขอเพียงทานอองกําชับ กระหมอมแมบุกน้ําลุยไฟ ก็ไมยอทอ!”
พอเห็นดังนี้ ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานขางเปนตองจองมองและอดไมไดที่จะอิจฉาคน
ทึ่มผูนี้ เปนเพียงแมทัพเล็กๆ ปองกันเมือง แตกลับเขาตาทานอองได
มอไปไมสนใจวาแมทัพจะคิดเชนไร พูดเสียงขรึมตอ
“วันนี้ทานแมทัพเสี่ยงอันตรายอยางไมเกรงกลัว อารักขาขาเปนอยางดี ขาควร
ขอบคุณทานแมทัพดวยสุราสักจอก แตมาคิดอีกที สุราจอกนี้ยกไปคราวหนาดีกวา ไม
ทราบวาทานแมทัพจะวาอยางไร?”
หูเมาติงมิใชคนมีการศึกษาสูง จึงไมเขาใจคําพูดของมอไปทั้งหมด เขาหนาแดง
เห็นชัดวาตื่นเตน
“กระหมอม...กระหมอมไหนเลย...ไหนเลยจะกลา...”
ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานขางกลับยกมุมปากขึ้นสูง รูสึกเศราสุดๆ เจาทึ่มเอย โชคใหญ
หลนใสแลว คิดถึงตรงนี้ก็รีบพูด
“แมทัพหู ยังไมรีบโขกศีรษะ ขอบพระทัยทานอองที่มีเมตตาเปนลนพนอีก”
เดิมทีหูเมาติงไมรูวาควรตอบอยางไรดี พอไดยินไตชุนเหอพูดขึ้น จึงรีบโขกศีรษะ
แตแลวมอไปกลับวา “ชากอน”
หูเมาติงจึงตัวแข็งอยูกับที่ มอไปหันกายมือไพลหลัง กอนวา
“เจาลุกขึ้น ฟงขาพูดใหจบ”
“พะยะคะ” หูเมาติงลุกขึ้นยืน ชําเลืองมองไตชุนเหอ เห็นเขาขยิบตาให แตก็ไมรู
ความหมายอยูดี
เสียงมอไปดังขึ้น
“แมทัพหู ทานคุมครองความปลอดภัยใหขาอยางไมคิดชีวิต ขายอมสมควรซาบซึ้ง
ในความจงรักภักดีของทาน แตขาคิดวา ตอนนี้บานเมืองกําลังยุงเหยิง ดานนอกมีพยัคฆ
และสุนัขปาบุกรุก ดานในยังมีวานรคอยกอกวนอีก พวกทานสวมชุดเกราะแมทัพ โลหิต
ที่หลั่ง ผลงานที่ได ควรเปนไปเพื่อชาติบานเมือง เพื่อความสงบสุขของชาวประชา ชีวิต
ขาเมื่อเทียบกับสองอยางนี้แลว จะสําคัญไดอยางไร?”
หูเมาติงเงยหนาขึ้นมองแผนหลังมอไป เขาไมมีความรูมากนัก แตตอนนี้ คลับคลาย
ไดกาวล้ําไตชุนเหอไปหนึ่งกาว เขาใจความหมายของมอไป
ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองของไตชุนเหอกลับแตกตางกับหูเมาติงอยางสิ้นเชิง ไตชุนเหอ
สงสายตาบอกหูเมาติงไมหยุด ใหเขารีบตอบมอไป ตอบอยางไรนะหรือ ก็ตองตอบวา
‘ความปลอดภัยของทานอองสําคัญพอๆ กับบานเมือง ขอเพียงชาวประชาอยูดีมีสุข
กระหมอมพรอมพลีชีพตามทานออง!’
ทวาหูเมาติงกลับมิไดมองเขา และมิไดตอบตามความคิดเขา นี่ทําใหไตชุนเหออด
ไมไดที่จะสายหนาในใจ ทึ่มจริงๆ!
มอไปหันกาย จองมองหูเมาติง
“ขาเพียงหวังวา ตอไปถาทานตองออกรบในสนามรบ จักสามารถตอสูขาศึกดังเชน
วันนี้ที่คุมครองความปลอดภัยใหขาอยางสุดชีวิต! หากวันนั้นมาถึง ขายังมีชีวิตอยูและ
ทานกลับจากสนามรบได ขาตองจูงมาและชูกระบี่ใหทาน อีกทั้งดื่มฉลองใหกับ
ความสําเร็จของทานอยางแนนอน!”
พูดถึงตรงนี้ เสียงของมอไปสงู ขึ้นเล็กนอย
“ทานแมทัพจักยินยอมหรือไม?”
ครั้งนี้ ไมจําเปนตองใหใครขยิบตาใหอีก หูเมาติงคุกเขาขางเดียวลงกับพื้น แหงน
หนายืดอก ตาแดงพลางประสานมือไปขางหนา เสียงดังฟงชัดดุจอสุนีบาต
“กระหมอมมิกลาขัดแนนอน!”
บนกําแพงเมือง ซวีหลีจื่อยืนกระอักกระอวนอยูห นาเหลาปรมาจารย ไมรูควรทํา
อยางไรดี
เหลาปรมาจารยจองมองเขาในความเงียบ ไมมีใครพูดขึ้นสักคน ความกดดันที่ไรรูป
ทําใหเขาอึดอัดใจมาก เขากําลังทําอะไรนะหรือ ยอมกําลังเลือกคน!
ลังเลสักพัก เขาก็ยังตัดสินใจไมได รูสึกลําบากใจอยางบอกไมถูก เหลาปรมาจารย
คิดวา ทานอองกําลังลบหลูพวกเขา นี่ไมรูวาการทําใหสํานักไทเสวียนตกที่นั่งลําบาก
เชนนี้ เปนการลงโทษเรื่องที่ผิดตอตูเจวียนหรือไม
สุดทายจึงสูดหายใจเขาลึกๆ หันกายเดินไปที่ริมกําแพง พูดจากับทหารรักษาการณ
ทามกลางสายตาอันลึกล้ําของเหลาปรมาจารย แลวจึงลงจากกําแพงดวยเกาอี้หวาย
พอเห็นเจาสํานักกลับลงมา ปรมาจารยสํานักไทเสวียนที่หนาซีดขาวจากเหตุการณ
เมื่อครูก็รีบเขามารุมลอม พอเห็นเจาสํานักไมเปนไร คอยรูสึกโลงใจ
เดิมทีพวกเขาไมมีคนประจําอยูในเมืองหลวงมากมายเชนนี้ ที่เห็นนี่ก็เพิ่งยายมา
สมทบอยางเรงดวน หลังเกิดเรื่องขึ้นกับตูเจวียน
และมีเพียงผูเฒาทานหนึ่งซึ่งดูอาวุโสกวาซวีหลีจื่อถามขึ้นอยางรอนรน
“เจาสํานัก ทานอองวาอยางไร? หายโกรธเกรี้ยวหรือยัง ไวชีวิตพวกเราหรือไม?”
ซวีหลีจื่อเหลือบตามองเขา ขมวดคิ้ว ไมสงเสียง
ทําใหผูเฒารอนรนเขาไปใหญ สีหนาหวาดผวา พลันยื่นมือออก ตบเขาที่ใบหนา
ศิษยรวมสํานักอายุราวหกสิบกวาที่ยืนอยูขางๆ จนหนาหัน
“อกตัญู ยังไมคุกเขาลงอีก เหตุใดขาถึงไดใหกําเนิดคนอยางเจาได ขาละอายตอ
บรรพบุรุษเหลือเกิน ละอายจริงๆ!”
ผูเฒาทานนี้ดุดาอยางเจ็บปวดใจพลางผลักปรมาจารยที่คุกเขาอยูกับพื้นไมหยุด
ซวีหลีจื่อมองอยางเย็นชา ชวงแรกที่เกิดเรื่องกับตูเจวียน ทานผูนี้เองที่ปฏิบัติหนาที่อยู

You might also like