Professional Documents
Culture Documents
สำนักแพทย์อันดับหนึ่ง เล่ม3
สำนักแพทย์อันดับหนึ่ง เล่ม3
สำนักแพทย์อันดับหนึ่ง เล่ม3
“ปนั้นที่องคชายหกเดินทางออกจากเมืองหลวง เดิมทีก็ไมคิดพาคนรับใชในจวน
อองไปดวยอยูแลว ดังนั้นจวนอองจึงมีคนคอยทําความสะอาดอยูเรื่อยๆ ในชวงแรก แต
พอไมมีขา วจากองคชายหกนานวันเขา คนรับใชเหลานั้นก็ถูกยายไปทํางานในจวนออง
อื่นๆ แทน จนสุดทายเหลือเพียงผูรับใชวัยหกสิบกวาคนเดียวที่คอยดูแลอยู ซึ่งนอยครั้ง
นักในแตละปที่จะเปดประตูตอนรับแขก”
รถมาคันหนึ่งกําลังอยูระหวางการเดินทางไปจวนหมิงออง
กลุมชายหนุมที่ติดตามมากอนหนานี้ มีเพียงสองคนที่ตามมากุมบังเหียนใหอยูนอก
ตัวรถ
เฉินจวีเฟงเลาสถานการณของจวนหมิงอองทีผ่ านมาหลายปใหฟงเบาๆ
“จนกระทั่งเมื่อไมกี่วันมานี้ จูๆ ก็มีคนมากมายปรากฏตัวขึ้นที่จวนหมิงออง พวก
เขาพากันปดกวาดเช็ดถูจวนจนสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเรเรไร แลวทําการเปดจวนขึ้นใหม”
ลูสวินอี้กะพริบตาเล็กนอย เขารูดีวาเปนเพราะขาวการปรากฏตัวขึ้นของหมิงออง
“หลังเปดจวน ฮองเฮาที่หลายปไมเคยเสด็จออกจากวังก็เสด็จมาพักผอนอยูครึ่ง
คอนวัน ตามดวยองคชายและองคหญิงอีกหลายทาน รวมทั้งพระญาติหลายฝายก็พากัน
เสด็จมา จากนั้นผูสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ กระทั่งพอคาวานิชผูมั่งคั่งก็ไดนําของขวัญมา
ให จนถึงวันนี้ จวนอองก็ยังคงมีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยือนไมขาดสาย...”
ลูสวินอี้พยักหนาเขาใจ
แมตอนนี้ประเทศชาติอยูในภาวะสงคราม แตผูคนยังยึดถือประเพณีดั้งเดิมของ
มอจื้ออยู
หมิงอองในวันนี้ ไมใชหมิงอองในอดีตแลว การปรากฏตัวอยางอาจหาญเชนนี้ คน
ในเมืองหลวงถือวาเปนผูมีบารมีคนใหมที่นาเกรงขาม และมีเหลาผูสูงศักดิ์อยากคบหา
สมาคมดวยก็เปนเรื่องปกติ
สวนการที่พระญาติฝายตางๆ ทั้งลูกหลานเหลนโหลนมาก็ไมใชเรื่องแปลก
องคชายหกหายสาบสูญไปหลายป ตอนนี้พอปรากฏตัวขึ้น ญาติพี่นองมาแสดงความ
หวงใยก็เปนเรื่องสมควรอยู
“ทานรอง ตอนนี้จวนหมิงอองกลายเปนจุดสนใจของเมืองหลวงไปแลว
มีตาสัปปะรดของแตละอิทธิพลใหญคอยจับตาดูอยู คนในจวนก็ลวนแลวแตถูกคนในวัง
สงเขามาแฝงตัว ไมมีแมคนเดียวที่เชื่อใจได ทานคิดดีแลวหรือ ตอนนี้พวกเรายังจะ
กลับไปอีกหรือ?”
หลังเลาสถานการณจบ เฉินจวีเฟงก็ถามขึ้นดวยแววตานิ่งขรึม
ลูสวินอี้แววตาจริงจัง ตอบเสียงเบา
“เรากลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ ไมไดกลับมาเปนโจร เมื่อกลับมาแลว ยอมตองพักอยู
ที่จวนหมิงออง”
“แตวา...” เฉินจวีเฟงขมวดคิ้ว รูสึกกระวนกระวายใจ
“ทําไมไมรอสงศีรษะเหลานั้นเขาวังใหเรียบรอยกอนแลวคอยกลับมา? ตอนนี้กลับ
จวนก็เทากับเปดเผยเบาะแสลวงหนา ไมเปนการสรางปญหาเพิ่มขึ้นหรือ?”
“ไมมีปญหา หากจวนอองรางนี่สิ กลับยิ่งอันตราย ตองมีคนกลาบุกเขามาจูโจม
ขโมยศีรษะเหลานี้แน แตตอนนี้ในเมื่อจวนหมิงอองถูกเปดขึ้นอีกครั้งและกลายเปนจุด
สนใจ ก็ถือวาปลอดภัย ใครจะกลาทําผิด ลงมือกับเราตอหนาตอตาผูที่จองมองเราอยู?”
ลูสวินอี้พูดดวยน้ําเสียงนิ่งเรียบ แตแววตาไมนิ่งเรียบ ยังคงมีความกังวลใหเห็น
“ที่ๆ อันตรายที่สุดก็คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด ขอเพียงสามารถกลับจวนอองไดอยาง
ปลอดภัย...”
พอเฉินจวีเฟงไดยินเชนนี้ก็รูสึกใจชื้นขึ้น
“ไมมีปญหา แมตอนนี้มีคนจับตาดูเรา พอเห็นขาอยูขางกายทาน ก็ตองคิดวาขามา
เปนเพื่อนทานมาเยี่ยมเยือนผูสูงศักดิ์”
แมพูดเชนนี้ แตคิ้วของเขายังคงขมวดอยู ยังคงมีเรื่องใหกังวลใจ
ลูสวินอี้เหลือบมองเขา กอนถามเสียงเบา
“ทานกําลังกังวลวาจะกระทบกับกิจการของรานขายขาชางหัวหรือ?”
เฉินจวีเฟงพยักหนาอยางไมปดบัง น้ําเสียงแสดงความกังวลสุดจะเปรียบ
“ทานรอง ถาเปนเชนนี้ ก็เทากับเปดเผยสถานะของรานขายยาชางหัว พวกเรา
ลงทุนไปกับรานนี้มากมายมหาศาล กิจการไปไกลถึงปากแมน้ําทั้งทางเหนือและใต เรา
อาจตองยอมรับกับการปรับเปลี่ยนฉับพลัน”
ขณะเฉินจวีเฟงพูด ลูสวินอี้ก็จองหนาเขานิ่ง ใชสายตาสํารวจทุกอิริยาบถที่สื่อถึง
ความรูสึกของเขา แลววา
“ครั้งนี้ที่ขาเขาเมืองหลวง ไมวาจะเปนเรื่องเวลาหรือเรื่องความปลอดภัยก็ลวน
ระมัดระวังยิ่ง ไมสามารถวางแผนระยะยาวได ตองคอยสืบดูสถานการณ และรีบทํา
ความเขาใจใหแจมแจงโดยเร็ว นอกจากพบทานแลว ขาไมมีทางเลือกอื่นอีก แตพอพบ
ทาน สถานะทานก็ตองถูกเปดเผย...”
ลูสวินอี้พยักหนา ถอนหายใจเบาๆ กอนพูดตอ
“เฮอ...รานขายยาชางหัว ถึงเวลาเปดเผยก็ตองเปดเผย ทรัพยสินเงินทองเปนเรื่อง
สําคัญก็จริง แตก็เทียบไมไดกับเรื่องใหญที่องคชายหกกําชับไว”
หนังตาเฉินจวีเฟงกระตุกอยางแรงสองครั้ง ดวยยังรูสึกเสียดายโครงสรางของ
รานขายยาชางหัวอยู
ซึ่งเปนเรื่องปกติ เพราะนี่ไมใชกิจการเล็กๆ บริหารจัดการอยางยากลําบากมาสามป
พอมาถึงจุดนี้ อยาวาแตเขาเลย ดานขององคติ้งอูก็ใชวาจะยอมรับเรื่องนี้ไดโดยงาย
แตสุดทาย เถาแกเฉินยังคงถอนหายใจออกมายาวๆ กอนถาม
“เรื่องนี้ องคชายหกรับทราบแลวใชไหม?”
“แนนอน กอนออกเดินทางก็คิดอยางถี่ถวนแลว ตอนนี้สถานการณในหมิงจูเขาขั้น
วิกฤต โดยเฉพาะอยางยิ่งหลังองคชายหกสังหารชุยเฉาเหยี่ยนแลว คนเถื่อนเกือบจะ
พลิกแผนดินตามหาเบาะแสของเรา แตเรายังไมพรอมตอสูซึ่งหนากับพวกมัน จึงไดแต
เงียบไวชั่วคราว คอยฟงขาวจากภายนอกอยางระมัดระวัง ตอนขาออกเดินทาง ก็ยังไมรู
ขาวจวนหมิงอองในเมืองหลวงเปดแลว เดิมทีคิดวาพอมาถึง จวนหมิงอองตองเปดขึ้น
เพื่อตอนรับเรา องคชายหกแมรับความคลาดเคลื่อนเล็กนอยนี้ได แตจวนหมิงอองเปน
สิ่งที่ไมสามารถแอบซอนไวอีกตอไป จากวันนี้เปนตนไป เราตองเปนหนึ่งในผูมีอํานาจ
บารมีที่ยิ่งใหญ และแนนอนวาองคชายหกจะไมออกหนาติดตอเรื่องตางๆ ดวยตัวเอง
แตเมื่อเปดจวนแลวยอมตองมีการติดตอกับบุคคลตางๆ ซึ่งตอนนี้เรายังไมสามารถยืน
อยางมั่นคงไดในหมิงจู จวนหมิงอองในเมืองหลวงจึงเปนฐานที่มั่นอันเหมาะสมที่สุดที่
องคชายหกทรงเลือก”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้สะดุดนิดหนึ่ง กอนพูดตอ
“การเปดจวนหมิงอองขึ้นใหม ตองมีผูที่เหมาะสมคอยจัดการดูแลคนหนึ่ง องคชาย
หกพิจารณาคนในจวนแลวเห็นวา ผูที่มีความรูความเขาใจและเคยเกี่ยวของกับฐาน
อํานาจตางๆ อีกทั้งยังมีความสามารถจัดการบริหารคนในทุกๆ ฝาย ไมมีใครเหมาะสม
ไปกวาทานเฉินแลว”
“หา?” เฉินจวีเฟงตะลึง ชี้นิ้วเขาหาตนเองอยางงงๆ “ขา...ทานรอง ความหมาย
ของทานคือ?”
ลูสวินอี้แววตาจริงจัง
“ไมผิด แมกิจการรานขายขาชางหัวใหญโต แตการคาจะอยูรอดหรือไมยอมขึ้นอยู
กับผูควบคุม องคชายหกใหขามาปรึกษากับทานเฉินดูวาทานจะยอมรับตําแหนงพอบาน
จวนหมิงอองหรือไม?”
มานตาเฉินจวีเฟงพลันหดตัวลง สั่นเทิ้มไปทั้งรางอยางไมสามารถสงบลงได
สุดทายจึงตองคุกเขาลงบนพื้นรถมา ประสานมือคารวะ
“ขาขอถวายชีวิตรับใชทานออง”
เมื่อครูลูสวินอี้จองมองเฉินจวีเฟงตาไมกะพริบ จวบจนเฉินจวีเฟงรับปาก เขาคอย
รูสึกผอนคลายลง น้ําเสียงจึงเปยมความจริงใจมากขึ้น
“ทานเฉิน ทานอองเคยพูดไววา เรื่องนี้สําคัญมาก อาจเกี่ยวของถึงชีวิต ทานอองอยู
ไกลถึงหมิงจู เกรงวายากที่จะดูแลไดอยางทั่วถึง...”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้สังเกตเห็นวาแววตาเฉินจวีเฟงไมหลุกหลิกแมแตนอย สีหนา
ยังคงแนวแน จึงพูดตอ
“ทานเฉิน ทานก็รูวา ทานอองกลับมายิ่งใหญในครั้งนี้ ทําใหผูมีอํานาจมากมาย
ตองการสืบรูความเปนมาเปนไป แตเบาะแสของทานอองยากสืบเสาะ และมีไมกี่คนที่
กลาลงมือกับทานออง แตไมไดหมายความวาจะไมกลาลงมือกับทาน...”
เฉินจวีเฟงคิ้วกระตุก รอนระอุไปทั้งราง ประสานมือคารวะ พูดดวยน้ําเสียงแนวแน
ไมลังเลแมแตนอย
“ทานรอง อยาพูดเชนนี้เปนอันขาด ขอทานทูลทานอองแทนขาดวยวา ตระกูลขุน
นางขาอยูมาหาสมัย ลวนทําคุณตอบแทนประเทศชาติทั้งสิ้น ขาเองก็เรียนหนังสือมาแต
เด็ก หวังเสมอวาจะไดทํางานรับใชราชสํานัก เสียดายตอนสอบจองหงวน กลับทิ้งตํารา
ลงเรือไปเอาดีดานการคาเสียนี่...
ปนั้น ตระกูลขาประสบเคราะหกรรม โชคดีที่ขากับพอไดรับความชวยเหลือจาก
ทานออง และไดดิบไดดีมาจนทุกวันนี้ก็เพราะทานอองมอบโอกาสให ทานอองฐานะ
สูงสงแตกลับเลือกที่จะอยูในพื้นที่เสี่ยง ทํางานเพื่อราษฎร ปณิธานอันยิ่งใหญเชนนี้ ขา
ไดมีโอกาสใชความสามารถทําเพื่อประเทศชาติ ถวายชีวิตรับใชทานออง ก็นับเปนเกียรติ
สูงสงแลว ไหนเลยจะคิดปฏิเสธอีก ขาตองพยายามอยางสุดความสามารถ แมตายก็ไม
เสียดาย!”
แววตาลูสวินอี้วูบไหวไมหยุด พอสงบลงไดจึงแยมยิ้มแลววา
“ทานเฉินคุณธรรมสูงสง โปรดรับการคารวะจากขา”
ลูสวินอี้คุกเขาขางหนึ่งลงบนพื้นรถมา แสดงความยอมรับนับถือดวยใจจริง
“ทานรองรีบลุกขึ้นเถิด ขาไหนเลยจะรับการเคารพจากทานได...”
ภายในรถมาเงียบสงบลง ชายหนุมสองคนที่กุมบังเหียนอยูนอกตัวรถหันมาสบตา
กัน
พวกเขาบําเพ็ญเพียรมาไมนอย จึงไดยินเสียงพูดคุยในรถอยางชัดเจน พอสบตา
ตางก็มีความสงสัยในแววตา แตสุดทายก็ไดแตละสายตาไปเฝาระวังรอบทิศ
“มา...พวกเราดื่มใหหัวหนาอูแกวนึง!”
“ถูกตอง เพราะพวกเราติดตามหัวหนาอู ถึงมีโอกาสกินของดีและดื่มสุราดีเชนนี้ พี่
นอง ยกจอกขึ้น...”
“ฮะๆ นี่มันรวมหัวกันมอมเหลาลูกพี่ชัดๆ มาๆ รินเต็มแกว ลูกพี่ไมกลัว ฮาๆ...”
ในเจียงหัวเหลา อูประตูเมืองกับลูกนองคนสนิทกําลังดื่มสุรากันอยางสะใจ ชนิดไม
เมาไมเลิก
เห็นไดชัดวาเขาเดนสุดในโตะ ไดรับการยกยอปอปนตลอด
และเขาก็ชอบเสียดวย ทวาเจียงหัวเหลาที่มีแตลูกคนมีเงินเดินเขาเดินออก เสียง
เอะอะมะเทิ่งของกลุมทหารจึงไมเปนที่พอใจของแขกที่นั่งอยูโดยรอบสักเทาใดนัก
“เฮย นึกวาใคร ที่แทก็ทหารอันธพาลไมกี่คน เจียงหัวเหลารับคนกักขฬะพวกนี้เขา
มาไดอยางไร?”
ในที่สุดก็มีคนแสดงความไมพอใจแลว เปนกลุมคุณชายที่เพิ่งกาวเขามาในเหลา
หนุมหนาขาวคนหนึ่ง มือถือพัดโบกไปมาแมอยูในฤดูหนาวเดือนสิบสอง พูดพลาง
มองดูอูประตูเมืองกับพวกอยางขยะแขยง
ปง!
อูประตูเมืองฟาดฝามือลงบนโตะทันที ลุกพรวดขึ้น หันกายเผชิญหนากับหนุมหนา
ขาว กอนตะโกนเสียงดัง
“ที่พูดเมื่อครู หมายถึงลูกพี่ใชไหมไอหนุมหนาขาว?”
“โอ?” หนุมหนาขาวทําทาตกใจในความกาวราวของเขา แตแลวหนาก็แดงดวย
ความโกรธขึ้นทันที
“ชางกลา พูดจาเสียมารยาทกับขา...”
เพลง....
“เสียยาเจาสิ....”
อูประตูเมืองจับขวดเปลาฟาดศีรษะหนุมหนาขาว โลหิตสดๆ ไหลลงจากหนาผาก
หนุมหนาขาวรอง
“พวกตอตาน...”
ผูที่อยูขางกายเขาตางสับสนอลหมาน แตละคนรีบรองเสียงดัง
“พวกบาระห่ํา ทหารอันธพาลพวกนี้มาจากไหนกัน?”
“พวกเจาเดือดรอนแน ทานผูนี้คือคุณชายสาม บุตรชายใตเทาอูแหงกรมศาสนา
และวัฒนธรรม...”
“เจาหนาที่ ยังไมมาจับทหารอันธพาลพวกนี้ไปอีก!”
“เฮย กลาขมขูลูกพี่อยางนั้นรึ ลูกพี่รับใชใตเทาฟาง ฟางโหยวฉิน ใครกลาวาลูกพี่
เปนทหารอันธพาล? เห็นลูกพี่ไมตีลูกเมียนอยอยางพวกเจาใหตายใชไหม...”
อูประตูเมืองคลายดื่มมากเกินไป เขาเดือดดาลจนชักดาบออกจากเอวขึ้นเตรียม
ตอสู
ตอน 228 ระหวางทางกลับบาน (2)
“เออ หัวหนาอูๆ อยาๆ ไมเอาๆ!”
“หัวหนาอูใจเย็นๆ!”
“ไมไดนา หัวหนาอู...”
กลุมทหารยังมีสติอยู แตอูประตูเมืองกลับไมยึดถือเหตุผลอะไรทั้งสิน้ ระเบิด
อารมณอยางฉับพลันจนลูกนองหามปรามไมทัน ไดเลือดจนได
กลุมทหารตางมองดูผูคนในเหลา ซึ่งลวนเปนลูกผูดีทั้งนั้น อารมณตกใจทําใหพวก
เขาสรางเมา รีบชวยกันลากอูประตูเมืองออกไป ไมใหเขากอเรื่อง
ทวาอูประตูเมืองแรงดีมาก ขนาดหลายคนเขาลากก็ยังเอาไมอยู หนําซ้ํายังหันมา
เอาเรื่องกลับ ทําเอาลูกนองแทบเปนบา
ขณะตะโกนใสกันชุดใหญ ผูจัดการเจียงหัวเหลาก็พาคนเดินเขามา พอเห็นสภาพก็
มิไดพูดจาอะไร ชวยคนกอน แตอูประตูเมืองกลับบาระห่ําหนัก ฤทธิ์สุราทําใหเขาดิ้นรน
ตอสูอยูพักหนึ่ง จนขาวของในเจียงหัวเหลาตกแตกเสียหายกระจัดกระจาย สวนกลุม
ทหารที่มาดวยกันก็มิไดเขาไปชวยเหลือแตอยางใด แตก็ไมกลาหนี แตละคนยืนเหงื่อตก
สีหนาคลายจะรองไห เนื้อตัวสั่นเทา
ยังดีที่อูประตูเมืองเปนชายชาตรี เขาเหมือนยังไมรูวาพี่นองที่ตนเองพามานั้นไม
เพียงไมเขามาชวย ยังถูกจับกุมตัวอีก จึงรองตะโกนเสียงดัง
“วะ พวกมากรังแกพวกนอยนี่หวา รอเดี๋ยว พวกเจารอเดี๋ยว เจาหัว เถียนจื่อ พวก
เจาไมตองกลัว สูตอไปเพื่อลูกพี่ ตีลูกเมียนอยพวกนี้ใหตาย...เออ...”
กลุมทหารพลันสีหนาซีดขาว เกือบกระอักโลหิต ตางคิด เราลงมือแตเมื่อไหรกัน?
การอาละวาดสิ้นสุดลง อูประตูเมืองกับพี่นองทีด่ ื่มสุราดวยกันถูกจับมัด กอนนําตัว
ออกไป
หองขังในกองปราบปราม
“เอ เหตุใดนําทหารสงมาใหพวกเราละ? ดูจากเสื้อผาแลวนาเปนพวกรักษาการณ
ประตูเมือง”
“ดื่มจนเมา บาดีเดือด ตีหัวลูกชายใตเทาอูแหงกรมการศาสนาเขาให ทั้งยังเกือบพัง
เจียงหัวเหลาอีก...”
“โอ ชางกลาอะไรขนาดนั้น รนหาที่ตายชัดๆ”
“เฮย อยาพูดมาก คนก็สงมาแลว ใตเทาไมอยูก็ขังไวกอน แตตองจําไววา อยาให
ใครมาทํามิดีมิรายไดละ”
“หา? อยางไร?”
“แมเปนทหารเฝาประตูเมือง แตเขาบอกวาเปนลูกนองใตเทาฟาง ตองระวังใหดี
อยาทําใหผูใหญทะเลาะกัน ใตเทาเราบอกแลววา ถาไมอยากเดือดรอน ใหขังไวกอน รอ
ใหใตเทาทั้งสองตกลงกันเองเสร็จ ผลออกมาเปนอยางไรคอยวากัน”
เจาหนาที่หองขังอึง้ กอนพยักหนา
“รูแลว ตองไมใหเกิดเรื่องกับเขา!”
เจาหนาที่เขาใจในสิ่งที่ถูกกําชับไว คุณชายรุมรวยที่ถูกตีหัว ดีไมดีอาจมาแกแคนตอ
ที่นี่ โดยปกติแลวพวกเขาจะไมหาม แลกกับผลประโยชนเล็กๆ นอยๆ แตการกําชับ
พิเศษครั้งนี้ เปนการบอกเขาวา อยาตุกติก
“ใตเทาฟางหนาใหญมาก แตหมอนี่เปนคนเฝาประตูเมืองนี่? เหตุใดถึงเปนลูกนอง
ใตเทาฟางไดละ?”
เจาหนาที่พึมพําเบาๆ กอนลั่นกุญแจหอง แลวหันไปกําชับผูดูแลหองขังทุกคนวา
อยาใหใครเขาใกลเจานี่
หองขังเงียบสงบลง
อูประตูเมืองที่นอนกรนเสียงดังอยูบนพื้นคอยๆ ลืมตาขึ้น ไหนเลยจะมีเจตนาลุย
แหลกอีก หันมองสภาพแวดลอมรอบเรือนจํา ตาทอประกายวูบ แลวจึงพลิกกาย นอน
กรนตอ
ขณะเดียวกัน ที่พักแหงหนึง่ ของคนตระกูลหลิน คนผูหนึ่งซึ่งมีอายุราวสี่สิบกวา
บุรุษหนาขาววัยกลางคน กําลังนั่งอยูดานใน เงยหนาขึ้นพูดเสียงขรึม
“เจาวาอะไรนะ? เมาสุราอาละวาด? ถูกจับไปที่กองปราบปรามแลว?”
“ขอรับอาจารยหลิว เราตามมันไปถึงเจียงหัวเหลา แตในเหลาไมสามารถลงมือ จึง
ไดแตรอ คิดไมถึงวาคุณชายสาม บุตรชายใตเทาอูแหงกรมการศาสนาจะพาเหลาสหาย
คุณชายมากินขาวที่เหลา แลวพูดจาถากถางมัน เจาอูประตูเมืองนี่ก็ดื่มเขาไปมาก เมา
แลวลงมือหนัก แถมเกือบพังเจียงหัวเหลาดวย...เห็นมันถูกจับไป พวกเราก็ไมกลา
วูวาม!” ชายฉกรรจสวมชุดสีเขียวรายงานเสียงขรึม
อาจารยหลิว ก็คือผูที่สั่งใหหวนเออเฆี่ยนหนิงเออรตอนหนิงเออรอยูใ นนิวาสสถาน
และกําลังจะถูกสงตัวกลับในตอนนั้น
หลายปตอมา เขาปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงอีกครั้ง และตอนนี้ไดลุกขึ้นยืน เดินไป
มาพรอมแววตาอันล้ําลึก สักพักแววตาคอยทอประกาย เงยหนาขึ้น
“คลังยาสกุลหวงที่เปยเหอละ สืบไดความวาอยางไร?”
“ศาลาวาการเปยเหอไดออกเอกสารขอผานทางใหคลังยาสกุลหวงจริง คลังยาสกุล
หวงจึงสงคนมาดูแลสินคาจํานวนหนึ่ง แตที่ทานกําชับใหสงรูปวาดของคนเหลานี้ใหทาง
เปยเหอยืนยัน ยังตองรออีกสักพัก ไมสามารถตรวจสอบใหไดในทันที เร็วที่สุดนาจะเปน
คืนนี้” ชายชุดเขียวตอบ
“คืนนี้ไมทัน ไมทันแน!” อาจารยหลิวกําหมัด พึมพําไปมา
“รานขายยาชางหัวยายมาจากหมิงจู ตอนเฉินจวีเฟงอยูหมิงจูไดเปดรานขายยา ลูก
ชายคนเดียวของเขาเรียนดานการแพทย
ไปฉางชิงไดรับการยกยองจากวงการแพทยหมิงจูใหเปนหมอเทวดาอันดับหนึ่ง ราน
ขายยาชางหัวของเฉินจวีเฟงก็เปนรานขายยาคุณภาพอันดับหนึ่งในหมิงจูเชนกัน เปนไป
ไดสูงที่ทั้งสองจะไปมาหาสูกับ แตพอไปฉางชิงเปดเผยตัวตนวาเปนหมิงออง คนอยาง
เฉินจวีเฟงกลับมีปฏิกิริยาเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เหมือนไมเคยรูจักไปฉางชิงมากอน
ผิดปกติ ผิดปกติยิ่ง”
“สวนเจาอูประตูเมือง เดิมทีเปนทหารคนสนิทของฟางโหยวฉิน แตเพราะทํา
ความผิดอยางหนึ่งในกองทัพ จึงถูกยายไปรักษาการณที่ประตูเมือง เหตุใดตอนนี้เขาถึงมี
ใจรับสินบน? แถมยังดื่มสุราอยางสะใจเพียงนั้น? นี่ก็ไมถูกตอง”
“แมไมมหี ลักฐาน แตเรื่องผิดปกติหลายเรื่องนั้นนาสงสัย หลังจากหมิงอองสังหาร
กลุมคนจากสํานักเตาแลว ลาสุดก็ยังไมมีขาวใดๆ ของเหมยจื้อเฟงกับคุณหนู ตอนนี้ราช
สํานักไดประกาศยกยองเขาซางชิงและสํานักเตาที่ไปหมิงจู สวนเหมยจื้อเฟงที่เปนตัว
ประกันอยู สํานักเตา...”
“ไม ไมถูก ตองไมใหราชสํานักญาติดีกับสํานักเตาเปนอันขาด ถาสํานักเตาไมขึ้นกับ
ราชสํานัก ก็ไมมีทางรวมมือกับหมิงอองแน...ยังมี ศีรษะของคนจากสํานักเตา หาก
สามารถชวยสํานักเตาสกัดกั้นไมใหถึงมือราชสํานัก ก็จะลดทอนบารมีหมิงอองลงได...”
อาจารยหลิวพูดเองเออเองสักพัก พลันหันมามองชายชุดเขียว
“คนพวกนี้ตอนนี้อยูที่ไหน”
“เฉินจวีเฟงพาลุงหัวหนาคลังยาสกุลหวงนั่งรถมาไปถนนหมิงฝู โดยมีผูที่มาดวยกัน
กับลุงสองคนเปนผูกุมบังเหียนมา สวนอีกหาคนอยูที่รานขายขาชางหัว” ชายชุดเขียว
ตอบ
“ผูกุมบังเหียน ผูกุมบังเหียนรถมาสองคนเปนคนของคลังยาสกุลหวง ไมใชคนของ
เฉินจวีเฟง นี่ก็ไมถูกอีก พวกเขามาถึงเมืองหลวงทั้งที เฉินจวีเฟงตองรับผิดชอบที่พัก
อาหารการกินและความปลอดภัยของพวกเขาสิ แลวเหตุใดจึงใหพวกเขามาบังคับมา?
ถนนหมิงฝู นอกจากบานตระกูลผูสูงศักดิ์แลว จวนหมิงอองก็อยูบ นถนนเสนนี้ นี่...”
อาจารยหลิวหรี่ตา
“เปนพวกเขาแน พวกเขาตองมาแลวแน เสียดาย เจาอูประตูเมืองกับทหารพวกนั้น
ถูกจับเพราะทะเลาะวิวาทเสียนี่ แยชะมัด...ไมได รอไมได แมผิด ก็ยอมฆาคนผิด ปลอย
ไปไมได”
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ทําตาโต
“รีบสงขาวใหเขาซางชิง บอกทุกอยางใหพวกเขารูวาคนของหมิงอองมาแลว...”
“ขอรับ!” ชายชุดเขียวรับคําสั่ง แตกลับชะงัก กอนถามขึ้น
“อาจารย ตอนนี้พวกนั้นกําลังอยูระหวางการเดินทางไปยังถนนหมิงฝู เกรงวาไม
สามารถลงมืออยางอุกอาจได!”
อาจารยหลิวกะพริบตาหลายครั้ง “เชนนั้นก็รอใหพวกมันไปถึงถนนหมิงฝูกอน ตอง
เร็ว”
“ขอรับ!”
“เดี๋ยว!” อาจารยหลิวเห็นเขาหันกายจึงรีบเรียก
“คิดหาทางสงจดหมายใหคณะทูตานุทูตของประเทศฉีดวย บอกพวกเขาวาหมิงออง
สงศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนมาที่เมืองหลวงแลว...”
ปง!
เหมยอวิ๋นชิงตบโตะ สีหนาเย็นชาราวหิมะ พลังปราณทั่วรางคลายเย็นยะเยียบ แม
เปนอิสตรี แตความคิดกลับล้ําลึก นากลัว
เทียบกับครั้งแรกที่เห็นนางในทองพระโรง ใบหนานางแทบไมเปลี่ยนแปลง
กาลเวลาหาปไมสามารถทําอะไรนางได ไมมีริ้วรอยกล้ํากลาย มีแตรัศมีบารมีที่เพิ่มขึ้นใน
ทุกอิริยาบถ
จะเห็นไดวาหลายปมานี้ เขาซางชิงเปนมิตรกับทุกฝายทามกลางความวุนวายทั่ว
หลา นางกลายเปนผูนําสตรีที่ไดรับการเคารพยกยอง สมกับภาพลักษณและบุคลิกอัน
สงางามที่นางรักษาไวเรื่อยมา
นางไมพูดอะไร ลุกขึ้นหันกายเดินออกนอกประตู ชงเสวียนที่อยูขางกายพลันหนา
เปลี่ยนสี รีบโพลง
“ศิษยนองเหมย อยาวูวาม!”
เหมยอวิ๋นชิงหยุดเดิน ชะงักเล็กนอย กอนเอยปากพูด
“ศิษยพี่ชงเสวียนก็รูนี่วา ศิษยพี่หลิวซื่อเหยียนสูจนตัวตายเพื่อสํานัก เขาซางชิงจะ
อยางไรก็ตองใหความเปนธรรมกับเขา ไมควรใหใครนําศีรษะของเขามาลบหลู และเขา
ซางชิงยิ่งไมสามารถยอมรับความอัปยศอดสูเชนนี้เปนอันขาด!”
ชงเสวียนกาวเขาไปขวางหนานางไว
“แตศิษยนอง เจาตองรูนะวาที่นี่คือเมืองหลวง พวกเราจะทําอะไรลวนตอง
ระมัดระวัง หากเกิดเรื่องใหญขึ้นมา อยาวาแตชีวิตเจากับขาเลย ศิษยในสํานักก็ตอง
เดือดรอนไปดวย”
ทวาสีหนาเหมยอวิ๋นชิงกลับเย็นชา พูดเสียงดังกอง
“เฮอะ คนรุนใหมบาระห่ําบกพรองทางความคิด กลาสังหารคนของสํานักเรา ซ้ํา
จับจื้อเฟงเปนตัวประกันนี่นะ แตขากลับอยากดูวา พวกมันจะกลามากแคไหน กลา
ขนาดเอาชีวิตคนตระกูลเหมยของขาดวยหรือไม?”
“ศิษยนอง...”
ชงเสวียนยอมแพ ยอมแพจริงๆ หลายปที่ผาน บารมีนางไมเพียงไมลดลง แตกลับ
เพิ่มมากขึ้นจนนากลัว เขาจึงไดแตพูดวา
“ศิษยนอง หามวูวามเด็ดขาด ขาไมไดบอกวาเราจะนิ่งดูดาย เพียงแตถาลงมือ เจาก็
ไมควรลงมือเอง มิฉะนั้นแลวหากเกิดปญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ แมแตจอมยุทธก็ตองตกที่
นั่งลําบาก”
พอพูดถึงจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิงคอยเก็บอารมณคืนกลับ
ชายวัยกลางคนที่นั่งไมขยับเขยื้อนมาแตตน ที่สุดแลวจึงเอยปาก
“อวิ๋นชิง อยาวูวาม ควรฟงคําของศิษยพี่ชงเสวียน”
“พี่ใหญ หมิงอองสงคนมาแลว ตองเปนคนสนิทแน หากจับมันมาได...” เหมยอวิ๋น
ชิงพูดเสียงขรึม
“พอแลว จื้อเฟงเปนบุตรชายขา ขาไมไดหวงเขานอยไปกวาเจาเลย แตศิษยพี่
ชงเสวียนพูดมีเหตุผล หากจัดการเรื่องโดยไมคิด ปญหาที่ตามมาจะแกยาก เจาก็นาจะรู
วา แมแตคนบานหลินยังรูขาวนี้ ไหนเลยที่ราชสํานักจะไมรูเลา? เปนไปไดไหมที่พวกเขา
จะขุดหลุมพรางลอใหพวกเรากระโดดลงไป? จิตใจขององคติ้งอูมิไดกวางขวางอยางที่เจา
กับขาคิด เขาอาจตองการสรางความเสียหายใหทั้งสองฝายก็เปนได!”
ชายวัยกลางคนผูนี้ที่แทก็คือบิดาของเหมยจื้อเฟง
บุตรชายจอมยุทธเหมย เหมยอวิ๋นเทียน
เขาดูมีบารมีนอยกวาเหมยอวิ๋นชิง วิชาเตาก็ดอยกวา การเปนอาจารยไมใชเรื่องงาย
เขามีพรสวรรคไมพอ แมเปนบุตรชายจอมยุทธ แตผลสุดทายก็เปนไดเพียงระดับ
อาจารยเทานั้น
เหมยอวิ๋นเทียนพูดเสียงขรึม
“ศิษยพี่ชงเสวียน ตามความเห็นของทาน ควรจัดการเรื่องนี้อยางไร? จะใหศีรษะ
ศิษยพี่หลิวตกอยูในมือคนของราชสํานักไมไดอยางเด็ดขาด มิฉะนั้นจะมีผลกระทบตอ
ความนาเชื่อถือที่คนในแวดวงสํานักเตามีตอเขาซางชิงเรา
อีกทั้งจื้อเฟงตอนนี้เปนอยูอยางไร เราก็ไมมีทางรูเลยสักนิด เดิมทีชีวิตของจื้อเฟง
ไมใชเรื่องใหญ แตสถานะหลานศิษยจอมยุทธ หากเกิดเรื่องขึ้นภายใตน้ํามือหมิงออง ก็
เทากับบารมีจอมยุทธถูกลบหลู!”
ชงเสวียนรูสึกขมขื่น พูดไปพูดมา ทานที่ดูเยือกเย็นนี้ กลับกลายเปนคนบีบเขาแทน
จึงไดแตสูดหายใจเขาลึกๆ ครุนคิดสักพัก แนนอน เขารูสึกลําบากใจ เพราะตองคิดใหทั้ง
เขาซางชิงและตระกูลเหมย จะทิ้งฝายใดฝายหนึ่งไปไมได
แตสุดทายแลวก็ไมมีวิธีที่ดีที่สุด จึงหลับตาและลืมตา
“เชนนั้นเราก็ไดแตลองลงมือดู ไมวาจะสําเร็จหรือไม คนของเราก็หามเปดเผย
ตัวตนเด็ดขาด แตก็ไมสามารถสงปรมาจารยไปมากเกิน เพียงทานเดียวก็พอ!”
“หา?” เหมยอวิ๋นชิงมีสีหนาจริงจัง
“ปรมาจารยทานเดียวจะทําสําเร็จไดอยางไร?”
ชงเสวียนพูดเสียงขรึม
“ในเมืองหลวงตอนนี้ ปรมาจารยเกือบทั้งหมดมาจากสํานักเรากับราชสํานัก หาก
เราสงปรมาจารยไปเปนกลุม ก็เทากับปาวประกาศอยางโจงแจงใหรูทั่วกันวา นี่เปนฝมือ
เรา อีกทั้งพวกเขาก็มีกันนอยนิด และยังหนุมอยูท ั้งนั้น มีคนแกเพียงคนเดียว อยางมาก
ก็แคอาจารย สวนเฉินจวีเฟงที่มาดวยก็ไมมีวรยุทธ การที่รานขายยาชางหัวมีกิจการ
ใหญโตถึงเพียงนี้ได สถานะของเฉินจวีเฟงไมนาต่ําตอย เพียงใชชีวติ ของเขาใหเปน
ประโยชน เบนความสนใจจากอาจารยทานนั้น เราก็ทําสําเร็จได เพราะเราไมไดสังหาร
คน เพียงแยงศีรษะศิษยพี่หลิวกับศีรษะที่เหลือมาได ก็นับวาสําเร็จแลว!”
“ไมได ตองจับตัวคนของหมิงอองมาดวย อาจารยนั่น...” เหมยอวิ๋นชิงปฏิเสธโดยไม
ตองคิด
“ศิษยนอง!” ชงเสวียนเริ่มเสียงดัง
“อยาลืมวา นี่เปนเมืองหลวง นอกจากจอมยุทธจะลงจากเขา มิฉะนั้นแลวที่นี่ไมใช
ที่ๆ พวกเราสามารถลงมือไดอยางชะลาใจโดยไมตองเกรงกลัวใดๆ ”
อันที่จริงคําพูดนี้เกินไปหนอย ซึ่งแมจอมยุทธเหมยลงจากเขามาดวยตัวเอง ก็อยา
คิดวาจะทําอะไรไดตามอําเภอใจ หาปรมาจารยที่อยูนี่ หนึ่งเปนคนของราชสํานัก หนึ่ง
เปนคนของเชื้อพระวงศ นี่ยังไมพูดถึงกองทัพทหารอีกนับพันนับหมื่น พูดเพียงเรื่อง
พละกําลังของผูบําเพ็ญเพียร ที่นี่ยอมมิใชที่ที่จอมยุทธเหมยจะมาอวดเบงศักดาได
พลังปราณในรางของเหมยอวิ๋นชิงเย็นยะเยียบลงไปอีก แตสุดทายก็มิไดปริปากพูด
ชายวัยกลางคนก็มีสีหนาไมสูดีนัก ไดแตตอบวา
“ทําตามที่ศิษยพี่วาก็แลวกัน”
ชงเสวียนโลงอก น้ําเสียงจึงนุมนวลลง
“และการทําเชนนี้ หากเกิดปญหาขึ้นมาจริงๆ ก็ยังโบยใบไปไดวา หากเปนฝมือเขา
ซางชิงเราจริง เหตุใดจึงสงปรมาจารยมาแคคนเดียวเลา เห็นไดชัดวามีคนคิดใสรายปาย
สีเรา”
เหมยอวิ๋นเทียนกับเหมยอวิ๋นชิงตะลึง ทั้งสองนั่งลงพรอมกัน โดยไมพูดจาอะไรอีก
อีกดานหนึ่ง คณะทูตานุทูตประเทศฉีพอทราบขาว ก็คิดทําการโดยไมรีรอ
ทานทูตที่มาครั้งนี้ มีนามวา จาวหมิงรุย เปนผูชวยเจากรมการตางประเทศ ซึ่งกอน
หนานี้เคยพํานักอยูในหมิงจู ตอนนี้ เขากับกุนซือกลุมหนึ่งกําลังนั่งขมวดคิ้วอยูดวยกัน
“พวกทานคิดเห็นอยางไร?” จาวหมิงรุยถามขึ้นเสียงขรึม
“ถาขาวนี้เปนจริง ยอมตองนําศีรษะของทานปรมาจารยกลับมา เพื่อเสริมสราง
ความเชื่อมั่นในการทําลายลางตาเซี่ย!” มีคนพูดขึ้นโดยไมลังเลใจ
“ไมผิด องคชายหกแหงตาเซี่ยโอหังเกิน วางแผนสังหารปรมาจารยเรา ทําใหผูที่อยู
ในแวดวงบําเพ็ญเพียรของเราหวาดกลัว นี่เปนผลเสียกับเราเปนอยางยิ่ง
ที่ตองรีบดําเนินการจูโจมอยางแข็งแกรง ทําใหคนตาเซี่ยที่ขลาดกลัวพวกนี้รูวาไมมี
ทางรบชนะจักรวรรดิฉีของเราได”
“พูดถูกตอง พวกเราควรลงมือจูโจมอยางไมตองลังเลแมแตนอย!”
แตกตางอยางสิ้นเชิงกับเขาซางชิง คนกลุมนี้แทบไมสนใจวาที่นี่คือเมืองหลวง เห็น
พองตองกันเปนหนึ่งเดียว ลงมือ!
อันที่จริง พวกเขาโอหังยิ่ง แตถาไมโอหังก็คงไมกลามาที่นี่หรอก
กองทัพอันแข็งแกรงเปนฐานความมั่นใจอยางไมสิ้นสุดของพวกเขา ประเทศเรา
กําลังจะถูกพวกเขาทําลายจนสิ้นแลว เหตุใดพวกเรายังไมคุกเขาลงตรงหนาพวกเขาอีก?
นี่เปนความเชื่อมั่นอยางไรทสี่ ิ้นสุดชนิดหนึ่งของผูแข็งแกรง
จาวหมิงรุย พยักหนา เหลตามองผูที่นั่งอยูไมไกลนัก ผูอาวุโสซึ่งกําลังนั่งหลับตา มือ
กุมกระบี่ยาว
“อาจารยจิน!”
ผูอาวุโสที่ถูกเรียกวาอาจารยจินลืมตา แลวจึงคอยๆ พยักหนา ลุกขึ้นยืน กอนพูด
อยางสงบนิ่ง
“ได รอขาสักครู ตองนําศีรษะศิษยนองกลับมาแน พรอมสมุนหมิงออง!”
จาวหมิงรุย ยืนขึ้นโคงคํานับ
“ตองไหววานทานอาจารย สําแดงเดชจักรวรรดิฉีของเราใหเปนที่ประจักษในเมือง
หลวงตาเซี่ยดวย!”
“เปนเชนนี้แน!”
ตอน 229 เหมือนเขาเขตปลอดคน
แมรานขายยาชางหัวกับจวนหมิงอองตางตั้งอยูในเขตกึ่งกลางเมืองริมรั้วพระราชวัง
แตถาใชรถมาเดินทางไปมาหาสูกัน ระยะทางกลับไมใกล
รานขายยาชางหัวตั้งอยูในเขตตะวันตกที่คึกคักสุดของเมืองหลวง สวนถนนหมิงฝู
ตั้งอยูในเขตใตที่เงียบสงบสุดของเมืองหลวง
ทั้งสองสถานที่หางกันไมใกลไมไกล ถาใชเทาเดินพลางชมทิวทัศนสองขางทางไป
ดวย ก็ประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได
แมพวกลูสวินอี้นั่งรถมาก็ยังตองใชเวลาราวครึ่งชั่วโมง ถึงจะเห็นถนนหมิงฝู
แนนอนวาหากไมใชชวงเย็นที่มีผูคนพลุกพลานมากสุดเชนนี้ อาจมาถึงเร็วกวานี้
เพราะไมสามารถบังคับมาใหวิ่งเร็วเกิน พวกเขาจึงไปไดไมเร็วไปกวาคนเดินเทามากนัก
แตอยางไรก็ใกลถึงจวนหมิงอองแลว ลูสวินอี้ยื่นมือเปดประตูรถมาดานหนึ่งออก
กอนกวาดตามองโดยรอบ ดานหลังยังคงเห็นความคึกคักชัดเจน สวนดานหนาเปนถนน
กวางใหญสายหนึ่ง ที่เรียกกันวาถนนหมิงฝู
บนถนนเห็นรถมาวิ่งไปมาประปรายอยางเปนระเบียบ ไมวุนวาย
“ถึงตรงนี้ก็นาจะปลอดภัยแลว ตอนนี้เปนชวงเวลาเย็นที่ผูคนเลิกงานเดินทางกลับ
บานกัน ทานดูสิ ผูที่นั่งอยูในรถมาเหลานี้เปนคนใหญคนโตในแตละสาขาอาชีพ รวม
เดินทางสายเดียวกันกับพวกเขา ไมนาจะมีใครกลาบาบิ่นจูโจมเปะปะเขามา”
เฉินจวีเฟงใจตุมๆ ตอมๆ ตลอดการเดินทาง แตยังไมถึงกับขาดสติ พอเห็นลูสวินอี้
เปดประตูออกดู ก็รูวาเขาคิดอะไรอยู จึงบอกใหอุนใจ
ทวาแววตาระแวดระวังภัยของลูสวินอี้กลับมิไดยอหยอนลงแตอยางใด เขายังคง
กําชับชายหนุมสองคนที่นั่งอยูหนารถ
“ยังคงตองระวังใหมากขึ้น”
“ขอรับ!” ชายหนุมทั้งสองพอไดยินก็ขานรับพลางพยักหนาใหรูวารับทราบ
ลูสวินอี้ปดประตู แลวจึงหันมายิ้มกับเฉินจวีเฟงพลางพูดเสียงเบา
“การเดินทางครั้งนี้สําคัญยิ่ง ไมอนุญาตใหผอนคลาย เนื่องเพราะศีรษะเหลานี้ พวก
เราจึงไมอาจดูหมิ่นความกลาบาบิ่นของใครบางคน ตอนงานสมรสทานอองในจวนก็ยัง
เกิดเรื่องขึ้นมิใชรึ?”
“ไมผิด ไมประมาทเปนดี”
เฉินจวีเฟงมิไดโตเถียง เห็นชัดวา เขามิไดวิตกกังวลเทาลูสวินอี้ เพราะรูสึกวาการ
เดินทางครั้งนี้ระวังอยูคอนขางมาก ถาเปนไปตามนี้ก็ไมนาจะมีปญหาอะไร
เขาละสายตาออก เริ่มคิดตอถึงหนาที่รับผิดชอบที่ตองเผชิญในจวนออง จึงถามขึ้น
ดวยความกังวล
“ทานรอง ในจวนอองตอนนี้ลวนมีแตผูรับใชที่ทางวังหลวงสงมา ไมวาจะเปน
พอบาน ผูชวย สาวใช บาวไพร มีทุกอยาง พวกเรากลับไปรับชวงตอเชนนี้ เกรงวาจะ
ไมใชเรื่องงายๆ!”
ลูสวินอี้ไดยินกลับนิ่งเฉย เพียงพูดตามน้ํา
“อยากังวลไป จวนหมิงอองอยางไรก็เปนจวนของทานออง พวกเราตางหากที่เปน
คนของทานออง”
เฉินจวีเฟงเหลือบมองใบหนาอันสงบนิ่งของเขา ริมฝปากขยับเล็กนอย แมพูดเชนนี้
แตคนที่ถูกสงมาจากในวังซึ่งมีฝาบาทคอยหนุนหลัง พอเห็นจวนหมิงอองกําลังจะเฟองฟู
ตองไมยกอํานาจในมือใหกับกลุมของพวกเขาที่มาจากจวนอองบานปาอยางแนนอน
อีกอยางหมิงอองไมอยูจวน ไมมีเจานายใหพึ่งพาอาศัย คิดสูกับคนเหลานี้เปนเรื่องที่
ยากเอาการ
แตสุดทาย เฉินจวีเฟงก็ไมพดู มากอีก เพียงหัวเราะขมขื่น แลวเขาสูหวงภวังค
ความคิด เตรียมแผนรับมืออยูในใจ
สวนลูสวินอี้ยอมไมคิดเรื่องราวเหลานี้ใหรกสมอง เขายังมีเรื่องใหญอีกมากที่ตองขบ
คิด จึงคอยๆ หลับตาลง สะสมสติ รวบรวมสมาธิ พลางดักฟงความเคลื่อนไหวรอบดาน
ภายในรถมาเงียบสงบลง มีเพียงเสียงสวนประกอบของลอรถที่เสียดสีกันดังเอี๊ยด
อาดไมหยุดตลอดทาง
ผานไปสักพัก ขณะมองเห็นจวนหมิงอองอยูดานหนา ลูสวินอี้ที่หลับตาอยูพลันเกร็ง
พลังทั่วราง ลืมตาขึ้น แลวตะโกนเสียงดัง “ระวัง!”
สิ้นเสียง มือซายลูสวินอี้พลันจับเฉินจวีเฟงที่กําลังมึนงงกับเสียงของเขา มือขวาฟาด
เขาที่ประตูรถมาดานขาง
ตูม! เสียงระเบิดดัง ประตูไมดานขวาของรถมาทั้งบานหลุดออก ลูสวินอี้ไมทนั ไดอุด
หูก็ใชความเร็วปานสายฟาแลบโยนเฉินจวีเฟงออกจากรถมา แลวหันไปควากลองไมใบ
ใหญไวในมือ กระโดดเหินตัวออกจากรถ
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุมสองคนที่อยูหนารถยังไมทันไดคิด พอไดยินเสียงในวินาที
แรกก็ทะยานรางไปดานขวาตามสัญชาตญาณ ขณะรางเฉินจวีเฟงซึ่งหมุนควางกลาง
อากาศ ตกลงกลิ้งลุนๆ กับพื้นมาอยูขางกายเขาพอดี เขาจึงจับรางของเฉินจวีเฟงขึ้นโดย
ไมสนใจลูสวินอี้ แลวเหินรางออกจากรถมาอยางรวดเร็ว พุงเขาหารถมาคันขางหนาที่อยู
ไมไกลกันนัก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนบรรยายไมทัน ในวินาทีที่กลุมคนบนรถมาทะยาน
ตัวออก พลันไดยินเสียงดังกัมปนาทกลางอากาศ ราวกับถูกทองฟาจูโจมใส
ตูม! หลังคารถมาที่ลูสวินอี้และพวกนั่งมาระเบิดออก ชิ้นสวนตัวรถแตกหักปลิว
กระเด็น
“ฮี๊~” มายกขาหนาขึ้นสงเสียงรองดวยความตกใจ จากนั้นจึงลากชิ้นสวนรถมาที่
เหลือวิ่งไปขางหนาอยางคลุมคลั่ง
รถมาที่วิ่งอยูขางหนาไมทราบเปนของบานไหน ทราบแตเปนรถที่วิ่งดวยมาคู แสดง
วาผูที่นั่งอยูในรถตองเปนผูสูงศักดิ์
แตตอนนี้ มาคลุมคลั่งยอมไมรูวาใครเปนผูสูงศักดิ์หรือไม อารมณตกใจ ไดลากเอา
ชิ้นสวนรถมาวิ่งเตลิดเปดเปงเขาหามาคู ทําใหรถมาทั้งสองคันชนกัน
คนกุมบังเหียนรถมาคันขางหนาไมคิดวาจะเกิดเรื่องขึ้นอยางปจจุบันทันดวน เขา
กําลังตกใจกับเสียงระเบิดและคิดวาเพื่อความปลอดภัยของใตเทาควรหยุดรถเพื่อลงมาดู
วาเกิดอะไรขึ้น
แตพอหันหลังมองไดไมทันไร มาคลุมคลั่งก็วิ่งเขามา ปฏิกิริยาหนึ่งเดียวที่ทําไดคือ
หนาซีดพลางรองลั่น
“ไม...”
โครม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงมารองดังไมหยุด รถมาทั้งคันพลิกคว่ํา คลายมีคนกระเด็นออกจากหนาตางรถ
เสียงชายชรารองโอดโอยดวยความเจ็บปวดดังคลอไปกับเสียงมาวิ่ง
มาคูวิ่งตะบึงไปขางหนาดวยความตกใจพรอมลากตัวรถที่พลิกคว่ําไปดวย คนกุม
บังเหียนที่กระเด็นตกแตแรกเหงื่อแตกเต็มหนา มองดูรถมาวิ่งออกไปไกลดวยความงุนงง
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกะทันหัน พอรถมาสองคันหนาเกิดอุบัติเหตุ รถมาคันที่วิ่งอยู
ดานหลังตางก็รีบหยุดรถดวยความตื่นตระหนก ถนนสายนี้จึงเกิดความวุนวายขึ้น
“เกิดเรือ่ งอะไรกัน?”
“มาดูเร็ว รถมาใตเทาชวีคว่ํา!”
“อะไรนะ? ใตเทาชวี?”
“ใตเทาระวัง อันตราย!”
“คุมกันใตเทา...”
เสียงรองอุทานและเสียงตะโกนดังทั่วทองถนน
ไมตําหนิพวกเขาที่ยังไมทันรูเ รื่องรูราวอะไรแนชดั ก็รองโหวกเหวกโวยวายไปกอน
เพราะไมมีใครคาดคิดจริงๆ วาจะเกิดเรื่องที่นาตกใจเชนนี้ที่หนาบานตน
หลายปที่ผาน ถนนเสนนี้ไมเคยเกิดเหตุรายแรงมากอน พวกเขาจึงไมเคยเตรียมใจ
รับเรื่องเชนนี้ ตองทราบวาบริเวณนี้ลวนมีแตที่พักอาศัยของผูสูงศักดิ์ เปนเหตุใหผูที่ผาน
ไปมาหลีกเลี่ยงการสงเสียงดังรบกวน จึงไมมใี ครคาดคิดวาจะเกิดเรื่องขึ้น
แตตอนนี้ ทุกคนลวนไมรูอะไรแนชัดวา สวนใหญไดยินเพียงเสียงดังกึกกอง ยังนึก
วารถมาของลูสวินอี้ประสบอุบัติเหตุ
ขุนนางผูใหญทานหนึ่งรีบลงจากรถดวยความกระวนกระวายใจ เพื่อมาดูวาเกิด
อะไรขึ้น
“นี่มันรถมาบานไหน คนบังคับมาละ? พวกเขาชนรถของใตเทาชวี ชางกลา บาไป
แลวหรือไร?”
“ใตเทาชวีละ? เร็ว...ไปดูหนอยวาใตเทาชวีเปนอยางไรบาง?”
“ยังไมรีบแจงกองปราบอีก ใหสงคนมาชวยเร็ว...”
ขุนนางสวมชุดยาวหลายทานพอลงจากรถแลวเห็นมาคลุมคลั่งวิ่งไปขางหนาไมหยุด
ก็ยิ่งตกอกตกใจ เกิดความโกลาหลเขาไปใหญ รีบวิ่งเขาไปดูเหตุการณ เพื่อแสดงความ
เอาใจใสของผูนอย
ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแหวกอากาศเขามาเพิ่มความตื่นตระหนก ทําให
ทุกสิ่งทุกอยางหยุดนิ่งไปชั่ววูบ
“ใตเทาระวัง มีการลอบสังหาร!”
ลอบสังหาร!
ลูสวินอี้ยังไมไปไหน กลองไมในมือถูกสะพายไวที่หลัง กระบี่ยาวถูกชักออกจากฝก
กุมอยูในมือ ไมรูวาเขายืนอยูตรงจุดกึ่งกลางของที่เกิดเหตุตั้งแตเมื่อไหร เทาเหยียบเศษ
ไมจากรถมา รังสีฆาฟนกะพริบในดวงตา
มองนิ่งไปยังเงารางจํานวนหนึ่งที่ทะยานขึ้นจากรถมาคันหนึ่ง กอนเหินมาปกหลัก
ลงที่ขางกายตนพรอมดาบและกระบี่ในมือ จองมองคนของตนดวยสายตาเย็นชา
พริบตานั้น เขาถูกลอม รังสีฆาฟนปะทุขึ้นรอบบริเวณ ทําใหคนบนทองถนนสติแตก
ตื่นตกใจสุดขีด
“กลามากที่ทําการลอบสังหารในพื้นที่นี้...”
“ใตเทา หลบเร็ว!”
“คนประเทศฉี พวกมันเปนคนจากประเทศฉี!”
ถนนทั้งสายอลหมาน รอบบริเวณลวนเปนที่พักอาศัยของคนชั้นสูง แตกลับปรากฏผู
มีวรยุทธจากประเทศฉีจํานวนหนึ่งกระทําการอุกอาจ ถืออาวุธในมือเขาลอมชาวเซี่ยผู
หนึ่ง
เสียงรองอุทานดวยความตกใจเงียบลง ขุนนางหลายคนที่กําลังเดือดดาลพลันสงบ
นิ่ง เหงื่อหยดลงจากหนาผาก ถอยหลังตามคนขางกายไป
ขณะลูสวินอี้จับดามกระบี่ พลันเห็นปฏิกิริยาขุนนางเหลานี้ แมเดาไดแตแรก ก็ยัง
อดปวดใจไมได ตาเซี่ยที่เปยมอํานาจบารมี เมื่อเห็นคนฉีโอหัง กลับมีปฏิกิริยาตอบกลับ
เชนนี้
เขาละสายตามามองดูนักรบประเทศฉีที่เปลงรังสีอํามหิตลอมรอบตัวเองดวยสีหนา
เยือกเย็น จากนั้นจึงมองดูผูเฒาทานหนึ่งซึ่งกําลังเดินเชิดหนาเขาหาเขา
ผูเฒาไมทราบอายุ กอดอกถือกระบี่ กาวเดินอยางเยอหยิ่งในพื้นทีข่ ุนนางระดับสูง
แหงตาเซี่ย เสมือนหนึ่งเดินอยูหนาบานตน สายตาผูเฒาทั้งลึกล้ําและแหลมคม แตละ
ยางกาวมั่นคงยิ่ง
คนที่ยืนลอมอยูยังไมลงมือ พวกเขาทั้งไมรีบและไมกลัว รอผูเฒากาวเดินไปขางหนา
ทีละกาว
มานตาลูสวินอี้หดตัว พลังปราณของผูเฒาทานนี้ทําใหเขาเกร็งพลังเต็มที่ คลาย
ความรูสึกตอนเผชิญหนากับปรมาจารยหลิวซื่อหยวนแหงเขาซางชิง เครียดก็จริง แต
พลังของลูสวินอี้ยังดีไมมีตก
“คนเถื่อนประเทศฉีหรือ? คิดไมถึงวาจะเปนพวกเจา”
ผูเฒายืนกอดอก จองมองลูสวินอี้สักพัก กอนละสายตาดูแคลนไปหยุดอยูบนกลอง
ไมที่เขาสะพายไวดานหลัง แลวจึงชี้นิ้วใสลูสวินอี้
“คืนศิษยนองขามา แลวขาจะไวชีวิตเจา!”
“ไวชีวิตขาหรือ?” ดวงตาลูสวินอี้คมวาว ยกกระบี่ขึ้น เปลงเสียงดังกอง
“ชาวยุทธประเทศเล็กกระจอยรอยผูหนึ่ง กลาอวดดีในเมืองหลวงตาเซี่ยขา เจา ทา
จะเบื่อการมีชีวิตอยูแลวละสิ?”
“ตาเซี่ยหรือ?” ผูเฒาทวนคําพูดดวยสีหนาสงบนิ่ง
เขาไมมีความหวาดกลัวแมแตนอย ไมผิด เขาฟงออก แนนอนวาเขาก็แคปรมาจารย
คนหนึ่ง ในที่ที่เรนมังกรซอนพยัคฆอยางเมืองหลวงยอมไมนับเปนตัวอะไร แค
ปรมาจารยสํานักเตาของที่นี่ก็สามารถสังหารเขาไดไมยาก ทวาแลวอยางไร เขาเชิดหนา
พูดตอ
“ตาเซี่ยแลวอยางไร? หมิงอองวางแผนสังหารศิษยนองขา แมเปนตาเซี่ยก็ตองให
คําอธิบายแกพี่ขา วันนี้ ขาจะนําศิษยนองกลับแผนดินเกิด ใครกลาขวาง!”
โอหัง!
นี่คือตาเซี่ย เขากลาอวดเบงเพียงนี้ ไมมีใครกลาขวางอยางนั้นรึ?
ทวาอยูในที่ที่มีผูสูงศักดิ์มากมายเชนนี้ แตกลับไมมีสักคนออกมาโตแยง หลายคนสี
หนาไมสูดีนัก กลับอดไมไดที่จะนึกถึงแตกองทัพนับพันนับหมื่นที่หนุนหลังพวกเขาอยู
ผูเฒากวาดตามองไปรอบๆ เขาพอใจกับสภาวะนี้มาก
วันนี้มาก็เพื่อคําคํานี้ ‘สําแดงเดช’ และอีกคํา ‘แกแคน’
เขาหลุบตาลง มองดูกระบี่ยาวในมือลูสวินอี้ คลายเบื่อหนาย
“จะฝนตอสูก็เทานั้น หากนายเจาหมิงอองอยูนี่ อาจยังมีคุณสมบัติพอที่จะประมือ
กับขา แตเจา ไมนา”
หมิงอองหรือ?
ผูสูงศักดิ์ที่อยูรอบๆ พลันถลึงตา มองมาที่ลูสวินอี้เปนจุดเดียว
“ที่แทเปนคนของหมิงออง!”
“เขาจะเอาอะไร? ศิษยนองหรือ?”
“ศีรษะ ศีรษะชุยเฉาเหยี่ยน ลังไมนั่น ศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนอยูในลังไมนั่น”
คนเหลานี้มิไดสมองทึบ จากคําพูดของคนทั้งสองเมื่อนํามาประกอบขาวคราวที่พวก
เขามีอยู ก็พอจะเห็นความจริงได ทวาตอนนี้ พวกเขากลับยิ่งตกใจ
“หมิงออง ที่สุดแลวก็สงศีรษะพวกนั้นมาจริงๆ...”
ไมตกใจไมได เพราะนี่เปนเรื่องใหญระดับประเทศ
ไมวาจะเปนศีรษะคนฉีชุยเฉาเหยี่ยน หรือศีรษะกลุมปรมาจารยสํานักเตา พอสงมา
ยอมหมายถึงความแข็งแกรง
บางคนรูสึกกระตือรือรนขึ้น นี่เปนบารมีของประเทศ บารมีของหมิงออง
บางคนรูสึกกังวลและไมพอใจ นี่เปนพวกเลือดรอนเกินเหตุ เพิ่มความขัดแยงเปลาๆ
ไมควรวูวามขนาดนี้ รุนแรงโดยใชเหตุ
“ฮาฮาฮา...ประมือกับทานอองหรือ? หากทานอองอยูนี่ แมแตจอมยุทธก็ยังไมกลา
ชักกระบี่ นับประสาอะไรกับปรมาจารยประเทศเล็กกระจอยรอยอยางเจา ทาทางคน
ประเทศฉียังไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ชุยเฉาเหยี่ยนแคนี้ หานไจโควก็แคนี้
เจาก็ไมตางกัน ยังไมรูอีกวาทานอองเอาชีวิตสุนัขสองตัวนี้ในเวลาชั่วพริบตาเทานั้น
เจาก็ไมโชคดีไปกวานี้หรอก”
ลูสวินอี้เห็นสถานการณรอบๆ แลวก็แหงนหนาตะโกนกองตอ
“เจาเอาความบาแบบสุนัขมาจากไหนไมทราบ กลาพูดอยางหนาไมอายเชนนี้ คง
ลืมไปวา ตอนนี้ศีรษะชุยเฉาหเยี่ยนอยูบนหลังขา?”
เสียงกองกังวานของเขาทําใหบุคคลสําคัญรอบบริเวณเคลื่อนไหว แตที่แหงนี้กลับ
เงียบกริบ
จอมยุทธไมกลาประมือดวย!
สําหรับกลุมเจาใหญนายโตในเมืองหลวงแลว กระทั่งปรมาจารยมาพูดเอง ก็เพิ่งได
ยินคําพูดอวดเบงเชนนี้เปนครั้งแรกในชีวิต จอมยุทธไมกลาประมือดวย ตั้งแตอดีตจนถึง
ปจจุบัน มีใครพูดจาเชนนี้? มีใครกลาพูดเชนนี้?
หมิงออง!
วันนี้ คนทั้งหมดที่นี่จึงมีภาพลักษณอันแทจริงของหมิงอองที่พวกเขาไมเขาใจและไม
เคยเห็นหนาคาตามาหลายปเก็บไวในความทรงจํา
ไมวาจะเปน ความแข็งแกรง ความเด็ดขาด ลวนชนะเลิศในสามโลก!
“สามหาว!” ผูเฒาคลายตกตะลึง แตไมทันไรรังสีฆาฟนก็พลันปรากฏขึ้นในดวงตา
“เห็นแกครั้งนี้ที่เรามาในนามทูตานุทูต สําหรับเจาที่บังอาจลบหลูบารมีจักรวรรดิฉี
ขา ตอนไปเขาเฝาองคจักรพรรดิตาเซี่ยของเจา คอยเรียกชีวิตเจามาชดใชก็แลวกัน”
“เจาตางหากที่สามหาว!”
ที่ลึกล้ํายิ่งกวารังสีฆาฟนก็คือมดปลวกในดวงตาลูสวินอี้ เขาพูดตออยางเยือกเย็น
และยังคงไมเกรงกลัว
“เปนทูตประสาอะไร ชักกระบี่หนาตาเฉย มีความผิดมหันตยิ่ง นึกวาตาเซี่ยขาไมมี
คนเห็นหรืออยางไร? วันนี้ตองใหเจาดูเสียหนอยวา ตาเซี่ยขาปลอดคนจริงหรือไม แม
ทานอองไมอยู แตหูมดปลวกกระจิดริดอยางเจา กลับกลาสามหาวหนาจวนหมิงออง เขา
มา ใหขาตัดศีรษะเสีย!”
ลูสวินอี้ชี้หนาปรมาจารยผูเฒา ไมมีใครกลาขวางเจา แตจวนหมิงอองกลา!
ตองพูดวา ไมมีใครกลาริเริ่มมากกวา เพราะพอเห็นคนผูนี้กลาหาญชาญชัย ก็อด
ไมไดที่จะตื้นตันใจ
ฟบ! ผูเฒาชักกระบี่ออกจากฝก
ควับ!
ตอนผูเฒาชักกระบี่ กระบี่ในมือลูสวินอี้พลันวาดออกในแนวขวาง กระบี่แรกเปอน
โลหิต
ผูเฒามัวแตสนใจสถานะ ไมคิดวาลูสวินอี้พอลงมือก็ใชเพลงสังหาร จึงรองเสียงดัง
“เหลวไหล!”
ผูเฒาวาดกระบี่ แตลูสวินอี้กลับไมสนใจ สิ้นเสียงรอง ผูเฒาจึงถูกกระบี่ลูสวินอี้กรีด
ไปหนึ่งแผล
จากนั้นลูสวินอี้กลับสับขาหมุนตัว แสงสวางวาบตลอดทั้งราง วาดกระบี่ในแนวขวาง
อีกครั้ง ตองสังหารปรมาจารยเฒากอน คนอื่นคอยวากัน นี่เปนอีกสาเหตุหนึ่งที่คนฉีไม
ลงมือ พวกเขามาเพื่อชวยสําแดงเดชเทานั้นไหนเลยจะเปนคูตอสูของลูสวินอี้
ทวาตอนลูสวินอี้หมุนตัววาดเพลงกระบี่สังหารครั้งที่สอง ผูเฒาก็วาดกระบี่ออก
จังหวะนีอ้ ันตรายยิ่ง เพราะลูสวินอี้กําลังหันแผนหลังใหผูเฒา เหมือนสังหารทหารเลวแต
กลับเอาชีวิตเขาแลก
แตลูสวินอี้กลับยังคงสงบนิ่ง ผูเฒาจึงตกใจ ใจเตนไมเปนระส่ํา
ไมมีปรมาจารยคนไหนที่ใชทาเสี่ยงตายเชนนี้ เขาไมเชื่อ และเกือบพริบตานั้น หูของ
เขาพลันกระดิก คิ้วกระตุก ตัดสินใจปลอยโอกาสวาดกระบี่สังหารลูสวินอี้ไป แตไม
สามารถหมุนตัวหลบทัน จึงยื่นกระบี่ขึ้นดานบน
เปรี้ยง!
รวดเร็วมาก กลุมคนมองตามไมทัน ไดยินเพียงเสียงคมโลหะกระทบกันดังปาน
อสุนีบาตจนเสียดแกวหู พรอมแสงสวางจาแผกระจาย
กลุมคนถูกแสงจาแยงตา จึงกะพริบตา พอลืมตาอีกครั้งก็ตองตะลึงงัน
“มีอีกคน!”
“ปรมาจารย ปรมาจารยอีกคน!”
“ใครกัน?”
“ตองเปนคนของหมิงอองแน!”
คําพูดไรสาระ ผูที่ชวยหมิงอองสังหารศัตรู ถามิใชคนของหมิงอองแลวจะเปนใครไป
ได ผูเฒาหนาเปลี่ยนสี ขาวกรองคลาดเคลื่อน ปรมาจารยมิไดมีเพียงคนเดียว!
ไมผิด คนผูหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขณะเกิดแสงสวางจา เขากุมดาบยาวไวในมือ ราง
กํายําเปลงรัศมีแสงสีแดงบาดตา พลังปราณนาตื่นตระหนก
“สังหารมัน!” เสียงลูสวินอี้ดังขึ้น คลายสัญญาณเรงเราเอาชีวิต
ตอน 230 คนของหมิงออง
เฉินจวีเฟงผูถูกจับโยนหมุนควางกลางอากาศจนตาลาย แลวถูกชายหนุมทั้งสองหิ้ว
ปกวิ่งหนีออกมาอยางรวดเร็ว พอเรียกสติคืนไดก็ถามขึ้นอยางรอนรน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนลงมือกับเรา ทานเฉินอยาเพิ่งตกใจ!”
ชายหนุมผูหิ้วปกเฉินจวีเฟงคนหนึ่งตอบอยางรวดเร็วพลางซอยเทาไมหยุด
“ทานรอง...” เฉินจวีเฟงตกใจขณะสะดุดทางขรุขระ
“ทานรองเตรียมพรอมของทานไวแลว” ชายหนุมคนเดิมตอบพลางเพิ่มความเร็ว
ฝเทาใหเทากับอีกคนหนึ่ง ทั้งสองหอตะบึงไปยังจวนหมิงออง
ดานหลัง หางจากพวกเขาไมไกล มีสายตาคูหนึ่งแอบจองมองพวกเขาอยูในรถมาคัน
หนึ่ง
“คิดไมถึงวายังมีปรมาจารยอีกทานแอบตามคุมครองอยู ยังดีที่คนฉีเขาแทรกกอน
หาไมแลวเราอาจทําไมสําเร็จ” เสียงชายสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้นในรถมา
“อาจารยหลี่ เชนนี้ก็ดี เราอาศัยจังหวะชุลมุนลงมือ แลวใหคนฉีรับผิดไปเต็มๆ หาก
สามารถแยงกลองมาได เราก็อาศัยเหตุการณนี้บีบใหราชสํานักขอใหประเทศฉีสงมอบ
ศีรษะสามปรมาจารยคืนสํานักเตา ความขัดแยงของราชสํานักกับประเทศฉียิ่งตึงเครียด
เทาไหร เราก็ยิ่งผอนคลายเทานั้น” เสียงชายหนุมในรถมาดังขึ้น
“อืม เสียดาย หากรูลวงหนาวาจะเปนเชนนี้ เปลี่ยนชุดสักหนอยก็ดี” เสียงผูสูงวัย
เสียใจเล็กนอย
“ไมเปนไร พวกเราลวนสวมชุดดําปกปดใบหนา แมไมไดแตงกายเชนฉี ก็บอกไปวา
เพราะถูกสงมาแฝงตัว พวกฉีกระทําการอุกอาจ คราวเคราะหครั้งนี้พวกเขาตองแบกรับ
ไป” เสียงชายหนุมพูด แลวรีบพูดตอ
“เราตองสังหารสองคนนั่นกอนที่มันจะเขาไปในจวนหมิงออง ตอนนี้ไมตองกลัววา
จะกลายเปนเรื่องใหญ จําไว ตองจับเฉินจวีเฟงใหได คนผูนี้เปนคนสนิทหมิงอองอยางไม
ตองสงสัย เปนผูดูแลทรัพยสินเงินทองของหมิงออง จึงมีคายิ่ง ถาจะสูกับหมิงออง ตอง
อาศัยโอกาสนี้จับมาใหได”
“ดี ทําตามที่เจาวา เตรียมลงมือ!” ผูที่ถูกเรียกวาอาจารยหลี่ไมถามอะไรอีก พยัก
หนาตอบ
“ขอรับ” เสียงขานรับหลายเสียงดังขึ้นพรอมกัน
จากนั้นเห็นเพียงประตูรถมาเปด คนชุดดําปดหนาปดตากลุมหนึ่งพลิ้วกายออกจาก
ประตู ไลตามชายหนุมทั้งสองไปอยางรวดเร็ว
ทวาในรถมาพลันมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “ขาไปดวย!”
“อาจารยหลี่ตองจําไววา ตองเร็ว เวลามีจํากัด หากทําไมสําเร็จตองรีบถอย หาม
ตอสูยืดเยื้อเปนอันขาด มิฉะนั้นหากสถานะถูกเปดเผย แลวถูกหาวาเปนพวกเดียวกับ
คนฉีละก็ ผลที่ตามมาพวกเราจะรับไมไหว”
“วางใจ แคปรมาจารยหนุมจิบ๊ จอยสองคน ไมครณนามือผูเฒาอยางขาหรอก!”
พูดจบอาจารยหลี่พลันยอกายลง เงารางสั่นไหว พลิ้วกายหายไป
ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกวาคอยพูดเสียงขรึม
“ไป คอยๆ เคลื่อนไปขางหนา ไปอยูขางรถมาของใตเทาจาง”
“ขอรับ” คนบังคับรถมาขานรับ
รถมาคอยๆ เคลื่อนตัวออกอยางเงียบๆ กอนไปจอดอยูในบริเวณเดียวกับรถมาของ
เหลาขุนนางที่พากันจอดเพื่อลงมาดูเหตุการณ ชายวัยกลางคนลงจากรถ แลวเขาไปยืน
ขางๆ คนมุง แสดงสีหนาตกใจขณะยืนดูเหตุการณรวมกัน
ขณะนี้จิตใจของทุกคนลวนจดจออยูกับการตอสูของปรมาจารย ไมมีใครรูสึกถึง
ความผิดปกติของเขา
การตอสูเปนไปอยางดุเดือด ในชวงเวลาสั้นๆ กลับเปยมอันตรายมากลน
นอกจากแสงสวางวูบวาบยามกระบี่ปะทะกันแลว ยังมีเสียงสั่นประสาทบาดแกวหู
อีก
หลังลูสวินอี้สังหารคนไปจํานวนหนึ่ง จึงผละออกมาลอมปรมาจารยชาวฉีรวมกันกับ
ชายกํายําถือดาบ พลังปราณปะทุขึ้นในพริบตา
แมไมทราบเวลาแนชัดในการบําเพ็ญเพียรของคนทั้งสอง แตการติดตามหมิงอองมา
นานหลายป ยอมไดรับการถายทอดกลยุทธการตอสูที่ยอดเยี่ยมมากมาย แมยังบําเพ็ญ
เพียรไมพอ แตความมุงมั่นมีอักโข ทําใหปรมารจรยชาวฉีอดที่จะเครียดไมได
เขาไมหวั่นเรื่องสองรุมหนึ่ง จากชื่อเสียงที่มีมานานและบําเพ็ญเพียรมามากกวา
ชุยเฉาเหยี่ยน การรับมือสองปรมาจารยมือใหมไมถึงกับเปนอันตรายแกชีวิตก็จริง แตก็
ยากที่จะชนะได
สภาวะเชนนี้ เปาหมายการพาคนมาเพื่อสําแดงเดชเห็นทีจะไมบรรลุผล ซ้ํารายคน
สวนหนึ่งยังถูกสังหารอีก อับอายสุดประมาณ นึกถึงตอนกอนมาที่รับคําอยางเปนมั่น
เปนเหมาะ ก็ยิ่งรูสึกกระดากใจ
“เฮอะ พวกเจาชาวเซี่ยที่แทก็เปนพวกขลาดกลัว ความสามารถไมถึง รูจักแตใชคน
มากรังแกคนนอย ไมพัฒนาเอาเสียเลย แนจริงก็เขามาสูตัวๆ กับขา!” ปรมาจารยชาวฉี
ตะโกนลั่นอยางเดือดดาล
“ทานอองเคยพูดไววา ประเทศกระจิดริดที่กลัวคนแข็งแกรง ชอบรังแกคนออนแอ
ก็เปรียบไมพนพวกหมูหมากาไก ผูออนแอกมหนาคอมตัวคุกเขา ผูแข็งแกรงสําแดงเดช
อวดวิชา บาดีเดือดไดไมทันไร
ก็มีลางบอกเหตุวาจะไมไดสืบทอดมรดกแหงชาติเสียแลว ในบรรดาประเทศตางๆ
ทั่วโลก คงมีแตพวกเจา คนขี้ขลาดกลุมหนึ่งที่ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ไมรูวาผูมีบารมีสูงสง
ตองอาศัยอะไร ไมรวู าผูแข็งแกรงที่แทจริงเขาเปนกันอยางไร?”
ลูสวินอี้เปลงเสียงขณะใชกระบี่ตอสู เพิ่มความฮึกเหิมในการจูโจม เสียงจึงดังไปรอบ
ทิศ
“เจาสําแดงเดชอวดวิชากอน พูดจาบาบอวาทั่วหลาไมมีใครกลาขวางเจา แลวยัง
บอกอีกวาขาไมคูควรประมือกับปรมาจารยอยางเจา แตเจากลับพาคนมามากมายลอมจู
โจมขา คนขี้ขลาดตาขาวหนาไมอายเชนเจา ตอนนี้กลับทาสูตัวตอตัว? ไมกลัวคนรุนหลัง
หัวเราะเยาะหรือไร?”
“พูดถึงผูที่ถูกเรียกขานวาวีรบุรุษ เจาก็รูวาหมิงอองเราอายุเพียงยี่สิบกวา ยังกลาบุก
ฝากองทัพเปนพันเปนหมื่นของพวกเจาไดสบายๆ สังหารชุยเฉาเหยี่ยนในชั่วพริบตา ตัด
ศีรษะหานไจโควในชั่วหมอขาวเดือด ผูมีราศีวีรบุรุษเชนนี้ เจามีหรือเปลาแมเพียงครึ่ง
เสี้ยว?”
“เจาสูอุตสาหบําเพ็ญเพียรมานับสิบป ไดรับยกยองวาเปนปรมาจารย แลวอยางไร?
เทียบกับทานอองเราแลว เจามีความกลาถึงครึ่งหนึ่งหรือไม? อยูหมิงจูตั้งนานเหตุใดไม
เห็นเจาไปทารบตัวๆ กับทานออง ทานอองไมกลัวการบําเพ็ญเพียรสิบปของเจา และไม
สนดวยวาเจาเปนปรมาจารยมากี่ป ทานอองสามารถใชรางกายอันออนแอ ตัดศีรษะ
นายพลของเจาไดในเวลาอันสั้น ในทุกพื้นที่ที่คนเถื่อนอยางเจาเขายึดครองดวยความ
ภาคภูมิใจ ขอเพียงเจากลาไป แมเจาเรนกายอยูในกองทัพ ทานอองขาก็กลาเสี่ยง
อันตรายเขาไปตัดศีรษะเจา”
“เจาไมกลาไปละสิ แมมีกองทัพนับหมื่นนับพันปกปองเจาก็ไมกลาไป นาขําแทบ
ตาย นาขันจริงๆ พวกเจารูทั้งรูวาทานอองไปตัดศีรษะนายพลเจาเพียงคนเดียว แตกลับ
สงทหารเปนพันเปนหมื่นลอมคนคนเดียว เหตุใดไมสงมาสูกันตัวๆ ละ? สวนเจาพาคน
มาลอมขา ตอนเห็นขาอยูคนเดียว เหตุใดไมพูดเรื่องสูกันตัวๆ? ตอนนี้พอเห็นวาจะแพ
กลับหนาดานทามาได”
“หลังจากวันนี้เปนตนไป ทั่วหลาก็จะรูแลววา ประเทศฉีมีคนอยางเจาอยู บําเพ็ญ
เพียรถึงขั้นปรมาจารย ไดรับการเคารพนับถือจากผูคน ที่แทก็หนีไมพนคนขี้ขลาดตาขาว
กลัวคนแข็งแกรง รังแกแตคนออนแอ เชนนี้โอหังไมไดนาน ไดแคชั่วขณะเทานั้น เห็น
ภายนอกแข็งแกรง แตภายในออนแอ กลาทําสงครามไปทั่วไดอยางไร ยังกลาพูดคําวา
จักรวรรดิอีกหรือ? ขี้ขลาดปานนี้ กระบวนเดียวก็แพแลว ประเทศขามีประวัติศาสตรมา
ยาวนาน ทําสงครามมานับครั้งไมถวน และทุกครั้งจะมีวีรบุรุษสะทานสะเทือนแผนดิน
ถือกําเนิดขึ้นเสมอ วันนี้หมิงออง องคชายหกโอรสแหงจักรพรรดิประเทศขา สวมเกราะ
นักรบสูรบเพื่อปวงประชาในพื้นที่เสี่ยงตาย แตพวกเจากลับตัวสั่นงันงกไมกลาสูรบ นี่ละ
จุดเริ่มตนของการลมสลาย!”
วาจาชุดนี้ เปลงออกดวยพลังลมปราณ ไมรูสามารถแพรกระจายไดไกลแคไหน
บรรยากาศเงียบลง ไมมีใครไมรูสึกตื่นตระหนก
วาจาชุดนี้ เสมือนภาพวาดของโลกอันยิ่งใหญทถี่ ูกคลี่ออกใหเห็น ในภาพมีกองทัพ
มีปรมาจารยเยี่ยมยุทธ มีนายพลกําลังแผดรองเสียงดัง
และมีคนคนหนึ่ง สวมชุดราชสํานัก มือกุมกระบี่ ตะลุยไปในกองทัพที่มีทหารนับพัน
นับหมื่น เขามีความสามารถโดดเดนเหนือผูใด บุกเขาไปในสนามรบอยางสบายๆ เห็น
ศัตรูเหมือนความวางเปลา ตัดศีรษะปรมาจารยและสังหารนายพลตกมาตายทามกลาง
กองทัพทหาร
คนหนุมอยางเขา หันกายเดินจากไป ทั้งๆ ที่ดานหลังมีทหารถือดาบ ปน ขอ งาว
กระบี่ แตไมมีสักคนกลาเขาใกล ดวยทุกคนกําลังตัวสั่นงันงกจนลมลงไปกองกับพื้น...
นาหวาดกลัวแคไหน!
มีเพียงปรมาจารยเฒาที่หนาแดงก่ํา แหงนหนาคํารามกอง
“อาก...เด็กอมมือริอาจพูดจาเลอะเทอะลบหลูขา ตายเสียเถอะ!”
เขาโกรธเกรี้ยวแลว
คําพูดชุดนี้กรีดลึกยิ่งกวาคมกระบี่เสียอีก ถูกตอนเขาสูความขลาดกลัวในเขตอัปยศ
แลวยังกระทบถึงประเทศฉี เขารับไมไหว
ปฏิบัติการครั้งนี้หากพายแพ เขาตองรับผลไมไดแน ยิ่งรับการดูหมิ่นเชนนี้ไมไดดวย
ตองสังหาร วันนี้ตองสังหารคนทั้งสองใหตกตายเทานั้น มีเพียงโลหิตเทานั้นที่
สามารถฟนคืนเกียรติยศใหเขา และสามารถสําแดงบารมีประเทศฉีใหครอบคลุมทองฟา
เมืองหลวงตาเซี่ยอีกครั้ง
ตลอดทั้งรางเปลงแสงจาขณะโกรธเกรี้ยว ภายใตความสวางของทองฟา ทําใหผูคน
มองเขาตรงๆ ไมได เสียงคํารามของเขาดังจนนาตกใจ กระบี่คมวาวสาดแสงยาวนากลัว
ลูสวินอี้คือเปาหมาย เขาตองสังหารใหได
แขนของลูสวินอี้เปอนโลหิต หัวไหลมีแผลเปนรู โลหิตสดๆ ไหลออก ถาปรมาจารย
เฒาสูสุดกําลัง ลูสวินอี้คงตานไดไมนาน ดวยบําเพ็ญเพียรมานอย
ทวาหากปรมาจารยเฒาสูฤทธิ์ ยอมตองไดแผล เห็นไดจากดาบยาวในมือของชาย
กํายํา ที่กรีดลงบนรางเขาหลายครั้ง แตยังคงไมพอแรงทีท่ ําใหเขาถึงแกชีวิต
ทั้งสองตอสูพัวพันกันอยางสูสี กลุมคนฉีที่ยืนดูอยูไมสามารถแสดงความขลาดให
เห็น ไดแตรอปฏิกิริยาของชาวเซี่ย ภายใตสายตาของคนในเมืองหลวงที่จองมองอยู คน
ของหมิงอองถึงตายก็ไมยอมถอย
เครง! กระบี่ในมือลูสวินอี้หัก
เขาคํารามเสียงต่ํา ดวงตาลุกวาว หายใจหนักหนวง แตปณิธานไมลดลงแมแตนอย
คนของหมิงอองคลายมีนิสัยทนทายาด เมื่อเห็นปรมาจารยเฒาพุงเขามา แววตาลูสวินอี้
สะทอนแววเหี้ยมโหดขึ้นวูบหนึ่ง
“ศิษยนอง ลอมไว!”
แมหลายปมานี้เขาไดเปนกุนซือของหมิงออง แตพวกเขาพี่นองทุกคนลวนผานความ
เปนความตายมาหลายป เปนพวกกระดูกเหล็กก็วาได
ผูถือดาบกะพริบตา
“ศิษยพี่ ขาเอง!” วาแลวก็ทะยานรางถอยออก
ทวาปรมาจารยเฒากลับไมสนใจเขา ตองสังหารลูสวินอี้ใหตกตายใตคมกระบี่ใหได
“ตายเสีย!”
ลูสวินอี้ยกกระบี่หักขึ้นตานอยางรอนรน พลันมองผูถือดาบ
“ศิษยนอง...”
ไมทันการแลว ดวยเห็นผูถือดาบลูบคอ เห็นขวดยาแตก ไมตองคิดก็รูวา ผูถือดาบ
กินยาแลว ในมือยังมีเข็มเงินหลายเลม เขาฝงเข็มลงบนจุดฝงเข็มบริเวณทรวงอกอยาง
เชี่ยวชาญ
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก มีเพียงลูสวินอี้เทานั้นที่เห็นชัดเจน และรูสึก
เครียดเมื่อเห็นใบหนาผูถือดาบแดงก่ําเหมือนถูกไฟเผา ลูสวินอี้ไมพูดมากอีก ดวงตาแดง
ระเรื่อ ตะโกนเสียงดัง
“ตาเฒา วันนี้ถาไมฆาเจา ขาก็ไมใชคน!”
“เฮอะ จะตายอยูรอมรอยังปากดี!”
ปรมาจารยเฒาไมกลัว พลันกระโดดขึ้นพรอมเงือ้ กระบี่ยาวในมือ ฟนขวางกลาง
อากาศ
ลูสวินอี้ทิ้งกระบี่หัก กําหมัดแนน กระโดดขึ้นเชนกัน คิดตอสูประชิดตัว พรอมจูโ จม
ดวยหมัดเหล็ก
และแลว พริบตาที่เขาเกร็งพลังปราณจนถึงขีดสุด พลันมีลมแรงสายหนึ่งพัดเขา
ดานหลัง แรงกดดันมหาศาลจูโจมเขาใสฉับพลัน ลูสวินอี้หนาเปลี่ยนสี
ดานหนาแสงวาบของกระบี่ประชิดมา ดานหลังยังมีพลังอันนาเกรงขามอีก
“ใคร?” ลูสวินอี้คําราม ในใจรอนรน เดิมเขาคิดเอี้ยวตัวหลบกระบี่ แตก็รูสึกวาหาก
หันรางแลวคน
ดานหลังฟาดฝามือเขามา ตนเองตองโดนเต็มๆ แน
ชวงเวลาสําคัญ คิดอะไรไมไดมาก เขาไมหันกาย และไมเอี้ยวตัว ดวงตาแดงก่ํา แวว
ตาแนวแน เหินไปขางหนา ไมวาจะอยางไร เขาเลือกที่จะปลอยหมัดใสปรมาจารยเฒา
หนึ่งหมัด ศิษยนองกินยาแลว หมิงอองไมอยูที่นี่ วันนี้ตองสังหารปรมาจารยชาวฉี ศิษย
นองตองใชยากระตุนใหพลังทั้งหมดถูกปลอยออก
ไมวาอยางไร เขาก็ตองชกปรมาจารยเฒาหนึ่งหมัด ขอเพียงสามารถทําใหตาแก
บาดเจ็บภายในได ศิษยนองก็ยังมีความหวัง พลังปราณจึงถูกรวบรวมไวในหมัดนี้อยางที่
ไมเคยรวบรวมไดมากอน
วิทยายุทธของเขาในสายตามอไปไมนบั วาแข็งแกรง ดังนั้นจึงเขาสูขั้นปรมาจารยได
เร็ว
แตตอนนี้ หมัดสุดทายที่เขากําลังจะจูโจมออก คลายจูโจมไดเกินขอบเขต
ความสามารถของตน
สวบ! กระบี่แทงเขาที่หัวไหลลูสวินอี้ หมัดหนึ่งของเขาตกลง แตอีกหมัดกลับฮึกเหิม
พลังปราณตลอดทั้งรางขึงตึง นาทีนี้จึงไมรูสึกเจ็บ ชีวิตทั้งชีวิตรวมไวในหมัดนี้
“เฮอะ คิดตายพรอมขาอยางนั้นหรือ ฝนไปเถอะ!”
ปรมาจารยเฒาดูหมิ่น พลางเงื้อกระบี่ คิดฟนใหลูสวินอี้ขาดเปนสองซีก
แตรางของลูสวินอี้กลับโนมไปขางหนา ตรงไปยังดามกระบี่ปรมาจารยเฒา
เปรี้ยง! ในที่สุดหมัดนี้ก็จูโจมออก
ปรมาจารยเฒาคํานวณออกแตแรกแลววาหมัดนี้ไมถูกจุดสําคัญ แนนอน จูโจมใส
ไหลของเขา
ทวาขณะหมัดกําลังจะถึงตัว ใบหนาลูสวินอี้พลันแดงระเรื่อ มีโลหิตไหลออกจาก
ปาก ยังดีที่สามารถยืนหยัดอยู ยิ้มเย็นชาแลววา
“ไปตายเสีย!”
ปรมารจารยเฒารีบปลอยมือที่จับดามกระบี่ แลวเกร็งพลังฝามือ จับเขาที่คอหอย
ของลูสวินอี้ที่อยูใกลสุด
ดวงตาลูสวินอี้ไมขยับแมแตนอย แมปากกระอักโลหิต แตหมัดที่จูโจมไหลของ
ปรมาจารยเฒาและยังคาเอาไวนั้น พลันเคลื่อนไหว
“หะ!” ปรมาจารยเฒาตาถลน เหลือเชื่ออยางสิ้นเชิง เปนไปไดอยางไร พลังหมัด
นาจะหมดแลว เหตุใด...
ปง!
ปง!
ปง!
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นสามครั้งติดตอกันพรอมเสียงกระแทกหมัดอยางตอเนื่อง
ปรมาจารยเฒากระอักโลหิต หมดแรงบีบคอลูสวินอี้ เขาคํานวณไดวา หากยังอยูในระยะ
ประชิดเชนนี้ รางของตนตองถูกหมัดจูโจมใสอกี จนเละแน
เปรี้ยง! เขาฟาดฝามือใสแขนที่คาไวกับไหลของตน
กรอบ! เสียงกระดูกหัก แขนลูสวินอี้ตกลง
ปรมาจารยเฒาพนโลหิตออกจากปาก แววตาที่หวาดกลัวยังมีความคม คิดฟาดอีก
หนึ่งฝามือเพื่อจบชีวิตลูสวินอี้ ทวาดานหลังกลับมีเสียงตะโกนดัง
“ตายเสีย ตาแก!”
เขาจะไมสนใจก็ไมได บาดเจ็บก็ไมนอย คิดพลิ้วกายหลบ แตเสนเอ็นตลอดทั้งราง
กลับปวดแปลบจนแทบระเบิดออก
ไมทันแลว จึงไดแตจับดามกระบี่ที่ปกอยูกับหัวไหลลูสวินอี้ แลวใชแรงถีบรางลูสวิน
อี้เพื่อดีดตัวออกพรอมกระบี่ พลิกตัวใชกระบี่รับการจูโจมจากฝายตรงขาม
แตครั้งนี้เขาผิดมหันต
ไมเพียงประเมินกําลังหมัดของลูสวินอี้ผิด ยังประเมินพละกําลังของชายถือดาบผิด
อีก
กระบี่หัก ดาบฟนฉับลงตรงหัวไหล
“อากกก...”
ปรมาจารยเฒาทั้งโกรธทั้งเจ็บปวด รองโหยหวนเสียงดังลั่น ฟาดฝามือจูโจมชายถือ
ดาบ รางปลิวกระเด็น
โลหิตฉีดกระจายออกจากแขนขางหนึ่งของปรมาจารยเฒา เขารับไมไดวาตนแขน
ขาด จึงมองตามแขนที่กําหมัดและสั่นอยูกลางอากาศ พลางพุงตัวลงไปนํากลับคืน
ฉับ... เสียงและแสงวาบของดาบบินผานตา แขนของเขาขาดเปนสองทอน
นาทีนี้ ผูคนทั้งหมดที่อยูโดยรอบตางตะลึงงันกับการตอสูอันนาอเนจอนาถ ไมมีใคร
ไมตื่นตระหนก
“อากกก! ไม!”
ปรมาจารยเฒาเดือดดาล รองโหยหวนยาว มองไปยังชายกํายําที่ไมมีดาบในมือ
กอนใชมือขางหนึ่งจับไหลตนเองไว พลิ้วกายรับชิ้นสวนแขนที่เหลือไว
“ฆา!”
เสียแขนไปขางเหมือนเสียพลังปราณไปครึ่ง จากวันนี้ไป บารมีของเขาคงไม
เหลือหลอ ทั้งๆ ที่เขายังไมไดไปหมิงจูแกแคนหมิงออง ยังไมมีชื่อเสียงจากการตอสูใน
ครั้งนี้
“ฆา!” เขาตะโกนกองอีกครั้ง
ผูเยี่ยมยุทธ มักยากรับไดกับการสูญเสียวรยุทธ เถี่ยสงรับไมได เขาในฐานะ
ปรมาจารยยิ่งรับไมได
นี่อาจเปนสาเหตุที่ทําใหเขาไมสามารถเขาสูเสนทางจอมยุทธ
นาทีนี้ เขาไมสนใจอาการบาดเจ็บ ความเศราและความโกรธอยางยิ่งยวดในใจแปร
สภาพเปนรังสีฆาฟน ตองฆาคน ทวาตอนนี้คูตอสูไหนเลยจะกลัวเขาอีก
ดวงตาสีแดงเขมคูนั้น เหมือนออกมาจากนรก เด็ดขาดเกิน
ตอนที่อาจิ่วใชยาก็เพื่อตองการถวงเวลา ขณะประมือกับปรมาจารยไดเพิ่มพลังแฝง
ทีละนิดจนระเบิดออก แตคนผูนี้กลับโหดเหี้ยมกวา เขาเพิ่มการไหลเวียนโลหิตตนเองไป
กวาครึ่ง นี่ถามอไปสอนวิชาฝงเข็มแหงความตายใหโดยไมเหลือพลังชีพไวสายหนึ่งละก็
เกรงวาเขาก็คงไมเหลืออะไรเลย
เขาในตอนนี้ หัวสมองเต็มไปดวยภาพอันนาสลดของเหลาพี่นอง จึงรองคําราม
ออกมาเชนกัน แลวพุงเขาตอสู การตอสูแบบประชิดตัว หากมอไปเปนที่สอง ในโลกนี้
เกรงวาคงไมมีใครเปนที่หนึ่ง
จุดแข็งของปรมาจารยเฒาอยูที่กระบี่ หมัดแมพอทําเนา แตทําไดไมดีเทาเพลงหมัด
ที่มอไปถายทอดใหลูกศิษย
ไมใชแคพลังหมัดเพียงนอยนิด แตเปนพลังหมัดแปดปรมัตถ ที่เพิ่มความหนักหนวง
ขึ้นเรื่อยๆ ในแตละครั้งที่ปลอยออก ปรมาจารยเฒาถูกหมัดของลูสวินอี้เขาไปหนึ่งชุด
บาดเจ็บหนักแลวยังแขนขาดอีก แมมีพลังโกรธแคนเขาเสริม แตสุดทายก็ยังตานการ
ระเบิดพลังของชายกํายําไมได
“อาก!”
ชายกํายํากระอักโลหิตเชนกัน แตกลับมีความกลาบาบิ่นมากขึ้น รัศมีแสงหมัดเจิด
จาดังดวงอาทิตย เสียงแหบแหงดังสัตวปา
“ไมใชเจาตาย ก็ขามวย!”
หมัดสุดทายถูกปลอยออก ปรมาจารยเฒาตื่นจากความโกรธแคน เมื่อเห็นหมัดแผด
เผาอากาศอันเปยมพลังทําลายลางชีวิตพุงเขามา
ปรมาจารยหวาดผวา เขาถอย!
คิดหนี แต...หมดหนทาง
ปรมาจารยแหงยุค ถูกปรมาจารยมือใหมสองคนใชวิชาสูตายถวายชีวิตอันเหี้ยมโหด
สังหารลงดวยประการฉะนี้
เปรี้ยง!
แสงสวางเจิดจาวาบขึ้นพรอมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แมเก็บหมัดแลว แตราง
ปรมาจารยเฒาก็ยังลอยละลิ่วไปไกล
ชายกํายําละสายตา พลิ้วกายดุจสายฟาแลบ เหลือเพียงเสียงคํารามที่ทําผูคน
แตกตื่น
“เจากลาทํารายศิษยพี่ขา ขาตองฉีกเจาเปนชิ้นๆ!”
ตอน 231 ใครกลาจับขา
เนื่องจากปรมาจารยเฒาชาวฉีคิดวาตนเองมีวรยุทธเหนือกวา อีกทั้งยังดูแคลน
พละกําลังปรมาจารยมือใหม ขณะยามใจเพียงเสี้ยวนาที ไมอยากเลนตออยากถอยก็สาย
เสียแลว
เขาถูกหมัดกระแทกรางลอยขึ้นฟา รัศมีแสงจาบาดตาที่ปรากฏตลอดทั้งรางดับวูบ
ลงอยางไรสุมไรเสียง ปรมาจารยแหงยุคสิ้นลาย!
ผูสูงศักดิ์กับผูรับใชที่อยูในเหตุการณมีจํานวนไมนอย พวกเขาเห็นการตอสูอันนา
อเนจอนาถกับตา เห็นปรมาจารยเฒาตัวเปนๆ ถูกสังหารเสียชีวิตในที่เกิดเหตุกับตา
นาทีนี้ ที่เกิดเหตุเงียบงัน
เกือบทุกคนมานตาหดตัว ควบคุมลมหายใจ สําหรับพวกเขาแลว ถือวาจิตใจถูกจู
โจมอยางหนัก
ผูมากบารมีสวนใหญคลุกคลีกับปรมาจารยในชีวิตประจําวันพอควร กระทั่งที่ผาน
มา ลวนเคยเห็นการประมือที่ตัดสินความเปนความตายของเหลายอดฝมือมากอน
ในใจพวกเขาตางมีภาพประทับใจของการตอสูที่ทั้งสองฝายประจันหนากัน
ทามกลางสายลมโชยพัด เสื้อผาพลิ้วไหว ยืนตัวตรงมือไพลหลัง
ยามประมือ เห็นลําแสงกระบี่สวางไสว กระบวนทาแปรเปลี่ยนพรางพราว ตางฝาย
ตางหยุดเมื่อกระบี่แตะเนื้อตองตัว แสดงใหเห็นพรสวรรคอันเยี่ยมยอดอยางถึงที่สุด
เสียงกระบี่กระทบกันติงตัง พอแตะตัวตางก็แยกออกมายืนตัวตรง นิ่งเงียบดุจอากาศ
ลมพัดผมยาวปลิวไสว ถึงไดเห็นวามีคนหนึ่งเปอนโลหิต ที่แทตอนเปลงรัศมีแสงใสกันก็
ไดตัดสินแพชนะแลว
ฉากนี้ ผอนหนักใหเปนเบา งดงามดุจบทกลอนและภาพวาด เปนการแสดง
ความสามารถที่ไดรับการยกยองชื่นชมในทางที่ดี
เปนฉากที่งดงามยิ่งภายในใจของผูคน พวกเขาไมเคยเห็น และไมเคยคิดจริงๆ วา
การตอสูอยางจริงจังของปรมาจารยจะนาสลดหดหูถึงเพียงนี้ นาอนาถกวาการวิวาทกัน
ของคนธรรมดาหรือการสูรบของทหารนับหมื่นเทา
ไฉนจะมีลลี าพลิ้วไหวงดงามเชนเทพเซียน ที่เห็นมีเพียงราชสีหพิชิตศึกกระหาย
โลหิต และสุนัขปาหิวโซเผด็จศึกขณะบาดเจ็บ
หลายคนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากดุจเม็ดฝน แววตาเต็มไปดวยความหวาดผวา
แมคนสวนใหญไมเปนวรยุทธ แตความกลาหาญชาญชัยของปรมาจารยเฒาเมื่อครู
ทุกคนยังคงดูออก
เขาถูกลอมจูโจม แตกลับเชื่อมั่นวาเหนือกวา ดุจราชสีหมากบารมีกําลังลาสุนัขปา
หิวโซสองตัว
สุนัขปาหิวโซสองตัวตลอดทั้งรางอาบดวยโลหิต เนื้อตัวเต็มไปดวยบาดแผล ยากที่
จะรวมมือกันจูโจม แตพวกเขากลับเหมือนหมาบา สูตายไมถอย เมื่อถูกกระตุนดวยกลิ่น
คาวโลหิต ความดุรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทามกลางเสียงคํารามกอง พวกเขาใชความเหี้ยมชนิดยอมตกตายรวมกัน กระโดด
งับคอราชสีหจนขาด!
ปรมาจารยเฒาเสียชีวิต!
นี่เปนการตอสูจริงๆ ที่ยากพบเห็น ลบลางความคิดเดิมจนสิ้น ทําใหพวกเขาตื่นกลัว
ทําใหพวกเขาไมสนใจมองรางปรมาจารยเฒาที่ลอยละลิ่วอยูกลางอากาศ แตกลับอด
ไมไดที่จะจับจองมองรางอาบโลหิต เสนผมกระจายยุงเหยิงของชายกํายําที่ยังดูเหี้ยมไม
เสื่อมคลาย
ทวาตอมา ความรูสึกของพวกเขาก็ถูกกระชากออกอีกครั้ง
หลังชายกํายําเปนฝายกําชัย ความเหี้ยมไมเพียงไมสลาย แตกลับเพิ่มพูนขึ้น จาก
เสียงคํารามลั่น
“เจากลาทํารายศิษยพี่ขา ขาตองฉีกเจาเปนชิ้นๆ!”
ไมมีใครไมตัวสั่น แตพริบตานั้น มานตาตองหดลงอีกครั้ง เมื่อเห็นวาไมรูตอนไหนใน
ที่เกิดเหตุกลับมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง คนชุดดําคลุมหนา ผูเงื้อกระบี่ยาวในมือพรอมรัศมี
แสงเจิดจา กําลังจะสังหารลูสวินอี้ที่นอนเจ็บหนักอยูบนพื้น
ปรมาจารยอีกทาน!
ทุกคนใจหายใจคว่ํา เมื่อเห็นปรมาจารยทานนั้นกําลังจะฟนลง แตคลายตกใจเมื่อ
เห็นรางปรมาจารยเฒาลอยละลิ่ว จึงชะงักนิ่งอยูกับที่ รางสั่นเล็กนอยเมื่อไดยินเสียง
คําราม กอนซอนแววตาฆาฟน และถอยหลังออกหนึ่งกาว จองมองชายหนาเหี้ยม
ซึ่งขณะทีเ่ ขากาวถอย ชายผูสงเสียงคํารามไดพลิ้วกายดุจสายฟาแลบ ลงมายืน
ประจันหนากับเขาในทาเตรียมพรอม สายตาเฝาระวังรอบทิศ
นาทีนี้เหมือนเปนอมตะ การตอสูอยางโหดรายกําลังจะเริ่มขึ้นอีก
ทุกคนตางกลั้นหายใจ จองมองการตอสูอันนาตื่นตระหนกที่กําลังจะเกิดขึ้นตาไม
กะพริบ
แตแลว...
นาทีตอมา เห็นเพียงกระบี่ในมือชายชุดดําเปลงแสงวูบหนึ่ง กอนรางของเขาจะ
ทะยานขึ้นฟา และหายไปอยางรวดเร็วทามกลางสายตาชาวประชา
“หือ?”
“นี่!”
“หนีแลว?”
บรรยากาศเครงเครียดเมื่อครู พลันเปลี่ยนเปนเสียงดังจอแจ
ชายกํายําเหมือนยังบาระห่ํา ไมสนใจรอยแผลที่ปรากฎอยูทั่วตัว พลันปราณทั้งราง
ถูกกระตุน พลิ้วกายตามไปอยางไมลดละ พลางคํารามดังกองทั่วเมือง
“พวกหนูกระจอยรอย นึกวาตนเปนหมูหมากาไก คิดลองดีกับทานออง คิดหนีหรือ
ตายเสีย!”
คําพูดถากถางจี้ใจดํา จนรางปรมาจารยที่หนีเตลิดพลันหยุดชะงัก เปลงรัศมีแสงทั่ว
ราง ทวาชายกํายําที่ไลตามมากลับไมกลัวแมแตนอย หมัดเปลงแสงจาปานแสงอาทิตย
รังสีฆาฟนตลอดทั้งรางรุนแรงยิ่งขึ้น แมยังทิ้งระยะหาง แตกลับเชิดหนาสงเสียงดัง
“ฆา!”
ฆา...
เสียงนี้ทําใหพลังปราณตลอดทั้งรางของชายกํายําปะทุออกทันที แรงปะทุทาํ ใหรถ
มารอบบริเวณสั่นไหวไมหยุด ทําใหผูคนตาคางไปตามๆ กัน
ในที่สุด รางที่อยูขางหนาก็ไมกลาหันมา กลับเพิ่มพลังปราณทะยานรางขึ้นลง
สะเปะสะปะ กอนหายไปในถนนหมิงฝู
ชายกํายํายังคงไลตามไปติดๆ เขาคลายบาไปแลว ตองฆาใหได
ทันใดนั้น พอมาถึงทางแยก ผูคนกลับเห็นรางชายกํายําที่มุงมั่นไลลาหยุดชะงักลง
กลับหลังหัน มุงไปยังจวนหมิงอองแทน เงารางเขาหายไปในพริบตา ทิ้งไวเพียงคําพูดที่
นาตกใจ
“พวกหนูตายแน!”
ที่เกิดเหตุเงียบสงบ ในที่สุดก็ไดยินเสียงฝเทามาและทหารดังอึกทึกครึกโครมมาแต
ไกล
ผูสูงศักดิ์ทั้งหลายจึงคอยโลงอก ยกมือปาดเหงื่อกันไป แตพลันไดยินเสียงทึบๆ
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่เกิดเหตุอีก
ตุบ!
ทุกคนหันมอง รางปรมาจารยเฒาตกลงบนพื้น
ลูสวินอี้บาดเจ็บสาหัส หายใจถี่และหนักหนวง เขาเอนศีรษะพิงลังไมที่แบกไว
ดานหลัง ใชมือกดปากแผลที่ถูกแทงตรงหัวไหลบริเวณดานบนหัวใจเพื่อใหโลหิตหยุด
ไหล อีกมือหนึ่งยันพื้นไว ตาเปลงประกาย คอยๆ ลุกขึ้นยืนอยางยากลําบาก
ทามกลางสายตาผูคนมากมาย เขาสูดหายใจเขาลึกๆ หันรางที่เหลือพลังปราณ
เฮือกสุดทาย รางโงนเงนเล็กนอย เขาลืมตา มองดูศพของปรมาจารยเฒาที่อยูไมไกล
ตึก!
ตึก!
ทรวงอกปรมาจารยเฒายุบเปนรู โลหิตไหลนองยอมพื้นจนเปนสีแดงอยางรวดเร็ว
ทุกคนกําลังมองดูลูสวินอี้กาวเดินทีละกาวเขายืนขางศพ กอนเงยหนาขึ้น กวาดตา
มองผูคนที่อยูในเหตุการณ สุดทายจึงใชพลังปราณเฮือกสุดทายเปลงเสียงดังลั่น
“ยังมีใครอีก?”
ยังมีใคร?
ดานหนาเห็นทหารขี่มาสงเสียงดังเขามา แตที่เกิดเหตุกลับเงียบเชียบ ไมมีใครกลา
เอยปากพูดสักคํา
ปรมาจารยลวนตกใจหนีหาย นอกจากทหารมาอันสงางามของคนตระกูลจินแหง
ประเทศฉีแลว ใครยังกลาตอสูกับลูสวินอี้ที่ปลอยพลังรุนแรงไมยงั้ ทามกลางสายตาผูคน
อีก?
แมเขาบาดเจ็บสาหัส แมเขาเปนเพียงกุนซือฝายบูของหมิงออง แตยังคงไมมใี ครใจ
กลาบาระห่ํา
ลูสวินอี้มองไปรอบๆ แลวจึงกมมองศพที่อยูบนพื้น คอยๆ โคงตัวลงหยิบดาบยาวที่
ตัดแขนปรมาจารยเฒาขึ้น ปลอยมือที่กดปากแผลลง อาศัยจังหวะที่โลหิตไหลออกจาก
ปากแผลอยางนาหวาดเสียว สองมือจับดามดาบ เงื้อขึ้นสูง ทุกคนลวนรูวาเขากําลังจะ
ทําอะไร!
ตัดศีรษะ!
อยากดูฉากนี้ ตองทําใจใหแข็งอยางไมตองสงสัย แตนาทีนี้ กลับไมมีใครยอมเบือน
หนาหนี จองมองดาบที่กําลังจะฟนลงอยางไมวางตา
ทหารมามาถึงดานหนา พรอมเสียงตะโกนดังกึกกอง
“ใครหนาไหนกลาบาบิ่น ฆาคนบนถนนหมิงฝู ยอมใหจับเสียโดยดี...”
ผูตะโกนเปนแมทัพรูปรางบึกบึนสูงใหญ เขาขี่มานํามาบนทองถนน โดยมีผูชวยขี่มา
ตามมาดานหลัง รวมกับพลทหารจํานวนนับไมถวนที่วิ่งตามมาดานขาง แตละคน
เขมแข็งกลาหาญ มีศักยภาพขมขวัญผูคน
“ไมใชกองปราบปราม!”
“หนวยจิงจี!”
มีเสียงตื่นตกใจ หนวยจิงจี กองทหารอันดับหนึ่งแหงตาเซี่ย มีหนาที่ปกปอง
คุมครองเมืองหลวง
ทหารหนวยนี้เกงกลาสามารถ รับผิดชอบเฉพาะเรื่องใหญ ปกติจะถูกเรียกใชเมื่อ
ศัตรูตางชาติรุกรานเมืองหลวง หรือใชปราบปรามกบฏในเมือง ผูคนไมคาดคิดวา หนวย
จิงจีจะถูกสงใหมาจัดการเรื่องนี้ เห็นชัดวาฝาบาทใหความสําคัญกับเรื่องนี้มาก
ฉับ!
“บังอาจ!”
ทามกลางเสียงซุบซิบนินทา สองเสียงดังขึ้นแทบพรอมกัน เสียงหนึ่งคือเสียงดาบตัด
เลือดเนื้อ อีกเสียงหนึ่งแนนอนวาเปนเสียงตะโกนของทานแมทัพ
ผูคนรีบหันกลับทันที เห็นเพียงใบหนาลูสวินอี้เต็มไปดวยโลหิตสดๆ ในมือมีศีรษะ
เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
ยอมเปนศีรษะปรมาจารยเฒา
กองทหารมาลอมรอบบริเวณที่เกิดเหตุและตัวเขาในพริบตา
แมทัพใชสายตาดุดันดั่งพยัคฆจองมองลูสวินอี้ และใชงาวชี้ไปที่ตัวเขาโดยไมตองคิด
พรอมตะโกนกอง
“เจาเปนใคร ริอาจกอเหตุฆาตกรรมตอหนาเหลาทหาร...”
“ฆา...” กลุมทหารถือของาวจอลูสวินอี้
แมทัพนิ่งไปสักพัก กอนออกคําสั่งเสียงสูง “จับเปน!”
ลูสวินอี้กลับไมรูสึกกลัว เนื้อตัวของเขาเลอะไปดวยโลหิต ปณิธานในดวงตา
แข็งแกรงดั่งหิน มือหนึ่งจับดาบ อีกมือหนึ่งถือศีรษะ โลหิตยังคงไหลออกจากแผลที่
หัวไหล เขาเชิดหนาขึ้นพลางพูดเสียงสูง
“ขา ลูสวินอี้ ผูใตบังคับบัญชาของหมิงออง ไดรบั คําสั่งจากทานอองใหมาเมืองหลวง
เพื่อเขาเฝาฝาบาท ใครกลาจับขา?”
แมทัพชะงัก สํารวจมองลูสวินอี้ดวยสายตา แตแววตากลับนิ่ง ชายผูนี้กําลังบาดเจ็บ
สาหัส แตกลับมีพละกําลังบาบิ่น สมชายชาตรี แตคิ้วของเขากลับกระตุก
“ที่แทก็เปนแมทัพของจวนหมิงออง ฝาบาทมีรับสั่งใหจบั ทุกคนที่กอความไมสงบ
บนถนนหมิงฝู เจาเปนหนึ่งในผูเกี่ยวของ วางดาบลง แลวตามขาไป!”
“ใช!” พลทหารตะโกนขึ้นพรอมกัน
ลูสวินอี้จําเปนตองแสดงพลังใหเห็น ดวงตาทอประกาย มองตรงไปยังแมทัพ
“เหลวไหล ฝาบาทรับสั่งใหจบั ผูกอความไมสงบ ผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีใจกลาบาบิ่น จู
โจมสังหารขากับคนในจวนหมิงอองหนาประตูจวน นี่เปนการกอความไมสงบของคน
ตางชาติ ขาในฐานะคนของจวนหมิงอองจึงตองสังหารปรมาจารยชาวฉีและตัดศีรษะ
เพื่อประกาศศักดาใหประเทศชาติ สรางความกดดันแกศัตรู มิไดมากอความไมสงบแต
อยางใด
ทานเปนแมทัพพิทกั ษเมืองหลวง ยังกลาพูดจาเหลวไหลไมดูความจริง กลับดําเปน
ขาว กลับขาวเปนดํา มองวาจวนหมิงอองขากอความไมสงบ คิดเปนกบฏกลางวันแสกๆ
หรืออยางไร?”
เงียบเปนเปาสาก
ทุกคนรูสึกเครียดขึ้ง สถานการณไมถูกตอง คนดุของจวนหมิงอองโตเถียงกับหนวย
จิงจี...
ฝาบาทคือผูหนุนหลังหนวยจิงจี หากไมมีรับสั่งจากฝาบาท หนวยจิงจียอมไม
สามารถอวดเกงจับคนของจวนหมิงอองเปนอันขาด คนดุไมรูเรื่องหรือบาไปแลวกันแน?
หรือตองการใหหมิงอองกับฝาบาทขัดแยงกัน?
แมทัพหนาแดงพลัน หนาที่รับผิดชอบอันยิ่งใหญ หรือเขาจะทําไมได
“เก็บคําพูดสวยหรูไวดีกวา พื้นที่นี้อยูหนาประตูพระราชวัง แตกลับเกิดคดีสะเทือน
ขวัญเชนนี้ ยังมีทูตตางชาติเกี่ยวของกับคดีนี้อีก เจาเองก็เกี่ยวของ ยอม...”
“หยุดพูดมากความ ขารับคําสั่งจากหมิงออง มีภารกิจสําคัญตองเขาเฝาฝาบาท แต
กลับถูกคณะทูตและทหารติดอาวุธจูโจมสังหาร เมื่อกลาถืออาวุธเขาสังหารจวนหมิงออง
ขายอมไมคิดวาพวกเขาเปนทูต ทานอองเคยพูดไววา เมื่อไรก็ตามที่ประเทศฉีไมเลิกทํา
สงครามกับตาเซี่ย เราชาวตาเซี่ยทั้งทหาร หนอนหนังสือ ชาวนา ชางศิลปะ พอคา ลวน
สามารถจับอาวุธขึ้นฆาพวกฉีได ถือเปนผลงานมิใชความผิด!”
ลูสวินอี้พลันหายใจถี่ขึ้น เขาไมสามารถพัวพันใหมากความอีก จึงตัดบทตรงๆ กับ
ทานแมทัพ
“ขาเพียงอยากถามทานคําหนึ่ง หมิงอองบอกวาที่ขาทําถือเปนผลงาน มิใชความผิด
แลวทานยังจะบอกวาขาทําผิดอยูอีกหรือ?”
ตอน 232 ควบคุมไมยาก
เมื่อไรก็ตามที่ประเทศฉีไมเลิกทําสงครามกับตาเซี่ย เราชาวตาเซี่ยมีสิทธิ์จับอาวุธขึ้น
ฆาพวกฉี ถือเปนผลงานมิใชความผิด!
เชนนี้ก็ไดหรือ?
บรรยากาศเงียบกริบ
ทานแมทัพกําลังตกที่นั่งลําบาก หมูนี้ขาวที่เขาไดยินมากสุดก็คือขาวของหมิงออง
แมรูวาทานอองเด็ดขาด แตวันนี้พอไดเจอกับตนเองเขาก็ยังอดไมไดที่จะรูสึกตื่น
ตระหนก
รูสึกวาตนไมไดรับความเปนธรรม ประมาณวา ขามิไดบอกวาเจาผิด แตเปนรับสั่ง
จากฝาบาท!
เขาจึงไมกลาพูดมากอีก เพียงทําตามที่ฝาบาททรงกําชับ การพาพวกเขากลับไปถือ
เปนการปกปองพวกเขา
ขืนยังโตเถียงตอ ยอมแสดงใหเห็นวาฝาบาทปฏิเสธคําพูดของหมิงออง เขาที่ไหนมี
ความกลาทําใหฝาบาทกลายเปนคูอริของหมิงอองตอหนาปวงประชาเลา
เมื่อลูสวินอี้เห็นวาแมทัพเอาแตหนาแดงไมพูดไมจา จึงพูดเสียงนุมลง
“ขานอยไดรับบาดเจ็บ ไมสะดวกที่จะคุยกับทานตอ รอใหขากลับจวนพักรักษาตัว
สักระยะ แลวจะรีบเขาเฝาฝาบาทใหเร็วที่สุด”
พูดจบเขาก็หันกาย เอ็ดเสียงดัง “หลีกทาง!”
เหลาทหารหันมองแมทัพ ที่สุดแลวแมทัพก็ยกมือปรามเหลาทหาร แลววา
“เก็บศพพวกนี้กอน!”
“ขอรับ!”
ลูสวินอี้ไมสนใจ สะพายลังไม หิ้วศีรษะ คอยๆ กาวเดินไปยังจวนหมิงออง
แมทัพมองดูศีรษะในมือเขาแลวรูสึกหดหู อยากเอยปากใหเขาทิ้งศีรษะไว แต
สุดทายก็มิไดเอยอะไร
มองดูลูสวินอี้มือหนึ่งถือดาบ อีกมือหนึ่งหิ้วศีรษะปรมาจารย เนื้อตัวเต็มไปดวย
โลหิตขณะเดินอยูบนถนนหมิงฝู ยอมทําใหผูสูงศักดิ์ทั้งหลายตื่นตกใจขนานใหญ
ภาพหมิงอองที่พวกเขาไมเขาใจไดเขาไปประทับอยูในจิตใจของพวกเขาอีกครั้ง
แมพวกเขายังไมเคยเห็นหมิงอองตัวเปนๆ แตการไดเห็นความดุดันและความแข็ง
กราวของผูใตบังคับบัญชาของหมิงอองทั้งสองคนในวันนี้ ทําใหรูวาหมิงอองผูออนเยาว
ทานนี้ไมธรรมดา
อยางนอยคนดุดันทั้งสอง เวลาพูดถึงหมิงอองกลับแสดงความเคารพนบนอบยิ่ง
เทานี้ก็เพียงพอแลวที่จะพูดไดวา หมิงอองมีความสามารถไมนอย รวมทั้งเรือ่ งราวที่บอก
ตอๆ กันมา อยางนอยก็ทําใหทุกคนเขาใจตรงกันวาหมิงอองและพลพรรคแข็งแกรงยิ่ง
การตอสูในครั้งนี้ที่สุดแลวก็จบลง ทําเอาทุกคนเหงื่อแตกซานไปหมด
ทานแมทัพจึงรีบจัดทหารคุมกันผูสูงศักดิ์เหลานี้กลับจวน ซึ่งทานเหลานี้ยังอดไมได
ที่จะกระตือรือรน เพราะรูวาเรื่องนี้ยังไมจบ ค่ํานี้ราชสํานักจะจัดเลี้ยงคณะทูตานุทูตจาก
ประเทศฉี เกรงวาไมนาจะจบลงอยางสงบ และอาจจะเกิดความผันผวนครั้งใหญที่ยาก
จินตนาการ
“อะไรนะ? จริงรึ?” ทานแมทัพถลึงตามองผูชวยที่เขามารายงาน
“ไมผิด หนาประตูจวนหมิงอองยังมีการตอสูกัน...” ผูชวยตอบ
“ยังรออะไร ไป!”
แมทัพรีบหอตะบึงมาไปจวนหมิงอองทันที เขาคิดวาเชนนี้ก็ดี จะไดคุมกันลูสวินอี้ไป
ในตัว
ขณะที่หนวยจิงจีกําลังรีบบึ่งไปจวนหมิงออง เหลาผูสูงศักดิ์ตางหนาเปลี่ยนสี ยังไม
จบอีกรึ?
พวกเขาจึงกุลีกุจอไมกลับบาน รีบตามไปดูสถานการณตอ
แตครั้งนี้ กลับทําใหมุมปากของพวกเขากระตุก
“ศิษยพี่?” ชายกํายํารางอาบไปดวยโลหิต ดวงตาแดงก่ํา พลังปราณทั่วรางดุจ
สายฟา ยากควบคุมยิ่ง
ลูสวินอี้ไมพูดมากความ เกร็งพลังปราณเฮือกสุดทายไวที่นิ้ว แลวจี้ไปตามจุดสําคัญ
ตางๆ บนรางของชายกํายํา แตก็ยังไมเปนผล
“ศิษยพี่ ไมมีประโยชน ไมตองสนใจขา ขายังมีแรงเชนนี้อยูอีกสักพัก ไมสูไปสังหาร
ศัตรูเพิ่มดีกวาหรือ...”
ชายกํายําพูดพลางสายศีรษะ ดวงตาแดงก่ําจนนากลัว พลังปราณโคจรไมหยุด
ลูสวินอี้ตาแดงระเรื่อ รีบลวงยาขวดหนึ่งออกจากอกเสื้อ ขวดยาแมแตกแตเม็ดยายัง
อยูดี เขายื่นเม็ดยาใหชายกํายําทันที
“ศัตรูสังหารหมดรึ? ควรเก็บรักษารางกายไวใชทําประโยชนอื่นๆ ดีกวา อยาหมด
หวัง เจาเพียงทําเทาที่สามารถทําได เหลือพลังชีพไวสายหนึ่ง ในวังยังมีจอมยุทธ หาก
จอมยุทธไมชวยแกปญหา ขอเพียงเจายืนหยัดใหไดนานที่สุด ขาจะสงเจากลับไป ทาน
อองยอมชวยเจาได! เร็ว รีบกินเสีย แลวเขาไปในจวน นั่งสมาธิคอยๆ ควบคุมลมปราณ”
ชายกํายําเงียบ หันมองรอบบริเวณอยางลังเลใจ
“วางใจ ไมมีใครกลาลงมือสะเปะสะปะกับพวกเราหรอก ทําตามที่ขาบอก!”
ลูสวินอี้พูดเสียงเบา เขารูวาศิษยนองคิดอะไรอยู พลางกวาดสายตามองรอบบริเวณ
กอนกะพริบดวงตาอันมืดมน บริเวณเทาของเขามีศพชายฉกรรจนับสิบ
พูดแลวตนเองก็กินยาหนึ่งเม็ด แลวคอยๆ หลับตา พอลืมตาขึ้นก็มองดูเฉินจวีเฟงที่
ตัวสั่นเทิ้มอยู
“ทานเฉิน ปลอดภัยดีใชไหม?”
“ทานรอง ทาน ทาน...” เฉินจวีเฟงงุนงง
“ไมเปนไร ไมตายหรอก!” ลูสวินอี้ตอบเสียงเบา พอเห็นประตูจวนปดสนิท จึง
ขมวดคิ้วถาม
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดไมเขาไป?”
วาแลวก็หันมองชายหนุมสองคนที่พาเฉินจวีเฟงหนี เห็นคนหนึ่งเนื้อตัวเปอนโลหิต
อีกคนหนึ่งไมรูไปไหน ลูสวินอี้หนาเครียด กมลงมองศพบนพื้น เห็นมีศพหนึ่งสวมเสื้อผา
ตางออกไป
“พวกเขาไมใหเราเขาไป!” เฉินจวีเฟงพยายามควบคุมน้ําเสียง
“ถาพวกเขาไมปดประตู เสี่ยวลูก็ไมตาย!”
ชายหนุมเอยขึ้นเสียงต่ํา “ขาแสดงปายคําสั่งแลว แตพวกเขาไมเชื่อ!”
“หือ?” ลูสวินอี้สูดหายใจเขาลึกๆ มองดูชายหนุมที่ยังมีชีวิตอยู
“ไปเคาะประตู!”
“ขอรับ!” ชายหนุมขานรับพลางพยักหนา แววตาเต็มไปดวยความโกรธ
ขณะเดียวกัน หนวยจิงจีไดมาถึงพอดี ทานแมทัพลงจากหลังมา รีบรุดมาดูศพที่
กระจายอยูบนพื้น
ลูสวินอี้ไมสนใจ รวบรวมสติสัมปชัญญะ ใหเฉินจวีเฟงพยุงเดินไปที่หนาประตูใหญ
ไดยินชายหนุมเคาะประตูอยูนาน ก็ยังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ
เหลาทหารไดยินก็อดไมไดที่จะหันมอง โดยเฉพาะทานแมทัพกับกลุมผูชวยที่หันมา
สบตากันโดยไมรูวาเกิดอะไรขึ้น
ลูสวินอี้ไมพูดไมจา เพียงยืนรออยูหนาประตูรวมกับเฉินจวีเฟง ศิษยนอง และชาย
หนุม
ผานไปสักพัก คอยมีความเคลื่อนไหว เห็นประตูถูกเปดออกเปนชองเล็กๆ และ
สายตาคูหนึ่งกําลังมองดูสถานการณผานชองนี้
เขามองเห็นชายหนุมเปนคนแรก อึ้งเล็กนอย แลวจึงมองดูพวกลูสวินอี้ เห็นเนื้อตัว
พวกเขาเปอนไปดวยโลหิต จึงงับประตูลง
ทวาคลายไดยินเสียงคนหลายคนอยูนอกประตู และคลายเปนเสียงทหารดวย จึง
เปดประตูขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ชองใหญกวาเดิม พอเห็นทหารมากมายก็ถอนหายใจดวย
ความโลงอก เปดประตูทั้งสองบานออก ดานหลังของเขามีผูรับใชราวสิบคน มือถืออาวุธ
ยืนหลบอยูในจวนพลางมองออกมา
“ไมมีเรื่องแลว ทหารมากันแลว!”
คนผูนั้นไมไดกาวออกนอกประตู แตหันกลับไปบอกกลุมผูรับใช
“รีบไปรายงานพอบานหวังเร็วเขา!”
หลังผูรับใชทั้งหมดถอนหายใจดวยความโลงอก คนผูนั้นจึงหันกายมามองกลุมคนที่
ยืนอยูหนาประตู และยังคงใจสั่นเมื่อเห็นคนเนื้อตัวเปอนโลหิต แตพอเห็นทหารมากัน
มากมายก็คอยวางใจลง
“พวกเจา...”
พูดพลางกะพริบตามองชายหนุมและเฉินจวีเฟง
“ออ ที่แทเปนพวกเจาเองรึ ขาไดรายงานพอบานหวังแลว พอบานหวังเชิญพวกเจา
ใหเขาไปได!”
ชายหนุมไมสงเสียง มองดูลูสวินอี้ เขาพยักหนา
“ไป เขาไป!”
“เออ ชากอน พวกเจาเปนใครกัน จวนอองเขมงวด ไหนเลยจะปลอยให...”
เขายังไมทันพูดจบ เทาก็ลอยขึ้นเหนือพื้น จึงรองเสียงดังดวยความตกใจ “อะ...”
เสียงรองทําใหเหลาทหารหันมอง แตก็ไดแคมอง มิไดเขาไปยุงเกี่ยว
เขาถูกจับลําคอแลวยกตัวขึ้น จึงตะโกนลั่น
“ปลอยขาลงเดี๋ยวนี้ กลาดีอยางไร รูไหมวา ที่นี่คือสถานที่อะไร...”
ลูสวินอี้พยักหนา ชายหนุมคอยวางเขาลง ลูสวินอี้เอยปาก
“กอนอื่นเหตุใดตองปดประตู? ไลพวกเราใหยืนหนาประตูหรือ?”
คนผูนี้คลายไมเขาใจคําถามของลูสวินอี้ เขากาวถอยหลังไปหลายกาวอยางกระวน
กระวายใจ กอนชี้หนาลูสวินอี้พลางตวาดดวยความโกรธ
“พวกเจาเปนใคร? กลาสามหาวหนาจวนหมิงออง มีโทษประหารถึงขั้นตัดศีรษะ!”
ลูสวินอี้ไมพูดมาก หันมองชายหนุม “เปนใครที่ไมใหพวกเจาเขาไป?”
ชายหนุมตอบเสียงขรึม
“หลังแสดงปายคําสั่ง พวกเราก็ยืนรออยูหนาประตู พอดีมีศัตรูจูโจมมา พวกเราจึง
เขาตอสู แตจวนอองกลับปดประตูใส จากนั้นในจวนก็ไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ ”
เห็นไดชัดวา มีคนไปรายงานพอบานแลว ซึ่งพอบานทั้งๆ ที่รูวาพวกเขากําลัง
ประสบเหตุเภทภัย แตยังคงปลอยใหพวกเขาอยูนอกประตูโดยไมแยแสสนใจ
ลูสวินอี้พยักหนา หันมองศิษยนอง เห็นพลังปราณที่ยังไมเพลาลงและดวงตาที่แดง
เขมขึ้นจนนาตกใจ
“ไมควรเสียเวลาอีก ฆา!” ลูสวินอี้พูดเสียงเบาออกมา
ศิษยนองแทบไมลังเลใจ รางกายเปลี่ยนรูปเล็กนอย
เปรี้ยง! ขณะทุกคนไมทันตั้งตัว พลันไดยินเสียงดังสนั่น
เหลาทหารที่ยืนอยูใกลประตู เห็นเพียงหนาประตูมีศพเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ซึ่งก็คือผูที่
เปดประตูเมื่อครู
“ทานแมทัพ...” ผูชวยที่อยูขางกายแมทัพตื่นตระหนก
แมทัพหนาถอดสีเชนกัน กอนหนานี้ก็ถือวาบาระห่ําแลว แตตอนนี้พอกลับจวนยัง
กลาบาเลือดฆาคนอีก นี่มันเกิน...
“อา ฆาคนแลว!”
“ที่นี่คือจวนหมิงออง!”
“พวกเจาคิดกบฏหรืออยางไร?”
เพียงพริบตาเดียว ผูรับใชที่รวมตัวกันอยูในจวนตางตอบโตเสียงดังออกมา
“พอบานหวังคือใคร?” ลูสวินอี้เชิดหนามองกลุมผูรับใช
แตทุกคนกําลังตกใจกลัว ไหนเลยจะสนใจตอบคําถามเขา
มีคนวิ่งออกไป พลางรองบอกทหารใหจับตัวพวกเขาไว
“ฆาใหหมด!” ลูสวินอี้เอยปากดวยสายตาเย็นชา
ครั้งนี้ชายหนุมเปนผูลงมือ ดวยการพุงรางเขาจับคอผูรับใชที่วิ่งโรออกไป เสียงกร
อบดังขึ้นครั้งหนึ่ง ลําคอผูรับใชถูกบิดหัก กอนถูกโยนออกนอกประตู
แมทัพเห็นเหตุการณก็รีบพุงเขามาพลางรองตะโกน “ยั้งมือ!”
“หมิงอองรับสั่งดวยตนเองวา ใหขานอยเปนผูดูแลจวนอองชั่วคราว หรือทานแมทัพ
คิดยุงเกี่ยว?”
เสียงลูสวินอี้ยิ่งมายิ่งออนแรงลง แมทัพจึงหยุดชะงักหนาประตู ไมกลากาวเขาจวน
อองแมเพียงครึ่งกาว แตยังคงพูดเสียงสั่นเล็กนอย
“พื้นที่สําคัญอยางเมืองหลวง ไหนเลยจะอนุญาตใหฆาคนตามอําเภอใจได!”
“กระทั่งอํานาจจัดการบาวไพร จวนหมิงอองก็ไมไดรับอนุญาตแลวหรือ?”
ลูสวินอี้พูดดวยน้ําเสียงราบเรียบ แลวจึงหันไปสบตากับเฉินจวีเฟงที่ยืนมึนงงอยู
“ไป พวกเราเขาไป”
เฉินจวีเฟงที่ยืนตัวแข็งไดสติ เขาพยุงลูสวินอี้เหยียบหยาดโลหิต เดินเขาประตูไป
“ทานแมทัพระวัง...”
แมทัพที่ยืนอยูหนาประตูพลันถูกผูชวยขางกายดึงตัวไว เพราะเห็นวามีศพอีกหนึ่ง
ถูกโยนออกมา
“ทานแมทัพ หรือวาใหพวกเขา...” ผูชวยยากที่จะรับเหตุการณเชนนี้ได
แมทัพรูสึกอารมณขึ้น แตสุดทายก็ไมพูดจาอะไร ไดแตยืนมองแผนหลังลูสวินอี้
เหยียบหยาดโลหิตกาวทีละกาวเขาจวนไป
ลูสวินอี้ก็ไมหันกายมอง เดินหนาตอ
“จวนหมิงอองไมเคยกลัวศัตรูตางชาติ แมถูกหอมลอมดวยกองทหารนับพันนับหมื่น
เราก็ไมอนุญาตใหใครมาทําสามหาวหนาประตู ไมคิดวากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะเห็น
จวนอองตกอยูในอันตราย บาวรับใชถึงกับทอดทิ้งคนในจวนใหเผชิญเภทภัยอยูหนา
ประตูดวยการปดประตูใส เมื่อครูตอนพวกขาอยูหนาประตูวังหลวง บาวไพรพวกนี้ก็เสีย
สติแลว มีชีวิตไปก็ไรประโยชน ฆาใหหมด! หามเหลือไวแมแตคนเดียว แลวโยนออกนอก
ประตูไป”
“สามหาว ฝาบาทสงขามา ใครกลาฆาขา...” มีคนตะโกนขึ้น
เขายังไมทันพูดจบ ก็ไดยินเสียงลูสวินอี้พูดขึ้นวา “ฆา!” ตอดวย “ฝาบาทไมเคย
รับสั่งหามหมิงอองจัดการเรื่องบาวไพรในจวน!”
พอเห็นศพพอบานหวังลอยละลิ่วออกมาพรอมเสียงรองโหยหวน กอนตกลง
ตรงหนาแมทัพ แมทัพจึงเงียบเสียงลง
หนาประตูใหญจวนหมิงอองถูกปดลงอีกครั้ง
ลูสวินอี้กับพวกไดสิทธิ์ควบคุมจวนอยางสิ้นเชิง
เฉินจวีเฟงแตกตื่นเล็กนอย เขาพอจะเขาใจแลววาเหตุใดลูสวินอี้ในตอนนั้นจึงไมใส
ใจเรื่องการควบคุมจวนมากนัก เพราะเมื่อจัดการขึ้นมาจริงๆ คลายไมใชเรื่องยาก
ตลอดทั่วทั้งถนนหมิงฝูลวนกําลังจองมองการลําเลียงศพที่หนาประตูบานนั้น...
ตอน 233 ฝาบาทยืนมือไพลหลังรอ
ประตูใหญจวนหมิงอองปดสนิท หนาประตูจวนมีศพกองพะเนิน
โลหิตหลั่งไหลออกจากศพ แลวคอยๆ แผออกเปนวงกวาง แดงฉานสะดุดตา
พอจวนหมิงอองปดประตูก็ไมมีขาวคราวใดๆ เล็ดลอดออกจากปากผูคนซึ่งอาศัยอยู
ตลอดสองฟากฝงของถนนทั้งสาย
จวบจนรองแมทัพคนหนึ่งเงยหนามองทานแมทัพ กอนเอยปากขอคําชี้แนะ
“ทานแมทัพ!”
แมทัพคอยๆ ยกมือปาดโลหิตบนใบหนา เปนหยดโลหิตที่กระเด็นใสตอนศพถูกโยน
ออกมา เขาหลุบตามองโลหิตสีแดงสดในมือ กอนหายใจเขาลึกๆ เงยหนามองจวนหมิง
อองที่อยูต รงหนา แลวจึงเปลงเสียงออก
“ถอยหางสิบเมตร พรอมปดถนนทั้งสาย!”
“ขอรับ!” รองแมทพั รับคําสั่ง
เหลาทหารเคลื่อนตัวออกอยางรวดเร็ว ทําใหเกิดความเคลื่อนไหวบนถนนอีกครั้ง
เหลาผูสูงศักดิ์ที่ยืนดูอยูบางเพิ่งเรียกสติคืนกลับ พอทหารถอยออก พลันเห็นศพอยู
ตรงหนาอยางชัดเจน มานตาจึงหดตัวลง
“ขอเชิญใตเทาทุกทานกลับจวนกอน ชวงที่หากยังไมมีรบั สั่งใหเขาเฝา ขอความ
รวมมือจากใตเทาทุกทาน กรุณาอยาออกจากจวนโดยพละการเปนอันขาด”
เสียงทานแมทัพดังกองไปทั่วพื้นที่รอบบริเวณ ถนนหมิงฝูถูกปดการเขาออก เหลา
ทหารผลัดกันกระจายกําลัง เดินตรวจตราตลอดถนนทั้งสาย
บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นตั้งแตนาทีนี้
กลุมผูสูงศักดิ์หันกายจากไปอยางเงียบๆ ตางสาวเทากาวเดินอยางรวดเร็ว พอกลับ
ถึงจวนก็ปดประตูแนน จวนแตละหลังจึงเงียบกริบ
มีเพียงใตเทาทานหนึ่ง ที่กลับจวนแลวก็เขาหองหนังสือตอ วิเคราะหความคิด
ความรูสึกของตนเอง ที่ไมเพียงแตหวาดกลัว ยังไมรูวาตอไปควรทําอยางไรดี
เทียบกับพื้นที่ที่เกิดไฟสงครามแลว เมืองหลวงยังเปนที่ๆ ผูสูงศักดิ์มีชีวิตอยูกันอยาง
สุขสบาย แมความยากลําบากในพื้นที่หางไกล กลิ่นคาวโลหิตคละคลุง ก็ยังไมสามารถ
ทําใหพวกเขาซึมซับความหนาวเหน็บจนเขาถึงกระดูกดําไดเทารังสีฆาฟนของที่นี่
ที่นี่ยังคงปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีมาชานาน เมื่อดําเนินการตามวิธีการอะไรแม
เพียงเล็กนอย ก็มักมีขอหามออกมาตางๆ นาๆ ซึ่งทุกคนลวนเคยชินกับการละเมิดกฎทุก
ขอ
แตวันนี้ หมิงอองที่ทุกคนควรรูจักมักคุน กลับทําอะไรทีแ่ ปลกแยกตอหนาทุกคน
เขามิไดใชวิธีของที่นี่ในการแกไขปญหา แตกลับนําความผันผวนที่ทุกคนยากยอมรับ
มาใหในขณะที่ทุกคนยังมิไดเตรียมความพรอม
ทูตจากประเทศฉีเขาลอมสังหารคนจากจวนหมิงออง พวกเขายังพอรับได เพราะ
คนฉีคือชาวตางชาติ
ความยโสโอหังและความบาบิ่นของพวกเขา ทุกคนลวนเคยชินแลว
แตจวนหมิงอองกลับไมลังเลแมแตนอยในการสังหารคนฉี รวมทั้งปรมาจารยผู
บําเพ็ญเพียรของพวกเขา
นี่ทําใหผูคนยากที่จะปรับตัวใหยอมรับไดกับการที่พวกเขาสามารถฆาคนไดตาม
อําเภอใจ ไมรูวาการฆาในครั้งนี้จะทําใหสถานการณสงครามที่ตึงเครียดอยูแลว ระเบิด
ออกจนเกิดเปนภัยพิบัติในภายหลังหรือเปลา?
ผูรับใชในจวนหมิงออง แมไมนับเปนตัวอะไร แตจะอยางไรก็เปนคนที่วังหลวงสงมา
นี่เปนคนที่ฝาบาทสงมา แตคนของหมิงอองพอพูดวาฆาก็ฆากันไดงายๆ อยางนั้นหรือ!
การสังหารอยางเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และความใจกลาบาบิ่นของพวกเขา ทําให
ความคิดอานอันลึกซึ้งของผูสูงศักดิ์ทั้งหลายไมมีทางยอมรับอยางสงบเสงี่ยมได
จวนหมิงอองเปดตัวอีกครั้งดวยการเปดฉากสังหารโหดอยางโจงแจง ทําใหพวกเขา
รูสึกแปลกแยกและอันตราย ศพแลวศพเลา สังหารกันโตงๆ ทําใหพวกเขาเงียบงันขณะ
เนื้อตัวสั่น โดยเฉพาะขุนนางหลายทานที่เคยนําเสนอขอดีตางๆ นาๆ เพื่อใหฝาบาท
เห็นชอบในการเชิญหมิงอองกลับวัง แตตอนนี้พวกเขาเริ่มสับสน
พริบตาเดียว พวกเขารูสึกวาตนเองคิดผิด
หมิงอองที่เอาแตใจ บาเลือด โหดรายและนากลัว ไมใชผูที่พวกเขาสามารถควบคุม
ได ไมใชผูที่พวกเขาหวังจะไดพานพบ
หรือ พวกเขาคิดผิดจริงๆ
คนอยางหมิงอองไมควรกลับวัง เพราะจะทําใหพวกเขาทําอะไรไมถูก
นี่ขนาดหมิงอองยังไมไดมาเอง คนของเขามาเพียงไมกี่คน ก็ทําใหความหวาดผวา
และความหวาดกลัวกลายเปนความรูสึกฝงใจที่ทุกคนมีตอจวนหมิงอองไปแลว
บนถนนหมิงฝู ในจวนหนึ่งทีช่ ื่อวา จวนชวี
มีเจาของจวนชื่อ ชวีเสี้ยวเหริน เขาอายุสี่สิบกวา เห็นเขาอายุไมมากเชนนี้ แต
ตําแหนงกลับใหญโตไมนอย เปนถึงขุนนางระดับสอง ที่มีอํานาจตัดสินใจเรื่องตางๆ ใน
ทองพระโรงได
แมขุนนางระดับสองในเมืองหลวงยังไมนับเปนตัวอะไร แตอยางไรก็เปนขุนนาง
ระดับสูง ที่มีความโดดเดนพอควร
อีกทั้งบรรพบุรุษตระกูลชวีลวนเปนขาราชบริพารในราชสํานักมากอน ผูที่โดดเดน
สุดยังมีชื่อเสียงเปนที่รูจักอีกดวย นับเปนตระกูลเกาแกที่อยูคูราชสํานักมานาน
เพียงแตตอนนี้เมื่อเทียบกับปนั้น ยอมเทียบกันไมได ทวาไมมีตระกูลใดที่ไมเคย
เสื่อมถอย เรื่องราวในโลกก็เปนเชนนี้ แตเมื่อตองเผชิญกับโลกที่ยุงวุนวาย ชวีเสี้ยวเหริน
ที่อายุเพียงสี่สิบกวากลับมีชื่อเสียงเกียรติยศโดดเดนขึ้นอีกครั้ง...
เขาก็เหมือนใตเทาทุกทาน ที่เห็นเหตุการณเมื่อครูดวยตาตนเอง ชวีเสี้ยวเหรินเดิน
กลับจวนอยางเงียบๆ
ทวาเขากลับกระตือรือรนมากกวาใตเทาทานอื่นๆ พอสิ้นเสียงปดประตูจวน เขาก็
เดินตุปดตุเป เหมือนโลกลมสลายลงทั้งใบอยางไรอยางนั้น ทรุดนั่งลงกับพื้น หนาผาก
เต็มไปดวยเหงื่อ แววตากระวนกระวายใจ
พอบานที่รอรับใชอยูหนาประตูเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเขามาพยุงใหลุกขึ้น
“นายทาน ไมเปนไรใชไหมขอรับ”
ชวีเสี้ยวเหรินลุกขึ้นยืน หายใจเขาลึกๆ คอยสงบนิ่งลง
“นายทาน...”
เสียงพอบานที่ดังขึ้นขางหู ทําใหอารมณเขากระเจิดกระเจิงขึ้นอีก สีหนาซีดขาว
“เจาวาอะไรนะ?”
พระราชวัง
หองทรงพระอักษร
เวลานี้เดิมทีเปนเวลาเสวยอาหารเย็น แตองคติ้งอูกลับไมมีใจจะเสวย
สถานการณบนถนนหมิงฝูถูกบันทึกไวอยางละเอียดในเอกสารที่ทรงถืออยูในมือ
ทรงมีสีหนาเครงเครียด
ตุบ ทรงโยนเอกสารในมือลงบนโตะ
มหาดเล็กในหองทรงพระอักษรและจางปงลีร่ ีบหลุบตาลง ใจเตนแรง หายใจถี่
“ลูกหกสงคนมาเมืองหลวง เหตุใดคนฉีรูเรื่องนี้ แตพวกเรากลับไมรูแมแตนอย?”
องคติ้งอูเงยพระพักตรขึ้น มองไมออกวาทรงกริ้วหรือทรงยินดี ทวาสายตาอันคม
กริบของพระองคกําลังจองมองมายังจางปงลี่
ตั้งแตเกิดเรื่องมาจนถึงบัดนี้ นี่เปนครั้งแรกที่พระองคทรงตําหนิจางปงลี่ที่ทํางาน
ผิดพลาด
จางปงลี่ยืนกมหนาอยูตรงหนาพระองค ในใจยากแยกแยะวาทรงกริ้วจวนหมิงออง
หรือคนฉี จึงคุกเขาลง
“เปนความผิดของกระหมอมเอง ขอทรงเมตตา!”
องคติ้งอูจอ งมองเขา แลวจึงคอยๆ ลุกขึ้นยืน แววตาคมกริบคอยๆ จางลง ทรงกาว
เทาเดินไปมาหลังโตะทรงพระอักษร ชะงักนิดหนึ่งกอนตรัสขึ้น
“เจาทําความเขาใจหนอยวาเหตุใดพวกเราจึงไมรู แตคณะทูตประเทศฉีกลับรู”
ทั้งสองประโยคดูเหมือนมีเนื้อหาเหมือนกัน แตถาวางสลับกัน ความหมายกลับไม
เหมือน
ประโยคแรกเห็นชัดวาตําหนิจางปงลี่ สวนประโยคที่สอง เห็นชัดวาปลอยใหเขา
กลับไปขบคิด
จางปงลี่รูสึกละอายใจ ฝาบาทเชื่อมั่นในตัวเขามาก ขนาดความผิดรายแรงเชนนี้ ยัง
ทรงไมถือสาหาความ
เขากมศีรษะลง สีหนายังคงลําบากใจ ผานไปสักพักจึงเอยปากอธิบาย “จากการสืบ
เบื้องตน อาจเปนไปไดวาพวกเขาไดรับขาวจากเขาซางชิง!”
“อาจเปนไปไดหรือ?” องคติ้งอูนิ่งไปสักพัก รูสึกไมพอใจ จองมองจางปงลี่
จางปงลี่ละอายใจหนัก
“เรารูตัวผูสงขาวนี้ใหสายลับประเทศฉี แตตอนไปจับกุม เขากลับเสียชีวิตแลว คนผู
นี้เปนศิษยเขาซางชิงที่ใชชีวติ เชนคนธรรมดา เพียงแต...ตอนเราไปถึง เขาพลันเสียชีวิต
ดวยโรคปจจุบันทันดวน!”
“หึๆ เขาซางชิง!” องคติ้งอูท ุบโตะ ความโกรธกริ้วฉายอยูบนพระพักตร แตทรง
เรียกสติกลับคืนไดอยางรวดเร็ว “เบื้องตน?”
องคติ้งอูท รงเย็นพระทัยมาก เรื่องใหญเชนนี้ แมทรงกริ้วก็กริ้วอยางมีสติ
ในสายตาจางปงลี่ พระองคเปนผูมีปรีชาญาณที่คูควรแกการรับใช การติดตาม
พระองคมีเพียงทุมเทใหเกิดผล ไมตองกังวลแมถูกกริ้วหรือเขาใจผิด เขาจึงเงยหนาขึ้น
วิเคราะหเสียงขรึม
“กระหมอมแมโงเขลา แตเมืองหลวงคือฐานที่มั่นของเรา กระหมอมจึงไมกลาปลอย
วาง เขาซางชิงเปนเพียงขุมกําลังหนึ่งของสํานักเตา พวกเขาไมสามารถทําอะไรใหญโตใน
เมืองหลวงได มีก็แตศิษยที่เปนบุคคลธรรมดาคอยรับสงขาว ซึ่งความสามารถดานการ
ขาวไมมีทางเหนือกวาเราอยางแนนอน”
“เรื่องคนของหมิงอองเขาเมืองหลวง นาจะเปนหลังเขามาแลวคอยเปดเผยเบาะแส
มิฉะนั้นคนฉีไมมีทางรอใหพวกเขาเขามาแลวคอยลงมือ คนของทานอองระวังตัวมาก
ขนาดถึงเมืองหลวงแลวเราก็ยังไมรู แตเขาซางชิงกลับสืบไดกอน ซึ่งตามเหตุผลแลว
เปนไปไมไดแนนอน อีกทั้งแหลงขาวยังชี้ไปที่เขาซางชิงโตงๆ เหมือนตั้งใจใหเราสืบพบ
อยางไรอยางนั้น นี่ยิ่งทําใหนาสงสัยเขาไปใหญ”
“ออ?” ดวงตาองคติ้งอูทอประกายเปนครั้งแรก “แลวแทจริงเปนใคร?”
จางปงลี่หยุดเล็กนอย กอนวา “ตอนนี้ยังไมสามารถยืนยันได ตั้งแตเขาเมืองหลวง
มา ลูสวินอี้หยุดอยูแคสองสถานที่ ที่หนึ่งคือประตูเมือง อีกที่หนึ่งคือรานขายยาชางหัว
พวกเขาระวังถึงเพียงนี้ การเปดเผยเบาะแสก็ควรเกิดขึ้นในสองสถานที่นี้ ที่ประตูเมือง
เราสืบดูแลว ไมนามีปญหาอะไร ผูรักษาการณเปนทหารคนสนิทของใตเทาฟางโหยวฉิน
พวกเขาไมมีอะไรผิดปกติ ทุกคนอยูดวยกันตลอด สุดทายเพราะทะเลาะวิวาทที่เจียงหัว
เหลาจึงถูกจับขังอยูที่กองปราบ ดังนั้นจึงมีเพียงรานขายยาชางหัวที่มีปญหา เพราะทาง
รานมีกิจการใหญโต จรดเหนือใตแมน้ํา จึงเกี่ยวของกับผูมีบารมีมากมาย”
“รานขายยาชางหัว?” องคติ้งอูจําเจาของรานได ทรงเปนผูมอบปายประกาศเกียรติ
คุณใหดวยองคเอง คิดไมถึงวาจะเปนพลพรรคของลูกหก ทรงรูสึกวาความสามารถของ
ลูกหกนั้นล้ําลึกยิ่ง
แตถาคิดอีกอยาง กลับเสียพระทัยเล็กนอย
“การจัดใหคนของรานขายยาชางหัวเขาเมืองหลวงมาในระยะเวลาอันสั้น ถือวาเดิน
หมากไดดี แตสุดทายกลับถูกคนหลอกใช ลูกหกยังเยาววัยนัก ตองฝกฝนกลยุทธเพิ่มเติม
จึงจะสัมฤทธิ์ผล!”
ตรัสถึงตรงนี้ ทรงนิง่ ไปพักหนึ่ง กอนตรัสตอพรอมรังสีฆาฟนที่แผกระจาย
“เฮอะ คนทรยศนาย ชั่วรายที่สุด ตองประหาร สั่งปดรานขายยาชางหัวทันที แลว
สืบใหละเอียดทุกซอกทุกมุม ขากลับอยากดูวา ใครกันแนที่กอเรื่องลับหลังขา!”
จางปงลี่ไดยินดังนั้นก็กมศีรษะลง ริมฝปากกระตุก รูสึกทรงเปลี่ยนอารมณเร็วมาก
พริบตาเดียวก็ทรงเปลี่ยนเรื่องมาวิจารณความสามารถของพระโอรส แตเขาก็ไมกลาขัด
พระบัญชา รีบขานรับ “พะยะคะ!” แตเขายังไมรีบจากไป ทูลเสียงขรึมตอ
“การจัดใหคนฉีเขากอกวน ปายสีใหเขาซางชิง หมูนี้ดูไปแลวมีคนมากมายที่
สามารถทําเชนนี้ได แตความเปนไปไดมากสุดมีเพียงหนึ่งเดียว โจรถอยหลิน”
“มิผิด เปนการกระทําที่ตองการสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตัวขา อยูเมืองหลวงปดหู
ปดตาขามานานหลายป ยอมมีขุมกําลังซุกซอนอยู เหมือนหมาจูที่อุมเขาซางชิงไวไมยอม
ปลอย แลวคอยยุแหยตางๆ นาๆ คอยสรางความราวฉานเพิ่มใหขากับสํานักเตา เฮอะ
ไมชาก็เร็วโจรถอยตองถูกขาประหารเกาชวงโคตร!”
องคติ้งอูมนั่ ใจในคําพูดแทบไมตองคิด เห็นไดชัดวาทรงรูสึกเกลียดชังโจรถอยหลิน
เพียงไหน
แตก็นับวาทรงวินิจฉัยถูกตอง เรื่องนี้เปนการกระทําของคนตระกูลหลินจริง
องคติ้งอูกลอกสายตาไปมา
“สงศพสายลับผูนั้นใหนักพรตชงเสวียน ใหตาเฒานั่นมาอธิบายกับขาเอง อีกอยาง
ใหเขารูเรื่องราวทั้งหมดดวย ใหเขาเห็นวาโจรถอยหลินจริงใจกับพวกเขาแคไหน”
“พะยะคะ!” จางปงลี่กมศีรษะ ทวายังอยูเตือนสติพระองค
“ฝาบาท แตเรายังไมมีหลักฐานแนชัด”
“เฮอะ โจรถอยเขี้ยวลากดิน ฉลาดแกมโกง ทําเรื่องใหญไมสําเร็จหรอก!” องคติ้งอู
โบกมือวิจารณ แลวกลาวตอ “อืม อยางก็ปลอยใหมันทําไป คิดวาเขาซางชิงคงไมโง ไม
สืบความเปนมาเปนไปของเรื่องนี้ เราปลอยขาวใหพวกเขาสืบไดก็แลวกัน”
“ทรงพระปรีชายิ่ง!” พูดถึงตรงนี้จางปงลี่ก็อยากขอคําชี้แนะ
“ฝาบาท ตอนนี้พวกลูสวินอี้ไมยอมมากับหนวยจิงจีเรา สวนศพเหลานั้นก็ยังกองอยู
หนาประตูจวนออง หนวยจิงจีจึงใครขอคําชี้แนะจากฝาบาทวาควรจัดการเรื่องนี้เชน
ไร?”
องคติ้งอูแสดงสีหนาเหยเกอยูสักพัก แตก็รีบซอนอารมณอยางรวดเร็ว เงียบไปครู
หนึ่งคอยเอยปากขึ้น
“คนทั้งสองที่ลูกหกสงมานาจะไมรูวาขาตองการปกปองพวกเขา ตอนนี้พวกเขา
เหมือนกลัวไปทุกอยาง ไมยอมใหใครจับตัวไปงายๆ ก็มีเหตุผลอยู”
จางปงลี่ยกมุมปากขึ้น ฝาบาท เขาแสดงใหเห็นจะๆ แลววาไมขอรวมมือดวย แต
ทานกลับอธิบายออกมาเชนนี้ แตจางปงลี่ก็เขาใจ ไมอธิบายเชนนี้ก็เทากับตบหนาตน วา
โอรสตนไมเชื่อมั่นตน เขาจึงโคงตัวลง
“เมื่อเปนเชนนี้ สองคนนั่นนาจะรูแลววาพอเขาเมืองมาไมทันไรก็ถูกทรยศแลว คิด
วาตองเพิ่มความระมัดระวังใหมากขึ้นแน”
องคติ้งอูพ ยักหนา หลุบตามองเอกสารในมืออีกครั้ง รูสึกตกใจเล็กนอย
“สองคนนี้สามารถสังหารจินเฉิงปาไดจริงหรือ? เมื่อวานทูตประเทศฉีปลอยขาววา
วันนี้ตอนพบขาในงานเลี้ยงอาหารค่ํา จะใหปรมาจารยแสดงวิทยายุทธใหดู ขาสงคนไป
ถามตามสํานักเตาโดยเฉพาะ กลับไดรับคําตอบกลับมาวา ถาใหปรมาจารยในเมืองหลวง
จากสํานักเตาแตละแหงสูกับปรมาจารยชาวฉีตัวตอตัว ก็ไมมั่นใจวาจะชนะได ทําใหขา
คิดวาดีที่สุดนาจะถวงเวลาการแสดงวิทยายุทธออกไป โดยการใหปรมาจารยทั้งสี่ของเรา
แสดงกอน”
พูดถึงตรงนี้ก็ทรงมีสีหนาไมพอใจ
“ตอนนี้ชาวยุทธที่ลูกหกหลับหูหลับตาสงมาสองคน กลับตัดศีรษะจินเฉิงปาได
เฮอะ ขากลับอยากถามพวกสํานักเตาจริงๆ วา พวกเจามีผูเยี่ยมยุทธมากมาย ยังเทียบ
ไมไดกับชาวยุทธที่ลูกหกหลับหูหลับตาสงมา เชนนี้แลวพวกเจายังจะเปนกองหนุนใหขา
ไดอยางไร?”
จางปงลี่รูเรื่องนี้ดี เพราะเขาเปนผูเขียนรายงานเอง คณะทูตประเทศฉียโสโอหัง
หลังชุยเฉาเหยี่ยนถูกสังหาร พวกเขาก็ไมยอมแพ ปลอยขาววาหมิงอองวางแผนลอบ
สังหารชุยเฉาเหยี่ยน ซึ่งไมเปนความจริง พวกเขาใชความแข็งแกรงของคนฉีมากดดันตา
เซี่ยเรา โดยวันนี้อาจทาสูกับชาวตาเซี่ย จึงคิดเรื่องการแสดงวรยุทธขึ้น
เจตนาชัดเจน อวดเบงบารมี ใหฝาบาทและราชสํานักรูสึกลําบากใจ
ตอนนี้ชัดเจนวาฝาบาทกําลังสงสัยเรื่องสํานักเตาไมอยากลงแรง จึงจงใจปดบังและ
ทําใหฝาบาทไมพอใจ จางปงลี่จึงรีบเอยปากพูด
“ฝาบาท จินเฉิงปามีชื่อเสียงโดงดังในการบําเพ็ญเพียร โดยเริ่มเปนที่รูจักจากการ
สังคายนาวิถีเตาเมื่อยี่สิบปกอน ตอนนั้นปรมาจารยสํานักเตาตางก็พายแพใหกับเขา
ตอมาก็เหมือนวันนี้ ทาประลองตัวๆ กับเจาบานตระกูลจาว และไดชัยเมื่อประลองกัน
เกินรอยกระบวนทา”
“ออ?” แววตาองคติ้งอูสงบลง แตก็ยังไมเขาใจอยูบาง จึงถามขึ้น
“เมื่อเขารายกาจเชนนี้ เหตุใดจึงถูกคนทั้งสองของลูกหกซึ่งไมมีชอื่ เสียงเรียงนาม
ใดๆ สังหารเลา? หรือคนของลูกหกเปนปรมาจารยที่เทียบชั้นไดกับปรมาจารยทั้งสี่ที่
แข็งแกรงสุดของราชสํานักเรา?”
จางปงลี่ไมรูจริงๆ วาควรตอบเชนไร เพราะเขาเองก็ไมรูตื้นลึกหนาบางของเรื่อง
เชนกัน เรื่องที่หมิงอองกับคนขางกายกระทํา มักทําใหเขาสืบหาเบาะแสยาก
เรื่องหมิงอองสังหารชุยเฉาเหยี่ยน สังหารหานไจโคว และสังหารปรมาจารยสาม
ทาน...
วันนี้คนของเขาสองคนยังสังหารจินเฉิงปาตอหนาผูคนมากมายอีก นี่เปนเรื่องที่ไม
สมเหตุสมผลยิ่ง
สุดทาย เขาจึงไดแตพูดตรงไปตรงมา
“การตอสูในครั้งนี้เปนไปอยางนาอนาถ ทั้งสองเปนผูลอมจูโจม ถาพูดถึงพลังปราณ
แลว พวกเขานาจะมีนอยกวาจินเฉิงปา แตพวกเขามีความเหี้ยมเกรียม ยอมสูตายไม
ยอมถอย ตองเฉือนเนื้อฝายตรงขามใหได และทายที่สุดก็ชนะอยางทุกลักทุเล ทั้งสอง
บาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะลูสวินอี้ แตพลังปราณของพวกเขาแข็งแกรงจริง เรื่องนี้ปฏิเสธ
ไมได มิฉะนั้นแลวปรมาจารยอีกทานหนึ่งคงไมรีบหนีไปทั้งๆ ที่ยังไมไดตอสูดวยซ้ํา”
องคติ้งอูพ ยักหนา อันที่จริงการที่คนทั้งสองสามารถชนะไดก็ทําใหทรงตกพระทัย
มากแลว สวนเรื่องที่จะชนะปรมาจารยทั้งสี่ของราชสํานักไดหรือไมนั้นไมใชเรื่องสําคัญ
“ลูสวินอี้!” ทรงหรีต่ าลงเล็กนอย สักพักคอยสงเสียง “ยืนยันสถานะของพวกเขาได
แลวหรือยัง?”
“พะยะคะ เขาเปนศิษยพี่รองของเถี่ยสง เปนผูอารักขาขางกายทานออง จากขอมูล
ปจจุบันวิเคราะหไดวาหลายปมานี้ กลุมของเถี่ยสงนาจะอยูขางกายทานอองมาตลอด
จึงมีความเปนไปไดที่จะถูกสงตัวมาเมืองหลวง เพียงแตยังมีเรื่องบางอยางที่ยากอธิบาย”
จางปงลี่กมศีรษะลงอยางระมัดระวัง เขาลังเลเล็กนอยกอนพูด
“ขอมูลที่ไดรับทั้งหมดในปนั้น บอกวาลูสวินอี้มิไดมีพลังปราณแข็งแกรงเชนนี้”
“เขาปกปดไวหรือเปลา?” พูดถึงการปกปด สีหนาองคติ้งอูเปลี่ยนเล็กนอย ปนั้น
หมิงอองเปนผูใกลชิดเขา แตกลับปกปดเขาเรื่องการบําเพ็ญเพียรถึงขั้นปรมาจารย ทํา
ใหเขาตัดสินใจผิดพลาด
“ขอนี้ไมนาเปนไปได ปนั้นขณะเถี่ยสงกับพวกเดินทางมาเมืองหลวง ถูกคนของ
สํานักไทเหอสังหารไปหลายคน เหลาพี่นองตองหลั่งโลหิตหนีตายตลอดทาง สุดทายยัง
ตองลําบากเถี่ยสง ที่นองสาวเกือบถูกลูกชายเจาของบานลักพาตัว แตก็ไดรับการ
ชวยเหลือจากทานออง จึงติดตามอยูขางกายทานอองเรื่อยมา หากปนั้นพวกเขามีพลัง
ปราณขนาดนี้ เหตุใดจึงมีสภาพดังกลาว?”
จางปงลี่ไมเขาใจเปนอยางยิ่ง พอเห็นฝาบาทกําลังใชความคิด ก็อดไมไดที่จะรูสึก
ละอายใจ
กับฝาบาทแลว สถานะของเขา ไมควรพูดคําวาไมทราบ ยิ่งไมควรใชคําวา นาจะ
แตเบาะแสของมอไปสืบยากจริงๆ เขาทําการสืบมานานแลวก็ยังสืบไมได
ขอมูลที่เขาหาได ใครๆ ก็หาได เชนเรื่องมอไปเคยใชสถานะไปฉางชิงรักษาผูปวย
แตตอนนั้นเขาปกปดสถานะ จึงยากที่จะสืบละเอียด ยังมีเรื่องวรยุทธของเขา เรื่องขุม
กําลังของเขา
ทวาองคติ้งอูกลับไมตําหนิ ตรึกตรองดูแลววา
“เชนนั้นก็มีความเปนไปไดเพียงอยางเดียว ลูสวินอี้ใชเวลาไมกี่ปที่ผานมาฝกฝนพลัง
ปราณ ยังจําสาวใชนางนั้นไดไหม?”
“พะยะคะ นางชื่อเถี่ยหนิงเออร”
จางปงลี่รูวาที่ฝาบาทหมายถึงคือสาวนอยผูประมือกับเสี่ยวเตาในวันนั้น
“นางสามารถประมือกับหนุมสาวแถวหนาของสํานักเตาได นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบาย
ปญหาแลว”
องคติ้งอูตรัสเสียงขรึม แตพอตรัสแลวสีหนาก็เหยเกอีก เพิ่งรูสึกตัววา ตนกับ
เสนาบดีคูใจกําลังเดาสถานภาพของโอรสตนอยู สําหรับพระองคแลว นี่เปนเรื่อง
ตะขิดตะขวงใจพอควร จึงไมคิดพูดถึงอีก ไดแตสายพระพักตรกอนตรัสออกตรงๆ
“รอถามจากลูสวินอี้โดยตรงก็แลวกัน”
“สวนพวกผูรับใชที่เห็นปายคําสั่งจากลูกหกแลวปดจวนไมตอนรับ มีความผิดโทษ
ฐานไมเคารพเชื้อพระวงศ สมควรตาย! บอกหนวยจิงจีวา ใหเคลื่อนยายศพไปที่กอง
ปราบรอรับโทษ!”
องคติ้งอูเริ่มจัดการแกไขสถานการณ
“พะยะคะ!”
จางปงลี่เขาใจในความหมาย เรื่องนี้เปนไปตามเหตุผล ตองจบใหไดโดยเร็ว ไมควรมี
เรื่องเพิ่มขึ้นอีก
“สวนเรื่องประเทศฉี...” สีหนาองคติ้งอูเครงขรึมขึ้น
“สังหารแลวก็คือสังหาร เปนพวกเขาที่ลงมือกอน คนมากมายก็เห็น หนวยจิงจีของ
ขายังไมทันลงมือ พวกเขาก็ถูกคนของลูกหกสังหารเสียกอน บอกคณะทูตประเทศฉีวา
เรื่องนี้ขาไมถือสาก็ถือวาเมตตาแลว อยาริอาจกอกวนอะไรอีก อีกอยาง พวกเขาอยาก
แสดงวรยุทธมิใชรึ? บอกพวกเขาดวยวา ขายืนมือไพลหลังรออยู!”
ตอน 234 องคติ้งอูไมกลา หมิงอองกลา
ที่ทําการเขาซางชิง
ชงเสวียนสบถสาบานดวยสีหนาจริงจัง “เขาซางชิงสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อุทิศตนเพื่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเรื่อยมา ยามนี้บานเมืองเกิดศึกสงคราม ศิษยเขา
ซางชิงกระจายตัวอยูตามพื้นที่ตางๆ คุมครองความปลอดภัยใหแกแมทัพนายกองใน
สมรภูมิรบอยางไมเห็นแกชีวิต ตอสูกับผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีครั้งแลวครั้งเลา ซึ่งทุกคนตาง
ก็ประจักษแกสายตาดี ขอกงกงโปรดเขาใจ เรื่องนี้ตองมีศิษยคิดไมซื่อ วางกับดักปายสี
สํานัก”
“นักพรตชงเสวียน เรื่องนี้แทจริงเปนอยางไรนัน้ พวกเราไมกลาตัดสิน พวกเรา
เพียงนําคําพูดฝาบาทมาไตถามทานดู การสมคบคิดกับชาวตางชาติแทจริงแลวเปนการ
กระทําของศิษยทานหรือไม ทานก็เพียงตอบคําถามเพื่อใหเราสามารถนํากลับไปรายงาน
ใหฝาบาททรงทราบก็พอ!”
มหาดเล็กจากวังหลวงตอบดวยสีหนานิ่งเรียบ
สีหนาชงเสวียนไมสูดีนัก เขากมลงมองศพในเปลที่วางอยูบนพื้น มุมปากกระตุกไม
หยุด ไดแตยิ้มขมขื่น
“กงกง คนผูนี้เคยเรียนวิชากับเขาซางชิงเราจริง...”
“ดี เมื่อเปนเชนนี้ พวกเราก็ขอตัวกลับไปรายงานฝาบาทแลว” มหาดเล็กยกมือขึ้น
คารวะ กอนหันไปบอกทหารที่มาดวยกัน “พวกเรากลับ”
“ชากอน!” เสียงหญิงสาวดังขึ้น
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี หันมองเหมยอวิ๋นชิง แลวรีบเขาปราม “ศิษยนอง!”
กงกงชะงักฝเทา หันกายมาเผชิญหนากับบุตรีจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิง เขายกมือขึ้น
คารวะ
“ไมทราบวานักพรตเหมยมีเรื่องใดอยากชี้แนะ?”
สีหนาเหมยอวิ๋นชิงนิ่งดุจน้ําแข็ง นางชี้ไปที่ศพ พลางเอยปาก
“กงกง ถึงคนผูนี้เปนศิษยเขาซางชิงที่ใชชีวิตเชนคนธรรมดา แตการที่ทานสงศพเขา
มา ยอมหมายถึงกําลังกลาวโทษวา เขาซางชิงเราสมคบคิดกับศัตรูตางชาติ เกรงวาเรา
คงยากที่จะทําใจยอมรับได!”
ชงเสวียนไดยินก็รูสึกขมขื่นใจ คิดวาทานนี้คงรูสึกวาเรื่องราวยังวุนวายไดไมมากพอ
ชงเสวียนไมทันตําหนิเหมยอวิ๋นชิง จึงไดแตมองไปยังมหาดเล็ก และเห็นวาสีหนา
มหาดเล็กไมสูดีนัก เขายืดตัวตรงแลวพูดขึ้นดวยน้ําเสียงราบเรียบ
“โทษประหารเกาชวงโคตรนี้ แนนอนวาไมใชการกระทําของสํานักทาน พวกเราไม
กลาพูดจาเหลวไหลแมสักครึ่งคํา พวกเราเพียงไดรับคําสั่งใหมาถามดูเทานั้น ขอนักพรต
เหมยอยาไดเขาใจพวกเราผิด”
“กงกงอยาเขาใจผิด นักพรตเหมยมิไดหมายความเชนนั้น...”
มหาดเล็กมองชงเสวียน “ทานนักพรตวางใจ เราไมกลานําคําพูดของนักพรตเหมย
มาคิดสุมสี่สุมหาเปนอันขาด เราเพียงนําคําพูดนี้รายงานใหฝาบาททรงทราบ ใหฝาบาท
เปนผูวินิจฉัย นี่คือหนาที่เรา ขอตัว!”
พูดแลวก็สะบัดแขนเสื้อ กาวเทาเดินจากไปโดยไมหยุดเหลียวมองใดๆ
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี ไมพูดไมจารีบตามออกไป อธิบายดวยสีหนาขมขื่น
“กงกงอยาเพิ่งโกรธ นักพรตเหมยอยูบนเขานานเกินไป ไมรูกาลเทศะ หากพูดจา
ลวงเกินไปขอกงกงอภัยใหดวย เรื่องของศิษยผูนี้ ขาตองขอรบกวนทานชวยรายงานฝา
บาทวา เรื่องนี้กะทันหันมาก เขาซางชิงเต็มไปดวยความหวาดกลัว แตขอใหทรงเชื่อมั่น
วา เรื่องนี้ไมใชการกระทําของเขาซางชิงอยางแนนอน ขอฝาบาทใหเวลาเขาซางชิงสัก
พัก ใหเราไดสืบหาความจริงใหกระจาง เพื่อพิสูจนความบริสุทธิ์และอธิบายใหฝาบาท
ทรงทราบ”
พูดพลางจับแขนเสื้อของมหาดเล็กขึ้น ยาขวดหนึ่งถูกใสเขาไปในแขนเสื้อ
มหาดเล็กสะดุงเล็กนอย สีหนาลังเลใจ แตคิดอีกที คําพูดของชงเสวียนมีความหมาย
ชัดเจนและมิไดรองขอใหเขาทําอะไร เพียงขอใหอยาจดจําความไรเหตุผลของเหมยอวิน๋
ชิง อยาใชคําพูดไมดีรายงานทาทีของเหมยอวิน๋ ชิงใหฝาบาททราบไดเปนดี สวนเรื่อง
อื่นๆ ยอมไมเกี่ยวกับเขาแตอยางใด
สีหนามหาดเล็กคอยดีขึ้นหนอย เก็บขวดยาไว น้ําเสียงนุมลง ถอนหายใจเบาๆ มอง
ชงเสวียนพลางพูดเสียงขรึม
“ทานนักพรตวางใจ เราตองรายงานตามคําพูดของทานอยางแนนอน เฮอ อยาวา
เราปากมากเลย เรื่องนี้ไมใชเรื่องเล็ก ฝาบาททรงกริ้วมาก ขอทานนักพรตลงมือจัดการ
ดวยตนเองจะดีกวา หากไมรีบจัดการ อาจกลายเปนความผิดพลาดไปชั่วชีวิต!”
“อืม...” มานตาชงเสวียนหดตัว ริมฝปากสั่นเล็กนอย แตแลวก็โคงตัวใหมหาดเล็ก
“ขอบคุณกงกงที่ตักเตือน ผูเฒาจะจําใสใจไว”
มหาดเล็กไมพูดมากความ ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง สายศีรษะไปมา กอนเดินจาก
ไปพรอมทหารกลุมหนึ่ง
ชงเสวียนมองดูแผนหลังของเขา พลางไดยินคําพูดสะทอนไปมาในหัวสมองไมหยุด
‘หากไมรีบจัดการ อาจกลายเปนความผิดพลาดไปชั่วชีวิต’
คําพูดนี้กําลังบอกเขาใชหรือไมวา ดาบถูกเงื้อขึ้นแลว อยาหวังวาจะโชคดีอีก!
เขาหันกายเดินกลับดวยสีหนาเครงเครียด พอดีไดยินเหมยอวิ๋นชิงตบโตะ กอนพูด
เสียงดังดวยความโกรธ “เฮอะ อาศัยคนตายคนหนึ่ง ก็คิดงัดขอกับเขาซางชิงขา ขมเหง
กันเกินไปแลว เขาซางชิงขาเปนสํานักเตาแนวหนา มีรึที่จะยอมใหใครมาครอบงําได
งายๆ”
ชงเสวียนหนาตาบึ้งตึง แตยังคงพยายามพูดเตือนสติ “ศิษยนอง กงกงเมื่อครูเปน
มหาดเล็กคนสนิทของฝาบาท เราไมควรลวงเกินเขา หากเขาจงใจพูดใหรายเราตอหนา
ฝาบาท ทําใหฝาบาทกริ้วขึ้นมา จะทําใหเรายิ่งเดือดรอนกันไปใหญ”
เหมยอวิ๋นชิงที่กําลังโกรธจัด พอไดยินชงเสวียนตําหนิก็ยิ่งรูสึกเดือดดาล หันควับมา
มองชงเสวียน “ศิษยพี่ ทานตองรูไวดวยวา ที่เขาซางชิงเรามีบารมีมาไดจนทุกวันนี้ มิใช
อาศัยการนอบนอมโคงตัวคุกเขาเยี่ยงบาวรับใช...”
“อวิ๋นชิง หยุดพูดเหลวไหล!” เหมยอวิ๋นเทียนที่อยูขางกายนาง พอไดยินนางพูดจา
ทํารายจิตใจคน และเหลือบเห็นชงเสวียนโกรธจนหนาแดง จึงรีบตะโกนหาม
เหมยอวิ๋นชิงชะงักเล็กนอย นางลุกขึ้นยืน ยังคงพูดตอ “พี่ใหญ ทานก็เห็นอยู เขา
อาศัยเพียงศพหนึ่ง บุมบามกลาวโทษเราอยางไรเหตุผล หาวาเราสมรูรวมคิดกับศัตรู
ตางชาติ ใสรายปายสีเรา นี่หมายความวาอะไร? เดรัจฉานนั่นสังหารปรมาจารยทั้งสาม
ของเราแทๆ แตเรากลับถอยอยูได ทําใหติ้งอูไดใจ เริ่มคิดไดคืบจะเอาศอก เฮอะ...หาก
ยอมเขาไปเรื่อยๆ เชนนี้ เกรงวาอาจทําใหเขาลืมไปจริงๆ วา ตนเองในตอนนี้ไมใชองค
จักรพรรดิเซิ่งอูเมื่อครั้งกอรางสรางประเทศอีกตอไป และเขาซางชิงในตอนนี้ยอมไมใช
เขาซางชิงในรัชสมัยองคเซิ่งอู!”
พูดถึงตอนนี้ อารมณเหมยอวิ๋นชิงยิ่งรุนแรงขึ้น นางหันมองชงเสวียน
“ศิษยพี่ อยาหาวาศิษยนองเสียมารยาทเลย องคติ้งอูเคยพอใจพวกเราที่ไหน มีเวลา
ไหนบางที่เขาไมคิดกําจัดพวกเรา แลวผลเปนอยางไร? เขากลาไหม? กลาพอหรือเปลา?
วันนี้ทั่วหลาตางก็รูวา ราชสํานักแตกแยกแบงพรรคแบงพวก แผนดินถูกตางชาติที่มี
อาวุธทันสมัยรุกราน ในประเทศถูกนายพลหลินตอตาน กองทัพแตกออกเปนสองฝาย
เชนนี้องคติ้งอูจึงไมกลาลงมือกับเราแนนอน นอกจากอยากใหประเทศยุงเหยิงไปกวานี้
แลวเหตุใดเราถึงตองกลัวดวย?”
เหมยอวิ๋นเทียนฟงแลวขยับริมฝปากเล็กนอย แตสุดทายก็ไมไดพูดอะไร กลับหัน
มองชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน อวิ๋นชิงแมเสียมารยาท แตที่นางพูดมาก็มีเหตุผล แมเราไม
สามารถวูวาม แสดงใหเห็นตรงๆ วาเราเปนศัตรูกับราชสํานัก แตถาองคติ้งอูขมเหงกัน
เกินไป ถึงเวลาที่ควรแข็ง เราก็ตองแข็ง”
หัวใจชงเสวียนเตนไมเปนระส่ํา ใบหนาแดงก่ํา เขาไหนเลยจะไมรูวา ที่ผานมาเหม
ยอวิ๋นชิงไมชอบวิธีการบางอยางที่เขาใชจัดการกับปญหา แตกลับคิดไมถึงจริงๆ วาคนผู
นี้จะมองตนเชนนี้
นอบนอมโคงตัว คุกเขาเยี่ยงบาวรับใช ทําใหเขาซางชิงขายหนา...
นี่ไมใชคําพูดของคนธรรมดา แตเปนคําวิพากษวิจารณจากบุตรีจอมยุทธแหงเขาซาง
ชิง ซึ่งเกือบจะเปนคําตัดสินสถานะภายภาคหนาในเขาซางชิง
หลายปมานี้ในฐานะผูดูแลสาขาเขาซางชิงในเมืองหลวง เขาพยายามทําทุกอยางให
ดีที่สุดเพื่อเขาซางชิง แตวันนี้กลับไดรับคําวิจารณเชนนี้ แมชงเสวียนเชี่ยวชาญการ
ประนีประนอมอยางหาตัวจับยากในเมืองหลวง แตตอนนี้เขากลับยากที่จะรับไหว
ไมคุมคายิ่ง!
โกรธแคนยิ่ง!
เขาเชิดหนามองเหมยอวิ๋นชิงและเหมยอวิ๋นเทียน ลมหายใจหนักหนวง ไหนเลยจะ
ไมรูวาทั้งสองทานมีนิสัยหยิ่งยโส เพราะถูกเลี้ยงดูอยางตามใจมาแตเด็ก
แตเขาก็ไมคิดเกรงกลัวอีก ดวงตาแดงระเรื่อ เสียงแหบเล็กนอย “ทานทั้งสองควร
จะรูไววาที่นี่คือที่ไหน? นี่คือเมืองหลวง ขอเพียงราชสํานักยังไมสิ้น ขอเพียงองคติ้งอูยงั
เปนองคจักรพรรดิ เขายอมมีอํานาจมากเปนที่หนึ่ง ไมเปนสองรองใครในเมืองหลวง
ตอนนี้แนนอนไมใชปนั้น ทั่วหลาแตกกกแตกเหลา แตพวกทานเคยคิดไหมวาเมื่อพูดถึง
ผูนําของตาเซี่ยแลว ยังมีใครที่เหมาะสมไปกวาเขา?”
เหมยอวิ๋นชิงไดฟงก็เลิกคิ้วอยางเหยียดๆ เห็นไดชัดวานางไมมีความยําเกรงเชื้อพระ
วงศแมแตนอย
“ศิษยพี่ ทานอาจลืมไปวายังมีแมทัพหลินอีกคนที่ถูกยกยองใหเปนวีรบุรุษ!”
“แลวอยางไร?” พอสิ้นเสียงนาง ชงเสวียนพลันเชิดหนาจองมองนางนิ่ง กระทั่งพลัง
ปราณที่ไมเคยเห็นทั้งสองเปลงใสกันก็ปะทุขึ้น
“ตระกูลหลินถือกําเนิดจากคนธรรมดา และเปนขุนนางมาโดยตลอด วันนี้ถูกเรียก
ขานวาวีรบุรุษ ศิษยนองคิดวาเขากับองคติ้งอูเหมือนกันอยางนั้นรึ?”
เหมยอวิ๋นชิงไมเคยเห็นผูเฒาใจดีอยางศิษยพี่โกรธมากอน นางแมไมกลัว แตพอเห็น
ศิษยพี่หนาตาบูดบึ้ง จึงอดทนสักพัก กอนพูดเสียงขรึม
“เหตุใดจะไมเหมือนกัน? ปนั้นองคเซิง่ อูก็ถือกําเนิดจากคนธรรมดา ก็รองอุแว
เหมือนกันนี่ จะกษัตริย ขุนนาง หรือนักรบก็เหมือนกัน ตางกันก็แคชื่อเรียก”
“ผิดแลว เจาผิดแลว!” ชงเสวียนสวนกลับทันควัน
“องคเซิ่งอูถือกําเนิดจากคนธรรมดาก็จริง แตก็เคยกมกราบผูมีบารมีทั่วทุกทิศ แต
องคติ้งอูไมใช เขาไดรับความเคารพแตเด็ก ทั้งชีวิตนอกจากกราบไหวบุพการีแลว ไมเคย
กราบไหวผูอื่น องคเซิ่งอูสรางประเทศ วางรากฐานทุกดานมาหารอยป หารอยปนี้ใต
หลาเปนของตระกูลมอ พวกเขาพัฒนาจิตวิญญาณและเกียรติยศของกษัตริยเรื่อยมา นี่
เปนสิ่งที่คนตระกูลหลินไมมี องคติ้งอูมธี รรมาภิบาลของกษัตริย สามารถประสานทั้งสี่
ทิศ แตนี่มิไดหมายความวาเราสามารถแสดงอํานาจตอหนาเขา ศักดิ์ศรีตระกูลกษัตริยไม
สามารถดูหมิ่น แมวันนี้เปนของปวงชน แมเปนวันสุดทายกอนสิ้นชาติ เขาก็ไมมีทางทน
ดูคนในประเทศยุยงปลุกปนจนแตกแยกกันเองตอหนาแนนอน เจาเชื่อหรือไม ถาเขา
ซางชิงกลายอมรับวาสมคบคิดกับชาวตางชาติตรงหนาเขา เขาตองลงมือกับเราแน”
“ศิษยพี่ อาจไม ขนาดคนตระกูลหลินกบฏ ซ้ําเรียกตนเองวาออง แลวอยางไร เขา
ทําอะไรได?” ครั้งนี้เหมยอวิ๋นเทียนเปนผูเอยปาก ทําเอาชงเสวียนคิ้วกระตุก
“แลวตอนนี้เราถูกตางชาติรุกราน ราชสํานักแยเชนนี้ ศิษยนองเห็นเขายอมทน
อัปยศอดสูรวมมือกับตระกูลหลินตอสูตางชาติหรือเปลาละ? นี่เปนศักดิ์ศรีตระกูล
กษัตริยของเขา ไมสามารถประนีประนอมกับกบฏเด็ดขาด ไมผิด
เขาซางชิงเราก็เชนเดียวกัน หากเปนศัตรูกับเขาซึ่งหนา เขาไมสามารถบอกใหทหาร
ยกทัพมาทําลายลางเขาซางชิงในทันทีก็จริง แตก็ไมมีทางอดทนเหมือนกอนแน นาทีแรก
ตองประกาศวาเราเปนกบฏ แลวใชศีรษะขากับทานทั้งสองสังเวยใหเปนแบบอยางโทษ
ฐานกบฏ”
“เขากลาหรือ?” เหมยอวิ๋นชิงเสียงดัง เหมยอวิ๋นเทียนหนาเปลี่ยนสี
ชงเสวียนมองดูใบหนาบิดเบี้ยวของเหมยอวิ๋นชิง แลวจึงพูดตอ
“ผูนํากองกําลังอื่นๆ อาจอดทนไดเพราะหวงกังวลเรื่องตางๆ แตองคติ้งอูไม เขา
สามารถอดทนกับทุกอยางในใตหลาได ยกเวนเรื่องประกาศตัวเปนกบฏ นี่เปนศักดิ์ศรี
ของเขา และเปนกาวที่เขาไมสามารถถอยได เพราะถาปลอยใหมีหนึ่งก็ตองมีสองตามมา
ผูที่ถูกปวงชนเรียกวาจักรพรรดิตาเซี่ย เหตุใดตองทําเพื่อขุนนาง? ขุนนางแซหลินคนหนึ่ง
เคยทําใหเขาจองทําลายลางโดยไมสนใจศัตรูตางชาติ ถึงทําใหยุงเหยิงกันมาจนทุกวันนี้
พวกทานยังกลาสงสัยในเกียรติยศและความเด็ดขาดขององคจักรพรรดิอยูอีกหรือ?”
เหมยอวิ๋นเทียนริมฝปากสั่นเล็กนอย สวนเหมยอวิ๋นชิงดวงตาคมกริบทะลุจักรวาล
นางยังคงไมเชื่อ
“จะเอาเรื่องในปนนั้ มาเทียบกับปนี้ไมได ตอนนั้นเขายังมีกําลังงัดขอกับทานหลิน
แตตอนนี้เขาเหลืออะไร หากคิดงัดขอกับเขาซางชิง ตองทําใหสํานักเตาทั่วประเทศยุงแน
หากสํานักเตาเราไมสงคนไปชวย ผูบําเพ็ญเพียรชาวฉีก็ยิ้มหวาน ถึงตอนนั้นสมรภูมิรบ
คงวุนวายนาดู ดังนั้นขาจึงไมเชื่อวาเขาจะกลาลงมือกับเรา นอกจากวาเขาอยากใหสิ้น
ชาติ”
ชงเสวียนเห็นนางมั่นใจเชนนี้ จึงสายหนาชาๆ
“ใช อยางที่เจาวา องคติ้งอูไมกลา เขาตองอดทนและอดทนตอไปเพื่อประเทศชาติ
เขาไมกลาก็จริง แตลกู หกของเขา หมิงอองกลาหรือไม?”
“หมิงอองหรือ?”
พอพูดถึงหมิงออง เหมยอวิ๋นเทียนกับเหมยอวิ๋นชิงตางชะงัก เหมยอวิ๋นชิงยิม้ เย็นชา
“เดรัจฉานนั่นก็แคเด็กรับใชจิ๊บจอยที่ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา เหมือนบาเลือด อยาก
เบงบารมีชั่วครั้งชั่วคราว จริงๆ แลวมีความสามารถที่ไหน จะเทียบกับเขาซางชิงเราได
อยางไร?”
ชงเสวียนเงียบแลว เขาไมรูจะพูดอยางไรดี
นางหยิ่งยโสเกินไป บอกวาหมิงอองไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา แตกลับไมรูวานางเองนั่น
ละที่ไมรูอะไรเลย
ชงเสวียนสงสัยอะไรบางอยาง ที่ศิษยนองเหมยเกลียดชังเชื้อพระวงศอยางไมลืมหู
ลืมตาเชนนี้ อาจเปนเพราะการเขาวังในปนั้น องคติ้งอูใชอํานาจบีบบังคับนางกลางทอง
พระโรง และนางที่มีฐานะสูงสงมาตลอด ไมเคยแบกรับความไมเปนธรรมมากอน พอถูก
ทําใหอับอายจึงฝงใจและคับแคนใจเรื่อยมา
แตไมวาอยางไร เมื่อพูดกันขนาดนี้แลว ชงเสวียนก็ไมกลัวบารมีสองพี่นองอีก
มิฉะนั้นชาเร็วก็ตองถูกพวกเขากลั่นแกลงจนย่ําแยในหนาที่แน จึงตอบเสียงเบา
“ไมผิด หมิงอองอายุแคยี่สิบเศษก็จริง แตระหวางถูกทหารนับพันลอมจับ เขากลับ
ตัดศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนไดภายในไมกี่กระบวนทา ศิษยนอง เจาวาเขาซางชิงเรานอกจาก
จอมยุทธแลว ใครสามารถทําไดอีก?”
“และเจาอยาลืมดวยวา เขามิไดอยูตัวคนเดียว นี่ยังไมพดู ถึงสถานะหมิงอองนะ พูด
แคเฉพาะในมือเขา ยังประกอบไปดวยกองกําลังขนาดใหญทั้งคนทัง้ มาที่ออกปฏิบัติการ
ไดจํานวนหลายรอย และมีความแข็งแกรงดุจกองทัพนับหมื่น เขาโจมตีสํานักซานเวย
เอาชีวิตหานไจโควทามกลางทหารฉีมากมาย ลําพังกําลังเชนนี้ เทียบไมไดกับเขาซางชิง
เรารึ?
“อีกทั้งตอนกองทัพประเทศฉีพยายามปดลอมพื้นที่ทั่วทุกหัวระแหงนั้น เขากลับ
อาจหาญบุกเขาบานตระกูลตูหรือที่ทําการกลุมเยาวชน เพื่อเผชิญหนากับสาม
ปรมาจารยสํานักเตาเรา ประหนึ่งบุกเขาเขตปลอดคน สังหารปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธทั้ง
สองในกระบวนเดียว...”
พูดถึงตรงนี้ ชงเสวียนก็ใจสั่น เงยหนามองสองพี่นอง
“กระบวนเดียว ใชแคกระบวนเดียวเทานั้น และแหลงขาวที่เชื่อถือไดยังบอกดวยวา
หนึ่งหมัดของเขายังมีเสียงคํารามของพยัคฆดังออกมาดวย ทั้งสองทาน พลัง
ความสามารถของหมิงอองยังสามารถดูหมิ่นไดรึ?”
“ไรสาระ! ตองเปนขาวลือที่เดรัจฉานนั่นจงใจปลอยออกมาแน อายุแคยี่สิบเศษ จะ
กลายเปนจอมยุทธไดอยางไร ฝนไปเหอะ”
เหมยอวิ๋นชิงเสียงแข็ง แตสีหนาที่เดิมแดงระเรื่อพลันเปลี่ยนเปนซีดขาว เห็นไดวา
นางรูสึกหวาดกลัว
ชงเสวียนไมโตแยง พูดเสียงทุมต่ํา “เปนจอมยุทธหรือไมขา ไมรู แตเมื่อครู ลูกนอง
ของเขาสองคนที่อายุไมเกินสี่สิบไดตัดศีรษะจินเฉิงปา ปรมาจารยชาวฉีทามกลางสายตา
ผูคนมากมาย นี่คงไมปลอมสินะ วิทยายุทธของศิษยพี่หลี่ ทั้งสองทานก็ชัดเจนดี แลวผล
เปนอยางไร? พอไปถึงตรงหนากลับถูกบีบใหถอยเสียอยางนั้น พลังยุทธเชนนั้น ไมพูด
เฉพาะเขาซางชิง พูดถึงสํานักเตาทั้งหมด สํานักไหนบาง ที่มีปรมาจารยอายุต่ํากวาสี่สิบ
ที่มีความสามารถเชนนี้? หมิงอองใชจอมยุทธหรือไม ขาไมพูดถึง แตการที่เขามีลูกนอง
เชนนี้ เราก็ควรระวังแลว”
“เขายังมีลูกนองเชนนี้อยูอีกกี่คน? พลังยุทธของเขาฝกถึงขั้นไหนแลว ไมพูดถึงพลัง
ยุทธก็ได ที่นากลัวที่สุดก็คือ เขาเหมือนเทพสงคราม ไมมีอะไรที่จะหยุดยั้งเขาไวได กอง
กําลังในใตหลารวมทั้งเขาซางชิงขาตางมีหลักการของตน กระทําการอยางสมดุล ไมกลา
ล้ําเสนโดยพละการ”
ชงเสวียนเหมือนชราลงมากในชั่วพริบตา พอเห็นทั้งสองสีหนาซีดขาวจึงถอนหายใจ
กอนพูดตอเสียงขรึม
“แตหมิงออง ใครสามารถพูดเรื่องสมดุลกับเขา? สงครามกอเกิดความเสื่อมโทรม
ผูคนนอยใหญในประเทศตางคิดหาวิธีหยุดยั้งสงคราม แตเขากลับใจกลาบาบิ่นสังหาร
คนฉี ทั้งปรมาจารยและขุนนางระดับสูง
เขาไมกลัววาคนฉีจะลางแคนอยางบาคลั่งหรือไม พูดเพียง สายน้ําหนึ่งหยดก็คือ
โลหิตหนึ่งหยด เยาวชนหนึ่งแสนคนก็คือทหารหนึ่งแสนนาย ยอมตายดีกวาสิ้นชาติ เขา
ทําตามปณิธานของตนเองบนพื้นฐานความเปนจริง ไมมีใครกลาสงสัยในความกลาหาญ
และความเด็ดเดี่ยวของเขา”
“ไมเพียงแตคนฉี คนในประเทศก็เชนกัน ผูคนลือกันวาแมทัพเฉินเขอจานถูกพวก
เราสํานักเตาสังหาร แตในความเปนจริงพวกเราตางชัดเจนดี ความตายของเขาไม
เกี่ยวกับเรา ฆาตกรเปนใคร คิดวาตอนนี้ทานทั้งสองก็คงรูอยูแกใจดี เขากระทั่งแมทพั
ของราชสํานักยังสังหารได แมเปนแมทัพคนสนิทขององคติ้งอูก็ตาม...มาดูวันนี้ กอนที่
พวกเขาจะสังหารผูรับใชในจวนหมิงอองที่องคติ้งอูสั่งใหคนจัดหามา พวกเขาลังเลแมแต
นอยหรือเปลา? เหมือนองคชายทานอื่นๆ ที่กังวลวาจะทําใหฝาบาทไมพอใจหรือเปลา?
เขาไมสนใจดวยซ้ํา!”
“ไมตองพูดถึงปรมาจารยสํานักเตาเรา พวกทานก็เห็นกันแลว เมื่อคืนสั่งไปวา วันนี้
เชาใหไปสังหารคน ขาเองยังคิดไมถึงวาเขาจะปฏิเสธอยางไมแยแสแมแตนอยวาสํานัก
เตาเราจะหาวาเขาทรยศสํานักดวย”
“พวกทานบอกขาหนอยวา เขากลัวอะไร? มีใครที่เขาไมกลาสังหารรึ? เทพแหง
สงครามผูนี้ คิดวาเขาจะกลัวเขาซางชิงเราไหม เขาจะคิดไหมวาหากแตะตองเขาซางชิง
เราแลวจะมีผลตามมาเชนไร?”
“ศิษยพี่ก็ พูดเสียเดรัจฉานนั่นนากลัว หากเขาคลุมคลั่งเชนนี้จริง ก็ถือวาเปนศัตรู
กับผูคนทั่วหลา จะชาเร็วอยางไรก็ตองไมตายดีแน!” เหมยอวิ๋นชิงรังเกียจเดียดฉันท กัด
ฟนกรอด
“ไมผิด ตามประวัติศาสตรแลวผูที่ไมหวาดกลัวอะไรเชนนี้ ยอมมีชีวิตอยูไดไมนาน
แตเกรงวาเขานาจะยังไมตายในเวลาอันสั้นนี่สิ นอกเสียจากวาคนฉี หรือคนในประเทศ
สวนใหญอยากใหเขาตาย แตก็ยังไมมีใครกลาลองไปสังหารเขาดู อยางนอย หากยังไมมี
ความมั่นใจก็ไมมีใครบุมบามเปดศึกกับเขา แมแตจินเฉิงปายังมีสภาพเชนนี้ ทั้งๆ ที่คิด
ทาสูกับปรมาจารยตาเซี่ยในทองพระโรง
แตกลับไมกลาตรงไปหมิงจูสงั หารหมิงออง อยาวาแตกองกําลังในประเทศเลย เขา
ซางชิงขามีใครยอมไปหมิงจูสงั หารเขาหรือเปลา?” ชงเสวียนถามกลับ
คําพูดนี้ทําใหเหมยอวิ๋นชิงอับอาย ถูก นางก็รู พลังยุทธของหมิงอองในตอนนี้
นอกจากจอมยุทธแลว เกรงวาไมมีปรมาจารยทานใดที่กลาไปหมิงจูทาประลองกับเขา
นางเองยอมไมตองพูดถึง กระทั่งชุยเฉาเหยี่ยน หรือหลิวซื่อเฉิงยังไมใชคูตอสูของห
มิงออง นางแมดูแคลนหมิงออง แตกระทั่งความกลาก็ยังไมมีที่จะไปยืนเผชิญหนาอยู
เพียงลําพังกับหมิงออง
เมื่อเห็นทั้งสองไมพดู จาใดๆ ชงเสวียนจึงพูดนิ่งๆ
“ขอเพียงเขายังไมตาย ใครกลางัดขอกับเขา ก็จงเตรียมเผชิญหนากับศัตรูที่นากลัว
คนหนึ่งได เขาเด็ดขาดมาก ไมเหมือนพวกราชสํานักที่ยอมอดทน เมื่อเขาบอกวาจะ
สังหารคนฉี ไมเพียงกองกําลังตางๆ ที่มี ใครๆ ก็ตองสังหารคนฉี ใครไมสังหาร คนนั้นก็
คือศัตรูของเขา เขาก็สังหารคนนั้น เขาซางชิงเราจึงเปนศัตรูรายแรกที่เขาใชประกาศ
ศักดา”
สองพี่นองตระกูลเหมยรับไมได ที่เขาซางชิงตองกลายเปนศัตรูรายแรกที่เดรัจฉาน
นั่นใชประกาศศักดา
แตหากคิดโตแยง จะสามารถพูดอะไรได?
พูดถึงตรงนี้ ที่ควรพูดก็พูดไปเกือบหมดแลว ชงเสวียนถอนหายใจยาว
“ทานทั้งสอง ใชวาขาชงเสวียนขลาดกลัว และใชวาขาอยูเมืองหลวงนานเกินจน
สูญเสียความเปนศิษยสํานักเตาไป ทานทั้งสองวาจะชิงศีรษะทั้งสามกลับคืน ใชวาขาชง
เสวียนไมกลาเสี่ยงตาย ใชวาเกรงกลัวบารมีหมิงออง ใชวาไมกลาเปนศัตรูกับเขา แตเปน
เพราะเราไมสามารถใชเหตุผลกลใดกับหมิงอองแลวจริงๆ แมพวกเราสามารถชิงศีรษะ
เหลานั้นกลับมา หันใบหนาที่ถูกหมิงอองตบกลับคืน แตสุดทายหมิงอองจะคิดไหมวา
พวกเรายากตอแย? จึงไมกลาทําอะไรจื้อเฟง? ขายิ่งหวงวา หมิงอองจะตัดศีรษะจื้อเฟง
โดยไมตองคิดแลวแหขบวนตีฆองรองเปาสงเขาเมืองหลวงดวยตัวเองมากกวา”
“หากกลาทําถึงเพียงนี้...ก็เขามาได แตกลับออกไปไมได!” ครั้งนี้เหมยอวิ๋นเทียน
โกรธแลว ปากเขาสั่นจนไดยินเสียงฟนกระทบกระทั่งกัน
ชงเสวียนเงียบ จนถึงตอนนี้ทั้งสองทานยังคงครุน คิดพลางกอดศักดิ์ศรีและบารมี
ของเขาซางชิงไว พวกเขายังไมรูสึกถึงอันตรายที่แทจริง
นี่เปนเรื่องที่ชวยไมได พวกเขาเปนบุตรของจอมยุทธ ในโลกที่ยุงวุนวาย เกรงวา
แมแตเชื้อพระวงศก็ยังไมสูงสงเทาพวกเขา เมื่อมีบารมีขนาดนี้ก็ยอมเลี่ยงไมไดที่จะหยิ่ง
ยโส
ทวาเมื่อชงเสวียนพูดมาถึงเพียงนี้ได ยอมไมปลอยใหเสียเปลา ตองไมใหพวกเขาคิด
ทําการเหลวไหลอีก
“สถานการณในตอนนี้ ผูคนทั่วหลายอมกําลังกนดาหรือพูดจาเผาเขาซางชิงเราจน
ไหมเกรียม ไมรูมีผูคนกี่มากนอยที่หวังใหเรากับหมิงอองผิดใจกัน ใชเราหยั่งเชิงขุมกําลัง
ของหมิงออง ไมตองสงสัย จากความกาวราวดุดันของหมิงออง พอเราผิดใจกับราชสํานัก
เขาตองใชวิธีที่รุนแรงที่สุด รวดเร็วที่สุด จัดการประหัตประหารเขาซางชิงเราแน พูด
หยาบหนอยก็คือ กระทั่งจอมยุทธก็อาจเปนเปาหมายสังหารของเขา เพราะเขาตองการ
สําแดงเดช จึงตองใชความรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นสรางความหวาดกลัวไปทั่ว”
“ทานทั้งสอง หากคิดไตรตรองใหถวนถี่อีกสักนิด ก็จะพบวา การเผชิญหนากับหมิง
ออง เรามิไดเหนือกวามากมายอยางที่คิด โดยเฉพาะอยางยิ่ง หลังจากที่ลูกนองสองคน
ของเขาตอสูกับจินเฉิงปาแลว ขุมกําลังของเราสิ้นสุดอยูแคจอมยุทธเจาสํานัก แตขุม
กําลังของหมิงอองกลับยากแทหยั่งถึง ยังไมมีใครสามารถรูได สวนขุมกําลังของเราอยูที่
บรรดาศิษยเอก แตสํานักเตารอยแปดสํานักจะยอมใหเราเปนผูนําแลวทําตามเราอยาง
นั้นรึ? ตอนนี้ หมิงอองขึ้นแทนแลว เขาอายุยังนอยแตบําเพ็ญเพียรไดขนาดนี้ หากไม
เสียชีวิตกอนวัยอันควร ตองประสบความสําเร็จอยางยิ่งยวดในภายภาคหนาแน และ
อาจทําไดถึงขั้นที่ไมเคยมีใครทําไดมากอนในรอบพันป นี่แสดงใหเห็นวาหมิงอองมีวิถี
แหงเตาที่ไดรับการถายทอดมาอยางสมบูรณ เขามีศักยภาพที่จะพัฒนาสํานักเตาใหกาว
ไปขางหนาไดมากกวาเขาซางชิงเรา
มีกี่คนที่ติดอยูในขั้นปรมาจารยไมสามารถบรรลุได และยังมีอีกกี่คนที่หวังวาจะ
บําเพ็ญเพียรใหไดขั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ หมิงอองมีความสามารถขนาดนี้ พวกเขายังจะ
ลวงเกินหมิงอองเพือ่ เขาซางชิงอยูอีกหรือ?”
คําพูดชุดนี้ถึงเปนคําพูดที่ทําใหเหมยอวิ๋นชิงและเหมยอวิ๋นเทียนเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ
เพียงชั่วครู เขาทั้งสองเหมือนอาบเหงื่อตางน้ํา เหตุผลงายมาก หากหมิงอองมี
ความสามารถชวยใหคนในสํานักเตาบรรลุจริง การที่สํานักเตาตางๆ เอาใจออกหางจาก
เขาซางชิงยอมไมใชเรื่องลอกันเลน กระทั่งศิษยเขาซางชิงเองก็ไมเวนและมีความเปนไป
ไดที่จะคิดแปลกแยก นี่จึงถือเปนการถอนรากเหงาเขาซางชิงอยางแทจริง
“เด็กนี่สมควรตาย ใหอยูตอไมไดเด็ดขาด!” เหมยอวิ๋นชิงยังไมทันพูดอะไร เหม
ยอวิ๋นเทียนก็ลุกพรวด มองชงเสวียนดวยสายตาเ**ยมโหด
“ศิษยพี่ชงเสวียน หมิงอองเปนตัวคุกคามขนาดนี้ เหตุใดทานถึงไมนําเรื่องนี้รายงาน
ตอที่ประชุมสํานัก”
ชงเสวียนพูดไมออกจริงๆ ถาวันนี้ไมถูกบีบขนาดนี้ เขาไหนเลยจะพูดเรื่องนี้ ใครพูด
เรื่องนี้ก็ยอมหมายความวาเคยคิด ใครเคยคิดก็หมายความวาอยากแปรพักตรไปอยูกับห
มิงออง ชงเสวียนยอมไมมีทางปากมาก ทําใหผูอื่นรูวาเขามีความคิดแปลกแยก ตอนนี้จึง
ไดแตสายศีรษะ
“เรื่องนี้ขาไมจําเปนตองพูด ในสํานักมีผูรอบรูมากมาย ยอมมีคนคิดเรื่องนี้อยูแลว
หากสํานักไมเคยคิดเรื่องนี้มากอนจะไมมีทางญาติดีกับหมิงอองชั่วคราวโดยการอดทนไว
แลวสงคนมาเจรจาตอรองกับราชสํานัก แทนที่จะสงคนไปหมิงจูสังหารหมิงออง”
เหมยอวิ๋นเทียนรูสึกอึดอัดใจ คําพูดนี้กําลังวาเขาโงอยางไมตองสงสัย ผูอื่นยังคิด
เหตุผลงายๆ เชนนี้ได แตเจากลับมองไมออก ทวาแววตาเหมยอวิ๋นชิงกลับทอประกาย
“เดรัจฉานนั่นแปลกประหลาดจริง อายุยังนอยอยูแทๆ แตกลับมีความสามารถถึง
เพียงนี้ ตองมีความลับซุกซอนอยูแน หรือพวกเราควรรีบลงมือ...”
ชงเสวียนยอมแพ หากสิ่งที่เจากําลังจะพูดเปนไปได ยังตองรอใหเจาพูดอยูอีกหรือ?
“ยังไมตองพูดถึงเรื่องสามารถสงคนที่ไมกลัวอะไรเขาหมิงจูหรือไม คนฉีตองทําเปน
ไมสนใจ ปลอยใหเราเขาไปอยูแลว แตพอเราเขาไปได ก็ไมสามารถตีฆองรองเปาวาจะ
ไปสังหารหมิงอองอยูดี ถาสงคนลักลอบเขาไป ใครจะมั่นใจไดวาสามารถตอสูกับหมิง
อองในพืน้ ที่ที่เขาเชี่ยวชาญอยางหมิงจูได และพอพูดเรื่องพลังยุทธ นอกจากจอมยุทธ
แลว ก็ไมมีใครมีความมั่นใจอยางเต็มเปยมสักคน” ชงเสวียนพูดสบายๆ
เหมยอวิ๋นชิงหนาเครียด ลอเลนแลว บิดานางไมสามารถไปยังพื้นที่เสี่ยงอยางหมิงจู
ดวยตนเองแน
เรื่องนี้จึงตกไป บิดาเจาไมไป แลวคิดวาคนอื่นโงงมรึ?
“ทานทั้งสอง เราตองรีบเขาวังแลว ขอใหทานทั้งสองอดทนกับสถานการณที่นา
หนักใจนี้ใหได โดยไมควรทําเรื่องเพิ่มขึน้ อีกเปนอันขาด อยาคิดอะไรมาก คิดแคเรื่อง
ความปลอดภัยของหลานศิษยจื้อเฟงก็พอ พวกเราไมสามารถหาเรื่องเดือดรอนใสตัวอีก
แลวจริงๆ และหากไมระวังขึน้ มา นอกจากพวกเราจะหาชีวติ ไมแลวยังทําใหศิษยใน
สํานักเดือดรอนอีก” ชงเสวียนยกมือคารวะพลางออนวอน
เมื่อเห็นวาคนทั้งสองมีสีหนาไมสูดีนักและในที่สุดก็ไมพูดจาอะไร จึงรูสึกผอนคลาย
ลงเล็กนอย ถาคนทั้งสองพูดจาเหลวไหลในทองพระโรง นั่นก็เปนการรนหาที่เอง เขายัง
สงสัยวา แมราชสํานักไมลงมือ คนของหมิงอองอาจชักดาบใสก็เปนได จึงหันกายมอง
ออกนอกประตู ถอนหายใจแลววา
“เฮอ ศพที่ราชสํานักสงมานี้ ยังไมรวู าแทจริงแลวเปนใครกันแนที่วางแผนตลบหลัง
เขาซางชิงเรา...ปฏิบัติการของพวกศิษยพี่หลี่ในครั้งนี้ลมเหลว ถึงตอนนี้ ก็ยังไมมีขาวจาก
ศิษยพี่หลี่ คนอื่นๆ ตายไปก็คือตายไป แตศิษยพี่หลี่เปนปรมาจารยที่มีชื่อเสียงมานาน
หากเกิดเรื่องขึ้นยอมสรางความเสื่อมเสียใหเขาซางชิงเรา อีกทั้ง...”
ความจริงเขาอยากพูดวา ศิษยพี่หลี่เปนผูมีชื่อเสียงที่ทุกคนคุนหนา หากเกิดเรื่อง
ถูกราชสํานักหรือหมิงอองจับตัวได ยอมเดือดรอนแลว
ตอน 235 โลกวุน วาย ไมเพียงมัน่ ใจ ยังมีหยาดน้ําตา
การตอสูที่ทําใหผูคนตื่นตระหนกเมื่อครู เดิมทีคูตอสูมิไดมีเพียงจินเฉิงปา ยังมี
ปรมาจารยอีกทานหนึ่งที่คิดลงมือ แตกลับหนีไปเสียกอน จึงไมมใี ครใหความสนใจมาก
นัก ไมวาจะเปนราชสํานักหรือกองกําลังตางๆ ลวนพูดถึงเขานอยมาก
แตก็ใชวาทุกฝายจะลืม เพียงแตไมรูจะพูดถึงเขาอยางไรใหนาสนใจ
การปรากฏตัวของเขาชางนาขัน กระบี่ก็เงื้อขึ้นแลว สุดทายกลับตกใจเสียงคําราม
หนีไปหนาตาเฉย...
การปรากฏตัวของเขานอกจากชวยเสริมสงบารมีใหจวนหมิงอองแลว ก็มิได
หลงเหลืออะไรไวใหผูคนไดจดจํา แมใครตอใครจะรูวาเขาเปนปรมาจารย แตเขาก็ไมได
รับการเคารพยกยองเพิ่มขึ้นแตอยางใด
ดังเชนคําพูดที่ชายกํายําคํารามออกระหวางไลลาเขา “แคพวกหนูที่หนีไมพน หมู
หมากาไก!”
หนีไมพนก็ตองหนี บทบาทเชนนี้ ก็เหมือนคนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง
อีกอยาง สิ่งที่ทุกคนรูก็คือ ผูลงมือในวันนี้เปนคนฉี การที่ปรมาจารยทานหนึ่งของ
คนฉีถูกคนของหมิงอองตัดศีรษะ ก็เปนเรื่องนาตื่นตกใจพอแลว เวลาที่มีอยูควรนําไปคิด
เรื่องผลกระทบที่ตามมาของเรื่องนี้ดีกวา ใครจะไปสนใจคนที่ไมมีบทบาทสําคัญนั่น
ปรมาจารยที่ใครตอใครเคารพยกยอง กลับตองมาประสบกับนาทีแหงความตกต่ํา
เชนนี้ พูดแลวก็นาสังเวชใจ ทวาในความเปนจริง นอกจากเขาซางชิงแลว ไมมีใครสนใจ
เขาจริงๆ หรือ?
จวนหมิงออง
หองโถงใหญซึ่งไดรับการปดกวาดเสียสะอาดสะอาน กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
อีกครั้ง
แตฟาหลังฝนครั้งนี้ ยังมีลมกระโชกเปนระลอก ในอากาศยังคละคลุงไปดวยกลิ่น
คาวโลหิต
ยังดีที่ผูคนในหองไมสะทกสะทานกับเรื่องเหลานี้มากนัก ซึ่งนอกจากพวกลูสวินอี้
แลว ในหองโถงยังมีผูคนเพิ่มขึ้นมาอีกจํานวนหนึ่ง
เปนกลุมชายหนุมซึ่งกอนหนานี้รออยูในรานขายยาชางหัว และตอนนี้ไดทยอยรุด
มาที่นี่ กระจายกําลังออกเฝาระวังตามจุดสําคัญในจวน
แมมีคนไมมากพอกับจวนที่ใหญโตนี้ แตมีพวกเขาอยูทามกลางกลิ่นคาวโลหิตที่ยัง
ไมจางหาย ก็นับวาชวยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นบาง
ลูสวินอี้บาดเจ็บสาหัส การตอสูเมื่อครู เขาถูกจินเฉิงปาจูโจมอยางหนัก ตองกัดฟน
ดิ้นรนใหรอดชีวิตเพื่อสรางโอกาสใหศิษยนองสาม ตลอดทั้งรางจึงเต็มไปดวยบาดแผล
จากคมกระบี่นับไมถวน กระดูกซี่โครงหนาอกหักสองซี่ กระดูกสะบักราว เหลานี้ยังดี
เกิดเปนผูฝกยุทธยอมเคียงคูกับการบาดเจ็บ ขอเพียงมีกําลังภายในหลอเลี้ยง รวมกับ
การกินยารักษาทั้งภายในภายนอกที่หมิงอองใหไว แลวพักรักษาตัวสักระยะก็จะหายดี
เอง
ทวาบาดแผลบริเวณหัวไหล ตรงตําแหนงเหนือหัวใจทีถ่ ูกจินเฉิงปาใชกระบี่แทงทะลุ
กลับรักษาไมงาย
กระบี่ที่แฝงพลังปราณของปรมาจารย ไมเพียงแตทําใหเกิดบาดแผล ยังทําลาย
กลามเนื้อเสนเอ็นบริเวณหัวไหล สงผลใหลูสวินอี้ไมสามารถโคจรพลังไดตลอดทั่วทั้งราง
โดยเฉพาะวินาทีที่ถูกแทง จินเฉิงปาไดทุมพลังปราณที่หลอหลอมมาหลายปจูโจมผาน
เสนเอ็น ขยายลึกเขาทํารายอวัยวะภายใน
อีกทั้งหลังถูกกระบี่ ลูสวินอี้ยังกัดฟนฟาดหมัดหยงชุนออกไปอีกหนึ่งชุด ทําใหยิ่ง
บาดเจ็บหนักจนลมลงกองกับพื้น และเกือบจะไมมีแรงลุกขึ้นตอสู
อาการบาดเจ็บนี้ถือวาสาหัสมาก หากเปลี่ยนเปนผูอื่น ไมไดหมอมารักษาใหละก็
อาการบาดเจ็บภายในอาจปะทุขึ้นอยางรวดเร็ว หนักหนอยก็เสียชีวิตทันที เบาหนอยก็
ตองใชการบําเพ็ญเพียรชวยรักษาความพิการ
ยังดีที่ลูสวินอี้กับพวกติดตามอยูขางกายหมิงอองมานานหลายป นอกจากพกยา
รักษาชีวิตที่หมิงอองปรุงขึ้นจากสมุนไพรหายากแลว ยังสามารถใชวิชาปฐมพยาบาล
อาการบาดเจ็บฉุกเฉินแตละชนิดที่หมิงอองสอน รักษาตนเองในเบื้องตนกอน
ทวา แมหมิงอองมีฝม ือการรักษาดุจหมอเทวดา ก็ตองไดรับความรวมมือจากผูปวย
ดวย จึงจะเปนผล
แตตอนนี้ลูสวินอี้ไมมีเวลารักษาอาการบาดเจ็บใหตนเอง สิ่งแรกที่เขาตองจัดการคือ
รักษาอาการบาดเจ็บของศิษยนองสาม หูเปยว
“เขามานี่ ตองถายพลังออกกอน ขาจะชวยเจากดพลังภายในไว!”
ลูสวินอี้ที่นั่งอยูบนเบาะรองนั่ง สีหนาซีดขาว ตะโกนเสียงแหบบอกหูเปยวที่ยืนหนา
แดงแจคลายถูกเปลวไฟเผาไหมอยูขางๆ
“ศิษยพี่ ขาไมเปนไร ทานรักษาตัวกอน ยังมีปรมาจารยอีกทานที่เรนกายอยู ขาเฝา
ระวังใหทา นเอง”
หูเปยวสายหนา พลางใชดวงตาทั้งสองขางที่คลายถูกธาตุไฟเขาแทรก กระทั่งตา
ขาวก็แดงก่ํา จองมองใบหนาอันซีดขาวของลูสวินอี้ มุมปากเขายังมีคราบโลหิตติดอยู
“บอกใหเขามาก็เขามา!” ลูสวินอี้เอ็ดหูเปยว แมออนแรง แตเสียงของเขายังคงดุดัน
รอยยิ้มนอยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหนาหูเปยว ทําใหเสนโลหิตบนใบหนาคอยๆ ปูดตาม
จนเห็นเปนโครงตาขาย รวมทั้งเสนผมที่สยายออกทั้งๆ ที่ไมมีลมพัด ทําใหเขาดูดุราย
และนากลัวสุดๆ
เขาไมไดเขาไป แตกลับหันกายเดินออกไปนั่งทําสมาธิอยูหนาประตู พลางพูดเสียง
เบา
“ศิษยพี่ ขาไมเปนไรจริงๆ มีเวลาอีกไมถึงชั่วโมง กอนที่ทานตองเขาวังเขาเฝาฝา
บาท ยังไมรูวาตองเผชิญกับอะไร ทานรีบรักษาตัวดีกวา อยาเสียเวลาอีก ขาเฝาใหเอง”
ลูสวินอี้ไดยินก็รูสึกโกรธ ลุกพรวดขึ้นจากเบาะรองนั่ง แตดวยอาการบาดเจ็บ โลหิต
จึงไหลออกจากปากอีก ทวาเขากลับไมสนใจความเจ็บปวดปานรางกายถูกฉีกขาด แวว
ตารอนรน อาปากคิดตะโกน แตพอเห็นดวงตาที่แนวแนของหูเปยว ดวงตาเขาก็แดงระ
เรื่อ คําพูดที่ออกจากปากจึงนุมนวลลง
“ดานนอกมีกําลังทหารปดลอมอยู ปรมาจารยไมวาจะมีอีกกี่คนก็ไมกลาเขามา
หรอก เจาวางใจ ไมมีเรื่องแนนอน ขาบาดเจ็บเพียงภายนอก ไมเปนไร มียาขององคชาย
หกชวยไว พักสักครูก็หาย แตเจาหากยังไมถายพลังออกไป จะไมทันการแลวจริงๆ”
หูเปยวคลายเตรียมจะพูดอะไร แตกลับพลันกมหนา รางสั่นเล็กนอย คอยสงเสียง
ออก
“จะพูดเชนนั้นก็ได แตสถานการณที่ยุงวุนวายในตอนนี้ยังประมาทไมได
ปรมาจารยที่หนีไปนั่นวรยุทธสูงสง นาจะไมดอยไปกวาปรมาจารยชาวฉี สภาพขาเมื่อครู
ยังไลตามเขาไมทัน พอพบวาพวกเสี่ยวลูเกิดเรื่องที่หนาประตูจวน จึงปลอยเขาไป แลว
พอมาประมือกับกลุมไอโมงที่หนาประตูจวน ก็พบวาพวกมันไมใชคนฉี เกรงวาผูที่ลงมือ
ในวันนี้มิไดมีเพียงคนฉี ยังมีคนจากกองกําลังอื่นอีก เสียดายดูไมออกวาเปนพวกตระกูล
หลินหรือสํานักเตา หรืออื่นๆ...”
“เวลานี้ไมใชเวลาที่จะพูดเรื่องพวกนี้!” ลูสวินอี้ไดยินเสียงที่ราบเรียบของศิษยนองก็
รูสึกกระวนกระวายใจ รีบกาวเขาหา แลวนั่งลงตรงดานหลังของเขาโดยไมใชเบาะรองนั่ง
กอนสงเสียงแหบแหง
“ไมตองสนใจเรื่องพวกนี้ รักษาอาการบาดเจ็บกอนคอยวากัน”
พูดจบก็ใชฝามือขางที่ยังดีอยูท าบลงบนแผนหลังของหูเปยว
หูเปยวเงยหนาขึ้น ดวงตาทั้งสองขางแดงก่ํา น้ําตาโลหิตไหลออกสองสายตั้งแต
เมื่อไหรไมรู โดยที่ลูสวินอี้ซึ่งนั่งอยูดานหลังมองไมเห็น ผานไปสักพัก จมูกหูเปยวก็มี
โลหิตสดๆ หยดลง...
เขาแหงนหนาขึ้น มองดูเมฆขาวที่ลอยอยูบนทองฟา เพื่อไมใหโลหิตหยดลง พลาง
พูด
“เมื่อพบเรื่องเหลานี้ ขายิ่งไมกลาวางใจ อยากไลตามปรมาจารยนั่นตอ แตเพียง
ชั่วขณะก็ไมพบเบาะแสแลว ไมรูสึกถึงพลังปราณของเขา ศิษยพี่ ทานก็รูวาขาในตอนนี้
แข็งแกรงมาก แมเทียบเขาไมไดก็จริง แตก็ไมนาจะหางกันสักเทาไหร ขายังหายตัวอยาง
รวดเร็วและซอนเบาะแสอยางหมดจดบนถนนหมิงฝูอยางเขาไมได ขาสงสัยวาเขายังอยู
แถวนี้ และเปนไปไดวาอาจเรนกายอยูในจวนใดจวนหนึ่งขางจวนเรา เราสังหารคนใน
จวนเราจนหมด แตจวนอื่นๆ เราไมสามารถ ศิษยพี่ ทานจะประมาทไมได ในเมืองหลวง
เรามีศัตรูรอบทิศ คนฉีกลาลงมือ คนอื่นๆ เหตุใดจะไมกลา แมสังหารปรมาจารยชาวฉี ก็
ใชวาจะทําใหพวกเขาหวาดกลัว หนาที่ครั้งนี้ของทานสําคัญยิ่ง ตองระวังแลวระวังอีก
ผูอื่นลวนพึ่งไมไดนอกจากพวกเรากันเอง โชคไมไดเขาขางเราเสมอไป”
“บนพึมพําอะไรอยูไ ด”
ไมรูวาใบหนาซีดขาวราวกระดาษของลูสวินอี้เต็มไปดวยน้ําตาตั้งแตเมื่อไหร ยา
รักษาชีวิตที่เขากินลงไปเมื่อครู ตอนนี้ไดเปลี่ยนเปนกําลังภายในอบอุนไหลเวียนอยูใน
รางของหูเปยว อยากชวยใหหูเปยวสงบนิ่งลงตองใชพลังปราณที่พรั่งพรูไมหยุด แต
สภาพเขาในตอนนี้เหมือนแกวน้ํารั่ว จึงชวยอะไรไมไดมาก น้ําจึงไหลออกจากตาของเขา
แตเขากลับเอ็ดเสียงต่ํา
“นอกจากศิษยนองสวี่แลว เจามุทะลุที่สุด บาบิ่น ไมชอบใชสมอง เรื่องพวกนี้เจาคิด
ได มีหรือที่ขาจะคิดไมได? เจาไมตองหวง ตั้งใจโคจรพลังไป เรื่องใชสมองตองศิษยพี่ รีบ
โคจรพลัง ปฏิบัติ!”
“ศิษยพี่ ไมไดผลหรอก ไมตองสนใจขา” หูเปยวมิไดเหลียวหลังมอง พูดเสียงเบาตอ
“องคชายหกบอกแตแรกแลววา...”
“ไรสาระ ดูอาจิ่วสิ อาจิ่วยังไมเห็นเปนไร” ลูสวินอี้ตัดบท กอนตวาดเสียงดัง “เจา
จะเชื่อหรือไมเชื่อฟง?”
หูเปยวเงียบเสียง หากสามารถรอดชีวิต ใครบางอยากเสียชีวิต?
แตเขาเขาใจ ถึงเขาจะปลอยพลังออกหมดก็ไมมีทางรอดชีวิต เขากับอาจิ่วไม
เหมือนกัน อาจิ่วบําเพ็ญเพียรในขั้นอาจารย ปริมาณยาที่ใชยอมไมเทากัน พลังปราณที่
ถูกกระตุนจึงเทียบกันไมได
ชวยอาจิ่วได ก็ใชวาจะชวยเขาได
แมชวยได เขาก็ไมสามารถทําเชนนี้ อาการบาดเจ็บของศิษยพี่อันตรายถึงชีวิต
พอกัน ไมสามารถใหพลังปราณกับเขาจนหมดตัว
องคชายหกพูดไววา ยานี้ใหใชเฉพาะตอนใกลตายเทานั้น นอกนั้นหามใช
ศิษยพี่เสมือนไมทอ นเดียวที่แบกรับความวุนวายในเมืองหลวง แลวยังมีเขามาเปน
ภาระอีก!
ลูสวินอี้คลายรูวาเขาคิดอะไรอยู จึงพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเด็ดขาด “ถาชวยเจาไมได
เราก็ตายพรอมกัน!”
รางหูเปยวสั่นเทิ้ม เขาไมสงสัยในความใจเด็ดของศิษยพี่ น้ําตาโลหิตหยดลง หายใจ
เขาลึกๆ “ได ขาโคจรพลัง!”
พูดจบ สองมือประกบ ดวงตานิ่ง เลือดลมราวกับพลังมังกรตลอดทั้งรางพลันไหล
ยอนกลับตามเสนชีพจร บังคับใหพลังปราณที่ปะทุขึ้น เคลื่อนกลับไปยังจุดตันเถียน
วิธีนี้อันตรายมาก หากเสนชีพจรรับไมไหว จุดตันเถียนก็รับไมไหวเชนกัน เมื่อเสน
ชีพจรขาด จุดตันเถียนเสียหาย ก็ไมสามารถรักษาชีวิตไวได
ลูสวินอี้คํารามเสียงต่ํา ไมสนใจโลหิตที่ไหลออกจากปากและจมูก พยายามยันพลัง
ปราณทั้งรางที่แทบไมเหลือหลอของตนไว ชวยหูเปยวกดเลือดลมพลุงพลานใหสงบลง
ทวากลับไดยินเสียงระเบิด
ตูม!
“อาก!” ลูสวินอี้พนโลหิตออกจากปาก คนทั้งคนปลิวกระเด็นถอยหลัง กระทบ
กําแพง กระอักโลหิตอีกครั้งกอนรวงหลนลง น้ําในดวงตาทําใหภาพตรงหนาพรามัว เห็น
ลางๆ วาศิษยนองลุกขึ้นยืน เสื้อขาดกระจาย เสนผมปลิวสยาย
ลูสวินอี้รองไห “ขาไมเอาไหน!”
เมื่อครูหูเปยวพยายามกดพลังชีพที่คุกรุนไว ทําใหจุดตันเถียนของเขาคุกรุนตาม
เลือดลมทั้งหมดในรางพลุงพลาน ดันกําลังภายในที่ออนแรงของลูสวินอี้สะทอนกลับใน
พริบตา
ลูสวินอี้มิไดมีเลือดลมอันหนักหนวงดั่งขุนเขาและพลังปราณอันลึกล้ําดั่งทะเล
เหมือนมอไป เขาไมสามารถกดพลังภายในที่ใกลระเบิดของหูเปยวไว กระทั่งชวยรักษา
ในเบื้องตนก็ยังทําไมได
“เปนขาที่ไมเอาไหน ไมควรสําเร็จเปนอาจารย ไมควร...” ลูสวินอี้บนอูอี้
หูเปยวมิไดหันมอง น้ําเสียงของเขานับวาสงบนิ่ง
“ศิษยพี่ไมตองหวง ทางสูยมโลก มีเหลาพี่นองเตรียมสุราชั้นเลิศและกับแกลมชั้นดี
ตอนรับขาอยู ขาไปกอนละ บอกทุกคนดวยวา ไมตองรีบมา พวกเรายังไมไปไหน เวลา
ยังมีอีกมาก”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หันกายมา โลหิตไหลออกเจ็ดทวาร มองลูสวินอี้นิ่ง แลวเปลงเสียง
ออกมา “ศิษยพี่ ถนอมสุขภาพ!”
พูดจบก็ใชมือลูบโลหิตที่เลอะอยูเต็มหนาทิ้ง พลังปราณตลอดทั้งรางที่กดไวนาน
สุดทายก็ระเบิดออก เขาดีดรางขึ้น หมุนควางดุจพายุ รัศมีราวยี่สิบเมตร กวาดเศษไมใบ
หญาและฝุนผงขึ้นสูทองฟา
รางหายลับไปในอากาศ
ปง ปง! ลูสวินอี้ชกพื้นสองครั้ง ปากสั่น เขารูวาศิษยนองใชเวลาชวงสุดทายที่เหลือ
กวาดถนนปูทางในเมืองหลวงใหเขา
ภาพตรงหนาพรามัวเพราะหยดน้ําตา ภาพเวลาอันมีคาที่ผานมานับสิบปตั้งแตวัย
เยาวที่รูจักกัน ปรากฎขึ้นเปนฉากๆ ตรงหนาไมหยุด
สุดทายเขาจึงหลับตาขณะที่รางสั่นเทา และขณะที่ไดยินเสียงคํารามดังกองมาจาก
ฟากฟานั้น เขาก็เริ่มนั่งขัดสมาธิ โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ!
ทางเดินที่เหลือ เขาจักเปนผูเดินเอง!
จิตใจอันแข็งแกรงทีไ่ มหวาดกลัวใดๆ มักไดจากประสบการณความเจ็บปวดในแตละ
ครั้งที่ผันผาน
เพราะไหลของพวกเขาแบกรับความหวังของผูค นมากเกินไป จึงตองเดินหนาตอ แม
รูวาความยากลําบากเพิ่งเริ่มตนขึ้น รูวามีอุปสรรคขวากหนามรออยู ก็ถอยไมไดแมเพียง
ครึ่งกาว ดานหลังของพวกเขามีดวงตาคอยจองมองใหเดินไปขางหนาตลอดเวลา!
เมื่อเดินเขาสูโลกอันวุนวายแลว ก็มิใชดีแตพูด
เหลาพี่นองของเถีย่ สงเหลือกันอยูไมกี่คน พวกเขาเปนผูสืบทอดสายตรงของมอไป
เปนกลุมคนที่มีประสิทธิภาพมากสุดและอุทิศตนมากสุดที่ทําใหมอไปสามารถพิชิตชัยใน
โลกอันยุงวุนวายนี้ได แตแลว เพิ่งเปดเผยโฉมหนา เพิ่งเริ่มเปนที่รูจักไดไมนาน สิ่งที่ตอง
แลกมากลับทําใหผูคนรองไหจนน้ําตากลายเปนสายเลือด
เสนทางสายนี้ ไมเพียงตองการวีรบุรุษกระดูกเหล็ก เปยมความมั่นใจและ
กระตือรือรน ยิ่งตองการผูที่มีจิตใจอันแข็งแกรงทีส่ ามารถเผชิญกับความตายของผูเปนที่
รักคนแลวคนเลาไดดวย
หมัดถูกวาดออกอยางสวยงาม แตโลหิตสดๆ บาดตายิ่ง
ตอน 236 ใตเทาชวีกบั อาจารยหลี่
จวนชวี
ใตเทาชวีสาวเทาเขามายืนอยูหนาประตูหองหนังสือ มองดูรอบดานอยางระมัดระวัง
เมื่อแนใจวาไมมีใคร คอยหายใจเขาลึกๆ ปรับอารมณตนเอง ทําสีหนาใหเปนปกติ แลว
จึงผลักประตูเขาไป
อะไรทําใหเขาตองระมัดระวังขณะอยูในจวนของตนเองเชนนี้? เห็นชัดวามีพิรุธ
ประตูเปด!
เห็นชายชราหนาตาเครงขรึม สวมชุดดํานั่งอยูกลางหองหนังสือ เงยหนามองชวี
เสี้ยวเหริน
ชวีเสี้ยวเหรินพอเห็นเขา หางตาก็กระตุกโดยไมรูตัว แตก็รีบหันกายปดประตู ปกปด
ทาทางพิรุธของตน จากนั้นก็รีบกาวเขาหาชายชรา พรอมสีหนากระวนกระวายใจ กอน
ถามขึ้นอยางหวงใย
“อาจารยหลี่ ทานเปนอยางไรบาง? เมื่อครูไดรับบาดเจ็บหรือเปลา?”
อาจารยหลี่?
มินาเลา ใตเทาชวีทานนี้ถึงระมัดระวังยิ่ง ที่แทชายชราชุดดําทานนี้ก็คือปรมาจารย
คลุมหนาที่ปรากฎตัวในการตอสูเมื่อครู
หูเปยวคาดเดาถูก เขายังซอนตัวอยูในถนนหมิงฝูที่รายลอมดวยกองทหาร
ใตเทาชวีอุตสาหแสดงความหวงใย แตกลับไมทําใหอาจารยหลี่มีสีหนาดีขึ้น เขาลุก
ขึ้นยืน หันกายมือไพลหลัง แคนหัวเราะกอนพูดเสียงขรึม
“เฮอะ ขายังจะเปนอะไรได?”
ชวีเสี้ยวเหรินที่ยืนอยูดานหลัง มองดูแผนหลังที่หยิ่งทะนง มานตาฉายแววลึกล้ํายิ่ง
แตปากกลับตอบวา
“ทานไมเปนไรก็ดีแลว ดีที่ทานฉวยโอกาสถอยออกมากอน มิฉะนั้นหากทานสังหาร
คนทั้งสอง ก็จะยิ่งเพิ่มความเดือดรอนอีก เฮอะ แยที่ชื่อเสียงอันโดงดังของจินเฉิงปา
กลับเปนชื่อเสียงจอมปลอม กระทั่งลูกกระจอกสองคนของหมิงอองก็ยังเอาไมอยู นึกวา
พวกเขาจะชวยเราได กลับกลายเปนเกือบทําใหเราเสียงานใหญไปเสียนี่ โชคดีมากที่
ทานไมไดพัวพันดวย มิฉะนั้นแลวหากโยงใยไปถึง...”
ไดยินดังนี้ ชายชราก็ยิ่งรูสึกลําบากใจ ความเกงกาจของจินเฉินปาเขายอมรูดี และ
เขาก็ไมไดแกรงไปกวาจินเฉิงปาแตอยางใด เมื่อจินเฉิงปาถูกดาวาเชนนี้ เขาก็รูสึกเหมือน
ตนเองถูกดาวาเชนกัน
อยางไรก็ตาม เขาก็ไดแตยอมรับ และยังตองพูดตามชวีเสี้ยวเหรินดวย เพราะมี
เพียงวิธีนี้เทานั้น ที่สามารถผลักความรับผิดชอบจากการหนีออกเมื่อครูใหแกคนฉี เพื่อกู
หนาของตนกลับคืน
“เฮอะ คิดไมถึงจริงๆ วาจินเฉิงปาที่มีชื่อเสียงมานานกลับทําไดแคนี้...หากเขาไมเขา
มายุง ใหขาจัดการสองคนนั่นแตแรก เรื่องก็จะงายกวานี้ แตจินเฉิงปากลับทําใหเบาะแส
เราถูกระแคะระคาย ทําใหขาตองกล้ํากลืนฝนทนหนีออกมาอยางอัปยศและคับแคนใจ
คนผูนี้ไมไดเรื่องจริงๆ!”
ฟงคําของเขาแลว ชวีเสี้ยวเหรินก็อดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้น มารดาเจา ยังกลาอวด
อุตริอีก?
ใครตอใครก็เห็นกันทั้งนั้นวาเจาตกใจกลัวจนหัวหดตดหาย รีบหนีอยางไมคิดชีวิต
กระทั่งลูกศิษยตัวเอง
ถูกสังหารก็ไมสนใจ หันกายวิ่งหนีลูกเดียว ยังโทษพอแมที่ใหเทามาแคสองขางดวย
ชวีเสี้ยวเหรินแยกแยะไดอยางชัดเจนตั้งแตตนจนจบวา ผูที่แบกลังไมอยูบาดเจ็บ
สาหัส หากอาจารยหลี่ผูนี้สังหารเขา ชิงลังไมมา แลวคอยวิ่งหนีก็ยังทัน ไมถึงกับ
ตานทานชายกํายําสักสองสามกระบวนทาไมไดมั้ง? ซึ่งทานผูนี้ไดเงื้อกระบี่ขึ้นแลว
ชายกํายําก็อยูหางกันมาก แตเขากลับไมกลาลงมือ หันกายหนีไปดื้อๆ ปลอยใหเสีย
โอกาสไปเปลาๆ
ปรมาจารยแหงยุคถูกดาวาเปนหนูที่หนีไมพนหมูหมากาไก ก็ยังไมกลาหันกายกลับ
ตัดสินใจปลอยใหกลายเปนเรื่องขําขันของผูคนไป ตอนนี้ยังมีหนามาพูดอยางไมละอาย
ใจ
ชวีเสี้ยวเหรินรูสึกไมพอใจเปนอยางยิ่ง นึกดาในใจ
“มินาเลา พวกเจาเขาซางชิงถึงหนีไมพนน้ํามือหมิงอองในกระบวนเดียว หากพวก
เจาเปนเชนนี้กันหมด อยางนั้นพวกเจายังจะมีประโยชนอะไรอีก?”
ตองพูดวา เมื่อกอนเขาเคารพนบนอบปรมาจารยมาก
แตเหตุการณในวันนี้ ทําใหเขารูสึกวาอาจารยหลี่ที่อยูตรงหนาไมนา เคารพเอา
เสียเลย เปนแคคนขี้ขลาดกลัวตายคนหนึ่งเทานั้น หากมีคนเชนนี้อยูในจวนเขา เขาตอง
อดไมไดที่จะสับใหตายในทันที
เรื่องนี้ทําใหอารมณขึ้นก็จริง แตจะวาไป เรื่องที่ทําใหชวีเสี้ยวเหรินโกรธแคนสุดๆ ก็
คือ ตาแกนี่พอทําเรื่องลมเหลว ดันไมหนีไปใหไกล แตกลับมาแอบอยูในจวนของเขานี่
ลอเลนรึเปลา?
ถาเบาะแสถูกเปดเผย ตระกูลชวีของเขามิตองโลหิตนองดุจสายน้ําหรอกรึ นี่ไมใช
เมื่อกอนที่ขณะถูกราชสํานักตรวจคนยังพอมีทางหนีทีไล แตตอนนี้หมิงอองที่เสมือนเทพ
สงครามนั่นจะยังใหโอกาสเขาอยูอีกหรือ ไมประหารคนในตระกูลเขาใหสิ้นซากนี่สิ ถึง
เปนเรื่องนาขัน
ทวาคิดไปก็ไดแตคิด ไมกลาแสดงออกอยูดี เพียงพูดขึ้นอยางระมัดระวัง
“อาจารยหลี่พูดถูก ขาก็คิดไมถึงวาปรมาจารยชาวฉีนั่นจะตานไดไมทันไรก็ถูก
สังหารเสียแลว ทําใหอาจารยหลี่ตองเสี่ยงอันตราย ขออาจารยอยาถือโทษโกรธขาที่
รูเทาไมถึงการณเลย!”
อาจารยหลี่ไดยินดังนี้ก็รูสึกดีขึ้นมาก โบกมือเบาๆ แลววา “ชางเหอะ!” กอนถาม
ตอ “ตอนนี้สถานการณดานนอกเปนอยางไรบาง ศิษยรวมสํานักขาทําสําเร็จไหม ลา
ถอยไดอยางปลอดภัยหรือเปลา?”
ชวีเสี้ยวเหรินเหยียดหยามในใจ เสแสรงอะไร?
ตอนที่พวกเขาเสียชีวิต เจาก็ไมไดหายไปไหน ไมรูเรื่องเลยรึ?
สีหนาชวีเสี้ยวเหรินเศราสลด
“เฮอ คนของจวนหมิงอองโหดรายมาก พวกเขา...พวกเขาทั้งหมด...”
เขาสําลักคําพูด ไดแตสายหนาในใจ เจาไมเอาไหนก็วาไปอยาง นี่ลูกนองมือดีของ
เจาอีกสิบกวาคนก็ยังตอสูกับคนของหมิงอองแคสองสามคนไมได เขาซางชิงเปนที่สถิต
ของหมีนอ ยแลวหรือนี่
นาทีนี้ ใตเทาชวีเดือดดาลมากจริงๆ เกือบจะมองไมเห็นหัวเขาซางชิงดวยซ้าํ
ปง! อาจารยหลี่ฟาดฝามือลงบนโตะกอนลุกพรวดขึ้น สีหนาเหยเก
“เหลวไหลสิ้นดี กลาสังหารคนของเรา!”
กับความโกรธของเขา ชวีเสี้ยวเหรินไดแตกมหนาไมพูดไมจา ดวยกลัววาตนเองจะ
ทนไมไหว ถุยน้ําลายใสหนาตาแกนี่เสียกอน
เงียบไปสักพัก จึงคอยเอยขึ้นดวยสีหนาปกติ
“อาจารยหลี่ ตอนนี้ศพเหลานั้นตกอยูในมือของหนวยจิงจี หากถูกตรวจพบสถานะ
ตองเกิดเรื่องเดือดรอนใหญแน จําตองรีบบอกนักพรตชงเสวียนใหเตรียมการไวเสียแต
เนิ่นๆ แตถนนหมิงฝูถูกปด ทําใหขาไมสามารถสงคนออกไปชั่วคราว จึงตองอาศัย
ความสามารถของทาน ชวยนําขาวนี้กลับไปแจงใหทราบโดยเร็วที่สุด”
มานตาอาจารยหลี่หดตัวอยางเห็นไดชัด ที่เขาแอบอยูที่นี่ พูดใหสวยหรูหนอยก็เพื่อ
สืบดูความปลอดภัยของศิษยรวมสํานัก
แตความจริงแลวเปนเพราะเขาเกิดกลัวขึ้นมา กลัววาจะถูกชายกํายําตามไมเลิก
ฉากที่จินเฉิงปาถูกสังหาร ทําใหเขาตะลึงงัน เมื่อสังหารจินเฉิงปา ปรมาจารยอาวุโสรุน
เดียวกัน ความสามารถพอๆ กันได เหตุใดจะสังหารเขาไมได?
อาจารยหลี่รูสึกหนาวเหน็บทันที
ขณะเห็นชายกํายําสังหารศิษยรวมสํานัก เขาก็รูแลววาพวกนั้นตานชายกํายําไดอีก
ไมนาน จึงรีบแวบเขามาหลบซอนตัวในจวนชวี เพราะถึงคนของจวนหมิงอองกลาดี
อยางไรก็ไมสามารถเขามาสังหารคนในจวนนี้
“อืม เรื่องนี้ชักชาไมได ไมรูวาสถานการณในจวนหมิงอองตอนนี้เปนอยางไร?”
อาจารยหลี่ไมมีทางเลือก จะปฏิเสธไมไดอีก และไมสามารถพูดหนาตาเฉยวาไมกลา
ออกไป ทําไดเพียงสืบดูสถานการณภายนอกใหถวนถี่
ชวีเสี้ยวเหรินเปลี่ยนความรูสึก รีบเลาเรื่องคนของหมิงอองสังหารคนในจวนที่วัง
หลวงสงมาจนหมดใหฟง อาจารยหลี่กะพริบตา เพิ่งรูสึกลึกๆ ขึ้นมาวาคนของหมิงออง
ตางจากที่ตนเคยคิดไวมาก ระดับความเสี่ยงที่ตองเผชิญจึงเพิ่มขึ้นหลายเทาตัว
ชวีเสี้ยวเหรินพูดตอวา จวนหมิงอองปดประตูอยู สองคนนั้นนาจะกําลังรักษาอาการ
บาดเจ็บ เพื่อเตรียมตัวเขาเฝาในชวงค่ํา สวนหนวยจิงจียังคงเฝาดูอยางแข็งขันโดยวาง
กําลังลอมรอบจวนหมิงอองไว
“อาจารยหลี่ ถาหนวยจิงจียงั อยู ยอมตองสงคนผูนั้นเขาวังหลวงแน เกรงวาพวกเรา
คงไมมีโอกาสลงมือแลว จึงตองขอใหทา นแจงกับนักพรตชงเสวียนดวยวา ศีรษะของ
ปรมาจารยเหลานั้นเกรงวาคงยากที่จะนํากลับคืน แตถายังคิดลงมือใหได ก็ตองวางแผน
ใหรัดกุม ลงมือระหวางที่พวกเขาเดินทางไปวังหลวง...”
อาจารยหลี่ไดยินหนังตาก็กระตุก ยังคิดลงมืออีกหรือ?
เขาไมมีทางยอมเสี่ยงอีกแนนอน พอไดยินวาสองคนนั้นอยูแตในจวน มิไดออกมา
สืบเสาะเบาะแสอีก รวมทั้งหนวยจิงจีก็ยังเฝาอยูหนาประตู
จุดสนใจจึงอยูหนาจวนหมิงอองโดยไมเคลื่อนไหวไปไหน เขาคิด อาศัย
ความสามารถของตน การหนีออกไปอยางเงียบๆ ยอมทําไดไมยาก
ดังนั้นจึงพยักหนา ไมพูดมากอีก หันกายจากไป
“ชากอนอาจารยหลี่ หากไมถือสาโปรดใชประตูหลัง แมหนวยจิงจีปดถนนทั้งสาย
แตยังใหความสําคัญกับบริเวณรอบจวนหมิงออง ออกทางประตูหลังจะปลอดภัยกวา”
ชวีเสี้ยวเหรินเตือนสติ
ไมรูวาเสนประสาทเสนไหนถูกกระตุกใหอาจารยหลี่โกรธ อาจเปนเพราะคําพูด
ประเภทเดียวกับการหนีที่กระตุนความรูสึก เขาจึงสะบัดแขนเสื้อ
“เฮอะ แคหนวยจิงจีจิ๊บจอย ขวางขาไมไดหรอก”
ชวีเสี้ยวเหรินมองตามรางที่พุงออกไป กอนหายวับไปตรงหนา จึงรีบวิ่งออกไปดู
เห็นเขาดีดตัวไปไกล พอกระโดดอีกรอบก็ปรากฏตัวอยูบนกําแพงจวนอยางไรสุมไรเสียง
พลิว้ กายอีกทีก็ไมเห็นแมแตเงา
ชวีเสี้ยวเหรินยังคงรูสึกตื่นตะลึงในความสามารถของปรมาจารย นี่มันเหนือมนุษย
ชัดๆ!
แตนาทีถัดมาแววตาเขาก็ผอนคลายลง นับวาสงบุคคลอันตรายออกไปไดเสียที จึง
ปาดเหงือ่ บนหนาผากและถอนหายใจยาวๆ ออกจากปาก
หลังจากยืนอยูกับที่กลอกตาไปมาสักพัก กลับยังรูสึกไมปลอดภัย จึงรีบวิ่งไปยังโถง
หลัก เห็นพอบานเดินเขามาหา จึงกะพริบตา กระซิบเรื่องราวบางอยางขางหูพอบาน ทํา
ใหพอบานหนาซีดขาว ถามกลับ “นายทาน ทั้งหมด...ใหฆาทั้งหมด?”
ดวงตาชวีเสี้ยวเหรินฉายแววเยือกเย็น “ใครก็ตามที่เห็นเขาเขามา ฆาหมด ไมเหลือ
แมแตคนเดียว!”
“เสี่ยวเฉินละ...” พอบานพึมพํา
ชวีเสี้ยวเหรินหันกาย มือไพลหลัง ตอบเสียงเย็นชา “ฆา!”
พอบานสั่นสะทาน เสี่ยวเฉินเปนคนสนิทของใตเทาชวี วันนี้ถูกเลือกใหบังคับรถมา
โดยเฉพาะ
ตอนนี้ชวีเสี้ยวเหรินกลับสั่งใหฆาอยางเลือดเย็น รวมทั้งผูรับใชที่อยูบริเวณหอง
หนังสือกอนที่อาจารยหลี่จะเขามา ไมวาพวกเขาจะเห็นอาจารยหลี่หรือไม ก็ตองฆาให
หมด
พอบานหนาซีดขาวจนถึงขีดสุด เขาไมคิดไมไดวา ตนเองก็เปนผูหนึ่งซึ่งรูเรือ่ งนี้ นาย
ทานตองการฆาพยานปดปาก ไมใหเหลือเบาะแสใดๆ ทั้งสิ้น...
ขณะเดียวกัน ที่หนาประตูพลันมีเสียงคํารามที่นาตื่นตระหนกแหวกอากาศดังมา
ใตเทาชวีหันกาย แววตาเต็มไปดวยความหวาดกลัว ปากพูดเสียงต่ําตามจิตใตสํานึก
โครม!
“ไป ไปเร็วเขา ฆา ฆา...”
พอบานรับคําอยางเสียขวัญ แลวรีบเดินจากไป
เหลือเวลาอีกไมถึงชั่วโมง ที่คณะทูตประเทศฉีจะเขาเฝา
การกลับมาของจวนหมิงอองและการตอสู กระตุนโสตประสาทที่ออนไหวของผูคน
ทั่วเมืองหลวงอีกครั้ง
โดยเฉพาะผูสูงศักดิ์ในบริเวณถนนหมิงฝู ตางพากันปรับความผันผวนของจิตใจให
สงบลงในความเงียบ โดยไมมีใครคาดคิดวา จวนหมิงอองที่เพิ่งผานการตอสูอันตื่น
ตระหนก จะเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นอีก
บนถนนหมิงฝูที่ถูกปด มีทหารติดอาวุธยืนตัวตรงประจําอยูเปนระยะ
เงียบสงบมาก จนเกือบไมมีความวุนวายใดๆ
ทานแมทัพขี่มาตรวจตราบนทองถนนดวยตัวเอง ขณะผานจวนหมิงออง เขาเตรียม
ระวังรอบทิศ ดวยไมอยากใหเรื่องใดๆ เกิดขึ้นกับคนในจวนกอนเขาวัง
แตแลวประตูจวนพลันเปดออก เขารูสึกเครียดเมื่อเห็นชายกํายําที่แสดงพลังกอน
หนานี้เดินกมหนา ผมปลิวสยายออกมา
เกิดเปนแมทัพยอมมีความรูสึกไว ตอนชายหนุมเดินออกจากประตู แมไมมีความ
เคลื่อนไหวพิเศษอะไร แตพริบตาหนึ่งเขากลับรูสึกไดถึงรังสีฆาฟนอันเย็นยะเยียบที่
ปะทะเขามา
สีหนาเขาเปลี่ยน คิดขี่มาเขาไปดู ทวามาของเขาพลันถอยหลัง แมพยายามจับ
บังเหียนใหนิ่งเทาไร มาก็ไมเชื่อฟง
เสนโลหิตที่เห็นเปนโครงตาขายกับความแดงบนใบหนาหูเปยวจางลงแลว มีเพียง
ดวงตาโลหิตที่ยังดูนากลัวอยู เขาไมสนใจเหลาทหารที่รายลอมเขามา
ผูฝกยุทธเชนเขา ไมเคยรูสึกวาตนเองมีพลังปราณสูงสุดเชนนี้มากอน รูสึกวาพอ
ตนเองยกมือขึ้นสัมผัสอากาศก็สามารถพลิกคว่ําจักรวาลได
ประสาทสัมผัสของเขาวองไวอยางที่ไมเคยเปน แววตาที่สับสนกอนกินยาก็พลันใส
กระจาง ความเคลื่อนไหวรอบดานแมเพียงเล็กนอย คลายมิอาจเล็ดลอดการรับรูของเขา
เขารูวาความแข็งแกรงชนิดนี้หมายความวาอะไร หมายความวาชีวิตของเขาไดเดิน
มาจนถึงจุดสิ้นสุดแลว
แจมใสกอนดับสูญ!
ขณะสติแจมใส ในใจเขาไมรูสึกเศราเสียใจมากนัก มีเพียงความวางเปลาและการยืน
หยัด
เวลาชวงสุดทายของชีวิต เขาไมปลอยใหเสียเปลาแน
ในสายตาแมทัพ ขณะมองเขาเขากาวเดิน เหมือนเห็นภาพพรามัว ตายังไมทัน
กะพริบ คนก็หายไปแลว
“ชากอน!” แมทัพตะโกนเสียงดัง
“ทานแมทัพ!” รองแมทัพขางกายหนาเปลี่ยนสี ขอคําชี้แนะวาจะเคลื่อนไหวหรือไม
แมทัพกลับยกมือปราม
“ไมถูกตอง คนอื่นๆ อยาเพิ่งขยับ พวกเจาไมกี่คนตามขามา ตามเขาไป!”
พูดจบก็รีบขี่มาตามไปขางหนา ตอนนี้มาของเขาขยับแลว
หูเปยวไมสนใจกลุมแมทัพที่ตามมาดานหลัง เขาใชสมาธิทั้งหมดตามหาเบาะแส
อันตรายที่ซอนตัวอยู แมไมมั่นใจวา ปรมาจารยทานนั้นยังคงซอนตัวอยูในบริเวณนี้
หรือไม และไมมั่นใจวาตนเองจะสามารถหาพบ แตอยางไรก็ดี เขาก็ตองหา แมหาไมพบ
ก็ตองคิดวิธีสรางความตื่นตระหนกดวยชีวิตคน
บางครั้ง เรื่องของโชคชะตาก็พูดยาก ถาอาจารยหลี่หนีออกจากจวนชวีเร็วกวานี้นิด
หรือชากวานี้หนอย ก็คงไมเกิดเรื่องขึ้น
หรือบางทีสวรรคคิดเมตตาวีรบุรุษ ใหชายกระดูกเหล็กอยางหูเปยว สําแดงความ
กลาหาญอันยิ่งใหญในการตอสูครั้งสุดทาย
อาจารยหลี่พลิ้วกายชนิดเทาไมติดดิน เพราะเหยียบแตกิ่งกานตนไมใหญดีดทะยาน
ไปขางหนา
เขาบําเพ็ญเพียรในขั้นสูง ทะยานรางแตละครั้งดุจหานปา คลองแคลวและเสรี เหลา
ทหารที่อยูดานลางตางไมรูสึกถึงการเคลื่อนไหวของเขา
เขายอมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะหยิ่งทะนง กอนจากไป ยังหันกลับมามองสํารวจ
จวนหมิงอองอีกครัง้ คลายกําลังจดจําวา สักวันหนึ่งตองแกแคนความอัปยศที่ไดรับใน
วันนี้ใหจงได
ทวาการมองในครั้งนี้ กลับทําใหใจเขาสั่นไหว เพราะสบเขากับดวงตาแดงก่ําคูหนึ่ง
พอดี ซึ่งก็คือรางที่เหินทะยานขึ้นมาพรอมเสียงคํารามดังสะทานสะเทือนจักรวาล
“หนูสกปรก มอบชีวิตมา!”
ตอน 237 เขาวัง
กลับไปหนาเรื่อง
“หนูสกปรก มอบชีวิตมา!”
เสียงคํารามอยางคลุมคลั่งดังมาจากฟากฟาบนถนนหมิงฝู ทําใหเหลาผูสูงศักดิ์ที่
อาศัยอยูตลอดทั้งถนนตกตะลึงพรึงเพริศขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังหวาดผวาอยูไมหาย
เกือบทุกคนทําตามสัญชาติญาณในนาทีแรก ลุกขึ้นแลวแหงนมองไปบนฟากฟา
อยางหวาดหวั่น
แนนอน ผูที่อยูในหองยอมไมเห็นอะไร แตไมจําเปนตองดู พวกเขาก็ฟงออกวา
จวนหมิงอองคือตนกําเนิดของเสียงอันดังสะเทือนเลือนลั่นนี้
“เกิดเรื่องขึ้นอีกแลว!”
ผูคนมากมายตกใจจนเหงื่อเม็ดโปงผุดขึ้นบนใบหนา รีบวิ่งออกจากบาน โดยไม
สนใจวาดานหนามีคนขวางอยูหรือไม เอาแตรองตะโกนวา “เร็ว ออกมาดูกันเร็ว!”
พวกเขารองตะโกนพลางวิ่งออกมายืนดานหนา
เห็นชัดวา แมจิตใจยังไมสงบนิ่ง แตผูสูงศักดิ์ที่รับใชราชสํานักมานานหลายปเหลานี้
ความกลาหาญและการวางตัวเมื่อตองเผชิญกับเรื่องใหญ ยังคงมีมากกวาคนธรรมดา
ทั่วไป
ทวาพูดไมไดวาพวกเขามีสติปญญาล้ําเลิศกวา เพียงแต สําหรับคนธรรมดาแลว
เรื่องที่ไมเกี่ยวกับตนก็ขอแขวนไวบนที่สูง พวกเขาเลือกที่จะใชชีวติ อยูอยางสุขสงบ
หลีกเลี่ยงเหตุเภทภัย
แตสําหรับใตเทาเหลานี้แลว ยอมไมเหมือนกัน
ไมวาจวนหมิงอองคิดจะทําอะไร ลวนมีผลกระทบตอสถานการณในเมืองหลวง
ทั้งสิ้น และสถานการณในเมืองหลวงลวนเกี่ยวของโดยตรงกับพวกเขา
ดังนั้นไมวาจะนากลัวเพียงใด ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือตองรูใหไดวาเกิดอะไร
ขึ้นอยางเร็วที่สุดเทาที่จะเร็วได มีเพียงขาวที่เร็วที่สุดเทานั้นที่สามารถเปนแรงหนุนให
พวกเขาควบคุมแผนการของตนใหดําเนินการในขั้นตอไปใหไดโดยเร็วที่สุด
ถนนหมิงฝูวุนวายแลว เหลาใตเทาพกพาความหวาดกลัวออกจากบาน ขาทาส
บริวารจะไมตามออกมาก็ไมได ในความโกลาหล จวนนับไมถวนเปดประตูออก ไมสนใจ
กฎการปดถนนอีกตอไป รีบเดินไปทองถนนทันที พลางมองดูรอบดานอยางหวาดหวั่น
มองหาที่ที่กําลังจะเกิดเหตุนองเลือด
ซึ่งพวกเขาไมจําเปนตองตามหากันใหจาละหวั่น ตอนนี้ถนนตลอดทั้งสายอลหมาน
ไปทั่ว ทหารกลุมหนึ่งวิ่งอยางบาคลั่งไปรวมตัวกันในที่ที่หนึ่ง สูงขึ้นไปไมมากนักบน
ศีรษะของพวกเขา เปนแนวตนไมใหญที่ยืนตนมานานกี่ปไมทราบได แตมีสายตาที่กําลัง
จองมองลงมายังถนนหมิงฝู
เหมือนไมตองบอก ทุกคนพากันมองตามสัญชาติญาณไปยังกลุมทหารที่รวมตัวกัน
ปลายฤดูหนาว บนตนไมยอมมีหิมะที่ยังไมละลาย
ภายใตแสงแดด กิ่งไมแตละกิ่งรูปรางเหมือนตะขอน้ําแข็งโดดเดนยิ่ง ทําใหผูคนมอง
ไมคอยเห็นวาบนตนไมกําลังเกิดเรื่องอะไรกัน
และในขณะที่ทุกคนกําลังตั้งใจมองสํารวจอยูนนั้ พลันไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
พรอมแสงสวางจาแยงตา
เปรี้ยง!
เสียงดังดุจอสุนีบาตทําเอาผูคนบนพื้นดินตัวสั่นโดยไมทันตั้งตัว ตางหลับตาตาม
สัญชาติญาณ เพราะตอนเกิดเสียงดัง ตะขอน้ําแข็งเปลงแสงจาออกพรอมเปลวเพลิงลุก
ไหม ผูที่มองดูจึงตองหลับตาลงอยางชวยไมได
“ไม ไมใช...”
นาทีนี้ทุกคนลวนถูกเสียงนี้ปลุกใหตื่น แสงจานั้นมิใชตะขอน้ําแข็งเปลงแสงออก
แตเปนคน!
เปนการสูกันของปรมาจารย
จิตใจที่สั่นไหวอดไมไดที่จะพองโต ผูคนดานลางพลันลืมตาขึ้นทาทายแสงจาของ
เปลวเพลิง เพราะตองการเห็นความจริงใหได
และสิ่งที่ปรากฏอยูตรงหนาพวกเขาก็คือ ใบไมแหงปลิววอนเต็มทองฟา ลมแรงไร
รูปสงเสียงหวีดหวิวกลางนภา ระหวางนี้คลายมีหยดสีแดง กําลังพนกระจายอยูกลาง
อากาศ ตามดวยใบไมแหงและกอนหิมะที่หลนลงจากฟากฟา
มีแสงสวางสองจุด แยกกันอยูบนยอดไม แสงหนึ่งถอย อีกแสงหนึ่งรุกเขาหา
เปรี้ยง! ขณะผูคนยังไมมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เสียงสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้นอีก
บนถนนหมิงฝู ตรงที่เหลาทหารรวมตัวกัน รางหนึ่งไดตกลงกลางวงในทากึ่งคุกเขา
เขาตกลงมาอยางแรง ทําใหกระเบื้องเขียวแตกหัก เศษกระเบื้องปลิวกระจาย มอง
ไมเห็นสภาพที่แทจริงของผูตก
เหลาทหารรีบกระจายตัวลาถอยออก ผูคนจึงสามารถเห็นรางๆ วาเขาสวมชุดสีเทา
รูปรางกํายํา คุกเขาขางเดียวอยูกับพื้น กมหนาและยกริมฝปากขึ้นหนึ่งขาง กอนเงยหนา
ขึ้น
รังสีฆาฟนอันคลุมคลั่งคลายแผออกพรอมใบหนาที่เงยขึ้น เขาหันมองรอบทิศ กําลัง
หาที่ระบาย
พริบตานั้น ทุกคนลวนจดจําคนผูนี้ได ไม อาจจําเขาไดจากการตอสูกอนหนานี้ ผูที่
เนื้อตัวเต็มไปดวยโลหิต หรืออาจจําเขาไดจากการพุงไปขางหนาอยางไมหยุดยั้งดวยพลัง
ปราณอันดุดัน!
“เปนเขา!” หลายคนหนังตากระตุกหลายครั้ง รูแตแรกแลววาตองเปนเขา!
คนของจวนหมิงอองเหมือนสุนัขปาหิวโซอยางไรอยางนั้น หมัดคลุมคลั่งของ
ปรมาจารยผูกระหายโลหิตสังหารปรมาจารยชาวฉีจินเฉิงปา
และเขากําลังสังหารอีกคน กําลังจะสังหาร!
ใคร?
เขาจะสังหารใครอีก?
เพื่อตอบขอสงสัยของทุกคน อีกดานหนึ่ง คนผูหนึ่งถูกจูโจมจนตกลงจากกิ่งไมสูพื้น
เชนเดียวกัน ฝุนตลบ
อบอวลเต็มทองฟา เห็นเพียงแสงสวางจากดวงตาคมวาว ที่แทก็เปนรางอีกรางหนึ่ง
ที่ไรสุมไรเสียง กําลังพุงออกไปไกลอยางรวดเร็ว
เห็นไดชัดวาเขากําลังหนี!
ในนาทีเดียวกัน ชายชุดเทาผูคุกเขาขางเดียวพลันลุกขึ้นยืน แขนเสื้อทั้งสองขางขาด
หายไป บนแขนมีรอยแผลลึกจนเห็นกระดูก เขาหายใจแรงดุจสายฟา ทรวงอกกระเพื่อม
ขึ้นลง
ทุกคนลวนมองออกวา เขาบาดเจ็บสาหัสและเหนื่อยมาก
แตตอนนี้เขากลับเชิดหนายืดอก กําหมัดทั้งสองแนน พลังปราณตลอดทั้งรางไม
เพียงไมหมด กลับยังประทุเพิ่ม เทาขางหนึ่งเหยียบพื้นจนกระเบื้องแตกปลิวหมุนเปน
วงกลมลอมรอบ
ผูคนตกใจรีบถอยหลบกระเบื้องหินจาละหวั่น และในตอนนี้เองที่รา งของเขากลับ
เปนดั่งภาพที่ทุกคนตรึงตรา พุงไปขางหนาอยางไมหยุดยั้ง ไลตามรัศมีแสงนั่นไปอยางบา
คลั่ง
เขาเร็วมาก คนดูมองตามไมทัน ไดยินแตเสียงตะโกนกองอันดุดันที่ดังมาจาก
ระยะไกล
“หนูสกปรก ตอใหขึ้นสวรรคหรือลงนรก จวนหมิงอองก็ตองประหารสิ้น วันนี้ เจา
ตองตาย!”
ผูคนแหงนหนามอง เห็นโลหิตสดๆ หยดลงจากทองฟาอยางชัดเจน
ที่เกิดเหตุมีคนธรรมดา และแมเปนคนธรรมดาก็คลายเห็นวา หยดโลหิตที่สะดุดตา
นั้นหยดลงจากมุมปากของชายกํายําทีละหยดตอนตะโกนรอง
แมทัพแหงจวนหมิงออง แมผานศึกสงครามอันโหดรายทารุณมา บาดเจ็บสาหัสใกล
มวย ก็ยังคิดฆาคน!
“หนูสกปรก ตอใหขึ้นสวรรคหรือลงนรก จวนหมิงอองก็ตองประหารสิ้น!”
“หนีไมรอด!”
เด็ดขาดปานนั้น มั่นใจปานนั้น เสียงของเขา พลังปราณของเขา การเคลื่อนไหวของ
เขา ทําใหบริเวณที่เกิดเหตุนิ่งเงียบ กระทั่งมือทัง้ สองของแมทัพยังจับบังเหียนแนน ริม
ฝปากสั่นระริก นานกวาจะผอนคลายลง
ไกลออกไป ไดยินเสียงดังลั่นขึ้นอีก เห็นรางๆ วาชายกํายําถูกกระแทกจนถอยอยู
หลายครั้ง แตก็ยังไลตามอยางไมลดละ
ปง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยงปราง!
ปรมาจารยที่อยูขางหนายังพยายามหนี เสียงคํารามของชายกํายําจึงดังขึ้นเปน
ระยะ ทวายิ่งมาก็ยิ่งหางออก แตก็คลายอยูขางหู เพราะทุกคนรูสึกไดถึงพลังอันดุดันของ
เขาที่คลายเพิ่มขึ้นและกระจายออกอยางไรที่สิ้นสุด ดังคําที่เขาวา ‘ตอใหขึ้นสวรรคหรือ
ลงนรก!’ ไมฆาคน ไมสบายใจ ไมสิ้นสุด!
กุบกับ กุบกับ กุบกับ! เสียงดังทําลายความเงียบ
แมทัพหันมองไปยังจวนหมิงออง นั่นเปนเสียงมาย่ําพื้น
ชายหนุมสองคนนั่งอยูบนหลังมาตัวใหญคนละตัว พวกเขาไมพูดไมจา ยกแสขึ้น
หวดและควบมามายังถนนซึ่งถูกเหลาทหารปดทางไว
เหลาทหารตื่นตัวเมื่อเห็นมาศึกสองตัววิ่งเขามาอยางรวดเร็ว แมทัพริมฝปากสั่น
เล็กนอย รีบยกมือขึ้นพลางตะโกน
“ชากอน ถนนสายนี้ถูกปด หามเขาออก พวกเจาจะไปไหน?”
คําพูดนี้แมฟงดูนาขัน แตการตอสูของปรมาจารยเมื่อครู เดิมทีก็ขัดตอกฎหมายอยู
ซ้ํายังมีคนของจวนหมิงอองรวมอยูดวย เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน เขาทําอะไรไมได ไดแต
ปองกันไมใหคนยิงธนูเขาใสปรมาจารยเสื้อเทาที่สาบานวาแมตายก็ตองไลลาตอ
ตองทราบวา ฝาบาทรับสั่งในทองพระโรง ควรใหพื้นที่สวนหนึ่งกับเหลาปรมาจารย
หากไมมีคําสั่ง แมทัพทําไดเพียงแคยนื ดู
ซึ่งถาอนุญาตใหใครเขาไปยุงเกี่ยว แมไมถือวาขัดรับสั่ง แตก็ผิดตอหนาที่รับผิดชอบ
ทวาชายหนุมทั้งสองมิไดลดราวาศอก กลับยิ่งเพิ่มความเร็วในการควบมาอยางไม
แยแสสนใจ คิดฝากองทหารออกไป แมทัพถลึงตา รูสึกโมโหขึ้นทันที
ขณะกําลังคิดจับพวกเขาไว จูๆ มาทั้งสองตัวก็หยุดลงกะทันหัน
เสียงชุลมุนวุนวายพลันเงียบลง ผูคนปรับอารมณไมทัน จึงไมมีทาทีตื่นตกใจ
ทุกคนจองมองมาและชายหนุมทั้งสอง เห็นทั้งสองกมหนาเงียบไปพักหนึ่ง โดยไมรู
วาใครเปนผูพูดขึ้นกอน น้ําเสียงแมไมดังและไมดุ แตมีอานุภาพขมขวัญผูฟง
“ทานแมทัพ แมทัพหูเปยวแหงจวนหมิงอองเราบาดเจ็บสาหัสขณะตอสูศัตรู และ
กําลังหาญกลาพลีชีพในไมชา ทางจวนจึงใหเราสองคนมาสงแมทัพหูเปนครั้งสุดทาย
โดยการนําวิญญาณของเขากลับจวน เพื่อทําพิธีไวอาลัยวีรบุรุษผูกลา!”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งสองจึงเงยหนาขึ้น หนึ่งในนั้นชูปายคําสั่งขึ้นสูง กอนหันมองรอบ
บริเวณ ประกายตาเจิดจาจนนาตกใจ กอนตะโกนเสียงดัง
“หมิงอองมีคําสั่ง ใครกลาขวางคนของจวนหมิงอองตั้งแตระดับอองไปจนถึงบาว
ไพร คนผูนั้นตองไดรับโทษประหารทั้งตระกูลทุกระดับชั้นเชนเดียวกัน!”
พูดจบก็ไมรอปฏิกิริยาตอบกลับจากผูคน ไมรอใหแมทพั เอยปาก เงื้อแสเฆี่ยนมาให
วิ่งไปขางหนา พุงเขาหาเหลาทหารที่ถือของาวในมือ
ทุกคนในที่เกิดเหตุ รวมทั้งแมทัพ ลวนพูดไมออก ไดแตยืนมองดูพวกเขาขี่มาแหวก
กองทหารออกไป
มาวิ่งออกไปไกล พวกเขาหอตะบึงไปยังที่ที่เกิดความเคลื่อนไหวจากการตอสู
พวกเขาดูสงบนิ่ง แตเสียงที่ทั้งเศราและเขมแข็งยังคงสะทอนไปมาอยูนานบนถนนห
มิงฝู
“เขาวาอะไรนะ?” ใตเทาทานหนึ่งถามคนขางๆ ดวยเสียงอันสั่นเทา
“เขาวา...” คนขางๆ ตอบไดเพียงสองคํา ก็ไมรูจะพูดอยางไรตอ
หาญกลาพลีชีพ!
ผูบําเพ็ญเพียรในระดับปรมาจารยทานหนึ่ง ยอมตายแตไมยอมเลิกตอสู ไมสิ...เขา
ไปโดยไมคิดหวนกลับ หลายคนไมอยากจะเชื่อ แตสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เปน ยังมีอะไรให
สงสัยอีก?
นาทีนี้ ไมเพียงใจหายวาบ ยังมีความรูสึกที่ยากอธิบาย
ปรมาจารยใชวาตายไมได จินเฉิงปายังตายไปแลว แตทุกคนตางก็รูวากอนจินเฉิงปา
จะมา ตองไมคาดคิดวาจะมีจุดจบเชนนี้เปนอันขาด แตแมทัพแหงจวนหมิงออง พอรูว า
ตองตาย กลับขอเสี่ยงตายเขาเขนฆาศัตรู
ปรมาจารย!
ปรมาจารยที่แข็งแกรงถึงเพียงนี้ ทําผูคนอดไมไดที่จะสะทกสะทอนใจ
สองประเทศสูรบกัน โลหิตนองปฐพี กระดูกกองเปนภูเขาเลากา ปรมาจารยทาน
หนึ่งรบจนตัวตาย ทําใหสํานักเตากาวถอยหลัง...
ไมมีกรณีเปรียบเทียบ มิไดทํารายใคร ตอนนี้เวลานี้ ทุกคนลวนเงียบ ในใจสั่นไหว
อยางรุนแรง
ตึง!
เสียงนาฬิกาในพระราชวังดังกังวาน ผูคนบนทองถนนคอยรูสึกเหมือนตื่นจากฝน
มีคนชะเงอมองไปยังอาคารสูงตระหงานในพระราชวัง ถึงเวลาเขาวังแลว
ผูคนมองไปยังที่ที่หางไกล ไมมีรองรอยปรมาจารยสักนิด สุดทาย จึงพากันมองไปที่
จวนหมิงออง
ยังไมเห็นรถมาวิ่งออกมา มีเพียงมาศึกหนึ่งตัวที่ไมรูมายืนอยูหนาประตูตั้งแต
เมื่อไหร
ผูสูงศักดิ์อึ้งเล็กนอย แลวจึงเปลี่ยนเปนตกใจ เมื่อเห็นผูสะพายลังไม เนื้อตัวเปรอะ
ไปดวยโลหิตนั่งอยูบนหลังมา บาดแผลตรงหัวไหลมีเข็มเงินฝงไวหลายเลม แมโลหิตหยุด
ไหล แตปากแผลยังคงดูนากลัว
ลูสวินอี้!
ทุกคนลวนจําไดวาเขาคือใคร!
เขาเพียงคนเดียวที่ไมไดอาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผา และไมมีรถมาใหใช กระทั่งผูคุมกันก็
ไมมี เปนแมทัพผูบาดเจ็บเพียงหนึ่งเดียว
“ไป!” เขาใชเทาแตะทองมา ทามกลางสายตาผูคนมากมาย เขาขี่มาออกจากจวน
ไปยังพระราชวัง
หลายศีรษะที่ชักนําปรมาจารยใหมาตอสูดวยยังอยูบนหลังของเขา เขาไมปดบัง
อาการบาดเจ็บ สีหนาสงบนิ่ง คอยๆ ขี่มาไป
ไมมีใครกลาขวาง ผูสูงศักดิ์ไมกลา แมทัพไมกลา เหลาทหารก็ไมกลา
ทุกคนเห็นมาของเขาคอยๆ วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทําใหบาดแผลจากคมกระบี่บนรางถูก
กระทบกระเทือนจนโลหิตไหลออกมาอีก
บนถนนสายยาว เขาขี่มาอยูขางหนาเพียงลําพังจนลับตา โดยไมมีใครกลาขวาง
และเมื่อผูคนหันกลับมาก็เห็นแมทัพมีปฏิกิริยาตอบสนอง คํารามลั่น “ไป!”
เหลาทหารจึงควบมาตามลูสวินอี้ไป กอนขนาบอยูหางๆ ทั้งสองขาง เหลือตรงกลาง
ใหลูสวินอี้คนเดียว
“นายทานตองเขาวังแลว แตยังไมไดอาบน้ํา...”
“อยาปากมาก เตรียมออกรถ!”
แตละจวนคอยๆ คึกคักขึ้น รถมาแตละคันทยอยวิ่งออกมาบนถนนเปอนโลหิต
ตึง! เสียงนาฬิกาดังครั้งที่สอง
บนถนนมุงสูพระราชวังเต็มไปดวยรถมาของเหลาขุนนางนอยใหญ
ไมนานนัก ทหารมาหลายกองก็ขี่มาออกจากพระราชวังผานหนาพวกเขาไป โดยไม
มีใครแสดงอาการตกอกตกใจใหเห็น พวกเขารูดีวา การสูกันครั้งที่สองของปรมาจารยทํา
ใหบรรยากาศในเมืองหลวงตึงเครียดขึ้น
พวกเขายังคงทอดสายตาไปยังผูที่มีลังไมอยูบนหลัง พลางมองไปรอบๆ พวกเขา
กําลังรอคอย อยากยืนยันกับตาวา ‘วิญญาณผูกลา’ ที่คนของหมิงอองพูดถึง เปนความ
จริงหรือไม
ทันใดนั้น มากับคนโดดๆ ที่อยูขางหนาพลันชะงักฝเทา
แมทัพหยุดมา เหลาทหารหยุดมา
ผูสูงศักดิ์แตละทานก็หยุดมาตาม
ผูสูงศักดิ์เอะใจ ไมคิดวางมาดอีก รีบกาวลงจากรถอยางตัวสั่นงันงก ออกมายืนอยู
ในที่สูง มองดูลูสวินอี้
ขางหนาลูสวินอี้เปนชายหนุมขี่มาสองคน ควบมาแหวกทหารที่ปดถนนเขามาอยาง
รวดเร็ว กอนชะลอมาใหชาลงเมื่อเขาใกลลูสวินอี้
เมื่อถนนสูวังหลวงทั้งสายถูกปด ผูคนสองฟากฝงถนนจึงออกมายืนดูเหตุการณที่
เกิดขึ้น และเมื่อเห็นคนผูหนึ่งเต็มไปดวยบาดแผลตลอดทั้งราง ก็พากันตกอกตกใจและ
พูดคุยกันอยางเซ็งแซ
สวนผูสูงศักดิ์ที่อยูบนถนนทั้งสายกลับเงียบงัน เสียงพูดคุยเริ่มลุกลามออกไป ไมวา
จะเปนดานในหรือดานนอกถนน สายตาทุกคูลวนจับจองไปยังชายหนุมทั้งสองซึ่งคอยๆ
ขี่มาเขาหาลูสวินอี้
ในที่สุดพวกเขาก็หยุดมาลง
แมทัพอยูด านขางไมหางจากลูสวินอี้มากนัก เขาหรี่ตามองชายหนุมทั้งสอง
คนหนึ่งถือธงผืนใหญที่มีอักษรโลหิตคําวา ‘หมิง’ อีกคนมีรางของคนๆ หนึ่งมัดติด
เอวอยูดานหลัง ในมือหิ้วศีรษะที่มีโลหิตหยาดหยดศีรษะหนึ่ง
ชายหนุมทั้งสองลงจากหลังมา คนหนึ่งยืนถือธง พยุงเอวของรางที่แบกอยูดานหลัง
อีกคนถือศีรษะเดินเขาหาลูสวินอี้ที่มิไดลงจากมา แตเพียงยื่นมือมา รับศีรษะที่โลหิต
หยาดหยด กอนมองนิ่ง
คนหนึ่งนําธงที่เลอะโลหิตปูไวบนพื้น จากนั้นก็ชวยอีกคนปลดผาคาดเอวที่มัดราง
นั้นไว ทั้งสองนํารางที่ไรซงึ่ ลมหายใจ วางลงบนธง
เหลาผูสูงศักดิ์ตางเดินไปดานหนา เมื่อเห็นใบหนาของรางรางนั้น ตางก็พากันสูด
อากาศหนาวเหน็บ และตองสั่นเทิ้มไปทั้งรางเมื่อเห็นศีรษะในมือของลูสวินอี้
นาทีนี้ บรรยากาศตลอดถนนทั้งสายเปลี่ยนเปนตึงเครียดทันที
แมทัพขี่มาไปขางหนา กะพริบตาหลายครั้ง ในที่สุดก็พูดขึ้น
“นําศพของแมทัพหูเขาวังหล...”
“ขาเขาวังคนเดียวก็พอ!” ลูสวินอี้พูดขึ้นขณะแมทัพยังไมทันพูดจบ จากนั้นจึงแหงน
หนามองทองฟา เงียบไปสักพัก
แมทัพอยากพูดอะไรแตก็หยุดไว สงสัยในใจวาวีรบุรุษผูกลาเชนนี้ เหตุใดจึงไมสงเขา
วัง?
แตตอนนี้คนของจวนหมิงอองบารมีสูงสงยิ่ง แมลูสวินอี้ขี่มามาเพียงลําพัง ผูสูงศักดิ์
ทั้งถนนก็ลวนใหความสําคัญ
เมื่อจวนหมิงอองแข็งกราวถึงเพียงนี้ ก็ไมนาประนีประนอมดวยได แมทัพเองก็ไม
อยากกอเรื่องเพิ่ม ที่สุดแลวจึงไมกลาพูดจาอะไร
ลูสวินอี้คอยกมหนา พูดเสียงเบา “สงเขากลับจวน!”
“ขอรับ!” ชายหนุมพยักหนา นําศพหูเปยวมัดกับเอวแบกไวดานหลังอีกครั้ง
ลูสวินอี้ชูศีรษะในมือขึ้น มือสั่นเล็กนอย กอนนิ่ง “ธง!”
ชายหนุมอีกคนนําธงยื่นให ลูสวินอี้รับธงมา นําศีรษะในมือเสียบเขาดานบนสุดของ
กานธง โลหิตไหลลงตามกานธง เลอะทับตัวอักษร ‘หมิง’
“ทุกคนบอกผูคนตามทางเดินกลับบานดวยวา หมิงอองเปนใคร หูเปยวเปนใคร
ศีรษะนีเ้ ปนใคร พวกเรามาเพื่ออะไร และรบเพราะอะไร จะรบไปถึงเมื่อไหร ที่ไหน!”
เสียงสูงแฝงพลังปราณอันแข็งแกรงของลูสวินอี้ดังกึกกองไปทั่วทั้งบริเวณ
“ขอรับ!” ชายหนุมทั้งสองเงยหนารับคํา พลันดีดตัวขึ้นนั่งบนหลังมา ชูธงหมิงออง
ขึ้นสูง แลวควบมากลับจวน
สายตาทุกคูจองมองชายหนุมทั้งสอง เห็นน้ําตาลูกผูชายของพวกเขาไหลออก พลาง
พูดดวยน้ําเสียงที่ทั้ง เศรา ทั้งโกรธ ทั้งสูง ทั้งแข็งแกรง
“กลางดึกยามสอง ขึ้นแปดค่ําเดือนสาม ฤดูใบไมผลิ ปที่สิบเกา รัชสมัยติ้งอู คน
เถื่อนประเทศฉีทรยศหักหลัง สงทหารหนึ่งแสนสามหมื่นนายบุกรุกประเทศตาเซี่ยเรา
โดยไมบอกกลาว ทหารลาดตระเวนชายฝงหมิงจูยิงปนขึ้นนัดแรก จากนั้นผูคนใน
ประเทศไดลุกขึ้นตอสู สงครามชี้วัดความเปนตายอันโหดรายของชาติพันธุมนุษยอุบัติขึ้น
ดวยเหตุนี้...”
ตอน 238 ทรงพระพิโรธ
“กลางดึกวันที่แปด ประเทศฉีฉวยโอกาสสงทหารเรือบุกเขาปากอาว ตอนที่เรา
ไมไดเตรียมการปองกัน ที่ตองโกรธแคนมากก็คือ พวกเขาหันกระบอกปนเขาใส
ชาวประมงของเราแปดรอยคนที่กําลังประกอบอาชีพอยูกลางทะเล หลังชาวประมงสอง
พันคนถูกสังหารหมูอยางโหดเหี้ยม ประเทศฉีก็ไดสงทหารปลอมตัวเปนชาวประมงเรา
ลองเรือเขาเทียบทาที่ทาเรือหลานเจียง อาศัยจังหวะที่ทหารลาดตระเวนไมทันระวังตัว
เปดฉากยิงถลม พอทหารหมิงจูรูขาวก็รีบรวมตัวกันแปดหมื่นนาย ตอสูขาศึกที่ทาเรือ
หลานเจียง ไมทันขามวัน สี่โมงเย็น ทหารเราแตกพาย! สกัดกั้นไมอยู ทหารฉียกพลขึ้น
บกยึดทาเรือหลานเจียง”
“คืนนั้นจินไจเฉิง แมทัพกองทหารแนวหนาประเทศฉี พอขึ้นบกมา ก็ใชปนสังหาร
ประชาชนเพื่อทําการปดปากความจริงที่ตนเองนําทัพสังหารชาวประมง โดยอางวา
ประชาชนบุกโจมตีคายทหาร ครั้งนี้สังหารชาวประมงไปอีกเจ็ดพันคน พรอมออกคําสั่ง
ใหทหารสังหารหมูไดไมเวนแมคนชราและเด็ก จนทะเลกลายเปนทะเลโลหิต กระทั่งลม
ทะเลที่พัดมาอยางบาคลั่งยังคละคลุงไปดวยกลิ่นคาวโลหิต”
“วันที่สิบ ทหารหมิงจูรบกับทหารแนวหนาประเทศฉี พอคนในพื้นที่ไดขาว
สถานการณอันโหดรายที่ทาเรือหลานเจียงก็โกรธแคนมาก รอฟงขาวเหลาทหารโจมตี
ขาศึกแกแคนใหญาติพี่นองตน แตสุดทายยังคงยืนหยัดไดเพียงหนึ่งวัน ทหารเราแพ!
เมืองซานในเขตตะวันออกถูกยึดครอง จินไจเฉิงใชขออางที่ฟงไมขนึ้ อีกครั้ง ออกคําสั่งให
ทหารใชโลหิตและความโหดเหี้ยมแสดงใหเห็นความแข็งแกรงของกองทัพฉี ครั้งนี้
ชาวเมืองซานตองประสบเคราะหกรรมสามวันเต็ม ทั้งบานเรือนถูกเผา ปลนสะดม
ขมขืนแลวฆาเปนตน โลหิตไหลทาแผนดิน...”
“จากนั้นราชสํานักสงกําลังทหารเขาเสริมไมหยุด แตขาวทหารเราแพแลวแพอีกถูก
กระจายออกไป ทหารฉียึดพื้นที่ไหนไดก็จะกุขาวสรางความสับสนใหกองทัพตาเซี่ย แลว
ใชวิธีการเหี้ยมโหดทําใหประชาชนในพื้นที่ที่ยึดครองยอมจํานนใหไดโดยเร็ว ขึ้นหาค่ํา
เดือนหก ราชสํานักถอนกําลังทหารออกหมด
โดยประกาศวาหมิงจูอยูนอกเหนือการควบคุม หรือถูกคนฉียึดครองนั่นเอง
ประชาชนในเมืองใหญอยางหมิงจูตอ งบานแตกสาแหรกขาด ผูคนไวทุกขมากมาย
ซากศพเกลื่อนกลาด จิตวิญญาณถูกย่ํายี เปนตน ซึ่งนี่เปนเพียงเศษเสี้ยวความทุกข
ทรมานที่คนหมิงจูไดรับเทานั้น”
“ขึ้นหาค่ําเดือนหก หมิงจู...สิ้น!”
หลังเสียงนาฬิกาบอกเวลาประชุมครั้งใหญในวังดังขึ้น ผูคนนับไมถวนในเมืองหลวง
เริ่มใหความสนใจ เมื่อเห็นเหลาทหารมาปดถนนรอบวัง รถมาผูสูงศักดิ์มากันอยางลน
หลาม ผูคนสัญจรผานไปมาหยุดดูเหตุการณ
พวกเขากําลังสํารวจดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเมื่อจองจับไปยังชายหนุมขี่
มาสองคน ก็ตองตื่นตกใจเมื่อพบวาดานบนสุดของกานธงมีศีรษะชุมโลหิตเสียบอยู
ประชาชนธรรมดาผูใดบางที่เห็นภาพนี้แลวไมตื่นตระหนก เพียงแตทุกคนไมกลาสง
เสียงดังเอะอะออกมาเทานั้น แตในใจตางก็เดาวาตองเกิดเรื่องใหญขึ้นแน ถึงไดยินคําพูด
ที่ทั้งเศราสลดและแข็งแกรงหลุดออกจากปากของชายหนุมทั้งสองคน
คําพูดที่เจ็บปวดเชนนี้กระตุนอารมณของผูฟงมากมาย พวกเขาหนาดําหนาแดง น้ํา
หูน้ําตาไหล จนทําใหเกิดความโกลาหลขึ้น
ทุกคนลวนไมสามารถนิ่งดูดายได การบรรยายที่ดูเหมือนธรรมดา แตคําพูดทุกคํา
ของผูพูดลวนกลั่นออกมาจากเลือดเนื้อและโลหิตที่เห็นมากับตา ซึ่งทําใหผูฟงตองขนลุก
ซูทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่นากลัวเหลานั้น
ชายหนุมทั้งสองมิไดอยูในบริเวณที่ลูสวินอี้หยุดอยูตั้งนานแลว แตที่นี่ยังคงเงียบงัน
ผูสูงศักดิ์หลายทานตางตกตะลึงพรึงเพริศ บางตื่นกลัว บางตัวสั่น บางชักกระตุก!
พวกเขาคิดไมถึงวาจวนหมิงอองจะนําขาวที่ราชสํานักปกปดไวเหลานี้ ออกมาแฉให
ประชาชนรับรูโดยทั่วกัน ชางกลา ทําอะไรผลีผลามบุมบามเกินเหตุ
นี่ตองกลายเปนเรื่องใหญแน คิดดูก็รูวา หัวจิตหัวใจประชาชนตองมีแตความเคียด
แคนจนแนนอก จนตองเรียกรองใหราชสํานักแกแคนคนฉีและชิงหมิงจูกลับมา แต
สถานการณขณะนี้ ราชสํานักทําไดที่ไหน?
การระเบิดอารมณรุนแรงของประชาชนตองนําความกดดันที่ไมสามารถจินตนาการ
ไดมาสูเมืองหลวงเปนแน กระทั่งนําไปสูการกอจลาจลที่ยากปราบปราม
แตตอนนี้เวลานี้ ผูที่กอเรื่องคือจวนหมิงออง ผูสูงศักดิ์ที่รูลึกอยางพวกเขาทําไดเพียง
ดูและฟง ไมสามารถตอตานอะไร ทวา นี่ยังไมสิ้นสุด เสียงของคนจากจวนหมิงอองยังคง
ดังตอเนื่อง ทําใหประชาชนที่ไดยินยากทําใจใหสงบลงได
“เที่ยงวัน ขึ้นหกค่ําเดือนหก รานรวงหลายรานบนถนนในหมิงจูถูกปดลอม
โดยเฉพาะรานอาหาร เหตุเพราะพอคาชาวฉีแจงวาอาหารไมถูกปาก พอโวยวายก็
ทะเลาะกับเสี่ยวเออ เจาของรานออกมาหามปรามและไมทันระวัง ผลักคนฉีลมลงกับพื้น
ดวยเหตุเชนนี้ในรานคาเชนนี้ ทุกคนที่อยูในราน ไมวาจะเปนเจาของราน ผูจัดการ เสี่ยว
เออ รวมทั้งแขกในราน ลวนถูกทหารฉียิงตายหมด จากนั้นคนในตระกูลของผูตายยังถูก
โยงใยใหเกี่ยวของและถูกฆาตายหมดเชนเดียวกัน!”
“หลายวันตอมา คนฉีอีกหลายคนปรากฏตัวขึ้นกอเรื่อง จองหาแตบานที่มีหญิงสาว
อยูและทําการลวงละเมิดหญิงสาวตอหนาครอบครัว เมื่อสามีทนไมไหวตอตานขึ้นมา
ผูชายทั้งบานก็ถูกทหารฉีฆาตาย กอนนําตัวหญิงสาวไป ตามดวยคนทั้งบานถูกฆาตาย
หมดเหมือนเคย ผูเห็นเหตุการณทนไมไหวเอยปากหามปราม ยังถูกฆาตายหมดทั้งบาน
ตาม!”
“อีกไมกี่วันตอมา คืนหนึ่ง ขณะทหารฉีขี่มาลาดตระเวน ไดยินเสียงไอของชายชรา
ดังรบกวนไมหยุด จึงเขาไปฆาตายทั้งบาน ซ้ําออกคําสั่ง ดึกดื่นค่ําคืนหามทุกบานสงเสียง
ดังรบกวน มิฉะนั้นจะถือวาละเมิดกฎหมาย มีโทษประหารทั้งตระกูล! คืนนั้น ถนนทั้ง
สายกลายเปนถนนโลหิต สมาชิกในบานหลังแลวหลังเลาถูกฆาตายเกลี้ยง จัดงานศพไม
เวนแตละวัน ในนี้มีคนชราฆาตัวตาย ทารกมากมายถูกทําใหตาย ครอบครัวที่ทนความ
เจ็บปวดไมไหว พรอมใจฆาตัวตายกันหมดทั้งบานก็มีไมนอย”
ผูฟงแทบไมอยากจะเชื่อวา เหตุการณที่ไมนาจะเปนไปไดเหลานี้เปนไปแลวในหมิงจู
เดรัจฉานพวกนี้ เหตุใดจึงทําเรื่องที่ฟาดินสุดทานทนเชนนี้ได?
ขนาดแคฟงยังสติกระเจิดกระเจิง คิดไมออกจริงๆ วาคนหมิงจูมีชวี ิตอยูกับอมนุษย
พวกนี้ไดอยางไร?
นาทีนี้ไมมีใครคิดสงสัยวาคําพูดเหลานี้จริงเท็จอยางไร ไมเห็นวาที่นี่มีผูสูงศักดิ์
รวมตัวกันอยูมากมายดวย
“นี่...จะใหพวกเขามีชีวิตอยูกันอยางไร?”
“ตองใหพวกเดรัจฉานชิงหมาเกิดพวกนี้ชดใช!”
“ฆา ฆาคนฉีตายใหหมด!”
คนมากมายเดือดดาลแลว ไดยินเสียงเอะอะดังรอบทิศ คลื่นลูกใหญที่ยาก
จินตนาการเหมือนกําลังกอตัวขึ้นอยางบาคลั่ง เพราะภาพในความคิดของพวกเขา
สยดสยองมาก สําหรับผูที่ยังไมเคยพานพบเรื่องทํานองนี้ ความรูสึกแรกที่เกิดขึ้นกลับ
มิใชหวาดกลัว แตเปนโกรธแคน โกรธแคนอยางหาที่สุดมิได
ที่ชายหนุมทั้งสองพูดมาทั้งหมด ตั้งใจพูดใหประชาชนคนธรรมดาไดยิน ใหคนตา
เซี่ยทุกคนเกิดความรูสึกรวม ซึ่งยอมไมมีใครยินยอมใหตนเองมีชีวิตอยูในความนากลัว
เชนนั้น
ผูสูงศักดิ์แตละทานหนาถอดสี มือที่จับบังเหียนของทานแมทัพก็ยังยากควบคุม ไมรู
วาคนจากจวนหมิงอองคิดจะทําอะไรกันแน?
ราชสํานักกําลังจะพบคณะทูตานุทูตจากประเทศฉี แตพวกเขากลับปลุกระดม
มวลชนเสียนี่ บาไปแลว?
นาแปลกที่ แมทัพยังคงไมไดรับคําสั่งจากฝาบาทใหจับคนของจวนหมิงออง แตเขา
คิดวา อยางไรก็ไมควรใหชายหนุมทั้งสองพูดตอไป
มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องใหญขนึ้ ได เขาจึงรีบหันหนาเขาหาลูสวินอี้ กอนตะโกนเสียงดัง
“แมทัพลู โปรดหยุดพวกเขาดวย...” ลูสวินอี้จองมองเขาอยางเย็นขาแทนคําตอบ
สายตาเชนนี้ทําใหคําพูดของแมทัพกระจุกอยูที่คอหอยแลวเนื้อตัวสั่น
สายตาเย็นชาไรความรูสึก ไรความหวาดกลัว ไรความกังวล มีแตความเย็นชา ทําให
ใจของผูพบเห็นเย็นยะเยียบ
“นี่...เปนคําสั่งของหมิงอองรึ?” แมทัพถามเสียงสั่น เขารูตัววาควบคุมผูที่อยู
ตรงหนาไมได จึงจําเปนตองพูดถึงหมิงออง ซึง่ ลูสวินอี้รูดีวาคําถามนี้ไมเหมาะที่จะตอบ!
กับโจรถอยหลิน ราชสํานักยอมไมปลอยใหลอยนวลแน แตกับประเทศฉี เกรงวา
องคติ้งอูยงั ไมคิดตัดสัมพันธ การเจรจาสงบศึกจึงไมใชเรือ่ งแปลก
ตอนนี้หากพูดวาเปนคําสั่งทานออง ทานอองยอมตองถูกมองวากําลังทาทายพระ
บิดาอยางไมตองสงสัย ไมเพียงกลายเปนลูกอกตัญู กลับยิ่งทําใหพอลูกเพิ่มความแคน
ตอกันเขาไปอีก
หากบุตรชายอยางหมิงอองทําเรื่องเชนนี้ ยอมทําใหองคติ้งอูอับอายจนโกรธ
ลูสวินอี้เงียบ แตพอนึกถึงดวงตาที่แนวแนคูนั้นของทานออง จึงเปลงเสียงออกมาวา
“ใช!”
แมทัพสั่นสะทาน มานตาหดลงอีกครั้ง จองมองลูสวินอี้นิ่ง สุดทายก็ไมพูดอะไร
กลับเงื้อแสหวดมา ควบเขาวังไปอยางรวดเร็ว เขาไมสามารถรออยูที่นี่อีก รีบบึ่งไปเฝา
หนาประตูวังเพื่อรอรับคําสั่ง
ลูสวินอี้มองเขาขี่มาจากไปอยางเงียบๆ โดยไมสงเสียง เขาไมรูสึกหวาดหวั่นไมวา
ราชสํานักจะมีปฏิกิริยาใดๆ ก็ตาม หากกลัวตาย เขากับศิษยนองก็คงไมมาหรอก!
มองดูกําแพงพระราชวัง แลวจึงควบมาไปขางหนาแตเพียงผูเดียวบนถนนสายยาว
จุดหมายคือพระราชวัง ธุระของเขายังไมเสร็จสิ้น
ผูสูงศักดิ์หลายทานใจสั่น รีบตามเขาวังไปเชนกัน
รถมาทยอยเคลื่อนไหวอยางรวดเร็ว ขณะที่เสียงของชายหนุมทั้งสองยังคงดัง
ตอเนื่อง
น้ําเสียงพลันสูงขึ้น ถึงเลือดถึงเนื้อและปลุกเรามากขึ้น!
“ประเทศฉีแข็งแกรงถึงเพียงนี้ กองทัพยิ่งใหญเกรียงไกรจนประเทศเราตานทานไม
ไหว พวกเขาสามารถสังหารผูบริสุทธิ์อยางบาบิ่น แตพอไดครอบครองหมิงจูแลว พวก
เขานากลัวถึงขนาดอยากฆาใครก็ฆาไดอยางนั้นรึ?”
“ฝนไปเถอะ อองของหมิงจูยงั อยู จนถึงวันนี้ก็ยังอยู พวกเขาทําอะไรได?”
“เดือนหา ขณะสูรบ เฉินเขอจานกลับถอยทัพ หมิงอองไลตามเปนพันลี้ ตัดศีรษะ
ของมันกลับมา แขวนไวในเขตยึดครองประเทศฉี คนฉีตื่นตระหนก แตแลวก็ทําอะไร
ไมได!”
“เดือนหก กองทัพทหารของเราถอยทัพ หมิงจูถูกยึดครอง วันที่สิบหา คนฉีสังหาร
ครอบครัวชางตัดเสื้อหาชีวิต ในคืนเดียวกัน หมิงอองแมไมมีกองทัพในมือ แตไดสั่งใหคน
ในบานจํานวนหนึ่ง สังหารทหารฉีเปนจํานวนสิบเทา หาสิบศีรษะถูกเรียงเปนเจดียลาง
แคน ประเทศฉีโกรธมาก แต มีกองทัพนับพันนับหมื่น แลวอยางไร? ตั้งแตวันนั้น
ประเทศฉีก็ไมกลาทําอะไรบุมบามอีก”
“หลายวันตอมา วีรสตรีหมิงจู ทานตู ตูเวยเวย ถูกปรมาจารยชาวฉี ชุยเฉาเหยี่ยน
ลอบสังหาร หมิงอองเขาประมือตอสูจนปรมาจารยชาวฉีตกใจกลัว อาศัยกองทหารคุม
กันหลบหนีไป ตั้งแตนั้นมา ชุยเฉาเหยี่ยนก็ไมกลากาวออกจากสํานักซานเวยโดยพลการ
แมแตกาวเดียว!”
“กอนหนานี้ไมกี่วัน ชายาหมิงอองเดินทางถึงหมิงจู ถูกปรมาจารยชุยเฉาเหยี่ยนยิง
ธนูสายฟาใส หมิงอองออกคําสั่ง ตัดศีรษะทหารฉีรอยคน ประเทศฉีโกรธจนตองลาง
แคน สังหารหมูประชาชนเราสองรอยคน กอคดีหนี้โลหิตขึ้นอีก คิดบีบหมิงอองใหติดกับ
หมิงอองแมรูวาเปนกับดักแตก็ยังเดินเขาหา สั่งใหคนในจวนทุกๆ คนเอาคืนสิบเทา
ภายในหนึ่งคืนคนในจวนหมิงอองเราพลีชีพรอยคน สามารถสังหารทหารฉีไดสอง
พันกวาคน! หมิงอองตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉีชุยเฉาเหยี่ยนดวยตัวเอง!”
พูดถึงตรงนี้ ทุกคนพลันตื่นรูคําวา หมิงออง!
นี่คือตัวตนของหมิงออง!
ตองพูดวา ตอนนี้พอไดฟงเรื่องราวเหลานี้ ทุกคนตางใจเตนแรง หนาแดง โลหิตรอน
ระอุ องคชายของพวกเขาที่แทกําลังทําเพื่อบานเมือง สังหารและแกแคนศัตรู ทําใหผูคน
กระตือรือรนขึ้น
“จากนั้น กลับมีคนพูดวาการที่หมิงอองสังหารคนเถื่อน เปนการนําความเดือดรอน
มาสูคนหมิงจู เนื่องจากการใชมาตรการรุนแรงตอบโตคนเถื่อน ทําใหประชาชนสองรอย
กวาคนถูกสังหารหมู ผูบริสุทธิ์ถูกดึงมาเกี่ยวของดวย หมิงอองผิดพลาดครั้งใหญ! คนฉี
เตือนใหหมิงอองวางมือยอมจํานน มิฉะนั้นจะสังหารชาวหมิงจูเพิ่มขึ้นเพื่อชดใชใหกับ
ทหารฉีที่ตายไป จะใชหนี้โลหิตที่ไมสิ้นสุดบีบใหหมิงอองยอมรับผิด!”
“หลายคนเห็นดวยกับความคิดนี้ คิดวาเมื่อตองเผชิญกับประเทศฉีที่แข็งแกรง พวก
เราทําไดแตเพียงอดทนตอความอัปยศแลวใชชีวิตตอไปวันๆ ลืมหนี้โลหิตที่เคยเกิดขึ้น
เจรจารองขอประเทศฉีอยางอะลุมอลวย ถึงจะนํามาซึ่งสันติภาพ แมเฉือนดินแดน ชดใช
คาเสียหายให ก็คุมคา มีเพียงวิธีนี้เทานั้นที่สามารถทําใหเหลาทหารไมตองตกตาย
สามารถทําใหประชาชนอยูอยางสงบสุข”
นาทีนี้ ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบเสียงลง!
ทวาเสียงเขมๆ เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีก “วันนี้ตอนบาย ปรมาจารยชาวฉีสองทานนํา
กลุมคนใจกลาบาบิ่น จูโจมสังหารแมทัพแหงจวนหมิงอองใจกลางเมืองหลวง แมทัพหู
เปยวปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธแหงจวนหมิงอองตอสูจนสังหารปรมาจารยชาวฉีไปหนึ่ง
ขณะบาดเจ็บสาหัส ไมสนใจชีวิตตนเอง ไลลาปรมาจารยอีกคนไปไกลนับสิบลี้ ที่สุดก็ตัด
ศีรษะได และแขวนอยูบนธงเราอยางที่เห็น สวนแมทัพหูเปยวผูหาญกลาพลีชีพ ตอนนี้
อยูบนหลังของขา!”
“นี่ก็คือคําตอบที่จวนหมิงอองของเราใหกับประชาชนใตหลา!”
“หนี้โลหิตตองชดใชดวยโลหิต ทานอองไมกลัวตาย แมทัพแหงจวนหมิงอองไมกลัว
ตาย แตยามมีชีวิตไมคิดตายในทาคุกเขา! หากตองตาย ขอตายในสนามรบ!”
“สันติภาพ แตไหนแตไรมาลวนไดจากการรบ มิใชไดจากการรองขอ จากวันนี้เปน
ตนไป ทานอองขอสาบานกับปวงชนใตหลาวา ความผิดบาปที่ทหารฉีทําไวในตาเซี่ยเรา
แมน้ําสามสายก็ชะลางไมหมด หมิงอองเปนอองของหมิงจู วันนี้หากยังไมตาย ตองให
ชาวฉีชดใชสิบเทา! ไมตองพูดเรื่องตาเซี่ยรองขอสันติภาพยอมเฉือนดินแดนชดใช
คาเสียหาย แมวันนี้ประเทศฉียอมจํานน ทานอองก็ไมลดราวาศอก หนี้โลหิตไมลางแคน
ไมเลิกรา!”
“คําพูดนี้ ฟาดินเปนพยาน!”
พระราชวัง
องคติ้งอูห ายใจถี่ สองมือกําแนน ยากควบคุมอารมณตนเอง
ใบหนาจางปงลี่เต็มไปดวยเหงื่อ “ฝาบาท แมทัพหลิวรอรับคําสั่งอยูหนาประตูวัง!”
“รับคําสั่งอะไร?” องคติ้งอูพ ลันหันมอง น้ําเสียงแฝงอารมณโกรธ
จางปงลี่รีบกมศีรษะ ใชสิ ยังจะรอคําสั่งอะไรอีก? เรื่องเปนถึงขนาดนี้แลว ยัง
สามารถทําอะไรได
หรือวาทามกลางสายตาประชาชน ยังคิดขวางไมใหพวกเขารับรูความจริง? ยังจะทํา
ใหความขัดแยงระหวางพอลูกบานปลายเพิ่ม?
จางปงลี่รูสึกขมขื่นใจยิ่ง เรื่องนี้เขาทําอะไรไมไดจริงๆ พูดไดวาทุกคนลวนทําอะไร
ไมได จวนหมิงอองบารมีแข็งแกรงถึงเพียงนี้ สําหรับฝาบาทแลวเปนบารมีที่ใชปองปราม
เปนหมากชั้นเลิศโดยเฉพาะในการใชปองปรามสํานักเตา แนนอนวาตองใหการ
สนับสนุนอยูแลว
แตไหนเลยจะคิดวาหมิงอองกลับดําเนินการโดยไมคํานึงถึงสถานการณโดยรวม เขา
ดื้อรั้นและมุทะลุเกินเหตุ ทําใหองคติ้งอูที่เฉยชามานานหลายป อดรนทนไมไหว ตบโตะ
ติดตอกันหลายรอบกอนตะโกนเสียงต่ํา
“เหลวไหล เหลวไหลจริงๆ!”
“เจาคิดวา จะใหโลกหมุนตามเจาเพียงคนเดียวอยางนั้นรึ? โธ...อายุยังนอยยังขวาง
โลกขนาดนี้ แลวจะแบกรับเรื่องใหญไดอยางไรเลา?”
“ขาเปนฮองเต ยอมหวงบานเมืองไมดอยไปกวาขบถอยางเจา? หรือขาจะไมรูวา
คนฉีปาเถื่อนอํามหิต แตตอนนี้ประเทศขาดแคลนกําลัง กองทัพฉีแข็งแกรง แมขาคิดสู
แตจะเอาอะไรเขาสู? ใหพึ่งวิทยายุทธขบถอยางเจาอยางนั้นรึ?”
“เด็กโง โงจริงๆ มีวิทยายุทธเสียเปลา กลับสมองกลวง นึกวาตนเองฉลาด ทําตัว
เปนแมทัพของขา ทําไมเจาไมคิดวา เหตุใดตางชาติจึงรุกรานเราไดอยางงายดาย? กบฏ
ภายในนั่นอยางไร ตนเหตุแหงความหายนะ ขอเพียงทําลายลางโจรถอยหลินได ยอมให
ประเทศฉีโอหังไปสักพัก ทนอัปยศหนอย รอรวมกําลังประเทศเปนหนึ่งเดียวและปรับ
โครงสรางกองทัพได จะกังวลไปไยวาจะทําลายประเทศเล็กกระจอยรอยอยางประเทศฉี
ไมได?”
“ทําไมขาถึงไดใหกําเนิดขบถสายตาสั้นเชนนี้ได นาโมโหจริงๆ!”
องคติ้งอูท รงพระพิโรธเขาใหแลวจริงๆ ดาวาอยางเกรี้ยวกราดตอหนาจางปงลี่
จางปงลี่กมศีรษะลงไปจนต่ําสุด ทําเหมือนไมไดยิน เขายอมไมเอยปากพูดแน
ผานไปครูใหญ องคติ้งอูจึงสูดลมหายใจเขาลึกๆ สงบนิ่งลงได
เหมือนเมื่อครูมิใชพระองคที่โกรธกระฟดกระเฟยด ทรงถอนหายใจเอาอากาศเสีย
ออก กอนพูดเสียงเบา “ชางเหอะ ใหเขากอกวนไป!”
“พะยะคะ อยางนั้นฝาบาท ตอนนี้เราควรจะเผชิญหนากับคณะทูตจากประเทศฉี
อยางไร?”
จางปงลี่คิดไวในใจแลว แตยังตองถามเพื่อความแนใจ องคติ้งอูมิไดมองเขา เงียบไป
สักพักกอนวา
“เจาลูกขบถกอกวนขนาดนี้ ขายังจะทําอะไรได? ดูกอนก็แลวกันวาคณะทูตจะทํา
อยางไรกับลูกหก จะยังอหังการอยางนั้นอยูไหม...”
จางปงลี่อึ้ง สักพักคอยเขาใจความหมายของฝาบาท
สมองพลันพลิกกลับ ตองบอกวาเขายกยองสรรเสริญในพระปรีชาญาณยิ่ง โกรธจัด
ขนาดนี้ ยังแจมใสไดในพริบตา ทรงหมายความวาทุกเรื่องมีขอดีขอเสีย ตองเริ่ม
พิจารณาจากผลประโยชนทไี่ ดรับกอน ก็ถูก การกอกวนในครั้งนี้ของหมิงออง กลับแสดง
ใหเห็นวาฝาบาทถอยไมได ตองใชกําลังที่มีทั้งหมดสูศึกสงครามอยางไมหวัน่ เกรงใดๆ ซึ่ง
จะสรางความกดดันกลับใหชาวฉีระหวางเจรจา ทําใหฝาบาทเปนฝายไดเปรียบกวา!
แนนอน สําหรับฝาบาทแลว หากเจรจาแบบอะลุมอลวย ตองเสียหนาแน เพราะลูก
เลือดรอนจะรบ แตพอกลับออนปวกเปยก...
ในทองพระโรง ขุนนางพากันลุกขึ้นยืนตรงอยางพรอมเพรียง
กลุมศิษยสํานักเตายืนอยูในแถว ในนั้นมีคนของเขาซางชิงรวมอยูด วย
หนวดชงเสวียนสั่นเล็กนอยโดยมีพี่นองตระกูลเหมยนั่งอยูขางๆ ซึ่งเห็นชัดวาแววตา
ของพวกเขาไมนิ่ง
คณะทูตานุทูตประเทศฉีมาแลว พวกเขานั่งอยูแถวหนาสุด โดยแตละคนมีสีหนา
เขียวคล้ํา จองมองอยางดุดันไปยังผูที่ยืนโดดเดี่ยวเนื้อตัวเลอะไปดวยโลหิตอยูกลางทอง
พระโรงอยางลูสวินอี้
ผูแทนของคนตระกูลหลินก็มา แตพวกเขาไมมีที่นั่ง จึงไดแตยืนอยูดานขางกลมกลืน
กับขุนนางของราชสํานัก ยังดีที่คนจากตระกูลหลินไมมีทาทีหยิ่งยโส เขาดูเงียบมากใน
ทองพระโรง เพียงแตถูกองคประธานการประชุมเหลือบมองบางเปนครั้งคราว
องคชายทานอื่นๆ ลวนอยูในแถว แตละทานเหมือนมีสีหนาสงบนิ่ง แตแววตากลับมี
อารมณตางๆ นาๆ จะเห็นไดวาจริงๆ แลวพวกเขาไมสงบนิ่ง
วันนี้ ในทองพระโรงเหมือนเปนที่รวมของขุมกําลังแตละฝาย ซึ่งยากที่จะเกิดโอกาส
เชนนี้ขึ้น
แนนอน นาทีนี้ไมมีใครรูสึกผอนคลาย คําพูดแตละคํา เรื่องแตละเรื่องที่เกิดขึ้น ณ
ที่แหงนี้ลวนมีผลกระทบตอเรื่องใหญในใตหลาทั้งสิ้น
องคติ้งอูป ระทับนั่งอยูดานบนสุด พระพักตรเปยมบารมีราศีจับ ทรงทอดเนตรมอง
ลงโดยรอบ สีหนาของบุคคลสําคัญแตละคนลวนตกอยูในรัศมีสายตาของพระองค
สุดทายทรงมองไปยังลูสวินอี้ ที่สุดแลวทรงเปดฉากการประชุมที่ถูกกําหนดขึ้นในสภาวะ
ไมปกติดวยการตรัสวา
“เจาเปนใคร!”
ตอน 239 ไมตรงเจตนารมณ
หากไมเกิดเหตุพลิกผันในตอนบาย ลูสวินอี้ตองรูสึกตื่นเตนพอสมควร
เพราะนี่เปนครั้งแรกที่ไดเขาวัง มาอยูในสถานที่ใหญโตโออา ไดเห็นองคจกั รพรรดิ
กับตา และยังคงเปนจุดสนใจของทุกคน แมเขากลายเปนปรมาจารยแหงยุคไปแลว แตก็
ใชวาจะไมมีความกดดันเลย
แตตอนนี้เขากลับยืนนิ่ง แมเนื้อตัวเปรอะเปอนไปดวยโลหิต แตสีหนากลับสงบนิ่ง
มาก
ถูกที่วา คนคนหนึ่งแมตายก็ไมกลัว แลวยังจะมีอะไรทําใหเขากลัวไดอีกเลา!
“เจาเปนใคร!”
เสียงอันนาเกรงขามขององคติ้งอูดังสะทอนกองในทองพระโรง ลูสวินอี้คอยๆ เงย
หนาขึ้น มองดูองคติ้งอูที่อยูเบื้องบน ทามกลางสายตาทุกคน เขาคุกเขาลงขางหนึ่งแลว
ยกมือขึ้นประสานแบบแมทัพในสนามรบ
“กระหมอมลูสวินอี้ แมทัพเล็กๆ คนหนึ่งของจวนหมิงออง ถวายบังคม!”
หือ?
การคุกเขาเชนนี้ทําใหทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ บางคนยังแสดงทาทีมึนงงอยู
รวมทั้งองคติ้งอูที่มีเดิมมีสีหนานิ่งเรียบ ยังพลันรูสึกวูบไหว มองลูสวินอี้นิ่งโดยมิได
สงเสียงใดๆ
“เฮอะ!”
เสียงแคนหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนจึงรีบเรียกสติคืนกลับ หันไปทางตนกําเนิด
เสียง
เห็นอาจารยแตละทานตางนั่งอยูอยางสํารวมตรงที่นั่งสํานักเตา สายตาทุกคูจึง
เพงเล็งไปยังเหมยอวิ๋นชิง เพราะเมื่อครูทุกคนไดยินอยางชัดเจนวาเปนเสียงแคนหัวเราะ
ของผูหญิง และอาจารยที่นั่งอยูก็มีเพียงนักพรตเหมยคนเดียวที่เปนเพศหญิง
องคติ้งอูรบี ดึงสติกลับจากอาการอึ้ง สีหนาเย็นชาเล็กนอย กวาดตามองเหมยอวิ๋น
ชิง ขณะจะเอยปากตรัส ชงเสวียนกลับลุกขึ้นยืน กาวไปขางหนาหนึ่งกาว ทําความ
เคารพองคติ้งอูแลวทูลวา
“ฝาบาททรงเมตตา นักพรตเหมยไมคอยสบาย เมื่อครูจึงไอออกมารบกวนฝาบาท
ทําใหตกพระทัย ขอทรงโปรดอภัย!”
สีหนาองคติ้งอูนิ่งเรียบดังเดิม ตรัสถามเสียงเบา “ออ? นักพรตเหมยไมคอยสบาย
หรือ?”
ชงเสวียนรีบหันมองเหมยอวิน๋ ชิง ซึ่งพอนางเห็นแววตาที่เครงขรึมของชงเสวียนมอง
มา ที่สุดแลวก็ไดแตสูดหายใจเขาลึกๆ ลุกขึ้นยืน ทําความเคารพองคติ้งอู
“มิบังอาจทําใหฝาบาทหวงใย หมอมฉันเพียงฝกยุทธหักโหมไปหนอย รูสึกไมสบาย
อยูบาง พักรักษาตัวไมกี่วันก็หาย เมื่อครูทนไมไหวจึงไอออกมารบกวนฝาบาท ขอทรง
โปรดอภัย”
องคติ้งอูเผยอยิ้มที่ริมฝปาก กอนตรัสเสียงเบา
“ไมเปนไร แตเจาก็ควรระวังสุขภาพ เจายังอายุไมถึงสี่สิบก็ฝกวิชาสําเร็จถึงขั้น
อาจารยแลว นับวามีความสามารถและประสบความสําเร็จยิ่ง ไมจาํ เปนตองหักโหม
รางกายอีก ความขยันหมั่นเพียรแมเปนสิ่งที่ดี แตก็ควรดูกําลังของตนเองดวย มากไปก็
ไมดี!”
เหมยอวิ๋นชิงสั่นเทิ้มไปทั้งราง กมศีรษะ ใบหนาแดงไปหมด คําพูดนี้หากเปน
เมื่อกอน นางยอมรูสึกภาคภูมิใจ แตตอนนี้กลับไมใช อาจารยที่มีอายุไมถึงสี่สิบ
ยังไมตองพูดถึงกรณีหมิงอองที่ไมเคยพบมากอนในประวัติศาสตร พูดถึงแตลูสวินอี้
ที่คุกเขาอยูก็พอ เกรงวาอายุก็ไมนาจะเกินสี่สิบ แตการบําเพ็ญเพียรไปไกลกวาตนไมรูกี่
เทาอยางไมตองสงสัย อาจารยอายุไมถึงสี่สิบ จากนี้ไปคงกลายเปนคําพูดดูหมิ่นมากกวา
อีกทั้งคําพูดที่วา ‘ควรดูกําลังของตนเองดวย มากไปก็ไมดี’ นี่ใชเยยหยันนาง
หรือไม?
“คําชี้แนะของฝาบาท ขาและศิษยสํานักเตาจักจดจําไวใหมั่น!” ชงเสวียนรูสึกไม
คอยดี กลัววาลูกสาวจอมยุทธที่ยืนอยูดานขางจะทนไมไหว จึงรีบพูดเสียงสูงเตือนสติ
เหมยอวิ๋นชิง
เหมยอวิ๋นชิงยอมไมกลาผลีผลาม เพียงคิดถึงการตายของอาจารยหลี่ขึ้นมา ตอนนี้
จึงไดแตเอยปาก “เพคะ คําชี้แนะของฝาบาท หมอมฉันตองปฏิบัติตามอยางแนนอน”
องคติ้งอูพ อพระทัยแลว จึงไมถือสาเรื่องนี้อีก ละสายตามาหยุดอยูที่ลูสวินอี้ ผู
คุกเขาหลุบตาต่ํา และยังคงประสานมืออยูอยางนั้นโดยไมพูดจา
ผูคนตางมองตามพระองค ลูสวินอี้ทําใหพวกเขาจิตใจสั่นไหว ยากที่จะสงบนิ่งลง
เขาก็เปนอาจารยสํานักเตาคนหนึ่งนี่!
และอาจเปนอาจารยที่มีความสามารถโดดเดนสุดในทองพระโรงนีก้ ็วาได ผูคนตาง
คิดไมถึงวาเหตุใดเขาจึงไมสนใจสถานะคนจากสํานักเตาแมแตนอย กลับทําความเคารพ
แบบแมทัพฝายบูที่จัดเปนขุนนางระดับลางไปได...
ขุนนางผูภักดีตางรูสึกตื้นตันใจ ขุนนางคิดไมซื่อตางรูสึกกังวลใจ สวนดวงตาของ
เหลาองคชายตางก็แฝงแววโกรธแคนอยางไมสิ้นสุด แตก็หวาดหวั่นยิ่ง
ดานกลุมผูแทนจากตระกูลหลิน โดยเฉพาะแววตาของอาจารยหลิวทานนั้นเห็นได
ชัดวาเครงขรึมลง
ดานคนฉีที่อหังการสุดจะเปรียบ ดวงตายังฉายแววดุดันไมเสื่อมคลาย
“ลุกขึ้นยืนพูดกับขา!”
องคติ้งอูตรัสดวยน้ําเสียงราบเรียบ ยังคงความเครงขรึมและลึกซึ้ง แมในใจจะรูสึก
ปลื้มปติ แตพระองคก็ไมแสดงออกใหเห็นแมแตนอย
“ขอบพระทัยฝาบาท”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน แลวลวงปายทองปายหนึ่งออกจากอกเสื้อ มหาดเล็กเดินเขามารับ
เอาไป มอบใหฝาบาทๆ พยักหนา
“เปนปายคําสั่งของหมิงออง เจาไมอยูขางกายหมิงออง แตกลับมาเมืองหลวง
เพราะเหตุใด?”
ลูสวินอี้ปลดลังไมลงจากบา แลวเงยหนามององคติ้งอู กอนพูดเสียงขรึมเล็กนอย
“ทูลฝาบาท กระหมอมไดรับคําสั่งจากทานอองใหเขาวังหลวงเขาเฝาฝาบาท เพื่อ
นําของสิ่งนี้มามอบใหพระองค!”
“หือ?”
องคติ้งอูกวาดตามองคนจากสํานักเตาที่กําลังตึงเครียด แลวกวาดตามองคณะทูต
ประเทศฉีที่นั่งหนาไมสูดีนัก คอยกะพริบตาเล็กนอย กอนพูดเสียงเบา
“ของอะไร?”
ลูสวินอี้เงยหนาขึ้นแลวเอยปาก “ศีรษะคนจํานวนหนึ่ง!”
เสียงดังเซ็งแซ
จริงๆ แลวทุกคนลวนรูวาลังไมเปอนโลหิตมีอะไรบรรจุอยูภายใน แตพอไดยินลูสวิน
อี้พูดออกมาจริงๆ กลับยังคงสะดุงสะเทือน
“อะไรนะ?” องคติ้งอูตะลึงงัน พลันยืดตัวตรงคลายตกใจ สายตาจับจองลังไม
น้ําเสียงตึงเครียดขึ้น
“ศีรษะคน? ศีรษะใคร?”
เมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกขององคติ้งอู ผูคนในทองพระโรงจึงเงียบ ขณะที่เหลาขุน
นางตางพากันวิพากษวิจารณเสียงดัง
ทามกลางสายตาที่จองมองมา ลูสวินอี้ยังคงมีทาทีสบายๆ เขาคุกเขาขางเดียวอีก
ครั้ง และเปดลังไมออกอยางไมลังเลใจ ขณะที่ทุกคนยังไมทนั ตั้งตัว เขายื่นมือลงไปหยิบ
ศีรษะขึ้นมา
ศีรษะแรกที่เขาหยิบอยูในมือทําใหนักพรตทั้งสามจากเขาซางชิงลุกขึ้นยืน ตามดวย
คนจากสํานักเตาอื่นๆ ไมมีใครสามารถสงบนิ่งไดเมื่อจองมองศีรษะนี้
ศีรษะที่ผานการจัดการเรียบรอยโดยเฉพาะ เสนผมกระจาย สีหนาซีดขาว
“ศิษยพี่หลิว...” ชงเสวียนกระตือรือรนกาวเขาไปขางกายลูสวินอี้ เขายื่นมืออันสั่น
เทาออก คิดรับศีรษะจากมือลูสวินอี้
เพี๊ยะ!
เสียงตบหนา ทองพระโรงเงียบกริบ
ชงเสวียนยกมือขึ้นจับหนาตนเองเมื่อเห็นโลหิตหยดลง ที่แทเปนโลหิตของลูสวินอี้
บนใบหนาชงเสวียนมีรอยนิ้วมือโลหิตประทับอยู
ชงเสวียนผูจัดการเรื่องราวตางๆ ไดดี ไมคาดคิดมากอนวา วันหนึ่งจะถูกคนตบหนา
ตอหนาตอตาสาธารณะชนเชนนี้
กระทั่งคิดไมออกวาควรโตตอบอยางไรดี นาทีนี้ในสมองเขามีแตความวางเปลา ได
แตมองดูลูสวินอี้
“เจา...”
ทาทีลูสวินอี้เปลี่ยนไป เลือดลมตลอดทั้งรางพลันคุกรุน ดวงตาพยัคฆจองชงเสวียน
เขม็ง กอนเปลงเสียงออกดังกองทองพระโรงทีละคํา น้ําเสียงไมสูงแตดุดันอยางไร
ขอบเขต
“กลากาวเขามาอีกกาวละก็ ฆา! ไม! เวน!”
รังสีฆาฟนทําใหทุกคนในทองพระโรงอกสั่นขวัญแขวน มานตาหดเล็กลง
ชงเสวียนพยายามเรียกสติกลับคืน รางเขาเริ่มสั่นเทา ใบหนาแดงระเรื่อ ชี้นิ้วใสลูส
วินอี้ ริมฝปากสั่นระริก แตกลับพูดอะไรไมออก
แตเขายังสามารถใชเหตุผลยับยั้งอารมณไว อีกดานหนึ่ง เหมยอวิ๋นเทียน เหมยอวิ๋นชิง
และกลุมคนจากเขาซางชิงเริ่มมีปฏิกิริยา แตละคนสีหนาพลันเปลี่ยน เหมยอวิ๋นชิงเปน
คนแรกที่รุดมาอยูขางกายชงเสวียน จองมองลูส วินอี้อยางแคนเคืองพลางตะโกนลั่น
“เจากลาเสียมารยาท...”
“ศิษยนอง!”
ลูสวินอี้แววตาเยือกเย็น เขายังไมทันโตตอบ ชงเสวียนพลันดึงสติกลับได แลวรีบ
รองหามเหมยอวิ๋นชิงไว กอนหันกาย โคงคํานับใหองคติ้งอู กอนพูดเสียงสั่น
“ขอ...ขอฝาบาททรงตัดสิน!”
องคติ้งอูตื่นจากภวังค ทรงคิดไมถึงวาเพียงชั่วพริบตาจะเกิดเรื่องเชนนี้ขึ้น ทรง
เหลือบมองคนฉีซึ่งกําลังมองดูเหตุการณอยางออกรส
ดานผูแทนตระกูลหลินที่ภายนอกดูสงบนิ่ง แตทรงแยกแยะออกวาในใจพวกเขา
กําลังกระโดดโลดเตนดวยความปติ
องคติ้งอูมองดูลูสวินอี้อยางเงียบขรึม เรื่องนี้จัดการลําบาก
ทรงผิดหวังมาก ลูสวินอี้ใชความบาบิ่นเกินเหตุในการจัดการเรื่องราว แมทรงคิดใช
การกระทําของหมิงอองสรางความกดดันใหสํานักเตา แตใชวาตองฉีกหนาขนาดนี้
ลงมืออยางเปดเผยทามกลางสายตาสาธารณะชนโดยไมเหลือทางหนีทีไลใหตนเอง
แมแตนอย โงเขลาเบาปญญาจริง อีกทั้งยังไมเห็นใครอยูในสายตาดวย กลาทําการ
บุมบามตอหนาพระพักตร ทําใหทรงมีสีหนาไมสูดี รูสึกไมสบายใจ
ตอนแรกยังชื่นชมเขาอยูหลัดๆ ตอนนี้กลับรูสึกวาเขาก็ไมพนคนมุทะลุที่เยอหยิ่ง
มากคนหนึ่ง ใชใหทําเรื่องอะไรมากไมได ทําเอาบรรยากาศดีๆ ถูกตีรวนจนเปนเชนนี้
“สามหาว!” องคติ้งอูตบที่เทาแขนเกาอี้บัลลังกมังกร แลวลุกขึ้นยืน มองลูสวินอี้
ดวยสายตาดุดัน “อยานึกวาเจาเปนปรมาจารยเตาแลวจะเสียมารยาทตอหนาขาได”
คําพูดนี้พอหลุดออก เหลาขุนนางตางลอบเบะปาก ยังไมพูดถึงคนของหมิงออง พูด
ถึงปรมาจารยกอน ยังไมทันไรก็มอบเรื่องนี้ใหเปนความขัดแยงภายในสํานักเตาไปเสีย
แลว ทั้งๆ ที่เมื่อครูตอนคนผูนี้ทําความเคารพทาน ก็ไมเห็นทานทักเขาวาปรมาจารยนี่?
ลูสวินอี้กลับยังคงสงบนิ่ง เขาหันมององคติ้งอู กอนพูดขึ้นอยางใจเย็น “ขอทรงอภัย
ใชวากระหมอมไมเคารพ แตหมิงอองมีคําสั่ง ใหกระหมอมนําศีรษะเหลานี้มอบให
พระองคดวยมือกระหมอมเอง กระหมอมจึงตองทําตามหนาที่ มิฉะนั้นกระหมอมตองถูก
ทานอองตัดศีรษะอยางไมละเวน!”
หือ?
องคติ้งอูองึ้ เหลาขุนนางตะลึง
ตัดศีรษะ?
ลูสวินอี้พูดตอ “ตั้งแตเดินทางออกจากหมิงจู กระหมอมและพวกถูกศัตรูจูโจมมา
ตลอดทาง อยางวันนี้ชวงบาย มีสองปรมาจายนํากลุมคนเขาจูโจม แตสุดทายปรมาจารย
ทั้งสองก็ถูกปรมาจารยหูเปยวแหงจวนหมิงอองสังหาร ผูมีวรยุทธทุกทาน ผูนอยบาดเจ็บ
สาหัส แมมาถึงทองพระโรง แตยังมิไดมอบของ ขอเพียงผูนอยยังมีลมหายใจ ถึงตายก็ไม
ยอมใหใครมาแยงชิงของไปได!”
คําพูดนี้พอพูดออกมา องคติ้งอูกลับกะพริบตาเล็กนอย มองดูชงเสวียนโดยไมมี
คําพูดจะตรัสตอ ดวยความหมายชัดเจน คนเขาพูดมีเหตุผล เจาก็เห็นอยู จะใหขา
จัดการอยางไร
ชงเสวียนสั่นเทิ้มไปทั้งราง เห็นชัดวาโกรธ “ฝาบาท ผูเฒาเพียงเห็นวาเปนศิษยพี่
กลับมา มิไดคิดแยงชิง...”
ลูสวินอี้พลันหันมองชงเสวียนอีกครั้ง ยังมีเหมยอวิ๋นชิงและพวกที่รุดมายืนขางชง
เสวียนและจองตาเขาอยางโกรธแคน พวกเขาไหนเลยจะไมรวมพลังกัน ครั้งนี้เขาซางชิง
มีปรมาจารยมาหาทานดวยกัน พอรวมพลังกันก็ดูนากลัวอยู
ลูสวินอี้ไมรอใหฝาบาทเอยปาก ประทุพลังปราณขึ้นทันที ดวงตาดุรายสุดๆ หยิบ
ศีรษะขึ้นจอตรงหนาชงเสวียน ดวยเคลื่อนไหวมากเกิน โลหิตจึงซึมออกจากปากแผล
บริเวณทรวงอก แตลูสวินอี้ราวกับไมรูสึกรูสาใดๆ จองมองชงเสวียนนิ่ง
“ขารูวาเจาเปนปรมาจารย...มา...ใหเจา ลองยื่นมือสัมผัสศีรษะนี้สิ?”
“ขาบอกแลว ขามิไดคิดแยงชิง นี่เปนศิษยพี่ขา!” ชงเสวียนหนาแดงไปหมด มองดู
ศีรษะตรงหนา ไหนเลยจะกลาลอง ไมวาจะแยงหรือไม คนเขาก็บอกแลววา ไมอนุญาต
ใหผานมือใครกอนเปนอันขาด
หากตนกลายื่นมือออกไปแตะจริง เกรงวาทานผูนี้ตองตัดศีรษะตนแน อยาบอกวา
ตนไมกลาผิดใจกับราชสํานักหรือหมิงอองเลย ตอใหกลา ตอนนี้ตนก็ไมมีทางขยับ
เด็ดขาด อยางนอยก็ไมมีความมั่นใจวาจะหนีจากเงื้อมมือของทานผูนี้ไปได แมทานจะ
บาดเจ็บสาหัสก็ตาม
ลอเลนนา ผูที่สามารถสังหารจินเฉิงปาได เขาหรือจะสามารถประมือดวย?
ใครบางอยากตาย อยางนอยชงเสวียนไมอยาก
“เจากลาหรือไม?” แววตาลูสวินอี้เย็นชา!
เงียบกริบ ทุกลมหายใจลวนเงียบ
ในทองพระโรง ทุกคนตางอกสั่นขวัญแขวน นาทีนี้มีแตองคติ้งอูที่เปลงประกายตา
เจิดจา แตยังไมจบ
แนนอนวาชงเสวียนไมกลา เขายืนอีหลักอีเหลื่ออยูที่เดิม ไมรูวาควรทําอยางไรตอ ดี
ที่ลูสวินอี้ปลอยเขา โดยการกาวไปขางหนา เชนเดียวกัน จอศีรษะตรงหนาเหมยอวิ๋นชิง
และถามคําถามเดิม
“เจาไมยอมจํานนนี่ อยางนั้นเจาก็ลองดู!”
เหมยอวิ๋นชิงกะพริบตาปริบๆ นาทีนี้ ความโกรธอัดแนนอยูในทรวงอก นางไมใชชง
เสวียน ไมวาผลสุดทายจะหนักหนาเชนไร นางก็ไมมีทางอดทนตอการดูหมิ่นเชนนี้ จึง
ยื่นมือออกไปจะสัมผัส
“ศิษยนอง ใจเย็น...” ชงเสวียนกลับไมกลาใหนางลอง ดึงนางออกทันที
มือของลูสวินอี้กลับไมสั่นแมแตนอย ละสายตาจากนาง หันไปมองปรมาจารยหลาย
ทานที่สงสายตาแคนเคืองเมื่อครู
“พวกเจาละ กลาหรือไมกลา? พวกเจาคนเยอะนี่ ขาก็บาดเจ็บสาหัส สังหารพวก
เจาไมหมดแน แต ปรมาจารยของพวกเจาทุกคน สามารถตานทานพลังหมัดเพียงหมัด
เดียวของหมิงอองไดหรือเปลา?”
พูดถึงตรงนี้ ปรมาจารยหลายทานพลันหนาเปลี่ยนสีและไมกลาวูวามแตอยางใด
ลูสวินอี้กวาดตามองคนจากสํานักเตาอื่นๆ ทําใหคนเหลานี้ตื่นตกใจ พวกเขาอาน
ความหมายของการกระทํานี้ออก และสัมผัสไดถึงพลังคุกคามอันบาดีเดือด
ความรูสึกนี้ทําใหคนยากทานทน เกิดเปนคนของสํานักเตารอยแปดสํานักทั้งที
สํานักไหนบางที่ยังไมเคยชินกับการถูกกอกวน มีบางไหมที่จะยอมรับการขมขูคุกคาม
เชนนี้ อีกทั้งยังเปนการดูแคลนวรยุทธ...
จากนั้น แมสีหนาทุกคนดูไมได แตอยางไรก็ไมมีใครกลาปริปากพูดสักคน
ลวนตองอดทน
เนื่องจากพลังเพียงหนึ่งหมัดที่ลูสวินอี้เอย ทําใหพวกเขานึกถึงหมัดนั้น หมัดที่มอไป
สังหารสามปรมาจารยในกระบวนเดียว
มีเพียงเหมยอวิ๋นชิงที่โกรธจัด เขาซางชิงทั้งสํานักตอสูกับหมัดเดียวของหมิงออง
ไมไดอยางนั้นหรือ?
ไมตองพูดถึงปรมาจารย ยังมีจอมยุทธผูเปนบิดาของตน แตเจานั่นถึงกับไมรูฟาสูง
แผนดินต่ํา นึกวาเปนหนึ่งเดียวในปฐพีที่ไมมีใครโคนลมได?
นางหมดความอดทน แตนางไมตองเอยปากแลว ลูสวินอี้เหมือนรูว านางคิดอะไรอยู
พลันหันไป วางศีรษะนั้นลงในลังไม แลวหยิบอีกหนึ่งศีรษะออก
“จินเฉิงปามาแยงชิง ขายังกลาสังหาร เจา เหตุใดขาจึงไมกลา เหตุใดจึงสังหาร
ไมได?”
เหมยอวิ๋นชิงตัวแข็งทื่อในพริบตา พลังปราณตลอดทั้งรางคลายผนึกเปนกอนน้ําแข็ง
ใบหนาที่แดงอยูกลับกลายเปนซีดขาว คําพูดนี้เถียงไมขึ้น ไมวามอไปสามารถหรือไม
สามารถสูกับปรมาจารย นางก็เขาใจความหมายแฝงของประโยคนี้แลว
คนเขาแมแตชาวฉียังสังหาร ก็ยอมไมกลัวเขาซางชิงอีก ตอนนี้ยอมกลาฆานางแน
ระยะประชิดเชนนี้ นาทีนี้ นางรูสึกไดถึงอันตราย
นางยอมไมอยากตาย แตผูมีศักดิ์ศรีสูงเชนนาง กลับไมรูวาจะทนคําพูดเชนนี้ไปได
อีกสักกี่น้ํา และเมื่อเห็นกลุมคนที่กําลังทนก็ยิ่งรูสึกกล้ํากลืนฝนทนยิ่ง นางจึงยืนตัวแข็ง
ทื่ออยูที่เดิม
ยังดี ที่มีผูคลายความอีหลักอีเหลื่อนี้ใหนาง
“เหลวไหล!”
ขณะชาวฉีกําลังดูละครตรงหนาอยางออกรส แตละคนมีแววตาวูบไหววาบตางกัน
โดยไมรูวากําลังคิดอะไรอยูนนั้ ลูสวินอี้พลันหยิบศีรษะที่สะทอนประกายโลหิตออกมา
อยางไมคาดคิด ทําใหจิตใจทีก่ ําลังเต็มไปดวย
อารมณของพวกเขาถูกขัดจังหวะ จนเหลือแตความโกรธที่กําลังแผดเผา
พริบตานั้น ทูตจากประเทศฉีลุกขึ้นยืน พรอมเสียงกนดาของใครบางคน
ทามกลางสายตาหวาดผวาของผูคน ลูสวินอี้เหลือบมองพวกเขา กอนโยนศีรษะใน
มือลงบนพื้นเหมือนโยนขยะอยางไรอยางนั้น กอนหันไปหยิบศีรษะชุยเฉาเหยี่ยนในลังไม
ออก แลวโยนลงบนพื้นดวยทาทีเชนเดียวกัน ใหเคียงคูอยูกับศีรษะของจินเฉิงปา
“กลาดูหมิ่นจักรวรรดิฉีของเรา...”
พูดยังไมทันจบ ลูสวินอี้ก็เงยหนาขึ้น “ดูหมิ่นหรือ?”
เปรี้ยง!
พูดจบ เห็นลูสวินอี้เพียงยกเทาขึ้น ตามดวยเสียงดังเปรี้ยง มันสมองพรอมของเหลว
ในศีรษะจินเฉิงปาระเบิดกระจาย
ชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงทีย่ ืนอยูใกลสุดกาวถอยแทบไมทัน สีหนาเต็มไปดวยความ
ตื่นตระหนก
ไมผิด นาทีนี้สติของเหมยอวิน๋ ชิงกระเจิดกระเจิง นางสะดุงตกใจ
ไมตองพูดถึงเหลาขุนนางในทองพระโรง ไมมีใครไมตกใจ ยิ่งเห็นมันสมองไหลนอง
บนพื้นก็ยิ่งรูสึกสะอิดสะเอียน แตอยางไรก็เปนขุนนาง แมตกใจแทบตาย ก็ตองยืนนิ่งอยู
ใหจงได ถึงใจเตนไมเปนระส่ําแคไหน เหงื่อกาฬแตกซานเพียงใด ก็ตองอดทนไวไมสง
เสียงดังออกมา
สวนองคติ้งอูที่อยูเบื้องบนยอมคิดไมถึงวาจะเกิดเหตุการณเชนนี้ มานตาจึงหดลง
และในตอนนี้เอง ที่ขางกายพระองคพลันมีผูเฒาเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง
ผูเฒาทานนี้ไมรูปรากฏตัวขึ้นแตเมื่อใด ทวาลูสวินอี้เห็นและกําลังสบตากับเขา
ลูสวินอี้คอยๆ เงียบลง ปรับลมหายใจอันหนักหนวงของตน มองดูคณะทูตประเทศฉี
โดยไมพูดจา
ไมจําเปนตองพูดอะไรอีก พวกเขากลาหรือไม นี่ก็คือคําตอบ!
ลูสวินอี้จองมององคติ้งอูกอนคุกเขาขางเดียวลงกับพื้น
“ฝาบาท ศีรษะเมื่อครูหมิงอองมิไดใหกระหมอมนํามาสงมอบใหพระองค
กระหมอมโกรธแคนชั่วขณะ ทําใหทองพระโรงสกปรก ขอทรงลงอาญา!”
ผูเฒาที่ยืนขางกายองคติ้งอูจอ งมองลูสวินอี้ดวยแววตาอันลึกซึ้ง กอนพลิ้วกายหาย
วับไป
องคติ้งอูกาวไปขางหนาหนึ่งกาว มองดูแววตาที่ผกผันของลูสวินอี้
คนฉีไฉนทานทนไหว พวกเขาแมยโสโอหัง แตมิไดหมายความวาไรสมอง ตอนนี้
พวกเขามองดูเหตุการณที่เปนไปดวยความโกรธแคนจนถึงขีดสุด
หากสามารถสังหารลูสวินอี้ไดในตอนนี้ ตองสับลูสวินอี้เปนหมื่นๆ ชิ้นแน
ยังมีหมิงออง!
ไมถูก คนในทองพระโรงทั้งหมด ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ ตองสังหารใหหมด!
ทูตของประเทศฉีจาวหมิงรุย ตอนนี้สีหนาเขียวคล้ํา สายตาดุดันมิไดจองมองไปยัง
ลูสวินอี้ แตกลับยกมือประกอบทาทางพลางตะโกนใสคนขางตัว กอนหันมององคติ้งอู
แลวพูดอยางโกรธแคนแฝงอํานาจขมขู
“จักรพรรดิตาเซี่ย บุตรชายของทานวางแผนสังหารนักรบแหงจักรวรรดิฉีเราอยู
เรื่อย รวมทั้งยังดูหมิ่นเชนนี้อีก เรื่องนี้หากไมมีการชดใชที่ทําใหเราพอใจ ทหารหาญแต
ละคนของจักรวรรดิฉีเราตองใชโลหิตชาวเซี่ยลางความอัปยศใหกับนักรบของเราอยาง
แนนอน!”
ขมขู! เปนการขมขูอยางแนนอน!
ยืนอยูในพระราชวังตาเซี่ยแทๆ ยังดําเนินการขมขูองคจักรพรรดิตาเซี่ย พูดออกมา
ตรงๆ วาจะฆาชาวเซี่ยลางแคน ระดับของความอหังการชนิดนี้...
ลูสวินอี้กลับเหลือบตามององคติ้งอูโดยไมเอยปากใดๆ
องคติ้งอูมองดูของเหลวบนพื้น กอนปดปากแนน พระองครูสึกจริงๆ วาวันนี้การ
ไมไดพบหนาและตระเตรียมกับลูสวินอี้กอนเปนความผิดอยางหนึ่ง
เรื่องที่เกิดขึ้นลวนเหนือความคาดหมายของพระองคอยางสิ้นเชิง คนในทองพระโรง
ในวันนี้บาบิ่นเกินเหตุ พุงชนไปทั่ว คิดแตจะแสดงความเหนือกวาใหเห็น
“เฮอะ เราตองถามกอนวา ประเทศของเราสองทําสงครามกันมานาน จนขาเห็นวา
กองทัพเราสองรบกันไมหยุดเสียทีจึงคิดใชหลักการทูตแกไขปญหา เมื่อครูยังไดจัดเลี้ยง
ตอนรับพวกทาน แตพวกทานกลับกลากอเรื่องขึ้นใจกลางเมืองหลวง ขอนี้พวกทานยัง
ไมไดชดใชใหเรา!”
องคติ้งอูสีหนาเครงขรึม พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ นั่งลงบนบัลลังกมังกร
ทูตประเทศฉีไดยินดังนั้นก็เชิดหนาขึ้น
“จักรพรรดิตาเซี่ย เปนเพราะหมิงอองของพวกทานวางแผนสังหารชุยเฉาเหยี่ยน
ปรมาจารยเรากอน พวกเรามิไดตรงไปสังหารหมิงออง เพียงชิงศีรษะของวีรบุรุษเรา
กลับคืน นี่นับเปนการเคารพทานแลว ยังมีอะไรตองชดใชอีก?”
ปง! องคติ้งอูตบที่เทาแขนเกาอี้มังกรอีกครั้ง
อยางไรก็ทรงเปนองคจักรพรรดิ ถึงจะทนแคไหน ก็ไมอนุญาตใหแสดงความยโส
โอหังเชนนี้
“นาขัน พวกเจากอเรื่องในเมืองหลวงของขา ยังบอกวาเคารพขาหรือ?”
เห็นไดชัดวาทรงพยายามยับยั้งชั่งใจ พูดเพียงคําวากอเรื่อง มิไดพูดคําวาจูโจม
สังหารคนของหมิงอองออกมาตรงๆ หรือคิดปลนชิงของทีห่ มิงอองตองการมอบใหองค
จักรพรรดิ
“พวกเราเพียงตองการนํานักรบของเรากลับคืน แตคนของพวกทานไมเพียงไม
รวมมือดวย ยังวางแผนสังหารนักรบของเราอีกคน เห็นชัดวาบาคลั่งและเหี้ยโหดยิ่ง
จักรพรรดิตาเซี่ย พวกทานกําลังปฏิเสธมิตรภาพและความปรารถนาดีของเรา หาก
ไมสามารถชดใชใหสาสม เราก็จะใชปนในสนามรบยิงแกแคนใหนักรบเรา!”
“อยางนี้ก็มีดวย ในใตหลายังไมมีเหตุผลที่วาใชสงครามเพื่อปลดปลอยมิตรภาพ
และความปรารถนาดี พวกเจากอเรื่องในเมืองหลวงตาเซี่ย ยังกลาพูดกลับดําใหเปนขาว
บอกวาเปนความปรารถนาดี ที่แทก็ขมเหงกันชัดๆ!”
“หากจะมาคุยกันเรื่องสงคราม เราไมสงปรมาจารยไปหรอก แตจะสงขุนศึกใน
สนามรบไป”
“เฮอะ เมืองหลวงตาเซี่ยเรา เจาคิดสงทหารมาก็สงมาไดงายๆ อยางนั้นรึ?”
“ทานกําลังดูแคลนนักรบในสนามรบของจักรวรรดิฉีเรา? นี่คือการยั่วยุ!”
“หยุดพูดจาเหลวไหลไดแลว เปนประเทศฉีของเจาที่รุกรานตาเซี่ยเรา...”
“เปนทหารพวกเจาที่ทาทายบารมีประเทศฉีเรากอน...”
......
องคติ้งอูเปดหัวเรื่องแลว ยอมไมสามารถลงสนามโตเถียงดวยองคเองไปเรื่อยๆ ทวา
การเจรจาก็เปนเชนนี้ ทานพูดมา ขาพูดไป
ลูสวินอี้ฟงการพูดเรื่องหยุมหยิมเชนนี้แลวก็รูสึกหดหูใจ
ตั้งแตตนจนจบ ชัดเจนวาขุนนางทุกทานลวนพยายามปองปรามการใชกําลังทหาร
ทําศึกสงคราม พูดกันก็แตเหตุผล ไมกลาตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
เปนดังเชนที่องคชายหกคาดการณ สุนัขปาฉีแสดงความเถื่อนใหเห็นอยางชัดเจน
ตองการสงบศึกโดยไมจําเปนตองชนะศึก ซึ่งนาเศราใจมาก
เพราะขอเพียงสามารถยืดลมหายใจเฮือกสุดทายออกไป พวกเขาก็ไมตองจดจําแลว
วาผูคนในเขตสงครามตองประสบเคราะหกรรมอยางไร
ลูสวินอี้มองดูสีหนาเครงเครียดองคติ้งอู แลวก็มิไดเอยปากอีก เขาดูออกวา องคติ้งอู
ก็ไมอยากรบ จึงไมมีความจําเปนที่ตองอยูฟงอีกตอไป การมาเมืองหลวงครั้งนี้ เขามี
หนาที่สามอยาง
จึงกมศีรษะลง นําศีรษะในลังไมออกมาทีละศีรษะ ลังใหญแตก็ใสไดไมมาก ที่นํามา
ไดจึงมีเพียงสี่ศีรษะเทานั้น เขานําออกมาแลวแตก็มิไดรีบมอบใหฝาบาท นํามาวางลง
ตรงโตะขางเกาอี้ที่เหมยอวิ๋นชิงนั่ง
ศีรษะปรมาจารยสามทาน บวกกับชุยเฉาเหยี่ยนอีกหนึ่ง รวมเปนสี่ วางไวกลางทอง
พระโรงใหทุกคนไดเห็น พอผูคนเห็นการกระทําของเขาก็คอยๆ เงียบเสียงลง
ลูสวินอี้ทําความเคารพองคติ้งอู แลววา
“ฝาบาท หมิงอองใหกระหมอมมอบคําพูดใหแกใตเทาทุกทาน!”
ขุนนางนอยใหญทกุ คนพลันนิ่ง
องคติ้งอูสะดุงในใจ ไมอยากใหลูสวินอี้พูดอีก แตไมรูจะพูดอยางไรดี?
ขืนเขาพูดจาตัดเยื่อใยออกมาอีกจะทําเชนไร จะใหพูดซี้ซั้วไมได มิฉะนั้นจะทําใหขุน
นางเอาใจออกหาง
และสิ่งสําคัญที่สุดคือ เขาในตอนนี้มีเจตนาที่จะอบรมสั่งสอนมอไป เพราะในหมู
องคชาย ไมงายนักที่จะปรากฎผูโดดเดน อยางไรก็เปนโอรสของตน จะไมใหคิดเรื่องนี้ได
อยางไร?
แตหากมอไปลวงเกินขุนนางเหลานี้ ตอไปจะขึ้นนั่งปกครองไดอยางไร?
“วันนี้เปนวันตอนรับคณะทูตานุทูตประเทศฉี เรื่องอื่นคอยพูดกันวันหลัง” องคติ้งอู
ตรัสเสียงขรึม
พอคนฉีเห็นองคติ้งอูไมใหพดู จึงเยยยิ้มพลางพูดขึ้น
“เฮอะ หมิงอองคิดวาแผนการชั่วรายของตนจะสําเร็จอยางนั้นรึ? คิดปายสีพวกเรา?
เขาเปนผูสังหารคนจากสํานักเตาที่ไปรวมสังคายนาวิถีแหงเตาที่หมิงจูหมดทุกคน นี่เปน
หลักฐานบงชี้วาเขาเปนผูทําลายสันติภาพและมิตรภาพ!”
ทวาลูสวินอี้มิไดสนใจในคําพูดเขาแมแตนอย
ทูตชาวฉีผูนี้จึงมองไปรอบๆ และพบวาผูคนในทองพระโรงไมมีใครมีปฏิกิริยา
ตอบสนอง รวมทั้งสามปรมาจารย หนําซ้ําชงเสวียนที่เมื่อครูถูกดูหมิ่นยังโมโหอีก
“พูดจาเหลวไหล หยุดพูดใหตาเซี่ยเราบาดหมางกันสักที คนจากสํานักเตาเราสาม
คนพลีชีพเพื่อชาติและประชาชน เรื่องนี้เปนที่รูกันทั่ว ใหเจาใสรายปายสีไดอยางนั้นรึ”
“ถูก พวกเจาคิดวาตาเซี่ยเราไมมีผูกลาแลวรึ? กองทหารนับพันนับหมื่นในสํานัก
ซานเวย ปรมาจารยสามทานของเราก็บุกเขาไปตัดศีรษะแมทัพพวกเจามาได พวกเจายัง
ไมรีบสํานึก ยังกลาใชจิตใจปรารถนารายทําลายพวกเราอีก?”
“ฝาบาท วันเวลาพิสูจนใหเห็นวา สํานักเตาเราภักดีเสมอมา ขอฝาบาทอยาหลงกล
คนมีเลหเหลี่ยมเปนอันขาด...”
ขุนนางระดับสูงมองดูฉากนี้โดยไมพูดจา
อาจารยหลิวของตระกูลหลินก็กมหนาไมพูดเชนกัน อยางไรเขาก็ไมสามารถผลักไส
สํานักเตาใหไปอยูกับประเทศฉีได จึงเลือกที่จะเงียบ
“เฮอะ คนตาเซี่ยตางหากที่เจาเลห หลอกลวง ตีสองหนา!”
ทูตชาวฉีทานนี้กลับไมแยแสสนใจ ขอเพียงบรรลุจุดประสงคเปนใชได เขารูวาสํานัก
เตาไมยอมรับหรอก แตไมเปนไร อยางนอยก็ไดทําใหพวกเขาหวาดระแวงกันเอง
ลูสวินอี้ไมพูดความจริงเรื่องใครเปนผูสังหาร เขาเอยปากขึ้น
“ถาการจูโจมสังหารคนในเมืองหลวงเปนความปรารถนาดีและมิตรภาพของพวก
เจา ความตายของชุยเฉาเหยี่ยนและหานไจโควก็เปนความปรารถนาดีและมิตรภาพ
ของหมิงอองที่มีตอพวกเจา”
“ทหารของพวกเจากลาหาญชาญชัยในสนามรบ ยิงปนแมนยํา คิดใชโลหิตทหารเรา
ลางความอัปยศชดใชหนี้เลือด สวนทานอองเราไมมีปน แตสามารถทะยานไกลเปนพันลี้
แลวใชกระบี่ตัดศีรษะแมทัพทามกลางทหารนับหมื่น แมสังหารทหารของพวกเจาไดไม
หมดในเวลาอันสั้น แตก็สามารถใชศีรษะแมทัพและขุนนางคนสําคัญของพวกเจามาเซน
ไหววิญญาณผูบริสุทธิ์และนักรบของเราที่ตายไปได!”
“ทหารฉีของพวกเจานับแสนในสนามรบ เมื่อเทียบกับคนของเราก็แคหนึ่งตอสิบ
ทานอองเคยพูดไววา ตาเซี่ยเรา สายน้ําหนึ่งหยดก็คือโลหิตหนึ่งหยด เยาวชนหนึ่งแสน
คนก็คือทหารหนึ่งแสนนาย ตั้งแตประเทศเจากอตั้งขึ้นมา เลี้ยงทหารไดอยางมากก็ไม
เกินลานคน เยาวชนตาเซี่ยเรารอยลานคน ใครจะตายหมดกอนกัน?”
“พวกเจามีทหารในหมิงจูหาหมื่น แตเหตุใดกลับหวาดกลัวทานอองเพียงคนเดียว
เชนนี้? ซึ่งก็เพราะภายในคืนเดียวทานอองสังหารทหารพวกเจาไปแลวสองพัน ถานับไป
ก็แคอีกไมกี่ครั้ง ทหารหาหมื่นของพวกเจายังใชไดอยูอีกไหม? หมิงจูเปนฐานที่มั่น
สุดทายของพวกเจา จะเกิดความผันผวนไมได พอถึงเวลานั้นพวกเจาก็ไดแตเพิ่มทหาร
เขาปองกันหมิงจู การพิชิตตาเซี่ยก็จะกลายเปนเรื่องขําขันไป กลับกลายเปนวาความไม
นิ่งในหมิงจูสงผลกระทบตอสมรภูมิรบอื่นๆ ตาเซี่ยทําสงครามอยูในแผนดินแม ไมมีทาง
ขาดแคลนกําลังรบ เสบียง และอาวุธอยางแนนอน แมพายแพบางเปนครั้งคราว ทวา
ตั้งแตเปดฉากรบ เวลาของพวกเจาก็มีไมมาก จึงจําตองเผด็จศึกใหเร็ว มิฉะนั้นแลว พวก
เจาตองพายแพลงอยางไมตองสงสัย”
“เจาเอาความกลามาจากไหนไมทราบ ถึงไดเดินทางมาสามหาวถึงนี่? เจาคิดวาทุก
คนลวนไมรูกําพืดของเจาอยางนั้นรึ หากขาเปนเจา ตอนนี้สิ่งที่ตองคิด นาจะเปนความ
ปลอดภัยของตัวเองมากกวา ทานอองไดออกคําสั่ง ใครก็ตามที่ยังคงกอสงครามในตา
เซี่ย ลวนฆาไดหมด วันนี้พวกเจาสงปรมาจารยมาสังหารพวกขา ก็ไมนับเปนทูตแลว
เกรงวาพวกเจาคงกลับประเทศไมไดแลวละ!”
“ชางกลา!” ทานทูตชาวฉีจาวหมิงรุย ใบหนาเขียวคล้ํา พอไดยินประโยคสุดทาย
ใบหนาพลันเปลี่ยนสีอีก เขายังมีสติอยู จึงรีบหันหาองคติ้งอู “จักรพรรดิตาเซี่ย กองทัพ
ทั้งสองประเทศรบกันไมหยุดจึงใชการทูตเขาแกปญหา แตทานไดยินหรือไม? เขาขมขู
คุกคามอยางเปดเผยวาจะฆาพวกเรา หากพวกเราถูกฆา พระราชาของเราตองตัดขาด
ความสัมพันธในทุกทางของทั้งสองประเทศแน...”
“เจานาจะยังไมรู ทานอองเคยพูดไววา แมวันหนาพวกเจายอมแพ พวกเราก็ไมมี
ทางยอมรับ ดังนั้นความสัมพันธทุกทางจึงไมจาํ เปนตองคงไว!” ลูสวินอี้พูดสบายๆ
“เหลวไหล!” องคติ้งอูในที่สุดก็เอยปากพูดกับลูสวินอี้ “เปนเพียงแมทัพเล็กๆ ยัง
พูดจาไรสาระอีก ทหาร...”
ไมรูวาเขาคิดจะพูดอะไร แตพูดไดแคครึ่งเดียวก็ชะงัก กอนพูดตอวา “นําตัว
ออกไป!”
ลูสวินอี้กลับไมกลัว และไมขัดขืน
พูดตามตรง วันนี้เขาล้ําเสนไปบาง มีเรื่องมากมายที่ทําเกินกวาเหตุ สิ่งที่หมิงออง
กําชับ แมมีความหมายทํานองนี้ แตก็มิไดบอกใหเขาเลือกกระทําเชนนี้ ซึ่งถาผิดพลาดก็
อาจถึงแกชีวิต อยางนอยสิ่งที่เขาทําลงไปทั้งหมดหากไมตรงกับเจตนารมณขององคติ้งอู
ก็ทรงสามารถสังหารเขาเพื่อชดใชใหเขาซางชิงได
และก็อาจชดใชใหประเทศฉีดวยการสังหารเขาไดเชนกัน
กอนจากไป เขายังจองมองคณะทูตชาวฉีดวยสายตาดุรายเปยมรังสีฆาฟน ทําให
คณะทูตรูสึกกระสับกระสายไมหยุด แตพอออกจากทองพระโรง สีหนาของลูสวินอี้ก็
คอยๆ สงบลง อาจเพราะความตายของศิษยนอง ทําใหหัวสมองที่เคยเยือกเย็นมาตลอด
ของเขา พยายามระบายเลือดรอนตรงทรวงอกออก บางครั้งคนเราก็อยากตาย เพราะ
คิดวาเปนวิธีหนึ่งทีท่ ําใหคุณธรรมดํารงอยู
“เขาไปเถิด!”
มิไดถูกจํากัดที่ทาง แตกลับถูกสงมายังตําหนักหนึ่ง
“หือ? นี่คือ...”
ลูสวินอี้ตะลึง เขารูสึกประหลาดใจ เดิมทีนึกวาตองถูกพาไปยังที่เงียบๆ แลวถูกคน
เคนสอบเรื่องราวตางๆ
แตที่นี่ เขาตระหนักไดในพริบตา
ฮองเฮา!
ตอน 240 พอครัวในจวนหมิงอองก็เปนปรมาจารย?
พอมาถึงหนาประตูพระตําหนัก มหาดเล็กพลันหยุดเดิน
เห็นนางกํานัลซึ่งเปนหญิงชราคนหนึ่งเดินเขาไปพูดคุยกับมหาดเล็กสักพัก
มหาดเล็กก็เดินจากไป
หญิงชราจึงเดินมาหาลูสวินอี้ และสํารวจมองลูส วินอี้อยางระมัดระวัง กอนหยุด
สายตาอยูบนเสื้อผาที่เต็มไปดวยคราบโลหิต แตก็มิไดพูดอะไรมาก เพียงถาม “ทานคือ
อาจารยลู จากจวนหมิงอองหรือ?”
“มิกลาเปนดั่งคําทานมามา* ขานอยลูสวินอี้ เปนเพียงแมทัพเล็กๆ คนหนึ่งในจวน
หมิงออง”
(มามา เปนสรรพนามที่ใชเรียกนางกํานัลอาวุโสที่เคยแตงงานแลว)
ไมตองสําแดงเดชใหเห็นแจมแจงเหมือนตอนอยูในทองพระโรงอีก ลูสวินอี้เก็บพลัง
ลงไปตั้งแตตอนมาถึง แมแตผูรับใชเล็กๆ เขาก็โคงตัวแสดงความเคารพ
หญิงชราอึ้งเล็กนอยเมื่อเห็นทาทางของลูสวินอี้
เรื่องบนถนนหมิงฝูเมื่อชวงบายที่ผานมา นางรูอยางละเอียด สวนสถานการณใน
ทองพระโรงเมื่อครู พระสนมทานอื่นๆ ตอนนี้อาจยังไมรู แตฮองเฮากลับรู
คนผูนี้มองเขาซางชิงเหมือนอากาศธาตุ อาจหาญโตตอบซึ่งหนากับคณะทูตประเทศ
ฉี ทําเอาคนใจหายใจคว่ําไปตามๆ กัน แตตอนนี้ พอนางเห็นคนผูนี้กับตา ก็พบวาเขา
มิไดคิดกรางวางกลามแตอยางใด กลับมีทาทีเคารพนอบนอม ไมเหมือนปรมาจารยสัก
นิด
เหนือความคาดหมาย นางจึงเก็บสายตากลับแลวแสดงความเคารพตอบ
“อาจารยลู ฮองเฮาอยากพบทาน”
เปนฮองเฮาจริงๆ!
ลูสวินอี้กลับคืนสูสีหนาปกติ กมลงดูเสื้อผาของตนแลววา
“ทานมามา ขานอยฉุกละหุกไปหนอย ไมทราบวาตองเขาเฝาฮองเฮา จึงมิไดเปลี่ยน
เสื้อผาใหเรียบรอย ทานวาควรทําอยางไรดี...”
พูดพลางใชมือจับเสื้อผาใหเขาที่ ทวาเสื้อผาที่ถูกกระบี่ฟนขาดและเต็มไปดวยคราบ
เลือดหมาดๆ ไมวาจะพยายามจัดใหเรียบรอยอยางไรก็ปกปดรองรอยไวไมอยู
หญิงชราเห็นทาทางเขาแลวก็ชะงักเล็กนอย หลุบตามองลูสวินอี้อีกครั้ง คอยเอยขึ้น
“ถาอาจารยไมถือสา ขาจะใหคนพาไปเปลี่ยนเสื้อผาตัวใหมใหเรียบรอยกอน อาจารย
เห็นเปนอยางไร?”
“เชนนี้ก็ดีทีเดียว รบกวนทานมามาแลว!” ลูสวินอี้รีบพยักหนาขานรับ
ไมนานนักก็มีบาวรับใชมาพาเขาออกไป
แนนอนวาไมสามารถเปลี่ยนเสื้อผาในพระตําหนักฮองเฮา เขาถูกพาไปยังหองซักรีด
หลังเปลี่ยนเสื้อผาชุดใหมเรียบรอย คอยเดินตามหญิงชราเขาไปในพระตําหนัก
ลูสวินอี้กมตัวหลุบตาตลอดทางเดิน แตมิไดหลับตา เขาลอบสังเกตบริเวณโดยรอบ
พบวาในพระตําหนักแทบไมมีมลพิษ รูปสลักและการตกแตงเปนไปอยางมีรสนิยม ตนไม
ดอกไมใหความสดชื่นมีชีวิตชีวา มีนางกํานัลและบาวรับใชเดินอยูเปนระยะ
เขาคิดในใจ ดูจากสภาพแวดลอมแลว ชีวิตความเปนอยูในวังของฮองเฮานาจะ
เปนไปดวยดี ไมนาจะเปนอยางที่องคชายหกกังวลใจ มาเมืองหลวงคราวนี้ การสืบดู
ความเปนอยูของฮองเฮา เปนอีกหนึ่งภารกิจที่สําคัญของลูสวินอี้!
ตั้งแตปที่มอไปเดินทางไปหมิงจูอยางเงียบๆ และพี่ชายแทๆ เสียชีวิตลง มอไปก็เปน
กังวลในความเปนอยูของฮองเฮามาโดยตลอด เพราะการสิ้นลงขององครัชทายาทและ
การไมสามารถเปดเผยตัวตนของเขา ทําใหฮองเฮาเหมือนถูกตัดแขนตัดขาไปโดยปริยาย
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชาย แมเปนแมของแผนดิน ก็ใชวาจะสามารถ
แบกรับไดโดยงาย อีกทั้งฮองเฮายังมีโรคประจําตัวอยู มอไปจึงไมรจู ะทําอยางไรดี
หลายปมานี้ แมวานใหคนชวยสืบเสาะ แตฮองเฮาที่อยูในพระราชฐานชั้นใน ก็
เหมือนไมมีขาวความเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงขาวพระสนมหลานไดรับความเอ็นดูจากฝา
บาท
มอไปไมสนวาพระสนมหลานเปนใคร และไมสนวานางไดรับความเอ็นดูไดอยางไร
เขาเพียงหวงวา พระราชฐานชั้นในที่ชิงอํานาจสลับซับซอน มารดาผูซึ่งไมมีบุตรใหพึ่งพิง
ขณะบิดาเอ็นดูสนมอื่น จะมีชีวิตอยางไรในพระราชวังที่วุนวายสับสนนี้?
เดิมทีลูสวินอี้ก็เห็นดวยกับองคชายหกวานาหวงอยู แตตอนนี้พอเห็นสิ่งแวดลอม
เชนนี้กลับรูสึกวา อยางนอยตําแหนงของฮองเฮายังมั่นคง ยังไมถึงกับถูกละเลยเสีย
ทีเดียว!
เดินไปเรื่อยๆ ไมนานนักก็มาถึงหองโถงหลัก
หญิงชราหยุดยืนหนาประตู กอนสงสัญญาณบอกลูสวินอี้ แลวจึงหันมาบอกกับผูที่
อยูในหอง
“ฮองเฮา อาจารยลูมาเพคะ”
ลูสวินอี้รูสึกไดวาในหองโถงมีคนผูหนึ่งนั่งอยูดานบน และกําลังมองมายังตน แตเขา
มิไดเงยหนามองตอบ ไดแตกมหนาหลุบตา รอการอนุญาตใหเขาเฝา
“มาแลวรึ? ใหเขามาได” คนในหองมิไดรีบรอนอนุญาต นิ่งไปพักใหญ แลวจึงคอยๆ
เอยปาก น้ําเสียงนับวาสงบนิ่ง แตปรมาจารยอยางลูสวินอี้กลับฟงออกวามีความสั่นเครือ
ปนอยูดวย
“อาจารยลู เชิญ...” หญิงชราเอย
ลูสวินอี้กาวเขาดานใน ยังคงมิไดเงยหนาขึ้น กาวเดินมาหยุดยืนในระยะหางจากผูที่
นั่งอยูราวสามเมตร แลวจึงคุกเขาลงสองขาง ประสานมือคารวะ
“ลูสวินอี้ถวายบังคมฮองเฮา ขอจงทรงพระเจริญ” ตามดวยการโขกศีรษะสามครั้ง
หญิงชราที่อยูดานขางตกตะลึง กะพริบตาปริบๆ
ยังดีที่ฮองเฮามิไดคิดมากเรื่องสถานะปรมาจารยวาควรทําอยางไร เพียงพูดเสียงเบา
“ไมตองมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฮองเฮา” ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน เงยหนามองผูที่อยูเบื้องหนาเปนครั้งแรก
ฮองเฮาสวมเสื้อคลุม บนศีรษะประดับปนหงส แมอยูในวัยกลางคน แตใบหนายังคง
งามสงา
ที่เขามองสํารวจยอมมิใชหนาตาของฮองเฮา แตเปนอารมณและสภาพจิตใจ
มองอยางหยาบๆ ก็รูสึกวาไมมีปญหา อารมณของฮองเฮาดูไปแลวก็สงบดี
พูดตามตรง สําหรับลูสวินอี้แลว กับฮองเฮา เขามิไดรูสึกถึงความกดดันจากอํานาจ
อันสูงสงของผูสูงศักดิ์ในเขตพระราชฐานชั้นในแตอยางใด
ตอนนี้ดวงตาฮองเฮาแดงระเรื่อ มือที่วางอยูขางกายสั่นนอยๆ กําลังใชดวงตาหงส
จองมองตนเอง เห็นชัดวาทรงเกิดความรูสึกบางอยาง ลูสวินอี้ไมกลาสบตาดวย เพราะ
คิดวาทรงกําลังรอฟงขาวของหมิงอองอยู การเกิดความรูสึกตื่นเตนยอมเปนเรื่องปกติ
ทวาจากการพบกันครั้งแรก ลูสวินอี้กลับมองไมออกวาฮองเฮาผิดปกติ ซึ่งหากมอไป
อยู ตองพบความผิดปกติตั้งแตนาทีแรกอยางแนนอน หากยังจํากันได ครั้งแรกที่มอไป
เขามาในพระตําหนัก หนาตาฮองเฮาออนเยาวมากจนเขาประหลาดใจ ไหนเลยจะเห็น
ริ้วรอยของหญิงวัยกลางคนเชนนี้
ปนั้นแมฮองเฮานั่งนิ่งไมพูดจา แตประกายตาที่เปลงออกมีอํานาจสูงสงที่ทําใหผูคน
เชื่อฟงคําสั่ง แตตอนนี้กลับมองไมเห็นรัศมีราศีใดๆ ทรงนั่งอยูตรงนัน้ หากมิไดคิดถึงลูก
ก็จะเห็นเพียงอารมณในดวงตา เสมือนหนึ่งพระพุทธรูปที่นั่งนิ่งอยูในวิหารอันสงบเงียบ
มาเปนเวลานานนับพันป
“ทานอาจารย องคชายยัง...” ฮองเฮาเอยขึ้นขณะมองดูลูสวินอี้ แตกลับพูดไดเพียง
ครึ่งประโยคก็หยุดนิ่ง
ลูสวินอี้รูวาพระองคคิดถามอะไร จึงเงยหนาขึ้นตอบดวยสีหนาจริงจัง “ฮองเฮาวาง
พระทัย ทานอองปลอดภัยแข็งแรง กอนมายังกําชับกระหมอมวา หากมีโอกาสเขาเฝา
ใหนําจดหมายและของสิ่งหนึ่งมอบใหพระองคๆ ก็จะทรงทราบวาทานอองปลอดภัยดี”
“ของอะไร?” ฮองเฮาไดยินก็รีบถามขึ้นขณะหนังตาสั่นระริก
หญิงชราเอะใจเชนกัน แมคนเปนพันเปนหมื่นบอกวาหมิงอองยังมีชวี ิตอยู แต
ฮองเฮากลับเชื่อไดไมสนิทใจ เมื่อไมไดพบเห็นกับตา พระองคก็ยิ่งคลางแคลงใจ
ลูสวินอี้หยิบกระเปาสตางคใบหนึ่งกับจดหมายฉบับหนึ่งออกจากกระเปาเสื้อตอ
หนาบุคคลทั้งสอง
“ทานอองวา กระเปาสตางคใบนี้ฮองเฮาทรงเก็บไวในปที่ทานอองกลับเขาวัง แลว
ทรงมอบคืนใหทานอองกอนที่ทานอองจะจากไป...”
“ฮองเฮาเพคะ นี่...นี่เปนของที่ปนั้น...”
“มามา รีบนํามาใหขาดู เร็ว!”
พอเห็นกระเปาสตางค สีหนาฮองเฮากับหญิงชราพลันตื่นเตนขึ้น โดยเฉพาะฮองเฮา
พอเห็นกระเปาสตางคก็ตาแดงน้ําตาไหล
หญิงชรารีบเรงรับของจากมือลูสวินอี้ ขณะถือกระเปาสตางคนางไมอาจไมเชื่อ
พลางนึกถึงคืนนั้น เปนนางเองที่มอบใหมอไปกับมือ
ทวาแมตื่นเตนอยางไร นางก็ยังตองระมัดระวังยิ่ง ใชแรงจับกระเปาสตางคพลิกไป
มา ตรวจดูวามีอาวุธลับหรืออุปกรณกลใดๆ หรือไม แลวจึงใชกําลังภายในคอยๆ อบ
กระเปาสตางคใหรอน เพื่อตรวจหาพิษที่อาจเคลือบไว เมื่อเห็นวาสิ่งของไมมีพิษภัยทํา
รายคน จึงสงมอบใหฮองเฮา
พอลูสวินอี้เห็นการกระทําของนาง ก็มิไดวาอะไร การไมประมาทเปนสิ่งสมควรยิ่ง
ฮองเฮาสัมผัสกระเปาสตางคพลางหลั่งน้ําตา มองดูอยูนานจึงวา
“มามา เปนองคชาย เปนองคชายจริงๆ!”
“เพคะฮองเฮา ทานอองสบายดีจริงๆ” หญิงชราพยักหนาปลอบโยน
ลูสวินอี้นําจดหมายในมือมอบให “ฮองเฮา ทานอองยังมีจดหมายอีกพะยะคะ”
ไดยินดังนั้น ฮองเฮาก็กํากระเปาสตางคไวในมือไมยอมปลอย กอนมองดูจดหมายใน
มือลูสวินอี้ พระองคทั้งกระตือรือรนและมีความหวัง
“องคชายเขียนเองกับมือหรือ?”
ลูสวินอี้พยักหนา “พะยะคะ ทานอองวา ฮองเฮาตองจําลายมือทานไดแนๆ ”
ฮองเฮาพยักหนา กอนพูดตอ “ขาจําได จําได ปนั้นองคชายยังเขียนใบสั่งยาใหขา
ดวย...”
พอมามารับซองจดหมายมาไวในมือก็สัมผัสไดถึงความหนา นึกเอะใจวาเนื้อความ
ในจดหมายตองไมนอยแน จึงรูสึกผอนคลายลง ดูไปแลวหมิงอองนาจะเขียนขึ้นดวยใจ
จริง
หวังวาฮองเฮาไดอานแลว จะดีใจขึ้นบาง
เมื่อตรวจไมพบความผิดปกติใดๆ จึงสงมอบใหฮองเฮา
พอเปดผนึกครั่งบนซองจดหมายออก ก็พบวาในซองมีจดหมายอยูราวสิบฉบับ
เห็นชัดวาจดหมายยาวมาก ฮองเฮาจับกระดาษจดหมายดวยมืออันสั่นเทา รีบมองดู
ตัวอักษรในจดหมายแผนแรก เพียงแวบเดียวก็เงยหนาขึ้น น้ําตาไหลอีก
“มามา เปนลายมือขององคชายจริงๆ เจาดูสิ เจาตองดูออกแน...”
หญิงชรามิไดรับจดหมายมา เพียงเขาไปดูใกลๆ แลวจึงพยักหนา
“เพคะ เปนลายมือทานอองจริง ลายมือที่เปนเอกลักษณเชนนี้ในใตหลามีเพียงหนึ่ง
เดียว พิเศษมาก”
ในจดหมายเขียนวาอะไรไมรูได แตหญิงชรากับลูสวินอี้เห็นฮองเฮาน้ําตาไหลพราก
แตแรกอาน มือสั่นระริก แตก็คอยๆ หยุดลงพรอมน้ําตา ทรงอานชามาก จดหมายเพียง
สิบแผนทรงอานอยูน าน ราวกับไมอยากผานตาแมสักตัวอักษรเดียว พออานจนถึงแผน
สุดทาย ก็ทรงไมรองไหอีก มุมปากกลับโคงขึ้นโดยไมรูตัว
ทรงถือจดหมายไวในมือพลางนั่งนิ่ง ความคิดความรูสึกไมรูไปไกลถึงไหนตอไหน
หญิงชรามิไดรบกวนพระองค ลูสวินอี้ยิ่งไมกลา
ผานไปพักใหญ ฮองเฮาคอยดึงสติกลับ กมหนากมตาอานอีกรอบ ครั้งนี้เพียงน้ําตา
คลอหนวย ในที่สุดก็ถอนหายใจเบาๆ กอนวา
“เด็กโง ขอเพียงเจาปลอดภัย ขอเพียงเจากลับมาอยูขางกายแม แมก็ไมตองการ
อะไรอีก...”
“ฮองเฮา อาจารยลูอยูขางกายทานอองมาตลอด ทรงถามชีวิตความเปนอยูของ
ทานอองจากเขาดีไหมเพคะ?” เมื่อเห็นทองฟาเริ่มมืดค่ํา หญิงชราก็อดไมไดที่จะกลาว
เตือน
ฮองเฮาเงยหนาขึ้นมองลูสวินอี้ คลายนึกอะไรขึ้นได
“หือ? มามา เหตุใดไมเชิญอาจารยลูนั่งละ!”
ลูสวินอี้โคงตัวลง “ฮองเฮา อยูตอหนาพระองค กระหมอมไมกลานั่ง กระหมอมยืน
เชนนี้ดีแลว”
“ทานเปนปรมาจารยแหงยุค อยูในทองพระโรงยังมีที่ใหนั่ง เหตุใดในตําหนักขาจึง
นั่งไมได?”
ฮองเฮาตรัสถึงตรงนี้ก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหนา
“เจาติดตามอยูขางกายองคชายมานาน สถานะเจา องคชายบอกขาหมดแลว แต
แมไมเห็นวาเจาเปนคนนอก ก็ตองตอนรับเจาใหดี เจายังหนุมยังแนน คิดวาในยามปกติ
คนจัดการเรื่องราวอาจเสียมารยาทกับเจาไปบาง อยางไรก็ขออภัยเจาดวย!”
ลูสวินอี้ตะลึงงัน รีบโคงตัวลง
“ฮองเฮา กระหมอมแมบําเพ็ญเพียรในขั้นอาจารย แตก็เปนเพียงแมทัพคนหนึ่งใน
จวนหมิงออง ฮองเฮาทรงเปนพระมารดาของทานออง หากกระหมอมยึดถือสถานะ
ปรมาจารยตอหนาพระองค ก็จะถือวาขามหัวเจานาย ไหนเลยจะเปนแมทัพในจวนได
อีก ยิ่งไปกวานั้นที่กระหมอมโชคดีมีวันนี้ไดก็เพราะทานอองเปนผูมอบให กระหมอม
เปนเพียงปรมาจารยเล็กๆ หรือแมเปนจอมยุทธ ก็ไมกลานั่งตอหนาพระองคเปนอัน
ขาด”
ฮองเฮายังไมทันเอยปาก หญิงชรากลับรูสึกสะทกสะทอนใจ คําพูดนี้คลายกับที่นาง
คิด ดวยนางกําลังนึกถึงอดีตของตนที่มีฐานะต่ํากวาฮองเฮา ทําใหไดเขามาเปนผูรับใชใน
ตระกูลฮองเฮา มองดูฮองเฮาเติบใหญ เพราะเห็นเปนคนกันเอง จึงสามารถรักษา
ความสัมพันธเชนนี้ไปตลอดทั้งชีวิต
นึกถึงหมิงอองในปนั้น คุณชายรุมรวยบอบบาง สามารถทําไดถึงเพียงนี้ ทําให
ปรมาจารยเยี่ยมยุทธผูบําเพ็ญเพียรเยี่ยมยอดทานหนึ่งยอมศิโรราบใหเชนนี้ นางรูวา
ยากลําบากมาก อยางนอยสําหรับนาง นอกจากฮองเฮา เกรงวาใตหลาคงมีอีกไมกี่คนที่
ทําใหนางยอมปรนนิบัติใหเชนนี้
“องคชายสามารถมีผูชวยอยางอาจารยลูอยูขางกาย นับวาโชคดีจริงๆ” ฮองเฮา
ถอนหายใจเบาๆ
ลูสวินอี้สายหนานอยๆ
“มิอาจรับคําชมจากฮองเฮา กระหมอมดอยความรู แตทานอองยังไมทอดทิ้ง จึงได
ติดตามขางกายทานอองแตแรก หากพูดถึงความสามารถ ในจวนหมิงออง มีผูสามารถ
มากมาย ซึ่งเกรงวากระหมอมอาจจัดอยูในลําดับทายๆ”
คําพูดเชนนี้พอหลุดจากปาก ฮองเฮากับหญิงชราพลันสบตากัน ตางเห็นแววตา
ตกใจของกันและกัน คราวนี้หญิงชราเขาใจแลว ในจดหมายของทานอองคงมิไดเขียนถึง
เรื่องพวกนี้
ฮองเฮาเงียบไปสักพัก สุดทายกลับมิไดถามเรื่องนี้ตอ
“อาจารยลู ในจดหมาย องคชายเลาชีวิตความเปนอยูในหลายปที่ผาน รูวาเขายัง
สบายดี ขาก็ดีใจมาก ลูกโตแลว ยอมมีทางเดินของเขาเอง เรื่องอื่นขาไมอยากรู
รายละเอียด มีเพียงเรื่องเดียวที่ติดอยูในใจ ไมทราบวาอาจารยลูพอจะอธิบายใหขาหาย
ของใจไดหรือไม?”
หญิงชราหนังตากระตุก
ลูสวินอี้สะดุงในใจ ในที่สุดก็หนีไมพนคําถามนี้ จึงกล้ํากลืนตอบออกไป “ขอเพียง
ฮองเฮาถาม ถากระหมอมรู ตองตอบโดยไมปดบังแมแตนอย!”
ฮองเฮาเงียบไปอีกสักพัก จึงเอยปาก “ปนั้นเหตุใดลูกขาจึงออกจากเมืองหลวงไป
อยางเงียบๆ แลวหลายปที่ผาน เหตุใดจึงไมมขี าวคราวใดๆ ”
“ปนั้นขณะทานอองออกจากเมืองหลวง ไดถูกนักพรตลอบสังหาร แมที่สุดแลวทาน
อองจะสังหารศัตรูและรอดพนอันตรายไปได แตก็ไดรับบาดเจ็บ รางกายภายนอกไม
เทาไหร แตความทรงจําถูกกระทบกระเทือน จําอะไรไมไดไประยะหนึ่ง จวบจนไมนาน
มานี้ ความจําของทานอองคอยฟนคืนมา...” ลูสวินอี้กมหนาตอบ
หญิงชราเบะปาก เชนนี้หรือที่เรียกวา ตอบโดยไมปดบังแมแตนอย?
เขาจําอะไรไมได แตทําไมไมลืมวิชาแพทย?
แลวถาเขาลืม พวกเจาก็ลืมดวยหรือ? พวกเจามิใชติดตามเขาตลอดหรือ? เหตุใดจึง
ไมบอกออกไปละวาเขาเปนหมิงออง? ตอนนั้นหมิงจูยังปกครองโดยราชสํานักอยู เหตุใด
พวกเจาจึงไมพาเขาไปที่จวนผูวา?
เหตุผลนี้ฟงไมขึ้น แตขารูวาเจามีความจําเปนตองพูดแบบนี้
ฮองเฮาไดยินคําตอบก็เงียบไปพักใหญ แตแลวก็พูดออกมาคําหนึ่ง “เปนเชนนี้จริง
หรือ?”
ลูสวินอี้รูสึกเจ็บปวดไปทั้งราง เปนเพราะเหงื่อไหลไปถูกบาดแผลเขา เขากมหนา
“พะยะคะ ทานออง...พูดเชนนี้!”
หญิงชรากมหนาเชนกัน
ฮองเฮาจึงเงียบไป สุดทายก็พยักหนา
“ที่แทเปนเชนนี้!” พูดจบก็มองดูทองฟา แลวพูดกับลูสวินอี้วา “องคชายบอกวา
เจาจะอยูในเมืองหลวงถึงปหนา ขาใหปายคําสั่งเจาไวปายหนึ่ง หากมีเรื่องอะไร เจาก็
เขาวังมาหาขาไดทุกเมื่อ!”
“ขอบพระทัยฮองเฮา” ลูสวินอี้รูวาถึงเวลาสงแขกแลว รูสึกประหลาดใจอยูบาง ไม
คิดวาฮองเฮาจะไมถามอะไรมากมาย หญิงชราก็เชนกัน!
กอนจากไป ลูสวินอี้จึงพูดขึ้น
“ฮองเฮา ทานอองยังกําชับใหกระหมอมถามอีกวา โรคเขาของพระองคตอนนี้เปน
อยางไรบาง?”
หญิงชราชะงัก แตฮองเฮาทรงหัวเราะพลางวา “ไมเปนไรแลว ตองชมเชยองคชายที่
ใหใบสั่งยาไว ไมคิดวา โรคที่หมอหลวงในวังหลายทานรักษาไมได แตองคชายกลับรักษา
ได”
พอออกจากพระตําหนัก ลูสวินอี้ก็ขมวดคิ้ว “อยางที่ทานอองวา เคยใหใบสั่งยาไว
ถาทานตามนั้น ไมเกินครึ่งป ฮองเฮาก็จะหายดี แตเมื่อครูฮองเฮาบอกวาไมเปนไรแลว”
“ทวาเห็นชัดวาหญิงชรามีสีหนาผิดปกติ จริงๆ แลวนางเตรียมเดินออกมาสงขา แต
ถูกฮองเฮาเรียกไว แลวใหอีกคนออกมาสงขาแทน...”
“ตั้งแตเขาตําหนักจนออกมา ยังไมเห็นฮองเฮาลุกขึ้นยืน นี่...”
“ไมนา ถาฮองเฮายังไมหายจากโรคเขา เหตุใดตองปดบังขา? ตองบอกอาการของ
โรคใหชัดเจน ใหทานอองเขียนใบสั่งยาใหใหมถึงจะถูก รีบรักษานาจะดีกวา หรือกังวล
วาทานอองจะเปนหวง หรือขาคิดมากไป โรคเขาของฮองเฮาดีขึ้นนานแลว”
“ชางเถอะ ฮองเฮานาจะเรียกขาเขาเฝาอีก มาคราวหนาตองถามจากหญิงชราใหรู
เรื่อง”
เดิมทีตอนลูสวินอี้อยูในจวนหมิงอองก็เปนผูรอบรูคนหนึ่ง เมื่อครูกอนออกจากพระ
ตําหนัก เขารูสึกวามีบางอยางผิดปกติ แตอยางไรก็คิดไมออก ทวาเรื่องนี้ยังไมรีบ เพียง
พบฮองเฮาอีกครั้ง ก็นาจะชัดเจน
ตอนนี้ในตัวเขายังมีพัสดุอีกหนึ่งหอ เมื่อคิดถึงน้ําหนักของพัสดุ สีหนาเขาก็
หมนหมองลง
นี่คือสิ่งของล้ําคาที่ฮองเฮามอบใหเมื่อครู มิไดใหเขา แตใหศิษยนองสาม
เปนเงินสวนพระองคที่ฮองเฮาทรงมอบไวใหเปนคาใชจายของสมาชิกในครอบครัว
ศิษยนองสาม
ศิษยนองสามแตงงานมีครอบครัวแลวและมิไดขัดสนเรื่องเงินทอง อีกทั้งพอเขาจาก
ไป จวนหมิงอองยอมไมปลอยใหภรรยามายของเขาตกระกําลําบาก แตเมื่อฮองเฮามอบ
ใหอีก เขาก็ไดแตรับมา
แหงนหนามองทองฟาที่คอยๆ มืดค่ําลง ดวงตาเขาทอประกายอบอุน อาจไมนาน
นับจากนี้ ภรรยาที่ตบแตงเมื่อสองปกอนของเขา ก็อาจไดรับเงินบํานาญในลักษณะนี้
เชนเดียวกัน นางและลูกจะสามารถมีชีวิตอยูอยางมั่นคงตอไปไดหรือไม?
คิดถึงถนนหนทางอันมืดมิดในหมิงจู ความอบอุนในดวงตาคอยๆ จางลง เกิดความ
แนวแนขึ้นในใจ ถนนสายนี้ หากไมทําใหสวาง จะรักษาทรัพยสินเงินทองไดอยางไร?
ทางตองเดินตอไป
“ปรมาจารยใตเทา เชิญ!” บาวรับใชเอยปาก
ลูสวินอี้มองดูสถานที่ราชการอันเงียบสงบ เขายืนอยูหนาประตู ไมรูสึกกลัวแมแต
นอย
รูดีวาราชสํานักไมปลอยใหเขาจากไปโดยไมถามขาวคราวของหมิงอองแน
“ดี!” เขายืดอกเดินเขาไป ไมเหมือนตอนเดินเขาพระตําหนักฮองเฮา
หองทํางานนี้ไมใหญนัก ตกแตงเรียบงาย ภายใตหลอดไฟสีเหลืองนวล ผูที่มีสีหนา
ซีดขาวผูหนึ่งยืนอยูหลังโตะทํางาน
“ที่แทเปนใตเทาจาง ไมไดพบกันหลายป ทานสบายดีไหม”
ลูสวินอี้มองเขาดวยสีหนาเรียบเฉย เห็นชัดวารูจักเขาและรูดวยวาเขามีหนาที่อะไร
“เราเคยพบกันหรือ?” จางปงลี่พูดพลางยิ้มนอยๆ
ลูสวินอี้เหมือนเสียใจเล็กๆ “หากขาจําไมผิด นาจะเปนตอนทานอองเดินทางออก
จากเมืองหลวงในคืนฝนตก ขาโชคดีไดพบหนาใตเทาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นใตเทายืนอยาง
ยิ่งใหญภายใตแสงอาทิตย แตทานอาจไมสนใจคนตัวเล็กๆ ไรชื่อเสียงอยางขา”
“ออ? คืนนั้นคนมากจริงๆ แตผูที่ผานเขามาในสายตา ขาตองจําไดแนนอน ทาน
นาจะเปนหนึ่งในกลุมคนที่ปกปดหนาตา” จางปงลี่พูดพลางผายมือ “ปรมาจารยใตเทา
เชิญนั่ง”
ลูสวินอี้พยักหนา นั่งลง กอนพูดเสียงเบา “ไมผิด ตอนนั้นขาไมกลาเปดเผยโฉม
หนาที่แทจริง มิฉะนั้นคงไมมีโอกาสมาอยูตรงหนาใตเทาเชนนี้ นาจะเสียชีวิตภายใต
น้ํามือทานไปแลว”
“โชคดีจริง คิดไมถึงวาผูที่ยากจนขนแคนดิ้นรนใหรอดชีวิตไปวันๆ ในเมืองหลวง
วันนี้จะกลายเปนปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธแหงยุคและไดรับการเทิดทูนจากผูคนใตหลา ผู
แซจางนับถือๆ!”
จางปงลี่ยกมือขึ้นคารวะ กอนเดินเขานั่งลงตรงขามลูสวินอี้
ลูสวินอี้กลับยิ้ม “ปรมาจารย? ศิษยนองขาก็เปนปรมาจารย บําเพ็ญเพียรสูงกวาขา
อีก แลววันนี้เปนอยางไรเลา อันที่จริงก็ไมตางกัน ปรมาจารยก็ดี คนจนก็ดี ไมตางอะไร
จากในปนั้น เปนชาวยุทธที่สามารถแตกดับไดทุกเมื่อเชนเดียวกัน
กลับเปนใตเทาที่โชคดีจริง คิดไมถึงวาพอผานเหตุการณในวันนั้นแลว ทานไมเพียง
ไมไดรับโทษ ยังมีตําแหนงหนาที่สูงขึ้นอีก นี่สิถึงทําใหผูแซลูนับถือ นับถือจริงๆ!”
จางปงลี่มุมปากกระตุกเล็กนอย กอนคอยๆ พูด “ผูแซจางก็ทําเพื่อประเทศชาติ
เชนกัน ปนั้นหลังรับโทษ ก็ไดรับพระมหากรุณาธิคุณใหโอกาสทํางานชดใชความผิด จึง
ไดแตทําอยางสุดความสามารถจนหาชีวิตไม เพื่อไถบาปที่เกิดขึ้นในปนั้นใหสาสม”
ลูสวินอี้กะพริบตา กลับคิดวาจางปงลี่แบกรับความรับผิดชอบไวหลายอยาง หมิง
อองในวันนี้เปนที่หวาดกลัวของเหลาขุนนาง แตจางปงลี่กลับยอมรับผิดแทนฝาบาท ไม
งายจริงๆ
ทวามิไดหมายความวาลูสวินอี้จะยอมรับนับถือเขา อยางที่หมิงอองพูดไว จางปงลี่
ไมเหมาะที่จะอยูขางกายฝาบาท เขาอนุรักษนิยมเกินไป กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด กับ
สถานการณบานเมืองที่ยุงเหยิง การแบหมัดที่กําออก เปนวิธีเดียวที่จะเรียกแรงศรัทธา
กลับคืน ลูสวินอี้จึงพูดดวยน้ําเสียงเยือกเย็น
“เกรงวาคงยาก ทานอองมีฐานะและวรยุทธสูงสง หากไมเกี่ยงอายุ ตอใหวีรบุรุษใน
ใตหลาดวยกัน เกรงวาคงยากที่จะหาใครเทียบเคียง วีรบุรุษเชนนี้ หากตองตายไปใน
ตอนนั้น ไมรูวาประชาชนหมิงจูที่ทุกขยากลําบากอยูในตอนนี้ ใตเทาจางจะสามารถ
สําแดงเดช ใหพวกเขารูสึกถึงความแข็งแกรงและมีความหวังที่จะมีชีวิตอยูตอไปได
หรือไม”
จางปงลี่หนาดําแลว
ลูสวินอี้พูดตอ “หากไมสามารถ ใตเทาจางคงไดแตปลอบใจตัวเองดวยการหลอก
ตัวเองแลว”
จางปงลี่จับที่เทาแขนเกาอี้ไว ไมสงเสียงใดๆ แตเขาใชคนธรรมดาๆ ที่ไหน ถูก
กระตุนเชนนี้ กลับยังคงรับได แมลึกๆ แลวจะรูสึกวาไมไดรับความเปนธรรมก็ตาม
เรื่องในตอนนั้นกลายเปนปมในใจของเขา เปนรอยดางพรอยรอยใหญที่กาวผาน
ไมได ยามปกติยอมไมมีใครพูดถึงเรื่องนี้ตอหนาเขา แตตอนนี้เวลานี้กลับถูกคนถากถาง
ตรงๆ เชนนี้ ทําไมเขาจะไมรูสึก
“พอแลวปรมาจารยใตเทา เรื่องเกาไวคอยคุยกันคราวหนา เราควรทําเรื่องที่ควรทํา
กอน”
จางปงลี่กมศีรษะ หยิบกระดาษและปากกาออกมาเตรียมจดบันทึก ลูสวินอี้หัวเราะ
“ใตเทาจางไดรับฉายาวาผูควบคุมการขาวในใตหลา คิดวาเรื่องที่ควรรูก็รูพอสมควร
แลว...ก็ได...ดูสิวายังมีอะไรที่ตองการใหขาเติมเต็มอีก ขาบอกใหได”
จางปงลี่หัวเราะ ตอดวยคําถามทันที
“คืนนั้น กลุมที่ปลอมตัวเปนกลุมเยาวชนเปนคนของใคร?”
คําถามแรกทําใหแววตาลูสวินอี้ลึกลงกะทันหัน แตสีหนายังคงเปนปกติ
“ใตเทาจาง ทานมองขาสูงไปจริงๆ”
“หือ?” จางปงลี่ขมวดคิ้ว
“พูดไปทานอาจไมเชื่อ ขาเปนเพียงชาวยุทธคนหนึ่งในจวนหมิงออง เฉก
เชนเดียวกับศิษยนองขาที่เพิ่งพลีชีพไป สามารถตายในสนามรบไดทุกเมื่อ คําถามที่ทาน
ถามเมื่อครู ขาจะรูไดอยางไรเลา?”
ลูสวินอี้ตอบดวยทาทีสบายๆ แตจางปงลี่กลับไมเชื่อ
“พวกเจาพี่นองติดตามหมิงอองออกจากเมืองหลวงในตอนนั้น และไดรับการชุบ
เลี้ยงในจวนหมิงอองจนกลายเปนปรมาจารยไปตามๆ กัน
อาจารยลู ทานจะบอกกับผูแซจางวา ทานเปนเพียงคนตัวเล็กๆ ในจวนหมิงออง
อะไรก็ไมรูเรื่องอยางนั้นรึ? คําตอบนี้ เกรงวาขาคงไมสามารถรายงานใหฝาบาททรง
ทราบได!”
“ออ? ใตเทาจาง ทานเปนผูควบคุมขาวกรองในใตหลา ขาก็ไมคิดทําใหทานลําบาก
ใจ แตไมพูดก็ไมได ดีละ เชนนั้นขาก็ตองขอโทษดวย ทานหาคนผิดจริงๆ ในสายตาทาน
ปรมาจารยคลายผูที่ยอดเยี่ยมมาก แตบอกตามตรง ในจวนหมิงอองเรา ปรมาจารยไม
นับเปนตัวอะไรจริงๆ พูดแลวก็กลัววาทานจะไมเชื่อ กระทั่งพอครัวในจวนหมิงอองยัง
เปนปรมาจารยไดเลย!” สีหนาลูสวินอี้เบาสบาย
แกรก!
จางปงลี่ถือถวยน้ําชาในมือ เตรียมรินน้ําชา แตพอฟงถึงตรงนี้ เสียงแกรกดังขึ้น
ถวยน้ําชาหลนลงบนโตะ
“พอ...พอครัว?”
“ใช พอครัว!” ลูสวินอี้พยักหนา “ในจวนหมิงออง สถานะปรมาจารยเปนเชนนี้!”
ตอน 241 นายกับบาวพูดถึงหมิงออง
“มีแคนี้?”
ในหองทรงพระอักษร องคติ้งอูพลิกเอกสารไปมา ทรงกําลังอานรายงานการสนทนา
ระหวางจางปงลี่และลูสวินอี้พลางขมวดคิ้ว เงยหนามองจางปงลี่ สีหนาไมพอพระทัย
จางปงลี่ไดแตพยักหนาขมขื่น ก็คนเขาไมรวมมือดวย จะใหทําอยางไรได
“เปนเพียงการสนทนาเบื้องตน ลูสวินอี้ระมัดระวังตัวมาก ยืนยันวาตนไมรูเรื่องราว
อะไร”
“เฮอะ!” องคติ้งอูไดยินก็แคนเสียงเย็นชาออกมา ทิ้งเอกสารในมือลงบนโตะ กอน
ลุกขึ้นยืนทวนคํา “ระมัดระวังตัวหรือ?”
จางปงลี่ไหนเลยจะไมรูวา คําๆ นี้ตองทําใหฝาบาททรงกริ้วแน
บุตรระวังกระทั่งบิดา อยาวาแตผูมีบารมีเชนฝาบาทเลย แมเปนครอบครัวคน
ธรรมดา ผูเปนพอก็ยอมตองไมพอใจ แตความจริงก็คือความจริง เขาจะทําอะไรได สี
หนายิ่งทุกขใจ ไดแตตอบเสียงเบา
“ลูสวินอี้เพิ่งเขาเมืองหลวงไดไมทันไร ก็ตองเผชิญกับเรื่องผกผันมากมาย อีกศิษย
นองยังตอสูจนตัวตาย ทําใหกระวนกระวายใจ เกรงวาอาจตกหลุมพรางที่มีอยูรอบตัว
รอใหเขาสงบนิ่งกวานี้อีกหนอยคอยคุยกันใหม คิดวาตองไดบทสรุปแนพะยะคะ”
องคติ้งอูไมตอบ คําพูดนี้หลอกพระองคไมได
หากมิไดรับคําสั่งจากลูกหก คนของลูกหกไหนเลยจะกลาปกปดพระองค?
คําพูดนี้พูดออกมาไดแตไมนาฟง แมกําลังโกรธ ก็ไดแตเก็บไวในใจ หรือจะใหถก
ปญหาเรื่องลูกอกตัญูกับจางปงลี่?
องคติ้งอูน ั่งลงอีกครั้ง เก็บความโกรธและความไมพอใจไว เงียบไปครูใหญจึงเอย
ปากขึ้น
“เขากลับจวนหมิงอองแลวรึ?”
จางปงลี่พยักหนาพลางตอบ
“พะยะคะ เปนการคุยกันเบาๆ เขาบาดเจ็บสาหัส ตองพักรักษาตัว จึงเอยปากขอ
ลากลับ”
องคติ้งอูชะงักเล็กนอย ถามกลับ
“ในเมื่อบาดเจ็บ เหตุใดไมใหเขาพักในวัง แลวใหหมอหลวงตรวจดูอาการ!”
“กระหมอมก็มีเจตนาเชนนั้น”
จางปงลี่เขาใจความหมายฝาบาท คิดควบคุมตัวไวในวังหลวง แลวคอยๆ สอบถาม
ซึ่งเรื่องนีไ้ หนเลยตองใหองคติ้งอูชี้แนะ เหตุผลนี้จางปงลี่มองเห็นแตแรก เพียงแตพูดไม
ออกเมื่อคนเขาพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“แตถูกปฏิเสธ เขาบอกกระหมอมวา ถาพูดถึงวิชาแพทยในใตหลา ผูสําเร็จวิชาที่จะ
ออกจากจวนหมิงอองแมมนี อย แตอาการบาดเจ็บเพียงเล็กนอย คนในจวนหมิงอองยอม
สามารถจัดการรักษาเองได!”
องคติ้งอูแววตาวูบไหว ริมฝปากขยับเล็กนอย แตกลับไมสงเสียงใดๆ
ทรงลืมไปวา ลูกหกเปนหมอในหมิงจูอยูหลายป!
เมื่อลูสวินอี้พูดถึงหมิงออง จางปงลี่จึงทําอะไรไมได หรือเขายังกลาดูแคลน
ความสามารถดานการแพทยของทานอองอีก?
“อีกทั้งฮองเฮายังทรงรับสั่งใหลูสวินอี้กลับไปจัดการงานศพใหปรมาจารยหูเปยวที่สู
จนตัวตายเมื่อชวงบาย ดังนั้นกระหมอมจึงไดแตใหคนสงเขากลับจวนหมิงอองโดยมิไดรั้ง
ตัวเขาไว” จางปงลี่ตอบ
“อืม”
ยังพูดถึงฮองเฮาอีก แมแตองคติ้งอูก็ไดแตพยักหนา ไมพูดถึงการรั้งตัวลูสวินอี้ไวอีก
คิดวา อยางไรก็ยังอยูในเมืองหลวง จะอยูในวังหรือไม ความจริงแลวก็ไมตางกันมากนัก
พอพูดถึงฮองเฮา ทรงนึกขึ้นได จึงตรัสถาม “ตอนอยูกับฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นบาง?”
“ลูสวินอี้ไดมอบจดหมายของทานอองใหฮองเฮา...” เรื่องนี้จางปงลี่รูดี
องคติ้งอูรบี เงยหนาขึ้น “จดหมาย?”
“พะยะคะ เปนจดหมายที่ยาวมาก ประมาณสิบหนาเห็นจะได คิดวาทานอองตอง
คิดถึงพระมารดามาก!”
จางปงลี่ยังไมรูตัววากําลังพูดอะไร
องคติ้งอูจอ งมองเขาอยูสักพัก ริมฝปากขยับเล็กนอย คลายอยากถามอะไร แตกลับ
รูสึกวาไมควรถาม
พอจางปงลี่เห็นทาทีฝาบาทพลันเอะใจ ในใจคิดวาแยแน จึงรีบกมศีรษะลง ไมกลา
เงยหนาขึ้น
ทาทางของเขาทําใหสีหนาองคติ้งอูที่กําลังรอใหเขาพูดตอคอยๆ เปลี่ยนเปนเครง
ขรึม และหนาดําคร่ําเครียดในทายที่สุด
“เฮอะ! นับวาขบถยังรูจักกตัญู! เพราะพระมารดาใหกําเนิดเขา จึงตองทนทุกข
ทรมานมาจนทุกวันนี้ แตเขากลับจากไปหลายปโดยไมมีขาวคราว เฮอะ!”
เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยกถวยน้ําชาที่มีฝาปดขึ้น แตพอเปดฝาออกแลวไมเห็นน้ําชา
พลันโกรธดุจสายฟาฟาด กระแทกถวยน้ําชาลงบนโตะอยางแรง แกรก! กอนตะโกนเอ็ด
มหาดเล็กหนาประตู
“คนละ? มัวทําซากอะไรอยู? ”
เสียงตะโกนเอ็ดทําใหมหาดเล็กในหองทรงพระอักษรตกใจ รีบคุกเขาลง
จางปงลี่จึงคอยรูตัววาตนเองพูดผิดไป ทานอองฝากจดหมายใหฮองเฮา แตไมมี
อะไรฝากใหฝาบาท หนําซ้ํายังตั้งปอมระแวงอีก เชนนี้จะไมใหฝาบาทโกรธดุจสายฟา
ฟาดไดอยางไร?
เขากมศีรษะลงทันที มือที่อยูดานหลังลอบสงสัญญาณใหมหาดเล็กที่คุกเขารีบ
ออกไปจากหอง
มหาดเล็กจึงคอยๆ คุกเขาถอยหลังออกไป องคติ้งอูไมสนใจ เพียงพูดเสียงดังขึ้น
จมูก
“พูดตอไป เจาขบถนั่นเขียนวาอะไร?”
จางปงลี่รีบทูล “ฮองเฮาเปนผูอานจดหมายดวยองคเอง เนื้อหายังไมทราบแนชัด
แตจากที่ฮองเฮาทรงเลาใหมามาฟง เนื้อหาสวนใหญบอกเลาชีวิตความเปนอยูของทาน
อองในหลายปที่ผานมา”
พูดถึงตรงนี้เขาก็เงยหนาขึ้นเพื่อเนนย้ํา
“หลังฮองเฮาทรงอานจดหมายจบ ก็มิไดถามอะไรลูสวินอี้มากมาย คิดวาใน
จดหมายนาจะเขียนไวอยางละเอียด”
“นางอานจดหมายแลว อะไรก็มิไดถามเลยอยางนั้นรึ?” องคติ้งอูกลับชะงัก เหมือน
ผิดคาด
“ก็ไมเชิงวามิไดถามอะไรเสียทีเดียว...” พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่กลับหยุดพูดไปดื้อๆ
องคติ้งอูขมวดคิ้วเล็กนอย “พูด!”
“ที่สุดแลวฮองเฮาทรงถามลูสวินอี้วา เหตุใดปนั้นทานอองตองลักลอบจากไป และ
หลายปมานี้เหตุใดจึงไมติดตอกลับ!” จางปงลี่ไดแตแข็งใจตอบออกไป
คําตอบนี้พอหลุดจากปาก บรรยากาศในหองทรงพระอักษรพลันเงียบกริบ
องคติ้งอูน ั่งอยูตรงนั้น ดวงตาที่เคยลึกล้ํามาตลอด ผันผวนใหญในพริบตา
จางปงลี่จึงรีบพูดตอ “ลูสวินอี้วา เปนเพราะทานอองบาดเจ็บ สมองถูก
กระทบกระเทือน ทําใหความจําเสื่อม จําเรื่องในอดีตไมไดอยูนานหลายป จึงมิไดติดตอ
ฮองเฮา และเมื่อเร็วๆ นี้ความทรงจําจนเพิ่งฟนคืนกลับ...”
ราวกับวามีลมเบาๆ พัดผาน บรรยากาศในหองทรงพระอักษรผอนคลายลง
แตองคติ้งอูยังคงเงียบไปพักใหญ สุดทายก็ตรัสเสียงเบา
“เขา...รูเรื่องแลว”
จางปงลี่ใจสั่น คุกเขาลงกับพื้น
“กระหมอมสมควรตาย ที่ปนั้นคุมครองทานอองไมดี แตฝาบาทกลับเมตตาไม
ลงโทษ ทําใหทานอองไมพอใจ และยังติดอยูในใจจนทุกวันนี้ ซึ่งเมื่อครูลูสวินอี้ไดจงใจ
พูดใหกระหมอมฟงอยางลึกซึ้ง...”
เห็นไดวา จางปงลี่ลึกซึ้งอยางไร จึงถูกใจองคติ้งอู
เรื่องบางอยาง ไมวาใจหรือปาก ก็ไมสามารถคิด ไมสามารถพูดไดทั้งหมด
แมตอนนี้ในหองมีเพียงองคติ้งอูและจางปงลี่สองคน จางปงลี่ก็ยังคงยึดหลักการนี้
เรื่องนี้เขาตองแบกรับไว คิดวาฝนไปก็แลวกัน หรือไดแตคิดวาเปนความผิดของตน ไม
อาจโยงใยถึงฝาบาทแมแตนอยอยางเด็ดขาด แมวาตองหลอกลวงก็ตาม
องคติ้งอูคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก อารมณผันผวนคอยๆ สงบนิ่งลง
น้ําเสียงเริ่มกลับมามีพลัง ดังกังวานอีกครั้ง
“เขายังเยาววัยนัก รอใหถึงวันนั้น วันที่เขาไดมาเห็นอาณาเขตอันกวางใหญ ก็จัก
เขาใจเอง!”
จางปงลี่ที่คุกเขาอยูรูสึกบีบหัวใจ นาทีนี้ ฝาบาททรงตัดสินพระทัยแลว
ทรงมีผูสืบทอดบัลลังกอยูในพระทัยจริงๆ และเขาผูนั้นยอมเปนหมิงออง!
องคติ้งอูท รงสายหนา กอนตรัส “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฝาบาท” จางปงลี่ลุกขึ้นยืน
องคติ้งอูสงบนิ่งลง เริ่มพูดเรื่องจริงจัง
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เจาก็เห็นหมดแลว ลูสวินอี้ผูนี้เจามองวาเปนอยางไร?”
คราวนี้จางปงลี่ตองระวังใหมาก ดวงตานิ่ง มองดูองคติ้งอูกอน คอยวา “ฝาบาท
จากทุกสิ่งอยางที่ลูสวินอี้กระทําตั้งแตเขาเมืองหลวงมา เบื้องตน มีเรื่องบางอยางที่เรา
สามารถวิเคราะหได”
“ลองวามา” องคติ้งอูพยักหนา
“กอนอื่น ลูสวินอี้มาคราวนี้ หนึ่งในจุดประสงคของเขานาจะมาแสดงใหเห็น
ศักยภาพของหมิงอองอยางเปนทางการในการเขาแทรกแซงความยุงเหยิงในใตหลา”
จางปงลี่ทอประกายตาแวววาว
“แทรกแซงใตหลา? แสดงศักยภาพ?”
องคติ้งอูขมวดคิ้วเล็กนอย แมที่พูดหมายถึงโอรสตน แตตนก็รูสึกไมชอบการพูดใน
ลักษณะนี้
เนื่องจากใตหลาเปนของตน ไมวาใครก็ตามที่คิดแทรกแซง ยอมตองเปนกบฏไปโดย
ปริยาย
ทวาตอนนี้ตนกลับไมโกรธ
สวนจางปงลี่ก็ไมคิดปดบังอะไรทั้งสิ้น เขาคิดวาตองวิเคราะหอยางชัดเจนใหเห็น
ลวดลายของจวนหมิงออง เพื่อใหเปนประโยชนในการตัดสินพระทัยของฝาบาท
“การประกาศศักดาของหมิงอองในครัง้ นี้ ไมวาจะเปนกองกําลังซึ่งปรากฏตัวในค่ํา
คืนที่หมิงจู หรือการเปดเผยความแข็งแกรงของจวนหมิงออง ลวนกําลังพิสูจนใหเห็นวา
หมิงอองแอบตระเตรียมมานาน มิใชเปนการแสดงความกลาหาญเพียงชั่วขณะ”
องคติ้งอูเคาะนิ้วไปมาบนโตะ ขณะเกิดความซับซอนขึ้นในใจ
ทรงไมรูวา ลูกหกเริ่มสั่งสมกําลังตั้งแตเมื่อไหร หากเริ่มแตตอนประเทศฉียังไม
รุกราน งั้นลูกหกคิดจะทําอะไร? ตองพูดวา เกิดเปนองคจักรพรรดิ เหนื่อยนักที่ตองดูแล
รักษาระบบการปกครองของตนเองไว กระทั่งลูกของตนเองยังตองคอยระวังอยูเปน
ระยะ...
“จากการเตรียมการของทานอองและการเคลื่อนไหวกอกวนสถานการณในหมิงจู จะ
เห็นวา ทานอองไดตัดสินใจอยางเด็ดขาดแลววาตองแทรกแซงกลุมอิทธิพลใหญในใต
หลา และแมทานอองเชี่ยวชาญพื้นที่ในหมิงจู จนสามารถกอการไดขนานใหญ แต
หมิงจูกลับไกลเกินไป อีกทั้งยังทําการเพียงลําพัง ยากยิ่งที่จะแผขยายบารมี”
“ที่ทานอองตองการมิไดหยุดอยูเพียงแคนี้ โดยคิดใหผูคนในใตหลาหันมาให
ความสําคัญตอปณิธานของทานออง และการที่สงพวกลูสวินอี้มาที่นี่ ไมเพียงนําศีรษะ
แมทัพนายกองชาวฉีมา ยังนําศีรษะปรมาจารยมาดวยเพื่อสรางความหวาดกลัวใหแกขุน
นางในราชสํานัก อีกทั้งยังใชการหลั่งโลหิตและความดิบเถื่อนของสองปรมาจารย ทําให
บารมีทานอองในหมิงจูแผขยายจนเปนที่จดจําไวในใจผูคนทั่วหลาในชั่วพริบตา โดย
กําลังประกาศใหทุกคนรูวา ทานอองคือหมิงอองแหงราชสํานัก บุคคลซึ่งใกลชิด
ประชาชนไดและเปนผูซึ่งทุกคนมิอาจมองขาม นับจากนี้ไป คําพูดของทานออง ใครตอ
ใครก็ตองจดจําไว ใครตอใครก็ตองใหความสําคัญ”
“ทําไดดี!”
ฟงจบ องคติ้งอูก็กลาวชื่นชมออกมาพลางพยักหนา เพียงแตไมรวู าทรงชื่นชมวิธีการ
หรือจิตวิญญาณของหมิงออง ทรงคิดทบทวนสักพัก กอนมองจางปงลี่แลววา
“พูดเชนนี้ ตามความเห็นเจา ลูกหกกําลังเตรียมกลับมาดํารงตําแหนงหมิงออง โดย
คิดหยิบยืมอิทธิพลอันยิ่งใหญของราชสํานักเพิ่มพูนบารมีตนเองหรือ?”
“ถูกตองพะยะคะ!” จางปงลี่เชื่อมั่นมาก
องคติ้งอูกะพริบตา มองดูรายงานการสนทนาของจางปงลี่กับลูสวินอี้ที่วางอยูบน
โตะ พลางคิด หากเปนดังจางปงลี่วาจริง ลูสวินอี้ไหนเลยจะกลามีทาทีเชนนี้กับราช
สํานัก
จางปงลี่รูสึกตะขิดตะขวงใจ แตตองไมสนใจ พูดตอ “ฝาบาท จากคําพูดและการ
กระทําของทานออง แสดงใหเห็นความจงรักภักดีกับราชสํานักอยางแนนอน ลูสวินอี้มา
เขาเฝาพระองคในสถานะปรมาจารย นอกจากบอกชัดเจนวาเปนคนของจวนหมิงออง
แลว ยังแสดงใหเห็นวาหมิงอองมองปรมาจารยเปนขุนนางคนหนึ่งที่มีบารมี หรือ
หมายถึง หมิงอองใหความเคารพและศิโรราบใหกับพระบิดานั่นเอง”
คําพูดเชนนี้เปนคําพูดที่องคติ้งอูชอบฟง พอทรงไดยินจึงรีบพยักหนา
“อืม ทําไดดี ไมวากับขาหรือกับฮองเฮา เห็นชัดวาลูสวินอี้ไมกลาสามหาวแมแต
นอย”
จางปงลี่พยักหนาหงึกๆ แลวพูดตอ “เชนเดียวกับที่ลูสวินอี้ใหความเคารพหมิงออง
อีกทั้งการดําเนินการของหมิงอองก็มองไดอีกวา จวนหมิงอองมีกฎเกณฑแนนอน ทาน
อองเปนผูออกคําสั่งทั้งหมด ผูใตบังคับบัญชาตองเชื่อฟง นี่มิใชเพียงมีวรยุทธก็สามารถ
ทําได ตองมีบารมีอันยิ่งใหญดวย ทานอองปกครองจวนหมิงอองมาหลายป มีความคิด
ความอานในการจัดระเบียบการปกครองมาแตไหนแตไร”
องคติ้งอูคอยๆหนาเขียว คําพูดนี้กําลังบอกวาหมิงอองปกกลาขาแข็งแลวอยางไม
ตองสงสัย เขามีความคิดของเขาเอง แมกลับมาดํารงตําแหนงหมิงออง ก็มีเรื่องมากมาย
ที่เตรียมการไวแลวในใจ ไมเหมือนองคชายทานอื่นๆ ที่ตองเคารพฝาบาทในทุกๆ เรื่อง
ซึ่งก็คือเคารพปณิธานของฝาบาทนั่นเอง
“ทานอองไดตัดสินใจทําอยางที่ตนเองคิดไวใหถึงที่สุด เพื่อแสดงใหเห็นความ
แข็งแกรง จวนหมิงอองยอมทนเจ็บปวด พลีชีพปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธที่โดดเดนทาน
หนึ่ง ซึ่งเพียงพอทีจ่ ะทําใหผูคนเห็นปณิธานอันลึกซึ้งของทานออง” จางปงลี่มีสีหนา
ระมัดระวังมากขึ้น กอนพูดตอ
“วันนี้ในทองพระโรง ลูสวินอี้ไมพูดถึงเรื่องนี้แมแตนอย เขาดูเหมือนบาดีเดือด แต
ความจริงแลวกําลังทําตามจุดประสงคที่ไดรับมอบหมาย ซึ่งไมมอี ะไรมากไปกวาการ
ทุมเททําลายการเจรจาประนีประนอม ตามปณิธานของทานออง โดยมุงมั่นที่จะรบใหถึง
ที่สุด และนี่ก็เปนอีกสาเหตุหนึ่งที่จวนหมิงอองสงคนมาเมืองหลวง ทานอองตองการมี
สิทธิ์มีเสียงในราชสํานัก ไมสามารถใหอิทธิพลใหญมาทําจุดหมายใหไกลหางออกไป ตอง
หยุดยั้งเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวของกับการเจรจา และยังตองการบีบใหผูคนไมกลาพูดถึงการ
เจรจา”
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่พลันมีสีหนาจริงจัง
“ฝาบาท เกรงวาเราตองใสใจในความปลอดภัยของคณะทูตานุทูตประเทศฉีแลว
การขมขูของลูสวินอี้มินาเปนการพูดขึ้นมาลอยๆ ทานอองอาจลงมือจริง และไมแนวา
อาจลงมือในเมืองหลวงดวย!”
“หา?” องคติ้งอูพลันเลิกคิ้วสูง
หากยอมใหลงมือในเมืองหลวง แลวหนาตาของพระบิดาอยางตนจะเอาไปไวไหน
“เพิ่มการรักษาความปลอดภัยใหคณะทูต ตองไมใหพวกเขาเกิดเรื่องขึ้นเปนอัน
ขาด”
“พะยะคะ” จางปงลี่พยักหนา
“อีกอยาง เตือนลูสวินอี้หนอย บอกใหเขารูแนวความคิดของขา!” องคติ้งอูพ ูด
จริงจัง
จางปงลี่ไดยินก็รูสึกกังวลใจ หากพูดใหเขาฟงแลว ทานอองยังลงมืออีก ฝาบาทก็จะ
ยิ่งรูสึกลําบากใจเขาไปใหญ ถึงเวลาที่จําเปนตองปกปดเรื่องบางอยาง
ตอน 242 หมิงอองไมอาจเปนศัตรูกับจอมยุทธหรือ?
ทามกลางการคุมกันของเหลาทหารมา ลูสวินอี้ขี่มากลับจวนหมิงอองพลางกวาดตา
มองจวนตางๆ บนถนนหมิงฝู พรอมซอนรังสีฆาฟนอันคุกรุนอยูภายใน
คําพูดของศิษยนองกอนจากไปเขายอมจําขึ้นใจ
ปรมาจารยที่ถูกศิษยนองสังหารตองเคยหลบอยูในจวนของผูสูงศักดิ์แถวนี้แน ไม
จวนใดก็จวนหนึ่ง
แตตอนนี้ ลูสวินอี้ทําไดเพียงกวาดตามอง ไมสามารถรูไดวาเปนจวนหลังไหน
สายในเมืองหลวงของพวกเขายังมีนอย กับผูสูงศักดิ์เหลานี้ ยิ่งไมสามารถสืบรูไดใน
เวลาอันสั้น
ทวาไมเปนไร...
เขายอมมีวิธีสืบรูจนได!
เรื่องนี้เก็บไวกอน ตอนอยูตอหนาฮองเฮาและจางปงลี่ ดีที่เขาไมหลุดเรื่องสําคัญ
ออกมา
กับศัตรูแลว จวนหมิงอองรูลกึ กวาราชสํานักอีก!
ดึกดื่นค่ําคืน ถนนทั้งสายเงียบมาก แตประตูจวนหมิงอองยังเปดอยู
เหลาทหารมาพอสงลูสวินอี้ถึงจวนเรียบรอย กลับยังไมจากไป กระจายกําลังออก
ตรวจตราบนถนนหมิงฝู
ลูสวินอี้ไมสามารถวิเคราะหไดวาพวกเขากําลังคุมครองจวนหมิงออง หรือคอยคุม
เชิงมิใหเกิดเหตุรายเชนเมื่อชวงเย็นอีก เขาไมสามารถแทรกแซงการตัดสินใจของราช
สํานักได และไมมีจติ ใจแทรกแซง
“ทานรอง!” ชายหนุมคนหนึ่งเดินออกมาทําความเคารพลูสวินอี้
“อืม” ลูสวินอี้พยักหนาแลวกาวเขาไปในจวน
หลังประตูจวนปดลง เขาจึงสงหอผาที่สะพายไวบนบาใหชายหนุม แลวแหงนหนา
มองดวงดาวบนทองฟา กอนพูดเสียงเบา
“อาจารยเจาละ?”
“อาจารยนอนสงบอยูในหองโถงเล็ก!”
ชายหนุมถือหอผาไวในมือพลางพูดเสียงเครือ ที่แทเขาเปนศิษยของหูเปยว
ชายหนุมมีนามวา ฟานอู ไมเพียงเปนศิษยหูเปยว ยังเปนนาเล็กของหูเปยวอีก
หลายปกอน บานที่ฟานอูกับพี่สาวอยูประสบภัยธรรมชาติพังถลม พอแมเสียชีวิต
สองพี่นองจึงกลายเปนขอทาน เรรอนไปตามเมืองใหญใกลเคียง ประทังชีวติ ใหรอดไป
วันๆ
ตอนนั้นฟานอูยังเด็ก สิบสามสิบสี่เห็นจะได พี่สาวก็เปนหญิงสาวบอบบาง การเปน
ขอทานจึงไมใชเรื่องงาย ยากลําบากพอสมควร ครั้งหนึ่งขณะพี่สาวถูกขมเหง ไดหูเปยว
ชวยเอาไว ตอมาทั้งสองจึงผูกสมัครรักใครและแตงงานกัน พอหูเปยวพบวาฟานอูมี
หนวยกานไมเลว จึงพาเขาจวนหมิงออง
การมาเมืองหลวงครั้งนี้เสี่ยงอันตรายมาก ลูสวินอี้ไมเพียงตองการผูชวยที่เกงกลา
สามารถ ยังตองการผูชวยที่ไวใจไดดวย
ชายหนุมที่เดินทางรวมกันมาในครั้งนี้ จึงเปนผูที่เขาคัดเลือกจากศิษยของเหลาพี่
นองดวยกันเอง และฟานอูก็เปนหนึ่งในนั้น
ในหองโถงเล็ก ลูสวินอี้ยืนนิ่งอยูขางศพศิษยนอง ฟานอูยืนกลั้นน้ําตาอยูขางๆ มองดู
ลูสวินอี้ กอนถาม “อาจารยลุง พวกเราจะสงทานอาจารยกลับหรือไม?”
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก คอยเงยหนามองฟานอู แลววา “สงกลับไมไดหรอก ระหวาง
ทางอาจถูกคนปลนฆา”
“อาจารยขาก็ตายไปแลว พวกมันยังไมปลอยอีกหรือ?” ฟานอูกําหมัดแนน
ลูสวินอี้คอยๆ สายหนา ตอบอยางสงบนิ่ง
“อาจารยเจาตายก็จริง แตผูที่สงศพยังตองมีชีวติ อยู เหตุการณครั้งนี้เผยใหเห็น
เบาะแสการเดินทางของเรา ไมรูวามีคนอีกมากนอยเทาไหรที่อยากสืบเสาะความเปนไป
ของจวนหมิงออง อีกหนทางยังยาวไกล ตองมีคนที่คิดลงมือกับพวกเจาแน”
ดวงตาฟานอูแดงระเรื่อ “ขาไมกลัวตาย แนจริงก็เขามา...”
เพี๊ยะ! ลูสวินอี้ตบจนฟานอูหนาหัน ลมลงกองกับพื้น
“อาจารยลุง...” ฟานอูจองมองลูสวินอี้
ลูสวินอี้ใชสายตาอันสงบนิ่งจองมองฟานอู “ไมเขาใจใชไหม วาเหตุใดขาถึงตองตี
เจา?”
ฟานอูตาแดง ปากสั่น
“ถาอาจารยเจายังอยู ขายอมไมตีเจาแน!” ลูสวินอี้หันมองศพศิษยนองอีกครั้ง กอน
พูดเสียงเบา “แตเขาไมอยูแลว!” ลูสวินอี้เงียบไปอีกพัก กอนพูดตอ “เจาลุกขึ้นมามองดู
พี่เขยเจาหนอย!”
ฟานอูลุกขึ้นยืน ใชดวงตาแดงๆ มองศพหูเปยวแลวจึงเก็บอารมณกลับ แตสีหนาที่
ซีดขาวยังคงปกปดบาดแผลในใจไมมิด
“เจาวา พี่เขยเจากลัวตายหรือไม?” ลูสวินอี้ถามขึ้นเสียงขรึม
“ไมกลัว!” ฟานอูน้ําตาไหล
เพี๊ยะ! ลูสวินอี้ใชหลังมือตบใบหนาอีกขางของฟานอู
ฟานอูถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้นอีกครั้ง ครั้งนี้น้ําหนักมือมากกวาเกา ทํามุมปากเขามี
โลหิตซึมออก สายตาที่มองมายากเขาใจยิ่ง
ลูสวินอี้จองมองเขาพลางพูดเสียงหนักแนน “เจาผิดแลว พี่เขยเจาไมใชวีรชนหรือ
วีรบุรุษผูยิ่งใหญอะไรอยางที่เจาคิด เขากลัวตาย กลัวตายมากกวาใครดวย”
“อาจารยลุง...” ฟานอูตัวสั่น ไดแตจองลูสวินอี้ ไมกลาโตตอบ แตดวงตาไมยอม
จํานน
“กลัวตาย ขายขี้หนามากไหม?” ลูสวินอี้ไมสนใจดวงตาที่คลายถูกหยามของฟานอู
ถามเสียงขรึมตอ “พี่เขยเจาสามขวบกําพราพอ หกขวบกําพราแม ตกระกําลําบากบน
ถนนอยูนานหลายป ตอมาไปยังบานตระกูลเถี่ย ไมงายนักที่ไดมีชีวิตอยางสุขสงบไป
หลายป แตไมทันไรบานก็แตก ตองผจญกับโลหิตและน้ําตาอีกครั้ง...เจาวา ตอนนี้เขามี
เมีย มีลูก มีบานเปนของตัวเองแลว เขาอยากตายไหม? เขายอมไมอยากตาย แลวที่เขา
อยากมีชีวิตที่มีความสุขไปอีกหลายป ขายขี้หนามากไหม?”
ฟานอูหลุบตาลงแลว น้ําตาไหลอาบสองแกม
“เจาจําไวเลยวา เขาไมอยากสูรบ เขาไมอยากตาย แตเขาก็ตายแลว และเขาไมได
คิดเปนวีรชนหรือวีรบุรุษผูยิ่งใหญอะไร นี่จึงทําใหเขาไมตาย แตผูที่ตายคือศิษยพี่อยาง
ขา นาเล็กอยางเจา พี่สาวเจา และหลานชายเจา!”
“ชาวหมิงจูเหตุใดจึงถูกคนเถื่อนเหยียบย่ําอยูใตฝาเทา เจาก็เห็นแลว แตเจาตองจํา
ไววา ที่เราทําเพื่อปวงชนใตหลานั้นไมผิด แตจิตใจที่แทจริงของเรายังคงต่ําตอย เหมือน
คนธรรมดาทั่วไป ขาเพียงไมอยากใหญาติพี่นองอยางพวกเจา เปนเหมือนชาวหมิงจูทถี่ ูก
ดูหมิ่นและอยูไปวันๆ เหมือนสุกรเหมือนสุนัขแคนั้น”
“พี่เขยเจาตายแลว เขาไมใชบุมบามออกไปตาย เขาไมไดเลือดรอนบุกตะลุย เขา
เพียงแตทําเพื่อพวกเรา ทําตามหนาที่รับผิดชอบ”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็ดึงใหฟานอูลุกขึ้นยืน แลวมองตาเขา
“ตั้งแตวันนี้เปนตนไป เจาจําใหขึ้นใจวา ตองรักษาชีวิตตนเองไวใหดี ไมเพียงทําเพื่อ
พี่เขยเจา ยังทําเพื่อพี่สาวเจาที่สูญเสียสามี ทําเพื่อหลานเจาที่สูญเสียบิดา
หากมีวันที่จําเปนตองตาย เจาก็ตองเปนเหมือนพี่เขยเจา ตายเพื่อใหพวกเขามีชีวิต
อยู จะตายไปเปลาๆ ไมไดเปนอันขาด เขาใจไหม?”
“ขอรับ!” ฟานอูพยักหนา รูสึกเจ็บปวดและเศราใจ
ภายในหอง
ลูสวินอี้กมศีรษะ ไมขยับเขยื้อนอยูสักพัก
แมสั่งสอนฟานอูเชนนี้ แตตัวเขาเองก็ใชวาจะหยุดยั้งอารมณบุมบามได
ในทองพระโรง ตบหนาชงเสวียนไปหนึ่งฉาด ดูหมิ่นศิษยเขาซางชิง กระทั่งยั่วยุจอม
ยุทธของราชสํานัก อยางนี้ไมเรียกวาบุมบามใชโลหิตเซนความโกรธ แลวจะเรียกวาอะไร
ไมเพียงแคโกรธ ยังไมรูวาจะมองหนาลูกกําพราและแมหมายไดอยางไร...
“ฟูววว...” เขาระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก แลวจึงเงยหนามองประตู
กอกๆ เสียงเคาะประตู
“เขามา” ลูสวินอี้พูดเสียงขรึม
ประตูเปดออก ฟานอูที่มีรอยฝามืออยูบนใบหนาอุมลังไมลังหนึ่งเขามา
“อาจารยลุง นี่คือศีรษะของปรมาจารยผูนั้น!”
สายตาลูสวินอี้ดุดันขึ้นวาบหนึ่ง กอนพยักหนา “ดี วางไวที่นี่!”
“ขอรับ” ฟานอูนําลังไมวางลงตรงหนาเขา
ลูสวินอี้เปดลังไมขึ้น มองดูศีรษะอาจารยหลี่แหงเขาซางชิง เขาไมรูจักคนผูนี้
วันนี้ศีรษะที่นําเขาวัง ขาดก็แตศีรษะนี้ แตคนฉีกลับไมมีปฏิกิริยาโตตอบ มิไดพูดถึง
คนผูนี้แมแตนอย ถาเปนไปตามที่ศิษยนองพูด เขาก็มั่นใจไดวา คนผูนี้ควรเปนคนของ
สํานักเตา เพียงแตไมรูวาอยูฝายไหน
ลูสวินอี้ครุนคิดเล็กนอยคอยเอยปากขึ้น “ใหทานเฉินเขามาหาขาหนอย”
ฟานอูกําลังมองดูศีรษะในลังไม มองออกวาดวงตานั่นมีความโกรธแคนลนปรี่ พอได
ยินเสียงลูสวินอี้จึงสะดุง รีบเงยหนาขึ้นตอบ
“คือวา อาจารยลุง ทานเฉินถูกจับตัวไป!”
“อะไรนะ?” ลูสวินอี้ตะลึง “ใครถูกจับตัวไป?” พูดจบก็หนาถอดสี ลุกพรวดขึ้นถาม
ทันที “ใครจับเขาไป?”
“คนในวัง บอกวารานขายยาชางหัวตองสงสัยฐานกบฏ องคจักรพรรดิมีรับสั่งใหปด
รานและจับตัวคนในรานไปใหหมด”
ขณะฟานอูพูด คลายมีความรูสึกสับสนกับบางสิ่งบางอยาง
“เหตุใดไมรีบบอก?” ลูสวินอี้หดมานตาลง แลวรีบถามตอ “เรื่องเกิดขึ้นตอนไหน?”
ตอนแรกฟานอูเตรียมจะบอกอยู แตพอโดนตบ จิตใจวาวุน จึงลืมไปชั่วขณะ “หลัง
ทานเขาวังไปไมนาน ทหารก็เขามา พวกเราขวางไมอยู”
“เปนกอนหนานั้นหรือ?” มิใชตอนคุยกับจางปงลี่แลวคอยเกิดเรื่องขึ้น
สีหนาลูสวินอี้คอยๆ เปลี่ยน เหมือนผอนคลายลงเล็กนอย เดิมทีการมาในครั้งนี้ กับ
ราชสํานักก็คาดการณอยูแลววาตองผานกระบวนการลองใจซึ่งกันและกัน จวนหมิงออง
ยอมตองรักษาแนวความคิดไว แตก็ไมสามารถหันหลังแลวเดินหนีไปเลยเสียทีเดียว นี่ก็
ตองขึ้นกับวาองคติ้งอูจะมีขดี ความอดทนแคไหน
เขากังวลมากในเรื่องที่วา หากหลังจากคุยกับจางปงลี่แลว ราชสํานักพลันมาจับ
ตัวเฉินจวีเฟงไป นั่นก็หมายความวาราชสํานักมีทาทีแข็งกราวกับแนวคิดของหมิงออง
ซึ่งก็ตองระมัดระวังในการปฏิบัติตัว
ฟานอูเห็นลูสวินอี้เงียบไป ดวงตาก็แวววาวพลางวา “ทานรอง ตอนมหาดเล็กเห็น
พวกเราสกัดกั้นนั้น คอยบอกเราวาการที่เบาะแสของเราถูกเปดเผย นาจะมีสวน
เกี่ยวของกับรานขายยาชางหัว”
พอไดยินเรื่องดังกลาว ลูสวินอี้กลับเงียบลง ขมวดคิ้วแลวหันมองฟานอู “เรื่องนี้อยา
เที่ยวพูดซี้ซั้ว ขณะยังไมสืบใหแนชัด ไมอนุญาตใหพูดเรื่องไรสาระนี้ในจวนแตอยางใด”
“แตวาทานรอง...” เห็นชัดวาฟานอูยังสงสัยไมหาย
“เฉินอวี่บอกวากอนหนานี้ คนกลุมที่ลงมือจูโจมหนาประตูจวน นาจะอยากจับเปน
ผูจัดการเฉิน เหมือนพวกเขาไมอยากสังหาร มิฉะนั้นแลวเกรงวาไมเพียงศิษยพี่ลูเทานั้น
ที่เสียชีวิต เฉินอวี่ก็อาจรักษาชีวิตไวไมได...”
เฉินอวี่กับเสี่ยวลูก็คือชายหนุมสองคนที่คอยคุมครองเฉินจวีเฟง ทั้งสองไดประมือ
กับคนกลุมหนึ่งหนาประตูจวนหมิงออง เสี่ยวลูสูจนตัวตาย แตเฉินอวี่ยังมีชีวิตอยู
“พอแลว!” ลูสวินอี้ยกมือขึ้นปราม กอนพูดเสียงขรึม
“เฉินจวีเฟงผูนี้ เปนคนที่ทานอองไวใจ หลายปมานี้ไดทํางานใหญใหจวนหมิงออง
หลายตอหลายครั้ง หากไมมีหลักฐาน เจาจะเดาสุมสี่สุมหาไมได”
“หือ? อาจารยลุง ทานก็สงสัยเขา...” ฟานอูตาเปนประกาย
พอเห็นดวงตาแวววาวของฟานอู ลูสวินอี้ก็ขมวดคิ้ว
“ผูหักหลังเรานาจะเปนคนอื่น แตไมประมาทไวกอนเปนดี ทวาก็ไมควรวูวามสรุป!
ขารูวาเจาคิดแกแคนใหอาจารยเจา แตอยาวูวามเปนอันขาด ยิ่งเปนเวลานี้ดวยแลว ยิ่ง
ตองทําใจใหเย็นเขาไว ระวังความเคลื่อนไหวรอบดาน โดยเฉพาะตองสังเกตใหดี วามี
ใครบางที่จงใจกระตุนใหเจาแคน ใหเจาไปจัดการกับเฉินจวีเฟง...”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาลูสวินอี้ฉายแววล้ําลึก “ที่ขาพูดนี่ เจาเขาใจไหม?”
ฟานอูอึ้งเล็กนอย เขาไมโง และเขาใจความหมายของลูสวินอี้ดี “ทานหมายถึง
เฉินอวี่หรือ?”
“มิใชวาเขา ขาหมายความวาใหเจาหัดใชสมอง เชน เมื่อเฉินอวี่พูดเรื่องนี้กับเจา ก็
แปลวาเขาสงสัยเฉินจวีเฟงเชนกัน อยางนั้นเจาก็ตองคิดแลววา เขาเริ่มสงสัยตรงไหน
แคการตอสูหนาประตูจวนหรือเปลา หรือยังมีเหตุการณอื่นอีก เปนไปไดไหมวาอาจมีคน
จงใจชี้นําใหเขาคิดเชนนี้...สรุปแลว เจาตองคอยสังเกต ไมเฉพาะแตเฉินอวี่ ทุกคนที่
สงสัยเฉินจวีเฟง เจาตองพิจารณาจากที่มาของความสงสัยนั้น พอเจาสังเกตใหถวนถี่แลว
และแนใจวาไมมีปจจัยภายนอก ไมมีคนคอยยุยง เจาถึงยอมรับและยืนยันกับผูอื่นได
หากพบความผิดปกติเมื่อใด เรื่องก็ยอมเกิดจากคนไมปกติ ไมวาเฉินจวีเฟงจะมีปญหา
หรือไม กอนอื่นผูยุยงยอมมีจิตคิดไมซื่อ เจาก็ตองแอบสืบดูวา เหตุใดเขาตองยุยง ขอ
เพียงควบคุมสถานการณโดยรวมได เจาจึงสามารถยืนยืดอกอยางผูไมมีทางแพ คิดดู
ครั้งนี้เหตุใดอาจารยเจาถึงตองตาย เพราะในเมืองหลวงเราควบคุมอะไรไมได จึงตองตก
เปนฝายเสียเปรียบ!”
เห็นชัดวา ลูสวินอี้กําลังเตือนสติฟานอู ไมรูวาเปนเพราะลึกๆ แลวเขาอยากชดเชย
ใหศิษยนองจึงตั้งใจอบรมสั่งสอนฟานอู หรือพยายามเตรียมความพรอมใหกับผูสืบทอด
ที่ศิษยนองหลงเหลือไว
บางครั้ง ผูรอบรูก็คือผูที่มีคามากสุด สามารถไดรับการคุมครองสูงสุด นี่เปนสิ่งที่ใช
อธิบายวา เหตุใดจึงเปนศิษยนองเขาที่ไปตาย แตไมใชเขา เพราะเขามีคุณคามากกวา
และนี่อาจเปนเหตุใหลูสวินอี้ขยันศึกษาเพื่อปกปองพี่นอง
ผูที่อยูในชวงวัยรุน อาจมีความรูดานวัฒนธรรมหรือขาวสารไมมากเทาคนรุนกอน
แตอยาลอวาพวกเขาโง ความจริงแลวพวกเขาไมโง เพียงแตขาดการสนับสนุนเทานั้น
เชนฟานอูในตอนนี้อาจไมเขาใจคําพูดของเขา เปนเพราะฟานอูติดตามหูเปยวมา
ตลอด หูเปยวเปนคนมุทะลุ วิถีวรยุทธจึงเอาแตใจ แตมิไดวาเขาโง เพียงมิไดจัดอยูใน
ประเภทเดียวกับผูวางแผน
นาทีสุดทายที่หูเปยวสามารถคิดไดและพูดเรื่องผิดปกติเหลานั้นกับลูสวินอี้นั้น เปน
ลักษณะของคนใกลตายที่มักครุนคิดมากมาย
ฟานอูที่ติดตามหูเปยวจึงมีนสิ ัยคลายคลึงกัน ตอนนี้ยังตองคอยๆ อบรมบมนิสัย แต
ลึกๆ แลวมีแวววาชอบครุนคิดอยู สวนเรื่องอื่นๆ ยังตองคอยๆ เคี่ยวกรํากันไป
ฟานอูยอมไมคิดวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงอยางสิ้นเชิง
จนถึงวันหนึ่งที่เขาอยูในตําแหนงที่ตองตัดสินใจ หวนคิดถึงวันนี้ คอยรูวาความรักความ
เมตตาที่อาจารยลุงมีตอเขานั้นมั่นคงดุจขุนเขา
ตอนนี้เขายังไมสามารถคิดอะไรมากมาย ในใจคิดแตเรื่องแกแคน อยางไรก็ยังไมลืม
เฉินจวีเฟง
“ทานเฉินนั่นถูกจับตัวไป พวกเราจะทําอยางไรดี? คิดหาวิธีชวยเขาออกมาดีไหม?”
ลูสวินอี้ขมวดคิ้ว แววตาครุนคิด สุดทายคอยสายศีรษะไปมา
“ไมตอง ในใจเจากําลังสงสัยในความภักดีของทานเฉินมิใชรึ? ไมวาเขาจะมีปญหา
หรือไม เราก็ใหเขาอยูในกํามือฝาบาทสักระยะ อาจยืนยันปญหาบางอยางได ถาเขาพูด
เรื่องทั้งหมดที่รูเกี่ยวกับจวนหมิงออง ก็แปลวาคนผูนี้มิใชคนทรยศ กอนหนานี้ไมไดขาย
พวกเรา แตภายหลังไมควรใชงานอะไรเขามาก แตถาตอใหตายเขาก็ไมยอมปริปาก ก็
พิสูจนไดวากอนหนานี้เขาไมไดขายพวกเราแน และภายหลังยังสามารถใชใหทํางานใหญ
ได”
ลูสวินอี้ยังคงทุมเทแรงกายแรงใจสอน
คําพูดเหลานี้ชัดเจนแจมแจง ฟานอูนับวาฟงเขาใจ คิดๆ ดูก็จริง แตก็ยังถามขึ้น
“แตทานเฉินจะมีอนั ตรายไหม?”
ลูสวินอี้สายหนาอีกรอบ “เจาคิดดู รานขายยาชางหัวมีกิจการใหญโตขนาดนี้ และ
ราชสํานักในตอนนี้ยิ่งตองการใชเงินอยู แมเฉินจวีเฟงมีความผิดฐานกบฏ แตราชสํานัก
ยังไมสืบชัดเจน ก็เขาควบคุมทรัพยสินจํานวนมากของเขาแลว เชนนี้ราชสํานักจะทํา
อันตรายเขาไหมละ?”
พูดไป ลูสวินอี้ก็รูสึกวาวันนี้ตนพูดมากแลว การอบรมบมนิสัยมิไดทําสําเร็จไดในวัน
เดียว จึงวา “เรื่องนี้รอดูไปกอน สวนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขาเขียนรายงานไวแลว เจา
ชวยสงใหทานอองหนอยก็แลวกัน”
“ขอรับ”
“จําไว เจาตองดําเนินเรื่องเอง จะใชใครไปแทนไมได!” ลูสวินอี้กําชับ
พูดจบพลันไดยินเสียงฝเทาดังขึ้นที่นอกประตู ลูสวินอี้หันมอง
“ทานรอง นักพรตชงเสวียนแหงเขาซางชิงมา” หนาประตูมีเสียงรายงานดัง
ลูสวินอี้คิ้วกระตุกทันที เปลวเพลิงวาบขึ้นในดวงตา กมมองศีรษะในลังไมอีกครั้ง
“ที่แทก็เปนพวกเจาจริงๆ!”
เหมยอวิ๋นเทียน คุณชายใหญตระกูลเหมยกับชงเสวียนยืนอยูหนาประตูจวนหมิง
อองพรอมสีหนาเครงเครียด เหมยอวิ๋นเทียนคลายกระวนกระวายใจมาก
“ศิษยพี่ คงไมเกิดเรื่องกับจื้อเฟงใชไหม!”
ชงเสวียนเขาใจความหวงใยเหมยจื้อเฟงของเขา ถาอาจารยหลี่ถูกตรวจพบวาเปน
คนของเขาซางชิงแลวละก็ ดูตามนิสัยบาอํานาจของหมิงออง ชีวิตของเหมยจื้อเฟงก็
เสี่ยงอยูพอสมควร
“ศิษยนองวางใจเถิด” ชงเสวียนไดแตพูดปลอบใจไปหนึ่งประโยค
เพราะความจริงแลว ใจเขาเองก็ไมสงบนิ่ง คงถูกลูสวินอี้ตบจนมึนงงไปจริงๆ อายุอา
นามขนาดนี้แลว ยังไมเคยถูกทําใหอับอายขายหนาเชนนี้มากอน
ฝามือนี้ทําใหใจเขาสั่น อดคิดไมไดวา ที่ลูสวินอี้ไมไดนําศีรษะนั้นเขาวัง และยัง
บาบิ่นตบหนาตนเองนั้น หรือเพราะรูสถานะของอาจารยหลี่แลว ถึงไดทําตามอําเภอใจ
เชนนี้ ดวยมั่นใจวาตนไมกลาขัดขืนแน
เดิมทีชงเสวียนไดเตรียมพรอมไวแลว ถาศีรษะนั้นถูกนําเขาทองพระโรง จะพูดวา
อาจารยหลี่เปนแขกของบานตระกูลชวี พอเห็นคนฉีจูโจมสังหารคนจากจวนหมิงอองก็
คิดเขาชวยเหลือ แตพอเห็นคนจากจวนหมิงอองมีทีทาวาจะเขาใจผิด จึงรีบหนีไปกอน
คิดไมถึงวาตอมาจะถูกคนจากจวนหมิงอองสังหารเขาจริงๆ เรื่องนีจ้ วนหมิงอองตอง
รับผิดชอบ
เหตุผลนี้หยาบและฟงไมขึ้นก็จริง แตอาจารยหลี่ก็ไดตายไปแลว นอกจากคน
ตระกูลชวีอยากฆาลางเผาพันธุตนเอง หาไมแลวพวกเขายอมไมกลาพูดจาเลอะเทอะ
เปนอันขาด เรื่องนี้ก็จะเปนคดีที่ตัดสินไมไดเพราะไมมีเบาะแส
จนสุดทายก็จะเปนการโตเถียงกันของทั้งสองฝาย เพียงแต เขาซางชิงเสียเปรียบอยู
แลว อีกทั้งเรื่องการปกปดหนาตาก็ยากอธิบายอยู โดยเดิมพันอยูที่การกดดันใหจวนหมิง
อองชดใช เพื่อไมใหฝาบาททรงกริ้ว
สวนเรื่องชื่อเสียงนั่น เขาซางชิงเสียหายแนนอน
แตใครจะคิดเลาวา จวนหมิงอองกลับเก็บเรื่องนี้ไว ทําใหชงเสวียนยังผอนคลาย
ไมได หนําซ้ํากลับรูสึกแยลงอีก ที่จวนหมิงอองทําเชนนี้มิใชวาขลาดกลัวแนนอน
เพราะหมิงอองบอกจะฆาก็ยังฆาปรมาจารยสํานักตนได สวนคนของเขาขนาดอยูในทอง
พระโรงแทๆ ยังกลาตบกระทั่งตน ไหนเลยจะเหมือนคนขลาดกลัว
สาเหตุที่แทจริงนาจะเปนเพราะไมอยากใหราชสํานักเขาแทรกแซง ตองการแกแคน
สวนตัว เชนนี้จึงทําใหเขาไมสบายใจ รวมทั้งไมรูสภาพภายในที่แทจริงของจวนหมิงออง
อีก ไมรูวาคนเขาเกงกลาขนาดไหน
หมิงอองพรอมเปนศัตรูกับจอมยุทธจริงหรือ?
ขณะขมวดปมในใจอยูนั้น คนในจวนหมิงอองก็เดินเขามา
“ทานรองใหพวกเทานเขาไปได”
ให มิใช เชิญ!
นี่ทําใหชงเสวียนเห็นทาไมดีแตแรก ทวาวันนี้อยางไรเขาก็ตองมา มาแลว ยังอาจพอ
มีทางแกไขปญหา แตถาไมมาเกรงวาคงตองเปนศัตรูกันแน
ความไมเปนธรรมยิ่งกวา ก็ตองยอมรับใหได
ยังดีที่เหมยอวิ๋นเทียนยอมรับไดเชนกัน เพียงแตเปนหวงบุตรชายเทานั้น ทั้งสองจึง
เดินเขาไป
ผลปรากฏวาถูกนําทางมายังหองโถงเล็ก มิใชหองโถงใหญ สิ่งแรกที่เห็นคือศพ
ตอมาคือศีรษะหนึ่งวางเหมือนเครื่องเซนไหวอยูบนโตะ
ชงเสวียนรูสึกบีบหัวใจ แตประสบการณอันโชกโชนของเขาทําใหสีหนายังคงเปน
ปกติไดอยู กอนหันมองลูสวินอี้ที่นั่งอยูเพียงลําพัง
“สหายเตา...” ชงเสวียนยกมือขึ้นคารวะกอน
เหมยอวิ๋นเทียนปฏิบัติตาม
ทั้งสองไมคิดนั่งอยูแลว ลูสวินอี้ก็มิไดหันมองทัง้ สอง ไดแตมองศพศิษยนองแลวพูด
ขึ้นวา
“แมศิษยนองขาบาดเจ็บสาหัส แตศัตรูที่ตอสูกับเขา ที่สุดแลวก็มวยมรณาไปดวย
เขาซางชิงไมธรรมดาจริง ไมเสียทีที่เปนหนึ่งในสี่ขุนเขาแหงสํานักเตา!”
เหมยอวิ๋นเทียนหรี่ตา ทวาชงเสวียนแกลงไมเขาใจในความหมาย
“สหายเตา โปรดอภัยที่เรามิไดกราบไหว เสียมารยาทแลว!”
ลูสวินอี้หันมองชงเสวียน “เขาเมืองหลวงครั้งนี้ เดิมทีทานอองมีคาํ พูดที่จะบอก
กลาวกับจอมยุทธเจาสํานักของทาน”
“หือ?” เรื่องที่อยากพูดยังมิไดพูด คําพูดของลูสวินอี้กลับทําใหเหมยอวิ๋นเทียนกับ
ชงเสวียนตะลึงเสียแลว
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน
“นักพรตและวิถีเตาทําใหประชาชนมีความสงบทางใจ แตคนขายชาติกลับใชวิถีเตา
รวมพลพรรคเลนการเมือง ถาเปนสิ่งถูกตอง ฉางชิงขอเปนผูรักษากฎหมาย แตถาเปนสิ่ง
ชั่วราย ขาจักใชศีรษะหลานทานเปนจดหมายทารบ!”
เปรี้ยง!
เหมยอวิ๋นเทียนกับชงเสวียนประหนึ่งถูกสายฟาฟาดพรอมกัน
เปนที่แนนอนยิ่ง!
เรื่องที่ไมเคยมีมาชานาน ไดเกิดขึ้นแลวจริงๆ
หมิงออง...
จดหมายทารบ!
เขาคิดทาทายจอมยุทธจริงหรือ!
“สหายเตา หมิงอองพูดเชนนี้จริงหรือ?”
ชงเสวียนรวบรวมสติ เบิกตาโตจองมองลูสวินอี้
“เปนจอมยุทธนั้นยาก ไมสามารถดูแคลนกันไดงายๆ ทานอองนับถือจอมยุทธยิ่ง
หากจอมยุทธยอมทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน ปกปกษรักษาชีวิตผูคนในใตหลา
ทานอองยอมเคารพนบนอบ!”
สีหนาลูสวินอี้นิ่งเรียบ น้ําเสียงไมมีความคึกคะนองแตอยางใด
“ทานทั้งสอง ทานอองขาทั้งสูงสงและยิ่งใหญ บุญคุณความแคนของสํานักทานกับ
ทานอองขา ทานทั้งสองยอมตระหนักดี”
“ศิษยเขาซางชิง คนของเหมยจื้อเฟงบุกรุกสถานที่ของทานออง ไมเพียงเนรคุณ
ประเทศ ยังแคนเคืองทานอองอีก ทวาทานอองกลับไมใสใจ ยอมทนอัปยศ แลวตั้งใจ
วางแผนปกปองประเทศ คิดไมถึงวา คนของเขาซางชิงกลับไมมีเหตุผล บุกเขามายั่วยุอีก
ชงเสวียน หากเปลี่ยนเปนทานละ จะสามารถทนไดหรือไม?”
“อีกทั้งยังคิดวามีปรมาจารยอยูดวย จึงกลารวมมือกับคนเถื่อนชาวฉีสังหารคนใน
จวนหมิงออง แตทานอองขาก็ยังทนไดอีก!”
“ทวาพวกเขากลับไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา คิดวาทานอองกลัวพวกเขา มองความอดทน
ของทานอองไปในเชิงลอเลน ขมเหงกันมากเกินไป ผลสุดทาย สามปรมาจารยรวมมือ
กันยังไมพนหมัดเดียวในเสี้ยวนาทีของทานออง เรียกไดวา ไมเห็นโลงศพไมหลั่งน้ําตา
จริงๆ”
ชงเสวียนรูสึกลําบากใจที่จะพูด หากรูวาเปนหมิงออง และรูวาทานอองเจารายกาจ
เชนนี้ เหมยจื้อเฟงไหนเลยจะบุกเขาไปได? นี่เปนหลุมพรางชัดๆ!
เพียงแตอธิบายออกไปไมได แตเหมยอวิ๋นเทียนยังคิดแกตัวใหบุตรชาย
“สหายเตา...”
“สามหาว!” ลูสวินอี้หันควับ พุงสายตาคมกริบไปยังเหมยอวิ๋นเทียน
“ชาวยุทธเล็กๆ อยางเจา กลาดียังไงมาเรียกขาวาสหายเตา? เขาซางชิงอวดดีถึง
เพียงนี้เชียวรึ?”
สีหนาเหมยอวิ๋นเทียนแดงขึ้นทันใด กัดริมฝปากแนน เพราะไมเคยถูกลบหลูเชนนี้
มากอน
เขาเปนชาวยุทธก็จริง แตคนในแวดวงเตา ใครบางที่เขาไมสามารถเรียกวาสหาย
เตา?
ปรมาจารยนอยคนนักที่คบหาเขาได แตคําพูดนี้ของลูสวินอี้ เขากลับหมดหนทาง
โตตอบ
ชงเสวียนคิดประนีประนอม
“สหายเตา ทานผูนี้คือบุตรชายของจอมยุทธเหมย เหมยอวิ๋นเทียน!”
“แลวอยางไร? ที่บุตรอกตัญู ก็เพราะมีบิดาที่หยิ่งยโสเชนนี้นี่เอง มินาเลาเหมยจื้อ
เฟงถึงกลาอวดดี เสียมารยาทกับทานอองครั้งแลวครั้งเลา!” ลูสวินอี้พูดอยางใจเย็นตอ
อีก
“หรือจอมยุทธเก็บตัวบําเพ็ญเพียรอยูนาน จนละเลยที่จะอบรมสั่งสอนเจา?”
“เจา...” เหมยอวิ๋นเทียนเริ่มทนไมไหว
ชงเสวียนหนาแดงเชนกัน “ทาน...กลาลบหลูจอมยุทธหรือ?”
“บุตรเจายังกลาลบหลูทานอองเลย เหตุใดขาจะไมกลาลบหลูจอมยุทธบาง?”
ลูสวินอี้ไมถอยแมครึ่งกาว คําพูดกลับเผยใหเห็นรังสีฆาฟนทันใด
“ขาไดสงตอคําพูดของทานอองแลว คําตอบของพวกเจาขาก็เขาใจ ชีวิตศิษยนองขา
ก็คือคําตอบ”
“หมิงอองไมอาจเปนศัตรูกับจอมยุทธใชไหม? ขาตองรายงานใหทานอองทราบแน
จากนั้น ทานอองจะทําอยางไร จะกลัวจอมยุทธหรือไมนนั้ คอยดูเอาเองก็แลวกัน!”
ตอน 243 ไป...พาเจาไปดูหมิงจู
ปง!
ประตูใหญจวนหมิงอองปดลงเสียงดังลั่นตอหนาตอตาชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นเทียน
สีหนาคนทั้งสองดูไมไดเปนอยางมาก เนื่องจากถูกขับไลออกมา
พวกเขาไมเคยพบอะไรเชนนี้มากอน เดินเขาไปอยางนอบนอมถอมตน พูดไดไมกี่คํา
ก็ถูกคนเขาขับไลออกนอกประตู
ความอัปยศอดสูและความอึดอัดใจเชนนี้ ยากรับไดจริงๆ
ยิ่งผูที่อยูเมืองหลวงมานาน และเปนนักประนีประนอมตัวยงอยางชงเสวียน ตอนนี้
ยังหนาแดงก่ํา มือที่ซุกไวในแขนเสื้อสั่นนอยๆ แนนอนวา เขาไมเพียงโกรธแคนและอับ
อาย ยังรูสึกเครียดและกังวลดวย
จบเห
จบเหแลวงานนี้ เขายังไมรูดวยซ้ําวามาถึงจุดๆ นี้ไดอยางไร พวกเขามาเพื่อแกไข
ปญหาของเหมยจื้อเฟงและเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งสองปญหายังไมทันไดเริ่มพูดคุยกัน
ความสัมพันธก็มาถึงจุดแตกหักเสียกอน!
โดยไปถึงขั้นหมิงอองแตกกับจอมยุทธ ตองชี้วัดความเปนความตายสถานเดียวไม
เปดโอกาสใหพวกเขาโตแยงใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้ใหญมาก พูดไดวารากฐานที่มีมากวารอย
ปของเขาซางชิงกําลังตกอยูในความเสี่ยง!
ชงเสวียนรูสึกตื่นตระหนก สับสนและมึนงง
“จวนหมิงอองเตรียมที่จะเปนศัตรูกับเรามานานแลว...” ชงเสวียนพึมพํา ริมฝปาก
สั่นระริก
นาทีนี้เขารูสึกวาจวนหมิงอองมิไดคิดประกาศศักดาแตเพียงอยางเดียว
“อวดดี!”
เหมยอวิ๋นเทียนไมไดยินเสียงพึมพําของชงเสวียน แววตาเขาเต็มไปดวยความโกรธ
แคนสุดคณนา แตก็ยังตัดใจปลอยบุตรชายไปไมได หันมามองชงเสวียนดวยสีหนาเหยเก
ยิ่ง
“ศิษยพี่ เราควรทําอยางไรดี?”
ชงเสวียนสูดหายใจเขาลึกๆ ขมอาการใจสั่นไว สายหนาชาๆ
“ศิษยนองอยาเพิ่งรอนใจไป เรากลับสํานักกอน รีบนําคําของหมิงอองบอกตอทาน
เจาสํานัก ขอคําแนะนําจากจอมยุทธทาน แลวคอยตัดสินใจ!”
พอพูดถึงบิดา เหมยอวิ๋นเทียนก็ผงกศีรษะตามสัญชาติญาณ แตเมื่อรูแลววาจวนห
มิงอองบาอํานาจ เขาเองก็ไมโง จึงเริม่ ไมสบายใจ
“ศิษยพี่ แลวถาพวกเขาลงมือกับจื้อเฟงทันทีละ...”
ชงเสวียนแววตาสั่นไหว หันมองประตูที่ปดแนนของจวนหมิงออง เสียงสั่นเล็กนอย
“นาจะไม...”
เห็นชัดวาเขาก็ไมแนใจเชนกัน คลายกําลังปลอบใจตัวเอง
“การที่หมิงอองฝากคําพูดมาถึงจอมยุทธ พิสูจนไดวาใจจริงเขาไมอยากขัดแยงกับ
จอมยุทธสักเทาไหร เราตองรอดูทาทีของจอมยุทธกอน...”
เหมยอวิ๋นเทียนพยักหนาโดยไมรูตัว “ศิษยพี่พูดมีเหตุผล”
วาแลวก็สะบัดแขนเสื้อ รีบหันกาย “ไป เรารีบกลับไปกัน รายงานเรื่องนี้ใหจอม
ยุทธทราบ!”
ชงเสวียนพยักหนาตาม กอนขึ้นรถมา ยังหันไปจองมองจวนหมิงอองใหลึกซึ้งอีก
รอบ จวนหมิงอองยามค่ําคืน ในสายตาของเขาราวกับวากําลังเปลงรังสีฆาฟนสะทานโล
กันต!
กลัวก็แตคําพูดของหมิงอองจะไมใชการขอความเห็นจากจอมยุทธ แตเปนการยื่นคํา
ขาด!
สวนการลงมือของอาจารยหลี่กับการสูจนตัวตายของปรมาจารยจากจวนหมิงออง
ซึ่งถูกจวนหมิงอองมองวาเปนคําตอบของเขาซางชิงไปแลวนั้น ชงเสวียนรูสึกหวาดกลัว
และกระสับกระสาย หากถูกเขาใจเชนนี้จริง ตอนหมิงอองจับกระบี่บุกเขาซางชิง เขา
อาจตองกลายเปนแพะรับบาป ชดใชชีวิตเพื่อหยุดยั้งความโกรธของหมิงออง
ไมมีใครชัดเจนไปกวาเขาอีก กองกําลังในใตหลาโยงใยซึง่ กันและกัน เขาซางชิงที่ดู
เหมือนเงียบสงบปลอดภัย ราชสํานักไมกลาแตะตองนั้น ความจริงแลวกลับเหมือนคนที่
กําลังเดินบนธารน้ําแข็งอันเปราะบาง พวกเขากลาสุมสี่สุมหาเปดศึกกับราชสํานักหรือ?
ลูสวินอี้ยังคงนั่งอยูห นาศพศิษยนอง จองมองศีรษะอาจารยหลี่อยางเครงขรึม
ผานไปเนิ่นนาน เขาจึงลุกขึ้นยืน เดินมายืนขางศพศิษยนอง มองดูอยางเงียบๆ ริม
ฝปากขยับ
“อยาเพิ่งไปไกล รอกอนๆ สักวันศิษยพี่ตองแกแคนใหเจาแน!”
พูดแลวก็หันกายเดินออกจากประตูไป
แตยังไมเขาหอง แหงนหนามองดวงดาวที่พรางพราวบนทองฟา แลวจึงนั่งลง
ขัดสมาธิปรับพลังปราณบนลานกลางจวน
ไมรูผานไปนานเทาใด ดานหนาเขาพลันมีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึน้ ลูสวินอี้ลืมตา
เห็นเหมือนชายอายุราวสี่สิบกวา สวมเสื้อผาเนื้อหยาบ แตงกายแบบผูรับใชสูงวัยกําลัง
เดินเขามาหาเขา
ที่แทก็เปนผูรับใชสูงวัยซึ่งปรากฏตัวอยูขางกายเฉินจวีเฟงตอนอยูในรานขายยาชาง
หัว
ลูสวินอี้หลับตา กอนพูดเสียงเบา
“รานขายยาชางหัวถูกปดแลว ทางการกําลังตามจับตัวคนในรานทั้งหมด หมูนี้เจา
อยาเพิ่งปรากฎตัวกอนเปนดี”
“ขอรับ ขาจะระวังใหมาก” ผูรับใชสูงวัยผงกศีรษะ
“ดี” ลูสวินอี้พยักหนา ไมสงเสียงอีก
แตผูรับใชสูงวัยยังไมไปไหน ยืนมองลูสวินอี้อยูพักหนึ่ง แลวจึงเอยปากขึ้นดวยสีหนา
ซับซอน “ทานรอง ที่เบาะแสรั่วไหลในครั้งนี้มิใชฝมือผูจัดการเฉินอยางแนนอน ตั้งแตรู
ขาวทานเขาเมืองหลวง จนเดินทางมาจวนหมิงอองกับทาน ไมพบความผิดปกติของเขา
แมแตนอย”
ลูสวินอี้พยักหนานอยๆ “ดี ขารูแลว เรื่องนี้ขาตองสืบใหได”
ผูรับใชสูงวัยไดยินก็เงียบไปสักพัก แลวจึงพูดเสียงขรึม
“ทานยังสงสัยผูจัดการเฉินอยูอีกหรือ?”
ลูสวินอี้ลืมตามองดูเขา แลวสายหนาชาๆ “เจาคิดมากไป หากขาไมเชื่อใจผูจัดการ
เฉิน ไฉนจึงตรงไปยังรานขายยาชางหัวทันทีที่เขาเมืองหลวง?”
ผูรับใชสูงวัยหลุบตาลงเล็กนอย ถามเสียงขรึมตอ “ไดยินผูจัดการเฉินวา ทานเตรียม
ใหเขาออกจากการเปนผูจัดการรานขายยาชางหัว?”
สายตาลูสวินอี้คมกริบขึ้นทันที มองดูผูรับใชสูงวัย “ทําไมรึ เจารูสึกวาไมเหมาะสม
หรืออยางไร หรือวาในใจทานเฉินมีความคิดอะไรอยู?”
พอเห็นสีหนาเขา ผูรับใชสูงวัยก็มีสีหนาเครงขรึมลง “ทานรอง เห็นทีทานมิไดสงสัย
เพียงทานเฉินแลว ยังสงสัยขาดวย หากทานรูสึกวาขามีปญหา ก็สามารถใชดาบตัด
ศีรษะขาไดทันที หากเหลาเหอขมวดคิ้วสักนิด หรือรองออกมาสักแอะ ยอมไมนับเปน
ลูกผูชาย!”
“เหลาเหอ เจาควรเขาใจสถานการณในตอนนี้ของเราวามีความเปนตายเทากัน ขา
ไมมีเวลาถกปญหานี้กับเจา” ลูสวินอี้ขมวดคิ้วเขาหากัน
“ทานรอง ทานรูสึกวาเหลาเหอเปนคนไมมีเหตุผลที่พัวพันไมเลิกอยางนั้นหรือ?”
ผูรับใชสูงวัยโกรธเล็กนอย คลายมีทั้งความเศราและความไมพอใจแฝงในคําพูด
“ขาเพียงคิดไมตกวา เหตุใดทานจึงตองทําเชนนี้? เหตุใดจึงไมสนใจขา ชีวิตขา ทาน
อองเปนผูมอบให ขาไมมีความผูกพันใดๆ ขอเพียงสามารถทํางานใหทานอองไดแมเพียง
เล็กนอย จะเอาชีวิตขาเมื่อไหรก็ยอมได”
“เจาไมพอใจที่เราโยกยายทานเฉินหรือ? กําลังเรียกรองความเปนธรรมใหทานเฉิน
หรือ?” ลูสวินอี้ขมวดคิ้วนิ่ง “เหลาเหอ ยังจําไดใชไหมวากําลังภักดีตอผูใด?”
“ขารู!” เหลาเหอยิ่งรูสึกเศรา “ขารูวาทานเริ่มสงสัยวาขาทรยศทานออง!”
“ขาพูดแลววา ขาไมสงสัยในความภักดีที่เจามีตอทานออง ถาขาไมเชื่อเจา ปนั้น
ไฉนใหเจาแฝงตัวอยูขางกายทานเฉินเลา แมตอนนี้ ขาก็ยังไมสงสัยในความภักดีของเจา
แตเจาไมรูสึกหรือวาความคิดในตอนนี้ของเจาเสี่ยงอยูมาก เจากําลังทําเพื่อทานเฉินโดย
ตอตานความคิดของทานอองหรือ?”
มองไมออกวาลูสวินอี้โกรธอยูหรือไม แตน้ําเสียงเขาหนักแนนมาก
“ขากําลังเสี่ยงหรือ?” เหลาเหอใชนิ้วจิม้ จมูกตนเอง สีหนาเต็มไปดวยความซับซอน
กอนพูดตอ “ทานรอง การโยกยายทานเฉินเปนความคิดของทานออง หรือเปนความคิด
ของทานกันแน?”
“หือ?” ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืนพลัน มองดูเหลาเหอดวยรังสีฆาฟนที่กําลังคุกรุนอยูใน
ดวงตา “เจาสงสัยวาขาทรยศทานอองหรือ?”
เหลาเหอไมกลัว น้ําเสียงกลับทุมต่ําลง “ปนั้นเดิมทีทานอองคิดสงขามาคุมครอง
ความปลอดภัยใหทานเฉิน แตสุดทายกลับตองทําตามความเห็นทาน ขาจึงตอง
กลายเปนคนแฝงตัวอยูขางกายทานเฉินแทน จนถึงบัดนี้ทานเฉินก็ยังไมรูวาขาเปนคน
ของจวนหมิงออง อีกทั้งยังไมรูดวยวาขามาเปนสายอยูขางกายเขา มองวาขาเปนคน
สนิทมาตลอด ขาคอยเฝาดูการกระทําของเขาทุกกระเบียดนิ้ว
เห็นเขาทุมเททํางานใหทานอองเต็มที่ อุทิศตนครั้งแลวครั้งเลา บอกตามตรง
บางครั้งที่ขาลอบสงขาวของเขา ยังรูสึกละอายใจยิ่ง!”
พูดถึงตรงนี้ สีหนาเหลาเหอยิ่งดูยิ่งซับซอน เห็นชัดวา หลายปที่ผานมาเขารูสึกทุกข
ทรมาน
“แตขาก็ยังเห็นดวยกับความคิดทาน ในโลกอันสับสนวุนวาย เงินกอนโตเพียงนี้
จิตใจคนยอมเปลี่ยนกันได หากทานเฉินมีปญหา ยอมมีผลกระทบตอจวนหมิงอองทัง้
จวน ดังนั้นขาจึงไมกลาลืมหนาที่รับผิดชอบของตน แตอยางไรขาก็ยังไมเขาใจ เมื่อแนใจ
แลววาทานเฉินไมมีปญหา เขาเคารพนบนอบทานอองถึงเพียงนี้ มีผลงานถึงเพียงนั้น
เหตุใดทานยังไมเชือ่ ใจเขาอีก หรือสงสัยวาขารายงานเท็จ? ถาเปนเชนนี้ ทานสามารถ
จับตัวขา แลวใชวิธีทรมานเคนสอบ ขายอมไมขัดขืนแน แตทานมาถึงก็สั่งโยกยายทาน
เฉินโดยไมมีเหตุผล รานขายยาชางหัว เขาเปนผูจัดการทุกอยางกับมือจนถึงทุกวันนี้
ยอมรูสึกผูกพันอยู อยางที่ขาพูด กลับถูกมองวาไมภักดี ทานรอง เราทํางานใหทานออง
ทานทําเชนนี้ จะไมทําใหเขาเจ็บปวดใจรึ?”
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก สุดทายเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง “ยังคงพูดเหมือนในปนั้น
จวนหมิงอองใหความสําคัญกับชีวิตคนในจวนทุกคน ตอนนี้เรามาถึงเมืองหลวงแลว
วันนี้เราสูญเสียปรมาจารยไปหนึ่งคน จึงทําเหมือนเดิมไมไดอีก กิจการของรานขาย
ยาชางหัว จําตองใหผูเชี่ยวชาญทานอื่นของเรารับชวงตอ นี่ไมเกี่ยวกับเรื่องทานเฉินภักดี
หรือไม เขาอยูในตําแหนงนี้มาสามปแลว ไดพบเจอผูคนมากมาย สําหรับขา ขอเพียงมี
ความเสี่ยง ก็ตองขจัดใหสิ้น ไมผิด นี่คือการตัดสินใจของขา แตทานอองไดใหอํานาจนี้
แกขาแลว หากเจาไมพอใจ สามารถพูดตรงๆ กับทานอองได ขาไมขวางเจา ทวาขาตอง
บอกเจาใหชัดเจนวา ขอเพียงทานอองยังไมตัดศีรษะขา ขอเพียงขายังเปนผูจัดการใน
จวนหมิงออง ขายอมเปนคนเลวผูนี้เอง หวังวาเจาจะเขาใจ!”
เหลาเหอน้ําตาคลอหนวย แหงนหนามองทองฟาสักพัก แลวจึงหันกาย ไดยินเพียง
เสียงของเขาดังมา “ทานรอง ยังมีอีกเรื่องที่ขาอยากถาม”
ลูสวินอี้มองดูแผนหลังของเขา “วามา!”
เหลาเหอหันมาจองมองลูสวินอี้เขม็ง กอนพูดเสียงขรึม “เมื่อครู เหตุใดทานจึงไม
เคนถามชงเสวียนวา ไดขาวการเดินทางของทานมาจากที่ใด?”
“หือ?” ลูสวินอี้ลืมตา นิ่งไปสักพัก “เจาหมายความวาอะไร?”
“ทานตัดสินใจแลวใชหรือไมวาตองตัดรากถอนโคน สังหารทานเฉิน” เสียงของ
เหลาเหอสั่นเครือ
ลูสวินอี้ตะลึงงัน ทวาเขาใจในความหมายของเหลาเหออยางรวดเร็ว
เหลาเหอกําลังสงสัยวาเขาตั้งใจไมสืบถามความจริง เพื่อใชความผิดนี้เปนขออางใน
การสังหารทานเฉิน แววตาลูสวินอี้พลันซับซอนขึ้น เขาไดกลายเปนคนโหดรายในสายตา
ของเหลาเหอไปแลวอยางไมรูเนื้อรูตัว จึงนิ่งอยูน าน มองดูรางที่กําลังรอคอยคําตอบ
“ขาลูสวินอี้ แมชีวิตนี้ไมอาจพูดไดวาเปนคนตรงไปตรงมา แตก็ไมถึงกับมีจิตใจคด
โกง! ที่ไมถามชงเสวียนเพราะวายังไมถึงเวลา เขาซางชิงยากตอแย พวกเขาไมยอมแพ
งายๆ เปนอันขาด ไมมีแรงกดดันอยางถึงที่สุดพวกเขายอมไมมีทางรวมมืออยางจริงใจ
แน!”
เหลาเหอพยักหนา กอนพูดทิ้งทาย “ทานรอง ขาไมอยากอยูรานขายยาชางหัวตอ
แลว ใหขาอยูขางกายทานเฉินตอไดหรือไม”
ลูสวินอี้มองดูแผนหลังของเขา “ดี ชั่วชีวิตนี้จะไดไมมีใครพูดถึงเรื่องเกาในปนั้นอีก!”
เหลาเหอจากไปอยางเงียบๆ
ลูสวินอี้แหงนหนามองทองฟา แววตาซับซอนสุดเปรียบเปรย เขาไมเคยคิดถึงเรื่องนี้
จริงๆ วาเหลาเหออยูขางกายเฉินจวีเฟงสามป จะมีความกดดันเชนนี้
ใจคน ซับซอนยิ่ง!
“ทานออง! จดหมายของทานรอง...มาแลว!”
มอไปยืนอยูในหวงภวังคตรงหนาแผนที่ พลันมีเสียงดังขึ้นที่หนาประตู
เขาหันมองผูมา เห็นวาผูมาดวงตาแดงระเรื่อ จึงเอะใจ รวบรวมสติทันที “มาถึง
เมื่อไหร?”
“เมื่อครู!” ผูมายื่นจดหมายใหเขา พลางพูดเสียงสั่นเครือ “ทานอาจารย ทาน
อาจารยเขา...”
มอไปไมสงเสียง หลุบตารับจดหมาย
เนื้อหาไมซับซอน มีขาวเพียงไมกี่ขาว
“ปลอดภัยถึงเมืองหลวง พบเฉินจวีเฟงแหงชางหัว ซึ่งกังวลในการเปลี่ยนตําแหนง
ของตน...”
“ขาวรั่วไหล ถูกปรมาจารยชาวฉี จินเฉิงปาจูโจมบนถนนหมิงฝู โดยมีปรมาจารย
สํานักเตารวมดวย หูเปยวใชยาในการตอสู สุดทายตัดศีรษะสองปรมาจารยได หูเปยว
เสียชีวิต!”
“เขาวัง พยายามทําลายการเจรจากันของราชสํานักกับประเทศฉี ไดเขาเฝาฮองเฮา
ทรงสบายดี มอบจดหมายที่ทานเขียนใหแลว!”
......
มอไปจับกระดาษจดหมาย สายตาจองอยูที่คําวา หูเปยวเสียชีวิต
ผานไปสักพักคอยละสายตา จองมองประโยค ปรมาจารยชาวฉี จินเฉิงปากับ
ปรมาจารยสํานักเตารวมดวย
ผานไปครูใหญ คอยวางจดหมายลง เดินไปยืนขางหนาตาง
หมิงจูอยูต ิดทะเล ค่ําคืนในฤดูหนาวอากาศจึงเย็นมาก
“กลับไปสืบ! ตองทําดวยตนเองทุกอยาง ทํากอนคอยรายงาน!” มอไปพูดเสียงเบา
“ขอรับ!” ชายหนุมที่อยูในหองกลั้นน้ําตา ขานรับเสียงสูง
หลังชายหนุมจากไป มอไปจึงยืนอยูเพียงลําพัง มองดูทองฟาดวยแววตามืดมนครู
ใหญ แลวคอยหันกาย
เดินออกจากประตูไป
ไมนานนักก็เดินมาถึงหองหนิงเออร
หนิงเออรตื่นแลว แตยังลุกไมขึ้น ไดแตนอนอยูบนเตียง พอเห็นมอไปมาจึงเอยปาก
เรียก “นายนอย”
“อืม ดีขึ้นบางไหม?” มอไปเดินมานั่งขางเตียง จับศีรษะนางอยางออนโยน
“ขาไมเปนไร นายนอย เหตุใดไมเห็นพวกพี่ๆ มาเยี่ยมขาบาง?” หนิงเออรสงสัย
มอไปหัวเราะ “พวกเขาไหนเลยจะเหมือนเจา ตางก็มีเรื่องที่ตองทํา”
หนิงเออรรูสึกเกรงใจ “นายนอยวางใจ ตอไปขาจะไมขี้เกียจอีก ตองหมั่นฝกวิชาให
ดี!”
“รักษาตัวเองใหดีกอนคอยวากัน” มอไปชะงักแววตาเล็กนอย ลุกขึ้นยืน ยิ้มใหนาง
แลวจึงหันกาย
“นายนอย พระชายามีคนดูแลหรือเปลา?” หนิงเออรถามขึ้น
“เจาไมตองหวง อีกไมนานนางก็จะไปแลว” มอไปหันกายเดินออกจากหองไป
“ฟูว...”
เขายืนอยูหนาประตูหอง สูดหายใจเขาลึกๆ นึกถึงความตั้งใจแตแรกเริ่มของพี่นอง
เถี่ยสงที่ตองการเพียงใหทายาทตระกูลเถี่ยคนสุดทายมีชีวิตอยูตอไปเทานั้น
ไมมีทางเลือก หนทางยังตองเดินตอ
เหลือบตามองหองขางๆ ที่ปดประตูแนน
มอไปยืนเงียบๆ อยูหนาประตูสักพัก แลวคอยผลักประตูเขาไป เห็นรางในชุดสีขาว
นั่งอยูขางหนาตาง
ตั้งแตวันที่มอไปอธิบายคําพูดเหลานั้นใหนางฟง นางเหมือนไมมีทาทีเชนวันกอน
อาจใช ในโลกนี้ไมมีอะไรโหดรายไปกวา ถูกคนสนิทที่สุดทอดทิ้งอยางไมใยดี
ประตูเปดแลว แตนางยังไมหนั มามอง
มอไปเดินเขามาในหอง นั่งลงที่โตะ แลวพูดเสียงเบา “พรุงนี้ ขาสงเจาไปจากที่นี่!”
“หือ?” อาจเปนเรื่องที่นางไมคาดคิด หลินซูอินหันมองมอไปอยางงงงัน
มอไปสบตากับนาง กอนลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ!”
หลินซูอินยกเขาขึ้นกอดบนตั่ง เหมือนไมยอมเขยื้อนไปไหน มองดูแผนหลังมอไป
มอไปชะงักฝเทา หันกายกลับ “มาหมิงจูทั้งที ก็ไมควรมาเสียเปลา ขาจะพาเจาไปดู
วาแทจริงแลวหมิงจูเปนเชนไร”
ตอน 244 ขาเกลียดเจา
ค่ําคืนอันหนาวเหน็บ สายลมดุจคมมีด!
แมยังมืดค่ําไดไมนาน แตหมิงจูกลับเงียบเหงา
รถลากคันหนึ่งกําลังแลนทะลุไปตามตรอกซอกซอย โดยมีคนสองคนนั่งอยูบนรถ
คนหนึ่งสวมชุดสีดํา อีกคนสวมชุดสีขาว ซึ่งก็คือมอไปกับหลินซูอิน
ทั้งสองมิไดปลอมตัวแตอยางใด นั่งอยูดวยกันเหมือนคูรัก นั่งรถกินลมชมวิวเลนใน
เมืองชายทะเลยามค่ําคืน เพียงแตการที่ทั้งสองมิไดคุยกันทามกลางความมืดในคืนอัน
หนาวเหน็บของเมืองเหงาๆ บรรยากาศจึงดูเครงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
ลมพัดแรง พัดเอาเสื้อผาและผมเผาหลินซูอินปลิวไสว จนนางตองใชมือคอยจับไว
และในที่สุดก็หันมองคนขางๆ “เจาจะสงขาไปไหน?”
เสียงแมไพเราะดุจนกกางเขน แตโทนเสียงที่ต่ําในตอนนี้ ฟงออกวาขาดความยินดี
และรอคอย คําถามของนางจึงดูผิดปกติ ราวกับถามดวยความไมเขาใจ
มอไปหันมองผูที่นั่งอยูขางกาย นางสวมชุดขาวโดดเดน ผมปลิวไสวในความมืด แสง
ไฟแมสลัวมัว แตสายตามอไปกลับเห็นชัดวา ผานไปเพียงไมกี่วัน หญิงสาวดูซูบผอมลง
ใบหนาแลดูทรุดโทรมจากที่เคยงามสะคราญ
มอไปเขาใจ สภาพเชนนี้ของหลินซูอิน เปนเพราะนางปลอยปละละเลยตัวเอง
ไมวาเยือกเย็นขนาดไหน ก็ยอมรับความจริงอันโหดรายที่วาบิดาแทๆ ของตนคิดสง
ตนไปตายอยางไรเยื่อใยไมไดหรอก
มอไปดึงสายตากลับสูความสงบนิ่งดังเดิม กอนถามเสียงเบา “เจาอยากไปไหน?”
อยากไปไหน? แววตาหลินซูอินสั่นไหว สับสนเล็กนอย
กลับบานตระกูลหลิน?
หรือเขาซางชิง?
ผานไปสักพัก นางกลับชะงัก หลุบตาลงต่ํา แลวพูดขึ้นวา “ขาสามารถเลือกได
หรือ?”
มอไปเหลือบตามองนาง แตก็ไมไดพูดอะไร
ในตอนนี้เองที่รถมาลดความเร็วลง ทั้งสองจึงหันมองคนลากรถ ไดยินคนลากรถ
บอกวา “องคชายหก ขางหนานี่ก็ถึงแลวขอรับ”
ถึงแลว? ถึงไหน?
หลินซูอินหันมองรอบๆ แตมองไดไมไกลนัก เพราะถูกสกัดจุดโคจรพลังปราณ
เพียงเห็นมอไปพยักหนา แลวพูดอยางสงบนิ่ง “อืม ไปเถอะ”
“ขอรับ” คนลากรถหยุดรถ ไมพูดจามากความ หันมาทําความเคารพ กอนพลิ้วกาย
จากไปอยางรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ดานหลังของพวกเขาพลันปรากฎเงารางหลายสาย พลิ้วกายจากไปใน
ความมืดพรอมๆ กับคนลากรถ
“ลงรถเถอะ” มอไปกาวลงไปยืนบนพื้น แลวหันมามองหลินซูอิน
หลินซูอินหันมองรอบๆ อีกครั้ง “ที่นี่ที่ไหน?” มอไปไมตอบ หลินซูอินจึงลงจากรถ
แลวหันมายืนขางมอไป “พวกเขาไปไหนกันแลว? เจาคิดจะทําอะไร?”
นางรูอยูแตแรกแลววา มอไปมิไดพานางออกมานั่งรถกินลมชมเมืองธรรมดาแน!
ยามค่ํามืดที่รางราผูคนเชนนี้ ยังจะสามารถชมอะไรได?
มอไปมองไปยังที่หางไกลดวยสีหนาเรียบนิ่ง เหมือนความมืดไมเปนอุปสรรคกับรัศมี
การมอง เขากําลังมองดูกลุมคนที่พลิ้วกายไปเมื่อครู กอนสงเสียงเบาๆ ออกมา
“ที่นี่หมิงจู ขาจะสังหารคน!”
“หือ?” หลินซูอินตะลึงงัน นาทีถัดมา คอยรูสึกวาทองนอยตนถูกกระแทก ฝามือ
หนึ่งประทับอยูที่ทองนอยตน
นางหนาเปลี่ยนสีทันที ยกมือขึ้นจูโจมใสมอไป ทวาลมจากฝามือพัดเขาขางหูนาง
ไดยินเสียงดังหมับ แขนของนางถูกมือของมอไปยกขึ้นจับไวตั้งแตเมื่อไหรไมรู
หลินซูอินพยายามสลัดออก ทวามือขางนั้นแข็งแกรงดั่งเหล็กไหลก็มิปาน ตอใหนาง
ออกแรงดิ้นเพียงใด ก็ไมสามารถสลัดออกได
นางหนาแดง ดวงตาคอยๆ ใสกระจาง จองมองใบหนาที่ไรซึ่งความรูสึกตรงหนา
หายใจเร็วและถี่อยูสักพัก กอนสงบลงไดในที่สุด
“ปลอยขา!”
มอไปคลายมือออก แลวกาวเดินไปขางหนา
หลินซูอินที่ยืนอยูดานหลัง ตอนนี้คอยรูสึกวามีพลังความรอนที่คุนเคยสายหนึ่ง
ปะทุขึ้นที่จุดตันเถียน กอนไหลเวียนไปทั่วรางอยางรวดเร็ว นางถูกสกัดจุดโคจรพลัง
ปราณกอนออกเดินทาง และเมื่อครูมอไปไดใชฝามือคลายจุดให เพียงแตนางมิไดรูสึก
ยินดีอะไร แตกลับรูสึกหวั่นใจ จึงยืนอยูกับที่ มิไดเดินตามไป
มอไปที่เดินนําจึงชะงักฝเทา มิไดหันหลังกลับ ไดยินเพียงเสียงที่สงบนิ่งของเขาดัง
ขึ้น
“ที่ขาสกัดจุดเจาไวมิไดกลัววาเจาจะหนี แตกลัววาเจาจะตกอยูในเงื้อมมือของคน
เถื่อน ตอนนี้คนเถื่อนตองการจับตัวขา จึงตั้งดานตรวจไปทั่วทั้งหมิงจู ขอเพียงเจา
ปรากฏตัวใหเห็น ถึงมีปกก็ยากที่จะบินหนีพน”
พูดถึงตรงนี้ มอไปจึงหันมามองหลินซูอ ิน
“และพอเจาตกอยูในมือของพวกมัน ขากลารับรองไดวา กอนที่เจาจะตาย ตอง
ไดรับการทรมานอยางแสนสาหัส ถึงตอนนั้นเกรงวาเจาก็จะไมตางอะไรจากตายทั้ง
เปน!”
หลินซูอินสะดุงเฮือก กัดริมฝปากเบาๆ ทวายังมิไดเคลื่อนไหว
มอไปหันหลังกลับ “อยางไรเจาก็เปนชายาหมิงออง หากปลอยใหเกิดเรื่องเชนนี้
ขึ้นกับเจาขณะที่เจาอยูขางกาย ขาคงหนาแตกยับ!”
หลินซูอินรูสึกเศราหมอง จึงแหงนหนามองทองฟา น้ํารื้นที่ขอบตา สุดทายก็หันกาย
เดินตามมอไปไป
ขณะเดินออกจากถนนสายนี้ เหมือนไดยินเสียงคนดังเอะอะอยูดานหนา และไกล
ออกไปมีแสงสองสวางอยู หลินซูอินโคจรพลังปราณที่ฟนคืนไปยังดวงตา เห็นลางๆ วา
ดานหนาคลายมีอาคารเล็กๆ อยูหลังหนึ่ง โดยมีแสงจากดวงไฟสองสวางออกจากอาคาร
ทามกลางความมืด
นางหันมองมอไป และพบวาสายตามอไปกําลังจองมองอาคารหลังเล็กนั่นเชนกัน
ฝเทามอไปแมไมเร็ว และหลินซูอินอยากถามวาสถานที่นี้คืออะไร แตสุดทายก็เงียบ
มิไดถามออกไป ไดแตกาวเดินตามมอไป
ทันใดนั้น หลินซูอินกลับชะงักฝเทา เกร็งพลังเล็กนอย
เมื่อเห็นทหารเถื่อนกลุมหนึ่งเดินยิ้มหัวออกมาจากอาคารนั้น หนึ่งในนั้นหันมองซาย
ขวา พอเห็นทั้งสองก็หยุดชะงัก รีบเปดไฟฉายในมือขึ้นสอง
หลินซูอินระวังตัวทันที แตมอไปที่อยูข างกายกลับไมมีปฏิกิริยา ยังคงเดินไป
ขางหนา
พอแสงจากไฟฉายสาดมายังใบหนาของมอไป และรางของหลินซูอ ินที่กมหนาลง
เล็กนอย เพื่อนทหารเถื่อนที่เหลือก็คลายตื่นตัว พุงเปาสายตามายังคนทั้งสอง
จากนั้นกลุมทหารก็ยกปนขึ้นจอแลวสาวเทาเขาหา พลางตะโกนถาม “นั่นใคร!”
หลินซูอินหยุดเดิน แตมอไปพลันจับมือนางไว แลวเดินไปขางหนาตอ “ไป!”
หลินซูอินที่พลันถูกมอไปจับมือ จึงรูสึกประดักประเดิด อยากดึงมือกลับและสงเสียง
รอง แตดานหนามีทหารเถื่อนอยู ซึ่งทหารเถื่อนไมกี่คน นางยอมไมกลัว เพียงนางรูวา
สถานะของตนกับมอไปเปนเรื่องละเอียดออน อยางไรก็ดี นางไมควรโวยวาย เพราะอาจ
ทําใหมอไปกับนางมีอันตราย
จึงไดแตสูดลมหายใจเขาลึกๆ เดินตัวแข็งตามมอไปเขาหาทหารเถื่อนกลุมนั้น
“หยุด อยาขยับ!” ไมนานนัก ทั้งสองฝายก็เผชิญหนากัน
มอไปหยุดเดิน ปนหลายกระบอกในมือทหารเถื่อนหลายคนจอมายังคนทั้งสอง คน
หนึ่งจอปนลงตรงทรวงอกมอไป “หมอบลง!”
มอไปจองมองเหลาทหารเถื่อนนิ่ง ขณะทหารเถื่อนคนอื่นๆ กลับเดินมาลอมรอบตัว
หลินซูอิน มีคนหัวเราะขึ้น แลววา “พวกเจาเปนใคร เงยหนาขึ้น!”
พูดพลางมีคนยื่นมือมาจับผมของหลินซูอิน
หลินซูอินเห็นมอไปไมขยับ และตนยอมไมยอมใหทหารเถื่อนมาแตะตองตัว จึงเงย
หนาขึ้น สงเสียงดุ “หลีกไป!”
พอนางเงยหนาขึ้น ดวงไฟหลายดวงก็รีบหันมาสองตองใบหนานาง
ทหารเถื่อนหลายคนตาคางทันที ดวยตกใจที่เห็นใบหนาหลินซูอิน นาทีถัดมา สิ่งที่
ทําใหหลินซูอินคาดไมถึงก็คือ ทหารเถื่อนหลายคนนั้นพลันพุงเขาหานาง
สวนคนที่ถือปนจอมอไปอยู ก็ไมพูดอะไรมาก ยกปนขึ้นสูง คิดยิงศีรษะมอไป
หลินซูอินโกรธขึ้นหนา ไหนเลยจะใหคนเหลานี้เขาใกล ในตอนนี้เองที่มอไปปลอย
มือนาง นางจึงทะยานรางขึ้น ใชฝามือไมกี่กระบวนฟาดใสทหารเถื่อนปลิวกระเด็น แลว
จึงหันมองมอไป “พวกเราไป!”
แตนางกลับเห็นรางมอไปลางเลือน คนมิไดอยูที่เดิม จากนั้นจึงไดยินเสียงดังตุบตับ
พอหันกลับทางเดิม ก็เห็นรางที่นางฟาดปลิวกระเด็นเมื่อครู ไมมีสุมเสียงใดๆ ดังออกมา
อีก
“ไป!” เสียงนิ่งๆ ของมอไปดงั ขึ้น
หลินซูอินไดแตมองดูแผนหลังของผูที่ลงมือเอาชีวิตคนไดในพริบตาโดยไรสุมเสียง
อยางมอไป พลางหายใจถี่ แตยังคงเดินตามเขาตอ “ที่นี่คือที่ไหน พาขามาทําไม?”
หลินซูอินถามขึ้นอีกครั้ง นางมีลางสังหรณวามอไปมาที่นี่เพื่อฆาคน
และแลว มอไปก็พูดขึ้นสองคํา “ฆาคน!”
อาคารนี้คลายคายทหาร แตก็ไมคลาย!
ประตูอาคารปดสนิท ดานในเหมือนมีเสียงดังครึกโครมเล็ดลอดออกมา แตพอเดิน
เขาไปใกล เสียงที่อยูภายในก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หลินซูอินพลันหนาเปลี่ยนสี หันควับมองมอไปที่ยังคงมีสีหนาสงบนิ่ง
มอไปยกมือขึ้นกระแทกประตูอาคารหลังนอย
เปรี้ยง! เสียงสิ่งของแตกหัก
ประตูระเบิดออก
หลินซูอินมองเขาไป ดานในอาคารสวางจา ทวาภาพที่เห็นทําใหนางสั่นเทิ้มไปทั้ง
ราง รีบหันหลังกลับทันที มอไปมิไดหนั กลับ เขายืนอยูหนาประตู จองมองเขาไป ภายใต
แสงสวางนั่น ทหารเถื่อนจํานวนหนึ่งกับสภาพเปลือยเปลาทั้งราง ไมสนใจอากาศหนาว
ภายนอก กําลังขมขืนกระทําชําเราหญิงสาวที่รองไหขณะรางเปลือยเปลาอยางทารุณ
เสียงประตูระเบิดทําใหพวกเขาตกใจ มีคนรองตะโกน “นั่นใคร?”
ตอนนี้เองที่รางมอไปขยับ
เสียงกรีดรองดังไปทั่วอาคาร ตามดวยเสียงวุนวายดังอึกทึก และเสียงปนดังไมหยุด
ไมนานนัก หลินซูอินที่ยืนหันหลังอยูตรงประตูจึงไดยินเสียงที่ยังคงสงบนิ่งอยูอยาง
นั้นของมอไป
“ไป!”
หนาสวยของหลินซูอินซีดขาว นางกําหมัดแนน เงยหนามองมอไป
เนื้อตัวมอไปไมมีรอยโลหิตแมแตนอย เขาพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเย็นชา
“ที่นี่คือที่ผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารลาดตระเวนชาวฉี ทั่วทั้งหมิงจูไมรูมีทพี่ ัก
เชนนี้มากนอยแคไหน”
“นาง พวกนาง...”
หลินซูอินมิไดหันมอง เพียงชี้เขาดานใน ไปยังเหลาหญิงสาวที่กําลังรองหมรองไห
มอไปเหลือบตามองหญิงสาวที่กําลังนําเสื้อผาขึ้นมาปกปดรางกายตัวเอง บางก็หด
ตัวรองไหอยูในมุมมืด
“เปนชาวบานที่อยูในละแวกนี้”
“พวกนางทําไมถึง...” หลินซูอินเสียงสั่นเล็กนอย
นางยัง...ยังอายที่จะหันไปมอง
“ถาเมื่อครูเจาไมมีวิชาปองกันตัว เจาก็ไมตางอะไรจากพวกนาง!”
มอไปหันกาย “ไปเถอะ!”
“ไป?” ในที่สุดหลินซูอินก็หันมองดานใน ดวงตาแดงระเรื่อ
“พวกเราไปแลว พวกนางจะทําอยางไร?”
กึก! เสียงของแข็งกระทบกัน หลินซูอินพลันเบิกตากวาง
หญิงสาวสวมใสเสื้อผาที่ถูกฉีกขาดของตนเรียบรอย เดินเขาโขกศีรษะกับกําแพง
เสียชีวิตลงตรงหนาหลินซูอิน
มอไปมิไดหันมอง เขามองไปยังที่ที่หางไกล ที่ที่มีเปลวไฟและควันดําลุกโชน พรอม
เสียงปนดัง
เขาจับมือหลินซูอิน พลางกาวเทาเดิน “ไป!”
หลินซูอินสลัดมือออก มอไปจึงพูด “พวกนางไมอยากใหใครมาเห็นพวกนางใน
สภาพนี้หรอก คนที่สามารถมีชีวิตอยูตอก็จะหนีไปเอง ที่นี่ไมมีทหารเถื่อนแลว พวกนาง
ยังมีเวลาหนี”
กึก!
กึก!
ขณะหลินซูอินหันกายเดินจาก กลับมีเสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้นตอเนื่อง
นางตัวสั่นเทิ้ม น้ําตาไหลริน
“หญิงสาวบริสุทธิ์ลวนถูกทางบานนําตัวไปไวที่อื่นหมดแลว ที่นี่สวนใหญเปนหญิง
สาวที่แตงงานแลว ตกดึกถูกฉุดกระชากมา ยากที่พวกนางจะกลับบานเดิมไดอีก...คืนนี้ที่
ฆาตัวตายมิไดมีเพียงพวกนาง คนทางบานของพวกนางดวย”
มอไปถอนหายใจ กอนจับมือหลินซูอนิ จากไป
รถลากคันนั้นไมรมู าจอดไมไกลจากอาคารหลังนอย รอคอยพวกเขาตั้งแตเมื่อไร
กอนพาพวกเขาจากไปอยางรวดเร็ว
คืนนี้ รถลากคันนี้วิ่งผานหลายสถานที่
ไมรูเพราะอากาศหนาวหรือเพราะเหตุผลอื่น รางของหลินซูอินสั่นระริกไมหยุด
จนกระทั่งหลังเที่ยงคืน หมิงจูจึงเกิดเหตุโกลาหล
ทหารเถื่อนเริ่มตรวจคนทุกซอกทุกมุมของเมืองหมิงจูอยางบาคลั่ง เสียงปนดังขึ้น
เปนระยะ
โชคดีที่ทั้งสองกลับมาอยางปลอดภัย
เสื้อผามอไปเปอนโลหิต เขาสงหลินซูอินกลับหอง แตยังไมจากไปในทันที รินน้ําชา
ใสถวยแลวถือมายืนขางหนาตาง เหมือนสามารถมองเห็นความโกลาหลที่อยูหางไกล
“คืนนี้ขาฆาทหารเถื่อนไปไมนอยอีกแลว พรุงนี้ทหารเถื่อนตองแกแคนอยางสาสม
แน และจากพฤติกรรมของเขาซางชิง พวกเขาก็ยังคงนําชีวิตผูตายและผูบาดเจ็บมา
กลาวโทษขาตอ โดยตั้งธงไวที่ความหมายของศีลธรรมอันยิ่งใหญ ประณามขาวาเปนตน
ตอที่ทําใหประชาชนตองตายลงเชนนี้!”
หลินซูอินเงยหนามองมอไป สีหนานางขาวซีด มอไปพูดตอ
“มีคนบอกวา ตําแหนงองคจักรพรรดิก็แคผลัดกันชมเทานั้น ใตหลาเปนของใคร ฟา
ดินยอมกําหนดไว จะรบกันไปทําไม มันก็เปนแคผูมีอํานาจมั่งคั่งพยายามรักษาอํานาจ
และความมั่งคั่งของตนไว พลีชีพใหพวกเขาไปเปลาๆ การเจรจาสันติภาพตางหาก เปน
ทางเดียวที่จะชวยประชาชนได!”
มอไปหันกายมา
“เจาก็เห็นแลว นี่ก็คือหมิงจูหลังถูกยึดครอง ที่เจาเห็นนะเปนแคเพียงเศษเสี้ยว
เทานั้น หากเจรจาประนีประนอม หรือหยุดรบกันไดจริง พื้นที่ที่ถูกยึดครองแหงนี้ละ
หากประชาชนตองมีชีวิตอยูไปวันๆ ในสภาพแวดลอมเชนนี้ตลอดไป เจาคิดวาพวกเรา
กําลังอยูในสงครามหรือสันติภาพกันแน?”
“แนนอนวาอยูในสงคราม!” หลินซูอินพูดแลว น้ําเสียงของนางทั้งโศกเศราทั้งโกรธ
แคน
มอไปหันมามองหลินซูอินนิ่งอยูพักหนึ่ง แลวจึงหันกลับ ดื่มน้ําชาในถวยตอเงียบๆ
พอดื่มหมด ก็วางถวยน้ําชาลงบนตั่ง เงยหนามองหลินซูอนิ อีกครั้ง
“เจาคิดดีแลวหรือยัง?”
“หือ? อะไร?” หลินซูอินมองเขาอยางไมเขาใจ
มอไปจึงคอยๆ เดินเขาหานาง แลวนั่งลงขางกายนาง
หลินซูอินหนาเปลี่ยนสีเล็กนอย เพราะนางกําลังนั่งอยูบนเตียง ขณะจะลุกขึ้นยืน
มอไปพลันดึงแขนนางไว ทําใหนางรูสึกสับสน รีบถาม “เจาทําอะไร?”
“เจาไมอยากใหขาสงเจาไปไหนในวันพรุงนี้หรอกหรือ?” มอไปสบตานาง
“เจาปลอยขากอน” หลินซูอินตอบ
มอไปกลับใชแรงดึง ซึ่งหลินซูอินไหนเลยจะตานไหว นางเซเล็กนอย กอนลมลงใน
ออมอกมอไป หนานางแดง รองเสียงดัง “เจา.....”
“ในจวนยังมีคนอื่นอีก หากเจาอยากใหพวกเขาบุกเขามาก็รองตอได!” แววตามอไป
หมองหมน ไมตื่นเสียงรองของนาง เสียงของหลินซูอินคางอยูในลําคอทันที แววตาเต็ม
ไปดวยความสับสน พยายามดิ้นรน
มอไปคอยๆ คลายแขนที่โอบรัด นางจึงหลุดออกจากออมอก แตยังถูกมอไปดึงแขน
ไว นางจึงไดแตพูด “เจา เจาอยา...ทําอะไรบาบอ”
มอไปยังไมปลอยมือนาง แตละสายตาไปมองเทียนที่ตั้งอยูบนโตะ “ขาจะสงเจา
กลับเมืองหลวง!”
หลินซูอินใจเตนระรัว นาทีนี้กระทั่งจะไดกลับเมืองหลวงอยูรอมรอ แตนางกลับรูสึก
ยากที่จะบอกไดวายินดีหรือไม
นางเพียงรูสึกแปลกๆ ตั้งแตตกอยูในเงื้อมมือมอไป มอไปไมเคยแตะตองนางแมแต
นอย เดิมทีคิดวาคงไมมีอะไรแลว แตตอนนี้ นางรูสึกถึงความไมปกติจริงๆ จึงไมอยากคุย
วาจะใหสงไปที่ไหนแลว รีบเอยปาก “ดึกแลว ขาอยากพักผอน!”
“ไปถึงเมืองหลวงแลว เจาตองเขาเฝาเสด็จพอกับเสด็จแมขา จากนั้น ตองอยูใน
จวนหมิงออง!” มอไปพูดตอเหมือนไมไดยินที่นางพูด
หลินซูอินไมตอบ บรรยากาศเชนนี้ทําใหนางอึดอัด ภายใตแสงเทียน คนสองคนนั่ง
อยูดวยกัน เหตุการณเชนนี้ นางยังไมเคยประสบมากอนในชีวิต
มอไปหันมองนาง “เจานาจะจําไดวา เจาคือชายาหมิงออง ตั้งแตนี้เปนตนไป เจาก็
เปนไดเพียงชายาหมิงออง องคติ้งอูยอมรับ หลินหัวเหยาก็ยอมรับ เขาซางชิงก็ตอง
ยอมรับ!”
หลินซูอินหันมาสบตาเขา นางคิดหนีอีกครั้ง
แตมอไปใชพลังปลายนิ้วดับเปลวเทียน!
“ไม!” หลินซูอินกลัวแลวจริงๆ
แตไรประโยชน
มอไปสะบัดแขนเสื้อปดหนาตาง หองพลันมืด!
หลินซูอินใชแรงทั้งหมดตานทาน แตแมไมถูกสกัดจุด นางไหนเลยจะใชคูตอสู
ของมอไป
อยากปฏิเสธก็ยังทําไมได
หนึ่งหยดน้ําตาจึงไหลรินใหกับความสิ้นหวัง
แววตานางแคนเคืองอยางลึกซึ้ง ทําไดเพียงรองอยางเจ็บปวดออกมาคําหนึ่ง แต
สุดทายก็หลับตาลง เปลงเสียงออกมาสามคํา
“ขาเกลียดเจา!”
ตอน 245 ขาเชื่อใจเจามากกวาลูส วินอี้
ฟายังไมสาง นักพรตก็ยืนอยูหนาประตูบานหลังนอยแลว และกําลังรูสึกประหลาด
ใจเมื่อมองดูลานที่มอไปใชฝกวรยุทธอยูเปนประจํา
ตามปกติในเวลานี้ ทานอองควรเริ่มฝกวรยุทธแลว แตเหตุใดวันนี้ยังไมตื่น?
ขณะรูสึกแปลกๆ เสียงฝเทาก็ดังขึ้น ผูอารักขาเดินเขามาทําความเคารพ
“ใตเทา ทานอองเชิญใหทานขึ้นไปชั้นบน”
“ได” นักพรตผงกศีรษะ
เดินตามผูอารักขาเขาบานไป เดิมทีคิดวาผูอารักขาจะเดินนําขึ้นบันไดแลวตรงไปยัง
หองของมอไป แตไมคาดคิด ขณะกําลังจะเดินถึงหองพระชายา ประตูหองก็เปดออก
มอไปสวมเสื้อผาลวกๆ ยังไมไดมวยผม ปรากฏตัวขึ้นที่หนาประตูหอง
“หือ?” นักพรตเห็นเขาเดินออกจากหองพระชายายามเชาเชนนี้ ทาทางเชนนี้ จึง
ยืนอึ้งไปสักพัก กระทั่งลืมทําความเคารพ
แตผูอารักขายังจําได โคงตัวทําความเคารพ “ทานออง ใตเทามาแลวขอรับ”
“อืม!” มอไปไมมีทา ทีแปลกใจ พยักหนาเบาๆ “ทานตูมาหรือยัง?”
“ยังขอรับ” ผูอารักขาตอบ
มอไปพยักหนา “ไปเตรียมการเถิด!”
“ขอรับ!” ผูอารักขาทําความเคารพ กอนถอยออกไป
มอไปหันไปปดประตูหองหลินซูอินกอนหันกลับ นักพรตตั้งสติไดจึงทําความเคารพ
มอไปพยักหนาแลวหันเดินไปยังหองตนเอง พลางเอยปากถาม “จัดการเสร็จเรียบรอย
หรือยัง?”
นักพรตกําลังมองดูประตูที่ถูกปดลงดวยสายตาอันลึกล้ํา พอไดยินจึงรีบเดินตาม
พลางตอบ “พอไดรับคําสั่งจากทานออง คนในสํานักก็ออกเดินทางทันที!”
มอไปไดยินก็ยังไมพูดอะไร รอจนกลับเขาหองตนเอง นั่งลง รินน้ําชาดื่มคําหนึ่ง
แลวจึงเงยหนามองดูสีหนาวาวุนใจของนักพรตที่ยืนอยูตรงหนา กอนถามเสียงเบา
“เรื่องในเมืองหลวงเจารูหมดแลวใชไหม!”
นักพรตหนาเศรา
“ขอทานอองโปรดหักหามใจ วีรกรรมของอาจารยหู ขานอยเคารพนับถือยิ่ง แตก็
ยังรูสึกเศราเสียใจอยู ดวยคิดไมถึงวาอาจารยหูจากไปครั้งนี้ จะเปนการจากไปอยาง
ถาวร ฟานําตัววีรบุรุษไปกอนเวลาอันควรจริงๆ...”
มอไปยกถวยน้ําชาขึ้นดื่มเงียบๆ กอนวา “การเดินทางกอนหนานี้เปนการนําศีรษะ
ไมกี่ศีรษะไป ลูสวินอี้แมระวังแลวระวังอีก แตสุดทาย ขาวยังคงรั่วไหลจนได จึงตอง
ชดใชอยางสาหัสสากรรจ!”
สักพัก พอน้ําชาหมดแกว มอไปก็เงยหนาขึ้นมองนักพรตอีกครั้งพรอมดวงตาลึกล้ํา
“สวนการเดินทางของพระชายาในครั้งนี้ ระดับความเสี่ยง ขาคงไมจําเปนตองพูด
อีก!”
นักพรตรีบเก็บความเศรา เปลี่ยนเปนความกระตือรือรน โคงกายยืนยันทันที
“ทานอองวางใจ สํานักไทเสวียนสาบานวาจะคุมครองความปลอดภัยใหพระชายา
จนตัวตาย โดยไมยอหยอนพละกําลังเปนอันขาด เพียงแต...”
“พูด” มอไปเสียงเขม
“เพียงแตทานออง ตั้งแตชุยเฉาเหยี่ยนถูกทานสังหาร แวดวงผูบําเพ็ญเพียรของ
ประเทศฉีไดเพิ่มยอดฝมือเขามาในหมิงจูมากมาย เพื่อไมใหเปนการแหวกหญาใหงูตื่น
คนของสํานักขาจึงไมควรเขาหมิงจู แตจะรอรับอยูนอกหมิงจูอีกที เมื่อคืนการลงมือของ
ทานสะทานสะเทือนหมิงจู ทําใหสถานการณตึงเครียดขึ้น
เกรงวาตลอดการเดินทางออกจากหมิงจูของพระชายาในครั้งนี้จะไมราบรื่น...หรือ
เราควรรอสักพักกอน ใหทหารฉีผอนคลายการตรวจตราอยางเขมงวดลงกวานี้คอยออก
เดินทาง!” สีหนานักพรตบงบอกวากังวลใจ
แตมอไปกลับเยือกเย็น วางถวยน้ําชาลงแลววา “เจาไมตองหวงเรือ่ งเสนทาง ขา
วางแผนไวเรียบรอย!”
“ขอรับ” เมื่อนักพรตเห็นวามอไปไดตัดสินใจแลว ก็ไมกลาพูดมากอีก
มอไปลุกขึ้นยืน ไพลมือไปดานหลัง แววตาลึกล้ํา “ความปลอดภัยของพระชายา
สําคัญที่สุด ตองระมัดระวังใหมาก!”
นักพรตรูสึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเล็กนอย แตก็ไมกลารีรอ รีบเงยหนาขึ้นขานรับ
“ทานอองวางใจ ศิษยสํานักไทเสวียนตองสานตอเจตนารมณแหงความภักดีของอาจารย
หูแนนอน!”
“ไปเถอะ!” มอไปพยักหนา กอนวา “ความสามารถของศิษยสํานักไทเสวียนขารูดี
เชื่อวาพวกเจาตองไมทําใหขาผิดหวัง”
พอออกจากหอง ขณะเดินผานหองที่ปดประตูแนน สีหนานักพรตก็ซับซอนยิ่ง เขา
พลันรูสึกวาบาของตนแบกรับเรื่องอันหนักอึ้งไว และกําลังกดทับจนหายใจแทบไมออก
เขาไมใชคนโง รูดีวาการที่หมิงอองเดินออกจากหองพระชายาในสภาพผมเผา
กระเซิง เสื้อผายุงเหยิงใหเห็นนั้น หมายความวาอะไร! ตองการบอกอะไรเขา
กอนหนานี้ พูดไดวาพระชายาเปนตําแหนงเพียงในนามเทานั้น และยากแยะแยะวา
เปนเพื่อนหรือศัตรู ทวาเหตุการณที่เขาเห็นกับตาเมื่อครู พริบตานั้นพระชายานับวาไม
เหมือนเดิมอีกตอไป นางไดกลายเปนพระชายาหมิงอองอยางแทจริงแลว
เปนนายหญิงแหงจวนหมิงอองโดยสมบูรณ!
คนในจวนหมิงอองตองรับผิดชอบความปลอดภัยของนางแตกตางจากเดิมอยาง
สิ้นเชิง
และเมื่อครู แมหมิงอองไมพูดอะไรมาก ทวาคําพูดแตละคําลวนทําใหนักพรตสะดุง
ในใจ
ไดยินที่ทานอองพูดไหม?
การเดินทางของลูสวินอี้เปนการนําศีรษะเพียงไมกี่ศีรษะไปเทานั้น แตกลับตองสูจน
ตัวตาย
ตอนนี้เปลี่ยนเปนนายหญิงที่มีชีวิตแหงจวนหมิงออง สํานักไทเสวียนของเจาจะ
รับมืออยางไร ในใจนาจะรูดีอยู อีกทั้งฝมือของศิษยสํานักไทเสวียนเหนือกวาลูสวินอี้ขั้น
หนึ่ง หากสุดทายทําพลาด...
นักพรตไมสงสัยเลยวา หากเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาแลว ศิษยสํานักไทเสวียนรอด
ชีวิตกลับมาคนหนึ่ง ทานอองตองโมโหดุจสายฟาฟาดแน!
คิดถึงตรงนี้ นักพรตก็สะทานไปทั้งราง ไมกลารอชาอีก รีบสาวเทาพลิ้วกายจากไป
ทันที
ไมนานนัก ก็เห็นเขากลับมายังหองตนเอง รีบลงมือเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สงให
ศิษยคนหนึ่ง ขณะหนาผากเต็มไปดวยเม็ดเหงื่อ กอนกําชับดวยน้ําเสียงจริงจัง
“จงจําไว ตองใหเจาสํานักรูวาความปลอดภัยของพระชายามีน้ําหนักดุจเขาไทซาน
เกี่ยวของกับการอยูรอดของศิษยทุกคนในสํานักไทเสวียนเรา ตองทุมเทแรงกายแรงใจ
ทั้งหมดเต็มที่...”
ศิษยรูสึกหวาดกลัว แตก็ไมกลารีรอ รีบจากไปโดยเร็ว
หมิงจูถูกยึดครองชองทางติดตอสื่อสารกับโลกภายนอกของจวนหมิงอองลวนทํา
ดวยความระมัดระวังมาโดยตลอด ทวาตอใหระมัดระวังอยางไร ก็สามารถเกิดความ
ผิดพลาดขึ้นได เพียงแตเพื่อความปลอดภัยแลว ที่อยูของหมิงอองตองไมตกอยูในความ
เสี่ยงแมเพียงนอยนิด จึงไมสามารถทําการติดตอสื่อสารจากในจวน ซึ่งเสี่ยงตอการถูก
คนเถื่อนสืบพบ
ดังนั้นชองทางการรับสงขาวสารจึงซอนตัวอยูนอกเมือง!
การเคลื่อนไหวของนักพรต ยอมหนีไมพนสายตามอไป
ใชวาเขาไมเชื่อใจสํานักไทเสวียน ที่สํานักไทเสวียนยอมลงทุนใหกับตัวตนของ
ตนเองนั้น ไมเพียงคิดอยากไดวิชาเตาเพื่อออกทองโลกเสรี ยังคิดเปนหนึ่งในสี่สํานักเตา
ที่ยิ่งใหญ มีผลงานรับใชองคจกั รพรรดิ เพื่อความรุงโรจนในอนาคตดวย
โดยเหตุผลแลว จากพลังยุทธที่มอไปแสดงใหพวกเขาเห็น พวกเขาไมนาจะคิดไมซื่อ
แตอยางไรก็ตามพวกเขาก็เปนขุมกําลังจากสํานักเตา ซึ่งที่ผานมาจัดวามีศักดิ์ศรีในตัวตน
สูงมาก ไมเคยไดรับความกดดันใดๆ อยากใหพวกเขาเปนเหมือนพวกเถี่ยสง ทําเพื่อ
ผลประโยชนของจวนหมิงอองและสามารถพลีชีพเพื่อปกปองคนในจวนในชวงคับขัน
เห็นทีจะเปนไปไดยาก
ทวาพอตกอยูในสถานการณเมื่อครู สํานักไทเสวียนกลับไมมีหนทางถอย ทําไดเพียง
ทุมเทพละกําลังทั้งหมดดําเนินการใหสําเร็จ หากพวกเขาลงมือชนิดระเบิดพลังเต็มที่
หลินซูอินยอมมีความปลอดภัยตลอดการเดินทางเพิ่มมากขึ้นอยางไมตองสงสัย
อีกทั้งคนในสํานักลวนผานการอบรมสั่งสอนมา มีครั้งแรกก็ตองมีครั้งที่สอง เขา
ตองการใหสํานักไทเสวียนคอยๆ คุนชินกับกฎเกณฑของจวนหมิงออง
เมื่อจัดการเรื่องนี้เรียบรอย เขาก็กมลงดูเสื้อผาที่ไมเรียบรอยของตน พลันใจลอย
ขึ้นมา เงยหนามองไปยังหองขางๆ ดวงตาอันลึกล้ําปรากฏความรูสึกหลากหลาย
ลมเย็นพัดมา คอยๆ เย็นจนถึงกระดูก
เขากําลังรูสึกสับสน
เมื่อไมกี่ชั่วโมงกอนหนานี้ เขารูสึกดี กับทุกสิ่งอยาง เขาไดมาโดยไมตองบังคับ
แตตอนนี้ ความคิดความอานของเขากลับลึกซึ้ง เริ่มคิดคํานวณจิตใจผูคน วางหมาก
พิชิตใตหลา
เขาเคยเปนคนมองโลกในแงดี เปนคนดีมีน้ําใจ เปนแพทยที่มีจิตใจเมตตา ใชฝมือ
อันเกงกลาชวยชีวิตชาวประชา
แตตอนนี้ มือของเขาเปอนโลหิตไมรูกี่ครั้งตอกี่ครั้ง มีจิตสังหาร โลหิตเขมขนขึ้น
เรื่อยๆ!
เขานั่งนิ่ง ตากลมเย็น มองดูดวงอาทิตยยามเชา ในยามเงียบสงบเชนนี้ ทําใหคิดถึง
เรื่องในอดีต
“กายเปนเตา วิชายอมเปนไปตามธรรมชาติ!”
มุมปากมอไปทองหลักแหงเตา ดวงตามองทองฟา คอยๆ พึมพําออกมา
“ยามศึกสงคราม ขาไมเปนผูเสียสละ แลวใครเลาจักเปน ขาไมเปนผูกลา แลวใคร
เลาจักเปน? เมื่อใจไมนิ่ง จักรูสึกดีไดอยางไร?”
เขาคอยๆ สงบสติอารมณ จนจิตใจคอยๆ สงบนิ่งลง
ใชมือรวบผมยาวสยายที่ถูกลมตีจนพันกันยุง แววตายังคงล้ําลึก แตกระนั้นก็ยังมี
อารมณความรูสึกบางอยางที่ยากยอยสลาย ไดแตปลอยใหคอยๆ ตกตะกอน
แมมีเหตุผลมากมาย เรื่องเมื่อคืน อยางไรก็ตองรับผิดชอบ!
มิไดเพื่อปลดปลอยตนเอง เขารูสึกดีก็จริง ทวาแตไหนแตไรมา ชายชาตรีผูสงางาม
และหาญกลาไมเคยคิดหลบหนี แมตองพบกับความทุกขทรมานเขาก็ตองยอมรับ
เมื่อทําผิด ก็ไมคิดปดความรับผิดชอบ
ภายภาคหนาหากไมสามารถมีชีวิตเสรี เขาก็ไมโทษใคร รวมทั้งตัวเองดวย
เมื่อสงบนิ่งลงแลว จึงลางหนาลางตา อาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผา มวยผมใหเรียบรอย
แลวจึงนั่งลงบนโตะเขียนหนังสือ จับปากกา เขียนอะไรบางอยาง เสร็จแลวคอยลุก
ขึ้น หันกายเดินออกจากหอง มาหยุดอยูหนาหองหลินซูอ ิน
ในหองไรสุมเสียงใดๆ เขาคอยๆ หลับตา กอนลืมตาขึ้น แลวผลักประตูเขาไป
หนาตางยังคงปดอยู ในหองจึงไมคอยสวาง
บนเตียงมีมานปงตาบางๆ กั้นอยู จึงเห็นรางบนเตียงไมถนัดตา
ไดยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ มอไปจึงเดินเขามานั่งขางเตียง ผูที่อยูหลังมานเหมือน
ไมรูวามีความเคลื่อนไหวอะไรในหอง ยังไมพูดไมจา
มอไปนั่งนิ่งๆ สักพัก สุดทายจึงลุกขึ้นยืน
“เจาตองออกเดินทางหลังเที่ยง ขาใหคนจํานวนหนึ่งอารักขาเจาตลอดเสนทาง
หากพบเจอเหตุสุดวิสัยอันใด เจาตองรักษาชีวิตตนเองใหอยูรอดปลอดภัยเปนสําคัญ
อยาสนใจความเปนตายของพวกเขาจนทําใหตนเองตองตกอยูในอันตราย”
“เมืองหลวงแมปลอดภัยกวาหมิงจู แตสถานการณในตอนนี้ที่ใดก็ลวนไมสงบ ลูสวิน
อี้พักอยูในจวนขา เขาเชื่อใจได แตยังคงเปนคําคําเดิม ตองจําไว พออันตรายมาถึงตัว
ตองรักษาตัวเองใหรอดเปนสําคัญ อยาคิดถึงเรื่องอื่นเปนอันขาด”
“หลังถึงเมืองหลวงแลว เจาอยากพบเจอผูใด ขาไมหาม ไมวาจะเปนคนตระกูลหลิน
หรือเขาซางชิงก็แลวแตเจา แตตองจําคําขาไว ยามประสบเหตุเภทภัย อยาไดฝาก
ความหวังสุดทายไวกับพวกเขาเปนอันขาด ขาเขียนจดหมายไวฉบับหนึ่ง วานเจามอบ
ใหกับฮองเฮา หากรูสึกมีภัยจริงๆ ฮองเฮาจะเปนบุคคลเดียวที่เจาไวใจได และเปนบุคคล
เดียวที่ขาไวใจ”
“ขอเพียงราชสํานักยังไมลมสลาย ขอเพียงขายังไมตาย เจาเขาวังอยูขางกาย
ฮองเฮา ยอมไดรับการดูแลเอาใจใสจากพระองค และยอมไมมีใครกลาบุมบามลงมือกับ
เจา! จําไว ที่ขาพูดถึงคือเฉพาะเสด็จแม มิใชราชสํานักและเสด็จพอ หรือขุนนางระดับสูง
คนอื่นๆ”
ไมมีเสียงตอบรับใดๆ จากผูที่อยูหลังมาน
มอไปจึงเดินเงียบๆ ไปที่หนาตาง คิดเปดหนาตางออก
“ปดไว...”
เพิ่งแงมออกเพียงเล็กนอย ผูที่อยูหลังมานก็สงเสียงซึ่งปราศจากความโกรธออกมา
มอไปจึงหยุดมือ ทําตามที่นางบอก ปดหนาตางไวดังเดิม กอนหันกาย นําจดหมาย
สามฉบับออกจากแขนเสื้อ แลวคอยๆ เดินกลับขางเตียง แตพอเขาใกล กลับชะงักเทา
เงยหนาขึ้น คลายสบตากับผูที่อยูหลังมาน
สักพัก เขาก็ยื่นจดหมายเขาไปในมาน
“หนึ่งในนี้ใหฮองเฮา อีกหนึ่งใหเจา!” คนหลังมานยังไมเคลื่อนไหว
“สวนฉบับสุดทาย เปนเคล็ดวิชาสํานักเตา ขาเคยตรวจดูพื้นฐานชีพจรของเจา
พบวาเหมาะกับการฝกวรยุทธมาก อีกทั้งเจายังบําเพ็ญเพียรไดในขั้นสูง แตนั่นยังมิใชสิ่ง
ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเจา สวนเหมยอวิ๋นชิงก็มีขีดจํากัดในการบําเพ็ญเพียร พรสวรรค
ของนางสูเจาไมได ยังเรียกอาจารยไมไดดวยซ้ํา ถาใชประสบการณของนางมาสอนเจา
ก็ดูจะไมเหมาะ!” มอไปพูดเสียงเรียบ
คราวนี้คนหลังมานคลายมีความเคลื่อนไหว
มอไปรูสึกไดวาสายตาที่อยูหลังมานกําลังจองมองตน แตไมชัดเจนวานางรูสึก
อยางไร
“หากตองการแกแคนขา เจาก็ควรมีชีวิตอยูตอ แลวตั้งใจฝกวรยุทธอยางหนัก!”
มอไปหลุบตาเล็กนอย
และแลวจดหมายสามฉบับในมือเขาก็ถูกคนหลังมานรับไว แตยังไมมีเสียงใดๆ เล็ด
ลอดออกมา
มอไปจึงหันกาย กาวเดินจากไปอยางเงียบๆ แตก็หยุดอยูตรงหนาประตู คิดอะไรสัก
พัก แลวรีบกาวเดินลงบันไดไป
ไมนานนักเขาก็มาถึงหองลับ
ในหองลับ มีคนผูหนึ่ง
“องคชายหก!” อาจิ่วแหวกมาน คิดลุกขึ้นทําความเคารพ
“ไมตอง พักผอนไป!” มอไปดุ เหมือนกับวาทุกครั้งที่มาหาอาจิ่ว อารมณเขาจะเปน
เชนนี้
คนทั้งสองลวนคุนเคยในสถานะนายกับบาว
มอไปนั่งลงขางเตียง ยื่นมือออกตรวจชีพจรใหอาจิ่ว เก็บมือ แลวพูดเสียงขรึม
“วันนี้ขาตองสงพระชายากลับเมืองหลวง และเจาตองตามนางไปดวย!”
อาจิ่วเงยหนาขึ้นฉับพลัน ตาแดงระเรื่อ ริมฝปากสั่น แววตามืดมน
“องคชายหก ขา ขา ขา...”
หลังขาสามคําติด เขาก็พูดอะไรไมออกอีก
“มีอะไรก็วามา” สีหนามอไปเครงขรึม พูดเสียงขรึม
อาจิ่วกมหนา เขายังอายุนอย จึงอดไมไดที่จะหลั่งน้ําตา
“ขอรับ อาจิ่วรับคําสั่ง อาจิ่วตองปรนนิบัติดูแลพระชายาใหดี!”
“รองทําไม?” มอไปขมวดคิ้ว
อาจิ่วรีบกลั้นน้ําตาแทบไมทัน ไมกลาเงยหนา
มอไปลุกขึ้นยืน สองมือไพลหลัง สงเสียงเขม
“ใหเจากลับไปพักรักษาตัว ใชวาใหเจาเกษียณ!”
อาจิ่วเงยหนามองมอไปแวบหนึ่ง แลวจึงกมหนาตอ
“องคชายหก ขาสูญเสียกําลังภายในแลว...”
มอไปมองดูเขาพลางพูด
“สูญเสียแลวก็ฝกใหมได ขอเพียงเจายังไมตายก็พอ บาดเจ็บเล็กนอยแคนี้ ทํา
สําออยไปไย”
“องคชายหก กลามเนื้อขา...”
อาจิ่วรูเรื่องวิชาแพทย เขารูสภาพของตนเองดี แมกลามเนื้อตลอดทั้งรางไมถึงกับ
ฉีก แตตอไปอยาวาแตฝกวิชาเลย ใชมือยกของยังยาก
“ขาเคยบอกแลววา วิชาแพทยกวางขวางและลึกซึ้ง อยาคิดวามีความรูนิดหนอยก็
เขียนใบสั่งยาได เจาลืมแลวหรือไร” มอไปสีหนานิ่ง
อาจิ่วพลันตัวสั่น กมหนาลงอีกครั้ง
“มีความสามารถยังไมถึงครึง่ ถังน้ํา ก็กลาสรุปแลว ใครสอนเจาฮึ” มอไปดุเสียงขรึม
อีก
เมื่อถูกดุเชนนี้ อาจิ่วก็เอะใจ ลอบมองดูมอไป พลางทอประกายตา
มอไปคลับคลายโกรธขึ้นมา “เจาติดตามอยูขางกายขาไมใชแควันสองวัน หลายป
มานี้เจาไมไดกาวหนาขึ้นเลยรึ คนเราขอเพียงไมตายจะกลัวไปทําไม อยาวาแตเจายังไม
สูญเสียวรยุทธ หรือหากสูญเสีย แลวอยางไร เจาก็ยอมกลายเปนคนพิการเชนนี้รึ ถา
เชนนั้นวิชาแพทยที่จาสูอุตสาหเรียนมาหลายปจะมีประโยชนอะไร”
อาจิ่วเห็นมอไปโกรธ จึงเกิดหวาดกลัวจนลืมเรื่องเศราของตน รีบพูด
“องคชายหกทรงเมตตา อาจิ่วผิดไปแลว!”
มอไปยกมือขึ้นปราม “เจาบาดเจ็บสาหัส หากคิดฟนฟูพละกําลังยอมมิใชทําได
ภายในวันสองวัน อยูเมืองหลวงปลอดภัยกวาที่นี่ อีกทั้งขางกายพระชายาก็ตองมีคนคน
หนึ่งที่ขาสามารถเชื่อใจและจัดการเรื่องราวตางๆ ได ตอนนี้ดูไปดูมาก็มีแตเจาเหมาะสม
ที่สุด แมเจาไมสามารถฟนฟูกําลังภายในไดภายในวันสองวัน แตก็เคยเรียนวิชาแพทยมา
หลายวัน อยางนอยเรื่องอาหารการกินในจวนหมิงออง ก็ไมมีปญหาถามีเจาอยู ”
เมื่อแนใจวาชีวิตยังมีความหวัง และยังมีประโยชน สภาพจิตใจของอาจิ่วพลันดีขึ้น
ฟนกลับเหมือนกอน “ขอรับ องคชายหกวางใจ ขาตองระมัดระวังเต็มที่ รับรองวาพระ
ชายาปลอดภัยหายหวง”
เห็นเขากลับมามีทาทางเหมือนเดิม มอไปก็พยักหนา แลวจึงนั่งลง แววตาลึกล้ํา พูด
เสียงขรึม “อาจิ่ว สถานการณที่นี่ของเราเจาชัดเจน สถานะของพระชายาเจาก็ชัดเจน
หลังไปถึงเมืองหลวงแลว เจาจงจําไววา ตองตั้งใจ อยาใหเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาเปนอัน
ขาด ชีวิตของนางเกี่ยวพันกับความราบรื่นในการรวมมือกันตอตานประเทศฉีของราช
สํานักและคนตระกูลหลิน ประมาทไมไดแมแตนอย”
พูดถึงตรงนี้ มอไปจึงลวงปายทองออกจากอกเสื้อสงใหอาจิ่ว แลวพูดตอเสียงขรึม
“จวนหมิงอองในเมืองหลวงตอนนี้ ลูสวินอี้เปนคนจัดการเรื่องตางๆ สถานะของเจาเปน
เพียงผูรับใชขางกายพระชายา เจาสนใจแตหนาที่รับผิดชอบของตนก็พอ สวนเรื่องอื่นๆ
ใหฟงคําสั่งจากลูสวินอี้ แตถาเปนเรื่องเกี่ยวกับพระชายา เจาตองคิดใหมากกอนลงมือ
ทํา พอรูสึกวาไมเหมาะไมควร เจาสามารถใชปายทองนี้ สืบหาขอมูลทั้งหมดในจวนหมิง
ออง เพื่อประกันความปลอดภัยใหพระชายา!”
อาจิ่วเอะใจเล็กนอย ยื่นมือออกรับปายทอง รูสึกไมเขาใจเรื่องบางอยาง
พอคิดดูอีกที ก็เกิดความตื่นกลัวขึ้นในแววตา เงยหนามององคชายหกอยางหวาดๆ
“องคชายหก ทานรองเขา...”
มอไปยกมือปราม
“อยาคิดมาก ขาเชื่อใจลูสวินอี้ แตถาเลือกมอบความปลอดภัยของพระชายาใหเขา
กับใหเจารับผิดชอบ ขาเชื่อใจเจามากกวา เขาใจหรือยัง”
ตอน 246 ไปเถอะ ทานตู
“องคชายหก ทานตูมาถึงแลว!” ขณะกําลังกําชับอาจิ่ว คนในจวนก็เขามารายงาน
“ดี ใหนางนั่งรอในหองรับแขกกอน แลวขาจะรีบตามไป!” มอไปตอบกลับไป
ประโยคหนึ่งแลวจึงหันมามองอาจิ่ว พลางพูดตอ “ที่ขาพูดมาทั้งหมด เจาจําไดหรือไม?”
“ขอรับ องคชายหกวางใจ” อาจิ่วผงกศีรษะรับคําสั่ง
“อืม หลังเที่ยงออกเดินทาง พอถึงเมืองหลวง รายละเอียดตางๆ เจาจัดการเอาเองก็
แลวกัน” มอไปไมพดู มากอีก มือไพลมือหลัง หันกาย
อาจิ่วติดตามขางกายมอไปมานานหลายป จัดการเรื่องราวแทนมอไปเปนประจํา
ขอเพียงอาจิ่วเขาใจจุดประสงคสําคัญ วิธีจัดการรายละเอียดตางๆ มอไปเชื่อใจใน
ความสามารถของอาจิ่ว
“องคชายหก” อาจิ่วเรียกขึ้นอีก
“วามา” มอไปหันมอง
“หนิงเออร...” อาจิ่วลังเลเล็กนอย แตยังคงพูด “องคชายหก หนิงเออรก็บาดเจ็บ
นางจะไปเมืองหลวงกับพวกเราไหม?”
“นางไมไป” มอไปสายศีรษะ มองหนาอาจิ่วสักพัก แลววา “อยาคิดวาเมืองหลวง
ปลอดภัยกวาที่นี่จริงๆ หนิงเออรกับเจาไมเหมือนกัน เถี่ยสงกับเหลาพี่นองเปนผูสืบทอด
โดยตรงของจวนหมิงออง นางเปนนองสาวเถี่ยสง มีคนคิดมิดีมิรายกับนางนอยเสียที่
ไหน? พอเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา เจาปกปองนางไมไดหรอก”
สีหนาอาจิ่วหมองคล้ําลง ไมสงเสียงใดๆ อีก
ลาสุด ชีวิตทานตูไมคอยมีความสุขนัก
หลังจากหานไจโควเสียชีวิต ทหารฉีก็ทําการลางแคนอยางหนักหนวงและรุนแรง
กวาที่คิดไวมาก
จวนหมิงอองสามารถเรนอยูในที่ลับ แตกลุมเยาวชนไมสามารถ
กลุมเยาวชนใหญเกินไป คนก็มากเกินไป!
ในเมืองหมิงจู ธุรกิจเกือบทุกประเภทลวนมีกิจการและอิทธิพลของพวกเขาอยู
อยากหาตัวหัวหนาใหญอยางทานตูแมไมงาย แตอยากจัดการสมาชิกในกลุม
เยาวชนกลับไมยาก
หลายวันมานี้ ทหารฉีจูโจมอยางหนัก เกือบทุกวันตองมีสมาชิกจํานวนมากของกลุม
เยาวชนติดรางแห ตามดวยบุคคลสําคัญของกลุมถูกจับกุมตัวหรือถูกสังหาร!
เมื่อตองเผชิญหนากับสถานการณเชนนี้ กลุมเยาวชนยอมไมนั่งรอความตาย แตถา
ปะทะกันซึ่งหนา พวกเขายอมแพแนนอน สิ่งที่ทําไดคือ ยังคงใชความมั่นคงของหมิงจู
เขาขมขู
พวกเขากอเหตุวุนวายตามโรงงานและทาเรือตางๆ เชนรวมตัวกันนัดหยุดงาน ทํา
ใหนักธุรกิจชาวฉีไมสามารถผลิตสินคาไดอยางราบรื่น รวมตัวกันเก็บคาระวางสินคา
ทาเรือ วางระเบิดไปทั่ว การจราจรติดขัด รานอาหารหยุดกิจการ หนังสือพิมพหยุดสง
กระทั่งทําลายโรงงานไฟฟาและโรงงานผลิตน้ําประปา กอเหตุวุนวายทางสังคม ลอบ
สังหารและจับบุคคลสําคัญชาวฉีเปนตัวประกัน! เผาโกดังเก็บสินคาของคนฉี ปลน
ธนาคาร ทําลายเศรษฐกิจและสังคม
ตองบอกวา วิธีการที่กลุมเยาวชนใชตอบโต ทําใหคนเถื่อนปวดเศียรเวียนเกลาเปน
อยางมาก หากปลอยใหเปนเชนนี้ตอไปเรื่อยๆ ไมวาจะมีวัตถุประสงคทางการปกครอง
หรือวัตถุประสงคทางการทหารอยางไร คนเถื่อนยอมไมสามารถยืนหยัดอยูไดแน
เฉพาะการปราบปรามผูกอการจลาจลก็ทําใหพวกเขาตองวิ่งกันหัวหมุนแลว ไหน
เลยจะเหลือแรงเพือ่ เปนกําลังหนุนใหสมรภูมิแตละแหงอีก?
แตครั้งนี้ คนเถื่อนกลับไมยอมประนีประนอม เห็นชัดวา พวกเขาหมดความเชื่อถือ
ในตัวทานตูแลว
ดังนั้นไมวาตองจายแพงอยางไร ก็ตองทําใหนางหลุดจากตําแหนงผูนําใหได มิฉะนั้น
แลวกลุมเยาวชนตองเปนตนเหตุแหงความหายนะในหมิงจูของพวกเขาเปนแน
อีกทั้งคนเถื่อนก็ไมใชคนโงเขลาเบาปญญา ที่เอาแตปรามปรามสังหารคนอยางเดียว
พวกเขาไดออกมาตรการตอบโตเชนเดียวกัน เปนวิธีการที่ใชกับทานตูโดยเฉพาะ
ซึ่งอันที่จริง ก็ไมใชเรื่องแปลก เพราะพวกเขาทํามาโดยตลอด พยายามทําใหกลุม
เยาวชนแยกตัวออกจากการควบคุมของทานตู โดยใหคนของตนแฝงตัวเขาไปปลุกปนยุ
ยง
เพียงแตกอนหนานี้พวกเขาไมคิดมากอนวาตองจายแพงหรือแลกดวยอะไรมากมาย
และไมคิดบีบทานตูใหอับจนหนทาง คิดวาคอยๆ วางแผน แตตอนนี้กลับตองสําแดง
อํานาจบารมีใหเห็นกันตรงๆ
พวกเขาจูโจมดวยหมัดหนัก ดึงหัวไชเทาออกจากหลุม ขมขูคุกคามเอาชีวิต โดยคิด
วาภายใตแรงจูงใจของอํานาจบารมี คนในกลุมเยาวชนตองเลือกทําอะไรที่ไมเหมือนกัน
เมื่อเห็นทานตูกลายเปนคูอริที่คนฉีตองกําจัดใหได คนในกลุมเยาวชนยอมตองมี
ความคิดหลากหลาย ไมมีทางอยูเฉยแน
ซึ่งเดิมทีวิธีการเดียวที่ทานตูใชก็คืออดทน จนกวาคนเถื่อนจะมาขอประนีประนอม
แตตอนนี้ นางกลับเกรงวาคงยากที่จะยืนหยัดอยูไดนาน เพราะตองรับทั้งศึกนอก
และศึกใน อยางไรชาเร็วก็ตองแพอยูวนั ยังค่ํา
ยังดี กอนหนาที่ทานตูจะตัดสินใจเปนศัตรูกับคนเถื่อนก็ไดเตรียมใจไวแลว ตอนนี้สิ่ง
ที่นางสามารถทําไดก็คือพยายามยืนหยัดตอไปใหถึงที่สุด ไมวาผลจะเปนอยางไร ก็ตอง
กัดคนเถื่อนใหเจ็บปวดจนได!
มอไปกาวเขาไปในหองรับแขก เห็นทานตูนั่งอยูอยางสงบบนเกาอี้รับแขก
บอกตามตรง ตั้งแตพบหญิงสาวผูนี้ครั้งแรก มอไปก็อดประหลาดใจไมไดในทุกๆ
ครั้งที่พบนาง
ไมวาจะเปนหนาตาหรือรูปราง ทานตูดูออนโยน ไมมีทาทีวางอํานาจบาตรใหญ
ดังเชนผูมีบารมีทั้งหลาย
และนางก็ไมตองจงใจเลียนแบบผูชาย การแตงหนาแตงตัวก็เปนเชนหญิงสาวปกติ
เรื่อยมา ทุกอิริยาบถของนางดูนุมนวลมาก
หากไมรูมากอนวานางคือ ‘ทานตู’ ผูมีชื่อเสียงโดงดังแลวละก็ เพียงดูจาก
บุคลิกลักษณะ จะตองรูสึกวานางไมเหมือนใคร และเห็นวานางเปนหญิงสาวสูงสงที่
สวยงามโดดเดนคนหนึ่งเทานั้น
ทวาหญิงสาวเชนนี้ กลับมีอํานาจควบคุมกลุมเยาวชนมาจนถึงตอนนี้ได และใน
สภาวะเชนนี้ก็ยังไมมีใครสามารถสั่นคลอนอํานาจนางลงได
ไดยินเสียงฝเทา ทานตูก็เงยหนาขึ้น พอเห็นมอไป ก็มิไดกระตือรือรน คอยๆ ลุกขึ้น
ยืนแลวทําความเคารพ
“ทานออง”
มอไปจองหนานางนิ่ง เห็นนางสงบนิ่งเชนนี้ เขากลับรูสึกชื่นชมมาก จึงหัวเราะ
ออกมา กอนพยักหนา “ขอโทษดวยทานตู ที่ทําใหทานรูสึกไมเปนธรรม”
คําพูดนี้หมายถึงกอนหนานี้ ที่ทานตูถูกปดตากอนพามาที่นี่ แตทานตูคลายไมถือสา
สายศีรษะไปมา “ความปลอดภัยของทานอองสําคัญกวาอื่นใด ทําเชนนี้ถูกตองแลว
ทานอองไมตองเกรงใจ!”
มอไปก็ไมเสแสรงอีก เดินไปยังที่นั่งเจาของบาน กอนผายมือออก “เชิญนั่ง”
“ขอบพระทัยทานออง” ทานตูยกมือคารวะ กอนนั่งลง เงยหนาขึ้น แลวเอยปาก
ทันที “วันนี้ทานอองเรียกใหเขาเฝา ไมทราบวามีเรื่องอะไรที่ตองการกําชับหรือ?”
“ไมถึงกับกําชับ” มอไปไมถือสาที่นางถามออกมาตรงๆ พูดตอ “วันนี้ที่เชิญทานตู
มา มีเรื่องสําคัญอยูสองเรื่อง”
“อยูตอหนาทานออง มิกลาใหเรียกขานวาทาน หากไมถือ เรียกขาวา ตูเจวียน ยอม
ได” ทานตูเงยหนามองมอไป แมสีหนาเขาดูสงบนิ่ง แตแววตาปรากฏความซับซอน
ครั้งแรกที่เห็นชายผูนี้ ใครจะคิดเลาวาเขาคือปรมาจารยหนุมชื่อกองปฐพี หมิงออง
ตอนนี้นางก็ยังไมลืมทาทางของเด็กหนุมผอมบางผูถูกเสี่ยวเตาคํารามใสครั้งเดียว
แลวไอเปนโลหิตในตอนนั้น แตพอหมุนรูปภาพไป เขาก็คือผูมากบารมีที่สามารถใชหมัด
เดียวสังหารปรมาจารย...
เพิ่งคิดถึงเสี่ยวเตา ก็ไดยินมอไปพูดขึ้นพอดี
“ทานตู เรื่องของเสี่ยวเตาในวันนั้น...ตองขออภัยทานดวย!”
มิไดพูดมากความ แตทานตูกลับสะดุดกึก สบตาหมิงออง แลวหลุบตาลง เงียบไปสัก
พักคอยพูดเสียงขรึม “ตอนนั้นดวยไมทราบสถานะทานออง ขณะจัดการเรื่องในสํานัก
เสี่ยวเตาไดลวงเกิน ทําใหทานอองกริ้ว เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากขา เดิมทีขาควรเปน
ผูรับผิดชอบ!”
“ขาไวชีวิตเขา เพราะนับถือความเปนวีรสตรีของทาน สวนที่ขาสังหารเขาลวนไม
เกี่ยวของกับทาน!” แววตามอไปจริงจัง น้ําเสียงจริงใจ
ทานตูมองมอไปอีกครั้ง นางเขาใจความหมายของคําพูดนี้
ไวชีวิตเสี่ยวเตา ก็เพราะเรื่องในปนั้น
แตที่สังหารเสี่ยวเตา กลับไมเกี่ยวกับเรื่องในปนนั้ เมื่อเปนเชนนี้ นางจึงไมตอ ง
รับผิดชอบ ไมจําเปนตองแบกรับความรูสึกผิดไวในใจ
ทานตูครุนคิดสักครู ไมรูวาจริงๆ แลวนางคิดอยางไร เพียงไดยินนางพูดอยาง
ออนโยน “แลวเรื่องที่สองทีท่ านอองตองการพูด ไมทราบวาคือเรื่องอะไร?”
มอไปมองหนานาง เงียบไปสักพัก ไมคิดพูดเรื่องแรกอีกเชนกัน แววตาแนวแนพลาง
วา “ทานตู ตอนนี้คนฉีกําลังจัดการกับกลุมเยาวชนอยางบาคลั่ง ไมทราบวาทานคิด
ดําเนินการอยางไร?”
ทานตูไมตกใจกับคําถามของมอไป จึงถามขึ้นเสียงเบา “ขออภัย ตูเจวียนโงเขลา ที่
ทานอองถามเชนนี้ ไมทราบวามีคําชี้แนะใชหรือไม?”
“สถานการณกําลังตึงเครียด ขาขอพูดอยางไมเกรงใจก็แลวกัน หมิงจูถือเปนเขตยึด
ครอง ทหารฉีแข็งแกรง การที่กลุมเยาวชนยืนหยัดตอสูอยางแข็งกราวตอไปจึงไมใช
แผนการที่ดีนัก!”
มอไปพูดออกมาตรงๆ อยางไมเกรงใจ ทําใหทานตูเงียบไป ไมพูดจา รอใหมอไปพูด
ตอ
มอไปลุกขึ้นยืน มือสองขางไพลหลัง มองดูทองฟาสีสดใสที่อยูดานนอก แลวคอยๆ
พูด “กลุมเยาวชนหยั่งรากลึกในหมิงจูมานาน คนเถื่อนคิดขุดรากถอนโคน เกือบเปน
เรื่องที่เปนไปไมได สิ่งที่พวกเขาทําไดมีเพียง การเปลี่ยนผูนํากลุมเยาวชน ดังนั้นทานตู
ความปลอดภัยของทานจึงสําคัญยิ่ง”
ทานตูเงยหนา มองแผนหลังของเขา
“ขายังคงไมเขาใจความหมายของทานออง”
มอไปหันกายมาเผชิญหนากับทานตู “ขออภัยที่ขาพูดตรงๆ สถานการณในตอนนี้
ทานกําลังตกอยูในอันตราย ไมทราบวาทานเคยคิดลี้ภัยชั่วคราวหรือไม?”
“ลี้ภัยชั่วคราว?” ทานตูลุกขึ้นยืน แววตาเปลี่ยนเปนล้ําลึกฉับพลัน “ทานออง
ตองการใหขามอบกลุมเยาวชนใหหรือ?”
มอไปเห็นแววตานางวูบไหว จึงมองออกวานางกําลังเขาใจผิด แตก็เขาใจ นางตองรู
แลววาตนเองยื่นมือเขาแทรกแซงเรื่องของกลุมเยาวชนมานาน จึงพูดอยางไมปดบัง
“ทานตู เปนเรื่องจริงที่วาขาไดใหคนของขาแฝงตัวอยูในกลุมเยาวชน แตทานไม
ตองหวง ทานก็รูวาที่ขาสามารถพูดกับทานเชนนี้ไดก็เพราะไมมีจิตคิดอกุศลกับกลุม
เยาวชน เพียงแตอยูในหมิงจูไมมีทางเลือก ตองอาศัยอิทธิพลของกลุมเยาวชนเทานั้น”
ทานตูรูสึกวูบไหวอีก กมหนาครุนคิดสักพัก นางกลับเห็นดวยกับคําพูดของมอไป
เพียงกลุมเยาวชนกลุมหนึ่ง แมเปนเมื่อกอน ก็ไมคุมคาพอที่มอไปจะมายึดครอง อยาวา
แตตอนนี้ที่ภายในแตกแยกเปนหลุมเปนบอ
แตอยางไรก็เปนกิจการตกทอดจากบรรพบุรุษ นางยังคงตองสนใจ สีหนาและ
น้ําเสียงจึงออนโยนลง “เชนนี้ไมทราบวาทานออง...”
“ออกจากหมิงจู!” มอไปเปลงเสียงขรึมออกมาสี่คํา
ทานตูอึ้ง แลวจึงสงบนิ่งลง ใบหนาปรากฏรอยยิ้มนอยๆ “ขอบพระทัยทานอองที่
หวงใย เพียงแตคิดวาทานอองคงเขาใจสถานการณของกลุมเยาวชนในตอนนี้ดี มีขาอยูห
มิงจูก็ยังไมรูวาสามารถยืนหยัดไดอีกนานเทาไร แตถาขาจากไป เกรงวากลุมเยาวชนคง
ตองกลายเปนกลุมคนทรยศชาวเซี่ยที่ชวยคนเลวกอกรรมทําเข็ญแน”
“ไม ทานตูมองโลกในแงรายแลว!” มอไปเห็นนางมิไดปฏิเสธในทันที จึงกลับไปนั่งที่
เดิม แลวเริ่มอธิบาย “ขอเพียงทานยังมีชีวิต ไมวาจะอยูที่ใด ปณิธานของทานยอมสงผล
ตอกลุมเยาวชนได ทานก็รูวาหลายปมานี้ ขาวางขุมอํานาจจํานวนหนึ่งไวในกลุมเยาวชน
มีคนของขาคอยสนับสนุนคนของทาน หากเกิดการตอตานอยางไรก็ไมมีทางลุกฮือขึ้นทั้ง
กลุมแน ในทางกลับกัน หากทานไมอยู กลุมเยาวชนจะไดรูรสชาติที่แทจริงของการ
เปลี่ยนนามสกุล!”
ทานตูฟงแลวก็ไมมีปฏิกิริยาสนองตอบอะไร กลับพูดเสียงเบา “พูดเชนนี้ไดก็จริง
แตทานอองตองรูวา หากขาไปแลว แตยังคิดรักษาสิทธิ์ในการออกเสียง ตองมีผูสืบทอด
ของขาจํานวนหนึ่งคุมอํานาจอยูในกลุม ซึ่งหลังขาไป คนฉีตองจัดใหคนของพวกเขาขึ้น
ดํารงตําแหนงแทน แลวผูสืบทอดของขาจะทําเชนไร? คนฉีจะปลอยพวกเขาไวหรือ?
อยางนอยพวกเขาก็ตองถูกทอดทิ้ง”
นี่เปนปญหาที่เกิดขึ้นไดจริง แนนอนวามอไปก็เคยคิด แตเรื่องบางอยางมิไดสวยงาม
ชนิดไรที่ติ มีไดก็ตองมีเสีย
“หากทานเชื่อใจขา สามารถทิ้งรายชื่อไว ขาตองพยายามคุมครองใหพวกเขา
ปลอดภัย หากสถานการณเลวรายจริง ขาตองพยายามจัดเตรียมใหพวกเขาเดินทางออก
จากหมิงจู!” มอไปพูดเสียงขรึม
ทานตูจองมองมอไป
“ตูเจวียนดอยปญญา ดอยสามารถ ไหนเลยจะกลารบกวนทานอองเชนนี้”
“ทานตูอยาไดสงสัยไป ที่ผูแซไปเกลี้ยกลอมทานเชนนี้ มิไดคิดวางแผนใดๆ กับทาน
หรือกลุมเยาวชน เพียงแตชีวิตของทาน มีสวนเกี่ยวของกับเราเปนอยางยิ่ง”
ทานตูขมวดคิ้วเขาหากัน มอไปจึงอธิบายเสียงขรึม “ตอนแรกที่สังหารชุยเฉาเหยี่ยน
เปนการยืนยันกับทานและบอกใหคนฉีรูวา ทานกับขาเปนพันธมิตรกัน สวนการตายของ
หานไจโคว เปนเพราะขาตองการโจมตีอํานาจของพวกเขา ซึ่งหากทานถูกพวกเขา
สังหาร ก็เทากับวาพวกเขาไดแกแคนขา สถานการณในตอนนี้ ทานนาจะชัดเจน การ
เผชิญหนากับประเทศฉี ไมวาคนหมิงจู หรือคนทั้งประเทศ เราตางขาดความเชื่อมั่นและ
พลังในการเอาชนะ พวกเขามีอาวุธยุทโธปกรณทันสมัย ราวกับใครตั้งตนเปนศัตรู ก็ตอง
ตายอยางไมตองสงสัย และสถานการณเชนนี้ไมควรปลอยใหดําเนินตอไป มิฉะนั้นจะไม
เปนผลดีตอประเทศ เราตองทําใหทุกคนรูวา พวกเขาก็เปนคน ตายไดเชนกัน พวกเรา
สามารถฆาพวกเขาได ฆาแลวยังสามารถทําใหพวกเขาทําอะไรไมไดอีกดวย”
ทานตูฟงแลวก็ไมพูดจาใดๆ นางยอมรับวามอไปพูดมีเหตุผล แตจะใหนางจากไป
โดยทิ้งเหลาพี่นองงายๆ ไดอยางไร
“ทานตู ขารูวาทานคิดเชนไร แตถาทานยังอยูในหมิงจูตอ จะสามารถยืนหยัดอยูได
นานแคไหน?”
มอไปมองออกวานางรูสึกลําบากใจ จึงพูดตอ “แนนอน หากทานยืนยันวาจะอยูตอ
ขาก็ไมยอมใหทานถูกคุกคามความปลอดภัยแน แตหากทานมีภัย คนในจวนหมิงออง
ยอมตองพยายามอยางสุดความสามารถที่จะคุมครองทาน”
ทานตูจองมองดวงตาที่ไมกะพริบทั้งสองขางของหมิงออง กอนสูดหายใจเขาลึกๆ
เห็นชัดวา หากนางไมไป กลับยิ่งทําใหจวนหมิงอองเดือดรอนหนักเพราะนาง
สถานการณในตอนนี้ หากนางมีภัยขึ้นมา คิดคุมครองนาง จวนหมิงอองตองแลกดวย
อะไร?
ในที่สุด ทานตูก็คอยๆ หลับตาลง พลางถาม “คิดวาทานคงจัดเตรียมที่ทางไวใหขา
แลว”
“เมืองหลวง!” มอไปเปลงเสียงเบาๆ ออกมาสองคํา
ทานตูลืมตา “เมืองหลวงหรือ?”
“ทานเปนศิษยสํานักหวง เมืองหลวงมีสาขายอยของสํานักหวงประจําการอยู ใน
ภาวะอันตรายเชนนี้ ทานไปดูแลที่นั่นเหมาะสมที่สุด” มอไปพยักหนา
ทานตูกลับตะลึงงัน “สํานักหวงหรือ?” หรือหมิงอองไมรวู านางถูกสํานักหวงขับ
ออกจากการเปนศิษยแลว?
มอไปยอมรูแนนอน และยังคงพูดตอ “สําหรับกลุมเยาวชนแลว สาเหตุที่แทจริงของ
การอยากเปลี่ยนนามสกุล ก็เพราะพวกเขารูสึกวาการติดตามทาน มองไมเห็นความหวัง
ดังนั้นหากทานกลับสํานักหวง ก็เปนการแสดงใหเห็นวาทานยังมีอิทธิพลสํานักเตาหนุน
หลังอยู บารมีของทานก็จะมากขึ้นกวาเดิม และยอมเพิ่มความมั่นใจใหกับพวกเขาได...”
“ทานออง ขาจะกลับสํานักหวงไดอยางไร?” ตูเวยเวยอดไมไดที่จะขัดจังหวะ
มอไปมองดูนาง “แลวเหตุใดจะกลับไมได?”
ตูเวยเวยมองมอไปนิ่ง นางพูดไมออก ก็ถูกขับออกจากสํานักแลว จะใหกลับไป
อยางไร?
มอไปกลับพูดเสียงดังกอง “ขากําลังคิดจัดการกับสํานักเตา นอกเสียจากสํานักหวง
อยากทําตัวแตกตาง กลาลองพลังหมัดของขาวาสามารถทําใหพวกเขาตกจากแทนบูชา
ไดหรือไม”
ตูเจวียนอาปากคาง มองดูประกายตาเจิดจาของมอไป ผานไปเนิ่นนานก็ยังเปลง
เสียงไมออกแมครึ่งคอนคํา
ตอน 247 ตูเวยเวยมองหมิงออง
“นี่...ทานรับปากหรือยัง?”
ตูเวยเวยมิไดนั่งนานที่จวนหมิงออง พอกลับมา นางก็นําขอเสนอและจุดประสงค
ของหมิงอองบอกกับพอบานดวยสีหนานิ่งเรียบ แตพอบานกลับไมนิ่งเชนนาง เขา
ตื่นเตนอยางเห็นไดชัด สีหนาบอกความรูสึกทั้งดีใจและประหลาดใจอยางปกปดไมมิด
จะไมใหประหลาดใจไดอยางไร? ขณะเดินอยูบนหนทางที่มีแตตายกับตาย จูๆ ก็มี
หนทางปลอดภัยที่สามารถรอดชีวิตโผลขึ้นมา
เพียงแตพอมองดูสีหนาที่สงบนิ่งของทานตู ใจเขาก็เตนไมเปนระส่ํา ลึกๆ ในใจกลัว
วา ที่สุดแลวทานตูจะปฏิเสธความชวยเหลือจากหมิงออง เพราะเสี่ยวเตาถูกคนของ
จวนหมิงอองสังหาร
ดวงตาตูเวยเวยฉายแววล้ําลึก พูดเสียงเบา “ขาสามารถปฏิเสธไดหรือ?”
“ฟูว...”
แมอยูทามกลางความหนาวเย็นของฤดูหนาว แตหนาผากของพอบานก็ยังผุดเม็ด
เหงื่อขึ้น แตพอไดยินคําตอบที่แนนอนแลว เขาก็จับหนาอกแลวถอนหายใจออกมา
เหมือนรูสึกโลงไปทั้งราง เห็นไดชัดวาเมื่อครูเขารูสึกตื่นเตนแคไหน
ทานตูลุกขึ้นยืน มือไพลหลังเดินไปที่ระเบียงอาคารมองไปยังปลายฟาโดยไมพูดไม
จา
ผานไปเนิ่นนาน พอบานจึงเก็บอารมณความรูสึกกลับคืน
เขาสงบลงแลว พรอมที่จะคิดทบทวนปญหานี้อีกครั้ง
พอเห็นทาทางเครงขรึมของทานตู ความคิดอยางหนึ่งก็วาบเขามา จึงสาวเทาเขา
ใกล กอนพูดเสียงเบา
“ทานตู ทานไมจําเปนตองกังวลใจ ทานอองไมนามีจิตอกุศลกับกลุมเยาวชนเรา
หรือถา...”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงัก เหมือนมีคําพูดที่ไมควรจะพูด
ตูเวยเวยมิไดมองเขา แตดวงตาที่มองออกไปไกลกลับใสกระจาง พูดตอบอยาง
ออนโยน
“เจาอยากพูดวา ถาเขามีแผนกับเรา เรากลับยิ่งวางใจไดมากกวา?”
พอบานไดยินก็พลันเขาใจ เรื่องทั้งหมดที่ตนคิดได เกรงวาทานตูก็รูอยูแตแรกแลว
จึงไมปดบังอีก พยักหนายอมรับ
“ขอรับ ถาทานอองคิดจะทําอะไรกับกลุมเยาวชนเรา อยางนอยในระยะนี้เรา
สามารถวางใจได เพราะทานอองยอมตองทุมเทกําลังทั้งหมดมาคุมครองทาน หากไมมี
ทาน กลุมเยาวชนถูกคนฉียึดครองแน ขอเพียงทานยังมีชีวิตอยู ทานอองจึงสามารถใช
ประโยชนจากกลุมเยาวชนได”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหนามองดูทานตูอีก
“ทานตู ตามความคิดของขา ทานไมจําเปนตองคิดมาก ทานอองเปนมังกรเรนกาย
จะชาเร็วสักวันก็ตองบินขึ้นฟา จากอํานาจบารมีในวันนี้ของทานออง ตอไปตองปกครอง
ใตหลาไดแน ซึ่งถามีวันนั้นจริง และเราสามารถสนิทสนมกับทานออง สําหรับทานหรือ
กลุมเยาวชนก็ลวนเปนพร มิไดเปนภัย”
ทานตูหันกลับมามองพอบาน สายหนานอยๆ แลวพูดพรอมดวงตาใสกระจาง
“ขาไมหวงถาเขาจะยึดครองกลุมเยาวชน ขาเตรียมพรอมไวแลว หากสุดทายยันไม
อยูจริงๆ ใหกลุมเยาวชนตกอยูในกํามือของเขายังจะแข็งแกรงกวาถูกคนเถื่อนใช
ประโยชน ดังนั้นขาจึงไมไดกาํ จัดคนของเขาที่แฝงตัวอยูในกลุม พูดไมไดวาหมิงอองคือ
วีรบุรุษก็จริง แตเขาไมขายชาติ ไมขายประชาชน โลกทุกวันนี้ ถากลุมเยาวชนสามารถ
ทําประโยชนใหเขาได ขาก็ไมเสียใจ ไมวาในวันขางหนาขาจะกลับมาไดหรือไม
ขอเพียงคนตระกูลตูรุนตอๆ ไปทุมเทพัฒนาไมใหกลุมเยาวชนตองกลายเปนกลุม
ขายชาติ ไมใหลูกหลานชาวหมิงจูตองกนดาสาปแชง ขาก็ไมเสียใจแลว”
พอบานพยักหนา ยังมีบางอยางที่เขาไมเขาใจ ในเมื่อคิดตกแลว เหตุใดจึงมีทาทาง
เชนนี้ จึงเอยปากถาม
“เชนนั้นทานกําลังกังวลเรื่อง...”
ทานตูกมหนาหลุบตา น้ําเสียงแฝงความตะขิดตะขวงใจ
“ขาไปเพียงลําพัง ไมสามารถพาทุกคนไปดวย”
“เรื่องนี้ทา นไมตองคิดมาก สถานการณในตอนนี้ทุกคนลวนเขาใจดี ไมมีใครนึก
โกรธทานหรอก ขอเพียงทานปลอดภัยไรกังวล ในใจของพวกเราก็มีความหวังแลว
เพราะเรามิใชมังกรไรศีรษะเสียทีเดียว อีกอยางความปลอดภัยของพวกเขาก็มีทานออง
คอยคุมครองใหอยูม ิใชรึ? ทานวางใจได...” พอบานพูดกลับทันทีโดยไมตองคิด
ทานตูสายหนา กอนพูดดวยน้ําเสียงเศราสรอย
“ขาไมไดหวงวาทุกคนจะมองขาเชนไร เพียงแตคิดวาถาขาสามารถพาคนไปดวย มี
บางคนยินยอมละทิ้งอํานาจที่มีแลวไปกับขา แตเกรงวาคนสวนใหญจะทิ้งอํานาจไปไมลง
ไมยอมหนีไปหรอก”
พอบานพูดไมออก
เขาชัดเจนดีวา ถาทานตูจากไป คนระดับสูงในกลุมเยาวชนไมเพียงไมคิดอะไร ซ้ํายัง
ฮึกเหิมขึ้นดวย ใชวาพวกเขาไมภักดีตอทานตู แตเรื่องของอํานาจ หากมีโอกาสไดลิ้มลอง
สักครั้งหนึ่ง ก็ยากที่จะปลอยวางลง แมรูวาที่นี่อันตรายก็ยังเปนเหมือนเดิม ขอเพียงดาบ
ยังไมฟนลงมาที่คอ การแยงชิงอํานาจก็ยังคงมีอยูเปนนิจ
ทานตูแหงนหนาขึ้น มองดูทองฟาและเมฆขาว
“อยางกลุมคนรุนใหมที่ลางบางผูอาวุโสรุนกอนในปนั้นและตอนนี้กุมอํานาจอยูใน
กลุมเยาวชน ก็ลวนอยูเคียงขามานานหลายป ผูที่มีผลงานโดดเดนก็มีอยูไมนอย หลาย
ครั้งขาตกอยูในสถานการณยากลําบาก พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดเคียงขาง และทําใหขา
สามารถใชภาพลักษณของสตรี ปกครองกลุมเยาวชนที่ยิ่งใหญมาไดนานหลายป”
“แตในขณะเดียวกัน เพื่อปกครองพวกเขา กลุมเยาวชนถึงไดอนุรักษระบบผูนําเปน
ใหญเพียงคนเดียว จนทําใหถึงตอนนี้ ขาคิดอยากหาผูที่มีศักดิ์ศรีพอที่จะมาแทนขาสัก
คนก็ยังไมมี คาดวาพอขาจากไป การแยงชิงอํานาจขนานใหญตองเกิดขึ้นแน คน
ระดับสูงบางก็หัวรุนแรง บางก็รอบคอบ บางก็ใจรอน บางก็เครงขรึม บางก็มีปณิธาน
แนวแน บางทั้งโลภทั้งบากาม บางมีภูมิหลังซับซอน...ขาอยูหมิงจูยังพอควบคุม
สถานการณได แตถาขาจากไป เรื่องก็ไมงายแลว เรื่องพวกเขาแยงกันเปนใหญขาไมกลัว
กระทั่งฆากันเองขาก็ไมกลัว แตตอนนี้เราอยูในสถานการณอะไร? คนเถื่อนวางแผนหวัง
ใหเราแตกแยกมานานแลว พอเราสูกันดุเดือดรุนแรง และคนเถื่อนทําดีดวย มั่นใจไดเลย
วา ตองมีคนสวามิภักดิ์คนเถื่อนเพื่อยืมแรงหนุนแน มีหนึ่งก็ตองมีสอง มีสองก็ตองมี
สาม”
พอบานไมพูดตอ เพราะนี่คือเรื่องจริง จึงไดแตพูดวา “แตทานตู ถาทานไมไป เกรง
วา.....” พอบานกลับพูดไมออก
ทานตูยิ้มออนโยน แมนางอายุเกินสามสิบ แตการบําเพ็ญเพียร ทําใหใบหนาดูออน
กวาวัย พอยิ้มก็เหมือนดอกไมผลิบาน บริสุทธิ์ สงางาม เหมือนน้ําอันชุมชื่นและออนโยน
พูดตามตรงมอไปยงั รูสึกประหลาดใจที่หัวหนาพรรคมาเฟยมีรูปลักษณเชนนี้ ไมใชเรื่อง
แปลกถาผูที่ไมรูชื่อและประวัติของนาง จะตกตะลึงโดยไมรูตัวเมื่อแรกพบ
ทวาพอบานเคยชินแลว จึงตั้งใจฟงแตคําพูดนาง
“เหตุผลนี้ขาเขาใจ ถาขาอยูในหมิงจู ถึงตายไป เรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นอยูดี จะ
รุนแรงกวาและควบคุมไมไดดวย ดังนั้นขาจึงไมสามารถปฏิเสธหมิงออง”
พูดเชนนี้ได แตคนเราเมื่อตายทุกอยางก็จบสิ้น ก็เพราะยังมีชีวิตอยู จึงมีความคํานึง
มีความหวงกังวล
“เรื่องอาจไมกลายเปนเชนนี้ ทานลืมแลวหรือวายังมีทานอองอยู ถาเขาอยากใช
ประโยชนจากกลุมเยาวชน ตองไมนิ่งดูดาย ปลอยใหการเมืองภายในกลุมยุงเหยิงแน”
พอบานปลอบโยนใหนางสบายใจ ทั้งๆ ที่รูวาพูดไปก็ไรประโยชน ทานตูอาศัย
ความรูความสามารถกุมอํานาจมานานหลายป จะไขวเขวกับคําพูดเพียงไมกี่คําของเขา
ไดอยางไร แตไมมีทางเลือก เขากลัววาสุดทายแลวทานตูจะเปลี่ยนใจ ยืนยันที่จะอยูใ นห
มิงจูตอจนวินาทีสุดทาย
“ทานอองหรือ?” ตูเวยเวยหันมองพอบานดวยแววตาลึกล้ํา “ครั้งนี้ ขาไมคิดพาเจา
ไป!”
พอบานอึ้ง ในใจมิไดนึกแคนหรือหวาดกลัว เขาเปนคนตระกูลตู ดูแลทานตูตั้งแต
เล็กจนเติบใหญ เหมือนญาติสนิทก็วาได ความปลอดภัยของทานตูจึงสําคัญสุดสําหรับ
เขา ใหแลกดวยชีวิตก็ยอมโดยไมลังเลแมแตนอย
ที่อึ้งก็เพราะเหนือความคาดหมาย “ทานใหขาอยูที่นี่หรือ?” พูดจบก็รีบอธิบายตอ
“ทานตู ขาเกรงวาจะไมเหมาะ!”
“มิไดใหเจาเปนทานตู!” ตูเวยเวยแววตาล้ําลึกยิ่ง
“ขาคิดใหเจาอยูขางกายหมิงออง”
“หือ?” พอบานยิ่งงงเขาไปใหญ
สีหนาตูเวยเวยเครงขรึม “ทานอองเปนผูกลาแหงยุคก็จริง แตวันนี้หลังจากที่ขาได
พบเขาแลว กลับรูสึกไดถึงความจริงเรื่องหนึ่ง เขามิใชไปฉางชิงเมื่อหลายปกอน เขา
ในตอนนี้ เปยมดวยอํานาจบารมี ดังที่ทานพูด ปณิธานของเขาคือใตหลา บุคคลเชนนี้
กลุมเยาวชนสําหรับเขาแลวเปนเพียงหมากตัวหนึ่งเทานั้น ถาเขาคิดฮุบอํานาจในกลุม
เยาวชนจริง ขากลับวางใจ อยางนอยก็รับประกันไดวากลุมเยาวชนจะไดพฒ ั นาและได
ประโยชน แตขากลับมองไมเห็นความอยากเปนเจาของในสีหนาของเขาแมแตนอย
ดวงตาของเขา บุคลิกของเขา ทั้งหมดลวนคิดเพื่อประเทศชาติและประชาชน”
พูดถึงตรงนี้ ทานตูก็ยังไมรูวา ตนเองรูสึกเชนไร อยูในหมิงจูมานาน มีอํานาจอิทธิพล
และรูจักผูสูงศักดิ์ไมนอย แตวันนี้พอไดพบมอไป กลับทําใหนางนึกหวั่น รูสึกวาตนเองตัว
เล็กไปถนัดตา
คนผูนี้ไมเพียงเปลงรัศมีบารมีเชื้อพระวงศ ยังมีวิสัยทัศนกวางไกลอีกดวย ทําใหนาง
รูสึกกังวงมาก
“หมากตัวนี้เขาจะใชอยางไร? เพื่อปกปองประเทศ กลุมเยาวชนในสายตาเขาคือ
อะไร? ถาเปนประโยชนตอเขา เขายอมตองรักษาไว เชนการชวยขา ก็เพราะคํานึงถึง
สถานการณโดยรวม ไมยอมใหขุมกําลังที่เพิ่งเปนพันธมิตรถูกคนเถื่อนกลับมาปกครอง
อีกอยางงายดาย แตกลุมเยาวชนมีทานตูสักกี่คนกัน? หรือมีสักกี่คนที่เขารูสึกวาสามารถ
ใชงานไดจริงๆ บาง?”
“สําหรับขาแลว กลุมเยาวชนก็เหมือนบาน แตสําหรับเขาก็คือดาบที่ใชการได
ชั่วคราวเลมหนึ่งเทานั้น เขาสนใจแตความคมของมัน หากมีคนลังเลคิดสวามิภักดิ์คน
เถื่อน ขาจะเขาไปหยุดยั้งไมใหเกิดเรื่องเชนนี้ขึ้น แตเขากลับไม ขอเพียงมีเบาะแส เขา
ตองทําลายทิ้งทันที เขาไมมานั่งสนใจหรอกวาคนผูนี้เคยมีผลงานอะไรบางในกลุม
เยาวชน หรือมีบุญคุณกับขาตูเวยเวยหรือไม”
“สวนคนในกลุมที่มีนิสัยบุมบาม แข็งกราว อยางทานลุงฉี สําหรับทานอองแลว
ตองใชทุกวิธีไปกระตุนความหาวหาญของทาน แตจะไมไปกดดันทาน เพื่อใหคนของ
ทานอยูแนวหนาของสมรภูมิ และรบจนตัวตาย!”
พูดถึงตรงนี้ ตูเวยเวยก็รูสึกสะทอนใจ
“เรื่องลูสวินอี้ คนของจวนหมิงอองไปเมืองหลวง เจาคงรูแลว หูเปยวปรมาจารยผูมี
ฝมือโดดเดนคนหนึ่งไดเสียชีวิตลงจากการตอสูในครั้งนี้”
แววตานางจริงจัง มองพอบานดวยสีหนาซีดขาว
“นั่นขนาดเปนคนของจวนหมิงอองเอง แลวกลุมเยาวชนเราละ ใครมีความสามารถ
เชนหูเปยวหรือใกลเคียงหูเปยวบาง? คนเชนนั้นยังพลีชีพเชนนี้ เจาวาในสายตาทานออง
คนของกลุมเยาวชนเราใครสามารถไมตายบาง? ขอเพียงเปนประโยชนกับเขา ทุกคน
ลวนตายไดหมด!”
มอไปคงไมคาดคิดวา ตนเองในมุมมองของทานตูจะเปนเชนนี้
แตนี่จะวากระไรได ในเมื่อสิ่งที่เขาแสดงออกทําใหเขามีภาพลักษณเชนนี้ บาอํานาจ
รุนแรง ตอนนี้ยังมีเย็นชาเพิ่มขึ้นมาอีก ก็จริงที่วา คนเชนนี้เทานั้น จึงสามารถทําใหทุก
คนรูสึกวานากลัวและบาดีเดือด ทุกคนจึงหวาดกลัวและไมกลาลองดี
ตอน 248 ออกเดินทาง
พอบานมุมปากสั่นนอยๆ ครั้งนี้กระทั่งคําพูดปลอบใจเขาก็นึกไมออก ที่สุดจึงกม
ศีรษะ
“ทานอองทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน จึงมิใชคนเลวราย แมหลายปกอนเรา
ไมรูสถานะสูงสงของเขา แตผูคนนับไมถวนไมวายากดีมีจน ตางก็รอดชีวิตดวยน้ํามือเขา
ทําความดีขนาดนี้ เสแสรงไมไดแน สวนตอนนี้เขาก็ไมเหมือนคนเลวรายอะไร เชนคนมี
คุณธรรมอยางทาน ทานอองก็ยังใหความเคารพทุกครั้งและไมเคยดูหมิ่นแมแตนอย
ตอนที่ยังไมเผยสถานะ ก็เคยเสี่ยงอันตรายชวยทานโดยไมบอกวาเปนใคร คนที่ไมหวัง
ผลตอบแทนเชนนี้ ไมเหมือนคนไรความสามารถแนนอน!”
คําพูดนี้กลับทําใหตูเวยเวยเงียบไปพักใหญ นางรูสึกขัดแยง อาจเปนเพราะการ
ปรากฎตัวขึ้นของมอไปแปลกประหลาดเกิน นางยังไมคุนเคย แตก็ไมถึงกับแปลกหนา
ตอนเปดฉาก เขาเปนเพียงเด็กหนุมที่มีความอดทน แมเปนคนไมยอมใคร แตก็ไม
คอยเห็นความเฉียบขาด กลับดูออนโยน สงางาม รูกาลเทศะ ทําใหผูพบเห็นเกิดความ
เมตตา
เหมือนสิ่งที่อยูใกล แตกลับมองไมเห็น หลายปผานไป พบกันอีกครั้ง ไดยินชื่อเสียง
อีกครา ภาพลักษณของเขากลับเปลี่ยนไปมาก บาอํานาจ นากลัว บารมีลนฟา ซับซอน
ขึ้นกะทันหัน
ซึ่งผูรอบรูอ ยางตูเวยเวยยังยากหยั่งถึงนิสัยใจคอของเขา มีเพียงความหวาดกลัวที่
อยูในสวนลึกของจิตใจ และสุดทาย นางก็สายศีรษะ
“ชางเถอะ หวังวาจะเปนอยางที่เจาพูด แตถาไม...ขาก็ไมมีทางเลือก!”
พูดถึงตรงนี้ นางกลับไมเศราหมอง ใชดวงตาใสกระจางจองมองพอบาน แลวพูด
อยางจริงจัง
“แตไมวาจะอยางไร เราก็ตองปองกันไวกอน ขาจึงใหเจาคอยอยูขางกายทานออง”
พอบานหนังหนากระตุก ความกลัวปรากฏขึ้นในแววตา “ทานตู ขา...”
“เจาไมตองทําอะไร ขาใหเจาอยูขางกายเขา เขาก็ควรเขาใจความหมายของขา ใน
เมื่อชีวิตขายังมีประโยชน เขาก็ไมสามารถละเลยการมีอยูของขาไปได มีเจาอยูขางกาย
คอยดู อยางไรเขาก็ตองตั้งใจกับกลุมเยาวชนบาง ไมถึงกับทํารายขาเสียทีเดียว อีกทั้งขา
ไมเปนที่รูจักในเมืองหลวง การไปครั้งนี้จะโชคดีหรือโชคราย ก็ยังคาดเดาอะไรไมได เจา
จะอยูตอในกลุมเยาวชนยอมไมเหมาะสมแน ผูอาวุโสระดับสูงเหลานั้นตองไมอนุญาตให
เจาเปนหูเปนตาใหขาตอเด็ดขาด ดีไมดีอาจลงมือกับเจาอยางอํามหิต เจาอยูขางกาย
ทานอองยังปลอดภัยกวา ตัวทานอองไมเกิดเรื่อง ก็ยอมไมใหเรื่องเกิดกับเจาแน แต
สุดทายหากทานอองเกิดเรื่อง ไมวาเจาหรือขาก็ยอมมีจุดจบเชนเดียวกัน” ตูเวยเวยพูด
เสียงขรึม
ครั้งนี้พอบานเขาใจแลว ขยับริมฝปากคิดพูดจา แตพอเห็นดวงตาที่แนวแนทั้งสอง
ของทานตู ดวงตาของเขาก็แดงเล็กนอย ไดแตโคงตัวตอบรับ
“แตวา ทานไปเพียงลําพัง คนขางกายชวยจัดการเรื่องใหสักคนก็ไมมี เชนนี้จะดีได
อยางไร”
“ยังตองใชคนอีกหรือ?” ตูเวยเวยละสายตาจากพอบาน มองไปยังที่หางไกล
“หรือเจามองไมออกวา ขาไปเมืองหลวงอยางเดียวดายแตชื่อ ทวาความจริงแลวก็
เทากับประกาศใหทุกคนรูวา ขายอมจํานนใหจวนหมิงออง ขา...ยังตองการคนของ
ตัวเองไปเพื่ออะไร?”
ดวงตาพอบานแดงระเรื่อ เขาชัดเจนที่สุด ทานตูดูเหมือนออนโยนแบบอิสตรี แตใจ
เด็ดไมแพชายชาตรี คําพูดที่นุมนวลของนางเผยใหเห็นความปวดราวในใจที่ทําใหเขา
ยากรับได
ตูเวยเวยหันกาย เอยปากเสียงเบา “เรียกคนทั้งหมดมาที่นี่!”
“ขอรับ!” พอบานพยักหนา รูวากอนทานตูจากไปตองเรียกประชุมทุกคน จึงถาม
ขึ้นหนึ่งประโยค “รวมทั้ง...ผูที่พบปะคนเถื่อน ผูที่มีทาทีสวามิภักดิ์คนเถื่อน กระทั่งผูที่
สวามิภักดิ์คนเถื่อนแลวหรือไม”
ตูเวยเวยชะงักฝเทา สายศีรษะเล็กนอย ไมพูดจาอะไร
พอบานเขาใจ ทานตูไมมีเวลาจัดการพวกเขาแลว พอบานจึงมองแผนหลังทานตู
พลางวา “ขอรับ ขาจะจัดคนไปพาพวกเขามา!”
“ก็ดี เลี่ยงการโยงใยถึงผูอื่น”
ตูเวยเวยเงยนิ่งไปสักพัก คอยพูด “อยาแตะตองครอบครัวของพวกเขาเปนอัน
ขาด!”
พอบานตาคมกริบ ที่เขาจะพามาไมใชคน แตเปนชีวิตคน
“กอนไป ตองใหคนของกลุมเยาวชนจดจําใหขึ้นใจอีกครั้งวา ใครคือทานตู!”
ทานตูเปนคนเด็ดเดี่ยวไมกลัวตาย แข็งกราวไมแพชายชาตรี
อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดมองการณไกล กุมอํานาจมานานหลายป ประสบการณ ความรู
อีกยุทธวิธียอมไมแพใคร แผนการของหมิงอองครั้งนี้แฝงความนัย นางมองเห็นอยาง
ทะลุปรุโปรง มิไดเชื่ออยางบริสุทธิ์ใจวาหมิงอองใหความเคารพจึงเชิญไปอุทศิ ตนเพื่อรับ
ใชองคพระสัมมาสัมพุทธเจาแตอยางใด
นางเขาใจดี ที่ใหนางเห็นดวยกับการไปเมืองหลวงในครั้งนีห้ มายความวาอะไร แต
นางก็ยังคงเห็นดวย
ไมมีทางเลือก ปฐพีอันกวางใหญ นอกจากหมิงอองแลว ไมมีที่ทางสําหรับนางอีก
เดิมที ตามแนวคิดสวนตัวนั้น นางไมมีทางเดินบนเสนทางที่หมิงอองจัดใหเปนอัน
ขาด อยางเรื่องของเสี่ยวเตา ยังไมตองพูดถึงเรื่องแกแคนหรือไม อยางนอยนางก็ไม
ยอมรับน้ําใจมอไปแน
แมเสี่ยวเตาทําไมดีกับคนทั้งโลก แตกับนางแนนอนวามีทั้งความดีและความรัก นาง
ไมสามารถลืมความรูสึกเกาๆ เหลานั้นได
แตสุดทาย นางก็เห็นดวย ดังนั้นหลายครั้ง เมื่อคนเราไปถึงจุดหนึ่ง จะไมมีทางเปน
ตัวของตัวเองจริงๆ หรอก เรื่องราวหลายอยาง ปญหามิไดอยูที่วาอยากทําหรือไมอยาก
ทํา มีเพียงคิดวาควรทําหรือไมควรทํา
มอไปไมรวู าทานตูเศราเสียใจและมองเขาอยางไร หรือแมรู ก็ยังคงพูดคําเดิม เรื่อง
ที่ควรทําก็ตองทํา
และอยางที่เขาพูด ตองเปนเรื่องที่ทําแลวไมละอายใจ
สภาวะเชนนี้ของทานตู นอกจากจัดใหเปนเชนนี้แลว เขายังจะทําอะไรไดอีก?
หรือใหนั่งดูนางถูกคนเถื่อนสังหาร จึงจะเปนวีรบุรุษอยางแทจริง?
ใหนางอยูข างกายตนโดยไมมีเจตนาราย พยายามปกปองคุมครองนาง เชนนี้จะไม
กลายเปนวีรบุรุษผูยิ่งใหญไดอยางไร?
อยางไรก็ตาม การยอมจํานนของทานตู นับวาทําใหสถานะของเขาในหมิงจูขยับ
ขยายขึ้น ตอนนี้กองกําลังของเขายังไมแข็งแกรงพอ โดยเรื่องหลินซูอินไปหมิงจู เขาตอง
ดําเนินการกอนเวลาอันควร ทั้งๆ ที่ยังเตรียมการไดไมพรอม ดังนั้นสถานการณจึงตึง
เครียดมาก
อยางนอยเขายังไมสามารถตอสูกับอาวุธที่รุนแรงและทรงประสิทธิภาพของ
กองทัพฉีในสนามรบได เดิมทีควรตองรอ รอ แลวก็รอ...
ชั่วพริบตา ก็ไดเวลาหลังเที่ยง
จากการที่ทานตูขอตัวกลับไปประเดี๋ยว กลุมคนที่รอเดินทางหลังเที่ยง จึงตองรอไป
จนถึงเย็น
บอกตามตรง ตกกลางคืน แมเปนมอไปเองก็ยังไมมั่นใจวาจะออกจากหมิงจูไดอยาง
ปลอดภัย
นักพรตเคยเตือนมอไปแลววา ปฏิบัติการจูโจมเมื่อคืนของเขา ทําใหการขาวในหมิง
จูเขมขนขึ้น ไมจําเปนตองพูดก็รูวาคนเถื่อนตองตื่นตระหนกอีกครั้งและพยายามอยางถึง
ที่สุดในการพลิกทุกซอกทุกมุมของหมิงจูเพื่อตามหาเบาะแสทั้งหมดของจวนหมิงออง
ถาใหพระชายาออกจากหมิงจูในตอนนี้ คิดหลบหลีกหูตาสัปปะรดที่มีอยูเต็มถนน
และออกจากเมืองอยางปลอดภัยนั้นเปนไปไดยากยิ่ง
ความหมายของเขาก็คือใหรอไปกอน รอจนการขาวลดความเขมขนลงแลวคอยออก
เดินทาง
คําแนะนํานี้เดิมทีมิไดมาจากความหวงใยที่นักพรตมีตอพระชายาอยางเดียว ความ
จริงแลวเขามีเหตุผลสวนตัวดวย คืออยากใหศิษยในสํานักมีเวลาแสดงปฏิกิริยา
วันนี้เชา ทาทางของหมิงอองทําใหเขารูสึกวา การคุมครองพระชายาในครั้งนี้หาม
เกิดความผิดพลาดเปนอันขาด ศิษยในสํานักตองจัดการวางแผนใหม การเพิ่มคนเปนสิ่ง
ที่ตองทํา ขาวการหลั่งโลหิตของปรมาจารยสามทานในการเดินทางของลูสวินอี้ ไฉนจะ
ไมทําใหอาจารยในสํานักอกสั่นขวัญแขวน?
แตถึงวางแผนอยางไร พวกเขายินดีรับมือรึ? แมรับมือได แตจะรับประกันไดอยางไร
วาพวกเขาจะทําไดอยางหูเปยว คุมครองความปลอดภัยใหพระชายาชนิดสูตายไมยอม
ถอย?
นักพรตมิไดสงสัย แตเกือบจะเชื่อมั่นวา ศิษยในสํานักไมมีใครยอมรับเผือกรอนชิ้นนี้
แน
แตถึงเวลานี้แลว จะปฏิเสธงาน บอกวาไมทําแลว ก็ไมไดอีก
อีกอยาง สํานักไทเสวียน เปนฝายเสนอตัวยอมจํานนเสียเอง ดีมาก ตอนนี้หมิงออง
จัดหนาที่ใหทําครั้งแรก พอเห็นวายากลําบากก็บอกวาไมทําแลว นี่...มิใชกําลังลอเลน
กับหมิงอองรึ?
ดังนั้นนักพรตจึงอยากประวิงเวลา เผื่อใหศิษยในสํานักแสดงปฏิกิริยา
แตสุดทายกลับถูกมอไปปฏิเสธ
หากเปนเชนนี้ นอกจากเจาสํานักจะลงเขามาควบคุมสถานการณดวยตนเองแลว ก็
ไมมีวิธีอื่นอีก สํานักไทเสวียนไมมีโอกาสกลับลํา ถือวาไดตีตราประทับของหมิงอองแลว
การที่ศิษยในสํานักทุกคนลงจากเขามาปฏิบัติภารกิจใหหมิงออง หรือยังจะอธิบาย
ไดอีกวา นี่เปนเพียงเรื่องสวนตัวของศิษยบางคนที่ยอมจํานนใหหมิงอองเทานั้น
ทวานอกจากเหตุผลสวนตัวของนักพรตแลว คําพูดของเขาก็นับวามีเหตุผลอยู
ตอนนี้ฝายขาวกําลังจับตามองทุกฝเกา การรีบรอนเคลื่อนไหวจึงมีความเสี่ยงสูง
แตก็ใชวามอไปคิดบีบสํานักไทเสวียนอยางเดียว จริงๆ แลวความคิดในการ
ดําเนินการตรงกันขามของเขาเปนเพราะเสนทางที่ลูสวินอี้ใชเดินทางออกจากหมิงจู ถูก
คนเถื่อนเฝาดูอยูอยางเขมงวด ถาไมออกเคลื่อนไหวเมื่อคืนลอใหคนเถื่อนยายกําลังเขา
มาในเมือง กลับยิ่งอันตรายกวา
แตตอนนี้มีทานตูเขามาชวยอีกแรง และนางเดินทางเองได ระหวางออกนอกเมือง
จึงหายหวง
กลุมเยาวชนซอกแซกในหมิงจูมานาน เรื่องเชนนี้มอไปสูพวกเขาไมได นี่ก็เปนอีก
จุดประสงคหนึ่งที่มอไปตองการความชวยเหลืออยางเต็มที่จากกลุมเยาวชน
ยามเย็นมาถึง พระอาทิตยสาดแสงในแนวเฉียง
มอไปมิไดเขาไปในหองของหลินซูอินอีก อาจิ่วใชไมค้ํายันชวยเดินเขามารายงานวา
วันนี้ทั้งวันพระชายามิไดรับประทานอาหาร
มอไปผงกศีรษะ ไมพูดมากความ “ไดเวลาแลว ไปกันเถอะ”
อาจิ่ววางไมค้ํายันลง คอยๆ คุกเขา โขกศีรษะใหมอไป
มอไปมิไดหามปราม เพียงพูดออกมาวา “หามประมาทในทุกๆ เรื่อง ตองระวังแลว
ระวังอีก!”
การกลาวคําอําลาลวนทําใหเศราโศก โดยเฉพาะคูสามีภรรยาที่เพิ่งแตงงานกัน
แตในจวนหลังนี้ การจากลากลับเย็นชายิ่ง
หลินซูอินใชผาขาวปดบังใบหนา ไมมีความผิดปกติในทาทีแตอยางใด คลายที่ผาน
มาไมเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางแลดูสงบนิ่งกวาตอนเขาจวนมาใหมๆ ดวยซ้ํา
ไมมีใครรูว านางกําลังหลุบตาต่ําหรือกําลังมองดูใครอยู
มอไปหลบสายตาตามสัญชาติญาณ แตพอเห็นนักพรตกับกลุมผูคุมกันยืนอยูขางๆ
นาง เขาก็เดินเขาไป
ทามกลางแสงอาทิตยอัศดง สายลมออนๆ ตองใบหนา แววตาเขาวูบไหว ยื่นมือ
ออกจับมือหลินซูอนิ
หลินซูอินยืนนิ่งอยูต รงนั้นโดยไมขัดขืน
แตที่สุดแลวมอไปกลับมิไดกลาววาจาใดๆ กับนาง หันกายบอกนักพรต “ไปเถิด!”
“ขอรับ” นักพรตโคงตัว
ระยะทางชวงแรกเขาตองไปสงดวยตนเองกอน พอสงตอใหศิษยในสํานักแลวเขา
คอยกลับมา
กอนจากกัน หลินซูอินคลายเงยหนามองมอไปอยางลึกซึ้งครั้งหนึ่ง แลวจึงหันกาย
ขึ้นรถมา
“นอมสงพระชายา...” คนในจวนหมิงอองที่ยืนอยูหลังมอไปโคงกายประสานมือ
คารวะ
หลินซูอินมิไดหันกลับ เดินตรงขึ้นรถมาไป
อาจิ่วหันกลับมามองมอไปอกี ครั้ง มอไปพยักหนา อาจิ่วจึงหันกลับ เขานั่งหนารถ
มา
รถมาคอยๆ วิ่งจากไป มอไปถอนหายใจเบาๆ
มองดูความมืดที่คอยๆ คลืบคลานมา ในที่สุดก็ทะยานรางขึ้น
กลุมคนในจวนหมิงอองเพียงรูสึกวารางของเขาคอยๆ จางลง กลายเปนเงารางสาย
หนึ่ง พลิ้วไปตามทางที่รถมาวิ่งไป
ตอน 249 จอมยุทธเหมย
ลึกๆ แลวมอไปยังไมวางใจ จึงตามดูอยูในความมืด กลัววาจะเกิดเหตุไมคาดคิด
เพราะสถานะของหลินซูอินและทานตูแตกตางจากลูสวินอี้และพรรคพวกมาก
เพื่อไลลาพวกนางแลว คนเถื่อนตองจัดหนักแน ทําใหมอไปไมกลาผอนคลาย
ในตอนนี้
ขณะซอนตัวอยูในความมืดและหนทางยังราบรืน่ เขาพลิ้วกายตามรถมา มาจนถึง
ทาเรือ
เมื่อเห็นเรือเดินสมุทรขนาดกลางจอดรออยูอยางเงียบๆ พรอมทานตูที่ยืนตอนรับ
หลินซูอินอยูบนหัวเรือ เขาก็รูสึกแปลกใจยิ่ง
บนทาเรือ มีดวงไฟขนาดใหญของทหารเถื่อนคอยกวาดไปมาสอดสองคนเขาเมือง
อยู
ตอนนี้ดวงไฟสวางจา ทานตูกระโดดลงมาที่ทาเรือ นางสวมชุดสีขาว ไมปดบังโฉม
หนา คลายไมกังวลสักนิดวาใบหนาของตนจะถูกแสงไฟสาดสองใหทหารเถื่อนเห็น และ
นํามาซึ่งการรั่วไหลของเบาะแส
นางไมมีอาการลุกลี้ลุกลนรีบขึ้นเรือแมแตนอย ยืนโตงๆ ภายใตแสงไฟดวงใหญ
เหมือนเปนเจาของที่อยางไรอยางนั้น นางทําความเคารพหลินซูอินที่ลงจากรถมา และ
เดินขึ้นเรือไปดวยกัน
มอไปที่เรนกายอยูในความมืด เห็นทั้งสองคอยๆ เดินกันไปอยางสงบ จึงมิไดออกไป
เรงเรา
สุดทาย ทุกคนลวนไดขึ้นเรือโดยดุสดี!
เสียงคลายเสียงหวูดเรือดังแหวกความเงียบอันมืดมิด แลวใบเรือก็คอยๆ ถูกชักขึ้น
กอนที่คนทั้งหมดจะเขาหองโดยสาร มอไปไมเห็นหลินซูอินหันมองกลับมาเลยสัก
นิด ในใจรูสึกวูบไหว จึงไดแตเงียบไป
เรือออกจากฝงไปไกลแลว แตผูที่เรนกายอยูในความมืดอยางมอไปยังไมจากไป
กระทั่งแนใจแลววารอบดานไมมีความผิดปกติใดๆ จิตใจที่ตึงเครียดจึงผอนคลายลง
และอดไมไดที่จะเศราเสียใจ
“มังกรแกรงไมเปนอริกับงูเจาถิ่น ผลที่สุดก็ไมควรดูแคลนกลุมเยาวชนที่อยูในหมิงจู
มานานและรูชองทางหลบหนีเปนอยางดี!”
เห็นไดชัดวา เสนทางในวันนี้ มิใชเสนทางที่คนในจวนหมิงอองเคยใช
ตอนนี้เวลานี้ เขาตองยอมรับวา ในเมืองหมิงจู หากเปนเรื่องกึ๋นแลวละก็ ไมวาคน
เถื่อนหรือเขามอไป เมื่ออยูตอหนาทานตูแหงกลุมเยาวชน ลวนตองยอมรับนับถือจากใจ
จริง
เหนือความคาดหมายของเขาอยางสิ้นเชิง คิดไมถึงจริงๆ วาสถานการณในตอนนี้
ทานตูยังสามารถหนีไปไดอยางสบายๆ ไมมีอาการเรงรีบแตอยางใด ประหนึ่งออก
ทองเที่ยวธรรมดาก็ไมปาน
ความมั่นใจและอํานาจอันยิ่งใหญ ทําใหคนรูสึกไดอยางแทจริง โดยเฉพาะมอไป อด
ไมไดที่จะรูสึกทึ่งในตัวหญิงสาวผูนี้อีกครั้ง
ถาไมมีทานตู เขายอมมีวิธีสงหลินซูอินไปเมืองหลวง แตเปนไปไดอยางยิ่งวาตอง
เปนเสนทางที่แปดเปอนโลหิตอีก เขายอมรับวา ไมมีทางทําอะไรสบายๆ ไดอยางทานตู
แน
กอนจากไป เขาโคจรพลังปราณที่สายตาเพื่อใชมองทะลุผานความมืดไปยังเรือเดิน
ทะเล และเห็นเปนลางๆ วาทานตูยืนรับลมทะเลอยูทายเรือ
เรือไปไกลมาก ซึ่งมอไปไมสามารถเห็นลักษณะทาทางที่ชัดเจนของนาง เพียงเห็น
เสื้อผาและเสนผมที่ปลิวไสวตามแรงลม
นางสงบนิ่งมาก ยืนมือไพลหลังไมขยับ มองดูผืนแผนดินที่คอยๆ หางออกไป รางที่
เตรียมจากไปของมอไปพลันชะงัก คลายถูกทองฟาคั่นกลางขณะสบตากับทานตู
สุดทาย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
ทานตู...หญิงสาวที่แข็งแกรงไมแพบุรษุ ที่สุดแลวก็ทิ้งภาพสีที่ยากซีดจางไวในใจของ
เขา
เดิมทีเขาทั้งสองไมสนิทกัน การติดตอไปมาหาสูยิ่งไมตองพูดถึง
แตหญิงสาวกลับใหภาพประทับใจที่ลึกซึ้งกับมอไปมาก มิใชความสัมพันธระหวาง
หนุมสาว เพียงแตคนเชนนางเพียงพอใหมอไปจดจําไวมิรูลืม
ทามกลางโลกอันแสนสับสนวุนวาย ทานตูอาจไมนับเปนวีรสตรี แตมอไปรูสึกวา
ประวัติศาสตรควรจารึกถึงมุกเม็ดงามเม็ดนี้...หมิงจู! (แปลวามุกเม็ดงาม)
ไมผิด นี่เปนความคิดเห็นที่มอไปมีตอนาง มุกเม็ดงามแหงหมิงจู!
นางมิไดมีกายเปนบุรุษก็จริง แตลักษณะนิสัย ความรูความสามารถ จิตวิญญาณ
ทาทาง วิธีการ เพียงพอที่จะทําใหบุรุษในใตหลาเหงื่อตก
“รักษาตัวดวย”
มอไปประสานมือใหกับความมืด แลวจึงหันกาย เงารางรางเลือน กอนเลือนหายไป
ในมานวิกาล
เสนทางที่กาวเดิน มีผูคนมากมายที่ทําใหจดจํา แตเขาเพียงหลงเหลืออนาคตไว เพื่อ
หวนนึกและพูดถึงคนและเรื่องที่นาทึ่งในปนั้นๆ
เปรี้ยง เปรี้ยง ปง ปง!
ดึกขนาดนี้แลว ระหวางทางกลับบาน มอไปพลันไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวชุดหนึ่ง
ทําใหรางที่พลิ้วดุจสายลมพลันหยุดนิ่ง ดวงตาคมวาวขึ้นในพริบตา หันกายจองมองไกล
แตพอหันกลับจากการมองไปยังทิศของเสียง แววตาก็ชะงักคาง
ที่ที่หางจากเขาไมไกล เปนเขตที่อยูอาศัยของผูมีอันจะกิน แตละบานตางจุดโคมไฟ
ตามดวยเสียง เปรี้ยงปรางดังสนั่นหวั่นไหวแหวกทองฟายามค่ําคืนไมหยุด
ความคมวาวในดวงตาของมอไปคอยๆ จางหายไปพรอมกับเสียงที่ทําใหคนหมิงจู
หวาดผวา
เขาไมไดเขาใกล แตกลับฟงออกวานั่นมิใชเสียงปน แตเปนเสียงประทัด
เสียงประทัดที่ดังขึ้นกลางดึก!
ฟงเสียงประทัดแลวมองดูบานนอยที่แขวนหอยโคมแดงจนใจลอย กอนคอยๆ เรียก
สติกลับคืน
“ใกลปใหมแลวหรือ!” มอไปหยุดชะงัก มุมปากพึมพําเสียงเบา
พักนี้เขาใชชีวิตอยางเครงเครียดและเรงรีบ หันมองอีกที กลับลืมไปวาที่แทวันนี้เปน
วันกอนวันตรุษจีน
ฉะนั้นวันสงทายปเกาซึ่งเปนวันที่คนในครอบครัวไดมาอยูพรอมหนากันก็เหลืออีก
ไมถึงหนึ่งอาทิตย
แหงนหนามองทองฟา แลวหันมองเมืองหมิงจูทมี่ ืดมิดและเงียบเหงา
ปนี้...ปนี้.....ในที่สุดก็ผานไป
วันเวลาที่ซอนตัวอยูนานหาป ที่สุดแลวก็สิ้นสุดลง
ปนี้ สําหรับผูคนที่มีชีวิตอยูบนผืนแผนดินนี้ ลวนยากลืมเลือน
แตบางคน ปนี้ กลับมีชีวิตที่นับวาดีไมนอย
เชนศิษยสํานักเตาหนึ่งรอยแปดแหง
ไมวาโลกจะวุนวายเพียงใด พวกเขาก็ยังคงนั่งโดดๆ อยูบนเขา มองเมฆลอยละลอง
ไปมา
เกิดสงครามไปทั่ว แตสิ่งที่พวกเขาของเกี่ยวกลับมิใชอาวุธ โลหิต และการตอสูที่
โหดราย แตเปนการรําลึกถึงองคเซิ่งอูผ ูทําสงครามอยางเกรียงไกรในอดีตเมื่อหลายรอย
ปที่แลว
ไมผิด โลกวุนวายเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ถึงเวลาแลวที่พวกเขาจะมีชีวิตราบเรียบอีก
ครา เดิมทีพวกเขารุงโรจนชชั วาลมาก แมตอนนี้ไมคึกคักเชนเดิม แตก็ใชใจเผชิญความ
ยากลําบาก เตนรําอยูในโลกอันวุนวาย อธิษฐานใหความรุงโรจนคงอยูตลอดกาล
พวกเขาไมเสี่ยงอันตราย ไมคิดแปดเปอนโลหิต ซึ่งปนี้นับวาราบรื่นสมใจ ใครจะ
เปนผูควบคุมสังคมก็แลวแต พวกเขายังคงสูงสงไดยิ่งๆ ขึ้น มองดูเดือนยามฤดูใบไมผลิ
ฟงเสียงสายลมยามฤดูใบไมรวง
เพียงแต...
เมืองจูเจียงมีภูเขาสลับซับซอนและมีแมน้ําอยูเคียงกัน ที่ตั้งและภูมิประเทศ
สําหรับตาเซี่ยแลว อยูในสวนกลางของแผนที่ ที่นี่มีดินและน้ําอุดมสมบูรณ ถูกจัดใหเปน
ศูนยกลางผลิตผลทางการเกษตรในอนาคต
ภูเขาที่มีชื่อเสียงมากสุดของเมืองจูเจียงคือเขาเซิ่งซาน หรืออีกชื่อหนึ่งคือเขาซางชิง
ที่คุนเคยกันดี ซึ่งมีตํานานเลาขานเกี่ยวกับเทพเซียนโบราณมากมาย เปนสถานที่บําเพ็ญ
เพียรของนักพรตแหงเขาซางชิง
ภูเขาแหงนี้พูดแลวไมธรรมดา ตั้งอยูบนที่สูงชัน หรืออาจสูงสุดดวยซ้ํา สูงจน
สามารถมองเห็นกอนเมฆลอยอยูรอบตัว เปนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คลายมีกลิ่นอายเทพ
เซียนสถิตอยูจริงๆ
แตแทจริงแลวนักพรตแหงเขาซางชิงเคยบําเพ็ญเพียรอยูที่นี่หรือไม กลับยากที่จะ
วินิจฉัยวาจริงเท็จอยางไร ซึ่งตอนนี้ภูเขาเซียนลูกนี้เปนของใคร มีเพียงฟาดินเทานั้นที่รู
ไมผิด ในบรรดาสํานักเตารอยแปดสํานัก สี่ขุนเขามีชื่อเสียงโดงดัง รุงโรจน และ
ยิ่งใหญสดุ ซึ่งเขาซางชิงก็เปนหนึ่งในนี้
เพียงแต...แมมีชื่อเสียงจากนักพรตชื่อดัง ที่นี่ก็ยังคงเปนที่อยูอาศัยของมนุษยเดิน
ดิน มิใชเซียน และมนุษยก็มักมีเรื่องไมคาดคิด
อยางปนี้ ศิษยเขาซางชิงเดิมมีชีวิตที่ดีพอสมควร โลกวุนวายสําหรับพวกเขาแลวไม
มีอะไรนากลัว แตใครจะคาดคิดเลาวา นี่ก็ใกลถึงเทศกาลปลายปแลว แตพวกเขากลับ
เงียบสงบไมลงจากเขา
การประชุมในสํานักเตามีขึ้นไมบอยนัก ลาสุดเปดประชุมไปเมื่อคืน ซึ่งมีคนเดิน
เขาๆ ออกๆ ไมหยุด
เหตุการณนี้ทําใหศิษยบางคนตกตะลึง ตองทราบวาผูที่เดินเขาออกมิใชบุคคล
ธรรมดา จํานวนหนึ่งเปนผูมากความสามารถของสํานักเตาที่หาตัวจับยาก ซึ่งปกติแลว
จะอยูในปาลึก ไมคอยปรากฏตัวใหเห็น
แตสองวันมานี้ศิษยในสํานักเห็นหนาคาตาพวกเขาบอยขึ้น โดยแตละครั้งจะเห็น
พวกเขารวมตัวกันประชุมอยางเปนทางการ บรรยากาศเชนนี้ทําใหศิษยในสํานักรูสึกตึง
เครียดขึ้นอยางไมมปี ไมมีขลุย
วันนี้หลายคนรูสึกหวั่นใจ เปนหวงวาจะเกิดเรื่องกับศิษยพี่เหมย
การปรากฏตัวของหมิงอองและการเสียชีวิตลงของปรมาจารยหลายทาน แมสํานัก
เตาไมตั้งใจใหเปนขาว แตเรื่องใหญเชนนี้อยางไรก็ไมสามารถปกปดได ที่ไหนมีคนที่นั่น
ยอมมีขาวลือ ไมสามารถปดชองตามประตูหนาตางไดหมดตลอดกาล
สองวันมานี้การมารวมตัวประชุมกันของบุคคลระดับสูง ทําใหขุนเขาเลื่องชื่อแหงนี้
ไมสงบเหมือนวันกอนอีกตอไป แมผูอาวุโสทั้งหลายพยายามหามปรามไมใหเลาลือกัน
ภายใน ใหพูดแต ‘ความจริง’ ทวาขนาดเหลาผูอาวุโสเองก็ยังยากสงบจิตสงบใจ แลวจะ
ใหเหลาศิษยไมหวั่นใจอยางไรไหว
“ถึงตอนนี้แลวจื้อเฟงก็ยังไมกลับมา ไปฉางชิงโอหังเชนนี้ คิดวาตองมีแผนในใจแน
ศิษยในสํานักตางก็รูสึกหวั่นใจ และสวนมากหวาดหวั่น พวกเขาจึงคิดวาตองรีบสรุปผล
การประชุมดวน เพราะยิ่งนานวันชีวิตของจื้อเฟงก็ยิ่งนาเปนหวง!”
เขาซางชิงมีสานุศิษยมากมาย เฉพาะที่เปนศิษยผานพิธีรับเขาสํานักจริงๆ ไมรวมคน
รอบขางก็มีหลายรอยคนแลว กลุมใหญเชนนี้ยอมตองแบงงานกันทําเปนกลุมยอยๆ
ผูพูดเมื่อครูคือรองเจาสํานัก นักพรตชงหลิง ซึง่ มีสีหนาเครงเครียด แววตาเต็มไป
ดวยความวิตกกังวล
แมเปนรองเจาสํานัก แตความจริงแลวในเขาซางชิง ผูที่มีตําแหนงสูงสุดมีเพียงหนึ่ง
เดียว นั่นคือจอมยุทธเหมย และจอมยุทธเหมยยังมีทายาทอีก ดังนั้นตําแหนงของเขาใน
เขาซางชิงจึงดูประดักประเดิดอยูบาง มีตําแหนงแตอํานาจกลับมีไมมาก
เขามีหนาที่จัดการเรื่องทั่วไปในเขาซางชิงแทนจอมยุทธ เพื่อใหจอมยุทธไดบําเพ็ญ
เพียรโดยไมถูกรบกวน แตหนาที่นี้กลับมีความรับผิดชอบไมนอย ตอนนี้พอไดขาวจากชง
เสวียน เขาก็นั่งไมติด แตก็ไมกลาพูดใหชัดเจน เพราะตองรักษาอํานาจบารมีใหจอมยุทธ
และปกปองไมใหเหมยจื้อเฟงไดรับอันตราย
เมื่อตองอยูตอหนาผูอาวุโสของสํานัก เขาก็รูสึกกระอักกระอวน จึงไดแตขอ
ความเห็นจากทุกทาน
และแลวตอนนี้ผูคนที่นั่งอยูใ นที่ประชุมตางก็มีสีหนาไมสูดี เห็นความหวาดกลัวใน
แววตาที่ปดไมมิด
ผูมีลักษณะคลายเทพเซียนทานหนึ่งพูดขึ้น
“ไปฉางชิงนั่นอาจารยทานใดเปนผูถายทอดวิชาให? เขามีฝมือจริงรึ ตองตรวจสอบ
ใหชัดเจน จริงเท็จแคไหนทีศ่ ิษยนองหลิวถูกเขาฟาดตายในหนึ่งฝามือ?”
คําพูดนี้มิไดถูกยกขึ้นมาถกกันแคครั้งเดียว ชงหลิงพูดไมออก ไดแตพยักหนา
“เรื่องนี้...ไดรับการยืนยันแตแรกแลว”
ตอน 250 รบ
จวนหมิงออง
ชงเสวียนมาถึงแตเชา
และมิตองยืนรอนานที่หนาประตู ถูกเชิญใหเขาไปนั่งในหองรับแขกอยางรวดเร็ว ซึ่ง
ทําใหความกระวนกระวายใจที่มีอยูแตเดิมสงบนิ่งลง เขากลอกตาเล็กนอย คิดในใจ
“ทานจอมยุทธไมนาผิดพลาด ดูแลวหมิงอองมิไดบําเพ็ญเพียรถึงขั้นจอมยุทธจริง
เปนเพียงการแสดงเพื่อขมขวัญเทานั้น”
คิดถึงตรงนี้ เขาก็รูสึกสบายใจขึ้น พอไดยินเสียงฝเทาดังเขามา จึงวางถวยน้ําชาลง
แลวเงยหนามอง
ผูมาเปนลูสวินอี้ตามคาด
เขารีบลุกขึ้นยืน กวาดตามองลูสวินอี้อยางรวดเร็ว และเห็นวาลูสวินอี้ในตอนนี้ ตาง
จากวันนั้นอยางสิ้นเชิง มิไดสวมเสื้อผาโชกโลหิต ผมเผามัดเรียบรอย มิไดดูกระหาย
โลหิตเชนวันนั้นอีก แตกลับดูออนโยนและสงางาม ที่สําคัญเมื่อดูสีหนาลูสวินอี้ เขาก็รูสึก
แปลกใจเล็กนอย
เพิ่งผานไปแควันสองวัน ลูสวินอี้ที่บาดเจ็บสาหัสในวันนั้น มีสีหนาดูดีขึ้นผิดหูผิดตา
มาก ชงเสวียนคิดในใจวูบหนึ่ง
‘หากไมมีหมอเทวดาฝมือดีจัดยารักษาอาการบาดเจ็บใหละก็ ไมมีทางฟนฟูไดเร็ว
ขนาดนี้แน!’
แตตอนนี้เขามิไดมาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ทวาเมื่อเห็นลูสวินอี้มีสีหนาสงบเสงี่ยม มิได
เปลี่ยนทาทีเมื่อเห็นเขา เพียงเหลือบมอง แลวเดินไปนั่งอยางเงียบๆ ชงเสวียนซึ่งอยูใน
เมืองหลวงมานานและมีทักษะการเจรจาสูง กลับยังคงรอยยิ้มบนใบหนาไว ไมถือโทษ
โกรธลูสวินอี้ที่ไรมารยาท เพียงยกมือขึ้นคารวะเหมือนเพื่อนเกาที่ไมไดเจอกันมานาน
กอนพูดขึ้นอยางอารมณดี
“ทานลู ผูเฒามารบกวนอีกแลว หวังวาคงไมทําใหเสียเวลาในการบําเพ็ญเพียรของ
ทาน”
ลูสวินอี้มิไดขึ้นไปนั่งในตําแหนงเจาบาน นี่คือจวนหมิงออง ตําแหนงเจาบานมี
เพียงหมิงอองเทานั้นที่นั่งได เขาเดินมายืนหนาที่นั่งตรงขามชงเสวียน สีหนาเรียบนิ่ง
ขณะมองชงเสวียน สายตาเย็นชา เห็นไดวามิไดมีทาทียินดีแตอยางใด ทวาอยางไรก็เปน
แขกผูมาเยือน เขาจึงคอยๆ ยกมือคารวะตอบ กอนถามออกมาตรงๆ
“ทานนักพรตมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง หรือวายังมีเรื่องอะไรที่อยากชี้แนะเพิ่มเติม?”
“มิกลา!”
คําพูดกระแนะกระแหนมิไดทําใหสีหนาชงเสวียนเปลี่ยน กลับเพิ่มรอยยิ้มใจดีบน
ใบหนาขึ้นอีก มองออกวา ครั้งนี้เขามิไดมีเจตนามาเปนศัตรูกับจวนหมิงออง
ถูกตอง หากคิดเปนศัตรู ก็ไมจําเปนตองมา
เขายกมือคารวะอีกครั้งพรอมใบหนายิ้มแยม พลางพูดตามมารยาท
“ทานลูบําเพ็ญเพียรในขั้นสูง และยังทํางานในจวนอองอีก ผูเฒาไหนเลยจะกลา
สามหาวตอหนาทาน”
“ทานนักพรตลอขาเลนแลว!” ไดยินเชนนี้ ลูสวินอี้ก็ยิ่งเพิ่มความเย็นชาบนใบหนา
มองเขาพลางวา “ตอหนาทานนักพรต ผูแซลูไหนเลยจะกลาพูดเรื่องระดับการบําเพ็ญ
เพียร ใครจะไมรูบางวาสํานักของทานเปนสํานักเตาชั้นแนวหนา มีศิษยผูมีวิชาเตาไร
ขีดจํากัดมากมาย กระทั่งสุมสี่สุมหาสงมาสักคนหนึ่ง เพียงยกฝามือขึ้นก็สามารถทําใหผู
แซลูบาดเจ็บปางตายแลว”
“มิกลาๆ...” ชงเสวียนยกริมฝปากขึ้นเล็กนอย ยืนอยูที่เดิม ไมรูวาควรพูดตาม
มารยาทอยางไรตอดี ขืนพูดหัวขอนี้ตอ เรื่องของอาจารยหลี่ตองถูกหยิบยกขึ้นมาแน
บรรยากาศเริ่มเครียด
“หากทานนักพรตมาเพื่อตักเตือนผูแซลูถึงความยิ่งใหญเกรียงไกรของสํานักทาน
แลวละก็ ขอทานจงวางใจ ผูแซลูรูอยูแ กใจแตแรกแลว ทานนักพรตไมจําเปนตองมา
เฉพาะเจาะจงอีกรอบ”
ลูสวินอี้มิไดนั่งเชนกัน ยืนมือไพลหลังหันกายมองไปดานนอก
“ขออภัยทาน ผูแซลูมีอาการบาดเจ็บอยู ขอตัว!”
พูดจบก็ยกเทากาวเดิน
อีกแลว พูดแคสองสามคําก็ไล ทวาครั้งนี้ชงเสวียนมิไดจากไปเหมือนครั้งกอน
เพราะครั้งกอนยังไมมีขอมูลในใจ ครั้งนี้ไดความรูจากทานจอมยุทธ เขายอมตองทํา
ภารกิจใหสําเร็จกอนคอยไป
“เขาใจผิดแลวๆ...” ชงเสวียนรีบยกมือขึ้นปรามใหลูสวินอี้อยูตอ
ลูสวินอี้ชะงักเทา กอนพูดวา “ถูกแลว เกรงวาตองบอกทานนักพรตอีกอยาง ผูแซลู
ไมมีความสามารถก็จริง แตในจวนหมิงอองอยางไรก็ยังมีผูที่ใชงานไดอยู สํานักทาน
ยิ่งใหญคบั ฟาก็จริง แตจวนหมิงอองก็ไมปลอยใหถูกลบหลูไดงายๆ เชนตอนนี้ ตอหนา
ดวงวิญญาณของศิษยนองขา ยังคงมีศีรษะหนึ่งศีรษะวางอยู”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็หันมองสีหนาที่นิ่งคางของชงเสวียน ตาทอประกาย “ทาน
นักพรตยังจําไดไหม?”
เงียบ
ชงเสวียนปรารถนาบรรยากาศอบอุน แตสุดทายกลับเปนไปไดยากแลว
แนนอน เขาควรนึกถึงเรื่องที่เขาซางชิงเคยลงมือหลายตอหลายครั้งกับจวนหมิงออง
สองวันกอนยังทําใหคนในจวนเสียชีวิตไปหนึ่ง มีหรือที่จวนหมิงอองจะทําเหมือนไมมี
อะไรเกิดขึ้นแลวยิ้มตอนรับเขา?
ตระกูลอื่นอาจทําได แตที่นี่ เกรงวาไมได
ชงเสวียนคอยๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหนา ในเมื่อพูดตามมารยาทไปก็ไมไดทําให
บรรยากาศดีขึ้น เชนนั้นก็ควรเขาเรื่องตรงๆ ดีกวา เขาเงยหนามองลูสวินอี้ที่ยังมิไดเดิน
จากไปจริงๆ จึงลดความกังวลใจลง
เห็นไดชัดวา ชงเสวียนคิดวาตนเองคาดเดาความคิดของคนในจวนหมิงอองออก
จอมยุทธบอกแลววา เปนไปไมไดที่หมิงอองจะฝกวิชาไดถึงขั้นจอมยุทธ
หรือพูดอีกอยางก็คือ จริงๆ แลวหมิงอองยังไมมีความสามารถประมือกับทานจอม
ยุทธ
เมื่อเปนเชนนี้ คําทารบ ก็เปนการสําแดงฤทธิ์เดชตบตาแลว
หรือคิดเดิมพันใหเขาซางชิงยอมประนีประนอมกอนเทานั้น
พอชงเสวียนเขาใจ จึงรูวาเหตุใดลูสวินอี้ถึงตองแข็งกราวเชนนี้ ถาไมแข็งกราว มี
หรือจะสามารถควบคุมเขาซางชิงได?
“ทานลู ที่ผูเฒามาในวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากหารือดวย ขอเวลาทานสักนิด เรื่อง
เมื่อครั้งกอนที่ทานเปนตัวแทนของทานอองสงจดหมายใหจอมยุทธแหงเขาซางชิง คิดวา
ทานคงจําได”
ชงเสวียนสบตากับลูสวินอี้ สีหนาจริงจัง
ลูสวินอี้หางตากระตุกเล็กนอย ผิดจากที่ชงเสวียนคาด สีหนาลูสวินอี้เหมือนคาดไม
ถึง “เรื่องนี้มีขอสรุปแลว พวกเรายังจะหารือกันไปทําไม?”
“ขอสรุปหรือ?” ชงเสวียนงุนงง “นี่...ขอสรุปจากไหน?”
ลูสวินอี้กลับมามีสีหนาดังเดิม สายศีรษะไปมา คลายไมอยากพูดถึงอีก หันกายคิด
เดินจาก
ชงเสวียนตกใจ แตสีหนายังไมเปลี่ยน จองมองแผนหลังลูสวินอี้ กอนทอประกายตา
เงียบๆ
เขาไมรีบรอนเอยปากรั้งตัว เพราะเชื่อวาลูสวินอี้ไมนาจะกลาตัดสินใจแทนหมิงออง
ซึ่งอาจทําใหจวนหมิงอองกับเขาซางชิงแตกหักกันในที่สุด
หากเปนเชนนี้จริง จวนหมิงอองคงไมเชิญตนเองเขามาหรอก!
หากเปนเชนนี้จริง เหมยจื้อเฟงคงไมสามารถมีชีวิตอยูมาไดจนถึงทุกวันนี้!
หากเปนเชนนี้จริง หมิงอองคงตองตอสูกับจอมยุทธจริงๆ อยางไมมีทางถอย
มานตาชงเสวียนหดตัว ขณะมองลูสวินอี้ที่ยังไมหันกายมา รูสึกเครียดขึ้ง ดวย
ทั้งหมดนี้ตองคาดเดากันใหม และที่สุดแลวก็ทําไดเพียงคาดเดา!
“ทานลู...” ยังคงเปนชงเสวียนที่ทนไมไหว เอยปากเรียกเสียงสูงทันใด
พอเรียกออกไป ใจก็สั่นตาม รูสึกทั้งอายทั้งโกรธ การสงเสียงกอนแสดงใหเห็นวา
เปนฝายงอ จึงรูสึกเสียใจ นาจะอดทนตออีกหนอย แตก็กระวนกระวายใจ กลัววาลูสวิน
อี้จะไมหยุดเดิน ซับซอนเสียจริง เขาจองแผนหลังนั่นเขม็ง
ลูสวินอี้หยุดเดิน ยืนนิ่ง หันกายมาอีกครั้ง ยังคงพูดเสียงเรียบ
“ทานนักพรตยังมีเรื่องอะไรรึ?”
ชงเสวียนมีสีหนาขมขื่น ลูสวินอี้หันกายมาตามคาด แสดงวามิไดคิดเปนศัตรูดวย
เปนเพราะตนไมมั่นใจไปเอง รูสึกเสียดาย แตก็เอยปากไปแลว จึงไดแตสูดลมหายใจเขา
ลึกๆ สีหนายิ่งมายิ่งตึงเครียด
“ทานลู เรื่องจดหมายของทานออง ผูเฒาไดรายงานกับทางสํานักแลว ทานจอม
ยุทธก็รับทราบแลว”
ลูสวินอี้มองเขา คลายกําลังรอใหเขาพูดตอ แตเขากลับมองตนโดยไมพูดตอเสียนี่
ลูสวินอี้จึงพูดขึ้น “มีแคนี้เองหรือทาน?”
“หือ?” ชงเสวียนแอบโกรธเล็กนอย แตยังทนไดอยู “ทานอองสงจดหมายใหจอม
ยุทธ หรือทานลูไมคิดสงจดหมายตอบจากจอมยุทธกลับใหทานออง?”
ฟงถึงตรงนี้ ลูสวินอี้คลายเพิ่งเขาใจ จึงพยักหนา “ที่แทเรื่องก็เปนเชนนี้ หมายความ
วา ทานนักพรตในนามตัวแทนของจอมยุทธเหมย มาเพื่อสงจดหมายตอบกลับ”
“ถูกตอง!” สีหนาชงเสวียนจริงจัง “พอไดรับจดหมายจากหมิงออง ผูเฒาก็ไมกลา
รอชา รีบสงใหสํานักทันที เดิมทีทานจอมยุทธกําลังสกัดยาจากสมุนไพรอยู พอไดยินก็ให
ความสําคัญยิ่ง หยุดทําการแลวออกมา...”
ไดยินดังนี้ ลูสวินอี้ก็สายศีรษะเล็กนอย “นาเสียดาย!”
ชงเสวียนชะงักงัน มองหนาลูสวินอี้ดวยสายตาที่ไมเขาใจ “ทานลูหมายความวา
อะไร?”
ลูสวินอี้คิดสักพัก คอยพยักหนา “ก็ดี เมื่อทานจอมยุทธมีคําพูดจะกลาว ก็ขอเชิญ
ทานนักพรตพูดออกมาเถิด ขาจะไดรายงานใหทานอองทราบ!”
วาแลวก็เดินกลับที่เดิม กอนผายมือใหชงเสวียนนั่ง
กวาจะเชิญใหแขกนั่ง...แตชงเสวียนก็ไมถือสา เห็นลูสวินอี้กลับสูการเจรจาได ก็ไม
อยากเวิ่นเวออีก ทําทาขึงขังจริงจัง นัง่ ตัวตรงจัดแจงเสื้อผาใหเรียบรอย เตรียมเจรจา
อยางเปนทางการ
“เชิญ!” ลูสวินอี้พูดขึ้น
เมื่อเห็นสีหนาของลูสวินอี้ยังคงนิ่งเรียบ ชงเสวียนก็รูสึกไมพอใจ แตก็ทําไดเพียง
อดทนไว ไมอยากกอเรื่องเพิม่ แขงกันเอาชนะคะคานเสียแรงเสียเวลาเปลา เมื่อฝายตรง
ขามยังคิดวาตนเองไมรูความจริง ก็ใหเขาคิดไป
ชงเสวียนประสานมือคารวะ กอนพูดเสียงขรึม “ทานลู พอทานจอมยุทธไดยินวา
ทานอองบําเพ็ญเพียรไดอยางนาอัศจรรย ก็แสดงความชื่นชมเปนอยางมาก! อีกทั้งยัง
รูสึกยินดีและซาบซึ้งใจในคุณธรรมของทานอองดวย”
คําพูดนี้ทําใหลูสวินอี้ตะลึงงัน แตถาคิดๆ ดูก็พอจะเขาใจ ทาทีเชนนี้ของคนเขา
นับวามีเพดานบินสูงยิ่ง
ชื่นชม ยินดี!
ฟงดูเหมือนไมมีปญหาอะไร แตน้ําเสียงและทาทีดูเปนผูอาวุโสสูงสง สวนหมิงออง...
เปนเพียงคนรุนใหม!
ชงเสวียนพูดจบก็มองดูลูสวินอี้ รอเขาเอยปากตอบ
ลูสวินอี้เงียบไปสักพัก แลววา
“ทานอองเคยพูดไววา เปนจอมยุทธไมงาย ตองคอยรักษามาตรฐานตนเอง ถาทําดี
ชาวประชาก็โชคดี แตถาทําไมดีชาวประชาก็เดือดรอน”
ชงเสวียนอึ้งคาง!
เขากลารับรองวา ชาตินี้ ก็มีคราวนี้นี่ละที่เพิ่งไดยินคนกลาวิจารณจอมยุทธผูหลุด
พนอยางตรงไปตรงมา! มันนาโมโหเสียจริง!
แตก็ตองทน ยิ้มมุมปากนอยๆ ไมขยายความเรื่องนี้ตอ เห็นเพียงดวงตาของเขาทอ
ประกายขณะจองมองลูสวินอี้ ยิ้มหึๆ กอนวา “โดยเฉพาะตอนที่ทานจอมยุทธไดยินวา
ทานอองอายุเพียงยี่สิบกวาก็ฝกพลังปราณเปลี่ยนรูปไดแลวนั้น ก็ตื่นเตนดีใจ ยิ้มแยม
ออกมา บอกวา วิชาพลังปราณเปลี่ยนรูปในขั้นปรมาจารยแหงเตานี้ ในรอบพันป นอย
คนนักที่จักฝกได ชางนายินดีเสียจริง ซึ่งผูสูงสงในที่ประชุมของเขาซางชิงก็ไดยินกันถวน
หนา ทานจอมยุทธยังชี้แนะพวกเขาวา ฝมือหมิงอองล้ําเลิศเชนนี้ เปนการพิสูจนใหเห็น
วาวิชาเตาเราทรงคุณคาจริง ใหสหายเตาทุกทานจดจําเอาไว ขอเพียงหมั่นเพียรฝกฝน
ยอมมีอายุมั่นขวัญยืนทันตาเห็น!”
“หือ!” คราวนี้ลูสวินอี้ตื่นตระหนกแลว
เขาไมสามารถยับยั้งสีหนาที่แสดงอารมณวูบไหวออกมา ชงเสวียนจองมองเขาอยู
ตลอด จึงเห็นความเคลื่อนไหวนี้อยางชัดเจน
ขั้นปรมาจารยแหงเตา
ลูสวินอี้หลุบตาต่ํา รูสึกวาวุนใจ เพราะจริงๆ แลวเขาก็ไมแนใจวาพลังปราณของมอ
ไปอยูในขั้นไหน
นายไมบอก บาวยอมไมถาม แตทุกคนลวนรูดีวา พลังปราณของทานอองแข็งแกรง
มาก!
ปรมาจารย!
ตอนนี้นักพรตไดใหคําตอบแลว เปนคําตอบจากปากจอมยุทธ พลังปราณเปลี่ยนรูป
อยูในขั้นปรมาจารย!
ลูสวินอี้เชื่อ!
เพราะเขาจําไดวา มอไปเคยบอกไว ปรมาจารยที่มีอยูในยุทธภพ สวนใหญมิได
บรรลุจริงๆ หรอก
ปรมาจารยตองมีทั้งเทคนิควิชา ลมปราณและพละกําลัง ตองมีครบ ขาดอยางใด
อยางหนึ่งไมได
แตปรมาจารยในยุทธภพสวนใหญควรเรียกวาอาจารยมากกวา เพราะยังมีกันไม
ครบ แลวบางคนยังใชยาเพื่อเปดจุดตันเถียนอีก
รวมทั้งลูสวินอี้เองก็เขาขายมีไมครบ ศิษยนองเถี่ยตางหากที่กําลังเดินอยูบนเสนทาง
ปรมาจารย
ตอนนี้จอมยุทธใชคําวา ปรมาจารยแหงเตา ทําใหลูสวินอี้เขาใจวา ปรมาจารยแหง
เตาก็คือปรมาจารย ไมใชจอมยุทธ
ชงเสวียนไมพูดอะไรอีก เขาใจสงบลงมาก สีหนานิ่งเรียบ
ลูสวินอี้นิ่งไปครูใหญ ในที่สุดก็เงยหนามองชงเสวียน
“มีเพียงเทานี้หรือทาน?”
“หือ?” ชงเสวียนเงยหนาพลัน
“ก็ดี คําพูดของทานจอมยุทธ ขาจะแจงใหทานอองทราบเอง แตทานนักพรตอาจ
เขาใจอะไรผิด กอนหนานี้ทานอองไดรบั จดหมายตอบกลับจากทานจอมยุทธ และเขาใจ
ความหมายของเขาซางชิงอยางชัดเจนแลว”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน
ชงเสวียนหนาเปลี่ยนสี “อะไรนะ?” ตอนกลับเมื่อไหร เหตุใดตนเองจึงไมรู
“ชีวิตศิษยนองขา และศีรษะบนโตะบูชา!” ลูสวินอี้พูดทีละคํา พลางจองตาชง
เสวียน “ไมมีคําตอบใดที่ชัดเจนไปกวานี้แลว”
ชงเสวียนกะพริบตาปริบๆ พลางจองหนาลูสวินอี้ ดวยอยากรูคําตอบใหแนชัด จึง
รีบพูดขึ้น “ทานลู...”
ถึงเวลานี้แลว เขายังคิดตอรองอะไรอีก หรือวาจวนหมิงอองคิดรบจริง...
“ไมจําเปนตองพูดมากความ เปนคําสั่งของทานออง เดิมทีขาคิดวารักษาตัวใหหาย
แลวคอยไปเขาซางชิงแจงขาวดวยตนเอง แตในเมื่อวันนี้ทานนักพรตมาแลว พูดใหฟงก็
คงไมเปนไร!”
แววตาลูสวินอี้ไมวูบไหวแมแตนอย สบตาชงเสวียน พลางวา “ขาอุตสาหใหใจแก
จันทรา แตจันทรากลับสองตองคูน้ําเสียนี่! เมื่อเขาซางชิงยังหลับใหลไมยอมตื่น ตองการ
เปนศัตรูกับอองอยางขา ก็ได! เดิมทีขาคิดขึ้นเขาซางชิงนําจดหมายทารบมามอบใหดวย
ตนเอง แตเมื่อประชาชนนับพันนับหมื่นยังอยูในเขตสูรบที่หมิงจู ขาจึงยังปลีกตัวมาไมได
หากทานจอมยุทธกลาหาญชาญชัย เชิญมาหมิงจูสักครั้ง! ตอนนี้หลานทานเหมยจื้อเฟง
ขายังไมเอาชีวิตชั่วคราว การตอสูในครั้งนี้ สองฝายตองตอสูจนเห็นผลแพชนะชนิดตาย
กันไปขาง! หากขาชนะ จะคืนเหมยจื้อเฟงที่สมบูรณโดยไมสึกหรอให และตองลบชื่อเขา
ซางชิงทิ้ง!”
ชงเสวียนถลึงตา แตลูสวินอี้ยังคงพูดตอโดยไมสนใจความหวั่นใจของเขา
“แนนอน หากจอมยุทธไมยินยอมไปหมิงจู ไมเปนไร อองอยางขาก็ยังรักษาคําพูด
นําจดหมายทารบขึ้นเขาซางชิงมามอบใหดวยตนเอง!”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาลูสวินอี้พลันคมกริบ
“ในสายตาทานออง เขาซางชิงก็ธรรมดาๆ ผูสูงสงทั้งหลายเปนเพียงเมฆหมอก
เพียงเคารพจอมยุทธเหมยจอมยุทธแหงยุคเทานั้นจึงยินยอมประกระบี่ดวย หากเขาซาง
ชิงเห็นวาไมถูกกาลเทศะ คิดวาแปลกและไรสาระ เชนนี้ก็อยากลาวโทษ ถาจวนหมิงออง
จะฆาลางบางพวกทานทั้งหมด!”
“ชากอน!” ชงเสวียนทนฟงไมไหวแลว และไมสามารถนิ่งเฉยไดอีก “ทานลู เหตุใด
ถึงเปนเชนนี้ เหตุใดถึงเปนเชนนี้? จอมยุทธเจาสํานักขาไมเคยอยากทําอะไรใหทานออง
ลําบากใจ เรื่องนี้เปนการเขาใจผิด เขาใจผิด!”
“ทานนักพรตไมจําเปนตองพูดจามากความ ทานและขาเปนเพียงผูนอย การ
ตัดสินใจของทานออง ขาไหนเลยจะสามารถขัดได ทานอธิบายกับขาไปก็ไรประโยชน!”
ลูสวินอี้โบกมือ “ทานกลับไปเถิด เปนตัวแทนขานําคําพูดของทานอองแจงตอทานจอม
ยุทธ รอจนอาการบาดเจ็บของขาทุเลาลง ตองไปสํานักทานดวยตนเองอยางแนนอน!”
“ทานลูชากอน ทานจอมยุทธมิไดมีจิตเจตนาเชนนี้จริงๆ และมีจดหมายถึงทานออง
ดวย!” ชงเสวียนไมคิดเยิ่นเยออีก รีบพูดทันที
ตอน 251 ราชสํานักกดดัน
ชงเสวียนจากไปแลว แตลูสวินอี้ยังคงยืนอยูในหองรับแขก นานๆ จึงขยับตัวที
เขามีสีหนาเครงเครียด คิ้วขมวด เหมือนมีปมบางอยางที่ยงั แกไมได ซึ่งทาทาง
ในตอนนี้ตางกับทาทางสบายๆ ตอนอยูกับชงเสวียนราวฟากับดิน
ไมรูผานไปเนิ่นนานเทาไร เมื่อไดยินเสียงฝเทาดังขึ้นที่หนาประตูหองรับแขก ลูสวิน
อี้จึงคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก กอนเรียกสติกลับคืน
คิ้วที่ขมวดเขาหากันถูกคลายออก เก็บความเครียดไวในใจ แมในจวนหมิงอองไมมี
คนนอก แตเขาก็ไมอยากใหใครมาเห็นความหดหูที่มีอยูในตอนนี้
รางของชายหนุมผูหนึ่งปรากฏขึ้นที่หนาประตู โคงคํานับเขาแลววา
“ทานรอง คนในวังหลวงมา บอกวาตองการพบทาน”
ลูสวินอี้สะอึกเล็กนอย กระพริบตากอนถาม “ใชจางปงลี่หรือไม?”
“ใชขอรับ” ชายหนุมตอบ
ลูสวินอี้หันมองไปนอกประตู แลวจึงพยักหนา “เชิญเขาเขามา”
นี่มิใชครั้งแรกที่จางปงลี่มาเยือนจวนหมิงออง แตครั้งนี้สายตาของเขาตองเพิ่มความ
ระแวดระวังขึ้นกวาเมื่อกอน แววตาเต็มไปดวยความเครงเครียด
ทาทางเชนนี้ตางจากเมื่อครั้งกอนที่ลูสวินอี้พบเห็นมาก
พอเดินเขามาในหองรับแขก ทั้งสองฝายยังไมทันไดคารวะซึ่งกันและกัน จางปงลี่ก็
ถลึงตาใสลูสวินอี้ พลางพูดเสียงดัง “ลูสวินอี้ เจากลามาก!”
ลูสวินอี้กําลังจะยกมือขึ้นคารวะ พอไดยินเสียงก็ชะงัก เงยหนาสบตากับจางปงลี่
แลวจึงพูดเสียงเย็นชา “ใตเทาจาง ทานหมายความวาอยางไร?”
“ทางที่ดีเจาบอกมาตรงๆ ดีกวาวาทําเชนนี้ไปเพื่ออะไร ตองการอะไรกันแน ถึงได
กลาปลุกปนใหราชสํานักกับสํานักเตาแตกคอกัน?” จางปงลี่สะบัดมือ สีหนายิ่งมายิ่ง
เครงเครียด
ลูสวินอี้หนังตากระตุก “ใตเทาจาง ทานกําลังลอเลนกับผูแซลูอยูหรือ?”
“ลอเลนหรือ?” จากทาทีที่สงบนิ่งในวันนั้น จางปงลี่ในวันนี้พลิกจากหนามือเปน
หลังเทา พูดตออยางดุดัน “เจาอยากรนหาที่เอง ผูแซจางไมยุงดวยแลวและไมคิดจะยุง
ดวย เพียงแตผูแซจางอยากเตือนเจาวา ทางที่ดีควรคิดใหดีกอนพูด แลวคอยใหคําตอบที่
นาพอใจแกผูแซจาง วันนี้ถือวายังไมถึงกับตัดขาด แตถาเจายังโงงมงายอยูอีก ผูแซจางก็
ไมกลัวที่จะลอเลนอยางจริงจังกับเจา...”
สีหนาเขามิไดเสแสรงแกลงทําแมแตนอย ดวงตาเปยมรังสีฆาฟน พูดตอดวยน้ําเสียง
หนักแนนเยือกเย็น
“อีกสักราวสามชั่วยาม กองทัพทั้งกองก็จะยกมาที่นี่ ระดมยิงธนูใสเจา จากนั้น
โลหิตก็จะไหลนองดั่งสายน้ํา ไมรูวาจะมีคนอีกมากนอยเทาไรที่ตองเสียชีวิตลงเพราะเจา
ลูสวินอี้ เจาคิดวาการลอเลนเชนนี้นาขําหรือไม?”
จางปงลี่ไมปกปดรังสีฆาฟนของตนแตอยางใด น้ําเสียงของเขาเย็นชายิ่ง ทาทาง
เชนนี้ ไมมีใครกลาคิดวาเขากําลังลอเลน ความผิดปกติของเขา แนนอนวาลูสวินอี้เขาใจ
คําพูดของเขา แนนอนวาลูสวินอี้ยอมเขาใจ
คําตอบจากหมิงอองมิไดใหกับเขาจางปงลี่ แตใหกับฝาบาท ใหกับราชสํานัก
ผูที่ตองเดือดรอนก็มิใชคนของเขา แตเปนหมิงอองกับจวนหมิงออง
เห็นชัดวา ชงเสวียนไดรายงานสถานการณเมื่อครูกับราชสํานักแลว จางปงลี่จึงรีบ
รุดมาเพื่อเขาซางชิง หรือพูดใหถูกตองก็คือ มาเพื่อคําวา ‘รบ’ ของหมิงอองนั่นเอง
เพียงแตเมื่อเปนเชนนี้ ลูสวินอี้จะทําอะไรได ดวงตากลับเปลงประกาย ยังคงพูดดวย
น้ําเสียงนิ่งเรียบ
“ใตเทาจาง เกรงวาทานอาจลอเลนเกินกวาเหตุ ถาบอกวาผูแซลูถูกธนูยิงดับ ผูแซลู
ยังคงเชื่อทาน ตั้งแตเขาเมืองหลวงมาในวันนั้น ผูแซลูก็ไดเตรียมใจมอบชีวิตแลว ไมวา
จะถูกสับเปนหมื่นชิ้นหรือถูกธนูยิงพรุนทั่วรางก็ไมตางอะไรกันมาก แตถาบอกวาผูแซลู
จะทําใหผูบริสุทธิ์ตองเดือดรอนจนโลหิตไหลนองเปนสายน้ํา เกรงวาใตเทาจางอาจมองผู
แซลูสูงสงเกินไป ซึ่งผูแซลูเคยบอกไวแลววา เปนเพียงแมทัพตัวเล็กๆ ของทานออง ทํา
ตามคําสั่งทานอองเทานั้น จะมีความสามารถอันใดที่จะทําใหผูอื่นเปนหรือตาย?”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็เงยหนาขึ้น สีหนาเขายิ่งมายิ่งผอนคลาย กลับยิ้มนอยๆ
ออกมา
“การลอเลนเชนนี้จึงเปนเพียงการลอเลน ใตเทาจางมีเรื่องใดก็ควรพูดกันตรงๆ
ดีกวา ผูแซจางยังบาดเจ็บอยู ตองรีบรักษาตัวตอ”
จางปงลี่จองลูสวินอี้เขม็ง สีหนายิ่งมายิ่งเครงเครียดเย็นชา
“ในเมื่อเจาเตรียมตัวตายแตแรก จําเปนดวยหรือที่ตองรักษาตัว?”
ลูสวินอี้จองตาเขา
“พูดเชนนี้ก็ถูก แตขอเพียงยังมีชีวิตอยูหนึ่งวัน ก็ตองภักดีตอทานอองหนึ่งวัน
ตอนนี้ศีรษะอยูบนคอ ความภักดีอยูกับตัว ยอมตองรักษาตัว วันหนาคอยสูตอ!”
ความภักดีอยูกับตัว?
จางปงลี่อดไมไดที่จะหวั่นใจ และอดคิดไมไดวา ความภักดีนี้คือการขึ้นเขาซางชิง
มอบจดหมายทารบจากหมิงออง!
เปลวเพลิงในใจจางปงลี่ลุกพึ่บพั่บ ดวงตาแดงระเรื่อทันที จองมองลูส วินอี้พลางพูด
ชัดๆ ทีละคํา
“เจาอยากใหทานอองกาวเขาสูความหายนะจริงๆ หรือ?”
“ใตเทาจาง!” ลูสวินอี้หนาเปลี่ยนสีทันที ดวงตาคลายมีเปลวเพลิง “ผูแซลูแมเปน
ลูกผูชายธรรมดาๆ ผูหนึ่ง แตขอใหใตเทาจางใหเกียรติกันบาง อยาพูดโดยไมยั้งคิด
ความผิดบางอยาง ผูแซลูรับไมไหว ใตเทาจางแมเปนขุนนางระดับสูงในราชสํานัก แต
ทางที่ดีอยาไดทาทายขีดความอดทนของผูแซลู!”
จางปงลี่กลับไมกลัวเขา ยิ้มเย็นชาแลววา “ผูแซจางรูวาทานเปนปรมาจารย ไหน
เลยจะกลาพูดโดยไมยั้งคิดกับทาน แตเห็นๆ อยูวาทานเพิ่งทําเรื่องเรื่องหนึง่ ลงไป วันนี้
แมสามารถปดปากผูแซจาง แตคิดหรือวาจะสามารถปดปากผูคนได?”
ลูสวินอี้ใชแววตาอันลึกล้ําจองตาจางปงลี่ ที่สุดแลวก็พูดวา “ใตเทาจาง หากไมมี
เรื่องอื่นใดอีก ขอเชิญทานกลับไปเถิด!”
“ขาก็ไมอยากอยูนานนักหรอก!” สีหนาจางปงลี่เย็นลง ไมดุดันเหมือนเมื่อครูอีก แต
กลับทําใหคนกลัว “ขาไมมีเวลามากพอ ที่ควรพูดก็พูดแลว ตอนนี้เพียงอยากขอคําตอบ
จากทานลู”
“ขออภัยที่ผูแซลูโงงม ไมทราบวาเมื่อครูใตเทาจางหมายความวาอะไร ตองการ
คําตอบอะไร?” ที่ลูสวินอี้พูดแฝงนัยยะสงแขก แตเขาก็กลับหันกาย นั่งลงไปเสียเอง
“ดี! พูดกันมาก็มาก ไมวาทานจะคิดอยางไร ผูแซจางก็นับวาเมตตาและชวยเหลือ
อยางถึงที่สุดแลว”
จางปงลี่คอยๆ หลุบตาลง
“เรื่องในปนั้น เปนความผิดของผูแซจางเอง แตกลาสาบานกับฟาดินวา ที่ทําไป
เพราะความรักชาติลวนๆ ไมมีเรื่องสวนตัวปะปนแมแตนอย โชคดีที่ทานอองยังมีชีวิตอยู
และยังเปนวีรบุรุษแหงยุคดวย พอไดขาวผูแซจางก็อดไมไดที่จะกระตือรือรน และรูวาสัก
วันหนึ่งตองขอรับโทษจากทานอองเอง ซ้ํายังกลาถามตัวเองอีกวา เคยรูสึกเสียใจกับเรื่อง
ที่ทําลงไปบางหรือไม กลับไมพบเรื่องทีร่ ูสึกเลวรายในใจ เพียงหวังวาสักวัน ทานออง
สามารถแสดงแสนยานุภาพ สืบตอการปกครองประเทศ ผูแซจางเปนตายอยางไรก็ไม
เสียดาย!”
ลูสวินอี้ฟงแลวก็มิไดพูดอะไร และมิไดวิเคราะหวาคําพูดของเขาจริงเท็จแคไหน รู
แตวาคําพูดนี้จางปงลี่มิไดพูดกับเขา แตพูดกับทานออง
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่ก็มิไดพูดเรื่องนี้ตอ เพียงเงยหนามองลูสวินอี้ “ทานลู วันนี้
นักพรตชงเสวียนแหงเขาซางชิงมาหาทานหรือไม?”
“มา!” ลูสวินอี้พยักหนา เก็บอารมณทั้งหมดลง
“เขาซางชิงเขาเฝาฝาบาท ทูลวาลูสวินอี้แหงจวนหมิงอองมีจิตใจหยาบชา คิด
วางแผนยุยงปลุกปนทําลายความสัมพันธของทานอองกับเขาซางชิง มีเรื่องเชนนี้จริง
หรือ?” จางปงลี่บอกวาเมตตาและชวยเหลืออยางถึงที่สุด ก็คือเรื่องราชการเรื่องนี้เอง
แตพอถามออกมาจริงๆ เขากลับเสียงสั่น
ลูสวินอี้ไดยินดังนี้ก็รูวาชงเสวียนมิไดรายงานตามจริง
ตนเองมีจิตใจหยาบชาอะไร ยุยงปลุกปนอะไร?
ทวาเขาเขาใจ ราชสํานักไดเตรียมวางแผนไวแลววา จะผลักทุกสิ่งทุกอยางมาไวที่
ตน นําชีวิตตนมาปลอบประโลมเขาซางชิง ขณะเดียวกันก็แสดงทาทีของราชสํานักให
สํานักเตาเห็น
แมชัดเจนเรื่องพวกนี้ แตลูสวินอี้กลับไมแสดงออก
ขณะมองจางปงลี่และคิดเอยปาก จางปงลี่กลับชิงตัดหนาเอยปากกอน
“ทานลู ผูแซจางยังมีคําพูดอีกหนึ่งประโยค ไมทราบวาทานจะยินยอมรับฟง
หรือไม?”
ลูสวินอี้เงียบ จางปงลี่ไมรอใหเขาตอบ พูดตอทันที
“ประเทศเราตอนนี้มีทั้งศึกนอกศึกใน จะดําเนินการอะไรจึงยากลําบาก ชาวประชา
ทั่วหลาตกทุกขไดยาก ฝาบาทพยายามคิดหาวิธีแกไข ทานอองก็ติดอยูกับการตอสูศัตรู
ตอนนี้สถานการณไดมาถึงหัวเลี้ยวหัวตอสําคัญ...
ราชสํานักตานศึกในไมไหว ไมเพียงราชบัลลังกยากรักษา ชาวประชายังทุกขยากซ้ํา
กระทั่งความปลอดภัยของทานอองก็ยังยากรับประกัน!”
คําพูดนี้ ไมตองพูดใหเปนทางการ ก็ลึกซึ้งเกินพอ
ตั้งแตเขาเริ่มพูด ลูสวินอี้ก็เขาใจความหมายของเขาแลว
หากอยากรักษาความมั่นคงของราชสํานัก ก็ไมควรใหเกิดเรื่องใหญขึ้นอีก เขาซาง
ชิงมิไดเปนเพียงเขาซางชิง แตเปนตัวแทนของสํานักเตารอยแปดสํานัก จึงยากประเมิน
ไดวาอิทธิพลของเขาซางชิงสามารถทําใหเกิดผลอยางไร มากนอยแคไหน
ที่ยากประเมินเพราะไมมีใครกลาเปดกลองกลองนี้
ซึ่งก็มีความเปนไปไดมากวา เขาซางชิงก็คือเขาซางชิงเทานั้น สํานักเตาอื่นๆ ไมรวม
เปนกบฏดวย แตขณะเดียวกันก็เปนไปไดวา ถาเขาซางชิงเปนกบฏ สํานักเตาหนึ่งรอย
แปดสํานักจะยุงวุนวายขึ้น
เชนกอนหนานี้ที่ตระกูลหลินกบฏ และเขาซางชิงสนับสนุนตระกูลหลินอยางลับๆ
ราชสํานักก็มิไดจัดใหพวกเขาเปนศัตรูอยางเปดเผย ยังคงทําตัวตามปกติ
เพราะเหตุใดเลา ก็เพราะไมกลาเปดกลองนี้ออก พอเปดออกแลว มีความเปนไปได
วาจะทําใหหนึ่งรอยแปดสํานักเตาอยากเขาขางใครก็ทําไดตามอําเภอใจ
แมกําลังของพวกเขาจะมีไมมาก แตอยาลืมวา ทุกๆ ครั้งที่เปลี่ยนแปลงรัชสมัย การ
สูรบจะเริ่มจากการที่สํานักเตาเลือกสนับสนุนเจานายหลายฝาย เปนเหตุใหกอนหนานี้
ราชสํานักไมกลาตัดสินใจ อยาวาแตตอนนี้ที่กําลังถูกศัตรูตางชาติบุกรุก ราชสํานักเกรง
วาประชาชนอาจตื่นตกใจ จึงกาวเดินไดยากยิ่ง
ตอนนี้หมิงอองตองการแตกหักกับเขาซางชิงอยางเปดเผย เอยปากทีไรก็ตองการ
ลางบางเขาซางชิงใหราบ
ซึ่งถาประมือกันขึ้นมาจริงๆ ไมแนวาราชสํานักอาจตีฆองรองเปาไปทั่ว เพราะไมวา
แพหรือชนะ หมิงอองที่มีอายุยี่สิบกวาสามารถตอสูกับจอมยุทธได ก็เพียงพอที่จะสราง
ตํานานอันยิ่งใหญใหเชื้อพระวงศแลว
แตหมิงอองกลับตองการลมโตะ ชี้วัดความเปนตาย ตองใหตกตายกันไปขางหนึ่ง
เทานั้น นี่สิถึงทําใหทุกคนสะดุงโหยง
ที่สําคัญคือ ราชสํานักควบคุมความคิดและการกระทําของหมิงอองไมได ควบคุม
การบานปลายของเรื่องไมได ไหนเลยจะอนุญาตใหเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
ราชสํานักหวังที่จะสรางความกดดันใหเขาซางชิง หวังยืมกําลังของหมิงอองกดดัน
สํานักเตา เห็นชัดวา เรื่องนี้มีขีดจํากัด
เรื่องนี้ความจริงแลวเปนเพียงเรื่องของคนในจวนหมิงอองเทานั้นรึ?
ราชสํานักสามารถวางตัวอยูวงนอกรึ? องคติ้งอูสามารถไมใสใจไดรึ?
เห็นชัดวา ไมสามารถ
ยังไมตองพูดถึงวา หากปวงประชารูวาหมิงอองกับราชสํานักตางไมเชื่อใจซึ่งกันและ
กัน
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ราชสํานักจะทําอยางไรได?
ถึงลางบางเขาซางชิง ก็ยังคงทําใหพอลูกแคนเคืองกันอยูดี?
ไมไดทั้งนัน้ ! ดังนั้น จึงแตกหักไมได!
เดิมทีสําหรับราชสํานักแลว หมิงอองเปนหมากตัวหนึ่ง หมากที่ใชรักษาสมดุล
ควบคุมจิตใจที่มักใหญไฝสูงของสํานักเตา
เรื่องเหลานี้ลูสวินอี้รูอยูแตแรกแลว อันที่จริง เขาสามารถคิดไดลึกซึ้งกวานี้อีกวา
ถาหมิงอองชนะสํานักเตาไดจริง ราชสํานักก็ยังคงกดดันใหหมิงอองรักษาสมดุลนี้ไว
ไมมีความหมายอื่น เพราะสําหรับองคจักรพรรดิแลว ผูใดก็ตามที่คุกคามราชบัลลังก
ผูนั้นก็คือศัตรู โอรสของพระองคก็เชนเดียวกัน
ชัดเจนก็คือชัดเจน แตลูสวินอี้กลับทําใหฝาบาทและจางปงลี่ผิดหวัง เขาเงยหนาขึ้น
“ใตเทาจาง เกรงวาทานผิดแลว!”
มานตาจางปงลี่หดตัว
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง หันมองทองฟา
“ทานอองมิไดเปนอยางที่ทานจินตนาการ ในจวนหมิงออง ไมมีใครกลาขัดคําสั่ง
ทานออง หรือไมมีใครสามารถขัดคําสั่งทานอองได! ผูแซลูเปนเพียงแมทัพเล็กๆ ไมมี
ความกลาที่จะฝาฝน หรือฝาฝนไปก็ไรประโยชน!”
“และเกรงวาใตเทาไดประเมินจิตวิญญาณวีรบุรุษของทานอองผิดไปเชนกัน ทาน
ลองคิดดู ตอนแรก เขาซางชิงกลาวโทษทานอองวาทําใหผูบริสุทธิ์ตองตาย แลวทานออง
ตอบวาอะไร? ทานอองตอบวาตองใชโลหิตลางโลหิต และตองเปนโลหิตลางโลหิต
เทานั้น! แผนการบนดิน ใตดิน วาทกรรมใดๆ ลวนไรซึ่งประโยชนทงั้ สิ้น”
“ตอนนี้สํานักกระจอยรอยสํานักเดียวอยางเขาซางชิง สามารถตานทานกองทัพคน
เถื่อนนับพันนับหมื่นรึ? อยาวาแตทานอองยังกลาลุยเดี่ยวเขาสังหารคน ทามกลาง
กองทัพคนเถื่อนนับพันนับหมื่น ซึ่งตอนนี้ยิ่งไมตองพูดถึง เมื่อทานอองออกคําสั่งลางบาง
เขาซางชิง ก็ตองทําตามที่พูดอยางแนนอน! วันนี้ถาผูแซลูยอมรับความผิดฐานจิตใจ
หยาบชา เกรงวาตอนผูแซลูถูกธนูหมื่นเลมปกอก ทานอองอาจกุมกระบี่มรกตยาวสาม
ฉื่อไวในมือ บุกเขาที่ประชุมเขาซางชิง ตัดศีรษะจอมยุทธเพื่อตอบโตก็เปนได!”
ตอน 252 สนมหลันภักดีตอ องคจกั รพรรดิ
จางปงลี่จากไปแลว เชนเดียวกับชงเสวียน ไมสามารถอยูในจวนหมิงอองไดนาน
และจากไปในอารมณเดียวกับชงเสวียน
ลูสวินอี้นั่งคนเดียวอีกครั้งในหองรับแขกโดยไมเห็นเขาขยับตัวอยูนานพอสมควร
เทียบกับกอนหนานี้ เห็นชัดวาสีหนาเครงเครียดขึ้น
ขณะนั่งในหองรับแขก เพียงไดยินเสียงผิดปกติเล็กนอยนอกประตู คิ้วที่ขมวดเขาหา
กันของเขาก็จะกระตุกขึ้น เทียบกับเมื่อไมกี่วันกอน เวลาของวันนี้ดูจะเดินชาเปนพิเศษ
แตไมวาจะยากลําบากเพียงใด ในที่สุดทองฟาก็ยังคงคอยๆ มืดค่ําลง
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน กาวเดินไปที่ประตูหองรับแขก เหมอมองไปยังหนาประตูจวน
ที่นั่นยังคงเงียบสงบเหมือนเคย ไมมีความผิดปกติใดๆ
ลูสวินอี้หลับตาลงชาๆ คิ้วที่ขมวดอยูคอยๆ คลายลง พรอมกับการระบายลมหายใจ
ออกจากปาก
วันอันตรายสุดๆ อีกหนึ่งวัน นับวาผานพนไปแลว
เขาลืมตาขึ้น ดึงสายตากลับจากประตูจวน แลวหันมองจวนหมิงอองทั้งหลัง
ใกลถึงเทศกาลตรุษจีนเต็มที แมหมิงอองยังไมกลับมา แตในวังยังคงใหความสําคัญ
เห็นไดจากกองของขวัญที่สงมอบมา
คนในจวนแมมีกันไมมาก แตก็ตองเฉลิมฉลองเทศกาลสักครั้ง ในจวนจึงประดับ
ตกแตงจนไดบรรยากาศเทศกาลตรุษจีนพอประมาณ
ยังดี!
ดูไปแลว ศีรษะของตนยังมีโอกาสไดฉลองปใหมกับเขาบาง!
หลังจางปงลี่จากไป ถึงลูสวินอี้รูวาคําพูดของจางปงลี่เปนเพียงการขมขู แตเขาก็
ตระหนักดีวาชีวิตนี้อาจถูกธนูหมื่นเลมปกอกไดในชั่วพริบตา
แตเขาก็ไมหนีไปไหน และไมไดสั่งใหคนในจวนเตรียมตัวรับมือใหพรอมในทุกเวลา
แตอยางใด
มิใชไมกลัวตาย แตเมื่ออยูในเมืองหลวง ก็เหมือนอยูในกํามือราชสํานัก ลําพังเขาลูส
วินอี้ ลําพังคนไมกี่คนในจวนหมิงออง จะสามารถตานทานอยางไรไหว?
หากราชสํานักตองการชีวิตเขาเพื่อปลอบประโลมเขาซางชิงจริง หรือจะจับเขาไป
ทรมานเพื่อสอบถามชองทางการติดตอกับหมิงออง เชนนี้ การที่เขาจะหนีหรือไม เตรียม
รับมือหรือไม ก็ไมมีความหมายอะไร เมื่อตองเผชิญกับการลงดาบของราชสํานัก ตอตาน
อยางไรก็ลวนแลวแตไรประโยชน!
ทวายังดี เขาชนะพนันในครั้งนี้ ราชสํานักยังมิไดตัดสินใจทําอะไร
อาการปวดศีรษะขององคติ้งอูกําเริบขึ้นอีก
อาจเพราะออนลาตอเนื่องกันมานานหลายวัน บวกกับขาวที่จางปงลี่รายงานใหฟง
เมื่อชวงเที่ยง ทําใหเสวยมื้อกลางวันไมลง และมีสีหนาซีดขาว จนมหาดเล็กตองสง
พระองคไปยังตําหนักพระสนมหลัน
พระสนมหลัน หญิงสาวผูไดรับความรักความเอ็นดูจากองคจักรพรรดิติดตอกัน
หลายป ขณะที่นางกําลังกังวลใจมานานหลายวัน กลับคิดไมถึงวาจะไดพบหนาองค
จักรพรรดิอีกครั้ง
ตลอดชวงบาย หลังจากที่นางทุมเททักษะบีบนวดคลายเสนและรับใชพระองคอยาง
ระมัดระวังแลว องคติ้งอูก็คอยๆ สงบนิ่งลง และบรรทมไดในที่สุด
หรืออาจเพราะหลายวันมานี้ทรงคิดมากและเหนื่อยลาเกิน หลังจากบรรทมกลางวัน
ก็ทรงบรรทมยาวไปจนถึงค่ํามืด
หางจากตั่งไมไกล ไดยินบาวรับใชรายงานเสียงต่ํา
“เรียนพระสนม ใตเทาจางยังรออยู...”
พระสนมหลันกําลังนั่งแตงหนาอยางประณีตบนตั่ง แมมิไดอยูในวัยยี่สิบแปดแลว
แตใบหนาภายใตดวงโคม ยังดูเปลงปลั่ง สูงสงอยางหาที่เปรียบมิได
เมื่อไดยินรายงาน นางก็ลุกขึ้น แลวคอยๆ เดินไปหนาประตู มองดูบาวรับใช กอน
พูดตอบอยางอารมณดี
“ฝาบาททรงเหนื่อยแลว บอกใตเทาจางวา หากมีเรื่องราชการหารือ รอใหทรงตื่น
บรรทมกอนคอยมาใหม”
“พระสนม...” บาวรับใชมีสีหนาขมขื่นใจ เงยหนาขึ้นเล็กนอย เหมือนอยากพูดอะไร
แตไมกลา
ภายใตดวงโคม พระสนมหลันเหลือบตามองเขา กอนยกมุมปากขึ้นเล็กนอย แลววา
“ทําไม? กลัวใตเทาจางจะกินเจาหรือไร?”
“พระสนม!” บาวรับใชรีบคุกเขายอมรับ “ครั้งกอนใตเทาจางบอกวา หาก
กระหมอมกลาทําใหการใหญชักชาเสียเวลา จะเอาศีรษะกระหมอม...”
“เจาไปบอกเขาวา ขาเปนคนพูดเอง!” สนมหลันเชิดหนา แตน้ําเสียงยังคงออนโยน
“พระสนม ใตเทาจาง ใตเทาจางเขา...”
บาวรับใชยังคงไมถอยออก เห็นชัดวาลําบากใจยิ่ง ยังคงคุกเขาไมยอมลุก
“ทําไม เขาทําใหเจาตกใจขนาดนี้แลว ยังกลาเอาชีวิตขาอีกรึ?” สนมหลันเริ่มไม
พอใจ
บาวรับใชคุกเขากมหนา “พระสนม ฝาบาททรงกําชับ...”
สนมหลันเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนอึดอัดใจ
“ก็จริง ขาก็เคยถูกฝาบาทตําหนิ ไหนเลยจะกลาลบหลูใตเทาจาง”
วาแลวสนมหลันก็หันกาย เดินกลับไปยืนขางตั่ง มองดูองคติ้งอูที่บรรทมสนิทอยูสัก
พัก แลวจึงหันกายเดินกลับไปที่หนาประตู พูดเสียงเบา
“วันนี้ฝาบาททรงกริ้วมาก ทําใหอาการปวดศีรษะกําเริบ อาจเพราะทรงพบ
ความผิดอะไรเขา ไดยินวาทรงกริ้วขณะใตเทาจางเขาหารือราชการดวย ตอนนี้ใตเทา
จางมาเฝา เกรงวาอาจไมเปนผลดีตอสุขภาพฝาบาทที่เพิ่งฟนฟู ขาไรสามารถ ไมอาจรับ
เรื่องแทนฝาบาทก็จริง แตก็ไมสามารถอนุญาตใหใครรบกวนการพักผอนของฝาบาท
เชนกัน เจาไปเถิด พูดตามที่ขาพูด รอใหฝาบาทตื่นแลว ขาจะรายงานใหทรงทราบเอง!”
บาวรับใชไดฟงดังนีก้ ็ลุกขึ้นยืนพรอมสีหนาขมขื่น แตยังอดไมไดที่จะย้ําเตือน
“พระสนม คือ...”
“ไมตองพูดแลว ฝาบาทคิดแกไขปญหาบานเมืองที่ยุงวุนวาย จึงทรงงานอยางหนัก
ตรากตรําพระวรกายติดตอกันนานหลายวัน ขารูวาใตเทาจางมาคราวนี้ ตองมีเรื่องใหญ
มากแน แตสําหรับขาแลว กลับไมมีเรื่องใดสําคัญไปกวาสุขภาพที่แข็งแรงของฝาบาท
หลังจากฝาบาทตื่นแลว ขาคอยขอรับโทษจากใตเทาจาง หรือถาทําใหเสียการใหญจริงๆ
ก็คอยขอใหฝาบาทตัดศีรษะขาก็แลวกัน ขายอมรับไดทุกอยาง ขอเพียงสามารถทําใหฝา
บาทไดทรงพักผอนอยางสงบนิ่งก็พอ...”
“พระสนม...” บาวรับใชรองเสียงสูงอยางรอนรน
“ชางเถอะ ไมจําเปนตองพูดมากอีก ฝาบาททรงมีพระคุณยิ่งตอพวกเราๆ ไมตอง
สนใจเรื่องอื่น เพียงรับใชฝาบาทใหดีเปนพอ เรื่องชาติบานเมืองอะไรนั่น สําหรับพวกเรา
แลวลวนไมสําคัญ สุขภาพฝาบาทเทานั้นที่สําคัญ! เจาอยูขางกายขามานานหลายป เหตุ
ใดยังไมรนู ิสัยขาอีก? ไปเถอะ อยารบกวนขา หาไมแลวถาขาลงโทษเจาอยางหนัก ก็อยา
มาโทษขาก็แลวกัน!”
คําพูดจริงจังทําเอาบาวรับใชที่เพิ่งลุกขึ้นยืนตกใจ คุกเขาลงไปใหม เสียงดังกึก
“ขอพระสนมทรงอภัย กระหมอม...”
“เอะอะอะไรกัน!”
ขณะบาวรับใชกําลังโขกศีรษะ พลันไดยินเสียงดังมาจากบนตั่ง เสียงบางเบาแต
ยังคงทรงอานุภาพ
ตอมา บรรยากาศรอบดานพลันนิ่งคาง บาวรับใชตัวสั่นเล็กนอย ไมกลาสงเสียงใดๆ
อีก
สนมหลันตัวแข็งทื่อ แตก็เรียกสติกลับไดในพริบตา รีบหันกายมองไปที่ตั่ง
เห็นองคติ้งอูนอนลืมตาอยูบนตั่งแลว และกําลังคอยๆ ลุกขึ้นนั่ง กอนหันมองมายัง
คนทั้งสอง
สนมหลันรีบถวายความเคารพ
“หมอมฉันผิดไปแลวที่สงเสียงรบกวน ทําใหฝาบาทตื่นบรรทม!”
องคติ้งอูใชมือจับหนาผากตนเอง จองมองสนมหลัน แลวจึงโบกมือเบาๆ
“ไมเปนไร” วาแลวก็มองดูสีทองฟา กอนพูดเสียงเบา
“กี่โมงกี่ยามแลวนี่?”
สนมหลันรีบลุกขึ้นแลวเดินเขานั่งลงขางกายฝาบาท กลั้นหัวเราะกอนตอบเสียงเบา
“เพิ่งไดเวลาอาหารค่ําเพคะ ฝาบาทนาจะทรงหิวแลว หมอมฉันใหคนตุน...”
องคติ้งอูมองดูทองฟาอีกครั้ง สายพระพักตร กอนยื่นหัตถออก สนมหลันรีบจับพระ
หัตถไว
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบๆ เหมือนเพิ่งเห็นวามีบาวรับใชคุกเขาอยู จึง
ตรัสถาม “มีเรื่องอะไรกัน?”
“เจียงฝูมาถามถึงสํารับมื้อค่ําเพคะ ไมคิดวาจะรบกวนฝาบาท หมอมฉันไมรอบคอบ
เอง ควรถามใหไกลออกไปอีกหนอย ขออภัยดวยเพคะ!”
สนมหลันเหลือบมองบาวรับใชที่คุกเขา แลวพูดพลางยิ้มกับองคติ้งอู
องคติ้งอูไดยินดังนั้นก็ทรงสายศีรษะ แสดงวาไมเปนไร กอนเดินไปนั่งที่โตะโดยมี
สนมหลันคอยพยุง
สนมหลันหันไปพูดกับบาวรับใช
“ยังไมไปเตรียมมื้อเย็นใหฝาบาทอีก!”
เห็นบาวรับใชยืนเกๆ กังๆ ยังไมจากไป องคติ้งอูจึงเหลือบมองแผนหลังของเขา
แลวมองดูรางอรชรออนแอนของสนมหลันที่เดินเขาไปสั่งงาน แลวก็มิไดพูดอะไร
เมื่อสํารับมื้อค่ํามาถึง องคติ้งอูเสวยไมมากนัก สนมหลันจึงถามขึ้นดวยความหวงใย
“หลายวันมานี้ฝาบาททรงตรากตรําพระวรกายจนเกินกําลัง เดี๋ยวหมอมฉันจะคอย
ปรนนิบัติตอนสรงน้ํา คืนนี้ฝาบาทจะไดเขาบรรทมเร็วขึ้น!”
องคติ้งอูพ ยักหนา กอนพูดขึ้นลอยๆ “ดานนอกถามีเรื่องสําคัญก็ชวยบอกขาดวย!”
สนมหลันหนาซีดเล็กนอย รีบลุกจากเกาอี้ คุกเขาลงใหองคติ้งอู “หมอมฉันผิดไป
แลว!”
“อะไรกันพระสนม...” องคติ้งอูมองการกระทําของนาง กอนลุกขึ้นยืน ยื่นมือเขา
พยุงนางใหลุกขึ้น
สนมหลันน้ําตาคลอเบาพลางสารภาพความผิด “ฝาบาท กอนหนานี้ใตเทาจางมาเพ
คะ แตหมอมฉันเห็นทรงบรรทมอยู จึงไมอยากรบกวน...”
“เหลวไหล!” องคติ้งอูเอ็ดพรอมสีหนาขึงขัง
“ขอทรงอภัยใหหมอมฉันดวย!”
ไดยินเสียงดังกึกมาจากดานนอก ที่แทบาวรับใชเจียงฝูคุกเขาลงออนวอน
“พระอาญาไมพนเกลา เปนความผิดของกระหมอมเองพะยะคะ ฝาบาท...”
องคติ้งอูเงยหนาขึ้น กวาดตามองบาวรับใชอยางดุดัน กอนเอยปาก “นําตัว
ออกไป!”
เสียงไมดังมาก แตประหนึ่งสายฟาฟาด
บาวรับใชตัวสั่นงันงก ลมตัวลงนั่งทันที ทหารยามติดอาวุธที่อยูดานนอกสองคนเดิน
เขามา หิ้วปกซายขวา ลากตัวเขาออกไป
สาวใชทุกนางในพระตําหนักรีบคุกเขาลงทันที ไมมีสุมเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก
อํานาจองคจักรพรรดิ ตัดสินความเปนตาย!
องคติ้งอูน ั่งอยูตรงนั้นโดยไมขยับเขยื้อน มองดูรางอันชดชอยของสนมหลันที่กําลัง
คุกเขาเนื้อตัวสั่นเทาเชนเดียวกัน
สักพักจึงเอยปากขึ้นดวยน้ําเสียงที่ออนโยนลง “ไปเชิญใตเทาจางเขามา!”
“เพคะ” เสียงขานรับจากดานนอก
ภายในหองเงียบกริบ คนในพระตําหนักทั้งหมดไมกลาสงเสียง รอจนฝเทาผูที่อยู
ดานนอกจากไปไกล องคติ้งอูจึงคอยพูดขึ้น “ลุกขึ้นเถิด”
สนมหลันจึงคอยๆ เงยใบหนาที่ซีดขาวขึ้น แววตากระดากอาย “ฝาบาท...”
องคติ้งอูมองทาทางนางดวยแววตาออนโยน พลางลุกขึ้นพยุงนางเปนครั้งที่สอง รอ
จนนั่งกันเรียบรอย คอยพูดขึ้นดวยน้ําเสียงจริงจัง
“พระสนม ตั้งแตขาสืบทอดตําแหนงมา ก็ไมกลาหยอนยานแมสักวัน เหลาขุนนางมี
เรื่องสําคัญรายงาน ขาไหนเลยยังนอนหลับอุตุอยูได ตอไปตองพิจารณาความหนักเบา
ของเรื่อง อยาเอาแตอารมณ!”
สนมหลันน้ําตานองหนา ทําทาจะคุกเขาลงอีก แตถูกองคติ้งอูปรามไว “หมอมฉัน
สมควรตาย ไมไดคิดถึงสวนรวม เขาใจผิดในพระปรีชาญาณ พระอาญาไมพนเกลา!”
ริมฝปากองคติ้งอูป รากฏรอยยิ้มนอยๆ สายหนาเบาๆ ผายมือไปยังผูที่อยูรอบๆ
“ใหพวกเขาทุกคนออกไปเถิด!”
สนมหลันรีบขานรับ กอนนําชุดชงชามาชงน้ําชาใหฝาบาทดวยตนเอง
ไมนานนัก จางปงลี่ก็เขามา
เพิ่งถวายความเคารพเรียบรอย สนมหลันก็กลาวสารภาพผิดกับตนทันที “ใตเทา
จาง ขาทําใหงานการของทานชักชา ขออยาไดถือโทษโกรธเคืองกัน!”
“พระสนมอยาไดกลาวเชนนี้ กระหมอมรับไมไหวจริงๆ!” จางปงลี่รีบคุกเขาลง
องคติ้งอูเหลือบเห็นทาทางลําบากใจของจางปงลี่ จึงพูดขึ้นอยางเย็นชา
“เจียงฝูนั่นโอหังเกินไป ไมใสใจในกฎระเบียบ ตอไปสนมหลันตองอบรมสั่งสอนบาว
ไพรใหดี หวังวาจะไมเห็นผูที่ไมแยกแยะเรื่องหนักเบาในตําหนักนี้อีก ใตเทาจางเปนขุน
นางสําคัญของบานเมือง ไหนเลยจะตองมาเสียเวลาเพราะบาวไพร อยาใหมีคราวหนาก็
แลวกัน”
ตอน 253 ใจจักรพรรดิขององคตงิ้ อู
“เพคะ หมอมฉันจะจดจําไว!” สนมหลันแสดงความเคารพฝาบาทอีก
จางปงลี่ไดยินก็ชะงักเล็กนอย กมศีรษะลงพลางวา “ฝาบาทกลาวเกินไปพะยะคะ!”
“เอาเถอะ ขามีเรื่องตองทําอีกมาก ยามดึกจึงจะกลับมา!” องคติ้งอูลุกขึ้นยืน หัน
กายเดินออกนอกประตูไป
จางปงลี่รูสึกโลงอก เงยหนามองสนมหลันที่ยืนนอมสงเสด็จ เขาโคงตัวใหนางอีก
ครั้ง ครั้งนี้ใหความเคารพกวาครั้งกอน แลวพูดขึ้นอยางระมัดระวัง
“พระสนม กระหมอมขอตัว!”
“ใตเทาจางตามสบาย!”
ใบหนาสนมหลันเต็มไปดวยรอยยิ้มอันอบอุน พรอมมารยาทงามทุกกระเบียดนิ้ว
ขณะมองดูทาทางของนาง จางปงลี่ยังไมรูวาในตําหนักเกิดเรื่องอะไรขึ้น แตใจเขา
เหมือนถูกคอนทุบอยางแรง ดวยรูวาตองเกิดปญหาใหญขึ้นแน
เกรงวาสนมหลันทานนี้คงไดใจฝาบาทไปแลวจริงๆ ตอไปภายภาคหนาฮองเฮาคง
ลําบากใจยิ่ง
เขายืดตัวตรง เดินตามฝาบาทไปดวยฝเทาอันหนักหนวง
เขาไมคิดยุงเรื่องในวัง และยุงไมไหวดวย แตฮองเฮาเปนพระมารดาของหมิงอองนี่
สิ!
ภายใตสถานการณเชนนี้ ดานหมิงอองตองมีปญหากับที่นี่แน เกี่ยวกับฮองเฮา จาง
ปงลี่ไมสงสัยแมแตนอยวาจะกลายเปนน้ําหนักสําคัญที่ทําใหหมิงอองแตกหักกับราช
สํานักจริงๆ
หลายวันกอน เห็นชัดวาฝาบาททรงตระหนักถึงปญหานี้ จึงจงใจทิง้ ระยะหางกับ
สนมหลัน แตเหตุใดวันนี้...
“ยังดีที่พวกลูสวินอี้เปนขุนนางนอกวัง เรื่องในวังเหลานี้ หมิงอองยังยากที่จะเขาใจ
ไดในเวลาอันสั้น!” จางปงลี่ไดแตปลอบใจตนเอง
กอนจากไป เขายังหนักใจไมหาย จึงกวาดตามองบาวไพรในตําหนัก และรูสึกวาตอง
ตรวจสอบคนเหลานี้อยางเขมงวดเสียที ดูตามสถานการณแลว เกรงวาฝาบาทคงตองมา
อีกหลายครั้ง ตองไมใหคนเหลานี้นําไปพูดเหลวไหล ถึงรูดีวาเสียแรงเปลา แต...ยืดเวลา
ออกไปไดอีกวันก็ยอมดีกวา
ทาทางขึงขังจริงจังขององคติ้งอู ดูไมออกวาเปนน้ําหรือไฟ ยินดีหรือโกรธเคือง
ทวาในสายตาของจางปงลี่ ทาทางขององคติ้งอูในตอนนี้ดีกวาเมื่อกลางวันที่ระเบิด
อารมณรุนแรงออกมา
“ชงเสวียนรอเขาเฝาจนถึงค่ํา คอยกลับออกไป” จางปงลี่เหลือบมองอารมณของ
องคติ้งอูอกี ครั้ง กอนพูดเนิ่บๆ
“ดูตามสถานการณ ครั้งนี้พวกเขากระตือรือรนกันแลวจริงๆ ”
องคติ้งอูห ลุบตาลงมองโตะ ในใจรูสึกเครียดขึ้ง
“เจาวา หากเหมยจื้อเฟงถูกสังหารจริง เขาซางชิงจะทําอยางไร สํานักเตารอยแปด
สํานักจะทําอยางไร โจรถอยหลินกับเหลาขุนศึกจะทําอยางไร?”
จางปงลี่กมศีรษะลงเล็กนอย “ชีวิตของเหมยจื้อเฟง เดิมทีไมสําคัญนัก แมเขาเปน
หลานศิษยจอมยุทธ แตหมิงอองก็เปนเชื้อพระวงศ ปนั้นเหมยจื้อเฟงกลาลงมือกับหมิง
ออง ตอนนี้ถาหมิงอองจะแกแคนโดยการเอาชีวิตเขา ก็ไมใชเรื่องเกินกวาเหตุ”
เมื่อพูดถึงเรื่องในปนั้น ความโกรธแคนจากจิตใตสํานึกขององคติ้งอูก ็คุกรุนขึ้น แต
เมื่อทรงเปนจักรพรรดิ จึงไมอาจสงเสียงใดๆ ออกมา
“แตเรื่องผานมาหลายปแลว และหมิงอองในตอนนี้ก็ไมใชหมิงอองในปนั้น ถา
สังหารเหมยจื้อเฟง ความหมายจะไมเหมือนเดิม ผูคนในใตหลาไมมีใครมองวาเปนการ
แกแคนสวนตัวแน”
เห็นไดชัดวา ไมสามารถเปลี่ยนเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็กได
เมื่อเห็นวาองคติ้งอูมิไดตอบรับหรือปฏิเสธ จางปงลี่จึงพูดตอ
“แตถาเปนเชนนี้จริง และสุดทายหมิงอองเขนฆาศิษยเขาซางชิงดวย ก็ไมมีผลอะไร
แมตอนนั้นหมิงอองจะยกความผิดทั้งหมดใหคนเถื่อน แลวใหหนทางถอยกับเขาซางชิง
และสํานักเตาตางๆ แตตอนนี้หมิงอองกลับไวชีวิตเหมยจื้อเฟง มิไดสังหาร ซึ่งเขาซางชิง
ก็รับมือโดยการเรียกประชุมสํานักเตาทุกสํานัก หารือเกี่ยวกับชีวิตของเหมยจื้อเฟง แต
แทจริงแลวกลัวหมิงอองจะเห็นชีวิตศิษยสํานักเตาเปนผักปลามากวา ดังนั้นจึงคิดกดดัน
กลับ โดยใชบรรยากาศเชนนี้สรางแรงกดดัน แสดงใหผูคนเห็นบารมีของสํานักเตา หาก
กระทั่งหลานศิษยจอมยุทธหมิงอองยังกลาฆา แลวตอไปยังจะมีใครในสํานักเตาที่ฆา
ไมไดอีก?”
องคติ้งอูแววตาวูบไหวเล็กนอย พูดตอวา
“ไมเพียงเทานี้ หมิงอองบอกจะฆาคนของสํานักเตาก็ตองฆา ยอมทําใหสํานักเตาแต
ละแหงใจไมดี ซึ่งครั้งนี้สํานักเตาตางมาก็เพราะเรื่องเขาซางชิง ที่สําคัญคือพวกเขากลัว
วาเหมยจื้อเฟงจะกลายเปนชนวนเหตุแหงความขัดแยง กลัววาขาจะทุบหมอขาวตีเมือง
โดยใชโอกาสที่หมิงอองฆาเหมยจื้อเฟง ลางบางเขาซางชิงในคราวเดียว ทําลายสภาวะ
หวาดกลัวและคิดประนีประนอมซึ่งกันและกันของราชสํานักและสํานักเตาทิ้งเสีย”
“ฝาบาททรงพระปรีชาญาณยิ่ง!” จางปงลี่โคงตัวดวยความชื่นชม กอนขยายความ
อยางเครงขรึม “ที่เปนเชนนี้เพราะราชสํานักคิดจัดการความยุงเหยิงภายใน ดวยที่ผาน
มาแมทัพนายกองหลายทานมีจิตใจไมมั่นคง รูสึกหวาดหวั่นและกังวลใจ ทําใหรบกับ
ศัตรูตางชาติไดไมเต็มที่”
ปง! องคติ้งอูตบโตะ ที่สุดแลวก็อดกลั้นความโกรธไวไมอยู
แนนอน เมื่อเปนประมุขของประเทศและตองเผชิญกับสภาวะเชนนี้ ไหนเลยจะ
ยินยอมได
ทวาพระองคมิใชจกั รพรรดิไรสติ ตอนนี้จึงมิไดฟาดงวงฟาดงาออกมา ยังคงนิ่งเงียบ
จางปงลี่หยุดพูด แตพอเห็นองคติ้งอูไมมีปฏิกิริยาเพิ่มเติม ยังคงเยือกเย็นอยู จึงพูด
ตอ “ตอนนี้ ที่หมิงอองไวชวี ิตเหมยจื้อเฟง ก็เพื่อแสดงใหเห็นทาทีประนีประนอม เปน
การสรางความกดดันและใหความหวังพวกเขาไปในตัว ซึ่งในสายตาของพวกเขา การมา
ประชุมกันในเมืองหลวงครั้งนี้ เปนการหารือที่ละเอียดออน เปนการเจรจาเพื่อ
ผลประโยชน ขณะเดียวกันก็ใชโอกาสนี้นําจุดแข็งของทั้งสองฝายมาถกกัน เพื่อสราง
ขวัญกําลังใจใหศิษยทุกคน ดังนี้เหลาสํานักเตาตางมาดวยเเรื่องเขาซางชิง ดูเหมือน
สนับสนุนเขาซางชิง แตจริงๆ แลวพวกเขาไดถือวาเรื่องนี้เปนเรื่องของสํานักตนไปแลว”
องคติ้งอูคอยๆ ถอนหายใจ แววตาล้ําลึก แตแลวพลันเงยหนา
“เรื่องหมิงอองประมือกับจอมยุทธจึงไมใชความลับอีก สามารถทําใหเรื่องนี้
กลายเปนเรื่องงายกวานี้ไดหรือไม ทําใหสํานักเตาตางๆ เขาใจวาเรื่องนี้เปนการประลอง
ยุทธแกแคนสวนตัวโดยไมลามไปถึงเรื่องอื่น”
จางปงลี่ครุนคิดสักพัก สุดทายก็เงยหนาขึ้น
“ฝาบาท ที่สําคัญคือเราไดยื่นมือเขาไปเกี่ยวของแลว!”
“หือ?” องคติ้งอูคิ้วกระตุก
“หมิงออง!” จางปงลี่เปลงเสียงออกมาสองคํา แลวจึงหลุบตาลงอยางออนลา
องคติ้งอูฟ งแลวก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ยากแยกแยะความหมายของยิ้มนี้ ได
แตฟงคําตรัส “ใช...ขาเปนประมุขของประเทศ โอรสขายอมเปนอองของประเทศ หรือ
ขายังสามารถนิ่งดูดายใหผูใดมาประหัตประหารโอรสตอหนาผูคนโดยไมสนใจความเปน
ตายของโอรสได?”
จางปงลี่ไมกลาวิพากษวิจารณวาที่สุดแลวองคจักรพรรดิสนใจหรือไม เขาไดแตพูด
ตอ “ดังนั้นตอนนี้ ยังไมตองพูดเรื่องหมิงอองจะประมือกับจอมยุทธหรือไม พูดเพียงเรื่อง
เหมยจื้อเฟง ซึ่งไดกลายเปนหัวใจสําคัญของสํานักเตาไปแลว ถาเขาตาย สํานักเตายอม
ตองยุงเหยิง!”
องคติ้งอูน ิ่งเงียบ ไมพูดอะไรอีก
จางปงลี่ก็เงียบเชนกัน เดิมทีคําพูดนี้ไมจําเปนตองพูด หากไมชัดเจนเรื่องพวกนี้ เขา
คงไมรอนรนจนไฟลุกทวมตัว ตองรีบวิ่งไปหาลูสวินอี้ที่จวนหมิงออง
แตจะไมวเิ คราะหก็ไมได เพราะองคจักรพรรดิและขุนนางตางก็รูดีวา หมิงออง
ควบคุมไมไดหรอก!
จางปงลี่เงียบไปครูใหญ คอยเอยปากขึ้นอีกครั้ง โดยเปลี่ยนหัวขอเปนวิธีแกไข
ปญหา
“เหมยจื้อเฟงตายไมได มิฉะนั้นแลวจะไมเปนผลดีกับทุกฝาย!”
องคติ้งอูกําหมัดหลวมๆ หรี่ตามองจางปงลี่
จางปงลี่จึงรูสึกกระอักกระอวนใจ หายใจเขาลึกๆ แลววา
“กระหมอมไมแนะนําใหลงมือกับลูสวินอี้ เพราะเปนหวงวาเมื่อจับเขาไวแลว เราก็
ยังคงหาวิธีติดตอกับหมิงอองไมไดอยูด ี แมนับวามีชองทาง หมิงอองก็อาจไมตอบ อีกทั้ง
ลาสุดลูสวินอี้ไดบอกกับกระหมอมวา ถาจับเขาไวเมื่อไหร หมิงอองจะรีบจับกระบี่แลว
เดินทางขึ้นเขาซางชิงทันที ทําใหกระหมอมรูสึกไมมั่นใจขึ้นมาจริงๆ !”
ชวงกลางวัน องคติ้งอูกริ้ว ตองการจับตัวลูสวินอี้จอมอหังการใหได แตจางปงลี่กลับ
ไมเห็นดวย
องคติ้งอูจงึ อดไมไดที่จะสายศีรษะ แลวเดินไปที่หนาตาง จองมองไปยังทิศที่ตั้งของ
เมืองหมิงจู เรื่องมาถึงขั้นนี้แลว เขายังมองไมออกวาโอรสที่อยูหางไกลแทจริงแลวเปน
อยางไรกันแน กระทั่งคิดก็ยังไมมีปญญาจะคิด เพราะไมมีขอมูลอางอิงใดๆ
เชนเดียวกับที่จางปงลี่พูด หมิงอองเปนคนเชนไร
ภาพทรงจําที่มีอยูรางเลือนเต็มที หรือแมไมรางเลือนก็ไรประโยชน เพราะองคติ้งอู
มั่นใจวานั่นมิใชโอรสผูไมรูอิโหนอิเหนที่ตนเคยรูจักแน
ที่จางปงลี่บอกไมมั่นใจ เพราะเห็นแกหนาองคติ้งอู ซึ่งความจริงแลวในใจของทั้ง
สองยอมชัดเจนในภาพลักษณที่แข็งกราวของหมิงอองดี ดังนั้นที่ลูสวินอี้พูดก็คงมิไดเปน
การลอเลน
“เชนนี้ มีทางเดียวคือฆาใหตายหรือ?” น้ําเสียงองคติ้งอูด ูออนลาและคลายมีความ
กดดันอยูบาง
ฆาใหตาย ฆาใคร?
แนนอนวาเปนลูสวินอี้
จางปงลี่มิไดตอบในทันที เขายืนอยูดานหลังองคติ้งอูและกมศีรษะอยูนาน คอยพูด
เสียงเบาออกมา
“ที่สุดแลวหากเกิดผลลบ อาจมีเพียงวิธีนี้ที่จะลดผลกระทบในดานตางๆ เพราะ
สํานักเตารอยแปดสํานักแทจริงแลวกังวลตอทาทีของฝาบาท แมการฆาลูสวินอี้จะไม
สามารถทําใหเขาซางชิงสงบลงไดก็จริง แตอยางนอยอาจทําใหสํานักเตาบางสํานักลังเล
ใจ ไมทําใหพวกเขารวมตัวกันจนกลายเปนหมาจนตรอกที่กระโดดหนีตายกันจาละหวั่น
และยังลดความกดดันของพวกเราลงอีก แตถึงตอนนั้นก็เกรงวายังไมอาจปลอยวางลง
เพราะมีคนมากมายที่คิดไมซื่อ และขณะสถานการณภายในของเรายังคงวุนวาย
ประเทศฉียอมไมปลอยโอกาสใหเสียไปแน นอกจากนี้ พอฆาลูสวินอี้...”
พอฆาลูสวินอี้
องคติ้งอูคอยๆ หลับตาลง ใชแลว พอฆาลูสวินอี้...ไม...ลูสวินอี้หรือ?
ไมใชลูสวินอี้ แตเปนจวนหมิงออง!
เปนการทําลายทุกอยางในจวนหมิงออง ไลจวนหมิงอองใหออกจากเชื้อพระวงศ
คาดโทษใหกับโอรสของตน เพื่อใหเหลืออํานาจเพียงหนึง่ เดียว!
ยังดีที่ในเมืองหลวงมีเพียงลูสวินอี้ หากมีญาติของหมิงอองอีก เชนพระชายา บุตร
ธิดา...
องคจักรพรรดิของประเทศอยางองคติ้งอูเคยสังหารโอรสมาแลวครั้งหนึ่ง แตครั้งนี้
การตัดสินใจเชนนี้ยอมไมดีแน
จางปงลี่มองดูฝาบาท แลวจึงโคงตัว กอนพูดดวยน้ําเสียงแนวแน
“ขอฝาบาททรงเมตตา เมื่อเรื่องยังไมถึงที่สุด กระหมอมยอมตองพยายามหาทาง
แกไขใหจงได!”
องคติ้งอูห ันกลับมามองเขา สักพักก็สายพระพักตร
“ไปเถิด ไปบอกเขา!”
เขา!
ยอมไมใชลูสวินอี้
จางปงลี่รูอยางแจมแจงวา ฝาบาททรงตัดสินพระทัยแลว หากในที่สุดยังแกปญหา
ไมได เมื่อถึงยามคับขัน ฝาบาทจะเลือกผิดใจกับโอรส เมื่อเห็นการตัดสินใจเชนนี้ จางปง
ลี่ก็ไดแตพยายามจัดการเรื่องคน ไปยื่นคําขาดครั้งสุดทายกับลูสวินอี้อยางเปนทางการ
โดยหวังวาหมิงอองจะสามารถตระหนักถึงปญหารายแรงที่เชื่อมโยงกัน และไม
เดินทางผิด
จางปงลี่ไปแลว องคติ้งอูนั่งอยูคนเดียวสักพัก มหาดเล็กก็เขามา
องคติ้งอูมองดูรอบๆ หอง สุดทายก็เอยเสียงเบา “ไปตําหนักสนมหลัน!”
องคจักรพรรดิและขุนนาง ทั้งสองทานตางกลัดกลุมใจ
เขาซางชิงในตอนนี้ก็เริ่มดึงสํานักเตาหลายสํานักเขามาเกี่ยวของ กระตือรือรนสุดจะ
เปรียบในการเตรียมใชอํานาจอันยิ่งใหญกดดันตอบ
ขุนนางทุกยุคทุกสมัย ขุนนางระดับสูง ลวนรูสึกวาคืนนี้บรรยากาศตึงเครียดที่ไรรูป
กําลังหดตัวลงอยางชาๆ ทําใหใจคนสั่น ทวาตอนนี้เวลานี้ กลับไมมีใครสังเกตเห็นวา มี
รถมาคันหนึ่งกําลังวิ่งเขาสูเมืองหลวง
ตอน 254 อูป ระตูเมืองกลับสูตําแหนงเดิม
“เพิ่มเวลายืนยามลงโทษเราก็นาจะพอแลว เหตุใดตองริบเสื้อกันหนาวตัวใหม
ดวย?”
“นั่นนะสิ ดูๆ อากาศหนาวเชนนี้ ที่เราตรงนี้ก็ไมมีอะไรกําบังลมได ตองการใหเรา
หนาวตายชัดๆ ”
“ถารูแตแรกวาเปนอยางนี้ อยูในคุกเสียยังดีกวา อยางนอยก็ไมหนาว ไมหิว...”
“เบาเสียงกันหนอย อยาใหไดยินถึงหูเบื้องบนเขาละ!”
“กลัวอะไร อยางมากก็แคลาออก...”
“พอเถอะ พูดใหนอยๆ หนอย อยางนอยเราทุกคนก็ลวนมีความสามารถ วาแตครั้ง
นี้หัวหนาอูซวยจริงๆ ไดยินวาถูกทรมานจนไมเปนผูเปนคน ไมรูวาจะรอดชีวิตมาทัน
ฉลองปใหมหรือเปลา...”
เชาตรู ก็ไดยินเสียงทหารรักษาการณยืนกนดาวากลาวกลางลมหนาวที่หนาประตู
เมืองหลวง
พอมองไปอีกที ก็พบวาคนเหลานี้ที่แทก็คือเพื่อนทหารรวมทุกขรวมสุขที่ถูกจับเขา
หองขังพรอมอูประตูเมืองในวันนั้น แตไมรูเปนเพราะเหตุใดพวกเขาทั้งหมดถูกปลอย
ออกมา แตกลับไมมีอูประตูเมืองรวมอยูดวย ฟงจากที่คุยกัน เหมือนอูประตูเมืองยังถูก
ขังอยู
และขณะที่พวกเขากําลังบนกันอยางขมขื่นนั้น กลับไมทันเห็นวา มีรางที่ดูโซม
เล็กนอยรางหนึ่งกําลังเดินโซเซเขามา
อาจเปนเพราะคนผูนี้กมศีรษะและใสเครื่องแบบเหมือนกัน จึงไมมีใครสนใจ กระทั่ง
สามารถเดินไปยืนอยูตรงหนาพวกเขาโดยไมพูดอะไร ยื่นมือเขาจับตัวทหารซึ่งกําลังนั่ง
ดื่มสุราอบอุนรางกายอยูบนมานั่งเตี้ย แลวโยนออกไป...
“โอยยย.....”
เสียงรองครวญครางอยางเจ็บปวดดังขึ้นโดยไมคาดคิด ทุกคนมีสีหนาตื่นตะลึง จอง
มองไปยังแขกที่มิไดรับเชิญ แตอยางไรก็นึกไมออกจริงๆ วา ในกลุมพวกเขามีใครกลา
โอหังเชนนี้ กินยาผิดขวดหรือเปลา?
แลวผูที่ลมลงเมื่อครูก็เดือดดาล ดาทอออกมา
“ขาจะ***บรรพบุรุษเจา...” แลวลุกขึ้นคิดเอาคืน
แตพอหันมองเพื่อนๆ กลับเห็นยืนกันตัวแข็ง กอนเห็นดวงตาดุดันที่จองมองตนเขม็ง
คอยรูสึกกระสับกระสาย เหงื่อหยดลงจากหนาผาก ริมฝปากขยับขึ้นลง พลางยิ้ม
แหงๆ
“เปน เปนทานนั่นเอง...หัว...หัวหนาอู”
“ออกไป!”
อูประตูเมืองกวาดตามองเพื่อนทหารทุกคนที่ถูกจับตัวไปพรอมๆ กับเขาในวันนั้น
สุดทายก็คอยๆ นั่งลงบนมานั่งเตี้ยพรอมสีหนาเครงเครียด ไมสนใจสุราบนโตะวาเปน
ของใคร ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดดวยความกระหาย
กลุมทหารมีสีหนาลําบากใจ หันมองสบตากัน ไมรูวาควรทําอยางไรดี
“หัวหนาอู ทานออก...ออกมาแลว...”
ทหารผูซึ่งปกติไปไหนมาไหนกับอูประตูเมืองพูดขึ้นเพื่อคลายความอึดอัด แตยังไม
ทันพูดจบ อูประตูเมืองก็ลุกพรวด พรอมตะโกนเสียงดัง
“ออกไป...ออกไปใหหมด!”
“ทุกคนคิดวาลูกพี่จบชีวิตลงแลว”
“ทุกคนรีบไปเลียแขงเลียขาลูกชายใตเทาเจากรมศาสนา”
“ลูกพี่ดูเบาพวกเจาจริงๆ...ทําไดดี...แตละคนมีลูกไมไมใชยอย! พวกที่ราดน้ํา
โสโครกใสศีรษะลูกพี่ ทาทางจะคิดกันมาไมนอย ลวนอยากใหลูกพี่ตายใชไหม!”
“แลวคนพวกนี้สามารถเอาชีวิตลูกพี่ไดหรือเปลา? ใหความกลามันไป มันยังไมกลา
ตัดศีรษะลูกพี่ดวยซ้ํา!”
“ได ยอมไดแนนอน แตลูกพี่ยังไมตายนี่ เกรงวาพวกเจาคงตองรอบคอบกันหนอย
เพราะลูกพี่เปนคนมีแคนตองชําระ ตั้งแตวันนี้เปนตนไป พวกเจาระวังตัวกันใหดีละ ทาง
ที่ดีอยาใหลูกพี่จับได มิฉะนั้นอยาหาวาผูแซอูเ**ยมโหดใจดําก็แลวกัน”
แลวอูประตูเมืองก็หนาดําคร่ําเครียด งานการไมทํา นั่งดื่มสุราแกลมถั่วอยูตรงนั้น
พลางเงยหนามองเหลาทหารที่ทํางานกันอยางกระวนกระวายใจเปนระยะ แลวยิ้มเย็น
ชาออกมา ทุกครั้งที่เขามองใคร คนผูนั้นพลันหนาซีดขาว รูสึกหนาวเหน็บโดยไมรูตัว
พวกเขารูสึกกลัวจริงๆ คิดไมถึงวาอูประตูเมืองทําเรื่องใหญขนาดนี้ แตกลับออกมา
จากหองขังไดอยางไมสึกหรอแมแตนอย แถมยังสามารถดํารงตําแหนงหัวหนาทหาร
รักษาการณประตูเมืองเหมือนเดิมอีก
เหลาทหารเหงื่อตกไปตามๆ กัน มองตากัน หนังตากระตุกไมหยุด!
การที่อูประตูเมืองโมโหโทโส ทันทีที่กลับมา ก็เพียงพอที่จะพิสูจนใหเห็นชัดวาเขา
ตัดสินใจหักกับเพื่อนผูรวมเปนรวมตาย รวมทุกขรวมสุขกันมา
อันที่จริง วันที่คนเหลานี้ถูกจับเขาหองขัง คืนนั้นก็ถูกปลอยตัวออกทันที แตอูประตู
เมืองกลับถูกขังมาจนถึงวันนี้ จึงเห็นปญหาที่เกิดขึ้นอยางชัดเจน
ซึ่งขณะนีไ้ ดเกิดหลักจริยธรรมที่หาไดยากยิ่งหนาประตูเมือง ไมไดยินเหลาทหาร
พูดจาแบบนักเลงอันธพาลอีก ทําเอาพอคาวานิชที่ผานเขาออกเมืองบอยๆ ยังอดแปลก
ใจไมได หรือคนตางถิ่นที่รีบรอนมาถึงก็ยังอยากมาเมืองหลวงอีก ดูไปแลว สิ่งแวดลอมที่
ดีงามเชนนี้ ยอมไมเหมือนพื้นที่อื่น เปนเมืองหลวงที่เชิดหนาชูตาของประเทศชาติจริงๆ
ตื่นเตนเมื่อใกลถึงบาน
คําคํานี้เห็นทีจะไมเหมาะนัก แตสามารถพูดเชนนี้ไดในอดีต เพราะนางเติบโตที่นี่
ยอมคิดถึงเปนธรรมดา
ทวาตั้งแตปที่หมิงอองออกจากเมืองหลวงและตระกูลหลินกบฏ สําหรับนางแลว ที่นี่
ก็ไมใชบานเกิดอีกตอไป หนําซ้ํายังกลายเปนเขตหามเขา
แตวันนี้ขณะนั่งอยูใ นรถมา รอการตรวจตราของดานประตูเมือง ดวงตาที่อางวาง
ของนางกลับวูบไหว คนเราขอเพียงไมตาย ยอมมีความรูสึก!
ชีวิตคนมีคายิ่ง ไมมีเรื่องใดใหญไปกวาเกิด แก เจ็บ ตาย ซึ่งใชวาหลินซูอินจะไมเคย
คิดเรื่องความเปนความตาย แมนางเขาเปนศิษยสํานักเตา บําเพ็ญเพียรเพื่อใหมีอายุยืน
และหลุดพน ฝกการปลงตอชีวิตตามวิถีแหงเตา นางก็ควรปลดปลงตอทุกสิ่ง ไมควร
หวั่นไหวตอสิ่งเราในทางโลกไดงายๆ ยิ่งไมตองพูดถึงเรื่องการปลิดชีวิตตนเอง
ทวามุมมองของนางในตอนนี้ เปนมุมที่ยากอธิบาย ดวยไมเคยเตรียมใจรับเรื่องที่
เกิดขึ้นหลังจากคืนนั้นมากอน จึงไมใชเรื่องงายที่จะยอมรับ แตไมวาจะยอมรับหรือไม
นางก็หยิ่งทะนงเกิน
นางสูงสงดวยชาติตระกูล รูปโฉม พรสวรรคที่นาทึ่ง เหมือนสวรรคไดใหสิ่งล้ําคา
ทั้งหมดนี้กับนาง แลวจะไมใหนางหยิ่งทะนงไดอยางไร?
และคนเชนนี้ก็มักทําตามใจตัวเองเสียดวย!
พวกนางยากที่จะยอมรับความผิดหวัง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับตนเองแมเพียงเล็กนอย ก็
จะรูสึกเหมือนโลกทั้งใบถลมทลายลงตรงหนา
ปที่นางหนีออกจากจวนหมิงอองไปเปนศิษยเขาซางชิง นางไมรูสึกวาตนเองทําผิด
กลับรูสึกวาไดประนีประนอมกับโชคชะตาแลว เมื่อไมไดใชชีวิตคู ก็ขออยูคนเดียวดีกวา!
ตอนถูกเหมยจื้อเฟงเกี้ยว พูดยากวาจริงๆ แลวนางรูสึกหวั่นไหวหรือไม แตมั่นใจได
วา นางไมมีทางยอมเหมยจื้อเฟงแน ซึ่งความจริงแลวมิใชเพราะนางตองการรักษาความ
บริสุทธิ์ แตเปนเพราะนางตองการเปนตัวของตัวเอง
การไมยอมเหมยจื้อเฟงทําใหนางรูสึกภูมิใจในตนเอง ที่ยอมละทิ้งความสุขเพื่อ
พรหมจรรย นี่จึงจะคูควรกับความสูงสงของนาง
แตสําหรับหมิงออง นางรูสึกวาตนกําลังยึดติดกับอะไรสักอยาง ซึ่งมิใชความรัก แต
เปนการไมยอมแพ ซึ่งครั้งหนึ่งหมิงอองเคยทําเรื่องไรยางอายกับนางตอหนาผูคน ซึ่ง
หญิงสาวในใตหลาใครบางสามารถใหความจริงใจกับคนเชนนี้ อยาวาแตนางเปนถึงสาว
งามระดับประเทศ ไหนเลยจะยอม ยอมไมยอมแน
แตวันนี้ตอนนี้ หมิงอองกลับทําเรื่องนาทึ่งระดับประเทศ ชายหนุมในใตหลาจะมีสัก
กี่คนที่เปนวีรบุรุษ หากถามหญิงสาว สามีเชนนี้ใครบางที่ไมอยากได?
แตหลินซูอินกลับรูสึกวาไมใช ถาปนั้นตนยอมใหกับหมิงอองก็วาไปอยาง ยังไมตอง
พูดถึงเรื่องทางบานของทั้งสองฝาย พูดแตเรื่องถาคุณหนูผูหยิ่งทะนงยอมรับวาผิด ที่
ตอนนี้พอเห็นวาเขาเปนวีรบุรุษสะทานฟา ก็รีบยอมใหเขา ซึ่งยอมเปนไปไมได นางหยิ่ง
ทะนงเกิน สูงสงเกิน
ทวาคืนนั้น คืนที่ฉุกละหุก ไดกลายเปนคืนที่สิ้นสุดความยึดมั่นถือมั่นในตนเองและ
ความแคนที่ยากหาขอสรุปของนาง ความรูสึกนี้ คนธรรมดายากเขาใจยิ่งจริงๆ
ในรถมา หลินซูอินมีสีหนาซีดขาว
คืนนั้น เปนคืนที่นางไมเคยคาดคิดมากอน ไมเพียงเปนไปตามพิธีของสามีภรรยา
แตสําหรับผูที่มีความโดดเดนในทุกดานอยางนาง กลับเปนคืนแรกที่มิไดเกิดขึ้นจาก
ความรัก
ใชแลว คืนนั้น ราวกับวากําลังทําเพื่อประเทศชาติ!
ความอัปยศเชนนี้ นางเคยคิดตัดชองนอยแตพอตัว ทวาที่สุดแลวก็ไมไดทํา ยังคง
เปนคําพูดคํานั้น นางไมสามารถจากโลกนี้ไปทั้งๆ ที่ยังไมไดคิดหรือทําอะไรสักอยาง
ทวา ถาไมตายแลวจะอยูอยางไรเลา?
หลังจากคืนนั้น นางจึงเงียบงันมาตลอด เมื่อไดกลายเปนหญิงสาวเขาจริงๆ ราวกับ
วาพริบตานั้น ปญหาที่อยูในสมองและไมเคยคิดอยางจริงจังมากอน ก็พรั่งพรูออกมา
เชน คําวาพระชายาหมิงออง!
สถานะที่นางไมอยากรับ แตแมไมอยาก นางก็รูวา ตอนนี้ตนเองก็คือพระชายาหมิง
อองแลว
แซมอ คือแซที่นางตองแบกรับไวตราบเทาที่มีลมหายใจ
หมิงออง เปนชายที่นางสลัดหลุดไมไดไปชั่วชีวิต
เมื่อยังเผชิญกับเรื่องเหลานี้ไมได นางจึงเงียบขรึม และจากมาในที่สุด
ทวา กระทั่งจากมาแลว นางก็ยังปลอยวางลงไมได
นางลืมตา มองออกนอกหนาตางรถมา จึงรูวาตนเองมาถึงเมืองหลวงแลว นางไม
อยากคิด แตก็อดคิดไมได เมืองหลวงคือที่ใด มีความหมายอะไรกับนาง?
คลายโลกเปลี่ยนไปอยางกะทันหัน กระทั่งนางก็รูสึกวาตนเองเปลี่ยนไป อยางนอย
ไมมีความกลาเชนเมื่อกอนอีก เพราะเกิดรูสึกกลัวกับการใชแซมอนําหนาชื่อ ในเมือง
หลวงแหงนี้!
ไมจําเปนตองคิดมากอีก ก็แคยอมรับหรือไมยอมรับ!
ควรคิดวา ถายอมรับแลว จะยอมรับอยางไร? หรือถาไมยอมรับแลว จะไมยอมรับ
อยางไร?
“ฮูหยิน ทานไมเปนไรใชไหม” น้ําเสียงสงางามดังขึ้น
หลินซูอินหนังตาชะงักคาง คอยๆ หันมามองทานตูที่นั่งอยูขางๆ แลวจึงสายหนานิ่ง
“ไมเปนไร”
ทานตูมีสีหนาปกติและไมถามมากความ เพียงพูดเบาๆ ออกมาอีกหนึ่งประโยค
“ดานหลังเราเหมือนไมมีคนแลว”
หลินซูอินไมสนใจปญหานี้ จึงไมตอบอะไร
รถมาเคลื่อนที่อีกครั้ง ใกลประตูเมืองเขาไปทุกที
หลินซูอินพลันหันมองทานตูที่นั่งสงบอยูขางๆ อยางไมมที าทีตื่นเตนแมแตนอย จึง
กะพริบตา แลวถามเสียงเบา
“ศิษยพี่ ใกลเขาเมืองหลวงแลว ทานไมกังวลใจเลยหรือ?”
ทานตูอึ้ง กอนยิ้มเล็กนอย “ไมนาจะมีอะไร ฮูหยินก็ยังอยูในรถ”
หลินซูอินคอยๆ เงียบลง นางจับผาขาวที่อยูขางหูขึ้นมาปดบังใบหนา พลางพูดขึ้น
เรียบๆ
“เกรงวาถาอยูขางกายขาจะยิ่งไมปลอดภัย ที่นี่มีคนคิดสังหารขามากมาย”
ทานตูไดยินจึงเก็บรอยยิ้มลง คําพูดนี้ทําใหนางรูสึกเศราเล็กนอย ที่นี่ไมใชหมิงจู
เทียบกับหญิงสาวขางกายแลว ตนก็ไมนับเปนตัวอะไร จึงสายหนาเบาๆ
“ฮูหยินไมตองหวง ทานมีฐานะสูงสง ผูปองรายแมมี แตผูที่กลาทําการบุมบาม
ตรงหนาทาน เกรงวาคงมีไมมาก ขอเพียงเขาเมืองได พวกเราก็ปลอดภัยแลว”
สีหนาใตผาคลุมสีขาวของหลินซูอินเปนอยางไรนั้น ทานตูมองไมเห็น และไมไดมอง
ไดยินเสียงดังมาจากดานนอก “พระชายา พวกเรากําลังจะเขาเมือง!”
ตอน 255 หัวหนาอูหาเรื่อง
“เขานะหรืออูประตูเมือง?”
หางจากประตูเมืองออกไปไมไกล ชายวัยกลางคนผูหนึ่ง กําลังยืนตัวตรงมือไพลหลัง
จองมองไปยังอูประตูเมืองที่กําลังเศราสรอย
ขางกายเขาคือชายกํายําคนหนึ่ง พอไดยินคําถามก็ตอบอยางนอบนอม
“ใชขอรับ ตามที่ทานไดกําชับไว ผูนอยสงคนไปเฝาจับตามองบริเวณศาลาวาการมา
โดยตลอด เชาวันนี้พอเห็นเขาถูกปลอยตัวออกมา ก็รีบสงคนไปบอกทาน คุณชายจาง
เจาหมอนี่มีความไมชอบมาพากลตรงไหนกัน ถึงกับทําใหทานตองรุดมาดูดวยตนเอง?”
“พอถูกปลอยก็ตรงมานี่เลยหรือ?”
ชายวัยกลางคนพึมพํา แตก็รีบดึงสติกลับ หันมองชายกํายําที่จองมองเขาอยู กอน
เตือนสติ
“ไมใชธุระกงการอะไรของเจา ทางที่ดีเจาอยาทําตัวเปนนักสืบจะดีกวา มิฉะนั้นแลว
พอเสียแผนขา ก็อยาหาวาขาไมเตือนก็แลวกัน หรือแมแตนายของเจาออกหนาก็ยังคุม
กะลาหัวเจาไวไมอยู!”
ชายกํายําไดยินก็รูสึกหนาวเหน็บ รีบตอบอยางเคารพนอบนอมกวาเดิม
“มิบังอาจคุณชายจาง แมกินหัวใจเสือดํามา ขาก็ไมกลาทําเสียแผนทาน เพียงแต
แปลกใจๆ ที่...”
คุณชายจางตาคมวาวขึ้นทันที “ความอยากรูอยากเห็นทําคนตายมานักตอนักแลว
เรื่องที่ใหเจาทําถาไมเกิดเหตุสุดวิสัยก็ทําขาวรั่วไหล...”
“มิกลา มิกลาจริงๆ คุณชายจางวางใจ ขา เฉิงที่หา อยูในเสนทางสายนี้มานาน
สรางชื่อจากความเชื่อใจ ขาทํางานอยางรัดกุมแนนอน ขอใหทานวางใจ ไมมีทางเกิด
เรื่องขึ้นแน”
เฉิงที่หารูสึกเครียดขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบพูดรับรองไมหยุด
“ทางที่ดีขอใหเปนเชนนี้ ขอเพียงเจาสามารถจัดการเรื่องใหเรียบรอย เรื่องที่รับปาก
เจา ขายอมใหไดอยางแนนอน”
คุณชายจางพูดพลางลวงเขาไปในอกเสื้อ นําถุงผาใบนอยถุงหนึ่งวางลงในมือเฉิงที่
หา
“เรื่องในวันนี้ทําไดดี คนของเจาลําบากกันพอสมควร นําเงินเล็กๆ นอยๆ นี่ใหพวก
เขาไปดื่มสุรา”
พอถุงเงินน้ําหนักมากตกถึงมือ เฉิงที่หาก็ยิ้มยินดี พลางตอบทันที
“ผูแซเฉิงขอขอบคุณคุณชายจางแทนเหลาพี่นองดวย ตอไปตองการใหผูแซเฉินทํา
อะไร ขอเพียงทานสั่งการมาก็พอ!”
ถูกตบศีรษะแลวแลวลูบหลังเชนนี้ เฉิงที่หายอมเชื่อฟงและปฏิบัติตามอยางเจียม
เนื้อเจียมตัว
ชายวัยกลางคนหันมองไปทีอ่ ูประตูเมืองอีก พลางพูดเสียงเบา
“หลังจากเจาหมอนี่ออกมา ไดพบเจอใครบาง มีอะไรผิดปกติหรือเปลา?”
“ไมมี คนของขาจับตาดูอยูตลอด เจาหมอนี่พอออกจากศาลาวาการก็เดินตรงมาที่
ประตูเมืองอยางโกรธแคน พอมาถึงก็ทุบตีดาทอทหารพวกนั้น อาละวาดอยูสักพัก ก็นั่ง
ลงวางทาใหญโตทาทายขุนนางระดับสูงทามกลางสายตาผูคนมากมาย ขมขูวาจะแกแคน
เพื่อนรวมงาน...”
ชายกํายํากลับเลาไดอยางละเอียดยิบ รายงานพฤติกรรมทุกกระเบียดนิ้วของอู
ประตูเมืองใหฟง
ชายวัยกลางคนฟงแลวก็อึ้งเล็กนอย อูประตูเมืองนี่เถื่อนถึงเพียงนี้เลยรึ? คิดแลวก็
หันมองอูป ระตูเมืองใหชัดเจนอีกครั้ง สักพักคอยพูดขึ้น
“หลังจากมาถึง เขานั่งอยูตรงนั้นตลอดแลว ไดพูดคุยกับผูคนที่ผานเขาออกบาง
ไหม?”
“ไม เขาไมทําอะไรเลย นั่งดื่มสุราดาทอผูคนอยูตรงนั้นละ!” ชายกํายําสายศีรษะ
“ดี จับตาดูตอไป อยาใหคลาดสายตา ขาตองการรูทุกอิริยาบถของเขาอยางชัดเจน
แจมแจง!” คุณชายจางพูดเสียงขรึม
“ขอรับ ขาไมกลาละเลยอยางเด็ดขาด” เฉิงที่หาตอบ
คุณชายจางหันกาย แลวกําชับประโยคสุดทาย
“ยังมี อยาเหลือรองรอยใหพบเห็นเปนอันขาด หากเกิดเหตุสุดวิสัย เจานาจะรูอยู
วา ตองทําอยางไร!”
“ทานวางใจ ไมผิดพลาดแนนอน หรือหากเกิดเรื่อง ก็ไมมีทางโยงใยไปถึงทาน ขา
เฉิงที่หากลาหากินในเสนทางสายนี้ ยอมมีความสามารถจัดการเรื่องยุงยากตางๆ ได
มิฉะนั้นแลวไหนเลยจะกลารับปากทาน!” เฉิงที่หาตบหนาอกรับรอง
ชายวัยกลางคนไมเชื่อแตก็ไมปฏิเสธคําพูดของเขา สุดทายยังคงมองดูอูประตูเมือง
อีกรอบ เขาสงสัยเปนอยางยิ่งวา อูประตูเมืองอาจรูเรื่องทหารเหลานี้แตแรกแลว หรือถา
ไมรู ที่ทําไปก็เพื่อปองกันการถูกจับตามอง
เพราะถาเปนคนของจวนหมิงอองจริงๆ จะไมสามารถแสดงพฤติกรรมเชนนี้เปนอัน
ขาด
ชวยไมได คนของจวนหมิงอองเดินเรื่องในเมืองหลวงไมสะดวก นอกจากใชคน
เหลานี้แลว ก็ไมมีหนทางอื่นอีก ไมตองพูดถึงเรื่องที่พวกเขาไมไดหวังอะไรมากมาย มิได
หวังใหเจาหมอนี่สืบเสาะเรื่องสําคัญอะไร
วันนี้ที่มาดวยตนเอง เพราะไดยินวาเจาหมอนี่พอออกจากหองขังก็ตรงดิ่งมาที่ประตู
เมือง จึงสงสัยวา อาจมีคนจากจวนหมิงอองเขาเมืองมาอีก เจาหมอนี่จึงมาอํานวยความ
สะดวกให
แตคิดๆ ดูก็ไมนาเปนไปได ตอนนี้ถาคนของจวนหมิงอองจะเขาเมืองก็ไมจําเปนตอง
ยุงยากแลว เพราะหลังผานการตอสูโลหิตสาดของพวกลูสวินอี้ในครั้งกอน ไมวาใครก็
ตาม หากคิดลงมือกับพวกเขาทามกลางผูคนมากมาย เกรงวาคงตองคิดหนักถึงผลที่
ตามมา
“เอาเถอะ เจาไปทํางานได มีเรื่องอะไรก็รีบสงคนมาบอกขาก็แลวกัน!”
คุณชายจางกําชับไปอีกประโยค แลวเตรียมหันกายจากไป
ทวาขณะนั้น ประตูเมืองคลับคลายเกิดเหตุโกลาหลขึ้น!
“หยุดรถ!”
รถมากําลังจะเขาเมือง แตถูกทหารตะโกนเรียกใหหยุด อาจิ่วที่นั่งอยูหนารถใช
สายตาเหลือบมองไปรอบๆ แลวคอยๆ ลวงปายคําสั่งออกจากอกเสื้อ กอนพูดกับกลุม
ทหารที่เตรียมเขามาตรวจ
“คนของจวนหมิงอองเขาออก รีบหลีกทาง!”
“อะไรนะ? จวนหมิงออง?” ทหารที่อยูรอบๆ ไดยินก็อึ้ง
สายตาทุกคูพุงมองมายังปายคําสั่งในมืออาจิ่วทันที ตัวอักษรสีทองคําวา ‘หมิง’ แวว
วาวอรามตา เห็นไดชัดวาสีหนาทุกคนกระตือรือรนขึ้น ไมพูดมากความ กลุมคนและรถ
มารีบโคงตัวแลวถอยหลังเพื่อเปดทางให
เพราะเมื่อไมกี่วันมานี้ เรื่องการกลับมาของคนในจวนหมิงอองไดกลายเปนหัวขอ
สนทนาหลังอาหารหรือขณะจิบน้ําชาไปแลว สวนผูที่ทํางานราชการตางก็ฝงใจกับ
ภาพลักษณที่วา ตอแยไมได หามตอแย!
พอเห็นทาทางของกลุมทหาร อาจิ่วก็รูแลววาจวนหมิงอองมีบารมีเพียงใดในเมือง
หลวง
เมื่อไมมีใครกลาเรื่องมาก คิดตรวจตราผูที่นั่งอยูในรถ อาจิ่วก็ยอมไมคิดหาเรื่องใส
ตัว เก็บปายคําสั่ง ยกแสขึ้นเฆี่ยนมา มุงตรงเขาเมือง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
รถมาเพิ่งวิ่งไดไมทนั ไร เสียงตะโกนพลันดัง “บอกวาใหหยุดเดี๋ยวนี้!”
อาจิ่วกุมแสบังคับมาไวแนน สายตาคมกริบขึ้นในพริบตา แตยังไมหยุดรถ ยังคงให
มาเดินไปขางหนาชาๆ
“หึ กลาดีอยางไร คิดบุกรุกเขาเมืองหลวง...พวกเจาแตละคน ยังไมรีบจับตัวพวกมัน
ไวอีก!”
อูประตูเมืองโมโห เขวี้ยงขวดเหลาในมือแตกกระจาย แลวชักดาบที่เสียบไวตรง
หวางเอวออก สาวเทาเดินเขาหา แตเทาคลายไดรับบาดเจ็บ พอเคลื่อนไหวมากเกิน ก็
ลมคะมําลง กลิ้งสองรอบบนพื้น นาอายจริงๆ
กลุมคนและรถมาที่กําลังรอเขาเมือง พอเห็นเหตุการณก็อดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้น
แตไมกลาสงเสียง
ชาวบานรานตลาดยังดี ดวยไมรูวามีคนของจวนหมิงอองจะเขาเมือง แตเหลาทหาร
กลับหนาซีดขาว ทหารนายหนึ่งรองขึน้ “หัวหนาอู...”
เสียงรองเพิ่งออกจากปาก แขนเสื้อพลันถูกเพื่อนทหารที่อยูขางๆ ดึง เขาตกใจ หัน
มองเพื่อนทหารที่รายลอมอยู และพบวาทุกคนตางจองมองมาดวยสายตาที่เหมือนปดบัง
อะไรไว
ใจเขาจึงเตนไมเปนระส่ํา เขาใจในทันที เพื่อนๆ ตัดสินใจไมสนใจหัวหนาอูอีก
ปลอยใหลูกพี่รนหาที่ไป!
เขาขยับริมฝปาก แตที่สุดแลวก็มิไดพูดอะไรออกมา โคงตัวกมศีรษะอยูขางๆ ใชหาง
ตามองดูอูประตูเมืองที่กําลังพยายามลุกขึ้นยืน
ดวยเมื่อครูรูสึกอับอายยิ่ง จึงทําใหอูประตูเมืองโกรธจนถึงขีดสุด
พูดตามตรง เหตุใดผูคนจึงบอกวาคนทํางานราชการฉลาด ก็เพราะทํางานอยูใน
สิ่งแวดลอมเชนนี้ เปนใครก็ตองหัดฉลาด ดูๆ ขนาดทหารระดับลางกระจอยรอยที่ยืน
เฝาประตูเมืองกลุมนี้ ยังสามารถฝงคนผูหนึ่งใหตายไดอยางงายดายโดยไมรูสึกรูสาใดๆ
ในสิ่งแวดลอมเชนนี้ ถาไมฉลาดและระมัดระวังพอ ก็ไมสามารถอยูไดนาน
แนนอน อูประตูเมืองในตอนนี้เหมือนยังไมรูเรื่องนี้ หลังจากลุกขึ้นยืนไดแลว เขาก็
กวัดแกวงดาบในมือพรอมสีหนาดุราย กาวเขาหารถมาพลางตะโกนใสเหลาทหารที่ยืน
ไมขยับ
“พวกเจากลามาก กลาติดตอกับศัตรูตางชาติ รอดูแลวกันวาเดี๋ยวลูกพี่จะเชือดพวก
เจายังไง...หยุดรถ ถายังไมหยุดอีก ลูกพี่จะฟนใหตาย!”
ในที่สุดอาจิ่วก็หยุดรถ จองมองผูที่ดูทรุดโทรมซึ่งยืนอยูด านหนาดวยสายตาหมอง
หมน รางนั้นชักดาบออกจากฝกแลว มองออกวา คนผูนี้เหมือนไมมีสติ ตั้งใจจะจัดการ
พวกตนทั้งที แตก็ตะโกนโหวกเหวกอยูนานสองนาน เหมือนจะไมจดั การแลว แตก็ยัง
ไมใหพวกตนไป
“พระชายา!”
อาจิ่วเอนตัวไปดานหลัง สงเสียงเบาๆ ขอคําชี้แนะ ขณะที่มือขางหนึ่งยื่นลงไปที่
แขนของตัวรถ เหมือนกําลังพยุงตัวรถไว
นาทีนี้ทําเอาหลายคนที่ยืนรอเขาเมืองอยูดานหลังแทบหยุดหายใจ
ขณะเดียวกัน ในเมืองก็มีคนรีบยองเขามาดูใกลๆ
“อยาตกใจ ถามเขาวาจะทําอะไร?” เสียงทานตูดังออกมา สวนหลินซูอินเงียบ
อาจิ่วชะงักเล็กนอยเมื่อไมไดยินเสียงหลินซูอิน เขาคอยๆ เก็บมือ แลวมองไปยังผูที่
เดินมาอยูตรงหนา ทันใดนั้นมือของอูป ระตูเมืองก็ยื่นเขาจับอกเสื้อเขาไว แลวทําทาจะ
โยนเขาลงจากรถ
“มีเรื่องอะไรก็พูดกันได แตถาเจากลาลงมือ ก็อยาหาวาขาไมเกรงใจแลวกัน!”
ปง! อาจิ่วเพิ่งพูดจบ ก็ถูกอูประตูเมืองดึงลงจากรถ ลมลงบนพื้น
ตองพูดวานาทีนี้อาจิ่วเองก็ตกตะลึง มองดูอูประตูเมืองที่มือหนึ่งเทาสะเอว อีกมือ
หนึ่งจับดาบ จองมองตนเองอยางเ**ยมเกรียม พลางวา “อยูในพืน้ ที่ของลูกพี่ยังกลา
อวดดี รนหาที่ชัดๆ !”
กึก! อูประตูเมืองวางดาบลงบนหัวไหลอาจิ่ว
อาจิ่วแคนเสียง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผาก เขาบาดเจ็บสาหัสอยู พอถูกอูประตู
เมืองระรานเชนนี้ จึงปวดแปลบไปทั้งตัว แตก็ไมพูดจาใดๆ คอยๆ ลุกขึ้นจากพื้น กลับไป
ที่รถมา
เมื่อเห็นอาจิ่วดูหงิมๆ อูประตูเมืองก็ไมลงมือตอ สีหนาอวดเบงสุดจะเปรียบ หันมอง
เหลาทหารที่อยูดานหลังซึ่งไมขยับเขยื้อนใดๆ พลางตะโกนสั่ง
“ทุกคนเขามานี่ อายัดรถมาคันนี้ไว!”
“หัว...หัวหนาอู ไมไดหรอก นี่...นี่เปน...”
ตอนนี้เองที่ทหารอีกกลุมขยับตัว และวิ่งเขามาจริง แตกลับเขามาจับอูประตูเมือง
และควบคุมตัวไว
ขณะเดียวกัน อาจิ่วก็จับกระบี่ที่วางไวใตที่นั่งขึ้น
เครง... กระบี่ถูกชักออกจากฝก
อาจิ่วยืนอยูขางรถมา จองมองอูประตูเมืองที่ถูกเพื่อนทหารกลุมหนึ่งควบคุมตัวอยู
โดยไมขัดขืนแมแตนอย กอนมองไปยังทหารอีกกลุมหนึ่ง แลวจึงคํารามเสียงเบา
“กุมตัวไวใหหมด!”
“พวกเจากลามาก กลาจับลูกพี่เปนตัวประกัน คิดเปนกบฏหรืออยางไร?”
“หัวหนาอู รีบขอโทษคนของจวนหมิงอองเร็วเขา!”
“หัวหนาอู เชื่อเราเถอะ รถมาของจวนหมิงอองอายัดไมได หามอายัด มีโทษถึงตาย
เชียวนา!”
ขณะกําลังโกลาหลอยูนั้น พวกเขาพลันไดยินเสียงลมพัดมาเปนระลอก จากนั้นก็
เห็นโลหิตสาดกระเซ็นอยางไมทันตั้งตัว กระทั่งไมทันพูดจาอะไร กลุมทหารที่ยืนอยูกับอู
ประตูเมือง พรอมอูป ระตูเมือง ทั้งหมดเปนอันหลั่งโลหิต กอนลมลงบนพื้น แตยังคง
เปนอูประตูเมืองที่แข็งแกรงกวาและมีความสามารถอยูบาง จึงถือดาบ คุกเขาขางหนึ่ง
กับพื้น มิไดลมลง เพียงแตไดรับบาดเจ็บ ดวงตาจองเขม็งไปยังนักดาบจํานวนหนึ่งที่พลัน
ปรากฏตัวขึ้น
ไมมาก ราวสิบกวาคน แตที่ลงมือมีเพียงสามคน สวนคนที่เหลือกระจายตัวคุมครอง
รถมาซายขวา
“จวนหมิงออง?”
อูประตูเมืองเหมือนเพิ่งตื่นจากฝน เหงื่อเม็ดโปงหยดลงจากหนาผาก แตดวงตามิได
ลดความแข็งกราวลงแมแตนอย จองมองชายหนุมถือดาบทั้งสาม พลางตะโกนเสียงดัง
“จวนหมิงอองแลวอยางไร? หนาที่ขาคือเฝาประตูเมือง รถมาคันไหนเขาเมืองก็ตอง
ยอมใหตรวจทั้งนั้น คนของจวนหมิงอองตอตานโดยพลการ ขาทําผิดตรงไหน!”
“ออกรถไปกอน!” เสียงดังออกมาจากในรถ ยังคงเปนเสียงของทานตู
อาจิ่วมองอูประตูเมือง และมองไปยังประตูเมืองอีกดานตามทิศที่ไดยินเสียงทหาร
มาเคลื่อนไหว นี่เปนทหารลาดตระเวนประจําเมือง ซึ่งเห็นชัดวากําลังควบมามาดวยคาด
วาที่นี่อาจเกิดเรื่องขึ้น
เขาเขาใจความหมายของทานตู จึงไมคิดพัวพันกับเรื่องนี้อีก ไปกอนแลวคอยวากัน
นาจะไมมีคนกลาตามมา!
“จับเขาไว!” อาจิ่วชี้ไปที่อูประตูเมือง
สามนักดาบไมพูดไมจา ถือดาบเดินหนาเขาหา
“ลูกพี่เกิดมาก็เคยแตสูจนตัวตาย ไมเคยถูกจับเปนเชลย สูก็สู ใครกลัวใคร?”
อูประตูเมืองคํารามอยางบาดีเดือด แลวจึงกวาดมือไปที่พนื้ หยิบดาบอีกเลมที่อยู
บนรางของเพื่อนทหารขึ้น มือถือดาบคู ทาทางดุรายไมเบา
แมเปนการยากที่จะตอสูกับคนทั้งสาม อีกทั้งเนื้อตัวยังมีบาดแผลจากคมดาบ แตผูรู
ตางดูออกวา เขาปกปดจุดอันตรายไวไดหมด
“ชากอน!” อาจิ่วพูดขึ้น กอนจองมองอูประตูเมือง “เจาเคยรบ? เคยสังหารคน
เถื่อนรึ?”
อูประตูเมืองหายใจถี่และแรง เขาไมใชคนโง จึงรีบตอบ “ผูแซอูเคยเปนทหารคน
สนิทของใตเทาฟาง ฟางโหยวฉินมากอน ยอมตองเคยรบและเคยสังหารคนเถื่อนอยู!”
“ไปเถอะ!” เสียงดังมาจากในรถอีก ครั้งนี้เปนเสียงของหลินซูอิน
อาจิ่วกลับไปนั่งที่เดิม แลวหันบอกเสียงเบากับกลุมคนที่คุมกันอยูโดยรอบ “ไป!”
รถมาจากไป
ทวานักดาบสิบกวาคนกลับไมไป ยืนอยูที่เดิมมองดูทหารมาที่ควบมามาจากประตู
เมืองอีกดาน เห็นชัดวาเรื่องยังไมจบ
หลังจากที่รถมาจากไป อูประตูเมืองก็นั่งแหมะลงกับพื้น แตแลวก็พลันลุกขึ้น ไม
สนใจวากําลังเจ็บปวดไปทั้งตัว เสียบดาบคืนสูฝก กอนนํามาใชตีเพื่อนทหารที่นอน
บาดเจ็บอยู พลางตวาดกอง
“บรรพบุรุษเจาเถอะ พวกเจาริอาจวางแผนใหลูกพี่ลวงเกินคนจากจวนหมิงออง
ลูกพี่ตองตีพวกเจาใหตาย...”
เสียงรองครวญครางดังระงม
ทหารมามาถึงอยางรวดเร็ว โดยเฉพาะหัวหนากองที่มาเร็วจนนาประหลาดใจ อู
ประตูเมืองยอมไมสามารถตีเพื่อนทหารใหตายหมดได เขาถูกจับมัดอยางแนนหนา เพิ่ง
ออกจากหองขังยังไมทันไร ก็ถูกจับกลับเขาไปเสียแลว
สวนนักดาบสิบกวาคนนั้น พอเห็นวาทหารมามิไดตามรถมาไป ตางก็พลิ้วกายแยก
ยายจนไมเห็นแมเงา
เรื่องที่เกิดขึ้นหนาประตูเมือง ไมนานก็แพรสะพัดไปทั่วเมืองหลวง ซึ่งเปนที่สนใจ
ของคนจํานวนไมนอย
ตอน 256 ฟางโหยวฉินผูอยูเบื้องหลังอูป ระตูเมือง
“อาจิ่วหรือ?” องคติ้งอูพลันเงยหนาจากเอกสารบนโตะ แววตาชะงักคาง กอนถาม
ตอ “คนที่ติดตามขางกายลูกหกมาตลอดนั่นรึ?”
เรื่องโกลาหลที่หนาประตูเมืองแมมิใชเรื่องใหญแตก็มิใชเรื่องเล็ก เมื่อเกี่ยวของกับ
จวนหมิงออง ยอมทําใหจางปงลี่รูสึกหวั่นไหวตั้งแตนาทีแรกที่ไดยิน แมยังไมสามารถ
สรุปเรื่องไดทั้งหมด แตพอเขียนรายงานเสร็จเรียบรอย เขาก็รีบนําขึ้นทูลทันที
“ใชพะยะคะ” จางปงลี่พยักหนาอยางมั่นใจและตอบอยางระมัดระวัง
“พอรถมาปรากฏขึ้นที่หนาประตูเมือง คนของเราก็เริ่มสงสัยวาเปนเขา เพียงแตเขา
ปลอมตัวอยู จึงไมอาจยืนยันไดแตแรก ขณะรอการเปรียบเทียบและตรวจสอบ เขาก็ชู
ปายคําสั่งจากจวนหมิงอองขึ้น จากนั้นตอนเผชิญหนาเกับอูประตูเมือง ก็เห็นไดชัดวาเขา
มีอาการบาดเจ็บ หากเปนแคคนบังคับมาธรรมดา คงไมสามารถออกคําสั่งกับผู
ปฏิบัติการมากมายได ลักษณะหลายประการทําใหมั่นใจไดวาเขาคืออาจิ่ว คนสนิทของห
มิงอองอยางแนนอน!”
องคติ้งอูวางเอกสารในมือลง คอยๆ รวบรวมสติ ครุนคิดอยูสักพัก ดวงตาพลันนิ่ง
จองมองจางปงลี่
“ใครอยูในรถ?”
จางปงลี่เห็นสีหนาขององคติ้งอูก็รูแลววาทรงคิดถึงเรื่องสําคัญ ที่เขารีบรอนมา
รายงานดวยตนเอง แนนอนวามิไดคิดถกปญหารายละเอียดของเรื่องโกลาหลที่หนา
ประตูเมืองกับฝาบาท
เหลานั้นลวนเปนเรื่องเล็กนอย จุดสําคัญอยูที่อาจิ่ว จางปงลี่จึงตอบเสียงขรึม
“พอไดรบั รายงาน กระหมอมก็รีบสั่งมิใหทหารรักษาการณประตูเมืองกระทําการ
ใดๆ โดยพลการ จนถึงตอนนี้ คนในรถยังคงไมปรากฏโฉมหนาใหเห็น ซึ่งแทจริงแลวเปน
ใคร ยังไมสามารถยืนยันไดชั่วคราว ตอนนี้รถมากําลังมุงสูจวนหมิงออง และคนของเรา
กําลังติดตามตรวจสอบอยูอยางตอเนื่อง”
ไมรู!
ไมรูแลวเหตุใดไมเขาไปตรวจดูเลา?
องคติ้งอูรสู ึกโกรธเล็กนอย แมเขาใจวาเปนสถานการณฉุกละหุก แตไมวาคนในรถ
จะเปนใคร ถาถึงกับใหคนสนิทลูกหกมาเปนคนบังคับมาแลวละก็ แมคนคนนี้ไมใชลูกหก
เอง ก็ตองเปนคนสําคัญในจวนหมิงอองแน
เรื่องที่เกี่ยวของกับจวนหมิงออง ถาไมมีคําสั่งจากตน จางปงลี่ยอมไมกลาจัดการ
โดยพลการ
ครุนคิดอีกสักพัก คอยทรงเยือกเย็นลง กอนตรัสวา “ในเมื่อรถมาตรงดิ่งไปยังจวนห
มิงออง ก็ไมตองดําเนินการอยางเอิกเกริกแลว”
“พะยะคะ” จางปงลี่มาเพื่อรับคําสั่งนี้เอง ไดยินดังนี้เขายอมไมมีความเห็น แตกลับ
พูดขึ้น “เดิมทีวันนี้กระหมอมคิดไปจวนหมิงอองหาลูสวินอี้”
“อืม” องคติ้งอูพยักหนาโดยมิไดคัดคาน ไหนๆ คนก็มาแลว จะเปนใครนั้น ยอม
ตองรูใหแนชัดโดยเร็ว
ทรงหลุบตาลง อานเอกสารตอ สายตาพลันจับจองอยูทชี่ ื่อ อูประตูเมือง คลายมี
เหตุบังเอิญบางอยาง “ขาเหมือนคุนๆ กับชื่อนี้ อูประตูเมือง...”
จางปงลี่พยักหนา
“หลายวันกอน อูประตูเมืองมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับบุตรชายใตเทาหู เจากรมการ
ศาสนาและเพื่อนคุณชายผูสูงศักดิ์อีกหลายทาน และเพราะเรื่องนี้เองที่ทาํ ใหใตเทาหู
เจากรมการศาสนา และใตเทาเฉา เจากรมราชทัณฑกลาโหมตองขัดแยงกัน!”
“มีเรื่องเชนนี้จริง ขานึกออกแลว วันนั้นที่พวกเขาโตเถียงกันก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เฮอะ ไรสาระสิ้นดี!”
ฟงถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็นึกขึ้นได หลายวันกอน เรื่องที่เจากรมศาสนากับเจากรม
ราชทัณฑมีปากเสียงกัน ก็ทรงนึกโกรธอยูในใจ ประเทศชาติวิกฤตเชนนี้ พวกเขายังมา
โจมตีกันดวยเรื่องเล็กๆ นอยๆ แคนี้ เหลือเกินจริงๆ
เมื่อทรงพูดถึงอูประตูเมือง จางปงลี่กลับรับหัวขอนี้
“ฝาบาท เกี่ยวกับอูประตูเมืองผูนี้ กระหมอมเกรงวาจําเปนตองตรวจสอบอยาง
ละเอียด!”
“หือ?” องคติ้งอูมิไดถามในทันที ทรงกมดูเอกสารอีกครั้ง และไมพบความผิดปกติ
อะไร แตถาจะพูดถึงความผิดปกติ ก็เห็นจะมีเพียงอยางเดียว คือคนผูนี้มีฝมือไมเบา
สามารถตานทานการจูโจมของคนทั้งสามจากจวนหมิงอองได แตก็ทรงรูวา คําพูดของ
จางปงลี่มีนัยยะบางอยาง
“ทําไม เบื้องหลังอูประตูเมืองเปนใคร ถึงขนาดที่เจาไมกลาแตะตอง?”
คําพูดนี้จี้ใจดําสุดๆ ทําใหจางปงลี่มีสีหนาลําบากใจ แตไมพูดก็ไมได
“อูประตูเมืองเปนทหารคนสนิทของใตเทาฟาง เปนผูที่ใตเทาฟางไววางใจ กอนหนา
นี้ขณะปฏิบัติหนาที่ไดทุจริตประพฤติมิชอบ เกือบตองรับโทษตาย ใตเทาฟางโกรธมาก
จึงยายใหไปละลายพฤติกรรมดวยการเปนทหารรักษาการณประตูเมือง หลายวัน
กอนหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่เจียงหัวเหลาก็ถูกนําตัวไปฝากขังที่กองปราบ ทาน
เจากรมศาสนาตองการใหลงโทษสถานหนัก แตพอใตเทาฟางรูเขาก็สั่งใหสงตัวอูประตู
เมืองกลับ เพื่อทําการโบยอยางหนักตามวินัยทางทหาร...”
“ฟางโหยวฉิน”
องคติ้งอูท รงตะลึงอยางเห็นไดชัด ในความคิดปรากฏภาพของชายทาทางอันธพาลผู
หนึ่ง จึงยกมุมปากขึ้นโดยไมรูตัว กอนดาวาออกมาคําหนึ่ง
“ไรเหตุผลจริงๆ ”
จางปงลี่ไมตอบ ไมเพียงไรเหตุผล ฟางโหยวฉินยังเรียกทหารกลับจากสนามรบที่อยู
หางไกลเปนพันลี้ ใหมาโบยตีอูประตูเมือง มารดาทาน นี่เปนการเลนพรรคเลนพวก
แทรกแซงและบิดเบือนกระบวนการทางกฎหมายชัดๆ
การโบยตีในครั้งนี้ทาํ ใหเจากรมศาสนาไมกลาโวยวายอีก เจากรมราชทัณฑก็ไมพูด
มากความ ปลอยคนออกมาทันที ซึ่งการนี้ใตเทาฟางกําลังบอกใหทุกคนรูวา อูประตู
เมืองเปนคนของตน เมื่อทําผิด ตนก็ลงโทษแลว ใครยังกลาพัวพันไมเลิกอีก?
ทานผูนี้บาอํานาจจริง!
บอกตามตรง จางปงลี่ไมกลาตอแยดวย
องคติ้งอูดาวาออกมาคําหนึ่งแลวจึงพูดตอ “ฟางโหยวฉินแมทําตัวอันธพาล แตก็ใช
วาเปนคนไมแยกแยะผิดชอบชั่วดี อีกอยางพอดูในเอกสาร อูประตูเมืองกลับเปนทหารที่
ดีคนหนึ่ง ยามคับขันไมลนลาน ยอมตายดีกวาไมไดรับความเปนธรรม ขากลับมองวาคน
รุนหลังของตระกูลขุนนางระดับสูงทั้งหมดในเมืองหลวง จําเปนตองควบคุมใหดี ใหอยูใน
ขอบเขต”
คําพูดนี้เปนโลคุมภัยใหฟางโหยวฉินอยางเห็นไดชัด จางปงลี่ยอมรูดีวาสําหรับฝา
บาทแลวฟางโหยวฉินอยูในฐานะอะไร จางปงลี่ไมคิดวาตนใกลชิดฝาบาทแลวจะกลา
ตอแยฟางโหยวฉิน บุคคลผูนี้กลาที่จะบุกเขาสังหารทานถึงบาน สวนฝาบาทอยางมากก็
ดาวาแคคําสองคํา
ทวาจางปงลี่ยอมมีความอดทน เมื่อนึกถึงปนั้นที่ฝาบาททรงขึ้นครองราชย บุคคล
ทานนี้ไดติดตามรับใชใตเบื้องพระยุคลบาทเสมอมา รวมทั้งสงครามในครั้งนี้ดวย แม
ทหารเถื่อนดุราย แตใตเทาฟางยังยืนหยัดจัดทัพออกรบทั้งศึกนอยศึกใหญนับครั้งไมถวน
และไดกัดกินเลือดเนื้อของคนเถื่อนมากมาย รักษาชื่อเสียงของประเทศชาติใหคงอยูได
จนถึงทุกวันนี้
บุคคลทานนี้มีคุณคามากพอที่จะใหฝาบาทเคารพนับถือ!
แตวันนี้ เขากลับแตะตองทานผูนี้อยางเสียไมได จึงมีสีหนาเครงเครียด กรอกตาไป
มาภายใตการเฝามองของฝาบาท
องคติ้งอูองึ้ ไปครูใหญ ในดวงตาพลันปรากฏรังสีฆาฟนขึ้น แตยังคงอดกลั้นไว กอน
ตรัส “ออกไปใหหมด!”
“พะยะคะ” มหาดเล็กในหองทุกคนโคงคํานับแลวลาถอยออกไป
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน ใชดวงตาอันลึกล้ําจองมองจางปงลี่
“พูด! อูประตูเมือง แทจริงแลวมีอะไรไมถูกตอง” ทรงเนนคําวาอูประตูเมือง
จางปงลี่ยอมรูดี ฝาบาททรงเตือนวา ตรวจสอบอูประตูเมืองได แตฟางโหยวฉิน ใช
วาใครก็สามารถพูดขึ้นมาลอยๆ ได ดวยทรงเปนคนชางสงสัย แตทรงเชื่อใจผูที่สามารถ
ควบคุมกองทัพนับพันนับหมื่นจนถึงขนาดนี้ได เพียงพอที่จะเห็นแลววาทานผูนี้มีฐานะ
สําคัญอยางไรในพระทัยฝาบาท
“ขออภัยฝาบาท กระหมอมมิอาจโอหังสงสัยใตเทาฟาง” จางปงลี่รีบโคงตัว
องคติ้งอูยกมือไพลหลัง กาวเดินไปมา กอนตรัส “พูด!”
จางปงลี่ไมกลาร่ําไร รายงานตรงๆ
“ตั้งแตวันที่พวกลูสวินอี้เขาเมือง กระหมอมก็ไมไดขาวคราวใดๆ อีก สวนเรื่องที่
ชาวฉีสืบทราบขาวไดเร็วกวาเราหนึ่งกาว กระหมอมกําลังตรวจสอบอยูวาเกิดปญหาจาก
สวนไหน”
องคติ้งอูชะงักฝเทา เงยหนามองจางปงลี่
“เกี่ยวกับอูประตูเมืองรึ?”
“ไมพะยะคะ เบาะแสพอไปถึงเขาซางชิงก็ขาดไป” จางปงลี่สายหนา พูดจบก็ไมรอ
ปฏิกิริยาตอบสนองจากองคติ้งอู พูดตอ
“เนื่องจากเบาะแสเสนนี้ขาด กระหมอมจึงไดแตเริ่มหาสาเหตุจากตนเอง ซึ่งไมวา
ชาวฉีไดขาวมาจากไหนก็ไมสําคัญเทาเหตุใดเราจึงไมไดขา ว นี่ตางหากที่เปนปญหา
ใหญ”
“อืม!” องคติ้งอูพยักหนาเบาๆ เห็นดวยกับคําพูดนี้
ไมวาผูอื่นมีระบบการขาวเชนไร สําคัญที่ตองพัฒนาระบบการขาวของตนเองกอน
เมื่อเห็นวายังทรงเยือกเย็นอยู จางปงลี่จึงพูดตอ
“พวกลูสวินอี้สามารถนําศีรษะทั้งหมดออกจากหมิงจูมายังเมืองหลวงโดยที่เราไมรู
อะไรเลย นั่นเพราะพื้นที่ที่เกิดสงคราม สายของเรามีขอจํากัด แตพออยูในเมืองหลวง
แลว เราก็ยังไมไดขา วลวงหนา ปญหาจึงอยูที่การทํางานของกระหมอม ดานแรกที่พวก
เขาตองผานกอนเขาเมืองหลวงก็คือประตูเมือง”
ทหารรักษาการณประตูเมืองมิไดอยูในขอบเขตอํานาจของจางปงลี่ องคติ้งอูเขาใจ
ในจุดๆ นี้ จึงมิไดวากลาวตําหนิ จางปงลี่จึงกลายอมรับผิด
เมื่อพูดถึงประตูเมือง องคติ้งอูก็รูแลววาเรื่องของอูประตูเมืองกําลังมา
และแลวก็ไดยินจางปงลี่พูดวา “วันที่พวกลูสวินอี้เขาเมือง อูประตูเมืองปฏิบัติ
หนาที่อยู”
พอพูดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็ตรัสขึ้น “ความหมายของเจาคือ เขาจงใจปลอยพวกลูส
วินอี้เขาเมือง? หรือเขารูสถานะของพวกลูสวินอี้แลว แตไมแจงใหทราบ หรือไมแจงให
ขาทราบแตกลับแจงตอคนฉี?”
“ลวนมีความเปนไปได หรือเขาอาจไมรูสถานะของพวกลูสวินอี้จริง หรือเพราะ
สินบนของลูสวินอี้ทําใหเขาไมตรวจเขมและปลอยผาน”
จางปงลี่พูดตอเนื่องไมหยุด แถมยังเพิ่มความเปนไปไดอีกสองขอ
องคติ้งอูห รี่ตา คําพูดของจางปงลี่แสดงใหเห็นทัศนคติที่เปนกลาง มิไดจงใจโจมตีอู
ประตูเมือง หรือใชอูประตูเมืองโจมตีฟางโหยวฉิน
จากตรงนี้เห็นไดชัดวาองคติ้งอูเกิดความสงสัยขึ้นในใจแลว กระทั่งจางปงลี่ก็ยังไม
เชื่อมั่นเต็มรอย ซึ่งปกติจะแสดงความเชื่อมั่นใหเห็น แตพอเกี่ยวของกับขุนนางคนสําคัญ
ของพระองค ก็เริ่มสงสัยความคิดของจางปงลี่แทน
องคจักรพรรดิ อยางไรก็ไดชื่อวาโดดเดี่ยว
เห็นองคติ้งอูเงียบเสียง จางปงลี่จึงพูดตอ
“กระหมอมตรวจสอบสถานการณอยางละเอียดก็พบวาทหารยามที่อยูยามรวมกับ
เขาในตอนนั้น ก็ตรวจดูอยางละเอียดแลวเชนกัน แตก็ไมพบความผิดปกติใดๆ แตที่
กระหมอมใหความสนใจในจุดนี้ก็เพราะไดตรวจประวัติโดยสังเขปของอูประตูเมือง และ
พบวาเดิมทีเขาเปนคนของใตเทาฟาง และยังสามารถเปนถึงทหารคนสนิท ติดตามอยู
ขางกายใตเทาฟางเสมอ เขาไมมีประวัติเกี่ยวของกับจวนหมิงอองแตอยางใด สวนชาวฉี
เขาเคยอยูในสนามรบและมือเปอนโลหิตทหารฉีนับครั้งไมถวน ดังนั้นจึงเปนไปไดนอยที่
เขาจะทํางานใหคนฉี”
องคติ้งอูเอยขึ้น “แตวันนี้ มีคนจากจวนหมิงอองเขาเมือง เขาก็บังเอิญปรากฏตัวขึ้น
ครั้งแรกอาจเปนความบังเอิญ แตสองครั้งก็ไมใชเรื่องบังเอิญแลว!”
“พะยะคะฝาบาท เรื่องในวันนี้ผิดปกติเกิน ครั้งกอนเขาเปนผูอนุญาตใหพวกลูสวิน
อี้ผานไป แตครั้งนี้ เดิมทีรถมาของจวนหมิงอองผานดานแลว แตเขากลับหาเรื่องขวาง
เอาไว ทําใหผูคนรูกันถวนหนา นี่เปนเรื่องที่ผิดปกติเปนอยางยิ่ง!” จางปงลี่ขมวดคิ้ว
องคติ้งอูเลิกคิ้วขึ้น คิดจะตรัส แตพอคําพูดมาถึงริมฝปากกลับไมเอยปากตรัส
ทรงคิดจะตรัสวา นี่มิใชหรือที่พิสูจนใหเห็นวา อูประตูเมืองไมมีปญ
หา อยางนอยก็
ไมมีความของเกี่ยวกับจวนหมิงออง ครั้งกอนเปนความบังเอิญ มิฉะนั้นแลวครั้งนี้เขาจะ
มีเรื่องมีราวกับคนของจวนหมิงอองไปทําไม!
แตขณะเดียวกันก็ทรงคิดถึงความเปนไปไดอีกหนึ่งอยาง ครั้งกอน เขาคิดใหคนฉีไป
สังหาร ไมคิดแหวกหญาใหงูตื่น
แตครั้งนี้เขาจงใจทําใหผูคนรู เพราะแมคนฉีไมสามารถลงมือได แตคนที่อยาก
จัดการกับคนของจวนหมิงอองมิไดมเี ฉพาะคนฉี จึงทําการแหวกหญาใหงตู ื่น เผื่อใครมี
ขวัญกลาสะทานฟาลงมือไดจริง
คิดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็หนาถอดสี “รีบเพิ่มกําลังคน อารักขารถมาของจวนหมิงออง
...”
“ฝาบาทวางพระทัย กระหมอมไดเตรียมการเรียบรอย ไมเพียงจัดคนนับสิบแฝง
กายอารักขารอบจวน ยังสั่งใหคอยเฝาระวังอารักขาตลอดเสนทางดวย!” จางปงลี่รีบ
ตอบ
ไดยินดังนี้องคติ้งอูก็วางพระทัยลง จางปงลี่เห็นสีพระพักตรแลวก็ฉุกคิดในใจ
อยางไรเสียฝาบาทก็ทรงเห็นคนของจวนหมิงอองเปนคนกันเองอยูดี
“ฝาบาท พฤติกรรมของอูประตูเมืองไมปกติ การกระทําทั้งสองครัง้ มีจุดประสงค
อะไรและเขายังมีสถานะอื่นอีกหรือไม เรายังไมพูดถึงชั่วคราว ปญหาสําคัญคือถาเขา
ผิดปกติจริง เขาในฐานะทหารคนสนิทของใตเทาฟาง เหตุใดจึงรูความเปนไปของคนใน
จวนหมิงออง? ทั้งสองครั้งทีค่ นในจวนหมิงอองเขาเมือง เขาลวนรูลวงหนา เราจึง
จําเปนตองตรวจสอบใหละเอียด!” จางปงลี่โคงตัว
พูดถึงตรงนี้ หองทรงพระอักษรพลันเงียบกริบ
องคติ้งอูเงียบเสียงอยูนาน จนเม็ดเหงื่อคอยๆ ผุดขึ้นบนหนาผากจางปงลี่ เขารูวา
ตรวจสอบอูประตูเมืองก็คือตรวจสอบใตเทาฟาง
โดยเฉพาะการตรวจสอบเหตุการณหลังจากใตเทาฟางออกหนาชวยเหลืออูประตู
เมืองดวยตนเอง นี่ก็เปนเรื่องละเอียดออนแลว
แตจางปงลี่ไมตรวจสอบไมได จึงกมศีรษะต่ําลงไปกวาเดิม แลวเอยปากขึ้น
“ฝาบาท หมิงอองเคยแอบสั่งสมกองกําลังมากมายในหมิงจู ที่มาของกองกําลัง
เหลานี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังตรวจสอบไมพบ!”
เปรี้ยง!
ประหนึ่งสายฟาฟาดใสกลางใจองคตงิ้ อู พริบตานั้นทรงมีสีหนาซีดขาว กําหมัดแนน
โดยไมรูตัว เกิดอารมณรุนแรงขึ้น
ประโยคสุดทายของจางปงลี่ทําใหองคติ้งอูมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรง เหมือน
พยัคฆที่หลับไหลถูกปลุกใหตื่นทันใด
ฟางโหยวฉิน แมทัพที่ทรงเชือ่ ใจมากสุด เขาเปนคนกันเองในสายตาองคติ้งอู เขาไม
ควรสนิทสนมกับผูอื่น นี่ยังไมพูดถึงเรื่องโยกยายกําลังทหารชวยเหลือกัน ซึ่งเปนเรื่องที่
นากลัวมาก
ยิ่งเชื่อใจมากเทาไร เมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง ก็ยิ่งนาโมโหมากเทานั้น
“ตองตรวจ รีบตรวจทันที!” องคติ้งอูคํารามเสียงต่ํา
ทรงอยูในตําแหนงประมุขสูงสุด ไมยินยอมใหใครขมขูคุกคามไดเปนอันขาด ไมเวน
แมแตโอรส
ทรงฟงออกวา ที่จางปงลี่สงสัยที่สุดมิใชอูประตูเมืองแปรพักตรไปอยูประเทศฉีหรือ
กรณีอื่นๆ พูดใหชัดเจนก็คือ เขามิไดสงสัยในตัวอูประตูเมือง เพราะไมมีเบาะแสการ
ติดตอกับจวนหมิงออง แตสงสัยวาอูประตูเมืองกําลังอุทิศตนทํางานบางอยาง ซึ่งผูที่
ติดตอกับจวนหมิงออง แทจริงก็คือฟางโหยวฉิน
“พะยะคะ!”
จางปงลี่ที่เพิ่งรับรูอารมณโกรธกริ้วขององคติ้งอู ตอนนี้เหงื่อแตกเต็มหนาผาก เขา
กําลังกลัว
ตรวจสอบฟางโหยวฉิน เพื่อรักษาระบบการปกครอง เขาจําเปนตองพูดเรื่องที่
ตนเองสงสัย
แตถาฟางโหยวฉินไมมีปญหา ชีวิตเขา ก็คงถึงกาลอวสาน!
ตอน 257 ยินดีตอ นรับพระชายา
รถมาหนึ่งคันเขาเมือง เกิดหนึ่งเหตุพิพาท คนมีอํานาจกลั่นแกลงคนตัวเล็กๆ ที่
ออนแอกวา แตคลายกับวาไดเปดฉากที่ยิ่งใหญขึ้นอยางไมมีปไมมีขลุย
ตอนเฉิงที่หายังมิไดเดินบนเสนทางสายนี้ เขาอาศัยอยูในเมืองหลวงก็จริง แตเปน
เพียงนักเลงการพนันที่อยูไปวันๆ เทานั้น แตก็พูดยาก คนจะโชคดีทั้งที อะไรก็ฉุดไมอยู
เขาผูนี้ ปกติไมมีนิสัยไหวพระไหวเจาอยางแนนอน จึงไมตองพูดถึงเรื่องเมตตาธรรม
และการทําความดีทั้งหลาย มีก็แตเรื่องลักเล็กขโมยนอย ทําความเดือดรอนใหผูอื่นร่ําไป
แตแลวตอนเขาอายุยี่สิบหากลับพลันมีเรื่องดีๆ หลนใส
วันหนึ่งขณะที่เขาชนะพนันเงินเล็กๆ นอยๆ ในบอน เดิมทีเตรียมจะไปเที่ยวซอง แต
ไมรูเหตุใดกลับรูสึกเบื่อตงิดๆ คิดอยากหาหญาออนมาเคี้ยวเลน
หญาออนอะไรนะหรือ?
ก็เด็กสาวอยางไรเลา!
ไมผิด เด็กสาว
เวลามีคนสั่งสอนอะไรดีงาม เฉิงที่หาจําไมไดหรอก แตสําหรับเรื่องเลวทรามแลวละ
ก็ เขากลับจําไดอยางแมนยําจนนาประหลาดใจ
ไดยินวาที่ตลาดประมูลสินคาริมแมน้ํา พวกเศรษฐีตางก็มีรสนิยมเชนนี้ ราคาแพง
เทาไหรก็ไมเกี่ยง เขาจึงอยากลองดู ชวยไมได มีเงินนิดหนอยแลวใจมันเริ่มคันยุกยิก ซึ่ง
เขาก็ใชวาจะไรสามารถเสียทีเดียว เชนการเลือกเฟนคนที่ตลาดประมูล เขากลับมีสายตา
แหลมคมยิ่ง
อีกทั้งยังใหราคาประมูลสูงไมนอย แตกลับไดสินคาราคากลางๆ มา แตครั้งนี้นับวา
โชคเขาขาง เขาพบสินคาชั้นเลิศเขาอยางจัง
เด็กสาวอายุไมเกินเจ็ดแปดขวบ พูดแลวเขาก็เหมือนเดียรัจฉานยิ่ง ผูที่ทําเรื่องเชนนี้
สวนใหญไมเลือกเด็กอายุนอยขนาดนี้ แตเขาเห็นปุบก็ถูกใจทันที
สายตาเขาแหลมคมมาก มองออกวาเด็กสาวตองมาจากตระกูลสูงศักดิ์ และไมแนวา
อาจเปนสาวนอยรอยชั่งเสียดวย ไมพูดพลามทําเพลง จายเงินเรียบรอยก็ลอหลอกเด็ก
นอยที่กําลังรองไหใหเงียบเสียง กอนพาเดินจากไป ทวาเด็กนอยยังไมรูเรื่องรูราว จึง
รองไหไปตลอดทาง แมเปนเชนนี้เขาก็ไมสนใจ คนเลวเสียอยาง
ตองบอกวาเขามีความอดทนสูง ใหเด็กนอยกินแตของดีของอรอย แลวยังอาบน้ํา
อาบทาใหเสียจนสะอาดสะอาน เปลี่ยนเสื้อผาชุดใหม เปนทานอาใจดีคนหนึ่งก็วาได
ที่สุดแลวก็ปลอบขวัญจนเด็กนอยไมรองไหอีก
พอเห็นวาใกลค่ํา เขาก็เตรียมทําเรื่องเดียรัจฉานกับเด็กนอยใสซื่อบริสุทธิ์ แตหนา
ประตูพลันมีคนและมาจํานวนหนึ่งมาถึง
คนเหลานี้ดุรายมาก พังประตูเขามา แลวเงื้อคมดาบจอเขาที่คอหอยของเขา การ
เปลี่ยนแปลงอยางฉับพลันเชนนี้ทําใหเขาตกใจแทบขาดใจตาย
พอเห็นชายวัยกลางคนผูหนึ่งพุงเขามาโอบกอดเด็กนอยไว แลวเด็กนอยก็เรียกวา
‘ทานพอ’ เขาจึงรูวาความซวยมาเยือน ความเดือดรอนอยูตรงหนา แตกอนตายเขายังมี
สติ รีบรองเสียงดังวาเขาใจผิด
บางคนอาจเปนเพราะชาติที่แลวทําแตความดี เฉิงที่หาก็คือคนประเภทนี้ หากเด็ก
นอยโตกวานี้อีกหนอย หรือเขาทําเรื่องเดียรัจฉานเร็วกวานี้ ก็จะไมมีเฉิงที่หา อยูมาได
จนถึงวันนี้
เพราะไมมีคําวาหาก ดังนั้นเด็กนอยจึงไมรูวาทานอาผูนี้เปนคนดีหรือคนเลว ใน
สายตาของเด็กนอย ทานอาเปนคนดี ใหกินแตของดีๆ ยังคุยเลนใหสบายใจอีก ดีกวา
ผูคนที่ตลาดประมูลเยอะ เด็กนอยชอบเลนกับเขา
พริบตาเดียว หลายปผันผาน เมืองหลวงปรากฏผูมีชื่อเสียงทานหนึ่ง รูจักกันในนาม
คุณชายหา!
ไดยินวาคนผูนี้ยากแยกแยะดําขาว ขอเพียงทานมีเรื่องยุง ยากใจ ไปหาคุณชายหา
แลวปญหาของทานจะหมดไป คําบอกตอๆ กันนี้ ฟงดูโออวดมิใชยอย
แตเฉิงที่หาก็ทําได เขามีชีวิตอยูอยางสุขสบาย เงินทองไหลมาเทมา จนคิดวาตนเอง
มีชื่อเสียงจริงบนเสนทางสายนี้ โดยไมคาดคิดวา ชีวิตที่สุขสบายและโชติชวงมากวาสิบป
นี้ ที่สุดแลวก็ไดรูเรื่องที่ไมควรรูเขา
ตุบ! เสียงทึบตัน เฉิงที่หารูสึกวาตลอดทั้งรางของตนออนยวบ
เขามิไดถูกตีจนสลบ แตถูกจับใสกระสอบ ปวดระบมไปทั้งราง แตไมกลารอง
โวยวายเสียงดัง แมรอบดานเงียบเสียง แตเขาก็รูวามีคนจองมองอยู รูสึกหนาวเหน็บ แม
ไมรูวาใครจับตนเองมัดไว และไมรูวามัดไปทําไม
ทวาพอจะคาดเดาไดวา ฝายตรงขามอาจเปนคนของ...จวนหมิงออง
ตอนเกิดเรื่องขึ้นทีป่ ระตูเมือง พอรูวาเปนเรื่องของคนในจวนหมิงออง เขาก็ตกใจ
แตพอหันมองกลับ ก็เห็นคุณชายจางหายลับไปในฝูงชนแลว
จากความเคยชิน แมรูสึกวาการจับตาดูอูประตูเมือง ไมเกี่ยวอะไรกับจวนหมิงออง
แตสัญชาติญาณบอกวา ใหเขารีบหนีไปโดยเร็ว
แตแลวก็ผิดคาด ระหวางที่กําลังหนีอยูนั้น จูๆ ดานหลังก็มีกริชจี้เขามาเลมหนึ่ง เขา
มิไดสงเสียงรอง กระทั่งมิไดหันหลังกลับ ไดแตเดินไปขางหนาตามคําสั่งเจาของกริช
เมื่อไปถึงที่เปลี่ยวราง เขาก็ถูกจับใสกระสอบ แลวนําตัวมาที่นี่
“ชื่อแซอะไร!” น้ําเสียงละออนแตเย็นชา
เฉิงที่หาไดยินก็รูสึกหนาวเหน็บจับใจ อยูในเสนทางสายนี้มานาน ไฉนจะไมรวู าคน
พวกนี้โหดอยางไร
“เฉิงที่หา!” เฉิงที่หาบอกตามตรง
“ใครใชใหเจาทํา?” น้ําเสียงออนโยนลงเล็กนอย
ตลอดทั้งรางของเฉิงที่หาชุมไปดวยเหงื่อ เขามิไดตอบในทันที
ทวาเงียบไปสักพัก กลับมิไดถูกตีหรือเรงเราใหพูด
ที่สุดแลวเฉิงที่หาจึงพูด “คุณชายจาง!”
รถมาคันหนึ่งวิ่งเขาเมือง ทหารเฝาประตูเมืองคนหนึ่งกอเรื่อง กลับกลายเปนขาว
ใหญขึ้นมาได
แนนอนวา เหตุการณนี้ผูคนสวนใหญในเมืองหลวงไมเห็นและไมมีผลกระทบตอ
ชีวิตประจําวันของพวกเขา อยางมากก็แคมีขอมูลสนทนาเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ ‘จวนหมิง
ออง’
ผูที่มีอารมณรวมในเหตุการณก็คือผูสูงศักดิ์และคนฉลาดที่มีวิสัยทัศนกวางไกล
องคติ้งอูและจางปงลี่เปนคนฉลาด พวกเขาจึงกระชากมานโหมโรงของละครฉากนี้
ออก
ทวาคนฉลาดมิไดมีเพียงพวกเขา คนตระกูลหลินสามารถแยงชิงพืน้ ที่ในการพูดจา
กับประชาชนมาได ยอมไมสามารถถูกมองขาม
แมเพียงผูปฏิบัติงานระดับลางของคนตระกูลหลิน ความคิดความอานก็ไมธรรมดา
เห็นไดจากครั้งกอนที่คนตระกูลหลินเฝาดูอูประตูเมืองไดดีกวาจางปงลี่
แตเหตุการณในวันนี้กลับทําใหพวกเขารูสึกโงงมไป
คุณชายจางเปนเพียงหมากตัวเล็กๆ ผูเดินเกมตัวจริงของคนตระกูลหลินคืออาจารย
หลิว ผูซึ่งวางแผนทํารายหนิงเออรในปนั้นนั่นเอง
และตอนนี้ อาจารยหลิวกําลังนั่งหนานิ่วคิ้วขมวดอยูในสถานที่ลับแหงหนึ่ง
เรื่องที่จางปงลี่คิดไมออก เขาก็คิดไมออกเชนกัน
จวนหมิงอองสงใครมาอีก? เกิดอะไรขึ้นกับอูประตูเมือง?
ภายในหอง นั่งไวดวยผูปฏิบัติการในเมืองหลวงของตระกูลหลิน ซึ่งลวนไมมี
ความเห็นที่คืบหนามากนัก
“หรือเราเขาใจผิด อูประตูเมืองมิใชคนของจวนหมิงออง เขาเกือบถูกคนของจวนห
มิงอองฆาตายดวยซ้ํา”
“แตขากลับรูสึกวานี่เปนการเลนละครปดบังความจริง ดวยจวนหมิงอองตองการ
ลางไพความสัมพันธกับอูประตูเมือง ซึ่งเรื่องในครั้งกอนทําใหอูประตูเมืองถูกสงสัยเปน
อยางมาก หากจวนหมิงอองตองการฆาเขาจริง เมื่อครูยอมสามารถทําได แตสุดทายก็ไว
ชีวิตเขา!”
“จวนหมิงอองไมนา โงขนาดนี้ ครั้งกอนเขาถูกสงสัยแลว แตพอจวนหมิงอองสงคน
มาอีก เขาก็บังเอิญโผลมาอีก นี่ไมยิ่งทําใหคนรูสึกผิดปกติหรอกรึ?”
“พอเถอะ ไมวาพวกเขาจะเกี่ยวของกันอยางไร อูประตูเมืองก็ถูกจับกลับไปแลว
ครั้งนี้ตามเหตุการณ เขาลวงเกินจวนหมิงออง เกรงวาไมนาจะถูกปลอยออกมาไดงายๆ
ถาเราคิดจะสืบเรื่องจวนหมิงอองจากเบาะแสอยางเขา เห็นทีจะทําไมได”
หลังจากอาจารยหลิวฟงความคิดเห็นจากทุกคน ก็มิไดสงเสียงใดๆ แตคนสุดทาย
กลับทําใหแววาตาเขานิ่งคาง พูดขึ้นทันที “ไม ทําได!”
“หือ?” ทุกคนหันมองเขาเปนจุดเดียว
อาจารยหลิวลุกขึ้นยืน กะพริบตา ครุนคิดสักพักจึงวา
“พวกเจาคิดวา ถาอูประตูเมืองถูกฆา เรื่องจะเปนอยางไร?”
“ถูกฆา?”
“สมมติวาเขาไมใชคนของจวนหมิงออง แตเปนคนของฟางโหยวฉิน แมลวงเกิน
จวนหมิงอองก็ไมควรที่จะถูกฆา”
อาจารยหลิวไมตอบ กลับพึมพํา “เสียดายจริง หากเมื่อครูคนของจวนหมิงอองฆาอู
ประตูเมืองตายก็จะดีไมนอย...”
ภายในหองเงียบกริบ ในความคิดของทุกคนลวนมีคําวาฟางโหยวฉินวาบผาน สักพัก
คอยมีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังมา
“เชนนั้นก็ไมตองสนใจวาเขาเกี่ยวของอะไรกับจวนหมิงออง พวกเราชวยจวนหมิง
อองฆาเขา ก็สิ้นเรื่อง”
คําพูดนี้ทุกคนไดยินกันหมด แตกลับไมมีใครพูดตอ
อาจารยหลิวนั่งลง เหมือนไมคิดเรื่องนี้อีก สวนคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปสนใจผูที่จวนห
มิงอองสงมา
“หรือจะเปนหมิงอองเอง?”
“อาจเปนไปได โดยเรื่องของเขาซางชิงทุกคนก็รูแลว จึงเปนไปไดวาหมิงอองจะ
เดินทางออกจากหมิงจู”
“อาจิ่วเปนคนสนิทของเขา ไมนาผละจากการรับใชขางกายนายมางายๆ”
“ถาเปนเขาจริง ก็นาเสียดายแลว ถารูขาวเร็วหนอย...”
“ถึงจะเปนเขา ตอนนี้เขาก็มิไดเพงเล็งมาที่เรา ผูที่รอนรนควรเปนเขาซางชิง
มากกวา”
เขาซางชิงยอมรอนรนอยูแลว กระทั่งโกลาหลกันทั้งสํานักก็วาได
อาจิ่วเปนใคร ผูที่อยูในสถานะสูงสงหนอยใครบางไมรู ทุกคนลวนกําลังสงสัยวาผูที่
อยูในรถมาอาจเปนผูที่กลายเปนตํานานอยางหมิงออง
การเขาเมืองของรถมาคันนี้ เปนที่สนใจของผูคนทั่วทั้งเมืองหลวง เพียงแตจดุ ที่
สนใจแตกตางกันออกไป
สําหรับจวนหมิงอองแลว เรื่องนี้ไมเปนปญหาแตอยางใด อาจิ่วนั่งอยูหนารถ ผาน
ถนนสายยาว ผานชุมชนจอแจ โดยไมปดบังโฉมหนา
ยอมถูกผูคนจับตามองและคาดเดาเปนธรรมดา ซึ่งตลอดทางที่ผาน จวนหมิงออง
ราศีบารมีจับจนไมมีใครกลาขวางทางแตอยางใด
ประตูจวนหมิงออง ยังคงถูกปดและอยูในความควบคุมของทางการ แมทัพกอง
ทหารลาดตระเวนไดขาวแตแรกก็รีบรุดมา เขานั่งอยูบนหลังมา เฝาอยูหนาประตูจวน
อยางเครงครัด
พอรถมามาถึง เขาก็กระตือรือรนทันที รีบสงเสียงบอกซายขวา
“มาแลว ระวังใหดี อยาใหเกิดเรื่องขึ้นเปนอันขาด!”
“ขอรับ!” ทหารขางกายขานรับ
รถมามิไดสนใจพวกเขา รักษาความเร็วอยางสม่ําเสมอ วิ่งผานพวกเขาที่ขนาบอยูทั้ง
สองขาง ตรงไปยังประตูจวน เหมือนไมมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ผูมีฐานะสูงศักดิ์ในละแวกนั้นตางอดรนทนไมไหว เดินออกมาดูหนา
ประตูจวนตน แมไมกลาเขาใกล แตสายตาทุกลวนจองมองไปยังรถมา
รถมาหยุดอยูหนาประตูจวนหมิงออง ถนนทั้งสายเงียบสนิท
อาจิ่วแหงนหนามองจวนหมิงอองขณะยังไมลงจากรถ เขารูสึกเศราใจและสะทก
สะทอนใจ
จากไปครั้งเดียว กลับนานหลายป...
เขาหลุบตาลง มองดูประตูจวน เห็นเพียงทหารอารักขาสองคนยืนอยูหนาประตู สี
หนาเขานิ่งเรียบแตภายในใจกลับวูบไหว
ยังดีที่นาทีถัดมา เมื่อเขากวาดตามองกวาง คอยปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
ทวาผูคนที่อยูโดยรอบพลันเกิดความตื่นเตนขึ้นในใจ สายตาที่จองมองหนาประตู
จวนหมิงอองฉายแววหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
แมทัพทหารที่อยูไมไกลก็จับบังเหียนแนน เกิดความตึงเครียดขึ้นทันที
พวกเขาเห็นอะไร
ประตูจวนหมิงอองเปดออก ทุกคนในจวนโดยการนําของลูสวินอี้ยืนตอนรับอยู
หางจากรถมาราวสามเมตร ลูสวินอี้และผูปกปองจวนหมิงอองทัง้ หมดโคงตัวลง
ลูสวินอี้เปลงเสียงดังกองไปทัว่ ทั้งถนน
“ลูสวินอี้ยินดีตอนรับพระชายากลับจวนหมิงออง!”
“ยินดีตอนรับพระชายา!”
ตอน 258 กลับจวน
สะทานสะเทือนไปทั่วทุกหยอมหญา!
คําคํานี้ไดยินคนพูดบอย แตถามวาใครเคยเห็นตัวจริงแลวบาง เกรงวาตองหายากยิ่ง
แตตอนนี้ ผูคนรอบๆ จวนหมิงอองกําลังเฝาดูผูที่อยูในรถมา ซึ่งเกือบทุกคนตางอด
ไมไดที่จะทําตาโตดวยความตกใจและประหลาดใจยิ่ง
พระชายา!
ครั้งนี้ผูมาคือ พระชายาหมิงออง หลินซูอิน หญิงสาวตระกูลหลิน ตระกูลซึ่งเอาใจ
ออกหางจากราชสํานัก!
ผูที่อยูในเหตุการณไมมีใครเตรียมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากอน เหตุใดจึงเปนนางไปได?
เหตุใดนางจึงปรากฏตัวขึ้นอยางกะทันหันเชนนี้?
เปนเรื่องที่ไมเกินเลยหากจะพูดวา สถานการณยุงเหยิงในตอนนี้ การปรากฏตัวขึ้น
อยางปจจุบันทันดวนของพระชายาหมิงออง ทําใหผูคนรูสึกตื่นตกใจมากกวาการได
เห็นหมิงอองหลายเทาตัว
นั่นเพราะพระชายาไมเพียงเปนพระชายา นางยังเปนสัญลักษณอันละเอียดออน
ที่สุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของประเทศ ในสถานการณการเมืองอันยุงเหยิงเชนนี้
ดวย
“ยินดีตอนรับพระชายา!”
ทุกคนตางยากขมใจ ไมใหตื่นตกใจจากการถูกจูโจมอยางฉับพลัน ยังดีที่เสียงแสดง
ความเคารพสั้นๆ ไดสะทอนกองอยางใสกระจางอยูขางหูทุกคน ทําใหหัวใจที่เตนไมเปน
ระส่ําของพวกเขาสงบนิ่งลงได ดวงตาทั้งสองขางจองมองไปยังรถมาที่ยังจอดนิ่งอยูอยาง
นั้นไมวางตา
ที่เกิดเหตุเงียบสงบอยางแปลกประหลาด เงียบจนทําใหผูคนที่อยูภายใตแสงอาทิตย
กลางวันแสกๆ รูสึกวาตนเองเหมือนมิไดอยูบนโลกมนุษย
กระทั่งมาของทานแมทัพยังคลายรูสึกถึงความแปลกประหลาดของบรรยากาศ
ความกดดันรุนแรงทําใหมันตื่นตกใจ แตก็ไมกลาสายศีรษะสะบัดหาง ใชดวงตากลมโต
ทั้งสองขางจองมองไปยังรถมาเชนเดียวกับมนุษย
ลมโชยพัด แดดออนๆ ยามบายสองลงมาในแนวเฉียง ลูสวินอี้และกลุมคนยังคงโคง
ตัวใหรถมาอยูอยางนั้นโดยไมกลาขยับ ทวาในรถมายังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ
แมรอคอยไมนาน แตตอนนี้ ผูคนกลับรูสึกเหมือนผานไปแลวชาติหนึ่ง
ภายใตสายตาผูคน คนในรถยังไมออกมาเสียที อาจิ่วที่ยืนอยูขางตัวรถปกปดสีหนา
กระวนกระวายไวไมอยู มือในแขนเสื้อของเขาสั่นนอยๆ ดวยไมกลาเอื้อมไปเปดประตูรถ
มาออกโดยพลการ แตที่สุดแลวก็อดใจไมได เอยปากเสียงเบาขอคําชี้แนะจากคนในรถ
“พระชายา!”
ตูเวยเวยใชดวงตาอันงามสงามองดูหลินซูอินที่นงั่ ผมยาวสลวยดุจแพรไหมอยูขางๆ
แตกลับมีใบหนาขาวดุจเสนดาย นางเหมือนไมรูสึกถึงบรรยากาศคึกคักที่อยูดานนอก
หลุบตาลง ราวกับวาอยูคนเดียวในโลกใบนี้
ตูเวยเวยละสายตาจากนางโดยไมพูดจา และไมกระทําการใดๆ เพียงนั่งรอคอย
อยางสงบนิ่ง ไมสงเสียง
ไมควรสงเสียง และไมคิดสงเสียง
นี่เปนเรื่องภายในครอบครัวของจวนหมิงออง และเปนเรื่องสวนตัวของหลินซูอิน
อีกทั้งนางในตอนนี้ไมมีจิตใจยื่นมือเขาแทรกแซงเรื่องของผูอ ื่น
การรวมมือกับจวนหมิงอองมิไดหมายความวา นางตองแบงเบาเรื่องภายในจวน
นางไมรูสึกวาตนเองมีคุณสมบัตินี้ และไมรูสึกวาตนเองตองเอาใจหมิงอองดวยการออน
นอมแบบคนระดับลาง
ยิ่งมิไดคิดวาหมิงอองไมสูงศักดิ์ และหลินซูอินไมนายกยอง แตนางเปนทานตูที่เคย
โลดแลนอยูในหมิงจูมานาน จึงยังมีความหยิ่งทะนงอยู
คลายมีเสียงถอนหายใจเบาๆ แตก็คลายไมมี ทานตูหันมอง พอดีกับหลินซูอินเงย
หนา ดวงตาหลินซูอินสงบนิ่งเหมือนมีอารมณความคิดซับซอนรอยแปดพันเกา จนทําให
ผูพบเห็นอยากถอนหายใจ
หลินซูอินมองหนาทานตู ใบหนาที่ขาวราวเสนดายของนางเหมือนปรากฏรอยยิ้ม
นอยๆ กอนเอยเสียงเบา
“ศิษยพี่ หากสามารถมีชีวิตอิสระเหมือนทานก็คงจะดีไมนอย...”
ทานตูอึ้ง แววตาตะลึงงัน แตหลินซูอินไมรอคําตอบ หันมองประตูรถมา แลววา
“ลงรถกันเถอะ”
อาจิ่วที่รอรับอยูนอกรถไดยินก็ถอนหายใจดวยความโลงอก มือที่สั่นเล็กนอยยื่น
ออกไปเปดประตูรถมา
นาทีถัดมา หลินซูอินในชุดขาวพรอมผาบางๆ ปกปดใบหนา กาวลงจากรถมา
ทามกลางสายตาผูคน นางกําลังยืนอยูตรงหนาผูคน ลมพัดผาน เสนผมนางปลิวไสว
ชายกระโปรงพลิ้วตามแรงลม เปนที่นาจับตามองยิ่งนัก
ในความเงียบ นางคอยๆ กวาดตามองทุกสิ่งที่ทั้งคุนเคยและทั้งแปลกตา สุดทาย
หยุดสายตาอยูที่จวนหมิงออง กอนกาวเทาเดินไป โดยไมมีใครรูวานางกําลังลําบากใจ
หรือสบายใจ
เวลาเหมือนหยุดอยูกับที่ ภายใตแสงอาทิตยแนวเฉียงและสายลมออนๆ รางของ
นางที่ผูคนทั้งคุนเคยทั้งแปลกตา หายไปในกําแพงสูงของจวนหมิงออง
ปง!
เสียงประตูใหญปดเขาหากัน ดังสนั่นเหมือนเสียงโหมตีคอนกลอง ทําใหผูคนตื่นขึ้น
จากนั้นแมทัพตะโกน “ไป!” แลวกองทหารก็จากไปดั่งสายลม
จากนั้นถนนตลอดทั้งสายก็ยุงวุนวาย กลุมคนรีบวิ่งกลับบานอยางรวดเร็ว
จนสุดทาย ทุกสิ่งทุกอยางกลับเงียบสงบดังเดิม เหมือนผูคนแยกยายหลังงานเลี้ยง
เลิกรา
แตความจริงแลว ความวุนวายเพิ่งเริ่มตนขึ้น
“อะไรนะ”
องคติ้งอูลุกพรวด น้ําชาที่ถืออยูในมือกระฉอกออกจากถวย แยกแยะสีหนาบน
ใบหนาอันดุดันไมออก ดวงตาทั้งสองขางจองมองมหาดเล็กผูรายงานเขม็ง น้ําเสียงแผ
ความเย็นยะเยียบไปทั่ว
“เจาพูดอีกครั้งสิ เปนใครกัน?”
กึก... มหาดเล็กคุกเขาลงกับพื้น ตอบเสียงสั่น “เปน...เปนพระ...พระชายาหมิงออง
พะยะคะ”
ตุบ! เพลง!
ถวยน้ําชาในมือองคติ้งอูชนเขากับศีรษะมหาดเล็กอยางจัง กอนหลนลงแตกบนพื้น
โลหิตและน้ําชาคอยๆ ไหลลงจากเสนผมมหาดเล็กซึ่งตองอดทนตอความเจ็บปวด
จากศีรษะที่แตกและถูกน้ําชาลวก ขณะคุกเขาตัวสั่นเทิ้มอยูกับพื้น ไมกลาสงเสียงใดๆ
มหาดเล็กที่อยูรอบๆ ลวนคุกเขาลงเชนกัน
เวลาองคติ้งอูพิโรธ ภูเขาและแมน้ําลวนแหลกลาญไมมีผูใดกลาเงยหนาขึ้นมองพระ
พักตรที่ดูไมไดยิ่ง
บรรยากาศอันหนักหนวงอบอวลอยูในพระราชวังอยางยากควบคุม สีพระพักตรแย
จนนาตกใจ ลมหายใจที่ออกจากปากและจมูกเดือดพลานเปนระลอก ราวกับ
เตรียมพรอมออกศึกใหโลหิตไหลนองเต็มทองทะเล
ไมรูผานไปเนิ่นนานเทาไร จึงไดยินเสียงแหบแหงดังขึ้น
“ออกไป...”
มหาดเล็กรีบใชมือและเทาชวยในการคลานถอยออกจากหอง
องคติ้งอูกมศีรษะ ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอยางแรง ทันใดนั้น ทรงลมโตะ เสียงดัง
ปง
สิ่งของทั้งหลายที่อยูบนโตะหลนกระจัดกระจายไปทั่ว ทรงยกเทาขึ้นถีบเกาอี้ใหลม
ลงตอ
ทวาความโกรธก็ยังคงฉายอยูบนพระพักตรไมจางหาย
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงอันสงบนิ่งของชายชราดังขึ้น
“ฝาบาท เย็นพระทัยไว!”
เสียงดังมาจากระยะไกล แตราวกับวาสะทอนไปมาอยูขางหูองคติ้งอู
องคติ้งอูเงยหนาขึ้น เห็นชายชรารางเล็กบอบบางยืนตัวตรงอยูขางโตะที่พลิกคว่ํา
ตั้งแตเมื่อไรไมรู กําลังใชดวงตากระจางใสจองมองตนเอง
องคติ้งอูเก็บความรูสึก คอยๆ เชิดหนา ทรวงอกคอยๆ ชะลอการกระเพื่อมลง
ผูเฒาเห็นเหตุการณแลวก็ไมคิดพูดมาอีก เพียงโคงตัวลงเล็กนอย ใชสามนิ้วแตะโตะ
ขยับขอมือเบาๆ โตะก็พลิกหมุนกลางอากาศ กอนตกลงสูที่เดิมอยางเงียบเสียง
จากนั้น ผูเฒาก็ละสายตา รางกายคลายเคลื่อนไหวไดตามใจชอบ มองไปทางไหน
รางก็พลันอยูที่นั่น และยังคงเหมือนเมื่อครู เกาอี้กลับสูตําแหนงเดิม
สวนของที่ตกอยูบนพื้น ผูเฒามิไดเก็บ กลับไปยืนตัวตรงหางจากโตะไมไกล กอน
เอยปากเสียงเบา
“ความโกรธทํารายตัวเอง และจะยิ่งทําใหฝาบาทปวดศีรษะหนักเขาไปอีก”
คําพูดคลายแฝงพลัง เห็นองคติ้งอูพลันหนาซีดขาว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผาก
ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงอีกครั้ง
สีหนาผูเฒายังนับวาสงบนิ่ง รางวูบไหว พลันยายไปยืนขางกายองคติ้งอู พยุงใหทรง
นั่งลงบนเกาอี้ กอนเอยปาก “ฝาบาท ทําใจใหสงบ”
ไรซึ่งขอหาม ผูเฒายกมือขึ้นจับชีพจรองคติ้งอู ชะงักเล็กนอย นิ้วทั้งสองประหนึ่ง
กระบี่ เปลงแสงสีขาวบริสุทธิ์สวางไสว แตมิไดสัมผัสถูกผิวหนัง เห็นเพียงพลังดรรชนีเขา
สูเสนชีพจรขององคติ้งอู ขณะแขนผูเฒากําลังจะเลื่อนขึ้น
“ไมตองแลว!”
องคติ้งอูพ ลันยกมือออกจากการกุมหนาผากมากันดรรชนีกระบี่ของผูเฒาไว แววตา
แสดงความเจ็บปวด ใบหนาเต็มไปดวยเม็ดเหงื่อ น้ําเสียงแฝงความปวดราวและออนลา
“อาจวิน เสียพลังปราณเปลาๆ!”
ผูเฒาที่มีดวงตาวาวใส กลับสายศีรษะอยางอดไมได วางมือองคติ้งอูลง แลวพูดเสียง
เบา
“ฝาบาทตองสงบใจใหไดกอน พื้นฐานพลังปราณของผูเฒามิใชธาตุไม รักษาอาการ
ปวดศีรษะของฝาบาทไดยากเอาการ!”
องคติ้งอูเจ็บปวดเหลือคณา จึงไมมีกะใจพูดมาก ไดแตอดทนไว จึงหายใจหอบ
ผูเฒายืนเงียบอยูดานขางครูใหญ พอเห็นองคติ้งอูคอยๆ รูสึกดีขึ้น จึงสงเสียงพูด
“โลกอันกวางใหญ ไมขาดผูมากความสามารถ โรคของฝาบาท ใชวาจะรักษาไมได”
องคติ้งอูลืมตา ตาแดงเล็กนอย เพียงชั่วขณะราวกับชราภาพลงมาก คลายพูดกับ
ตัวเอง
“ดานนอกมีพยัคฆอีกสุนัขปาลอมรอบ ดานในมีกบฏคอยชิงอํานาจ สถานการณ
วิกฤต ถาขาประกาศหาหมอมารักษา เกรงวาจะกลายเปนขาวลือไปทั่ว ทําใหผูคนคิดกัน
ไปตางๆ นาๆ!”
คําพูดนี้แสดงถึงความเสื่อมถอยและลําบากใจ เกรงวาทรงไดแตพูดตอหนาผูเฒา
เพื่อระบายความทอแทภายในใจ
“อาจวิน ตั้งแตขาขึ้นครองราชย ไมเคยทุจริตและเสวยสุขสวนตน หมั่นเพียร
พยายาม ไมกลายอหยอนแมสักวัน ทุมเทความสามารถทั้งหมดที่มี ขอเพียง
ประวัติศาสตรไมซ้ํารอย แตเหตุใด ถึงตอนนี้ ระบบการปกครองที่มีมาหารอยป กลับ
เละเทะไมเปนชิ้นดีในมือขา และมีแนวโนมวาจะพาประเทศไปสูความลมสลาย”
น้ําเสียงขององคติ้งอูออนแรงลงเรื่อยๆ ทวาในความโกรธเคืองปนหดหูใจ กลับเปยม
ไปดวยความลึกซึ้ง
ผูเฒาไมมีคําอธิบาย ประเทศตาเซี่ยหารอยป กับอายุรอยปของเขา ผาน
ประสบการณมาสี่แผนดิน เห็นอะไรมาก็มากและหลากหลาย แตเพิ่งเห็นความเสื่อมก็
ตอนนี้ ถามใจตนเองดู ในจักรพรรดิทั้งสี่ องคติ้งอูเรียกไดวาเปนจักรพรรดิผูเกงกลา
สามารถ ทวาตาเซี่ยที่นากลัว กลับมาถึงจุดๆ นี้ได
ผูเฒาคอยๆ หลุบตาลง น้ําเสียงยังคงบางเบา
“โชคชะตาฟาลิขิต แตชีวิตเรากําหนด บานเมืองก็เชนเดียวกัน ขอเพียงสูตอเทานั้น
ฝาบาทยังอยู จักรวาลยังคงเปนธรรม เหตุใดฝาบาทตองเศราเสียใจถึงเพียงนี้ดวย?”
องคติ้งอูไดยินดังนี้จึงพยักหนา คอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก
“อาจวินไมตองเปนหวง ขาถือกําเนิดในราชวงศกษัตริย มีหนาที่รับผิดชอบของ
กษัตริย แมตองกลายเปนกษัตริยผูทําใหชาติลมสลาย ก็ไมมีวันทําใหบรรพบุรุษตอง
อัปยศอดสูเปนอันขาด ยังไมถึงนาทีสุดทาย ขาไมยอมพายแพแน!”
ผูเฒาพยักหนา พูดอยางเด็ดขาดโดยไมลังเล
“หลังกาลเวลาผันผานรอยปพันป ฝาบาทยอมไดชื่อวาเปนกษัตริยผูปรีชาสามารถ
อยางแนนอน”
ใบหนาองคติ้งอูปรากฏรอยยิ้มนอยๆ ขึ้น เห็นชัดวาทรงมีอารมณรวมกับคําพูดนี้
ทรงคอยๆ นั่งตัวตรง ครุนคิดสักพัก จึงเอยปาก
“อาจวิน ทานคิดเห็นอยางไรกับลูกหกของขา?”
แววตากระจางใสของผูเฒาวูบไหวเล็กนอย มองดูองคติ้งอู “หมิงอองหรือ?”
“มิผิด!” องคติ้งอูพ ยักหนา
ทรงจับโตะไวแลวคอยๆ ลุกขึ้นยืน อาจเพราะความเจ็บปวดเมื่อครูทําใหรางกาย
ออนแอลง จึงตองระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก กอนตรัส
“ขามีทายาทไมนอย แตกลับไมเคยคิดวา หมิงอองหรือลูกหกที่ทิ้งใหอยูกับสามัญ
ชนในปนั้น วันนี้กลับทําใหขารูสึกเหนือความคาดหมายเปนอยางยิ่ง!”
ตอน 259 ขอความเห็นจากพระชายา
ผูเฒาไมอยากคิดวิเคราะหคําพูดขององคติ้งอูวาแฝงความหมายอะไรลึกซึ้ง พอใจ
หรือไมพอใจในตัวหมิงออง เปนธรรมดา ที่เขาไมคิดแทรกแซงการวิพากยวิจารณทายาท
ของฝาบาท มิไดกลัววาจะถูกโยงใยเขาสูเกมการเมือง ซึ่งไมวาภายภาคหนาผูใดไดขึ้น
ครองราชย เขาก็ยังคงเปนเขา ไมจําเปนตองวาดงูเติมขา
แตวันนี้ เขากลับเอยปาก
“หมูนี้ผูเฒาไดยินเรื่องราวของหมิงอองมามากมาย ทั้งเรื่องนิสัยใจคอและ
ความสามารถ แตผูเฒาก็ยังไมรูแนชัดและไมกลาพูดสุมสี่สุมหา รูเพียงวาการบําเพ็ญ
เพียรของทานออง ทําใหผูเฒารูสึกแปลกใจมาก ปที่ทานอองกลับเขาวัง ผูเฒาก็เคยพบ
เห็น ดูจากภายนอกแลวไมมีวี่แวววาจะฝกวิชาไดถึงเพียงนี้”
สิ่งที่องคติ้งอูอยากรูยอมมิใชเรื่องเหลานี้ แตพอไดฟงผูเฒาพูดถึงเรื่องในปนนั้ ก็ทรง
จําไดวา หากเชื้อพระวงศมีคุณสมบัติพอที่จะบําเพ็ญเพียร ยอมตองไดรับการฝกอบรม
บมเพาะใหถึงที่สุด ซึ่งนอกจากจะเปนผลดีตอประเทศชาติแลว อยางนอยยังทําใหผูฝกมี
อายุมั่นขวัญยืนดวย
ดังนั้น ทายาทสายตรงขององคติ้งอูตองผานการตรวจสอบจากจอมยุทธกอน ปที่หมิ
งอองกลับเขาวัง ก็ไดผานตาจอมยุทธแลว และไดรับการยืนยันวา ไมวาจะเปนดาน
รางกายหรือความรอบรู ลวนไมมีพื้นฐานพอที่จะฝกได คิดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็รูสึกแปลก
ใจ แตเพื่อเห็นแกหนาจอมยุทธ บวกกับตอนนี้ยังไมมีกะใจพูดถึงเรื่องนี้ จึงสายพระ
พักตรอันเครงขรึม แลววา
“อยาวาแตอาจวินเลย ขาเองในปนั้นก็ใชวาจะเห็นความพิเศษของลูกคนนี้ มิฉะนั้น
แลวไหนเลยจะหละหลวมการเขมงวดทางวินัย จนทําใหเปนขบถตอตานขามาจนทุก
วันนี้!”
ผูเฒาเลิกคิ้วขึ้นเล็กนอย เขาเขาใจแลว องคติ้งอูกําลังไมพอใจหมิงอองเปนอยางยิ่ง
คิดตอถึงเรื่องพระชายา ก็ยิ่งเขาใจในทันที
ครั้งนี้หมิงอองไดกระตุนตอมกริ้วขององคติ้งอูเขาใหแลวจริงๆ ดวยสถานการณ
วุนวายของราชสํานักในตอนนี้ องคติ้งอูคิดมาตลอดวาเปนความผิดของคนตระกูลหลิน
ทรงเกลียดคนตระกูลหลินยิ่งกวาคนเถื่อนเสียอีก หากเขียนบัญชีรายชื่อผูที่องคติ้งอู
อยากสังหาร ตองมีคนตระกูลหลินอยูในลําดับตนๆ อยางแนนอน ถึงขั้นที่วาสับเปน
หมื่นๆ ชิ้นก็ยังไมหายแคน กับคนระดับลางในตระกูลหลินยังไมเทาไหร แตถาเห็นผูที่มี
สายเลือดตระกูลหลินแลวละก็ ในใจของพระองคจะรอนเปนไฟ คิดแตอยากสังหารให
หายแคน
ซึ่งการกลับมาของพระชายาในครั้งนี้ แมองคติ้งอูรูวาเปนโอกาสดีที่พระองคและ
ตระกูลหลินจะจับมือสงบศึกชั่วคราว เพื่อรวมกันตอตานศัตรูนอกประเทศ แตก็ยังทรง
ไมยินยอม มีจักรพรรดิองคไหนที่ยอมประนีประนอมกับกบฏบาง?
ตาเซี่ยอยูยั้งยืนยงมาหารอยป เคยยิ่งใหญเพียงใด? วีรบุรุษเชนองคติ้งอู ไหนเลย
ยอมรับความอัปยศอดสู
ดังนั้น วินาที่ที่รูวาพระชายากลับมา รังสีฆาฟนของพระองคก็คุกรุนขึ้น
ผูเฒาหลุบตาลงอีกครั้ง ตอนนี้เวลานี้ อารมณโกรธขององคติ้งอูยังไมเจือจาง แต
กลับยังไมออกคําสั่งฆาหลินซูอิน เห็นชัดวาทรงยังมีสติพอที่จะรูวาฆาไมได แตสตินี้กลับ
ทําใหทรงรูสึกวาถูกดูหมิ่น จึงทรงโกรธแคนเปนอยางมาก
“ฝาบาทมีสิ่งใดตองการกําชับผูเฒา?”
ผูเฒารูวาจูๆ องคติ้งอูคงไมพดู เรื่องเหลานี้ขึ้นมาลอยๆ แน จึงกมศีรษะถาม
“ขาไมอาจปลอยใหเจาขบถนั่นอยูนอกวังหลวงอีก ขืนเปนเชนนี้ตอ เกรงวาอาจ
กลายเปนลูกที่ไมจงรักภักดีหรือลูกอกตัญูไป!” ดวงตาองคติ้งอูฉายแววเขมงวด
แตแววตาผูเฒากลับวูบไหว เห็นชัดวาแมแตเขายังตกใจ “ฝาบาทคิดจะ...”
“ขาอยากรบกวนทานใหไปหมิงจูสักครา พาเจาขบถนั่นกลับมาหาขา!” องคติ้งอู
ตรัสเสียงขรึม
ที่แทเปนเชนนี้นี่เอง
ผูเฒาคอยๆ เงียบไป หลังครุนคิดสักพัก จึงวา
“ฝาบาท แมผูเฒาหวังมีชื่อเสียงในขณะที่อายุขัยเหลืออยูไมมาก แตการไปหมิงจูสัก
ครา สิ่งที่ผูเฒากลัวกลับมิใชกองทัพนับพันนับหมื่น แตกลัววาไปแลวจะพาทานออง
กลับมาไมไดนี่สิ!”
“หือ?” องคติ้งอูฟงแลวก็อึ้งเล็กนอย “อาจวินหมายความวาอยางไร?”
ผูเฒาสายศีรษะ “เหมยชิงเฟงบอกวาทานอองยังไมเขาขั้นจอมยุทธ แตเขาก็ไมกลา
ไปหมิงจูประลองยุทธกับทานอองดวยตัวเองอยางแนนอน ดวยทานอองสามารถสังหาร
สามปรมาจารยไดในหมัดเดียว ซึ่งใชวาปรมาจารยทั่วไปสามารถทําได แมนับวาพวกเรา
อยูในขั้นหลุดพน แตก็ไมกลาพูดวาสามารถทําใหทานอองพายแพคามือ และมีความ
เปนไปไดวา ตองตอสูจนถึงขั้นตกตายกันไปขาง แมนับวาสุดทายแลวพวกเราสามารถ
เอาชนะได ความเคลื่อนไหวนี้ก็เพียงพอที่จะทําใหคนเถื่อนยกทัพมาซ้ําเติม!”
นาทีนี้ องคติ้งอูจึงไมรูแลววาตนเองรูสึกเชนไร เปนความรูสึกที่ซับซอนยิ่ง
จอมยุทธที่อยูตรงหนากําลังหวาดกลัวโอรสตน ทําใหตนอดไมไดที่จะรูสึกภาคภูมิใจ
แตพอคิดวาตนอับจนหนทางที่จะนําตัวหมิงอองกลับมา ก็รูสึกหงุดหงิดใจ
“ทวาหากเปนรับสั่งของฝาบาทและสามารถทําเพื่อตาเซี่ยแลว แมตองตอสูกับ
กองทัพนับพันนับหมื่น ผูเฒาก็ขอลองดูสักตั้ง...” ผูเฒาพูดตอ
องคติ้งอูกลับโบกมือปราม “จะใหอาจวินไปเสี่ยงอันตรายไดอยางไร? เมื่อครูขาไม
ทันคิดจริงๆ วาลูกหกมีความสามารถในทางเตาถึงเพียงนี้ เรื่องนี้จึงถือวาตกไป!”
หากสามารถนําตัวกลับมาเงียบๆ ไดก็คงดี แตถาขาวรั่วไหล ยอมกลายเปนเรื่อง
ใหญ
ความปลอดภัยของเชื้อพระวงศเปนสิ่งสําคัญ แมเชื่อวาจอมยุทธทั้งสามไมกลาทํา
เรื่องที่ไมถูกตองในสายตาผูคน เชนการลอบสังหารลูกหก แตก็ไมอยากใหลูกตองเสี่ยง
อันตราย
ถาเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นระหวางการนําตัวกลับ ก็เปนเรื่องนากลัวแลว ราชสํานักมีจอม
ยุทธสองทาน ทานหนึ่งขณะนี้เผชิญอันตรายอยูในสนามรบ หากเกิดเรื่องขึ้นกับอีกทาน
ยอมไมดีแน แมอายุขัยของทานเหลืออยูไมมาก แตถาอยูรอดไดหนึ่งวัน ก็สามารถปอง
ปรามศัตรูไดอีกหนึ่งวัน
และพอฟงถึงตรงนี้ ก็พลันรูสึกหวั่นไหว อาจวินอายุขนาดนี้ หากหมิงอองสามารถ
บําเพ็ญเพียรไดถึงขั้นนี้
จริง...ทรงรูสึกไมสบอารมณขึ้นมาในพริบตา เจาขบถนั่นไมอยูที่นี่ คิดเรื่องพรรคนี้
ไปจะมีประโยชนอะไร จึงตรัสถามขึ้น
“อาจวิน ในความเห็นของทาน ถาหมิงอองเกิดประลองกับเหมยชิงเฟงจริงๆ ผลจะ
เปนเชนไร?”
ผูเฒาเงยหนา กอนสายหนานอยๆ “แพแนนอน!”
ภายในหองเหลือองคติ้งอูอยูเ พียงลําพัง บอกตามตรง การเปนจักรพรรดิเชน
พระองคเหน็ดเหนื่อยมาก ประเทศไมเปนสุข บานก็ไมสงบ!
แมโอรสที่นากลัวอยางมอไป ไมพอใจในตัวพระองค แตพระองคก็ยังคิดปกปองใน
ทุกวิถีทาง
ทรงหลับตา ละทิ้งสิ่งละอันพันละนอยในใจ เพื่อใหตนเองเยือกเย็นลง
หมิงอองไมสามารถกลับมา ก็ไมสามารถทําใหลูกคุกเขาขอรองใหตนไวชีวิตพระ
ชายาหลินซูอินตอหนาขุนนางนอยใหญในทองพระโรงแลว
มิผิด ทรงอยากใหเปนเชนนี้ ที่เมื่อครูโมโหโทโสจนถึงขีดสุด ก็เพราะในหัวสมองคิด
แตวิธีตอบโต
ทรงอยากสังหารหลินซูอินแตก็สังหารไมได ดังนั้นเมื่อไมสังหารตรงๆ ก็ตองคิดหาวิธี
ซี่งไมมีวิธใี ดจะดีไปกวาการทําใหหมิงอองวิงวอนขอรองตนเองตรงหนา และเนื่องจากลูก
มีผลงานตอตานศัตรู อีกทั้งยังถูกทิ้งใหอยูกับสามัญชนนานหลายป ทําใหองคจักรพรรดิ
รูสึกละอายใจและสงสาร ดวยความรักของพอทีท่ นเห็นลูกเสียใจไมได จึงปลอยตัวหลินซู
อินไป!
ศักดิ์ศรี!
ศักดิ์ศรีขององคจักรพรรดิยิ่งใหญกวาฟาดิน!
ทันใดนั้น เสียงฝเทาที่หนาประตูดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณความคิดขององคติ้งอู ทรง
ลืมตาขึ้นทันที พลางปลอยรังสีฆาฟนใสผูมา
“ฝาบาท ใตเทาจางขอเขาเฝา!”
มหาดเล็กหนาวเหน็บไปทั้งตัว อยากรองไหจริงๆ แตก็ตองยืนยักแยยักยันรายงาน
“หือ?” ทรงชะงักรังสีฆาฟนในดวงตา จางปงลี่ เขามิไดไปจวนหมิงอองรึ เหตุใดจึง
มาเร็วเชนนี้?
ทรงลุกขึ้นยืนมือไพลหลัง กอนพูดเสียงขรึม
“เก็บของใหเรียบรอย แลวใหเขาเขามา”
มหาดเล็กรีบชวยกันเก็บขาวของที่หลนกระจายบนพื้น แลวจึงประกาศเรียกจางปง
ลี่ใหเขาเฝา
“ฝาบาท” จางปงลี่ทําความเคารพ
“ไปจวนหมิงอองมาแลวหรือ?” องคติ้งอูนั่งลง พยักหนาแลวถามขึ้น
หนาผากจางปงลี่มีเม็ดเหงื่อ แสดงวารีบมาก แตกลับเห็นเขาสายศีรษะ กอนวา “ยัง
ไมไปพะยะคะ รีบกลับมากอนเพราะเรื่องหนึ่ง!”
“ขารูแลววาผูมาเปนใคร” องคติ้งอูตรัสเสียงขรึม
จางปงลี่เหลือบดูสีหนาองคติ้งอู รูสึกแปลกใจอยูบาง คิดไมถึงวาจะทรงสงบนิ่งได
เชนนี้ ซึ่งเขายอมไมรูวา เมื่อครูองคติ้งอูทรงพิโรธไปแลว
“กระหมอมกลับมาเพราะ หนึ่ง เรื่องของพระชายา สอง ถูกคนของโจรถอยหลิน
สกัดกั้นไว!”
จางปงลี่รีบรายงาน
“หือ? เจาวาอะไรนะ?” องคติ้งอูดวงตาคมวาว เหมือนอารมณขึ้นในพริบตา
“พวกมันเบื่อโลกกันนักรึ?”
“ฝาบาททรงเมตตา!” จางปงลี่รีบโคงตัวปลอบประโลม
การกลับมาของพระชายา สงผลกระทบโดยตรงตอราชสํานักและโจรถอยหลิน
ทั้งสองฝายไมคาดคิดเหมือนกัน ตื่นตกใจเหมือนกัน และอึดอัดใจเหมือนกัน
แตทาทีกลับแตกตางกัน ดานราชสํานักใหความสําคัญกับศักดิ์ศรีมากเกิน จนองคติ้ง
อูเกือบระงับรังสีฆาฟนไวไมอยู สวนพวกโจรถอยหลิน ตางตกใจที่เห็นหลินซูอินกาวเขา
ไปในจวนหมิงอองจริงๆ ทําใหพวกเขาไมมีความคิดเห็นไปชั่วขณะ แตแลวก็ดึงสติ
กลับมาได
“เมตตาหรือ?” องคติ้งอูทรงสงบนิ่งลงแลว กะพริบตากอนถาม “ที่พวกมันไปหา
เจาก็เพราะเรื่องนี้หรือ?”
“พะยะคะ พวกโจรถอยหลินพอไดขาววาพระชายาหมิงอองกลับมา ก็ตกใจเชนกัน
พวกมันกลัววาฝาบาทจะทรงพิโรธ แตไมมีคุณสมบัติพอที่จะเขาเฝา จึงมาสกัดกั้น
กระหมอมไว ขอรองใหกระหมอมเห็นแกพระชายา ที่แมเกิดในตระกูลหลิน แตไดสมรส
กับเชื้อพระวงศตามกฎหมาย จึงถือวาเปนคนของเชื้อพระวงศคนหนึ่ง ขอใหฝาบาท
เมตตา อยาถือโทษโกรธพระชายา!”
คําพูดของจางปงลี่ฟงดูดี แตความจริงเปนเชนไรทุกคนลวนรูอยูแกใจ
“เฮอะ เมื่อเปนคนของเชื้อพระวงศ ขาจะจัดการอยางไร ไหนเลยจะใหพวกกบฏมา
บงการได คิดวาดาบในมือขาสังหารคนไมไดรึ?” องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชา สีหนาเต็มไป
ดวยความโกรธ
“ฝาบาททรงเมตตา กระหมอมเห็นทาทีของพวกโจรถอยหลินออนนอมมาก พวก
มันพูดวา แมพระชายาเกิดในตระกูลหลิน แตก็เปนลูกสาวสุดที่รักของหลินหัวเหยา
เพราะเห็นแกความรักของพอลูก จึงกลามาขอใหฝาบาททรงเมตตา!” จางปงลี่รีบตอบ
ซึ่งคนตระกูลหลินเคยพูดเชนนี้จริงหรือไมนั้นมีเพียงจางปงลี่เทานั้นที่รู แตเห็นไดชัด
วา จางปงลี่ชัดเจนวาฝาบาทตองการขั้นบันไดในการเสด็จลง
หลินซูอินสังหารไมได!
เมื่อเห็นฝาบาทยังคงมีสีหนาเครงขรึม เขาก็รูวาครั้งนี้ฝาบาทมิไดวางทาทีแลว ดวย
ไมเห็นความยินดีบนพระพักตรแตอยางใด วันนี้ทรงเปลงรังสีฆาฟนออกมาจริง จึงรีบ
คุกเขาลง
“ฝาบาท ที่กระหมอมรีบมาไมใชเพียงเพราะโจรถอยหลินขอรอง แตเปนเพราะ
กังวลในความปลอดภัยของพระชายา จึงมาขอใหฝาบาทรีบสงองครักษแฝงกายคุมครอง
พระชายา”
องคติ้งอูห ัวเราะ “เจาวาอะไรนะ ใหขาสงคนไปคุมครองนาง?”
“พะยะคะฝาบาท กระหมอมหวงวาโจรถอยหลินจะมีจิตคิดชั่ว ลงมือกับพระชายา
แลวปายความผิดใหราชสํานักเรา ปลอยขาวลือวาฝาบาทไมสนใจศัตรูตางชาติรุกราน
ประเทศ ไมใสใจทหารหาญและทานอองที่รบอยางดุเดือดในหมิงจู เพียงเพราะความ
โกรธแคนในใจ จึงสังหารพระชายาหลินซูอิน คูสมรสที่ถูกตองตามกฎหมายของหมิงออง
หรือคนของเชื้อพระวงศอยางไมเปนธรรม...”
จางปงลี่กมศีรษะพูดรวดเดียวโดยไมสนใจวาฝาบาทในตอนนี้จะมีสีหนาเชนไร
ซึ่งเห็นชัดวาองคติ้งอูที่อยูตรงหนาเขากลับมีสีหนาและแววตาเปลี่ยนไป พลาง
ตะโกนเสียงดัง
“เหลวไหลจริงๆ!”
ราชสํานักกับตระกูลหลินเคลื่อนไหวตั้งแตนาทีแรกแลว สวนกลุมอิทธิพลอีกกลุม
หนึ่งที่หลินซูอินสนิทดวยนั้น ยอมทนไมไดเชนกัน หนําซ้ํายังมีปฏิกิริยาตอบสนอง
มากกวาราชสํานักกับตระกูลหลินอีก
หนาประตูจวนหมิงออง ชงเสวียนมาแลว
นี่ยังไมทนั เที่ยง ดูทาทางก็รูวา พอไดขาวปุบก็ไมกลารีรอ รีบรุดมาทันที
และครั้งนี้คนในจวนยังคงแจงตอลูสวินอี้
ฟานอูมองดูลูสวินอี้ที่นิ่งเงียบไมพูดไมจา จึงรูสึกกังวลใจ “ทานรอง ทานวาพระ
ชายาจะ...”
“เหลวไหล!” ลูสวินอี้พลันจองมองเขาดวยดวงตาคมกริบ “ลืมแลวหรือวาอะไรคือ
ความภักดี? กลาวิพากษวิจารณนายหญิง!”
ฟานอูถูกอารมณโกรธอยางฉับพลันของลูสวินอี้ทําใหตกใจกลัวตัวสั่น รีบตอบ
“ทานรองอยาเพิ่งโกรธ เปนความผิดของขาเอง!”
ลูสวินอี้ลุกขึ้นยืน แลวพูดดวยน้ําเสียงหนักแนน “จงจําไวใหดีวา ครั้งนี้ขอเปนครั้ง
แรก และครั้งสุดทาย”
“ขอรับ! ไมมีครั้งหนาอีกเปนอันขาด!”
ดูออกวาลูสวินอี้โกรธจริง และฟานอูตกใจจริง
ลูสวินอี้มิไดพูดตออีก เขาคอยๆ หลับตาลง พลางเอยปาก
“ยังมี ตั้งแตวันนี้เปนตนไป หากมีคนมาขอพบพระชายา เจาควรไปรายงานพระ
ชายา มิใชมาขอความเห็นจากขาหรือคนอื่นๆ ในจวน”
ตอน 260 ประกาศศักดา
พูดจากใจจริง หลินซูอินไมอยากยุงเกี่ยวกับเรื่องในจวนหมิงออง
แตสุดทาย นางก็กาวเขามาในจวนหมิงอองจนได เพียงเพราะไมมที างเลือก และไม
มีที่ไป
หลังจากวันที่ถูกมอไปจูโจมอยางหนักดวยการประเมินคุณคาที่คนตระกูลหลินมอง
นางออกมาตรงๆ ตอหนานางอยางโหดรายสุดๆ แลว นางก็เจ็บปวดอยางสุดซึ้ง
แมใจนางปฏิเสธมาโดยตลอด คิดวาอาจไมเปนอยางที่มอไปพูด บิดานางอยางไรก็
ไมมีทางลงมือสังหารบุตรสาวตนเองเพื่อผลประโยชนหรอก นี่เปนเรื่องที่ไรสาระสิ้นดี
ในใจมอไปมีแตความดํามืด ถึงไดสรุปเรื่องราวออกมาไดชั่วรายเชนนี้ เพื่อใหนางทํา
รายบิดานางเอง
ถาหาก...
ถาหากถอยหลังกลับไปคิด...
คนตระกูลหลินมีความเปนไปไดที่จะคิดเชนนี้จริง แตตองไมใชความคิดของบิดานาง
แน ตองเปนคนบางคนในกองกําลังทางใตที่ตองการผลประโยชน จึงบังคับใหบิดา
ตัดสินใจ ซึ่งบิดาตองถูกปดบังความจริงอะไรบางอยางไว...
นางปฏิเสธเสมอมาในการสืบหาความเปนไปได ที่จะลมลางความคิดของมอไป
เนื่องจากทุกครั้งที่หัวสมองนึกถึงคําพูดของมอไป นางก็จะหายใจไมออกโดยไมรูตัว
เจ็บปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด!
ความรักของบิดาและบุตรี หนักแนนดุจเขาไทซาน
ความรูสึกนี้ยังคงยืนยงอยูโดยไมถูกทําลาย แตถาพลันถูกทําลายลงไปจริงๆ จาก
คนๆ หนึ่งซึ่งเคยเปนที่พึ่งทางใจมาโดยตลอด ถูกพลิกจากหนามือเปนหลังเทา คงทําให
อีกคนหนึ่งเจ็บปวดจนไมอยากมีชีวิตอยูอีก!
แมความเปนไปไดตามที่มอไปพูดมีเพียงหนึ่งในลาน ก็ไมมีใครกลายอมรับ
กระทั่งความกลาที่จะไปสืบหาความจริงยังไมมี ดังนั้นขณะนี้ หลินซูอินจึงยินยอมที่
จะอยูแตในจวนหมิงออง เผชิญหนากับคนโหดรายนั่น ยังดีกวาที่จะกลับบานตระกูล
หลินหรือพบเจอผูคนในตระกูลหลิน
นางตองการเวลา เวลาที่คอยๆ คิดพิจารณา ใหความกลากับตนเองในการ
เผชิญหนา
จวนหมิงอองแหงนี้ แมนางเคยมาแลว แตกลับยังไมคุนเคย
เห็นไดชัดวา ที่นี่ไมมีความหมายอะไรกับหลินซูอิน นางไมคิดทําความคุนเคยกับ
สถานที่ ไมคิดทําความคุนเคยกับผูคนในจวน ยิ่งไมตองพูดถึงสถานะนายหญิงที่ตองเรียก
ทุกคนมาประชุม เพื่อรับฟงรายงานความเปนไปในทุกๆ ดานของจวน
ทาทางของนางเหมือนตอนอยูในหมิงจูขณะถูกกักบริเวณอยางไรอยางนั้น นางเดิน
ตรงเขาหอง
แตที่ทําใหนางรูสึกอึดอัดใจก็คือ ในจวนหมิงออง ไมวานางจะยินยอมหรือไม หองที่
ใหนางอาศัยอยู มีเพียงหองที่ตบแตงใหมซึ่งใชประกอบพิธีสมรสในวันนั้นเทานั้น
อาจิ่วเปนผูนําทาง หลังจากยืนนิ่งอยูหนาประตูสักพัก ในที่สุดนางก็ไมขัดขืน เดิน
เขาไปในหอง
อยากเปลี่ยนหองไปก็เทานั้น คนเราสามารถลบลางเรื่องในคืนนั้นไดหรือ?
เชนนี้ การกลับมาของนายหญิง จึงเปนไปอยางเงียบเชียบ จนแทบไมมีตัวตนใน
สายตาคนในจวน
ถาสามารถใหนางอยูอยางสงบเงียบไดพักหนึ่ง ขอเพียงสักพักหนึ่ง สําหรับนางแลว
ยอมสามารถคลายความกดดันในใจลงได
แตโลกนี้ไมมีคําวาถา และโลกมักไมทําใหคนสมหวัง นางอาจยังไมรูวา ตั้งแตที่นาง
กาวเขามาในจวนหมิงอองทามกลางสายตาผูคน ชีวิตของนางก็ไมมีทางที่จะหลุดพนอีก
ตอไป
บางครั้ง โดยไมจําเปนตองบังคับ นางก็ตองเดินออกจากหองบาง เพื่อรับแขกของ
จวนหมิงออง
“พระชายา นักพรตชงเสวียนจากเขาซางชิงขอเขาเฝา” เสียงของอาจิ่วดังขึ้นที่หนา
ประตูหอง
หลินซูอินลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ แหงนหนามองเพดานหอง กอนถอนหายใจ
เบาๆ เงียบไปครูหนึ่ง จึงลุกขึ้นยืนพลางตอบ
“รูแลว เชิญทานนักพรตไปดื่มน้ําชาที่หองโถงหลัก”
“พะยะคะ” อาจิ่วไดยินก็มีทาทีปกติ กอนมาสิ่งที่มอไปควรกําชับก็ไดกําชับแลว
หองโถงหลัก
ชงเสวียนนั่งอยูอยางสงบ แตถาดูใหดี ดวงตาที่ล้ําลึกของเขายังคงมีแววไมสบายใจ
พอไดยินขาววาหลินซูอินมาเมืองหลวงกะทันหัน ศิษยเขาซางชิงที่อยูในเมืองหลวง
รวมทั้งชงเสวียนดวยตางตื่นเตนไมหยุด อาจารยของหลินซูอิน เหมยอวิ๋นชิง ถึงกับลุกขึ้น
ยืน คิดบึ่งมาพบลูกศิษยในทันที
นางมั่นใจมาก คิดวาขาวทั้งหมดที่พวกตนอยากรู ขอเพียงไดพบหลินซูอินๆ ตองเลา
ทุกอยางใหนางฟงโดยไมปดบังแมแตนอย
เห็นชัดวา อาจารยเหมยคิดวาตนเองสามารถควบคุมลูกศิษยคนนี้อยู แตสุดทาย
นางก็มาไมได เปนชงเสวียนที่ไมใหนางมา เพราะเมื่อเทียบกันแลว ชงเสวียนมีความ
ยืดหยุนมากกวามาก และหลังจากชงเสวียนคอยๆ สงบสติอารมณลง ความรูสึก
ประหลาดใจก็เปลี่ยนเปนความไมสบายใจ
เขามิใชคนที่มองอะไรในแงเดียว และไมเชื่อวาตอนนี้ผูที่สาบานวาจะตอสูกับ
อิทธิพลในใตหลาจนถึงที่สุดอยางหมิงอองจะเปนเชนดังทอนไมที่ไมรูอะไรเลย เมื่อกลา
สงหลินซูอินกลับเมืองหลวง ก็ตองมั่นใจแลววาหลินซูอินจะไมทรยศตน
ที่สําคัญกวานั้น หลินซูอินไดตกอยูในกํามือหมิงอองนานแลว นางก็เปนผูหญิงคน
หนึ่ง...
เสียงฝเทาดังมาจากดานหลัง ชงเสวียนสะดุง รีบลุกขึ้นยืนแลวหันมอง จองไปยัง
ทางเดินดานหลัง
เปนอยางที่คาด ไมนานนักก็เห็นรางในชุดขาวราวหิมะที่คุนเคยคอยๆ เดินเขามา
มานตาชงเสวียนนิ่งคางตามสัญชาติญาณ จองมองใบหนาหลินซูอินอยางไมวางตา
หลินซูอินมิไดใชผาขาวปกปดใบหนา เผยใหเห็นโฉมหนาที่ยังคงงามสะคราญ นาง
เงยหนาขึ้นและพบวาผูที่อยูตรงหนาคือนักพรตชงเสวียน
“อาจารยลุง”
นางไมคุนเคยกับชงเสวียน เพียงเคยเห็นหนาตอนทําพิธีเขาเปนศิษยเขาซางชิง อีก
ทั้งชงเสวียนยังประจําการอยูที่ทําการของเขาซางชิงในเมืองหลวง ซึ่งปกตินางก็ไมคอย
ไดมา
ทวานาทีแรกที่ไดพบ หลินซูอินก็รูสึกหวั่นไหว เหมือนนานแลวที่ไมไดพบกับผูที่ทํา
ใหนางรูสึกสบายใจ แมชงเสวียนมิใชคนคุนเคย แตจิตใจนางพลันรูสึกดีขึ้นมา ปรากฏ
รอยยิ้มนอยๆ ขึ้นบนใบหนา
แตชงเสวียนกลับเหมือนคนใจลอย มิไดทักทายหรือมีปฏิกิริยาทาทางใดๆ ในนาที
แรกที่ไดพบ ดวงตาของเขาจองมองอยูแตใบหนาของหลินซูอิน...
หลินซูอินชะงักเล็กนอย จองมองดวงตาเขา และพบวาเขากําลังมองมาที่หวางคิ้ว
ทําใหนางคาดเดาเรื่องหนึ่งขึน้ ได จึงรูสึกตะขิดตะขวงใจ
รอยยิ้มบนใบหนาพลันจางหาย ปรากฏความซีดขาวขึ้นแทน นางกมหนาลง หลบ
หลีกสายตาของชงเสวียนตามสัญชาติญาณ
“บังอาจ กลาเสียมารยาทกับพระชายา องครักษ!”
รางหนึ่งทีอ่ ยูขางกายหลินซูอินตวาดเสียงดังพรอมรังสีฆาฟน กาวขึ้นดานหนาทันที
จองมองชงเสวียนดวยแววตาคมกริบดุจลูกธนู
เมื่อเห็นหลินซูอินเปนเชนนี้...ชงเสวียนก็รูสึกผิดหวังเปนอยางยิ่ง แตพอไดยินเสียง
ตวาด สติก็กลับคืน เห็นชายหนุมหนาซีดขาวผูหนึ่ง กําลังใชดวงตาที่ลุกเปนไฟและเต็ม
ไปดวยรังสีฆาฟนจองมองตน จึงสะดุงตกใจ คิดเอยปาก แตไมทันการณแลว
พลันไดยินเสียงลมวืดวาด เขารีบถอยรางจนชิดเกาอี้ เห็นแสงแวววาวของคมกระบี่
สะทอนอยูโดยรอบ เงารางหลายสายไมสงเสียงใดๆ ลงมือจูโจมใสทันที
ชงเสวียนตื่นตกใจ ขณะจะยกมือขึ้นตานตามสัญชาติญาณ สติพลันกลับสูสมองได
ทันทวงที ปากจึงรีบเอยขึ้น
“เขาใจผิด โปรดยั้งมือ!”
แตองครักษในจวนไหนเลยจะอนุญาตใหเขาอธิบาย เงื้อกระบี่ขึ้นจูโจม
ชงเสวียนไมกลาลงมือจริงๆ ไดแตกระโดดขึ้น อยางไรเขาก็บําเพ็ญเพียรในขั้น
ปรมาจารย สวนองครักษไมมีผูใดอยูในขั้นปรมาจารย เขาทะยานรางขามเกาอี้ ลอยตัว
ไปดานหลัง และรีบพูดขึ้นกลางอากาศ
“มีอะไรก็พูดกันได อยาเพิ่งลงมือ!”
พูดจบก็พบวาเกาอี้ที่นั่งอยูเมื่อครูถูกกระบี่แบงออกเปนสองซีก มานตาเขาหดตัวลง
หากชาไปกาวเดียว สองซีกนี้ตองเปนรางของตนเองแน
พลันเงยหนาขึ้นมองหลินซูอนิ หรือนางตองการสังหารเขาจริงๆ ไมเหลือหนทางให
เดินแมแตนอย
หลินซูอินไมคาดคิดมากอนวาจะเกิดเหตุการณเชนนี้ขึ้น และไมสามารถระงับอาการ
ตกใจเมื่อถูกชงเสวียนมองนางออกเมื่อครู พอไดสติก็รีบรอง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เทียบกับชงเสวียน คําพูดของนางไดผลชะงัด
ชายหนุมทั้งหมดลดกระบี่ลง รีบถอยออก แตยังไมเก็บกระบี่ ยังคงถือกระบี่ชี้ไปที่ชง
เสวียน รอรับคําสั่ง
“พระชายา คนผูนี้เสียมารยาท เขาประชิดตัวทาน ตองรีบจัดการ!” อาจิ่วไมสนใจ
ชงเสวียน โคงกายพูดกับหลินซูอิน น้ําเสียงเปยมความเด็ดขาด
“เขาใจผิด ทูลพระชายา เนื่องจากผูเฒาเพิ่งไดพบพระชายาครั้งแรก จึงรูสึกตื่นเตน
เปนพิเศษ ไมมีเจตนาเขาประชิดตัว ขอพระชายาประทานอภัย!”
พอชงเสวียนไดยินคําของอาจิ่ว ก็ไมกลาเสียมารยาทอีก รีบเรียกขานออกมาวาพระ
ชายา เขารูวาไมควรถูกองครักษลงมือจูโจมอีก มิฉะนั้นเกรงวาอาจเกิดเรื่องใหญ
แมองครักษไมกี่คนไมคณนามือเขาก็จริง แตตอใหเขามีความกลาสะทานฟา ก็ไม
กลาทําการเขนฆาในที่แหงนี้ นี่ยังไมพดู ถึงเรื่องที่วาหนาประตูมีกองทหารรออยู พูดแค
ในจวนอยางนอยก็มีลูสวินอี้อีกคน เขาไมมีทางตานไหวแน!
“บังอาจ เปนเพียงนักพรตในปาเขา กลับกลายกยอตนเองตอหนาพระชายา ใครใช
ใหเจาทําเชนนี้ พระชายา ไมควรไวชีวิต ตองรีบเชิญทานปรมาจารยในจวนมาตัดสินโทษ
...” อาจิ่วไมรอใหหลินซูอินเอยปาก รีบพูดแทรก
“พอแลว ขาไมเปนไร เรื่องนีข้ อใหยุติแตเพียงแคนี้ พวกเจาออกไปเถิด!”
หลินซูอินเห็นอาจิ่วแสดงเจตจํานงวา ถาไมสังหารชงเสวียนก็ไมเลิกรา จึงไมอยาก
ปลอยใหยืดเยื้อ ถาเปนผูอื่นก็วาไปอยาง แตกับชงเสวียน นางจะสังหารไดอยางไร?
ทั้งๆ ที่ไมอยากรับสถานะพระชายาหรือนายหญิง แตตอนนี้จําตองใชสถานะนาย
หญิงออกคําสั่ง
“พะยะคะ!” พอนางสั่ง มือกระบี่ทุกคนยอมตองเคารพ โคงตัวขานรับ แลวถอย
ออกจากหองอยางรวดเร็ว
อาจิ่วก็ไมพูดมากอีก แตกลับไมไปไหน หันกายไปยืนขางเกาอี้ที่อยูสูงขึ้นไปของหลิน
ซูอิน กอนจองมองชงเสวียนอยางไมวางตา พลางพูดเสียงขรึม
“พระชายาไวชีวิตเจาแลว ยังไมรีบขอบพระทัยอีก!”
หลินซูอินกําลังจะโบกมือบอกไมตอง แตชงเสวียนกลับยิ้มขมขื่นในใจ โคงตัวอยาง
นอบนอม
“ผูเฒ...กระหมอมขอบพระทัยพระชายาที่ทรงยกโทษให!”
เขาจําไดแลว คนผูนี้ก็คือผูที่มีชื่อเสียงโดงดังชั่วขามคืนในนามคนสนิทหมิงอองในวัน
นั้น อาจิ่ว ผูซึ่งเคยถูกปรมาจารยเขาซางชิงรวมกับศิษยสํานักเตาอื่นๆ ทํารายบาดเจ็บ
แตชงเสวียนไมอยากพูดถึงเรื่องนี้อีก สําหรับผูที่เขานอกออกในวังหลวงและเมืองหลวง
มานานอยางเขา การกล้ํากลืนฝนทนไมพูด ไมใชเรื่องยากแตอยางใด
“อาจารยลุงไมจําเปนตองทําเชนนี้”
หลินซูอินสายหนานอยๆ แลวจึงเหลือบมองเกาอี้ที่ถูกแบงออกเปนสองซีก ในใจเกิด
อารมณหลากหลาย พระชายา พระชายา...
จิตใจดําดิ่งลงอีกครั้ง ไมอยากพูดอะไรมาก หันไปพูดกับชงเสวียน
“อาจารยลุงเชิญนั่งทางนี้”
ผานเหตุการณเมื่อครู ชงเสวียนไมกลาทําตัวไมเหมาะสมอีก ทําความเคารพตาม
มารยาท แลวจึงนั่งลงแตโดยดี ทวายังไมเอยปาก เนื่องจากเหตุการณเมื่อครูทําใหไมรูวา
ควรพูดอะไรดี ถามไถทุกขสุขตามมารยาทสักสองสามคําหรือ?
มีอาจิ่วยืนจองอยูด านขาง หากถามไมดี ทําตัวไมดี อาจิ่วก็ตองหาเรื่องอีกจนได เขา
เองก็มองออกวา อาจิ่วไมอยากใหเขาพูดมากกับหลินซูอิน จึงรูสึกอึดอัดใจ
ตอน 261 สอบถาม
แตหลินซูอินกลับมีเรื่องอยากพูด นางเหลือบมองเกาอี้ที่ถูกกระบี่ฟนพัง แลวจึงพูด
เสียงเบา
“อาจิ่ว ใหคนมาเก็บกวาดหนอย แลวรินน้ําชาใหนักพรตชงเสวียนใหม”
อาจิ่วมองหลินซูอิน เห็นหลินซูอินคอยๆ หลุบตาลง เขาจึงโคงตัว
“พะยะคะ อาจิ่วไปจัดการเดี๋ยวนี้ หนาประตูมีองครักษคอยพิทักษอยู มีเรื่องอะไร
พระชายาสามารถเรียกใชไดทุกเมื่อ”
“ไปเถิด”
หลินซูอินคอยๆ เงยหนาขึ้นมองอาจิ่ว คิดไมถึงวาอาจิ่วจะอนุญาตใหนางพูดคุยกับ
ชงเสวียนสองตอสอง
ดวยกอนหนานี้มอไปเคยรับปากนางวาจะไมขวางการพบปะผูคนของนาง แต
เหตุการณเมื่อครูทําใหนางคิดวาหมิงอองพูดไปเชนนั้นเอง แตในความเปนจริงกลับทํา
ตรงขาม
อาจิ่วออกไปแลว ภายในหองเงียบสงบลง หลังจากเหลือเพียงคนทั้งสอง คิดไมถึงวา
กลับยิ่งอึดอัดใจกวาเมื่อครูเสียอีก
ชงเสวียนไมเพียงพูดไมออก หนังตายังกระตุกอยูเปนระยะ มองดูหวางคิ้วที่คลาย
ออกของหลินซูอินแลว เขาก็พูดไมออก
ในที่สุดก็เปนไปตามตาด หลินซูอินมิไดเปนหญิงสาวที่ไมเคยผานหองหออีกตอไป
สายตาเขาดูไมผิด กอนหนานี้พอมองไป ก็รูทันทีวาหลินซูอินไดผานโลกียวิสัยแลว
สวนจะเปนใครนั้น ชงเสวียนใชบั้นทายคิดก็ยังรูวานอกจากหมิงอองแลวจะเปนใคร
อื่นไดอีก
มิฉะนั้นวันนี้หลินซูอินไหนเลยจะนั่งในตําแหนงพระชายาได?
หลินซูอินแมกระอักกระอวนกับสายตาของชงเสวียน แตหลังจากเงียบไปสักพัก ก็
เริ่มเอยปากขึ้น
“อาจารยลุงมาคราวนี้ เพราะเรื่องของศิษยพี่เหมยใชหรือไม?”
เรื่องบางอยางปดไมมิด!
ชงเสวียนเงยหนา สบตาหลินซูอิน เห็นดวงตาที่สดใสและกระจางชัดของนาง ในใจ
จึงเกิดความลังเล แตก็ตองกัดฟนพูด ไมพูดก็ไมได มิฉะนั้นแลวจะกลับไปรายงาน
อยางไร?
คิดถึงตรงนี้ จึงถอนใจเบาๆ ออกมา กอนพูดออกไป
“พระชายาเฉลียวฉลาดยิ่ง กระหมอมมาคราวนี้...”
“อาจารยลุง ไมจําเปนตองพูดเชนนี้”
ไดยินเขาเรียกแทนตนเองวากระหมอม หลินซูอินก็รูสึกไมชินและอึดอัดใจ
“เรื่องแสดงความเคารพยอมสมควร”
ชงเสวียนพูดดวยความขมขื่นใจเล็กนอย เปนปรมาจารยเขาซางชิงทั้งที ทองพระโรง
ก็ไปมาแลว ตามอายุการบําเพ็ญเพียรของเขา ลวนสามารถเรียกตนเองวา ‘ผูเฒา’ ได
แตวันนี้ขณะอยูในจวนหมิงออง กลับถูกคนบังคับใหแกเปน ‘กระหมอม’...
นี่หมายความวาอะไร?
ถาเรื่องนี้ถูกพูดออกไป เกรงวาศักดิ์ศรีคงไมมีเหลือ
แตอยางวา กฎเกณฑทั่วไปไมสามารถใชกับจวนหมิงอองได อยูที่นี่ เขาไมรูสึกวา
ปรมาจารยอยางตนควรไดรับความเคารพนบนอบแตอยางใด คิดถึงเรื่องในวันนั้น
กระทั่งบุตรชายของจอมยุทธเหมยมาเอง ยังถูกลบหลูเชนนั้น...
อยูที่นี่ อยากจัดการเรื่องใหราบรื่น ไมสามารถคิดเล็กคิดนอย!
ตอนนี้พอดีมีคนยกน้ําชาเขามา หลินซูอินจึงกมหนาเงียบ รอจนคนถอยออกไปแลว
นางคอยมองไปยังหนาประตูพลางพูดเสียงเบา
“อาจารยลุง ทานก็นาจะรูวา หมูนี้เกิดเรื่องขึ้นกับขามากมาย จึงไมรูวาจะเริ่มพูด
จากตรงไหน...”
ชงเสวียนอมยิ้ม แตก็ยังไมรับมุข เพียงมีทาทีนอบนอมขณะฟงนางพูด พอเห็นนาง
หยุดก็ตอบไปหนึ่งประโยค
“พระชายามีชะตาที่ดี ยอมเปลี่ยนรายใหกลายเปนดี สบายใจได!”
หลินซูอินเห็นใบหนาที่แสดงความชื่นชมอยางไมกลาลวงเกินและจะยิ้มก็ไมยิ้มของ
เขาแลว พลันรูสึกเหนื่อยลาขึ้นมา ชั่วพริบตากลับกลายเปนไมรูสึกคุนเคยกันแมแตนอย
จึงหลุบตาลง เหมือนหัวเราะ กอนพูดเสียงเบา
“ชางเถิด ที่นี่ก็ไมใชที่ๆ จะพูดคุยกัน ไมพูดเรื่องนี้ก็แลวกัน เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ไม
รูวาอาจารยขาเปนอยางไรบาง อาจารยลุงพอจะรูหรือไม?”
“หือ?”
ชงเสวียนอึ้งเล็กนอย มองสํารวจหลินซูอิน เหมือนนางไมรูเรื่องจริงๆ จึงกะพริบตา
กอนตอบ
“พอนักพรตเหมยรูขาวจากหมิงจูวาศิษยหลานถูกจวนอองทานเชิญไป ก็รีบรุดมา
เมืองหลวงทันที ตอนนี้รออยูที่ทําการเขาซางชิง”
“ทานอาจารยก็อยูในเมืองหลวงหรือ?” ดวงตาหลินซูอินทอประกาย โพลงออก
ทันที “เหตุใดทานอาจารยจึงไมมาดวย? ทานนาจะรูวาขามาแลว...”
พูดถึงตรงนี้ หลินซูอินก็ชะงัก รูวาตนเองถามคําถามโงๆ ออกไป อาจารยลุงชง
เสวียนก็มาแลว ทานอาจารยจะไมรูขาวของตนไดอยางไร?
“ตั้งแตไดยินขาววาพวกเจาเกิดเรื่องในหมิงจู นักพรตเหมยก็ใจรอนดั่งไฟสุม วันนี้
พอไดยินวาเจากลับมา ก็รีบลุกขึ้นจะมาหาเจาใหได เพียงแต...” ชงเสวียนมีสีหนาขมขื่น
ขึ้น พลางพูดเสียงต่ํา
“เพียงแตครั้งกอนนักพรตเหมยเคยมีเรื่องกับลูสวินอี้ แมทัพในจวนอองทาน แม
นักพรตเหมยอยากพบหนาทาน แตก็กลัววาจะมากระตุนใหเกิดเรื่องขึ้นอีก ไมตองพูดถึง
เรื่องถูกลบหลู เพียงหวงวาจะทําใหพระชายาลําบากใจ ดังนั้นจึงไหววานใหขามาถามไถ
ความเปนไปของทาน อยากรูวาตอนนี้ทานสบายดีหรือไม?”
หลินซูอินคลายมีน้ําตาคลอหนวย
ถามุมมองตางกัน ก็ไมมีทางที่จะเขาใจความคิดจิตใจซึ่งกันและกันไดตลอดกาล
ในสายตาคนทั่วไปยอมรูสึกวานักพรตเหมยสูงสงเกิน ทวาในจวนหมิงออง ไม
สามารถใชคําวาสูงสงมาเปรียบเปรย ควรจะเปนหยิ่งและเห็นแกตัวมากกวา
ในปนั้น นักพรตเหมยมองวาชีวิตหมิงอองเหมือนมดปลวก สังหารไปแลวก็คงไมมี
ปญหาอะไร นี่ก็ทําใหรูแลววานักพรตเหมยเปนคนเชนไร แตสําหรับหลินซูอินกลับไม
เหมือนกัน
เปนนักพรตเหมยที่ชวยนางออกมาจากจวนหมิงออง ทําใหนางไมตองอยูอยางโดด
เดี่ยวในจวนไปจนชั่วชีวิต และเปนนักพรตเหมยที่พานางขึ้นเขาซางชิง อบรมสั่งสอน
อยางพิถีพิถัน จนตอมาไดกลายเปนผูมีพระคุณที่นางพึ่งพาไดมากสุด ทําใหคนในเขาซาง
ชิงและสํานักเตาทั้งหมดไมมีใครกลาขมเหงรังแกนาง
นางบากบั่นบําเพ็ญเพียรมาหลายป ผูที่คอยอยูเปนเพื่อนตนมากที่สุดก็คือทาน
อาจารย
แมทานจะคอยจับคูนางกับเหมยจื้อเฟงอยูเปนนิจ แตสําหรับนางแลว เห็นวาเปน
เพราะอยากใหนางไดใชชีวิตอยางมีความสุข จึงไมสนใจวาใครจะมองอยางไร
ในใจของหลินซูอิน นอกจากญาติพี่นองโดยสายเลือดแลว พูดไดวาเหมยอวิ๋นชิงเปน
ผูที่นางสนิทสนมที่สุด
แมหมิงอองเคยพูดวา อยูที่เขาซางชิง นางก็เปนเพียงหมากตัวหนึ่งเทานั้น ถึงเปน
เชนนี้จริง นางก็ยังคงมีความผูกพันอันลึกซึ้งกับเหมยอวิ๋นชิง พอไดยินวาเหมยอวิ๋นชิง
ฝากความคิดถึงมา นางก็รูสึกตื้นตันใจ หางตามีหยดน้ําตาไหลริน กอนถามขึ้น
“เกิดเรื่องมากมายขึ้นกะทันหัน ทานอาจารยในตอนนี้คงยากรับไดพอสมควร”
“พระชายาอยาทรงเปนกังวลไป ถานักพรตเหมยรูวาตอนนี้ทานสบายดี ยอมตอง
รูสึกสบายใจ”
ชงเสวียนหางคิ้วกระตุก น้ําเสียงปลอบโยนก็จริง แตพอพูดถึงตรงนี้ กลับเปลี่ยน
หัวขอเรื่อง
“เฮอ! เพียงแตศิษยหลานเหมยยังอยูในอันตราย เมื่อยังไมรูวาเปนตายรายดีอยางไร
มีสภาพอยางไรกันแน นักพรตเหมยก็คงยากที่จะสบายใจไดอยางแทจริง!”
“ขออาจารยลุงชวยบอกทานอาจารยดวยวา ศิษยพี่ยังมีชวี ิตอยูอยางปลอดภัย ไม
ตองเปนหวง!”
หลินซูอินรีบตอบ
ชงเสวียนตาเปนประกาย รูสึกเครงเครียดขึ้น รีบกวาดตามองไปยังหนาประตู เขา
ระมัดระวังมาก และพลันรูสึกโลงใจไปอีกหนึ่งเปราะ เมื่อเห็นวาหนาประตูไมมีความ
เคลื่อนไหวใดๆ แสดงวาคนในจวนหมิงอองไมคิดยุงเกี่ยวกับการสนทนาในหองนี้ ชง
เสวียนรูสึกเหนือความคาดหมาย จึงพูดขึ้นอยางกระตือรือรน
“มีชีวิตอยูยอมเปนเรื่องที่ดี ยอมเปนเรื่องที่ดี” หลังจากพึมพําออกมาสองคํา ก็รีบ
ถามเสียงต่ํา
“ถาเชนนั้น พระชายาจะบอกดวยไดหรือไมวา ตอนนี้สภาพของศิษยหลานเหมย
เปนเชนไร?”
หลินซูอินยอมสังเกตเห็นการจงใจกดเสียงใหต่ําลงของเขา แตนางกลับไมถือสาอะไร
และไมมอี ะไรที่นางไมกลาพูด หากจวนหมิงอองคิดสังหารนาง เพราะเหตุวานางพูดอะไร
ออกไป นางก็ไมมีแรงขัดขืน และไมรูสึกหวาดกลัว
แตพอนึกถึงเหมยจื้อเฟงแลว สีหนานางก็เครงขรึมลง สายหนานอยๆ
“ศิษยพี่แมยังมีชีวิตอยู แตสภาพกลับไมคอยดีนัก เปนอาการบาดเจ็บจากการตอสู
กอนหนานี้”
ชงเสวียนที่คอยระวังสถานการณหนาประตูมาตลอด พอไดยินคําตอบก็ตกใจ แตอด
ใจไวไมกลาถามตอในทันที กวาดตามองหนาประตูอยางรวดเร็วอีกครั้ง พอแนใจวายังคง
ไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ จึงเอยปากถาม
“ศิษยหลานเหมยบาดเจ็บสาหัสรึ? เปนทานอองลงมือหรือเปลา?”
หลินซูอินนึกถึงเหตุการณตอนที่เถี่ยสงลงมือในวันนั้น จึงคอยๆ หลับตาลง นางพลัน
นึกถึงเรื่องที่หนิงเออรตองเคราะหรายเพราะนาง จึงมิไดเอยชื่อเถี่ยสงออกมา เพียงสาย
หนานอยๆ แลววา “เพราะขา ทําใหศิษยพี่มีสภาพเชนนี้”
“นี่...”
เพราะขา?
คําพูดนี้ไมชัดเจน ชงเสวียนอยากถามใหกระจาง แตจูๆ ก็เปลี่ยนใจ ดวยพอจะ
เขาใจ ตองเปนเพราะขาวลือของศิษยหลานเหมยกับหลินซูอินแน ที่ทําใหหมิงอองโกรธ
จัด จนลงมือทํารายเหมยจื้อเฟง
ชงเสวียนกะพริบตาปริบๆ รีบถามตอเพื่อไมใหเสียเวลา
“พระชายาไมจําเปนตองตําหนิตนเอง เรื่องเกิดขึ้นเพราะเหตุปจจัย ศิษยรวมสํานัก
สามารถเขาใจได เพียงแต ไมทราบวาทานสามารถบอกไดหรือไมวา ทานอองคิดจัดการ
อยางไรกับศิษยหลานเหมย จะลงมือสังหารหรือไม?”
นี่เปนการสอบถามความลับแลว
แตเขาไมมีทางเลือกจริงๆ หากทําไดเขาอยากถามคําถามอื่นๆ อีกดวยซ้ํา เปนตนวา
หมิงอองบําเพ็ญเพียรถึงขั้นไหน หมิงอองซอนตัวอยูที่ใด คนในจวนหมิงอองเปนอยางไร
จวนหมิงอองตองการทําอะไรกันแน พวกเขามีแผนการอะไรบาง...
แตตอนนี้เวลานี้ เขาไมกลา นอกจากเปนกังวลคนที่อยูนอกประตูแลว ยังเกรงกลัว
หลินซูอินอีก
เขาเปนคนคิดมาก ตั้งแตพบวาหลินซูอินสูญเสียพรหมจรรย เขาก็ไมเชื่อเรื่องที่หลิน
ซูอินพูดไปเสียทั้งหมด หวังเพียงใหนางนึกถึงไมตรีจิตที่ฝกวิชาอยูบนเขาซางชิงมานาน
หลายป บอกกลาวสภาพของเหมยจือ้ เฟงใหฟง บางก็ดีมากแลว
แตพอเขาถามหลินซูอินวาหมิงอองคิดจัดการกับเหมยจื้อเฟงอยางไร กลับรูสึกวา
ถามผิดคนแลวจริงๆ
หลินซูอินไหนเลยจะรูวาหมิงอองคิดอยางไร นางจึงตอบอยางตรงไปตรงมา “นี่ ขา
ก็ไมชัดเจน”
ชงเสวียนรูสึกจุก บรรยากาศตึงเครียดเล็กนอย “ไม...ไมชดั เจนหรือ?”
ความจริงหลินซูอินอยากทําใหทานอาจารยคลายความกังวล แตตนเองกลับเปนหวง
เหมยจื้อเฟงเชนกัน นึกถึงทาทางเย็นชาของมอไปในวันนั้น ที่เถี่ยสงเกือบสังหารเหมยจื้อ
เฟงแลว แตมอไปก็ไมหามปรามแตอยางใด บวกกับภาพลักษณของมอไปในสายตานาง
ตอนนี้ ชัดเจนมากวาเปนผูที่จัดการอะไรเด็ดขาดอยางยิ่งคนหนึ่ง นึกถึงศิษยรวมสํานัก
และปรมาจารยเหลานั้น นึกถึงคนสํานักเตาที่ไปหมิงจูดว ยกัน หลินซูอินก็รูสึกเย็นยะ
เยียกขึ้นมา นางไมสงสัยถึงความเปนไปไดที่มอไปจะสามารถสังหารเหมยจื้อเฟงไดทุก
ขณะ
“อาจารยลุง ตอนที่ขาเดินทางออกจากหมิงจู แมศิษยพี่ยังมีชีวิตอยูก็จริง แตศิษยใน
สํานักตองพยายามรีบเรงคิดหาวิธีที่จะรับศิษยพี่กลับมา มิฉะนั้นหากยิ่งยาวนาน เกรงวา
ยิ่งไมเปนผลดี มอ...”
หลินซูอินสูดลมหายใจเขาลึกๆ
“มอไปใจแข็งดั่งเหล็ก มีทาทีเย็นชากับศิษยพี่ ขาเปนหวงมากวาหากเกิดความ
เปลี่ยนแปลงแมเพียงเล็กนอย เขาอาจลงมือสังหารศิษยพี่ได”
คําพูดนี้นางคาดเดาเอาเอง แตกลับทําใหหนังตาชงเสวียนกระตุกไมหยุด
เขาจองมองทุกอิรยิ าบถของหลินซูอินขณะพูด กําลังสงสัยวานางพูดเชนนี้ไปเพื่อ
อะไร ใชถามนําใหหมิงอองหรือไม หรือนางยังรูสึกผูกพันกับเหมยจื้อเฟง จึงบอกขาวนี้
ใหตนรู
“ทานอองคิดสังหารจื้อเฟงจริงหรือ?”
ชงเสวียนสูดหายใจเขาลึกๆ เหมือนกําลังตัดสินใจครั้งสุดทาย
ตอน 262 ปดประตูอีกครัง้
หลินซูอินกลับคิดวาเขาไมเชื่อ จึงพยักหนา
“อาจารยลุง มอไปเปนคนโหดราย อีกทั้งยังมีความกลาอยางถึงที่สุด เปนคนที่ทํา
อะไรไมคดิ ถึงผลที่จะตามมาในภายหลัง เขาไมเหมือนคนทั่วไป หากโกรธขึ้นมา ยอมไม
สนใจศิษยพี่กับคนในสํานักแน กระทั่งทานจอมยุทธเขาก็ไมเกรงกลัว จึงอยากให
อาจารยลุงใหความสําคัญ ทางที่ดีควรคิดหาวิธีเจรจาอยางสันติกับเขา อยาเอาชีวิตคนใน
สํานักหรืออะไรก็ตามไปขมขูใหเขายอมจํานน นั่นไมเพียงไมชวยอะไรแลว ยังไปสะกิด
ตอมโกรธของเขา ทําใหสถานการณวิกฤตหนักเขาไปอีก”
ชงเสวียนฟงคําพูดของหลินซูอินพลางขยับนิ้วไมหยุด ยิ่งมาเขาก็ยิ่งดูไมออกแลววา
แทที่จริงหลินซูอินยืนอยูตรงจุดไหนกันแน จึงรูส ึกวาตองลองใจอีกสักหนอย
เห็นเขาแสดงความกังวลออกมาทางสีหนาเต็มที่ พลางวา “ทานจอมยุทธรูเรื่องนี้
แลว และสั่งวาใหเจรจาอยางสันติกับทานออง แตทานอองกลับปฏิเสธ และยังบอกดวย
วา อีกไมนานจะใชศีรษะของศิษยหลานแทนหนังสือทาประลองชนิดที่ตองตอสูใหตาย
กันไปขาง!”
“อะไรนะ?” หลินซูอินลุกพรวด แววตาตื่นตระหนก รองเสียงดัง
“พระชายามีเรื่องอะไรหรือเปลา!” เสียงของอาจิ่วที่อยูหนาประตูดังขึ้นเกือบจะ
พรอมกัน
ชงเสวียนคอยไดสติ สวนหลินซูอินไมแมแตจะหันไปมอง ตะโกนพรอมสีหนาบึ้งตึง
“ไมใชกงการอะไรของเจา!”
หนาประตูนิ่ง ไมมีเสียงใดๆ อีก
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากชงเสวียน เขามองไปหนาประตู แลวมองกลับมาที่หลินซู
อินซึ่งกําลังจองเขาเขม็ง...สักพักจึงวา “ทานยังไมรูเรื่องนี้หรือ?”
“ขาไมรู!” หลินซูอินรีบสายศีรษะ “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร มอไปพูดจริงหรือวาเขา
จะทาประลองชนิดตัดสินเปนตายกับจอมยุทธ? เขาบาไปแลว”
“หือ?” ชงเสวียนกะพริบตา รูสึกวาตนตองเสี่ยงถามอีก
“เรื่องนี้จริงแทแนนอน หมิงอองในตอนนี้บําเพ็ญเพียรถึงขั้นไรผูเทียมทาน วากันวา
ไปถึงขั้นจอมยุทธแลว ทานอองฝงใจและเขาใจผิดเกี่ยวกับพวกเราเขาซางชิงมาโดย
ตลอด จากเรื่องเกาหลายเรื่องในปนั้น ครั้งนี้แมเขาซางชิงไมอยากรบราดวย แตทานออง
ไดตัดสินใจแลว เขาซางชิงก็คงตองถึงคราวพินาศอยางเลี่ยงไมได”
“เปนไปไดอยางไร? เขาไปทาประลองกับจอมยุทธไดอยางไร?”
หลินซูอินเหมือนไมรูวาตนเองกระวนกระวายใจแคไหน นางหันไปเรียกผูที่อยูหนา
ประตูทันที
“อาจิ่ว เขามา!”
ชงเสวียนตะลึง เดิมทีแคอยากรูขาวคราวเพิ่มเติมจากปากของนาง เชน หมิงออง
สามารถเปนคูตอสูของจอมยุทธไดหรือไม? หรือหมิงอองบําเพ็ญเพียรไปถึงไหนแลว?
คิดไมถึงวานางจะเรียกอาจิ่วเขามา ไมรูวานางคิดทําอะไร จึงรีบรวบรวมสติ หลุบตา
ลงต่ํา ไมมองวอกแวกไปมาอีก
แตในใจก็ยังกังวลจริงๆ วา นางอาจสั่งใหคนลงมือกับตนอยางฉับพลัน!
อาจิ่วกาวเขามาอยูตรงหนาหลินซูอินอยางรวดเร็ว กอนทําความเคารพ “พระ
ชายา!”
หลินซูอินไมเวิ่นเวออีก ถามออกทันที “เรื่องทานอองทาประลองกับจอมยุทธแหง
เขาซางชิง เจารูหรือไม?”
อาจิ่วไมรเู รื่องนี้จริงๆ เขาไดแตกมศีรษะ กะพริบตาเล็กนอย แตก็พอจะเขาใจ
สถานการณ เพราะกอนมา ไดทําความเขาใจสถานการณในเมืองหลวงอยูพอสมควร
ตอนนี้ลูสวินอี้กําลังทําอะไร เขาก็ชัดเจน จึงพยักหนาแลววา “เคยไดยินพะยะคะ”
“ตกลงเปนอยางไรมาอยางไรกันแน? เหตุใดเจาจึงไมบอกขา?” หลินซูอินถามพลาง
ขมวดคิ้ว
เหนือความคาดหมายของอาจิ่ว นาทีนี้เขาอยากเงยหนามองพระชายา แลวถามวา
ทานเริ่มเปนหวงเปนใยองคชายหกตั้งแตเมื่อไหร?
ทวานาทีถัดมาเขาคอยคิดออกวา ที่พระชายาโมโห เพราะกําลังกังวลใจแทนเขาซาง
ชิง
ตองบอกวา นาทีนี้จิตใจของอาจิ่วไมสงบนิ่ง เขาเงยหนาขึ้น ทําความเคารพหลินซู
อินแลววา
“ขอพระชายาประทานอภัย การตัดสินใจขององคชายหก อาจิ่วไมกลาสอบถาม จึง
ไมชัดเจนในรายละเอียด แตภาพรวมที่รูก็คือ เขาซางชิงแมไมภักดีตอประเทศชาติและมี
จิตคิดไมซื่อ แตดวยสถานการณเฉพาะหนา ทานอองจึงสนใจคนเถื่อนมากกวา เดิมทีก็
ไมมีกะใจไปสนใจการกอความปนปวนของผูที่อยูนอกเขาซางชิง ซึง่ การจะไปถลมพวก
เขาหรือไมนั้นก็เปนเพียงเรื่องเล็กนอยที่ไมเกี่ยวของกับสถานการณโดยรวม ดังนั้นจึงจัด
ใหพวกเขาไดเตรียมพรอมรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหนา ใหโอกาสพวกเขาแกตัว
อีกทั้งองคชายหกเองก็เปนผูบําเพ็ญเพียร จึงคิดวา อยางไรก็ตามจอมยุทธเหมยและ
นักพรตทั้งหลาย ที่สามารถประสบความสําเร็จเชนทุกวันนี้ได ลวนควรคาแกการยกยอง
ทวาหากยามคับขันสามารถเปลี่ยนแนวคิด อุทิศตนภักดีตอประเทศชาติได ยอมเปน
เรื่องที่ดี ดังนั้นแมเหมยจื้อเฟงจะลวงเกินองคชายหกครั้งแลวครั้งเลา แตองคชายหกก็ยัง
เห็นวาเขาอยูในวัยเยาว อยากเลนสนุกเทานั้น อีกทั้งยังเปนหลานจอมยุทธ จึงยอมเห็น
แกหนาทานจอมยุทธ หากเขาซางชิงตระหนักไดเมื่อไร ก็ตองมารับตัวเขากลับไปสั่งสอน
แน”
เขาซางชิง...เรื่องเล็กนอย?
ความสําเร็จของจอมยุทธ...ควรคาแกการยกยอง หวังวาทานจะเปลี่ยนแนวคิด!
เหมยจื้อเฟง...ยังอยูในวัยเยาว คิดเลนสนุก?
หลินซูอินแมกําลังโกรธ แตก็ถูกคําพูดที่ฟงดูสบายๆ ของอาจิ่วทําใหตะลึงงันโดยไม
รูตัว
ความจริงแลวตั้งแตเกิดมานางยังไมเคยไดยินคําพูดที่หยิ่งทะนงเชนนี้มากอน!
สวนอีกดาน ชงเสวียนอึ้งตะลึงไปแตแรกแลว นาทีนี้ เขารูสึกวาสถานการณพลิกผัน
จึงทําตาโตเทาไขหาน จองมองอาจิ่วตาไมกะพริบ
ราวกับกําลังพิจารณาวาคนผูนี้สติสตังยังดีอยูหรือไม รูหรือเปลาวาตนเองกําลังพูด
อะไร?
บําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต ยังมีบุญไดยินคําพูดยโสโอหังเชนนี้ ไมเสียแรงที่มชี ีวิตอยู
จริงๆ!
ทวาอาจิ่วมิไดมีเจตนาลอเลน และมิไดพูดเลน ในใจของเขาคิดวา เปนจอมยุทธแลว
อยางไร สามารถเทียบกับองคชายหกไดหรือ?
เห็นเขาพูดถึงตรงนี้ พลันหันมองชงเสวียน
“แตวา องคชายหกลําบากใจเชนนี้ เขาซางชิงไมเพียงไมรูสึกรูสา ยังทําตัวเหมือนมี
หัวใจเชนสุนัขปา มีปอดเชนสุนัขบาน คิดวาองคชายหกกลัวพวกเขา จึงกระทําการ
รุนแรงตอบ เขารวมกับศัตรูของชาติ อาศัยจังหวะที่จวนหมิงอองกําลังรบกับศัตรูใน
สนามรบ สังหารปรมาจารยหูเปยวเพื่อจารึกชื่อในประวัติศาสตร ความแคนครั้งนี้ หาก
จวนหมิงอองไมลางบางเขาซางชิง แลวจะใหสงบสุขไดอยางไร?”
คําพูดครึ่งแรกรูสึกตลก แตคําพูดครึ่งหลัง กลับทําใหชงเสวียนขนลุกซู
หลินซูอินไมรูวหูเปยวคือใคร แตพอจะรูวาเรื่องราวนาจะหนักหนาสาหัส จึงรีบหัน
มองชงเสวียน
แนนอนวาชงเสวียนตองรีบยกมือขึ้นฟาปฏิเสธพัลวัน
“ไมมีเรื่องเชนนี้แน พระชายา ไมมีเรื่องเชนนี้แน ตองมีคนคิดปายสี วางกับดักคิด
ปองราย ยุยงปลุกปนเปนแนแท เขาซางชิงไดรับการประกาศจากราชสํานักใหเปนหนึ่ง
ในสี่ขุนเขาเลื่องชื่อ ศิษยในสํานักคอยนําทัพอยูแนวหนา บรรพบุรุษไดรับความเมตตา
จากราชสํานักเสมอมา ไมวาจะอยางไรก็ไมมีทางรวมมือกับศัตรูของชาติเปนอันขาด
เรื่องนี้จึงเปนเรื่องเหลวไหล เหลวไหลสิ้นดี!”
“ผูเฒา ยังคิดหลอกลวงจวนหมิงอองเราอยูอีกรึ? อีกทั้งยังกลายกมือสาบานตอฟา
ดิน คิดวาฟาดินไมมีจริงหรืออยางไร? ตอนนี้หลักฐานก็ยังอยูทนโท ยังกลาโปปด
หลอกลวงพระชายา เจานึกวาเราจําศีรษะที่พี่หูตัดลงมากับมือไมไดหรือ? แมนับวาเรา
จําไมได แตพระชายายอมจําได!” อาจิ่วพูดอยางรวดเร็วพรอมสีหนาดุดัน
หลินซูอินมองทั้งสองคนไปมา และเห็นหนาผากชงเสวียนเต็มไปดวยเหงื่อ จึงเอย
ถามเสียงขรึม
“ศีรษะอะไร?”
“นี่...”
อาจิ่วยังไมทันตอบ ชงเสวียนก็ใจเตลิดแลว หัวขอนี้พอถูกเปดขึ้น ก็ไมสามารถ
กลับไปยังจุดๆ เดิมไดอีก
นาทีนี้ เขาพลันเขาใจแลววาเหตุใดจึงสงหลินซูอนิ มา
ใชสิ!
จวนหมิงอองยอมไมสามารถชี้ชัดวาศีรษะนั่นเปนใคร แมสงสัย แตก็ยังไมกลาฟนธง
แตหลินซูอินเปนทายาทที่เขาซางชิงทุมเทอบรมสั่งสอน นางตองจําอาจารยหลี่ไดแน
“พระชายา เรื่องนี้เปนการเขาใจผิดอยางสิ้นเชิง เขาใจผิด!” ชงเสวียนใจเตนตูม
ตามดั่งสายฟาฟาด รีบพูดตอ “พระชายา ทานก็รูวา เขาซางชิงเราไมมีทางเขารวมกับ
ศัตรูอยางคนเถื่อนแน!”
หลินซูอินเงียบไปสักพัก คอยเอยปาก
“อาจิ่ว เจาออกไปกอน!”
อาจิ่วโคงตัว แลวจึงลาถอยออกไป
หลินซูอินคอยๆ นั่งลง แตชงเสวียนยังคงยืนอยู ซึ่งตอนนีห้ ลินซูอินมิไดสนใจเชิญให
เขานั่ง
ผานไปครูใหญคอยไดยินเสียงหลินซูอนิ พูดขึ้น
“วันนี้อาจารยลุงมาหาขา ยังมีเรื่องอืน่ ใดอีกหรือไม?”
ชงเสวียนนิ่ง แตสักพักก็รอนรนขึ้น เขาคิดวาคําพูดนี้เปนการตัดสินใจเลือกขางของ
หลินซูอินแลว วาแตนี้ไปจะเปนศัตรูกับเขาซางชิง...ซึง่ ไมดีแน
ยังไมพูดถึงเรื่องที่วา นางจะมีผลกระทบกับตระกูลหลินหรือไม เพียงขณะนี้ เขาซาง
ชิงไมสามารถเสี่ยงแมแตนิดเดียวที่จะเปนศัตรูกับทั้งสองฝาย
และการมาของนางในครั้งนี้ มีแนวโนมวาจะมาเปดศักราชความรวมมือกันระหวาง
ราชสํานักกับตระกูลหลิน เมื่อถึงเวลานั้น ถาเขาซางชิงตองกลายเปนหมากที่ถูกทิ้ง นั่นก็
อันตรายแลว
ชงเสวียนตื่นตระหนกเปนอยางยิ่ง เขาไดคนพบจุดประสงคการกลับมาของหลินซู
อินอีกหนึ่งขอ เปดฉากการตอสูระหวางหมิงอองกับเขาซางชิง
ในใจรูสึกเย็นยะเยียบ จึงจําตองเอยปากรับรองอีกครั้ง
“พระชายา ทานอยูบนเขาซางชิงฝกวิชามาหลายป ยอมรูวาคนในสํานักไมมีทาง
ศิโรราบใหกับศัตรูอยางเด็ดขาด!”
นาทีนี้ หลินซูอินพบวาตนเองกําลังวาวุนใจ คิดอยากสงบจิตสงบใจ จึงพูดเสียงต่ํา
“อาจารยลุง ถาไมมีเรื่องอะไรแลว ขาตองขอตัวกอน หากเสียมารยาท มีโอกาส
คอยชดใชใหอาจารยลุง!”
สงแขกแลว
ชงเสวียนไมอาจกูหนาไดอีก จึงรีบแยงพูด “พระชายา การมาครั้งนี้ นักพรตเหมยมี
คําพูดฝากถึงทาน”
“หือ?” หลินซูอินเงยหนา “ทานอาจารยพูดวาอยางไร?”
“พระชายากับศิษยหลานเหมยเปนพี่นองรวมสํานักกันมาหลายป คิดวาคงไมอยาก
เห็นศิษยหลานเหมยตองเสียชีวิตลงเชนกัน หากสะดวก อยากใหทานเห็นแกความเปน
มิตรที่มีมานาน ทําการชวยชีวิตศิษยหลานเหมย...” เหมือนชงเสวียนจะพูดอีกยาว
แววตาหลินซูอินพลันเศราสรอยลง ที่แทนี่จึงเปนจุดประสงคที่พวกเขารีบมากัน
เชนนี้
“นี่เปนความประสงคของทานอาจารยหรือ?”
“ถูกตอง พระชายา นี่เปนสิ่งที่นักพรตเหมยไดไตรตรองเพื่อทานแลว ทานก็รู ทาน
อองแมมพี รสวรรคไรเทียมทาน แตถาบุมบามแตกหักอยางถึงที่สุดกับเขาซางชิง ถึงเวลา
นั้น ทานในฐานะพระชายาและศิษยเขาซางชิง จะทําอยางไร? ตั้งแตวันที่มีขาวจากหมิง
จู นักพรตเหมยก็คิดแตเรื่องนี้ซ้ําแลวซ้ําเลา วิตกกังวลก็แตสถานะของทาน โดยเฉพาะ
เมื่อรูวาศิษยหลานเหมยอยูในจวนหมิงออง นักพรตเหมยก็รูวาทานตองลําบากใจเปน
อยางยิ่งทีต่ องปกปองศิษยหลานเหมย ดังนั้นจึงยิ่งกังวลไปอีกวาทานอองจะตองโกรธ
ทาน นางทั้งเปนหวงในความปลอดภัยของหลาน ทั้งเปนหวงวาทานจะเดือดรอนเพราะ
ชวยจื้อเฟง กระวนกระวายใจมาก”
หลินซูอินเงียบ ไมพูดจา พูดเชนนี้แสดงวาตองการใหนางไปหาหมิงออง แลวไมหวง
ความปลอดภัยของนางบางหรือ?
ชงเสวียนพอเห็นนางเงียบ ก็นึกวานางกําลังซาบซึ้งใจ จึงรีบตีเหล็กที่ยังรอนดวยการ
พูดตอวา
“สถานการณในตอนนี้เดิมทีไมควรใหทานเขาไปเกี่ยวของ แตทานลองคิดดู นาทีนี้
ถาเรื่องยืดเยื้อตอไป ผลจะยิ่งลามปาม นักพรตเหมยไมยอมเห็นทานตกที่นั่งลําบากแน
แตทานก็รูวา หมิงอองจะทาประลองจอมยุทธ ไมวาผลจะเปนอยางไร
นักพรตเหมยก็ไมอยากเห็นทั้งนั้น เชื่อวาทานก็เปนเชนเดียวกัน สามารถมองดูทาน
อองชนะ แลวลางบางศิษยเขาซางชิงทั้งหมดรวมทั้งนักพรตเหมยดวยอยางนั้นหรือ?
เหตุผลเดียวกัน การประลองที่ตัดสินความเปนตาย นักพรตเหมยก็ไมสามารถทนเห็น
ศิษยที่นางผูกพันหรือพระชายาตองมีชะตาชีวิตที่ผกผัน เจ็บปวดไปชั่วชีวิต ดังนั้นทาที
ของเราในตอนนี้จึงจําเปนตองเปนมิตรกัน กับทานอองเขาซางชิงเราก็ใหความเคารพ
เปนอยางยิ่ง กระทั่งจอมยุทธยังชื่นชมคุณธรรมและความสามารถของทานออง ไมคิดที่
จะกาวไปถึงจุดที่วัดความเปนตายซึ่งกันและกันหรอก”
“เพียงแตเราไมสามารถเขาเฝาทานออง และไมมีหนทางเจรจากับทานอองดวย
ตัวเอง ไมมีหนทางที่จะทําใหทานอองสัมผัสไดถึงความปรารถนาดีของเรา เรื่องจึงสับสน
ไปหมด แลวยังมีผูไมหวังดีคิดปองรายอีก ถึงไดมีสภาพเชนนี้ ขอเพียงทานอองยอมให
โอกาสสักครั้ง ใหเราไดสรางความเขาใจซึ่งกันและกัน แสดงความคิดความรูสึกจากใจ
จริง ทานอองตองรูส ึกไดถึงความจริงใจของเราอยางแนนอน!”
“พระชายา เรารูวาทานลําบากใจ เราก็ไมอยากเห็นทานลําบากใจ ดังนั้นขอเพียง
ทานสามารถอธิบายกับทานอองถึงความปรารถนาดีของเรา ทําใหทานอองรูถ ึงความคิด
ที่แทจริงของเราแลว ไมวาทานอองจะตัดสินใจเชนไร เขาซางชิงยอมไมดึงพระชายาเขา
มาเกี่ยวของอีกเปนอันขาด แมผลที่สุดแลวเขาซางชิงตองพังพินาศลงไปจริงๆ อยางนอย
ก็ยังมีผูสืบทอดอยางพระชายาหลงเหลืออยู”
“ทวาเราเชื่อ ทานอองมีอุดมการณกวางไกลและสูงสง ขณะประเทศชาติประสบภัย
พิบัติ ยอมอุทิศตนปฏิบัติภารกิจ ยอมตองมีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ สามารถรูซึ้งถึงจิตใจ
คน เราศิษยเขาซางชิง แมไมมีกําลังเพียงพอทีจ่ ะชวยทานอองทําลายศัตรู แตอยางไรก็
ยังมีหัวใจภักดี ยอมอุทิศกําลังสวนหนึ่งเพื่อประเทศชาติและประชาชน ขณะเดียวกัน
ทานจอมยุทธก็รูสึกทึ่งในความสามารถทางเตาของทานออง คอนขางชื่นชมดวยซ้ํา บอก
วา ถามีโอกาส ก็อยากสนทนาวิถีแหงเตาอันกวางใหญไพศาลกับทานออง!”
ชงเสวียนอาจเดินทางผิด เขาไมควรบําเพ็ญเพียร ควรไปเปนนักการทูตดูจะ
เหมาะสมกวา กาวหนากวา
มองดูการพูดเจรจาแกไขสถานการณเฉพาะหนาของเขาแลว ที่ไหนยังเหมือน
นักพรตจิตใจบริสุทธิ์อีก เปนนักการเมืองที่เต็มไปดวยกลอุบายตางหาก
เพียงเสียดาย ที่วันนี้อาจตื่นเตนไปหนอย จึงไมอาจรูแนชัดขณะเผชิญหนากับหลินซู
อินวา ใจจริงแลวนางคิดอยางไรกันแน
เขาพูดเสียยืดยาวในที่นี้ ลวนเปนสิ่งที่ไมเกี่ยวของกับหลินซูอิน คําพูดแตละคําชักนํา
ใหหลินซูอ ินกลับเขาจวนหมิงอองอยางเต็มตัว!
เขาใชไมออนสลับไมแข็ง บอกนางวา หากเปนหวงหมิงอองจริง ตองพยายามชวย
เขาซางชิง ซึ่งจะเปนการดีตอหมิงออง!
ความหมายที่เขาหลุดออกมา สิ่งเดียวที่ทําใหหลินซูอินรูสึกลึกๆ ก็คือ ตอจากนี้ไป
เขาซางชิงไดผลักไสใหนางเปนคนของจวนหมิงอองอยางสมบูรณ
เขาซางชิง มิใชที่ที่นางจะสามารถหลบลี้หนีความยุงยากใจทางโลกเพื่อแสวงหา
ความสงบทางใจอีก
จิตใจของนางเดิมทีกําลังแกวงไกวอยูในพายุฝน บานตระกูลหลินกลับไปไมไดแลว
ตอนนี้เวลานี้ เขาซางชิงก็ยังปดประตูใสนางอีก
นางจึงลุกขึ้นยืนอยางออนลา แคนหัวเราะแลววา
“อาจารยลุง ที่ทานพูดขาจําไดขึ้นใจแลว ขอใหทานกลับไปบอกทานอาจารยแทน
ขาวา ความเมตตาที่ทานอาจารยมีตอซูอิน ซูอนิ ไมมีวันลืม เรื่องของศิษยพี่เหมย ซูอินไม
นิ่งดูดาย และตองพยายามจัดการใหอยางแนนอน”
ตอน 263 เหมือนไมเคารพ
ผูที่มาหาลูสวินอี้ นานๆ ทีจะมีสักคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กําลังยืนอยูหนาเรือนพักของเขา
เริ่มแรกอาจิ่วไมสนใจ คิดวาเปนคนในจวนที่มีเรื่องรายงานลูสวินอี้ แตพอเดินเขาไป
กลับพบวาคนผูนี้ดูแปลกๆ เดินไปเดินมาอยูหนาเรือนลูสวินอี้ไมหยุด แตก็ไมยอมเขาไป
สักที
นักสะกดรอยอาจดูลับๆ ลอๆ อยูบาง ทําใหอาจิ่วซึ่งพึง่ ยายมาใหมรูสึกประหลาดใจ
อาจิ่วมิไดกังวลวาเขาจะเปนคนแปลกหรือไม เพียงแตคนผูนี้หันหลังอยู ทําใหมอง
ไมเห็นใบหนา ทวาเสื้อผาที่สวมใสกลับเปนเครื่องแบบองครักษจวนหมิงออง
ทําใหอาจิ่วเริ่มสงสัยคนผูนี้ไปในทางที่ไมดีเขาแลว คิดวาเขาไมนาโงเขลา เดินมา
หาลูสวินอี้ตอหนาตอตาคนในจวน แมนับวาองครักษคนอื่นๆ ไมเห็น แตลูสวินอี้ที่อยูใน
หองมิใชผทู ี่ตอแยไดงายๆ
“ปกติพี่ลูคงเขมงวดมาก คนในจวนจึงกลัวกันไมนอย”
อาจิ่วอดไมไดที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กนอย เขาไมรอชา กาวยาวๆ ไปยังหองลูสวิน
อี้
พอไดยินเสียงฝเทา ฟานอูจึงรีบหันมอง เมื่อเห็นเปนอาจิ่ว ก็ยกมือขึ้นคารวะ
“พี่จิ่ว!”
“อาว เปนเจาเองรึ!”
อาจิ่วหัวเราะพลางพยักหนา สํารวจมองเขาอยางละเอียด มินาเลาถึงรูสึกวาแผน
หลังนี้คุนๆ
“จริงสิ เจาชื่ออะไร?”
เขาไมรูจักคนผูนี้ เพียงแตจาํ ไดวา กอนหนานี้คนผูนี้เคยไปหาพระชายาเพื่อแจงวา
ชงเสวียนขอเขาเฝา
“ฟานอู อูที่แปลวาวิทยายุทธ เปนลูกศิษยทานอาจารยหูเปยว”
ฟานอูไมแปลกใจที่อาจิ่วจําชื่อเขาไมได เพราะเวลาผานมานานพอควร จากเมื่อพบ
กันครั้งกอน
“ลูกศิษยของพี่หู? ฟานอู?” อาจิ่วตะลึง รีบพูดตอ
“ขาจําไดแลว เจาก็คือนาเล็กของพี่หูนี่เอง มินาละ ตอนที่เห็นเจา ก็รูสึกคุนๆ พิกล
เปนอยางไรบาง ครั้งนี้เจาก็มากับเขาดวยรึ?”
อาจิ่วเคยพบเจอคนผูนี้จริงๆ
ปที่หูเปยวแตงงาน เขาไปรวมยินดีดวย ตอนนั้นไดเห็นหนาฟานอูแวบเดียวที่บานหู
“ใช ขาเอง!” ฟานอูพยักหนา เพียงแตพอพูดถึงหูเปยว หนาตาฟานอูก็มืดมนลง กม
ศีรษะตอบ “ครั้งนี้ติดสอยหอยตามทานอาจารยมา เพียงแตทานอาจารย...”
เห็นสีหนาของฟานอูแลว อาจิ่วก็เก็บรอยยิ้มที่มุมปาก แลวเดินเขาไปตบบาเขา
พลางวา
“เสียใจดวยจริงๆ ทานอองรูเ รื่องพี่หูแลว และไดจัดใหพี่สาวกับหลานของเจาไดใช
ชีวิตอยูอยางเหมาะสม เจาก็ไมควรโศกเศราเกินเหตุ แมพี่หูจากไป แตพวกเรายังคงอยู
แคนของพี่หู พวกเรายังตองชําระให!”
ฟานอูตาแดงระเรือ่ พยักหนาหงึกๆ “ใช พี่จิ่ววางใจ ขาตองลางแคนใหทานอาจารย
กับมือใหจงได!”
“ดีมาก!”
อันที่จริงอาจิ่วก็ไมไดโตกวาฟานอูมากนัก แตประสบการณที่ทั้งสองพบพานมาไม
เหมือนกัน โลกที่เห็นจึงแตกตางกัน แตพอยืนอยูดวยกัน เห็นชัดวาอาจิ่วดูแกกวามาก
อาจิ่วตบบาฟานอูอีกครั้ง
“ตอไปขาก็อยูในจวนนี้ละ หากมีเรื่องอะไร ก็มาคุยกับขาได”
“ขอบคุณพี่จิ่ว” ฟานอูตอบรับพลางพยักหนา
อาจิ่วหัวเราะ หันมองประตูหองลูสวินอี้ พลันนึกขึ้นไดถึงทาทางที่เดินไปเดินมาเมื่อ
ครูของเขา จึงถามขึ้น
“มีเรื่องมาหาทานรองหรือ? เหตุใดไมเขาไปละ?”
เดิมทีคิดถามไปเชนนั้นเอง อยากรูวาเขามีเรื่องลําบากใจอะไรหรือเปลา ไมคิด
วาฟานอูจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปกติเปนอยางยิ่ง เขาโบกมือไปมาแลวพูดอยาง
เกรงใจ
“ไม ไมมีอะไร ขาไมมีเรื่องอะไร!”
“นี่...”
อาจิ่วอึ้ง ขณะกําลังจะถามตอ ก็เห็นเขาโบกมืออีกรอบ กอนพูดวา “พี่จิ่วไปทํางาน
ของพี่เถิด ขาไปกอนละ!” แลวจึงหันกายเดินจากไป
มองดูเขาวิ่ง เหมือนควันลอยอยางรวดเร็วจนไมเห็นเงา อาจิ่วจึงหุบยิ้มและสาย
ศีรษะอยางอดไมได กอนหันกายเดินเขาไป
เมื่อมาถึงหนาหอง ก็เคาะประตู “พี่ลู”
มีเสียงตอบกลับอยางรวดเร็วจากลูสวินอี้ที่อยูในหอง “อาจิ่วหรือ เขามาสิ”
ประตูไมไดลงกลอน ผลักเบาๆ ก็เปดออก อาจิ่วมองดูภายในหอง เห็นลูสวินอี้
นั่งขัดสมาธิอยูบนเบาะรองนั่งซึ่งตั้งอยูบ นเตียง และยังไมลืมตาขึ้น กําลังทาบฝามือเขา
ดวยกันแบบเตา เห็นชัดวากําลังโคจรพลัง แตยังเอยปากเสียงเบา
“เจานั่งกอน”
“ได” อาจิ่วพยักหนาอยางไมเกรงใจ
เขากับพวกลูสวินอี้ยอมคุนเคยกันดี จึงลากเกาอี้เขามานั่งอยางแผวเบา แลวสํารวจ
ดูสีหนาลูสวินอี้อยางละเอียดพลางนึกกังวลใจ
เรื่องของที่นี่เขารูหมดแลว กอนเขาจวนก็ไมมีเวลาคุยสวนตัว ถามไถทุกขสุขของพี่ลู
ทวาการที่พี่หูสูจนตัวตาย เขาไมตองคิดก็รูวา พี่ลูตองบาดเจ็บสาหัสไมนอย
วิชาการแพทยของเขา แมถูกมอไปแซวอยูเปนประจําวารูแคเพียงผิวเผิน แตอันที่
จริงความรูรอบตัวของเขามีอยูไมนอย มิฉะนั้นแลวหลังจากมอไปเก็บตัว เขาไหนเลยจะ
มีชื่อเสียงอยูในทําเนียบแพทยของหมิงจูได
เมื่อมองดูอยางละเอียด สีหนาอาจิ่วก็ดูไมดี เพราะเห็นชัดวาสีหนาของลูสวินอี้เริ่ม
เหลือง เหมือนคนเจ็บปวยรายแรง เขาบาดเจ็บเรื้อรังมานานหลายวัน แมจะมียาเม็ด
รักษาอาการบาดเจ็บที่องคชายหกปรุงขึ้นเปนพิเศษติดตัวมา แตจนถึงวันนี้ ก็ยังมีอาการ
เหมือนเดิม จึงพอจะรูวาอาการบาดเจ็บในครั้งแรกของเขาหนักหนาจนเกือบเปน
อันตรายถึงชีวิต!
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาอาจิ่วก็แดงขึ้นในพริบตา
“ฟู!” บนเบาะรองนั่ง ลูสวินอี้เก็บพลัง ระบายลมหายใจยาวๆ ออกจากปาก ลืมตา
แลวจึงถามวา “ชงเสวียนไปแลวหรือ?”
อาจิ่วรวบรวมสติ รีบลุกขึ้นยืน พยักหนาแลวเดินเขาหาลูสวินอี้พลางพูด “เพิ่งไปได
สักพัก มา พี่ลู ขาพยุงทาน”
พูดแลวก็ยื่นมือออกจะพยุงลูสวินอี้ใหลุกขึ้นยืน แตลูสวินอี้กลับหัวเราะ แลวโบกมือ
ปราม
“พี่ลูของเจาไมถึงขนาดยืนยังยืนไมไหวหรอก วางใจ ผานการพักรักษาตัวมาหลาย
วัน ไมเปนไรแลว”
อาจิ่วไดยินก็ไดแตตามใจลูสวินอี้ ทั้งสองเดินมานั่งที่โตะ อาจิ่วรินน้ําชาให
ลูสวินอี้จับถวยน้ําชา เหลือบมองไปที่ประตู กอนถามขึ้นดวยสีหนาเครงขรึม
“เปนอยางไรบาง?”
“เปนไปตามคาด เขามาสืบถาม!”
อาจิ่วไมไดรินน้ําชาใหตนเอง พอพูดจุดประสงคของชงเสวียนจบ ก็จองมองลูสวินอี้
พลางเปลี่ยนเรื่องพูด
“พี่ลู เรื่องเหลานี้เดี๋ยวเราคอยคุยกัน ขาขอตรวจดูอาการของทานกอน!”
“ขาไมเปนไร!” ลูสวินอี้สายศีรษะ
“นี่เปนสิ่งที่องคชายหกกําชับมา บอกวาเรื่องแรกที่ตองทําเมื่อมาถึงก็คือตรวจดู
อาการของทาน องคชายหกยังรอจดหมายตอบจากขาดวย” อาจิ่วไมเวิ่นเวอ รีบอาง
ถึงมอไปทันที
แตกลับคิดไมถึงวา พอลูสวินอี้ไดยินก็หัวเราะเสียงดัง
“อยาหลอกคนแก วิชาการแพทยเล็กๆ นอยๆ ของเจา ในสายตาองคชายหกยังขึ้น
เวทีไมไดดวยซ้ํา องคชายหกไหนเลยจะใหเด็กนอยอยางเจามาดูอาการคนแกอยางขา?”
อาจิ่วพูดไมออก รูสึกสะเทือนใจ จึงยืนยันออกไป “พี่ลู หากทานยังเปนเชนนี้อยู ขา
กับองคชายหกจะยิ่งกังวลใจ”
ลูสวินอี้วางถวยน้ําชาลง สายศีรษะไปมา สุดทายก็ยื่นมือออกอยางเลี่ยงไมได ปากก็
พูดจาสบายๆ “อาการบาดเจ็บบางอยางยุงยาก แตไมเปนไร กินยาเม็ดแลวก็รูสึกดีขึ้น
มาก...”
อาจิ่วไมสนใจวาเขาพูดอะไรและไมตอบ
สงบสติอารมณ ยื่นมือออกจับชีพจร ผานไปครูใหญก็ยังไมคลายมือ
ลูสวินอี้คอยๆ เงียบลง รอจนอาจิ่วที่หลับตาอยู ลืมตามามองดูตนเอง คอยพูดขึ้น
เสียงเบา “เจารูก็พอ ไมตองบอกองคชายหก”
อาจิ่วมองดูดวงตาที่จองมองมาอยางจริงจัง กอนกมศีรษะลง ครุนคิดสักพัก แลววา
“หัวใจและปอดบอบช้ําหนัก พี่ลู ทานตองกลับหมิงจูใหองคชายหกลงมือรักษาดวย
ตนเอง มิฉะนั้นแลวยังไมพูดถึงเรื่องเจ็บปวดมากขึ้น ก็เกรงวาอาจไมทันการณ!”
“ไมได!” ลูสวินอี้ตอบอยางไมตองคิด น้ําเสียงเครงเครียด “เจ็บปวดมากขึ้นจะ
เปนไรไป? พี่ลูเจากอนจากมาก็มิไดขมวดคิ้วแตอยางใด”
อาจิ่วจองมองดวงตาที่เด็ดเดี่ยวของลูสวินอี้ ที่สุดแลวก็ไดแตพยักหนา แมพี่ลูไมรู
วิชาแพทย แตสําหรับอาการของตนเองแลว นาจะรูอยูในใจพอสมควร และเมื่อปดบัง
องคชายหกมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ยอมพิสูจนไดวาเขาไดตัดสินใจอยางแนวแนแลววาจะ
ไมรีบกลับไป
อาจิ่วลุกขึ้นยืน นํากระดาษและพูกันออกจากชั้นวางหนังสือ มองลูสวินอี้พลางพูด
เสียงต่ําเล็กนอย
“อันที่จริงแมทานไมบอก องคชายหกก็คาดเดาไดจากการตอสูของพวกทานในวัน
นั้น อาการบาดเจ็บของทานเกรงวาจะมิใชแคที่ทานพูดงายๆ เชนนั้น และองคชายหกก็รู
วาทานคิดอยางไร เพราะกอนขามา องคชายหกไดคุยกับขาอยูนานเรื่องอาการบาดเจ็บ
ของทาน ทั้งอาการเปนอยางไร ใชยาอะไร ลวนกําชับไวอยางละเอียด”
ลูสวินอี้รูสึกหวั่นไหวเล็กนอยขณะมองดูอาจิ่วจับพูกันเขียนใบสั่งยา จึงมิไดสงเสียง
ใดๆ ออกมา
พอเขียนใบสั่งยาเสร็จเรียบรอย อาจิ่วก็ยื่นใหลูสวินอี้พลางพูด
“องคชายหกบอกวา หากยังไมเปนอันตรายถึงชีวิต และทานยืนยันวาจะไมกลับไป
องคชายหกก็ไมบังคับ แตขอใหทานจําไววา เรื่องที่เราตองทํายังมีอีกมาก ตอนนี้เพิ่งจะ
เริ่มตนเทานั้น ศัตรูในตอนนี้ยังไมมีคณ
ุ สมบัติพอที่พวกเราตองพลีชีพให! การตายของหู
เปยวทําใหเราเศราโศกเสียใจมากพออยูแลว ชีวิตของทานจึงไมควรพลีใหกับพวกเขาอีก!
แมมีความแคนล้ําลึกแคไหน ก็ตองมีชีวิตอยูตอ ขอเพียงคนยังอยู ยอมตองมีวันชดใช!”
ลูสวินอี้จับใบสั่งยาไวในมือ ขณะฟงอาจิ่วพูดตอ
“สมุนไพรที่อยูดานบนทั้งหมดเปนองคชายหกจัดให อยูในคลังยาวังหลวง ซึ่งชวง
บายตองรบกวนฮองเฮาเขาวัง และองคชายหกไดเขียนจดหมายกํากับไวแลว เพียงนําไป
ใหฮองเฮา ทุกอยางก็จะไมเปนปญหา”
“อืม” ลูสวินอี้สูดหายใจเขาลึกๆ ไมพูดจามากความ เพียงพยักหนา
บรรยากาศในหองเงียบไปชั่วขณะ จนกระทั่งลูสวินอี้เอยปาก “เหตุการณเมื่อครู
เปนอยางไรบาง?”
อาจิ่วเก็บอารมณความรูสึก พยักหนากอนพูด “ชงเสวียนมาสืบขาว แตพระชายา
ไมไดพูดอะไรมาก พวกเขาพูดกันแตเรื่องที่เกี่ยวกับเหมยจื้อเฟง”
ลูสวินอี้แคนหัวเราะอยางเย็นชา “ชงเสวียนนากลัวจะคิดมาก เมื่อเรากลาใหพระ
ชายาพบเขา ไหนเลยที่เขาจะไดเปรียบกลับไป”
อาจิ่วคิ้วกระตุกทันที คําพูดนี้เสียมารยาท!
เหลือบมองเล็กนอย เหมือนลูสวินอี้เยังไมรูตัววาคําพูดของตัวเองมีปญหา อาจิ่ว
ขยับริมฝปาก อยากพูดอะไร แตสมองพลันนึกขึ้นไดวา กอนมาองคชายหกไดกําชับอยาง
จริงจังเกีย่ วกับลูสวินอี้ โดยไมใหตนยุงเกี่ยวกับความคิดหรือการตัดสินใจใดๆ ของลูสวิน
อี้!
คําพูดขององคชายหกยังอยูขางหู แตอาจิ่วไมเคยเสแสรงกับพวกลูสวินอี้ และ
แนนอนวาเขาไมอยากเห็นลูสวินอี้เดินทางผิดในวันขางหนา ในที่สุด จึงตัดสินใจฝาฝน
คําพูดของมอไปเปนครั้งแรก
เขายื่นมือออกยกกาน้ําชามารินใหตนเอง แลวมองดูไอรอนที่ลอยขึ้นจากน้ําชา คอย
พูดเสียงเบา “พี่ลูพูดถูก ชงเสวียนพยายามสืบขาวจากคําพูดตามมารยาท แตก็ไดแตฝน
โดยไมคิดวา พระชายาก็คือพระชายาของจวนหมิงออง จะเปดเผยสถานการณจวนหมิง
อองเราใหเขาฟงไดอยางไร ทั้งซื่อบื้อทั้งฝนเฟอง!”
ลูสวินอี้ยิ้มนอยๆ พลางหันมองอาจิ่ว ไมไดพูดอะไรเพิ่ม เพียงพยักหนา รวบรวมสติ
แลววา “อืม ไหนพวกเขาสนทนาอะไรกันบาง เลาใหขาฟงหนอย!”
หากเปนเมื่อครู อาจิ่วตองไมคิดอะไรกับคําขอของเขาแน แตตอนนี้ เมื่อไดยินวาให
เลาสถานการณที่เกิดขึ้นในการสนทนาของพระชายาใหฟง คําพูดนี้แคไดยินก็เสียดแกว
หูแลว
ตอน 264 แทจริงแลวกําลังทําอะไร
อาจิ่วรูสึกอยางชัดเจนวา ในสายตาลูสวินอี้ พระชายาคลายเปนเพียงหมากตัวหนึ่ง
ของจวนหมิงอองเทานั้น จะทําอยางไรก็ได
แววตาอาจิ่วขณะกมหนาดื่มน้ําชาเต็มไปดวยความซับซอน แตจะอยางไรก็มิไดพูด
มาก คิดวาอาจเปนเพราะลูสวินอี้ยังไมรูวาทานอองกับพระชายาเขาหองหอแลว
แตตอนนี้เขาคิดวายังไมเหมาะที่จะพูดเรื่องนี้ ดวยเกรงวาอาจทําใหเรื่องทีล่ ูสวินอี้ไม
เคารพพระชายาแดงขึ้น ทําใหคนในจวนลําบากใจ จึงวางถวยน้ําชาลง เลาขยายความ
การสนทนาระหวางหลินซูอนิ กับชงเสวียนใหฟง
เขามองดูสีหนาลูสวินอี้เปนระยะ และเห็นวาลูสวินอี้หรี่ตาลงเล็กนอย ตั้งใจฟงเขา
บรรยายในทุกรายละเอียด ราวกับกําลังวิเคราะหสถานการณอยางบริสุทธิ์ใจโดยมิไดคิด
อะไรเกินเลย
อาจิ่วจึงสรุปปดทายเสียงขรึม
“ขาแสดงใหชงเสวียนเห็นจุดยืนของจวนหมิงอองเรา จนสุดทายพระชายาก็มิไดพูด
อะไรเกินเลย คิดวาชงเสวียนนั่นก็คงไมกลาสงสัยเรื่องจวนหมิงอองเราตัดสินใจลางบาง
เขาซางชิงของพวกเขาอีก”
อาจิ่วเพิ่งพูดจบ ลูสวินอี้พลันหรี่ตา กอนถาม “ตั้งแตตนจนจบ ทั้งพระชายาและเจา
ตางก็มิไดหลุดปากบอกสถานะการบําเพ็ญเพียรขององคชายหกแมแตนอย?”
“มิไดบอก ทานก็รูนี่วาองคชายหกไมเคยคุยเรื่องสถานะการบําเพ็ญเพียรกับพวก
เรา จนถึงตอนนี้นอกจากองคชายหกแลว ก็ไมมีใครในจวนหมิงอองรูวาทรงสําเร็จถึงขั้น
ไหน ทวาหลังจากขาเดินออกมา ชงเสวียนยังคงใชไมออนสลับไมแข็ง คลายขอรองให
พระชายาชวยปกปองเหมยจือ้ เฟง แตความจริงแลวกลับกําลังขมขู เพราะพูดถึงขั้นจอม
ยุทธอยูหลายรอบ ดูไปแลว อยางไรเขาก็คิดวาองคชายหกยังฝกไมถึงขั้นจอมยุทธ และ
ไมสามารถกําชัยในการตอสูกับจอมยุทธ!” อาจิ่วสายหนา
ลูสวินอี้พยักหนา ไมถามอะไรอีก กลับลุกขึ้นยืน เดินไปเดินมาสักพัก ไดยินเหมือน
เขาพูดกับตัวเอง
“ไมวาจะอยางไร หลังจากชงเสวียนไดพบพระชายา เขาก็ไมนาคิดเดิมพันอีก และ
ตานไมอยูดวย แมการใชจอมยุทธมาขมขูจะมีน้ําหนัก ทวาเขาซางชิงมีหรือที่จะกลา
ตอสู? ขอเพียงพวกเรากลาตอสูใหถึงที่สุด องคชายหกเราไมวาจะเปนปรมาจารยหรือ
จอมยุทธ พวกเขาก็ตานไมอยูหรอก!”
“เฮอะ สํานักเตาแถวหนาอะไรกัน ก็แคคนนั่งมองฟาอยูบนบอน้ํา ถาองคชายหกลง
มือจริง ใตหลามีใครตานทานไดบาง?” อาจิ่วเสริมใหอีกประโยค
ลูสวินอี้มิไดสนใจความมั่นใจลอยๆ ของอาจิ่ว แมเขาชัดเจนวา ตั้งแตลงมือมา องค
ชายหกไมเคยพายแพ แมไมใชปรมาจารย แตก็สามารถตัดศีรษะปรมาจารยดวยกระบี่ได
พูดตามตรง ขนาดในใจของผูบําเพ็ญเพียรดวยกันยังมีแนวความคิดเกี่ยวกับการสําเร็จ
ขั้นจอมยุทธที่แตกตางกัน
ใชวาไมมั่นใจในตัวมอไป แตเขายอมไมคิดใหมอไปไปประลอง หรือหากคิดประลอง
จริง ก็ไมใชตอนนี้
ลูสวินอี้ยังคงเดินไปมา พลางบนพึมพํา
“ตอนนี้ยังไมถึงเวลาตอสู หากคิดแตะตองเขาซางชิง ใชวาชนะจอมยุทธแลวจะถือ
วามีชัย พวกเขาแมอยูในปาลึก ก็ยังสืบทอดสํานักกันมาจนถึงทุกวันนี้ ถาแตะตองพวก
เขา ตองเกิดผลกระทบที่ประเมินไมไดกับสํานักเตาทั้งหมดอยางไมตองสงสัย ปฏิกิริยา
ตอบสนองโดยตรงอยูที่สนามรบซึ่งกําลังคุกรุนอยูในตอนนี้ เกรงวาพอเหลาสํานักเตาตื่น
ตระหนก ก็จะรีบเรียกคนของพวกตนที่อยูในสนามรบกลับสํานักเพื่อรวมตัวกันเปนพลัง
ขมขูตอบ ทําใหแมทัพนายกองของเราถูกคุกคามความปลอดภัยอยางหนัก การ
เปลี่ยนแปลงเชนนี้ เรายอมรับไมไหว”
“พูดเชนนี้ ก็หมายความวาเราแตะตองเขาซางชิงไมได?” อาจิ่วยังไมยอม
“ใชวาแตะตองไมได แตทางที่มี ตองคอยๆ กาวเดินทีละกาว!”
ลูสวินอี้นิ่งไปครูหนึง่ แลวจึงพูดตอเรียบๆ
“ถาแตะตองไมได แลวตอนนี้พวกเรากําลังทําอะไร!”
“ความหมายของทานคือ?”
อาจิ่วรูวามีนัยยะของการกระทํา แตเขาเรงรีบมา ทานอองจึงกําชับเรื่องมากมาย
เพียงคราวๆ ยังมีอกี หลายเรื่องที่เขาตองสื่อสารกับลูสวินอี้เมื่อมาถึงที่นี่
“เขาซางชิงเปนสํานักเตาชั้นแนวหนา พวกเขาจึงมีความหยิ่งยโส นอกจากศักดิ์ศรี
ในการปกครองสํานักเตาอื่นๆ มานานหลายปแลว สําคัญที่สุดก็คือบารมีของจอมยุทธ”
ลูสวินอี้ทอประกายตา
อาจิ่วพยักหนา แตก็ยังไมอยากยอมรับวาเขาซางชิงรายกาจ
“จอมยุทธแลวอยางไร? กระบี่ขององคชายหกใชวาจะตัดศีรษะจอมยุทธไมได!”
“มิผิด!” ไมคิดวาลูสวินอี้พลันพยักหนา แลวยังชื่นชมตอ “เจาพูดถูก จะแตะตอง
เขาซางชิง จําเปนตองสรางเขาซางชิงอีกแหงขึน้ มากอน ตัวขององคชายหกก็เปน
ทางเลือกหนึ่ง จอมยุทธเหมยมีศักดิ์ศรีสูงเกิน องคชายหกจึงจําเปนตองทําใหทุกคนทึ่ง
ดวยการทําใหสํานักเตาทั้งหมดยอมรับวาองคชายหกมีความแข็งแกรงในทางเตา จอม
ยุทธเหมยก็ยังเทียบไมได! ดังนั้นจึงมีขาวออกมาวา ถาองคชายหกกริ้ว ยอมตองใชกระบี่
ประลองกับจอมยุทธวัดความเปนความตาย...เขาใจหรือยัง?”
อาจิ่วพลันรูสึกวาตนมีความคิดความอานเพิ่มขึ้น ลูสวินอี้ผานการอบรมสั่งสอน
จากมอไปมา แตเขาติดตามมอไปมานานกวาลูสวินอี้ และมอไปก็ไดอบรมสั่งสอนอยู
เรื่อย แตไฉนไมมีความคิดความสามารถเชนนี้บาง พอไดฟงและคิดพิจารณาอยูสักพัก
จึงตาสวาง
“มินา องคชายหกถึงใหพวกเราปรากฏตัวในที่แจง ที่แทก็เตรียมแผนรับมือเขาซาง
ชิงไวแลวนี่เอง พวกเราแมอายุไมมาก ทวาแตละคนกลับมีการบําเพ็ญเพียรที่แข็งแกรง
เพียงขอนี้ การเรียนการสอนของเขาซางชิง ก็เทียบองคชายหกไมไดแลว
ถาองคชายหกลงมือจริง และสามารถสังหารจอมยุทธเหมยไดในขณะอายุยังนอย
องคชายหกก็จะมีบารมี ชักนําคนเกงที่สุดเขาสูสํานัก!”
ลูสวินอี้หันมองอาจิ่ว แววตาแสดงความชื่นชม หลายปมานี้เห็นแตหมอนี่กาวหนา
ทางการแพทย ไมคิดวาดานอื่นๆ จะเติบโตไดถึงขั้นนี้ เขาเมมปากและละสายตาออก
คิดไปก็เทานั้น อาจิ่วเปนคนที่องคชายหกชุบเลี้ยงมากับมือ ลูสวินอี้ยอมไมกลาฉกมา
ดื้อๆ ที่สําคัญฉกไมขึ้นดวย อาจิ่วไมยอมทิ้งองคชายหกเพื่อมาอยูกับพวกตนแน
นาเสียดาย คอยๆ สอนฟานอูไปก็แลวกัน!
ดีที่เขาไมไดพูดคําพูดเหลานี้ออกมา มิฉะนั้นแลวถาคนในจวนรูเขา คงหัวเราะทอง
ขัดทองแข็ง
เจาไดรับการสอนสั่งจากองคชายหก แตกลับเสียดายที่อาจิ่วติดตามองคชายหก?
ขายขี้หนาหรือไม?
“ไมผิด แตเรื่องยังไมเปนอยางที่เราพูดกันในตอนนี้ ใชวาองคชายหกจะถือกระบี่
เหาะขามปาขามเขาเปนหมื่นลี้มาสังหารจอมยุทธ ทุกอยางก็จะจบ”
ลูสวินอี้พูดตอ “เขาซางชิงเปนสํานักเตาเกาแก หยั่งรากลึกมานาน จึงคาดเดาได
ยาก ใครที่นึกวาพวกเขาอาศัยบารมีจอมยุทธ อาศัยจังหวะที่โจรถอยหลินกอความ
วุนวาย เหยียบเรือสองแคม จึงทําใหอยูรอดมาไดจนทุกวันนี้ เชนนี้ก็เทากับวาไมรูจักเขา
ซางชิงจริง กองทัพใหญโตของราชสํานักกลับแตะตองสํานักเตาเล็กๆ นี้ไมได เปนไปได
หรือ? แตเจาเชื่อหรือไม ถาราชสํานักเปดประชุมอภิปรายเรื่องลางบางเขาซางชิง ตองมี
ขุนนางนับไมถวนรีบกระโดดออกมาคัดคาน และหัวขอนี้ก็ตองตกไปในที่สุด”
ในที่สุดอาจิ่วก็เขาใจการตัดสินใจของลูสวินอี้ เขาจึงลุกขึ้นยืน พยักหนายอมรับจาก
ใจจริง
“มินาเลา ทานถึงยืนยันวาตองหาจวนขุนนาง รังที่ปรมาจารยเขาซางชิงใชซอ นตัว
และทําใหพี่หูตองตายใหได!”
“ทําไม เจาคิดวาพี่ลูของเจาทําเชนนี้เพราะความโกรธแคนอยางนั้นรึ?” ลูสวินอี้หัน
มองอาจิ่ว
อาจิ่วรูสึกผิด เขาคิดเชนนี้จริงๆ แตก็มิไดรูสึกวาไมถูกตอง เขาเองก็ยังแคนมาก
“ความคิดแกแคนยอมมี!” ลูสวินอี้ทอดถอนใจ “แตหูเปยวยอมตายดวยความเต็ม
ใจ พี่รองอยางขาไหนเลยจะไมภาคภูมิใจกับความกลาหาญของเขา!”
พูดถึงตรงนี้ ลูสวินอี้ก็เงียบไป เห็นชัดวาคิดถึงหูเปยวและรูสึกเศรา แตสักพักก็ไดยิน
เขาพูดขึ้น
“ผูที่อยูบริเวณถนนหมิงฝู มีแตผูสูงศักดิ์ฐานะร่ํารวย เกือบทุกบานสามารถแสดง
อํานาจในทองพระโรงไดทั้งนัน้ เราจึงไมสามารถชี้ชัดลงไปวามีเพียงบานเดียวหรือกี่บาน
ที่หนุนหลังพวกเขาอยูลับๆ นี่พูดแคเพียงเขาซางชิงเทานั้น เจาคิดดูยังมีสํานักเตาอีกรอย
แปดแหง ที่เหลาขุนนางสนิทสนมดวย เมื่อยังมีขุนนางเหลานี้อยู ราชสํานักยอมไม
ตัดสินใจแตะตองสํานักเตา”
“อืม ถาฝาบาทตัดสินใจเพียงลําพัง ราชสํานักตองยุงวุนวายแน!” อาจิ่วพยักหนา
“ไมใชแคนั้น! แมฝาบาทไมออกเสียง แลวใหทานอองลงมือก็ไมได! ถึงตอนนั้นเหลา
ขุนนางจะบีบใหฝาบาทหันมาตอกรกับทานออง อางวาเพื่อความสงบของประเทศ และ
ไมวาฝาบาทจะสามารถรับความกดดันไดหรือไม เรื่องนี้ก็จะทําใหเกิดความผันผวน
ตามมามากมาย เชน กองกําลังแนวหนาของโจรถอยหลินไมสามารถนั่งรอความตาย
ตองฉวยโอกาสสรางความไดเปรียบโดยการเติมเชื้อไฟ พอบารมีฝาบาทถูกลบหลู
ประเทศก็เตรียมพินาศ! ตอนนี้สิ่งที่ทําใหเราตานคนเถื่อนได มีเพียงความเปนหนึ่งเดียว
ของตาเซี่ยเทานั้น เปลี่ยนใครขึ้นมาครองราชยก็เหมือนกัน หากการเมืองภายในยังไมนิ่ง
ก็เพียงพอที่จะทําลายชาติได บวกกับศัตรูแข็งแกรงเขาประชิดชายแดน การลมสลาย
ของประเทศชาติจึงมิใชเรื่องลอเลน”
ลูสวินอี้พูดพลางขมวดหัวคิ้วเขาหากัน
“อืม ตองตัดความสัมพันธระหวางเหลาขุนนางกับสํานักเตากอน!” อาจิ่วพูดเสียงขรึม
“ขุนนางเกือบทั้งหมดใครบางขาวสะอาด ใครบางไมมีความสัมพันธกับสํานักเตา
เลย? เราจะสังหารพวกเขาทั้งหมดไดหรือ ทวาคนเหลานี้ก็ใชวาจะเปนสุนัขรับใชสํานัก
เตาทั้งหมด เพียงมีผลประโยชนรวมกันเทานั้น พวกเราจึงจําเปนตองเชือดไกใหลิงดู ให
พวกเขารูซึ้งถึงความหมายที่แทจริงของธรรมชาติที่วา สรรพสิ่งยอมมีขึ้นมีลง
เชนเดียวกับสํานักเตาที่ไมมีวันอยูยั้งยืนยง ตอนนี้สถานการณเปลี่ยนแลว ยามเผชิญหนา
กับจวนหมิงอองเราหรือวิกฤตการณใดๆ สํานักเตาไมเพียงมิใชฟางเสนสุดทายของพวก
เขาอีกตอไป ในทางกลับกันอาจขายพวกเขาเพื่อความอยูรอดของตนเองก็เปนได เมื่อ
ตองเผชิญหนากับทานอองและสํานักเตาซึ่งเชื่อถือไมได มิสูพึ่งพาราชสํานักดีกวา!”
ดวงตาลูสวินอี้เปลงประกาย
“ตอนนี้ทานมั่นใจวาสามารถทําใหเขาซางชิงกลายเปนไกใหเชือดแลวหรือ?” อาจิ่ว
สีหนาจริงจัง
ดําเนินการมามากมาย ถึงเพิ่มความกดดันใหชงเสวียนอีก ก็คงคาดหวังอะไรไมได
มาก เพียงตองการใหขุนนางซึ่งใหที่กบดานแกปรมาจารยเขาซางชิงในวันนัน้ ปรากฎตัว
ขึ้น
ดูไปแลวเหมือนมีเปาหมายที่ไมใหญโตนัก แตในความเปนจริง ถาไมสามารถทําลาย
รากลึกของเขาซางชิง พวกเขาก็ไมมีทางยอมจํานนไดงายๆ ดังนั้นตั้งแตวันที่หูเปยว
เสียชีวิต และพวกชงเสวียนรีบรุดมา ลูสวินอี้จึงตองทําใหพวกเขาเห็นแนวคิดที่เฉียบขาด
ชนิดไมจําเปนตองพูดมาก นอกจากความเปนตายของทั้งสองฝายแลว ไมมีหนทางที่สอง
ใหเดินอีก
ซึ่งจวนหมิงอองยอมไมกลาบุกเขาซางชิง เรื่องนีพ้ ูดกันแตในบานได
ทวาสายตาของผูคนภายนอกมิใชเชนนี้ ตั้งแตหมิงอองกลับสูยุทธภพ เขากลัวผูใด
หรือไม?
ไฉนตองยําเกรงผูใด?
ใครกลาเดิมพันกับอุปนิสัยแข็งกราวของเขา ตอนนี้ใครไมรูบางวา แรกเริ่มเดิมที
ขนาดแมทัพที่ฝาบาททรงเชื่อใจอยางเฉินไมรบ หมิงอองบอกฆาก็ตองฆา
นับประสาอะไรกับเขาซางชิง กลาหรือที่จะบอกวาหมิงอองไมกลาแตะตองพวกเขา?
ไมกลาแตะตอง แลวชีวิตของสองปรมาจารยกับลูกศิษยเหลานั้นตายอยางไรละ?
ตอนนี้เงื่อนไขเดียวที่พวกเขากอดอยูก็คือ เขาซางชิงมีจอมยุทธ คนของสํานักเตา
ใครกลาดูหมิ่นการฝกตนจนหลุดพนบาง?
เปนไปไมได! พวกเขาไมเชื่อ และไมอยากจะเชื่อ ดังนั้นจึงยังคงตอตานดวยการ
พยายามหาขอบกพรองของจวนหมิงอองที่วา แสรงแข็งแกรง กุเรื่องปลอมตบตา ทําให
ผูคนตื่นกลัว
นี่เปนการถวงเวลาการตอสู เพียงแตจวนหมิงอองอยูในทีม่ ืด เขาซางชิงอยูในที่แจง
ขาวที่ไดรับจึงไมเหมือนกัน!
“นี่ก็ผานมาพอสมควร ถึงเวลาของทานตูแลว!”
ตอน 265 ทานตูอ ําลา
“ศิษยพี่จะไปจากจวนอองหรือ?”
หลินซูอินลุกขึ้นยืนอยางตกใจ มองดูสีหนาอันสงบนิ่งของตูเวยเวยขณะกลาวลา
นางรูวาตูเวยเวยมาลี้ภัยในเมืองหลวงชัว่ คราว ดวยสถานการณในหมิงจูอันตราย
เกินไป และคิดมาตลอดวา ตูเวยเวยจะหลบอยูในจวนหมิงออง ไมคิดวาเพิ่งจะมาถึง นาง
ก็มาอําลาเสียแลว
ตูเวยเวยกลับยังสงบนิ่ง ยิ้มพลางแสดงความขอบคุณ
“ทานอองสามารถชวยขาใหหนีออกจากหมิงจูไดก็นับวาเมตตาแลว เมื่อมาถึงเมือง
หลวง ขายอมไมสามารถรบกวนไดอีก”
“แตวา...” หลินซูอินไดแตอาปากนอยๆ พลันไมรูวาควรพูดอะไรดี คิดรั้งนางไว แต
จะรั้งอยางไร ชักอยากทําตัวเปนนายของที่นี่ขึ้นมาจริงๆ
เดิมทีนางกับตูเวยเวยเคยเปนมิตรกันในทางเตา บวกกับตอนไปถึงหมิงจู ก็ไดรับการ
ตอนรับขับสูจากตูเวยเวย และยังเปนเพื่อนเดินทางซึ่งกันและกันมาจนถึงเมืองหลวง
อยางไรก็ตามนางก็ไมอยากเห็นเรื่องเกิดขึ้นกับตูเวยเวย
แมนางยังไมยอมใหตนเองเปนนายหญิงของจวนหมิงออง แตพอเงียบกันไปสักพัก
นางกลับเอยปากขึ้น
“ศิษยพี่ เมืองหลวงแมมิใชเขตยึดครองของศัตรู แตก็ไมใชที่ๆ ปลอดภัยนัก คน
เถื่อนก็ใชวาจะไมมีสายอยู ทานเพิ่งจะมาถึง ตอนนี้ยังไมคนุ สถานที่ หากถูกพบเห็นคงไม
ดีแน สํานักเตาเลื่องชื่อในเมืองหลวงแตละสํานักก็ลวนมีอิทธิพลทั้งสิ้น ทานออกไป
ตอนนี้ แมไมถูกคนเถื่อนพบ ก็เปนไปไดมากวาจะกลายเปนจุดสนใจของสํานักเตา
อยางไรก็ดีหากอยูที่นี่ไปกอนชั่วคราว รอจนมั่นใจแลววาปลอดภัยคอยไปก็ยังไมสาย
เมื่อมอไปสงทานมาเมืองหลวง ก็ยอมไมอยากเห็นทานเกิดเรื่องขึ้น แลวไหนเลยจะไม
อยากใหทานอยูในจวนหมิงอองเลา?”
ตูเวยเวยรูสึกผิดคาด ดวยไมคิดจริงๆ วาหลินซูอินจะรั้งนางไว แมเดินทางมาดวยกัน
ในรถมา แตทั้งสองก็คุยกันนอยมาก ในทางเตา การเคารพรุนพี่ยังคงเปนขอปฏิบัติอันดี
งาม
ตูเวยเวยขัดแยงกับสํานักตนสังกัด คิดวาหลินซูอินผูเปนทายาทแถวหนาของสํานัก
เตามาตรฐานชื่อดังนาจะเห็นวาไมเหมาะสม แมไมพูดตอหนา แตในใจนาจะไมชอบนัก
ทวาหลินซูอินกลับรั้งนางไวอยางจริงใจ ทําใหนางผิดคาดยิ่ง แตเมื่อพูดวาจะไปแลว
ก็ยังคงตองไป จึงยิม้ พลางวา
“ขอบพระทัยพระชายามากที่ทรงเปนหวง ขาแมอยูหมิงจูมานาน แตก็ใชวาจะไมมี
หนทางใดๆ ในเมืองหลวง ขาพอมีเพื่อนฝูงอยูบาง อีกทั้งการมาในครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องตอง
ทํา ซึ่งไมอาจรอชา!”
รั้งก็รั้งแลว กลอมก็กลอมแลว นาจะเปนเพราะเพิ่งรูจักกัน ทั้งสองอาจยังไมคุนเคย
กันนัก เมื่อตูเวยเวยไดตัดสินใจแลว หลินซูอินก็อับจนหนทาง ครุนคิดสักพัก จึงพยัก
หนา
“ก็ดี ในเมื่อศิษยพี่ไตรตรองอยางรอบคอบแลว ขาก็จะไมพูดมากอีก แมขาเองยังไม
รูวาสามารถอยูในเมืองหลวงไดนานแคไหน แตขอเพียงขายังอยูที่นี่ หากศิษยพี่มีเรื่อง
เดือดรอน ก็มาหาขาไดทุกเมื่อ”
ตูเวยเวยยกมือขึ้นคารวะแบบผูชาย ดวงตาทอประกาย พูดอยางจริงจัง
“พระชายาทรงเมตตา วันหนาหากผูแซตูสามารถ ตองคิดแทนคุณอยางสุดกําลัง”
หลินซูอินกลับไมแปลกใจกับทาทางของตูเวยเวย ตอนอยูหมิงจู นางเคยเห็นตูเวยเว
ยแตงกายเปนสตรี แตมีทาทางเชนบุรุษมาแลว ซึ่งนางไมสามารถทําได จึงไดแตประสาน
มือคารวะตอบแบบเตา กอนพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่ไมจําเปนตองทําเชนนี้ ตอนอยูหมิงจู ซูอ ินก็ยังตองใหศิษยพี่คอยดูแล จึง
สามารถรอดชีวิตมาได นับเปนบุญคุณอันใหญหลวง ตอนนี้ศิษยพี่มีภัย แตขากลับชวย
อะไรไมได พูดแลวนาละอายใจยิ่งนัก!”
ตูเวยเวยพลันเขาใจ หลินซูอินยังคงจดจําเหตุการณหลังถูกธนูทําราย วาไดพักรักษา
ตัวอยูที่บานของนาง แตอันที่จริงนางกลับรูสึกวา ตั้งแตตนจนจบ นางมิไดชวยเหลือ
อะไรหลินซูอินอยางจริงจังนัก ซึ่งแมเปนเพราะคําแนะนําของนางที่ทําใหไดพบกับมอไป
แตตอนนี้ นางไหนเลยจะไมรวู า ที่มอไปชวยหลินซูอินนั้น ไมเกี่ยวของอะไรกับตนเอง
แมแตสตางคแดงเดียว หากพูดขึ้นมาจริงๆ นางพากลุมคนไปหามอไป กลับทําใหสํานัก
เตาตองเดือดรอนหนักดวยซ้ํา!
วันนี้คําพูดนี้ของหลินซูอิน ทําใหนางรูสึกดีกับหลินซูอินมากขึ้น ทานตูโลดแลนใน
ยุทธภพมาครึ่งชีวิต สามารถใชสถานะของผูหญิงจัดการเรื่องราวในกลุมพรรคทั้งแงบวก
และแงลบ ยอมมีจุดที่ทําใหผูคนเคารพนับถือ
คุณธรรม คํานี้ทานตูไมเคยขาด หากใครมีบุญคุณกับขา ขายอมตองทดแทน!
อีกทั้งจวนหมิงอองตองการหลินซูอิน นางก็ตองการจวนหมิงออง ดังนั้นสุดทายจึง
ตัดสินใจวาตนเองควรพยายามอีกหนอย คอยกมหนาลง เงียบไปสักพัก แลวจึงเงยหนา
ขึ้น ยกมือคารวะอยางจริงจังอีกครั้ง
“พระชายา ผูแซตูกอนไป มีคําพูดบางอยางอยากบอกกับพระชายา เพียงแต...ไม
ทราบวาจะเหมาะสมหรือไม?”
หลินซูอินยิ้มพลางสายหนา แสดงใหเห็นวาไมถือสา
“หรือมีเรือ่ งอะไรอยากใหขาชวย? ศิษยพี่ไมตองเกรงใจ มีเรื่องก็พูดมาเถิด ไมมี
ปญหา”
ทานตูเงยหนาขึ้นแลวสายศีรษะเล็กนอย คลายมีทาทีลังเลใจ แตพอเห็นทาทางที่
จริงใจของหลินซูอนิ นางจึงเอยปากในที่สุด
“พระชายามีฐานะสูงสง ผูแซตูเปนเพียงสามัญชนคนธรรมดา เดิมทีไมควรพูดพลาม
ไรสาระตอหนาพระชายา แตเมื่อพระชายาทรงเมตตา ในใจผูแซตูจึงเกิดความคิด
บางอยาง ที่หากไมพูด จิตใจคงยากสงบยิ่ง และถาตอนนี้ไมพูด
พอจากไปแลวก็ไมรูวายังจะมีโอกาสไดพบพระชายาอีกหรือไม ดังนั้นถาผูแซตูพูด
อะไรไมถกู ทําใหพระชายาไมพอพระทัย ก็โปรดประทานอภัย คิดเสียวาผูแซตูพูดจา
เลอะเทอะเอง!”
“หือ?” หลินซูอินพลันตัวแข็งทื่อ สีหนาคอยๆ เครงขรึม นางรูสึกไดทันทีวาทานตู
มิไดมีเรื่องขอใหชวย แตมีเรื่องเกี่ยวกับตนที่อยากจะพูด และเรื่องนี้ก็คงหนีไมพน มอไป
บอกตามตรง นางไมอยากฟง และไมอยากไดยินคําวามอไปตรงหนา
พอเห็นทาทีของหลินซูอิน ทานตูก็รูวาตนเองปากมากแลว จึงไดแตถอนหายใจในใจ
ชางเถอะ เดิมทีตนเองก็ไมควรกังวลเรื่องนี้ และไมควรทําใหใครไมสบายใจ
พอคิดถึงตรงนี้นางจึงตัดสินใจกลาวลา
“พระชายา ผูแซตูเลอะเทอะเอง พูดมากชั่วขณะ ลวงเกินแลว เมื่อเปนเชนนี้ ผูแซตู
ก็ขอลา วันขางหนายังอีกยาวไกล ขอพระชายาถนอมสุขภาพดวย”
วาแลวก็ยกมือขึ้นคารวะอีกครั้ง กอนหันกายเดินจาก
หลินซูอินมองตามแผนหลังของทานตูไป นางรูวาทานตูไมมีเจตนาราย ในน้ําเสียงก็
ฟงออกวาทานตูรูตัวดีวา หลังออกจากจวนหมิงอองแลว ไมสามารถรับประกันไดวาจะมี
ชีวิตรอดหรือไม และไมรูจะอยูไดอีกนานแคไหน
สายตาชะงักเล็กนอย เจตนาดีของทานตู เหตุใดจึงถูกตนเองมองเปนเรื่องรายไปได?
ฟงๆ ดูก็ไมนาจะเสียหายอะไร กมหนาเล็กนอย ในที่สุดก็เอยปากขึ้น
“ชากอนศิษยพี่!”
ทานตูหันกลับ เห็นหลินซูอินยื่นมือออก บอกใหนางนั่ง นางไมคอยเขาใจ ไดยิน
หลินซูอินพูดวา
“สถานะของขาในตอนนี้ คิดวาศิษยพี่คงรูอยูบ าง ผูสูงศักดิ์อะไรนั่น เปนเพราะศิษย
พี่ใจดีใหเกียรติขาเทานั้น ซูอินเขาใจดี ศิษยพี่ไมจําเปนตองคิดวาตนเองตอยต่ําถึงเพียง
นั้น”
พูดถึงตรงนี้นางก็ยกกาน้ําชาบนโตะขึ้น รินน้ําชาใหตนเอง มองดูน้ําชาไหลลงในถวย
พลางพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่อยากเตือนขาเรื่องมอไปใชหรือไม ไมเปนไร ขารูวาศิษยพี่หวังดีตอขา เชิญ
นั่งลงพูดเถิด!”
ทานตูจองมองนางแลวรูสึกไมพอใจตงิดๆ ก็จริง แตพอเห็นทาทีเชนนี้ของนาง กลับ
รูสึกวา ไมวาจะอยางไร ตนพูดเพราะเห็นแกที่หลินซูอินมีความจริงใจคิดชวยเหลือ แต
สุดทายแลวหลินซูอินจะฟงหรือไมนนั้ ก็ไมเกี่ยวกับตนแลว
จึงพยักหนา เดินกลับมานั่งตามคําเชิญของหลินซูอิน กอนพูดเสียงเบา
“พระชายา เรื่องของทานกับทานออง ผูแซตูเปนเพียงคนนอก แมเคยไดยินขาวลือ
มาบาง แตไมรูเรื่องราวลึกๆ ภายใน พูดอีกก็คือเรื่องสวนตัวของทานกับทานอองสองคน
ผูแซตูเปนคนนอกจะกลาพูดมากอยางไรได!”
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย “ศิษยพี่มิไดคิดพูดเรื่องนี้? ถาเชนนั้น...”
ทานตูยิ้มพลางสายศีรษะ
“ผูแซตูมาเมืองหลวงดวยกันกับพระชายา เพียงเห็นวาตลอดทางพระชายาเหมือนมี
เรื่องอะไรหนักใจ และมักใจลอย อีกทั้งยังพูดคุยกับอาจิ่วนอยมาก พอกลับเขามาในจวน
ก็ไมคอยไดถามไถเรื่องทั่วไป เปนเพราะทานเพิ่งออกจากสํานักเตาไดไมนาน เรื่องทาง
โลกอาจรูสึกวายังไมคุนเคยมากนักใชหรือไม?”
“หือ?” หลินซูอินตะลึงงัน จึงหัวเราะออกมาเบาๆ นางเขาใจแลว
เรื่องของนางกับมอไป ผูคนตางรูกันอยางงูๆ ปลาๆ มานานแลว นางไมเชื่อวาตูเวย
เวยจะไมรูสถานะจริงๆ ของนางในตอนนี้ พูดก็พูด ตูเวยเวยพูดออมไปออมมาเชนนี้
จริงๆ แลวก็ยังคงเปนเรื่องนั้น คิดๆ แลวก็ยกถวยน้ําชาขึ้น พลางพูดเสียงเบา
“อาจมีบางนิดหนอย ที่ศิษยพี่จะพูดก็คือเรื่องนี้หรือ?”
ทานตูพยักหนากอนวา
“พระชายาก็รู ผูแซตูกอนหนานี้เคยเปนศิษยสํานักเตา ขณะเดียวกันก็บริหาร
จัดการกลุมเยาวชนไปดวย จึงมีประสบการณกับเรื่องทํานองนี้พอควร ดังนั้นวันนี้จึง
อยากบอกพระชายาวา อาจมีบางคนที่คิดจาบจวง หากทานรูสึกวาไมถูกตอง ก็ควรลอง
ฟงเหตุผลดูกอน หากมีคุณประโยชนตอทานก็ถือวาเปนเรื่องดี”
“ศิษยพี่เกรงใจแลว!” หลินซูอินพยักหนารับโดยไมคัดคาน
“พระชายาก็รู ผูแซตูเขาสํานักหวงไดอยางไร?” ทานตูเปดหัวเรื่อง
เรื่องนี้หลินซูอินไมรูจริงๆ จึงสายหนา
“เคยไดยินมา ปนั้นศิษยพี่มีพรสวรรคล้ําเลิศ จึงถูกสํานักหวงเพงเล็ง พาเขาสํานัก
ฝกวิชาแตเยาววัย เพียงไมกี่ปก็ประสบความสําเร็จอยางโดดเดน จนไดรับเสียงชื่นชม
จากศิษยรวมสํานักมากมาย”
“พระชายาชมเชยเกินไป ผูแซตูไหนเลยจะกลาพูดเรื่องพรสวรรคตอหนาพระ
ชายา!”
ทานตูกลับสงบนิ่ง กอนพูดตอ “ปที่ขาเขาสํานักหวง นับวาอายุยังนอยจริงๆ วาแลว
ขาก็เคยไดยินเรื่องตอนพระชายาเขาเปนศิษยสํานักเตา แตไมรูวาจริงเท็จอยางไร”
หลินซูอินมองดูตูเวยเวย เห็นแววตานางสงบนิ่งสุดจะเปรียบ ไมมีวี่แววหลบสายตา
จึงพยักหนา
“ไมทราบวาที่ศิษยพี่ไดยินมาคือเรื่องใด?”
“นาจะเปนขาวลือ เพียงแตมีชวงหนึ่งที่ลือกันเกินจริง...บอกวาหลังจากที่ทานสมรส
แลว ก็รีบทําพิธีเปนศิษยเขาซางชิง เพราะไมพอใจในชีวิตสมรส คิดจะใชชีวิตอยางสงบ!”
น้ําเสียงของทานตู แสดงใหเห็นวาลังเลอยูสักพักกอนพูด
ขาวลือเชนนี้ หลินซูอินไดยนิ มามากพอสมควร คําพูดทานตูนับวาใหเกียรตินางมาก
ขาวลือที่วา นางมีใจใหเหมยจื้อเฟง กระทั่งมีอะไรกันแลวจึงรีบเขาเปนศิษยเขาซาง
ชิง ก็มีอยูไมนอย
“ปนั้นขาไปเขาซางชิงอยางกะทันหันจริงๆ จึงเลี่ยงไมไดที่จะถูกคาดเดาไปตางๆ
นาๆ”
หลินซูอินยังนับวาสงบนิ่ง
ตอน 266 ไมรูวาควรหรือไมควรพูด
ทานตูเห็นสีหนานางแลวจึงพยักหนา
“คนมีความสามารถลวนผานการเคี่ยวกรํา” กอนพูดตอ
“ปนั้น พรสวรรคอันนาทึ่งของพระชายาทําใหคนบางคนอิจฉาตารอน ปลอยขาวลือ
ออกมาทําราย นี่ก็ไมใชเรื่องแปลก แตขออภัยที่ผูแซตูพูดอยางตรงไปตรงมา ตอนนี้พอ
มองการสมรสของพระชายา ที่จูๆ ก็เขาเปนศิษยเขาซางชิง นาจะมีเหตุผลที่ไมอยากให
ผูคนมากมายรับรูอยู”
หลินซูอินคิ้วกระตุก มองตูเวยเวยนิ่งโดยไมพูดจา
นางไมรูวา จริงๆ แลวตูเวยเวยตองการพูดอะไรกันแน กําลังจงใจสืบถามสถานะของ
นางหรือ?
หนาตาตูเวยเวยดูออนโยน สงางาม ดวงตาใสกระจาง เมื่อเห็นหลินซูอินขมวดคิ้ว
เล็กนอยก็รูแลววากําลังคิดอะไรอยู
บอกตามตรง เดิมทีทานตูมิใชคนชอบพูดจาออมคอม ที่ผูคนเรียกวาทานตู นอกจาก
ใหความเคารพแลว ยังเปนเพราะนางมีลักษณะการทํางานและทาทางที่ไมดอยไปกวา
ผูชาย
ซึ่งการยุงเรื่องชาวบานยอมมิใชปกติวิสัย และนางก็ไมชอบดวย แตครั้งนี้เปนเพราะ
สํานึกในบุญคุณและตองการตอบแทนเทานั้น
“พระชายา ผูแซตูกําลังจะบอกวา อาจเปนเพราะตอนผูแซตูเขาเปนศิษยสํานักเตาก็
เคยตกอยูในสภาวะคลายๆ กับทาน ซึ่งไมเพียงมิไดเปนอยางที่คนนอกมอง ยังรูสึกอึดอัด
ใจที่ไมเปนตัวของตัวเองดวย!”
ทานตูพูดออกมาตรงๆ แลว
“หือ? อึดอัดใจ?”
หลินซูอินคิดไมถึง แตนางก็ยังไมคอยเขาใจทานตู ความจริงเรื่องการเขาบําเพ็ญ
เพียรในสํานักเตา ยอมเปนเรื่องที่ดีในสายตาผูคน จึงถามขึ้น
“ศิษยพี่หมายความวาอะไร?”
ทานตูยกถวยน้ําชาขึ้น แตไมไดดื่ม เพียงมองดูน้ําชาในถวยสักพัก แลวคอยๆ พูด
“บานตระกูลตูบริหารจัดการธุรกิจกลุมอิทธิพลมาแตบรรพบุรษ...”
ทานตูมิไดตอบคําถาม แตกลับพูดถึงกลุมเยาวชน
หลินซูอินไมเขาใจ แตก็ไมรีบ นางรูวาที่ทานตูพูดเรื่องเหลานี้ เพราะอยากบอกอะไร
กับนาง
แมนางคิดวาพูดตรงๆ ก็ได แตพอคิดในทางกลับกัน เรื่องของนาง ลวนเปนเรื่อง
ละเอียดออน เกี่ยวของกับหมิงออง และยังเกี่ยวของกับสถานะพระชายา ยอมมิใชเรื่องที่
คนทั่วไปจะวิพากยวิจารณอยางตรงไปตรงมาไดงายๆ
“แตแลวบานขาพลันเกิดไฟไหม ที่ขารอดมาไดก็เพราะทานอาทานหนึ่งเสี่ยง
อันตรายฝาเปลวเพลิงอุมขาออกมา สวนคนอื่นๆ ในบานนอกจากพี่ชายขา ลวนแลวแต
เสียชีวิตในเปลวเพลิง ตอนนั้นขาเพิ่งอายุไมถึงสิบขวบ”
ทานตูเลาเรื่องของตนเอง
หลินซูอินไมคิดวาศิษยพี่ที่นั่งอยูตรงหนา จะมีชีวิตในวัยเด็กที่รันทดเชนนี้ จึงไมรูวา
ควรพูดอะไรดี ไดแตปลอบโยนเสียงเบา “ศิษยพี่ ขาเสียใจดวย...”
“ไมเปนไร เรื่องผานมาหลายปแลว”
ทานตูมิไดแสดงความเศราเสียใจออกมา บุคลิกภาพยังดูเบาสบายเหมือนเคย
ตอนนี้หลินซูอินพลันเขาใจแลววา การที่สตรีนางหนึ่งถูกเรียกขานวา ‘ทานตู’ เปน
เพราะบุคลิกที่สงบนิ่งและเยือกเย็นยามเผชิญหนากับเรื่องราวตางๆ นี่เอง ซึ่งใชวาคน
ทั่วไปจะทําได
“กลุมเยาวชนเปนกิจการของบานตระกูลตู ไมวารุนไหนหัวเรือใหญตองแซตูเทานั้น
ดังนั้นพี่ชายคนเดียวของขาที่ยังมีชีวิตอยู แมอายุยังนอย ก็ตองกาวขึ้นเปนหัวหนาพรอม
บารมีเปยมลน”
ทานตูยังคงพูดเรื่องของนางตอดวยสีหนาสงบนิ่ง “แตคิดไมถึงวา พี่ขารอดชีวิตจาก
เปลวเพลิงมาไดอยางยากเย็น แตกลับกุมอํานาจในกลุมเยาวชนไดไมนาน ก็ตองจบชีวิต
ลงอยางกะทันหัน”
หลินซูอินขยับริมฝปาก แตสุดทายก็มิไดพูดปลอบโยนอีก สีหนาทานตูบอกนางวาไม
จําเปน
“หลังพี่ชายขาเสียชีวิต ก็พลันไมมีบุรุษแซตูที่ตองสืบทอดตําแหนงหัวหนากลุม
เยาวชนตอ ขาก็แซตูเชนกัน เพียงแตเปนเด็กหญิง เดิมทีเปนไปไมไดที่จะใหขารับชวงตอ
แตกลุมอิทธิพลที่ใหญโตยอมตองมีหัวหนา และไมเคยใหผูใดที่มิไดแซตูดํารงตําแหนงมา
กอน จึงเปนครั้งแรกที่คณะกรรมการผูอาวุโสเขากุมอํานาจ ภายในคืนนั้น พี่นองรวม
สาบานที่รวมเปนรวมตายกันมากลับเริ่มแยงชิงอํานาจในทุกวิถีทาง และการตอสูกันของ
พวกเขาก็ทําใหคนในกลุมเยาวชนทุกระดับชั้นสับสนไปหมด ทุกๆ คืน หมิงจูทั่วทั้งเมือง
ตองเกิดเหตุการณนองเลือดที่ ทําใหผูคนหวาดผวาไมหยุด”
หลินซูอินเกิดความรูสึกรวมในจุดๆ นี้ การที่นางตองมีสภาพเชนทุกวันนี้ ที่สุดแลวก็
มีสาเหตุมาจากการแยงชิงอํานาจมิใชหรือ?
“แตไหนแตไรมา การแยงชิงอํานาจมักมีแตความโหดรายทารุณ!”
อารมณของนางดําดิ่งลง แตฟงถึงตรงนี้ หลินซูอินก็เดาตอนจบของเรื่องได และรู
แลวววาทานตูมิใชผูที่มาจากครอบครัวธรรมดา แตก็ยังไมรูวาที่ทานตูเลาเรื่องเหลานี้ให
นางฟงหมายถึงอะไรกันแน จึงยังคงพูดเสียงเบา
“ดังนั้นสุดทายเมื่อขมกันไมลงโดยไมมีใครยอมใคร พอเห็นวาเรื่องชักจะบานปลาย
ใหญโต จึงเห็นดวยอยางพรอมเพรียงกันที่จะยกใหทานเปนหัวหนา”
ทานตูพยักหนา มุมปากที่ปรากฏรอยยิ้มมาตลอดคลายเพิ่มความลึกซึ้งขึ้น ขณะที่
น้ําเสียงของนางออนโยนลงเรื่อยๆ
“ตอนนั้นผูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเปนหัวหนามากที่สุดมีอยูดวยกันสามคน
พวกเขาลวนเปนพี่นองรวมเปนรวมตายของบิดาขามากอน และเปนผูอาวุโสที่มีบารมี
สูงสุดในที่ประชุม แตหนึ่งในนั้นก็คือทานอาที่ชวยขาออกมาจากกองเพลิง ซึ่งไมไดแยง
ชิงอะไรกับเขา ที่แยงชิงกันอยางดุเดือดคืออีกสองทานที่เหลือ โดยทั้งสองมีอิทธิพล
อํานาจในที่ประชุมพอๆ กัน และไมสามารถตัดสินแพชนะกันไดในเวลาอันสั้น อีกทั้ง
พวกเขายังกระทําการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งผูอาวุโสหลายทานในกลุมเยาวชนตอง
เสียชีวิตลงอยางตอเนื่องจากเกมการชิงอํานาจนี้ ซึ่งทานอาขาก็ยังตองวางตัวลําบาก
ดวยทั้งสองฝายตางก็บีบใหสนับสนุนตน”
ทานอาที่นางพูดถึงยอมเปนผูอาวุโสฉี
ผูอาวุโสฉีเปนสหายที่บิดาตูเวยเวยสนิทสนมที่สุด เขาเปนผูที่มีคุณธรรมสูงสง ไมคิด
แยงชิงตําแหนงจากคนตระกูลตูในขณะที่สหายเพิ่งกลายเปนเถาถานไดไมทันไร ถึงจะรู
วาตระกูลตูไมมีใครแลวก็ตาม
แตการไมแยงชิงของเขา กลับทําใหเขาอยูไมได เพราะไมวาเขาจะสนับสนุนใคร ก็
จะเปนการลบหลูอีกคนหนึ่ง ขอหนึ่ง ทั้งสองลวนเปนพี่นองที่กอดคอเปนตายกันมา เขา
ไมสามารถเลือกได ขอสอง เขาไมใชคนโง ไมวาสนับสนุนใคร ผลสุดทายลวนไมมีจุดจบ
ที่ดีทั้งสิ้น
เพราะผูแพตองโกรธแคนเขาอยางถึงที่สุด สวนผูชนะก็ตองหวาดระแวงในบารมีของ
เขา เปนไปไดสูงที่จะสังหารเขาหลังขึ้นสูอํานาจ ดังนั้นไมวาสนับสนุนใคร จุดจบของเขา
ก็ไมสวยงาม
หลินซูอินฟงถึงตรงนี้จึงเขาใจ “ดังนั้นทานอาของทานจึงคิดทางเลือกขึ้นมาอีกหนึ่ง
ทาง คือใหทานเปนหัวหนาแทนหนึ่งในสองผูอาวุโส”
ทานตูยิ้มพลางพยักหนา “พระชายากลาวถูกตอง ตอนนั้นผูอาวุโสหลายทานในที่
ประชุม แมแตผูที่ตัดสินใจเลือกขางแลว ก็ลวนพบวาสถานการณเริ่มควบคุมไมได ถา
ปลอยใหเปนเชนนี้ตอไป กลุมเยาวชนตองแตกแยกแน กระทั่งชีวิตของพวกเขาเองก็ยัง
ไมรับประกันวาจะปลอดภัย สามารถถูกอีกฝายลอบสังหารไดทุกเมื่อ และในสถานการณ
เชนนี้ ทานอาขาจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกเสนอใหขาเปนหัวหนา ซึ่งผิดคาดที่ไมถูก
ตอตานมากมายนัก แมทั้งสองทานที่แยงอํานาจกันอยูจะไมยินยอม แตที่ประชุมมี
อํานาจมากกวา พวกเขาจึงอับจนหนทาง บวกกับทางการไดยื่นคําขาดไมใหกลุมเยาวชน
เขนฆากันอีก เพื่อความสงบสุขในพื้นที่ ที่สําคัญก็คือ ทั้งสองฝายไดมาถึงจุดที่เริ่มไมมี
ความมั่นใจวาสุดทายจะชนะหรือไม จึงคิดวาสงบศึกชั่วคราวนาจะดีกวา หลังวางแผน
ประนีประนอมกันแลว คอยลงมือก็ยังไมสาย อีกทั้งขาก็เปนเพียงเด็กนอยที่ไม
ประสีประสา ไมมีทางคุมพวกเขาไดหรอก ดังนั้นเด็กสาวอายุไมถึงสิบสามอยางขาจึงขึ้น
สูตําแหนงจนได”
พูดถึงตรงนี้ ทานตูก็เงยหนาขึ้นมองหลินซูอิน
“พระชายา ทานรูหรือไมวาขารูรายละเอียดตางๆ เหลานี้เมื่อไร?”
หลินซูอินสายศรีษะ
ทานตูหัวเราะแลววา “คืนกอนวันที่ขาจะเขาพิธีรับตําแหนงหัวหนาใหญ ทานอามา
หาขา และเลาเรื่องทั้งหมดใหเด็กอยางขาฟง ตอนนั้นขาจึงปฏิเสธตําแหนงทันทีโดยไม
ตองคิด เพราะขากลัว แมขายังเด็ก แตก็อายุสิบสองสิบสามแลว หลังพี่ชายขาเสีย ขาก็
เคยไดยินเรื่องราว ที่วาพี่ชายขาถูกลอบสังหารก็เพราะเปนหัวหนากลุมเยาวชน พอได
ยินวาพวกเขาจะใหขาเปน ขาที่หันไปทางไหนก็ไมเห็นใคร ไหนเลยจะกลา?”
หลินซูอินคิดๆ ดูก็อดไมไดที่จะรูสึกวา เมื่อเทียบกับตนเองแลว ชะตากรรมของทาน
ตูอเนจอนาถกวายิ่งนัก ดีที่ตอนตนเองยังเด็ก ไดกินดีอยูดี ไมมีอะไรใหตองหวงกังวล
“แตขากลับปฏิเสธไมได พอเห็นขาไมยอม ทานอาก็บอกเรื่องทั้งหมดกับขา และพูด
อยางไมปกปดดวยวา ถาขาไมเปนหัวหนา ขาตองถูกฆาตาย เพราะคนตระกูลตูมีบารมี
สูงมากในกลุมเยาวชน และเหลือเด็กสาวอยางขาเพียงคนเดียว
ตองถูกถอนรากถอนโคนอยางแนนอน โดยเฉพาะภายใตสถานการณที่ผูอาวุโสในที่
ประชุมลวนสนับสนุนขาอยางพรอมเพรียงกัน ถาตองการทําใหคนกลัว พวกเขาไมมีทาง
ที่จะรอใหขาเติบใหญ จึงมีเพียงการเปนหัวหนาเทานั้น ที่อยางนอยก็ทําใหขาอยูตอไปได
อีกระยะ”
สีหนาทานตูไมเปลี่ยนแมแตนอย ยังถามขึ้นอยางผอนคลาย
“พระชายา ทานตองคิดไมถึงแนๆ วาวันนั้นทานอายังพูดกับขาอีกวา เขาจะ
พยายามปกปองขาอยางสุดความสามารถ ถาขาพยายามอยูตอใหผานไปอีกไมกี่ป รอจน
ขาอายุสิบหาสิบหก สามารถมีบุตรไดแลวนั้น เขาก็จะรีบชวยขาเลือกเจาบาว จากนั้นก็
ใหขารีบคลอดบุตร เชนนี้เมื่อถึงเทศกาล บานตระกูลตูก็จะมีคนคอยจุดธูปไหวบรรพชน
แลว!”
นาทีนี้ หลินซูอินรูสึกตกใจจริงๆ
ใครก็ตามที่ไดยินคําพูดนี้ ยอมยากที่จะสงบใจได
จะใหจินตนาการอยางไรวา เด็กสาวสิบสองขวบที่ไมเหลือใครในครอบครัว พอได
ยินคําพูดที่โหดรายทารุณเชนนี้แลว จะรูสึกหวาดกลัวและหมดหวังเชนไร
อยางนอยหลินซูอินแนใจวาตนไมสามารถรับสภาพเชนนี้ได นางคิดไมออกวาจะเอา
ความกลาที่ไหนยืนหยัดอยูอยางเขมแข็งตอไป
หลินซูอินมองศิษยพี่ที่นั่งอยูต รงหนาดวยดวงตาแดงระเรื่อ
ทวาทานตูผูผานอุปสรรคขางตนมาแลวทั้งหมด ยังมีสีหนาคงเดิม ยังถือถวยน้ําชา
ในมืออยางผอนคลาย ใบหนานางออนโยนมาก บุคลิกตลอดทั้งรางชางงามสงาและใส
สะอาดยิ่ง
ตอนนี้เวลานี้ หลินซูอินยากที่จะมองเห็นความระทมขมขื่นบนใบหนาทานตู ราวกับ
วาเรื่องทั้งหมดผานไปแลวจริงๆ ก็แคอดีตที่ผานไปแลวแคนั้น
“ทาน...” หลินซูอินรูสึกวาตนควรจะพูดอะไรเสียหนอย แตกลับไมรูวาควรจะพูด
อะไร
ถึงตอนนี้ นางพลันไมคิดแลววาทานตูพูดเรื่องเหลานี้กับนางทําไม
“สุดทายขาจึงรับปากทานอา วันตอมา ตอหนาผูอาวุโสทั้งหลาย ขาไดจุดธูปให
บรรพบุรุษ และดํารงตําแหนงหัวหนาใหญแหงกลุมเยาวชน” น้ําเสียงทานตูผอนคลาย
ลงเรื่อยๆ
หลินซูอินอยากถามจริงๆ วา นางในตอนนั้น เหตุใดจึงสามารถตัดสินใจไดอยาง
รวดเร็ว?
แตถาไมรับปากแลวจะเปนอยางไร?
ไมรับปากก็ตายนะสิ!
ตอน 267 ความยากลําบากกลายเปนตํานาน
กลับไปหนาเรื่อง
ทานตูเงยหนาสบตากับหลินซูอิน ระบายยิ้มบนใบหนา กอนถาม
“พระชายา ตอนนั้นหัวหนาใหญของกลุมเยาวชนในหมิงจู สําหรับผูคนทุกภาคสวน
กระทั่งคนจากทางการ ตางก็เห็นวาเปนตําแหนงที่นาชื่นชมยิ่ง สามารถควบคุมรัตติกาล
ของหมิงจูเกือบทั้งหมด ชางมีอํานาจใหญโตอะไรเชนนี้ แตกลับใหเด็กสาวที่ไมมี
คุณสมบัติสืบทอดอยางขามาสืบทอด ตอนนั้นคนสวนใหญบอกวาขาโชคดีมาก ทานละ
รูสึกอยางไร?”
หลินซูอินมองดูดวงตาแวววาวของทานตู ที่สุดแลวก็ถอนตัวออกจากเรื่องของทานตู
และดึงสติคืนกลับ
นางเขาใจแลววา ทานตูไมใชแคเลาเรื่องของตน ยังอุปมาอุปไมยกับสถานะพระ
ชายาของนางดวย
มิผิด นางในตอนนี้ ผูคนตางก็ชื่นชม
พูดไดวาตั้งแตหมิงอองปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ไมวาฐานอันดร สถานะ หรือ
ความสามารถ ทามกลางบรรดาชายหนุมยุคนี้ เกรงวายากนักที่จะหาใครมาเปรียบ
สถานะชายาหมิงอองในสายตาคนนอก ดูก็รูวาสูงสงขนาดไหน
บวกกับการไปหมิงจูในฐานะคนตระกูลหลินและผูสืบทอดเขาซางชิง สตรีในโลกนี้
ยังมีใครโชคดีไปกวาตนอีกเลา?
เหมือนทานตูในตอนแรกไมมีผิด ความสวยงามทั้งหมดปกปดความขมขื่นที่เกิดจาก
เรื่องราวอันนาหวาดหวั่นหลายอยาง ซึ่งตนเองลิ้มลองอยูเพียงผูเดียวมาตลอด
“ขาไมอยากเปนหัวหนาใหญ แตก็ตองเปน ทําอยางไรได?” น้ําเสียงทานตูยังคง
ออนโยนไมเปลี่ยน “ขาก็ไดแตเปนมันไป!”
ดวงตาหลินซูอินคลายมีแสงสวางวาบ แตก็ดับมืดลง สักพักจึงถามเสียงเบา “ไดแต
ยอมรับชะตากรรมหรือ?”
คําถามนี้นางเองก็รูสึกวาไรน้ําหนัก!
ชายาหมิงออง ผูคนในใตหลารูวาตนเปนพระชายาที่ถูกตองตามกฎหมายของหมิง
ออง แมตนตองตกตายไปในตอนนี้ สถานะหนาหลุมฝงศพก็ยังเปนชายาหมิงอองอยูด ี
อีกทั้งยังผานคืนนั้นมาแลว นางคอยๆ หลับตาลง นางไดเปนแลวตามความเปนจริง!
จะไมยอมรับชะตากรรมไดอยางไร? สามารถหนีไดหรือ?
“แนนอน ไมยอมรับชะตากรรม!”
นางคิดไมถึงวา ทานตูกลับตอบโดยแทบไมตองคิด
เสียงทานตูหนักแนนมาก ไมมีความลังเลแมแตนอย
หลินซูอินเบิกตามองใบหนาที่เพิ่งหุบยิ้มและแทนที่ดวยความจริงจัง ไมมีแววลอเลน
แตอยางใด จึงถามขึ้น
“ไมยอมรับชะตากรรม?”
“ไมยอม!” ทานตูย้ําอีกครั้ง แมน้ําเสียงมิไดสูงสงเชนเดิม แตคําพูดกลับมีน้ําหนัก
เพิ่มขึ้น “หากยอมรับชะตากรรม ขาคงไมไดมานั่งอยูตอหนาทานเชนนี้แน เกรงวาคงถูก
ดินกลบหนาไปตั้งแตเมื่อสิบกวาปกอนแลว และบุตรที่ขาคลอดตอนขาอายุสิบสี่สิบหาคง
ไดจุดธูปไหวขาจริง”
หลินซูอินยังไมเขาใจคําวาไมยอมรับชะตากรรมของนาง
“ศิษยพี่ ที่สุดแลวทานก็ยังเปนหัวหนาใหญของกลุมเยาวชนนี่?”
“หรือพระชายารูสึกวาขาไมควรเปน?” ทานตูถามกลับ
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย นี่เปนเรื่องควรเปนหรือไมควรเปนอยางนั้นหรือ นี่ถูกบังคับ
แบบอับจนหนทางชัดๆ
“บรรพชนขาเปนผูกอตั้งกลุมเยาวชน ตั้งแตรุนบิดาของปูเปนตนมา หัวหนากลุม
เยาวชนทุกรุนก็ลวนเปนคนตระกูลตู หัวใจและเลือดเนื้อของพวกเขาลวนอยูกับกลุม
เยาวชน ขาในฐานะทายาทคนสุดทายของตระกูลตู แมเปนสตรี แตใครบางที่มีคุณสมบัติ
เหมาะตอการเปนหัวหนาใหญไดดีไปกวาขา?”
ทาทีของทานตูตางจากเมื่อครู นางในตอนนี้ หรือก็คือทานตูในตํานานเลาขาน
นั่นเอง ผูซึ่งมีน้ําเสียงออนโยนแตแฝงความหนักแนน
“แตวา...”
หลินซูอินรูสึกวาหัวขอสนทนาของพวกนางเริ่มเบี่ยงประเด็น การพูดคุยกันกอน
หนาไมนาใชความหมายนี้ ทวาทานตูกลับหัวเราะ
“พระชายา นี่ก็คือขาเมื่อสิบกวาปกอน ซึ่งแตกตางจากขาในตอนนี้ ตอนนั้นขายอม
ไมคิดถึงปญหาที่วาขาควรเปนหรือไมควรเปน ไมผิด ชวงนั้นเปนชวงเวลาที่ผานไปอยาง
ยากลําบาก ขานั่งอยูที่เกาอี้ตัวนั้น มองดูผูอาวุโสทาทางดุรายเหลานั้นอยางนอบนอม
ยามที่พวกเขาจองมองขาพรอมรังสีฆาฟน ขาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด และคิดหนีไม
ต่ํากวาหนึ่งครั้ง กระทั่งคิดฆาตัวตายใหจบสิ้นไปดวยซ้ํา ขารับไมได และตานทานภาวะ
หวาดกลัวในใจอยางไมสิ้นสุดเชนนั้นไวไมไหว! ความรูสึกเชนนี้ไมมีใครสามารถชวยแบง
เบาได ตองแบกรับความทุกขทรมานดวยตัวเอง แตวันนี้ ความคิดของขาเปลี่ยนไปหมด
สวนใหญที่ขาคิดก็คือ ถายอนกลับไปดู หากพวกเขาไมบีบบังคับขา ขาก็ตองเปนอยูดี
เพราะกังวลในการรอดชีวิต ขอเพียงปนั้นขาไมตาย ชาเร็วขาก็ตองพยายามทําทุกวิธี
เพื่อที่จะนั่งอยูในจุดสูงสุดใหได แมตองเสี่ยงอันตรายมากกวานี้ขาก็ตองนั่ง เพราะเกาอี้
ตัวนั้นเดิมทีก็ไมเลว ขาเปนลูกหลานตระกูลตู ยอมมีสิทธิตามสมควร เหตุใดขาจะนั่ง
ไมได?”
หลินซูอินแววตาวูบไหว ใจเตนดุจสายฟาฟาด
นางไมรูวา ตนกําลังสับสนอะไร ไดแตสายหนาตามจิตใตสํานึก
“ไม ศิษยพี่ ปญหาไมใชเรื่องนี้ เมื่อครูที่เราพูดกันคือ...”
ทานตูคลายสัมผัสไดถึงความสับสนของหลินซูอนิ น้ําเสียงของนางจึงเปลี่ยนเปน
ออนโยนลง
“พระชายา ที่ขาตองการพูดก็คือเรื่องนี้!”
แววตาหลินซูอินวูบไหวอีกครั้ง จองมองทานตูนิ่ง ไมพูดจา
ก็คือเรื่องนี้?
คืออะไร?
ที่หลินซูอินไดยินไมใชตําแหนงหัวหนาใหญ แตเปนตําแหนงพระชายาหมิงออง
“ไม ไมเหมือนกัน!”
ที่สุดแลวหลินซูอินยังคงสายศีรษะ นางระบายลมหายใจออกจากปากยาวๆ กอนพูด
“ศิษยพี่ ขากับทานจริงๆ แลวไมเหมือนกัน ทานสามารถพูดกับขาวาควรหรือไม
ควรนั่งเกาอี้ตัวนั้น แตขาไมเหมือน แมแตพูดก็ยังไมควร!”
หลินซูอินไมเคยพูดความในใจกับใครมากอน นาทีนี้ คําพูดที่คลุมเครือเชนนี้ อาจ
เปนครั้งแรกที่นางเปดเผยความอึดอัดใจของตนตอหนาคนไดมากที่สุด
ทานตูขมวดคิ้วโดยไมรูตัว แตก็คลายออกโดยเร็ว
“เกาอี้อาจไมเหมือนกัน แตเหตุผลบางทีก็ไมซบั ซอนถึงเพียงนั้น เกาอี้ขาเปนมรดก
ตกทอด ของทานก็เปนไปตามกฎหมาย บางครั้งเจาของเองก็สับสน อยางขาในปนั้น
แรกเริ่มคิดอยูแตวาถูกบังคับจึงอยากหนี ขาไมควรยอมรับชะตากรรมเชนนี้ ขาไมไดทํา
อะไรผิด เหตุใดจึงตองเผชิญหนากับสภาวะที่นาเศราดวย เกาอี้ที่ทําใหขาตองแบกรับ
ความกดดันและความกลัวที่ไมสิ้นสุดตัวนี้
เหตุใดจึงตองใหขา ในเมื่อทุกคนตางแยงกัน ก็เอาไปเถอะ ขาไมเคยคิดแยงใคร ขอ
เพียงใหขา ไดอยูอยางสงบ ขอเพียงใหขาไมตองเผชิญหนากับคนเหลานี้ ขาก็พอใจมาก
แลว”
“ทวาเรื่องบางอยาง ก็เปนเชนนี้ มองปญหาในมุมที่แตกตาง วาแทจริงแลวทั้งหมด
เปนการเคี่ยวกรําที่ไมจําเปนตองยอมรับ และตอไปก็จะกลายเปนเรื่องไรความหมาย”
ทานตูชะงักเล็กนอย แตที่สุดแลวยังคงพูดตอ
“ปนั้นสิ่งที่ขาประสบพบทั้งหมด ตอนนี้ในสายตาคนนอกกลับกลายเปนตํานาน
ชวงหนึ่งของ ‘ทานตู’ ถาไมมีชะตากรรมนี้ ขาไมมีทางไดกลายเปนหัวหนาใหญที่มีบารมี
รุงเรืองมากสุดในประวัติศาสตรของกลุมเยาวชน ดังนั้นพระชายา ขาคิดวาเรื่อง
บางอยาง ความยากลําบากเหลานั้น จุดเปลี่ยนที่ยากยอมรับ กลับเปนเรื่องราวชวงหนึ่ง
ที่มีสีสัน เนื้อหาที่ยังดํารงอยูของมัน หลายปหลังจากนี้ เมื่อไดนึกถึง ก็จะไมรูสึกถึงความ
ทุกขทรมาน เพียงรูสึกถึงคุณคาของเรื่องราวในชวงนั้น และเพราะมีจุดเปลี่ยนเหลานี้ ก็
ยิ่งทําใหเรามีความทรงจําที่ดีเก็บไว”
หลินซูอินน้ําตาคลอหนวย นางขยับมุมปากขึ้นลง แตสุดทายก็มิไดพูดจาอะไร
มีคําพูดมากมายที่ไมสามารถพูดกับคนนอกได
นางไมใชคนโง เขาใจในสิ่งทีท่ านตูเตือน
แนนอนวาเกาอี้พระชายาตัวนี้ไมเลว แตแยที่คนทั้งสองตัดสินใจมองผาน
ความสัมพันธทางใจ
นางเคยเปนสาวรุนที่อยากแตงงานกับผูมีความรูความสามารถ
แตในตอนนั้น นางกลับรูสึกรังเกียจหมิงอองมาก ดั่งโบราณวาเกลียดอะไรก็ไดสิ่งนั้น
ผลที่สุดนางกลับตองแตงงานกับคนที่เกลียดอยางไมมีทางเลือก จนกลายเปนเรื่องตลก
ขบขันในสายตาผูคน
และตอนนี้นางยังถูกผูคน ‘อิจฉา’ ที่อาศัยเชื้อพระวงศขึ้นสูฐานะสูงสง
ถาเพียงเทานี้ก็คงไมเทาไหร แตเรื่องราวในโลกชางนาอัศจรรยยิ่ง คืนวันแตงงาน
กลับกลายเปนปมแคนที่ไมสามารถแกออกได
ทามกลางขาวลือหนาหู นางเดินทางไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ
สวนเขาหายสาบสูญไปทามกลางการตอสู
ความจริง เรื่องราวมากมายเหลานี้เปนเพียงพรหมลิขิตที่ผิดพลาด ไมสิ โชคราย
มากกวา
จนคิดวาความโชครายนี้คงทําใหนางอยูอยางเดียวดายไปจนแกเฒา สวนเขาก็คง
คอยๆ ถูกผูคนลืมเลือน
มนุษยมีความอดกลั้น สามารถเลือกที่จะไมพูดเรื่องบางอยาง แตก็ไมไดหมายความ
วาไมเคยคิด
ทานตูพูดวาเกาอี้พระชายาไมเลว นางสามารถนั่งได ก็ใช ทั้งถูกกฎหมายและถูก
ศีลธรรม เหตุใดจะนั่งไมได อีกทั้งยังเปนไปตามความอยากแบบสาวรุน ความเกงกลา
ของหมิงอองในตอนนี้ ไหนเลยจะแคมีความรูความสามารถ
ยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทําใหไมยอมนั่ง? ไมยอมจํานน?
เพียงแต สามารถยอมอยางไรได จํานนอยางไรได
ดวยสาเหตุหลายอยางหลอหลอมใหเปนเชนนี้ ความแคนที่เปยมลนของสองตระกูล
ที่อาจสงผลใหตองตายกันไปขาง ชนิดไมสามารถอยูรวมโลกกันได
สิ่งสําคัญคือ ทั้งสองลวนเปนคนหยิ่งทะนง
แมผลที่ยากยอมรับเหลานี้ จะกลายเปนชีวิตสมรสชวงหนึ่งที่มีสีสัน และสุดทายจะ
กลายเปนความทรงจําที่ควรคาแกการจดจํา
ทวาใครเลาจะสามารถกมศีรษะยอมรับ? มันทําไดงายขนาดนั้นเชียวหรือ?
นางมั่นใจวาตนเองตัดสินใจไมผิด ปนั้นคิดจะไปก็ไป ไมเคยคิดเสียใจ
และตอนนี้กลับมาเปนผูสูงศักดิ์อีกครั้ง ก็ไมคิดวาเปนเรื่องนาอับอาย หากตองการมี
ชีวิตอยู ก็ตองยืนหยัดตอสูกับเรื่องบางอยาง เกิดมาหยิ่งทะนง ไฉนตองนอบนอม?
“แนนอน ตอนนี้พอขาคิดถึงเรื่องที่ผานมา ก็มีความรูสึกเชนนี้ แตชวงแรกที่ประสบ
เหตุ กลับไมงาย”
เสียงของทานตูดังขึ้นอีกครั้ง “โดยเฉพาะหลังจากนั้น ตอนที่ขารูสึกวาตนเองรับไม
ไหวแลวนั้น ทานอาก็จูโจมใสขาอยางหนักอีกครั้ง บอกวา พี่ชายขาเสียชีวิตอยางผิดปกติ
ขามีแคนที่ตองชําระ จากเดิมทีที่ขาเริ่มรับไมไหว สุดทายกลับตองแสรงทําตัวนอบนอม
ใหกับคนที่ขามีความแคนดวย แสรงเปนหุนเชิดใหพวกเขา ตอนนั้นจิตใจขาย่ําแยมาก”
“แตจะใหทําอยางไรได? ถาขาละทิ้งทุกสิ่ง ก็ตองพายแพอยางราบคาบ หลังขาตาย
อยางนาอนาถ คนนอกก็จะพูดวา นาสงสาร แตขารูดีวา ที่สุดแลวจุดจบของขายอมไม
เกี่ยวของกับพวกเขา ทุกสิ่งทุกอยางของขาลวนไมเกี่ยวของกับพวกเขา จุดจบของขา
เกี่ยวของกับตัวขาเอง กระทั่งทานอาขา ก็ไมสามารถทําอะไรใหขาไดหลังขาตายจากไป
เขามีครอบครัวของเขา มีผลประโยชนของเขา เขาชวยเปนกําลังใจใหขาในทุกครั้งก็
นับวาไมเลวแลว”
“ขาจะใชชีวิตอยางไรนั้น อันที่จริงเปนเรื่องของตัวขาเอง ดีที่ขามิไดละทิ้งไป แต
กลับยิ่งอดทนอดกลั้น แมบางครั้งพวกเขาพูดถึงบิดาขาอยางหยาบคายตอหนาขา ขาก็
ตองอดทน ขาเริ่มตั้งใจเปนหุนเชิด หรือพูดไดวาขาเริ่มเรียนรูการเปนหุนเชิดที่ประสบ
ความสําเร็จ นี่ก็ไมใชเรื่องงาย ที่จะใหขายอมรับทั้งกายใจ แตกลับคิดไมถึงวา หลังจากที่
ตนเองยุงอยูกับการงาน ก็ไมมีเวลาไปคิดถึงสิ่งที่มีหรือไมมี จิตใจก็ไมเกิดความกดดัน
มากมายเหมือนเมื่อกอน ชีวิตในแตละวันจึงผานไปไดดวยดี ไมคิดหนีอีก แตเลือกที่จะ
เผชิญหนา”
“ไมวาสุดทายแลวขาจะไดใชชีวิตในอยางที่ขาตองการหรือไม จะลางแคนไดหรือไม
ขาก็ตองเดินหนาตอ
โดยไมคิดอะไรมาก ลงมือทําแลวคอยวากัน คอยๆ ทําไปทีละนอย ดังคําโบราณ
ที่วา เกิดเปนคนยอมไมอับจนหนทาง ขาจึงรอจนสํานักหวงมาหา!”
พูดถึงตรงนี้ น้ําเสียงของทานตูก็เริ่มไมหนักแนน จนเงียบไปพักหนึ่ง
สวนหลินซูอินนั่งฟงอยางเงียบๆ มาตลอดโดยไมมีปฏิกิริยาอะไร จวบจนพูดถึง
สํานักหวง นางจึงเพิ่งนึกขึ้นไดวา การสนทนาในครั้งนี้ แรกเริ่มเดิมทีพูดถึงสํานักเตา
นางจึงหันมองทานตู และพบวารอยยิ้มบนใบหนาทานตูหายไป
“เดิมทีสํานักหวงทําธุรกิจกับตระกูลตูมาโดยตลอด โดยตระกูลตูคอยเปนแมวมอง
หาคนมีฝมือปอนใหสํานักหวง ขายังเคยเขียนจดหมาย บอกเลาพรสวรรคของตนเองกับ
สํานักหวง โดยหวังใหพวกเขารับเขาเปนศิษย เพียงแตหลังจากบิดาขาเสียชีวิต ขาก็ไมได
ตามเรื่องตอ กระทั่งสหายของบิดาทานนั้นมาทําธุระที่หมิงจู และนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา...”
“สํานักเตาไมสามารถยุงเกี่ยวกับกลุมอิทธิพลในพื้นที่ แตการปรากฏตัวของขา ทํา
ใหสํานักหวงพลันมีขออางที่จะยุงเกี่ยวกับกลุมอิทธิพลในพื้นที่ การรับขาเปนศิษยไม
เพียงไมผิดกฎสํานัก ยังสามารถทําใหพวกเขามีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในสังคมผานสัมพันธอัน
แนบแนนกับกลุมเยาวชน สวนขาเมื่อไดแรงหนุนจากสํานักเตา ก็เทากับเพิ่มขีด
ความสามารถในการปองกันตัวเอง แมตองจายคาตอบแทนที่สูงลิบลิ่ว นั่นก็คือกิจการ
สืบทอดของบรรพชนตระกูลตู โดยนับแตนั้นมาไดกลายเปนกิจการสวนบุคคลของสํานัก
หวงตามคํารองขอ!”
ทานตูเลาถึงโฉมหนาที่แทจริงของสํานักหวงอยางตรงไปตรงมา ทําใหหลินซูอนิ
เงียบ
หลายสิ่งหลายอยางพลันไมเหมือนเดิมอีกตอไป เชนสํานักเตา เมื่อกอนเคยเปน
สถานที่ที่นางรูสึกวาเงียบสงบที่สุด แตตอนนี้ สํานักเตาในสายตานางกับสํานักเตาใน
ความเปนจริงคลายแตกตางกันมาก
มอไปเคยเปดกะลาครอบนี้ตอหนานาง ตอนนี้ทานตูก็พูดถึงอีก ปฏิกิริยาตอบสนอง
ของนางจึงไมแข็งกราวเชนเมื่อกอน นางเลือกที่จะเงียบ
เพราะการมาของชงเสวียนดวย ที่ทําใหนางเห็นกับตาในสิ่งซึ่งเมื่อกอนไมเคยเห็น
“แตขาก็ไมลังเลใจ นี่เปนทางเลือก เปนทางที่ขาตองเลือก ตองมีชีวิตรอดใหไดกอน
คอยทําอะไรตอ คิดทําการใดๆ ใหสําเร็จ จําตองจายคาตอบแทน ไมวาจะยากลําบากแค
ไหน หากไมยอม ก็ตองจายคาตอบแทนเชนกัน และผลของมัน ก็มีแตตนเองที่ตองแบก
รับไปตลอดชีวิต”
จบหัวขอสนทนา สิ่งที่ทานตูตองการพูด มาถึงตอนจบ
ทานตูพยายามอยางสุดความสามารถแลว นางลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นคารวะหลินซูอิน
“พระชายา เรื่องบางอยางไมยากอยางที่คิด เพียงเปลี่ยนมุมมองในการคิด หรือไม
ตองคิดอะไรมาก พวกเรามักมีเรื่องที่ตองทํามากมาย เชนตลอดการเดินทางในชีวิต ขา
ตองรอดชีวิต ตองแกแคน ตองปกปองกิจการทางบาน พอถึงตอนนี้ ตองเปนศัตรูกับคน
เถื่อน แตละเรื่องขาลวนมีเหตุผลที่ตองไปทํา ไหนเลยจะมีเวลาไปคิดวาสภาพขา
ในตอนนี้เหมือนสุนัขไรบาน ยากลําบากแคไหนที่ตองลี้ภัยออกจากหมิงจู ขาเพียงคิดแค
วา นี่เปนสิ่งที่ขาตองทําก็พอแลว แตยังคงเปนประโยคนั้น หากฟาไมเปนใจใหขา สักวัน
หนึ่ง วันที่หมิงจูฟนคืน ความยากลําบากนี้ก็จักกลายเปนตํานานที่รุงโรจนในชีวิตขาซึ่ง
ควรคาแกการถูกบันทึกไวในประวัติศาสตร และเมื่อวันนั้นมาถึง ขาก็ไมตองหวงเรื่อง
ชื่อเสียง ไมตองรับผิดชอบใดๆ! ขอทรงถนอมพระวรกาย หากมีโอกาสหวังวาเราคงจะได
พบกันอีก!”
ตอน 268 เขาวัง
“พระชายา รถมาเตรียมพรอม สามารถออกเดินทางไดทันที”
เสียงของอาจิ่วดังมาจากหนาประตู ทําใหหลินซูอ ินตื่นจากภวังค หันมองสํารวจ
รอบๆ ดวยความมึนงง เมื่อครูนางเพิ่งดิ้นรนออกจากความสับสนในใจ กลับเขาสูความ
เปนจริง
“ไปไหน?” หลินซูอินหันมองหนาประตู กอนถามตามสัญชาติญาณ
อาจิ่วที่อยูหนาประตูเหมือนถูกคําถามนี้ทําใหตะลึงงัน ผานไปสักพัก คอยตอบกลับ
“พระชายา ไดเวลาเขาวังเขาเฝาแลว”
เขาวัง?
ความสับสนจางหาย หลินซูอินหายใจเขาลึกๆ คอยๆ หลับตาลง ตอนลืมตาขึ้นจึง
กลับสูความสงบนิ่ง เงียบไปสักพัก คอยสงเสียงเบา
“ขารูแลว...”
พอกลับถึงเมืองหลวง ยอมไมสามารถอยูแตในจวนหมิงออง กระทั่งเสด็จพอเสด็จ
แมของสวามีก็ไมไปเฝา
พูดก็พูด หากเปลี่ยนเปนชายาขององคชายอื่นๆ ที่จากไปไกลและไมไดกลับวังมา
นาน เกรงวาพอถึงเมืองหลวง ก็ตองเขาวังเพื่อเขาเฝากอนเขาจวนตัวเองดวยซ้ํา
เชนนี้จึงเปนการแสดงความเคารพนบนอบตอองคจักรพรรดิและฮองเฮา เปนการ
บอกวาขณะที่นางอยูตางถิ่น นางรูสึกคิดถึงและผูกพันกับเสด็จพอเสด็จแมมากเพียงใด
นี่จึงจะถือเปนการแสดงความกตัญูจากใจจริง
ทวาเห็นชัดวา จวนหมิงอองไมจําเปนตองแสดงอะไรเชนนีใ้ หเห็น และไมคิดที่จะทํา
ดวย เพียงทําอะไรแลวไมล้ําเสน ไมผิดตอกฎหมายก็พอ
อีกอยางไมวาจะแสดงออกอยางไร หมิงอองก็ไมสามารถทําตามความคิดของ
องคติ้งอูไดทุกเรื่อง ที่สุดแลวก็ไมสามารถสรางสถานการณแบบคุณพอใจดีคุณลูกกตัญู
ไดอยูดี!
รถมาจอดรออยูหนาประตูใหญของจวนหมิงอองแลว
และครั้งนี้ยอมไมเรียบงายเหมือนครั้งกลับจวน รถมาแมยังคงเปนรถมา แตมากลับ
มีสองตัว และเปนมาที่แข็งแรง สงางาม ขนยาวแวววาว
ตัวรถสีเหลืองสดใส สลักลายมังกรประดับหงส แมไมใหญโตโอฬารเทาขององค
จักรพรรดิ แตรถมาที่หรูหราเชนนี้ก็ไมคอยไดพบเห็นบนทองถนน
ขางรถมามีคนถือดาบ และคนถือบังเหียนยืนขนาบซายขวา ซึ่งกําลังใชสายตาอัน
คมกริบมองดูโดยรอบ ผูคนที่ผานไปมาเห็นก็ไมรูหรอกวาคนเหลานี้เปนองครักษ แตถา
หยุดยืนดูการกระทําของพวกเขา ก็ตองรูวาพวกเขาลวนเปนยอดฝมือ
ไมตองพูดถึงชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่กําลังเดินสํารวจที่นั่งคนกุมบังเหียนและรอบๆ
ตัวรถอยูหลายรอบ โดยวันนี้เห็นเขาสวมชุดที่แปลกตาออกไป เหมือนคนกุมบังเหียน
และผูที่จองมองมาบางคนจองอยูแตชายวัยกลางคนผูกุมบังเหียน เพราะชื่อของเขา
คือลูสวินอี้ ผูซึ่งไมนานมานี้เคยตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉีบนถนนหมิงฝูแหงนี้จนมี
ชื่อเสียงโดงดังไปทั่ว
และหางออกไปราวสิบกาว กลุมคนที่กําลังจองมองมาที่รถมาก็ใชยอย แมมีจํานวน
ไมมาก ราวสิบกวาคน ทวาแตละคนพกกระบี่สะพายอาวุธยิงธนู นั่งตัวตรงอยางสงบนิ่ง
อยูบนหลังมา
มองใหดีจะพบวาแทจริงแลวพวกเขามิใชใครอื่น เปนแมทัพและเหลาทหารฝมือดีผู
มีหนาที่คอยเฝาระวังอยูรอบจวนหมิงอองนั่นเอง ซึ่งดูจากทาทางแลว การเดินทางเขาวัง
ของพระชายาในครั้งนี้ พวกเขาก็ตองคอยอารักขาไปตลอดทาง
ยังไมตองพูดถึงเรื่องที่วาพระชายาไดรับความสนใจขนาดไหน เฉพาะขบวนเสด็จก็
เพียงพอที่จะทําใหคนธรรมดาสามัญที่ไมรูเรือ่ งรูราวอะไรมองออกวา นี่เปนการออก
เดินทางของผูสูงสงที่มิอาจลวงเกิน
เหตุการณไมมีอะไรวุนวาย ทุกคนตางเหลือบมองเปนระยะ ไปยังหนาประตูจวนที่
เปดกวางอยู รอเจานายเสด็จออก
แนนอนวาหลินซูอินตองปรากฏตัวออกมาโดยไมตองบังคับ วันนี้นางตองขึ้นรถมา
คันนี้ เพื่อเขาเฝาฝาบาทและฮองเฮา ไมวานางจะคิดอยางไร ผูคนในปฐพียังคงรูวานาง
คือชายาหมิงออง ถาวันนี้นางไมไป ก็จะไมใชนางเพียงคนเดียวที่ถูกติฉินนินทาวาไมมี
ความเคารพและความกตัญู แตเปนคนทั้งตระกูลหลินของนาง
แมนางพึ่งพาตนเองได แตบุตรสาวที่แตงออกไปอยางไรก็ถือวาเปนคนของอีก
ตระกูลดวย ถาตอตานและเนรคุณเขา ก็เสมือนไมไดรับการสั่งสอน เกรงวามิใชกระทบ
เฉพาะบิดา แตคนในตระกูลทั้งหมดก็ตองอับอายกันไปถวนหนา
ดังนั้นหลินซูอินไมเพียงออกมาแลว การปรากฏตัวของนางในขณะนี้ ยังมิไดแตงตัว
เรียบงายเหมือนกอนดวย นางสวมชุดหรูหรา สวมเครื่องประดับทองและหยก แตงหนา
ไดสงางาม เหมาะกับบุคลิก ซึ่งพอนางปรากฎตัวขึ้นที่หนาประตูก็กลายเปนจุดสนใจของ
ผูคนทันที
คิ้วโกงดั่งคันศรเลิกขึ้นเล็กนอย ดวงตาใสกระจางจองมองนิ่ง ทําใหผูคนรอบดานรีบ
กมหนาลง
ใชสิ ใครจะเชื่อวา ผูที่ตั้งอกตั้งใจแตงกายอยางพิถีพิถันและใสใจในทุกรายละเอียด
เพื่อเขาเฝาเชนนาง จะเปนหญิงสาวที่ไมอยากเปนชายาหมิงออง
ตองบอกวา ขางกายหลินซูอินไมมีสาวใชคอยชวยแตงตัวให นางจึงตองใชความ
ตั้งใจเปนอยางสูงในการแตงหนามวยผมดวยตัวเอง
คนทั่วไปดูไมรู มีเพียงนางเทานั้นที่รูวาตนเองรูสึกเศราและลําบากใจสุดจะเปรียบ
จึงไดแตนิ่งเงียบ
อาจิ่วยืนอยูดานหลัง หางจากนางไมไกล เมื่อเห็นนางยืนนิ่งที่หนาประตู ก็รูสึกรอน
ใจ กลัววาจะเกิดปญหาขึ้น จึงไมมีทางเลือก ไดแตกาวยาวๆ เขาไปยืนขางกายนาง หัน
มองลูสวินอี้พลางถาม
“ทานรอง ทุกอยางพรอมหรือยัง?”
ลูสวินอี้เปนเพียงคนเดียวที่เห็นแววตาหลินซูอิน จึงรีบหลุบตาลงไมมองนางอีก พอ
ไดยินเสียงอาจิ่ว เขาก็พยักหนา แลวหันมองทานแมทัพที่นั่งอยูบนหลังมา
ทานแมทัพหันมา สบตาลูสวินอี้พอดี เขาพยักหนาเบาๆ บอกวาพวกเขาไมมีปญหา
ลูสวินอี้จึงหันบอกอาจิ่ว “เชิญพระชายาเสด็จได”
“พระชายา ทุกอยางพรอมแลว เชิญทาน” อาจิ่วหันไปพูดกับหลินซูอินกอนแสดง
ความเคารพ
หลินซูอินถอนหายใจเบาๆ คอยๆ หลุบตาลง ถกกระโปรง กาวเทา
อาจิ่วเดินทิ้งระยะหางอยูขางกายนางราวหนึ่งเมตร กําลังมองดูกระโปรงยาวที่ถูก
ลากไปกับพื้นของนาง พลางนึกตําหนิตนเองที่เลินเลอ
นาจะคิดไดวา ขางกายพระชายาไมมีสาวใช กระทั่งกระโปรงลากพื้นก็ยังไมมีใคร
ชวยยกให ไมไดการ
แตตอนนี้ไมสามารถทําอะไรได การหาสาวใชสักคนไมใชเรื่องยากก็จริง แตปญหา
คือเขาไมสามารถใหใครก็ไดมาอยูขางกายพระชายา สถานการณในตอนนี้ หากเกิด
ความผิดพลาดขึ้นแมเพียงเล็กนอย ทําใหพระชายาเปนอะไรแลวละก็ แมตายรอยครั้ง
อาจิ่วก็ชดใชใหไมหมด
ตอไปตองจัดการเรื่องนี้ใหเรียบรอย อาจิ่วคิดในใจ แลวรีบกาวยาวๆ สองกาว
เขาขางรถ นําที่เหยียบเทาวางลงให แตหลินซูอินไมเหมือนหญิงสาวทั่วไป นางเปนผู
บําเพ็ญเพียร จึงไมจําเปนตองใหใครชวยพยุง กาวตัวเบาขึ้นนั่งบนรถมา
เสียงลอรถบดถนน หลินซูอินหลับตาลงอยางเงียบๆ
พอความเร็วรถคงที่ นางคอยประสานฝามือแบบเตา แลวเริ่มโคจรพลัง เพียงไมรูวา
นางใชตองการสงบสติอารมณหรือไม
รถมาวิ่งไดอยางนิ่มนวล และเลี้ยวหายไปจากถนนหมิงฝูอยางรวดเร็ว
หลังรถมาจากไป ถนนที่เงียบสงบ พลันมีเสียงดังจอแจ แตก็มิไดวุนวายอะไร เปน
เสียงของการแยกยายสลายตัวของผูคนที่กดดันจากความตื่นเตนเมื่อครู ซึ่งไมตองสืบ
สาวราวเรื่องก็รูวา เพราะรถมาดึงดูดความสนใจของทุกๆ คน ไมวาพวกเขาจะชะเงอ
มองหรือไม ในใจของพวกเขาก็ตองคิดเกี่ยวกับรถมาคันนี้
เพียงแตผูที่เฝามองโดยตลอดมีความคิดที่แตกตางออกไป บางคนไมไดตื่นเตนอะไร
ก็แคอยากดู
แตบางคนไมอยากพลาดแมรายละเอียดเพียงเล็กนอย
หลังรถมาจากไปสักพัก บางคนก็เริ่มออกจากบาน พวกเขามีทาทีรอนรน และเปน
เชนเดียวกับรถมา หายไปตามแตละมุมเมืองอยางรวดเร็ว
ทานตูยังไมชินกับการขี่มา หมิงจูไมเหมือนเมืองหลวง ที่นั่นเปนที่ที่ชาวตางชาติ
อาศัยอยูรวมกัน จึงมีวิถีชีวิตแตกตางจากเมืองเกาอยางเมืองหลวงมาก
กระทั่งพูดไดวา แมทั้งสองเมืองอยูหา งกันไมถึงพันลี้ แตกลับเหมือนอยูกันคนละ
โลก
ที่นั่นตอนยังไมถูกคนเถื่อนเขายึดครอง ไฟฟาก็เขาถึงอยางครอบคลุม รถยนตแมไม
กลาพูดวาเปนของธรรมดา แตก็พบเห็นไดไมนอ ยตามถนนที่กวางขวางใหญโต
สวนตามตรอกซอกซอยก็มีรถลากคอยวิ่งบริการไมหยุด เมืองหลวงก็มี แตถนนหมิง
ฝูไมมีแนนอน
หรือถามี จวนหมิงอองก็ไมเห็นดวยที่นางจะนั่ง ความเปนตายของนางเปนสิ่งที่
จวนหมิงอองละเลยไมได การจากไปครั้งนี้ จวนหมิงอองจึงจัดคนคอยคุมครองความ
ปลอดภัยอยูขางกายนาง
รถลากวิ่งชาเกินไป ไหนเลยจะเทียบอาชาได ซึ่งหากเกิดเรื่อง ตองเปนอุปสรรคตอ
ความปลอดภัยแน
ดังนั้นทานตูจึงไดแตขี่มา!
มามิไดวิ่งเร็ว เพราะทานตูกําลังขี่มาชมเมือง นางเคยมาเมืองหลวงก็จริง แตก็นาน
มาแลว หมิงจูในตอนนั้นตางกับเมืองหลวงในตอนนี้ไมมากนัก
แตตอนนี้ดูๆ ไป ทานตูเหมือนหลุดมาอยูอีกโลกหนึ่ง
เงยหนาขึ้นมอง เห็นสายไฟเพียงไมกี่เสนเทานั้นที่โยงใยไปทั่วทุกสารทิศ ซายขวามี
อาคาร แตก็ไมสูงนัก!
มองดูผูคน ตางอยูกันอยางสบายๆ ไมรีบรอน มีจิตใจบริการและมีความเปนมิตร
แตกตางอยางสิ้นเชิงกับหมิงจูที่เต็มไปดวยพลังและมีชีวิตชีวา
เมื่อคนเถื่อนรุกราน ประเทศชาติออนแอ ผูมีปณิธานสูงสงจึงพยายามคิดหาวิธี
ปฏิรูปทางการเมืองเพื่อชวยประเทศชาติใหพนภัย
เรื่องมากมายไมมีอะไรล้ําลึก เพียงความแตกตางของหมิงจูกับเมืองหลวง ก็สามารถ
บอกไดโดยไมตองพูดวา เหตุใดตาเซี่ยจึงถูกประเทศเล็กๆ ขมเหงรังแก
ทานตูสายหนา วิถีชีวิตไมเหมือนในหมิงจู ที่นั่นสามารถวิพากษวิจารณไดอยางเสรี
หนังสือพิมพไมเคยขาดแคลนบทวิเคราะหสถานการณบานเมืองในระยะยาว ซึ่งบางก็
นุมนวล บางก็เผ็ดรอนถึงพริกถึงขิง
ดังนั้น จึงเกิดปญหามากมาย และทานตูไดคาดการณไวในใจแลววา ราชสํานักไมมี
ทางปลอยใหพวกตนสรางสังคมอยางที่เปนอยูแน
ทานตูเงยหนามองพระราชวังอันนาเกรงขาม ซึ่งแมอยูหา งกันมาก ก็ยังสามารถเห็น
ความยิ่งใหญและสงางาม ทานตูทอดถอนใจ ความคิดอานของนางมิไดดอยไปกวาผูชาย
แตพอยืนอยูในเมืองหลวง ราศีนางก็ไมจับเหมือนตอนยืนอยูทุกแหงหนในหมิงจู ที่นี่
เสียงของนางไรความหมาย และไมมีทางสะทอนไปถึงพระราชวังอันสูงตระหงานนั้น
“ทานตู!” ขางกายพลันมีเสียงสั้นๆ ดังขึ้น
ทานตูดึงสติกลับ กมลงมองชายเหนุมที่กําลังจูงมาใหนาง ชายหนุมทาทางอายุยี่สิบ
ตนๆ รูปรางจัดวาไมสูงใหญและไมบึกบึนนัก แตทานตูมองปราดเดียวก็รูสึกไดอยาง
ชัดเจนวาคนผูนี้มีความสามารถที่ยากพานพบในคนธรรมดาทั่วไป
ทานตูยังไมรูวาเหตุใดเขาถึงเอยปากขึ้น จึงสงบสติอารมณ ยิ้มอบอุน กอนเงยหนา
กวาดตามองรอบดาน แลวเปลงเสียงเบาๆ ออกจากมุมปาก
“ไมตองตกใจ!”
ชายหนุมผูจูงมาสีหนาสงบนิ่ง พลางตอบเสียงเบา
“แนใจไดวา ตั้งแตเราปรากฏตัวขึ้นบนถนนเสนนี้ คนจํานวนหนึ่งก็เริ่มเฝาดูเรา”
ตอน 269 ลงมืออยางลับๆ
ทานตูไดยินก็รูสึกแปลกใจ เพราะตนไมรูสึกแมแตนอย แตชายหนุมกลับมั่นใจมาก
ทวาก็มิไดคิดอะไร
“หาตัวออกมาไดไหม?”
“ได!” ชายหนุมแนใจ และพูดตอ “ในบรรดาผูที่เฝาดูเราเมื่อครู มีคนหนีไปกอน
เจาสิบสามตามไปแลว แตตอนนี้ยังไมแนใจวาพวกเขาเปนใคร และยังไมแนใจวาใน
บริเวณนี้ยังมีคนของพวกเขาอีกมากนอยแคไหน และถามีปรมาจารยตามมา ก็จะเปน
ภัยคุกคามอยางรายแรงตอความปลอดภัยของทาน ขาคิดวา นาจะสงทานกลับจวนออง
กอน รอใหเราสืบรูวาฝายตรงขามเปนใครแลวคอยวากันอีกที”
ทานตูยิ่งรูสึกแปลกใจ นางก็อยูขางๆ ชายหนุมตลอดเสนทาง แตกลับไมเห็นความ
ผิดปกติของเขา เขาพบปญหานี้ตั้งแตเมื่อไร และจัดคนตามไปอยางไร
“นานหรือยัง?”
“ก็ตอนที่ขาเรียกทานนั่นละ!” ชายหนุมพูดตรงๆ
ทานตูไตรตรองสักพัก แลวจึงสายศีรษะ กอนพูดเสียงเบา “อีกไกลแคไหน กวาเรา
จะไปถึง?”
“ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ถึง” ชายหนุมไมขัดการตัดสินใจของนาง
“ดี เชนนั้นก็ไมตองสนใจพวกเขา ไปตอ!” ทานตูพยักหนา มองไปขางหนา แววตา
วูบไหว
ผูที่แคนเคืองนางมีอยูมากก็จริง แตในเขตเมืองหลวง ผูซึ่งลงมือกับนาง หรือกลาลง
มือบนทองถนนกลับมีอยูไมมาก ไมคนเถื่อน ก็เปนคนจากสํานักหวง!
แตทานตูก็ยังไมเชื่อวาเปนสองฝายนี้ เพราะถาเปนพวกเขาจริง คิดวาคงไมรอจนถึง
ตอนนี้ก็ยังไมลงมือ
“ตอนนี้สํานักเตาตางสงคนของตนเขาเมืองหลวงแลวรึ!” จูๆ ทานตูก็ถามขึ้น
“อืม ตั้งแตตอนราชทูตประเทศฉีเขาเมืองหลวง สํานักเตาตางๆ ก็สงคนเขามากัน
แลว!”
ชายหนุมพูดเสียงขรึม ทานตูไมไดพูดตอ นางกําลังคาดเดาอะไรบางอยาง
เรื่องที่ตนออกจากสํานักหวง สํานักเตาทุกสํานักนาจะรูเรื่องแลว และพวกที่เฝาดู
ตนเองเมื่อครูก็ไมใชสํานักหวงและคนเถื่อน แตเปนคนของสํานักเตาอื่นๆ ที่เขามา
เคลื่อนไหวในเมืองหลวง
พวกเขาไมมีทางลงมือสังหารศิษยทรยศที่มิใชศิษยสํานักตัวเองเปนอันขาด แต
เปนไปไดที่หลังจากเห็นนางแลว พวกเขาจะไปบอกสํานักหวงใหมาจัดการ
“เมื่อครูเจาบอกวา มีคนหนีไปกอน ไปทางไหน?” ทานตูถามอีก
ชายหนุมมิไดชี้นิ้ว เพียงพยักพเยิดไปดานหนา “ขางหนา!”
“ที่ทําการสํานักหวงในเมืองหลวงหรือ?”
ชายหนุมพยักหนากอนพูด “แตมิไดมีเพียงสํานักหวง สํานักเตาอื่นๆ ก็มีที่ทําการ
ตั้งอยูดานหนา”
“ออ ขารูแลว จริงสิ เจาชื่ออะไร” ทานตูเพิ่งนึกขึ้นไดวาตนเองยังไมรูชื่อแซของผูที่
อยูตรงหนา
“มอเกา” ชายหนุมตอบ
มอเกา?
ทานตูพยักหนาหงึกๆ พลันนึกขึ้นไดอีกวา เมื่อครูเขาพูดถึง เจาสิบสามตามไป
เกา สิบสาม!
ชื่อเหลานี้ธรรมดามาก แตตอนนี้ทานตูเกิดสงสัยขึ้นมา “เจาแซมอ?”
“อืม!” ชายหนุมใชตัวอักษรอยางประหยัดเสียจริง!
“เมื่อครูที่เจาพูดถึง เจาสิบสาม เขาแซอะไร?” ทานตูถามตอ
ชายหนุมชะงักเล็กนอย คลายกําลังคิด แตสุดทายก็ตอบ “เขาชื่อมอสิบสาม”
มอสิบสาม!
ทานตูเขาใจแลว พวกเขาใชลําดับหมายเลขแทนชื่อ แสดงวาจํานวนคนนาจะมีไม
นอยทีเดียว
และทุกคนลวนแซมอ...
“เสียมารยาทถามอีกคําถาม การบําเพ็ญเพียรของเจาเปนอยางไรบาง เผื่อเกิดเหตุ
สุดวิสัยขึ้นมา”
ทานตูถามอีก แตชายหนุมกลับสายศีรษะไปมา
“ขาไมมีคุณสมบัติพอ ไมสามารถบําเพ็ญเพียรได”
ทานตูอึ้ง หรือตนเดาผิด พวกเขาไมใชคนที่จวนหมิงอองฝกฝนใหมาเปนผูคุมกัน
ความปลอดภัยหรือ?
“อะไรนะ? เจาจําผิดคนหรือเปลา?”
ที่ทําการสํานักหวง ภายในหองหองหนึ่ง ผูเฒารูปรางผอมบางในชุดยาวแบบเตา
แสดงสีหนาตกใจ มองดูศิษยที่เพิ่งเขามารายงานขาวอยางประหลาดใจ
“ไมผิดแนนอน ศิษยเคยพบหนาตูเจวียนมาแลวครั้งหนึ่ง เปนนางแน!” เขามั่นใจ
“เปนไปไมได นางจะเดินทางออกจากหมิงจูมาเมืองหลวงไดอยางไร!”
ผูเฒามีสีหนาสงสัย แตแลวก็ถามขึ้นอยางจริงจัง
“ผูใดอยูขางกายนาง?”
เขาสายศีรษะ “ไมมี นางมาคนเดียว ขี่มาชมเมืองเลน จริงสิ มีเด็กรับใชคอยจูงมา
ใหคนหนึ่ง”
“เจาแนใจหรือ?” ผูเฒายิ่งประหลาดใจเขาไปใหญ แมตูเจวียนในสายตาของเขา
เปนเพียงสตรีตัวเล็กๆ นางหนึ่ง แตเขาก็รูวา สตรีนางนี้มีความสามารถพอควรในหมิงจู
“เพราะศิษยรีบรอนมารายงาน จึงยังไมกลาชี้ชัดวา รอบขางนางยังมีคนเรนกายอยู
หรือไม”
เขาอยากพูดวาแนใจ แตเห็นผูเฒาจริงจังขนาดนี้ จึงไมกลาพูดซี้ซั้ว ไดแตพูดวา
“แต...ไมนาจะมี ตอนที่ศิษยเห็นนาง ไดพยายามมองดูรอบๆ แลว และไมเห็นอะไร
พิเศษเพิ่มเติม”
ผูเฒากะพริบตา “เรื่องนี้นอกจากเจาแลว ยังมีใครรูเห็นอีกบาง?”
“อันนี้...ไมทราบวายังมีใครเห็นอีก!” เขาสายศีรษะ
ผูเฒาขมวดคิ้ว พลันมองไปที่ประตูพลางกะพริบตาปริบๆ กาวไปขางหนาหนึ่งกาว
กอนพูดเสียงต่ํา
“เจารีบไปแจงใหศษิ ยในสํานักรู ใหจับตาดูตูเจวียนไว สืบสถานการณรอบตัวนางให
แนชัด แลวคิดหาวิธีจับตัวนางมา!”
“ขอรับ ศิษยไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบพยักหนาอยางไมลังเลใจ
“หลังจับนางได อยาเพิ่งบอกใคร ซอนนางไว รอขากลับมากอนคอยวากัน!” ผูเฒา
กลาวเพิ่มเติม
เขาอึ้ง จึงโพลงออกไป “เราไมสงมอบนางใหสํานักหวงหรือ?”
ที่แทผูเฒาทานนี้มิไดเปนคนของสํานักหวง เขาเปนผูจัดการเรื่องตางๆ ของสํานักใบ
ไผในเมืองหลวง คลายชงเสวียน คนผูนี้บําเพ็ญเพียรในระดับอาจารย มีชื่อวาหวงเซิน
วันนี้พอดีมาหารือเรื่องบางอยางกับสํานักหวง
“อยายุงเรื่องชาวบาน!” ผูเฒาดุ “จําไว ถาอยากบรรลุจุดประสงคอยางแยบยล ก็
ตองทําตามที่ขาบอก แตถามีสํานักเตาอื่นเขามาแทรก จับนางไดแลว คอยสงใหสํานัก
หวง”
“ขอรับ!” เขาไมกลาถามอีก ขานรับแลวก็หันกายจากไป
“ชากอน!” ผูเฒากลับรูสึกวาไมเหมาะสมขึ้นมา จึงสายหนาแลววา “บอกให
อาจารยจาวตามไปดวย เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย!”
หลังศิษยรีบจากไป ผูเฒาก็ยืนเงียบๆ คนเดียวในหอง คิดอะไรตอมิอะไรสักพัก คอย
หันกายจากไป
ไมนานนัก ก็เดินมาถึงหองหองหนึ่ง
ภายในหอง มีผูเฒาอีกคนนั่งอยู กําลังฟงศิษยคนหนึ่งรายงานเรื่องบางอยาง พอเห็น
หวงเซินเขามา ก็ยกมือปรามศิษย “ดี ขารูแลว จับตามองตอไป!”
พอหวงเซินไดยินคํานี้ ก็สะดุดกึกในใจ หรือพวกเขาก็เห็นแลวเชนกัน?
ขณะคิด คอยเห็นผูเฒาที่อยูขางหนามองเขา กอนพูดเสียงขรึม
“ทานก็รูเรื่องแลวสิ!”
หวงเซินไดยินคําถามก็มองหนาเขา ใจเตนแรง รูสึกพูดไมออก ตูเจวียนกําลังทํา
อะไรกันแน นางไมรูหรือวาตนเองไดกลายเปนคนทรยศที่คนของสํานักเตาตองการ
สังหาร?
เหตุใดยังกลากรีดกรายไปมาเชนนี้ รนหาที่ชัดๆ ทําใหตนเองเสียเวลาคิดแผนการ
เปลาๆ ไมมีทางเลือก ในเมื่อปดไมมิด ก็ไดแตพยักหนาเบาๆ
“อืม เมื่อครูศิษยขาก็เพิ่งรายงานใหฟง บังเอิญจริงๆ...”
“เฮอะ บังเอิญอะไรกัน!” ผูเฒาฉินแหงสํานักหวง ฉินไทจือ ยกถวยน้ําชาบนโตะขึ้น
สายศีรษะพลางวา “ไมรูวาเขาซางชิงมาถึงจุดๆ นี้ไดอยางไร? อบรมสั่งสอนหลินซูอินมา
นานหลายป ผลสุดทายกลับมองขามหมิงอองไปเสีย ไมรูจริงๆ วาพวกเขาคิดอยางไรกัน
แน?”
“หือ?” หวงเซินแหงสํานักใบไผอึ้ง
นาทีนี้คอยพบวาพูดกันคนละเรื่อง เม็ดเหงื่อจึงผุดขึ้นบนหนาผาก ดีที่ฉินไทจือ
ขัดจังหวะการพูดของเขา หาไมแลวเขาจะกลายเปนคนบอกขาวเรื่องตูเจวียนเสียเอง จึง
รีบถามงูๆ ปลาๆ ออกไป “จะพูดอยางไรดี?”
ฉินไทจือเหลือบมองเขา กอนยิ้มเยยหยัน “อยางไรรึ ทานยังจะเสแสรงตอหนาขา
อีก คิดไปฟองเขาซางชิงเรื่องขาอยางนั้นสิไมวา?”
“ดูสิ ดูสิ ผูเฒาฉินนอยใจอีกแลว...” หวงเซินหัวเราะ
“เฮอะ ฟองเลย ขาไมกลัว ตอหนาชงเสวียน ขาก็กลาพูดเชนนี้!”
ฉินไทจือแคนเสียงเย็นชาอีกครั้ง เห็นชัดวาเขาไมพอใจความคิดของชงเสวียนมาก
หวงเซินกลับเขาใจ หงเจิ้นแหงสํานักหวงกับฉินไทจือเปนสหายกัน พอไดขาววาหง
เจิ้นเสียชีวิตในหมิงจู ฉินไทจอื ก็โกรธแคนมาตลอด และไมพอใจมากเมื่อเขาซางชิงไม
ยอมแสดงความรับผิดชอบโดยการออกหนาเรื่องแกแคน
หวงเซินจึงตักเตือน
“ทานฉิน เรื่องบางอยางเราตางก็ชัดเจนดีวา ไมมีความจําเปนที่จะทําใหแยไปกวานี้
ตอนนี้ผลประโยชนของเราผูกไวดวยกัน คําพูดบางอยางไมพูดยังจะดีเสียกวา เพราะถารู
ไปถึงเขาซางชิง ลวนไมผลดีตอทุกคน ครั้งนั้นเขาซางชิงเองก็สูญเสียอยางหนัก ถา
สามารถแกแคนได พวกเขาไฉนตองใหใครมาบอก?”
“เปนเรารนหาที่เองรึ!” ฉินไทจือยังคงไมพอใจ “ขามิใชไมฟงเหตุผล เรื่องนี้มีสาเหตุ
มาจากอะไร? ปนั้นถาพวกเขาไมลงมือกับหมิงออง เขาจะทํากับพวกเราเชนนี้รึ? ลงมือ
แลวก็แลวไป แคนก็ไดแกแลว ผลก็คือคนเขากลับยังอยูดี พูดถึงหลินซูอิน พวกเขาแยง
หลินซูอินเขาสํานัก ก็เพราะผลประโยชนของพวกเขาเอง สุดทายเปนอยางไร ทําใหพวก
เราตกกระไดพลอยโจนไปดวย ความสัมพันธกับราชสํานักยิ่งมาก็ยิ่งแย”
“พูดเชนนี้ไมไดหนาทาน...” หวงเซินสายศีรษะ
“ดี ขารูวาเจาจะพูดอะไร ใช การที่เขาซางชิงออกโรงเปนกันชนกับราชสํานัก เปน
ผลดีตอเราทุกคน แตผลเปนอยางไร? หลินซูอินขึ้นเขาหลายป พวกเขาสัญญาจริงจังวา
ตองใหเหมยจื้อเฟงแตงกับหลินซูอินใหได แตตอนนี้ละ? ทําสําเร็จไหม? กลับกลายเปน
วาพริบตาเดียวหลินซูอินไดกลายเปนพระชายาหมิงอองไปจริงๆ ตอนนี้เขาวังไปแสดง
ความกตัญูที่บุตรมีตอบิดาอยางองคติ้งอูแลว เจาคอยดูก็แลวกัน ตระกูลหลินตองรีบ
แสดงปฏิกิริยาตอบสนองในไมชา ความมั่นคงที่พวกเขาตองการก็จะไมใชแคชั่วคราวอีก
ตอไป ตอนนี้ฟาใหโอกาสแลว ตระกูลหลินตองเจรจากับราชสํานัก ไมปลอยใหโอกาส
หลุดลอยไปแน ขากลับอยากดูวา พอถึงเวลานั้นแลวสํานักเตาเราจะอยูกันอยางไร!” ฉิน
ไทจือโมโหไมหยุด ยิ้มเย็นชาตลอด
หวงเซินเพิ่งเขาใจ วาเหตุใดฉินไทจือจึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ ที่แทก็เรื่องหลินซูอิน
กําลังเขาวังเขาเฝานี่เอง
เขาไดแตยิ้มขมขื่น เขาใจวาฉินไทจือกําลังพูดวาเกลียดใครบาง แรกเริ่มเดิมทีเขาพุง
เปาไปที่หมิงออง ตอมาก็เปนตูเจวียน สุดทายก็หลินซูอิน
ไมมีอื่นใด สาเหตุมาจากการหาทางรักษาอาการบาดเจ็บจากลูกธนูใหหลินซูอนิ ทํา
ใหไปตอแยหมิงอองเขา และทําใหหงเจิ้นตองจบชีวิตลง!
ทวาจะวาไปแลว คําพูดของฉินไทจือก็ใชวาไมมีเหตุผล หวงเซินแสดงสีหนา
ระแวดระวังขึ้นมา เขาซางชิงมิไดจัดการเรื่องเหลานี้ใหเรียบรอยจริงๆ ขมวดคิ้วพลางวา
“ทานฉิน ตอนนี้สถานการณยิ่งมาก็ยิ่งซับซอน ยากแยกแยะใหชัดเจน ชงเสวียนไป
พบหลินซูอินแลว ผลเปนอยางไรนั้นเราไมรู แตไดยินมาวาพอเขากลับสํานัก นักพรต
เหมยก็โกรธเปนฟนเปนไฟ ดูทาจะไมคอยดีนัก หากทุกอยางยังคงดําเนินไปในแนวทางนี้
เรื่องที่หมิงอองคิดสังหารเหมยจื้อเฟงและทาประลองกับจอมยุทธเหมยคงตองเกิดขึ้น
แน”
“ไมดีรึ? พอเขาซางชิงสังหารหมิงออง เราจะไดโลงอกอยางไรละ” ฉินไทจือยิ้มเย็น
ชาอีกครั้ง
“ทานฉิน ทานไมควรมีความสุขบนความทุกขของผูอื่น ครั้งนี้หมิงอองพุงเปาไปที่
เขาซางชิง แตทานอยาลืมวาตอนนี้ศัตรูในสายตาเขามิไดมีเพียงเขาซางชิง สํานักหวง
ทาน และสํานักใบไผขา เขาก็ผูกใจเจ็บอยู แลวถาเขาซางชิงเพลี่ยงพล้ําขึ้นมา เราสอง
สํานักยังสามารถอยูดีไดอีกหรือ?” หวงเซินขมวดคิ้วแนน
ในที่สุดฉินไทจือก็เงียบ เขายอมรับวาตนเองพูดไปดวยอารมณ
เขาซางชิงสามารถสังหารหมิงอองไดจริงหรือ?
ถาสามารถ ชงเสวียนจะรอนรนเชนนี้หรือ ยังไมพูดถึงราชสํานัก ที่สําคัญคือตระกูล
หลินตองไมปลอยใหเขาซางชิงสังหารหมิงอองกอนที่ตนจะประสบความสําเร็จในการ
เจรจาความรวมมือกับราชสํานักเปนอันขาด
แตถาหมิงอองชนะ ผลก็นากลัวแลว อยางที่หวงเซินพูด หมิงอองไมมีทางรูสึกดีกับ
พวกเขาแน
“เชนนั้นเราทําอะไรไดบาง?” ฉินไทจือถอนหายใจยาวๆ
“ตอนนี้สํานักทานกับสํานักขาลงเรือลําเดียวกันแลว ก็ไดแตตามเขาซางชิงไป” หวง
เซินถอนหายใจเชนกัน กอนวา “ถาไดรับการยกยอง ก็ไดรับดวยกัน แตถาเสียหาย ก็
เสียหายดวยกัน ไดแตคิดหาวิธีแกไขสถานการณไป ซึ่งตองทําใหราชสํานักกับตระกูล
หลินเปนศัตรูกันตอไปเทานั้น เราจึงสามารถขัดขวางการกระทําบางอยางของหมิงออง
ได”
ฉินไทจือพลันหัวเราะเย็นชาออกมา กอนเหลตามองหวงเซิน
“แลวทานวาเราควรทําอยางไรเลา? สังหารหมิงออง หรือสังหารชายาหมิงออง?
ทานหวง ขาขอเตือนทานอยางหนึ่ง อยาคิดวาขาไมรูถึงความคิดขายชาติของทาน คิดที่
จะหลอกใชสํานักหวงขารึ ฝนไปเถอะ!”
“ทานหมายความวาอยางไร?” หวงเซินอารมณขึ้นทันที “ขามาหารือแผนการกับ
ทานดวยเจตนาดี ไฉนกลายเปนมาหลอกใชพวกทานไปได หวังดีกลับกลายเปนหวังราย
เสียนี่ สํานักหวงไมควรสงทานมาดําเนินการในเมืองหลวงเลย!”
วาแลวก็สะบัดแขนเสื้อ หันเดินจากไปอยางไมพอใจ
ทวาฉินไทจือที่อยูดานหลังกลับตอบวา “แตถาไมสงขามา ลําพังคนปากดีอยางทาน
ก็อยาหวังวาจะทําอะไรสํานักหวงขาได อยาหาวาขาไมเตือน ถาหลินซูอินเปนอะไร
ขึ้นมา เลิกคิดไดเลยวาสํานักหวงจะรวมรับผิดชอบกับพวกทาน!”
ตอน 270 ปนยาวยอสวน
กลับไปหนาเรื่อง
แมพบวาเบาะแสของตนรั่วไหล ตูเวยเวยก็มิไดหันหลังกลับ
ตอใหตอนนี้สํานักหวงสงคนมาจับนางจริง นางก็ไมขัดขืน เพราะนางเตรียมไปหา
พวกเขาอยูแลว
“ยังไมมีความเคลื่อนไหวหรือ?” ผานถนนใหญที่อึกทึกก็แลว เขาสูถนนสายเล็กๆ ที่
เงียบสงบก็แลว สํานักหวงก็ยังไมสงคนมาจับตน นี่กลับทําใหตูเวยเวยเกิดความสงสัย
“คนทั้งสองที่ตามเรามาตลอดทางยังอยู พวกเขาไมใชพวกเดียวกัน และซอนตัวไดดี
มาก” มอเกายังคงเดินจูงมา พลางพูดเสียงเบา
ตูเวยเวยขมวดคิ้ว ขณะกําลังครุนคิดวาการที่คนของสํานักหวงไมปรากฎตัวออกมา
นั้นหมายความวาอะไรกันแน พลันไดยินเสียงสุนัขเหาดังขึ้นขางหู เสียงเหาของมันไมมี
อะไรผิดปกติ ตูเวยเวยจึงไมสนใจ แตมอเกาที่จูงมาอยู จูๆ ก็เกร็งตัวทันที แววตาวาววับ
กาวเทาชาลง
แมมอเกาพยายามซอนทาที แตเพราะอยูใกลมาก ผูบําเพ็ญเพียรอยางทานตูจึงรูสึก
ไดถึงความผิดปกตินี้ แตนางก็ไมกระโตกกระตาก ยังคงสงบนิ่งและมีทาทีปกติ กวาดตา
มองดานหนา พลางถามเสียงเบา
“มีอะไรรึ?”
แมอยูในเมืองหลวง แตผูที่อยูในที่ทําการของสํานักเตาแตละแหงบนถนนสายนี้
ยังคงไดบําเพ็ญเพียรอยางสงบ การเลือกตั้งอยูในสถานที่ที่หางไกลจากความคึกคัก ยอม
เงียบสงบกวา
ถนนสายนี้ผูคนเดินผานไปมาเบาบาง มีเพียงพอคาแมขายหาบเรไมกี่คนที่หาบของ
สองกระจาดเดินกระยองกระแยงอยูดานหนา
นาจะเปนคนในละแวกนี้กําลังหาบของเล็กๆ นอยๆ ไปขายที่ถนนใหญ
ทานตูมองไปก็ไมพบความผิดปกติใดๆ ลวนเปนชาวบานรานตลาดธรรมดา สายตา
นางดี ถาในนี้มีคนจากสํานักเตาแฝงตัวอยู นางตองเห็นแน
“ทานตู มีอะไรบางอยาง!” มอเกาที่อยูขางๆ ชะลอฝเทาลง ครั้งนี้เขาไมซอนทาที
เชนเมื่อครูอีก กาวเทาสั้นลงและเตรียมหยุดเดิน
ทานตูไดยินก็เหลือบมองสายตาที่ตึงเครียดอยางเห็นไดชัดของเขา จึงสงเสียงบอก
ทันที
“อยาตกใจ เดินตอไป คอยๆ พูดวามีอะไร?”
พูดพลางนางก็หันไปยังทิศทางที่มอเกามอง รีบมองตามสายตาของเขาไป และเห็น
วามอเกากําลังมองดูหาบเรหนุมคนหนึ่ง ซึ่งกําลังมองมาทางพวกเขาอยางตื่นๆ
ทานตูหยุดสายตาเพื่อจดจําทุกอยางของหนุมหาบเร คนผูนี้ธรรมดายิ่ง แตทาทางดู
เหนื่อย คานหาบตระกราสองใบโกงลงมาก ของในตระกรานาจะหนักเอาการ
แตฝเทาของชายหนุมกลับไมชา มือทั้งสองขางจับเชือกที่หอยจากไมคานไดอยาง
สมดุล แมหนาผากปรากฏเม็ดเหงื่อ แตแววตาเห็นชัดวายังสามารถแบกรับน้ําหนักได ดู
ออกวาเปนผูมีพละกําลังแข็งแกรง
ตูเวยเวยมองสํารวจอยางละเอียด แตก็ไมพบความผิดปกติใดๆ จึงหันมองมอเกา
และเห็นมอเกายังคงมองชายเหนุมอยู
“คนผูนี้มีปญหารึ?” ตูเวยเวยถามเสียงต่ํา
“ไม เขาเปนคนของเรา มาสงขาว!” มอเกาจองมองชายหนุม พลางตอบเสียงต่ํา
คนกันเอง...ทานตูรูสึกโลงไปหนึ่งเปราะ
บอกตามตรง นางไมคิดจริงๆ วา สํานักหวงจะลงมือกับนางอยางระแวดระวัง เสีย
แรงเสียเวลาใหคนปลอมตัวมาอยางซับซอนเชนนี้ นี่ไมนาเปนไปได สําหรับสํานักหวง
แลว การจัดการเรื่องภายใน มีแตตองโหมประโคมขาวเพื่อโออวดบารมีสํานัก
และในตอนนี้เอง ที่หนุมหาบเรเดินมาถึงขางกายพวกเขา และกําลังจะเดินผานไป
ทานตูมองนิ่ง สํารวจดูทุกทวงทาของเขา หากเปนไปตามคาด การสงขาวนาจะทํา
กันชวงนี้
แต ผิดคาด นาทีตอมา ชายหนุมไดเดินผานพวกเขาไปหนาตาเฉย กระทั่งสายตาก็
มิไดเงยขึ้นสบกับมอเกาแมแตนอย
ทานตูมั่นใจวา เขามิไดมีปฏิสัมพันธใดๆ กับมอเกาอยางแนนอน จึงไมตองพูดเรื่อง
การสงขาว
ขณะที่นางกําลังประหลาดใจ ก็รูสึกวามอเกาลดฝเทาใหชาลงอีกรอบ และน้ําเสียงก็
เริ่มรอนรนอยางที่ไมเคยไดยินมากอน
“มีคนจํานวนไมนอยซุมอยูด านหนา ลวนแลวแตเปนยอดฝมือ!”
“ซุม?” ทานตูขมวดคิ้ว “ไมนาเปนไปได!”
สํานักหวงจะลงมือกับตนยังตองซุมอีกหรือ?
แตพอคิดอีกที ก็พลันโลงอก พวกเขาอาจคิดอยางรัดกุม เกรงวาจะเกิดเหตุสุดวิสัย
“ไมมีปญหา สํานักหวงไมสังหารขาในทันทีหรอก อีกสักเดี๋ยวไมตองขัดขืน เดินตาม
พวกเขาไปก็พอ”
ทานตูพยักหนานอยๆ แววตาสงบนิ่ง
นางชัดเจนดี ศิษยทรยศอยางตน หากสํานักหวงจับเปนได ยอมตองจับเปน สิ่งที่
พวกเขาตองการมากสุดคือนําตนมาลงโทษตามกฎของสํานักตอหนาตอตาผูคนเพื่อลาง
ความอัปยศ ขณะเดียวกันก็เปนบทเรียนใหศิษยในสํานักไดเห็นชะตากรรมของผูทรยศ
“มีบางอยางไมถูกตอง ทานตู ผูที่ซุมอยูอาจไมใชคนของสํานักหวง!”
มอเกายังคงเกร็งราง แววตามีความกังวล
“ไมใชสํานักหวง” ทานตูชะงักงัน แววตาเครียดขึ้ง “หรือเปนคนเถื่อนฉี? เจอ
เหตุการณครั้งกอนไป พวกเขายังกลาเคลื่อนไหวในเมืองหลวงอีกรึ?”
“ไมแนวาผูที่ตามเรามาและหนีไปกอนเปนคนจากสํานักเตาที่รีบไปรายงานสํานัก
หวง แตแปลก เขาออกมาจากที่ทําการสํานักหวงเร็วมาก และที่นั่นก็ไมมีความ
เคลื่อนไหวแมแตนอย ซึ่งหลังจากคนผูนี้ออกมาก็ทําตัวลับๆ ลอๆ บอกใหคนผูหนึ่งไป
ชุมสายโทรศัพท แตเรายังไมรูวาโทรศัพทใหใคร และพูดเรื่องอะไร สักพักก็มีคนกลุม
หนึ่งรีบรอนมารวมตัวกัน กอนมายังที่นี่ คนพวกนี้แมสวมเสื้อผาแบบชาวบาน แตดูจาก
ลักษณะทาทางแลวมีความเปนไปไดสูงที่จะเปนคนของสํานักเตา...” มอเกาพูดใหฟง
อยางรวดเร็ว ราวกับวาเขาเห็นมากับตาอยางไรอยางนั้น
ทานตูตกใจมาก ทั้งๆ ที่มอเกาอยูกับตนตลอดเวลา แตกลับรูเรื่องมากมายเชนนี้
ตองเปนชายหนุมเมื่อครูสงขาวใหแน แตจนแลวจนรอด ตนก็ไมเห็นวิธีการสงขาว
ของพวกเขา
นาทีนี้ จึงอดไมไดที่จะรูสึกชื่นชมคนจากจวนหมิงอองเหลานี้ ยังไมตองพูดถึง
ความสามารถอื่นๆ เฉพาะความสามารถในการติดตามและสงตอขาวสารก็ไมธรรมดา
แลว
ทวาตอนนี้ยังไมใชเวลาที่จะคิดเรื่องเหลานี้ ทานตูเลิกคิ้ว กําลังครุนคิดเรื่อง
บางอยาง แตในระยะเวลาอันสั้นยังไมสามารถชี้ชัดวาเกิดอะไรขึ้นกันแน
พอรูขาวของตน สิ่งที่สํานักหวงนาจะทําก็คือ รีบรวบรวมกําลังคนออกมาตามจับถึง
จะถูก เหตุใดที่ทําการจึงไมมีความเคลื่อนไหวสักนิด นางไมโง แนใจแลววาเรื่องนี้ตองมี
เงื่อนงํา คนเหลานี้นาจะไมใชคนที่สํานักหวงสงมาจริง เมื่อครูก็รูสึกแลววาหากสํานักหวง
คิดลงมือ ยอมไมมคี วามจําเปนตองซุมเชนนี้ เรื่องนี้แปลกมาก แตดูไปแลว ถาไมใชคน
ของสํานักหวงก็ไมใชเรื่องแปลก
เพียงแตตอนนี้ควรทําอยางไรดี?
ถอยหรือ?
ทานตูกระพริบตาไปมา สุดทายก็สายหนาในใจ ไมได...ดานนี้จําเปนตองกาวผาน
หาไมแลวนางจะไมมีทางตั้งหลักในเมืองหลวงได ถาไมสามารถตั้งหลักในเมืองหลวง
กลุมเยาวชนในหมิงจูก็ไมมีเสถียรภาพ
ทานตูสูดหายใจเขาลึกๆ กอนมองดูมอเกา
“หากลงมือตอสู พวกเจาสามารถตานทานไดสักระยะหรือไม?”
“ทานวางใจ พวกเราตองคุมครองความปลอดภัยใหทานอยางสุดความสามารถ แต
หากทานตองการผานดานนี้ไป พอตอสูกันขึ้นมาแลวเกิดเหตุสุดวิสัย ทานตองรีบลาถอย
จากไป จะมีคนของเรามารับผิดชอบความปลอดภัยของทานตอ”
มอเกาพูดออกมาตรงๆ โดยไมตองคิดนาน
“ดี!” ทานตูก็ไมพูดพลามทําเพลง พยักหนาแลววา “ไป!”
มอเกาหันมองนางอีกครั้ง กอนพูดเพิ่มอีกประโยค
“สองคนที่ตามเราอยูดานหลัง ตองจัดการตอนนี้ หาไมแลวอาจเปนอุปสรรคตอการ
ลาถอยของทาน!”
ทานตูไดยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กนอย “พวกเจาลงมือกันแลวหรือ?”
“ยัง เบื้องบนกําชับมาวา ขณะที่เราติดตามอยูขางกายทาน ทุกอยางตองฟงคําสั่ง
จากทาน!” มอเกาพูดตอ “แตวา ทุกอยางตองยึดความปลอดภัยของทานเปนสําคัญ ขอ
ทานพิจารณาอยางถี่ถวนดวย!”
ทานตูคิดๆ ดูแลว ยังคงพยักหนา “อยาสังหารพวกเขา!”
ครั้งนี้นางมาเพื่อประนีประนอมกับสํานักเตาชั่วคราว ไมควรเพิ่มหนี้แคนที่ไร
ประโยชนอีก
“ขอรับ! จับตัวแลวจะนํามาสอบถามความเปนมาหรือไม?”
มอเกาขานรับแลวถามตอ พลางจูงมาไปขางหนา
“ได!”
ทานตูมองเขาดวยแววตาสับสนเล็กนอย เขาขอคําชี้แนะจากนางจริงๆ แตเขาจะ
บอกพรรคพวกอยางไร?
ในใจสงสัย นางแปลกใจกับเรือ่ งนี้จริงๆ แตก็มิไดรีบถาม ทวายังไมทันไร ก็ไดยิน
เสียงสุนัขเหาดังขึ้นจากดานหลัง ไมรูวาดังมาจากมุมไหน
แลวเสียงมอเกาก็ดังขึ้น “เรียบรอย สองคนนั่นถูกจับตัวแลว และจะถูกสอบในไมชา
แตเราไมใชวิธีทรมาน จึงอาจรูเรื่องชาหนอย”
“ลงมือแลวรึ?” ทานตูยิ่งรูสึกแปลกใจเขาไปใหญ จนในที่สุดก็สงเสียงถาม
“เจาสงขาวใหคนของพวกเจาอยางไร? เมื่อครูชายหนุมในจวนพวกเจาสงขาวใหเจา
อยางไร? ใชเสียงสุนัขนั่นหรือไม?”
มอเกาชะงักเล็กนอย เหมือนกําลังคิดวาควรพูดหรือไม แตสุดทายก็ตอบเสียงต่ํา
“รหัสลับ!”
“รหัสลับ?”
ทานตูพึมพํา นางยอมรับวาไมเขาใจ แตมิใชไมเขาใจความหมาย เพียงไมรูวา รหัส
ลับนี้ถูกสงกันอยางไร
แตพอเห็นทาทางมอเกา นางก็มิไดถามมากความ ถามอีกก็ไมเหมาะสมแลว
โดยนางพอจะเขาใจความเปนไปบางอยางของจวนหมิงออง ไปฉางชิงในปนั้น มี
ความเปนมาที่ทําใหคนตื่นตะลึง ซึ่งเกรงวาจะมิใชแคการบําเพ็ญเพียรอันนาทึ่งของเขา
ไมคิดมากอีก อยางไรตอนนี้นางก็ไดผูกติดอยูกับจวนหมิงอองชั่วคราว เมื่อจวนหมิง
อองเข็งแกรงขึ้น สําหรับนางก็ถือวาเปนเรื่องดี
ไมนานนัก นางก็เห็นกลุมคนที่ขวางทางอยู
มาหยุดเดินแลว!
ไมหยุดไมได!
รางที่ทะยานขึ้นถูกทานตูมองดูอยางใจเย็น กอนสัมผัสไดถึงแรงลมที่พุงเขาจูโจมตน
เมื่อเตรียมใจไวแลว วาตองเผชิญหนากับการซุมโจมตี ยอมตองลงมือ
ไมมีเสียงทักทายใดๆ ฝายตรงขามเตรียมมาดี โอบลอมรอบทิศ คิดเผด็จศึกในคราว
เดียว
นาทีนี้ นางนั่งอยูบนหลังมาโดยไมมีความกลัวแมแตนอย ผูหญิงประหลาด ความ
ออนแอของ ‘ทานตู’ เปลี่ยนเปนเหล็กกลา กระบี่ในมือเปลงรัศมีเย็นยะเยียบ
เชนเดียวกับประกายตาที่เยือกเย็น
“คนในจวนหมิงอองเดินทาง ใครกลาลอบกัด?”
ทานตูยังไมทันลงมือ มอเกาซึ่งมิใชผูบําเพ็ญเพียร กลับประกาศศักดาออกมากอน
เขาชูปายทองขึ้นสูงทันที ระหวางเผชิญหนากับประกายกระบี่แวววาวกลางอากาศ
ไมมีพลังปราณในน้ําเสียง แตคําวาจวนหมิงอองสามคํานี้ กลับเพียงพอที่จะทําให
โจรกระจอกตื่นกลัว
ซึ่งพอสิ้นเสียง รางที่พุงเขามาทั้งหมดกลับหยุดลงกลางคันในพริบตา เห็นชัดวาพวก
เขารูสึกตื่นตระหนกไปตามๆ กัน
“นางคือตูเจวียน ศิษยทรยศของสํานักเตา เกี่ยวอะไรกับจวนหมิงออง?”
เสียงแสดงความไมพอใจที่ไมรูเปนของใครดังขึ้น
“กลาดีอยางไรไมยอมใหจบั รนหาที่!”
ประกายกระบี่ยังมีใหเห็นประปราย เพราะรางของคนเหลานี้ยังลอยอยูกลางอากาศ
ไมรูวาเก็บกระบี่ไมทันหรือกําลังรอคําสั่ง
ทานตูวาดกระบี่ยาวในแนวขวางกลางอากาศ พรอมดีดตัวออกสองกาวกระโดด มา
ของนางลมลง
เห็นชัดวา มาตัวนี้ก็เปนเปาในแผนการดวย
“ทานตู รีบหนีไป!”
สีหนามอเกาคงเดิม ปายทองถูกเก็บแลว แตกลับมีสิ่งหนึ่งรูปรางคลายปนอยูในมือ
ของเขาแทน
เพียงแตปนกระบอกนี้สั้นมาก คลายปนยาวยอสวน
ตอน 271 มือปน
ขนาดเห็นกับตาวาเปนคนของจวนหมิงออง คนของสํานักเตายังกลาลงมือ กระบี่
เลมหนึ่งจูโจมใสทานตู สังหารมาของทานตู
สายตามอเกาคมกริบ ไมลังเลอีก รีบรองบอกทานตูที่ดีดตัวขึ้นจากหลังมาใหรีบลา
ถอยไป
ขณะเดียวกัน วัตถุที่ทําจากโลหะในมือของเขาก็ถูกยกขึ้นทันที ราวกับฝกมาเปน
รอยครั้งพันครั้ง เล็งไปยังชายหนุมจากสํานักเตาซึ่งกําลังเตรียมเก็บกระบี่ กอนเหนี่ยวไก
ปง!
เสียงดังลั่นพรอมประกายไฟ ทําลายความเงียบสงบบนทองถนน
การเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว ทําเอาผูอยูในเหตุการณตกตะลึง
ไมวาจะเปนผูที่ดีดตัวขึ้น มือกุมกระบี่คมกริบ และเทายังไมแตะพืน้ อยางทานตู
หรือคนของสํานักเตาที่กําลังจะพุงเขามารอบๆ ตางก็ชะงักรางตามสัญชาติญาณ สายตา
ละจากทานตูไปยังมอเกาในพริบตา
ซึ่งหลังจากมอเกายิงปนออกไปหนึ่งนัด ก็รีบหันกายเผนแนบอยางรวดเร็วไปยังถนน
สายเล็กๆ ดานขางโดยไมมองดวยซ้ําวาตนเองยิงถูกเปาหมายหรือไม
เขาปราดเปรียวและวองไวมาก แมไมเทาศิษยสํานักเตาหันกายไปมาหนึ่งอึดใจ แต
ลําพังการวิ่งของเขา และพลังที่ระเบิดออกทั่วทั้งรางกลับมีมากเกินกวาคนธรรมดาทั่วไป
ขณะที่ผูคนกําลังตะลึงงันอยูน ั้น ก็รูสึกวาจุดที่เขาวิ่งไปกับจุดที่เขายืนอยูเมื่อครูหาง
จากกันมากทีเดียว
ความเร็วของเขานาตกใจในสายตาคนทั่วไปก็จริง แตสําหรับศิษยสํานักเตาแลว ยัง
ไมนับวาเร็วแตอยางใด ดวยเกือบทุกคนลวนทําเชนนี้ได อีกทั้งทาทางของเขายังเหมือน
หนูวิ่งปรูด ปราด เห็นแลวนาขันสิ้นดี
ไมวาศิษยสํานักเตา หรือทานตูที่เทาเพิ่งแตะถึงพืน้ เมื่อครู ลวนกําลังยืนอึ้งใหกบั
ทาทางของเขา
เมื่อครูยังเทหราววีรบุรุษกระดูกเหล็กรุนใหมไฟแรงของจวนหมิงอองที่ยอมสูจนตัว
ตายอยูแทๆ พริบตาเดียวเหตุใดกลับเหมือนถูกไฟลนกนจนตองวิ่งหนีอยางไมใสใจใน
ภาพพจนเชนนี้ได...
ฉากนี้มีบางอยางไมกลมกลืนกันและเหนือความคาดหมาย ขนาดทานตูยังอดไมไดที่
จะแสดงความไมเปนธรรมชาติออกมาทางสีหนา
ทวาตอนนี้การวิ่งหนีที่ดึงดูดความสนใจเปนอยางยิ่งของมอเกามิใชจุดสําคัญแลว
เกือบทุกสายตากําลังจองมองไปยังแขนซึ่งเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงของมอเกาขณะวิ่ง
ไมสิ พูดใหถูกตองก็คือ จองมองวัตถุโลหะความยาวครึ่งทอนแขนที่มอเกายังคงถือ
อยูในมือนั่น
“เปนสิ่งนี้หรือ?”
สายตาของผูที่อยูในเหตุการณตางฉายแววครุนคิด พวกเขามิใชคนธรรมดาทั่วไป
ยอมรูวาเสียงดังลั่นเมื่อครู เปนเสียงปน แตที่ทําใหไมแนใจและแปลกใจ เพราะปนนั้น
ทุกคนลวนเคยเห็น แตของเลนขนาดเล็กเชนนี้ยังไมเคยเห็นจริงๆ
“ปะ..ปะ...เปนปน ทุกคนระวังจะถูกลอบยิง!”
เหตุการณทั้งหมดเกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนบรรยายไมทัน จริงๆ แลวตั้งแตเริ่มยิงปน
จนถึงตอนนี้ เปนชวงเวลาเพียงหนึ่งอึดใจเทานั้น
ขณะที่ผูคนกําลังจองมองปนดวยความตะลึง เสียงรองโหยหวนอยางเจ็บปวดปนตื่น
กลัวก็ดังขึ้น
เสียงนี้ทําลายความหวาดผวาของทุกคนที่มีตอเสียงเปรี้ยงเมื่อครูลง ทุกคนพลันนึก
ถึงเปาหมายที่ถูกปนยิงเมื่อครู ศิษยสํานักเตาหนาเปลี่ยนสี หันมองชายหนุมที่กําลังอา
ปากรอง
เห็นเขาอยูไมไกลจากมาตัวที่ลมลง ใบหนาเต็มไปดวยเหงื่อเย็น กําลังใชมือปดปาก
แผลบนแขนขางขวา พลางพยายามดิ้นรนลุกขึ้นอยางยากลําบาก โดยมีโลหิตไหลออก
จากงามนิ้วไมหยุด
สายตาของเขาจองเขม็งไปยังชายหนุมที่กําลังวิ่ง แววตามีทั้งความแคนและรังสีฆา
ฟนเกี่ยวกระหวัดกัน
ในมือเขาไมมีกระบี่ กระบี่ยังคงปกและสั่นไหวอยูบนรางของมาที่ลมลงกับพื้น
เห็นชัดวาตอนถูกอาวุธปนจูโจม เขาไมทันดึงกระบี่และหลบออก จึงบาดเจ็บไป
อาการบาดเจ็บไมรุนแรงก็จริง แตเฉพาะบาดแผลที่แขนขวา ก็ทําใหพลังปราณ
ตลอดทั้งราง โคจรไดเพียงครึ่งเดียว
“ศิษยนอง!”
ศิษยรวมสํานักผูหนึ่งรองขึ้นดวยความตกใจ คิดไมถึงวาศิษยนองจะบาดเจ็บจริงๆ
จึงรีบพลิ้วกายเขาไปประคอง พลางถามอยางรอนรน “ศิษยนอง เปนอยางไรบาง?”
“ไมเปนไร แคคิดไมถึงวาจะถูกยิง!”
ชายหนุมผูบาดเจ็บกัดฟนพูด เหมือนโกรธแคนมาก เห็นชัดวาเขามิใชแคโกรธแคนที่
ตนเองบาดเจ็บ ยังโกรธแคนที่ตองอับอายตอหนาศิษยรวมสํานักดวย
เห็นชัดวาฝายตรงขามเปนเพียงคนธรรมดาเทานั้น แมถือปนอยูในมือ แตผูมีฝมือ
เชนเขาก็ไมควรไดรับบาดเจ็บเชนนี้ อีกทั้งยังถูกบีบใหทิ้งกระบี่ดวย เชนนี้จะใหศิษย
สํานักเตาผูสูงสงที่เห็นคนธรรมดาเปนมดปลวกยอมรับไดอยางไรเลา
ยิ่งเห็นสายตาของศิษยรวมสํานักที่มองมา ก็รูสึกวาไมสามารถอดทนตอความโกรธ
และความอับอายไดนาทีนี้จึงคิดสับมอเกาใหเปนหมื่นๆ ชิ้น แตพอเห็นมอเกาวิ่งหนีอยาง
สุดชีวิต ก็รีบรองบอกศิษยพี่ที่กําลังประคองตนเองอยางรอนรน
“ศิษยพี่ อยาปลอยใหมันหนีไป รีบ...หือ?”
ยังไมทันพูดจบ ก็พลันตื่นตกใจ “แยแลว!”
ศิษยพี่ที่ประคองเขาอยูยังไมรูตัว พอเห็นสีหนาเขาเปลี่ยนไปพรอมคําพูด ก็รีบเงย
หนาขึ้นมองตามทิศทางที่เขามอง พลันเห็นมอเกาที่ทุกคนเห็นวาวิ่งหนีไปแลวนั้น กําลัง
คุกเขาขางเดียวลงบนพื้น โดยทิ้งระยะหางจากทุกคนพอสมควร หันหนาเขาหาทุกคน
พรอมยกวัตถุโลหะในมือขึ้นอีกครั้ง
ผูบําเพ็ญเพียรหูไวตาไว เพียงแรกเห็นก็ทําใหศิษยนองผูบาดเจ็บหนาถอดสี เพราะ
รูสึกไดวาชั่วระยะเวลาเพียงหนึ่งอึดใจนี้ ปากกระบอกปนไดเล็งมาที่ตนเรียบรอย
ศิษยพี่ที่อยูดานขางก็หนาถอดสีเชนกัน ดวงตาคมวาว เดนตาย! ยังกลามาลอบยิง
อีก
“เจากลา...”
ปง!
พริบตาเดียวกับที่เขาเปลงเสียงออกจากปาก มานตาก็หดลงทันที
ภาพในความคิดปรากฎ พริบตาที่เขาอาปาก มอเกาที่คุกเขาขางเดียวอยูตรงหนา
ตั้งสติมั่น ปากกระบอกปนนิ่ง ปลอยประกายไฟลูกหนึ่งออก ขางหูเกิดเสียงดังกึกกอง...
คนของสํานักเตายอมโดดเดนกวาใคร ลูกปนที่พุงออกจากปากกระบอกปน คน
ธรรมดาทั่วไปไหนเลยจะหลบหลีกทัน แตคนของสํานักเตาฝกพลังปราณ ทําใหรางกาย
ตอบสนองไดเร็วกวา จึงไมธรรมดา
ในเวลาคับขัน พวกเขากลับสงบนิ่ง ศิษยพี่ทานนี้จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองตาม
สัญชาติญาณ ใชแขนลากศิษยนองพรอมบิดปลายเทาเบาๆ รางศิษยนองจึงหันขาง หลบ
เงาดําสายหนึ่งที่บินเขาจูโจมไดทัน
นาทีนี้ แววตาเขาดุดันแลว รูสึกไดอยางชัดเจนวา ลูกปนเมื่อครู เล็งมาที่ตําแหนง
หัวใจของศิษยนอง หากเขามิไดอยูขางกายศิษยนอง ศิษยนองผูบาดเจ็บตองไมสามารถ
เบี่ยงจุดตายออกไดแน และไมแนวาอาจไดรับอันตรายจริง ที่สําคัญคือหมอนี่นากลัวมาก
เดิมทีคิดวาหนีไปแลว ที่ไหนไดยังกลากลับมาลอบยิงอีก
นาทีที่หลบพนอันตราย ยังไมทันยืนนิ่ง ศิษยพี่ทานนี้ก็คํารามออกมาอยางโกรธแคน
“ตาม! จับมันมาใหได!”
คนของจวนหมิงออง...
คนของจวนหมิงอองแลวอยางไร?
ก็แคมดปลวกตัวเล็กๆ คิดสังหารพวกเขาอยางนั้นรึ?
คิดวาคนของจวนหมิงอองจะทําใหพวกเขาตกใจไดจริงรึ เฮอะ รนหาที่ชัดๆ !
แมเปนบิดาหมิงอองมาเอง ก็ยังไมกลาสุมสี่สุมหาสังหารพวกเขา
นับประสาอะไรกับหมิงออง!
ตองพูดวา อุปนิสัยของศิษยสํานักเตาไดรับการบมเพาะใหเปนเชนนี้จริงๆ พวกเขา
อยูกับความทะเยอทะยานมาเปนเวลานานหลายป มีเรื่องราวมากมายที่เปนตัวอยางให
เห็น ทําใหพวกเขาหยิ่งทะนงจนไมเห็นผูอื่นในสายตา เชนปนั้น ที่ศิษยเขาซางชิงสองคน
ลอบสังหารหมิงอองในวันมงคลสมรส ผลก็เงียบ ไมมีอะไรในกอไผ ศิษยสองคนกลับเขา
เขาซางชิงตอ
เชนนี้ ทําใหพวกเขากลาทําทุกอยาง แมตอนนี้ผูคนจะพูดถึงหมิงอองวานากลัว
เพียงใด แตสุดทายก็เปนเพียงขาวลือ อาจารยของพวกเขายังคงใหพวกเขาหยิ่งทะนงตอ
และใหรักษาทาทีขางตนของสํานักเตาดวย
ลูกปนนัดที่สอง แมไมโดน มอเกาก็ไมคิดเสียใจ ผลลัพธเชนนี้ วันแรกที่เขาฝกยิงก็
คุนเคยกับมันแลว ความเร็วในการตอบสนองของศิษยสํานักเตา ใชวาปนกระบอกหนึ่ง
จะสามารถควบคุมได
ดังนั้นเขายอมรับได และไมสูญเสียความมั่นใจที่มีตอคนของสํานักเตาที่อยูแนวหนา
เขาเตรียมตัวลุกขึ้นยืน วิ่งหนีอีกครั้ง แตนาทีนี้เอง เขาเหลือบไปเห็นทานตู พบวา
ทานตูยังคงอยูในทีเ่ กิดเหตุ ยังคงกุมกระบี่ไว มิไดหนีไปไหน
แววตาเขาเปลี่ยนทันที รีบแผดเสียงดังลั่น “ทานตู หนีเร็ว!”
คิดไมถึงวา เสียงตะโกนของเขากลับทําลายความเงียบสงบเมื่อครู ทําใหทานตูมี
ตัวตนขึ้นอีกครั้งในสายตาคนสํานักเตา
กระทั่งคนของจวนหมิงออง พวกเขาก็ยังคิดประมือดวย นับประสาอะไรกับ
เปาหมายในครั้งนี้อยางทานตู
พวกเขาไมลังเลใจ สําหรับพวกเขาแลว ทําตามคําสั่งอยางเดียว แตพอคนของจวนห
มิงอองเขามายุงเกี่ยว พวกเขาอาจลังเลในตอนแรก แตตอนนี้ความขัดแยงระเบิดขึ้นแลว
ไฉนยังตองคิดมากอีก หนาที่ของพวกเขาคือจับคนใหไดอยางลับๆ เรื่องอืน่ ทางสํานัก
ยอมจัดการเอง แตถาไมจับคนกลับไป จะไมถูกผูอาวุโสในสํานักเรียกใชใหทํางานใหญ
อีก
ที่สําคัญคือมีปรมาจารยตามดูอยูในที่มืด จนถึงตอนนี้ก็ยังไมแสดงตนออกมา แสดง
วายังคงตองทําตามภารกิจตอไป
“ลงมือ! ใหไว!” มีคนตะโกนเสียงต่ําออกมา ทุกคนจึงเริ่มเคลื่อนไหว
“ชากอน!” ทานตูมือกุมกระบี่ ทาทีสงางามดังเดิม “ทุกทานไมตองรีบรอน แมทุก
ทานไมมา ผูแซตูก็ตองไปที่ทําการสํานักหวงอยูแลว ทุกทานไมจําเปนตองนําคนมา
มากมาย หากไมเชื่อ ทุกทานสามารถเดินไปดวยกันกับขาได”
“เฮอะ คนทรยศสํานัก ใครอนุญาตใหเจาทําตามอําเภอใจ!”
ในกลุมคนเหมือนมีคนเปนหัวหนาคนหนึ่ง พลิ้วกายมายืนตรงหนาทานตู เปลงเสียง
เย็นชาสะทอนไปมาในอากาศ “จับนาง!”
ทานตูยังคงมีทาทีสงบนิ่ง “ดี จะจับผูแซตูก็ได แตผูแซตูก็อยากรูบางวาพวกทาน
เปนใคร มาจากไหน เชิญแจงนามสํานัก!”
“ใหมันนอยๆ หนอย หากไมอยากใหผิวสวยๆ ตองมีรอยแผลแลวละก็ ยอมใหจับ
เสียแตโดยดีนั่นละดีที่สุด!” ผูอยูตรงหนาพูด
“หึๆ คิดไมถึงวาในสํานักเตา ยังมีคนกลาบาบิ่นจริงๆ กลาคิดแทนหนึ่งในสิบสํานัก
ใหญอยางสํานักหวงดวย ไมรูวาผูแซตูมีคาตัวเทาไหร สํานักทานถึงอยากจับใหไดโดยไม
เสียดายที่ตองบาดหมางกับสํานักหวง”
ในที่สุดทานตูก็ทําใจ นางมิไดโง และมิไดใสซื่อ รูสึกแปลกๆ แตแรกแลว จึงไมอยาก
ใหเกิดเรื่องเพิ่มขึ้นการลี้ภัยมาเมืองหลวงในครั้งนี้เพราะไมอยากใหกลุมเยาวชนตกอยูใน
ภาวะไรผูนํา ซึ่งถามาขวางทางเพราะตองการจับนางมอบใหกับสํานักหวงเพื่อเอาใจ
สํานักหวงจริงๆ แลวละก็ นางก็ไมอยากสรางความเกลียดชังอีก ใหพวกเขาสมหวังบาง
จะเปนไรไป แตตอนนี้พฤติกรรมของคนเหลานี้ เห็นชัดวามีพิรุธ พวกเขามาเพื่อตนเอง
โดยเฉพาะ ไมเกี่ยวกับสํานักหวงแตอยางใด
ทานตูคอยๆ ยกกระบี่ในมือขึ้น มองดูผูที่กําลังจะจูโจมเขามา กอนตะโกนเสียงสูง
“แตเกรงวาพวกทานคงจะดูเบาผูแซตูไป ผูแซตูแมรูวาสํานักหวงเปนสถานที่
อันตราย แตยังคงกลาไป เชนนี้ ทานคิดวาผูแซตูไปรนหาที่อยางนั้นรึ?”
ตอน 272 ระเบิด
“กระทั่งสํานักหวงผูแซตูยังไมกลัว นับประสาอะไรกับพวกภูตผีปศาจที่กอกรรมทํา
เข็ญ ผูแซตูกลับอยากดูวา พวกเจาที่สุดแลวมีความกลาแคไหน กลาเผชิญหนากับการ
แกแคนชนิดไมตายไมเลิกจากจวนหมิงออง สํานักหวง และสมาชิกนับแสนของกลุม
เยาวชนขาในคราวเดียว”
วาแลว สงครามก็เริ่มตนขึ้น
ทานตูเพียงผูเดียวตอสูกับคนรอบดาน!
นางเคยเปนศิษยผูมีพรสวรรคชั้นเลิศของสํานักหวงอยูนานหลายป หากมิใชหัวหนา
ใหญของกลุมเยาวชนและอยูในหมิงจูไดนานกวานี้ ชื่อเสียงของนางอาจไมดอยไปกวา
หลินซูอินและตองเปนตัวแทนที่นาภาคภูมิใจยิ่งของคนรุนใหม
ในกลุมเยาวชน นอยคนนักที่เคยเห็นนางลงมือ
คนของสํานักเตาก็ดวย การบําเพ็ญเพียรของทานตูเปนอยางไรนั้น ไมคอยจะมีคนรู
จริงๆ
แตตอนนี้ ศิษยสํานักเตารุนใหมที่ทานตูกําลังประมือดวยกลับรูสึกตื่นตระหนก
คนมากมายเชนนี้ยังไมสามารถจับนางไดในคราวเดียว นี่จะไมใหพวกเขาตกใจ
อยางไรได
ทวาจริงๆ แลว พวกเขาควรคิดไดวา พวกเขาเปนใคร ทานตูเปนใคร แมไมนับเรื่อง
บําเพ็ญเพียร ทานตูก็โลดแลนอยูในทะเลโลหิตขณะอยูในกลุมเยาวชนมานาน มี
ประสบการณในสนามตอสูทุกรูปแบบนับไมถวน เมื่อพูดถึงความเ**ยมโหดรุนแรงแลว
ไหนเลยที่พวกเขาจะเทียบชั้นได
การบําเพ็ญเพียรของศิษยสํานักเตาไมเลวก็จริง แตโดยปกติแลวไหนเลยจะเคยตอสู
ชนิดวัดความเปนความตายซ้ําแลวซ้ําเลา บวกกับการที่เบื้องบนตองการจับเปน
พวกเขาจึงตอสูไดไมถึงที่สุด และแมมีคนมาก แตก็ไมมีใครยอมทุมตัวรับสักหนึ่ง
กระบี่ เพื่อสรางโอกาสใหเพื่อนๆ
เมื่อเปนเชนนี้ ทานตูก็อยูในตําแหนงที่เหนือกวาพวกเขาอยางเห็นไดชัด เพียงนาง
ฝนทนตานรับเทานั้น!
“ตูเจวียน เจามีความสามารถล้ําเลิศเชนนี้ อยาเดินทางผิด รีบใหจับเสียแตโดยดี
หากยังฝนตานตอไป อยาหาวาขาเด็ดดอกไมอยางโหดรายก็แลวกัน!”
ขณะตอสู ผูเปนหัวหนาไดยินเสียงดังปงปง พอมองไปก็เห็นกลุมคนที่เขาไปจับมอ
เกา ยังไมทันลงมือ ก็รองเสียงดังออกมาเสียแลว แววตาจึงวูบไหว
ทานตูรูวาเขาคิดอะไรอยู จึงกะพริบตา กอนถอยรางออก กวาดตามองรอบดาน
เห็นมอเกาเพียงคนเดียวในที่เกิดเหตุ แลวเพื่อนๆ ของเขาละ เหตุใดยังไมปรากฏตัวขึ้น
อีก จึงรีบรองบอก
“มอเกาหนีไป อยาสนใจขา รายงานเรื่องในวันนี้ใหหมิงอองรับรูกพ็ อ!”
มอเกาไมพูดจาใดๆ บอกตามตรง ไฉนเขาไมคิดหนีเลา แตหนาที่เขาคือคุมครอง
ความปลอดภัยใหทานตู ไหนเลยจะรูวาที่เตี๊ยมกันวาจะถอย แตทานตูกลับไมถอย ทําให
สถานการณเปนเชนนี้ไป
ทําไงได เขาไมสามารถทิ้งทานตูไวแลวหนีไปได อีกทั้งเขาก็ไมกลัว ใชยุทธวิธีสูแลว
ถอยกับศิษยสํานักเตาสองคนที่ตามราวีไมเลิก ตามเขามาจนถึงทุงรางริมถนนสายนอย
ไดยินเสียงเขาคําราม
“ลงมือ!”
ศิษยสํานักเตาทั้งสองหยุดชะงัก ยังไมเขาทุงราง กวาดตามองโดยรอบกอน
หากอาศัยการบําเพ็ญเพียรขั้นอาจารย ใชพลังปราณเสาะหาผูซุมโจมตี ก็ยังตองดู
วาแตละคนบําเพ็ญเพียรไดเชนไร ดังนั้นไมตองพูดถึงศิษยที่ยังไมบรรลุขั้นอาจารย
เมื่อกวาดตามองรอบดานและไมพบวามีการซุมโจมตี จึงรูสึกโกรธที่ถูกหลอก
กอนหนานี้มอเกาก็ตะโกนเสียงดังวาใหจับพวกเขา พวกเขาจึงคิดวานาจะมีคนของ
จวนหมิงอองซุมอยู ผลก็คือ มอเกายิงปนหนึ่งนัดแลวก็หันกายวิ่งหนี
ตอนนี้กลับมาเลนลวดลายนี้อีก
“โจรกระจอก ไปตายเสีย!”
ตามจับอยูนานยังจับไมได คนธรรมดาผูนี้มีพลังอันนาทึ่ง หนําซ้ํายังเปนนักแมนปน
ดวย พวกเขาทําไดเพียงหลบหลีกเปนระยะ ยากที่จะจับได จึงเกิดความไมพอใจขึ้น
เรื่อยๆ ตอนนี้ยังถูกลอเลนอีก เห็นคนธรรมดานั่นหนีมาไกล กอนวิ่งเขาไปในทุงราง ทิ้ง
ระยะหางจากพวกเขาไปจนได ไหนเลยที่พวกเขาจะไมโมโห
ทั้งสองสบตากัน แววตาดุดัน คิดวาอาจยอมใหคนหนึ่งบาดเจ็บ เพื่อรีบจับเขาใหได
แตระหวางที่คนทั้งสองกระโดดเขาทุงรางนั้น กลับพลันคํารามออกมาพรอมกัน
“แยแลว!”
ปง ปง ปง...
เสียงปนหลายนัดดังขึ้นขางหู
และแลว...
ไมมีและแลว...อืม...สําหรับพวกเขา ไมมีและแลวจริงๆ
มอเกาเหลือบมองตําแหนงหัวใจของคนทั้งสอง แลวก็ไมสนใจอีก หางจากเขาไมไกล
ชายหนุมสามคนที่คลานอยูกับพื้นก็ไมมองศพทั้งสองเชนกัน
“ทานตูไมยอมหนี ทําอยางไรดี?” คนหนึ่งถามขึ้น
“หนุนตอ!” มอเกาสรุปสองคํา แลวลุกพรวด กระโดดไปยืนบนถนนสายนอยอีกครั้ง
“พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วเกิน หากเรารวมกันจูโจม อาจเกิดอุบัติเหตุกันเอง!” อีกคน
พูดเสียงต่ํา
“ไมสนแลว พวกเจาจูโจมรอบนอก สวนคนขางกายทานตูขาจัดการเอง!”
ครั้งนี้ผูพูดมิใชมอเกา แตดูๆ ไปอายุยังนอยกวามอเกาดวยซ้ํา เขากับพวกมอเกาไม
เหมือนกัน เขาใชปนคู
พอเขาเอยปาก ทั้งมอเกาและคนอื่นๆ ตางขานรับเปนเสียงเดียวกัน ทั้งหมด
กระโดดลงบนถนน
ทั้งหมดมีปนเปนอาวุธ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุอยางไมลังเล
ทุงรางกับที่เกิดเหตุหางไกลกันพอควร กอนหนานี้ที่มอเกาตองวิ่งอยางตะบี้ตะบันก็
เพราะเหตุนี้
ปนในมือของเขา จะไรซงึ่ ประสิทธิภาพ หากใชกับคนของสํานักเตาในระยะใกล
เกินไป
เมื่อเริ่มตน มอเกาไดตกลงกับทานตูวา ถาตอสูกันขึ้นมาใหทานตูรีบหนีไปโดยไม
ตองสนใจอะไรทั้งสิน้ ก็เพราะไดเตรียมพรอมสําหรับการจูโจมระยะไกลไวแลว มิฉะนั้นก็
จะไมสามารถจูโจมได
ขอเพียงสรางความกดดันจากระยะไกล คนของสํานักเตาก็ไมสามารถจับพวกเขาได
ในระยะเวลาอันสั้น ทวาเสียงปนก็ทําใหตอสูกันไดไมนาน เพราะทหารมาจะตามมาได
อยางรวดเร็ว
แตใครจะคิดเลาวา ทานตูจะอยางไรก็ไมหนี!
พวกเขากับทานตูไมเหมือนกัน พวกเขาคิดแคเพียงทําอยางไรใหทานตูปลอดภัย
สวนทานตูคิดจัดการเรื่องอยางไรนั้น ไมอยูในขอบเขตความคิดของพวกเขา
ซึ่งทานตูคิดวา ถาตองการเพียงความปลอดภัย อยูแตในจวนหมิงอองก็สิ้นเรื่อง ไม
จําเปนตองมาที่นี่ แตนางมาคราวนี้ มาเพื่อเสี่ยงอันตราย และจะเดินผานไปไดหรือไมนนั้
ก็ตองลองเดินดูกอนคอยวากัน จะใหเห็นอะไรทะแมงๆ แลวหนีไปทันทีไดอยางไร
ปง ปง...
เสียงปนดังติดตอกันฉับพลัน ทําใหผูที่กําลังลอมจูโจมทานตูอยูตกใจไปตามๆ กัน
และยังไมทันมีปฏิกิริยาตอบโต ก็เริ่มรูสึกถึงภัยคุกคาม พวกเขาหันมองทันที
และไมเพียงเห็นมอเกา ครั้งนี้ พวกเขากลับกลายเปนผูถูกโอบลอมเสียเอง
โดยพรรคพวกมอเกามีปนรูปทรงสั้นๆ อยูในมือคนละกระบอก ที่ทําใหพวกเขามีสี
หนาไมสูดีก็คือ ปนชนิดนี้ สามารถยิงติดตอกันได ไมตองยิงทีใสลูกปนที
นี่ก็รับมือยากแลว มิใชชีวิตตกอยูในอันตราย แตพอแยกยายกันหลบลูกปน ก็จะ
เปดโอกาสใหทานตูหลบหนีไปได และขณะที่ทุกคนกําลังลําบากใจอยูนั้น ศิษยคนหนึ่ง
พลันรองเสียงดัง
“ทุกคนระวัง ดานนั้นก็มีคน!”
กลุมคนยังไมทันหันไปมอง ก็ไดยินเสียงดังปงขึ้นอีก
“สวะ!” ผูเปนหัวหนาตะโกนดา
พลางรูสึกวาดานหลังของตนมีภัยคุกคามเขาใกล จึงรีบหลบจนเฉียดคมกระบี่ของ
ทานตูไปนิดเดียว
และขณะที่เขาเอี้ยวตัวหลบนั้น สายตาทานตูพลันนิ่ง จองมองหัวหนาทานนี้เขม็ง
กอนรองเสียงดัง
“สํานักใบไผ ที่แทเปนสํานักใบไผนี่เอง!”
“อืม!” สีหนาหัวหนาพลันเครงขรึมลง แมรูอยูแ กใจวาถาประมือกันจริงๆ คงยาก
ปดบังสถานะ
ทานตูมิไดอยูประจําสํานักเตามานานก็จริง แตในสิบสํานักใหญมีการไปมาหาสูกัน
เสมอ มากนอยอยางไร ทานตูก็รูจักวิทยายุทธของแตละสํานัก
หัวหนารูวาเมื่อครูตนพลาดไป ขณะเอี้ยวตัวหลบ เผลอใชวิชาประจําสํานัก เปดเผย
สถานะจนได
กอนมา เขายังกําชับลูกนองวาตองปดบังสถานะ โดยพยายามไมใชวิชาประจําสํานัก
ตอนนี้จึงรูสึกโกรธกอนมาคิดไมถึงวาจะมีเรื่องมากมายเชนนี้ หญิงสาวตัวเล็กๆ อยางตูเจ
วียน เพียงยื่นมือออกก็นาจะจัดการไดแลว ไฉนผานไปเนิ่นนานขนาดนี้ ยังจัดการไมได
ชวยไมได ถึงวางแผนกันมากอน ถึงถูกผูอื่นตรวจพบสถานะ อยางมากก็ทําการจับ
อยางเปดเผยไป เพียงความรูสึกไมเต็มใจยอมมีอยู แตเมื่อทําใหเกิดเรื่องใหญแลว ก็ตอง
จับตัวเปาหมายใหได เพื่อความสาแกใจ
แตพอมองไปเห็นสถานการณไมสูดีนัก เขาก็รูสึกไมพอใจ ตะโกนเสียงต่ําออกมา
“อยาชักชา รีบจับตูเจวียนใหได ไมเกี่ยงวิธี!”
ขณะเดียวกัน ตูเจวียนก็เริ่มถอยหลัง นางเห็นพลพรรคแมนปนของจวนหมิงอองใน
ระยะไกล จึงตะโกนเสียงกอง
“คนของจวนหมิงอองทุกคนรีบถอย รายงานหมิงอองวา หากเกิดเรื่องขึ้นกับผูแซตู
ทั้งหมดลวนเปนการกระทําของสํานักใบไผ!”
นางรูแลววา ขืนสูกันเชนนี้ตอไปไมดีแน เมื่อเปนการกระทําของสํานักใบไผ หนึ่งใน
สิบสํานักใหญดวยกัน เรื่องยอมมีเงื่อนงํา นั่นก็ไมมีทางที่จะพูดคุยกันได
เชนเดียวกับที่นางเขาใจทันใด การที่สํานักใบไผกลาทําเรื่องเชนนี้ ยอมตอง
เตรียมการมาเปนอยางดี
เพียงแต กวาที่นางจะรูก็สายเสียแลว!
เสียงกังวานใสดังมาจากระยะไกล “ไปจับปลาซิวปลาสรอย!”
ศิษยสํานักเตาแสดงสีหนาเคารพ กอนกระจายตัวกันออกไป ไมลอมจับตูเจวียนอีก
แตตูเจวียนกลับมีสีหนาเครงเครียด แววตาตื่น มองไปยังผูซึ่งคลายยังอยูหางไกล
แตรางเหมือนสายฟากลางสายลม ปรากฏรางผูเฒาตรงหนาตนอยางรวดเร็ว
“นึกแลว!” ทานตูเดาไมผิด มีปรมาจารยตามมาจริงๆ
มอเกากับพวกที่อยูอีกดาน ยอมเห็นผูเฒาแลวเชนกัน สีหนาจึงเปลี่ยนเปนตื่น
ตระหนก แมไมถึงกับหวาดกลัว แตก็ระมัดระวังขึ้นอยางเห็นไดชัด
ปนในมือของพวกเขา นาทีนี้ไมมีทางเล็งไดแนนอน เพราะฝายตรงขามเร็วเกินไป
แมเดาทิศทางได แตก็ไมสามารถยิงโดน
“ปรมาจายปรากฏตัวขึ้นแลว เหตุใดพวกเขายังไมลงมืออีก?”
มอเกามองดูรางปรมาจารย และกวาดตามองรอบดาน หนาผากเต็มไปดวยเม็ด
เหงื่อ
สวนหนุมปนคู ดวงตายิ่งฉายแววคมกริบ เอยขึ้นวา
“ไมสนละ พี่เกา พาคนคุมครองทานตูหนีไปตามเสนทางเดิม ขาจะตานไวให”
มอเกากับพวกรูสึกตึงเครียด มอเกาสายศีรษะ
“ไมได เจาตานไมไหวหรอก รออีกหนอย ขาไมเชื่อวาพวกเขาจะไมกลาปรากฏตัว!”
“แลวถาไมปรากฏตัวจริงๆ ละ? เราไมควรฝากความหวังไวกับผูอื่น พวกเราแมมิได
บําเพ็ญเพียร แตก็ไมควรใหผูอื่นคิดวาคนของจวนหมิงอองไมไดเรือ่ ง!”
หนุมปนคูแมอายุยังนอย แตดูเหมือนเปนคนพูดไดทําไดในกลุม
ไดยินดังนี้ มอเกากับพวกก็ตาแดง สุดทายพวกเขาก็กระโดดมายืนตรงหนาหนุมปน
คู
“รักษาตัวดวย!”
วาแลวมอเกาก็วิ่งเขาหาทานตู พลางแผดเสียงดัง
“ทานตู อยาพัวพันอีก หนีตามแผนเดิม ขาวถูกสงใหทานอองแลว เรื่องในวันนี้
ทานอองตองจัดการขั้นเด็ดขาดแน!”
ทานตูมองดูพวกเขาวิ่งตะบึงเขามา แตกลับสายหนานอยๆ
“พวกเจาไปกันกอน ขาจะลองตามพวกเขาไป มีทานอองอยู อาศัยภูตผีปศาจพวกนี้
ใหความกลาไป ก็ไมกลาสังหารขาหรอก”
“สังหารศิษยสํานักขา ไปไหนไมไดทั้งสิ้น”
ไดยินคําพูดพวกเขา ผูเฒาก็พูดขึ้นดวยน้ําเสียงใสเบาดังเดิม
เพียงแตพอสิ้นเสียง รางก็พลันขยับ ยกแขนขึ้นกลางอากาศ ปรากฏรัศมีแสงสีเขียว
ตาเหลือบมองหนุมปนคูที่อยูขางถนน ทาทีที่เบาสบายอยูแตเดิมเปลี่ยนเปนตื่นตกใจ
ทันที
ทวาสีหนาของหนุมปนคูยังคงเดิม เขาวิ่งออกในทิศทางตรงกันขามกับทางเดิมที่
ทานตูมา
ปนในมือขยับตามไมหยุด เขาวิ่งโดยไมหันมามองแมแตนอย ราวกับวาไมตองเล็ง
กอนหันมายิงกระสุนแตละนัดออกอยางเฉียบขาด จนหมดชุด
แมยิงไมถกู ผูเฒา แตเห็นชัดวา ผูเฒาไมสามารถไลตามตูเจวียนได ปนคูในมือเขา
สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไปขางหนาของผูเฒา
“คิดคุกคามขาอยางนั้นรึ?”
ในที่สุดปรมาจารยก็ยกแสงสีเขียวบนฝามือขึ้น แววตาเปลี่ยนเปนคมกริบ หันรางพุง
ตรงไปยังหนุมปนคู
รางปรมาจารยเร็วปานสายฟาแลบ ไมนานก็ตามทัน
“หนีไป!” หนุมปนคูวิ่งตะบึงพลางตะโกนรอง
ผูที่ลอมทานตูอยูแตเดิม เริ่มทําตามคําสั่ง ไลตามพวกมอเกาไป
“หนีไป!” มอเกากับพวกตะโกนรองเชนกัน
แมเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางกะทันหัน แตทานตูก็มองสถานการณออก แววตานาง
วูบไหว ที่สุดแลวก็ปลีกตัวออกจากกลุมคนอยางเงียบๆ พลิ้วกายถอยออกไปอีกทาง
กอนหนานี้เปนนางที่ตัดสินใจเดินตอ และการไมถอยออกในทันที ก็เปนการ
ตัดสินใจของนางเชนกัน ถึงไดทําใหเกิดสถานการณเชนนี้ขึ้น
แตนี่มิไดหมายความวานางเปนคนหัวแข็ง ตอนนี้นางชัดเจนดีวา หากตนเองยังอยู
ตอ ทุกคนอาจจบชีวิตลง ในทางกลับกัน หากตนเองหนีไปอีกทาง อาจสามารถปกปอง
ชีวิตทุกคนได
แมตนเองหนีไมรอด ก็ยังสามารถสรางโอกาสใหพวกเขา ขอเพียงหนีออกไปไดสัก
คน สํานักใบไผยอมไมกลาสังหารตนเอง แตก็เกรงวาตอนนี้พวกเขาจะไมเชื่อวาขาวได
ถูกสงออกไปแลว
แตขอเพียงหนีไปไดสักคน...
เปรี้ยง! ผูเฒาฟาดฝามือออก หนุมปนคูกระเด็นไปไกล กระอักโลหิต นอนแนนิ่งอยู
กับพื้น
ผูเฒาไมตามไปดู เพียงเหลือบมองเขากับปนในมือ แลวหันกาย พลิ้วรางกลับทาง
เดิม
“ไวชีวิต รอสอบสวน!”
ผูเฒาสงเสียงบอกศิษยที่เตรียมเขาไปจับหนุมปนคู แลวคอยทะยานรางตามทานตู
ไป
ทานตูรวบรวมพลังปราณตลอดทั้งราง ทะยานหนีอยางรวดเร็ว ไมนานก็พบวามีคน
ตามติดมา
ผูที่อยูดานหลังมีพลังปราณคุกคามอันแข็งแกรง ทวาดวงตาทานตูนิ่ง เมื่อเห็นคนผู
หนึ่งกําลังวิ่งตะบึงเขามาทางดานหนา เปนหนุมหาบเรพรอมไมคานกับตระกรา!
“หนีไป!” ทานตูรอง
แตหนุมหาบเรเหมือนไมไดยนิ ยังคงวิ่งเขามาอยางรวดเร็ว พลางรองคํารามออกมา
สามคํา
“เร็ว เร็ว เร็ว!”
และตอนนี้นี่เองที่ทานตูรูสึกวามีพลังคุกคามขนาดมหึมากําลังเคลื่อนเขาใกลตนเอง
จากดานหนาจึงรูสึกระตือรือรน มองไปยังตระกราที่หนุมหาบเรหาบอยู
ควันดําจางๆ พวยพุง ขึ้นจากตระกรา ลอยไปทางดานหลังของเขา กลิ่นกํามะถัน
เขมขนโชยแตะจมูก
ทานตูตื่นตระหนก เขาใจในทันทีวาในตระกราใสอะไรไว
นางโลดแลนอยูในยุทธภพหลายป เผชิญทะเลโลหิตเปนระยะ ชินชากับความเปน
ความตายมานาน แตตอนนี้นาทีนี้ หนุมหาบเรที่หนาผากเต็มไปดวยเหงื่อ ดวงตาแนวแน
วิ่งมาที่ตนเองอยางรวดเร็ว...
ไมสิ เขาวิ่งอยางกลาหาญไปยังผูที่มีพลังปราณคุกคามดานหลังนาง ทําใหขอบตา
นางมีน้ํารื้นๆ เออลนขึ้นโดยไมรูตัว นาทีนี้ นางกัดริมฝปาก ใบหนาสะสวยแดงขึ้นทันใด
มองดูรางที่คลายเต็มไปดวยพละกําลัง ขอใหเขาวิ่งไดเร็วขึ้นกวานี้ นางหลับตาลง พลัง
ปราณตลอดทั้งรางคุกรุน กอนฝามือของผูที่อยูดานหลังจูโจมมา นางเบี่ยงตัวหลบหนุม
หาบเรอยางรวดเร็ว
ตูม! เสียงดังสนั่นที่สามารถทําใหคนหูหนวก คลื่นความรอนขนาดมหึมาพวยพุงขึ้น
“อาก!”
พลังระเบิดลูกใหญจูโจมจากดานหลัง ทานตูถูกแรงอัดตัวลอยละลิ่ว กระอักโลหิต
รางลวงลงสูพื้น
ดวงตานางเลื่อนลอย ในความรางเลือน นางเห็นรางสองรางยืนอยูขางกาย กอนอุม
นางออกจากคลื่นความรอนที่อยูตรงหนา
รางของทานตูกําลังลอยอยูกลางอากาศ นางใชสติสัมปชัญญะสุดทายที่มี หันมองผู
ที่กําลังอุม พลางพูดในใจ
“เปนปรมาจารย! ปรมาจารยของจวนหมิงออง! เหตุใด...เหตุใดพวกเขาเพิ่งมา!”
ตอน 273 หมิงอองเรียกพบ
ยามเย็น แสงสีทองสองหลา นักพรตอุนสุราไวปานหนึ่ง ทํากับขาวงายๆ อีกสอง
สามอยาง หางตาและปลายคิ้วของเขากําลังยิ้มอยางอารมณดี เพราะเพิ่งไดรับขาววา
พระชายาเดินทางถึงเมืองหลวงอยางปลอดภัย
แมเปนนักพรตผูบําเพ็ญเพียรอยางสงบ แตใจก็อดไมไดที่จะรูสึกยินดีปรีดา คิดวา
เมื่อผานครั้งนี้ได มุมมองของทานอองที่มีตอพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไป
ตอจากนี้แมทานอองยังคงไมใหความสําคัญตอพวกเขาเฉกเชนพวกเถี่ยสง แต
นักพรตเชื่อวา อยางนอยในบรรดาสํานักเตา พวกเขาจะเปนสํานักที่ทานอองเชื่อใจได
มากสุด
ตอไปภายภาคหนา ถาทานอองสามารถเปนมังกรที่โผลขึ้นเหนือน้ําและมีบารมีหมื่น
ลี้ไดจริง สํานักไทเสวียนของพวกเขาก็ไมแนวาอาจเปนดังเชนสี่ขุนเขาในสมัยองคเซิ่งอู
อาศัยพลังมังกร กาวขึ้นสูผูนําสํานักเตา ซึมซับเกียรติยศอันสงางามไมรูจบ!
หากมีวันนั้นจริง สํานักไทเสวียนจะเปนไปในรูปแบบใดหนอ
สวนตัวนักพรตเอง ตอแตนี้ก็ตองกลายเปนประวัติศาสตรของสํานักไทเสวียน เปน
บุคคลสําคัญที่ถูกจารึกไวอยางจริงจัง
“คิดมากไป คิดมากไป ฮาฮา ฮาฮาฮา...”
นักพรตอดไมไดที่จะปลาบปลื้มใจ จนสามารถหัวเราะออกมาขณะอยูในภาพฝน
พูดตามตรง นักพรตก็มีอายุมิใชนอย ตอนนี้ยังมาแสดงทาทีนาเอ็นดูเชนนี้อีก นาขัน
จริงๆ
แตผูที่อยูในยุคสมัยนี้ และไดรับการสั่งสอนมาเชนเดียวกับพวกเขา ก็จะรูสึกไดวา
หากสามารถทําใหคนในตระกูลมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พวกเขาก็จะรูสึกภาคภูมิใจยิ่ง
ขณะกําลังปลื้มปติอยางฉุดรั้งไวไมอยูน ั้น หนาประตูก็มีเสียงฝเทาดังขึ้น
“อืม แคกแคก...”
นักพรตรีบเก็บรอยยิ้มบนใบหนา เขาอยูในสถานะอะไร ปรมาจารยแหงยุคเชียวนา
ตองสํารวมหนอย
เสียงฝเทาเบาแตมั่นคง นักพรตขยับสายตามองประตู เห็นผูมาเปนชายหนุมผูหนึ่ง
หลังอาจิ่วจากไป ผูที่คอยรับใชอยูขางกายหมิงอองก็คือ เหลียงจวิน
“ใตเทา” เหลียงจวินยืนนิ่ง โคงคํานับอยูหนาประตู
นักพรตมองเขาพลางกะพริบตาเล็กนอย
เดิมทีผูที่ไดรับความเชื่อใจและอยูขางกายหมิงอองมาตลอดก็คือเถี่ยสงกับพวก
รวมทั้งอาจิ่ว แตตอนนี้เนื่องจากจวนหมิงอองมีเรื่องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงคอยๆ เปด
กวางใหแตละคนควบคุมจัดการเรื่องตางๆ แทน
คนขางกายหมิงอองก็คอยๆ เปลี่ยนเปนคนใหมๆ ดังเชนเหลียงจวิน
นักพรตพลันรูสึกขึ้นมาวา เถี่ยสงกับพวกที่อยูขางกายหมิงอองมาตลอด มิไดมีไมตรี
จิตกับคนจากสํานักเตาอยางพวกเขาเทาใดนัก นักพรตคิดคบหาใหสนิทใจก็แทรกตัวเขา
ไปลําบาก
แตพวกเหลียงจวินกลับไมเหมือนกัน ใชวาไมสามารถคบกับพวกเขาได แมตอนนี้
พวกเขายังไปไมถึงตําแหนงของเถี่ยสงกับพวกในจวนหมิงออง แตชาเร็วก็ตองถูกหมิง
อองใชงานในเรื่องสําคัญ
“เหลียงจวินนั่นเอง!”
คิดถึงตรงนี้ คิ้วของนักพรตพลันออนโยนขึ้นมา รีบนําชั้นเตี้ยๆ มาตั้งบนตั่ง ยกมือ
คารวะตอบ ทักทายอยางกระตือรือรน
“ขาเพิ่งอุนสุราไวปานหนึ่ง กําลังกลุมที่ไมมีใครดื่มเปนเพื่อน เจามาไดจังหวะพอดี
เรามาดื่มกับขาสักจอกสองจอกเปนอยางไร”
ความกระตือรือรนและความไมพิถีพถิ ันของนักพรต เปนสิ่งที่เหลียงจวินคาดไมถึง
เปนอยางที่นักพรตคิดไวจริงๆ คนอยางพวกเขาไมสามารถมีทาทีที่หยิ่งทะนงดังเชน
อาจิ่วกับพวกได สําหรับปรมาจารยอยางทานนักพรต พวกเขายอมตองใหความเคารพ
เปนอยางสูง
จึงเห็นไดชัดวา ถาพวกเขาไมมีธุระ ยอมไมมา พอไดยินคําชักชวนจึงรีบปฏิเสธอยาง
นอบนอม
“ใตเทา ทานอองเรียนเชิญ!”
“ได งานสําคัญกวา เราคอยดื่มกันทีหลัง!”
นักพรตไดยินก็ยิ้มพยักหนา นําเสื้อคลุมขึ้นสวมพลางถาม
“ขาเพิ่งกลับออกมาจากหองทานออง มีอะไรเกิดขึ้นในจวนหรือเปลา?”
ขณะทั้งสองเดินออกจากประตู บังเอิญมีศิษยคนหนึ่งวิ่งเขามาอยางรวดเร็ว จน
เกือบชนเหลียงจวินเขาให นักพรตแสดงสีหนาไมพอใจ เอยปากเอ็ด “จะรีบรอนไป
ไหน!”
พอเงยหนาขึ้นเห็นอาจารยอยูตรงหนา เขาก็รีบเอยปากตอบ “อาจารย...ศิษยมีเรื่อง
สําคัญ...”
แตพอหันไปเห็นเหลียงจวิน ก็หุบปากไมพูด หนาผากผุดเม็ดเหงื่อ
ตอนนักพรตมาประจําในจวนหมิงออง ไดพาศิษยมาสองสามคน ไวใชติดตอกับคน
ในสํานัก ดวยเขาเพียงลําพังเขาออกจวนไมสะดวก
ตอนนี้พอเขาเห็นสีหนาศิษย ก็รูแลววาทางสํานักตองมีเรื่องดวนแน แตศิษยผูนี้กลับ
ไมพูดขณะเหลือบไปเห็นเหลียงจวินยืนอยูขางๆ แสดงวาไมตองการใหคนในจวนหมิง
อองรู กิริยาเชนนี้ทําใหนักพรตรูสึกโกรธ เพราะคิดวาหากมีเรื่องไมสะดวกจะพูด ก็ควร
พูดเฉไฉเรื่องอื่นไปกอน ไมควรทําใหคนเขารูสึกวามีเรื่องปกปดเขา
โงเงาเสียนี่กระไร นักพรตเห็นเขาไมมีไหวพริบ จึงโบกมือปราม “วันนี้ขาเห็นเจา
งุนงานทั้งวัน ก็ไมเห็นมาขอใหขาชวยจัดการ เรื่องทางบานไมตองรีบ รอขากลับมากอน
คอยวากัน!”
“ขอรับ” ศิษยไดยินก็รูสึกไมเปนธรรมอยูบาง แตก็ไมกลาเอยปาก ไดแตถอยออกไป
“ศิษยขาไมรูกาลเทศะ ทําใหเจาขบขันแลว”
นักพรตประสานมือใหเหลียงจวิน ยิ้มพลางวา “ไปกันเถิด”
เหลียงจวินเคารพตอบดวยสีหนาจริงจัง “ใตเทา เชิญ”
ทวากอนไป เหลียงจวินกลับกวาดตามองศิษยที่ยังคงจองมองพวกตนอยู จึงพอจะ
เดาไดวา พวกเขาก็คงจะรูขาวแลวเชนกัน
ขณะเดินไป เหลียงจวินยังไมวายที่จะเหลือบตามองนักพรต แตเมื่อเห็นนักพรตยังมี
ทาทีสบายๆ เขาจึงเงียบ ไมคิดสงเสียงใดๆ แนนอนวาเขารูเรื่องแลว เพียงแตตองปฏิบัติ
ตามหนาที่ ไมสามารถบอกกลาวนักพรตแมเพียงครึ่งคํา
สวนนักพรตผูเดินอยูขางกายเขา จริงๆ แลวมิไดรูสึกสบายใจแมแตนอย ทั้งๆ ที่เมื่อ
ครูเพิ่งกลับมาจากหองของทานอองยังไมทันไรก็ถูกมาเชิญกลับไปอีก บวกกับศิษยที่รอน
รนรีบรุดมา ทุกสิ่งทุกอยางไดบอกเขาอยางชัดเจนวา ทางสํานักเกิดเรื่องขึ้น และที่ทาน
อองเชิญพบก็นาจะเปนเรื่องซึ่งเกี่ยวของกัน
พระชายาเกิดเรื่องขึ้นหรือ?
นักพรตใจสั่น!
วันนี้ไมมีฝน มีแตลม!
วันนี้ตรงกับวันจาย พรุงนี้เปนวันไหวหรือวันสงทายปเกาที่เรียกกันวาฉูซี
หนาตางถูกเปดทิ้งไว มอไปยืนอยูริมหนาตางตามลําพัง มองดูอาทิตยอัสดง
ดานหลังของเขา บนโตะกลางหองมีของวางไวคลายกับของนักพรตเมื่อครู สุราหนึ่ง
ปาน และกับขาวไมกี่อยาง แสดงใหเห็นวาเมื่อครู มอไปก็กําลังนั่งทานขาวเชนเดียวกับ
นักพรต
เพียงแตตอนนี้ สุราเย็นแลว กับขาวก็เย็นแลว เขาจึงวางตะเกียบลงแลวเดินมายืน
เงียบๆ ขางหนาตาง
ตอนนักพรตมาถึง จึงไดเห็นกับขาวที่ทานไปเพียงครึ่งหนึง่ พอหันมองแผนหลังที่
เงียบงันดุจขุนเขา หนังตานักพรตก็กระตุกขึ้นมาโดยไมรูตัว
“ทานออง” เหลียงจวินมิไดเขามา นักพรตเดินเขามาเองอยางเงียบๆ กอนโคง
คํานับมอไป
“อาว!” มอไปที่ยืนอยูขางหนาตางไดยินเสียง จึงหันมามองนักพรต “มาแลวรึ”
นักพรตเงยหนา อาศัยแสงสีทองมองดูมอไป เห็นสีหนามอไปเรียบนิ่ง ทาทาง
สบายๆ มองไมออกแมแตนอยวาอารมณไมดีตรงไหน
แตยิ่งเปนเชนนี้ ก็ยิ่งทําใหนักพรตจับจุดไมถูก ดังคําพูดที่วา ผูที่สนิทสนมดวย
แสดงวากําลังพูดความจริงกับทาน สวนผูที่เหินหางกับทาน แสดงวากําลังเสแสรง
นักพรตจึงไมกลาคาดเดาอะไรมาก ทําความเคารพอีกครั้ง ไมกลาทําอะไรผิดอีก
“ทานออง มีเรื่องตองการกําชับขาหรือ”
“นั่งสิ” ใบหนามอไปปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กนอย กอนเดินมาที่โตะ ผายมือออก “คิด
วาเจายังไมไดกินขาว...มา...เรามากินไปคุยไป”
นักพรตกมลงมองของบนโตะ เห็นชัดวามีชามและตะเกียบเพียงหนึ่งชุด จึงรีบตอบ
“มิกลาชักชาเรื่องงาน ขอเพียงทานอองสั่งมา แมบุกน้ําลุยไฟขา...”
มอไปนั่งลงแลว ยิ้มราวกับวาไมจําเปนตองทําเชนนี้ จึงโบกมือปรามไมใหเขาพูด
กอนเงยหนามองออกไปดานนอก
“เหลียงจวิน นําชามกับตะเกียบมาใหทานนักพรตหนอย”
“ขอรับ” เสียงขานรับหนาประตู
นักพรตจึงนั่งลงอยางกระสับกระสาย มอไปยกปานสุรา รินสุราใหเขา ยิ้มพลางวา
“ยังไมเคยดื่มสุรากับทานนักพรตเลย ดูไปแลวขาเองก็สะเพรา สุราในจวนเกรงวา
จะสูสุราหมักจากผลองุนของสํานักทานไมได ทานนักพรตมาอยูนี่หลายวัน คงอึดอัด
แย!”
เปรี้ยง!
นักพรตเหมือนถูกสายฟาฟาด แผนหลังเต็มไปดวยเหงื่อ มือที่เพิ่งยกจอกสุราเริ่มไม
นิ่ง แววตาตื่นตระหนก รีบลุกขึ้นคุกเขาลงกับพื้น พูดอยางหวาดๆ
“ที่ทานอองพูดมา กระหมอม...ไมกลารับ!”
“ทานนักพรตทําอะไร? รีบลุกขึ้นกอน!” มอไปเห็นเขาทําเชนนี้ ก็ตกใจจนยิ้ม
ออกมา แลววา “ขาเพียงรูสึกเสียใจไปชั่วขณะ เปนความจริงที่วาหลังออกจากเมือง
หลวงในปนั้น ขาก็ไมเคยลิ้มลองสุราเลิศรสอีก ผานไปเนิ่นนาน จึงกลายเปนความเคยชิน
ถาทานนักพรตไมรูสึกอึดอัดใจ ขาก็วางใจ”
ใบหนานักพรตเต็มไปดวยเหงื่อขณะถูกมอไปเชิญใหนั่งลงใหม แตจะดื่มสุราลงได
อยางไร เขารูวาตองเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับศิษยรวมสํานักในเมืองหลวงแน
จึงแอบปรายตามองสีหนาหมิงออง แตจนแลวจนรอดก็ยังไมรูวาหมิงอองคิดอะไร
อยู
“สํานักเตาชั้นแนวหนายอมมีความยอดเยี่ยม ในโลกนี้แมมีสีสันหลากหลาย มีทุกข
มีสุข แตก็มีขอจํากัด ไมเหมือนเทพเซียนผูหลุดพนอยางแทจริง!”
การทานขาวมื้อหนึ่ง ยากนักที่หมิงอองจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับชีวิตความเปนไปใน
สํานักเตา และยังพูดอยางเสียดายอีกวา
“หากมิไดเกิดเปนเชื้อพระวงศ และไมตองเผชิญกับสถานการณวุนวาย ขาก็อาจไป
เปนคนปาในเขาที่ไหนสักแหง”
นักพรตไมเขาใจความหมายที่ลึกซึ้งของคําพูดมอไป จึงตอบอยางระมัดระวัง
“สํานักเตาตองหลุดพน แตก็ตองค้ําจุนราชสํานักและสรางความสงบสุข ตอนนี้
บานเมืองไมสงบ เกิดสงครามรอบดาน ทานอองจึงตองเปนมังกรทะยานฟา ทําให
บานเมืองที่ยุงวุนวายสงบลง แตถาทานอองคิดไปเปนคนปา สรางสํานักเตาขึ้นใหม จาก
ความสามารถอันนาทึ่งของทานอองยอมไมใชเรื่องยาก ทวาหากเปนเชนนี้จริง ก็จะไมมี
ทานคอยบําบัดทุกขบํารุงสุข อยาวาแตพวกเราที่ตองพึ่งพาความเมตตาจากราชสํานักก็
ตองไปเปนนักพรตหลีกหนีความวุนวายทางโลก ราษฎรในใตหลาก็ตองพบกับความมืด
มิดอยางไมสิ้นสุด ซึ่งการเปนผูนํานั้นเปนสิ่งที่ยากยิ่ง!”
“ฮาฮา!” มอไปไดยินก็หัวเราะเสียงดัง “ทานนักพรตก็พูดเกินไป ลําพังขาเพียงผู
เดียว แมมีพละกําลังเปนพันๆ ชั่ง ก็ไมสามารถพลิกภูเขาสูงลูกนั้นได พูดอยางไมอายก็
แลวกันวา หากไมมีสํานักไทเสวียนทุมกําลังสนับสนุนแลวละก็ เกรงวาขาก็ไมอาจ
รับประกันกระทั่งความปลอดภัยของพระชายา...มา...ขาขอดื่มใหทานหนึ่งจอก ขอบคุณ
ทานและศิษยรวมสํานักที่คุมครองพระชายาขาใหกลับสูเมืองหลวงไดอยางปลอดภัย”
นักพรตรีบยกจอกขึ้น
“ทานอองชมเกินไป เกิดเปนขาราชบริพาร ยอมตองแบงเบาความกังวลของนาย
รักษาความปลอดภัยใหนายหญิง สิ่งเหลานี้สํานักไทเสวียนลวนสมควรทํา”
วาแลวก็ดื่มสุรารวดเดียวหมดจอก พลันรูสึกสบายใจขึ้น ดูไปแลวไมนาเกิดเรื่อง
อะไรขึ้นกับพระชายา ไมมีเรื่องอะไรก็ดี ดีมากจริงๆ!
ขอเพียงพระชายาไมเปนอะไร สําหรับนักพรตแลว เรื่องอื่นๆ ลวนมีทางอธิบายได
ตอน 274 พอลูกตระกูลเจิ้ง
มอไปวางจอกสุราลง หยิบกลองผาไหมที่อยูบนโตะมอบใหกับนักพรต
“ทานนักพรต การที่สํานักไทเสวียนเปนธุระคุมครองพระชายากลับเมืองหลวงไดใน
ครั้งนี้ นับเปนผลงานชิ้นเยี่ยม อันที่จริงควรตบรางวัลใหอยางงาม แตเนื่องจากตอนนี้ขา
กระเปาแหง จึงตองปรุงยาจิว่ หยวนตันขึ้นเปนพิเศษดวยตัวเองเพื่อใหเปนของขวัญ งาน
นี้ขาจะจดจําไว วันขางหนา ขาคอยมอบของขวัญชิ้นใหญให!”
“จิ่วหยวนตัน!” นักพรตตะลึงงัน มองดูกลองผาไหมพลางสั่นเทิ้มไปทั้งราง
ไมควรตําหนิที่เขาตื่นเตนขนาดนี้ ดวยเมื่อกอนขณะที่เขาบําเพ็ญเพียรติดอยูในขั้น
อาจารยมานานหลายปอยางไมเห็นหนทางที่จะกาวผานความยากลําบากนี้ไปได และใน
ปนั้น ยาจิ่วหยวนตันหนึ่งเม็ดของทานอองบวกกับการชี้แนะวิถีเตาในคืนวันรุงขึ้น เขาจึง
สามารถรวบรวมพลังปราณทั้งหมดไดในคืนนั้น และกาวเขาสูพรมแดนใหมแหงเตา
หลายปที่ผาน สํานักไทเสวียนจึงเคารพนับถือทานอองมาก กระทั่งไมเสียดายในการ
ใหศิษยทุกคนในสํานักสิโรราบตอทานออง พูดไดวา เขาไมมีวันลืมความโชคดีเชนนี้ไป
ตลอดชีวิต
“ทานออง ของขวัญชิ้นใหญขนาดนี้ กระหมอม...ไมกลารับ!”
ความเยายวนใจเชนนี้ยากปฏิเสธจริงๆ แตตอนนี้เวลานี้ นักพรตตองยับยั้งชั่งใจ มิใช
อื่นใด เปนเพราะเขายังรูสึกไมสบายใจอยู
ถาไมมีเรื่องใดเกิดขึ้นจริง อาศัยผลงานคุมครองความปลอดภัยใหพระชายาแลวได
ยาเม็ดนี้เปนรางวัล เขายอมปติยินดียิ่ง แตตอนนี้ดวยไมรูวาศิษยรวมสํานักทําอะไรกัน
แน ถาพวกเขาทําสิ่งที่ขัดตอความตองการของทานออง ยาวิเศษเม็ดนี้แมดีอยางไร เขาก็
ไมกลารับไว
“รับไวเถิด กอนหนานี้ขาเตรียมจะใหเจาอยูแลว ยาเม็ดนี้สรรพคุณไมเลวก็จริง แตก็
ชวยเดินพลังภายในบางสวนเทานั้น ใชวาทานไปแลวจะเปนอาจารยไดทันที สิ่งที่ขาให
ไมเทากับสิ่งที่พวกเจาอุทิศให ดังนั้นขาจึงละอายที่จะให
เดิมทีคิดอดทนรอจนถึงปหนา เก็บสมุนไพรหายากใหไดมากกวานี้ คอยเริ่มปรุงยา
ตัวใหมที่มีสรรพคุณดีกวา แลวคอยสงมอบใหพวกเจา แตคิดไปคิดมา ก็ชักไมแนใจวาคน
ในสํานักเจาตองการยาชนิดนี้หรือไม หากมีคนทานแลวดี จะไดรีบทําใหทานกัน ดังนั้น
จึงเรียกเจามารับยาตัวนี้ไปกอน”
มอไปยิ้มพลางสายศีรษะ
นักพรตชะงักเล็กนอย ที่เรียกตนมาเพื่อการนี้เองหรือ?
ในที่สุดนักพรตก็รับไว
แตก็ยังไมสบายใจอยูดี รูสึกวาควรถามออกไปตรงๆ ดีกวา ทานอองที่นั่งอยูตรงหนา
แมเยาววัย แตเหมือนทะเลอันกวางใหญที่ไมรวู าลึกแคไหน เพราะจนถึงตอนนี้ การลอบ
สังเกตสีหนาทาทางของทานออง ไมเกิดประโยชนแมแตนอย ไมไดขอมูลอะไรเพิ่มเติม
เขาจึงเลือกที่จะพูดอยางตรงไปตรงมา
“ทานออง เมื่อครูมีศิษยผูหนึ่งกําลังจะบอกขาวจากทางสํานัก แตพอดีทานออง
เรียกพบ ขาจึงยังไมทันถาม แตก็อดคิดไมไดวาคนในสํานักมิไดปฏิบัติภารกิจเชนนี้มา
นานหลายป เกรงวาพวกเขาอาจผิดพลาด จึงกังวลวาพวกเขาอาจทําอะไรที่ทําใหทาน
อองตองเดือดรอน”
มอไปสายศีรษะ
“เรื่องคุมครองความปลอดภัยพระชายาเรื่องนี้ พวกเขาทําไดดี สํานักไทหยวนทําได
ดีจริงๆ !”
นักพรตเงยหนา ไมเห็นทานอองมีความผิดปกติใดๆ จึงคอยพยักหนา “ที่พระชายา
ปลอดภัย ก็ดวยบุญบารมีของทานออง”
มอไปหัวเราะ “ไปเถิด วันหนาเห็นทียังตองรบกวนทานนักพรตกับศิษยสํานักไท
เสวียนอีก หวังวาทางสํานักสามารถทุมเทสรรพกําลังสนับสนุนเต็มที่ ขาในตอนนี้แมมี
ความสามารถจํากัด ก็ตองทุมเทตอบแทนเต็มที่เชนกัน ไมใหทางสํานักตองเสียแรงเปลา
อยางแนนอน”
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตา เพื่อทานอองแลว สํานักไทเสวียนจักพยายามอยางสุด
ความสามารถจนกวาชีวิตจะหาไม” นักพรตทําความเคารพและแสดงความขอบคุณ
“ไปเถิด” มอไปมองเขาพลางกลาวเสียงเบา
“ทานอองยังมีเรื่องกําชับเพิ่มเติมอีกหรือไม?” นักพรตถามขึ้น
มอไปลุกขึ้นยืน สายศีรษะ “ไมเปนไร ลําบากทางสํานักมามากแลว เรื่องอื่นขา
จัดการเองได!”
นักพรตคอยจากไป
มอไปเดินไปยืนขางหนาตางเหมือนเดิม มองดูแผนหลังที่ถือกลองยาไวในมือ นิ่ง
เงียบอยูสักพัก
ทองฟาคอยๆ มืดค่ําลง มอไปยังคงยืนอยูริมหนาตาง
ทันใดนั้น ไดยินเขาเรียก “เหลียงจวิน!”
“ทานออง” เหลียงจวินปรากฎตัวขึ้น
“ลาสุดพอลูกตระกูลเจิ้งเปนอยางไรบาง?”
มอไปมองดูแสงไฟสลัวๆ ของเรือนปกตะวันตก พลันนึกขึ้นไดวาในจวนยังมีคนนอก
อีกสองคน
หมูนี้เขายุงมาก จนลืมทั้งสองเสียสนิท
“พวกเขาอยูแตในหองปกตะวันตก ผูจัดการเฉินก็พักรักษาตัวอยูที่นั่น แตคุณหนู
เจิ้งยังเดินมาดูแลแมนางหนิงเออรอยูบ อยๆ ” เหลียงจวินรายงาน
มอไปคิดๆ กอนหันกายมา
“อืม นี่ก็ใกลปใหมแลว ใหพวกเขาอยูแตในนี้ ก็ควรไปเยี่ยมเยือนหนอย” วาแลวก็
กาวเดิน
เหลียงจวินเดินตาม มอไปหยุดกึก หันมองเขา
“เจาไปหาหนิงเออร บอกใหนางไปหาพี่ชาย สักพักขาคอยตามไป”
“นางอยูบริเวณเดียวกับหัวหนาเถี่ยหรือไม?” เหลียงจวินไมแนใจจึงถามซ้ํา
หลายวันมานี้ หนิงเออรมาหามอไปเพื่อขอพบพี่ชาย แตกลับถูกปฏิเสธ
“อืม ไปเถิด” มอไปพยักหนา หันกายเดินจากไป
หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น พอลูกตระกูลเจิ้งก็ยายมาที่นี่ และอยูมาโดยตลอด
เดิมทียอมรูสึกตื่นตัวและไมคุนชินสถานที่ แตพอผูจัดการเฉินฟน ก็มักเดินมาคุย
เปนเพื่อนผูอาวุโสเจิ้ง ตอมามอไปไดสงคนออกไปตามหาและรับตัวคุณชายเจิ้งมารักษา
หลังจากจัดยาใหทานและไดยินวาเห็นผล มอไปก็คอยๆ เบาใจลง
สวนคุณหนูเจิ้ง เจิ้งหลิงหลง ยังดีที่ใชเวลาในแตละวันดูแลผูใหญสองทาน และเดิน
ไปคุยกับหนิงเออรอยูเปนประจํา แมหนิงเออรอายุนอยกวานาง แตทั้งสองก็มีหัวขอที่คุย
กันไดเรื่อยๆ
“ไมตองหวง คําพูดผูจัดการเฉินอยางขา เจายังไมเชื่ออีก เจาดู ขาใชอยูตัวคนเดียว
ในที่นี้หรือไม แลวอยางไร เจาเห็นขารอนรนหรือไม? ฉางชิงบอกแลววาครอบครัวขา
สบายดี ก็ยอมไมมีเรื่องอะไร ถาขาไมเขาใจในตัวเขา ขาจะกลาอยูที่นี่อยางสบายใจไดรึ
เจาควรปลอยวางเสียบาง ครอบครัวเจากับลูกชาย ไมมีปญหาแนนอน เรื่องอื่นขาไมกลา
พูด แตเรื่องฝมือการรักษา ในโลกนี้ขาเชื่อฉางชิงเพียงผูเดียว มิฉะนั้นแลวขาจะกลา
เขียนจดหมายบอกเจาใหพาลูกชายเดินทางไกลมารักษาที่หมิงจูนี่รึ? รออีกสักหนอย พอ
เจาไดเห็นลูกชายอีกครั้ง ยอมตองเห็นวาเขาก็เปนคนหนึ่งที่มีสติปญญาแจมใส สามารถ
สืบทอดกิจการทางบานไดอยางแนนอน”
ตอนมอไปมาถึง ไดยินเสียงผูจัดการเฉินดังมาพอดี เสียงของเขาดังกังวานใชยอย
น้ําเสียงมีพลัง และมีทวงทีคุยโมคุยโตเหมือนเดิม
“ไม ขาไมไดหมายความเชนนี้ ใชวาขาไมเชื่อทานออง เพียงแตมองๆ ไปนีก่ ็ใกลป
ใหมแลว ที่บานไมมีหัวเรือใหญคอยจัดการเรื่องตางๆ ไมรูวาจะยุงแคไหน...เฮอ...”
เสียงของผูอาวุโสเจิ้งฟงดูเศราสรอย
“อาเจิ้ง คบกับเจามานานหลายป มีรึที่ขาจะไมรูวาเจาชอบคิดแทนผูอื่น แตบอก
ตามตรง สถานการณในตอนนี้ มีบางอยางที่เจาไมควรทํา!”
น้ําเสียงผูจัดการเฉินพลันเปลี่ยน บางคําล้ําลึกและทรงพลัง
“ขา...” ผูอาวุโสเจิ้งคลายขมขื่นใจ
ผูจัดการเฉินพูดตอ “อาเจิ้ง อยาหาวาขาพูดจาขวานผาซากเลย ความคิดอานของ
เจา ขารูดี จริงๆ แลวไมเพียงแตเจาที่กลัว ขาก็กลัว ตอนนี้เราติดอยูที่นี่ เขาก็ไมได ออก
ก็ไมได แลวยังอาจทําใหหมิงอองเดือดรอนอีก มีสภาพอนาถยิ่ง! แตเรื่องทุกเรื่องยอมมี
ที่มาที่ไป เราไมสามารถโกรธเคืองคนเขาเชนยามปกติไรศึกสงครามได อยาวาแตจวนห
มิงอองนีค่ นเขาบังคับใหเรามาหรือเปลา? ก็ไม เพราะคนเขาตองการชวยชีวิตเรา
ตางหาก”
ไดยินถึงตรงนี้ มอไปก็ชะงักเทา ไมไดคิดแอบฟงพวกเขาคุยกัน แตเพราะยุงมา
ตลอด จึงไมมีเวลาคิดถึงหัวอกพวกเขาจริงๆ ตอนนี้พอไดยินคอยรูสึกวา ใหพวกเขาอยู
ที่นี่นานไปก็ไมเหมาะสม
อยางไรพวกเขาก็เปนคนธรรมดา
เสียงผูจัดการเฉินดังขึ้นอีก “พูดตามตรง ถาเมื่อกอนขารูวาคนเขาเปนทานอองที่
เคารพยิ่งแลวละก็ ไหนเลยจะกลาเอยปากใหเขาชวยเรา เราอยูตอหนาเขานับเปนตัว
อะไร? เขายุงอยูกับความสงบสุขของชาติบานเมือง ชีวิตธรรมดาสามัญอยางเราๆ จะมี
ผลอะไรกับสถานการณ? แลวผลเปนอยางไร คนเขาไมไดพูดอะไรสักคํา เสี่ยงชีวิตเพื่อ
ชวยชีวิตเราไว นี่คืออะไร นีค่ ือคุณธรรมน้ํามิตร เราตองซาบซึ้งใหมาก”
“ตอนนี้เรามีอันตรายก็จริง แตเราก็ไมควรเอาแตหวงตัวเองแลวเนรคุณเขา เราไป
ไดก็จริง แลวเขาเลา? เขาชวยเราไวนะ หรือเราจะทําใหเขาเดือดรอนอีกรอบ ออกไป
ชวยเราตอนเราออกไปใหคนเถื่อนจับ พี่เจิ้ง ถาพูดถึงเรื่องบุญคุณตองทดแทนแลวละก็
ไมวาจะอยางไร เขาก็มีน้ําใจกับเรา มิไดแคนเคืองอะไรเรา แมเราทดแทนไมได ก็ไมควร
ทําเรื่องที่ไมดีตอเขา!”
“นี่ ขาไมไดหมายความเชนนี้จริงๆ เพียงแต...เฮอ!”
ผูอาวุโสเจิ้งตอบเสียงต่ํา แตสุดทายก็มิไดพูดอะไรออกมา เพียงถอนหายใจยาวๆ
เสียงผูจัดการเฉินพลันดังขึ้นอีก “ความจริงวันนัน้ ที่หลิงหลงพูด ขาไดยินหมดแลว!”
“หา?” ผูอาวุโสเจิ้งคลายรูสึกอีหลักอีเหลื่อ
“เรื่องหลานของเจาจริงๆ แลวเปนอยางไรนั้นขาไมชัดเจน แตขากลารับรองวา ถา
ฉางชิงฆาเขาจริงๆ นั่นก็แสดงวาเขาสมควรตายจริงๆ คํานี้ขาอาจไมควรพูด แตขาไมพูด
ไมได ดูจากเรื่องนี้ หรือยืนอยูในมุมของเจาๆ รูสึกไมสบายใจก็ถูก แตยังคงเปนคําคําเดิม
ขากับเจาเปนใคร? เขาไมไดติดคางอะไรเรา เราไมสามารถขอรองใหเขาทําเรื่องอะไร
เพื่อเห็นแกเราเปนอันขาด ใช นั่นมันหลานเจา แลวอยางไร? หรือเพื่อหลานเจาแลว จะ
ใหอองอยางเขาไมใสใจในชีวิตของตัวเองหรืออยางไร? หามฆาหลาน? ดี เขาฆาแลว
อยางไร หรือหลานเจาสนิทกับเจามากกวาลูกชายเจา? แตตอนนี้ผูที่ชวยลูกชายเจาคือ
เขานะ”
ผูจัดการเฉินพูดไดอยางล้ําลึกและทรงพลัง
แตมอไปที่อยูนอกเรือนกลับยืนซึมเซา
เขาเพิ่งนึกไดวา ในกลุมศิษยสํานักเตาคลายมีอยูคนหนึ่งเปนคนตระกูลเจิ้งจริง และ
เพราะคนผูนี้ พอลูกตระกูลเจิ้งจึงสามารถมาถึงหมิงจู
แตนับวามอไปยังสงบนิ่งได เห็นชัดวา เขาไมรูสึกเสียใจอะไรในการสังหารศิษย
สํานักเตาไปคนหนึ่ง
ขณะเผชิญหนากับศัตรู ถาเจาไมตายขาก็มวย
สมควรชวยก็ชวย สมควรฆาก็ฆา!
“อาเฉิน ขาไมไดโกรธแคน จริงๆ นะ บุญคุณของทานอองขาก็ยังจดจําไวในใจ”
ผูอาวุโสเจิ้งพูดแลว ภายใตแสงโคม เห็นเหมือนเขาลุกขึ้นยืน รางกระเผลกเล็กนอย
“เพียงแตอาเฉิน เจาวา วันหนาพอขากลับบานแลวจะเผชิญหนาคนในบานอยางไร?
ผูมีพระคุณสังหารลูกหลานตระกูลเจิ้ง แลวยังเปนหลานที่มีอนาคตมากสุดในตระกูล
ดวย”
ผูจัดการเฉินเงียบไปสักพัก เขาเหมือนเขาใจเรื่องที่ผูอาวุโสเจิ้งตองแบกรับไวภายในใจ
“เรื่องทุกเรื่องมองไดทั้งแงบวกและแงลบ เจาไมมา คิดวาหลานเจาตายไมไดอยาง
นั้นรึ? พูดก็พูด เรายังไมชัดเจนในตําแหนงที่เรายืน คนเขาฆาไมฆาหลานเจา ไมใชเรื่องที่
เจากับขาจะหยุดยั้งได และไมใชเรื่องที่เจากับขาจะทําอะไรได เรื่องบางอยาง เจาก็อยา
หาวาขายืนพูดในมุมของฉางชิงเลย จริงๆ แลว วันนั้นที่กลุมศิษยสํานักเตาเขามาใน
สํานักแพทย ขาก็อยูในเหตุการณ ตอนนั้นหลานเจากับคนกลุมนั้นขยับปากก็จะฆาคน
ถายเดียว เจารูไหมวาพวกเขาจะฆาใคร? เด็กสาว เด็กสาวหนิงเออรนะ เจาวาเด็กสาว
อายุเทาไหร อยูในวัยที่ยังไมรูเรื่องอะไรดวยซ้ํา พวกเดียรัจฉานนั่นก็จะลงมือฆานางแลว
ขาไมกลัวที่จะบอกเจาวา เสียดายที่ขาไมมีวรยุทธ ถาขาจับดาบตอสูไดละก็ ตอนนั้นขาก็
ตองฆาพวกเดียรัจฉานนั่นเหมือนกัน!”
ฟงถึงตรงนี้ มอไปก็ไมคิดฟงอีก เขาตัดสินใจแลว จึงกาวเทาเขาไปดานใน
และในตอนนี้เอง ที่ไดยินผูจัดการเฉินพูดขึ้นอีกวา
“เพียงเสียดาย ที่ตอนแรกขาคิดจับคูใหหลิงหลงกับฉางชิง...เฮอ!”
ใตแสงโคม ผูจัดการเฉินสายศีรษะ
มอไปชะงักเทา หันมองอีกทาง หองที่อยูขางๆ
แมผนังหองขางๆ จะอยูหางจากคนทั้งสองอยูหนึ่งหนาตาง แตอาศัยการบําเพ็ญ
เพียรของมอไป ก็สามารถรูสึกไดวาในหองมีคนอยูและรางของคนผูนี้กําลังสั่นเทิ้ม
มอไปแหงนหนาขึ้น มองดูดวงจันทร ในหัวสมองของเขาพลันนึกถึงหญิงสาวที่ไม
เคยพบเจอกันมานานหลายป หญิงสาวที่ทําใหใจเขารูสึกแปลกๆ ในชวงที่เพิ่งมาถึงหมิง
จู
จนถึงตอนนี้ ในหัวสมองของเขายังคงสามารถจดจําภาพภายใตแสงอาทิตยในปนั้น
คุณหนูฉูที่กําลังอยูในหวงแหงความรัก
เขายิ้มมุมปาก สายศีรษะเบาๆ ชาติกอนไมมีเรื่องเชนนี้ ชาตินี้แมมี แตกลับคลาด
กันไปคนแลวคนเลา!
ตอน 275 พบเถีย่ สง
ยืนอยูหนาประตู ฟงอาเฉินและอาเจิ้งสนทนากันอยางเงียบๆ ในที่สุด มอไปก็
ตัดสินใจไมเขาไปเยี่ยมเยือนคนทั้งสอง
เรื่องบางอยางมักเปนเชนนี้ พอเกิดเรื่องขึ้นก็แนนอนแลววาตองเปนไปตามนั้น ตอ
ใหมีเหตุผลมากเพียงใด ก็ไมสามารถทําใหคนตระกูลเจิ้งทุกคนเขาใจหรือปลอยวางเรื่อง
จริงที่เขาสังหารคนในตระกูลลงได
การอธิบายใดๆ ลวนแลวแตไรประโยชน แกไขอะไรไมได
อีกอยางมอไปก็ไมมีกะใจอธิบาย ไมใชเขาไมอยากอธิบาย และไมใชพอลูกตระกูล
เจิ้งเปนเพียงคนตัวเล็กๆ แตเปนเพราะในสถานการณสงคราม เขาไมมีเวลาจริงๆ และไม
คิดที่จะใสใจเรื่องเหลานี้
คนตระกูลนี้ อยูที่นี่ในฐานะคนไข เขาในฐานะแพทยที่ชวยไดก็ชวย ทําแลวไม
ละอายใจเปนดี
สวนในวันขางหนา พอลูกตระกูลเจิ้งจะถือวาเหตุการณที่โชคชะตาชักนํามาโดย
บังเอิญนี้ ที่สุดแลวจะจดจําเปนบุญคุณ หรือเปนความแคนอันใหญหลวง ก็แลวแต
โชคชะตาเถิด!
ใตแสงจันทร เขาสายหนาเบาๆ โยนระลอกคลื่นภายในใจที่กระเพื่อมขึ้นเล็กนอยทิ้ง
ไป กลับคืนสูความเบาสบายอีกครั้ง
ตองพูดวา ผูซึ่งเคยเปนแพทยที่มีจิตใจบริสุทธิ์และเมตตาอยางมอไป เมื่อกาวเขาสู
โลกที่ยุงเหยิงวุนวาย หลังเปนสวนหนึ่งในสถานการณสําคัญของบานเมือง ที่สุดแลวเขา
ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
คนบางคน เรื่องบางเรื่อง สําหรับเขาในตอนนี้ กลับกลายเปนไมมีความสําคัญ
เหมือนกอน และเขาก็ไมพยายามฝน
ในกาวยางที่เดิน เขาเดินผานหองหลายหอง
หองที่เถี่ยสงพักอยู เขาไมไดเดินผานมานาน
พูดใหถูกตองก็คือ นาจะเปนหลังจากวันที่พูดคุยกับเถี่ยสง หองหองนี้ นอกจากคน
สงน้ําและอาหารแลว คนในหองก็มิไดยุงเกี่ยวกับผูใดอีก
เหลียงจวินยืนรออยูหนาประตูเพียงลําพัง พอเห็นมอไปเดินมา ก็รีบทําความเคารพ
“ทานออง”
“อืม” มอไปพยักหนา มองดูดวงโคมที่สองสวางภายในหอง กอนถามเสียงเบา
“หนิงเออรเขาไปนานแคไหนแลว”
“สักพักไดขอรับ” เหลียงจวินพยักหนา
มอไปยืนมือไพลหลัง มองดูดวงโคมเงียบๆ คอยถามเสียงเบาอีก
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปลา”
เหลียงจวินเงยหนามองมอไป แลวมองไปที่หอง เหมือนไมเขาใจความหมายใน
คําพูด จะเกิดเรื่องอะไรไดหนอ?
มอไปเหมือนถามไปเชนนั้นเอง พอเห็นทาทางเหลียงจวิน ก็มิไดพูดอะไร เพียงหัน
ไปทางหองของพอลูกตระกูลเจิ้ง ชี้นิ้วไปที่หองของคนทั้งสอง พลางพูดเสียงขรึม
“จัดเตรียมสงพอลูกตระกูลเจิ้งออกเดินทางในวันพรุงนี้!”
“พอลูกตระกูลเจิ้ง?” เหลียงจวินอึ้ง มองไปตามทางที่มอไปชี้ ไมเขาใจในบางอยาง
จึงถาม “สงไปไหนขอรับ?”
“ไปถามพวกเขากอน ถาพวกเขาอยากกลับเมืองหลวง เราก็สงพวกเขาออกจากห
มิงจู ถาพวกเขาอยากอยูหางจากเมืองหลวงชั่วคราว ก็ชวยหาที่อยูที่ปลอดภัยในหมิงจูให
พวกเขา”
มอไปพูดอยางสงบนิ่ง กอนปดทายวา
“สวนที่นี่ ตอนนี้ไปจัดการเรื่องกลบเกลื่อนเบาะแส กอนสงพวกเขาไป เราตองยาย
ออกใหหมด”
เหลียงจวินคอยเขาใจความหมายของมอไป แตก็ยังไมรูวาเกิดอะไรขึ้น ทําไมตองสง
พวกเขาไปในเวลาคับขันเชนนี้ แตชัดเจนวามอไปไดตัดสินใจแลว เขาไมสามารถถาม
อะไรอีก จึงพยักหนาและโคงคํานับ
“ขอรับ ขาจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ทวากอนไปเขาเกิดคิดอะไรบางอยางขึ้นได จึงเอยปากถาม
“แลวเรื่องตอไปที่ทานอองจะทํา...”
มอไปกาวเดินพลางพูดเสียงเบา
“เรื่องเหลานี้เจาจัดการตอได สวนแผนการเดินทางของขายังคงเดิม!”
“ขอรับ” เหลียงจวินขานรับกอนจากไป
คนในหองไดยินความเคลื่อนไหว ขณะที่เขายังไมทันเดินออกจากบริเวณ
เถี่ยสงออกจากหองมาทําความเคารพ “องคชายหก”
มอไปมองสํารวจตลอดทั้งรางเถี่ยสง พบวาพลังปราณสงบนิ่ง แลวคอยเหลือบมองห
นิงเออรทอี่ ยูขางๆ กอนพยักหนา “อืม เขาไปคุยกัน”
มอไปเดินเขาไปกอน เถี่ยสงกับหนิงเออรเดินตามเขาไป
ในหองไมมีเตาทําความรอน ทวาทั้งสามตางเปนผูบําเพ็ญเพียร จึงไมรูสึกหนาว
มอไปนั่งลงขางโตะ กอนเงยหนามองเถี่ยสงพลางวา
“เจาก็นั่งลงเถิด”
เถี่ยสงทําความเคารพ ไมทําตัวฝน นั่งลงตรงหนามอไป หนิงเออรรนิ น้ําชาใหคนทั้ง
สองอยางสงบเสงี่ยม
มอไปมองดูไอรอนที่ระเหยขึ้นของน้ําชา กอนเงยหนามองเถี่ยสงอีกครั้ง แตยังไม
เอยปากพูด ละสายตาไปมองหนิงเออร
“สองวันนี้อาการเปนอยางไรบาง?”
“ลวนดีขึ้น ไมเปนไรแลว” หนิงเออรกมศีรษะตอบเสียงเบา คลายตื่นเล็กนอย
มอไปกับเถี่ยสงเห็นทาทางของนาง ก็รูวานางกําลังกลัวอะไร มอไปยกถวยน้ําชาขึ้น
ไมไดพูดอะไร แตเถี่ยสงที่อยูดานขางกลับเอ็ดเสียงเขม
“ครั้งนี้เปนเพราะอาจิ่วเอาชีวิตเขาแลก และองคชายหกอยูในเหตุการณ เจาจึงโชค
ดีเก็บชีวิตนอยๆ กลับคืนมาได จําบทเรียนขึ้นใจหรือยัง วันหนายังกลาไมตั้งใจฝกยุทธ
เอาแตเลนอีกหรือไม?”
หนิงเออรไดยินก็ลอบมองสีหนามอไป กอนตอบอยางหวาดๆ
“ไมกลาแลว ไมกลาอีกแลว!”
มอไปวางถวยน้ําชาลง มองนางอยางเขมงวด พลางพูดเสียงเบา
“ขอมือหนอย!”
หนิงเออรรีบมายืนขางกายเขา พับแขนเสื้อ ยื่นมือออก
มอไปจับชีพจรนาง แลวพบวารางกายนางฟนฟูไดไมเลวจริงๆ
วันนั้นแมหนิงเออรมีสภาพอเนจอนาถ แตความจริงแลว ทุกฝายลวนมิไดคิดลงมือ
สังหารนาง เพียงอยากจับตัวนางมากกวา ดังนั้นแมดูบาดเจ็บสาหัส แตก็ยังไมหนักหนา
เทาอาจิ่ว
บวกกับพรสวรรคอันนาทึ่งในวัยเยาว และการกินยาเม็ดหลายชนิดประหนึ่งกิน
ลูกกวาดก็มิปานในหลายปที่ผาน พลังซึ่งสะสมอยูในรางกายแมยังไมสามารถแสดง
อานุภาพออก แตทั้งหมดลวนเปนปจจัยที่ทําใหรางกายนางฟนฟูไดอยางรวดเร็ว
ทวามอไปมิไดบอกนางตามตรง ยังคงตีหนาขรึม
“ยังดีที่ยังเก็บชีวิตนอยๆ กลับคืนมาได แตยายังคงตองกินตอ และหากขารูวาเจาใส
ลูกกวาดลงในน้ําสมุนไพรอีกละก็...”
“ไมนะ ไมมี!” หนิงเออรรีบสายศีรษะ
มอไปเก็บมือกลับ มองทาทางไมยอมรับของนางแลวก็ครานจะเอาเรื่อง จึงโบกมือ
“กลับไปพักผอนเถอะ”
หนิงเออรไดยินก็โลงอก หันกายจะเดินออก แตก็ยังทําลีลาแอบมองคนทั้งสอง ไม
ยอมจากไป
“ไปเถิด รอเจาหายดีกอน คอยมาหาพี่เจาใหม”
มอไปรูวานางคิดอะไรอยู ครั้งกอนนางรองจะมาหาเถี่ยสง แตถูกเขาดุกลับไป
ตอนนี้จึงไมกลาขอรองเขาอีก แตพอไดยินคําอนุญาต นางจึงอาปาก กระโดดโลดเตน
จากไป
ในจวนแหงนี้ คนที่นางรูจักแตละคนจากนางไปเรื่อยๆ แมแตอาจิ่วก็ไมอยู มีแตพี่
ใหญที่ยังอยู แตมอไปกลับไมใหพบ นางจึงรูสึกเบื่อหนาย ไมมีคนที่จะคุยดวยสักคน
ถาเปนเมื่อกอน นางกลับไมชอบอยูกับพี่ใหญ แตชอบอยูขางกายมอไป แตตอนนี้
มอไปยุงมาก ไหนเลยมีเวลามาอยูเปนเพื่อนนาง
พอหนิงเออรจากไป เถี่ยสงก็เงียบไปสักพัก คอยเอยปากถามขึ้นกอน
“องคชายหก ลาสุดในจวนสงบดีหรือไม?”
สีหนาเขาเครงขรึม แตในใจรูด ีวา ที่มอไปมาหาในยามดึกขนาดนี้ อีกทั้งยังใหหนิง
เออรมาหาเขาดวย ตองมีเรื่องสําคัญกําชับอยางแนนอน
มอไปยกถวยน้ําชาขึ้น พลางพูดเสียงเบา “หนิงเออรไมไดเลาสถานการณลาสุดให
เจาฟงหรอกหรือ”
“หนิงเออร? นางเพียงบอกวาอาจิ่วไปแลว!” เถี่ยสงพยักหนา แลวพูดตอพรอมพยัก
หนาเบาๆ อีก “ไดยินวาเขากลับเมืองหลวงพรอมพระชายา?”
มอไปรูแลววาหนิงเออรตองไมทันไดบอกเรื่องการตายของหูเปยวใหเขาฟง หลังจาก
วันนั้น มอไปก็มิไดรบกวนเถี่ยสง ใหเขาคิดเรื่องตางๆ อยางเงียบๆ
“อืม” มอไปดื่มน้ําชา ไมไดรีบเลาเรื่องเหลานี้ เขาถามอีกเรื่องหนึ่งกอน “เก็บตัวมา
หลายวัน ไดอะไรบาง?”
วันนั้นมอไปฝากสามคําถามไวใหเขาคิดหาคําตอบ เถี่ยสงจึงรูวาทีม่ อไปกําลังถามก็
คือสามคําถามนี้ แตสุดทาย เถี่ยสงยังคงตอบเสียงต่ํา
“เถี่ยสงโงเขลา!”
“คิดไมออกสักคําถามหรือ?” มอไปมีสีหนาเครงขรึม
เถี่ยสงไดยินน้ําเสียงที่ไมคอยจะดีนักของมอไป จึงรูสึกเครงเครียด ตอบเสียงเบา
ออกไป “ขาคิดซ้ําแลวซ้ําเลา มีความคิดบางอยาง ไมรูวาถูกตองหรือไม”
“พูด!” มอไปลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง เดินไปยืนริมหนาตาง
เถี่ยสงก็ยืนขึ้นเชนเดียวกัน และยืนอยูดานหลังของเขา มองดูแผนหลังของเขา เงียบ
ไปครูหนึ่ง จึงเปลงเสียงออก “ไรสามารถ!”
“ไรสามารถ...” มอไปไมไดหันมอง มุมปากพึมพําเสียงเบา สักพักจึงถามขึ้น “ใครไร
สามารถ?”
“ขา!” เถี่ยสงสูดหายใจเขาลึกๆ “ขา ขาไรสามารถ!”
“ไรสามารถอยางไร?” มอไปจี้ถาม
“วันนั้นทานถามขาวา เหตุใดขาจึงไมทําตามคําสั่งทาน แตกลับตอสูกับสมาคมดาบ
ยาวไมยอมถอย จนเกือบทําใหพี่นองทัง้ หมดเสียชีวิต...”
พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหนาเถี่ยสงก็ซีดขาว เสียงสั่นเล็กนอย สักพักคอยนิ่งลง แลว
พูดตอ
“หลายวันมานี้ ขาคิดทบทวนอยูหลายรอบ ใช ทานพูดถูก ตอนแรกเปนความผิด
ของขาจริง”
“ไมพูดเรื่องผิดถูก!” มอไปพูดเสียงขรึม
เถี่ยสงเงียบลงอีก สักพักจึงคอยๆ พูด
“ตั้งแตทางบานประสบเคราะหกรรม พวกเราเหลาพี่นองก็ไมเคยทําอะไรสําเร็จ แต
ละวันใชชีวิตผานไปอยางยากลําบาก อยูกันอยางยากจนขนแคนนานหลายป เหมือนหนู
ที่อยูในความมืด ไมเห็นเดือนเห็นตะวัน จนมาถึงเรื่องสมาคมดาบยาว ที่บีบเราจนหมด
หนทางเดิน แมเราไมสามารถยืนยืดอกอยางภาคภูมิใจ แตอยางนอยเราก็ไมเคยเสียใจ
แมเราไมมีอะไร แตกลับรับผิดชอบชีวิตตัวเองได บุกน้ําลุยไฟอยางมากก็แคเสียชีวิต แต
เรื่องสมาคมดาบยาว เปนเรื่องที่เราติดคางทาน ทําลายความเชื่อมั่นที่ทานมีตอเรา
สมุนไพรหายากสองคันรถที่ทานรอคอยเพื่อใชตอชีวิต เราเกิดอีกสิบชาติก็ชดใชใหไม
หมด มิใชเพียงชีวิตเราเทานั้น เรายังพยายามคิดหาวิธี แตสุดทายก็เห็นเพียงหลมที่ลึก
ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาก็ยิ่งไมมีแรงตานทาน กระทั่งยังตองพึ่งคนปวยอยางทานแบกสังขาร
คอยชวยเราแกไขปญหาอีก”
มอไปไมขดั ปลอยใหเขาพูดตอ
“อีกทั้งพี่นองแตละคนก็ลวนมีนิสัยไมเหมือนกัน บางบุมบาม บางเงียบขรึม แต
ความเปนจริง ไมวาเงียบขรึมขนาดไหน ไฟในใจก็คุกรุนมานานแลว ถาสามารถใหโอกาส
แกเราสักครั้งในการลางรอยเปอนบนรางกาย ใหตอสูไดอยางสะใจ ปลดเปลื้องความ
กดดันจากชีวิตประจําวัน สําหรับเราแลว ถือวาโชคดีมากจริงๆ ! เพียงแตหนิงเออรยงั
เด็ก ขายังทิ้งนางไปไมได เหลาพี่นองก็ยังทิ้งนางไปไมไดเชนกัน!”
เถี่ยสงคอยๆ ระบายลมหายใจออกจากปาก ขณะนึกถึงเรื่องในปนั้น
“ดังนั้น เจาจึงคิดเสมอมาวา ปนั้นที่เจายืนหยัดเชนนั้น เปนเพราะสถานการณและ
ความเปนจริงในชีวติ พาไป การตัดสินใจของเจา เปนเชนเดียวกันกับความคิดของเหลาพี่
นองที่อับจนหนทาง เจาเพียงไมอยากใหทุกคนตองตกต่ําเชนนั้นไปเรื่อยๆ เมื่อตางเปน
วีรบุรุษผูกลา เหตุใดจึงไมดื่มด่ํากับการสละชีพ อยางนั้นใชหรือไม?”
มอไปพูดแลว โทนเสียงสงบนิ่ง ฟงไมออกวาพอใจหรือไมพอใจ
ตอน 276 ไปลางบางสํานักเตา
เถี่ยสงเงยหนาขึ้นมองแผนหลังมอไป ที่สุดแลวก็สายศีรษะ
“ไม เมื่อกอนขาคิดเชนนี้จริง แตตอนนี้ไมแลว”
ในที่สุดมอไปก็หันมา จองมองเถี่ยสง “พูด!”
เถี่ยสงกมหนา กําหมัดแนน
“เพราะขาไรสามารถ ตอนเห็นเหตุการณตรงหนา กลับรูสึกวาตนเองทําไดเพียง
นําพาเหลาพี่นองไปตาย และยังนึกดวยวาการกระทําเชนนี้คือวีรบุรุษผูกลา แตกลับไม
คิดวาการนําพาพวกเขาใหรอดชีวิต นําพาพวกเขาไปสูชัยชนะ จึงจะเปนผูนําที่แทจริง!”
กึก! เถี่ยสงคุกเขาลง มิใชคุกเขาใหมอไป แตคุกเขาใหนอกหนาตาง
มอไปหันกายกลับไปมองนอกหนาตาง เขารูวาที่เถี่ยสงคุกเขาใหคือศิษยพี่ทั้งสามที่
ประสบเคราะหกรรมในการตอสูกับสมาคมดาบยาวในปนั้น
“ไรสามารถ” มอไปทอดถอนใจ พึมพําคํานี้ออกมาอีกครั้ง แลวจึงคอยๆ หันกายมา
“กลายอมรับวาไรสามารถ เจาก็มาถึง เสนทางปรมาจารยแลว!”
เถี่ยสงสะดุง เงยหนามองมอไป
“หนึ่ง เจายอมรับวา ปนั้นที่เจายืนหยัดวาจะไปตาย เปนเพราะเจาไรสามารถ แต
มิไดหมายความวาตอนนั้นเจาไมมีความสามารถ แตเปนเพราะเจาไมมีปณิธานอัน
ยิ่งใหญ เจาดูเหมือนวีรบุรุษไรเทียมทานหรือลูกผูชายอกสามศอกก็จริง แตบนบาทั้งสอง
ของเจากลับแบกรับน้ําหนักใดๆ ไมไดแมแตนอย เวลาพบกับเรื่องยุงยาก นอกจาก
เลือดรอนในกายเจาคุกรุนกับคิดใชความตายหลบหนีเรื่องราวแลว เจายังไมมีใจคิดทําให
ชีวิตดีขึ้นแมแตนอย เจามองตัวเองต่ําตอยเกินไป เจารูสึกแตวาตองสูตายจนนาทีสุดทาย
จึงถือวาไดทํางานใหขาอยางสุดความสามารถแลว
เถี่ยสง เจาไมเคยรูสึกวาการมีชีวิตอยูของเจานั้นมีประโยชน และไมเคยรูสึกวา
ตนเองเปนที่พึ่งที่หนิงเออรและเหลาพี่นองพึ่งไดมากสุด
ยิ่งไมตองพูดถึงเรื่องที่เจาไมเคยคิดดวยซ้ําวา จะใชตัวเองบังแดดบังฝนใหพวกเขา
เจาคิดดูเอาเองก็แลวกันวา คนเชนนี้ คูควรกับการเปนชายชาตรีหรือไม?”
น้ําเสียงมอไปสงบนิ่งอะไรปานนั้น
แตเถี่ยสงกลับสั่นไปทั้งตัวขณะฟง เขากมศีรษะลงต่ํา
ทุกคนลวนมีความหยิ่งผยองในตัว ความหยิ่งผยองของเถี่ยสงกับพวกก็คือการเปน
คนที่สามารถยืดอก ยอมตายเพื่อคุณธรรมอันยิ่งใหญ ความภาคภูมิใจเชนนี้ ไหนเลยจะ
ไมคูควรกับคําวาชายชาตรี?
แตตอนนี้เวลานี้ เถี่ยสงกลับไมมีคําพูดตอบโต เขาสงสัยวาผูที่ไมกลัวตาย ไฉนมิใช
วีรบุรุษเลา?
เขาจึงไดแตกมศีรษะและตัวสั่น ยอมรับวาตนเองต่ําตอยเกินไป ต่ําตอยจนไมคูควร
กับการแบกรับคุณธรรมอันยิ่งใหญ!
“เสนทางปรมาจารยรึ กระทั่งจิตใจในการเปนคนยังไมมี จะพูดถึงปรมาจารยไป
ทําไม?”
มอไปคลายเหยียบเถี่ยสงจนมิดเทา ไมเหลือพื้นที่ใหขยับแมแตนอย
“เจาเบิกตามองใหดี ดานนอกของเรือนหลังนี้ ประชาชนกําลังใชชีวิตอยูภายใตการ
ขมเหงรังแกของคนเถื่อน ใครที่สุขสบายไปกวาเจาในหลายปนั้นบาง แตชายชาตรีใน
ครอบครัวของพวกเขา เคยพาคนแกและเด็กในบานไปตายไหม? พวกเขาคนไหนไมยอม
หัวรางขางแตกเพื่อใหคนแก สตรี และเด็กในบานมีขาวกินประทังชีวิตบาง พวกเขากลัว
ตาย นั่นมิใชเรื่องนาอาย พวกเขาตองมีชีวิตอยูตอ เพราะบาของพวกเขาแบกคนทั้ง
ครอบครัวไว!”
ภายใตคําพูดเชนนี้ เถี่ยสงไดกลายเปนดินที่ใชประโยชนไมไดมานานแลว เมื่อคนคน
หนึ่งถูกปฏิเสธ ถึงเขาจะใจกวางแคไหน ก็ไมสามารถรับไดโดยงาย
มอไปทอดถอนใจอีก สายศีรษะไปมา
“สอง ที่ขาไมบอกเจาเรื่องศิษยพี่เจาฝกถึงขั้นอาจารยแลวนั้น ใชวากลัวเจาจะอิจฉา
และไมไดหวงวาเจาจะรีบรอนฝกจนสมาธิแตกซาน ขารูวาเจาไมใชคนเชนนั้น พูดก็พูด
สาเหตุสําคัญยังคงเปนคําคํานั้น ไรสามารถ! เจาไรสามารถจริงๆ แตคุณงามความดีของ
เจากลับไมมีใครปฏิเสธ จิตใจที่คิดรับผิดชอบแทนทุกคน ไมมีใครกลาปฏิเสธ แตยิ่งเปน
เชนนี้ตอไป เจาก็จะยิ่งหวาดระแวง เจามักตําหนิตนเองที่ตระกูลเถี่ยทําใหพี่นองเจาตอง
เดือดรอน ตอนนี้ที่สุดแลวเจาก็มีความหวัง เจาพยายามไลตาม เจาอยากแข็งแกรงขึ้น
เพื่อเปนยันตคุมภัยใหพวกเขา แตสุดทาย เจาก็พบวาศิษยพี่ศิษยนองของเจาตางก็
กาวหนาไปกวาเจา เจายังคงเปนผูออนแอที่สุดอยูอยางนั้น และตองกลายเปนภาระให
พวกเขาตอไป...เถี่ยสง เจาไมมีจิตใจที่แข็งแกรง งายที่จะถูกความจริงทําราย เจาไมมี
ความมั่นใจในตัวเองมากพอ!”
มอไปหยุดพูดแลว คําถามสุดทาย เขาไมพูด เพราะตองการใหเถี่ยสงพูดออกมาเอง
เขาผลักหนาตางอีกบานออก ลมเย็นพัดเขามา
มอไปยืนตัวตรง มือไพลหลัง เถี่ยสงนั่งในทาคุกเขาอยูดานหลัง
ในหอง มีเพียงเสียงลมสะทอนไปมา
มอไปกําลังรอ!
ในที่สุด เถี่ยสงก็มีความเคลื่อนไหว ดวงตาที่ดูเลื่อนลอยของเขาคอยๆ แนวแนขึ้น
ยืดตัวคุกเขาโขกศีรษะใหมอไป
“องคชายหกเมตตากรุณาเถี่ยสงเปนลนพน เถี่ยสงจักจดจําไวไมมีวันลืม”
มอไปแหงนหนามองไปยังที่ๆ ไกลแสนไกล ไมพูดจา
เถี่ยสงคอยๆ ลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเขาลึกๆ สงบสติอารมณ กอนพูด
“องคชายหกวางใจ เถี่ยสงเขาใจแลว วันนั้นที่ตองการฆาเหมยจื้อเฟงโดยไมสนใจ
อะไรนั้น เปนเพราะขาไรสามารถ ขากลัว กลัวความแข็งแกรงของฝายตรงขาม กลัววา
ถาไมฆา วันหนาพอเหมยจื้อเฟงกลับเขาซางชิง
มีพรรคพวกและจอมยุทธยืนอยูดานหลังของเขา ขาก็จะไมสามารถแกแคนได
ตลอดไป ขาตองการฆาพระชายา แมเรื่องในปนนั้ ความจริงยังไมกระจาง แมพระชายา
จะไมใชผทู ี่ทําใหหนิงเออรบาดเจ็บเจียนตาย แตขาก็ตองฆา เพราะขากลัววาขาจะรับมือ
พวกเขาไมได ขากลัววาถาขาพลาดโอกาสฆาพวกเขาขณะอยูภายใตปกของทาน ขาจะ
ไมมีโอกาสอีก ขาไมเคยคิดวาทานเปนผูจับตัวเหมยจื้อเฟงและพระชายามา คิดแตวาถา
ครั้งหนาศัตรูแข็งแกรงขึ้น แลวขาตองรับมือเพียงลําพัง ขาจะปกปองหนิงเออรได
อยางไร?”
กึก! เถี่ยสงคุกเขาลงอีก “องคชายหก คําถามสุดทายที่ทานถามวา หากผูอยูใต
บังคับบัญชาของทานมีความสามารถมากมาย ขาจะอยูตรงไหน! องคชายหก เถี่ยสง
ไดรับความเมตตาจากทาน ใหติดตามอยูขางกายทานตั้งแตไหนแตไร ยอมไมกลาสูญเสีย
ความมั่นใจในตัวเอง และตองมีความกลาหาญเพิ่มขึ้น จักไมทําใหการอบรมสั่งสอนของ
ทานตองเสียเปลา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป แมเถี่ยสงไมกลาพูดเรื่องยืดอกอยางยิ่งใหญอกี
แตเถี่ยสงสาบานวา ชีวิตนี้จักไมคิดหนีอีกเปนอันขาด!”
เปรี้ยง!
เสนผมมอไปกระจายออก เสื้อผาทั่วทั้งรางปลิวไสว พลังแหงความภาคภูมิใจที่นอย
ครั้งจะไดเห็น เปลงรัศมีออกจากราง เขาหันมา ดวงตาใสกระจาง เหมือนสามารถมอง
ทะลุจิตใจผูคน พูดเสียงไมดัง แตจี้ใจดํา
“อยาทําใหความตั้งใจของขาตองสูญเปลา!”
“ถึงตายก็ไมมีวันลืมพระคุณ!” เถี่ยสงคารวะและโขกศีรษะ
“ลุกขึ้น!”
มอไปแหงนหนามองฝาเพดาน หลายวันแลวที่ใจของเขาปลอยวางไมลง นาทีนี้
นับวาฟาเปด และเมฆหมอกไดผานพนไป
เถี่ยสงไมเหมือนคนทั่วไป ในสายตาของเขา ตั้งแตตนจนถึงวันนี้ เถี่ยสงคือสหายที่
ทําเพื่อเขามามากกวามาก เขาไมสามารถปฏิบัติกับเถี่ยสงเหมือนคนอื่นๆ และไม
สามารถปลอยผานโดยไมแยแสสนใจได
ชั่วชีวิตนี้ สามารถมีสหายเชนนี้คนหนึ่ง ไมงาย
เถี่ยสงลุกขึ้นยืนได ไหนเลยที่มอไปจะไมดีใจ!
น้ําชาหมดกา สุราเขาแทนที่!
มอไปชอบดื่มสุรา เถี่ยสงก็เชนกัน แตทั้งสองกลับดื่มสุรานอยมาก
วันนี้เมื่อบรรยากาศเปนใจ มอไปดื่มสุราจอกแรก จึงพูดเรื่องงานทันที “ขาตองจาก
ไปสักพัก ตอไปหมิงจูตองมอบใหเจาแลว!”
เถี่ยสงมือไมสั่น รีบเงยหนามองมอไป “จากไป? องคชายหก ทานจะไปจากหมิงจู?”
มอไปยังคงสงบนิ่ง พยักหนาเล็กนอย “สักสิบวันเห็นจะได ไปลางบางสํานักเตา
สํานักหนึ่ง!”
สุราดื่มไมลงแลว เถี่ยสงลุกพรวดขึ้น
มอไปมองตาม “ทําไม? กลัววาขาจะทําไมได?”
“ไมใช!” เถี่ยสงรีบสายหนา ใจเตนแรงไมหยุด ในโลกนี้ใครบางที่กลาพูดวาจะลาง
บางสํานักเตาไดอยางสบายอารมณเชนนี้
“ดีเลย ขาก็อยากจะดูวา คนปวยใกลตายในปนั้น วันนี้จะใชหนึ่งกระบี่ลางบาง
สํานักเตาไดหรือไม!”
มอไปลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง หันกาย กอนเดินจากไปยังพูดทิ้งทาย
“หลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ขาไมอยากพูดอีก เจาไปทําความเขาใจเอาเอง
แลวกัน เจ็บปวดก็ดี โกรธแคนก็ได เจาตองผานมันไปไดดวยตัวเอง
หวังวาตอนขากลับมา เจาคงบรรลุวิถีปรมาจารยแลว จําไววิถีปรมาจารยของเจา ไม
จําเปนตองพึ่งวัตถุภายนอก!”
ฟาสางแลว!
เถี่ยสงยืนอยูชั้นบน ในจุดที่มอไปมักมายืนมองดวงอาทิตยเพียงลําพัง
เสื้อผาของเขาถูกน้ําคางสาดใสจนเปยกปอนไปหมด ดวงตาที่แดงระเรื่อไมรวู า
เพราะไมไดนอนทั้งคืนหรือเจ็บปวดจนถึงที่สุด
ตอนไดยินเสียงวุนวายดังมาจากชั้นลาง เขาจึงคอยๆ เคลื่อนไหว
หลับตาลงชาๆ กําหมัดแนน สุดทายมองดูดวงอาทิตยที่กําลังจะโผลพนขอบฟา
พลางสงเสียงแหบแหง
“ศิษยพี่หลับใหสบาย รอรับขาวดีที่อาจมีโลหิตเซนวิญญาณทานในเร็ววันนี้!”
พูดจบ ก็หันกายลงนั่งบนเกาอี้ที่มอไปเคยนั่ง
เสียงฝเทาใกลเขามา เถี่ยสงเหลือบมองไปที่ประตู เปนเหลียงจวิน
“ทานหัวหนา” เหลียงจวินทําความเคารพ
“เปนอยางไรบาง?” เถี่ยสงพยักหนากอนถาม
“ทุกอยางปกติ คนอื่นๆ ไดยายออกไปกอนฟาสางจนหมดแลว ลาสุดในบานเหลือ
ไมถึงสิบคน”
เหลียงจวินพูดเสียงขรึม เถี่ยสงพยักหนา
“ดี ใหพวกที่อยูในกลุมเยาวชนจับตาดูใหดี มีอะไรเกิดขึ้นในหมิงจู แมลมพัดใบไม
ไหวเพียงเล็กนอยก็ตองรีบมารายงาน เพื่อปองกันเหตุสุดวิสัยในทุกขณะ!”
“ขอรับ! ทานวางใจ ไมวาจะเปนทางคนเถื่อน ราชสํานัก คนตระกูลหลิน และ
นักสืบของฝายตางๆ ที่เคลื่อนไหวในหมิงจู เราลวนจับตามองอยู พอพวกเขาเคลื่อนไหว
อะไร เราก็รูไดในทันที”
เหลียงจวินรูวาเหตุการณกําลังอยูในชวงหัวเลี้ยวหัวตอ ครั้งนี้ที่พวกเขายายออกจาก
บานหลังนอยไปอยูในที่แหงใหม แมลึกลับกวา แตยากรับประกันไดวาความลับจะไม
รั่วไหลเขาสักวัน จึงตองระมัดระวังใหรอบคอบ ซึ่งคนในบานหลังนอยลวนเปนผูที่จวนห
มิงอองอบรมบมเพาะมาเปนอยางดี สูญเสียไมไดอีก
“อืม ในกลุมเยาวชนยังสงบดีอยูหรือเปลา?” เถี่ยสงเงียบไปสักพัก กอนถามขึ้น
ครั้งนี้เหลียงจวินสีหนาเครงเครียดลง สายหนานอยๆ
“ซับซอนมาก ขาวทานตูออกจากหมิงจูเริ่มถูกลือกันหนาหู สองวันนี้ ความวุนวายที่
เกิดขึ้นภายในยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรง ตอนนี้ผูอาวุโสฉีตองออกโรงมาไกลเกลี่ย แตก็ยังควบคุม
สถานการณไดยากอยู เกรงวาถาเปนเชนนี้ตอไปอาจเกิดปญหาใหญขึ้น”
“กอนไปทานตูไดเตรียมพรอมไวทุกอยางแลวนี่ เหตุใดจึงยุงกันเร็วเชนนี้? อีกอยาง
เมื่อผูอาวุโสฉีออกหนา ไมนาจะมีปญหาเรื่องการคุมสถานการณในระยะเวลาอันสั้น”
เถี่ยสงขมวดคิ้วพลางลุกขึ้นยืน พวกเขาตองการใหกลุมเยาวชนมาเปนแนวรวม ถา
เปนเชนนี้ก็ไมดีแน
“เราอาจประเมินความเชื่อมั่นที่กลุมเยาวชนมีตอทานตูต่ําเกินไป เรื่องทานตูลี้ภัย
กลายเปนเรื่องใหญสําหรับกลุมเยาวชนทันที แมกอนไปทานตูไดสังหารพวกที่ติดตอกับ
คนเถื่อนเพื่อแสดงบารมี แตคนเถื่อนไหนเลยจะยอมรามือ นางสังหารไปกลุมหนึ่ง ก็โผล
มาอีกกลุมหนึ่ง ตอนนี้คนกลุมนี้ไดปลอยขาวลือไปที่คนระดับลางของกลุมเยาวชน บอก
วาทานตูหนีไปแลว และอยาคิดวาจะกลับมาอีก ขาวลือทํานองนี้ไมเพียงแตคนระดับลาง
ที่เชื่อ คนระดับสูงสวนหนึ่งยังคิดเชนนี้ดวย ดังนั้นพอทานตูจากไป ทุกอยางจึงยุงไปหมด
นอกจากมีพวกที่คนเถื่อนสนับสนุนคอยชิงอํานาจแลว ยังมีคนในชิงอํานาจกันเองอีก ทุก
คนเชื่อมั่นในผูอาวุโสฉีก็จริง
แตก็ไมสนิทเทาทานตู บางคนที่ทานตูพึ่งพามาเสมอ ก็ยังปรามไมอยู ซ้ํายังถูกมอง
วาฉวยโอกาสขึ้นสูอํานาจ รวมทั้งคนเถื่อนก็กําลังสืบหาที่อยูของพวกเขาดวย พวกผู
อาวุโสฉีจึงไมกลาปรากฏตัวถาไมจําเปน” เหลียงจวินสายศีรษะ
“เชนนี้ไมคอยดี หลังปใหมเรามีกองทหารมาและเชื้อเพลิงจํานวนหนึ่งเขามาในหมิง
จู เวลากระชั้นชิดมาก!” เถี่ยสงพูดเสียงขรึม
“เดิมทีองคชายหกเตรียมวิธีตอบโตไวแลว แตตองรอใหพวกทานตูสงรายชื่อมากอน
วาผูใดสมควรสังหาร ผูใดสามารถไวชีวิต แตเมืองหลวงเกิดเรื่องดวนขึ้นกอน องคชาย
หกยังไมทนั จัดการก็ไปเสียแลว”
เหลียงจวินพูดเสียงขรึม เถี่ยสงฟงแลวก็เขาใจความหมายของมอไป มอไปยังไม
อยากเคลื่อนไหวใหญโต หนึ่งเพราะกลัวทานตูเขาใจผิด สองเพราะไมอยากใหกลุม
เยาวชนยุงวุนวายไปกวานี้
“พอบานของทานตูมิใชอยูที่นี่หรอกรึ ใหเขาไปหาผูอาวุโสฉีสักตั้ง เพื่อแบงรายชื่อ
และสถานะคนใหชัดเจน รอไมไดอีก ขอเพียงมีหลักฐานวาติดตอกับคนเถื่อน ทางเราจะ
ไดจัดการทันที!”
เถี่ยสงคิดพิจารณาสักพักก็ตัดสินใจ
“ขอรับ!” ตอนนี้เถี่ยสงเปนผูบัญชาการ เหลียงจวินยอมไมโตแยง
“ดานลางเกิดเรื่องอะไร? ใครสงเสียงวุนวาย?” เถี่ยสงเห็นเขากําลังจะไปจึงถาม
“เปนคุณหนูเจิ้ง ขอพบองคชายหก ยังมีทานนักพรตก็มาแลวรอบหนึ่ง ขอพบองค
ชายหกเชนกัน”
ตระกูลเจิ้ง?
เถี่ยสงพยักหนา “ทําตามที่องคชายหกสั่งไว รีบจัดใหคนตระกูลเจิ้งออกเดินทาง
แลวทานนักพรตยังไมไปอีกหรือ?”
“ยังขอรับ หัวหนา เมื่อวานองคชายหกใหยาจิ่วหยวนตันกับทานนักพรตไป ความ
จริงมีเรื่องบางอยาง...”
เหลียงจวินนึกขึ้นได วาลืมบอกทานนักพรตไปเรื่องหนึ่ง
พอฟงเขาเลาจบ เถี่ยสงพลันทอประกายตา ดวยเรื่องในอดีตของมอไป ทําใหเขากับ
พวกอาจิ่วไมคอยเชื่อใจคนของสํานักเตามาโดยตลอด ตอนนี้พอไดยินเรื่องของทานตูใน
เมืองหลวง ซึ่งมีสาเหตุมาจากพวกเขา เถี่ยสงจึงมีทาทีเย็นชาเล็กนอย
“รอองคชายหกกลับมากอน คอยมาดูกันวาสํานักเตายังหยิ่งยโสไดอีกแคไหน!”
เดิมทีเขาคิดพบหนานักพรต เผื่อวาจะมีเรื่องอะไร แตตอนนี้กลับรูสึกวา ตองขูสัก
หนอย
“บอกนักพรตวาใหทําตามคําสั่งขององคชายหก ใหพวกเขาสลายตัวไปกอน หากไม
ทําตามก็อาจแยกยาย ตางคนตางเดิน!”
ตอน 277 ออกจากหมิงจู
นักพรตสีหนาซีดขาว ตลอดทั้งคืนหลับตาไมลง เขายืนอยูกลางหอง ตรงหนาศิษย
สองสามคนที่รอรับใชอยูดานขาง ในสภาพผมเผายุงเหยิง แววตาไมสบายใจอยางยิ่ง
“ไมนาเลย ไมนาเลยจริงๆ” ปากพร่ําบนแตคํานี้ไมหยุด
ศิษยสองสามคนเมื่อไดยินตางก็เหลือบมองไปยังเม็ดยาในกลองผาไหมที่วางอยูบน
โตะวางของ
ผานไปสักพัก คอยมีศิษยผูหนึ่งเงยหนามองนักพรตอยางหวาดๆ กอนเอยปากอยาง
ยากเย็น
“อาจารย คนในสํานักกําลังรอคําตอบจากเราวา ทานอองมีปฏิกิริยาอยางไร
เกี่ยวกับเรื่องที่เมืองหลวง”
“ปฏิกิริยา?” นักพรตเหมือนพึมพําออกมาโดยไมรูตัว
เขาเดินชาๆ เขาไปหยิบกลองผาไหม หันมองศิษยดวยดวงตาที่เต็มไปดวยเสนเลือด
ฝอย กอนยกกลองผาไหมขึ้นพิจารณาอยูนาน สุดทายจึงคอยๆ นั่งลง กมหนาพูด
“ไปเถิด ตอบคนในสํานักวา เราสรางความหายนะใหกับธุระของทานออง ทานออง
ดีใจมาก เรียกขาเขาพบเปนกรณีพิเศษ แสดงความยินดีโดยมอบยาทรงคุณคา จิ่วหยวน
ตันหนึ่งเม็ด ใหเปนรางวัลและขวัญกําลังใจ”
พอจบประโยค ศิษยในหองตางก็หันมาสบตากัน ไมมีใครคิดไปรายงานเชนนี้จริงๆ
จึงพากันกมหนาลง ไมพูดไมจา
นอกหอง เสียงฝเทาวิ่งวุนคอยๆ เปลี่ยนเปนสงบลง
ผานไปเนิ่นนาน ไดยินเพียงเสียงลมโชยพัดอยูนอกหนาตาง พอมองออกไปกลับไม
พบเงารางของใคร
เขารู จวนหลังนอยเหลือก็แตพวกเขาแลว ความรูสึกถูกจวนหมิงอองทอดทิ้งประดัง
ประเดเขามา
นักพรตหลับตาลงชาๆ หนวดเคราสั่นนอยๆ รูสึกอยากรองตะโกนอยางบาคลั่งมาก
ที่ผานมาตนตองพยายามมากแคไหน เพื่อทําใหหมิงอองปลอยวางปมในใจที่มีตอ
สํานักเตา และมอบหมายหนาที่สําคัญให!
ตองลําบากมากเพียงใด ในการทําตัวกลมกลืนไปกับระบบภายในของจวนหมิงออง!
และขณะเมฆหมอกจางหาย ฟาเปด เห็นแสงสวางอยูรําไร ความพยายามทั้งหมด
กลับถูกศิษยรวมสํานักทําลายลงงายๆ ปลอยใหหยาดเหงื่อหยาดโลหิตไหลลงสูทองธารา
ไปอยางสูญเปลา
นักพรตหายใจเขาลึกๆ แลวหายใจออกยาวๆ มีแววกังวลในดวงตา กอนหันบอกศิษย
“ไปเถิด!”
มอไปจะออกจากหมิงจู แนนอนไมใชเรื่องงาย
เนื่องจากเขาเปนศัตรูอันดับหนึ่งของคนเถื่อนในหมิงจู คนเถื่อนลงทุนลงแรงอยาง
นาตกใจในการตามหาเขา พูดไดวา ทุกพื้นที่ในหมิงจูแทบไมมีใครไมรูวามอไปหนาตา
เปนอยางไร ถาเขาปรากฏตัวขึ้นตามทองถนนเมื่อไหร ไมถึงนาทีคนเถื่อนก็รูเรื่องแลว
คิดผานดานปองกันภัยระดับสูงตามทาเรือแตละทา ก็ยากยิ่งกวายาก
แมดูจากภายนอก หลังมอไปสังหารปรมาจารยชาวฉีแลว คนฉีมิไดจัดใหคนจาก
สํานักเตาของตนลอมรอบหมิงจูเพื่อจับมอไปก็จริง แตขอเพียงมีสมองก็ตองคิดออกวา
เพื่อกอบกูศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปกลับคืน คนฉีไมเกี่ยงแมตองสูญเสียเลือดเนื้อเทาใดก็ตอง
จัดการหมิงอองใหได
ในหมิงจู พวกเขาไมกลาพูดวาราชสํานักตาเซี่ยมิไดสงจอมยุทธมาอยางเรงดวน แต
ที่แนนอนก็คือ พวกเขาแอบสงปรมาจารยเขามาจํานวนหนึ่ง แมไมนับเปนคูตอสูของห
มิงออง แตอยางนอยพอหมิงอองปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาก็ยอมรูสึกไดถึงพลังปราณทันที สามารถใชกองทัพทั้งกองทัพรับมือหมิง
อองได แตคิดหาตัวหมิงอองจําตองพึ่งผูบําเพ็ญเพียร
ดังนั้นการที่มอไปจะออกจากหมิงจูจึงไมใชเรื่องงาย เผลอๆ ยากกวาตอนทานตู
ออกไปเสียอีก วิธีการในการรับมือกับคนทั้งสองของคนเถื่อนไมเหมือนกัน
ทวา ผนังทองแดงกําแพงเหล็ก ทําใหมอไปไมสามารถออกไปไดจริงหรือ?
ในหองพักชั้นสองของเรือเดินสมุทรลําหนึ่ง มอไปในชุดยาวสีเรียบ กําลังยืนมือไพล
หลัง มองดูหมิงจูอยูริมหนาตาง สีหนาเขาใสเรียบ ทาทางสบายๆ ไมมีวี่แววออนลาจาก
การหลบหนีใหเห็นแตอยางใด
จนเรือแลนออกจากฝงมาไกลพอสมควร มอไปจึงคอยๆ หันกายมานั่งลงบนหัวเตียง
มองดูเตียงที่อยูฝงตรงขาม
หองพักเปนหองแบบสองเตียง และเตียงฝงตรงขามเปนเตียงของหญิงสาวนางหนึ่ง
อายุราวยี่สิบแปด ใสชุดสีขาวทันสมัยแบบตะวันตก สวมหมวกปกแคบแบบคุณหนูผูสูง
ศักดิ์
หนาตานางไมจัดวาสวย แตก็ไมขี้เหร แลดูหรูหราสงางาม แตตอนนี้นางเอาแตกม
หนากมตาแกะเปลือกผลสมในมือ โดยไมมองมอไปที่นั่งอยูตรงหนาแมแตนอย เหมือน
กําลังอารมณไมดี
มอไปมองดูนางดวยสายตาออนโยนอยางที่ไมคอยไดพบเห็น ริมฝปากขยับขึ้นลง
กอนพูดขึ้น
“ไมตองหวง พอเรือออกจากอาว เราก็ปลอดภัยแลว!”
แตหญิงสาวยังคงกมหนาแกะเปลือกสมตอ เหมือนมอไปมิไดกําลังพูดกับนาง
มอไปเห็นนางเงียบไมพูดไมจา ก็เหมือนไมรูจะพูดอะไรตอดี จึงคอยๆ หลุบตาลง
บรรยากาศจึงดูแปลกๆ
ยังดีที่หองขางๆ มีเสียงพูดคุยกันดังมาทําลายความเงียบ
“เมื่อครูเจาเห็นการเคลื่อนไหวบนทาเรือรึเปลา เหมือนในเมืองเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อยางนั้นแหละ!”
“เห็นตั้งแตแรกแลว คราวนี้ไมนาใชเรื่องเล็กๆ เจายังไมรู กอนหนาที่ขาจะมาถึงก็
ติดแหงกอยูบนทองถนน นาจะไมใชแคทาเรือนะ เหมือนทหารทั่วทั้งหมิงจูพากัน
เคลื่อนไหวหมด รถทหารทยอยกันแลนไปที่เขตตะวันตก”
“เฮอ...เกิดเรื่องยุงๆ ขึ้นอีกแลว หวังวาอยาไดเกิดการนองเลือดขึ้นก็พอ!”
“พอเถอะ หองขางๆ ไดยินหมดแลว ระวังหนอยก็ดี พวกเรานับวาหนีออกมาไดเสีย
ที...ไมรูวาเมื่อไหรจงึ จะกลับไปได?”
จะเห็นไดวาความเลวรายของคนเถื่อนฝงลึกอยูในจิตใจผูคน แมตัวออกจากหมิงจู
มาไกลและลอยอยูใน
ทะเลอันกวางใหญแลว แตความหวาดกลัวในใจก็ยังคงอยู กระทั่งพูดจา ก็ยังตอง
ระมัดระวัง
มอไปแหงนหนามองฟากวางไรขอบเขตนอกหนาตาง แลวจึงพูดเสียงเบาขึ้นอีกครั้ง
“สถานการณในหมิงจูยิ่งมาก็ยิ่งซับซอน เพื่อจัดการขา ขอเพียงมีขาวเล็กนอย คน
เถื่อนก็จะกรีฑาทัพมากันทั้งหมด อยูยากจริงๆ ดีนะที่ออกมากอน!”
หญิงสาวฝงตรงขามพอไดยินก็เงยหนาขึ้นมองมอไป แววตาบงบอกวาไมเขาใจ นาง
ไมมีอะไรเหมาะสมกับเขา ไมวาจะเปนแววตา อายุ และการแตงกาย
ลวนเปนความซับซอนที่เขากันไมได นางจองมองมอไปอยูนาน คอยวา “เรื่องพวกนี้
เกี่ยวอะไรกับขา?”
มอไปสบตาหญิงสาว สักพักก็กมหนาลง ถอดรองเทาออก นั่งขัดสมาธิ หลับตา
หญิงสาวมองใบหนาที่ทั้งแปลกหนาและคุนเคย ขอบตาคอยๆ แดงระเรื่อ
แตสุดทาย นางยังคงกมหนาแกะสมตอ พลางพูดเสียงต่ํา “ทานฐานะสูงสง สวนขา
เปนเพียงสามัญชน ทานมาหาขากะทันหัน เกรงวาจะทําใหขาเดือดรอนมากกวา”
มอไปกําลังนั่งทําสมาธิ พอไดยินมือจึงกระตุกเล็กนอย แตยังไมลืมตา
หญิงสาวแกะสมเสร็จ แตกลับไมทาน วางผลสมไวบนโตะขางเตียง แลวคลี่ผาหม
ออกเงียบๆ นํารางและศีรษะซุกเขาใตผาหม
ไมนานนักก็ไดยินเสียงจากผาหม
“ขาไดยินมาวาทานอยูหมิงจูนานแลว ไมทราบจริงหรือเท็จ...”
มอไปลืมตามองเตียงฝงตรงขาม ขณะอาปากจะพูด กลับเห็นแตผาหมที่คลุมโปงจน
มิดชิด จึงคอยๆ หุบปากลง ละสายตาไปมองผลสมที่แกะเปลือกแลว
ความทรงจําในอดีตพลันปรากฏขึ้นในใจ เขาเงียบไปสักพัก คอยหยิบผลสมบนโตะ
ขึ้น แกะกินไปหนึ่งกลีบ พลางพูดเสียงเบา “ใช อยูมานานแลว!”
“แลว...” หญิงสาวในผาหมคลายอยากถามอะไรตอ แตก็กลาๆ กลัวๆ
มอไปกมหนากินสม แววตาวูบไหว แตยังพูดตอ “เรื่องของขาไมสามารถอธิบายให
ฟงอยางชัดเจนไดดวยประโยคเพียงสองสามประโยค แมมาถึงหมิงจูนานแลว แตก็ไมเคย
อยูอยางสงบจริงๆ ไดสักวัน”
พูดจบ คนในผาหมก็ขยับ นางโผลศีรษะออก มองดูมอไปดวยดวงตาแดงระเรื่อ
“แต...เจารูขาวของขาแตแรกแลว รูวาขาอยูที่ไหนมาตลอด!”
มอไปเงยหนามองนาง ใบหนานี้ เขารูสึกคุนเคยมาก แตเมื่อเผชิญกับคําถามนี้ เขา
กลับไมยอมรับตรงๆ แตในที่สุดก็พยักหนา
“ครั้งแรกที่ไดขาวของเจา คือเมื่อสามปกอน”
“สามปกอน...” หญิงสาวน้ําตาไหล ฟนกระทบกัน คลุมโปงตอ
“ตอนนั้นขาตองอยูอยางหลบๆ ซอนๆ เพราะอาจเกิดอันตรายไดทุกเมื่อ” มอไป
อธิบายมาหนึ่งประโยค
“อันตรายกวาตอนนี้อีกหรือ?” น้ําเสียงในผาหมเริ่มกระตือรือรน
มอไปสายศีรษะแลวพูดอยางสงบนิ่ง “ไมเหมือนกัน กอนหนานี้เจายังปลอดภัยอยู
แตตอนนี้เจาไมสามารถอยูในหมิงจูไดอีก”
คนในผาหมไมตอบ
มอไปกินสมหมด มองออกนอกหนาตาง รูแลววาเกิดเรื่องเขาใจผิดบางอยาง
รอจนรางของคนในผาหมหยุดสั่น คอยไดยินเสียงถามอยางเย็นชาดังมา
“เกรงวาแทจริงแลวไมใชปญหาเรื่องความปลอดภัยของขา แตเพราะตอนนี้เจา
ตองการตั๋วโดยสารเรือหนึ่งใบ และคนที่สามารถคุมครองเจาใหออกจากหมิงจูไดอยาง
ปลอดภัย จึงมาหาขา”
มอไปคอยๆ หลับตาลง ดวยไมอยากยุงกับเรื่องพรรคนี้
ในหองพักคอยๆ เงียบสงบ
ไมรูผานไปนานเทาไร หญิงสาวบนเตียงจึงเลิกผาหมออก มองดูมอไปอีกครั้ง มอง
อยูนานพอควร แลวพลันลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบกระเปา นั่งแตงหนาอยูหนากระจกบาน
นอย
สักพัก หนาตาคอยเปนดังเดิม อารมณสงบนิ่งลง น้ําเสียงกลับเปนปกติ จึงพูดขึ้น
เรียบๆ
“ถือวาเปนคนรูจักกัน ขาสงเจาถึงซูเปย จากนั้นขาก็ลงเรือ เจาดูแลตัวเองแลวกัน”
มอไปลมื ตา จองมองหญิงสาว
“เจาไมสามารถอยูในหมิงจูไดอีก ตองออกมา ขาจะจัดการใหเจาไปเมืองหลวง!”
หญิงสาวเงยหนา “เมื่อครูเจาพูดเองไมใชหรือวา อยูขางกายเจาไมปลอดภัย อีก
อยางขาก็เปนเพียงสามัญชน ฐานะเจาสูงสง ขาไมกลานับญาติกับเจาหรอก”
“ตอนนี้ไมเหมือนกันแลว เพราะคนเถื่อนตองการจัดการขา จึงทําไดทุกวิธี กระทั่ง
ชีวิตของสามัญชนที่ไมเกี่ยวของกับขาแมแตนอย พวกมันก็ยังนํามาบีบบังคับขาได พอ
พวกมันหาเจาพบ ผลลัพธคงไมตองพูดถึง ดังนั้นแมอยูขางกายขาจะไมปลอดภัย เจาก็
ตองตามขาไป”
มอไปมิไดแกตัวกับนาง เพียงพูดเสียงขรึม
“หาขาพบ? ใครจะมาหาขา? ขาเปนแคลูกกําพรา แมเคยเกี่ยวของกับผูมีฐานะ
สูงสงอยางเจา แตก็ไมนับเปนอะไรนี่? เรื่องพวกนี้ กระทั่งเจาก็ยังจําไมได แลวใครยังจะ
มาสนใจอีก?”
หญิงสาวสายหนา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยยหยันจางๆ
มอไปสายหนา
“เจาโตแลว มีความคิดเปนของตนเอง เรื่องบางอยางขาไมสามารถพูดชัดเจนกับเจา
ไดดวยประโยคสองสามประโยค พูดแลวเจาก็ไมเชื่ออีก สวนเรื่องเขาใจผิดบางอยางไมมี
ความจําเปนตองพูดใหกังวลใจเพิ่ม”
“เราไมมีอะไรเขาใจผิดกัน!” หญิงสาวสีหนาสงบนิ่ง
มอไปกมหนา “ที่ขาสามารถออกจากหมิงจูได ไมใชเพราะเจาใหตั๋วเรือกับขา และ
ไมใชเจาอยูขางกายขา แตเปนเพราะตอนเราออกจากทาเรือ เดิมทีตองมีคนเฝาอยูตรง
นั้น แตเชาวันนี้ คนเถื่อนพลันตรวจพบที่พักของขาเขา ทหารทั่วทั้งหมิงจูจึงรีบระดมพล
เพราะเรื่องนี้ ถาไมเกิดสุดวิสัยอะไร ตอนนี้พวกมันนาจะบุกจูโจมเขาที่พักขาเรียบรอย
และเพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นกะทันหัน พวกมันตางก็พุงเปาไปที่นั่น ดังนั้นขาจึงสามารถขึ้น
เรือไดอยางราบรื่นตลอดรอดฝง”
พูดถึงตรงนี้ มอไปก็จองมองหญิงสาวอีกครั้ง
“ถาขาตกต่ําขนาดตองขอความชวยเหลือจากเจาถึงจะออกจากหมิงจูไดแลวละก็
คนเถื่อนจะยกใหขาเปนศัตรูอันดับหนึ่งที่ไมฆาใหตายไมเลิกราอยางนั้นรึ?”
หญิงสาวดวงตาสั่นไหว ยากแยกแยะความรูสึกตนเอง
คําพูดของหองขางๆ เมื่อครู บวกกับคําพูดในตอนนี้ของมอไป ยากโตแยงก็จริง
แตมอไปอยูหมิงจูตั้งหลายป และรูมานานแลววานางอยูที่ไหน แตวันนี้เพิ่งจะมาหา และ
พอมาหาก็อยูในสถานการณขอความชวยเหลือ ทําใหนางอดไมไดที่จะคิดมากจริงๆ
แตพอละทิ้งปญหานี้ไปไมพดู ถึง หญิงสาวก็ยังคงไมเขาใจการพบกันอยางกะทันหัน
อยูดี นางจึงกมหนา
“หากขาไมตามเจาไปละ?”
“ตองตาม!” มอไปหลับตา
“เจาหวงใยในความเปนตายของขาจริงหรือ? หรือกลัววาตอไปผูอื่นจะรูวา เจามี
นองสาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยโจรขายชาติ?” หญิงสาวหันมองออกนอกหนาตาง
มอไปกําหมัดแนน แลวคลายออก
“ยังคงเปนคํานั้น เจาโตแลว มีความคิดเปนของตนเอง ปมในใจของเจา ตองใชเวลา
สักระยะ แลวเจาจะพบคําตอบเอง แตตอนนี้เมื่อเจายอมรับวาขาเปนพี่ชาย ขาก็ตองพา
เจาไป!”
“ขาไมไดยอมรับเจา!” หญิงสาวหันมามองเขาที่หลับตาอยู
มอไปไมสงเสียงใดๆ หากไมยอมรับจริง เขาทั้งสองตอนนี้คงมิไดอยูบนเรือลํา
เดียวกันหรอก
ตอน 278 ซูเปย
ชิงชิง!
ลูกสาวของแมเลี้ยงมอไปตอนกอนเขาวัง เปนนองสาวที่เติบโตมาดวยกัน
แมตอนนั้นยังเล็ก แตการใชชีวิตในวัยเด็กดวยกันตลอด ทําใหมอไปเกิดความ
ประทับใจในตัวนองสาวผูนี้อยางลึกซึ้งและเก็บไวในความทรงจํามาตลอด
แมแตพี่นองสายเลือดเดียวกันที่อยูในเมืองหลวงก็ยังไมรูสึกสนิทใจเทาชิงชิง
กระทั่งการที่เขายอมชวยหนิงเออร พานางไปอยูในจวน และใหนางติดตามอยูขาง
กายนั้น จริงๆ แลวเปนเพราะเขาคิดถึงชิงชิง
ตอนออกจากเมืองหลวงมาถึงหมิงจูในชวงแรก เขารีบเตรียมการตามหานาง คิดให
นางกลับมาใชชีวิตอยูขางกายเหมือนกอน แตพอหาพบ เขากลับลังเลใจ หลังพิจารณา
อยูหลายรอบ ในที่สุดก็ลมเลิกความตั้งใจ
หนึ่ง เพราะตอนนั้นเขาอยูในสภาวะที่ไมคอยจะดีนัก สอง สถานะของชิงชิงในตอน
นั้นถือวาไมเลว อยางนอยก็ดีกวามาหลบๆ ซอนๆ อยูขางกายเขามาก
หนําซ้ํายังกังวลอีกวา จะมีคนจับตามองนองสาว แลวใชนางลอใหผูที่หายตัวไป
อยางไรรอ งรอยเชนเขาออกมาติดกับ!
ดังนั้นที่สุดแลวจึงตัดสินใจ สงคนแฝงตัวคอยดูแลนางแทน ไมไดเขาไปพบเจอ
ในทันที คิดวารอใหมีสถานะที่ดีกวานี้คอยวากันใหม
เวลาผานไปเรื่อยๆ แตจนแลวจนรอดมอไปก็ยังไมสามารถหลุดพนจากความ
ยากลําบากไดเสียที เด็กสาวในปนั้นที่สุดแลวก็เติบโตเปนผูใหญ
บอกตามตรง มอไปเองก็คิดไมถึงวา ตองมาพบกับนองสาวในสภาพเชนนี้
ตอนนี้ ทั้งสองแมอยูใกลกันแคเอื้อม แตใจกลับหางไกลกันลิบ มอไปเพิ่งรูส ึกวาตน
ทําผิดมหันต
แมตนไมเคยลืมนาง แตระหวางที่นางเติบใหญ ชวงเวลาที่สําคัญสุดในชีวิต กลับไมมี
ตนคงอยูในความเปนจริง
เรือกําลังเดินทางไกล มอไปหลับตา นั่งสมาธิ แตก็ยังอดไมไดที่จะรูสึกแย
เขามิไดเจ็บปวดที่ชิงชิงเย็นชาใสและคาดเดาไปผิดๆ แตรูสึกติดคางและตําหนิ
ตนเอง
แมเขามิใชมอไปคนเดิมที่เติบโตมาดวยกันกับเด็กหญิง แตความทรงจําที่มอไปคน
เดิมมีตอนาง อยูกับเขามานานหลายป ไมเคยลืมเลือน ทําใหเขายากแยกแยะความรูสึก
ในชาตินี้ ความคิด ความรูสึก ความผูกพันที่มอไปคนเดิมมีอยูนั้น ไมมากก็จริง แตก็
เพราะมีไมมากนี่แหละ ในแตละความรูสึกจึงลึกซึ้งมาก
ในสายตามอไปคนเดิม เด็กสาวเปนเหมือนญาติสนิทที่พานพบไดยากยิ่งในชาตินี้
ดังนั้นแมเวลาผานไปเนิ่นนานเพียงใด ความรูสึกซึมลึกเขากระดูกดําเชนนี้ จึงมิไดจาง
หายไปตามกาลเวลา
และอาจเพราะเดิมทีมอไปเปนเด็กกําพรา เขาจึงไมมีวันลืมนองสาวคนเดียวที่มี
และไมยอมเพิกเฉยตอความสนิทสนมนี้
มอไประบายลมหายใจที่กลัดกลุมออกจากปาก เขาลืมตา แตชิงชิงไดซุกตัวเขาไปใน
ผาหมแลว
แมนางไมยอมไปกับมอไป แตก็มิไดเอะอะใหญโต อาจเปนเพราะไมวาจะกลาวโทษ
ในใจอยางไร นางก็ยังไมอยากเห็นมอไปเกิดเรื่องขึ้น ที่แสดงออกเชนนี้เพราะไมยอม
ประนีประนอมดวยเทานั้น
แววตามอไปลึกล้ํา ที่สุดแลวก็สายศีรษะ การอธิบายใชวาพูดเพียงสองสามคําก็
เขาใจ อีกอยางตอนนี้ก็ไมใชเวลาที่จะมาอธิบาย ไมวานางจะยินยอมหรือไม เขาก็ตอง
จัดการใหนางออกจากหมิงจู
ในภาวะสงคราม ยากนักที่จะหาสถานที่เงียบสงบสักแหง
ซูเปย มีอาณาเขตติดกับหมิงจู จึงมิไดมีสภาพดีไปกวาหมิงจูสักเทาใด สงครามที่
ยาวนานตอเนื่องทําใหพลเมืองของทีน่ ี่ยากที่จะเฉลิมฉลองปใหมดวยใบหนายิ้มแยม
แจมใสเต็มที่เชนเดียวกัน
แตยังไมทนั ครึ่งวัน กลับมีเรือนอยใหญมาจอดเทียบทาซูเปยมากมาย
รวมทั้งเรือเดินสมุทรที่จอดพักชั่วคราว และอนุญาตใหผูโดยสารเดินเขาเดินออก
ในหองพัก มอไปลืมตานานแลว และกําลังมองดูชิงชิงที่กมหนากมตาไมพูดจา
“ไปเถอะ!”
ชิงชิงไมตอบ แตสักพักก็เงยหนาขึ้น “ขามีบาน ขาไมไปเมืองหลวง!”
“รอใหบานเมืองสงบกอน เจาคอยกลับไป ตอนนี้ตองฟงคําสั่งขา!”
มอไปลุกขึ้นยืน หันมองนอกหนาตาง หันหลังใหนาง
“อยาบังคับขา!” ชิงชิงใชดวงตาแดงระเรื่อมองดูแผนหลังของเขา
มอไปมิไดหันกลับ เพียงหันกาย เดินออกจากหองไปกอน
ชิงชิงมองดูเขาเดินจากไป กําหมัดแนน กัดริมฝปากสักพัก ในที่สุดก็เดินออกจากหอง
“คุณหนู” หนาประตูไมรูวามีชายหนุมสองคนยืนไวตั้งแตเมื่อไร พอเห็นนางก็ทํา
ความเคารพ
“พวกเจา...” ชิงชิงอึ้ง มองนิง่
เมื่อแนใจวาทั้งสองเรียกนาง จึงตระหนักไดอยางรวดเร็ววาทั้งสองตองเปนคน
ของมอไป นางจึงหันมองไปรอบๆ แตกลับไมเห็นแมแตเงาของมอไป
“มอ...เขาไปไหนแลว?”
“นายนอยมีเรื่องสําคัญตองทํา จึงเดินทางลวงหนาไปกอน เชิญคุณหนูทางนี้ การ
เดินทางตอจากนี้ไปพวกเราจะเปนคนสงคุณหนูเอง!” ชายหนุมตอบ
“ไปแลวรึ?” ชิงชิงงุนงง รีบวิ่งออกจากระเบียงทางเดิน มองหาไปรอบๆ...
แนนอนวามอไปไดลงจากเรือแลว แตไมไดจากไปในทันที
เขายืนมองชิงชิงขึ้นนั่งบนรถมาที่เตรียมพรอมไวแลว รอจนรถมาวิ่งเขาสูเสนทางไป
เมืองหลวง และจากไปไกลพอสมควร เขาคอยถอนหายใจออกมาเบาๆ
หันมองดูเรือเดินสมุทรที่ยังคงจอดเทียบทาอยู กอนหันกายเดินหายไปในฝูงชน
อยางไมทงิ้ รองรอยใดๆ
ตั๋วเรือของเขาระบุปลายทางวากวางตุงก็จริง แตในความเปนจริง เขาไมสามารถอยู
บนเรือไดตลอดทาง
มิใชกลัววาชิงชิงจะเปดเผยเบาะแสของเขา แตสําหรับเขาแลว ดินแดนอันกวางใหญ
ยอมปลอดภัยกวาพื้นที่อันนอยนิดซึ่งลอยอยูในมหาสมุทร
ซูเปยตามประวัติศาสตรเปนดินแดนแหงความมั่งคั่ง ไมเพียงมีบานเรือนเศรษฐี
มากมาย ยังเปนแหลงรวมผูมีชื่อเสียงในสังคมดวย เดิมไดชื่อวาเปนดินแดนอันสงบสุข
แตเพราะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ จึงโชคราย กลายเปนจุดยุทธศาสตรที่ทุกฝายแยงชิง
กันทุกครั้งที่เกิดสงคราม
ดังนั้นหลังจากหมิงจูประสบภัยพิบัติ ที่นี่จึงกลายเปนสมรภูมิรบสําคัญในเวลาตอมา
เมื่อตองเผชิญสภาวะสงครามนานหลายเดือน เมืองเกาที่เคยคึกคักรุงเรือง สุดทายก็
เหลือแตซากปรักหักพัง
ยามเย็น มอไปนั่งอยูบนรถมาซึ่งกําลังวิ่งไปยังสมรภูมิหลัก มองดูความเศราโศกของ
เมืองที่ปกคลุมไปดวยไฟสงคราม ในใจรูสึกหมนหมอง
“นายทาน ทางขางหนาถูกปด เกรงวานาจะเกิดการสูรบกัน ดูแลวอาจตองรอนาน
กวาจะไปตอได นี่ก็ใกลมืดค่ําแลว เรากลับเขาเมืองกันกอนดีกวา ขืนชักชา อาจกลับไม
ทัน”
คนบังคับมาเดินไปดูสถานการณดานหนาแลวจึงกลับมารายงานมอไป
มอไปมองออกไปไกล เห็นสองขางทางมีทหารมาเฝาอยู จึงถามเสียงเบา “ไมทราบ
วาที่นี่คือเขตพื้นที่รักษาการณของใตเทาฟาง ฟางโหยวฉวินใชหรือไม?”
“ใชแลว ทานดูสิ ทหารมาขางหนาก็คือทหารหาญในกองทัพฉางเซิ่งของใตเทา
ฟาง” พอพูดถึงใตเทาฟาง คนบังคับมาก็พูดเสียงขรึมดวยความเคารพยกยองทันที
“หากไมมีใตเทาฟางคอยรักษาการณอยูที่นี่ เกรงวาพวกเราอาจไมมีชีวิตรอดมาได
จนถึงทุกวันนี้! ขนาดวันขึ้นปใหม คนเถื่อนที่โหดรายทารุณก็ยังไมยอมหยุด...”
แววตามอไปทอประกาย ไมพูดมากอีก กาวลงจากรถ หยิบเหรียญเงินหนึง่ เหรียญ
ใหกับคนบังคับมา “ลงตรงนีแ้ หละ ขอบใจมาก!”
คนบังคับมาเห็นมอไปใหเหรียญเงินมาก็รีบโคงตัว “มากไปๆ ทาน ขาไมมีเงินทอน
หรือวารอกลับเขาเมืองกอน ทานคอยใหขาก็ได!”
มอไปยิ้มนอยๆ แลวสายหนา
“ขาไมกลับแลว มีคนรูจักอยูในกองทัพขางหนา รออีกสักสองวัน ถาขากลับออกมา
ก็ไมแนวาอาจเรียกใชรถมาของทานอีก เทศกาลปใหมรถราหายาก เงินจํานวนนี้ทาน
เก็บไวกอน ถึงเวลาที่ขาตองการใชรถ อาจตองรบกวนทานใหชวยเหลือ พอจะไดไหม?”
“ได ยอมได นายทานวางใจ ขาอาศัยอยูที่ซอยเฉิงซี บานหลังที่สาม ทานมาไดทุกเมื่อ
...”
ฟงมอไปพูดเชนนี้ ชายสูงวัยก็รับเงินไวพรอมระบายยิ้มบนใบหนา ปที่ผานมาเขาใช
ชีวิตอยางยากลําบาก มีเงินพอเลี้ยงครอบครัวก็ดีถมแลว ยังตองพูดถึงเทศกาลปใหม
อะไรอีก
พอรถมาจากไป มอไปจึงถอดหมวกออก มองไปขางหนา แมยังไมเห็นที่ตั้งคาย
ทหาร แตก็รูสึกโลหิตในกายคุกรุน ชะงักเล็กนอย แหงนหนามองทองฟา เย็นแลว แตก็
ยังไมถึงกับค่ํามืด เห็นทหารมาขางหนาเฝาระวังอยางแข็งขัน มอไปคิดไปมา ยังคงสวม
หมวกดีกวา
หลังบนพึมพําเสียงเบา “ฟางโหยวฉวิน” เขาก็หันกาย กาวเบาๆ จากไป
ลมในซูเปยแมไมแรงเทาหมิงจู แตสมรภูมิโลหิตนี้ ยังคงทําใหมอไปรูสึกเศราสลด
อยางอดไมได
ในสายลมยามค่ําคืน คละคลุงไปดวยกลิ่นคาวโลหิตเขมขน จนมอไปรูสึกไดอยางชัดเจน
ในความมืด เขากําลังยืนอยูในที่สูงกลางสมรภูมิรบ มองดูกลุมควันหนาทึบที่พวยพุง
อยูดานหนาสี่จุดอยางนิ่งเงียบไรสุมเสียง
ควันลอยไปตามแรงลม แตกลิ่นไหมเชนนี้ เพียงพอที่จะทําใหมอไปรูวา พวกเขา
กําลังทําการเผาศพทหารที่เสียชีวิตจากการสูรบอยู
นี่คือวีรบุรุษ หลังจากควบมาตอสูในสนามรบ ในที่สุดก็ไดกลับบาน...
เปลวเพลิงโหมกระหน่ํา คลายกําลังเผาผลาญโลหิตในกายของชายชาตรี โดยเฉพาะ
ผูมีจิตใจรักชาติเชนเดียวกับมอไป เขากําลังใชสายตามองไกลไปยังคายทหารศัตรู!
ทวาตอใหเกิดแรงกระตุนที่ยากทานทนเพียงใด สุดทายก็ตองทน
สังหารศัตรูเพียงสี่หาคน โลหิตสาดกระเซ็นไปทั้งราง ก็ยังไมสามารถแกไข
สถานการณโดยรวมได!
มอไปหลับตา หมัดที่กําแนนคอยๆ คลายออก พลิ้วกาย หายไปในอากาศ
ดึกแลว ทวายังคงเห็นแสงสวางจากดวงไฟ แมทัพใหญยงั ไมถอดชุดเกราะออก!
เขายืนอยูหนากระบะทราย อายุราวหาสิบเศษ แตงเครื่องแบบเต็มยศ รูปรางกํายํา
บึกบึน มือจับดามดาบที่เสียบไวหวางเอว มองนิ่งไปยังกระบะทรายตรงหนา ไมพูดไมจา
ขางกายเขา มีแมทัพนายกองยืนอยูจํานวนหนึ่ง ทุกคนมีสีหนาทาทางเครงเครียด
คนหนึ่งชี้ไปยังกระบะทราย กอนพูดอยางเครงขรึม
“ทานแมทัพ ตอนนี้ดานตะวันออก หัวหนาหูเสียอําเภอซีเจียง อวิ๋นโซว ซานเฉิง
สามอําเภอแลว ตอนนี้เหลือเพียงอําเภอซูเหอทีย่ ังยืดหยัดตานทานอยู หากตองเสียอีก
เราคงตองเผชิญหนากับการตีขนาบทั้งสองดานของทหารเถื่อน ซึ่งอันตรายเปนอยางยิ่ง
เราจึงตองสงทหารกองหนุนไป!”
อีกคนรีบพูดขึ้น
“จะสงไปอยางไร? สองสามวันนี้ทหารเถื่อนเคลื่อนไหวคึกคักผิดปกติ เห็นชัดวา
กําลังเตรียมลอมตีกองหนุนเรา แลวถากองหนุนเราแพ กําลังทหารที่นี่ยอมไมพอแน
หากตองสูญกําลังไป คนเถื่อนก็ไมจําเปนตองรอรวมทัพตะวันออกกับตะวันตกอีก โจมตี
เราอยางรุนแรงไดในทันที ซึ่งกองหนุนเรากลับมาไมทันแน อยางไรหัวหนาหูก็ตองแพอยู
แลว เราไมควรเขาไปสมทบอีก”
“แตถาไมไปชวย หัวหนาหูตองตําหนิกองทัพขา...” อีกคนพูด
แมทัพใหญพลันยกมือปราม ทั้งสองจึงเงียบเสียงลง หันมองแมทัพใหญ
“คนเถื่อนใจใหญมาก ยังไมทันหยิบอําเภอหูฟานเขาปาก ก็คิดจะกลืนขาแลว!”
ในที่สุดแมทัพใหญก็พูดจาหยาบกระดางออกมา แววตาโกรธแคน เปลงรังสีฆาฟน
รอบทิศ
“ขากลับอยากจะดูวา พวกมันจะไดลิ้มรสจริงหรือไม! แมทัพทุกทาน!”
“ขอรับ!” แมทัพทั้งหมดรีบประสานมือรับคําสั่ง
แมทัพใหญเงยหนามองทิศตะวันตก เปลวเพลิงในตาลุกโชน
“พรุงนี้เชา นําทหารทั้งหมด บุกเขาตะวันตกหกสิบลี้ กอนตะวันตกดิน ขาตองเห็น
ธงทหารฉีที่ตีอําเภอชุยอู!”
เหลาแมทัพพากันตื่นตระหนก
“บุกตะวันตก? ทานแมทัพคิดจะ...”
ตอน 279 เขาคายทหารยามค่าํ คืน
“ไมผิด พวกมันจะตีหัวหนาหู ก็ใหพวกมันตีไป พวกมันตีตะวันตก ขาก็ตีตะวันออก
พวกมันทําลายอําเภอหูฟาน ขาก็ทําลายอําเภอชุยอู มันฆาคนของขาเทาไหร ขาก็ตัด
ศีรษะพวกมันเทานั้น”
แมทัพใหญไมมีสีหนาหวาดกลัวแมแตนอย
แตแมทัพทั้งหลายตางหนาเปลี่ยนสี ใตเทาฟางแสดงใหเห็นแลววา จะไมชวย
หัวหนาหู จะตีเมืองใหเกิดความวุนวาย!
พูดไดวานี่เปนวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง จะวาพวกเขาชวยหัวหนาหูก็ได หรือจะวาไมชวยก็ได
การตีอําเภอชุยอู ทําใหทัพหลักของคนเถื่อนลําบากเหมือนที่พวกเขาเปนอยู แตยังไมรู
วาจะชวยไดหรือไม!
แตปญหาคือผูอื่นมิไดคิดเชนนี้ ถาเปนเชนนี้ ไมวาผลจะออกมาเปนอยางไร เริ่มแรก
ยอมพิสูจนใหเห็นวา ฟางโหยวฉวินไมสนใจความเปนความตายของหัวหนาหู ซึ่งหัวหนา
หูยอมตองโกรธแคนมาก และในราชสํานักก็ยอมเกิดขาวลือตามมาอยางแนนอน
แมทัพคนหนึ่งหนาเปลี่ยนสีอีกครั้ง กอนวา
“ทานแมทัพ หัวหนาหูเปนเนื้อที่เขาปากคนเถื่อนแลว แตอําเภอชุยอู แมเราทุม
กําลังลงไปทั้งหมด ก็ไมแนวาจะยึดกลับคืนไดทันกอนที่ทัพหลักของคนเถื่อนจะยกมา
ชวย และถาหัวหนาหูถูกคนเถื่อนกลืนเขาไปจริงๆ และเรายึดชุยอูคืนไมไดอีก เกรงวา
ราชสํานักจะมีความเห็น...”
“กลัวอะไร ถาทัพหลักคนเถื่อนไมมาชวยที่ชุยอู แลวเรายังตีพวกมันไมได ก็ไมถึงกับ
ตองใหคนปากมากที่หูฟานไปทูลฝาบาทเรื่องขาหรอก ขาไมหนาหนาเทาคนผูนี้ ถาแพ
ขาก็ไมมีหนากลับเมืองหลวง”
แมทัพใหญสีหนาสงบนิ่ง ชักดาบออก ฟนลงกลางโตะทราย*จนเม็ดทรายปลิว
กระจาย
“ทําตามแผนนี้ ทุกฝายรีบไปเตรียมการ!”
เหลาแมทัพตางสบตากัน สุดทายก็โคงตัวรับคําสั่ง แลวรีบเคลื่อนตัวออกไป
รอจนภายในหองเหลือแมทัพใหญอยูเ พียงลําพัง รังสีฆาฟนคอยเจือจางลง เขามอง
โตะทรายนิ่ง แลวจึงทอดถอนใจ
แมทัพกระดูกเหล็กตอสูในสนามรบ พิชิตใตหลาอยางไมเกรงกลัวความตาย กลัวก็
แตเพียงมองไมเห็นความหวังในชัยชนะ
ครึ่งปในซูเปย เขาทุมเทแรงกายแรงใจ แตก็แทบไมเห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ได
แตยืนหยัดปกปองไมใหเสียดินแดน ซึ่งเปนเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ เขามีเกียรติประวัติ
เฟองฟูในสนามรบมาทั้งชีวิต แตครั้งนี้เขาไมสามารถคาดเดาวาตนเองจะมีจดุ จบอยางไร
จริงๆ
การสูรบที่ประชิดเขามา แมทัพในสนามรบไมมีเวลามากพอที่จะคิดอะไรมาก เขาจึง
ตองรีบเรียกประชุมหนาโตะทราย เพื่อเรียกขวัญกําลังใจ
ดึกสงัด แมทัพใหญยังไมหยุดใชความคิด ขางกายเขาไมมีแมทัพประจํากองใดๆ อีก
มีก็แตผูเฒาทานหนึ่งนั่งเงียบๆ อยูริมประตูดานหนึ่ง
ผูเฒาไมพูดไมจา หลับตานั่งสมาธิ เห็นชัดวา เขาคือคนจากสํานักเตาผูทําหนาที่
อารักขาแมทัพใหญ
อันที่จริงหนาที่นี้ไมมีอะไรซับซอน แมทหารตอสูกันอยางดุเดือดในสนามรบอยางไร
เอาเขาจริงผูที่สามารถเล็ดลอดเขาคายทหารที่มีการปองกันอยางแนนหนา มาลอบ
สังหารแมทัพนั้นมีนอยมาก ดังนั้นผูเฒาซึ่งอยูขางกายแมทัพใหญมานาน จึงยังไมเคยลง
มือจริงๆ เลยสักครั้ง
วันนี้สําหรับเขาแลว ไมมีอะไรแตกตางจากวันกอนๆ แตทันใดนั้น เขากลับรูสึกวูบ
ไหว จึงลืมตาขึ้น พลัน มองไปรอบๆ
คลายมีอะไรที่หยุดชะงัก และเขาคลายตองการเวลาชั่วครูในการตอบโต ความจริง
ในเวลาอันสั้นนี้ หากเปนคนธรรมดายอมไมใสใจสิ่งละอันพันละนอย
แตเนื่องจากตอนผูเฒาลืมตา และละสายตาไปมองรอบๆ พรอมอารมณความคิดที่
ยังไมชัดเจนดีนั้น ผูเฒาจะรองบอกก็ไมทันแลว จึงรีบลุกขึ้นยืน คิดเขาไปบอกแมทัพ
ใหญที่ยืนอยูขางโตะทราย
และตอนนี้นี่เอง ที่แมทัพใหญยังคงตกอยูในภวังคเรื่องแผนการเดินทัพ ไมรูตัว
แมแตนอย
ตุบ เสียงทึบตันเบาๆ ดังขึ้นขางหู แมทัพใหญสะดุง
เงยหนามองตนกําเนิดเสียง มือจับดามดาบตามความเคยชิน แววตาตื่นตกใจ สักพัก
คอยกลับสูความสงบ
มอไปสวมชุดดํา ยืนนิ่งตรงมุมหนึ่งของหอง หรือมุมที่ผูเฒานั่งอยูเปนประจํา ซึ่ง
ตอนนี้ ผูเฒาก็ยังคงนั่งอยู แตมุมปากมีโลหิตซึมออก ดวงตาจองจับอยูแตรางที่ใชมือกด
ไหลตนเองไว
“เจา...” ผูเฒากลืนน้ําลาย พูดเสียงออน
มอไปหันมามองเขาอยางลึกล้ํา โดยไมปดบังหนาตา ผูเฒาเบิ่งตามองดวยความตก
ตะลึงพรึงเพริด โดยไมอยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“รูหรือไม ขาคือใคร?”
ทาทีมอไปสงบนิ่ง ขยับปากเบาๆ ยังไมสนใจแมทัพใหญ พูดเบาๆ กับผูเฒากอน
คําพูดเบามาก แตทําใหคนทั้งสองที่อยูในหองเหมือนถูกคอนทุบอยางหนัก
มอไปคลายมือ ผูเฒาที่เพิ่งถูกมอไปใชฝามือกดรางไว ระเบิดพลังลมปราณจนเสื้อผา
ปลิวไสว แตพอเห็นมอไปหนั หลังให แลวเดินมือไพลหลังไปยังโตะทราย เขาก็ไมกลาลง
มือ
หรือพูดใหถูกก็คือ มือเขากําลังสั่น พริบตาเมื่อครู เห็นอยูวาฝามือของตนฟาดลงบน
ทรวงอกมอไป แตตอนนี้มอไปกลับเดินมือไพลหลัง ไมเปนอะไรเลย
หนึ่งฝามือปรมาจารย ใครเลาจะรับไดอยางสบายๆ เหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น
จิตใจผูเฒายากสงบยิ่ง แตสุดทายก็โคงตัวลงใหมอไป
“ไมทราบวาทานอองเสด็จ ผูเฒาบุมบามลงมือ ขอประทานอภัย!”
มอไปมิไดหันมอง เพียงโบกมือ
“เจารับคําสั่งอารักขาแมทัพใหญ แตพอขาเขาใกลคายทหาร เจากลับไมรูตัวแมแต
นอย เจาวา มีเจาอยูจะมีประโยชนอะไร?”
รางผูเ ฒาสั่นเทิ้ม คําถามเชนนี้เขาไมเคยชิน
แววตาตื่นตกใจของแมทัพใหญคอยๆ สงบนิ่ง เขาไมไดรีบทําความเคารพ ดวงตาที่
จองมองมอไปคอยๆ คมกริบขึ้น แตยังไมพูดจา ไดแตจองมอง
“ผูเฒาผิดพลาด!” ผูเฒาที่อยูดานหลังไมกลาปากแข็ง โคงตัวยอมรับผิด
“เห็นแกเจาที่อารักขาขางกายใตเทาฟางมาหลายเดือน ไมมีผลงาน แตมีมานะ วันนี้
จึงละเวนชีวิตเจา ฝามือเมื่อครูถือเปนการลงโทษสถานเบา ถามีครั้งหนาอีก ขาตองเอา
ชีวิตเจาแน!”
พูดถึงตรงนี้ มอไปก็ยกมือขึ้นโบก
“ออกไปเฝาดานนอก ไมมีคําสั่งขา หามใหใครเขาออกเด็ดขาด!”
ผูเฒาหนาเปลี่ยนสีเมื่อเห็นมือที่ยกขึ้นโบกสบายๆ ของมอไป ขณะที่มือขวาของตน
กําลังสั่น สงสัญญาณเตือนวา ชายหนุมผูนี้นากลัวเพียงใด สุดทายจึงไมกลาพูดอะไรสัก
คํา โคงตัวเดินออกจากประตูไป
ฟางโหยวฉวินผูผานศึกสงครามมาอยางโชกโชน ยอมเรียกสติคืนไดนานแลว เขา
มิไดสงเสียงใดๆ กลับมองดูทาทางสบายๆ ของมอไป ที่ไมเห็นปรมาจารยผูสูงสงอยูใน
สายตาแลว ยังยัดเยียดใหเปนคนรับใชอีก หนําซ้ํายังพูดถึงความเปนความตายดวย
ขณะมองดวงตามอไป ดวงตาของเขาก็อดไมไดที่จะคมคริบขึ้นมา
ลาสุดชวงหนึ่ง ชื่อของหมิงอองมอไป เปนชื่อที่กลุมอํานาจตางๆ มิอาจมองขาม
กระทั่งสนามรบที่เต็มไปดวยโลหิต ก็ยังเจ็บปวดเพราะเขาไมนอย
ฟางโหยวฉวินเคยเห็นมอไปมากอน แตนั่นเปนเมื่อหลายปที่แลว ทารกไมสิ้นกลิ่น
น้ํานมในตอนนั้นไมอยูในสายตาของเขา ทวาตอนนี้ เขากลับอดไมไดที่จะมองสํารวจแขก
ที่มาอยางกะทันหันผูนี้
ทุกอิริยาบถของมอไป ลวนอยูในสายตาฟางโหยวฉวิน ตองพูดวา เขารูสึกชื่นชม สิ่ง
ที่พูดกันมามิใชคําลวง บุคลิกของชายหนุมแตกตางจากปนั้นอยางสิ้นเชิง
ในโลกนี้ใครกลามองปรมาจารยเปนอากาศธาตุบาง?
มอไป องคชายองคหนึ่ง แตกลับมีทาทางเรียบงายสบายๆ ไมมีอาการอวดเบงแมแตนอย
มอไปเงยหนาสบตากับฟางโหยวฉวิน แลวจึงเอยปากขึ้นกอน
“ใตเทาฟาง ขามาเยือนโดยพลการในยามวิกาลเชนนี้ ตองขออภัยทานดวย!”
ฟางโหยวฉวินคอยๆ เก็บสายตา แตยังไมทําความเคารพ ลดมือลงจากดามดาบ
กอนตอบอยางไมยหี่ ระ
“ที่แทก็เปนทานอองจริงๆ กระหมอมสวมชุดเกราะ ไมสะดวกถวายบังคม ขอทรง
ประทานอภัย”
“ใตเทาไมตองมากพิธี” มอไปพูด
ฟางโหยวฉวินผายมือเชิญมอไปนั่ง จองมองมอไปอีกครั้ง
“ไมทราบวาเหตุใดทานอองจึงเขาคายทหารมาหาขาในยามวิกาลเชนนี้”
“ขาผานทางมา ไดยินวาใตเทาฟางตั้งทัพอยูทนี่ ี่ จึงมาเยี่ยมเยือนโดยเฉพาะ” มอไป
สายศีรษะ
“ออ?” ฟางโหยวฉวินไหนเลยจะเชื่อคําพูดนี้
หมิงอองที่หายสาบสูญไปนานหลายป พลันปรากฎตัวขึ้นที่หมิงจู และขณะที่ทุกคน
กําลังสืบขาวคราวของเขา เขากลับมาปรากฏตัวในคายทหารของตน และบอกวาเปน
เพียงทางผาน จึงแวะมาดู
ไมรอใหฟางโหยวฉวินคิด มอไปบอกวาจะไปก็ไป ลุกขึ้นยืนพลางเอยปาก
“ตอนนี้คนขาก็ไดพบแลว นี่ก็ดึกมากแลว ใตเทาฟาง ขาไมอยากอยูในคายทหารนาน!”
ฟางโหยวฉวินกะพริบตาปริบๆ ชะงักเล็กนอย แลวจึงลุกขึ้นยืน เดินไปสง
พอเดินมาถึงหนาประตู มอไปกลับชะงักฝเทา กอนหันมา
“ใตเทาฟาง ไมตองสง การพบกันครั้งนี้ ทําใหขาเบาใจลงไมนอย ซูเปยมีใตเทาอยู
คนเถื่อนตองไมมีวนั สมหวังแน!”
ฟางโหยวฉวินยกมือขึ้นคารวะพลางพูด
“กระหมอมเพียงทําหนาที่แมทัพเทานั้น มิกลารับคําชมจากทานออง!”
มอไปพยักหนา ยกมือขึ้นคารวะอยางสํารวมจริงจัง
“แมขาเกิดเปนเชื้อพระวงศ แตก็มีหนาที่รับผิดชอบตอประเทศชาติ แมไมมีอํานาจ
แตยังดีที่มีตําแหนงออง ทําใหขาอุทิศตนเพื่อชาติไดอยางเต็มที่ ขาจะพยายามอยางสุด
ความสามารถ จะไมยอมใหใครประพฤติมิชอบเปนอันขาด ใตเทาวางใจ ตั้งใจวางแผนสู
รบก็พอ หากมีคนคิดปองราย ขาตองไมนิ่งดูดายแน”
พอไดยินคําพูดนี้ ฟางโหยวฉวินกลับมึนงงเล็กนอย
แมไมเขาใจความหมายในทางลึกของมอไป แตเจตนาของคําพูด เขาเขาใจ เห็นชัด
วา มอไปไดยินการประชุมเมื่อครูของเขากับเหลาแมทัพ จึงรับรองกับเขาวา จะยืนอยู
ขางเดียวกันกับเขา
แตที่ทําใหฟางโหยวฉวินรูสึกแปลกใจก็คือ เหตุใดมอไปจึงมาพูดเรื่องนี้กับเขาอยาง
ฉุกละหุกเชนนี้?
การมาในยามวิกาลของหมิงออง เพียงเพื่อแสดงความเปนมิตรกับเขาหรือ?
หมิงอองคิดทําอะไร?
ไมรอตอบ มอไปพลันพลิ้วกายจากไปจริงๆ ทิ้งใหฟางโหยวฉวินไตรตรองการมา
อยางฉุกละหุกของเขาอยูนานสองนานเพียงลําพัง สุดทายก็มองไปยังทิศทางที่เขาจากไป
อดไมไดที่จะสายศีรษะ
“ประเทศชาติกําลังย่ําแย แตองคชายทานนี้กลับตอสูอยางไมยอทอ...”
การมาอยางปจจุบันทันดวนของมอไป สําหรับฟางโหยวฉวินแลว ไมนับเปนเรื่องใหญ
แตสําหรับใครบางคน กลับถูกขาวดวนขาวนี้ทําใหตกอกตกใจจนเหงื่อไหลออกจาก
หนาผากไมหยุด
*โตะทราย คือภาพจําลองสภาพภูมิประเทศแบบเสมือนจริงที่ใชในราชการทหาร
ตอน 280 ขอความชวยเหลือจากเขาซางชิง
ตั้งแตเกิดสงคราม ผูสูงศักดิ์ในเมืองหลวงยอมไดรับผลกระทบกระเทือนเกือบ
ทั้งหมด แตยังไมถึงกับรูสึกไมปลอดภัยและหวาดผวาตลอดเวลา
สงครามยังอยูหางไกลจากเมืองหลวง ผูบาดเจ็บและเสียชีวิตอยางโหดรายเปนเพียง
ตัวเลขแตละบรรทัดที่ใชประกอบรายงานเทานั้น คงเร็วเกินไปถาจะบอกวาชาติกําลังจะ
ลมสลาย
และจริงๆ แลว ทุกวันในทองพระโรงก็ยังมีขุนนางอีกมากมายที่ยกคํากลาวอาง
ตางๆ นาๆ มาเถียงกันไมเลิกวาจะรบหรือจะเจรจา
สรุปวา องคจักรพรรดิผูอยูเบื้องบน และประชาชนผูอยูเบื้องลาง ทุกคนจะใชชีวิต
ผานไปในแตละวันอยางไร แลวอยางไรตอ ซึ่งตางก็เริ่มมีชีวิตที่ไมสะดวกสบายเทา
เมื่อกอนแลว
แนนอนวาทั้งหมดนี้ เปนเหตุการณที่เกิดขึ้นกอนที่หมิงอองจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ในหมิงจู!
และตั้งแตวันที่หมิงอองปรากฏตัวขึ้นอยางไมคาดคิด ก็ไดนํากลิ่นคาวโลหิตที่อยู
หางไกล มายังเมืองหลวงอยางเปดเผย หัวใจผูคนจึงถูกกดทับดวยหินกอนใหญอยาง
ฉับพลัน ไมสามารถใชชีวิตงายๆ ไดเหมือนเดิมอีก
พวกเขามีลางสังหรณวา เมืองหลวงยากที่จะสงบสุขเหมือนกอน หรือวิกฤตการณ
ขนาดมหึมาจะขยายตัวออกพรอมๆ กับการปรากฏตัวอยางกะทันหันของหมิงออง ทุก
คนเริ่มเฝาระวังอยางรอบคอบ และคิดหนักวาตนจะทําอยางไรจึงจะรับประกันไดวา
สามารถอยูรอดปลอดภัยในวิกฤตการณนี้
พวกเขาลวนเปนคนชาญฉลาดอยางไมตองสงสัย สามารถมองวิกฤตการณออก แต
อยางไรก็ตาม พวกเขายอมคิดไมถึงอยางแนนอนวาทุกอยางจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว เร็ว
จนทุกคนที่กําลังเฉลิมฉลองวันสงทายปเกาอยูนั้น ตองรูสึกหนาวเหน็บเขากระดูก
การเตรียมห้ําหั่นกันของจวนหมิงอองกับสํานักเตาเปนขาวใหญที่ดึงดูดความสนใจ
ของผูคนยิ่ง
นาทีที่ตัวตนของทั้งสองฝายถูกเปดเผย ขุมอํานาจแตละฝายในเมืองหลวงตางตื่น
ตระหนกไปตามๆ กัน
จวนหมิงออง!
สํานักเตา!
สองขุมอํานาจยักษใหญในเมืองหลวงทีท่ ุกคนมิอาจมองขาม ปาวประกาศขาวการ
ตอสูครั้งยิ่งใหญใหทุกคนไดรับรูอยางโจงแจง พวกเขาตองการพลิกฟาคว่ําแผนดินรึ?
เพียงดึงแขนก็ขยับไปทั้งตัว พอขาวแพรกระจายออก ผูคนตางก็นั่งกันไมติด
ไมวาจะเปนเจาเหนือหัวอยางองคติ้งอู หรือเขาซางชิงกับสํานักเตาเลื่องชื่อตางๆ
กระทั่งตระกูลหลิน คนฉีและกองกําลังอื่นๆ ลวนแลวแตสั่งการลงไปใหรีบสืบหา
รายละเอียดที่แทจริงของเรือ่ งนี้อยางเรงดวน
ขณะเดียวกัน ขุมอํานาจแตละฝายในเมืองหลวงก็เริ่มกระตือรือรนเตรียมพรอมรับ
สถานการณ คําสั่งแลวคําสั่งเลาถูกสงจากวังหลวงไปยังทหารทุกกรมกอง ใหเตรียมรับ
คําสั่งฉุกเฉินทุกเมื่อ!
คนในที่ทําการสํานักเตาเลื่องชื่อแตละแหง ตางรีบสงขาวกลับสํานักตนจาละหวั่น
พรอมเรียกศิษยที่อยูนอกสํานักกลับสํานัก โดยกําชับอยางเขมงวดวา หามผูใดไปไหนมา
ไหนโดยไมบอกกลาว และหามทําอะไรที่ผิดแผกแตกตางอยางเด็ดขาด
ผูสูงศักดิ์แตละทานในเมืองหลวง พรอมใจกันปดประตูสงแขก หลบอยูแตในบาน
ทําใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ตางฝายตางหวาดกลัวเชนนี้ ก็เพราะพวกเขาไดเฝาดูเหตุการณมาโดยตลอด
เริ่มจากหมิงอองสังหารคนเถื่อนฉี โดยไมเหลือหนทางเจรจาแมแตนอย!
ตอมากอเรื่องใหญในใตหลา ดวยการสังหารปรมาจารยและศิษยสํานักเตา ทําให
ความสัมพันธอันหมิ่นเหมของราชสํานักกับสํานักเตาไปถึงจุดที่พรอมระเบิดออกไดทุก
เวลา!
จากนั้น การมาเมืองหลวงของพระชายา ทําใหความสัมพันธที่นิ่งเฉยชั่วคราวของ
ราชสํานักและตระกูลหลินตองเผชิญกับบททดสอบตอการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน
เห็นชัดวาหมิงอองกําลังใชความพยายามอยางสุดความสามารถ ในการรื้อปม
ทั้งหมดที่แตะตองไมไดของราชสํานักขึ้น ขณะที่ผูคนกําลังรองขอสันติสุข แตหมิงอองก
ลับทําใหชาติยุงวุนวายอยางไมสนใจใดๆ จึงทําใหผูคนหวาดหวั่นวา ความยุงเหยิงในครั้ง
นี้หากระเบิดออกจริง ยอมแพรกระจายความเดือดรอนไปทั่วทุกแหงหน อยางหลีกเลี่ยง
ไมได
สายตาทุกคูกําลังจับจองเรื่องนี้อยางกระตือรือรน ความจริงในการตอสูกันของสอง
ยักษใหญไดถูกตีแผใหเห็นกันอยางรวดเร็ว
“ตูเวยเวย?”
ตอนที่ทุกฝายไดยินชื่อทานตูนั้น เกือบทุกคนตางตะลึงงัน และมึนงงไปชั่วขณะ
แมในเมืองหลวงมีคนรูจักทานตูไมนอย แตสถานะของทานตู กลับไมอยูในสายตา
ของคนเมือง
แตสักพัก ผูคนก็ไมสนใจแลววาทานตูคือใคร เพราะมั่นใจแลววา ระหวางจวนหมิง
อองกับสํานักใบไผตองเกิดการตอสูครั้งใหญขึ้นอยางแนนอน
ทวาไมนานนัก เรื่องราวกลับกระจาง พูดไดวาทําใหผูคนมากมายโลงอกไปตามๆ กัน
รวมทั้งองคติ้งอูที่นั่งอยูในวังอยางเครงขรึม หมัดที่กําแนนก็คอยๆ คลายออกโดยไม
รูตัว นิ่งเงียบอยูนาน กอนเงยหนาขึ้น ตรัสกับจางปงลี่ที่ยืนเหงื่อแตกเต็มหนาผาก
ตรงหนา
“เชนนี้หมายความวา สํานักเตาไมเคยคิดเปนปรปกษกับจวนหมิงอองมากอนหรือ?
ความขัดแยงในครัง้ นี้เปนการเขาใจผิดหรือ?”
จางปงลี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหนาผาก เรื่องนี้แมพูดวาเขาใจผิด แตเห็นชัดวามี
เงื่อนงํา ทวาองคติ้งอูกลับใชคําวาความขัดแยงมานิยาม เพียงพอที่จะบอกวาพระองค
ตองการเบี่ยงเบนขอสรุป ซึ่งนอกจากพูดวาเขาใจผิดแลว ก็ทําอะไรไมไดจริงๆ
ไมวาราชสํานัก หรือสํานักเตา ตางก็ไมอยากฉีกหนาอีกฝาย ดังนั้นจึงไดแตใชคําวา
เขาใจผิดมาอธิบาย จางปงลี่จึงไดแตพยักหนา กอนตอบ
“พะยะคะ สํานักหวงยืนยันแลววา พวกเขาเปนผูขอใหสํานักใบไผชวยจับศิษย
ทรยศตูเจวียนให และจากการตรวจสอบยืนยันไดวา ตูเจวียนเคยเปนศิษยสํานักหวง
ตอมาเกิดความไมพอใจ จึงขอลาออก แตกลับถูกสํานักหวงมองวาเปนศิษยทรยศ
เนรคุณอาจารยและทําบรรพชนเสื่อมเสีย”
“เชนนี้จะอธิบายอยางไรดี คนของจวนหมิงอองแจงสถานะแลว แตพวกเขาก็ยังลง
มือ หรือนี่ก็เปนการเขาใจผิด?” องคติ้งอูยังคงมีสีหนาเครงขรึมจนนาตกใจ
จางปงลี่เขาใจ นี่ตองมีเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบาย เขาจึงกมหนา
“คําอธิบายของสํานักเตาก็คือ ทางบานตูเจวียนสืบทอดกิจการชนชั้นลางมาหลาย
รุน ตูเจวียนเองก็จัดเปนชนชั้นลางในหมิงจู สวนทานอองเปนหนอเนื้อเชื้อกษัตริย
สถานะสูงสง ไหนเลยจะมาคบหาสมาคมกับคนสถานะต่ําตอย เนรคุณอาจารยและ
บรรพบุรุษอยางตูเจวียนได แมตอนผูคุมกันขางกายนางบอกวาพวกเขาเปนคนของ
จวนหมิงออง ศิษยสํานักใบไผก็ยากที่จะเชื่อ ซ้ํายังสงสัยวาตูเจวียนกลากลาวเท็จ นํา
หมิงอองเขามาเกี่ยวของ ซึ่งถือเปนความผิดรายแรง...”
“เหลวไหล!” เขาพูดยังไมจบ องคติ้งอูก็ตบโตะ สบถเสียงต่ํา
จางปงลี่รีบเก็บคําพูด กลั้นหายใจ คําพูดนี้กําลังลบหลูหมิงอองอยางไมตองสงสัย
ในความหมายวาเปนหนอเนื้อเชื้อกษัตริย แตกลับทําตัวตกต่ํา
ทวาคําพูดเชนนี้ก็เปนคําอธิบายที่ดีที่สุดใหกับการตอสูที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ขณะเดียวกันก็สามารถใชไกลเกลี่ยขอพิพาทใหจบลงแตเพียงเทานี้ ไมตองสืบสาว
ราวเรื่องตอ
เมื่อเปนเรื่องอื้อฉาวก็ตองปกปด ทําเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็ก เมื่อเปนเรื่องเล็กไดก็
ถือวามีเหตุผล
“เฮอะ มีเหตุผลที่ไหน ไรสาระชัดๆ!”
องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชา ซึ่งไมรูวาพระองคกําลังวาใครไรเหตุผล สุดทายก็ทรงโบกมือ
“กลาลงมืออยางชะลาใจในเมืองหลวงเชนนี้ แสดงวาคิดทาทายอํานาจราชสํานัก
ตองจับตัวผูเกี่ยวของทั้งหมดมาลงโทษสถานหนัก!”
“พะยะคะ” จางปงลี่ไมลังเลแตอยางใด
การจับกุมคนเหลานี้เปนเรื่องที่ตองทํา สํานักเตาหากรูกาลเทศะ ก็ยอมไมกลากอ
เรื่องเพิ่ม
ทวากอนออกจากหอง เขากลับรูสึกไมสบายใจ จึงวา “ฝาบาท ดานจวนหมิงออง
เกรงวาคงจะไมเลิกรางายๆ...”
องคติ้งอูแววตาคมวาว เปลงรัศมีดุดันทั่วราง แตน้ําเสียงยังคงนิ่งเรียบ
“องคชายอยูนอกวังมานานหลายป ขางกายมีทั้งคนดีและไมดี ควรเรียนรูกฎเกณฑ
ใหดีจึงจะถูก!”
จางปงลี่เขาใจ นี่ถือวาองคติ้งอูใจกวางกับจวนหมิงอองมากพอแลว พวกเขามักลบ
หลูพระองค แตพระองคก็ทรงอดทน ทวาพวกเขากลับยิ่งไดใจ ไมคิดวาทรงปกปกษ
รักษาแผนดินอยางยากลําบาก ละเมิดขอหามอยูเรื่อย พระองคจึงไมสามารถอดทนได
อีก
“พะยะคะ กระหมอมจะไปดําเนินการเดี๋ยวนี้!” จางปงลี่โคงตัว กอนถอยออกไป
ราชสํานักเคลื่อนไหวเร็วมาก ศิษยสํานักใบไผที่ลงมือทั้งหมดถูกจับกุมตัวหลังเกิด
เหตุไมนาน กระทั่งปรมาจารยที่โดนระเบิดบาดเจ็บก็ไมละเวน ถูกขังไวในหองขัง
สํานักใบไผใหความรวมมือเปนอยางดี ไมขัดขืนแตอยางใด ปลอยใหเปนไปตาม
กฎหมาย
สวนสํานักเตาอื่นๆ ก็รีบออกมาแสดงทาทีสนันสนุนการดําเนินการของราชสํานักใน
เรื่องนี้
อยางไรก็ตาม คนสวนใหญในเมืองหลวงก็ยังรูสึกไมไววางใจ พวกเขาเขาใจทาทีที่
ราชสํานักและสํานักเตามีตอการดําเนินการในเรื่องนี้ก็จริง แตในใจยังมีอีกแงมุมหนึ่ง
จวนหมิงออง
จวนหมิงอองในจิตใจของผูคน มิไดมีความเห็นเปนไปในทางเดียวกันกับราชสํานัก
อาศัยความอหังการของพวกเขา เกิดเรื่องใหญเชนนี้ ยอมไมจบลงแตโดยดีแน
กระทั่งปรมาจารยแหงเขาซางชิง หมิงอองยังกลาสังหาร ราชทูตประเทศฉีพวกเขาก็กลา
สังหาร แลวสํานักใบไผที่กลาเปนศัตรูอยางโจงแจงกับพวกเขา เขาจะยอม
ประนีประนอมหรือ?
เปนไปไดนอยมาก จึงเกรงวาเรื่องนี้ ยังไมจบ!
ทวาไมนานนักก็มีขาวเล็ดลอดออกมาจากในวังวาพระชายาที่เขาเฝาถูกฮองเฮารั้ง
ตัวไวใหอยูในวัง สวนองครักษขางกายนาง รวมทั้งลูสวินอี้ ก็ถูกรั้งตัวไวในวังเพื่อรอรับใช
เชนกัน
สวนการรักษาความปลอดภัยในจวนหมิงออง ในวังไดสงทหารรักษาการณมาให
หนาประตูจวนจึงมีทหารเพิ่มขึ้นมากมาย!
เชนนี้ ผูหลักผูใหญคอยเบาใจลง มองออกวา ที่สุดแลวราชสํานักก็ใชมาตรการขั้น
เด็ดขาดกับจวนหมิงออง ไมอนุญาตใหพวกเขากอความวุนวายในเมืองหลวงอีก
เห็นชัดวา ราชสํานักลงดาบจริงจังแลว จวนหมิงอองคงยากที่จะพลิกวิกฤตใหญไปได
เรื่องใหญที่ทําใหผูคนตื่นกลัว ก็จบลงดวยประการฉะนี้ ผูคนที่ไมมีกะใจฉลองปใหม
ที่สุดแลวก็โลงใจไปไดหนึ่งเปราะ
แตในความเปนจริง เรื่องนี้จบลงแลวจริงๆ หรือ?
ราชสํานักมีความเคลื่อนไหวนอยลงแลวก็จริง แตทางสํานักเตา ระลอกคลื่นเพิ่ง
เริ่มตนขึ้น
คืนนั้น คนของสํานักเตาไมกลาผลีผลามรวมตัวกัน ทั้งหมดเงียบสงบ
แตพอมาวันนี้ รอจนฝนหยุดคลื่นลมสงบ ที่ทําการเขาซางชิง ก็ไดตอนรับแขกผูมาเยือน
ผูประสานงานสํานักใบไผ อาจารยหวงเซิน
จุดประสงคการมาของหวงเซินยอมเกี่ยวของกับศิษยที่ถูกราชสํานักจับตัวไป ซึ่งไม
สามารถปลอยปละละเลย ตองคิดหาวิธีนําตัวพวกเขาออกมา ซึ่งเรื่องใหญเชนนี้ จําตอง
ขอความชวยเหลือจากเขาซางชิง
ชงเสวียนตระหนักในเรื่องนี้ดี แตจะใหเขารับเผือกรอนกอนนี้อยางไรเลา หลังทํา
ความเขาใจในเจตนารมณ เขาก็ไดแตตีสีหนาเครงขรึม
“อาจารยหวง เจาไมใชคนนอก ขาก็จะไมพูดมาก เจาเองก็ชัดเจนดี เรื่องนี้ลงเอย
เชนนี้ได ก็นับวาโชคดีหนักหนาแลว”
“ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักใบไผเราประสบเคราะหกรรมในครั้งนี้ ทั้งตนสายและปลาย
เหตุ ลวนไมเกี่ยวของกับเราทั้งสิ้น การลงมือจับตูเจวียน เราไมเพียงชวยสํานักหวง ยัง
ชวยแกแคนใหคนของเขาซางชิงที่เสียชีวิตในหมิงจูดวย เราลงมือแทนคนจากสํานักเตา
ทุกคน แตพอเกิดเรื่องกับเรา เขาซางชิงกลับไมสนใจใยดี เชนนี้เหตุใดเราจะไมเสียใจ
เลา?”
ชงเสวียนอุตสาหพูดอยางมีชั้นเชิง แตเหตุใดหวงเซินเขาใจเปนเชนนี้ไปได
ตอน 281 สํานักหวงทําวุน
“อาจารยหวงพูดเชนนี้ก็ไมถูกแลว ไมผิด ตูเจวียนสมควรถูกจับ แตรายละเอียดของ
เรื่อง เจากับขาตางก็ชัดเจนในใจดี หรือที่พวกเจาวูวามลงมือกับจวนหมิงออง เปนการ
ทําเพื่อพวกเราทุกคน?”
หวงเซินหนาเปลี่ยนสีทันที
“ศิษยพี่ชงเสวียน คําพูดของทานผูแซหวงไมกลาเห็นดวยแลว ไมผิด จวนหมิงออง
แข็งแกรงจริง แตสํานักเตาเราตกต่ําเชนนี้ตั้งแตเมื่อไรกัน มีความแคนล้ําลึก ไมกลาชําระ
ก็แลวไป ทวากระทั่งจัดการเรื่องภายในสํานัก ยังตองดูสีหนาผูอื่นอีกหรือ? ศิษยพี่ชง
เสวียน ขนาดเขาซางชิงของทานมีจอมยุทธไวเพื่อสรางความสมดุล ยังคิดเชนนี้ สํานักใบ
ไผขาครั้งนี้ก็ถือวาโชครายแลวกัน!”
พูดจบก็ลุกพรวด ประสานมือคารวะ “ขอลา!”
ตัวขุนของชงเสวียนถูกโจมตี ทําใหชงเสวียนหนาแดงก่ําทันที นึกโกรธในใจ หวงเซิน
เขาใจเรื่องราวดีแตแสรงทําเลอะเลือน สถานการณในตอนนี้ออนไหวขนาดไหนเขาไมรู
หรือ?
ไมมีทางเลือก เรื่องบางอยางรูทั้งรู แตก็พูดออกมาไมได
เชนตอนนี้ ถึงใหความกลาแกเขา เขาก็ไมกลายอมรับวาจอมยุทธกลัวหมิงออง ไม
กลาเปนศัตรูดวย
จึงไดแตยับยั้งความโกรธ ลุกขึ้นยืนเพื่อรั้งตัว
“อาจารยหวงอยาเพิ่งโกรธ ขามิไดหมายความเชนนี้!”
“เฮอะ ศิษยพี่ชงเสวียนไมจําเปนตองพูด ผูแซหวงเขาใจ ครั้งนี้เปนสํานักใบไผเราหา
เรื่องใสตัวเอาเอง ไมควรมารบกวนเขาซางชิง ศิษยพี่วางใจ ขาก็แคกลับไปรับโทษจาก
ทานเจาสํานัก เปนขาหวงเซินที่โงเขลา สมควรแลวที่มีสภาพเชนนี้!
ถึงตอนนี้ ผูแซหวงนับวาเขาใจแลว แตละสํานักควรทําความสะอาดหนาบานของ
ตนใหดี เมื่อมีความเดือดรอน แตละสํานักก็ควรแยกยายจัดการกันเอง” หวงเซินยังโกรธ
ไมเลิก
“เฮอ...หมดกัน อาจารยหวงพูดเสียหมดกัน นั่งๆ เราคอยๆ พูดคุยกัน!”
ชงเสวียนยกมุมปาก ไดแตทําหนาหนารั้งตัวเขาไวสุดฤทธิ์ เพราะถาปลอยใหเขา
กลับไปพูดเชนนี้ จะยิ่งเดือดรอนกันไปใหญ
สํานักเตาในตอนนี้ ทุกคนตองรักใครสามัคคี ขืนแตกแยกละก็...
“อาจารยหวงใจเย็น อยาเพิ่งใชอารมณ ความรอนใจของเจาขาเขาใจ แตเจาลอง
ถามใจตัวเองดู พอเกิดเรื่องขึ้น ใชเขาซางชิงหรือไมที่รับเรื่องไวแตนาทีแรก เสี่ยง
อันตรายสนับสนุนพวกเจา แลวไปเจรจากับราชสํานัก อาจารยหวง เจาชัดเจนดี ถาเขา
ซางชิงนิ่งดูดาย เรื่องจะจบลงเชนนี้หรือ คิดวาเจานาจะเดาได”
ชงเสวียนพูดอยางนิ่มนวล แตความหมายไมนิ่มนวล
แนนอนวาหวงเซินฟงความอหังการนี้ออก เดิมทีเขาก็มิไดคิดจะแตกกับเขาซางชิง
จริงๆ เพียงแสดงทาทีไปเชนนั้นเอง ขณะฟงเขาก็ทําหนาขมขื่น วางทาทีใหออ นลง
“ศิษยพี่ชงเสวียน ถาขาไมคิดวาเขาซางชิงเปนสํานักเตาแถวหนาที่เชื่อถือได ไหน
เลยจะมาขอรองทานถึงนี่ บุญคุณของเขาซางชิง สํานักใบไผยอมซาบซึ้งใจ หากเขาซาง
ชิงมีภัย สํานักใบไผยอมตองชวยเหลืออยางสุดกําลัง เขาซางชิงลําบากใจไฉนขาไมรู แต
ศิษยพี่ก็ตองเขาใจความลําบากใจของพวกเราเชนกัน ครั้งนี้ศิษยหลายคนถูกจับตัวไป
กระทั่งปรมาจารยก็ไมละเวน พวกเราในฐานะศิษยรวมสํานักไหนเลยจะนิ่งดูดายได หาก
เปนเชนนี้ ศิษยสํานักเตาไหนเลยจะไมใจเสียเลา!”
แววตาชงเสวียนเต็มไปดวยความขมขื่น คนเขากลาวโทษมาที่หัวเรือใหญเต็มๆ
แตเรื่องนี้ไหนเลยจะจัดการไดงายๆ เดิมทีสถานะของเขาซางชิงก็ใชวามั่นคง กับ
จวนหมิงอองก็เหมือนน้ํากับไฟดวยซ้ํา ถาไมระมัดระวังใหรอบคอบก็อาจเกิดเรื่องใหญ
ขึ้นได
ตอนนี้ถาใหชวยสํานักใบไผขอคนคืน ยังไมตองพูดเรื่องทําสําเร็จหรือไม แควาราช
สํานักโอนออนผอนโทษให หมิงอองก็ไมรูจะตอบโตอยางไรแลว?
“เรื่องนี้ ควรคิดกันยาวๆ ดีกวา ตอนนี้ยังไมพดู เรื่องหมิงอองจะทําอยางไร พูดเรื่อง
ความสัมพันธของเรากับราชสํานักที่ตกต่ําจนถึงขีดสุดกอน ครั้งนี้ราชสํานักสามารถ
อดทนไดถึงขั้นนี้ก็ถือวาไมงายแลว ตอนนี้ถาใหเขาซางชิงไปชวยพวกเจาไกลเกลี่ย
นอกจากกระตุกตอมโกรธขององคติ้งอูแลว ยังชวยอะไรไมไดดวย”
ชงเสวียนไดแตพูดใหเขาประวิงเรื่องไวกอน หวงเซินจึงผอนคลายลง ทําไมเขาจะไม
รูเรื่องราวเหลานี้ เขาเพียงตองการใหชงเสวียนรับไมไว เพราะไมวาผลจะเปนอยางไร
อยางนอยเขาก็มีคําพูดไปรายงาน แมชวยคนเหลานั้นออกมาไมได เขาซางชิงก็ตองชวย
เขาแบงเบาภาระ
“เฮอ...เชนนี้ก็ตองรบกวนสํานักทานแลว ศิษยพี่ชงเสวียนวางใจ ไมวาผลจะเปนเชน
ไร น้ําใจและความชวยเหลือที่สํานักทานมีให ขายอมแจงตอทานเจาสํานักแน รวมทั้ง
บอกใหทุกสํานักรูดวยวา เราตางเปนเสมือนพี่นอง เกื้อกูลซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน
ของทุกๆ คน ถามีเหตุเภทภัย ทุกคนก็ตองชวยกันสอดสองดูแล...”
ชงเสวียนยิ้มขมขื่น เผือกรอนชิ้นนี้ถูกโยนใสมือจนได หนําซ้ําตนอาจตองตั้งใจ
จัดการใหจริงๆ อีก!
จึงสายหนาเบาๆ มิใชตนโง แตบางครั้งก็จนปญญา เขาซางชิงเปนสํานักเตาแถว
หนา ความรับผิดชอบยอมตองมีอยู คนเขาก็พูดอยางชัดเจนแลววา ที่ทําลงไปเปนการ
ทําเพื่อเราทุกคน รวมทั้งแกแคนใหเขาซางชิงดวย แตพอเกิดเรื่องขึ้น ถาเจาจะสะบัด
บั้นทายเดินจากไปโดยไมสนใจแลวละก็ บารมีสํานักใหญจะเหลืออยูไหมเลา ตอไปสํานัก
เตาตางๆ มิตองอยูกันอยางอกสั่นขวัญแขวนหรอกรึ
ถาสถานการณปกติยังไมเปนไร แตตอนนี้สถานะของเขาซางชิงลอแหลมยิ่ง ไมอาจ
เสียภาพพจนซ้ําอีก เผือกรอนชิ้นนี้อยางไรก็ตองกิน
ขณะรูสึกขมขื่นใจ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นที่หนาประตูอยางเหนือความคาดหมาย
“ทําเพื่อเราทุกคนหรือ? หวงเซิน เจาชางกลาพูด!”
ชงเสวียนชะงักคาง หันมองประตู เห็นเงารางนักพรตปรากฏขึ้น ยังคงเปนคน
คุนเคย จึงรีบลุกขึ้นยืนตอนรับ “อาจารยฉินก็มาดวย? เชิญนั่งๆ”
หวงเซินทีอ่ ยูอีกดานยอมเห็นผูมาเชนกัน สีหนาเขาเปลี่ยนในทันที
ที่แทผูมาคือปรมาจารยฉินไทจือแหงสํานักหวง ซึ่งเดินหนาดําคร่ําเครียดเขามา
พรอมรางที่เต็มไปดวยความโกรธ ถลึงตามองหวงเซินไมกะพริบ
ชงเสวียนกวาดตามองคนทั้งสอง รูสึกวามีบางอยางไมถูกตอง แตยังไมรูวาอะไร
หวงเซินกะพริบตา กอนยกมือขึ้นคารวะฉินไทจอื อยางกระอักกระอวนใจ
“พ...พี่ฉิน ก็มาดวย?”
“ทําไม ขามาไมไดหรืออยางไร?” ฉินไทจือไมไวหนาแตอยางใด
เขาไมนั่ง เดินโทงๆ มาทางชงเสวียน ทาทางโกรธจัด ชนิดพรอมลงมือทุกขณะ
“พี่ฉินพูดอะไร...แคกๆ นี่...” หวงเซินเห็นทาทางเขาแลว จําตองถอยหลังกาวหนึ่ง
ออกตัวแรงขนาดนี้ ชงเสวียนยอมดูออก เพียงไมเขาใจวาทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน
ดูตามเหตุผลแลว สํานักใบไผชวยสํานักหวงจนเกิดเรื่องใหญเชนนี้ ถือวาแบกรับ
ความเดือดรอนแทนสํานักหวง ผูที่โกรธควรเปนหวงเซินมากกวา มิใชฉินไทจือ
ทวา อยางไรก็ตาม ไมสามารถใหคนทั้งสองตอสูกันในที่แหงนี้ จึงรีบขวางฉินไทจือไว
“พี่ฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ถึงตองโกรธขนาดนี้?”
ชงเสวียนขวางไว ฉินไทจือจึงหยุดเดิน เขายังไวหนาชงเสวียน แตเปลวไฟในใจยังไม
ดับมอด จองมองชงเสวียนนิ่ง กอนหันไปชี้หนาหวงเซิน
“ทางที่ดีเจาใหเหตุผลที่ฟงขึ้นกับขามา หาไมแลวเราเห็นดีกันแน กลาใชสํานักหวง
เปนเครื่องมือ สํานักหวงเราจักไมประนีประนอมเปนอันขาด!”
“พี่ฉิน ทานพูดอะไร...” สีหนาหวงเซินเปลี่ยนอีกครั้ง
ชงเสวียนกลับจับพิรุธออก หันไปกวาดตามองหวงเซิน แลวหรี่ตา
พอเห็นสายตาชงเสวียน หวงเซินก็อึ้ง แตที่สุดแลวชงเสวียนก็ไมพูดมาก หันมองฉิน
ไทจือ แลววา “พี่ฉิน ตอนนี้สถานการณเราไมคอยดีนัก เราไมควรแตกกันเอง มีอะไรนั่ง
ลงแลวคอยๆ พูดกันดีกวา”
ฉินไทจือจึงคอยๆ เก็บอารมณ สุดทายก็นั่งลง แตเปลวไฟในใจยังไมดับ ยังพุงเปาไป
ที่หวงเซิน “จะพูดหรือไมพดู ?”
หวงเซินคอยๆ สงบนิ่งลง สีหนาก็เครงขรึมลง “พี่ฉิน ผูแซหวงเคยลวงเกินอะไรทาน
ไวหรือไม เหตุใดทานจึงมีทาทีเชนนี้?”
เมื่อเห็นวาเขายังไมยอมรับ ฉินไทจือจึงลุกขึ้นยืน ชี้หนาหวงเซินพรอมพูดอยางดุดัน
“เจาคิดวาขาฉินไทจือโงเงาเตาตุนจริงรึ? จะบอกอะไรให อยาคิดวาขาไมไดพูดอะไร
กับราชสํานัก เกรงวาขาพูดรุนแรงกวาที่เจาคิดไวเสียอีก เจาเชื่อหรือไม วันนี้ถาเจาไมมี
คําอธิบาย ออกไปจากที่นี่ ระหวางเราสองคน จักมีเพียงหนึ่งที่รอดชีวิตเทานั้น!”
“เจาบาไปแลว....” สีหนาหวงเซินเปลี่ยนอีก
ถึงกับพูดเรื่องเปนตายกัน ชงเสวียนยอมนั่งไมติด รีบกลาวเตือน
“พี่ฉินใจเย็น เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน เลาใหฟงแลวเราคอยปรึกษาหารือกัน”
“ศิษยพี่ชงเสวียนวางใจ สํานักหวงขากับสํานักใบไผเปดศึกกัน คิดวาตองเปนบุญตา
ของราชสํานักยิ่ง ซึ่งไมมีผลตอสัมพันธภาพระหวางราชสํานักกับสํานักเตาเปนอันขาด!”
ฉินไทจือสีหนาเยือกเย็น น้ําเสียงเด็ดขาด
หวงเซินรูส ึกกระสับกระสายแลว จึงรีบโมโหตอบ “ฉินไทจือ ขาวาเจาบาไปแลว
จริงๆ ตอนนี้ยังมาพูดอะไรเชนนี้อีก เคยคิดถึงผลที่จะตามมาบางไหม?”
“ผลที่จะตามมาหรือ? แลวที่สํานักใบไผเจากลาวอางสํานักหวงขา เคยคิดถึงผลที่จะ
ตามมาหรือไม? คิดจริงๆ รึวาสํานักหวงขาออนแอ เกรงกลัวสํานักใบไผเจา?”
ฉินไทจือเห็นเขายังปากแข็ง พลังปราณตลอดทั้งรางจึงปะทุขึ้นทันที ขณะเตรียม
ปลอยพลัง พลันรูสึกถึงรังสีกระบี่ที่กระจายออก!
ขณะเห็นการตอสูจะเริ่มในไมชา ชงเสวียนก็รีบกาวยาวๆ เขาไปยืนระหวางคนทั้ง
สอง กอนยกมือทั้งสองขางขึ้น
“ทานทั้งสอง ที่นี่คือเขาซางชิง ไมใชที่ที่พวกทานจะมาตอสูกัน”
คํานี้พอหลุดจากปาก ฉินไทจือจึงเก็บพลังลง แตน้ําเสียงยังเต็มไปดวยความโกรธเกรี้ยว
“ศิษยพี่ชงเสวียน วันนี้ผูแซฉินมิไดคิดมาหาเรื่อง แตสํานักใบไผขมเหงกันเกินไปจริงๆ!”
“พี่ฉินใจเย็น!” ชงเสวียนมีสีหนาออนโยนลง แลวจึงหันมาทางหวงเซิน
“อาจารยหวง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน? เหตุใดปรมาจารยฉินจึงโกรธหัวฟดหัว
เหวี่ยงเชนนี้?”
“ศิษยพี่ พูดแลวขาก็ยังงงอยู สํานักขาเกิดเรื่องใหญขนาดนี้ ขาไหนเลยยังมีเวลาไป
ลวงเกินเขา? ใครจะรูวาเขากินยาอะไรผิดไปหรือเปลา?”
จนถึงขั้นนี้แลว หวงเซินยังไมยอมรับอีก
ฉินไทจือเหมือนจะระเบิดพลังขึ้นอีก ชงเสวียนจึงกาวเขาไปสงเสียงดังหามไว
“พี่ฉิน ชงเสวียนรูวาที่ทานทําเชนนี้ ยอมตองมีเรื่องแน ทานพูดมาเถิด วาเรื่องเปน
อยางไรมาอยางไร?”
ฉินไทจือจองหวงเซินเขม็ง สุดทายก็สูดหายใจเขาลึกๆ จึงคอยๆ สงบนิ่งลง แลววา
“เกรงวาศิษยพี่ยังไมรูวา เรื่องเมื่อวานที่สํานักใบไผประมือกับตูเจวียน ศิษยสํานัก
หวงขาไมมีใครรูเรื่องนี้แมเพียงคนเดียว!”
“หือ?” ชงเสวียนตะลึง
มองดูหวงเซินผูมีสีหนาเครงเครียดเชนเดียวกัน แลวหันกลับมองฉินไทจืออีก ขมวด
คิ้วแลววา “พี่ฉิน ที่พี่พูด หมายความเชนไร?” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ชะงัก ถามตอ “พี่ฉิน
กําลังตําหนิสํานักใบไผวา กระทําการบุมบามเกิน ทําใหเกิดเรื่องขึ้นใชหรือไม?”
เห็นชัดวา เขาเขาใจผิดแลว คิดวาฉินไทจือตําหนิสํานักใบไผที่กระทําการแลวโยงใย
มาถึงพวกเขา โกรธที่สํานักใบไผทําการหาเรื่องหมิงอองโดยพลการ
โดยไมคิดวาฉินไทจือกลับหัวเราะเย็นชา แลววา “ศิษยพี่ไมลองถามหวงเซินดูวา วัน
นั้นกอนที่พวกเขาจะลงมือกับคนของจวนหมิงอองนั้น พวกเขาอยูที่ไหน?”
ตอน 282 พันธมิตรแตกหัก
ชงเสวียนงงไปหมด จับตนชนปลายไมถูก จึงหันมองหวงเซิน กลับเห็นหวงเซินพูด
อยางลุกลี้ลุกลน
“ขาวาแลว ที่วันนี้ปรมาจารยฉินวางทาทางใหญโต ชี้หนาดาขา ที่แทก็เพราะเรื่องนี้
นี่เอง”
พูดถึงตรงนี้ หวงเซินก็ละสายตาจากฉินไทจือ มามองชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน เรื่องเปนเชนนี้ วันนั้นขาไปสํานักหวง เพราะเรื่องหญิงสาวแซ
หลิน หรือศิษยสํานักทาน หลินซูอินเขาเมืองหลวง ขาเขาพบปรมาจารยฉินเพื่อหารือวา
เราควรรับมือกันอยางไรในสถานการณเชนนี้ และอาจเพราะผูแซหวงมีความเห็น
บางอยางไมตรงกับปรมาจารยฉิน ทําใหปรมาจารยฉินไมพอใจ วันนี้จึงคิดสั่งสอนผูแซ
หวง!”
พูดถึงตรงนี้ หวงเซินก็ละสายตาจากชงเสวียน มาสบตาฉินไทจือที่เต็มไปดวยความโกรธ
“ปรมาจารยฉิน บางเรื่องที่พดู กัน ทําใหทานโกรธใชหรือไม!”
เขาเนนย้ําคําวา ‘บางเรื่องที่พูดกัน!’
ฉินไทจือโมโหจนตองหัวเราะออกมา ชี้หนาหวงเซินอีกครั้ง พลางหัวเราะเสียงดัง
“ฮาๆ...หวงเซิน คนตัวกระจอยรอยอยางเจาคงคิดวาวีรบุรุษในใตหลาทุกคนมีแผน
ชั่วเต็มกระเพาะเชนเจาอยางนั้นรึ? คิดขมขูขาหรือ? ฝนไปเถอะ!”
หวงเซินเห็นเขามีทาทีบาดีเดือดโดยไมสนใจอะไร ก็รีบลุกขึ้นยืน รองเตือนเสียงสูง!
“ฉินไทจอื ทางที่ดีเจาควรคิดกอนพูด! อยาพูดโดยใชอารมณ อยานึกวาผูแซหวงจะ
ใหเจาขมเหงรังแกไดงายๆ!”
ทวาฉินไทจือกลับไมกลัวเกรง ยิ้มเย็นชา แสดงสีหนาเหยียดหยาม กอนวา “ขาเปน
คนกลาทํากลารับ คําที่ขาเคยพูด ขาก็กลารับวาพูด ไมผิด วันนั้นระหวางที่คุยกัน ขาไม
พอใจเขาซางชิงในเรื่องบางอยางจริง!”
“เจา...” เมื่อหวงเซินเห็นวาเขากลาพูด ก็โกรธจนตัวสั่น
สวนชงเสวียนที่อยูอีกดานหนังตาพลันกระตุก เหลือบมองฉินไทจอื
“พี่ฉิน ขาไมเขาใจ คําพูดนี้หมายความวาอะไร? หรือเขาซางชิงเคยลวงเกินอะไรพี่ฉิน?”
ฉินไทจือยังไมทันเอยปาก หลิวเซินก็รีบขัด
“ศิษยพี่ชงเสวียน อยาไปฟงคนหยาบคายพูดจาเลอะเทอะ เขาเปนคนโงคนหนึ่ง...”
“ปรมาจารยหวง พูดเชนนี้หมายความวาอะไรอีก?” ชงเสวียนหันควับ จองมองหวงเซิน
หวงเซินตกใจชั่วขณะเมื่อเห็นแววตาระมัดระวังของชงเสวียน ใช ทั้งสองตอง
วิพากษวิจารณเขาซางชิงเปนการสวนตัวไวไมนอย ใชหรือไมขณะฉินไทจอื พูดอะไร
ออกมา หวงเซินก็คิดวาเขาซางชิงมิไดเปนเชนนั้น แลวจะขัดทําไม คนผูนี้แปลกพิลึก
ฉินไทจือไมสนใจความรูสึกของหวงเซิน แตกลับยิ้มเย็นชาแลววา “อยาเสแสรง
ดีกวา ขาไมใชเจา เรื่องที่เคยทํา เคยพูด ไมมีอะไรที่ไมกลารับ”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปยกมือคารวะชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ผูแซฉินไมพอใจการจัดการเรื่องบางอยางของเขาซางชิงจริง และ
ไดวิจารณออกมาในวันนั้น หวงเซินคิดใชเรื่องนีข้ มขูขา แตกลับไมรูวาขาไหนเลยจะยอม
ใหขมขู? เห็นชัดวาไมรูจักขาจริง”
“ออ?” ชงเสวียนไมสนใจประโยคหลังของเขา ถามถึงแตประโยคหนา
“ไมทราบวาที่ปรมาจารยฉินพูดถึงคือเรื่องอะไร?”
“ศิษยพี่ก็รูวา ขากับศิษยพี่หงเปนเพื่อนที่ดีตอกันมานาน พอศิษยพี่หงประสบภัย
ในหมิงจู ใจขายอมยากที่จะปลอยวางได วันนั้นจึงพูดวา สํานักทานจัดการเรื่องไม
เรียบรอย เมื่อตัดสินใจเปนศัตรูกับหมิงอองตั้งแตแรก เหตุใดจึงไมลงมือใหหนักในวัน
สมรส ทําใหหมิงอองกลับมาสรางความเดือดรอนใหจนได! ตอมาพอหลินซูอ ินเขาเปน
ศิษยเขาซางชิง เหตุใดจึงไมจดั การใหลงเอยกับหลานจอมยุทธใหรูแลวรูรอดไป เชนนี้ก็
ไมตองมีวนั พระชายาเขาวัง เราก็ไมตองมาหวาดกลัวแนวโนมที่ราชสํานักกับตระกูลหลิน
จะปรองดองกัน แลวทําใหเราหมดหนทางเดิน”
ฉินไทจือไมรูสึกละอายใจแมแตนอย เขาไมรูสึกวาคําพูดเหลานี้พูดไมได อันที่จริง
พูดออกมาตรงๆ ก็ไมมีผลกระทบอะไรมาก อีกทั้งคําพูดก็ไมมีเจตนาสรางความอับอาย
ใหกับเขาซางชิง เพียงเขารูสึกไมพอใจเปนการสวนตัวเทานั้น ดังนั้นตอนนี้สีหนาเขาจึง
สงบนิ่ง พอพูดจบก็ยกมือคารวะ
“ศิษยพี่ชงเสวียน ผูแซฉินปกติสนิทสนมกับศิษยพี่หงมากสุด การจากไปอยาง
กะทันหันของเขา ทําใหผูแซฉินรูสึกเศราเสียใจยิ่ง จึงมีความคิดสุดโตงไปบาง ขอศิษยพี่
อภัยใหดวย!”
ชงเสวียนยังไมตอบในทันที สวนหวงเซินพอเห็นสีหนาที่สงบนิ่งของฉินไทจือ ก็กน
ดาในใจวา โงเขลาเบาปญญา เจาคิดหรือวาชงเสวียนจะคิดวามีเพียงสํานักเจาสํานัก
เดียวที่พูดเชนนี้?
เจาคิดจริงๆ หรือวาเขาซางชิงจะคิดวาเจามีความจริงใจกับพวกเขาถึงไดกลาพูดจา
ตรงไปตรงมาเชนนี้? โงเงาสิ้นดี เขาซางชิงคิดแตเพียงวา กระทั่งผูสูงสงแหงสํานักหวง
อยางเจายังมีความคิดเชนนี้ คนอื่นๆ ก็คงคิดกันไปหมดแลว โดยคิดสงสัยความสามารถ
ในการจัดการเรื่องราวของเขาซางชิงกอน จนกระทั่งตําหนิวา สถานการณที่เปนอยู
ในตอนนี้ลวนเกิดจากการกระทําของเขาซางชิง จึงรูสึกไมพอใจเขาซางชิงมานานแลว
หวงเซินสูดหายใจเขาลึกๆ จริงๆ แลวไมอยากมองคนโงอยางฉินไทจือใหเสียลูกตา
ดวยซ้ํา
แตเขากลับไมคิดๆ ดูวา ถาเขาไมพูดเรื่องนี้ขึ้นกอน ฉินไทจือจะรูสกึ โกรธจนยาก
สงบนิ่ง แลวทําการแจงสี่เบี้ยออกมาเชนนี้หรือ?
ที่สุดแลวไมอยากจะพูดวา ใครกันแนที่โงเขลาเบาปญญา
“ที่แทก็เรื่องนี้นี่เอง!” สีหนาชงเสวียนออนโยนลง ยิ้มพลางวา “ขากับอาจารยฉินมี
นิสัยตรงไปตรงมาเหมือนกัน ไมเปนไรๆ ทั้งสองเรื่องที่อาจารยฉินพูดมา ความจริงก็มี
เหตุผลอยู เรื่องแรก วันมงคลสมรสของหมิงออง เขาซางชิงมีศิษยมากอกวน ทําใหเขาใจ
ผิด เราไมรูเรื่องการบําเพ็ญเพียรของหมิงอองดวยซ้ํา เพียงมีศิษยบางคนโมโหที่หมิงออง
แสดงพฤติกรรมแยงคนรักของศิษยอีกคนซึ่งๆ หนา จึงทําการลงมือตามอารมณ ไมคิด
คราชีวิตกันจริงๆ เขาซางชิงเราแมเปนสํานักเตาแถวหนา แตก็มิไดเห็นชีวิตคนเปนผัก
ปลา จะใหลงมือคราชีวิตคนกันงายๆ ไดอยางไร เรื่องนี้จงึ ไมมีอะไรใหตองพูดถึงอีก
ดังนั้นปรมาจารยฉิน ความคิดของทานสุดโตงไปบางจริงๆ ตอไปทานตองระวังคําพูดให
มาก ถาพูดมากไป อาจนําความเดือดรอนมาสูตัวได”
ปรมาจารยฉินยังไมยอมรับวิธีการพูดเชนนี้ แตขณะจะเอยปาก กลับเห็นชงเสวียน
โบกมือ
“เรื่องที่สอง หลินซูอินเขาเปนศิษยสํานักขาก็จริง แตเริ่มแรกที่นางยอมแตงกับหมิง
อองก็มีสาเหตุอยู ซึ่งอยางไรก็ตาม นางก็ไดแตงงานแลว เขาซางชิงจะบังคับใหนางมา
เปนสะใภไดอยางไรเลา คนเขาจะมองเราอยางไร? สถานการณในตอนนี้ ที่ปรมาจารย
ฉินพูดมาก็ไมผิด แตถาตอนแรกทําตามที่ปรมาจารยฉินพูด ตอนนี้สถานการณอาจดีกวา
นี้ก็จริง แตคนสมัยนี้ ตองเดินไปในทางที่ถูกตอง บางสิ่งควรทํา บางสิ่งไมควรทํา
ปรมาจารยฉินเห็นดวยหรือไม?”
ฉินไทจืออาปากคาง แนนอนวา ในใจไมเชื่อเรื่องคุณธรรมอันสูงสงที่ชงเสวียนพูดมา
แตจะโตตอบวาเขาพูดไมถูกไดอยางไร?
อีกทั้งชงเสวียนยังมีสีหนาจริงใจ ไมเหมือนกําลังเสแสรง ฉินไทจอื ก็ไมโง มิไดคิด
ลวงเกินเขาซางชิงจริงๆ จึงยกมือขึ้นคารวะ
“เปนเพราะศิษยพี่หงประสบเคราะหกรรม ทําใหผูแซฉนิ จิตใจคับแคบเกินไป ขอ
ศิษยพี่อภัยใหดวย!”
“ไมเปนไรๆ อาจารยฉินยังคงพูดมาดีกวาวา วันนี้ที่พวกทานมีพฤติกรรมเชนนี้
เพราะเรื่องอะไรกันแน? ขาไมเขาใจจริงๆ!” ชงเสวียนเปลี่ยนหัวขอสนทนา
พอฉินไทจือถูกเตือนสติ ก็หันมามองหวงเซินอยางโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง กอนพูดอยาง
เย็นชา
“ศิษยพี่ยังไมรู วันนั้นหวงเซินมาเปนแขกที่สํานักหวงขา ทั้งๆ ที่รูขาวตูเจวียน
ปรากฏตัวในเมืองหลวง แตกลับจงใจปดบังขา ตอมายังสงคนไปจับตูเจวียนอยางลับๆ
อีก ซึ่งที่สุดก็ทําใหเกิดเรื่องใหญขึ้นจนได ศิษยพี่คิดวาหวงเซินคิดทําอะไรกันแน?”
“อะไรนะ?” คราวนี้ชงเสวียนตื่นตกใจจริงๆ มองดูหวงเซิน “ปรมาจารยหวง มีเรื่อง
เชนนี้จริงหรือ?”
“ศิษยพี่อยาฟงเขาพูดจาเลอะเทอะ ถาขารูขาวจริง ไหนเลยจะไมบอกเขา ที่จับตูเจ
วียนก็เพราะตองการชวยสํานักหวง ที่ลงมือกอนรายงานก็เพราะกังวลวาตูเจวียนจะหนี
ไป กลัวเสียโอกาสและเกิดเหตุสุดวิสัย อีกทั้งตูเจวียนไมเพียงทํารายคนของสํานักหวงกับ
เขาซางชิง ยังทํารายคนของสํานักใบไผดวย ศิษยในสํานักเราเห็นนางก็รูสึกอยากสับให
เปนหมื่นๆ ชิ้น จึงลงมือดวยความโกรธแคน ตอนนั้นแมขาอยูที่สํานักหวง แตกลับไมรู
เรื่องนี้ มารูเอาหลังจากเกิดเรื่องแลว”
หวงเซินไมยอมรับแมแตนอย ซ้ํายังแสดงทาทีเจ็บปวดอีก
“จะอยางไรขาก็คิดไมถึงจริงๆ วา สํานักใบไผมีเจตนาดี แตกลับตองแลกเปลี่ยน
ดวยการตอบแทนเชนนี้ เปนจริงอยางที่เขาวา ทําดีไดดีมีที่ไหน!”
ฉินไทจือลุกขึ้นยืน ชี้หนาหวงเซินอีกครั้ง
“คนต่ําชา ยังไมยอมรับอีก นี่คิดจริงๆ หรือวาสํานักหวงขาขมเหงได? หนึ่งในศิษย
ของเจาที่ลงมือ เคยไปสํานักหวงหาเจา เจายังไมยอมรับอีก?”
“ไมผิด มีศิษยมาหาขา มารายงานเรื่องพระชายาเขาวังเพียงเรื่องเดียว เจายังสงคน
คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่จวนหมิงอองได แลวเหตุใดขาจะสงคนจับตาดูบางไมได
พอพวกเขาเห็นเหตุการณ ก็รีบมารายงานขา ไมไดรึไง?” ตีใหตายหวงเซินก็ไมยอมรับ
“เฮอะ ไมจําเปนตองพูดถึงเรื่องอื่นใหวนุ วาย เรื่องใหญขนาดนี้ กระทั่งปรมาจารย
ยังถูกสงตัวไป ไมมีเจาพยักหนา พวกเขากลาทํารึ? เจากําลังคิดอะไรอยู อยานึกวาขาไม
รู จับตูเจวียนอยางลับๆ คิดเอาใจกลุมเยาวชนสิทา สํานักใบไผของพวกเจาก็ชางกลา
เห็นสํานักหวงขาเปนอากาศธาตุรึ? รูทั้งรูวากลุมเยาวชนเปนชองทางติดตอกับทางโลก
ของสํานักหวง พวกเจาก็ยังกลาคิดวางแผนชวงชิง ชวงชิงกระทั่งพืน้ ที่ขาวดวยการเปน
ศัตรูกับจวนหมิงออง ความคิดที่เลวทรามเชนนี้ บอกเลย สํานักหวงไมปลอยใหเรื่องนี้จบ
ลงงายๆ แน!”
พูดถึงตรงนี้ ฉินไทจือจึงหันกาย ยกมือคารวะชงเสวียน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ที่สํานักหวงยอมรับกับราชสํานักวา ใหสํานักใบไผชวยตามจับ
ตูเจวียนนั้น เปนเพราะหวงสถานการณโดยรวม ไมอยากใหความเกลียดชังทําใหทุกคน
เดือดรอน ยอมอดสูเพียงสํานักเดียวเพื่อสวนรวม แตวันนี้ตองขอใหศิษยพี่เขาใจดวยวา
สํานักหวงไมปลอยใหเรื่องนี้เงียบแน สํานักใบไผหลอกลวงขาเชนนี้ สมควรรับโทษเปน
อยางยิ่ง ถาเขาซางชิงใหความสนิทสนมกับสํานักใบไผมากกวา โดยไมคํานึงถึงความรูสึก
ของสํานักหวง ยังคงชวยศิษยสํานักใบไผออกมา สํานักหวงก็ไมมคี ําพูดใดๆ จะกลาว”
“เหลวไหล!” หวงเซินโกรธจัด ดาวาเสียงดัง “ฉินไทจือ คนโงเงา สํานักหวงสงคน
ต่ําชาอยางเจามาจัดการเรื่องไดอยางไร เสียแผน เสียแผนจริงๆ...”
จะไมใหเขาโกรธไดอยางไร โดนฉินไทจือแฉจนหมดเปลือกขนาดนี้ แตฉินไทจือไมรู
หรือวา กําลังแฉตัวเอง ตีแผความตกต่ําของสํานักเตาไปดวย
เพราะสํานักหวงกับสํานักใบไผตางก็อยูใตรมเงาของเขาซางชิง ถาเขาซางชิงไมชวย
สํานักใบไผ ตอไปถาเกิดเรื่องกับสํานักหวง ก็อยาไดหวังใหเขาซางชิงชวย
การใหเขาซางชิงรับผิดชอบเรื่องนี้ จะเปนผลดีกับทุกๆ ฝายในภายหลัง!
ทวาหวงเซินกลับไมคิดๆ ดูวา ถาตนเปนสํานักหวง มีหรือที่จะเพิกเฉยไมเอาเรื่อง
ลอเลนกันหรือ ถาเรื่องเชนนี้ยังไมสนใจแลวละก็ ตอไปใครเลาจะเห็นสํานักหวงอยูใน
สายตา ใครอยากทํารายใครก็ปลอยใหทําไปเชนนั้นรึ?
“เฮอะ หวงเซิน เจาอยาโยนความผิดใหขาจะดีกวา หาไมแลวขานี่ละจะใหเจาเห็น
ผลที่ตามมา!”
ฉินไทจือกลัวที่ไหน พูดเสียงเย็นชาใส กอนหันไปคารวะชงเสวียน
“ที่ตองการพูดก็มีเทานี้ ขอใหสํานักทานจัดการดวย ผูแซฉินขอลา!”
พูดแลวก็ลมติดเทา หันกายเดินจากไป
จะเห็นไดวา การกระทําของเขาเหมือนหวงเซินกอนหนานี้เปะ ไมอนุญาตใหชง
เสวียนปฏิเสธแตอยางใด
พรอมแสดงเจตจํานงวา ครั้งนี้ตองใหสํานักใบไผไดรับบทเรียน จึงจะยอมเลิกรา
ชงเสวียนยกมือรั้ง แตมิไดเอยปาก ไดแตมองดูฉินไทจือเดินจากไป เห็นชัดวา เขา
เองก็ยอมรับได ถาผลสรุปจะเปนเชนนี้
จึงหันมาสายศีรษะกับหวงเซินดวยความผิดหวัง
“ปรมาจารยหวง ทานเลอะเลือน เลอะเลือนแลวจริงๆ!”
หวงเซินยกมุมปากขึ้น ไฉนเขาจะไมรูวาชงเสวียนถือโอกาสระบายความในใจ แต
เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เขาก็ไดแตพยายามเฮือกสุดทาย
“ศิษยพี่ก็รูดี เรื่องนี้คนต่ําชาฉินไทจือแตงขึ้นเองทั้งหมด คนผูนี้เชี่ยวชาญการใชวิธี
ต่ําชาใหรายคนดี กอนหนานี้ก็เคยตั้งขอสงสัยมากมายกับสํานักทาน ตอนนี้ก็มาทําเชนนี้
กับสํานักใบไผอีก เพียงเทานี้ก็แสดงใหเห็นแลววาคําพูดของคนผูนี้เชื่อถือไมได ศิษยพี่ไม
ควรเชื่อที่เขาพูด มันเปนการทําลายบรรยากาศสมานฉันท!”
ตอนนี้ชงเสวียนยอมไมรอนใจแลว
“ปรมาจารยหวง เรื่องนี้เกี่ยวของกับหลายเรื่อง และอาจทําใหเกิดความขัดแยง
ใหญโตขึ้นภายใน ซึ่งขาชงเสวียนมิอาจชี้ขาดได แตขอใหปรมาจารยหวงวางใจ ขาตอง
นําความเปนมาเปนไปของเรื่องทั้งหมดรายงานใหทางสํานักทราบ สวนผลจะเปนเชนไร
นั้น ยอมตองใหผูมีอํานาจตัดสินใจ”
หวงเซินทําอะไรไมได จึงตองจากไปอยางคับแคนใจ
ชงเสวียนมองดูเขาเดินจากไป แววตาวูบไหว คําตําหนิของฉินไทจอื แผนสกปรก
ของหวงเซิน ลวนทําใหเขารูสึกถึงความไมมั่นคง
ไมเพียงตองเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก ภายในสํานักเตาเอง อาจตองทําใจที่
ไมอาจหวังใหทุกคนรวมใจสามัคคีเปนหนึ่งเดียวได
ใครจะรูวา หลังเกิดเรื่องเชนนี้ สํานักเตาสามสํานักที่เคยไปหมิงจูดวยกันและสนิท
สนมกันมากขึ้นเพราะเรื่องหมิงอองกลับตองมารางลากันเชนนี้
ขณะที่สามสํานักเตาคิดวาเรื่องนี้ไดจบลงแลว และกําลังเริ่มคิดอุบายเอาคืนกัน
ภายใน จึงไมมีใครคิดถึงหมิงออง ซึง่ ไดถือกระบี่ ดําเนินแผนโลหิตสะทานแผนดินเพิ่มขึ้น
ในปใหมแลว
โดยเนนไปที่มิตรภาพอันแนนแฟนของสํานักเตาทั้งสาม ดวยการทิ้งรอยแผลเปนที่
ไมมีวันจางหายใหกับความเปนเอกภาพของพวกเขา
แนนอน ผูที่รูวาหมิงอองมีความเคลื่อนไหวผิดปกติในตอนนี้ยอมตองเปน ราชสํานัก
ทวาราชสํานักไมมีทางรูเปาหมายอันแทจริงของหมิงออง เพราะพวกเขากําลัง
เตรียมพรอมรับมือความเปนไปอันสืบเนื่องจากการที่หมิงอองเขาพบฟางโหยวฉวิน
ตอน 283 ฮองเฮากับพระชายา
สภาพจิตใจของลูสวินอี้ในตอนนี้เปนเฉกเชนสภาพอากาศที่มืดมนของวันนี้
ในสํานักงานฝายกิจการทั่วไปของจางปงลี่ ลูสวินอี้กําลังนั่งมองเจาหนาที่ที่ยิ้มหนา
บานอยูตรงหนา แตแทจริงแลวเปนการยิ้มไปตามมารยาท สุดทายเขาจึงถามขึ้น
“ขามีเรื่องเรงดวนที่ตองทํามากมาย เจาบอกขามาตามตรงดีกวาวาเมื่อไหรขาจึงจะ
ไดพบเขา?”
“ปรมาจารยใตเทาใจเย็น ใตเทาจางงานยุงมาก จะกลับมาเมื่อไหรนั้น ผูนอยไม
ทราบจริงๆ...เชิญใตเทาดื่มน้ําชา ดื่มน้ําชา...” เจาหนาที่พูดตามมารยาทอีก
ลูสวินอี้รอมาสองชั่วโมงเต็มๆ ตั้งแตเชาจนถึงเที่ยงวัน
ถาเปนเมื่อกอน หากเขามาหาจางปงลี่ดวยตัวเอง จางปงลี่แมเดินทางออกจากเมือง
หลวงไปแลว ก็ตองรีบเรงกลับมาพบเขา
แตตอนนี้ เห็นชัดวา จางปงลี่จงใจหลบหนาเขา
เขาจึงไมพูดมากอีก มองเจาหนาที่นิ่ง สักพักจึงลุกขึ้นยืน คิดจากไป
แตพอเดินไปถึงหนาประตู กลับชะงักฝเทา หันกลับมามองเจาหนาที่อีกครั้ง หลัง
เงียบไปอีกสักพัก คอยยกมือขึ้นคารวะ
“ในเมื่อใตเทาจางงานยุง ขาก็ไมคิดรบกวนแลว แตมีเรื่องหนึ่งทีผ่ ูแซลูอยากขอ
คําแนะนําจากใตเทา และหากใตเทาสามารถคลายขอสงสัยใหได ผูแซลูจักทดแทน
พระคุณในภายหลัง!”
“มิกลาๆ...ปรมาจารยใตเทากลาวหนักเกินไป ทานมีเรื่องใดเชิญถามมา หากผูนอย
ทราบ ยอมตองบอกทานอยางแนนอน” เจาหนาที่อึ้ง รีบคารวะตอบอยาง
เกรงอกเกรงใจ
ลูสวินอี้จองมองเจาหนาที่เขม็ง
“ผูแซลูไมอยากทําใหทานลําบากใจ เพียงอยากรูวา เมื่อวานหลังจากคนของจวน
หมิงอองตอสูกับคนของสํานักเตาแลว สถานการณดานนอกเปนเชนไรบาง?”
เจาหนาที่กะพริบตา หัวเราะออกมา แลววา “ขออภัยปรมาจารยใตเทา เมื่อคืน
ผูนอยเขาเวรดึก จนถึงตอนนี้ก็ยังไมเลิกงาน จึงไมรูเรื่องอะไรจริงๆ”
ลูสวินอี้ไมรอใหเขาพูดตอ โบกมือปราม สายตาที่จองมองเขาเปลี่ยนเปนคมกริบขึ้น
ทันที น้ําเสียงพลันเย็นยะเยียบจนนาตกใจ
“ดี เมื่อใตเทาตัดสินใจทําใหคนของจวนหมิงอองตกที่นั่งลําบาก ลูสวินอี้ก็ขอลา แต
อยากบอกใหใตเทารูวา ทานตูผูนั้น เปนสหายที่ทานอองใหความเคารพนับถืออยางยิ่ง
หากเกิดเรื่องไมคาดคิดขึ้น...”
ลูสวินอี้หยุดชะงัก คอยๆ หันหลังใหเจาหนาที่ กอนพูดตอ “แลวทําใหทานอองตอง
พิโรธ ถึงตอนนั้นใตเทาคิดสํานึกเสียใจก็สายเกินไปแลว!”
“นี่...”
คําพูดนี้พอหลุดจากปาก เจาหนาที่ที่อยูดานหลังลูสวินอี้เกิดสั่นไปทั้งตัว หนาถอดสี
รีบพูด “ขอปรมาจารยใตเทาโปรดเขาใจ ผูนอยเปนเพียงขาราชการต่ําตอย เรื่องใหญ
ทํานองนี้ผูนอยไมมีสวนเกี่ยวของดวย ไมมีสวนเกี่ยวของดวยจริงๆ”
ลูสวินอี้พลันหันกายกลับ ถลึงตามองเขา พลังปราณปะทุ
“ไมชอบดื่มสุรามงคล กลับดื่มสุราพิษเสีย ตอนนี้เปนชวงเวลาสําคัญซึ่งเกี่ยวของกับ
ชีวิตคนของจวนหมิงอองทีอ่ ยูดานนอก แตเจากลับถวงเวลาผูแซลูอยูที่นี่นานสองชั่วโมง
หากคนในจวนขาเปนอะไรไป เจายังกลาพูดอยูอีกหรือวาไมเกี่ยวกับเจา? ผูแซลูอดทน
แลวอดทนเลา แตเจากลับคิดจริงๆ วาคนจากจวนหมิงอองหลอกลวงได ก็ดี วันนี้ผูแซลู
จัดการอะไรเจาไมได รอวันหนา ทานอองเสด็จมาเอง ขากลับอยากเห็นวาใตเทาจางที่
บุญหนักศักดิ์ใหญในสํานักงานนี้ จะปกปองเจาไดหรือไม!”
พูดจบลูสวินอี้ก็หันกาย กาวเดินจากไป
สีหนาเจาหนาที่ซีดขาว พอเห็นลูสวินอี้กําลังจะจากไปจริงๆ ก็รีบยกมือเรียก
“ชากอน ใตเทาชากอน...”
เย็นวาน หลังลวงรูขาววาทานตูเกิดเรื่อง ยังไมทันมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ คําสั่งรั้ง
ตัวพระชายารวมทั้งผูติดตามทั้งหมดใหอยูแตในวังก็มาถึง
และที่มาพรอมพระบัญชาก็คือองครักษประจําวังหลวงราวสิบกวาคน เขามา
คุมครองอยูขางกายพวกเขาอยางเครงครัด บอกใหพวกเขาเฝารอรับใช แตแทจริงแลว
เปนการกักบริเวณ!
ในเมืองหลวง ไมมีใครกลาฝาฝนพระบัญชาขององคจักรพรรดิ และผูมีฐานะต่ําตอย
อยางลูสวินอี้ยิ่งไมตอ งพูดถึง
พริบตาเดียว เขาไมเพียงออกจากวังหลวงไมได ขาวจากภายนอกก็ไมไดรับรู
ดีที่ราชสํานักยังเหลือทางเดินใหเดินไดบาง ไมถึงกับหมางเมิน แมถูกกักบริเวณ ก็ยัง
สามารถเดินไปไหนตอไหนในวัง แตถึงกระนั้นก็ตาม เขายังสามารถไปไหนไดอีก?
นอกจากไปขอความชวยเหลือจากฮองเฮาแลว ผูที่สามารถไปหาไดก็มีเพียงจางปงลี่
ดังนั้น เขาจึงมานั่งรออยูในสํานักงานฝายกิจการทั่วไปชวงครึ่งวันเชา แตผลก็คือจาง
ปงลี่หลบหนาไมยอมออกมาพบ แตก็นับวาไดอะไรกลับไปพอควรภายใตการบังคับขมขู
ทําใหไดรูขาวคราวนอกวังคราวๆ จากปากของใตเทาทานนั้น
พอออกจากสํานักงาน ภายใตการ ‘คุมครอง’ ขององครักษที่ตามติดอยูดานหลัง
เขายืนมองไปรอบๆ สํานักงาน!
สุดทายก็สูดหายใจเขาลึกๆ ทอดสายตาไปยังทิศที่ตั้งพระตําหนักฮองเฮา
ถายังมีหนทางอื่น เขาก็ไมคิดขอความชวยเหลือจากหลินซูอิน!
เพราะรูดีวา แมหลินซูอินยอมชวย ก็ใชวาจะชวยอะไรได เนื่องจากในวังหลวง
สถานะของหลินซูอ ินเมื่อเทียบกับเขาแลว ยังมีความละเอียดออนและลําบากใจยิ่งกวา
แตตอนนี้ นอกจากนางแลว เขาก็ไมมีผูใดอีก!
เที่ยงวัน
หลินซูอินกําลังนั่งรับประทานอาหารมื้อกลางวันกับฮองเฮา
ในหองเงียบมาก หลินซูอินไดแตกมหนากมตาทานอาหาร จนแทบไมไดเงยหนาขึ้น
สีหนาฮองเฮานิ่งเรียบ นั่งหัวโตะ เงยหนามองหลินซูอินเปนระยะ แตก็มิไดพูดจาอะไร
หญิงชรายืนตัวตรงอยูข างกายฮองเฮา นางละสายตาจากลูกสะใภฮองเฮาเปนระยะ
รูสึกวาเปนการพบกันครั้งแรกที่แปลกและเงียบผิดปกติ
นางเห็นลูกสะใภฮองเฮาที่นี่และเฝาดูมาโดยตลอด แตถึงตอนนี้ นางก็ยิ่งรูสึกไมเขาใจ
ทาทีที่ไมยินดี แตก็ไมเย็นชาของฮองเฮา นางยังพอเขาใจ
พูดตามตรง เปนธรรมดาที่ฮองเฮาไมชอบหลินซูอิน ยังไมพูดถึงสถานะบุตรสาว
ตระกูลหลิน พูดเพียงชื่อเสียงที่เสื่อมเสียของนาง ก็ไมมีแมยายคนไหนที่ชอบแลว
หญิงชรารูวา หากไมใชเพราะฮองเฮาเหลือมอไปเปนโอรสเพียงคนเดียวที่เฝาคิดถึง
มานานหลายป บวกกับในจดหมายมอไปไดเขียนขอใหฮองเฮายอมรับลูกสะใภนางนี้แลว
ละก็ ฮองเฮาคงไมแสดงทาทีดีเชนนี้
แตที่ทาํ ใหหญิงชราประหลาดใจก็คือ หลินซูอิน นางไมรูจริงๆ หรือ นางคิดอะไรอยู
กันแน?
ยังพูดไมไดวานางผิด เพราะมารยาทที่ควรมีนางก็มีไมขาด เวลาฮองเฮาเอยปาก
ถาม นางก็ตอบอยางนอบนอม แตจะใหพูดอยางไรดีละ?
พูดวาสถานะนางมีความละเอียดออนและชื่อเสียงไมคอยดีนัก พอเห็นฮองเฮา แม
ไมถึงขนาดตองพูดวาตนกับบิดาตัดขาดกันแลว หรือกนดาบิดาที่เปนโจรกบฏ นี่ก็เกินไป!
ทวาอยางนอยก็ควรชัดเจนในใจวา ตนเองควรแสดงทาทีสนิทชิดเชื้อกับราชวงศ เส
แสรงหนอยก็ยังดี!
แตนางกลับไมรักดี ไมพูดไมจา ฮองเฮาไมเอยปาก นางก็ไมพูดสักคํา หรือนางยัง
หวังใหฮองเฮาตอนรับขับสูนางดวยอัธยาศัยไมตรีที่อบอุนกวานี้?
ไมมีทาง เมื่อหลินซูอินเงียบ ฮองเฮาก็ยิ่งรูสึกเฉยๆ ระหวางคนทั้งสองจึงเกิด
บรรยากาศชนิดที่พูดไมถูกวาคุนเคยหรือหางเหิน
โตะอาหารที่ไรสุมเสียงสนทนา ฮองเฮาจึงเสวยไดไมมากนัก พอเหลือบไปเห็น
หลินซูอินที่ยังคงกมหนากมตา จึงทรงวางตะเกียบลง
หญิงชราพลันหันมองหลินซูอ ิน ซึ่งแมยังไมเงยหนา แตอากัปกิริยามิไดเชื่องชา วาง
อุปกรณรับประทานอาหารในมือลงเชนกัน แลวคอยลุกขึ้นยืน ถอยหลังสองกาว ไปยืน
อยูดานขาง
“เก็บเลยแลวกัน!” ฮองเฮาไมพูดมากความ
หญิงชรารีบกาวเขา เตรียมชวยพยุงฮองเฮาลุกขึ้นยืน
ทวาฮองเฮาพลันยื่นมือซายออก หญิงชราชะงัก เหลือบมองหลินซูอิน
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย ดวยนางยืนอยูดานซายมือของฮองเฮา
นาทีนี้ หลินซูอินตื่นตัวแลว ใชวานางไมรูกาลเทศะวาตนเองควรมีทาทีสนิทสนมกับ
ฮองเฮาใหมากกวานี้ แตจิตใตสํานึกนางไมยินยอมแสดงออก ไมอยากประจบสอพลอให
ฮองเฮาชื่นชมเอ็นดู
แตจะอยางไร หลินซูอินก็ทําตัวแข็งทื่อไดเพียงพักเดียว นางกาวเทาออกมายืนกม
หนาขางกายฮองเฮา ยื่นมือออกชวยพยุงพระองคอยางระมัดระวัง
ใจที่เตนตุมๆ ตอมๆ ของหญิงชราคอยผอนคลายลง เมื่อครูนางกังวลใจจริงๆ
หลินซูอินชวยพยุงฮองเฮาจนเสด็จมาประทับในหองโถง กอนยืนอยูดานขาง
ฮองเฮาเหลือบมองนางอีกครั้ง เงียบไปสักพักคอยพูดเสียงเบา
“เจามาอยูเมืองหลวง แตองคชายกลับอยูที่หมิงจู ถาเปนเชนนี้ตอไปเรื่อยๆ เห็นที
จะไมดีนัก เรื่องนี้เจาคิดเห็นอยางไร?”
หลินซูอินไมรูวาฮองเฮาถามถึงเรื่องอะไร จึงไดแตตอบวา “ไมทราบเสด็จแมทรง
หมายถึงเรื่อง...”
“ดูทาทางแลวเจาไมนาจะเคยคิดเรื่องนี้!” ฮองเฮาคอยๆ เงยหนา เหลือบมองหลินซู
อิน แลววา “องคชายเสกสมรสกับเจามาหลายป แตจนถึงตอนนี้ก็ยังไมมีบุตรธิดา กอน
หนานี้เพราะเกิดสถานการณบางอยางก็แลวกันไปไมตองพูดถึง แตตอนนี้เจาควรคิดได
แลว”
บุตรธิดา?
สีหนาหลินซูอินบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวขาว นาทีนี้ตองใชคําวา ตกใจสายฟาแลบ
“คือ...ขา...เขา...”
หลินซูอินอาปากแลวก็หุบปากลง ที่สุดแลวก็ไมไดพูดใหจบประโยค
ฮองเฮาเห็นนางอ้ําๆ อึ้งๆ ก็รูสึกไมพอใจ ขมวดคิ้วพลางมองดูนาง คอยเห็นวาแวว
ตานางไมสงบนิ่งดังเดิม แตกลับคมกริบขึ้น
และในตอนนี้เองที่ดานนอกพลันมีเสียงฝเทาดังมา ผูรับใชเขารายงานหนามานไขมุก
“ฮองเฮาเพคะ ปรมาจารยลูสวินอี้จากจวนหมิงอองขอเขาเฝา”
“หือ?”
ฮองเฮากําลังจะเอยปากเอ็ดหลินซูอิน แตถูกขัดจังหวะเสียกอน จึงคลายคิ้วที่ขมวด
ลง ที่สุดแลวก็ไมไดพูดอะไร หันกลับมามองหลินซูอิน
“ขาไมพบเขาแลว เจาไปพบเขาเอาเอง!”
ตอนนี้ขอเพียงไดออกจากที่นี่ ไมวาจะใหทําอะไรหลินซูอ ินก็ไมปฏิเสธ จึงรีบทูล
“เพคะ เสด็จแม!”
วาแลวก็รีบถอยออก และหายไปจากมานไขมุกอยางรวดเร็ว
รอจนไมเห็นรางนางแลว ฮองเฮาคอยพูดเสียงเบา “เจาวา ทาทางตะขิดตะขวงใจ
เมื่อครูของนางหมายความวาอะไร?”
หญิงชราไดยินก็รีบกาวเขาขางกายฮองเฮา ยิ้มนอยๆ พลางวา “พระชายานาจะเขิน
อาย ที่จูๆ พระองคทรงถามขึ้น นาจะตกใจเกินเหตุเพคะ!”
“แตขากลับรูสึกวาไมใช” ฮองเฮาเกิดความสงสัย สายศีรษะไปมา “เกิดเปน
ลูกผูหญิง อายุอานามก็ยี่สิบกวาแลว เรื่องนี้นาจะคิดไดแตเนิ่นๆ เหตุใดจึงมีทาทางตกใจ
เชนนี้เลา?”
“พระชายาไมเหมือนเพคะ แมเสกสมรสกับทานอองมาหลายป แตเพิ่งไดเขาหอ
จริงๆ ก็เมื่อไมนานมานี้ อาจยังมีจิตใจของเด็กสาวอยูบาง อีกอยางหลายปที่ผานมาพระ
ชายาใชเวลาสวนใหญอยูบนเขา ดังนั้นพอไดยินคําถามที่ไมเคยคาดคิดมากอน จึงตกอก
ตกใจเปนธรรมดา...”
หญิงชราอธิบายตรงๆ
ตอน 284 พระชายากับสนมหลัน
“อืม” คําพูดนี้ฮองเฮากลับเห็นดวย แตก็รูสึกรันทดใจ “เปนความผิดของขาเอง ถา
ขาไมตอบรับเรื่องเสกสมรส องคชายก็ไมตองมาลําบากเชนนี้! คงเหมือนองคชายองค
อื่นๆ ที่ตอนนี้มีลูกมีหลานหอมลอมเต็มไปหมด”
“ฮองเฮาไมควรคิดเชนนี้ ทานอองเกิดมามีความโดดเดน มีพรสวรรคติดตัว ยอมไม
เหมือนผูอื่น ทานคิดดู ถาตระกูลหลินไมกอการ พระชายาก็นับไดวามีความโดดเดนสม
เปนคูชีวิตของทานอองอยู!”
หญิงชรารีบปลอบโยน ไมวาอยางไร สถานการณก็เปนเชนนี้แลว ฮองเฮาไม
จําเปนตองเศราเสียใจอีก
“เปนเพราะทานรอนใจอยากอุมหลานใชหรือไม ทานก็รออีกสักนิด เกรงวาไมนาน
นัก ขี้ครานจะมีซายคนขวาคน รอใหทานอุมแทบไมทัน!”
คําพูดปลอบประโลมเชนนี้ทําใหฮองเฮารูสึกราเริงขึ้นทันตาเห็น ปรากฏรอยยิ้มบน
ใบหนา
“เปนเชนนี้ไดก็ดีสิ!”
หญิงชราเห็นฮองเฮาดีใจ ในใจก็เกิดรูสึกวาบขึ้นมา มองไปที่เทาของพระองค กอน
พูดเสียงเบา
“ฮองเฮาเพคะ ใตหลาเลาลือกันวา วิชาแพทยของทานอองสูงสงยิง่ เปนที่หนึ่งใน
ปฐพีก็วาได ทานนาจะเลาอาการปวยใหทานอองฟง คิดวาทานอองตองรักษาไดแน
เชนนี้พอทานอองมีบุตรธิดา ทานจะไดจูงมือหลานคนละขาง พาพวกเขาไปเที่ยว ดียิ่ง
นักเพคะ”
“เจานี่ก็!” รอยยิ้มบนใบหนาฮองเฮาจางลง คอนหญิงชรา “อยาพูดถึงเรื่องนี้อีก นึก
วาขาไมรูหรือ เมื่อวานเจาจงใจเรียนเชิญพระชายามาทานขาวกอนหมายกําหนดการ
เพราะอยากใหนางเห็นอาการปวยของขา ตอไปเจาไมควรคิดเชนนี้อีก”
เมื่อถูกฮองเฮาจับไดไลทัน หญิงชราก็ตกใจ กมหนากล้ํากลืน
“ฮองเฮา หมอมฉันเพียงปวดใจที่เห็น...”
“พอแลว!” ฮองเฮาสายหนานอยๆ กอนพูดเสียงเบา “เจาก็นาจะรูวา ตอนนี้องค
ชายกับฝาบาทมีเรื่องไมลงรอยมากมาย ไมควรหาเรื่องเดือดรอนใหองคชายอีก!”
หญิงชรากลับวา “แตพระชายาไดเห็นอาการปวยที่เทาของทานแลว คงยากที่จะปด
ทานอองได”
ฮองเฮาเงียบไปครูหนึ่ง
“ชางเถอะ ถาองคชายรูแลว ก็บอกวาเปนเพราะโรคเจ็บเทานี้ไมไดรักษามานานก็พอ”
“ไมไดนะทาน ถาไมบอกอาการที่ถูกตองใหทานอองทราบ แมทานอองมีวชิ าแพทย
สูงสงเพียงใด ก็ไมมีทางรักษาใหหายได” หญิงชราสีหนาหมนหมอง
“ตามนี้ละ!” ฮองเฮากมดูเทาของตนเอง พลางพูดเสียงเบา
“เจาไมตองรอนใจไป อยางไรก็ผานมาหลายปแลว ถาองคชายรูขาว เขาก็ตอง
กลับมา!”
หญิงชรารูสึกเครียด ไมรูตองรออีกกี่ปกวาทานอองจะกลับมา
ถึงตอนนั้นสถานการณจะเปนอยางไรก็ไมรู
ฮองเฮาไมพูดถึงเรื่องนี้อีก กลับมองผานมานไขมุกออกไป กะพริบตาแลววา
“ลูสวินอี้มาครั้งนี้ คงอยากใหขาชวย!”
หญิงชราหันมองตาม พยักหนา กอนพูดเสียงขรึม
“ฝาบาทกักบริเวณพวกเขาไว ไมใหออกจากเขตวัง ตอนนี้คงอยากออกไปเต็มที”
วาแลวก็หันมองฮองเฮา
“ฝาบาทถูกจวนหมิงอองยั่วโมโหครั้งแลวครั้งเลา ครั้งนี้เกรงวาคงไมยอมเลิกรางายๆ”
ฮองเฮาเขาใจความหมายของหญิงชรา วาทางที่ดีตอนนี้ไมควรไปขอรองฝาบาท จึง
หัวเราะแลววา
“ขาสามารถปกปองพระชายาแทนองคชายไดก็ดีถมแลว เรื่องอื่นๆ แมขาคิดจัดการ
ก็จัดการไมไหว!”
หญิงชราหนาเจื่อน รูสึกคําพูดฮองเฮาฟงดูแปลกๆ
ทานใหพระชายาไปพบลูสวินอี้ แสดงวาใหพระชายาไปจัดการ จากนั้นทานก็มา
จัดการพระชายาอีกที นี่มิใชแปลวาทานกําลังจัดการเรื่องนี้อยูหรือ?
ทวาครั้งนี้นางผิดแลว ที่ฮองเฮาใหพระชายาไป แทจริงแลวอยากดูวา พระชายาจะ
ทําอยางไรตางหาก จะทําเพื่อจวนหมิงออง หรือจะเหมือนที่นางอยูตอหนาพระองค เอา
แตเงียบ
ตองพูดวา เปนไปไมไดที่ฮองเฮาจะดูอะไรไมออก!
หลินซูอินนั่งอยูดานบน พอฟงลูสวินอี้พูดจบ ก็นิ่งเงียบไป ไมสงเสียงใดๆ
ลูสวินอี้ขมวดคิ้วเล็กนอย หลุบตาลง กอนพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องอื่นๆ ชักชาได แตมีเรื่องหนึ่งตองรีบคิดหาวิธี”
หลินซูอินคอยเงยหนามองดูเขา พลางเอยปากถาม “เรื่องอะไร?”
“ทานตูถูกราชสํานักจับขังไว เราตองรีบชวยนางออกมา เรื่องนี้เรงดวน ไมอาจ
ชักชา หาไมแลวอาจเกิดผลเสียกับทานตูมากกวาผลดี”
ลูสวินอี้เห็นนางเอยปากก็คอยโลงใจ เขาชัดเจนในความสัมพันธของนางกับหมิงออง
ดี กลัวแตวานางจะเพิกเฉย ไมฟงและไมถาม
“ทานตู?” หลินซูอินเลิกคิ้ว “บาดเจ็บสาหัสหรือ?”
“ไมใชปญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ แตเปนราชสํานัก ขากังวลวาราชสํานักอาจลงมือ
กับนาง กระทั่งอาจลงมือไปแลวดวยซ้ํา!” น้ําเสียงลูสวินอี้เครงเครียดสุดจะเปรียบ
“อะไรนะ? ราชสํานัก?” หลินซูอินลุกขึ้นยืน “เจาหมายความวาอะไร?”
ลูสวินอี้ขมวดคิ้วแนน ทาทางกลุมหนัก
“ไดยินวาครั้งนี้เพราะสํานักเตาอางสถานะทานตู บีบใหราชสํานักถอยใหกาวหนึ่ง
ทําเรื่องใหญใหเปนเรื่องเล็ก ซึ่งขืนเปนเชนนี้ตอไป เพื่อศักดิ์ศรีของราชวงศและทานออง
แลว ฝาบาทอาจกําจัดหัวหนากลุมอิทธิพลมืดอยางทานตูเปนการลับๆ ก็เปนได”
หลินซูอินขมวดคิ้ว แววตาพลันวูบไหว เพราะรูสึกวาคําพูดของลูสวินอี้มีความ
เปนไปได
“อีกอยาง ทานตูยังเปนศิษยทรยศของสํานักเตา ราชสํานักไมสามารถปกปองทานตู
จากขอกลาวหานี้ได
ขณะเดียวกันก็ไมสามารถสงทานตูกลับไปใหสํานักเตา เพราะจะทําใหสํานักเตาได
หนา เชนนี้ การกําจัดทานตูอยางลับๆ จึงเปนวิธีแกปญหาที่ดีที่สุด!”
ลูสวินอี้เงยหนา “พระชายา ทานตูตายไมไดเปนอันขาด ทานอองสงนางมาเมือง
หลวงเพื่อทํางานใหญ นางยังตายไมได!”
คําคํานี้ทําใหหลินซูอินรูสึกไมพอใจ จึงมีสีหนาเย็นชา
“นางในสายตาพวกทานมีไวเพียงใชประโยชนเทานั้นหรือ?”
ลูสวินอี้ฟงความหมายนางออก แตก็ไมคิดแกตัวมากความ เพียงวา
“เราไมไดตองการใหเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ดังนั้นจึงมาขอความชวยเหลือจากพระชายา”
หลินซูอินไมปฏิเสธ แตกลับพูดเสียงต่ํา
“ฐานะขาในวังหลวง ทานก็รูดี ขายังสามารถทําอะไรได? เอาอยางนี้ ขาจะทูล
ฮองเฮาให”
“ถาทานยอมชวยทานตู ดีที่สุดควรเปนทานออกหนากอน ในเขตพระราชฐานชั้นใน
แมฮองเฮามีฐานะสูงสุด แตถายุงเกี่ยวกับราชกิจ ก็ยอมมีผลกระทบตามมา ทางที่ดีทาน
ควรยืนยันใหไดกอนวาทานตูยังมีชีวิตอยูหรือไม หากยังมีชีวิตอยู ทานคอยลงมือชวย
หากชวยไมได คอยไปขอความชวยเหลือจากฮองเฮา เชนนี้พอฮองเฮาออกหนา ก็จะ
สมเหตุสมผลกวา”
ลูสวินอี้สายศีรษะ “เรื่องนี้ยงั คงเปนพระชายาออกหนาจัดการจะเหมาะสมกวา”
หลินซูอินเงยหนา สงสัยเปนอยางยิ่งวาตนเองสามารถทําอะไรได
ลูสวินอี้พูดขึ้น “ขอใหทานรีบไปหาจางปงลี่ เขาเปนคนสนิทฝาบาท และเปนหัวเรือ
ใหญในการจัดการเรื่องนี้ ขอเพียงเกลี้ยกลอมเขาได ก็มีความเปนไปไดสูงที่ทานตูจะ
ปลอดภัย เมื่อครูขาก็ไปหาเขามา แตเขาไมยอมออกมาพบ จึงตองมาขอใหทานชวยออก
หนาแทน”
“เมื่อเขาหลบหนาทาน แลวจะยอมพบขาหรือ? หรือไมถาพบหนาขาแลว เขาจะ
ยอมฟงขาหรือ?”
หลินซูอินถามเสียงขรึม
“กระหมอมฐานะต่ําตอย แตทานเปนถึงพระชายาหมิงออง ใตหลานี้ ผูที่กลาปฏิเสธ
เมื่อทานเขาพบถึงที่เห็นทีจะมีนอยยิ่งกวานอย กระหมอมกลารับรองวา จางปงลี่ก็ไมมี
ความกลาเชนนี้” ลูสวินอี้พูดอยางมั่นใจ
พูดมาครึ่งคอนวัน ยังคงวนเวียนอยูแตฐานะพระชายา หลินซูอินรีบกมหนา ไมพูดไมจา
ลูสวินอี้ไมสนใจวานางกําลังคิดอะไรอยู พูดตอ
“หลังจากพบเขาแลว ทานสามารถบอกเขาวา ทานตูเปนผูนํากลุมเยาวชนในหมิงจู
ถาตองตายดวยน้ํามือราชสํานักจริง กลุมเยาวชนตองเกิดเหตุวุนวายใหญแน และเปนไป
ไดสูงที่จะมีคนใชเหตุนี้อางในการสวามิภักดิ์คนเถื่อน เชนนี้สถานการณในหมิงจูยอม
เลวรายลงอยางแนนอน!”
“พูดแคนี้หรือ?” หลินซูอินถามเสียงขรึม “หรือผลที่ตามมาเหลานี้ราชสํานักก็คิดไมได?”
“ทานตองรูไววา ในสายตาราชสํานักแลว กลุมเยาวชนไมนับเปนตัวอะไร เทียบ
อะไรไมไดกับสํานักเตา หมิงจูกลายเปนเขตยึดครองแลว ถึงวุนวายขึ้นมา ก็ไมมีผลตอ
สถานการณโดยรวม พวกเขากับเราไมเหมือนกัน เราผูกพันกับหมิงจู ยอมไมยอม
ปลอยหมิงจูไปงายๆ ดังนั้นแมพวกเขารูผลที่ตามมา ก็จะไมสนใจอะไร”
เปลวเพลิงวาบผานแววตาลูสวินอี้
“ดังนั้น ยังคงขอใหพระชายาบอกกับจางปงลี่วา ในสายตาทานออง ทานตูเพียงคน
เดียวสําคัญกวาจางปงลี่สิบคน ถาเขากลาฆาทานตูจริง ก็หมายความวาไมเห็นความ
ยากลําบากของทานอองในหลายปที่ผานมาอยูในสายตา ไมสนใจความปลอดภัยของ
ทานออง ความแคนที่ยิ่งใหญเชนนี้ ถาทานอองโชคดีรอดชีวิตกลับมาได เขาตองไดรับ
โทษประหารเกาชวงโคตร ไมเวนแมสุนัข!”
หลินซูอินอาปากนอยๆ พูดเชนนี้เลยหรือ?
“แลวถาการขมขูเชนนี้ไมไดผลเลา? จางปงลี่ไมพบทาน ก็สามารถบอกขาไดเชนกัน
วาเปนคําสั่งของฝาบาท” หลินซูอินติง
ลูสวินอี้กมหนา พลางพูดเสียงต่ํา
“ถาเขาตั้งใจเปนศัตรูกับทานอองจริง ก็ขอใหพระชายารีบเขาเฝาฝาบาท”
“อะไรนะ ใหขาเขาเฝาฝาบาท?”
หลินซูอินตกใจ ใหพบจางปงลี่ยังพอไหว ดวยชั่วชีวิตนี้ ผูที่นางไมอยากพบที่สุดยอม
เปนองคจักรพรรดิ
“พะยะคะ ขอเพียงพระชายาเขาเฝาฝาบาท ตองสามารถเปลี่ยนความคิดของฝา
บาทไดอยางแนนอน!”
ลูสวินอี้พูดอยางมั่นใจ พูดจบ ก็คุกเขาลง
“โปรดชวยเหลือดวย ตอนนี้ทานอองรูเ รื่องในเมืองหลวงแลว ขอเพียงสามารถทําให
เรื่องบางอยางนิ่งลงทานอองยอมตองมีวิธีจัดการ!”
สําหรับหลินซูอินแลว การอยูในวังหลวงเปนเรื่องที่กดดันจริงๆ
หากเปนไปได นางไมขอเหยียบเขามาอีกชั่วชีวิต
ยังไมตองพูดถึงสภาพในตอนนี้ที่ตองวิ่งวุนอยูในที่แหงนี้
ยิ่งถาอยูในสถานการณแยงชิงบัลลังกแลว สถานะในพระราชฐานชั้นในของนางก็ถือ
วาใหญโตไมนอย
ทามกลางเสียงนกกระจอกแตกรัง และเงารางที่เคลื่อนไหวออนแอนในทุกซอกทุก
มุมของที่แหงนี้
การปรากฏตัวของนางยอมดึงดูดสายตาที่มองมาอยางผิดปกติและประหลาดใจ
นางเปนผูบําเพ็ญเพียร ความสามารถในการฟงยอมไมธรรมดา
กระทั่งไดยินอยางชัดเจนหลังเดินผาน ถึงการซุบซิบเรื่องเกี่ยวกับนางของกลุมคนใน
ที่ตางๆ
ในคําพูดเหลานั้นมีบางคําที่หยาบคาย
เชน ลูกสาวโจรกบฏอะไร ยังมีหนามาเดินเชิดอยูในวังอีก?
หรือ เสียทีที่เกิดมามีความสามารถ แตดันไมรูจักรักตัวเอง...
หรือแมแตการกระเซาเยาแหยกันเรื่องชะตาเจาฟาเจาแผนดินของนาง
แตไหนแตไรมา นางไมเคยอยากแตงกับเชื้อพระวงศ เพราะรูอยูวาหญิงสาวในวังมี
ชีวิตที่นาเศราเพียงใด
วันนี้จึงถือเปนประสบการณ ยังดีที่นางแซหลิน และเปนลูกสาวโจรกบฏ ถึงมีคน
สนใจในตัวนางแคไหน ก็ยังไมมีใครกลาเขามาพูดยั่วยุอารมณนางโตงๆ ดวยเกรงวาถา
เขามามีปฏิสัมพันธกับนางทามกลางสายตาสาธารณะชนเชนนี้ อาจนํามาซึ่งความ
เดือดรอนได ขอนินทาลับหลังดีกวา
นางจึงไดแตทําไมรูไมเห็น รวบรวมสมาธิ เดินไปขางหนาภายใตการนําของสาวใชในวัง
แตในที่สุดก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได
ดานหนาปรากฏผูคนขบวนหนึ่ง สาวใชในวังที่เดินนําหนารีบขยับเขาดานขาง โคง
ตัวทําความเคารพ
เหมือนกอนหนานี้ หลินซูอินเงยหนามองผูซึ่งอยูกลางขบวน นางมีอายุราวสามสิบ
เศษ ใบหนางดงามและหรูหรายิ่ง ขางกายรายลอมไปดวยคนรับใช คิดวาถาไมใชพระ
สนมก็ตองเปนนางใน จึงรีบกมศีรษะทําความเคารพ นางยอมจําคนในวังไดไมหมด แต
ยังพอแยกแยะสถานะจากการแตงกายได
เห็นชัดวาพระสนมนางในผูนี้กําลังจองมองมายังตน ตลอดทางเดินนางก็ถูกมองดวย
สายตาเชนนี้นับครั้งไมถวน จึงไมสนใจ คิดวาก็คงเหมือนครั้งที่ผานๆ มา รอใหผานไปก็
พอ
ใครเลาจะคาดคิด ขณะขบวนกําลังจะผานนางไปนั้น พลันมีเสียงดังขึ้น
“เอะ ทานนี้ก็คือชายาหมิงอองผูเลื่องชื่อละบือไกล แมนางหลิน หลินซูอินใช
หรือไม?”
หลินซูอินอึ้งเล็กนอย ไมคิดวาที่สุดแลวก็มีคนเขามายุงกับตนจนได จึงเงยหนาขึ้น
มองผูสูงสงที่เอยปาก พลางเห็นสายตาที่มองดูตนจากหัวจรดเทา
หลินซูอินไมชอบสายตาเชนนี้ แมคําพูดของนางฟงดูไมมีปญหา แตหลินซูอินไมโง
คําวาเลื่องชื่อละบือไกลไมใชคํายกยองสรรเสริญแน คําวาแมนางหลิน ก็มีนัยยะกระแนะ
กระแหนอยู
แตหลินซูอินไมอยากกอเรื่อง จึงเพียงทําความเคารพ
“ถวายบังคมพระสนม!”
“ชางกลา รูกฎที่นี่หรือไม พระสนมหลันถาม ไฉนไมตอบ!”
ผูสูงสงยังไมทันเอยปาก ผูรับใชขางกายพลันตวาดแวดใสตนเสียนี่
หลินซูอินขมวดคิ้ว เหลือบมองผูรับใชแลวหันมองผูสูงสง ซึ่งมีแววตาออนโยนลง ไม
สํารวจมองรูปรางตนอีก แตกลับมองใบหนาตน พลางยิ้มนอยๆ ที่มุมปาก
“ชะตาเจาฟาเจาแผนดิน เห็นจะจริงดังคําร่ําลือ ไมเพียงงามระดับประเทศ ยังมี
บารมีสูงสงคับจักรวาล!”
หลินซูอินขมวดคิ้วอีกครั้ง “มิกลา มิไดเปนดังคําชมของพระสนม!”
“หึ! เปนไดสิ เปนได เทียบกับหญิงสาวสูงศักดิ์ดวยกันแลว ยังมีใครเลิศไปกวาเจา
อีก? แตขาจะบอกอะไรไวอยาง แมมีชะตาเจาฟาเจาแผนดินจริง ก็ตองระวังคําพูดและ
กิริยา จะแปดเปอนและทําตามอําเภอใจเหมือนกอนไมได ในวังเนนเรื่องความบริสุทธิ์
และกฎเกณฑ ชายาหมิงอองควรจําใหขึ้นใจ อยาทําผิดเปนอันขาด!” สนมหลันหัวเราะ
อยางออนโยน
หลินซูอินสบตาสนมหลันครูหนึ่ง ดวงตานางกระจางใส ทําความเคารพอีกครั้งแลววา
“ทูลพระสนม ซูอินถึงเกิดเปนหญิง แตก็ไมเคยกลาลบหลูคําวาบริสุทธิ์ทั้งในอดีต
และปจจุบัน ไมทราบวาที่พระสนมพูดเรื่องทําตามอําเภอใจ แปดเปอนความบริสุทธิ์นั่น
หมายความวาอะไร?”
รอยยิ้มบนใบหนาสนมหลันเจื่อนเล็กนอย ไมคิดวาสถานะเชนหลินซูอินจะกลาตอก
กลับตน ผูรับใชขางกายนางพอเห็นนายไมสบอารมณ ก็รีบกาวออกมา ชี้หนาหลินซูอิน
พรอมตวาด
“สามหาว กลาเสียมารยาทกับพระสนม สมควร...”
ปง!
ผูรับใชยังไมทันพูดจบ รางก็ลอยควาง กอนตกลงบนสวนดอกไมที่อยูไกลออกไป ไม
รูเปนหรือตายอยางไร นาทีถัดมา ที่เกิดเหตุเงียบกริบ คนในขบวนทั้งสองแถว และผูคน
ที่เฝาดูอยูรอบๆ ลวนตะลึงงัน
“กรด!”
“มีคนราย!”
“พระสนมระวัง!”
“องครักษละ รีบไปจับคนรายเร็วเขา!”
จากนั้น ที่เกิดเหตุก็วุนวาย เต็มไปดวยความกระอักกระอวนใจ
“เจาเปนใคร กลาใชวรยุทธตอหนาขา กลามาก!”
หนาสวยๆ ของสนมหลันพลันถอดสี แตบารมีที่สั่งสมมาหลายปทําใหนางสงบนิ่งได
อยางรวดเร็ว โดยเฉพาะสายตาที่จองมององครักษผูพลิ้วกายมาอยูตรงหนานาง สีหนา
เย็นชาของนางดูนาเกรงขามเปนอยางยิ่ง
ใครกัน?
ยอมเปนลูสวินอี้!
เขายืนอยูในที่เกิดเหตุ สีหนาสงบนิ่ง จองมองมายังสนมหลัน สักพักคอยยกมือขึ้นคารวะ
“พระสนม กระหมอมลูสวินอี้แหงจวนหมิงออง”
“ลูสวินอี้...”
สนมหลันที่เตรียมอาปากพูด กลับหุบปากลงในพริบตา ดวงตาวูบไหววาบ สีหนาดูไมได
“ที่แทเจาก็คือลูสวินอี้ผูตัดศีรษะปรมาจารยชาวฉี ขาเคยไดยินวาเจามีความเกงกลา
สามารถที่โดดเดน ดูยิ่งใหญมากจริงๆ แตไดยินวาเจาเปนแคแมทัพเล็กๆ ในจวนหมิง
ออง หมิงอองจึงไมไดสอนเจาใหเคารพกฎเกณฑขณะอยูในที่ประทับขององคจักรพรรดิ
หรืออยางไร เจาถึงไดทําตามอําเภอใจเชนนี้”
ลูสวินอี้แววตานิ่ง ตอบเสียงเบา
“ผูแซลูยอมรูสถานะตนเองดี หรือพระสนมคิดวาเมื่อผูแซลูเห็นนายหญิงถูกลบหลู
แลวเพิกเฉยคือการเคารพกฎ? ขออภัย จวนหมิงอองเราไมมีกฎนี้จริงๆ แตผูแซลูก็อยาก
บอกพระสนมไวอยางวา หมิงอองเปนผูมีบุญญาธิการแหงยุค เปนโอรสของมารดาแหง
แผนดิน ไดรับการแตงตั้งใหเปนองคชายในราชสํานัก และการเสกสมรสของหมิงอองกับ
พระชายา ฝาบาทเปนผูพระราชทานดวยตนเอง ดังนั้นวาดวยเรื่องฐานะ นอกจากองค
ชายและฮองเฮาแลว ไมนามีผูใดกลาลบหลูพระชายา แตวาคนของพระสนมวันนี้อาศัย
บารมีผูใดไมทราบ ถึงไดกลาทําตามอําเภอใจตอหนาพระชายา”
“หยุดพูดจาเลอะเทอะเดี๋ยวนี้!” สนมหลันโกรธ
ลูสวินอี้กลับหันกาย คุกเขาขางเดียวใหหลินซูอนิ
“พระชายา กระหมอมเสียมารยาทสังหารคนเลวไป แตกับสถานการณวุนวาย
ในตอนนี้ ยากที่จะรับประกันไดวาจะมีผูไมรูฟาสูงแผนดินต่ํามารบกวนอีกหรือไม เชิญ
พระชายาเสด็จ!”
หลินซูอินมองดูลูสวินอี้ที่คุกเขาขางเดียวแลวก็คอยๆ สงบสติอารมณ ที่สุดก็พยัก
หนา หันกายเดินจากไปโดยไมมีใครกลาขวาง!
สนมหลันมองดูแผนหลังของพวกเขา พลางกัดริมฝปากแนน วันนี้นางเสียหนาอยาง
ไมตองสงสัย
“พระสนมๆ ซุนฝูเสียชีวิต เสียชีวิตแลว...” เสียงเอะอะโวยวายดังมาแตไกล
คนของสนมหลันตางตื่นตกใจ คอยนึกถึงคําพูดเมื่อครูของลูสวินอี้ ‘สังหารคนเลวไป’
เขากลาลงมือสังหารคนจริงๆ!
ทุกคนตางตัวสั่นงันงกขณะมองตามแผนหลังนั้น
สีหนาสนมหลันซีดขาวในพริบตา รีบหันมองรอบดาน หลังเห็นมีคนมองดูอยูเต็มไป
หมด ก็โมโหจนหนาแดง ตวาดเสียงดัง “ไป!”
ตอน 285 ฟนปายสํานัก
“ปใหมแลว จุดปะทัดแลว!”
เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กๆ ดังขึ้นพรอมๆ กับเสียงประทัดลูกแรก ตามดวยลูก
ตอๆ มา ดังทั่วทองฟายามค่ําคืน
มอไปอยูห างจากเมืองเล็กๆ แหงนี้พอควร และกําลังยืนเงียบๆ อยูบนที่สูงกลางลม
หนาว มองดูเปลวไฟที่ถูกจุดขึ้นเปนจุดๆ ในราตรีที่มืดมิด
ทัศนวิสัยการมองของเขาดีมาก อาศัยแสงจากเปลวไฟ ก็สามารถเห็นเด็กๆ กระโดด
โลดเตนไปมารอบๆ ประทัด กอนจะถูกผูหญิงทั้งหลายลากเขามาไวในออมอก แลวยก
มือปดหูให
เห็นรอยยับยนบนใบหนาของคนชราขณะนั่งพิงกรอบประตู
รวมทั้งเห็นชายหนุมหลายคนอมยิ้ม บางนั่งยองๆ บางยืนมองอยูไมไกลจากประทัด
มอไปคอยๆ เงยหนามองไปยังที่ๆ ไกลออกไป ที่นั่นก็คงมีเปลวไฟลุกไหมกลาง
อากาศเชนเดียวกัน แมมองไมเห็นทาทางของผูคน แตคิดวาก็คงไมแตกตางจากเมือง
เล็กๆ มากนัก
“คืนสงทายปเกาแลว...”
สีหนาเย็นชาของมอไปคอยๆ อบอุนขึ้น แววตาเครงเครียดคมกริบในลมหนาวคอยๆ
ออนโยนลง พึมพําออกมาเบาๆ กอนพลิ้วกาย ดีดตัวขึ้นนั่งบนกิ่งไมของตนไมเกาแกตน
หนึ่งบนเนินเขา
มองดูแสงจากดวงไฟมากมายตรงหนา ฟงเสียงโปงปางของประทัดเงียบๆ คนเดียว
ในปาลึก
แปลกมาก มอไปมิไดรูสึกอางวางแตอยางใด มุมปากคอยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เพียง
พอที่จะบงบอกวาเขากําลังอารมณดี
เสียงประทัดคอยๆ สงบลง เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กๆ ก็คอยๆ เงียบหายไป
บรรยากาศเงียบสงัดอีกครา ราวกับวาสิ่งที่เห็นเมื่อครูเปนเพียงภาพฝน
มอไปยังไมจากไป ยังคงนั่งอยูบนตนไมเกาแก มองภาพตรงหนาเงียบๆ อยูอยางนั้น
ถึงไมมีเสียงประทัด ไมมีเสียงเด็กๆ แตดวงไฟจากบานเรือนหลายหลังยังไมดับลง เขาจึง
ไมอยากจากไป
แมเปนชั่วเวลาสั้นๆ เพียงปเดียว แตมอไปกลับรูสึกวานานมาก นานมากแลวที่เขา
ไมไดเห็นการเปดดวงไฟมากมายเนื่องจากสมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกันเชนนี้
“ตองดีขึ้น ตองดีขึ้นแนนอน ขารับรอง...”
ไมรูวามอไปนั่งอยูบ นตนไมเกาแกนานเพียงใด มุมปากถึงมีเสียงเล็ดลอดออกมาเบาๆ
จากนั้นเขาจึงกระโดดลงมายืนนิ่งบนพื้นดิน มองดูดวงไฟที่อยูไกลออกไปอีกครั้ง
รอยยิ้มนอยๆ ที่มุมปากขยายกวางขึ้น ดวงตาคลายทอประกายวิบวับ
แหงนหนามองทองฟา แลวจึงหันกาย มองดูภูเขาสูงที่อยูตรงหนา เก็บรอยยิ้มลง
ชาๆ ประกายตาเจือจาง พลิ้วกายหายวับไปกับตา
ทิ้งดวงไฟจากบานเรือนไวดานหลัง เปลงรัศมีปณิธานอันแรงกลามารวมกันตรงหนา
ไมคอยเห็นมอไปใชกระบี่ แตตอนนี้ ภูเขาสูงตระหงานนั่น คลายเปลงแสงเย็นยะ
เยียบออกพรอมๆ กับการหายไปอยางสายฟาแลบของรางที่เย็นเขากระดูก!
สํานักใบไผ!
ตัวอักษรจากปลายพูกันที่ใหความรูสึกสวยงามและแข็งแกรง ทําใหปายแนวขวางที่
วางอยูบนเสาซึ่งทําจากตนไผคลายลอยอยูกลางอากาศ ฝมือสลักปายชื่อสํานักที่พลิ้ว
ไหวดุจใบไมบินบนประตูทางเขา บงบอกถึงบารมีอันยิ่งใหญเกรียงไกร
แมดึกดื่นค่ําคืน ก็ยังเปลงบารมีใหเห็น
หลังประตูทางเขา เรียงรายดวยตะเกียงน้ํามันตามทางเดินอยางเปนระเบียบ ให
ความรูสึกโบราณและลึกลับ ซึ่งตอนนีม้ ีศิษยรุนเยาวสองคนนั่งสมาธิอยูที่เสาประตูใต
ตะเกียงน้ํามัน เหมือนกําลังหลับตาโคจรพลัง แมมีปาไผเปนแนวกําแพงกั้นลมหนาว แต
ศิษยผูสวมเสื้อผาเนื้อบางทั้งสองก็ไมยี่หระลมหนาวยามขึ้นสิบหาค่ํา ทั้งสองยังคงมีสี
หนาสงบนิ่ง เห็นแลวรูสึกไดวาทั้งสองไมธรรมดา
สมแลวที่เปนนักพรตบนภูเขาเซียน ภาพพจนของสํานักที่เห็นในแวบแรกก็ทําให
รูสึกนาเกรงขามแลว
แตเห็นชัดวา ถึงภาพพจนไมธรรมดาอยางไร ก็ไมสามารถสรางความตื่นกลัวใหกับผู
ที่ยืนนิ่งอยูหนาประตูอยางมอไป
ลมหนาวพัดหวีดหวิว มอไปในชุดดํา มือกุมกระบี่มรกตยาวสามเชียะ เปลงประกาย
เย็นยะเยียบทามกลางแสงริบหรี่ของตะเกียงน้ํามัน!
เมื่อเสื้อผาชุดยาวและเสนผมของเขาพลิ้วไหวตามแรงลมขณะเคลื่อนไหวทาราง
กลางอากาศ ศิษยทั้งสองของสํานักคอยรูสึกตัว
ทั้งสองลืมตาขึ้นเกือบพรอมกัน แววตามีความงุนงงอยูบาง หันมองไปที่ปาไผ
เห็นดานหนาคลายมีคนคนหนึ่งยืนไรสุมไรเสียงอยูนอกประตู กุมกระบี่อยูในมือไม
ไกลจากพวกเขานัก และกําลังแหงนหนามองปายชื่อสํานัก จึงสงเสียงตกใจโดยไมรตู ัว
“หือ?”
เห็นชัดวาพวกเขาตื่นตระหนกอยูพักหนึ่ง ดึกขนาดนี้แลวยังมีคนมา อีกทั้งมาถึง
ตรงหนานานแลว แตพวกเขากลับไมรูตัว
ทั้งสองหันมองตากัน เมื่อมั่นใจวาตางไมไดตาฝาด หนาพลันถอดสี รูทันทีวาผูที่
สามารถบําเพ็ญเพียรไดถึงขั้นที่ยืนอยูตรงหนาทั้งสองไดโดยที่ทั้งสองไมรูตัวนัน้ ตองเปน
ผูสูงสงของสํานักแน
จึงรีบลุกขึ้นยืน โคงตัวใหมอไปพรอมกัน
“ไมทราบผูอาวุโสทานใดมาถึง ศิษยไมทันตอนรับ ตองขออภัยดวย”
น้ําเสียงกังวานใส แสดงความเคารพนอบนอม
เพียงแตทั้งสองยังคงโคงตัวอยูโดยไมมีเสียงตอบใดๆ
ทั้งสองจึงเงยหนาขึ้น ถึงเห็นอยางชัดเจนวา ผูที่อยูตรงหนาคลายมิใชผูอาวุโส แต
เปนชายหนุมคนหนึ่ง
ทั้งสองจึงโลงอก แตกลับเครียดเมื่อเห็นกระบี่ในมือเขาเปลงแสงเย็นยะเยียบ ให
ความรูสึกเย็นชาและนากลัว
ทั้งสองหรีต่ ามอง แลวหันมาสบตากันอีกครั้ง พยายามชะเงอมองผูม า กลับเห็นเขา
แหงนหนามองปายชื่อสํานักอยูอยางนั้นโดยไมขยับแตอยางใด ทวาทั้งสองก็ยังยากที่จะ
เห็นใบหนาผูมาชัดเจน
เมื่อแนใจแลววาพวกตนปลอยไก ฝายตรงขามไมใชผูอาวุโส แตเปนชายหนุม ทั้ง
สองก็หนาเปลี่ยนสีจนแทบดูไมได แตติดที่ผูมาสามารถปรากฏตัวอยางไรสุมไรเสียง ทํา
ใหพวกเขาไมกลาบุมบาม เพียงทําหนาตาขึงขัง พูดเสียงเขม
“ไมทราบเปนสหายเตาทานใด กลาถือกระบี่อยูหนาประตูสํานักเรา หรือไมรูวานี่
เปนการไมใหความเคารพ? ขอใหสหายเตารีบเก็บกระบี่ลงเสีย!”
แนนอนวามอไปไมเก็บกระบี่อยูแลว เขากมหนาลง หันมองศิษยทั้งสอง กอนพูดจา
สบายๆ
“ไป ไปเรียกเจาสํานักของพวกเจาออกมารับความตาย!”
ในความมืด ทั้งสองเห็นใบหนามอไปแลว แตยังไมรูสถานะของมอไป หรือพูดไดวา
ตอนนี้ พวกเขาไมมีจิตใจจะดูใหถี่ถวนแลววาคนผูนี้เปนใคร ทั้งสองถูกคําพูดตีแสกหนา
จึงรูสึกขุนเคือง คนผูนี้วาอะไรนะ ใหทานเจาสํานักออกมารับความตายหรือ?
“สามหาว!” คนหนึ่งตอบโตเร็วกวา ดวยความโกรธกําลังพลุงพลาน ชักกระบี่ออกชี้
หนามอไป พลางแผดเสียงดังทันที
“กลาดีอยางไร มาลบหลูเจาสํานักขา ไมวาเจาเปนใคร ยอมตองตายอยางไมตองสงสัย!”
พูดจบก็วาดเทาออก ทะยานรางขึ้น พุงกระบี่เขาใสตําแหนงหัวใจของมอไป
จนถึงตอนนี้ อีกคนคอยตื่นตัว ชักกระบี่ออกทันที และพุงเขาสังหารเชนกัน
ถึงขั้นนี้แลว ยังตองพูดอะไรกันอีก?
ปง!
แตแลว เขายังไมทันลงมือ ก็ไดยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแนวกําแพงปาไผถึงกับ
สั่นสะเทือน
เขาเงยหนาขึ้นตามสัญชาติญาณ เห็นปายชื่อสํานักที่แขวนมาเปนรอยป แหลก
ละเอียดไมเปนชิ้นดี เศษไมปลิววอนไปทั่ว!
ศิษยผูนี้คลายวิญญาณหลุดออกจากรางในพริบตา สีหนาซีดขาว รางสั่นเทิ้มไมหยุด
สํานัก ปายสํานักถูกคนใชกระบี่เลมหนึ่งทําใหแหลกละเอียดตอหนาตอตาเขา...
“ยิ่งใหญตรงไหน?” มอไปพูดสบายๆ
“อองอยางขาถึงไมใชกระบี่ ก็ลงโทษสํานักใบไผได!”
พอไดยินคํานี้ ศิษยที่พุงเขามากอนไดแทงกระบี่มาถึงหนาอกมอไปแลว เขาพลัน
ตกใจ แตยังรักษาความเคยชิน แทงเขาใสมอไป
มอไปเหมือนไมรูตัว ยกเทาขึ้น ขณะรังสีฆาฟนระเบิดออก ปายหยกบนเสื้อยาว
สั่นสะเทือน
พลังปราณกระจายออกจากรางกาย ทําใหศิษยที่จูโจมเขารองเสียงหลง รางกระเด็น
ออกเร็วกวาตอนพุงเขา มอไปมิไดประมือกับเขา เพียงรางเสมือนหนึ่งลูกธนู พุงขึ้นอยาง
รวดเร็ว ราวยายกาย หายไปในอากาศ
ผลั่ก!
เสียงดังลั่นอีกครั้ง รางของศิษยผูนั้นชนเขากับแนวกําแพงปาไผ พนโลหิตสดๆ ออก
กอนลวงลงสูพื้น ไมรูเปนตายรายดีอยางไร
ลมหนาวยังคงพัดหวีดหวิว ศิษยที่ยังไมทันลงมือ รูสึกเปนครั้งแรกวาตนใสเสื้อผา
นอยไป ความหนาวแทรกซึมไปทั่วราง ตัวสั่นงันงกอยางหยุดไมได
เขาชะเงอมองศิษยรวมสํานักที่ไมรูยังมีชีวิตอยูหรือไม กอนมองแนวกําแพงตนไผที่
หักโคนและโอนเอนไปมาทําทาจะลมไมลมแหล สุดทายจึงหันมองที่ที่มอไปยืนอยูเมื่อครู
จากนั้น เขาก็ลมตัวลง ไมไดสติสมประดี
บนยอดเขาตนไผ มีวิหารขนาดใหญตั้งอยู มองเห็นแสงไฟสวางไสว
เหลาเซียนกําลังสุขสําราญ กลิ่นหอมของสุรากําจายไปทั่ว!
ภายในวิหารทองคําที่ปกติมีแตความเงียบสงบ บัดนี้กลับมีเสียงผูคนดังจอแจ ทําให
วิหารอันกวางใหญแคบลงถนัดตา เพราะเต็มไปดวยผูคนที่นั่งอยูท ั้งดานบนและดานลาง
เนื่องจากคืนนี้เปนคืนสงทายปเกา นักพรตผูบําเพ็ญเพียรในสถานที่นี้ อยางไรก็ยัง
เปนมนุษยปุถุชน ยอมไมลืมที่จะสืบทอดประเพณีเกาแกที่มีมาเปนพันป
คืนนี้ผูที่มารวมตัวกันในวิหารทองคําบนยอดเขาตนไผลวนแลวแตเปนบุคคลสําคัญ
ในสํานักใบไผทั้งสิ้น ผูที่นั่งอยูดานบนรวมสิบคน ก็คือผูสูงสง ถามิใชผูซึ่งมีทาทีระดับเทพ
เซียนสํารวมกายใจ ก็เปนผูซึ่งมีรัศมีบารมีระดับปรมาจารยอยางไมตองสงสัย
สวนดานลางของวิหารมีแตคนรุนใหมที่เปยมพลังกระฉับกระเฉงและกําลังแขงกัน
อยางดุเดือด แตละคนตางมีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงไมยอหยอนไปกวากัน ตางสําแดงเดช
ประลองฝปากกันอยางเต็มที่
ลางลงไปยังมีศิษยอีกรอยกวาคนนั่งอยูกับโตะยาว กําลังตั้งใจฟงการอภิปรายบน
เวที พรอมทั้งคอยฟงปรมาจารยและผูอาวุโสที่อยูดานบนแสดงความคิดเห็น
เพียงแตพอกวาดตามองอยางคราวๆ ในครั้งแรกก็จะรูสึกวาสํานักใบไผนั้นไม
ธรรมดาจริงๆ นอกจากความภาคภูมิใจที่เปนหนึ่งในสิบสํานักใหญแลว ปรมาจารยทั้งสิบ
ทานยังมีวรยุทธที่จัดวายอดเยี่ยม มีศิษยรุนใหมกวารอยคนที่เกงกลาสามารถ
ภาพลักษณเชนนี้ จะไมสูงสงอยางไรได
ผูที่นั่งอยูดานบนและมีบารมีสูงสงสุดจะเปรียบเห็นทีไมมีใครเกินผูอาวุโสที่กําลังนั่ง
หนาแดง จองมองเหลาศิษยที่กําลังโตคารมอยูดานลาง ขางกายเขายังมีผูอาวุโสทานหนึ่ง
ซึ่งเปยมรอยยิ้มอยูเต็มใบหนาขณะพูดเสียงต่ํา
“ยินดีดวยทานเจาสํานัก เกรงวาอีกไมกี่ป จวินเสียนก็คงไดเปนอาจารยสมใจ สํานัก
ใบไผเราจะมีผูบรรลุในระดับอาจารยที่มีอายุต่ํากวาสี่สิบจริงๆ ก็คราวนี้!”
ไมผิด ผูอาวุโสหนาแดงทานนี้ก็คือเจาสํานักใบไผ ฉางคุน ปรมาจารยชื่อเสียงโดงดัง
ในลําดับตนๆ ตอนนี้พอไดยินคําพูดเชนนี้ก็รูสึกยินดียิ่ง แตยังคงสายหนาแลววา
“จวินเสียนเปนคนมีพรสวรรค ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย อนาคตมีแววไดเปนอาจารย
แตจะไดเปนกอนอายุสี่สิบหรือไมนั้น ขาก็ยังบอกไมได โดยเฉพาะยังมีเหมยอวิ๋นชิงทีม่ ี
พรสวรรคล้ําเลิศ อีกทั้งไดรับการชี้แนะจากจอมยุทธเหมย ผูเปนบิดาอีก โชคดีจริงๆ ขา
ไหนเลยจะกลาเทียบกับจอมยุทธเลา? ปลอยใหเปนไปตามธรรมชาติเถิด”
“เจาสํานักอยาไดดูแคลนตนเองไป ถาสํานักใบไผเราสามารถมีสถานที่ดังเชนเขา
ซางชิง ลําพังความสามารถทาน คิดวาสามารถบรรลุขั้นหลุดพนไดไมยาก ตามความเห็น
ขา ไมแนวาจวินเสียนอาจเหนือกวานักพรตเหมยดวยซ้ํา ถาเปนเชนนี้จริง ก็จัดวาเปน
เรื่องนายินดีแหงยุคของสํานักใบไผเรา!”
ผูอาวุโสอีกคนพูดขึ้นอยางยินดีปรีดา พลางพยักหนาไมหยุด
ตอน 286 กลาอกตัญูตอ อองอยางขาหรือ
พอเจาสํานักไดยิน ก็หนาแดงขึ้นอีก เห็นไดชัดวา พอพูดถึงความสามารถที่
เหนือกวาจอมยุทธของเขา เขาก็อดไมไดที่จะรูสึกดี แตพลันนึกอะไรไดอยาง จึงถอน
หายใจเบาๆ แลววา
“จวินเสียนอาจโชคดีจริง แตเกรงวากําลังอยูในชวงที่ไมเหมาะสม ดวยตอนนี้ใน
กลุมคนรุนใหม กลับไมใชยุคทองของเหมยอวิ๋นชิงอีกตอไป ผูที่เหนือกวานางก็คือ
หมิงออง ซึ่งมีอายุเพียงยี่สิบตนๆ เทานั้น หนําซ้ํายังบําเพ็ญเพียรไดไมดอยไปกวาเราๆ
อีก...เฮอ...จวินเสียนจะสูไดอยางไร?”
ผูซึ่งเอยปากพูดขึ้นกอนในตอนแรก หรือก็คือหูเทียนหลุน ผูคุมกฎของสํานัก พอได
ยินคําวาหมิงอองก็รูสึกไมพอใจ จึงพูดขึ้น
“ศิษยพี่เหตุใดถึงพูดเชนนี้? หมิงอองนั่นยังเด็กอยูเลย และเพราะใชวิชานอกรีต ถึง
ไดดูเกงกลาสามารถ ใชความรุนแรงเขาขมเชนนี้จะเทียบกับพวกเราไดที่ไหน? อีกทั้งวิชา
นอกรีตพวกนี้ก็ใชตบตาผูคนเพื่อสรางบารมีจอมปลอมเทานั้น เกรงวาอีกไมนานพอหาง
โผล สภาพก็คงดูไมจืด ศิษยพี่ไมควรนํามาคิดใหรกสมอง”
“ศิษยพี่หูพูดถูกตองที่สุด สํานักเตาที่มีมาเปนพันๆ ปยังไมเคยไดยินวามีคนอายุ
ยี่สิบกวาสําเร็จเปนปรมาจารยได หมิงอองนัน่ ตองเปนพวกมารนอกรีตแน ศิษยพี่จะนํา
เครื่องเคลือบไปเปรียบกับกระเบื้องแผนทําไม? สํานักใบไผเรามีรากฐานมายาวนาน มี
คนเกงมากมาย มีวีรบุรุษตอสูในสนามรบเพื่อบานเมือง ผูคนตองใหความเคารพนับถือ
อยูแลว สวนหมิงอองตัวคนเดียวนั่น ถึงมีพลังชั่วรายที่แข็งแกรง แลวอยางไร? ศิษยพี่
อยาไดนํามาใสใจ รอใหถึงวันนั้น วันที่ศิษยพี่เจาสํานักบรรลุขั้นหลุดพน อยาวาแตหมิง
อองตัวกระจอยรอยเลย แมฮองเตเองก็ตองใหความเคารพศิษยพี่!”
มีคนยกจอกสุราขึ้น หัวเราะราแลววา
“ไมผิด สํานักใบไผกอตั้งมารอยกวาป จักตองเจริญรุงเรืองในเร็ววันนี้แน ทุกทาน ดื่ม!”
ปง! อยางไมคาดคิด นอกวิหารพลันมีเสียงดังกัมปนาท
ผูสูงสงที่อยูดานบนมีความสามารถในการไดยินไมออนดอย จึงรูสึกงงเล็กนอย สวน
ผูคุมกฎหูเทียนหลุนสีหนาไมสูดีเปนคนแรก จึงพูดขึ้น
“ดูเหมือนไมควรใหศิษยในสํานักผอนคลาย เพราะพอผอนคลายก็ไมเครงครัดใน
กฎเกณฑ!”
ศิษยในสํานักรูนิสัยเขาดี จึงไดแตอมยิ้ม คืนสงทายปเกาเปนเวลาที่ควรรื่นเริง ไมมี
ใครอยากทําใหเสียบรรยากาศ จอกสุราจึงถูกยกขึ้น
“พวกเรารูดีวาศิษยพี่เขมงวด แตแหม คืนสงทายปเกาทั้งที หยวนๆ ใหก็แลวกัน
คนทั่วไปก็ยังไมมีขอหามใดๆ นักพรตอยางเราๆ ก็ทําตามธรรมเนียมเขาไป!”
“มีเหตุผลๆ” เหลาศิษยหัวเราะเฮฮา ตางยกจอกสุราขึ้น “เชิญ!”
ทวาใบหนาที่แยมยิ้มกลับมีไดเพียงชั่วขณะ นาทีถัดมา เจาสํานักหนาแดงฉางคุน
เปนคนแรกที่ถือจอกสุรานิ่ง พลันหันมองออกนอกวิหาร
ทําใหศิษยทุกระดับชั้นหนาเปลี่ยนสี หันมองตาม มีคนสงเสียงรองอยางตื่นๆ
“เปนศิษยพี่ทานใดกําลังสําแดงพลัง? ถึงไดมีความรุนแรงขนาดนี้!”
ไมคิดวาคํานี้พอหลุดออกจากปาก ศิษยทั้งหลายก็เริ่มมีสีหนาเครงเครียด
หูเทียนหลุนพลันกวาดตามองในวิหาร กอนลุกพรวดขึ้นสบตากับเจาสํานัก
“ศิษยพี่เจาสํานัก เกรงวาผูมาไมประสงคดี!”
สีหนาฉางคุนเครงเครียดจนถึงขีดสุด แตยังไมจบั อาวุธ เพียงมองไปนอกประตู
พลางเปลงเสียงดังกอง
“ไมทราบวาผูมาเยือนคือผูใด? สําแดงพลังในสํานักใบไผขาเชนนี้ หรือกําลังตําหนิที่
ผูแซฉางมิไดออกไปตอนรับดวยตนเอง?”
นาทีนี้ ศิษยที่อยูดานลางสุดยังไมรูวาเกิดอะไรขึ้น แตผูสูงสงที่นั่งอยูดานบนทั้งหมด
ตางลุกขึ้นยืนไปตามๆ กัน แตละคนพลันหนาเปลี่ยนสี เพราะสัมผัสไดวาผูมาไมประสงค
ดี
เนื่องจากมีรังสีฆาฟนกําลังหลอหลอมขึ้น หูเทียนหลุนทนไมไหว ถลึงตามองพลาง
สงเสียงไมพอใจ
“มีอยางที่ไหน กลาสามหาวอยูนอกวิหารเรา แลวยังกลามาขูเราถึงหนาประตูอีก
รนหาที่ชัดๆ เจาสํานัก รอประเดี๋ยวขาจะจับมันมาให คิดวาสํานักใบไผเราไมมีคนหรือ
อยางไร!”
ดวงตาฉางคุนฉายแววคมกริบขึ้น เขาเอยปากถามแลว แตฝายตรงขามไมตอบ และ
เขายังรูสึกไดวาฝายตรงขามพุงมาที่วิหารดวยความเร็วสูง หากพลังปราณปะทุขึ้นอีก
รังสีฆาฟนตองระเบิดออกแน
แมจอมยุทธมาเอง ก็ไมนากลาขมขูเขาเชนนี้!
จึงตัดสินใจ ไมวาฝายตรงขามเปนใคร เขาลวนไมปรานี จึงพยักหนาใหหูเทียนหลุน
“ได เจาเปนตัวแทนขาไปรับแขกหนอย อยาใหแขกวาสํานักใบไผเราไมรูจัก
มารยาท!!”
“ศิษยพี่คอยดูก็แลวกันวาขาจะเชิญเขามาอยางไร!”
หูเทียนหลุนพลันปลอยพลังปราณทั่วรางออก รางจึงทะยานไปดานนอกทันที
ในที่สุดศิษยที่อยูดานลางก็รูแลววาเกิดเรื่องขึ้น ศิษยสองคนที่โตคารมกันเมื่อครูก็รีบ
แยกยาย หนึ่งในนัน้ คือ เฮอจวินเสียน ที่ดูออนเยาวแตแทจริงอายุสามสิบเศษ เขาหนา
เปลี่ยนสี ยกมือคารวะเจาสํานัก
“อาจารย เหตุใดคนผูนี้ถึงกลาบุกสํานักเราอยางไรมารยาทเชนนี้?”
ฉางคุนยิ้มเย็นชา กอนพูด “ถอยไปดานขาง รออาจารยอาเจาเชิญเขามากอน จักได
รูกัน!”
พริบตานั้นศิษยรุนใหมกลุมหนึ่งพลันยืนขึ้น ทั้งหมดถอยไปดานขาง แลวเริ่มกระซิบ
กระซาบกันวา ผูคุมกฎนาจะลงมือแลว เพียงรอฟงขาวใหญ เชนนี้จะไมใหตื่นเตนได
อยางไร
จากนั้นไมนาน พลันไดยินเสียงคํารามรองอยางเจ็บปวดรวดราวดังลั่น
“อากกก! โจรรายกลาทําลายสํานักขา หากไมสับเจาเปนหมื่นๆ ชิ้น ขาไมเลิกราแน
...อั่ก!”
เหลาศิษยตางตะลึงงันเมื่อไดยินเสียงคํารามลั่น นาทีตอมา ไมเพียงเหลาศิษยที่อยู
ดานลาง ผูสูงสงและผูเยี่ยมยุทธที่อยูดานบนตางก็รอนใจจนวุนวาย
แตพวกเขายังไมทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสียงรองอันนาอนาถที่ทั้งเศราโศกและ
โกรธแคนของหูเทียนหลุนก็ดังขึ้นอีก และคลายดังกองไปทั่วทั้งภูเขา
เหลาศิษยยังไมกลาคาดเดาวาเสียงนี้หมายความเชนไร แตฉางคุนกับพวกหนาถอดสี
ไปแตแรกแลว จึงเปลงเสียงดังอยางไมพอใจ
“ไมไดการ ศิษยนองมีอันตราย ผูมาเปนศัตรู ทุกทานรีบตามขามา!”
เสียงสะทอนอยู แตผูพูดพลิ้วกายออกจากวิหารแลว
ผูสูงสงทั้งหลายไหนเลยจะพูดอะไรอีก เกือบทั้งหมดพลิ้วกายตามไปทันทีพรอม
ความรูสึกหวิวๆ ในใจเพียงเห็นหนาผูมา หูเทียนหลุนก็ไมตองตอสูแลว นี่ยังวา ผูมาไม
ประสงคดีอีกหรือ...
ขณะผูเยี่ยมยุทธออกจากหอง เฮอจวินเสียนก็หนาถอดสี รีบตะโกนเสียงดัง
“เกิดเรื่องใหญแลว ทุกคนตามขามา!”
พูดจบก็พุงออกไปอยางไมลังเลใจ ศิษยคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ใจเตนแรง ไมตามไปได
หรือ พริบตาเดียวศิษยสํานักใบไผตางก็เฝาระวังกันถวนหนา
พวกเขาไมเร็วเหมือนผูเยี่ยมยุทธ แตผิดคาด พวกเขาออกไปไดไมนาน ก็ตามทัน
เหลาผูเยี่ยมยุทธ
ไมสิ มิไดตามทัน
แตไมรูเพราะเหตุใด เหลาผูเยี่ยมยุทธกลับยืนนิ่งอยูดานหนาโดยไมขยับเขยื้อน ทุก
คนคลายจองมองอะไรอยู
“ทําไมรึ?”
“รีบ...รีบเขาไปดูกอน”
เหลาศิษยรีบพุงเขาไป ตอนพวกเขาไปถึงขางกายเหลาผูอาวุโส และมองตามไป
ดานหนา ภาพนี้ ทําใหพวกเขาไมมีวันลืมไปชั่วชีวิต
คนผูหนึ่ง มือกุมกระบี่ที่มีโลหิตหยาดหยด เดินเขาหาพวกเขาทีละกาว ทีละกาว
ไมผิด คนเพียงคนเดียว
คนผูนี้มิไดทําใหพวกเขาหนาวเหน็บไปทั่วทั้งรางจนขยับไมได แตศีรษะที่อยูในมือ
ของเขา เพียงพอทีจ่ ะทําใหคนสํานักใบไผทั้งสํานักขวัญกระเจิง
ไมเพียงพวกเขา กระทั่งผูเยี่ยมยุทธทั้งกลุม กระทั่งฉางคุน ก็ไดแตยืนตาถลนออก
จากเบา จองมองศีรษะในมือมอไปอยางไมละสายตา ดวยไมอยากจะเชื่อ
สวบ สวบ สวบ...
มอไปกาวไปขางหนาทีละกาว ขางหนาเปนคน แตฝเทาของเขาไมสั่นไหวแมแตนอย
แตละกาวลวนเปนไปอยางมั่นคง!
ในที่สุด สายตาของผูคนก็ยายจากศีรษะไปยังรางของผูถือ
เห็นเพียงผมดําสลวยปลิวตามแรงลมอยูหลังใบหนาละออน ที่เห็นไดอยางชัดเจน
ผูเยี่ยมยุทธคนหนึ่งอดไมไดที่จะตัวสั่น ยื่นมือชี้ไปที่มอไป ริมฝปากสั่นระริก กวาจะ
เปลงเสียงออกมาได
“หมิง...”
“เปนเจา หมิง หมิง...” มีคนพูดสมทบ
เหลาศิษยตื่นตระหนกตั้งแตแรก รวมทั้งเฮอจวินเสียน ผูมีความสามารถโดดเดน
เทียบชั้นเหมยอวิ๋นชิง
ทุกคนตางมีสีหนาซีดขาว ไมกลาเพงดูสีหนามอไป ไดแตเงี่ยหูฟงเสียงหมิง หมิง...ที่
สองอาจารยอางึมงําออกมา
สุดทายเจาสํานักใบไผฉางคุนสูดลมหายใจเขาลึกๆ กอนกาวออกมาขางหนาหนึ่ง
กาว พลังปราณอันแข็งแกรงถูกปลอยออก จองมองมอไป พรอมพูดดวยความโกรธแคน
ที่ถูกขมไวจนถึงที่สุด
“ที่แทเปนเจา หมิงออง!”
หมิงออง?
ศิษยรุนเยาวทุกคนพลันเงยหนาขึ้น มองไปยังผูทอี่ ยูตรงหนา
หมิงออง ชายหนุมผูมีอายุนอยกวาพวกเขา แตไดกลายเปนตํานานเมื่อหลายปกอน
ตอมาถูกลืม และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพรอมทําใหคนในวัยเดียวกันตื่นตะลึงจนยากแก
การคาดเดา
เปนเขา!
“เปนเขาจริงๆ หมิงออง...”
นาทีนี้ เฮอจวินเสียนรูสึกประหนึ่งสายฟาฟาด จับหนาอก จองมองหนาใสๆ ของห
มิงออง ขณะที่หนาของตนคอยๆ ถอดสี
เขาเคยทะเยอทะยานที่จะเปนคนรุนใหมแถวหนา นําพาสํานักใบไผสูความรุงเรือง
โดยตั้งปณิธานวาตองเหนือกวาคนรุนใหมที่มีความสามารถเปนอันดับหนึ่งอยางอาจารย
เหมยอวิ๋นชิงใหได แตหมิงอองกลับปรากฎตัวขึ้น
คนผูนี้ทําใหเขาผิดหวัง เขาจึงเลือกที่จะเชื่อคําพูดของเหลาศิษยพี่และผูอาวุโสของ
สํานัก ที่วาคนผูนี้เปนมารนอกรีต หรือแสดงละครตบตาผูคน จนทําใหเขาเชื่อมาเสมอวา
คนผูนี้เทียบตนไมได
จากนั้น ตอนนี้...
มอไปเย็นชาเปนอยางยิ่ง นอกจากโลหิตที่หยดหยาดจากกระบี่ในมือแลว ตลอดทั้ง
รางของเขาตั้งแตแววตาไปจนถึงพลันปราณ เย็นชาจนทําใหผูคนขนลุก
และในที่สุดมอไปก็หยุดเดิน ยืนนิ่งตอหนาผูคน กมลงดูศีรษะในมือ กอนเงยหนาขึ้น
มองดูทุกคนที่อยูขางหนา ที่นี่มีปาไผโอบลอม ลมจึงไมแรงนัก นอกจากตะเกียงน้ํามันที่
ถูกพลังปราณของพวกเขาโบกพัดจนดับแลว สํานักในตอนนี้ นับวายังมีแสงสวางอยู
มอไปมองฉางคุน แลวเลยไปมองกลุมปรมาจารย สุดทายคอยเหลือบมองกลุมศิษย
ที่อยูดานหลังพวกเขา แววตาเย็นชาลงขณะจองมองฉางคุน พลางวา
“หารอยปกอน องคเซิ่งอูสรางประเทศ มีสํานักเตารอยแปดสํานักชวยพระองคนํา
ความสงบสุขสูชาวประชา ดังนั้นบรรพบุรุษจึงมอบวิชาหลุดพนใหกับสํานักเตารอยแปด
สํานัก ตอมา สํานักเตาเริ่มตกต่ํา ที่มีมาตรฐานมีเพียงไมกี่สํานัก ตอนนั้นสามขุนเขาและ
สี่สํานักเตาสูงสงสุด แตที่เหลืออีกรอยกวาสํานัก บรรพบุรุษก็ยังเมตตา ใหสามารถหลุด
พนแบบปุถุชนได! จนกระทั่งเมื่อรอยปกอน องคเหวินตี้มีพระกรุณา เห็นวาสามขุนเขาสี่
สํานักแมมีมาตรฐานสูง แตก็ไมควรลืมอีกรอยกวาสํานัก จึงเพิ่มปจจัยสนับสนุนให ทําให
มีสิบสํานักใหญเชนทุกวันนี้!”
คืนสงทายปเกา มอไปมาถึง มือหนึ่งถือศีรษะปรมาจารย มือหนึ่งกุมกระบี่ ยืนอยู
หนาศิษยสํานักใบไผทุกคน พลางเลาประวัติความเปนมาของสิบสํานักใหญใหฟง
ศิษยรุนใหมแมฟงไมออกวาเขาหมายความวาอะไร แตก็ไมมีใครกลาหายใจดัง
แตเหลาปรมาจารยตางตื่นตระหนก โกรธแคน พลุงพลาน หลากหลายอารมณ
ปนเปซับซอน ฉางคุนมีสีหนาไมสูดีเปนอยางยิ่ง เพราะเขาฟงออก
“ที่สามขุนเขาสี่สํานักไดรับความเคารพนับถือจากประชาชนก็ดวยชื่อเสียงที่มีมาแต
เกากอน และที่โดดเดนขึ้นมาก็เพราะมีราชสํานักคอยสนับสนุนค้ําจุน จึงมีชื่อเสียงมาได
จนทุกวันนี้ สวนสิบสํานักใหญ แรกเริ่มไมมีชื่อเสียง ไมมีผลงาน ไมมีแรงกําลัง ลวนตอง
พึ่งพาบรรพบุรุษขาเมตตา ถึงมีวันนี้ได!”
พูดถึงตรงนี้ คิ้วมอไปก็ขมวดเขาหากัน ยกกระบี่ในมือขึ้นชี้ทุกคน
“บรรพบุรุษขาขุนพวกเจาจนอวนพี ภาพลักษณที่มีปรมาจารยนับสิบ มีลูกศิษยเต็ม
สํานักในวันนี้ นึกวาปกกลาขาแข็งแลวหรือ? อาศัยคนอยางพวกเจากับสุนัขปาที่เลี้ยงไม
เชื่องกลุมหนึ่ง ยังกลาอกตัญูตออองอยางขาหรือ?”
ตอน 287 ไมเวนแมสนุ ขั
ลบหลู!
อยางไมตองสงสัย ทั้งโทนเสียงและทาทีของมอไป ลวนมิไดมองผูสูงสงซึ่งไดรบั การ
ยกยองอยางพวกเขาอยูในสายตา หรือเห็นพวกเขาเปนเหมือนอากาศธาตุ
แนนอนวาเปนการยากที่จะทําใหกลุมคนเหลานี้ยอมรับได เพราะพวกเขาถือวา
ตนเองสูงสง อยูเหนือสามโลก และเปนนักพรตที่ไมไดอยูภ ายใตกฎหมาย
หรือแมแตศิษยของพวกเขาเองไดยินแลวก็ยังรูสึกบาดแกวหูสุดจะเปรียบ
ในคําพูดของหมิงออง ผูที่เห็นคนธรรมดาเปนมดปลวกอยางพวกเขา เปนไดก็แค
เพียงสุนัขปากลุมหนึ่งที่ราชสํานักเลี้ยงไว หรือไมก็เปนสุนัขปาตาขาวที่เลี้ยงไมเชื่องกลุม
หนึ่ง
หากเปลี่ยนเปนคนคนหนึ่งกลาลบหลูพวกเขาในสํานักของพวกเขาๆ ตองโกรธจนใช
กระบี่ฟาดฟนคนอวดดีที่รนหาที่ใหกลายเปนเถาทุลีอยางไมตองสงสัย
แตขณะนี้เวลานี้ ศิษยทุกคนของสํานักใบไผ ไดแตมองดูผูที่ยืนอยูอยางโดดเดี่ยว
ตรงหนาพวกเขา สายตาเย็นชาของมอไป ทําใหไมมีผูใดกลากระทําการบุมบาม กระทั่ง
สงเสียงตอบโต
แมพวกเขาหยิ่งยโสเพียงใด ตอนนี้ก็ไดแตกมศีรษะ
เพราะแมวาพวกเขามองคนธรรมดาเปนมดปลวก แตหมิงอองกลับมีคุณสมบัติจะ
มองพวกเขาเปนมดปลวกอยางแทจริงไดเชนกัน
ไมวาจะเปนความสําเร็จทางโลกหรือทางเตา หมิงอองมอไป ผูซึ่งหิ้วศีรษะผูคุมกฎ
ของพวกเขายืนอยูตรงหนา แตพวกเขาไมมีทางเทียบเคียงหรือเสมอเหมือน ทําไดแต
แหงนหนามอง
นาทีนี้ คําลบหลูของมอไป ทําใหพวกเขาทั้งเศราและไมพอใจก็จริง แตความรูสึกไม
ปลอดภัยและหวาดกลัวมีมากกวา ซึ่งยังไมรูวา คืนนี้จะเปนเชนไร
พวกเขาขมใจไมใหเตน ไมกลาหายใจแรง ไมกลาขยับ ไดแตรอใหปรมาจารยเจา
สํานักที่พวกเขาพึ่งพาไดเปนผูตอบ
ซึ่งคําลบหลูนี้ ศิษยทั่วไปยอมไมกลาโตตอบ แลวเหลาผูอาวุโสเลา?
พอมอไปพูดจบ พวกเขารวมทั้งเจาสํานักฉางคุน ลวนมีสีหนาไมสูดีจนนาตกใจ
พวกเขาไมสามารถยอมรับอยางเงียบเสียงเชนนี้ แมแตปรมาจารยชั้นสูงของสํานัก
ซึ่งอยูในทีน่ ี้ดวย ก็ยังอดรนทนไมไหว
ยิ่งอยูตอหนาผูอาวุโสมากมาย หากพวกเขายอมรับความอัปยศอดสูนี้ เมื่อขาวแพร
ออกไป คนในสํานักยังจะมีหนาอยูในสังคมไดอยางไร?
ปง! เกือบจะนาทีเดียวกับที่หมิงอองพูดจบ เจาสํานักใบไผฉางคุนระเบิดพลังตลอด
ทั้งราง กาวออกมาขางหนาหนึ่งกาว
เหมือนมีแสงแลบแปลบปลาบ เขาจองมอไปเขม็งดวยดวงตาที่มีประกายไฟปะทุ
และพรอมลุกโชนไดทุกขณะ
รวมทั้งรังสีฆาฟนอันลึกล้ําที่อยางไรก็ขมไวไมอยู เขาพูดดวยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว
อยางไรขอบเขต
“หมิงออง เจารูหรือไมวา เจา กําลังทําอะไรอยู?”
เจาสํานักหนึ่งในสิบสํานักใหญยอมมีพลังที่ไมธรรมดา!
เพียงกาวหนึ่งที่กาวออก ก็คลายมีโลหิตพุงขึ้นสูทองฟา ทําใหอากาศรอบดาน
ผิดปกติ เปลวไฟในตะเกียงที่ไกลออกไปพลันวูบไหว และเหมือนจะดับไดทุกเมื่อ
เขาไมสนใจเรื่องทีม่ อไปพูดวาสิบสํานักใหญถือกําเนิดขึ้นไดอยางไร และไมตอบ
เรื่องอกตัญู
ในเมื่อวันสงทายปเกา สํานักเขาถูกมอไปทําลาย และยังสังหารผูคุมกฎอาวุโสตอ
หนาอีก เทานี้ก็บงบอกไดอยางชัดเจนแลววา พูดไปก็ไรประโยชน!
เรื่องในวันนี้ไมสามารถจบลงดวยดี!
พูดตามตรง ถาตอนนี้ผูที่ยืนอยูตรงหนาฉางคุนมิใชมอไป เกรงวาฉางคุณคงระเบิด
พลังออกมาแตเนิ่นๆ และใชพลังที่มีทั้งหมดมวนมวลอากาศ บีบอัดศัตรูที่อยูตรงหนาให
แหลกเปนผุยผง
แตติดที่ผูอยูตรงหนาคือหมิงออง แมราชสํานักออนแออยางไร เมื่อวันนั้นยังมาไมถึง
สํานักใบไผก็ไมมีความกลาพอที่จะลงมือกับหมิงอองตอหนาสาธารณะชน
ดังนั้นแมในใจโกรธเกรี้ยวเพียงใด ก็ตองยับยั้งชั่งใจ
ใตทองฟายามราตรี นาทีที่ฉางคุนกาวออกมา มือที่กุมกระบี่มรกตของมอไป รูสึกได
ทันทีวามีพลังอันแข็งแกรงสายหนึ่งพุงเขาใส เขาหรี่ตามอง กระบี่ยาวในมือเรืองแสง
แสงนี้ฉางคุนเห็น ผูอาวุโสตางก็เห็น ทุกคนลวนมีสีหนาเหยเก
พลังปราณทั้งหมดของเจาสํานักปะทุออก แมกระบี่ในมือหมิงอองเรืองแสง แตก็
เปนเพียงเสี้ยวนาที
พวกเขาอดไมไดที่จะตื่นตระหนกกับพลังนี้ มอไปคอยๆ คลายสายตาที่หรี่ลง
ทามกลางสายตาผูคน มอไปจองมองฉางคุน กอนเปลงเสียง
“เจาไมยอมจํานนหรือ?”
ฉางคุนพลันประกบฝามือเขาหากัน ควบคุมพลังใหนิ่ง พูดขึ้นดวยน้ําเสียงปราศจาก
รังสีฆาฟน
“มอไป เพียงเพราะศิษยชนชั้นลางทรยศสํานักเตานางหนึ่ง เจาถึงกับกลาใชกระบี่
ทําลายสํานักขา กลาใชพลังปราณสังหารผูคุมกฎอาวุโส หรือเจาคิดจริงๆ วาสํานักขาจะ
ปลอยใหเจาเขนฆาเหมือนหมูเหมือนหมาไดงายๆ ผูแซฉางทนแลวทนเลา เจาคิดจริงๆ
หรือวาสํานักใบไผเราเกรงกลัวบารมีเจา?”
ความจริงเขาไมจําเปนตองพูดมาก รอจนเขาพูดจบ ขางกายเขาพลันมีปรมาจารย
ทานหนึ่ง กระทําเหมือนเขา กาวออกมาขางหนาหนึ่งกาว ระเบิดพลังปราณทั่วราง จอง
มองมอไปพลางตะโกนกอง
“ขมเหงกันเกินไปแลว สํานักใบไผขาพิชิตศึกเหนือใต ตอสูเพื่อบานเมืองมาแตสมัย
องคเซิ่งอู เปนสํานักเตาสํานักหนึ่งที่มีผลงานอุทิศตนเพื่อชาติ วันนี้กลับถูกเจาทําลาย ผู
อาวุโสถูกเจาสังหาร คิดจริงๆ หรือวาสํานักใบไผเปนที่ที่เจาสามารถสําแดงฤทธิ์เดชได?”
ปง! พูดจบก็พุงพลังปราณตลอดทั้งรางเขาใสมอไป
“ถือวาบําเพ็ญเพียรในขั้นสูงไดก็กระทําการบุมบามไดรึ หารูไม เมื่อพูดถึงการ
บําเพ็ญเพียรแลว สํานักใบไผเรากลัวที่ไหน?” อีกทานพูดขึ้น
“สํานักใบไผเราเปนหนึ่งในสิบสํานักใหญ ขนาดทานจอมยุทธมาเอง ก็ยังตองปฏิบัติ
กับเราอยางสุภาพนอบนอม เจากลาโอหังเชนนี้ เคยคิดถึงผลที่ตามมาหรือไม?” อีกทาน
หนึ่งพูด
ปรมาจารยกาวออกมาทีละทาน ตางพุงพลังปราณอันหนาวเหน็บเขาใสมอไป
ไมนานนัก ปรมาจารยทั้งสิบทานก็เขามายืนเคียงขางฉางคุน ทําใหเกิดพลังปราณ
ขนาดมหึมาบีบอัดอยูกลางอากาศ กระทั่งศิษยที่อยูดานหลังพวกเขาก็หนาซีดตั้งแตแรก
ถอยหลังแลวถอยหลังอีก ดวยรับผลพวงจากแรงบีบอัดไมไหว รวมทั้งเปลวไฟในตะเกียง
ที่ประตูทางเขา ก็ถูกแรงบีบอัดสะทานฟาทําใหดับไปแตแรกแลว
ทวาตอนนี้ ทุกคนตางเห็นรางมอไปชัดเจน เนื่องจากกระบี่ในมือมอไปสวางขึ้น แต
มิไดเปนแสงเรืองๆ อีก กลับเปนแสงสีเขียวแดงที่เจิดจาสวางไสว
ทุกคนตางจองมองรางที่ยังกุมกระบี่ยืนนิ่ง เผชิญหนากับเหลาปรมาจารย
มอไปไมใชคนรูปรางสูงใหญ เมื่อยืนอยูหนาปรมาจารยทั้งสิบจึงดูเล็กลงไปถนัดตา
ทวาเขายังคงไมถอย
สวนเฮอจวินเสียนที่อยูดานหลังปรมาจารยรวมกับกลุมศิษย ถอยไปแลวกวาสิบกาว
ขณะมองจากระยะไกล เห็นมอไปกุมกระบี่เปลงแสงคมวาวอยางไมขยับเขยื้อน ดวงตา
เขาก็หมนหมองลง
แมหยิ่งทะนงในตนเองสักเพียงใด นาทีนี้ ขนาดเขาพยายามตานผลพวงจากพลัง
ปราณก็ยังตองถอยหลังรวมสิบกาว แตมอไปกลับยืนเผชิญหนาไดอยางไมกลัวเกรง...
ตางกันมาก...ไมสิ...เทียบกันไมไดดวยซ้ํา!
ตุบ!
ตุบ! ตุบ!
แตแลว พลันไดยินเสียงทึบตันดังขึ้นหนึ่งครั้ง กอนดังตามมาอีกสองครั้ง
เฮอจวินเสียนที่กําลังขวัญกระเจิงพลันตาสวาง ถลึงมองตาไมกะพริบ พยายามมองสี
หนาผูกุมกระบี่ และเมื่อมองทะลุแสงพรางพราวได ก็เห็นใบหนาที่ดูสบายๆ มาตลอด
ของมอไปปรากฎความซีดขาวขึ้น นี่ทําใหเขารูสึกดีอยูบาง แตก็เปนเพียงชั่วครูเทานั้น
เพราะนอกจากสีหนาที่ซีดขาวแลว เขายังเห็นแววตาที่เยือกเย็นและคมกริบยิ่ง
ถอยแลว!
ในที่สุด มอไปก็ถอยจนได! ถอยไปสามกาว!
แนนอนวาความหยิ่งยโสเชนนี้ของสํานักใบไผ แมจอมยุทธมาเอง เมื่อตองเผชิญกับ
สิบปรมาจารยที่ปลอยพลังปราณออกพรอมๆ กัน ก็ตองถอย
ในโลกนี้ ไมมีใครสามารถตานทานปรมาจารยมากมายเหลานี้ไดโดยลําพัง!
แมเปนเพียงการปะทะกันของพลังปราณ มิใชการตอสูเอาชีวิตจริงจัง แตสําหรับ
ปรมาจารยแลว การปะทะพลังปราณถือเปนการตอสูอยางหนึ่ง
เมื่อเห็นมอไปถอยไปแคสามกาว แตกลับยืนไดอยางมั่นคงกวาเดิม ฉางคุนก็รูสึกตกใจยิ่ง
และไมเพียงเขาคนเดียว ปรมาจารยทั้งหมดของสํานักใบไผตางก็รูสึกตื่นตระหนก!
“เปนพลังที่นากลัวมาก อายุแคยี่สิบกวาเอง...”
มีคนหันมาสบตากัน มีคนมองไปที่เจาสํานัก
ฉางคุนกําหมัดแนน ในแสงสวางจา เขากะพริบตาไมหยุด รังสีอยางหนึ่งเริ่มกอตัว
ขึ้นในราง
รังสีฆาฟน!
ไมผิด ความตองการฆากอใหเกิดรังสีฆาฟน!
เห็นชัดวา เขากลัวแลว นาทีนี้เขาคิดฆาคนจริงๆ
ไมเพียงแตเขา ดวงตาผูอาวุโสสํานักใบไผหลายคนเริ่มสอแววชั่วราย กอนหนานี้
พวกเขาคิดเพียงจับเปนมอไป โดยไมตองการฆา พวกเขาไมมีความกลาพอที่จะลงมือฆา
องคชายตอหนาผูคนในเวลาเชนนี้
พวกเขาเพียงตองการจับตัว แลวสงใหราชสํานักเพื่อกูศักดิ์ศรีคืนกลับ ขณะเดียวกัน
ก็คิดรวมมือกับสํานักเตาตางๆ บีบใหราชสํานักประหารมอไป!
จุดนี้ พวกเขาเชื่อวาสามารถทําได!
แตตอนนี้พลังเชนนี้ของมอไปทําใหพวกเขาเริ่มหวาดหวั่น ถามอไปไมตาย เกรงวา
อีกไมกี่ปขางหนา พวกเขาตองหวาดกลัวจนยากจินตนาการ ดวยจะกลายเปนศัตรูที่มี
ความแคนอยางใหญหลวง ศัตรูที่ตองวัดกันดวยความเปนความตาย...
แตสุดทาย ความคิดที่แทรกเขามาจําตองตกไป อยางไรก็ตาม พวกเขาไมสามารถลง
มือคราชีวิตมอไปได
แตขณะที่พวกเขากําลังขมใจสังหาร มอไปกลับตัดสินใจ หายใจเขาลึกๆ สงเสียงที่
ทั้งใสทั้งเย็นชาออก
“พวกเจาแข็งแกรงจริง...แต..แลวอยางไร?”
พูดจบ ก็กาวไปยังประตูทางเขาสํานักทีละกาว ตลอดทั้งรางเปยมดวยพลังปราณที่
ยังไมปลอยออก แตแลวจูๆ เขาก็ทะยานตัวขึ้นฟา เปลงเสียงออกรอบทิศ
“จากนี้อีกครึ่งชั่วยาม สํานักใบไผจะถูกลบชื่อออก สวรรคยังมีคุณธรรม ขาไมอยาก
สังหารผูบริสุทธิ์ จึงใหอภัยเปนพิเศษกับอาจารยและศิษยในสํานัก ใหสลายตัวกันไปกอน
ฟาสาง จากนี้อีกครึ่งชั่วยาม สํานักจะนองไปดวยโลหิต ไมเวนแมสุนัข!”
ครึ่งชั่วยาม!
ไมเวนแมสุนัข!
เปรี้ยง!
อยาวาแตศิษยธรรมดารูสึกตะขิดตะขวงใจ แมแตปรมาจารยและเจาสํานัก พลัน
หนาเปลี่ยนสี แตละคนแววตาดั่งอสุนีบาต อยากฆาคนเปนอยางยิ่ง!
ทุกคนมองตามแผนหลังที่คอยๆ เดินจากไปของมอไป พลางตัวสั่นงันงก สุดทาย
พวกเขาก็หันมามองเจาสํานักที่มีแววตาเย็นชา
“ทานเจาสํานัก...”
ฉางคุนจองแผนหลังมอไปเขม็ง พลางตวาดเสียงสูง “เจาโอหังเกินไป!”
ไมจําเปนตองปกปดอีก ถึงขั้นไมตายไมเลิกราแลว!
มอไปไมพดู ไมตอบ
“เจากําลังบีบใหขาฆาเจา!” ฉางคุนพูดตอ
หลังคําพูดเขา คนในสํานักทั้งหมดพลันรูสึกตกใจ
มอไปยังคงเดินไปที่ประตูโดยหันหลังใหเขา พลางสงเสียงตอบ
“หากขามีจิตเมตตา วันนี้คงไมมา แตถาเจาตองการดึงคนวัยเยาวเหลานี้ใหตกตาย
ไปพรอมกับเจาแลวละก็ ขาก็ชวยไมได!”
เฮอจวินเสียนพลันกาวออกมา สงเสียงดังกอง
“อยามายุใหเราแตกแยก พวกเราลวนซาบซึ้งในบุญคุณสํานัก ตองรวมเปนรวมตาย
กับสํานักอยูแลว!”
“ศิษยพี่พูดไมผิด ถาเจาฆาไมเลี้ยง เจาก็คือมาร แตขาเปนคนสํานักเตาแทๆ ไฉนจะ
หลงกลเจา หากตองตายดวยกระบี่ของเจา ขาก็ไมเสียดาย!”
“จอมมาร เปนหมิงอองเสียเปลา แทนที่จะสนับสนุนสํานักเตา กลับมาฆาผูมี
คุณธรรมสูงสง ปกปองชาวประชาอยางปรมาจารยสํานักเตา การกระทําเชนนี้ ทั้งคน
และเซียนตองไมพอใจแน...”
“อาจารยขา ผูคุมกฎอาวุโสที่เปนดั่งวีรบุรุษ กลับตองมาตายใตคมกระบี่เจาไปอยาง
สูญเปลา แมขาบําเพ็ญเพียรไดไมเทาเจา ก็ไมขออยูรวมโลกกับเจาอยางเด็ดขาด!”
ไมวาเวลาใด ยอมตองมีคนชาญฉลาดกาวออกมาเสมอ!
ศิษยสํานักใบไผอาจมีผูที่รูสึกหวาดหวั่นจริง แตสวนใหญ โดยเฉพาะศิษยที่มีสถานะ
โดดเดน พวกเขาลึกซึ้งดีวาไมมีใครสามารถบุกเดี่ยวลางบางสํานักใบไผได ถาไมรีบเอย
ปากสรางความดีความชอบเสียแตตอนนี้ แลวจะรอใหถึงเมื่อไหรเลา?
หรือบางคนมีความสามารถ แตไมอยากอยูรวมยุคสมัยเดียวกันกับคนอยางมอไป
พอเห็นวามอไปใกลตายเต็มที ก็รูสึกกระตือรือรน!
สิ้นเสียงดังของพวกเขา สํานักใบไผคอยสงบเงียบลง ไมมีสักคนที่คิดจากไป
“เฮอ!”
มอไประบายลมหายใจเบาๆ ออกจากปาก แหงนหนามองทองฟา รูสึกวาคืนนี้อาจ
ตองทําการสังหารหมูเขาแลวจริงๆ
ทวา สถานการณบานเมืองเชนนี้ ทุกวันลวนมีคนตาย!
คนธรรมดาตายได ไฉนพวกเขาจึงตายไมได?
“ทําลายสํานักขา สังหารผูอาวุโสขา สํานักใบไผไหนเลยจะอนุญาตใหเจาเขาออก
ตามใจ ผูอาวุโสทุกทานจงฟง รวมกับขา จับคนผูนี้ใหได!”
และตอนนี้เองที่ดานหลังฉางคุนพลันมีเสียงรองตะโกนดัง ตามดวยเสียงลมพัดที่
หนาวเย็นเขากระดูก!
มอไปชะงักฝเทา แววตาเย็นชา มือยกกระบี่!
ตอน 288 ตอสู
กอนหนานี้ในวิหาร ผูอาวุโสสํานักใบไผเคยแสดงทาทีเหยียดหยามมอไปจากขาวที่
ไดยินมา
ตอนนี้พอไดยินคําสั่งของฉางคุน พวกเขาจึงไมรรี อ ระเบิดพลังปราณทันที ตลอดทั้ง
รางเปลงรัศมีแสงพรางพราว พรอมอาวุธในมือ พุงเขาใสมอไป
ถึงขั้นนี้แลว ไมมีคําวาตัวๆ หรือสําแดงทวงทาการตอสูอีกตอไป เห็นชัดวาพวกเขา
มิไดคํานึงถึงศักดิ์ศรีและหนาตาใดๆ ทั้งสิ้น
แมมีศิษยมากมายกําลังจองมองพวกเขาอยู แตพวกเขายังคงไมลังเลแมแตนอยใน
การใชยุทธวิธีสิบรุมหนึ่ง ผูอาวุโสนับสิบลอมจูโจมชายหนุมอายุยี่สิบกวาๆ เพียงคนเดียว
ปรมาจารยนับสิบทุมพละกําลังเต็มที่ โดยแมแตศิษยที่บําเพ็ญเพียรมานานหลายปก็
ยังไมเคยเห็นเหตุการณเชนนี้มากอน อากาศรอบกายคลายถูกปกคลุมดวยพลังอันนา
กลัวในชั่วพริบตาอยางเห็นไดชัด
แมพวกเขาอยูหางไกลไปรอยกวากาว ก็ยังรูสึกเหมือนตกอยูในหลมโคลน โลหิต
ตลอดทั้งรางเหมือนถูกแชแข็ง!
“อากกก!” ศิษยนองใหมบางคนทนไมไหว พนโลหิตสดๆ ออกมา ตาเหลือก กอน
ลมตัวลง!
“อึก!” อีกหลายคนแคนเสียง สีหนาซีดขาวสุดจะเปรียบ รูสึกหวาดกลัวแตก็ยังยืน
นิ่งจองมองขางหนา
เห็นชัดวา ปรมาจารยผูอาวุโสตางกลัวมอไปจนเกินเหตุ พอลงมือก็ใสพละกําลังลง
ไปทั้งหมด กระทั่งไมสนใจวาศิษยที่อยูดานหลังจะไดรับบาดเจ็บจากผลพวงของพลัง
ปราณอันคลุมคลั่งแตอยางใด คิดแตตองเผด็จศึกใหไดในคราวเดียว
แตกระนั้นก็ตาม เหลาศิษยสํานักใบไผก็ไมมีใครถือโทษโกรธผูอาวุโสเหลานี้ ตรงกัน
ขาม หลายคนแมตื่นตระหนก แตไมเพียงไมบน ยังรูสึกภาคภูมิใจเปนอยางยิ่ง
รูสึกวาเหลาปรมาจารยและศิษยพี่มีพละกําลังที่แข็งแกรงอะไรปานนี้ มีพลังปราณที่
แข็งกลาอะไรปานนี้ แลวจะไมใหศิษยสํานักใบไผอยางพวกเขากระตือรือรนไดอยางไร
โดยเฉพาะกลุมคนรุนใหมที่โดดเดนอยางเฮอจวินเสียน ตางก็สั่นสะทานไปทั้งราง
แตละคนพยายามอดทนตอรัศมีพลังอันเกรี้ยวกราดและบาคลั่ง ขณะเดียวกันก็จอง
มองไปยังมอไปที่ถูกสิบปรมาจารยรุมจูโจมอยางไมวางตา
“หนีไมพน ตองหนีไมพนแน ตานไมอยู ไมสามารถตานได!”
เฮอจวินเสียนมือกุมกระบี่ รางโอนเอนไปขางหนา ริมฝปากขยับขึ้นลงไมหยุด
ดวงตาทอประกายตื่นเตนอยางถึงที่สุด!
เขามิไดกลาวเท็จ ไมเพียงแตเขา ผูที่กําลังพุงเขาจูโจมมอไป พรอมพลังขนาดมหึมา
อยางฉางคุนก็คิดเชนเดียวกัน
ฉางคุนลงมือกอน นาทีที่เขาใกลมอไป ดวงตาเขาฉายแววชั่วราย รางที่ลอยอยูกลาง
อากาศพลันยกฝามือ
เหล็กรัศมีแดงเพลิงที่กําลังเดือดพลานทั้งสองขางขึ้น กอนใชพละกําลังอันแข็งแกรง
ฟาดเขาใสแขนขวาที่กุมกระบี่ของมอไป!
ซึ่งปกติแลว วิชาฝามือเหล็กของเจาสํานักใบไผฉางคุน มีกิตติศัพทวา ผูใดสามารถ
เห็นฝามือของเขาดวยตาตนเองแลวละก็ ตองรูสึกหนาวสั่นจนถึงขั้วหัวใจ
อีกทั้งชื่อเสียงที่ฉางคุนไดมาก็มิใชเรื่องลอเลน ถาฝามือนี้ฟาดถูกแขนขวาของมอไป
จริง มอไปตองพิการอยางไมตองสงสัย และการบําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิตก็เทากับสูญเปลา
ฉางคุนเร็วมาก จนถึงเวลานี้แลวมอไปก็ยังไมหันกายมา ทวาเขาบําเพ็ญเพียรถึงขั้น
นี้แลว จําเปนดวยหรือที่ตองใชตามอง?
เพียงรูสึกไดถึงพลังคุกคามอยางรุนแรงที่พุงเขาใกล และประเมินระดับความเกรี้ยว
กราดของพลังได
นาทีนี้การตอบโตที่เหมาะสมที่สุด มิใชการหันกาย แตเปนการเบี่ยงตัวหลบอยางรวดเร็ว
แตประหนึ่งสายฟาที่เร็วจนอุดหูไมทัน มอไปกลับหันกายมา จนขางหูรูสึกไดถึง
ความรอนที่เกิดจากการแผดเผา ดวงตาทั้งสองของเขายังคงเยือกเย็นและสงบนิ่ง ยกมือ
ที่กุมกระบี่ขึ้น แตกลับมิไดพุงใสฉางคุน และเหมือนไมรูวาแขนที่จับกระบี่ของตนกําลัง
จะถูกจูโจมอยางนากลัว เขาวาดกระบี่ออกรอยแปดสิบองศา กอนแทงเขาดานขางอยาง
รวดเร็วปานสายฟาแลบ
“อากกก!” รางที่ถูกกระบี่แทงสงเสียงรอง
ปรมาจารยนับสิบลงมือพรอมกัน โลหิตพุงกระจายเปนครั้งแรก
โลหิตทั้งอุนและสด พุงจากดานขาง ใสหูและเสนผมมอไป ทําใหฝามือเหล็กสีแดง
เพลิงทั้งสองขางของฉางคุนกลายเปนสีแดงเขม
แววตาฉางคุนบงบอกวาเหลือเชื่อ จึงชะงักฝามือโดยไมรตู ัว!
รางผูเยี่ยมยุทธของสํานักใบไผที่กําลังพุงเขามา ตางชะงักรัศมีแสงโดยพลันเชนกัน
นาทีนี้ เหมือนเวลาหยุดลงกะทันหัน
ตั้งแตเสียงรองโหยหวนดังขึ้นจากดานขาง ตอดวยเสียงตะโกนจากรัศมีแสงจาที่พุง
เขามา ทุกอยางก็คืนสูปกติ
“ศิษยพี่...หมิงออง ขาจะฆาเจา!”
สีหนามอไปยังเหมือนเดิม ยังคงเยือกเย็น เขาไมไดมองรางดานขางที่ถูกกระบี่ในมือ
แทงดวยซ้ํา สายตาจองมองแตฉางคุน
เมื่อเห็นสีหนาฉางคุนเปลี่ยนจากชั่วรายเปนตกใจในพริบตา อีกในดวงตาปรากฎรังสี
ฆาฟนปะทุขึ้นอยางโกรธแคน โกรธแคนจนถึงขั้นที่ทําใหคนเห็นแลวตองหนาวสั่น
“ยากกก!” ภายใตเสียงคําราม ฝามือเหล็กทั้งสองขางของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรง
แสงสีแดงโลหิตสวางจาบาดตากลุมปรมาจารยที่อยูรอบๆ
เขาระเบิดอารมณโกรธ เพราะถูกทํารายจิตใจ!
เขาคือใคร ฉางคุน!
เจาสํานักใบไผ ที่กระทั่งจอมยุทธยังตองสุภาพออนนอมให วันนี้กลับตองทุมเท
พละกําลังทั้งหมดเพื่อตอกรกับหนุมนอยอายุยี่สิบกวาที่ไมเห็นเขาอยูในสายตา
ภายใตการจูโจมอยางนากลัวของเขา มอไปไมเพียงไมตานทาน กลับกระทําการที่ไม
มีทางเปนไปได สังหารปรมาจารยชื่อดังของสํานักใบไผทานหนึ่งอยางงายดายในกระบี่
เดียว!
ดวงตาฉางคุนแดงไปหมด นึกถึงสายตามอไปที่ยังคงเยือกเย็นและจองมองเขาอยาง
เย็นชา ก็รูสึกวาถูกเยยหยันอยางถึงที่สุด!
“ยากกก!” ฉางคุนตะโกนเสียงดัง
ความโกรธแคนสุดจะเปรียบทําใหเขาคลั่ง ฝามือเหล็กที่ใกลถึงหัวไหลมอไปเต็มที
พลันชะงักอีกครั้ง รัศมีแสงสีแดงโลหิตสวางวาบ พรอมพลังอันนากลัวและชั่วรายสุด
ประมาณ ถูกเงื้อขึ้นสูงอีกหนึ่งนิ้ว กอนฟาดลงอยางหนักหนวง
ฝามือนี้มอไปแทบจะหมดหนทางตอบโต กระบี่ของเขายังติดอยูในรางไรลมหายใจ
ชักกลับไมทัน
แตขณะฉางคุนมาถึงตรงหนานั้น มอไปกลับกระทําสิ่งที่ไมคาดฝนขึ้นอีกครั้ง รางที่
นิ่งอยูในทาเดิมพลันขยับ ไมผิด มอไปขยับแตไมถอย มือขวากุมกระบี่ที่คาอยู มือซายจึง
ถูกยกขึ้น เชนเดียวกับฝามือที่ฉางคุนจูโจมมา ฝามือมอไปนาบเขาที่ทรวงอกฉางคุนใน
พริบตา
“อะไร?”
ดวงตาฉางคุนแทบถลนออกจากเบา แววตาชั่วรายหายไป มิใชหวาดกลัว แตไม
เขาใจเปนอยางยิ่ง จองมองใบหนาอันสงบนิ่งของมอไป ตอนนี้ในใจเขามีเพียงประโยค
เดียว
“บาไปแลว เขาบาไปแลวรึ?”
ตองทราบวา ถามอไปถูกฝามือของตนฟาด ตองบาดเจ็บชนิดสูญเสียพรสวรรคอัน
นาทึ่งอยางแนนอน
อยาวาแตการใชฝามือแลกฝามือเชนนี้ของมอไปยังไมสามารถสังหารตนไดอีก หรือ
ถาสามารถ ดานขางก็ยังมีกลุมปรมาจารยจูโจมเขาใส ผูบาดเจ็บอยางเขาจะตานทานได
อยางไร?
ถูกตอง ขอนี้เขาคิดวา เปนไปไมได
ถาไมบาแลวจะใหเรียกวาอะไร ดูจากอนาคตที่สดใสและพรสวรรคของมอไป ก็ไม
นาจะทําอะไรที่โงเขลาเชนนี้ ยอมบาดเจ็บจากฝามือเขา?
ประหลาด เขามองดูแววตาที่ไมหวั่นไหวแมแตนอยของมอไป อดใจสั่นไมได ถา
เปลี่ยนเปนเขา ยอมทํารายตนเองเชนนี้ไมไดแน
แตสถานการณตอนนี้ไมอนุญาตใหเขาถอยกลับ กระทั่งไมอนุญาตใหคิดมาก พลัง
ปราณที่ถูกปลอยออกยอมถอยกลับไมได หรือถาทําได เขาก็ไมสามารถถอย!
“คิดวาขาจะกลัวฝามือเจา ยอมละทิ้ง ไมจูโจมอยางนั้นหรือ? ฝนไปเถิด!”
เขารูสึกวาตนเองโหดรายก็จริง แตศัตรูที่นากลัวเชนนี้ จําตองทําใหพิการ ไมควร
ออมมือแตอยางใด!
ถามิใชเพราะยังมีเหตุผลอยูบาง เขาตองลงมือสังหารมอไปอยางไมลังเลแมแตนอยแลว
ภายใตแววตาอันโหดราย เขาขยับรางเล็กนอย หลบฝามือที่มอไปจูโจมใสทรวงอก
กอนตะโกนเสียงกองอีกครั้ง ฝามือเหล็กถูกลดระดับลงอยางฉับพลัน กอนจูโจมใสทรวง
อกมอไปอยางแรงเสียงดัง ปง!
ขณะเดียวกัน ปรมาจารยนับสิบก็รวมพลังพุงเขามา
พลังปราณอันคลุมคลั่ง กระจายไปรอบๆ จุดที่มอไปยืนอยู ฝุนดินฟุงกระจายขึ้นสู
ทองฟา เสนผมมอไป
ปลิวสยาย!
ภายใตการจูโจมอันนากลัว มอไปที่ไมเคยสงเสียงดังใดๆ ดวงตาซึ่งแบงแยกดําขาว
ชัดเจนพลันเปลงแสงสีทองออก กอนกระจายจนเต็มใบหนา เสนผมปลิวสยายพรอม
สะทอนแสงสีเงินเจิดจา
พริบตาที่กําลังตานทานพลังอันนากลัวสุดจะเปรียบอยูนั้น เขาของเขาก็ยอลง
เหมือนฐานอันมั่นคงของตนไมเกาแก ตลอดทั้งรางเปลงแสงสีทอง ธาตุทองที่ยังไมเปน
รูปรางพลันระเบิดออก ปกคลุมตลอดทั้งรางของเขา!
ฝามือที่จูโจมใสฉางคุนพลันเปลี่ยนเปนกรงเล็บ พรอมระเบิดเสียงคํารามดุจพยัคฆ
ดังกองฟา
“โฮกกก...”
นาทีนี้ ไมเพียงฉางคุนที่กําลังเผชิญหนาอยู และไมเพียงเหลาปรมาจารยที่ทุมเท
พลังพุงเขามา แมแตศิษยที่อยูหางออกไป ก็ลวนแลวแตนิ่งงัน เบิ่งตามองฉากที่ราวกับ
ระเบิดมิติ กอนพยัคฆรายจากปาดึกดําบรรพซึ่งทะยานไดไกลเกาหมื่นลี้จะหลุดออกมา
ปรากฎอยูเหนือศีรษะฉางคุน คํารามเสียงกองแลวเหยียบฉางคุนไว
“ไม...”
นาทีนี้ ใบหนาอันแดงก่ําของฉางคุนเหมือนซีดขาวในทันที เขาหันมองทองฟา แสดง
ความหวาดกลัวชนิดขวัญหนีดีฝอออกมาทางแววตาใหเห็นเปนครั้งแรก เบิ่งตามอง
พยัคฆราย กอนทําใจใหสงบ!
ปง!
ปง!
ม!
เขียว แดง ขาว ทอง...
การจูโจมอยางสะเทือนเลือนลั่นไดสองสวางทองฟาสํานักใบไผ
แมแตเมืองเล็กๆ ที่อยูไกลหางออกไปก็ยังรูสึกไดถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดิน!
“บานไหนจุดประทัดยักษเนี่ย...”
คนกําลังนอนหลับถูกทําใหตกใจตื่น จึงสายหนาพลางบนเสียงเบา แลวหันไปกลอม
ลูกนอยที่ตกใจจนรองไหใหนอนหลับตอ
ยังดีที่อยูในชวงปใหม
ทวาสําหรับภายในสํานักใบไผแลว กลับเงียบงันราวปาชา
แสงสวางอันเจิดจานั่นดับไปนานแลว
เสียงที่นากลัวนั่นก็หายไปอยางไรรองรอย
ฝุนละอองลอยเอื่อยอยูในอากาศสะทอนใหเห็นศิษยแตละคนที่ไดรับผลกระทบใน
วงกวาง จากการถูกพลังจูโจมจนรางปลิวเกลื่อนกอนรวงลงสูพื้นดิน ขณะที่บางรางกําลัง
สั่นอยางหวาดกลัว
เฮอจวินเสียนใชฝามือยันรางใหพลิกกลับ อดทนตออาการไอและหูอ้อื ตาลาย
พยายามลุกขึ้นยืน ใชมือจับทรวงอกขณะมองดูที่เกิดเหตุ นาทีตอมา เขากลับสติแตกเขา
ออน นั่งลงไปอีก แววตาเลื่อนลอย
ปรมาจารยนับสิบรวมตัวกันอีกครั้ง ในมือถือกระบี่ ยกขึ้นตั้ง
แตไมวาพวกเขาจะพยายามควบคุมจิตใจอยางไร ก็ไมสามารถหยุดยั้งความรูสึก
สยองพองขนได
แนวกําแพงปาไผเสียหายยับเยิน ลมหนาวจึงจูโ จมเขา แมแตปรมาจารยก็ยังรูสึก
หนาวเหน็บไปทั้งตัว
“แคก แคก แคก...”
ทันใดนั้น เสียงไอต่ําๆ อยางเจ็บปวดก็ดังขึ้นทามกลางความเงียบที่ออยอิ่งอยูใน
อากาศ
“เจาสํานัก!”
“ศิษยพี่...”
เหลาปรมาจารยตางกุมกระบี่แลวกาวถอยหลังอยางระมัดระวัง น้ําเสียงเต็มไปดวย
ความเศราเสียใจ!
ตอน 289 ลบชื่อออกในทีส่ ุด
แขนขวาของฉางคุนมีโลหิตหยด เขานอนหนาซีดขาวอยูบนพื้น ปรมาจารยทานหนึ่ง
รีบเขาไปพยุง แลวนํายาเม็ดใหทาน
“ศิษยพี่เจาสํานัก ทาน...”
ใบหนาที่เคยแดงของเขาบัดนี้กลายเปนสีเทา เหลือเพียงแววตาโศกาอาดูร สะทอน
ความรูสึกซับซอนมากมาย เขาหายใจเขาออกหนักหนวง ทรวงอกสั่นไหวเปนระยะ ทํา
ใหโลหิตที่ไหลออกจากบาดแผลบนแขนขวามีสีแดงสดตลอดเวลา
“พยุง...พยุงขา...” พอฉางคุนพูด ก็มีโลหิตไหลออกจากปากและจมูก ทําใหเขาพูด
ไดไมมากนัก
“เจาสํานัก...” ปรมาจารยแตละทานพยายามขมอารมณตนเอง หลับตาไมพูดจา
ปรมาจารยทานหนึ่งพลันแหงนหนาแลวตะโกนเสียงกอง
“สวรรคกลั่นแกลงขา สวรรคกลั่นแกลงขา...”
เฉินคุนสะดุง ยกมือซายขึ้น “ไม.....”
แต...ไมทนั แลว รางของปรมาจารยทานนั้นพุงไปขางหนาดุจธนูแหวกอากาศ ตรง
เขาหามอไปที่ยังคงยืนนิ่งอยูในระยะไกล เขาเก็บรัศมีแสงแลว และกระบี่ในมือขวายัง
เสียบคาอยูกับรางปรมาจารย
ปรมาจารยทานนี้ไมใชวรยุทธ ไมเปลงรัศมีแสง ใชเพียงพลังปราณอันแข็งแกรงพุง
เขาใส
มอไปยืนนิ่ง แววตาเขายังคงเย็นชาและเยือกเย็นดังเดิม มองดูปรมาจารยจูโจมเขา
มา เขายังคงไมขยับ ยืนรอการจูโจมจากคมกระบี่
เพียงพริบตาเดียว เพียงเสี้ยวนาที!
มีแคปรมาจารยไรชื่อเสียงเรียงนามทานนี้ ไมมีใครตามมาอีก กระบี่ของเขาแทงลง
บนรางของมอไป
แกรง! เสียงเหล็กกระทบทอง
ทรวงอกมอไปมีโลหิตซึมออก แตสีหนายังคงไมเปลี่ยน เขาจองมองเจาของกระบี่
อยางเย็นชา กระบี่ยาวที่แทงไมเขากําลังสั่นนอยๆ สีหนาปรมาจารยเต็มไปดวยความสิ้น
หวัง มอไปคอยๆ ยกมือขึ้น ดึงกระบี่ยาวออกจากรอยแทงที่ทรวงอกชาๆ
สรางความสิ้นหวังใหกับทุกคนที่ยืนมองเหตุการณอีกครั้ง
มอไปไมพดู จาใดๆ มือซายปลอยกระบี่ยาวลง
“สวรรคทําลายสํานักใบไผขา...”
ปรมาจารยที่จูโจมเขามามิไดลาถอย เขาปลอยกระบี่ลงกับพื้น พึมพําอีกครั้ง แลวจึง
หลับตาลง
“โปรดยั้งมือ...เขาไปชวยเร็ว...” ฉางคุนใชพลังที่มีอยู สงเสียงรองพรอมตาแดงระเรือ่
ปง!
แนนอนวาปรมาจารยนับสิบใหคําตอบเขาดวยการยืนนิ่งอยูกับที่ ไมมีใครเขาไปชวย
ทุกคนยืนมองฝามือที่เพิ่งสรางความตื่นตระหนกเมื่อครูทาบลงบนทรวงอกของ
ปรมาจารยผูจูโจมเขา
จากนั้น รางปรมาจารยก็ลอยละลิ่ว เขาหาเหลาเพื่อนปรมาจารย
ปรมาจารยทานหนึ่งทะยานเขารับราง กอนแผดเสียงรอง “ศิษยนองหลาน!”
ทวาไมมีเสียงตอบรับใดๆ ศิษยนองหลานเพียงมองดูทองฟาดวยแววตาสิ้นหวัง
โลหิตไหลออกจากมุมปาก พูดติดๆ ขัดๆ
“แพแลว แพแลว...เหตุใด เหตุใด...สํานักใบไผขา...ไมมี...จอมยุทธ...”
สิ้นลมหายใจ
ทุกคนกมหนาเงียบเสียง อาจกําลังกลั้นน้ําตา ขมความแคน ควบคุมความหวาดผวา
ยับยั้งความสิ้นหวัง กอนเงยหนาขึ้นมองผูซึ่งยืนนิ่งอยูขางหนา มอไป ผูกลาที่โคนไมลง
ฉางคุนออนแรงลงเรื่อยๆ เขานั่งโดยใชแขนซายยันพื้นและกําลังจองมองมอไป
เชนกัน เขาในตอนนี้ เหลือเพียงความเสียใจและความสิ้นหวัง กับความเหลือเชื่อติดอยู
ในใจ
“ไมนา ไมนา แมแต...จอมยุทธ ก็ทําไมได...”
มอไปที่ทุกคนจับตามองอยู เสื้อผาขาดกะรุงกะริ่ง บาดแผลหลายแหงบนรางบง
บอกวาเมื่อครูเขาไดเผชิญกับการจูโจมที่นากลัวเพียงใด
สีหนาเขาก็ซีดขาวเชนกัน ไมปรากฏรัศมีแสงใดๆ บนราง มีเพียงเสนผมที่ยังคงปลิว
สยายตามแรงลม กับความสงางามจากจิตวิญญาณสะทานปฐพีเมื่อครู!
พลังปราณปนปวนเล็กนอย หัวใจเตนแรง แตสีหนายังคงไมมีความหวาดกลัวแมแตนอย
คลายมองปรมาจารยนับสิบที่ไมไดรับบาดเจ็บใดๆ เหมือนอากาศธาตุเชนเดียวกับ
กอนหนานี้ แตในใจก็คิดวาสํานักใบไผมีพลังที่นากลัวจริงๆ ทั้งๆ ที่กอนเขาจะมา เขาได
ทําใจใหสงบดุจเขาไทซานแลว
เหลาปรมาจารยจองมองเขา เขาก็จองมองเหลาปรมาจารย ทั้งสองฝายตางนิ่งเงียบ
ดวยกําลังรอบทสรุปสุดทาย
ไมนาน มอไปเปนผูขยับกอน เขาคอยๆ ชักกระบี่ออกจากรางไรลมหายใจ จึงเพิ่ง
มองดูปรมาจารยทานแรกที่เสียชีวิตจากการรุมโรมรัน
ปรมาจารยผูมีแววตาโศกสลด ผูที่ยังไมทันไดสําแดงพลังปราณ ก็ตองมาตายใตคม
กระบี่ของมอไปอยางไมคาดคิด มอไปมองดูดวงตาที่ยังเปดอยูของเขา รูวาเขาตายตาไม
หลับ!
ไมเพียงมอไป คนอื่นๆ ก็กําลังมองและนึกถึงความเปนมาเปนไปของศิษยพี่เหลียน
ทานนี้
ตอนนั้นไมวาผูใดมาอยูในตําแหนงของศิษยพี่เหลียนก็ไมมีทางคาดคิดวา มอไปจะ
ไมหลบฝามือเหล็กของเจาสํานัก แตกลับใชกระบี่จูโจมใสผูที่มีพลังคุกคามนอยกวาอยาง
ศิษยพี่เหลียน
พวกเขารูสึกหนาวเหน็บลงเรื่อยๆ ศิษยพี่เหลียนตายอยางนาอนาถจริงๆ แต
ขณะเดียวกันก็สะทอนใหเห็นจิตวิญญาณและพลังปราณของมอไป
พวกเขามองดูมอไปอีกครั้ง โดยเฉพาะฉางคุน แววตาเขาคอยๆ หมองหมนลง ที่แท
มอไปมิไดบา เปนตนที่ไมรูความเอง!
เขา...
เขาไมกลัวฝามือเหล็กอันเลื่องชื่อของตนแมแตนอย ฝามือเหล็กที่ตนใชพิชิตปฐพี
ที่สุดแลวก็...ทําอะไรเขาไมได!
ฉางคุนหลับตา น้ําตาไหลออกจากหางตา
ปณิธานของเขาถูกจูโจมจนพังทลายลง
ไมใชเขาไมพยายาม แตเปนเพราะศัตรูแข็งแกรงเกินไป
มอไปชักกระบี่ออกแลว แตทองฟากลับยิ่งมืดมิด แมไมมีแสงอันนอยนิดจาก
ดวงดาว ก็เพียงพอที่จะทําใหเหลาปรมาจารยมองเห็นหยาดโลหิตทอประกายเย็นยะ
เยียบอยูบนกระบี่!
กระบี่เลมนี้ ดูนากลัวกวากอนหนานี้อีก มันทําใหความกลาของเหลาปรมาจารยถูก
แชแข็ง!
มอไปคอยๆ กมหนาลง ภายใตแสงดาว เขาขยับ แตไมเร็ว เพียงหนึ่งกาว กาวเขา
หาปรมาจารย
สวบ! หนึ่งกาว
สวบ สวบ สวบ...
ชางนาขัน เขากาวหนึ่งกาว ลมดานหนาก็พัดวูบ
มอไปเงยหนา
ศิษยที่อยูดานหลังปรมาจารยจํานวนหนึ่งดึงสติกลับ ศิษยที่รางสั่นเทิ้มเงยหนาขึ้น
ทั้งหมดกําลังมองดูเหตุการณ และตองตกตะลึงเปนอยางยิ่งอีกครั้ง!
หนึ่งกาว!
มอไปกาวไปขางหนาหนึ่งกาว ปรมาจารยนับสิบกลับพากันถอยครูดไปทั้งหมด!
“เจา พวกเจา...”
มอไปมิไดพูด เหลาศิษยมิไดพูด ผูพูดก็คือผูที่กําลังพยุงเจาสํานัก เขาเบิ่งตามอง
ปรมาจารยรวมสํานักเขาไปกระจุกรวมกันกอนถอยครูดๆ ไปขางหลัง ปลอยใหเขากับ
เจาสํานักอยูขางหนา ความโกรธปะทุขึ้นทันที มองดูปรมาจารยทุกทานอยางกราด
เกรี้ยว
ไมมีใครตอบ
เพราะไมมีหนาตอบ และไมกลาสบตากับเขา
ฉางคุนลืมตา ไมไดมองพวกเขา แตมองมอไปอยางเศราโศก
มอไปกาวเดินตอ คอยๆ กาวเขาหาพวกเขา จองมองพวกเขา พลางยกกระบี่ขึ้น
“จ เจา เจา...”
ปรมาจารยที่พยุงเจาสํานักหนาแดงก่ํา จองมองมอไป แววตาโกรธแคนแตก็สับสน
เห็นชัดวา ที่สุดแลวเขาก็ไมกลาพูดใหจบประโยค
“วิถีเตามีเหตุและผล เจาจําไดหรือไม?” เสียงมอไปไมสูง
ฉางคุนยิ้มเศรา พยายามลุกขึ้นยืน เขายืนโงนเงนแตยังสลัดปรมาจารยที่พยุงตน
ออก จองมองมอไป กอนใชพลังเฮือกสุดทายพูดพลางไอเปนโลหิต
“เจายังไมชนะ!”
มอไปเงยหนาขึ้นอยางเย็นชา ยกกระบี่ในมือขึ้น จอเขาที่คอหอยของเขา
เจาสํานักไมหลบ เพราะไมมที างหลบพน กลับยิ้มพลางวา “ถึงสังหารขา แตสํานัก
ใบไผขายังคงอยู ยังมีปรมาจารยอีกสี่สิบคน ศิษยอีกเปนพัน...”
มอไปอดทนฟงเพราะเห็นเขาพูดพลางไอเปนโลหิต แตกลับชําเลืองมองเหลา
ปรมาจารยที่อยูดานหลัง ทําใหเขาตัวแข็งทื่อ สุดทายก็ไมไดพูดตอ
ฉางคุนไมตองหันมองก็รูวา ปรมาจารยคนสุดทายที่พยุงเขาก็ถอยไปดานหลังเชนกัน
จึงหลุบตาต่ํา มองดูปรมาจารยที่พุงเขาหามอไปแลวถูกสังหารเมื่อครู กอนแหงนหนา
มองฟา เขาออน คุกเขาทั้งสองขางลงตรงหนามอไป แตยังคงแหงนหนามองฟา
“แพแลว...สํานักใบไผ ไมเหลือแลว!”
“เจาสํานัก!” ในที่สุดในเหลาปรมาจารยก็มีคนทนไมไหว กลั้นน้ําตากาวออกมา
รองเสียงดัง
ฉางคุนมิไดหันมอง เพียงยกมือขึ้นปรามไมใหเขาเขามา กอนคอยๆ ทําความเคารพ
มอไปอยางยากลําบาก หลังโขกศีรษะสามครั้ง ก็พยายามพูดพรอมลมหายใจและแววตา
หวงสุดทาย
“ทานออง ฉางคุนผิดเอง โปรดประทานอภัย ศิษยสํานักใบไผเปนผูบริสุทธิ์ ขอทาน
อองไวชีวติ พวกเขา!”
“เจาสํานัก!”
เหลาผูอาวุโสอดสะเทือนใจไมได
ทวามอไปยังคงพูดขึ้นดวยน้ําเสียงเยือกเย็น
“ชาวประชาแมทุกขยากก็ยังเคารพบูชาพวกเจา! แตพวกเจากลับฝนเฟอง หนึ่ง ไม
ชวยชาติ สองไมปกปองชาวประชา แลวยังสรางความเดือดรอนใหสังคม เปนอันตราย
ตอชาวประชาอีก! เหลือไว...จะมีประโยชนอะไร?”
“ไม!” ฉางคุนพลันเงยหนา พูดอยางออนระโหยโรยแรง “มีประโยชน มีประโยชน
ขอทานอองเมตตา พวกเขาสามารถรับใชทานออง สามารถ...ชดใช...ความผิด...”
ยังไมทันพูดจบ โลหิตก็กระอักออกจากปาก กระเซ็นใสรองเทามอไป
เห็นลมหายใจเฮือกสุดทายของเขาแลวมอไปก็ไมพูดจาใดๆ
ฉางคุนพยายามใชแรงสูดลมหายใจเขา เขายังอยากพูดตอ แตเห็นชัดวาทําไมได
สุดทายจึงไดแตแคนหัวเราะอยางเศราๆ ใชพลังทั้งหมดที่มี ยกคอหอยขึ้นเฉือนกับคม
กระบี่มอไปที่อยูดานหนา...
ฟากําลังจะสาง
ศีรษะฉางคุนอยูที่ปลายเทา!
ปรมาจารยที่อยูตรงหนาแตละทานตางรูสึกสับสน เศราโศกเสียใจจนพูดไมออก
ศิษยที่อยูดานหลังพวกเขาลวนคุกเขาอยูกับพื้น รวมทั้งผูมากพรสวรรคอยางเฮอจ
วินเสียนดวย
ไมมีใครจองมองมอไปอีก เพราะไมกลา
พวกเขากําลังรอ รอมอไปตัดสินใจ
มอไปกําลังนั่งขัดสมาธิหลับตา รางเปลงแสงสีเขียวออก เขากําลังรักษาอาการ
บาดเจ็บประหนึ่งไมมีผูคนอยูในที่เกิดเหตุ
เหลาปรมาจารยไมกลาจองมองมอไปตรงๆ อาศัยจังหวะที่ฟาคอยๆ สวาง แววตา
ของพวกเขาก็เริ่มปรากฏความผิดปกติใหเห็น มีคนสบตากัน มีคนกมหนาไมพูดจา
สุดทาย เมื่อเห็นมอไปยังไมลืมตา ลมหายใจเริ่มเขาที่เขาทาง ก็มีคนอดรนทนไมไหว
บําเพ็ญเพียรมานานหลายปหวังเพียงมีอายุยืน
ถาขาไมอายุยืนแลวใครเลาจะอายุยืน
สํานักเตากําลังแขงขันกัน สามารถมีที่ยืนในวันนี้ได ใครใหความเมตตาใคร ถาไมมี
จิตคิดเอาตัวรอด ใครจะประสบความสําเร็จไดจนถึงทุกวันนี้? ใครอยากฝนสลาย ใคร
อยากลมลงเพราะโชครายเพียงครั้งเดียว?
ไรสุมเสียง ไรการบอกลาว ทันใดนั้น พริบตาที่ทองฟากําลังจะสวางจากความมืด ได
ยินเพียงเสียงสายลมพัด!
ทุกคนเงยหนาขึ้น เห็นเงารางหลายสาย พุงทะยานแหวกอากาศกระจายออกทั้งสี่ทิศ
หนี!
ไมผิด พวกเขาไมคิดตอสูอีก จึงหนี
แตมอไปไมคิดผอนปรนใหแนวคิดนี้ คิดจัดใหผูที่กลัวจะพลาดโอกาส ไรซึ่งโอกาส
ปรมาจารยสี่ทานหนีไป ปรมาจารยและศิษยที่เหลือรีบมองไปที่มอ ไป
แมคนอื่นๆ ไมหนี แตก็ไมไดหมายความวาพวกเขาไมคิด แตพอมองไปก็ทําใหพวก
เขารูสึกรอนๆ หนาวๆ!
จากนั้น พวกเขาเห็นรางนั้นทะยานขึ้น เปลงแสงสีทองตามศิษยรวมสํานักที่หนีไป
ทานหนึ่ง
เขาเร็วจนระดับปรมาจารยยังรูสึกหนาว พริบตาเดียว ก็หายไปในสายตาทุกคน ไม
จําเปนตองเดา ทุกคนตางรูชะตากรรมของปรมาจารยทานนั้นดี
แตนาทีนี้ กลับไมมีใครสนใจ ปรมาจารยหันมาสบตากัน มอไปกําลังไลตามคนอยู
ตอนนี้ทุกคนตองตัดสินใจแลววาจะหนีหรือจะอยู...
“หนี!” แทบไมตองคิด ถาตอนนี้ไมหนี แลวจะรอถึงตอนไหนเลา!
แตพอขยับเทา ก็กาวไมออกเสีย เนื่องจากดานหนามีแสงสีทองวาบผาน ผูหิ้วศีรษะ
กลับมาแลว
มอไปมิไดรักษาอาการบาดเจ็บตอ และมิไดไลตามอีกสามทานไป เขาหิ้วศีรษะเดิน
เขามาชาๆ มองดูเหลาปรมาจารย บรรยากาศในที่เกิดเหตุตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง
“ปรมาจารยแมเกงกาจ แตถาขาตองการฆา ถึงฟาดินกวางใหญเพียงใด จะหนีไป
ไหนพน ใครจะปกปองได?” มอไปพูดเสียงเบากับตัวเอง
ปรมาจารยที่เหลือมีสีหนาไมสูดีขึ้นมา ไมมีใครกลาขยับแลวจริงๆ แมหนีไปไดสาม
คน แตคําพูดของมอไปไดกําหนดบทสรุปของพวกเขาไวเรียบรอย
ที่สําคัญคือ แมพวกเขาหนีกันไปทั้งหมด อาจหนีไดก็จริง แตตองมีคนกลุมหนึ่งที่ถูก
ฆา แลวใครจะรูเลาวาตนเองจะเปนวิญญาณที่โชครายนั่นหรือไม?
เห็นชัดวา ตอนที่ยังไมถึงขั้นที่มอไปตองลงมือฆาอยางไมมที างเลือก พวกเขาก็ไม
อยากเสี่ยง
มอไปหิ้วศีรษะพลางมองดูรอบๆ สํานักใบไผอยูนานสองนาน ในที่สุดฟาก็สวาง เขา
เก็บกระบี่ยาวเขาฝกที่เอว กอนหันหลังใหศิษยสํานักใบไผ
“ใตหลายุงเหยิง ชาวประชาไมคุยกันเรื่องการมีชีวิต สวนสํานักเตามีสนามรบรอให
ไปผดุงคุณธรรมเพื่อชาวประชา สรางความรุงโรจนใหตนเอง แตกลับไมทํา กลับเลือกที่
จะเปนหนูสรางความเดือดรอนใหสังคม ขาผูใชบารับผิดชอบความสงบสุขของชาว
ประชา อดทนกับพฤติกรรมของสํานักเตามานาน พูดก็พูด อยางไรก็เปนประชาชนตา
เซี่ย ในชวงสงคราม ขาไมอยากขัดแยงกับคนในประเทศแลวทําใหศัตรูไดใจ”
“แตความอดทนของขากลับถูกมองเปนความหวาดกลัว นานวันเขา จนถึงตอนนี้
คนพวกนี้กลับกลาลงมือกับอองของราชสํานัก พวกเจามักคิดวาตนเองสูงสง แตใครบาง
กลาออกมายืนตรงหนาขาแลวบอกวา ความสามารถเกิดจากคุณธรรม แลวเอาตัวพิสูจน
ใหเห็น ทําเพื่อประชาชน เพื่อราชสํานัก เพื่อแผนดิน พวกเจาควรรูไววา ในเมืองหลวง
สํานักใบไผสังหารตูเจวียน และแมทัพนายกองของจวนหมิงอองไดก็จริง
แตเคยหลั่งโลหิตเพื่อผูประสบภัยและชวยชีวิตคนบางหรือไม? ในสายตาคนเถื่อน
เพื่อตอกรกับพวกเขาแลว กองทัพเราทุมกําลังทหารเปนพันเปนหมื่น แลวพวกเจาละ?
นักพรต อาจารย กระทั่งจอมยุทธ ในสายตาคนเถื่อนมีน้ําหนักสักเทาใด? พวกเจาคิดวา
ตนเองสูงสง มองวาผูอื่นกลัวพลังยุทธพวกเจา แตกลับไมรูวาผูอื่นไมเคยใสใจพวกเจา
พูดกันไมเกินสามคําก็สามารถเก็บชนชั้นกลางอยางพวกเจาไดทุกเมื่อ โดยไมจําเปนตอง
ใชกําลังทหารกับพวกเจาดวยซ้ํา!”
“และในขณะที่ขาใชชีวิตปกปองประเทศชาติและประชาชน ชนชั้นกลางอยางพวก
เจายังคิดดื่มด่ํากับผลประโยชนจากการเคารพบูชาของพวกเขา ชักศึกเขาบาน โดยใช
พลังยุทธที่พวกเจาคิดวายอดเยี่ยมจัดการกับหนามยอกอกที่คนเถื่อนคิดกําจัดโดยไม
สนใจวาจะตองใชวธิ ีอะไร!”
พูดถึงตรงนี้ เขาจึงหันกายมา เมื่อเห็นวาสายตาทุกคนจองจับอยูท ี่ตน รังสีฆาฟน
อยางเย็นชาในแววตาจึงคอยๆ จางหาย เปลี่ยนเปนออนโยนลง
“เดิมทีขาเชี่ยวชาญการแพทย ตอสูไมเปน แตเพราะรางกายออนแอ และตองเผชิญ
กับพวกโจรชักศึกเขาประเทศอยางพวกเจา หากขายังอดทนและไมอยากเห็นโลหิตอยู
ละก็ ไหนเลยจะกุมกระบี่มาไกลสามพันลี้ เพื่อสังหารผูที่ทําใหวีรบุรุษในใตหลาผิดหวัง
และเจ็บปวดอยางพวกเจาเลา?”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ปรมาจารยและศิษยพลันหนาถอดสี
แตสุดทาย ยังคงไมมีใครกลาทําอะไรผิดปกติ อาจเปนเพราะมอไปไดเก็บกระบี่ลง
แลว พวกเขาจึงสามารถรักษาความสงบนิ่งไวในขณะที่ยังรูสึกขนลุกขนพองอยู
มอไปคลายไมเห็นอากัปกิริยาที่ผิดปกติของพวกเขา จึงกมลงมองศีรษะฉางคุน
เงียบไปสักพัก คอยพูดเสียงเบา
“ผูตายก็ไดตายไปแลว มีผลงานยอมตองชมเชย มีความผิดยอมตองลงโทษ ในอดีต
บรรพบุรุษวาไว สํานักเตาใดมีผลงานตองสนับสนุน วันนี้พวกเจาขายชาติ จะใหขานิ่งดู
ดายไดอยางไร!”
มอไปเงยหนา มองดูทุกๆ คนดวยแววตาคมกริบ แสงอาทิตยยามเชาสาดนิ่งอยู
ดานหลังของเขา เขาพูดอยางตรงไปตรงมาและเฉียบขาด
“ขาขอสั่งวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ใหลบชื่อสํานักใบไผออก!”
สํานักใบไผ
หนึ่งในสิบสํานักใหญ
ลบชื่อ!
ตอใหนากลัวเพียงใด นาทีนี้ ไมวาจะเปนปรมาจารยหรือศิษย ตางก็มึนงงและสับสน
แตสุดทาย จะทําอยางไรได?
เหลาปรมาจารยมองดูหลายศีรษะที่อยูแทบเทามอไป ผานการตอสูในวันนี้แลว
สํานักใบไผ ยังจะทําอยางไรได?
มอไปมองไปยังผูซึ่งยืนอยูตรงกลาง
เขาไมรูจักชื่อของคนผูนี้ แตไมสําคัญ เขาจองมองปรมาจารยทานนี้ตาไมกะพริบ
สีหนาปรมาจารยทานนี้โศกาอาดูรจนดูไมได กอนกมศีรษะลง เมื่อรูวาตนเองถูก
เลือกแลว
ทุกคนเงียบเสียง บรรยากาศนิ่งคาง
กึก! ในที่สุดเขาก็คุกเขาลง ไมมีทางเลือก เมื่อถูกมอไปมองก็ไดแตคุกเขา ผูอื่นอาจ
สามารถหนีได แตเขาหนีไมไดแลว
“ขามีความผิด สมควรรับโทษ แตขอทานอองเมตตา คิดเสียวาขาอยูแตในปาเขา
ไมรูเรื่องรูร าวอะไร ยกโทษใหขาดวย!”
เงียบกริบ
ความจริงแลวควรเกิดความโกลาหล แตกลับไมมีอะไรเกิดขึ้น
มอไปไมพดู
ปรมาจารยผูคุกเขาจึงเงยหนา หันมองคนขางๆ ซึ่งก็คือรองเจาสํานัก
แววตารองเจาสํานักทั้งเศราทั้งสับสน แตไมมีทางเลือก เขาไดแตคุกเขาแลวตะโกน
เสียงดัง
“ขอทานอองเมตตา!”
“ขอทานอองเมตตา...”
......
ภายใตดวงอาทิตย ไมมีใครยืนอีก
มอไปแหงนหนามองฟามือไพลหลัง กอนพูดเสียงเรียบ
“วันนี้ขาไวชีวิตพวกเจา โทษตายละเวน แตโทษเปนยากหลีกเลี่ยง ตั้งแตวันนี้เปน
ตนไป ขาไมอนุญาตใหพวกเจาทองยุทธภพอีก พวกเจาตองชดใชความผิดบาปที่พวกเจา
กอ!”
ทุกคนเงยหนามองมอไป รองเจาสํานักจึงเอยขึ้น “ทานออง เรา...”
“ขาไมไดมาตอรองกับพวกเจา!”
ยังไมทันพูด มอไปก็ใชสายตาเย็นชาจองลึกเขาไปในดวงตาของเขา ทําใหเขาสะดุง
เฮือก รีบกมหนาไมกลาพูดอีก
“ใครยังไมยอมจํานน ก็กาวออกมา!”
นาทีนี้ ใครยังกลาไมจํานนอีก
“ควรไมควรแลวแตจะโปรด!”
แววตามอไปยังคงเย็นชา
“เดิมทีขาไมอยากฆาใคร แตสถานการณในวันนี้ กระบี่ขาไดเปอนโลหิตแลว จึง
ตัดสินใจวาถาสถานการณบานเมืองไมสงบ ขาจักไมเก็บกระบี่ พวกเจาคิดทําอยางไร
ตัดสินใจอยางไร ยอมอัปยศก็ดี ทําเพื่อชาติก็ได ขาไมบังคับ ขากลาไวชีวิตพวกเจา ก็
สามารถฆาไดอีกครั้งอยางไมสนใจเชนกัน! แตขารูดีวาในสํานักเตามีขาวลือมากมาย ลือ
กันวาตั้งแตปที่เกิดเรื่องขึ้นกับขา ขาไดตัดขาดจากสํานักเตาและเดินคนละทางกับ
นักพรตในปฐพี!”
เหลาปรมาจารยพลันเงยหนาขึ้น หนังตากระตุกขณะมองมอไป
มอไปกมหนาเล็กนอย
“ลวนเปนคําพูดที่ไรสาระ บานเมืองยุงวุนวาย ขาไหนเลยไมอยากเห็นคนเกงของตา
เซี่ยเราแสดงความสามารถ? ขาหรือสูอุตสาหมองดวงจันทร แตไฉนดวงจันทรกลับสอง
ตองคูน้ําเสียนี่!”
พูดจบ มอไปก็หันกาย เดินจากไป
ผูคุกเขาทั้งหมดหันมองรางโดดเดี่ยวนั้นอยางงุนงง
แตผูบําเพ็ญเพียรไหนเลยจะโงเขลาเบาปญญา ทามกลางความสับสนของเหลา
ปรมาจารย ทันใดนั้น คนผูหนึ่งพลันตะโกนใสแผนหลังมอไป
“ทานออง ขาจางเชียนเตา ยินยอมแกไขในสิ่งผิด รับใชขางกายทานออง ใชครึ่ง
ชีวิตที่เหลือชดใชความผิด ขอทานอองสนับสนุนดวย!”
วาแลวก็โขกศีรษะลง
เหลาปรมาจารยขางกายเขาตางทําปากยื่นปากยาว แตคิดอะไรมากในตอนนี้ก็ไม
ทันแลว จึงรีบทําตามเขา!
เปนเรื่องที่ไมมีทางเลือกจริงๆ
อยางที่มอไปพูดไว วันนี้จะตัดสินใจอยางไรก็ตาม ตองรอดชีวิตกอนคอยวากัน
สิบสํานักใหญ!
สํานักใบไผบารมียิ่งใหญลนฟา แตมอไปคนเดียว กุมกระบี่พันลี้ ลบชื่อออกในคืนเดียว!
ตอน 290 ปน ปกผมรูปหงส
หากยึดตามระเบียบการปกครองสมัยกอตั้งตาเซี่ย วันขึ้นปใหมตองเปนวันที่ขุนนาง
นอยใหญและองคจกั รพรรดิยุงสุดๆ เนื่องจากเหลาขุนนางจะเริ่มทยอยเขาวังเพื่ออวยพร
ปใหมตั้งแตตีสี่!
เนื่องจากมีกฎเกณฑมารยาทยุงยากมากมาย ทุกอยางเปนสิริมงคลไปหมด เต็มไป
ดวยคําอวยพรสรรเสริญและคําทายทักไพเราะเสนาะหูนับไมถวน แนนอนวาที่ขาดไมได
ยอมเปนการมอบของขวัญ...
แมประเพณีเชนนี้ทําใหเหลาขุนนางและองคจักรพรรดิที่ตองตื่นแตเชาเพื่อทํา
กิจกรรมเหลานี้ทั้งวัน เหนื่อยจนแทบขาดใจ ทวาสิ่งที่สืบสานตอกันมายอมมิไดถูก
กําหนดขึ้นเพื่อจงใจทรมานผูคน แตเปนเพราะเล็งเห็นประโยชนทไี่ ดรับ ในการแสดงให
เห็นความรุงโรจนอยางถึงที่สุดของราชสํานัก พระปรีชาญาณขององคจักรพรรดิ และ
ความจงรักภักดีของเหลาขุนนาง
แตมาจนถึงวันนี้ ยังไมพูดเรือ่ งความกาวหนาของยุคสมัย พูดเพียงสถานการณ
บานเมืองตาเซี่ยที่วิกฤตถึงขั้นนี้แลว ถายังขืนทําสิ่งเหลานี้อยูอีก เกรงวาจะเหมือนตัว
ตลกที่ทําตนเองขายหนาเปลาๆ
พูดถึงงานเฉลิมฉลองปใหมของราชสํานัก ตองใชงบประมาณมหาศาลจริงๆ หากอยู
ในยุคเรืองรองยอมไมนับวามาก แตสําหรับตอนนี้แลว ราชสํานักแตกแยก งบประมาณ
รอยหลอ องคติ้งอูตองรัดเข็มขัดเต็มที่ในการจัดงาน ไมสามารถฟุมเฟอยเชนเดิมไดอีก
ดังนั้น สิ่งใดที่สามารถประหยัดไดก็ตองประหยัด เชนขุนนางไมจาํ เปนตองเขาวัง
ถวายพระพร เปลี่ยนเปนสงคําอวยพรมาก็พอ บรรยากาศจึงไมคึกคักเหมือนเมื่อกอน
แตไมเปนไร บรรยากาศในวังอยางไรก็ไมเงียบเหงา แมขุนนางไมมา คนในบานก็
ตองมาอยูดี และแมบรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศในเมืองหลวงจะลดนอยลง แตพวกเขาก็
มิไดยากจน
ตอนเขาวัง ก็ยังเต็มไปดวยรถมาและรถราเหมือนเดิม บรรยากาศไมธรรมดา!
แมมิไดมาจากนอกวัง แตงานเลี้ยงรับรองภายในเชื้อพระวงศเชนนี้ ยอมขาดชายาห
มิงอองไมได
หลินซูอินแตงหนาแตงตัวเสร็จเรียบรอยแตเชา
อาจเพราะมีพลังปราณจากการบําเพ็ญเพียร แมคืนสงทายปเกาไมไดนอนทั้งคืน
นางก็มิไดดูออนลาแตอยางใด
แตจะอยางไร นางก็ไมสามารถแจมใสราเริง ยังคงมีทาทีเฉยเมยกับทุกสิ่ง กมศีรษะ
ถวายพระพรฮองเฮา
“สวัสดีปใหมเพคะเสด็จแม”
วันนี้ฮองเฮาสวมมงกุฎเกียรติยศ สูงสงสงางาม ทวากลับมีทาทีเหมือนหลินซูอิน ไม
ปรากฏความแจมใส ดวงตาและคิ้วยังคงเหมือนวันปกติ สีหนายังคงสงบนิ่ง
แตพอเห็นหลินซูอิน ก็ทรงใชดวงตาหงสสํารวจมองนางจากหัวจรดเทา สุดทายมา
หยุดอยูที่มวยผมดําสนิทของนาง นิ่งไปสักพัก คอยหันไปหยิบกลองเครื่องประดับบนโตะ
ขางตัวมาไวในมือ เปดกลองออก แลวหยิบปนปกผมออกมาอันหนึ่ง สงใหหญิงชรา
“ปกใหนาง”
หญิงชรารับมาไว มองดูปนปกผมรูปสลักหงสเหมือนจริง (หงสเปนสัญลักษณแหง
จักรพรรดินี) แลวหันมองหลินซูอินที่ยงั กมศีรษะอยู รูสึกประหลาดใจขึ้นมา จึงมองดู
ฮองเฮาอีกครั้ง เห็นแววตาฮองเฮาใสกระจาง ไมมีความผิดปกติแมแตนอย
“เพคะ” หญิงชรากะพริบตา มินาละ วันนี้จูๆ ฮองเฮาก็ใหนางนํากลอง
เครื่องประดับออกมา ตรัสวาจะเลือกดวยองคเอง ที่แทก็กําลังหาปนปกผมอันนี้
พูดตามตรง นางทั้งตะลึงทั้งยินดี
ในที่สุดฮองเฮาก็ไมคิดกล้ํากลืนฝนทนอีก นางรูดี ปนหยกอันนี้เปนการตอบโต
สนมหลัน ชวยหลินซูอินใหพน จากการถูกดูหมิ่นในวันนั้น!
หลินซูอินรูสึกไดวามวยผมของตนถูกปนหยกปกลง แตกลับไมรูวาเปนปนหยกรูป
สลักหงสเหมือนจริง นางกมศีรษะใหโดยมิไดขัดขืน ยังคงรักษาบุคลิกทาทางไดคงเสนคง
วาเหมือนเดิม
พอปนหยกถูกปกลงเรียบรอย ฮองเฮาก็พูดเสียงเบา “เงยหนาขึ้นได”
หลินซูอินเงยหนา หลุบตา ไมพูดไมจา ฮองเฮาพิศดูนางสักพักคอยเก็บสายตา
“ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยเสด็จแม” หลินซูอินลุกขึ้นยืน
ฮองเฮาพยักหนาใหหญิงชรา หญิงชราจึงนํากลองผาไหมบนโตะมอบใหฮองเฮาๆ
รับมาแลวมอบใหหลินซูอิน
“วันขึ้นปใหมในวัง พระบรมวงศรุนหลังตองใหของขวัญฝาบาท เพื่อแสดงความ
กตัญู ซึ่งของขวัญไมจําเปนตองมีราคาแพง แตกระนั้นก็ตาม เมื่อเปนหนอเนื้อเชื้อ
กษัตริย องคชายหกแมไมอยูในเมืองหลวง ก็ไมควรไมรกู าลเทศะเมื่อตองอยูตอหนาพี่ๆ
นองๆ ขาเลือกของชิ้นหนึ่งใหเจา นําไปมอบใหฝาบาท”
กอนหนานี้หลินซูอินไมรูจริงๆ วาตองทําเชนนี้ กระทั่งไมรูวาตนเองตองเขารวมงาน
ฉลองวันขึ้นปใหมดวย แตตอนนี้ นางกลับมองกลองของขวัญ แลวพูดเสียงเบา
“ทูลเสด็จแม จวนหมิงอองไดตระเตรียมของขวัญปใหมไวใหแลวเพคะ”
“ออ?” ฮองเฮารูสึกตะลึงเล็กนอย รีบตรัสถาม “องคชายไดเตรียมไวแตแรกแลวหรือ?”
หญิงชราที่ยืนอยูดานขางเลิกคิ้วดวยความประหลาดใจเล็กนอย หมิงอองเตรียมไว
แลว? แลวพระชายาพกติดตัวตลอดรึ? เพราะหลายวันมานี้นางถูกหามไมใหออกจากวัง
แตหลินซูอินกลับไมรูวาใชหมิงอองเตรียมไวแตแรกหรือไม ดวยเมื่อวานลูสวินอี้เพิ่ง
บอกเรื่องนี้กับนาง แตคิดๆ ดูแลวยังคงพยักหนาแลววา “หมิงอองปรุงยาเม็ดไวหนึ่งขวด
ใหลูสวินอี้พกติดตัวไวตลอด”
“ออ ยาเม็ด? องคชายเปนผูปรุง?” ฮองเฮานิ่ง แลวยิ้มในทันที เห็นชัดวารูสึกดี แต
สักพักก็สายศีรษะ
“พระชายา ทานวา ยาเม็ดหรือ?” หญิงชราทีอ่ ยูดานขางอึ้ง ยกมุมปากขึ้น แลวพูด
ตอ “ไมทราบวาเปนยาชนิดใด?”
“หมิงอองคนควาและคิดสูตรยาขึ้นเอง ฟงจากที่ลูสวินอี้พูด เห็นวาเปนยาตออายุ
เพคะ” หลินซูอินตอบเสียงเบา
“อะไรนะ?” หญิงชราหนาเปลี่ยนสี รองออกดวยความตกใจ
ฮองเฮาก็ตกใจเชนกัน แมสีหนามิไดเปลี่ยนกะทันหันเชนหญิงชรา แตทรงคอยๆ
เก็บรอยยิ้ม สายหนานอยๆ แลววา
“องคชายเลนตลกแลว เหตุใดจึงตั้งชื่อตองหามเชนนี้?”
หลินซูอินมองทั้งสองทาน ชะงักเล็กนอย ชื่อนี้มีปญหาหรือ?
ในสํานักเตา ยาแตละชนิดมักมีชื่อตามสรรพคุณ แมนางรูสึกวาชื่อยาของหมิงออ
งอวดอางเกินไปหนอย แตยาของสํานักเตาที่อวดอางกวานี้ก็ใชวาไมมี
“ฮองเฮาเพคะ...” หญิงชราพลันกมลงกระซิบกระซาบขางหูฮองเฮาอยาง
ระมัดระวัง
ยิ้มยินดีบนใบหนาฮองเฮาคอยๆ จางหาย จนสุดทายกลายเปนโมโห พลันเอ็ดหญิง
ชราเสียงเบา “สามหาว ใครกลาปายสีลูกหกขา?”
หญิงชรามองฮองเฮาอยางกระอักกระอวนใจ เปนครั้งแรกที่หลินซูอินเห็นฮองเฮา
กริ้ว ไมรูวาหญิงชราพูดอะไรที่ทําใหทรงกริ้ว นางจึงไดแตยืนอยูดานขางไมพูดไมจา
แววตาฮองเฮาคลายมีเปลวไฟวาบผาน ทรงสงางามอยางเรียบๆ มาตลอด แตพอ
กริ้วขึ้นมา ทรงดูนาเกรงขามมาก!
ผานไปสักครู เมื่อฮองเฮาสงบอารมณลง คอยหันมองหลินซูอิน
“ลูสวินอี้ยังอยูในตําหนักหรือเปลา!”
“อยูเพคะ” หลินซูอินพยักหนา
“ใหเขาเขามา!” ฮองเฮาตรัสเสียงขรึมกับหญิงชรา แตเพิ่งตรัสจบ กลับเปลี่ยน
พระทัย “ชางเถอะ ไมตองแลว”
หญิงชราหันมองพระองคอยางไมเขาใจ
ฮองเฮาตรัสกับหลินซูอินแทน “เมื่อเตรียมของขวัญมา ก็นําไปมอบใหฝาบาทเถิด”
“เพคะ ซูอินขอตัว” หลินซูอินโคงตัวแลวถอยออก
กอนไปยังหันมองหญิงชราทีจ่ องมองตนอยางกระวนกระวายใจ
พอเห็นหลินซูอินจากไป หญิงชราก็รีบเอยปาก
“ฮองเฮาเพคะ...”
ฮองเฮากลับยกมือปราม “ไมตองพูดมาก!”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาฮองเฮาฉายแววคมกริบขึ้น
“ขาไมคิดแยงอะไรใครทั้งสิ้น แตใครก็อยาคิดวาจะแตะตองลูกหกขาได!”
หญิงชราขยับริมฝปากขึ้นลง กอนสั่นเล็กนอย สุดทายก็ไมมีเสียงเล็ดลอดออก ไดแต
มองตามทิศทางที่หลินซูอินจากไปอยางกังวลใจ
ถาฝาบาทไมเชื่อหมิงอองละ?
หญิงชรามิไดหวาดกลัว แตเปนหวงวาฮองเฮาจะเสียพระทัย
ตลอดทางเดิน หลินซูอินนึกวาที่ตนยังเปนเปาสายตาอยู เปนเพราะสถานะและ
องครักษขางกายจํานวนมากที่ดึงดูดความสนใจของผูคน
นางรูสึกวาขบวนของตนออกจะใหญเกินไปหนอย ซึ่งแมนางพักอยูในพระตําหนัก
ฮองเฮา แตองครักษในครั้งนี้กลับมิไดเปนองครักษของฮองเฮา ดวยใชวาจวนหมิงอองไม
มีองครักษ เมื่อตองออกงานลักษณะนี้ จะใหถูกผูคนดูหมิ่นไมไดเปนอันขาด
พวกลูสวินอี้เดิมทีถูกกักไวในวังใหรอรับใชชั่วคราว พวกเขาจึงมีสถานะพอที่จะเดิน
ไปไหนมาไหนในวังได พรอมองครักษพกดาบคอยคุมครองอยูขางกายกลุมหนึ่ง จึง
เทากับวาในขบวนมีองครักษรวมกันสองกลุม จํานวนคนที่มากเชนนี้เองที่ทําใหดูตื่นตา
ตื่นใจ
สวนจะเกินหนาเกินตาใครนั้น ลูสวินอี้ขี้ครานจะสนใจ เขาเปนองครักษจากจวนห
มิงออง มีหนาที่คุมครองพระชายา องครักษที่พกดาบหาใชผูที่เขาเรียกมาไม พวกเขา
ตามมาเอง ลูสวินอี้จะทําอยางไรได
ดานหลินซูอินเมื่อเห็นวาผูคนตางจองมองตนอยางตกตะลึงพรึงเพริดตลอดทางเดิน
ก็คิดวาดวยสาเหตุนี้
แตตอมาคอยรูสึกวาสายตาของผูคนตางพุงตรงมาที่ปนปกผมบนศีรษะนาง นางไม
โง จึงรูแลววาปนปกผมนี้นาจะมีปญหา
ทามกลางสายตาผูคนมากมาย ไมดีแนถานางจะดึงปนปกผมออก เพราะจะทําใหผม
เสียทรงดวย จนเดินมาถึงสระชมทิวทัศนแหงหนึ่ง นางจึงเห็นรูปหงสจากเงาสะทอนใน
น้ํา ทําใหเขาใจแลววาเหตุใดตลอดทางเดินที่ผานมา ผูคนจึงมองตนอยางตกตะลึง
เชนนั้น
ฮองเฮาใหนางปกปนที่กอใหเกิดกระแสขาว นางชัดเจนแลววา การปกปนนี้ในวังทํา
ใหตกเปนขาว ตองมีคนไมชอบหนานาง กระทั่งอีกสักครูบรรดาองคชายและพระชายาที่
เขาถวายพระพรก็อาจรังเกียจนาง!
เดิมทีสถานะนางเปนที่สนใจของผูคนอยูแลว ไมวาจะเปนชะตาเจาฟาเจาแผนดิน
ศิษยเขาซางชิง หรือบุตรสาวตระกูลหลิน นางไมอยากตกเปนขาวอีก อยากออกไปจาก
ที่นี่อยางเงียบๆ ใหเร็วที่สุด
แตตอนนี้ มีหงสตัวนี้ปกอยูบนศีรษะ...
นางคอยๆ หลับตาลง สูดหายใจเขาลึกๆ ที่สุดแลวยังคงแหงนหนาขึ้นมองหิมะที่เริ่ม
ตกลงมาจากฟากฟา ไมพูดจาใดๆ ไมมีทางเลือก เมื่อฮองเฮาใหนางปกปนนี้ไว นางยอม
ดึงออกไมได
เมื่อเปนเชนนี้ ก็ไมตองคิดอะไรมาก
ตําหนักไทเหอใหญยิ่ง
แตจะใหญอีกแคไหนก็ไมเพียงพอตอการรองรับคนเปนจํานวนมาก
ตอนที่หลินซูอินมาถึง ทั้งในและนอกตําหนักลวนเต็มไปดวยผูสูงศักดิ์
มีเสียงเปยโนดังขึ้นอยางไพเราะจากมุมๆ หนึ่ง
มีเสียงดนตรีเตนรําดังคลออยูในตําหนัก
มีเสียงพูดคุยสนทนาจากทุกทิศทุกทาง
มีเด็กเล็กๆ เลนอยูดวยกัน
ในวังไมไดคึกคักมานานแลว ขณะที่ฝาบาทและผูสูงศักดิ์หลายทานยังไมมา
บรรยากาศที่นี่ผอนคลายมาก วันนี้ไมมีขอหามใดๆ มีแตเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นไมหยุด
แตเสียงที่ทั้งดังทั้งสูงเสียงหนึ่ง กลับทําใหผูคนที่อยูทั้งในและนอกตําหนักหยุดชะงัก
“ชายาหมิงอองเสด็จ!”
ทุกซอกทุกมุมของตําหนักคลายหยุดเวลาไว กระทั่งเด็กนอยที่เลนซนอยูในแตละมุม
ยังไมกลาเลนตอ รีบวิ่งเขามาหาคนในครอบครัว
หลินซูอินเดินเขามาที่โถงดานหนาทามกลางบรรยากาศขางตน กอนปรากฏตัวขึ้น
กลางตําหนัก
พอเงยหนาขึ้น ก็เห็นสายตาแตละคูซึ่งมีความหมายหลากหลาย กําลังมองมายังปน
ปกผมบนศีรษะตน กอนเลื่อนสายตาลงมองรูปรางตน
ไมมีใครเอยปากทักทาย ทุกคนลวนกําลังจองมองนาง
เดาไดไมยากวา บรรยากาศโชคดีมีสุขแตเดิม กลับกลายเปนนิ่งคางกะทันหัน การ
มาถึงของตนเปนแรงกดดันชนิดไหนกัน
พอกวาดตามอง หลินซูอินก็จําคนเหลานี้ได ดวยรูจักกันตั้งแตตอนอยูเมืองหลวงในปนั้น
เชนองคชายชื่อเสียงโดงดังในเมืองหลวงหลายทาน หญิงสาวที่สนิทกันพักหนึ่งและ
ตอนนี้กลายเปนพระชายา อยางไรก็ตามยังมีคนอีกมากมายที่นางไมรูจัก
ทวาไมวาจะรูจักหรือไมก็ไมแตกตางกัน ดวยไมมีใครเปนมิตรกับนาง!
แมแตมหาดเล็กที่พานางมา ตอนนี้ก็ยังประดักประเดิด กมศีรษะ ใบหนาเต็มไปดวย
เหงื่อ หวังเพียงรีบสงๆ นางมาใหจบๆ ไป
โตะวางตัวหนึ่ง
จวนหมิงอองจัดอยูในกลุมจวนอองที่มีความสนิทสนมมากสุด ในราชสํานัก
นอกจากฝาบาทแลว ศักดิ์ของพวกเขาจัดอยูในลําดับตนๆ ที่ผูคนใหความสนใจมากสุด
เชนกัน
นางกาวทีละกาวมาที่โตะและนั่งลง ทามกลางสายตาแตละคูที่จองมองอยู
ไมมีใครสงเสียงใดๆ บรรยากาศยังคงคางแข็ง
แตหลินซูอินรูวา สําหรับตนเองนั้น บรรยากาศเชนนี้ จัดวาเปนมิตรแลว
ผูที่ควรมายอมตองมา
ซึ่งในที่สุดก็มีคนเอยปากจนได และเปนไปตามคาด ผูที่เริ่มตนกอนมักเปนผูหญิง
“พี่สะใภหก ปนปกผมรูปหงสของทานสวยมาก!”
ตอน 291 ตบหนาสามฉาด
ดวยสถานะชายารัชทายาทก็ดี ดวยสถานะบุตรสาวตระกูลหลินก็ดี
หลินซูอินรูดีวาปนปกผมบนศีรษะตน ตองกลายเปนเปาโจมตีในวันนี้แน
ดังนั้นพอเสียงหญิงสาวคนแรกดังขึ้น นางก็ไมแปลกใจแตอยางใด กระทั่งมิไดหนั
มอง แมจะรูวาผูที่เอยปากนั้นเปนองคหญิง!
ไมใชเพราะหญิงสาวเรียกตนวาพี่สะใภหก แตเพราะเหลาองคชายซึ่งจงเกลียดจงชัง
ตนไมสามารถออกรบเองโดยตรง และแมเหลาชายาสามารถ แตอยางไรก็มิใชญาติสนิท
ขององคติ้งอู ถาเกิดความวุนวายขึ้นกลางงาน พวกนางอาจทําใหสวามีอองของตนเอง
เดือดรอนได
ดังนั้นผูที่ถูกเลือกใหมากอกวนและมีความเหมาะสมมากสุดยอมเปนองคหญิง
เพราะแมกอกวนจนเสียบรรยากาศอยางไร ฝาบาทก็ไมนาตําหนิอะไรมากมาย กลับเปน
หลินซูอินเองตางหากที่ไมดูตามาตาเรือ
หลินซูอินแมไมมีกลอุบายอะไร แตเนื่องจากเติบโตมาในตระกูลขุนนาง
ประสบการณเล็กๆ นอยในเรื่องพรรณนี้ยอมมีอยูบาง
พอไดยินเสียงฝเทาใกลเขามา หลินซูอินคอยหันมอง และเห็นวาผูมามีทาทีสูงสงงาม
สงา ดูจากใบหนาแลวนาจะไมเกินยี่สิบแปด
นางจําชื่อไมได ดวยองคติ้งอูม ีลูกหลานมากมาย เฉพาะที่โตเปนผูใหญแลวในตอนนี้
ก็มีเกินสิบ
จําไดแตผูที่ดูเปนผูใหญหนอย บรรดาองคชายองคหญิงที่ยงั เล็กตอนนางออกจาก
เมืองหลวงในปนั้น นางจําหนาไมไดแลว
กอนหนานี้ชวงเขาวังใหมๆ ก็ไมเหมือนตอนออกเรือนที่มีคนคอยชี้แนะใหทาํ โนนทํา
นี่ อธิบายแตละอยางใหฟง แตไมวาฝายตรงขามเปนใคร
เมื่อหลินซูอินหันมองรอบทิศ ก็เห็นแตสายตาที่จองมองมาอยางไมเปนมิตร ก็ถูก
คนตระกูลมอจะเปนมิตรกับคนตระกูลหลินไดอยางไร?
หลินซูอินมองดูใบหนาอมยิ้มของหญิงสาว กอนเอยปากเปดใจเบาๆ
“ถาองคหญิงชอบปนปกผมนี้ ขาก็ยินดีที่จะมอบให”
หลินซูอินไมลังเลแมแตนอย ยกมือดึงปนปกผมออก ยื่นใหองคหญิงผิงอัน
เงียบสนิท
นี่กําลังถอย หรือ...กําลังยั่วยุกันแน?
ผิงอันไมคิดมากอนวาหลินซูอินจะเถรตรงเชนนี้ ยื่นปนปกผมมาตรงหนา บอกจะให
นาง จึงงุนงงเล็กนอย ทวาก็ตอบกลับไดอยางรวดเร็ว ยิ้มหึๆ แลววา
“พี่สะใภหกลอเลนแลว ปนปกผมรูปหงสนี้พี่หกเปนผูมอบใหทาน ขาไหนเลยจะ
กลารับไว?”
นางเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
“โอ ของมีคาอะไรกัน ถึงขนาดทําใหองคหญิงผิงอันสนใจได เลาใหขาฟงหนอย ให
ขาไดมีความรูติดตัวบาง!”
หลินซูอินมิไดหันมอง แตเห็นผิงอันหันมอง แลวหันมายิ้มใหหลินซูอินโดยไมสนใจ
ปนปกผมในมือของหลินซูอินที่ยื่นใหนาง กอนผละไปหาเจาของเสียง พลางทักทาย
“พี่สะใภสาม เหตุใดทานเพิ่งมา?”
พี่สะใภสาม?
จากนั้นมีเสียงถวายบังคมของคนกลุมหนึ่งดังขึ้นจากดานหลัง
ทานผูนี้ยอมเปนชายาผิงออง
นางมิไดมาเพียงลําพัง ดานหลังนางยังมีชายายงออง ชายาไทออง
ราชสํานักสถาปนาตําแหนงอองขึ้นสี่ตําแหนงดวยกัน ประกอบดวย องคชายใหญยง
ออง องคชายสามผิงออง องคชายหกหมิงออง และองคชายเกาไทออง
พระชายาทั้งสี่เดินเขามานั่งในโตะแถวเดียวกันกับหลินซูอิน
พวกนางมิไดทักทายหลินซูอิน หลินซูอินก็มิไดทักทายพวกเนาง ทั้งสี่นั่งโตะที่ตั้งอยู
แถวหนาสุด สายตาทุกคูลวนจับจองมาที่พวกนาง
หลินซูอินไมพูดจา นางรูวาเรื่องเพิ่งเริ่มตน
“พี่สะใภสาม ทานดูสิ ปนหงสที่พี่หกมอบใหพี่สะใภหกงามแคไหน” ยังคงเปนองค
หญิงผิงอันเอยปากกอน
หลินซูอินเงยหนาขึ้น พอดีสบตากับชายาผิงออง
ชายาผิงอองเห็นนางมองตนนิ่ง สักพักจึงหลุบตาลงแลววา
“ไดยินวาปใหมนี้ที่บานนองหกมีคนมากันหลายคน คิดไมถึงวาจะเปนเรื่องจริง”
วาแลวก็ชําเลืองมองปนหงส กอนแสดงสีหนาที่ยากแยกแยะความรูสึก กอนหันไป
พูดกับผิงอัน
“โอ นองผิงอัน ที่เจาวาคือปนหงสอันนี้รึ? เชนนั้นเจาก็ไมมีทางไดครอบครองหรอก
ของสิ่งนี้ใชวาคนธรรมดาจะใชกันได นั่นหมายถึงชะตาหงสเชียว ผูที่ถูกกําหนดใหเปน
ฮองเฮาเทานั้นจึงจะกลาใช!”
“ฮองเฮา?” ผิงอันสงเสียงตกใจ หันมองหลินซูอ ินหนาตาตื่น “พี่สะใภหกจะไดเปน
ฮองเฮาหรือ?”
สิ้นเสียงผิงอัน ก็มีเสียงหญิงสาวจากดานขางดังขึ้นอยางไมสบอารมณนัก
“หึๆ ไมเห็นหรือวาคนเขาอุตสาหปกปนมาใหพวกเราเห็นกันตรงหนา คนเขามี
ความทะเยอทะยานอยางที่พวกเรารูกันดี ตอไปนองผิงอันตองจําเอาไว อยาไดเสีย
มารยาทตอหนาคนเขาเปนอันขาด!” กอนพูดตอ
“ไมเคยไดยินหรือ? กอนหนานี้กระทั่งสนมหลันพูดจาไมเขาหูนางเพียงไมกปี่ ระโยค
คนรับใชยังถูกนางสังหารดวยความโกรธไปแลวหนึ่ง พวกเราเองก็ควรระวังใหดี!”
ผูพูดก็คือพระชายาขององคชายใหญ หรือชายายงอองนั่นเอง
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ก็รอนไปทั้งตําหนัก
ปง เสียงหนึ่งดังสะทอนกอง
“ตายแลว ทําอยางไรดี พี่สะใภใหญ เมื่อครูที่พวกเราเดินเขามาเหมือนไมไดทํา
ความเคารพทานผูนั้น ทําอยางไรดี เกรงวาเราจะกอเรื่องใหญเขาใหแลว” ชายาไทออง
เอยปากบาง
“ฮาฮาฮา...”
คําพูดชายาไทอองทําใหเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งหอง ตามดวยเสียงกระซิบ
กระซาบจากทุกทิศทุกทาง
ยามที่ผูหญิงทะเลาะกัน บางครั้งก็ทําใหผูคนรูสึกกระอักกระอวนไดมากกวาผูชาย
ห้ําหั่นกันเสียอีก
“ไรยางอายเสียจริง เปนโจรกบฏแทๆ ยังกลามีหนามากรีดกรายอีก!”
“แหม ถามียางอายนางจะกลับมารึ?”
“ชะตาหงสหรือ? ฝนไปเถอะ!”
“ชู เสียงเบาหนอย พูดไมไดนะคํานี้”
“เหตุใดจะพูดไมได หมิงอองยังมีชีวิตอยูแลวอยางไร อยางไรเขาก็มาจากสามัญชน
อยูในเมืองหลวงไมถึงสองปดวยซ้ํา ไมมีทางเปนไปไดหรอก...”
“อยาเพิ่งวาหมิงอองไรสามารถ แมมีวันนั้นจริง ตําแหนงหลังเรือนก็ไมมีทางเปนนาง”
“นั่นสินะ ก็ไมรูวานางจะโออวดไปทําไม? ผูหญิงที่ไมรูกาลเทศะเชนนี้ ดูไปก็แลวกัน
ตองมีจุดจบอยางนาอนาถแน!”
......
ความสามารถในการไดยินของหลินซูอนิ ดีเกินไป แมเสียงเบาแคไหน นางก็ไดยิน
นางคอยๆ หรี่ตา ใจเตนไมเปนระส่ํา กมลงมองปนปกผมในมือ
ยังไมพูดอะไร แตในใจรูสึกโกรธดั่งไฟสุม มิไดโกรธเคืองคําพูดเหลานี้ แตสิ่งที่อัดอั้น
อยูในใจเหมือนจะกดเอาไวไมอยู นางไมสามารถอธิบายกับตัวเองไดวา เหตุใดตองมา
แบกรับอะไรในที่นดี่ วย
นางไมรูวา เหตุใดตนเองจึงตองมานั่งอยูตรงนี้
หรือวาในโลกที่ยุงวุนวายนี้ นางไมมีที่ไปแลวจริงๆ
บานตระกูลหลิน เขาซางชิง นางลวนกลับไปไมได
นางแคอยากอยูอยางสงบ มีที่เงียบๆ ใหสงบจิตสงบใจสักพัก ใหไดคิดโดยไมตองถูก
รบกวนวาตนเองควรจะเดินไปทางไหนตอดี!
นางกมศีรษะ หลับตา ไมอยากขุนของหมองอารมณ ไมอยากตอบโตใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะนางรูสึกวาไมคุม นางไมอยากเปนชายาหมิงอองอะไรทั้งนัน้ คนเหลานี้พุงเปา
โจมตีพระชายา นางไมอยากตอบโตเพื่อสถานะพระชายา
แตในที่สุด หูของนางยังคงไดยินขอสงสัยเกี่ยวกับพรหมจรรย และนางก็มิไดมีความ
เยือกเย็นอยางที่อยากจะเปน ซึ่งในความเปนจริง นางไดแตคิดเอาเองมาตลอดวาวานาง
ไมสนใจเรื่องนี้แลว
อาจเพราะตอนอยูเขาซางชิง นางไมเคยไดยินกับหู หรือตอนอยูจวนหมิงออง ไมมี
ใครกลาพูดตอหนานาง
บอกตามตรง นอกจากวันที่พบกับสนมหลันแลว ก็มีวันนี้แหละ ที่นางเพิ่งไดยิน
คําพูดที่ทํารายจิตใจลูกผูหญิงเชนนี้ อยางไรก็หลีกหนีไมพน!
“ใครไมรบู างวา สมัยสาวแรกรุน นางก็มีเสนหเยายวนผูชายจนเลื่องลือไปทัว่ เมือง
หลวงแลว ชะตาหงสอะไรนั่น จึงเปนเรื่องที่โจรกบฏอยางบิดานางอาศัยความโดงดังของ
นางแตงขึ้นมาเอง เพื่อดึงดูดความสนใจของเหลาองคชาย พวกเจาไมรูหรอกวา งาน
เลี้ยงในปนั้น เรื่องของนางกับหมิงออง ขาก็อยูในเหตุการณ ที่เขาพูดกันวาหมิงอองขม
เหงนาง หึ ความจริงแลวเปนนางตางหากที่ยั่วยวนหมิงออง จงใจสรางโอกาสใหไดพบ
กับหมิงอองสองตอสอง...เสียดาย แผนนี้ความจริงสําเร็จแลว แตนางยังไมพอ ตอมา
เพราะตองการอยูกับเหมยจื้อเฟง จึงยอมบําเพ็ญเพียร ทําเอาชาตินี้หมิงอองเปนอันโงหัว
ไมขึ้น!”
“เฮอะ คนเขามีความสามารถจริงสิไมวา เรื่องของเหมยจือ้ เฟงยังไมจบ นางก็เดิน
เชิดหนาเขาเปนนายหญิงของจวนหมิงอองแลวนี่ ไมรูวาอยูที่หมิงจู ปรนเปรออยางไรถึง
ทําใหหมิงอองพอใจได...”
บรรยากาศในหองกําลังคุกรุน เสียงซุบซิบเหลานี้จึงเบามาก
แตอยางวา ผูบําเพ็ญเพียรอยางหลินซูอินลวนไดยินทุกคํา นางที่พยายามสงบสติ
อารมณ ในที่สุดก็มีสีหนาซีดขาว ศีรษะที่กมมาตลอดเงยขึ้น กอนจะคอยๆ ลุกขึ้นยืน
ในหองพลันเงียบกริบ
สายตาที่จองมองนางมาตลอด กําลังรอดูนางโตตอบ
และในตอนนี้เอง ที่หนาประตูพลันมีเสียงฝเทาดังขึ้น
แตทุกคนลวนจับจองอยูแตหลินซูอิน ไมมีใครมองไปทีห่ นาประตู
หลินซูอินก็ไมสนใจวาหนาประตูมีเงารางของคนผูหนึ่งยืนอยู นางมองไปยังหญิงสาว
รุนราวคราวเดียวกับนางสามคนที่อยูหางออกไปราวสิบเมตร
“ทางที่ดีพวกเจาหุบปากเสีย!” หลินซูอินไมไดเดินเขาหา นางยังยืนอยูที่เดิม ใช
สายตาอันเย็นชาจองมองหญิงสาวทั้งสาม
ไมแปลกที่หลินซูอินรูจักพวกนาง เพราะตอนอยูในเมืองหลวงพวกนางก็ลวนเปน
สตรีสูงศักดิ์ที่มีอายุไลเลี่ยกัน หนึ่งในสามยังเคยเปนสหายที่ไปมาหาสูกันและเคยไปงาน
เลี้ยงในครั้งนั้นดวยกัน
พริบตานั้น สายตาทุกคูก็ยายไปที่หญิงสาวสามนางตามสายตาหลินซูอิน
ใชวาทั้งสามมีฐานะต่ําตอย แตพวกนางมิใชเชื้อสายโดยตรงขององคติ้งอู เปนเพียง
คนรุนหลังที่มีเชื้อสายจากพี่นองขององคติ้งอู สถานะยอมเทียบไมไดกับลูกหลานสาย
ตรง
เดิมที สถานะของทั้งสามสูงสงไมนอยเมื่ออยูนอกวัง คนหนึ่งเปนจวิ้นจู* อีกสองคน
เปนชายาจวิ้นออง*
ทั้งสามพอถูกโตตอบทามกลางผูคนมากมาย ก็เสียขวัญไปสักพัก แตก็สงบลงได
อยางรวดเร็ว หันมองซายขวา เห็นคนมากมายในหองที่ซบุ ซิบเรื่องหลินซูอิน แตหลินซู
อินกลับมาลงดาบที่พวกนาง จงใจขมเหงผูออนแอกวาหรืออยางไร?
“ชายาหมิงออง นีห่ มายความวาอะไร?” สองชายาจวิ้นอองยังไมทันปริปาก จวิ้นจูผู
นั้นก็ชักสีหนาแลว ดวยรูสึกเสียหนา จึงตอกกลับตรงๆ
หลินซูอินจองมองพวกนาง “ขาไมอยากหาเรื่อง แตพวกเจาอยาใหมันเกินไป!”
สิ้นเสียงหลินซูอิน เสียงที่นาเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หนาประตู
“มีเรื่องอะไรกัน?”
ทุกคนคอยหันไปมอง เห็นชายกลุมหนึ่งยืนอยูไมรูตั้งแตเมื่อไหร แตละคนมีบุคลิกไม
ธรรมดา
และกําลังมองมาที่หลินซูอิน
คนพูดอายุราวสามสิบเศษ รูปรางเล็ก บุคลิกเครงขรึม ถามขึ้นดวยความสงสัย
หลินซูอินเห็นพวกเขาแตแรกแลว จึงหันไปเหลือบมอง จําไดวา เขาคือองคชายใหญ
ยงออง ขางกายเขาก็คือผิงอองกับไทออ ง ดานหลังพวกเขายังมีองคชายอีกกลุมหนึ่ง
เห็นชัดวาพวกเขามานานแลว แตไมไดเขามา ตอนนี้ที่เขามาก็เพื่อเตรียมตอนรับ
องคจักรพรรดิ
คนในหองรีบทําความเคารพบเหลาองคชายและอองซึง่ ทัง้ หมดเดินตามยงอองผูนํา
ขบวน
หลินซูอินยังคงขมวดคิ้วมองหญิงสาวทั้งสาม แตเมื่อเหลาองคชายเสด็จ และ
บรรยากาศในหองเปลี่ยน นางจึงหันกายแลวนั่งลง
แตใครเลาจะคาดคิด ยงอองกลับไมปลอยผานเรื่องนี้ หลังฟงคําบอกเลาเหตุการณ
จากคนตรงหนา เขาก็เลิกคิ้วมองบรรดาพี่นอง กอนถามออกมาคําหนึ่ง
“ทุกทานเห็นวาควรจัดการอยางไร?”
“แลวแตพี่ใหญก็แลวกัน!” ผิงอองกับไทอองสบตากันกอนพยักหนา
ยงอองเหลือบมองนองชายทั้งสอง แลวพูดขึ้นชาๆ
“แมเจาหกเปนพี่นองเรา แตพอเกิดเรื่องเชนนี้ พวกเราก็ไมควรใหญาติๆ ตองติดใจ
เรื่องความสัมพันธของคนในตระกูล”
“มีเหตุผล”
“พูดถูกตอง”
ผิงอองกับไทอองสบตากันอีกครั้ง ยังคงพยักหนาแสดงวาเห็นดวย
“ดี ขณะที่เสด็จพอยังไมมา เรื่องนี้เราสามคนพี่นองจัดการกอนก็ดี ไมควรทําให
เสด็จพอตองหัวเสียในวันขึ้นปใหม”
ยงอองพาหญิงสาวทั้งสามเดินเขาหาหลินซูอิน
กับหมิงออง ทุกคนสามารถนับเปนพวกไดชั่วคราว เพราะทุกคนตางไมสนิทกับหมิงออง
เรื่องนี้งายมาก ไมนานนักทั้งสามก็ถูกพามายืนอยูหนาหลินซูอินทามกลางสายตาคน
ในหอง
“พวกเราไมรูวาไปลวงเกินชายาหมิงอองเขาตอนไหน จูๆ ก็มาลบหลูพวกเราตอ
หนาผูคนมากมาย องคชายใหญ องคชายสาม องคชายเกา หรือสถานะเราต่ําตอยจนนา
ขมเหง แตถึงเราจะตอยต่ําอยางไร วันนี้ก็ยังมาถวายพระพรฝาบาท แลวเหตุใดชายาห
มิงอองถึงทํากับเราเชนนี้? ขอทานอองทั้งสามใหคําอธิบายกับนองดวย!”
จวิ้นจูผูนั้นยังอารมณขึ้นอยู
กลุมชายาจวิ้นอองพอไดยินก็รูสึกโกรธ ชายาหมิงอองไมหาเรื่องผูที่นั่งซุบซิบอยูขาง
กาย แตกลับมาลงกับกลุมของนาง รังแกผูออนแอกวาชัดๆ ใครจะทนไหว
ยงออง หันไปสบตากับผิงอองและไทออง กอนหันมองหลินซูอิน ขมวดคิ้วพลางวา
“เหตุใดตองลบหลูทานหญิง?”
หลินซูอินยืนขึ้นอีกตรั้ง ขมวดคิ้วเชนกัน จองมองทานหญิง
“พวกเจาพูดอะไรกันยอมรูอยูแกใจ ขาไมอยากพูดมากอีก เรื่องนี้ใหจบลงเพียงแคนี้
อยาใหขาไดยินเรื่องเหลานี้อีก แมสักคําเดียว!”
“พวกเราพูดอะไรกันหรือ?”
“นั่นสิ พวกเราไมไดพูดอะไรสักหนอย...”
“องคชายใหญ ทานก็เห็น นางยังขูพวกเราไมเลิก!”
คําพูดเหลานั้นหลินซูอินยอมไมพูดซ้ําเพื่อประจานตัวเองแน
ยงอองหนาเครียด ตอหนาคนมากมาย ชายาหมิงอองกลับไมไวหนาอองทั้งสามผู
เปนประธานจัดการ
“เจา...” ยงอองทําทาวาจะพูดอะไร
แตหลินซูอินกลับสุดจะทานทนแลวจริงๆ ทามกลางสายตาผูคนมากมาย นางพลัน
เงื้อมือขึ้น ตบเขาที่ใบหนาของหญิงสาวที่อยูตรงหนาทั้งสามคน
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
ยงอองตะลึงงัน ผิงอองกับไทอองก็ตะลึงงันเชนเดียวกัน
เหลาพระชายาและองคหญิงตางถลึงตาอาปากคางไปตามๆ กัน
กระทั่งผูที่ถูกตบทั้งสามก็ยังตอบโตไมทัน
เสียงตบทั้งสามฉาดทําใหผูคนรูสึกวาในตําหนักปกคลุมไปดวยไอเย็น
บรรยากาศนิ่งคางอยูนาน จนกระทั่งมีเสียงดังขึ้นที่หนาประตู
“ฝาบาทเสด็จ!”
*จวิ้นจู พระราชธิดาที่ประสูติจากเจานายเชื้อพระวงศ ตามธรรมเนียมโบราณที่
เจานายจะไปครองเมือง ธิดายอมเปนนายแหงเมืองนั้นๆ หากแปลตามความหมายเดิม
คือ ‘เจานายแหงเมือง’
*ชายาจวิ้นออง ตําแหนงพระชายาเอกในจวิ้นออง (ตําแหนงรองจากออง) ซึ่ง
ตําแหนงนี้ผูเปนจวิ้นอองสามารถแตงตั้งไดคนเดียว
ตอน 292 การโตตอบของสนมหลัน
แมเปนเจาเหนือหัวกุมชะตาดินฟาสวนหนึ่งอยางไรก็ยังสลัดความเปนมนุษยไมพน
ไมวาจะมีบุคลิกเย็นชาล้ําลึกเพียงใด วันนี้ไดเห็นครอบครัวมารวมตัวกันพรอมหนา
องคติ้งอูก็อดไมไดที่จะเกิดความปลื้มปติ ขณะเดินมือไพลหลังนําหนาฮองเฮาและเหลา
สนมนางใน ใบหนาพระองคจึงดูอิ่มเอิบไปดวยบุญบารมี ความออนโยนปรากฎขึ้นโดยไม
รูตัว
ความจริงแลว ที่ทรงรูสึกสบายอกสบายใจในตอนนี้ นอกจากเพราะไดซึมซับ
บรรยากาศอันอบอุนของความกตัญูที่ลูกๆ มีตอพอแลว ยังมีเหตุผลซอนอยูอีกชั้นหนึ่ง
องคติ้งอูสูงสงดั่งโอรสสวรรค ครอบครองปฐพีทั่วหลา มีหัวใจดั่งมังกรซอนพยัคฆ
ทุมเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิต จับจองหุบเขาและลําธาร หวังวาสักวันจะทําใหแผนดิน
เจริญรุงเรืองดังเชนบรรพชนเคยทําไว
แตนาเศรา คําวาจักรพรรดิที่ทรงไลตามมาทั้งชีวิต จิตวิญญาณอันงดงามที่ตองการ
บําบัดทุกขบํารุงสุขใหราษฎรทั่วทุกหมูเหลา กลับหางไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ...
อาจเพราะ เวลาที่ไดอยูตอหนาลูกหลานและเครือญาติเทานั้น ที่พระองคทรง
สามารถสัมผัสไดถึงบารมีอันสูงสงอยางไรที่เปรียบขององคจักรพรรดิ
และมีเพียงคนเหลานี้เทานั้นที่เห็นพระองคเปนโอรสสวรรค เคารพนบนอบและยอม
จํานนโดยดุสดี อยูตอหนาพวกเขาไมวาพระองคจะตําหนิหรือประทานรางวัลก็ลวนเปน
พระกรุณาธิคุณอันลนพน ซึ่งแนนอนวา ความทุกขและความเศราใจของพวกเขา
พระองคไมสามารถรับรูไดตลอดกาล หรือแมรับรูก ็ไมสามารถยอมรับ
ดังนั้นใหพระองคไดรูสึกสบายใจในวันที่ครอบครัวอยูพรอมหนากันบางเถิด!
“ขอพระองคทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน หมื่นป หมื่นๆ ป...”
องคติ้งอูเดินมือไพลหลังนําขบวนเขามาในหอง
ทามกลางเสียงถวายพระพรที่เหลาองคชาย พระบรมวงศและขาราชบริพาร เปลง
ขึ้นพรอมเพรียงกันสามรอบดวยความเคารพนบนอบเหมือนเชนเคย เสียงสะทอนกองไป
มาขณะทรงกาวเดินอยางสงางามมายืนตรงหนาบัลลังกมังกร ทอดเนตรมองบรรยากาศ
ภายในหอง เห็นทุกคนลวนคุกเขากมหนาคารวะพลางกลาวคําถวายพระพร
พระองคยังไมตรัสใดๆ จึงยังไมมีใครกลาขยับเขยื้อน ทรงทอดเนตรดวยความพอ
พระทัยเปนอยางยิ่ง อดไมไดที่จะเกิดความกระตือรือรน
ในยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง ฉากที่แสดงใหเห็นอํานาจบารมีของ
พระมหากษัตริยพบเห็นไดนอยลงทุกขณะ อยางประเพณีคุกเขาในการประชุมขุนนาง
ทองพระโรงก็ยกเลิกไปนานแลว สวนการเปลงเสียงถวายพระพรสามรอบยิ่งไมตองพูด
ถึง
พระองคละสายตาจากบรรยากาศภายในหอง เหมอมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล ราว
กับวาทรงมองเห็นผืนแผนดินอันกวางใหญ แววตาที่ออนลาและเศราสรอยคอยๆ ถูก
แทนที่ดวยความแนวแนในปณิธานอันแรงกลา
ทรงมองขึน้ ดานบน ราวกับกําลังมองทองฟา และใหคําสัญญาวาปใหมนี้ สักวันหนึ่ง
พระองคตองฟนฟูชาติบานเมืองใหจงได ตองแสดงอํานาจบารมีในฐานะองคพระประมุข
ใหเปนที่ประจักษไปทั่วหลา
เมื่อเห็นองคติ้งอูไมสงเสียงอยูนาน เหลาองคชายและพระบรมวงศยังคงไมกลาขยับ
สวนเหลาสนมนางในก็ยังยืนอยูในตําแหนงที่นั่งของตน พลางเหลือบมององคติ้งอู
เห็นพระองคทรงไมพูดจา ทอดเนตรออกนอกหนาตาง จึงไดแตยืนนิ่ง
สักพัก เมื่อเห็นวาองคติ้งอยูยังคงไมสงเสียงใดๆ เหลาสนมนางในจึงอดไมไดที่จะสง
สายตาประหลาดใจไปยังฮองเฮา ผูซึ่งนั่งเงียบๆ อยูขางกายพระองคและมีหญิงชรายืน
อยูดานขาง
ฮองเฮาเปนผูเดียวที่นั่งอยูภายในหองจัดเลี้ยงขนาดใหญแหงนี้ ดวยอาการปวยที่เทา
ซึ่งไมสามารถยืนไดนาน เรื่องนี้ทุกคนตางรูดี ทวาการที่ฮองเฮามีพระวรกายไมสมบูรณ
ยอมมีผลตอภาพลักษณของประเทศ ดังนั้นหากจําเปนตองเขาประชุมในเรื่องใหญๆ องค
ติ้งอูตองเปนผูพยุงฮองเฮาใหประทับนั่งดวยพระองคเอง เพื่อไมใหชักชาเสียเวลา และ
หลีกเลี่ยงคําครหานินทาที่บั่นทอนบารมีมารดาของแผนดิน
แตขณะนี้ องคติ้งอูกลับละเลยฮองเฮา จึงทําใหเหลาสนมนางในหนาเปลี่ยนสี ซึ่ง
พวกนางมักคิดมากกับเรื่องเชนนี้ คิดวาการที่ฝาบาทจะทําอะไรมักมีจุดหมาย ทุกแววตา
ทุกอิริยาบถ ลวนมีความหมายแฝง นาทีนี้พอพวกนางเห็นสีหนาที่เฉยเมยของฮองเฮา
ซึ่งตางจากหญิงชราที่หนาถอดสี ก็อดที่จะคิดกันไปตางๆ นาๆ ไมได
พวกนางหันมาสบตากัน แลวจึงเริ่มมองไปยังผูท ี่ยืนอยางจงรักภักดี อยูขางกายอีก
ดานขององคติ้งอู พระสนมหลันซึ่งดูสูงสงหรูหราและกําลังกวาดตามองไปรอบๆ
วาไปแลว การที่พระสนมหลันสามารถยืนในระดับเดียวกับฮองเฮาไดนั้นไมใชเรื่องที่
จะเห็นกันไดงายๆ หรือพูดอีกอยางวา ไมถูกตอง!
อันที่จริงตามประเพณีราชวงศเซี่ย นอกจากฮองเฮาแลว อีกตําแหนงที่สามารถออก
ประชุมขางกายองคจักรพรรดิไดก็คือพระมเหสี แตตองรอใหฮองเฮาสิ้นพระชนมกอน
จึงจะไดขนึ้ เปนมารดาของแผนดินแทน
แตดวยจุดสูงสุดของตําแหนงพระมเหสีคือเขาแทนที่ฮองเฮา ที่นั่งขางกายฝาบาทจึง
ไมมีใครกลานั่ง ถึงแมเคยมีคนทําใหเห็นเปนตัวอยาง แตก็ไมมีฮองเฮาพระองคใดที่
สามารถทนเห็นพระมเหสีที่อาจเขาแทนที่ตนไดทุกเมื่อนั่งอยูอีกขางได
ในราชวงศเซี่ย นอกจากสาวงามแหงยุคผูนั้นแลว ก็ไมมีตําแหนงพระมเหสีใหเห็น
อีก คิดไมถึงวา ในรัชสมัยติ้งอู มารดาของแผนดินจะมีพระวรกายไมสมบูรณ โดยเฉพาะ
ชวงที่ถูกทํารายจิตใจอยางหนักจากการสูญเสียพระโอรส ทรงเริ่มเฉยชา เก็บตัวไมคอย
ออกงาน จัดการเรื่องหลังเรือนนอยลง กระทั่งงานเล็กๆ ก็ยังไมยอมปรากฏตัว ซึ่งมี
หลายงานที่จําเปนตองใหฮองเฮาชวยออกหนาให แตแลวจูๆ สนมหลัน สนมคนโปรด
ขององคติ้งอูก็ปรากฎตัวขึ้นในงาน
เมื่อเปนเชนนี้ นางจึงไดรับเลือกจากองคติ้งอูใหออกหนาแทนฮองเฮาเรื่อยมา นาน
วันเขา พอในวังมีงานอะไร แมแตมหาดเล็กสวนพระองคก็ยังตองเชิญพระสนมหลันออก
หนา
แตชวงแรกที่ชวงฮองเฮาออกงาน สนมหลันยังยืนอยูแคดานขาง มีเพียงงานเลี้ยงใน
วังครั้งหนึง่ ที่ฮองเฮาอยูในงานดวย แตองคติ้งอูปวดศีรษะขึ้นกะทันหัน สนมหลันจึงได
เขาปรนนิบัติขางกายตลอดงาน จากนั้นมาก็มิไดยืนดานขางอีก ปรนนิบัติขางกายฝา
บาทมาตลอด...
องคติ้งอูเห็นปฏิกิริยาของเหลาสนมนางในแลว แตยังคงไมสงเสียง ฮองเฮาก็เงียบ
เหลาขุนนางก็เงียบ
เชนกัน ดวยเขาใจดีวาที่ฮองเฮามิไดจัดการเรื่องในวังมานานเพราะเสียพระทัยเรื่อง
พระโอรส สวนเหลาสนมนางในแมไมยอมรับกับพฤติกรรมของสนมหลัน แตก็ไมมีใคร
กลาพูดอะไรออกมา
อยางที่วากันวา เรื่องราวมากมายในโลกมักเปนไปตามผูลงมือกอน แมสนมหลันยัง
มิไดรับการแตงตั้งใหเปนพระมเหสี แตกลับนั่งอยูในที่นั่งของพระมเหสี นานวันเขา เมื่อ
ฮองเฮาไมคัดคาน นางก็ยอมไดรับการเคารพนบนอบจากคนวังหลัง
แตอยางไรก็ตาม ตําแหนงสูงสุดของพระราชฐานชั้นในยังคงเปนฮองเฮาโดยที่ไมมี
ใครสามารถแตะตองได แมสนมหลันจะไดรับความเคารพ แตตราบใดที่นางยังไมถูก
สถาปนาใหเปนพระเมหสี นางก็ยังคงเปนเพียงพระสนม ไมสามารถกระโดดทีเดียวขึ้น
เปนหงสได
แตอยางไรขาวลือยอมมีอยูไมนอย ตําแหนงพระมเหสีที่คนวังหลังไมเคยคิดมากอน
วาจะมี ก็ปรากฎขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้ง หลายคนรูสึกวา มีความเปนไปไดสูงที่สนมห
ลันจะกระโดดทีเดียว ก็ไดตําแหนง ‘พระมเหสี’ ไปครอง
แตใครจะคาดคิดเลาวา เมื่อไมนานมานี้ ฮองเฮาที่สูญเสียพระโอรสไป พลันไดรับ
พระโอรสชื่อกองปฐพีอีกคนกลับคืน และเมื่อไดยินวาหมิงอองที่เคยเกเรสุดๆ และหาย
สาบสูญไปนั้น ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หนําซ้ํายังกอคลื่นความเปลี่ยนแปลงขนาดมหึมา
อยางนาตกใจลูกแลวลูกเลา ทําเอาคนวังหลังงงเปนไกตาแตกไปตามๆ กัน
ตอนมองดูสนมหลันอีกครั้ง จึงยอมมีคนคิดในใจวา แมเจาจะมีเคล็ดลับมัดใจฝา
บาทเพียงใด ที่ทํามาก็เทากับเสียเปลา เหมือนเอาตะกราหวายไปตักน้ํา! และแนนอนวา
เรื่องตําแหนงพระมเหสีอะไรนั่นก็คงตกไป แตวันนี้เมื่อมีฉากนี้เกิดขึ้น จึงทําใหเหลาสนม
นางในใจเตนตุมๆ ตอมๆ
ฝาบาททําเชนนี้หมายความวาอะไร?
ถาเปนปกอนๆ ตองทรงใหความเคารพฮองเฮาตอหนาผูคนอยางไมรีรอ แตวันนี้แม
มิใชงานประชุมระดับประเทศ แตกลับทําเย็นชากับฮองเฮาตอหนาพระบรมวงศานุวงศ
เปนสัญญาณบอกเหตุอะไร?
หรือทรงกําลังทดสอบ? ทดสอบวาหากขาวนี้แพรสะพัดออกไป เหลาขุนนางจะ
ตอบสนองอยางไร ประชาชนจะตอบสนองอยางไร?
ผูคนพุงเปาสายตาไปที่ฮองเฮาซึ่งยังคงนิ่งเฉย เทียบกับสนมหลันที่ยิ่งดูก็ยิ่งงดงาม
ในใจก็คลายถูกสายฟาฟาด หายใจไมทั่วทอง
พริบตาเดียว มีคนคิดไปถึงปจจัยหลากหลาย และเสนอขอโตแยงมากมายใหกับเรื่องนี้
อาทิ ฝาบาทตองการหยิบยืมสายสัมพันธของตระกูลตางๆ ที่สนมหลันสั่งสมไวในวัง
มาเปนฐานอํานาจสนับสนุนบารมีของรัชทายาทองคใหม...
หรือฝาบาทกําลังเตรียมเจรจาประนีประนอมเพื่อยุติสงครามกับคนเถื่อน ซึ่งหมิง
อองคือผูที่อยูรวมโลกกับคนเถื่อนไมได ฝาบาทจึงตองควบคุมหมิงอองเพื่อใชเปนขอ
แลกเปลี่ยนกับคนเถื่อน...
และยังเปนไปไดอีกวา หมิงอองมีชายาเปนบุตรีของโจรกบฏ ซึ่งเปนการลบหลู
บรรพบุรุษ ทําใหฝาบาทกริ้ว...
นาทีนี้องคติ้งอูทรงคิดอะไรอยู ไมมีใครรูได แตตองทรงคิดไมถึงแนวา การเงียบไป
ชั่วครูของพระองค
จะทําใหคนวังหลังคิดไปรอยแปดพันเกา เวลาที่หยุดชะงัก ไดกอเกิดหัวขอตองหาม
ขึ้นในใจของพวกเขา วาดวยเรื่องการปลดฮองเฮา
หญิงชราชักทนไมไหว เมื่อเห็นฝาบาทยังไมมีความเคลื่อนไหวใดๆ การที่ตองเห็น
ฮองเฮาถูกลบหลูกลายเปนขี้ปากของเหลาสนมนางในเปนสิ่งที่หญิงชรายอมไมได ขณะ
รอนรนจนไมสนใจใดๆ เตรียมจะคุกเขาทูลนั้น พลันเห็นฮองเฮาขยับ
ฮองเฮาที่มองทุกคนอยางนิ่งเฉยมาตลอดคอยๆ หลุบตาลง จองมองบริเวณที่หลินซู
อินคุกเขาอยู เห็นมีผูคุกเขาในตําแหนงเปะปะซายคนขวาคน จึงขมวดคิ้ว อาศัยจังหวะที่
องคติ้งอูยงั ไมสงเสียงใดๆ ใชมือตบที่เทาแขนเกาอี้เบาๆ กอนเอ็ดเสียงเบา
“พวกเจาเหตุใดไมอยูถวายพระพรในที่นั่งของตน เปนเชื้อพระวงศประสาอะไร ยืน
สะเปะสะปะโดยไมรูธรรมเนียมปฏิบัติ หรือกระทั่งมารยาทก็ลืมไปแลว?”
หองจัดเลี้ยงอันใหญโตเงียบกริบ ทุกคนตางคิดไมถึงวา องคติ้งอยูยังไมทันพูด
ฮองเฮาที่ดูซึมเซาและพูดนอยมาตลอดพลันชิงพูดขึ้นกอน ทําเอาทุกคนตกตะลึงไป
ตามๆ กัน
ขณะที่หลายคนหนาเปลี่ยนสี หันควับไปมองสนมหลัน จึงไดเห็นสีหนานางเปลี่ยน
กะทันหัน ใบหนาที่งดงามกลับนิ่งคางในพริบตา กอนที่จะแดง แลวกลับคืนสูความปกติ
แตคนที่เห็นฉากนี้ ลวนพากันเลิ่กลั่ก ใครเลาจะไมรูวา นางกําลังอารมณขุนเคืองอยางถึง
ที่สุด
ขณะเดียวกันหัวใจของหลายคนก็เตนระรัว รีบกมหนากมตา ไมกลามองฮองเฮา
กลัววาจะทําใหทรงกริ้วเพิ่มขึ้น ทุกคนลวนคิดวาฮองเฮากําลังพูดกับสนมหลันอยางไม
ตองสงสัย
พวกเขาเพิ่งเห็นฮองเฮากริ้วเปนครั้งแรกในรอบหลายปที่ผาน ทรงตบหนาสนมหลัน
ตอหนาฝาบาทและผูคนมากมายไปหนึ่งฉาดตรงๆ อยางไมแยแสสนใจ
สําหรับฮองเฮาแลว นี่ตองเปนเรื่องใหญเรื่องหนึ่งที่มีผลกระทบตามมามากมาย
อยางแนนอน ทําใหในใจทุกคนยากสงบนิ่งลง แตก็ไมกลาแสดงออก รอปฏิกิริยาของฝา
บาทกอน
สนมหลันกํามือ แมพยายามสงบสติอารมณ แตภายในใจก็ยังรูสึกเกลียดชังสุดคณา
ทวาไมวาจะอยางไร นางก็ไมกลาตอบโตตัดสัมพันธกับฮองเฮาในตอนนี้ จึงไดแตหนั มอง
ฮองเฮาที่นั่งราศีจับดวยสายตาหมองหมน กอนกะพริบตา แลวมองฝาบาทตอ เห็นชัดวา
นางตองการพึ่งพาฝาบาท โดยหวังวาฝาบาทจะสามารถชวยนางโดยการพูดออกมาสัก
หนึ่งประโยค ขอเพียงประโยคเดียวเทานั้น เปนประโยคเรียบๆ งายๆ ที่ปกปองนางได
เปนพอ และจากนี้เปนตนไป นางจะไดเปนผูที่ไดรับความเคารพนบนอบในวังหลังเพียง
หนึ่งเดียว มิใชเจาแหงวังหลังซึ่งไรชอื่ เสียงเรียงนามอีก
ตอน 293 เขาถึงบทบาทยิ่ง
แตแลว องคติ้งอูกลับเพิ่งรูสึกตัว ปฏิกิริยาแรกคืออึ้ง หันมองฮองเฮาที่อยูขางกาย
เหมือนกําลังมองใหแนใจวาเมื่อครูฮองเฮาเปนผูพูดจริงๆ
ทรงมองดูสีหนาฮองเฮา นาทีนี้ ทรงมึนงงเล็กนอย จริงๆ หลายปที่ผานมา ทรงพบ
หนาฮองเฮาชนิดนับครั้งได ไมตองพูดถึงเรื่องทีฮ่ องเฮามิไดเปลงรัศมีความเปน ‘ฮองเฮา’
มานานแลว
เมื่อเห็นองคติ้งอูยังไมเอยปาก และไมมีทาทีโกรธเคืองแตอยางใด สนมหลันก็ดิ้น
พลานในใจ นางรูดี การถูกดูหมิ่นในวันนี้นางไมยอมแน หาไมแลวตอไปถานางยืนขาง
กายองคติ้งอู ก็ตองมีเสียงติฉินนินทาตามมายางแนนอน กระทั่ง...ไมสามารถอยูขางกาย
องคติ้งอูไดอีกตอไป!
ตองกูสถานะคืนใหจงได นางยังคงเชื่อมั่นในองคติ้งอู อยางไรนางก็อยูเคียงขาง
พระองคมานานหลายป ยอมเขาใจพระองคดี
น้ําตาจึงถูกนางเคนออกโดยอัตโนมัติ ดึงดูดสายตาผูคนใหจับจอง จากนั้นคอยกาว
ออกไปขางหนาหนึ่งกาว มาอยูตรงหนาองคติ้งอูและฮองเฮา อาศัยจังหวะที่องคติ้งอูไม
ทันตั้งตัว คุกเขาลงตรงหนาทั้งสองพระองค น้ําตาหลั่งไหลไมขาดสาย สีหนาเศราเสียใจ
ยิ่ง โขกศีรษะใหองคติ้งอู
เหลาสนมนางในพอเห็นฉากนี้ก็รูสึกเครียด ผูที่ไมกลาเงยหนาก็รีบเงยหนามอง
สนมหลันอยางอดไมได ทุกคนตางรูอยูแกใจวาที่นางทําเชนนี้ก็เพราะไมยอมแพ โดย
ยอมรับคําดาวาของฮองเฮา เพื่อที่จะไดเปนฝายเหนือกวา นี่เปนการตอสูกันอยาง
โจงแจงของคนวังหลังเปนครั้งแรก
ไมผิด หากตองการใหคนเคารพแคตอนนี้ สนมหลันยอมไมกาวออกมายอมรับเรื่อง
การไมรูมารยาทของชนชั้นสูงแน แมตองเสียเปรียบจากการทําตัวเปนใบ ก็ยังดีกวาฉีก
หนาใหตายกันไปขาง
สนมหลันมีความทะเยอทะยานสูง เมื่อมาถึงจุดนี้แลว จะใหยอมแพไดอยางไร
โดยเฉพาะนางชัดเจนวา การกลับมาของหมิงออง ทําใหนางตองตกที่นั่งลําบากแน นาง
รอไมได ตองการเพียงโอกาสเดียว รบทีเดียวใหรูผล ขืนมัวรีรอ โอกาสชนะของนางก็จะ
ยิ่งนอยลง อาศัยขณะที่ความสัมพันธของฝาบาทกับหมิงอองไมราบรื่น และฮองเฮาเหิน
หางจากฝาบาทมานาน นางตองลองสูดูสักตั้ง ถาเอาแตรอใหพอลูกดีกัน ฮองเตฮองเฮา
ฟนความรักความผูกพัน ความมุงมาดปรารถนามาหลายปของนางก็เทากับเสียแรงไป
เปลาๆ
สตรีเพศ โดยเฉพาะสตรีในวังหลัง ความปรารถนาในอํานาจบารมีและการตอสูของ
พวกนาง นากลัวกวาบุรุษเพศเสียอีก
“สนมหลัน เจากําลังทําอะไร?”
องคติ้งอูเพิ่งออกจากภวังค ทรงเพิ่งไดสติ แตยังดึงความคิดความรูสึกกลับมาไมหมด
พอเห็นเหตุการณ ก็ทรงขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปจะพยุงสนมหลันใหลุกขึ้นตามสัญชาติ
ญาณ
เมื่อเห็นองคติ้งอูโนมกายลงพยุงสนมหลันตอหนาฮองเฮา เหลาสนมนางในก็ตกใจ
หนาตาเลิ่กลั่กไปตามๆ กัน เบิกตามองอยางระทึกใจ
ฮองเฮามองต่ํา ดูสนมหลันคุกเขารองหมรองไหตอหนาองคติ้งอู ทรงมองไมออกวา
นางมาอารมณไหนกันแน สวนหญิงชราดานหลังพระองคก็จองมองสนมหลันดวยสีหนา
เย็นชา ยากคาดเดาอารมณของนางเชนเดียวกัน แตแววตาหญิงชราไมเหมือนฮองเฮา
ตรงมีเปลวไฟลุกพรึบอยู
ทามกลางสายตาผูคน สนมหลันคอยๆ ยืนขึ้นจากการพยุงขององคติ้งอู แตนาทีถัด
มา นางคลายเหลือบมองฮองเฮาแลวจึงตัวสั่นงันงก คุกเขาลงไปอีกครั้ง ไมสิ ครั้งนี้ตอง
พูดวาถูกทําใหตกใจจนเขาออน นางโขกศีรษะอีกรอบ พูดพลางสะอื้นไห
“ฝาบาท หมอมฉันรูดีวามีโทษสมควรตายหมื่นครั้ง ตายอยางนาสมเพชดวย...”
นางยังไมทันพูดจบ องคติ้งอูก็ขมวดคิ้วแนน คลายไมพอพระทัยจึงเอ็ดเสียงดัง
“วันนี้เปนวันขึ้นปใหม เหตุใดสนมหลันจึงพูดจาไมเปนมงคลเชนนี้? มีเรื่องอะไร ลุก
ขึ้นคอยพูด!”
น้ําเสียงไมพอพระทัยอยางเห็นไดชัด เพราะคําวา ‘ตาย’ เปนคําตองหามในวันนี้ แต
พระองคมิไดคิดแคนี้ เมื่อครูทรงอึ้งไปสักพัก แตตอนนี้ทรงรูสึกตัวแลว มือที่เดิมทีคิดพยุง
สนมหลันขึ้นมาอีกครั้งกลับชะงักเล็กนอย ทรงเลิกคิ้วขึ้น หันมองฮองเฮาพรอมสีหนา
เครงขรึม
ทรงกําลังคิดวา ไมโนมตัวพยุงสนมหลันดีกวา ทรงเขาใจความหมายของฮองเฮา
แลว แตพูดก็พูด ทรงสับสนเล็กนอย ดวยไมพอพระทัยการโจมตีสนมหลันตอหนาผูคน
ของฮองเฮาเชนกัน
สําหรับพระองคแลว เรื่องนี้มิใชเรื่องของสนมหลันเพียงคนเดียว เพราะถาทรงไม
เห็นดวย สนมหลันยอมไมมีวนั นี้ เห็นชัดวา ฮองเฮาไมเพียงตบหนาสนมหลัน ยังสั่งสอน
พระองคตอหนาผูคนอีก!
เปนถึงองคจักรพรรดิผูมีอํานาจลนฟา แมอยูตอหนาวงศาคณาญาติ ก็ตองรักษา
หนา ไมควรถูกสบประมาท
เหลาสนมนางในพอเห็นสีหนาองคติ้งอู ก็รูแลววา ทรงตองตอบโตแน แมฮองเฮา
สามารถบีบใหพระองคพูดไมออก และดูหมิ่นสนมหลันได แตฮองเฮาก็ทําใหพระองคไม
พอใจเชนกัน
จึงเห็นองคติ้งอูไดแตไพลมือไวดานหลัง กอนตรัสเสียงเบา
“วันขึ้นปใหมเปนวันรวมญาติของแตละครอบครัว เชื้อพระวงศเราก็มารวม
รับประทานอาหารเชนกัน วันนี้เพียงมาอวยพรตอนรับปใหม ไมพูดเรื่องอืน่ !”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ดวงตาที่เออลนไปดวยน้ําตาของสนมหลันก็ทอ
ประกาย นางเงยหนาขึ้น จองมององคติ้งอูอยางซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเปนลนพน
ตื้นตันเปนอยางยิ่งที่ทรงปกปองนาง
ตองพูดวาแววตาองคติ้งอูในตอนนี้ ทําใหนางรูสึกยินดียิ่ง บุรุษผูหนึ่ง บุรุษผูเปน
ประมุขของประเทศ องคจักรพรรดิผูตองการอํานาจสูงสุดในการปกครองทามกลาง
สถานการณวุนวาย ยอมตองยอมรับความออนโยนเชนนี้ของนางดวยความปติยินดียิ่ง
เชนกัน
สําหรับคนวังหลังแลว เมื่ออยูตอหนาฝาบาท พวกนางในไมจําเปนตองแสดงบารมี
ความสุขของพระองคเปนตัวชี้วัดศักดิ์ศรีของพวกนาง สามารถทําใหฝาบาทพอพระทัย
พวกนางก็ไดรับความเคารพ แตถาฝาบาททรงกริ้ว พวกนางก็ตกต่ํา
สนมหลันโขกศีรษะใหองคติ้งอูอีกครั้ง ประเมินความพอใจของพระองค กลาวขอ
อภัย แลวจึงเงยหนาขึ้น แตกลับลังเลเล็กนอย รูวาจากทาทีของฝาบาทในวันนี้ ตอไป
ตองไมมีใครกลาติฉินนินทาเกี่ยวกับสถานะของนางอีก แมฮองเฮาลงมือตบนางดวย
ตัวเอง ฝาบาทก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะตอบ ไมมีคําอธิบายใหฮองเฮา ถือเปนการปกปองนาง
อยางทะนุถนอม
นางคอยๆ ลุกขึ้นยืน คิดกาวถอยหลัง แตพอกวาดตามองผูคนที่คุกเขาอยู แลว
เหลือบเห็นปนรูปหงสบนศีรษะหลินซูอินเขา ก็รูสึกโกรธทันใด จึงตัดสินใจไมถอยหลัง
แววตาวูบไหว เดินไปขางหนาหนึ่งกาว คุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา
ขณะที่ทุกคนกําลังประหลาดใจและองคติ้งอูทรงขมวดคิ้วมองมานั้น น้ําตานางก็ไหล
ออกมาอีก
“ทานพี่ นองรูวาวันนี้ควรถูกทานพี่ลงโทษ แตมิใชเพราะคําครหายุยงปลุกปนในวัง
นะเพคะ ทานพี่ในฐานะมารดาของแผนดิน จัดการเรื่องตามกฎระเบียบ มิไดอิง
ความรูสึกสวนตัว ตามที่เคยสอนพวกเราไววาตองจงรักภักดีตอฝาบาท เห็นฝาบาทสุข
เราก็พลอยสุขไปดวย เห็นฝาบาทกังวลเราก็พลอยกังวลไปดวย ในวังแมมีคําพูดมากมาย
ทํารายจิตใจนอง ทําใหนองเสื่อมเสียชื่อเสียง แตนองเชื่อมั่นวา ถาทานพี่ตรวจสอบให
ชัดเจน ยอมตองแยกแยะผิดถูกได และตองไมตําหนิในความจงรักภักดีที่นองมีตอฝา
บาทอยางแนนอน”
เดิมทีเรื่องควรเงียบไปแลว แตสนมหลันกลับมาไมนี้อีก แววตาเหลาสนมนางในจึง
เครงเครียดขึ้น ในใจรูดี วันนี้สนมหลันตัดสินใจไมปลอยฮองเฮาแนแลว
คําพูดวางเขื่องเชนนี้ มีความหมายอยางชัดเจนวา ทานพี่ฮองเฮา ทานขาเจ็บ ทําให
ภาพพจนประเทศดูไมดี และทานยังไมมีกะใจแบงเบาความทุกขของฝาบาทอีก นองยอม
ถูกคนนินทาวารายเสียๆ หายๆ ก็เพียงเพราะตองการชวยทานแบงเบาภาระ ชวยฝา
บาทคลายความกังวล
ตามปกติที่ยืนขางกายฝาบาทซายขวา ก็ไดแตคิดถวายความจงรักภักดีเทานั้น ทาน
ไมเห็นใจความเหน็ดเหนื่อยของนองไมเปนไร แตทานก็ควรคิดเผื่อฝาบาท ไมใชวาตัว
ทานเองทําอะไรไมได ก็ไมอนุญาตใหผูอื่นแสดงความจงรักภักดี หรือทานอยากเห็นฝา
บาททุกขใจ อีกอยางการรวมญาติกันในวันนี้ ทานกลาวโทษนองตอหนาผูคน ทําใหฝา
บาทตองอับอาย นี่ไมใชแคการนอยใจธรรมดา ยังไมเห็นแกสวนรวม ไมเคารพฝาบาท
จิตใจเชนนี้ควรลงโทษใหสาสม
คําพูดนี้ องคติ้งอูยอ มรูความหมายโดยนัย แตขณะเดียวกันสําหรับพระองคแลว
อยางไมตองสงสัย สนมหลันไดชวยกูหนาและชวยแกไขความอึดอัดใจเมื่อครูไปได
ดังนั้นจึงทรงไมสงเสียงใดๆ
สวนฮองเฮาก็มองสนมหลันนิ่งโดยไมพดู จา เหมือนไมมีคําพูดจะตอบโต
ทวาผูคนลวนไมโงงม รูวาสนมหลันใชบารมีขององคติ้งอูบีบใหฮองเฮาพูดไมออก ซึ่ง
ฮองเฮายอมไมสามารถพูดออกมาวา ก็เพราะขาหมั่นไสที่ฝาบาททะนุถนอมเจา ขาไม
อนุญาตใหเจาแบงเบาภาระฝาบาท ยิ่งพูดอีกไมไดวา ที่ฝาบาทใหเจาอยูขางกาย
ในตอนนี้ไมถูกตอง และขาตองการใหฝาบาทหนาแตกตอหนาผูคน
เมื่อตองเผชิญหนากับเหตุการณเชนนี้ คนในวังยอมไมคิดสงสารอะไรฮองเฮาที่ถูก
บีบ พูดก็พูด เรื่องทํานองนี้เปนเรื่องธรรมดาในวังหลัง เมื่อครูฮองเฮาตบหนาสนมหลัน
ไปหนึ่งฉาด
ถาไมมีฝาบาทคอยปกปอง ตอนนี้สนมหลันตองเจ็บยิ่งกวาตายเสียอีก แตพอไดรับ
การปกปองจากฝาบาท สนมหลันตองการเอาคืนเพื่อดับอารมณโกรธเมื่อครูบาง ก็เปน
เรื่องปกติ
แตกระนั้นผูคนยังคงชัดเจนดีวา ฮองเฮาอยางไรก็ยังเปนฮองเฮา ตอนนี้ไมวาจะ
อยางไรสนมหลันก็ยังสูฮองเฮาไมได อยางนอยโดยสถานะเปนไปเชนนี้
แมฮองเฮาสามารถดาวานางไมรูที่ต่ําที่สูงตอหนาธารกํานัล โดยสถานะแลว นาง
ยังคงทําไดเพียงคุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา พูดไดแตคํายกยอปอปน ยอมไมกลาชี้หนาดา
ฮองเฮาเปนแน กระทั่งไมสามารถแสดงความไมเคารพแมแตนอยดวย
แนนอนวาไมมีใครกลาดูหมิ่นนางจากเหตุการณนี้อีก กลับยิ่งกลัวนางมากขึ้นดวยซ้ํา
เนื่องจากในใตหลา การที่หญิงสาวนางหนึ่งกลาแสดงความรายกาจกับฮองเฮา ยอมเพียง
พอที่จะทําใหหญิงสาวนางอื่นๆ ไมกลาตอแยดวย ทวายังมีคนไมเขาใจ สนมหลันลบหลู
ฮองเฮา พูดจาระบายความโกรธเชนนี้ เกรงวาไมคอยคุมคานัก
ฮองเฮามองสนมหลันโดยไมพูดจา และรูวาสนมหลันยังพูดไมจบ หากเปนยามปกติ
ก็คงไมสนใจอะไร แตวันนี้ ทามกลางเสียงเงียบของผูคนที่กําลังลุนวานางจะตอบโต
อยางไร นางกลับไมไวหนาฝาบาท ไมไดใหสนมหลันลุกขึ้น
เหตุการณจึงยิ่งตึงเครียด วันขึ้นปใหมที่อบอุน กลับตองหยุดนิ่งอยูตรงจุดๆ นี้
แมสนมหลันสงสายตาขอความเห็นใจจากองคติ้อู แตพระองคก็ไดแตขมวดคิ้วแนน
ไมมองพวกนางทั้งสอง เห็นชัดวาทรงไมอยากออกโรง ไมอยากออกเสียงปกปองสนมห
ลันอีก เพราะจะทําใหฮองเฮาหาทางลงไมไดเขาไปใหญ แมองคจักรพรรดิมีบารมีเปนลน
พน แตงานเลี้ยงของครอบครัวในวันนี้ ฮองเฮายอมมีธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพบุรุษ
ปกปองคุมครองอยู
ตอน 294 คุกเขาไปกอนก็แลวกัน
เมื่อเห็นฮองเฮายังไมเอยปาก คิ้วขององคติ้งอูก็ยิ่งขมวดแนน
ทรงชอบความเขาอกเขาใจคนของสนมหลัน แตก็ทรงกลุมพระทัย เหตุใดนางตอง
ตอแยฮองเฮาตอดวย ถาขืนยังนิ่งคางอยูเชนนี้ ยอมไมเปนผลดีตอฮองเฮา ยังไมพูดถึง
ความคับของใจ เหตุการณนี้ถาไมกูศักดิ์ศรีคืน ฮองเฮาตองไมสบายใจแน
พระองคสามารถกริ้วใสผูอื่น แตกับฮองเฮา ทรงทําไมได ไมเพียงเพราะสถานะ
ฮองเฮา ยังมีเรื่องเมือ่ ครั้งสงลูกหกไปตายดวย ซึ่งพระองคเองยังคงไมลืมเลือน
โดยเฉพาะหลังจากสิ้นองครัชทายาท ก็ทรงมองหนาฮองเฮาไมติด มนุษยเรา ไมเห็นผูอื่น
อยูในสายตาได แตกับภรรยาคนแรก ทรงไมใสใจไมได จึงทรงเลือกที่จะหนีไมพบหนา
หลายตอหลายครั้ง
ในหอง สนมหลันไมตกใจ นางไมเพียงเขาใจพระองค ยังเขาใจฮองเฮา นางไมแปลก
ใจที่ฮองเฮาไมพูดและใหนางคุกเขาตอไป แตไหนแตไรมานางไมเคยดูเบาบารมีฮองเฮา
ถึงแมฮองเฮาเงียบไปหลายปก็ตาม
ดังนั้นนางจึงเอยปากขึ้นอีกครั้ง ดวยเดิมทีนางยังพูดไมจบ แตที่ตองคุกเขาไมรีบพูด
ตอเชนนี้ เพราะตองการใหฝาบาทเห็นนางตกระกําลําบากแลวรูสึกละอายใจและสงสาร
นางมากขึ้น เห็นนางกําลังทําเพื่อพระองค ยอมถูกฮองเฮาลงโทษ แตเอาเขาจริงนางก็นิ่ง
อยูไดไมนาน จึงวา
“ทานพี่ นองรู ที่ทานพี่ลงโทษนองในวันนี้ เปนเพราะเรื่องเขาใจผิดระหวางนองกับ
ชายาหมิงอองในวันนั้น...”
คําพูดนี้พอหลุดออกมา คนเกือบทั้งหองลวนตะลึงงัน ทุกคนตางหายใจเอาอากาศ
เย็นเขาปอด สนมหลันรายกาจเกินเหตุ คิดทําเรื่องนี้ใหเปนเรื่องใหญ...
นี่ไมเพียงพุงลูกธนูใสฮองเฮาเพื่อแกแคน ยังจอกระบี่ใสองคชายหกอีก!
กระทั่งองคติ้งอูยังเงยหนาขึ้นฉับพลัน แววตาเปยมพลังอํานาจ
ดูไปแลว หลินซูอินชื่อนี้ มีน้ําหนักไมเบาในใจพระองค หรือพูดไดวา อะไรก็ตามที่
เกี่ยวของกับชื่อของโจรถอยหลิน สามารถปลุกเราความเกลียดชังชนิดกระหายโลหิตได
หมด
สายตาหญิงชราคมกริบฉับพลันเชนกัน กมลงจองมองสนมหลันไมวางตา ครั้งนี้
เปลวไฟในดวงตาของนางปกปดไมมิด เปลงรังสีฆาฟนอยางชัดเจน
ทําเอาสนมหลันตกใจ มองดูหญิงชรา แตก็ไมสนใจ นางรูสถานะหญิงชราดี จึงไม
อยากแบงใจไปหาเรื่องดวย ไดแตมองดูฮองเฮาอยางนาสงสาร แตแลวดวงตาที่นิ่งงัน
ของฮองเฮาก็พลันมองนางอยางดุดัน รางนางสั่นระริกโดยไมรูตัว พริบตาเดียวดวงตา
ฮองเฮาก็ใหความรูสึกเชนเดียวกับดวงตาหญิงชรา
สนมหลันรูวานี่เปนดวงตาโลหิตที่มีเจตนาฆาฟน ทําใหนางรูสึกหวาดผวาขึ้น เดิมที
นางแครูสึกกลัวฮองเฮา แตนาทีนี้นางใจสั่น ชื่อเสียงของคนมีอิทธิพลจริงๆ ดูอยาง
ฮองเฮาที่เงียบไปหลายป แมนางกลาแยงชิงอํานาจ แตถาจะใหชี้เปนชี้ตาย นางก็ไม
มั่นใจวาจะชนะ
แตแลวฮองเฮาก็เงียบไปดังเดิม นางจึงรูสึกโลงอก คอยพูดตอ
“ขอทานพี่เชื่อนองนะเพคะ วันนั้นดวยนองเพิ่งพบชายาหมิงอองเปนครั้งแรก จึง
จองมองนางอยูนาน แลวพูดกับนางไปไมกี่คํา มิไดตั้งใจทําใหนางลําบากใจแมแตนอย
แตกลับไมคิดวานางจะตอบและกระทํากับนองแปลกๆ นองเปนหวงวานางอาจอยูกับ
สามัญชนนานเกินไป อีกทั้งผูอาวุโสที่บานก็...”
พูดถึงตรงนี้สนมหลันพลันหยุดชะงัก คลายเพิ่งรูตัว จึงไมพูดถึง แตทุกคนลวนรูวา
นางหมายความวาอะไร นางกําลังจะพูดวา ผูอาวุโสที่บานก็เปนกบฏ จะใหสั่งสอนใหดี
ไดอยางไร ซึ่งจุดนี้ทุกคนที่อยูในหองยอมไมมีใครกลาโตแยงตอหนาองคติ้งอู
สนมหลันพูดตอ “พอนองเห็นเชนนี้ จึงพูดไปอีกไมกี่คํา อาจเปนเพราะเสียงของ
นองดุไปหนอย”
นางเงยหนามองฮองเฮา กอนปรับเสียงใหสูงขึ้นพรอมนัยยะสบถสาบาน
“แตขอใหทานพี่รูไววา นองเพียงพูดไปตามทัศนคติของคนในวัง และพูดไปเพียงนิด
เดียว ไมมีเจตนาลวงเกินทานพี่แตอยางใด นองรูดีวาชายาหมิงอองอยูในตําหนักทานพี่
ยอมตองไดรับการสอนสั่งจากทานพี่ นองไหนเลยจะกลาล้ําเสน นองรูวาตัวเองผิดไป
แลว นองเปนคนดอยการศึกษา ไมกลาเทียบเคียงทานพี่ และไมคิดวาในตําหนักของนอง
จะมีสาวใชนางหนึ่งพูดถึงชายาหมิงอองไปในทางที่ ทางที่...นองไมเห็นดวย หนําซ้ําสาว
ใชนางนี้ยังกลาลวงเกินชายาหมิงอองอีก จึงขอใหทานพี่ใจกวาง อภัยใหนองดวย นองรู
วาตัวเองอบรมสั่งสอนเด็กๆ ไมดีพอ ควรไดรับโทษ เดิมทีควรรีบไปขออภัยทานพี่ที่
ตําหนัก แตยังไมทันไรก็เห็นปรมาจารยองครักษของชายาหมิงอองสังหารสาวใชนางนั้น
ไปตอหนาตอตานอง ซึ่งความโหดรายและนากลัวเชนนี้นองไมเคยพานพบมากอน
อารามตกใจ สลบไสลไปโดยไมรูตัว จึงมิไดไปขออภัยทานพี่ วันนี้นองสํานึกแลวจริงๆ
ตองขออภัยทานพี่ไว ณ ที่นี้ดวย ตอไปนองตองเขมงวดกับคนของนองใหมากกวานี้ ขอ
ทานพี่เมตตา นองไดรับบทเรียนแลว และไมกลาทําผิดอีกเปนอันขาด”
พูดถึงตรงนี้ สนมหลันก็โขกศีรษะใหฮองเฮา และกมอยูอยางนั้น
สายตาทุกคูจึงจองจับอยูที่รางของนางอยางระทึกใจ ไมมีใครคิดมากอนวา ความไม
ลงรอยกันระหวางฮองเฮากับสนมหลันจะระเบิดศึกขึ้นในวันนี้
และไมคิดวาสนมหลันจะกลาชนอยางโจงแจงเชนนี้ นี่มิใชแคแกแคนที่ถูกตบไปหนึ่ง
ฉาดเมื่อครู ทุกคนเชื่ออยางสนิทใจวา นางอาจเตรียมพรอมไวนานแลว อยากฉะกับ
ฮองเฮาดูสักตั้ง ใหรดู ํารูแดงกันไปวาใครจะอยูใครจะไป
ซึ่งใครไมชัดเจนบางวา ที่ฮองเฮาฮึดสู ไมใชเพราะตําแหนงเจาแหงวังหลัง แตเปน
เพราะองคชายหก
ซึ่งไมวาจะมีองคชายหกหรือไม นางก็อาจไมสนใจวาใครจะขึ้นเปนใหญ
แตถาไมมีองคชายหก นางก็อยูของนางไปเหมือนเดิม อยางที่สนมหลันเปนที่นับ
หนาถือตาแตเพียงผูเดียวในวังหลัง สวนนางก็เงียบ ไมพูดจาใดๆ
และตอนนี้นางก็ยังคงเฉยกับการโขกศีรษะของสนมหลัน สถานการณคลายคลึงกับ
กอนหนานี้
แตครั้งนี้ทุกคนรูดีวาไมเหมือนเดิม เพราะจิตใจของฝาบาทไมเหมือนเดิม ไมผิด
รอยยิ้มบนใบหนาพระองคมลายหายสิ้น ทรงมองไปทางหลินซูอนิ แววตาคลายมีระลอก
คลื่นกระเพื่อมขึ้นลง ครั้งนี้ ทรงไมรอใหฮองเฮาเอยปากแลว ทรงยืนมือไพลหลัง กอน
พูดอยางใจเย็น
“สนมหลัน คนในวังไรมารยาทกับเจานาย สมควรถูกประหารอยู!”
“ทรงเมตตาที่ชี้แนะ หมอมฉันจะจดจําไว!”
สนมหลันไมแกตัวแมแตนอย รีบเงยหนารับคําขององคติ้งอู
องคติ้งอูพ ยักหนา แลวหันมองฮองเฮา
“ฮองเฮา เรื่องนี้แมสนมหลันทําตัวไมเหมาะสม ทวาสามัญชนยังรูท ี่ต่ําที่สูง เชื้อพระ
วงศยิ่งตองเปนตัวอยางที่ดี ชายาหมิงอองแมอยูในตําหนักฮองเฮา แตสนมหลันเห็นวาไม
เหมาะสมจึงตักเตือนไปตามความเหมาะสม ขาคิดวา นางมีเจตนาปกปองเชื้อพระวงศ
ไมคิดลวงเกินเจาจริงๆ เพียงแตคนรับใชไรมารยาท จึงทําใหเสียไปหมด เมื่อนางขออภัย
จากใจจริงแลว ฮองเฮาก็ไมควรถือสาหาความอีก”
หลังคําพูดนี้ขององคติ้งอู ฮองเฮาที่เงียบมาตลอด ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาแลว นาง
คอยๆ ละสายตาจากรางที่สะอื้นไหของสนมหลัน มองดูองคติ้งอู
ทวายังคงเงียบ
พอเห็นทั้งสองสบตากัน เหลาสนมนางในทั้งหลายกลับรูสึกตึงเครียด
ไมมีใครรูว านาทีถัดไปจะเกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาจะโตตอบอยางไร ยกนี้ฮองเฮาแพ
แลว หลายคนใจเตนมาจนถึงลูกคอ ขืนฮองเฮายังคงไมไวหนาฝาบาท จากนี้ไป รูปแบบ
การปกครองในวังหลังอาจมีการเปลี่ยนแปลง!
ครั้งนี้องคติ้งอูมิไดหลบสายตาฮองเฮา ทรงมองดวงตาอันสงบนิ่งที่ทงั้ คุนเคยและ
เหินหางของฮองเฮา ไมรูวาทรงคิดอะไรในใจ แตชัดเจน ทรงแนวแนในแววตาวา ‘ใหยุติ
ลงแตเพียงเทานี้!'
ทวาสําหรับฮองเฮาแลว สายตาที่องคติ้งอูมองมานั้นมีความหมายมากมาย
หนึ่งอยางที่รูสึกไดอยางลึกซึ้งก็คือ องคติ้งอูกําลังบอกนางวา ทรงเปนเจาเหนือหัว
สูงสุด แนวคิดของพระองคไมมีใครสามารถสั่นคลอนได รวมทั้งเหลาโอรส สวนนาง
สามารถเปนฮองเฮาที่ผูคนเคารพนบนอบไดนั้นมิใชเพราะเปนมารดาของโอรส แตเปน
เพราะพระองคทรงเห็นชอบตางหาก
หรือยังมีหนึ่งความหมาย องคติ้งอูกําลังบอกวา ทรงอดทนกับพฤติกรรมของหมิง
อองครั้งแลวครั้งเลา อดทนมามากพอแลว หมิงอองขัดคําสั่งก็ทรงอดกลั้น มิไดลงโทษ
ใดๆ
บุตรีโจรกบฏเขาวัง ก็ทรงขมใจ มิไดแสดงทาทีใดๆ
กระทั่งหญิงสาวนางนี้กลาสามหาวในวังของพระองค ก็ยังทรงขมใจ มิไดลงโทษใดๆ
พอแลว มากพอแลว ที่ทรงอดทนอดกลั้นกับเรื่องเหลานี้ได เพียงเพราะทรงเห็นแก
ฮองเฮาและหมิงออง ทรงใหความสําคัญกับสองแมลูกมามากพอแลว อยาไดทาทาย
อํานาจและความอดทนของพระองคอีกเลย
ทุกคนเฝารอปฏิกิริยาตอบกลับของฮองเฮา
ซึ่งฮองเฮาก็คอยๆ ละสายตาจากองคติ้งอู และเอยปากในที่สุด
เพียงแตเสียงของนางกลับทําใหผูที่ลุนระทึกตกตะลึง เห็นนางมองผานสนมหลันไป
ยังองคชายที่คุกเขาอยูดานลางหนาสุดสามพระองค
“ยงออง เจาวา นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
องคติ้งอูตะลึงงัน!
สนมหลันตะลึงงัน!
สนมนางในทั้งหลาย กระทั่งมหาดเล็กขางกายฝาบาทยังตะลึงงัน!
หมายความวาอะไร?
ในสมองผูคนพลันปรากฏคําถาม นาทีถัดมา พวกเขาตางมองตามสายตาฮองเฮา มี
เพียงสนมหลันที่ยังคงคุกเขาอยูอยางเศราสรอยและไมสามารถหันมอง
ขณะเดียวกัน ผูซึ่งตื่นเตนสุดจะเปรียบกอนหนานี้ คอยพบวาผูที่อยูดานลางคลายมี
อะไรไมเหมาะสมจริง...พวกเขาจึงหันมองฮองเฮา แลวหันมองดานลางอีก กลับไป
กลับมาเชนนี้หลายครั้ง แตก็ยังคงโงงมเหมือนเดิม
สนมหลันไมสามารถหันมอง แตสามารถสังเกตสีหนาผูคนดานบนที่มองดูดานลางได
เห็นแววตาพวกเขาคอยๆ แสดงความแปลกใจ และใชสายตาแปลกใจเชนนี้มองมาที่ตน
เปนระยะ
นางรูสึกอึดอัดแทบบา ดวยแยกแยะไมออกวาความแปลกใจในลักษณะนี้
หมายความวาอะไรกันแน พวกเขาเห็นอะไร แมรอนใจอยากรู แตก็ไมกลาหันมอง เพียง
รูสึกวามีกลิ่นทะแมงๆ
นางรีบมองดูองคติ้งอู เห็นสีหนาพระองคเปลี่ยนเปนเครงขรึมทีละนอยๆ แววตาที่
มัวหมองของนางจึงคลายจะบีบน้ําตาออกมาอีก นาทีถัดมา นางพลันพบวาพระองคทรง
กวาดตามองนาง ทําใหนางหนาซีด
สายตาพระองคไมมคี วามออนโยนใหเห็นอีก นางชัดเจนวา ทรงกําลังกริ้ว กริ้วมาก
เสียดวย!
หลังจากมองดูดานลางอีกครั้ง ก็ทรงมองมาทีน่ างดวยแววตาอันรอนรน กอนตรัส
เสียงต่ํา
“เจา...ลุกขึ้น!”
สนมหลันสั่นไปทั้งตัว ริมฝปากสั่นคลายจะสงเสียง แตพอเห็นองคติ้งอูละสายตา
จากตน แลวใชสายตาอันหมองหมนมองไปยังฮองเฮาที่กําลังมองดานลางนิ่ง กอนสะบัด
แขนเสื้อฉับพลัน หันกายประทับนั่งลงบนบัลลังกมังกร แลวจองมองนางอยางดุดัน
เมื่อนางเห็นบรรยากาศเปลี่ยนฉับพลัน ก็ไมกลาลังเลใจอีก คิดลุกขึ้นยืนแลวถอย
กลับที่เดิมเพื่อมองดูเหตุการณดานลาง
แตขณะนั้นกลับไดยินเสียงกลาๆ กลัวๆ ของยงอองดังขึ้น
“เสด็จแมทรงเย็นพระทัยกอน!”
ฮองเฮาไดยินดังนั้นก็ละสายตาจากดานลางมายังสนมหลัน พลางตรัสเสียงเรียบ
“คุกเขาไปกอนก็แลวกัน!”
คําคํานี้พอหลุดออกมา ความสนใจทั้งหมดในหองพลันเปลี่ยนไปอยูดานลางอีกครั้ง
สวนสนมหลันที่กําลังจะลุกขึ้นยืนพลันมองดูฮองเฮา ขณะสบตาและกําลังจะอาปาก
กลับตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นอารมณขุนเคืองที่ลุกเปนไฟแฝงอยูใ นดวงตา นางเห็นดวงตาที่ไม
อนุญาตใหถามของฮองเฮา
ตอน 295 ปกปองซึง่ กันและกัน
ไมผิด ไมอนุญาตใหถาม ทาทีของฮองเฮาเปนทาทีแบบเดียวกันกับยามปกติที่องค
ติ้งอูมักแสดงอํานาจบารมีอยางไรอยางนั้น
เทาของสนมหลันสั่นนอยๆ บอกตัวเองซ้ําไปซ้ํามาวา อยากลัวๆ ฝาบาทบอกใหนาง
ลุกขึ้นแลว ใครก็ขวางนางไมได แตเทากลับไมทําตามใจบอก ความกลัวในสวนลึกบอก
นางวา ไม ไมควรลุกขึ้น...
นางมององคติ้งอูที่นั่งอยูเบื้องบนอยางหวาดกลัว ดวยเห็นสีหนาพระองคหมองหมน
ตลอดทั้งรางยังปรากฏรัศมีบารมีอันนาเกรงขามสุดจะเปรียบอีก
แมนางสงสายตาเวาวอนขอความชวยเหลืออยางไร องคตงิ้ อูก็มิไดมองมา และมิได
ตรัสอะไรหลังฮองเฮาตรัสวา ‘คุกเขาไปกอนก็แลวกัน!’
ทวากลับสงสายตาขูบังคับ พลางตรัสเสียงดังอยางพิโรธ
“พูด พวกเจากลาดีอยางไร ถึงไดสามหาวตอหนาขาเชนนี้?”
คําคํานี้มิไดพูดกับสนมหลัน แตก็ทําใหนางหนาถอดสี รูวาตนแยแน เทาที่กําลังจะ
ลุกที่สุดก็ไรเรี่ยวแรง ซุกศีรษะลงกับพื้น กะพริบตาถี่ๆ ควรทําอยางไรดี ทําอยางไรดี?
ไมเพียงแตนาง เมื่อองคจักรพรรดิทรงพิโรธ นอกจากฮองเฮาแลว ผูที่ยืนอยูขาง
พระองค รวมทั้งเหลาสนมนางในที่ยืนอยูดานลาง ลวนตองคุกเขาลง
“ขอฝาบาททรงเมตตา!”
แมแตยงอองที่เงยหนาขึ้นกําลังจะปริปากพูดก็รีบคุกเขาลง กลุมคนจึงคุกเขาตาม
พลางสงเสียงพรอมกัน
“ขอฝาบาททรงเมตตา!”
จะใหทรงเมตตาอยางไร วันนี้อุตสาหอารมณดีแลว แตก็ไมวายอารมณเสียอีก
บานเมืองยุงเหยิง วังหลังไมสงบ เชื้อพระวงศรุนหลังเหลานี้กลาไมเคารพพระองคกัน
แลวหรือไร?
ทรงเปนที่เคารพทั่วหลา หรือจะทรงสั่งประหารไมได?
“ไรเหตุผผลสิ้นดี!”
องคติ้งอูพ ลันตบโตะ รังสีฆาฟนแผกระจายทั่วราง ดวงตาดุดันดั่งพยัคฆรายจองมอง
ไปยังพระบรมวงศที่อยูดานลางไมวางตา ทรงพิโรธแลวจริงๆ
ทวา ขณะที่กําลังจะปลอยสายฟาฟาด เสียงของฮองเฮาก็ดังขึ้น
“ขอฝาบาททรงเย็นพระทัยไว เหลาองคชายและพระบรมวงศลวนมีมารยาทและ
กตัญูเสมอมา เห็นไดจากการที่ทรงไดรับคํายกยองสรรเสริญจากผูคนไปทั่ว วันนี้เสีย
มารยาทเชนนี้ คิดวาตองมีสาเหตุ อยางไรใหพวกเขาลุกขึ้นพูดกอนจะดีกวา!”
องคติ้งอูระเบิดความโกรธขึ้นแลวจริงๆ แตพอฮองเฮาเอยปาก ก็ทรงกะพริบตา
หลายครั้ง และขมใจไมใหโกรธ มิใชเกรงกลัวฮองเฮา แตเพราะเมื่อครู เรื่องที่สนมหลัน
กอ เพิ่มความลําบากใจใหพระองคยามอยูตอหนาฮองเฮามากขึ้นไปอีก ตอนนี้จึงตอง
พยายามอดกลั้น
แนนอนวาทรงมีบารมี สามารถกริ้วได ไมพอใจได แตกลับไมสามารถกริ้วแลวบอก
ใหนําตัวฮองเฮาไปประหาร ยังคงเปนคําคํานั้น ยังไมตองพูดถึงเรื่องที่วาทรงสั่งใหนํา
ฮองเฮาไปประหารไดหรือไม ที่สําคัญคือทรงเปนมนุษยเชนกัน ฮองเฮาเปนภรรยาคน
แรก และเปนคนในครอบครัวคนหนึ่งในจํานวนไมกี่คนที่ทรงไมสามารถหมางเมินได
องคติ้งอูแคนเสียงเย็นชาออกมา กอนโบกมือ “ทั้งหมดลุกขึ้น” แลวจึงยืนมือไพล
หลัง หันหลังใหทกุ คน
ทุกคนจึงคอยๆ ลุกขึ้น รวมทั้งหลินซูอนิ ดวย เกือบทุกคนสวนใหญใบหนาเต็มไป
ดวยเหงื่อทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็น
หลินซูอินยังดี พูดตามตรง นางในตอนนี้กลับไมคิดอะไรมาก ไมใชไมรูสึกกลัว แตไม
รูจะกลัวไปทําไม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด นางถูกจูงมือไปตลอด โดยไมสามารถ
เปลี่ยนแปลงได หรือบอกตามตรง จนถึงตอนนี้นางก็ยังไมเขาใจวา เหตุใดตนจึงตองมี
ชีวิตอยูและมาอยูในที่นี้ดวย
อาจเปนเพราะตนไมยินยอมฆาตัวเอง จึงเลือกมาตายในที่นี้
นางเหลือบมองแผนหลังขององคติ้งอู เมื่อเทียบกับฮองเฮาและคนในที่นี้ทั้งหมด
ตองพูดวา องคติ้งอูทําใหนางรูสึกแปลกๆ และสับสนเปนที่สุด
ไมวาอยางไร นางก็เปนบุตรีบานตระกูลหลิน บิดานางกําลังแยงชิงอํานาจกับ
พระองค นางจึงไมรูกระทั่งวาตอไปตนเองควรวางตัวเชนไร
จําไดวา ตอนยังเปนเด็ก นางเคยรูสึกวาทรงเปนจักรพรรดิที่นาเกรงขามที่สุด
ทุกคนลุกขึ้นยืน สนมหลันที่คุกเขาอยูตรงหนาฮองเฮาแววตาวูบไหว ขณะฉวย
โอกาสเตรียมลุกขึ้นยืน พลันไดยินเสียงเบาๆ ของฮองเฮาดังขึ้นที่ขางหู
“เจายังคงคุกเขาไปกอน!”
สนมหลันพลันรูสึกหนาว หลับตาลง รอเวลา แตกลับไมไดยินฝาบาทเอยปากอะไร
ออกมา จึงกํามือแนน จนเล็บจิกเขาไปในเนื้อ รูสึกเกลียดชังฮองเฮาจับจิต สาบานในใจ
สักวันตองลางอายใหจงได
นางยอมมองไมเห็นวา พอฮองเฮาพูดจบ องคจักรพรรดิหันมองผูคนแวบหนึ่ง คลาย
เตรียมหันกายกลับ แตมิไดหันมาคัดคานอะไรฮองเฮาที่ยังคงใหสนมหลันคุกเขาอยู
ทวาการขยับตัวของพระองคกลับทําใหแววตาฮองเฮามืดหมนลง ทรงเขาใจแลววา
ในใจองคติ้งอูมีคนใหมเขาแทนที่แลว
สตรีในใตหลา ใครสามารถตัดใจลงไดงายๆ
ฮองเฮาอยูในตําหนัก มิไดออกมานานหลายปก็จริง แตมิไดหมายความวานางมี
จิตใจที่สงบนิ่งดุจน้ํานิ่งแลว ไมมีใครอยากเย็นชากับผูซึ่งเคยเดินเคียงคูกันมานานหลายป
ทวาไมรูตั้งแตเมื่อไร ไมรูเพราะเหตุใด ระหวางนางกับองคติ้งอูเหมือนคอยๆ
ปรากฎเสนขีดคั่นที่ตางฝายตางไมสามารถกาวล้ําเขาไป นางไมรูวานั่นคืออะไร รูแตวา
มันเปนไปแลวและยังเปนไปอยู
เริ่มตั้งแตตอนหมิงอองหายสาบสูญ นางกับองคติ้งอูก็เหินหางกันไปทุกวันๆ จนผาน
ไปหกป สองสามีภรรยาก็ชินกับความหางเหินเชนนี้เสียแลว
แววตาวูบไหว น้ําตาคลอ นางหันมองหลินซูอินที่ยืนคนเดียวโดดๆ อีกดานหนึ่งตรง
แถวหนา ความรูสึกจึงเปลี่ยน ถอนหายใจเบาๆ น้ําในตาคอยๆ หายไป กลับสูความสงบ
นิ่ง มองดูกลุมคนซึ่งยืนกมศีรษะอยูแถวหนาแลวหันมองหลินซูอนิ อีกครั้ง คอยเอยปาก
เสียงเบา
“ซูอิน มานี่!”
หลินซูอินชะงัก เงยหนาขึ้นมองฮองเฮา คลายดูใหแนใจวาเรียกนางจริง เห็นทรง
มองนางอยางสงบนิ่ง จึงคอยๆ เงีบบ กอนทําความเคารพ “เพคะ”
องคติ้งอูไดยินก็คอยๆ หันกายมา มองไปยังหลินซูอิน นี่ไมใชครั้งแรกที่ทรงเห็นนาง
กอนหนานี้ไมนานก็ทรงเห็นแลว แตมิไดเห็นกันตรงๆ ตอนหลินซูอินขอเขาเฝาและถูก
ปฏิเสธ ทรงยืนอยูต รงหนาตาง มองดูนางเดินจากไป
ทรงจองมองหลินซูอ ินนิ่งโดยไมตรัสใดๆ ไมมีใครมองสีพระพักตรออกวาทรงคิด
อะไรอยู เพียงมองเห็นความไมพอพระทัยที่พระองคทรงเผยใหเห็นอยางไมปดบัง
ทุกคนตางไมแปลกใจ ถาจะบอกวาคนในวังทีท่ ําใหองคติ้งอูไมพอพระทัยเปนที่สุด
ยอมไมมีใครเกินหลินซูอิน สวนพวกยงอองที่สังเกตเห็นวาทรงมิไดเย็นชาใสหลินซูอิน
มากนัก ก็รูสึกโลงอก องคชายทั้งสามหันมาสบตากัน เปนอันรูกันวาควรปฏิบัติตนเชนไร
เหลาองคชายสามารถสงบนิ่งได ทวาเหลาสนมนางในไมสามารถ พวกนางรูสึก
หนาวเหน็บเมื่อเหลือบมองสนมหลันผูซึ่งไดรับความเคารพเพียงหนึ่งเดียวในวังหลังและ
มีอุปนิสัยไมยอมใคร กําลังคุกเขาไมกลาขยับอยูกับพื้น และมองเห็นสายตาฮองเฮาที่
เปลี่ยนเปนกลาๆ กลัวๆ
ฮองเฮาไมสนใจวาคนอืน่ จะมองอยางไร รอจนหลินซูอินกาวเขามาขางกาย จึงมองดู
ปนปกผมบนศีรษะนาง กอนพูดเสียงเบา “ไมเลว!”
ทุกคนที่กําลังจองมองพวกนาง ตางมองตามสายตาฮองเฮาไปยังปนรูปหงส พอได
ยินคําคํานี้ของฮองเฮา ตางก็คิ้วกระตุกโดยไมทันตั้งตัว หันมองสีหนาองคติ้งอูทันที
องคติ้งอูเหลือบมองปนรูปหงสเชนกัน เห็นชัดวาทรงมีสีหนาแยลง ดวงตาวูบไหว
เล็กนอย แตสุดทายก็มิไดเอยปากอะไร หันไปมององคชายทั้งสาม พลันกาวไปขางหนา
หนักๆ หนึ่งกาว กอนตรัสเสียงเย็นชา
“พวกเจาสามพี่นองในฐานะอองบอกขาหนอยสิวา เปนเพราะปกติขาไมไดอบรม
พวกเจาหรือไร ถึงไดทําเชนนี้? ยังไมพูดความจริงออกมาอีก วาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน
ที่ทําใหพวกเจาไรมารยาทเชนนี้?”
ทั้งสามไฉนกลาชักชา คุกเขาลงพรอมกันอีกครั้ง ยงอองในฐานะพี่ใหญยอมตองเปน
คนออกหนา
“เสด็จพอทรงเย็นพระทัย มิใชลูกๆ ไมเคารพเสด็จพอ แตเปนเพราะกอนหนานี้ใน
หองเกิดความขัดแยงขึ้น ลูกกับนองทั้งสองกลัววาจะรบกวนปติสุขของเสด็จพอ จึงตกลง
กันวาใหรีบแกไขปญหาเฉพาะหนาไปกอน ทําใหตอนเสด็จพอมาถึง ทุกคนกลับไปนั่งที่
เดิมไมทัน จึงไดลวงเกินเสด็จพอและเสด็จแม เรื่องนี้เปนเพราะลูกจัดการไมดีเอง ขอ
ทรงลงพระอาญา!”
ความขัดแยง?
คําคํานี้พอหลุดออกจากปาก ผูที่อยูเบื้องบนตางไมเขาใจ วาเหตุใดวันสําคัญเชนนี้
ยังมีคนกลาสามหาวตอหนาพระพักตรอีก พวกเขาจึงอดไมไดที่จะมองไปยังฮองเฮาและ
สนมหลัน พลางคิดในใจ สองทานนี้มิใชผูที่คนรุนหลังอยางพวกเจาจะเทียบเคียงเสมอ
ตนได นี่มันรนหาที่ชัดๆ
ใครกันที่กลาถึงเพียงนี้?
“ใครกัน?”
สิ้นเสียงนี้ พลันเห็นแววตาองคติ้งอูคมกริบ กระเพาะเต็มไปดวยความโกรธ อยาก
เห็นแลววาในใตหลาใครกันแนที่ไมกลัวตาย!
เกือบจะนาทีเดียวกับคําถาม สายตาทุกคูที่อยูดานลางพุงตรงไปยังผูที่ยืนขางกาย
ฮองเฮา หลินซูอิน
สายตาองคติ้งอูคมวาวทันที เดิมทีก็โกรธเปนฟนเปนไฟอยู คราวนี้ ยังเปนนางอีก!
อยางไมตองสงสัย ถาใหจัดการกับคนตระกูลหลิน พระองคยอมไมคิดลังเลใจแมแต
นอย บอกตามตรง ถาสามารถประหารไดละก็ อาจถือดาบไปจัดการเองดวยซ้ํา
ทวาในตอนนี้ ฮองเฮาที่นั่งนิ่งกลับพลันยื่นมือออกใหหลินซูอิน
ทําใหองคติ้งอูที่กําลังกริ้วและจะเอยปากพูดสะดุดกึก คนในหองทุกคนตะลึงงัน แต
หลินซูอินกลับเขาใจความหมายของฮองเฮา แตก็ยังลังเลเล็กนอย สวนหญิงชราที่ยืนอยู
ดานหลังฮองเฮากลับขยับมายืนตรงขามหลินซูอินทันที เพื่อเขาพยุงแขนอีกขางของ
ฮองเฮา
หลินซูอินหายใจเขา เหตุใดนางจะไมรูวา ฮองเฮากําลังชวยนางแกไขปญหา อยางไม
ตองสงสัย ทรงเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได และกลัววาปญหาจะมาลงที่นาง จึงเรียกนางขึ้นมา
ยืนขางกายกอน
นางคอยๆ นิ่งเงียบ พูดตามตรง ตอนนี้ใจนางกระเพื่อมเปนระลอกคลื่น ปกติแม
ฮองเฮามีทาทีเย็นชากับนาง แตจริงๆ แลวดีกับนางจนไมรูจะดีอยางไรแลว
ขณะมองดูแขนที่ยื่นใหตนเอง หลินซูอินไมสนใจอีกแลววาคนในหองกําลังพูดถึงนาง
อยางไร โนมตัวลงพยุงฮองเฮา พลางเคลื่อนพลังปราณเล็กนอย พยุงรางฮองเฮาใหเทา
ทั้งสองสัมผัสพื้น แมถูกพยุง แตเหมือนกําลังคอยๆ เดินไป
หญิงชราและฮองเฮายอมรูสึกไดถึงการกระทําของหลินซูอ ิน ฮองเฮาเหลือบมอง
หลินซูอิน หญิงชราเหงื่อตก ชะงักเล็กนอย เหมือนรอนรนในใจ
แตมือของฮองเฮากลับตีไปที่มือของหญิงชราเบาๆ บอกใบวาอยาลน กอนคอยๆ
เงยหนาขึ้น มองดูผามานขางๆ ที่อยูดานหลังองคติ้งอู
ตอน 296 การโจมตีที่เปนไปตามคาด
เมื่อเห็นการกระทําของหลินซูอิน ฝามือของหญิงชราก็เต็มไปดวยเหงื่อ นางตกใจ
มาก เนื้อตัวสั่น มองตามสายตาฮองเฮาไป
หลินซูอินรูสึกถึงความผิดปกติของหญิงชรา แตไมรูวาเกิดอะไรขึ้น พอมองดูฮองเฮา
ที่ยังมีสีหนาปกติ จึงคิดวาคงไมมีอะไร พยุงฮองเฮาเดินตอทีละกาวๆ ไปนั่งเคียงขางองค
ติ้งอู
นางยอมไมรูวา ในหองนี้ การเดินพลังปราณโดยพลการตอหนาองคจักรพรรดิ เปน
เรื่องที่นากลัวและอันตรายเรื่องหนึ่ง นาทีนี้ หากไมใชฮองเฮาดึงสายตาทุกคนใหมองไป
ที่ผามานดานขาง เกรงวานาทีถัดมาตองถูกพลังอํานาจประดุจสายฟาฟาดลงโทษแน
และนางยังไมรูอีกวา หญิงชราที่อยูอีกดานหวาดกลัวมากขนาดไหน แมฮองเฮา
กําลังชวยเหลือนาง แตก็ไมรูวาทานผูนั้นจะสามารถขมใจไมใหโกรธเกลียดไดหรือไม
ยังดีที่สุดทาย ผามานดานขางไมมีความเคลื่อนไหว ฮองเฮาจึงคอยๆ ดึงสายตากลับ
มองดูองคติ้งอู
องคติ้งอูเห็นฮองเฮาเดินมานั่งขางๆ คิดยกมือขางหนึ่งขึ้นพยุง แตสีหนาพลันเปลี่ยน
กอน จึงมองที่อื่นแทน เปลวไฟที่ลุกโชนในใจพลันหยุดชะงักในพริบตา คลายสายตา
ฮองเฮาเขามาขัดจังหวะพลังความรอนที่กําลังคุกรุนในพระวรกาย ทําใหทรงทําอะไรไม
ถูกไปชั่วขณะ
ไมผิด วันนี้ทรงนึกถึงเรื่องตางๆ หลายเรื่องจนลืมพยุงฮองเฮาใหมานั่งเคียงขาง ทํา
ใหถูกมองเปนจักรพรรดิเลือดเย็น จึงอดไมไดที่จะรูสึกละอายใจ
ความโกรธแคนที่พุงมาถึงริมฝปากถูกขมลงโดยปริยาย แมขณะหลินซูอินพยุง
ฮองเฮาใหกาวเดินมาทีละกาว จะทําใหทรงรูสกึ กริ้วเปนอยางยิ่งก็ตาม
นาทีนี้จึงไดแตพักความโกรธไวชั่วคราว คอยจัดการทีหลัง หันใบหนาที่ทั้งอายทั้ง
โกรธไปยังยงออง กอนเอ็ดเสียงดัง
“ยังรออะไรอยู พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน?”
ยงอองไหนเลยจะกลาชักชา เลาเรื่องทั้งหมดใหฟงอยางโปรงใสตรงไปตรงมา
เหลาสนมนางในไมแปลกใจแมแตนอยเมื่อไดยินวาเรื่องเริ่มตนจากสถานะของหลิน
ซูอิน แตทุกคนก็ยังจองมองปนหงสที่ดึงดูดสายตาอีกครั้งอยางอดไมได กอนยิ้มเย็นชา
พลางคิดในใจ หาเรื่องใสตัวชัดๆ
แตเพิ่งยิ้มเย็นชาหมาดๆ กลับรูสึกหนาวเหน็บ วันนี้ฮองเฮาไดแสดงใหเห็นอยาง
ชัดเจนแลววาทรงสนับสนุนนาง กระทั่งกําลังบอกทุกคนวา ถากลารังแกนางก็ลองดู
ตัวอยางมีใหเห็นแลว กําลังคุกเขาอยูนั่นไง!
ดังนั้น ตอนที่ยงอองกําลังเลาเรื่องราวจึงไมมีใครพูดแทรกแตอยางใด
แตพอเลาถึงตอนสุดทาย ที่หลินซูอินโมโห ตบหนากลุมทานหญิงจนหนาหัน ทุกคน
ในหองก็ตกตะลึง เหลาสนมนางในจองมองหลินซูอินพลางหันหนาซุบซิบกันไมหยุด
แมแตฮองเฮาที่เพิ่งถูกพยุงใหนั่งลงก็ยังนั่งตัวเกร็ง กอนเหลือบมองหลินซูอ ิน
เห็นชัดวา ทรงคิดไมถึง
เชนกันวานางจะลงมืออยางกะทันหัน จึงหันไปสบตากับหญิงชรา ทั้งสองตางพูดไมออก
ดวยไมเคยไดยินมากอนจริงๆ วา พระชายาจะกลาลงมือทํารายพระบรมวงศในวัง
ครั้งแรกก็ทําเอาฮองเฮาปวดเศียรเวียนเกลาเสียแลว
ไมผิด ฮองเฮาสามารถกดดันองคจักรพรรดิไมใหทรงกริว้ ได แตเรื่องนี้ไมเหมือนกัน
การตบตีพระบรมวงศนั้นไมเทาไหร ที่สําคัญคือไมถูกเวลา วันนี้เปนวันซึ่งพระบรมวงศ
มาสวัสดีปใหมองคจักรพรรดิ สวนเจามีศักดิ์เปนเพียงพระชายา แตกลับลงมือตบตีคนรุน
หลังอยางพวกเขา นี่ไมใชเรือ่ งที่จะลอกันเลนได
เรื่องนี้จัดการลําบาก ในวังตองมีคําตอบให มิฉะนั้นจะทําใหเหลาพระบรมวงศเกิด
ความคลางแคลงใจ
ยามประเทศชาติเผชิญวิกฤต พระบรมวงศยอมเปนหัวใจหลักของราชสํานัก ไมวา
พวกเขาจะโลภมากเพียงใด หรือเรียบงายเพียงใด ในโลกที่ยุงวุนวาย กลับมีสิ่งหนึ่งซึ่ง
เปนจุดแข็งเหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือพวกเขาตองพึ่งพิงราชสํานักมากขึ้นอยางหมดหัวใจ ซึ่ง
ถาราชสํานักลมสลาย พวกเขาก็ไมมีขอยกเวน ตองมีชีวิตอยางนาอนาถ แมเปลี่ยนแปลง
การปกครอง กลุมอํานาจใหมก็ไมมีทางละเวนพวกเขา
ดังนั้นอยางไรพวกเขาก็ไมมีทางเลือก ไดแตพึ่งพาอาศัยราชสํานัก พวกเขาจึงเปน
คนที่ราชสํานักไวใจไดมากสุด
และในยามหัวเลี้ยวหัวตอที่ละเอียดออนเชนนี้ เห็นชัดวา ฝามือของหลินซูอินทําให
เรื่องเปลี่ยนไปจนยากจัดการ โดยเฉพาะสถานะของนาง เดิมทีก็เปนเรื่องใหญที่ยาก
จัดการอยู ฮองเฮาไมตองคิดก็รูวา เรื่องในวันนี้จบไมสวยแน พอน้ําหนักหมุนกลับไปที่
พระบรมวงศ พวกเขาก็จะรวมตัวกัน พูดถึงสถานะของหลินซูอิน ประมาณวานางเปนผู
ที่โจรถอยหลินสงมาเพื่อปลุกปนใหพระบรมวงศแตกสามัคคี จึงตั้งใจทําเรื่องเลวราย
เชนนี้ เราตองไมหลงกล
ถาพระบรมวงศทําเชนนี้ แมดูเหมือนเปนการทําใหฝาบาทเดินลงจากเวทีไดอยาง
สวยงาม แตความจริงแลวคําวา ตั้งใจทําเรื่องเลวราย เปนการแสดงเจตนารมณ หากคน
ที่ตั้งใจทําเรื่องเลวราย แลวราชสํานักยังไมจัดการ แตกลับนิ่งดูดาย ปลอยใหคนในบาน
ไมไดรับความเปนธรรม แลวยังจะมีพระบรมวงศทั้งหลายอยูในใจอีกหรือ? แลวจะไมให
ทุกคนเอาใจออกหางไดอยางไร?
ในหองไมมีคนโง กอนที่ทุกคนจะรูเรื่องและองคจักรพรรดิจะเสด็จ พวกเขาจึงไม
สนใจกลับที่นั่งของตน ทําใหหลินซูอนิ กลายเปนผูรนหาที่ตายไปจริงๆ
ทุกคนตางกลัวองคชายหก แตใครจะคาดคิดเลาวาคนในบานขององคชายหกกลับ
ทําเรื่องโงงมเชนนี้ ทุกคนลวนคิดวาไมจําเปนตองใหใครลงมือ นางฆาตัวตายเอง
องคติ้งอูท ี่เพิ่งขมเปลวไฟในใจลง แตมันกลับปะทุขึ้นอีกจนได เพียงแตครั้งนี้ ทรงไม
แสดงออกทางสีหนา เห็นชัดวา อารมณพระองคเริ่มเปลี่ยนเปนเย็นชา
ทรงเห็นโจรถอยหลินเปนมารในใจอยูแลว เรื่องนี้อันทีจ่ ริงไมจําเปนตองใหพระบรม
วงศเปนผูกอ ทรงวางชะตากรรมใหหลินซูอินไวแตแรกแลว โดยจะบอกวาโจรถอยหลิน
เปนผูสงนางมาทําลายพระราชอํานาจของพระองค
หญิงสาวทั้งสามที่ถูกตบกําลังคุกเขาอยูกับพื้น รอยฝามือบนใบหนายังคงอยู พวก
นางเจ็บแคนจนน้ําตาไหล จวิ้นจูนอยนางนั้นก็ไมธรรมดา พอเห็นสถานการณเปนเชนนี้
จึงรีบหยิบผาปกลวดลายพับหนึ่งมาไวในมือ รองหมรองไหพลางวา
“ฝาบาท ที่อันหัวมาในวันนี้ก็เพื่อถวายพระพรในวันขึ้นปใหม นําความสุขในฤดู
ใบไมผลิมามอบให กอนหนานี้หนึ่งเดือนอันหัวตั้งใจอยูกับบานปกผาลวดลายทิวทัศนอัน
งดงามใหฝาบาทโดยเฉพาะ โดยขอใหปใหมนี้ ฝาบาทยังคงปกครองบานเมืองไดอยาง
ราบรื่น ประเทศชาติสงบสุข ประชาชนรมเย็นเปนสุข...”
พูดจบนางก็ยกมือขึ้น เห็นนิ้วมือนางเหมือนมีผาขาวพันไว ชัดเจนวา ถูกเข็มปกทิ่ม
ตําขณะปกผา ตองพูดวา มือขางนี้สามารถทําใหหลินซูอินยากที่จะหลุดพนจากความผิด
ไดจริงๆ
“วันนี้อันหัวเพิ่งพบชายาหมิงอองเปนครั้งแรก เดิมทีรูสึกเบิกบานใจยิ่ง แมไมไดพบ
เสด็จพี่หก แตอันหัวรูวาเสด็จพี่หกตองชอบอันหัวเหมือนเสด็จพี่องคอื่นๆ แน...แตอัน
หัวคิดไมถึงจริงๆ พระชายากลับเห็นวาอันหัวกับพี่สะใภทั้งสองมีสถานะต่ําตอย สามารถ
ดุดารังแกไดตามอําเภอใจ สุดทายยังลงมือตีพวกเราอีก...ฮือออ...ฝาบาท ขอทรงให
ความเปนธรรมกับอันหัวดวย!”
นางอายุไมมาก แตคําพูดและทาทางที่เจ็บแคนกลับสะเทือนอารมณยิ่ง อยางไมตอง
สงสัย นางอธิบายวาหลินซูอินทําเกินไป ไมสิ ไมไดทําเกินไป แตทําเรื่องที่ไมนาใหอภัย
จริงๆ
และขณะที่นางพูดปรักปรําอยูนั้น ชายาจวิ้นอองทั้งสองที่อยูขางกาย แมไมพูดสัก
คํา แตก็สะอึกสะอื้นเสียงเบาคลอตลอด แสดงใหเห็นวาไดรับความอับอายจนเจ็บปวด
เหลือคณา บวกกับทาทางที่นารักนาชัง ถาบอกวาพวกนางสามารถทําใหเขมขนขึ้นดวย
การนําศีรษะเขาชนกําแพง ใครตอใครก็เชื่อ
มาถึงขั้นนี้ สีหนาฮองเฮาเครงเครียดแลว แววตาไมสงบนิ่งดังเดิมอีก มือทั้งสองขาง
ที่วางไวบนตักคอยๆ กําเบาๆ นางกระวนกระวายใจจริงๆ
ที่ผานมานางเก็บตัว ไมสนใจเรื่องราวคนอื่น แตเพราะเรื่องหมิงออง นางถึงตองฟน
คืนอํานาจที่รางราไปนาน เพียงเพราะอยากชวยลูกปดเปาอุปสรรคบางอยาง ในเมื่อลูก
ยืนยันวาตองปกปองพระชายา นางก็ไดแตชวยใหพระชายายืนอยูในวังไดอยางมั่นคง
วันนี้นางประสบความสําเร็จกับการลอปลาใหญอยางสนมหลันใหติดกับและจัดการ
จนเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนวังหลวง แตอยางไรนางก็คิดไมถึงวา จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทําใหนางรูสึกเครียด กวาดตามองฝาบาทที่เย็นชาไปตั้งแตตน นางไมอยากพูดมากอีก
และไมจําเปนตองพูดดวย จึงนิ่งเงียบลง
นางรูวา ตอนนี้นอกจากนางแลว ไมมีใครสามารถปกปองหลินซูอนิ ไดอีก
มีเพียงนาง นางเทานั้นที่สามารถ นางคอยๆ หลับตาแลวลืมตา แววตามืดมน เกรง
วาคงตองนําบารมีที่เหลืออยูเพียงนอยนิดของตนเขาแลกแลว
มิไดคิดเสียดาย เพียงแตเมื่อเปนฮองเฮา มีอํานาจยิ่งใหญ เปนสตรีที่ไมสามารถรับ
การดูหมิ่น พอถูกดูหมิ่น ชีวิตของนาง ไมวาจะเปนกายหรือใจ ลวนแลวแตจบสิ้นลง
และในบันทึกประวัติศาสตร ชื่อของนางก็จะเหลือเพียงตัวแทนของความอัปยศ
ตลอดกาล...
ในใจพลันเยือกเย็นลง หลังจากนางใชทุกสิ่งอยางของตนแลกกับความสงบสุขของ
พระชายาแลว ยอมไมเหลือศักดิ์ศรีที่จะอยูในโลกนี้อีก นางไมกลัว เพียงเสียใจและ
เสียดาย ที่ไมทันไดพบหนาลูกชายที่อยูในแดนไกล
ภายในหองเงียบกริบอีกครา นาทีนี้องคติ้งอูที่ควรพิโรธดั่งสายฟาฟาดกลับนิ่งไมสง
เสียงอยูเปนนาน ทรงหลุบตาลงต่ํา ไมมีใครรูวาทรงคิดอะไรอยู แตสามารถรูสึกไดวา
อุณหภูมิในหองหนาวเย็นลงเรื่อยๆ กระทั่งเตาผิงไฟก็ยังเอาไมอยู
เหลาพระบรมวงศหันมาสบตากัน นาทีนี้ ใจของพวกเขากําลังกระเพื่อม เหมือนเขา
ใจความเงียบของเสด็จพอ ไมผิด พวกเขารูวา สถานะของหลินซูอินมีความละเอียดออน
ถาเสด็จพอเอยปาก หลินซูอินคงหนีไมพนความตาย
พอนางตาย ตองเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ แตแมเปนเชนนี้ สามพี่นองก็ยังหวัง
ใหเสด็จพอประหารนางอยูดี เพราะไมวาสถานการณจะเปนอยางไร ก็เทียบไมไดกับพวก
เขา ถาไมมีพวกเขา สถานการณจะดีแคไหน ก็ทําอะไรไมได
อีกทั้งลําพังโจรถอยหลิน ผูซึ่งเคยเปนขุนนางเล็กๆ ในราชวงศเซี่ย มีชาติกําเนิดต่ํา
ตอย ไหนเลยจะมีปญญาแยงชิงอํานาจที่ปกครองโดยราชวงศเซี่ยไดจริงๆ ความพายแพ
และความตายเปนบทสรุปของโจรถอยหลินตั้งแตแรก ถาไมมีศัตรูตางชาติเขามาคั่น โจร
ถอยหลินยอมถูกลงโทษไปนานแลว
รอใหศัตรูตางชาติถอยทัพกอน โจรถอยหลินก็จะกลายเปนเพียงชิ้นเนื้อบนเขียง ที่
ไมจําเปนตองเจรจาอะไรกันอีก
ความคิดของพวกเขาไมใชเรื่องนาขัน ความจริงแลว การปกครองในระบอบกษัตริย
รวมทั้งองคติ้งอูดวย ตางไมชื่นชอบคนอยางคนตระกูลหลินมาแตไหนแตไร ไมเคยคิดวา
พวกเขาจะสามารถพลิกฟาคว่ําแผนดินได แตเมื่อเหตุการณเปนเชนนี้ พวกเขาก็ยิ่ง
เกลียดเขาไส เห็นคนพวกนี้เปนเพียงสุนัขที่เคยรับใชตาเซี่ย สวนคนเถื่อนเปนเหมือน
สุนัขปา พวกเขาสามารถตอสูกับสุนัขปาได แตไมสามารถอนุญาตใหสุนัขรับใชทรยศเปน
อันขาด
องคติ้งอูกําลังอยูในอารมณโกรธก็จริง แตจะใหตัดสินใจก็ลําบากอยู ทรงยังหวง
สถานการณบานเมือง จุดประสงคที่หมิงอองสงหลินซูอินเขาวัง พระองคยอมมองออก
อยางชัดเจนถึงขอดีขอเสีย แมยากตัดใจใหยอมรับ แตทรงเขาใจ ในเวลานี้เรื่องนี้มีขอดี
มากกวาขอเสีย ดังนั้นจึงทรงเฝามองนางเขาวังอยางเงียบๆ ในระยะที่ไมใกลไมไกล โดย
ยังไมขับไลนางไป มองนางเปนเพียงหมากตัวหนึ่งที่ทรงวางไวกอนคอยวากัน
ครุนคิดสักพัก จึงทรงหรี่พระเนตร มองหลินซูอนิ กอนตรัส
“ใครใหเจากลาขนาดมายืนอยูตรงหนาขาได?”
หลินซูอินเงยหนามององคติ้งอู ขยับเล็กนอย กําลังจะหันกายมาเผชิญหนากับองคติ้งอู
ตอน 297 กบฏ
หลินซูอินรูดี ตนอาจจบชีวิตลงในไมชา นางยืนอยูบนนี้นานแลว ไมมีใครรู นางคิด
อยูตลอดเวลาวาควรมีทาทีอยางไรดี ในฉากสุดทายที่ตองเผชิญหนากับองคติ้งอู
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังคิดอยู แตในที่สุด ใบหนาสะสวยลมเมืองก็ใชดวงตาอันใส
กระจางมองดูพระบรมวงศทั้งหลายที่อยูกันเต็มหอง แลวคอยๆ ทําใจใหสงบนิ่งลง
จนนาทีสุดทาย นางกลับพบวาตนเองคิดมากไปจริงๆ ในที่นี้ นางเปนเพียงบุตรีโจรถอย
คนในที่แหงนี้ไมมที างอยูรวมโลกกับนางได แลวจะคิดฟุงซานไปทําไม อยางไรก็ตาม
นางยังเปนคนตระกูลหลิน ไมวาคนตระกูลหลินจะทําอยางไรกับนาง นาทีสุดทายนี้ ถา
ใหนางเลือกสลักอักษรบนแผนปายหลุมฝงศพ หนึ่งเดียวที่สลักไดก็มีแตคําวาบุตรีตระกูล
หลินเทานั้น
นอกจากสิ่งเหลานี้ นางยังจะมีอะไรอีกเลา?
นางจึงยืนตัวตรง คิดหันกาย ปรารถนาใหนาทีสุดทายนี้ นางไดทําเพื่อบิดาที่เลี้ยงดู
นางมา แสดงความกตัญูอีกครั้ง นางจะไมยอมกมศีรษะรับความตาย ไมรูวาสุดทาย
แลวบิดาจะมีจุดจบเชนไร แตอยางนอยนาทีนี้ นางควรสนองตอบความทะเยอทะยาน
ของบิดา ใชสถานะองคหญิงของประเทศเขาเผชิญหนา
ทวาขณะที่นางไดตัดสินใจแลวนั้น แขนของนางพลันถูกฮองเฮาดึงเอาไว ทามกลาง
สายตาทุกคู หลินซูอินหันมองฮองเฮา ฮองเฮาสบตากับนางอยางสงบนิ่ง พลางพูดเสียง
เบากวาเมื่อครู
“ไมตองกลัว เมื่อทําผิด ก็ตองยอมรับผิด ไปคุกเขาใหเสด็จพอของเจา!”
ดวงตาที่มืดหมนของหลินซูอนิ พลันนิ่ง ความคิดตอตานตามสัญชาติญาณปะทุขึ้น
นางขยับแขน คิดสลัดใหหลุดจากพันธนาการของฮองเฮา นางไมอยากคุกเขา!
แตฮองเฮาจับแนนมาก และยังจองนางเขม็งอีก ปมในใจหลินซูอินก็แนนเชนกัน ไม
ผิด นางสามารถใชพลังภายในสลัดหลุดจากแขนฮองเฮา แตเหตุการณที่ฮองเฮาปกปอง
นางเมื่อครู นางยังจําไดดี
ทุกคนในหองกําลังมองดูการกระทําของพวกนาง ฮองเฮาเพียงจองมองหลินซูอิน
ไมใหนางทําการตอตาน แตสุดทายหลินซูอินกลับมองลง นางคุกเขาแลว แตมิไดคุกเขา
ใหองคติ้งอู กลับคุกเขาใหฮองเฮา
นางกมศีรษะ แขนยังคงอยูในมือฮองเฮา และเหมือนฮองเฮาไมขยับเขยื้อนแมแต
นอย ยังคงจับนางไว แลววา
“เปนความผิดของขาเองที่ไมไดอบรมเจา ไมจําเปนตองคุกเขาใหขา ควรไปขออภัย
กับเสด็จพอเจา!”
“ฮองเฮา...”
ทามกลางสายตาผูคน หลินซูอินยังไมเงยหนาขึ้น แตกลับสายศีรษะไปมา เคลื่อน
พลังปราณที่แขน คิดสลัดออกจากมือฮองเฮา
แตขณะที่นางเคลื่อนพลังปราณ พลันรูสึกวาแขนของตนแข็งทื่อ ไม ไมเพียงแขน
ตลอดทั้งรางเหมือนถูกฟาดินกดทับไวอยางไรอยางนั้น เหตุใดนางจึงไมสามารถสลัดแขน
ที่ออนแอไรเรี่ยวแรงของฮองเฮาออกไปได
หลินซูอินสะดุง เงยหนาขึ้นตามสามัญสํานึก รูสึกตื่นตกใจ แตแววตาฮองเฮายัง
มั่นคงอยูอยางนั้น
ทุกคนรวมทั้งฮองเฮา ไมมีใครสังเกตเห็นวาปอยผมขางหูหลินซูอนิ คลายถูกแรงลม
สายหนึ่งพัดจนปลิวขึ้น ดวงตาหลินซูอินฉายแววงงงันวูบ เบิกตามองฮองเฮา
สักพัก นางก็รูสึกวาวุนและเจ็บปวด จึงหลับตาแลวลืมตา มองดูฮองเฮาที่อยู
ตรงหนาอีกครั้ง ยังคงรูสึกลังเลใจ แตสุดทาย นางก็พยักหนาใหฮองเฮา
ฮองเฮามองดูนางอยูพักหนึ่ง คอยปลอยมือออก หลินซูอินจึงลุกขึ้น ยกเทาอันหนัก
หนวงกาวไปยืนตรงหนาองคติ้งอู หลุบตาลง หายใจเขาลึกๆ ในที่สุดก็คุกเขาลง
องคติ้งอูคอยๆ ประทับยืน ทรงเห็นความเคลื่อนไหวเมื่อครูของหลินซูอินกับฮองเฮา
อยางชัดเจน หญิงสาวนางนี้แสดงจิตใจขบถใหเห็นอยางเปดเผย
พระองคยังคงมีสายตาเย็นชา หากเมื่อครูหลินซูอินไมปฏิเสธและคุกเขาลงอยางวา
งาย พระองคอาจใจเย็นลง และอาจไดดูหมิ่นโจรถอยหลิน
แตนางกลับแข็งขืน จากทาทางที่แข็งกราวเมื่อครู ทําใหเปลวไฟในใจพระองคลุก
โชนจนสามารถแผดเผาไดทั้งตําหนัก นางโจรกบฏ ถือดีอยางไรถึงไดยอมหักไมยอมงอ?
เจาอาศัยอะไรทําตัวสูงสงตอหนาขาหรือ?
องคติ้งอูมที าทีเหมือนตอนแรกที่เขามา เชิดพระพักตรมองไปยังขุนเขาและสายน้ําที่
หางไกล กอนตรัสอยางยิ่งใหญทีละคํา
“ชายาหมิงอองหลินซูอิน ตั้งแตเสกสมรสเขาเปนหนึ่งในสมาชิกราชวงศ ไมสนใจ
กฎเกณฑ ไมเคารพกฎหมาย...”
เสียงขององคจักรพรรดิสะทอนไปมาในพระตําหนัก ทุกคนตางตื่นเตน ตั้งใจฟงจน
แทบกลั้นลมหายใจ
สีหนาสงบนิ่งเรื่อยมาของฮองเฮาพลันแปรเปลี่ยน นางฟงเพียงไมกี่คํา ก็รูแลววา
องคติ้งอูตองการขับหลินซูอินออกจากสมาชิกเชื้อพระวงศใหเห็นๆ กัน
นางอึ้งไปสักพัก ถลึงตามองและหรี่ตาลง กอนเอยปากขัดจังหวะ
“ฝาบาท!”
“ฮองเฮา!” องคติ้งอูหันมองทันที
พุงสายตาอันคมกริบมาที่ฮองเฮา นาทีนี้ พระองคไมอนุญาตใหคัดคาน ไมวาใคร
หนาไหนทั้งสิ้น!
ฮองเฮาอยากพูด แตหญิงชราที่อยูดานขางกลับเห็นสถานการณไมสูดี จึงรีบจับมือ
ฮองเฮาพลางสงเสียงปรามเบาๆ “ฮองเฮา ฮองเฮา!”
แตองคติ้งอูไมรอใหฮองเฮาพูด หันมองสนมหลันที่คุกเขาอยูกับพื้น พรอมเอ็ดเสียงดัง
“สนมหลัน ยังไมลุกขึ้นอีก!”
สนมหลันกําลังดูฉากอันนาอนาถของหลินซูอินอยางสะใจ พอไดยินเสียงองคติ้งอู
เรียกก็ตกใจ สมองประมวลผลสักพัก คอยรูตัววาองคติ้งอูใหนางลุกขึ้น จึงตัวสั่นเทิ้ม รีบ
ขอบพระทัย คอยๆ ลุกขึ้นยืน ปรากฎรอยยิ้มยินดีเต็มใบหนา รีบกาวเขาหาองคติ้งอู
ขณะกาวผานหลินซูอินที่กําลังคุกเขา ยังชะงักฝเทาครูหนึ่ง เหมือนกําลังประกาศวา
เฮอะ คิดสูกับขารึ...
ขณะกําลังไดใจ ยังคิดสงสายตาเยยหยันฮองเฮา แตอาจเพราะยังตกใจไมหายกับ
เมื่อครูที่ฮองเฮาจัดการกับตน จึงยังไมกลาพอ รีบกาวเขายืนขางกายองคติ้งอู แลวคอย
มองฮองเฮา
นาทีนี้ ทุกคนลวนเขาใจ ฝาบาทกริ้วฉับพลัน จึงใชสนมหลันเตือนสติฮองเฮา
ทวาฮองเฮากลับไมกลัว ไมวาหญิงชราปรามอยางไร นางก็ไมสามารถมองดูหลินซู
อินถูกขับออกจากสมาชิกราชวงศ นางยังไมลืมคํากําชับของลูกชาย ดังนั้นไมวาอยางไร
นางตองปกปองหลินซูอินใหได
แตองคติ้งอูไมใหโอกาสนางอีก ทรงจองมองผูทคี่ ุกเขาอยูกับพื้นและกําลังเงยหนา
ขึ้นจองมองพระองค
สายตาหลินซูอินสงบนิ่งมาก สงบนิ่งจนทําใหยิ่งพิโรธ
ฉากนี้แมหลินซูอินเคยจินตนาการอยูหลายครั้ง แตนาทีนี้ ขางหูนางก็ยังมีเสียงดัง
โหวงๆ และนางยังรูสึกเจ็บปวดอยางที่ไมเคยคิดมากอน
เหตุใดนางจะไมรู สตรีนางหนึ่งเมื่อถูกขับออกจากการเปนเชื้อพระวงศมีสาเหตุ
อะไรบาง นางไมสามารถจินตนาการไดวาความอัปยศอดสูเชนนี้จะนากลัวเพียงไหน
พูดไดวาสําหรับสตรีเพศแลว โทษทัณฑที่นาสมเพชที่สุดในโลกก็มีไมเกินนี้ ขางหู
นางยังมีเสียงดังโหวงๆ ชั่วขณะหนึ่งนางนึกเสียใจ นางไมนาคุกเขา
พอคุกเขา นางก็ไมมีบานใหกลับ ปายหลุมศพของนาง ตอจากนี้ไปก็ไมสามารถระบุ
ใดๆ ไดอีก
ตระกูลหลินไมมีวันยอมรับความอัปยศนี้ เชื้อพระวงศยงิ่ ไมยอมรับ
ทวาก็แคความคิดชั่ววูบ ไมแนวาหลังจากนางตายไป อาจไมมีโอกาสฝงดวยซ้ํา แลว
จะมีปายหลุมศพไปเพื่ออะไร
บอกตามตรง คนเราอาจไมกลัวตาย แตนางในนาทีนี้ กลับเดียวดายจนหาที่เปรียบ
ไมได คนเรามีชีวิตในชาติหนึ่ง เสมือนตนไมมีชีวิตในฤดูหนึ่ง พอตองเผชิญหนากับจุดจบ
จริงๆ จะไมใหหัวใจที่มีเลือดเนื้อ เกิดรูสึกเศราเสียใจไดอยางไร
นางมององคติ้งอูอยางสงบนิ่ง ซึ่งตอมาองคติ้งอูพ ูดอะไรนั้น นางไดยินไมชัด แตกลับ
ลุกขึ้นยืนตามจิตใตสํานึก คอยๆ ยืนตัวตรง รอจุดจบ
นางไมเคยคิดวาสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรไดอกี อันที่จริง นางเดินทางไปหลายที่ ก็
ยังไมพบผูที่สามารถชวยนางไดสักคน แนนอน นางเองก็ไมคิดวาจะไดรับความชวยเหลือ
นางรูสึกวางเปลา จนไมไดสังเกตวา องคติ้งอูมิไดประกาศคําพิพากษาถึงความผิด
ของนางตอ ยิ่งไมไดสังเกตวาในหองมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
จางปงลี่
ทวานางก็ฟงไมชัดอีกวาจางปงลี่พูดอะไรกับองคติ้งอู
พอนางจองมองใหชัดเจนอีกครั้ง สิ่งที่เห็นก็คือ องคติ้งอูถลึงตามองนาง
ทุกอยางเงียบลง หลินซูอินอยูทามกลางความเงียบ ยืนอยูคนเดียวในตําหนัก จอง
มองสายตาขององคติ้งอู คอยๆ ดึงความคิดจิตใจกลับคืน
นางยอมไมรูวาองคติ้งอูเปนอะไร และไมเห็นมีใครมาจับตัวนางไป จึงละสายตา หัน
มองผูที่อยูขางกาย
หางออกไปไมไกล ผูที่กําลังยืนโคงตัวพรอมหนาผากที่เต็มไปดวยเหงื่ออยางจางปงลี่
นางสังเกตเห็นวารางของจางปงลี่กําลังสั่นเทิ้มไมหยุด ขณะเดียวกัน เขาก็หันมอง
นางเชนกัน นางอึ้ง มองออกวาแววตาจางปงลี่มีความเกรงกลัวชนิดอยากปดก็ไมมิด
หลินซูอินเลิกคิ้วขึ้น นางรูสึกวาไมถูกตอง จึงเงยหนามองฮองเฮา กลับเห็นฮองเฮามี
ความปลาบปลื้มอยูเต็มใบหนา หนําซ้ํายังมีน้ําตาสองสายไหลอาบสองแกมขณะสบตา
กับหญิงชราที่กําลังตื้นตันใจเชนกัน
คนอื่นๆ ที่อยูรอบๆ แตละคนมีสีหนาแตกตางกันไป สายตาคนสวนใหญยังมองมาที่
นางเหมือนเมื่อครู แตพอนางมองกลับ สายตาของทุกคนก็พลันสับสน กอนหลบสายตา
นาง โดยเฉพาะเหลาสนมนางในที่ลวนไมยอมสบตานาง เหมือนกําลังหลีกเลี่ยง
หลินซูอินกัดริมฝปากเบาๆ ในที่สุดนางก็รูแลววา ชั่วขณะที่นางอยูในภวังค ตองเกิด
เรื่องอะไรขึ้นแน
นางไมรูวา นางพลาดเหตุการณไปเสี้ยวเวลาหนึ่ง หากนางที่เหมือนวิญญาณ
ลองลอยในเสี้ยวเวลานั้นไดยิน ก็ตองตื่นตระหนกกับขาวสะเทือนขวัญนี้เชนกัน
เปนขาวที่จางปงลี่นํามา
“คืนวันสงทายปเกา หมิงอองแหงราชสํานัก กุมกระบี่เดินทางพันลี้เพียงลําพัง หนึ่ง
กระบี่ หนึ่งคืน หนึ่งพิโรธ ลางบางหนึ่งภูเขา!”
นางไมไดยินขาวนี้ ทวาหลังบรรยากาศนิ่งคางไปพักหนึ่ง ในที่สุดองคติ้งอูก็เอยปาก
ขึ้น ครั้งนี้นางไดยินอยางชัดเจน
“เนื่องจากหมิงอองไดตอสูเพื่อประเทศชาติอยูนอกเมือง มีความดีความชอบ ขา
ใครครวญแลวเห็นวา สมควรใหชายาหมิงอองอยูใ นวังชั่วคราว เพื่อใหฮองเฮาอบรมสั่ง
สอนดวยองคเอง หวังวาจะทบทวนความผิดและสํานึกได...”
ตอน 298 ชนะหรือแพ
งานเลี้ยงวันขึ้นปใหมปดฉากลงดวยการที่องคติ้งอูรีบรอนเสด็จนําจางปงลี่ออกจาก
งานไป
กระทั่งคําพูดตามพิธีการก็ไมทันไดกลาว เพียงฝนกลาวคําตัดสินอยาง
ประนีประนอมใหกับหลินซูอินไปเมื่อครู แลวก็รีบรอนจากไป ทิ้งเหลาพระบรมวงศที่มา
ถวายพระพรวันขึ้นปใหมไว
พอไมเห็นเงารางพระองคแลว หลายตอหลายคนรูสึกเหมือนตื่นจากฝน ยืนนิ่งอยูที่
เดิม หันมาสบตากันอยางงงๆ ไมมีใครรูวาจะเผชิญหนากับขาวนาขนลุกที่ไดยินเมื่อครู
อยางไรดี ยิ่งไมมีใครรูวา ตอนนี้เวลานี้ควรไปหรือควรอยูตอดี
บรรยากาศกดดันในหองจึงคุกรุนขึ้น ทุกคนลวนรูสึกหวาดหวั่น จึงหุบปากเงียบ
หรืออาจเปนเพราะทั้งหองมีหลินซูอินเพียงคนเดียวที่ยังยืนตะลึงงันอยู ดวยไมรู
สถานการณแนชัด ไมเขาใจวาเมื่อครูทั้งๆ ที่องคติ้งอูกริ้วมากขนาดนั้น แตเหตุใดสุดทาย
กลับกลายเปน ‘กักบริเวณชั่วคราวในวัง ใหฮองเฮาอบรมสั่งสอน?’
นี่...
ขณะที่นางกําลังครุนคิดอยูนั้น กลับรูสึกไดวามีคนจองมองมา พอเงยหนาขึ้น ก็สบ
กับดวงตาที่ไมสามารถหาคํามาเปรียบเปรยไดของสนมหลันพอดี
โกรธแคน มืดมน อิจฉา...
สนมหลันไมสามารถขมใจตนเอง นางบาไปแลว กระทั่งอยูทามกลางผูคน ริมฝปาก
ยังสั่นไมหยุด ยากควบคุมรังสีฆาฟนจากความโกรธแคนที่อัดแนนอยูในดวงตาขณะจอง
มองหลินซูอิน
เพราะอะไร?
เปนไปไดอยางไร?
หลายปมานี้ นางมุมานะจัดการเรื่องราวอยางระมัดระวัง ตองแบกรับความไมเปน
ธรรมไปเทาไร อดทนกับความขมขื่นไปเทาไร ทุมเทวางแผนเทาไร จนในที่สุดก็ไดพบ
แสงสวาง...
ขาดอีกเพียงนิดเดียว นิดเดียวเทานั้น เพียงรอนาทีนั้น นาทีที่ฝาบาทจะตัดสินโทษ
ตายใหกับหลินซูอิน ก็จะทําใหบิดาและบุตร ฝาบาทกับหมิงอองขัดแยงกันตอ และ
ฮองเฮาเกลียดชังฝาบาทไปชั่วชีวิต!
ไมมีใคร
ถึงตอนนั้น ยอมไมมีใครสามารถขัดขวางกาวยางในการขึ้นสูตําแหนงมารดาแหง
แผนดินของตนไดอีก และยอมไมมีใครกลาสงสัยสถานะสูงสุดในวังหลังของตนไดอีก!
ถูกตอง ใชเวลาเพียงไมกี่ป ไมกี่ปจริงๆ ที่นางสามารถชวยใหองคชายเกาที่ยัง
เยาววัยขึ้นครองบัลลังกได หลังจากนั้นแผนดินนี้ นาง ก็คือพญาหงสที่จุติลงสูใตหลา!
แตแลว ในนาทีสุดทาย ทุกอยางกลับเปลี่ยนไปหมด เปลี่ยนไปหมด!
หมิงอองที่สมควรตายปรากฏตัวขึ้น ใชหนึ่งกระบี่ตัดหนทางสูความรุงโรจนของนาง
ขาดสะบั้น!
‘เหตุใดมันไมตาย? เหตุใดไมไปตายเสีย?’
สนมหลันเปลงแววตาอาฆาตออกทุกทิศทาง นางกําลังจะบา เกลียดจนคลุมคลั่ง!
นางเกลียด อยากพุงเขาหาหลินซูอิน แลวฉีกนางแพศยาที่กลาดูหมิ่นตนเอง
ออกเปนชิ้นๆ แตทําไมได!
แนนอน ที่นางเกลียดมิไดมีหลินซูอินเพียงคนเดียว แตถึงโกรธแคนอยางไร จิตใต
สํานึกก็ยังคงเตือน ไมใหนางใชสายตาเชนนี้จองมองฮองเฮา
นางไมกลา!
หลินซูอินมองความเกลียดชังในแววตาของสนมหลันออก นางจึงขมวดคิ้วพลางจอง
มองกลับอยางไมสะทกสะทาน
ในวังแหงนี้ ผูที่อยากเห็นนางตกต่ํามีอยูมากตอมาก สนมหลันก็เปนหนึ่งในนั้น
เชนกัน ทวาระหวางที่นางจองตากับสนมหลันนั้น แววตานางแสดงความคมกริบใหเห็น
ชัดเจนวา เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แลว นางรูสึกกับสนมหลันมากเปนพิเศษ ซึ่งอาจ
เปนเพราะนางยังไมรูตัววา ที่นางจองตาสูกับสนมหลันเชนนี้ ความจริงแลวไมใชเพราะ
นางไมพอใจสนมหลัน แตเปนเพราะกอนหนานี้นางเห็นกับตาวาคนผูนี้เปดศึกกับ
ฮองเฮา!
ซึ่งนางยังไมรูตัววา นางมีอารมณความรูสึกที่เอนเอียงมาสนับสนุนผูที่ปกปองนาง
เมื่อครูอยางฮองเฮาแลว
และการที่นางไมรตู ัวก็ดีไปอยาง ถาตอนนี้นางตระหนักจริงๆ วาตนสนิทกับฮองเฮา
ไปอีกขั้นนั้น นางอาจปฏิเสธตามสามัญสํานึก
สวนอีกดาน ฮองเฮาซึ่งกําลังนั่งอยูบนบัลลังกหงส ที่สุดแลวก็ดึงสติกลับคืนจาก
ความตื้นตันใจ นางระบายลมหายใจออกมาเบาๆ คอยๆ ทําใจใหสงบ ยกมือขึ้นปาด
คราบน้ําตา กอนเงยหนาขึ้นสํารวจความเปนไปในหอง
เห็นในหองอบอวลไปดวยบรรยากาศนิ่งคาง มองไปทางไหนก็ไมเห็นมีใครสักคนที่
รูสึกยินดีหรือกระตือรือรนกับปณิธาน บุกเดี่ยวพันลี้ เสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศชาติของ
บุตรชาย
สีหนานางเปลี่ยนไปเล็กนอย คอยๆ เยือกเย็นลง แววตาคลายคืนสูความสงบนิ่ง
ดังเดิม ไมมองดูผูคนอีก เพียงหันมองหลินซูอินที่ยังคงยืนนิ่งไมขยับอยูที่เดิม
พอเห็นหลินซูอินจองตากับสนมหลัน นางจึงใชหางตามองสนมหลัน
คนในหองยอมเคลื่อนไหวตามการเคลื่อนไหวของนาง มองตามนางไปยังคนทั้งสอง
ที่จองตากันอยู
ในหองเงียบกริบอีกครั้ง
หญิงชรายืดตัวตรง แววตาหวาดกลัวเมื่อครูจางหายไป และกําลังใชสายตาที่ไม
ปดบังความเกลียดชังจองมองสนมหลันจนประกายไฟแลบ กอนโนมกายเขาหาฮองเฮา
พลางถาม
“ฮองเฮาเพคะ ตองการใหหมอมฉันจัดการตามพระประสงคหรือไม?”
เสียงของนางดังไมหยอก เพียงพอที่จะไดยินไปทั่วทั้งหอง คิ้วของทุกคนพลันกระตุก
กอนมองไปที่สนมหลัน
คําพูดของหญิงชรา ยอมใชเตือนสติสนมหลัน แตสีหนาสนมหลันกลับเปลี่ยนไปใน
พริบตา ไมสนใจหลินซูอินอีก หันมาจองมองฮองเฮาหนาตาตื่น
แตพอสบกับดวงตาฮองเฮาที่สงบนิ่งกวาเมื่อครู นางก็เหมือนนกเห็นคันธนู ถอยหลัง
ออกสองกาวทันที กอนรองเสียงดัง “เจา...”
“หญิงแพศยาชางกลา!”
หญิงชราพลันยืดตัวตรง ชี้หนาสนมหลันพลางตวาดอยางโกรธแคน
“เจากลาดูหมิ่นขา...”
สนมหลันแมตกใจและสั่นไปทั้งตัว แตเมื่อถูกคนรับใชตวาดตอหนาผูคนมากมาย
ศักดิ์ศรีที่ค้ําคอกลับทําใหนางฮึด ตวาดกลับอยางรอนรนทันที
แลวนางก็รีบกาวฉับๆ ไปทางประตูพรอมสีหนาโกรธขึ้ง พลางวา
“ทาสรับใชจิ๊บจอยกลาสามหาวตอหนาขา คงคิดวาในวังไมมีกฎอยางนั้นสิ ขาจะ
ขอใหฝาบาทตัดสินใหเบญจอาชาแยกรางคนไมเคารพเจานายอยางเจา!”
นางกาวไปยังประตูที่องคติ้งอูเสด็จออก ดูทาทางนางแลว ตองไปฟององคติ้งอูเพื่อ
เรียกรองความเปนธรรมแน
สีหนาหญิงชราไมมคี วามกลัวปรากฏ นางเกลียดสนมหลันมากกวากลัวตายมานานแลว
คนในหองมองตามแผนหลังสนมหลันซึ่งกําลังยกมือขึ้นปดปาก พลางสายหนาในใจ
ใครๆ ก็มองออกวา นางไหนเลยจะรับคําสบประมาทไมไดจนตองรีบไปฟองฝาบาท
แตเปนเพราะนางกลัวตางหาก ไมกลาเผชิญหนากับฮองเฮาจนตองรีบหนีออกไป แตคิด
หรือวาจะหนีพน?
ในหองไมมีใครสงเสียง ทุกคนตางกําลังจองมองสนมหลัน รอดูนาทีตอนาที
โดยเฉพาะเหลาสนมนางใน ที่กําลังยืนเกๆ กังๆ อยูตรงมุมหนึ่งของหอง บางคน
หนังตากระตุกไมหยุด ปฏิเสธไมไดวา ฮองเฮาแมไมไดลงสนามมานานหลายป แตนาง
เปนที่เคารพในวังหลังมากวายี่สิบป ยอมมีฝไมลายมือที่ไมธรรมดา
เห็นไดจากวิธีเบาะๆ ที่นางใชจัดการกับสนมหลันกอนหนานี้ คือพอเห็นสนมหลัน
กระโดดออกมาเลนละคร นางกลับนิ่งเฉย รอจนฝาบาทแสดงอาการ และทุกคนถูกบีบ
จนถึงทางตันแลว นางคอยลงมือจูโจม ทําใหฝาบาทไดแตนิ่งเงียบไมพูดจา มองดูสนมห
ลันคุกเขาอยูตรงหนา
ตอนนี้ฝาบาทเสด็จออกไปแลว แตกลับมิไดพาสนมหลันไปดวย บรรดาองคชายอาจ
เขาใจวาเปนเพราะขาวดวนเมื่อครูทําใหทรงรอนใจ รีบออกไปจัดการงานบานงานเมือง
แตเหลาสนมนางในกลับไมคิดเชนนี้
องคติ้งอูไหนเลยจะไมรูวา เมื่อครูสนมหลันลวงเกินฮองเฮาไปมาก ความไมพอใจ
และความแคนนี้ ฮองเฮาไหนเลยจะปลอยผาน?
หากไมจัดการสนมหลัน ตอไปจะปกครองวังหลังไดอยางไร
แตตอนเสด็จออกแลวมิไดพาสนมหลันออกไปดวยนั้น เหลาสนมนางในไมคิดวาเปน
เพราะทรงรีบรอน แตทรงสงสัญญาณบอกฮองเฮาวา ทรงไปกอน ฮองเฮาจะจัดการ
อะไรจะไดไมลําบากใจ
แนนอนวานี่เปนการใหทางเลือกแกฮองเฮา ทรงเคารพฮองเฮามาก และหวังวา
ฮองเฮาจะไวหนาพระองคบาง ไมจัดการจนเกินเหตุ
พระราชวังที่กวางใหญแหงนี้ เกรงวาคนไมฉลาดพอคงอยูย าก
เมื่อเห็นสนมหลันตื่นตกใจราวกระตายตื่นตูมเชนนี้ เหลาสนมนางในจึงไมสงเสียง
ใดๆ ทุกคนเบิกตามองดวยความระทึกใจ สมองประมวลผลถึงชีวิตในวันขางหนา
ที่ผานมาพวกนางสนิทกับสนมหลัน เพราะอยูในคายทหารของสนมหลัน ยอมหวัง
ใหสนมหลันสามารถกาวผานความยากลําบากไปไดอยางราบรื่น เพราะถาสนมหลันลม
อาจมีผลกระทบมาถึงตน
ดังนั้นที่ผานมาพอถูกสนมหลันขมเหงรังแก ก็ไดแตถลึงตามอง รอใหนางถูกใครคน
หนึ่งจัดการใหสาแกใจ ตอนนี้จึงมีคนโดนใจและสะใจ อยากเห็นฮองเฮาสัง่ ประหาร
สนมหลัน แตถาเปนเชนนี้ ก็เทากับทํารายจิตใจองคจักรพรรดิ
พอเห็นสนมหลันกําลังจะกาวไปถึงประตู และกําลังจะเดินหายไปทามกลางสายตา
มากมายที่จองมองอยูนั้น ฝามือทุกคนก็เริ่มเปยกชื้น และในที่สุด ก็ไดยินเสียงเรียบๆ
ของฮองเฮาดังขึ้น
“คุกเขา!”
เปรี้ยง! เสียงเบาอะไรเชนนี้ แตเกือบจะนาทีเดียวกันกับที่เสียงเปลงออก เสียงทึบ
ตันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงสนมหลันคุกเขาลงตรงหนาประตูนั่นเอง
ไมสิ ลมคะมําลงกับพื้นมากกวา
ดูเหมือนไมระวังแลวหกลมลง แตทุกคนตางรูอยูแกใจวา นางมิไดหกลม นางคุกเขา
ลงไปเอง แตที่ตองทําเปนลมก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีเปนครั้งสุดทาย
สนมหลันกมศีรษะรองหมรองไห นางมิไดลุกขึ้นยืน เปนการแสดงใหเห็นวา นาง
คุกเขาลงเองและไมกลาลุกขึ้น
ในตําหนักนอกจากไดยินเสียงรองไหที่ไมมีใครสนใจของสนมหลันแลว พระญาติที่
ไมสนิทกับฮองเฮา โดยเฉพาะญาติผูหญิงที่มีฐานะต่ําตอย ตางตื่นตกใจจนหนาซีดเปนไก
ตม
พวกนางตางใชมือมวนชายเสื้อขณะมองดูฮองเฮาออกคําสั่งเสียงเบา เทียบกับ
สนมหลันที่มักวางทาทางสูงสงขมพวกนาง จนทําใหพวกนางตองคอยระมัดระวังแมตอน
ประจบสอพลอ ตอนนี้กลับมีสภาพตกต่ําเชนนี้
ทั้งหองเงียบกริบ ไมมีใครกลาสงเสียงคัดคาน
เทานี้ก็เพียงพอแลว ทวาสิ่งที่นากลัวที่สุด กําลังจะเกิดขึ้น
เห็นฮองเฮาซึ่งนั่งอยูบนบัลลังกหงสเชิดหนาขึ้นเล็กนอย แตมิไดมองสนมหลัน กลับ
มองไปยังเหลาสนมนางในที่ยืนอยูอยางไมกลาขยับเขยื้อนแมแตนอย
นาทีนี้ พวกนางเห็นอยางชัดเจนวา สายตาฮองเฮาไปหยุดอยูที่ใครบาง เห็นคนผู
หนึ่งสีหนาซีดขาว ไมคํานึงถึงภาพพจน รีบคุกเขาลงตรงหนาฮองเฮา กมศีรษะ รางสั่น
เทิ้ม
มีทั้งหมดสี่คนดวยกัน ซึ่งผูรับใชของพวกนางที่รออยูหนาประตูก็ตองคุกเขาตามโดย
ไมกลาสงเสียงใดๆ
ยังมีคนที่สนิทสนมกับพวกนางก็ลวนเหงื่อกาฬหลั่งไหลไปตามๆ กัน ตางกมศีรษะไม
กลาเงยหนาขึ้น ยืนอยูที่เดิมไมกลาขยับ
หลินซูอินเห็นเหตุการณเหลานี้เกิดขึ้นตรงหนา จึงหันมองฮองเฮาที่ยังคงมีสีหนา
สงบนิ่ง ไมพูดไมจา ทําใหนางรูสึกสะทกสะทอนใจ
เหตุการณนี้ ราวกับวาสวนลึกของจิตใจในแตละมุมของนางถูกชอนขึ้น ทําใหนาง
หนาซีดเล็กนอย
นางจําไดแลว นี่เปนความรูสึกที่เคยเกิดขึ้นกับนางตอนออกเรือน ที่มาของความ
กลัวในสวนลึกของจิตใจ!
ตอน 299 บารมีหงส
ไมผิด นอกจากบุรุษที่ไมอยากแตงงานดวยแลว ความกลัวในตัวฮองเฮาก็มีสวนทํา
ใหหลินซูอ ินยากสงบใจลง นาทีนี้นับวานางไดเห็นกับตาแลว บานไหนๆ ก็มีกฎเกณฑกัน
ทั้งนั้น แตนางรูสึกไดอยางชัดเจนวา ณ ที่นี้ เวลานี้ ความไมเปนตัวของตัวเองและไมมี
อิสรภาพ หนักหนาและรุนแรงเชนนี้นี่เอง
และไมวากบฏที่ประสบความสําเร็จเพียงครึ่งทางอยางบานนาง หรือคนในวังที่
ปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ ก็มักเกิดเหตุการณที่สะทอนใหเห็นความนากลัวในลักษณะนี้
นางคุนเคยกับเหตุการณเชนนี้ แตอยางไรก็ไมชอบ
นางมองออกทุกอยาง ทวาเมื่อกอนจนถึงตอนนี้นางก็ไมเคยคิดวา ในอนาคคตนเอง
จะตองนัง่ อยูตรงนั้นและมีชีวิตเชนเดียวกับฮองเฮา
ขณะที่จิตใจกําลังปนปวน ฮองเฮาก็บังเอิญเหลือบมาเห็นเขา แตแลวก็ละสายตาไป
มองดูพระบรมวงศรุนหลังที่อยูดานลาง
ยงออง ไทออง ผิงออง พอเห็นฮองเฮามองมา ก็กมศีรษะถวายความเคารพ
ฮองเฮากวาดตามองทั้งสามอยูนาน สุดทายก็หยุดอยูที่องคชายเกา องคชายซึ่งมี
อายุนอยสุด
ไมมีใครเห็นเม็ดเหงื่อบนหนาผากที่ใกลหยดลงเต็มทีขององคชายเกา นอกจากเสด็จ
พี่ทั้งสองที่อยูขางๆ
“ลูกเกา” ฮองเฮาเรียกเสียงเบา
เหงื่อบนหนาผากองคชายเกาหยดลง ทรงเงยหนาประสานมือคารวะ แลวโคงตัวลง
มากกวาเดิม น้ําเสียงแมดูสงบนิ่ง แตยังยับยั้งความตื่นเตนไวไมอยู
“เชิญเสด็จแมรับสั่ง”
ยงอองกับไทอองไดยินน้ําเสียงที่ตื่นเตนของนอง ก็หันมาสบตากันทั้งๆ ที่ยังกม
ศีรษะอยู และตางเห็นดวงตาที่ทอประกายของกันและกัน ซึ่งไมรวู ากําลังดีใจหรือเสียใจ
กับนองกันแน
“วันนี้เปนวันเริ่มตนฤดูใบไมผลิ แตอากาศยังคงหนาวเหน็บ เจายังเยาววัย ความ
แข็งแรงของรางกายสูเสด็จพี่ทั้งหลายของเจาไมได ขืนไมสบายขึ้นมา จะทําใหเสด็จพอ
กับเสด็จแมเปนหวงได”
ฮองเฮาพูดเสียงเบาตอเนื่อง “เจาเขามา”
องคชายเกาคอยๆ ยืดตัวตรงมองดูฮองเฮา ชะงักเล็กนอย คอยประสานมือ “พะยะ
คะ เสด็จแม”
แลวจึงคอยๆ เดินเขาหา กอนหยุดยืนที่ระยะหางราวสองเมตร ทุกคนจองมองอยาง
ระทึกใจ จะไมใหตนื่ เตนไดอยางไร ใครบางจะไมรูวา องคชายเกาผิงออง เปนหลานของ
สนมหลัน มิใชบุตรชายนาง
ครอบครัวสนมหลันโชคดีมาก สองสาวพี่นองไดรับเลือกใหเขาวังพรอมกัน นองสาว
ไดรับความเอ็นดูจากฝาบาทและใหกําเนิดพระโอรส สวนพี่สาวอยางไรก็ไมมบี ุตรธิดาให
ทรงไดชื่นใจ
ตอมาพระมารดาขององคชายเกาลมปวยและสิ้นพระชนมลง ฝาบาทสงสารองคชาย
เกาที่ยังเล็ก จึงสั่งใหสนมหลันอบรมเลี้ยงดู เพราะสนิทกันมากสุด จะไดตั้งใจดูแลอยาง
เต็มที่ และผลก็เปนอยางที่เห็น เพราะโอกาสนี้สนมหลันจึงไดกาวขึ้นมาอยูแถวหนา และ
โดดเดนในเวลาตอมา
องคชายเกามีความเฉลียวฉลาดและเปนที่ชื่นชอบของพระบิดา ทําใหแมทรงพระ
เยาว แตกลับมีอํานาจคะคานกับยงอองและไทออง ซึ่งอยางไรตอนนี้องคติ้งอูก็ยัง
สามารถเปนจักรพรรดิไดอีกนาน เพราะทรงมีพระวรกายแข็งแรง แตถาองคชายเกา
บรรลุนิติภาวะแลว ตําแหนงรัชทายาทจะตกเปนของใครนั้น ตอบไดเพียงวา องคชาย
เกาดูไมออนดอยจริงๆ
องคชายเกาจึงเปนปจจัยหนึ่งที่ทําใหกอนหนานี้สนมหลันมีความกลาและ
ทะเยอทะยานอยากที่จะบินขึ้นฟาอยางรวดเร็ว อีกทั้งนางยังคิดวาฮองเฮาไมมีทาง
กลับมาไดอีก สวนนางเองนอกจากไดรับความเอ็นดูจากฝาบาทแลว ยังมีตระกูลสูงศักดิ์
คอยหนุนหลังดวย เมื่อมีพรอมเชนนี้ จะไมใหคิดใหญทําใหญไดอยางไร?
ดังนั้น ตอนนี้ถาฮองเฮาคิดจัดการสนมหลัน โดยนําองคชายเกาขึ้นเขียงกอน ทุกคน
ก็ไมแปลกใจแตอยางใด และจากขาวดวนเมื่อครู แมหมิงอองมิไดอยูในวัง แตคาดวาใน
ใตหลาไมมีใครกลามองขามสถานะพระองค ซึ่งถาฮองเฮาตองการปดเปาอุปสรรคใหลูก
ชาย ก็เปนเรื่องที่เขาใจกันไดอยู
แมเหตุผลเปนที่รูกันดี แตพอไดเห็นกับตา ทุกคนยังคงอดใจเตนไมได ซึ่งนี่อาจเปน
ฉากโหดรายที่สุดในวังก็เปนได
ทามกลางสายตาผูคน ขณะที่องคชายเกากําลังเครงเครียดอยูนั้น กลับเห็นฮองเฮา
ถอดผานวมอุนมือของพระองคออก แลวมอบใหกับองคชายเกา
“เอาไปใชเถิด!”
เงียบ นิ่งไปสักพัก ในที่สุดองคชายเกาก็ขยับ กาวไปขางหนา โคงตัวรับไว พลางกลาว
“ลูกเกาขอบพระทัยเสด็จแมที่ทรงหวงใย ขอบพระทัยสําหรับของพระราชทาน”
“เจาฉลาดแตเด็ก ขากับเสด็จพอเจาชื่นชอบเจามาก แตรางกายขาไมแข็งแรง จึงไม
คอยไดใสใจเจา วันนี้ไดพบกับเจา ถือเปนโอกาสพิเศษ แตกลับเห็นเจาสวมเสื้อผาเนื้อ
บางทามกลางอากาศหนาวเย็น กลัววาคนในจวนเจาอาจดูแลเจาไดไมครบถวน ขาจึง
เปนหวง ตอไปอยากใหเจามาเดินเที่ยวที่ตําหนักขาบอยๆ ใหขาไดเห็นเจาบาง จะได
วางใจ!”
ฮองเฮาพูดอยางเนิ่บชา ทําเอาลมหายใจของทุกคนแทบหยุดชะงัก สวนสนมหลันที่
คุกเขาอยูก็หยุดรองไหทันที รีบเอี้ยวตัวหันมาจองฮองเฮาเขม็ง นางในตอนนี้สีหนาซีด
ขาว ริมฝปากสั่นพลางรอง
“อยา อยารั...”
“ตบปาก!”
นางยังไมทันพูดจบ ฮองเฮาไมแมแตจะมอง เพียงหลุบตาลง พูดเสียงเบาออกมา
หญิงชราไหนเลยจะเกรงใจ หลังรับคําสั่ง ก็กาวยาวๆ ออกมาสองกาว ถึงขางกาย
สนมหลัน ทามกลางสายตาผูคน ในขณะที่สาวใชขางกายสนมหลันไมทันเขาขวาง หญิง
ชราก็ตบหนักๆ เขาที่ใบหนาสนมหลันจนสนมหลันลมคว่ําไปกับพื้น
สนมหลันถูกตบจนงง แตพอหันมาเห็นหญิงชราเงื้อมือขึ้นอีก ก็รีบยื่นมือขึ้นปอง
พลางรองเสียงดัง
“ฝาบาท ฝาบาท...”
เหลาสาวใชขางกายนางเพิ่งไหวตัวทัน รีบกาวเขามาคุกเขาขวางหนาหญิงชรา
ฮองเฮาเงียบเสียง เหงื่อเม็ดโปงผุดขึ้นเต็มหนาผากองคชายเกา ทรงคุกเขาลงเสียง
ดังกึก ขอรองฮองเฮา
“ขอเสด็จแมประทานอภัย พระมารดาไมมีเจตนาลวงเกินเสด็จแม ขอเสด็จแมยก
โทษใหดวย”
ฮองเฮาไดยินก็โบกมือเบาๆ หญิงชราคอยกลับมายืนขางกาย สวนสนมหลันกลับ
รองไหหนักเขาไปอีก ลุกขึ้นยืนพลางมองฮองเฮาอยางอาฆาตมาดราย คลายจะไปฟอง
ฝาบาทจริงๆ
แตครั้งนี้ไมจําเปนตองใหฮองเฮาลงมืออีก สาวใชขางกายนางที่ตกใจจนหนาซีดขาว
รีบดึงใหนางคุกเขาลง กั้นไมใหนางไป
นางกําลังเลนอะไร ฮองเฮาไมไดบอกใหเจาไป ถาเจาไปจริงก็จะกลายเปนเรื่องใหญ
เจาตายไมตายไมรู แตคนในตําหนักเจาไหนเลยจะยับยั้งอารมณโกรธของฮองเฮาได?
“เอาเถิด เห็นวาเจาเปนบุตรกตัญู พอเทานี้!”
ฮองเฮารับสั่งเสียงเบากับองคชายเกา และไมพูดอะไรอีก เหลือบมองหลินซูอ ิน
“ขาเหนื่อยแลว!”
หลินซูอินไดยินก็กมศีรษะเล็กนอย ลุกขึ้นเดินตามพระองคไป
หลินซูอินกับหญิงชราพยุงฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหลังนอย ทวากอนที่คนในวังจะแบกเกี้ยว
ออกไป ฮองเฮาไดเหลือบมองหญิงสาวสามคนที่ถูกหลินซูอินตบกอนหนา พลางกวักมือ
เรียก
ทั้งสามตื่นตกใจ ไหนเลยยังกลาทําอะไรอีก แคเห็นฮองเฮาเรียก แมคลานก็ยังตอง
คลานเขาไป
ทั้งสามไดแตเดินเขามาอยางกลาๆ กลัวๆ พอมาถึงตรงหนาก็คุกเขาลง
ฮองเฮากมลงมองพวกนาง สุดทายหยุดอยูที่ผาปกในมืออันหัว ยิ้มนอยๆ พลางวา
“เจาคืออันหัวรึ ปที่เห็นเจา เจาเพิ่งหกเจ็ดขวบเอง พริบตาเดียวโตเปนสาวสูงโปรง
แลว ขาเห็นเชนนี้ก็รูสึกดีใจมาก!”
“ขอบ...ขอบพระทัยฮองเฮา...” อันหัวกลัวจนพูดตะกุกตะกัก
“ผาปกเจาดูไปแลวคงจะงดงามยิ่ง ใหขาชื่นชมบางไดหรือไม?” ฮองเฮาพูดพลาง
หัวเราะ
“ไมตองคุกเขากันหรอก พื้นมันเย็น รีบลุกขึ้นมาเร็ว!”
อันหัวตัวสั่นพลางลุกขึ้นยืน มองดูฮองเฮา แลวจึงมอบผาปกใหอยางหวั่นๆ
ฮองเฮารับมาแลวพิจารณาอยางละเอียด กอนแยมยิ้ม
“เปนการปกดวยใจจริงๆ ฝมือดีเยี่ยม ขาชอบมาก”
พูดถึงตรงนี้ ทรงหันมองนิ้วมืออันหัว
“ลําบากเจาจริงๆ กตัญูจนมือนอยๆ ตองมาเจ็บเชนนี้”
“ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงหวงใย บาดแผลเล็กๆ นอยๆ เอง ขอเพียงฝาบาทกับ
ฮองเฮาชอบของขวัญชิ้นนี้ แมอันหัวตองเจ็บกวานี้ ก็ไมหวั่นเพคะ” อันหัวกมศีรษะพูด
ฮองเฮาไดยินก็หัวเราะชอบใจ แลวจึงมองหลินซูอิน “เจามานี่!”
หลินซูอินไมเขาใจ แตก็ยังกาวเขาไปยืนขางกายฮองเฮา ฮองเฮายกมือดึงปนหงสบน
ศีรษะนางออก กอนพูดเสียงเบา
“ซูอิน ปนอันนี้แมดูไมคอยมีคานัก แตก็เปนของขวัญทีฮ่ องเฮาซูเหวินมอบใหแม
และเปนของรักของหวงของแมเรื่อยมา พอเห็นปนนี้ แมยอมไมลืมคุณงามความดีของ
ฮองเฮาซูเหวิน วันนี้ที่แมมอบปนนี้ใหเจา เพราะหวังใหเจาสืบทอดเจตนารมณของ
ฮองเฮาซูเหวิน เปนแบบอยางที่ดีตอไป แตการกระทําของเจาในวันนี้ เปนการทําผิดโดย
ไมไดตั้งใจ แตก็ทําใหนองอันหัวของเจาไมไดรับความเปนธรรม แมเคยไดยินเกี่ยวกับ
นองอันหัวของเจาวา เปนผูมีความรอบรูและมีมารยาท แมอายุไมมาก แตกลับสราง
ชื่อเสียงมากมายใหกับราชวงศเรา แมเองก็ชื่นชอบในตัวนางมาก วันนี้เจาตองถูกลงโทษ
ในสิ่งที่เจาทํา เพื่อเปนการชดเชยใหอันหัว ปนนี้ แมขอเก็บกลับคืน เจายินยอม
หรือไม?”
หลินซูอินมองดูปนหงสในมือฮองเฮา เก็บกลับคืน?
นางไมเขาใจความหมายของฮองเฮา นางไมเคยคิดอยากไดปนนี้ เพียงแตปนนี้มี
ความหมายยิ่งใหญมาก ยิ่งใหญจนนางเองก็อดไมไดที่จะจองมอง แตฮองเฮาบอกวาจะ
เก็บกลับคืน ความหมายที่ลึกซึ้งคือ...
แตสุดทายนางยังไมลืมวาตนเองเปนใคร นางจําได เดิมทีนางไมไดอยากปกปนนี้
ไมไดอยากอยูในสถานะพระชายา
“ซูอินยอมรับโทษ!” หลินซูอินขานรับ
ผูคนเห็นแลวตางก็พากันคาดเดาไปตางๆ นาๆ วา ฮองเฮาทําเชนนี้เพื่ออะไร?
เปนเพราะเพิ่งรูตัววาปนอันนี้ไมควรใหหลินซูอนิ นํามาปกผมในตอนนี้ หลีกเลี่ยง
ปญหาที่จะตามมา
หรือวาไมพอใจในตัวหลินซูอินจริงๆ?
แตกลับไมคาดคิดวา ฮองเฮาจะนําปนอันนี้ยื่นไปตรงหนาอันหัว
ทําเอาอันหัวตะลึงงัน!
อยาวาแตอันหัวเลย ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ลวนแลวแตสมองวางเปลาทันที
เห็นเพียงฮองเฮาตรัสอยางสงบนิ่ง
“อันหัว ขาเปนผูปกครองวังหลัง มีหนาที่จัดการเรื่องของสตรีในใตหลา เรื่องในวันนี้
ขาไมสามารถนิ่งดูดายโดยไมสนใจ การกระทําของชายาหมิงอองไมเหมาะสม ควรถูกทํา
โทษ เจาเปนผูถูกกระทํา ยอมไดรับการชดใช! แตขาก็มีสวนเกี่ยวของดวยที่อบรมสั่งสอน
นางไมดีพอ ปนซึ่งฮองเฮาองคกอนมอบให วันนี้ขาจึงขอมอบใหเจา แทนความละอายใจ
ของขากับซูอิน รับไวเถิด!”
อันหัวไหนเลยจะคิดวาเรื่องมาไกลถึงเพียงนี้ได ปนอันนี้มีความเปนมาที่ยิ่งใหญ
และมีความหมายชัดเจนนางเปนเชื้อพระวงศ มิไดเปนคุณหนูโงงม ไหนเลยจะกลารับไว
จึงรีบคุกเขาโขกศีรษะปฏิเสธ ทวาฮองเฮาก็คอยๆ พูดเสียงเบา
“อันหัวไมจําเปนตองกังวลใจ ขาแมอยูแตในวังหลัง แตก็เคยไดยินกิตติศัพทของเจา
รูดีวาเจาอายุยังนอย แตมีความกตัญูสูง เหลาพระบรมวงศก็ยังชมเชยเจาหลายตอ
หลายครั้ง ซึ่งฮองเฮาองคกอนมอบปนนี้ใหขาดวยความจริงใจ วันนี้ที่ขามอบใหเจา
นอกจากเปนการชดเชยแลว ยังปรารถนาใหเจาทําคุณความดีเรื่อยไป เพื่อเปน
แบบอยางที่ดีใหกับราชวงศเรา!”
ตอน 300 นีม่ นั เรือ่ งอะไรกันแน
“ฮองเฮา อันหัว อันหัวละอายใจ ไมกลารับคําชมจากพระองค ขอทรงเก็บปนนี้ไวเถิด!”
อันหัวยังไมกลารับไว
“เจานี่นะ!” ฮองเฮาหัวเราะ มอบปนใหหญิงชรา ใหนางมอบใหอนั หัว แลวจึงวา
“ไปเถอะ”
ฮองเฮารับสั่งแลว อันหัวไมรบั ก็ตองรับ หญิงชรายื่นปนให อันหัวยกมือทั้งสอง
ขางขึ้นรับ อยากรองไหแตไมมีน้ําตา ศีรษะมึนไปหมด
จากนั้นพลันไดยินเสียงฮองเฮาดังออกมาจากเกี้ยวที่ถูกแบกขึ้นบาเตรียมเดินจาก
“ผาปกของเจาขาชอบมากจริงๆ แตเจาตั้งใจมอบใหฝาบาท ขาก็ไมกลาขอแลว ไมรู
วารอจนนิ้วมือเจาหายเจ็บ จะมาหาขาที่ตําหนักไดหรือไม ปกใหขาสักผืน ขาอยากเห็น
ชาววังที่ทั้งสวยและเกงแสดงฝมือใหเห็นเปนบุญตาสักครั้ง...”
ราวสายฟาฟาดใสขางหูอันหัว นางขนลุกซูไปทั้งรางดวยความตกใจอยางไมคาดคิด
มากอน เบิกตามองขบวนเกี้ยวของฮองเฮาจากไป แลวจึงเหลือกตา เปนลมลมพับลง
“เรื่องจริงรึ? เจาแนใจหรือวาสํานักใบไผถูกลางบางแลวจริงๆ?”
องคติ้งอูท ี่รีบรอนกลับหองทรงพระอักษร ตอนนี้ไมมีกะใจจัดการเรื่องในวังหลังพวก
นั้นแลว พอเขาประตูหองมา ไมรอใหมหาดเล็กยกน้ําชา ไมรอใหเสนาบดีนั่งลง ทรงมอง
ตรงไปยังจางปงลี่ และเอยปากถามตรงๆ อยางรอนใจ
จางปงลี่ไฉนไมรูวาเรื่องนี้ทําใหฝาบาทตกพระทัยมาก เขาจึงไมใสใจมารยาทตางๆ
อีก พยักหนาใหองคติ้งอู แลววา
“แนใจพะยะคะ ไมผิดพลาดแนนอน เรื่องเกิดขึ้นกอนรุงสาง เราไดรับขาวสดๆ
รอนๆ หลังฟาสาง อีกทั้งคนจากจวนหมิงอองก็ขึ้นเขาเพื่อรับชวงตอบูรณาการสํานักใบ
ไผแลว”
“จวนหมิงอองรับชวงตอบูรณาการ...แลวฉางคุนละ? ปรมาจารยผูอาวุโสเหลานั้น
อีก? สถานการณภายในสํานักใบไผตอนนี้เปนอยางไร?”
องคติ้งอูยา้ํ คําของจางปงลี่อีกครั้ง เพื่อใหแนใจในความหมาย แตพลันชะงักนิดหนึ่ง
รีบถามจางปงลี่กอน
พอถามถึงฉางคุน จางปงลี่ก็สูดลมหายใจเขาลึกๆ แววตาตื่นตระหนกอยางยับยั้งไว
ไมอยู ถึงตอนนี้จิตใจเขาก็ยังไมสงบ
“ฉางคุนยอมรับโทษจากกระบี่ของหมิงออง!”
สิ้นเสียงนี้ จางปงลี่รูสึกไดอยางชัดเจนวาองคติ้งอูกําลังจองลึกเขาไปในดวงตาของ
เขา ดวงตาที่สวางไสวในพริบตา ดุจดวงดาวยามรุงอรุณ ทรงยังจองอยูอยางนั้นไม
วางตา!
จางปงลี่สูดลมหายใจเขาลึกๆ อีกครั้ง
“แนใจไดวาเขาตายแลว และไมเพียงแตฉางคุนเจาสํานัก ยังมีสามผูสูงสง หูเทียน
หลุนกับสองปรมาจารยผูอาวุโสก็เสียชีวิตดวยน้ํามือหมิงอองเมื่อคืน สวนปรมาจารยอีก
สิบกวาทานที่เหลือถูกหมิงอองทํารายบาดเจ็บ!”
พูดถึงตรงนี้ องคติ้งอูก็กําหมัดแนน ควบคุมอารมณสะใจไวไมอยู ทุบลงไปบนโตะ
อยางแรง แววตาเย็นชายิ่ง
“พวกโจรกอความวุนวาย ขาใหโอกาสพวกเจาหลายครั้ง แตพวกเจากลับไมทะนุ
ถนอม คิดวางแผนทําการกบฏอยูเรื่อย จุดจบที่ตกต่ําในวันนี้ เปนเพราะพวกเจาริอาจ
เปนปรปกษกับขาเอง!”
เมื่อเห็นความกดดันที่องคติ้งอูเก็บไวมานานไดระบายออกจริงๆ จังๆ เสียที จาง
ปงบี่ก็ดีใจแทนพระองคดวย หลายปที่ผานมา ฉางคุนเจาสํานักใบไผทําตัวหนาไหวหลัง
หลอก ชวงเกิดสงครามภายในพวกเขารวมกับเขาซางชิงแอบชวยเหลือตระกูลหลิน
ตอตานกองทัพ เรื่องนี้ทรงรูม านานแลว หลายครั้งทรงวางแผนจัดงานเลี้ยง เชิญฉางคุน
เขาวังเพื่อทําการจับกุม แตฉางคุนก็ปวยการเมืองอยูเรือ่ ย
ฝาบาทรูสึกเอือมระอากับคนผูนี้มานาน แตไมอยากจัดการอยางเปดเผย เพราะอาจ
เกิดผลกระทบในวงกวาง จึงคิดจัดการในทางลับ แตก็เศราใจที่ประเทศเกิดวิกฤต แต
สํานักเตาตางๆ กลับไมเกรงกลัวราชสํานัก การสงคนแทรกซึมเขาไปในสํานักใบไผจึง
เปนเรื่องคอนขางยาก ทรงไดแตอดทนแลวอดทนเลา รอคอยโอกาส
ตอนนี้ พอฉางคุนตายไป จึงถือวาฝาบาททรงโลงใจไปอีกหนึ่งเปราะ
ฉางคุนตาย ผูอาวุโสรับโทษ แสดงวาขาวจวนหมิงอองเขาควบคุมสํานักใบไผเปน
ความจริง ฝาบาทจึงใจชื้นขึ้น ทําใจใหสงบได กอนคอยๆ นั่งลง ถามถึงรายละเอียดตอ
“รายละเอียดเปนมาอยางไร ลูกหกมิไดอยูที่หมิงจูหรอกรึ? เหตุใดถึงเดินทางพันลี้
เขาจูโจมสํานักใบไผในคืนเดียวได ลูกหกนําคนไปดวยกี่คน เปนใครมาจากไหน
ปรมาจารยสํานักใบไผมีเปนสิบ ลูกศิษยมีเปนรอยเปนพัน หนําซ้ําฉางคุนยังเปนยอด
ฝมือระดับสูงอีก ลูกหกทําไดอยางไรฮึ?”
ถามถึงตรงนี้ องคติ้งอูกลับขมวดคิ้ว จองจางปงลี่เขม็งดวยทรงไมพอพระทัย
เล็กนอย
“เรื่องใหญขนาดนี้ ในเมื่อเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน แตเจากลับมารายงานขาเอาปานนี้
จางปงลี่ ลาสุดเจากําลังทําอะไรของเจาอยู? ตองรอใหศัตรูเขามาสังหารขาในหองนอน
แลวคอยสงขาวบอกเจาใหมาชวยอยางนั้นรึ?”
จางปงลี่คุกเขาลงทันที เหงื่อบนหนาผากหยดแหมะ
แมน้ําเสียงขององคติ้งอูไมดุดัน แตการตําหนิเชนนี้ไมใชเรือ่ งที่จางปงลี่สามารถรับได
ทวาครั้งนี้จางปงลี่กลับตองยอมรับจากใจจริง จะโทษองคติ้งอูไมเชื่อใจเขาก็ไมได
เพราะลาสุด ประสิทธิภาพการทํางานของเขาต่ําลงจริงๆ ทุกครั้งหลังเกิดเรื่อง เขาก็ยัง
ไมไดขาว ถือเปนการบกพรองตอหนาที่จริงๆ
เมื่อเห็นเสนาบดีคนสนิทเปนเชนนี้ องคติ้งอูก็ไดแตโบกมือใหลุกขึ้น
เห็นจะเปนดังคําพูดที่วา ไมควรใหความสนิทสนมกับผูใดและไมควรใจกวางกับญาติ
มากเกินไป แมนับเปนขอดีที่ทรงมีลูกนองซึ่งยอมพลีชีพเพื่อพระองค แตในขณะเดียวกัน
ขอเสียก็คือ ถาจางปงลี่ทํางานต่ํากวามาตรฐานหลายครั้งเขา ทรงทําไดแคเพียงตําหนิ
สองสามคําแลวก็แลวกันไป
แตองคติ้งอูยังคงทําเชนนี้ ยังคงเงื้อไมขึ้นสูง แลวคอยๆ วางลง เพราะทรงเชื่อใจจาง
ปงลี่ จึงไมไตรตรองวาเขาไรความสามารถ และควรเปลี่ยนคนหรือไม
ในใจพระองค มีคําอธิบายใหจางปงลีเสร็จสรรพ นั่นคือ จางปงลี่ไดตั้งใจแลว
พยายามอยางสุดความสามารถแลว แมทํางานไมไดประสิทธิผลสูงสุด แตอยางนอยก็
ไมไดผิดพลาดมากมายอะไร ทรงสบายใจที่ใชเขาทํางาน
เมื่อจางปงลี่เห็นวาองคติ้งอูมไิ ดสืบสาวราวเรื่องตอ จึงคอยๆ ลุกขึ้นยืน เริ่มเลา
เหตุการณที่เกิดขึ้นใหฟง ซึง่ ตั้งแตประโยคแรกก็ทําใหองคติ้งอูลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ฝาบาท ทานอองมิไดพาใครขึ้นเขาไปดวย ทรงบุกเดี่ยวเขาลางบางสํานักใบไผ
โดยตรง”
“อะไรนะ บุกเดี่ยว?”
องคติ้งอูตกใจแลวจริงๆ โดยกอนหนานี้ที่จางปงลี่รายงานวาหมิงอองหนึ่งคนหนึ่ง
กระบี่โคนสํานักใบไผ ทรงนึกตามหลักเหตุผลวา หนึ่งคนก็คือมิไดพึ่งพากองทหารของ
ราชสํานัก เปนกลุมคนจากจวนหมิงอองเอง
ขนาดกลุมคนก็ทําใหตกใจมากพอแลว คิดไมถึงวากองกําลังที่ลูกหกมีในมือจะ
เทียบเทากับหนึ่งในสิบสํานักเตาชั้นนํา บอกตามตรง วินาทีแรกที่รูขาว สัญชาติญาณ
ของเขาก็ประมวลผลทันที วาตองตรวจสอบที่มาของกองกําลังในมือลูกชายใหชัดเจน ซึ่ง
อาจใชทํางานเพื่อชาติได มีกองกําลังเชนนี้ยอมเปนผลดีไมนอย
ซึ่งตาเซี่ยก็มีหนวยงานที่ประกอบไปดวยผูเยี่ยมยุทธคอยทําหนาที่ปองกันประเทศ
อยูเชนกัน การลางบางสํานักใบไผยอมไมใชปญหา ปญหาคือประเทศใหญเกินไป
แตผูเยี่ยมยุทธที่สังกัดราชสํานักกลับมีอยูไมมาก ไมพอใช มิฉะนั้นคงไมจําเปนตอง
แกลงทําดีกับสํานักเตามานานหลายปหรอก
“พอกระหมอมไดขาว ก็ไมอยากจะเชื่อเชนกัน คิดวาเปนเรื่องไรสาระ กลัววาการ
ขาวอาจผิดพลาด จึงตรวจสอบซ้ําแลวซ้ําเลาใหแนใจ ทําใหเสียเวลาไปพอควรพะยะคะ”
จางปงลี่ถือโอกาสแกตัวเรื่องที่ตนเองคาบขาวมาบอกลาชา
แตตอนนี้องคติ้งอูไหนเลยยังมีกะใจฟงเรื่องพวกนี้ แตก็ทรงจําคําแกตัวของจางปงลี่
ไวในใจ ทรงโบกมือปราม แลววา
“ขอเนื้อๆ”
พอรอดพนแลว จางปงลี่ก็เริ่มเลาเหตุการณในตอนนั้น
“จากขาวที่ไดรับลาสุด สาเหตุที่หมิงอองตองเดินทางไกลพันลี้เพียงลําพังและโกรธ
จนตองโคนสํานักเตานั้น เกี่ยวของกับเหตุการณหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไมกี่วัน
มานี้”
“หือ?” องคติ้งอูขมวดคิ้ว ในเมืองหลวงเกิดเหตุการณอะไรรึ?
จางปงลี่รีดน้ําออก ตรงเขาเรื่อง
“ฝาบาทยังทรงจําเรื่องที่ตูเจวียน ศิษยทรยศสํานักหวงถูกจูโจมเมื่อไมกี่วันกอนได
หรือไม”
ไรสาระ เพิ่งผานมากี่วันเอง ทําไมจะทรงจําไมได พอไดยินเรื่องนี้ ทรงตระหนักได
ในทันที จึงพึมพําขึ้นโดยไมรูตัว
“เจาคงไมไดกําลังจะบอกวา ลูกหกไปลางบางสํานักใบไผเพราะเรื่องนี้หรอกนะ?”
จางปงลี่ยกมุมปากขึ้น บอกตามตรง เขาก็ไมอยากจะเชื่อ นี่เปนการกระทําของคน
บาชัดๆ เพราะเรื่องนี้แหละ หมิงอองถึงไดทําเรื่องยุงยากที่สะเทือนขวัญผูคนเชนนี้ แตก็
จําตองพูดความจริงออกไป
“เพราะเรื่องนี้พะยะคะ ตามขาวที่สงมา พอหมิงอองไปถึงสํานักใบไผ ไมมีการ
เจรจาตอรองใดๆ ใชกระบี่ฟาดฟนปายสํานักใบไผอยางแข็งกราว แลวลงมือตัดศีรษะหู
เทียนหลุน พอศิษยสํานักใบไผรีบออกมาก็เผชิญหนากัน คําแรก ทานอองถามฉางคุน
เกี่ยวกับสํานักเตา พูดถึงกลุมคนที่ทําตัวเหมือนหนอนแมลงสูบเลือดสูบเนื้อ อาศัย
ความสามารถอันนอยนิด กลาตอแยทานออง ลงมือกับผูที่ทานอองตองการปกปอง เกรง
วาคงเบื่อโลกเต็มที...”
พูดถึงตรงนี้ จางปงลี่สังเกตเห็นองคติ้งอูหนาดําคร่ําเครียด จึงรูในทันทีวาคําพูด
เหลานี้ทรงไมชอบฟง ก็ถูก สําหรับองคติ้งอูแลว ศักดิ์ศรีของฉางคุนและผูอาวุโสสามารถ
ย่ํายีได แตเด็กนอยหมิงอองอยางเจาพูดเชนนี้ คิดตบหนาผูอาวุโสเหลานั้นหรือไร หรือผู
อาวุโสตองเปนเหมือนเจา?
พอเห็นสีหนาองคติ้งอูไมถูกตอง จางปงลี่จึงรีบวา
“จากคําพูดของทานออง ใชวาเพราะตูเจวียนเสียทั้งหมด ทานอองบอกวา เมื่อ
สํานักใบไผไดรับพระกรุณาธิคุณจากราชสํานัก ไดรับแรงศรัทธาจากประชาชน แตกลับ
ไมคิดตอบแทนประเทศชาติ ใชสัญชาติญาณสุนัขปา สรางความวุนวายทําตัวเหนือ
กฎหมาย ทานอองเกลียดชังที่พวกเขาไมรักชาติ ไมเคารพฝาบาทมานานแลว แตเพราะ
เปนหวงชาวหมิงจูที่กําลังเผชิญความทุกขยาก จึงไมสามารถปลีกตัวมาจัดการ ไดแต
อดทนไว คิดวาในที่สุดสํานักเตาตองกลับมาปกปองตาเซี่ยรากเหงาของตน การบําเพ็ญ
เพียรไมงา ย หากหลงทางแลวหาทางกลับถูก แกไขเสียแตเนิ่นๆ ก็สามารถจงรักภักดีตอ
ชาติ ตอฝาบาทไดดวยการทํางานชดใชความผิด สวรรคยังเมตตา รับคนจากสํานักเตา
เขาคายทหาร ทานอองยอมขมความเกลียดชัง สนับสนุนพวกเขาในหมิงจู เหลือทางเดิน
ใหพวกเขามีโอกาสเดินออกจากความมืดเขาสูทางสวาง แตผิดคาด พวกเขากลับไมยอม
จํานน ไมสํานึกที่ทรงเมตตา คิดแตจะแกแคน มองความใจกวางของราชสํานักเปนความ
ออนแอ เห็นชัดวาทานอองทรงทนแลวทนเลา จนในที่สุดก็โกรธจนชักกระบี่ มุงมั่นทํา
การเพื่อชาติ ลางบางกบฏที่มีความผิดมากมายจนบรรยายไมหมด!”
ตองพูดวา ขุนนางมีสองปาก มอไปพูดเชนนี้จริง แตความหมายคลายไมเหมือนกับที่
จางปงลี่พูดเสียทีเดียว แนนอน ถาจะบอกวาจางปงลี่รายงานเท็จ ก็ยอมไมได สรุปแลว
พออธิบายดวยคําพูดเชนนี้ จิตใจองคติ้งอูก็ดีขึ้นมาก ลูกชายคนนี้ยังรูจักเห็นแกภาพรวม
ที่สําคัญคือยังเคารพพระองคอยู ดูๆ ไปแลวคําพูดที่ลูกหกพูดก็เปนเรื่องจริง องคติ้งอูคิด
เชนนั้นจริง จึงไมแตะตองพวกเขา มิใชใจกวางหรอกรึ? มิใชใหโอกาสพวกเขาหรอกรึ?
ตอน 301 เดาใจองคจักรพรรดิไมถูก
“เฮอะ ลูกหกเพิ่งจะอายุเทาไหรเอง ก็มองเหตุผลเหลานี้ออกแลว พวกฉางคุน
บําเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต กลับเลอะเลือนขนาดนี้ ขาเมตตาและชวยเหลือพวกเขาจนถึง
ที่สุดแลว วันนี้ที่ตกต่ําไดถึงเพียงนี้เปนเพราะพวกเขารนหาที่ตายเอง ยากเยียวยา!”
องคติ้งอูลุกขึ้นยืน มือไพลหลัง แหงนหนามองฟา
บอกตามตรง จางปงลี่ไมไดคิดพูดเผื่อหมิงออง ความสัมพันธของเขากับหมิงอองนัน้
เฉยๆ ตอนนี้พอมองดูแผนหลังของฝาบาท ความคิดจริงๆ ในใจคือ คําพูดที่ตนพูดเพื่อ
ราชสํานักเมื่อครู แทจริงแลวเปนเหตุผลรองในใจหมิงออง ซึ่งเหตุผลหลักที่ทําใหโกรธจน
ตองชักกระบี่ ที่สุดแลวยังคงเปนเพราะตูเจวียน
ตั้งแตรูเรื่องนี้ ในหัวสมองของเขาก็วนเวียนอยูแตใบหนาลูสวินอี้
เขายังจําคําพูดที่ลูสวินอี้พูดตอนถูกกักบริเวณไดอยางชัดเจนวา
‘อยาวาแตสํานักใบไผเลย แมแตเขาซางชิงเอง ถากลาทําใหทานอองโกรธ กระบี่
เดียวก็ราบเปนหนากลอง!’
ตอนนั้นเขาไมไดคิดจริงจัง แตตอนนี้ รูสึกหนาวเขากระดูกแลว เพราะลูสวินอี้ยัง
บอกอีกวา
‘ถาตูเจวียนตาย ทานอองตองกลับเมืองหลวง ระเบิดพายุโลหิตหาใหญแน และเขา
จางปงลี่ตองเปนคนแรกที่เซนสังเวย!’
คําพูดนี้อาจฟงดูโมไปหนอย ถาเปลี่ยนเปนผูอื่นพูด เขาตองโมโหไปนานแลว แตนี่
เปนหมิงอองพูด เขาจึงไดแตอดทน ไมมีทางเลือก ถาทานนั้นไมยอมใหควบคุม เขาก็
ตองทํา!
แตก็ไมสามารถบอกใหองคจกั รพรรดิประหารโอรสไดเชนกัน ดังนั้นเขาจึงตองทน
ฟงคําพูดบาบอไปอยางนั้น อีกอยางหมิงอองก็เปนคนทําอะไรบุมบามอยูแลว
ทวาตอนนี้ ประกายโลหิตที่ยังสองแสงวิบวับเปนความจริงที่ทําใหเขาไมกลาคิดวา
คําพูดนั้นบาบออีก เขาชัดเจนดี ชีวิตตัวเองแมมคี า แตเมื่อเทียบกับศิษยสํานักใบไผทั้ง
สํานักแลว เขาไมนับเปนตัวอะไรเลย!
ตั้งแตหมิงอองมาถึง ฟนปายสํานักใบไผ ตัดศีรษะผูคุมกฎอาวุโสหูเทียนหลุนใน
พริบตา ตอมาใชกระบวนทาเดียวรับมือศัตรูเปนกลุมไดอยางนาสะพรึง นอกจากสังหาร
คนไปหนึ่งคนแลว ยังทําฉางคุนบาดเจ็บอีก...
เขาบรรยายละเอียดยิบ สวนองคติ้งอูก็ถามเปนระยะ นายบาวทั้งสองเสมือนอยูใน
เหตุการณดวย ซึ่งพวกเขายอมรูสึกลึกๆ วาองคชายหกที่ไมไดพบเจอกันมานานหลายป
มีลักษณะนิสัยหยิ่งทะนงมากเพียงใด มีจิตวิญญาณที่แข็งแกรงมากเพียงใด
ชื่อเสียงแตละชื่อลมลงกับพื้น ภาพความรุนแรง เพียงสะบัดกระบี่ ฝนโลหิตสาด
กระจาย องคติ้งอูเองก็นั่งเกร็งไปหลายรอบโดยไมรูสึกตัว ทรงดูออนเยาวขึ้นหลายป
และปรากฏความภาคภูมิใจใหเห็น
แมพูดดวยน้ําเสียงเสียใจเปนระยะ วิจารณวาหมิงอองกระทําการบุมบามแบบวัยรุน
แตแลวก็ยอมรับโดยรวมวา ลูกชายมีจิตวิญญาณคลายพระองคในวัยหนุมสมัยออกรบ
สรุปสุดทาย นับวาไมทําใหพระองคเสียหนา
ทวาทั้งสองคงอยูในตําแหนงใหญโตยาวนานเกิน แมทึ่งความสามารถในการบําเพ็ญ
เพียรของหมิงออง
เชนเดียวกัน แตนี่กลับมิใชจุดสําคัญที่ทั้งสองสนใจที่สุดมาแตไหนแตไร จุดที่ทั้งสอง
สนใจอยูตรงจุดประสงคของหมิงอองในการถลมสํานักใบไผ การดําเนินการอยางรัดกุม
และปญหาคือสํานักใบไผยอมจํานนจริงหรือ?
แมในสายตาพวกเขา การเปลี่ยนแปลงเปนเรื่องธรรมชาติ วรยุทธของแตละคน ไม
จําเปนตองสนใจจริงจัง ซึ่งหลายครั้งที่พวกเขาไมใสใจดวยซ้ํา
แมพวกเขาไมไดใสใจเปนพิเศษ แตเวลาสนทนาจนเขาดายเขาเข็ม กลับไมรูตัววา มี
ผูเฒาผูหนึ่งปรากฎตัวขึ้นอยางฉับพลันและกําลังฟงพวกเขาพูดถึงหมิงอองวา ใช
พละกําลังตอสูกับปรมาจารยนับสิบในหนึ่งกระบวนทา แมผูเฒามิไดขยับ แตดวงตาที่ลึก
ล้ําดั่งมหาสมุทรกลับวูบไหวไมหยุด เห็นชัดวาสติอารมณที่ไมถูกรบกวนมานาน กําลังผัน
ผวนอยางแรง
“ฉางคุนฆาตัวตายใตคมกระบี่ทานออง ปรมาจารยที่เหลือไมตายก็บาดเจ็บ บางคน
บาดเจ็บสาหัส สวนผูที่ฉวยโอกาสหลบหนีผูหนึ่ง ถูกทานอองสังหารในพริบตา ผานการ
ตอสูในครั้งนี้ ศิษยสํานักใบไผที่เหลือรอดนับวาโชคดีมาก พวกเขาตางเกรงกลัวบารมี
ทานอองและตื่นตระหนก ไมมีใครกลาขัดขืนอีก ทั้งหมดกมศีรษะลง ทานอองยืนอยูห นา
ประตูสํานัก พูดอยางเจ็บปวดและจริงจัง เมื่อเห็นวาฉางคุนใชชีวิตตนเองขอรอง ที่สุด
แลวจึงไวชีวิตคนที่เหลือชั่วคราว พอคนจากจวนหมิงอองซึ่งสวมชุดดําในมือกุมดาบยาว
รุดมาถึง ก็เขาควบคุมสํานักใบไผ ดูแล เปลี่ยนแปลง และฝกฝนคนในสํานัก ใหเตรียม
ความพรอมในการเขารวมรบที่หมิงจู ทํางานชดใชความผิด!”
จางปงลี่พูดปดทาย
“หมิงจู?” องคติ้งอูขมวดคิ้ว รีบถามตอ “ปรมาจารยสิบกวาทานนั้นยังอยูในสํานัก
ใบไผร?ึ ”
จางปงลี่เห็นทาทางของพระองคแลว ก็ยิ้มขมขื่น กอนวา
“เหลือเพียงสามทานคอยดูแลสํานัก สวนที่เหลือไปกับทานออง”
ปง! องคติ้งอูตบโตะ สีหนาเครงเครียด พูดเสียงดังดวยความโกรธ
“ไรสาระ คนพวกนี้ไหนเลยจะยอมจํานนงายๆ ที่ไมกลาตอตานเพราะบาดเจ็บอยู
หรอก รอใหหายจากการบาดเจ็บ ตองกลายเปนภัยคุกคามแน!”
จางปงลี่ก็คิดเชนเดียวกัน จึงพยักหนา
“ฝาบาทตรัสถูกตอง กระหมอมก็เปนหวงเชนกันวา ในบรรดาปรมาจารยเหลานี้
อาจมีบางคนสังกัดกองกําลังอื่นๆ ซึ่งจะเปนอุปสรรคและไมเปนผลดีกับทานออง แม
ตอนนี้พวกเขาไมมีกําลังตอตาน ก็ตองหาโอกาส กระทั่งแฝงตัวซุมโจมตีฐานที่มั่นของ
ทานออง จนถึงขั้นเอาชีวิตทานออง!”
“โงจริงๆ!” องคติ้งอูกนดาหนาดําคร่ําเครียด
“ยังไมเปนผูใหญพอ ถึงไดจัดการเรื่องไดชะลาใจเชนนี้ มักใชแตความกลาบาบิ่น ไม
ใชสมอง นี่เปนเรื่องระดับชาติ หาใชหนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ก็ขึ้นสูจุดสูงสุดได จัดการเรื่อง
เชนนี้ แลวจะรับผิดชอบเรื่องใหญไดอยางไร?”
คําพูดนี้จางปงลี่ก็ไมกลารับแลว ขณะเดียวกันก็ใจเตนตูมตาม ดวยนี่เปนครั้งแรกที่
ไดยินฝาบาทแสดงความคิดออกมาตรงๆ
ความหมายในคําพูดเผยใหเห็นอยางชัดเจนวา องคติ้งอูไมเคยละทิ้งความคิดที่จะ
อบรมบมนิสัยหมิงออง ยิ่งพอผานเหตุการณนี้ไป ก็ทรงมีผูที่เลือกแลวอยูในใจ
เดิมทีจางปงลี่มีขอเสนอแนะเพิ่มเติม แตตอนนี้กลับไมกลาเอยปาก
ทวาไมตองรอใหเขาเอยปาก องคติ้งอูพลันเยือกเย็นลง แววตาทอประกาย คอยๆ
หันหลังใหแลวตรัสวา
“ไดสงคนไปสืบเบาะแสองคชายวาไปไหนตอหรือไม?”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหนาผากจางปงลี่ แตก็รีบตอบวา
“เกาะติดเลยพะยะคะ แตเบาะแสของกลุมทานออง คนธรรมดายากแกะรอย พวก
เขาขึ้นเขาลงหวย ไปไหนมาไหนไดตามใจ รวดเร็วสุดจะเปรียบ อีกทั้งแมเราสืบรู
รองรอยแลว ก็ไมกลานํากองทหารเขาลอมตรวจ เกรงวา...”
องคติ้งอูซงึ่ ยืนหันหลังให พลางถามเสียงเบา “สามารถสืบรูรองรอยจริงรึ?”
“สามารถพะยะคะ ในสํานักใบไผเดิมทีมีคนของเราอยู ครั้งนี้ก็ไปกับทานอองดวย
เพียงแตตองรอเวลาสักพัก จึงจะพบรองรอย!” จางปงลี่พยักหนารับรอง
องคติ้งอูคลายใจเย็นลง เดินไปเดินมาครูหนึ่ง คอยถามเสียงเบาอีกครั้ง
“ถาหาเจอ เจามีทางพาตัวเขากลับมาหรือ?”
จางปงลี่อึ้ง แววตาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสวาง ดวยไมคอยเขาใจความหมายของฝาบาท จึง
ลองถามออกไป
“ถาทานอองไมขัดขืน...”
“ตามลักษณะนิสัยที่ผานมาของลูกหก จะยอมเชื่อฟงรึ?” องคติ้งอูเหลตามองจางปงลี่
“เออ...” จางปงลี่พูดไมออก
เขาชัดเจนดีวา แมเขาไปดวยตนเอง เกรงวาไมเพียงพากลับมาไมได ยังอาจถูก
สังหารกอนเพื่อน
องคติ้งอูคลายกลุมพระทัยยิง่ สายศีรษะไปมา
“ชางเถอะ อยางไรลูกหกก็ชอบอยูนอกวังมากกวา ก็แลวแตเขา เขายังหนุมยังแนน
ยังตองถูกเคี่ยวกรําอีก ใจเขาไมอยูนี่เสียอยาง ถึงมัดมือมัดเทาจับกลับมาก็ไร
ประโยชน?”
จางปงลี่นับวาเขาใจความหมายขององคติ้งอูแลว ที่แทก็ยังทรงเห็นผลประโยชน
เปนสําคัญ!
ทรงอยากรูขอบขายกองกําลังหมิงออง ตองการสืบใหชัดเจนวาหลายปที่ทานออง
โลดแลนอยูนอกวังนั้นไดอะไรมาบาง
หรือพูดตามตรงก็คือ อยาเพิ่งทําใหทานอองรูตัว ใหผูที่แฝงตัวสืบตอไปเรื่อยๆ
ถาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่วาชีวิตทานอองตั้งอยูบนความเสี่ยงหรือไมนนั้ ในสถานการณ
เชนนี้ ทานอองยอมเสี่ยงอันตรายแนนอน แมสํานักใบไผถูกทานอองโคน แตโลกนี้มิไดมี
สํานักใบไผเพียงสํานักเดียว!
เบื้องตนทานอองผิดใจกับสํานักเตาแลว ตอไปพวกเขาตองทําการตอบโตอยาง
แนนอน เรื่องนี้ยังไมหารือฝาบาท ซึ่งผลที่ตามมาจะนาสะพรึงกลัวเชนไร จางปงลี่ไมรู รู
แตวา เปาหมายอันดับแรกของพวกเขาคือตัวทานออง
ถาตองการคุมครองความปลอดภัยใหทานอองจริงๆ ดีที่สุดคือการรับทานอองกลับ
เมืองหลวง อยูขางนอกยิ่งอันตราย แตสุดทายองคติ้งอูกลับตัดสินใจเชนนี้
จางปงลี่กมศีรษะ ไมกลามองพระองค ดวยรูสึกงงไปหมด เดาความคิดพระองคไมถูก
เมื่อครูเห็นชัดๆ วาทรงมีพระประสงคที่จะอบรมบมเพาะใหหมิงอองเปนผูสืบราช
บัลลังก แตพริบตาเดียวกลับตัดสินใจใหสืบดูกองกําลังของหมิงอองกอน หรือ
ความหมายคือตองการใหหมิงอองเปนตัวลอ ใหหมิงอองเอาตัวรอดเองในสถานการณ
อันตราย ฝาบาทขอนั่งอยูในสถานะผูตกปลา แอบดูเหตุการณดวยสายตาเย็นชา เตรียม
เก็บปลาที่ตกได!
เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เขาจับทางไมถูกจริงๆ วาองคติ้งอูทรงคิดอะไรอยู
ซึ่งอันที่จริง ความคิดอานขององคจักรพรรดิ คนนอกยอมไมมีทางดูออก แตคนในก็
ใชวาจะดูออก
กอนหนานี้ที่ทรงคิดอบรมบมเพาะองคชายหกอาจเปนเรื่องจริง แตแลวที่ทรงเตรียม
ใหองคชายหกพลีชีพก็เปนเรื่องจริง
เนื่องจากดานหนึ่งคือชาติ ดานหนึ่งคือครอบครัว ดานหนึ่งคือแนวคิดอันแนวแน
ดานหนึ่งคือความออนโยนและความเมตตา อาจเปนเพราะนาทีนี้ ใจของพระองคทรงอยู
ที่ประเทศ นาทีถัดมาอยูที่ครอบครัว ทรงเปลี่ยนจุดยืนไดตลอดเวลา
เมื่อครูทรงเห็นความสามารถอันโดดเดนขององคชายหก จึงคิดอบรมบมเพาะใหสืบ
บัลลังก แตนาทีถัดมากลับตัดสินใจบูชายันองคชายหก เพราะรูสึกวาไดประโยชนอยาง
แทจริงมากกวา หรืออาจดีกวาเรื่องๆ หนึ่งที่ยังมาไมถึง
องคติ้งอูครุนคิดเล็กนอย คอยตรัสวา
“คิดหาวิธีทําใหหมิงอองรูตวั คนในกองกําลังอื่นที่แฝงตัวอยู เพิ่มการเฝาระวังใหมากขึ้น”
จางปงลี่ไมอยากเดาความคิดขององคติ้งอูอีก พยักหนารับ
“พะยะคะ แตภายใตสถานการณที่กระหมอมควบคุมได ก็ไมกลารับประกันวาจะไม
เกิดเหตุสุดวิสัย!”
องคติ้งอูป ระทับนั่ง คอยๆ หลับตาลง กอนพูดเสียงเบา
“ลูกหกตองเรียนรูท ี่จะเติบใหญ เมื่อคิดใชคน ก็ตองดูคนเปน ขาสามารถชวยเทาที่
ชวยได ที่เหลือเขาตองพึ่งตัวเอง สวนจะสามารถยืนหยัดตอไปไดหรือไมนั้น ก็ขึ้นกับ
โชคชะตาของเขาเอง!”
จางปงลี่เงียบไปอีกครั้ง หัวขอนี้ เขาไปตอไมได
องคติ้งอูครุนคิดสักพัก พลันลืมตา เอยปากจริงจัง
“แตนี้เปนตนไป ใหจับตาดูนักพรตทั้งหมดในเมืองหลวงอยางใกลชิด เพิ่มการเฝา
ระวังทุกลูทางเขาออกใหเขมงวด นักพรตในเมืองหลวงเขาได แตออกไมได!”
“พะยะคะ!” จางปงลี่รีบขานรับ
ไมจําเปนตองใหองคติ้งอูสอนวาตองทําอยางไรจึงจะทําใหผูที่คิดหนี หยุดอยูกับที่ได
ถาแมเหตุผลแคนี้ยังคิดไมออก องคติ้งอูก็ไมจําเปนตองใชเขาอีก
ตอน 302 ใหสนมหลันปวยการเมืองไป
จางปงลี่โคงกายนอมรับคําสั่ง แตขอถามฝาบาทอีกประโยค
“กระหมอมคิดวาอีกไมนานคนของสํานักใบไผในเมืองหลวงก็นาจะรูขาว เกรงวา
อาจมีการเคลื่อนไหว หรือวาจะจับพวกเขาไวกอน...”
“ไมตอง!” องคติ้งอูจองมองจางปงลี่ กอนพูดทีละคํา
“เคลื่อนไหว? ขาจะรอดู! สํานักเตานี่อะไรนิดอะไรหนอยก็นึกวาสามารถเขาแยงชิง
ชื่อเสียงและผลประโยชนทั้งหมดไดรึ? อุตสาหเฝาระวังอยางดี กลัววาราชสํานักจะสงคน
แฝงตัวเขายุยงใหแตกแยก เฮอะ ครั้งนี้ลูกหกบุกเดี่ยว อาศัยเพียงกระบี่มรกตยาวสาม
เชียะ ถลมสํานักใบไผราบคาบ อยางนี้สิถึงจะเรียกวานักพรตผูเยี่ยมยุทธ นี่มิใชเรื่องที่
พวกเขาควรสังคายนากันหรอกรึ เกี่ยวอะไรกับราชสํานัก ขากําลังรอใหพวกเขามาขอ
ความเปนธรรมตางหาก!”
จางปงลี่แขนสั่นเล็กนอย เขาเดาถูกวาฝาบาทตองการใชหมิงอองเปนตัวลอ แตคิด
ไมถึงวา ฝาบาทจะถอนตัวออกทั้งตัว ปลอยใหหมิงอองเผชิญอันตรายแตเพียงผูเดียว!
ดวงตาฉายแววหวาดกลัวขึ้นวาบหนึ่ง กอนรีบปกปด ไมกลาแสดงออก คอยๆ สงบ
สติอารมณ เขาคิดแลวคิดอีก อยางไรก็ตองชัดเจนในเจตนารมณของฝาบาท จึงถามออก
ดวยความระมัดระวัง
“ถาตอนนี้สํานักเตาแตละสํานักรูขาวแลว นาทีแรกพวกเขาตองสอบถามถึง
ปฏิกิริยาของราชสํานักแน เราควรตอบสนองเชนไรพะยะคะ?”
องคติ้งอูเหลือบตามองจางปงลี่ ความหมายในแววตาทําใหจางปงลี่ตกใจเนื้อเตน
สักพัก คอยตรัสวา
“เจาก็ดูเอาแลวจัดการตามนั้น!”
จางปงลี่แอบสูดหายใจเขาลึกๆ ดูเอาแลวจัดการตามนั้น?
เชนนี้จะดูแลวจัดการอยางไร?
ราชสํานักสามารถตอบสนองอยางละมุนละไม ใหสํานักเตารูสึกกลัว ลดความกดดัน
ใหหมิงออง
แตพอฟงความหมายของฝาบาทแลว คลายถอนตัวออกทั้งตัว กระทั่งตองคิดหาวิธี
ทําใหสํานักเตาคิดวา เรื่องนี้ฝาบาททรงกริ้วความบาบิ่นของหมิงอองเชนกัน แตทรงขี่
หลังเสือแลวลงยาก จึงไดแตเกลียดชังหมิงออง
ตอนนี้สิ่งที่ราชสํานักกังวลก็คือ เรื่องนี้อาจทําใหสํานักเตาเกิดการเปลี่ยนแปลง
ฉับพลัน ทําใหพวกเขาเขาใจวาตอนนี้ถาพวกเขาตอบโตหมิงออง ราชสํานักก็คงไดแตลืม
ตาขางหนึ่ง หลับตาขางหนึ่ง
“กระหมอมยังคงรูส ึกวา ราชสํานักตองเตรียมการกอน เพราะพวกเขาไมนาคิดวา
เรื่องนี้ไมเกี่ยวของกับราชสํานัก พวกเขาไมใชนกที่กลัวคันธนู และไมใชสุนัขจนตรอก!”
เผือกรอนชิ้นนี้ จางปงลี่ไมกลารับ
องคติ้งอูไดยินก็ลุกพรวดขึ้น ดวงตาเปลงแววรายกาจอยางนาตกใจ
“ดีเลย ขารอเวลานี้มานานแลว!”
จางปงลี่ไดแตจมลงสูเบื้องลึกของอารมณ ในที่สุดก็ไมพูดอีก
เขารูวาที่องคติ้งอูพ ูดคือเรื่องจริง ทรงรอมานานหลายปจริง ความสัมพันธระหวาง
สํานักเตากับราชสํานักซับซอนมาก ราชสํานักอยากลางบางสํานักเตา แตก็กลัววาจะทํา
ใหเกิดความวุนวายใหญโต องคติ้งอูไมอยากเสี่ยง แตทรงไมรูเหตุผลนี้จริงๆ หรือ เหตุผล
ที่วาแผลกลัดหนองเรื้อรังก็ทําใหคนถึงตายได สูใชมีดเฉือนเนื้อรายออก ยอมเจ็บแตแรก
เพื่อมีชีวิตใหมที่ดีกวา
ไม องคติ้งอูชัดเจนดี แตชัดเจนก็สวนชัดเจน เมื่อวันที่ตองขุดรากถอนโคนยังไม
มาถึง แตละวันที่ตัดสินใจไมไดก็เจ็บปวดและกินลึกเขาไปในใจทุกวันๆ
และถาคิดแตะตองสํานักเตา ก็ไมใชแคปญหาวาตองสูญเสียอะไร
โดยเมื่อครั้งองคเซิง่ อูเปดประเทศ สํานักเตารอยแปดสํานักอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ
องคเซิ่งอูจ ึงพระราชทานนามใหแตละสํานักดวยองคเอง แลวใหคุณความดีสรางชื่อเสียง
จนขจรขจายไปทั่วหลา ทําใหสํานักเตาเขาไปอยูในสวนลึกของจิตใจผูคน ดังนั้นคิดแตะ
ตองพวกเขา กอนอื่นตองมีเหตุผลมากพอ ซึ่งตอนนี้เมื่อหมิงอองลงมือกอน แมองคติ้งอู
เห็นวาบาบิ่น แตเรื่องมาถึงขั้นนี้แลว ทรงไมมีทางถอยอีก
ไดแตคิดวา ถาสํานักเตากลาทําเรื่องใหญที่คานสายตาประชาชน และชักนําใหราช
สํานักลงมือ ก็ถือวามีเหตุผลมากพอที่จะทรงยอมทนเจ็บตัดเนื้อราย และเวลานั้นก็ใกล
มาถึงแลว
แตที่ทําใหเขาหวาดกลัวก็คือ เขาจับจุดไมไดวาเรื่องนี้จะเดินไปในทิศทางใด
ที่สุดแลวฝาบาทเพียงคิดยืมวรยุทธของหมิงอองบีบใหสํานักเตาเปดไพที่ซอนไวทีละ
ใบๆ ออกมา
หรือจริงๆ แลวคิดยืมกําลังของสํานักเตาเคี่ยวกรําหมิงอองใหเผชิญกับความ
ยากลําบากเพื่อที่จะไดเติบใหญ ขณะเดียวกันก็ตองการเห็นไพที่หมิงอองเก็บไวเชนกัน
แตจนแลวจนรอดหมิงอองจะสามารถยืนหยัดไดถึงเมื่อไร จะทําลายสํานักเตาไดถึงขั้น
ไหน?
นี่เปนการฝากความหวังไวที่หมิงอองชัดๆ ถาหมิงอองสามารถบีบใหสํานักเตาไมมี
ทางไปเหมือนสุนัขจนตรอก สามารถลางบางและจัดระเบียบสํานักเตาอื่นๆ ใหมเหมือน
ที่ทํากับสํานักใบไผ แลวทําใหสํานักเตาเดินเกมกบฏขึ้นมา ฝาบาทก็จะเงื้อดาบเฉือน
เนื้อรายนี้ทิ้งทันที!
จางปงลี่ชัดเจนมากในจุดๆ หนึ่งที่วา ฝาบาทตองการใหราชสํานักหลีกเลี่ยงความ
ขัดแยงกับสํานักเตากอน และขณะที่ราชสํานักพยายามถนอมกําลังที่แทจริงของตนไว
ฝาบาทก็ขีดเสนวงกลม ใหหมิงอองกับสํานักเตาเดินเขาไป
ใหพวกเขาตอสูกันจนสะทานสะเทือนแผนดิน และเมื่อไพใบสุดทายกําลังจะถูกทิ้ง
สูกันจนแทบตายกันไปขาง สูกันจนราชสํานักคิดวาเอาละไดเวลาเหมาะสมที่จะลงมือ
แลว ก็จะดีมาก
จางปงลี่เขาใจในจุดนี้ เขาจึงไดแตทําไปตามนี้ แตที่เขาไมรูก็คือ ภายใตการตอสูที่
นาเศราเชนนี้ ใครจะรับประกันไดวา เมื่อไหร ทีไ่ หน ซึ่งมีความเปนไปไดตางๆ นาๆ วา
ทานอองจะไมแพและไมเสียชีวิต
เรื่องนี้เปนเผือกรอนสําหรับจางปงลี่ เห็นชัดวา ฝาบาทก็ยังไมมีความมั่นใจ ดังนั้น
จึงพูดวา ใหเขาดูเอาเองวาจะจัดการอยางไร
พอเกิดปญหา ยอมตองเปนเขาจางปงลี่เปนผูรับผิดชอบ
จางปงลี่จงรักภักดีตอองคติ้งอู เขายินยอมแบกหมอดํานี้ และไมใชครั้งแรกดวยที่แบก
ทวายินยอมก็คือยินยอม แตจะไมใหกลัวไดอยางไร?
จะไมใหคดิ ไดอยางไร?
ถาเขาทํารายหมิงอองจริง ครั้งนี้แมไมเทากับครั้งกอนที่หมิงอองตองเผชิญกับความ
ตาย ก็บอกไมไดวา เวลาที่องคติ้งอูคิดถึงหมิงออง ความรักความรูสึกที่บิดามีตอบุตร
เขมขนขึ้น เมื่อนั้นเขายอมถึงแกความตายเปนแนแท
แตถาหมิงอองไมตาย ตอนกลับเขาวัง อยางไมตองสงสัย ไมมีใครทัดทานบารมีได
แน สวนเขาจางปงลี่ที่ทําใหหมิงอองเกือบตายครั้งแลวครั้งเลาละ เขาสามารถลวงรูจุด
จบตนเอง ไมสิ จุดจบตระกูลตนเองมากกวา...
แตกระนั้นก็ตาม จางปงลี่ยังคงตองทํา!
และตองทุมเทแรงกายแรงใจทําเต็มที่ดวย ตองยุงมาก เพราะเรื่องนาตกตะลึงพรึง
เพริดที่กระจายออกไปทุกขณะในเวลานี้ ไดกระจายไปยังหูของผูม ีบารมีทุกทานในใต
หลาแลว
และผูที่สนใจในเรือ่ งนี้ทุกคนลวนไมสามารถนิ่งดูดายได พวกเขาลวนยุงมาก ดังนั้น
จางปงลี่จึงตองยุงกวาพวกเขา
จางปงลี่ไปแลว แตองคติ้งอูยงั คงนั่งคิ้วตกอยูในหองไมขยับเขยื้อน ทรงเงียบไมพูด
ไมจา แววตาเหมือนมีอารมณความรูสึกมากมายวาบผาน
ผานไปเนิ่นนานคอยเอนหลังพิงพนักเกาอี้ มองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล มุมปากพึมพํา
เสียงต่ํา
“ลูกหก เกิดเปนเชื้อพระวงศ เกิดในสถานการณที่ยุงเหยิง...”
เสียงฝเทาเบาๆ ดังขึ้น ตามดวยเสียงมหาดเล็กที่ยืนอยูหนาประตู
“ฝาบาท เที่ยงแลว ไดเวลาเสวยอาหารกลางวันพะยะคะ”
องคติ้งอูคอยรูสึกตัววาเวลาผานไปอยางรวดเร็ว ไมรูเมฆขาวนอกหนาตางหยุด
เคลื่อนที่ และแสงแดดยามเที่ยงสาดสองตั้งแตเมื่อไร
ทรงลุกขึ้นยืน คลายนึกอะไรได จึงถามเสียงเบา
“ฮองเฮากลับตําหนักแลวหรือยัง?”
มหาดเล็กทูลเสียงเบา “กลับแลวพะยะคะ”
องคติ้งอูกะพริบตา กอนเดินไปริมหนาตาง แลวถามเสียงเบาอีก
“พอขาออกมา ที่นั่นเปนอยางไรบาง?”
มหาดเล็กมิไดเงยหนา เลาเหตุการณที่เกิดขึ้นทั้งหมดดวยเสียงอันเบาอยาง
ตรงไปตรงมา มิไดเอนเอียงเขาขางผูใด
องคติ้งอูฟ งรวดเดียวตั้งแตตนจนจบโดยมิไดขัดจังหวะ พอไดยินวาสนมหลันถูก
ลงโทษใหคุกเขา ถูกตบปาก ก็ไดแตทอดสายตาออกนอกหนาตาง
ตอมาพอไดยินวาฮองเฮาเรียกองคชายเกาเขาไปคุย ก็ทรงขยับดวงตาเล็กนอย แต
แลวก็ไมมีปฏิกิริยาอะไร
เพียงแตตอนไดยินวาฮองเฮาจัดการเรื่องอันหัวอยางไรนั้น ทรงเพิ่งนึกอะไรออก จึง
ถามเสียงเบา
“ฮองเฮาใหปนปกผมและใหอันหัวปกผา?”
“พะยะคะ พอฮองเฮาเสด็จไป ทานหญิงอันหัวก็สลบพะยะคะ หมอหลวงบอกวา
เพราะตกใจมาก ไมมีอะไรนาเปนหวง ฮองเฮานึกสงสารที่ทานหญิงรางกายไมแข็งแรง
จึงพระราชทานสมุนไพรล้ําคาให แลวใหคนสงกลับจวนไปกอน โดยมีหมอลวงตามไป
ดวย ทรงกําชับวาตองรักษาทานหญิงใหหายแลวคอยกลับมา”
คราวนี้มหาดเล็กพูดยาวหนอย
องคติ้งอูคอยๆ ทอดถอนใจ สายศีรษะไปมา ไมสงเสียงใดๆ
ทรงไมรูจะพูดอะไรดี อันหัวตกใจจนเปนลม เหตุใดจะทรงไมรูวาเปนเพราะผาปก
ผืนนั้น เด็กสาวเพิ่งจะอายุเทาไหรเอง เกิดเปนเชื้อพระวงศ ไดรับการเลี้ยงดูอยางประคบ
ประหงม ปกผาก็นาจะพอปกได แตอาจเทียบไมไดกับนักปกผาชื่อดัง...
แตนี่ไมสําคัญ สําคัญที่จิตใจกตัญูของเด็ก ซึ่งบรรดาพระบรมวงศทั้งหลายมีใคร
บางที่ไดทําจริงตามที่พูด ไดลําบากตรากตรําเพื่อสรรหาของขวัญมาสวัสดีปใหมพระองค
บาง?
นี่ยอมทําใหทานหญิงไมกลาถือสาหาความเรื่องถูกตบอีก แตพอผานเรื่องนี้ไป คน
ในจวนทานหญิงตองไมพอใจแน แตองคติ้งอูกลับมิไดพูดอะไร ทรงมองออกวา ฮองเฮา
ไดแสดงทาทีอยางชัดแจงแลว จากที่ไมไดยุงเกี่ยวมาหลายป สิ่งที่ทําทั้งหมดในเชาวันนี้
กําลังบอกกับทุกคนวา เรื่องอื่นๆ นางไมถือสาหาความได
แตถาใครกลากลั่นแกลงหลินซูอินแลวละก็ นางไมไวหนาแน
บอกตามตรง องคติ้งอูรูสึกไมสบายใจ ไมสบายใจยิ่ง
ฮองเฮาฟน ฟูบารมี กลับมานั่งขางพระองค ปกครองใตหลารวมกับพระองคอีกครั้ง
แตมิไดทําเพื่อพระองค กลับทําเพื่อหลินซูอิน เพื่อบุตรีโจรกบฏนางหนึ่ง สีหนาองคติ้งอู
เครงขรึมลง
เงียบไปครูใหญ ที่สุดแลวองคติ้งอูก็ตอบโตการกระทําของฮองเฮาดวยการโบกมือ
ไหวๆ พลางพูดเสียงเบา
“ไป ใหคนสงสนมหลันกลับตําหนัก!”
“พะยะคะ” มหาดเล็กขานรับ
“ชากอน!” ขณะมหาดเล็กกําลังจะไป ทรงตรัสกําชับ
“บอกนางวา พักนี้งานบานงานเมืองยุงมาก ขาคงไมมีเวลาไปหานาง ใหนางดูแล
รักษาตัวใหดี จะไดหายจากอาการปวย!”
อาการปวย?
มหาดเล็กกะพริบตา เขาใจแลว สนมหลันคงตองแบกรับความไมเปนธรรมไป
ชั่วคราวกอน แมไมถึงกับสงไปตําหนักเย็น แตการรักษาอาการปวย ก็ไดแตรักษาอยาง
เงียบๆ!
ขณะเดียวกันเปนการบอกความคิดของพระองคใหฮองเฮารับรู เพราะพอหายจาก
อาการปวย ฝาบาทก็ไมถึงกับโบยสนมหลันใหตายหรอก
คิดในใจ ตอไปสนมหลันยังมีวันกลับมาใหมก็จริง แตจะลวงเกินฮองเฮาอีกไมได
ตองสํารวมและคงไวซึ่งความดีงามจึงจะดี คิดถึงตรงนี้ก็ไมกลาแสดงความเห็น โคงตัวรับ
คําสั่งแลวถอยออก
พอมหาดเล็กถอยออก องคติ้งอูคอยประทับนั่ง ขณะกําลังจะยกพูก ันขึ้นเขียนอะไร
บางอยาง กลับไดยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากดานลาง
“ยินดีดวยฝาบาท!”
องคติ้งอูไมตกใจ ทรงเงยหนามองผูที่ยืนอยูดานลาง ราวกับวาผูเฒายืนอยูตรงนั้นมา
นานแลว
เพียงคลายไมคาดคิดเล็กนอย จึงเอยปากถามเสียงเบา
“ออ? เหตุใดถึงพูดเชนนี้ละ?”
ผูเฒาอมยิ้ม
“ฝาบาททรงมีโอรสที่มีความสามารถโดดเดนอยางหมิงออง ซึ่งไมเพียงบําเพ็ญเพียร
ขั้นเทพแลว ยังมีความคิดจิตใจที่เหนือกวาคนทั่วไป ผูเฒาขอชื่นชมจากใจจริง!”
องคติ้งอูมองดูผูเฒา พลันตกใจเล็กนอย แววตาผูเฒาไมเรียบเฉยเหมือนเมื่อกอน
จึงมองนิง่ พลางวา
“องคชายยังคงมีนิสัยแบบวัยรุน ยังกาวไมพนวัย กระทําการบาบิ่นอยูเรื่อย ไมรูตอง
เคี่ยวกรําอีกเทาใดจึงจะเติบใหญ เหตุใดทานจึงชมเชยองคชายเชนนี้เลา?”
ตอน 303 ความเมตตาจากจอมยุทธ
ผูเฒากลับสายศีรษะแลววา
“ขาพระองคมิไดพดู พร่ําเพรื่อ ฝาบาททรงจําคําถามนั้นไดไหม ที่ทรงถามวา
สามารถพาหมิงอองกลับมาหรือไม ตอนนั้นขาพระองคไมมีความมั่นใจจริงๆ แตตอนนี้
คิดๆ แลวก็รูสึกโชคดี เหมือนรอดชีวิตจากการปลนครั้งใหญ! พูดแลวก็นาละอาย เกรง
วาถาไปแลว อุปสรรคใหญสุดไมใชกองทัพคนเถื่อนนับพันนับหมื่น แตจะหลุดพนจาก
น้ํามือหมิงอองไดหรือไมนี่สิ!”
“ทานลอเลนแลว!” องคติ้งอูพูดพลางยิ้ม
ทวายังคงเห็นสีหนาผูเฒาไมเปลี่ยนแมแตนอย ยังคงมีความซับซอนในแววตา
รอยยิ้มของพระองคจึงคอยๆ จางลง มองดูผูเฒาอยางจริงจัง
“ทานพูดจริงรึ?”
“ฝาบาทดูไมออกรึ?” ผูเฒามีทาทีไมเหมือนเดิม แตน้ําเสียงยังคงนิ่งเรียบ
เหมือนเดิม
องคติ้งอูคอยๆ กมพระพักตรลง สักพักพลันเงยขึ้น มานตาขยาย แสดงสีหนาตื่นตกใจ
“หรือ ทานกําลังบอกวาลูกหกสําเร็จขั้นจอมยุทธแลว?”
องคติ้งอูไมสนใจฝมือวรยุทธสวนตัวของบุตรชาย เขาอยากใหมอไปมีความรูดาน
การเมืองการปกครองมากกวา! แตทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็เคยคิดเรื่องสถานะของจอมยุทธ
เชนกัน
ผูบําเพ็ญเพียรมีเปนพันเปนหมื่นในใตหลา แตจะเปนจอมยุทธไดสักกี่คน?
ทั้งโลกนาจะมีไมถึงสิบคนดวยซ้ํา!
จอมยุทธ หรือที่เรียกกันวาเทวดาเดินดิน เปนผูสูงสงซึ่งผูคนใหความเคารพนับถือ
และใหความสนใจในการดํารงอยู บารมีที่มีมิไดเปนเพียงตํานานในดานวรยุทธ ทุกอยาง
ในตัวพวกเขาลวนเหนือกวาคนธรรมดาทั่วไป มีสิ่งที่คนทั่วไปไฝฝนและขอพรอยูเสมอนั่น
คือ มีชีวิตยืนยาว มีสติปญญา มีความรูความสามารถ...
พูดไดวา ถาลูกหกเปนจอมยุทธ พระองคแมถูกชิงอํานาจและสวรรคตไปในตอนนี้ ก็
ยังสามารถฝากความหวังไวทลี่ ูกหกซึ่งอายุมั่นขวัญยืนใหชิงคืนกลับมา! อีกทั้งลูกหกยัง
อายุแคยี่สิบกวาป ยี่สิบกวาปเอง!
องคติ้งอูยงิ่ คิดก็ยิ่งตื่นเตน จอมยุทธอายุยี่สิบกวา กับพรสวรรคอันนาทึ่งเชนนี้
อนาคตอันยาวไกลของลูกหกจะเปนเชนไร เปนไปไดหรือไมวาวันหนึ่งจะหลุดพนจาก
ความเปนปุถุชน กลายเปนเทพเซียนที่อยูบนโลกตามตํานานไดจริง
ความลับมากมายของประเทศ ขนาดองคติ้งอูมไิ ดบําเพ็ญเพียร ยังรูมากกวามาก จึง
อดคิดไมไดวา ถาวันหนึ่งบุตรของตนสําเร็จเปนตํานานจริง ควบคุมฟาฝนไดจริง ใตหลา
นี้ยังมีศัตรูที่สามารถตอตานไดอีกหรือ ยังมีใครกลาขวางความรุงโรจนของตาเซี่ยอีก?
ชีวิตนี้พระองคไมสามารถ แตถาโอรสของพระองคสามารถทําความปรารถนาที่มีมา
ตลอดชีวิตของพระองคใหเปนจริงได พระองคยังตองการอะไรอีก?
ทวาทั้งหมดนี้อาจเปนเพราะทรงตื่นเตนเกินไปจริงๆ คิดมากเกินไป
คําตอบของทานผูเฒาทําใหความคิดฟุงซานของพระองคกลับสูความเปนจริง
“ทานอองสําเร็จถึงขั้นจอมยุทธหรือไมนั้น ขาพระองคไมรู แตคิดดูแลวขาพระองค
กับจอมยุทธเหมยคิดเห็นเหมือนกัน ทานอองนาจะยังอยูในระดับปรมาจารย!”
ประกายตาวิบวับขององคติ้งอูดับลงทันที ทรงรีบสั่นศีรษะไปมาใหคืนสูอารมณ
ความคิดเดิม กอนถามตามปกติ
“ถาเชนนั้น คําพูดของทานเมื่อครูหมายความวาอยางไร?”
แววตาผูเฒาซับซอนขึ้นเรื่อยๆ
“ฝาบาท การจะขึ้นสูตําแหนงจอมยุทธไดนั้น ตองดูโอกาส โชคชะตา และเวลา
ประกอบกัน มนุษยยากคาดเดาชะตาฟา แตสําหรับความสําเร็จของทานอองในตอนนี้
นั้น ในแวดวงสํานักเตายอมไมมีใครกลาดูหมิ่นอีก แมแตขาพระองคเอง ยังตองเรียก
ทานอองวาสหายเตา!”
องคติ้งอูองึ้ ครั้งนี้ตะลึงงันจริง ผานไปสักพัก ทรงคอยๆ สายพระพักตร
“ทานผูเฒา ขอคําอธิบายอีก”
ผูเฒาหัวเราะ ใบหนาขมขื่นเล็กนอย
“ถาทานอองเปนจอมยุทธ จะสามารถทําอะไรได? อยางมากก็อายุยืน ความคิด
จิตใจ ความรูความสามารถก็จํากัดอยูแคทางเตาเทานั้น!”
องคติ้งอูพ ยักหนา จิตแหงเตา เทานี้ก็เพียงพอที่จะทําใหคนตางกันราวฟากับดิน
ผูเฒากมหนาเล็กนอย คลายรูสึกโดดเดี่ยว
“หากพูดถึงเรื่องอายุยืน ขาพระองคแมเปนจอมยุทธ ก็เทียบทานอองไมได”
องคติ้งอูน ิ่ง นํามาเทียบกันไมไดหรอก ทานผูเฒาเปนผูสูงอายุ แตลูกหกเพิ่งจะยี่สิบ
กวาเอง...
ทรงขมวดคิ้ว ผูเฒาจึงพูดตอ
“หากพูดถึงความคิดจิตใจ ความรูความสามารถ แนนอนวาขาพระองคมี
ประสบการณชีวิตมารอยกวาป เห็นความเปลี่ยนแปลงมามากมาย แตตอนนี้ ขา
พระองคไดรับพระเมตตา เพลิดเพลินกับเกียรติยศและศักดิ์ศรีไดตลอดชีวิต ซึ่งตอนนี้
เหลืออยูไมมากนัก มองยอนกลับไป ชีวิตที่ผานมาก็ยังยุงวุนวาย ไมกลายอหยอนตอ
หนาที่ แตพอหันมาดูทานออง ยังจําไดวา ตอนออกจากเมืองหลวงทรงพระเยาวมาก แต
กลับตองดิ้นรนตอสูใหพนวิกฤตทามกลางความเปนตายเทากัน สิ่งแวดลอมที่ทรงพาน
พบ พูดไดวาเปนเคราะหกรรมที่ยากลําบากแสนสาหัส ทวาจนถึงตอนนี้ ไมถึงหกป ไม
เพียงทรงรอดชีวิต ยังทําเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ตามปณิธานอันยิ่งใหญของชายชาตรีในโลกนี้ไดอีก ซึ่งถาไมมีจิตใจที่แข็งแกรง
ความรูความสามารถที่เหนือกวาแลวละก็ เด็กหนุมที่ไมรอู ิโหนอิเหนในตอนนั้น จะรอด
มาถึงตอนนี้ไดอยางไร?”
รอยยิ้มที่เจือความขมขื่นของผูเฒาลึกล้ําขึ้น
“ถาพูดถึงการมีชีวิตยืนยาว ขาพระองคอาจมีมากกวาก็จริง แตถาพูดถึง
ความสามารถ ขาพระองคยอมเปนรองอยางแนนอน! เมื่อครูที่ใตเทาจางพูดวา อาจารย
ทั้งสํานักใบไผรวมกันรุมลอมทานอองคนเดียว แตทานอองใชเพียงกระบวนทาเดียวใน
การตอสู สุดทายยังใชกระบี่สังหารปรมาจารยหนึ่งทาน ใชหมัดสังหารผูสูงสงหนึ่งทาน
ในเวลาที่ตางกันดวย ฝาบาท ทานตองรูวาในแวดวงเตา นี่เปนเรื่องที่นากลัวเพียงใด”
“ทานหมายถึง...” องคติ้งอูมองผูเฒา
“ไมผิด ขาพระองคกลาบุกเดี่ยวสํานักใบไผ และกลาตอสูกับพวกเขา แตยามที่
ปะทะกันจนถึงที่สุด ตองแลกชีวิตกันจริงๆ ขึ้นมา ขาพระองคอาจสังหารพวกเขาได
จํานวนหนึ่ง แลวหาจังหวะหลบหนีไป! ยอมไมกลาทําอยางทานอองบุกเดี่ยวใชกระบวน
ทาเดียวพิชิตศิษยสํานักใบไผทั้งสํานักเปนอันขาด”
ดวงตาผูเฒาวูบไหวขึ้นอีกครั้ง ชะงักเล็กนอย คลายตอนนี้ก็ยังคิดไมออกวาหมิงออง
ทําไดอยางไร แตก็เงยหนามององคติ้งอูแลวพูดเพิ่มเติ่ม
“ขาพระองคไมสามารถทําได สวนเหมย จาง ชวี เหยียน สี่คนนี้แข็งแกรงเทาขา
พระองค ก็ไมมีความสามารถที่จะทําไดเชนกัน นี่...ในใตหลา ที่ขาพระองคเห็นมา
นอกจากทานอองแลว เกรงวาไมมีใครกลาฝกกระบวนทานี้แน!”
พูดกันขนาดนี้ เห็นทีองคติ้งอูจะไมสนใจวรยุทธของมอไปไมไดแลว แตคิ้วของ
พระองคก็ยังไมคลายจากกัน
“ทานผูเฒา กอนหนานี้ทานบอกวาองคชายหกไมใชจอมยุทธ เปนเพียงปรมาจารย นี่...”
องคติ้งอูสงสัย ผูเฒาก็ลังเล ที่สุดแลวก็สายหนา
“เรื่องนี้ยงั ชี้ชัดไมได! กอนหนานี้ขาพระองคก็คิดวาตาเฒาเหมยดูผิด ทานอองอาจ
สามารถทําลายกฎเกณฑ สรางความมหัศจรรย เปนจอมยุทธตอนอายุยี่สิบกวาไดจริง!
แตพอฟงใตเทาจางเลาเมื่อครู กลับรูสึกวามีบางอยางไมถูกตอง”
“ตรงไหนไมถูกตอง?”
องคติ้งอูตื่นเตนขึ้นมา ทรงนึกถึงคําพูดทั้งหมดของจางปงลี่ กลับพบวาไมมีคําพูดใด
ที่สามารถพิสูจนไดอยางจริงจังวาองคชายหกเปนจอมยุทธหรือไม ที่ผานมาก็ไดแตฟง
จากจอมยุทธเหมย ถาวรยุทธที่องคชายหกสําแดงใหเห็น กระทั่งทานผูเฒาที่อยูตรงหนา
ยังไมกลาเทียบชั้น เชนนี้ก็มีความเปนไปไดวาองคชายมีความโดดเดนจริง
แตผูเฒากลับสายศีรษะยืนยันอีกครั้ง
“คําพูดของใตเทาจางที่วา มีปรมาจารยสี่ทานฉวยจังหวะกระจายตัวหนีออกทั้งสี่
ทิศ เหนือ ใต ออก ตก แตทานอองกลับตามสังหารไดเพียงหนึ่งทาน นี่พอจะบอกไดวา
ทานอองยังอยูในขัน้ ปรมาจารย เพราะหากเปนขาพระองค พูดไมไดวาจับกลับได
ทั้งหมดก็จริง แตอยางนอยตองจับไดสองทาน กระทั่งสามทานดวยซ้ํา ไมมีทางยืนมอง
ใหหนีไปเชนนั้นแน นี่แสดงใหเห็นวาทานอองยังไมสําเร็จขั้นจอมยุทธ ยังไมสามารถใช
พลังกดดันคนได! อาศัยเพียงพลังจากการบําเพ็ญเพียรพิชิตใตหลา แตถึงเปนเชนนี้ ถึงใช
เพียงพลังอันแข็งแกรงของตน ก็ทําใหจอมยุทธตางหวาดกลัวกันแลว อยางนอยขา
พระองคก็ไมกลาพูดวาสามารถเอาชนะทานอองได!”
“ใชพลังกดดันคน!”
องคติ้งอูท วนคําๆ นี้ซ้ําไปมา นึกถึงตําราที่เคยอาน ก็พอเขาใจในความหมายของ
ทานผูเฒา สุดทายจึงรูสึกเสียใจ พยักหนาหงึกๆ แตยังตรัสถามตอ
“แลวที่ทานผูเฒาบอกวาหวาดกลัวนี่ หมายถึงอะไร?”
“หากประมือกัน ขาพระองคเกรงวาจะสูไมไหว!”
หลังจากผูเฒาคอยๆ พิจารณาสักพัก ก็พูดประโยคนี้ออกมาดวยทาทางจริงจัง ทํา
ใหองคติ้งอูนิ่งไปอีก
“ทวาขอเพียงไมแลกชีวิตกับทานออง ถาขาพระองคคิดหลบหนี ทานอองก็ไมนาจะ
ตามทัน!”
ผูเฒาหัวเราะขมขื่น บอกตามตรง เขาไมเคยมีแนวคิดที่วายังไมตอสูก็คิดหนีเชนนี้มา
หลายปแลว แตตอนนี้กลับอดไมไดที่จะสายศีรษะอีก
“แตถาตอนแรกขาพระองคไปหมิงจูจริงๆ และประมือกับทานออง ตอนนั้นขา
พระองคยังไมเคยไดยินเกี่ยวกับพลังที่นากลัวของทานออง ซึ่งถาทานอองใชกระบวนทา
ที่ตอสูกับศิษยทั้งสํานักใบไผมาสูกับขาพระองค บวกกับความชะลาใจ ขาพระองคตอง
ถูกทานอองฟาดหนึ่งฝามือแน ยิ่งขาพระองคตองออมแรงไวไมพยายามทํารายทานออง
ขณะตอสูดวยแลว...เกรงวาคงรอไมถึงภาวะสิ้นอายุขัย ตองจากไปเชนคนธรรมดากอน
แน!”
เมื่อไดยินขอสันนิษฐานเชนนี้ พระพักตรองคติ้งอูก็เปลี่ยนสีอยางอดไมได ทรงรูสึกโลงใจ
นี่มีความเปนไปไดสูง คิดๆ ดู พระองคเกือบสงทานผูเฒาไปใหโอรสสังหารดวยมือ
พระองคเองแลว ถาเปนเชนนี้ก็คงเปนเรื่องตลกที่ขยายความไดใหญโต ทรงไมกลา
จินตนาการตอวาประวัติศาสตรจะจารึกเรื่องราวนี้เชนไร คนรุนหลังจะมองพระองค
อยางไร?
องคติ้งอูพ ลันหนาดําคร่ําเครียด หนังตากระตุกไมหยุด ตัดสินใจโบกมือพลางตรัส
“ทานจอมยุทธคิดมากไป ใหความกลากับลูกหกพันครั้ง เขาก็ไมกลาสามหาวกับ
จอมยุทธหรอก ไมอยางนั้นจะกลายเปนกบฏไปจริงๆ!”
จอมยุทธผูเฒาหัวเราะ ไมพูดไมจาอีก เงารางวูบไหวเล็กนอย กอนหายไปในอากาศ
องคติ้งอูมองดูความวางเปลาตรงหนา สีพระพักตรเปลี่ยนจากแดงเปนขาว จากขาว
เปนเขียว ตองใชเวลาสักพักจึงสงบนิ่งลง
แววตาพระองคคอยๆ ล้ําลึกขึ้น ทานผูเฒาปกติจะไมปรากฏตัวขึ้นเอง ทานสงบนิ่ง
เสมอ ดานหนึ่งบําเพ็ญเพียร ดานหนึ่งทําหนาที่ของตนในวังหลวง ไมคอยไดเอยปากขึ้น
กอน ไมใชกับพระองคคนเดียว กับจักรพรรดิองคกอน ทานผูเฒาก็เปนเชนนี้!
ยากที่จะเห็นทานผูเฒาพูดมากมายเหมือนในวันนี้ นี่ตองเปนเพราะผลงานลูกหกอยู
เหนือความคาดหมายมากเกิน จนทําใหจอมยุทธอยากรูสาเหตุ แตองคติ้งอูรวู า จอมยุทธ
มิไดมาเพราะแคอยากรู เขาสงบนิ่งมาตลอดชีวิต บําเพ็ญเพียรสําเร็จมาไดจนถึงขั้นนี้
และกําลังเขาสูภาวะสิ้นอายุขัย เรื่องทางโลกไมมีทางกวนใจเขาได เขาสามารถนิ่งเฉยกับ
เรื่องทุกเรื่อง
สุดทายจึงทรงประทับยืน หันกาย เดินไปยังมานไขมุกที่อยูดานหลัง คอยๆ โคงตัวลง
แมทรงโคงตัวเพียงเล็กนอย แตก็เปนการแสดงความเคารพขององคจกั รพรรดิ!
หลังมานไขมุกมีเสียงดังเบาๆ เหมือนมีคนหลบการเคารพของพระองค ทรงไมไดพูด
อะไร หันกายเดินออกจากหองทรงพระอักษรไป
ทรงเขาพระทัยแลว ที่ทานผูเฒาพูดมากมายเชนนี้ ความจริงคิดบอกพระองคเรื่องเดียว
หมิงอองกุมกระบี่มรกตยาวสามเชียะยืนตัวตรง มิใชเพราะถูกภูตผีเขาสิงอยาง
แนนอน!
อายุขัยของทานจอมยุทธผูเฒาเหลืออีกไมมาก โลกยุงวุนวาย ฟาดินไรเมตตา ทานผู
เฒารับใชชาติมารอยป แตสุดทายก็ไมสามารถรอคอยใหผูสืบทอดมารับชวงตอ
บานเมืองยุงเหยิง ทานกําลังจะไป ราชสํานักยังอยู องคติ้งอูยังอยู ยังตองการคนเฝา
รักษาการณอยู!
ผูใดกัน?
อยางไมตองสงสัย ในที่สุดจอมยุทธก็รอจนพบ องคชายหกแหงราชสํานัก หมิงออง!
หมิงอองที่อยูหางไกล ยังไมรูตัววา ที่เมืองหลวงอันไกลโพน มีสหายเตาที่ไมรูจัก
ทานหนึ่ง ไดใชโอกาสในชวงเชาของวันขึ้นปใหม ถักทอความเมตตา ปลูกยันตคุมกายไว
ใหเขาทามกลางโลกที่ยุงเหยิงวุนวาย
คําพูดของทานผูเฒา อยางนอยไดทําใหองคติ้งอูไมคิดใชชีวิตมอไปเปนเดิมพันงายๆ อีก
เพราะการที่คุณคามอไปสูงขึ้นอีกครั้ง ไดทําใหผลประโยชนที่ทรงตองการรักษาไว
ขยายใหญขึ้นอยางไมตองสงสัย
ตอน 304 ยังไมรตู ัว
หวงเซิน ผูประสานงานที่ทําการในเมืองหลวงของสํานักใบไผ แตงกายเรียบรอยแต
เชา ยืนมือไพลหลังอยูกลางหอง เชิดหนาเล็กนอย มองดูทองฟาที่เพิ่งรุงอรุณ ลมหนาว
พัดผานวูบหนึ่ง ชายเสื้อเขาปลิวไสวเสียงดังพึ่บพั่บ มองเผินๆ เหมือนผูสูงสงที่มีแนวคิด
ของตนโดยไมยี่หระใดๆ
แตถามองใหดีกลับพบวา บนหนาผาที่เชิดขึ้นเล็กนอยของเขา หัวคิ้วทั้งสองขางขยับ
เขาหากัน แววตาเครงเครียด มานตาคลายมีปมกังวลใจสั่นไหวอยู
ราวกับวา เขาไมคอยมีความสุขนักในวันขึ้นปใหม
ยืนอยูคนเดียวสักพัก ดานหลังพลันมีเสียงดัง ยังไมทันหันมอง เสียงชราภาพเสียง
หนึ่งก็ดังขึ้น
“ศิษยนอง!”
หวงเซินรีบหันกาย เห็นศีรษะและใบหนาของผูมาพันไวดวยผาพันแผล เหลือเพียง
ดวงตาทั้งสองขางที่เต็มไปดวยความมืดมน กําลังเดินขากระเผลกเขามาหาเขาทีละกาวๆ
หวงเซินรีบกาวยาวๆ เขาหาพลางวา
“ศิษยพี่ยังบาดเจ็บอยู ควรพักรักษาตัวเงียบๆ เหตุใดจึงออกมาเลา?”
“ขาไมเปนไร!” พอพูดถึงอาการบาดเจ็บ ดวงตามืดมนของผูเฒาก็คมกริบขึ้นทันที
ยกมือปรามพลางวา
“คิดวาขาจะตกตายพรอมมดปลวกกระจอยรอยพวกนั้นอยางนั้นรึ นาขันสิ้นดี ขา
ไมเปนไร บาดแผลเล็กนอย ไมตองสนใจ!”
หวงเซินไดยินดังนั้นจึงมองดูผาพันแผลบนใบหนาผูเฒาอีกครั้ง พลางคิดถึงสภาพ
ผิวหนาใตผาพันแผลที่หลุดลอกออกหมด ก็อดไมไดที่จะทําปากยื่นปากยาว กอนพูด
ปลอบโยน
“ศิษยพี่พูดถูกตอง โจรกระจอกพวกนี้แมรวมหัวสมคบคิดกัน ก็ยังหางชั้นกับศิษยพี่
มาก ถึงไดถูกระเบิดแหลกเปนเถาทุลี เหมือนตั๊กแตนตํารถนั่นอยางไรละ ศิษยพี่วางใจ
ศิษยนองใหคนไปสืบความเปนมาเปนไปของโจรกระจอกพวกนี้แลว กลาลอบทําราย
ศิษยพี่ แมตายไป เราก็ตองใหมันนึกเสียใจในปรโลก...”
ที่แทผูที่ไดรับบาดเจ็บก็คือปรมาจารยที่ลงมือกับตูเจวียนและถูกระเบิดลูกใหญในวันนัน้
ตองยกใหกับความรายกาจของทานผูนี้ ทั้งๆ ที่เปนคนแรกที่พุงเขาใสระเบิด
อานุภาพรุนแรงขนาดนั้น แตกลับยังมีชีวิตอยูได แมอยูในสภาพเชนนี้ก็นับวาเกงกาจ
มากแลวจริงๆ
ทวาแมมีชีวิตรอดมาได เจาตัวก็ไมคิดวามีเกียรติอะไร กลับคิดวาอัปยศอดสูดวยซ้ํา
โดยเฉพาะเรื่องหนักหนาสาหัสที่ตามมาหลังจากนั้น
การถูกทหารของทางการจับมัดดวยเชือก เดินไปตามทองถนน กอนสงตัวเขาหอง
ขังเชนนั้น เกิดเปนปรมาจารยทั้งที ยังไมเคยไดรับความอับอายเทานี้มากอน รูสึกแคน
จนอยากสังหารทุกคนที่ขวางหนาใหหายแคน
ทวาก็ไดแตคิด หลังออกจากหองขัง สํานักหวงก็สงอาจารยทานหนึ่งมาเยี่ยม แต
กลับหัวเราะคิกคักตอหนาเขาพลางมอบสมุนไพร ‘ตังกุย’ ใหขณะสนทนา โดยระหวาง
นั้น ก็ยังพูดจาเยาะเยยถากถางไมหยุด ทําใหเขาโกรธแคนและอับอายมาก จนเห็นใครก็
รูสึกเกลียดชังไปหมด!
ทุกครั้งเมื่อคิดวา เรื่องเลาขําขันในแวดวงเตา เกี่ยวกับปรมาจารยผูซึ่งตกอยูในเงื้อม
มือมดปลวกผูนั้นคือเขา เขาก็เกลียดชังจนแทบคลั่ง คิดวาความปรารถนาในชีวิตนี้ ไมมี
อะไรแลวนอกจากแกแคนลางอาย
ทวา แมเขาเกลียดจวนหมิงอองจนแทบคลั่งขนาดไหน ยังไมตองพูดถึงอาการ
บาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ แมหายดีแลว เขาก็มีเพียงใจ แตไรกําลัง ทวาอยางไรเขาก็ตอง
ทําอะไรบาง พูดอะไรนิดเหนอยก็ยังดี
นี่จึงทําใหเขาไมสนใจพักรักษาอาการบาดเจ็บ ที่มาหาหวงเซินก็เพราะมีเปาหมาย
เขามองหวงเซินดวยสายตาคมกริบพลางวา
“ขาไดยินมาวา สํานักหวงเตรียมใชโอกาสงานเลี้ยงปใหมของเขาซางชิงในวันนี้ เปด
ฉากโจมตีเราตอหนาสํานักเตาตางๆ นี่เปนเรื่องจริงรึ?”
“ศิษยพี่ก็รูเรื่องนี้แลว?” หวงเซินชะงัก ใบหนามีแววกังวล สายศีรษะ ยิ้มขมขื่น
พลางวา
“อาจเปนเพียงขาวลือ เพราะตามหลักเหตุผลแลว สํานักหวงยอมตองคํานึงถึง
กาลเทศะ แตตอนนี้สํานักหวงดันมีคนจัดการเรื่องในเมืองหลวงทีช่ ื่อฉินไทจือนี่สิ ไอนี่มัก
จัดการเรื่องตามอารมณ ซึ่งเกรงวาเขาอาจทําเชนนั้นจริง!”
“ขมเหงกันเกินไปแลว!”
ผูเฒาทานนี้แซจาว ผูคนจึงเรียกวาอาจารยจาว ตอนนี้กําลังเปลงรังสีฆาฟนระดับ
ปรมาจารยออกทางแววตาโดยไมปกปดแตอยางใด จองมองหวงเซินพลางพูดตรงๆ
“หากเปนเชนนี้จริง ศิษยนองจะเตรียมรับมืออยางไร?”
หวงเซินยิม้ ขมขื่น สายหนา
“ศิษยนองก็กําลังปวดหัว อีกสักครูพอคนจากสํานักเตามากันครบแลว ถาเดาไมผิด
สํานักหวงตองหาทางยั่วยุปลุกปนใหศิษยสํานักตางๆ ทาประลองกับศิษยสํานักใบไผเรา
ใหทุกคนไดรับความสนุกสนาน”
“ดี!” อาจารยจาวตะโกนเสียงดัง
“สํานักใบไผเรากลัวสํานักหวงที่ไหน ศิษยนอง วันนี้ขาไปกับเจา ขาอยากจะเห็น
ตอนที่ศิษยสํานักใบไผเราจัดการพวกมันจนลุกไมขึ้น ดูซิวาพวกมันยังจะกลาดูหมิ่นขา
อีกหรือไม!”
“เออ...” หวงเซินปวดหัวหนักเขาไปอีก จึงโบกมือพลางสายศีรษะ แลวเตือนสติ
“ศิษยพี่กําลังบาดเจ็บ...”
“หะ?” แววตาอาจารยจาวเปลี่ยนไปทันที จองหวงเซินเขม็ง
“ก็บอกแลวไงวาไมเปนไร หรือศิษยนองก็คิดวาศิษยพี่ถูกมดปลวกลอบทํารายจนถึง
ขั้นลุกไมขึ้นจริงๆ?”
ซวยแลว!
หวงเซินคิดในใจ เกรงวาศิษยพี่อาจไปเปนมารผจญหรืออาจไปทําการขออภัยเขา
มากกวา จึงวา
“ศิษยพี่ก็พูดไปเรื่อย ผูอื่นไมรู แตศิษยนองมีหรือที่จะไมรวู าศิษยพี่ฝมือยอดเยี่ยม
ขนาดไหน คิดถึงปนั้นที่ศิษยพี่ออกพิชิตใตหลา...”
พูดเอาใจไวกอนเปนดี เชนนี้คอยทําใหแววตาที่อาจระเบิดไดทุกเมื่อของผูเฒาจาว
สงบลง แลวจึงคอยเตือนสติอีกครั้ง
“ศิษยพี่ ใจของศิษยนองก็ลุกเปนไฟตามศิษยพี่ไปดวย ไฉนตองเกรงกลัวพวกหนู
สายตาสั้นอยางสํานักหวง พูดถึงเรื่องวรยุทธ สํานักใบไผเราเคยกลัวใครที่ไหน? สํานัก
เตารอยแปดสํานักในใตหลา ใครกลาสบประมาทสํานักใบไผบาง? ดานบนเรามีฝามือ
เหล็กสะทานสะเทือนของทานเจาสํานัก ดานลางเราก็มีเฮอจวินเสียน ดาวรุงในกลุมคน
รุนใหม แมสํานักใบไผถูกจัดใหเปนหนึ่งในสิบสํานักใหญ แตถาพูดกันจริงๆ แลว สํานัก
หวงที่กระจอยรอยจะเปนคูตอสูกับยอดฝมือของเราไดอยางไร”
“เมื่อเปนเชนนี้ก็แสดงวาศิษยนองเขาใจ แลวจะงอมืองอเทาอยูใย จะทําใหผูคนเยย
หยันได อยางเมื่อวานที่คนจากสํานักหวงกลาดูหมิ่นศิษยพี่ ก็เพราะเห็นวาพวกเราต่ํา
ตอย เราจึงสมควรใหพวกมันเห็นฤทธิ์เดชสํานักใบไผเสียบาง!”
รางอาจารยจาวโงนเงนขณะชูกําปน น้ําเสียงเต็มไปดวยอารมณรุนแรง
ทําไมหวงเซินจะดูไมออก พูดไปพูดมาก็เพราะตองการแกแคนความอับอายเมื่อวาน
แตมันเปนเรื่องงายๆ เสียที่ไหน
“แตวาศิษยพี่ นี่ไมใชปญหาเรื่องกลัวหรือไมกลัว คนชอบใชกําลังอยางฉินไทจอื ไม
คํานึงถึงผลที่จะตามมา แตเราไมคํานึงไมได เรื่องตูเจวียนที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ทําใหเราถูก
วิพากษวิจารณไมนอย ยิ่งไปกวานั้น ตอนนี้สํานักหวงยังมาเปนฝายตรงขามกับเราอีก
หากเกิดเหตุวิวาทขึ้นจริง เกรงวาเราจะหาทางลงลําบาก และคิดวาทานเจาสํานักก็ไม
อยากแตกหักกับสํานักหวงดวยเหตุนี้หรอก และศิษยพี่อยาลืมวา ยังมีเขาซางชิงคอยดู
อยู ศิษยนองคิดแลวคิดอีก เรื่องนี้ตองปรึกษากับศิษยพี่ชงเสวียน ใหเขาปรามฉินไทจือไว
ไมใหทําการบุมบาม”
ยิ่งหันไปจับมือกับเขาซางชิง ยิ่งทําใหใจของอาจารยจาวลุกเปนไฟ แตไมมีทางเลือก
หากเกิดเหตุวิวาทขึ้น เขาก็รับผิดชอบไมไหว แตคิดไปคิดมา ก็ยังไมยอมอยูดี จึงวา
“ถาศิษยนองลําบากใจเชนนี้ สํานักหวงนั่นตองคิดวาเรากลัวมันแน จากทาทางเมื่อ
วานที่พวกมันกลามาดูหมิ่นศิษยพี่ถึงสํานัก คงคิดจริงๆ วาตนเองไรเทียมทาน ซึ่งชง
เสวียนก็ไมนาจะเอาอยู เมื่อถึงตอนนั้น ศิษยนองจะทําอยางไร?”
หวงเซินรูว าในใจศิษยพี่อยากใหเกิดเรื่องขึ้นจึงจะรูสึกดี ซึ่งเปนไปไมไดหรอก แต
ตอนนี้ก็ไดแตตอบออกไปวา
“ถาเปนเชนนี้ สํานักใบไผเราก็ตองแสดงใหสํานักเตาตางๆ ในใตหลาเห็นวาเราเปน
หนึ่งในสิบสํานักใหญไดอยางไร!”
“ดี!” อาจารยจาวพยักหนา “อยางนั้นถาเปนเชนนี้ ศิษยพี่กับศิษยนองก็นั่งดวยกัน
ในงาน ถาสํานักหวงขมเหงสํานักใบไผอีกจริงๆ วันนี้ศิษยพี่ตองไมใหสํานักใบไผเราขาย
หนาแน!”
หวงเซินไมมีทางเลือก เมื่อขวางไมอยูก ็ตองยอมใหไป ขณะเดียวกันก็คิดในใจวา
ตองเตรียมพรอมใหดี เพราะมีสิทธิ์เปนไปอยางที่ศิษยพี่พูด ถาฉินไทจือจอมผลีผลาม
อยางไรก็ไมยอม ตองสูกันใหได
คิดถึงตรงนี้ก็รีบคิดคํานวณ ตองเลือกศิษยในเมืองหลวง แตสุดทายก็ยังคงไมมีความ
มั่นใจ ตนเองก็ไมเคยคิดถึงกรณีนี้ ศิษยในที่ทําการเมืองหลวงลวนมีไวเดินเรื่อง สวนศิษย
ผูมีฝมือโดดเดนยอมบําเพ็ญเพียรอยูบนภูเขา แตเขาจะไมเตรียมก็ไมได เมื่อสํานักหวงมี
แผนการ ยอมตองเตรียมการไวแลว แตก็ไมนามีศิษยฝมือดีอยูในเมืองหลวงจริง
หวงเซินคิดๆ ดูแลว ไมวาจะอยางไร ที่เขาซางชิงเชิญใหมารวมตัวกันในวันนี้ สํานัก
ใบไผจะขายหนาไมไดเปนอันขาด หาไมแลวตนเองอาจรับผิดชอบไมไหว สุดทายจึงนํา
ศิษยในเมืองหลวงทุกคนไปรวมงาน เพื่อปองกันเหตุสุดวิสัย
มีคนมากมายเชนนี้ คนหนึ่งสูไมได ก็เปลี่ยนคนใหม ปลอดภัยไวกอนเปนดี
ขณะที่องคติ้อูเสด็จเขาหองจัดเลี้ยงฉลองวันขึ้นปใหมในพระตําหนัก
ที่ทําการเขาซางชิงก็กําลังยุงวุนวาย
วันนี้แขกที่พวกเขาเชิญมางานเลี้ยงปใหม ลวนแลวแตเปนสํานักเตาที่ตองพึ่งพาพวก
เขาและมีที่ทําการในเมืองหลวงทั้งสิ้น ซึ่งอันที่จริง เปนการใชโอกาสพิเศษเพื่อเชื่อม
สัมพันธไมตรี ย้ําเตือนแนวคิดที่ทุกคนมีรวมกัน
เมื่อเทียบกับปกอนแลว เห็นชัดวางานเลี้ยงในปนี้ตองระมัดระวังเปนอยางมาก
เพราะหมูนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย โดยเฉพาะวีรกรรมที่สํานักหวงกับสํานักใบไผเพิ่งกอขึ้น
อีกทาทางที่ไมพอใจเขาซางชิงเปนการสวนตัวของฉินไทจือและหวงเซินนั้นยังติดอยูในใจ
ชงเสวียน
สถานการณในตอนนี้เปราะบางมาก ไมเพียงภายนอกไมสงบ ความสัมพันธระหวาง
สํานักเตาดวยกันเองยังแกวงอีก ดังนั้นพอมีโอกาสที่พันธมิตรมารวมตัวกัน ชงเสวียนจึง
ตัดสินใจสํารวจทาทีของแตละสํานัก
ขณะกําลังครุนคิดอยูในหองโถง ศิษยผูหนึ่งก็เขามาทําความเคารพ
ชงเสวียนหรี่ตาเล็กนอย แลวจึงลืมตามองศิษย กอนถามเสียงเบา
“เปนอยางไรบาง?”
“สํานักหวง สํานักใบไผ หุบเขาเชียนเฉิง...สํานักที่เราเชิญไปทุกสํานักลวนออก
เดินทางมาหาเราตรงตามเวลาที่กําหนด จนถึงตอนนี้ ยังไมพบอะไรผิดปกติ เพียงแตคน
ของสํานักใบไผในปนี้ดูเหมือนจะมีมากหนอย โดยเฉพาะศิษยรุนใหมที่มากันเกือบ
ทั้งหมด” ศิษยรายงาน
เมื่อไดยินวาพันธมิตรเขาซางชิงที่เชิญไปนั้นมากันครบ
ความกังวลที่อยูในใจชงเสวียนก็คอยๆ คลายลง โดยไมไดใหความสนใจเรื่องที่ศิษย
สํานักใบไผมากันมากมาย เขาพยักหนา ดวงตาทอประกาย กอนถาม
“สถานการณของสํานักอื่นๆ ละ?”
“ไมตางอะไรกับปกอนมากนัก แบงคนไปงานเลี้ยงเขาอี้ชิงกับเขาไทชิงเหมือนเดิม!”
ชงเสวียนพยักหนา รูสึกผิดหวังอยูบาง
“อืม...อาศรมชุยอวิ๋นออกเดินทางแลวหรือยัง?”
“แลวขอรับ อาศรมชุยอวิ๋นตอนนี้กําลังอยูระหวางเดินทางไปที่ทําการเขาอี้ชิง”
ศิษยพยักหนายืนยัน
ตอน 305 ประวัติแตกแยกของสํานักเตา
ชงเสวียนไมไดพูดอะไร กมหนาลง ถอนหายใจเบาๆ ที่สุดแลวก็ไมสามารถดึง
อาศรมชุยอวิ๋นมารวมเปนพันธมิตรจนได เขาพยายามอยูนาน ครั้งนี้ที่เชิญมางานปใหม
เปนการลับๆ เพราะควรแกเวลาที่จะไดรับคําตอบแลว แตอาศรมชุยอวิ๋นก็ยังคงเลือก
เขาอวี้ชิง
เขาสายศีรษะ พอแลว ขอเพียงสี่สํานักใหญไมถกู ดึงไปก็พอ อยางไรก็ดี สามขุนเขา
ก็ถือวาเปนพันธมิตรกันอยู แตใครจะคิดเลาวา เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ก็ไดยินเสียงศิษยพูดขึ้น
“แตหุบเขาเชียนเฉิงปนี้ดูแปลกๆ เหมือนพวกเขามิไดเตรียมตัวไปรวมงานเลี้ยงที่
เขาไทชิง”
“หุบเขาเชียนเฉิง?”
ชงเสวียนตะลึง หนึ่งในสิบสํานักใหญอยางหุบเขาเชียนเฉิง เปนสํานักเตาที่มีชื่อเสียง
โดงดังดานการปรุงยา สอนการบําเพ็ญเพียรและความรูเรื่องสมุนไพรเปนหลัก ซึ่งอยูใต
รมเงาของเขาไทชิงมาตลอด และมีอิทธิพลเปนอยางยิ่งในบรรดาสํานักเตาทั้งหลาย พอ
ไดยินเชนนี้ ชงเสวียนก็นึกสงสัยขึ้นมา หุบเขาเชียนเฉิงและเขาไทชิงมีสัมพันธอันดีตอกัน
เรื่อยมา อีกทั้งบุตรสาวของเจาสํานักหุบเขาเชียนเฉิงยังจับคูบําเพ็ญเพียรกับศิษยเอก
ของเจาสํานักเขาไทชิงอีก...
หือ? ชงเสวียนพลันชะงัก รีบใชนิ้วมือนับ กอนเขกหัวตนเอง “ไมถูกๆ ”
ศิษยที่ยืนอยูดานขางงงในชัว่ ขณะ ไมรูชงเสวียนพูดถึงเรื่องอะไร
ชงเสวียนกลับตาเปนประกาย พลางบนพึมพํา
“เกือบลืมเสียสนิท งานแตงงานกําลังจะมีขึ้นในอีกสิบกวาวันขางหนานี้แลว แต
ตอนนี้ยังไมไดยินขาวการเตรียมงานใดๆ จากทางฝงหุบเขาเชียนเฉิง ขาเกือบลืมเรื่องนี้
แลวจริงๆ ...”
จึงรีบหันมาถาม “เจาแนใจนะวาคนของหุบเขาเชียนเฉิงไมไดไปงานปใหมของเขาไทชิง”
“ขอรับ ประตูใหญหุบเขาเชียนเฉิงปดสนิท ไมมีใครออกมาสักคน” ศิษยพยักหนารับ
“นั่นไง เปนตามนี้แนๆ ”
ชงเสวียนตบมือเขาหากัน มุมปากปรากฏรอยยิ้ม รีบหันกายมาบอกกับศิษย
“เจารีบไปสืบดูวา ฟูเมิ่งเซียน บุตรสาวของเจาสํานักหุบเขาเชียนเฉิงยังบําเพ็ญเพียร
อยูที่เขาไทชิงหรือไม”
“ขอรับ” ศิษยรับคําสั่ง
แตพอเห็นศิษยกําลังจะจากไป ชงเสวียนกลับเรียกไว “ชากอน!”
ศิษยชะงักฝเทา ชงเสวียนกัดฟนพูด
“อีกอยาง รีบใหคนสงเทียบเชิญไปยังที่ทําการหุบเขาเชียนเฉิงทันที!”
คราวนี้ศิษยอึ้งไปสักพัก เงยหนามองชงเสวียน เห็นเขามีสีหนาจริงจังก็รูสกึ แปลกใจ
หุบเขาเชียนเฉิงเปนพวกเขาไทชิง จะมางานเลี้ยงของเขาซางชิงไดอยางไร แตก็ไมกลา
ถาม ไดแตขานรับแลวเดินจากไป
หลังกําชับเสร็จเรียบรอย ชงเสวียนก็กระตือรือรนขึ้นมา ในใจคิดวา หากเขาไทชิง
ขัดแยงกับหุบเขาเชียนเฉิงขึ้นมาจริงๆ แลวละก็ ยอมเปนเรื่องที่ดีไมนอย
จะไมใหเขากระตือรือรนไดอยางไร เพราะถาสามารถดึงหุบเขาเชียนเฉิงใหมาเขากับ
เขาซางชิงได ก็ถือเปนผลงานชิ้นเอกเลยทีเดียว คิดถึงตรงนี้ เขาก็หันกาย รีบเดินเขาหลัง
หองโถง ไปยังที่พักพี่นองตระกูลเหมย
พอมาถึงหลังหองโถง ก็เห็นเหมยอวิ๋นชิงพอดี นางสวมชุดขาวกําลังนั่งสมาธิอยูบน
อาสนะ จึงรีบเขาไปทําความเคารพ
“ศิษยนองเหมย”
เหมยอวิ๋นชิงลืมตา มองดูชงเสวียน แตกลับไมลุกขึ้น เพราะรูสึกเฉยๆ จึงไดแตพยัก
หนาตอบ
“ศิษยพี่”
ตองบอกวานางกําลังเสียมารยาท แตชงเสวียนไมวากลาว อยางวานางมีสถานะ
อะไร ตนเองมีสถานะอะไร จึงไมถือสา ยิ้มพลางพูด
“อีกสักครู คนของสํานักตางๆ ก็จะมากันแลว ไมรูวาศิษยนองเตรียมการอะไรไวบาง”
เหมยอวิ๋นชิงยังคงมีสีหนานิ่งเรียบ กอนพูดเสียงเบา
“ไมจําเปนตองเตรียมการอะไร พอคนมา ศิษยพี่ก็พาพวกเขามาทักทายขาก็พอ”
ชงเสวียนยิ้มคาง ที่เขามาก็เพราะตองการใหเหมยอวิ๋นชิงออกไปยืนตอนรับแขก
กอนที่แขกจะมา แตนางกลับแสดงทาทีเชนนี้...
เขาจะโมโหก็ไมได จึงคอยๆ อธิบายไป
“ศิษยนอง ตอนนี้สถานการณไมสูดี ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนไป วันนี้ที่เชิญ
สํานักเตาแนวรวมเดียวกันมารวมตัวกันได ถือเปนนิมิตหมายอันดีที่เราจะสานไมตรีให
แนนแฟนขึ้น วันนี้ศิษยนองอยูพอดี ถางานเลี้ยงมีศิษยนองเปนประธาน รับรองวาตอง
ทําใหศิษยสํานักเตารูสึกตื้นตันใจเปนอยางยิ่งทีเ่ ราใหความสําคัญ”
เหมยอวิ๋นชิงไมโง พอไดยินเชนนี้นางก็ไมไดพูดอะไร เห็นชัดวา นางใหความสําคัญ
กับสถานะมาก การยืนตอนรับแขกเหรื่อไมใชเรือ่ งที่นางตองทํา จึงพูดเสียงเบา
“ศิษยพี่ไมควรคิดมาก ที่เขาซางชิงเราอยูยั้งยืนยงมาไดนับพันป ก็เพราะความ
แข็งแกรง สํานักตางๆ ใหความเคารพยกยองเรา ก็เพราะบารมีของทานจอมยุทธ
ความคิดของศิษยพี่แมมีเหตุผล แตก็ไมควรกังวลมากเกินไป มิฉะนั้นแลวอาจทําใหสํานัก
เราสูญเสียบารมีไป”
บอกตามตรง เมื่อกอนชงเสวียนประทับใจในตัวเหมยอวิ๋นชิงมาก
เพราะเปนแบบอยางที่ดีและโดดเดนสุดในบรรดาคนรุนใหมของเขาซางชิง แต
หลังจากจอมมารหมิงอองปรากฏตัวขึ้น เขาก็รูสึกเฉยๆ กับวิถีเตาของนาง บวกกับหมูนี้
พอไดคลุกคลีกับนางมากขึ้น ถึงไดรูจักตัวตนจริงๆ ของนาง
ความหยิ่งยโสไมใชเรื่องเสียหาย แตนางหยิ่งยโสเกินไป ชงเสวียนรูสึกไมเปนตัวของ
ตัวเองเมื่ออยูตอหนานาง พอนางเอยปาก การกระทําทุกอยางของชงเสวียนก็กลายเปน
การพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อใหทุกคนไมพอใจ แมนางไมไดพูดตรงๆ แตทาทีที่
แสดงออกก็บงบอกวาดูแคลนอยางเห็นไดชัด
ไมมีทางเลือก ยังคงเปนประโยคนั้น นางมีสถานะอะไร ชงเสวียนจึงไดแตเกลี้ย
กลอมไป
“ศิษยนองพูดมีเหตุผลมาก เพียงแตตอนนี้ เกิดความขัดแยงขึ้นระหวางสํานักหวง
กับสํานักใบไผ วันนี้ทั้งสองสํานักตองมาอยูรวมกัน เกรงวาอาจเกิดเรื่องวิวาทขึ้น ศิษยพี่
แคหวงวา หากเกิดเรื่องขึ้นตอหนาสํานักอื่นๆ เขาซางชิงเราอาจเสียหนา ดังนั้นจึงมา
เชิญใหศิษยนองออกหนาเพื่อยับยั้งความคุกรุนของสถานการณ ศิษยพี่มีบารมีไมพอ
กลัวจะจัดการไดไมดี แตถาศิษยนองอยูในงาน พวกเขายอมไมกลากอเรื่อง”
“คนอยางขา ไมคิดมีบารมีสูงสง ไมอยากใชพลังไปยุงเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ นอยๆ
เชนนี้ เสียเวลาเปลา นาขันสิ้นดี!”
ดวงตาเหมยอวิ๋นชิงมีแววสบประมาทวาบผาน เห็นชัดวารูสึกเหยียดหยามสอง
สํานักนั้นมาก แตสุดทายนางก็ลุกขึ้นยืน
“เอาเถอะ ศิษยพี่ไปกอนแลวกัน เดี๋ยวขาคอยตามออกไป!”
“เชนนั้นก็ตองขอบใจศิษยนองมาก” ชงเสวียนรีบคารวะ ขณะกําลังจะออกไปพลัน
กะพริบตา แลววา “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ศิษยพี่ยังตัดสินใจไมได คิดขอคําปรึกษาจาก
ศิษยนอง”
“ออ ไมเปนไร ศิษยพี่วามา...”
เหมยอวิ๋นชิงรูสึกวาอยางไรก็ได ดวยทาทีของชงเสวียน นางยังรับไดอยู
“กอนหนานี้มีศิษยมารายงานวา...”
ชงเสวียนเลาเรื่องหุบเขาเชียนเฉิงที่เกี่ยวของกับเขาไทชิงใหฟง ซึง่ เหมยอวิน๋ ชิงกลับ
สนใจมาก สํานักเตาในโลกนี้ทั้งหมด มีเพียงไมกี่สํานักที่นางใหความสนใจ พอไดฟงจึง
พยักหนา
“เชนนี้ ศิษยพี่สงสัยวาเขาไทชิงกับหุบเขาเชียนเฉิงมีปญหากัน?”
“ไมผิด เพิ่งไมนานนี้เคยไดยินวา ศิษยเจาสํานักเขาไทชิง มอซื่อเฟย กับบุตรสาวเจา
สํานักหุบเขาเชียนเฉิง นัดกันบําเพ็ญเพียรคูที่เขาไทชิง แตพอใกลถึงวันแตงงาน ก็
เหมือนเรื่องเงียบๆ ไป ตองมีอะไรผิดปกติแน คิดวานาจะเกี่ยวของกับการที่หุบเขาเชียน
เฉิงไมไดไปงานปใหมที่เขาไทชิงจัดขึ้น ขาใหคนรีบไปสืบแลว” ชงเสวียนพูด
แตเหมยอวิ๋นชิงกลับขมวดคิ้ว
“แมดองกันไมสําเร็จอยางไร หุบเขาเชียนเฉิงที่อยูใตรมเงาของเขาไทชิงมานานก็ไม
นากลาแปรพักตร!”
ชงเสวียนอึ้ง กอนยิ้มขมขื่น ทานผูนี้...ทานคิดจริงๆ หรือวานอกจากขุนเขาทั้งสาม
แลว ผูอื่นเปนมดปลวกไปหมด จึงเงยหนาถามเสียงเบา
“ศิษยนองลืมเรื่องสํานักใหญทั้งสี่ เหลียน ฟาง เมิ่ง กู แลวรึ?”
พอพูดถึงสี่สํานักใหญนี้ สีหนาเหมยอวิ๋นชิงพลันเปลี่ยน บรรยากาศระหวางคนทั้ง
สองราวกับเยือกเย็นลงในพริบตา
ประวัติศาสตรที่ถูกปกคลุมไปดวยฝุน คลายปรากฏขึ้นตรงหนาอีกครั้ง...
ราชสํานักมีกกมีเหลา ชาวเรามีทั้งเพื่อนสนิทและคนรูจัก สํานักเตาก็ยอมมีการแบง
พรรคแบงพวก
ที่ไหนมีมนุษย ที่นั่นก็ยอมมีความขัดแยง สํานักเตาดวยกันเอง ไหนเลยจะรวมเปน
หนึ่งได?
ไมเพียงรวมเปนหนึ่งไมได ถาเปรียบเทียบกันแลว สถานการณความแตกแยกใน
สํานักเตายังดูรุนแรงกวาราชสํานักเสียอีก
เริ่มตั้งแตยุคตาเซี่ยสรางประเทศ ที่สํานักเตาแบงเปนสามขุนเขากับสี่สํานักใหญ
และทั้งหมดไดทําการแขงขันกันอยางดุเดือดเรื่อยมา
ไมผิด สามขุนเขายอมเปนสํานักเตาแถวหนา สวนสี่สํานักใหญตกเปนรอง ซึ่งตาม
หลักเหตุผลแลว สี่สํานักใหญไมควรตอสูแยงชิงผลประโยชนกับสามขุนเขา
แตในความเปนจริงกลับไมเปนเชนนั้น ดวยสามขุนเขากับสี่สํานักใหญลวนมีสิ่งหนึ่ง
เหมือนกัน นั่นก็คือ มีชื่อเสียงอันยาวนาน ซึ่งมิไดมาจากคนรุนหลัง แตมาจากผลงานที่
คนรุนกอนรวมรบกับองคเซิ่งอูสมัยสรางประเทศ
ตอนนั้นสํานักเตาทั้งเจ็ดลวนมีความโดดเดนในแวดวงเตามาก แตละสํานักลวนเคย
มีจอมยุทธอยูในประวัติศาสตร เพียงแตสามขุนเขาโชคดีกวาตรงที่มีจอมยุทธอยูตอน
สรางประเทศพอดี สวนอีกสี่สํานักกลับไมมีผูสืบทอดตอ ไมสิ พอสามขุนเขายิ่งใหญ สี่
สํานักก็ตกเปนรอง
พอเขาใจประวัติศาสตรนี้ก็จะคิดออกวา ไฉนสํานักใหญทั้งสี่จึงไมยอมตกอยูใน
สถานะนี้
แตไมมีทางเลือก ตอนนั้นองคเซิ่งอูทรงแข็งแกรงมาก พูดคําเดียวสยบสี่ทิศ เมื่อทรง
เอยปากขอใหรักษาสันติ ใครจะกลาขัดขืน ดีที่ยังทรงใหโอกาส บอกวาขอเพียงมี
ความสามารถ ก็มีสิทธิ์ติดอันดับได
ทวาโลกอันกวางใหญ ทรัพยากรมากมายก็จริง แตถาเจาไดมาก ขาก็ไดนอย
สามขุนเขายอมไมมีวันยอมแบงทรัพยากรในมือใหใคร ดังนั้น เจายิ่งไลตาม ขาก็ยิ่ง
กดดัน เปนเชนนี้เรื่อยมา ความแคนและความเกลียดชังจึงกลายเปนปมฝงลึกไปโดย
ปริยาย
สี่สํานักใหญมีชื่อเสียงมานาน ศิษยแตละรุนยอมมีปรมาจารยสูงสุด แตกลับขาด
หนึ่ง โชคชะตา สอง ปจจัย ดังนั้นหารอยปที่ผานมาอยางไรก็ไมมจี อมยุทธ
แตสามขุนเขา ผลัดกันมีจอมยุทธมารอยกวาป ในหารอยป
พวกเขาจึงยังคงมีจอมยุทธอยูเหนือโชคชะตาเรื่อยมา
พอเห็นวาแตละยุคผานไป ทานผูเฒาในสํานักไมมีใครสําเร็จเปนจอมยุทธ สี่สํานักก็
ไมอยากชี้วัดกับสามขุนเขาอีก และมิใชไมเคยคิดปรองดอง ซึ่งตอนนั้นสามขุนเขาเสนอ
วา จะชวยสี่สํานักอบรมบมเพาะปรมาจารยที่โดดเดนใหสําเร็จเปนจอมยุทธ!
ก็คือ ใหปรมาจารยผูโดดเดนและมีความหวังมากสุดในสี่สํานักใหญ เขามาศึกษา
เพิ่มเติมที่สามขุนเขา
และไมเพียงแคสี่สํานักใหญ แตเปนสํานักเตาทั้งหมดที่มี สามารถสงผูมีพรสวรรค
และความสามารถ เขามาศึกษาตอที่สามขุนเขาได ขอตกลงนี้สํานักเตาอื่นๆ พิจารณา
กันแลวก็ไมมีใครขัด อยางเริ่มแรกที่สํานักหวงคิดสงตูเจวียนไปศึกษาตอ
ทวาสี่สํานักใหญกลับปฏิเสธอยางไมลังเล เพราะหนึ่ง พวกเขามีความหยิ่งยโส ไม
อยากขอความชวยเหลือจากสามขุนเขา สอง โครงการนี้ฟงดูดี จะสามารถเปนจอมยุทธ
หรือไมนนั้ เอาไวกอน แตถาไปที่สามขุนเขาแลว ยอมตองเปดเผยความลับเกี่ยวกับเคล็ด
วิชาของพวกเขา เมื่อเปนเชนนี้ ถึงสําเร็จเปนจอมยุทธ ก็ตองตกอยูในเงื้อมมือควบคุม
ของสามขุนเขาอยูดี
เรื่องนี้ สําหรับสี่สํานักที่มีความทะเยอทะยานสูงยอมรับไมไดอยางไมตองสงสัย และ
ไมเพียงรับไมได กลับยิ่งตอกย้ําใหเห็นวาสามขุนเขายังคงตองการทําลายลางพวกเขาอยู
ภายใตสถานการณความขัดแยงที่ฝงลึก การสังคายนาวิถีเตาในแตละครั้ง แมทั้งสอง
ฝายไมแสดงตนวาเปนศัตรูกัน แตสี่สํานักใหญก็ถูกสามขุนเขาขมมาตลอด ซึ่งแวดวงเตา
ก็พัฒนาเชนนี้ไปเรื่อย จนถึงเมื่อรอยกวาปที่แลว แวดวงเตาพลันเกิดเรื่องใหญที่สะทาน
สะเทือนปฐพีเรื่องหนึ่ง
วันหนึ่ง สํานักเหลียน หนึ่งในสี่สํานักประกาศขาวรายวา ปรมาจารยผูเฒาในสํานัก
ทานหนึ่งซึ่งมีแนวโนมวาจะกาวผานขั้นจอมยุทธ ถูกสังหารอยางแปลกประหลาดขณะ
อยูนอกสํานัก!
ปรมาจารยผูเฒาของสํานักเหลียนผูนี้เปนที่รูกันในแวดวงเตาวาบําเพ็ญเพียรได
อยางนาทึ่ง การสังหารทานจึงไมใชเรือ่ งงาย แตอยางไร เรื่องก็เกิดขึ้นจนได
คิดดูก็รูวา ราชสํานักไมมีทางทําเชนนี้แน
ในตอนนั้นสามขุนเขาเริ่มขัดแยงกับราชสํานักแลว ทําใหราชสํานักตองตั้งสิบสํานัก
ใหญขึ้นเพื่อใหรวมมือกับสี่สํานักใหญเดิม จัดระเบียบแวดวงสํานักเตาใหม ซึ่งเมื่อสี่
สํานักใหญไดผูซึ่งมีแนวโนมวาจะสําเร็จเปนจอมยุทธ มาคะคานอิทธิพลของสามขุนเขา
ราชสํานักตองดีใจจนเนื้อเตนถึงจะถูก จะมาลอบสังหารไดอยางไร?
ดังนั้นผูที่ทําเรื่องนี้ได จึงมีเพียงสามขุนเขา เพราะเปนฝายที่ไดรับผลกระทบมากสุด
หากสี่สํานักใหญมีคนสําเร็จเปนจอมยุทธ ทวาคิดสืบเรื่องนี้กลับยาก ดวยไมมีใครกลาพูด
วาจอมยุทธทานใดเปนผูลงมือสังหาร
และไมจําเปนตองสืบวาเปนใคร สี่สํานักใหญก็ไมสามารถอยูรวมโลกกับสามขุนเขา
ไดอีก การสังคายนาวิถีเตาในปนั้น ขณะปรมาจารยประลองยุทธ สี่สํานักใหญที่เก็บกด
มานานไดละเมิดกฎขอหาม ลงมือฆาไมเลี้ยง การเริ่มตนดวยการฆากันอยางโกรธแคน
เชนนี้ ทําใหทุกคนเขาใจแลววา เหตุใดสี่สํานักใหญที่ไมมีจอมยุทธถึงไดกลาแกงแยงใน
การเปนสํานักแถวหนากับสามขุนเขา
ภายในหนึ่งวัน คนของสามขุนเขาที่ไดรับการยกยองมานานหลายปถูกตัดศีรษะเปน
วาเลน ดวยไมยอมกมศีรษะและไมยอมแพ ปรมาจารยชื่อเสียงโดงดังนับรอยจึงตองตก
ตายภายใตคมดาบคมกระบี่ของคนจากสี่สํานักใหญ
หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ถูกคนในแวดวงเตาปดเปนความลับมาโดยตลอด ไม
มีใครกลาพูดถึงอีก แตผูที่เขารวมการสังคายนาในครั้งนั้นลวนไมลืมคําพูดที่สี่สํานักใหญ
พูดอยางบาคลั่งขณะฆาลางสามขุนเขา
“แมเราไมมีจอมยุทธ ก็สามารถทําใหสามขุนเขาไรผูสืบทอดได!”
ทวาอยางไรพวกเขาก็ไมสามารถฆาลางไดนาน จอมยุทธยอมตองออกโรง
เมื่อฆากันขนาดนี้ จะไมใหจอมยุทธเดือดดาลไดอยางไร แตจอมยุทธยอมไมกลา
กระทําผิดบาปสังหารปรมาจารย จึงทําใหสี่สํานักใหญสังหารจนสะใจ แตสามขุนเขาไฉน
ยอมปลอยวาง ผูคนตายไปมากมายเชนนี้ สามขุนเขาจะไมลางแคนไดอยางไร?
สุดทายจุดจบของเรื่องก็มาถึง เมื่อสํานักเหลียน ฟาง เมิ่ง กู สี่สํานักใหญ ทา
ประลองกับจอมยุทธผูเฒาแหงเขาอวี้ชิง ครั้นปรมาจารยผูเยี่ยมยุทธที่สุดสี่ทานจากสี่
สํานักประลองกับจอมยุทธเพียงหนึ่งเดียว แมคนมากกวา และเหลาปรมาจารยสามารถ
ตอสูไดอยางสะเทือนเลือนลั่นฟาดิน แตผลที่สุด ผูเฒาทั้งสี่แมสามารถทําใหจอมยุทธผู
เฒาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตกอนอายุขัย แตทั้งสี่ก็พายแพและเสียชีวิตขณะตอสู ปด
ฉากงานสังคายนา
การตอสูครั้งนี้ถูกจารึกไวในประวัติศาสตรแวดวงเตาวา ทําใหรูปแบบของสํานักเตา
เปลี่ยนแปลงไป
ตั้งแตนั้นเปนตนมา จอมยุทธไมสามารถทาประลองกับผูใด ขอนี้ไมมีใครกลาสงสัย!
ตั้งแตนั้นเปนตนมา สี่สํานักใหญคือสัญลักษณแหงความเหียมโหด
้ ขอนี้ไมมีใครกลา
สงสัย!
แตเรื่องสามารถจบลงแตเพียงเทานี้จริงหรือ?
แนนอนวาไมจริง ปมแคนฝงลึกถึงเพียงนี้ ยอมไมสามารถคลี่คลายไดดวยการตอสู
เพียงครั้งเดียว พูดใหชัดเจนก็คือ อยางไรสามขุนเขาก็ตองแข็งแกรงกวา ดังนั้นสี่สํานัก
ใหญจึงตัดสินใจกระทําการอยางหนึ่ง
พวกเขาเขาหาราชสํานัก ซึ่งการนี้ไมมีใครพูดไดอยางชัดเจนวาราชสํานักมีเอี่ยวดวย
หรือไม แตใครๆ ก็รูวา ราชสํานักลวงรูความแตกแยกในแวดวงสํานักเตาแลว
สี่สํานักใหญพอเขาหาราชสํานัก ก็ไดรับปจจัยสําหรับใชพัฒนาสํานักมากกวาเดิม
ซึ่งหวังวาจะบมเพาะจอมยุทธ ลางอายใหสี่ปรมาจารยที่ตอสูกับจอมยุทธได
สามขุนเขาเห็นดังนี้ ก็ไมยอมใหราชสํานักเห็นวาพวกเขาออนดอย จึงทําในสิ่งที่ขัด
กับแนวทางเตา เริ่มลงมือกับสิบสํานักใหญที่ราชสํานักตั้งขึ้นมา ดวยการคอยดึงตัวศิษย
มากฝมือของสํานักเตารอยแปดสํานัก และคอยตามดูอิทธิพลของสี่สํานักใหญในทุกฝเกา
จึงทําใหรปู แบบสํานักเตาเปนไปดังเชนทุกวันนี้
สามขุนเขากอดปายชื่อที่องคเซิงอูทรงมอบใหเมื่อครั้งมีผลงานสมัยเปดประเทศ
พรอมแรงศรัทธาของประชาชน และอิทธิพลความรุงโรจนของสํานักเตา ทําใหยังคงยืน
หยัดอยู
สิบสํานักใหญที่อาศัยบารมีราชสํานักในระยะแรก พอราชสํานักเสื่อม พวกเขาก็ตอง
หาทางออก ภายใตการดึงคนของสามขุนเขาและสี่สํานักใหญ พวกเขาตางคนตางเอาตัว
รอด เอาใจออกหางจากราชสํานัก
สวนบารมีของสี่สํานักใหญยอมเสื่อมถอยตามราชสํานักไป หากราชสํานักคิด
ควบคุมสํานักเตา ก็ตองสนับสนุนในสิ่งที่สํานักเตาตองการอยางเต็มที่ พวกเขาจึงจะ
เจริญรุง เรือง
ยังดีที่แมสี่สํานักใหญทําไมไดอยางสามขุนเขา ราชสํานักก็ยังตองการพวกเขา และ
พวกเขาก็ตองการราชสํานักเชนกัน ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงเปนคนของราชสํานัก
เขาขางราชสํานัก แตองคติ้งอูก็ยังไมสามารถควบคุมพวกเขาได สี่สํานักใหญตองการเห็น
ราชสํานักเขาควบคุมสํานักเตาทั้งหมดหรือ?
ผูที่ควรทอดถอนใจมากสุดในที่นี้ควรเปนราชสํานัก ที่แรกเริ่มอยูในจุดสูงสุด แต
ทามกลางแผนการสมคบคิด กลับกลายเปนฝายเดียวที่เสื่อมถอย
ขณะยอนนึกเรื่องราวในประวัติศาสตร เหมยอวิ๋นชิงจึงนิ่งเงียบไป กอนพูดขึ้น
“ศิษยพี่หมายความเชนไร?”
สีหนาชงเสวียนเปลี่ยนเปนระมัดระวังขึ้น คอยๆ พูด
“ศิษยนองตองรูวา สํานักเหลียนฟางเมิ่งกู สี่สํานัก ยังมีใจคิดทําลายสามขุนเขาอยู
ไมเสื่อมคลาย หลายปมานี้ พวกเขาอาศัยแรงหนุนจากราชสํานัก เปนศัตรูกับสามขุนเขา
เรามาโดยตลอด สํานักฉืออวิ๋น หนึ่งในสิบสํานักใหญ ปกอนคิดมาอยูกับเขาซางชิงเรา
แตถูกสี่สํานักใหญขวาง สุดทายก็กลายเปนปกใหพวกเขาไป ตอนนี้สิบสํานักใหญแมอยู
ใตอาณัติสามขุนเขา แตสี่สํานักใหญตองไมปลอยงายๆ แน ขาจึงเปนหวงอยางยิ่งวา ที่
หุบเขาเชียนเฉิงผิดปกติไป ใชมีสาเหตุมาจากพวกเขาหรือไม”
“เฮอะ ก็แคพวกไมรูฟาสูงแผนดินต่ําเทานั้น อยากรูวาหากทานจอมยุทธไมใจกวาง
ละก็ ลําพังพวกเขาสี่สํานัก จะกลาเหิมเกริมหรือไม”
เหมยอวิ๋นชิงดาวาไปหนาดําคร่ําเครียดไป พูดจบก็หันหนาหาชงเสวียน
“ศิษยพี่ กรณีนี้ไมเหมือนสํานักฉืออวิ๋น ตอนนั้นราชสํานักยังรุงเรืองอยู แตวันนี้ราช
สํานักยังมีบารมีอะไรใหพูดถึงอีก? สี่สํานักใหญชาเร็วก็ตองเสื่อมสลายไปกับราชสํานัก
หุบเขาเชียนเฉิงจะไปเขากับพวกเขาไดอยางไร?”
ชงเสวียนมิไดโตแยงคําพูดนาง แตกลับมีสีหนาจริงจังสุดๆ พูดตอวา
“ตอนนี้ราชสํานักอยูในชวงขาลงก็จริง แตศิษยนองอยาลืมวา แวววงสํานักเตา
ในตอนนี้กลับมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนที่เรามิอาจมองขาม!”
“หือ?” เหมยอวิ๋นชิงฟงคําพูดนี้แลวพลังปราณทั่วรางก็เย็นขึ้นมาทันที
ครั้งนี้ชงเสวียนกลับไมสนใจอารมณความรูสึกของนาง เปลงคําสองคําออกมาตรงๆ
“หมิงออง!”
“เขาเนี่ยนะ?” เหมยอวิ๋นชิงคิ้วกระตุก
“คนของสํานักเตาที่ยึดแนวทางเดียวกับเรายอมเคารพสามขุนเขา อยางที่ศิษยนอง
วา เรามีบารมีทานจอมยุทธคุมอยู มีวิถีแหงเตานับไมถวนในการหลุดพน ทําใหอายุยืน
กาวขึ้นเปนเซียน แตตอนนี้หมิงอองมอไป ไดแสดงใหเห็นวิถีเตาที่หลากหลาย จึงยากที่
จะรับประกันวาจะไมโดนใจพวกเขา” ชงเสวียนพูด
“ก็แคแนวทางของจอมมาร ที่สุดแลวก็ตองรับกรรมที่กอไว คนของสํานักเตาตา
บอดกันหมดหรือ? ที่คิดจะไปเรียนวิชากับมัน? นี่เปนแนวทางรนหาที่ตายชัดๆ!”
เหมยอวิ๋นชิงพูดหนาดุแตใจสั่น ชงเสวียนพูดตอ
“วิสัยทัศนศิษยนองเคยถูกเมฆหมอกบดบังอยางไรก็ยากรับประกันไดวาพวกเขาไม
เคยเปนเชนเดียวกัน ในโลกนี้ผูที่เห็นผลประโยชนมากกวาคุณงามความดีและไมคํานึงถึง
วิธีการ หรือเรียกอีกอยางวาหนูสายตาสั้นพวกนี้มีอยูมาก ยิ่งมีหมิงอองเปนแรงจูงใจ สี่
สํานักใหญยิ่งตีปกพั่บๆ อีกทั้งเรื่องในปนั้น บรรดาสํานักเตาก็ยังจํากันได พวกเขายังมี
ความยําเกรงสี่สํานักใหญอยู เพียงแตเราสามขุนเขายังรุงเรือง พวกเขาถึงมาเขาพวกดวย
หากสี่สํานักใหญปดตาพวกเขาแลวใชวิชาของหมิงอองเขาหลอกลอ ปูทางสูจอมยุทธให
เกรงวาสถานการณของเราอาจเลวรายลง”
ชงเสวียนพูดเสียงขรึม แลวจึงเงยหนา ทอดถอนใจแลววา
“ศิษยพี่ไหนเลยไมรูวาเขาซางชิงเรามีบารมีมากแคไหน จึงอยากใหศิษยนองเปน
ประธานของงานในวันนี้ และเพราะสถานการณในตอนนี้เปนผลมาจากการปรากฏตัว
ของหมิงออง พวกเราแมไมกลัว แตก็ควรรวมพลังกันไวใหมั่น ไมใหหมิงอองฉวยโอกาส
ได”
เหมยอวิ๋นชิงเงียบไปสักพัก จึงวา
“ยังคงเปนศิษยพี่ที่คิดไดรอบคอบ แตจากมุมมองของศิษยพี่ เรื่องของหุบเขาเชียน
เฉิงเราควรทําอยางไร หรือตองรีบสงขาวใหทางสํานักรู จะไดเตรียมพรอมไวแตเนิ่นๆ”
ชงเสวียนโลงอก รีบพูดตอ
“คงไมจําเปน ลาสุดเรื่องยังไมชัดเจนนัก และการที่หุบเขาเชียนเฉิงเอาใจออกหาง
เขาไทชิงก็นับเปนเรื่องที่ดี แตถาสี่สํานักใหญอยากไดหุบเขาเทียนเฉิง เราก็มีสิทธิ์แยง
และถาศิษยนองสามารถเกี้ยวใหหุบเขาเชียนเฉิงมาอยูกับเราได ตอไปเขาซางชิงเราตอง
เปนผูนําแหงสามขุนเขาสํานักเตาแถวหนาแน!”
เหมยอวิ๋นชิงไดยินก็หวั่นไหว ถาเปนเชนนี้จริง นางคงมีชื่อกองในแวดวงสํานักเตา
จะไดใชโอกาสนี้ทลายความคับของใจที่ถูกหมิงอองกดดันพอดี ซึ่งจริงๆ แลว นางคิด
มากไป เพราะชื่อของนางในตอนนี้ไมสามารถเทียบชั้นกับหมิงอองแลว แตนางเองยอม
ไมคิดเชนนี้ พอคิดๆ ดู จึงวา
“จะทําอยางไร ก็แลวแตศิษยพี่ก็แลวกัน?”
“เรื่องนี้ตองวางแผนระยะยาว เราสามารถรีบสืบดูกอน ขาคิดวา หุบเขาเชียนเฉิงยัง
ไมไดตัดสินใจออกจากออมอกเขาไทชิงเสียทีเดียว เพราะเรื่องใหญขนาดนี้นาจะมีขาว
เล็ดลอดออกมาบาง แตวันนี้พวกเขามิไดไปงานเลี้ยง ก็พอที่จะแสดงใหเห็นวา พวกเขา
กําลังขัดแยงกับเขาไทชิง แถมยังรุนแรงจนอาจนําไปสูความแตกหักไดทุกเมื่อ หลังจาก
วันนี้ไป สํานักเตาอื่นๆ ตองรูสึกไดถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา ดังนั้นไมวาจะ
อยางไร ตอนนี้เราตองฉวยโอกาสนี้กอน โดยแสดงทาทีใหหุบเขาเชียนเฉิงรูวา เราหวังดี
ตอพวกเขา พรอมตอนรับพวกเขาทุกเมื่อ ขาไดสงเทียบเชิญไปยังที่ทําการหุบเขาเชียน
เฉิงแลว ผูกไมตรีไวกอน ขอเพียงสืบรูวาเรื่องนี้เปนความจริง คอยใหศิษยนองออกหนา
ใหพวกเขาเห็นความจริงใจของเรา เรื่องนี้จึงจะสําเร็จลุลวง” ชงเสวียนพูด
เหมยอวิ๋นชิงคิด เชนนี้ยอมไดแนนอน ไมวาจะอยางไรฉวยโอกาสไวกอนเปนดี ไดก็
ดี ไมไดก็ไมเสียหายอะไร
“ดี จัดการเชนนี้แลวกัน” แตก็ยังลังเลเล็กนอยจึงถามขึ้น
“ในเมื่อทุกคนกําลังจับตามองอยู เขาอวี้ชิงจะไมทําเชนที่เราทํารึ?”
ชงเสวียนหัวเราะ “ไมมีทาง เขาซางชิงเรามีศิษยนองอยูเปนประธานของงาน แต
เขาอวี้ชิงไมมี พวกเขาตองกลับสํานักกอน แลวรอใหเหลาปรมาจารยตัดสินใจ กวาจะ
ไปๆ มาๆ ยอมแขงกับเราไมทันแน คราวนี้นับวาเราโชคดีมากที่ศิษยนองอยูพอดี”
เหมยอวิ๋นชิงคอยผอนคลายลง คิดวาถาเรื่องนี้เปนจริง บิดานางหรือทานจอมยุทธ
ตองยอมรับในตัวนางมากขึ้นแน จึงรูสึกระตือรือรนขึ้นทันตาเห็น
“ดี เรื่องนี้มอบใหศิษยพี่จัดการทั้งหมด ถาสําเร็จ ขาตองรายงานผลงานของศิษยพี่
ใหทานจอมยุทธทราบดวยตัวเองอยางแนนอน”
“ตองขอขอบใจศิษยนองมากๆ!” ชงเสวียนยินดีปรีดาขึ้นทันที รีบคารวะ
ขณะมองดูชงเสวียนเดินจากไป เหมยอวิ๋นชิงพลันนึกอะไรขึ้นได ลังเลสักพักคอยถามขึ้น
“ซูอินมีขาวอะไรบางไหม?”
ชงเสวียนชะงัก หันมามองนาง พลางสายศีรษะ
“ไดยินวาวันนี้ชายาหมิงอองตองเขารวมงานเลี้ยงปใหมของเหลาเชื้อพระวงศ”
มองดูชงเสวียนหันกายเดินจากไปไกลแลว เหมยอวิ๋นชิงจึงคอยกํามือแนน
“เด็กนอยมอไป ขาตองฆาเจา...”
พูดแลวก็จัดเสื้อผาใหเรียบรอย กอนกาวออกเขาหองโถง เตรียมตอนรับแขกเหรื่อ
และขณะที่นางกาวเขาสูหองโถง แนนอนวานางยังไมรูขาวคราวของสํานักใบไผ
และยังไมรูเชนกันวาวันนี้ประวัติศาสตรไดรับการจดบันทึกใหม ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มี
ขึ้นระหวางหุบเขาเชียนเฉิงกับสี่สํานักใหญ เหมือนกําลังบอกวา รูปแบบตายตัวที่สํานัก
เตาฝนสืบทอดกันมานั้น ในที่สุดก็คงไวไมอยู
เรื่องผันแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา คลายนําประวัติศาสตรการแยงชิงอํานาจของ
สํานักเตาขึ้นมาปดฝุนอีกครั้ง แตครั้งนี้กลับรุนแรงกวา
ตอน 306 ความขัดแยง
ที่ทําการเขาซางชิงในวันขึ้นปใหมคึกคักมาก
ผูสูงสงในแวดวงเตาที่ยามปกติพานพบยากหลายทาน ไดฝาความหนาวเย็นเขามา
นั่งรวมกันเปนกลุมๆ อยูในหองโถง โดยมีชงเสวียนคอยรับรองอยูก อน ตอมาบุตรีจอม
ยุทธ เหมยอวิ๋นชิง คอยออกมาตอนรับขับสูดวยตนเอง ทําใหศิษยสํานักเตาตางๆ ไมวา
จะเปนกลุมผูอาวุโสสูงสงหรือเหลาดาวรุงดวงใหมลวนรูสึกประหลาดใจและยินดีปรีดา
กันถวนหนา หลังจากยิ้มแยมทักทายกันพอหอมปากหอมคอ บรรยากาศก็เริ่มคึกคัก
ไมรูวาบังเอิญหรือไม ทั้งๆ ที่หวงเซินแหงสํานักใบไผระวังมากแลว ก็ยังมาถึงบริเวณ
งานเกือบจะพรอมกับฉินไทจือแหงสํานักหวงที่มากับกลุมศิษยอยางไมคาดคิด
ศิษยเขาซางชิงที่ยืนตอนรับอยูหนาประตูเดิมทีเห็นสํานักใบไผลงจากหลังมากอน
ขณะคิดเขาไปตอนรับ กลับเห็นฉินไทจือพลิ้วกายมายืนตรงหนาเฉย ขวางทางหวงเซิน
อยางไมเกรงใจ เหมือนไมเห็นวาสํานักใบไผมาถึงกอนอยางไรอยางนั้น พลางยืนมือไพล
หลังอยูหนาประตูอยางไมยหี่ ระ กอนหันบอกศิษยอยางเย็นชา
“ไป ตามขาเขาไปดานใน”
สิ้นเสียง ศิษยรุนใหมที่อยูดานหลังก็ตอบรับ ซอยเทากาวเขาประตูทันที พรอมกับ
ศิษยสํานักใบไผกลุมหนึ่งที่รบี เขามาจับจองที่นงั่
หนาประตูมีพื้นที่กวางก็จริง แตศิษยสํานักใบไผมากันเปนจํานวนมาก จึงเลี่ยงไมได
ที่จะเบียดและกระทบกระทั่งกับศิษยสํานักหวงที่คิดเดินขึ้นหนา
ศิษยสํานักใบไผเมื่อเห็นเชนนี้ ไหนเลยจะไมโกรธเปนฟนเปนไฟ ติดที่ทานอาจารย
ยังไมเอยปาก จึงไมกลาชักกระบี่ ไดแตยืนหนาดํา ไมจอมจํานน
แลวหนาประตูก็เกิดความโกลาหล ฝายหนึ่งชักกระบี่ขึ้นขมขวัญ หวงเซินเดิมทีไม
อยากมีเรื่องกับคนใจรอน ทวาไหนเลยจะยอมรับการดูหมิ่นทามกลางสายตาผูคน
มากมายเชนนี้ได ขณะกําลังจะพูด พลันไดยินศิษยพี่ที่อยูขางกายตะโกนขึ้น
“ไรการศึกษามาจากไหน ถึงกลาไรมารยาทเชนนี้ นึกวากระบี่มรกตสามเชียะในมือ
ขาเปอนโลหิตไมไดหรือไร...”
ฉินไทจือยืนมือไพลหลัง พอไดยินก็คอยๆ หันมา ใชสายตาเหยียดๆ เหลือบมอง
อาจารยจาวที่ศีรษะและใบหนายังคงพันไวดวยผาพันแผล
“อวดดีจริงๆ ทีแรกขานึกวาสูงสงมาจากไหน ที่แทก็พวกคนปกปดหนาตาไมกลาให
ผูคนเห็นหนานั่นเอง!”
วาแลวก็หัวเราะ สีหนาเย็นชา พูดเสียงเย็นชา
“พวกคางคกขึ้นวอ ไมรูฟาสูงแผนดินต่ํา ยังกลามาทําอวดดีตอหนาขา ดูสารรูป
ตนเองเสียกอนแลวคอยพูด ไมรูวามีแรงชักกระบี่หรือเปลานั่น”
“เจา...” อาจารยจาวโมโหจนสั่นไปทั้งตัว เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่ในมือถูกชักออกจากฝก
“สาวหาว!” ฉินไทจือตวาดใสอาจารยจาวพรอมสายตาคมกริบ พลังปราณพลุง
พลานไปทั่วราง
“กลาชักกระบี่ตอหนาขา คิดวาขาไมกลาสงเจาไปปรโลกหรือไร?”
ศิษยขางกายฉินไทจือเห็นเชนนี้ ไฉนยังสนใจอีกวาฝายตรงขามเปนปรมาจารยอะไร
ทั้งหมดไมพูดไมจา ชักกระบี่ชี้หนาศิษยสํานักใบไผ
ศิษยสํานักใบไผก็ไมพูดพร่ําทําเพลง ทุกคนชักกระบี่ออกจากฝก ตอนนี้ตางฝายตาง
ชักกระบี่ขมขวัญซึ่งกันและกัน รอเพียงคําสั่งอยางเดียว พรอมตอสูโลหิตนองทุกเมื่อ
ความเคลื่อนไหวขนาดนี้ไมจําเปนตองรอรายงาน
สหายเตาที่อยูดานใน รวมทั้งชงเสวียนที่เพิ่งพาแขกเขาหองโถง ยอมสัมผัสได
ฉับพลันวาเกิดเรื่อง
ชงเสวียนรีบหันมอง เห็นศิษยที่อยูหนาประตูรีบรุดเขารายงาน พอไดยินวาเปนสอง
สํานักกอเหตุทะเลาะวิวาท เขาก็หนาดําคร่ําเครียดทันที
เขาสงคนจับตาดูทางเขาอวี้ชิงกับเขาไทชิง เพื่อเตรียมดึงขุมกําลังอยู เหตุใดจะไมรู
วาตอนนี้สองขุนเขา หรือกระทั่งสี่สํานักใหญก็กระทําเชนเดียวกัน สงคนมาไมรูเทาไหร
เพื่อจับตาดูเขาซางชิง
หากวันนี้สํานักหวงกับสํานักใบไผชักกระบี่ใสกันที่หนาประตูจริง พวกเขายอมตองดี
ใจแน ไมตองคิดก็รูวาไมมีทางทําใจดีเขาหาม เกรงวานาทีถัดมาอาจลงมือทําใหพันธมิตร
เขาซางชิงลมสลายดวยซ้ํา อยาวาแตยังมีคนจากราชสํานักที่คอยเฝาดูอยูและพรอมฉวย
โอกาสเขาขย้ําทุกเมื่อ
“เหลวไหลจริงๆ!”
ชงเสวียนไหนเลยจะทันคิดอะไรอีก สีหนาเขียวคล้ํา ยิ้มสูใหแขกเหรื่อพรอมปลอบ
ประโลม แลวรีบพลิ้วกายไปยังหนาประตู
สวนแขกที่อยูดานในพอเห็นเชนนี้ ก็รูทันทีวาเกิดอะไรขึ้น
แตจะใหทําเชนไร เมื่อมีเหมยอวิ๋นชิงที่อยูเหนือพวกเขาคอยคุมสถานการณอยู จึง
ไดแตทนไว ไมตามออกไปดูความคึกคัก ทําเปนไมรูเรื่องรูราว กลับมาเฮฮากันตอ
ทวาดวงตาของแตละคนกลับฉายแววผิดปกติที่แตกตาง
“เกรงวาคงมีอะไรดีๆ ใหดูแลว!” ทุกคนสบตากันและสงความรูสึกใหกันถวนทั่ว
ซึ่งขณะทีช่ งเสวียนยังไมทันมาถึง พลันไดยินเสียงเย็นชาของหวงเซินดังขึ้น
“ฉินไทจอื วันนี้เขาซางชิงเปนเจาภาพเชิญเรามารวมงานเลี้ยง อยากอเรื่องอยางไร
เหตุผลอีกเลย ถูกหรือผิดอยางไร ขาไมอยากถือสาหาความกับคนอยางเจา เขาซางชิง
ยอมใหความเปนธรรมเอง และเพื่อเห็นแกปรมาจารยเราที่เปนพี่นองกัน อยาก
ปรองดอง ไมอยากทํารายกัน ขาจึงขอแนะนําวา ทางที่ดีเจาควรเก็บอารมณหนอย อยา
นึกวาคมดาบคมกระบี่พวกนี้สามารถขมขวัญใครตอใครได สํานักใบไผเรามีมานานรอย
กวาป ยอมไมเกรงกลัวใครเชนกัน หากเจายังไมสํานึกผิดถูก กระบี่ในมือขาก็สามารถฆา
คนเชนกัน!”
วาแลวก็ยืดตัวตรง ตะโกนบอกคนในสํานัก
“เก็บกระบี่ ตามขาเขาไปอวยพรดานใน!”
พูดจบก็พลิ้วกายไปอยูดานหนาฉินไทจือ เชิดหนากาวเดิน ขณะกําลังจะกาวเขา
ประตู กลับเห็นฉิน
ไทจือพลิว้ กายมาขวางหนาไวอีก พรอมพูดดวยสีหนาเย็นชาเชนเดียวกัน
“สํานักใบไผเจากลาอวดบารมีดวยการเลนหัวสํานักหวงขาแลวรึ จะบอกอะไรให
กอนหนานี้ที่พวกเจาไรยางอายทําเรื่องสกปรก ริอาจทําผิดตอสํานักหวงขานั้น ที่แท
ไมใชเพราะนิสัยโลภมากของเจา แตเปนเพราะไมเคยเห็นสํานักหวงอยูในสายตาจริงๆ
เห็นสํานักหวงเปนอากาศธาตุ เมื่อครูก็ยังใจกลาหนาดานอีก ดี ขากลับอยากเห็น
เหมือนกันวา สํานักใบไผเจาเอาความกลามาจากไหนกันแน และอยากเห็นกระบี่ฆาคน
ของเจาวาจะเปอนโลหิตขาไดหรือไม ศิษยทุกคนจงฟง! วันนี้มีโจรลบหลูสํานักเรา ขาขอ
ใชโลหิตพิสูจนศักดิ์ศรีสํานัก!”
เห็นฉินไทจือคิดลงมือจริง หวงเซินจึงโมโห ตะโกนกอง
“ตาเฒาหัวรอน เจากลา!”
“นาโมโหยิ่ง!”
อาจารยจาวขางกายหวงเซินระเบิดอารมณ แลวชี้กระบี่ไปที่กระบี่ของฉินไทจือ
พลางวา
“ศิษยทุกคน ชักกระบี่ ฆามัน!”
“ชากอน!” เสียงถึงกอนกาย ในที่สุดชงเสวียนก็รุดมาถึง
ทั้งสองฝายพอเห็นชงเสวียนมา ก็ไดแตวางมือ อันที่จริงจะสูกันที่นี่ไดอยางไร สอง
ฝายเพียงยากสงบจิตสงบใจเทานั้น
“พี่หวง พีฉ่ ิน! วันนี้ทานทั้งสองลวนเปนแขกของขา หากมีเรื่องไมดีตอกัน ขอใหเห็น
แกหนาเขาซางชิงขาคอยพูดคอยจากันภายหลัง!”
ชงเสวียนตองทําหนาจริงจัง ไมพูดเพื่อใหไวหนาตน แตแสดงใหเห็นศักดิ์ศรีของเขา
ซางชิง
“ศิษยพี่ชงเสวียนมาไดจังหวะพอดี ใชวาสํานักใบไผขาไมเคารพเขาซางชิง ที่เรา
มารวมงานเลี้ยงในวันนี้ ก็เพราะเห็นแกหนาทานประธาน แตคิดไมถึงวาจะถูกคนใจรอน
ขมเหงจนเกินเหตุทามกลางสายตาผูคนมากมายโดยไมคิดถึงผลที่ตามมา อีกทั้งยังสบ
ประมาทสํานักใบไผเราหลายตอหลายครั้ง เราก็ทนแลวทนเลา เพียงแตไมอยากถูกมอง
วากลัวและถูกเขาใจผิด เรื่องเมื่อครู ศิษยพี่ก็เห็น วันนี้ใครผิดใครถูก ขอศิษยพี่ใหความ
เปนธรรมดวย!”
ที่สุดแลวหวงเซินก็พูดไดลื่นไหลกวา ยกยอตนเอง ทําลายฝายตรงขาม ชิงความ
ไดเปรียบไปอีกหนึ่งกาว
“เฮอะ ตอนนี้ขากลับรูสึกชื่นชมศิษยพี่เจาที่ปกปดหนาตายิ่ง เพราะอยางนอยเขายัง
รูจักอาย รูวาคนลวงโลกไมมีหนาพบใครไดอีก แตเจาหวงเซินกลับหนาดานหนาทน เปน
พวกปากกรรไกร กลาโกหกหนาตายอยางโจงครึ่ม ขากลับอยากถามเจาคําหนึ่ง ใครกัน
แนไมสนใจปรองดอง ใครกันแนขมเหงกันจนเกินเหตุ หรือเจาคิดจริงๆ วา สํานักหวงขา
ถูกลบหลูเชนนี้แลว เจาเพียงเลนลิ้นนิดหนอย พูดสองสามคําก็ถือวาไมมีอะไรเกิดขึ้น
แลว? กระบี่สํานักใบไผเจาฆาคนได แลวดาบสํานักหวงขาใชผาฟนหรือไร? กลาขอความ
เปนธรรม วันนี้ขากลับอยากถามวา สํานักหวงขามีคุณสมบัติที่จะขอความเปนธรรม
หรือไม?”
ประโยคสุดทายที่พูด ฉินไทจือหันมากวาดตามองชงเสวียน
หวงเซินทีย่ ืนอยูอีกขาง พลันหนังตากระตุก จองฉินไทจือเขม็ง เขาเขาใจแลว ตา
เฒาหัวรอนมิใชไมรวู าที่นี่คือเขาซางชิง ที่ตาเฒาทําทุกสิ่งอยางในวันนี้ ไมเพียงพุงเปามา
ที่ตน ยังพุงเปาไปที่เขาซางชิงดวย
เขาจงใจกอเรื่อง เพราะอยากบอกเขาซางชิงวา เรื่องตูเจวียนพวกเขาไมยอมจบ
งายๆ แน อยางไรก็ตามตองไดรับการชดใช หรือก็คือ เขาซางชิงตองใหความสําคัญกับ
ทาทีของพวกเขา และชดใชผลประโยชนที่แนนอนให
หวงเซินรูส ึกแยที่รูวาตนเองหลงกลตาเฒาฉินจนได ครั้งนี้ทางสํานักตองตําหนิตน
เพิ่มขึ้นแน พอคิดถึงตรงนี้ในใจก็รูสึกเกลียดชังสุนัขชราฉินไทจือเปนอยางยิ่ง
ขณะคิดโตแยง กลับเหลือบเห็นสีหนาชงเสวียนเสียกอน จึงรีบหุบปาก
ชงเสวียนในตอนนี้สีหนาแยมาก ทําใหหวงเซินรูสึกหวาดหวั่น พอเหลือบมองฉิน
ไทจือ ก็รูสึกโกรธ พลางคิดในใจ “ตาเฒาหัวรอน ถาขาไมรอด เจาก็อยาหวังวาจะรอด!”
วากันตรงๆ เขาไมสงเสียงแลว เพราะรูวา ฉินไทจือแมบรรลุจุดประสงค แตกลับ
ลวงเกินชงเสวียนอยางจัง แนนอน เขาดูไมผิด ชงเสวียนกําลังโกรธจัด เพราะมอง
จุดประสงคของฉินไทจือออกเชนกัน แตกลับไมยืนอยูขางฉินไทจือ
เหตุผลงายมาก เรื่องตูเจวียนสุดทายจะจัดการอยางไรนัน้ ใชวาเขาชงเสวียนจะ
ตัดสินใจได
ฉินไทจือก็รู จึงไมไปเอาเรื่องที่สํานักใบไผ ไมขึ้นเขาซางชิงขอความเปนธรรม แต
กลับกอเรื่องขึ้นหนาที่ทําการเขาซางชิงในเมืองหลวง นี่เปนการจงใจแสดงใหเห็นความ
ผิดพลาดในหนาที่ของชงเสวียน ตบหนาชงเสวียน แสดงทาทีอยางโจงแจงใหเขาซางชิง
เห็น
ขมเหงกันเกินไปจริงๆ พวกเจาไมเห็นผูเฒาอยูในสายตาเชนนี้นี่เอง?
ชงเสวียนพยายามขมความโกรธ เขาเหลือบตามองทั้งฉินไทจือและหวงเซิน สุดทาย
ก็ตัดสินใจปกปองหวงเซิน ไมมีเหตุผลอื่น เพียงเพราะวันนี้หวงเซินเห็นแกหนาเขา
พยายามควบคุมอารมณ แตฉินไทจือกลับจงใจทําใหเขาหนักใจ เขาจึงจําตองแสดงทาที
ใหเห็น
ที่สําคัญคือ เกรงวาคนบนเขาซางชิงเองก็ไมสามารถชดใชใหสํานักหวงไดเชนกัน แม
สํานักหวงจะพูดวาเรื่องที่สํานักใบไผกระทํา เปนการทําลายลางสํานักเตาก็ตาม แตอยา
ลืมวา ถาสํานักใบไผยอมรับวาจงใจกระทําเพื่อแยงผลประโยชนของสํานักหวงในหมิงจู
จริง เรื่องนี้ก็ไดบทสรุปทันที สํานักหวงตองรามือ มิฉะนั้นแลวจะยังเปนสํานักเตาได
อยางไร?
และเขาซางชิงก็ไมอนุญาตใหทั้งสองสํานักฟาดฟนกัน
ดังนั้นอยางไรก็ตาม ชงเสวียนก็ไมสามารถยืนขางสํานักหวงได
เขาจึงเงยหนาขึ้น เผชิญหนากับฉินไทจือ สบตาตรงๆ จองมองไมวางตา กอนพูด
เสียงขรึม
“อาจารยฉิน วันนี้สํานักเตาตางๆ มารวมตัวกันโดยมีบุตรีจอมยุทธแหงเขาซางชิง
เปนประธาน ซึ่งนักพรตเหมยไดออกมาตอนรับแขกเหรื่อดวยตัวเอง จึงอยากขอให
อาจารยฉินระงับความโกรธไวชั่วคราว เขาไปดานในกอน ไมวาทั้งสองทานเขาใจผิด
อะไรกัน หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงคอยใหนักพรตเหมยเปนผูไกลเกลี่ย ไมทราบวาอาจารย
ฉินเห็นเปนเชนไร?”
ตอน 307 คิดกําจัดหมิงออง ใครอาสาทําหนาทีน่ ี้
วาจานี้ เหตุใดฉินไทจือจะฟงไมออก ชงเสวียนถามความเห็นของเขาคนเดียว แสดง
วากําลังหาวาเขาเปนผูกอเรื่อง สีหนาจึงเย็นยะเยียบ เหรตามองหวงเซินที่อยูด านขาง
ในมุมของฉินไทจือ แนนอนวารูสึกไมพอใจ จึงพูดเสียงขรึม
“เมื่อศิษยพี่ชงเสวียนเอยปาก ขาไหนเลยจะกลาไมทําตาม เพียงแตตองขออภัย
ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักหวงขาแมพูดไมเกง แตหลายปมานี้ เราใหความสําคัญกับการ
แยกแยะผิดชอบชั่วดี เพื่อพิทักษสํานักเตาใหคงอยู คนในสํานักหวงแมตองตายก็ไม
เสียดาย ขอเพียงสํานักทานมีคําสั่ง คนในสํานักหวงไมวา สถานะสูงต่ําเพียงใด ลวน
ปฏิบัติตามโดยไมคํานึงถึงผลตอบแทน ขอเพียงใจกวางกับเราก็พอ ผูแซฉินมีนิสัย
บุมบาม วันนี้หากลวงเกินอะไรไป หลังจบเรื่องยอมตองขอรับโทษจากสํานักทาน สํานัก
หวงเราใครทําดีมีรางวัลให ใครทําผิดตองไดรับโทษ ไมเปะปะเปนอันขาด ถึงเวลานั้น ถา
สํานักทานคิดฆาแกงผูแซฉินอยางไร ผูแซฉินยอมตองชดใชให”
คําพูดนี้ทําใหคิ้วของชงเสวียนกระตุกไมหยุด รูสึกไมพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แตก็รูวา
วันนี้ตนไดลวงเกินทานผูนี้เขาใหแลว แตไมมีทางเลือก บางครั้งสามารถประนีประนอม
แตบางคราก็หามถอย
อีกอยาง ตอนนี้ไมควรพัวพันกันตอตรงหนาประตู ตองทําใหสงบนิ่งลงกอน
“อาจารยฉินพูดเกินไปแลว เชิญ!” ชงเสวียนไมพูดมากความ หันกายผายมือทันที
ฉินไทจือหนาตาเครงขรึม ใชสายตาคมกริบเหลือบมองหวงเซินที่อยูดานขางอีกครั้ง
คอยหันกายเดินเขาดานใน หวงเซินใชสายตาจงเกลียดจงชังมองตามแผนหลังเขาไป รอ
จนเขาเขาไปแลว ก็รีบกาวเขาหาชงเสวียน ยกมือคารวะพรอมยิ้มขมขื่น พลางวา
“วันนี้ทําใหศิษยพี่เดือดรอน ขารูสึกลําบากใจจริงๆ ”
ชงเสวียนสายศีรษะไปมา ไมรูวาควรพูดอะไรดี อีกอยางไมควรสนิทสนมกับหวงเซิน
มากเกินไป เพราะจะดูเปนการลวงเกินสํานักหวงเขาไปอีก จึงไดแตสายศีรษะ “เชิญ!”
แตหวงเซินกลับดึงเขาไวไมปลอย พลางวา
“ศิษยพี่ชากอน ศิษยนองยังกังวลอยู จําตองพูดกับศิษยพี่ใหชัดเจน มิฉะนั้นเกรงวา
ประเดี๋ยวอาจเกิดเรื่องขึ้นอีก ศิษยนองเสียหนานั้นเรื่องเล็ก ทําพวกเรากันเองหมดสนุกนี่
สิเรื่องใหญ!”
ชงเสวียนขมวดคิ้ว จองมองหวงเซิน
หวงเซินจึงรีบกาวเขา กระซิบขางหูชงเสวียน บอกสาเหตุที่ตองนําศิษยมากมายเขา
มาในงาน เพื่อปองกันแผนการจูโจมของสํานักหวง
ขณะเดียวกับที่ฉินไทจือซึง่ เดินเขาประตูไปหันมามอง เห็นคนทั้งสองยืนกระซิบ
กระซาบกันพอดี ก็รูสึกเอือมระอา ศิษยที่ยืนอยูขางๆ เห็นเชนกัน รูสึกไมพอใจ จึงพูด
เสียงเบาขางหูฉินไทจือ
“อาจารย หรือสํานักใบไผกับเขาซางชิงจะมี...”
“เฮอะ!” ฉินไทจือไมพูดอะไร กาวเขาดานในพรอมสีหนาดําคล้ํา
สักพัก ชงเสวียนกับหวงเซินก็กาวเขามา ชงเสวียนขมวดคิ้ว เหลือบมองรางของฉิน
ไทจือที่เพิง่ นั่งลง กอน
ยิ้มทักทายแขกเหรื่อ แลวเดินมายืนขางกายเหมยอวิ๋นชิง เลาเรื่องที่เกิดขึ้นดานนอก
เมื่อครูใหฟงดวยเสียงแผวเบา
เหมยอวิ๋นชิงเปนคนหยิ่งยโสอยูแลว พอไดยินชงเสวียนเลาก็ขมวดคิ้วทันที คิดวา
กลาถึงขนาดกอเรื่องทั้งๆ ที่รวู านางเปนประธานในงานเลี้ยง นี่แสดงวาไมเห็นนางอยูใน
สายตาชัดๆ
ฉินไทจือเห็นเหมยอวิ๋นชิงขมวดคิ้วเหลือบมองมาทางตน ก็รูสึกไมสบายใจ
ดีที่เหมยอวิ๋นชิงมิไดแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา ดวยกําลังอยูในงานรื่นเริง โดย
ถาเปนปกอนๆ หรือในชวงเทศกาลแหงความสุข จะไดยินเสียงสรวลเสเฮฮามากกวานี้
แตปนี้ เมื่อคนจากสํานักเตามารวมตัวกัน อยางไรก็หลีกเลี่ยงไมไดที่จะตองพูดถึง
หัวขอหนึ่ง
ซึ่งจริงๆ แลว เขาซางชิงจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ขึ้น เพื่อตองการดูทาทีของสํานักเตาตางๆ
โดยหลังจากยกจอกสุราขึ้นสามครั้ง ชงเสวียนก็สงสัญญาณสบตาถามเหมยอวิ๋นชิง
พอนางพยักหนาบอกใหเริ่ม เขาจึงวางจอกสุราลง แสดงสีหนาอมทุกข ปราศรัยกับทุก
คนในหองดวยความเจ็บแคน
“สหายเตาทุกทาน นี่ก็ผานไปอีกหนึ่งปแลว บานเมืองเราเกิดเรื่องวุนๆ ขึ้นมากมาย
ไมวาจะเปนสงครามกลางเมือง ศัตรูตางชาติรุกราน ราชสํานักระส่ําระสาย และในชวง
วิกฤตเชนนี้ สํานักเตาเรายังมาประสบกับปญหาภายในสํานักหรือระหวางสํานักกันอีก
ทําใหทุกครั้งที่นึกถึง ชงเสวียนก็อดไมไดที่จะรูส ึกสะทกสะทอนใจ ไมทราบวาทุกทานมี
นโยบายดีๆ ที่จะแกไขปญหาเหลานี้อยางไร ที่สามารถคืนความสุขใหบานเมือง สราง
ความสงบแกสํานักเตาเราได?”
ทันใดนั้น ผูคนในหองตางก็มีสีหนาจริงจังขึ้น ดวยพอจะรูหัวขอสนทนาและเขาใจ
ความหมายของชงเสวียน
ฉินไทจือที่นั่งอยูซา ยมือดานลางมิไดเอยปากอะไร แตพอเหลือบมองหวงเซินที่นั่งอยู
ฝงตรงขาม กลับเห็นสุนัขตัวนี้รีบลุกขึ้นยืนประจบสอพลอเสียงดังแจวๆ วา
“ที่ศิษยพี่ชงเสวียนพูดมา ลวนเปนความกังวลของเราทุกคน แตจะทําอยางไรได คน
จากสํานักเตาเราแมมีความสามารถมากมาย มีใจขจัดทุกขใหปวงประชา แตกลับมีเรื่อง
ใหตองลําบากใจอยางไมคาดคิด แมเราพรอมสละชีพ แตสุดทายกลับไมเห็นทางสวาง
ตองตกอยูกับความเจ็บแคนที่สํานักเตาอาจถึงคราวลมสลาย ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ ผูแซ
หวงก็มักน้ําตาไหล พลางทอดถอนใจ เก็บความในใจที่ยากบอกกลาวเอาไว”
คําพูดนี้พอหลุดออกจากปาก ผูคนก็หันมาสบตากัน แลวก็นิ่งเงียบ
พอเห็นสีหนาทุกคน ชงเสวียนก็รีบรับลูก “ศิษยพี่หวงหมายความวาอยางไร?”
“สํานักเตาเราเดิมทีไมอยากยุงเกี่ยวกับทางโลก แตหลายปที่ผานมา กลับมีคน
ตองการทําลายลางเรา ไมอยากใหเราหลุดพน กอนหนานี้ก็ทําใหเราลําบากมามาก
พอแลว แตเพราะเราเห็นแกคุณงามความดีขององคเซิ่งอู เราจึงอดทนแลวอดทนเลา
แตกลับไมคิดวา ตอนนี้ในราชสํานักกลับมีวายรายที่นําภัยพิบัติมาสูชาติบานเมืองโผล
ขึ้นมา อยางเมื่อเดือนกอน ไดสังหารยอดฝมือที่สํานักเตาเราสงไปแกปญหาใหบานเมือง
ที่หมิงจูอยางโหดเหียม
้ สงสารก็แตยอดฝมือผูมีทั้งความกระตือรือรนและความจริงใจ
แตสุดทายกลับตองตกอยูในสภาพเชนนั้น! ทุกทาน แคนนี้เราควรทําอยางไร? ทํา
อยางไรดี?”
จูๆ หวงเซินก็เศราโศกขึ้นมา
ดูจากลูกรับลูกชงของคนทั้งสอง ทําใหทุกคนที่นั่งอยูในหองพอจะคาดเดาไดวา งาน
เลี้ยงในวันนี้คงหนีไมพนเรื่องการกําจัดหมิงออง
แตก็ไมเหนือความคาดหมาย ดวยหมิงอองเคยจูโจมตรงๆ ใสเขาซางชิง ประกาศวา
จะลางบางเขาซางชิง อีกทั้งยังทาประลองกับจอมยุทธอยางบาบิ่น เขาซางชิงยอมไม
สามารถนิ่งดูดายยอมรับในเรื่องนี้
ทวาผูคนกลับมองสํารวจสีหนาหวงเซินหลายครั้ง ใจคิด หรือเขาซางชิงตองการ
ปกปองสํานักใบไผ ที่แทก็เปนเชนนี้นี่เอง และแมตางชัดเจนในใจ แตก็ไมมีใครสงเสียง
ขานรับ ใครก็ไมอยากเปนผูนําในเรื่องนี้ทั้งนั้น
ชงเสวียนเห็นเชนนี้ จึงสงเสียงกระแอมเบาๆ กอนพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องเศราที่หมิงจู นาแคนใจจริงๆ ทุกครั้งที่คิดถึงดวงวิญญาณที่ไปไมมีวันกลับของ
ยอดฝมือเหลานั้น ใจขาก็ยากจะรับไหว แคนจนอยากพลิ้วกายไปหมิงจู ตัดศีรษะจอม
มาร ลางแคนใหยอดฝมือทุกทาน สรางความเปนธรรมใหกับบานเมืองเรา!”
“นาแคนใจจริงๆ!”
“ผูเฒาก็มีความรูสึกเชนนี้!”
“ศิษยพี่ชงเสวียนชางกลาหาญเด็ดเดี่ยวยิ่ง นับถือๆ!”
......
ในที่สุดผูคนก็พูดแลว แตในคําพูดกลับไมมีสักคนยอมเปนผูนํา
เหมยอวิ๋นชิงเห็นเชนนี้ก็ขมวดคิ้ว คนเหลานี้พูดกันไปพูดกันมาจนนางเขาใจแลววา
ไมมีผูใดรับอาสาทําหนาที่นี้แน ทําใหนางรูสึกไมพอใจยิ่ง เกิดเปนคนของสํานักเตาทั้งที
กลับไมอาสาแบงเบาความทุกขใหสํานัก แสดงวาไมมีความภักดี!
แตนางกลับไมคิดๆ ดูวา ใครเลาจะโง สังหารมอไปนั้นไมเทาไหร แตคนเขามีราช
สํานักหนุนหลัง เขาซางชิงของเจาเองยังไมกลาออกหนาลงมือ แลวจะใหผูอนื่ ไปแทน
หรือ?
ความจริงฉินไทจือคิดแสดงทาที เพราะการตายของหงเจิ้นทําใหเขาแคนหมิงออง
มาก เทียบกับผูที่นั่งอยูในทีน่ ี้ เขาคือผูที่อยากกําจัดหมิงอองมากสุด
แตวันนี้เขารูสึกไมพอใจทาทีของเขาซางชิง ยิ่งพอเห็นชงเสวียนกับหวงเซินเปนลูกคู
ประสานเสียงกันเปนอยางดี เขาจึงตั้งใจนั่งเงียบไมสงเสียง มองดูเขาซางชิงพายแพอยาง
สะใจ
พอเห็นเหมยอวิ๋นชิงคลายมีทาทีที่ทนไมไหว ชงเสวียนก็กลัววานางจะพูดอะไร
ออกมาที่ทําใหผูคนหาทางลงไมได จึงรีบกวาดตามองหวงเซิน แลวแยงพูด
“แตศิษยพี่หวงไมจาํ เปนตองแคนเคืองจนเกินไป พฤติกรรมขุนนางเชนนี้ยอมทําให
ผูคนมากมายโกรธแคน อยางไรก็ดี ทําชั่วยอมไดชั่ว คนบาระห่ํา ยอมตองตายในไมชา!”
“ออ? ศิษยพี่ชงเสวียนพูดจริงรึ?” หวงเซินตื่นตัวทันที รีบถาม
ชงเสวียนรับลูกตอ “ทุกทานก็รูวา ถาตองการกําจัดขุนนางที่หมิงจูอยางเดียวความ
จริงแลวไมยากอะไร! แมคนผูนี้มีวิชาเตานอกรีตอยูบาง แตก็สําแดงความเหียมโหดได
้
เพียงครั้งเดียว ถาเราทุกคนอยูที่นั่น ใครบางไมมีวิชาที่สืบทอดมานาน ใครบางไมมี
พื้นฐานที่ลึกล้ํา อีกอยางขุนนางนั่นก็อายุแคยี่สิบกวา จะกาวราวไดถึงไหนกัน?
เพียงอาศัยโอกาสชั่วขณะแอบรวมพลังนอกรีตเทานั้น คลายกระดาษหอดวงไฟ เห็น
วาสวางอยางนั้น แตจริงๆ แคใชนิ้วจิ้ม กระดาษก็ทะลุแลว! ทุกทานเห็นดวยหรือไม?”
จุดนี้ทุกคนตางยอมรับ จนถึงขณะนี้ก็ยังไมมีใครเชื่อวามอไปสามารถตอสูกับจอม
ยุทธได ถึงรายกาจอยางไร ก็นาจะพอๆ กับปรมาจารยจอมโหดของสี่สํานักใหญเทานั้น
แมฝมือนากลัวจริง แตอยางไรมอไปกแ็ คคนคนเดียว จะมีพลังคุกคามมากมายได
อยางไร?
คิดฆาเขาจริงๆ นั้น งายเหมือนพลิกฝามือ
ทุกคนจึงพยักหนา
“ศิษยพี่พูดมีเหตุผล ขาวา ไมตองถึงระดับจอมยุทธหรือผูมีพลังปราณแข็งแกรงของ
สํานักเตาเราหรอก เพียงเราทุกคนอยูเผชิญหนา ก็สามารถทําใหโจรนั่นไปไมกลับแลว!”
“ไมผิด ถาไมใชเพราะสถานะ พวกเรามีใครกลัวมันบาง?”
“ถูกตอง ขาวา เรื่องที่หมิงจู ไมแนอาจเปนเพราะโจรนั่นเห็นยอดฝมือเรามีคุณธรรม
คอยระมัดระวังสถานะมัน ไมกลาลงมือจริงจัง ทําใหมันวางแผนลอบสังหาร จนเปนหนี้
โลหิตเชนนี้!”
ผูคนพากันแสดงความคิดเห็นตางๆ นาๆ อยางนี้คอยทําใหเหมยอวิ๋นชิงมีสีหนาดีขึ้น
จึงเอยปากพูด
“ยอมเปนเชนนั้น เพียงแตตอนนี้โจรนั่นกําลังนั่งอยูปากบอ นึกวาใชฝมือเล็กๆ แคนี้
ก็สามารถพิชิตใตหลาได อีกทั้งยังไมรกั ชีวิต กลาเสียมารยาทกับทานจอมยุทธ ผูที่มีจิตใจ
เชนนี้สมควรตายเปนอยางยิ่ง!”
คําพูดนี้พอพูดออกมา ทุกคนก็แสดงทาทีวามอไปรนหาที่ตายจริงๆ
เมื่อเห็นวาเริ่มปลุกเราบรรยากาศไดแลว ชงเสวียนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ตามเหตุผลที่ทุกทานพูดมาทั้งหมด ทําใหขุนนางนั่นอยูอยางสุขสบายมาไดจนทุก
ถึงวันนี้ ความจริงพูดก็พูด หากเราไมยอมเดินทางเขาเขตยึดครองของศัตรูตางชาติ
สังหารมันลางแคนใหสาแกใจแลวละก็ นั่นเทากับวาเราปลอยใหผืนดินที่องคเซิ่งอูและ
บรรพชนรวมรบเพื่อใหไดมาครอบครองถูกกัดกรอนไปเปลาๆ ตอนนี้ราชสํานักมีปญหา
ทั้งภายในและภายนอก แตกแยกเปนกกเปนเหลา คิดไมถึงวา จะมีคนบางคนไมเห็นแก
ชาติบานเมือง คิดแตจะลงมือกับสํานักเตาเราใหได สํานักเตาเราก็อยูของเราในพื้นที่
เล็กๆ แตกลับถูกมองวาไมรกั ชาติ สํานักเตาเราหลั่งโลหิตในสนามรบ แตกลับถูกมองวา
ทรยศประเทศ สรุปแลวไมวาสํานักเตาเราทําอะไร ก็ลวนแลวแตถูกกลาวหาวามีเจตนา
รายทั้งสิ้น คนผูนี้ตองการทําใหสํานักเตาเราเดินเขาสูความตายใหไดถึงจะพอใจ”
คําพูดนี้ทําใหทุกคนรูสึกเครงเครียด แตก็ไมประหลาดใจเทาไร เรื่องนี้พูดกันมานาน
แลว ทุกคนตางก็รูดี
“ยังคงเปนคําคํานั้น บานเมืองคือมรดกที่องคเซิ่งอูใหมา เราตองรักษาไว ตอบแทน
พระคุณทาน ทวาแมเราอดทนมาหลายตอหลายครั้ง ก็ไมสามารถแลกมาซึ่งความสันติ
เสียที กลับทําใหผูคนตกทุกขไดยากยิ่งขึ้น ตอนนี้คิดไปคิดมา ทั้งหมดเปนเพราะราช
สํานักมีขุนนางทรยศ ยิ่งตอนนี้ ยิ่งมีขุนนางทรยศตัวเปงโผลมาอีก และกําลังใชหมิงจูเปน
ฐานที่มั่น ซึ่งเราไมควรทนอีกตอไป ตองกําจัดขุนนางนั่นใหสิ้น เพื่อรักษาบานเมืองเราไว
เพื่อความสงบสุขของปวงประชา และความสงบสุขของสํานักเตาเรา!”
ชงเสวียนพลันพูดอยางหนักแนน พรอมสีหนาจริงจัง
ตอน 308 หวงเซิน “ฆาหมิงออง นอกจากขาแลวยังมีใคร”
เปนครั้งแรกที่ชงเสวียนพูดจบแลวหันมองหวงเซิน
หวงเซินรูง าน เพียงทําลังเลเล็กนอย กอนลุกขึ้นยืน พูดเสียงสูง
“ศิษยพี่ชงเสวียนพูดมีเหตุผล เราทนจนทนไมไหวแลว หากคิดกําจัดขุนนางนั่น เรา
ตองสาบานวาแมตายก็ตองตามสังหารใหจงได!”
ทุกคนไดยินดังนี้ก็ไมมีทางเลือก ไดแตขานรับแลวคิดในใจ
‘ขอตามเขาซางชิงไปสังหารแลวกัน!’
ไดแตตามอยูดานหลังของเขาซางชิง ไมมีทางลงมือคนเดียวอยางแนนอน
ชงเสวียนกะพริบตาแลววา
“เห็นทุกทานมีน้ําใจเชนนี้ ชงเสวียนขอกลาวขอบคุณ ทวาทุกทานก็รู ขุนนางนั่นมี
สถานะพิเศษ หากกําจัดแลว ยอมมีเรื่องเดือดรอนตามมา แตทุกทานวางใจ แมไดรับแรง
กดดันมากเพียงใด มีเราเขาซางชิงเปนผูนําทั้งที ตองปกปองทุกสํานักใหอยูรอดปลอดภัย
อยางแนนอน”
คําพูดนี้ทําใหทุกคนสะดุดกึก พูดมาครึ่งคอนวัน เจายังคงใหพวกเราเปนแนวหนา
สวนพวกเจาก็อยูแนวหลังคอยกันราชสํานักเสียนี่
เหตุผลนี้ฟงขึ้นก็จริง แตที่สําคัญ หลังจากกําจัดหมิงอองแลว ภายใตความโกรธแคน
ของราชสํานัก ยอมตองจับแกนนําที่กระทําความผิด ถึงตอนนั้นเขาซางชิงจะออกมา
ยอมรับวาเปนผูบงการจริงหรือ?
บรรยากาศเย็นยะเยียบลงอีกครั้ง
วันนี้หวงเซินมาเพื่อตองการสานสัมพันธอันดีกับเขาซางชิง เพราะกอนหนานี้เคยกอ
เรื่องไว ตอนนี้ตองหาทางชดเชย ซึ่งถาสํานักหวงยังคงคิดหาเรื่องอีก ก็ตองใหเขาซางชิง
ชวยพูดจึงจะดี
“ศิษยพี่วางใจ ขุนนางนั่นเรื่องเล็ก เราตองจัดการไดแน...” หวงเซินพูด
“เฮอะ ตลก!”
ไมมีใครคาดคิด หวงเซินพูดยังไมทันจบ กลับมีเสียงแคนหัวเราะดังขึ้น
ในหองเงียบกริบ ทุกคนมองไปยังตนกําเนิดเสียง ที่แทก็เปนฉินไทจือนี่เอง มือของ
เขาจับจอกสุราพลางจองมองหวงเซิน สีหนาเต็มไปดวยความเยยหยัน
หวงเซินหาทางลงยากแลว จึงหนาดําพลางวา
“ฉินไทจอื เจาหมายความวาอะไร หรือเจากลัวฝมือของจอมมารนั่น กลัวจนหัวหด
ตดหายเลยสิทา”
“ฮาๆ!” ฉินไทจือพลันแหงนหนาหัวรอ ทําเอาสีหนาหวงเซินบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว
และไมเพียงแคสีหนาของหวงเซินคนเดียวที่ไมนาดู แมแตชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิง
ก็รูสึกวาฉินไทจือโอหังเกินไป ชงเสวียนจึงเอยปาก
“อาจารยฉินมีคําชี้แนะเชิญกลาว!”
ฉินไทจือคอยๆ เก็บรอยยิ้ม หันมามองชงเสวียน แลวชี้นิ้วไปที่หวงเซิน
“ศิษยพี่ชงเสวียน ถามัวอาศัยพวกหนูขี้ขลาดที่เอาแตลอบกัดมาวางอุบายกําจัดหมิง
อองแลวละก็ เกรงวาถึงพวกเรารอไปจนหมดอายุขัย ก็ยังไมเห็นผลงานแน!”
“ฉินไทจอื !” หวงเซินตวาดเสียงดัง เขาโกรธแลวจริงๆ
ชิ้ง! ฉินไทจือพลันชักกระบี่ชี้หนาหวงเซิน
“ดูตัวเองเสียกอน วาตัวเองเปนตัวอะไร ผูที่อยูขางๆ เจา กระทั่งมดปลวกตัวเล็กๆ
ลูกนองของเขาก็ยังไมมีปญญารับมือ หนําซ้ํายังเกือบมอดมวยภายใตเงื้อมมือพวกเขาอีก
สุดทายโชคดีหลบหนีไดก็จริง แตก็ถูกพลทหารธรรมดาๆ จับมัดแลวพาตระเวนไปตาม
ทองถนน ถามีความมุงมั่นจริง วันนี้ไฉนยังมายืนอยูในที่นี้อีก? อาศัยคุณสมบัติเชนนี้ ก็ยัง
กลาคุยโวโออวด หมิงอองแมเปนเพียงเด็กนอยที่ทุกทานเพียงพลิกฝามือก็เอาอยู
แตกับสํานักใบไผเจา เรื่องประจบสอพลอไมเอาหนาเอาตาถือวาไมเลวทีเดียว แต
สําหรับการตอสูแลว เงียบๆ ไวจะดีกวา มิฉะนั้นหากสุดทายยังกําจัดหมิงอองไมได เจา
อาจตองเลียนแบบคนขางๆ หาผามาปดหนาปดตา แลวคิดเสียวาไมมีอะไรเกิดขึ้น”
คําพูดนี้ทําเอาเกือบทุกคนในหองหัวเราะออกมา แตแลวก็มีสีหนาแปลกๆ อดคิด
ไมไดวา คนทาทางโบราณๆ อยางฉินไทจือ พอดาคนขึ้นมาก็...เจ็บแสบใชยอย
ไมตองพูดถึงหวงเซินกับคนขางๆ ที่นั่งหนาเขียวสลับแดงอยู ไมสิ เห็นหนาหวงเซิน
เพียงคนเดียว อีกคนมองไมเห็นหนา แตก็รูสึกไดจากลมหายใจที่ขุนเคือง ตาแทบถลน
ออกจากเบา ทําใหสงสัยวานาทีถัดมา เขาอาจลุกขึ้นเชิดหนาเปลงเสียง แลวหมดสติไป
“ฉินไทจอื ขาไมขออยูรวมโลกกับเจา!”
อาจารยจาวลุกขึ้นเปลงเสียงจริง แตกลับไมหมดสติ ชักกระบี่ออกดวยมืออันสั่นเทา
คิดกาวออกไปตอสู
“เจาเก็บแรงอันนอยนิดไวจะดีกวา คิดกําจัดหมิงอองมิใชรึ? ทาทางที่โอนเอนไปมา
เชนนี้ ระวังจะหกลมเขาละ ถึงหมิงอองจะออนดอยอยางไร แตก็ใชวาคนพิการคนหนึ่ง
จะรับมือไหว!” ฉินไทจือเยยหยัน
ตอนนี้คนกลุมหนึ่งเริ่มทนไมไหว หนังหนากระตุกไมหยุด รีบลุกขึ้นอําพรางรอยยิ้ม
เดินเขาไปดึงตัวอาจารยจาวไวพลางพูดเตือนสติ
อาจารยจาวถูกลากใหถอยหลัง แตปากยังแผดเสียงรอง
“เจา...หยุดพลามไปเลย อีแคเด็กนอยมอไป แมขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดทาย ก็ยัง
สังหารมันได...”
ไมวาหวงเซินจะทําใจดีสูเสืออยางไร อารมณก็ระเบิดออกจนได ซ้ํายังเติมเชื้อไฟ
ดวยการชี้หนาฉินไทจือพลางดา
“ฉินไทจอื เจาขมเหงเราสองพี่นองรวมสํานักไมเปนไร แตจะลบหลูสํานักเราไมได
อยาวาแตเด็กนอยหมิงอองเลย แมสํานักหวงเจามากันทั้งสํานัก สํานักใบไผขาก็สามารถ
ฟนใหเ**ยนเตียนไดในหนึ่งกระบี่ อยาดีแตพูด เจากับขามาวัดกันใหตายกันไปขางตอนนี้
เลยดีกวา!”
“นึกวาขากลัวเจารึ!” ฉินไทจือก็ระเบิดอารมณเชนกัน พับแขนเสื้อขึ้นพรอมลุย
“พอไดแลว!” เหมยอวิ๋นชิงสงเสียงใสเย็นทันที
เหตุการณหยุดนิ่งชั่วขณะ ฉินไทจือกับหวงเซินไมกลาทําอะไรตอ
เหมยอวิ๋นชิงคอยๆ กวาดตามองคนในหอง จนมาหยุดอยูที่ฉินไทจอื เปนคนสุดทาย
“อาจารยฉิน พวกเราลวนเปนสหายเตากันทั้งนั้น ทานอยาไดทําเกินไป!”
ฉินไทจือเงยหนามอง
“นักพรตเหมย ใชวาขาอยากหาเรื่อง แตทนไมไดจริงๆ ที่เห็นทาทางเสแสรงของตา
เฒาหวง แคหมิงอองคนเดียว ไมเห็นจําเปนตองเรื่องมากเพียงนี้ ในที่นี้มีใครไมสามารถ
ฟนใหเหียนเตี
้ ยนในหนึ่งกระบี่บาง? แมตาเฒานั่นทําไมได แตสํานักใบไผก็มีปรมาจารย
นับสิบ หากมีใจและกลาจริง ยังตองมาพลามกันอีกทําไม
เพียงแคออกคําสั่งสงปรมาจารยเดินทางไปหมิงจูจัดการรวดเดียวก็สิ้นเรื่อง ไม
จําเปนตองมาพูดจาใหสวยงาม ทั้งหมดนี่ลวนแลวแตไรสาระ ผูแซฉินทนเห็นไมไดเปน
ที่สุดก็คือพวกหนูขี้ขลาด วันนี้ยังมีหนามายืนสาบานอีก แนจริงพอออกจากประตูนี้ไป
ตางคนตางกุมกระบี่บุกเดี่ยวไปหมิงจู แลวใหทุกคนคอยดูวา เด็กหนุมกระจอกๆ เพียง
คนเดียว ไมควรคาใหตองพูดถึง หวงเซิน ถาเจาแนจริง ก็ไปพรอมขา!”
คําพูดนี้ทําเอาทั้งหองเงียบกริบ
เหมยอวิ๋นชิงก็อึ้งไปเชนกัน ไมรูจะตําหนิอยางไรดี หรือจะโกรธใหกับความกาวราว
ของเขา
สีหนาหวงเซินก็เปลี่ยนเชนกัน นี่มิใชเรื่องลอเลน คนหนึ่งไมดี เปนตายยังไมเทาไหร
แตกระทบถึงสํานักนี่สิ แมเติบโตนอกบาน แตมิไดหมายความวาไมมีคนที่บาน คนหนึ่ง
ไมดียอมสงผลตอคนทั้งบาน
สวนฉินไทจือพอเห็นสีหนาหวงเซินเต็มไปดวยอารมณหลากหลาย ก็แคนหัวเราะ
เยยหยันอีก
“เหตุใดไมกลาเสียแลวละ? ผูแซฉินรูว าพวกหนูกลัว กลัวสุนัขปาที่อยูขางหนา กลัว
พยัคฆที่อยูขางหลัง แตก็ยังกลาบอกวาเปนคนจากสํานักเตา วันนี้ขาขอใหทุกทานเปน
พยาน ออกจากประตูนี้ไป ตางคนตางลาออกจากสํานักแลวไปหมิงจู ผลที่ตามมาทุก
อยางตางคนตางรับผิดชอบ ขอใหทุกทานชวยกระจายขาวนี้แทนขาดวย”
ทุกคนตางตกละลึง แตพอรูสึกตัว กลับคิดวา เชนนี้ก็ดี!
เชนนี้ยอมไดแนนอน
หรือที่ฉินไทจือกลาพูด เพราะคิดมานานแลว แตแมเปนเชนนี้ คนอื่นๆ ก็ทําไมได
อยางเขา เพราะถือวาอันตรายมาก แลวใครอยากเสี่ยงอันตรายเลา
สายตาทุกคูคอยๆ พุงไปที่หวงเซิน
สีหนาหวงเซินจึงคอยๆ ซีดขาว คนยิ่งฉลาดยิ่งคิดมาก เขาเขาใจในพริบตา ตาเฒา
ฉินเตรียมการไวกอนแลว โดยไมยี่หระกับการลบหลูเขาซางชิงเพื่อผลประโยชนสํานักตน
เปนการปูทางอนาคตใหกับคนรุนหลัง แตเขา หวงเซินมิไดเตรียมการใดๆ เพื่อการนี้
ควรถอยออกอยางไรดี แตถาถอย อยาวาแตสหายเตาทั่วหลาเลย ทางสํานักเองก็ไม
ปลอยเขาหรอก
สุดทายจึงไดแตไปตายเอาดาบหนา พูดเสียงสูง
“เจาฉินไทจือกลา หรือขายังดอยไปกวาเจา ศิษยสํานักใบไผทุกคนไมมีใครกลัวตาย
ดี เมื่อยืนยันเชนนี้ ก็ตองดูวาเจากับขา ใครสามารถนําศีรษะโจรกลับมาไดกอนกัน!”
ชงเสวียนตบมือ ลุกขึ้นยืนยกจอกสุรา ตะโกนเสียงกอง
“ดี! ทุกทาน วันนี้เราไดเห็นจิตใจที่กลาหาญของศิษยพี่ฉินและศิษยพี่หวง ขอใหทุก
ทานยกจอกสุราอวยพรใหทั้งสองทานทํางานสําเร็จลุลวงไปไดดวยดี เชิดชูบารมีขั้นเทพ
ของสํานักเตาเรา ทุกทาน ดื่มพรอมกัน!”
ทุกคนรีบยกจอกสุรา พลางกลาวสรรเสริญตามๆ กันไป บรรยากาศแลดูยิ่งใหญ
สุราจอกนี้พอตกถึงทอง ก็เปนอันวาหวงเซินเขาตาจน ไมมีทางถอยอีก เขาจึงรูสึก
เกลียดชังฉินไทจือเขาไส เหวี่ยงจอกสุราลง จองมองฉินไทจือเขม็ง แลววา
“สํานักใบไผยิ่งใหญเกรียงไกร ในจํานวนสํานักเตารอยแปดสํานัก ไมมีใครกลาลบ
หลูแมแตนอย! ทางที่ดีเจาอยาตายในหมิงจูกอนก็แลวกัน รอใหเจารอดชีวิตกลับมา ก็จะ
รูเองวา สํานักใบไผไรเทียมทานขนาดไหน!”
“เมื่อเจายอมรับคําทา สํานักหวงขายังตองกลัวอะไรอีก?” ฉินไทจือยังคงเผ็ดรอน
ชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงหันมาสบตากัน แลวยิ้มในดวงตา เปนอันรูกันวา วันนี้พอ
คนทั้งสองออกเดินทางไปหมิงจู ยอมมิใชเรื่องโดดๆ ของแตละคนอีก
ไมแนวาเขาซางชิงอาจเปนศูนยบัญชาการให เพราะลําพังคนทั้งสอง ไมมีทาง
สังหารหมิงอองได แตการมีคนทั้งสองเปนผูนํายอมเปนเรื่องที่ดี โดยพวกเขาตองบอกให
ทั้งสองสํานักแอบสงคนตามไปอยูแลว
“ครั้งนี้ โจรนั่นตองหนีไมรอดแน!” ชงเสวียนพูดเสียงเบากับเหมยอวิ๋นชิง
และแลวใบหนาของเหมยอวิน๋ ชิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“ถาสามารถจับเปนกลับมา ขาตองจัดการมันดวยมือขาเอง!”
ชงเสวียนหนังตากระตุก รีบพูดเสียงเบา
“ไมควรเพิ่มใหเรื่องยุงยากอีก สังหารไดเปนดี!”
เหมยอวิ๋นชิงจึงไดแตทอดถอนใจดวยความเสียดาย
“เอาเถอะ แลวแตเขาก็แลวกัน!”
ในหองโถงกําลังคึกคัก ผูคนยอมเขามาแสดงความเคารพนับถือผูที่กําลังจะออก
เดินทางไปยังสนามรบทั้งสองทาน และในตอนนี้เอง พลันมีเสียงซอยฝเทาอยางรวดเร็ว
และรอนรนดังมาจากดานนอก
ทามกลางบรรยากาศสรวลเสเฮฮา เห็นศิษยผูหนึ่งมิไดรายงานตัวที่หนาประตู ตรง
เขาดานในทันที และรีบกาวเดินจนเกือบสะดุดขาตนเอง เหตุการณนี้ทําใหคนในหอง
ตกใจเล็กนอย พอสํารวจดูและเห็นวาผูมาแตงเครื่องแบบเขาซางชิง จึงมิไดวาอะไร
เพียงคิดในใจ พวกเขาซางชิงไมมีกฎเกณฑกันหรือไร
เหมยอวิ๋นชิงกับชงเสวียนหนาชาแตแรกแลว ชงเสวียนลุกพรวด เอ็ดเสียงดัง
“รีบรอนอะไรกันนักกันหนา ถึงไดละเมิดกฎเกณฑเชนนี้!”
“อา...อาจารย...”
หนาผากของเขาเต็มไปดวยเหงื่อทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็น มุมปากสั่นเทา เห็นชัดวา
ตื่นตระหนกเกินพิกัด ซ้ําตอนนี้ยังถูกชงเสวียนเอ็ดอีก จึงเขาออน คุกเขาลง แตก็ยังไม
ลืมรายงานขาวสะเทือนขวัญที่เพิ่งไดรบั น้ําเสียงเต็มไปดวยความตื่นตระหนก
“สํา สํานัก สํานักใบ ใบไผ...”
ตื่นเตนเกินเหตุ จนพูดไมจบประโยค
ทามกลางผูคนมากมาย ชงเสวียนยอมรูสึกขายหนา จึงมีสีหนาเย็นชา
“อะไรของเจา พูดจาติดอางตั้งแตเมื่อไหรฮึ!”
แตแลวพอเห็นอาการสั่นของศิษย ชงเสวียนก็ตกใจ รวบรวมสติ เปลงเสียงแทนให
จบประโยค
“สํานักใบไผทําไม?”
ไมมีใครคาดคิดวาหลังจบประโยคนี้จะตามมาดวยขาวอะไร แตชงเสวียนกลับอึ้ง
เหลือบมองสีหนาที่แสดงความแปลกใจเชนเดียวกันของหวงเซิน ลังเลเล็กนอย ดวยเปน
เรื่องของคนเขา เมื่ออยูตอหนาคนเขาแลวแสดงความสนใจเรื่องของคนเขา จะทําให
แลดูไมดี แตเรื่องมาถึงขั้นนี้แลว จึงไดแตจองมองศิษย พลางวา
“รีบพูดความจริงออกมา”
ศิษยสูดหายใจเขาลึกๆ กอนพูดเสียงดัง
“สํานักใบไผ ถูกลางบางแลว!”
ผูคนในหองคลายไมมีปฏิกิริยาอะไร ยังคงมีสีหนาปกติ
แตนาทีถัดมา เหมือนไมถูกตอง!
นาทีถัดมาอีก ชงเสวียนหนังตากระตุก พลันโมโหโทโส
“เวรกรรม เจากลากลาววาจาเท็จรึ?”
“มิไดทานอาจารย!” ศิษยสะดุงตกใจ รีบโขกศีรษะติดตอกัน ปากก็รีบพูด
“ศิษยมิไดกลาวเท็จ เมื่อคืนหมิงอองบุกเดี่ยวขึ้นเขาใบไผ ตอสูกับศิษยสํานักใบไผ
ทั้งสํานักเพียงลําพัง สังหารเจาสํานักและปรมาจารยไปหลายทาน...ลางบางสํานักใบไผ
ในคราวเดียว!”
ตอน 309 เปนไปไมได
โงงม!
นี่เปนปฏิกิริยาแรกของทุกคนในหอง
มิใชถูกทําใหตกใจจนโงงม แตถึงตอนนี้ก็ยังฟงไมออกจริงๆ วาที่ศิษยผูนี้พูดเมื่อครู
หมายความวาอะไร?
ตางหันมองคนขางๆ หลายคนยังถือจอกสุราอยูในมือ และยังไมเก็บรอยยิ้มลง
ในความเงียบแบบแปลกๆ หลายคนเริ่มหายใจไมทั่วทอง กระทั่งหูยังเริ่มไดยินเสียง
หัวใจคนขางๆ เตนแววตาเริ่มเปลี่ยน จากกําลังยิ้มเปนไมอาจปฏิเสธ จนสุดทายมานตา
คอยๆ หดตัวลง
ยิ้มบนใบหนาเริ่มกลายเปนยิ้มคาง มือที่ถือจอกสุราเริ่มสั่นจนควบคุมไมอยู
“ขา...ฟงไมเขาใจ!”
ไมมีใครรูว าหองเงียบอยูกับบรรยากาศแปลกๆ เมื่อครูนานเทาใด รูตัวอีกทีเมื่อได
ยินเสียงสั่นๆ ดังเขาหู ทําใหความรูสึกตลอดทั้งรางคืนกลับ หันไปมองผูพูดตามสัญชาติ
ญาณ
ฉินไทจือ!
ผูที่เอยปากเปนคนแรกมิใชเหมยอวิ๋นชิงกับชงเสวียนแหงเขาซางชิง และมิใชหวง
เซินกับศิษยสํานักใบไผ แตกลับเปนอริของสํานักใบไผอยางฉินไทจอื
ไมผิด ฉินไทจือคอยๆ ลุกขึ้นยืนทามกลางบรรยากาศนิ่งคาง แววตาคลายทั้ง
โศกเศราทั้งยินดี จองมองศิษยเขาซางชิงที่คุกเขาตัวสั่นอยูกลางหอง คอยๆ ถาม
“เมื่อครูเจาวาอะไรนะ? สํานักใบไผทําไมรึ?”
พอเห็นบรรยากาศในหองเครงเครียด ศิษยผูรายงานก็ยิ่งตัวสั่นไมหยุด
“สํานัก...สํานักใบไผ ถูก...ถูกหมิงอองลางบางแลว!”
ฉินไทจือพูดทวนซ้ํา “ถูกหมิงอองลางบาง...ลางบางแลว!”
เขาคอยๆ กมศีรษะลง เหมือนกําลังครุนคิดใหแนใจในขาวที่ไมนาจะเปนไปได
จอกสุราในมือของใครบางคนหลนลงบนพื้น เสียงดังเพลง
บางคนหันมองไปทางสํานักใบไผ จองหวงเซินไมกะพริบตา
บางคนยื่นมือที่สั่นเทาออก คิดหยิบตะเกียบบนโตะ แลวกินกับขาวตอ แตสุดทายก็
หยิบไมขึ้น หลังสูดลมหายใจเขาลึกๆ คอยหันมองเหมยอวิ๋นชิงที่นั่งอยูดานบน
บรรยากาศยังคงนิ่งคาง ทันใด ฉินไทจือที่กมหนาครุนคิดพลันเงยหนาขึ้น ครั้งนี้มิได
จองมองศิษยผูรายงาน แตมองตรงไปยังหวงเซินที่นั่งนิ่งมองศิษยผูรายงานอยู จากนั้น
มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มเยยหยัน แคนเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา แลววา
“หวงเซินเอยหวงเซิน ขามีชีวิตอยูมาครึ่งคอนชีวิต ถาวันนี้ไมไดเห็นดวยตาตนเอง
ตองไมเชื่อเปนอันขาดวาโลกนี้ยังมีคนที่หนาดานหนาทนไรยางอายเชนเจา”
เสียงฉินไทจือสะทอนไปมาในบรรยากาศเงียบงัน ทําใหผูคนหันมามองเขาดวย
ความตะลึง
เห็นชัดวา ผูคนรูสึกไมเขาใจจริงๆ หลังไดรับขาวที่เหนือความคาดหมายเชนนี้แลว
เหตุใดเขายังมีแกใจเยาะเยยถากถางหวงเซินตออีก
มีคนเอยปากตามสามัญสํานึก “อาจารยฉิน พูดเชนนี้ไดอยางไร?”
ฉินไทจือเก็บกระบี่เขาฝก กาวออกไปยืนกลางหอง แหงนหนาหัวรอเสียงดัง
“ฮาฮาฮา...”
ทุกคนตางจองมองเขา จองมองทาทางหัวเราะอยางบาคลั่งของเขา ผานไปสักพัก
ฉินไทจือพลันเก็บรอยยิ้ม ยกนิ้วขึ้นชี้หนาหวงเซิน แลวกวาดตามองคนในหอง กอนพูด
ขึ้นดวยเสียงเย็นชาและบาดลึก
“ทุกทานยังมองไมออกอีกหรือ ตาเฒาผูนี้เมื่อครูยังคุยโววาไมกลัวตายพรอมไป
สังหารหมิงอองทีห่ มิงจูกับขา ขายังนึกวายังดีที่พอจะมีจุดยืนอยูบาง แตกลับไมคิดวา ตา
เฒายังคงเปนหนูตอยต่ําเหมือนเดิม ตั้งแตผูแซฉินเกิดมา ฟงมาก็เยอะ เห็นมาก็แยะ ก็ยัง
ไมเคยเห็นคนที่กลัวตาย ไมกลาตามใครไปหมิงจู ขนาดตองแตงเรือ่ งวาสํานักตนถูกลาง
บาง เจาสํานักถูกสังหารโดยไมสนใจในศักดิ์ศรีและหนาตาแตอยางใด”
พูดถึงตรงนี้ ผูคนก็ยิ่งมึนงง นี่มันเรื่องอะไรกันแน
“นี่...นี่...”
มีคนปากอาตาคาง มองดูทาทางแปลกๆ ดุจเทพเจาของฉินไทจือ พูดไมออกไปสัก
พัก หรือคําพูดของฉินไทจือ ทําใหพวกเขาไดเห็นในสิ่งที่ไมเคยเห็น ไดยินในสิ่งที่ไมเคย
ไดยิน!
เพราะคิดหลีกเลี่ยงการไปหมิงจู หวงเซินจึงจงใจแตงเรื่องทั้งหมดขึ้น?
เรื่องนี้นาขันเอามากๆ แมผูคนกําลังสะเทือนขวัญสั่นประสาทกับขาวที่ไดยิน แตก็
ยังไมถึงกับโงงม
ยังไมตองพูดเรื่องศิษยผูมาสงขาววาเปนคนของเขาซางชิง
พูดถึงแตหวงเซิน ที่แมกลัวตายโงเขลาเพียงใด หรือกินหัวใจเสือหรือดีหมีมา ก็ไม
กลาสรางเรื่องไรสาระอยางสํานักถูกลางบาง เจาสํานักถูกสังหาร ขึ้นมาเปนอันขาด
แตพอมองดูสีหนาที่เต็มไปดวยความเหยียดหยามของฉินไทจือ ซึง่ ไมเหมือนแกลง
ทําแมแตนอย แตเปนทาทางมั่นใจแบบคนที่ดูออกแตแรก หัวใจของผูคนก็เตนไมเปนระ
ส่ํา
จริงๆ แลว พูดตามตรง พวกเขายังไมอยากเชื่อความจริงที่วาสํานักใบไผถูกลางบาง
แมรูทั้งรูวา เรื่องที่ฉินไทจือพูดไมมีทางเปนไปได แตจิตใตสํานึกของพวกเขาก็ยังแบงพื้นที่
ใหกับโชคอันนอยนิด ซึ่งแมแตชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิงที่หนาถอดสีไปแลว ก็ยังหันมา
มองหวงเซิน
“ขารูสึกอายแทนคนผูนี้จริงๆ ทุกทาน ขาขอเดินทางลวงหนาไปกอนก็แลวกัน ไป
พบกับหมิงอองผูกุมกระบี่บุกเดี่ยวลางบางสํานักใบไผจนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟาดิน
เสียหนอย รอใหขานําศีรษะโจรผูนี้กลับมากอน คอยถือวาลางแคนแทนสํานักใบไผเจาที่
ถูกลางบางก็แลวกัน ฮาๆ!”
ฉินไทจือไมสนใจปฏิกิริยาผูคน หัวเราะเสียงดังพลางประสานมือคารวะ
“ทุกทาน ขอลา!”
ผูคนมองดูความเปนไปอยางตะลึงงัน และขณะกําลังมองรางที่กําลังจะเดินจากไป
ของเขา หวงเซินก็เหมือนตื่นจากฝน คอยๆ ลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบๆ กอนหยุด
สายตาไวกับผูคน โดยไมสนใจฉินไทจอื แมแตนอย แลวจึงคอยๆ หันไปมองชงเสวียน พูด
เสียงแหบแหง
“ศิษยพี่ชงเสวียน สํานักใบไผใหความเคารพนับถือเขาซางชิงเสมอมา แตวันนี้กลับ
ถูกคนสบประมาท ขอทานใหความเปนธรรมกับผูแซหวงดวย ซึ่งแมสํานักใบไผไร
สามารถ แตไมมีทางยอมรับการดูหมิ่นเชนนี้เปนอันขาด!”
เขายืดตัวตรงพรอมสีหนาภาคภูมิใจ แมน้ําเสียงแหบแหง แตยังทรงพลัง ทําใหผูคน
ทั้งหองรูสกึ หวาดหวั่น เมื่อครูคําพูดของฉินไทจอื ทําใหพวกเขารูสึกดีขึ้นเล็กนอย แต
ตอนนี้กลับมลายหายไปไมมีเหลือ
แตละคนรูสึกลําคอแหงผาก หายใจหนักหนวงยิ่ง
สวนฉินไทจือที่กําลังจะสาวเทากาวออกจากหองพลันหนาซีดขาวเชนกัน ริมฝปาก
สั่นเล็กนอย หันกายจองมองหวงเซินอีกครั้ง เสียงสั่นที่พยายามกดใหนิ่งถูกตะโกนออก
“หวงเซิน แผนของเจา ถูกขาเปดเผย...”
“เจา!...หุบปากเสีย!”
หวงเซินหันควับอยางบาคลั่ง เสนผมปลิวไสว ดวงตาถมึงทึง พลังปราณตลอดทั้งราง
ปะทุ รังสีฆาฟนสะทานโลกันตร เปนพลังคลุมคลั่งสุดขีดที่พบเห็นไดไมบอยนัก ตางกับ
ทาทีกอนหนานี้ของเขาอยางสิ้นเชิง พลางสงเสียงดังกอง
“ขืนพลามไมเลิก ขาจะฆาลางครัวเจา!”
เปรี้ยง!
หวงเซินระเบิดพลังออกทันที รอบหองราวกับเกิดไฟลุก ลมไรรูปพัดหวีดหวิว โตะที่
อยูดานหนาเขาแตกกระจาย เศษไมปลิววอน ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด หนาเปลี่ยนสี ลุก
ขึ้นยืนโดยไมรูตัว
แมแตฉินไทจือที่อยูในรัศมีทําลายลางก็ยังตองถอยหลังสามกาว ปกปดแววตาตื่น
ตกใจไมมิด
นาทีนี้ ไมมีใครกลาสงสัยในความคลุมคลั่งของหวงเซินอีก!
และเพราะไมมีใครกลาสงสัย ทุกคนจึงรูสึกจมลึก ดิ่งลงสูกนบึ้งของจิตใจในพริบตา
นาทีนี้ทุกคนลวนมีสีหนาซีดขาว ผูที่สั่นไปทั้งรางจนควบคุมไมอยู มิไดมีเพียงฉินไทจือ
หลังหวงเซินคําราม ก็ไมสนใจฉินไทจอื อีก ปรับลมหายใจสักพัก คอยหันกลับมาหา
ชงเสวียน ดวงตาทั้งสองขางแดงระเรือ่ จองมองชงเสวียนอยางดุรายไมวางตา
ชงเสวียนสบตาหวงเซิน ขณะที่ใจสั่นไมหยุด มิไดกลัวหวงเซิน แต...
เขาสูดหายใจเขาลึกๆ หันมองศิษยที่ตกใจกลัวจนลมลงไปกองกับพื้น คอยๆ
หลับตาลง แลววา
“ศิษยพี่หวงใจเย็น เรื่องนี้มีพริ ุธ ขอขาสืบใหชัดเจนกอน หากมีคนกลาใชเขาซางชิง
เปนเครื่องมือจริง ชงเสวียนจะไมปลอยใหมันผูนั้นลอยนวล ตองใหความเปนธรรมกับ
สํานักทานแน!”
“ดี!” พลังคลุมคลั่งในตัวหวงเซินถูกปลอยออกมากับเสียงอันดัง
เขามองตามชงเสวียนไปยังรางของศิษยที่ลมลง ทวารางตนกลับสั่นเทิ้มโดยไมรูตัว
ครั้งนี้ ผูคนคอยเห็นความหวาดกลัวในใจของเขา ไมมีผูใดหัวเราะเยาะเขา
“เวรกรรม!”
ชงเสวียนหันมองเหมยอวิ๋นชิง กลับเห็นนางหนาซีดขาว มือทั้งสองขางที่อยูใตโตะ
กุมเขาหากันแนนอยูนานแลว และเพราะใชแรงมาก เล็บจึงซีดขาวไปหมด ชงเสวียนไม
หวังสบตากับนางอีก หันหาศิษยที่กําลังพยายามลุกขึ้น กอนแผดเสียงดังเขาใส
พลังลมจากชงเสวียนจูโจมจนรางศิษยถอยครูดไปกับพื้นราวสองเมตร โลหิตไหล
ออกจากปากศิษยขณะเงยหนามองชงเสวียน รูสึกตื่นตกใจยิ่ง
“ผูใดเปนผูบงการใหเจาทําการปลุกปนเชนนี้ ใจกลาบาบิ่นมาก ยังไมรีบสารภาพ
ออกมาอีก!”
ชงเสวียนถลึงตามอง สีหนาเต็มไปดวยความดุราย
ศิษยผูนั้นแทบสิ้นสติ แตก็ไมสนใจความเจ็บปวด พยายามลุกขึ้นคุกเขา โขกศีรษะ
อีกครั้ง
“พูด!” ชงเสวียนไหนเลยจะรอไหว ตะโกนเสียงดังใสอีก
หลังสิ้นเสียงตะโกน นาทีถัดมา ทุกคนในหองก็เริ่มเขาสูหองแชแข็ง ตลอดทั้งราง
เริ่มเย็นขึ้นทีละนอยๆ
ความจริงที่ทุกทานไมอาจยอมรับได คอยๆ หลั่งไหลออกจากปากศิษยผูนั้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของแตละคนก็คอยๆ บางเบาลงตามเสียงอันสั่นเทาของผูเลา
พวกเขาไดยินวาหมิงอองถลมสํานักใบไผดวยกระบี่เลมเดียว ไดยินวาหมิงอองตอสู
กับปรมาจารยสี่สิบทานตามลําพัง ไดยินวาฉางคุนปลิดชีพตนเอง ไดยินวาสํานักใบไผสูญ
สลายภายในคืนเดียว
ศิษยนับรอย ปรมาจารยนับสิบ หนีไปไดสามคน ที่เหลือยอมแพทั้งหมด!
“ภายใตคมกระบี่ของหมิงออง ไมมีผูใดกลาขัดขืน ทุกคนลวนยอมจํานน ตอนนี้
หมิงอองเปนผูดูแลจัดการ โดยใหคนชุดดําจากจวนหมิงอองประสานงานกับรองเจา
สํานักใบไผคุมเชิงอยูทั่วภูเขา!”
ในหองเย็น สุดทาย ศิษยผูนั้นก็คอยๆ พูดขึ้น
“สํานักใบไผ...ไมมี...อีกแลว!”
“เปนไปไมได!”
หวงเซินยืนตัวแข็งทื่อ หนาถอดสีไปแตแรก ไมเหลือรองรอยพลังความดุรายเมื่อครู
ใหเห็นอีก เหลือเพียงวิญญาณหลงทาง ดวงตาทั้งสองขางแดงก่ํา สายหนาไปมา พลาง
พูดไมหยุด
“เปนไปไมได เปนไปไมไดอยางเด็ดขาด! สํานักใบไผกอตั้งมากวารอยป บารมี
สะทานสะเทือนทั่วแวดวงสํานักเตา ฝามือเหล็กของเจาสํานักฉางคุนสามารถตัดเดือน
เฉือนดาว! ลงโทษเทพเซียนอาวุโสผูถือกระบี่เลมเดียว ถลมภูเขาเปนพันเปนหมื่นใหราบ
เปนหนากลอง! หนําซ้ํายังมีปรมาจารยนับสิบผูไรเทียมทานในใตหลาอีก...”
ตอน 310 ลมสลายแลวจริงๆ
เสียงหวงเซินดังสะทอนไปมาในหองไมหยุด แตก็ไมสามารถกระตุนใหมีเสียงตอบ
กลับใดๆ
เหมยอวิ๋นชิงพูดไมออกแตแรกแลว สีหนาชงเสวียนเต็มไปดวยความตื่นตระหนก
หันมองหวงเซิน ไมมีความกระตือรือรนที่จะพูดอะไรอีก ถอนหายใจยาวๆ หันหลังใหกับ
ทุกคน
คนของสํานักเตาในหอง ไมวาจะเปนปรมาจารยหรือศิษย ลวนตื่นตระหนกกันหมด
ไมมีใครสนใจวาหวงเซินบาไปแลวหรือไร เพียงรูสึกวาฟาดินสะทานสะเทือนไปวูบหนึ่ง
เครง! เสียงทําลายความเงียบ
ผูคนตางหันมอง เห็นกระบี่ในมือฉินไทจือหลนอยูบนพื้นหนาประตูหอง สวน
เจาของกระบี่แววตาไมเปนผูเปนคน
เหมือนเสียงคุยโวเมื่อครูยังคงดังกองอยูในหูทกุ คน ถาจําไมผิด ฉินไทจือประกาศวา
...จะไปสังหารหมิงออง
ทามกลางสายตาที่จองมองมา ฉินไทจือหายใจเขาออกอยางยากลําบาก เม็ดเหงื่อ
ผุดขึ้นบนหนาผากดุจสายฝน เทาประหนึ่งถูกหลอมดวยสารตะกั่ว กาวไมออก
เพียงเขาหันกาย เดินออกนอกประตู ก็จะเขาสูหนทางของผูยิ่งใหญทันที แตตอนนี้
เวลานี้ แมตองอับอายทามกลางสายตาผูคนทั้งหลาย เขาก็ไมยอมหันกาย เหมือนนอก
ประตูมีสัตวรายขนาดใหญกําลังอาปาก รอกลืนกินเขาลงสูความมืดมิดตลอดกาล
มนุษยที่ไมกลัวตาย มีอยูจริงหรือ?
ถามี ยอมไมใชฉินไทจือเปนแนแท สิ่งที่คนสํานักเตาปรารถนาคือการมีอายุยืนยาว
ไหนเลยจะไมเสียดายชีวิต
กอนหนานี้เขากลา เพราะสถานการณพาไป เพราะความเกลียดชังในใจ ทีส่ ําคัญคือ
เขาไมเชื่อวาตนเองมีฝมือการตอสูดอยไปกวาหมิงออง เขาไมเชื่อวาหนุมนอยอายุยี่สิบ
กวาคนหนึ่งจะมีพลังดุจผนังทองแดงกําแพงเหล็ก เขามั่นใจเปนอยางยิ่งวาสิ่งที่เคยไดยิน
มาลวนเปนขาวโคมลอย เขาตอสูชนะหมิงอองไดแน
ที่เขายอมเสี่ยงเพราะตองการชื่อเสียงเกียรติยศ ตองการปูทางใหคนรุนใหม แต
ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งสิ้น เหลือเพียงความหวาดกลัวอันไรขอบเขต
“ฮาๆ!”
ไมรูผานไปเนิ่นนานเพียงใด จึงไดยินเสียงหัวเราะของหวงเซินดังกองไปมาอยางบา
คลั่ง ปดทายดวยเสียงชักกระบี่ออกจากฝก เดินทีละกาวเขาหาฉินไทจือ
“ปรมาจารยฉิน ไปเถอะ เราออกเดินทางกัน!”
ตึกๆ ฉินไทจือพลันกาวถอยหลังจนรางชิดติดประตู เหงื่อเย็นบนหนาผากหยดลงไม
ขาดสาย
“ขา...” ริมฝปากสั่นเทา คลายอยากพูดอะไร แตก็พูดไมออก ไดแตกลอกตาไปมา
เมื่อเห็นฉากนี้ ไมมีใครชวยใครพูด ทุกคนตางไมมีกะใจพูดอะไรในตอนนี้ ตางไมกลา
พูดเรื่อง
เกี่ยวกับหมิงออง ไมอาปากพูดมากแมสักประโยคอีก
ทุกคนไมมีกะใจอยูตอ เพียงแตยังเขาออนกันอยูเทานั้น
“ไปกันเถอะ เจาเรียกรองนักหนามิใชรึ วาใหไปหมิงจูสังหารหมิงออง? เจาดูหมิ่นขา
มาตลอดมิใชรึ เหตุใดเขาออนเสียละ? ไป ขาไปเปนเพื่อนเจา!”
น้ําเสียงแปรงๆ ดังขึ้นขางหูผูคน พรอมสีหนาไรความรูสึกของหวงเซิน
ชงเสวียนที่ยืนอยูดานบนหันกลับมามอง และเอยปากในที่สุด
“ชากอน!”
หวงเซินกลับทําเปนไมไดยิน ยังคงตีหนาตายจองมองฉินไทจือ
ชงเสวียนสูดลมหายใจเขาลึกๆ กอนพูด
“ศิษยพี่ฉิน สํานักใบไผเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนควรทําเปนอันดับ
แรกก็คือแจงเรื่องนี้ใหทางสํานักของตนทราบ แลวรอผูมีอํานาจตัดสินวาจะจัดการเชน
ไร!”
ฉินไทจือไดยินก็สะดุงเฮือก ยืดตัวตรง กอนตะโกนกอง
“ไมผิด...เปนไปตามนี้ ทุกทาน ขาขอลากอน!”
พูดจบก็หันกาย เดินพลิ้วจากไปอยางรวดเร็ว
ทิ้งหวงเซินใหยืนมองตามแผนหลังเขาไปอยางซึมเซา ชงเสวียนพอเห็นหวงเซินยืน
นิ่งไมไหวติงอยูตรงประตู มุมปากก็กระตุกไมหยุด เมื่อครูเขาเรียกฉินไทจือวาศิษยพี่ฉิน
ความหมายก็ชัดเจนอยู
หวงเซินในตอนนี้ ไมมีคุณคาอะไรอีก
มาถึงขั้นนี้ การพูดจาใดๆ ก็ลวนแลวแตไรประโยชน จะพูดเรื่องโตตอบหมิงอองตอ
ก็แปลวาไมสนใจในศักดิ์ศรีที่เหลืออยูเพียงนอยนิดแลวจริงๆ
คนของทุกสํานัก ลวนเขามากลาวอําลาเจาภาพอยางเรียบงาย แลวรีบเดินจากอยาง
รวดเร็ว
ทุกคนตางเดินผานหวงเซินไป โดยไมมีใครทักทายเขาแมเพียงคําเดียว
ใชวาไมมีน้ําใจ แตสํานักใบไผถูกทําลายภายใตน้ํามือหมิงอองแลว ใครจะรูวา
ตอไปหมิงอองจะตามลางตามผลาญใหสิ้นซากหรือไม แมหวงเซินเปนปรมาจารยที่ยาม
ปกติทุกสํานักตองรีบกระตือรือรนรับบุคคลซึ่งมีความสามารถเชนเขาเขารวมดวย แต
ตอนนี้ ใครจะกลาลวงเกินหมิงอองรับเขาไวเลา?
มองดูผูคนเดินจากไปจนเกือบหมด เหลือเพียงหวงเซินกับศิษยสํานักใบไผที่ยังคงอยู
หวงเซินขวัญกระเจิงแลวจริงหรือ?
เปลา เขายังมีสติอยู
คนบําเพ็ญเพียร รักสํานักก็จริง แตก็รักตัวเองดวยเชนกัน
ที่เขาบีบใหฉินไทจอื ไปสังหารหมิงออง มิใชทําไปดวยความโมโห
แตเพราะรูวาชงเสวียนไมมีทางใหฉินไทจือไปแน ซึ่งตอนนี้เขาซางชิงยอมไมกลา
ผลีผลามปลุกปนใหใครทําอะไรหมิงอองอีก
ถาเขาไมวางแนวทางไวกอน สํานักเตาในใตหลา ยอมไมมีสํานักไหนกลากระทําการ
ดังนั้นจึงตองสรางภาพของผูกลาที่รวมเปนรวมตายกับสํานัก และสาบานวาจะแกแคน
ใหเหลาปรมาจารย
แตอยางไรในตอนนี้ ทั้งสํานักก็เหลือศิษยเพียงไมกี่คนที่ยังคงยืนอยูในที่ทําการเขา
ซางชิงกับหัวใจที่แตกสลาย
หวงเซินหันมาสบตากับอาจารยจาว ตั้งแตรูขาว อาจารยจาวก็ไมมีอารมณโกรธ
เกรี้ยวเชนตอนแรกอีก กระทั่งตอนที่หวงเซินแสดงความกลาหาญใหเห็น เขาก็มิไดทํา
ตาม เพียงยืนหวาดกลัวอยูกับที่ โดยไมรูจะทําอยางไรดี
หวงเซินกวาดตามองศิษยในสํานักที่ดวงตามีแตความเศราหมอง บางคนยังหลั่ง
น้ําตาดวย เขาหลับตาพลางวา
“สํานักใบไผ ไมมีแลวจริงๆ!”
สุดทายก็อดไมไดที่จะมองชงเสวียนกับเหมยอวิ๋นชิง ทวาชงเสวียนกลับกมหนา สวน
เหมยอวิ๋นชิงหนายังคงซีดขาว นั่งอยูที่เดิม ไมพูดไมจา
หวงเซินรูอ ยูแกใจดี ชงเสวียนหวังใหเขาเดินจากไปเอง แตเขาไมสามารถจากไป ฟา
ดินอันกวางใหญ ไฉนไมมีที่ใหเขายืนสักนิด เขาสูอุตสาหไมใชโอกาสตอหนาคนหมูมาก
บีบใหเขาซางชิงรับตนเองไว
รูวาหากทําเชนนี้ เขาซางชิงยอมไมปฏิเสธ เพื่อรักษาหนาตา แตขณะเดียวกัน ก็
สงสัยวา เมื่อรับตนแลว ตนอาจตายลงอยางเงียบๆ ดวยอุบัติเหตุที่ไมตั้งใจก็เปนได
สมองจึงคิดวกกลับ สุดทายยอมรอตออีกหนอย ใหคนจากไปหมดกอน
ขาของหวงเซินคอยออนยวบคุกเขาลงตรงหนาเหมยอวิ๋นชิง เสียงดังตึง พรอมโขก
ศีรษะ แลววา
“นักพรตเหมย สํานักใบไผขาถูกทําลายยอยยับอยางไมเปนธรรม หวงเซินไมเพียง
ทําอะไรไมได ตอนนี้ชีวิตยังรันทดอีก ไมมีพละกําลังลางแคนใหสํานัก เพียงอยากรอง
ขอใหสํานักทานเห็นแกสํานักใบไผที่เปนพันธมิตรกันมานาน แมไมมีผลงานแตเราก็
ทุมเทแรงกายแรงใจใหเสมอ ขอใหทานจอมยุทธออกโรง ใชวิชาขั้นเด็ดขาด กําจัดมารให
สิ้นซาก! หากสามารถชําระความไมเปนธรรมในครั้งได หวงเซินขอนําศิษยที่เหลือ
ทั้งหมดเขาเปนวัวเปนมา รับใชเขาซางชิง ตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต!”
ไดยินดังนี้ เหมยอวิ๋นชิงที่นิ่งไปนาน ในที่สุดก็ไดสติ มองดูหวงเซินอยางงงๆ เสียงใน
สมองคอยๆ ดังขึ้น “ใช ทานจอมยุทธ ยังมีทานจอมยุทธ...”
ใบหนาซีดขาวของนางคอยๆ มีเลือดฝาดดังเดิม นางเขาใจแลว เดรัจฉานนอยที่
พลิกฝามือก็ฆาคนไดอยางเลือดเย็น ไมมีคาพอที่จะใหนางคิดพิจารณา
สํานักใบไผทั้งสํานัก...
ยังไมตองพูดถึงทั้งสํานัก แคหวงเซินเพียงคนเดียว นางก็ไมกลาพูดวาเปนคูตอสู
เพราะขนาดปรมาจารยนับสิบรวมพลังกับฝามือเหล็กฉางคุนที่ทานจอมยุทธเคยชื่นชม ก็
ยังไมใชคตู อสู
แตไมเปนไร ยังมีทา นจอมยุทธ เหมยอวิ๋นชิงพึมพําเบาๆ ในใตหลาไมมีใครเปนคู
ตอสูของทานจอมยุทธปรมาจารยไรเทียมทานของสี่สํานักใหญก็ไมใช เดรัจฉานนอยนั่น
ยิ่งไมใชคตู อสูของบิดาเขาไปใหญ
ขอเพียงบิดาออกโรง ยอมสามารถสังหารเดรัจฉานนอยนั่นได!
ขณะเหมยอวิ๋นชิงกําลังจมอยูกับความคิด ชงเสวียนกลับกลัววานางจะรับปากเขา
จริงๆ จึงพูดขึ้น
“ปรมาจารยหวง”
แตหวงเซินไมยอมใหโอกาสชงเสวียนพูด รีบพูดดวยความเศราโศกตอ
“นักพรตเหมย จอมมารเหียมโหดจนผู
้ คนหวาดกลัวพลังชั่วรายกันไปหมด มีเพียง
ทานจอมยุทธเทานั้นที่สามารถคืนความเปนธรรมใหเรา นักพรตเหมย ทานเปนบุตรีทาน
จอมยุทธ ผูแซหวงมั่นใจวา จอมมารนั่นแมมีเลหเหลี่ยมแพรวพราว ก็ไมกลาโอหังตอ
หนาทานนักพรตแน จึงมีเพียงทานที่ชวยสํานักใบไผเราได หาไมแลว ผูแซหวงเกรงวา
ถาใหจอมมารลุแกอํานาจอีก ตอไปอาจมีรัชสมัยแตไมมีอนาคต ขอใหนักพรตเหมยเห็น
แกความเปนมิตรของสํานักเตา คืนความเปนธรรมแกผูแซหวงดวย!”
เหมยอวิ๋นชิงพลันลุกพรวดขึ้น
“ขาขอถามหนอย เจาพรอมภักดีตอสํานักจนถึงที่สุดหรือไม!”
“ตอใหตายหมื่นครั้งผูแซหวงก็ไมคิดตีจาก” หวงเซินโขกศีรษะ
“เจากลาเปนผูนํา ชี้ตัวจอมมารตอหนาผูคนหรือไม!” เหมยอวิ๋นชิงถามอีก
จะเห็นไดวา นางก็มิใชคนไรสมองเสียทีเดียว ยังคิดใชคนของสํานักใบไผที่เหลืออยู
ใหเปนประโยชนอีก ซึ่งผูถูกกระทําอยางพวกเขายอมคิดกอบกูชื่อเสียงคืนอยูแลว จึงไมมี
อะไรเหมาะสมไปกวาใหพวกเขาออกหนาอีก
รางหวงเซินที่คุกเขาหมอบอยูกับพื้นสั่นเล็กนอย แตชั่วพริบตาเขาก็ตระหนักวา ไมมี
หนทางอื่นอีก มีเพียงทางเดียวคือการตอบรับ จึงจะมีโอกาสรอด
“ขอเพียงสามารถลางแคน ผูแซหวงไมเสียดายแมชีวิต!” หวงเซินตอบเสียงดัง
“ดี เจาลุกขึ้นเถิด ไวขากลับสํานัก จะรีบเขาพบทานจอมยุทธ!”
เหมยอวิ๋นชิงโบกมือ กอนพูดปลุกเรา
“มอไปกลาเขายึดครองสํานักเตาเรา นิสัยชั่วรายเลวทรามเชนนี้ ยอมถูกฟาดิน
ลงโทษ เขาซางชิงขาเปนสํานักเตาที่มีบารมีมากสุด ไหนเลยจะยอมใหใครมาทําบาบอ
เชนนี้!”
“ศิษยนอง...”
ชงเสวียนเห็นนางยังไมทันไรก็ตัดสินใจแลว จึงสะดุง รีบปรามทันที
แตกลับเห็นหวงเซินโขกศีรษะ
“ขอบคุณนักพรตเหมยที่เมตตา หวงเซินสาบานวา ตอไปจะติดตามทานนักพรต
และพรอมสูตายถวายชีวิต!”
เมื่อเห็นเปนเชนนี้ ชงเสวียนก็ไดแตทอดถอนใจ สายศีรษะไมพูดไมจา เพราะไมรูวา
คราวนี้ เขาซางชิงจะจัดการกับความเปลี่ยนแปลงอันสะเทือนเลือนลั่นนี้อยางไร
เขามองไปยังหองที่วางเปลา นึกถึงความสามัคคีและความกระตือรือรนในชวงแรก
แตพอตอนจากลา กลับรีบรอนเหมือนคนหนีตาย พอมองออกนอกประตู จึงรูสึกเหมือน
เมฆดําปกคลุมทองฟาจนมืดมัวไปหมด
ขาวสะเทือนขวัญสั่นประสาทแพรกระจายออกดุจความเร็วแสง ชวงกลางวันของ
วันนี้ สํานักเตารอยแปดสํานัก ไมมีสํานักใดที่ไดยินขาวแลวไมตื่นตระหนก กอนเงียบไป
ครูหนึ่ง
โดยเฉพาะสามขุนเขาที่ผูคนใหความเคารพนับถือมาแตอดีตจนถึงปจจุบัน ตาง
วุนวายโกลาหลกันยกใหญ
ไมสามารถกลับสูสภาวะปลีกวิเวกของเทพเซียนอยางในวันวานไดอีก
สวนผูคนที่อยูอาศัยอยูบริเวณตีนเขาก็ไดยินเสียงระฆังดังเหงงหงางอยูบนเขาหลาย
ครั้ง หลายคนอยูมาทั้งชีวิตก็เพิ่งเคยไดยินเสียงระฆังบนเขาดังเปนครั้งแรก
ไมเพียงสํานักเตา กองกําลังตางๆ ในใตหลา ไมวาจะเปนกองกําลังของขุนนาง
ระดับสูงชื่อกอง แมทัพนายกองที่มีอํานาจอยูในมือสวนหนึ่ง กระทั่งคนเถื่อนฉีที่โอหังอยู
บนผืนแผนดินตาเซี่ย ก็ลวนตื่นกลัวกับขาวที่ไดรับในชวงกลางวัน คนมีอํานาจรีบเรียก
หัวหนาทุกหมูเหลาเขาพบดวยความตื่นกลัว และปรึกษาหารือวาตอไปเรื่องนี้จะสงผล
กระทบเชนไร ควรวางแผนรับมืออยางไร
ในระยะเวลาอันสั้น ขาวลือถูกโหมกระพืออยางรวดเร็วปานสายฟา จนกลายเปนวา
ทุกวันนี้ ถาตองการหยอนเทาเขาแทรกเพื่อดํารงชีวิตอยูภายใตวิกฤตการณ ปากตองหนี
ไมพนคําวา ‘หมิงออง’ สองคํา!
ตอน 311 ไปเปยเหออีกครั้ง
เปยเหอ!
มอไปเคยมาแลวครั้งหนึ่งเมื่อหกปกอน ตอนนั้นเขามีเพียงพลังชีพเฮือกสุดทาย แต
ตอนนี้เขามาพรอมบารมีอันยิ่งใหญ มาอยางสงาผาเผย เดินนําปรมาจารยนับสิบ ปรากฏ
ตัวขึ้นที่หนาประตูเมืองเหอเปย
ตอนทหารรักษาการณประตูเมืองเห็นเขาชูปายทองอาญาสิทธิ์ขึ้น ก็ตกใจจนแทบ
เขาออน!
คนอื่นๆ ตางตื่นตกใจเชนกัน เมื่อเห็นเขาเดินนําขบวนขึ้นไปยืนบนกําแพงเมือง
“กระหมอมไตชุนเหอ ไมทราบวาทานอองจะเสด็จมา จึงมิไดเตรียมการตอนรับ ขอ
ทรงประทานอภัย!”
เสียงอันนอบนอมของเจาเมืองเปยเหอดังขึ้น
มอไปกําลังยืนอยูบนจุดสูงสุดของกําแพงเมืองทามกลางลมหนาวพัดหวีดหวิว เปน
ครั้งแรกที่เขาใชสถานะหมิงอองอยางจริงจัง ยืนอยูใตทองฟาสีคราม มองไปยังทิศที่ตั้ง
เมืองหลวง
ไตชุนเหอโคงตัว ประสานมือเขาหากัน ตอหนาเหลาปรมาจารยที่ยืนรายลอม
หนาผากเขาเต็มไปดวยเหงื่อ ขณะกมหนากมตายังรูสึกตกอกตกใจไมหาย
เขายอมคิดไมถึงวา ทานที่เพิ่งอยูบนเขาใบไผเมื่อคืน เพิ่งทําเรื่องสะทานสะเทือน
แผนดินไป ตอนนี้พลันมาปรากฏตัวที่เมืองเปยเหอ
มองดูกลุมคนที่ยังใสเสื้อผาซึ่งมีสัญลักษณสํานักใบไผกํากับอยู อีกตลอดทั้งรางยังมี
คราบโลหิตและความออนลาใหเห็นประปราย เมื่อคิดวากลุมปรมาจารยจากสํานักใบไผ
ในตํานานที่ถูกลางบางไปหมาดๆ ยืนอยูขางกาย ใจของเขาก็ยากสงบลงได
เขาเงยหนาขึ้นอยางเจียมเนื้อเจียมตัว แตกลับเห็นจุดสูงสุดของกําแพงหางออกไป
ราวสิบเมตร กลางลมหนาว มีรางบอบบางรางหนึ่งกําลังยืนหันหลังใหกับกลุมคน หัน
หนาไปทางเมืองหลวง
เหตุการณนี้ ภาพนี้ ทําใหเขาเขาใจอยางแจมชัดแลววา เหตุใดชาตินี้ตนจึงไมมีวัน
ลืมแผนหลังนี้!
ตามตํานาน อองทานนี้มีเรื่องเลาขานมากมาย แตอยางไรก็ดี เทียบไมไดกับฉากตื่น
ตาตื่นใจที่ตนไดเห็นกับตาในตอนนี้
เขายืนตัวตรงมือไพลหลังอยูบนยอดสูงสุดของกําแพงเมืองตามลําพัง ลมหนาวโชย
พัดเสื้อผาพลิ้วไหว ผมดําขลับกลางศีรษะถูกมวยมัดดวยผาสีเขียว ปลอยผมยาวที่เหลือ
ปลิวไสวตามแรงลม
สายตาที่ทอดยาวของเขา เหมือนกําลังชมทิวทัศนของผืนแผนดินอันกวางไกล
สวนดานหลังของเขา กลับเปน ‘ศัตรู’ กลุมหนึ่ง
ไมผิด ไตชุนเหอไมคิดวาบรรดาปรมาจารยที่มีพิษสงรอบกายและสํานักในสังกัดเพิ่ง
ถูกทานผูนี้ถลมไปจะยอมจํานนใหทานผูนี้จริงๆ แตทานผูนี้กลับมีทาทีพยัคฆผอนคลาย
ไมยี่หระใดๆ
ไมจําเปนตองพูดจา ไมจําเปนตองเห็นหนา ไมจําเปนตองเขาใจ เพียงภาพที่เห็น ไต
ชุนเหอก็รูแลววา เรื่องเลาของทานผูนี้ไมเพียงพอที่จะบงบอกความอหังการที่มี!
ครั้งแรกที่พบกัน มอไปไมสามารถทําใหเขาเห็นรัศมีบารมีของผูสูงศักดิ์ที่ติดตัวมา
แตกําเนิดดังเชนองคชายทานอื่นๆ ในเมืองหลวง แตกลับเหมือนคนในสังคมที่ลองลอย
ไปมา ทําอะไรไมเปนชิ้นเปนอัน ไมถึงกับบานนอกคอกนา เพียงแตขาดรัศมีคุณชายผูรุม
รวยไปหนอย
ทวาตอนนี้ ไตชุนเหอรูสึกวาที่ผานมาตนเองเขาใจผิด เพราะคิดไดวาสมัยสรางบาน
แปลงเมือง องคเซิ่งอูก็ไมมีรัศมีของผูสูงศักดิ์ มีแตความอหังการตอดินฟาเชนนี้ เปนจิต
วิญญาณอันยิ่งใหญที่สามารถโบกมือใหผูคนเกิดความเสถียรภาพได
มอไปหันกลับมา เห็นชัดวา แมใบหนาซีดขาว แตดวงตาทั้งสองขางยังคงใสกระจาง
มองดูไตชุนเหอที่แตงเครื่องแบบเต็มยศ รัศมีขาราชการจับ กําลังทําความเคารพเขา
เขาจึงพยักหนา กอนพูดเสียงเบา
“เปยเหอสงบดังเดิมหรือไม?”
เสียงของมอไปไมสูง บอกตามตรง ไมคอยมีพลังดวยซ้ํา โดยเฉพาะเมื่ออยูกลางลม
หนาว กลับดูเหมือนพลังภายในไมเพียงพอ ทําใหผูฟงรูสึกวาออนแอ บวกกับรางกายที่ดู
ผอมบาง เหลานี้ทําใหไตชุนเหออดไมไดที่จะรูสึกตุมๆ ตอมๆ อยูในใจ
ไดยินมาวา ทานผูนี้คลายมีโรคประจําตัวดวย...
ไมกลาคิดมาก กระทั่งไมกลาสํารวจมองสีหนามอไป ไดแตตอบวา
“ทานอองวางใจ สงครามยังมิไดลุกลามเขาเขตเมืองชั้นใน นอกจากโจรปาที่คอยกอ
ความเดือดรอนแลว ราษฎรชาวเปยเหอนับวายังสามารถใชชีวิตและทํางานได
ตามปกติ!”
ใชชีวิตและทํางานไดตามปกติ คําพูดนี้เปนคําพูดปรุงแตง แตมอไปก็ไมมีกะใจถาม
จริงจัง เขาพยักหนาหงึกๆ แลวถามเบาๆ อีกประโยค
“ความเปนอยูของราษฎร เปรียบดังหมวกประจําตําแหนงที่สวมอยูบนศีรษะเจา
ความเปนตายของราษฎร เปรียบดังเรื่องในชีวิตเจาที่เจาจําเปนตองใสใจ เห็นดวย
หรือไม?”
ไตชุนเหอเหงื่อแตกพลั่กๆ ยังคงเปนจริงดังคําร่ําลือ ทานผูนี้ดูเหมือนออนโยน แต
จริงๆ แลวใจคอโหดราย ทานไมสนวาเจามีสถานะอะไร ฟนไมเลี้ยงไดทุกขณะ!
ทําใหไมกลาคุยโว โดยเฉพาะเมื่อเห็นปรมาจารยขางกายแตละคนเสื้อผาเปรอะ
เปอนไปดวยโลหิต ไตชุนเหอจึงตอบอยางระมัดระวัง
“คําชี้แนะของทานออง กระหมอมจะจดจําไวเปนคติพจนประจําใจ”
“ไปทํางานของเจาเถอะ เดี๋ยวขาก็ไปแลว” มอไปหันหลังให มองไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง
ความจริงไตชุนเหออยากไปมาก แตไมสามารถทิ้งทานผูนี้ไวโดยไมแยแสสนใจ
“ทานอองเดินทางมาไกล อาจรูสึกเหนื่อยลา ในจวนกระหมอมมีสุราบางๆ...”
“ไมจําเปน!” มอไปยกมือขึ้นปรามโดยมิไดหันกลับ กอนพูดเสียงเบา “ไมแนวาอาจ
มีคนมาสังหารขาไดทุกขณะ เจาอยูหางๆ ขาไวจะดีกวา หลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจถึงแก
ชีวิต!”
เออ...
ไตชุนเหอไมมีคําพูดใดจะกลาวอีก
ทานก็รูนี่วามันอันตราย เขาคิดพลางเงยหนาขึ้นเหลือบมองทาทางที่หยิ่งผยองของ
ทาน ใจเตนตุมๆ ตอมๆ นี่ทานกําลังรอใหคนมาฆาอยูชัดๆ
คิดเชนนี้แลวก็อดไมไดที่จะมองดูเหลาปรมาจารยที่ยืนอยูขางกาย ซึ่งไมรูวาเคารพ
ทานหรือเกลียดชังทานกันแน รูสึกแตวานาทีถัดมาพวกเขาอาจชักกระบี่ออกแลวเสือก
แทงใสทานที่อยูตรงหนา!
เขาอยากจะรองไหแตไมมีน้ําตา รูสึกวาตนเองเหมือนนั่งอยูดีๆ แลวจูๆ ก็มีเรื่อง
เดือดรอนหลนใส ทานผูนี้เปนเผือกรอนของแท ถาเกิดเรื่องขึ้นที่นี่จริง ไมวาทานจะถูก
รุมสังหารหรือไม ศีรษะของเขาก็ตองหลุดจากบาอยูดี
สูดหายใจเขาลึกๆ ไมไดการ ตองลงจากกําแพงกอน แลวรีบจัดทหารมาอารักขา ใน
กําแพงสามชั้น รอบกําแพงอีกสามชั้น แลวจับตาดูใหดี
ทานที่อยูบนกําแพงก็ไมสนใจวาเขาจะจัดการเชนไร ไมเกี่ยงถาเขาจะเฝาอยู
ดานลางกําแพงไมไปไหน
ไตชุนเหอไมรูวาเหตุใดมอไปจึงมาที่นี่ และเหตุใดจึงยืนที่นั่น เหลาปรมาจารยสํานัก
ใบไผก็ไมทราบสาเหตุเชนกัน พวกเขากมศีรษะอยูขางกายมอไป เหมือนกําลังอารักขา
แตก็พูดไมถูกวาในใจรูสึกเชนไร รูความจริงเพียงอยางเดียววา ถาทานผูนี้ยังคงยืนอยู
มิไดลมลง ไมวาทานดูเหมือนประมาทเลินเลอเชนไร ถาไมเกิดเหตุสุดวิสัย พวกเขายอม
ไมกลาเสี่ยงอันตรายเปนอันขาด
ยกตัวอยางเชน กําแพงเมืองที่สูงใหญเชนนี้ ถาพวกเขารวมมือกัน บีบใหทาน
กระโดดลงไป ถึงไมตายก็เลี้ยงไมโต แตอยางไรก็ไมมีใครกลาทํา สืบเนื่องจากฤทธิ์เดชที่
ทานแสดงไวเมื่อคืน
มอไปยังคงทอดสายตาไปที่เมืองหลวง ไมมีใครรูวาเขากําลังคิดอะไรและกําลังทํา
อะไรอยู
เขายืนอยูนาน ราวสองชั่วโมงเห็นจะได ขณะทองฟากําลังมืดค่ํา นอกกําแพงเมือง
คอยมีคนควบมาเร็วหอตะบึงมานับสิบ
ไตชุนเหอที่เฝาดูอยูในกําแพงเมืองไมกลาจากไปไหน พอไดรับรายงานก็ตื่นตกใจ
กําชับย้ําวา ใครมาก็ตาม ตองสกัดกั้นไวกอน จะประมาทไมได
ขณะเดียวกันก็ไมสนใจวาตนเองจะเปนอันตรายหรือไม รีบวิ่งขึ้นกําแพง คิดเตือนให
ทานผูนั้นลงจากกําแพงกอน แตทานกลับยืนอยูที่เดิม ไมขยับไปไหน กระทั่งไมสนใจมอง
กลุมคนและมาเร็วเหลานั้นดวย
“หยุด!”
เรื่องเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว คนควบมานับสิบพอใกลถึงประตูเมืองก็ตะโกนเสียงดัง ไต
ชุนเหอเห็นพวกเขาพากันหยุดอยูที่ระยะหางราวสามสิบเมตรจากประตูเมือง
แมเปนเวลาใกลค่ํา แตเขาก็เห็นชัดวา กลุมคนแตงกายแบบนักพรต จึงรูสึกตื่น
ตระหนกยิ่ง รีบบอกใหพลธนูเตรียมพรอม
แตคนของสํานักใบไผพอเห็นกลุมคน กลับเกิดความสงสัยขึ้น บางคนหันมาสบตา
กัน ริมฝปากขยับ
“นี่คลับคลายเปน...สํานักไทเสวียน?”
เห็นชัดวานี่เปนสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขา สํานักเล็กๆ เชนนี้มาที่นี่ได
อยางไร มาแลวพวกเขาจะทําอะไรได?
พรึบ!
ขณะเหลาปรมาจารยกําลังนึกสงสัยอยูนั้น คนบนหลังมาราวสิบกวาคนพลันลงจาก
หลังมา แลวคุกเขาลงพรอมกันโดยไมสนใจปฏิกิริยาผูคนรอบขาง กอนสงเสียงพรอม
เพรียง
“ทานออง!”
รอบขางเงียบสนิท มอไปปลอยใหพวกเขาคุกเขาสักพัก คอยวา
“ทานเจาสํานักขึ้นมา คนที่เหลือคอยอยูดานลาง!”
“พะยะคะ!” เสียงรอนรนเล็กนอยของเหลาผูอาวุโสที่อยูดานลางขานรับ
จากนั้นรางที่อยูกลางกลุมคนคอยลุกขึ้นยืน กาวเดินไปหนากําแพง
ไตชุนเหอคอยเปาปากดวยความโลงอก ที่แทเปนคนของทานอองนี่เอง เขาปาด
เหงื่อบนหนาผาก แลวหันบอกแมทัพขางกาย
“เปดประตูเมือง...ไมสิ...หยอนเกาอี้หวายลงไปก็พอ...”
เหลาปรมาจารยสํานักใบไผแอบผิดหวังเงียบๆ ไดแตจองมองกลุมคนจากสํานัก
ไทเสวียนไมวางตา
เจาสํานักไทเสวียน ซวีหลีจื่อ ปนี้อายุเกาสิบกวาแลว ผมขาวทั้งศีรษะ แตสุขภาพ
รางกายยังแข็งแรงดี มองดูเกาอี้หวายตรงหนา ลังเลเล็กนอย ชีวิตนี้ไปไหนก็เขาออกแต
ประตูหลัก ทวาสุดทายก็นั่งลงจนได
อยางไมตองสงสัย ตอนนี้เขารูสึกกังวลใจยิ่งกวาไตชุนเหอเสียอีก พูดอยางไมนาฟงก็
คือ เขารูสึกลําบากใจมากกวาคนของสํานักใบไผเสียอีก
หลังเกิดเรื่องกับตูเจวียน เดิมทีคิดวาไมมีอะไรแลว แตใครจะรูเลาวาเจานายทานนี้
กลับโมโหจนกระทําการอุกอาจสะเทือนขวัญเชนนี้
พอขึ้นมาบนกําแพงเมือง แลวเห็นกับตาวาคนจากสํานักใบไผยืนนิ่งอยูกับที่ ทั้งๆ ที่
กอนหนานี้ตองคารวะทักทายกันทุกครั้งที่พบหนา ปากของเขาก็กระตุกไมหยุด
มารดาทาน พูดก็พูด เปนเพราะพวกเขาไมตั้งใจฝกวิชา จึงทําใหสํานักที่ขึ้นชื่อวา
เปนหนึ่งในสิบสํานักใหญถูกถลมยอยยับในคืนเดียว ขณะมองดูคนเหลานี้ เขาก็อดคิด
ไมไดวา ไมรูวาพวกเขาลวงรูบทสรุปของเรื่องนีห้ รือไม ถารูเปนตองขนหัวลุกแน!
“ทานออง กระหมอมมาตอนรับลาชา ขอทรงประทานอภัย!”
ไมกลาสงวนทาทีใดๆ อีก ยอมเรียกแทนตัวเองวากระหมอม
ไตชุนเหออึ้ง คนของสํานักใบไผตะลึงงัน แมตอนนี้ชีวิตพวกเขารันทด แตรางกลับ
สั่นระริก ถาไมตกอยูในสถานการณเชนนี้ พวกเขาตองพูดใหคนผูนี้อับอายจนตอง
กระโดดลงไปใหได แตสุดทายพวกเขาก็ทําไดเพียงมองไปที่อื่น ไมอยากเห็นภาพอุจาด
ตา
มอไปจองซวีหลีจื่อนิ่ง สุดทายก็ไมไดพูดอะไร เพียงถามเสียงเบา
“เลือกคนไปกับเจาจํานวนหนึ่ง!”
ซวีหลีจื่อฟงไมเขาใจ จึงเงยหนามองมอไป เห็นมอไปชี้นิ้วไปยังกลุมคนสํานักใบไผที่
ยืนอยูดานหลัง พอเขามองตาม สีหนาก็เปลี่ยนฉับพลัน
“ทานออง นี่...”
“ขายังมีเรื่องตองทําอีกมาก ไมอาจชักชารีรอ!”
มอไปไมอยากพูดมากอีก รางที่อยูสูงขยับเล็กนอย กอนรอนลงชาๆ หมุนกายเขายืน
ดานลางกําแพงแลวเดินจากไป พลางพูดทิ้งทายกับกลุมคนดานลาง
“เลือกคนจํานวนหนึ่งไปกับเขา แลวซวีหลีจื่อจะบอกหนาที่ที่ตองทําในภายหลัง
สวนคนที่เหลือตามขามา”
ตอนนี้คนของสํานักใบไผถึงรูวาเกิดอะไรขึ้น เกือบทุกคนแววตาเปลี่ยน บรรยากาศ
เครงเครียด เงียบไปสักพัก ระหวางเสียงฝเทามอไปดัง คนผูหนึ่งก็เอยปากขึ้น
“เหตุใดทานอองจึงตองสบประมาทเราเชนนี้?”
ไตชุนเหอรูสึกไดถึงแรงกระตุนที่จะทําใหเกิดเรื่อง จึงคอยๆ กาวถอยหลัง พลางสง
สัญญานมือใหแมทพั ที่ยืนอยูขางกาย
ซวีหลีจื่อหายใจเขาออกอยางหนักหนวงเนื่องจากลําบากใจ ใจเตนไมเปนระส่ํา
เชนเดียวกัน
บรรยากาศเชนนี้ ทําใหมอไปชะงักฝเทา แตยังครานที่จะหันมามอง เพียงพูดเสียงเบา
“ขาเคยบอกแลววา ศีรษะของเจาอยูบนคอของเจาเพียงชั่วคราว ถาไมอยากใหมัน
อยูตอ เจาสามารถโวยวายออกมาอีกหนึ่งประโยค!”
ตอน 312 กลัวอะไร?
สิ้นเสียงมอไป เหลาปรมาจารยสํานักใบไผลวนหนาเปลี่ยนสี เปลวไฟในใจกวัดแกวง
ใบหนาแดงระเรื่อ แตละคนกัดฟนกรอด ทรวงอกกระเพื่อมไมหยุดขณะมองดูรางที่ยืน
หันหลังใหพวกเขาในระยะไกล ราวกับความโกรธและความอับอายที่ขมกลั้นไวสามารถ
พรั่งพรูออกอยางบาคลั่งทุกเมื่อ
สีหนาและทาทางของพวกเขา มิไดทําใหมอไปทหี่ ันหลังใหตกใจแตอยางใด แตกลับ
ทําใหเจาสํานักไทเสวียนซึ่งกังวลใจอยูแตแรก กับไตชุนเหอเจาเมืองเปยเหอตื่นตระหนก
ยังดีที่เจาสํานักไทเสวียน ซวีหลีจื่อ รวมพลังปราณตลอดทั้งรางไดในทันที
เชนเดียวกัน เพื่อปองกันการเกิดกรณีที่ไมคาดคิดขึ้น เนื่องเพราะเขาเปนคนจากสํานัก
เตา จึงเขาใจในพลังที่มอไปปลอยออกเมื่อคืนวามีความรายกาจเพียงใด ดังนั้นแมกําลัง
กระวนกระวายใจ แตพอเห็นรางที่บอบบางของมอไปหยุดนิ่ง แผนหลังไมมีความตื่นกลัว
แมแตนอย จึงรีบขมใจไวพลางถอยหางออกจากพื้นที่ๆ อาจเกิดเรื่อง ไปยืนอยูกลางกลุม
ปรมาจารย กอนสะกดลมหายใจไวไมใหผลีผลาม
สวนไตชุนเหอกลับไมเหมือนกัน พูดไดวาแมเขามีสถานะสูงสงระดับเจาเมือง แตที่
ผานมาก็ไมกลามองขามเหลาปรมาจารยสํานักเตา ปรมาจารยคนสองคนเขาอาจไมกลัว
สามถึงหาคนยังพอไหว แตพอหลักสิบคนมาอยูรวมกัน อยาวาแตขุนนางฝายบุนอยาง
เขาเลย แมแตแมทัพฝายบูที่เหียมโหด
้ คุมกองทัพเปนพันเปนหมื่นฆาฟนในทะเลโลหิต
มามากมาย ภายใตสถานการณประชิดตัวเชนนี้ เกรงวาก็คงขมใจไวไมอยูเชนเดียวกัน...
ทวาก็ไมกลายอหยอนแมแตนอย แมพริบตานั้นไดกาวถอยออก กอนกาวเขาหลบ
หลังแมทัพอยางไมใสใจภาพพจน ทวานาทีถัดมา กลับตะโกนเสียงดังกึกกอง
“ทุกคนเตรียมพรอม อารักขาทานออง!”
สิ้นเสียงคําสั่ง พลทหารซึ่งเตรียมปองกันเรื่องไมคาดคิดอยูแตแรก ไหนเลยจะกลา
หยอนยาน พริบตาเดียว ทหารจํานวนนับไมถวนไดปรากฏขึ้นทั้งบนสุดและลางสุดของ
กําแพง พรอมอาวุธครบมือทั้งธนูและดาบ
จอเขาหากลุมปรมาจารยที่อยูดานลาง เห็นชัดวาพวกเขาเล็งเปาหมายไวแตแรก
แลว แมเหลาปรมาจารยยืนกันกระจัดกระจาย แตตอนนี้กลับไมมีใครหนีพนระยะยิง
ของลูกธนู
ทามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันและการระเบิดออกของรังสีฆาฟนอันไร
ขอบเขต ไตชุนเหอพกพาสีหนาซีดขาวภายใตการอารักขาของพลทหาร สาวเทาเขา
หามอไป พลางใชดวงตาที่หวาดกลัวหันมองเหลาปรมาจารยที่ถูกทหารลอมไว และเห็น
วาทุกคนยิ่งมาก็ยิ่งมีสีหนาไมดี ระหวางความเปนความตาย แตละคนตางเปลงรัศมีแสง
ออกอัตโนมัติ บางคนยังมีแสงเย็นยะเยียบสวางวาบ แสงกระบี่!
ทามกลางเปลวไฟในใจที่แกวงไกว ไตชุนเหอรูสึกเย็นยะเยือก
ไฉนดูไมออกวาคนเหลานี้ระเบิดอารมณออกแลว ในใจรูสึกตลอดวาวันนี้ตนเองโชค
ไมดี ดานหนึ่งแอบตําหนิมอไปที่ไมรูกาลเทศะ เขากลารับรองวาชีวิตนี้ไมเคยเห็นผูที่หยิ่ง
ยโสโอหังไปกวามอไปอีก ตองรูวา เมื่อครูผูที่มอไปพูดสบประมาท กระทั่งขมขูคุกคามวา
จะเอาชีวิตนั้นเปนถึงปรมาจารยที่ขนาดในทองพระโรงก็ยังมีที่นั่งพระราชทาน!
“ไมดี!” ไตชุนเหอโอดครวญในใจ
หมิงอองเห็นพวกเขาเปนผักปลา พูดดูหมิ่นพวกเขาตอหนาสาธารณะชน แมชนชั้น
ลางไดยินก็ยังโกรธจนกระอักโลหิตในหากาว นับประสาอะไรกับผูสูงสงเหลานี้!
นาทีนี้ ไตชุนเหออยากรองไหออกมาดังๆ แตไมมีน้ําตา ไดแตเวทนาตนเองที่ฟาไม
เขาขาง ตองมาติดอยูในกับดักของเรื่องบาบอคอแตกเชนนี้ วันนี้นากลัววาตองทิ้งชีวติ ไว
แลวจริงๆ!
แมในใจเต็มไปดวยความหวาดผวา และตอใหไตชุนเหอกลัวตายอยางไร ก็ไมกลา
หนีไปคนเดียวโดยทิ้งมอไปไปอยางไมใยดีแน ที่สําคัญคือไมแนใจวาจะหนีพน จึงไดแต
เตือนมอไปเสียงสั่น
“ทานอองระวัง ทีน่ ี่อันตราย รีบตามกระหมอมหนีออกไปเถิด!”
เขาชัดเจนมากวา แมรอบกายจะเต็มไปดวยทหาร แตคนเหลานี้มิใชผักปลาใตมีด
อีโตแนนอน แมไมถึงกับเหาะเหินเดินอากาศไดอยางในตํานานเลาขานของพวกชาวบาน
แตการสังหารคนๆ หนึ่งภายในสิบกาวก็ไมใชเรื่องยากสําหรับพวกเขาแตอยางใด
ทวาความกังวลของไตชุนเหอกลับไมสงผลใดๆ ตอผูที่อยูขางกายซึ่งกําลังยืนหันหลัง
ใหกับกลุมคนแมแตนอย เหมือนทานผูนี้ยังไมรวู าสถานการณในตอนนี้ไดอยูในสภาวะ
หนาสิ่วหนาขวานแลว
แนนอนวาเขาถอยไมได ภายใตความตื่นตระหนกของไตชุนเหอ มอไปยังคงมีทาที
สบายๆ เหมือนตอนยืนอยางภาคภูมิใจบนกําแพงอยางไรอยางนั้น เขาเพียงคอยๆ หัน
กายมา ไมไดมองดูกลุมคน แตกลับจองมองเหงื่อกาฬที่หลั่งไหลดุจหาฝนบนหนาผาก
ของไตชุนเหอ
“ทานออง...” ไตชนุ เหออาปากคาง คําพูดมากมายที่อยากพูด กลับถูกดวงตาอันลึก
ล้ําบนใบหนาซีดขาวของมอไปสะกดจนสําลัก พูดไมออก
เขาตีความดวงตาลึกล้ําคูนี้ไมออกจริงๆ ที่แสดงออกหมายความวาอะไรกันแน แต
ยอมรับวาเกิดความรูสึกหนึ่งที่จูโจมเขาใสจิตวิญญาณ ทานอองไมชอบทาทางตื่นตกใจ
ในตอนนี้ของเขา
เหมือนกําลังบอกวา เจาเมืองแหงราชสํานักตาเซี่ยที่ยิ่งใหญ ขุนนางคนสําคัญที่
สามารถเขารวมประชุมในทองพระโรง ไฉนจึงไมมีสงาราศีเอาเสียเลย!
ใหตายสิ พริบตาเดียวไตชุนเหอกลับอานดวงตาอันลึกล้ําของมอไปออกมาเปน
ความคิดเชนนี้ เขาอาปากพูดอีกครั้ง “ทานอ...”
แตสุดทาย กลับพูดอยางยากลําบาก เปลงเสียงออกมาไดเพียงคําเดียว
ใหตายสิ เปนเจาเมืองเชนเขา แตกลับตองมาตกใจและหวาดกลัว แลวยังทําอะไร
ไมไดอีก ไรความเปนธรรมสิ้นดี อยากจะรองดังๆ เหตุใดถึงตองมาเจอกับอองทานนี้ดวย
เขารูสึกวาซวยจริงๆ จึงไมมอี ะไรจะพูดอีก!
คิดวาความจริง นาจะเห็นใจกันบาง คนเขามีใจปกปองอารักขา ไมวาทานตองการ
หรือไม ก็ควรเห็นแกความจงรักภักดีของคนเขาบาง ทวามอไปกลับไมมีเหตุผล ไมเพียง
ไมขอบคุณ กลับยังแสดงสีหนาไมพอใจใสอีก นี่มิใชกําลังทํารายจิตใจกระตือรือรนที่มตี อ
ความภักดีของคนเขาหรอกรึ?
มีเจานายเชนนี้ ยอมทําใหลูกนองลําบากใจ!
ซึ่งไตชุนเหอกลับไมรูวา มอไปมิใชไมรูกาลเทศะ หรือไมรูวาควรทําตนเชนไร เอาใจ
ใสลูกนองเชนไร
ความจริงสิ่งที่เขาปฏิบัติตอไตชุนเหอนับวาเกรงใจมากแลว ขณะบานเมืองวุนวาย
บทลงโทษตามกฎหมายยอมรุนแรง นี่ไมใชยุคสมัยที่เจานายตองใหความเปนธรรมแก
ลูกนองผูซึ่งเอาแตภักดีโดยไมคิดอะไร
โลกปจจุบัน ตองการผูที่สามารถแบกรับปญหา จัดการปญหาและแกไขปญหา
ภายใตการจูโจมอยางรุนแรงจากทุกทิศทาง จําเปนตองมีทักษะทั้งบุนและบู ตองมี
ปณิธานและลงมือทํา ถาขาดสิ่งเหลานี้ ยอมไมเพียงพอตอการเปลี่ยนโลก
มอไปมิไดมีลักษณะนิสัยหยิ่งผยองตามตํานานเลาขาน ที่ดุไตชุนเหอไปรอบหนึ่ง ทํา
ใหเขาหาทางลงไมไดตอหนาพลทหารก็ถือวารักษาหนาเขามากพอแลว ซึ่งมอไปรูวา ใน
ยุคสมัยนี้ สํานักเตาสุขสบายมานาน ไดรับเกียรติและความเมตตาอยางไมสิ้นสุดจนเคย
ชิน ทําใหมีความทะเยอทะยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแมแตองคจักรพรรดิเองยังตองเกรง
กลัว นับประสาอะไรกับขุนนางในราชสํานักเลา? ทาทางที่ไตชุนเหอทําอะไรไมถูกเมื่อ
เผชิญหนากับปรมาจารยกลุมนี้ ยอมมิใชความผิดของเขา มิใชความผิดของเขา!
มอไปหลุบตาลงเล็กนอย ถอนหายใจเบาๆ ไมมองไตชุนเหออีก คอยๆ หันกาย มอง
ขึ้นไปบนกําแพง เห็นกลุมคนมีสีหนาเหียมเกรี
้ ยมสลับหวาดกลัว พลังปราณตลอดทั้งราง
พลุงพลาน รัศมีแสงวูบวาบ เปนกลุมปรมาจารยที่มีพลังปราณนากลัวสุดๆ
ไมผิด พวกเขาในตอนนี้ มิไดมีทาทีสงบเสงี่ยมกมหนาเชนที่อยูตอหนามอไปเมื่อครู
อีก รัศมีฆาฟนปะทุออกทั่วราง ซึ่งมอไปมองวาพวกเขาอดรนทนไมไหวในทีส่ ุด ตองการ
ตอสูใหเปนที่เกรงขามในปฐพี
มอไปมองพวกเขา พวกเขาก็มองมอไป พริบตาที่สบตากัน รัศมีแสงบนรางพวกเขา
ไมเพียงไมดับวูบ ยังสองแสงแรงขึ้นอีก นาทีนี้ เกรงวานอกจากมอไปกับซวีหลีจื่อแลว
ที่นี่ไมมีใครรูวา ภายในใจของคนเหลานี้เกิดความรูสึกซับซอนมากนอยขนาดไหน
เนื่องจากซวีหลีจื่อรูอยางลึกซึ้งวา ปรมาจารยแหงสํานักเตายอมรับไมไดกับการสบ
ประมาทเชนนั้นของมอไป แตเขาก็เขาใจอีกเชนกันวา มอไปนากลัวเพียงใดในใจของ
พวกเขา
ในการเดิมพันระหวางความเปนความตาย ไมลงมือก็ไมได ลงมือก็ไมกลา!
มอไปมองดูพวกเขาเงียบๆ สักพักโดยไมพูดจา ทําใหไตชุนเหอที่อยูดานขางดีใจ
อยางนอยทานผูนี้ก็มิไดสั่งใหเขารับผิดชอบเรื่องการอารักขา เขาจึงมีความปลอดภัยอยู
บาง!
ภายใตสถานการณนิ่งคาง ราวกับวาเวลาที่ยืดเยื้อออกไป จะผอนหนักใหเปนเบาได
แตทันใด ในบรรยากาศที่เริ่มผอนคลาย กลับเห็นมอไปกระทําการอยางหนึ่ง ที่ทํา
ใหทุกคน รวมทั้งผูที่คิดเปนศัตรูหันมาจับจองจนแทบหยุดหายใจ
ไมมีใครคาดคิดวา มอไปที่เงียบอยูครึ่งคอนวันพลันยกมือขึ้นสูง ฝามือตั้งตรงดั่งคมมีด!
หัวใจไตชนุ เหอบีบตัวทันที ถลึงตามอง ยืดตัวตรงตาม ในความตื่นตระหนก ริม
ฝปากเขาสั่นไมหยุด
ซวีหลีจื่อแหงสํานักไทเสวียนที่ยืนอยูในกลุมปรมาจารย ขมใจไวไมอยูเชนกัน เสน
ผมลุกตั้ง รัศมีแสงที่กดไวกอนหนา เปลงออกในพริบตา กระเบื้องเขียวใตฝาเทาปริแตก
เสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’
เสียงนี้แมไมดังมาก แตทามกลางความเงียบ ทุกคนกลับไดยินชัดเจน
เขากับไตชุนเหอเหมือนกันอยูอยาง ริมฝปากสั่นระริก เพียงแตเขาสงเสียงออกจาก
ลําคอมาไดสองคํา
“ทานออง...”
เขายังเปนขนาดนี้ เหลาปรมาจารยสํานักใบไผยิ่งไมตองพูดถึง พวกเขาลวนคิดวา
มอไปกําลังจะสั่งทหารดวยสัญญาณมือ ขอเพียงมอไปสับมือลง ลูกธนูเปนพันเปนหมื่น
ตองพุงตรงมาที่พวกเขา เหลาปรมาจารยที่เพิ่งสงบจิตสงบใจลง ในที่สุดก็ใจสั่นขึ้นมาอีก
แตละคนตกอยูในความกลัวอันไมสิ้นสุด ตางเบิกตามองมือที่เหยียดตรงของมอไปเขม็ง
ทามกลางสายตาคนหมูมาก ผูที่จองมองมอไปคลับคลายเห็นชัดวา ดวงตาเขาวูบ
หนึ่งมีความเย็นชาแฝงเจตนาฆาฟนอันนากลัว อีกทั้งใบหนายังโหดรายและเยือกเย็น
นาทีนี้เองที่ฝามือของมอไปเริ่มเอียงลง
ดวงตาของปรมาจารยสิบกวาคนนากลัวมาก จองมองริมฝปากที่เริ่มขยับของมอไป
คําวา ‘ฆา’ ติดอยูที่มุมปาก อีกนิดเดียวก็จะถูกเปลงออก
ทนตอไปไมไหวแลว ไมสามารถสงบนิ่งไดอีก ความโชคดีทั้งหลายทั้งปวงถูกทุบ
ทําลายในที่สุด ปรมาจารยสํานักใบไผผูเอยปากถามกอนหนานี้ตบะแตกกอน ไมรอใหมอ
ไปทิ้งแขนลง และไมรอใหคาํ วาฆาหลุดออกจากปากเขา ตวัดกระบี่ในแนวขวาง พลาง
รองตะโกน
“ทุกทาน คนทรยศผูนี้ คิดสังหารเราแตแรกแลว จึงลอใหเรามาติดกับดักทหารนับ
หมื่น กลายเปนผักปลาใตคมดาบ หมดหนทางถอย ตอนนี้มีแตตองจับคนทรยศใหได จึง
จะมีโอกาสรอดชีวิต ทุกทาน ยังรออะไรอยู ฆา!”
ในความมืด เสียงของเขาดังไกลไปหลายลี้ คําวาฆาที่อยูทายสุด ทําใหทุกคนที่ไดยิน
ตางเลือดเขาตา รางสั่นเทิ้มอยางฉุดไมอยู
บรรยากาศที่คางแข็งมานาน ถูกทุบจนแตกละอียดในทายที่สุด
ตอน 313 บีบใหโตกลับ
หากเปนไปตามคาด ปรมาจารยสํานักใบไผผูนี้ตองชิงลงมือกอนเพื่อความไดเปรียบ
เปนแน ดวยความตกใจ ไตชุนเหอจึงไดแตยืนตาแข็งอยูกับที่ พอแสงสีเขียวของเงาราง
ฝายตรงขามกะพริบ ก็รูสึกไดถึงความเย็นที่พุงเขาหา
เร็ว เร็วมากจริงๆ!
ขนาดลูกธนูของเหลาทหารถูกงางออกพรอมยิงก็ยังโตตอบไมทัน ปรมาจารยพลิ้ว
กายทีเดียวไปไกลหลายกาว เพียงพริบตา คมกระบี่ที่ซอนอยูใตแสงวาวบาดตา กําลังจะ
แทงเขาสูหัวใจเจาเมืองของพวกเขา
ไมผิด ไตชุนเหอนั่นแหละ เพราะเขายืนอยูขางมอไป สวนปรมาจารยทานนี้เดิมทียืน
อยูในแนวเดียวกันกับเขา จึงพุงตรงมาโดยก็มิไดออมไปทีอ่ ื่น คมกระบี่ก็แทงออกไป
ตรงๆ เห็นชัดวายิงกระสุนนัดเดียวไดนกสองตัว กระบี่เดียวสังหารคนสองคน
ซึ่งอาจมีเพียงมอไปกับกลุมคนของสํานักเตาที่รูวา กระบี่นอกจากตองรีบแทงออก
แลว ยังไมมีใครยอมเผชิญหนากับมอไปตรงๆ พวกเขายอมใหมอไปมีเวลาตอบโต
เล็กนอย โดยเลือกที่จะใหไตชุนเหอขวางอยูตรงกลาง
ปฏิกิริยาตอบโตของเหลาทหารไมเร็วเทาปรมาจารยสํานักเตา พวกเขาพอตื่นตกใจ
ก็เล็งคันธนูลง แลวยิงลูกธนูออก แตเวลาที่พวกเขามองวานอยนิดนี้ กลับเพียงพอให
ปรมาจารยสํานักเตาทําอะไรไดหลายอยาง
ขณะแมทัพกําลังจะอาปากตะโกนสั่ง พลันเหลือบเห็นแสงแวววาวของกระบี่ที่มิไดมี
เพียงหนึ่ง แตเปลงแสงเจิดจาบาดตามาจากทั้งสี่ทิศ ซึ่งยากจับทางเปนอยางยิ่ง
ปรมาจารยที่ตะโกนพูดเมื่อครู ออกตัวทีหลังแตเขาใกลมอไปกอน
มีหลายคนที่เบี่ยงตัวหลบลูกธนู บางก็ใชความเร็วดุจสายฟาพุงเขาหลบหลังที่กําบัง
บางก็เขาสังหารทหารโดยตรงแลวจับรางทหารมาเปนเกราะกําบังธนู
ซวีหลีจื่อรีบถอยทันที เขาคิดแผนเผื่อสถานการณเลวรายเตรียมพรอมอยูกอนแลว
พลิ้วถอยทีเดียวก็มาถึงเกาอี้หวาย จับเกาอี้หวายแลวรอนตัวลงโดยอาศัยแรงผอนจาก
เชือกเขาชวย เพื่อความมั่นใจในการรอนลงอยางปลอดภัย
แตพอรางลงมาถึงพื้น เขากลับไมกลารีบหนี ยังรูสึกเกรงกลัวมอไปอยู ดังนั้นแม
อันตรายเพียงใด เขาก็ยังตองอยูตอเพื่อใหเห็นความเปนไปของมอไปกับตา แลวคอยวา
กัน
และในชั่วพริบตาเขาก็พบวา ปรมาจารยเหลานี้ไมเสียทีที่เปนศิษยรวมสํานัก
ประสานงานกันอยางเขาอกเขาใจ เห็นชัดวาผานการคิดมาหลายตลบ ซึ่งมิไดพุงเขาจู
โจมมอไปทั้งหมด เพราะมอไปอยูในที่ต่ํากวา และอาจถอยรางหลบออกจากการตอสูได
อยางรวดเร็ว
คือถาพวกเขาเขาไปพรอมกันหลายคนอาจทําใหมอไปถอยออก สูเขาไปนอยคน แม
สังหารไมสําเร็จ แตใชความบาบิ่นของมอไปเปนเดิมพัน ซึ่งเปนไปไดที่มอไปจะตานไม
ถอย โดยขอเพียงเสี้ยววินาทีที่ทําใหมอไปเขาสูการตอสู ถึงตอนนั้นพอไดประมือ และ
พรรคพวกหนุนเขามา บีบมอไปใหอยูต รงกลาง เกรงวาลูกธนูเปนพัน
เปนหมื่นยอมไมกลายิงเขามามั่วซั่วแน!
แนนอนวา ซวีหลีจื่อกวาดตามองสถานการณแลว เห็นวายังมีปรมาจารยอีกสิบกวา
คนที่มิไดเคลื่อนไหวไดแตระมัดระวังตัวอยางดี และไมออกไปลุยพรอมศิษยรวมสํานัก
ในเวลาคับขัน ซวีหลีจื่อตองตื่นตระหนกอีกครั้ง รูสึกเกรงกลัวหมิงอองมากขึ้น ดวย
นึกถึงความเปนไปไดอีกอยางเกี่ยวกับเหลาปรมาจารย โดยเหตุที่เหลาปรมาจารยมิไดพุง
เขาหาหมิงอองทัง้ หมด ความจริงแลวมิไดวางแผนอะไรเลย แตอาจเปนเพราะกลัวจนไม
กลา จึงไมสามารถรวมกันเปนหนึ่งแลวเผชิญหนากับหมิงอองมากกวา
พอมาถึงขั้นความเปนตายตรงหนา พวกเขาสวนหนึ่งกลับเลือกที่จะคงไวซงึ่ ความ
โชคดี ไมคิดขยับไปไหน หวังวาหลังจากจบเรื่องแลวหมิงอองอาจไวชีวิตพวกเขา
เพียงระยะเวลาสั้นๆ กลับทําใหซวีหลีจื่อตื่นตกใจไปหลายรอบ ในหัวสมองเขาอาจ
คิดซับซอนมากเกินไป แตทั้งนี้ทั้งนั้น ไมมีอะไรสําคัญไปกวาจุดที่หมิงอองยืน
ทุกคน ไมวาจะเปนผูที่พุงเขาสังหารหมิงออง หรือผูที่กําลังสังหารทหารที่อยูรอบตัว
สุดทายสายตาทุกคูยังคงจับจองไปทีห่ มิงอองและไตชุนเหอ รอคอยฉากตื่นตาตื่นใจที่
กําลังจะเกิดขึ้นในอีกไมชา
ไมวาอยูในอารมณไหน ทุกคนลวนรูสึกตึงเครียด
สีหนาไตชุนเหอซีดขาว แมแตเวลาหลับตาก็ยังไมมี จูๆ ก็รูสึกเย็นที่ทรวงอก ภาพ
ตรงหนามืดสนิท ในใจเหลือเพียงคําวา ‘ตายแนเรา!’
เปรี้ยง! ไดยินเสียงดังกึกกองขึ้นที่ขางหู จากนั้นรางก็ถูกพละกําลังสายหนึ่งกระแทก
ขาลอยขึ้นจากพื้น ตัวลอยอยูกลางอากาศ
ความรูสึกลองลอยเชนนี้ เขาไมสามารถเปรียบเปรยได และยังไมทนั ไดคิด กนก็
จ้ําเบาลงกับพื้นเสียงดังตุบ! ไมผิด แมแตตัวเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริด ที่สุดแลวเขาก็นั่ง
ลง มิไดลมลงกับพื้น
เขาไมรูวาตนเองกําลังเปนหรือตาย ไดแตเงยหนาขึ้นอยางสับสน ตามสัญชาติญาณ
จากนั้นก็นั่งมึนไมเคลื่อนไหวไปพักหนึ่ง เขามึนงง แตผูอื่นไม!
สายตาผูคนนับไมถวนกําลังจับจองมองเหตุการณ ซึ่งกอนหนานี้ขณะกระบี่
ปรมาจารยกําลังจะแทงทะลุหัวใจของไตชุนเหอนั้น รางมอไปที่เดิมยืนอยูขางไตชุนเหอ
พลันปรากฏขึ้นตรงหนาใตชุนเหอตั้งแตเมื่อไหรไมมีใครรู กอนชูสองนิ้วขึ้นคีบกระบี่ยาว
ไดอยางงายดายและรวดเร็วราวสายฟาแลบ ทามกลางสายตาที่เหลือเชื่อของผูคน โดย
กระบี่ยาวไดแทงทะลุเสื้อของไตชุนเหอไปแลว
แสงแวววาวของกระบี่ยาวกระจายออก สองนิ้วที่ราวกับไมใชนิ้วพลันเปลงแสงสีทอง
แสงสีทองเจิดจา สวางคาตา พรางพราวพรามัวไปหมด ในนาทีที่ตาคางกันเปนแถบ
ทั้งเหลาทหารและแมทัพ คอยเห็นรางของไตชุนเหอลอยละลิ่วออกมา
สวนกระบี่ยาวที่ถูกมอไปคีบไว หักเปนทอน กอนระเบิดออกเปนเสี่ยงๆ พรอมเสียง
อันดัง เศษเหล็กปลิวกระจายไปทั่ว นาทีถัดมาคอยเห็นคมกระบี่นับสิบที่พุงเขาหามอไป
พลันปลิวออกจากตัวเขา แลวแตกกระจายหายไปในทิศตางๆ เชนเดียวกัน
สวนรางของมอไปกเ็ ปลี่ยนตําแหนงอีก เขายืนประจันหนากับปรมาจารยผูพูด ซึ่ง
กําลังจับดามกระบี่ที่อยูตรงตําแหนงหัวใจมอไป
อารมณความคิดทั้งมวลหยุดนิ่งฉับพลัน!
ทหารนับไมถวนเบิกตามองจนตาแทบถลนออกจากเบา!
ซวีหลีจื่อที่หลบอยูดานขางก็ตะลึงงันเชนเดียวกัน เม็ดเหงื่อหยดลงจากหนาผาก
“หมิง...หมิงออง!” ริมฝปากขยับขึ้นลง
เจาของกระบี่ที่กําลังหลบคมกระบี่หักที่พุงเขาหาและหนาเสียอยูนั้น พอเห็น
เหตุการณก็อึ้ง กระทั่งรัศมีแสงยังเปลงตามอารมรณจนควบคุมไมอยู
นี่...
เปนไปไดอยางไร?
หมิงอองผูสั่นสะเทือนฟาดินเมื่อคืน ที่สุดแลวก็เปนเชนนี้ ถูกฆาตาย...เชนนี้?
พวกเขาไมมีกะใจครุนคิดวาการที่หมิงอองถูกพวกเขาสังหารจะกลายเปนเรื่องใหญ
ที่โลกตองตกตะลึงเพียงใด จะทําใหเกิดผลอยางไรตามมา ตอนนี้ไมใชเรื่องของการลาง
แคนใหตายกันไปขาง แตนาทีนี้หากผานไปไมได ก็ตองตายกันตรงนี้แน ที่ไหนยังจะคิด
มากไดอีก
อาจมีเพียงแมทัพทีเ่ ฝาดูอยูดานบนของกําแพงเมือง หนึ่งเดียวที่ยังมีสติ ใชวาเขามี
จิตวิญญาณแกรงกวาปรมาจารยสํานักเตา แตเปนเพราะเขาไมรูวาหมิงอองอยูในสถานะ
อะไรในสายตาคนของสํานักเตากลุมนี้
เขาเปนเพียงแมทพั ในสนามรบ มีหนาที่ปกปองคุมครองความปลอดภัย แตตอนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหนา สิ่งที่เขาเห็นกับตา ทําใหเขาตาแดง หนาซีด เศราสลด
เจานายตายแลว จะไมใหเขาเสียใจไดอยางไร?
ทวาเมื่อเกิดเปนแมทัพ ยอมไมลืมสังหารศัตรู นี่เปนหนาที่รับผิดชอบและเปน
สัญชาติญาณ นาทีนี้ไมวาศัตรูเปนใครหนาไหน ทามกลางความเงียบ เขายอมตอง
ตะโกนออก
“ฆา ฆามันใหหมด ฆา! ฆา! ฆา!”
เขาแผดเสียงอยางบาคลั่งดวยความเจ็บแคน นาทีนี้เสียงสะทอนกองไปทั้งในและ
นอกกําแพง!
แลวยังตีกลองหนักๆ อีกหนึ่งครั้ง ทําใหเหลาทหารดึงสติกลับคืน แมเปนเพียงทหาร
รักษาการณประตูเมือง อยางนอยก็ตองมีสัญชาติญาณในการรบอยู พริบตานั้น คันธนูใน
มือไดถูกผอนลง รอเพียงนาทีถัดมา ที่ขนนกปลายธนูจะปลิววอนทั่วฟา พรอมหยาด
โลหิตซานกระเซ็น วันนี้หิมะในเปยเหอกําลังจะถูกยอมดวยสีแดงสดของโลหิต
เสียงแมทัพไมเพียงกระตุนตื่นเหลาทหาร
ยังกระตุนตื่นเหลาปรมาจารย พรอมทั้งซวีหลีจื่อและไตชุนเหอดวย ทุกคนตาง
ตัดสินใจแลววา นาทีถัดมา พวกเขาจะทําอะไร
ไตชุนเหอกมหนาดูหนาอกตนเอง ซวีหลีจื่อลุกขึ้นยืนตัวสั่นขณะเทายังเหยียบเกาอี้
หวายอยู เหลาปรมาจารยทั้งที่ไดลงมือและไมไดลงมือ รัศมีแสงบนรางเปลงออกอีกครั้ง
คิดทะยานขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือทิศทางที่ไตชุนเหอกําลังนั่งกมหนาดูวาตนยัง
มีชีวิตอยูหรือไม
และตอนนี้เอง เสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังขึน้ ขัดจังหวะโลกทั้งใบ โลกของผูที่รอลูกธนู
ลอยเต็มทองฟา
พรอมโลหิตยอมสีจักรวาล โลกของปรมาจารยที่เกร็งพลังเตรียมทะยานไกลรอยกาว
โลกของผูที่รอขึ้นเกาอี้หวาย
แลวใชพลังเบาๆ เหินตัวไปที่ปลายกําแพง
พอไดยินเสียงๆ นี้ ทุกอยางก็หยุดลงอีกครั้ง
“ยั้งมือ!”
ไมผิด ยั้งมือ!
น้ําเสียงใสกระจางดังกังวานอยางทรงพลัง มิไดรองตะโกน เพียงสงเสียงกระจาย
ออกรอบทิศ เหมือนเทพเซียนลงมากระซิบที่ขางหูของทุกคน!
ภายใตคําสั่งจากฟากฟา ลูกธนูของเหลาทหารที่กําลังจะเหินบิน คันธนูที่งางออก
เต็มที่ คางแข็งในทันที เหลาทหารหนาซีดขาวไปตามๆ กัน โทนเสียงจากพลังปราณ ทํา
ใหพวกเขารีบเก็บอาวุธแทบไมทัน กอนที่จะบาดเจ็บไปกวานี้ ไมมีใครสงเสียงครวญ
คราง ตางคนตางหันไปยังตนกําเนิดเสียง
ใบหนาโกรธเกรี้ยวและดวงตาแดงก่ําของแมทัพหันไปมองเชนกัน เขารูสึกทั้งดีใจ
และประหลาดใจอยางเหลือเชื่อขณะกําลังจองมองรางทีแ่ บบบางนั้น
เกาอี้หวายที่อยูใตฝาเทาของซวีหลีจอื่ แตกดังเปรี๊ยะ!
เหลาปรมาจารย ไรเรี่ยวแรงขยับเขยื้อน!
นาทีนี้คงมีเพียงไตชุนเหอเทานั้นที่เคลื่อนไหว เขาใชมือจับทรวงอกตนเองไปมา
กอนทุบลงไปสองที...
สุดทายเขาก็ยัง ‘อยู’ รอดปลอดภัย ใบหนามีเลือดฝาด ดวงตากลับมามองเห็น
เหมือนเดิม เงยหนาขึ้น มองไปยังตนกําเนิดเสียงเหมือนทุกคน
มอไปยืนประจันหนากับปรมาจารยทานนั้น ดามกระบี่ยังอยูบนทรวงอกของเขา
เขามองดูปรมาจารยที่อยูตรงหนา เห็นดวงตามึนงงชั่วขณะ กอนเปลี่ยนเปนตื่นกลัว
ในเวลาตอมา
สีหนามอไปไมเปลี่ยนแมแตนอย ไมสิ ตองพูดวาเปลี่ยนเล็กนอย ไมมีรังสีฆาฟนให
เห็น เหลือเพียงความเย็นชา!
ทามกลางสายตาที่จองมองมา มอไปยกฝามือขางหนึ่งขึ้นชาๆ แตความชานี้ทําให
ทุกคนปรับตัวไมทัน เพราะทุกคนลวนเห็นชัดเจน แตก็ไมเขาใจวาเหตุใดพริบตาเดียว ฝา
มือมอไปจึงไปทาบอยูบนทรวงอกของฝายตรงขามได
“เจา...” ปรมาจารยคลายเพิ่งตื่น เขาตกใจมาก แตยังไมมองฝามือมอไป กลับกมลง
มองดามกระบี่ที่ยังคงคาอยูบนทรวงอกมอไป
มือของเขาคลายสั่นเล็กนอย แลวคอยหยุดลง เหมือนไมกลาดึงดามกระบี่ออกจาก
ทรวงอกมอไป เหมือนทรวงอกของเขาถูกจูโจม ถึงไดกลายืนอยูครงหนามอไปในระยะ
ประชิดเชนนี้
สถานการณเงียบลงอีกครั้ง
ทวา นาทีถัดมา เปนไปตามคาด ฝามือมอไปพลันกระจายแสงสีทองออก ไมผิด
กระจายออก มิใชเปลงออก
ตอน 314 ฆา
เหลาปรมาจารยสํานักเตาดวงตาวูบไหว รูสึกเศราสลด
ปรมาจารยผูอยูตรงหนามอไปเปลงรัศมีแสงทั่วรางอีกครั้งตามรัศมีแสงสีทองที่
กระจายออกจากฝามือมอไป ตลอดทั้งรางเขาสั่นระริก เงยหนาสบตามอไป และพบวา
แววตามอไปใสกระจางอยางที่เขาไมเคยพบเห็นมากอนในชีวิต
มือของเขาจับแนนที่ดามกระบี่ตั้งแตตน ไมขยับเขยื้อน เพราะไมสามารถ ราวกับวา
พละกําลังทั้งหมดไดใชในการเสือกแทงกระบี่ใสมอไปไปแลว และดามกระบี่ที่จับอยูเปน
ความหวังเพียงหนึ่งเดียว
ทวาพอเห็นความเย็นชาบนใบหนามอไป ความหวังที่มีก็มลายหายสิ้น แตเขายังไม
ยอมแพ เพราะกระบี่ยังอยูในมือ
“เขาซางชิง?” ขณะที่เขาจองหนามอไป กลับไดยินเสียงมอไปดังขึ้น
มอไปยังคงทาทีเยือกเย็นดังเดิม เพียงโทนเสียงต่ํากวาเดิม และมิไดดังกองกังวาน
เพียงผูที่อยูใกลเคียงเทานั้นที่ไดยิน
เขาซางชิง!
สามคํางายๆ แตกลับทําใหแววตาของผูเฒาที่อยูตรงหนาพลันมีแสงสวางวาบขึ้นอีก
สาย แตยังคงจองมองมอไปไมวางตา รัศมีแสงทั้งรางยังคงเปลงออกอยางตอเนื่อง พลาง
มีเสียงดังออกจากลําคอ
มอไปพูดตอโดยไมสนใจเขา
“ขาเคยบอกแลววา ในสายตาขา พวกเจาเปนเพียงพลเมืองตาเซี่ยเทานั้น สํานักใบ
ไผเปนเชนนี้ เขาซางชิงจะเปนอยางไรได? ขาเคยสัญญาวาจะไวชีวิตพวกเจา ไฉนเจายัง
รนหาที่อีก?”
“อยาเพิ่งยามใจ ขาเกลียดเจา แมไมสามารถฆาเจาได ก็ไมเปนไร อยานึกวา
สามารถทําลายความเชื่อดั้งเดิมที่มีมาเปนหมื่นๆ ปของสํานักเตาเราได เจาทําไมได
หรอก และโลกนี้ก็ไมมีใครทําไดดวย! รอไปเถอะ เจาตายแน อีกไมนาน เจาตองไดมาอยู
เปนเพื่อนขาในอเวจีแน!”
ในที่สุดปรมาจารยผูนี้ก็พูดแลว น้ําเสียงทั้งเศราโศกทั้งกระหายโลหิต!
“อยางนั้นหรือ?” เสียงของมอไปยังคงใสกระจาง ไมรูสึกกระทบกระเทือนแมแตนอย
และในตอนนี้เอง รัศมีแสงที่ฝามือของเขาพลันสวางจาสุดๆ คลายไดยินเสียงกรอบ
ดวงตาทั้งสองของผูเฒาขยายใหญ รัศมีแสงทั้งรางดับวูบ
ทุกคนเบิ่งตามองปรมาจารยแหงยุค คอตกลงชาๆ
มอไปเก็บรัศมีแสง คอยๆ หันกาย ขณะผูเฒาลมลงกับพื้น ดามกระบี่ที่ไมมีกระบี่
หลนลงจากมือ เสียงดังเครง
ทุกคนที่อยูในเหตุการณ ไมมีใครกลาหายใจแรง
สําหรับเหลาทหาร แมทัพ และไตชุนเหอแลว ยากละสายตาจากผูเฒาที่ลมลงได
ปรมาจารยสํานักเตาแหงยุค ผูมีที่นั่งพระราชทานในทองพระโรง เสียชีวิตลงตรงหนา
พวกเขาอยางงายดาย
ความตื่นตระหนกเชนนี้ เปนความรูสึกที่ยากบรรยาย ทหารสวนใหญยังไมรูเรื่อง
เมื่อคืน ในใจพวกเขา
ยังคงรูสึกวาปรมาจารยมีสถานะสูงสงดังเดิม
แมในมือพวกเขาถือคันธนู เตรียมตอสูเต็มที่ ก็เปนการทําตามคําสั่ง ไมไดคิด
นอกเหนือจากนี้!
พวกเขาจึงอดไมไดที่จะเงยหนาขึ้น มองดูหมิงอองของพวกเขาอีกครั้ง
หมิงอองที่เพิ่งสังหารปรมาจารยหนึ่งทานดวยฝามือ ยังคงมีทาทีดังเดิม ยังคงมองผู
สูงสงที่อยูในที่นี้ดุจอากาศธาตุ เขายังคงนิ่งดุจขุนเขา ราวกับเรื่องเมื่อครู มิได
กระทบกระเทือนจิตใจแตอยางใด
เขาแหงนหนามองทองฟา เงียบไปครูหนึ่ง แลวมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกล
ครั้งนี้ ทิศที่เขามอง คนทั่วไปไมรู แตเหลาปรมาจารยกลับเงียบกริบ เพราะรูวาเปน
ทิศที่ตั้งของเขาซางชิง
ในที่สุดก็ไดยินเสียงมอไป เห็นเขาหันมองศพทีก่ องอยูกับพื้น คลายถอนหายใจ แลววา
“เดิมทีขาคิดคํานับเจาสามครั้ง ถาความเชื่อดั้งเดิมเปนหมื่นปจากปากเจา ที่วาอีก
ไมนานจะมีคนสงขาไปเปนเพื่อนเจาในอเวจีนั้นเปนความจริง ทวาขาก็รอมาทั้งวันแลว
กลับไมเห็นเขามาเสียที”
เกือบทุกคนที่ไดยินและรูความหมายที่ลึกซึ้งของคําพูดนี้ ลวนตองสูดอากาศเย็นเขา
ดับความรอนรุม ซวีหลีจื่อก็เกือบยืนไมอยู เขามองดูเกาอี้หวายใตฝาเทา รูสึกหวาดผวา
คิดวาโชคดีที่ตนไมไดหนีไปแตแรก
สวนคนอื่นๆ ในสํานักใบไผ กลับมีสีหนาไมสูดีและสับสน
พวกเขาเห็นกับตาวา ทานผูนี้ยืนบนจุดสูงสุดของกําแพงเมืองอยูนาน ที่แทก็กําลัง
รอการมาถึงของจอมยุทธและคนจากเขาซางชิงหรอกหรือ?
เขาคิดลุยเดี่ยวกับสํานักเตาทั้งหมดจริงหรือ?
แมสํานักใบไผลมสลาย ก็เทียบไมไดกับคําพูดที่นํามาซึ่งความหนาวเหน็บในนาทีนี้
หลังจากคําพูดนี้ ความกลาที่หลงเหลืออยูในใจของเหลาปรมาจารย คงยากขมกลั้น
ไวแลวจริงๆ
มอไปไมสนใจผูตายอีก เขากวาดตามองปรมาจารยทุกทานที่อยูในเหตุการณ พอ
เขาละสายตาไปจากปรมาจารยทานไหน ทานนั้นก็จะเปาปากดวยความโลงอก สุดทาย
สายตาเขามาหยุดอยูที่ปรมาจารยสี่ทานซึ่งเมื่อครูชักกระบี่ใสเขา
มองนิ่ง
คนทั้งสี่รูสึกหวาดกลัว สีหนาเปลี่ยนทันที บางคนกระบี่ยาวในมือยังสั่นนอยๆ
มอไปพลันยกมือขึ้น คนทั้งสี่รีบกาวถอยทันที มอไปพูดขึ้นอยางเย็นชา
“ไตชุนเหอ บอกใหทหารถอยไป!”
ไตชุนเหอที่ยังนั่งมึนอยู พอไดยินก็รีบขานรับตามสัญชาติญาณ “พะยะคะ”
แตพอขานรับแลวคอยคิดไดวาเมื่อครูมอไปพดู วาอะไร จึงกวาดตามองเหลา
ปรมาจารย และนึกถึงตอนที่ตนเกือบถูกฆาตายภายใตคมกระบี่ ก็รูสึกหนาวเหน็บขึ้น
ทันที สีหนามวงคล้ํา
แตยังกัดฟน มองทานออง มองผูตาย แลวจึงใชสองมือยันพื้น พยายามลุกขึ้นยืน
อยางทุลักทุเล กอนหันไปสั่งถอนกําลังทหาร
ไมใชเรื่องที่วาเขาอยากหรือไม แตเมื่อมาถึงขั้นนี้แลว เขาก็ไมกลาขัดมอไปอีก
เหลาทหารเคลื่อนตัวออกราวสายน้ํา ไมคึกคักเหมือนชวงแรก เมื่อปราศจากอํานาจ
คุกคามชีวิต เหลาปรมาจารยคอยสงบนิ่งลง
แตแลว พวกเขายังไมทันไดผอนคลาย ก็ตองตกใจกับการกระทําของมอไป
เหลาทหารเพิ่งถอยไดไมทันไร รางของมอไปพลันวาบเขาหาปรมาจารยสี่ทานที่ลง
มือเมื่อครูโดยไมมีสัญญาณบอกเหตุแมแตนอย
เร็วมากจริงๆ คนทั้งสี่ที่ถูกมอไปมองนิ่งจนหวาดผวา แตพอไดยินคําสั่งใหถอนทหาร
ก็โลงอก ความเครียดที่คลายลง ทําใหปรมาจารยมีปฏิกิริยาชาลงไดเชนกัน
เพียงพริบตา ผูเฒาที่ยืนดานหลังมอไป พลันเห็นมอไปขยับ ในมือปรากฏกระบี่
มรกตที่ชักออกจากฝกเมื่อไหรไมรู จอเขาที่ดานหนาของตน
สําหรับปรมาจารยแลว พอเห็นเชนนี้ ตองมีปฏิกิริยาโตตอบทันที แตเขากลับชาไป
หนึ่งกาว จึงรองตกใจเสียงดัง จากนั้นก็รีบหันกายหนี
มิไดปดปอง เขาเลือกหันกายใตคมกระบี่มอไปในระยะประชิด
นาทีถัดมา คอยรูตัววาคิดผิด แตไมทันการ หัวใจหยุดเตนเสียกอน
การตายของเขาเรียบงายและนาเห็นใจกวาปรมาจารยทานแรก
มอไปนิ่งดุจผูบําเพ็ญเพียร เคลื่อนไหวดุจกระตายหลุดออกจากกรง หลังสังหารคน
กลับไมรามือ
วาดกระบี่ขณะโลหิตสาดกระเซ็นกลางอากาศ พรอมทะยานรางขึ้น ชวงเขาดายเขา
เข็ม ระหวางที่ผูคนเห็นเพียงเสนผมที่สยายออกและแผนหลังของเขานั้น พลันไดยินเสียง
กระบี่กระทบกันดังเครง
เปนปรมาจารยอีกทานหนึ่งที่รูสึกตัวกอน จึงเกร็งพลังทั้งรางยกกระบี่สกัดกั้นกระบี่
มอไปที่ฟน เขาตรงคอหอยตน ภายใตความตื่นตระหนก
เขาไมทันไดสงเสียงรอง ไดแตปองกันตัวเองในนาทีแรก เขาไมหนี พอเห็นเพื่อนลม
ลง ก็รูแลววาตองสูสถานเดียว แตการเผชิญหนากับมอไปทําใหเขารูสึกเหน็บหนาวอยาง
ที่ไมเคยรูสึกมากอน
กระทั่งตอนยกกระบี่ขึ้นสกัดกั้น เขายังกลัวจนตัวสั่น กลัววาจะไมทัน ความนากลัว
ของมอไป ทุกคนตางรูอยูแกใจ การจูโจมของปรมาจารยนับสิบเมื่อคืนยังถูกทําลายลง
ดวยกระบวนทาเดียว นับประสาอะไรกับคนๆ เดียว
แตเหนือคาดหมาย การใชกระบี่ตานคราวนี้ สามารถตานกระบี่มรกตในมือมอไปได
จริง เขาอึ้งเล็กนอย แตไมทันคิดมาก เพราะมอไปตวัดกระบี่สะทอนแสงแยงตา แทงเขา
ที่คอหอยเขาอีกครั้ง
สกัดกั้นไดอีก มอไปตวัดกระบี่ออก พุงเปาไปที่หัวใจ
สีหนาผูเฒารอนรนสุดขีด เขาพบวา มอไปมิไดหมดแรง เพียงแตเปลี่ยนรูปแบบการ
ตอสู ในนาทีแหงความเปนความตาย กระบี่ของมอไปอยางไรก็ไมพน จุดอันตรายของเขา
ทําใหเขาไดแตตั้งรับ
มีพละกําลังสั่นสะเทือนฟาดินของเซี่ยงอวี่ และมีความออนนุมสยบความแข็งชนิด
หาตัวจับยาก พลังของมอไปมีมากกวาความกลาแกรง ความรูสึกไมควรประมือดวยฝงใจ
พวกเขาตั้งแตสิ้นสุดการตอสูเมื่อคืน แตตอนนี้ พวกเขากลับไมกลาคิดเชนนี้
วิถีเตา วิถีแหงเตา!
เตาตองมีวิถี ตอนนี้ มอไปไดแสดงใหเห็นวิถีของเขา
มอไปมีวิถีหรือไม?
อยางไมตองสงสัย อาจารยยังสําเร็จเปนจอมยุทธไดในยุคมืด แลวผูมีความรอบรู
มากมายเชนมอไป จะขาดวิถีไดอยางไร?
วิถีกระบี่ชาวเตาชื่อดังในชาติกอนแบงออกเปนหาสายไดแก ดิน น้ํา ไฟ ไม ทอง แต
ละพลังจากกระบี่หาแสงสียังแบงออกเปน คม เร็ว แข็ง ออน ถอย ตาน พัน เหมือน
แบงแยก แตถาประยุกตใชรวมกัน ยอมสามารถเอาชีวิตไดอยางแนนอน
ตามตํานานเลาวาผูใหกําเนิดวิถีกระบี่ขางตนก็คือเลาจื้อ ปราชญแหงเตาสมัยชุนชิว
ชวงนั้นบานเมืองเกิดความขัดแยง ลือกันวามีมารปะปนอยูในมวลมนุษย เลาจื้อเห็น
ชาวบานตกทุกขไดยากกับตา จึงชักกระบี่ออก ปรากฎพลังแสงจากองคประกอบทั้งหา
ประหนึ่งวิถีเตานับหมื่นมารวมตัวกัน กําจัดมารใหสิ้นไปจากโลก
เรื่องนี้พูดยากวาเสริมแตงตํานานเทพเขาไปหรือไม และแมไมมีใครสามารถมี
อิทธิฤทธิ์ดั่งเทพเซียน กําจัดมารใหสิ้นไปจากโลก แตเรื่องตอสูศัตรู สังหารคนในระดับ
เดียวกัน มอไปกลับทําไดแน
“ทุกทาน ยังไมเขามาชวยกันอีก จะรอจูโจมทีละคนอยูไย...”
ผูเฒาทานนี้มือไมไมวาง และกําลังจะตานแสงแหงกระบี่ไมอยู ซึ่งแมอาศัยรัศมีแสง
จากพลังปราณทั่วรางตานไว แตในเสี้ยวพริบตา รางยังคงถูกคมกระบี่จนปรากฏโลหิตไป
ทั่ว ขืนเปนเชนนี้ตอไป อีกไมกี่นาทีขางหนา เขาตองหาชีวิตไมแน
พูดก็พูด การที่มอไปเปลี่ยนวิธีตอสูฉับพลัน นอกจากทําใหผูคนตื่นตกใจและควบคุม
สติไมอยูแลว วิถีกระบี่ที่ไมเคยเห็นและไมเคยไดยินยังทําใหคนยากละสายตา
นาทีนี้ แตละคนตางจับจองวิถีกระบี่และการเคลื่อนรางของมอไปอยางไมวางตา
รอจนผูเฒารองเรียก พวกเขาจึงคอยรูสึกตัว แตนั่นสิ ยังรออะไร?
ซวีหลีจื่อกวาดตามองเหตุการณอยางรวดเร็วอีกครั้ง ซึ่งกอนหนานี้ไมทันมองผูที่มอ
ไปประมือดวย ตอนนี้พอสบตาจึงเพิ่งเห็นวาคนผูนี้กําลังมีสีหนาไมสูดี
ซวีหลีจื่อมองหาโอกาสมานาน เมื่อเห็นทุกคนไมกลาลงมือเขาชวย จึงรีบตะโกนเสียงดัง
“ทุกทาน ภายใตบารมีทานออง หามกระทําผิดเปนอันขาด ทุกทานอยาไดเดินผิด
ทาง หาไมแลวจะเปนการรนหาที่ใหตัวเอง หากผูใดยังไมตระหนัก พลังปราณไมดี และ
ยังคิดตอตาน ก็มาแลกชีวิตกับขาได!”
พูดจบก็ชักกระบี่ ขยับกายมายืนตรงหนาทุกคนอยางรวดเร็วพรอมสายตาดุดัน
ทุกคนตางจองมองเขาอยางดูแคลน คิดอับอายแทนคนผูนี้ในใจ แตอยางไรทุกคนก็
ยังไมเคลื่อนไหว เหมือนกําลังลังเลวาจะเขาไปชวยดีหรือไม แตการมีคนเขามาขวาง
เชนนี้ อยางนอยก็ทําใหเสียหนานอยลง
ตอน 315 สับเปนหมืน่ ๆ ชิน้ ไมใหผุดไมใหเกิด
เมื่อเห็นเปนเชนนี้ ซวีหลีจื่อพลันเหงื่อตก หันไปมองมอไป พลางตะโกนเสียงดัง
“กลุมโจรที่ไมเคารพทานออง กลาชักกระบี่ตอหนาทานออง สมควรรับโทษตาย แต
กลับไมกลัวเกรง ยังไมยอมรามือ โทษจึงหนักหนายิ่ง! ถาเปนผูอื่นตองถูกนําไปประหาร
หมด แตทานอองยังเมตตา ประทานความตายใหดวยตัวเอง นับวาใหโอกาสพวกเจา
มากแลวจริงๆ...”
พอพูดออกไป พลันรูสึกตัวเย็นวาบ รีบหันหลังกลับ พบวาผูคนที่ถูกขวางทางไว
กําลังจองมองเขาอยางโกรธเคืองพรอมรังสีฆาฟนในดวงตา เขาจึงรีบหุบปาก ไมกลาพูด
ยั่วยุอีก
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ ทุกคนไมมีกะใจสนใจเขาอีก เนื่องจากไดยินเสียงรอง
คร่ําครวญที่เต็มไปดวยความเจ็บแคน
“พวกเจา...โงเงาสิน้ ดี!”
พวกเขาหันมอง คอยเห็นวาพริบตาเดียว ชีวิตปรมาจารยอีกทานไดแตกดับคา
มือมอไปแลว
ทั้งหมดเงียบกริบ จองมอไปนิ่ง พลันเห็นเขายังไมวางมือ อยางไมตองสงสัย พลิ้ว
กายเขาหาอีกสองคนที่เตรียมตัวพรอมและคิดวาโชคอาจเขาขาง
แตพอทั้งสองรูตัว ไหนเลยจะกลาคิดวาโชคเขาขางอีก ไมมีทางเลือก คิดวาอยางไร
วันนี้คงหนีไมพนแน จึงรูสึกเสียใจที่เมื่อครูไมเขาไปตอสูดวย และโกรธแคนที่ตองมาตาย
เชนนี้ ทั้งสองจึงกูรอ งเรียกความกลา
“ฆา!”
ไมมีใครเขาชวยพวกเขา ทั้งสองมิไดหนี ที่นี่ไมตางอะไรกับสํานักใบไผ พวกเขาไมมี
ทางหนีพนกองทหารที่รายลอมอยูดี จึงไดแตแผดเสียงรอง
ทั้งสองถูกมอไปใชกระบี่มรกตคราชีวิตในคราวเดียวตอหนาผูคน ฟนทะลุรัศมีแสงที่
หลอหลอมจากพลังปราณ!
มิไดอยูเหนือความคาดหมายของทุกคน แตที่ทุกคนเปนกังวลคือมอไปยังจะทรมาน
พวกตนตอหรือไม
โชคเขาขางอยูเพียงเรื่องเดียวคือ กอนที่มอไปจะลงมือไดใหทหารถอยออกไป แสดง
วาไมคิดสังหารหมดในคราวเดียว ยังพอเหลือที่ยืนไวใหบาง
ศพทั้งสี่กองอยูกับพื้นดานหนึ่ง มอไปกุมกระบี่เปอนโลหิต สีหนาซีดขาว บน
หนาผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นอยางไมปดบัง ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลง เหมือนการตอสูเมื่อครู
กินแรงไปสวนหนึ่ง
ทวาก็ยังไมมีใครกลาลองดีอีก เนื่องจากกอนหนานี้ทุกคนเห็นมอไปมีทาทีออนแอ
แตพริบตาเดียว กลับสังหารปรมาจารยไปหาทาน
ไตชุนเหอที่นั่งหลบอยูมุมหอง รอจนทุกอยางเงียบลงแลวจริงๆ จึงลุกขึ้นยืนชาๆ
มองดูศพที่เพิ่มขึ้น แลวคอยหันมองแผนหลังแบบบางที่ยืนอยูเพียงลําพัง สูดหายใจเขา
ลึกๆ รีบกระเผลกเขายกเกาอี้ตัวหนึ่งไปวางไวขางกายทานออง พลางพูดอยางเคารพ
นอบนอมและระมัดระวัง
“ทานออง เชิญ...เชิญนั่ง!”
มอไปเหลือบมองเขา แลวจึงโบกมือใหเขาถอยออกไป
ครั้งนี้ไตชุนเหอไมกลาเสนอความเห็นอื่นใดอีก รีบกระเผลกไปยืนดานหลังมอไป ทิ้ง
ระยะหางราวสองเมตรโดยยังไมยอมจากไป จะมีที่ไหนปลอดภัยไปกวาดานหลังของมอ
ไปเลา?
มอไปมิไดนั่ง เสียงที่เจือความเหนื่อยลาของเขาดังขึ้น
“ยังมีใครอีก?”
ไมมีเสียงขานรับ
“ยังมีใครอีก?” มอไปถามอีกครั้ง
กึก! มีคนขยับแลว ผูเฒาผูที่ยืนอยูรอบนอกและกอนหนานี้มิไดลงมือ คุกเขาลงกับ
พื้นพลางกมศีรษะ
“ขอทานอองประทานอภัย!”
ปรมาจารยคุกเขา!
ไตชุนเหอเบิกตามอง จองคนผูนี้อยางไมคาดคิด แมผานความผันผวนอยางหนัก
มาแลว แตเขาก็ยังไมกลาเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหนา
ไมเพียงแตเขา ซวีหลีจื่อก็ยังยกมุมปากอยางอดไมได แววตาวูบไหวไมหยุด เพราะ
กระทั่งเขาก็ยังไมเคยคุกเขาใหหมิงออง
สวนปรมาจารยทานอื่นๆ ตอนอยูสํานักใบไผก็คุกเขาอยางเสียไมไดมาแลว ตอนนี้
ยังตองคุกเขาตอหนาสาธารณะชนมากมายอีก ใบหนาพวกเขาจึงรอนผะผาวขึ้นทันที
“ยังมีใครอีก?” มอไปถามเปนครั้งที่สาม
ครั้งนี้ ในความเงียบ เกิดเสียงทึบตันดังตามๆ กัน
ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานหลังมอไป รูสึกวาสิ่งที่ยากลืมเลือนมากสุดในชีวิต มิใชความ
ประทับใจแรกพบที่เห็นมอไปยืนอยูคนเดียวบนที่สูงเสียแลว
แตกลับเปนความรูสึกในตอนนี้และภาพที่เห็นในขณะนี้
ไตชุนเหอมองไป เห็นเพียงซวีหลีจื่อยืนโดดๆ ในกลุมปรมาจารย ซึ่งพอรูตวั วาไม
เหมาะสม ก็รีบคุกเขาลง
กึก! เสียงทึบตันอีกหนึ่งเสียง
ไตชุนเหอกะพริบตา คอยรูสึกตัว รีบสาวเทาเขาหามอไป กอนคุกเขาลง พลางพูด
สรรเสริญเสียงดัง
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
ทันใดนั้น เสียงนี้คลายสรางความสั่นสะเทือนไปทั่ว ทั้งผูที่อยูในกําแพงและนอก
กําแพงตางคุกเขาลงแทบพรอมกัน
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
“ทานอองยิ่งใหญเกรียงไกร!”
ยามค่ําคืน เสียงที่ทุกคนเปลงออกจากปากตามคนผูหนึ่ง ดังกระหึ่มทั่วฟาเปยเหอ
และรอบนอก
ในเมืองหลวงที่หางไกล คนผูหนึ่งเงยหนามองไปยังเมืองเปยเหอ
อีกผูหนึ่งรีบรอนสาวเทาเขารายงานขาวที่ไดรับใหคนในวังหลวงทราบ!
ที่แทขาวการมาเปยเหอของมอไปทําใหคนในเมืองหลวงกระตือรือรนตั้งแตรูขาว
และไดสั่งใหกองทัพออกเดินทางเพื่อรับตัวทานอองกลับวัง แตแปลก สุดทายขาวกลับ
เงียบหายไป เหมือนพวกเขาไมรูขาวสะเทือนแผนดินอยางไรอยางนั้น
ทวา แสงไฟในหองทรงพระอักษรยังคงสวางไสวอยูตลอด...
มอไปยืนอยูคนเดียวบนกําแพงเมือง ผูคนที่เหลือลวนคุกเขาลง
โลหิตทีละหยดๆ ลงจากกระบี่เปอนโลหิตในมือเขา เขายืนตัวตรงอีกครั้ง เงยหนา
ขึ้น กวาดตามองอยางถวนทั่ว
“ขากุมกระบี่เพื่อสังหารโจร ที่ใดบางที่ขาสังหารไมได? เมื่อใดบางที่ขาสังหารไมได?
ใครบางที่ขาไมกลาสังหาร?”
“อาศัยพวกเจาคูควรใหขาเดินทางรอยลี้ เพื่อมาจัดทัพแลวลอมฆารึ?”
มอไปชูกระบี่ในมือขึ้น พูดเสียงดังกังวานไปทั้งในและนอกเมือง เขากําลังแสดง
ความอหังการในความเงียบ
“ขากลาละเวนพวกเจา ยอมแสดงวาไมกลัวพวกเจาตอตาน ตอตานหนึ่งคน ฆาหนึ่ง
คน ตอตานสิบคน ฆาสิบคน สํานักเตาทั้งหมดตอตาน ขาพลิกฟาคว่ําแผนดินฆาจะ
เปนไรไป?”
นาทีนี้ คนของสํานักเตาตางทนไมไหว กําหมัดแนน รวมทั้งซวีหลีจื่อดวย มิใชคิด
ตอตาน แตเกิดเปนคนสํานักเตา พอไดยินคําพูดเชนนี้ โลหิตในใจลวนคุกรุนจนยาก
ควบคุม
ถาสํานักเตาทั้งหมดตอตาน ฆาทั้งหมด...
“กองทัพคนเถื่อนฉีปดลอมขาที่หมิงจู ขายังกลาบุกเดี่ยวสังหารพวกมันสามครั้งสาม
ครา นับประสาอะไรกับพวกเจา ที่กลายโสโอหังตอหนาขา?”
มอไปพลันชูกระบี่ ชี้ไปยังกลุมคนสํานักเตา แลวจึงคํารามเสียงดังกึกกองเปนครั้งแรก
“ใครกลายโสโอหัง?!”
“ฆา!”
“ฆา!”
“ฆา!”
สนามตอสูไมกลัวหลั่งโลหิต กลัวก็แตไรสามารถ!
ในและนอกเมือง ทหารหาญในสนามรบ ตอนนี้เวลานี้ ภายใตโลหิตที่คุกรุนของหมิง
ออง ทุกคนตางรองตะโกนวาฆา
เสียงฆาที่ดังกระหึ่มไปทั่วฟา ทําใหหนาผากซวีหลีจื่อและปรมาจารยที่กําลังคุกเขา
ขางเดียวเหงื่อกาฬหลั่งไหลจนหยดลง
เปนครั้งแรกที่พวกเขากมศีรษะลงตอหนาความกระตือรือรนและความกลาหาญของ
พลทหาร
“พวกเจาจงฟงเปนครั้งสุดทายและจําไวใหดีวา ขาไวชีวิตพวกเจา มิใชเพราะพวก
เจาเปนปรมาจารยสํานักเตา และมิใชเพราะขาโลภ คิดใชประโยชนจากยอดฝมืออยาง
พวกเจา สําหรับขา มิใชเฉพาะปรมาจารย แมผูเหาะเหินเดินอากาศดําดินหลบหนีได
ตามตํานาน หรือจอมยุทธที่ใฝหาความสุขสบายในชีวิต ใครก็ตามที่กลาทรยศตาเซี่ยขา
กลาทรยศประชาชนขา แมขาขึ้นสวรรคหรือลงนรก ก็ตองสับมันผูนั้นเปนหมื่นๆ ชิ้น
ไมใหผุดไมใหเกิดไปสามชาติ!”
กึก!
ปรมาจารยที่เดิมทีคุกเขาขางเดียว รีบคุกเขาอีกขางลงทันที
ไพรฟาประชาชน เคารพองคจักรพรรดิประหนึ่งฟาดิน!
ผูบําเพ็ญเพียรทางเตา เคารพจอมยุทธประหนึ่งเทพเซียน!
จอมยุทธ เปนผูที่พวกเขาศรัทธา แตทานผูนี้กลับนําคํา ‘สับเปนหมื่นๆ ชิ้น’ ‘ไมให
ผุดไมใหเกิด’ มาใชกับจอมยุทธ เหลาปรมาจารยจึงรูสึกตื่นตระหนกวาตอนที่รูวาสํานัก
ใบไผลมสลายเสียอีก!
ตามประวัติศาสตร นี่เปนครั้งแรกที่มีคนกลาบาบิ่น พูดเชนนี้ตอหนาประชาชน
และคําพูดในีนาทีถัดมา ทําเอาไตชุนเหอที่คุกเขาอยางยากลําบากตองลมตัวลงนั่งกับพื้น
“วันนี้ ขาชูกระบี่ขึ้นฟา เพื่อสาบานตอปวงประชาวา ตั้งแตวันนี้เปนตนไป ใน
สถานการณยากลําบากของบานเมือง ไมวาใครหนาไหนในตาเซี่ย ไมวาผูลากมากดี ผูสูง
ศักดิ์ ผูสูงสง หรือแมทัพนายกองในสนามรบ ถากอความเดือดรอนวุนวาย สรางความ
แตกแยก ทํารายประชาชนขา ขาขอกุมกระบี่ สังหารตั้งแตกังฉินเบื้องบน จนถึงคนเดิน
ดินเบื้องลาง หาไมแลว ขาขอใชกระบี่ในมือขา ประหารตัวขาเอง!”
ถาไมฆาโจร จักฆาตัวตาย!
เสียงของมอไปดังสะทอนกองทั้งในและนอกกําแพงเมือง แมอากาศอันหนาวเหน็บก็
มิอาจสกัดกั้นโลหิตที่พลุงพลานของเขา
เขาหันกาย กุมกระบี่เดินลงบันไดกําแพงเมือง
ทุกคนลวนคุกเขา ไมมีใครเงยหนาขึ้น กระทั่งเสียงฝเทาของเขาหางออกไปไกล
ไตชุนเหอเงยหนาขึ้นขณะตัวสั่นงันงก มองดูรางที่เดินลงบันไดซึ่งคอยๆ พรามัวออก
จากสายตา แลวจึงโขกศีรษะอีกครั้ง
ทุกคนทั้งในและนอกกําแพงเมือง ในที่สุดก็สงเสียงตอบมอไป
“ขานอยพรอมพลีชีพตามทานออง!”
“เบื้องบนฆากังฉิน เบื้องลางฆาคนทรยศชาติ!”
ทหารกูร องกอง ประชาชนแผดเสียงดังกอง!
ตอน 316 แมทัพรบเพื่อใคร
การมาเปยเหอในครั้งนี้ ที่สุดแลวมอไปรูสึกอยางไร เกรงวาคงมีแตเจาตัวเองที่รู
เมื่อลงมาจากกําแพงเมือง ไตชุนเหอก็เดินตามมาอีก บอกตามตรง เขารูเรื่องราว
ของมอไปไมนอย จึงไมกลาหืออือกับมอไปตั้งแตแรก
แตสิ่งที่ไดยินอยางไรก็เปนสิ่งที่ไดยิน จนกระทั่งไดผานเหตุการณระทึกขวัญดวย
ตัวเองพรอมใจที่สั่นระรัวเมื่อครู จึงคอยเขาใจคํา สิบปากวา ไมเทาตาเห็น สิบตาเห็นไม
เทามือคลํา
เขาเดินลงบันไดตาม และมองดูมอไปอยางระมัดระวัง เห็นทาทางมอไปสงบนิ่ง ไมมี
ความผิดปกติแมแตนอย ราวกับเมื่อครูที่เพิ่งผานพนความเปนความตาย และไดตัดสินใจ
กระตุนใหเกิดผลในการดํารงชีวิตอยูที่ยากจินตนาการ ดวยผูคนมิไดคิดเหมือนเขาทุกคน
ไป
ไตชุนเหอยิ่งมาก็ยิ่งเกรงกลัวมอไป อดคิดไมไดวาในสายตาทานอองผูสงางามและ
เปนที่ภาคภูมิใจของราชสํานัก เหตุการณเมื่อครูไมนับเปนอะไรจริงหรือ...
สิ่งที่เกิดขึ้น มอไปไมมีกะใจเก็บมาคิด เพียงรอฟงคําตอบจากซวีหลีจื่อ แลวคอย
เตรียมตัวจากไป
แตพอลงจากกําแพงเมือง และเห็นเหลาทหารยังคงรักษาการณอยางแข็งขัน ดาน
ในสามชั้น ดานนอกสามชั้น จึงพูดเสียงเบา
“นอกจากผูที่ตองเฝาประตูเมืองตามปกติแลว ที่เหลือใหกลับกรมกองของตนไป”
ไตชุนเหอไดยินดังนั้น ไหนเลยจะกลารีรอ รีบขานรับแลวหันกายโบกมือเรียกแมทัพ
ที่กอนหนานี้อยูขางกายเขามาตลอดใหเขามาหา
สักครู แมทัพผูนั้นก็เรียกรองแมทัพเขามา แลวกําชับใหถอนทหารออก แตกลับคิด
ไมถึงวา หลังจากนั้น เหลาทหารกลับไมถอนตัว
ไตชุนเหอพูดจากับสองแมทัพสักพัก กอนมีสีหนาลังเลและลําบากใจ สุดทายจึงพา
ทั้งสองกลับเขามา
เมื่อทั้งสองแมทัพมาถึงและทําความเคารพมอไปเรียบรอย ก็แสดงความกังวลใจขึ้น
“ทานออง นักวิชาการและเจาของกิจการหลายทานในเปยเหอ อยากตอนรับทาน
อองที่เสด็จมาเยือน จึงรวมตัวกันที่หนาประตูเมืองเพื่อแสดงความยินดี ทานดู...”
มอไปไดยินก็อึ้งอยางเห็นไดชัด เขาไมเคยสัมผัสบรรยากาศที่มีผูคนมากมายมาคอย
ตอนรับขณะเชื้อพระวงศเสด็จไปไหนมาไหนจริงๆ นี่จึงนับเปนครั้งแรกที่ไดยิน
เมื่อไตชุนเหอเห็นเขาไมพูดไมจา ก็นึกวาเขากําลังตําหนิตนที่ปลอยใหขาวรั่วไหล จึง
แสดงสีหนาตกอกตกใจ รีบโคงตัวพลางแกตัว
“ทานอองโปรดอภัย เดิมทีกระหมอมไดสั่งใหปดขาวการมาของทานอองแลว แต
อาจเพราะจัดกําลังมาอารักขาเต็มที่ จึงทําใหเกิดขาวลือขึ้น และพอเกิดเรื่อง...”
“พอแลว!” มอไปโบกมือขัดจังหวะคําพูดของเขา กอนสายศีรษะนอยๆ
“ขามาครั้งนี้ ไมจําเปนตองหลบๆ ซอนๆ”
“กระหมอมสมควรตาย...”
ไมพูดยังดีเสียกวา พูดแลวไตชุนเหอก็ตองตกใจจนอยากรองไห ขุนนางเกาแกมิได
หมายความเชนนี้หนา
มอไปมิใชไมรู แตขอปฏิบัติระหวางนายกับบาว ตอนนี้เขาไมมีกะใจสนใจจริงๆ อีก
ทั้งทาทางของไตชุนเหอ พูดตามตรง เขาเขาใจ แตมิไดชื่นชมมากมาย ซึ่งจริงๆ แลวเขา
ก็ยังไมคอยเขาใจในตัวไตชุนเหอ จึงไมสามารถวิจารณการทํางานของเขาวาเปนอยางไร
อีกทั้งยังมีแมทัพอยูขางกายเขา มอไปไมอยากทําใหเขาเสียหนาตอหนาลูกนอง จึง
เพียงโบกมือ แสดงใหเห็นวาไมเอาความ แลวจึงเริ่มครุนคิด
คนเหลานี้เขาควรพบหรือไมควรพบดี?
บอกตามตรง เขามีใจที่จะพบอยูเหมือนกัน คนเหลานี้ตองเปนผูที่ควบคุมทิศ
ทางการดําเนินชีวิตสวนหนึ่งของประชาชน สามารถคุยกับพวกเขา ตอกย้ําใหพวกเขา
มั่นใจในความมั่นคงของตาเซี่ย อาจเปนผลดีตอความสงบสุขของเปยเหอ
แตสุดทาย มอไปกลับสายศีรษะ สถานการณบานเมืองเปนเชนนี้ พูดเพียงปากเปลา
ยากที่จะทําใหคนเกิดความเชื่อมั่นได อีกอยางพวกเขามิใชคนในสํานักเตา มอไปไม
สามารถใชกําปนแสดงอํานาจบารมี
ถามีทาทีออนนอมตอหนาพวกเขา ก็จะถูกดูแคลน
แตถามีทาทีแข็งกราว ก็จะถูกมองวาทําตัวเหินหาง กดขี่คุกคาม!
ไมมีทางเลือก อํานาจราชสํานักเดิมทีเปนอํานาจผูกขาด สถานะหมิงอองมิไดขึ้นกับ
ผลงานที่เขาทํากอนหนาและหลังจากนี้ เกรงวาลับหลังเขา ผูคนอาจเห็นวาเขาไมมี
คุณคาแมสักแดงเดียวก็เปนได!
ชางเถอะ ไมพบดีกวา
รอใหเรื่องที่เกิดขึ้นคอยๆ ตกตะกอน แลวไดยินไปถึงหูพวกเขา ใหพวกเขาคอยๆ
สัมผัสถึงปณิธานและความแข็งแกรงของตน พอพวกเขาตกใจ นึกสงสัยและคาดเดา
อาจเกิดความเกรงกลัว ซึ่งสงผลดีตอรูปแบบการดําเนินเรื่องตางๆ ในภายภาคหนา
คิดถึงตรงนี้ เขาจึงพูดเสียงขรึม
“คน ยังไมพบแลวกัน ขอหนึ่ง การพบหนากันกะทันหันยามค่ําคืน อาจทําใหเกิด
เรื่องวุนวายที่ไมพึงประสงคขึ้น ขอสอง ขามีเรื่องสําคัญที่ตองทํา ไมอาจพักอยูที่นี่ รอขา
กลับมาในครั้งหนา คอยทําการขอบคุณชาวประชาที่มีเจตนาอันดี บอกใหพวกเขา
กลับไปเถิด และถอนทหารออกไปดวย!”
“พะยะคะ!” อันที่จริงไตชุนเหออยากไปใหพนๆ นานแลว วันนี้มีเรื่องที่ทําใหตกใจ
มากเกินไป แมบอกวาคนเหลานี้เปนประชาชนธรรมดา แตใครจะรับประกันไดวา
ปลอดภัยหายหวง?
เขาเองไมมีทางเลือก คนเหลานี้มีตาสัปปะรด เขาคิดปดขาวก็ปดไมมิด แตจะไมไว
หนาพวกเขาก็ไมได พอบอกพวกเขาตามคําทานอองเรียบรอย จึงกลับมารายงาน
แตตอนแมทัพรับคําสั่งเรื่องถอนกําลัง มอไปกลับสังเกตเห็นวา ไตชุนเหอแอบสง
สายตาให
มอไปครุนคิดเล็กนอยก็เขาใจทันที ปากบอกใหถอนทหาร แตกลับทําการปองกัน
ในทางลับเพิ่ม
บอกตามตรง หากเปลี่ยนเปนเจานายทานอื่น ตองชื่นชมในการรูงานของไตชุนเหอ
แน แตตอนนี้มอไปกลับมีแตความเศราใจ วันนี้มีคนเอาใจนายอยางเขามากพอแลว
แมทัพควรควบคุมทหารในสนามรบ ไมควรมาแสดงความภักดี คุมครองความ
ปลอดภัยใหเจานายเพียงอยางเดียว!
“ชากอน!” หลังแมทัพรับคําสั่งและกําลังจะจากไป มอไปจึงเรียกไว กอนถามเสียงขรึม
“ไมทราบวาทานแมทัพมีนามวาอะไร?”
แมทัพคิดไมถึงวาจูๆ มอไปจะถามชื่อเขา จึงยืนอึ้ง ไตชุนเหอก็ไมรูเชนกันวามอไป
จะทําอะไร จึงไดแตเตือนสติ
“ทานอองถาม ยังไมรีบตอบอีก!”
แมทัพคอยไดสติ รีบตอบ “กระหมอมหูเมาติง!”
“แมทัพหู!” มอไปพยักหนา “ขามีคําพูดไมกี่คําอยากบอกทานแมทัพ ไมทราบวา
ทานแมทัพจักยินยอมฟงหรือไม”
หูเมาติงหนาเปลี่ยนสีทันที ปฏิกิริยาแรกคือมองหนาไตชุนเหอ เห็นชัดวาถูกทาทาง
ของมอไปทําใหตกใจ
ไมรูวาโชคดีหรือโชคราย เขาคุกเขาขางเดียวลงกอน
“ขอเพียงทานอองกําชับ กระหมอมแมบุกน้ําลุยไฟ ก็ไมยอทอ!”
พอเห็นดังนี้ ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานขางเปนตองจองมองและอดไมไดที่จะอิจฉาคน
ทึ่มผูนี้ เปนเพียงแมทัพเล็กๆ ปองกันเมือง แตกลับเขาตาทานอองได
มอไปไมสนใจวาแมทัพจะคิดเชนไร พูดเสียงขรึมตอ
“วันนี้ทานแมทัพเสี่ยงอันตรายอยางไมเกรงกลัว อารักขาขาเปนอยางดี ขาควร
ขอบคุณทานแมทัพดวยสุราสักจอก แตมาคิดอีกที สุราจอกนี้ยกไปคราวหนาดีกวา ไม
ทราบวาทานแมทัพจะวาอยางไร?”
หูเมาติงมิใชคนมีการศึกษาสูง จึงไมเขาใจคําพูดของมอไปทั้งหมด เขาหนาแดง
เห็นชัดวาตื่นเตน
“กระหมอม...กระหมอมไหนเลย...ไหนเลยจะกลา...”
ไตชุนเหอที่ยืนอยูดานขางกลับยกมุมปากขึ้นสูง รูสึกเศราสุดๆ เจาทึ่มเอย โชคใหญ
หลนใสแลว คิดถึงตรงนี้ก็รีบพูด
“แมทัพหู ยังไมรีบโขกศีรษะ ขอบพระทัยทานอองที่มีเมตตาเปนลนพนอีก”
เดิมทีหูเมาติงไมรูวาควรตอบอยางไรดี พอไดยินไตชุนเหอพูดขึ้น จึงรีบโขกศีรษะ
แตแลวมอไปกลับวา “ชากอน”
หูเมาติงจึงตัวแข็งอยูกับที่ มอไปหันกายมือไพลหลัง กอนวา
“เจาลุกขึ้น ฟงขาพูดใหจบ”
“พะยะคะ” หูเมาติงลุกขึ้นยืน ชําเลืองมองไตชุนเหอ เห็นเขาขยิบตาให แตก็ไมรู
ความหมายอยูดี
เสียงมอไปดังขึ้น
“แมทัพหู ทานคุมครองความปลอดภัยใหขาอยางไมคิดชีวิต ขายอมสมควรซาบซึ้ง
ในความจงรักภักดีของทาน แตขาคิดวา ตอนนี้บานเมืองกําลังยุงเหยิง ดานนอกมีพยัคฆ
และสุนัขปาบุกรุก ดานในยังมีวานรคอยกอกวนอีก พวกทานสวมชุดเกราะแมทัพ โลหิต
ที่หลั่ง ผลงานที่ได ควรเปนไปเพื่อชาติบานเมือง เพื่อความสงบสุขของชาวประชา ชีวิต
ขาเมื่อเทียบกับสองอยางนี้แลว จะสําคัญไดอยางไร?”
หูเมาติงเงยหนาขึ้นมองแผนหลังมอไป เขาไมมีความรูมากนัก แตตอนนี้ คลับคลาย
ไดกาวล้ําไตชุนเหอไปหนึ่งกาว เขาใจความหมายของมอไป
ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองของไตชุนเหอกลับแตกตางกับหูเมาติงอยางสิ้นเชิง ไตชุนเหอ
สงสายตาบอกหูเมาติงไมหยุด ใหเขารีบตอบมอไป ตอบอยางไรนะหรือ ก็ตองตอบวา
‘ความปลอดภัยของทานอองสําคัญพอๆ กับบานเมือง ขอเพียงชาวประชาอยูดีมีสุข
กระหมอมพรอมพลีชีพตามทานออง!’
ทวาหูเมาติงกลับมิไดมองเขา และมิไดตอบตามความคิดเขา นี่ทําใหไตชุนเหออด
ไมไดที่จะสายหนาในใจ ทึ่มจริงๆ!
มอไปหันกาย จองมองหูเมาติง
“ขาเพียงหวังวา ตอไปถาทานตองออกรบในสนามรบ จักสามารถตอสูขาศึกดังเชน
วันนี้ที่คุมครองความปลอดภัยใหขาอยางสุดชีวิต! หากวันนั้นมาถึง ขายังมีชีวิตอยูและ
ทานกลับจากสนามรบได ขาตองจูงมาและชูกระบี่ใหทาน อีกทั้งดื่มฉลองใหกับ
ความสําเร็จของทานอยางแนนอน!”
พูดถึงตรงนี้ เสียงของมอไปสงู ขึ้นเล็กนอย
“ทานแมทัพจักยินยอมหรือไม?”
ครั้งนี้ ไมจําเปนตองใหใครขยิบตาใหอีก หูเมาติงคุกเขาขางเดียวลงกับพื้น แหงน
หนายืดอก ตาแดงพลางประสานมือไปขางหนา เสียงดังฟงชัดดุจอสุนีบาต
“กระหมอมมิกลาขัดแนนอน!”
บนกําแพงเมือง ซวีหลีจื่อยืนกระอักกระอวนอยูห นาเหลาปรมาจารย ไมรูควรทํา
อยางไรดี
เหลาปรมาจารยจองมองเขาในความเงียบ ไมมีใครพูดขึ้นสักคน ความกดดันที่ไรรูป
ทําใหเขาอึดอัดใจมาก เขากําลังทําอะไรนะหรือ ยอมกําลังเลือกคน!
ลังเลสักพัก เขาก็ยังตัดสินใจไมได รูสึกลําบากใจอยางบอกไมถูก เหลาปรมาจารย
คิดวา ทานอองกําลังลบหลูพวกเขา นี่ไมรูวาการทําใหสํานักไทเสวียนตกที่นั่งลําบาก
เชนนี้ เปนการลงโทษเรื่องที่ผิดตอตูเจวียนหรือไม
สุดทายจึงสูดหายใจเขาลึกๆ หันกายเดินไปที่ริมกําแพง พูดจากับทหารรักษาการณ
ทามกลางสายตาอันลึกล้ําของเหลาปรมาจารย แลวจึงลงจากกําแพงดวยเกาอี้หวาย
พอเห็นเจาสํานักกลับลงมา ปรมาจารยสํานักไทเสวียนที่หนาซีดขาวจากเหตุการณ
เมื่อครูก็รีบเขามารุมลอม พอเห็นเจาสํานักไมเปนไร คอยรูสึกโลงใจ
เดิมทีพวกเขาไมมีคนประจําอยูในเมืองหลวงมากมายเชนนี้ ที่เห็นนี่ก็เพิ่งยายมา
สมทบอยางเรงดวน หลังเกิดเรื่องขึ้นกับตูเจวียน
และมีเพียงผูเฒาทานหนึ่งซึ่งดูอาวุโสกวาซวีหลีจื่อถามขึ้นอยางรอนรน
“เจาสํานัก ทานอองวาอยางไร? หายโกรธเกรี้ยวหรือยัง ไวชีวิตพวกเราหรือไม?”
ซวีหลีจื่อเหลือบตามองเขา ขมวดคิ้ว ไมสงเสียง
ทําใหผูเฒารอนรนเขาไปใหญ สีหนาหวาดผวา พลันยื่นมือออก ตบเขาที่ใบหนา
ศิษยรวมสํานักอายุราวหกสิบกวาที่ยืนอยูขางๆ จนหนาหัน
“อกตัญู ยังไมคุกเขาลงอีก เหตุใดขาถึงไดใหกําเนิดคนอยางเจาได ขาละอายตอ
บรรพบุรุษเหลือเกิน ละอายจริงๆ!”
ผูเฒาทานนี้ดุดาอยางเจ็บปวดใจพลางผลักปรมาจารยที่คุกเขาอยูกับพื้นไมหยุด
ซวีหลีจื่อมองอยางเย็นชา ชวงแรกที่เกิดเรื่องกับตูเจวียน ทานผูนี้เองที่ปฏิบัติหนาที่อยู