Professional Documents
Culture Documents
Aci Ids A and Bas Ses)
Aci Ids A and Bas Ses)
Aci Ids A and Bas Ses)
กรด
(Aciids and
a Basses))
สาาขาวิชาเคมี
า
โ ยนมหิ
โรงเรี ย ดลวิ
ด ทยาานุสรณ
ณ (องคคกรมหาาชน)
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
รูปที่ 1 สารเคมีที่มีสมบัติเป็นกรดและเบสที่ใช้ในชีวิตประจําวัน
(ที่มา www.healthnet.in.th และwww.kanchanapisek.or.th)
คุณสมบัติของกรด คุณสมบัติของเบส
เมื่อละลายน้ํา กรดมี สมบัติดังนี้ เมื่อละลายน้ํา เบสมีสมบัติ ดังนี้
-นําไฟฟ้าได้ -นําไฟฟ้าได้
-เปลี่ยนกระดาษลิตมัสจากน้ําเงินเป็นแดง -เปลี่ยนกระดาษลิตมัสจากแดงเป็นน้ําเงิน
-มีรสเปรี้ยว -มีรสฝาด
เมื่อทําปฏิกิริยากับเบส จะเกิดเกลือขึ้น -เมื่อทําปฏิกิริยากับกรด จะเกิดเกลือขึ้น
การศึ ก ษาเรื่อ งกรดและเบสจะพบว่า ต้อ งใช้ค วามรู้ เรื่ อ งสมดุล เคมี ม าเกี่ย วข้ อ งตลอดเวลา เพราะใน
สารละลายกรดและเบสหลายชนิ ด มี ส มดุ ล เกิ ด ขึ้ น การเปลี่ ย นแปลงของสารที่ อ ยู่ ใ นภาวะสมดุ ล จะมี ทั้ ง การ
เปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าและการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับเกิดขึ้นตลอดเวลา (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี, 2545)
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 1 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
2.สารละลายอิเล็กโทรไลต์และสารละลายอิเล็กโทรไลต์
สารละลาย (Solution) คือ สารตั้ ง แต่ 2 ชนิ ดขึ้ น ไปมาผสมกั น แล้วมองเห็นเป็น เนื้อเดี ยว และ
ประกอบด้วยตัวถูกละลายและตัวทําละลาย
สารละลายแบ่งตามสภาพการนําไฟฟ้าเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.สารละลายอิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte Solution) คือสารละลายที่นําไฟฟ้าได้ เพราะมีสารอิเล็กโตรไลต์เป็นตัว
ถูกละลาย ซึ่งประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบ เคลื่อนที่ในสารละลาย เช่นสารละลายกรดและสารละลายเบส
2.สารละลายนอนอิเล็กโตรไลต์ (Non Electrolyte Solution) คือสารละลายที่ไม่นําไฟฟ้าได้ เพราะตัวถูกละลาย
ไม่สามารถแตกตัวเป็นไอออนในตัวทําละลายได้ เช่นสารละลายน้ําตาลกูลโคส
สารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) เป็นสารประกอบที่สามารถนําไฟฟ้าได้ เมื่อหลอมเหลวแล้วแตกตัวเป็น
ไอออนหรือละลายอยู่ในสารละลายแล้วแตกตัวเป็นไอออน สารละลายที่นําไฟฟ้าได้เรียกว่า สารละลายอิเล็กโทรไลต์
สารอิเล็กโทรไลต์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดดังนี้
1. สารอิเล็กโทรไลต์แก่ (Strong electrolyte)
สารอิเล็กโทรไลต์ที่สามารถแตกตัวเป็นไอออนได้หมดหรือเกือบหมดในน้ําหรือในสารละลายเจือจาง ทําให้
ในสารละลายนั้นมีไอออนเป็นจํานวนมาก จึงนําไฟฟ้าได้ดี ได้แก่เกลือที่ละลายน้ําได้ กรดแก่ และเบสแก่
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 2 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
แบบฝึกหัดเสริม
จงตอบคําถามต่อไปนี้
1. เมื่อนําสารละลาย A, B, C, D และ E ที่มีความเข้มข้นเท่ากันไปทดสอบการเปลี่ยนสีของกระดาษ
ลิตมัสและความสามารถในการนําไฟฟ้าได้ข้อมูลดังนี้
จงตอบคําถามต่อไปนี้
1.1 สารใดเป็นอิเล็กโทรไลต์แก่
.......................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
1.2 สารใดเป็นอิเล็กโทรไลต์อ่อน
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
1.3 สารใดเป็นนอนอิเล็กโทรไลต์
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
2. จงจัดประเภทของสารละลายต่อไปนี้ลงในตารางให้ถูกต้อง
CH3COOH HCl NaOH H2SO4 H2S H3PO4 HClO4 H2CO3 NH4OH HCN HNO3 HBr HNO2 HCOOH
และ C6H5COOH
สารละลายอิเล็กโทรไลต์อ่อน สารละลายอิเล็กโทรไลต์แก่
................................................................ .................................................................
................................................................ .................................................................
................................................................ ................................................................
................................................................ ................................................................
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 3 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
3. ไอออนในสารละลายกรดและสารละลายเบส
จากการศึกษาสมบัติของสารละลายกรดและเบส พบว่าสารละลายทั้งสองประเภทนําไฟฟ้าได้ แสดงว่ามี
ไอออนอยู่ในสารละลายนั้น ถ้านําผลการเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสมาพิจารณาด้วย นักเรียนคิดว่าในสารละลายกรด
และสารละลายเบสจะมีไอออนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
2.1 ไอออนในสารละลายกรดเป็นสารละลายอิเล็กโตรไลต์และเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากน้ําเงินเป็นแดง
แสดงว่าในสารละลายกรดอาจมีไอออนบางชนิดเหมือนกัน ซึ่งไอออนชนิดนั้น คือ ไฮโดรเนียมไอออน (H3O+)
ตัวอย่างเช่น
HCl (g) + H2O (l) H3O+ (aq) + Cl- (aq)
ไฮโดรเนียมไอออน คลอไรด์ไอออน
CH3COOH (aq) + H2O (l) H3O+ (aq) + CH3COO- (aq)
ไฮโดรเนียมไอออน แอซีเตดไอออน
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์และกรดแอซีติกในน้ํา พบว่าในสารละลายกรดทั้ง
2 ชนิดมีไอออนที่เหมือนกันคือ ไฮโดรเนียมไอออน (H3O+) กับไอออนลบที่แตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของกรด
เนื่องจากไฮโดรเนียมไอออนไม่ได้อยู่เป็นไอออนเดี่ยว แต่จะมีโมเลกุลของน้ําล้อมรอบอยู่ด้วย ในบางสภาวะอาจอยู่
ในรูปของ H9O4+ (H3O+. 3H2O) ดังรูปที่ 2 แต่เพื่อสะดวกจึงนิยมเขียนเพียง H3O+
H H
H H O O
O H
H H H
O
H
H
O
H
H
H3O+ H9O4+
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 4 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
4.ทฤษฏีกรด-เบส
มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้ศึกษาเรื่องนี้ เช่น อารีเนียสร์ (Arrhenius) บรอนสเตรท-ลาวรี่ (Brφnsted-
Lowry) และ ลิวอิส (Lewis) ไว้ดังนี้
4.1 Arrhenius Concept ได้ให้นิยามไว้ดังนี้
กรด คือ สารประกอบที่ละลายน้ําแล้วแตกตัวให้ H+ หรือ H3O+
H2O (l)
HA H+ (aq) + A- (aq)
เบส คือ สารประกอบที่ละลายน้ําแล้วแตกตัวให้ OH-
H2O (l)
BOH B+ (aq) + OH- (aq)
ข้อจํากัดของทฤษฎีนี้คือ สารประกอบต้องละลายได้ในน้ํา และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทําไมสารประกอบ
บางชนิดเช่น NH3 และสาร Na2CO3 มีสมบัติเป็นเบส ทฤษฎีนี้ไม่สามารถอธิบาย
ได้เช่นกัน เนื่องจากภายในสูตรโครงสร้างสารไม่มี OH- ดังนั้นจึงไม่สามารถ
อธิบายได้ว่าเป็นเบส
4.2 Brφnsted-Lowry Theory ได้ให้นิยามไว้ดังนี้
กรด คือ สารที่สามารถให้โปรตอน (Proton donor) แก่สารอื่น
เบส คือ สารที่สามารถรับโปรตอน (Proton acceptor) จากสารอื่น
ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบสจึงเป็นการถ่ายเทโปรตอนจากกรดไปยังเบสเช่น แอมโมเนียละลายในน้ํา
NH3 (aq) + H2O(l) NH4+ (aq) + OH- (aq)
เบส 1 กรด 2 กรด 1 เบส 2
ในปฏิกิริยาไปข้างหน้า NH3 จะเป็นฝ่ายรับโปรตอนจาก H2O ดังนั้น NH3 จึงเป็นเบสและ H2O เป็นกรด
แต่ในปฏิกิริยาย้อนกลับ NH4+ จะเป็นฝ่ายให้โปรตอนแก่ OH- ดังนั้น NH4+ จึงเป็นกรดและ OH- เป็นเบส
คู่กรด-เบส
เมื่อกรดมีการให้โปรตอนไปแล้วส่วนของกรดที่เหลือเรียกว่าคู่เบส (Conjugate base) ของกรด จะทํา
หน้าที่เป็นเบส หรือกล่าวคือคู่เบสของกรดบรอนสเตดคือโมเลกุลหรือไอออนที่เหลืออยู่หลังจากกรดเสียโปรตอนไป
แล้ว ในทางตรงข้ามเมื่อเบสรับโปรตอนแล้วจะได้คู่กรด (Conjugate acid) ของเบสซึ่งทําหน้าที่เป็นกรดก็คือสาร
ผลิตภัณฑ์ของเบสที่ได้รับโปรตอน
ตามทฤษฏีกรด-เบส ของ Brφnsted-Lowry Theory จะมีสารพวกหนึ่งที่มีโอกาสเป็นได้ทั้งกรดและเบส
เรียกสารพวกนี้ว่า สารแอมฟิโพรติก (Amphiprotic substance) หรือแอมฟิโพรติกไอออน (Amphiprotic ion) ดัง
ตารางที่ 2 และ 3
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 5 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตารางที่ 2 คู่กรดและคู่เบสของแอมฟิโพรติกไอออน
คู่กรด แอมฟิโพรติกไอออน คู่เบส
H2S HS- S2-
H2CO3 HCO3- CO32-
H2SO3 HSO3- SO32-
H2C2O3 HC2O-4 C2O2-4
H3PO4 H2PO4- HPO42-
H2PO4- HPO42- PO43-
ตารางที่ 3 คู่กรดและคู่เบสของสารแอมฟิโพรติก
คู่กรด สารแอมฟิโพรติก คู่เบส
+
H3O H2O OH-
+
NH4 NH3 NH2-
แบบฝึกหัดเสริม
1.จากสมการข้างล่างนี้ สารใดบ้างเป็นคู่กรด-เบสซึ่งกันและกัน
1.1 H2PO4- + CO32- HCO3- + HPO42-
..................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
1.2 H2O + SO32- OH- + HSO3-
..................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
2.จงหาคู่เบสของ HI , H2O, H2 และ HPO42-
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
3. จงหาคู่กรดของ OH-, PO43-, NH3, และ NO-2
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
4. จงบอกว่าสารแต่ละตัวสารใดเป็นกรด และเบส
CH3COOH + H2O CH3COO- + H3O+
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 6 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
รับคู่อิเล็กตรอน ให้คู่อิเล็กตรอน
ดังนั้น สารประกอบ BF3 เป็น Lewis acid and สาร N(CH3)3 เป็น Lewis base
สาร Hydroxide ion ให้คู่อิเล็กตรอน เกิดเป็น น้ํา ดังนั้น OH1- จึงเป็น Lewis base The hydrogen ion
รับอิเล็กตรอนคู่ จึงเป็น Lewis acid.
รับคู่อิเล็กตรอน ให้คู่อิเล็กตรอน
ทฤษฎีนี้ใช้อธิบาย กรด-เบส ตาม Concept ของ Arrhenius และ Brφnsted-Lowry ได้ และมีข้อ
ได้เปรียบคือสามารถอธิบาย กรด-เบส ในกรณีที่เกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน และได้สารประกอบที่มีพันธะโควาเลนซ์
เช่นนักเรียนจงใช้ทฤษฏีของลิวอิสอธิบายการเกิดสารประกอบต่อไปนี้
OH- (aq) + CO2 (aq) HCO3- (aq)
เหตุผล…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………….……………….
…………………………………………………………………………………………………………………………..………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 7 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
แบบฝึกหัด
จากนิยามของลิวอิสจงจําแนกกรดเบสต่อไปนี้
AlCl3 = ………………………………………………………………………………………….……
I- = …………………………………………………………………………………….…………
Zn2+ = ………………………………………………………………………………………………
Zn2+ + 4 NH3 Zn(NH3)42+
…… ……
BF3 + F- BF4-
....... .......
5. การแตกตัวของกรดและเบส
สารละลายกรดและเบสจัดเป็น สารละลายอิเล็ก โทรไลต์ สําหรับ กรดหรื อ เบสที่เป็น อิ เล็ กโทรไลต์แ ก่
เรียกว่า กรดแก่หรือเบสแก่ ส่วนกรดหรือเบสที่เป็นอิเล็กโทรไลต์อ่อน เรียกว่า กรดอ่อนหรือเบสอ่อน ตามลําดับ
5.1 การแตกตัวของกรดแก่และเบสแก่
เนื่องจากกรดแก่และเบสแก่เป็นอิเล็กโทรไลต์แก่ที่แตกตัวเป็นไอออนได้มากหรือแตกตัวเป็นไอออนได้
อย่างสมบูรณ์ จึงเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ถ้าทราบความเข้มข้นของกรดแก่หรือเบสแก่จะสามารถ
บอกความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไออออนในสารละลายได้ เช่น สารละลาย HNO3 เข้มข้น 1
mol/ dm3 จะแตกตัวให้ H3O+ และ NO3- ชนิดละ 1 mol/ dm3 ดังนี้
HNO3 (aq) + H2O (l) H3O+ (aq) NO3-
H2O (l)
Ba(OH)2 (s) Ba2+ (aq) 2OH-
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 8 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตารางที่ 5 ตัวอย่างสารละลายกรดแก่และเบส
กรดแก่ เบสแก่
HBr HI HCl HClO4 HClO3 HNO3 H2SO4* LiOH NaOH KOH Ca(OH)2 Sr(OH)2 Ba(OH)2
• หมายเหตุ *มีการแตกตัวได้ 2 ขั้นตอน ดังนี้
1. H2SO4 (aq) + H2O (l) HSO4- (aq) H3O+ (aq)
การแตกตัวครั้งที่ 1 เท่านั้นที่จัดเป็นกรดแก่
ตัวอย่างที่ 1
สารละลาย HCl ปริมาตร 10 dm3 ละลายอยู่ 1.5 mol จะมีไอออนชนิดใดบ้างและแต่ละไอออนจะมี
ความเข้มข้นเท่าใด
วิธีทํา คํานวณหาความเข้มข้นของสารละลาย HCl ได้ดังนี้
ความเข้มข้นของสารละลาย HCl = 1.5 mol HCl / 10 dm3 ของสารละลาย
= 0.15 mol/ dm3
สารละลาย HCl มีความเข้มข้นเท่ากับ 0.15 mol/ dm3 #
HCl เป็นกรดแก่ จึงแตกตัวเป็นไอออนได้ทั้งหมด ดังสมการ
HCl (aq) + H2O (l) H3O+ (aq) Cl-
ตัวอย่างที่ 2
สารละลาย Ca(OH)2 เป็นเบสแก่ จํานวน 200 cm3 มี Ca(OH)2 ละลายอยู่ 7.40 กรัม สารละลายนี้มี
ไอออนชนิดใดบ้าง และความเข้มข้นเท่าใด (H= 1.0, O=16.0, Ca= 40.0)
วิธีทํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัวอย่างที่ 3
สารละลาย Ba(OH)2 เข้มข้น 0.20 mol/ dm3 ถ้านําสารละลายนี้มาจํานวน 200 cm3 มาเติมน้ําลงไป
300 cm3 ความเข้มข้นของ OH- ก่อนเติมน้ําและหลังเติมน้ํามีค่าเท่าใด
วิธีทํา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 9 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ความแรงของกรดแก่ที่แตกตัวร้อยเปอร์เซ็นต์
เนื่องจากกรดแก่แตกตัวได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในน้ําเราจึงไม่สามารถเปรียบเทียบความเป็นกรดของกรดแก่ได้
เมื่อใช้น้ําเป็นตัวทําละลาย แต่การเปรียบเทียบกรดที่แตกตัวได้ 100% ในน้ําเราสามารถพิจารณาการแตกตัวได้ว่า
กรดใดมีความเป็นกรดมากกว่า กันโดยเปลี่ยนตัวทํา ละลาย ปรากฏการณ์ ที่ตัวทํา ละลายไม่สามารถบอกความ
แตกต่างของความแรงของกรดได้เรียกว่า ปรากฏการณ์การปรับระดับ (leveling effect) และตัวทําละลายตัวนั้นจะ
เรียกว่าตัวทําละลายที่ให้ปรากฏการณ์การปรับระดับ (leveling solvent) เช่น
ตัวอย่าง
HClO4 + H2O H3O+ + ClO4-
HNO3 + H2O H3O+ + NO3-
กรดใดแก่กว่ากันเมื่ออยู่ในน้ํา…………………
Leveling solvent คือ H2O
Leveling solvent ทําหน้าที่เป็น เบส
สารที่ทําหน้าที่แบ่งแยกความแตกต่างระหว่างความแรงของกรดหรือเบสได้จะเรียกสารนั้นว่า ตัวทําละลาย
ที่แยกความแตกต่าง (Differentiating solvent)
จากภาพหากเราใช้น้ําเป็นตัวทําละลายเราจะไม่สามารถแยกกรด HClO4 และ H2SO4 ออกจากกันได้แต่
เมื่อเราเปลี่ยนตัวทําละลายเป็น HOAC จะสามารถบอกได้ว่ากรด HClO4 เป็นกรดที่แรงกว่า H2SO4 ตัวอย่างระดับ
ความแรงของกรดแก่เป็นดังนี้
HClO4 > H2SO4 > HI > HCl > HBr > HNO3
แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าหากกรดเหล่านี้อยู่ในสารละลายที่เป็นน้ําจะไม่สามารถเปรียบเทียบความแรงของ
กรดเหล่านี้ได้
กําหนด pH Range possible in different solvents
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 10 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่าง
จงบอกวิธีการที่สามารถเปรียบเทียบความแรงของกรดต่อไปนี้ HClO4, HCl, HNO3 และ H2SO4
…………………………………………..………………………………………………………………………….
………………………………………….………………………………………………………………………….
…………………………………………..………………………………………………………………………….
…………………………………………..………………………………………………………………………….
5.2 การแตกตัวของกรดอ่อน
กรดอ่อนจัดเป็นอิเล็กโทรไลต์อ่อน เนื่องจากกรดอ่อนแตกตัวเป็นไอออนได้เพียงบางส่วนและยังมีโมเลกุล
ของกรดละลายอยู่ในสารละลาย การแตกตัวของกรดอ่อนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ ณ ภาวะสมดุลจึงมีทั้ง
โมเลกุลของกรดอ่อนกับไอออนที่เกิดจากการแตกตัว การบอกความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนในสารละลายของ
กรดอ่อนจึงทราบว่าโมเลกุลของกรดแตกตัวไปเท่าใด โดยนิยมบอกการแตกตัวเป็นร้อยละ เช่น HA เป็นกรดอ่อนที่
แตกตัวเป็นไอออนไม่หมด และมีภาวะสมดุลเกิดขึ้นดังนี้
ร้อยละการแตกตัวของกรดอ่อน =
[H O ] × 100
3
+
K=
[H O ] [A ]
+ −
[H O]
3
[HA] 2
ในสารละลายมีน้ําอยู่เป็นปริมาณมากเมื่อเทียบกับปริมาณของตัวถูกละลาย จึงถือได้ว่าความเข้มข้นของ
น้ํามีค่าคงที่ เมื่อจัดสมการให้อยู่ในรูปใหม่จะได้ค่าคงที่ใหม่ซึ่งเรียกว่า ค่าคงที่การแตกตัวของกรดอ่อน ใช้สัญลักษณ์
Ka ดังนี้
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 11 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[H 3 O ] [A
+ -
]
Ka = K [H 2 O ] =
[ ]
HA
[H 3O + ] [A - ]
Ka =
[HA]
ค่าคงที่สมดุลของปฏิกิริยาจะบอกให้ทราบว่าปฏิกิริยาเกิดไปข้างหน้ามากน้อยเพียงใด ค่าคงที่การแตกตัว
ของกรดอ่อนก็เช่นกัน จะบอกให้ทราบว่ากรดอ่อนนั้นแตกตัวเป็นไอออนได้มากน้อยเพียงใด กรดที่มีค่า Ka สูงจะ
แตกตัวเป็นไอออนได้มากกว่ากรดที่มีค่า Ka ต่ํา ดังตารางที่ 6
ตารางที่ 6 ค่า Ka ของกรดอ่อนชนิดต่างๆ
ชื่อสาร สูตรเคมี Ka
Hydrofluoric acid HF 6.8 × 10-4
Nitrous acid HNO2 4.5 × 10-4
Benzoic acid HC7H5O2 6.5× 10-4
Acetic acid HC2H3O2 1.8 × 10-5
Hypochlorous acid HClO 3.0 × 10-8
Hydrocyanic acid HCN 4.9 × 10-10
phenol HOC6H5 1.3 × 10-10
Initial C 0 0
Change -X +X +X
Equilibrium C-X X X
[H 3O + ] [A - ]
Ka =
[HA ]
(X ) (X )
=
(C - X )
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 12 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
X2
=
(C − X )
[H + ]2 +
หรือ K = ( เมื่อ X เป็นความเข้มข้นของ H
a
C - [H + ])
+
[H + ]2 + K a [H + ] - K a C = 0 ใช้สมการรากที่สองมาคํานวณ จะได้ค่า X หรือ [H ] ตามต้องการ แต่เพื่อ
ความสะดวกในการคํานวณนิยมใช้คํานวณโดยการประมาณ (approximation method) ดังนี้
C
กรณีที่ 1 ถ้า ≥ 1000
Ka
C
+
[H ] = [คู่เบสของกรดอ่อน] = K a C (ความผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 5)
C
กรณีที่ 2 ถ้า < 1000
Ka
C +
สรุป ถ้า ≥ 1000 , [H ] = [คู่เบสของกรดอ่อน] = KaC
Ka
[H + ] KaC
ร้อยละการแตกตัว = × 100 = × 100
C C
ร้อยละการแตกตัวที่คํานวณได้ ≤ 5
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 13 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณการแตกตัวของกรดอ่อน
ตัวอย่างที่ 1
กรดอ่อน HA เข้มข้น 0.50 mol / L แตกตัวให้ H3O+ 0.010 mol / L จงหาร้อยละการแตกตัวของกรดนี้
มีค่าเท่าใด
วิธีทํา
HA + H2O H3O+ + A-
ร้อยละการแตกตัว =
[H O ] × 100
3
+
0.010
= × 100
0.50
= 2.0
ตัวอย่างที่ 2
สารละลาย CH3COOH เข้มข้น 0.100 mol/dm3 (Ka = 1 ×10-5) จงคํานวณหาความเข้มข้นของ H3O+
ในหน่วย โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตัวอย่างที่ 3
จงคํานวณร้อยละการแตกตัวของกรดแอซีติก (CH3COOH) ที่มีความเข้มข้น 10.0, 1.0 และ 0.10 โมลต่อ
ลูกบาศก์เดซิเมตร ตามลําดับ (Ka = 1.0 ×10-5)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
NOTE…..
กรออ่อนชนิดมอโนโพติกชนิดเดียวกัน เมื่อความเข้มข้นเริ่มต้นของกรดอ่อนลดลง ร้อยละการแตกตัวของ
กรดจะเพิ่มขึ้น (ดังตัวอย่างที่ 3)
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 14 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ชนิดของกรดและเบส
1.กรด Monoprotic แตกตัวให้ H3O+ หรือ H+ ได้ 1 ไอออน ได้แก่ HNO3, HClO3 , HClO4, HCN
2.กรด Diprotic แตกตัว ให้ H3O+ หรือ H+ ได้ 2 ไอออน ได้แก่ H2SO4, H2CO3
การแตกตัวครัง้ ที่ 1. H2CO3 (aq) + H2O (l) HCO3- (aq) H3O+ (aq)
1 [H 2 CO 3 ] a2
[HCO 3 2 ]
กรดไดโพรติกส่วนมากจะมีค่า Ka1 มากกว่าค่า Ka2 จึงใช้ค่า Ka1 ในการเปรียบเทียบความแรงของกรด
เนื่องจากในสารละลายจะมีไอออนที่เกิดจากการแตกตัวในขั้นที่ 1 มากกว่าไอออนที่เกิดจากการแตกตัวในขั้นที่ 2
มาก อย่างไรก็ตามกรดไดโพรติกบางชนิดมีค่า Ka2 ไม่ต่ํา เช่นกรดซิตริก (H8C6O7) มีค่า Ka1 = 7.4×10-4 และ
Ka2 =1.7 ×10-5 กรณีนี้จะถือว่าในสารละลายมีไอออนที่เกิดจากการแตกตัวในขั้นที่ 2 ด้วย
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 15 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณ
กรดแอสคอบิก (Ascorbic acid) (H2C6H6O6 โจทย์นี้จะย่อเป็น H2Asc) เราทราบว่าเป็นวิตามินซี จัดเป็น
กรดไดโพรติก Ka1= 1.0×10-5 และ Ka2= 5.0×10-12) จงคํานวณ [H2Asc], [HAsc-], [Asc2-], และ [H+] ของ
สารละลาย H2Asc เข้มข้น 0.0500 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ความแรงของกรดกับโครงสร้างโมเลกุล
ความแรงของกรดสามารถดูได้จากเปอร์เซ็นต์การแตกตัว นอกจากนี้สามารถทํานายความแรงของกรดได้
จากโครงสร้างโมเลกุลของสารโดยควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความเข้มข้นให้คงที่เช่น ความเข้มข้น ตัวทําละลาย
อุณหภูมิ และความเข้มข้นของสารให้เหมือนกัน แล้วพิจารณาสูตรโครงสร้างที่ได้
การเปรียบเทียบจากโครงสร้างโมเลกุลพิจาณาจากความสามารถในการให้โปรตอนและรับโปรตอน ถ้าให้
โปรตอนได้ง่ายแสดงว่าสารนั้นเป็นกรดที่แรง และหากสารใดรับโปรตอนได้ดีแสดงว่าสารนั้นมีความเป็นเบสสูง ใน
การพิจาณาแยกพิจารณาเป็นกรดไฮโดรและ กรดออกซี ดังนี้
1 กรดไฮโดร คือกรดที่มีสูตรทั่วไป HX โดยที่ X คือเฮโลเจนที่เกิดเป็นกรดไบนารี เรียกกรดจําพวกนี้ว่า
กรดไฮโดรแฮริก กรดจําพวกนี้หากเราพิจารณาที่ค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีระหว่าง X กับ H พบว่า F ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มี
ค่า EN สูงที่สุดเมื่อเปรีบยเทียบกับ Cl Br และ I น่าจะเป็นกรดที่แรงที่สุด แต่พบว่าเป็นกรดอ่อน แต่พบว่าปัจจัยที่มี
อิทธิพลมากกว่าซึ่งสามารถอธิบายความแรงของกรดไฮโดรได้แก่ความแข็งแรงของพันธะ (บอนด์เอนทาลปี) ซึ่งแสดง
ดังตารางที่ 7
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 16 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
เราสามารถเปรียบเทียบกรดออกซีออกเป็นสองกลุ่มในการพิจารณาคือ กรดออกซีที่มีอะตอมกลางต่างกัน
และกรดออกซีที่มีอะตอมกลางเหมือนกันแต่มีกลุ่มข้างเคียงต่างกัน
1) กรดออกซีที่มีอะตอมกลางต่างกัน แต่เป็นธาตุในหมู่เดียวกันและมีเลขออกซิเดชัน
เท่ากัน ความเป็นกรดเพิ่มขึ้นตามค่าอิเล็กโทรเนกาตีวิตีของอะตอมกลางที่เพิ่มมากขึ้น เช่น HClO3 และ HBrO3 โดย
Cl มีอิเล็กโทรเนกาตีวิตีมากกว่า Cl ดังนั้นความแรงของกรดคือ HClO3 > HBrO3 และเราสามารถเปรียบเทียบความ
เป็นกรด HOI HOBr และ HOCl โดยเปรียบเทียบค่า Electronegativity ได้ดังนี้
2) กรดออกซีที่มีอะตอมกลางเหมือนกันแต่มีกลุ่มข้างเคียงต่างกัน ความแรงของความเป็น
กรดขึ้นอยู่กับเลขออกซิเดชั้น เนื่องจากออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นทําให้ดึงอิเล็กตรอนจากอะตอมกลางไปมาก ส่งผลให้
อะตอมกลางดึงอิเล็กตรอนสูงส่งผลให้ความแข็งแรงของพันธะระหว่าง OH น้อยลงจึงมีความเป็นกรดสูงดังรูป
(ที่มา: http://www3.ipst.ac.th/chemistry/index.php?option=com_content&view=article&catid=37:weblink&id=62:-8-)
ตัวอย่าง
1.จงเขียนโครงสร้างโมเลกุลของกรดต่อไปนี้ HIO4, HBrO4, และ HClO4 พร้อมทั้งเปรียบเทียบความแรงของกรดทั้ง
3 ชนิดว่าชนิดใดแรงกว่ากัน
…………………………………………..………………………………………………………………………….
………………………………………….………………………………………………………………………….
…………………………………………..………………………………………………………………………….
………………………………………….………………………………………………………………………….
…………………………………………..………………………………………………………………………….
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 17 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
หากพิจารณาความเป็นกรด-เบสจากการแตกตัวตามคู่กรดเบสตามนิยามของเบรินสเตดและลาวลีระหว่าง
HA กับ H2O ซึ่งเขียนความสัมพันธ์ได้ดังนี้
HA (aq) + H2O (l) H3O+ (aq) + A- (aq)
เมื่อพิจารณาปฏิกิริยาที่ดําเนินไปข้างหน้า หาก HA แตกตัวไปข้างหน้าได้มาก ดังนั้นปริมาณของ H3O+
และ A- จะมีปริมาณมาก แสดงให้เห็นว่า HA ให้โปรตอนได้ดี และ H2O รับโปรตอนได้ดีและ เมื่อพิจารณาปฏิกิริยา
ที่เกิดผันกลับจะเห็นได้ว่า A- รับโปรตอนจาก H3O+ ได้น้อยและ H3O+ ให้โปรตอนได้น้อยด้วย A- จึงเป็นเบสที่อ่อน
กว่า H2O และ H3O+ เป็นกรดอ่อนกว่า HA ดังนั้นสรุปได้ว่า กรดแก่จะให้คู่เบสที่เป็นเบสอ่อน และ เบสแก่จะให้คู่
กรดที่เป็นกรดอ่อน
ตารางที่ 8 ความสัมพันธ์ของคู่กรดเบสบางชนิด
(ที่มา: http://www3.ipst.ac.th/chemistry/index.php?option=com_content&view=article&catid=37:weblink&id=62:-8-)
ตัวอย่าง
1.กําหนดให้ความเป็นกรดจากแก่ไปอ่อนในเบส OH- คือ NH4+ > H2O > NH3
จงเขียนสมการแสดงปฏิกิริยากรด-เบส ตามนิยามของเบรินสเตด-ลาวรีและเปรียบเทียบความแรงของคู่เบสของกรด
ทั้งสามชนิดนี้
……………………………………………………..………………………………………………………………
…………………………………………………….………………………………………………………………
……………………………………………………..………………………………………………………………
……………………………………………………..………………………………………………………………
…………………………………………………….………………………………………………………………
……………………………………………………..………………………………………………………………
……………………………………………………..………………………………………………………………
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 18 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
5.3 การแตกตัวของเบสอ่อน
เบสอ่อนจัดเป็นอิเล็กโทรไลต์อ่อน เนื่องจากเบสอ่อนแตกตัวเป็นไอออนได้เพียงบางส่วนและยังมีโมเลกุล
ของเบสละลายอยู่ในสารละลาย การแตกตัวของเบสอ่อนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ ณ ภาวะสมดุลจึงมีทั้ง
โมเลกุลของเบสอ่อนกับไอออนที่เกิดจากการแตกตัว การบอกความเข้มข้นของไฮดรอกไซด์ไอออนในสารละลายของ
เบสอ่อนจึงทราบว่าโมเลกุลของเบสแตกตัวไปเท่าใด โดยนิยมบอกการแตกตัวเป็นร้อยละ เช่น B เป็นเบสอ่อนที่แตก
ตัวเป็นไอออนไม่หมด และมีภาวะสมดุลเกิดขึ้นดังนี้
ร้อยละการแตกตัวของเบสอ่อน =
[OH ] × 100
−
[OH ] [HB+ ]
K=
[B] [H O]
2
ในสารละลายมีน้ําอยู่เป็นปริมาณมากเมื่อเทียบกับปริมาณของตัวถูกละลาย จึงถือได้ว่าความเข้มข้นของ
น้ํามีค่าคงที่ เมื่อจัดสมการให้อยู่ในรูปใหม่จะได้ค่าคงที่ใหม่ซึ่งเรียกว่า ค่าคงที่การแตกตัวของเบส ใช้สัญลักษณ์ Kb
ดังนี้
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 19 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[OH ] [HB + ]
Kb = K [H 2 O] =
[B]
[OH ] [HB + ]
Kb =
[B]
ค่าคงที่สมดุลของปฏิกิริยาจะบอกให้ทราบว่าปฏิกิริยาเกิดไปข้างหน้ามากน้อยเพียงใด ค่าคงที่การแตกตัว
ของเบสอ่อนก็เช่นกัน จะบอกให้ทราบว่าเบสอ่อนนั้นแตกตัวเป็นไอออนได้มากน้อยเพียงใด เบสที่มีค่า Kb สูงจะแตก
ตัวเป็นไอออนได้มากกว่าเบสที่มีค่า Kb ต่ํา
[BH + ] [OH - ]
Kb =
[B]
(X )(X )
=
(C - X)
X2
=
(C − X )
หรือ Kb =
[OH ] เมื่อ X เป็นความเข้มข้นของ OH-
− 2
(C − [OH ]) −
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 20 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
จะได้ (C-[OH ]) ≈ C-
ดังนั้น Kb=
[OH ] − 2
C
-
[OH ] = [คู่กรดของเบสอ่อน] = K b C (ความผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 5)
C
กรณีที่ 2 ถ้า < 1000
Kb
[OH ] + K [OH ]
-
2
b
--
- K bC = 0
สําหรับร้อยละหรือเปอร์เซ็นต์การแตกตัวของเบสอ่อน หาได้ดังนี้
C -
สรุป ถ้า ≥ 1000 , [OH ] = [คู่กรดของเบสอ่อน] = K bC
Kb
ร้อยละการแตกตัว =
[OH ]×100 =
- K bC
× 100
C C
ร้อยละการแตกตัวที่คํานวณได้ ≤ 5
ตัวอย่างการคํานวณการแตกตัวของเบสอ่อน
ตัวอย่างที่ 1
สารละลายเบส NH3 เข้มข้น 2.0 M จะมีความเข้มข้นของ OH- เท่าใด กําหนด Kb ของเบสนี้เท่ากับ 1.8×10-5
วิธีทํา
-
NH (aq) + H O (l) NH + (aq) + OH (aq) 4
3 2
Initial 2.0 M 0.0 M 0.0 M
Change -X +X +X
Equilibrium (2.0 - X ) X X
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 21 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[NH 4 + ] [OH - ]
Kb =
[NH 3 ]
(X ) (X )
1.8 × 10 -5 =
(2.0 - X )
X = 6.0 × 10 -3 M
แบบฝึกหัดเสริม
3. จากการทดลองครั้งหนึ่งพบว่าสารละลาย NH3 0.0100 mol / dm3 แตกตัวได้ 4.0 % ถ้าสารละลาย NH3 นี้
เข้มข้น 0.200 mol/dm3 จะแตกตัวได้กี่ %
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. นํา NH3 จํานวน 0.100 mol มาละลายน้ําได้สารละลายปริมาตร 1.0 ลิตร หลังจากนั้นเติม NaOH ลงไป 0.0500
โมล สารละลายใหม่จะมีความเข้มข้นของ OH- เท่าใด (Kb ของ NH3 = 1.0 ×10-5)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 22 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
6. การแตกตัวเป็นไอออนของน้าํ
เมื่อใช้เครื่องตรวจการนําไฟฟ้าวัดการนําไฟฟ้าของน้ํา พบว่าน้ํากลั่นซึ่งจัดเป็นน้ําบริสุทธิ์จะนําไฟฟ้าได้น้อย
มาก และจะนําไฟฟ้าได้มากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น น้ํากลั่นจึงจัดเป็นอิเล็กโทรไลต์ที่อ่อนมาก คือการแตกตัวเป็นไอออน
ได้น้อย การแตกตัวของน้ํากลั่นเรียกว่า Autoprotolysis หรือ Self-ionization
น้ําบริสุทธิ์ แตกตัวให้ H3O+ และ OH- และเกิดสมดุลเขียนได้ 2 แบบ คือ
หรือ
สามารถจะคํานวณค่าผลคูณไอออนของน้ําได้ดังนี้
นั่นคือ ค่าผลคูณระหว่าง [H+] และ [OH-] ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส จะมีค่าเท่ากับ 1.0×10-14 เรียก
ค่านี้ว่า ค่าคงที่สมดุลของการแตกตัวของน้ํา (Ionization constant of water; Kw) ค่าคงที่นี้สามารถใช้อธิบายได้
ทั้งน้ําบริสุทธิ์และสารละลายที่มีน้ําเป็นตัวทําละลาย
ค่า Kw เป็นค่าคงที่ ผลคูณของไอออนของน้ําและจากการทดลองพบว่ามีค่า 1.0 × 10-14 ค่า Kw ที่เราใช้ใน
การคํานวณโดยทั่วไปจะคิดที่ 25OC แต่ในความเป็นจริงเราทราบกันแล้วว่าค่าคงที่สมดุลเปลี่ยนเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน
ดังนั้นค่า Kw จึงมีค่าตามอุณหภูมิเช่นกัน ค่า Kw แสดงดังตารางที่ 9
ตารางที่ 9 ค่า Kw ที่อุณหภูมิต่างๆ
Temperature (OC) Kw
0 1.1 × 10-15
10 2.9 × 10-15
25 1.0 × 10-14
37 2.4 × 10-14
45 4.0 × 10-14
60 9.6 × 10-14
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 23 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
7. ความสัมพันธ์ระหว่าง Ka Kb และ Kw
ผลคูณระหว่างค่าคงที่สมดุลของกรดกับค่าคงที่สมดุลของเบสมีค่าเท่ากับค่าคงที่สมดุลของน้ํา เขียน
ความสัมพันธ์ได้ดังนี้
Ka . K b = K w
เช่น
HCN (aq) + H2O (l) H3O+ (aq) + CN- (aq)
Ka=………………………………
CN- (aq) + H2O (l) HCN (aq) + OH- (aq)
Kb=……………………………………………………….…………………
Ka . Kb =…………………………………………………………………
ตัวอย่าง
สารละลาย B เป็นเบสอ่อน เข้มข้น 0.0100 mol/L จะมีความเข้มข้นของ H30+ เท่าใด ถ้าการแตกตัวของ
เบสอ่อนเป็นดังนี้ (กําหนดค่า Kb ของเบสนี้เท่ากับ 1.0x10-6)
B (aq) + H2O (l) BH+ (aq) + OH- (aq)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบฝึกหัดเสริม
ความเข้มข้น (M)
สารละลาย ความเป็นกรด-เบสของสารละลาย
[H3O+] [OH-]
A 2.0×10-5 ……………… ………………………………….
B ……………………. 1.0×10-2 ……………………………….
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 24 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ความเข้มข้น (M)
สารละลาย ความเป็นกรด-เบสของสารละลาย
[H3O+] [OH-]
C 3.0×10-5 ……………… ……………………………….
-9
D 1.0×10 ……………… ……………………………….
E ……………….. 1.0×10-5 ……………………………….
2. สารละลายปริมาตร 500 cm3 ที่มีแก๊ส HCl ปริมาตร 1.20 dm3 ที่ STP ละลายอยู่ จะมีความเข้มข้นของ H3O+
และ OH- เท่าใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 25 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
(- log[OH - ]) + ( - log[H + ]) = 14
pOH + pH = 14
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 26 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
การทดสอบความเป็นกรด - เบส
1. ใช้กระดาษลิตมัส
-สารที่เป็นกรด จะเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน้ําเงินเป็นสีแดง
-สารที่เป็นเบส จะเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้ําเงิน
-สารที่เป็นกลาง จะไม่เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส
รูปกระดาษลิตมัส
2. ใช้ยูนิเวอร์แซลอินดิเคเตอร์ กรด-เบสจะทําให้ ยูนิเวอร์แซล อินดิเคเตอร์ เปลี่ยนเป็นสีต่างๆได้ที่ค่า pH ต่างกัน
ทําให้ทราบได้ว่าสารใดเป็นกรด เบส หรือ กลาง และสามารถทราบค่า pH ของสารได้อย่างคร่าวๆ
รูป pH-meter
(ที่มา: seafriends.org.nz)
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 27 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
แบบฝึกหัดเสริม
+ -
1. จงคํานวณหา [H3O ] [OH ] pH และ pOH ของสารละลาย HCl เข้มข้น 0.00800 M กําหนดค่า log 8 = 0.90
และ log 1.25 = 0.096
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงคํานวณหาความเข้มข้นของ [H3O+] ในสารละลายที่มี pH เท่ากับ 4.70
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. จงคํานวณหา pH และ pOH ของสารละลาย NaOH เข้มข้น 5.0×10-2 M กําหนดค่า log 5 = 0.69
log 2 = 0.30
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 28 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
9. สารละลายกรด HCl มี pH = 1.0 จํานวน 10.0 cm3 เติมน้ําเป็นสารละลาย 100.0 cm3 จงหา pH ของ
สารละลายนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
9. อินดิเคเตอร์สําหรับกรด-เบส
นักเรียนเคยตรวจสอบความเป็นกรดหรือเบส ของสารละลายโดยใช้กระดาษลิตมัสมาแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนสี
ของกระดาษลิตมัสจะบอกให้ทราบแต่เพียงว่าสารละลายเป็นกรดหรือเบสเท่านั้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า สารใดมี
ความเป็นกรดหรือเบสมากน้อยเพียงใด นอกจากกระดาษลิตมัสแล้วยังมีสารอื่นที่ใช้ตรวจสอบความเป็นกรด-เบส
ของสารละลายได้ สารที่ใช้บอกความเป็นกรด-เบสของสารละลาย เราเรียกว่าอินดิเคเตอร์ สําหรับกรด-เบส
อินดิเคเตอร์เป็นสารอินทรีย์ประเภทกรดอ่อนหรือด่างอ่อน ซึ่งจะให้สีต่างกันที่ช่วง pH หนึ่งๆ ช่วงการ
เปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์แต่ละชนิดแตกต่างกันตามคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังตัวอย่างในตาราง 11
ตาราง 11 ช่วงการเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์
ช่วงการ การเปลี่ยนแปลงสี
อินดิเคเตอร์ pKa
เปลี่ยน pH acid Transition Basic
Bromphenol blue 3.98 3.0-5.0 เหลือง เขียว ม่วง
Brommthymol blue 7.0 6.0-8.0 เหลือง เขียว น้ําเงิน
Phenolphthalein 9.2 8.2-10.2 ไม่มีสี ชมพู ชมพู
Methyl orange 3.5 3.1-4.4 แดง ส้ม ส้ม-เหลือง
Methyl red 5.25 4.2-6.3 แดง เหลือง เหลือง-แดง
Phenol red 7.6 6.8-8.4 เหลือง ส้ม-แดง แดง
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 29 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[H3O+][In-]
Kind =
[HIn]
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 30 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
การคิดช่วง pH ของอินดิเคเตอร์
หลักการทํางานของอินดิเคเตอร์เหมือนการรบกวนสมดุลที่เกิดขึ้น ซึ่งพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ ถ้าให้สูตร
โมเลกุลของ HIn แทนลิตมัสในรูปของกรดซึ่งมีสีแดง และ In- แทนในรูปของเบสซึ่งมีสีน้ําเงินดังนั้นเขียนภาวะสมดุล
ได้
HIn(aq) H+ + In-
สีแดง สีน้ําเงิน
ถ้าเพิ่ม H+ สมดุลเลื่อนไปทางซ้ายสีที่เกิดขึ้นคือสีแดง
ถ้าเพิ่ม OH- สมดุลเลื่อนไปทางขวาสีที่เกิดขึ้นคือสีน้ําเงิน
หากค่าคงที่สมดุลของอินดิเคเตอร์มีค่าประมาณ 1 × 10-7
[H + ][In − ] [H + ][In − ]
เขียนค่าคงที่สมดุลของอินดิเคเตอร์ได้ K HIn = หรือ K I =
[HIn] [HIn]
แทนค่าคงที่สมดุลจะได้
[H + ][In − ]
1 × 10 −7 =
[HIn]
10 −7 [In − ]
=
[H + ] [HIn]
ดังนั้นถ้า pH = 5 หรือต่ํากว่าจะได้
pH = -log[H+]
จะได้ [H+] = 10-5
10 −7 [In − ]
=
10 -5 [HIn]
1 [In − ]
เพราะฉะนั้นจะได้ =
100 [HIn]
พบว่า [HIn] มีความเข้มข้นเป็นร้อยเท่าของ [In-] ดังนั้นสีที่เห็นจะเป็นสีแดง
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 31 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[HIn]
- log[H 3 O + ] = (-logK I ) + (-log )
[In - ]
[HIn]
จะได้ pH = pK I + log
[In − ]
การเปลี่ยนแปลงสีของอินดิเคเตอร์จะสามารถปรากฏสีได้ 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1
[HIn]
ถ้า = 10 จะปรากฏสีรูปกรด
[In − ]
จะได้ pH = pK I + 1
กรณีที่ 2
[HIn] 1
ถ้า = จะปรากฏสีรูปเบส
[In − ] 10
จะได้ pH = pK I − 1
ดังนั้นช่วง pH ที่คํานวณได้จะมีคา่ เท่ากับ
pH = pKI ± 1
ค่าที่ได้จากการคํานวณจากความสัมพันธ์นั้นเป็นค่าประมาณเท่านั้น จริงๆ จะต้องทําการทดลองเพื่อที่จะ
ได้ค่าช่วง pH ของอินดิเคเตอร์
แบบฝึกหัดเสริม
1. ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ประกอบการตอบคําถามข้อ 1.1-1.2
อินดิเคเตอร์ ช่วง pH สีในช่วง pH ต่ํา สีในช่วง pH สูง
เมทิลออเรนจ์ 3.1-4.4 แดง เหลือง
ฟีนอล์ฟทาลีน 8.0-9.8 ไม่มีสี ชมพู
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 32 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
2. กําหนดช่วง pH ของการเปลี่ยนแปลงสีของอินดิเคเตอร์ให้ดังนี้
อินดิเคเตอร์ ช่วง pH ของการเปลี่ยนสี สีที่เปลี่ยน
A 4.2-6.3 แดง-เหลือง
B 6.0-7.6 เหลือง-น้ําเงิน
C 8.3-10.0 ไม่มีสี-ชมพู
อินดิเคเตอร์ สีที่เปลี่ยนใน
หลอดที่
ชนิด ช่วง pH สีที่เปลี่ยน สารละลาย HCl
1 คองโก 3.0-5.0 น้ําเงิน-แดง แดง
2 โบรโมครีซอลเพอร์เพิล 5.2-6.8 เหลือง-ม่วง เหลือง
3 ฟีนอลเรด 6.8-8.4 เหลือง-แดง เหลือง
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 33 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
แบบฝึกหัดเสริม
สารประกอบเกลือต่อไปนี้เกิดจากกรดกับเบสชนิดใด เขียนสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยาด้วย
1. KBr
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
2. NaNO3
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
3. MgSO4
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
4. K2CO3
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
5. NaHSO4
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 34 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
6. CaCO3
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
7. Na2S
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
8. CH3COOK
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
9. Ba3(PO4)2
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
10. Mg(ClO4)2
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
11.ปฎิกิริยาไฮโดรไลซิส
ไฮโดรไลซิสโดยทั่วไปหมายถึงปฏิกิริยาของสารกับน้ํา ซึ่งปฏิกิริยาไฮโดรไลซิสจัดเป็นปฏิกิริยาผันกลับของ
ปฏิกิริยาสะเทินที่เกิดขึ้นจากกรดที่ทําปฏิกิริยากับเบส ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ดังนี้
ไฮโดรไลซิส
เกลือ + น้ํา กรด + เบส
ปฏิกริ ยิ าสะเทิน
ไฮโดรไลซิสของเกลือ หมายถึงปฏิกิริยาของเกลือกับน้ําแล้วทําให้สารละลายของเกลือนั้นมีสมบัติเป็นกรด
อ่อนหรือเป็นเบสอ่อนเพราะไอออนบางชนิดที่แตกตัวออกจากเกลือเมื่อเป็นสารละลายจะไปทําปฏิกิริยากับน้ําแล้ว
ให้ H3O+ หรือ OH-
เมื่อนําเกลือมาละลายน้ํา จะทําให้ pH เปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้นเกิดจากเกลือที่เกิดขึ้นนั้นสามารถทํา
ปฏิกิริยากับน้ําได้หรือไม่ เมื่อทําปฏิกิริยาแล้วทําให้เกิดไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไออนเกิดขึ้น ถ้าเกิดไฮโดร
เนียมไอออนขึ้นจะทําให้สารละลายเป็นกรดและถ้าเกิดไฮดรอกไซด์ไอออนจะเป็นเบสเกิดขึ้นดังตัวอย่าง เช่น
ตัวอย่างที่ 1 เมื่อนําเกลือ CH3COONa ไปละลายน้ําจะแตกตัวให้ โซเดียมไอออนและอะซิเตตไอออน
จากนั้นอะซิเตตไอออนสามารถเกิดไฮโดรไลซิสกับน้ําเป็นอะซิติกและไฮดรอกไซด์ไอออนเกิดขึ้น ทําให้สารละลายที่
ได้มีสมบัติเป็นเบส ส่วนโซเดียมไอออนจะไม่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซิสเกิดขึ้นเพราะมาจากเบสแก่ซึ่งแตกตัวได้ 100
% แล้วจึงไม่มีผลต่อปฏิกิริยา
H2O
CH3COONa (s) Na+(aq) + CH3COO-(aq)
CH3COO-(aq) + H2O CH3COOH(aq) + OH-(aq)
Na+(aq) + H2O(l)
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 35 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
1. สารละลายเกลือที่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ําที่มีสมบัติเป็นกรด
พบว่าส่วนที่เป็นไอออนบวกของเกลือที่ได้จากการแตกตัวของเกลือเท่านั้นที่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ํา
สมมติให้เกลือดังกล่าวเป็น BH+X-
+
BH+X- (aq) BH (aq) + X- (aq)
[B] [H3O+]
Kh = (1)
[BH+]
Kh = ค่าคงที่ของปฏิกิริยไฮโดรไลซีส
จากสมการ (1)
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 36 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[BH+] [OH-]
Kb = (3)
[B]
[B]
1 (4)
=
Kb [BH+] [OH-]
Kw
1
Kb
Kw [B] [H3O+]
(6)
Kh = =
Kb [BH+]
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 37 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
2. สารละลายเกลือที่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ําที่มีสมบัติเป็นเบส
พบว่าส่วนที่เป็นไอออนลบของเกลือที่ได้จากการแตกตัวของเกลือเท่านั้นที่เกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซีสกับน้ํา สมมติ
ให้เกลือดังกล่าวเป็น Y+A-
+
Y+A- (aq) Y (aq) + A- (aq)
[ HA ] [ OH- ]
Kh = (1)
[ A- ]
Kh = ค่าคงที่ของปฏิกิริยไฮโดรไลซีส
จากสมการ (1)
[ HA ] [ OH- ] [H3O+]
Kh = x
-
[A ] [H3O+]
[ HA ]
Kh = x [ OH- ] [H3O+] (2)
[ A- ] [H3O+]
[H3O+] [A -]
Ka = (3)
[ HA ]
[ HA ]
1 (4)
=
+ -
Ka [ H3O ] [ A ]
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 38 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[ HA ] [ OH- ] [H3O+]
Kh = x (2)
[H3O+] [ A- ]
Kw
1
Ka
Kw [HA] [ OH- ]
Kh = = (6)
-
Ka [A ]
ตัวอย่างการคํานวณหาปริมาณ pH และร้อยละของการไฮโดรไลซีสของเกลือ
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 39 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
12. การไทเทรตกรด-เบส
การไทเทรต (Titration) คือ กระบวนการของปฏิกิริยาเคมีสําหรับหาปริมาณสารระหว่างสารละลาย 2
ชนิด ทําปฏิกิริยาพอดีกัน โดยสารละลายชนิดหนึ่งทราบความเข้มข้น แต่สารละลายอีกชนิดหนึ่งไม่ทราบความ
เข้มข้น และวัดปริมาตรของสารละลายทั้งสองที่ทําปฏิกิริยาพอดีกัน การไทเทรตมีหลายแบบ เช่น การไทเทรตกรด-
เบส และการไทเทรตแบบรีดอกซ์ เป็นต้น
การไทเทรตกรด-เบส เป็นกระบวนการที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเคมี วัตถุประสงค์ก็เพื่อ
จะหาปริมาณกรดและเบสทําปฏิกิริยากันพอดี แล้วนําไปใช้ในการคํานวณความเข้มข้นของกรดและเบส จุดที่กรด
และเบสทําปฏิกิริยาพอดีกันเรียกว่า จุดสมมูล (Equivalent point) ซึ่งจุดสมมูลของกรดและเบสแต่ละคู่จะมี pH
ต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของกรดและเบสนั้น ๆ
กระบวนการหาจุดสมมูล หรือจุดยุติ สามารถทําได้ 2 วิธี คือ
1.ใช้การนําฟ้าของสารละลาย คือการหาจุดยุติที่เป็นจุดที่มีสภาพการนําไฟฟ้าได้น้อยที่สุดของ
สารละลาย
2.ใช้การเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์ คือการหาจุดยุติที่อินดิเคเตอร์เปลี่ยนสี
1.การนําไฟฟ้าของสารละลายกับการไทเทรตกรด-เบส
การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของ H+หรือ OH- ในสารละลายเป็นสาเหตุทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพ
การนําไฟฟ้าในสารละลาย เมื่อนํากรดและเบสมาทําปฏิกิริยาจะเกิดเกลือขึ้น เรียกปฏิกิริยานี้ว่าปฏิกิริยาสะเทิน ซึ่ง
ปฏิกิ ริย านี้ ขึ้น อยู่กั บ การเปลี่ ยนแปลงความเข้ มข้ น ของไอออนในปฏิกิ ริย าซึ่ ง วัด ได้ จ ากสภาพการนํา ไฟฟ้า ของ
สารละลาย ณ จุดที่การนําไฟฟ้าเปลี่ยนกลับกัน เรียกจุดนี้ว่าจุดยุติ
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 40 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
รูปการไทเทรตสารละลายกรด-เบส โดยใช้การนําไฟฟ้า
ตัวอย่างอุปกรณ์การไทเทรต โดยใช้การนําไฟฟ้า
เครือ่ งอ่านค่า
หัววัด
รูปกราฟการไทเทรตเบสแก่ ด้วยกรดแก่
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 41 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
จากกราฟอธิบายได้ว่า
ที่จุด A สภาพการนําไฟฟ้าสูง เพราะในสารละลายมี NaOH มีปริมาณ OH- มาก
ที่จุด A – B สภาพการนําไฟฟ้าลดลง เพราะ OH- ลดลง แต่ Cl- เพิ่มขึ้น
(OH- นําไฟฟ้าได้ดีกว่า Cl-)
ที่จุด B จุดยุติ (ใกล้จุดสมมูล) สภาพการนําไฟฟ้าต่ําที่สุด เมื่อปฏิกิริยาเกิดการสะเทิน
พอดีสภาพการนําไฟฟ้าไม่เป็นศูนย์ เพราะในสารละลายยังคงมีไอออนคือ
Na+ และ Cl- อยู่
ที่จุด B – C สภาพการนําไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรด HCl (กรดแก่) เพิ่มขึ้น ทําให้เกิด
H+ เคลื่อนที่มากขึ้น เส้นกราฟจะสูงขึ้นตามปริมาณ H+ เพิ่มขึ้น
รูปกราฟการไทเทรตเบสแก่ ด้วยกรดอ่อน
ที่จุด A .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด A – B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B – C .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 42 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
รูปกราฟการไทเทรตเบสอ่อน ด้วยกรดแก่
ที่จุด A .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด A – B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B – C .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ตัวอย่างที่ 4 การนําไฟฟ้าของการไทเทรตสารละลายกรดซัลฟิวริก เข้มข้น 0.10 M ด้วยสารละลายแบเรียมไฮดรอก
ไซด์เข้มข้น 0.10 M
รูปกราฟการไทเทรตกรดแก่ด้วยเบสแก่ เกิดเกลือที่ตกตะกอน
ที่จุด A .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด A – B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
ที่จุด B – C .........................................................................................................................
.........................................................................................................................
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 43 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
เหตุผลเพราะ............................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
2. ใช้การกระบวนการเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์
การไทเทรตกรด-เบส เป็นกระบวนการวิเคราะห์หาปริมาณของกรดหรือเบส ให้ทําปฏิกิริยาพอดีกันกับ
สารละลายมาตรฐาน กรดหรือเบส ซึ่งเป็นสารละลายที่ทราบความเข้มข้นที่แน่นอนแล้ว และใช้อินดิเคเตอร์เป็นสาร
ที่บอกจุดยุติ ซึ่งสังเกตจากการเปลี่ยนสี เมื่อ pH เปลี่ยนไป อินดิเคเตอร์ที่ดีจะบอกจุดยุติ ใกล้เคียงกับจุดสมมูล (เป็น
จุดที่กรดกับเบสทําปฏิกิริยาพอดีกัน)
จุดสมมูล (จุดสะเทิน (Equivalent point)) คือจุดที่กรดและเบสทําปฏิกิริยาพอดีกัน
จุดยุติ (End point) คือ จุดที่อินดิเคเตอร์เปลี่ยนสีขณะที่ไทเทรตกรด-เบสอยู่ จุดยุติจะใกล้เคียงกับจุด
สมมูลได้นั้นต้องเลือกอินดิเคเตอร์เหมาะสมในทางปฏิบัติ ถือว่าจุดยุติเป็นจุดสมมูล
เครื่องมือและอุปกรณ์สําหรับการไทเทรตกรด-เบส
รูปเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการไทเทรตกรด-เบส
(ที่มา:เคมีทบวงมหาวิทยาลัย)
อินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการไทเทรตนั้นขึ้นอยู่ว่าเราจะไทเทรตกรด-เบสแบบใด โดยอินดิเคเตอร์ที่ดีควรจะบอก
จุดยุติได้ตรงกับจุดสะเทินพอดี หรือมีค่าใกล้เคียงกับจุดสะเทินมากที่สุด
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 44 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
รูปอินดิเคเตอร์ชนิดต่าง ๆ
สารละลายมาตรฐาน คือ สารละลายที่ทราบความเข้มข้นที่แน่นนอน
สารละลายที่จะหาความเข้มข้น คือสารที่ต้องการจะคํานวณหาความเข้มข้น
การไทเทรตกรด-เบส นิยมใส่สารละลายมาตรฐานไว้ในบิวเรต ส่วนสารที่ไม่ทราบความเข้มข้นตวงใส่ขวด
ชมพู่ โดยจะทราบปริ ม าณของสารละลายแล้ ว หยดอิ น ดิ เ คเตอร์ ที่ เ หมาะสมลงไป จากนั้ น ก็ นํ า ไปไทเทรตกั บ
สารละลายมาตรฐานในบิวเรตจนถึงจุดยุติซึ่งเป็นจุดที่อินดิเคเตอร์เปลี่ยนสี วัดปริมาตรของสารละลายมาตรฐานที่ใช้
แล้วนําข้อมูลต่าง ๆ จากผลการทดลองไปคํานวณหาความเข้มข้นของสารละลายที่ต้องการได้
รูปอุปกรณ์การไทเทรตสารละลายกรด-เบส โดยใช้อินดิเคเตอร์บอกจุดยุติ
ก่อนการไทเทรต หลังการไทเทรต
(ไม่มสี )ี (สีชมพูออ่ น)
รูปการไทเทรตสารละลายกรด-เบส ด้วยอินดิเคเตอร์ฟีนอฟล์ทาลีน
การไทเทรตกรด-เบส เป็นการวิเคราะห์ทางเคมีเพื่อหาปริมาณของกรด-เบสที่ทําปฏิกิริยาพอดีกันแล้ว
นําไปใช้ในการคํานวณหาความเข้มข้นของกรด-เบสที่ไม่ทราบค่า จุดที่กรดและเบสทําปฏิกิริยพอดีกันเรียกว่าจุด
สมมูล (Equivalence point) ที่จุดสมมูลของการไทเทรตระหว่างกรด-เบสแต่ละคู่ จะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับชนิดของ
กรด-เบสที่ทําปฏิกิริยากัน ดังนั้นก่อนการไทเทรตระหว่างกรด-เบสจะต้องศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลง pH ของ
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 45 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ในการไทเทรต
อินดิเคเตอร์เป็นสารอินทรีย์ที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน และเปลี่ยนสีได้เมื่อ pH ของสารละลาย
เปลี่ยนแปลงไปเป็นค่าที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น เมทิลออเรนจ์จะมีสีแดงในสารละลายที่มี pH ต่ํากว่า 3.1 และมีสี
เหลืองในสารละลายที่มี pH สูงกว่า 4.5 แต่ถ้าสารละลายมี pH อยู่ระหว่าง 3.1-4.5 สีของอินดิเคเตอร์จะเป็นสีผสม
ระหว่างสีเหลืองกับสีแดง ดังนั้น การเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์จึงขึ้นอยู่กับ pH ของสารละลาย โดยนัยนี้จึงใช้อินดิเค
เตอร์ในการบอก pH ของสารละลายได้
อินดิเคเตอร์มีสมบัติเป็นกรดอ่อนหรือเบสอ่อน และเนื่องจากสีของอินดิเคเตอร์มักเข้ม ดังนั้น การใช้อินดิ
เคเตอร์ในการหา pH จึงใช้สารละลายเจือจางของอินดิเคเตอร์เพียง 2-3 หยด เติมลงไปในสารละลายที่สนใจ ซึ่งไม่มี
ผลทําให้ความเป็นกรด-เบสของสารละลายเปลี่ยนแปลงไป
การเลือกอินดิเคเตอร์สําหรับการไทเทรต สามารถพิจารณาได้จาก
1.การพิจารณาจาก pH ที่จุดสมมูล ถ้าเราเลือกอินดิเคเตอร์ที่เปลี่ยนสีตรงช่วง pH ของจุดสมมูลพอดีก็จะ
ได้จุดยุติตรงกับจุดสมมูลหรือใกล้เคียงกับจุดสมมูลมากที่สุด เช่นที่จุดสมมูลสารละลายมี pH = 7 อินดิเคเตอร์ที่
เลือกควรมีช่วงการเปลี่ยนสีระหว่างจุดสมมูล เมื่อพิจารณาจากช่วง pH ของการเปลี่ยนสีจากตารางช่วง pH พบว่า
บรอมไทมอลบลู ครีซอลเรด ฟีนอลเรด เหมาะสําหรับใช้ในการไทเทรตได้
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 46 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตารางช่วง pH ของการเปลี่ยนสี
อินดิเคเตอร์ ช่วง pH ของการเปลี่ยนสี สี่ที่เปลี่ยน
บรอมไทมอลบลู 6.0-7.6 เหลือง-น้ําเงิน
ครีซอลเรด 7.0-8.8 เหลือง-แดง
ฟีนอลเรด 6.8-8.4 เหลือง-แดง
แต่ถ้าเลือกอินดิเคเตอร์ไม่เหมาะสม จุดยุติก็จะห่างจากจุดสมมูล และถ้านําปริมาตรที่จุดยุติไปใช้ในการ
คํานวณโดยถือเป็นปริมาตรที่จุดสมมูล ค่าที่ได้ก็จะผิดพลาดไปมาก
2.การพิจารณาจากเส้นโค้งของการไทเทรต (กราฟการไทเทรต) โดยวิธีนี้จะเลือกอินดิเคเตอร์สําหรับการ
ไทเทรตได้หลายชนิด โดยสามารถนําอินดิเคเตอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงสีในช่วง pH ที่อยู่ในแนวดิ่งมาใช้ในการ
ไทเทรต เช่น
กราฟการไทเทรตกรดแก่กับเบสแก่
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 47 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
สรุปการไทเทรตระหว่างกรดกับเบสชนิดต่าง ๆ กันในการเลือกใช้อินดิเคเตอร์
ชนิดของกรดกับเบสที่ pH ของสารละลาย ช่วง pH ที่เลือก อินดิเคเตอร์ที่เลือก
นํามาไทเทรต ผลิตภัณฑ์ เมื่อถึง อินดิเคเตอร์ ใช้ไทเทรต
จุดสมมูล
กรดแก่กับเบสแก่ เท่ากับ 7 4-10 เมทิลออเรนจ์
(ช่วง pH 3.1-4.4)
บอมไทมอลบลู
(ช่วง pH 6.0-8.0)
ฟีนอล์ทาลีน
(ช่วง pH 8.3-10.0)
กรดอ่อนกับเบสแก่ มากกว่า 7 7-10 ฟีนอล์ทาลีน
(ช่วง 8.3-10.0)
กรดแก่กับเบสอ่อน น้อยกว่า 7 4-6 เมทิลออเรนจ์
(ช่วง pH 3.1-4.4)
กรดอ่อนกับเบสอ่อน บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่ชนิดของ ช่วง pH ที่จะเลือกแคบมาก เลือกอินดิเคเตอร์ยาก ถ้า
กรดกับเบสนั้น อาจตกอยู่ ใ นช่ ว งกรดหรื อ หลี ก เลี่ ย งการไทเทรต
เบส ขึ้นอยู่กับชนิดกรดอ่อน กรดอ่ อ นกั บ เบสอ่ อ นได้
และเบสอ่อนที่ใช้นั้น จะเป็นการดี
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 48 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
แบบฝึกหัดเสริม
ข้อมูลต่อไปนี้ใช้ประกอบการตอบคําถามข้อ 1 - 4
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 49 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
13 การคํานวณค่า pH ของการไทเทรตกรด-เบส
13.1 การไทเทรตกรดแก่-เบสแก่
เมื่อหยดสารละลาย NaOH เข้มข้น 0.100 mol/ L จากบิวเรต ลงในสารละลาย HCl เข้มข้น 0.100
mol/ L ปริมาตร 50.00 mL แล้ววัดหรือคํานวณ pH ของสารละลายจะได้ผลดังตารางที่ 11 เมื่อเขียนกราฟ
ระหว่างปริมาตรของ NaOH กับ pH จะได้กราฟดังรูปที่ 10
ตารางที่ 11 pH ของสารละลายเมื่อหยด NaOH เข้มข้น 0.100 mol/ L ลงในสารละลาย HCl เข้มข้น
0.100 mol/ L ปริมาตร 50.00 mL
ปริมาตรของ NaOH (mL) pH ปริมาตรของ NaOH (mL) pH
0.00 1.00 49.99 5.00
10.00 1.18 50.00 7.00
20.00 ................ 50.01 10.00
30.00 1.60 51.00 …………..
40.00 …………. 55.00 11.08
45.00 2.27 60.00 11.96
49.00 3.00 70.00 ………………
49.90 ………….. 80.00 …………………
หมายเหตุ ช่องว่างที่เว้นไว้ให้นักเรียนลองคิดหาคําตอบให้สมบูรณ์
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 50 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณก่อนถึงจุดสมมูลของการไทเทรตกรดแก่กับเบสแก่
การคํานวณ pH ของสารละลายเมื่อหยด NaOH เข้มข้น 0.100 mol/L ปริมาตร 49.00 mL ลงใน
สารละลาย HCl เข้มข้น 0.100 mol/ L ปริมาตร 50.00 mL
M1V1 = M2V2
0.100 x 50.00 = 0.100 x V2
V2 = 50.0 mL
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 51 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณหลังจุดสมมูลของการไทเทรตกรดแก่กับเบสแก่
M1V1 = M2V2
0.100x 50.00 = 0.100 x V2
V2 = 50.0 mL
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 52 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
13.2 การไทเทรตกรดอ่อน-เบสแก่
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 53 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
กราฟไทเทรชันของกรดอ่อนกับเบสแก่
ในการสร้างกราฟไทเทรชันของกรดอ่อนด้วยเบส
แก่ จะต้องมีการคํานวณ pH ของสารละลาย ณ ทีจ่ ุด
ต่าง ๆ กันระหว่างการไทเทรต ได้ดงั นี้
1. จุดเริม่ ต้นทีย่ งั ไม่เติมสารทีเ่ ป็ นไท
แทรนต์จากบิวเรต
2. จุดทีเ่ มือ่ เติมสารละลายไทแทรนต์
จํานวนหนึ่งลงไป แต่ยงั ไม่ถงึ จุดทีส่ ารทําปฏิกริ ยิ า
พอดีกนั (จุดสมมูล)
3. จุดสมมูล
4. จุดทีเ่ ลยบริเวณจุดทีส่ ารทัง้ สองทํา
ปฏิกริ ยิ าพอดีกนั (เลยจุดสมมูล)
1. ที่จุดเริ่มต้นยังไม่เติมสารที่เป็นตัวไทแทรนต์จากบิวเรต สารละลายจะประกอบด้วยกรดอ่อน
อย่างเดียว pH ของสารละลายคํานวณหาได้จากความเข้มข้นเป็น โมลาร์ของกรดอ่อน และค่าคงที่ของการแตกตัว
ของมัน
2. จุดที่เมื่อเติมสารละลายไทแทรนต์จํานวนหนึ่งลงไป แต่ยังไม่ถึงจุดที่สารทําปฏิกิริยาพอดีกัน
สารละลายจะประกอบด้วยเกลือที่ เกิดจากกรดอ่อน และกรดอ่อนที่เหลือจากปฏิกิริยา สารละลายที่ไ ด้จึงเป็น
สารละลายบัฟเฟอร์ pH ของสารละลาย คํานวณได้จากอัตราส่วนของความเข้มข้นเป็นโมลาร์ของสารที่เกิดเป็น
ผลิตภัณฑ์ และสารที่เหลือของกรดอ่อน
3. จุดที่สารละลายทั้ง สองทําปฏิกิริยาพอดีกัน (Equivalence point) สารละลายประกอบด้วยเกลือ
ของกรดอ่อน
4. ที่บริเวณเลยจุดที่สารทั้งสองทําปฏิกิริยาพอดีกัน(จุดสมมูล) สารละลายจะประกอบด้วยเบสแก่ที่
เติมลงไปมากเกินพอและเกลือที่เกิดจากกรดและเบสทําปฏิกิริยาพอดีกัน แต่พบว่าความแรงของเบสแก่ที่เกินมามีผล
มากกว่า ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้สารละลายมีฤทธิ์เป็นเบส pH ของสารละลายจะผันแปรตามปริมาณของเบสที่เติมลงไป
มากเกินพอ จึงคิดเพียงการแตกตัวของเบสแก่ก็ได้ เพราะค่าที่ได้ไม่แตกต่างกันกับการที่คิดการแตกตัวของเบสที่เติม
เกินมากับเกลือที่เกิดขี้น
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 54 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณก่อนถึงจุดสมมูลของการไทเทรตกรดอ่อนกับเบสแก่
การคํานวณ pH ของสารละลายเมื่อหยด NaOH เข้มข้น 0.100 mol/ L ปริมาตร 30.00 mL ลงใน
สารละลาย CH3COOH เข้มข้น 0.100 mol/ L ปริมาตร 50.00 mL (Ka ของ CH3COOH = 1.8×10-5)
M1V1 = M2V2
0.100 x 50.00 = 0.100 x V2
V2 = 50.0 mL
pH = pKa − log
[CH 3 COOH ]
[CH COO ]
3
−
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 55 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
pH = pKa − log
[CH 3 COOH ]
[CH COO ]
3
−
แทนค่า
pH = - log(1.8 × 10 −5 ) − log
[0.0250]
[0.0375]
pH = 4.75-0.30+0.47
pH = 4.92
ตัวอย่างการคํานวณจุดสมมูลของการไทเทรตกรดอ่อนกับเบสแก่
การคํานวณ pH ของสารละลายเมื่อหยด NaOH เข้มข้น 0.100 mol/ Lปริมาตร 50.00 mL ลงใน
สารละลาย CH3COOH เข้มข้น 0.100 mol/ L ปริมาตร 50.00 mL (Ka ของ CH3COOH = 1.8×10-5)
M1V1 = M2V2
0.100x 50.00 = 0.100x V2
V2 = 50.0 mL
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 56 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
Change -X +X +X
Eq =(5.0x10-2-X) X X
[ CH3COOH ] [ OH- ]
Kh =
[ CH3COO- ]
Kw [ CH3COOH ] [ OH- ]
Kh = =
Ka [ CH3COO- ]
X2
=
- K w (5x10 -2
)
[OH ] =
Ka
= 0.53X10-5 M
pOH = -log (0.53x10-5) =5.28
pH = 14-5.28 = 8.72
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 57 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
ตัวอย่างการคํานวณหลังถึงจุดสมมูลของการไทเทรตกรดอ่อนกับเบสแก่
M1V1 = M2V2
0.100x 50.00 = 0.100 x V2
V2 = 50.0 mL
(51.00 - 50.00)(0.100)
จํานวนโมลของ NaOH ทีเกิดขึ้น =
1000
= 1.00X10-4 mol
ปริมาตรรวมของสารละลาย เท่ากับ 50.00+51.00 = 101.00 mL
1.0 x10 -4
-
ความเข้มข้นของ NaOH = [OH ] = = 10-3 M
101.00
pOH = -log 10-3 = 3
pH = 14 -3 = 11
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 58 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
กราฟไทเทรชันของเบสอ่อนด้วยกรดแก่
1. ที่จุดเริ่มต้นยังไม่เติมสารที่เป็นตัวไทแทรนต์จากบิวเรต สารละลายจะประกอบด้วยเบสอ่อน
อย่างเดียว pH ของสารละลายคํานวณหาได้จากความเข้มข้นเป็น โมลาร์ของเบสอ่อนและค่าคงที่การแตกตัวของมัน
2. จุดที่เมื่อเติมสารละลายไทแทรนต์จํานวนหนึ่งลงไป แต่ยังไม่ถึงจุดที่สารทําปฏิกิริยาพอดีกัน
สารละลายจะประกอบด้วยเกลือที่เกิดจากเบสอ่อน และเบสอ่อนที่เหลือ จากปฏิกิริยา สารละลายที่ไ ด้ จึง เป็น
สารละลายบัฟเฟอร์ pH ของสารละลาย คํานวณได้จากอัตราส่วนของความเข้มข้นเป็นโมลาร์ของสารที่เกิดเป็น
ผลิตภัณฑ์ และสารที่เหลือของเบสอ่อน
3. จุดที่สารละลายทั้ง สองทําปฏิกิริยาพอดีกัน (Equivalence point) สารละลายประกอบด้วยเกลือ
ของเบสอ่อน
4. ที่บริเวณเลยจุดที่สารทั้งสองทําปฏิกิริยาพอดีกัน สารละลายจะประกอบด้วยกรดแก่ที่เติมลง
ไปมากเกินพอและเกิดเกลือด้วย แต่ให้คิดแต่กรดแก่ที่เติมเกินมาก็พอเพราะกรดแก่แตกตัวได้ดีกว่า ดังนั้นสารละลาย
จึงมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่ง pH ของสารละลายจะผันแปรตามปริมาณของกรดที่เติมลงไปมากเกินพอ
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 59 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
13.3 การไทเทรตเบสอ่อนกับกรดแก่
ตัวอย่างการคํานวณ
จงหา pH ของสารละลายเมื่อหยด HCl เข้มข้น 0.100 mol/ L ลงในสารละลาย NH3 เข้มข้น
0.100 mol/ L ปริมาตร 50.00 cm3
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 60 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
เมื่อหยดสารละลาย HCl เข้มข้น 0.100 mol/ L จากบิวเรต ลงในสารละลาย NH3 เข้มข้น 0.100 mol/
L ปริมาตร 50.00 mL แล้ววัดหรือคํานวณ pH ของสารละลายจะได้ผลดังตารางที่ 13
ตารางที่ 13 pH ของสารละลายเมื่อหยด HCl เข้มข้น 0.1000 mol/ L ลงในสารละลาย NH3 เข้มข้น
0.1000 mol/ L ปริมาตร 50.00 mL นักเรียนจงเติมคําตอบลงในช่องว่างที่เว้นให้ถูกต้อง
พร้อมทั้งเขียนกราฟ
ปริมาตรของ HCl (mL) pH ปริมาตรของ HCl (mL) pH
0.00 …………. 49.99 ………….
10.00 …………. 50.00 ………….
20.00 …………. 50.01 ………….
30.00 …………. 50.10 ………….
40.00 …………. 51.00 ………….
45.00 …………. 55.00 ………….
49.00 …………. 60.00 ………….
49.90 …………. 80.00 ………….
แบบฝึกหัด
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 61 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
3. นํา Ca(OH)2 หนัก 1.48 กรัม ผสมกับสารละลาย HCl 0.0200 โมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตร ปริมาตร 1.00 ลูกบาศก์
เดซิเมตร เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุด สารละลายจะมี pH เท่าไร (กําหนด log 2 = 0.30)
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
ข. สารละลายบัฟเฟอร์ของเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อน
สารละลายบัฟเฟอร์ของเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อน สารละลายบัฟเฟอร์พวกนี้ pH 〉 7 มีคุณสมบัติ
เป็นเบสเช่น
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 62 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
pH = pKa − log
[acid] (หลังจากการเติม)
[salt ]
ผลของการเติมกรดและเบสลงไปในสารละลายบัฟเฟอร์
ตัวถูกละลายที่สําคัญในสารละลายบัฟเฟอร์ คือ สารหนึ่งทําหน้าที่เป็นกรดอ่อนและอีกสารหนึ่งทําหน้าที่
เป็นเบสอ่อน ดังนั้นสารละลายบัฟเฟอร์ส่วนมากจะประกอบด้วยกรดอ่อนและคู่เบสของมันหรือไม่ก็เบสอ่อนและคู่
กรดของมันละลายปนกันอยู่ในสารละลาย ในกรณีที่สารละลายบัฟเฟอร์ประกอบด้วยกรดอ่อนและคู่เบสของมันเช่น
สารละลายที่มี HA ละลายปนอยู่กับ NaA สมดุลเคมีที่เกิดขึ้นในสารละลายจะเป็น
HA + H2O H3O+ + A-
Ka =
[H O ][OAc ]
3
+ −
[HOAc]
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 63 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
[H O ] = Ka [HOAc]
3
+
[OAc ] −
0.200
=1.75×10-5×
0.300
=1.16×10-5
pH = 4.94
ความเข้มข้นของ HOAc = ⎛⎜
0.200x400 0.050x100 ⎞ 1000
− ⎟x
⎝ 1000 1000 ⎠ 100 + 400
= 0.150 M
ความเข้มข้นของ NaOAc = ⎛⎜
0.300x400 0.050x100 ⎞ 1000
+ ⎟x
⎝ 1000 1000 ⎠ 100 + 400
= 0.250 M
[H O ] = Ka [HOAc]
3
+
[OAc ] −
0.150
=1.75×10-5×
0.250
=1.05×10-5
pH = 4.98
Δ pH= 4.98-4.94 = 0.04
ข. เมื่อเติม 100 cm3 0.050 M HCl ลงไป
ความเข้มข้นของ HOAc = ⎛⎜
0.200x400 0.050x100 ⎞ 1000
+ ⎟x
⎝ 1000 1000 ⎠ 100 + 400
= 0.170 M
ความเข้มข้นของ NaOAc = ⎛⎜
0.300x400 0.050x100 ⎞ 1000
− ⎟x
⎝ 1000 1000 ⎠ 100 + 400
= 0.230 M
[H O ] = Ka [HOAc]
3
+
[OAc ] −
0.170
=1.75×10-5×
0.230
=1.29×10-5
pH = 4.89
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 64 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
Δ pH = 4.89-4.94 = -0.05
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 65 -
……..สาขาวิ ชาเคมี โรงเรียนมหิ ดลวิ ทยานุสรณ์ องค์การมหาชน…………..
เอกสารอ้างอิง
ทบวงมหาวิทยาลัย. (2541). เคมี 1. กรุงเทพฯ:อักษรเจริญทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 11.
หน้าที่ 398-452.
สุดจิต สงวนเรือง, จุนเจือ โลห์สุวรรณ และ นันธมน คูณแสง. (2548). เคมีทั่วไป เล่ม3 ทฤษฎี
แบบฝึกหัด และเฉลย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาเคมี
กรุงเทพฯ. หน้าที่ 130-217.
ชัยยุทธ ช่างสาร และ เลิศณรงค์ ศรีพนม (2545). เคมีสําหรับวิศวกร. กรุงเทพ ฯ : เพ็ชร
สกุลจํากัด
รานี สุวรรณพฎษษ์. (2545). เคมีทั่วไป 1. กรุงเทพ ฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2545). คู่มือครูวิชาเคมีโครงสร้าง 3
เล่ม 3 ว 037. กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2545). หนังสือเรียนวิชาเคมีโครง
สร้าง 3 เล่ม 3 ว 037. กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา.
สุธาทิพย์ ศิริไฟศาลพิพัฒน์ และคณะ. (2542). เคมีวิทยาศาสตร์. กรุงเทพ ฯ : โอ.เอส.
พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
สาโรจน์ บุญเส็ง. (2552). เอกสารประกอบการสอนเรื่องกรด-เบส สาขาวิชาเคมี
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม
Brady, J.E. (1990)., Genneral Chemistry. John Wiley and Sons, New York
Brady J.E. and Holum J.R., (1993). Chemistry : The Study of Matter and Its Changes,
John Wiley and Sons, New York
Goldberg D.E.., (1989). Schaum’ s 3000 Solved Problems in Chemistry, Mc
Graw-Hill
Petrucci R.H. and Harwood W.S.., (1993). General Chemistry. Priciples and
Modern Applications, 6th ed., Macmillan, New York
Roberts R.M., Gilbert J.C. and Martin S.F., (1993). Experimental Organic
Chemistry, Saumders
S c i 3 0 2 3 2 จ ล น ศ า ส ต ร์ เ ค มี แ ล ะ ส ม ดุ ล เ ค มี ; ก ร ด - เ บ ส หน้า - 66 -