Professional Documents
Culture Documents
05 ch3
05 ch3
วิธีดำเนินกำรวิจัย
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักสูตรกิจกรรมการคิดสร้ างสรรค์เพื่อส่งเสริม
ความสามารถในการสร้ างนวัต กรรมที่บูร ณาการภูมิ ปัญญาท้ อ งถิ่ น ของนั ก เรี ย นมั ธ ยมศึกษา
จังหวัดหนองบัวลาภู ผู้วิจัยใช้ รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D)
ประกอบด้ วย 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาข้ อมูลพื้นฐาน (R1) ระยะที่ 2 สร้ างหลักสูตร (D1)
ระยะที่ 3 นาหลักสูตรไปใช้ (R2) ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ระยะที่ 1 ศึกษำข้อมู ลพื้ นฐำน (R1) เป็ นระยะของการศึกษาค้ นคว้ า รวบรวมข้ อมูลเกี่ยวกับ
การพัฒนาหลักสูตรกิจกรรมการคิดสร้ างสรรค์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้ างนวัต กรรม
ที่บูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น ของนักเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดหนองบัวลาภู
1.1 วัตถุประสงค์
เพื่ อ ศึ ก ษาข้ อ มู ลพื้ นฐานเกี่ ย วกั บหลั ก สูต รกิ จ กรรมการคิ ด สร้ างสรรค์ เ พื่ อ ส่ง เสริม
ความสามารถในการสร้ างนวัต กรรมที่บูร ณาการภูมิ ปัญญาท้ อ งถิ่ น ของนั ก เรี ย นมั ธ ยมศึกษา
จังหวัดหนองบัวลาภู
1.2 ผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลัก
1.2.1 แหล่งข้อมูล ประกอบด้ วยเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้ องกับการคิดสร้ างสรรค์
และการส่งเสริมความสามารถในการสร้ างนวัตกรรมที่บูรณาการภูมิปัญญาท้ องถิ่น จานวน 15
รายการ โดยจัดกลุ่มของประเด็นต่าง ๆ ที่สอดคล้ องกันได้ ดังนี้
1) ประเด็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันปัญหา สถานการณ์ท่เี กิดขึ้นในสภาวะปั จจุบัน
เกี่ยวกับการส่งเสริมให้ นักเรียนเป็ นผู้ท่สี ามารถสร้ างนวัตกรรม โดยอาศัยทักษะการคิดสร้ างสรรค์
ตลอดจนแนวโน้ มการจั ดการศึ กษาที่ต อบโจทย์ส ภาวะของเศรษฐกิ จในประเทศ โดยผู้วิจั ย ได้
สังเคราะห์ข้อมูลจาก รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 “รากเหง้ าของปัญหาและแนว
ทางแก้ ไ ข” (วิ ท ยากร เชี ย งกู ล , 2560) แผนพั ฒ นาเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ ฉบั บ ที่ 12
(พ.ศ. 2560 - 2564) (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ , 2560)
และ รายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี 2560 (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ
การศึกษา (องค์การมหาชน), 2560) ซึ่งข้ อมูลที่สังเคราะห์จะเป็ นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความ
ต้ อ งการจ าเป็ นในการพั ฒ นาหลั ก สู ต รที่ส่ ง เสริ ม ทัก ษะการคิ ด สร้ า งสรรค์ ซึ่ ง ผู้ วิ จั ย ได้ ด าเนิ น
การศึกษาข้ อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคิดสร้ างสรรค์ การส่งเสริมและการพัฒนาทักษะดังกล่าวดัง
รายละเอียดในประเด็นทักษะการคิดสร้ างสรรค์
92
1.4 วิธีดำเนินกำรวิจัย
1) ผู้วิจัยวางแผนการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้ องและการสัมภาษณ์กับผู้ท่มี ีส่วนเกี่ยวข้ อง
2) นัดหมายผู้มีส่วนเกี่ยวข้ องในการสัมภาษณ์
3) แจ้ งวัตถุประสงค์ในการสัมภาษณ์
4) ดาเนินการสัมภาษณ์ โดยผู้วิจัยเป็ นผู้ดาเนินการสัมภาษณ์ด้วยตนเอง
5) บันทึกผลการสัมภาษณ์
6) รวบรวมข้ อมูลจากการถอดเทปบันทึกเสียง
1.5 กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล
ผู้วิจัยดาเนินการวิเคราะห์ข้ อมูล โดยแบ่ งออกเป็ น 2 ส่วน คือ การสรุปและวิเคราะห์
เอกสารที่เกี่ยวข้ องในประเด็นของความสาคัญของปั ญหา การส่งเสริมความคิดสร้ างสรรค์ การ
พัฒนาหลักสูตร ตลอดจนการนาภูมิปัญญาท้ องถิ่นเข้ ามามีบทบาทในกิจ กรรมการเรียนการสอน
เพื่อส่งเสริมให้ นักเรียนได้ เกิดความรักในท้ องถิ่ นใกล้ ตัว นอกจากนั้นยังนาข้ อมูล ที่ได้ จากการ
สัมภาษณ์ และการถอดเทปบันทึกเสียง โดยใช้ การวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา (Content Analysis)
ให้ ค วามเห็ น ว่ า หลั ก สู ต รกิ จ กรรมการคิ ด สร้ า งสรรค์ เ พื่ อ ส่ ง เสริ ม ความสามารถในการสร้ าง
นวัตกรรมที่บูรณาการภูมิปัญญาท้ องถิ่น ของนักเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดหนองบัวลาภู ที่สร้ างขึ้น
ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับ “มาก” ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.90
6) ปรับปรุงแก้ ไขแบบประเมินร่างหลักสูตร ที่ผ้ ูเชี่ยวชาญเสนอแนะ
พร้ อมจัดทาต้ นฉบับเพื่อนาเครื่องมือไปใช้ เก็บรวบรวมข้ อมูลต่อไป
2.1.4 วิธีดำเนินกำรวิจัย
1) ศึกษาเอกสาร แนวคิดทฤษฎีท่เี กี่ยวข้ องกับความคิดสร้ างสรรค์ การพัฒนา
หลักสูตร แหล่งเรียนรู้ภมู ิปัญญาท้องถิ่น นาข้ อมูลพื้นฐานที่ได้ มาวิเคราะห์ สังเคราะห์
2) สั ม ภาษณ์ ผ้ ู มี ส่ ว นเกี่ ย วข้ อ งประกอบด้ ว ย ครู ผ้ ู ส อน นั ก เรี ย น ผู้ บ ริ ห าร
สถานศึกษา ผู้ปกครองหรือตัวแทนชุมชน
3) ยกร่ างหลักสูตรบนพื้นฐานของข้ อมูล จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล เอกสาร
แนวคิด ทฤษฎีท่เี กี่ยวข้ องและการสัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญ
4) ร่ า งหลั ก สู ต รตามองค์ ป ระกอบพื้ นฐานของหลั ก สู ต รกิ จ กรรม การคิ ด
สร้ างสรรค์เพื่อ ส่งเสริมความสามารถในการสร้ างนวัตกรรมที่บูรณาการภูมิปัญญาท้ องถิ่น ของ
นักเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดหนองบัวลาภู
5) นาหลักสูตรฉบับร่ างให้ ผ้ ูเชี่ยวชาญพิจารณาความเหมาะสมของหลักสู ต ร
โดยใช้ เทคนิคการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เพื่อทาการตรวจสอบความเหมาะสมของหลักสูตร
โดยผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 คน ประกอบด้ วย
- ครูผ้ สู อน จานวน 1 คน
- ปราชญ์ชาวบ้ าน จานวน 1 คน
- ผู้เชี่ยวชาญด้ านความคิดสร้ างสรรค์ จานวน 1 คน
- ผู้เชี่ยวชาญด้ านหลักสูตรและการสอน จานวน 1 คน
- ผู้เชี่ยวชาญด้ านการวัดผลและประเมินผล จานวน 1 คน
6) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา
7) ปรับปรุงตามข้ อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ
8) จัดทาหลักสูตรฉบับร่างและเอกสารประกอบหลักสูตร นาไปทดลองใช้ ต่อไป
2.1.5 กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล
ผู้วิจัยดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ จากการสนทนา การสังเกต และการบันทึก
ข้ อมูลโดยใช้ การวิเคราะห์ เนื้อหา (Content Analysis) และใช้ สถิติพ้ ืนฐานในการวิเคราะห์ผลการ
ประเมินร่างหลักสูตร
2.2 ขั้นที่ 2 ทดลองใช้หลักสูตร เป็ นขั้นของการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรที่สร้ างขึ้น
รวมทั้งเป็ นการปรับปรุงหลักสูตรหรือแก้ ไขก่อนนาไปใช้ จริง โดยใช้ วิธีการวิจัยเชิง ทดลองเบื้องต้ น
(Pre – Experimental Design) กลุ่มเดียววัดผลเฉพาะหลังการทดลอง (One - Shot Case Study)
97
เป็ นแนวทางในการพั ฒ นาประสิ ทธิภ าพของหลั กสู ตรกิจ กรรมการคิ ดสร้ า งสรรค์ เพื่ อส่ง เสริ ม
ความสามารถในการสร้ างนวัต กรรมที่บูร ณาการภูมิ ปัญญาท้ อ งถิ่ น ของนั ก เรี ย นมั ธ ยมศึกษา
จังหวัดหนองบัวลาภู เพื่อให้ ได้ ข้อมูลที่นาไปสู่การปรับปรุงแก้ ไขก่อนนาไปใช้ ต่อไป
2.2.1 วัต ถุ ป ระสงค์ เพื่ อ ตรวจสอบคุ ณ ภาพของร่ า งหลั ก สู ต รกิ จ กรรมการคิ ด
สร้ างสรรค์เพื่อ ส่งเสริมความสามารถในการสร้ างนวัตกรรมที่บูรณาการภูมิปัญญาท้ องถิ่น ของ
นักเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดหนองบัวลาภู
2.2.2 กลุ่มเป้ ำหมำย
กลุ่มเป้ าหมาย ได้ แก่ นักเรียนโรงเรียนสุวรรณคูหาพิทยาสรรค์ สังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 จังหวัดหนองบัวลาภู ที่ลงทะเบียนเรียนกิจกรรมชุมนุ มนัก
ประดิษฐ์ ประจาปี การศึกษา 2562 จานวน 20 คน โดยผู้วิจัยดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนด้ วยตนเอง ซึ่งนักเรียนเป็ นผู้สมัครใจเข้ าร่วมทดลอง จัดในชั่วโมงเรียนของกิจกรรมชุมนุม
2.2.3 เครื่องมือและกำรหำคุณภำพเครื่องมือ ประกอบด้ วย
2.2.3.1) เครื่องมือวัดระดับควำมคิดสร้ำงสรรค์
แบบทดสอบความคิ ด สร้ า งสรรค์ ข อง Jellen and Urban (2005)
แบบทดสอบชุ ด นี้ มี ช่ื อ ว่ า “แบบทดสอบที ซี ที – ดี พี ” (TCT - DP : The Test for Creative
Thinking - Drawing Production) เป็ นแบบทดสอบที่ ใ ช้ ก ระดาษและดิ น สอ ใช้ ท ดสอบ เป็ น
รายบุคคลหรือรายกลุ่ม โดยมีสิ่งที่กาหนดให้ เป็ นสิ่งเร้ าที่จัดไว้ ในรูปแบบของชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่มี
ขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน มีรูปครึ่งวงกลม รูปมุมฉากรูปสี่ เหลี่ยมจัตุรัสแบบที่ไม่สมบูรณ์ รูป
รอยเส้ น ประรู ป เส้ น โค้ ง คล้ า ยตั ว S ซึ่ ง อยู่ ภ ายในและภายนอกของกรอบสี่ เ หลี่ ย มใหญ่ ก าร
ตอบสนองสิ่งเร้ า ผู้ถูกทดสอบสามารถสนองได้ อย่างอิสระตามจินตนาการ โดยการวาดภาพขึ้นใน
ขอบเขตของ ช่ ว งเวลาที่ก าหนดให้ แ ละมี เ กณฑ์ ส าหรับ ยึด ถื อ เป็ นหลั ก ในการประเมิ น คุ ณ ค่ า
ความคิดสร้ างสรรค์ จากภาพวาดทั้ง 11 เกณฑ์ ดังต่อนี้ 1) การต่อเติม (Cn : Continuations) 2)
ความสมบู ร ณ์ (Cm : Completions) 3) ภาพที่ ส ร้ า งขึ้ นใหม่ (Ne : New Elements) 4) การ
ต่ อเนื่องด้ วยเส้ น (Cl : Connections made with lines) 5) การต่ อเนื่องที่ทาให้ เกิดเป็ นเรื่องราว
(Cth : Connections made that Contribute to a theme) 6) การข้ ามเส้ นกั้นเขต โดยใช้ ช้ ินส่วนที่
กาหนดให้ นอกกรอบใหญ่ (Bid : Boundary Breaking Fragment-Dependent) 7) การข้ ามเส้ น
กั้นอย่ า งอิสระ โดยไม่ ใช้ ช้ ินส่วนที่กาหนดให้ นอกกรอบใหญ่ (Bfi : Boundary Breaking being
Fragment-Dependent) 8) การแสดงความลึก ใกล้ – ไกล หรือมิติของภาพ (Pe : Perspective)
9) อารมณ์ ขั น (Hu : Human) 10) การคิ ด ที่ แ ปลกใหม่ โดยไม่ ติ ด ตามแบบแผน (Uc :
Unconventionality) 11) ความเร็ว (Sp : Speed)
คะแนนรวมของแบบทดสอบ มีช่องให้ คะแนนอยู่ 11 ช่อง แต่ละช่อง
จะมีรหัสให้ คะแนน วิธีการให้ คะแนน เพียงแต่พับส่วนล่างของแบบทดสอบขึ้นมาก็สามารถให้
คะแนนได้ ทนั ที คะแนน รวมของแบบทดสอบ TCT-DP คือ 72 คะแนน
98
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 รวม
Cn Cm Ne Cl Cth Bid Bfi Pe Hu Uc Sp
a b c d
ด้ านที่ 5 การนาเสนอนวัตกรรม
(1) ความถูกต้ อง
(2) ทักษะการสื่อสาร
(3) เอกสารประกอบการนาเสนอ
โดยกาหนดเกณฑ์การประเมินคุณภาพนวัตกรรม ดังนี้ (ส านักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2562)
80 – 100 หมายถึง นวัตกรรมมีคุณภาพระดับ “ดีเยี่ยม”
70 – 79 หมายถึง นวัตกรรมมีคุณภาพระดับ “ดี”
60 – 69 หมายถึง นวัตกรรมมีคุณภาพระดับ “พอใช้ ”
0 – 59 หมายถึง นวัตกรรมมีคุณภาพระดับ “ปรับปรุง”
(3) น าแบบประเมิ น นวั ต กรรม ที่ ส ร้ า งขึ้ นไปให้ ผ้ ู เ ชี่ ย วชาญ
พิจารณาความเหมาะสมของข้ อความ จานวน 5 คน ผลการตัดสินพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ (Expert
Judgement) ให้ ความเห็นว่ า แบบประเมิน นวั ตกรรมที่ส ร้ างขึ้นในภาพรวมมีค วามเหมาะสมใน
ระดับ “มาก” ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.45
(4) ปรับปรุงแบบประเมินนวัตกรรม ตามที่ผ้ เู ชี่ยวชาญเสนอแนะ
(5) พิ ม พ์ แ บบประเมิ น ฉบั บ สมบู ร ณ์ เ พื่ อ น าไปเก็บ ข้ อ มู ล กั บ
กลุ่มเป้ าหมาย
2) แบบประเมิน กระบวนกำรสร้ำ งนวัต กรรม เป็ นการประเมิน
กระบวนการสร้ างทางเลือกของความคิดในลักษณะการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking)
เพื่อให้ ได้ ความคิดที่หลากหลายซึ่งจะนาไปสู่ผลลัพธ์ท่ีต้องการ เกิดผลิตผลที่มีคุณภาพ โดยมี
คุ ณ ลั ก ษณะที่ ใ ช้ ในการวั ด กระบวนการสร้ างนวั ต กรรม ประกอบด้ ว ย 1) การวางแผน
2) การปฏิบัติงาน 3) การประเมินตนเอง 4) การปรับปรุงงาน มีข้นั ตอนการดาเนินการดังนี้
(1) ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้ องกับแบบประเมินกระบวนการสร้ างนวัตกรรม
(2) วิเคราะห์เนื้อหา เลือกประเด็นที่จะสังเกตกระบวนการสร้ างนวัตกรรม
(3) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นที่จะสังเกต พฤติกรรม ความคิดรวบยอด
และจุดประสงค์ของการเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมในชั้นเรียน
(4) กาหนดรายการต่างๆ ที่จะสังเกตในแต่ละขั้นตอน กาหนดสัดส่วนของคะแนนใน
แต่ละขั้นตอนและเกณฑ์การให้ คะแนนในแต่ละรายการย่อยๆ จากแบบประเมินกระบวนการสร้ าง
นวัตกรรม โดยแบบสังเกตกระบวนการสร้ างนวัตกรรมที่สร้ างขึ้นเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า
(Rating Scale) 5 ระดับ โดยกาหนดค่าระดับการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ดังนี้
5 หมายถึง มีการปฎิบัติ ในระดับ มากที่สุด
4 หมายถึง มีการปฎิบัติ ในระดับ มาก
3 หมายถึง มีการปฎิบัติ ในระดับ ปานกลาง
100
X O
หลักสูตรกิจกรรมกำรคิด ข้อมูล
สร้ำงสรรค์เพื่อส่งเสริม
ควำมสำมำรถในกำรสร้ำง กิจกรรมออกแบบนวัตกรรม
นวัตกรรมที่บูรณำกำร กำรศึกษำแหล่ง
นวัตกรรมและ
และกำรสร้ำงนวัตกรรม
ภูมิปัญญำท้องถิ่น ภูมิปัญญำ นำเสนอนวัตกรรม
หรือนวัตกรรม
กำรสร้ำง
นวัตกรรม
เขียนรำยงำน
นำเสนอนวัตกรรม
กำร จัดนิทรรศกำรเผยแพร่นวัตกรรม
เผยแพร่
นวัตกรรมสู่ ประเมิน
หลักสูตร
4. สถำนที่ทำกำรวิจัยและลักษณะกำรดำเนินกำรวิจัย
การดาเนินการวิจัยในครั้งนี้ เป็ นรูปแบบการวิจัยและพัฒนา พื้นที่ดาเนินการเป็ นโรงเรียน
ระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 จังหวัดหนองบัวลาภู
มีข้นั ตอนการดาเนินการเป็ น 3 ระยะ โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้
ระยะที่ 1 ศึกษาข้ อมูลพื้นฐาน (R1) รายละเอียดของระยะนี้ คือ การดาเนินการศึ ก ษา
เอกสาร รวบรวมข้ อมูล การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้ อมูล และการจัดทากระบวนการระดมความ
คิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ จากบุคลากรในโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดหนองบัวลาภู สานักงานเขต
พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 โดยการเก็บข้ อมูลด้ วยการสัมภาษณ์ครูผ้ ูเชี่ยวชาญด้ านการ
ส่งเสริมนักเรียนให้ เกิดความคิดสร้ างสรรค์ ในโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดหนองบัวลาภู
ระยะที่ 2 สร้ างหลักสูตร (D1) รายละเอียดของระยะนี้เป็ นการจั ดทาร่ างหลักสูตร โดย
ผู้เชี่ยวชาญและผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้ อง และในขั้นตอนนี้มีการนาหลักสูตรไปทดลองใช้ กับนักเรียน
โรงเรียนสุวรรณคูหาพิทยาสรรค์ จานวน 20 คน ได้ มาจากการเลือกแบบเจาะจง
ระยะที่ 3 นาหลักสูตรไปใช้ (R2) การนาหลักสูตรไปใช้ กับโรงเรียนกลุ่มเป้ าหมาย เป็ น
โรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ในจังหวัดหนองบัวลาภู โดยเลือกจากโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาด
กลาง และขนาดเล็ก จาก 21 โรงเรียน ขนาดละ 2 โรงเรียน รวมจานวน 6 โรงเรียนๆ ละ 1 กลุ่ม
ที่ยินดีให้ ความร่วมมือเข้ าร่วมการนานาหลักสูตรไปใช้ โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มเป็ นนักเรียนที่เลือก
ลงทะเบียนเรียนในชั่วโมงกิจกรรมชุมนุ ม นักประดิษฐ์ ซึ่งวัตถุประสงค์ข องชุมนุ มเพื่อส่งเสริม
ความคิดสร้ างสรรค์ของนักเรียน สู่การสร้ างนวัตกรรมใหม่ โดยนักเรียนเลือกตามความสมัครใจ
กลุ่มละ 20 คน และครูท่ปี รึกษาชุมนุม จานวน 1 คน
107
1. รวบรวมข้ อมูลในการพัฒนาหลักสูตรกิจกรรมเพื่อ
ส่งเสริมความคิดสร้ างสรรค์ 1. องค์ประกอบสาคัญของหลักสูตร
ระยะที่ 1 2. สัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญ กิจกรรม
กำรศึกษำข้อมูลพื้นฐำน 3. วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล 2. แนวทาง วิธีการ ในการพัฒนา
(R1) และส่งเสริมความคิดสร้ างสรรค์
4. วิเคราะห์และสรุปแนวทางการพัฒนาหลักสูตร
1. ยกร่ำงหลักสูตรกิจกรรม
1) หลักการและเหตุผล 2) ปรัชญาและแนวคิดทฤษฎี => หลั ก สู ต รกิ จ กรรมที่ ส่ ง เสริ ม
ระยะที่ 2 3) จุดมุ่งหมาย 4) โครงสร้ างหลักสูตร 5) แนว
สร้ำงหลักสูตรกิจกรรม ความคิ ด สร้ า งสรรค์ โ ดยผ่ า นการ
ทางการจัดการเรียนรู้ 6) สื่อและแหล่งเรียนรู้ 7) แนว ตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ
(D1) ทางการวัดและประเมินผล => เอกสารประกอบหลั ก สู ต รที่
2. ตรวจสอบร่ำงหลักสูตรกิจกรรมโดยผูเ้ ชี่ยวชำญ พร้ อมนาไปทดลองใช้
3. ทดลองใช้และปรับปรุงหลักสูตรก่อนนำไปใช้
หลักสูตรฉบับสมบูรณ์
แก้ไขข้ อบกพร่อง
จากขั้ น ตอนการด าเนิ น การวิ จั ย ที่ ก ล่ า วมา ผู้ วิ จั ย ได้ น าเสนอเพื่ อ ให้ เ ห็ น ขั้ น ตอนและ
กระบวนการโดยรวม ดังตารางที่ 1