Professional Documents
Culture Documents
Slide 2475-2500
Slide 2475-2500
Slide 2475-2500
บริบททางการเมือง
- ภาวะไร้ เสถียรภาพทางการเมื อ งในยุ โรปและเอเชี ย
ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจต่อกัน สภาวะที่
โลกไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ การเกิดเศรษฐกิจตกต่่า
ทั่วโลก ที่เรียกกันว่า “ เศรษฐกิจตกต่่าทศวรรษ 1930 ”
พ.ศ.2473-2483 (1930’s depression)
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (ตัวแปรสาคัญ)
- การรั ด ตั ว ของเศรษฐกิ จ ต้ อ งอาศั ย ตลาดในการ
สภาพเศรษฐกิจ
ระบายสินค้ า น่าไปสู่ การตั้ง ก่า แพงภาษี จนสิ นค้ า
ขายไม่ออกผลที่ตามมาคือ ผลผลิตลดลงท่าให้เกิด
การชะงักชะงันของการขยายตัวของการผลิต จึงต้อง
มีคนงานโดนปลดจ่านวนมาก เศรษฐกิจตกต่่าทั่วโลก
การค้าระหว่างประเทศลดลง และเงินเฟ้อ
- ไทยได้รับผลกระทบ เพราะสินค้าของไทยส่วนใหญ่
เป็นสินค้าการเกษตร เช่น ข้าว อุตสาหกรรม เช่ น
ดีบุก ยางพารา และไม้สัก สิ่งที่ตามมา คือ ร.7 ปลด
ข้ า ราชการออกเพื่ อ ลดจ่ า นวนค่ า ใช้ จ่ า ย เงิ น
ท้องพระคลังร่อยหรอ เพราะ ใช้จ่ายสูงในสมัย ร.6
น่าไปสู่การท่าลายขวัญและก่าลังใจของข้าราชการ
สร้างบรรยากาศความไม่พ อใจสภาพการเมืองการ
ปกครองมากขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างสถาบันเก่าและสถาบันใหม่ (ตัวแปรภายใน)
แปลก พิบูลสงคราม
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็ นจุดเปลี่ยนแปลงมาสูร่ ะบบเศรษฐกิจ
ด้านสังคม การเมืองและสังคมสมัยใหม่ กล่าวคือ
พ . ศ . 2 4 7 9 รั ฐ บ า ล ข อ ง พ . อ . พ ร ะ ย า พ ห ล พ ล พ ยุ ห เ ส น า ไ ด้ ป ร ะ ก า ศ ใ ช้
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2479 โดยกาหนดเป็น 2 ประเภท คือ สายสามัญศึกษาและสายอาชีวศึกษา
โดยได้กาหนดความมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่เรียนจบการศึกษาในสายสามัญแตะละประโยคแต่ละระดับ
การศึกษา ได้เรียนวิชาอาชีพเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากเรียนวิชาสามัญ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการที่จะ
ออกไปประกอบอาชีพต่อไป
1. จะต้องรักษาความเป็ นเอกราชทั้งหลายของประเทศไว้ให้มั ่นคง
2. จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
3. ต้องบารุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทา จัดวางโครงสร้าง
เศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
4. จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็ นอยู่)
5. จะต้องให่ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็ นอิสระ เมื่อเสรีภาพไม่ขดั ต่อหลัก 5 ประการข้างต้น
6. จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
รายวิชา ส30220 การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ภาคเรี ย นที่ 2 ปี ก ารศึ ก ษา 2562 โรงเรี ย นเทพศิ ริ น ท ร์
ในช่วง 25 ปี ระหว่าง 2475-2500 ได้มีรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ มีการเลือกตั้ง 9 ครั้ง
มีการรัฐประหารและการกบฏ 10 ครั้ง ดังนั้นหากคิดเฉลี่ยอาจกล่าวได้ว่า มีรัฐธรรมนูญ 1
ฉบับต่อ 4.1 ปี / มีการเลือกตั้ง 1 ครั้งต่อ 2.7 / และมีการขัดแย้งทางการเมืองในรูปแบบ
ของรัฐประหารหรือการกบฏทุก ๆ 2.5 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นดังนี้
รัฐประหาร 1เมษายน 2476 รัฐประหาร 20 มิถุนายน 2476 กบฏบวรเดช 11ตุลาคม 2476
กบฏพระยาทรงสุรเดช
กบฏนายสิบ 3 สิงหาคม 2478
29มกราคม 2481
รัฐประหาร 8พฤศจิกายน 2490 กบฏเสนาธิการ 1ตุลาคม 2491
กบฏแมนฮัตตัน
กบฏวังหลวง 26 กุมภาพันธ์ 2492
29 มิถุนายน 2494
รัชกาลที่ 7 และนายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย
พระองค์เจ้าบวรเดช เสด็จลี้ภัยไปต่างประเทศ
• ท่ามกลางความกลัวที่ฝ่ายเจ้า (น่าการปกครองแบบเก่ามาใช้ ) พระยาพหลฯ จึงได้ท่าการ
รัฐประหาร ซึ่งสองสามเดือนต่อมาพระองค์เจ้าบวรเดชได้เคลื่อนทัพจากโคราช แต่ถูก พันโท
หลวงพิบูลสงครามปราบได้
• ภายหลังการปราบกบฏบวรเดช กลุ่มอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายเจ้าได้เสื่อมอ่านาจลง คู่แข่งจอมพล ป.
ตอนนี้คือ ปรีดี พนมยงค์ แต่มีพระยาพหลฯเป็นนายกรัฐมนตรี ที่สามารถออมชอมไกล่เกลี่ย
ถ่วงดุลอ่านาจของสองคนได้
ประชาชนจ่านวนมากพากันมาต้อนรับทหารที่ไปปราบกบฏกลับถึงกรุงเทพฯ
ที่หน้าสถานีหัวล่าโพง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2476 อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
กบฏบวรเดช ทาให้คณะราษฎร กับ ร.7 ไม่ถูกกัน
ทรงร้องขอให้คณะราษฎรคานึงถึงอานาจแท้จริง
เน้นชาตินิยม + War II
VS
ช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 –2500
ในขณะเดียวกัน หากพิจารณาจะเห็นว่า ทหารได้กุมอานาจในฐานะนายกรัฐมนตรีถึง 21 ปีครึ่ง ซึ่งแสดงได้ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ภูมิหลัง ช่วงเวลาในการดารงตาแหน่ง
1. พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พลเรือน 11 เดือน 23 วัน
2. พระยาพหลพยุหเสนา ทหาร 5 ปี 5 เดือน 23 วัน
3. จอมพล ป.พิบูลสงคราม ทหาร 14 ปี 11 เดือน 11 วัน
4. นายควง อภัยวงศ์ พลเรือน 1 ปี 6 เดือน 17 วัน
5. นายทวี บุณยเกตุ พลเรือน 17 วัน
6. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช พลเรือน 10 เดือน 13 วัน
7. นายปรีดี พนมยงค์ พลเรือน 4 เดือน 17 วัน
8. พลเรือตรี ถวัลย์ ธารงนาวาสวัสดิ์ ทหาร 1 ปี 2 เดือน 17 วัน
9. นายควง อภัยวงศ์ พลเรือน 6 เดือน
10. จอมพล ป.พิบูลสงคราม ทหาร 9 ปี 6 เดือน
ลักษณะสาคัญของประเทศไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ประการที่สอง
สงครามเย็นเริ่มส่งกระแสมายังทวีปเอเชีย จึงท่าให้ USA ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ
ขัดแย้งทางการเมืองโดยเริ่มจากสงครามเย็นและต่อด้วยสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนาม
ประการที่สาม
ระบบเศรษฐกิจไทยเมื่อแพ้สงคราม ไทยต้องส่งค่าปฏิกรรมสงครามในรูปของการจัดหา
ข้ า วสู่ น อกประเทศ ยิ่ ง ช่ ว งหลั ง สงครามไทยต้ อ งพบกั บ การขาดแคลนสิ น ค้ า และเงิ น เฟ้ อ
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ทหารเริ่มก้าวขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ
คาเตือนของทูตอังกฤษ “เซอร์ โจเซีย ครอสบี”้
• “ถ้าไม่จ่ากัดอ่านาจทหาร องค์กรทหารจะขัดขวางพัฒนาการของ
ประชาธิปไตยซึ่งก่าลังจะเจริญงอกงาม”
ได้ประกาศสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โมฆะต่อญี่ปุ่น)
16 สิงหาคม 2488 จากวันรุ่งขึ้นจึงลาออก
แก้สถานการณ์บ้านเมืองหลังแพ้สงคราม
เกิดเหตุการณ์สวรรคต รัชกาลที่ 8
กระบวนการ
รัฐสภา การเลือกตั้ง
เมื่อเกิดข้อขัดแย้งการหาค่าตอบโดยใช้ก่าลังจึงเป็นวิถีทางสุดท้าย การใช้ก่าลังทหารในการแก้ไข
ปัญหาความขัดแย้ง แสดงให้เห็นถึงการขาดพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย “รัฐประหาร”
อุปสรรคที่ทาลายเสถียรภาพทางการเมือง ในช่วง 25 ปี (2475-2500)
1. การขัดแย้งกันทางอ่านาจ
2. การขัดแย้งกันในทางนโยบาย
3. การขัดแย้งกันระหว่างพวกกลุ่มเก่าและ
พวกกลุ่มใหม่
4. ข้อขัดแย้งระหว่างทหารด้วยกัน
5. ข้อขัดแย้งระหว่างทหารบกกับต่ารวจ