Professional Documents
Culture Documents
เทอร์โมไดนามิกส์ 4
บทที่ 2.
คุณสมบัตขิ องสารบริสุทธิ์
2.1 สารบริสุทธิ์และสถานะ1
สารที่มีสวนผสมระหวางน้ําและน้ํามัน ไมถือเปนสารบริสุทธิ์เพราะน้ําและน้ํามันไมเปนเนื้อเดียวกัน
และมีองคประกอบทางเคมีไมเหมือนกัน
สารใดๆ ที่มีหลายสถานะแตมีองคประกอบทางเคมีในทุกสถานะเหมือนกันถือวาเปนสารบริสุทธิ์
เชน น้ําและน้ําแข็ง ถือเปนสารบริสุทธิ์เพราะองคประกอบทางเคมีของน้ําและน้ําแข็งเหมือนกันคือ H2O
ในขณะที่พิจารณาไดวา อากาศและละอองน้ําในอากาศไมเปนสารบริสุทธิ์เพราะองคประกอบทางเคมี
ระหวางอากาศและละอองน้ําในอากาศมีองคประกอบทางเคมีไมเหมือนกัน
สารบริสุทธิ์ในสถานะของแข็ง มีระยะหางระหวางโมเลกุลนอยและมีแรงดึงดูดระหวางโมเลกุลสูง
ทําใหโมเลกุลแตละโมเลกุลไมสามารถเคลื่อนที่ไปยังตําแหนงตางๆ ไดโดยอิสระ แตยังสามารถเคลื่อนที่ได
โดยการสั่นอยูในขอบเขตที่จํากัด ความเร็วในการสั่นของโมเลกุลจะขึ้นกับอุณหภูมิของสารนั้น คือเมื่อสาร
บริสุทธิ์ในสถานะของแข็งมีอุณหภูมิสูงความเร็วในการสั่นของแตละโมเลกุลจะมีความเร็วสูง เมื่ออุณหภูมิ
58 เทอรโมไดนามิกส
ของสารสูงมากจะทําใหความเร็วในการสั่นสูงมากจนเอาชนะแรงดึงดูดระหวางโมเลกุลและทําใหโมเลกุล
แตละโมเลกุลแยกออกจากกัน ทําใหเกิดกระบวนการหลอมเหลว (Melting Process) ขึ้น ซึ่งจะทําให
ของแข็งเริ่มเปลี่ยนสถานะเปนของเหลว
สารบริสุทธิ์ในสถานะแก็ส จะมีระยะหางระหวางโมเลกุลมากและมีแรงดึงดูดระหวางโมเลกุล
นอยมากจนทําใหแตละโมเลกุลของแก็สเคลื่อนที่อยางอิสระตอกันและเคลื่อนที่อยางไรทิศทาง ดวยเหตุผล
นี้จึงทําใหสารในสถานะแก็ส มีปริมาตรเทากับปริมาตรของภาชนะที่บรรจุเสมอ อยางไรก็ตามอาจเรียก
สถานะไอ (Vapor Phase) แทนสถานะแก็สไดดวยเชนกัน
ความดันคงที่อาจทําไดโดยการใหความรอนกับน้ําที่อยูภายในกระบอกสูบที่มีลูกสูบอิสระ เมื่อน้ําภายใน
กระบอกสูบไดรับความรอนจะทําใหอุณหภูมิและปริมาตรของน้ําเพิ่มขึ้น เมื่อปริมาตรของน้ําเพิ่มขึ้นก็จะทํ า
ใหเกิดการผลักดันลูกสูบอิสระใหเคลื่อนที่โดยปราศจากแรงตาน จึงทําใหน้ําภายในกระบอกสูบยังคงรักษา
ความดันใหคงที่ได รูปที่ 2.2 แสดงน้ําภายใตกระบวนการใหความรอนแบบความดันคงที่ จากสภาวะเริ่มตน
(สภาวะที่ 1) ความดัน 1 บรรยากาศ อุณหภูมิ 20๐C ในสถานะของเหลวอัดตัว จนกลายเปนน้ํามีอุณหภูมิ
เพิ่มขึ้นเปน 100 ๐C ความดัน 1 บรรยากาศ ในสถานะของเหลวอิ่มตัว ในสภาวะสุดทาย (สภาวะที่ 2)
จากสถานะของเหลวอัดตัวเปนสถานะของเหลวอิ่มตัว
2.3 สถานะของผสมอิ่มตัวและสถานะไออิ่มตัว
จากสถานะของเหลวอิ่มตัวเปนสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัว
2.4 สถานะไอรอนยิ่งยวด
หากดําเนินกระบวนการใหความรอนแกน้ําในสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัวดังรูปที่ 2.3
อยางตอเนื่อง จะทําใหน้ําในสวนที่เปนของเหลวอิ่มตัวคอยๆ ระเหยกลายเปนไอตอไป ทําใหน้ํามีปริมาตร
เพิ่มขึ้นในขณะที่อุณหภูมิคงที่จนกระทั่งน้ําในสถานะของเหลวอิ่มตัวระเหยกลายเปนไออิ่มตัวจนหมด และ
เมื่อกระบวนการใหความรอนแบบความดันคงที่ยังคงดําเนินตอไปอีกน้ําในสถานะไออิ่มตัวจะเปลี่ยนสถานะ
เปนสถานะไอรอนยิ่งยวด (Superheated Vapor) เมื่อกระบวนการใหความรอนแบบความดันคงที่ยังคง
ดําเนิน ตอไปอีก ในขณะที่น้ําอยูในสถานะไอรอนยิ่ง ยวดจะทําใหอุณหภูมิและปริมาตรของน้ํามีแ นวโน ม
เพิ่มขึ้น จากรูปที่ 2.4 แสดงน้ําภายใตกระบวนการใหความรอนความดันคงที่จากสภาวะเริ่มตน (สภาวะที่
3) สถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัวเปนสถานะไออิ่มตัว (สภาวะที่ 4) และเปนสภาวะสุดทาย (สภาวะ
ที่ 5) สถานะไอรอนยิ่งยวด ตามลําดับ
62 เทอรโมไดนามิกส
จากสถานะของผสมของเหลวเปนไออิ่มตัวเปนสถานะไออิ่มตัว
และเปนสถานะไอรอนยิง่ ยวด
2.5 อุณหภูมิอิ่มตัวและความดันอิ่มตัว
ภายใตกระบวนการความดันคงที่ 1 atm
อุณหภูมิที่ทําใหสารบริสุทธิ์เริ่มเดือดหรือเริ่มระเหยกลายเปนไอภายใตความดันที่พิจารณาเรียกวา
อุณหภูมิอิ่มตัว (Saturation Temperature) เชน น้ําที่ความดัน 100 kPa มีอุณหภูมิอิ่มตัวเทากับ 99.63 ๐C
น้ําที่ความดัน 50 kPa มีอุณหภูมิอิ่มตัวเทากับ 81.33 ๐C และ น้ําที่ความดัน 200 kPa มีอุณหภูมิอิ่มตัว
เทากับ 120.23 ๐C เปนตน อุณหภูมิอิ่มตัวของน้ําภายใตความดันตางๆ แสดงในตาราง A-5
ในทํานองเดียวกันความดันที่ทําใหสารบริสุทธิ์เริ่มเดือดหรือเริ่มระเหยภายใตอุณหภูมิที่พิจารณา
เรียกวา ความดัน อิ่มตัว (Saturation Pressure) เชน น้ําที่อุณ หภูมิ 100๐ C จะมีความดัน อิ่มตัวเทากับ
64 เทอรโมไดนามิกส
101.33 kPa น้ําที่อุณหภูมิ 80๐C มีความดันอิ่มตัวเทากับ 47.39 kPa และ น้ําที่อุณหภูมิ120๐C จะมีความ
ดันอิ่มตัวเทากับ 198.53 kPa เปนตน ความดันอิ่มตัวของน้ําภายใตอุณหภูมิตางๆ แสดงในตาราง A-4
โดยที่
การใหความรอนที่ความดันคงที่แกสารบริสุทธิ์ ใ นสถานะของเหลวอัดตัวภายใตความดันสูงกวา
ความดันวิกฤติ (P > Pcr) ปริมาตรจําเพาะของสารมีแนวโนมเพิ่มขึ้น แตไมสามารถบงชี้เขตของการเปลี่ยน
สถานะจากสถานะของเหลวอัดตัวเปนไอรอนยิ่งยวดไดอยางชัดเจน อยางไรก็ตามในทางปฏิบัติจะยอมรับ
วาถาอุณหภูมิของสารบริสุทธิ์สูงกวาอุณหภูมิวิกฤติ (T > Tcr) ถือไดวามีสถานะเปนไอรอนยิ่งยวด และถา
อุณหภูมิของสารบริสุทธิ์ต่ํากวาอุณหภูมิวิกฤติ (T < Tcr) เปนสถานะของเหลวอัดตัว
การใหความรอนที่ความดันคงที่แกสารบริสุทธิ์ในสถานะของเหลวอัดตัวภายใตความดันที่ต่ํากวา
ความดันวิกฤติ (P< Pcr) อุณหภูมิและปริมาตรจําเพาะของสารบริสุทธิ์มีแนวโนมเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเริ่มเดือด
66 เทอรโมไดนามิกส
หรือเริ่มมีสารบริสุทธิ์บางสวนกลายเปนไออิ่มตัวสารบริสุทธิ์เหลานั้นจะอยูในสถานะของเหลวอิ่มตัว เมื่อ
กระบวนการดําเนินตอไปอยางตอเนื่องจะพบวาสารบริสุทธิ์มีการระเหยของไออิ่มตัวอยางตอเนื่องทําให
สารบริสุทธิ์ใ นสวนที่มีสถานะเปน ของเหลวอิ่มตัวมีปริมาณลดลงโดยอุณ หภูมิของสารบริสุทธิ์คงที่แ ต
ปริมาตรจําเพาะมีแนวโนมเพิ่มขึ้นอยางตอเนื่อง สารบริสุทธิ์มีสถานะเปนของผสมของเหลวและไออิ่มตัว
หากกระบวนการยังคงดําเนินตอไปอีกจะพบวาสารบริสุทธิ์ในสวนที่มีสถานะเปนของเหลวอิ่มตัวจะระเหย
กลายเปนไออิ่มตัวจนหมดทําใหสารบริสุทธิ์ทั้งหมดอยูในสถานะไออิ่มตัว เมื่อสารบริสุทธิ์ไดรับความรอน
แบบความดันคงที่ตอไปอีกจะทําใหสารบริสทุ ธิ์มีสถานะเปนไอรอนยิ่งยวดโดยอุณหภูมิและปริมาตรจําเพาะ
ของสารบริสุทธิ์มีแนวโนมสูงขึ้น จะเห็นไดวาหากสารบริสุทธิ์มีความดันต่ํากวาความดันวิกฤติ ขอบเขตของ
สถานะของสารบริสุทธิ์ซึ่งประกอบดวย สถานะของเหลวอัดตัว สถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัว และ
สถานะไอรอนยิ่งยวด จะปรากฏใหเห็นอยางชัดเจนตามปรากฏการณการเปลี่ยนสถานะภายใตความดัน
คงที่ดังที่ตามที่ไดกลาวขางตน
1
ี่ > P
คงท
P2 =
ี่
คงท
Tsat @ P2
P1 =
ัว
อิ่มต
เสน
Tsat @ P1
ว
ไออ
เหล
ิ่มตัว
ของ
เสน
---------------------------------------------------------------------------
ก. ความดัน 20 kPa
ข. ความดัน 75 kPa
ค. ความดัน 125 kPa
ง. ความดัน 150 kPa
จ. ความดัน 200 kPa
วิธีทํา
คําตอบขอ ก ข ค ง จ
ความดัน kPa 20 75 125 150 200
๐
อุณหภูมิอมิ่ ตัว C 60.06 91.76 105.97 111.35 120.21
ตอบ
68 เทอรโมไดนามิกส
จากผลลัพธทั้งหมดพบวาเมื่อน้ํามีความดันสูงขึ้นทําใหอุณหภูมิอิ่มตัวของน้ําสูงขึ้นดวยหรืออาจ
กลาวไดวาน้ําจะเดือดที่อุณหภูมิสูงขึ้นหากน้ํามีความดัน สูงขึ้น กลาวคือ Tsat f(P) หรืออาจพิจ ารณา
ในทางกลับกันไดวา น้ําภายใตอุณหภูมิ 60.06๐C 91.76๐C 105.97๐C 111.35๐C และ 120.21๐C จะเดือดที่
ความดัน 20kPa 75kPa 125kPa 150kPa และ 200kPa ตามลําดับ
---------------------------------------------------------------------------
ก. อุณหภูมิ 60๐C
ข. อุณหภูมิ 90๐C
ค. อุณหภูมิ 105๐C
ง. อุณหภูมิ 110๐C
จ. อุณหภูมิ 120๐C
วิธีทํา
คําตอบขอ ก ข ค ง จ
๐
อุณหภูมิ C 60 90 105 110 120
ความดันอิ่มตัว kPa 19.947 70.183 120.9 143.38 198.67
ตอบ
จากผลลัพธทั้งหมดสามารถกลาวไดวาน้ําที่อุณหภูมิสูงจะมีความดันอิ่มตัวสูงขึ้นดวยซึ่งแสดงให
เห็น วา Psat f (T ) ซึ่ง แสดงวาน้ําที่ อุณ หภูมิสูง ขึ้น จะเดือดที่ค วามดัน สูง ขึ้น หรืออาจพิจ ารณาในทาง
กลับกันไดวา น้ําภายใตความดัน 19.947kPa 70.183kPa 120.9kPa 143.38kPa และ 198.67kPa จะเดือด
ที่อุณหภูมิ 60๐C 90๐C 105๐C 110๐C และ 120๐C ตามลําดับ
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 69
---------------------------------------------------------------------------
P3
P2 =
P1 =
T2 Tsat@P
1. สารอยูในสถานะของเหลวอัดตัว อุณหภูมิของสารนอยกวาอุณหภูมิอิ่มตัวของสารที่ความ
ดันเดียวกันเสมอ ตัวอยางเชน สภาวะที่ 1 รูปที่ 2.8 T1 Tsat @ P
2. สารอยูในสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัว อุณหภูมิของสารเทากับอุณหภูมิอิ่มตัวที่
ความดันเดียวกันเสมอ ตัวอยางเชน สภาวะที่ 2 ดังรูปที่ 2.8 T2 Tsat @P
3. สารอยูในสถานะของไอรอนยิ่งยวด อุณหภูมิของสารมากกวาอุณหภูมิอิ่มตัวของสารที่ความ
ดันเดียวกันเสมอ ตัวอยางเชน สภาวะที่ 3 ดังรูปที่ 2.8 T3 Tsat @P
70 เทอรโมไดนามิกส
---------------------------------------------------------------------------
วิธีทํา
ก. พิจารณา T = 20๐C P = 100 kPa จากตาราง A-5 ที่ความดัน 100 kPa อุณหภูมิอิ่มตัวคือ
Tsat @ P 100kPa 99.63 o C วิเคราะหสถานะบนแผนภูมิ T-v ไดดังนี้
ข. พิจารณา T = 150๐C P = 200 kPa จากตาราง A-5 ที่ความดัน 200 kPa อุณหภูมิอิ่มตัวคือ
Tsat @ P 200kPa 120.23 o C วิเคราะหสถานะบนแผนภูมิ T-v ไดดังนี้
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 71
ค. พิจารณา T = 124๐C P = 225 kPa จากตาราง A-5 ที่ความดัน 225 kPa อุณหภูมิอิ่มตัวคือ
Tsat @ P 225kPa 124 o C วิเคราะหสถานะบนแผนภูมิ T-v ไดดังนี้
ง. พิจารณา T = 110๐C P = 200 kPa จากตาราง A-5 ที่ความดัน 200 kPa อุณหภูมิอิ่มตัวคือ
Tsat @ P 200kPa 120.23 o C วิเคราะหสถานะบนแผนภูมิ T-v ไดดังนี้
72 เทอรโมไดนามิกส
---------------------------------------------------------------------------
1. สารอยูในสถานะของเหลวอัดตัว ปริมาตรจําเพาะของสารนอยกวาปริมาตรจําเพาะของสาร
ในสถานะของเหลวอิ่มตัวที่ความดันเดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 1 ดังรูปที่ 2.8 v1 <vf
2. สารมี สถานะของผสมของเหลวและไออิ่ ม ตัว ปริม าตรจํา เพาะของสารมีค า มากกว า
ปริมาตรจําเพาะของสารในสถานะของเหลวอิ่มตัวแตนอยกวา ปริมาตรจําเพาะของสารใน
สถานะไออิ่มตัวที่ความดันเดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 2 ดังรูปที่ 2.8 vf < v2 < vg
3. สารอยูในสถานะไอรอนยิ่งยวด ปริมาตรจําเพาะของสารมากกวาปริมาตรจําเพาะของสาร
ในสถานะไออิ่มตัวที่ความดันเดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 3 ดังรูปที่ 2.8 v3 > vg
---------------------------------------------------------------------------
ก. พิจารณาที่ P=200 kPa v = 0.0001 m3/kg ที่ความดันที่ P=200 kPa เห็นไดวา v < vf
ดังนั้นน้ํามีสถานะเปนของเหลวอัดตัว ตอบ ก
ข. พิจารณาที่ P=200 kPa v = 0.5 m3/kg ที่ความดันที่ P=200 kPa เห็นไดวา vf < v < vg
ดังนั้นน้ํามีสถานะเปนของผสมของเหลวและไออิ่มตัว ตอบ ข
ค. พิจารณาที่ P=200 kPa v = 1.0 m3/kg ที่ความดันที่ P=200 kPa เห็นไดวา v > vg ดังนั้นน้ํา
มีสถานะเปนไอรอนยิ่งยวด ตอบ ค
---------------------------------------------------------------------------
2.7 แผนภูมิความดันและปริมาตรจําเพาะของสารบริสุทธิ์
P vs v
T = คงที่
ภายใตกระบวนการอุณหภูมิคงที่
1. สารอยูในสถานะของเหลวอัดตัว เมื่อความดันของสารลดลงปริมาตรจําเพาะของสารจะมี
แนวโนมเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเขาสูสถานะของเหลวอิ่มตัว
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 75
ผลที่ไดจากการทดลองดังกลาวทําใหไดความสัมพันธระหวางความดันและปริมาตรจําเพาะของ
สารภายใตอุณหภูมิคงที่ตางๆ ซึ่งจะทําใหเกิดแผนภูมิ P-v ดังรูปที่ 2.10 จากรูปแสดงใหเห็นวาบนแผนภูมิ
P-v เสนอุณหภูมิคงที่ที่มีคาสูง (เสนอุณหภูมิคงที่ T2) จะวางตัวอยูเหนือเสน อุณหภูมิคงที่ที่มีคาต่ํากวา
(เสนอุณหภูมิคงที่ T1) เสมอ รูปแบบและการวางตัวของเสนอุณหภูมิคงที่ดังรูปที่ 2.10 แสดงใหเห็นวาความ
ดั น อิ่ ม ตั ว ภายใต อุ ณ หภู มิ สู ง จะมี ค า สู ง กว า ความดั น อิ่ ม ตั ว ภายใต อุ ณ หภู มิ ที่ ต่ํ า กว า เสมอ กล า วคื อ
Psat @ T2 Psat @ T1
1. สารอยูในสถานะของเหลวอัดตัว ความดันของสารมีคามากกวาความดันอิ่มตัวของ
สารนั้นที่อุณหภูมิเดียวกัน P Psat @ T ตัวอยางเชน สภาวะที่ 1 P1 Psat @ T แสดงดังรูป
ที่ 2.11
2. สารอยูใ นสถานะของผสมของเหลวและไออิ่ม ตัว ความดัน ของสารมีคา เทากับ
ความดัน อิ่มตัวของสารนั้นที่อุณหภูมิเดียวกัน P Psat @ T ตัวอยางเชน สภาวะที่ 2
P2 Psat @ T แสดงดังรูปที่ 2.11
3. สารอยูในสถานะไอรอนยิ่งยวด ความดันของสารมีคานอยกวาความดันอิ่มตัวของ
สารนั้นที่อุณหภูมิเดียวกัน P Psat @ T ตัวอยางเชน สภาวะที่ 3 P3 Psat @ T แสดงดังรูป
ที่ 2.11
76 เทอรโมไดนามิกส
---------------------------------------------------------------------------
วิธีทํา
ก. พิจารณา T = 20๐C P = 100 kPa จากตาราง A-4 Psat @ T 20 o C 2.339 kPa ดังนั้น
P
P = 100 kPa
Psat@T20o C 2.339kPa
T=
20 ๐
C
v
จะเห็นวาสภาวะที่พิจารณามีสถานะเปนของเหลวอัดตัว ตอบ ก
ข. พิจารณา T = 150๐C P = 200 kPa จากตาราง A-4 Psat @ T 150o C 475.8 kPa ดังนั้น
P
v
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 77
จะเห็นวาสภาวะที่พิจารณามีสถานะเปนไอรอนยิ่งยวด ตอบ ข
จากสมการขางตนจะได y = 225.385 ดังนั้น Psat @ T 124 C 225 kPa จากแผนภูมิ P-v จะได
o
78 เทอรโมไดนามิกส
จะเห็นวาสภาวะที่พิจารณามีสถานะเปนของผสมของเหลวและไออิ่มตัว ตอบ ค
ง. พิจารณา T = 110๐C P = 200 kPa จากตาราง A-4 Psat @ T 110 C 143.27 kPa ดังนั้น
o
จะเห็นวาสภาวะที่พิจารณามีสถานะเปนของเหลวอัดตัว ตอบ ง
ในการบงชี้สถานะของสารเมื่อทราบอุณ หภูมิแ ละความดัน อาจใชแผนภูมิ P-v ในการ
วิเคราะหสถานะดัง แสดงในตัวอยางนี้ หรือใชแผนภูมิ T-v ในการวิเคราะหส ถานะดังเชน
ตัวอยางที่ 2.1 ก็ส ามารถทําไดเชน เดียวกัน เมื่อศึก ษาตัวอยางนี้จ นเขาใจแลวควรกลับไป
ทบทวนความเขาใจในตัวอยางที่ 2.1 อีกครั้งจะทําใหผูศึกษามีความเขาใจมากยิ่งขึ้น
จาก ขอยอย ค จะเห็น ไดวาคุณ สมบัติที่ใ ชอางอิง สําหรับการพิจารณามีคาอยูร ะหวาง
ขอมูลที่แ สดงในตาราง จากตัวอยางนี้ไดแ สดงการประมาณคาคุณ สมบัติดังกลาวดวยการ
สมมติฐานใหความสัมพันธระหวางชวงของขอมูลในตารางมีความสัมพันธเปนเสนตรง ซึ่งทําให
ความชันของความสัมพันธตลอดทั้งชวงของขอมูลที่พิจารณาคงที่ จึงทําใหสามารถวิเคราะห
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 79
---------------------------------------------------------------------------
1. สารอยูในสถานะของเหลวอัดตัว ปริมาตรจําเพาะของสารนอยกวาปริมาตรจําเพาะของสาร
ในสถานะของเหลวอิ่มตัวที่อุณหภูมเิ ดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 1 ดังรูปที่ 2.11 v1 < vf
2. สารมีสถานะของผสมของเหลวและไออิ่ม ตัว ปริมาตรจําเพาะของสารจะมีคาระหวาง
ปริมาตรจําเพาะของสารในสถานะของเหลวอิ่มตัวและปริมาตรจําเพาะของสารในสถานะไอ
อิ่มตัวที่อุณหภูมเิ ดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 2 ดังรูปที่ 2.11 vf < v2 < vg
3. สารอยูในสถานะไอรอนยิ่งยวด ปริมาตรจําเพาะของสารมากกวาปริมาตรจําเพาะของสาร
ในสภาวะไออิ่มตัวที่อุณหภูมเิ ดียวกัน ตัวอยางเชน สภาวะที่ 3 ดังรูปที่ 2.11 v3 > vg
P2 Psat@T
---------------------------------------------------------------------------
ก. v = 0.00100 m3/kg
ข. v = 10 m3/kg
ค. v = 60 m3/kg
วิธีทํา
---------------------------------------------------------------------------
หากจําแนกสารบริสุทธิ์ตามการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของสารเมื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน
ของแข็งจะจําแนกไดเปน 2 ประเภทคือ
1. สารบริสุทธิ์ที่เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเปนของเหลวแลวหดตัวหรือมีปริมาตรลดลง ถือไดวา
เปนพฤติกรรมของสารบริสุทธิ์สวนใหญ แผนภูมิ P-v ในมุมมอง 2 มิติ แสดงเขตของสถานะตางๆ ของสาร
บริสุทธิ์ประเภทนี้แสดงดัง รูปที่ 2.12
เขตของผสมของแข็งและของเหลว
เขตของเหลวอัดตัว
เขตของแข็ง
เขตของผสมของแข็งและของเหลว
เขตของเหลวอัดตัว
เขตของแข็ง
อยางไรก็ตามเมื่อวิเคราะหสภาวะของสารหรือวิเคราะหกระบวนการทางเทอรโมไดนามิกสมักนิยม
ใชแผนภูมิแบบมุมมอง 2 มิติ เชน แผนภูมิ P-v หรือ แผนภูมิ T-v เนื่องจากการใชคุณสมบัติที่ไมขึ้นกับ
ขนาดและเปนคุณสมบัติที่ไมขึ้นตอกัน 2 ชนิด มีความเพียงพอตอการระบุสภาวะทางเทอรโมไดนามิกสของ
สารไดอยางสมบูรณแลว
2.10 ตารางคุณสมบัติของสาร
ตารางในหนวย SI
ตารางในหนวยอังกฤษ
H U Wflow 2.2
H U FL
หากนําพื้นที่หนาตัดของสาร (A) หาร F และคูณกับ L ในสมการขางตนจะได
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 87
F
H U LxA
A
H U PV 2.3
โดยที่
h u Pv 2.4
โดยที่
2.12 การหาคุณสมบัติของสารในสถานะของเหลวอิ่มตัวและสถานะไออิ่มตัว
2.13 การหาคุณสมบัติของสารในสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัว
สารบริสุทธิ์ในสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัวจะประกอบดวย สารบางสวนที่อยูในสถานะ
ของเหลวอิ่ม ตัว และสารบางสว นอยู ใ นสถานะไออิ่ม ตัว ที่ ความดัน และอุณ หภู มิเ ดียวกัน ในการหา
คุณสมบัติของสารในสถานะนี้จําเปนที่จะตองทราบถึงอัตราสวนระหวางมวลของสารในสวนที่เปนไออิ่มตัว
และมวลทั้งหมดของสารที่พิจารณานั้น อัตราสวนดังกลาวเรียกวา คาคุณภาพ (Quality) กลาวคือ
m vapor
x 2.5
m total
โดยที่
X แทน คาคุณภาพ
90 เทอรโมไดนามิกส
มวลของสารในสถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัวทั้งหมดประกอบดวยมวลของสารในสวนที่มี
สถานะเปนไออิ่มตัวและมวลของสารในสวนที่มีสถานะเปนของเหลวอิ่มตัว หากแทนมวลของสารในสวนที่
เปนไออิ่มตัวดวย mg มวลของสารในสวนที่เปนของเหลวอิ่มตัว แทนดวย mf และมวลทั้งหมดของสารใน
สถานะของผสมของเหลวและไออิ่มตัวแทนดวย m ดังนั้น m total m m vapor m liquid m g m f
V Vf Vg
mv m f v f m g v g
แต m f m m g ดังนั้น
mv (m m g )v f m g v g
m m
v 1 g v f g v g
m m
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 91
u u f xu fg 2.7
h h f xh fg 2.8
---------------------------------------------------------------------------
ก. ความดันของน้ําภายในแท็งก
ข. ปริมาตรของแท็งก
ค. พลังงานภายในของน้ําในแท็งก
ง. เอนทาลปของน้ําในแท็งก
วิธีทํา
Psat @ T 90 o
C 70.14 kPa
คาคุณภาพของน้ําคือ
mg 2
x 0 .2
m 10
จากตาราง A-4 น้ําอุณหภูมิ 90๐C ได Psat @ T 90 C = 70.14 kPa vf = 0.001036 m3/kg vg=2.361
o
m3/kg uf =376.85 kJ/kg ug=2494.5 kJ/kg hf=376.92 kJ/kg และ hg=2660.1 kJ/kg ดังนั้นเนื่องจากน้ํามี
สถานะเปนของผสมของเหลวและไออิ่มตัวดังนั้น ความดันของน้ํา คือ
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 93
ขอใหสังเกตุความสัมพันธระหวางเอนทาลปและพลังงานภายในตามดังที่แสดงในสมการที่ 2.3
กลาวคือ H = U + PV ดังนั้น H = 8003.8 + 70.14x4.73 = 8335.56 kJ ซึ่งเห็นไดวาการวิเคราะหเอนทาล
ปจากสมการที่ 2.3 และการหาเอนทาลปโดยการใชตารางคาที่ไดจะไมแตกตางกัน
---------------------------------------------------------------------------
94 เทอรโมไดนามิกส
2.14 การหาคุณสมบัติของสารในสถานะไอรอนยิ่งยวด
อุณหภูมิและความดันของสารบริสุทธิ์ในสถานะไอรอนยิ่งยวดเปนคุณสมบัติที่ไมขึ้นตอกันและทั้ง
สองเปนคุณสมบัติที่ไมขึ้นกับขนาด ดังนั้นอุณหภูมิและความดันสามารถใชในการระบุสภาวะของสารใน
สถานะไอรอนยิ่งยวดได ตลอดจนใชอางอิงในการหาคุณสมบัติอื่นๆ ไดเชนกัน ตาราง A-6 แสดงคุณสมบัติ
ของน้ําในสถานะไอรอนยิ่งยวดที่อุณหภูมิตางๆ ในแตละคาความดัน โดยเริ่มตั้ง แตคุณสมบัติของน้ําใน
สถานะไออิ่มตัวที่ความดันนั้นๆ
---------------------------------------------------------------------------
ก. P = 1 MPa T = 250 ๐C
ข. P = 1.1 MPa T = 300 ๐C
ค. T = 300 ๐C h = 3000 kJ/kg
วิธีทํา
ข. พิจารณาน้ําสภาวะ P = 1.1 MPa T = 300 ๐C จากตาราง A-4 Psat @ T 300 C 8.581 MPa ๐
T = 300๐C
Psat @ T 300 o
C 8 .581 MPa
P = 1.1 MPa
v v
v m3/kg
น้ําที่ T = 300 ๐C
P (MPa) v (m3/kg) 0.2579
1 0.2579
y
1.1 y
1.2 0.2138
0.2138
จากตาราง A-6 น้ําที่อุณหภูมิ 300 ๐C ความดัน 1.1 MPa อยูระหวางความดัน 1 MPa และ 1.2
MPa ดังนั้นการหาปริมาตรจําเพาะที่ความดัน 1.1 MPa จะตองใชวิธีการประมาณเชิงเสนตรง โดยความชัน
ของเสนตรงดังรูปคือ
0.2138 0.2579 y 0.2138
ความชัน
1.2 1.0 1.1 1.2
y = 0.2358
น้ําที่ T = 300๐C
h (kJ/kg) v (m3/kg)
3008.8 0.09890
3000.0 y
2993.5 0.08114
---------------------------------------------------------------------------
วิธีทํา
ตามลําดับ จากตาราง A-4 ที่อุณหภูมิ 200๐C จะได v1 = 0.12736 m3/kg และ P1 = 1.5538 MPa
เนื่องจากน้ําในสภาวะเริ่มตนมีสถานะเปนไออิ่มตัว ดังนั้นปริมาตรของน้ําจึงเทากับปริมาตรของ
แท็งกคือ
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 97
Vtan k
v v1 v 2 0.12736 m3/kg
m
ดังนั้นในสภาวะหลังจากไดรับความรอนแลว (สภาวะที่ 2) T2 = 250๐C และ v2 = 0.12736 m3/kg
จากตาราง A-4 ที่อุณหภูมิ 250๐C จะได vf = 0.001251 m3/kg vg = 0.05013 m3/kg เห็นไดวา v2 > vg
ดังนั้นน้ําในสภาวะที่ 2 มีสถานะเปนไอรอนยิ่งยวด
น้ําที่ T = 250 ๐C
v (m3/kg) P (MPa)
0.14184 1.6
0.12736 y
0.12497 1.8
---------------------------------------------------------------------------
วิธีทํา
พิจารณาภายในกระบอกสูบเปนระบบจะเห็นวาเปนระบบปด แสดงวาน้ําภายในกระบอกสูบมีมวล
คงที่ (m = m1 = m2) สมมติฐานใหลูกสูบเปนลูกสูบอิสระคือไมมีแรงตานการเคลื่อนที่ของลูกสูบและลูกสูบ
ไมมีน้ําหนัก ดังนั้นลูกสูบจะเคลื่อนที่โดยการขยายตัวของปริมาตรของน้ําในขณะไดรับความรอนแบบความ
ดันคงที่ (P = P1 = P2)
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 99
น้ําที่ T = 250๐C
P (MPa) v (m3/kg)
1.4 0.16350
1.55380 y
1.6 0.14184
V2 mv 2 10x0.14684 1.4684 m3
จากปรากฏการณในตัวอยางนี้ทําใหระบบมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรแบบความดันคงที่ (P = P1 =
P2) จากสภาวะเริ่มตนมีปริมาตร V1 =mv1 =10 x 0.12736 = 1.2736 m3 เปน V2 = 1.4684 m3 ดังนั้นระบบ
2 2
จะใหง านเนื่องจากขอบเขตแกสิ่ง แวดลอม คือ Wb PdV P dV P( V2 V1 ) = 1553.8 kPa x
1 1
3
(1.4684-1.2736) m = 1553.6 kJ
---------------------------------------------------------------------------
2.15 การหาคุณสมบัติของสารในสถานะของเหลวอัดตัว
เนื่องจากความดันมีอิทธิพลตอคุณสมบัติของสารในสถานะของเหลวอัดตัวนอยมากเมื่อเทียบกับ
อุณหภูมิ ดังนั้นโดยทั่วไปจึงอนุโลมใหประมาณคุณสมบัติของของเหลวอัดตัวเทากับคุณสมบัตขิ องของเหลว
อิ่มตัวที่อุณหภูมิเดียวกัน ดังนั้น
y yf@T 2.9
โดยที่
h h f @ T v f (P Psat ) 2.10
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 101
โดยที่
vf แทน ปริมาตรจําเพาะของของเหลวอิ่มตัวที่อุณหภูมิเดียวกัน
P แทน ความดันของสาร
hf แทน เอนทาลปจําเพาะของของเหลวอิ่มตัวที่อุณหภูมิเดียวกัน
---------------------------------------------------------------------------
วิธีทํา
จากตาราง A-7 น้ําที่ T = 80๐C และ P = 5 MPa จะได u = 333.72 kJ/kg ตอบ ก
ประมาณโดยพิจารณาใหพลังงานภายในของของเหลวอัดตัวเทากับ พลังงานภายในของของเหลว
อิ่มตัวที่อุณหภูมิเดียวกัน กลาวคือ
u u f @ T 80๐ C
u f @ T 80 o C 334.86 kJ / kg
102 เทอรโมไดนามิกส
---------------------------------------------------------------------------
การหาคุณสมบัติจริงของแก็สชนิดตางๆ สามารถหาไดจากตารางหรือแผนภูมิของคุณสมบัติของ
แก็สนั้นๆ อาทิเชนการหาคุณสมบัติจริงของน้ํา ในสถานะไอหาไดจากตาราง A-6 เปนตน อยางไรก็ตาม
บอ ยครั้ ง ที่ ก ารวิ เ คราะหคุ ณ สมบั ติ ข องสารมี ค วามจํ า เป น ที่ จ ะต อ งพิ จ ารณาคุ ณ สมบั ติต า งๆ ในรู ป
ความสัมพันธ เชน กรณีที่ขอมูลในตารางคุณสมบัติของแก็สชนิดนั้นๆ ไมครอบคลุมถึงสภาวะที่ตองการ
วิเคราะห หรือ กรณีตองการจําลองความสัมพันธของคุณสมบัติ ตางๆ ของแก็สเพื่อความสะดวกในการ
คํานวณ เปนตน ความเขาใจถึงความสัมพันธระหวางคุณสมบัติตางๆ ของแก็สจึงเปนเครื่องมือที่สําคัญ
สําหรับการแกปญหาในกรณีขางตน ในหัวขอนี้จะเนนหนักในการศึกษาความสัมพัน ธระหวางความดัน
อุณหภูมิ และ ปริมาตรจําเพาะของสารในสถานะไอดังที่จะกลาวถึงในอันดับตอไป
T
P R
v
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 103
หรือ Pv RT 2.11
โดยที่
แก็ส ใดๆ ที่มีความสัมพัน ธร ะหวาง ความดัน อุณ หภูมิ และ ปริมาตรจําเพาะ สอดคลองตาม
สมการสภาวะ (สมการที่ 2.11) จะเรียกแก็สนั้นวาแก็สอุดมคติ ดังนั้นจึงสามารถเรียกสมการที่ 2.11 วา
สมการสภาวะของแก็สอุดมคติ
Ru
R 2.12
M
โดยที่
PV mRT 2.13
PV NRu T 2.14
Pv actual
Z 2.16
RT
106 เทอรโมไดนามิกส
โดยที่
Z แทน แฟกเตอรสภาพอัดได
โดยที่
PR แทน ความดันลดของแก็ส
T
TR 2.19
Tcr
โดยที่
TR แทน อุณหภูมิลดของแก็ส
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 107
v actual
vR 2.20
RTcr / Pcr
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 109
โดยที่
vR แทน ปริมาตรจําเพาะลดเทียม
---------------------------------------------------------------------------
ตัวอยางที่ 2.12 อากาศภายในหองขนาด 4m x 5m x 6m มีความดัน 100 kPa และ อุณหภูมิ 25๐C จงหา
มวลของอากาศภายในหองนี้
วิธีทํา
ตาราง A-1 อากาศมีอุณหภูมิวิกฤติ Tcr = 132.5 K และ ความดันวิกฤติ Pcr = 3.77 MPa ดังนั้น
อากาศภายในหองที่ความดัน 100 kPa และ อุณหภูมิ 25๐C มี อุณหภูมิลดและความดันลดตามลําดับดังนี้
จะเห็น วา PR << 1 และ TR > 2 ดัง นั้น จึง ถือไดวาอากาศมีพฤติก รรมคลายแก็ส อุดมคติ
ความสัมพันธ P-v-T เปนไปตามสมการสภาวะของแก็สอุดมคติคือ Pv = RT จากตาราง A-1 สําหรับ
อากาศ R = 0.287 kJ/kg K ปริมาตรจําเพาะของอากาศคือ
RT 0.287x(25 273)
v 0.855 m3/kg
P 100
อากาศภายในหองมีปริมาตรเทากับปริมาตรหองดังนั้นปริมาตรของอากาศคือ V = 4x5x6 = 120
m3 สามารถหามวลของอากาศไดดังนี้
V 120
m 140.35 kg ตอบ
v 0.855
110 เทอรโมไดนามิกส
---------------------------------------------------------------------------
ตัวอยางที่ 2.13 แก็สไนโตรเจน N2 มวล 2 kg ความดัน 100 kPa อุณหภูมิ 300 K ภายในกระบอกสูบ เมื่อ
ถูกอัดตัวโดยมีความสัมพันธ PV1.4 = คงที่ จนกระทั่งมีอุณหภูมิ 360K จงหางานของกระบวนการนี้
วิธีทํา
ตาราง A-1 แก็ส N2 มี Pcr = 3.39 MPa และ Tcr = 126.2 K ดังนั้นถาพิจารณาในสภาวะที่ 1
V1 1.781 m3
V2 1.1297 m3
112 เทอรโมไดนามิกส
1 1
Wb 560.87
V 0.4 V 0.4
2 1
1 1
Wb 560.87
1.1297 0.4 1.7810.4
Wb 88.92 kJ
กระบวนการอัดและขยายตัวของแก็สในกระบอกสูบโดยทั่วไปจะมีความสัมพันธระหวางความดัน
และปริมาตรในรูปกระบวนการโพลีโทรปก PVn = คงที่ ดังที่กลาวไวในบทที่ 1 ซึ่งสอดคลองตอขอกําหนด
ของตัวอยางนี้
---------------------------------------------------------------------------
2.17 สมการสภาวะอื่นๆ
สมการสภาวะของ Van der Waals สมการสภาวะของ Van der Waals ไดถูกเผยแพรในป ค.ศ.
1873 ดังสมการตอไปนี้
P a v b RT 2.21
v2
โดยที่
27R 2 Tcr 2 RT
a , b cr
64Pcr 8Pcr
สมการนี้ไดมาจากการปรับปรุงสมการสภาวะของแก็สอุดมคติโดยไดพิจารณาปจจัย 2 ปจจัยที่
สมการสภาวะของแก็สอุดมคติไมไดพิจารณาคือ
RuT c A
P 1 v B 2.22
v 2 vT 3 v2
a b
เมื่อ A A 0 1 และ B B 0 1
v v
โดยที่
แก็ส A0 a B0 b c
อากาศ - 131.84410 0.01931 0.04611 -0.001101 43,400
อารกอน Ar 130.78020 0.02328 0.03931 0.0 59,900
คารบอนไดออกไซด CO2 507.28360 0.07132 0.10476 0.07235 660,000
ฮีเลียม He 2.18860 0.05984 0.01400 0.0 40
ไฮโดนเจน H2 20.01170 -0.00506 0.02096 -0.04359 504
ไนโตรเจน N2 136.23150 0.02617 0.05046 -0.00691 42,000
ออกซิเจน O2 151.08570 0.02562 0.04624 0.004208 48,000
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 115
Ru T C 1 bR T a
P B0Ru T A 0 20 2 u 3
v T v v
2.23
a c
6 3 2 1 2 e / v
2
v vT v
ตารางที่ 2.2 คาคงที่ของสมการสภาวะของ Benedict-Webb-Rubin
แก็ส a A0 b B0 c C0
---------------------------------------------------------------------------
ก. สมการสภาวะของแก็สอุดมคติ
ข. สมการสภาวะของ Van der Waals
ค. สมการสภาวะของ Beattie-Bridgeman
ง. สมการสภาวะของ Benedict-Webb-Rubin
116 เทอรโมไดนามิกส
วิธีทํา
จากตาราง A-1 M = 28.013 kg/kmole R = 0.2968 kJ/Kg K Tcr = 126.2 K Pcr = 3.39 MPa และ
vcr = 0.0899 m3/kmole สําหรับ N2
b 0.00691
B B 0 1 0.05046 1 0.05378
v 0.10505
บทที่ 2 คุณสมบัติของสารบริสุทธิ์ 117
Ru T c A
P 1 v B
v 2 vT 3 v2
8.31447 x175 42000 102.29
1 0.10505 0.05378
0.10505 2 0.10505x175 3 0.10505 2
P = (131,850)(0.9254)(0.15883)-9269.175
P = 10,110.3 kPa ตอบ ค
ง. หาความดันของ N2 ดวย สมการสภาวะของ Benedict-Webb-Rubin ไดดังนี้
จากตารางที่ 2.2 สําหรับ N2 จะได
a = 2.54 A0 = 106.73
b = 0.002328 B0 = 0.04074
c = 7.379x104 C0 = 8.164x105
= 1.272x10-4 = 0.0053
RuT C 1 bR u T a
P B 0 R u T A 0 20 2
v T v v3
a c
6 3 2 1 2 e / v
2
v vT v
หากนําผลลัพธในกรณีตัวอยางนี้ไปเทียบกับความดันจริงของ N2 ภายใตสภาวะที่กําหนด
จะพบวา สมการสภาวะที่มี ความคลาดเคลื่อ นมากที่สุ ด จนถึง น อยที่สุด เรียงตามลําดับได
ดังตอไปนี้ สมการสภาวะของแก็สอุดมคติ สมการสภาวะของ Van der Waals สมการสภาวะ
ของ Beattie-Bridgeman และ สมการสภาวะของ Benedict-Webb-Rubin และมีเปอรเซ็น ต
ความคลาดเคลื่อน 38.6% 5.4% 1.1% และ 0.09% ตามลําดับ
---------------------------------------------------------------------------
118 เทอรโมไดนามิกส
แบบฝกหัดทายบทที่ 2
ขอที่ 2. จงหาคุณสมบัติของน้ําในตารางตอไปนี้ใหครบถวน
7.1 สมการสภาวะของแก็สอุดมคติ
7.2 แผนภูมิสภาพอัดตัวไดทั่วไป
7.3 ตารางไอน้ํา
8.1 สมการสภาวะของแก็สอุดมคติ
120 เทอรโมไดนามิกส