Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 6

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 302 เสียวหั่วเยี่ยน

ตอนที่ 302 เสียวหั่วเยี่ยน

ตอนที่ 302 เสียวหั่วเยี่ยน

ยิ่งฉู่หมิงมองไปที่ซูเถามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งดูถูกซูเถาและรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

เหลยสิงชอบผู้หญิงบ้าน ๆ จริง ๆ เหรอ เพราะงั้นเขาเลยไม่สนใจตัวเองเนี่ยนะ?

เธอจึงหันไปหาเติ้งจื่อฉิงและพูดว่า

“ฉิงฉิง เธอมีความคิดที่รอบคอบที่สุด ขอไอเดียที่จะเล่นงานเธอคนนั้นในที่ประชุมหน่อย


แต่อย่าเอาถึงชีวิตนะ แต่จะทำยังไงก็ได้ให้เธออับอายขายหน้า”

เติ้งจื่อฉิงแอบไม่พอใจ ทำไมเธอต้องเป็นคนที่คิดรอบคอบมากที่สุด มันยากมากหรือไงที่


จะยอมรับว่าเธอเป็นคนฉลาด

ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฉู่ที่อยู่เบื้องหลัง เติ้งจื่อฉิงอยากจะจัดการผู้หญิงที่อหังการอย่างฉู่ห
มิงคนนี้ที่พูดจาไม่น่าฟัง

แต่ต่อหน้าเธอ จื่อฉิงกลับตอบกลับอย่างใจดี เธอกลอกตาแล้วยิ้มทันที

“เรื่องนี้ฉันคงต้องขอความคิดเห็นจากคุณนายเจียวแล้วล่ะ”

เจียวชิ่งเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ก็แค่หญิงกะโปโลคนเดียวต้องให้ฉันเป็นคนลงมือหรือไง”

ฉู่หมิงสนใจมาก เธอจึงขอให้เติ้งจื่อฉิงเป็นคนช่วยจัดการเรื่องนี้

แต่ก็ต้องรู้ว่าความสามารถเหนือธรรมชาติของเจียวชิ่งคือ ‘หลงใหล’ ซึ่งเป็นพลังทางจิต


ชนิดหนึ่ง มันไม่อันตรายและไม่ร้ายแรงขนาดนั้น แต่มันสามารถทำให้คนสองคนที่ไม่มี
ความรู้สึกต่อกัน สามารถหลงใหลกันและกันได้ โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม และสามารถ
ทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมได้
เติ้งจื่อฉิงถามฉู่หมิงกลับไปว่า “นายหญิงฉู่ อยากให้เธอมีวันเวลาดี ๆ ร่วมกับใคร”

ฉู่หมิงเม้มริมฝีปาก “ใครก็ได้ที่เหมาะสม ทางที่ดีก็เอาคนที่แก่ชราและอัปลักษณ์”

เติ้งจื่อฉิงหัวเราะ และชี้ไปที่ชายชราที่อยู่ไม่ไกล ที่กำลังแทะโลมเจ้าหน้าที่หญิง

“ผู้อาวุโสข่งจากฐานอวี๋จินก็ไม่เลวเลย เขาเป็นชายเจ้าสำราญ เขามีผู้หญิงอยู่นอกบ้าน


ไม่น้อย และที่บ้านก็มีภรรยาถึงสี่คน เขาคงไม่ปฏิเสธที่จะแต่งภรรยาคนที่ห้าเข้าบ้าน”

“อีกอย่าง เธออยากจะให้กัปตันเหลยได้เห็น…”

ฉู่หมิงมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เธอนี่เป็นคนช่างคิดจริง ๆ เรามาร่วมมือกันเถอะ


คุณเจียว คุณช่วยฉันได้ และฉันสัญญาว่าจะให้คุณเลือกผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติจากทีม
ของฉันได้หนึ่งคน”

ในช่วงปีนี้ พวกเสบียง ผลึกนิวเคลียส และพลังวิเศษเป็นสิ่งที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด

เจียวชิ่งพอใจกับสิ่งตอบแทนมาก “ไม่มีปัญหา พวกเธอวางแผนเสร็จแล้วก็บอกฉันแล้ว


กัน”

……

เริ่นซินซุ่น นายกเทศมนตรีของฐานอู๋ไถก็เป็นคนเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง

ซูเถารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากพูดคุยกับเขา บุคคลนี้ถามว่ามีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเถา
หยางหรือเปล่า และเขายังเปิดเผยว่าเขาเต็มใจที่จะ ‘ร่วมมือ’ กับเถาหยาง

ในความเป็นจริง หากพวกเขาสื่อสารกันตามปกติและอธิบายความตั้งใจของพวกเขา
อย่างตรงไปตรงมา ซูเถาคงจะไม่มีความรู้สึกที่ไม่พอใจแบบนี้

เริ่นซินซุ่นค่อนข้างคะยั้นคะยอ

“เถ้าแก่ซู ตอนนี้เถาหยางต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่ง คุณมีเสบียงมากมาย มันก็เป็น


สมบัติไม่มากก็น้อยใช่ไหม ให้ผมพูดตรง ๆ แม้ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตง
หยาง แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง ฐานอู๋ไถของเราแข็งแกร่งกว่าตงหยางมาก และเมื่อ
ใดก็ตามที่เถาหยางมีปัญหา ตงหยางก็อาจช่วยคุณไม่ได้มากนัก”

ซูเถาถามอย่างใจเย็น “ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่นกยกเทศมนตรีเริ่นต้องการจะสื่อคืออะไรคะ?”

เริ่นซินซุ่นหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเถาหยางสามารถจัดหาเสบียงให้กับฐานอู๋ไถของเรา และ


อนุญาตให้ผู้คนจากทั้งสองแห่งได้มีสัมพันธมิตรกัน ใครรังแกคุณก็เหมือนรังแกอู๋ไถของ
เรา เราจะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน”

ซูเถาไม่ตอบ เธอคิดในใจและพบสิ่งผิดปกติ

เริ่นซินซุ่นต้องการให้เถาหยางจัดหาเสบียงให้กับฐานอู๋ไถเท่านั้น และอนุญาตให้ผู้คน
จากฐานอู๋ไถเข้ามาอาศัยอยู่ในเถาหยาง และหากเธอตกลง อู๋ไถจะไม่เพียงปกป้องเถา
หยางเท่านั้น แต่เถาหยางจะได้รับสิ่งตอบแทนอย่างงามอีกด้วย

แต่หากเธอไม่เห็นด้วย เมื่อมีคนต้องการใช้กำลังบังคับเถาหยาง อู๋ไถจะไม่เพียงยืนดู


เท่านั้น แต่อาจมีส่วนร่วมเพื่อโจมตีเถาหยาง

คุกคาม? ข่มขู่?

เขาคิดว่าจะพูดอะไรกับเธอก็ได้เพราะเห็นว่าเธอยังเด็กเหรอ!

ซูเถาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนี้ อู๋ไถเป็นสมาชิกระดับพรีเมี่ยมของเถาหยางของเรา หากคุณต้องการเสบียง คุณ


สามารถสื่อสารกับหัวหน้าหลินของเราได้ตลอดเวลา พวกเขาจะทำเรื่องการแจกจ่าย
เสบียงให้คุณเอง”

เริ่นซินซุ่นขมวดคิ้ว สงสัยว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่เข้าใจหรือเพียงแค่หลีกเลี่ยง
ประเด็นสำคัญและไม่ตอบ

สิ่งที่อู๋ไถต้องการคือการให้เถาหยางส่งเสบียงให้อู๋ไถเท่านั้น ไม่ได้อยากจะเป็นแค่สมาชิก
อะไรนั่น
ถ้าทางอู๋ไถได้รับการสนับสนุนในด้านเสบียงจากเถาหยางอย่างเต็มที่ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขา
อาจจะขึ้นมาแทนที่ฐานซินตูได้

สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้คือ ต้องการให้เถาหยางเป็นส่วนหนึ่งของฐานอู๋ไถ

ติงเหออวี้ทนไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงรีบออกหน้าเพื่อทำให้เหตุการณ์นั้นราบรื่นและ
ไม่อึมครึม

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ในอนาคตอู๋ไถและเถาหยางจะมีโอกาสสร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งยิ่ง
ขึ้นอย่างแน่นอน ไม่รีบไม่รีบ อย่างไรก็ตามนายกเริ่น อีกสักครู่คุณต้องขึ้นบรรยายใช่ไหม
ผมว่าคุณรีบไปเตรียมก่อนดีกว่า?”

เดิมทีเริ่นซินซุ่นต้องการโต้เถียงกับซูเถาต่อไป แต่เมื่อเห็นเวลา เขาไม่มีทางเลือกอื่น


นอกจากต้องปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน

“เถ้าแก่ซู ไว้พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังนะ”

รอยยิ้มของซูเถายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเมื่อเขาจากไป ใบหน้าของเธอก็แสดงความ


โล่งใจออกมาทันที เธอหันไปถามติงเหออวี้อย่างใจเย็น

“ฐานอู๋ไถของพวกคุณต้องการผูกขาดเหรอ? พวกคุณเห็นเถาหยางเป็นอะไร สวนหลัง


บ้านของอู๋ไถหรือไง?”

ติงเหออวี้ปวดหัว “ผมต้องขอโทษด้วย เรื่องนี้ผมไม่รู้จริง ๆ ด้วยมิตรภาพของเรา ถ้าผม


รู้ ผมจะรีบแจ้งให้คุณทราบก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน”

ใบหน้าของซูเถาซีดลง “ถ้าคุณมีโอกาส ช่วยบอกเขาตรง ๆ ว่าเถาหยางไม่ต้องการ


พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และเราจะไม่ทอดทิ้งตงหยาง”

ติงเหออวี้พยักหน้าและถอนหายใจ

“หลายปีมานี้เขากระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะเขาต้องการ
ไล่ตามฐานซินตูให้ทัน เขาอาจต้องการใช้ความแข็งแกร่งของเถาหยางเพื่อแข่งขันกับซิน
ตู เถ้าแก่ซู แต่เขาพูดถูกว่าหลังจากที่เถาหยางมีชื่อเสียง ก็มีผู้คนมากมายเพ่งเล็งมาที่
คุณ ยังไงคุณก็ต้องระวังตัวนะ”

ซูเถาขอบคุณเขาอย่างจริงใจ “ฉันรู้ค่ะ”

ในเวลานี้ พิธีเปิดบนเวทีสิ้นสุดลง และห้องประชุมบนชั้นสามก็เปิดอย่างสมบูรณ์

ซูเถาบอกลาติงเหออวี้และกลับไปที่บูธของตงหยาง เพื่อให้อาหารลูกแมวและดูแลเรื่อง
การขับถ่าย

ลูกแมวตัวน้อยกระฉับกระเฉงขึ้น เสียงของมันดังกว่าเมื่อคืน และสามารถลืมตาได้เล็ก


น้อย

ทันทีที่ซูเถาสัมผัสมัน มันก็เกาะเธอแน่นมาก ซูเถาก็ลูบหัวน้อย ๆ ของมัน จมูกน้อย ๆ


ของมันมองหาจุกนมไม่หยุด

สิงซูอวี่ใจละลายเมื่อเห็นมัน และเธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วไปแตะที่เท้าน้อย ๆ ของมัน

“มันชื่ออะไรเหรอ?”

ซูเถาผงะไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เมื่อคืนเธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตมัน

ซ่งเยว่ปินก็มาถึงบูธพอดี “มันเป็นตัวผู้ที่มีหางเหมือนเปลวไฟเล็ก ๆ เรียกมันว่าเสียว


หั่วเยี่ยนดีไหม”

เมื่อมันโตขึ้นอีกหน่อย ขนที่หางจะยาวขึ้น มันจะคล้ายลูกไฟจริง ๆ และมันก็จะมีการ


เปลี่ยนแปลงทีละน้อย เขาเชื่อว่ามันต้องสวยงามแน่ ๆ

สิงซูอวี่ขยับกระเป๋าแมวอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นมันกำลังกินอย่างตะกละตะกลาม

ซูเถาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างดี และฟังดูดีกว่าเฮยจือหม่าและไป๋จือ


หม่าที่เธอตั้งอีก

งั้นเรียกมันว่าเสียวหั่วเยี่ยนนี่แหละ
เธอเกี่ยวหางของเสียวหั่วเยี่ยน “เสียวหั่วเยี่ยน คืนนี้ฉันจะพาแกไปหาแม่นะ แม่ของแก
อาจไม่มีประสบการณ์ในการเป็นแม่และอาจให้นมลูกไม่เป็น”

นอกจากนี้ เพื่อนำพี่น้องของหั่วเยี่ยนที่ตายไปกลับมา อย่างน้อยก็หาสถานที่ฝังพวกมัน


อย่างเหมาะสม

You might also like