Professional Documents
Culture Documents
ระบบพลังงาน
ระบบพลังงาน
พต.ผศ.ดร.รุ่งชัย ชวนไชยะกูล
การใช้พลังงานซึ่งเป็นขบวนการทางชีวเคมีในร่างกายมนุษย์ เป็นองค์ความรู้พื้นฐานที่สําคัญที่ผู้
ฝึกสอนควรรู้และใช้ให้สอดคล้องกับการฝึกซ้อม ทั้งในการกําหนดชนิด (Type) การออกกําลังกายอย่าง
เหมาะสม ความหนัก (Intensity) ระยะเวลาในการออกกําลัง (Exercise duration) ระยะเวลาในการพัก
(Rest period) รวมถึงจํานวนชุดในการออกกําลัง (Sets) ความเข้าใจเรื่องระบบการใช้พลังงานทําให้เรา
กําหนดรูปแบบและกิจกรรมได้ถูกต้องสอดรับตรงกับที่ควรจะเป็นในร่างกาย แหล่งพลังงานที่จําเป็นต้อง
ทําความเข้าใจ คือ
๑. ระบบพลังงาน (Energy system)
๑.๑ ระบบฟอสฟาเจน (Phosphagen system) เป็นระบบพลังงานที่พร้อมสําหรับการถูก
นําไปใช้ได้ในทันที (เปรียบเหมือนอาหารจานด่วน) ประกอบด้วย
๑.๑.๑ สารครีเอทีนฟอสเฟต (Creatine Phosphate, CP) มีเก็บเฉพาะในกล้ามเนื้อแต่
ในปริมาณน้อย ๒๔ มิลลิโมลต่อกิโลกรัมกล้ามเนื้อ (๑ มิลลิโมล = ๑ ใน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ส่วนของโมล)
และถูกนําไปใช้จนเกือบหมดภายในเวลา ๕ วินาทีแรกของการออกกําลังกายอย่างหนัก
๑.๑.๒ สารอะดีโนซีนไตรฟอสเฟตที่เก็บไว้แล้วในกล้ามเนื้อ (Endogenous Adenosine
Triphosphates, ATP) มีเก็บน้อยเพียง ๕ มิลลิโมลต่อกิโลกรัมกล้ามเนื้อ และถูกใช้มากในเวลาสั้นๆไม่
เกิน ๓๐ วินาที
โดยรวมร่างกายจะสะสม Phosphagen ไว้เพียง ๒๔ + ๕ ~ ๓๐ มิลลิโมลต่อกิโลกรัมกล้ามเนื้อ
เท่านั้น เช่น คนที่หนัก ๕๗ กก (มีกล้ามเนื้อรวม ๒๐ กก) จะมี Phosphagen รวมทั้งหมดในร่างกาย =
๓๐ x ๒๐ = ๖๐๐ มิลลิโมล
คนที่หนัก ๗๐ กก (มีกล้ามเนื้อรวม ๓๐ กก) จะมี Phosphagen รวมทั้งหมดในร่างกาย = ๓๐ x
๓๐ = ๙๐๐ มิลลิโมล
การฟื้นคืนกลับของสาร Phosphagen
สิ่งที่ผู้รักการออกกําลังกายต้องคํานึงถึงคือการคืนกลับ (Recovery, Replenishment) ของสาร
ทั้งสองตัวนี้จะเป็นไปได้เร็ว-ช้าเพียงใดมีข้อพิจารณาดังนี้ (Ira Wollinsky, ๑๙๙๘)
๑. การคืนกลับเป็นไปตามขบวนการทางชีวเคมีซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละคน (กรรมพันธุ์
มีส่วนอยู่บ้าง)
๒. การคืนกลับจะเกิดได้ “ต้องหยุดออกกําลังกาย” เท่านั้น
๓. การคืนกลับของสาร Phosphagen ต้องอาศัยออกซิเจน (กระบวนการแอโรบิค) ซึ่งเกิดใน
ภายหลังที่ออกแรงไป
๔. การคืนกลับขึ้นกับความหนักของงานที่ทํา เช่น งานที่ไม่หนักมากจะใช้เวลาเฉลี่ย ๓๐ วินาที
ในการคืนกลับได้ประมาณ ๗๐%
๕. ภาวะความเป็นกรด-ด่างของกล้ามเนื้อมีผลต่อการคืนกลับ
๖. ปริมาณสารที่เป็นองค์ประกอบย่อยๆของ Phosphagen ในกล้ามเนื้อขณะนั้นมีผลต่อการคืน
กลับในทางปฏิบัติระยะเวลาการพักใช้เป็นสัดส่วนกับระยะเวลาในการออกกําลังกาย (ตารางที่ ๑)
Phosphagen 1 5
สารพลังงานใน
กล้ามเนื้อ ไม่ใช้ Fast glycolysis 2 4
ออกซิ เจน
Slow glycolysis 3 3
ความถี่ในการออกกําลังกาย (Frequency)
ในแต่ละสัปดาห์ควรออกกําลังแบบแอโรบิคให้ได้ ๓-๕ วัน (ACSM ๒๐๐๔) หรือ ๓ วัน (วันเว้น
วัน) ในผู้ที่เริ่มต้นออกกําลังกายให้ใช้กิจกรรมเดิน ๑ วันสลับกับขี่จักรยาน (หรือเต้นรํา) ๑ วัน และในผู้ที่
ออกกําลังมานานแล้วให้ใช้กิจกรรม วิ่งเหยาะ - วิ่งเร็ว ขี่จักรยาน
ปริมาตรการฝึก (Volume of training)
ปริมาตรการฝึกหมายถึงผลรวมทั้งหมดของน้ําหนักที่ยก/เล่นได้หรือผลรวมทั้งหมดของระยะทาง
ที่วิ่ง/เดินได้ หรือผลรวมทั้งหมดของงานที่ทําได้ในช่วงการฝึกหนึ่งๆ เช่นในช่วงการฝึก ๑ สัปดาห์ ๑
เดือน ๓ เดือน หน่วยของปริมาตรการฝึกอาจเป็น กิโลกรัม (น้ําหนัก) หรือ กิโลเมตร (ระยะทาง) หรือ
จูล (งาน) ก็ได้
ตัวอย่างการคํานวณปริมาตรการฝึกจากโปรแกรมยกน้ําหนักในช่วง ๑ สัปดาห์
จะเห็นได้ว่าแม้ผลรวมของปริมาตรการฝึกจะมีค่าเท่ากัน แต่องค์ประกอบย่อยนั้นแตกต่างกันไป
จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการออกกําลังของแต่ละคน
รูปแบบการออกกําลังกาย (Mode)
เพื่อการเสริมสร้างการทํางานแบบแอโรบิค รูปแบบการออกกําลังกายที่แนะนําในการฝึกต้องให้
กล้ามเนื้อมัดใหญ่หลายๆมัดมาทํางานร่วมกัน สลับกันไป-มาอย่างต่อเนื่องยาวนานจะทําให้พัฒนาการ
ของการใช้ออกซิเจนสูงสุดเกิดขึ้นเร็ว คือ การเดิน การวิ่ง การปีนเขา ว่ายน้ํา ขี่จักรยาน พายเรือ กระโดด
เชือก ฯลฯ (รูปที่ ๓) ซึ่งต้องมีความสนุกสนานด้วยจึงจะทําให้ออกกําลังกายได้อย่างต่อเนื่อง
รูปที่ ๓. รูปแบบการออกกําลังกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่แนะนําให้ประชาชน
๔. การใช้ออกซิเจนสูงสุด (Maximal oxygen consumption, VO2max)
ความทนทานของทั้งร่างกายบอกได้โดยค่าการใช้ออกซิเจนสูงสุด เป็นค่าที่บอกถึงความสามารถ
สูงสุดของร่างกายโดยรวมในการทํางานที่ต้องอาศัยแหล่งพลังงานจากออกซิเจน จึงเป็นการทํางาน
แบบต่ อ เนื่อ งยาวนาน บางครั้ งเรียกว่ า Maximal aerobic capacity ซึ่ง จะมี ระบบทางสรีร วิท ยา ๔
ระบบที่เกี่ยวข้องโดยตรงในลักษณะที่ว่าหากทั้ง ๔ ระบบนี้ทํางานอย่างเต็มที่ (รูปที่ ๔) คนๆนั้นจะมีค่า
VO2max สูงสุดอย่างแท้จริง เช่นในนักกีฬาที่ฝึกมาอย่างดี แต่หากเพียงระบบใดระบบหนึ่งใน ๔ ระบบนี้
บกพร่องก็ไม่มีทางที่คนๆนั้นจะแสดงการใช้ออกซิเจนสูงสุดได้ แต่จะได้ค่าที่ต่ํากว่านั้นที่เรียกว่า
VO2 peak (ในผู้ที่ไม่ค่อยออกกําลังหรือ Sedentary จะแสดงได้แต่ค่า VO2 peak ไม่ใช่ VO2max)
รู ป ที่ ๑.๔ การทํ า งานแบบแอโรบิ ค สู ง สุ ด ของทั้ ง ร่ า งกายขึ้ น กั บ ระบบหั ว ใจ ปอด หลอดเลื อ ดและ
กล้ามเนื้อ
ดังนั้นในผู้ที่ต้องการฝึกหรือนักกีฬาประเภทอดทนต้องมีการพัฒนาทั้ง ๔ ระบบของร่างกายดังนี้ คือ
๑. ระบบการทํางานของหัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ออกกําลังได้อย่างเพียงพอ เมื่อ
ระบบนี้บกพร่อง เช่น ในคนที่กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวไม่ดี หรือลิ้นหัวใจไม่ปกติ ปริมาณเลือดที่บีบออกจาก
หัวใจจะไม่เพียงพอที่จะส่งเลือดไปที่ส่วนต่างๆอวัยวะดังกล่าวจึงไม่สามารถทํางานได้อย่างต่อเนื่อง
เพราะไม่มีการนําเลือด สารอาหาร ออกซิเจน มาใช้อย่างเหมาะสม
๒. ระบบไหลเวียน เม็ดเลือดและน้ําเลือดมีส่วนสําคัญมากในการขนส่งออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ
เมื่ อ ระบบนี้ บ กพร่ อ ง เช่ น ในคนที่ มี โ ลหิ ต จางหรื อ เสี ย เลื อ ด จะทํ า ให้ ป ริ ม าณออกซิ เ จนที่ ข นส่ ง ไป
ปลายทางลดลง
๓. ระบบการทํางานของปอด ระบบนี้แลกเปลี่ยนอากาศ โดยนําออกซิเจนจากภายนอกเข้าสู่
ร่างกาย และขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย เมื่อระบบนี้บกพร่อง เช่น ในนักกีฬาที่เสมหะหรือ
เป็นหวัดคัดจมูก ทําให้การไหลเวียนอากาศในปอดไม่ดี การแลกเปลี่ยนอากาศจะลดลง
๔. ระบบการทํางานของกล้ามเนื้อ ขณะออกกําลังกาย กล้ามเนื้อคืออวัยวะที่ใช้ออกซิเจนอย่าง
มาก กล้ า มเนื้ อ จะสกั ด เอาออกซิ เ จนจากกระแสโลหิ ต เพื่ อ เอาไปใช้ ส ร้ า งพลั ง งาน และขจั ด
คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกล้ามเนื้อเพื่อ ไม่ให้คั่งค้างเฉพาะที่ เมื่อระบบนี้บกพร่อ ง เช่น ในคนที่
กล้ามเนื้อฝ่อลีบ จะมีการใช้ออกซิเจนลดลง
๕. ปัจจัยที่มีผลต่อการฝึกแบบแอโรบิค
๑. ปัจจัยภายใน (เปลี่ยนแปลงไม่ได้)
๑) อายุ (ตารางที่ ๔) เมื่อเรามีอายุมากขึ้น มีการฝ่อลีบไม่ค่อยได้ใช้งานของกล้ามเนื้อ การมี
กิจกรรมทางกายลดลง ทําให้อัตราการใช้ออกซิเจนลดลง
๒) ขนาดและองค์ประกอบของร่างกาย เช่น พื้นที่ผิวกาย ปริมาณไขมัน ปริมาณกล้ามเนื้อ
๓) เพศ ผู้หญิงที่ไม่ใช่นักกีฬา (Untrained women) มีค่า VO๒max ต่ํากว่าผู้ชายที่ไม่ใช่
นักกีฬา (Untrained men) ประมาณ ๑๐-๒๐%
๔) พันธุกรรม มีผลประมาณไม่เกิน ๒๐% เช่น ชาวแอฟริกันมีความอดทนมากกว่าชนชาติ
อื่น
๕) สภาพร่างกายที่สัมพันธ์กับการกําจัด Lactate ถ้าตับทํางานการกําจัดสารแลคเตทที่เกิด
ขณะออกกําลังกายก็เป็นไปได้ตามขบวนการที่ควรเป็น ดังนั้นจึงควรให้นักกีฬาหลีกเลี่ยง
สารที่ทําให้การทํางานของตับผิดปกติ เช่น ดื่มเหล้าเบียร์ การอดนอน ขาดน้ํา
๒. ปัจจัยภายนอก (เปลี่ยนแปลงได้)
๑) การฝึกซ้อม นักกีฬามีค่า VO2max มากกว่าคนที่ไม่ใช่นักกีฬา กีฬาแต่ละประเภทต้องการ
VO2max ที่ต่างกัน (ตารางที่ ๕)
๒) การล้าของกล้ามเนื้อ (Muscle Fatigue) หากล้าเร็ว การสะสมของของเสียจะขัดขวาง
การแลกเปลี่ยนอากาศทําให้ อัตราการใช้ออกซิเจนจะลดลง
๓) สิ่งแวดล้อม ความร้อน ความชื้นในอากาศ กระแสลม ฝึกซ้อมบนยอดเขาสูงๆ
๔) ชุดที่สวมใส่ขณะออกกําลังกาย
-ออกกําลังกายให้ได้นานควรสวมใส่ชุดที่ระบาย การไหลเวียนอากาศดีถ่ายเทความร้อนได้ดี
-ออกกําลังกายเพื่อลดหรือรีดน้ําหนักควรสวมใส่ชุดที่ทึบกักเก็บ ไม่ระบายอากาศ
๕) ปริมาณน้ําในร่างกาย
-เมื่ออยู่ในภาวะขาดน้ํา เราจะออกกําลังไม่ได้นานเพราะความร้อนในร่างกายจะเพิ่ม
สูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
๖) อาหาร
-อาหารย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ จะค้างในกระเพาะอาหารนาน ทําให้ปิดกั้นการออก
กําลังกาย
ตารางที่ ๑.๔ การเปลี่ยนแปลงของอัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุด (VO๒max) ตามอายุและเพศ
ตัวแปร ผลจากการฝึกแบบ
แอนแอโรบิค แอโรบิค
สมรรถภาพทางกาย
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มมาก เพิ่มน้อย
ความทนทานของกล้ามเนื้อ ไม่เพิ่ม, เพิ่มน้อย เพิ่ม
Aerobic power ไม่เพิ่ม เพิ่ม
Anaerobic power เพิ่ม ไม่เพิ่ม
ความเร็วที่กล้ามเนื้อหดตัว เพิ่ม ไม่เพิ่ม
Vertical Jump เพิ่ม ไม่เพิ่ม
Sprint speed เพิ่ม ไม่เพิ่ม
ใยกล้ามเนื้อ
ขนาดเส้นใย เพิ่ม เพิ่มน้อย
ความหนาแน่นของเส้นเลือดฝอย ไม่เพิ่ม เพิ่ม
ความหนาแน่นของไมโตคอนเดรีย 3 ไม่เพิ่ม เพิ่ม
จํานวนใยกล้ามเนื้อหดตัวเร็ว เพิ่ม ไม่เพิ่ม
เอนไซม์
Creatine phosphokinase 2 เพิ่ม เพิ่ม
Myokinase 3 เพิ่ม เพิ่ม
ตัวแปร ผลจากการฝึกแบบ
แอนแอโรบิค แอโรบิค
เอนไซม์
Phosphofructokinase 4 เพิ่ม ไม่แน่
Lactate Dehydrogenase 5 ไม่เปลี่ยน ไม่แน่
การสะสมของสารพลังงานในกล้ามเนือ้
ATP เพิ่ม เพิ่ม
Creatine Phosphate เพิ่ม เพิ่ม
Glycogen เพิ่ม เพิ่ม
เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
ความแข็งแรงของเอ็นยึดข้อต่อ เพิ่ม เพิ่มมากกว่า
ความแข็งแรงของเอ็นกล้ามเนื้อ เพิ่ม เพิ่มมากกว่า
ปริมาณคอลลาเจน เพิ่ม ไม่แน่
ความแข็งแรงของกระดูก เพิ่ม เพิ่มมากกว่า
องค์ประกอบของร่างกาย
เปอเซ็นต์ไขมัน ลดลง ลดลง
ปริมาณกล้ามเนื้อ เพิ่มมากกว่า เพิ่ม
แหล่งที่มา: National Strength and Conditioning Association (NSCA). ๒๐๐๐.
1
หน่วยย่อยในเซลส์ทําหน้าที่สร้าง ATP ผ่านขบวนการใช้ออกซิเจน
2
เป็นเอนไซม์ที่ทําหน้าที่เปลี่ยน Creatine ไปเป็นพลังงาน Phosphocreatine
3
เป็นเอนไซม์ที่ทําหน้าที่เปลี่ยน Adenosine Monophosphates (AMP) และ Adenosine
Diphosphates (ADP) กลับไปเป็น Adenosine Triphosphates (ATP)
4
เป็นเอนไซม์ในช่วงต้นๆของขบวนการกลัยโคไลสิส
5
เป็นเอนไซม์ในขบวนการกลัยโคไลสิสที่เปลี่ยนระหว่าง Lactate และ Pyruvate
เอกสารอ้างอิง
American College of Sport Medicine (ACSM). Physical activity and bone health.
Med.Sci.Sport Exerc. 1985-1996, 2004.
American College of Sports Medicine, (1995) Principles of Exercise Prescription,
William & Wilkins, 5.shman RK (1994). Prescribing exercise intensity for healthy
adults using perceived exertion. Medicine & Science in Sports & Exercise. 26:
1087-1094.
Bouchard C, Dionne FT, Simouneau JA, and Boulay MR. Genetic of aerobic and
anaerobic performance. ExercSport Sci Rev. 20:27-58, 1992.
Fox E, McKenzie D, Cohen K. (1975). Specificity of training: metabolic and
circulatory responses. Med Sci Sports, 7(1):83.
Francescato MP, Cettolo V, and di Prampero PE. Influence of phosphagen
concentration on phosphocreatine breakdown kinetics. J.Appl.Physiol.
105:158-164, 208.
Hochachka W. Fuels and pathways as designed systems for support of muscle
work. J.Exp.Biol.115; 149-164, 1985.
Ira Wollinsky. Nutrition in Science and Sports. 3rd edition, CRC Press, 1998.
Jakicic JM, Marcus BH, Gallagher KI, Napolitano M and Lang W. Effect of exercise
duration and intensity on weight loss in overweight, sedentary women.
JAMA 290(10):1323-1330, 2003.
National Strength and Conditioning Association. Essentials of Strength Training
and Conditioning. Human Kinetics, 2000.
Pechar G., McArdle W., Katch F., Magel J., DeLuca J. (1974). Specificity of
cardiorespiratory adaptation to bicycle and treadmill training.
J. Appl Physiology. 36(6):753-756.
Saltin K, Narak K, Costil DL,. The nature of training responses, peripheral and
central adaptations of one-legged exercise. Acta Physiol 96(3):289-305,
1976.
Steven J. Fleck, William J. Kraemer. Designing resistance training programs.Human
Kinetics 3rd ed. 2004.