Professional Documents
Culture Documents
วิทย์ ป.6 online
วิทย์ ป.6 online
บรรยากาศ
บรรยากาศเป็นชื่อที่ใช้เรียกองค์รวมของอากาศ โดยเป็นอากาศที่ห่อหุ้มโลกตัง้ แต่ระดับน้ำทะเล
เป็นต้นไป
ส่วนประกอบของอากาศ
1. ไนโตรเจน (N2) มีอยู่ในอากาศร้อยละ 78 มีบทบาทสำคัญในพืชซึ่งพืชต้องตรึงก๊าซ
ไนโตรเจนนี้ผ่านวัฏจักรไนโตรเจน
2. ออกซิเจน (O2) มีอยู่ในอากาศร้อยละ 21 มีบทบาทสำคัญในการหายใจของสิ่งมีชีวิต
และเป็นก๊าซที่ช่วยในการเผาไหม้
3. อาร์กอน (Ar) มีอยู่ในอากาศร้อยละ 0.9 เป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ทำปฏิกิริยากับสารอื่น
4. คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) มีอยู่ในอากาศร้อยละ 0.036 เป็นของเสียที่เกิดจากการ
หายใจของสิ่งมีชีวิต และ เป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้
5. อื่นๆ อยู่ในอากาศประมาณ 0.1เช่น ฝุ่นละอองต่างๆ เป็นต้น
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 2
2. บรรยากาศส่วนบน
1. เทอร์โมสเฟียร์ สูงตั้งแต่ 80-450 กิโลเมตร สามารถเรียกอีกชือ่ นึงว่า “ไอโอโนส
เฟียร์” เนื่องจากในชั้นนี้ อากาศจะแตกตัวเป็นไอออนต่างๆ และใช้ในการสะท้อนคลื่น
ขนาดยาวไปทั่วโลก อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นมากๆตามระดับความสูง “ยิง่ สูง ยิง่ ร้อน”
2. เอกโซสเฟียร์สูงตั้งแต่ 450-900 กิโลเมตรมีก๊าซอยู่น้อยมากมนุษย์อวกาศจะต้อง
ควบคุมบรรยากาศให้มีความดันเท่ากับความดันภายในร่างกายต้องสวมใส่ชุดที่มีก๊าซ
ออกซิเจนเพื่อช่วยในการหายใจดาวเทียมพยากรณ์อากาศจะโคจรรอบโลกในชั้นนี้
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 3
กราฟแสดงอุณหภูมิของแต่ละชั้นบรรยากาศ
เมฆ
กลุ่มคำที่ใช้บรรยายลักษณะของเมฆมีอยู่ 5 กลุ่มคือ
1. เซอร์โร (Cirro) = เมฆระดับสูง
2. อัลโต (Alto) = เมฆระดับกลาง
3. คิวมูลัส (Cumulus) = เมฆที่เป็นก้อน
4. สเตรตัส (Stratus) = เมฆทีเ่ ป็นชั้น
หรือแผ่น
5. นิมบัส (Nimbus) = เมฆทีท่ ำให้เกิด
ฝน
ชนิด ชื่อเมฆ ความสูง ลักษณะย่อๆ
เมฆชั้นสูง เซอร์รัส 6500 เมตร + บาง ละเอียดสีขาว
Cirrus เป็นฝอยๆคล้ายขน
นก* เพราะผลึก
น้ำแข็ง อาจมีวงแสง
โปร่งแสง
เซอร์โรสเตรตัส 6500 เมตร + เป็นผลึกน้ำแข็งบางๆ
Cirrostratus มีสีขาวหรือสีน้ำเงิน
จางๆ อาจมีวงแสง*
เซอร์โรคิวมูลสั 6500 เมตร + คล้ายปุยนุ่นสีขาว
Cirrocumulus ก้อนเล็กๆ เหมือน
คลืน่ หรือเกล็ด*เรียง
ตัวเป็นระเบียบ
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 4
ความกดอากาศ
ความกดอากาศ คือการกดทับของมวลอากาศลงสูพ่ ื้นผิวโลก โดยใช้ บารอมิเตอร์* ในการวัด
อากาศเย็นจะมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อน
ความกดอากาศสูง จะแทนด้วยสัญลักษณ์ H และความกดอากาศต่ำ จะแทนด้วย L ซึ่งอากาศ
จะไหลจากความกดอากาศสูงไปความกดอากาศต่ำเสมอ ทำให้เกิดลม แต่หาก เกิดความ
แตกต่างของความกดอากาศมากและกะทันหัน จะทำให้เกิดพายุ
ความกดอากาศโดยวัดที่ระดับน้ำทะเล จะเท่ากับ 1 atm หรือ 760 mmHg
**ทุกๆระดับความสูง 11 เมตร จะส่งผลให้ ระดับปรอทในบารอมิเตอร์ลดลง 1 mm
**ทุกๆ 27 mmHg อุณหภูมจิ ะลดลง 1 องศาเซลเซียส
ความชืน้ ในอากาศ
ความชื้นของอากาศ คือปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ใช้ ไฮโกรมิเตอร์*
ในการวัด
ถ้าความชื้นในอากาศมาก →ระเหยยาก ถ้าความชื้นในอากาศน้อย → ระเหยง่าย
สารเคมีท่ใี ช้ตรวจสอบความชื้น คือ โคบอลต์(II)คลอไรด์
อากาศอิม่ ตัวคืออากาศที่มีไอน้ำอยู่เต็มที่และไม่สามารถรับเพิ่มได้อีกแล้วณอุณหภูมิหนึ่งซึ่งถ้า
อุณหภูมิสูงขึ้น อากาศสามารถรับไอน้ำได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 6
ปรากฎการณ์ทางลมฟ้าอากาศ
หยาดน้ำฟ้า คือปรากฏการณ์ของน้ำในอากาศซึ่งเกิดจากการควบแน่นในอากาศได้แก่ ฝน หิมะ
ลูกเห็บ
พายุ
ความเร็วลม(Km/H) พายุ
ต่ำกว่า 63 ดีเปรสชั่น
63-117 โซนร้อน
มากกว่า 117 ไต้ฝุ่น
ชื่อของไต้ฝุ่นจะแตกต่างกันตานสถานที่เกิด
ไต้ฝนุ่ * : ทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือเช่นบริเวณทะเลจีนใต้
เฮอริเคน* : บริเวณทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเช่นบริเวณฟลอริดาสหรัฐอเมริกาอ่าว
เม็กซิโก
ไซโคลน*:มหาสมุทรอินเดียเหนือเช่นบริเวณอ่าวเบงกอล
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 7
ตารางแสดงค่าความชื้น
ปัญหาและมลภาวะในบรรยากาศในปัจจุบนั
ภาวะโลกร้อน เป็น ภาวะที่อุณหภูมิเฉลีย่ สูงสุดของโลกสูงขึ้นมากกว่าปกติ ซึง่ โดยปกติแล้ว
ภาวะโลกร้อนนี้ช่วยทำให้โลกในอดีต มีอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของ
สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่ปจั จุบนั การกระทำของมนุษย์ได้ส่งผลให้โลกมีการแปรปรวนโดยการส่งสาร
เรือนกระจกไปในอากาศ ส่งผลให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายเร็วขึ้น
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 9
ก๊าซเรือนกระจก ได้แก่
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง
มีเทน (CH4) เกิดจากการหมัก และจากการปศุสัตว์
ไนตรัสออกไซด์ (N2O) เกิดจากกิจกรรมทางการเกษตร
คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC)พบในตู้เย็นและกระป๋องสเปรย์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ เคยเป็นสารที่ใช้
ในการผลิตโฟม (ไม่ใช่สารเรือนกระจกแต่มีส่วนช่วยให้เกิดภาวะเรือนกระจก)
พิธีสารเกียวโต ว่าด้วยเรือ่ งควบคุมประเทศต่างต่างๆในโลกในเรื่องการจำกัดการปล่อยก๊าซ
เรือนกระจก
พิธีสารมอนทรีออลว่าด้วยสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนคือสนธิสัญญาสากลที่ถูกกำหนดขึ้น
เพื่อควบคุม, ยับยั้ง, และรณรงค์ให้ลดการผลิตและการใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 10
แบบฝึกหัด
จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ
ก. สตราโตสเฟียร์ ข. มีโซสเฟียร์
ค.โทรโพสเฟียร์ ง. เทอร์โมสเฟียร์
จ. เอกโซสเฟียร์
1. บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกชั้นใดที่มีผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์มากที่สุด
ตอบ
2. บรรยากาศชั้นใดที่เครื่องบินโดยสารใช้ในการบิน
ตอบ
3. บรรยากาศชั้นบน ประกอบด้วย ชั้นบรรยากาศใดบ้าง
ตอบ
4. ยอดเขาเอเวอเรสต์มีความสูงอยู่ในชั้นบรรยากาศใด
ตอบ
5. อากาศแตกตัวเป็นประจุ พบได้ในชั้นบรรยากาศใด
ตอบ
6. ยิ่งขึ้นไปสูงในชั้นบรรยากาศใดบ้าง อุณหภูมิจะยิ่งเพิ่ม
ตอบ
7. ยิ่งขึ้นไปสูงในชั้นบรรยากาศใดบ้าง อุณหภูมิจะยิ่งลด
ตอบ
8. ดาวเทียมอุตนุ ิยมวิทยา ลอยตัวอยู่ใน ชั้นบรรยากาศใด
ตอบ
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 11
9. โอโซนมีประโยชน์ในการกั้นรังสีUV พบมากในชั้นใด
ตอบ
10. อุกกาบาตจะเผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศใด
ตอบ
11. การส่งสัญญาณข่าวสาร โดยใช้คลื่นความถี่สูง ต้องอาศัยบรรยากาศชั้นใดในการสะท้อน
คลื่นกลับมายังโลก
ตอบ
12. ชั้นบรรยากาศใดถือได้ว่าเป็นทางออกสู่อวกาศ
ตอบ
13. เมฆชนิดใดมีลักษณะเป็นริ้วคล้ายกับขนนก
ก. คิวมูลัส ข. เซอร์รัส ค. สเตรตัส ง. นิมบัส
14. ข้อใด กล่าวผิด
ก. เมฆเซอร์โรสเตรตัสเป็นเมฆที่ก่อให้เกิดแสงทรงกลด
ข. เมฆนิมโบสเตรตัสเป็นเมฆระดับต่ำที่ทำให้เกิดฝน
ค. เมฆคิวมูลสั เป็นเมฆที่ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ง. เมฆคิวมูโลนิมบัสเป็นเมฆที่ก่อตัวในแนวดิ่ง ลักษณะเหมือนรูปทั่ง
15. ปรากฏการณ์ที่เกิดการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆเรียกว่าอะไร
ก. ฟ้าแลบ ข. ฟ้าร้อง ค. ฟ้าผ่า ง. ฟ้าลั่น
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 12
21. ความชื้นมีผลอย่างไร
1. การระเหยของน้ำ
2. ปริมาณเมฆบนท้องฟ้า
3. การยืดหดของเส้นผม
ก. 1 2 ข. 1 3 ค. 2 3 ง. 1 2 3
22. ทิศของลมพายุเข้าสู่ศูนย์กลาง ข้อใดถูกต้อง
ก. ทิศตามเข็มในซีกโลกเหนือ ข. ทิศตามเข็มในซีกโลกใต้
ค. ทิศทวนเข็มในซีกโลกใต้ ง. ไม่มีข้อถูก
23. ข้อใดไม่ใช่พายุหมุนเขตร้อน
ก. ไต้ฝุน่ ข. มรสุม ค. ดีเปรสชั่น ง. พายุโซนร้อน
24. ข้อใดถูกต้อง
ก. ศรลม – วัดความเร็วลม ข. อะนิโมมิเตอร์ – วัดทิศทางลม
ดิน
การกำเนิดและส่วนประกอบของดิน
ดินเกิดจากการสลายตัวของหินและแร่ธาตุต่างๆ ผสมคลุกเคล้ากับ
อินทรียวัตถุ
ดินประกอบด้วย
แร่ธาตุ– เป็นส่วนที่เกิดจากแร่และหินต่างๆสลายตัวโดยทางเคมี
กายภาพและชีวเคมีอันเป็นแหล่งกำเนิดธาตุอาหารและควบคุม
โครงสร้างของดินคิดเป็นร้อยละประมาณ 45 ของส่วนประกอบทั้งหมด
อินทรียวัตถุ(ฮิวมัส)* - เป็นส่วนที่เน่าเปื่อยผุพังหรือเกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์อัน
จะเป็นแหล่งกำเนิดธาตุอาหารของดินช่วยละลายแร่ธาตุ เก็บความชื้น และยังทำให้ดินโปร่ง เบา
ซึมซับน้ำ แต่มีฤทธิ์เป็นกรด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพลังงานแก่จุลินทรีย์ดินอีกด้วยคิดเป็นร้อยละ
ประมาณ 5 ของส่วนประกอบทั้งหมด
อากาศ– เป็นช่องว่างระหว่างก้อนดินหรืออนุภาคดินซึ่งมีอากาศอยู่คิดเป็นร้อยละประมาณ25
ของส่วนประกอบทั้งหมด
น้ำ– เป็นส่วนที่พบอยู่ในช่องว่างของดินหรืออนุภาคของดิน คิดเป็นร้อยละประมาณ 25 ของ
ส่วนประกอบทั้งหมด
การทดลองว่าในดินมีน้ำ →นำดินในหลอดทดลองแล้วนำมาเผา จะพบไอน้ำที่บริเวณปากหลอด
ทดลอง
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 16
ชนิดของดิน
ดินแบ่งตามลักษณะของเนื้อดินได้ 3 ชนิด คือ
1 ดินทรายเป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศดีมากแต่มีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำมี
ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ พืชที่ขึ้นได้ดีในดินทรายมักเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย ได้แก่ พืชทะเลทราย
เช่น กระบองเพชรเป็นต้น
2 ดินร่วนเป็นดินที่ประกอบด้วยทรายโคลนตมและดินเหนียวโดยมีปริมาณดินทรายและดิน
เหนียวไม่มากนักจึงมีการระบายน้ำได้ดีปานกลางจัดเป็นเนื้อดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการ
เพาะปลูกมากที่สุด พืชที่ขนึ้ จะเป็นพืชที่ต้องการความชื้นพอเหมาะ ไม่มากน้อยจนเกินไป จึงเป็น
พืชโดยส่วนใหญ่ เช่น พืชสวนต่างๆ
3 ดินเหนียวเป็นดินที่มีเนื้อละเอียดแน่นอุ้มน้ำได้ดีและไม่ยอมให้น้ำซึมผ่านได้ง่ายไม่เหมาะสม
ในการเพาะปลูกพืชแต่พืชที่ขึ้นในดินเหนียวมักเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก เช่น ข้าว
ขนาดของเม็ดดิน*: ดินทราย(0.05 - 2.0 mm.) >ดินร่วน(0.002-0.05mm.)>ดินเหนียว(เล็กกว่า
0.002mm.)
แต่ถ้ามีการผสมของดินชนิดต่างๆ จะส่งผลให้ เกิดดินที่มีลกั ษณะก ้ากึ่ง ขึ ้นกับอัตราส่วนที่ผสม
เช่น ดินเหนียวปนทราย
การจำแนกดินช่วยให้เราเข้าใจถึงคุณสมบัติของดินประเภทต่างๆ ได้แก่
ความสามารถในการกักเก็บน้ำ และการถ่ายเทพลังงานความร้อน ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์
ในทางเกษตรกรรมและวิศวกรรม เป็นต้น
การแก้ไขดิน*
ดินเหนียว --- ให้เติมทราย / ทรายแป้งหรือปุ๋ยคอก
ดินทราย --- ให้เติมปุ๋ยอินทรียเ์ พิ่ม
ดินเปรีย้ ว คือดินที่มีสภาพเป็นกรด --- ให้เติมปูนขาว ดินมาร์ล (เป็นเบส)
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 19
6. ชั้นดินที่ประกอบด้วยอินทรียวัตถุเป็นส่วนใหญ่ พบมากในภูมิประเทศที่เป็นป่าไม้หรือทุ่ง
หญ้า คือชัน้ ใด
ก. ชั้น O ชั้นอินทรียวัตถุ ข. ชั้น A ชั้นดินแร่ ค. ชั้น B ชั้นสะสมของแร่
ง. ชั้น C ชั้นผุพังของหิน
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 21
17. สิ่งใดบ่งบอกสภาพความเป็นกรดของดิน
ก. น้ำปูนใส ข. ปูนขาว ค. เหล็กออกไซด์ในดิน ง. ซากพืชซาก
สัตว์
18. วิธีการช่วยบำรุงรักษาหน้าดินเพื่อการเพาะปลูกกระทำได้ดังต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
ก. ปลูกพืชคลุมดิน ข. ปลูกพืชหมุนเวียน ค. ปลูกพืชชนิดเดียว ง. ปลูกพืช
ยึดหน้าดิน
19. การพรวนดินช่วยอย่างไร
ก. เพิ่มช่องว่างระหว่างเม็ดดิน ข. ลดการระบายน้ำในดิน
ค. เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในดิน ง. เพิ่มการสึกกร่อนของแร่ธาตุ
20. ปลูกพืชในแนวระดับ เช่นการปลูกพืชขั้นบันได นิยมปลูกภาคใด
ก. ภาคใต้ ข. ภาคเหนือ ค. ภาคกลาง ง. ภาคอีสาน
21. ถ้าปลูกพืชชนิดเดิมที่เดียวกันนานๆ จะทำให้ดินจืด แก้ไขอย่างไร
ก. ปลูกพืชพวกหญ้าแฝก ข. ใส่ปุ๋ยเคมี ค. ปลูกพืชหมุนเวียน ง. ปลูกพืช
คลุมหน้าดิน
22. ข้อใดคือการอนุรักษ์ดิน
ก. การใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ข. การปลูกถัว่ เขียวสลับการการปลูกข้าวโดยสม่ำเสมอ
ค. บริเวณไหล่เขา ปลูกพืชในแนวระดับ
ง. ควรเผาหญ้าในนาข้าว หลังการเก็บเกี่ยว
จ. ควรปลูกพืชชนิดเดียวกัน ในบริเวณใกล้เคียง
ฉ. พื้นที่ดินเค็ม ควรปลูกหญ้าแฝกคลุมดิน
ข้อใดถูกต้อง
ก. ก ง จ ข. ข ค ฉ
ค. ก ข ง จ ง. ข ค ง ฉ
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 23
หิน
หินเป็นของแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อาจเกิดจากการทับถมของเศษตะกอน หรือการแข็งตัว
ของหินเหลวภายใต้เปลือกโลก
ชนิดของหิน
หินอัคนีเกิดจากการแข็งตัวของหินเหลวภายใต้เปลือกโลก แบ่งเป็น 2 ประเภท
หินอัคนีพุ เกิดจากการแข็งตัวของหินเหลวที่ถูกพ่นออกมาสู่พื้นผิวโลก(ลาวา) จึงทำให้
แข็งตัวอย่างรวดเร็ว มีผลึกขนาดเล็กหรือไม่มี ผิวเรียบละเอียด อาจพบฟองอากาศภายในหินได้
เช่น หินบะซอลต์(รูพรุน ไม่ลอยน้ำ) หินพัมมิส(รูพรุน ลอยน้ำได้) หินออบซิเดียน(แตกหักแล้วคม
แวววาวคล้ายแก้ว) หินสคอเรีย หินไรออไลต์ เป็นต้น
หินอัคนีแทรกซอน เกิดจากการแข็งตัวของหินเหลวภายใต้เปลือกโลก(แมกม่า) อย่าง
ช้าๆ มีผลึกใหญ่ เนื้อหยาบ เช่น หินแกรนิต(ใช้ในการก่อสร้าง) หินไดออไรต์ หินแกบโบร เป็น
ต้น
หินตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอนต่างๆ ซากสิ่งมีชีวิต มีลักษณะพิเศษกว่าหินชนิดอื่นคือ
จะมีลักษณะเป็นชั้นๆ และมีโอกาสพบซากฟอสซิลได้ในหินชนิดนี้ แบ่งตามลักษณะ ได้ 3
ประเภท
- พวกตะกอนมาทับถมกัน เช่น เศษหิน ทราย กรวด ต่างๆ มาทับถม แล้วมีสารเชื่อม
ผสานมาเชื่อมให้ติดแน่นเป็นก้อน ชือ่ ของหินพวกนีม้ ักจะบอกถึงวัตุดิบในการเกิดหิน
เช่น หินดินดาน(เป็นหินปิดกั้น) หินศิลาแลง หินกรวดมน หินกรวดเหลี่ยม หินทราย
(มักมีน้ำ น้ำมัน และซากสิ่งมีชีวิตสะสม) หินทรายแป้ง เป็นต้น
- ซากสิ่งมีชีวิตทับถม เกิดจากการสะสมสารอินทรีย์วตั ถุเป็นส่วนใหญ่ เช่น หินปูน(ทำ
ปฏิกิริยากับกรด) ถ่านหิน เป็นต้น
- สารละลายตกผลึก เกิดจากการตกผลึกของสารละลายทางเคมี เช่น หินเกลือ
หินยิปซัม่ เป็นต้น
วัตถุประสานในหินตะกอนได้แก่ซิลิกาเหล็กออกไซด์อะลูมิเนียมออกไซด์และแคลเซียมคาร์บอเนต
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 24
อืน่ ๆ น่ารู*้ *
หินออบซิเดียน: ใช้ทำอาวุธโบราณ
หินปูนและหินอ่อนทำปฏิกริ ิยากับกรด ได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดจากการทับถมของ
สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
หินบะซอลต์: ใช้ทำถนน และเป็นต้นกำเนิดของอัญมณี
หินไนส์: ใช้ทำครก
หินแกรนิต: ใช้ปูพื้นบ้าน สวยงาม
หินศิลาแลง: ใช้ทำทางเดิน และกำแพง
หินชนวน: ใช้ทำกระดานชนวน
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 25
แบบฝึกหัด
1. ข้อใดต่อไปนี้ไม่มคี วามสัมพันธ์กัน
ก. หินอัคนี – หินบะซอลต์ ข. หินชั้น – หินดินดาน
ค. หินแปร – หินอ่อน ง. หินตะกอน – หินชนวน
2. หินในกลุ่มใดเป็นหินอัคนีทง้ั หมด
ก. หินปูน หินดินดาน หินกรวด ข. หินแกรนิต หินพัมมิส หินออบซิเดียน
ค. หินออบซีเดียน หินกรวดมน หินบะซอลต์ ง. หินไนส์ หินอ่อน หินชนวน
3. ข้อใดต่อไปนี้คือหินแปรทั้งหมด
ก. หินอ่อน หินทราย หินแกรนิต ข. หินควอร์ตไซต์ หินปูน หินชนวน
ค. หินไนส์ หินชีสต์ หินฟิลไลต์ ง. หินบะซอลต์ หินดินดาน หินออบซีเดียน
4. ข้อใดเป็นหินอัคนีภูเขาไฟ
ก. หินแกบโบร หินพัมมิส ข. หินบะซอลต์ หินไดออไรต์
ค. หินออบซีเดียน หินสคอเรีย ง. หินแกรนิต หินไรออไลต์
5. นักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งชนิดของหินออกเป็น หินอัคนี หินตะกอน หิน
แปร
ก. สถานที่เกิด ข. ลักษณะโครงสร้างของหิน
ค. ลักษณะการเกิดของหิน ง. ถูกทุกข้อ
6. ซากพืชซากสัตว์มกั จะพบในหินประเภทใด
ก. หินฟอสซิล ข. หินตะกอน ค. หินแปร ง. หินอัคนี
7. หินในข้อใดต่อไปนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากหินปูนที่ได้รับความร้อนและความดันสูง
ก. หินอ่อน ข. หินชนวน ค. หินดินดาน ง. หินแกรนิต
8. หินก้อนหนึ่งมีลกั ษณะที่มีรูพรุนทั่วไปเนื่องจากขณะที่เย็นตัวลงนั้นมีก๊าซต่างๆปนอยู่มาก
นักเรียนคิดว่าเป็นหินชนิดใด
ก. หินแปร ข. หินอัคนี ค. หินตะกอน ง. หินชั้นหรือหิน
แปร
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 26
จงยกตัวอย่างหินในกลุ่ม A B C ตามลำดับ
ก. สคอเรีย หินอ่อน หินทราย ข. หินชนวน หินบะซอลต์ หินปูน
ค. หินแกรนิต หินควอร์ตไซต์ หินชีสต์ ง. หินออบซีเดียน ศิลาแลง หินไนส์
12. หินชนิดใดที่ละลายในกรดได้
ก. หินทรายและหินปูน ข. หินอ่อนและหินปูน
ค. หินอ่อนและหินควอร์ตไซต์ ง. หินควอร์ตไซต์และหินแกรนิต
13. ต้องการปูพื้นบ้านให้แข็งแกร่งทนทาน ควรใช้หินชนิดใด
ก. หินแกรนิต ข. หินอ่อน
ค. หินออบซีเดียน ง. หินไนส์
14. ครกหินทำมาจากหินอะไร
ก. หินปูน ข. หินไนส์
ค. หินทราย ง. หินควอร์ตไซต์
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 27
15. หินงอกหินย้อยเป็นหินประเภทอะไร
ก. หินอ่อน ข. หินแกรนิต
ค. หินควอร์ตไซต์ ง. หินปูน
16. กำแพงที่มีลักษณะสีน้ำตาลแดงเป็นเม็ดล้อมรอบด้วยสีแดงกระจายทั่วไป เนื้อหยาบแข็ง
ขรุขระ เม็ดกรวดเกาะกันห่างๆ ทำมาจากหินชนิดใด
ก. หินทราย ข. ศิลาแลง
ค. หินกรวด ง. หินปูน
17. หินชนิดใดต่อไปนี้พบว่ามีบนดวงจันทร์
ก. หินพัมมิส ข. หินบะซอลต์ ค. หินตะกอน ง. หินแปร
18. ก๊าซที่เกิดจากการหยดกรดลงบนหินปูน คือก๊าซอะไร
ก. ไฮโดรเจน ข. ออกซิเจน ค. คาร์บอนไดออกไซด์ ง.
ไนโตรเจน
19. หินอะไรสามารถลอยน้ำได้
ก. หินพัมมิส ข. หินสคอเรีย ค. หินบะซอลต์ ง. หินไนส์
20. จงพิจารณาตารางต่อไปนี้
A หินแปร หินชีสต์ หินฟิลไลต์
B หินภูเขา หินไรออไลต์ หินไดออ
ไฟ ไรต์
C หิน ถ่านหิน หินปูน
ตะกอน
D หินอัคนีพุ หินแกรนิต หินแกบ
โบร
ข้อใดจัดกลุ่มหินและการเกิดถูกต้อง
ก. A C ข. B C ค.A D ง.A C D
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 28
29. ประโยชน์ของหินออบซีเดียนคืออะไร
ก. ใช้ทำอาวุธสมัยโบราณ
ข. ก่อสร้าง แกะสลัก
ค. ทำหินลับมีด
ง. ทำครก
30. ข้อใด ไม่มคี วามสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน
ก. หินปูน – หินอ่อน ข. หินแกรนิต – หินไนส์
ค. หินชีสต์ – หินดินดาน ง. หินดินดาน – หินชนวน
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 30
แร่
แร่เป็นธาตุหรือสารประกอบทางเคมีท่เี กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้วยกระบวนการทางอนินทรีย์
ส่วนใหญ่เป็นของแข็ง มีโครงสร้างภายในที่เป็นระเบียบ มีสูตรเคมีและสมบัติอื่น ๆ ที่แน่นอนคงที่
หรืออาจเปลี่ยนแปลงได้ในวงจำกัด
การตรวจสอบสมบัติทางกายภาพของแร่
1. สี เป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของแร่ ซึ่งขึ้นกับธาตุและสารประกอบ บางทีอาจมีสีเปลี่ยนไป
เพราะมีมลทินมาเจือปน สีเป็นลักษณะทางกายภาพที่ดูง่ายที่สุด ไม่ต้องทดสอบใดๆ แต่บางทีแร่
นั้นอาจจะทำปฏิกิริยากับอากาศ จึงต้องดูสีจากด้านใน ผ่านการทุบออกมาดู
2. สีผง สีผงดูได้จากการนำแร่มาขีดลงบนแผ่นกระเบื้องสีขาวที่ยงั ไม่ได้เคลือบ ซึ่งสีผงไม่มี
ความจำเป็นต้องมีสีเดียวกับสีของแร่ สีผงจะช่วยในการบ่งบอกถึงชนิดของแร่ด้วย
3. ความแข็ง วัดจากสเกลของโมห์มีต้งั แต่ 1 – 10 วัดจากการใช้เล็บขูด(เล็บมีความแข็ง 2.5)
กระจก (ความแข็ง 5 - 5.5) ใบมีด(ความแข็ง 5.5 – 6) สิ่งที่มีเลขความแข็งมากกว่าจะ
สามารถขูดให้สิ่งที่มีเลขความแข็งน้อยกว่าเป็นรอยได้
- เบอร์ 1 แร่ทลั ก์
- เบอร์ 2 แร่ยิปซั่ม
- เบอร์ 3 แคลไซด์
- เบอร์ 4 ฟลูออไรด์
- เบอร์ 5 อะพาไทต์
- เบอร์ 6 ออร์โทเคลส
- เบอร์ 7 ควอตซ์
- เบอร์ 8 โทแพซ
- เบอร์ 9 คอรันดัม
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 31
- เบอร์ 10 เพชร
ความแข็งอาจจะขึ้นอยู่กับทิศทางของการขูดด้วย
4. ความวาว เป็นสมบัติหนึ่งของการมีปฏิกิริยาต่อแสง การสะท้อนแสง ซึ่งความวาวจะมีความ
แตกต่างกันออกไป ได้แก่
วาวเหมือนโลหะ(Metallic) ลักษณะวาวเหมือนโลหะผิวมัน เช่น แร่ไพไรต์แต่ถ้าวาวคล้ายโลหะ
แต่แวววาวไม่เท่า เรียก กึ่งเหมือนโลหะ
วาวเหมือนเพชร(Adamentine) ลักษณะเล่นแสงแพรวพราวเหมือนเพชร เช่น แร่แคลไซต์เล็กๆที่
เกาะเป็นกลุ่ม แต่ถ้าไม่แพรวพราวอย่างเพชร จะเรียกว่าว่า กึ่งเหมือนเพชร
วาวเหมือนแก้ว(Vitreous) ลักษณะวาวใสเหมือนแก้ว เช่น โทแพซ แต่ถ้าวาวเหมือนแก้ว แต่
ไม่ใสเหมือนแก้ว เรียก กึง่ เหมือนแก้ว
วาวเหมือนยางสน(Resunous) ลักษณะเป็นมันมีเหลือบเล็กๆน้อยๆ คล้าย ยางไม้แห้งหรือ อำพัน
เช่น สฟาเลอไรต์
วาวเหมือนมุก(Pearly) ลักษณะเป็นมันแวววาว อาจเหลือบสีรุ้งเหมือนไข่มกุ หรือ เปลือกหอย
เช่น ทัลก์
วาวเหมือนน้ำมัน(Greasy) ลักษณะเหมือนมีน้ำมันเคลือบบางๆที่ผิว เช่นแกรไฟต์
วาวเหมือนไหม(Silky) ลักษณะเป็นเส้น มีความมันแวววาวเหมือนไหม
วาวเหมือนดิน(Dull) ลักษณะวาวที่ตรงข้ามกับการสะท้อนแสงคือมีความด้านเหมือนดิน เช่น
ชอล์ค
5. กลิ่น ส่วนมากจะไม่พบกลิ่นในแร่ แต่หากพบ กลิน่ จะมีลักษณะดังนี้ เช่น กลิ่นโคลน กล่นยาง
มะตอย กลิ่นไข่เน่า กลิ่นฉุน เป็นต้น
6. ความแกร่ง เป็นลักษณะของความทนทานที่มีต่อการทุบ แรงบด สามารถบรรยายได้เป็น
เปราะ(Brittle) อ่อน(Sectile)แผ่เป็นแผ่นได้(Malleable) ยืดเป็นลวดได้(Ductile) โค้งงอได้
(Flexible) ดีดกลับได้(Elastic)
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 32
7. ความถ่วงจำเพาะ
น้ำหนักของแร่
ความถ่วงจำเพาะ = น้ำหนักของน้ำที่มีปรีมาตรเท่าแร่
ประโยชน์ของแร่**
แคลไซต์ ใช้ทำปูนซีเมนต์ ปูนขาว บดทำวัสดุขัดถู
ซิลิกา ใช้ทำแก้ว กระจก ผงขัด กระดาษทราย
ถ่านหิน เรียงลำดับตามพลังงาน→แอนทราไซด์>บิทูมินสั > ลิกไนต์ >พีท
ใยหิน ใช้ทำวัสดุทนไฟ
ยิปซั่ม ใช้ทำปูนพลาสเตอร์ ชอล์ค
ทัลก์ ใช้ทำแป้งผัดหน้า ชอล์คเขียนผ้า
ควอตซ์ ใช้ทำเลนส์ หน้าปัดนาฬิกา
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 33
แบบฝึกหัด
1. ตารางความแข็งของฟรีดิช โมห์ แร่ฟลูออไรต์มีระดับความแข็ง 4 ใช้มีดหรือตะไบขูด
เป็นรอย หินลับมีดควรมีความแข็งเท่าใด
ก. 3 ข. 4 ค. 4.5 ง. 5
2. ทำการทดสอบแร่ชนิดต่าง ได้ผลดังนี้
แร่ 1 ใช้เล็บกรีดแล้วเป็นรอย
แร่ 2 ขีดแร่ 1 แล้วแร่ 1 เป็นรอย
แร่ 3 ใช้มีดกรีดแล้วไม่เป็นรอย
แร่ 4 ใช้เล็บกรีดไม่เป็นรอยแต่ใช้มีดกรีดเป็นรอย
แร่ชนิดใดมีความแข็งมากที่สุดแล้วน้อยที่สุด
ก. แร่ 1, แร่ 2 ข. แร่ 2, แร่ 3 ค. แร่3, แร่ 1 ง.
แร่ 4, แร่ 2
3. แร่รัตนชาติท่มี ีคุณสมบัติความแข็งสูงสุด สามารถนำไปใช้ทำหัวขุดเจาะแหล่งปิโตเลียม
ได้คือข้อใด
ก. มรกต ข. ทับทิม ค. เพทาย ง.
เพชร
4. ต้องการทดสอบสีผงของแร่ จะต้องทำอย่างไร
ก. ดูจากสีก้อนแร่ ข. น้ำก้อนแร่มาขีดบนแผ่นกระเบื้องผิว
ด้าน
ค. นำมาขูดกับแร่อื่น ง. นำไปละลายน้ำ
5. ทำปูนซีเมนต์ ปูนขาว บดเป็นผงละเอียดทำวัสดุขัดถูผลิตภัณฑ์
ก. ไมกา ข. แคลไซต์ ค. เฟลด์สปาร์
ง. ควอร์ตซ์
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 34
ชื่อแร่ ผลการทดสอบ
A ขูดแร่C แล้วปรากฏว่าแร่ C เป็นรอย
B ขูดแร่ A แล้วปรากฏว่าแร่ A เป็นรอย
C ขูดแร่ B แล้วปรากฏว่าแร่ C เป็นรอย
ก. A B C ข. B A C ค.A C B ง.
BCA
18. จากตารางต่อไปนี้
แร่ สี ความแข็ง ความวาว สีผงละเอียด ความหนาแน่น
A ขาว, ไม่มีสี 3 คล้ายแก้ว ขาว 3.70-3.75
B ขาว 5 คล้ายมุก - 5.12-5.17
C ขาว 6 คล้ายแก้ว เทา 5.14-5.19
D ขาว 7 คล้ายแก้ว ขาว 4.32-4.39
แร่ X มีสีขาวคล้ายแก้ว มีมวล 38.7 กรัม และมีปริมาตร 7.5cm3
แร่ Y มีสผี งกับสีแร่เหมือนกัน ขูดแร่B แล้ว แร่B เป็นรอย
แร่X และ Y ควรเป็นแร่ใด จามลำดับ
ก. A, D ข.A, C ค. C, D ง. C, C
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 36
น้ำ
น้ำแบ่งได้เป็น 2 ประเภทตามแหล่งที่อยู่คือ
1. น้ำผิวดินเช่น มหาสมุทร แม่น้ำ
2. น้ำใต้ดิน เช่น น้ำบาดาล
น้ำในโลกนี้มีปริมาณ 71% ของทั้งพื้นผิวโลก โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำเค็ม และ น้ำแข็งที่ขั้วโลก
แต่น้ำจืดที่สิ่งมีชีวิตใช้ในการบริโภคมีเพียง 2.5%เท่านั้น
น้ำใต้ดิน น้ำที่อยู่ในระดับชั้นดิน ถูกกันด้วยชั้นหินใต้ดิน แต่น้ำบาดาล เป็นน้ำที่อยู่ระหว่างชั้นหิน
ต้องเจาะลงไปถึงจะเจอ
เมือ่ มีการเคลือ่ นที่ของน้ำในธรรมชาติ ย่อมเกิดการกัดเซาะเป็นปกติ เช่น
การเกิดทะเลสาบรูปแอก เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแนวของแม่น้ำที่
ฝั่งของแม่น้ำ 2 ฝั่ง ฝั่งที่น้ำไหลเข้ากระทบเต็ม จะเกิดการกัดเซาะ แต่อีกฝั่ง จะเกิดการทับถม
แทน
ถาวร ต้มแล้วไม่หายกระด้าง
ไม่เกิดฟองกับน้ำสบู่หลังต้ม
- แคลเซียมคลอไรด์
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 39
- แคลเซียมซัลเฟต
- แมกนีเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
- แมกนีเซียมคลอไรด์
- แมกนีเซียมซัลเฟต
วิธีแก้ไขน้ำกระด้าง
น้ำกระด้างถาวร มีแคลเซียมซัลเฟต และแคลเซียมคลอไรด์ หรือ แมกนีเซียมซัลเฟต และ
แมกนีเซียมคลอไรด์ ละลายอยู่ ซึ่งสามารถกำจัดได้โดยการใช้สารเคมี ได้แก่ ปูนขาว
(แคลเซียมไฮดรอกไซด์) และ โซดาแอช (โซเดียมคาร์บอเนต) เติมลงไปในน้ำกระด้าง เพื่อทำ
ปฏิกิริยาทางเคมีเปลี่ยนรูปเกลือแคลเซียมและแมกนีเซียม ให้อยู่ในรูปตะกอน นอกจากนี้ ต้อง
ใส่สารช่วยตกตะกอน เช่น สารส้ม เพื่อให้ตะกอนที่เกิดขึ้นรวมตัวกันและจับตัวเป็นก้อนตะกอนได้
เร็วยิ่งขึ้น.
สำหรับความกระด้างชั่วคราว ในน้ำสามารถกำจัดได้โดยการต้ม เนื่องจากการต้มน้ำจะทำให้ไบ
คาร์บอเนตของแคลเซียมและแมกนีเซียม ที่มีอยู่ในน้ำกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหย
ออกจากน้ำ และเกิดตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตหรือแมกนีเซียมคาร์บอเนตสามารถกำจัด
ได้ด้วยการกรอง
สบู่ เกิด ฟองกับเฉพาะ น้ำอ่อน แต่ ผงซักฟอกเกิดกับน้ำทุกชนิด***
ผงซักฟอกมีสารประกอบฟอสเฟต หากทิ้งลงในแม่น้ำลำธารจะเป็นปุ๋ยให้พืชน้ำเจริญเติบโตเร็ว
กว่าปกติเป็นเหตุทำให้เกิดน้ำเสียได้ ***
ภูกระดึง ตะกอนรูปพัด
ดินดอนสามเหลีย่ ม ปากแม่นำ้
แบบฝึกหัด
1. ข้อใดไม่เกิดจากการกระทำของแหล่งน้ำ
ก. ทะเลสาบรูปแอก ข. แผ่นดินไหว
ค. สะพานหิน ง. ถ้ำลอด ถ้ำทะเล
2. เมื่อกระแสน้ำไหลก็จะเอาอนุภาคต่างๆไปด้วย เมื่อความเร็วน้ำลดลง ตะกอนบางส่วนจะ
ตกสะสมและทับถมงอกแผ่นยื่นออกไปในน้ำบริเวณเกิดเป็นสื่งใด
ก.ดินดอนสามเหลี่ยม ข.เกาะกลางแม่น้ำ
ค. ตะกอนรูปพัด ง. ที่ราบลุ่ม
3. น้ำพัดพาตะกอนมาตามหุบเขาด้วยความเร็วสูง เมือ่ ไหลลงสู่ที่ราบ ความเร็วลดลงตะกอน
จะตกทับถมและแผ่ออกไปในบริเวณที่ราบเชิงเขา เรียกว่าอะไร
ก. ดินดอนสามเหลี่ยม ข. ที่ราบน้ำท่วมถึง
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 41
ค. ตะกอนรูปพัด ง. ที่ราบลุ่ม
4. ถ้าตะกอนรูปพัดเกิดการสะสมตัวพอกสูงขึ้น จะเกิดเป็นสิ่งใด
ก. ดินดอนสามเหลี่ยม ข. ที่ราบที่มีน้ำท่วมถึง
ค. ตะกอนรูปกรวย ง. ที่ราบลุ่ม
5. การเกิดหินงอก หินย้อย เกิดจากสาเหตุใด
ก. หินปูนทำปฏิกิริยาเคมีกักรดคาร์บอนิกได้แคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
ข. การกร่อนของหิน
ค. อิทธิพลความร้อนทำให้หินละลายไหลออกมา
ง. การเปลี่ยนสภาพของหินกลายเป็นดินเกาะตามเพดาน
6. สถานที่ใดไม่เกี่ยวกับการกัดกร่อนของแหล่งน้ำ
ก. โพรงถ้ำ หินงอก หินย้อย ข. ซุ้มหินชายฝั่ง จังหวัดชุมพร
ค. ออบหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ง. ภูกระดึง จังหวัดเลย
7. การกระทำในข้อใดเกิดจากการเปลี่ยนทิศการไหลของน้ำ
ก. หุบเขาและร่องน้ำตัววี ข. ร่องน้ำรูปตัวยู
ค. แหล่งน้ำบาดาล ง. ทางน้ำโค้งตวัดและทะเลสาบรูปแอก
8. ถ้าเป็นทางที่น้ำไหลผ่านหุบเขาในพื้นที่ภูเขาสูง ระยะแรกน้ำจะไหลแรงกัดเซาะกินลงไป
เป็นร่องลึก เกิดสิ่งใด
ก. หุบเขาและร่องน้ำรูปตัววี ข. ร่องน้ำรูปตัวยู
ค. แหล่งน้ำบาดาล ง. ทางน้ำโค้งตวัดและทะเลสาบรูปแอก
9. เมื่อน้ำที่พัดพาตะกอนไหลผ่านที่ราบสูงลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ ก็อาจทำให้เปิดสิ่งใด
ก. ทะเลหรือทะเลสาบ ข. คันดิน
ค. การกัดกร่อน ง. น้ำท่วม
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 42
1
3 2
4
10. บริเวณใดมีการกัดเซาะสูงสุด
ก. 1 2 ข. 1 4 ค. 2 3 ง. 2 4
11. บริเวณใดที่มีการทับถมตกตอนที่ริมตลิ่ง
ก. 1 2 ข. 1 4 ค. 2 3 ง. 2 4
เอกสารประกอบการเรียน ออนไลน์ By ครูปยุ๋ 43
แนวข้อสอบ สสวท