Professional Documents
Culture Documents
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ประมวลกฎหมาย
วิธีพจิ ารณาความแพ่ ง
Jus_Highlight
Jus_Highlight
คำนำ
www.lawhappyfun.blogspot.com
Jus_Highlight
Jus_Highlight
สารบาญ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ ง
มาตรา
ภาค ๑ บททั่วไป
ลักษณะ ๑ บทวิเคราะห์ ศพั ท์ ๑
ลักษณะ ๒ ศาล
หมวด ๑ เขตอานาจศาล ๒-๑๐
หมวด ๒ การคัดค้ านผู้พิพากษา ๑๑-๑๔
หมวด ๓ อานาจและหน้ าที่ของศาล ๑๕-๓๔
หมวด ๔ การนัง่ พิจารณา ๓๕-๔๕
หมวด ๕ รายงานและสานวนความ ๔๖-๕๔
ลักษณะ ๓ คู่ความ ๕๕-๖๖
ลักษณะ ๔ การยื่นและส่งคาคู่ความและเอกสาร ๖๗-๘๓ อัฏฐ
ลักษณะ ๕ พยานหลักฐาน
หมวด ๑ หลักทัว่ ไป ๘๔-๑๐๕
หมวด ๒ การมาศาลของพยานและการซักถามพยาน ๑๐๖-๑๒๑
หมวด ๓ การนาพยานเอกสารมาสืบ ๑๒๒-๑๒๗ ทวิ
หมวด ๔ การตรวจและการแต่งตั ้งผู้เชี่ยวชาญโดยศาล ๑๒๘-๑๓๐
ลักษณะ ๖ คาพิพากษาและคาสัง่
หมวด ๑ หลักทัว่ ไปว่าด้ วยการชี ้ขาดตัดสินคดี ๑๓๑-๑๓๙
หมวด ๒ ข้ อความและผลแห่งคาพิพากษาและคาสัง่ ๑๔๐-๑๔๘
หมวด ๓ ค่าฤชาธรรมเนียม
ส่วนที่ ๑ การกาหนดและการชาระค่าฤชาธรรมเนียม
และการยกเว้ นค่าธรรมเนียมศาล ๑๔๙-๑๖๐
Jus_Highlight
ภาค ๒ วิธีพิจารณาในศาลชัน้ ต้ น
ลักษณะ ๑ วิธีพิจารณาสามัญในศาลชั ้นต้ น ๑๗๐-๑๘๘
ลักษณะ ๒ วิธีพิจารณาวิสามัญในศาลชั ้นต้ น
หมวด ๑ วิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ ๑๘๙-๑๙๖
หมวด ๒ การพิจารณาโดยขาดนัด
ส่วนที่ ๑ การขาดนัดยื่นคาให้ การ ๑๙๗-๑๙๙ ฉ
ส่วนที่ ๒ การขาดนัดพิจารณา ๒๐๐-๒๐๙
หมวด ๓ อนุญาโตตุลาการ ๒๑๐-๒๒๒
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ ง
ภาค ๑
บททั่วไป
ลักษณะ ๑
บทวิเคราะห์ ศัพท์
คู่ค วามฝ่ ายนั น้ เพี ย งแต่ แ สดง หรื อ กล่า วทบทวนหรื อ ยื น ยั น หรื อ อธิ บ ายข้ อความแห่ ง ค า
พยานหลักฐาน และปั ญหาข้ อกฎหมายและข้ อเท็จจริ งทั ้งปวง คาแถลงการณ์ อาจรวมอยู่ในคา
คู่ความ
(๗) “กระบวนพิจ ารณา” หมายความว่ า การกระทาใด ๆ ตามที่ บัญญั ติไ ว้ ในประมวล
กฎหมายนี ้อันเกี่ยวด้ วยคดีซงึ่ ได้ กระทาไปโดยคู่ความในคดีนั ้นหรื อโดยศาล หรื อตามคาสัง่ ของ
ศาลไม่ว่าการนั ้นจะเป็ นโดยคู่ความฝ่ ายใดทาต่อศาลหรือต่อคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่ง หรื อศาลทาต่อ
คู่ค วามฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง หรื อ ทุกฝ่ าย และรวมถึง การส่ง คาคู่ความและเอกสารอื่ น ๆ ตามที่
บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายนี ้
(๘) “การพิจารณา” หมายความว่า กระบวนพิจารณาทั ้งหมดในศาลใดศาลหนึ่งก่อนศาล
นั ้นชี ้ขาดตัดสินหรือจาหน่ายคดีโดยคาพิพากษาหรือคาสัง่
(๙) “การนั่งพิจารณา” หมายความว่า การที่ศาลออกนั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีเช่น ชี ้
สองสถาน สืบพยาน ทาการไต่สวน ฟั งคาขอต่าง ๆ และฟั งคาแถลงการณ์ด้วยวาจา
(๑๐) “วันสืบพยาน” หมายความว่า วันที่ศาลเริ่มต้ นทาการสืบพยาน
(๑๑) “คู่ความ” หมายความว่า บุคคลผู้ยื่นคาฟ้อง หรื อถูกฟ้องต่อศาล และเพื่อประโยชน์
แห่ ง การด าเนิ น กระบวนพิ จ ารณาให้ รวมถึง บุคคลผู้มี สิท ธิ กระท าการแทนบุคคลนัน้ ๆ ตาม
กฎหมาย หรือในฐานะทนายความ
(๑๒) “บุคคลผู้ไร้ ความสามารถ” หมายความว่า บุคคลใดๆ ซึ่งไม่มีความสามารถตาม
กฎหมายหรือความสามารถถูกจากัดโดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า
ด้ วยความสามารถ
(๑๓) “ผู้แทนโดยชอบธรรม” หมายความว่า บุคคลซึ่ง ตามกฎหมายมีสิทธิ ที่ จะทาการ
แทนบุคคลผู้ไร้ ความสามารถหรือเป็ นบุคคลที่จะต้ องให้ คาอนุญาต หรื อให้ ความยินยอมแก่ผ้ ไู ร้
ความสามารถในอันที่จะกระทาการอย่างใดอย่างหนึง่
Jus_Highlight
ลักษณะ ๒
ศาล
หมวด ๑
เขตอานาจศาล
มาตรา ๓ เพื่อประโยชน์ในการเสนอคาฟ้อง
(๑) ในกรณีที่มลู คดีเกิดขึ ้นในเรือไทยหรื ออากาศยานไทยที่อยู่นอกราชอาณาจักรให้ ศาล
แพ่งเป็ นศาลที่มีเขตอานาจ
(๒) ในกรณีที่จาเลยไม่มีภูมิลาเนาอยู่ในราชอาณาจักร
Jus_Highlight
มาตรา ๔ ทวิ คาฟ้ องเกี่ยวด้ วยอสัง หาริ มทรัพ ย์ หรื อ สิท ธิ หรื อประโยชน์ อันเกี่ ยวด้ ว ย
อสัง หาริ ม ทรั พ ย์ ให้ เ สนอต่ อ ศาลที่ อ สัง หาริ ม ทรั พ ย์ นัน้ ตัง้ อยู่ใ นเขตศาล ไม่ ว่ า จ าเลยจะมี
ภูมิลาเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ หรือต่อศาลที่จาเลยมีภูมิลาเนาอยู่ในเขตศาล
มาตรา ๔ จัตวา คาร้ องขอแต่งตั ้งผู้จดั การมรดก ให้ เสนอต่ อศาลที่เจ้ ามรดกมีภูมิลาเนา
อยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตาย
ในกรณีที่เจ้ ามรดกไม่มีภูมิลาเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้ เสนอต่อศาลที่ทรัพย์ มรดกอยู่ใน
เขตศาล
มาตรา ๖ ก่ อนยื่น คาให้ การ จาเลยชอบที่จะยื่ นคาร้ องต่อศาลที่โ จทก์ ได้ ยื่น คาฟ้ องไว้
ขอให้ โอนคดีไปยังศาลอื่นที่มีเขตอานาจได้ คาร้ องนั ้นจาเลยต้ องแสดงเหตุที่ยกขึ ้นอ้ างอิงว่ า
การพิจารณาคดี ต่อไปในศาลนั ้นจะไม่สะดวก หรื อจาเลยอาจไม่ได้ รับความยุติธรรมเมื่อศาล
เห็นสมควร ศาลจะมีคาสัง่ อนุญาตตามคาร้ องนั ้นก็ได้
Jus_Highlight
มาตรา ๘ ถ้ า คดี สองเรื่ องซึ่งมี ประเด็ นอย่า งเดี ยวกัน หรื อเกี่ยวเนื่ องใกล้ ชิ ดกัน อยู่ใ น
ระหว่างพิจารณาของศาลชั ้นต้ นที่มีเขตอานาจสองศาลต่างกัน และศาลทั ้งสองนั ้นได้ ยกคาร้ อง
ทั ้งหลายที่ได้ ยื่นต่อศาลขอให้ คดีทั ้งสองได้ พิจารณาพิพากษารวมในศาลเดียวกันนั ้นเสียตราบ
Jus_Highlight
หมวด ๒
การคัดค้ านผู้พิพากษา
(๒) ถ้ าเป็ นญาติเกี่ยวข้ องกับคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง คือว่าเป็ นบุพการี หรื อผู้สืบสันดาน
ไม่ว่ าชัน้ ใด ๆ หรื อ เป็ นพี่ น้อ งหรื อ ลูกพี่ ลกู น้ อ งนับได้ เ พียงภายในสามชั ้น หรื อเป็ นญาติเ กี่ยว
พันทางแต่งงานนับได้ เพียงสองชั ้น
(๓) ถ้ าเป็ นผู้ที่ได้ ถูกอ้ างเป็ นพยานโดยที่ได้ ร้ ู ได้ เห็นเหตุการณ์ หรื อโดยเป็ นผู้เชี่ยวชาญมี
ความรู้เป็ นพิเศษเกี่ยวข้ องกับคดีนั ้น
(๔) ถ้ าได้ เป็ นหรือเป็ นผู้แทนโดยชอบธรรมหรื อผู้ แทนหรื อได้ เป็ นทนายความของคู่ความ
ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ มาแล้ ว
(๕) ถ้ าได้ เป็ นผู้ พิ พ ากษานั่ ง พิ จ ารณาคดี เ ดี ย วกั น นั น้ ในศาลอื่ น มาแล้ ว หรื อ เป็ น
อนุญาโตตุลาการมาแล้ ว
(๖) ถ้ ามีคดีอีกเรื่องหนึง่ อยู่ในระหว่างพิจารณาซึ่งผู้พิพากษานั ้นเอง หรื อภริ ยา หรื อญาติ
ทางสืบสายโลหิตตรงขึ ้นไป หรือตรงลงมาของผู้พิพากษานั ้นฝ่ ายหนึ่ง พิพาทกับคู่ความฝ่ ายใด
ฝ่ ายหนึง่ หรือภริ ยา หรื อญาติทางสืบสายโลหิตตรงขึ ้นไปหรื อตรงลงมาของคู่ความฝ่ ายนั ้นอีก
ฝ่ ายหนึง่
(๗) ถ้ าผู้พิพากษานั ้นเป็ นเจ้ าหนี ้หรือลูกหนี ้ หรือเป็ นนายจ้ างของคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่
หมวด ๓
อานาจและหน้ าที่ของศาล
มาตรา ๑๗ คดี ที่ ไ ด้ ยื่น ฟ้ องไว้ ต่อ ศาลนัน้ ให้ ศาลดาเนิน การไปตามลาดับ เลขหมาย
สานวนในสารบบความ เว้ นแต่ศาลจะกาหนดเป็ นอย่างอื่นเมื่อมีเหตุผลพิเศษ
มาตรา ๑๙ ศาลมีอานาจสัง่ ได้ ตามที่เห็นสมควรให้ ค่คู วามทุกฝ่ าย หรื อฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง
มาศาลด้ วยตนเอง ถึงแม้ ว่าคู่ความนั ้น ๆ จะได้ มีทนายความว่าต่างแก้ ต่างอยู่แล้ วก็ดี อนึ่งถ้ า
ศาลเห็นว่ าการที่คู่ความมาศาลด้ วยตนเองอาจยัง ให้ เ กิดความตกลงหรื อ การประนีประนอม
ยอมความดังที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตราต่อไปนี ้ ก็ให้ ศาลสัง่ ให้ ค่คู วามมาศาลด้ วยตนเอง
เมื่อ ศาลเห็น สมควรหรื อเมื่อ คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งร้ อ งขอ ศาลอาจแต่ง ตั ้งบุคคลหรื อ
คณะบุคคลเป็ นผู้ประนีประนอม เพื่อช่วยเหลือศาลในการไกล่เกลี่ยให้ ค่คู วามได้ ประนีประนอม
กัน
หลักเกณฑ์ แ ละวิ ธี การในการไกล่เ กลี่ยของศาล การแต่ ง ตัง้ ผู้ป ระนี ป ระนอม รวมทั ง้
อานาจหน้ าที่ของผู้ประนีประนอม ให้ เป็ นไปตามที่กาหนดไว้ ในข้ อกาหนดของประธานศาลฎี กา
โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา[๒๑]
ข้ อกาหนดของประธานศาลฎี กาตามวรรคสาม เมื่อได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ ว
ให้ ใช้ บงั คับได้ [๒๒]
มาตรา ๒๔ เมื่อคู่ความฝ่ ายใดยกปั ญหาข้ อกฎหมายขึ ้นอ้ าง ซึ่งถ้ าหากได้ วินิจฉัยให้ เป็ น
คุณแก่ฝ่ายนั ้นแล้ ว จะไม่ต้องมีการพิจารณาคดีต่อไปอีก หรื อไม่ต้องพิจารณาประเด็นสาคัญ
แห่งคดีบางข้ อ หรือถึงแม้ จะดาเนินการพิจารณาประเด็นข้ อสาคัญแห่งคดีไป ก็ไม่ทาให้ ได้ ความ
Jus_Highlight
มาตรา ๒๘ ถ้ ามีคดีหลายเรื่ องค้ า งพิจ ารณาอยู่ใ นศาลเดี ยวกันหรื อในศาลชั ้นต้ นสอง
ศาลต่างกัน และคู่ความทั ้งหมด หรื อแต่บางฝ่ ายเป็ นคู่ความรายเดียวกัน กับทั ้งการพิจารณา
คดี เหล่า นั ้น ถ้ า ได้ รวมกัน แล้ ว จะเป็ นการสะดวก หากศาลนั ้นหรื อ ศาลหนึ่ง ศาลใดเหล่า นัน้
เห็นสมควรให้ พิจารณาคดีรวมกัน หรื อหากคู่ความทั ้งหมดหรื อแต่บางฝ่ ายมีคาขอให้ พิจารณา
คดีรวมกันโดยแถลงไว้ ในคาให้ การหรือทาเป็ นคาร้ องไม่ว่าในเวลาใด ๆ ก่อนมีคาพิพากษา เมื่อ
ศาลได้ ฟังคู่ความทุกฝ่ ายแห่งคดีนั ้น ๆ แล้ วถ้ าศาลเป็ นที่พอใจว่า คดีเหล่านั ้นเกี่ยวเนื่องกัน ก็ให้
ศาลมีอานาจออกคาสัง่ ให้ พิจารณาคดีเหล่านั ้นรวมกัน
Jus_Highlight
ถ้ าจะโอนคดีมาจากอีกศาลหนึ่งหรื อโอนคดีไปยังอีกศาลหนึ่งที่มีเขตอานาจเหนือคดีนั ้น
ศาลจะมีคาสัง่ ก่อนที่ได้ รับความยินยอมของอีกศาลหนึ่งนั ้นไม่ได้ แต่ถ้าศาลที่จะรับโอนคดีไม่
ยินยอม ก็ให้ ศาลที่จะโอนคดีนั ้นส่งเรื่องให้ อธิบดีผ้ พู ิพากษาศาลอุทธรณ์ ชี ้ขาด คาสัง่ ของอธิ บดี
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ เป็ นที่สดุ
มาตรา ๓๐ ให้ ศาลมี อานาจออกข้ อ กาหนดใด ๆ แก่ คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง หรื อ แก่
บุคคลภายนอกที่อยู่ต่อหน้ าศาลตามที่เห็นจาเป็ น เพื่อรักษาความเรี ยบร้ อยในบริ เวณศาล และ
เพื่อให้ กระบวนพิจารณาดาเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็ ว อานาจเช่นว่านี ้ ให้ รวมถึ งการสัง่
ห้ ามคู่ความมิให้ ดาเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อ ความราคาญ หรื อในทางประวิงให้ ชักช้ า
หรือในทางฟุ่ มเฟื อยเกินสมควร
Jus_Highlight
มาตรา ๓๒ ผู้ใ ดเป็ นผู้ประพันธ์ บรรณาธิ การ หรื อผู้พิ มพ์ โ ฆษณาซึ่งหนังสือ พิมพ์ หรื อ
สิ่งพิมพ์ อันออกโฆษณาต่อ ประชาชน ไม่ว่า บุคคลเหล่านัน้ จะได้ ร้ ู ถึง ซึ่งข้ อ ความหรื อการออ ก
โฆษณาแห่งหนังสือพิมพ์ หรือสิง่ พิมพ์เช่นว่านั ้นหรือไม่ ให้ ถือว่าได้ กระทาผิดฐานละเมิดอานาจ
ศาลในกรณีอย่างใดอย่างหนึง่ ในสองอย่างดังจะกล่าวต่อไปนี ้
(๑) ไม่ว่าเวลาใด ๆ ถ้ าหนังสือพิมพ์ หรื อสิ่งพิมพ์ เช่นว่ามานั ้นได้ กล่าวหรื อแสดงไม่ว่าโดย
วิธีใด ๆ ซึง่ ข้ อความหรื อความเห็นอันเป็ นการเปิ ดเผยข้ อเท็จจริ งหรื อพฤติการณ์ อื่น ๆ แห่งคดี
หรือกระบวนพิจารณาใด ๆ แห่งคดี ซึง่ เพื่อความเหมาะสมหรื อเพื่อคุ้มครองสาธารณประโยชน์
ศาลได้ มี ค าสั่งห้ า มการออกโฆษณาสิ่ง เหล่า นัน้ ไม่ ว่ า โดยวิ ธี เพี ยงแต่สั่ง ให้ พิจ ารณาโดยไม่
เปิ ดเผยหรือโดยวิธีห้ามการออกโฆษณาโดยชัดแจ้ ง
Jus_Highlight
(๒) ถ้ า หนัง สือ พิ ม พ์ ห รื อ สิ่ง พิ ม พ์ ได้ กล่า วหรื อ แสดงไม่ ว่ า โดยวิ ธี ใด ๆ ในระหว่ า งการ
พิจารณาแห่งคดี ไปจนมี คาพิพากษาเป็ นที่สดุ ซึ่งข้ อความหรื อ ความเห็นโดยประสงค์ จะให้ มี
อิทธิพลเหนือความรู้สกึ ของประชาชน หรื อเหนือศาลหรื อเหนือคู่ความหรื อเหนือพยานแห่งคดี
ซึง่ พอเห็นได้ ว่าจะทาให้ การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป เช่น
ก. เป็ นการแสดงผิดจากข้ อเท็จจริงแห่งคดี หรือ
ข. เป็ นรายงานหรือย่อเรื่องหรือวิภาค ซึ่งกระบวนพิจารณาแห่งคดีอย่างไม่เป็ นกลางและ
ไม่ถกู ต้ อง หรือ
ค. เป็ นการวิภ าคโดยไม่เป็ นธรรม ซึ่ง การดาเนินคดี ของคู่ความ หรื อคาพยานหลักฐาน
หรือนิสยั ความประพฤติของคู่ความหรื อพยาน รวมทั ้งการแถลงข้ อความอันเป็ นการเสื่อมเสีย
ต่อชื่อเสียงของคู่ความหรือพยาน แม้ ถงึ ว่าข้ อความเหล่านั ้นจะเป็ นความจริง หรือ
ง. เป็ นการชักจูงให้ เกิดมีคาพยานเท็จ
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี ้ ให้ นาวิเคราะห์ ศัพท์ ทั ง้ ปวงในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติ
การพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖ มาใช้ บงั คับ
หมวด ๔
การนั่งพิจารณา
(ก) ห้ า มประชาชนมิ ใ ห้ เข้ า ฟั ง การพิ จ ารณาทัง้ หมดหรื อ แต่ บ างส่ว น แล้ ว ดาเนิ น การ
พิจารณาไปโดยไม่เปิ ดเผย หรือ
(ข) ห้ ามมิให้ ออกโฆษณาข้ อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ ต่าง ๆ เช่นว่านั ้น
ในบรรดาคดีทั ้งปวงที่ฟ้องขอหย่าหรือฟ้องชายชู้หรื อฟ้องให้ รับรองบุตร ให้ ศาลห้ ามมิให้ มี
การเปิ ดเผยซึง่ ข้ อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ใด ๆ ที่ศาลเห็นเป็ นการไม่สมควร หรื อพอจะเห็นได้ ว่า
จะทาให้ เกิดการเสียหายอันไม่เป็ นธรรมแก่ค่คู วามหรือบุคคลที่เกี่ยวข้ อง
ไม่ว่าศาลจะได้ มีคาสัง่ ตามอนุมาตรา (๒) นี ้หรื อไม่ คาสัง่ หรื อคาพิพากษาชี ้ขาดคดีของ
ศาลนั ้น ต้ องอ่านในศาลโดยเปิ ดเผย และมิให้ ถือ ว่าการออกโฆษณาทัง้ หมดหรื อ แต่บางส่ว น
แห่งคาพิพากษานั ้นหรือย่อเรื่องแห่งคาพิพากษาโดยเป็ นกลางและถูกต้ องนั ้น เป็ นผิดกฎหมาย
มาตรา ๔๔ ค าสั่ง ให้ หมายเรี ย กบุ ค คลใดเข้ ามาแทนผู้ มรณะนั น้ จะต้ องก าหนด
ระยะเวลาพอสมควรเพื่อให้ บคุ คลนั ้นมีโอกาสคัดค้ านในศาลว่าตนมิได้ เป็ นทายาทของผู้มรณะ
หรือมิได้ เป็ นผู้จดั การทรัพย์มรดกหรือผู้ปกครองทรัพย์ มรดกนั ้น
ทายาท ผู้จัดการทรัพย์ มรดก หรื อบุคคลผู้ถูกเรี ยกไม่จาต้ องปฏิ บัติตามหมายเช่นว่านัน้
ก่อนระยะเวลาที่กฎหมายกาหนดไว้ เพื่อการยอมรับฐานะนั ้นได้ ลว่ งพ้ นไปแล้ ว
ถ้ าบุคคลที่ ถูกศาลหมายเรี ยกนัน้ ยิน ยอมรั บเข้ า มาเป็ นคู่ความแทนผู้มรณะให้ ศาลจด
รายงานพิสดารไว้ และดาเนินคดีต่อไป
ถ้ าบุคคลนั ้นไม่ยินยอมหรือไม่มาศาล ให้ ศาลทาการไต่สวนตามที่เห็นสมควรถ้ าศาลเห็น
ว่าหมายเรียกนั ้นมีเหตุผลฟั งได้ ก็ให้ ออกคาสัง่ ตั ้งบุคคลผู้ ถูกเรี ยกเป็ นคู่ความแทนผู้มรณะแล้ ว
ดาเนินคดีต่ อไป ถ้ าศาลเห็นว่า ข้ อคัดค้ านของบุคคลผู้ถูกเรี ยกมีเหตุผลฟั งได้ ก็ให้ ศาลสัง่ เพิ ก
ถอนหมายเรี ยกนั ้นเสีย และถ้ าคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งไม่ สามารถเรี ยกทายาทอันแท้ จริ งหรื อ
ผู้จัด การทรั พ ย์ มรดกหรื อบุคคลที่ ป กครองทรั พย์ ม รดกของผู้ มรณะเข้ ามาเป็ นคู่ความแทนผู้
มรณะได้ ภายในกาหนดเวลาหนึ่งปี ก็ให้ ศาลมีคาสัง่ ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ แห่งความ
ยุติธรรม
หมวด ๕
รายงานและสานวนความ
ถ้ าต้ นฉบั บ เอกสารหรื อ แผ่ น กระดาษไม่ ว่ า อย่ า งใด ๆ ที่ ส่ ง ต่ อ ศาลได้ ท า ขึ น้ เป็ น
ภาษาต่ างประเทศ ให้ ศาลสัง่ คู่ความฝ่ ายที่ส่งให้ ทาคาแปลทั ้งฉบับหรื อ เฉพาะแต่ส่ว นสาคัญ
โดยมีคารับรองมายื่นเพื่อแนบไว้ กบั ต้ นฉบับ
ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดหรื อ บุคคลใดที่ม าศาลไม่เ ข้ าใจภาษาไทยหรื อเป็ นใบ้ หรื อ หูหนวกและ
อ่านเขียนหนังสือไม่ได้ ให้ ให้ ค่คู วามฝ่ ายที่เกี่ยวข้ องจัดหาล่าม
(๒) ถ้ าคู่ความ หรื อ บุคคลที่ จะต้ อ งลงลายมือ ชื่อ ในรายงานดัง กล่าวแล้ ว ลงลายมือ ชื่ อ
ไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้ ศาลทารายงานจดแจ้ งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อเช่นนั ้นไว้ แทนการ
ลงลายมือชื่อ
ฝ่ ายที่ เกี่ ยวข้ อ งยื่ น คาขอโดยท าเป็ นคาร้ อง ให้ ศาลสัง่ คู่ความหรื อบุคคลผู้ถือเอกสารนัน้ น า
สาเนาที่รับรองถูกต้ องมาส่งต่อศาล ถ้ าหากสาเนาเช่นว่านั ้นทั ้งหมดหรื อบางส่วนหาไม่ได้ ให้
ศาลมีคาสั่งให้ พิจารณาคดีนัน้ ใหม่ หรื อมีคาสัง่ อย่างอื่น ตามที่เห็น สมควร เพื่อประโยชน์ แห่ ง
ความยุติธรรม
ในกรณีที่ ศาลได้ ทาคาอธิ บ ายเพิ่ม เติม กลัดไว้ กับ รายงานแห่ งคาสัง่ หรื อคาพิพ ากษาซึ่ง
กระทาด้ วยวาจาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔๑ คาอธิ บายเพิ่มเติมเช่นว่านั ้นคู่ความจะขอตรวจ
หรือขอคัดสาเนา หรือขอสาเนาเสมือนเป็ นส่วนหนึง่ แห่งคาสัง่ หรือคาพิพากษาก็ได้
สาเนาที่รับรองนั ้น ให้ จ่าศาลเป็ นผู้รับรองโดยเรี ยกค่าธรรมเนียมตามที่กาหนดไว้ ในอัตรา
ท้ ายประมวลกฎหมายนี ้ ในกรณีที่ผ้ ขู อตรวจเอกสารหรื อขอคัดสาเนาด้ วยตนเอง ไม่ต้องเรี ยก
ค่าธรรมเนียม
ลักษณะ ๓
คู่ความ
มาตรา ๖๖ ผู้ใ ดอ้ า งว่ า เป็ นผู้แ ทนโดยชอบธรรมของตัว ความหรื อ เป็ นผู้แทนของนิ ติ
บุคคล เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความฝ่ ายที่เกี่ยวข้ องยื่นคาขอ โดยทาเป็ นคาร้ องในขณะที่
ยื่นคาฟ้องหรือคาให้ การ ศาลจะทาการสอบสวนถึงอานาจของผู้นั ้นก็ได้ และถ้ าเป็ นที่พอใจว่าผู้
นั ้นไม่มีอานาจ หรืออานาจของผู้นั ้นบกพร่อง ศาลมีอานาจยกฟ้องคดีนั ้นเสีย หรื อมีคาพิพากษา
หรือคาสัง่ อย่างอื่นได้ ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
Jus_Highlight
ลักษณะ ๔
การยอ่นและส่ งคาคู่ความและเอกสาร
มาตรา ๖๙ การยื่ น คาคู่ความ หรื อ เอกสารอื่ น ใดต่ อ ศาลนัน้ ให้ กระทาได้ โ ดยส่ง ต่ อ
พนักงานเจ้ าหน้ าที่ของศาล หรือยื่นต่อศาลในระหว่างนัง่ พิจารณา
มาตรา ๗๑ คาให้ การนัน้ ให้ ฝ่ายที่ ให้ การนาต้ น ฉบับ ยื่ น ไว้ ต่อ ศาลพร้ อมด้ วยสาเนา
สาหรับให้ ค่คู วามอีกฝ่ ายหนึง่ หรือคู่ความอื่น ๆ รับไปโดยทางเจ้ าพนักงานศาล
คาร้ องเพื่อแก้ ไขเพิ่มเติมคาให้ การนั ้น ให้ เจ้ าพนักงานศาลเป็ นผู้ส่งให้ คู่ ความอีกฝ่ ายหนึ่ง
หรือคู่ความอื่น ๆ โดยฝ่ ายที่ยื่นคาร้ องเป็ นผู้มีหน้ าที่จดั การนาส่ง
หรื อศาลได้ กาหนดไว้ และการส่ง เช่น ว่า นี จ้ ะต้ องกระทาโดยทางเจ้ า พนักงานศาล ให้ ถือ ว่ า
คู่ความฝ่ ายนั ้นได้ ปฏิบตั ิตามความมุ่งหมายของกฎหมายหรื อของศาลแล้ ว เมื่อคู่ความฝ่ ายนั ้น
ได้ สง่ คาคู่ความหรือเอกสารเช่นว่านั ้นแก่พนักงานเจ้ าหน้ าที่ของศาลเพื่อให้ ยื่นหรื อให้ ส่งในเวลา
หรื อ ก่ อ นเวลาที่ ก าหนดนัน้ แล้ ว แม้ ถึง ว่ า การรั บ คาคู่ความหรื อ เอกสารหรื อ การขอให้ ส่ง คา
คู่ ค วามหรื อ เอกสารหรื อ การส่ ง ค าคู่ ค วามหรื อ เอกสารให้ แก่ คู่ ค วามอี ก ฝ่ ายหนึ่ ง หรื อ
บุคคลภายนอกนั ้นจะได้ เป็ นไปภายหลังเวลาที่กาหนดนั ้นก็ดี
ถ้ าประมวลกฎหมายนี ้บัญญัติไว้ ว่าการส่งคาคู่ความหรื อเอกสารอื่นใด จะต้ องให้ ค่คู วาม
อีก ฝ่ ายหนึ่งหรื อบุคคลภายนอกทราบล่วงหน้ า ตามระยะเวลาที่กาหนดไว้ ก่อ นวัน เริ่ ม ต้ น นั่ง
พิจารณาหรื อสืบ พยาน ให้ ถือว่า คู่ความฝ่ ายที่ต้องรั บผิดในการส่งนัน้ ได้ ปฏิ บัติตามความมุ่ง
หมายของกฎหมายหรือของศาลตามที่บญ
ั ญัติไว้ ในวรรคก่อนนั ้นได้ ต่อเมื่อ คู่ความฝ่ ายนั ้นได้ ยื่น
คาคู่ความหรื อเอกสารที่จะต้ อ งส่งให้ แก่ พนักงานเจ้ าหน้ าที่ข องศาลไม่ ต่ากว่าสามวันก่อนวัน
เริ่มต้ นแห่งระยะเวลาที่กาหนดล่วงหน้ าไว้ นั ้น
ในกรณีที่ค่คู วามอาจส่งคาคู่ความหรื อ เอกสารโดยวิธีส่งสาเนาตรงไปยังคู่ความอีกฝ่ าย
หนึ่ง หรื อบุคคลภายนอกได้ นั ้น บทบัญญัติแห่ งมาตรานี ้มิไ ด้ ห้ ามคู่ความที่มี หน้ าที่ ต้อ งส่งคา
คู่ความหรือเอกสารดังกล่าวแล้ วในอันที่จะใช้ วิธีเช่นว่านี ้ แต่ค่คู วามฝ่ ายนั ้นจะต้ องส่งใบรับของ
คู่ความอีกฝ่ ายหนึ่ง หรื อบุคคลภายนอกต่ อศาลในเวลาหรื อก่ อนเวลาที่กฎหมายหรื อ ศาลได้
กาหนดไว้
ลักษณะ ๕
พยานหลักฐาน
หมวด ๑
หลักทั่วไป
มาตรา ๘๔/๑ คู่ความฝ่ ายใดกล่า วอ้ างข้ อเท็จจริ งเพื่ อสนับ สนุน คาคู่ความของตน ให้
คู่ความฝ่ ายนั ้นมี ภ าระการพิสจู น์ ข้อเท็จจริ งนัน้ แต่ถ้ามีข้อสัน นิษฐานไว้ ในกฎหมายหรื อมีข้ อ
สันนิษฐานที่ควรจะเป็ นซึง่ ปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์ เป็ นคุณแก่ค่คู วามฝ่ าย
ใด คู่ความฝ่ ายนั ้นต้ องพิสจู น์ เพียงว่าตนได้ ปฏิ บัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้ รับประโยชน์
จากข้ อสันนิษฐานนั ้นครบถ้ วนแล้ ว
หรื อขอให้ ศาลไปตรวจ หรื อขอให้ ตั ้งผู้เชี่ยวชาญแล้ วแต่กรณี พร้ อมทั ง้ สาเนาบัญชีระบุพยาน
ดังกล่าวในจานวนที่เพียงพอ เพื่อให้ ค่คู วามฝ่ ายอื่นมารับไปจากเจ้ าพนักงานศาล
ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดมีความจานงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ ยื่นคาแถลงขอระบุพยาน
เพิ่มเติมต่อศาลพร้ อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและสาเนาบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวได้
ภายในสิบห้ าวันนับแต่วนั สืบพยาน
เมื่อระยะเวลาที่กาหนดให้ ยื่นบัญชีระบุพยานตามวรรคหนึ่งหรื อวรรคสองแล้ วแต่กรณี ได้
สิ ้นสุดลงแล้ ว ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดซึ่งได้ ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แล้ ว มีเหตุอันสมควรแสดงได้ ว่าตน
ไม่สามารถทราบได้ ว่าต้ องนาพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ ของตนหรื อไม่ทราบ
ว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้ มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด หรื อถ้ าคู่ความฝ่ ายใดซึ่งมิได้ ยื่น
บัญชี ระบุพยานแสดงให้ เป็ นที่ พอใจแก่ศาลได้ ว่ า มี เหตุอัน สมควรที่ไ ม่สามารถยื่นบัญชี ระบุ
พยานตามกาหนดเวลาดังกล่าวได้ คู่ความฝ่ ายนั ้นอาจยื่นคาร้ องขออนุญ าตอ้ างพยานหลักฐาน
เช่นว่านั ้นต่อศาลพร้ อมกับบัญชีระบุพยานและสาเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวไม่ว่าเวลาใด ๆ
ก่อนพิพากษาคดีและถ้ าศาลเห็นว่า เพื่อให้ การวินิจฉัยชี ้ขาดข้ อสาคัญแห่งประเด็นเป็ นไปโดย
เที่ยงธรรม จาเป็ นจะต้ องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั ้น ก็ให้ ศาลอนุญาตตามคาร้ อง
ในกรณีที่ค่คู วามฝ่ ายนั ้นมิได้ ถามค้ านพยานของคู่ความฝ่ ายอื่นไว้ ดังกล่าวมาข้ างต้ นแล้ ว
ต่อมานาพยานหลักฐานมาสืบถึงข้ อความนั ้น คู่ความฝ่ ายอื่นที่สืบพยานนั ้นไว้ ชอบที่จะคัดค้ าน
ได้ ในขณะที่คู่ความฝ่ ายนัน้ น าพยานหลักฐานมาสืบ และในกรณี เช่ น ว่า นี ้ ให้ ศาลปฏิ เ สธไม่
ยอมรับฟั งพยานหลักฐานเช่นว่ามานั ้น
ในกรณีที่ค่คู วามฝ่ ายที่ประสงค์จะนาสืบพยานหลักฐานเพื่อพิสจู น์ต่อพยานตามวรรคหนึ่ง
แสดงให้ เป็ นที่พอใจของศาลว่ า เมื่อเวลาพยานเบิกความนั ้นตนไม่ ร้ ู หรื อไม่ มีเหตุอัน ควรรู้ ถึง
ข้ อ ความดัง กล่าวมาแล้ ว หรื อถ้ าศาลเห็ นว่ าเพื่อ ประโยชน์ แ ห่ง ความยุติธรรมจาเป็ นต้ องสืบ
พยานหลักฐานเช่นว่านี ้ศาลจะยอมรับฟั งพยานหลักฐานเช่นว่านี ้ก็ได้ แต่ในกรณีเช่นนี ้ คู่ความ
อีกฝ่ ายหนึ่งจะขอให้ เรี ยกพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้ องมาสืบอีกก็ได้ หรื อเมื่อศาลเห็นสมควรจะ
เรียกมาสืบเองก็ได้
มาตรา ๙๔ เมื่ อ ใดมี กฎหมายบัง คับ ให้ ต้อ งมี พ ยานเอกสารมาแสดง ห้ า มมิ ใ ห้ ศาล
ยอมรับฟั งพยานบุคคลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี ้ แม้ ถึงว่าคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่งจะได้
ยินยอมก็ดี
(ก) ขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไม่สามารถนาเอกสารมาแสดง
(ข) ขอสืบพยานบุคคลประกอบข้ ออ้ างอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อได้ นาเอกสารมาแสดงแล้ ว
ว่า ยังมีข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลีย่ นแปลงแก้ ไขข้ อความในเอกสารนั ้นอยู่อีก
แต่ว่ าบทบัญญัติ แห่ งมาตรานี ้ มิ ให้ ใช้ บังคับในกรณีที่ บัญญัติไว้ ใ นอนุม าตรา (๒) แห่ ง
มาตรา ๙๓ และมิให้ ถือว่าเป็ นการตัดสิทธิ ค่คู วามในอันที่จะกล่าวอ้ างและนาพยานบุคคลมา
สืบประกอบข้ ออ้ างว่า พยานเอกสารที่แสดงนั ้นเป็ นเอกสารปลอมหรือไม่ถกู ต้ องทั ้งหมด หรื อแต่
บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี ้อย่างอื่นที่ระบุไว้ ในเอกสารนั ้นไม่สมบูรณ์ หรื อคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่ง
ตีความหมายผิด
(๒) เป็ นผู้ที่ได้ เห็น ได้ ยิน หรือทราบข้ อความเกี่ยวในเรื่ องที่จะให้ การเป็ นพยานนั ้นมาด้ วย
ตนเองโดยตรง แต่ความในข้ อนี ใ้ ห้ ใ ช้ ได้ ต่อ เมื่อ ไม่มี บทบัญญัติแห่ง กฎหมายโดยชัดแจ้ ง หรื อ
คาสัง่ ของศาลว่าให้ เป็ นอย่างอื่น
ถ้ าศาลไม่ยอมรับไว้ ซงึ่ คาเบิกความของบุคคลใด เพราะเห็นว่าบุคคลนัน้ จะเป็ นพยานหรื อ
ให้ ก ารดัง กล่าวข้ างต้ น ไม่ ได้ และคู่ความฝ่ ายที่เ กี่ยวข้ อ งร้ องคัดค้ านก่อ นที่ ศาลจะดาเนิ นคดี
ต่อไป ให้ ศาลจดรายงานระบุนามพยาน เหตุผลที่ไม่ยอมรับและข้ อคัดค้ า นของคู่ความฝ่ ายที่
เกี่ ย วข้ องไว้ ส่ว นเหตุผ ลที่ คู่ค วามฝ่ ายคัด ค้ า นยกขึน้ อ้ างนัน้ ให้ ศ าลใช้ ดุล พิ นิ จ จดลงไว้ ใ น
รายงานหรือกาหนดให้ ค่คู วามฝ่ ายนั ้นยื่นคาแถลงต่อศาลเพื่อรวมไว้ ในสานวน
มาตรา ๑๐๐ คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ซึง่ ประสงค์จะอ้ างอิงข้ อเท็จจริ งใดและขอให้ ค่คู วาม
ฝ่ ายอื่นตอบว่าจะรั บรองข้ อเท็จจริ งนัน้ ว่าถูกต้ องหรื อไม่ อาจส่งคาบอกกล่าวเป็ นหนังสือแจ้ ง
รายการข้ อเท็จจริงนั ้นไปให้ ค่คู วามฝ่ ายอื่นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
Jus_Highlight
ในกรณี ที่ คู่ ค วามอี ก ฝ่ ายหนึ่ ง หรื อ บุ ค คลภายนอกที่ เ กี่ ย วข้ องไม่ มี ภู มิ ล าเนาอยู่ ใ น
ราชอาณาจักรและยังมิได้ เข้ ามาในคดีนั ้น เมื่อศาลได้ รับคาขอตามวรรคหนึ่ง ให้ ศาลสัง่ คาขอ
นั ้นอย่างคาขออันอาจทาได้ แต่ฝ่ายเดียว ถ้ าศาลสัง่ อนุญาตตามคาขอแล้ วให้ สืบพยานไปฝ่ าย
เดียว
มาตรา ๑๐๑/๑ ในกรณี ที่ มี เ หตุฉุกเฉิ น ซึ่ง จ าเป็ นต้ องสืบ พยานหลักฐานใดเป็ นการ
เร่งด่วนและไม่สามารถแจ้ งให้ ค่คู วามฝ่ ายอื่นทราบก่อนได้ เมื่อมีการยื่นคาขอตามมาตรา ๑๐๑
พร้ อมกับคาฟ้องหรือคาให้ การหรือภายหลังจากนั ้น คู่ความฝ่ ายที่ขอจะยื่นคาขอฝ่ ายเดียวโดย
ทาเป็ นค าร้ องรวมไปด้ ว ย เพื่ อให้ ศาลมีคาสั่ง โดยไม่ชักช้ าก็ ได้ และถ้ าจ าเป็ นจะขอให้ ศาลมี
คาสัง่ ให้ ยดึ หรือให้ สง่ ต่อศาลซึง่ เอกสารหรือวัตถุที่จะใช้ เป็ นพยานหลักฐานที่ขอสืบไว้ ก่อนด้ วยก็
ได้
คาร้ องตามวรรคหนึ่งต้ องบรรยายถึงข้ อเท็จ จริ งที่แสดงว่ามีเหตุฉุกเฉินซึ่งจาเป็ นต้ องสืบ
พยานหลักฐานใดโดยเร่งด่วนและไม่สามารถแจ้ งให้ ค่คู วามฝ่ ายอื่นทราบก่อนได้ รวมทั ้งความ
เสียหายที่จะเกิดขึ ้นจากการที่มิได้ มีการสืบพยานหลักฐานดังกล่าว ส่วนในกรณีที่จะขอให้ ศาล
มีคาสัง่ ให้ ยึดหรื อให้ ส่งต่ อศาลซึ่งเอกสารหรื อวัตถุที่ จะใช้ เป็ นพยานหลักฐาน คาร้ อ งนั ้นต้ อ ง
บรรยายถึงข้ อเท็จจริ งที่แสดงถึงความจาเป็ นที่จะต้ องยึดหรื อให้ ส่งเอกสารหรื อวัตถุนั ้นว่ามีอยู่
อย่างไร ในการนี ้ห้ ามมิให้ ศาลอนุญาตตามคาร้ องนั ้น เว้ นแต่จะเป็ นที่พอใจของศาลจากการไต่
สวนว่ามีเหตุฉกุ เฉินและมีความจาเป็ นตามคาร้ องนั ้นจริง แต่ทั ้งนี ้ไม่ตัดสิทธิ ค่คู วามฝ่ ายอื่นที่จะ
ขอให้ ศาลออกหมายเรียกพยานดังกล่าวมาศาล เพื่อถามค้ านและดาเนินการตามมาตรา ๑๑๗
ในภายหลัง หากไม่อาจดาเนิน การดังกล่าวได้ ศาลต้ อ งใช้ ความระมัดระวังในการชั่ง น ้าหนัก
พยานหลักฐาน
Jus_Highlight
มาตรา ๑๐๓/๒ คู่ ค วามฝ่ ายที่ เ กี่ ย วข้ องอาจร้ องขอต่ อ ศาลให้ ด าเนิ น การสื บ
พยานหลั ก ฐานไปตามวิ ธี การที่ คู่ ค วามตกลงกั น ถ้ าศาลเห็ น สมคว รเพื่ อ ให้ การสื บ
พยานหลักฐานเป็ นไปโดยสะดวกรวดเร็ว และเที่ยงธรรม ศาลจะอนุญาตตามคาร้ องขอนั ้นก็ได้
Jus_Highlight
หมวด ๒
ว่ าด้ วยการมาศาลของพยานและการซักถามพยาน
มาตรา ๑๐๘ พยานที่ ได้ รับ หมายเรี ยกโดยชอบดัง ที่ บัญญั ติไ ว้ ใ นมาตรา ๑๐๖ และ
มาตรา ๑๐๗ นั ้น จาต้ องไป ณ สถานที่และตามวันเวลาที่กาหนดไว้ เว้ นแต่มีเหตุเจ็บป่ วยหรื อมี
ข้ อแก้ ตวั อันจาเป็ นอย่างอื่นโดยได้ แจ้ งเหตุนั ้นให้ ศาลทราบแล้ ว และศาลเห็นว่าข้ ออ้ างหรื อข้ อ
แก้ ตวั นั ้นฟั งได้
มาตรา ๑๑๑ เมื่ อศาลเห็นว่ าคาเบิ กความของพยานที่ ไม่ม าศาลเป็ นข้ อสาคัญในการ
วินิจฉัยชี ้ขาดคดี
Jus_Highlight
มาตรา ๑๑๖ ในเบื อ้ งต้ น ให้ พ ยานตอบคาถามเรื่ อ ง นาม อายุ ตาแหน่ ง หรื ออาชี พ
ภูมิลาเนาและความเกี่ยวพันกับคู่ความ
แล้ วศาลอาจปฏิบตั ิอย่างใดอย่างหนึง่ ต่อไปนี ้
(๑) ศาลเป็ นผู้ถามพยานเอง กล่า วคื อ แจ้ ง ให้ พ ยานทราบประเด็ น และข้ อเท็ จ จริ ง ซึ่ง
ต้ องการสืบแล้ วให้ พยานเบิกความในข้ อนั ้น ๆ โดยวิธีเล่าเรื่องตามลาพังหรื อโดยวิธีตอบคาถาม
ของศาล หรือ
(๒) ให้ ค่คู วามซักถาม และถามค้ านพยานไปทีเดียว ดังที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตราต่อไปนี ้
เมื่อได้ ถามติ งพยานเสร็ จ แล้ ว ห้ ามมิ ให้ ค่คู วามฝ่ ายใดซักถามพยานอี ก เว้ นแต่จ ะได้ รับ
อนุญาตจากศาล ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดได้ รับอนุญาตให้ ถามพยานได้ ดังกล่าวนี ้ คู่ความอีกฝ่ ายหนึ่ง
ย่อมถามค้ านพยานได้ อีกในข้ อที่เกี่ยวกับคาถามนั ้น
คู่ความที่ระบุพยานคนใดไว้ จะไม่ติดใจสืบพยานคนนั ้นก็ได้ ในเมื่อพยานคนนั ้นยังมิได้
เบิ กความตามข้ อ ถามของศาล หรื อ ของคู่ความฝ่ ายที่ อ้า ง แต่ถ้าพยานได้ เ ริ่ ม เบิ กความแล้ ว
พยานอาจถูกถามค้ านหรือถามติงได้
ถ้ าพยานเบิกความเป็ นปรปั กษ์ แก่ค่คู วามฝ่ ายที่อ้างตนมา คู่ความฝ่ ายนั ้นอาจขออนุญาต
ต่อศาลเพื่อซักถามพยานนั ้นเสมือนหนึง่ พยานนั ้นเป็ นพยานซึง่ คู่ความอีกฝ่ ายหนึง่ อ้ างมา
การซักถามพยานก็ดี การซักค้ านพยานก็ ดี การถามติงพยานก็ดี ถ้ าคู่ความคนใดได้ ตัง้
ทนายความไว้ หลายคน ให้ ทนายความคนเดียวเป็ นผู้ถาม เว้ นแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็ นอย่าง
อื่น
ถ้ าคู่ ค วามฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ ง ถามพยานฝ่ าฝื นต่ อ บทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง มาตรานี ้ เมื่ อ ศาล
เห็นสมควร หรือเมื่อคู่ความอีกฝ่ ายหนึง่ ร้ องคัดค้ าน ศาลมีอานาจที่จะชี ้ขาดว่าควรให้ ใช้ คาถาม
นั ้นหรื อ ไม่ ในกรณีเ ช่ นนี ้ ถ้ า คู่ความฝ่ ายที่ เ กี่ ยวข้ องคัดค้ า นคาชี ้ขาดของศาล ก่ อนที่ ศาลจะ
ดาเนินคดีต่อ ไป ให้ ศาลจดไว้ ในรายงานซึ่งคาถามและข้ อคัดค้ าน ส่วนเหตุที่ ค่คู วามคัดค้ า น
ยกขึ ้นอ้ างนั ้นให้ ศาลใช้ ดุลพินิจจดลงไว้ ในรายงาน หรื อกาหนดให้ ค่คู วามฝ่ ายนั ้นยื่นคาแถลง
เป็ นหนังสือเพื่อรวมไว้ ในสานวน
(๑) ชื่อศาลและเลขคดี
(๒) วัน เดือน ปี และสถานที่ที่ทาบันทึกถ้ อยคา
(๓) ชื่อและสกุลของคู่ความ
(๔) ชื่อ สกุล อายุ ที่อยู่ และอาชีพ ของผู้ให้ ถ้อยคา และความเกี่ยวพันกับคู่ความ
(๕) รายละเอียดแห่งข้ อเท็จจริง หรือความเห็นของผู้ให้ ถ้อยคา
(๖) ลายมือชื่อของผู้ให้ ถ้อยคาและคู่ความฝ่ ายผู้เสนอบันทึกถ้ อยคา
ห้ ามมิ ใ ห้ แก้ ไขเพิ่ ม เติ ม บั น ทึ ก ถ้ อยค าที่ ไ ด้ ยื่ น ไว้ แล้ ว ต่ อ ศาล เว้ นแต่ เ ป็ นการแก้ ไข
ข้ อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้ อย
หมวด ๓
การนาพยานเอกสารมาสอบ
มาตรา ๑๒๗ เอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้ าหน้ าที่ได้ ทาขึ ้นหรื อรับรอง หรื อสาเนาอัน
รับรองถูกต้ องแห่งเอกสารนั ้น และเอกสารเอกชนที่มีคาพิพากษาแสดงว่าเป็ นของแท้ จริ งและ
ถูกต้ องนั ้น ให้ สนั นิษฐานไว้ ก่อนว่าเป็ นของแท้ จริ งและถูกต้ อง เป็ นหน้ าที่ของคู่ความฝ่ ายที่ถูก
อ้ างเอกสารนั ้นมายัน ต้ องนาสืบความไม่บริสทุ ธิ์หรือความไม่ถกู ต้ องแห่งเอกสาร
หมวด ๔
การตรวจและการแต่ งตัง้ ผู้เชี่ยวชาญโดยศาล
มาตรา ๑๒๘/๑ ในกรณี ที่ จ าเป็ นต้ อ งใช้ พ ยานหลักฐานทางวิ ท ยาศาสตร์ เ พื่ อ พิ สูจ น์
ข้ อเท็จจริงใดที่เป็ นประเด็นสาคัญแห่งคดี เมื่อศาลเห็นสมควรหรื อเมื่อคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง
ร้ องขอ ศาลมี อ านาจสั่ง ให้ ท าการตรวจพิ สูจ น์ บุคคล วัตถุห รื อ เอกสารใดๆ โดยวิ ธี การทาง
วิทยาศาสตร์ ได้
ในกรณีที่พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จะสามารถพิสจู น์ ให้ เห็นถึงข้ อเท็จจริ งที่ทาให้
ศาลวินิจฉัยชี ้ขาดคดีได้ โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานอื่นอีก เมื่อศาลเห็นสมควรหรื อเมื่อคู่ความ
ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งร้ องขอ ศาลอาจสัง่ ให้ ทาการตรวจพิสจู น์ ตามวรรคหนึ่งโดยไม่ต้องรอให้ ถึงวัน
สืบพยานตามปกติก็ได้
ในกรณี ที่ การตรวจพิ สูจ น์ ตามวรรคหนึ่ง หรื อ วรรคสองจ าเป็ นต้ อ งเก็ บ ตั ว อย่ า ง เลือ ด
เนื ้อเยื่อ ผิวหนัง เส้ น ผมหรื อ ขน ปั สสาวะ อุจจาระ น ้าลายหรื อ สารคัดหลัง่ อื่น สารพันธุกรรม
หรือส่วนประกอบอื่นของร่ างกาย หรื อสิ่งที่อยู่ในร่ างกายจากคู่ความหรื อบุคคลใด ศาลอาจให้
คู่ความหรื อบุคคลใดรับการตรวจพิสจู น์ จากแพทย์ หรื อผู้เชี่ยวชาญอื่นได้ แต่ต้ องกระทาเพียง
เท่าที่จาเป็ นและสมควร ทั ้งนี ้ ถือเป็ นสิทธิของคู่ความหรือบุคคลนั ้นที่จะยินยอมหรือไม่ก็ได้
Jus_Highlight
ในกรณีที่ ค่คู วามฝ่ ายใดไม่ ยินยอมหรื อไม่ใ ห้ ความร่ วมมื อต่อ การตรวจพิสูจน์ ตามวรรค
หนึ่งหรื อ วรรคสอง หรื อ ไม่ใ ห้ ความยิ น ยอมหรื อ กระทาการขัดขวางมิใ ห้ บุคคลที่เ กี่ยวข้ อง ให้
ความยินยอมต่อการตรวจเก็บตัวอย่างส่วนประกอบของร่ างกายตามวรรคสาม ก็ให้ สนั นิษฐาน
ไว้ ก่อนว่าข้ อเท็จจริงเป็ นไปตามที่ค่คู วามฝ่ ายตรงข้ ามกล่าวอ้ าง
ค่า ใช้ จ่ ายในการตรวจพิ สูจ น์ ตามมาตรานี ้ ให้ คู่ความฝ่ ายที่ ร้องขอให้ ตรวจพิสูจ น์ เ ป็ น
ผู้รับ ผิด ชอบโดยให้ ถื อ ว่า เป็ นส่วนหนึ่ ง ของค่ าฤชาธรรมเนียม แต่ ถ้า ผู้ร้อ งขอไม่สามารถเสีย
ค่า ใช้ จ่ า ยได้ ห รื อ เป็ นกรณี ที่ศาลเป็ นผู้สั่ง ให้ ตรวจพิ สูจน์ ให้ ศาลสั่ง จ่ า ยตามระเบี ยบที่ คณะ
กรรมการบริ ห ารศาลยุติ ธ รรมกาหนด ส่ว นความรั บ ผิ ดในค่ า ใช้ จ่ า ยดัง กล่า วให้ เ ป็ นไปตาม
มาตรา ๑๕๘ หรือมาตรา ๑๖๑
หรื อ เมื่ อ คู่ความฝ่ ายใดเรี ยกร้ อ งโดยทาเป็ นคาร้ อ ง ให้ ศาลเรี ยกให้ ผ้ ูเ ชี่ยวชาญท าความเห็ น
เพิ่มเติมเป็ นหนังสือ หรือเรียกให้ มาศาลเพื่ออธิบายด้ วยวาจา หรือให้ ตั ้งผู้เชี่ยวชาญคนอื่นอีก
ถ้ าผู้เชี่ยวชาญที่ศาลตั ้งจะต้ องแสดงความเห็นด้ วยวาจาหรื อต้ องมาศาลเพื่ออธิ บายด้ วย
วาจา ให้ นาบทบัญญัติในลักษณะนี ้ว่าด้ วยพยานบุคคลมาใช้ บงั คับโดยอนุโลม
ลักษณะ ๖
คาพิพากษาและคาสั่ง
หมวด ๑
หลักทั่วไปว่ าด้ วยการชีข้ าดตัดสินคดี
มาตรา ๑๓๒ ให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ จ าหน่ า ยคดีเ สียจากสารบบความได้ โดยไม่ต้อ งมี คา
วิ นิ จ ฉัย ชี ข้ าดในประเด็ น เรื่ อ งนัน้ และให้ ก าหนดเงื่ อ นไขในเรื่ อ งค่ า ฤชาธรรมเนี ย มตามที่
เห็นสมควร
(๑) เมื่อโจทก์ทิ ้งฟ้อง ถอนฟ้อง หรือไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา ดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา
๑๗๔ มาตรา ๑๗๕ และมาตรา ๑๙๓ ทวิ
Jus_Highlight
(๒) เมื่ อ โจทก์ ไ ม่ ห าประกัน มาให้ ดัง ที่ บัญญั ติไ ว้ ใ นมาตรา ๒๕๓ และ ๒๘๘หรื อ เมื่ อ
คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง หรื อทัง้ สองฝ่ ายขาดนัดดัง ที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๑๙๘, ๒๐๐ และ
๒๐๑
(๓) ถ้ าความมรณะของคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งยังให้ คดีนัน้ ไม่มีประโยชน์ ต่อไปหรื อถ้ าไม่
มีผ้ ใู ดเข้ ามาแทนที่ค่คู วามฝ่ ายที่มรณะดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๔๒
(๔) เมื่อศาลได้ มีคาสัง่ ให้ พิจารณาคดีรวมกันหรื อให้ แยกกัน ซึ่งเป็ นเหตุให้ ต้องโอนคดีไป
ยังอีกศาลหนึง่ ดังที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตรา ๒๘ และ ๒๙
มาตรา ๑๓๕ ในคดีที่เรียกร้ องให้ ชาระหนี ้เป็ นเงิน หรื อมีการเรี ยกร้ องให้ ชาระหนี ้เป็ นเงิน
รวมอยู่ด้ว ย ไม่ ว่ า เวลาใด ๆ ก่ อ นมี ค าพิ พ ากษา จ าเลยจะน าเงิ น มาวางศาลเต็ ม จ านวนที่
เรียกร้ อง หรือแต่บางส่วน หรือตามจานวนเท่าที่ตนคิดว่าพอแก่จานวนที่โจทก์ มีสิทธิ เรี ยกร้ องก็
ได้ ทั ้งนี ้ โดยยอมรับผิดหรือไม่ยอมรับผิดก็ได้
Jus_Highlight
หมวด ๒
ข้ อความและผลแห่ งคาพิพากษาและคาสั่ง
หรื อศาลฎี กาแล้ วแต่กรณี คาขอให้ แก้ ไขข้ อผิดพลาดหรื อข้ อผิ ดหลงนั ้นให้ ยื่นต่อศาลดังกล่า ว
แล้ ว โดยกล่าวไว้ ในฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกา หรือโดยทาเป็ นคาร้ องส่วนหนึง่ ต่างหาก
การทาคาสัง่ เพิ่มเติมมาตรานี ้ จะต้ องไม่เป็ นการกลับหรือแก้ คาวินิจฉัยในคาพิพากษาหรื อ
คาสัง่ เดิม
เมื่อได้ ทาคาสัง่ เช่นว่านั ้นแล้ ว ห้ ามไม่ให้ คัดสาเนาคาพิพากษาหรื อคาสัง่ เดิมเว้ นแต่จะได้
คัดสาเนาคาสัง่ เพิ่มเติมนั ้นรวมไปด้ วย
มาตรา ๑๔๖ เมื่อ มีคาพิ พากษาหรื อ คาสัง่ อัน เป็ นที่ สดุ ของสองศาลซึ่งต่ างชั ้นกัน ต่า ง
กล่าวถึงการปฏิบตั ิชาระหนี ้อันแบ่งแยกจากกันไม่ได้ และคาพิพากษาหรื อคาสั่งนั ้นขัดกันให้ ถือ
ตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ ของศาลที่สงู กว่า
ถ้ าศาลชั ้นต้ นศาลเดียวกัน หรือศาลชั ้นต้ นสองศาลในลาดับชั ้นเดียวกัน หรื อศาลอุทธรณ์
ได้ พิพ ากษาหรื อ มีคาสั่งดัง กล่าวมาแล้ ว คู่ความในกระบวนพิจารณาแห่งคดีที่มี คาพิพ ากษา
หรือคาสัง่ นั ้น ชอบที่จะยื่นคาร้ องขอต่อศาลที่อยู่ในลาดับสูงขึ ้นไปให้ มีคาสัง่ กาหนดว่าจะให้ ถือ
ตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ ใด คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ
มาตรา ๑๔๘ คดีที่ได้ มีคาพิพากษาหรือคาสัง่ ถึงที่สดุ แล้ วห้ ามมิให้ ค่คู วามเดียวกันรื อ้ ร้ อง
ฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้ วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เว้ นแต่ในกรณีต่อไปนี ้
(๑) เมื่อเป็ นกระบวนพิจารณาชั ้นบังคับคดีตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ ของศาล
(๒) เมื่อ คาพิ พากษาหรื อคาสั่งได้ กาหนดวิ ธี การชั่วคราวให้ อยู่ภ ายในบัง คับที่ จะแก้ ไ ข
เปลีย่ นแปลงหรือยกเลิกเสียได้ ตามพฤติการณ์
(๓) เมื่อคาพิพากษาหรือคาสัง่ นั ้นให้ ยกฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิ โจทก์ ที่จ ะนาคาฟ้องมายื่น
ใหม่ ในศาลเดียวกันหรือในศาลอื่น ภายใต้ บงั คับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้ วยอายุความ
Jus_Highlight
หมวด ๓
ค่ าฤชาธรรมเนียม
ส่ วนที่ ๑
การกาหนดและการชาระค่ าฤชาธรรมเนียม และการยกเว้ นค่ าธรรมเนียมศาล
มาตรา ๑๕๒ ค่ า ฤชาธรรมเนียมอื่ น นอกจากค่ า ขึน้ ศาล ให้ ค่คู วามผู้ดาเนิ นกระบวน
พิจารณาเป็ นผู้ชาระเมื่อมีการดาเนินกระบวนพิจารณานั ้นหรื อภายในเวลาที่กฎหมายกาหนด
หรื อที่ ศาลมีคาสัง่ ถ้ าศาลเป็ นผู้สั่งให้ ดาเนิ นกระบวนพิ จารณาใด ให้ ศาลกาหนดผู้ซึ่งจะต้ อ ง
ชาระค่าฤชาธรรมเนียมในการดาเนินกระบวนพิจารณานั ้น รวมทั ้งระยะเวลาที่ต้องชาระไว้ ด้วย
ถ้ าผู้ซงึ่ จะต้ องชาระค่าฤชาธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งไม่ชาระ ศาลจะสัง่ ให้ งดหรื อเพิกถอน
กระบวนพิจารณานั ้น หรือจะสัง่ ให้ ค่คู วามฝ่ ายอื่นเป็ นผู้ชาระค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวก็ได้ หาก
คู่ความฝ่ ายนั ้นยินยอม
Jus_Highlight
บทบัญญั ติ ม าตรานี ใ้ ห้ ใช้ บัง คับ แก่เ จ้ า หนี ผ้ ้ ูเข้ า ดาเนิ นการบัง คับคดี ต่อ ไปตามมาตรา
๒๙๐ วรรคแปด และมาตรา ๒๙๑ (๒) โดยอนุโลม
มาตรา ๑๕๙ ถ้ าปรากฏต่อ ศาลว่า ผู้ที่ ได้ รับ ยกเว้ นค่ าธรรมเนี ยมศาลนัน้ สามารถเสีย
ค่าธรรมเนียมศาลได้ ตั ้งแต่เวลาที่ยื่นคาร้ องตามมาตรา ๑๕๖ หรือในภายหลังก่อนศาลวินิจฉัยชี ้
ขาดคดี ให้ ศาลมี ค าสั่ง ให้ บุค คลนั น้ ช าระค่ า ธรรมเนี ยมศาลที่ ไ ด้ รั บ ยกเว้ นต่ อ ศาลภายใน
Jus_Highlight
ระยะเวลาที่ ศ าลเห็ น สมควรกาหนดก็ ไ ด้ หากไม่ ป ฏิ บัติต าม ให้ ศาลมี คาสั่ง ยึ ดหรื อ อายั ด
ทรัพย์สนิ ของผู้ได้ รับยกเว้ นค่าธรรมเนียมศาลนั ้นทั ้งหมดหรื อแต่บางส่วนไว้ รอคาวินิจฉัยชี ้ขาด
ในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม
ในกรณีตามวรรคหนึง่ ถ้ าศาลเห็นว่า
(๑) ค่ า ฤชาธรรมเนี ยมจะเป็ นพั บ แก่ คู่ ความทัง้ สองฝ่ าย ให้ ศ าลมี ค าสั่ง ให้ เ อาช าระ
ค่าธรรมเนียมศาลที่ผ้ นู ั ้นได้ รับยกเว้ น จากทรัพย์สนิ ที่ยดึ หรืออายัดดังที่กล่าวไว้ ในวรรคหนึ่งตาม
จานวนที่ศาลเห็นสมควร
(๒) คู่ความอีกฝ่ ายหนึ่งจะต้ อ งชาระค่ าฤชาธรรมเนี ยมทัง้ หมดหรื อ แต่บ างส่วนแทนผู้ที่
ได้ รับยกเว้ นค่าธรรมเนียมศาล ให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ ค่คู วามอีกฝ่ ายหนึ่งนั น้ ชาระค่าธรรมเนียมศาล
ต่อศาลในนามของผู้ที่ได้ รับยกเว้ นค่าธรรมเนียมศาล แต่ถ้าคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่งนั ้นไม่ปฏิ บัติตาม
คาสัง่ ให้ ศาลเอาชาระค่าธรรมเนียมศาลนั ้นจากทรัพย์ สินที่ยึดหรื ออายัดดังที่กล่าวไว้ ในวรรค
หนึง่ ตามจานวนที่ศาลเห็นสมควร หรือ
(๓) ผู้ที่ ไ ด้ รับ ยกเว้ น ค่า ธรรมเนี ยมศาลจะต้ อ งช าระค่ า ฤชาธรรมเนี ยมทัง้ หมดหรื อ แต่
บางส่วนแทนคู่ความอีกฝ่ ายหนึง่ ให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ เอาชาระค่าฤชาธรรมเนียมนั ้นจากทรัพย์ สิน
ที่ยดึ หรืออายัดดังที่กล่าวไว้ ในวรรคหนึง่ ส่วนค่าธรรมเนียมศาลที่ผ้ นู ั ้นได้ รับยกเว้ น ให้ เอาชาระ
จากทรัพย์สนิ ที่เหลือ ถ้ าหากมี ตามจานวนที่ศาลเห็นสมควร
ส่ วนที่ ๒
ความรั บผิดชัน้ ที่สุดในค่ าฤชาธรรมเนียม
มาตรา ๑๖๑ ภายใต้ บงั คับบทบัญญัติห้ามาตราต่อไปนี ้ ให้ ค่คู วามฝ่ ายที่แพ้ คดีเป็ นผู้รับ
ผิดในชั ้นที่สดุ สาหรับค่าฤชาธรรมเนียมทั ้งปวง แต่ไม่ว่าคู่ความฝ่ ายใดจะชนะคดีเต็มตามข้ อหา
หรื อแต่บางส่วน ศาลมีอานาจที่จะพิพากษาให้ ค่คู วามฝ่ ายที่ช นะคดีนั ้นรับผิดในค่าฤชาธรรม
เนียมทั ้งปวง หรือให้ ค่คู วามแต่ละฝ่ ายรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมส่วนของตนหรื อตามส่วนแห่ง
ค่าฤชาธรรมเนียมซึง่ คู่ความทุกฝ่ ายได้ เสียไปก่อนได้ ตามที่ศาลจะใช้ ดุลพินิจ โดยคานึงถึงเหตุ
สมควรและความสุจริตในการดาเนินคดี
คดีที่ไม่มีข้อพิพาทให้ ฝ่ายเริ่มคดีเป็ นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียม
ในกรณี ที่มีข้ อพิ พาทในเรื่ อ งที่ ไ ม่เ ป็ นประเด็ นในคดี ให้ ศาลมีคาสั่งในเรื่ องค่ าฤชาธรรม
เนียมสาหรับข้ อพิพาทเช่นว่านี ้ในคาสัง่ ชี ้ขาดข้ อพิพาทนั ้น
ในกรณีที่มีการพิจ ารณาใหม่ ให้ ศาลมีอานาจที่จะสัง่ เรื่ องค่าฤชาธรรมเนียมสาหรับการ
พิจารณาครั ้งแรก และการพิจารณาใหม่ในคาพิพากษาหรือคาสัง่ ได้
มาตรา ๑๖๙/๒ ภายใต้ บงั คับแห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๖๙/๓ ให้ ลกู หนี ้ตามคาพิพากษา
เป็ นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี โดยให้ หักออกจากเงินที่ได้ จากการยึด อายัด
ขาย หรือจาหน่ายทรัพย์สนิ ของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อจากเงินที่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาได้
วางไว้
ในกรณีที่มีการบังคับคดีแก่ผ้ คู ้าประกันในศาล ค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีในส่วน
นั ้นให้ หกั ออกจากเงินที่ได้ จากการบังคับคดีตามสัญญาประกัน
ในกรณีที่มีการบังคับคดีตามคาพิพากษาให้ แบ่งกรรมสิทธิ์ รวมหรื อมรดกให้ เจ้ าของรวม
หรื อทายาทผู้ได้ รับส่วนแบ่งทุกคนเป็ นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีโดยให้ หัก
ออกจากเงินที่ได้ จากการขายหรือจาหน่ายทรัพย์สนิ อันเป็ นกรรมสิทธิ์รวมหรือทรัพย์ มรดกนั ้น
ในกรณีที่มีการถอนการบังคับคดีนอกจากกรณีตามมาตรา ๒๙๕ (๑) ให้ เจ้ าหนี ้ตามคา
พิพากษาผู้ขอยึดหรืออายัดทรัพย์สนิ เป็ นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี
ภาค ๒
วิธีพิจารณาในศาลชัน้ ต้ น
ลักษณะ ๑
วิธีพิจารณาสามัญในศาลชัน้ ต้ น
มาตรา ๑๗๐ ห้ ามมิให้ ฟ้อง พิจ ารณาและชี ้ขาดตัดสินคดีเ ป็ นครัง้ แรกในศาลหรื อโดย
ศาลอื่นนอกจากศาลชั ้นต้ น เว้ นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้ ชดั แจ้ งเป็ นอย่างอื่น
ภายใต้ บังคับแห่ งบทบัญญัติในภาคนี ้ว่า ด้ วยคดีไ ม่มีข้อพิ พาท คดีมโนสาเร่ คดีขาดนัด
และคดี ที่ม อบให้ อ นุญาโตตุลาการชี ข้ าด การฟ้ อง การพิจ ารณาและชี ข้ าดตัดสิน คดี ใ นศาล
ชั ้นต้ น นอกจากจะต้ องบังคับตามบทบัญญัติทวั่ ไปแห่งภาค ๑ แล้ ว ให้ บังคับตามบทบัญญัติใน
ลักษณะนี ้ด้ วย
มาตรา ๑๗๑ คดี ที่ป ระมวลกฎหมายนี ้บัญญัติว่ าจะฟ้ องยังศาลชัน้ ต้ น หรื อ จะเสนอ
ปั ญหาต่ อ ศาลชัน้ ต้ นเพื่ อ ชี ข้ าดตัดสิน โดยท าเป็ นคาร้ องขอก็ ไ ด้ นัน้ ให้ น าบทบัญญั ติแ ห่ ง
ประมวลกฎหมายนี ้ว่าด้ วยสิทธิ และหน้ าที่ของโจทก์ และจาเลย และวิธีพิจารณาที่ต่อจากการ
ยื่นคาฟ้องมาใช้ บงั คับแก่ผ้ ยู ื่นคาขอและคู่ความอีกฝ่ ายหนึง่ ถ้ าหากมี และบังคับแก่วิธีพิจารณา
ที่ต่อจากการยื่นคาร้ องขอด้ วยโดยอนุโลม
ให้ ศาลตรวจคาฟ้องนั ้นแล้ วสั่งให้ รับไว้ หรื อให้ ยกเสีย หรื อให้ คืนไป ตามที่บัญญัติไว้ ใ น
มาตรา ๑๘
มาตรา ๑๗๖ การทิ ง้ คาฟ้ องหรื อ ถอนคาฟ้ องย่ อ มลบล้ า งผลแห่ ง การยื่ น คาฟ้ องนั น้
รวมทั ้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคาฟ้อง และกระทาให้ ค่คู วามกลับคืนเข้ า
สู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิ ได้ มีการยื่นฟ้องเลย แต่ว่าคาฟ้องใด ๆ ที่ได้ ทิ ้งหรื อถอนแล้ ว อาจยื่ น
ใหม่ได้ ภายใต้ บงั คับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้ วยอายุความ
มาตรา ๑๗๘ ถ้ าจาเลยฟ้องแย้ งรวมมาในคาให้ การ ให้ โจทก์ ทาคาให้ การแก้ ฟ้องแย้ งยื่น
ต่อศาลภายในสิบห้ าวันนับแต่วนั ที่ได้ สง่ คาให้ การถึงโจทก์
บทบัญญัติแห่งมาตราก่อน ให้ ใช้ บงั คับแก่คาให้ การแก้ ฟ้องแย้ งนี ้โดยอนุโลม
มาตรา ๑๗๙ โจทก์หรือจาเลยจะแก้ ไขข้ อหา ข้ อต่อสู้ ข้ ออ้ าง หรื อข้ อเถียงอันกล่าวไว้ ใน
คาฟ้องหรือคาให้ การที่เสนอต่อศาลแต่แรกก็ได้
การแก้ ไขนั ้น โดยเฉพาะอาจเป็ นการแก้ ไขในข้ อต่อไปนี ้
(๑) เพิ่ม หรือลด จานวนทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์ สนิ ที่พิพาทในฟ้องเดิม หรือ
(๒) สละข้ อหาในฟ้องเดิมเสียบางข้ อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้ บริ บูรณ์ โดยวิธีเสนอคาฟ้อง
เพิ่มเติม หรือเสนอคาฟ้องเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนในระหว่างการพิจารณา หรื อเพื่อบังคับตาม
คาพิพากษาหรือคาสัง่ หรือ
(๓) ยกข้ อต่อสู้ขึน้ ใหม่ เป็ นข้ อแก้ ข้อ หาเดิม หรื อที่ยื่นภายหลัง หรื อเปลี่ยนแปลง แก้ ไ ข
ข้ ออ้ าง หรือข้ อเถียงเพื่อสนับสนุนข้ อหา หรือเพื่อหักล้ างข้ อหาของคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่ง
แต่ห้ามมิให้ ค่คู วามฝ่ ายใดเสนอคาฟ้องใดต่อศาล ไม่ว่าโดยวิธีฟ้องเพิ่มเติมหรื อฟ้องแย้ ง
ภายหลังที่ได้ ยื่นคาฟ้องเดิมต่อศาลแล้ ว เว้ นแต่คาฟ้องเดิมและคาฟ้องภายหลังนี ้จะเกี่ยวข้ อง
กันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี ้ขาดตัดสินเข้ าด้ วยกันได้
มาตรา ๑๘๐ การแก้ ไขคาฟ้องหรื อคาให้ การที่ค่คู วามเสนอต่อศาลไว้ แล้ วให้ ทาเป็ นคา
ร้ องยื่นต่อศาลก่อนวันชี ้สองสถาน หรื อก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีที่ไม่มี การชี ้
สองสถาน เว้ นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคาร้ องได้ ก่อนนั ้น หรื อเป็ นการขอแก้ ไขในเรื่ องที่
เกี่ยวกับความสงบเรี ยบร้ อยของประชาชน หรื อเป็ นการแก้ ไขข้ อผิดพลาดเล็กน้ อยหรื อข้ อผิ ด
หลงเล็กน้ อย
Jus_Highlight
มาตรา ๑๘๒ เมื่อได้ ยื่นคาฟ้อง คาให้ การ และคาให้ การแก้ ฟ้องแย้ งถ้ าหากมีแล้ วให้ ศาล
ทาการชี ้สองสถานโดยแจ้ งกาหนดวันชี ้สองสถานให้ ค่คู วามทราบล่วงหน้ าไม่น้อยกว่าสิบห้ าวัน
เว้ นแต่ในกรณีดงั ต่อไปนี ้
(๑) จาเลยคนใดคนหนึง่ ขาดนัดยื่นคาให้ การ
(๒) คาให้ การของจาเลยเป็ นการยอมรับโดยชัดแจ้ งตามคาฟ้องโจทก์ทั ้งสิ ้น
(๓) คาให้ การของจาเลยเป็ นคาให้ การปฏิเสธข้ ออ้ างของโจทก์ทั ้งสิ ้น โดยไม่มีเหตุแห่งการ
ปฏิเสธ ซึง่ ศาลเห็นว่าไม่จาเป็ นต้ องมีการชี ้สองสถาน
(๔) ศาลเห็นสมควรวินิจฉัยชี ้ขาดคดีให้ เสร็จไปทั ้งเรื่องโดยไม่ต้องสืบพยาน
(๕) คดีมโนสาเร่ตามมาตรา ๑๘๙ หรือคดีไม่มีข้อยุ่งยากตามมาตรา ๑๙๖
(๖) คดีที่ศาลเห็นว่ามีประเด็นข้ อพิพาทไม่ย่งุ ยากหรือไม่จาเป็ นที่จะต้ องชี ้สองสถาน
ในกรณี ที่ ไ ม่ ต้ องมี การชี ส้ องสถาน ให้ ศาลมี ค าสั่ง งดการชี ส้ องสถานและก าหนดวั น
สืบพยาน ถ้ าหากมี แล้ วให้ ส่งคาสัง่ ดังกล่าวให้ ค่คู วามทราบตามมาตรา ๑๘๔ เว้ นแต่ค่คู วาม
ฝ่ ายใดจะได้ ทราบหรือถือว่าได้ ทราบคาสัง่ ดังกล่าวแล้ ว
คู่ความอาจตกลงกันกะประเด็นข้ อพิพาทโดยยื่นคาแถลงร่ วมกั นต่อศาลในกรณีเช่นว่านี ้
ให้ ก าหนดประเด็น ข้ อ พิ พาทไปตามนัน้ แต่ ถ้า ศาลเห็ น ว่ าคาแถลงนัน้ ไม่ ถูกต้ อ ง ก็ใ ห้ ศาลมี
อานาจที่จะมีคาสัง่ ยกคาแถลงนั ้น แล้ วดาเนินการชี ้สองสถานไปตามมาตรา ๑๘๓
Jus_Highlight
มาตรา ๑๘๓ ทวิ ในกรณี ที่คู่ความทุก ฝ่ ายหรื อฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง ไม่ มาศาลในวันชี ส้ อง
สถาน ให้ ศาลทาการชี ้สองสถานโดยให้ ถือว่าคู่ความที่ไม่มาศาลได้ ทราบกระบวนพิจารณาใน
วันนั ้นแล้ ว
Jus_Highlight
ลักษณะ ๒
วิธีพิจารณาวิสามัญในศาลชัน้ ต้ น
หมวด ๑
วิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่
มาตรา ๑๙๓ ทวิ ในคดี มโนสาเร่ เมื่อโจทก์ ได้ ทราบคาสัง่ ให้ มาศาลตามมาตรา ๑๙๓
แล้ ว ไม่มาในวันนัดพิจารณาโดยไม่ได้ รับอนุญาตจากศาลให้ เลื่อนคดีให้ ถือว่าโจทก์ ไม่ประสงค์
จะดาเนินคดีต่อไป ให้ ศาลมีคาสัง่ จาหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
Jus_Highlight
หมวด ๒
การพิจารณาโดยขาดนัด
ส่ วนที่ ๑
การขาดนัดยอ่นคาให้ การ
มาตรา ๑๙๗ เมื่อจาเลยได้ รับหมายเรี ยกให้ ยื่นคาให้ การแล้ ว จาเลยมิได้ ยื่นคาให้ การ
ภายในระยะเวลาที่ ก าหนดไว้ ตามกฎหมายหรื อ ตามคาสั่ง ศาล ให้ ถือ ว่ า จ าเลยขาดนัดยื่ น
คาให้ การ
มาตรา ๑๙๘ ทวิ ศาลจะมีคาพิ พากษาหรื อคาสั่งชี ข้ าดให้ โ จทก์ เ ป็ นฝ่ ายชนะคดี โดย
จาเลยขาดนัดยื่นคาให้ การมิได้ เว้ นแต่ศาลเห็นว่าคาฟ้องของโจทก์ มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย
Jus_Highlight
ในการนี ศ้ าลจะยกขึ น้ อ้ า งโดยลาพั ง ซึ่ ง ข้ อกฎหมายอัน เกี่ ย วด้ วยความสงบเรี ย บร้ อยของ
ประชาชนก็ได้
เพื่ อ ประโยชน์ ใ นการพิ พากษาหรื อ มีคาสั่ง ชี ข้ าดคดี ตามวรรคหนึ่ง ศาลอาจสืบ พยาน
เกี่ยวกับข้ ออ้ างของโจทก์ หรื อพยานหลักฐานอื่นไปฝ่ ายเดียวตามที่เห็นว่าจาเป็ นก็ได้ แต่ในคดี
เกี่ ย วด้ วยสิ ท ธิ แ ห่ ง สภาพบุ ค คล สิ ท ธิ ใ นครอบครั ว หรื อ คดี พิ พ าทเกี่ ย วด้ วยกรรมสิ ท ธิ์ ใ น
อสังหาริมทรัพย์ ให้ ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์ ไปฝ่ ายเดียว และศาลอาจเรี ยกพยานหลักฐาน
อื่นมาสืบได้ เองตามที่เห็นว่าจาเป็ น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในการกาหนดจานวนเงินตามคาขอบังคับของโจทก์ ให้ ศาลปฏิบตั ิดงั นี ้
(๑) ในกรณีที่โจทก์มีคาขอบังคับให้ จาเลยชาระหนี ้เป็ นเงินจานวนแน่นอนให้ ศาลมีคาสัง่
ให้ โจทก์สง่ พยานเอกสารตามที่ศาลเห็นว่าจาเป็ นแทนการสืบพยาน
(๒) ในกรณีที่โจทก์ มี คาขอบัง คับให้ จาเลยชาระหนี ้เป็ นเงิ นอันไม่อ าจกาหนดจานวนได้
โดยแน่นอน ให้ ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์ ไปฝ่ ายเดียว และศาลอาจเรี ยกพยานหลักฐานอื่น
มาสืบได้ เองตามที่เห็นว่าจาเป็ น
ถ้ าจาเลยที่ขาดนัดยื่นคาให้ การไม่มาศาลในวันสืบพยานตามมาตรานี ้ มิให้ ถือว่าจาเลย
นั ้นขาดนัดพิจารณา
ถ้ าโจทก์ไม่นาพยานหลักฐานมาสืบตามความในมาตรานี ้ภายในระยะเวลาที่ศาลกาหนด
ให้ ถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมลู และให้ ศาลยกฟ้องของโจทก์
มาตรา ๑๙๙ ทวิ เมื่ อศาลพิ พากษาให้ จ าเลยที่ข าดนัดยื่ น คาให้ การแพ้ คดี ศาลอาจ
กาหนดการอย่างใด ตามที่เห็นสมควรเพื่อส่งคาบังคับตามคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ให้ แก่จาเลยที่
ขาดนัดยื่นคาให้ การ โดยวิธีสง่ หมายธรรมดาหรื อโดยวิธีอื่นแทน หรื อศาลจะให้ เลื่อนการบังคับ
ตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ เช่นว่านั ้นไปภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรก็ได้
Jus_Highlight
การบัง คับ ตามคาพิพ ากษาหรื อ คาสัง่ แก่จ าเลยที่ขาดนัดยื่ นคาให้ การนัน้ ให้ บัง คับ ตาม
มาตรา ๒๗๓ มาตรา ๒๙๒ และมาตรา ๓๑๗
ส่ วนที่ ๒
การขาดนัดพิจารณา
มาตรา ๒๐๐ ภายใต้ บงั คับมาตรา ๑๙๘ ทวิ และมาตรา ๑๙๘ ตรี ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดฝ่ าย
หนึง่ ไม่มาศาลในวันสืบพยาน และไม่ได้ รับอนุญาตจากศาลให้ เลือ่ นคดี ให้ ถือว่าคู่ความฝ่ ายนั ้น
ขาดนัดพิจารณา
ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดไม่มาศาลในวันนัดอื่นที่มิ ใช่วันสืบ พยาน ให้ ถือว่ าคู่ความฝ่ ายนั ้นสละ
สิทธิการดาเนินกระบวนพิจารณาของตนในนัดนั ้น และทราบกระบวนพิจารณาที่ศาลได้ ดาเนิน
ไปในนัดนั ้นด้ วยแล้ ว
มาตรา ๒๐๓ ห้ ามมิใ ห้ โ จทก์ อุทธรณ์ คาสั่งจ าหน่า ยคดีตามมาตรา ๒๐๑ และมาตรา
๒๐๒ แต่ภายใต้ บงั คับบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้ วยอายุความ คาสัง่ เช่นว่านี ้ไม่ตัดสิทธิ โจทก์
ที่จะเสนอคาฟ้องของตนใหม่
Jus_Highlight
มาตรา ๒๐๖ คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง จะร้ องต่ อศาลให้ วินิจฉัยชี ้ขาดคดีให้ ตนเป็ นฝ่ าย
ชนะโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่าคู่ความอีกฝ่ ายหนึ่งขาดนัดพิจารณานั ้นหาได้ ไม่ ให้ ศาลวินิจฉัยชี ้
ขาดคดีให้ ค่คู วามที่มาศาลเป็ นฝ่ ายชนะต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ ออ้ างของคู่ความเช่นว่านี ้มีมูลและ
ไม่ขดั ต่อกฎหมาย ในการนี ้ ศาลจะยกขึ ้นอ้ างโดยลาพัง ซึ่งข้ อกฎหมายอันเกี่ยวด้ วยความสงบ
เรียบร้ อยของประชาชนก็ได้
เพื่อประโยชน์ ในการวิ นิจฉัยชี ้ขาดคดีตามวรรคหนึ่ง ให้ น าบทบัญญั ติมาตรา ๑๙๘ ทวิ
วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้ บงั คับแก่คดีของคู่ความฝ่ ายที่มาศาลโดยอนุโลม
ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ าคู่ความฝ่ ายที่ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่
เริ่มต้ นสืบพยานไปบ้ างแล้ ว และแจ้ ง ต่อศาลในโอกาสแรกว่าตนประสงค์ จะดาเนินคดีเมื่อศาล
เห็นว่าการขาดนัดพิจารณานั ้นมิได้ เป็ นไปโดยจงใจหรื อมีเหตุอันสมควรและศาลไม่เคยมีคาสัง่
ให้ พิจารณาคดีใหม่ตามคาขอของคู่ความฝ่ ายนั ้นมาก่อนตามมาตรา ๑๙๙ ตรี ซึ่งให้ นามาใช้
Jus_Highlight
มาตรา ๒๐๗ เมื่ อ ศาลพิ พ ากษาให้ คู่ ค วามฝ่ ายที่ ข าดนั ด พิ จ ารณาแพ้ คดี ให้ น า
บทบัญ ญั ติ ม าตรา ๑๙๙ ทวิ มาใช้ บั ง คั บ โดยอนุ โ ลม และคู่ ค วามฝ่ ายนั น้ อาจมี ค าขอให้
พิจารณาคดีใหม่ ได้ ทั ้งนี ้ ให้ น าบทบัญญัติมาตรา ๑๙๙ ตรี มาตรา ๑๙๙ จัตวา และมาตรา
๑๙๙ เบญจ มาใช้ บงั คับโดยอนุโลม
หมวด ๓
อนุญาโตตุลาการ
มาตรา ๒๑๓ เมื่ อบุคคลหรื อ คู่ความที่ มีสิทธิ ได้ ตั ้งอนุ ญาโตตุลาการขึ ้นแล้ วห้ ามมิใ ห้
บุคคลหรือคู่ความนั ้นถอนการตั ้งเสีย เว้ นแต่ค่คู วามอีกฝ่ ายหนึง่ จะได้ ยินยอมด้ วย
อนุญาโตตุลาการที่ตัง้ ขึน้ โดยชอบนัน้ ถ้ า เป็ นกรณี ที่ ศาลหรื อบุคคลภายนอกเป็ นผู้ตัง้
คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งจะคัดค้ านก็ได้ หรื อถ้ าเป็ นกรณีที่ค่คู วามฝ่ ายหนึ่ งเป็ นผู้ตั ้ง คู่ความอีก
ฝ่ ายหนึง่ จะคัดค้ านก็ได้ โดยอาศัยเหตุดงั ที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตรา ๑๑ หรื อเหตุที่อนุญาโตตุลาการ
นั ้นเป็ นผู้ไร้ ความสามารถ หรือไม่สามารถทาหน้ าที่อนุญาโตตุลาการได้ ในกรณีที่มีการคัดค้ าน
อนุญาโตตุลาการดังว่านี ้ ให้ นาบทบัญญัติว่าด้ วยการคัดค้ านผู้พิพากษามาใช้ บงั คับโดยอนุโลม
ถ้ าการคัดค้ านอนุญาโตตุลาการนั ้นฟั งขึ ้น ให้ ตั ้งอนุญาโตตุลาการขึ ้นใหม่
มาตรา ๒๑๕ เมื่อได้ ตั ้งอนุญาโตตุลาการขึ ้นแล้ ว ถ้ าในข้ อตกลงหรื อในคาสัง่ ศาลแล้ วแต่
กรณี มิได้ กาหนดประเด็นข้ อพิพาทไว้ ให้ อนุญาโตตุลาการกาหนดประเด็นข้ อพิพาทเหล่านั ้น
แล้ วจดลงในรายงานพิสดารกลัดไว้ ในสานวนคดีอนุญาโตตุลาการ
มาตรา ๒๑๘ ให้ นาบทบัญญัติมาตรา ๑๔๐, ๑๔๑ และ ๑๔๒ ว่าด้ วยคาพิพากษาและ
คาสัง่ ของศาลมาใช้ บงั คับแก่คาชี ้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยอนุโลม
ให้ อนุญาโตตุลาการยื่นคาชี ้ขาดของตนต่อศาล และให้ ศาลพิพากษาตามคาชี ้ขาดนั ้น
Jus_Highlight
(๑) เมื่อ มีข้ ออ้ างแสดงว่า อนุญาโตตุลาการหรื อประธานมิ ได้ กระท าการโดยสุจริ ตหรื อ
คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ใช้ กลฉ้ อฉล
(๒) เมื่อคาสัง่ หรือคาพิพากษานั ้นฝ่ าฝื นต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวด้ วยความสงบเรี ยบร้ อย
ของประชาชน
(๓) เมื่อคาพิพากษานั ้นไม่ตรงกับคาชี ้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
Jus_Highlight
ภาค ๓
อุทธรณ์ และฎีกา
ลักษณะ ๑
อุทธรณ์
มาตรา ๒๒๓ ภายใต้ บังคับบทบัญญั ติมาตรา ๑๓๘, ๑๖๘, ๑๘๘ และ ๒๒๒และใน
ลักษณะนี ้ คาพิพากษาหรื อคาสั่งของศาลชั ้นต้ นนั ้น ให้ ยื่นอุท ธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์ เว้ นแต่คา
พิพากษาหรือคาสัง่ นั ้นประมวลกฎหมายนี ้หรือกฎหมายอื่นจะได้ บัญญัติว่าให้ เป็ นที่สดุ
มาตรา ๒๒๓ ทวิ ในกรณี ที่มีการอุท ธรณ์ เฉพาะปั ญหาข้ อกฎหมาย ผู้อุทธรณ์ อ าจขอ
อนุญาตยื่นอุท ธรณ์ โดยตรงต่อศาลฎี กา โดยท าเป็ นคาร้ องมาพร้ อ มคาฟ้ องอุทธรณ์ เมื่อศาล
ชั ้นต้ นซึ่งมีคาพิพ ากษาหรื อคาสั่งได้ สงั่ รับอุทธรณ์ และส่งสาเนาคาฟ้องอุทธรณ์ และคาร้ องแก่
จาเลยอุทธรณ์แล้ ว หากไม่มีค่คู วามอื่นยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ตามมาตรา ๒๒๓ และจาเลย
อุทธรณ์มิได้ คดั ค้ านคาร้ องดังกล่าวต่อศาลภายในกาหนดเวลายื่นคาแก้ อุทธรณ์ และศาลชั ้นต้ น
เห็นว่าเป็ นการอุทธรณ์เฉพาะปั ญหาข้ อกฎหมาย ให้ สงั่ อนุญาตให้ ผ้ อู ุทธรณ์ ยื่นอุทธรณ์ โดยตรง
ต่อศาลฎีกาได้ มิฉะนั ้นให้ สงั่ ยกคาร้ อง ในกรณีที่ศาลชั ้นต้ นสัง่ ยกคาร้ อง ให้ ถือว่าอุทธรณ์ เช่นว่า
นั ้นได้ ยื่นต่อศาลอุทธรณ์ตามมาตรา ๒๒๓ คาสัง่ ของศาลชั ้นต้ นที่อนุญาตหรื อยกคาร้ องในกรณี
นี ้ให้ เป็ นที่สดุ เว้ นแต่ใ นกรณีที่ศาลชั ้นต้ นสัง่ ยกคาร้ องเพราะเห็นว่าเป็ นการอุทธรณ์ ในปั ญหา
ข้ อเท็จจริงผู้อทุ ธรณ์อาจอุทธรณ์ คาสัง่ ศาลชั ้นต้ นไปยังศาลฎี กาภายในกาหนดสิบห้ าวันนับแต่
วันที่ศาลชั ้นต้ นได้ มีคาสัง่
ถ้ าศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์ตามวิธีการในวรรคหนึง่ เป็ นอุทธรณ์ในปั ญหาข้ อเท็จจริ งให้ ศาล
ฎีกาส่งสานวนไปให้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี ้ขาดต่อไป
Jus_Highlight
มาตรา ๒๒๕ ข้ อ เท็จ จริ ง หรื อ ข้ อกฎหมายที่ จะยกขึ ้นอ้ างในการยื่ นอุท ธรณ์ นั ้นคู่ความ
จะต้ องกล่า วไว้ โดยชัดแจ้ งในอุทธรณ์ และต้ องเป็ นข้ อที่ได้ ยกขึ ้นว่ากัน มาแล้ วโดยชอบในศาล
ชั ้นต้ น ทั ้งจะต้ องเป็ นสาระแก่คดีอนั ควรได้ รับการวินิจฉัยด้ วย
ถ้ าคู่ความฝ่ ายใดมิได้ ยกปั ญหาข้ อใดอันเกี่ยวด้ วยความสงบเรี ยบร้ อยของประชาชนขึน้
กล่าวในศาลชั ้นต้ นหรื อคู่ความฝ่ ายใดไม่ สามารถยกปั ญหาข้ อกฎหมายใด ๆ ขึ ้นกล่าวในศาล
ชัน้ ต้ นเพราะพฤติ การณ์ ไ ม่ เ ปิ ดช่ อ งให้ กระท าได้ หรื อ เพราะเหตุเ ป็ นเรื่ อ งที่ ไ ม่ ป ฏิ บัติ ตาม
บทบัญญัติว่าด้ วยกระบวนพิจารณาชั ้นอุทธรณ์ คู่ความที่เกี่ยวข้ องย่อมมีสิทธิ ที่จะยกขึ ้นอ้ างซึ่ง
ปั ญหาเช่นว่านั ้นได้
Jus_Highlight
มาตรา ๒๒๖ ก่อนศาลชั ้นต้ นได้ มีคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ชี ้ขาดตัดสินคดี ถ้ าศาลนั ้นได้ มี
คาสัง่ อย่างใดอย่างหนึง่ นอกจากที่ระบุไว้ ในมาตรา ๒๒๗ และ ๒๒๘
(๑) ห้ ามมิให้ อทุ ธรณ์คาสัง่ นั ้นในระหว่างพิจารณา
(๒) ถ้ า คู่ความฝ่ ายใดโต้ แ ย้ ง คาสั่งใด ให้ ศาลจดข้ อโต้ แย้ งนั ้นลงไว้ ใ นรายงานคู่ความที่
โต้ แย้ งชอบที่จะอุทธรณ์ คาสัง่ นัน้ ได้ ภายในกาหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้ มีคาพิพากษา
หรือคาสัง่ ชี ้ขาดตัดสินคดีนั ้นเป็ นต้ นไป
เพื่อประโยชน์ แห่ง มาตรานี ้ ไม่ ว่าศาลจะได้ มีคาสัง่ ให้ รับ คาฟ้ องไว้ แล้ วหรื อไม่ ให้ ถือว่ า
คาสัง่ อย่างใดอย่างหนึ่งของศาลนับตั ้งแต่มีการยื่นคาฟ้องต่อ ศาลนอกจากที่ระบุไว้ ในมาตรา
๒๒๗ และ ๒๒๘ เป็ นคาสัง่ ระหว่างพิจารณา
มาตรา ๒๓๐ คดีตามมาตรา ๒๒๔ ถ้ าคู่ความอุทธรณ์ ในข้ อเท็จจริ ง ให้ ศาลชั ้นต้ นตรวจ
เสียก่อนว่าฟ้องอุทธรณ์นั ้นจะรับไว้ พิจารณาได้ หรือไม่
ถ้ าผู้พิพากษาที่ได้ พิจารณาคดีนั ้นมีความเห็นแย้ ง หรือได้ รับรองไว้ แล้ ว หรื อรับรองในเวลา
ที่ตรวจอุทธรณ์นั ้นว่ามีเหตุอนั ควรอุทธรณ์ในปั ญหาข้ อเท็จจริงนั ้นได้ ก็ให้ ศาลมีคาสัง่ รับอุทธรณ์
นั ้นไว้ พิจารณาในปั ญหาข้ อเท็จจริงดังกล่าวแล้ ว
ถ้ า ไม่ มี ความเห็ น แย้ ง หรื อ คารั บ รองเช่ น ว่ า นัน้ ให้ ศาลมี คาสั่ง ไม่ รับ อุท ธรณ์ ใ นปั ญหา
ข้ อเท็จ จริ งที่ กล่าวแล้ ว ในกรณีเช่น นี ้ ถ้ า อธิ บดีผ้ ูพิพากษาหรื ออธิ บ ดีผ้ พู ิพ ากษาภาคมิ ได้ เป็ น
Jus_Highlight
มาตรา ๒๓๒ เมื่อ ได้ รับ อุทธรณ์ แล้ ว ให้ ศาลชั ้นต้ นตรวจอุท ธรณ์ แ ละมี คาสัง่ ให้ ส่งหรื อ
ปฏิ เ สธไม่ ส่ง อุท ธรณ์ นัน้ ไปยังศาลอุท ธรณ์ ตามบทบัญญั ติแ ห่ง ประมวลกฎหมายนี ้ ถ้ า ศาล
ปฏิ เสธไม่ ส่ง ให้ ศาลแสดงเหตุที่ ไม่ ส่งนัน้ ไว้ ใ นคาสั่ง ทุกเรื่ อ งไป ถ้ า คู่ความทัง้ สองฝ่ ายได้ ยื่น
อุทธรณ์ศาลจะวินิจฉัยอุทธรณ์ทั ้งสองฉบับนั ้นในคาสัง่ ฉบับเดียวกันก็ได้
มาตรา ๒๓๔ ถ้ าศาลชั ้นต้ นไม่รับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์ อาจอุทธรณ์ คาสัง่ ศาลนั ้นไปยังศาล
อุทธรณ์โดยยื่นคาขอเป็ นคาร้ องต่อศาลชั ้นต้ น และนาค่าฤชาธรรมเนียมทั ้งปวงมาวางศาลและ
นาเงินมาชาระตามคาพิพากษาหรือหาประกันให้ ไว้ ต่อศาลภายในกาหนดสิบห้ าวันนับแต่วันที่
ศาลได้ มีคาสัง่
มาตรา ๒๓๕ เมื่ อ ศาลชัน้ ต้ น ได้ รับ อุท ธรณ์ แ ล้ ว ให้ ส่ง สาเนาอุท ธรณ์ นัน้ ให้ แ ก่ จ าเลย
อุทธรณ์ภายในกาหนดเจ็ดวัน นับแต่วนั ที่จาเลยอุทธรณ์ยื่นคาแก้ อทุ ธรณ์ หรื อถ้ าจาเลยอุทธรณ์
ไม่ยื่นคาแก้ อทุ ธรณ์ ภายในกาหนดเจ็ดวันนับแต่ระยะเวลาที่กาหนดไว้ ในมาตรา ๒๓๗สาหรับ
การยื่นคาแก้ อทุ ธรณ์ได้ สิ ้นสุดลง ให้ ศาลส่งอุทธรณ์และคาแก้ อทุ ธรณ์ ถ้าหากมี พร้ อมทั ้งสานวน
และหลักฐานต่าง ๆ ไปยังศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ ได้ รับฟ้องอุทธรณ์ และสานวนความไว้
แล้ ว ให้ นาคดีลงสารบบความของศาลอุทธรณ์โดยพลัน
มาตรา ๒๓๘ ภายใต้ บังคับมาตรา ๒๔๓ (๓) ในคดีที่อุทธรณ์ ได้ แต่เฉพาะในปั ญหาข้ อ
กฎหมายนั ้น การวินิจฉัยปั ญหาเช่นว่านี ้ ศาลอุทธรณ์ จาต้ องถือตามข้ อเท็จจริ งที่ศาลชั ้นต้ นได้
วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสานวน
พิจารณาคดีนัน้ ใหม่ทั ้งหมดหรื อ บางส่วน โดยดาเนิ นตามคาชี ้ขาดของศาลอุท ธรณ์ แล้ ว มีคา
พิพ ากษาหรื อ ค าสั่ง วิ นิ จ ฉัยชี ข้ าดคดี ไ ปตามรู ป ความ ทัง้ นี ไ้ ม่ ว่ า จะปรากฏจากการอุท ธรณ์
หรือไม่
ในคดีทั ้งปวงที่ศาลชั ้นต้ นได้ มีคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ใหม่ตามมาตรานี ้ คู่ความชอบที่จ ะ
อุทธรณ์คาพิพากษาหรือคาสัง่ ใหม่เช่นว่านี ้ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ ตามบทบัญญัติแห่งลักษณะนี ้
ลักษณะ ๒
ฎีกา
มาตรา ๒๔๗ ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้ พิพากษาหรื อมีคาสัง่ ในชั ้นอุทธรณ์ แล้ วนั ้น ให้ ยื่น
ฎี กาได้ ภายในกาหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ อ่านคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ศาลอุทธรณ์ นั ้นและ
ภายใต้ บังคับบทบัญญัติสี่มาตราต่อไปนี ้กับกฎหมายอื่นว่าด้ ว ยการฎี กา ให้ นาบทบัญญัติใ น
ลักษณะ ๑ ว่าด้ วยอุทธรณ์มาใช้ บงั คับด้ วยโดยอนุโลม
การขอให้ ผ้ ูพิ พ ากษาที่ นั่ง พิ จ ารณาคดี ใ นศาลชัน้ ต้ น หรื อ ศาลอุท ธรณ์ รับ รองว่ า มี เ หตุ
สมควรที่จะฎีกาได้ ให้ ผ้ ฎู ีกายื่นคาร้ องถึงผู้พิพากษานั ้นพร้ อมกับคาฟ้องฎี กาต่อศาลชั ้นต้ นเมื่อ
ศาลได้ รับคาร้ องเช่นว่านั ้น ให้ ส่งคาร้ องพร้ อมด้ วยสานวนความไปยังผู้พิพ ากษาดังกล่าวเพื่ อ
พิจารณารับรอง
ภาค ๔
วิธีการชั่วคราวก่ อนพิพากษา และการบังคับตามคาพิพากษาหรอ อคาสั่ง
ลักษณะ ๑
วิธีการชั่วคราวก่ อนพิพากษา
หมวด ๑
หลักทั่วไป
มาตรา ๒๕๓ ทวิ ในกรณีที่โจทก์ ได้ ยื่นอุทธรณ์ หรื อฎี กาคัดค้ านคาพิพากษาถ้ ามีเหตุใด
เหตุหนึง่ ตามมาตรา ๒๕๓ วรรคหนึง่ จาเลยอาจยื่นคาร้ องต่อศาลอุทธรณ์ หรื อศาลฎี กาแล้ วแต่
Jus_Highlight
มาตรา ๒๕๔ ในคดีอื่ นๆ นอกจากคดีม โนสาเร่ โจทก์ ช อบที่จ ะยื่นต่ อศาลพร้ อมกับคา
ฟ้องหรือในเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษา ซึง่ คาขอฝ่ ายเดียว ร้ องขอให้ ศาลมีคาสัง่ ภายในบังคับแห่ง
เงื่อนไขซึง่ จะกล่าวต่อไป เพื่อจัดให้ มีวิธีค้ มุ ครองใด ๆ ดังต่อไปนี ้
(๑) ให้ ยดึ หรืออายัดทรัพย์สนิ ที่พิพาทหรือทรัพย์สนิ ของจาเลยทั ้งหมดหรื อบางส่วนไว้ ก่อน
พิพากษา รวมทั ้งจานวนเงินหรือทรัพย์สนิ ของบุคคลภายนอกซึง่ ถึงกาหนดชาระแก่จาเลย
(๒) ให้ ศาลมีคาสัง่ ห้ ามชัว่ คราวมิให้ จาเลยกระทาซ ้าหรื อกระทาต่อไป ซึ่งการละเมิดหรื อ
การผิดสัญญาหรือการกระทาที่ถกู ฟ้องร้ อง หรือมีคาสัง่ อื่นใดในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้ อน
เสีย หายที่โ จทก์ อาจได้ รับ ต่อไปเนื่ องจากการกระท าของจ าเลยหรื อมี คาสั่งห้ ามชั่วคราวมิใ ห้
จาเลยโอน ขาย ยักย้ ายหรือจาหน่ายซึ่งทรัพย์ สินที่ พิพาทหรื อทรัพย์ สินของจาเลย หรื อมีคาสัง่
ให้ หยุดหรือป้องกันการเปลืองไปเปล่าหรือการบุบสลายซึง่ ทรัพย์ สินดังกล่าว ทั ้งนี ้ จนกว่าคดีจะ
ถึงที่สดุ หรือศาลจะมีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่น
(๓) ให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ นายทะเบียน พนักงานเจ้ าหน้ าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตาม
กฎหมาย ระงับ การจดทะเบียน การแก้ ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หรื อการเพิกถอนการจด
ทะเบี ยนที่เ กี่ ยวกับ ทรั พย์ สินที่ พิพ าทหรื อ ทรั พย์ สิน ของจาเลยหรื อ ที่ เกี่ ยวกับ การกระท าที่ ถูก
Jus_Highlight
มาตรา ๒๕๖ ในกรณีที่ยื่นคาขอให้ ศาลมีคาสัง่ ตามมาตรา ๒๕๔ (๒) หรื อ (๓) ถ้ าศาล
เห็ น ว่ า หากให้ โ อกาสจาเลยคัดค้ านก่ อ นจะไม่เ สียหายแก่ โ จทก์ ก็ ให้ ศาลแจ้ ง กาหนดวัน นั่ง
พิจ ารณาพร้ อ มทั ้งส่ง สาเนาคาขอให้ แ ก่ จ าเลยโดยทางเจ้ าพนักงานศาล จ าเลยจะเสนอข้ อ
คัดค้ านของตนในการที่ศาลนัง่ พิจารณาคาขอนั ้นก็ได้
Jus_Highlight
มาตรา ๒๕๗ ให้ ศาลมีอ านาจที่ จะสัง่ อนุญาตตามคาขอที่ไ ด้ ยื่นตามมาตรา ๒๕๔ ได้
ภายในขอบเขตหรือโดยมีเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แล้ วแต่จะเห็นสมควร
ในกรณีที่ศาลมีคาสัง่ อนุญาตตามคาขอที่ได้ ยื่นตามมาตรา ๒๕๔ (๒) ให้ ศาลแจ้ งคาสั่ง
นั ้นให้ จาเลยทราบ
ในกรณีที่ศาลมีคาสัง่ ห้ ามชัว่ คราวมิให้ จาเลยโอน ขาย ยักย้ าย หรื อจาหน่ายซึ่งทรัพย์ สินที่
พิพาทหรือทรัพย์สนิ ของจาเลย ศาลจะกาหนดวิธีการโฆษณาตามที่เห็นสมควรเพื่อป้องกันการ
ฉ้ อฉลก็ได้
ในกรณีที่ศาลมีคาสัง่ ห้ ามชัว่ คราวมิให้ จาเลยโอน ขาย ยักย้ าย หรื อจาหน่ายซึ่งทรัพย์ สินที่
พิพาทหรือทรัพย์สนิ ของจาเลยที่กฎหมายกาหนดไว้ ให้ จดทะเบียน หรื อมีคาสัง่ ให้ นายทะเบียน
พนักงานเจ้ าหน้ าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตามกฎหมาย ระงับการจดทะเบียนการแก้ ไข
เปลีย่ นแปลงทางทะเบียน หรื อการเพิกถอนการจดทะเบียนที่เกี่ยวกับทรัพย์ สินดังกล่าวหรื อที่
เกี่ยวกับการกระทาที่ถูกฟ้องร้ อง ให้ ศาลแจ้ ง คาสัง่ นั ้นให้ นายทะเบียนพนักงานเจ้ าหน้ าที่หรื อ
บุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตามกฎหมายทราบ และให้ บุคคลดังกล่าวบันทึกคาสัง่ ของศาลไว้ ใน
ทะเบียน
ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก่อนที่ศาลจะออกหมายยึด หมายอายัด หมายห้ ามชั่วคราวหมายจับ
หรือคาสัง่ ใด ๆ ศาลจะสัง่ ให้ ผ้ ขู อนาเงินหรื อหาประกันตามจานวนที่เห็นสมควรมาวางศาลเพื่อ
การชาระค่าสินไหมทดแทนซึง่ จาเลยอาจได้ รับตามมาตรา ๒๖๓ ก็ได้
มาตรา ๒๕๘ คาสัง่ ศาลซึง่ อนุญาตตามคาขอที่ได้ ยื่นตามมาตรา ๒๕๔ (๑) นั ้นให้ บังคับ
จาเลยได้ ทันทีแล้ วแจ้ งคาสัง่ นั ้นให้ จาเลยทราบโดยไม่ชักช้ าแต่จะใช้ บังคับบุคคลภายนอก ซึ่ง
พิสจู น์ได้ ว่าได้ รับโอนสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนการแจ้ งคาสัง่ ให้ จาเลยทราบมิได้
Jus_Highlight
มาตรา ๒๕๘ ทวิ การที่จาเลยได้ ก่อให้ เกิด โอน หรื อเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิ ในทรัพย์ สินที่
พิพาท หรือทรัพย์สนิ ของจาเลยภายหลังที่คาสัง่ ของศาลที่ห้ามโอน ขาย ยักย้ าย หรื อจาหน่าย
ซึง่ ออกตามคาขอที่ได้ ยื่นตามมาตรา ๒๕๔ (๒) มีผลใช้ บงั คับแล้ วนั ้น หาอาจใช้ ยันแก่โจทก์ หรื อ
เจ้ าพนักงานบังคับคดีได้ ไ ม่ ถึงแม้ ว่าราคาแห่งทรั พย์ สินนั ้นจะเกิน กว่าจานวนหนี ้และค่าฤชา
ธรรมเนียมในการฟ้องร้ องและการบัง คับคดี และจาเลยได้ จาหน่ ายทรัพย์ สินเพียงส่วนที่เกิ น
จานวนนั ้นก็ตาม
การที่นายทะเบียน พนักงานเจ้ าหน้ าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตามกฎหมายรับจด
ทะเบียนหรือแก้ ไขเปลีย่ นแปลงทางทะเบียน หรือเพิกถอนการจดทะเบียนที่เกี่ยวกับทรัพย์ สินที่
พิพาทหรื อทรั พย์ สินของจาเลยภายหลัง ที่คาสัง่ ของศาลซึ่งออกตามคาขอที่ได้ ยื่นตามมาตรา
Jus_Highlight
๒๕๔ (๓) มีผลใช้ บังคับแล้ วนั ้นหาอาจใช้ ยันแก่โจทก์ หรื อเจ้ า พนักงานบังคับคดีได้ ไม่ เว้ นแต่
ผู้รับโอนจะพิสจู น์ ได้ ว่าได้ รับโอนโดยสุจริ ต และเสียค่าตอบแทนก่อนที่นายทะเบียน พนักงาน
เจ้ าหน้ าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตามกฎหมายจะได้ รับแจ้ งคาสัง่
การที่นายทะเบียน พนักงานเจ้ าหน้ าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตามกฎหมายรับจด
ทะเบียน หรือแก้ ไขเปลีย่ นแปลงทางทะเบียน หรือเพิกถอนการจดทะเบียนที่เกี่ยวกับการกระทา
ที่ถูกฟ้องร้ องภายหลังที่บุคคลดังกล่าวได้ รับแจ้ งคาสั่งของศาลซึ่ง ออกตามคาขอที่ได้ ยื่นตาม
มาตรา ๒๕๔ (๓) แล้ วนั ้น ยังไม่มีผลใช้ บังคับตามกฎหมายในระหว่างใช้ วิธีการชั่วคราวก่อ น
พิพากษา
มาตรา ๒๕๙ ให้ นาบทบัญญั ติใ นลักษณะ ๒ แห่ งภาคนี ้ว่ าด้ วยการบัง คับ คดี ตามคา
พิพากษาหรือคาสัง่ มาใช้ บงั คับแก่วิธีการชัว่ คราวก่อนพิพากษาด้ วยโดยอนุโลม
ฎี กาแล้ วแต่กรณี เมื่ อมีการอุท ธรณ์ ห รื อฎี กาแล้ ว คาสัง่ ของศาลชัน้ ต้ นให้ มีผลใช้ บังคับ ต่อไป
จนกว่าศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาจะมีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่น
(๒) ถ้ าคดีนั ้นศาลตัดสินให้ โจทก์ เป็ นฝ่ ายชนะคดี คาสัง่ ของศาลเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว
ยังคงมีผลใช้ บงั คับต่อไปเท่าที่จาเป็ นเพื่อปฏิบตั ิตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ ของศาล
หมวด ๒
คาขอในเหตุฉุกเฉิน
มาตรา ๒๗๐ บทบัญญั ติใ นหมวดนี ้ ให้ ใ ช้ บัง คับ แก่ คาขออื่ น ๆ นอกจากคาขอตาม
มาตรา ๒๕๔ ได้ ต่อเมื่อประมวลกฎหมายนี ้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติไว้ โดยชัดแจ้ ง
Jus_Highlight
ลักษณะ ๒
การบังคับคดีตามคาพิพากษาหรอ อคาสั่ง
หมวด ๑
หลักทั่วไป
มาตรา ๒๗๑ ถ้ า คู่ความหรื อบุคคลซึ่ง เป็ นฝ่ ายแพ้ คดี (ลูกหนี ต้ ามคาพิ พ ากษา)มิ ไ ด้
ปฏิบตั ิตามคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ของศาลทั ้งหมดหรื อบางส่วน คู่ความหรื อบุคคลซึ่งเป็ นฝ่ าย
ชนะ (เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษา) ชอบที่จะร้ องขอให้ บังคับคดี ตามคาพิพากษา หรื อคาสัง่ นั ้นได้
ภายในสิบ ปี นับ แต่ วัน มี คาพิ พ ากษาหรื อ คาสั่ง โดยอาศั ยและตามคาบัง คับ ที่ อ อกตามค า
พิพากษาหรือคาสัง่ นั ้น
มาตรา ๒๗๓ ถ้ าในคาบังคับได้ กาหนดให้ ใช้ เงิน หรื อให้ ส่งทรัพย์ สิน หรื อให้ กระทาการ
หรื อ งดเว้ นกระท าการอย่ างใด ๆ ให้ ศาลระบุไว้ ใ นคาบังคับนั ้นโดยชัดแจ้ ง ซึ่งระยะเวลาและ
เงื่อนไขอื่น ๆ อันจะต้ องใช้ เงิน ส่งทรัพย์สนิ กระทาการหรืองดเว้ นกระทาการใด ๆ นั ้นแต่ถ้าเป็ น
คดีมโนสาเร่ ศาลไม่จาต้ องให้ เวลาแก่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาเกินกว่าสิบห้ าวันในอันที่จะปฏิ บัติ
ตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ นั ้น
ถ้ าศาลได้ พิพากษาหรือมีคาสัง่ โดยขาดนัด ให้ ศาลให้ เวลาไม่ต่ากว่าเจ็ดวันแก่ค่คู วามฝ่ าย
ที่ขาดนัดในอันที่จะปฏิบตั ิตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ นั ้น
Jus_Highlight
ระยะเวลาที่ระบุไว้ นั ้นให้ เริ่ มนับแต่วัน ที่ลกู หนี ้ตามคาพิ พากษาได้ ลงลายมือชื่อ ไว้ ในคา
บัง คับ หรื อ วัน ที่ ไ ด้ ส่ง ค าบัง คับให้ แ ก่ลูกหนี ้ตามคาพิ พ ากษา แล้ ว แต่ กรณี เว้ นแต่ ศาลจะได้
กาหนดไว้ โดยชัดแจ้ งว่า ให้ นับตั ้งแต่วัน ใดวันหนึ่ง ในภายหลังต่อมาตามที่ศาลจะเห็นสมควร
กาหนดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
นอกจากนี ้ให้ ศาลระบุไว้ โดยชัดแจ้ งในคาบังคับว่าในกรณีที่มิได้ มีการปฏิ บัติตามคาบังคับ
เช่นว่านี ้ภายในระยะเวลาหรื อภายในเงื่อนไขที่ได้ กาหนดไว้ ลูกหนี ้ตามคาพิพากษาจะต้ องถูก
ยึดทรัพย์ หรือถูกจับและจาขังดังที่บญ
ั ญัติไว้ ในหมวดนี ้
มาตรา ๒๗๕ ถ้ าเจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาจะขอให้ บงั คับคดี ให้ ยื่นคาขอฝ่ ายเดียวต่อศาล
เพื่อให้ ออกหมายบังคับคดี
คาขอนั ้นให้ ระบุโดยชัดแจ้ ง
(๑) คาพิพากษาหรือคาสัง่ ซึง่ จะขอให้ มีการบังคับคดีตามนั ้น
(๒) จานวนที่ยงั มิได้ รับชาระตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ นั ้น
(๓) วิธีการบังคับคดีซงึ่ ขอให้ ออกหมายนั ้น
มาตรา ๒๗๖ ถ้ าศาลเห็นว่าคาบังคับที่ขอให้ บงั คับนั ้นได้ สง่ ให้ แก่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษา
หรือลูกหนี ้ตามคาพิพากษาได้ ลงลายมือชื่อไว้ เป็ นสาคัญแล้ ว และระยะเวลาที่ศาลได้ กาหนดไว้
เพื่อให้ ปฏิบตั ิตามคาบังคับนั ้นได้ ลว่ งพ้ นไปแล้ ว และคาขอนั ้นมีข้อความระบุไว้ ครบถ้ วนให้ ศาล
Jus_Highlight
ออกหมายบังคับคดีให้ ทันที หมายเช่นว่านี ้ ให้ ศาลแจ้ งให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีทราบ เว้ นแต่
เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษานั ้นจะได้ นาหมายไปให้ แก่เจ้ าพนักงานเอง ส่วนลูกหนี ้ตามคาพิพากษา
นั ้นให้ สง่ สาเนาหมายให้ ต่อเมื่อศาลได้ มีคาสัง่ ให้ เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาเป็ นผู้จัดการส่งแต่ถ้า
มิได้ มีการส่งหมายดังกล่าวแล้ ว ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีมีหน้ าที่ต้องแสดงหมายนั ้น
ในกรณีออกหมายบังคับคดีแก่ทรัพย์ สินอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ถ้ าศาลสงสัยว่าไม่
สมควรยึดทรัพย์สนิ นั ้น ศาลจะมีคาสัง่ ให้ ผ้ ขู อยึดวางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้ ตามจานวน
ที่ศาลเห็นสมควรในเวลาที่ออกหมายก็ได้ เพื่อป้องกันการบุบสลายหรือสูญหายอันจะพึงเกิดขึน้
เนื่องจากการยึดทรัพย์ผิด
ในกรณีที่ออกหมายบังคับคดีให้ ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาส่งมอบทรัพย์ สิน กระทาการ หรื อ
งดเว้ นกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรื อให้ ขับไล่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษา ให้ ศาลระบุเงื่อนไข
แห่งการบังคับคดีลงในหมายนั ้นตามมาตรา ๒๑๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้
ศาลกาหนดการบังคับคดีเ พียงเท่าที่สภาพแห่งการบังคับคดีจะเปิ ดช่องให้ ทาได้ โดยทางศาล
หรือโดยทางเจ้ าพนักงานบังคับคดี
มาตรา ๒๗๗ ถ้ าเจ้ า หนี ้ตามคาพิ พากษาเชื่ อว่ า ลูกหนี ต้ ามคาพิพ ากษามี ท รัพ ย์ สิน ที่
จะต้ องถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบแล้ ว เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาอาจยื่นคาขอฝ่ ายเดียวโดยทา
เป็ นคาร้ องต่อ ศาล ขอให้ ศาลท าการไต่สวนและออกหมายเรี ยกลูกหนี ้ตามคาพิ พากษาหรื อ
บุคคลอื่นที่เชื่อว่าอยู่ในฐานะที่จะให้ ถ้อยคาอันเป็ นประโยชน์มาในการไต่สวนเช่นว่านั ้น
เมื่อมีคาขอเช่นว่านี ้ ให้ ศาลทาการไต่สวนตามกาหนดและเงื่อนไขใด ๆ ที่เห็นสมควร
ในคดี ม โนสาเร่ หากศาลเห็ น เป็ นการสมควร ศาลจะออกหมายเรี ย กลูกหนี ต้ ามค า
พิพากษาหรือบุคคลอื่นมาไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์ สินของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาก่อนออกหมาย
บังคับคดี แล้ วจดแจ้ งผลการไต่สวนไว้ ในหมายบังคับคดีด้วยก็ได้
Jus_Highlight
มาตรา ๒๗๘ ภายใต้ บัง คับ บทบั ญญั ติแ ห่ ง ภาคนี ว้ ่ า ด้ ว ยอ านาจและหน้ า ที่ ข องเจ้ า
พนักงานบังคับคดี นับแต่วนั ที่ได้ สง่ หมายบังคับคดีให้ แก่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษา หรื อถ้ าหมาย
นั ้นมิได้ สง่ นับแต่วนั ออกหมายนั ้นเป็ นต้ นไป ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีมีอานาจในฐานเป็ นผู้แทน
เจ้ าหนี ้ตามคาพิ พากษาในอันที่ จะรั บชาระหนี ห้ รื อ ทรัพย์ สินที่ ลกู หนี น้ ามาวางและออกใบรั บ
ให้ กับ มี อ านาจที่ จ ะยึดหรื อ อายัดและยึดถื อ ทรั พ ย์ สิน ของลูกหนี ต้ ามคาพิ พ ากษาไว้ และมี
อานาจที่จะเอาทรัพย์สนิ เช่นว่านี ้ออกขายทอดตลาด ทั ้งมีอานาจที่จะจาหน่ายทรัพย์ สินหรื อเงิน
รายได้ จากการนั ้นและดาเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้ กาหนดไว้ ในหมายบังคับคดี
รวมทั ้งให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีมีอานาจดาเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้ องกับการบังคับคดีได้ โดยให้
ถือเสมือนเป็ นเจ้ าพนักงานศาล
ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีเป็ นผู้รับผิดในการรักษาไว้ โดยปลอดภัย ซึ่งเงินหรื อทรัพย์ สินหรื อ
เอกสารทั ้งปวงที่ยดึ มาหรือที่ได้ ชาระหรือส่งมอบให้ แก่เจ้ าพนักงานตามหมายบังคับคดี
ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีทาบันทึกแล้ วรักษาไว้ ในที่ปลอดภัย ซึง่ วิธีการบังคับทั ้งหลายที่ได้
จัดทาไป และรายงานต่อศาลเป็ นระยะ ๆ ไป
ในการปฏิ บัติ หน้ าที่ ของเจ้ า พนักงานบัง คับ คดี เจ้ า พนักงานบัง คับ คดี จะมอบหมายใ ห้
บุคคลอื่นปฏิบตั ิการแทนก็ได้ ทั ้งนี ้ ตามคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กาหนดใน
กฎกระทรวง
ให้ หกั ค่าธรรมเนียมเจ้ าพนักงานบังคับคดีตามตาราง ๕ ท้ ายประมวลกฎหมายนี ้ เพื่อให้
กรมบังคับคดีพิจารณาจ่ายเป็ นค่าตอบแทนแก่ผ้ ทู ี่ได้ รับมอบหมายตามวรรคสี่โดยไม่ต้องนาส่ง
กระทรวงการคลัง ทั ้งนี ้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกาหนดโดยได้ รับความเห็นชอบ
จากกระทรวงการคลัง
มาตรา ๒๗๙ เจ้ า พนักงานบัง คับ คดี จ ะต้ อ งดาเนิ น การบัง คับคดี แ ต่ ใ นระหว่ า งพระ
อาทิ ต ย์ ขึน้ และพระอาทิตย์ ตกในวัน ท าการงานปกติ เว้ น แต่ ใ นกรณีมี เ หตุฉุกเฉิ น โดยได้ รับ
อนุญาตจากศาล
ในการที่จะดาเนินการบังคับคดี เจ้ าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอานาจเท่าที่มีความจาเป็ น
เพื่อที่จ ะค้ นสถานที่ใ ด ๆ อันเป็ นของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อ ที่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาได้
ปกครองอยู่ เช่น บ้ านที่อยู่ คลังสินค้ า โรงงาน และร้ านค้ าขาย ทัง้ มีอานาจที่จ ะยึดและตรวจ
Jus_Highlight
เจ้ าของทรั พ ย์ ที่ จ ะต้ อ งยึ ด หรื อ เพิ กเฉยไม่ ก ระท าการโดยเร็ ว ตามสมควร เจ้ าหนี ต้ ามค า
พิพากษาผู้ต้องเสียหายเพราะการนั ้น อาจยื่น คาร้ องต่อศาลขอให้ ปลดเปลื ้องทุกข์ ถ้ าศาลไต่
สวนเป็ นที่พอใจว่าข้ ออ้ างนั ้นเป็ นความจริง ก็ให้ ศาลมีคาสัง่ ว่าเจ้ าพนักงานผู้นั ้นตกอยู่ในความ
รับผิด จาต้ องชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนให้ แก่เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาไม่เกินกว่าจานวนตามคา
พิพากษา ถ้ าเจ้ าพนักงานไม่ ชาระค่ าสิน ไหมทดแทนตามคาสัง่ ของศาล ศาลอาจออกหมาย
บังคับเอาแก่ทรัพย์ สินของเจ้ าพนักงานผู้นั ้นได้ แต่ถ้าเจ้ าพนักงานมีความสงสัยในการยึดหรื อ
อายัดทรัพย์สนิ ที่เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาได้ นาชี ้ดังกล่าวแล้ ว ซึ่งบุคคลอื่นนอกจากเจ้ าหนี ้ตาม
คาพิพากษาหรือบุคคลซึ่งเป็ นเจ้ าของทรัพย์ ที่ ยึดนั ้นมีชื่อเป็ นเจ้ าของในทะเบียน เจ้ าพนักงาน
นั ้นชอบที่จะงดเว้ นยึดหรืออายัดทรัพย์สนิ นั ้น และร้ องต่อศาลให้ กาหนดการอย่างใด ๆ เพื่อมิให้
ตนต้ องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวมาแล้ ว
มาตรา ๒๘๔ เว้ นแต่จะได้ มีกฎหมายบัญญัติไว้ หรื อศาลจะได้ มีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่นห้ าม
ไม่ให้ ยึดหรื ออายัดทรัพย์ สินของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาเกินกว่าที่พอจะชาระหนี ้ให้ แก่เจ้ าหนี ้
ตามคาพิพากษาพร้ อมทั ้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี อนึ่งถ้ าได้
เงินมาพอจานวนที่จะชาระหนี ้แล้ ว ห้ ามไม่ให้ เอาทรัพย์ สินที่ยึดหรื ออายัดออกขายทอดตลาด
หรือจาหน่ายด้ วยวิธีอื่น
ความรับผิดต่อลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อต่อบุคคลภายนอกเพื่อความเสียหายถ้ าหากมี
อันเกิดจากการยึดและขายทรัพย์ สินโดยมิชอบหรื อยึดทรัพย์ สินเกินกว่าที่จาเป็ นแก่การบังคับ
คดีนั ้น ย่อมไม่ตกแก่เจ้ าพนักงานบังคับคดี แต่ตกอยู่แก่เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษา เว้ นแต่ในกรณี
เจ้ าพนักงานบังคับคดีได้ กระทาการฝ่ าฝื นต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี ้
มาตรา ๒๘๗ ภายใต้ บังคับแห่ง บทบัญญั ติม าตรา ๒๘๘ และ ๒๘๙ บทบัญญัติแห่ ง
ประมวลกฎหมายนี ้ว่ าด้ วยการบังคับคดี แก่ ทรัพ ย์ สินของลูกหนี ต้ ามคาพิพากษานั ้น ย่อ มไม่
กระทบกระทัง่ ถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้ องขอให้ บังคับเหนือทรัพย์ สิน
นั ้นได้ ตามกฎหมาย
มาตรา ๒๙๔ ถ้ า ได้ งดการบัง คั บ คดี ไ ว้ ตามที่ บั ญญั ติใ นประมวลกฎหมายนี ใ้ ห้ เจ้ า
พนัก งานบังคับ คดีด าเนิน การบัง คับคดี ต่อไป เมื่ อ ศาลได้ ส่ง คาสั่ง ให้ ดาเนิน คดี ต่อ ไปยัง เจ้ า
พนักงานบังคับคดีแล้ ว โดยศาลเป็ นผู้ออกคาสัง่ นั ้นเอง หรื อโดยเจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษายื่นคา
ขอให้ ดาเนินการบังคับคดีต่อไป เนื่องจากระยะเวลาที่ได้ งดการบังคับคดีนั ้นได้ ล่วงพ้ นไปแล้ ว
หรื อเนื่อ งจากมิ ได้ ปฏิ บัติตามเงื่ อนไขที่ ศาลหรื อเจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาได้ กาหนดไว้ แล้ วแต่
กรณีหรื อเนื่อ งจากศาลที่คดีนั ้นอยู่ในระหว่างพิจารณาในชั ้นอุทธรณ์ หรื อฎี กาได้ พิพากษายื น
ตามคาพิพากษาที่อยู่ในระหว่างบังคับคดี แต่ถ้าคาพิพากษาที่อยู่ในระหว่างบังคับคดีนั ้น ศาล
อุทธรณ์ หรื อศาลฎี กาพิพ ากษายืนแต่ บ างส่ว นเจ้ าพนักงานบังคับ คดี จะดาเนิน การบังคับคดี
ต่อไปยังหาได้ ไม่ ถ้ าปรากฏว่าเงินที่รวบรวมได้ ก่อนงดการบังคับคดีนั ้น พอที่จะชาระเจ้ าหนี ้ตาม
คาพิพากษาได้ แล้ ว
ถ้ าได้ งดการบั ง คั บ คดี ต ามที่ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ในมาตรา ๑๕๔ ให้ เจ้ าพนั ก งานบั ง คั บ คดี
ดาเนินการบังคับคดีต่อไปโดยพลัน เมื่อเจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาได้ ปฏิ บัติตามข้ อความที่กล่าว
ไว้ ในมาตรานั ้นแล้ ว
มาตรา ๒๙๕ ทวิ ถ้ า เจ้ า หนี ต้ ามคาพิ พ ากษาเพิกเฉยไม่ ดาเนิ น การบังคับ คดี ภ ายใน
ระยะเวลาที่เจ้ าพนักงานบังคับคดีกาหนด ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีขอให้ ศาลสัง่ ถอนการบังคับ
คดีนั ้นเสีย
มาตรา ๒๙๖ ทวิ ในกรณีที่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาถูกพิพากษาให้ ขบั ไล่ หรื อต้ องออกไป
หรือต้ องรื ้อถอนสิง่ ปลูกสร้ างออกไปจากอสังหาริ มทรัพย์ ที่อยู่อาศัยหรื อทรัพย์ ที่ครอบครองถ้ า
ลูกหนี ้ตามคาพิพากษาไม่ปฏิ บัติตามคาบังคับ เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาชอบที่จะยื่นคาขอฝ่ าย
Jus_Highlight
เดียวโดยทาเป็ นค าร้ องต่อศาลให้ มีคาสัง่ ตั ้งเจ้ าพนักงานบังคับคดีให้ จัดการให้ เจ้ าหนี ้ตามคา
พิพากษาเข้ าครอบครองทรัพย์ดงั กล่าว
เมื่อศาลมีคาสั่งตั ้งเจ้ าพนักงานบังคับคดี ตามวรรคหนึ่งแล้ ว ให้ เจ้ าพนักงานบัง คับคดี มี
อานาจดาเนินการตามที่บญ
ั ญัติไว้ ในห้ ามาตราต่อไปนี ้
มาตรา ๒๙๖ ฉ เจ้ า หนี ต้ ามคาพิ พ ากษามี ห น้ า ที่ ช่ ว ยเจ้ า พนั กงานบัง คั บ คดี ใ นการ
ดาเนินการบังคับคดีดงั กล่าวและทดรองค่าใช้ จ่ายในการนั ้น
มาตรา ๒๙๗ ภายใต้ บงั คับมาตรา ๒๙๖ ทวิ เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาชอบที่จะยื่นคาขอ
ฝ่ ายเดียว โดยทาเป็ นคาร้ องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ นับแต่ระยะเวลาที่กาหนดไว้ เพื่อการปฏิ บัติ
ตามคาพิพากษาหรือคาสัง่ ที่ขอให้ มีการบังคับได้ ลว่ งพ้ นไปจนถึงเวลาที่การบังคับคดีได้ เสร็ จสิ ้น
Jus_Highlight
หมวด ๒
วิธียึดทรั พย์ อายัดทรั พย์ และการจ่ ายเงิน
มาตรา ๓๐๔ การยึดอสัง หาริ มทรัพ ย์ ข องลูกหนี ้ตามคาพิ พากษานั ้น ให้ เจ้ าพนักงาน
บังคับคดีจดั ทาโดยนาเอาหนังสือสาคัญสาหรับทรัพย์ สินนั ้นมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรื อ
แก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้ ง การยึดนั ้นให้ ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาและเจ้ าพนักงาน
ที่ดินผู้มีหน้ าที่ทราบ ให้ เจ้ าพนักงานที่ดินบันทึกการยึดไว้ ในทะเบียน ถ้ าหนังสือสาคัญยังไม่ได้
ออก หรือนามาแสดงไม่ได้ หรือหาไม่พบ ให้ ถือว่าการที่ได้ แจ้ งการยึดต่อลูกหนี ้ตามคาพิพากษา
และเจ้ าพนักงานที่ดินนั ้น เป็ นการยึดตามกฎหมายแล้ ว
Jus_Highlight
การยึ ด อสั ง หาริ มทรั พ ย์ นั น้ ครอบไปถึ ง เครื่ องอุ ป กรณ์ และดอกผลนิ ติ นั ย ของ
อสังหาริมทรัพย์นั ้นด้ วย เว้ นแต่จะได้ มีกฎหมายบัญญัติไว้ เป็ นอย่างอื่น ดอกผลธรรมดาที่ลกู หนี ้
ตามค าพิ พ ากษาจะต้ อ งเป็ นผู้เ ก็ บ เกี่ ยว หรื อ บุคคลอื่ น เก็ บ เกี่ ย วในนามลูกหนี น้ ัน้ เมื่ อ เจ้ า
พนักงานบังคับคดีได้ แจ้ งเป็ นหนังสือให้ ทราบในขณะทาการยึดว่า จะทาการเก็บเกี่ยวเองแล้ ว
เจ้ าพนั ก งานบั ง คั บ คดี อ าจจั ด ให้ เก็ บ เกี่ ย วดอกผลนั น้ ได้ เมื่ อ ถึ ง ก าหนด และท าการขาย
ทอดตลาดตามบทบัญญัติในลักษณะนี ้
มาตรา ๓๐๖ เมื่อได้ ยดึ สังหาริมทรัพย์ มีรูปร่ างหรื ออสังหาริ มทรัพย์ ทั ้งหมดหรื อบางส่วน
ของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาแล้ ว ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดียื่นคาขอต่อศาลขอให้ สงั่ อนุญาตให้
ขายทอดตลาดทรัพย์สนิ นั ้น ถ้ าไม่มีผ้ คู ัดค้ านในการขายทรัพย์ ภายใต้ บังคับบทบั ญญัติมาตรา
๓๐๗ ให้ ศาลมีคาสัง่ อนุญาตตามคาขอ แล้ วให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีแจ้ งให้ ทราบซึ่งคาสัง่ ของ
ศาลและวันขายทอดตลาดแก่บรรดาบุคคลผู้มีส่วนได้ เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์ สินที่จะขาย
ทอดตลาดซึง่ ทราบได้ ตามทะเบียน หรือโดยประการอื่น
คาสัง่ อนุญาตของศาลตามมาตรานี ้ให้ เป็ นที่สดุ
มาตรา ๓๐๘ เมื่อ ศาลได้ มี คาสั่ง อนุญาตให้ ข ายแล้ ว เจ้ า พนักงานบังคับ คดี อ าจขาย
ทอดตลาดทรั พย์ สิน ที่ ยึดได้ เมื่ อ พ้ น ระยะเวลาอย่า งน้ อ ยห้ าวัน นับ แต่ วัน ที่ ยึด การขายนั ้นให้
ดาเนินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎกระทรวงว่าด้ วยการนั ้น
และตามข้ อกาหนดของศาล ซึง่ ระบุไว้ ในคาสัง่ อนุญาตให้ ขายทรัพย์ สนิ นั ้น ถ้ าหากมี
Jus_Highlight
มาตรา ๓๐๙ ตรี เมื่อเจ้ าพนักงานบังคับคดีโอนอสังหาริ มทรั พย์ ที่ข ายให้ แก่ผ้ ซู ื อ้ หาก
ทรัพย์ สินที่โ อนนัน้ มีลกู หนี ้ตามคาพิพากษาหรื อบริ วารอยู่อ าศัย และลูกหนี ต้ ามคาพิพ ากษา
หรื อบริ วารไม่ ยอมออกไปจากอสังหาริ ม ทรัพ ย์ นั ้น ผู้ซื ้อชอบที่จะยื่นคาขอฝ่ ายเดียวต่อ ศาลที่
อสัง หาริ มทรั พ ย์ นัน้ ตัง้ อยู่ใ นเขตศาลให้ อ อกคาบัง คับ ให้ ลูกหนี ต้ ามคาพิ พากษาหรื อ บริ ว าร
ออกไปจากอสัง หาริ ม ทรั พ ย์ นั ้น ภายในระยะเวลาที่ ศาลเห็ น สมควรกาหนด แต่ไ ม่ น้ อยกว่ า
สามสิบวัน ถ้ าลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อบริ วารไม่ปฏิ บัติตามคาบังคับ ให้ บังคับตามมาตรา
๒๙๖ ทวิ มาตรา ๒๙๖ ตรี มาตรา ๒๙๖ จัตวา มาตรา ๒๙๖ ฉ มาตรา ๒๙๖ สัตต มาตรา
๒๙๙ มาตรา ๓๐๐ มาตรา ๓๐๑ และมาตรา ๓๐๒ โดยอนุโลม ทั ้งนี ้ ให้ เจ้ าพนักงานศาลเป็ นผู้
ส่งคาบังคับโดยผู้ซื อ้ มีห น้ าที่ จัดการน าส่ง และให้ ถือว่า ผู้ซื ้อเป็ นเจ้ า หนี ้ตามคาพิพ ากษาและ
ลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรือบริวารที่อยู่อาศัยในอสังหาริ มทรัพย์ นั ้นเป็ นลูกหนี ้ตามคาพิพากษา
ตามบทบัญญัติดงั กล่าว
มาตรา ๓๑๐ ทวิ ถ้ าลูกหนี ้ตามคาพิพากษามีสิทธิ เรี ยกร้ องต่อบุ คคลภายนอกให้ ชาระ
เงินจานวนหนึง่ หรือเรียกให้ สง่ มอบสิง่ ของนอกจากที่กาหนดไว้ ในมาตรา ๓๑๐ ให้ เจ้ าพนักงาน
บังคับคดีอายัดและจาหน่ายไปตามที่บญ
ั ญัติไว้ ในห้ ามาตราต่อไปนี ้
มาตรา ๓๑๑ สิทธิเรียกร้ องซึง่ ระบุไว้ ในมาตรา ๓๑๐ ทวิ นั ้น ให้ อายัดได้ โดยคาสัง่ อายัด
ซึ่ง ศาลได้ อ อกให้ ตามที่ เ จ้ า หนี ต้ ามคาพิ พากษาได้ ยื่น คาขอโดยท าเป็ นคาร้ องฝ่ ายเดียวและ
Jus_Highlight
เจ้ าหนี ้ได้ นาส่ง ให้ แก่ลูกหนี ้ตามคาพิพากษาและบุคคลซึ่งต้ องรับผิดเพื่ อการช าระเงิ นหรื อส่ง
มอบสิง่ ของนั ้น
เมื่ อ ศาลเห็ นสมควร ศาลอาจกาหนดไว้ ใ นหมายบัง คับ คดี ให้ เ จ้ า พนักงานบัง คับ คดี มี
อานาจอายัดสิทธิเรียกร้ องตามมาตรา ๓๑๐ ทวิ ก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี ้ ให้ ถือว่าคาสัง่ อายัดของ
เจ้ าพนักงานบังคับคดีเป็ นคาสัง่ อายัดของศาล
ค าสั่ง อายั ดนั น้ อาจออกให้ ได้ ไม่ ว่ า หนี ข้ องบุ คคลภายนอกนัน้ จะมี ข้ อ โต้ แย้ ง หรื อ มี
ข้ อจากัดหรือเงื่อนไขหรือว่าได้ กาหนดจานวนไว้ แน่นอนหรือไม่
คาสัง่ นั ้นต้ องมีข้อห้ ามลูกหนี ้ตามคาพิพากษาให้ งดเว้ นการจาหน่ายสิทธิ เรี ยกร้ องตั ้งแต่
ขณะที่ได้ ส่งคาสัง่ นั ้นให้ และมี ข้อห้ ามบุคคลภายนอกไม่ให้ ชาระเงินหรื อส่งมอบสิ่งของให้ แ ก่
ลูกหนี ้ตามคาพิพากษา แต่ให้ ชาระหรือส่งมอบให้ แก่เจ้ าพนักงานบังคับคดี ณ เวลาหรื อภายใน
เวลาตามที่กาหนดไว้ ในคาสัง่
มาตรา ๓๑๕ ถ้ าสิง่ ของที่จะต้ องส่งมอบตามสิทธิ เรี ยกร้ องที่ถูกอายัดนั ้นได้ ส่งมอบให้ แก่
เจ้ าพนักงานบังคับคดีไปแล้ ว ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีนาออกขายโดยการขายทอดตลาดดังที่
บัญญัติไว้ ในลักษณะนี ้
ถ้ าการจาหน่ายสิทธิ เรี ยกร้ องที่ถูกอายัดนั ้นกระทาได้ โดยยาก เนื่องจากการชาระหนี ้นั ้น
ต้ อ งอาศัย การช าระหนี ต้ อบแทน หรื อ ด้ ว ยเหตุอื่ น ใด และการบัง คับ คดี อ าจล่า ช้ าเป็ นการ
เสียหายแก่ค่คู วามทุกฝ่ าย หรื อฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง หรื อ แก่บุคคลผู้มีส่วนได้ เสีย เมื่อคู่ความหรื อ
บุคคลเช่นว่านั ้นหรือเจ้ าพนักงานบังคับคดีร้องขอ ศาลจะมีคาสัง่ กาหนดให้ จาหน่ายโดยวิธีอื่นก็
ได้
มาตรา ๓๒๐ ในกรณีดังบัญญัติไว้ ในมาตราก่อ นนี ้ ถ้ ามีเ จ้ าหนี ค้ นเดี ยวหรื อหลายคน
ดังกล่าวแล้ ว ยื่นคาแถลงคัดค้ านบัญชีสว่ นเฉลีย่ ต่อเจ้ าพนักงานบังคับคดีภายในเวลาที่กาหนด
ไว้ ให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดีออกหมายเรี ยก ให้ เจ้ าหนี ้ทุกคนมาในเวลา และ ณ สถานที่ตามที่
เห็นสมควร แต่ต้องให้ ทราบล่วงหน้ าไม่น้อยกว่าสามวัน
Jus_Highlight
ตาราง ๑
ค่ าธรรมเนียมศาล (ค่ าขึน้ ศาล)
ลักษณะของคดี ทุนทรัพย์ อัตรา หมายเหตุ
(๑) คดีที่มีคาขอให้ ปลด ค่าธรรมเนียมตาม(ก)
เปลื ้องทุกข์อนั อาจคานวณ (ข) และ (ค)ถ้ ารวม
เป็ นราคาเงินได้ ให้ คิดค่าขึ ้น แล้ วมีเศษไม่ถงึ หนึง่
ศาลตามทุนทรัพย์ดังต่อไปนี ้ บาทให้ ปัดทิ ้ง
(ก) คาฟ้องนอกจากที่ระบุไว้ ไ ม่ เ กิ น ห้ าสิ บ ล้ า น ร้ อยละ ๒ แต่
ใน (ข) และ (ค) บาท ไ ม่ เ กิ น สอ ง
แสนบาท
ส่วนที่ เกิน ห้ าสิบล้ า น ร้ อยละ ๐.๑
บาทขึ ้นไป
ตาราง ๒
ค่ าธรรมเนียมศาล (ค่ าธรรมเนียมออ่น ๆ)
ศาลฎีกา
ลักษณะแห่ง ศาลชั ้นต้ น ชาระเมื่อใด
และศาลอุทธรณ์
กระบวนพิจารณา
(๒ ) ค่ า รั บ ร อ ง ส า เ น า
เอกสารต่าง ๆ โดยหัวหน้ า
ส า นั ก ง า น ป ร ะ จ า ศ า ล
ยุติ ธ รรมหรื อ เจ้ า พนักงาน
บังคับคดีเป็ นผู้รับรอง ฉบับ
ละ ๕๐ บาท ๕๐ บาท เมื่อยื่นคาร้ อง
ตาราง ๓
ค่ าสอบพยานหลักฐานนอกศาล
ตาราง ๔
ค่ าป่ วยการ ค่ าพาหนะ และค่ าเช่ าที่พักของพยาน กับค่ ารั งวัดทาแผนที่
ตาราง ๕
ค่ าธรรมเนียมเจ้ าพนักงานบังคับคดี
ค่าธรรมเนียม จานวน หมายเหตุ
๑. ขายทอดตลาดหรื อ จาหน่ า ย ร้ อยละ ๓ ของจ านวนเงิ น ที่ ทั ้งนี ้ ต้ อ งเสียค่ า ประกาศ
โดยวิ ธี อื่ น ซึ่ง ทรั พ ย์ สิน ที่ ยึดหรื อ ขายหรือจาหน่ายได้ และค่าใช้ สอยต่างหาก
อายัด
๒. จ่ า ยเงิ น ที่ ยึ ด หรื อ อายั ด แก่ ร้ อยละ ๒ ของจ านวนเงิ น ที่
เจ้ าหนี ้ ยึดหรืออายัด
๓. เมื่ อ ยึด ทรั พ ย์ สิน ซึ่ง ไม่ ใ ช่ ตั ว ร้ อยละ ๒ ของราคาทรัพย์ สิน ส่ ว น การค านวณราคา
เ งิ น แ ล้ ว ไ ม่ มี ก า ร ข า ย ห รื อ ที่ยดึ ทรั พ ย์ สิ น ที่ ยึ ด หรื อ อายั ด
จาหน่าย เพื่อเสียค่าธรรมเนียมตาม
๔. เมื่ อ ยึ ด หรื อ อายั ด เงิ น หรื อ ร้ อยละ ๑ ของจ านวนเงิ น ที่ หมายเลข ๓ และ ๔ ให้
อายัดทรัพย์สนิ แล้ ว ไม่มีการขาย ยึ ด ห รื อ อ ายั ด ห รื อ ราค า เจ้ าพนักงานบังคับคดีเป็ น
หรือจาหน่าย ทรัพย์สนิ ที่อายัด ผู้กาหนด ถ้ า ไม่ ต กลงกั น
๕. ขายโดยวิ ธี ป ระมู ลระหว่ า ง ร้ อยละ ๒ ของราคาประมู ล ให้ ค่คู วามที่เกี่ยวข้ องเสนอ
คู่ความ สูงสุด” เรื่องต่อศาลตามที่บัญญัติ
ไว้ ในมาตรา ๒๙๖
Jus_Highlight
ตาราง ๖
ค่ าทนายความ
(๑) ให้ ศาลกาหนดค่าทนายความตามจานวนที่ศาลเห็นสมควรไม่เกินอัตราขั ้นสูงดังที่ระบุ
ไว้ ในตารางนี ้ แต่ต้องไม่ต่ากว่าคดีละสามพันบาท
(๒) การกาหนดค่าทนายความที่ค่คู วามจะต้ องรับผิดนั ้น ให้ ศาลพิจารณาตามความยาก
ง่ายแห่งคดีเทียบดูเวลาและงานที่ทนายความต้ องปฏิบตั ิในการว่าคดีเรื่องนั ้น
อัตรา คดีมีทนุ ทรัพย์ คดีไม่มีทนุ ทรัพย์
อัตราขั ้นสูงในศาลชั ้นต้ น ร้ อยละ ๕ ๓๐,๐๐๐ บาท
อั ต ราขั น้ สูง ในศาลอุ ท ธรณ์ ร้ อยละ ๓ ๒๐,๐๐๐ บาท
หรือศาลฎีกา
ตาราง ๗
ค่ าใช้ จ่ายในการดาเนิ นคดี
ศาลอาจกาหนดให้ ค่คู วามซึ่ง ต้ อ งรั บผิ ดในค่า ฤชาธรรมเนี ยมตามมาตรา ๑๖๑ ชดใช้
ค่าใช้ จ่ายในการดาเนินคดีแก่ค่คู วามอีกฝ่ ายตามจานวนที่ศาลเห็นสมควร โดยในคดีมีทุนทรัพย์
ต้ องไม่เกิน ร้ อยละ ๑ ของจานวนทุนทรัพย์ หรือในคดีไม่มีทนุ ทรัพย์ต้องไม่เกินห้ าพันบาท
การกาหนดค่าใช้ จ่ายในการดาเนินคดีตามวรรคหนึ่ง ให้ ศาลคานึงถึงค่าใช้ จ่ายต่าง ๆ ที่
คู่ความได้ เสียไป รวมทั ้งลักษณะและวิธีการดาเนินคดีของคู่ความ