Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 87

บทที$ 7

การเคลื(อนที(ของสิ( งมีชีวติ
การเคลื(อนที(ของสิ( งมีชีวติ
การเคลื(อนที(ของสิ( งมีชีวติ
Ø การเคลื(อนไหว เป็ นการเคลื(อนย้ายเพียงบางส่ วนของ
ร่ างกาย
Ø การเคลื(อนที( เป็ นการเคลื(อนย้ายจากที(หนึ( งไปยังอีกที(หนึ( ง

* การเคลื(อนที(จะต้องมีการเคลื(อนไหวด้วยเสมอ แต่การเคลื(อนไหว
ไม่จาํ เป็ นต้องมีการเคลื(อนที(ดว้ ย
โครงร่ างสั ตว์ (animal skeleton) แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
1. Hydroskeleton or hydrostatic skeleton
2. Hard skeleton
Ø 2.1 Exoskeleton
Ø 2.2 Endoskeleton
การเคลื(อนที(ของสิ( งมีชีวติ เซลล์เดียว
การเคลื(อนไหวโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึม
อมีบา(amoeba)
การเคลื(อนไหวของอมีบา

Ø การเคลื(อนไหวอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึ ม โดยแบ่งเป็ น 2
ส่ วน คือ ectoplasm(แข็ง) และ endoplasm(เหลว)
Ø Actin และ Miosin ประกอบกันเป็ น microfilament(
เป็ นเส้นใยโปรตีนเล็กๆ) หดตัวและคลายตัวได้ ทําให้เกิดการไหล
ของไซโทพลาสซึม
Ø ทําให้เกิดเท้าเทียม(pseudopodium)
Ø การเคลื(อนที(แบบอะมีบา (amoebiod movement)
Ø ได้แก่ อมีบา เม็ดเลือดขาว ราเมือก
ในเซลล์ อมีบา การยื1น pseudopodium ออกไปเกิดจากการ
ยืดและหดตัวของ actin filaments
การเคลื(อนไหวโดยการใช้แฟลกเจลลัม หรื อซิเลีย
แฟลกเจลลัม(flagellum)
Euglena
ซิเลีย(cilia)
A comparison of the beating of flagella and cilia
Microtubules เป็ นแกนของ flagellum และ cilia
Centrosome containing a pair of centrioles
การเคลื6อนทีข6 องไฮดรา
(Hydra)

Ø ตีลงั กา
Ø เคลือบคลานเหมือนหนอน
Ø ลอยไปตามนํAา
planaria
การเคลื(อนที(ของพลานาเรี ย(planaria)
Ø Phylum platyhelminthes
Ø มีกล้ามเนืL อ 3 ชนิ ด คือ circular muscle ,longitudinal
muscle,oblique muscle
Ø เคลื(อนที(ไปโดยการลอยไปตามผิวนํLาหรื อคลืบคลาน
Ø ทางด้านล่างมีซิเลียช่วยในการโบกพัดช่วยให้เคลื(อนตัวได้ดียงิ( ขึLน
การเคลื(อนที(ของหนอนตัวกลม(round worm)
Ø Phylum nematoda ได้แก่ พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ
พยาธิเส้นด้าย หนอนนํLาส้มสายชู
Ø มีเฉพาะกล้ามเนืL อตามยาวของลําตัว(longitudinal
muscle)
Ø การเคลื(อนที(ทาํ ให้เกิดลักษณะส่ ายไปส่ ายมา
การเคลื(อนที(ของไส้เดือน(earth worm)
Ø การเคลื(อนที(ของไส้เดือน(earth worm)

- Phylum annelida
- กล้ามเนืLอ 2 ชุดคือ กล้ามเนืLอวงกลม
(circular muscle) อยูท่ างด้าน
นอก และกล้ามเนืLอตามยาว
(longitudinal muscle) ตลอด
ลําตัวอยูท่ างด้านใน
- เดือย(setae)
การเคลื(อนที(ของแมงกะพรุ น(jelly fish)
Ø Phylum coelenterata
Ø เคลื(อนที(โดยการหดตัวของ
เนื<อเยือ( ที(อยูบ่ ริ เวณของร่ มและ
ผนังลําตัวทําให้น< าํ พ่นออกมา
ทางด้านล่าง
การเคลื(อนที(ของหมึก(squid)
การเคลื(อนที(ของหมึก(squid)
การเคลื(อนที(ของดาวทะเล(sea star)
Exoskeleton
-พบในพวก mollusk และแมลง
-เป็ นโครงร่ างเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอกร่ างกาย โดย
ส่ วนประกอบของเปลือกเป็ นพวก crystallized mineral
salt และไม่ มีเซลล์ (acellular) เช่ น แคลเซียมคาร์ บอเนต
ใน mollusk, chitin ในแมลง
-exoskeleton นอกจากจะทําหน้ าที_คา̀ํ จุนร่ างกายแล้ ว ยัง
ช่ วยป้ องกันการสูญเสียนํา`
-การเคลื_อนไหวเกิดขึน` โดยการหด-คลายตัวของกล้ ามเนือ`
ที_ยดึ ติดกับ exoskeleton
-กล้ ามเนื?อทีท6 าํ ให้ เกิดการเคลื6อนไหวมี 2 ชุด คือ
1. Flexors ทําให้ เกิดการโค้ งงอของข้ อต่ อเมื6อหดตัว
2. Extensors ทําให้ เกิดการยืดตัวของข้ อต่ อเมื6อ
หดตัว
-กล้ ามเนื?อทั?งสองชุดนีจ? ะทํางานตรงข้ ามกัน เมื6อ
กล้ ามเนื?อชนิดหนึ6งหดตัว อีกชนิดหนึ6งจะคลายตัว
(antagonism)
การเคลื(อนทีข( องแมลง
insect

Ø Exoskeleton เป็ นสารพวกไคติน


Ø ข้อต่อข้อแรกของขากับลําตัว แบบ ball and
socket ส่ วนข้อต่ออื(นๆเป็ นแบบบานพับ
Ø การเคลื(อนไหวเกิดจาการทํางานสลับกันของกล้ามเนื< อ
flexer กับ extensor เป็ นแบบ
antagonism
Moving the exoskeleton: Joints and muscle attachments

Flexor = งอ
Extensor = คลาย
การเคลื(อนทีข( องปลา
Ø มีรูปร่ างแบนเพรี ยวบาง และเมือก มีเกล็ด ช่วยลดแรงเสี ยดทาน
Ø เมื(อกล้ามเนืA อที(ยดึ ติดกับกระดูกสันหลังด้านใดด้านหนึ( งหดตัว(เริ( ม
จากส่ วนหัวมาทางหาง)ทําให้เกิดการโบกพัดของครี บหาง
(cadal fin) ดันให้ตวั พุง่ ไปข้างหน้าโดยมีครี บหลัง(drosal
fin) ช่วยในการทรงตัวไม่ให้เสี ยทิศทาง
Ø เมื(อกล้ามเนืA อที(ยดึ ติดกระดูกสันหลังด้านหนึ( งหดตัว(เริ( มจากส่ วน
หัวมาทางส่ วนหาง)
Ø ครี บอก(pectoral fin) และครี บตะโพก (pelvicfin) ซึ( ง
เทียบได้กบั ขาหน้าและขาหลังของสัตว์บก จะทําหน้าที(ช่วยพยุง
ลําตัวปลา และช่วยให้เกิดการเคลื(อนที(ในแนวดิ(ง
การเคลื(อนทีข( องเต่ าทะเล แมวนํา8 และสิ งโตทะเล

Ø มีขาคู่หน้าที(เปลี(ยนแปลงไปมีลกั ษณะเป็ นพาย ที(เรี ยกว่า ฟลิบเปอร์


(flipper)
การเคลื(อนทีข( องสั ตว์ ปีก
การเคลื(อนที(ของนก
Ø มีกระดูกที)กลวง ทําให้เบา
Ø มีกล้ามเนื7อที)ใช้ในการขยับปี กที)แข็งแรง
- กล้ามเนื7อ pectoralis major
- กล้ามเนื7อ pectoralis minor
Ø มีถุงลม (air sac)
Ø มีขน (feather)
ถุงลม (air sac)
Endoskeleton
-พบในสัตว์ มีกระดูกสันหลังทุกชนิด
-เป็ นโครงร่ างแข็งทีCแทรกตัวอยู่ในเนือG เยืCอ (soft tissues) หรื อภายในร่ างกาย
-endoskeleton ประกอบด้ วย living and metabolizing cells (ต่ างจาก exoskeleton) แบ่ งเป็ น
1. cartilage เป็ นส่ วนประกอบของ protein collagen และ complex polysaccharide
2. bone ประกอบด้ วย collagen ปนอยู่กับ apatite (calcium and phosphate salt)
-นักกายวิภาคศาสตร์ แบ่ งกระดูกออกเป็ น 2 ส่ วน
1. Axial skeleton: กระดูกกะโหลก (skull), กระดูกสันหลัง (vertebral column),
กระดูกซีCโครง (rib)
2. Appendicular skeleton: เป็ นกระดูกทีCต่อออกมาจาก axial skeleton แบ่ งเป็ น
2.1 Fore-limb bone (กระดูกแขน) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pectoral
girdle (clavicle, scapula)
2.2 Hind-limb bone (กระดูกขา) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pelvic girdle
(ilium, sacrum, pubis, ischium)
โครงสร้ างของกระดูก
การจําแนกชนิดกระดูก
1. กระดูกแท่งยาว (long bone) ได้แก่ ต้นแขน,ปลาย
แขน,ต้นขา,หน้าแข้ง,กระดูกน่อง,ไหปลาร้า
2. กระดูกแท่งสัAน (short bone) ได้แก่ ข้อมือ,ข้อเท้า
3. กระดูกแบน (flat bone) ได้แก่ กะโหลก,เชิงกราน,
สะบัก,อก,ซี(โครง
4. กระดูกรู ปร่ างไม่แน่นอน (irregular bone) ได้แก่
สันหลัง,แก้ม,ขากรรไกร
(pectoral girdle)

สี นL าํ เงิน คือ กระดูกแกน WX ชิLน ilium


sacrum
pubis
สี เหลือง คือ กระดูกรยางค์ YZ[ ชิLน ischium
ข้ อต่ อ (articulation หรื อ Joint)
-ข้ อต่ อ: เป็ นบริเวณทีCกระดูกมาต่ อกับ
กระดูก มี synovial memebranes
มาหุ้มบริเวณข้ อต่ อ เพืCอป้ องกันการ
เสียดสีระหว่ างกระดูก จะมีกระดูก
อ่ อนมาทําหน้ าทีCเป็ นหมอนรอง และ
มี synovial fluid ทําหน้ าทีCเป็ นสาร
หล่ อลืCน
-Ligament: เป็ นเอ็นทีCยดึ ระหว่ าง
กระดูกกับกระดูก
-Tendon: เป็ นเอ็นทีCยดึ ระหว่ าง
กล้ ามเนือG กับกระดูก
ชนิดข้อต่อ
1. ข้อต่อไฟบรัส (fibrous joint) เป็ นข้อต่อที(เคลื(อนไหวไม่ได้
และมีเนืLอเยือ( เกี(ยวพันบางๆ ยึดกระดูกสองชิLนไว้ หรื ออาจหุม้
ภายนอกไว้ เช่น กระดูกกะโหลกศรี ษะ
2. ข้อต่อกระดูกอ่อน (cartilagenous joint) เป็ นข้อต่อที(
เคลื(อนไหวได้เล็กน้อย เช่นข้ อต่ อระหว่ างกระดูกซี6โครงกับ
กระดูกอก ข้ อต่ อระหว่ างท่ อนกระดูกสันหลัง ข้ อต่ อระหว่ าง
กระดูกเชิ งกรานซีกซ้ ายกับซีกขวาทางด้ านหั วหน่ าว
3. ข้อต่อซิ ลโนเวียล (sylnovial joint) เป็ นข้อต่อที(เคลื(อนไหว
ได้มาก ประกอบด้วยกระดูกอย่างน้อย Z ชิLน
ข้ อต่ อซิลโนเวียล (sylnovial joint)
แบบต่ างๆ

1 Ø แบบที( Y พบที(ใดของร่ างกาย..........


Ø แบบที( Z พบที(ใดของร่ างกาย..........
Ø แบบที( ^ พบที(ใดของร่ างกาย..........

3
The skeleton-muscle connection
-การเคลืCอนไหวส่ วนต่ าง ๆ ของ
ร่ างกายเกิดจากการทํางานร่ วมกัน
ของ nerves, bones, muscles
-การหด-คลายตัวของกล้ ามเนือG
เป็ นการทํางานร่ วมกันของ
กล้ ามเนือG 2 ชุด ทีCทาํ งานตรงข้ าม
กัน เช่ น การงอแขน
:กล้ ามเนือG biceps (flexor) หดตัว
(เป็ น agonist)
:กล้ ามเนือG triceps(extensor) คลาย
ตัว (เป็ น antagonist)
The power arm-load arm concept
-ในการเคลืCอนของกระดูก จะมีกระดูกท่ อนหนึCง
ทําหน้ าทีCเป็ นจุดหมุน (falcum)
-ความเร็วในการเคลืCอนทีC หรื อความสามารถใน
การรองรั บนําG หนักของกระดูกขึนG อยู่กับ
อัตราส่ วนของ power arm ต่ อ load arm
-power arm: ระยะทางระหว่ างจุดทีCกล้ ามเนือG ยึด
กับกระดูกถึงจุดหมุน
-load arm: ระยะทางระหว่ างจุดหมุนถึงบริเวณทีC
ใช้ ในการเคลืCอนไหว เช่ น เท้ า หรื อมือ
-ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm ตํCา เช่ น ใน
เสือชีต้า กระดูกจะเคลืCอนทีCได้ เร็ว
-ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm สูง เช่ น ในตัว
badger กระดูกจะรั บนําG หนักได้ มาก
Origin and insertion
-ทีCปลายทังG สองข้ างของกล้ ามเนือG
แต่ ละมัดจะยึดติดกับกระดูก โดย
ด้ านทีCยดึ ติดกับกระดูกเฉย ๆ
(ติดกับกระดูกทีCไม่ เคลืCอนทีC)
เรี ยก origin ส่ วนปลายทีCยดึ กับ
กระดูกทีCมีการเคลืCอนไหว เรี ยก
insertion
-Tendon ทีC origin มักจะกว้ าง ทีC
insertion มักจะแคบ เพืCอจํากัด
ความแรงในการหดตัวของ
กล้ ามเนือG เกิดขึนG เฉพาะจุด
กล้ ามเนือ3 (Muscular tissue)
กล้ ามเนือ` ทําหน้ าที_เกี_ยวกับการเคลื_อนไหวของ
ร่ างกาย ประกอบด้ วยเซลล์ ท_ มี ีลักษณะยาว อาจ
เรี ยกเซลล์ กล้ ามเนือ` ได้ ว่า เส้ นใยกล้ ามเนือ`
(muscle fiber) ในไซโตพลาสซึมของเส้ นใย
กล้ ามเนือ` มีโปรตีนที_เป็ นองค์ ประกอบที_สาํ คัญ 2
ชนิด คือ actin และ myosin
กล้ ามเนือ) แบ่ งออกได้ เป็ น 3 ชนิด
กล้ ามเนือS แบ่ งออกได้ เป็ น 3 ชนิด ขึนS อยู่กับตําแหน่ งที_
พบ โครงสร้ าง และหน้ าที_ ได้ แก่
1. กล้ ามเนือS เรี ยบ (smooth muscle)
c. กล้ ามเนือS สเกเลทัล (skeletal muscle)
3. กล้ ามเนือS หัวใจ (cardiac muscle)
ส่ วนประกอบของเซลล์ กล้ ามเนือB จะมีช1 ือเฉพาะแตกต่ างไปจาก
เซลล์ ชนิดอื1นๆ ได้ แก่
Cell membrane ของเซลล์ กล้ ามเนือB
= Sarcolemma
Cytoplasm = Sarcoplasm
Endoplasmic reticulum
= Sarcoplasmic reticulum
กล้ ามเนือ` สเกเลทัล (Skeletal muscle)
กล้ ามเนือS ในร่ างกายส่ วนใหญ่ เป็ นกล้ ามเนือS สเกเลทัล
กล้ ามเนือS นีเS กาะยึดติดกับกระดูก สามารถหดตัวได้ เมื_อถูก
กระตุ้น และอยู่ภายใต้ การควบคุมของระบบประสาท
ส่ วนกลาง (voluntory muscle)
Skeletal muscle

Nucleus ของ
muscle fiber

Muscle fiber

ลักษณะของเซลล์ กล้ ามเนือG เป็ นรู ปทรงกระบอก ซึCงมีความยาวมาก เซลล์


มีขนาดใหญ่ มีหลายนิวเคลียสเรี ยงชิดอยู่กับเยืCอหุ้มเซลล์ มีลายตามขวาง
คือ มีแถบสีจางสลับกับแถบสีเข้ ม ดังนันG อาจเรี ยกกล้ ามเนือG ชนิดนีไG ด้ ว่า
กล้ ามเนือG ลาย (striated muscle)
ภาพตัดตามขวางของ skeletal muscle

Sarcolemma
(เยื6อหุ้มเซลล์ )

Nucleus เรียงชิดอยู่กบั sarcolemma


การเรี ยงตัว
ประกอบกันเป็ นมัด
กล้ ามเนือS
skeleton มีเยื_อ
เกี_ยวพันหุ้มเป็ น
ขันS ตอน และทังS มัด
กล้ ามเนือS จะติดต่ อ
กับเอ็นซึ_งไปยึดติด
กับกระดูก
การที_มองเห็นเซลล์ กล้ ามเนือS มีลายตามขวางเนื_องจาก
ภายใน sarcoplasm มีเส้ นใยฝอยซึ_งเป็ น
ส่ วนประกอบที_สาํ คัญทําให้ กล้ ามเนือS หดตัวได้ เรี ยกว่ า
myofibril เป็ นจํานวนมาก ใน myofibril มี
โปรตีน actin และ myosin เรี ยงอย่ างเป็ นระเบียบ
มองเห็นมีแถบ (band) หรื อเส้ น (line) ที_ชัดและทึบ
สลับกันไปตลอด
Øใน Sarcoplasm นอกจากมีโปรตีนสําคัญทีCเกีCยวข้ องกับกลไกการ
หดตัวของกล้ ามเนือG แล้ ว ยังมี Organelles ทีCสาํ คัญได้ แก่
Sarcoplamic reticulum ซึCงคือ SER ทีCเปลีCยนไปเป็ นท่ อทีC
ต่ อเนืCองกัน ล้ อมรอบกลุ่มเส้ นใยของกล้ ามเนือG ทําหน้ าทีCเป็ นแหล่ งเก็บ
สะสม Ca2+
ØSarcolemma มีโครงสร้ างทีCพบั ซ้ อนกันเป็ นหลอดบางและยาวตาม
แนวขวาง เรี ยกว่ า Transverse tubule เป็ นทางติดต่ อจากผิว
ภายนอกของเซลล์ เข้ าไปติดต่ อกับ Sarcoplamic reticulum
Øส่ านประกอบอืCนๆภายใน Sarcoplasm ได้ แก่ RER ,
ribosome และ Golgi complex มีอยู่เป็ นจํานวนน้ อย เพราะ
เซลล์ กล้ ามเนือG ไม่ มีหน้ าทีCเกีCยวกับการสร้ างโปรตีน
กล้ ามเนือ) หัวใจ (Cardiac muscle)
กล้ ามเนือS หัวใจพบแห่ งเดียวคือกล้ ามเนือS ที_หวั ใจ และ
ผนังของเส้ นเลือดใหญ่ ท_ ตี ่ อกับหัวใจ เป็ นกล้ ามเนือS ที_มี
ลายเช่ นเดียวกับ skeletal muscle ต่ างกันที_
กล้ ามเนือS หัวใจอยู่นอกการควบคุมของระบบประสาท
ส่ วนกลาง (Involuntory muscle) และการทํางาน
เกิดขึนS ติดต่ อกันตลอดเวลา
เซลล์ กล้ ามเนือS หัวใจประกอบด้ วย หนึ_งหรื อ สอง
นิวเคลียสอยู่ตรงกลางเซลล์ เซลล์ มีขนาดสันS กว่ าเซลล์
กล้ ามเนือS skeleton และปลายแยกเป็ นสองแฉก
(bifurcate) ซึ_งจะไปต่ อกับเซลล์ อ_ ืนๆในลักษณะเป็ น
ร่ างแห ที_รอยต่ อของเซลล์ ด้านขวางจะยึดติดกันแน่ น มี
ลักษณะการเชื_อมโยงอย่ างซับซ้ อน เรี ยกว่ า
intercalated disc มองเห็นได้ ชัดเจนด้ วยกล้ อง
จุลทรรศน์ ธรรมดา
Cardiac muscle

Nucleus
อยู่กลางเซลล์

Intercalated disc
กล้ ามเนือS เรี ยบ (Smooth muscle)
ในเซลล์ กล้ ามเนือG เรี ยบไม่ เห็นลาย ถึงแม้ ว่าภายในเซลล์ จะมีแอกทิน และ
ไมโอซิน แต่ การเรี ยงตัวไม่ เป็ นระเบียบเหมือนอย่ างใน skeletal
muscle และ Cardiac muscle ลักษณะเซลล์ ของกล้ ามเนือG เรี ยบ
เป็ นรู ปกระสวย หัวท้ ายแหลม และมีหนึCงนิวเคลียสอยู่กลางเซลล์
กล้ ามเนือG เรี ยบอยู่นอกการ
ควบคุมของระบบประสาท
ส่ วนกลาง(involuntory
muscle) พบได้ ทC ผี นังของ
อวัยวะภายในระบบต่ างๆของ
nucleus ร่ างกาย และเส้ นเลือด
Smooth muscle
กล้ ามเนือS เรี ยบอยู่นอก
การควบคุมของระบบ
ประสาทส่ วนกลาง
(involuntory
muscle) พบได้ ท_ ผี นัง
ของอวัยวะภายในระบบ
ต่ างๆของร่ างกาย และ
เส้ นเลือด
Smooth muscle ทีผ6 นังเส้ นเลือดแดง
The structure of skeleton muscle
-skeleton muscle เกิดจากมัดของ muscle fiber
(cell) มารวมกัน
-muscle fiberแต่ ละอันคือ 1 เซลล์ ทC มี ีหลาย
นิวเคลียส ทีCเกิดจากหลาย ๆ เซลล์ ในระยะแรก
มารวมกัน
-แต่ ละ muscle fiber เกิดจากมัดของ myofibrils
มารวมกัน
-myofibrilsประกอบด้ วย myofilaments 2 ชนิด คือ
1.Thin filamentเกิดจากactin 2 สายและ regulatory
protein (tropomyosin) 1 สาย มาพันกัน
2.Thick filament เกิดจากmyosinมารวมกันเป็ นมัด
-การจัดเรี ยงตัวของ myofilaments ทําให้ เกิด
light-dark band ซําG ๆ กัน เรี ยกแต่ ละหน่ วยทีCซาํ G
กันนีวG ่ า sarcomere (ดังรูป)
การหดตัวของกล้ ามเนือS skeleton
-การหดตัวของกล้ ามเนือG skeleton
เกิดจากการเลืCอนเข้ ามาซ้ อนกันของ
thin filament เรี ยก sliding-filament
model
-การหดตัวของกล้ ามเนือG เกิดโดยความ
กว้ างของ sarcomere ลดลง, ระยะทาง
ระหว่ าง Z line สันG ลง, A band คงทีC,
I band แคบเข้ า, H zone หายไป
-พลังงานทีCใช้ ในการหดตัวของ
กล้ ามเนือG หลัก ๆ อยู่ในรู ปของ
creatine phosphate
Sliding-filament model
1.ส่ วนหัวของ myosin จับกับ ATP,
อยู่ในรู ป low-energy configuration
2.myosin head(ATPase) สลาย
ATP ได้ ADP+Pi, อยู่ในรู ป
high-energy configuration

3.myosin head เกิด cross-bridge


กับสาย actin

4.ปล่ อย ADP+Pi, myosin กลับสู่ low-energy configuration ทําให้ เกิดแรงดึง thin filament เข้ ามา
5.ATPโมเลกุลใหม่ เข้ ามาจับกับ myosin head ทําให้ myosinหลุดจาก actin, เริdมวงจรใหม่
การควบคุมการหดตัวของกล้ ามเนือS

-skeleton muscle หดตัวเมืCอได้ รับการ


กระตุ้นจาก motor neuron
-ในระยะพัก บริเวณทีCเป็ นตําแหน่ งทีC
myosin มาเข้ าจับ บนสาย actin (myosin
binding site) ถูกปิ ดด้ วยสายของ
tropomyosin โดยการเปิ ด-ปิ ดของ
tropomyosin ถูกควบคุมด้ วย troponin
complex
-binding site จะเปิ ดเมืCอ Ca2+ เข้ ามาจับ
กับ troponin
-sarcoplasmic reticulum (SR) เป็ นแหล่ งเก็บ Motor end-plate
Ca2+ ในเซลล์ กล้ ามเนือG
-เมืCอ action potential จาก motor neuron
มาถึงบริเวณ synaptic terminal ทําให้ มีการ
หลัCง Ach ทีC neuromuscular junction, เกิด
depolarization ทีCเซลล์ กล้ ามเนือG
-action potential แพร่ ไปยังเยืCอเซลล์ ของ
กล้ ามเนือG ทีCเรี ยกว่ า T (transverse) tubules
-ตําแหน่ งทีC T tubules สัมผัสกับ SR ทําให้ มี
การหลัCง Ca2+
-การหดตัวของกล้ ามเนือG จะหยุดเมืCอ SR ปั‚ ม
Ca2+ จาก cytoplasm กลับเข้ ามาเก็บใน SR
สรุ ปการหดตัวของกล้ ามเนือS
1.Ach หลัdง 2.Action potential เคลืdอนไป T tubule
จาก neuron
จับ receptor

3.SR หลัdง Ca2+

7.tropomyosinปิ ด binding
4.Ca2+จับtroponin,
site, หยุดการหดตัวของ binding silt เปิ ด
กล้ ามเนือk

6.ปัn มCa2+ กลับสู่ SR 5.กล้ ามเนือk หดตัว


การหดตัวของมัดกล้ ามเนือS
-ในมัดกล้ ามเนือG แต่ ละมัดประกอบด้ วย muscle fiber หลายเซลล์ มารวมกัน
-การตอบสนองต่ อแรงกระตุ้นของ muscle fiberเป็ นแบบ all-or-none (เหมือน
neuron) และแต่ ละ muscle fiber มี threshold ในการหดตัวไม่ เท่ ากัน
-การหดตัวของมัดกล้ ามเนือG แต่ ละครั งG (single twitch) ขึนG อยู่กับความแรงทีCมากระตุ้น
-ถ้ ากล้ ามเนือG ได้ รับการกระตุ้น 2 ครั งG ต่ อเนืCองกัน&มีระยะห่ างพอเหมาะ จะทําให้
ความแรงในการหดตัวครั งG ทีC 2 เพิCมขึนG (summation)
-Tetanus เป็ นการหด(เกร็ง)โดย
ไม่ มีการคลายตัวของกล้ ามเนือG
จากการกระตุ้นถีCๆ และต่ อเนืCอง
-Fatigue (การล้ า) เป็ นสภาพที
กล้ ามเนือG หมดความสามารถใน
การหดตัว
Motor unit
-ในสัตว์ มีกระดูกสันหลัง muscle cell 1
เซลล์ จะถูกควบคุมโดย motor neuron 1
เซลล์ เท่ านันG
-แต่ 1 motor neuron อาจควบคุมการ
ทํางาน >1 muscle cell
-Motor unit ประกอบด้ วย 1 motor
neuron และmuscle fiber ทังG หมดทีC
neuron ควบคุม
-กล้ ามเนือG ทีCต้องการการเคลืCอนไหวทีC
ละเอียดอ่ อน จะมีอัตราส่ วนระหว่ าง
motor neuron/muscle cell ตํCา เช่ น
กล้ ามเนือG ลูกตา (1/3-4)
การหดตัวของ smooth muscle
-smooth muscle cell พบทีCอวัยวะทีC
มีลักษณะเป็ นท่ อกลวง เช่ น
ทางเดินอาหาร, หลอดเลือด,
อวัยวะสืบพันธุ์, iris ของลูกตา
และท่ อของต่ อม
-มีรูปร่ างคล้ ายกระสวย มี 1
nucleus/1 cell การหดตัวเป็ น
involuntary

-ไม่ มีการจัดเรี ยงตัวของactin-myosin ทําให้ ไม่ เห็นเป็ นลาย, ปลาย actin มักยึดติดกับ
เยืCอเซลล์ , ไม่ มี SR ดังนันG Ca2+ แพร่ ผ่านเข้ ามาทางเยืCอเซลล์
-การหดตัวจะช้ ากว่ า striated muscle แต่ การหดตัวนันG จะอยู่ได้ นานกว่ า
การหดตัวของ cardiac muscle

-มี 1 nucleus/1 cell เซลล์ มีการแตก


แขนง(bifurcate)และเชืCอมกับเซลล์ ข้าง
เคียงด้ วย gap junction เรี ยก intercalated
disk
-มีการจัดเรี ยงตัวของ actin-myosin ทํา
ให้ เห็นเป็ นลาย, มี SR

-cardiac muscle สามารถหดตัวได้ เองอย่ างเป็ นจังหวะ


-หัวใจสัตว์ มีกระดูกสันหลังหดตัวได้ เองเรี ยก myogenic heart (muscle-generated)
-หัวใจของกุ้ง, ปู, แมงมุม ต้ องได้ รับการกระตุ้นจาก nerve เรี ยก neurogenic heart
(nerve-driven)
จบ
เนื&อหา

You might also like