Professional Documents
Culture Documents
Ncce 23gteid363
Ncce 23gteid363
วันที 18-20 กรกฎาคม 2561 จ.นครนายก July 18-20, 2018, Nakhon Nayok, Thailand, THAILAND
การออกแบบกําลังรับแรงแบกทานของเสาเข็มเกลียวเหล็กสําหรับโครงสร้างนําหนักเบาโดยใช้ข้อมูล
การทดสอบในห้องปฏิ บตั ิ การและในสนาม
Bearing capacity design of steel screw pile for lightweight structure based on laboratory test
and field test results
1
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
2
บริษทั เข็มเหล็ก จํากัด
*Corresponding author; E-mail address: s.thongmunee@gmail.com
บทคัดย่อ design approach, parameters and conditions for the steel screw
pile are limited. Therefore, this research presents a proper
ปัจจุบนั เสาเข็มเกลียวเหล็กได้รบั ความนิยมมากขึนในประเทศไทย
approach for steel screw pile’s bearing capacity design.
สําหรับการก่อสร้างโครงสร้างขนาดเบาเพือใช้แทนระบบฐานรากตืน
This research utilized field-static pile load tests of the 34 steel
เนื องจากข้อ ได้เ ปรีย บในด้านระยะเวลาในการติด ตังอย่า งไรก็ต าม
screw piles for estimation of the ultimate bearing capacity.
งานวิจัยทีเกียวข้องกับวิธีก ารออกแบบกําลังรับนํ าหนัก ของเสาเข็ม
Afterwards, the estimated bearing capacity of each pile was
เกลียว ตัวแปรและเงือนไขในการออกแบบยังมีจํากัด ดังนันบทความนี
compared with its designed ultimate bearing capacity. Soil
จะเสนอแนวทางทีเหมาะสมสําหรับการออกแบบการรับนํ าหนัก ของ
Properties used in the design process were obtained from 1.
เสาเข็มเกลียวเหล็ก
Unconfined compressive tests 2. Direct shear tests and 3.
งานวิจัย นี ได้นํ าข้อ มู ล การทดสอบกํา ลัง รับ นํ าหนั ก ของเสาเข็ม
Interpretation from standard penetration tests
เกลีย วเหล็ก ในสนาม (Static load test) มาประเมิน กํ า ลัง แบกทาน
The result showed that the designed ultimate bearing
สูงสุด (Ultimate bearing capacity) หลังจากนันนํ ามาเปรียบเทีย บกับ
capacities using parameters obtained from the standard
กํ า ลัง แบกทานสู ง สุ ด ทีได้ จ ากการออกแบบโดยใช้ข้อ มู ล ทดสอบ
penetration test gives the closest values to the estimated ultimate
คุณสมบัตขิ องดินในห้องปฏิบตั กิ าร และข้อมูลทดสอบคุณสมบัติของดิน
tensile capacities. Vice versa, designing using the parameters
ในสนาม ซึงประกอบไปด้วย 1.การทดสอบกําลังอัดแบบไม่ระบายนํ า
obtained from the direct shear test gave the closest values to
แบบไม่ จํ า กัด 2.การทดสอบแรงเฉื อ นตรงและ 3. การแปรผลจาก
estimated ultimate compressive capacities.
ผลทดสอบทะลุทะลวงมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่าสําหรับการออกแบบ
กําลังแบกทานของเสาเข็มเกลียวเหล็กชนิดรับแรงดึงนัน การใช้ตวั แปร Keywords: Steel screw pile, Bearing capacity design, laboratory
จากการทดสอบทะลุทะลวงมาตรฐาน (Standard Penetration Test) จะ test, standard penetration test, Lightweight structure
ให้ค่ากําลังทีใกล้เ คีย งกับค่าทีสอบในสนาม ในทางกลับกันการใช้ต ัว
แปรจากวิธกี ารทดสอบเฉือนตรง (Direct Shear Test) ในการออกแบบ . คํานํา
เสาเข็มชนิดรับแรงอัด เสาเข็มเกลียวเหล็กหรือทีมีชอเรี ื ยกในเชิงพาณิชย์ว่า “เข็มเหล็ก”
คําสําคัญ : เสาเข็ม เกลียวเหล็ก , การออกแบบกํา ลังแบกทาน, การ เ ป็ น เ ส า เ ข็ ม ข น า ด เ ล็ ก ( Micropile) ช นิ ด ห นึ ง โ ด ย ทั ว ไ ป มี
ทดสอบคุณ สมบัติใ นห้อ งปฏิบ ัติก าร, การทดสอบแบบทะลุท ะลวง, เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน เซนติเมตร ลักษณะคล้ายสกรูข นาดใหญ่
โครงสร้างนําหนักเบา ด้านในกลวง ปลายเรียวแหลม มีเกลียวโดยรอบทําจากเหล็ก โดยมี
ความยาวระหว่าง 1 - 3 เมตร โดยมีกําลังแบกทานประมาณ 1 – 10
Abstract ตัน โดยสามารถรับแรงในแนวแกนและด้านข้างของ ปั จจุบันเสาเข็ม
Nowadays, Steel screw pile is being well-known in Thailand. เกลียวเหล็กประยุกต์ใช้ใ นการรับนํ าหนัก โครงสร้า งขนาดเบา (Light
It is deployed for Lightweight structure constructions to substitute Weight Structure) อาทิเช่น ลานจอดรถ รัว ป้ าย เป็ นต้น นอกจากนี
traditional shallow foundations because of lesser time- เสาเข็มยังเกลียวเหล็กสามารถแทนทีหรือเสริมฐานรากเดิม,เสริมความ
consumption. However, researches involved with bearing capacity แข็งแรงของตลิง ทีลาด และต้านทานดินถล่ม[4]ได้ในกรณีทสภาพชั ี น
1
ดินเป็ นชันดินแข็งปานกลางถึงแข็งมาก ซึงข้อดีของเสาเข็มเกลียวเหล็ก SPT) โดยแต่ละวิธีททํี าการทดสอบนันจะได้ตวั แปรแตกต่างกันไป ดัง
คือสามารถติดตังง่าย รวดเร็ว ใช้พนที ื ในการทํางานน้อย ความสะอาด แสดงในตารางที 2
ของหน้างาน เป็ นต้น นอกจากนีข้อดีอกี ประการทีสําคัญคือการทดสอบ ตารางที 1 ชนิดของดินแยกตามความลึก
กําลังแบกทานแบบสถิตยศาสตร์ของเสาเข็ม สามารถทดสอบได้ง่ า ย ความลึกของชันดิน(เมตร) ชนิดของดิน
เนืองจากเสาเข็มมีความยาวไม่มาก และกําลังแบกทานทีต้องการไม่สูง 0.00 – 2.00 SC
มาก 2.00 – 6.00 CL
เสาเข็ม เกลี ย วเหล็ ก ได้ ถู ก นํ า มาใช้ ใ นประเทศไทยตั งแต่ ปี
พุทธศัก ราช 2550 และมีปริม าณการใช้งานทีเพิมขึนอย่า งต่อ เนื อง
อย่างไรก็ตามงานวิจยั ในด้านออกแบบกําลังแบกทานยังไม่เพียงพอ
ดัง นั นงานวิจัย นี จะมุ่ ง เน้ น ไปทีวิธี ท ีเหมาะสมสํ า หรับ ประเมิ น
คุณสมบัตขิ องดินด้านวิศวกรรม (Engineering properties) ทีใช้ในการ
ออกแบบเสาเข็มเกลียวเหล็กซึงประกอบไปด้วย .การทดสอบกําลังอัด
แบบไม่ระบายนําแบบไม่จํากัด .การทดสอบแรงเฉือนตรงและ . การ
แปรผลจากผลทดสอบทะลุทะลวงมาตรฐาน
โดยงานวิจัย นี เริ มจากเก็บ ข้อ มู ล และวิเ คราะห์ ชันดิ น ข้อ มู ล
คุณ สมบัติข องชันดิน และข้อ มูล การทดสอบกํ า ลังแบกทานโดยวิธี
สถิตยศาสตร์ของเสาเกลียวเหล็ก ของโครงการก่อ สร้างหนึ ง หลังจาก
นันทําการประเมิน กําลังแบกทานสูง สุด จากการทดสอบเพือใช้เ ป็ น
ข้อมู ล อ้างอิง ต่อ จากนั นศึก ษาการสมมุติฐ านการออกแบบเสาเข็ม
เกลียว [3] และทําการออกแบบกําลังแบกทานสูงสุดโดยใช้คา่ คุณสมบัติ
ของชันดินทีได้จากการทดสอบคุณสมบัติ 3 แบบ สุดท้ายการกําลังแบก
ทานทีได้จากการออกแบบจะถูกเปรียบเทียบกับผลจากการประเมินจริง
จากการทดสอบกําลังแบกทานในสนาม
รูปที 1 ลักษณะการวางตัวของเสาเข็มเกลียวเหล็ก
2. ข้อมูลโครงการและลักษณะชันดิน
รุ่น N68x2000x8 ในชันดิน
ในการวิจยั ครังนี ได้รวบรวมข้อมูลการทดสอบคุณสมบัติของดิน
และเสาเข็ม จากโครงการโรงไฟฟ้ าพลังงานแสงอาทิตย์ ตังอยู่ในพืนที ตารางที 2 การทดสอบและตัวแปรทีได้จากการทดสอบ
อําเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ สภาพพืนทีเป็ นทีราบมีการถม การทดสอบดิน ตัวแปรทีได้จากการทดสอบ
ดินและบดอัดความสูงประมาณ 2 เมตรเหนือระดับดินเดิม ในโครงการ UCT Su
ได้มกี ารเจาะสํารวจชันดินทังหมด 26 หลุมเจาะ ความลึกในการเจาะอยู่ DST C ,
ระหว่าง 6-8 เมตร จากผิวดินเดิม มีการทดสอบทะลุทะลวงมาตรฐาน SPT C ,
และเก็บตัวอย่างดินมาทดสอบในห้องปฏิบตั กิ ารด้วย จากผลของสํารวจ *SPT แปลผลมาจากค่า N-Value
ชันดินพบว่าสภาพชันดินมีลกั ษณะคล้ายคลึงกัน โดยสามารถสรุปชนิด
ของดินชันตามความลึกได้ตามตารางที 1 ตารางที ข้อมูลคุณสมบัตบิ ่งชีของดินในช่วงความลึก 0 – 2 เมตร
การวางตัวของเสาเข็มเหล็กเกลียวทีใช้ในโครงการนี จะอยู่ Wn LL PL t
BH Soil Class. Zw (m.)
ในชันดินเหนียวปนทราย (Clayey Sand) ซึงเป็ นชันทีมีความลึกตังแต่ (%) (%) (%) (T/m2)
2 SC 7.5 18.4 13.8 2.06 1.3
0 – 2 เมตรและส่วนชันถัดไป ความลึก 2 – 6 เมตรเป็ นชันดินเหนียวที
3 SC 12.8 22.9 12.6 1.92 0.5
มีความเหนียวตํา (Low Plasticity Clay) ดังแสดงตามรูปที 1 4 SC 12.1 18.9 13.6 2.11 0.9
11 SC 10.5 21.9 11.5 1.95 0.9
2.1 ข้อมูลคุณสมบัตขิ องดิน 13 SC 9.5 19.4 14.2 2.07 1.3
14 SC 10.6 17.9 13.4 2.12 1.9
การหาข้อมูลคุณสมบัติดินนันได้ม ีการเจาะหลุมทดสอบ (Bored
16 SC 11.1 24.1 15.4 2.04 0.6
hole, BH) ทังหมด หลุม แต่ถกู นําข้อมูลคุณสมบัตดิ นิ มาใช้ออกแบบ 18 SC 8.5 17.4 14.6 2.06 0.6
จํานวน 11 หลุม ข้อมูลคุณสมบัตดิ นิ ได้จากการทําการทดสอบทังหมด 21 SC 10.4 22.0 15.4 2.07 0.7
3 วิธี ได้แก่ วิธกี ารทดสอบแรงอัดแกนเดียวแบบไม่จํากัด (Unconfined 22 SC 8.9 22.4 14.3 2.13 0.5
Compressive Test, UCT) , วิ ธี ก ารทดสอบแบบเฉื อ นตรง (Direct 23 SC 12.1 21.9 13.4 1.99 0.9
Shear Test, DST) และ วิธีการแปลผลคุณสมบัติข องดิน จากค่าการ
เจาะสํารวจแบบทะลุท ะลวงมาตรฐาน (Standard Penetration Test,
2
ตารางที 4 ข้อมูลคุณสมบัตทิ างวิศวกรรมในช่วงความลึก 0 – 2 เมตร 3. วิธีดาํ เนิ นงาน
UCT DST SPT งานวิจัยนีได้ทําการออกแบบการรับ นํ าหนักบรรทุก ของเสาเข็ม
BH Su C C เกลียวเหล็ก โดยแบ่งการออกแบบเป็ น 3 วิธกี ารได้แก่ 1. การใช้ขอ้ มูล
𝜙(deg.) N-Value 𝜙(deg.)
(ksc.) (ksc.) (ksc.)
จาก UCT 2. การใช้ขอ้ มูลจาก DST 3. การใช้ขอ้ มูลจาก SPT เมือได้
2 1.35 0.22 27 12 0.875 31
3 4.02 1.45 11 28 1.875 35 ค่ า นํ าหนั ก การทดสอบหานํ าหนั ก บรรทุ ก ออกแบบแล้ ว จึ ง นํ ามา
4 3.66 1.10 21 9 0.600 30 เปรียบเทียบหาความใกล้เคียงกับค่านํ าหนักบรรทุก สูงสุดจากข้อ มูล
11 1.70 0.08 23 6 0.375 29 การทดสอบในสนาม ซึงการทดสอบในสนามนันมีการทดสอบแรงอัด
13 1.27 0.30 22 8 0.500 29 ตามมาตรฐาน ASTM D1143 และแรงดึงตามมาตรฐาน ASTM D3689
14 0.69 0.25 12 27 1.850 35 เพือความสะดวกในการประเมิน ค่านํ าหนัก บรรทุกสูงสุด จึงนํ าข้อมูล
16 0.23 0.28 10 3 0.200 28
ของนํ าหนักทีทดสอบและระยะการเคลือนตัว มาแปลผลการทดสอบ
18 0.64 0.02 28 12 0.875 31
21 1.22 0.38 18 15 1.375 31
เสาเข็มเกลียวเหล็ก เพือหาค่ากําลังรับนําหนักบรรทุกอีกครังโดยใช้วธิ ี
22 5.40 0.07 25 24 1.375 33 Modified Mazurkiewicz (MM.)ทังการรับ แรงอัด (PMM [1]
UC ) และแรงดึ ง
23 0.72 0.04 27 15 1.000 31 (PMMUT )
[4]
SS400
1200
1000
800
600
400
200
0 500 1000 1500 2000 2500
Load/Displacement (kg./mm.)
รูปที 2 รายละเอียดของเสาเข็มรุ่น N- series รูปที 3 การแปรผลรูปแบบที 1 ของเสาเข็มเกลียวเหล็กต้นที 21
(1) N68x1200x6, (2) N68x1500x6, (3) N68x2000x6
3
2000 จากตารางที 6 ความสัมพันธ์ระหว่างหมายเลขของเสาเข็มเกลียว
1800 เหล็ ก , รู ป แบบการให้นํ าหนั ก และหลุ ม เจาะทดสอบอยู่ ใ กล้ เ คี ย ง
1600 (Adjacent BH)
MM
1400
PUT ค่าทีประเมินได้จากวิธี Modified Mazurkiewicz ของเสาเข็มเกลียว
1200
Load (kg.)
MM
ของเสาเข็ม ให้อตั ราส่วนค่าออกแบบได้ต่อค่าประเมินได้เท่ากับ 1.00 3.0
/PUC
2.5
เป็ นเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกตัวแปรจากการทดสอบเพือการออกแบบ
Design
2.0
รับแรงดึงและแรงอัด สู งสุ ด ของเสาเข็ม เกลีย วเหล็ก หากอัตราส่ ว น
QUC
1.5
ดังกล่าวมีค่ามากกว่ า 1.00 แสดงให้เห็นว่าค่าออกแบบนันมากกว่าค่า
1.0
ประเมิน ในทางกลับกันหากอัตราส่วนมีค่าน้อยกว่า 1.00 แสดงให้เห็น
0.5
ว่าค่าออกแบบน้อยกว่าค่าประเมิน
0.0
0 10 20 30 40
3.0
Ratio = 1 จากรู ป ที 6 แสดงการเปรีย บเทีย บอัต ราส่วนค่าออกแบบต่ อ ค่ า
MM
/PUT
2.0 แรงเสียดทานด้านข้างและแรงต้านทีปลายเข็มด้วย
QUT
กิ ตติ กรรมประกาศ
ขอขอบคุณบริษทั เข็มเหล็ก จํากัด ทีอนุเคราะห์ขอ้ มูลในการวิจัย
แ ล ะ ข อ ข อ บ คุ ณ อุ ท ย า น วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี
มหาวิทยาลัย เชีย งใหม่ สําหรับทุน อุ ดหนุ น งานวิจัย ภายใต้ โครงการ
พัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและวิจยั ของภาคเอกชนในพืนที
( Industrial Research and Technology Capacity Development
Program: IRTC) โครงการยกระดับความน่ าเชือมันในการออกแบบ
และใช้งานระบบฐานรากแบบเสาเข็มเกลียว
เอกสารอ้างอิ ง
[1] คณะอนุ ก รรมการสาขาวิศ วกรรมปฐพี ว.ส.ท. (2542). การหา
กําลังบรรทุกนํ าหนักเสาเข็มจากการทดสอบ (Determination of
Pile Capacity from Pile Load Test).สมาคมวิศวกรรมสถานแห่ง
ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์,ISBN 974-87129-3-1
[2] อัฐพล ศักดิมณี และ ก่อโชค จันทวรางกูร( ), การต้านทาน
การตอกหยังชันดินแบบผลวัตในชันดินทราย. การประชุมวิชาการ
วิศวกรรมโยธาแห่งชาติครัง , ภูเก็ต , - เมษายน .
[3] Guo, Z. and Deng, L. (2018). Field behavior of screw micro
piles subjected to axial loading in cohesive soils. Canadian
Geotechnical Journal, 55, pp. 34-44.
[4] Weeraya Chim-oye, Narin Marumdee (2013). Estimation of
Uplift Pile Capacity in the Sand Layers. International
Transaction Journal of Engineering, Management, & Applied
Sciences & Technologies, 4(1), pp. 57-65.
[5] Braja, M.D. (2011). Principles of Foundation Engineering
(seventh Edition, SI). Cengage, Inc. pp.537-634.