Professional Documents
Culture Documents
แปลบทที่ 1
แปลบทที่ 1
FOREWORD
หนังสือ Multicultural Social Work Practice ของ Deerald Wing Sue สะท้ อนให้ เห็นหลักการพื ้นฐานที่ส าคัญ
ที่สดุ ของงานสังคมสงเคราะห์ เหล่านี ้หลักการมักถูกซ่อนไว้ จากสายตาโดยพลวัตของอานาจของสังคมของเรา พลวัตของ
ปั จเจกนิยมและวัตถุนิยมเหล่านีเ้ กิดขึน้ มันยากที่จะคิดหรื อดาเนินการอย่ างเป็ นระบบที่จะทาให้ เราสามารถเป็ นได้ เปิ ด
กว้ างอย่างแท้ จริงสาหรับผู้ที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมและต่อเนื่องถูกละเลยโดยไม่มีสงั คมของเรา
เขากล่าวถึงตัวอย่างของ Wang Xiong ทหารม้ งและครอบครัวของเขาท้ าทายให้ เราก้ าวข้ ามข้ อจากัดของการประเมิน
การวิ นิ จฉั ย แบบเดิ มๆเขาท้ าทายให้ เราคิ ดนอกกรอบเพื่ อ ที่ จะเข้ าใ จ ลูกค้ าที่ มี ป ระวั ติแ ละวัฒ นธรรมอาจรวมถึ ง
ประสบการณ์ที่เจ็บปวดด้ วยและแนวปฏิบตั ิทางวัฒนธรรมที่เราไม่อาจเข้ าใจได้ หากไม่ขยายออกไปเลนส์วฒ ั นธรรมของเรา
เขากระตุ้นให้ เราคานึงถึงความสาคัญของความเชื่อของลูกค้ าแนวทางการรักษาที่อาจแตกต่างไปจากสุขภาพจิตแบบเดิมๆ
อย่างมากแนวทาง วังซีอองมีความเชื่อว่าเขาฝันร้ ายและกลัวการนอนหลับเกี่ยวข้ องกับการโจมตีของวิญญาณอัน ไม่พึง
ประสงค์เพราะเขาและน้ องชายของเขาล้ มเหลวในการปฏิบัติตามพิธีกรรมไว้ ทุกข์ที่พวกเขาควรทาสาหรับพ่อแม่ของพวก
เขาเมื่อหลายปี ก่อนกลับ ถึงประเทศลาว ทัง้ พืน้ เมืองและตะวัน ตกมีการผสมผสานแนวทางการรักษาเพื่ อ ช่วยให้ เ ขา
เอาชนะความกลัวได้ ในด้ านอื่นๆกรณีเด็กที่แสดงสิ่งที่ดูเหมือนเป็ นรอยฟกชา้ จากการทารุณกรรมอาจได้ รับการบาบัดด้ วย
การนวดแผนโบราณหรือการรักษาด้ วยวิธีอื่น ๆ และเราคงจะละเลยที่จะพึ่งพาโลกทัศน์ของเราเองในการทาความเข้ าใจ
พฤติกรรมและระบบความหมายของผู้รับบริการจากภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ดร. ซูนาเสนอการอภิปรายที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณค่าของประเพณีชามานิกซึ่งเราควรพิจารณาในการทางานของเรา
ในฐานะนักสังคมสงเคราะห์เป็ นอย่างดี สาหรับเช่น อาจเรียกเทพเจ้ าประจาตระกูลว่า “มิใช่เพื่อขัดขวาง แต่เพื่อให้ ปัญญา
ความเข้ าใจและความซื่อสัตย์” ผู้นาอาจล้ วงเอา "การบอกความจริ ง"ได้ รับอนุมตั ิจากเหล่าทวยเทพ และสวดภาวนาเพื่อ
การเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณระหว่างครอบครัวเอื ้อมมือออกไปหาสมาชิกในครอบครัวที่ต่อต้ านที่สดุ และพยายามรวมเป็ น
หนึ่ ง เดี ยวและน าความสามัคคี มาสู่กลุ่ม แก้ ไ ขข้ อ ผิ ดพลาดและสร้ างบริ บ ทให้ การให้ อ ภัยเป็ น หลั กการส าคัญ ของ
กระบวนการนี ้ ต่างจากที่สังคมเราให้ ความสาคัญปั จเจกนิยม การรักษาความลับ และกระบวนการทางจิตบาบัด หมอ
พื ้นบ้ านในบริบททางวัฒนธรรมอื่นๆ โดยทัว่ ไปจะใช้ แนวทางตามบริ บทมากกว่ามาก:มุ่งเน้ นไปที่การปรับสมดุลบุคคลใน
บริบทครอบครัวและชุมชนของเขาหรือเธอบทเรี ยนที่นี่มีความสาคัญ: ความพยายามด้ านความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ของเราต้ องเริ่ มต้ นด้ วยท้ าทายความเย่อหยิ่งของสมมติฐานทางจิตวิทยาที่เรารู้ วิธีการประเมินและการแทรกแซงที่ดีที่สดุ
ถูกต้ อง และแท้ จริง ที่จะกลายเป็ นเราต้ องเริ่ มต้ นด้ วยการฝึ กฝนความอ่อนน้ อมถ่อมตนและเปิ ดกว้ างจิ ตใจและความคิด
ของเราให้ เข้ าใจภูมิปัญญาของผู้อื่น ซูเตือนเรามักจะมีความคลาดเคลื่อนอย่างมากไม่เพียงแต่ในบริ การที่มอบให้ กับผู้ที่
ไม่ใช่ชาวยุโรปเท่านัน้ ลูกค้ า แต่ระหว่างสิ่งที่ลกู ค้ าต้ องการจากแพทย์และสิ่งที่แพทย์เสนอ บางทีลกู ค้ าอาจไม่ได้ ผิดเสมอ
ไปความคาดหวัง บางทีเราจาเป็ นต้ องให้ ความสาคัญกับจิตวิญญาณและบริบทมากขึ ้น
ผู้อานวยการฝ่ ายพหุวฒ
ั นธรรม
สถาบันครอบครัวแห่งนิวเจอร์ ซีย์
ในขณะที่งานสังคมสงเคราะห์ก็ไม่ต่างจากการช่วยเหลือส่วนใหญ่วิชาชีพก็มีความโดดเด่นจากชุมชนที่ใหญ่กว่ามา
โดยตลอดมุ่งเน้ นทางานในหน่วยงานชุมชนและทางานร่ วมกับระบบนิเวศแนวทางที่เกี่ยวข้ องกับบุคคล ชุมชน สถาบัน
สาธารณะนโยบาย.การตังค่ ้ าที่นักสังคมสงเคราะห์ทาหน้ าที่นั น้ กว้ างกว่ามากมากกว่าสาขาวิชาจิตวิทยาและจิตเวชศาสตร์
และมีข้อได้ เปรียบตาแหน่งที่จะมีความเกี่ยวข้ องทางวัฒนธรรมในบริการที่นาเสนอ
แม้ ว่าพื น้ ฐานและการฝึ กอบรมของฉันจะเป็ น ด้ านการให้ คาปรึ กษาก็ ตามจิ ตวิ ท ยา ฉั น พึ่ ง พาปรั ชญางานสังคม
สงเคราะห์มาโดยตลอดนาทางงานของฉันเอง หลายๆท่านอาจจะทราบถึงผลงานของผมเกี่ยวกับวัฒนธรรมความสามารถ
ในการให้ คาปรึ กษาและจิตบาบัดและข้ อความของฉันเกี่ยวกับการให้ คาปรึ กษาความหลากหลายทางวัฒนธรรม: ทฤษฎี
และการปฏิบตั ิซึ่งเขียนขึ ้นเพื่อจิตผู้เชี่ยวชาญด้ านสุขภาพ น่าแปลกที่ความสาเร็จของหนังสือเล่มนัน้ ได้ ก่อตัวขึ ้นจากฐาน
ปรัชญาและหลักการของการดูแลที่มีความสามารถทางวัฒนธรรมมาจากสวัสดิการสังคมและงานสังคมสงเคราะห์ ดังนั ้น
มันจึงไม่ใช่การก้ าวกระโดดไกลฉันเข้ าร่ วมคณะสังคมสงเคราะห์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียและทางานในข้ อความงานสัง คม
สงเคราะห์ที่พูดถึงประเด็นของผู้ถูกกดขี่และคนชายขอบกลุ่มต่างๆ ในสังคมของเรา
เนื อ้ หามุ่ง เน้ น ไปที่ สิ่งที่ นักสังคมสงเคราะห์ จาเป็ น ต้ อ งมี เพื่อ ให้ มี ความสามารถทางวัฒนธรรมในการท างานกับ
ประชากรที่หลากหลาย ที่สดุ ตารางานสังคมสงเคราะห์ไม่ได้ เน้ นย ้าถึงการได้ มาซึ่งวัฒนธรรมอย่างเข้ มแข็งเพียงพอความ
ตระหนัก ความรู้ และทักษะโดยนักสังคมสงเคราะห์ ดังนั ้นแนวคิดของ.ความหลากหลายทางวัฒนธรรมมีบทบาทสาคัญ
ในเนือ้ หา คาจากัดความของมันครอบคลุมและครอบคลุมหลายประเภททางสังคมและประชากร กรอบการทางานที่
บูรณาการมีการนาเสนออัตลักษณ์ ส่วนบุคคล กลุ่ม และสากลเพื่อเป็ นแนวทางในการทางานที่มีประชากรหลากหลาย
ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความหลากหลายถูกมองว่าเป็ นครอบคลุมไม่เพียงแต่เชือ้ ชาติเท่านั ้น แต่ยังรวมถึง
วัฒนธรรม ชาติพนั ธุ์ เพศด้ วยปฐมนิเทศ เพศ และอื่นๆ การใช้ ตวั อย่างทางคลินิกและในชีวิตจริงที่เป็ นประโยชน์เพื่อแสดง
ให้ เห็นแนวคิดของการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์พหุวัฒนธรรมเป็ นลักษณะเฉพาะของแต่ละบท ต่างจากตารางานสังคม
สงเคราะห์หลายฉบับโดยเฉพาะและคาจากั ดความที่ ชัดเจนของพหุ วัฒนธรรม ความสามารถทางวัฒนธรรม และพหุ
วัฒนธรรมมีการนาเสนองานสังคมสงเคราะห์เพื่อเป็ นแนวทางในการอภิปรายและการวิเคราะห์
การทางานในการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์พหุวฒ
ั นธรรมได้ รับการพิสจู น์แล้ วว่าเป็ นแรงงานของรัก. อย่างไรก็ตาม
มันคงเป็ นไปไม่ได้ หากปราศจากความรักและการสนับสนุนของครอบครัวฉันผู้ให้ ความอดทนและหล่อเลีย้ งฉันตลอดทัง้
การผลิตข้ อความ ฉันอยากจะแสดงความรักต่อพอลลีน่าเดรัลด์ พอล และเมริสซา หนังสือเล่มนี ้จัดทาขึ ้นเพื่อพวกเขาซึ่ง
เป็ นครอบครัวผิวสีโดยเฉพาะสหรัฐ.
PART 1
แนวความคิดขนาดของหลากหลายวัฒนธรรมการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์
บทที่ 1
หลักการและสมมติฐานของการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์พหุวฒ
ั นธรรม
หากมืออาชีพชาวอเมริกันอินเดียนไม่ได้ ตงั ้ ใจเกิดขึน้ ในกรณีนี ้ คาสั่งเพิกถอนที่เริ่ มต้ นกับเจ้ าหนูคงจะเป็ นเช่นนั ้นได้
ก่อให้ เกิดความแปลกแยกที่แก้ ไขไม่ได้ ระหว่างครอบครัวและการบริการสังคมเอเจนซี่ นักสังคมสงเคราะห์เคยล้ มเหลวที่
จะตระหนักว่าชาวอเมริ กันอินเดียนเครือ ข่ายครอบครัวมีโครงสร้ างเปิ ดและอาจรวมถึงหลายครัวเรื อนของญาติและมิตร
สหายทัง้ แนวดิ่ ง และแนวราบ ที่ ห ญิ ง สาวล้ วนเป็ น ลูกพี่ ลูกน้ อ งกั บ ลูกค้ า และแต่ ล ะคนก็ เป็ น เหมื อ นน้ อ งสาวโดยทุก
ครัวเรื อนเป็ นตัวแทนของหน่วยต่างๆ ของครอบครัว มันอยู่ในตรงกันข้ ามกับแนวคิดของยุโ รปตะวันตกเรื่อง “ครอบครัว
นิวเคลียร์ ”และสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว”
กำรกระจำยควำมเสี่ยงของสหรัฐอเมริกำและผลกระทบต่ องำนสังคมสงเครำะห์
ความแตกต่างในการให้ บริ การที่เหมาะสมตามวัฒนธรรมดังตัวอย่างที่ได้ รับมีแนวโน้ มที่จะเป็ นปั ญหามากขึ ้นเว้ นแต่
วิชาชีพของสังคมงานจะปรับตามจานวนประชากรที่หลากหลายมากขึ ้น ไม่มีที่ไหนเลยความหลากหลายของสังคมชัดเจน
กว่าในที่ทางานที่สามแนวโน้ มสาคัญสามารถสังเกตได้ : (a) ความเทาของแรงงาน (Burris, 2005)(b) การทาให้ เป็ นสตรี
ของแรงงาน (Taylor & Kennedy, 2003) และ (c)การเปลี่ยนแปลงของคนงาน (Sue, Parham, & Santiago, 1998)
ควำมเสื่อมทรำมของแรงงำนและสังคม
ในขณะที่กลุ่มเบบี ้บูมเมอร์ (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1946 ถึง 1961) เข้ าสู่วัยชราประชากรผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึน้ ไปจะเพิ่มขึ ้น
เป็ น 53.3 ล้ านคนภายในปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึน้ 63% จากปี 1996 (ศึกษา: เริ่ มต้ นปี 2020, 1996) ในปี พ.ศ.2493 ผู้สูงอายุ
ประกอบด้ วย 8% ของประชากร; ในปี 2543 13%; และภายในปี 2593 จะประกอบด้ วย 20% การเพิ่มขึ ้นอย่างมากของ
ประชากรผู้สงู อายุสามารถนามาประกอบกันได้ ส่วู ัยเบบีบ้ ูม อัตราการเกิดที่ลดลง และเพิ่มขึ ้นอายุยืนยาว ( Huuhtanen,
1994; Keita & Hurrell, 1994; Sue, Parham, & Santiago,1998) อายุเฉลี่ยของคนในกาลังแรงงานเพิ่มขึ ้นจาก 36.6
ปี พ.ศ. 2533 เป็ น 40.6 ปี พ.ศ. 2548 โดยในปี พ.ศ. 2548 คาดว่า 70% ของคนงานจะอยู่ในกลุ่มอายุ 25 –54 ปี และ
สัดส่วนคนงานอายุ 55 ปี ขึ ้นไปจะเพิ่มขึ ้นเป็ น 15% ผลกระทบมีมากมาย
• ขาดความรู้ เรื่ องปั ญหาผู้สงู อายุและ ผลกระทบของประชากรสูงวัยต่อความต้ องการด้ านบริ การสังคม การ
ประกอบอาชีพ สุขภาพ ปั ญหาคุณภาพชีวิต ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และจิตใจความต้ องการด้ านสุขภาพ
(ดูบทที่ 13) หลักการและสมมติฐานการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์พหุวฒ ั นธรรม
• ในสังคมอเมริ กัน ผู้สูงอายุต้องทนทุกข์ทรมานจากความเชื่อและทัศนคติของสังคม(แบบแผน) ที่บั่นทอน
สถานะทางสังคมของตน: ตามนีแ้ บบเหมารวมมีความสามารถทางร่ างกายและจิตใจที่ลดลงเติบโตอย่าง
เข้ มงวดและไม่ ยืดหยุ่ น ไม่ ส ามารถเรี ยนรู้ ทักษะใหม่ ๆ ได้ ห งุ ดหงิ ดและหงุ ดหงิ ดและควรหลี กหนี เพื่ อ
ประโยชน์ของหนุ่ม (Brammer, 2004; Zastrow, 2004) ที่สาคัญกว่านั ้นคือความเชื่อว่าชีวิตของพวกเขา
มีค่าน้ อยกว่าชีวิตของคนที่อายุน้อยกว่า
• ผู้ สูง อายุ ตกอยู่ ใ ต้ ความเมตตาของนโยบายภาครั ฐ มากขึ น้ เรื่ อ ยๆการเปลี่ ยนแปลงของบริ ษั ท ในการ
ประกันสังคมและกองทุนบาเหน็จบานาญที่ลดลงผลประโยชน์และความคุ้มครองเมื่อเริ่มเกษียณอายุ
• หน่วยงานบริ การสังคมไม่พร้ อมรับมือกับปั ญหาสังคมและจิตใจความต้ องการด้ านสุขภาพของผู้สูงอายุ
ความแตกต่างหลายประการเหล่านี ้มีสาเหตุมาจากการเหยียดวัย
กำรทำให้ เป็ นสตรีของแรงงำนและสังคม
ผู้หญิงมีบทบาทมากขึน้ ในสังคมมากขึน้ เรื่ อยๆในช่วงระยะเวลา 15 ปี ตงั ้ แต่ปี 1990 ถึง 2005 ผู้หญิงมีสัดส่วนถึง
62%ของการเพิ่มขึน้ สุทธิของกาลังแรงงานพลเรื อน แนวโน้ มขาขึ ้นนัน้ น่าทึ่งมาก:38% ในปี 1970, 42% ในปี 1980 และ
45% ในปี 1990 (กระทรวงแรงงานสหรัฐฯสานักสตรี , 2535) เทรนด์ไม่ได้ จากัดอยู่แค่สาวโสดเพียงอย่างเดียวแต่รวมถึง
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ วด้ วย ตัวอย่างเช่น ในปี 1950 ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ วถือเป็ นน้ อยกว่า 25% ของกาลังแรงงาน เพียง
12% ของผู้หญิงที่เข้ าโรงเรียนอนุบาลเด็ก ๆ ทางาน และมีเพียง 28% ของเด็กวัยเรียนเท่านั ้นที่ทางานอย่างไรก็ตาม ขณะนี ้
58% ของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ วอยู่ในกาลังแรงงาน และ 60% ด้ วยเด็กก่อนวัยเรียนทางาน และ 75% กับเด็กวัยเรียนทางาน
ปั ญหา,อย่างไรก็ตาม ก็คือผู้หญิงยังคงครอบครองขัน้ ล่างของอาชีพต่อไปบันไดแต่ ยังคงรับผิดชอบงานบ้ านส่วนใหญ่
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงและข้ อเท็จจริงเหล่านี ้มีมากมาย
จนถึ ง ขณะนี อ้ าชี พ สังคมสงเคราะห์ เป็ น อย่ างไร? หากเราถื อ ว่ าวัฒนธรรมนั น้ การห่ อ หุ้มสามารถลดลงได้ ผ่าน
การศึกษาและการฝึ กอบรมหลากหลายวัฒนธรรมแล้ วเราก็ถามได้ เลยว่าอาชีพนั ้นกาลังฝึ กตามที่เทศน์ไว้ หรือเปล่า ในการ
ทบทวนความครอบคลุมเนือ้ หาทางวัฒนธรรมในวารสารสังคมสงเคราะห์ ที่ส าคัญสามฉบับ(ครอบครัวในสังคม—เดิ ม
เรี ยกว่า Social Casework—การทบทวนการบริการสังคม และสังคมงาน) และตาราฝึ กปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ 36
ข้ อ การศึกษาชิน้ หนึ่งพบว่า (ก) เพียง 9% เท่านัน้ ของบทความในวารสารเหล่านีก้ ล่าวถึงประเด็นความหลากหลายทาง
วัฒนธรรม (b) เพียง 5% ของหน้ าหนังสือเรี ยนทัง้ หมดครอบคลุมหัวข้ อดังกล่าวและ ( c) คนผิวสีคือมิติแนวคิดของการ
ปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์พหุวฒ ั นธรรม
ประการสาม ฉันไม่สนใจว่าครอบครัวจะเป็ นสีแดง ดา นา้ ตาล เหลืองหรื อแม้ แต่ขาว: การให้ คาปรึกษาที่ดีคือการให้
คาปรึกษาที่ดี! นอกจากนี ้มันเป็ นสิ่งสาคัญเพื่อให้ เราไม่สายตาสัน้ ในการทาความเข้ าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมเพื่อ
ปฏิเสธความสาคัญของมิติอื่นๆ ของมนุษย์ เช่น รสนิยมทางเพศ เพศ ความพิการ ศาสนา และอื่นๆ ที่ไม่ควรมองข้ ามทัง้
คน.
ในที่สุด ทุกคนก็ประสบกับอคติ การเลือกปฏิบัติ และการเหมารวมคุณไม่จาเป็ นต้ องเป็ นชนกลุ่มน้ อยทางเชือ้ ชาติ
เพื่อที่จะเข้ าใจสิ่งที่เป็ นอันตรายผลที่ตามมาของการกดขี่ ฉันเคยได้ ยินมาในฐานะผู้สืบเชื ้อสายชาวไอริชเรื่องตลกของชาว
ไอริชที่ดูหมิ่นมากมาย และบรรพบุรุษของฉันก็พบกับเรื่องร้ ายแรงอย่างแน่นอนการเลือกปฏิบตั ิเมื่อพวกเขาอพยพเข้ ามาใน
ประเทศนีเ้ ป็ นครัง้ แรก ส่วนหนึ่งของเราภารกิจในฐานะนักสังคมสงเคราะห์คือการช่วยให้ ลูกค้ าของเราทุกคนจัดการกับ
ประสบการณ์ของพวกเขาของการแตกต่าง
ในรู ป แบบใดรู ป แบบหนึ่ ง บทสนทนาที่ ยากล าบากเช่ น ก่ อ นหน้ านี เ้ กิ ดขึ น้ ทั่วสถาบัน ฝึ กอบรมของเรา หอไอวี่
หน่วยงานราชการหน่วยงาน ห้ องประชุมของบริ ษัท บริ เวณใกล้ เคียง และการประชุมชุมชนสถานที่. ผู้เข้ าร่ วมเสวนา
ดัง กล่ าวมี มุมมองที่ แ ตกต่ างกั น และมี ความเชื่ อ มั่น อย่ างแรงกล้ า และมัก ดาเนิ น การจากสมมติ ฐานที่ มี เงื่ อ นไขทาง
วัฒนธรรมอยู่นอกระดับ การรับรู้ อย่างมีสติ อย่างไรก็ตาม สมมติฐานเหล่ านี เ้ ป็ นสิ่งส าคัญที่ ต้องชีแ้ จงเพราะพวกเขา
กาหนดความเป็ นจริงที่แตกต่างกันและกาหนดการกระทาของเรา ตามที่ระบุไว้ ข้างต้ น การปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์ที่
ไม่ละเอียดอ่อนสามารถทาได้ ส่งผลให้ เกิดการกดขี่ทางวัฒนธรรมมากกว่าการปลดปล่อย ให้ เราสารวจอย่างละเอียดยิ่งขึน้
บทสนทนาระหว่างอาจารย์และนักศึกษาเพื่อทาความเข้ าใจประเด็นสาคัญมีการหยิบยกประเด็นเรื่ องความหลากหลาย
ทางวัฒนธรรมขึ ้นมา
ปั ญ หาหลักประการหนึ่ ง ที่ นั กศึ กษาและอาจารย์ ห ยิ บ ยกขึ น้ มาเกี่ ย วข้ อ งกั บ มุม มองด้ านจริ ย ธรรม (สากลทาง
วัฒนธรรม) กับมุมมองด้ านอารมณ์ (เฉพาะวัฒนธรรม) (Lum,2546) อาจารย์ทางานจากตาแหน่งจรรยาบรรณ เขาเชื่อ
เช่นการปฏิบัติทางคลินิกที่ดีคือการปฏิบัติทางคลินิกที่ดี ความผิดปกติดังกล่าวเนื่องจากภาวะซึมเศร้ า โรคจิตเภท และ
พฤติกรรมทางจิตสังคมปรากฏอยู่ในทุกวัฒนธรรม และสังคม การปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้ อยในการวินิจฉัยและการรั กษา
ต้ องระบุ; และแนวคิดตะวันตกเรื่ องความปกติและความไม่ปกติ ถือได้ ว่าเป็ นสากลและนาไปใช้ ได้ เท่าเทียมกัน ในทุ ก
วัฒนธรรม (Howard, 1992)
มุมมองใดถู กต้ อ ง? การปฏิ บัติง านสัง คมสงเคราะห์ ควรตัง้ อยู่ บ นพื น้ ฐานของวัฒนธรรม ความเป็ น สากลหรื อ
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม? นักสังคมสงเคราะห์ไม่กี่คนในปั จจุบันยอมรับความสุดขัว้ ตาแหน่งใดตาแหน่งหนึ่ง แม้ ว่า
ส่วนใหญ่จะมุ่งไปทางใดตาแหน่งหนึ่งก็ตาม ผู้เสนอความเป็ นสากลทางวัฒนธรรมมุ่งเน้ นไปที่ความคล้ ายคลึงและลด
วัฒนธรรมให้ เหลือน้ อยที่สุด ปั จจัย ในขณะที่ผ้ เู สนอความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมมุ่งเน้ นไปที่ความแตกต่างทางวัฒนธรรม
มุมมองทังสองมี
้ ความถูกต้ อง เป็ นเรื่องไร้ เดียงสาที่จะเชื่อว่ามนุษย์ไม่ได้ ทา แบ่งปั นลักษณะสากล ในทานองเดียวกัน ถ้ า
เราพูดถึงพยาธิวิทยามันก็ ก็ไร้ เดียงสาไม่แพ้ กันที่จะเชื่อว่าความถี่และลักษณะอาการที่สัมพันธ์ กัน การก่อตัวของความ
ผิดปกติต่างๆ ไม่ได้ สะท้ อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น และวิถีชีวิตของสังคม และมันจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของ
เราที่จะให้ ความบันเทิง ความคิดที่ว่ากลุ่มที่หลากหลายอาจตอบสนองต่อวัฒนธรรมเฉพาะได้ ดีกว่า กลยุทธ์การแทรกแซง
แนวทางที่มีประสิทธิผลมากขึ ้นสาหรับมุมมองที่ตรงกันข้ ามเหล่านี ้ อาจเป็ นคาถามสองข้ อต่อไปนี ้: “อะไรที่เป็ นสากลใน
มนุษย์ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้ องกับการปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์ด้วย” และ “ความสัมพันธ์คืออะไร ระหว่างบรรทัดฐานทาง
วัฒนธรรม ค่านิยม และทัศนคติ ในด้ านหนึ่ง และ การปรากฏตัวของสถานการณ์ที่เป็ นปั ญหาและการรักษาบน อื่น?"
ดู เหมื อ นว่ ามี การชักเย่ อ เกิ ดขึ น้ ระหว่ างอาจารย์ กับนั กศึ กษาเกี่ ยวกั บ ความสาคัญ ของเชื อ้ ชาติ แ ละชาติ พันธุ์ใน
กระบวนการบาบัด ความขัดแย้ งประเภทนีม้ ักจะเกี่ยวข้ องไม่เพียงแต่กับความแตกต่ างในคาจากั ดความเท่ านัน้ แต่ยัง
รวมถึงการกดปุ่มลัดในตัวผู้เข้ าร่วมด้ วย การโต้ ตอบ ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้ องกันมากกว่า
คุณสมบัติทางอารมณ์ ของหัวข้ อ อะไรเป็ นแรงบันดาลใจให้ อ าจารย์ เป็ นต้ น ทาการสันนิษฐานที่ไ ม่ส มเหตุส มผลว่ า
นักเรี ยนลาติน่ากาลังกล่าวหา นักสังคมสงเคราะห์ของการเหยียดเชือ้ ชาติ? สิ่งที่ชักจูงอาจารย์ ไม่ว่าจะมีสติ หรื อโดยไม่
รู้ ตัวเพื่อลดหรื อหลีกเลี่ยงการพิจารณาเชือ้ ชาติเป็ นตัวแปรที่ทรงพลัง ในกระบวนการบาบัด? ดูเหมือนว่าเขาจะทาเช่นนี ้
ด้ วยสองวิธี: (ก) ทาให้ เจือจาง ความสาคัญของเชือ้ ชาติโดยใช้ ข้อความที่เป็ นนามธรรมและเป็ นสากล (“มีเผ่าพันธุ์เดียว
เท่านัน้ คือเผ่าพันธุ์มนุษย์”) และ (ข) เปลี่ยนบทสนทนาเป็ น การอภิปรายเกี่ยวกับความแตกต่างกลุ่มอื่นๆ (เพศ รสนิยม
ทางเพศ ความพิการ และคลาส) และเทียบเคียงเชื ้อชาติกับหนึ่งในตัวแปรมากมายเหล่านี ้
ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธความสาคัญของความแตกต่างกลุ่มอื่นๆ ในการส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของมนุษย์
หรือปฏิเสธข้ อเท็จจริงที่กลุ่มแบ่งปั น ความเหมือนกันหลายอย่างโดยไม่คานึงถึงเชื ้อชาติหรือเพศ สิ่งเหล่านี ้ถูกต้ องตาม
กฎหมายอย่างแน่นอน คะแนน อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ดูไม่สบายใจกับการอภิปรายอย่างเปิ ดเผย ของเชื ้อชาติ
เนื่องจากอารมณ์ที่ฝังลึกหรือซ้ อนกันที่เขาถูกกาหนดเงื่อนไขทางวัฒนธรรมให้ ยึดถือ ตัว อย่าง เช่น การ ถกเถียง เรื่อง เชื ้อ
ชาติ มัก ปลุกเร้ า ความหลงใหลอันแรงกล้ าที่เกี่ยวข้ องกับการเหยียดเชื ้อชาติ การเลือกปฏิบตั ิ อคติ บุคคล การตาหนิ
ความถูกต้ องทางการเมือง ทัศนคติต่อต้ านคนผิวขาว โควต้ า และอื่นๆ อีกมากมาย แนวคิดที่กระตุ้นอารมณ์ ในบางครัง้
ปฏิกิริยาอันลึกซึ ้งที่ใครหลายคน มีการอภิปรายเรื่องเชือ้ ชาติขดั ขวางความสามารถในการสื่อสาร อย่างอิสระและ
ตรงไปตรงมา และพร้ อมรับฟั งผู้อื่น (D’Andrea & Daniels, 2001; เรย์โนลด์ส 2544; ซู, 2003) ความรู้สึกผิด การ
กล่าวโทษ ความโกรธ และการป้องกันตัว(เช่นในกรณีของอาจารย์) ไม่เป็ นที่พอใจ. มันง่ายกว่ามากเพื่อจะได้ ไม่ต้องเจอ
กับมันฝรั่งร้ อนๆ แบบนี ้ แต่มนั เป็ นอารมณ์เหล่านี ้อย่างแม่นยา ความรู้สึกที่เต็มไปด้ วยภาระที่ต้องแสดงออกและสารวจ
ก่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิผล จะเกิดขึ ้น จนกว่าผู้ให้ บริการทางสังคมจะผ่านความรู้สึกอันรุนแรงเหล่านี ้ไปได้ ซึ่ง
มักเกี่ยวข้ องกับอคติและอุปาทานของตนเอง พวกเขาจะยังคงไม่มีประสิทธิภาพในการทางานกับประชากรที่มีความ
หลากหลายทางวัฒนธรรม
แม้ ว่าจะมี ข้ อ ขัดแย้ ง เกี่ ยวกั บ คาจากั ดความของความสามารถทางวั ฒนธรรม พวกเราหลายคนรู้ ถึ ง ความไร้
ความสามารถทางคลินิกเมื่อเราเห็นมัน เรารับรู้ โดยผลลัพธ์อนั น่าสยดสยองของมัน หรือโดยผลร้ ายของมนุษย์ที่มีต่อ ชน
กลุ่มน้ อยของเรา ลูกค้ า ตัวอย่างเช่นบางครัง้ วิ ชาชีพ ด้ านสุข ภาพจิตและผู้ให้ บริ การ การบริ การได้ รับการอธิบ ายด้ วย
ถ้ อยคาที่ไม่ประจบสอพลอโดยพหุวฒ ั นธรรม ผู้เชี่ยวชาญ: (ก) พวกเขาไม่คานึงถึงความต้ องการด้ านความหลากหลายทาง
วัฒนธรรมของพวกเขา ลูกค้ า; ไม่ยอมรับ เคารพ และเข้ าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม เป็ น หยิ่งผยองและดูถู ก; และ
ไม่ค่อยเข้ าใจอคติของตน (โทมัสและซิลเลน, 1972); (b) ลูกค้ าผิวสี ผู้หญิง และเกย์และเลสเบีย้ น มักบ่นว่าพวกเขารู้ สึก
ถู กทารุ ณ กรรม ข่ มขู่ และถู กคุ กคามโดยคนที่ ไ ม่ ใ ช่ ชนกลุ่ มน้ อ ย บุ คลากร ( Atkinson, Morten, et al., 1998;
President’s Commission ด้ านสุขภาพจิต, 2521); (ค) การปฏิบตั ิที่เลือกปฏิบัติในการส่งมอบสุขภาพจิต ระบบต่างๆ
ฝั งลึกอยู่ในรู ปแบบการจัดบริ การ และในวิธีการส่งมอบสิ่งเหล่านีใ้ ห้ กับประชากรส่วนน้ อ ย และสะท้ อนให้ เห็น ในการ
วินิจฉัยและการรักษาแบบลาเอียง ในตัวบ่งชี ้ “อันตราย” และประเภทของบุคลากรที่มีบทบาทในการตัดสินใจ (T. L. Cross
et อัล., 1989); และ (ง) ผู้เชี่ยวชาญด้ านสุขภาพจิตยัง คงได้ รับการฝึ กอบรมในโปรแกรมต่อไป โดยไม่สนใจประเด็นเรื่ อง
ชาติพนั ธุ์ เพศ และรสนิยมทางเพศ ถือเป็ นข้ อบกพร่อง แสดงให้ เห็นในรูปแบบเหมารวม หรือรวมเป็ น ความคิดในภายหลัง
(Laird & Green, 1996; Meyers, Echemedia, & Trimble, 1991)
ระดับบุคคล: “บุคคลทุกคนไม่เหมือนบุคคลอื่นในบางประเด็น”มีความจริงมากมายในคาพูดที่ว่าไม่มีบุคคลสองคนที่
เหมือนกัน เราทุกคนมีเอกลักษณ์ เฉพาะทางชีววิทยา และเป็ นความก้ าวหน้ าครัง้ ล่าสุดในการทาแผนที่มนุษย์ จีโนมได้ ให้
การค้ นพบที่น่าตกใจ นักชีววิทยา นักมานุษยวิทยา และนักจิตวิทยาวิวัฒนาการได้ พิจารณาจีโนมมนุษย์ โครงการที่อาจ
ให้ คาตอบสาหรับการเปรียบเทียบและวิวฒ ั นาการ ชีววิทยาเพื่อค้ นหาความลับของชีวิต แม้ ว่าโครงการจะมอบคุณ ค่ าอัน
ทรงคุณค่า นักวิทยาศาสตร์ ได้ ค้นพบคาตอบของคาถามมากมายที่ซับซ้ อนยิ่งขึ ้น คาถาม. ตัวอย่างเช่น พวกเขาคาดหวัง
ว่าจะพบยีน 100,000 ยีนในมนุษย์ แต่พบจีโนมประมาณ 20,000 ตัว มีความเป็ นไปได้ ที่จะเกิด อีก 5,000 ตัว—มากกว่าที่
พบในแมลงวันผลไม้ หรือเพียงสองหรือสามเท่า
รูปที่ 1.1กำรพัฒนำไตรภำคีของ ตัวตนส่ วนบุคคล
หนอนไส้ เดือนฝอย จากยีนที่เป็ นไปได้ ทงหมด
ั้ 25,000 ยีน มีเพียง 300 ยีนที่ไม่ซา้ ใครเท่านั ้นแยกเราออกจากเมาส์
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจีโนมของมนุษย์และหนู มีความเหมือนกันประมาณ 85%! แม้ ว่าการค้ นพบครัง้ นี ้อาจกระทบต่อ
ศักดิศ์ รี ความเป็ นมนุษย์ คาถามที่สาคัญกว่านั ้นก็คือ ยีนจานวนน้ อยสามารถอธิบายได้ อย่างไร เพื่อความเป็ นมนุษย์ของ
เรา
อคติส่วนบุคคลและสำกลในงำนสังคมสงเครำะห์
กำรปฏิบัติงำนสังคมสงเครำะห์ พหุวัฒนธรรมคืออะไร?
จากการวิเคราะห์ก่อนหน้ านี ้ ให้ เรานิยามการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์แบบพหุวัฒนธรรม (MCSW) เนื่องจาก
เกี่ยวข้ องกับการให้ บริการทางสังคมและบทบาทของ ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ : การปฏิบตั ิงานสังคมสงเคราะห์
แบบพหุวัฒนธรรมสามารถนิยามได้ ว่าเป็ นทัง้ บทบาทการช่วยเหลือและก กระบวนการที่ใช้ รังสีและกาหนดเป้าหมายให้
สอดคล้ องกับประสบการณ์ ชีวิต และคุณค่าทางวัฒนธรรมของลูกค้ า ตระหนักถึงตัวตนของลูกค้ าเพื่อรวมถึงบุคคล กลุ่ม
และมิ ติส ากล สนั บ สนุ น การใช้ ส ากลและเฉพาะวัฒนธรรม กลยุ ท ธ์ แ ละบทบาทในกระบวนการบ าบัด และถ่ วงดุล
ความสาคัญ ของปั จเจกนิยมและลัทธิส่วนรวมในการประเมิน การวินิจฉัย การรักษา และ การแก้ ปัญหาของลูกค้ าและ
ระบบลูกค้ า