Jurpoo, Journal Manager, 005

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 6

วารสาร

เทคนิคการแพทย์และกายภาพบำาบัด นิพนธ์ต้นฉบับ
JOURNAL OF MEDICAL TECHNOLOGY AND PHYSICAL THERAPY ORIGINAL ARTICLE

การเปรียบเทียบผลการย้อม AFB จากเสมหะโดยตรงกับเสมหะเข้มข้นที่ผ่านการ


ตกตะกอนในโรงพยาบาลตะโหมด และ โรงพยาบาลคลองหอยโข่ง
พิพัฒน์ ศรีเบญจลักษณ์1*, พรเพชร รักเกตุ2, มารีนา อับดุลหละ2, ราตรี ทวิชากรตระกูล1,
พิสมัย สายสุด1, นิชา เจริญศรี1

บทคัดย่อ
วัณโรคเป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่สำ�คัญและยังคงเป็นปัญห�ส�ธ�รณสุขในประเทศไทย จ�กก�รคำ�นวณท�งระบ�ดวิทย�
ในร�ยง�นขององค์ก�รอน�มัยโลก (WHO report 2008) ค�ดก�รณ์ว่� ประเทศไทยมีผู้ป่วยร�ยใหม่ปีละ 90,000 ร�ย (142
ร�ยต่อประช�กรแสนคน ) และประม�ณ 40,000 ร�ยเป็นผู้ป่วยที่เสมหะบวกต่อก�รย้อม AFB (62 ร�ยต่อประช�กรแสน
คน) ซึ่งส�ม�รถแพร่กระจ�ยเชื้อวัณโรคได้ ก�รค้นห�ผู้ป่วยกลุ่มนี้นิยมใช้ก�รย้อมเสมหะ AFB ซึ่งเป็นวิธีที่มีค่�ใช้จ่�ยน้อย มี
คว�มจำ�เพ�ะสูงแม้ว่�จะมีคว�มไวไม่ม�กนัก ก�รศึกษ�ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษ�ผลก�รตรวจ AFB ของตัวอย่�งเสมหะ
จ�กโรงพย�บ�ลตะโหมด จังหวัดพัทลุง และโรงพย�บ�ลคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขล� ที่เตรียมโดยนำ�เสมหะม�ตรวจด้วยวิธี
สเมียร์จ�กเสมหะโดยตรงเปรียบเทียบกับเสมหะที่ผ�่ นก�รตกตะกอนหลังก�รผสมด้วย clorox ซึ่งมีส่วนผสมของ sodium
hypochlorite ร้อยละ 5.25 โดยผสมกับเสมหะในอัตร�ส่วน 1:1 ให้เข้�กันดี ประม�ณ 5 น�ทีแล้วปั่นในเครื่องปั่นที่คว�มเร็ว
3,000 รอบต่อน�ทีเป็นเวล� 15 น�ที นำ�ตะกอนเสมหะม�สเมียร์และนำ�เสมหะที่เตรียมทั้งสองวิธีม�ย้อม AFB โดยวิธี
Ziehl-Neelsen ผลก�รศึกษ�พบว่�จ�กเสมหะ 240 ตัวอย่�ง (โรงพย�บ�ลละ 120 ตัวอย่�ง) ให้ผลบวกกับวิธใี ช้ตะกอนเสมหะ
19 ตัวอย่�ง (คิดเป็นร้อยละ 7.9) แตกต่�งจ�กก�รย้อมเสมหะโดยตรงที่ให้ผลบวกเพียง 9 ตัวอย่�ง (คิดเป็นร้อยละ 3.7)
อย่�งมีนัยสำ�คัญท�งสถิติ (P < 0.05)

คำาสำาคัญ: ก�รย้อม AFB, เสมหะ, เสมหะตกตะกอน

1
ศูนย์วิจัยและพัฒน�ก�รตรวจวินิจฉัยท�งห้องปฏิบัติก�รท�งก�รแพทย์
2
นักศึกษ�ส�ข�เทคนิคก�รแพทย์ ชั้นปีที่ 4 คณะเทคนิคก�รแพทย์ มห�วิทย�ลัยขอนแก่น
* ผู้รับผิดชอบบทคว�ม

J Med Tech Phy Ther • Vol.23 No.3 • September-December 2011 259


วารสาร
เทคนิคการแพทย์และกายภาพบำาบัด นิพนธ์ต้นฉบับ
JOURNAL OF MEDICAL TECHNOLOGY AND PHYSICAL THERAPY ORIGINAL ARTICLE

Comparison of direct smear and concentrated sputum samples for AFB


staining in Thamod and Klonghoykong Hospitals

Pipat Sribenjalux1*, Pornpech Rukket2, Mareena Abdullah2, Ratree Tavichakorntrakool1,


Phitsamai Saisud 1, Nicha Charoensri1

Abstract
Tuberculosis (TB) is a chronic infectious disease and an important public health problem in Thailand.
According to the report of World Health Organization 2008, approximately 90,000 new cases (142/100,000)
of TB and 40,000 cases (62/100,000) with sputum positive for AFB are reported annually in Thailand. The
person with AFB positive sputum is a major source of TB spreading. Identification of the sputum positive for
AFB is usually based on sputum AFB staining. Even though the test has a low sensitivity, it has high specifi-
city and low cost, therefore it is widely used in general clinical laboratories. In this study, two hundred and
forty sputum samples (120 samples each from Thamod hospitat and Klonghoykong hospital) were compared
for AFB staining results between the direct smear of sputum with those using the concentrated sputum smear.
The concentrated sputum was prepared by adding sputum and clorox (5.25 % sodium hypochlorite), vortexing
for 5 minutes and centrifugation for 15 minutes at 3,000 rpm. The AFB staining was performed according to
the Ziehl-Neelsen method. The results revealed that the concentrated sputum samples were positive for AFB
staining with a statistically significant higher percentage (19 samples, 7.9 %) than that of the direct smear
sputum samples (9 samples, 3.7 %) (P < 0.05).

Keywords: AFB Staining, Sputum, Concentrated Sputum

1
Centre for Research and development of Medical Diagnostic Laboratories,
2
Fourth year students, Faculty of Associated Medical Sciences, Khon Kaen University
* Corresponding author : (e-mail: pipsri@kku.ac.th)

260 วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำาบัด • ปีที่ 23 ฉบับที่ 3 • กันยายน-ธันวาคม 2554


บทนำา รับผิดชอบได้
วัณโรคเป็นโรคติดต่อเรือ้ รังและเป็นปัญห�ส�ธ�รณสุข
ที่สำ�คัญ ปัจจุบันก�รติดเชื้อเอชไอวี เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำ�คัญ วัสดุและวิธีการศึกษา
ที่สุดของก�รป่วยเป็นวัณโรค เกิดจ�กก�รติดเชื้อแบคทีเรีย 1. ตัวอย่างที่ใช้ศกึ ษา ตัวอย่�งเสมหะผูป้ ว่ ยทีแ่ พทย์
Mycobacterium tuberculosis และบ�งครั้งเกิดจ�กก�ร สงสัยว่�เป็นวัณโรคและผู้ป่วยวัณโรคที่ติดต�มผลก�รรักษ�
ติดเชื้อ M. bovis เชื้อทั้ง 2 ชนิดเป็นส�ยพันธุ์หลักของ ที่ม�รับบริก�ร ตรวจ sputum AFB ณ แผนกชันสูตร ให้
M. tuberculosis complex เรียกกันว่� Tubercle bacilli (1) ผู้ป่วยบ้วนป�กด้วยนำ้�ประป� ไอลึกๆแล้วบ้วนเสมหะลงใน
เมื่อนำ�ตัวอย่�งเสมหะหรือตัวอย่�งอื่นๆ ที่มีมัยโคแบคทีเรีย ขวดปร�ศจ�กเชื้อ โดยเก็บตัวอย่�งไม่น้อยกว่� 5 มล. (เก็บ
ม�ตรวจห�เชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ (หลังจ�กสเมียร์เสมหะ ระหว่�งเดือน มกร�คม - พฤษภ�คม 2553 โดยเก็บทุกร�ย
ย้อมด้วย carbol fuchsin และล้�งด้วยส�รละล�ยกรด) เรียงลำ�ดับไปจนครบ) แยกเป็น โรงพย�บ�ลตะโหมด จำ�นวน
เชื้อ Tubercle bacilli และมัยโคแบคทีเรียต่�งๆจะติดสีแดง 120 ร�ย โรงพย�บ�ลคลองหอยโข่ง จำ�นวน 120 ร�ย รวม
ทนต่อก�รล้�งด้วยกรด เรียกว่� acid fast bacilli (AFB)(2) 240 ตัวอย่�ง
จ�กร�ยง�นขององค์ ก �รอน�มั ย โลกเมื่ อ ปี ค.ศ. 2008 2. วิธีการศึกษา
ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 18 ในกลุ่ม 22 ประเทศที่มี 2.1 นำ�ตัวอย่�งเสมหะม�ป้�ยโดยตรงบนสไลด์
ปัญห�วัณโรคจ�กก�รคำ�นวณท�งระบ�ดวิทย�ในร�ยง�น ค�ด เป็นวงรีขน�ด 2 x 3 ซม.โดยให้เป็นวงเล็กๆ ต่อเนื่องกันเป็น
ก�รณ์ว่�ประเทศไทยน่�จะมีผู้ป่วยร�ยใหม่ทุกประเภท ปีละ รูปก้นหอย(4)
90,000 ร�ย (142 ร�ยต่อประช�กรแสนคน) และประม�ณ 2.2 นำ�เสมหะส่วนที่เหลือม�ผสมด้วย clorox
40,000 ร�ย เป็นผู้ป่วยที่เสมหะบวก (62 ร�ยต่อประช�กร ที่มีส่วนผสมของ sodium hypochlorite ร้อยละ 5.25 โดย
แสนคน) (3) ผสมลงในเสมหะ 5 มล. ด้วยอัตร�ส่วน 1:1
โรงพย�บ�ลตะโหมด และโรงพย�บ�ลคลองหอยโข่ง 2.3 เขย่�ให้เข้�กันด้วย vortex ประม�ณ 5 น�ที
เป็นโรงพย�บ�ลชุมชนในจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขล� มี แล้วนำ�ม�ปั่นในเครื่องปั่นที่คว�มเร็ว 3,000 รอบต่อน�ทีน�น
พื้นที่ติดต่อกัน เป็นโรงพย�บ�ลขน�ด 30 เตียง มีนักเทคนิค 15 น�ที เพื่อให้เชื้อวัณโรคในเสมหะตกตะกอน
ก�รแพทย์ 1 คน ส�ม�รถให้บริก�รก�รตรวจย้อม AFB จ�ก 2.4 เทนำ้�ส่วนใสทิ้ง แล้วนำ�ตะกอนเสมหะม�ส
เสมหะผู้ป่วยแต่ยังไม่ส�ม�รถให้บริก�รเพ�ะเชื้อวัณโรคซึ่ง เมียร์บนกระจกสไลด์ เป็นวงรีให้อยูศ่ นู ย์กล�งของแผ่นสไลด์
เป็นวิธีที่มีคว�มไวสูงได้ เมื่อพิจ�รณ�ต�มจำ�นวนประช�กร ขน�ด 2 x 3 ซม. โดยให้เป็นวงเล็กๆต่อเนื่องกันเป็นรูป
และก�รค�ดก�รณ์ต�มองค์ก�รอน�มัยโลกควรจะพบผู้ป่วย ก้นหอยตั้งทิ้งไว้ ให้แห้ง
เสมหะบวก 62 คนต่อประช�กรแสนคน ดังนั้นทั้งสองโรง 2.5 fix สไลด์ โดยนำ�แผ่นสไลด์ผ่� นเปลวไฟ
พย�บ�ลควรจะมีผู้ป่วยเสมหะบวกเท่�กับ 19 ร�ย และ 16 2-3 ครั้งๆละประม�ณ 2-3 วิน�ทีแล้วนำ�แผ่นสไลด์ ไปย้อมสี
ร�ย ต�มลำ�ดับ ซึ่งจ�กข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี พบว่�มีบ�งปีที่ สำ�หรับก�รย้อมสีโดยวิธี Ziehl – Neelsen(1)
พบผูป้ ว่ ยเสมหะบวกตำ�่ กว่�ค�ดก�รณ์ ซึง่ อ�จเกิดจ�กคว�มไว 2.6 นำ � สไลด์ ที่ ย้ อ ม AFB ม�ตรวจด้ ว ย
ของวิธกี �รตรวจเสมหะโดยก�รย้อม AFB ซึง่ มีคว�มไวตำ�่ แต่ กล้องจุลทรรศน์ โดยตรวจดูที่กำ�ลังขย�ย 1,000 เท่� จำ�นวน
มีคว�มจำ�เพ�ะสูง ก�รศึกษ�นีม้ วี ตั ถุประสงค์เพื่อศึกษ�เปรียบ 300 field และร�ยง�นผลก�รย้อมต�มระบบของ Interna-
เทียบก�รตรวจห�เชื้อวัณโรคจ�กเสมหะโดยตรงกับเสมหะที่ tional union against tuberculosis (IUAT)
ผ่�นก�รตกตะกอนด้วย clorox (ซึ่งเป็นนำ้�ย�ฆ่�เชื้อที่มีร�ค�
ถูกและมีใช้ต�มโรงพย�บ�ลทั่วไป) ซึ่งค�ดว่�วิธีหลัง น่�จะมี ผลการศึกษา
คว�มไวในก�รตรวจเสมหะ AFB สูงกว่�วิธีแรก ซึ่งจะเป็น ก�รศึกษ�เปรียบเทียบผลก�รย้อม AFB ต�มวิธี
ประโยชน์ตอ่ ก�รให้บริก�รในง�นประจำ�วันของโรงพย�บ�ลทัง้ Ziehl-Neelsen ระหว่�งเสมหะโดยตรงกับเสมหะที่ผ�่ นก�ร
สองในก�รตรวจย้อม AFB จ�กเสมหะทั้งต่อผู้ป่วยโดยตรง ตกตะกอนในโรงพย�บ�ลตะโหมดและโรงพย�บ�ลคลอง
และต่อก�รควบคุมก�รแพร่กระจ�ยของวัณโรคปอดในพื้นที่ หอยโข่ง เพื่อตรวจห�เชื้อวัณโรคด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยใช้

J Med Tech Phy Ther • Vol.23 No.3 • September-December 2011 261


ตัวอย่�งเสมหะจ�กผูป้ ว่ ยสงสัยวัณโรคปอดและผูป้ ว่ ยวัณโรค ตรวจโดยตรงอย่�งมีนัยสำ�คัญท�งสถิติ (P < 0.05) ดังแสดง
ปอดทีต่ ดิ ต�มผลก�รรักษ�ในโรงพย�บ�ลตะโหมดจำ�นวน 120 ใน ตารางที่ 1
ร�ย และโรงพย�บ�ลคลองหอยโข่งจำ�นวน 120 ร�ย รวม ในจำ�นวนผู้ป่วย 19 ร�ย ที่ให้ผลก�รย้อม AFB บวก
240 ร�ย พบให้ผลบวกจำ�นวน 9 ร�ยโดยวิธีตรวจเสมหะ (ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งหรือทั้งสองวิธี) แยกเป็นผู้ป่วยใหม่ 8 ร�ย
โดยตรง และ 19 ร�ย โดยวิธีสเมียร์จ�กตะกอนเสมหะ คิด ผูป้ ว่ ยทีต่ ดิ ต�มผลก�รรักษ� 11 ร�ย และเมื่อพิจ�รณ�จำ�นวน
เป็น ร้อยละ 3.75 และ ร้อยละ 7.92 ต�มลำ�ดับ จ�กผลก�ร เชื้อ AFB ที่ตรวจพบด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีย้อมโดยใช้
ทดลองที่ได้สรุปได้ว่�ก�รเตรียมตัวอย่�งสเมียร์จ�กตะกอน ตะกอนเสมหะส�ม�รถตรวจพบตัวเชื้อได้ม�กกว่�ก�รย้อม
เสมหะทีผ่ �่ นก�รตกตะกอนให้ผลบวก AFB ม�กกว่�เสมหะที่ โดยใช้เสมหะโดยตรงดังแสดงใน ตารางที่ 2
ตารางที่ 1 แสดงผลก�รตรวจ AFB ในเสมหะโดยตรง และเสมหะตกตะกอน
ผลการตรวจ เสมหะโดยตรง เสมหะตกตะกอน
(ระบบ IUAT) จำานวน (ร้อยละ) จำานวน (ร้อยละ)
Negative 231 (96.2) 221 (92.0)
1 - 9 cells 5 (2.1) 3 (1.2)
1+ 1 (0.4) 10 (4.2)
2+ 3 (1.2) 3 (1.2)
3+ 0 (0) 3 (1.2)
รวม 240 (100) 240 (100)
P < 0.05 (McNemar test for the significant of changes)

ตารางที่ 2 แสดงประเภทผู้ป่วยและปริม�ณเชื้อ AFB ที่ตรวจพบในเสมหะโดยตรงและเสมหะตกตะกอนในตัวอย่�งที่ให้ผล


AFB positive จำ�นวน 19 ตัวอย่�ง
เสมหะโดยตรง เสมหะตกตะกอน จำานวนราย ประเภทผู้ป่วย
Negative 2 cell 1 ใหม่
Negative 4 cells 1 ใหม่
Negative 6 cells 1 ใหม่
Negative 1+ 6 ติดต�ม 4 ใหม่ 2
Negative 2+ 1 ติดต�ม
2 cells 1+ 1 ใหม่
4 cells 1+ 2 ใหม่ 1, ติดต�ม 1
4 cells 2+ 1 ใหม่
8 cells 1+ 1 ติดต�ม
1+ 3+ 1 ติดต�ม
2+ 2+ 1 ติดต�ม
2+ 3+ 2 ติดต�ม 2
รวม 19 ใหม่ 8, ติดต�ม 11

262 วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำาบัด • ปีที่ 23 ฉบับที่ 3 • กันยายน-ธันวาคม 2554


ต�มลำ�ดับ
วิจารณ์และสรุปผลการศึกษา ในก�รศึกษ�นี้ ไม่ ได้ ใช้ก�รเพ�ะเชื้อเป็น วิ ธี อ้ � งอิ ง
ก�รวินิจฉัยวัณโรคเบื้องต้นยังคงต้องอ�ศัยก�รย้อม เนื่องจ�กก�รศึกษ�นี้ต้องก�รเปรียบเทียบลักษณะก�รตรวจ
สี AFB และตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งเป็นก�รตรวจที่ ห�เชื้อวัณโรคที่มีอยู่จริงในห้องปฏิบัติก�รโรงพย�บ�ลชุมชน
น�น�ประเทศใช้ โดยเฉพ�ะที่มีเศรษฐกิจย�กจนและถือเป็น ที่ใช้วิธีก�รตรวจย้อมเสมหะผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยที่ติดต�ม
ท�งเลือกที่ดีในก�รวินิจฉัยผู้ที่ติดเชื้อวัณโรคในปอด เพร�ะ ผลก�รรักษ�ซึง่ ผลจ�กก�รศึกษ�นีแ้ ละก�รศึกษ�ก่อนหน้�พบ
เป็นวิธีที่ง่�ยร�ค�ถูก และมีคว�มจำ�เพ�ะสูง ดังนั้นก�รตรวจ ว่�ก�รเตรียมสเมียร์ด้วยวิธีนำ�เสมหะม�ผ่�นก�รตกตะกอน
เสมหะด้วยกล้องจุลทรรศน์จึงนับว่�มีประโยชน์ม�กในก�ร จะส�ม�รถตรวจพบเชื้อวัณโรคได้ม�กกว่�ด้วยวิธีก�รเตรียม
ต่อสู้กับวัณโรคในประเทศที่มีอุบัติก�รณ์ของโรคสูงและก�ร เสมหะโดยตรง แต่เนื่องจ�กวิธีนี้ยังไม่ ได้ถูกกำ�หนดให้เป็น
ตรวจเสมหะที่ไม่พบเชื้อถือว่�มีคว�มสำ�คัญและจำ�เป็นที่จะ วิธีปฏิบัติต�มแผนง�นก�รควบคุมวัณโรคแห่งช�ติ อย่�งไร
ต้องใช้ก�รตรวจที่มีคว�มไวที่สูงม�กยิ่งขึ้น เนื่องจ�กผู้ป่วยที่ ก็ต�มในก�รตรวจห�กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่สัมผัสวัณโรคและผู้
มีเชื้อ AFB ปริม�ณน้อยในเสมหะก็ส�ม�รถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ป่วยกลุม่ เสีย่ งลักษณะตัวอย่�งเสมหะทีเ่ ก็บได้มกั จะได้เป็นนำ�้
ได้ ล�ยทำ�ให้ โอก�สในก�รตรวจพบเชือ้ น้อย(7) ดังนัน้ ก�รกำ�หนด
ก�รศึกษ�นี้พบว่�ในโรงพย�บ�ลตะโหมดและในโรง เกณฑ์ ในก�รเตรียมสเมียร์ก็อ�จจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่ม
พย�บ�ลคลองหอยโข่งพบเสมหะผลบวกโดยวิธีตรวจจ�ก ประสิทธิภ�พก�รตรวจห�เชือ้ วัณโรคทีส่ �ม�รถนำ�ไปปฏิบตั ไิ ด้
เสมหะโดยตรง 9 ร�ยและผลบวกโดยวิธีสเมียร์จ�กตะกอน จริง โดยเลือกทำ�เฉพ�ะร�ยที่เข้�เกณฑ์กำ�หนดซึ่งสอดคล้อง
เสมหะ 19 ร�ย จ�กจำ�นวนตัวอย่�งทัง้ หมด 240 ร�ย คิดเป็น กับก�รศึกษ�ของวรรณีย์ ทองม�(5) ที่พบว่�ถ้�สิ่งส่งตรวจมี
ร้อยละ 3.75 และ 7.92 ต�มลำ�ดับ พบว่�เสมหะที่ผ่�นก�ร ลักษณะเป็นนำ้�ล�ยวิธี concentration ส�ม�รถตรวจพบเชื้อ
ตกตะกอนให้ผลบวก AFB ม�กกว่�เสมหะที่ตรวจโดยตรง วัณโรคได้ม�กกว่�วิธี direct
อย่�งมีนัยสำ�คัญท�งสถิติ (P < 0.05) เมื่อพิจ�รณ�ผู้ป่วย ในก�รศึกษ�นี้ ใช้นำ้�ย� clorox ที่มีส่วนผสมของ
ทั้ง 240 ร�ยที่เก็บเสมหะทำ�ก�รศึกษ�พบว่�เป็นผู้ป่วยใหม่ sodium hypochlorite ร้อยละ 5.25 โดยผสมลงในเสมหะ
ทีม่ �รับก�รตรวจวินจิ ฉัยจำ�นวน 208 ร�ย และผูป้ ว่ ยทีต่ ดิ ต�ม ปริม�ตรเท่�ตัว ซึง่ สอดคล้องกับก�รศึกษ�ของ Farina P และ
ผลก�รรักษ�จำ�นวน 32 ร�ย ก�รย้อม AFB โดยใช้เสมหะ คณะ(8) ที่ศึกษ�ก�รเพิ่มคว�มไวก�รตรวจห�เชื้อวัณโรคใน
ตกตะกอน ส�ม�รถพบผู้ป่วยที่ให้ผลเสมหะ AFB บวกแยก เสมหะโดยตรงโดยเปรียบเทียบก�รใช้ส�รเคมี 3 ชนิด ได้แก่
เป็นผูป้ ว่ ยใหม่เพิม่ ขึน้ 5 ร�ย และผูป้ ว่ ยทีต่ ดิ ต�มผลก�รรักษ� N-acetyl-L- cysteine, chitin และ sodium hypochlorite
เพิ่มขึ้น 5 ร�ย จ�กก�รย้อมโดยใช้เสมหะปกติ แสดงให้เห็น เพื่อย่อย mucus พบว่�ก�รใช้ sodium hypochloriteให้ผล
ว่�ก�รย้อม AFB โดยใช้เสมหะตกตะกอนมีประโยชน์ในก�ร คว�มไวและคว�มจำ�เพ�ะ ร้อยละ 78 และร้อยละ 96 ต�ม
ค้นห�ผู้ป่วยเสมหะ AFB บวกได้เพิ่มเป็นร้อยละ 211 จ�ก ลำ�ดับ ตำ�่ กว่�ก�รใช้ N-acetyl-L-cysteine และ chitin เพียง
ก�รย้อมเสมหะปกติ (จ�กให้ผลบวก 9 ร�ยเป็น 19 ร�ย) ซึ่ง เล็กน้อย ส่วนวิธี direct smear ให้ผลคว�มไวและคว�ม
จะเป็นประโยชน์อย่�งยิ่งในก�รรักษ�และควบคุมป้องกันก�ร จำ�เพ�ะร้อยละ 46 และ 90 ต�มลำ�ดับ แต่เนื่องจ�ก sodium
แพร่กระจ�ยของวัณโรคปอด ผลก�รศึกษ�นีส้ อดคล้องกับก�ร hypochlorite หรือ clorox เป็นนำ้�ย�ฆ่�เชื้อที่มีใช้ประจำ�อยู่
ศึกษ�ของวรรณีย์ ทองม� และคณะ (5) ทีพ่ บว่�จำ�นวนเสมหะ ในห้องปฏิบัติก�รเทคนิคก�รแพทย์ในโรงพย�บ�ลทั่วไป ก�ร
1,130 ร�ย ส�ม�รถตรวจพบเชื้อวัณโรคด้วยวิธีตรวจจ�ก ศึกษ�นี้จึงนำ� clorox ม�ศึกษ�โดยทดลองใช้สัดส่วน 1:1
เสมหะโดยตรงและสเมียร์เสมหะที่ผ่�นก�รตกตะกอนร้อย กับเสมหะ นอกจ�กนี้ก�รใช้ sodium hypochlorite ร้อยละ
ละ 5.7 และ 7.2 ต�มลำ�ดับและสอดคล้องกับก�รศึกษ�ของ 5.25 ยังส�ม�รถฆ่�เชื้อโรคในเสมหะได้ดีและห�กทำ�ด้วย
ศักรินทร์ จันทร์วงศ์ (6) ทีศ่ กึ ษ�เปรียบเทียบในก�รตรวจห�เชือ้ คว�มระมัดระวังก็จะไม่มีอันตร�ยต่อผู้ปฏิบัติง�นแต่อย่�งใด
วัณโรคผูต้ ดิ เชือ้ HIV ในจังหวัดเชียงใหม่พบว่�จำ�นวนเสมหะ (9)
ดังนั้นจึงเหม�ะสำ�หรับวิธีตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะ
378 ตัวอย่�ง ให้ผลบวกด้วยวิธสี เมียร์จ�กเสมหะโดยตรงกับ นำ�ไปเพ�ะเชื้อไม่ได้เนื่องจ�กเชื้อวัณโรคจะต�ย สรุปผลจ�ก
สเมียร์จ�กเสมหะที่ผ่�นก�รตกตะกอนร้อยละ 1.1 และ 4.8 ก�รศึกษ�ครัง้ นีพ้ บว่�ก�รตรวจห�เชือ้ วัณโรคโดยวิธตี รวจจ�ก

J Med Tech Phy Ther • Vol.23 No.3 • September-December 2011 263


เสมหะโดยตรงมีโอก�สในก�รตรวจพบเชือ้ วัณโรคได้นอ้ ยกว่� 5. วรรณีย์ ทองม�, ประดิษฐ์ เจริญล�ภ. ก�รศึกษ�เปรียบ
วิธสี เมียร์ทเี่ ตรียมจ�กเสมหะทีผ่ �่ นก�รตกตะกอน ดังนัน้ ห�ก เทียบระหว่ �งก�รตรวจห�เชื้อวัณโรคด้วยวิธี Con-
ห้องปฏิบัติก�รโรงพย�บ�ลชุมชนซึ่งมีข้อจำ�กัดในก�รตรวจ centration และวิธี Direct.12/10/2553. Available
วินจิ ฉัยวัณโรคปอดนำ�ก�รตกตะกอนเสมหะม�ใช้ ในก�รตรวจ from:URL:
ย้อม AFB จะส�ม�รถเพิ่มประสิทธิภ�พก�รตรวจพบ AFB http://medserv.thaigov.net/cyber/journal/chest/
ในเสมหะได้ม�กยิ่งขึ้น a34.htm
6. ศักรินทร์ จันทร์วงศ์, อังคณ� พลภักดี,วันเพ็ญ จันทร์
เอกสารอ้างอิง เอี่ยม. ก�รเปรียบเทียบวิธีก�รตรวจห�เชื้อวัณโรคผู้ติด
1. พิพฒ ั น์ ศรีเบญจลักษณ์. Mycobacterium. ใน: พิพฒ ั น์ เชือ้ HIV ในจังหวัดเชียงใหม่.12/10/2553.Available
ศรีเบญจลักษณ์, อรุณลักษณ์ ลุลติ �นนท์ (บรรณ�ธิก�ร) from:URL:
แบคทีเรียวิทย�คลินกิ . กลุม่ วิช�จุลชีววิทย�คลินกิ , คณะ http://www.kmddc.go.th/Library/research/re-
เทคนิคก�รแพทย์ มห�วิทย�ลัยขอนแก่น, โรงพิมพ์ search_1%20HIV%20chengmai.pdf
มห�วิทย�ลัยขอนแก่น 2552; 304-45. 7. ก�รควบคุมคุณภ�พภ�ยในและคว�มสำ�คัญของก�ร
2. อนุช� ศิริม�ลัยสุวรรณ. มัยโคแบคทีเรียที่ไม่ก่อให้เกิด ตรวจวิเคร�ะห์ AFB Stain.12/11/2553.Avail-
วัณโรค. เชียงใหม่สัตวแพทยส�ร 2549; 4: 149-56. able from:URL: http://www.amtt.org/index.
3. สำ � นั ก ง�นกองทุ น สนั บ สนุ น ก�รสร้ � งเสริ ม สุ ข ภ�พ. php?components=amtt_file&file=12
ไทยติ ด โผประเทศผู้ ป่ ว ยวั ณ โรคสู ง อั น ดั บ ที่ 18. 8. Farnia P , Mohammadi F, Zarifi Z, Tabatabee DJ,
20/02/2553. Available from:URL:http:// www. Ganavi J, et al. Improving Sensitivity of direct
thaihealth.or.th/node/7079 microscopy for detection of acid-fast bacilli in
4. Training manual for fluorescence-based AFB sputum: use of chitin in mucus digestion. J Clin
microscopy. Module 7 Smear preparation and Microb 2002; 40: 508-11.
fluorescence-based staining method. WHO- CDC- 9. กระทรวงส�ธ�รณสุข. แนวท�งก�รดำ�เนินง�นควบคุม
RIT-IUATLD-APHL in 2004. Avialable from: วัณโรคแห่งช�ติ. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพ:โรงพิมพ์
URL:http://www.finddiagnostics.org/export/ ชุมนุมสหกรณ์ก�รเกษตรแห่งประเทศไทย 2551; 25-
sites/default/programs/tb/documents/LED_train- 33.
ing_manual.pdf.

264 วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำาบัด • ปีที่ 23 ฉบับที่ 3 • กันยายน-ธันวาคม 2554

You might also like