Professional Documents
Culture Documents
Gag10859csan Full
Gag10859csan Full
Gag10859csan Full
จากภาพถ่ ายดาวเทียม
ชณัฐฎา แสงงาม
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาภูมิศาสตร์ และภูมิสารสนเทศศาสตร์
บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สิ งหาคม 2559
การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพืน้ ดินของยางพารา
จากภาพถ่ ายดาวเทียม
ชณัฐฎา แสงงาม
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สิ งหาคม 2559
ก
l^vctd43a
fl I : lJ : y ttJ u R I : RRI nUnI t U 0 U t?t U O ?t U 9t U 5l'
O { U I { ilt I : I
14.
otRR tTt6tlu9t I ? tTtutJ
raigqr rrd{.l'rxJ
A A llrnil- a 0A6 9s dt r A 4
?yt u l u l tu t u t9t 5 il fl 1 : v,I 0 1 : aI 1 0 uq{lJ 9t tl4 u Ll t1l u d?u fi u.1 1J 0{n 1 : fl nu "l
9t 1 u 14 a n dgl :
AA@A
il : flJuuflJ I 1 yl u I fl 1 dqr : tJ 14'l u clr ct1 gr
Aa/al
d'rfl 1?5'rQ Ufl'rdet:[[a v Q il dl: du ryrflfl]det :
/ir<
nilvRtttJflltflo:J 010'r:ulnj:RU'l
il:srrun::runr:
<===;,-* 6___
{{ri':uaran:r0r:rlo:.v'r{fdumf fno3ucr::ut (flriraaran:'r0'r:rta:.oEe:r ro?iyrftyqrrun:)
26 cllrl1fiN 2559
ooXa
o ar ?mfr I o { rJfi lTm ura-ur6a.: 1r ri
แด่
บิดามารดาและครู อาจารย์
ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้
ค
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์น้ ีสาํ เร็ จลงได้ดว้ ยความกรุ ณาจากผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อริ ศรา เจริ ญปั ญญาเนตร อาจารย์
ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์ ผูใ้ ห้ความรู ้ คําแนะนํา คําปรึ กษา ตรวจทาน และแก้ไขจนวิทยานิพนธ์เล่มนี้เสร็ จ
สมบูรณ์ ผูว้ จิ ยั ขอกราบขอบพระคุณเป็ นอย่างสู งไว้ ณ โอกาสนี้
ขอกราบขอบคุณบัณฑิตวิทยาลัยที่สนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อจัดทําวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้
สุ ดท้ายนี้ ผูว้ ิจยั หวังเป็ นอย่างยิ่งว่า วิทยานิ พนธ์เล่มนี้ จะเป็ นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผูส้ นใจและ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยางพารา หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด ผูเ้ ขียนขออภัยมา ณ ที่น้ ี
ชณัฐฎา แสงงาม
ง
หัวข้ อวิทยานิพนธ์ การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจาก
ภาพถ่ายดาวเทียม
อาจารย์ ทปี่ รึกษา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อริ ศรา เจริ ญปั ญญาเนตร
บทคัดย่ อ
การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม มีวตั ถุ ประสงค์เพื่อ
1) เพื่อศึกษาการเปลี่ ยนแปลงการใช้ที่ดินในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย 2) เพื่อประเมิ น
การกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ ายดาวเที ย มด้วย CASA-biosphere model
และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินกับปั จจัยทางกายภาพในพื้นที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย และ 3) เพื่อพัฒนาโมเดลที่ เหมาะสมในการประเมิ นการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราด้วยภาพดาวเที ยม วิธีการศึ กษาเริ่ มจากการศึ กษาเปลี่ ยนแปลง
การใช้ที่ดินในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงรายใน 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนที่มีการส่ งเสริ มการปลูก
ยางพาราในปี 2548 และหลังจากการส่ ง เสริ มการปลู กยางพาราแล้วในปี 2558 ด้วยวิธีการจํา แนก
เชิ ง วัต ถุ (Object-Oriented Classification) โดยปี 2548 ใช้ ภ าพดาวเที ย ม Landsat-5 TM ซึ่ งทํา การ
จําแนกการใช้ที่ดินออกเป็ น 6 ประเภท คือ พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตร ที่อยู่อาศัย แหล่งนํ้า พื้นที่อื่นๆ
และพื้นที่ปลูกยางพารา ส่ วนปี 2558 ใช้ภาพดาวเทียม Landsat-8 OLI จําแนกออกเป็ น 4 ประเภท คือ
พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่ปลู กยางพาราช่ วงอายุ 7-13 ปี , 14-20 ปี และมากกว่า 20 ปี จากนั้นทําการประเมิ น
การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราปี 2558 จากภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-8 OLI
ด้วย CASA-biosphere model เพื่อวิเคราะห์หาปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพารา
จากภาพถ่ า ยดาวเที ย ม โดยอาศัย ฐานข้อ มู ล พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราตามช่ ว งชั้น อายุ ที่ ท าํ การจํา แนก
ในวัตถุ ป ระสงค์ข ้อ ที่ 1 จากนั้นนํา ผลการประเมิ นมาหาความสั ม พันธ์ และปรั บ เที ย บกับ ปริ ม าณ
การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากข้อมู ลภาคสนาม ซึ่ งหลังจากได้ทาํ การประเมิ น
การกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-Biosphere Model แล้ว
ได้ท าํ การการพัฒนาโมเดลที่ เหมาะสมสํา หรั บ การประเมิ นการกักเก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นของ
จ
ยางพาราจากภาพดาวเที ย ม โดยนํา ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้น ดิ นของยางพาราที่ ผ่า น
การปรับเทียบแล้วมาหาความสัมพันธ์กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์
ผลการศึ ก ษาการเปลี่ ย นแปลงการใช้ ที่ ดิ น พบว่า พื้ น ที่ อ าํ เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย มี ก าร
เปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินจากพื้นที่เกษตรมาเป็ นพื้นที่ปลูกยางพารามากที่สุด รองลงมาเป็ นพื้นที่ป่าไม้
และพื้ น ที่ อื่ น ๆ คิ ด เป็ นร้ อ ยละ 89.16, 5.81 และ 4.95 ของพื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราทั้ง หมด ตามลํา ดับ
ส่ ว นปริ มาณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเฉลี่ ย เหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราในพื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวง
จังหวัดเชียงรายมีค่าเท่ากับ 0.3261 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน โดยยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี
มี ป ริ มาณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น มากที่ สุ ด รองลงมาเป็ นยางพาราช่ ว งอายุ 7-13 ปี
และยางพาราช่ วงอายุม ากกว่า 20 ปี ขึ้ นไป โดยมี ป ริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นเท่ า กับ
0.3524, 0.3312 และ 0.3219 กรั ม คาร์ บ อนต่ อ ตารางเมตรต่ อ เดื อ น ตามลํา ดับ และค่ า การกัก เก็ บ
คาร์ บ อนของยางพาราหลัง การปรั บ เทีย บพบว่า มี ปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นเท่ากับ
126.6699, 132.5753 และ 124.0813 เมกะกรั มต่อเฮกแตร์ ตามลําดับ ซึ่ งปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอน
เหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไปมีค่าความสัมพันธ์กบั
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากข้อมูลภาคสนามมากที่ สุด รองลงมาคื อ
ยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี และยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี โดยมีค่าความสัมพันธ์เท่ากับ 0.9772, 0.7109
และ 0.6632 ตามลําดับ ส่ วนในการศึ กษาความสัมพันธ์ ระหว่า งปริ ม าณการกักเก็บคาร์ บ อนเหนื อ
พื้นดินของยางพารากับปั จจัยทางกายภาพ พบว่า พื้นที่ที่มีความสู ง 401-500 เมตรจากระดับทะเลปาน
กลาง ชุดดินหนองมด และพื้นที่ที่มีความลาดชันร้อยละ 6-8 มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิน
ของยางพารามากที่สุด และจากการพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือ
พื้นดิ นของยางพาราด้วยภาพดาวเที ยมในพื้นที่ อาํ เภอดอยหลวง จัง หวัดเชี ย งราย พบว่า แบนด์ 4
(ช่วงคลื่นตามองเห็ นสี แดง) ของจุดทดสอบที่มีระยะห่ าง 1,000 เมตร เป็ นช่วงคลื่นที่มีความสัมพันธ์
มาก ที่ สุ ด คื อ 0.7713 แล ะ ส ามารถ เขี ย นใ นรู ปแบบส มก ารความสั ม พั น ธ์ เชิ งเส้ น คื อ
Y = 170.828 - 792.368 (b4) ซึ่ งเมื่อนํามาคํานวณกลับไปยัง ภาพ พบว่าปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อน
เหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมมีค่าใกล้เคียงกับผลที่ได้จาก CASA-biosphere model
ฉ
Thesis Title Assessing Above-ground Carbon Sequestration of Para Rubber from
Satellite Imageries
ABSTRACT
Assessing above-ground carbon sequestration of para rubber from satellite imageries has three
objectives: 1) to study land use change in Doi Lhuang district, Chiang Rai province, 2) to assess
above-ground carbon sequestration of para rubber from satellite imageries with CASA-biosphere
model and study relationship between above-ground carbon sequestration and physical factors in
Doi Lhuang district, Chiang Rai province, and 3) to develop suitable model for assessment of
above-ground carbon sequestration of para rubber from satellite imageries. Land use change in the
2005 and 2015 were classified by using object based classification based on Landsat 5-TM. This is
because these period of times are before and after government supporting. In 2005, six classes of land
use were classified. They are forest areas, agricultural areas, water bodies, miscellaneous areas,
and para rubber areas. For 2015, there are four classed that are forest, para rubber areas as three age
ranges: 7-13 years, 14-20 years and more than 20 years. CASA-biosphere model was selected to
estimate above-ground carbon sequestration of para rubber based on Landsat 8-OLI satellite
imageries. This is based on three age range of para rubber from the previous step. Results of
above-ground carbon sequestration of para rubber were used to find relationship and calibrate with
above-ground carbon sequestration of para rubber from field survey. After assessment and calibration
the above-ground carbon sequestration of para rubber, suitable3 model was developed. The procedure
is find the band that has the highest correlation between reflectance value and above-ground carbon
sequestration of para rubber from satellite imageries.
ช
The results found that the most land use change in Doi Lhuang district is agricultural areas
(89.16 percent of para rubber areas), forest areas (5.81 percent of para rubber areas), and
miscellaneous areas (4.95 percent of para rubber areas), respectively. The value of above-ground
carbon sequestration of para rubber in Doi Lhuang district is 0.3261 gC/m2/month. Para rubber within
the range of 14-20 years (0.3524 gC/m2/month) has the highest value of above-ground carbon
sequestration of para rubber followed by 7-13 years (0.3312 gC/m2/month) and more than 20 years
(0.3219 gC/m2/month), respectively. And the value of above-ground carbon sequestration of para
rubber after calibration are 126.6699, 132.5753 and 124.0813 Mg./ha., respectively. The highest
correlation between above-ground carbon sequestration of para rubber from satellite imageries and
filed survey is para rubber within more than 20 years followed by within the range of 7-13 years, and
within the range of 7-14 years with R2 equal 0.9772, 0.7109 and 0.6632, respectively. For the
relationship between above-ground carbon sequestration of para rubber and physical factors found
that elevation within 401-500 meter sea level interval, Nong Mod soil series and slope within
6-8 percent have the most above-ground carbon sequestration of para rubber. And the development
of suitable model for assessment of above-ground carbon sequestration of para rubber from satellite
imageries in Doi Lhuang district found that band 4 (red wavelength) with sample point of 1,000 meters
interval is the highest correlation (R2=0.7713) to develop the suitable model. The linear regression for
the model is Y = 170.828 - 792.368 (b4). Comparison between above-ground carbon sequestration of
para rubber estimated from this equation and CASA-biosphere model found that they have had a
similar values.
ซ
สารบัญ
หน้า
กิตติกรรมประกาศ ง
บทคัดย่อภาษาไทย จ
ABSTRACT ช
สารบัญตาราง ฏ
สารบัญภาพ ฒ
บทที่ 1 บทนํา 1
ฌ
สารบัญ (ต่ อ)
หน้า
2.4 ทรัพยากรธรรมชาติ 54
2.5 ประชากร 58
2.6 สภาพเศรษฐกิจ 58
2.7 สรุ ปผล 59
ญ
สารบัญ (ต่ อ)
หน้า
บรรณานุกรม 165
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก ความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราจากข้อมูลภาคสนาม 169
ในแต่ละช่วงอายุ
ภาคผนวก ข ภาพการสํารวจภาคสนาม 187
ประวัติผเู ้ ขียน 196
ฎ
สารบัญตาราง
หน้า
ฏ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้า
ฐ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้า
ฑ
สารบัญภาพ
หน้า
ฒ
สารบัญภาพ (ต่ อ)
หน้า
ณ
สารบัญภาพ (ต่ อ)
หน้า
ด
สารบัญภาพ (ต่ อ)
หน้า
ต
บทที่ 1
บทนํา
การเปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศ (Climate Change) นั บ ว่ า เป็ นปั ญ หาสํ า คัญ ที่ ส่ ง ผลกระทบ
ต่อประชากรโลก เนื่ องจากการเพิ่มขึ้นของปริ มาณก๊าซเรื อนกระจก ซึ่ งมีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์
เป็ นสาเหตุหลักที่ทาํ ให้เกิ ดปั ญหาภาวะโลกร้ อน อันเป็ นสาเหตุที่ทาํ ให้ส่วนประกอบของบรรยากาศ
โลกเปลี่ ย นแปลงไป ส่ ง ผลกระทบต่ อ การพัฒ นาสั ง คม เศรษฐกิ จ การเมื อ ง และวัฒ นธรรม
ปั ญ หาภาวะโลกร้ อ นและการปล่ อ ยก๊ า ซเรื อ นกระจกจึ ง เป็ นปั ญ หาเร่ ง ด่ ว นที่ จ ะต้อ งแก้ไ ขและ
ดําเนิ นการอย่างจริ งจัง จากสถิติปี 2550 ของคณะกรรมการว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC)
ของสหประชาชาติ พบว่ า โลกมี อุ ณ หภู มิ ที่ สู ง ขึ้ นอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ตั้ง แต่ ช่ ว งปี 2453 เป็ นต้น มา
โดยอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากเดิมถึ ง 0.74 องศาเซลเซี ยส ซึ่ งมากกว่า
ที่ ป ระเมิ น ไว้ คื อ 0.6 องศาเซลเซี ย ส เมื่ อ ปี 2544 และแนวโน้ม การเพิ่ ม ขึ้ น ของอุ ณ หภู มิ โ ลกใน
ช่วง 50 ปี ที่ผา่ นมาสู งกว่าในช่วง 100 ปี ก่อนเกือบ 2 เท่า หากไม่มีมาตรการมาช่วยลดอัตราการปล่อย
ก๊าซเรื อนกระจก เป็ นไปได้ว่าโลกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสู งขึ้นถึง 1.4-5.8 องศาเซลเซี ยส ภายในปี 2643
(รัตนา ลักขณาวรกุล, 2555)
1
ขึ้นมาเพื่อเปิ ดโอกาสให้มีการดําเนิ นการร่ วมกันระหว่างประเทศที่พฒั นาแล้วกับประเทศกําลังพัฒนา
ร่ วมลงนามในข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อตอบสนองต่อปั ญหาการเปลี่ ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศดังกล่าว ก่อให้เกิดโครงการ REDD+ ขึ้นมา ซึ่ งเป็ นโครงการหนึ่ งในการแก้ไขปั ญหา
ภาวะโลกร้อนภายใต้ อนุสัญญาสหประชาชาติวา่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โครงการ REDD+ ย่อมาจาก Reducing Emissions from Deforestation and Degradation, and the Role
of Conservation, Sustainable Management of forest and Enhancement of Forest Carbon in Developing
Countries เป็ นโครงการที่มีนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกจากการหยุดยั้งการทําลายป่ า
ฟื้ นฟู ป่าเสื่ อมโทรม ครอบคลุ มไปถึ งการดําเนิ นการเกี่ ยวข้องกับการอนุ รักษ์ป่ า การจัดการป่ าไม้
อย่า งยัง่ ยื น ตลอดจนการเพิ่ ม พู น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนในพื้ น ที่ ป่ าในประเทศกํา ลัง พัฒ นาอี ก ด้วย
โดยผูด้ ู แลรักษาป่ าและเพิ่มพื้นที่ป่าควรได้รับผลตอบแทน ซึ่ งโครงการ REDD+ มีพฒั นาการมาจาก
โครงการ RED เป็ นแนวคิดในการลดการทําลายป่ าในประเทศกําลังพัฒนา ต่อมาได้มีการเสนอขยาย
แนวคิ ดจาก RED เป็ น REDD ซึ่ งเป็ นนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกจากการทําลายป่ า
และความเสื่ อมโทรมของป่ าในประเทศกํา ลั ง พัฒ นา และได้ มี ก ารพัฒ นาจนกลายมาเป็ น
โครงการ REDD+ ในปั จจุบนั อีกทั้งยังมีการหารื อเพื่อที่จะพัฒนาจากโครงการ REDD+ กลายไปเป็ น
โครงการ REDD++ โดยเพิ่มเอาเป้ าหมายในการทําให้เกิดความสมดุ ลทางธรรมชาติเข้ามาพิจารณา
ด้วย แนวคิดเหล่านี้ เป็ นแนวคิดที่นานาประเทศให้ความสําคัญและมีความพยายามในการหาหนทาง
เพื่อบรรเทาและลดปั ญหาภาวะโลกร้ อนที่ เกิ ดจากก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ที่เป็ นก๊าซเรื อนกระจก
หลักที่มีในบรรยากาศ เป็ นก๊าซที่กกั เก็บพลังงานความร้ อนจากดวงอาทิตย์และทําให้โลกมีอุณหภูมิ
สู งขึ้น ซึ่ งป่ าไม้ถือว่ามีบทบาทสําคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากสามารถลดปริ มาณ
ก๊าซเรื อนกระจกในบรรยากาศ โดยการดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศมากักเก็บไว้ใน
ส่ วนต่างๆ ของต้นไม้โดยแต่ละปี ต้นไม้จะมีการสะสมคาร์ บอนเพิ่มขึ้นเรื่ อยๆ จนกว่าจะสมบูรณ์ เต็มที่
การปลูกป่ าจึงเป็ นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกบนพื้นฐานของความสมัครใจ
ภายใต้โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ซึ่ งส่ งเสริ มการปลูกป่ าในพื้นที่ที่เคยเป็ นป่ าและไม่เคยเป็ น
ป่ ามาก่อน (บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ และคณะ, 2554)
อย่า งไรก็ ต ามการลดปริ ม าณก๊ า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์ ด้ว ยการปลู ก ต้น ไม้ อาจเป็ นวิ ธี ที่ ต้อ งใช้
ระยะเวลานาน จึ ง ได้ มี ก ารสนั บ สนุ น การเพิ่ ม พื้ น ที่ สี เ ขี ย วโดยการปลู ก พื ช เศรษฐกิ จ โตเร็ ว
เช่ น ยางพาราและยูคาลิ ปตัส ซึ่ งเป็ นพรรณไม้ที่เพาะและขยายพันธุ์ได้ง่าย อัตราการรอดสู ง มี การ
เจริ ญเติบโตอย่างรวดเร็ ว และยังเป็ นพืชเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กบั เกษตรกรได้เป็ นอย่างดี
2
การเลือกพรรณไม้ปลู กนับเป็ นปั จจัยสําคัญอย่างยิ่ง เนื่ องจากพรรณไม้แต่ละชนิ ดมีศกั ยภาพในการ
ดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ งในอดีตประเทศไทยถือว่าเป็ นประเทศที่มี
ทรั พยากรป่ าไม้อุดมสมบู รณ์ ประเทศหนึ่ ง แต่ในปี 2555 พบว่าพื้นที่ ป่าประเทศไทยเหลื ออยู่เพี ย ง
171,586 ตารางกิ โลเมตร หรื อประมาณร้ อยละ 33 ของพื้นที่ เมื่อเทียบกับเนื้ อที่ป่าเมื่อ 50 ปี ที่ผ่านมา
คือในปี 2505 มี เนื้ อป่ าลดลงไปถึ งร้ อยละ 50 ของที่เคยมี (มู ลนิ ธิสืบนาคะเสถี ยร, 2555) ซึ่ งสาเหตุ
การลดลงของป่ าไม้ส่ วนใหญ่ ข องประเทศไทยส่ วนใหญ่มาจากการบุ ก รุ กพื้นที่ ป่าเพื่ อการเกษตร
จะเห็ นได้ว่าพื้นที่ ป่าส่ วนใหญ่โดยเฉพาะพื้นที่ ทางภาคเหนื อได้ถูกบุ กรุ กแผ้วถางเพื่ อใช้เป็ นพื้ นที่
ทํากิ น สื บเนื่ องมาจากการภาครั ฐได้เล็ง เห็ นความสําคัญของการปลู กพืช เศรษฐกิ จโตเร็ วประเภท
ยางพารา จึงได้มีนโยบายในการสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกยางพาราเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
3
ซึ่ งบางพื้นที่เป็ นพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง อีกทั้งยังสิ้ นเปลืองงบประมาณ เวลา และบุคลากร หากโมเดล
ที่ใช้ในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากโปรแกรมทางด้านการรับรู ้ จาก
ระยะไกลครั้งนี้มีความถู กต้องและสัมพันธ์กบั ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพารา
จากการสํารวจภาคสนาม และได้ผลลัพธ์ของปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพารา
ที่ใกล้เคียงกับป่ าธรรมชาติ ก็จะถื อว่ายางพาราเป็ นพืชเศรษฐกิจที่มีศกั ยภาพในการช่ วยเพิ่มปริ มาณ
คาร์ บอนได้เป็ นอย่างดี อี กทั้งโมเดลของโปรแกรมทางด้า นการรั บ รู ้ จากระยะไกลดังกล่า วจะเป็ น
เครื่ องมื อที่ มีบทบาทสําคัญที่ช่ วยให้หน่ วยงานทั้ง ภาครั ฐและเอกชนต่า งๆ ที่ เกี่ ยวข้องสามารถนํา
ผลการประเมินที่ได้ไปใช้เป็ นแนวทางในการวิเคราะห์ วางแผน และแก้ไขปั ญหาต่างๆ ได้เป็ นอย่างดี
1.2 วัตถุประสงค์
ปั จ จัย ทางกายภาพ หมายถึ ง ความสู ง ของภู มิ ป ระเทศ ชนิ ด ของดิ น และความลาดชัน ของพื้ นที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
4
1.4 ขอบเขตการวิจัย
1.4.1 ขอบเขตด้านพื้นที่
ในการศึ ก ษาครั้ งนี้ ผู ้วิ จ ัย เลื อ กพื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวงเป็ นพื้ น ที่ ศึ ก ษา เนื่ อ งจาก
อํ า เภอดอยหลวงเป็ นพื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราหนาแน่ น มากเป็ นอั น ดั บ หนึ่ งของ
จังหวัดเชี ยงราย ซึ่ งอําเภอดอยหลวงมีพ้ืนที่ประมาณ 318 ตารางกิโลเมตร หรื อ 198,765
ไร่ มีตาํ แหน่งพิกดั ทางภูมิศาสตร์ อยู่ระหว่างละติ จูด 20 องศา 3 ลิปดา 0 ฟิ ลิปดาเหนื อ
ถึงละติจูด 20 องศา 14 ลิปดา 0 ฟิ ลิปดาเหนื อ และลองจิจูด 100 องศา 0 ลิปดา 0 ฟิ ลิปดา
ตะวัน ออก ถึ ง ลองจิ จู ด 100 องศา 19 ลิ ป ดา 0 ฟิ ลิ ป ดาตะวัน ออก (ภาพที่ 1.1) โดยมี
อาณาเขตติดต่อดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับอําเภอเชียงแสน
ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอเวียงเชียงรุ ้งและอําเภอพญาเม็งราย
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอําเภอแม่จนั
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอเชียงแสนและเชียงของ
1.4.2 ขอบเขตด้านเวลา
5
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม โดยอาศัย
ข้อมูลการกักเก็บคาร์ บอนของยางพาราจากการสํารวจภาคสนามในช่วงเวลาเดียวกันกับ
การประเมิ นการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมและ
ทําการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพารา
กับปั จจัยทางกายภาพในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง แต่เนื่ องจากปั จจัยทางกายภาพเป็ นปั จจัย
ที่ ไ ม่ค่ อยมี ก ารเปลี่ ย นแปลงในเชิ ง เวลา จึ ง เลื อกทํา การศึ ก ษาความสั ม พันธ์ ร ะหว่า ง
ปริ มาณการกักเก็ บคาร์ บ อนเหนื อพื้นดิ นของยางพารากับปั จจัยทางกายภาพในพื้ นที่
อําเภอดอยหลวงในปี 2558
ในส่ ว นของขอบเขตด้า นเนื้ อ หาของงานวิ จ ัย ชิ้ น นี้ แบ่ ง ออกเป็ น 3 ส่ ว นที่ สํ า คัญ
ดังต่อไปนี้
6
ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย ม
และนําผลการประเมิ นที่ได้มาตรวจสอบความถู กต้องและหาความสัมพันธ์กบั
ข้อ มู ล ปริ มาณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราที่ ไ ด้ จ ากการ
สํารวจภาคสนามในพิกดั ตําแหน่งเดี ยวกัน ซึ่ งในการสํารวจภาคสนามนั้นจะทํา
การวัด ความยาวเส้ น ผ่ า ศู น ย์ก ลางที่ ร ะดับ อกและความสู ง ของต้น ยางพารา
และนํา ข้อ มู ล ที่ ว ดั ได้เ ข้า สู่ ส มการแอลโลเมตรี (Allometric Equation) ซึ่ งเป็ น
สมการที่ ใ ช้ค าํ นวณหาค่า ชี วมวลของต้นไม้ จากนั้นทํา การปรั บ เที ย บระหว่าง
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเที ยมกับ
การสํา รวจภาคสนาม รวมถึ ง ศึ ก ษาความสั ม พันธ์ ระหว่า งปริ ม าณการกัก เก็ บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นกับปั จจัยทางกายภาพ ซึ่ งประกอบด้วย ความสู งของพื้นที่
ชนิ ด ของดิ น และความลาดชั น โดยอาศั ย ฐานข้ อ มู ล ความสู งของพื้ น ที่
ชนิ ดของดิ น และความลาดชัน บริ เวณพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง ร่ วมกับโปรแกรม
ทางด้า นระบบสารสนเทศภู มิ ศ าสตร์ ใ นการวิเ คราะห์ ว่า ปริ ม าณการกัก เก็ บ
คาร์ บอนของยางพารามีความสัมพันธ์กบั ปั จจัยทางด้านกายภาพหรื อไม่ อย่างไร
7
ภาพที่ 1.1 พื้นที่ศึกษา
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
8
1.5 ทฤษฎีและแนวคิดทีเ่ กีย่ วข้ อง
1.5.1 แนวคิดเกี่ยวกับการจําแนกเชิงวัตถุภาพ
1) การแบ่งส่ วน
9
ฮิสโตแกรมของภาพ แต่ในหลายๆ กรณี ที่การเปลี่ยนแปลงของฮิสโตแกรม
ไม่สามารถบอกการเปลี่ยนแปลงขอบเขตระหว่างวัตถุได้อย่างชัดเจน
มีการทํางานโดยการอ่านข้อมูลจุดภาพต่างๆ ภายในภาพจากจุดภาพ
แรกไปยัง จุ ด ภาพสุ ด ท้า ยของภาพไปตามแนวนอนและแนวตั้ง
ตามลําดับ ในช่วงระหว่างการอ่านข้อมูลจะมีการกําหนดจุดภาพนั้น
ไปยังกลุ่มภาพต่างๆ เช่น ถ้าแสดงการอ่านอยูท่ ี่จุดภาพ (k,1) ดังนั้น
จุ ดภาพแรกจนถึ งจุ ดภาพ (k-1,1) ได้ถูกกําหนดให้อยู่ในกลุ่มภาพ
ต่างๆ หมดแล้ว ดังนั้นจุดภาพที่ (k,1) จึงเปรี ยบเสมือนเป็ นอีกกลุ่ม
หนึ่ งที่ พ ยายามจะรวมเข้ า กั บ กลุ่ ม ภาพที่ มี อ ยู่ ก่ อ นหน้ า นั้ น
(กลุ่มภาพที่มีท้ งั หมด Ri โดยจะเลื อกเฉพาะกลุ่มภาพที่อยู่ขา้ งเคียง
เท่ า นั้น ได้แ ก่ กลุ่ ม ภาพที่ มี จุ ด ภาพ ณ ตํา แหน่ ง (k-1,1), (k+1,1),
(k,1-1) และ (k,1+1) เป็ นสมาชิ กอยู่) หากพบว่าไม่สามารถทําการ
รวมเข้ากับกลุ่มใดจะทําการสร้างกลุ่มใหม่ข้ ึนมา ประสิ ทธิ ภาพของ
วิธีน้ ี ข้ ึนอยูก่ บั กฎของการรวมกลุ่ม (P(Ri∪(k,l))) ของจุดภาพ (k,l)
10
เข้ากับกลุ่ม Ri กฎของการรวมกลุ่มจะขึ้นอยูก่ บั ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม mi
สมการ 1.1 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน σi สมการ 1.2
1
mi = ∑ f (k , l )
n (k ,l )∈Ri
สมการ 1.1
1 2 n
σ i' = nσ i + [ f (k , l ) − mi ]2 สมการ 1.2
n + 1 n +1
f (k , l ) − mi ≤ Ti (k , l ) สมการ 1.3
σ i'
Ti (k , l ) = 1 − ' T สมการ 1.4
mi
11
เ ข้ ม ข อ ง ส ม า ชิ ก ใ น ก ลุ่ ม ยิ่ ง มี ค่ า สู ง ขึ้ น ( less homogeneous)
ค่าอัตราส่ วน σi1 /mi1 จะมีค่าสู งขึ้นด้วย
12
1.3) Edge - Based
1.3.3) ตั ว แ ป ร ท า ง ด้ า น ค ว า ม เ รี ย บ ห รื อ ก า ร เ ก า ะ ก ลุ่ ม
(smoothness/compactness) เป็ นตัว ที่ เ น้ น ความสํ า คั ญ ของ
การให้รูปทรงของวัตถุภาพ
13
2) การจําแนกประเภทข้อมูล
14
ภาพที่ 1.2 ปริ ภูมิรูปแบบการจัดกลุ่มด้วยกฏฟัซซี
1.5.2 แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
15
บรรยากาศ ทําให้สัตว์ได้ใช้ออกซิ เจนนี้ในการหายใจ การนําคาร์ บอนไดออกไซด์มาใช้
ในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชจึงเป็ นการลดก๊าซเรื อนกระจกในชั้นบรรยากาศ
ลงได้
Arrhenius, S. (1890) อ้างใน (ปานทิ พย์ อัฒนวานิ ช, 2554) กล่ าวว่า อุ ณหภู มิเฉลี่ ยของ
ผิวโลกมีความสัมพันธ์กบั ความเข้มข้นของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
ของโลก เมื่อความเข้มข้นของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศของโลกเพิ่มขึ้น
อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกจะเพิ่มขึ้นตาม จึงสรุ ปได้วา่ ก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มีอิทธิ พล
ต่ อ การเปลี่ ยนแปลงอุ ณ หภู มิ เ ฉลี่ ยของพื้ นผิ ว โลก เรี ยกปรากฏการณ์ นี้ ว่ า
Greenhouse effect ถึงแม้คาร์ บอนไดออกไซด์จะเป็ นก๊าซที่มีจาํ นวนเพียงเล็กน้อยในชั้น
บรรยากาศของโลก แต่กลับมีความสําคัญกับสภาพภูมิอากาศของโลกทั้งในทางตรงและ
ทางอ้อม เนื่ องจากคาร์ บ อนไดออกไซด์ในบรรยากาศจะดู ดซับความร้ อนไม่ ย อมให้
ความร้ อนผ่า นกลับ ออกไป เมื่อความร้ อนที่ ไ ด้รับ จากดวงอาทิ ตย์ผ่า นเข้า มามาก แต่
ระบายกลับออกไปได้น้อย จะทําให้อุณหภูมิของโลกสู งขึ้น ส่ งผลให้น้ าํ แข็งบริ เวณขั้ว
โลกเหนื อและขั้วโลกใต้ละลาย ทําให้ระดับนํ้าทะเลสู งขึ้น จนอาจจะเกิดนํ้าท่วมโลกได้
ในอนาคต ทั้ ง นี้ เนื่ อ งจากต้ น ไม้ แ ละป่ าไม้ มี คุ ณ สมบั ติ ที่ ดี คื อ สามารถดู ด ซั บ
ก๊ า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์ ไ ว้ก่ อ นที่ จ ะลอยขึ้ น สู่ ช้ ัน บรรยากาศ ดัง นั้น เมื่ อ พื้ น ที่ ป่ า
ลดน้อยลงปริ ม าณก๊ า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์จึ ง ขึ้ นไปสะสมอยู่ใ นชั้น บรรยากาศได้
มากขึ้น
1) แนวคิดเกี่ยวกับการกักเก็บก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ของพืช
16
ก๊าซของต้นไม้จึงเป็ นปริ มาณคาร์ บอนที่สะสมอยู่ในมวลชี วภาพของต้นไม้ ซึ่ ง
เป็ นตัวบ่งชี้ศกั ยภาพในการกักเก็บคาร์ บอนของป่ าไม้ชนิดต่างๆ
17
พื้นที่ ใดพื้นที่ หนึ่ ง หากมี ผลผลิ ตมวลชี วภาพเพิ่มขึ้น พื้นที่ น้ ันก็จะมีการกักเก็บ
คาร์ บอนตามผลผลิตมวลชี วภาพที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันหากพื้นที่น้ นั มีผลผลิ ต
มวลชี วภาพลดลงเนื่ องจากมี การตัดไม้นาํ ออกมาใช้ป ระโยชน์ พื้นที่ น้ ันก็จะมี
การกักเก็บคาร์ บอนตามผลผลิตมวลชี วภาพลดลง ปั จจัยหลักของการดูดซับก๊าซนี้
ก็คือ ใบของพืช โดยใบมีบทบาทในการดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มากที่สุด
ด้ว ยกระบวนการสั ง เคราะห์ แ สง อี ก ปั จ จัย หนึ่ ง ที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ การดู ด ซั บ คื อ
ปริ มาณนํ้าที่ พื ช ดู ด ขึ้ น มาด้ว ย นอกจากนี้ ก็ ข้ ึ นอยู่ ก ับ ปริ มาณความเข้ม ของ
แสงอาทิ ตย์อีก ด้วย ทั้ง นี้ ค วามสามารถในการดู ดซับ คาร์ บ อนไดออกไซด์ใ น
พื้นที่ป่าไม้ข้ ึนอยู่กบั ชนิ ดของต้นไม้แต่ละชนิ ด ในขณะที่ป่าไม้สมบู รณ์ ที่มี อายุ
มากๆ มี ก ารดู ด ซับ ก๊า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์ ใ กล้เ คี ย งกับ การปลดปล่ อยก๊า ซ
คาร์ บอนไดออกไซด์ หรื ออาจกล่าวได้ว่ามี การหมุ นเวียนคาร์ บอนอยู่ใ นภาวะ
สมดุล (carbon neutral) หรื อไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริ มาณคาร์ บอน
18
2) แนวคิดเกี่ยวกับการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพารา
19
1.5.5 แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินมวลชีวภาพจากการสํารวจภาคสนาม
Ogino et al. (1967, อ้างใน Saengruksawong. C et al., 2012) เป็ นสมการแอลโลเมตรี ที่
เหมาะสมสํ า หรั บ การประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของป่ าเขตร้ อ นใน
ประเทศไทย โดยมีสมการดังต่อไปนี้
20
1.5.6 แนวคิดเกี่ยวกับ CASA Biosphere Model
Potter et al. (1995) อ้ า งใน (Lolupiman. T., 2015) กล่ า วว่ า การประเมิ น ปริ มาณ
การกักเก็บคาร์ บอนจากภาพถ่ ายดาวเที ยมโดยใช้ Carnegie-Ames-Stanford Approach
(CASA) Biosphere Model เป็ นโมเดลที่สร้ างขึ้นมาเพื่อจําลองรู ปแบบการตรึ งคาร์ บอน
หรื อการผลิตชี วมวลรายเดือนของพืช โดยการคํานวณจากค่ารังสี ดวงอาทิตย์ ค่าดัชนี พืช
พรรณ ค่าคงที่ของประสิ ทธิ ภาพการใช้แสง ค่าอุณหภูมิ และความชื้น ดังสมการ
1.6 ทบทวนวรรณกรรม
21
1.6.1 การจําแนกการใช้ที่ดินด้วยวิธีการเชิงวัตถุ
ศุ ภลักษณ์ หน้อยสุ ยะ (2552) ได้ทาํ การจําแนกพื้ นที่ ไ ร่ หมุ นเวีย นด้วยวิธีการเชิ ง วัตถุ
โดยใช้ ภ าพถ่ า ยดาวเที ย มที่ มี ค วามละเอี ย ดจุ ด ภาพต่ า งกั น ซึ่ งประกอบด้ ว ย
ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-5 TM ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม SPOT-5 ระบบหลายช่ ว งคลื่ น
และภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-SPOT Pan โดยทําการกําหนดค่าพารามิเตอร์ ในส่ วนของ
มาตราส่ วนของภาพถ่ายดาวเทียมทั้ง 3 ต่างกันเท่ากับ 3, 7 และ 10 ส่ วนค่ารู ปร่ างเท่ากับ
ค่าสี เท่ากับ 0.3 : 0.7 และค่าความอัดแน่นและความราบเรี ยบเท่ากับ 0.5 : 0.5 เท่ากันทั้ง
3 ภาพ ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การจําแนกเชิงวัตถุโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 TM
สามารถจําแนกการใช้ที่ดินได้เพียง 9 ประเภท โดยไม่สามารถจําแนกประเภทของถนน
และทางนํ้ าได้ ในขณะที่ ภ าพถ่ า ยดาวเที ย ม SPOT-5 ระบบหลายช่ ว งคลื่ น และ
ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-SPOT Pan สามารถจําแนกได้ท้ งั หมด มีความถูกต้องของผล
การจํา แนกจากค่ า KIA เท่ า กับ 0.893, 0.885 และ 0.866 ตามลํา ดับ เมื่ อพิ จารณาการ
จําแนกเฉพาะไร่ หมุ นเวียนพบว่า ภาพถ่ายดาวเที ยม SPOT-5 ระบบหลายช่ วงคลื่ นให้
ผลลัพธ์ดีที่สุด และภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 TM จําแนกได้ดีกว่าภาพถ่ายดาวเทียม
Landsat-SPOT Pan
ส่ วนชรั ตน์ มงคลสวัส ดิ์ และคณะ (2550) ได้ท าํ การประเมิ นพื้ นที่ ป ลู กยางพาราด้วย
ข้อมู ล ภาพถ่ า ยดาวเที ย มและระบบสารสนเทศภู มิ ศ าสตร์ ค รอบคลุ ม พื้ นที่ ลุ่ ม นํ้า โขง
ซึ่ งภาพถ่ายดาวเทียมที่ใช้ในครั้ งนี้ ได้แก่ภาพถ่ายดาวเที ยม SPOT 2, 4, 5 ที่ บนั ทึ กภาพ
ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2548 ถึงเดือนเมษายน ปี 2550 จํานวน 37 ภาพ สร้างสี ผสมเท็จ จาก
3 ช่ ว งคลื่ น ได้ แ ก่ Near Infrared, Shortwave Infrared และช่ ว งคลื่ น สี แดง โดยการ
วิเคราะห์พ้ืนที่ปลู กยางพาราด้วยวิธีแปลภาพด้วยสายตาโดยตรงจากจอภาพ พร้ อมกับ
ตรวจสอบเบื้องต้นกับภาพถ่ายดาวเทียมที่มีรายละเอียดสู งที่ให้บริ การผ่าน Internet โดย
ทําการจําแนกอายุของยางออกเป็ น 3 ช่วง ได้แก่ ยางพาราอายุนอ้ ยกว่า 5 ปี ยางพาราอายุ
5-10 ปี และยางพาราอายุ ม ากกว่ า 10 ปี ผลการศึ ก ษาพบว่ า ลุ่ ม นํ้ าโขงในภาค
ตะวันออกเฉี ยงเหนื อมีพ้ืนที่ 29,184,058.52 ไร่ มีพ้ืนที่ปลูกยางพาราทั้งหมด 901,392.47
22
ไร่ คิ ด เป็ นร้ อ ยละ 3.09 ของพื้ น ที่ ลุ่ ม นํ้า โขงโดยกระจายตัว อยู่ใ นบริ เ วณลุ่ ม นํ้า โขง
ตอนบนเป็ นส่ วนใหญ่ เช่น ในจังหวัดหนองคาย เลย เป็ นต้น พื้นที่ปลูกส่ วนใหญ่เป็ นยาง
ที่ มี อ ายุ น้อ ยกว่ า 5 ปี รองลงมาเป็ นยางอายุ ม ากกว่า 5-10 ปี และ 10 ปี โดยมี พ้ื น ที่
601,953.62, 107,978.24 และ 191,460.53 ไร่ ตามลํา ดับ และพบว่า ในลุ่ ม นาห้ ว ยคอง
ลุ่มนํ้าห้วยอี๋ และลุ่มนํ้าโขงส่ วนที่ 7 มีพ้ืนที่ปลู กยางพารามากที่สุด และเมื่อตรวจสอบ
ความถู ก ต้ อ งจากการสํ า รวจภาคสนามมี ค่ า สั ม ประสิ ทธิ์ KAPPA เท่ า กั บ 92.95
เปอร์ เซ็นต์
23
และช่ วงอายุมากกว่า 25 ปี ขึ้ นไป ผลการศึกษา พบว่า ผลการจําแนกช่ วงชั้นอายุข อง
ต้น ยางพารามี เ ปอร์ เ ซ็ น ต์ค วามถู ก ต้อ งเท่า กับ 76, 64, 63, 70 และ 71 ตามลํา ดับ โดย
ยางพาราในช่ ว งอายุ 0-3 ปี มี เ ปอร์ เ ซ็ น ต์ ค วามถู ก ต้อ งสู ง สุ ด และช่ ว งอายุ 7-15 ปี
มีความถูกต้องน้อยสุ ด
24
นํา มาประเมิ น หาค่ า ชี ว มวลในระดับ โลกได้ดี แต่ ก็ ย งั มี ข ้อ จํา กัด ในการใช้ ดัช นี พื ช
AVHRR ตามรู ป แบบซึ่ งเต็ ม ไปด้ว ยความแปรปรวน รวมถึ ง ลัก ษณะบางอย่า งของ
การเกษตรและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน
ในการศึ ก ษาของนวลปราง นวลอุ ไ ร (2548) ซึ่ งทํา การประมาณค่ า ดัช นี พ้ื น ที่ ใ บ
มวลชี วภาพ และปริ มาณคาร์ บ อนสะสมที่ อยู่เหนื อพื้ นดิ นจากการรั บ รู ้ จากระยะไกล
ทําการศึ กษาโดยใช้ขอ้ มู ลดาวเทียม บริ เวณอุ ทยานแห่ งชาติ แก่งกระจาน โดยการวาง
ตําแหน่งแปลงตัวอย่างใช้เทคนิ ค GPS (Globalpositioning system) ค่าพิกดั ตําแหน่งของ
แปลงตัว อย่ า งได้ จ ากการแปลงค่ า พิ ก ัด จุ ด ภาพของข้อ มู ล ภาพถ่ า ยจากดาวเที ย ม
Landsat-TM ที่นาํ มาหาค่าความส่ องสว่าง (Brightness values) เพื่อใช้เป็ นดัชนี พืชพรรณ
ในรู ป แบบต่ า งๆ นํา ข้อ มู ล ที่ ไ ด้ท้ ัง จากภาคสนาม และข้อ มู ล ภาพถ่ า ยจากดาวเที ย ม
Landsat-TM มาหาความสัมพันธ์กนั ในรู ปแบบของสมการความถดถอยแบบเส้นตรง ซึ่ ง
ผลการศึ กษาพบว่า จากรู ปแบบสมการที่ ดีที่สุดของป่ าแต่ละชนิ ด ป่ าดิ บชื้ นมี ค่าดัชนี
พื้นที่ใบโดยเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ ป่ าดิบแล้ง ป่ าเต็งรัง และป่ าเบญจพรรณ โดยมี
ค่าค่าดัชนีพ้นื ที่ใบเฉลี่ยเท่ากับ 7.88, 5.81, 3.38 และ 3.27 ตามลําดับ ขณะที่มวลชีวภาพที่
อยูเ่ หนื อพื้นดินของป่ าดิบชื้ นมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ ป่ าดิบแล้ง ป่ าเบญจพรรณ
และป่ าเต็งรัง โดยมีค่ามวลชี วภาพเหนื อพื้นดินเท่ากับ 336.12, 207.70, 68.53 และ 58.63
ตันต่อเฮกแตร์
25
มาใช้ใ นคํา นวณหามวลชี วภาพในแต่ ล ะชั้นอายุระหว่า ง 1 ถึ ง 5 ปี โดยมี ก ารกัก เก็บ
คาร์ บอนเท่ากับ 1.68, 9.09, 15.60, 25.62 และ 25.90 ตันต่อแฮกแตร์ ตามลําดับ
26
และ Lolupiman, T. (2015) ได้ศึกษาการประเมินผลผลิ ตปฐมภู มิสุทธิ เหนื อพื้นดิ นด้วย
แบบจําลอง Casa สําหรับสวนป่ าชายเลนอายุ 10, 12, 14 ปี โดยใช้เทคโนโลยีการสํารวจ
จากระยะไกล กรณี ศึกษา: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ ง้ กระเบน จังหวัดจันทบุรี โดยใช้
ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-7 ETM ที่ ผ่า นการปรั บ แก้เชิ ง บรรยากาศ ซึ่ ง ผลการศึ กษา
พบว่า ในปี 2014 ป่ าชายเลนบริ เวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุง้ กระเบน จังหวัดจันทบุรี
มี ผ ลผลิ ต ปฐมภู มิ สุ ท ธิ ร วมของสวนป่ าชายเลนอายุ 10, 12, 14 ปี เท่ า กับ 5,022.426,
7,886.136 และ 29,693.090 กิโลกรัมคาร์ บอน ตามลําดับ
27
อารั กษ์ จันทุ มา และคณะ (2546) ได้ทาํ การหาปริ มาณสารคาร์ บอนใช้วิธีการหามวล
ชี วภาพของต้นยางพาราที่อายุต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ โดยทดลองกับยางพันธุ์ RRIM 600
เนื่ องจากเป็ นพันธุ์ยางที่นิยมปลูกมากกว่าร้ อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกในประเทศ จากการ
วัดมวลชี วภาพทุกส่ วนของต้นยางที่โค่นอายุ ตั้งแต่ 2-25 ปี จํานวน 95 ต้น จากสวนยาง
ในภาคใต้ ภาคตะวันออก ตะวันออกเฉี ยงเหนื อ และภาคเหนื อ พบว่า ความสัมพันธ์ของ
มวลชี วภาพ (Y) กับขนาดเส้นรอบยางของต้นยางพารา (X) มีความสัมพันธ์ในทางบวก
คื อ Y = 0.0082X2.5623 ค่ า สัม ประสิ ท ธิ์ สหสั ม พันธ์ ร้ อยละ 96 โดยยางพาราอายุ 2.5 ปี
มี น้ ํา หนัก มวลชี ภาพแห้ง ของทั้ง ต้น 9.0 กิ โลกรั ม ต่ อต้นและสู ง สุ ด ที่ อ ายุ 25 ปี 822.4
กิโลกรัมต่อต้น มวลชีวภาพของต้นยางพาราขึ้นกับขนาดของเส้นรอบวงมากกว่าอายุของ
ต้นยางพารา นอกจากนั้นยังขึ้นกับสภาพพื้นที่ปลูกยางพารา จํานวนต้นที่ปลูกต่อไร่ โดย
ยางพาราอายุ 9 ปี มีเส้นรอบต้นเฉลี่ย 54.6 เซนติเมตร ให้มวลชีวภาพ 19 เมตริ กตันต่อไร่
ยางพาราอายุ 12 ปี มีเส้นรอบต้นเฉลี่ยใกล้เคียงกัน 59.0 เซนติเมตร ให้มวลชีวภาพ 20-24
เมตริ กตันต่อไร่ ยางพาราอายุ 15-22 ปี ให้มวลชีวภาพได้ใกล้เคียงกันคือ 30-37 เมตริ กตัน
ต่อไร่ และยางพาราอายุ 25 ปี ให้มวลชี วภาพ 49 เมตริ กตันต่อไร่ ซึ่ งยางพาราอายุ 9, 12,
18 และ 25 ปี สามารถกักเก็บสารคาร์ บอนได้ 8.32, 11.46, 15.44 และ 22.39 เมตริ กตัน
ต่อไร่ ที่ ตามลําดับ
28
เส้นผ่าศูนย์กลางเรื อนยอดเท่ากับ 2.60, 4.80, 5.30, 6.40 และ 5.70 เมตร ตามลําดับ ส่ วน
ยางพาราที่ปลูกบนชุ ดดินจักรราชมีการเติบโตที่เร็ วกว่าบนชุ ดดินโพนพิสัย มีเส้นรอบวง
ลํา ต้นเท่า กับ 15.61, 34.88, 51.67, 56.83 และ 73.18 ซม. ความสู ง เท่า กับ 5.56, 9.61,
16.04, 22.50 และ 23.95 เมตร และเส้ นผ่าศู นย์กลางเรื อนยอดเท่ากับ 2.46, 5.58, 6.19,
5.92 และ 6.90 เมตร ตามลําดับ มวลชี วภาพของยางพารามี ความแตกต่างกันระหว่า ง
ชุ ดดิ นทั้งสอง โดยที่สวนยางบนชุ ดดิ นโพนพิสัยมีค่าเท่ากับ 150, 17.66, 42.07, 122.64
และ 123.07 เมกกะกรั มต่อเฮกแตร์ ขณะที่ สวนยางบนชุ ดดิ นจักราชมี ค่าเท่ากับ 3.75,
27.07, 100.46, 184.97 และ 406.13 เมกกะกรัมต่อเฮกแตร์ ตามลําดับ สวนยางที่ปลูกบน
ชุดดินโพนพิสัยมีการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิ เวศเพิ่มขึ้นตามอายุเท่ากับ 22.52, 47.47,
52.65, 101.35 และ 82.16 เมกกะกรัมต่อเฮกแตร์ ตามลําดับ โดยแบ่งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ
1) คาร์ บ อนในมวลชี วภาพ เท่า กับ 0.85, 10.11, 24.01, 70.12 และ 70.13 เมกกะกรั ม
ต่ อ เฮกแตร์ และ 2) คาร์ บ อนในดิ น เท่ า กับ 21.67, 37.36, 28.64, 31.23 และ 12.03
เมกกะกรั ม ต่อเฮกแตร์ สวนยางที่ ปลู กบนชุ ดดิ นจักราชมี ก ารกัก เก็บ คาร์ บ อนเท่ากับ
18.52, 65.89, 128.27, 202.03 และ 354.39 เมกกะกรั มต่อเฮกแตร์ ตามลําดับ แบ่งเป็ น
1) คาร์ บอนในมวลชี วภาพเท่ากับ 2.13, 15.52, 57.38, 105.78 และ 231.52 เมกกะกรัม
ต่ อ เฮกแตร์ และ 2) คาร์ บ อนในดิ น เท่ า กับ 14.26, 16.83, 18.52, 16.05 และ13.37
เมกกะกรัมต่อเฮกแตร์
29
นวลปราง นวลอุ ไ ร (2548)ได้ท าํ การประเมิ น มวลชี ว ภาพเหนื อ พื้ น ดิ น และปริ ม าณ
คาร์ บ อนสะสมที่ อ ยู่ เ หนื อ พื้ น ดิ น ของระบบนิ เ วศป่ าจากการสํ า รวจด้า นป่ าไม้แ ละ
การรั บ รู ้ จ ากระยะไกล บริ เ วณอุ ท ยานแห่ ง ชาติ แ ก่ ง กระจาน ทํา การประเมิ น จาก
มวลชี วภาพเหนื อพื้ นดิ น โดยวัดขนาดเส้ นผ่าศู นย์กลางที่ ระดับความสู ง เพียงอกของ
ต้นไม้และใช้ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางและความสู งของต้นไม้ใน
การประเมินความสู งของต้นไม้ คํานวณมวลชี วภาพที่อยูเ่ หนื อพื้นดินของระบบนิ เวศป่ า
โดยใช้สมการแอลโลเมตรี (Allometric equation) ปริ มาณคาร์ บอนในมวลชี วภาพที่อยู่
เหนื อพื้ นดิ นมี ค่า เป็ น 0.5 เท่ า ของปริ ม าณมวลชี วภาพที่อยู่เหนื อพื้นดิ นของป่ าเต็งรั ง
ป่ าเบญจพรรณ ป่ าดิ บแล้ง และป่ าดิ บชื้ น ผลการศึกษาพบว่า ระบบนิ เวศป่ าดงดิบชื้ นมี
ปริ ม าณการเก็ บ กัก คาร์ บ อนในมวลชี วภาพที่ อยู่เหนื อพื้ นดิ นสู ง ที่ สุ ด 168.04±107.88
ตัน คาร์ บ อนต่ อ เฮกตาร์ รองลงมาเป็ นระบบนิ เ วศป่ าดงดิ บ แล้ ง ป่ าเบญจพรรณ
และป่ าเต็ ง รั ง โดยมี ป ริ ม าณการเก็ บ กัก คาร์ บ อนในมวลชี ว ภาพที่ อ ยู่เ หนื อ พื้ น ดิ น
103.85±61.32, 34.26±24.18 และ 29.31±9.17 ตันคาร์ บอนต่อเฮกตาร์ ตามลําดับ
ระวี เจี ย รวิภา และคณะ (2555) ได้ท าํ การประเมิ นมู ล ค่ า การชดเชยคาร์ บ อนในสวน
ยางพาราในช่ วงอายุ 25 ปี โดยใช้สมการความสัมพันธ์ของมวลชี วภาพและคาร์ บ อน
อินทรี ยใ์ นดิ นจากสวนยางพาราจํานวน 5 ช่วงอายุ คือ 2, 5, 12, 16 และ 26 ปี ในแต่ละ
ช่วงอายุใช้ตวั อย่างพื้นที่ศึกษาจํานวน 1 ไร่ (76 ต้นต่อไร่ ) บริ เวณ อ.เทพา จ.สงขลา ผล
การประเมิน พบว่า ยางพาราอายุ 2, 5, 12, 16 และ 26 ปี มีการสะสมมวลชี วภาพทั้งต้น
เท่า กับ 6.69, 61.62, 144.55, 226.68 และ 327.44 ตันต่อเฮกแตร์ ตามลํา ดับ โดยมี ก าร
สะสมมวลชี ว ภาพของลํา ต้น เท่ า กับ 3.58, 32.96, 74.10, 112.76 และ 158.78 ตัน ต่ อ
เฮกแตร์ มีการสะสมมวลชี วภาพของกิ่งและก้านเท่ากับ 1.36, 20.78, 55.78, 93.53 และ
141.79 ตันต่อเฮกแตร์ มีการสะสมมวลชีวภาพของใบเท่ากับ 0.95, 2.26, 3.12, 3.66 และ
4.20 ตันต่อเฮกแตร์ และมีการสะสมมวลชี วภาพของรากเท่ากับ 0.79, 5.63, 11.55, 16.73
และ 22.67 ตันต่อเฮกแตร์ ตามลําดับ และสามารถเก็บกักคาร์ บอนทั้งหมดอยู่ในช่ วง
50.68-193.72 ตัน ต่ อ เฮกแตร์ (8.11-30.99 ตัน ต่ อ ไร่ ) ซึ่ งมี ค วามสั ม พัน ธ์ ก ับ ช่ ว งอายุ
ยางพาราแบบโพลีโนเมียล (R2 = 0.97) ส่ วนรายได้สุทธิ จากการทําสัญญาชดเชยการเก็บ
กั ก คาร์ บ อนตลอด 25 ปี ประเมิ น ได้ เ ท่ า กั บ 573.39 ดอลลาร์ ส หรั ฐ ต่ อ เฮกแตร์
(3,063.27 บาทต่ อ ไร่ ) ดัง นั้น ศัก ยภาพการเก็ บ กัก คาร์ บ อนในสวนยางพาราน่ า จะมี
ประสิ ทธิ ผลต่อการซื้อขายคาร์ บอนเครดิตในตลาดแบบสมัครใจ
30
1.6.4 การสร้างแบบจําลองจากสมการความสัมพันธ์
โดยมีแบบจําลองในการประเมินความอุดมสมบูรณ์แต่ละระดับดังนี้
ผลผลิตมวลชีวภาพเหนือพื้นดินระดับมากที่สุด:
Y = 0.004 (X)2 + 0.4445(X) + 2.7856 (R2 = 0.994) สมการ 1.10
ผลผลิตมวลชีวภาพเหนื อพื้นดินระดับมาก:
Y = 0.0004(X)2 + 0.4328(X) + 1.3303 (R2= 0.9898) สมการ 1.11
31
ผลผลิตมวลชีวภาพเหนื อพื้นดินระดับน้อย:
Y = -0.0008(X)2 + 0.276(X) -0.3277 (R²=0.9849) สมการ 1.12
ผลผลิตมวลชีวภาพเหนื อพื้นดินระดับน้อยที่สุด:
Y = 6E-0.5(X)2 + 0.0117(X) – 0.0488 (R2= 0.9226) สมการ 1.13
แบบจํา ลองหรื อสมการดัง กล่ า วได้ นํา ไปใช้ ใ นการวิ เ คราะห์ ผ ลผลิ ต มวลชี ว ภาพ
เหนื อพื้นดิ นของพื้นที่ป่าในจังหวัดเชี ยงใหม่เพื่อประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์ ของ
พื้นที่ป่าได้
1.7 กรอบแนวคิดในการศึกษา
กรอบแนวคิ ด ในการศึ ก ษาในการศึ ก ษาวิ จ ัย ครั้ งนี้ ผู ว้ ิ จ ัย ได้ท าํ การประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อน
เหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย ขั้นตอน
การศึ ก ษาเริ่ มจากการจํา แนกประเภทการใช้ ที่ ดิ น ใน 2 ช่ ว งเวลา คื อ ก่ อ นที่ จ ะมี ก ารส่ ง เสริ ม
การปลูกยางพาราในปี 2548 และหลังจากที่มีการส่ งเสริ มการปลูกยางพาราแล้วในปี 2558 ด้วยวิธีการ
จํา แนกเชิ ง วัต ถุ ซึ่ งในการจํา แนกประเภทการใช้ที่ ดิ น ในปี 2548 จะใช้ข ้อ มู ล ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม
Landsat-5 TM เพื่อจําแนกประเภทการใช้ที่ดิน 6 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตร ที่อยู่อาศัย
แหล่งนํ้า พื้นที่อื่นๆ และพื้นที่ปลูกยางพารา ส่ วนในปี 2558 ใช้ภาพดาวถ่ายเทียม Landsat-8 OLI เพื่อ
จําแนกประเภทการใช้ที่ดิน 4 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่ปลูกยางพาราอายุ 7-13 ปี พื้นที่ที่ปลูก
ยางพาราอายุ 14-20 ปี และพื้นที่ ที่ปลู กยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้ นไป เพื่อทําการศึ กษารู ป แบบ
การเปลี่ ย นแปลงการใช้ ป ระโยชน์ ที่ ดิ น 10 ปี ย้อ นหลัง ก่ อ นที่ จ ะมี ก ารปลู ก ยางพารา จากนั้ น
ทํา การประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น จากภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-8 OLI ด้ ว ย
CASA-biosphere model ซึ่ งอาศัย ฐานข้อ มู ล พื้ น ที่ ป ลู ก ยางตามชั้น อายุ ที่ ไ ด้จ ากผลการจํา แนกใน
วัตถุ ป ระสงค์ข ้อที่ 1 ร่ วมกับ โปรแกรมทางด้า นระบบสารสนเทศภู มิ ศ าสตร์ เป็ นเครื่ องมื อในการ
วิเคราะห์ เพื่อให้ได้มาซึ่ งปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม
และคํา นวณหาปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ น ของยางพาราที่ ไ ด้จากข้อมู ล การสํ า รวจ
ภาคสนาม (ความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางที่ระดับอกและความสู งของต้นยางพารา) ในตําแหน่งเดี ยวกัน
โดยทําการสุ่ มตัวอย่างของต้นยางพาราในแปลงทดสอบ จากนั้นนําค่าความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางที่
ระดับอกและความสู งของต้นยางพาราที่วดั ได้เข้าสู่ สมการแอลโลเมตรี หลังจากที่ได้ทาํ การประเมิน
ปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้น ดิ นของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มและจากการสํ า รวจ
32
ภาคสนามแล้ว นําผลการวิเคราะห์ ที่ไ ด้มาตรวจสอบความถู ก ต้องและหาความสัมพันธ์ กบั ข้อมู ล
ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราที่ ไ ด้จ ากภาคสนามในตํา แหน่ ง เดี ย วกัน
ว่ามี สัมพันธ์ กนั หรื อไม่ สําหรั บการศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดินกับปั จจัยทางด้านกายภาพ ซึ่ งประกอบด้วย ความสู งของพื้นที่ ชนิ ดของดิน และความลาดชัน
ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงรายนั้น อาศัยโปรแกรมทางด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ ในการ
วิเคราะห์ จากนั้นทําการพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของ
ยางพาราจากการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินด้วย CASA-biosphere model เพื่อให้ได้มา
ซึ่ งโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราที่สามารถคํานวณ
ได้รวดเร็ ว มีผลลัพธ์ที่มีความถูกต้องใกล้เคียงกับโมเดลเดิม (ภาพที่ 1.3)
33
การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย
การปรับแก้คุณภาพข้อมูล
ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 TM ปี 2548
1.การปรับแก้เชิ งรังสี
ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-8 OLI ปี 2558
2.การปรับแก้เชิ งเรขาคณิ ต
3.การปรับแก้เชิ งบรรยากาศ
การจําแนกประเภทข้อมูลเชิ งวัตถุ
การจําแนกพื้นที่ปลูกยางพาราตามช่วงชั้นอายุ
โมเดลที่เหมาะสมในการประเมิน
การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพารา
34
1.8 ระเบียบวิธีวจิ ัย
1.8.1 ข้อมูลและแหล่งข้อมูล
1) ข้อมูลปฐมภูมิ
ข้อ มู ล ภาพถ่ า ยดาวเที ย มบริ เ วณพื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย ซึ่ ง
ประกอบด้ ว ยข้ อ มู ล ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-5 TM ปี 2548 และข้ อ มู ล
ภาพถ่ า ยดาวเที ยม Landsat-8 OLI ปี 2558 รายละเอี ย ดจุ ดภาพ 30 เมตร ทํา การ
ดาวน์โหลดจากเว็บไซด์ของ USGS (http://earthexplorer.usgs.gov)
ข้อ มู ล การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราที่ ไ ด้ก ารวัด ความยาว
เส้นผ่าศูนย์กลางที่ระดับอกและความสู งของต้นยางพาราที่วดั ได้จากการสํารวจ
ภาคสนามในพื้ น ที่ อ าํ เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย ซึ่ งคํา นวณจากสมการ
แอลโลเมตรี
2) ข้อมูลทุติยภูมิ
35
เอกสารวิ ช าการ คู่ มื อ สิ่ งพิ ม พ์ วิ ท ยานิ พนธ์ และงานวิ จ ั ย ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง
จากสํานักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
1.8.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
36
และความลาดชั น ในบริ เวณพื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย จาก
ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ)
37
ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย ม หลัง จากนั้น นํา ผลการวิ เ คราะห์ ที่ ไ ด้ม า
ตรวจสอบความถูกต้องและหาความสัมพันธ์กบั ข้อมูลปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอน
เหนื อพื้นดินของยางพาราที่ได้จากการสํารวจภาคสนามในพิกดั ตําแหน่งเดียวกัน
ซึ่ งในการออกภาคสนามนั้นจะทําการวัดความยาวเส้นผ่าศู นย์กลางที่ ระดับอก
และความสู งของต้นยางพาราและนํา เข้าสู่ สมการแอลโลเมตรี เพื่อคํานวณหา
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนของยางพาราจากการสํารวจภาคสนาม ส่ วนการศึกษา
ความสั ม พันธ์ ระหว่า งปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ น ดิ นกับ ปั จ จัย ทาง
กายภาพ ซึ่ งประกอบด้วย ความสู งของพื้นที่ ชนิ ดของดิ น และความลาดชันใน
พื้ น ที่ อ าํ เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย ทํา การวิ เ คราะห์ โ ดยอาศัย โปรแกรม
ทางด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ เครื่ องมือในการวิเคราะห์
3) การพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บคาร์ บ อนของยางพารา
โดยทํา การศึ ก ษาและวิ เ คราะห์ โ มเดลเดิ ม เพื่ อ ให้ ไ ด้ม าซึ่ งโมเดลที่ เ หมาะสม
มีความกะทัดรัด สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ วมากกว่า และมีความถูกต้อง
น่าเชื่อถือใกล้เคียงกับโมเดลเดิม โดยนําภาพดาวเทียมที่ผา่ นกระบวนการประเมิน
การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มด้ ว ย
CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้มาหาความสัมพันธ์กบั ค่าการสะท้อน
(Reflectance) ของภาพดาวเที ย มแต่ ล ะแบนด์ โดยการวิเ คราะห์ สั ม ประสิ ท ธิ์
สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ซึ่ งเป็ นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม ว่ามีความสัมพันธ์กนั หรื อไม่ เพื่อแสดงว่าตัวแปรทั้ง
2 ตัวนั้นมีความสัมพันธ์กนั มากน้อยเพียงใด ซึ่ งสามารถหาได้จากค่าสัมประสิ ทธิ์
สหสัมพันธ์ (ปรี ชา ล่ามช้าง และคณะ, 2545) ดังสมการต่อไปนี้
∑𝑛𝑛 � �
𝑖𝑖=1(𝑋𝑋𝑖𝑖 −𝑋𝑋)(𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑌𝑌)
R = สมการ 1.14
�[∑𝑛𝑛 � 2 𝑛𝑛 � 2
𝑖𝑖=1(𝑋𝑋𝑖𝑖 −𝑋𝑋) ∑𝑖𝑖=1(𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑌𝑌) ]
𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 𝑛𝑛 𝑛𝑛
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 𝑌𝑌𝑖𝑖 −�∑𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 ��∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 �
หรื อ R = สมการ 1.15
�[𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 −(∑𝑖𝑖=1 𝑋𝑋) ][𝑛𝑛 ∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 −(∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 ) ]
𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 ��
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑛𝑛𝑋𝑋 𝑌𝑌
หรื อ R = สมการ 1.16
�[𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 2 � 2 𝑛𝑛 2 �2
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 −(𝑛𝑛𝑋𝑋 ][∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑛𝑛𝑌𝑌 ]
38
หลังจากทราบความสัมพันธ์แล้ว ก็จะสามารถนําข้อมูลนั้นมาสร้างความสัมพันธ์
ในลั ก ษณะของสมการ ซึ่ งเรี ยกว่ า สมการถดถอย (Regression Equation)
ซึ่ งสมการที่แสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลตัวแปรคู่ (X และ Y) อาจจะมีรูปแบบ
สมการความสัมพันธ์ได้หลายลักษณะ เช่น
39
บทที่ 2
ทิศเหนื อ ติดต่อกับอําเภอเชียงแสน
ทิศใต้ ติดต่อกับอําเภอเวียงเชียงรุ ้งและอําเภอพญาเม็งราย
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอําเภอแม่จนั
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอําเภอเชียงแสนและเชียงของ
2.2 ขอบเขตการปกครอง
ท้องที่ อาํ เภอดอยหลวงเดิ ม เป็ นส่ วนหนึ่ ง ของอํา เภอแม่จนั ทางราชการได้แบ่ ง พื้นที่ ก ารปกครอง
ออกมาตั้งเป็ นกิ่งอําเภอดอยหลวง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2539 โดย
40
มี ผ ลบัง คับ ตั้ง แต่ วนั ที่ 15 กรกฎาคม ปี เดี ย วกัน และต่ อ มาได้มี พ ระราชกฤษฎี ก ายกฐานะขึ้ น เป็ น
อําเภอดอยหลวง ในวันที่ 24 สิ งหาคม ปี 2550 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วนั ที่ 8 กันยายนในปี เดียวกัน
2.3 ลักษณะทางกายภาพ
2.3.1 สภาพภูมิประเทศ
41
ซึ่ งพบกระจายตัวอยู่ทวั่ พื้นที่ท้ งั 3 ตําบล แต่ส่วนมากพบในพื้นที่ทางทิศตะวันออกใน
บริ เ วณตํา บลโชคชัย ส่ ว นพื้ น ที่ ที่ มี ค วามสู ง ระหว่า ง 501-600 เมตรจากระดับ ทะเล
ปานกลาง คิดเป็ นร้ อยละ 15 ของพื้นที่ พบในบริ เวณตอนกลางและทางทิศตะวันออก
ของพื้นที่ในเขตตําบลหนองป่ าก่อและตําบลโชคชัย พื้นที่ที่มีความสู งระหว่าง 601-700
เมตรจากระดับทะเลปานกลาง คิดเป็ นร้ อยละ 5 ของพื้นที่ พบในบริ เวณตอนกลางและ
ทางทิศตะวันออกของพื้นที่ตาํ บลหนองป่ าก่อและตําบลโชคชัย ส่ วนพื้นที่ที่มีความสู ง
ระหว่าง 701-800 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง คิดเป็ นร้อยละ 1 ของพื้นที่ กระจุกตัวอยู่
ทางตอนกลาง บริ เวณตอนบนของพื้น ที่ ใ นเขตตํา บลหนองป่ าก่ อและตํา บลโชคชัย
และพื้นที่ที่มีความสู งมากกว่า 800 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง คิดเป็ นร้อยละ 1 ของ
พื้ น ที่ ซึ่ งส่ ว นมากกระจุ ก ตัว อยู่ ท างตอนกลาง บริ เวณตอนบนของพื้ น ที่ ใ นเขต
ตําบลหนองป่ าก่อและตําบลโชคชัย ตามลําดับ (ภาพที่ 2.1, 2.3)
15% 39%
39%
2.3.2 สภาพภูมิอากาศ
42
ฤดูฝน เริ่ มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม โดยได้รับอิทธิ พลจาก
ลมมรสุ มตะวันตกเฉี ยงใต้
ฤดู หนาว เริ่ มตั้งแต่เดื อนพฤศจิกายนจนถึงเดื อนกุมภาพันธ์ โดยได้รับอิทธิ พล
จากลมมรสุ มตะวันออกเฉี ยงเหนื อ ซึ่ งพัดพาความหนาวเย็นมาจาก
ประเทศจีน
ฤดู ร้อน เริ่ มตั้งแต่เดื อนกุมภาพันธ์ จนถึ งกลางเดื อนพฤษภาคม ซึ่ งอยู่ภายใต้
อิทธิ พลของลมมรสุ มตะวันตกเฉี ยงใต้
43
ภาพที่ 2.2 ขอบเขตการปกครองของอําเภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
44
ภาพที่ 2.3 ความสู งของภูมิประเทศของอําเภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
45
2.3.3 ลักษณะทางปฐพีวทิ ยา
รองลงมาเป็ นชุ ดดิ นหนองมด ครอบคลุ ม พื้นที่ ป ระมาณ 78 ตารางกิ โลเมตร คิ ดเป็ น
ร้ อยละ 25 ของพื้นที่ โดยครอบคลุ มพื้นที่ท้ งั 3 ตําบล ส่ วนใหญ่พบทางตอนกลางของ
ตําบลหนองป่ าก่อและตําบลปงน้อย ส่ วนตําบลโชคชัยมีดินชนิ ดนี้ เพียงเล็กน้อยในทาง
ตะวันตกเท่านั้น ซึ่ งเกิดจากการผุพงั สลายตัวของหิ นแกรนิ ตบริ เวณพื้นที่ภูเขา รวมถึงที่
46
เกิ ดจากวัสดุ ดินหรื อหิ นที่ เคลื่ อนย้ายมาเป็ นระยะทางใกล้ๆ โดยแรงโน้มถ่ วงบริ เวณ
เชิ งเขา มีสภาพพื้นที่เป็ นลู กคลื่ นลอนลาดเล็กน้อยถึ งเป็ นเนิ นเขา ความลาดชันร้ อยละ
4-35 เป็ นดินที่มีการระบายนํ้าดี การไหลบ่าของนํ้าบนผิวดินช้าถึงเร็ ว การซึ มผ่านได้ของ
นํ้าปานกลาง พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ที่ดินจําพวกป่ าเบญจพรรณ พืชไร่
เช่น ข้าวโพด ถัว่ มันสําปะหลังหรื อไม้ผล เช่น ลิ้นจี่ ลําไย มะม่วง เป็ นต้น ส่ วนใหญ่พบ
มากบริ เวณภาคเหนื อตอนบนและด้า นตะวันตกของภาค ลักษณะและสมบัติดิ น เป็ น
ดิ นลึ ก มาก ดิ นบนเป็ นดิ นร่ วนหรื อดิ นร่ วนปนดิ นเหนี ย ว มี สี น้ ํา ตาลเข้ม ถึ ง สี น้ ํา ตาล
ปนเทาเข้มมาก ปฏิ กิริยาดินเป็ นกรดจัดมากถึงเป็ นกรดปานกลาง (pH 5.0-6.0) มีความ
คล้ า ยคลึ ง กั น กั บ ชุ ดดิ น เชี ยงแสน ชุ ดดิ น เลย และชุ ดดิ น เชี ยงของ ข้ อ จํ า กั ด
การใช้ประโยชน์ คือ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ าํ พื้นที่ที่มีความลาดชันสู ง ดินจะถูกชะล้าง
พังทลายได้ง่าย ดินล่างเป็ นดินเหนี ยวหรื อดินเหนี ยวปนทราย สี แดงปนเหลืองถึ งสี แดง
ปฏิกิริยาดินเป็ นกรดจัดมากถึงเป็ นกรดจัด (pH 4.5-5.5)
47
ชุ ดดิ นท่ายาง/บ้านจ้อง ครอบคลุ มพื้นที่ประมาณ 22 ตารางกิ โลเมตร คิ ดเป็ นร้ อยละ 7
ของพื้นที่ ซึ่ งดิ นชุ ดนี้ พบในพื้นที่ตาํ บลโชคชัยเพียงตําบลเดียวเท่านั้น ซึ่ งชุ ดดิ นท่ายาง
เกิ ดจาการผุพงั สลายตัวอยู่กบั ที่และเคลื่อนย้ายมาเป็ นระยะทางใกล้ๆ โดยแรงโน้มถ่วง
ของโลกของหิ นทรายและหิ นควอร์ ตไซท์ โดยมี หินดิ นดานและหิ นฟิ ลไลท์แทรกอยู่
สภาพพื้นที่เป็ นลู กคลื่ นลอนลาดถึงเป็ นเนิ นเขา มีความลาดชันร้ อยละ 2-35 การระบาย
นํ้าดี การไหลบ่าของนํ้าบนผิวดิ นช้า สภาพให้ซึมได้ของนํ้า ปานกลางถึงเร็ ว พืชพรรณ
ธรรมชาติ แ ละการใช้ ป ระโยชน์ ท่ี ดิ น ป่ าเบญจพรรณ ป่ าเต็ ง รั ง ปลู ก พื ช ไร่ เช่ น
มันสําปะหลังและอ้อย เป็ นต้น พบอยู่ทวั่ ไปในประเทศไทยยกเว้นในภาคใต้ ลักษณะ
และสมบัติดิน เป็ นดิ นตื้นถึ งชั้นกรวด ดิ นบนเป็ นดิ นร่ วนปนทรายหรื อดินร่ วน มีกรวด
และเศษหิ นก้อนหิ นปนอยู่ตอนบนประมาณร้ อยละ 15-34 โดยปริ มาตร มีสีน้ าํ ตาลปน
เทาถึงสี น้ าํ ตาลเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็ นกรดจัดถึงกรดเล็กน้อย (pH 5.6-6.5) ดินบนตอนล่าง
เป็ นดินร่ วนเหนี ยวปนทราย ดินร่ วนปนดินเหนี ยวหรื อดินเหนี ยวปนทรายปนกรวดและ
เศษหิ นมีปริ มาณมากกว่าร้อยละ 35 โดยปริ มาตร เพิ่มขึ้นตามความลึก จะพบชั้นดิ นปน
กรวดปนเศษหิ นนี้ ต้ื นกว่า 50 เซนติ เมตร จากผิวดิ น ปฏิ กิ ริย าดิ นเป็ นกรดจัดถึ ง กรด
เล็กน้อยถึ งกรดปานกลาง (pH 5.5-6.0 ) ดิ นล่ างตอนล่างเป็ นชั้นเศษหิ นกรวดของหิ น
ทราย ส่ วนชุ ดดิ นบ้านจ้อง เกิ ดจากการผุพงั ของหิ นตะกอนเนื้ อละเอี ยดและหิ นที่แปร
สภาพ เช่ น หิ นดิ นดาน หิ นทรายแป้ ง หิ นโคลน หิ นชนวน หิ นฟิ ลไลท์ เป็ นต้น บริ เวณ
พื้นที่ภูเขาและรวมถึงที่เกิดจากวัสดุดินหรื อหิ นที่เคลื่ อนย้ายมาเป็ นระยะทางใกล้ๆ โดย
แรงโน้มถ่วงบริ เวณเชิ งเขาหรื อเกิดจากตะกอนดิ นที่ถูกนํ้าพาบริ เวณเนิ นตะกอนรู ปพัด
สภาพพื้ น ที่ เ ป็ นลู ก คลื่ น ลอนลาดเล็ ก น้อ ยถึ ง เป็ นเนิ น เขา ความลาดชัน ร้ อ ยละ 3-35
การระบายนํ้าดี การไหลบ่าของนํ้าบนผิวดิ นช้าถึ งเร็ ว การซึ มผ่านได้ของนํ้าปานกลาง
พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ที่ดินจําพวกป่ าเบญจพรรณ พืชไร่ เช่น ข้าวโพด
อ้อย ยาสู บ ข้าวไร่ สับปะรด และสวนผลไม้ เช่ น มะม่วง ลิ้ นจี่ ลําไย เป็ นต้น พบมาก
บริ เวณภาคเหนื อตอนบนและที่สูงตอนกลางของประเทศ ลักษณะและสมบัติดิน เป็ นดิน
ลึกมาก ดินบนเป็ นดินร่ วนปนดินเหนี ยว มีสีน้ าํ ตาลเข้มถึงสี น้ าํ ตาลปฏิกิริยาดินเป็ นกรด
จัดถึ งเป็ นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดิ นล่างเป็ นดิ นเหนี ยว มีสีแดงปนเหลื องถึ งสี แดง
ปฏิ กิริยาดิ นเป็ นกรดจัดมากถึงเป็ นกรดจัด (pH 4.5-5.5) กลุ่มดิ นเหนี ยวลึกถึ งลึ กมากที่
เกิ ด จากวัต ถุ ต้น กํา เนิ ด ดิ น เนื้ อ ละเอี ย ด ปฏิ กิ ริ ย าดิ น เป็ นกรดจัด การระบายนํ้า ดี ถึ ง
ดี ป านกลาง ความอุ ดมสมบู รณ์ ต่ าํ ขาดแคลนนํ้า และเกิ ดการชะล้างพัง ทลายสู ญเสี ย
หน้าดินในพื้นที่ลาดชัน บางพื้นที่ดินเป็ นกรดจัดมาก
48
ดินตะกอนลํานํ้าเชิ งซ้อนที่มีการระบายนํ้าดี (AC-wd : Alluvial Complex, well drained)
ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 18 ตารางกิโลเมตร คิดเป็ นร้อยละ 6 ของพื้นที่ พบบริ เวณชาย
ขอบทางด้านตะวันตกของพื้นที่ในตําบลหนองป่ าก่อและตําบลปงน้อย เป็ นหน่วยผสม
ของดิ นหลายชนิ ด ที่ เกิ ดจากตะกอนลํานํ้าพัดพามาทับถมกัน เป็ นดิ นลึ ก ปฏิ กิริยาดิ น
เป็ นกรดจัดถึ ง เป็ นกลาง (pH 6.0-7.0) เนื้ อดิ นเป็ นพวกดิ น ร่ วน มี ก ารระบายนํ้า ดี ถึ ง
ดี ปานกลาง ความอุ ดมสมบูรณ์ ปานกลาง และดิ นร่ วนปนทราย ความอุ ดมสมบู รณ์ ต่ าํ
ขาดแคลนนํ้า และในพื้นที่ ที่ มี ค วามลาดชันดิ นง่ ายต่อการถู กชะล้า งพัง ทลายสู ญเสี ย
หน้าดิน
ชุ ด ดิ น
22% 6%
55%
7%
25%
พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน
ชุดดินหนองมด
ชุดดินเชียงราย
ชุดดินท่ายาง, บ้านจ้อง
ดินตะกอนลํานํ้าเชิงซ้อนที่มีการระบายนํ้าดี
2.3.4 ความลาดชัน
พื้นที่ อาํ เภอดอยหลวงส่ วนใหญ่ เป็ นพื้นที่ ที่ มี ค วามลาดชันระหว่า งร้ อยละ 0-5 ซึ่ ง มี
ลัก ษณะเป็ นพื้ น ที่ ร าบลุ่ ม ครอบคลุ ม พื้ น ที่ ป ระมาณ 130 ตารางกิ โ ลเมตร คิ ด เป็ น
ร้ อยละ 41 ของพื้นที่ พบมากทางตะวันออกของพื้นที่ บริ เวณตํา บลหนองป่ าก่ อ และ
ตําบลปงน้อย และพบบางส่ วนในพื้นที่ตาํ บลโชคชัย รองลงมาเป็ นพื้นที่ที่มีความลาดชัน
ระหว่า งร้ อ ยละ 6-8 ซึ่ งมี ล ัก ษณะเป็ นที่ ร าบนํ้า ท่ วมถึ ง ครอบคลุ ม พื้ น ที่ ป ระมาณ 94
49
ตารางกิโลเมตร คิดเป็ นร้อยละ 30 ของพื้นที่ พบกระจายทัว่ พื้นที่ท้ งั 3 ตําบล แต่ส่วนมาก
พบทางตะวันออกของพื้นที่ เป็ นส่ วนใหญ่ ส่ วนพื้นที่ ที่มีความลาดชันระหว่างร้ อยละ
9-15 ซึ่ ง มี ล ัก ษณะเป็ นเนิ นเขา ครอบคลุ ม พื้ นที่ ป ระมาณ 60 ตารางกิ โลเมตร คิ ดเป็ น
ร้อยละ 19 ของพื้นที่ พบมากในทางตะวันออกของพื้นที่ พื้นที่ที่มีความลาดชันระหว่าง
ร้ อยละ 16-35 ซึ่ งมีลกั ษณะเป็ นภูเขา ครอบคลุ มพื้นที่ประมาณ 27 ตารางกิโลเมตร คิด
เป็ นร้อยละ 9 ของพื้นที่ พบมากบริ เวณตอนกลางและทางตะวันออกของพื้นที่ และพื้นที่
ที่มีความลาดชันมากกว่าร้อยละ 35 ขึ้นไป ซึ่ งมีลกั ษณะเป็ นภูเขาสู งชัน ครอบคลุมพื้นที่
ประมาณ 5 ตารางกิ โลเมตร คิ ดเป็ นร้ อยละ 1 ของพื้นที่ พบมากบริ เวณตอนกลางของ
พื้นที่
ความลาดชั น
9% 2%%
19% 41%
30%
2.3.5 การใช้ประโยชน์ที่ดิน
1. พื้นที่เกษตรกรรม
2. พื้นที่ป่าไม้
3. พื้นที่เมืองหรื อที่อยูอ่ าศัย
4. พื้นที่แหล่งนํ้า
50
5. พื้นที่อื่นๆ
โดยพื้ น ที่ เ กษตรกรรมมี พ้ื น ที่ ม ากที่ สุ ด ซึ่ งครอบคลุ ม พื้ น ที่ ป ระมาณ 193.69
ตารางกิ โลเมตร คิ ดเป็ นร้ อยละ 61.22 ของพื้นที่ สามารถพบได้โดยทัว่ ไปของพื้นที่
ทั้ ง 3 อํ า เภอ รองลงมาเป็ นพื้ น ที่ ป่ าไม้ ซึ่ งครอบคลุ ม พื้ น ที่ ป ระมาณ 108.57
ตารางกิโลเมตร คิดเป็ นร้อยละ 34.31 ของพื้นที่ พบมากทางตอนกลางและทางตะวันออก
ของพื้นที่ โดยพบทางด้า นตะวันออกของตํา บลหนองป่ าก่ อและตํา บลปงน้อย และ
บริ เวณโดยรอบของตํ า บลโชคชั ย พื้ น ที่ อื่ น ๆ ครอบคลุ ม พื้ น ที่ ป ระมาณ 6.35
ตารางกิ โลเมตร คิดเป็ นร้ อยละ 2.01 ของพื้นที่ ซึ่ งสามารถพบกระจายตัวทัว่ พื้นที่ส่วน
พื้นที่เมืองหรื อที่อยู่อาศัยครอบคลุ มพื้นที่ประมาณ 4.31 ตารางกิโลเมตร คิดเป็ นร้อยละ
1.36 ของพื้นที่ พบกระจายทัว่ ไปในแอ่งที่ราบของอําเภอดอยหลวง และสุ ดท้ายพื้นที่
แหล่งนํ้า พบกระจายตัวในบางพื้นที่ของอําเภอดอยหลวง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.54
ตารางกิโลเมตร คิดเป็ นร้อยละ 0.8 ของพื้นที่ ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว เป็ น
ข้อมูลที่ได้จากผลการจําแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินในปี 2548 ซึ่ งพื้นที่ที่เหลื อเป็ นเมฆ
และเงาดังภาพที่ 3.11
3% 2% 1%
32%
62%
51
ภาพที่ 2.7 ชุดดินของอําเภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากกรมพัฒนาที่ดิน (ปี 2554)
52
ภาพที่ 2.8 ความลาดชันของอําเภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
53
2.4 ทรัพยากรธรรมชาติ
2.4.1 ทรัพยากรนํ้า
แม่น้ ํา กก เป็ นนํ้า สายใหญ่ใ นตํา บลหนองป่ าก่ อไหลจากทิ ศ ตะวันตกเฉี ย งใต้ไ ปทาง
ทิศตะวันออกเฉี ยง เหนือของตําบล ซึ่ งมีตน้ กําเนิ ดจากทิวเขาแดนลาวและทิวเขาผีปันนํ้า
ตอนเหนื อของเมื องกก จัง หวัดเชี ย งตุ ง ภายในอาณาเขตของรั ฐฉานในประเทศพม่า
ไหลผ่านหมู่ที่ 4 บ้านหนองกล้วย และหมู่ที่ 8 บ้านวังเขียว ก่อนที่จะไหลลงแม่น้ าํ โขงที่
บริ เวณสบกก อําเภอเชียงแสน
54
ภาพที่ 2.9 เส้นทางนํ้าของอําเภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
55
2.4.2 ทรัพยากรป่ าไม้
17%
42%
41%
56
ภาพที่ 2.11 ขอบเขตพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
ที่มา: ดัดแปลงจากศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (ปี 2554)
57
2.5 ประชากร
ประชากรส่ วนใหญ่เป็ นประชากรในภาคเหนื อร้ อยละ 79 ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อร้ อยละ 20 และ
ภาคกลางร้อยละ 1 อีกทั้งในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวงยังมีชนกลุ่มน้อย แบ่งออกเป็ น 4 กลุ่มที่สาํ คัญ ได้แก่
ไทยใหญ่ อาข่า เมี่ยน ไทยลื้อ กะเหรี่ ยง และเย้า
2.6 สภาพเศรษฐกิจ
58
1% 0.50% พื ช เศรษฐกิ จ
0.90%
2.90% 0.20%
3.40%
7.10%
38%
22.60%
23.60%
2.7 สรุปผล
59
บทที่ 3
ในการศึ ก ษาครั้ งนี้ เป็ นการศึ ก ษาการเปลี่ ย นแปลงการใช้ ป ระโยชน์ ที่ ดิ น ในพื้ น ที่ ด อยหลวง
จังหวัดเชี ยงราย โดยทําการจําแนกประเภทการใช้ที่ดินใน 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนที่จะมีการส่ งเสริ มการ
ปลูกยางพาราในปี 2548 และหลังจากการส่ งเสริ มการปลูกยางพาราแล้วในปี 2558 ด้วยวิธีการจําแนก
ข้อมูลเชิ งวัตถุ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินว่า จากเดิมพื้นที่ปลูกยางพาราในปี 2558
ในปี 2548 นั้น เป็ นการใช้ที่ดินประเภทใด โดยทําการจําแนกประเภทการใช้ที่ดินในปี 2548 และ
จําแนกพื้นที่ปลูกยางพาราตามช่วงชั้นอายุในปี 2558 โดยใช้โปรแกรม eCognition Developer 7.0 ใน
การจําแนก ซึ่ งในบทนี้ จะกล่า วถึ งการจํา แนกประเภทการใช้ที่ ดินใน 2 ช่ วงเวลา ดังที่ ได้กล่ า วไว้
ข้างต้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
60
ลดระยะเวลาในขั้นตอนของการประมวลผลภาพถ่ายดาวเทียม โดยภาพถ่ายดาวเที ยม
Landsat-5TM เป็ นภาพที่ทาํ การถ่ายในวันที่ 21 เมษายน ปี 2548 ส่ วนภาพถ่ายดาวเทียม
Landsat-8 OLI เป็ นภาพที่ทาํ การถ่ายในวันที่ 17 เมษายน ปี 2558 สาเหตุที่เลือกภาพเดือน
เมษายน เนื่ องจากยางพาราในพื้นที่ศึกษาเริ่ มผลัดใบตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือน
กุมภาพันธ์และเริ่ มแตกใบจนถึงใบแก่ประมาณเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน ซึ่ งฤดูผลัด
ใบของต้นยางพาราจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ทําให้เลือกภาพในช่วงเดือนเมษายนที่
สามารถมองเห็ นพื้นที่ปลูกยางพาราในภาพถ่ายดาวเทียมได้ชดั เจนมากกว่าภาพในช่วง
ฤดู ฝนที่มีเมฆปกคลุ ม จากนั้นทําการตัดภาพทั้ง 2 ภาพตามขอบเขตพื้นที่ศึกษา เพื่อให้
ได้มาซึ่ งภาพถ่ายดาวเทียมปี 2548 และปี 2558 ตามขอบเขตพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง โดย
ภาพที่ใช้ในการจําแนกการใช้ที่ดินเป็ นภาพที่ไม่ผา่ นกระบวนการปรับแก้เชิ งบรรยากาศ
เนื่ อ งจากจะทํา ให้ ค่ า การสะท้อ นของจุ ด ภาพเปลี่ ย นแปลงไปเป็ นค่ า การแผ่ รั ง สี
(Radiance) ซึ่ งอาจส่ งผลต่อความถูกต้องของการจําแนกการใช้ที่ดิน
3.1.2 การนําเข้าข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม
3.1.3 การสร้างวัตถุภาพ
ในสร้ างวัตถุ ภาพ มีอลั กอลิ ทึมของการสร้ างวัตถุ ภาพอยู่ 3 วิธีการหลักๆ ประกอบด้วย
Chessboard Segmentation, Quadtree Segmentation และ Multiresolution Segmentation
ดั ง ที่ ไ ด้ ก ล่ า วไปในข้ า งต้ น ซึ่ งการศึ ก ษาครั้ งนี้ ทํ า การสร้ างวั ต ถุ ภาพด้ ว ย
วิธี Multiresolution Segmentation ซึ่ งเป็ นวิธีที่ รวมเอาจุ ดภาพที่ มีล ักษณะใกล้เคี ย งกัน
และอยู่ติดกันเข้า ด้วยกันเป็ นวัตถุ ภาพ โดยวิธีน้ ี สามารถกํา หนดค่าพารามิ เตอร์ ต่า งๆ
ได้แก่ รู ปร่ าง สี การเกาะกลุ่ม และความเรี ยบได้ตามความต้องการ ซึ่ งใช้ค่าพารามิเตอร์
ทั้งสี และรู ปร่ างของวัตถุ ภาพพิจารณาร่ วมด้วย ซึ่ งวิธีการนี้ สามารถสร้างขนาดของวัตถุ
ได้หลายแบบ และมีขนาดใกล้เคียงกับสภาพที่ เป็ นจริ งมากกว่า ซึ่ งเกณฑ์ในการสร้ าง
วัต ถุ ภ าพต้ อ งทํา การกํา หนดค่ า Scale Parameter เพื่ อ กํา หนดขนาดของวัต ถุ ภ าพ
61
ซึ่ งสามารถกําหนดค่าให้เหมาะสมกับพื้นที่ศึกษา โดยมีค่าระหว่าง 0-1,000,000 และทํา
การกําหนดค่า Composition of Homogeneity Criterion เป็ นการกําหนดค่าคุ ณลัก ษณะ
ของรู ปร่ าง (Shape) สี (Color) ความหยาบ (Compactness) และความละเอี ย ด
(Smoothness) โดยค่ า Shape จะแปรผกผัน กั บ ค่ า Color และค่ า Compactness จะ
แปรผกผันกับค่า Smoothness โดยทั้ง 2 ค่า มีค่าระหว่าง 0-1
62
ภาพที่ 3.2 การแบ่งส่ วนภาพของชั้นข้อมูลที่หนึ่ง ปี 2558
3.1.4 การสร้างชั้นข้อมูล
63
ปลู ก ยางพาราแล้ ว ในปี 2558 ซึ่ งในปี 2548 เป็ นการจํา แนกประเภทการใช้ ที่ ดิ น
ส่ วนปี 2558 เป็ นการจําแนกพื้นที่ ปลู กยางพาราตามช่ วงอายุและพื้นที่ ป่าไม้ โดยการ
สร้ างชั้นข้อมูลของภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 TM ปี 2548 นั้นทําการสร้างชั้นข้อมู ล
เพี ย งชั้นเดี ย วเท่ า นั้น ซึ่ ง ประกอบด้วย พื้ นที่ ป่ าไม้ พื้นที่ เกษตร ที่ อยู่อาศัย แหล่ ง นํ้า
พื้นที่อื่นๆ พื้นที่ปลูกยางพารา เมฆ และเงา ส่ วนการสร้างชั้นข้อมูลของภาพถ่ายดาวเทียม
Landsat-8 OLI ปี 2558 ทําการสร้ างชั้นข้อมูล 3 ชั้นข้อมูลด้วยกัน โดยชั้นข้อมู ลที่ หนึ่ ง
ประกอบด้วย พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ที่ไม่ใช่ป่าไม้ ชั้นข้อมูลที่สองประกอบด้วย พื้นที่ปลูก
ยางพาราและพื้ น ที่ ที่ ไ ม่ ใ ช่ พ้ื น ที่ ป ลู ก ยางพารา และชั้น ข้อ มู ล ที่ ส าม ประกอบด้ว ย
พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 7-13 ปี พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 14-20 ปี พื้ น ที่ ป ลู ก
ยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี และพื้นที่ที่ไม่ใช่พ้นื ที่ปลูกยางพารา (ภาพที่ 3.5)
การสร้างชั้นข้อมูล
พื้นที่ป่า พื้นที่ที่ไม่ใช่ป่า
1) การสร้างพื้นที่ตวั อย่าง
64
เนื่ องจากเป็ นการจําแนกประเภทการใช้ที่ดินแบบหยาบ ส่ วนการสร้ า ง
พื้นที่ ตวั อย่า งภาพถ่ า ยดาวเที ย ม Landsat-8 OLI ปี 2558 ได้ท าํ การสร้ า ง
พื้ น ที่ ต ัว อย่า งจากการสํ า รวจภาคสนามเพื่ อ สํา รวจพื้ น ที่ ป ลู ก ยางพารา
ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ดังตารางที่ 3.1 และภาพที่ 3.6
65
ภาพที่ 3.6 จุดยางพาราในแต่ละช่วงอายุจากการสํารวจภาคสนาม
66
2) การจําแนกข้อมูล
67
พื้นที่เกษตร ที่อยู่อาศัย แหล่งนํ้า และพื้นที่อื่นๆ เพื่อกรองเอาพื้นที่
อื่ นๆ ที่ ไ ม่ใ ช่ พ้ืนที่ ป ลู ก ยางพาราออกไปก่ อ นที่ จะทํา การจํา แนก
ข้อมูลในชั้นที่สามต่อไป ซึ่ งในการจําแนกข้อมูลในชั้นที่สามนั้นจะ
เป็ นการจําแนกพื้ นที่ ปลู กยางพาราตามช่ วงชั้นอายุ ประกอบด้วย
พื้นที่ ที่ปลู กยางพาราช่ วงอายุ 7-13 ปี พื้นที่ ปลู กยางพาราช่ วงอายุ
14-20 ปี พื้นที่ปลูกยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี รวมถึงจําแนกพื้นที่ที่
ไม่ใช่พ้ืนที่ปลูกยางพาราอีกครั้งหนึ่ ง เพื่อให้ได้มาซึ่ งผลการจําแนก
ที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ เนื่องจากในการจําแนกข้อมูลในชั้นที่หนึ่ ง อาจมี
พื้นที่อื่นๆ ซึ่งเป็ นวัตถุภาพขนาดเล็กที่ไม่เกี่ยวข้องยังคงปะปนมากับ
พื้นที่ ป ลู ก ยางพารา เป็ นการจํา แนกกรองเอาพื้นที่ เหล่า นี้ ออกไป
โดยในการจํา แนกพื้ น ที่ ป ลู ก ยางตามช่ ว งอายุ ได้มี ก ารกํา หนด
เงื่อนไขให้กบั ข้อมูล โดยใช้ค่าการสะท้อนมาประกอบการวิเคราะห์
ซึ่ งผลการจําแนกพื้นที่ปลูกยางในชั้นข้อมูลที่หนึ่ ง ชั้นข้อมูลที่สอง
และชั้นข้อมูลที่สามปรากฎดังภาพที่ 3.8, 3.9 และ 3.10
68
ภาพที่ 3.7 จุดตรวจสอบความถูกต้องการใช้ประโยชน์ที่ดินปี 2548
69
ภาพที่ 3.8 การจําแนกชั้นข้อมูลที่หนึ่ง
3.1.6 การตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนก
สําหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้น สามารถทําการตรวจสอบได้หลายวิธี
โดยในการศึกษาครั้งนี้ ทําการตรวจสอบความถู กต้องโดยการเก็บจุดตรวจสอบความ
ถูกต้องของประเภทการใช้ที่ดิน เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนก
70
ซึ่ งในการจํา แนกประเภทการใช้ ที่ ดิ น ในปี 2548 ด้ ว ยข้ อ มู ล ภาพถ่ า ยดาวเที ย ม
Landsat-5 TM ทําการเก็บจุดตรวจสอบความถูกต้องโดยการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามใน
พื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวง เพื่ อ สอบถามข้อ มู ล จากผู ้นํา ชุ ม ชนและชาวบ้า นในพื้ น ที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงรายจํานวน 31 จุด ว่าจุดดังกล่าวในปี 2548 เคยเป็ นการใช้
ที่ดินประเภทใดมาก่อน ประกอบกับพิจารณาจากภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลัง ดังตารางที่
3.2 และภาพที่ 3.9 ส่ วนการตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนกประเภทพื้นที่ปลูก
ยางพาราจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-8 OLI ในปี 2558 นั้น ทําการตรวจสอบ
โดยการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูลตําแหน่งพื้นที่ปลูกยางพาราในแต่ละช่วง
ชั้นอายุจาํ นวน 60 จุด โดยใช้เครื่ องมือระบบกําหนดตําแหน่งบนพื้นผิวโลก (GPS) ดัง
ตารางที่ 3.3 และภาพที่ 3.11
จากการตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนกจากจุดตรวจสอบความถูกต้องจากการ
สํารวจภาคสนามของการจําแนกทั้ง 2 ปี พบว่า การจําแนกประโยชน์การใช้ที่ดินปี 2548
มีความถู กต้องคิดเป็ นร้ อยละ 96.77 ส่ วนในปี 2558 มีความถู กต้องมีการจําแนกคิดเป็ น
ร้ อ ยละ 98.33 ซึ่ งอยู่ใ นระดับ ที่ ย อมรั บ ได้ แต่ อ ย่า งไรก็ ต าม ผลการตรวจสอบความ
ถู กต้องนี้ เป็ นความถู กต้องในบริ เวณพื้นที่ที่ได้มีการตรวจสอบจากจุดตัวอย่างที่ทาํ การ
สํารวจภาคสนามเท่านั้น ซึ่ งผลการจําแนกในบริ เวณอื่นที่ไม่ได้ตรวจสอบจากจุดตัวอย่าง
ที่ได้ทาํ การสํารวจภาคสนามอาจเกิดความคลาดเคลื่อนของผลการจําแนก
71
ภาพที่ 3.11 จุดตรวจสอบความถูกต้องของยางพาราในแต่ละช่วงอายุปี 2558
72
ตารางที่ 3.2 จุดตรวจสอบความถูกต้องการใช้ประโยชน์ที่ดินปี 2548 จากการสํารวจภาคสนาม
พิกดั
ลําดับ ประเภทการใช้ ทดี่ ิน
x y
1 614789 2225562 แหล่งนํ้า
2 616076 2226124 แหล่งนํ้า
3 612772 2223998 แหล่งนํ้า
4 616940 2226093 แหล่งนํ้า
5 614977 2227912 แหล่งนํ้า
6 616863 2228121 แหล่งนํ้า
7 615539 2225771 พื้นที่เกษตร
8 624522 2226550 พื้นที่เกษตร
9 622919 2224698 พื้นที่เกษตร
10 617098 2230402 พื้นที่เกษตร
11 612349 2222052 พื้นที่เกษตร
12 617964 2227303 พื้นที่เกษตร
13 618314 2234566 พื้นที่อื่นๆ
14 616069 2229913 พื้นที่อื่นๆ
15 617821 2225469 พื้นที่อื่นๆ
16 612736 2223103 พื้นที่อื่นๆ
17 619249 2234519 พื้นที่อื่นๆ
18 618751 2233175 พื้นที่อื่นๆ
19 616808 2228386 ที่อยูอ่ าศัย
20 618816 2233832 ที่อยูอ่ าศัย
21 616413 2226066 ที่อยูอ่ าศัย
22 621442 2223688 ที่อยูอ่ าศัย
23 626520 2229893 ที่อยูอ่ าศัย
24 612381 2223762 ที่อยูอ่ าศัย
25 614722 2231431 พื้นที่ป่าไม้
73
ตารางที่ 3.2 (ต่อ)
พิกดั
ลําดับ ประเภทการใช้ ทดี่ ิน
x y
26 618047 2223869 พื้นที่ป่าไม้
27 609840 2219057 พื้นที่ป่าไม้
28 625679 2224052 พื้นที่ป่าไม้
29 627766 2228724 พื้นที่ป่าไม้
30 620311 2229546 พื้นที่ป่าไม้
31 617946 2233262 ยางพารา
74
ตารางที่ 3.3 (ต่อ)
พิกดั
ลําดับ ช่ วงอายุ
x y
16 619900 2231730 7-13
17 619158 2232292 7-13
18 616458 2230057 7-13
19 616964 2227881 7-13
20 616781 2227168 7-13
21 616913 2226877 7-13
22 617180 2225908 7-13
23 617303 2225960 7-13
24 617461 2226031 7-13
25 614916 2224309 7-13
26 612910 2225945 7-13
27 608929 2219193 7-13
28 608538 2218973 7-13
29 610297 2221048 7-13
30 610800 2221716 7-13
31 610931 2221883 7-13
32 612306 2224030 7-13
33 612276 2224033 7-13
34 612035 2224100 7-13
35 611663 2224017 7-13
36 610601 2224229 7-13
37 610378 2224392 7-13
38 610103 2224481 7-13
39 610034 2224582 7-13
40 618654 2223954 7-13
75
ตารางที่ 3.3 (ต่อ)
พิกดั
ลําดับ ช่ วงอายุ
x y
41 620024 2223989 7-13
42 620281 2221314 7-13
43 620557 2221748 7-13
44 623745 2225615 7-13
45 625132 2227815 7-13
46 625185 2227964 7-13
47 625221 2228031 7-13
48 626075 2231088 7-13
49 626211 2231365 7-13
50 626434 2231612 7-13
51 615181 2230169 14-20
52 615881 2230846 14-20
53 619314 2231373 14-20
54 619318 2231929 14-20
55 619286 2232130 14-20
56 619213 2232251 14-20
57 618899 2232333 14-20
58 617877 2233390 14-20
59 610901 2224156 14-20
60 619655 2231830 > 20
76
3.2 การเปลีย่ นแปลงการใช้ ที่ดินในพืน้ ทีอ่ าํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย
77
ตารางที่ 3.4 ประเภทการใช้ที่ดินของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ปี 2548
พื้นที่
ลําดับ ประเภทการใช้ที่ดิน
ตารางกิโลเมตร ไร่ ร้อยละ
1 พื้นที่เกษตร 194.42 121,513.50 61.13
2 พื้นที่ป่าไม้ 109.21 68,254.88 34.34
3 พื้นที่อื่นๆ 6.40 3,997.13 2.01
4 ที่อยูอ่ าศัย 4.31 2,693.25 1.35
5 แหล่งนํ้า 2.73 1,707.75 0.86
6 เมฆ 0.47 294.19 0.15
7 เงาเมฆ 0.46 290.25 0.15
8 พื้นที่ปลูกยางพารา 0.02 14.06 0.01
รวม 318.02 198,765.00 100.00
ในการจํา แนกการใช้ท่ี ดิ น ในปี 2558 นั้น ทํา การจํา แนกพื้ น ที่ ป่ าไม้แ ละพื้ น ที่ ป ลู ก
ยางพาราจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-8 OLI ซึ่ งการจําแนกพื้นที่ปลูกยางพารา
ทําการจําแนกพื้นที่ ปลู กยางพาราออกเป็ น 3 ช่ วงอายุด้วยกัน ซึ่ งผลการจําแนก พบว่า
พื้นที่ อาํ เภอดอยหลวง จัง หวัดเชี ย งราย มี พ้ืนที่ ป่ าไม้ท้ งั หมด 81.55 ตารางกิ โลเมตร
หรื อ 50,970.94 ไร่ คิดเป็ นร้อยละ 25.77 ของพื้นที่ (ภาพที่ 3.13) และมีพ้ืนที่ปลูกยางพารา
ทั้งหมด 45.10 ตารางกิโลเมตรหรื อ 28,186.88 ไร่ คิดเป็ นร้อยละ 14.18 ของพื้นที่ ซึ่ งพบ
กระจายตัว อยู่ท ั่วพื้ น ที่ (ภาพที่ 3.14) โดยตํา บลที่ มี พ้ื นที่ ป ลู ก ยางพารามากที่ สุ ด คื อ
ตําบลโชคชัย ตําบลปงน้อย และตําบลหนองป่ าก่อ โดยมี พ้ืนที่ ปลู กยางพาราทั้งหมด
21.02, 14.51 และ 9.5 ตารางกิ โ ลเมตร หรื อ 13,137.19, 9,068.63 และ 5,934.39 ไร่
ตามลําดับ โดยจากพื้นที่ ปลู กยางพาราทั้งหมด สามารถจําแนกอายุยางพาราออกเป็ น
3 ช่วงอายุดว้ ยกัน ประกอบด้วย พื้นที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี พื้นที่ปลูกยางพารา
ช่ วงอายุ 14-20 ปี และพื้นที่ปลู กยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี โดยมีพ้ืนที่ท้ งั หมด 37.78,
7.31 และ 0.01 ตารางกิ โ ลเมตร หรื อ 23,611.50, 4,567.50 และ 7.88 ไร่ ต ามลํา ดับ
คิ ด เป็ นร้ อ ยละ 83.77, 16.20 และ 0.03 ของพื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราทั้ง หมด ตามลํา ดับ
ดังตารางที่ 3.5 และภาพที่ 3.15 โดยพื้นที่ตาํ บลโชคชัยมีพ้ืนที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 7-13
78
ปี ทั้งหมด 19.1 ตารางกิโลเมตรหรื อประมาณ 11,936.25 ไร่ พื้นที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ
14-20 ปี ทั้งหมด 1.92 ตารางกิโลเมตรหรื อประมาณ 1,200.94 ไร่ ส่ วนพื้นที่ตาํ บลปงน้อย
มี พ้ื น ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 7-13 ปี ทั้ง หมด 11.68 ตารางกิ โ ลเมตรหรื อ ประมาณ
7,302.38 ไร่ พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 14-20 ปี ทั้ง หมด 2.83 ตารางกิ โ ลเมตร
หรื อประมาณ 1,766.25 ไร่ และพื้นที่ ตาํ บลหนองป่ าก่ อมี พ้ื นที่ ปลู ก ยางพาราช่ วงอายุ
7-13 ปี ทั้งหมด 6.94 ตารางกิโลเมตรหรื อประมาณ 4,334.63 ไร่ พื้นที่ปลูกยางพาราช่วง
อายุ 14-20 ปี ทั้ง หมด 2.55 ตารางกิ โลเมตรหรื อประมาณ 1,591.88 ไร่ และพื้ นที่ ป ลู ก
ยางพาราอายุ ม ากกว่ า 20 ปี ทั้ง หมด 0.01 ตารางกิ โ ลเมตรหรื อประมาณ 7.88 ไร่
(ตารางที่ 3.6)
79
ตารางที่ 3.6 พื้นที่ปลูกยางพาราในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ปี 2558 รายตําบล
พืน้ ทีป่ ลูกยางพารา
ลําดับ ตําบล ช่ วงอายุยางพารา (ปี )
ตารางกิโลเมตร ไร่
7-13 6.94 4,334.63
1 หนองป่ าก่อ 14-20 2.55 1,591.88
มากกว่า 20 0.01 7.88
7-13 19.1 11,936.25
2 โชคชัย 14-20 1.92 1,200.94
มากกว่า 20 - -
7-13 11.68 7,302.38
3 ปงน้อย 14-20 2.83 1,766.25
มากกว่า 20 - -
80
ภาพที่ 3.12 ประเภทการใช้ที่ดินของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ปี 2548
81
ภาพที่ 3.13 พื้นที่ป่าไม้ของอําเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ปี 2558
82
ภาพที่ 3.14 แผนที่พ้ืนที่ปลูกยางพาราในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ปี 2558
83
ภาพที่ 3.15 แผนที่พ้ืนที่ปลูกยางพาราแยกตามช่วงอายุในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
จังหวัดเชียงราย ปี 2558
84
3.2.3 สรุ ปการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
85
ตารางที่ 3.7 (ต่อ)
การเปลีย่ นแปลงการใช้ ทดี่ ินมาเป็ นพืน้ ที่ปลูก
ลําดับ ประเภทการใช้ ทดี่ ินเดิม ยางพารา
ตารางกิโลเมตร ไร่ ร้ อยละ
4 พื้นที่ปลูกยางพารา 0.02 10.69 0.04
5 เงา 0.01 5.06 0.02
6 แหล่งนํ้า 0.01 3.94 0.01
7 ที่อยูอ่ าศัย 0.00 2.25 0.01
8 เมฆ 0.00 0.00 0.00
รวม 45.10 28,186.88 100.00
86
ภาพที่ 3.16 การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินเดิมปี 2548 เป็ นพื้นที่ปลูกยางพาราในปี 2558
87
3.3 สรุ ปผลการศึกษา
ในการศึ ก ษาการเปลี่ ย นแปลงการใช้ ป ระโยชน์ ที่ ดิ น 10 ปี ย้อ นหลัง ของพื้ น ที่ อ ํา เภอดอยหลวง
จังหวัดเชียงรายใน 2 ช่วงเวลา คือ ระหว่างปี 2548 ก่อนที่จะมีการส่ งเสริ มการปลูกยางพาราจากภาครัฐ
และปี 2558 หลัง จากการส่ ง เสริ ม การปลู ก ยางพาราด้วยวิธี การเชิ ง วัตถุ โดยผลการจํา แนกการใช้
ประโยชน์ที่ดินในปี 2548 พบว่า พื้นที่อาํ เภอดอยหลวง มีการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็ นพื้นที่เกษตรมาก
ที่สุด รองลงมาเป็ นพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่อื่นๆ ตามลําดับ ส่ วนการจําแนกพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ปลู ก
ยางพาราตามช่ วงอายุใ นปี 2558 พบว่า พื้นที่ อาํ เภอดอยหลวง มี พ้ื นที่ ป่ าไม้คิ ดเป็ นร้ อยละ 25.77
ของพื้นที่ ลดลงจากปี 2548 ซึ่ งมีพ้ืนที่ป่าไม้คิดเป็ นร้อยละ 34.31 ของพื้นที่ และมีพ้ืนที่ปลูกยางพารา
คิดเป็ นร้อยละ 14.18 ของพื้นที่ โดยพบมากในพื้นที่ตาํ บลโชคชัย ตําบลปงน้อย และตําบลหนองป่ าก่อ
ตามลํา ดับ ซึ่ ง อํา เภอดอยหลวง จัง หวัดเชี ย งราย มี พ้ืนที่ ป ลู ก ยางพาราช่ วงอายุ 7-13 ปี พื้ นที่ ป ลู ก
ยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี และพื้นที่ปลูกยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี คิดเป็ นร้อยละ 83.77, 16.20 และ
0.03 ของพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด ตามลําดับ และจากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์
ที่ดิน 10 ปี ย้อนหลังของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงรายใน 2 ช่วงเวลาพบว่า มีการเปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่เกษตรมากที่สุด รองลงมาเป็ นพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่อื่นๆ ซึ่ งคิดเป็ น
ร้อยละ 89.16, 5.81 และ 4.95 ตามลําดับ
88
บทที่ 4
การศึ ก ษาในบทนี้ เป็ นการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราในพื้ น ที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย โดยทําการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมและจากการสํารวจภาคสนาม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และนําผลการประเมินมา
ทําการปรับเทียบ จากนั้นหาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินกับปั จจัย
ทางด้า นกายภาพในพื้ น ที่ อ าํ เภอดอยหลวง จัง หวัด เชี ย งราย ซึ่ งประกอบด้ว ย ความสู ง ของพื้ นที่
ชนิดของดิน และความลาดชัน ซึ่ งสามารถแบ่งการศึกษาออกเป็ น 2 หัวข้อใหญ่ๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย
การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราและการหาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณ
การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพารากับปั จจัยทางด้านกายภาพในพื้ นที่ อาํ เภอดอยหลวง
จังหวัดเชียงราย
ในขั้นตอนของการการประเมิ นการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นของยางพารา ได้แบ่ ง การศึ ก ษา
ออกเป็ น 2 หั ว ข้อ หลัก ๆ คื อ การประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจาก
ภาพถ่ า ยดาวเที ย มและการประเมิ นการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากการสํา รวจ
ภาคสนาม ซึ่ งหลังจากที่ได้ผลการศึกษาแล้ว ทําการหาความสัมพันธ์และปรับเทียบระหว่างปริ มาณ
การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมกับปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อน
เหนือพื้นดินของยางพาราจากการสํารวจภาคสนาม ว่ามีความถูกต้องสัมพันธ์กนั หรื อไม่ โดยมีข้ นั ตอน
การดําเนินงานดังนี้
89
4.1.1 การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม
1) การเตรี ยมข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม
90
Lλ = MLQcal + AL สมการ 4.1
ρλ′
ρλ = สมการ 4.3
sin(θSE)
91
โดยค่าของตัวแปรต่างๆ ที่ใช้ในสมการ หาได้จาก Metadata File (ตารางที่ 4.1) ที่
ทําการดาวน์โหลดมาพร้ อมกับภาพถ่ ายดาวเทียม โดยจะแสดงข้อมูลและค่า ตัว
แปรต่างๆ ในแต่ละแบนด์ของภาพถ่ายดาวเทียมนั้นๆ
2) การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม
92
NPP(x,t) = S(x,t)·FPAR(x,t)·ε*·T(x,t)·W(x,t) สมการ 4.4
โดย NDVI = ค่า ดัช นี พื ช พรรณ (มี ค่า ระหว่า ง 0 ถึ ง -1) ซึ่ ง สามารถ
คํานวณได้จากสมการ 4.6
93
(NIR−VR)
NDVI = (NIR+VR) สมการ 4.6
2.2) การหาค่า T คือ ค่าอุณหภูมิ (เซลเซี ยส) ซึ่ งมีค่าเท่ากับ 0-1 โดยคํานวณจาก
ค่า LST ดังสมการ 4.7
TB
LST =
TB สมการ 4.7
1 + (λ × )lnε
ρ
โดย TB = ค่าความสว่างของอุณหภูมิของภาพถ่ายดาวเทียม
(Brightness Temperature: K)
Lλ = ค่า TOA spectral radiance (Watts/ ( m2 * srad * μm))
K1 = ค่า Band-specific thermal conversion constant
94
K2 = ค่า Band-specific thermal conversion constant
โดย 𝜀𝜀 = ค่าความสามารถในการแผ่รังสี
Pv = ค่าความสามารถในการแผ่รังสี ของพืชพรรณ
𝜀𝜀 veg = ค่าความสามารถในการแผ่รังสี ของพืชพรรณมี
ค่าประมาณ 0.99
𝜀𝜀 soil = ค่าความสามารถในการแผ่รังสี ของดินมีค่าประมาณ 0.97
95
โดย T = ค่าอุณหภูมิ (เซลเซี ยส) มีค่าเท่ากับ 0-1
Temp (℃) = ภาพ LST ที่ผา่ นการปรับหน่วยอุณหภูมิเป็ นหน่วย
องศาเซลเซี ยสและปรับค่าอุณหภูมิให้มีค่าอยู่
ระหว่าง 0-1
tmin = ค่าอุณหภูมิต่าํ สุ ดจากสถานีอุตุนิยมวิทยาการเกษตร
อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 10 ปี ย้อนหลัง
tmax = ค่าอุณหภูมิสูงสุ ดจากสถานีอุตุนิยมวิทยา
การเกษตร อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
10 ปี ย้อนหลัง
LSTmax − LST
SMI = สมการ 4.12
LSTmax − LSTmin
96
1) พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด มีค่าสู งสุ ดเท่ากับ 0.8052 กรัมคาร์ บอนต่อ
ตารางเมตรต่อเดือนและตํ่าสุ ดเท่ากับ 0.8052 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน
2) พื้ นที่ ที่ มี ค วามอุ ดมสมบู รณ์ ม าก มี ค่า สู ง สุ ดเท่า กับ 0.3911 กรั ม คาร์ บ อนต่อ
ตารางเมตรต่อเดือนและตํ่าสุ ดเท่ากับ 0.2018 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน
4) พื้ น ที่ ที่ มี ค วามอุ ด มสมบู ร ณ์ น้อ ย มี ค่ า สู ง สุ ด เท่ า กับ 0.2000 กรั ม คาร์ บ อน
ต่อตารางเมตรต่ อเดื อนและตํ่าสุ ดเท่ากับ -0.2123 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตร
ต่อเดือน
97
ภาพที่ 4.1 ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
98
หลังจากที่ได้ทาํ การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
จากภาพถ่ า ยดาวเที ยมแล้ว ต่อไปเป็ นขั้นตอนของการคํา นวณหาปริ ม าณการกักเก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม โดยอาศัยผลการจําแนกพื้นที่
ปลู กยางพาราตามช่ วงอายุในวัตถุประสงค์ขอ้ ที่ 1 มาทําการวิเคราะห์ร่วมกับโปรแกรม
ทางด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ซึ่ งประกอบด้วย 3 ช่วงอายุดว้ ยกัน คือ 1) พื้นที่ปลูก
ยางพาราช่ วงอายุ 7-13 ปี 2) พื้ นที่ ป ลู ก ยางพาราช่ วงอายุ 14-20 ปี และ 3) พื้ นที่ ป ลู ก
ยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป รวมถึ งคํานวณหาปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นของพื้นที่ ป่ าไม้ใ นอํา เภอดอยหลวง จัง หวัดเชี ย งราย เพื่ อศึ ก ษาว่า พื้นที่ ป ลู ก
ยางพารามีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินมากหรื อน้อยกว่าพื้นที่ป่าไม้อย่างไร
จากผลการศึ ก ษาแสดงให้เห็ นว่า ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเฉลี่ ย เหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราในแต่ละช่ วงอายุ มีค่าไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งนี้ เนื่ องมาจากค่าการกักเก็บ
คาร์ บอนเฉลี่ยเหนือพื้นดินของยางพารามีความสัมพันธ์กบั ค่าช่วงคลื่นสี แดง (RED) และ
ช่ วงคลื่ นอินฟราเรดใกล้ (NIR) เป็ นหลัก ส่ วนตัวแปรอื่น ซึ่ งประกอบด้วย ค่ารังสี ดวง
อาทิตย์ ค่าคงที่ของประสิ ทธิ ภาพการใช้แสง ค่าอุณหภูมิ และค่าความชื้นในดินที่นาํ มาใช้
99
ในการประเมิ น เป็ นชุ ดข้อมู ล เดี ย วกัน ทํา ให้ป ริ ม าณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ ยเหนื อ
พื้นดินของยางพาราในแต่ละช่วงอายุมีค่าใกล้เคียงกัน
100
จากการประเมินหาปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของป่ าไม้ในพบว่า พื้นที่ป่า
ไม้ในอําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย มีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิ นเท่ากับ
0.2655 กรั มคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดื อน โดยมี ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อนเหนื อ
พื้นดิ นสู งสุ ดอยู่ที่ 0.3794 กรั มคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดื อนและตํ่าสุ ดอยู่ที่ 0.0393
กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน (ภาพที่ 4.6) ซึ่ งมีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นจากภาพดาวเทีย มน้อยกว่ายางพารา ทั้งนี้ เนื่ องมาจาก ภาพที่ ใช้ในการจํา แนก
การใช้ที่ดินเป็ นภาพในเดือนเมษายน ซึ่ งเป็ นช่ วงเวลาที่ป่าไม้ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
ผลัดใบ ส่ งผลให้ในช่ วงเวลาดัง กล่า วพื้ นที่ ป่ าไม้มีป ริ มาณการกัก เก็บคาร์ บ อนเหนื อ
พื้นดินจากภาพดาวเทียมน้อยกว่ายางพารา
101
ภาพที่ 4.2 การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
102
ภาพที่ 4.3 การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของพื้นที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี
103
ภาพที่ 4.4 การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของพื้นที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี
104
ภาพที่ 4.5 การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของพื้นที่ปลูกยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี
105
ภาพที่ 4.6 การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของพื้นที่ป่าไม้ในอําเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
106
4.1.2 การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากข้อมูลภาคสนาม
โดยในการเข้า สู่ ส มการในการคํา นวณหาปริ ม าณกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้น ดิ น ของ
ยางพาราจากการสํารวจภาคสนามนั้น ต้องอาศัยการวัดความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางที่ระดับ
อกและความสู งของต้นยางพาราในการคํานวณคํานวณหาปริ มาณกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิน ซึ่ งประกอบด้วย ลําต้น กิ่งก้าน และใบ ผูว้ ิจยั จึงได้ทาํ การสุ่ มตัวอย่างแปลงปลู ก
ยางพาราในแต่ละช่วงอายุ เพื่อเป็ นตัวแทนเพื่อคํานวณหาปริ มาณกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นโดยลงพื้นที่ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย เก็บรวบรวมข้อมูลความ
ยาวเส้นผ่าศูนย์กลางที่ระดับอกและความสู งของต้นยางพาราในแต่ละช่วงอายุ โดยแบ่ง
ออกเป็ น 3 ช่วงอายุดว้ ยกัน ประกอบด้วย
107
1) พื้นที่ที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี
2) พื้นที่ที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี
3) พื้นที่ที่ปลูกยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป
108
อําเภอดอยหลวงมีแปลงปลูกยางพาราในช่วงอายุน้ ี มีอายุมากที่สุด คือ อายุ 26 ปี
เพียงอายุเดียวเท่านั้น
109
มี เส้ นรอบวงเฉลี่ ย เท่า กับ 107.50, 104.56, 105.92 เซนติ เมตร เส้ นผ่า ศู นย์ก ลางเฉลี่ ย
เท่ากับ 0.34, 0.33 และ 0.34 เมตร และความสู งของต้นยางพาราเฉลี่ยเท่ากับ 19.37, 19.48
และ 19.17 เมตร ตามลําดับ (ตารางที่ 4.5-4.7)
ตารางที่ 4.5 เส้ นรอบวงเฉลี่ ย เส้ นผ่าศู นย์กลางเฉลี่ ย และความสู งเฉลี่ ยของยางพารา
ช่วงอายุ 7-13 ปี
เส้ นรอบวงเฉลีย่ เส้ นผ่ าศูนย์ กลางเฉลี่ย ความสู งเฉลีย่
อายุ
(ซม.) (ม.) (ม.)
7 50.60 0.16 8.00
8 47.10 0.15 8.90
9 51.40 0.16 9.93
10 55.90 0.18 11.08
11 64.20 0.20 11.68
12 62.40 0.20 12.21
13 66.10 0.21 13.10
ค่ าเฉลีย่ 56.81 0.18 10.70
ตารางที่ 4.6 เส้ นรอบวงเฉลี่ ย เส้ นผ่าศู นย์กลางเฉลี่ ย และความสู งเฉลี่ ยของยางพารา
ช่วงอายุ 14-20 ปี
เส้ นรอบวงเฉลีย่ เส้ นผ่ าศูนย์ กลางเฉลี่ย ความสู งเฉลีย่
อายุ
(ซม.) (ม.) (ม.)
14 64.50 0.21 13.94
14 77.10 0.25 14.09
15 69.30 0.22 15.34
15 67.30 0.21 14.95
16 69.60 0.22 15.90
16 68.50 0.22 15.75
17 75.10 0.24 16.85
ค่ าเฉลีย่ 70.20 0.22 15.26
110
ตารางที่ 4.7 เส้ นรอบวงเฉลี่ ย เส้ นผ่าศู นย์กลางเฉลี่ ย และความสู งเฉลี่ ยของยางพารา
ช่วงอายุมากกว่า 20 ปี
เส้ นรอบวงเฉลีย่ เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง ความสู งเฉลีย่
อายุ
(ซม.) (ม.) (ม.)
26 107.50 0.34 19.37
26 104.56 0.33 19.48
26 105.92 0.34 19.17
ค่ าเฉลีย่ 105.99 0.34 19.34
111
9,011.11 กิ โลกรัมต่อไร่ )โดยค่ามวลชี วภาพเฉลี่ ยของยางพาราช่ วงอายุ 14-20 ปี เท่ากับ
96.51 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (15,442.00 กิโลกรัมต่อไร่ ) และมีค่าการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ย
เท่ากับ 45.36 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (7,257.74 กิโลกรัมต่อไร่ ) ดังตารางที่ 4.10-4.11
112
ตารางที่ 4.8 ค่ามวลชีวภาพเฉลี่ยเหนือพื้นดินของยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี จากข้อมูลภาคสนาม
มวลชี วภาพเฉลีย่ (กิโลกรัมต่ อต้ น) มวลชีวภาพรวม
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
7 45.78 12.48 1.86 60.13 4,569.53 28.56
8 44.33 12.01 1.83 58.17 4,421.04 27.63
9 57.21 16.33 2.12 75.67 5,750.64 35.94
10 73.55 22.10 2.44 98.09 7,454.66 46.59
11 98.77 31.51 2.82 133.10 10,115.41 63.22
12 97.68 31.09 2.80 131.58 9,999.72 62.50
113
113
ตารางที่ 4.9 ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดินของยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี จากข้อมูลภาคสนาม
ปริมาณคาร์ บอนเฉลีย่ (กิโลกรัมต่ อต้ น) ปริมาณคาร์ บอนรวม
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
7 21.52 5.87 0.88 28.26 2,147.68 13.42
8 20.84 5.65 0.86 27.34 2,077.89 12.99
9 26.89 7.67 1.00 35.56 2,702.80 16.89
10 34.57 10.38 1.15 46.10 3,503.69 21.90
11 46.42 14.81 1.33 62.56 4,754.24 29.71
12 45.91 14.61 1.32 61.84 4,699.87 29.37
114
114
ตารางที่ 4.10 ค่ามวลชีวภาพเฉลี่ยเหนือพื้นดินของยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี จากข้อมูลภาคสนาม
มวลชี วภาพเฉลีย่ (กิโลกรัมต่ อต้ น) มวลชีวภาพรวม
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
14 116.82 38.57 3.04 158.43 12,040.73 75.25
14 162.74 57.49 3.47 223.69 17,000.69 106.25
15 144.91 49.99 3.32 198.21 15,063.99 94.15
15 134.60 45.74 3.22 183.57 13,951.15 87.19
16 151.19 52.61 3.37 207.17 15,744.82 98.41
16 145.42 50.20 3.32 198.95 15,120.03 94.50
115
115
ตารางที่ 4.11 ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดินของยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี จากข้อมูลภาคสนาม
ปริมาณคาร์ บอนเฉลีย่ (กิโลกรัมต่ อต้ น) ปริมาณคาร์ บอนรวม
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
14 54.91 18.13 1.43 74.46 5,659.14 35.37
14 76.49 27.02 1.63 105.14 7,990.33 49.94
15 68.11 23.49 1.56 93.16 7,080.07 44.25
15 63.26 21.50 1.51 86.28 6,557.04 40.98
16 71.06 24.73 1.58 97.37 7,400.06 46.25
16 68.35 23.59 1.56 93.51 7,106.41 44.42
116
116
ตารางที่ 4.12 ค่ามวลชีวภาพเฉลี่ยเหนือพื้นดินของยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี จากข้อมูลภาคสนาม
มวลชี วภาพเฉลีย่ (กิโลกรัมต่ อต้ น) มวลชีวภาพรวม
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
26 396.70 168.06 4.46 569.22 43,260.83 270.38
26 377.92 158.53 4.41 540.86 41,105.55 256.91
26 381.34 160.26 4.42 546.02 41,497.42 259.36
ค่ าเฉลีย่ 385.32 162.28 4.43 552.03 41,954.60 262.22
อายุ
ลําต้ น กิง่ ก้ าน ใบ กิโลกรัมต่ อต้ น กิโลกรัมต่ อไร่ เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์
26 186.45 78.99 2.10 267.53 20,332.59 127.08
26 177.62 74.51 2.07 254.21 19,319.61 120.75
26 179.23 75.32 2.08 256.63 19,503.79 121.90
ค่ าเฉลีย่ 181.10 76.27 2.08 259.46 19,718.66 123.24
117
4.1.3 ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่าย
ดาวเทียมกับปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากข้อมูลภาคสนาม
ตารางที่ 4.14 เปรี ย บเที ย บปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมและการสํารวจภาคสนามของยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี
พิกดั ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลีย่ ของยางพารา
อายุ ภาพดาวเทียม
ภาคสนาม
(ปี ) X Y (กรัมคาร์ บอนต่ อ
(เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์ )
ตารางเมตรต่ อเดือน)
7 619375 2233724 0.3370 13.42
8 617473 2224563 0.3175 12.99
9 612032 2224261 0.3510 16.89
10 614079 2225998 0.3595 21.90
11 614618 2226952 0.3614 29.71
12 614450 2226884 0.3551 29.37
13 617176 2232748 0.3700 35.00
118
ตารางที่ 4.15 เปรี ย บเที ย บปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมและการสํารวจภาคสนามของยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี
พิกดั ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลีย่ ของยางพารา
อายุ ภาพดาวเทียม
ภาคสนาม
(ปี ) X Y (กรัมคาร์ บอนต่ อ
(เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์ )
ตารางเมตรต่ อเดือน)
14 617225 2232293 0.3207 35.37
14 611284 2224046 0.3660 49.94
15 610621 2221735 0.3602 44.25
15 615625 2229919 0.3456 40.98
16 617489 2232539 0.3532 46.25
16 616699 2233601 0.3581 44.42
17 619633 2233708 0.3616 56.32
ตารางที่ 4.16 เปรี ย บเที ย บปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมและการสํารวจภาคสนามของยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี
พิกดั ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลีย่ ของยางพารา
อายุ ภาพดาวเทียม
ภาคสนาม
(ปี ) X Y (กรัมคาร์ บอนต่ อ
(เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์ )
ตารางเมตรต่ อเดือน)
26 617900 2233285 0.332012 127.08
26 617929 2233229 0.308517 120.75
26 617987 2233256 0.316126 121.90
119
ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพืน้ ดินของยางพาราช่ วงอายุ 7-13 ปี
40.00
60.00
40.00
20.00
y = 351.54x - 78.446
0.00 R² = 0.6632
0.3100 0.3200 0.3300 0.3400 0.3500 0.3600 0.3700
แบบจําลอง CASA -biosphere model (กรัมคาร์ บอนต่ อตารางเมตรต่อเดือน )
120
ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพืน้ ดินของยางพาราช่ วงอายุ
มากกว่ า 20 ปี
121
ต่อเฮกแตร์ (22,930.18, 22,843.74 และ 20,538.34 กิ โลกรั ม ต่ อไร่ ) และตํ่า สุ ด อยู่ที่
74.5835, 102.1541 และ 116.7472 เมกะกรั ม ต่ อ เฮกแตร์ (11,933.36, 16,344.66 และ
18679.552 กิโลกรัมต่อไร่ ) ตามลําดับ (ตารางที่ 4.17) ซึ่ งแสดงให้เห็นว่า ปริ มาณการกัก
เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มหลัง การปรั บ เที ย บ
มีค่าใกล้เคียงกับปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากการสํา รวจ
ภาคสนาม
122
ภาพที่ 4.10 การกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราหลังการปรับเทียบ
ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
123
4.2 ความสั มพันธ์ ระหว่ างปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพืน้ ดินของยางพารากับปัจจัยทางกายภาพ
ในพืน้ ทีอ่ าํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย
124
ความสู ง 501-600 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง และพื้นที่ที่มีความสู ง 601-700 เมตร
จากระดับทะเลปานกลาง ตามลําดับ โดยมีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิน
ของยางพาราเท่ากับ 0.3325, 0.3302, 0.3215 และ 0.3187 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อ
เดื อน โดยมี พ้ืนที่ ป ลู ก ยางพาราทั้ง หมด 21.3273, 15.3369, 1.2312 และ 0.0009 ตาราง
กิโลเมตร ตามลําดับ ส่ วนพื้นที่ที่มีความสู งมากกว่า 700 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง
พบว่า ไม่มีพ้นื ที่ปลูกยางพารา
4.2.2 ความสั ม พัน ธ์ ร ะหว่ า งปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารากับ
ชนิดของดิน
125
เมตรต่อเดื อน โดยมี มีพ้ืนที่ปลูกยางพาราทั้งหมด 16.1811 ตารางกิ โลเมตร ตามลําดับ
(ตารางที่ 4.19)
4.2.3 ความสั ม พัน ธ์ ร ะหว่ า งปริ มาณการกั ก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารา
กับความลาดชัน
126
ตารางที่ 4.18 ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพารากับความสู งภูมิประเทศ
5 701 - 800 - - -
6 มากกว่า 800 - - -
127
ตารางที่ 4.19 ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินกับชนิ ดของดิน
128
ตารางที่ 4.20 ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินกับความลาดชัน
129
4.3 สรุปผลการศึกษา
130
เชิ งซ้อน ตามลําดับ และพบว่า พื้นที่ที่มีความลาดชันร้ อยละ 6-8 มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ ย
เหนื อพื้ นดิ นของยางพารามากที่ สุ ด รองลงมาคื อ พื้นที่ ที่ มี ค วามลาดชันร้ อยละ 0-5 และพื้ นที่ ที่ มี
ความลาดชันร้อยละ 9-15 ตามลําดับ
131
บทที่ 5
หลัง จากที่ ไ ด้ท ํา การประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพดาวเที ย ม
ในบทที่ 4 แล้ว ในขั้นตอนต่ อไป ผูว้ ิจยั สนใจที่ จะศึ กษาการพัฒนาโมเดลที่ เหมาะสมสํา หรั บการ
ประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพดาวเทียมของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
จังหวัดเชี ยงราย ซึ่ งเป็ นการพัฒนาโมเดลใหม่ข้ ึนมา เพื่อที่ จะสามารถประเมิ นการกักเก็บคาร์ บอน
เหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพดาวเทียมได้ง่ายและรวดเร็ วมากขึ้นในครั้งต่อไป ซึ่ งในการศึกษา
ครั้งนี้ ทําการพัฒนาหาโมเดลจากภาพดาวเทียม Landsat-8 OLI ปี 2558 โดยนําภาพดาวเทียมที่ผ่าน
กระบวนการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มด้ว ย
CASA-biosphere model และผ่านการปรับเทียบระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราจากภาพดาวเที ย มกับ ปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากข้อมู ล
ภาคสนามมาหาความสัมพันธ์กบั ค่าการสะท้อน (Reflectance) ของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์ โดยหา
จุดตัวอย่างทัว่ พื้นที่ศึกษาในระยะห่ างที่เท่ากันในตําแหน่งพิกดั เดี ยวกันระหว่างภาพดาวเทียมที่ผา่ น
กระบวนการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารากับ ค่ า การสะท้อ นของภาพ
ดาวเที ย มแต่ ละแบนด์ เพื่ อดู ค วามสัม พันธ์ว่า ค่า การสะท้อนของช่ วงคลื่ นไหนมี ค วามสัมพันธ์ กบั
ป ริ ม า ณ ก า ร กั ก เ ก็ บ ค า ร์ บ อ น เ ห นื อ พื้ น ดิ น ข อ ง ย า ง พ า ร า จ า ก ภ า พ ถ่ า ย ด า ว เ ที ย ม ด้ ว ย
CASA-biosphere model มากที่สุด โดยในการศึกษาครั้งนี้ จะเลือกสมการความสัมพันธ์จากช่วงคลื่น
นั้นๆ เป็ นตัวแทนในการใช้เพื่อพัฒนาโมเดลในขั้นต่อไป
5.1 ความสั มพันธ์ ระหว่ างค่ าปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพารากับค่ าการสะท้ อน
ของภาพดาวเทียม
132
การกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่
ผ่านการปรับแก้กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์ เพื่อหาแบนด์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดี
ที่สุดและนํามาสร้างโมเดล โดยอาศัยวิธีการทางสถิติ ซึ่ งในการศึกษาครั้งนี้จึงเป็ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ที่ประกอบด้วย 2 ตัวแปร กล่าวคือ ดู ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ น
ของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้กบั ค่าการสะท้อน
ของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์ ซึ่ งเป็ นการวัดที่เรี ยกว่า สหสัมพันธ์ (Correlation) และสามารถคํานวณ
ออกมาเป็ นตัวเลข เรี ยกว่า สัมประสิ ทธิ์ สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)
ซึ่ งในการศึ ก ษาครั้ งนี้ เป็ นการวัด ความสั ม พัน ธ์ เ ชิ ง เส้ น ตรงของตัว แปรเชิ ง ปริ ม าณ 2 ตัว คื อ
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ ายดาวเที ยมด้วย CASA-biosphere
model ที่ผา่ นการปรับแก้ (X) กับค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์ (Y) ซึ่งในการวิเคราะห์
ข้ อ มู ล ที่ ป ระกอบด้ ว ยตั ว แปร 2 ตั ว แปร เริ่ มด้ ว ยการนํ า ข้ อ มู ล มาเขี ย นแผนภาพกระจาย
(Scatter Diagram) เพื่อให้เห็นภาพของความสัมพันธ์วา่ จะมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร ในรู ปแบบของกราฟ
โดยกําหนดให้แกนนอนแทนตัวแปร X และแกนตั้งแทนตัวแปร Y การพิจารณาตัวแปรเพียง 2 ตัวแปร
จะเรี ยกว่า สหสัมพันธ์อย่างง่าย (Simple Correlation) ซึ่ งตัวแปร X และ Y อาจจะมีความสัมพันธ์อยู่
ในรู ป แบบต่ า งๆ ได้ห ลายแบบ เช่ น ความสั ม พัน ธ์ ที่ มี แ นวโน้ ม เป็ นเส้ น ตรง แบบพาราโบลา
แบบเอ็กซ์โปเนนเชี ยล และแบบอื่นๆ แต่ในการศึกษาครั้งนี้จะพิจารณาถึงความสัมพันธ์ที่มีแนวโน้ม
เป็ นเส้นตรง ซึ่ งแบ่งความสัมพันธ์ได้ออกเป็ น 2 แบบ คือ
1) ความสั มพันธ์ เชิ งบวก (Positive Correlation) เป็ นความสัมพันธ์ที่เรี ยกว่า แปรผันตามกัน
กล่าวคือ ถ้าค่า X มากขึ้น ค่าของ Y ก็มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นตามด้วย แต่ถา้ ค่า X มีค่าน้อยลง
ค่าของ Y ก็มีแนวโน้มที่จะน้อยลงตามด้วย
2) ความสั มพันธ์ เชิ งลบ (Negative Correlation) เป็ นความสัมพันธ์ที่เรี ยกว่า แปรผันกลับกัน
กล่าวคื อ ถ้าค่า X มากขึ้ น ค่าของ Y ก็มีแนวโน้มที่ จะลดลง ในทํานองเดี ยวกัน ถ้าค่า X มี ค่า
น้อยลง ค่าของ Y ก็มีแนวโน้มที่จะมากขึ้น การแปรผันแบบนี้ บางครั้งเรี ยกว่า การแปรผกผัน
133
∑𝑛𝑛 � �
𝑖𝑖=1(𝑋𝑋𝑖𝑖 −𝑋𝑋)(𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑌𝑌)
R = สมการ 5.1
�[∑𝑛𝑛 � 2 𝑛𝑛 � 2
𝑖𝑖=1(𝑋𝑋𝑖𝑖 −𝑋𝑋) ∑𝑖𝑖=1(𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑌𝑌) ]
𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 𝑛𝑛 𝑛𝑛
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 𝑌𝑌𝑖𝑖 –�∑𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 ��∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 �
หรื อ R = สมการ 5.2
�[𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2 𝑛𝑛 2
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 −(∑𝑖𝑖=1 𝑋𝑋) ][𝑛𝑛 ∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 −(∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 ) ]
𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 ��
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑛𝑛𝑋𝑋𝑌𝑌
หรื อ R = สมการ 5.3
�[𝑛𝑛 ∑𝑛𝑛 2 � 2 𝑛𝑛 2 �2
𝑖𝑖=1 𝑋𝑋𝑖𝑖 −(𝑛𝑛𝑋𝑋 ][∑𝑖𝑖=1 𝑌𝑌𝑖𝑖 −𝑛𝑛𝑌𝑌 ]
ในขั้นตอนต่ อไปนี้ จะเป็ นการทดลอง เพื่อทํา การหาค่า ความสั ม พันธ์ ระหว่า งปริ ม าณการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้ นดิ นของย างพาราจากภาพถ่ าย ดาวเที ยมด้ ว ย CASA-biosphere model
กับค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมที่ดีที่สุดของภาพดาวเทียมทั้งหมด 8 แบนด์ดว้ ยกัน ประกอบด้วย
แบนด์ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 9 ส่ วนแบนด์ ที่ 8, 10 และ 11 ไม่ นํ า มาพิ จ ารณา เนื่ อ งจากเป็ น
Panchromatic และช่วงคลื่ นความร้ อน โดยในการศึกษาครั้งนี้ ได้ทาํ การทดสอบหาความสัมพันธ์ที่ดี
ที่ สุ ดจากการสร้ า งจุ ดตัวอย่า งในพื้นที่ ศึ ก ษาในระยะห่ า งที่ เท่ า กันทุ ก จุ ด ซึ่ ง แบ่ง ออกเป็ น 3 ระยะ
ซึ่ งประกอบด้วย ระยะ 1,000 เมตร, 1,500 เมตร และ 2,000 เมตร (ภาพที่ 5.1-5.3) โดยจุดที่มีระยะห่าง
1,000 เมตร มี ท้ งั หมด 312 จุ ด จุ ดที่ มีระยะห่ าง 1,500 เมตร มี ท้ งั หมด 138 จุ ด และจุ ดที่ มีระยะห่ า ง
2,000 เมตร มีท้ งั หมด 78 จุด
จากการทดสอบพบว่า จุ ดที่ มีระยะห่ าง 1,000 เมตร มี ความสัมพันธ์ มากที่ สุด รองลงมาเป็ นจุ ดที่ มี
ระยะห่ าง 2,000 เมตร และจุดที่มีระยะห่าง 1,500 เมตร ตามลําดับ โดยความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณ
การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ ายดาวเทีย มด้วย CASA-biosphere model
ที่ ผ่านการปรับแก้กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเที ยมทั้งหมด 8 แบนด์ของจุ ดที่มีระยะห่ าง 1,000
เมตร ซึ่ ง แบนด์ที่ มี ค่ า ความสัมพันธ์ ม ากที่ สุ ด คื อ แบนด์ 4 เป็ นความสัม พันธ์ เชิ งลบ รองลงมาคื อ
134
แบนด์ 2, 1, 3, 5, 7, 6 และ 9 ตามลําดับ โดยมี ค่า R2 เท่ากับ 0.7713, 0.6910, 0.6486, 0.6232, 0.5881,
0.5868, 0.3276 และ 0.0002 ตามลําดับ ส่ วนจุดที่มีระยะห่าง 2,000 เมตร มีความสัมพันธ์ความสัมพันธ์
รองลงมา แบนด์ที่มีค่าความสัมพันธ์ มากที่ สุด คื อ แบนด์ 4 เป็ นความสัมพันธ์ เชิ งลบ รองลงมาคื อ
แบนด์ 4, 5, 2, 1, 3, 7, 6 และ 9 ตามลําดับ โดยมีค่า R2 เท่ากับ 0.7228, 0.6879, 0.6696, 0.6226, 0.5381,
0.4447, 0.1538 และ 0.0247 ตามลําดับ และจุดที่มีระยะห่าง 1,500 เมตร มีความสัมพันธ์ความสัมพันธ์
รองลงมา ซึ่ งแบนด์ที่มีค่าความสัมพันธ์มากที่สุด คือ แบนด์ 4 เป็ นความสัมพันธ์เชิ งลบ รองลงมา คือ
แบนด์ 2, 1, 3, 7, 5, 6 และ 9 ตามลําดับ โดยมีค่า R2 เท่ากับ 0.5296, 0.4660, 0.4229, 0.3989, 0.3833,
0.3726, 0.1859 และ 0.0066 ตามลําดับ ซึ่ งความสัมพันธ์ ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผ่านการปรับแก้กบั ค่าการ
สะท้อ นของภาพดาวเที ย มแบนด์ ใ นระยะห่ า งแต่ ล ะช่ ว ง โดยในการศึ ก ษาครั้ งนี้ ได้ท าํ การเลื อ ก
ความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย
CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแบนด์ 4 และแบนด์ 2
ของจุดที่มีระยะห่าง 1,000 เมตร ซึ่ งมีความสัมพันธ์กนั ในเชิงลบโดยสมบูรณ์ (ภาพที่ 5.4-5.5) ซึ่ งแสดง
ในตารางที่ 5.1
135
ภาพที่ 5.1 จุดตัวอย่างที่มีระยะห่าง 1,000 เมตร
136
ภาพที่ 5.2 จุดตัวอย่างที่มีระยะห่าง 1,500 เมตร
137
ภาพที่ 5.3 จุดตัวอย่างที่มีระยะห่าง 2,000 เมตร
138
0.2500
ค่ า Reflectance ของภาพดาวเทียม
R² = 0.7713
0.2000
0.1500
0.1000
0.0500
0.0000
0.0000 50.0000 100.0000 150.0000
ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพืน้ ดินของยางพารา
จากภาพถ่ ายดาวเทียมด้ วย CASA - biosphere model ทีผ่ ่านการปรับแก้
0.2000
ค่ า Reflectance ของภาพดาวเทียม
0.1500
0.1000
0.0500
R² = 0.691
0.0000
0.0000 50.0000 100.0000 150.0000
139
5.2 การสร้ างความสั มพันธ์ ในลักษณะของสมการถดถอยเชิ งเส้ น
หลัง จากการหาค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ สหสั ม พัน ธ์ ข องตัว แปรคู่ แ ล้ว จะทํา ให้ ท ราบถึ ง ความสั ม พัน ธ์
เชิงเส้นตรงของตัวแปรคู่น้ นั ว่ามีความสัมพันธ์กนั มากน้อยเพียงใด หลังจากที่ทราบความสัมพันธ์แล้ว
ก็ ส ามารถนํา ข้อ มู ล นั้น มาสร้ า งความสั ม พัน ธ์ ใ นลัก ษณะของสมการ ซึ่ งเรี ย กว่า สมการถดถอย
(Regression Equation) ซึ่ งสมการที่ แ สดงความสั ม พัน ธ์ เ ชิ ง เส้ น ของข้อ มู ล ตัว แปรคู่ (X และ Y)
มีรูปแบบสมการความสัมพันธ์ (สถิติเบื้องต้นสําหรับสังคมศาสตร์ 1, 2545) คือ
Y = a + bX สมการ 5.4
140
พื้นที่อื่น ซึ่ งถือว่าโมเดลดังกล่าวจะมีประโยชน์ในการวางแผน แก้ไข และพัฒนา รวมถึงเป็ นแนวทาง
สําคัญให้กบั หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาในการประเมิ นการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราอีกด้วย
141
ยางพาราเท่ากับ 126.6699 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (20,267.18 กิโลกรัมต่อไร่ ) สู งสุ ดอยูท่ ี่ 143.3136 เมกะ
กรัมต่อเฮกแตร์ (22,930.18 กิโลกรัมต่อไร่ ) และตํ่าสุ ดอยูท่ ี่ 74.5835 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (11,933.36
กิโลกรัมต่อไร่ ) ส่ วนยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี มีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดินของยางพารา
เท่ากับ 132.5753 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (21,212.05 กิโลกรัมต่อไร่ ) สู งสุ ดอยูท่ ี่ 142.7734 เมกะกรัมต่อ
เฮกแตร์ (22,843.74 กิ โ ลกรั ม ต่ อ ไร่ ) และตํ่า สุ ด อยู่ ที่ 102.1541 เมกะกรั ม ต่ อ เฮกแตร์ (16,344.66
กิ โลกรั ม ต่อไร่ ) และยางพาราช่ วงอายุม ากกว่า 20 ปี มี ก ารกัก เก็บ คาร์ บ อนเฉลี่ ย เหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราเท่ากับ 124.0813 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (19,853.01 กิโลกรัมต่อไร่ ) สู งสุ ดอยูท่ ี่ 128.3646 เมกะ
กรัมต่อเฮกแตร์ (20,538.34 กิโลกรัมต่อไร่ ) และตํ่าสุ ดอยูท่ ี่ 116.7472 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (18,679.55
กิ โลกรั มต่อไร่ ) (ตารางที่ 5.2) และเมื่ อนําค่าปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อนเหนื อพื้นดิ นจากภาพถ่ า ย
ดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผ่านการปรับแก้แล้วมาหาความสัมพันธ์กบั ปริ มาณการกัก
เก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วยโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่ โดยใช้จุดตัวอย่างใน
พื้นที่ศึกษาในระยะห่ าง 1,500 เมตรพบว่า มีค่า R2 เท่ากับ 0.7144 (ภาพที่ 5.10) ซึ่ งจากผลการศึกษา
ดัง กล่ า วแสดงให้เห็ นว่า โมเดลที่ พ ฒ ั นาขึ้ นมาใหม่มี ศ กั ยภาพเพี ย งพอในการประเมิ นการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพารา
142
ภาพที่ 5.6 ผลการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่
143
ภาพที่ 5.7 ผลการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินจากโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่
ของยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี
144
ภาพที่ 5.8 ผลการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินจากโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่
ของยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี
145
ภาพที่ 5.9 ผลการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินจากโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่
ของยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี
146
160.00
ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนจาก Casa-biosphere model 140.00
ทีผ่ ่านการปรับแก้ (เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์ ) 120.00
100.00
80.00
60.00
40.00 y = 1.0267x - 3.4441
R² = 0.7144
20.00
0.00
0.00 20.00 40.00 60.00 80.00 100.00 120.00 140.00
ปริมาณการกักเก็บคาร์ บอนจากโมเดลทีพ่ ฒ
ั นาขึน้ มาใหม่ (เมกะกรัมต่ อเฮกแตร์ )
5.3 สรุปผลการศึกษา
ในการพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมสําหรับการประเมินการกักเก็บคาร์บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจาก
ภาพดาวเทียมของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย เป็ นการพัฒนาโมเดลใหม่ข้ ึนมา โดยอาศัยผล
การศึกษาจากการประเมิ นการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย
CASA-biosphere model ที่ ผ่านการปรับเที ยบระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราจากภาพดาวเที ย มกับ ปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากข้อมู ล
ภาคสนามในวัตถุประสงค์ขอ้ ที่ 2 มาหาความสัมพันธ์กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแต่ละแบนด์
โดยได้ท าํ การทดสอบ เพื่ อ หาความสั ม พัน ธ์ ที่ ดี ที่ สุ ด จากการสร้ า งจุ ด ตัว อย่า งในพื้ น ที่ ศึ ก ษาใน
ระยะห่างที่เท่ากันทุกจุด ซึ่ งแบ่งออกเป็ น 3 ระยะ ซึ่ งประกอบด้วย ระยะ 1,000 เมตร, 1,500 เมตร และ
2,000 เมตร ซึ่ งผลการทดสอบพบว่า จุดที่มีระยะห่าง 1,000 เมตร มีความสัมพันธ์มากที่สุด รองลงมา
เป็ นจุ ดที่ มี ระยะห่ า ง 2,000 เมตร และจุ ดที่ มี ระยะห่ า ง 1,500 เมตร ตามลํา ดับ โดยมี ค่า R2 เท่ า กับ
147
0.7713, 0.7228 และ 0.5296 ตามลําดับ และหลังจากการหาค่าสัมประสิ ทธิ์ สหสัมพันธ์ของตัวแปรคู่
แล้ว ได้นํา ข้อมู ล มาสร้ า งความสั ม พันธ์ ใ นลัก ษณะของสมการ ซึ่ ง เรี ย กว่า สมการถดถอย พบว่า
รู ป แบบสมการความสั ม พันธ์ ระหว่า งปริ ม าณการกัก เก็บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ น ดิ นของยางพาราจาก
ภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียม
แบนด์ 4 ของจุดที่มีระยะห่ าง 1,000 เมตร คือ Y = 170.828 - 792.368 (b4) ซึ่ งหลังจากที่ได้ทดลองใช้
โมเดลดั ง กล่ า วในการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราพบว่ า พื้ น ที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย มี ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อนเฉลี่ ย เหนื อพื้นดิ นเท่ากับ 99.1377
เมกะกรั ม ต่ อ เฮกแตร์ (15,862.03 กิ โ ลกรั ม ต่ อ ไร่ ) สู ง สุ ด อยู่ ที่ 128.2136 เมกะกรั ม ต่ อ เฮกแตร์
(20,514.18 กิโลกรัมต่อไร่ ) และตํ่าสุ ดอยู่ที่ -101.7631 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (-16,282.10 กิโลกรัมต่อ
ไร่ ) โดยมี ก ารกั ก เก็ บ คาร์ บ อนเฉลี่ ย เหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราเท่ า กับ 117.5348 เมกะกรั ม
ต่อเฮกแตร์ (18,805.57 กิโลกรัมต่อไร่ ) และมีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดินของยางพาราแยก
ตามช่วงอายุ โดยยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี , 14-20 และมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป มีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ย
เหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราเท่ า กับ 117.1887, 119.1531 และ 114.5497 เมกะกรั ม ต่ อ เฮกแตร์
(18,750.19, 19,064.50 และ 18,327.95 กิโลกรัมต่อไร่ ) ตามลําดับ ซึ่ งมีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อน
เหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราใกล้เ คี ย งกับ ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพารา
จากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้แล้ว โดยมีค่า R2 เท่ากับ 0.7144
148
บทที่ 6
สรุ ปและอภิปรายผลการศึกษา
การศึ ก ษาเรื่ อง การประเมิ นการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเทียม
มีวตั ถุประสงค์หลักอยู่ 3 วัตถุประสงค์ดว้ ยกัน คือ 1) เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในพื้นที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย 2) เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจาก
ภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model และศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างปริ มาณการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้ น ดิ น กั บ ปั จจั ย ทางกายภาพในพื้ น ที่ อ ํ า เภอดอยหลวง จั ง หวั ด เชี ยงราย
และ 3) เพื่อพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราด้วย
ภาพดาวเทียมของพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชี ยงราย เพื่อที่จะสามารถนําผลการศึกษาดังกล่าวไป
เป็ นแนวทางในการประยุกต์ใช้ใ นการประเมิ นการกักเก็บคาร์ บ อนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจาก
ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่อื่นต่อไป
6.1 สรุปผลการศึกษา
149
ดอยหลวง จังหวัดเชียงราย 10 ปี ย้อนหลัง คือ ในปี 2548 ก่อนที่จะมีการส่ งเสริ มการปลูก
ยางพาราและหลังที่จะมีการส่ งเสริ มการปลู กยางพาราในปี 2558 ว่ามีการเปลี่ยนแปลง
การใช้ที่ดินจากการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทใดบ้างมาเป็ นพื้นที่ปลู กยางพารา ซึ่ งใน
การจําแนกครั้ งนี้ เป็ นการจําแนกการใช้ที่ ดินด้วยวิธีการเชิ ง วัตถุ โดยอาศัยโปรแกรม
eCognition Developer 7.0 ในการจําแนก ซึ่ งในปี 2548 ทําการจําแนกโดยใช้ภาพถ่ า ย
ด า ว เ ที ย ม Landsat-5 TM ส่ ว น ปี 2558 ใ ช้ ภ า พ ถ่ า ย ด า ว เ ที ย ม Landsat-8 OLI
ซึ่ งภาพทั้ง 2 เป็ นภาพระวาง 130046 และมีรายละเอียดจุดภาพ 30 เมตร โดยในปี 2548
ทํา การจํา แนกประโยชน์ ก ารใช้ ที่ ดิ น ออกเป็ น 6 ประเภทด้ว ยกัน คื อ พื้ น ที่ ป่ าไม้
พื้นที่เกษตร ที่อยูอ่ าศัยแหล่งนํ้า พื้นที่อื่นๆ และพื้นที่ปลูกยางพารา ส่ วนปี 2558 ทําการ
จํา แนกประโยชน์ ก ารใช้ที่ ดินออกเป็ น 4 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย พื้ นที่ ป่ าไม้
พื้ น ที่ ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 7-13 ปี พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราช่ ว งอายุ 14-20 ปี และ
พื้นที่ปลูกยางพาราอายุมากกว่า 20 ปี
150
ผลการตรวจสอบความถู ก ต้องของข้อมู ล ดัง กล่ า ว เป็ นเพี ย งผลการตรวจสอบความ
ถูกต้องของข้อมูลจากจุดจุดตรวจสอบความถูกต้องที่ได้จากการสํารวจภาคสนามเท่านั้น
ในส่ วนของการใช้ที่ดินโดยรอบที่ อยู่นอกเหนื อจากจุ ดตรวจสอบความถู กต้องอาจมี
ความคลาดเคลื่อนของผลการจําแนกข้อมูลได้
151
ส่ วนการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากข้อมูลภาคสนามใช้
สมการแอลโลเมตรี ของ Ogino et al. (1967) อ้า งใน (Saengruksawong. C et al., 2012)
ในการประเมิน ซึ่ งใช้เส้นเส้นผ่าศูนย์กลางระดับอกและความสู งต้นไม้ในการคํานวณ
โดยผูว้ ิจยั ได้ทาํ การลงพื้นที่สํารวจภาคสนาม สุ่ มวัดต้นยางพาราในแปลงตัวอย่างในแต่
ละช่ ว งอายุ เพื่ อ เป็ นทํ า การวัด เส้ น รอบวงที่ ร ะดั บ อก (ซึ่ งนํ า มาคํ า นวณเป็ น
เส้นผ่าศูนย์กลางเพื่อใช้ในสมการต่อไป) และความสู งของต้นยางพาราในแต่ละช่วงอายุ
จํานวน 17 แปลง ซึ่ งพื้นที่ที่ปลูกยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี ทําการเก็บตัวอย่างแปลงปลูก
ยางพาราในช่วงอายุน้ ี จาํ นวน 7 แปลง ได้แก่ แปลงปลูกยางพาราอายุ 7, 8, 9, 10, 11, 12,
13 ปี ตามลําดับ พื้นที่ ที่ปลู กยางพาราช่ วงอายุ 14-20 ปี ทําการเก็บตัวอย่างแปลงปลู ก
ยางพาราจํานวน 7 แปลง ได้แก่ แปลงปลูกยางพาราอายุ 14 ปี จํานวน 2 แปลง แปลงปลูก
ยางพาราอายุ 15 ปี จํานวน 2 แปลง แปลงปลู กยางพาราอายุ 16 ปี จํานวน 2 แปลง และ
แปลงปลูกยางพาราอายุ 17 ปี จํานวน 1 แปลง เนื่ องจากในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวงมีแปลง
ปลูกยางพาราในช่วงอายุที่มีอายุมากที่สุด คือ อายุ 17 ปี เท่านั้น ส่ วนพื้นที่ที่ปลูกยางพารา
อายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป ทําการเก็บตัวอย่างแปลงปลูกยางพาราจํานวน 3 แปลงด้วยกัน
เนื่ องจากในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวงมียางพาราอายุมากกว่า 20 ปี คือ ยางพาราอายุ 26 ปี
เพียงอายุเดียวเท่านั้น
ผลการประเมิ นการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อพื้ นดิ น จากภาพถ่ า ยดาวเที ย มพบว่า พื้น ที่
อําเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย มีค่าการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินเฉลี่ยอยูท่ ี่ 0.2288
กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือนและสามารถแบ่งความอุดมสมบูรณ์ของปริ มาณการ
กักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวงออกได้ 4 ระดับ คือ พื้นที่ที่มีความ
อุดมสมบูรณ์มากที่สุด พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ปาน
กลาง และพื้นที่ ที่มีความอุ ดมสมบู รณ์ น้อย โดยในการประเมิ นหาปริ มาณการกักเก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมนั้นอาศัยผลการจําแนกพื้นที่
ปลู ก ยางพาราตามช่ วงอายุใ นวัตถุ ป ระสงค์ข ้อที่ 3 ร่ วมกับ โปรแกรมทางด้า นระบบ
สารสนเทศภู มิศาสตร์ ในการวิเคราะห์ ซึ่ งพบว่า พื้นที่ อาํ เภอดอยหลวง มี การกักเก็บ
คาร์ บอนเฉลี่ ยเหนื อพื้นดิ นของยางพาราเท่ากับ 0.3261 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อ
เดือน โดยยางพาราช่วงอายุ 14-20 ปี มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินมากที่สุด
รองลงมาเป็ นยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี และยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป โดยมี
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นเท่ากับ 0.3524, 0.3312 และ 0.3219 ตามลําดับ
ส่ วนการคํานวณค่าการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากข้อมูลภาคสนาม
152
พบว่า มี ค่ า การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเฉลี่ ย เท่ า กับ 22.76, 45.36 และ 123.24 เมกะกรั ม ต่ อ
เฮกแตร์ (3,640.92, 7,257.74 และ 19,718.66 กิโลกรัมต่อไร่ ) ตามลําดับ
153
ของยางพาราเท่ากับ 0.3325, 0.3302 และ 0.3215 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดื อน
ตามลําดับ ส่ วนชุ ดดินหนองมด ชุ ดดินท่ายาง/ชุ ดดินบ้านจ้อง และพื้นที่ลาดชันเชิ งซ้อน
มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดินของยางพาราเท่ากับ 0.3333, 0.3331 และ
0.3292 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน ตามลําดับ และพื้นที่ที่มีความลาดชันร้อยละ
6-8, 0-5 และ 9-15 มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิ นของยางพาราเท่ากับ
0.3325, 0.3308 และ 0.3285 กรัมคาร์ บอนต่อตารางเมตรต่อเดือน ตามลําดับ แต่ท้งั นี้แล้ว
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราไม่ได้ข้ ึนอยูก่ บั ปั จจัยทางกายภาพ
ซึ่ งได้แก่ ความสู งของภูมิประเทศ ชนิดของดิน และความลาดชัน เพียงอย่างเดียว แต่ยงั
ขึ้นอยูก่ บั ปั จจัยทางด้านอื่นๆ อีก ไม่วา่ จะเป็ น ความชื้นของดิน ปริ มาณนํ้าฝน อุณหภูมิที่
เหมาะสม รวมถึงอายุยางพารา พันธ์ยางพารา และการดูแลบํารุ งรักษาของเกษตรกรอีก
ด้วย
6.1.3 การพัฒ นาโมเดลที่ เ หมาะสมในการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของ
ยางพาราด้วยภาพดาวเทียม
ในการศึกษาการพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมสําหรับการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียม ได้ทาํ การพัฒนาหาโมเดลจากภาพดาวเทียม
Landsat-8 OLI ปี 2558 โดยนํา ภาพดาวเที ย มที่ ผ่า นกระบวนการประเมิ น การกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่
ผ่านการปรับเทียบระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพ
ดาวเทียมกับข้อมูลภาคสนามมาหาความสัมพันธ์กบั ค่าการสะท้อนของภาพดาวเทียมแต่
ละแบนด์ ซึ่ งประกอบด้วย แบนด์ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 9 ส่ วนแบนด์ที่ 8, 10 และ 11 ไม่
นํามาพิจารณา เนื่ องจากเป็ น Panchromatic และช่วงคลื่นความร้ อน ซึ่ งก่อนที่จะทําการ
พัฒนาโมเดล ได้มี ก ารทํา การทดสอบเพื่อหาความสั ม พันธ์ ที่ ดีที่ สุดจากการสร้ า งจุ ด
ตัวอย่างในพื้นที่ศึกษาในระยะห่างที่เท่ากันทุกจุด ซึ่งแบ่งออกเป็ น 3 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะ1,000 เมตร, 1,500 เมตร และ 2,000 เมตร ซึ่ งผลการทดสอบพบว่า แบนด์ 4 ของจุด
ทดสอบที่มีระยะห่ าง 1,000 เมตร มีความสัมพันธ์กบั ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มด้ว ย CASA-biosphere model ที่ ผ่า นการ
ปรั บ เที ย บระหว่า งปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพ
ดาวเทียมกับข้อมูลภาคสนามมากที่สุด โดยมีค่า R2 เท่ากับ 0.7713 และหลังจากที่ทราบ
ค่าสัมประสิ ทธิ์ สหสัมพันธ์ของตัวแปรคู่แล้ว ได้ทาํ การสร้ างความสัมพันธ์ในรู ปแบบ
154
สมการความสั ม พันธ์ เชิ ง เส้ นตรง คื อ Y = 170.828 - 792.368 (b4) และเมื่ อนํา สมการ
ดัง กล่ า วมาทดสอบ โดยทํา การคํา นวณกลับ ไปยัง ภาพพบว่า พื้นที่ อาํ เภอดอยหลวง
จังหวัดเชี ยงราย มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ ยเหนื อพื้นดิ นเท่ากับ 99.1377 เมกะ
กรัมต่อเฮกแตร์ (15,862.03 กิโลกรัมต่อไร่ ) โดยมีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิ น
ของยางพาราเท่ากับ 117.5348 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (18,805.57) กิโลกรัมต่อไร่ และมี
การกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิ นของยางพาราแยกตามช่วงอายุ โดยยางพาราช่วง
อายุ 7-13 ปี , 14-20 และมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป มีการกักเก็บคาร์ บอนเฉลี่ยเหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราเท่ากับ 117.1887, 119.1531 และ 114.5497 เมกะกรัมต่อเฮกแตร์ (18,750.19,
19,064.50 และ 18,327.95 กิ โ ลกรั ม ต่ อ ไร่ ) ตามลํา ดับ ซึ่ งถื อ ว่า มี ป ริ ม าณการกัก เก็ บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากโมเดลใหม่มีค่าใกล้เคียงกับปริ มาณการกัก เก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่
ผ่านการปรับแก้แล้ว จากนั้น ทําการทดสอบความถูกต้องของโมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่
โดยหาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจาก
โมเดลที่พฒั นาขึ้นมาใหม่กบั ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจาก
ภาพถ่ายดาวเทียมด้วย CASA-biosphere model ที่ผา่ นการปรับแก้แล้ว โดยใช้จุดทดสอบ
ที่มีระยะห่ าง 1,500 เมตร ซึ่ งพบว่า มีค่าความสัมพันธ์อยูท่ ี่ R2 เท่ากับ 0.7144 ซึ่ งถือได้วา่
โมเดลที่ทาํ การพัฒนาขึ้นมาใหม่ดงั กล่าว เป็ นโมเดลที่สามารถนําไปช่วยในการประเมิน
การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ยดาวเที ย มได้ อ ย่ า งมี
ประสิ ทธิ ภาพ
6.2 อภิปรายผลการศึกษา
155
6.2.1 การศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
156
ออกไป ซึ่ งในการกํา หนดค่ า พารามิ เ ตอร์ ต่ า งๆ ในแต่ ล ะงาน ควรมี ก ารกํา หนดให้
เหมาะสมกับการจําแนกการใช้ท่ีดินและขนาดของพื้นที่ศึกษา ซึ่ งในการกําหนดเงื่ อนไข
โดยใช้ ค่ า Layer Values (Mean, Standard deviation, Pixel-based, Neighbors), Texture
และ NDVI ในการสร้ างกฎเกณฑ์และเงื่ อนไขในการจําแนก ในงานชิ้ นนี้ ใช้เพี ย งแค่
ค่ า Layer Values เท่ า นั้ น ยัง ขาดการนํ า ค่ า Texture และ NDVI มาเป็ นเงื่ อ นไข
ประกอบการจําแนกเหมือนกับงานชิ้ นอื่น ส่ วนการตรวจสอบความถู กต้องของผลการ
จําแนกทําการตรวจสอบโดยอาศัยจุดตรวจสอบความถู กต้องจากการสํารวจภาคสนาม
พบว่า ในปี 2548 มีความถูกต้องคิดเป็ นร้อยละ 96.77 และปี 2558 มีความถูกต้องคิดเป็ น
ร้อยละ 98.33 ซึ่ งอยูใ่ นระดับที่ยอมรับได้ ซึ่ งแตกต่างจากงานของศุภลักษณ์ หน้อยสุ ยะ (2552)
และชยกฤต ม้าลําพอง และคณะ (2554) ที่ ทาํ การตรวจสอบความถู กต้องต้องด้วยวิธี
Error Matrix Based on Training and Test Area (TTA) Mark ซึ่ งเป็ นวิ ธี ก ารตรวจสอบ
ความถู ก ต้องที่ ท าํ การเปรี ย บเที ย บผลของการจํา แนกวัตถุ ภาพกับ ข้อมู ล ในพื้นที่ จริ ง
ทั้งนี้แล้ว วิธีการตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนกครั้งนี้อาจมีความคลาดเคลื่อน
ในบริ เวณที่อยูน่ อกจุดตรวจสอบความถูกต้อง และจากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้
ที่ดิน โดยอาศัยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ในการวิเคราะห์พบว่า พื้นที่ปลู กยางพารา
ส่ วนใหญ่ เดิ มเคยเป็ นพื้นที่ เกษตรมากที่ สุด รองลงมาเป็ นพื้นที่ ป่าไม้ และพื้นที่ อื่นๆ
ตามลําดับ ทั้งนี้ เนื่ องมาจากนโยบายการส่ งเสริ มการขยายพื้นที่ปลู กยางพาราเข้ามาใน
พื้นที่ภาคเหนือตอนบนในช่วงปี 2548 ซึ่ งอาจจะเป็ นปั จจัยหลักที่สาํ คัญในการขับเคลื่อน
เศรษฐกิ จ ที่ ส่ ง ผลก่ อ การเปลี่ ย นแปลงการใช้ที่ ดิ น ในพื้ น ที่ อ าํ เภอดอยหลวง ทํา ให้
เกษตรกรส่ วนใหญ่หนั มาปลูกพืชเศรษฐกิจโตเร็ วประเภทยางพาราแทนการปลูกพืชเดิม
ไม่วา่ จะเป็ น ข้าว ข้าวโพด ถัว่ เหลือง ลําไย และลิ้นจี่ เป็ นต้น เพราะนอกจากยางพาราจะ
เป็ นที่ตอ้ งการของตลาดแล้ว ยังให้ผลตอบแทนสู ง รวมถึงอาจส่ งผลดีทางด้านอาชี พ ทํา
ให้เกษตรกรมีอาชี พที่มน่ั คงและสามารถประกอบอาชี พเสริ มหลังการกรี ดยางพารา อีก
ทั้งการปลูกยางพารายังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการกักเก็บคาร์ บอนและลดการเผาในการ
เตรี ยมพื้นที่ทาํ การเกษตรแบบเดิมที่เคยมีในพื้นที่อีกด้วย
157
6.2.2 การประเมิ นการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย
CASA-biosphere model และศึ กษาความสัมพันธ์ ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บ อน
เหนือพื้นดินกับปั จจัยทางกายภาพในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
158
ซึ่ งพบว่า พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวงมีปริ มาณคาร์ บอนกักเก็บเฉลี่ยเหนื อพื้นดิน
น้อยกว่า พื้นที่ ป ลู ก ยางพารา ซึ่ ง แตกต่ า งกับ งานของ Hairiah et al. (2001) ที่ ก ล่ า วว่า
การปลู กยางพาราสามารถกักเก็บคาร์ บอนได้ปีละไม่น้อยกว่า 5.32 ตันคาร์ บอนต่อไร่
โดยยางพาราที่ มีอายุ 25 ปี จะสามารถกักเก็บคาร์ บอนได้ถึง 43 ตันคาร์ บอนต่อไร่ ซึ่ ง
น้อยกว่าป่ าสมบูรณ์ ที่สามารถกักเก็บคาร์ บอนได้มากถึง 48.96 ตันคาร์ บอนต่อไร่ ทั้งนี้
อาจเนื่ องมาจากในการประเมินการกักเก็บคาร์ บอนกักเก็บเฉลี่ ยเหนื อพื้นดิ นจากภาพ
ดาวเทียมในครั้งนี้ ทําการประเมินในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็ นช่วงที่ป่าไม้ผลัดใบ ทําให้
มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนกักเก็บเฉลี่ยเหนือพื้นดินมากกว่าพื้นที่ป่าไม้
159
การศึกษาครั้งนี้ ยังพบข้อสังเกตระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของ
ยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมและจากข้อมูลภาคสนาม โดยปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอน
เหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมจะมีมากที่สุดในยางพาราช่วงอายุ 14-20
ปี รองลงมาเป็ นยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี และมากกว่า 20 ปี แสดงให้เห็นว่าปริ มาณการ
กักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมจะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ
และลดลงในยางช่วงอายุมากกว่า 20 ปี ซึ่ งแตกต่างจากปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดินของยางพาราจากข้อมูลภาคสนามที่มีปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดิ นของ
ยางพารามากขึ้นตามช่ วงอายุ ทั้งนี้ อาจเนื่ องมาจากต้นยางพาราช่ วงอายุมากกว่า 20 ปี
ในบางส่ วนของแปลงสํารวจ ได้มีการถูกโค่นและยืนต้นตาย ซึ่ งอาจเป็ นสาเหตุที่ทาํ ให้มี
ปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นจากภาพถ่ายดาวเทียมน้อยกว่ายางพาราในช่วง
อายุอื่นเล็กน้อย และจากการหาความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดินจากภาพถ่ายดาวเทียมกับข้อมูลภาคสนาม พบว่า ยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี
มีความสัมพันธ์มากที่สุด รองลงมาเป็ นยางพาราช่วงอายุ 7-13 ปี และยางพาราช่วงอายุ
14-20 ปี ตามลําดับ
6.2.3 การพัฒ นาโมเดลที่ เ หมาะสมในการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของ
ยางพาราด้วยภาพดาวเทียม
160
ประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพดาวเทียม เพื่อให้ได้มาซึ่ ง
โมเดลที่ใช้ช่วงคลื่ นของภาพดาวเทียมที่จะสามารถประเมิ นการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อ
พื้นดิ นของยางพาราจากภาพดาวเที ย มได้ง่า ยและรวดเร็ วมากขึ้นและมีค วามถู กต้อง
ใกล้เคียงกับโมเดลเดิม จึงได้ทาํ การพัฒนาโมเดลที่เหมาะสมในการประเมินการกักเก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราด้วยภาพดาวเทียมขึ้นมาใหม่ โดยหาความสัมพันธ์
ระหว่างปริ มาณการกักเก็บคาร์ บอนเหนือพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมด้วย
CASA-biosphere model ที่ผ่านการปรับแก้แล้วกับค่าการสะท้อนของภาพดาวเที ยมแต่
ละแบนด์ ทั้ง หมด 8 แบนด์ ด้ ว ยกัน ประกอบด้ ว ย แบนด์ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 9
ส่ วนแบนด์ที่ 8, 10 และ 11 ไม่นาํ มาพิจารณา เนื่ องจากเป็ น Panchromatic และช่วงคลื่น
ความร้ อน ทําการทดสอบหาความสัม พันธ์ ที่ดีที่สุดจากการสร้ างจุ ดตัวอย่า งในพื้นที่
ศึกษาในระยะห่ างที่เท่ากันทุกจุด ซึ่ งแบ่งออกเป็ น 3 ระยะ คือ ระยะ 1,000 เมตร, 1,500
เมตร และ 2,000 เมตร ซึ่ งพบว่า แบนด์ 4 และแบนด์ 2 ของระยะห่ าง 1,000 เมตร มีค่า
ความสัมพันธ์มากที่สุด คือ R2 เท่ากับ 0.7713, 0.6910 จึงทําการพัฒนาโมเดลขึ้นมาใหม่
โดยอาศัยวิธีการทางสถิ ติ ซึ่ งเป็ นการวิเคราะห์ขอ้ มูลที่ประกอบด้วย 2 ตัวแปรที่เรี ยกว่า
สหสัมพันธ์ (Correlation) และสามารถคํานวณออกมาเป็ นตัวเลข เรี ยกว่า สัมประสิ ทธิ์
สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ซึ่ งแสดงได้ดงั รู ปแบบสมการความสัมพันธ์เชิ ง
เส้ น ตรง Y = 170.828 – 792.368 (b4) และหลัง จากที่ ไ ด้ ท ํา การทดลองใช้ ส มการ
ความสั ม พัน ธ์ ดัง กล่ า วพบว่า ผลการประเมิ น การกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของ
ยางพาราด้ว ยโมเดลที่ ไ ด้พ ัฒ นาขึ้ น มานั้น มี ค วามถู ก ต้อ งใกล้เ คี ย งกับ สมการเดิ ม
ซึ่ งคล้ายคลึ งกับจิระ ปรั งเขี ยว และคณะ (2552) ที่ ได้ทาํ การศึกษาความสั มพันธ์ ข อง
ผลผลิตมวลชี วภาพเหนื อพื้นดินและหาแบบจําลองเพื่อคาดเดาผลผลิตมวลชีวภาพเหนือ
พื้นดิ นเฉลี่ ยของพืชทั้งหมดที่ปลู กในพื้นที่ ป่ากับผลผลิ ตมวลชี วภาพที่ ได้จากการเก็บ
ข้อมูลภาคสนาม โดยสามารถสร้างแบบจําลองในการประเมินความอุดมสมบูรณ์แต่ละ
ระดับ ได้แก่ ผลผลิตมวลชี วภาพเหนื อพื้นดินระดับมากที่สุด ผลผลิตมวลชี วภาพเหนื อ
พื้นดิ นระดับมาก ผลผลิ ตมวลชี วภาพเหนื อพื้นดิ นระดับน้อย และผลผลิ ตมวลชี วภาพ
เหนื อพื้นดินระดับน้อยที่สุด โดยมีค่า R2 เท่ากับ 0.9940, 0.9898 และ 0.9849 ตามลําดับ
ซึ่ งในการศึกษาครั้ งนี้ เป็ นการพัฒนาโมเดลขึ้นมาใหม่จากผลการประเมิ นการกักเก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมที่ผ่านการปรับแก้จากสมการ
ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของยางพาราช่วงอายุมากกว่า 20 ปี เท่านั้น หากมีการพัฒนาโมเดล
ที่ เหมาะสมกับ ยางพาราตามช่ วงอายุ อาจทํา ให้ส ามารถนําโมเดลดัง กล่ าวไปใช้การ
161
ประเมินการกักเก็บคาร์ บอนเหนื อพื้นดินของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเทียมกับยางพารา
ได้หลากหลายอายุมากยิง่ ขึ้น
6.3.2 ทํา ให้ ท ราบถึ ง ปริ ม าณการกัก เก็ บ คาร์ บ อนเหนื อ พื้ น ดิ น ของยางพาราจากภาพถ่ า ย
ดาวเทียมและจากการสํารวจภาคสนาม รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริ มาณการกักเก็บ
คาร์ บอนเหนื อพื้ นดิ นของยางพาราจากภาพถ่ายดาวเที ย มกับ ปั จจัย ทางกายภาพ และ
ความสามารถในการกักเก็บคาร์ บอนระหว่างยางพารากับป่ าไม้ในพื้นที่อาํ เภอดอยหลวง
จังหวัดเชียงรายในช่วงเวลาที่ทาํ การศึกษา
162
6.4 ปัญหาและอุปสรรค
6.5 ข้ อเสนอแนะ
163
การจําแนกในรู ปแบบของพื้นที่และทําการเก็บข้อมูลให้กระจายทัว่ พื้นที่ศึกษา เพื่อให้ผล
การตรวจสอบความถูกต้องของผลการจําแนกมีความถูกต้องและน่าเชื่ อถือมากยิง่ ขึ้น
164
บรรณานุกรม
กมลพร อยู่ ส บาย. 2555. “ป่ าไม้ก ับ การดู ด ซั บ คาร์ บ อน”. เว็บ ไซต์ http://www.pcd.go.th/public
/Publications/print_water.cfm? task=Water_Report55 20 มีนาคม 2557
กัมปนาท ดีอุดมจันทร์, ลดาวัลย์ พวงจิตร, เชาวลิต ศิลปะทอง, อมรชัย ประกอบยา และยุทธภูมิ โพธิ รา. 2552.
“การประเมินการกักเก็บคาร์ บอนในพื้นที่ป่าด้วยการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรณี ศึกษา
บริ เวณพื้ น ที่ ลุ่ ม นํ้าแม่ แ จ่ ม ตอนล่ า ง”. เว็บ ไซต์ http://www.conference.tgo.or.th/download
/2011/.../12_r.pdf 8 กุมภาพันธ์ 2557
จิ ร ะ ปรั ง เขี ย ว, ชยกฤต ม้า ลํา พอง, อริ ศ รา เจริ ญ ปั ญ ญาเนตร, ศราวุ ธ พงษ์ล้ ี รั ต น์ และพงศ์ส าน
คํา นนท์ค อม. 2552. “การบู ร ณาการข้อ มู ล การรั บ รู ้ จ ากระยะไกลและแบบจํา ลอง 3PGs
ในการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่า จังหวัดเชียงใหม่”. วารสารสมาคมสํารวจข้อมูล
ระยะไกลและสารสนเทศภูมิศาสตร์ แห่งประเทศไทย 10(2):23-3.
ชยกฤต ม้าลําพอง, พงษ์อินทร์ รักอริ ยะธรรม, ปุริม ศรี สวัสดิ์ และศรัณย์ จิตอารี . 2554. “การวิจยั การ
ใช้พลังงานทดแทน: การพัฒนาเทคนิ คภู มิสารสนเทศในการจําแนกพืชเศรษฐกิ จด้วยข้อมูล
ภาพดาวเที ย มธี อ อส กรณี ศึ ก ษาสวนลํา ไยและลิ้ น จี่ ในเขต 8 จัง หวัดภาคเหนื อ ตอนบน”.
ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชรัตน์ มงคลสวัสดิ์ , วาสนา พุฒกลาง, อัครเดช นังตะลา และปวีณา บุญโยธา. 2550. “การวิเคราะห์
พื้ น ที่ ป ลู ก ยางพาราในลุ่ ม นํ้ าโขงด้ ว ยข้ อ มู ล ดาวเที ย ม”.เว็บไซต์ http://negistda.kku.ac.th/
research/research23/paper_re23.pdf 8 กุมภาพันธ์ 2557
165
นวลปราง นวลอุไร. 2548. “การเปรี ยบเทียบค่าดัชนีพ้นื ที่ใบ มวลชีวภาพและปริ มาณคาร์ บอนสะสม
ที่อยูเ่ หนื อพื้นดินของระบบนิ เวศป่ าจากการสํารวจด้านป่ าไม้และการรับรู ้จากระยะไกล บริ เวณ
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ประเทศไทย”. เว็บไซต์ http://www.thaithesis.org/detail.php?id
=1082548000787 10 กุมภาพันธ์ 2557
บัณฑู ร เศรษฐศิ โรตม์, ระวี ถาวร, ลดาวัล ย์ พวงจิ ตร และสมหญิ ง สุ นทรวงษ์. 2554. “เรดด์พ ลัส:
ประเด็นร้อนในเวทีเจรจาโลก แนวคิดและรู ปแบบที่เหมาะสมสําหรับสังคมไทย”. กรุ งเทพฯ:
สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่ งแวดล้อม
ปรี ชา ล่ามช้าง, วัฒนาวดี ศรี วฒั นพงศ์, นพดล เล็กสวัส, ลําปาง แสนจันทร์ , อินทิรา ยินดียุทธ และ
พิ ษ ณุ เจี ย วคุ ณ . 2545. “สถิ ติ สํ า หรั บ สั ง คมศาสตร์ 1”. ภาควิ ช าสถิ ติ คณะวิ ท ยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พงษ์ ศ ัก ดิ์ เกิ ด วงศ์ บ ัณ ฑิ ต . 2554. “ยางพารากับ การเปลี่ ย นแปลงภู มิ อ ากาศของโลก”. เว็บ ไซต์
http://www.jgsee.kmutt.ac.th/greenhouse/research/research5.php 8 กุมภาพันธ์ 2557
ระวี เจียรวิภา, สุ รชาติ เพชรแก้ว, มนตรี แก้วดวง และวิทยา พรหมมี. 2555. “การประเมิ นการเก็บ
กั ก ค า ร์ บ อ น แ ล ะ ร า ย ไ ด้ จ า ก ก า ร ช ด เ ช ย ค า ร์ บ อ น ใ น ส ว น ย า ง พ า ร า ” .
เว็บไซต์www.sci.buu.ac.th/research/.../2555.../2555-02-10.pdf 8 กุมภาพันธ์ 2557
รัตนา ลักขณาวรกุล, ภาณุ มาศ ลาดปาละ, อลงกต แก้วรุ่ งโรจน์, ปราโมทย์ ชิ ตทรงสวัสดิ์ และกฤติกา
แก้ ว พู ล ศรี . 2555. “การเปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศ และเรดด์ พ ลั ส ”. กรุ งเทพฯ:
ส่ วนสิ่ งแวดล้อมป่ าไม้ สํานักวิจยั การอนุ รักษ์ป่าไม้ และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่ งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช
165
สถาบัน วิ จ ัย ยาง กรมวิ ช าการเกษตร. 2531 “พื้ น ที่ เ หมาะสมสํ า หรั บ การปลู ก ยาง”. เว็ บ ไซต์
http://www.doa.go.th/rrc/nongkhai/index.php/component/content/article/101 11 เมษายน 2557
สาพิศ ดิ ลกสัมพันธ์ , จงรั ก วัชริ นทร์ รัตน์ และธี ระพงศ์ ชุ มแสงศรี . 2553. “การประเมิ นการกักเก็บ
คาร์ บอนใ นมวล ชี วภาพของไม้ สั ก ณ ส วนป่ าทองผาภู มิ จั ง หวั ด ก าญจนบุ รี ” .
เ ว็ บ ไ ซ ต์ http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch54/GroupEnvironment/14-
Sapit_Dil/template.html
10 กุมภาพันธ์ 2557
อารั ก ษ์ จัน ทุ ม า, ธี ร ชาติ วิ ชิ ต ชลชัย , พิ ศ มัย จัน ทุ ม า, สุ จิ น ต์ แม้น เหมื อ น, วัน เพ็ญ พฤกษ์วิ ว ฒ
ั น์,
พนัส แพชนะ, สว่างรัตน์ สมนาค, พิบูลย์ เพ็ชรยิ่ง และสิ ริวตั ร เต็มสงสัย. 2550. “การเก็บรักษา
ก๊ าซคาร์ บอนในสวนยาง”. เว็ บไซต์ http://www.geocities.ws/oard6/Data/System_Research/13022549.pdf
8 กุมภาพันธ์ 2557
166
องค์การบริ หารจัดการก๊าซเรื อนกระจก องค์การมหาชน. 2554. “คู่มือศักยภาพของพรรณไม้ สําหรับ
ส่ ง เ ส ริ ม ภ า ย ใ ต้ โ ค ร ง ก า ร ก ล ไ ก ก า ร พั ฒ น า ที่ ส ะ อ า ด ภ า ค ป่ า ไ ม้ ” .
เว็ บไซต์ http://www.conference.tgo.or.th/download/tgo_main/publication/ARFR_Guideline/AR
FR.pdf 15 มกราคม 2557
Christopher, B. F., James, T. R,, and Carolyn, M. M. 1995. Global net primary production: Combining
ecology and remote sensing. Remote sensing environment, 51, 74-88. Website http://ac.els-
cdn.com/003442579400066V/1-s2.0-003442579400066Vmain.pdf?_tid=5d2f4360-3c51-
11e6-b04800000aacb360&acdnat=1467023263_af4ec153fbf04109e874c24ad9a1031c.
21 December 2015
Christopher, S. P., James, T. R., Christopher, B. F., Pamela, A. M., Peter, M. V., Harold A. M., and
Steven, A. K. 1993, Terrestrial Ecosystem Production: A process model based on global
satellite and surface data. Global Biochemical Cycles, 7,7,811-841
Geneletti, D and Gorte, B. G. H. (2003). A method for object-oriented land cover classification
combining Landsat TM data and aerial photographs. International Journal of Remote Sensing,
24, 1273–1286. Website, http://www.tandfonline.com/doi/pdf/10.1080/01431160210144499
21 December 2015
Hairiah, K., Sitompul, S., Noordwijk, M. and Palm, C. 2001. Methods for Sampling Carbon Stocks
Above and Below Ground. Website http://www.asb.cgiar.org/PDFwebdocs/LectureNotes
/ASB-LN-4B-Hairiah-et-al-2001-Methods-sampling-carbon-stocks.pdf 26 December 2015
Jefferson, F., Jean-Christophe, C., and Alan, D. Z. 2013. Swidden, rubber and carbon: Can REDD+
work for people and the environment in Montane Mainland Southeast Asia Global
Environmental Change, 29, 318-326. Website http://ac.els-cdn.com/S0959378013000964/1-
s2.0-S0959378013000964-main.pdf?_tid=f13470fe-3c50-11e6-8241-00000aacb361&acdnat
=1467023082_a13a5d4b68fc6a92ae55f35c5af1e319 21 December 2015
167
Charoenjit, K., Zuddas, P., Allemand, P., Pattanakiat, S., and Pachanad, K. 2015. Estimation of
biomass and carbon stock in Para rubber plantations using object-based classification from
Thaichote satellite data in Eastern Thailand. Text file file:///C:/Users/Windows/Downloads
/JARS_9_1_096072.pdf 21 December 2015
Lolupiman, T. 2015. Estimation of Net Primary Productivity (NPP) from CASA Model for Mangrove
Plantation using Remote Sensing. Master Thesis in Remote Sensing and GIS Field of Study,
School of Engineering and Technology, Asian Institute of Technology.
Petsri, S., Chidthaisong, A., Pumijumnong, N., and Wachrinrat, C. 2013. Greenhouse gas emissions
and carbon stock changes in rubber tree plantations in Thailand from 1990 to 2004. Journal of
Cleaner Production, 52, 61-70. Website http://ac.els-cdn.com/S0959652613000528/1-s2.0-
S0959652613000528-main.pdf?_tid=be8923f2-3c50-11e6-a808-00000aab0f26&acdnat
=1467022997_56c7dc166d2e818927217eced68c93db 21 December 2015
Saengruksawong, C., Khamyong, S., Anongrak, N., and Pinthong, J. 2012, Growths and Carbon
Stocks of Para Rubber Plantations on Phonpisai Soil Series in Northeastern Thailand. Rubber
Thai Journal, 1, 1-18
Tripathi, S., Soni, S., Maurya, A., and Soni, P. 2010, Calculating carbon sequestration using remote
sensing and GIS. Website http://www.geospatialworld.net/Paper/Technology/Article View.aspx?
aid=2228 21 December 2015
168
ภาคผนวก ก
169
ตารางที่ 1 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 7 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 8.20 0.15
2 7.90 0.17
3 8.30 0.16
4 8.10 0.14
5 8.30 0.15
6 8.10 0.18
7 7.80 0.15
8 7.80 0.16
9 8.30 0.15
10 7.80 0.16
11 7.70 0.16
12 7.70 0.18
13 7.90 0.16
14 8.20 0.16
15 8.30 0.15
16 8.30 0.16
17 7.90 0.17
18 8.30 0.17
19 7.80 0.18
20 7.90 0.17
21 8.20 0.15
22 8.30 0.16
23 7.70 0.16
24 7.60 0.16
25 7.70 0.17
ค่ าเฉลีย่ 8.00 0.16
170
ตารางที่ 2 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 8 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 9.00 0.16
2 8.80 0.20
3 8.80 0.16
4 9.00 0.13
5 9.10 0.16
6 8.90 0.15
7 8.90 0.14
8 9.00 0.15
9 9.00 0.16
10 8.70 0.16
11 8.70 0.10
12 9.20 0.16
13 9.10 0.14
14 9.10 0.15
15 8.60 0.14
16 8.80 0.15
17 8.60 0.15
18 9.00 0.17
19 8.70 0.16
20 8.90 0.15
21 9.10 0.12
22 9.10 0.12
23 8.70 0.15
24 8.80 0.14
25 9.00 0.16
ค่ าเฉลีย่ 8.90 0.15
171
ตารางที่ 3 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 9 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 9.90 0.14
2 9.70 0.12
3 9.70 0.16
4 10.20 0.17
5 10.20 0.18
6 10.10 0.15
7 9.90 0.17
8 9.80 0.15
9 9.80 0.14
10 10.20 0.20
11 10.10 0.14
12 10.30 0.17
13 9.90 0.14
14 9.80 0.21
15 9.80 0.15
16 9.90 0.17
17 9.70 0.14
18 10.30 0.21
19 9.60 0.20
20 9.90 0.16
21 10.00 0.14
22 10.20 0.17
23 9.70 0.19
24 9.80 0.14
25 9.80 0.17
ค่ าเฉลีย่ 9.93 0.16
172
ตารางที่ 4 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 10 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 10.90 0.17
2 11.00 0.19
3 10.70 0.18
4 10.80 0.18
5 11.00 0.17
6 11.40 0.18
7 11.20 0.17
8 11.20 0.19
9 10.80 0.18
10 11.30 0.14
11 11.30 0.16
12 10.80 0.17
13 10.90 0.19
14 10.90 0.13
15 11.20 0.21
16 11.30 0.18
17 11.00 0.21
18 11.30 0.19
19 11.30 0.22
20 11.20 0.18
21 11.40 0.16
22 11.40 0.16
23 10.90 0.14
24 11.00 0.17
25 10.90 0.22
ค่ าเฉลีย่ 11.08 0.18
173
ตารางที่ 5 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 11 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 11.70 0.23
2 11.50 0.18
3 11.70 0.17
4 11.50 0.19
5 11.50 0.16
6 11.70 0.19
7 11.70 0.18
8 11.70 0.17
9 11.80 0.16
10 11.70 0.18
11 11.80 0.18
12 11.60 0.13
13 11.50 0.24
14 11.60 0.19
15 11.60 0.20
16 11.80 0.17
17 11.80 0.18
18 11.80 0.22
19 11.70 0.25
20 11.70 0.27
21 11.70 0.29
22 11.80 0.24
23 11.60 0.28
24 11.70 0.28
25 11.80 0.19
ค่ าเฉลีย่ 11.68 0.20
174
ตารางที่ 6 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 12 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 11.90 0.22
2 12.00 0.19
3 12.00 0.18
4 12.10 0.17
5 12.30 0.20
6 12.20 0.18
7 11.80 0.24
8 12.40 0.20
9 12.30 0.21
10 12.30 0.18
11 12.40 0.18
12 12.20 0.17
13 12.20 0.20
14 12.40 0.17
15 12.40 0.20
16 12.30 0.20
17 12.20 0.18
18 12.30 0.23
19 12.20 0.20
20 12.00 0.25
21 12.10 0.20
22 12.30 0.21
23 12.30 0.22
24 12.20 0.19
25 12.40 0.20
ค่ าเฉลีย่ 12.21 0.20
175
ตารางที่ 7 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 13 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 12.80 0.22
2 13.00 0.22
3 12.90 0.20
4 13.20 0.23
5 13.00 0.23
6 12.90 0.19
7 12.90 0.18
8 13.40 0.23
9 13.20 0.20
10 13.30 0.21
11 13.40 0.21
12 12.80 0.23
13 13.30 0.19
14 13.20 0.26
15 13.40 0.20
16 13.30 0.21
17 13.10 0.19
18 13.20 0.22
19 13.20 0.14
20 13.30 0.16
21 13.20 0.16
22 12.70 0.21
23 12.80 0.26
24 13.20 0.23
25 12.90 0.27
ค่ าเฉลีย่ 13.10 0.21
176
ตารางที่ 8 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 14 ปี (1) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 14.00 0.21
2 13.70 0.24
3 13.90 0.25
4 13.70 0.16
5 13.90 0.20
6 14.20 0.20
7 13.80 0.19
8 14.30 0.20
9 13.90 0.20
10 13.90 0.21
11 14.00 0.19
12 14.00 0.21
13 13.90 0.20
14 13.80 0.21
15 14.20 0.22
16 13.90 0.18
17 13.70 0.19
18 14.00 0.20
19 14.30 0.18
20 14.10 0.22
21 14.00 0.17
22 13.80 0.22
23 13.90 0.27
24 13.90 0.22
25 13.80 0.19
ค่ าเฉลีย่ 13.94 0.21
177
ตารางที่ 9 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 14 ปี (2) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 14.00 0.29
2 14.30 0.26
3 13.90 0.18
4 14.30 0.25
5 14.00 0.25
6 14.00 0.27
7 14.00 0.24
8 14.20 0.23
9 14.20 0.19
10 13.90 0.24
11 14.30 0.26
12 13.90 0.24
13 14.20 0.26
14 14.20 0.22
15 13.80 0.23
16 14.00 0.24
17 14.20 0.28
18 14.20 0.23
19 14.30 0.23
20 14.00 0.23
21 13.90 0.28
22 14.00 0.28
23 14.30 0.21
24 14.20 0.28
25 14.00 0.25
ค่ าเฉลีย่ 14.09 0.25
178
ตารางที่ 10 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 15 ปี (1) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 15.40 0.22
2 15.50 0.23
3 14.90 0.23
4 15.50 0.21
5 15.30 0.20
6 15.50 0.18
7 14.80 0.20
8 15.30 0.20
9 15.20 0.18
10 15.40 0.21
11 15.50 0.19
12 15,5 0.25
13 15.60 0.19
14 15.40 0.22
15 15.40 0.22
16 15.30 0.25
17 15.30 0.25
18 14.90 0.23
19 15.50 0.22
20 15.60 0.26
21 15.50 0.26
22 15.50 0.25
23 15.60 0.25
24 15.50 0.20
25 14.80 0.22
ค่ าเฉลีย่ 15.34 0.22
179
ตารางที่ 11 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 15 ปี (2) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 15.10 0.21
2 14.60 0.23
3 14.70 0.28
4 15.30 0.26
5 14.90 0.17
6 15.00 0.20
7 15.80 0.16
8 15.10 0.18
9 15.20 0.25
10 15.20 0.23
11 14.60 0.18
12 15.40 0.22
13 14.70 0.17
14 14.80 0.22
15 15.30 0.23
16 14.70 0.18
17 15.20 0.22
18 14.70 0.28
19 14.70 0.18
20 14.80 0.20
21 14.60 0.16
22 15.10 0.24
23 15.00 0.20
24 14.50 0.21
25 14.70 0.28
ค่ าเฉลีย่ 14.95 0.21
180
ตารางที่ 12 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 16 ปี (1) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 15.90 0.25
2 15.90 0.27
3 15.80 0.23
4 16.00 0.18
5 16.00 0.20
6 15.80 0.22
7 15.80 0.20
8 16.00 0.18
9 15.90 0.21
10 15.90 0.21
11 16.00 0.23
12 15.80 0.21
13 15.70 0.25
14 15.70 0.20
15 15.90 0.26
16 16.00 0.24
17 16.00 0.25
18 16.00 0.23
19 16.10 0.21
20 15.80 0.23
21 15.80 0.17
22 15.80 0.25
23 16.30 0.22
24 15.90 0.24
25 15.80 0.20
ค่ าเฉลีย่ 15.90 0.22
181
ตารางที่ 13 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 16 ปี (2) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 15.50 0.24
2 15.60 0.22
3 16.00 0.21
4 15.50 0.22
5 15.50 0.20
6 15.90 0.22
7 15.80 0.18
8 16.20 0.24
9 15.60 0.21
10 15.60 0.14
11 15.60 0.19
12 16.20 0.27
13 16.00 0.19
14 16.00 0.21
15 16.10 0.21
16 15.70 0.24
17 15.90 0.20
18 16.00 0.29
19 15.70 0.19
20 15.50 0.16
21 15.70 0.25
22 15.50 0.23
23 15.60 0.24
24 15.50 0.24
25 15.50 0.26
ค่ าเฉลีย่ 15.75 0.22
182
ตารางที่ 14 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 17 ปี จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 16.70 0.25
2 16.50 0.26
3 16.90 0.23
4 16.80 0.26
5 16.90 0.26
6 16.90 0.14
7 16.80 0.21
8 16.90 0.19
9 16.70 0.21
10 16.80 0.22
11 16.90 0.24
12 16.90 0.22
13 17.00 0.26
14 17.30 0.26
15 17.00 0.26
16 17.00 0.22
17 16.90 0.26
18 16.40 0.28
19 16.60 0.26
20 16.80 0.26
21 16.80 0.30
22 17.00 0.25
23 17.00 0.23
24 17.20 0.21
25 16.60 0.25
ค่ าเฉลีย่ 16.85 0.24
183
ตารางที่ 15 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 26 ปี (1) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 19.00 0.42
2 19.00 0.32
3 19.30 0.37
4 19.20 0.31
5 19.00 0.24
6 18.90 0.34
7 19.40 0.36
8 19.30 0.29
9 19.60 0.33
10 19.50 0.32
11 19.50 0.36
12 19.70 0.33
13 19.30 0.31
14 19.40 0.25
15 19.70 0.32
16 19.10 0.36
17 19.00 0.38
18 19.00 0.48
19 19.50 0.30
20 19.70 0.44
21 19.00 0.33
22 19.70 0.36
23 19.80 0.37
24 19.90 0.33
25 19.80 0.34
ค่ าเฉลีย่ 19.37 0.34
184
ตารางที่ 16 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 26 ปี (2) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 19.50 0.38
2 18.70 0.36
3 20.10 0.36
4 18.90 0.24
5 19.00 0.31
6 19.20 0.29
7 19.30 0.25
8 19.30 0.32
9 19.70 0.35
10 19.40 0.34
11 18.80 0.26
12 19.60 0.35
13 19.90 0.29
14 19.90 0.29
15 19.80 0.34
16 19.60 0.35
17 19.70 0.36
18 19.80 0.44
19 19.00 0.29
20 19.50 0.41
21 19.60 0.36
22 19.80 0.37
23 19.80 0.40
24 19.90 0.32
25 19.20 0.28
ค่ าเฉลีย่ 19.48 0.33
185
ตารางที่ 17 แสดงความสู งและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นยางพาราอายุ 26 ปี (3) จากการออกภาคสนาม
ลําดับ ความสู ง (เมตร) เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง (เมตร)
1 19.30 0.41
2 19.00 0.38
3 18.50 0.38
4 18.90 0.32
5 19.00 0.28
6 18.90 0.32
7 18.60 0.25
8 19.10 0.32
9 19.80 0.38
10 18.80 0.33
11 19.00 0.27
12 19.40 0.28
13 19.50 0.26
14 18.90 0.32
15 18.30 0.41
16 19.20 0.34
17 19.50 0.37
18 19.80 0.39
19 18.70 0.28
20 18.80 0.36
21 19.20 0.42
22 19.90 0.38
23 19.90 0.39
24 19.90 0.32
25 19.40 0.28
ค่ าเฉลีย่ 19.17 0.34
186
ภาคผนวก ข
ภาพการสํ ารวจภาคสนาม
187
การลงพื้นที่ติดต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามข้อมูลด้านต่างๆ
ในพื้นที่ศึกษา
การเข้าถึงพื้นที่แปลงตัวอย่าง โดยได้รับความอนุเคราะห์
จากผูน้ าํ ชุมชนและเจ้าของแปลงปลูกยางพารา
188
การลงพื้นที่สัมภาษณ์และสอบถามข้อมูลเกษตรกรรายแรกที่นาํ ยางพาราเข้ามาปลูกในพื้นที่ เพื่อศึกษา
ข้อมูลยางพาราในพื้นที่ รวมถึงข้อมูลทางด้านต่างๆ ที่เป็ นประโยชน์ในการศึกษา
189
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
190
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
191
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
192
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
193
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
194
ภาพตัวอย่างการลงพื้นที่สาํ รวจภาคสนามเพื่อวัดความสู ง เส้นรอบวงของต้นยางพารา
และเก็บพิกดั ตําแหน่งแปลงปลูกยางพาราตามช่วงอายุ
195
ประวัตผิ ้เู ขียน
196