Professional Documents
Culture Documents
มิลินทปัญหา
มิลินทปัญหา
2562
ส�ำนักการศึกษา วัดพระธรรมกาย
ISSN 2408-1892
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ 177
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
คัมภีร์มิลินทปัญหา:
ปริศนาเรื่องก�ำเนิดและพัฒนาการ
Milindapañha: the Mystery of
its origin and development
เนาวรัตน์ พันธ์วิไล
Naowarat Panwilai
นักวิจัยประจ�ำศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา DCI
Researcher, DCI Center for Buddhist Studies, Thailand
คัมภีร์มิลินทปัญหา:
ปริศนาเรื่องก�ำเนิดและพัฒนาการ
เนาวรัตน์ พันธ์วิไล
บทคัดย่อ
Naowarat Panwilai
Abstract
บทน�ำ
โครงสร้างคัมภีร์มิลินทปัญหา
ฉบับแปลภาษาบาลีของสมาคมบาลีปกรณ์
ปริศนาเรื่องก�ำเนิดและพัฒนาการของคัมภีร์มิลินปัญหา
พระไตรปิ ฎกในหมวดขุททกนิกาย
ประวัตแิ ละที่มาของคัมภีรม์ ลิ นิ ทปั ญหายังคงเป็ นข้อถกเถียงกันใน
หมูน่ กั วิชาการทัง้ ชาวตะวันตกและตะวันออก โดยฝ่ ายตะวันตก ได้แก่ ริส
เดวิดส์ (Rhys Davids, T.W.), ฮอนเนอร์ (Horner, I.B.), ดัตต์ (Dutt, N.),
สกิลลิ่ง (Skilling, P.), ทาร์น (Tarn, W. W.) และชาวตะวันออก ได้แก่
มิซโุ นะ (Mizuno K.), กวง ซิง (Guang X.), โมริ (Mori, S.) และนานิวะ
(Naniwa, S.) เป็ นต้น จากการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับก�ำเนิดและพัฒนาการ
ของคัมภีรม์ ิลินทปั ญหาจากนักวิชาการต่างๆ เชื่อกันว่า ต้นฉบับคัมภีร ์
มิ ลิ น ทปั ญ หาหายสาบสูญ ไป นัก วิ ช าการส่ ว นหนึ่ ง เชื่ อ ว่ า ต้น ฉบับ
มิลนิ ทปัญหาน่าจะรจนาด้วยภาษากรีก เนื่องจากวัฒนธรรมกรีกโบราณที่
เริม่ แพร่หลายในสังคมอินเดียยุคนัน้ ดังที่มกี ารค้นพบการจารึกด้วยภาษา
กรีกในเสาหินของพระเจ้าอโศก6 บางส่วนเชื่อว่าต้นฉบับมิลินทปั ญหา
น่าจะรจนาด้วยภาษาปรากฤตหรือสันสกฤต ซึ่งเป็ นภาษาที่ใช้ในการ
สื่อสารอย่างแพร่หลายในดินแดนแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย7
คัมภีรม์ ิลินทปั ญหาที่เป็ นที่รูจ้ กั กันในปั จจุบนั เป็ นฉบับที่แปลมา
จากต้นฉบับที่หายไป เท่าที่คน้ พบมีหลงเหลืออยู่ 2 ภาษา คือ ฉบับแปล
ภาษาจีนและภาษาบาลี ดังนัน้ เมือ่ ศึกษาแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับก�ำเนิดของ
คัมภีรม์ ลิ นิ ทปั ญหา นักวิชาการส่วนมากจึงมุง่ ศึกษาเนือ้ หาจากฉบับแปล
ทัง้ สอง แต่อย่างไรก็ตาม ที่มาของคัมภีรม์ ิลินทปั ญหายังคงเป็ นปริศนา
นักวิชาการต่างให้ความเห็นหลากหลายแตกต่างกันออกไป
โดยในเบือ้ งต้นผูเ้ ขียนได้จดั แบ่งแนวคิดที่สนับสนุนที่มาของคัมภีร ์
มิลินทปั ญหาออกเป็ น 2 แนวคิดใหญ่ คือ แนวคิดที่สนับสนุนว่าคัมภีร ์
มิลินทปั ญหามีกำ� เนิดมาจากวัฒนธรรมกรีก และแนวคิดที่สนับสนุนว่า
แนวคิดที่สนับสนุนว่าคัมภีร์มิลินทปัญหา
มีก�ำเนิดมาจากวัฒนธรรมกรีก
ได้ว่าพระนาคเสนรู จ้ กั เพลโตและใช้วิธีการของโสเครตีสส�ำหรับ
อธิ บ ายความจริงทางพุทธศาสนาอย่า งละเอี ย ดรอบคอบและ
งดงามในรูปแบบเดียวกันนัน้ ด้วย...11
(อ่านเชิงอรรถในหน้าต่อไป)
190
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
(เชิงอรรถต่อจากหน้าที่แล้ว)
(อ่านเชิงอรรถในหน้าต่อไป)
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ 191
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
(เชิงอรรถต่อจากหน้าที่แล้ว)
เป็ นยุคที่วฒ
ั นธรรมกรีกได้ขยายตัวไปอย่างกว้างขวางไปเกือบทั่วภูมิภาค
ยุโรปและพืน้ ที่ใกล้เคียงแถบเอเชีย สาเหตุมาจากการเมือง โดยการรุกราน
ของกษัตริยอ์ เล็กซานเดอร์ (Antoine, S. 2011)
16 Tarn (1938: 416 - 418)
17 Rhys Davids (1890: 127)
18 เมืองคาบูล (Kabul) ของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน (Rapson, E.J.
1922: 431)
192
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
...มีการค้นพบเหรียญกษาปณ์ของกษัตริยพ์ ระองค์นีท้ ่ วั ไป
ทางอินเดียตอนเหนือในบริเวณค่อนข้างกว้างขวาง คือ ทางทิศ
ตะวันตกไกลถึงกาบู (ในอัฟกานิสถาน) ทางตะวันออกไปไกลถึง
มถุ ร า (ในอิ น เดี ย ติ ด กั บ เนปาล) และเหนื อ สุด ไกลถึ ง กั ศ มี ร
(แคชเมียร์ในอินเดียตอนเหนือ) ภาพกษัตริยเ์ มนันเดอร์บนเหรียญ
กษาปณ์บางเหรียญเป็ นชายหนุม่ บางเหรียญเป็ นชายชรา…24
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้วพบว่า
ที่กล่าวว่าต้นฉบับคัมภีรม์ ิลินทปั ญหากัณฑ์ตน้ (กัณฑ์ท่ี 1-3) เกิดใน
ดินแดนกรีกนัน้ มีความเป็ นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะเนือ้ หาในคัมภีร ์
กล่าวถึงสถานที่ตา่ งๆ ในประเทศอินเดียเป็ นจ�ำนวนมาก ในขณะเดียวกัน
หลักฐานที่อา้ งถึงการมีอยูข่ องสถานที่ประสูตขิ องพระเจ้ามิลนิ ท์ท่ีปรากฏ
ในหนังสือ History of Buddhism in Afghanistan ว่า หมู่บา้ นกลสิ
ที่ปรากฏในมิลนิ ทปั ญหาฉบับแปลภาษาบาลีน่าจะหมายถึงเมืองกปิ ษะ
หรือเมืองเบกรามในประเทศอัฟกานิสถานในปั จจุบนั นอกจากนัน้ การ
อ้างว่า มิลินทปั ญหาฉบับแปลภาษาบาลี มีรูปแบบคล้ายบทสนทนา
ของเพลโต ซึ่ ง มี ลัก ษณะเป็ น แบบวัฒ นธรรมกรี ก ท�ำ ให้ท าร์น และ
นักวิชาการต่างๆ ที่มีความเห็นในลักษณะเดียวกันกับ วีเบอร์ ข้างต้น
เชื่อว่ามิลินทปั ญหาได้รบั อิทธิ พลมาจากวัฒนธรรมกรีก แต่เนื่องจาก
วรรณกรรมประเภทถาม-ตอบ หรือการโต้วาทะ ในลักษณะอย่างนี ้ พบว่า
มีอยูแ่ ล้วในอินเดียยุคนัน้ ไม่วา่ จะเป็ นกถาวัตถุท่ีปรากฏในพระไตรปิ ฏก
หรื อ พระสูต รส�ำ คัญ อื่ น ๆ ล้ว นอยู่ใ นลัก ษณะถาม-ตอบ แทบทั้ง สิ น้
ผูเ้ ขี ยนจึงเห็นว่า การศึกษาที่ มาของคัมภี รม์ ิลินทปั ญหาจากแนวคิด
ที่ปรากฏในวัฒนธรรมอินเดียอาจจะน�ำมาซึ่งหลักฐานส�ำคัญส�ำหรับ
ไขปริศนาว่าด้วยก�ำเนิดคัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหาต่อไป
แนวคิดที่สนับสนุนว่าคัมภีร์มิลินทปัญหา
มีก�ำเนิดมาจากวัฒนธรรมอินเดีย
33 Müller
(1965.: xxvi) อ้างใน มหามกุฏราชวิทยาลัย (2547: 528)
34 มหามกุฏราชวิทยาลัย (2547: 538)
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ 201
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
พัฒนาการของคัมภีร์มิลินทปัญหา
(Ryukoku University)
บันทึกเพิ่มเติมมาก บันทึกเพิ่มเติมเล็กน้ อย บันทึกเพิ่มเติมเล็กน้ อย
ก่อนปี คริ สต์ศกั ราช 150
มีการเพิ่มเติมเล็กน้ อย ↑
มีการเพิ่มเติมกัณฐ์ ที่ 4 - 7
รูปแบบดังเดิ
้ ม (เฉพาะกัณฐ์ ที่ 1-3) ภาษาปรากฤตหรือสันสกฤต เข้ าไป
↑ แบบผสม (Hybrid Sanskrit) ? ↑
รวบรวมบันทึกถาม-ตอบด้ วยภาษากรีก?
(กลางศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล)
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ
แปลจาก Mori and Naniwa (1999: 66) โดย พระมหาพงศ์ศกั ดิ์ ฐานิโย
205
206
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
บทสรุป
จากหลัก ฐานข้า งต้น จะเห็ น ได้ว่ า แนวคิ ด เรื่ อ งก�ำ เนิ ด คัม ภี ร ์
มิลนิ ทปัญหาจากกรีก ยังคงเป็ นปริศนา เนื่องจากต้นฉบับที่สนั นิษฐานว่า
มีอยู่นัน้ ไม่สามารถสืบค้นได้ ข้อสันนิษฐานของทาร์นยังคงเป็ นเรื่องที่
ท้าทายต่อการค้นคว้าต่อไป แม้แนวคิดเรื่องก�ำเนิดมิลินทปั ญหาจาก
กรีกตามสมมติฐานของทาร์นจะดูเหมือนไร้นำ้� หนักในส่วนของเนือ้ หาที่
เกี่ ยวกับสถานที่ในท้องเรื่อง แต่เค้าโครงของการถาม-ตอบส่วนหนึ่ง
มีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างของวรรณกรรมกรีก ในขณะเดียวกัน
ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใกล้เคียงกับรู ปแบบของคัมภีรพ์ ุทธศาสนาและฮินดู
ด้ว ยเช่ น กัน เมื่ อ ประมวลแนวคิ ด และหลัก ฐานจากข้อ สรุ ป ที่ ไ ด้จ าก
การศึกษาแนวคิดของนักวิชาการต่างๆ ข้างต้น ผูเ้ ขี ยนเห็นว่าการที่
รูปแบบและโครงสร้างของคัมภีรม์ ีความคล้ายคลึงกับรูปแบบวรรณกรรม
การสนทนาของกรีก และอิ น เดี ย โบราณนั้น เป็ น ไปได้ว่า เกิ ด ขึน้ จาก
การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอินเดียโบราณและวัฒนธรรมกรีกใน
ยุ ค ที่ วั ฒ นธรรมกรี ก รุ ่ ง เรื อ งที่ เ รี ย กว่ า วั ฒ นธรรมแบบเฮลเลนิ ส ต์
208
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
ประเด็นเรื่องสถานที่ประสูติของพระเจ้ามิลินท์ท่ีเป็ นข้อขัดแย้ง
ระหว่างฉบับแปลภาษาจีน (ฉบับนาคเสนภิกษุ สูตร) และภาษาบาลี
(ต้นฉบับที่ครบทัง้ 7 กัณฑ์) นัน้ ผูเ้ ขียนพบว่าแนวโน้มที่สถานที่ประสูติ
ของพระเจ้ามิลินท์จะอยู่ในเขตพืน้ ที่ของเมืองกปิ ษะหรือเมืองเบกราม
ในปั จจุบนั มีความเป็ นไปได้คอ่ นข้างมากเนื่องจากมีขอ้ มูลที่เป็ นหลักฐาน
ทางประวัตศิ าสตร์จำ� นวนมากหลงเหลืออยู่ ส่วนประเด็นเรือ่ งการเกิดขึน้
ก่ อ นหลัง ของฉบับ แปลภาษาจี น และภาษาบาลี ท่ี เ ป็ น ข้อ ขัด แย้ง นั้น
เมื่อสืบค้นฉบับต้นก�ำเนิดคัมภีรย์ อ้ นกลับไปตามแนวคิดของโมริและ
นานิวะ พบว่าหลังจากมีการสืบต่อต้นฉบับที่เป็ นภาษาปรากฤตหรือ
สัน สกฤตแล้ว คัม ภี ร ม์ ิ ลิ น ทปั ญ หาถูก น�ำ เข้า ไปสู่ท่ี ต่า งๆ อย่ า งน้อ ย
3 สาย ได้แ ก่ สายที่ เ ชื่ อ ว่ า เป็ น พระพุท ธศาสนานิ ก ายสรวาสติ ว าท
พระพุทธศาสนาในจีน และพระพุทธศาสนาเถรวาท เมื่อพิจารณาจาก
การแยกสายของคัมภีรจ์ ะเห็นได้ว่า ฉบับที่มาก่อนคือฉบับภาษาบาลี
กล่าวคือต้นฉบับภาษาบาลีหลังจากเพิ่มเติมกัณฑ์ท่ี 4-7 เข้าไปแล้ว เกิด
ขึน้ ก่อนปี คริสต์ศกั ราช 100 แต่ในขณะที่ตน้ ฉบับแปลภาษาจีน (นาคเสน-
ภิ กษุ สูตร) เกิ ดขึน้ ก่อนปี คริสต์ศักราช 150 ดังที่ ได้อธิ บายไว้ขา้ งต้น
ส่วนประเด็นเรื่องตัวเลข 200 โยชน์ในภาษาบาลีและ 2,000 โยชน์
ในภาษาจีนสันนิษฐานว่าอาจจะมีการดัดแปลงเรื่องตัวเลขในฉบับแปล
ภาษาจีนซึ่งเกิดขึน้ หลังต้นฉบับภาษาบาลีซ่ึงอาจเป็ นเพราะหน่วยนับ
ของจีนมีหน่วยระยะทางเป็ นหลี่ หรือ ลี46้ ไม่ได้เป็ นโยชน์เหมือนในอินเดีย
การจัดมาตราส่วนเมื่อแปลเป็ นภาษาจีนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้
บรรณานุกรม
• ภาษาไทย
1. คัมภีร์
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
2539 พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
เล่มที่ 10, กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหามกุฏราชวิทยาลัย
2547 มิ ลิ น ทปั ญหาฉบั บ แปลในมหามกุ ฏ ราชวิ ท ยาลั ย .
พิมพ์ครัง้ ที่ 3. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย.
2. หนังสือ
คณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
2550 วรรณคดีบาลี. กรุ งเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยมหาจุฬา-
ลงกรณราชวิทยาลัย.
ธนู แก้วโอภาส.
มปป ปรัชญา-ศาสนา ตะวันออก ตะวันตก. กรุ งเทพมหานคร:
สากลการศึกษา จ�ำกัด
สมบัติ จันทรวงศ์
2555 บทสนทนาของเพลโต: ยูไธโฟร อโพโลจี ไครโต. พิมพ์ครัง้ ที่ 3.
กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ
3. วิทยานิพนธ์
เนาวรัตน์ พันธ์วิไล.
2560 การวิเคราะห์บทสนทนาว่าด้วย ปั ญหาอุภโตโกฏิ (ปั ญหา
สองเงือ่ น) ในคัมภีรม์ ลิ นิ ทปั ญหา. วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตร-
มหาบัณฑิต สาขาปรัชญาและศาสนา. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
4. ข้อมูลออนไลน์
ซุนปิ น.
2008 “ศัพท์จอมยุทธ์ภาษาจีนกลาง”
www.baanjomyut.com/webboard/window_2/, ค้นเมื่อ 17
สิงหาคม 2019.
• ภาษาต่างประเทศ
1. หนังสือ
Mizuno, K.
1996 The Kind of Milindapanha. Research of Buddhist Texts
(in Japanese) Tokyo: Shunjusha.
212
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
Müller, F.M.
1965 The sacred books of the East. Delhi [India]: Motilal
Banarsidass. อ้างใน มหามกุฏราชวิทยาลัย. 2547. มิลินท-
ปั ญหา. พิมพ์ครัง้ ที่ 3. กรุงเทพมหานคร: มหามกุฏราชวิทยาลัย.
Rhys Davids. T. W.
1890 The Questions of King Milinda, The sacred books of the
East. Oxford: Claren Press.
1915 Milinda in Encyclopedia of Religion and Ethics,
Ed.J Hastings,Vol. VII, Edinberge, J. Gonda. Tarn’s
Hypothesis pp. 54-57. อ้างใน Yaroslav, V. 1993. “Did East
and West really meet in Milinda’s Questions?”
The Petersburg Journal Of Cultural Studies. Vol I, (1):
64-77.
Tarn, W.W.
1938 The Greek in Bactia & India. Cambridge: Cambridge
University Press.
Upasak. C.S.
1990 History of Buddhism in Afghanistan. Central Institute of
Higher Tibetan Studies, Sarnath, Varansi (U.P.) India.
Wheeler, R.E.M.
1968 Flames Over Persepolis, Turning-point in History.
London: Weidenfeld and Nicolson. อ้างใน Aston, G.V.
2004. Early India Logic and the Question of Greek
influence. Doctor of Philosophy Thesis in Philosophy,
University of Canterbury.
Wendland. P.
1900 Aristeae ad Phlocratem Epistula. n.d. n.p. อ้างใน Tarn, W. W.
1938. The Greek in Bactia & India. Cambridge: Cambridge
University Press.
Woodcock, G.
1966 The Greeks in India. London: Faber and Faber. อ้างใน
Aston, G.V. 2004. Early India Logic and the Question
of Greek influence. Doctor of Philosophy Thesis in
Philosophy, University of Canterbury.
214
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
2. วารสาร
Bakthin. M.M.
1979 Problemy poetiki Dostoyevskogo (Problems of
Dostoyevsky’s Poetics), 4th edition, Moscow, pp.
125-126,
152-153 อ้างใน Yaroslav, V. 1993. “Did East
and West really meet in Milinda’s Questions ?” The
Petersburg Journal of Cultural Studies. Vol I, (1): 64-77.
Gonda, J.
1949 “Tarn’s hypothesis on the origin of the Original of
Milindapanha.” Mnemosyne, Fourth Series Vol. 2:
pp. 44-62.
Guang, X.
2007 “The Nāgasena Bhikṣu Sūtra An Annotated Translation
from the Chinese Version” Journal of the Centre for
Buddhist Studies, Sri Lanka. Vol. V.: 113-216.
2008 “Introduction to the Nāgasena Bhikṣu Sūtra”. Journal
of Buddhist Studies. Vol. VI: 235-251.
2009 “ The Different Chinese Versions of the Nāgasena
BhikṣuSūtra”. Journal of Buddhist Studies. Vol. VII :
226 -247.
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ 215
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
Mizuno, K.
1959 “On the Recensions of Milindapaha”in Komazawa
Daigaku kenkyu kiyo, (Summary of the Research Studies
of University of Komazawa)], 17-55. Chinese Translation:
關於《彌蘭陀王問經》類,水野弘元《佛教文獻 研究》,許洋主譯,
2003 年,頁 221-292. อ้างใน X. Guang. 2008. “Introduction
to the Nāgasena Bhikṣu Sūtra”. Journal of Buddhist
Studies VI: 235-251.
Mizuno, K. 水野弘元.
1959. 〈ミリンダ問經類について〉《駒澤大 学研究紀要》, Vol. 17,
17-55. (Mirinda-monkyo-rui ni tsuite) [“On the
Recensions of Milindapañha”, Komazawa Daigaku
kenkyu kiyo (Summary of the Research Studies of
University of Komazawa)] Chinese translation :關於《
彌蘭陀王問經》類 ,水野弘元《 佛教 文獻研究》,許洋主譯,
2003 年 ,頁 221-292. อ้ า งใน X . G u a n g . 2009.
“The Different Chinese Versions of the Nāgasena
Bhikṣu Sūtra”. Journal of Buddhist Studies VII: 226-247.
Pachow, W.
2000 “An Assessment of the Highlights in the Milindapanha.”
Chung-Hwa Buddhist Journal, No.13.2, 1-27. Tarn, W. W.
1938. The Greek in Bactia & India. Cambridge: Cambridge
University Press.
216
ธรรมธารา
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปี ท่ี 5 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 9) ปี 2562
Takakusu. J.
1896 “Chinese Translations of the Milinda Paṇho” The Journal
of the Royal AsiaticSociety of Great Britain and Ireland.
E-Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain
and Ireland. : 1-21.
Tarn, W.W.
1966 The Greek in Bactia & India. Cambridge: Cambridge
University Press. cited in X. Guang. 2008. “Introduction
to the Nāgasena Bhikṣu Sūtra”. Journal of Buddhist
Studies VI: 235-251.
Sedlar, J.W.
1980 India and the Greek World: A study in the transmission
of culture. Totowa, New Jersey: Rowman and Littlefield.
อ้างใน Aston, G.V.
2004. Early India Logic and the
Question of Greek influence. Doctor of Philosophy
Thesis in Philosophy, University of Canterbury.
Skilling, P.
1998 A note on King Milinda in the Abhidharmakosabhaya.
Journal of the Pali Text Society. 24, 81-101.
Winternitz M.,
1913 Geschichte der Indischen Litterateur, Vol. 2, Hf. I,
Leiping, pp. 140-141.
คัมภีรม์ ิลนิ ทปั ญหา: ปริศนาเรือ่ งก�ำเนิดและพัฒนาการ 217
Milindapañha: the Mystery of its origin and development
Yaroslav, V.
1993 “Did East and West really meet in Milinda’s Questions?”
The Petersburg Journal of Cultural Studies. Vol I, (1):
64-77.
3. ข้อมูลออนไลน์
Carter, Marthal L.
1989 “BEGRĀM the site of ancient Kāpiśa, located 80.5 km
north of Kabul overlooking the Panjšīr valley at the
confluence of the Panjšīr and Ḡorband rivers.”
Encyclopædia Iranica (online). www.iranicaonline.org/,
Accessed August 17, 2019.
Mark, Joshua J.
2018 “alexandria” Ancient History Encyclopedia (online)
www.ancient.eu/alexandria/, Accessed August 17, 2019.
Simonin, Antoine.
2011 “Euthydemid” Ancient History Encyclopedia (online)
www.ancient.eu/euthydemid/, Accessed August 17, 2019.
2011 “Hellenistic_Period” Ancient History Encyclopedia
(online) www.ancient.eu/Hellenistic_Period/, Accessed
June 1, 2016.