Professional Documents
Culture Documents
2. คู่มือฯ บทที่ 2
2. คู่มือฯ บทที่ 2
2. คู่มือฯ บทที่ 2
เกริ่นนำ
โลกยุคศตวรรษที่ 21 มีความเปลี่ยนแปลงและผันแปรอย่างรวดเร็วในทุกด้าน ทุก ประเทศย่อมต้องการ
ทรัพยากรมนุษย์ที่มี คุณภาพ มี ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำพาประเทศ
ให้เจริญก้าวหน้า การมีความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องสามารถนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติ การทำงาน
และการดำรงชี ว ิ ตได้ การจั ด การศึก ษาเพื่ อ พั ฒ นาทรัพ ยากรมนุษ ย์ ข องประเทศ จึ ง มุ ่ ง เน้ น ให้ ค วามสำคัญ
กั บ การพั ฒ นาคนให้ม ี ล ั ก ษณะดัง กล่ า ว หรื อ เรี ย กได้ ว ่ า มี “สมรรถนะ” นั ่ น เอง การศึ ก ษา ทำความเข้ าใจ
เรื ่ อ งสมรรถนะและการนำสมรรถนะไปใช้ ใ นการจั ด การศึ ก ษา จึ ง เป็ น รากฐานที่ ส ำคั ญ ของการพั ฒ นาคน
ให้มีสมรรถนะตามความมุ่งหวัง
2. สมรรถนะ เกิดขึ้นได้อย่างไร
องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation
and Development) หรือ OECD ได้อธิบายการเกิดสมรรถนะด้วยรูปภาพ ดังนี้
การศึ ก ษาฐานสมรรถนะ เป็ น ระบบการศึ ก ษาที่ ม ุ่ ง เน้น การพั ฒ นาผู้ เรีย นเป็ นรายบุค คลเป็นสำคัญ
ดำเนินการจัดการศึกษาโดยนำสมรรถนะของผู้เรียนเป็นตัวตั้ง ทั้งทางด้านหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ และการวัด
และประเมินผล เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัด และก้าวหน้าไปตามความสามารถของตน
โดยเน้นการเชื่อมโยงกับบริบทชีวิต จริงและการนำสิ่งที่เรียนรู้ ไปใช้จริง และสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความ
ต้องการเพื่อการส่งเสริมและบ่มเพาะสมรรถนะผู้เรียนทุกคนเต็มศักยภาพ การศึกษาฐานสมรรถนะที่มีคุณค่าและ
ประสบความสำเร็จนั้นต้องการความไว้วางใจ (Trust) และความร่วมมือของ สังคม ชุมชน โรงเรียน ผู้เรียน และ
ครอบครัว
คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้เสนอลักษณะ
สำคัญของการศึกษาฐานสมรรถนะ ดังนี้
1) มุ่งให้ผู้เรียนแสดงความสามารถที่เชี่ยวชาญ เน้นการนำความรู้ไปใช้จริง
2) กำหนดความคาดหวังไว้สูง และคาดหวังกับผู้เรียนทุกคน
3) ผู้เรียนรับผิดชอบต่อตัวเองให้ถึงเป้าหมาย สามารถออกแบบการเรียนของตนเองได้ สามารถเรียนได้
ในสถานทีแ่ ละเวลาที่แตกต่างกัน โดยการช่วยเหลือ สนับสนุนอย่างยืดหยุ่น ตามลักษณะเฉพาะของผู้เรียน
4) ผู้เรียนจะได้รับการประเมินเมื่อพร้อม และเป็นการประเมินความก้าวหน้าตามอัตราของตนเอง
เน้นการประเมินที่ท้าทาย เน้นการปฏิบัติด้วยเครื่องมือวัดที่เข้าถึงความเชี่ยวชาญของผู้เรียน
หลักสูตรฐานสมรรถนะ เป็นหลักสูตรที่มีพันธะต่อการความเจริญงอกงามและความสำเร็จของผู้เรียน
ทุ ก คน โดยใช้ ผ ลลั พ ธ์ ก ารเรี ย นรู ้ เ ชิ ง สมรรถนะเป็ น เป้ า หมายในการพั ฒ นาผู ้ เ รี ย นผ่ า นมวลประสบการณ์
ทางการเรียนรู้ที่บูรณาการอย่างมีความหมาย เพื่อการประยุกต์ใช้ได้จริงสำหรับการดำรงชีวิตในสังคม และ
ตอบสนองต่อการพัฒนาผู้เรียนจำเพาะบุคคล จึงเป็นหลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner Centric) โดย
คํานึงถึง ความสนใจ ความถนัด ความพร้อม ความสามารถ ปัญหา และความต้อ งการของผู้ เรี ยน รวมทั้ ง
ความเหมาะสมกับ บริบท วิถีชีวิต ภูมิสังคม ชาติพันธุ์และวัฒนธรรม สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
ของผู้เรียน ครู และการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก
หลักสูตรฐานสมรรถนะ มีหลักการสำคัญ ดังนี้
1) เป็น หลักสูตรที่มีสมรรถนะเป็นเป้าหมายในการพัฒ นาผู้เรียน เป็นหลักสูตรฐานปฏิบัติ ( Action
Oriented) ที่มุ่งสู่การทำได้ (Able to Do) เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะที่สำคัญและจำเป็นให้แก่ผู้เรียนตามช่วงวัย
โดยมีการวัดและประเมินผลเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
2) เป็น หลักสูตรที่ย ึดผู ้เรี ย นเป็น สำคั ญ (Learner Centric) โดยเปิดโอกาสให้ผ ู้เรี ยนได้ เรียนรู ้ ต าม
ความสนใจ ความถนัด และก้าวหน้าไปตามความสามารถ รวมทั้งพัฒนาตนเองสู่ความเชี่ยวชาญได้ เป็นหลักสูตร
ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคล (Personalization)
12
3) เป็ น หลั ก สูต รที่ ม ี ค วามเชื่ อ มโยงกับ ชี ว ิ ต จริ ง (Related to Real Life) ของผู ้ เ รี ย น มี ค วามหมาย
ต่อผู้เรียน เพราะสามารถนำไปใช้ในชีวิตได้จริง
4) เป็นหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับบริบทแวดล้อม (Contextualized) ที่แตกต่างกันของผู้เรียน ซึ่งส่งผล
ต่อพฤติกรรมและการเรียนรู้ของผู้เรียน
5) เป็นหลักสูตรที่ส่งเสริมการบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ (Multidisciplinary) ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้
ความรู้ ให้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
6) เป็นหลักสูตรที่ยืดหยุ่น (Adaptive) สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เรียน ครู สังคม
และโลก
7. ลักษณะของหลักสูตรอิงมาตรฐาน กับหลักสูตรฐานสมรรถนะ
หลักสูตรฐานสมรรถนะมีลักษณะบางประการที่แตกต่างจากหลักสูตรอิงมาตรฐานที่ใช้กันอยู่เดิม
ได้เปรียบเทียบลักษณะของหลักสูตรอิงมาตรฐานกับหลักสูตรฐานสมรรถนะ ไว้ดังนี้
หลักสูตรอิงมาตรฐาน หลักสูตรฐานสมรรถนะ
1. เป็นหลักสูตรที่ใช้ผลลัพธ์การเรียนรู้เป็นฐาน 1. เป็นหลักสูตรที่ใช้ผลลัพธ์การเรียนรู้เป็นฐาน
- กำหนดสิ่งที่ผู้เรียนควรรู้และสามารถทำได้ - กำหนดสิ่งที่ผู้เรียนสามารถทำอะไรได้ ในเชิง
- มีมาตรฐานและตัวชี้วัด สมรรถนะ
- มีผลลัพธ์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะ
2. เน้นความรู้เชิงเนื้อหา (Content knowledge) 2. เน้นในการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และเจตคติ
หรือคุณลักษณะในชีวิตจริงที่มีความหมายต่อผู้เรียน
3. หลักสูตรอิงมาตรฐาน กำหนดชุดเป้าหมายการ 3. หลักสูตรฐานสมรรถนะ มีพันธะต่อการความเจริญ
เรียนรู้ โดยไม่มีพันธะ (commit) ว่าทุกคนจะต้อง งอกงามและความสำเร็จของผู้เรียนทุกคน โดยให้
บรรลุเป้าหมายนั้น การสนับสนุนทางวิชาการเพิ่มเติมจนกว่าจะบรรลุ
เป้าหมายการเรียนรู้
4. ผลลัพธ์การเรียนรู้เน้นความรู้และทักษะ 4. ผลลัพธ์การเรียนรู้เน้นสมรรถนะ (เน้นผลลัพธ์)
(เน้นปัจจัย) ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรู้และทักษะ
5. การจัดการเรียนรู้แบบองค์รวมมักจะขาดหายไป 5. ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบองค์รวมเพื่อสร้าง
เนื่องจากจะต้องวัดและสังเกตผลลัพธ์การเรียนรู้ย่อย สมรรถนะที่คาดหวัง
จำนวนมาก
6. การจัดการเรียนรู้ไม่สามารถประกันได้ว่าผู้เรียน 6. ใช้ความเชี่ยวชาญในการเรียนรู้เป็นหลักประกันว่า
ทุกคนจะบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ ผู้เรียนทุกคนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้
7. ผู้เรียนเรียนรู้ตามช่วงเวลาที่กำหนด 7. ผู้เรียนได้รับโอกาสให้เรียนรู้ตามจังหวะการเรียนรู้
ของตนเองจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
15
หลักสูตรอิงมาตรฐาน หลักสูตรฐานสมรรถนะ
8. ส่วนใหญ่ใช้การจัดการเรียนรู้เหมือนกันทั้งห้อง 8. ใช้การจัดการเรียนรู้ที่คำนึงถึงความแตกต่างของ
บุคคล เพื่อช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนบรรลุจุดประสงค์
การเรียนรู้
9. การวางแผนสนับสนุนผู้เรียนเป็นรายบุคคลมีน้อย 9. ผู้เรียนได้รับการสนับสนุนเป็นรายบุคคลในเวลา
ที่เหมาะสม
10. เน้นประเมินเพื่อสรุปผล เพื่อการให้ระดับ 10. เน้นใช้การประเมินเพื่อพัฒนาที่เป็นส่วนหนึ่งของ
ผลการเรียน กระบวนการเรียนรู้ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนก้าวหน้าในการ
เรียนรู้
11. การประเมินเพื่อสรุปผล อิงจากความรู้และทักษะ 11. การประเมินเพื่อสรุปผล ใช้การแสดง
ที่ระบุไว้ในหลักสูตร ความเชี่ยวชาญตามสมรรถนะที่กำหนด
12. ผู้เรียนก้าวหน้า/เลื่อนระดับ ขึ้นอยู่กับปฏิทิน 12. ผู้เรียนก้าวหน้า/เลื่อนระดับ ขึ้นอยู่กับการแสดง
การศึกษา หรือช่วงเวลา ความเชี่ยวชาญตามสมรรถนะที่กำหนด
13. ผู้เรียนอาจจะสอบตก หรืออาจสอบผ่านโดยไม่ได้ 13. ถ้าผู้เรียนยังไม่ได้ความเชี่ยวชาญตามสมรรถนะ
สมรรถนะอะไรเลย จะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นรายบุคคล
ไม่มีการให้ผู้เรียนตกหรือล้มเหลว
จากความสำคัญของสมรรถนะที่เป็นยุทธศาสตร์ เป้าหมายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแนวการจัด
การศึกษาของประเทศให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและสภาวะของประเทศ นำมาสู่การพัฒนา
ร่างกรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีกระบวนการที่เป็นระบบ ใช้การมีส่วนร่วม
จากทุกภาคส่ว นที่เกี่ย วข้อง ทั้ งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งใช้การวิจัยเป็นฐานในการดำเนินงานให้ได้มาซึ่ง
องค์ประกอบของหลักสูตร คือ สมรรถนะหลัก (Core Competency) และขอบข่ายการเรียนรู้ (Learning Area)
โดยสรุปดังต่อไปนี้
1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดสมรรถนะหลัก ดำเนินการโดย
- วิ เ คราะห์ ค วามท้ า ทายในการจั ด การศึ ก ษา สถานการณ์ ความผั น ผวน ปั ญ หา และ
การเปลี่ยนแปลงของบริบททางเศรษฐกิจและสังคมโลก
- ดำเนินการวิจัยเรื่องการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูลเพื่อพัฒนากรอบการดาเนิน งาน
หลักสูตรฐานสมรรถนะสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย
- ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศ
16
- กำหนดคุณลักษณะของคนไทยและทิศทางการจัดการศึกษา จากกฎหมายและยุทธศาสตร์
ประเทศ ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรฐานการศึกษาชาติ พ.ศ. 2561
ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ... แผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2574 เป็นต้น
- สังเคราะห์ออกมาเป็น สมรรถนะหลัก ซึ่ง เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ
ที่จำเป็นของผู้เรียนต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคต โดยเป็นสมรรถนะข้ามศาสตร์และวิชา ที่ สามารถพัฒนา
ผ่านศาสตร์วิชาต่าง ๆ หรือสหวิทยาการได้
2) ศึกษาแนวคิด/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดองค์ประกอบและนิยามของสมรรถนะหลักแต่ละ
สมรรถนะ ดำเนินการโดย
- ศึกษาเอกสารเกี่ย วกับ สมรรถนะที่ส ำคัญในต่างประเทศ งานวิจัยของสำนักงานเลขาธิการ
สภาการศึกษา เอกสารทางการศึกษาในต่างประเทศเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานเกณฑ์การประเมินที่เป็นสากล
และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
- ระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสมรรถนะ (คณะอนุกรรมการพัฒนาสมรรถนะ)
- สังเคราะห์ออกมาเป็นองค์ประกอบและนิยาม
3) กำหนดพฤติกรรมบ่งชี้หลักของสมรรถนะหลักตามระดับการพัฒ นา และตามระดับที่คาดหวัง
ในแต่ละช่วงชั้น นำนิยามและองค์ประกอบของสมรรถนะ มาจัดเรียงให้เป็นระดับการพัฒนา โดยกำหนดให้
ทุกสมรรถนะมีระดับการพัฒนา 10 ระดับที่เท่ากัน ในลักษณะของการสะสมจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง เพื่อให้
เกิดความยืดหยุ่นในการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนที่แตกต่างกัน และการนำไปใช้ได้จริงสำหรับครูผู้สอนในประเมิน
สมรรถนะผู้เรียน
4) ตรวจสอบคุณภาพของคำบรรยายระดับและพฤติกรรมบ่งชี้หลักตามระดับการพัฒนา
ดำเนินการโดย
- พิจารณาตามระดับการพัฒนาของสมรรถนะกับพัฒนาการตามวัยของผู้เรียน คำบรรยายระดับ
สมรรถนะและพฤติกรรมบ่งชี้ ซึ่งต้องสอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก และเชื่อมโยงกับการศึกษาปฐมวัยและมีค วาม
สอดคล้องกับ ระดับ การพัฒ นาในระดับ ที่ส ูงขึ้น โดยดำเนินการตรวจสอบความสอดคล้องระดับการพัฒนา
ที่คาดหวังของแต่ละช่วงชั้นกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พระราชบัญญัติปฐมวัย และหลักจิตวิทยา
การเรียนรู้และพัฒนาการเด็ก
- พิจารณาเทียบเคียงความคู่ขนานและความเกี่ยวข้องกันของพฤติกรรมบ่งชี้ระหว่างสมรรถนะ
เพื ่ อ ให้ เ กิ ด ความสมดุ ล ของการพั ฒ นาสมรรถนะผู ้ เ รี ย นไปในทิ ศ ทางเดี ย วกั น ด้ ว ยการตรวจสอบคุ ณ ภาพ
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการเรียนรู้และพัฒนาการเด็ก และการสนทนากลุ่มจากครูผู้สอนในระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
5) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบข่ายการเรียนรู้ ดำเนินการโดย
17
- กำหนดขอบข่ายการเรียนรู้ให้ชัดเจนและไม่เกิดความซ้ำซ้อนกัน
- พิจารณาความเชื่อมโยงในการบูรณาการข้ามขอบข่าย และส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
12) ตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างระดับการพัฒนาสมรรถนะหลักที่คาดหวังตามช่วงชั้น กับ
ผลลัพธ์การเรียนรู้เชิงสมรรถนะในขอบข่ายการเรียนรู้ของแต่ละช่วงชั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์
การเรียนรู้เชิงสมรรถนะได้บูรณาการสมรรถนะหลักอย่างเหมาะสม ในแต่ละช่วงชั้นและทุกขอบข่ายการเรียนรู้
13) วิจัยและทดลองในพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา และโรงเรียทดลองใช้หลักสูตร เพื่อนำ
ผลการวิจัยมาปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....
14) รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ ครู นักเรียน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำข้อคิดเห็นและ
ข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... สำหรับการประกาศใช้ต่อไป
อ้างอิง:
คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาและสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. รายงานเฉพาะเรื่องที่ 12
หลักสูตรและการเรียนการสอนฐานสมรรถนะ. สืบค้นจาก
http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1746-file.pdf
วิจารณ์ พานิช. (2558). เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning. กรุงเทพ ฯ : บริษัท เอส อาร์
พริ้นติ้ง
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ.คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2564). งานวิจัย การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนา กรอบ
การดำเนินงานหลักสูตรฐานสมรรถนะ สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย. มปป.
OECD. (2016). A proposal for the PISA 2018 Assessment of Global Competence โดย Andreas
Schleicher. สืบค้นจาก https://www.slideshare.net/OECDEDU/a-proposal-for-the-pisa-2018-
assessment-of-global-competence
OECD, (2019). OECD Future of Education and Skills 2030, Conceptual learning framework,
Attitudes and Values for 2030. สืบค้นจาก https://www.oecd.org/education/2030-project/teaching-
and-learning/learning/attitudes-and-values/Attitudes_and_Values_for_2030_concept_note.pdf
Republic of Estonia, Ministry of Education and Research. (2017). National Curricula 2014. สืบค้น
จาก https://www.hm.ee/en/national-curricula-2014
Sarah Beckett. (2021). How are Skills and Competencies Similar? สืบค้นจาก
https://resources.hrsg.ca/blog/what-s-the-difference-between-skills-and-competencies
University of Victoria. Understanding and using competencies. สืบค้นจาก
https://www.uvic.ca/coopandcareer/career/build-skills/understanding/index.php
University of Victoria https://www.uvic.ca/coopandcareer/career/build-
skills/understanding/index.php
19