Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 4 วรรณคดียุคเอะโดะ
บทที่ 4 วรรณคดียุคเอะโดะ
ค.ศ.1603 – ค.ศ.1868
江戸時代の文学
บรรยายโดย
อาจารย์อิทธิพล บัวย้อย
รายวิชา 143341 วรรณคดีญี่ปุ่นเบื้องต้น
สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
จากยุค มุโระมะจิ
1. ยุคสมัยช่วงปี 1336-1573 ที่ญี่ปุ่นเรียกว่าเป็น ยุคมุโรมาจิ เป็นสมัยที่
บ้านเมืองถูกปกครองโดยรัฐบาล โชกุนอาชิกางะ 2. ช่วงปลายๆ ยุคการปกครองของรัฐบาลโชกุนได้เสื่อมอานาจลง ทาให้บรรดาแคว้นต่างๆพากัน
ตั้งตัวเป็นใหญ่ บ้านเมืองเลยตกอยู่ภายใต้ภาวะสงคราม ช่วงยุคนั้นจึงเรียกว่า ยุคเซงโงกุ โดย
กินเวลาในช่วงท้ายของยุคมุโรมาจิ คือช่วงปี 1467-1573
3. หนึ่งในบรรดาแคว้นเหล่านั้นก็คือแคว้นโอวาริ 尾張国 บริเวณเมืองนาโงยะ
ในปัจจุบัน ปกครองโดย โอดะ โนบุนางะ
4. โนบุนางะ ได้ใช้ความสามารถในการปราบแคว้นอื่นๆ เพื่อสร้างฐานอานาจที่มั่นคง และใน
ปี 1568 ก็ได้บุกเข้าสู่เมืองหลวงเกียวโตซึ่งเป็นศูนย์กลางที่โชกุนปกครองอยู่และเข้ายึดอานาจ
การปกครองจากโชกุน
เปลี่ยนสู่ยุค เอะโดะ
โยชิเทรุลงจากตาแหน่ง และไล่ออกจากเกียวโต ถือเป็นจุดสิ้นสุดของ
ยุคมุโรมาจิและยุคเซงโงกุ
จุดเริ่มต้นยุคเซนโกคุ(戦国時代)
• โชกุนและคนใน บะคุฟุ ต่างใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ และใช้ทรัพย์สินเงินทองไปกับ
สิ่งของหรูหราและพิธีชงชาอันฟุ่มเฟือย ไม่สนใจความเป็นไปภายนอก
• อานาจของรัฐบาลโชกุนตระกูล อะชิคางะ เริ่มอ่อนแอลง
• บรรดาไดเมี ย วทั้ ง หลายที่ ป กครองหั ว เมื อ งต่ า ง ๆ พากั น กระด้ า งกระเดื่ อ ง
ประกาศตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับการปกครองของโชกุน
ยุคสงครามกลางเมือง “戦国時代”
• นักรบและจ้าวผู้ครองที่ดินที่ในท้องถิ่นต่อสู้กัน
เพื่อขยายอาณาเขตและเพิ่มพูนอานาจ
• สงครามกลางกรุงแย่งชิงอานาจ สังหารโชกุน
• แคว้นต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น ก่อสงครามแย่งชิงอานาจ
ยุคสงครามกลางเมือง
ค.ศ. 1477-1615(戦国時代)
• สงครามลุกลามไปทั่วญี่ปุ่น ไดเมียวตามแคว้นต่างๆ ตั้งตน
เป็นอิสระ
• สงครามสร้างความเสียหายแก่เมืองเกียวโตอย่างร้ายแรง
เกินกว่าจะฟื้นฟู
• ในช่วงมืดของญี่ปุ่นได้มีขุนพลนักรบผู้หนึ่งเป็นผู้พลิกผัน
โฉมหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่ น โอะดะ โน ะบุน ะงะ
(織田信長) ก้าวขึ้นมามีอานาจเหนือสุด เป็นผู้คุมประเทศ
ญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงระหว่างสงคราม
สมัยอาสึจิโมโมยามะ
安土桃山時代(あづちももやま)
โอะดะ โนะบุน ะงะ ลงโทษ อะเคะจิ มิส ึฮิเดะ ต่อหน้าคณะขุนศึก การลอบสังหาร โอะดะ โนะบุนะงะที่ วัดฮนโนจิ(本能寺),
ภาพอุกิโยะสมัยเมจิ ภาพพิมพ์ในสมัยเมจิ
จากยุคอะซึจิ
徳川 家康
ฉันจะเฝ้ารอคอยให้มันร้อง
ฮิเดะทะดะ : นโยบายแข็งกร้างต่อต่างชาติ
• อิเอะยะสึ เปลี่ยนมาดารงตาแหน่งโชกุนผู้สละตาแหน่ง
(โอโงโช) และย้ า ยมาพ านั ก ที่ ป ราสาทซั ม ปุ ท าให้
สามารถจัดการกับการค้าขายกับชาวตะวันตกได้
• อิเอะยะสึ เสียชีวิตในปี 1616 บุตรชาย ฮิเดะทะดะ ได้
เข้ า รั บ ต าแหน่ ง โชกุ น มี น โยบายแข็ ง กร้ า วต่ อ
ชาวต่างชาติมากกว่าบิดาของเขา
• ปราบปรามชาวคริส เตียน มีการจั บกุมและตัดศีรษะ
ชาวคริสต์อยู่เสมอ
第3代将軍: 徳川家光
: สมัยแห่งการทาลายล้างชาวคริสต์อย่างบ้าคลั่ง
とく がわ いえ みつ
徳川家光
อุคโิ ยเอะ
คาบุกิ
江戸時代の文学作品
การเปลี่ยนแปลงจากยุคแห่งนักรบไปสู่ยคุ แห่งชาวเมือง
江戸時代の文学作品
วรรณคดียุคเอะโดะ
(1) วรรณคดีประเภทนวนิยาย (小説)
仮名草子(かなぞうし)
浮世草子(うきよぞうし)
読本(よみほん)
洒落本(しゃれぼん)
草双紙(くさそうし)
(2) วรรณกรรมประเภทบทกลอน
俳諧(はいかい)
川柳(せんりゅう)
狂歌(きょうか)
(3) การศึกษาวรรณคดีเก่าแก่ของชาติ
(4) วรรณกรรมประเภทละคร
ละคร 浄瑠璃(じょうるり)
ละคร 歌舞伎(かぶき)
ละครหุ่น 文楽(ぶんらく)
( 1 ) วรรณคดีประเภทนวนิยาย(小説)
か な ぞう し
仮名草子
• พัฒนามาจาก お伽草子(おとぎそうし)หรือ นิทานเรื่อง
เล่าขนาดสั้นที่นิยมในสมัยมุโระมะจิ
• เขี ย นด้ ว ยอั ก ษรคะนะค่ อ นข้ า งเยอะเพื่ อ เน้ น กลุ่ ม ผู้ อ่ า น
ระดับกลางและล่าง ผู้แต่งมีทั้งซามูไร นักวิชาการ พระ
• นอกจากเน้ น ที่ อ่ า นเพื่ อ ความเพลิ ด เพลิ น แล้ ว ยั ง มี เ กี่ ย วกั บ
いそぼものがたり
หนังสือพวกสาระความรู้ คติธรรมคาสอน เช่น 伊曽保物語
เป็นหนังสือรวมนิทานที่แปลมาจากนิทานอีสป เป็นต้น
หนังสือรวมนิทานที่แปลมาจากนิทานอีสป
うき よ ぞう し
浮世草子
เรื่องของชีวิตมนุษย์ ความเป็นไปในโลก และเรื่องราวระหว่างชายหญิง
ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่าที่จะเป็นโลกแห่งจินตนาการที่นึกฝัน
เอาเอง ถ้าเรียกผลงานนั้นๆ ว่า “อุคิโยะ” หมายถึงนิยายสมัยใหม่ในยุคนั้น
นักเขียนนิยายแนว 『浮世草子』
いはらさいかく こうしょくいちだいおとこ
• ค.ศ.1682 井原西鶴 ได้เขียน 好色一代男 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนุ่มเพลย์บอยที่
มีความสัมพันธ์กับทั้งหญิงและชาย ถือเป็นงานเขียนที่ไม่มีใครกล้าเขียนขึ้นใน
สมัยนั้น ตั้งแต่นั้นจึงเกิดงานเขียนประเภทนิยายรักใคร่ของชนชั้นพ่อค้าขึ้นมาที่
ได้รับความนิยมในแถวโตเกียว-โอซากา ซึ่งเรียกว่า 浮世草子
• ผู้เขียนเป็นชนชั้นพ่อค้า เริ่มแรกเป็นอาจารย์สอนกลอนไฮไก ต่อมาผันตัวเองมา
เป็นนักเขียนนิยายประเภทรักๆ ใคร่ๆ ของชนชั้นพ่อค้า
• นวนิยาย 浮世草子 สะท้อนชีวิตของพ่อค้าในสมัยเอะโดะได้อย่างเสมือนจริง
井原西鶴;Togo Hirayama (ชื่อตอนเกิด) หรือ Ihara Saikaku เกิดในปี ค.ศ. 1642 เกิดในครอบครัวที่เป็นชนชั้นพ่อค้า
ในโอซาก้า เริ่มแต่งกลอนไฮไกเมื่ออายุได้ 15 ปี และ เมื่ออายุ 20 ปี กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกลอนไฮไก ภายใต้
นามปากกา Ihara Kakuei
ผลงานของ 井原西鶴
แบ่งเป็นประเภทได้ 3 ประเภท
• 好色物(こうしょくもの)นิยายสะท้อนความรักระหว่างหนุ่มสาวในแง่มุมที่
ลึกซึ้ง ผลงานดีเด่น เช่น 好色一代男 และ 好色五人女 สะท้อนชีวิตตัวเอกที่ลุ่ม
หลงมัวเมาในความรักจนเป็นผลเสียต่อตัวเอง
เรื่องราวเกี่ยวกับวินัยนักรบที่ขัดแย้งกับความรู้สึก
好色二代男 諸艶大鏡
好色五人女
เขาเขียนเรื่องนี้จากสิ่งที่เขาได้พบ
เห็นจากการเดินทางไปในที่ต่างๆ
เกี่ยวกับโสเภณีผู้หญิง แบ่งเป็น 5
เรื่อง ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้จะให้บริการ
กับคนมีเงิน พ่อค้า ซามูไร เป็น
เรื่องที่มีความซับซ้อน ความรู้สึก
ของอารมณ์รักของมนุษย์ สะท้อน
ให้เห็นถึงความมักมากในกามของ
ผู้ชาย เขาเขียนด้วยมีการใช้คาพูด
เป็นนัย ความรอบรู้ และฉลาด
หลักแหลม เป็นเรื่องที่ท้าทาย จึง
มีนักแปลสนใจในงานชิ้นนี้มาก
1686 年
『好色一代女』
• หญิงสาวในวัย 70 ได้
เล่ า เกี่ ย วกั บ ชี วิ ต ของ
ต น เ อ ง ที่ เ ป็ น ผู้ ห ญิ ง
โสเภณี ใ นวั ย สาวๆจาก
โสเภณี ชั้ น สู ง กลายมา
เป็นโสเภณีข้างถนน
• สะท้ อ นให้ เ ห็ น ถึ ง ชี วิ ต
ของโสเภณีวัยสาวและ
ตอนช่ ว งท้ า ยของชี วิ ต
โสเภณีในวัยชรา
なん しょく お がかみ
1687 年 『男色大鑑』
• ความสัมพันธ์ระหว่าง นักรบและพระสงฆ์ และความสัมพันธ์รักร่วมเพศของนักแสดงคา
บุกิระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่ม ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ผิดจริยธรรม
• ซามูไรที่มีอายุ มีความสัมพันธ์กับซามูไรหนุ่ม ซึ่งเป็นประเพณีของซามูไร
• นักแสดงสาวคาบุกิที่เป็นโสเภณีกับขุนนางที่มีอายุ จัดเป็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติก
に ほん えい たい ぐら
1688 年 : 『日本永代蔵』
เนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ปัญญาของ
ซามูไรคนหนึ่งเรื่องการค้าขาย
ผลงานชิ้นนี้ได้รับการยกย่อง
1692 年 ว่าเป็นผลงานนวนิยายดีเด่น
せ けん むね ざん よう
ที่ ส ะท้ อ นชี วิ ต ของพ่ อ ค้ า ที่
『世間胸算用』 ประสบปัญหาด้านการเงินได้
อย่างเหมือนจริง
井原西鶴
• เสียชีวิตลงในปี 1693 ขณะอายุ 51 ปี
• เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ได้รับความนิยม
มากในสมัยเอะโดะ
• ผ ล ง า น ข อ ง เ ข า ไ ม่ เ ค ย ไ ด้ รั บ ก า ร
พิ จ ารณาให้ เ ป็ น วรรณกรรมระดั บ สู ง
เพราะได้รับความนิยมในเฉพาะชนชั้น
พ่อค้า
• ผลงานของ 井原西鶴 มีความสาคัญใน
การพัฒนาวงการนิยายญี่ปุ่น
• อนุสรณ์สถานของ 井原西鶴 ตั้งอยู่ที่
โอซาก้า
よみ ほん
読本
• เดินเรื่องด้วยตัวหนังสือมากกว่าจะใช้ภาพ
• เรื่องที่นามาเขียนมีทั้งเรื่องเล่าเชิงนิทานซึ่งมีทั้งความ
สมจริงและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ รวมถึงเรื่องลึกลับแปลก
ประหลาดต่างๆ
うげつものがたり
• เรื่องที่เด่น คือ หนังสือรวมนิยายลึกลับชื่อ 雨月物語
うえだあきなり
ของ 上田秋成
う げつ もの がたり
雨月物語
• เขียนขึ้นในปี 1768 และพิมพ์ออกจาหน่ายในปี 1774
ผู้เขียนเขียนเรื่องต่างในหนังสือเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ในคืน
ฝนตก มองเห็นดวงจันทร์หม่นมัว จึงใช้ชื่อหนังสือให้
ตรงกับบรรยากาศในขณะนั้น
あさじ やど
• เรื่องเด่น ๆ เช่น 浅茅が宿 (กระท่อมหญ้าคา) หรือ
きっか ちぎり
菊花の契 (สัญญาเบญจมาศ)
雨月物語
1. 白峯 (ภูเขาฌิระมิเนะ) Shiramine (White Peak)
2. 菊花の約(สัญญาวันเทศกาลดอกเบญจมาศ) Kikka no
Chigiri (The Chrysanthemum Pledge)
3. 浅茅が宿(กระท่อมหญ้าคา) Asaji ga Yado (House Amid
the Thickets)
4. 夢応の鯉魚(ปลาไนในฝัน) Muo no Rigyo (A Carp That
Appeared in My Dream)
5. 仏法僧(บุปโปโซ) Bupposo (Bird of Paradise)
6. 吉備津の釜(หม้อทานายแห่งศาลเจ้าคิบิท์ซ)ุ Kibitsu no
Kama (The Cauldron of Kibบาปรักนางพญางูitsu)
7. 蛇性の婬() Jasei no In (Lust of the White Serpent)
8. 青頭巾(ภูษาพระธุดงค์) Aozukin (The Blue Hood)
9. 貧福論(ภูตทองคากับวิถแี ห่งความมั่งคัง่ และความยากจน)
Hinpuku-ron (Theory of Wealth and Poverty)
あさじ が やど
浅茅が宿
しゃ れ ぼん
洒落本
• หนังสือนิทานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตในแหล่ง
เริงรมย์
• นักเขียนที่มีชื่อเสียงในงานเขียนแบบ 洒落本
さんとうきょうでん
คือ 山東京伝
• เนื้ อ เรื่ อ งในงานเขี ย นมั ก เป็ น เรื่ อ งราวขั ด
ศีลธรรมจึงถูกรัฐบาลสั่งระงับ จึงหันไปเขียน
นิยายจาพวก 読本 แทน
• นิยาย 洒落本 แบ่งเป็นสองจาพวก คือ
にんじょうぼん
• 人情本
こっけいぼん
• 滑稽本
にんじょうぼん
人情本
นวนิยายที่เล่าเรื่องราวความรักความผูกพันของชายหญิงซึ่งเป็นชาวบ้าน
なきほん
ธรรมดาในสถานเริงรมย์ เนื้อหาโศกเศร้า บางทีเรียกว่า 泣き本
こっけいぼん
滑稽本
นวนิยายที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องราวตลกขบขันในสถานเริงรมย์ แฝงด้วยความขบขันและใช้ภาษา
ชาวบ้าน ง่ายต่อการเข้าใจ ช่วงแรกมีลักษณะแห่งการสอนหรือให้คติกับผู้อ่าน สมัยหลังเป็น
เรื่องตลกแบบหยาบคาย แต่ก็เป็นแม่แบบให้งานเขียนประเภทอื่นตามมา
くさ そう し
草双紙
くさ そう し
草双紙
• เป็นหนังสือสาหรับเด็กที่มีการใช้ภาพวาดประกอบคล้ายหนังสือการ์ตูน
• ตอนแรกใช้ปกสีแดง เรียกว่า 赤本 ต่อมาเรียกตามสีปกที่เปลี่ยนไป เช่น
เป็นต้น
き びょう し
黒本、青本、黄表紙
俳諧
วิวัฒนาการของไฮไกและไฮกุ
短歌(たんか) 連歌(れんが) 俳諧の連歌
俳諧 発句(ほっく) 俳句(はいく)
จากตัวอย่าง
すな はま に =5
あし あと ながき =7
はる ひ かな =5
(2) ต้องมีคาแสดงฤดูกาลเสมอเรียกว่า 季語(きご)หรือ 季題(きだい)
• ฤดูร้อน 暑さ(あつさ) 涼しさ(すずしさ) 蚊帳(かや)
กลอนบทนี้มีคาว่า 暑く เป็นตัว
แสดงฤดูกาลของฤดูร้อน
(3) มีการใช้ 切れ地(きれじ)เช่นเดียวกับบทกวีอื่นๆ จะวางไว้ท้าย
ของแต่ละบทคาเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคาช่วยและคาช่วยกริยา เช่น
『や、 かな、 けり、 じ、 ぞ、 か、 よ、 せ、 ぬ、 ず、 し、 け、 らん』
あき の むし こえ
秋の野に人まつ虫の声すなり
คาว่า まつ นี้อาจหมายถึง 待つ= รอ หรือ 松=ต้นสน ก็ได้
กวีและผลงานที่สาคัญ
1.松永貞徳(まつながていとく)
• เป็นผู้นาบทกวีสาย 貞門派(ていもんは)เป็นผู้ที่ทา
ให้คนทั่วไปรู้จัก 俳諧
• บทกลอนของเขาเน้นการเล่นคาและสัมผัสเสียงมัก
ใช้คาแสลงและคาที่มาจากภาษาจีนเป็นหลัก
• เพราะใช้คาง่ายๆที่ ชาวบ้านสามารถเข้าใจได้ทาให้
เฟื่องฟูอยู่ระยะหนึ่งแล้วเสื่อมความนิยมไป
เนื่องจากมีการกาหนดรูปแบบมากจนเกินไป
2.西山宗因(にしやまそういん)
• ผู้นาสาย 談林(だんりん)
• เน้นความอิสระจานวนพยางค์ในวรรคมีขาดมีเกินได้
• มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครในด้านความเป็นธรรมชาติจึงได้รับ
ความนิยมจากประชาชนทั่วไป
• มักใช้แต่งเพื่อแข่งขันกัน โดยจะกาหนดระยะเวลาและให้ผู้แข่งขัน
แต่งกลอนใครแต่งได้มากกว่าเป็นผู้ชนะ เรียกบทกวีประเภทนี้ว่า 矢
数俳諧 (やかずはいかい)โดย 井原西鶴(いはらさいかく) ศิษย์
ของเขาเป็นผู้ทาสถิติได้สูงสุดและได้รับสมญานามว่า 一万翁(いち
まんお)
• เนื่ อ งจากใช้ ค าจี น เก่ า และเลี ย นแบบบทกวี เ ก่ า ท าให้ ค่ อ ยๆเสื่ อ ม
ความนิยมลง
3.松尾芭蕉
まつおむねふ
• มีชื่อเดิมว่า 松尾胸房
さ เกิด ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเมือง 「いが」 ใกล้กับกรุงโตเกียว พ่อเป็นซามูไรของขุน
นางในตระกูลอุเอะโนะ
• เมื่อโตเป็นหนุ่ม รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตซามูไร และได้เริ่มหันไปเขียนบทกวีเพียงลาพัง
• เป็นกวี 俳諧 ผู้มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นผู้นา 俳諧 สาย 蕉風(しょうふう) เป็นผู้มีบทบาททาให้กลอน 俳諧
สมบูรณ์แบบ
• บทกวี 俳諧 ของเขาได้รับอิทธิพลมาจากพุทธศาสนานิกายเซน โดยได้บอกเล่าเรื่องราวธรรมชาติ ชีวิตคนและสัตว์
• ลูกศิษย์ได้ปลูกกระท่อมเป็นที่อยู่อาศัยในสวนกล้วยและได้ตั้งชื่อว่า “ばしょうあん” ซึ่งมาจากคาว่า “ばしょう”
หมายถึง “ต้นกล้วย” และ “あん” หมายถึง “กระท่อม” ดังนั้นจึงได้รับสมญาว่า “ばしょう” แทนชื่อเดิมจาก 松尾
胸房 มาเป็น 松尾芭蕉
การเดินทาง
• อายุ 20 ปี ได้ออกจากปราสาทอุเอโนะ เดินทางมายังเมืองเกียวโต เพื่อ
หางานทาเลี้ยงชีวิตและศึกษาการเขียนบทกวีจากอาจารย์ในเมืองเกียวโต
• ใช้เวลา 8 ปีอยู่ที่เมืองเกียวโต หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปที่เมืองเอโดะ
เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น
• อายุ 40 ปี ออกจากเมืองเอโดะ ท่องเที่ยวพเนจรไปตามสถานที่ต่างๆ บน
เกาะญี่ปุ่น 芭蕉 ได้ผ่านสถานที่ต่างๆ มากมายและหลากหลายฤดู และ
ได้เขียนบทกวีเหล่านั้นเอาไว้ในขณะเดินทางอย่างเดียวดาย ดังบทกวีที่
เขาเขียนเอาไว้ครั้งหนึ่งขณะที่เดินฝ่าหิมะอันหนาวเหน็บว่า
กลางสายธารหิมะหนาวยะเยือก
ฉันต้องก้าวไป...ก้าวไปข้างหน้า
อีกนาน เท่าใดหนอการเดินทางถึงจะสิ้นสุด
• หรือบางครั้งในการเดินทาง 芭蕉 ก็เขียนบทกวีดั่งราพึงสะท้อนใจกับตัวเองว่า
คนพ เนจร
ฝนต้น ฤดูเอ๋ย
ฉ ัน นั้น เป็น เพ ยี งคนพเนจร
•จากการเดินทางเขามีผลงานที่มีชื่ออีกชิ้นก็คือ บันทึกการเดินทาง
おく ほそみち
『奥の細道』
บทกวีที่มีชื่อเสียง
ตัวอย่างบทกวี
旅に病んで
夢は枯野を
かけめぐる
Tabini yande
Yume ha kareno wo
Kake meguru
ในการเดินทางฉันป่วย
ความฝันวิ่งอยู่รอบกาย
ในทุ่งที่ปกคลุมด้วยหญ้าแห้ง
よ さ ぶ そん
4.与謝蕪村
しょうふう
5.小林一茶
• หลังปี ค.ศ.1790 มาแล้ว 俳諧 ชั้นสูงของ 芭蕉 ยังคงเป็นที่นิยมอยู่
แต่ในขณะเดียวกันก็มี 俳諧 ชั้นต่าถูกเขียนออกมามากมาย
蕉風俳諧
• มี 松尾芭蕉 (まつおばしょう)เป็นกวีที่เป็นผู้นาสายนี้
• ใช้ภาษาแบบชาวบ้าน ชาวบ้านทั่วไปจึงสามารถเข้าใจได้
• เน้นเรือ่ งการเล่นคาและสัมผัสเอียงแต่การกาหนดรูปแบบมากเกินไป จึงทา
ให้เฟื่องฟูแค่ในระยะหนึ่งแล้วก็เสื่อมความนิยมไป
だんりんはいかい
檀林俳諧
• กวีที่เป็นผู้นาสายนี้ได้แก่ 西山宗因 (にしやまそういん)
• เน้นความอิสระ จานวนพยางค์ในวรรคมีขาดเกินได้
• นิยมแต่งกันแข่งกลอนภายในเวลาที่กาหนด โดย さいかく ทาสติการแต่ง
กลอนได้ถึง 23,500 句 ในเวลาเพียง 1 วัน 1 คืน
• การแต่งกลอนโดยเน้นที่ความเร็วทาให้คุณภาพของกลอนต่าลง
ていとくはいかい
貞徳俳諧
• ความเสื่อมของไฮไกสายดันริน จึงได้มีการแสดงหาลักษณะอันแท้จริงและเทคนิค
ใหม่ในการเขียนกลอนไฮไก
• ผู้ที่เข้ามามีบทบาทสาคัญและกลายเป็นกวีไฮไกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ 松永貞徳
(まつながていとく)
• พัฒนากลอนไฮไกจากที่เป็นกลอนสนุกสนามแบบชาวบ้าน ไม่ได้เน้นศิลปะและ
ความงาม มาเป็นไฮไกที่ผสมผสานความงามแบบยูเง็น(幽幻)สมัยคามากุระ
กับกลอนแบบชาวบ้านสมัยเอะโดะ
• ลักษณะเด่นของกลอนไฮไกของ 松尾芭蕉 คือ เนื้อหาของกลอนจะไม่ได้เน้นแต่
เพียงความสนุกสนาน แต่จะต้องสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกข้างในและมีความงาม
แบบ 「さび」(การมองเห็นความงามในความสงบเรียบง่าย),「しをり」(การ
มองเห็นความงามในสิ่งที่กาลังจะเสื่อมไป) หรือ 「かるみ」(การมองเห็นความ
งามในของพื้นเพธรรมดา)
天明期の俳諧(てんめいきのはいかい)
• กลุ่มกวีที่คิดจะสานต่องานของ まつおばしょう เพื่อให้กลอนไฮไกเป็น
ศิลปะของชนชั้นสูง
• แกนนา คือ 与謝蕪村(よさぶそん)โดยกลอนของเขาจะบรรยายภาพ
ออกมาโดยให้ความรู้สึกราวกับมองภาพวาด
化政期の俳諧(かせいきのはいかい)
• ในยุคนี้นอกจากกลอนไฮไกชั้นสูงของ まつおばしょう ที่ยังคงได้รับความ
นิยม กลอนไฮไกชั้นต่าแบบชาวบ้านก็ถูกเขียนออกมามากมาย
• กวีที่มีชื่อเสียง คือ 小林一茶(こばやしいっちゃ)โดยกลอนที่แต่งมี
ลักษณะตรงไปตรงมาโดยใช้ภาษาชาวบ้านและภาษาถิ่น ไม่เน้นอารมณ์
ความงามแบบกลอนของ まつおばしょう
(2) วรรณกรรมประเภทบทกลอน
川柳(せんりゅう)
• ผู้เป็นต้นคิดแต่ง คือ 柄井川柳(からいせんりゅう)
• เป็นกลอนสั้น มี 17 พยางค์ (5 7 5) เหมือนไฮไก แต่ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ
แบบไฮไก ไม่ต้องมีคาแสดงฤดูกาล
• เนื้อหาเน้นความสนุกสนาน มีการเสียดสีหรือวิจารณ์สังคมหรือใช้กล่าว
เรื่องทั่วๆไปในชีวิตประจาวัน
かみなり ふく
雷をまねて服がけやっとさせ
かみ き かがみ き つや
髪切れど鏡に切らぬ顔の艶
ข้อแตกต่างระหว่าง 俳諧 และ 川柳
• เป็นกลอนสั้น มี 17 พยางค์ 5 7 5 เหมือนกัน แต่ 川柳 ไม่ใช้กฎเกณฑ์
ข้อบังคับเหมือน 俳諧
• ไม่จาเป็นต้องมีคาแสดงฤดูกาล
• เน้นความสนุกสนานมักมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์
สังคม
からい せんりゅう
• ผู้ต้นคิดแต่งกลอน 川柳 คือ 柄井川柳
• หนังสือรวมกลอนที่สาคัญคือ 「やがぎだる」
(2) วรรณกรรมประเภทบทกลอน
狂歌(きょうか)
• มี 31 พยางค์ (5 7 5 7 7) เหมือนกลอนวะกะ แต่จะใช้ภาษาชาวบ้านและ
นิยมการเล่นคาเพื่อความสนุกสนานขบขัน ให้ความรู้สึกแบบชาวบ้านที่
ตรงกันข้ามกับความงดงามสูงส่งของวะกะ
• เนื้ อ หาเกี่ ย วกั บ ความเป็ น อยู่ ใ นชี วิ ต ประจ าวั น หรื อ เป็ น การเสี ย ดสี
วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
• เคี ย วขะ เป็ น บทกวี ข องชาวเมื อ งและนั ก รบที่ อ อกมาท ามาหาเลี้ ย งชี พ
ในขณะที่วะกะ เป็นบทกวีของชนชั้นสูง
• เคียวขะ เป็นที่นิยมในปลายสมัยเอะโดะ ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงพลังของ
ประชาชน
ตัวอย่างบทกลอน 狂歌
世の中に蚊ほどうるさきものはなし
ぶんぶんといひて夜も寝られず
ぶんぶん=文武(ぶんぶ)
(3) การศึกษาวรรณกรรมแห่งชาติ
เป็นการนาวรรณกรรมเก่ามาศึกษาให้ลึกซึ้งแจ่ม
แจ้งเพื่อเข้าใจถึงจิตใจของคนญี่ปุ่นโบราณ
浄瑠璃
• ในสมัยมุโระมะจิ มีการละครของชนชั้นสูง คือ ละครโน แต่สาหรับ
ชาวบ้ า นมี ก ารแสดงที่ ใ ช้ พิ ณ น้ าเต้ า ประกอบการขั บ ล าน าและใช้
จังหวะด้วยการตบมือและเคาะพัด ต่อมาจึงใช้ ซามิเซนกับตุ๊กตาหุ่น
เข้ามาช่วย ดังนั้น ละคร โจรุริ จึงเป็นการเล่นละครหุ่นประกอบกับ
เครื่องดนตรีซามิเซน(三味線)
• ผู้มีบทบาททาให้ โจรุริ มีชื่อเสียง คือ 竹本義太夫(たけもとぎだゆ
う) และ 近松門左衛門(ちかまつもんざえもん)
ちか まつ もん ざ え もん
近松門左衛門
• ติดตามบิดาเข้ามาอาศัยอยู่ในโตเกียวตั้งแต่อายุ 14-15 ปี และได้มีโอกาส
เรียนรู้วรรณคดีเก่าแก่ของชาติและการแต่ง โจรุริ จากเจ้านายของตนจน
สามารถแต่งเองได้ในเวลาไม่นาน
• สร้างผลงานออกมาเรื่อยๆ จนประสบความสาเร็จเมื่ออายุ 31 ปี
• ผลงานของ จิคามะทสึ ให้ความรู้สึกแบบโรแมนติก เพ้อฝัน มากกว่าตี
แผ่ความจริงของชีวิตแบบ ไซคาคุ ภาพความรักระหว่างมนุษย์ที่จิคา
มะทสึถ่ายถอดออกมาให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ในเชิงกวี
• เป็นกวีแห่งรัก ได้รับขนานนามว่าเป็น “เช็คสเปียร์ของญี่ปุ่น”
ผลงานของ 近松門左衛門
じょうるり
The Soga Successors or “The Soga Heir” 「よつぎそか」
Kagekiyo Victorious 「Shusse kagekiyo しゅっせかげきよ」
The Love Suicides at Sonezaki 「そねざきのしんじゅう」
The Night Song of Yosaku from Tamba 「たんばよさくまちよ」
The Courier for Hell 「めいどのひきゃく」
The Battles of Coxinga 「こくせんやかっせん」
The Uprooted Pine 「ねびきのかどまつ」
The Love Suicides at Amijima 「しんじゅうてんのあみじま」
The Woman-Killer and the Hell of Oil 「おんなごろしあぶるのじごく」
かぶき
The Courtesan on Buddha Plain「けいせいほとけのはら」
「そねざきのしんじゅう」
The Love Suicides at Sonezaki
คือเรื่องสั้นที่เล่นในสามฉากใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันและหนึ่งคืน โดย มีสองตัว
ละครหลักคือเด็กกาพร้าที่เป็นพนักงานโรงแรมชื่อ โทคุเบอิ และโสเภณีที่เขาตกหลุมรัก
ชื่อว่า โอฮะสึ
「めいどのひきゃく」
The Courier for Hell
三味線
• 三味線 ที่ใช้ประกอบละครหุ่นบุนระคุ มีขนาดใหญ่และหนักกว่า 三味線 ทั่วไป
ทาให้สามารถถ่ายทอดเสียงและจังหวะที่เร้าใจได้
• 三味線 ไม่ได้มีหน้าที่นาผู้เล่าเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก สร้าง
ความระทึกใจให้กับบทละคร
• ผู้เล่น 三味線 กับผู้เล่าจะต้องสัมพันธ์กัน ไม่เช่นนั้นละครอาจขาดรสชาติไปได้
人形
เลือกไม้และการทาร่างภาพ ชนิดของไม้จะใช้ไม้จากต้น
檜(ひのき) หรือต้นไซปรัส ซึง ่ จะวาดภาพลางๆ ก่อนจากจุด
ศูนย์กลางจากนั้นก็วาดตาแหน่งของดวงตาและจมูก
เริ่มแกะสลักดวงตาและจมูกที่วาดไว้
การติดกลไกการเคลื่อนไหวของคิ้วและตา
กลไกของหัวตุ๊กตา
• การเคลื่อนไหวของตา คิ้ว และปากของหัว หุ่ น
จะทาได้ด้วยการโยกบริเวณ 小ザル ที่ติด
หลังลาคอของหุ่น
• การติดตั้งเส้นด้ายหนาเรียกว่า チョイ และถ้า
โยก チョイ ขึ้นและลง หัวหุ่นจะพยักหน้า
มักจะถูกเรียกว่า "ด้ายพยักหน้า“
• หัวของหุ่นจะพยักหน้าขึ้นและลงในเวลาที่จะฟัง
เพลง การเคลื่ อ นไหวนี้ ยั ง อาศั ย สิ่ ง พิ เ ศษที่
เรี ยกว่า ลวดสปริงซึ่งทามาจากกระดูกในปาก
ปลาวาฬเรียกว่า 胴串(どうぐし)
วิกผมของตุ๊กตา
• ผมที่ใช้ส่วนใหญ่เ ป็นผมคน บางครั้ง
เพื่ อ ให้ ผ มดู เ ยอะสมจริ ง จะใช้ วิ ก ผม
สาเร็จรูปมาช่วย
• เมื่อสร้างทรงผมเสร็จจะเอาน้าและขี้ผึ้ง
มาจัดแต่งทรงผม จะไม่นิยมใช้น้ามัน
เพราะจะทาให้ใบหน้าของหุ่นเลอะ
娘「むすめ」
มีขนคิ้วสีฟ้า ดวงตาสีเข้มดึงดูดใจทางเพศและเป็นเสน่ห์ของหญิงวัยกลางคน
文七「ぶんしち」 นักรบ
大団七 คนอวดดี
หน้าหยาบ กลางหน้าผาก
ขรุขระ จมูกใหญ่ แก้มอวบ
แข็งแรง โหนกแก้มทามุม
อย่างน่าทึ่ง ตาเพลิง คิ้วหนา
แตก บิดปาก ทาหน้าสีไข่
玉藻前(たまものまえ)
ปีศาจจิ้งจอก 9 หาง
มีสองใบหน้า ด้านหน้าเป็นใบหน้าของหญิงสาวด้านหลังเป็น
ใบหน้าของสุนัขจิ้งจอก
若菜 ปีศาจวาคานะ
สามารถเปลี่ยนหน้าเป็นปีศาจโดยการโยก チョイ
เครื่องแต่งกายของหุ่น
เวที
National Bunraku Theatre
สิ่งที่เหมือนกันระหว่างละครหุ่นบุนระคุกับละครคาบุกิ
• ละครคาบุกิ มักจะดึงเอาลีลาท่าทางและ
บทของละครหุ่นบุนระคุมาใช้ในแสดง
• บุคคลที่ส าคัญคือผู้ขับ ร้องบทที่ดาเนิน
เรื่ อ งให้ แ สดงไปตามบทและใช้ เ ครื่ อ ง
ดนตรีประกอบคือ ซามิเซน
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างละครหุ่นบุนระคุกับละครคะบุกิ
การแสดงด้วยหุ่นที่เชิดด้วยคน 3 คน กับการแสดงโดยใช้คนจริงๆ
THANK YOU
By;
Ittiphol Buayoi
School of Liberal Arts
University of Phayao
117