Professional Documents
Culture Documents
การวิเคราะห์ค่าเหมาะที่สุดของผังโครงถักด้วยกระบวนการทอพอโลยีเหมาะที่สุดร่วมกับการออกแบบเชิงกำเนิด
การวิเคราะห์ค่าเหมาะที่สุดของผังโครงถักด้วยกระบวนการทอพอโลยีเหมาะที่สุดร่วมกับการออกแบบเชิงกำเนิด
ออกแบบเชิงกําเนิด
Optimizing Truss Layouts with Combined Topology Optimization and Generative Design
จิรภัทร ปาทาน1 จักรพันธ์ เทือกต๊ะ2 ศิรเดช สุรติ 3
Jirapat Patan1 Jakkapan Tuaktra2Siradech Surit3
บทคัด ย่อ
การวิจยั นีมีวตั ถุประสงค์เพือวิเคราะห์ผงั ทีเหมาะทีสุดของโครงถักเหล็กโดยใช้วิธีผสมผสานของทอพอโลยี
เหมาะทีสุดร่วมกับการออกแบบเชิงกําเนิด (Combine Topology Optimization, CTO) ในการสร้างแบบจําลองโครง
ถัก และ ใช้เกณฑ์พลังงานตําสุดเพือเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแบบจําลองโครงถักระหว่างกระบวนการ CTO
ร่วมกับกระบวนการทอพอโลยีเหมาะทีสุดแบบดังเดิม โดยในการวิจยั ครังนีเริมจากการสร้างแบบจําลอง มิติของทอ
พอโลยีของโครงถัก รู ปแบบทีมีช่วงความยาว . , . และ . เมตร และ ความสูง . เมตร ซึงรองรับนําหนัก
บรรทุก ขนาด 50,000 กก. กระทํา ทีกึงกลางของโครงถักเท่า กัน เพื อสร้า งรู ป ทรงเบืองต้น ของโครงถักจากนันหา
แบบจําลองของโครงถักทีเหมาะทีสุด โดยกระบวนการออกแบบเชิงกําเนิดช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผูอ้ อกแบบ
ซึงทําให้ได้ผลลัพธ์ทีหลากหลายและเหมาะสมมากกว่าจากนันนําผลลัพธ์ทีได้มาประเมินผลโดยใช้เกณฑ์พลังงาน
ความเครียดตําสุดเป็ นเกณฑ์ในการวิเคราะห์คา่ เหมาะทีสุด
ผลการวิจยั พบว่าวิธีผสมผสานของทอพอโลยีเหมาะทีสุดสามารถใช้ในการค้นแบบจําลองโครงถักทีเหมาะ
ทีสุดได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ โดยพิจารณาผลลัพธ์จากกระบวนการ CTO มีค่าพลังงานความเครียดสะสมเท่ากับ
เท่า กับ 78.99,119.76 และ 158.46 J. ซึงมี ค่า น้อยกว่ากระบวนการทอพอโลยี แ บบดังเดิมซึงมี ค่าเท่ า กับ 87.74,
138.80 และ 183.20 J. และ กระบวนการ Truss Arch กับ Truss Action 86.64, 135.08 และ 180.17 J. สําหรับช่วง
ความยาว 3.0, 4.0 และ4.8 เมตรตามลําดับ
คําสําคัญ :ทอพอโลยีเหมาะทีสุดของโครงสร้าง,การออกแบบเชิงกําเนิด, โครงถัก
Abstract
This research aims to examine the optimal layout of steel trusses utilizing a hybrid approach that
integrates Combined Topology Optimization (CTO) with traditional topology optimization methods. The
study employs a truss and the minimum power threshold to evaluate the performance of the truss model,
comparing the integrated CTO process with conventional topological optimization.
Department Civil Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand
ภาควิชานวัตกรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ
3
Department of Building Innovation, Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand
1
The research conducted a 2D modeling of the topologies for three trusses with span lengths of 3.0, 4.0,
and 4.8 meters and a height of 1.0 meter. These trusses were designed to support a central load of
50,000 kg. A preliminary truss shape was first established, followed by a process to identify the best-
fitting truss model. This generative design process assists in decision-making, leading to a broader range
of more suitable outcomes. Subsequently, the minimum strain energy criterion was employed to assess
optimal values in the resulting models.
The findings demonstrated the potential of the hybrid method to efficiently locate the most
appropriate truss model. According to the results derived from the CTO process, the cumulative strain
energies were found to be 78.99, 119.76, and 158.46 J, respectively. These values were notably lower
than those observed in traditional topological optimization processes (87.74, 138.8, and 183.20 J) and in
both the Truss Arch and Truss Action processes (86.64, 135.08, and 180.17 J) for span lengths of 3.00,
4.00, and 4.80 meters, respectively.
Keywords: Structural Topology Optimization, Generative Design, Truss
บทนํา
โครงถัก (Truss) เป็ นระบบโครงสร้างทีมีประสิทธิภาพสูงสามารถใช้งานในโครงสร้างทีมีช่วงพาด (span)
ระยะระหว่า งจุด รองรับ ที มี ค วามยาวตังแต่ 10 เมตร ถึ ง 20 เมตร โดยทัวไปกระบวนการออกแบบเชิ ง แนวคิ ด
(Conceptual Design) ของโครงถักนิยมใช้การประมาณค่าความสูงโครงถัก และ ระยะระหว่างคํายันแนวดิง เช่น
L/20 ถึง L/12.5 เป็ นระยะทีมีความอนุรกั ษ์และอาจไม่สะท้อนถึงรู ปทรงของโครงถักเนืองจากมีช่วงการประมาณที
กว้างและหลากหลายรวมถึงไม่ได้ให้คาํ ตอบถึงรูปแบบการวางผัง (Layout) ของโครงถักซึงเกียวข้องกับพฤติกรรมการ
รับนําหนัก
ทีผ่านมากระบวนการออกแบบเชิงแนวคิดโดยการประยุกต์ใช้ทอพอโลยีเหมาะทีสุดเพือหาผังของโครงถักที
เหมาะทีสุด โดยการวิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุดซึงเป็ นกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทีทําให้วสั ดุมีแผนผังหรือแบบ
โครงสร้างทีมี ความเหมาะสมในพืนทีออกแบบกับนําหนักบรรทุกร่วมกับเงือนไขขอบเขต ตามความต้องการของ
โครงสร้าง กล่าวคือเป็ นกระบวนการวิเคราะห์แผนผัง ทีได้จากกระบวนการทําให้เหมาะทีสุดร่วมกับฟั ง ก์ชัน การ
กระจายความหนาแน่นของวัสดุในพืนทีออกแบบ (Bendsøe, M. & Sigmund, O., 1999) การประยุกต์กระบวนการ
วิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุดสามารถสร้างรู ปแบบแนะนํา (Form-suggestion) (Siradech., S, & Benjapon., W.
2006) ในกระบวนการออกแบบเชิงแนวคิด ในด้านการออกแบบโครงถักกระบวนการวิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุด
และสามารถนํามาประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ผงั การเสริมเหล็กในโครงสร้าง (Siradech., S, & Benjapon., W., 2011 )
และ แบบจําลองแขนคํายันและตัวยึด (Strut-and-Tie Model, STM) (Liang, QQ., et al., 2000) ทีเหมาะทีสุดเพือใช้
ในการวิเคราะห์โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยเฉพาะในกรณีบริเวณแรงกระทําซับซ้อน (Disturbed regions, D-
Region) ไม่เป็ นพฤติกรรมคานทีชัดเจน เช่น ส่วนของคานลึกทีมีช่องเปิ ด หรือ ระบบผนังสําเร็จรูป
2
จากงานวิจัยของ (Hardjasaputraa, H., 2015) แสดงถึงการวิเคราะห์แบบจําลองโครงถักของการสร้า ง
แบบจําลองแขนคํายันและตัวยึด (รู ปที 1 และ 2) ทีเหมาะทีสุดโดยอ้างอิงรู ปแบบผังของ STM จากกระบวนการ
วิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุด อย่างไรก็ตามในกรณีศกึ ษา B อาจเห็นได้วา่ ผูอ้ อกแบบไม่ได้ทาํ การจําลองแบบจําลอง
โครงถักตามขอบเขตของกระบวนการทอพอโลยีเหมาะสมทังหมด อาจกล่าวได้วา่ การใช้งานรูปแบบแนะนํา อาจมีการ
อคติ (bias) จากผูอ้ อกแบบรวมอยู่ ทําให้มีความเป็ นไปได้ว่าอาจมีผลลัพธ์อืนทีเหมาะสมมากกว่าดังนันการนําทอ
พอโลยี เหมาะทีสุดมาประยุกต์ใช้กับการวิเคราะห์ผังทีเหมาะทีสุดของโครงถักอาจทําได้โดยการปรับเปลียนการ
กระจายตัวของเนือวัสดุซงวิ
ึ ธีนีสามารถเป็ นแนวทางสําหรับการสร้างแบบจําลองเบืองต้นให้สอดคล้องกับหน่วยแรงที
เกิดขึนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ยงั คงต้องอาศัยการตัดสินใจจากผูอ้ อกแบบ
รูปที1ทอพอโลยีของแบบจําลองแขนคํา รูปที2แผนผังโครงสร้างจากระบวนการ
ยันและตัวยึด ทอพอโลยีทีเหมาะทีสุด
ทีมา(Hardjasaputraa, H., 2015) ทีมา: (Hardjasaputraa, H., 2015)
4
2. ซอฟต์แวร์โปรแกรม Autodesk Fusion 360 จํานวน 1 ชุด
3.ซอฟต์แวร์โปรแกรม Google Collaboratory จํานวน 1 ชุด
วิธีการ
ในงานวิจยั นีได้ศกึ ษาและสร้างแบบจําลอง กระบวนการคือ .กระบวนการทอพอโลยีเหมาะทีสุดแบบ
ดังเดิม .กระบวนการผสมผสานทอพอโลยีเหมาะทีสุด และ .กระบวนการ Truss Arch กับ Truss Action โดยทัง
กระบวนการศึกษาในช่วงพาด . . และ . ความสูง . เมตร โดยช่วงพาดและความสูงของแบบจําลองอ้างอิง
ตามกระบวนการTruss Arch และ Truss Action (He, ZQ., et al.,2020) และ สมมุติใช้คา่ นําหนักบรรทุก 50,000 กก.
ขันตอนที 1 กําหนดรูปร่างของโครงสร้าง, นําหนักบรรทุก, ฐานรองรับ และ ชนิดของวัสดุ
ขันตอนที 2 หาแผนผังของแบบจําลองโครงถักด้วยกระบวนการวิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุด
ขันตอนที 3 สร้างแบบจําลองโครงถักโดยใช้ Python ร่วมกับ Library anaStruct (Vink, R.,2023) (ศิรเดช สุริต,
2564)
ขันตอนที 3.1 สําหรับวิธีผสมผสานทอพอโลยีเหมาะทีสุด (Combine Topology Optimization) สร้างแบบจําลอง
ตามขันตอนต่อไปนี
ขันตอนที 3.1.1 กําหนดรูปร่างแบบจําลองตามทอพอโลยีเหมาะทีสุดทีได้จาก ขันตอนที 2
ขันตอนที 3.1.2 กําหนดตําแหน่งของจุดต่อทีเป็ นไปได้แบบตาราง (Grid) โดยใช้ระยะชดเชย (Offset) จากจุดต่อตัง
ต้น P(x,y) ตามแกน x และ แกน y เป็ นค่า dx และ dy ตามลําดับ ทีองศาความอิสระ โดยตําแหน่ง
ของจุดต่อทีเป็ นไปได้มีคา่ เท่ากับ P(x,y)±({x-mdx,…,x-2dx,x-1dx,x,x+1dx,x+2dx,…,x+mdx},{y-
ndy,…,y-2dy,y-1dy,y,y+1dy+2dy,… +ndy}) โดย m คือจํานวนการขยับจุดต่ออิสระตามแกน x
จากค่าตังต้น และ n คือจํานวนการขยับจุดต่ออิสระตามแกน y จากค่าตังต้นดังแสดงดังรูปที 3 โดย
ในการวิจยั นีเมทริกซ์ของระยะชดเชย มีคา่ m = n = 5 และ dx = dy = 0.05 m. ทําให้ได้ระยะ
ชดเชยคือ {-0.25, -0.20, -0.15, -0.10, -0.05, 0, 0.05, 0.10, 0.15, 0.20, 0.25}
รูปที4 วิธีการดําเนินงาน
ผลและวิจ ารณ์
สรุ ป
การใช้วิธีผสมผสานของทอพอโลยีทีเหมาะทีสุดโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงกําเนิด (CTO) สามารถเป็ นเครืองมือ
ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจโดยผูอ้ อกแบบในขันตอนสุดท้ายของกระบวนการวิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุดแบบ
ดังเดิมร่วมกับกระบวนการรู ปแบบแนะนําทําให้กระบวนการ (CTO) สามารถค้นหารู ปแบบผังของโครงถักทีเหมาะ
ทีสุดได้โดยทีผลลัพธ์มีค่าพลังงานความเครียดสะสมในช่วงความยาว . , . และ . เมตรตามลําดับมีค่าเท่ากับ
78.99,119.76 และ 158.46 J. ซึงน้อยกว่ากระบวนการทอพอโลยี แบบดังเดิมซึงมี ค่าเท่ากับ . , . และ
183.20 J. และ กระบวนการ Truss Arch กับ Truss Action ซึงมีคา่ เท่ากับ . , . และ . J. อย่างไรก็
7
ตามในการศึกษานียังไม่ครอบคลุมถึงการศึกษาความละเอียดของการปรับตําแหน่งจุดต่อซึงอาจส่งผลให้ผลการ
วิเคราะห์เปลียนไป ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่ากระบวนการทีนําเสนอในงานวิจยั นีสามารถค้นหารูปแบบโครง
ถักทีมีประสิทธิภาพมากกว่าได้ และ อาจนําไปสู่แนวทางการประยุกต์การออกแบบโครงสร้างชนิดอืนๆ ซึงมีพืนฐาน
การวิเคราะห์ทอพอโลยีเหมาะทีสุดเพือเพิมประสิทธิภาพ ลดปริมาณการใช้วสั ดุ และ เอือให้เกิดการพัฒนาอย่าง
ยังยืนสืบต่อไป
เอกสารอ้างอิง
วิเศษ ฝากาทอง, 2564, วิทยานิพนธ์ คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ การประมาณนําหนักโครงสร้างอาคารเหล็กด้วยการ
การออกแบบเชิงกําเนิด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิเศษ ฝากาทอง และ ศิรเดช สุรติ , 2567,การประมาณนําหนักเหล็กโครงสร้างอาคารโครงเฟรมเหล็กเตียด้วยการ
ออกแบบเชิงกําเนิด, วารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ศิรเดช สุรติ . การสร้างและวิเคราะห์แบบจําลองโครงสร้างด้วยวิธีเมทริกซ์.-- กรุงเทพฯ : คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2564.
Bendsøe, M. & Sigmund, O., 1999. Material interpolation schemes in topology optimization,
Springer- Verlag 1999
Djokikj, J., Jovanova, J., 2021 Generative design of a large-scale nonhomogeneous structures, IFAC
Papers OnlineSchlaich,
Frazer, J., 2002. Creative design and the generative evolutionary paradigm. In: Bentley PJ, Corne DW,
editors. Creative evolutionary systems. California SanFrancisco, (CA): Morgan Kaufmann
Publishers Inc. (Elsevier, p. 253–74.)
Hardjasaputraa, H., 2015. Evolutionary structural optimization as tool in finding strut-and-tie-models for
designing reinforced concrete deep beam. a Universitas Pelita Harapan, Indonesia
He, ZQ., et al., 2020. Decoupling of arch action and truss action in deep beams by
strain energy, Institution of Structural Engineers. Published by Elsevier Ltd.
Liang, QQ., et al., 2000, Topology Optimization of Strut-and-Tie Models in Reinforced Concrete
Structures Using an Evolutionary Procedure, Aci Structural Journal
Siradech., S, & Benjapon., W., 2011, Topology Optimization-Based Reinforced Concrete Beams:
Design and Experiment, American Society of Civil Engineers
Vink, R., (2023). anaStruct. Retrieves from https://anastruct.readthedocs.io/en/latest/installation.html
Siradech Surit & Benjapon Wethyavivorn. (2006). Form suggestion A practical integration of optimal
topology to the structural design. Kasetsart Engineering Journal (Thailand), 20(60), 1-9
Wang, H., et al., 2021. Joints for treelike column structures
based on generative design and additive manufacturing, Journal of Constructional Steel Research