Professional Documents
Culture Documents
Anti Greenwash CSR Interactive
Anti Greenwash CSR Interactive
ด้ านสิ่ งแวดล้ อม
ฉบั บ นั กนิ เวศ
Anti-Greenwash CSR
Anti-Greenwash CSR
ค
ู่ ม
ื อซ
ี เอสอาร
์ ด
้ านส
ิ่ งแวดล
้ อม ฉบ
ั บน
ั กน
ิ เวศ
ข้อมูลทางบรรณานุกรมสํานักหอสมุดแห่งชาติ
สมาธิ ธรรมศร.
Anti-Greenwash CSR คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ. --
กรุงเทพฯ: ป่าสาละ, 2566.
120 หน้า.
1. สิ่งแวดล้อม. I. เพชร มโนปวิตร, ผู้แต่งร่วม.
II. นณณ์ ผาณิตวงศ์, ผู้แต่งร่วม. III. ชื่อเรื่อง.
333.7
ISBN 978-616-92670-3-4
ค
ํ าน
ํ า e
บทน
ำ�: ีซเอสอาร
์ ด
้ านส
่ิ งแวดล
้ อม ได
้ เวลาทบทวนเพ
ื่ อไปต
่ อ 2
ทีมวิจัย บริษัท ป่าสาละ จํากัด
ระบบน
ิ เวศป
่ าบกและป
่ าชายเลน 16
เรื่อง: สมาธิ ธรรมศร
ระบบน
ิ เวศน
้ํ าจ
ื ด 44
เรื่อง: สมาธิ ธรรมศร
ระบบน
ิ เวศทางทะเล 68
เรื่อง: ดร.เพชร มโนปวิตร
โครงการปล
่ อยส
ั ตว
์ 92
เรื่อง: ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
เอกสารอ
้ างอ
ิ ง 104
��������������������
ค
ํ าน
ํ า
“การพัฒนาที่ตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน โดย
ไม่ลิดรอนความสามารถของคนรุ่นหลังในการตอบสนองต่อความ
ต้องการของพวกเขา”
ตลอดระยะเวลา 10 ปีตั้งแต่เริ่มดําเนินธุรกิจ ป่าสาละได้จัด
ทําและเผยแพร่รายงานวิจัยสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ยั่งยืน
มากกว่า 30 โครงการ ครอบคลุมหลากหลายประเด็นและสาขา
ธุรกิจ งานวิจัยสาธารณะที่ผ่านมา เช่น ความไม่ยั่งยืนในห่วงโซ่
อุปทานอาหาร, มาตรฐานธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนและกระบวนการ
ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน, ความเหลือ่ มลํา้ ในการ
จัดสรรทรัพยากร และการธนาคารทีย่ ง่ั ยืน ซึง่ นับตัง้ แต่ พ.ศ. 2561
ป่าสาละดําเนินงานวิจยั ด้านนีใ้ นฐานะสมาชิกของแนวร่วมการเงิน
ที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ร่วมกับองค์กร
e
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
f
��������������������
การทําโครงการซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรับผิดชอบและถูก
ต้องตามหลักนิเวศวิทยา
โครงการซีเอสอาร์จะได้ชว่ ย ‘ปลูกธุรกิจทีย่ งั่ ยืน’ อย่างแท้จริง
ดังเจตนารมณ์ของป่าสาละ
ท้ายนี้ ป่าสาละขอขอบคุณ รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ นักอนุรักษ์
นักการเงิน และอดีตนักวิจยั อาวุโสของป่าสาละทีส่ ละเวลามาเป็น
บรรณาธิการเล่ม ตลอดจนนักอนุรกั ษ์และนักวิทยาศาสตร์ทกุ ท่าน
ทีเ่ อือ้ เฟือ้ ความรูแ้ ละเวลามาเขียนเนือ้ หาในหนังสือเล่มนี้ ทัง้ สมาธิ
ธรรมศร, เพชร มโนปวิตร และนณณ์ ผาณิตวงศ์ รวมถึงขอ
ขอบคุ ณ สุ ภั ท ริ ณี ศรประดิ ษ ฐ์ ที่ ดู แ ลเรื่ อ งการพิ สู จ น์ อั ก ษร ,
เด็ดเดีย่ ว เหล่าส นิ ชัย สําหรับการจัดทํารูปเล่ม และนํา้ ใส ศุภวงศ์
สําหรับการออกแบบภาพปกและอินโฟกราฟิกประกอบ
ขอให้ทกุ ท่านมีความสุขกับการอ่าน และมาร่วม ‘ปลูกธุรกิจที่
ยั่งยืน’ ไปพร้อมกันกับเรา
สฤณี อาชวานันทกุล
กรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้
ในนามบริษัท ป่าสาละ จํากัด
29 กรกฎาคม 2566
g
คู่ มื อซี เอสอาร์ ด้ านสิ่ งแวดล้ อม ฉบั บ นั กนิ เวศ
บทนํ า
ซี เอสอาร์
ด้ านสิ่ งแวดล้ อม
ได้ เวลาทบทวน
เพื่ อไปต่ อ
ีทมว
ิ ัจย บร
ิ ษ
ั ทป
่ าสาละ ํจาก
ั ด
��������������������
3
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
4
��������������������
5% 2%
การปล
ู กหญ
้ าทะเล การสร
้ างธนาคารน
�ํ าใต
้ ิดน
7%
การปล
ู กปะการ
ั ง
11%
การปล
่ อยส
ั ตว
์ 43%
การปล
ู กป
� า
19%
การสร
้ างฝาย
12%
การปล
ู กป
� าชายเลน
ิกจกรรมซ
ี เอสอาร
์ ด
้ านส
่ิ งแวดล
้ อม 7 ู รปแบบของบร
ิ ษ
ั ทในไทยในช
่ วง พ.ศ. 2562–2566
5
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
บริษัท เครือ
การลงทุนด้าน
1 เจริญโภคภัณฑ์ 1,468 1,464 4,192 -
สิ่งแวดล้อม
จํากัด
2
บริษัท ปตท. การลงทุน 1,405.50 620.37 1,271 1,086
จํากัด (มหาชน) ทางสังคม
บริษทั ปูนซิเมนต์ ค่าใช้จ่ายในการ
3 ไทย จํากัด บริหารจัดการ 152 167 157 161
5
บริษัท กรุงเทพ การจัดโครงการ - - 0.006 0.455
ซินธิติกส์ จํากัด CSR
ี่ทมา: การรวบรวมของคณะว
ิ ัจยจากรายงานประจ
ํ าป
ี และรายงานความย
่ั งย
ื นของบร
ิ ษ
ั ท
6
��������������������
โครงการปล
ู กป
่ าและปล
ู กป
่ าชายเลน
7
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
เข้าไปปลูกป่าชายเลนคือจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะที่ บริษทั ปตท. จํากัด (มหาชน) ดําเนินโครงการปลูกป่า
2 ล้านไร่ตั้งแต่ พ.ศ. 2566 ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ
8
��������������������
โครงการสร
้ างฝาย
9
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
โครงการสร ้ํ าใต
้ างธนาคารน ้ ด
ิ น
10
��������������������
โครงการปล
ู กปะการ
ั ง
โครงการปล
ู กหญ
้ าทะเล
11
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
โครงการปล
่ อยส
ั ตว
์
12
��������������������
13
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
14
บทที่ 1
ระบบนิ เวศป่ า บก
และป่ า ชายเลน
เร
ื่ อง: สมาธ
ิ ธรรมศร
��������������������
โครงการปล
ู กป
่ า
ป่าคืออะไร?
สําหรับคนเมือง ป่าคือสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทางธรรมชาติทที่ าํ ให้
รู้สึกสงบและสดชื่นทุกครั้งที่ไปเยือน ในมุมมองของคนป่า ป่าคือ
ที่ อ ยู่ อ าศั ย และแหล่ ง ผลิ ต อาหาร แต่ เ มื่ อ มองผ่ า นสายตาของ
นักวิทยาศาสตร์ ป่าคือคลังรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ
และยังเป็นระบบขนาดใหญ่ที่สลับซับซ้อนซึ่งคอยควบคุมวัฏจักร
ของดิน นํ้า อากาศ และความเป็นไปของสิ่งมีชีวิต
‘ป่า’ จึงเป็นคําที่หลากหลายทั้งความหมายและคุณค่า หาก
17
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ปล
ู กป
่ าหมายถ
ึ งอะไร?
18
��������������������
ํกาเน
ิ ดป
่ าและล
ั กษณะของป
่ า
ย้อนกลับไปหลายพันล้านปีหลังโลกถือกําเนิดได้ไม่นาน สิง่ มี
ชีวติ ยุคแรกเกิดขึน้ ในมหาสมุทรก่อนจะวิวฒ ั นาการเป็นจุลนิ ทรีย์ พืช
และสัตว์ขนาดเล็ก พืชยุคแรกจึงมีโครงสร้างไม่ซับซ้อนและต้อง
อาศัยอยูใ่ กล้ทะเลตลอดเวลา การแผ่ขยายอาณาเขตของพืชเข้ามา
ครอบครองพืน้ พิภพอันไร้ชวี ติ เรียกว่าการเปลีย่ นแปลงแทนที่แบบ
ปฐมภูมิ (primary succession) เมือ่ เวลาผ่านไป พืชก็พฒ ั นาโครง
สร้างให้มคี วามซับซ้อน หลากหลาย และขยับออกห่างจากทะเลมาก
ขึน้ เรือ่ ยๆ พร้อมชักนําเหล่าสัตว์ตวั เล็กๆ ให้อพยพขึน้ มาจากทะเล
ช่วงเวลาดังกล่าวคือจุดเริม่ ต้นของระบบนิเวศเก่าแก่ทเี่ รียกว่า
ป่าบรรพกาล นักวิทยาศาสตร์พบว่าป่าทีม่ อี ายุมากทีส่ ดุ ปรากฏอยู่
ในชัน้ หินทีม่ อี ายุมากกว่า 385 ล้านปี และป่ารอบตัวเราในปัจจุบนั
ก็คือลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากป่าบรรพกาลที่ตายไปแล้ว
เนื่องจากพืชมีการกระจายพันธุ์ไปตามพื้นที่ต่างๆ และวิวัฒ
นาการโดยกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ป่าจึงมีลักษณะที่
หลากหลาย แม้แต่ปา่ ประเภทเดียวกันแต่อยูต่ า่ งพืน้ ทีก่ จ็ ะพบกลุม่
สิง่ มีชวี ติ ทีแ่ ตกต่างกัน หมายความว่าปัจจัยทางภูมศิ าสตร์ เช่น แสง
ลม นํา้ อุณหภูมิ ความชืน้ ความเป็นกรดด่าง ความเค็ม ความสูง
19
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
20
��������������������
โครงสร ้ างของป ่ าด
ิ บช
ื้ นประกอบด
้ วยช้ั นเหน
ื อเร
ื อนยอด (emergent layer),
ั้ชนเร ื อนยอด (canopy layer), ้ัชนใต ้ เรื อนยอด (understory layer) และช
้ั นพ
ื้ นป
่ า (forest floor)
ี่ทมา: ูมลนิ ิธืสบนาคะเสถ ี ยร
สามทางเล
ื อกในการฟื้ นฟ
ู ป
่ า
ป่าส่วนใหญ่ในปัจจุบนั จะถูกทําลายลงจากการตัดโค่น การเผา
ด้วยไฟ การขุดถางหน้าดิน และการปนเปือ้ นจากสารเคมีอนั ตราย
ระดับความเสียหายของระบบนิเวศป่าจะขึ้นอยู่กับสามปัจจัยคือ
วิธที ปี่ า่ ถูกทําลาย ขนาดของพืน้ ทีป่ า่ ทีถ่ กู ทําลาย และระยะเวลาที่
ป่าถูกทําลาย การฟื้นฟูป่าเหล่านั้นจึงไม่ได้จํากัดแค่การปลูกโดย
21
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
มนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือการปล่อยให้
ธรรมชาติทํางานอีกด้วย
เราสามารถแบ่งวิธีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของป่าออกเป็น
3 แบบ ได้แก่
1. การฟื้นฟูป่าด้วยวิธีธรรมชาติ หมายถึงการที่ป่าซึ่งถูกทํา
ลายสามารถฟืน้ คืนระบบนิเวศกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือใกล้เคียง
กับสภาพเดิมได้ดว้ ยตัวเอง เราสามารถเรียกกระบวนการนีว้ า่ การ
เปลีย่ นแปลงแทนทีแ่ บบทุตยิ ภูมิ (secondary succession) หรืออาจ
เรียกว่าการฟื้นคืนตามธรรมชาติ
สาเหตุที่ป่าสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ด้วยตนเองก็เนื่องจากป่าที่
ถูกทําลายยังหลงเหลือตอไม้ทยี่ งั มีชวี ติ ส่วนใต้พนื้ ดินก็ยงั มีสปอร์
หรือเมล็ดพันธุข์ องพืชเดิมสะสมอยู่ ในช่วงเวลาทีร่ ะบบนิเวศอุดม
สมบูรณ์ พืชรุน่ พ่อแม่จะกระจายเมล็ดพันธุส์ สู่ ง่ิ แวดล้อมเป็นจาํ นวน
มาก แต่จะมีเมล็ดพันธุ์จํานวนเพียงหยิบมือที่งอกและเติบโตเป็น
พืชรุน่ ลูก ส่วนเมล็ดพันธุท์ เี่ หลือจะจําศีลอยูใ่ นระยะพักตัวและถูก
เก็บรักษาอยูใ่ นดินหรือทีเ่ รียกว่าแหล่งเก็บเมล็ดพันธุ์ (seed bank)
เพื่อรอสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเติบโต โดยอาจมีเมล็ด
พันธุบ์ างส่วนทีจ่ ะถูกสัตว์กนิ หรือตายลงตามธรรมชาติ นอกจากนี้
สายลม กระแสนํ้า และสิ่งมีชีวิตก็มีบทบาทในการนําเมล็ดพืช
กลับคืนมาสู่ป่าที่ถูกทําลายด้วยเช่นกัน
หากใครจินตนาการกระบวนการดังกล่าวไม่ออก ลองนึกถึง
สวนหย่อมในบ้านหรือพืน้ ทีส่ าธารณะทีไ่ ม่มใี ครดูแล เมือ่ เวลาผ่าน
ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน พืชตระกูลหญ้าและไม้พุ่มจะ
เข้ามาเติบโต เราเรียกสิง่ มีชวี ติ ทีเ่ ข้ามาครอบครองพืน้ ทีเ่ ป็นอันดับ
22
��������������������
การเปลี่ ยนแปลงแทนท
ี่ แบบท
ุ ต
ิ ยภ
ู ม
ิ
ี่ทมา: Shutterstock
23
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ตอไม
้ ี่ทย ั งม ี ีชิ วต (บน)
การฟ ื้ นตั วของพ ื ชบนภู เขาห
ิ นป
ู นหล
ั งการท
ํ าเหม
ื องท
ี่ ัจงหว
ั ดสระบ
ุ ี ร (ล
่ าง)
ภาพ: สมาธ ิ ธรรมศร
24
��������������������
2. การฟื้นฟูป่าด้วยวิธีการปลูกต้นไม้ หมายถึงการฟื้นฟูป่า
ทีถ่ กู ทําลายโดยการนําต้นไม้เข้าไปปลูก วิธกี ารนีไ้ ด้รบั ความนิยม
มากที่สุดตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้ดําเนินโครงการ
จะขุดดิน พรวนดิน ใส่ปยุ๋ โปรยเมล็ด จัดวางต้นกล้า และรดนํา้
หากต้นไม้ทปี่ ลูกเป็นพืชประจําถิน่ ก็ไม่จาํ เป็นต้องดูแลมากนัก แต่
ถ้าต้นไม้ทป่ี ลูกเป็นพืชต่างถิน่ ก็ตอ้ งใช้ทรัพยากรเพือ่ ดูแลบํารุงรักษา
เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม การนําต้นไม้เข้ามาปลูกก่อนช่วงเวลาทีเ่ หมาะสม
จะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศในระยะยาว เนื่องจากป่าส่วนใหญ่
สามารถฟื้นคืนสภาพด้วยตัวเองได้ การที่มนุษย์รีบนําไม้ยืนต้น
เข้าไปปลูกในป่าจึงเป็นการแทรกแซงกระบวนการฟืน้ ฟูตวั เองของ
ธรรมชาติ เพราะเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมในป่าจะถูกต้นไม้ที่มนุษย์ปลูก
แก่งแย่งทีอ่ ยูอ่ าศัยและธาตุอาหารส่งผลให้เมล็ดเหล่านัน้ ไม่สามารถ
เติบโตได้ หรือที่เรียกว่าผลกระทบจากการแทนที่ (replacement
effect)
นอกจากนี้ หากนําต้นไม้จํานวนมากที่มีอายุไล่เลี่ยกันเข้าไป
ปลูกในป่าแล้วต้นไม้เหล่านั้นเติบโตได้ดี สภาพแวดล้อมเช่นนี้
จะทําให้ตน้ ไม้ในระบบนิเวศเข้าสูส่ ภาวะแข่งขัน แก่งแย่งทรัพยากร
25
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
26
��������������������
จากกันและกัน ผลคือต้นไม้ที่ปรับตัวเก่งกว่าจะเอาชนะต้นไม้ที่
ด้อยกว่า เมือ่ เวลาผ่านไป จํานวนของต้นไม้ในป่าจึงลดลงหรือเกิด
ภาวะแคระแกร็นซึง่ เป็นไปตามกฎการบางตัวด้วยตนเอง (self-thin-
ning rule)
การปลูกป่าโดยการยิงเมล็ดพันธุ์จากหนังสติ๊กหรือการโปรย
จากเครือ่ งบินก็ให้ผลลัพธ์ในลักษณะเดียวกัน เพราะเมล็ดพันธุจ์ ะ
กระจายแบบสุ่มเป็นบริเวณกว้าง เมล็ดพันธุ์จํานวนหนึ่งจะงอก
และเติบโตในพื้นที่ที่ไม่ควรอยู่แล้วแย่งชิงอาหารจากพืชดั้งเดิม
ส่วนเมล็ดพันธุอ์ กี จํานวนหนึง่ จะตกเกลือ่ นกลาดอยูบ่ นพืน้ ป่า กลาย
เป็นอาหารของสัตว์กินเมล็ดพืช และอาจกลายเป็นสาเหตุที่สัตว์
เปลีย่ นแปลงพฤติกรรมการหาอาหาร รวมถึงเพิม่ ความเสีย่ งทีส่ ตั ว์
เหล่านัน้ จะได้รบั เชือ้ โรคจากมนุษย์ทตี่ ดิ มากับเมล็ดพันธุ์ นอกจาก
นีก้ ารทีค่ นกลุม่ ใหญ่เดินเท้าหรือขับรถเข้าไปในป่ายังเป็นการทําให้
เนือ้ ดินด้านบนถูกบดอัดจนแน่น ต้นอ่อนของพืชอาจถูกเหยียบยํา่
และอาจทําให้เมล็ดพืชแปลกปลอมจากภายนอกเข้าไปปะปนอยูใ่ น
ป่าอีกด้วย
อีกปัญหาหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้คือ การสูญเสียทางพันธุ
กรรม (genetic erosion) ซึง่ เกิดจากการนําพืชต้นหนึง่ หรือพืชเพียง
ไม่กี่ต้นมาเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจํานวน แล้วนําต้นกล้าจํานวนมาก
ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเข้าไปปลูกร่วมกับพืชชนิดเดียวกันตาม
ธรรมชาติ ทําให้เกิดการปะปนกันระหว่างพันธุกรรมของพืชทีเ่ กิด
จากการเพาะเลีย้ งและพืชตามธรรมชาติ โดยทีพ่ นั ธุกรรมของพืชที่
เกิดจากการเพาะเลีย้ งจะเหมือนกับต้นแม่พนั ธุ์ ลูกหลานทีเ่ กิดจาก
พืชธรรมชาติกบั พืชเพาะเลีย้ งจึงมีความหลากหลายทางพันธุก รรม
27
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
28
��������������������
ผลกระทบจากการปล
ู กต
้ นไม
้ บางชน
ิ ด
นอกจากการปลูกป่าทีไ่ ม่เหมาะสมกับระบบนิเวศจะส่งผลกระทบ
เชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพหรืออาจสร้างผลลัพธ์ท่ีไม่
ตัง้ ใจดังทีอ่ ธิบายไว้ขา้ งต้น การปลูกต้นไม้บางอย่างในปริมาณมาก
ยังก่อให้เกิดผลกระทบที่เราอาจคาดไม่ถึงอีกด้วย
ตัวอย่างที่พบบ่อยตามบ้านเรือนหรือชุมชนคือมลภาวะทาง
อากาศ เช่น ต้นพญาสัตบรรณและดอกราตรีทสี่ ง่ กลิน่ หอมปนฉุน
จนทําให้หลายคนมีอาการเวียนหัว อาเจียน นํา้ มูกไหล และนอน
ไม่หลับ หรือในบางพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นและประเทศสหรัฐ
อเมริกาที่เผชิญภัยพิบัติจากการแพร่กระจายของละอองเรณู ส่ง
ผลให้ประชาชนบางส่วนเกิดอาการแพ้ ไอ จาม คัดจมูก หายใจ
ไม่ออก และผื่นคัน
หนึง่ ในกรณีศกึ ษาโด่งดังคือการปลูกต้นไม้สองชนิดในประเทศ
ญี่ ปุ่ น คื อ ต้ น สนซี ด าร์ ญี่ ปุ่ น และต้ น สนไซเปรสญี่ ปุ่ น หลั ง สิ้ น สุ ด
สงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการดังกล่าวทําให้ประชากรประมาณ
40 เปอร์เซ็นต์มีอาการแพ้ละอองเรณูที่ต้นสนปล่อยออกมา
อีกหนึ่งผลกระทบที่หลายคนคาดไม่ถึงคือพฤติกรรมของพืช
บางชนิดทีจ่ ะปล่อยสารพิษออกมายับยัง้ การเจริญเติบโตหรือทําลาย
พืชต้นอืน่ ทีข่ นึ้ อยูร่ อบข้าง (allelopathy) เช่น โครงการปลูกต้นสน
ทะเลบนหาดทรายทีอ่ าํ เภอเมืองประจวบคีรขี นั ธ์ จังหวัดประจวบ
คีรีขันธ์ และอําเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งทําให้พื้นที่รอบ
ต้นสนทะเลแทบไม่มพี ชื ชนิดอืน่ เติบโตอยูเ่ ลย นอกจากนี้ รากของ
ต้นสนทะเลยังยึดเกาะกับพื้นทรายได้ไม่ดี เมื่อปะทะกับคลื่นลม
เป็นเวลานานปี ต้นสนทะเลจะล้มลง แล้วเร่งให้เกิดการพังทลาย
29
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ของหาดทรายและการกัดเซาะชายฝัง่ เราสามารถพบเห็นผลกระทบ
จากการปลูกต้นสนทะเลต่อหาดทรายทีห่ าดสนกระซิบ ตําบลมาบ
ตาพุด อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
โครงการปล
ู กป
่ าชายเลน
ระบบนิเวศป่าชายเลนมีความแตกต่างจากระบบนิเวศป่าบก
หลายประการ เนือ่ งจากพืชพรรณมีการปรับตัวและวิวฒ ั นาการให้
เข้ากับภูมอิ ากาศและภูมปิ ระเทศริมทะเล ปรากฏการณ์นา้ํ ขึน้ -นํา้ ลง
กระแสนํ้า ความเค็ม อุณหภูมิ ออกซิเจน ลักษณะของดิน และ
ธาตุอาหารจนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา
ป่าชายเลนส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ตามแนวปากแม่นํ้าและ
ชายหาดซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของคลื่นกับกระแสนํ้า
ส่วนด้านในของชายหาดทีอ่ ยูต่ ดิ กับแผ่นดินและอยูภ่ ายนอกอิทธิพล
ของคลืน่ กับกระแสนํา้ จะเรียกว่าชายฝัง่ ชายหาดจึงเปรียบเสมือน
ปราการธรรมชาติที่คอยปกป้องชายฝั่ง ส่วนป่าชายหาดและป่า
ชายเลนจะทําหน้าที่ปกป้องความมั่นคงของชายหาดอีกทีหนึ่ง
ตลอดหลายทศวรรษทีผ่ า่ นมา ป่าชายเลนของประเทศไทยถูก
ตัดโค่นและแผ้วถางเพือ่ เปลีย่ นเป็นนากุง้ นาเกลือ และบ้านเรือน
ทําให้ทอี่ ยูอ่ าศัยของพืชพรรณและสัตว์นานาชนิดสูญหายไป ก่อน
จะเกิดเป็น ‘โครงการปลูกป่าชายเลน’ ทั้งบนหาดเลนที่เคยเป็น
ป่าชายเลนและหาดเลนที่ไม่เคยมีป่าชายเลนมาก่อน แต่ผลลัพธ์
กลับกลายเป็นว่าต้นไม้ทป่ี ลูกจํานวนมากกว่าครึง่ ไม่สามารถเติบโต
ได้อย่างที่หวังและสุดท้ายก็ตายลง
30
��������������������
31
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ในส่วนนี้ ผู้เขียนจะเริ่มต้นด้วยเรื่องระบบนิเวศป่าชายเลน
แนวทางการอนุรักษ์และการฟื้นฟูป่าชายเลนที่เหมาะสม พร้อม
ไขข้อสงสัยว่าเหตุใดการฟื้นฟูป่าชายเลนในหลายพื้นที่จึงกลับ
กลายเป็นการทําลายธรรมชาติเสียเอง
ระบบน
ิ เวศป
่ าชายเลน
ป่าชายเลนส่วนใหญ่จะมีนาํ้ หล่อเลีย้ งอยูเ่ กือบตลอดเวลา พืช
พรรณต่างๆ ในป่าชายเลนจึงมีใบสีเขียวตลอดปี พร้อมทัง้ มีลกั ษณะ
ภายนอกและภายในทีแ่ ตกต่างไปจากเดิม ไม่วา่ จะเป็นใบทีอ่ วบหนา
มีสารเคลือบผิวใบ มีตอ่ มขับเกลือ และมีปากใบอยูบ่ ริเวณด้านล่าง
เพื่อควบคุมปริมาณเกลือและการระเหยของนํ้า ฝัก ผล เมล็ด
และต้นอ่อนของพืชป่าชายเลนยังสามารถลอยนํ้าได้ โดยจะถูก
คลื่นกับกระแสนํ้าพัดพาไปเรื่อยๆ จนเจอสภาพแวดล้อมที่เหมาะ
ต่อการหยั่งราก โดยเมล็ดพันธุ์ส่วนหนึ่งจะกลายเป็นอาหารของ
นกทะเลหรือสัตว์นํ้าซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติในการควบคุม
ปริมาณพืช
จุดสังเกตทีโ่ ดดเด่นของป่าชายเลนคือระบบรากของพืชทีแ่ ตก
ต่างจากป่าบก รากของต้นไม้ในป่าชายเลนมีหน้าทีย่ ดึ เกาะดิน คํา้
จุนลําต้น และช่วยหายใจ นอกจากนีเ้ นือ้ เยือ่ ส่วนต่างๆ ของต้นไม้
ในป่าชายเลนยังสามารถทนทานต่อความเค็มจากเกลือทะเลและ
มีสารแทนนิน (tannin) ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง สารนี้มีหน้าที่
ป้องกันอันตรายจากแบคทีเรียและเชือ้ ราไม่ให้เข้ามากัดกินเนือ้ ไม้
ป่าชายเลนประกอบด้วยพืชพรรณนานาชนิด เช่น โกงกาง
โพ โปรง พังกา ตะบูน แสม ลําพู ลําแพน และเป็นที่อยู่อาศัย
32
��������������������
พ
ื้ นท
ี่ ป
่ าชายเลนแบ ่ งออกเป
็ นเขตทะเล (seaward zone), เขตระหว ่ างทะเลก ั บแผ
่ นด
ิ น (mid zone)
และเขตแผ ่ นด
ิ น (landward zone), ่กอนจะเข
้ าส
ู่ เขตป
่ าบก (terrestrial forest)
ี่ทมา: Bell JD, Johnson JE and Hobday AJ (2011)
ผลกระทบต
่ อส
่ิ งแวดล
้ อมจากการปล
ู กป
่ าชายเลน
ป่าชายเลนส่วนใหญ่กระจายตัวตามแนวปากแม่นํ้าและบน
หาดเลน เมือ่ พืชป่าชายเลนหยัง่ รากลงสูด่ นิ ระบบรากจะทําหน้าที่
ดักตะกอนที่นํ้าพัดพามา อาณาเขตของป่าชายเลนจึงค่อยๆ ขยับ
ขยายจากแผ่นดินออกไปสูท่ ะเลจนกว่าจะถึงจุดทีต่ ะกอนไม่สามารถ
สะสมตัวบนชายหาดและธรรมชาติไม่อนุญาตให้พชื พรรณงอกงาม
แม้ว่าระบบนิเวศป่าชายเลนจะถูกทําลายลง แต่ผืนป่าก็ยัง
สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมได้ด้วยตัวเอง ตราบใดที่ยังมีสภาพ
33
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
34
��������������������
แนวร
้ั วไม
้ ไผ
่ ี่ทสร
้ างใหม
่ (บน) แนวร
้ั วไม
้ ี่ทถ
ู กคล
ื่ นซ
ั ดไปหาพ
ื ชป
่ าชายเลน (ล
่ าง)
ี่ทมา: กรมทร ั พยากรทางทะเลและชายฝ ่ั ง
35
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ส่งผลให้ตน้ อ่อนตามธรรมชาติของพืชป่าชายเลนถูกตะกอนทับถม
จนไม่สามารถเติบโต ยิง่ ไปกว่านัน้ สัตว์ทะเลบางชนิด เช่น โลมา
ปลา เต่า และพะยูน ยังมีโอกาสหลงเข้ามาติดอยูห่ ลังแนวรัว้ ไม้ไผ่
แล้วตายลงอีกด้วย การฟืน้ ฟูปา่ ชายเลนด้วยการสร้างแนวรัว้ ไม้ไผ่จงึ
ต้องดําเนินการอย่างรอบคอบระมัดระวัง รวมทัง้ คํานึงถึงผลกระทบ
ด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการยอดนิยมอีกอย่างหนึง่ คือการปลูกต้นโกงกางบนหาด
เลนที่ไม่เคยเป็นป่าชายเลนมาก่อน ความจริงแล้วการที่หาดเลน
ไม่กลายสภาพเป็นป่าชายเลนตามธรรมชาติกเ็ พราะสภาพแวดล้อม
ในบริเวณนัน้ ไม่เหมาะสมต่อการเกิดป่าชายเลน การปลูกป่าชายเลน
บนหาดเลนจึงเป็นการแทรกแซงระบบนิเวศหาดเลน นับเป็นการ
แย่งชิงถิน่ อาศัยดัง้ เดิมของสัตว์บนหาดเลน กระตุน้ จุลนิ ทรียใ์ นดิน
ให้ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ
และอาจทําให้สิ่งมีชีวิตย้ายถิ่นอาศัยอย่างผิดธรรมชาติ
สาเหตุที่ต้นกล้าโกงกางซึ่งปลูกโดยมนุษย์มักจะอ่อนแอและ
ตายอย่างง่ายดาย เนื่องจากพืชเบิกนําของป่าชายเลนไม่ใช่ต้น
โกงกางแต่เป็นพืชกลุ่มต้นแสมที่สามารถปรับตัวกับพื้นที่ตอนบน
ของเขตนํ้ า ขึ้ น -นํ้ า ลง ความเค็ ม ของนํ้ า และคลื่ น ลมได้ ดี ก ว่ า
ดังนั้นการฟื้นฟูป่าชายเลนที่เหมาะสมคือการปกป้องระบบนิเวศ
แล้วรอให้พืชป่าชายเลนเติบโตตามธรรมชาติ
ส่วนในกรณีเงื่อนไขแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดป่าชายเลนถูก
ทําลายลงอย่างรุนแรง เราสามารถสร้างแนวรั้วไม้ไผ่เพื่อลดแรง
ปะทะของคลืน่ ลมและดักจับตะกอน แล้วคอยติดตามว่าป่าชายเลน
สามารถฟื้นฟูตัวเองได้หรือไม่ หากป่าชายเลนไม่สามารถฟื้นฟู
36
��������������������
ตัวเองตามธรรมชาติจงึ ค่อยนําต้นกล้าของพืชป่าชายเลนประจําถิน่
เข้าไปปลูกตามความเหมาะสม พร้อมกับเฝ้าสังเกตและตรวจสอบ
การเปลีย่ นแปลงของระบบนิเวศในแปลงปลูกป่าชายเลนว่ามีความ
เหมือน คล้ายคลึง หรือแตกต่างจากระบบนิเวศเดิมอย่างไร
หากกะเทาะถึงแก่นความรู้ของหลักการทางนิเวศวิทยา ป่า
ชายเลนกับป่าบกมีความคล้ายคลึงกันอย่างยิง่ เพียงแต่ปา่ ชายเลน
มีความเปราะบางกว่า หากสภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ต่อการเกิดป่าชาย
เลนถูกทําลายลง ป่าชายเลนก็ยากทีจ่ ะฟืน้ ฟูตวั เองหรือฟืน้ ฟูกลับ
มาแล้วก็มีลักษณะที่ต่างไปจากเดิม เราจึงต้องให้ความสําคัญกับ
การอนุรักษ์ป่าชายเลนที่เหลืออยู่และการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
ให้เหมาะสมต่อการเกิดป่าชายเลนอย่างรอบคอบและถูกวิธี
ทุกคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้คงทราบแล้วว่าการรีบนําต้นไม้
เข้าไปปลูกในป่าโดยไม่พจิ ารณาศักยภาพในการฟืน้ ฟูตวั เองของป่า
ล้วนเป็นการแทรกแซงการทํางานของธรรมชาติที่อาจเข้าข่ายการ
ฟอกเขียว เนื่องจากป่าธรรมชาติมีความหลากหลายทางชีวภาพ
สูงกว่าป่าปลูกและสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มาก
กว่า สิง่ สําคัญคือเราต้องแยกแยะให้ออกว่าโครงการประเภทใดจึง
จะเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมทั้งตระหนักว่าการอนุรักษ์ป่า
ทีด่ ที สี่ ดุ คือการปกป้องไม่ให้ปา่ ถูกทําลาย และการฟืน้ ฟูปา่ โดยการ
ปลูกไม่ใช่ตัวเลือกแรก แต่ควรเป็นตัวเลือกสุดท้ายเมื่อธรรมชาติ
ไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นได้ด้วยตัวเอง
37
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
10 มายาคต
ิ ระบบน
ิ เวศป
่ าและโครงการปล
ู กป
่ า
มายาคติที่ 1 การปลูกต้นไม้ในป่าเป็นการช่วยเพิ่มความหลาก
หลายทางชีวภาพ
ปัจจัยทางภูมศิ าสตร์และกระบวนการวิวฒ ั นาการโดยการคัดเลือก
ทางธรรมชาติคอื สิง่ ทีก่ าํ หนดชนิดและจํานวนของพืชในป่าแต่ละแห่ง
การนําต้นไม้จากภายนอกเข้าไปปลูกหรือการนําเมล็ดพันธุ์เข้าไป
โปรยในป่าถือเป็นการรบกวนสมดุลทางธรรมชาติของระบบนิเวศป่า
มายาคติที่ 2 การปลูกต้นไม้ในป่าที่ถูกทําลายเป็นการช่วยลด
ระยะเวลาการฟื้นฟูตัวเองของป่า
ป่าส่วนใหญ่สามารถฟื้นฟูสภาพระบบนิเวศที่ถูกทําลายลงได้
ด้วยตัวเองเพียงแต่ตอ้ งอาศัยระยะเวลา ในทางกลับกัน การรีบนํา
ต้นไม้เข้าไปปลูกในป่าทีก่ าํ ลังฟืน้ ตัวจะเป็นการแทรกแซงกระบวน
การฟืน้ ฟูตวั เองตามธรรมชาติ เว้นแต่กรณีที่ ‘เงือ่ นไขการเกิดป่า’
ถูกทําลายอย่างรุนแรงทําให้ระบบนิเวศป่าจําเป็นต้องอาศัยความ
ช่วยเหลือจากมนุษย์ในการฟื้นฟู
มายาคติที่ 3 การปลูกต้นไม้ประจําถิ่นไม่มีผลกระทบต่อระบบ
นิเวศของป่า
ป่าแต่ละแห่งย่อมมีขีดความสามารถในการรองรับ (carrying
capacity) ทีเ่ หมาะสมต่อการเติบโตของพืชในจํานวนจํากัด หากมี
การนําต้นไม้เข้าไปปลูกเพิ่ม แม้จะเป็นต้นไม้ประจําถิ่นก็สามารถ
ทําให้เกิดการแก่งแย่งทรัพยากรของต้นไม้ในป่าได้เช่นกัน
38
��������������������
มายาคติที่ 4 การเติมปุ๋ยและกําจัดวัชพืชจะช่วยเร่งการเติบโต
ของต้นไม้ในป่า
ต้นไม้ในป่ามี ‘ปุ๋ยธรรมชาติ’ ที่เกิดจากการย่อยสลายของแร่
ธาตุ ใบไม้ มูลสัตว์ และซากของสิง่ มีชวี ติ การเติมปุย๋ จึงเป็นการ
เพิม่ ธาตุอาหารส่วนเกินทีอ่ าจทําให้พชื บางชนิดเติบโตเร็วกว่าทีค่ วร
จะเป็นตามธรรมชาติ แล้วแผ่ร่มเงาบดบังทําให้พืชชนิดอื่นไม่ได้
รับแสงสว่าง ส่วนคําว่าวัชพืชเป็นคําศัพท์ทางเกษตรกรรมไม่ใช่
นิเวศวิทยา สิ่งที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับวัชพืชมากที่สุดในระบบ
นิเวศป่าคือพืชชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ ทีเ่ ข้ามารุกรานพืชชนิดพันธุป์ ระจํา
ถิ่นซึ่งเราอาจต้องช่วยกําจัดออกไป
39
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
มายาคติที่ 6 การปลูกพืชคลุมดินช่วยลดโอกาสการกัดเซาะตลิง่
และการเกิดดินถล่ม
การปลูกพืชคลุมดินสามารถบรรเทาการพังทลายของดินได้
วิทยาศาสตร์สาขานีเ้ รียกว่าวิศวกรรมชีวปฐพี (soil-bioengineering)
แต่กจิ กรรมดังกล่าวจะนิยมทําในพืน้ ทีช่ มุ ชน ไม่ควรทําในพืน้ ทีป่ า่
ธรรมชาติ เพราะเป็นการรบกวนสังคมพืชริมนํา้ และเปลีย่ นแปลง
อัตราการกัดเซาะและทับถมตะกอนตามธรรมชาติ
40
��������������������
มายาคติที่ 9 ไฟป่าจําเป็นต่อระบบนิเวศและการชิงเผาคือการ
ควบคุมไฟป่าที่ดีที่สุด
ไฟป่าคือเปลวไฟทีล่ กุ ไหม้อยูใ่ นป่าและลามอย่างไร้การควบคุม
ไฟป่ามักจะเกิดบนพื้นที่ลาดชันที่ได้รับแสงอาทิตย์แรงกล้าเป็น
เวลานาน มีฝนตกน้อย มีฟา้ ผ่าบ่อย มีอณ ุ หภูมสิ งู กว่า 40 องศา
เซลเซียส มีความชืน้ สัมพัทธ์นอ้ ยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ มีเชือ้ เพลิง
แห้งสะสมบนพื้นดินปริมาณมากและแผ่ต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง
หากเงือ่ นไขดังกล่าวคงอยูน่ านพอ ไฟป่าจะสามารถลุกและลามได้
แต่เนือ่ งจากประเทศไทยมีภมู อิ ากาศแบบร้อน-ชืน้ ไฟป่าตามธรรม
ชาติจึงมีน้อยมาก พืชในป่าจึงวิวัฒนาการให้ทนทานต่อความแล้ง
มากกว่าวิวฒ ั นาการมาร่วมกับไฟ ความเชือ่ ทีว่ า่ มนุษย์จาํ เป็นต้อง
จุดไฟเผาป่าผลัดใบเป็นประจําทุกปีจึงไม่น่าจะถูกต้อง
ในประเทศไทย แม้ว่าไฟป่าส่วนใหญ่จะเกิดจากฝีมือมนุษย์
แต่หลายปีที่ผ่านมาเราเริ่มมีแนวคิด ‘ชิงเผา’ ซึ่งเป็นการเผาเศษ
ซากใบไม้ลว่ งหน้าก่อนทีจ่ ะถึงฤดูแล้งโดยมีการควบคุมอย่างใกล้ชดิ
ไม่ให้ไฟลุกลามมากเกินไป แต่ความจริงแล้วยิง่ ป่าถูกเผาบ่อยเท่าไร
พืช สัตว์ จุลนิ ทรีย์ และดินจะยิง่ ถูกทําลาย นับเป็นการปล่อยฝุน่
41
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
มายาคติที่ 10 ป่าชายเลนคือป่าโกงกาง
ถึงแม้วา่ ต้นโกงกางจะเป็นไม้เด่นของป่าชายเลน แต่ความจริง
แล้วต้นโกงกางจะเข้ามาครอบครองพืน้ ทีเ่ ป็นอันดับท้ายๆ ส่วนพืช
ทีเ่ ข้ามาครอบครองพืน้ ทีเ่ ป็นอันดับแรกๆ จะเป็นพวกต้นแสม ลําพู
และพืชชนิดอืน่ ทีย่ ดึ เกาะดินเลนได้ดกี ว่า ป่าชายเลนจึงไม่ได้มแี ค่
ต้นโกงกางเพียงอย่างเดียว แต่อุดมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด
Key Takeaways
☛ ความหลากหลายของระบบนิเวศคือผลงานทีว่ วิ ฒ ั นาการ
ผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ดังนั้น เราจึงไม่ควรนํา
ป่าแบบหนึง่ มาเปรียบเทียบกับป่าอีกแบบหนึง่ แล้วตัดสินว่าป่าแบบ
ไหนดีกว่ากัน เพราะป่าแต่ละแห่งล้วนมีคุณค่าทางธรรมชาติและ
ความงดงามในแบบของตัวเอง โดยไม่มปี า่ แบบใดมีคณ ุ ค่ามากกว่า
หรือน้อยกว่าป่าแบบอื่น
☛ ป่าที่ถูกทําลายจากการตัดโค่นหรือเผาด้วยไฟ แต่ไม่ได้
ถูกบุกรุกต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากป่าไม่ถูกรบกวนซํ้าๆ จาก
มนุษย์หรือภัยพิบัติ ป่าก็จะฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติแบบเป็น
42
��������������������
ลําดับขั้นตอน เพียงแต่จําเป็นต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะกลับคืน
สู่สภาพที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
☛ ป่าธรรมชาติมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงกว่าและ
สามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าปลูก ดังนั้นทางเลือกที่ดี
ที่สุดในการฟื้นฟูป่าคือการป้องกันไม่ให้ป่าถูกบุกรุกอีกในอนาคต
คอยกําจัดสิง่ มีชวี ติ ต่างถิน่ และไม่ควรรีบนําต้นไม้เข้าไปปลูกหรือ
สร้างฝายในป่า
☛ กรณีที่ป่าถูกทําลายอย่างหนักจนฟื้นตัวได้ช้าหรือฟื้นคืน
กลับมาแล้วมีลกั ษณะไม่เหมือนเดิม เราสามารถช่วยฟืน้ ฟูปา่ โดย
การปรับปรุงคุณภาพดินให้มีลักษณะใกล้เคียงกับดินเดิมเพื่อเพิ่ม
โอกาสการเติบโตของพืชประจําถิน่ หากระยะเวลาผ่านไปอย่างน้อย
20 ปีแล้วระบบนิเวศยังไม่กลับคืนมา ค่อยพิจารณานําต้นกล้าหรือ
เมล็ดพืชประจําถิ่นเข้าไปปลูก
☛ การปลูกต้นไม้ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะการปลูก
ต้นไม้ผดิ ชนิด ผิดจํานวน ผิดสถานที่ และผิดเวลาก็สามารถสร้าง
ผลเสียได้เช่นกัน อาทิ สร้างมลภาวะทางอากาศจากละอองเกสร
หรือปล่อยสารพิษออกมายับยัง้ การเจริญเติบโตหรือทําลายพืชต้น
อื่นที่ขึ้นอยู่รอบข้าง
43
บทที่ 2
โครงการสร
้ างฝาย
45
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ระบบน
ิ เวศของล
ํ าน
้ํ า
หากยืนอยูร่ มิ แม่นาํ้ สายหนึง่ แล้วเพ่งมองลงไปในนํา้ เราจะพบ
มวลนํา้ ทีไ่ หลช้าบ้างเร็วบ้าง สัตว์นาํ้ ทีแ่ หวกว่ายไปมา พืชนํา้ ทีโ่ บก
พลิ้วไหว และตะกอนเม็ดน้อยใหญ่ที่ถูกพัดพาไปตามกระแสนํ้า
เมื่อเดินย้อนจากบริเวณปลายนํ้าไปยังต้นนํ้า เราจะพบว่าแม่นํ้า
สายใหญ่ทุกสายล้วนเกิดจากลําธารขนาดเล็กที่ไหลมารวมกัน
ส่วนลําธารเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากผลรวมของร่องนํ้าที่
เล็กกว่า
หากจะเล่าต้นกําเนิดของแม่นํ้าอย่างกระชับ คงต้องเริ่มจาก
วินาทีที่เม็ดฝนตกกระทบผิวดินจนแตกกระเซ็น นํ้าฝนจะไหลแผ่
ไปตามผิวดินแล้วกัดเซาะผิวดินลึกลงไปจนกลายเป็นริ้วธาร เมื่อ
นํ้าในริ้วธารมีมากขึ้นก็จะเร่งการกัดเซาะผิวดินให้ลึกและกว้าง
จนกลายเป็นร่องธาร นํา้ จากร่องธารทีไ่ หลมารวมกันจะกลายเป็น
ลําธาร แล้วขยายขนาดกลายเป็นลํานํ้าสายใหญ่ที่เรียกว่าแม่นํ้า
ย้อนกลับมาที่ต้นกําเนิดแม่นํ้าคือลําธาร ลําธารหนึ่งสายมีทั้ง
บริเวณทีเ่ ป็นแนวตรง คดโค้ง นํา้ ตืน้ นํา้ ลึก นํา้ ไหลช้า นํา้ ไหลเร็ว
นํ้าใส นํ้าขุ่น นํ้าอุ่น และนํ้าเย็น ความหลากหลายของลักษณะ
ทางกายภาพเอือ้ โอกาสทีแ่ หล่งนํา้ จะเป็นแหล่งพักพิงของสิง่ มีชวี ติ
นานาชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา งู กบ เต่า แมลง นก สัตว์
เลีย้ งลูกด้วยนํา้ นม รวมถึงพืชนํา้ ส่วนพืน้ ทีร่ มิ นํา้ และทีร่ าบนาํ้ ท่วม
ถึงบริเวณสองฝั่งของลําธารจะมีต้นไม้น้อยใหญ่คอยทําหน้าที่เป็น
ร่มเงาให้กบั นํา้ ในลําธาร เมือ่ นํา้ มีอณ
ุ หภูมติ าํ่ ออกซิเจนจึงละลาย
ลงสู่นํ้าได้มาก นี่คือสาเหตุที่ทําให้นํ้าในลําธารเย็นและใสสะอาด
หากเปรียบลําธารกับอวัยวะภายในร่างกายของมนุษย์ ลําธาร
46
��������������������
จากลําธารหรือการนําหินในลําธารมาเรียงต่อกันจึงเป็นการรบกวน
ปอดของลําธารและยังเป็นการทําลายบ้านของสิง่ มีชวี ติ ทีอ่ าศัยอยู่
ตามกรวดหินอีกด้วย
เราสามารถจําแนกลําธารโดยอิงจากช่วงเวลาทีล่ าํ ธารมีนาํ้ ไหล
ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นลําธารที่มีนํ้าไหลทุกฤดูกาลหรือเกือบ
ตลอดปี ลําธารประเภทนี้มักจะพบบริเวณป่าต้นนํ้าและภูเขาสูงที่
มีตน้ ไม้หนาแน่น อากาศเย็นชืน้ และมีระดับนํา้ บาดาลอยูส่ งู เทียบ
เท่าหรือสูงกว่าพืน้ ลําธาร ลําธารอีกประเภทหนึง่ คือลําธารชัว่ คราว
ซึง่ จะมีนา้ํ ไหลเป็นบางช่วงเวลา บางแห่งจะมีนา้ํ ไหลเฉพาะในฤดูฝน
47
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ส่วนบางแห่งจะมีนํ้าไหลเพียงชั่วครู่ขณะฝนตกหรือหลังฝนตก
เท่านัน้ ดังนัน้ การทีล่ าํ ธารบางแห่งไม่ได้มนี า้ํ ไหลตลอดทัง้ ปีจงึ ไม่ได้
สะท้อนความแห้งแล้งหรือขาดแคลนในระบบนิเวศ แต่เป็นลักษณะ
ตามธรรมชาติของลําธารซึ่งสอดคล้องกับปริมาณนํ้าบาดาล
ผลกระทบต
่ อส
่ิ งแวดล
้ อมจากการก
่ อสร
้ างฝาย
ฝายเป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมทีถ่ กู สร้างขึน้ เพือ่ ควบคุมการ
ไหลและระดับของนํ้า เดิมทีฝายถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับนํ้า
ด้านหน้าฝายให้สูงขึ้นเพื่อผันนํ้าเข้าสู่พื้นที่ทางการเกษตร ต่อมา
ฝายถูกปรับเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นแหล่งกักเก็บนํ้าในฤดูแล้ง ดัก
ตะกอนไม่ให้ไหลลงอ่างเก็บนํ้า ลดความรุนแรงของนํ้าป่าไหล
หลาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพืชพรรณในป่าหรือในสวน
ลองจินตนาการถึงภาพลําธารในป่าทีไ่ หลอย่างอิสระ ริมลําธาร
มีพืชพรรณขนาดเล็ก และห่างออกไปอีกหน่อยก็มีต้นไม้ขนาด
ใหญ่ สายนํา้ ทีย่ งั ไม่ถกู รบกวนคือถิน่ อาศัยของสิง่ มีชวี ติ นานาชนิด
และทําหน้าที่ลําเลียงนํ้า ธาตุอาหาร และตะกอนจากต้นนํ้าไปยัง
ปลายนํ้า หากวันดีคืนดีลําธารสายนั้นถูกคั่นด้วยฝายย่อมส่งผล
กระทบหลายประการต่อพืชพรรณริมนํ้าและสัตว์ป่าอย่างยากจะ
หลีกเลี่ยง
เมื่อนํ้าถูกชะลอให้ไหลช้าลงหรือถูกปิดกั้นจนไม่สามารถไหล
ได้ ระดับนํา้ ทีด่ า้ นหน้าฝายจะยกตัวสูงขึน้ แล้วเอ่อท่วมพืชพรรณ
ริมฝั่งลําธาร บางกรณีเลวร้ายถึงขั้นยืนต้นตาย ฝายยังขัดขวาง
การเดินทางไปยังบริเวณต้นนํ้าและปลายนํ้าของสัตว์ที่อาศัยใน
ลําธาร นับเป็นเรื่องน่าขันขื่นที่บางครั้งภาพของสัตว์ลําธารที่ถูก
48
��������������������
ํลาธารถู กก
้ั นด
้ วยฝาย ระด
ั บน
้ํ าหน
้ าฝายจ
ึ งยกต
ั วส
ู งข
้ ึ น แล
้ วเอ
่ อท
่ วมพ
ื ชในป
่ า
ภาพ: Zhiling Wei
กักขังอยู่หลังฝายนําไปสู่ความเข้าใจผิดว่าฝายช่วยเพิ่มจํานวน
ประชากรของสิ่งมีชีวิตในลําธาร ทั้งที่จริงแล้วสัตว์ลําธารเหล่านั้น
เพียงไม่สามารถหาทางเคลื่อนผ่านฝายที่ขวางกั้นเส้นทางสัญจร
หลักของพวกเขา
นอกจากนี้ ใบไม้ ธาตุอาหาร และตะกอนจากในป่าทีป่ กติจะถูก
พัดพาไปพร้อมกับนํา้ แต่ฝายทีส่ ร้างขวางลําธารจะดักสิง่ เหล่านัน้
ไว้ที่ด้านหน้าของฝาย เมื่อเวลาผ่านไปพื้นที่ด้านหน้าฝายก็จะเริ่ม
อุดตันส่งผลให้นํ้าเน่าเสีย สัตว์และพืชในนํ้าตาย แหล่งนํ้านิ่งยัง
กลายเป็นแหล่งอาศัยของยุงและพยาธิทเ่ี ป็นพาหะนําโรคหลายชนิด
เมื่อถึงฤดูแล้ง ลําธารบางสายจะเหือดแห้งลงตามธรรมชาติ
ถ้านํ้าในฝายมีน้อยก็จะระเหยหรือไหลออกไปจนหมดทําให้สัตว์ที่
49
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
้น
ํ าในฝายมี ค
ุ ณภาพต
่ํ าลง
ภาพ: Zhiling Wei
50
��������������������
้น
ํ าในฝายระเหยจนแห้ งในฤด
ู แล
้ ง
ภาพ: Zhiling Wei
ส่วนกรณีที่ฝายบนพื้นที่ลาดชันกักเก็บตะกอนจํานวนมากเอาไว้
เมือ่ ถึงวันทีฝ่ ายแตกเพราะรับนํา้ หนักไม่ไหว ตะกอนจะทะลักทลาย
ลงมาด้านล่างกลายเป็นภัยพิบัติคล้ายกับดินถล่ม
หากเวลาผ่านไปหลายปีโดยทีฝ่ ายยังไม่พงั ทลายลงมา ตะกอน
ที่ปกติแล้วจะไหลจากต้นนํ้าไปยังปลายนํ้าจะตกทับถมอยู่ที่พื้น
ลําธารจนลําธารตืน้ เขินทําให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงและ
กักเก็บนํ้าได้น้อยลง การที่ตะกอนถูกดักจับเอาไว้ที่ต้นนํ้าลําธาร
มากขึน้ ก็เท่ากับว่าตะกอนทีไ่ หลลงสูแ่ ม่นาํ้ กับชายหาดจะมีปริมาณ
น้อยลง ตลิง่ แม่นา้ํ และพืน้ ทีร่ มิ ทะเลจึงอยูใ่ นภาวะขาดแคลนตะกอน
ผลที่ตามมาคือเกิดการกัดเซาะตลิ่งแม่นํ้าและชายฝั่งทะเล
51
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ฝายพ
ั งทลายเพราะน
้ํ าป
่ าไหลหลาก
ภาพ: สมาธ
ิ ธรรมศร
5 มายาคต
ิ ระบบน
ิ เวศล
ํ าธารและโครงการสร
้ างฝาย
52
��������������������
ฝายด
ั กตะกอนเอาไว ้ เป
็ นเวลานานจนพ
ื้ นล
ํ าธารต
ื้ นเข
ิ น
ภาพ: Zhiling Wei
มายาคติที่ 3 ฝายที่ทําจากวัสดุธรรมชาติจะไม่มีผลกระทบต่อ
ระบบนิเวศ
เรามีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจนว่าฝายทีท่ าํ จากยางรถยนต์
หรือกระสอบพลาสติกเป็นมลภาวะต่อลําธาร แต่ฝายไม้ ฝายหิน
และฝายคอนกรีตก็สร้างการเปลีย่ นแปลงต่อระดับนํา้ และความเร็ว
ในการไหลของนํา้ ส่งผลต่อคุณภาพนํา้ รวมถึงสิง่ มีชวี ติ ในลําธาร
และบริเวณโดยรอบเช่นกัน
53
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
มายาคติที่ 4 ฝายช่วยดักตะกอนในลําธารและลดความรุนแรง
ของนํ้าป่าไหลหลาก
ฝายทีก่ นั้ ขวางลําธารทําให้นาํ้ ไหลช้าลง ส่งผลให้เกิดการสะสม
ของใบไม้กบั ตะกอนภายในฝาย พืน้ ของลําธารจึงตืน้ เขิน คุณภาพ
นํ้ายํ่าแย่ลง และศักยภาพในการกักเก็บนํ้าของฝายลดลง แม้ว่า
ฝายทีส่ ร้างขวางลําธารจะสามารถลดความรุนแรงของนํา้ ป่าได้บาง
ส่วน แต่ถ้านํ้าป่ามีปริมาณมาก ฝายอาจจะแตกแล้วไหลลงมา
พร้อมกับนํ้าป่าจนเป็นอันตรายต่อคนที่อยู่ปลายนํ้า
ในกรณีท่ีฝายมีความแข็งแรงจนไม่พังทลายเพราะนํ้าป่า เมื่อ
ผ่านไปหลายปี ตะกอนจะตกทับถมทีด่ า้ นหน้าฝายจนกลายสภาพ
จากแหล่งนํ้าเป็นลานดินส่งผลให้พื้นที่การไหลของลําธารลดลง
การสร้างสิง่ ก่อสร้างรุกลํา้ พืน้ ทีข่ องลําธารจึงเป็นการซํา้ เติมปัญหา
มากกว่าการแก้ไขปัญหา
มายาคติที่ 5 ฝายช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าและลดโอกาส
การเกิดไฟป่า
ฝายสามารถเพิม่ ความชุม่ ชืน้ ให้กบั ป่ารอบลําธารได้จริง แต่ปา่
ในฤดูแล้งก็มนี าํ้ ปริมาณมหาศาลสะสมอยูภ่ ายในดิน นีค่ อื เหตุผล
ทีผ่ นื ป่าสามารถเอาตัวรอดได้ทกุ ฤดูกาล ฤดูแล้งยังมีประโยชน์ตอ่
การพักรากของพืชเพือ่ กําจัดนํา้ ส่วนเกิน แต่ปา่ ทีม่ ฝี ายเป็นจํานวน
มากจะทําให้ความชุม่ ชืน้ ในป่าเพิม่ ขึน้ จนเกินจุดสมดุล ผลคือกลุม่
พืชทีช่ อบนํา้ จะขยายพันธุร์ กุ รานกลุม่ พืชเดิมและทําให้ระบบนิเวศ
รอบลําธารเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนในเรือ่ งของไฟป่า โดยหลักการแล้วฝายสามารถลดโอกาส
54
��������������������
ลุกลามของไฟป่าได้จริง แต่เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขต
ภูมอิ ากาศแบบร้อนชืน้ ไฟป่าทีเ่ กิดขึน้ ตามธรรมชาติจงึ มีนอ้ ยมาก
โดยไฟป่าในประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นการ
แก้ปญ ั หาไฟป่าทีถ่ กู วิธคี อื ควบคุมการเผาหรือการเฝ้าระวังไม่ให้มี
การเผาป่า เพราะการสร้างฝายเพือ่ สกัดกัน้ ไฟป่าเป็นการแก้ปญ ั หา
ทีป่ ลายเหตุและสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศหลายประการซึง่ นับ
ว่ามีข้อเสียมากกว่าข้อดี
Key Takeaways
☛ ฝายที่กั้นขวางลําธารทําให้ระดับนํ้าหน้าฝายยกตัวสูงขึ้น
และนํ้าไหลช้าลง พืชริมนํ้าจึงจมอยู่ใต้นํ้า และเกิดเป็นใบไม้กับ
ตะกอนสะสมอยู่หน้าฝาย ส่งผลให้คุณภาพนํ้ายํ่าแย่และพื้นของ
ลําธารตื้นเขิน นอกจากนี้การสร้างฝายยังขัดขวางการอพยพตาม
ธรรมชาติของสัตว์ลาํ ธาร ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพใน
ระบบนิเวศลําธารลดลงอีกด้วย
☛ ในกรณีที่จําเป็นต้องสร้างฝายกั้นขวางลําธาร ควรเลือก
สร้างฝายชั่วคราวจากวัสดุธรรมชาติเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น แล้ว
รื้อฝายออกในฤดูนํ้าหลาก ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการสร้างฝายถาวร
และฝายทีท่ าํ จากกระสอบพลาสติก ยางรถยนต์ หรือวัสดุสงั เคราะห์
อื่นๆ เพราะจะทําให้เกิดมลภาวะปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและส่ง
ผลกระทบด้านสุขภาพต่อสิ่งมีชีวิต
☛ แม้ว่าฝายจะสามารถสร้างความชุ่มชื้นให้ผืนป่าและช่วย
ป้องกันการลุกลามของไฟป่าได้จริง แต่ระดับความชืน้ ในป่าทีเ่ พิม่
55
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ขึ้นอาจกลายเป็นปัจจัยที่ทําให้ระบบนิเวศในป่าเปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ การสร้างฝายเพื่อบรรเทาความรุนแรงของไฟป่ายัง
เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
้ํ าใต
โครงการธนาคารน ้ ด
ิ น
56
��������������������
ก็จะทําให้นํ้าผิวดินและนํ้าบาดาลจุดอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันปนเปื้อน
ไปด้วยเช่นกัน
การเต
ิ มน
้ํ าบาดาลเท
ี ยมและความเส
ี่ ยงจากการปนเป
้ ื อน
นํา้ บาดาลคือแหล่งนํา้ สําคัญของคนไทยโดยเฉพาะพืน้ ทีช่ นบท
ในอดีตบ่อนํา้ บาดาลจะมีความลึกประมาณ 10 เมตรเท่านัน้ ส่วน
ในปัจจุบนั บ่อนํา้ บาดาลจะมีความลึกหลักหลายสิบจนถึงหลักร้อย
เมตรเนือ่ งจากเรามีเครือ่ งมือทีท่ นั สมัย ก่อนลงมือขุดบ่อนํา้ บาดาล
มักจะมีการสํารวจใต้ผวิ ดินด้วยวิธกี ารทางธรณีฟสิ กิ ส์เพือ่ ตรวจสอบ
ว่านํา้ บาดาลมีความลึกและปริมาณเท่าไร คุม้ ค่าต่อการลงทุนหรือไม่
เมือ่ ขุดบ่อนํา้ บาดาลเสร็จแล้วก็จะต้องทําการทดสอบคุณภาพและ
ปริมาณของนํ้าบาดาลว่าเหมาะสมต่อการใช้งานหรือเปล่า โดย
พิจารณาจากสี ความขุ่นใส กลิ่น ความเป็นกรดด่าง อุณหภูมิ
ของแข็ง สารละลาย แก๊ส จุลนิ ทรียท์ ปี่ ะปนอยูใ่ นนํา้ บาดาล และ
ปริมาณนํ้าที่บ่อบาดาลสามารถนํามาใช้งานได้จริง
เราเรียกกระบวนการทีน่ าํ้ ฝนซึมลงสูใ่ ต้พนื้ ผิวดินแล้วถูกกรอง
ด้วยวัสดุธรณีทมี่ อี ยูต่ ามธรรมชาติวา่ การเติมนํา้ บาดาลแท้ (natural
groundwater recharge) แต่ ใ นหลายพื้ น ที่ ซึ่ ง มี ค วามต้ อ งการนํ้ า
57
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
่บอน
้ํ าบาดาลแบบโบราณ
ภาพ: Zhiling Wei
เพื่อทดแทนนํ้าบาดาลที่ถูกสูบออกไป เราเรียกกระบวนการนี้ว่า
การเติมนํ้าบาดาลเทียม (artificial groundwater recharge)
ประเทศอินเดียคือหนึ่งในประเทศที่มีโครงการเติมนํ้าบาดาล
เทียมมายาวนาน เนื่องจากประเทศอินเดียมีประชากรมากถึง
1,400 ล้านคน อีกทัง ้ ยังเผชิญปัญหาการขาดแคลนนํา้ ประสบภัย
แล้ง และคลื่นความร้อนที่รุนแรง ในอินเดียจึงมีการสร้างบ่อเติม
นํา้ บาดาลจํานวนหลายหมืน่ บ่อทีส่ ร้างจากคอนกรีต อิฐ หิน ทราย
และดิน ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางและความลึกประมาณ 2 เมตร
อย่างไรก็ตาม เมือ่ พ.ศ. 2561 หน่วยงานภาครัฐของประเทศ
อินเดียเปิดเผยข้อมูลทีน่ า่ กังวลว่าพบการปนเปือ้ นไนเตรต ฟลูออไรด์
58
��������������������
59
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
60
��������������������
ผลกระทบอ
ื่ น ๆ จากการเต
ิ มน
้ํ าบาดาลเท
ี ยม
การเติมนํ้าบาดาลเทียมอย่างไม่ระมัดระวัง นอกจากจะเสี่ยง
ต่อการปนเปื้อนของมลภาวะแล้วยังอาจเป็นสาเหตุของการเกิด
อุทกภัย พืชพรรณบนผิวดินเสียหาย และพื้นดินแห้งแล้งอีกด้วย
หากเราเติมนํ้าบาดาลเทียมจนเกินปริมาณที่เหมาะสมจนทํา
ให้ระดับนํ้าบาดาลยกตัวสูงขึ้น เนื้อดินที่อิ่มตัวด้วยนํ้าจะส่งผลให้
รากของพืชเน่าและเกิดภาวะนํ้าบาดาลท่วม เนื่องจากฝนและนํ้า
ผิวดินไม่สามารถซึมลงสู่ใต้ดินได้ ถึงแม้ว่าการเกิดนํ้าบาดาลท่วม
ยังไม่มีการศึกษาอย่างแพร่หลายและจริงจังในประเทศไทย แต่
สามารถพบได้บริเวณทีร่ ะดับนํา้ บาดาลยกตัวสูงขึน้ หลังฝนตกหนัก
เป็นเวลานาน
61
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ธนาคารน้ํ าใต
้ ด ิ นที่ ต
ํ าบลบ ้ านคร
ั ว ํอาเภอบ ้ านหมอ ัจงหว
ั ดสระบ ุ ี ร (บน)
ต
ุ่ มแดงและผ ื่ นคั นท ี่ เก
ิ ดจากการส ั มผั สน
้ํ าบาดาลท
ี่ ปนเป
้ ื อน (ล
่ าง)
ภาพ: สมาธ ิ ธรรมศร
62
��������������������
ในทางกลับกัน หากมีการขุดสระกักเก็บนํ้าที่ลึกกว่าระดับนํ้า
บาดาล นํ้าบาดาลจะไหลลงไปที่พื้นของสระกักเก็บนํ้าส่งผลให้
ระดับนํ้าบาดาลตํ่ากว่าที่ควรจะเป็น ผลกระทบที่ตามมาคือราก
ของพืชบนดินขาดความชุ่มชื้นและเหี่ยวเฉา ตัวอย่างเหตุการณ์ที่
คาดว่าเกิดจากปรากฏการณ์นคี้ อื การแห้งตายของต้นจําปีสริ นิ ธร
ที่ตําบลซับจําปา อําเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี
ในบทนีเ้ ราจะเห็นว่าลําธารไม่ได้ทาํ หน้าทีเ่ ป็นแค่ทอ่ ส่งนํา้ และ
นํ้าบาดาลก็ไม่ใช่แอ่งนํ้าที่ถูกเก็บกักอยู่ใต้ดิน แต่ลําธารคือที่อยู่
อาศัยของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด คอยลําเลียงธาตุอาหารจากต้นนํ้า
ไปหล่อเลี้ยงปลายนํ้าให้อุดมสมบูรณ์ และช่วยพัดพาตะกอนจาก
บนบกไปสะสมตัวบนชายหาดเพือ่ บรรเทาการกัดเซาะชายฝัง่ ส่วน
นํา้ บาดาลจะทําหน้าทีค่ วบคุมความชืน้ ในดิน คุณภาพของนํา้ ผวิ ดิน
และความมั่นคงของแผ่นดิน
แหล่งนํ้าธรรมชาติจึงเป็น ‘ระบบ’ ที่สลับซับซ้อนและมีความ
ต่อเนื่อง หากระบบเหล่านี้ถูกดัดแปลงหรือนําไปใช้งานอย่างไม่
เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ต ามมาคือการเสียสมดุลของระบบนิเวศ
ตั้งแต่ป่าต้นนํ้า แม่นํ้าลําธาร ชั้นนํ้าบาดาล ไปจนถึงท้องทะเล
สุดท้ายแล้วสมดุลของระบบนิเวศทีเ่ สียไปก็จะย้อนกลับมากระทบ
ต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในอนาคต
63
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
5 มายาคต
ิ ้น
ํ าบาดาลและโครงการธนาคารน
้ํ าใต
้ ด
ิ น
มายาคติที่ 1 เราควรกักเก็บนํ้าไว้บนแผ่นดินให้มากที่สุดและ
ไม่ควรปล่อยให้นํ้าจืดไหลลงทะเลอย่างเปล่าประโยชน์
สาเหตุหนึ่งของการสร้างฝายและธนาคารนํ้าใต้ดินคือความ
เชือ่ ทีว่ า่ ไม่ควรปล่อยนํา้ จืดให้ไหลลงทะเลอย่างเปล่าประโยชน์ แต่
ความจริงแล้วนํ้าจืดที่ไหลลงทะเลมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการ
ควบคุมปริมาณธาตุอาหารในวัฏจักรนํ้า ระดับความเค็มของนํ้า
กร่อย และผลักนํา้ เค็มไม่ให้รกุ ลํา้ เข้ามา ดังนัน้ หากนํา้ จืดถูกกัก
เก็บเอาไว้บนแผ่นดินมากเกินไป สมดุลของนํา้ จืด นํา้ กร่อย และ
นํ้าเค็มก็จะแปรปรวน
มายาคติที่ 2 การเติมนํ้าบาดาลเทียมเป็นการสํารองนํ้าที่มี
ประสิทธิภาพมากที่สุด
ชั้นนํ้าบาดาลสามารถรองรับปริมาณนํ้าได้มหาศาล แต่นํ้าที่
ถูกเติมลงสูใ่ ต้ดนิ จะถูกเจือปนด้วยของแข็ง สารละลาย แก๊ส และ
จุลินทรีย์ หากมีการสูบนํ้าบาดาลขึ้นมาอาจต้องปรับปรุงคุณภาพ
นํ้าให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่จะใช้งานและจําเป็นต้องลงทุน
ติดตั้งระบบกรองนํ้า
มายาคติที่ 3 การเติมนํ้าบาดาลเทียมสามารถเพิ่มความชุ่มชื้น
ให้กับพืชบนดิน
การเติมนํ้าบาดาลเทียมสามารถทําให้ระดับนํ้าบาดาลยกตัว
สูงขึน้ แล้วทําให้ดนิ มีความชุม่ ชืน้ มากขึน้ แต่หากระดับนํา้ บาดาล
64
��������������������
สูงขึ้นจนเข้าท่วมรากของพืชเป็นเวลานานก็อาจทําให้รากเน่าและ
ตายลงได้
มายาคติที่ 4 บ่อเติมนํ้าบาดาลเทียมสามารถป้องกันการเกิด
นํ้าท่วม
ข้อความนี้เป็นความจริงในบางกรณี ขึ้นอยู่กับปริมาณนํ้าบน
ผิวดินที่เข้าท่วมพื้นที่ ปริมาตรและจํานวนของบ่อเติมนํ้าบาดาล
เทียม หากปริมาณนํ้ามีค่ามากกว่าความจุของบ่อรับนํ้า นํ้าก็จะ
เอ่อท่วมบนผิวดิน
มายาคติที่ 5 การเติมนํ้าบาดาลเทียมสามารถป้องกันการเกิด
แผ่นดินทรุด
แผ่นดินทรุดเป็นธรณีพิบัติภัยรูปแบบหนึ่งที่มีสาเหตุมาจาก
การสูบนํ้าบาดาลจนเกินระดับที่เหมาะสม แผ่นดินไหวที่รุนแรง
และการก่อสร้างเมืองขนาดใหญ่ การเติมนํา้ บาดาลเทียมจึงสามารถ
ชะลอการทรุดตัวของแผ่นดินได้ แต่ไม่สามารถทําให้แผ่นดินทีเ่ กิด
การทรุดตัวแล้วดันตัวเองขึ้นมาอยู่ในระดับเดิมได้
Key Takeaways
65
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
66
บทที่ 3
ระบบนิ เวศทางทะเล
เร
ื่ อง: ดร.เพชร มโนปว
ิ ตร
��������������������
โครงการปล
ู กปะการ
ั ง
69
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ในบทนี้ ผู้เขียนจะอธิบายถึงสาเหตุของความเสื่อมโทรมของ
ปะการัง แนวทางในการฟืน้ ฟู รวมถึงกรณีศกึ ษาการฟืน้ ฟูปะการัง
ที่เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างสูง
แนวทางการฟ ื้ นฟ
ู ระบบน
ิ เวศปะการ
ั ง
แนวปะการังจํานวนมากในปัจจุบนั เสือ่ มโทรมลงเนือ่ งจากหลาย
สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมมนุษย์โดยเฉพาะการพัฒนาบริเวณ
ชายฝัง่ การปล่อยมลภาวะทัง้ นํา้ เสียและขยะลงสูท่ ะเล การประมง
เกินขนาด การท่องเที่ยวอย่างไม่รับผิดชอบ ไปจนถึงการเปลี่ยน
แปลงสภาพภูมอิ ากาศทีท่ าํ ให้เกิดคลืน่ ความร้อนในทะเลบ่อยครัง้ และ
รุนแรงมากขึน้ ปัจจัยเหล่านีท้ าํ ให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว
ครัง้ ใหญ่ ส่งผลให้ปะการังตายลงเป็นบริเวณกว้างในระยะเวลาไม่นาน
ความเสือ่ มโทรมของแนวปะการังนําไปสูค่ วามพยายามคิดค้น
หาแนวทางฟื้นฟูที่เหมาะสม อาทิ การลดปัจจัยคุกคาม การจัด
ตั้งพื้นที่คุ้มครองทางทะเล และการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แนวทางเหล่านี้นับเป็นตัวเลือกที่ดีและมีความยั่งยืนที่สุด เพราะ
เปิดโอกาสให้ระบบนิเวศปะการังฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ
ขณะที่บางโครงการเน้นเรื่องการเพิ่มพื้นที่ในการลงเกาะของ
ตัวอ่อนปะการัง การย้ายปลูกปะการัง การทําแปลงเพาะจากเศษ
ปะการัง การสร้างปะการังเทียม และการขยายพันธุ์แบบอาศัย
เพศ แต่ละทางเลือกข้างต้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป
ทัว่ โลกมีการศึกษาวิจยั แนวทางการฟืน้ ฟูปะการังมาอย่างยาวนาน
สิ่งที่ตกผลึกได้จากผลการศึกษาคือการฟื้นฟูแนวปะการังเป็น
กระบวนการทีซ่ บั ซ้อนและต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพือ่ ให้ได้แผน
70
��������������������
71
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ขั้นที่ 2 ศึกษาตัวอ่อนปะการังในมวลนํ้า
การศึกษาตัวอ่อนปะการังในมวลนํ้าจําเป็นต่อการตัดสินใจ
เลือกวิธกี ารฟืน้ ฟูแนวปะการัง ในกรณีทเี่ รายังพบตัวอ่อนปะการัง
ในมวลนํ้า แสดงว่าพื้นที่ดังกล่าวยังมีศักยภาพที่จะฟื้นฟูตัวเอง
ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพหากมีการจัดการอย่างถูกต้อง
และมีการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
ตัวอ่อนของปะการังเกิดจากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เมื่อ
ปะการังโตเต็มที่ก็จะปล่อยไข่และสเปิร์มออกมาผสมกันในนํ้า
กลายเป็นตัวอ่อนที่ล่องลอยไปตามกระแสนํ้าจนกระทั่งลงเกาะใน
พื้นแข็งที่เหมาะสม อาทิ ก้อนหินในธรรมชาติหรือซากปะการัง
มาตรการค
ุ้ มครองแนวปะการ
ั ง
การคุ้มครองแนวปะการังในรูปแบบพื้นที่อนุรักษ์เป็น
หนึ่งในมาตรการที่สามารถช่วยฟื้นฟูปะการังครอบคลุม
บริเวณกว้าง ภายหลังจากรัฐกําหนดให้พื้นที่ทางธรรมชาติ
เป็นพื้นที่อนุรักษ์ สําหรับประเทศไทยก็เช่น การประกาศ
เป็นเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล หรือพื้นที่คุ้มครองทาง
ทะเล รัฐก็จะกําหนดมาตรการควบคุมการใช้ประโยชน์ ทัง้
ในรูปแบบของการกําหนดพื้นที่สงวนอนุรักษ์และพื้นที่ใช้
ประโยชน์ในระดับต่างๆ รวมถึงการตรวจตราป้องกันการทํา
กิจกรรมทีส่ ง่ ผลกระทบต่อแนวปะการัง มาตรการคุม้ ครอง
เหล่านีจ้ ะช่วยให้กระบวนการทางธรรมชาติดาํ เนินไปได้โดย
72
��������������������
เดิม ก่อนจะเจริญเติบโตและพัฒนาตัวเองเป็นปะการังที่มีรูปทรง
แตกต่างกันขึน้ อยูก่ บั ชนิดของปะการัง การสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ
เป็นกระบวนการสําคัญทีช่ ว่ ยเพิม่ ความหลากหลายทางพันธุกรรม
ตามธรรมชาติ
นีค่ อื สาเหตุทปี่ ลากินพืช เช่น กลุม่ ปลานกแก้วมีความสําคัญ
อย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูปะการังตามธรรมชาติ เนื่องจากปลากลุ่มนี้
จะคอยกําจัดสาหร่ายซึ่งจะขึ้นปกคลุมพื้นผิวแข็งของปะการังที่
ตายลง เปรียบเสมือนการเตรียมพืน้ ทีใ่ ห้เหมาะสมต่อการยึดเกาะ
และเติบโตของตัวอ่อนของปะการัง
ไม่มีมนุษย์รบกวน
แนวปะการังหลายแห่งในประเทศไทยแม้ว่าจะมีสภาพ
เสือ่ มโทรมลงแต่ยงั คงมีศกั ยภาพทีจ่ ะฟืน้ ฟูตวั เองในระดับสูง
เนือ่ งจากกระบวนการสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศของปะการังยัง
คงเกิดขึน้ ตามธรรมชาติและยังพบตัวอ่อนปะการังในมวลนํา้
แต่กระบวนการฟื้นตัวตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
สภาพพื้นทะเลมั่นคง สภาพแวดล้อมเหมาะสม และไม่ถูก
รบกวนโดยมนุษย์ ตัวอย่างแนวปะการังที่ฟื้นตัวตามธรรม
ชาติจากมาตรการคุม้ ครอง เช่น แนวปะการังในเขตอุทยาน
แห่งชาติหมูเ่ กาะสิมลิ นั และอุทยานแห่งชาติหมูเ่ กาะสุรนิ ทร์
จังหวัดพังงา, อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต และ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นต้น
73
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ขั้นที่ 3 เลือกแนวทางการฟื้นฟู
หากเราพบว่ายังมีตวั อ่อนปะการังในมวลนํา้ ทางเลือกทีด่ ที สี่ ดุ
คือการปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง ส่วนในกรณีที่สภาพของ
พืน้ ทะเลไม่มพี นื้ ผิวทีเ่ หมาะสมต่อการยึดเกาะของตัวอ่อนปะการัง
มนุษย์สามารถช่วยเหลือกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติได้ด้วย
การสร้างพืน้ ผิวทีม่ นั่ คงสําหรับการยึดเกาะ เช่น การใช้แท่งคอน
กรีต หรือโครงปะการังเทียม
สํ า หรั บ กรณี ที่ เ ราศึ ก ษาจนมั่ น ใจว่ า ไม่ มี ตั ว อ่ อ นในมวลนํ้ า
บริเวณพื้นที่ที่เราต้องการฟื้นฟูแนวปะการัง เราจึงค่อยพิจารณา
เลือกวิธีฟื้นฟูระบบนิเวศด้วยการย้ายปลูกปะการัง
หนึง่ ในวิธยี อดนิยมในการย้ายปลูกปะการังคือการนําปะการัง
ที่อยู่ในสภาพดีทั้งโคโลนีมาตัดแบ่งแล้วแยกนําไปปลูกในพื้นที่ที่
ต้องการฟืน้ ฟู อย่างไรก็ตาม วิธนี มี้ ขี อ้ เสียหลายประการ เช่น กิง่
ปะการังขนาดเล็กจะมีอัตราการรอดตํ่า อีกทั้งการตัดแบ่งกิ่งก้าน
ปะการังเพื่อขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศซึ่งจะทําให้ระบบนิเวศ
ปลายทางมีความหลากหลายทางพันธุกรรมตํา่ เพิม่ ความเสีย่ งต่อ
การตายพร้อมกันเมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
อี ก หนึ่ ง วิ ธี ที่ จ ะช่ ว ยแก้ ปั ญ หาเรื่ อ งความหลากหลายทาง
พันธุกรรมคือการหักกิ่งก้านปะการังมาจากหลายโคโลนีในแหล่ง
ปะการังผู้ให้แล้วนํามาปลูกในพื้นที่ฟื้นฟู แต่วิธีการนี้ย่อมส่งผล
กระทบต่อแหล่งปะการังผู้ให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปะการัง
ทีเ่ สียหายต้องใช้พลังงานในการซ่อมแซมส่วนทีส่ กึ หรอ เพิม่ ความ
เสี่ยงต่อการเกิดโรค อีกทั้งยังลดโอกาสในการสืบพันธุ์ตามธรรม
ชาติของปะการังที่ถูกหักกิ่งก้านอีกด้วย
74
��������������������
การหั กก
่ิ งปะการ ั งมาปล
ู กควรเป ็ น
ทางเล
ื อกส ุ ดท
้ ายในการฟ ื้ นฟ
ู ปะการั ง
นอกจากการตัดแบ่งแล้ว บางโครงการใช้วิธีฟื้นฟูระบบนิเวศ
ปะการังด้วยการย้ายปะการังสภาพดีมาทั้งโคโลนี หรือการย้าย
ปะการังโตเต็มวัยที่พร้อมปล่อยเซลล์สืบพันธุ์มาไว้ในบริเวณที่
75
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ต้องการฟื้นฟู หากเลือกใช้วิธีการนี้ต้องดําเนินการด้วยความ
ระมัดระวังอย่างยิ่งโดยไม่ให้เกิดผลเสียหรือผลกระทบต่อแนว
ปะการังต้นทาง
ทางเลือกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดแต่ใช้เวลา
นานคือการสร้างแปลงอนุบาลปะการัง โดยการนํากิ่งปะการังที่
แตกหักตามธรรมชาติมายึดติดบนพืน้ แข็ง แล้วรอให้กงิ่ ก้านเหล่า
นั้นเติบโตขึ้นเป็นโคโลนีที่สมบูรณ์ ก่อนจะนําไปฟื้นฟูยังบริเวณที่
ต้องการ อีกทางเลือกหนึง่ คือเพาะพันธุป์ ะการังในห้องปฏิบตั กิ าร
โดยเลี้ยงจนได้ตัวอ่อนปะการังแล้วปล่อยลงในมวลนํ้า หรืออาจ
เลี้ยงจนเติบโตถึงระดับที่ปะการังลงเกาะเป็นโคโลนีแล้วจึงนําไป
ฟื้นฟูแนวปะการังก็ได้เช่นกัน
ขั้นที่ 4 ดําเนินการและติดตามตรวจสอบ
การตรวจสอบผลการดําเนินการคือหัวใจสําคัญของกระบวน
การฟืน้ ฟูแนวปะการัง ผูด้ าํ เนินโครงการจึงควรจัดสรรงบประมาณ
ในสัดส่วนทีเ่ หมาะสมตัง้ แต่เริม่ ดําเนินโครงการ รวมถึงสร้างความ
ร่วมมือในระยะยาวกับคณะนักวิจยั หรือสถาบันการศึกษาในฐานะ
ผูร้ บั ผิดชอบในการติดตามผลเพือ่ ทบทวนว่าวิธที เี่ ลือกใช้เหมาะกับ
สภาพแวดล้อมหรือไม่ และประสบความสําเร็จในระดับใด
สําหรับตัวชีว้ ดั ความสําเร็จของการฟืน้ ฟูแนวปะการัง นอกจาก
ต้องพิจารณาอัตราการอยูร่ อดและลงเกาะของปะการังแล้ว ยังควร
คํานึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางพันธุ
กรรม และความสามารถในการแพร่ขยายพันธุต์ ามธรรมชาติเพือ่
ให้มั่นใจว่าระบบนิเวศที่ฟื้นฟูกลับมาจะสามารถดํารงอยู่ได้อย่าง
76
��������������������
ยั่งยืน ส่วนในกรณีที่การฟื้นฟูแนวปะการังไม่ประสบความสําเร็จ
เราก็ต้องย้อนกลับไปขั้นตอนแรกแล้วเริ่มแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
ก่อนที่จะพิจารณาทางเลือกอื่นในการฟื้นฟูระบบนิเวศปะการัง
กรณ
ี ศ
ึ กษา:
การฟื้ นฟ
ู ปะการ
ั งเกาะไม
้ ่ทอน ัจงหว
ั ดภ
ู เก
็ ต
ย้อนกลับไปเมือ่ พ.ศ. 2529 แนวปะการังเขากวางจํานวนมาก
ที่เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ตถูกพายุพัดทําลาย แม้ระบบนิเวศ
ดังกล่าวจะไม่ถูกรบกวน แต่กระบวนการฟื้นตัวตามธรรมชาติ
ถือว่าช้าอย่างมากทั้งที่พบตัวอ่อนปะการังหลายชนิดในมวลนํ้า
นําไปสู่ความพยายามฟื้นฟูแนวปะการังโดยใช้แท่งคอนกรีตที่มี
รูปทรงและความสลับซับซ้อนแตกต่างกันออกไปเพื่อศึกษาว่า
แท่งคอนกรีตรูปแบบใดเหมาะสมที่สุดในการลงเกาะของตัวอ่อน
ปะการัง รวมทัง้ ทดลองฟืน้ ฟูพนื้ ทีด่ ว้ ยวิธยี า้ ยปลูกปะการังเขากวาง
จากแนวปะการังบริเวณอื่น
ผลการศึกษาพบการวางแท่งคอนกรีตเพื่อเพิ่มพื้นที่ยึดเกาะ
ประสบความสําเร็จเป็นอย่างดี ปะการังมีการลงเกาะและเจริญ
เติบโตจนขึ้นคลุมพื้นผิวของแท่งคอนกรีตทั้งหมดภายในเวลา
ประมาณ 15 ปี ขณะที่การย้ายปลูกปะการังเขากวางไม่ประสบ
ความสําเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีคลื่นลมรุนแรง
ดร.นลินี ทองแถม ผู้รับผิดชอบโครงการฟื้นฟูแนวปะการัง
สรุปผลการศึกษาทีเ่ กาะไม้ทอ่ นว่าหัวใจสําคัญของการฟืน้ ฟูปะการัง
คือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและความสอดคล้องระหว่างวิธีการ
ฟื้นฟูและลักษณะพื้นที่ หากตอบโจทย์สองข้อนี้ก็จะมีโอกาสที่
77
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
Key Takeaways
☛ แนวปะการังหลายแห่งในประเทศไทยมีศักยภาพที่จะ
ฟื้นฟูตัวเองในระดับสูง แต่กระบวนการฟื้นตัวตามธรรมชาติจะ
เกิดขึน้ ได้กต็ อ่ เมือ่ สภาพพืน้ ทะเลมัน่ คง สภาพแวดล้อมเหมาะสม
และไม่ถูกรบกวนโดยมนุษย์
☛ หากเราพบว่ายังมีตวั อ่อนปะการังในมวลนํา้ ทางเลือกทีด่ ี
ที่สุดคือการปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตนเอง ในกรณีพื้นทะเลไม่มี
พืน้ ผิวทีเ่ หมาะสมต่อการยึดเกาะของตัวอ่อนปะการัง เราสามารถ
ช่วยเพิม่ พืน้ ผิวสําหรับการยึดเกาะ เช่น การใช้แท่งคอนกรีต หรือ
โครงปะการังเทียม
☛ การฟื้นฟูปะการังด้วยการย้ายปลูกที่ต้องหักกิ่งปะการัง
จากโคโลนีหนึ่งหรือหลายโคโลนีเปรียบเสมือนการโคลนปะการัง
เมื่อได้รับผลกระทบจากมลภาวะหรือภัยธรรมชาติ ปะการังที่มา
จากโคโลนีเดียวกันอาจตายทัง้ หมดเนือ่ งจากไม่มคี วามหลากหลาย
ทางพันธุกรรมที่มากพอ
☛ ตัวชี้วัดความสําเร็จของการฟื้นฟูแนวปะการัง นอกจาก
ต้องพิจารณาอัตราการอยูร่ อดและลงเกาะของปะการังแล้ว ยังควร
78
��������������������
คํานึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางพันธุ
กรรม และความสามารถในการแพร่ขยายพันธุต์ ามธรรมชาติเพือ่ ให้
มัน่ ใจว่าระบบนิเวศทีฟ่ นื้ ฟูกลับมาจะสามารถดํารงอยูไ่ ด้อย่างยัง่ ยืน
โครงการปล
ู กหญ
้ าทะเล
79
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ไว้ในระบบนิเวศทางทะเลอย่างหญ้าทะเลและป่าชายเลนว่าคาร์บอน
สีนํ้าเงิน (Blue Carbon)
แหล่งหญ้าทะเลทั่วโลกช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ราว 4.2–8.4
พันล้านตัน บางรายงานระบุวา่ อาจสูงถึง 2 หมืน่ ล้านตันหากรวม
ดินตะกอนในแนวหญ้าทะเลทัง้ หมด แม้วา่ หญ้าทะเลจะครอบคลุม
พืน้ ทีเ่ พียง 0.1% ของมหาสมุทรแต่กลับช่วยดูดซับคาร์บอนได้มาก
ถึงปีละ 27–44 ล้านตัน คิดเป็นราว 15 เปอร์เซ็นต์ของคาร์บอน
ที่กักเก็บในมหาสมุทร จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันหลายภาคส่วน
ต่างหันมาให้ความสําคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเลอย่าง
ล้นหลาม
ในประเทศไทยพบหญ้าทะเลได้ทั้งหมด 13 ชนิด โครงสร้าง
ทางกายภาพของหญ้าทะเลคล้ายกับหญ้าบนบกคือมีส่วนของราก
เหง้า และใบ โดยเราจะพบหญ้าทะเลได้ในพืน้ ทีช่ ายฝัง่ ทีเ่ ป็นทราย
ปนเลน ปัจจุบนั ระบบนิเวศหญ้าทะเลในประเทศไทยยังถือว่าค่อน
ข้างอุดมสมบูรณ์ โดยแหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ทสี่ ดุ อยูท่ จี่ งั หวัดตรัง
ในบทนี้ ผู้เขียนจะอธิบายถึงภัยคุกคามต่อแหล่งหญ้าทะเล
แนวทางในการฟื้นฟูหญ้าทะเลที่เหมาะสม รวมถึงหยิบยกกรณี
ศึกษาที่การฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลประสบความสําเร็จ
แนวทางการฟ ื้ นฟ
ู ระบบน
ิ เวศหญ
้ าทะเล
ภัยคุกคามหลักที่ทําให้พื้นที่หญ้าทะเลเสื่อมโทรมลงคือการ
พัฒนาชายฝัง่ เช่น การก่อสร้างท่าเทียบเรือ สะพาน หรือการขุด
ลอกร่องนํ้าและปากแม่นํ้า กิจกรรมเหล่านี้ทําให้เกิดตะกอนไหล
ลงไปทับแนวหญ้าทะเลจนเสียหาย อีกหนึ่งภัยคุกคามสําคัญคือ
80
��������������������
แนวทางที่ 1 การจัดการปัจจัยคุกคาม
หญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลโดยจะ
ผันแปรตามความผันผวนของกระแสนํ้าหรือตะกอน เราจึงต้อง
ตรวจหาสาเหตุความเสื่อมโทรมว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของ
81
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
การก
ํ าหนดเขตเพื่ อบร
ิ หารจั ดการ
ระบบนิ เวศหญ
้ าทะเลอย ่ างย่ั งย
ื น
82
��������������������
และนักวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาและ
สาเหตุที่ทําให้ระบบนิเวศหญ้าทะเลเสื่อมโทรมลง เมื่อมีความ
เข้าใจทีต่ รงกันจึงเริม่ แก้ปญ
ั หาหรือลดผลกระทบทีต่ น้ เหตุ ไม่เช่น
นั้นโครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลก็ยากที่จะประสบความสําเร็จ
แนวทางที่ 2 การบริหารจัดการเชิงพื้นที่
การบริหารจัดการเชิงพื้นที่คือการกําหนดเขตกิจกรรมต่างๆ
ตามความเหมาะสม หากบริเวณแหล่งหญ้าทะเลมีสตั ว์หายากเข้า
ใช้ประโยชน์จาํ นวนมากก็ควรกําหนดพืน้ ทีด่ งั กล่าวให้เป็นเขตสงวน
เข้มข้น พร้อมทัง้ ห้ามดําเนินกิจกรรมทีอ่ าจส่งผลกระทบต่อระบบ
83
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
แนวทางที่ 3 การปลูกหญ้าทะเล
ระบบนิเวศหญ้าทะเลที่ถูกรบกวนส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นตัว
ได้เองตามธรรมชาติ เว้นแต่กรณีที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เช่น
ตะกอนดินพื้นทะเลกลายสภาพเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการ
เติบโตของหญ้าทะเลจนไม่สามารถฟืน้ คืนกลับมาได้ตามธรรมชาติ
ในกรณีนี้เราจึงพิจารณาเลือกใช้แนวทางการฟื้นฟูด้วยการปลูก
หญ้าทะเล อย่างไรก็ตาม การปลูกหญ้าทะเลเหมาะสําหรับฟื้นฟู
พื้นที่ขนาดเล็ก และต้องมีการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการ
เจริญเติบโตของหญ้าทะเลก่อนเริ่มโครงการ
84
��������������������
การปลูกหญ้าทะเลนอกจากจะช่วยฟืน้ ฟูระบบนิเวศแล้วยังเป็น
หนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน เปิดโอกาส
ให้เยาวชนเห็นความสําคัญของระบบนิเวศหญ้าทะเล และส่งเสริม
ให้ชมุ ชนช่วยกันดูแลและเฝ้าระวังผลกระทบทีอ่ าจเกิดขึน้ ต่อระบบ
นิเวศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสําคัญที่ทําให้โครงการปลูกหญ้า
ทะเลหลายแห่งล้มเหลวคือปัจจัยด้านคุณภาพนํ้าและตะกอนดิน
เนื่องจากหญ้าทะเลในธรรมชาติต้องปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยภาย
นอกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระแสนํ้า คลื่นลม ความลึก ความโปร่ง
แสงของนํา้ ทะเล อุณหภูมิ ไปจนถึงระยะเวลาสัมผัสแสงแดด โครง
การปลูกหญ้าทะเลจึงต้องคํานึงถึงหลักการสําคัญ 5 ประการดังนี้
ประการที่ 1 ปลูกในพืน้ ทีท่ คี่ วรปลูก การปลูกหญ้าทะเลควร
ปลูกในแหล่งที่เคยมีหญ้าทะเลหรือระบบนิเวศหญ้าทะเลที่เสื่อม
โทรม ก่อนดําเนินโครงการจะต้องสํารวจสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะ
เป็นประเภทของพื้นทะเล ชนิดของดิน ความแน่นของดิน ระดับ
ความลึก ทิศทางคลืน่ ลม และปริมาณตะกอนแขวนลอยในนํา้ เพือ่
ให้มั่นใจว่าหญ้าทะเลที่นํามาย้ายปลูกจะสามารถอยู่รอดได้ ทั้งนี้
การดําเนินโครงการจะต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศอื่น
เช่น ระบบนิเวศหาดทราย เช่นกัน
ประการที่ 2 เลือกชนิดทีเ่ หมาะสม เราควรคัดเลือกชนิดพันธุ์
หญ้าทะเลโดยพิจารณาว่ามีหญ้าทะเลชนิดนัน้ ๆ ขึน้ อยูต่ ามธรรมชาติ
ในบริเวณทีต่ อ้ งการปลูกหรือไม่ หากไม่มกี ต็ อ้ งค้นข้อมูลทางประวัติ
ศาสตร์ว่าในอดีตเคยมีแหล่งหญ้าทะเลชนิดใดในบริเวณดังกล่าว
เพื่อให้มั่นใจว่าหญ้าทะเลชนิดที่นําไปปลูกจะสามารถเติบโตได้ดี
85
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
แนวทางที่ 4 สร้างความร่วมมือกับชุมชนชายฝั่ง
ปัจจัยหนึ่งที่ทําให้โครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลประสบความ
สําเร็จคือความร่วมมือของชุมชนชายฝั่งใกล้เคียง เราจึงต้องให้
ความสําคัญกับกระบวนการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน ตัง้ แต่
การให้ความรูพ้ น้ื ฐานเกีย่ วกับระบบนิเวศหญ้าทะเล เทคนิคเบือ้ งต้น
ในการสํารวจสิง่ มีชวี ติ ในแนวหญ้าทะเล รวมไปถึงการจัดเวทีพดู คุย
86
��������������������
การบรรเทาผลกระทบ
จากการย
้ ายปล
ู กหญ
้ าทะเล
การย้ายปลูกหญ้าทะเลคือการขุดถอนหญ้าทะเลจํานวน
มากจากแหล่งพันธุ์หญ้าทะเลตามธรรมชาติที่สมบูรณ์จน
อาจสร้างผลกระทบต่อแหล่งพันธุ์เดิม นักวิจัยจึงพัฒนา
แนวคิดการสร้างแหล่งพันธุ์ของหญ้าทะเลเพื่อจะได้ไม่ต้อง
รบกวนแหล่งหญ้าทะเลตามธรรมชาติ
เนื่องจากหญ้าทะเลจะสามารถปรับตัวได้ดีในพื้นที่ใหม่
ทีป่ จั จัยสิง่ แวดล้อมไม่มกี ารผันแปรมากนัก นากุง้ ตามชายฝัง่
จึงเป็นตัวเลือกในการเพาะพันธุห์ ญ้าทะเลทีเ่ หมาะสม เพราะ
สามารถควบคุมและปรับคุณภาพตะกอนดิน คุณภาพนํ้า
ความลึก แสงสว่าง การไหลเวียนของนํ้าทะเลเข้า-ออกได้
อย่างเหมาะสม และไม่ต้องกังวลเรื่องคลื่นลมอีกด้วย
หญ้าทะเลบางชนิดเช่น หญ้าคาทะเล (Enhalus acoroi-
des) สามารถเพาะพันธุ์พันธุ์ต้นอ่อนจากเมล็ดได้ซึ่งจะช่วย
ลดปัญหาจากการย้ายปลูกต้นพันธุ์จากแหล่งธรรมชาติได้
เช่นกัน หากสนใจปลูกหญ้าทะเลหรือศึกษาวิธกี ารเพาะพันธุ์
และย้ายปลูกอย่างถูกวิธีควรศึกษาจากคู่มือของกรมทรัพ
ยากรทางทะเลและชายฝัง่ และปรึกษานักวิชาการทีม่ คี วาม
เชี่ยวชาญเฉพาะ
87
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
กรณ
ี ศ
ึ กษา:
การฟื้ นฟ
ู หญ
้ าทะเลโดยช
ุ มชน ัจงหว
ั ดตร
ั ง
ดร.อัญชนา ประเทพ อาจารย์ประจําภาควิชาชีววิทยา คณะ
วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผูเ้ ชีย่ วชาญเรือ่ งระบบ
นิเวศหญ้าทะเลและการอนุรกั ษ์ เล่าว่าแหล่งหญ้าทะเลของจังหวัด
ตรังมีความสําคัญอย่างยิ่งในระดับโลก เพราะโดดเด่นในด้าน
ความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยสําคัญของ
ประชากรพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แหล่งหญ้าทะเลจังหวัดตรังเผชิญกับภัยคุกคาม
หลายประการ ย้อนกลับไปเมือ่ พ.ศ. 2547 ระบบนิเวศหญ้าทะเล
ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติอย่างเหตุการณ์สึนามิที่เปลี่ยนแปลง
ลักษณะชายฝัง่ และทําให้มตี ะกอนมหาศาลทับถม แต่ปรากฏการณ์
ดังกล่าวไม่ได้สร้างผลกระทบเท่ากับดินตะกอนจากการพัฒนา
88
��������������������
89
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
Key Takeaways
☛ ระบบนิเวศหญ้าทะเลหลายแห่งในไทยเผชิญผลกระทบ
จากกิจกรรมการพัฒนาพืน้ ทีร่ มิ ชายฝัง่ การทําประมงแบบทําลาย
ล้าง หรือมลภาวะจากชุมชนริมทะเล หากสามารถป้องกันหรือ
ลดผลกระทบจากปัจจัยคุกคาม แหล่งหญ้าทะเลจะสามารถฟื้นฟู
ตัวเองได้ตามธรรมชาติและกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยวิธีนี้
นับเป็นวิธีฟื้นฟูระบบนิเวศหญ้าทะเลที่ยั่งยืนที่สุด
☛ โครงการปลูกหญ้าทะเลต้องคํานึงถึงหลักการสําคัญ 5
ประการคือการเลือกพืน้ ทีท่ มี่ สี ภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสม การเลือก
ชนิดพันธุ์หญ้าทะเลที่เหมาะสม การเลือกช่วงเวลาและฤดูกาลที่
เหมาะสม การเลือกระดับความลึกทีเ่ หมาะสม และการหลีกเลีย่ ง
พื้นที่ใกล้ชุมชนชายฝั่ง
☛ การย้ายปลูกหญ้าทะเลอาจกระทบต่อแหล่งพันธุเ์ ดิมตาม
90
��������������������
ธรรมชาติ เราจึงควรส่งเสริมการสร้างแหล่งพันธุ์ของหญ้าทะเล
เช่น การปลูกในนากุ้งตามชายฝั่ง เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนแหล่ง
หญ้าทะเลตามธรรมชาติ
☛ การเสริมสร้างความรู้และความสามารถในการจัดการ
แหล่งหญ้าทะเลโดยชุมชนชายฝัง่ เป็นเงือ่ นไขสําคัญต่อความสําเร็จ
ของโครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะ
ใช้เวลายาวนาน แต่ก็จําเป็นต่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ
หญ้าทะเลอย่างยั่งยืน
91
บทที่ 4
การปล่อยสัตว์ให้เป็นอิสระคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมา
ช้านาน วัฒนธรรมดังกล่าวมีส่วนจากความเชื่อทางพุทธศาสนา
เรื่องการทําทานผ่านการมอบโอกาสให้หนึ่งชีวิตได้อยู่รอดอย่าง
เป็นอิสระ แต่ในยุคสมัยปัจจุบันที่เรามีความรู้ความเข้าใจเรื่อง
ระบบนิเวศดียิ่งขึ้น ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นแบบทบทวี เช่นเดียว
กับระบบนิเวศทีเ่ สือ่ มโทรมลง การปล่อยสัตว์กลับกลายเป็นโครง
การที่สร้างปัญหามากมายต่อระบบนิเวศ
ในบทความนี้ ผู้เขียนจะอธิบายว่าปัญหาข้างต้นประกอบด้วย
อะไรบ้าง แต่กอ่ นอืน่ ต้องเริม่ จากการทําความรูจ้ กั กับคําว่าเอเลียน
สปีชสี ์ (alien species) หรือทีแ่ ปลเป็นภาษาไทยว่าชนิดพันธุต์ า่ งถิน่
ชน
ิ ดพ
ั นธ
ุ์ ต
่ างถ
ิ่ นค
ื ออะไร
นกบางชนิดอาจจะสามารถกางปีกบินไปรอบโลก ขณะที่ปลา
นํ้าจืดบางชนิดอาจมีการกระจายพันธุ์อยู่ในบ่อนํ้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง
กลางทะเลทราย ไม่วา่ สัตว์ชนิดพันธุใ์ ดต่างก็ถกู จํากัดการกระจาย
พันธุ์ด้วยปัจจัยที่หลากหลาย เช่น ความสามารถในการเคลื่อนที่
สภาพภูมอิ ากาศ อาหาร รวมถึงสิง่ มีชวี ติ คูแ่ ข่ง ด้วยข้อจํากัดเหล่านี้
เราจึงพบเจอสัตว์บางชนิดในบางพื้นที่เท่านั้น เช่น ปลาบึก ปลา
นํ้าจืดขนาดยักษ์ที่พบเฉพาะในแม่นํ้าโขง หรือหมีแพนด้าสัตว์
ขวัญใจประชาชนทีส่ ามารถพบเห็นได้เฉพาะในประเทศจีน เราเรียก
การกระจายพันธุข์ องสิง่ มีชวี ติ โดยปราศจากการรบกวนจากมนุษย์
ว่าการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
ในทางกลับกัน มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์เดียวในโลกที่
93
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
สามารถเดินทางไปแทบทุกแห่งหนอย่างรวดเร็วด้วยยานพาหนะ
ต่างๆ ทั้งรถยนต์ เรือ และเครื่องบิน ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
มนุษย์นําพาสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ติดสอยห้อยตามไปด้วย ทั้งที่โดย
ตั้งใจ เช่น สัตว์เลี้ยงนานาชนิด และทั้งที่ติดมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เช่น ยุง มด หรือหนู
ตัวอย่างของการทีม่ นุษย์นาํ เข้าชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ ก็เช่น การนํา
ผักตบชวาจากทวีปอเมริกาใต้เข้ามายังแหล่งนํ้าของประเทศไทย
หรือการนํากระรอกสีเทาจากทวีปอเมริกาเหนือมาปล่อยในภูมภิ าค
ยุโรป สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดนี้ไม่มีทางที่จะกระจายพันธุ์ไปสู่พื้นที่
ปลายทางได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติ กล่าวคือผักตบชวา
จากแม่ นํ้ า แอมะซอนไม่ มี ท างที่ จ ะล่ อ งลอยมาถึ ง ปากแม่ นํ้ า
เจ้าพระยา เช่นเดียวกับกระรอกสีเทาที่ไม่สามารถว่ายนํ้าข้าม
มหาสมุทรแอตแลนติกแล้วมาตั้งรกรากที่เกาะอังกฤษได้เช่นกัน
เมื่ อ มนุ ษ ย์ นํ า พาสิ่ ง มี ชี วิ ต ทั้ ง พื ช และสั ต ว์ ก้ า วข้ า มเขตการ
กระจายพันธุ์ตามธรรมชาติมายังพื้นที่แห่งใหม่ เราจะเรียกสิ่งมี
ชี วิ ต แปลกหน้ า เหล่ า นั้ น ว่ า ‘ชนิ ด พั น ธุ์ ต่ า งถิ่ น ’ หากสิ่ ง มี ชี วิ ต
ที่ว่าสามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศใหม่และขยายพันธุ์ได้เอง
ตามธรรมชาติ เข้าแย่งแหล่งอาหารและถิน่ ทีอ่ ยูอ่ าศัยของสิง่ มีชวี ติ
เดิม พร้อมทัง้ ทําลายสมดุลในระบบนิเวศจนเกิดการเปลีย่ นแปลง
อย่างกะทันหัน เราจะเรียกสิง่ มีชวี ติ กลุม่ นีว้ า่ ‘ชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ ที่
รุกราน’ (invasive alien species)
เราต้องทําความเข้าใจความแตกต่างของสองคํานี้ให้ชัดเจน
เพราะความจริงแล้วพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่เราคุ้นเคย เช่น
ยางพารา อ้อย หรือมันสําปะหลัง หรือแม้แต่วัตถุดิบสําคัญใน
94
��������������������
อาหารจานเด็ดของเมืองไทยอย่างส้มตํา ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ
มะเขือเทศ และพริก ล้วนแล้วแต่เป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม พืชเศรษฐกิจเหล่านี้ไม่นับเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น
รุกรานเพราะไม่สามารถเติบโตเองตามธรรมชาติจึงไม่สร้างผล
กระทบด้านลบในแง่ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
ู้ รัจกส
ั ตวภ
ู ม
ิ ศาสตร
์ และศ
ั กยภาพของระบบน
ิ เวศ
เราจะทราบได้อย่างไรว่าสัตว์และพืชชนิดใดข้ามเขตการกระจาย
พันธุ์ตามธรรมชาติ
คําตอบคือการพิจารณาแผนที่ตามแนวคิด ‘สัตวภูมิศาสตร์’
ซึ่งเป็นความพยายามขีดเส้นแบ่งพื้นที่การกระจายพันธุ์ของสิ่งมี
ชีวิต คล้ายกับแผนที่โลกที่เราคุ้นเคยซึ่งระบุเขตแดนของแต่ละ
ประเทศนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การกระจายพันธุข์ องสิง่ มีชวี ติ ไม่ได้ถกู กําหนด
ด้วยพรมแดนของประเทศ แต่จะอิงจากปัจจัยตามธรรมชาติ เช่น
พฤติกรรมจําเพาะของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด รวมถึงลักษณะทาง
ภูมิศาสตร์ที่กั้นไม่ให้สิ่งมีชีวิตเคลื่อนข้ามไปได้ไม่ว่าจะเป็นเทือก
เขา กระแสนํ้า ทะเล และมหาสมุทร
ตัวอย่างเช่นในประเทศไทย กลุ่มสัตว์ที่อยู่เหนือคอคอดกระ
และสัตว์ที่อยู่ใต้คอคอดกระส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน
สัตว์บางชนิดอาจมีสสี นั ลวดลายทีไ่ ม่เหมือนกัน ส่วนสัตว์บางชนิด
อาจแตกแขนงเป็นคนละชนิดพันธุ์ เราจึงพอจะสรุปได้ว่าประเทศ
ไทยทางเหนือและทางใต้ของคอคอดกระอยูค่ นละเขตสัตวภูมศิ าสตร์
95
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
96
��������������������
ของระบบนิเวศ ท้ายที่สุดแล้วระบบนิเวศอาจไม่หลงเหลือปลาที่
แข็งแรงเลยสักตัวเพราะขาดแคลนอาหาร บางครัง้ อาจเลวร้ายจน
ถึงขั้นทําให้ระบบนิเวศล่มสลาย
การพิจารณาว่าเราควรจะปล่อยสัตว์หรือไม่ นอกจากต้อง
พิจารณาในเชิงสัตวภูมิศาสตร์ว่าสัตว์ชนิดนั้นไม่ใช่ชนิดพันธุ์ต่าง
ถิน่ แล้ว ยังต้องมัน่ ใจว่าระบบนิเวศทีเ่ ราจะปล่อยสัตว์เข้าไปยังหลง
เหลือขีดความสามารถในการรองรับประชากรสัตว์เพิม่ เติมอีกด้วย
ผลกระทบจากชน
ิ ดพ
ั นธ
ุ์ ต
่ างถ
่ิ นท
ี่ ุ รกราน
ผลกระทบจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานมีหลายมิติโดยเรา
สามารถแบ่ งได้คร่าวๆ เป็นสองด้านด้ว ยกันคือผลกระทบทาง
เศรษฐกิจและสังคม และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมครอบคลุมตัง้ แต่เรือ่ งใกล้ตวั
เช่น หนูหรือแมลงสาบทําลายข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเรือน ผัก
ตบชวาทีข่ นึ้ เต็มคูคลองกีดขวางการสัญจรทางนํา้ รวมถึงก่อปัญหา
ให้กับระบบระบายนํ้า ไปจนถึงหอยเชอรี่ที่โปรดปรานการกิน
ต้นกล้าข้าว รวมถึงสารพัดวัชพืชต่างถิ่นที่กระทบต่อผลผลิตทาง
การเกษตร
การควบคุมและกําจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานเหล่านี้มีค่า
ใช้จา่ ยมหาศาล อีกทัง้ ยังสร้างผลกระทบต่อเนือ่ งไปยังสิง่ แวดล้อม
จากการใช้สารเคมีอกี ด้วย โดยการศึกษาชิน้ หนึง่ พบว่ากลุม่ ประเทศ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง
3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่น โดยสัดส่วน
97
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
ราว 9 ใน 10 คือความสูญเสียในภาคการเกษตร
ในแง่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัญหาที่เห็นได้อย่างชัดเจน
คือชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ ทีร่ กุ รานจะเข้ามาแย่งปัจจัยในการดํารงชีพของ
สัตว์ท้องถิ่นในระบบนิเวศเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ถิ่นที่อยู่ หรือ
พืชบางชนิดที่สามารถปล่อยสารเคมีทําให้ต้นไม้อื่นไม่สามารถ
งอกงาม เราสามารถพบการรุกรานช่วงชิงพืน้ ทีข่ องชนิดพันธุต์ า่ งถิน่
ได้ทว่ั ไป เช่น ทุง่ หญ้าคาในพืน้ ทีธ่ รรมชาติหลายแห่งทีอ่ ดั แน่นจน
ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้พืชท้องถิ่นเติบโต
บางครั้งชนิดพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานก็ผันตัวเป็นผู้ล่า เช่นปลา
ล่าเหยื่อที่นิยมปล่อยเพื่อทําบุญอย่างปลาดุกบิ๊กอุย เราสามารถ
คํานวณได้คร่าวๆ ว่าการปล่อยปลาดุก 1 ตัน จะทําให้เราสูญเสีย
สัตว์นํ้าท้องถิ่นไปประมาณ 1.8 ล้านชีวิตต่อปี
สิ่งมีชีวิตอีกกลุ่มที่หลายคนมักมองข้ามในฐานะชนิดพันธุ์
รุกรานต่างถิน่ คือสัตว์เลีย้ ง เช่น แมวและสุนขั สัตว์ทง้ั สองชนิดนี้
ถือเป็นสัตว์ผลู้ า่ ทีม่ กั จะจับสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น สัตว์เลือ้ ย
คลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก และนกที่อาศัยอยู่ในเมือง
แมวเป็นสัตว์ผู้ล่าที่มีศักยภาพสูงอย่างยิ่ง การเลี้ยงแมวแบบ
ปล่อยหรือการทีม่ แี มวจรจัดจํานวนมากก่อให้เกิดปัญหาทัว่ โลกโดย
เฉพาะในระบบนิเวศปิดแบบหมูเ่ กาะ มีการศึกษาในประเทศออส
เตรเลียพบว่าแต่ละปีแมวบ้านคร่าชีวติ สัตว์จาํ นวนมากถึง 180 ตัว
ส่วนแมวจรสามารถล่าสัตว์ได้ถงึ ปีละ 790 ตัว สําหรับประเทศไทย
เราเป็นหนึง่ ในประเทศทีม่ รี ายงานการเลีย้ งแมวมากเป็นอันดับต้นๆ
ของโลก และยังสามารถพบเห็นแมวจรจัดแทบทุกพืน้ ทีใ่ นเขตชุมชน
แน่นอนว่าแมวเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศ
98
��������������������
99
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
นอกจากสัตว์แล้ว พืชชนิดพันธุ์รุกรานต่างถิ่นก็สร้างปัญหา
ไม่แพ้กัน เพราะการปลูกพืชผิดที่ผิดทางจะสร้างผลกระทบต่อ
ระบบนิเวศมหาศาล โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ธรรมชาติ
ยกตัวอย่างเช่น การปลูกต้นโกงกางบนหาดเลนซึง่ เป็นระบบนิเวศ
ทางธรรมชาติทสี่ าํ คัญประเภทหนึง่ หรือการปลูกต้นไม้ทไี่ ม่ใช่ชนิด
พันธุท์ อ้ งถิน่ แต่คนส่วนใหญ่รจู้ กั มักคุน้ ในฐานะว่าเป็นไม้เมืองไทย
เช่นไม้ยอดนิยมอย่างต้นพะยูงที่สามารถพบตามธรรมชาติเฉพาะ
แถบอีสานใต้เท่านั้น การนําต้นพะยูงมาปลูกทางภาคเหนือจึงถือ
เป็นการนําพาชนิดพันธุ์ต่างถิ่นสู่ระบบนิเวศผืนป่าเช่นกัน
ํทาไมการปล
่ อยส
ั ตว
์ ึจงไม
่ เท
่ าก
ั บท
ํ าบ
ุ ญ
100
��������������������
จึงเป็นการสนับสนุนการกระทําที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น
สัตว์ทว่ี างจําหน่ายหลายชนิดยังเป็นชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ เช่น ปลา
ซักเกอร์ทม่ี ชี อ่ื ในวงการทําทานว่าปลาราหู หรือปลาดุกบิก๊ อุยซึง่ เป็น
ลูกผสมของปลาดุกอุยและปลาดุกยักษ์จากแอฟริกา การปล่อย
สัตว์กลุ่มนี้เข้าสู่ระบบนิเวศจึงถือว่าเป็นการทําร้ายสัตว์ป่าท้องถิ่น
และสิง่ แวดล้อมอย่างรุนแรง นับว่าเป็นการทําบาปมากกว่าทําบุญ
แม้แต่การปล่อยสัตว์ท้องถิ่นสู่ถิ่นอาศัยที่เหมาะสมก็ยังอาจ
สร้างปัญหาเรือ่ งพันธุกรรมในระยะยาว เช่นถ้าเราปล่อยปลาสวาย
ซึง่ เป็นปลาทีเ่ พาะพันธุใ์ นฟาร์มปลาอุตสาหกรรม ปลาทีป่ ล่อยคืน
สูธ่ รรมชาติทงั้ หมดจะมาจากพ่อแม่เดียวกันทุกตัว ทําให้เสีย่ งทีจ่ ะ
เกิดการผสมพันธุ์เลือดชิด และอาจทําให้ประชากรทั้งหมดเผชิญ
ปัญหาด้านพันธุกรรมในอนาคต
ผู้เขียนมักจะได้รับคําถามอยู่เสมอว่าถ้าต้องการทําทานโดย
การปล่อยนกปล่อยสัตว์ควรทําอย่างไร
ทางออกที่จะไม่สร้างปัญหาต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมคือ
การนํ า สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ เ ราต้ อ งการช่ ว ยเหลื อ ไปเลี้ ย งดู ใ นระบบปิ ด
เพราะไม่มีใครตอบได้ว่าการปล่อยสัตว์เหล่านั้นคืนสู่ธรรมชาติจะ
สร้างปัญหาอะไรตามมาบ้าง ดังนั้นเราจึงไม่ควรสร้างภาระหรือ
เพิ่มความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ
ผู้เขียนเชื่อในคําสอนที่ว่าการปล่อยนกให้อยู่บนฟ้าปล่อยปลา
ให้อยูใ่ นนํา้ ถือเป็นบุญกุศลอยูแ่ ล้ว เราจึงสามารถมีสว่ นช่วยทําบุญ
ได้ดว้ ยการดูแลรักษาระบบนิเวศ เช่น การเก็บขยะในคูคลอง การ
กําจัดชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ ในพืน้ ทีธ่ รรมชาติ รวมถึงสนับสนุนทางอ้อม
โดยการบริจาคเงินแก่โครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
101
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
Key Takeaways
☛ เมื่อมนุษย์นําพาสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ก้าวข้ามเขตการ
กระจายพันธุ์ตามธรรมชาติมายังพื้นที่แห่งใหม่ เราจะเรียกสิ่งมี
ชีวิตนั้นว่า ‘ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น’ หากสิ่งมีชีวิตที่ว่าสามารถปรับตัว
เข้ากับระบบนิเวศใหม่และขยายพันธุไ์ ด้เองตามธรรมชาติ เข้าแย่ง
แหล่งอาหารและถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเดิม พร้อมทั้งทําลาย
สมดุลในระบบนิเวศจนเกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างกะทันหัน เราจะ
เรียกสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ว่า ‘ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน’
☛ การนําสัตว์จากพืน้ ทีห่ นึง่ ไปปล่อยยังอีกพืน้ ทีห่ นึง่ ถึงแม้วา่
จะยังอยู่ในเขตแดนของประเทศเดียวกันก็ถือเป็นการปล่อยชนิด
พันธุต์ า่ งถิน่ เช่น หากนําปลาบึกไปปล่อยในแหล่งนํา้ แห่งอืน่ นอก
เหนือจากลุม่ นํา้ โขง ปลาบึกก็จะถูกจัดว่าเป็นชนิดพันธุต์ า่ งถิน่ เช่นกัน
☛ การปล่อยสัตว์หลายครั้งไม่ตอบโจทย์เรื่องการทําบุญ
อย่างที่หลายคนตั้งใจ เพราะสัตว์ที่ถูกนํามาขายให้เราปล่อยคืนสู่
สิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่มักเป็นสัตว์ที่ถูกจับมาจากธรรมชาติ สัตว์
เหล่านั้นถูกพรากจากถิ่นอาศัยที่คุ้นเคยแล้วมาปล่อยสู่พื้นที่ซึ่ง
ไม่เหมาะสม และหลายครั้งไม่สามารถปรับตัวเอาชีวิตรอดได้
102
��������������������
☛ สําหรับการพิจารณาความเหมาะสมในการปล่อยสัตว์
นอกจากเราต้องมั่นใจว่าสัตว์ชนิดนั้นไม่ใช่ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในเชิง
สัตวภูมศิ าสตร์แล้ว ยังต้องศึกษาว่าระบบนิเวศทีเ่ ราจะปล่อยสัตว์
เข้าไปนัน้ ยังหลงเหลือขีดความสามารถในการรองรับประชากรสัตว์
เพิ่มเติมหรือไม่ ก่อนตัดสินใจดําเนินโครงการ
103
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
เอกสารอ
้ างอ
ิ ง
ระบบนิเวศป่าบกและป่าชายเลน
ป่าไม้ไทย
กองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ. (n.d.). ระบบนิเวศป่าไม้. Retrieved
from กองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ: www.chm-thai.onep.go.th/
?page_id=348
ส่วนความหลากหลายทางชีวภาพ สํานักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ปา่ และพันธุพ์ ชื . พืชต่างถิน่ รุกรานในพืน้ ทีป่ า่
อนุรักษ์. 2562. ห้างหุ้นส่วนจํากัด เอ็น.พี.จี.เอ็นเตอร์ไพรส์.
ป่าบรรพกาลและไฟป่า
ธรรมศร, ส. (2563, ตุลาคม). ฟิสกิ ส์ของพืน้ ผิวโลก ตอนที่ 1 วิทยาศาสตร์ของ
ผืนป่า. Retrieved from สมาคมฟิสิกส์ไทย: www.thaiphysoc.org/article/305
ธรรมศร, ส. (2563, ตุลาคม). ฟิสกิ ส์ของพืน้ ผิวโลก ตอนที่ 2 ไฟป่า ท้องฟ้า
สีเลือด และการสูญเสียหน้าดิน. Retrieved from สมาคมฟิสกิ ส์ไทย: www.
thaiphysoc.org/article/306
impact-life
DEROUIN, S. (2017, December). More frequent fires reduce soil carbon and
104
��������������������
Service: www.news.stanford.edu/press-releases/2017/12/11/decades-increaseet
es-soil-carbon
การฟื้นฟูป่า
Elmarsdóttir, Ásrún & Fjellberg, Arne & Halldórsson, Guðmundur & Ingimars-
dóttir, María & Nielsen, Olafur & Nygaard, Per & Oddsdottir, Edda &
be-better-option-than-replanting
การกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของป่า
Lewis SL, Wheeler CE, Mitchard ETA, Koch A. Restoring natural forests is the
มลภาวะทางอากาศจากต้นไม้บางชนิด
Ishibashi, A., Sakai, K. Dispersal of allergenic pollen from Cryptomeria japonica
105
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
org/10.1038/s41598-019-47870-6
การปลูกต้นสนทะเลที่ทําให้พืชประจําถิ่นหายไป
ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง กรมทรัพ
ยากรทางทะเลและชายฝัง่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม.
พรรณไม้ในลุ่มทะเลสาบสงขลา. 2552. ไอ ดีไซน์.
Prior, R. (2019, April). Try not to sneeze. These photos show a ‘pollenpoca-
ป่าชายเลน
ธรรมศร, ส. (2020, พฤศจิกายน). ฟิสิกส์ของพื้นผิวโลก ตอนที่ 3 ป่าชาย
เลนกับตะกอนผู้สร้างแผ่นดิน. Retrieved from สมาคมฟิสิกส์ไทย: www.
thaiphysoc.org/article/307
ส่วนส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน สํานักอนุรักษ์ทรัพยากรป่า
ชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ . คูม่ อื ความรูเ้ รือ่ งป่าชายเลน.
2556. บริษัท พลอยมีเดีย จํากัด.
สํานักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. พันธุ์ไม้ป่าชายเลนใน
ประเทศไทย (ฉบั บ ปรั บ ปรุ ง ใหม่ ). 2553. โรงพิ ม พ์ ชุ ม นุ ม สหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.
Bell JD, Johnson JE and Hobday AJ (eds) (2011). Vulnerability of tropical
106
��������������������
Zimmer, K. (2021, July). Many mangrove restorations fail. Is there a better way?
การกักเก็บคาร์บอนของหาดเลนและป่าชายเลน
Christian J. Sanders, J. M. (2010). Organic carbon burial in a mangrove forest,
margin and intertidal mud flat. Estuarine, Coastal and Shelf Science.
Environment.
ผลกระทบจากแนวรั้วไม้ไผ่ต่อพืชป่าชายเลน
Aor Pranchai, M. J. (2019). Well-intentioned, but poorly implemented: Debris
Pollution Bulletin.
ระบบนิเวศนํ้าจืด
ผลกระทบของฝายที่มีต่อระบบนิเวศ
ชิตชล ผลารักษ์ และคณะ. ผลของฝายชะลอนํ้าต่อความหลากหลายของ
สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลังขนาดใหญ่สาหร่ายและพืชพรรณริมฝัง่ นํา้ . 2550.
ธรรมศร, ส. (2563, 11). สมาคมฟิสิกส์ไทย. Retrieved from ฟิสิกส์ของ
พืน้ ผิวโลก ตอนที่ 4 วิกฤตการณ์ของแม่นาํ้ และการกัดเซาะชายฝัง่ : www.
thaiphysoc.org/article/308
107
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
การจัดการนํ้าบาดาลและผลกระทบของการเติมนํ้าบาดาลเทียม
กิจการ พรหมมา. อุทกธรณีวทิ ยา. 2555. สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหา
วิทยาลัย.
คณะทํางานขับเคลือ่ นโครงการธนาคารนํา้ ใต้ดนิ คณะอนุกรรมการขับเคลือ่ น
แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรนํา้ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากร
นํ้าแห่งชาติ. คู่มือการเติมนํ้าใต้ดิน. 2564.
สมาธิ ธรรมศร. ระบบทําความเย็นใต้พิภพสําหรับเพิ่มประสิทธิภาพของ
เซลล์สุริยะ. 2563. การประชุมวิชาการระดับชาติ “มศววิจัย” ครั้งที่ 13.
สถาบันยุทธศาสตร์ทางปัญญาและวิจัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
Mohan, V. (2018, 7). Across India, high level of toxins in groundwater. Re-
govt-body-finds-high-levels-of-groundwater-contamination-across-india/article-
show/65204273.cms
โครงการปล่อยสัตว์
Housden, T. (2023, March). Can Australia curb its killer cats? From BBC News:
www.bbc.com/news/world-australia-64806771
Nghiem LTP, Soliman T, Yeo DCJ, Tan HTW, Evans TA, Mumford JD, et al.
journal.pone.0071255
108
��������������������
บร
ิ ษ
ั ทป
่ าสาละ ํจาก
ั ด
109
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
น
ั กเข
ี ยน
สมาธ
ิ ธรรมศร
สมาธิสาํ เร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากภาควิชาฟิสกิ ส์ คณะวิทยา
ศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ
ปริญญาโทจากภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหา
วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาธิได้รับรางวัลเกียรติบัตรเหรียญเงินจากการ
ประกวดโครงงานวิจัยระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ธัญบุรี พ.ศ. 2559 เรื่องสภาพการนําความร้อนของเทอร์โมอิเล็กทริกโมดูล,
รางวัลชมเชยจากการประกวดนวัตกรรมระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2563 เรือ่ งระบบทําความเย็นใต้พภิ พ และผ่านการคัดเลือก
รอบ 10 ทีมสุดท้าย โครงการ Pre-NSTDA Startup Season 2 ของสํานักงาน
พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เรือ่ งการออกแบบกังหัน
ลมแนวตั้งชนิดหมุนสวนทิศทาง รวมถึงทําหน้าที่เป็นผู้ร่วมให้คําปรึกษาใน
การทําวิจัยแก่นิสิตจากคณะวิทยาศาสตร์ เรื่องการท่องเที่ยวเชิงธรณี และ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ เรื่องการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
สมาธิเคยทํางานในตําแหน่งนักวิชาการเพือ่ เผยแพร่ทศี่ นู ย์ดาราศาสตร์
ท้องฟ้าจําลอง จังหวัดสระบุร,ี นิตยสาร Fusion Magazine ของสถาบันเทคโน
โลยีนวิ เคลียร์แห่งชาติ และนิตยสาร Synchrotron Magazine ของสถาบันวิจยั
แสงซินโครตรอน ปัจจุบันเขาเป็นนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ด้านฟิสิกส์ โลก
ศาสตร์ และดาราศาสตร์ ที่มีบทความเผยแพร่ทางเว็บไซต์สมาคมฟิสิกส์
ไทย และ waymagazine และร่วมจัดทําบทความ บทสัมภาษณ์ และหนังสือ
ด้านวิทยาศาสตร์ร่วมกับนักวิชาการท่านอื่นๆ ผ่านสื่ออีกหลายช่องทาง
110
��������������������
ดร.นณณ
์ ผาณ
ิ ตวงศ
์
นณณ์เกิดใน พ.ศ. 2519 และโตในกรุงเทพมหานคร ตอนเด็กๆ มักจะ
ติดตามคุณพ่อเข้าป่าตกปลาอยูเ่ สมอจนเกิดความรักในธรรมชาติโดยเฉพาะ
ปลานํา้ จืด นณณ์จบปริญญาตรีและโททางด้านบริหารธุรกิจ และปริญญาเอก
ด้านวิทยาศาสตร์สงิ่ แวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมือ่ พ.ศ. 2544
เขาร่วมกับเพือ่ นก่อตัง้ กลุม่ อนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ siamensis.org
นณณ์ยงั เป็นคนไทยคนแรกทีไ่ ด้รบั รางวัล ASEAN Biodiversity Heroes พ.ศ. 2560
ปัจจุบันนอกจากทําธุรกิจครอบครัวแล้ว เขาดํารงตําแหน่งกรรมการ
สมาคมอนุรกั ษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย, กรรมการมูลนิธโิ ลกสีเขียว,
คณะอนุกรรมการการจัดการพื้นที่ชุ่มนํ้า และคณะอนุกรรมการวิชาการ
ความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านชนิดและระบบนิเวศ ผลงานหนังสือทีเ่ ขา
ภาคภูมใิ จคือ ปลานํา้ จืดไทย (A Photographic Guide to Freshwater Fishes of
Thailand)
ดร.เพชร มโนปว
ิ ตร
เพชรเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ที่มีประสบการณ์ท ํางานกว่า
25 ปี ใ นด้ า นการอนุ รั ก ษ์ ค วามหลากหลายทางชี ว ภาพ การจั ด การพื้ น ที่
คุ้มครองและวิทยาศาสตร์ด้านความยั่งยืน ปัจจุบันเขาเป็นที่ปรึกษาองค์กร
ด้านสิง่ แวดล้อมนานาชาติหลายแห่ง และดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารของ
องค์กรอนุรักษ์ อาทิ มูลนิธิโลกสีเขียว, สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ
แห่งประเทศไทย, มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และมูลนิธิ Earth Agenda
เพชรเป็นนักเขียนอิสระ นักสือ่ สารประเด็นสาธารณะว่าด้วยการปกป้อง
ธรรมชาติ และได้รับเลือกให้เป็น National Geographic Explorer พ.ศ. 2561
เขามีผลงานตีพิมพ์ในสื่อต่างๆ กว่า 200 บทความว่าด้วยชีววิทยาด้านการ
อนุรกั ษ์ และประเด็นการอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อมและระบบนิเวศ เมือ่ พ.ศ. 2560
เขาเป็นผูร้ ว่ มก่อตัง้ ReReef บริษทั ด้านความยัง่ ยืนทีผ่ ลักดันการเปลีย่ นแปลง
ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยพลังผู้บริโภค
111
คู่มือซีเอสอาร์ด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับนักนิเวศ
บรรณาธ
ิ การ
รพ
ี พ
ั ฒน
์ ิองคส
ิ ทธ
์ิ
รพี พั ฒ น์ เ ป็ น นั ก เขี ย น นั ก แปล และนั ก วิ ช าการอิ ส ระด้ า นการเงิ น
จบปริ ญ ญาตรี ด้ า นการบั ญ ชี แ ละการเงิ น และปริ ญ ญาโททางก ารเงิ น
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเคยได้รับรางวัลงานวิจัยดีเด่นในงานประชุม
วิชาการ 2017 Asia-Pacific Conference on Economics & Finance ที่จัดขึ้น
ณ ประเทศสิงคโปร์ เขาผ่านประสบการณ์การทํางานจากหลากหลายสาขา
ทั้งด้านการอนุรักษ์ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, นักวิจัยด้านธุรกิจที่ยั่งยืนใน
บริษัทสตาร์ทอัพ และผู้จัดการด้านการควบคุมภายในฝ่ายสินเชื่อประจํา
ธนาคารข้ามชาติ
ปัจจุบัน นอกเหนือจากดูแลบัญชีและการเงินของธุรกิจครอบครัวแล้ว
รพีพัฒน์ยังเขียนบทความเผยแพร่บนสื่อออนไลน์และออฟไลน์ งานวิจัย
งานแปล และเป็นอาจารย์พเิ ศษภาควิชาการเงิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
112