Professional Documents
Culture Documents
Machine Structure5
Machine Structure5
Partb
Final
บทที่ 4 เซอร์เคลิไดอะแกรมและกำรเริ่มเดินมอเตอร์เหนี่ยวนำ
↳ 3 No period
บทที่ 5 มอเตอร์เหนี่ยวนำเฟสเดียว & WorEw
S dworzis1
↳ 2 so
Now t
บทที่ 3
มอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส
Part 1
หลักการทางาน (principle operation)
เครื่องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา
Asynchronous machine หรือ Induction machine
ความเร็วรอบการหมุนโรเตอร์ ≠ ความเร็วรอบของสนามแม่เหล็กหมุน
ความเร็วรอบการหมุนโรเตอร์ > ความเร็วรอบของสนามแม่เหล็กหมุน
- Ns
⑭ Rotor
ไฟฟ้ ำ 3 เฟส
Induced
ขดลวด 87
แรงผลักและแรงดูด
L=
Torque ระหว่ำงสนำมแม่เหล็ก
⑥
and
Rotated Magnetic field B
Speed
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา โรเตอร์ (Rotor)
2. โรเตอร์ พนั ขดลวดหรื อสลิปริงโรเตอร์
(Wound Rotor หรื อ slip-ring rotor)
https://www.youtube.com/watch?v=LtJoJBUSe28
- เริ่ มหมุนได้ง่าย
- สามารถเพิม่ แรงบิดได้จากการจ่ายกระแสไฟเข้าขดลวดกระตุน้
- ยกตัวอย่าง “รอก”
เหล็กชั้น -
ลดกระแสหมุนวน ~
วงแหวนลื่น
(slip-ring rotor)
จ่ายกระแสไฟสร้างสนามแม่เหล็ก
ต่ อขดลวด 3 เฟส แบบ star ขณะที่โรตเตอร์หมุน
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา ขั้นตอนการทางานโรเตอร์ สลิปริง ⑧
จ่ำยกระแสกระตุ้น I ในขดลวด
⑤
⑳ เกิดกระแส I ในขดลวด
② Stator ③
Rotated Magnetic field A
slip ring
↳
⑭ Rotor
ไฟฟ้ ำ 3 เฟส
Induced
ขดลวด
⑦
⑩ Torque =
แรงผลักและแรงดูด
⑥ ⑨
ระหว่ำงสนำมแม่เหล็ก
and
time Be
- Rotated Magnetic field B UP
↳peed
สลิป (slip, S) นิยาม ความเร็วของสนามแม่เหล็กที่สเตเตอร์เทียบกับความเร็ วโรเตอร์ขณะใช้งาน
*
(Ns − N ) N = ควำมเร็วโรเตอร์ขณะใช้งำน
S =[ ]
Ns Ns = ควำมเร็วของสนำมแม่เหล็กหมุนทีส่ เตเตอร์
(Ns − N )
S% = [ ] 100% N s − N = ควำมเร็วสลิป (Slip Speed)
Ns
fr = ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีโ่ รเตอร์
Ns f r = f ' = Sf f = ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีส่ เตเตอร์
N
↳ PN
f =
120
Ex มอเตอร์ เหนี่ยวนา 3 เฟส ตัวหนึ่งมี 4 ขั้ว ต่อเข้ ากับแหล่งจ่ ายทีม่ ีความถี่ 50 Hz จงคานวณหา
ก. ควำมเร็วของสนำมแม่เหล็กหมุนทีส่ เตเตอร์
1f 18(58),
(NNs
f = :
=
1500
rpm
P *I
S I
Ns -N
E N N,(1
=
-
S)
No
=1500(1-0.04):1440 rpm
ค. ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีโ่ รเตอร์ เมือ่ สลิป 0.03
Fr Sfs
=
fr 3fs=
1(50)
= 50
= Hz
แรงบิด ขณะเริ่มหมุน หรื อ พร้ อมจะหมุน (Starting torque, 2)AA
3 COSO:
E, 80V
=
X 4l
ข. สลิปริงต่อเข้ากับความต้านทานขนาด 3 Ω/เฟส
=
20s8zz I =0.243
4.12
Ezp
6
Sol ↳y
E
2.
Ese*
- so -
Esp E1 1
so
I
=
46.2 V
Magnetic
=
=
M
O
-
so E
-
21
=
v (R2+(Xe)
-...
↳
stator
- rotot - 1 (4)2 +
4.12
E -
j4 I
2 +
EzI,Zs
=
=1
80V
46.2
E?
one Phase ⑪ Ic =
-
I 11.2A
4.12
Ex มอเตอร์ เหนี่ยวนา 3 เฟส โรเตอร์ ต่อแบบสตาร์ และมีแอรงดันไฟฟ้ าเหนี่ยวนา 80 V ระหว่ างสลิปริงในตาแหน่ งพร้ อม
ทีจ่ ะหมุนเมื่อวงจรเปิ ด โรเตอร์ มคี วามต้ านทานและรีแอกแตนซ์ ต่อเฟส 1 Ω และ 4 Ω ตามลาดับ จงคานวณหา
กระแสไฟฟ้ าในโรเตอร์ ต่อเฟสและเพาเวอร์ แฟกเตอร์
Esp 46.2
ก. สลิปริงลัดวงจร
=
ข. สลิปริงต่อเข้ากับความต้านทานขนาด 3 Ω/เฟส =
2, (R, + Xa)
I
↳y
i
E
L1
=(Rc+R,wS+(Xel
-
So-Bso
M ⑪ FN
E
↓a
E,I , 22
-
-
I
↑
seewannee
↳
O tot Is Es 46.2
stator I 0.16A
=
II
+ 4 b
Zu 5.66
I
-
80V
=8.707
one Phase ⑪
- cosP,:
Ry 27
R,tRin
22
2
5.66
แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนาในโรเตอร์ และรีแอกแตนซ์ ภายใต้ “สภาวะที่กาลังหมุน”
r = ตาแหน่งกาลังหมุนของโรเตอร์
สภาวะกาลังหมุน: Er = SE2 2 = ตาแหน่งพร้อมจะหมุนของโรเตอร์
E = แรงดันไฟฟ้าเหนี่ ยวนาต่อเฟส
กระแส I r = Er / Z r S = สลิป
I = กระแสไฟฟ้าต่อเฟส
อิมพรีแดนซ์ Z r = ( R2 ) + ( SX 2 )
2 2
Aris Z = อิมพีแดนซ์ต่อเฟส
R = ความต้านทานต่อเฟส
Xr X = รี แอกแตนซ์ต่อเฟส
ความถี่ f r = Sf 2 f = ความถี่ของกระแสไฟฟ้า
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ
แรงบิดภายใต้สภาวะทีมอเตอร์ก่าลังหมุนและพร้อมจะหมุน
2 Normal Torque
SR2 ( E2 )
กาลังหมุน T = K1 [ e
I
I
] 60
( R2 ) + ( SX 2 )
2 2 T = Pout
F =X
2 N s
2
R2 ( E2 )
พร้ อมทีจ่ ะหมุน T = K1 [ ]
( R2 ) + ( X 2 )
2 2
180
S=1 ค่าคงที่ K1 =
2 N s
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ แรงบิดสูงสุดภายใต้สภาวะทีมอเตอร์ก่าลังหมุน
2
( E2 )
Tmax = K1 [ ] จะเกิดขึน้ ก็ตอ่ เมื่อ R2 = SX 2
2X2
แรงบิดทีโรเตอร์และแรงบิดสุดก่าลัง
Normal slip -
Pull out slip
Break down Torque
Pull-out slip F F
Normal slip F F
Sb S
T = Tb [ + ]
S Sb F
E
E F
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ **
R2 = X 2
ความสัมพันธ์ระหว่างแรงบิดและสลิป ค่ำควำมต้ำนทำนเท่ำกับค่ำรีแอกแตนซ์
& -
- S =1
Tmax
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ การเปรียบเทียบ
แรงบิดเมือโรเตอร์มีโหลดเต็มทีและแรงบิดสูงสุด
สลิปที่ขณะโหลดเต็ม
Tf 2aS f
=
Tmax [a 2 + ( S f ) 2 ] R2
a=
X2
แรงบิดเมือเริมหมุนและแรงบิดสูงสุด
TS 2a
=
Tmax [1 + a 2 ]
Ex มอเตอร์เหนี่ยวนา 3 เฟส 400/200 V ตัวหนึ่งต่อแบบสตาร์-สตาร์ เป็ นแบบโรเตอร์พนั ขดลวด โดยโรเตอร์มีความ
ต้านทาน 0.06 Ω และในตาแหน่งพร้อมที่จะหมุนมีค่ารี แอกแตนซ์ต่อเฟส 0.3 Ω จงคานวณหา ความต้านทานจากภายนอกที่
จะต้องนามาต่อเข้ากับวงจรของโรเตอร์ แล้วทาให้แรงบิดขณะเริ่ มหมุนเท่ากับแรงสู งสุ ด
SIESINE V:400/200
v
R20.06
=
Rw=?
stator rotor
X 2 0.3
=
Istarting Tmax =
- 2u 1 0 1 20.06
= +
R,wh
a + =
(a 1)(a 1) 0
I
=
0.3
-
-
I a
a 1
=
Riw 0.3-0.06
Fux
I
=
(1 a
+
a Re
=
=0.14
1 = Iz
as
11
1Rz R,wwl
+
a
= +
1 a =2a
X2
+
Ex มอเตอร์เหนี่ยวนา 3 เฟสชนิด 8 ขั้ว 50 Hz มีสลิปขณะมีโหลดเต็มที่ 4% ความต้านทานของโรเตอร์ต่อเฟส 0.001 Ω
และในตาแหน่งพร้อมที่จะหมุนมีรีแอกแตนซ์ต่อเฟส 0.005 Ω
ก. อัตราส่ วนของแรงบิดสู งสุ ดกับแรงบิดเมื่อมีโหลดเต็มที่
ข. ความเร็ วเมื่อเกิดแรงบิดสู งสุ ด
Sol* pole, f, 50H2, 5 44,0.04 R, 0.001
=
INS P8
=
3 =
=
0.005
X, =
d. Tr 2aSf R2 0.00 1
ja
f
(N
=
120
Ns
I I 0.2
=
~ Fax
Xe
=
=
(a+SF]
=
0.005
8
750tpm
Rc 5 Xe A
=
W.
22(0.2) (0.04)
=
S (Ns -NC
=
(0.214 10.041" 3
= Ns
If: T N Ns(1 5/
=
Tmax
-
2) 2.6
=
0.005
N =
600rpm Ns >NA
Thank you
References
Stephen Umans (2557). Fitzgerald & Kingsley's Electric Machinery, United States: Electrical Engineering, City
of Cambridge, Massachusetts
Stephen J. Chapman (2557). Electric Machinery Fundamentals, Australia: manager of systems modeling and
operational analysis for BAE SYSTEMS, Melbourne