Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 24

หัวข้อ

บทที่ 1 เครื่องกำเนิดไฟฟ้ ำกระแสสลับ


Midterm period
บทที่ 2 ซิงโครนัสมอเตอร์ Part

บทที่ 3 มอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส 3 wi bewelwr↳ Parts


-

Partb
Final
บทที่ 4 เซอร์เคลิไดอะแกรมและกำรเริ่มเดินมอเตอร์เหนี่ยวนำ
↳ 3 No period
บทที่ 5 มอเตอร์เหนี่ยวนำเฟสเดียว & WorEw
S dworzis1
↳ 2 so
Now t
บทที่ 3
มอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส

Part 1
หลักการทางาน (principle operation)

เครื่องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา
Asynchronous machine หรือ Induction machine

ความเร็วรอบการหมุนโรเตอร์ ≠ ความเร็วรอบของสนามแม่เหล็กหมุน
ความเร็วรอบการหมุนโรเตอร์ > ความเร็วรอบของสนามแม่เหล็กหมุน

- Ns

f = ควำมถีท่ ำงไฟฟ้ ำ (Hz)


PN 1
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเร็วรอบและควำมถี่ f = ; f = P = จำนวนขัว้ แม่เหล็ก (pole)
N = ควำมเร็วรอบกำรหมุนโรเตอร์ (rpm)
120 T T = เวลาต่ อหนึ่งคาบ (s)
ข้ อดีและข้ อเสี ยของเครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา six it w
* A into

ข้ อดี (advantages) ข้ อเสี ย (Disadvantages)


1. สร้างง่าย ทนทาน 1. ความเร็วรอบของมอเตอร์ไม่สามารถควบคุมได้
2. ราคาไม่แพง 2. ความเร็วรอบขึ้นอยู่กับ load
3. ความฝืดต่า (Pfiction) น้อย เนืองจากไม่มีแปรงถ่าน 3. แรงบิดทีได้ค่อนข้างต่า A
4. ไม่จ่าเป็นต้องดูแลมาก
5. Start ง่าย 60
6. ประสิทธิภาพสูงและมีเพาเวอร์แฟกเตอร์ดี T = P
2 N
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา
แบ่งออกตามโรเตอร์ ได้ 2 แบบ ดังนี้

1. แบบกรงกระรอก (Squirrel-cage Type)

2. โรเตอร์ พนั ขดลวดหรื อสลิปริงโรเตอร์ (Wound rotor หรื อ Slip-ring rotor)

ปล. ในส่ วนของสเตเตอร์จะมีโครงสร้างและการออกแบบเหมือนกับของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ


ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา โรเตอร์ (Rotor)
1. แบบกรงกระรอก (Squirrel-cage Type)
- สร้างง่าย ทนทาน
https://www.youtube.com/watch?v=AQqyGNOP_3o
- ใช้เยอะที่สุด !!
- ยกตัวอย่าง “ปั๊มน้ า”
- Alloy
- Copper bar
ส่ วนประกอบ a livirion

เหล็กชั้น กรงเหล็กแบบบิด (Skewed rotor)


(Lamination steel) ช่วยให้แรงเคลื่อนไฟฟ้าเป็ น Sinusoidal
ลดกระแสหมุนวน mention
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา ขั้นตอนการทางานแบบกรงกระรอก

เกิดกระแส I ทีก่ รงเหล็ก
↳ In biNE Al ⑳ ③
Stator Rotated Magnetic field A

⑭ Rotor
ไฟฟ้ ำ 3 เฟส
Induced

ขดลวด 87
แรงผลักและแรงดูด
L=
Torque ระหว่ำงสนำมแม่เหล็ก

and
Rotated Magnetic field B
Speed
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา โรเตอร์ (Rotor)
2. โรเตอร์ พนั ขดลวดหรื อสลิปริงโรเตอร์
(Wound Rotor หรื อ slip-ring rotor)
https://www.youtube.com/watch?v=LtJoJBUSe28
- เริ่ มหมุนได้ง่าย
- สามารถเพิม่ แรงบิดได้จากการจ่ายกระแสไฟเข้าขดลวดกระตุน้
- ยกตัวอย่าง “รอก”
เหล็กชั้น -

(Lamination steel) &03 N0

ลดกระแสหมุนวน ~
วงแหวนลื่น
(slip-ring rotor)
จ่ายกระแสไฟสร้างสนามแม่เหล็ก
ต่ อขดลวด 3 เฟส แบบ star ขณะที่โรตเตอร์หมุน
ชนิดของครื่ องจักรกลไฟฟ้ าเหนี่ยวนา ขั้นตอนการทางานโรเตอร์ สลิปริง ⑧
จ่ำยกระแสกระตุ้น I ในขดลวด

⑳ เกิดกระแส I ในขดลวด
② Stator ③
Rotated Magnetic field A
slip ring

⑭ Rotor
ไฟฟ้ ำ 3 เฟส
Induced

ขดลวด

⑩ Torque =
แรงผลักและแรงดูด
⑥ ⑨
ระหว่ำงสนำมแม่เหล็ก
and
time Be
- Rotated Magnetic field B UP
↳peed
สลิป (slip, S) นิยาม ความเร็วของสนามแม่เหล็กที่สเตเตอร์เทียบกับความเร็ วโรเตอร์ขณะใช้งาน
*
(Ns − N ) N = ควำมเร็วโรเตอร์ขณะใช้งำน
S =[ ]
Ns Ns = ควำมเร็วของสนำมแม่เหล็กหมุนทีส่ เตเตอร์

(Ns − N )
S% = [ ] 100% N s − N = ควำมเร็วสลิป (Slip Speed)
Ns
fr = ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีโ่ รเตอร์
Ns f r = f ' = Sf f = ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีส่ เตเตอร์
N
↳ PN
f =
120
Ex มอเตอร์ เหนี่ยวนา 3 เฟส ตัวหนึ่งมี 4 ขั้ว ต่อเข้ ากับแหล่งจ่ ายทีม่ ีความถี่ 50 Hz จงคานวณหา
ก. ควำมเร็วของสนำมแม่เหล็กหมุนทีส่ เตเตอร์
1f 18(58),
(NNs
f = :
=

1500
rpm
P *I

ข. ควำมเร็วรอบของโรเตอร์ เมือ่ มีสลิป 0.04


-

S I
Ns -N
E N N,(1
=
-
S)
No
=1500(1-0.04):1440 rpm
ค. ควำมถีข่ องกระแสไฟฟ้ ำทีโ่ รเตอร์ เมือ่ สลิป 0.03

Fr Sfs
=

2 (0.03) (50) 1.5 =


H2

ง. ควำมถีข่ องกระแสทีโ่ รเตอร์ทต่ี ำแหน่งพร้อมทีจ่ ะหมุน (standstill) S:1


mmm

fr 3fs=

1(50)
= 50
= Hz
แรงบิด ขณะเริ่มหมุน หรื อ พร้ อมจะหมุน (Starting torque, 2)AA

1. แบบกรงกระรอก ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเริ่ มหมุนถึง 5-7 เท่าของกระแสไฟฟ้าที่ต่อโหลด


จึงต้องใช้กนั โหลดที่ไม่หนักมาก
2. แบบสลิปริ ง ติดตั้งความต้านทานแบบ rheostat สามารถปรับความเร็ วที่เริ่ มต้นได้
~
WOt 0: Und

R2
แรงบิดเริ่ มต้นหมุนสู งสุ ด !! เมื่อ R2 = X 2 หรื อ S = =1
X2
Ex มอเตอร์ เหนี่ยวนา 3 เฟส โรเตอร์ ต่อแบบสตาร์ และมีแอรงดันไฟฟ้ าเหนี่ยวนา 80 V ระหว่ างสลิปริงในตาแหน่ งพร้ อม
ทีจ่ ะหมุนเมื่อวงจรเปิ ด โรเตอร์ มคี วามต้ านทานและรีแอกแตนซ์ ต่อเฟส 1 Ω และ 4 Ω ตามลาดับ จงคานวณหา
กระแสไฟฟ้ าในโรเตอร์ ต่อเฟสและเพาเวอร์ แฟกเตอร์
ก. สลิปริงลัดวงจร
3 IW R 1 l=

3 COSO:
E, 80V
=

X 4l
ข. สลิปริงต่อเข้ากับความต้านทานขนาด 3 Ω/เฟส
=

20s8zz I =0.243
4.12

Ezp
6
Sol ↳y

E
2.
Ese*
- so -
Esp E1 1
so
I
=
46.2 V
Magnetic
=
=

M
O

-
so E
-

21
=

v (R2+(Xe)
-...

stator
- rotot - 1 (4)2 +
4.12
E -
j4 I
2 +

EzI,Zs
=

=1
80V
46.2

E?
one Phase ⑪ Ic =
-
I 11.2A
4.12
Ex มอเตอร์ เหนี่ยวนา 3 เฟส โรเตอร์ ต่อแบบสตาร์ และมีแอรงดันไฟฟ้ าเหนี่ยวนา 80 V ระหว่ างสลิปริงในตาแหน่ งพร้ อม
ทีจ่ ะหมุนเมื่อวงจรเปิ ด โรเตอร์ มคี วามต้ านทานและรีแอกแตนซ์ ต่อเฟส 1 Ω และ 4 Ω ตามลาดับ จงคานวณหา
กระแสไฟฟ้ าในโรเตอร์ ต่อเฟสและเพาเวอร์ แฟกเตอร์
Esp 46.2
ก. สลิปริงลัดวงจร
=

ข. สลิปริงต่อเข้ากับความต้านทานขนาด 3 Ω/เฟส =
2, (R, + Xa)
I
↳y
i

E
L1
=(Rc+R,wS+(Xel
-

So-Bso
M ⑪ FN
E
↓a

S Magnetic =(2 3)2 (412 =


5.66 e
so E +
+
O
W. M & -

E,I , 22
-
-

I

seewannee

O tot Is Es 46.2
stator I 0.16A
=

II
+ 4 b
Zu 5.66
I
-
80V
=8.707
one Phase ⑪
- cosP,:
Ry 27
R,tRin
22
2

5.66
แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนาในโรเตอร์ และรีแอกแตนซ์ ภายใต้ “สภาวะที่กาลังหมุน”
r = ตาแหน่งกาลังหมุนของโรเตอร์
สภาวะกาลังหมุน: Er = SE2 2 = ตาแหน่งพร้อมจะหมุนของโรเตอร์

E = แรงดันไฟฟ้าเหนี่ ยวนาต่อเฟส
กระแส I r = Er / Z r S = สลิป
I = กระแสไฟฟ้าต่อเฟส
อิมพรีแดนซ์ Z r = ( R2 ) + ( SX 2 )
2 2
Aris Z = อิมพีแดนซ์ต่อเฟส
R = ความต้านทานต่อเฟส
Xr X = รี แอกแตนซ์ต่อเฟส
ความถี่ f r = Sf 2 f = ความถี่ของกระแสไฟฟ้า
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ
แรงบิดภายใต้สภาวะทีมอเตอร์ก่าลังหมุนและพร้อมจะหมุน

2 Normal Torque
SR2 ( E2 )
กาลังหมุน T = K1  [ e
I
I
] 60
( R2 ) + ( SX 2 )
2 2 T = Pout 
F =X
2 N s

2
R2 ( E2 )
พร้ อมทีจ่ ะหมุน T = K1  [ ]
( R2 ) + ( X 2 )
2 2
180
S=1 ค่าคงที่ K1 =
2 N s
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ แรงบิดสูงสุดภายใต้สภาวะทีมอเตอร์ก่าลังหมุน
2
( E2 )
Tmax = K1  [ ] จะเกิดขึน้ ก็ตอ่ เมื่อ R2 = SX 2
2X2
แรงบิดทีโรเตอร์และแรงบิดสุดก่าลัง
Normal slip -
Pull out slip
Break down Torque
Pull-out slip F F

Normal slip F F

Sb S
T = Tb  [ + ]
S Sb F
E
E F
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ **
R2 = X 2
ความสัมพันธ์ระหว่างแรงบิดและสลิป ค่ำควำมต้ำนทำนเท่ำกับค่ำรีแอกแตนซ์

& -
- S =1

Tmax
แรงบิดภายใต้ สภาวะต่ างๆ การเปรียบเทียบ
แรงบิดเมือโรเตอร์มีโหลดเต็มทีและแรงบิดสูงสุด
สลิปที่ขณะโหลดเต็ม
Tf 2aS f
=
Tmax [a 2 + ( S f ) 2 ] R2
a=
X2
แรงบิดเมือเริมหมุนและแรงบิดสูงสุด
TS 2a
=
Tmax [1 + a 2 ]
Ex มอเตอร์เหนี่ยวนา 3 เฟส 400/200 V ตัวหนึ่งต่อแบบสตาร์-สตาร์ เป็ นแบบโรเตอร์พนั ขดลวด โดยโรเตอร์มีความ
ต้านทาน 0.06 Ω และในตาแหน่งพร้อมที่จะหมุนมีค่ารี แอกแตนซ์ต่อเฟส 0.3 Ω จงคานวณหา ความต้านทานจากภายนอกที่
จะต้องนามาต่อเข้ากับวงจรของโรเตอร์ แล้วทาให้แรงบิดขณะเริ่ มหมุนเท่ากับแรงสู งสุ ด
SIESINE V:400/200
v
R20.06
=
Rw=?
stator rotor
X 2 0.3
=

Istarting Tmax =

- 2u 1 0 1 20.06
= +
R,wh
a + =

(a 1)(a 1) 0

I
=

0.3
-
-

I a
a 1
=

Riw 0.3-0.06
Fux
I
=

(1 a
+

a Re
=

=0.14

1 = Iz
as
11
1Rz R,wwl
+

a
= +

1 a =2a
X2
+
Ex มอเตอร์เหนี่ยวนา 3 เฟสชนิด 8 ขั้ว 50 Hz มีสลิปขณะมีโหลดเต็มที่ 4% ความต้านทานของโรเตอร์ต่อเฟส 0.001 Ω
และในตาแหน่งพร้อมที่จะหมุนมีรีแอกแตนซ์ต่อเฟส 0.005 Ω
ก. อัตราส่ วนของแรงบิดสู งสุ ดกับแรงบิดเมื่อมีโหลดเต็มที่
ข. ความเร็ วเมื่อเกิดแรงบิดสู งสุ ด
Sol* pole, f, 50H2, 5 44,0.04 R, 0.001
=

INS P8
=

3 =
=

0.005
X, =

d. Tr 2aSf R2 0.00 1
ja
f
(N
=
120
Ns
I I 0.2
=

~ Fax
Xe
=
=

(a+SF]
=
0.005
8

750tpm
Rc 5 Xe A
=
W.
22(0.2) (0.04)
=

S (Ns -NC
=

(0.214 10.041" 3
= Ns

If: T N Ns(1 5/
=

Tmax
-

2) 2.6
=

Trax S 20.00l =0.2 750C 1 -0.2)


=
-

0.005
N =
600rpm Ns >NA
Thank you
References

สถิรพร พรนิมิตร (2558). หลักกำรเครื่องจักรกลไฟฟ้ ำ, ขอนแก่น: สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะ


วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ไชยชาญ หินเกิด (2539). เครื่องกลไฟฟ้ ำ 2 (Electrical Machine 2), กรุงเทพมหานตรฯ: นายกสมาคมส่งเสริม


เทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปนุ่ ) The Japan-Thailand Economic Cooperation Society.

Stephen Umans (2557). Fitzgerald & Kingsley's Electric Machinery, United States: Electrical Engineering, City
of Cambridge, Massachusetts
Stephen J. Chapman (2557). Electric Machinery Fundamentals, Australia: manager of systems modeling and
operational analysis for BAE SYSTEMS, Melbourne

You might also like