Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 487

บทที่ 501 การทดสอบศิษย์ ของนิกายกุสุมาลย์ พ้ นพิสัย 2

“น-นัน่ ต้องมีความผิดพลาดแน่ นี่เป็ นการทดสอบพรสวรรค์ ใช่ไหม


ข้าได้กา้ วเข้าถึงเขตสัมมาวิญญาณเมื่อตอนอายุได้ 20 ปี เห็นได้ชดั ว่า
ข้ามิใช่ผฝู ้ ึ กวิชายุทธระดับปานกลางทัว่ ไป” เว่ยลี่หวงปฏิเสธที่จะ
ยอมรับผลลัพธ์
“ข้าต้องขอโทษ แต่นนั่ ไม่มีขอ้ ผิดพลาด แม้วา่ พลังการฝึ กปรื อของ
เจ้าอาจจะเหนือกว่าระดับปานกลาง แต่พวกเราก็ไม่ได้ตดั สิ น
พรสวรรค์ของแต่ละคนจากพลังการฝึ กปรื อ” ซูลี่ชิงกล่าวกับเขา
เมื่อผูเ้ ข้าชมได้เห็นว่าเว่ยลี่หวงตกการทดสอบรอบที่ 3 พวกเขาต่าง
พากันงุนงง
“เว่ยลี่หวงล้มเหลวในการทดสอบพรสวรรค์ง้ นั รึ เห็นได้ชดั ว่าเขา
เป็ นอัจฉริ ยะในการฝึ กวิชายุทธ”
“ไม่มีใครนอกจากนิกายสุ มาลย์พน้ พิสยั ที่รู้วา่ การทดสอบเหล่านี้จริ ง
แล้วเป็ นอย่างไร ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีทางรู ้ได้เลย”
“บ-บ้าไปแล้ว” เว่ยลี่หวงฟูมฟายอยูบ่ นเวที แต่ทว่าแม้เขาจะรู ้สึก
โกรธเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะทําอะไรบุ่มบ่ามเมื่อมีจอมยุทธ
หลายคนรวมไปถึงตระกูลซี คอยเฝ้าดูทุกสิ่ งอยูท่ ี่นนั่
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กระทืบเท้าออกไปจากเวทีหายไปจากพื้นที่
ทดสอบในทันที
“เพียงแต่วา่ นํ้าในอ่างนั้นเป็ นนํ้าประเภทไหนกัน เห็นได้ชดั ว่าไม่ได้
เป็ นนํ้าธรรมดา” ไป่ ลี่ฮวั ถามออกมาเสี ยงดัง
อย่างไรก็ตามจอมยุทธคนอื่น ๆ ที่ตรงนั้นต่างก็พากันส่ ายหน้าใน
เมื่อพวกเขาก็ไม่รู้วา่ มันเป็ นอะไรเช่นเดียวกัน
2-3 นาทีให้หลัง ก็มีคนอื่นสามารถก้าวเข้าไปสู่ เวทีทดสอบลําดับที่
สามได้สาํ เร็ จ และเขาก็มีอายุเพียง 17 ปี ชายหนุ่มที่มีพลังการฝึ กปรื อ
เพียงแค่ระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณ
“เขาอายุได้ 17 ปี แล้ว แต่ยงั คงอยูแ่ ค่เพียงระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณ
ถ้าแม้กระทัง่ อัจฉริ ยะอย่างเช่นเว่ยลี่หวงไม่สามารถผ่านการทดสอบ
ได้ ก็ไม่มีทางเป็ นไปได้ที่ชายหนุ่มคนนี้จะสามารถผ่านไปได้เช่นกัน”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันตัดสิ นในใจไปแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ยอ่ มไม่ผา่ น
การทดสอบอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามสองสามอึดใจให้หลัง หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้น
ผสมเลือดของเขาภายในอ่างบรรจุน้ าํ ผูช้ มที่นนั่ ต่างก็พากันตกใจที่
เห็นนํ้าเปลี่ยนเป็ นสี แดงจาง ๆ ภายในไม่กี่วนิ าทีก่อนที่จะกลับคืนสู่
สภาพใสสะอาด
“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ผา่ นการทดสอบแล้ว” ซูลี่ชิงกล่าวกับเขา
“อะไรกัน ทําไมเขาจึงผ่านการทดสอบด้วยพลังการฝึ กปรื อเพียงแค่
นั้นในอายุเท่านั้น นัน่ ต้องมีอะไรผิดพลาดที่นี่เป็ นแน่”
ไม่เพียงแต่ผชู ้ มแต่กระทัง่ ตัวชายหนุ่มเองก็รู้สึกงงงันผลลัพธ์ ในเมื่อ
เขาก็เกือบไม่ได้คาดหวังที่จะผ่าน “ข-ข้าผ่านรึ …” เขาพึมพํากับ
ตัวเอง
ซูลี่ชิงพยักหน้าพร้อมกับยิม้ และกล่าวว่า “ใช่ เจ้าสามารถมุ่งหน้าไป
ยังเวทีที่ 4 สําหรับการทดสอบครั้งสุ ดท้าย”
ชายหนุ่มพยักหน้าและมุ่งตรงไปยังเวทีที่ 4 ที่ซ่ ึ งซูหยางได้ยนื หลับตา
อยูอ่ ย่างสบาย ๆ ที่นนั่
ครั้นเมื่อชายหนุ่มขึ้นไปยืนบนเวที ซูหยางก็ลืมตาขึ้นและกล่าวว่า
“หลินนา เข้ามาประลองกับชายหนุ่มคนนี้”
“เอ๋ ข้ารึ ”
หลินนาชี้ไปที่ตวั เธอเองด้วยใบหน้างงงัน
“ข-ข้ามาแล้ว”
เธอกระโดดขึ้นไปบนเวทีไม่นานหลังจากนั้น
“จํากัดตัวเจ้าเองที่เขตปฐมวิญญาณ แล้วก็ต่อสู ก้ บั เขาอย่างจริ งจัง” ซู
หยางกล่าว
หลินนาพยักหน้าจากนั้นทั้งสองก็เริ่ มต่อสู ก้ นั บนเวทีไม่นานหลัง
จากนั้น
การต่อสู น้ ้ นั อยูไ่ ด้ไม่ถึงนาที และก็เป็ นไปตามที่ทุกคนคาดคิด หลิน
นาชนะการต่อสู น้ ้ นั โดยไม่ตอ้ งใช้ความพยายามใด ๆ
“ท่านคิดว่าเป็ นอย่างไร” หลินนาถามซูหยาง หลังจากการต่อสู จ้ บลง
ซูหยางจ้องมองไปที่ชายหนุ่มชัว่ ขณะก่อนที่จะพยักหน้า “เจ้าผ่าน
แล้ว”
เมื่อชายหนุ่มได้ยนิ คําพูดเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยนํ้าตา
และเขาก็โค้งคํานับไปยังซูหยาง “ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย ศิษย์คนนี้
จะไม่ทาํ ให้นิกายผิดหวัง”
“รับสิ่ งนี้และกลับบ้านไปเตรี ยมตัว กลับมาที่นี่อีกใน 7 วันข้างหน้า
เมื่อตอนที่การทดสอบศิษย์เสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว” ซูหยาง โยนตรา
ให้กบั เขา ซึ่งระบุวา่ เขาเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ขอรับท่านผูน้ าํ นิกาย” ชายหนุ่มโค้งคํานับเขาอีกครั้งก่อนที่จะลง
จากเวทีไปอย่างรวดเร็ ว
อย่างไรก็ตามในขณะที่ชายหนุ่มพยายามออกจากพื้นที่น้ นั เขาก็ถูก
ผูช้ มรุ มล้อม
“ขอแสดงความยินดีหนุ่มน้อย เจ้าชื่ออะไรหรื อ”
“พี่ชายหนุ่มหล่อทําไมเราไม่มาฉลองความสําเร็ จของเจ้าที่ร้านอาหาร
กันก่อนล่ะ”
“ข้าเป็ นผูน้ าํ ของตระกูลหวงจากเมืองหมอกควัน ถ้าเจ้าต้องการความ
ช่วยเหลืออะไรในอนาคต เจ้าสามารถไปหาข้าได้เพื่อขอความ
ช่วยเหลือ”
ชายหนุ่มงงงันที่เห็นผูค้ นพากันประจบประแจงเขาก่อนที่เขาจะทัน
ได้สวมชุดเครื่ องแบบของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั นี่เป็ นความรู ้สึกที่
เขาไม่เคยได้ประสบมาก่อน
“ข-ขอโทษ… ข้าต้องกลับไปที่ครอบครัวของข้าก่อน…” ชายหนุ่ม
พูดก่อนที่จะวิง่ หนีไป
ในเวลานั้นเมื่อผูเ้ ข้าร่ วมการทดสอบคนอื่นเห็นว่าในที่สุดก็มีคนที่
สามารถผ่านการทดสอบที่ดูเหมือนกับว่าเป็ นไปไม่ได้ ความ
กระตือรื อร้นของพวกเขาก็เพิ่มสู งขึ้นและความหวังของพวกเขาก็
กลับคืนมาเพราะเห็นได้ชดั เจนว่าเป็ นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถ
ผ่านการทดสอบไปได้จริ ง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ สําหรับผูท้ ี่มาเข้าร่ วมการทดสอบที่มาจากครอบครัว
ทัว่ ไปหรื อว่าเริ่ มต้นเส้นทางการฝึ กฝี มือช้า ถ้าหากว่าผูท้ ี่มีอายุ 17 ปี
ในระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณสามารถผ่านการทดสอบ เช่นนั้นก็
หมายความว่าพวกเขาก็ตอ้ งมีโอกาสเช่นกัน
หลายชัว่ โมงหลังจากนั้น หลังจากทดสอบผูเ้ ข้าร่ วมการทดสอบ
มากกว่า 5000 คน มีเพียง 38 คนที่สามารถผ่านการทดสอบและ
กลายเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“จํานวนคนที่ผา่ นการทดสอบมีนอ้ ยกว่า 1%… แม้กระทัง่ สํานัก
กระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์หนึ่งในสํานักที่เข้มงวดที่สุดก็ยงั ไม่มีอตั ราประสบ
ความสําเร็ จตํ่าเช่นนี้”
“แม้วา่ พวกเขาจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคและมีอจั ฉริ ยะที่เย้ย
สวรรค์มากมาย แต่พวกเขาเข้มงวดและเรี ยกร้องมากเกินไปหรื อไม่
ไม่วา่ นิกายจะดีเพียงใดก็ตามถ้าพวกเขามิมีศิษย์เลยนัน่ ย่อมไม่ดี
สําหรับพวกเขาแน่”
คนบางคนที่นนั่ ต่างรู ้สึกว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั โลภและจูจ้ ้ ีมาก
เกินไปในเรื่ องศิษย์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่ออยูใ่ นสถานการณ์ปัจจุบนั
ที่มีความต้องการศิษย์ใหม่เป็ นอย่างมาก หากเป็ นเช่นนี้ต่อไปพวก
เขาย่อมไม่สามารถที่จะรับศิษย์ได้ถึงครึ่ งของขีดจํากัด 1,000 คน
อย่างแน่นอน
หญิงสาวคนหนึ่งสังเกตเห็นสายตาของซูหยางได้อย่างรวดเร็ ว เช่น
เดียวกันเธอก็จอ้ งมองเขามาตลอดช่วงเวลานี้ เมื่อเธอรู ้วา่ เขากําลัง
มองไปที่เธอและอาจจะจําเธอได้ เธอก็หน้าแดงและคํานับไปที่เขา
ก่อนที่จะสัมผัสกับเทวรู ป
“19 ปี ระดับ 1 เขตสัมมาวิญญาณ”
บทที่ 502 การทดสอบศิษย์ ของนิกายกุสุมาลย์ พ้ นพิสัย 3
“ท่านรู ้จกั เด็กหญิงคนนั้นรึ ซูหยาง” หลินนาสังเกตเห็นเขาจ้องไปยัง
ผูเ้ ข้าร่ วมการแข่งขันจึงได้ถามเขา
“ใช่ เรามีช่วงเวลาอยูร่ ่ วมกันในอดีต” เขาพยักหน้า
“ท่านคิดว่าเธอจะผ่านการทดสอบหรื อไม่”
“ใครจะรู ้” เขาตอบพร้อมกับรอยยิม้ เล็กน้อย
ในขณะเดียวกันหญิงสาวคนนี้กก็ าํ ลังนัง่ อยูใ่ นหมอกสี แดงต่อสู ก้ บั
อิทธิพลของเม็ดยาจิตมารภายในใจเธออย่างหมดท่า
30 วินาทีหลังจากนั้นเธอก็สามารถต่อต้านเม็ดยาจิตมาร และผ่าน
การทดสอบรอบที่ 2 ไปพร้อมกับคนอื่นอีก 3 คน
บนเวทีที่ 3 คน 3 คนนี้ได้เข้าไปก่อนและไม่น่าประหลาดใจที่เลือด
ของพวกเขาไม่ทาํ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในชามบรรจุน้ าํ จึงตก
รอบไป
เมื่อหญิงสาวคนนี้ผสมเลือดของเธอเข้ากับนํ้า นํ้าก็เปลี่ยนเป็ นสี แดง
จาง ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็ นสี แดงค่อนข้างเข้มตามเวลาที่
เปลี่ยนไป
“เจ้าผ่านแล้ว” ซูลี่ชิงกล่าวกับเธอด้วยรอยยิม้
หญิงสาวคํานับเธอก่อนที่จะเดินไปสู่ เวทีสุดท้าย
ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ยนื ห่างจากซูหยางและหลินนาไม่กี่เมตร
บนเวทีที่ 4
และในขณะที่หลินนาเตรี ยมตัวที่จะต่อสู ก้ บั เธอ ซูหยางก็สะกิดไหล่
ของหลินนาจากด้านหลังและพูดว่า “ให้ขา้ จัดการกับคนนี้”
หลินนาพยักหน้าและก้าวถอยหลังโดยไม่กล่าวอะไร
“เป็ นเวลาพักใหญ่แล้ว ซูหยาง” หญิงสาวกล่าวกับเขาด้วยรอยยิม้
“เจ้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชดั นับตั้งแต่ครั้งสุ ดท้ายที่ขา้ เห็นเจ้า อย่างไร
ก็ตามข้าไม่สามารถที่จะพูดเช่นนั้นได้กบั ตัวข้าเอง”
“เจ้ายิง่ มายิง่ สวยกว่าเดิม หลูลี่เฟิ น” เขากล่าวด้วยรอยยิม้ หล่อเหลา
“แต่เจ้าก็ยงั เจ้าเล่ห์เหมือนเช่นเดิม”
ใช่แล้ว หญิงสาวน่ารักคนนี้กค็ ือหลูลี่เฟิ น คนที่เขาได้พบที่หอ้ งสวีท
แห่งศลิษาเมื่อตอนที่เขายังเป็ นเพียงแค่ศิษย์ใน
ไม่เพียงแต่เขาได้รับแก่นหยินบริ สุทธิ์ แต่เขายังคงใช้เวลากับเธออีก
2 วันกับเธอด้วย
หลูลี่เฟิ นกล่าวต่อว่า “ข้ามิได้บอกเจ้าเรื่ องนี้มาก่อน แต่เป็ นความคิด
ของพ่อข้าในการส่งข้าไปยังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เพือ่ ที่จะหาคูค่ รอง
ข้าไม่รู้เรื่ องนี้ในตอนนั้น แต่ตามความเป็ นจริ งแล้วเป็ นรู ปแบบการ
ลงโทษข้าชนิดหนึ่งซึ่ งได้ปฏิเสธที่จะยอมรับสามีท้ งั ที่พอ่ แม่ขา้ ได้
กดดันอย่างหนัก”
“เขาต้องการทําให้ขา้ โกรธด้วยการทําให้ขา้ รู ้สึกอับอาย และข้าต้อง
บอกว่ามันใช้ได้ผลอย่างสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คาดคิด
จริ ง ๆ ที่จะให้ขา้ ปล่อยตัวไปอย่างนั้น”
“อีกนัยหนึ่งพ่อของข้าไม่ได้วางแผนที่จะให้ขา้ หาคู่ครองภายในนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั แต่อนิจจาข้าพบกับเจ้าและได้ให้ร่างกายของข้ากับ
เจ้า”
“ข้าไม่ได้กล่าวเรื่ องนี้กบั พ่อของข้าเมื่อตอนที่ขา้ กลับบ้านในเมื่อข้า
ไม่พบเจอสามี และเขาก็ยงั คงจัดการหาวิธีจบั คู่ให้กบั ข้า แต่ในที่สุด
เขาก็พบความจริ งเมื่อเขาถามผูอ้ าวุโสลู่ซ่ ึงอยูก่ บั ข้าที่หอ้ งสวีทแห่ง
ศลิษา”
“พ่อของข้าหน้าซีดเมื่อเขาพบเห็นว่าข้าไม่ใช่สาวบริ สุทธิ์อีกต่อไป
แต่กไ็ ม่มีอะไรที่เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงความจริ งนี้ได้ ดังนั้นเขา
จึงยอมรับผลลัพธ์และไม่รบกวนข้าให้หาสามีอีกต่อไป ในเมื่อหญิง
สาวที่ไม่ได้บริ สุทธิ์อีกต่อไปแล้วย่อมไม่เป็ นที่ตอ้ งการของตระกูล
ใหญ่ แน่นอนว่านี่ทาํ ให้ขา้ ได้มุ่งเน้นในด้านการฝึ กวิชาของข้าอย่าง
เต็มที่ และข้าก็ไม่รู้วา่ จะขอบคุณอย่างไรสําหรับเรื่ องนั้น ซูหยาง”
“อย่างไรก็ตามแม้วา่ นี่จะเป็ นความคิดของพ่อของข้าในการให้เข้า
ร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เช่นกัน แต่ขา้ ก็ยงั จะมาที่นี่ถึงแม้วา่ เขา
จะไม่พดู อะไรเลยก็ตาม”
หลูลี่เฟิ นพลันชี้นิ้วไปยังเขาแล้วกล่าวว่า “ซูหยาง ข้าจะมาเป็ นศิษย์
ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และจากนั้นก็ทาํ ให้เจ้ารับผิดชอบในการ
เอาพรหมจรรย์ของข้าไปโดยการทําให้เจ้ากลายเป็ นสามีของข้า”
ซูหยางเผยรอยยิม้ เยือกเย็นหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเธอแล้วกล่าว
ว่า “ข้าจะคอยดู”
หลูลี่เฟิ นพยักหน้าและต่อด้วยรอยยิม้ บนใบหน้าสวยของเธอ
“หลังจากเรื่ องนี้จบแล้วทําไมเราไม่ดื่มชาด้วยกัน เหมือนกับครั้ง
ก่อนหน้านั้น”
“ฟังดูเข้าท่า”
ทั้งสองคนเริ่ มต่อสู ก้ นั ในไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น
หลังจากนั้นหลูลี่เฟิ นก็ลม้ ลงบนพื้นด้วยใบหน้าหมดแรง
ซูหยางตรงเข้าไปหาเธอและยืน่ มือของเขาไปให้
“ขอแสดงความยินดี เจ้าประสบความสําเร็ จส่ วนแรกแล้ว ตอนนี้เจ้า
จะทําให้ขา้ กลายเป็ นสามีของเจ้าได้อย่างไร” เขาถามเธอขณะที่เขา
ดึงเธอลุกขึ้นมายืน
“แน่นอนว่าด้วยการทําให้เจ้าตกหลุมรักข้าอย่างบ้าคลัง่ ” หลูลี่เฟิ นก็
พลันหันหน้าของเธอไปยังซูหยาง และจูบลงไปที่ริมฝี ปากของเขา
แบบผ่าน ๆ
“จูบผูน้ าํ นิกาย นัน่ ค่อนข้างจะกล้าไปหน่อยสําหรับเจ้า” ซูหยางกล่าว
หลังจากนั้น
“ถ้าเจ้ามิตอ้ งการมัน เจ้าสามารถที่จะหลบไปได้อย่างง่าย ๆ” เธอ
กล่าวพร้อมรอยยิม้
“ข้าไม่ปฏิเสธในเรื่ องนั้น” เขาตอบพร้อมกับหัวเราะหึ ๆ
“ข้าจักมาพบกับเจ้าภายใน 7 วัน ซูหยาง” หลูลี่เฟิ นกล่าวก่อนที่จะ
จากสถานที่น้ นั ไปไม่กี่อึดใจให้หลัง
“ช่างเป็ นหญิงสาวที่กล้ามาก จูบซูหยางต่อหน้าผูค้ นมากมาย” ไป่ ลี่
ฮัวพึมพัมหลังจากที่เห็นฉากนั้น
“เธอมิใช่ลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลูรึนนั่ ข้าได้ทาํ ธุรกิจกับพวก
เขาก่อนหน้านั้น” หวังชูเหริ นกล่าว และเธอก็กล่าวต่อว่า “ข้ามิคิดว่า
พวกเขามีความสัมพันธ์กนั เช่นนั้น”
ในเวลานั้น คิ้วของซี ซิงฟางก็สนั่ ไหวเล็กน้อยเห็นได้ชดั ว่าสะท้าน
จากการจูบระหว่างหลูลี่เฟิ นกับซูหยาง
“ถ้าไม่ใช่เป็ นเพราะฐานันดรของข้า เช่นนั้นบางทีขา้ ก็คงจะสามารถ
ทําสิ่ งที่กล้าแบบนั้นได้เช่นกัน…” เธอถอนหายใจ
การทดสอบศิษย์ดาํ เนินต่อไป และเมื่อจบวันแรกก็มีผเู ้ ข้าร่ วมการ
ทดสอบกว่า 20,000 คน และมีผลู ้ ม้ เหลวในการทดสอบมากกว่า
90% ที่เวทีทดสอบแห่งที่ 2
ยิง่ ไปกว่านั้นในบรรดาผูค้ น 2 หมื่นคนนั้นมีนอ้ ยกว่า 1% ที่สามารถ
สอบผ่านกลายเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ศิษย์ 169 คนในวันแรกรึ ไปได้ดว้ ยดีกว่าที่คิดไว้มาก” ซูหยางพยัก
หน้าด้วยสี หน้าพึงพอใจ
“ท่านพอใจกับที่มีคนผ่านไม่กี่คนเนี่ยนะ” หลินนาพูดไม่ออก
“แม้วา่ คนเพียง 169 คนดูเหมือนจะไม่มากนัก แต่ถา้ เจ้าดูพวกเขาแต่
ละคนเป็ นเหมือนอัจฉริ ยะและมีศกั ยภาพที่จะเป็ นจอมยุทธเขต
อัมพรวิญญาณ เช่นนั้นมุมมองของเจ้าก็ควรจะเปลี่ยนไปบ้างไม่มาก
ก็นอ้ ย”
“จอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณ 169 คนรึ ” หลินนาเบิกตากว้างด้วย
ความตกใจ ถ้ามองในมุมนี้แน่นอนว่าจํานวนที่ไม่มีนยั สําคัญนั้นจะ
เปลี่ยนเป็ นจํานวนมหาศาลทันที
บทที่ 503 การทดสอบศิษย์ ของนิกายกุสุมาลย์ พ้ นพิสัย 4
ในวันที่สองของการทดสอบ โหลวหลานจีปรากฏตัวขึ้นเพื่อตรวจสอบ
ความคืบหน้าของพวกเขา
“เป็ นอย่างไรบ้าง ซูหยาง มีศิษย์มากเท่าไหร่ ที่พวกเราได้รับตอนนี้”
เธอถามเขาด้วยเสี ยงตื่นเต้น
“สองร้อยกับสิ บคน” เขาตอบอย่างใจเย็น
“เอ๋ …” โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยสี หน้าว่างเปล่าไปชัว่ ขณะ
“ศิษย์สองร้อยสิ บคน… เท่านั้นรึ ” โหลวหลานจีมองดูคนนับพันที่
รวมตัวกันที่นนั่ เธอไม่สามารถที่จะทําความเข้าใจได้วา่ ทําไมพวก
เขาจึงสามารถรับศิษย์เพียง 210 คนในเมื่อมีผเู ้ ข้าร่ วมการทดสอบนับ
หมื่นคนที่นนั่
“ถูกต้อง และพวกเราก็จกั รับศิษย์สูงสุ ดเพียง 1,000 คนในตอนนี้”
เขากล่าวเสริ มขึ้น
“แต่ทาํ ไมจึงน้อยนัก มิดีกว่าหรื อถ้าเรารับศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะ
เป็ นไปได้เพื่อเพิม่ จํานวนของพวกเรา” เธอถามด้วยใบหน้าสงสัย ใน
เมื่อยิง่ มีศิษย์มากเท่าไหร่ ชื่อเสี ยงของพวกเขาก็จะดีข้ ึนมากเท่านั้น
“ข้ารู ้วา่ เจ้ากําลังคิดอะไร แต่พวกเราไม่ตอ้ งการที่จะถมจํานวนนิกาย
ของพวกเราด้วยขยะเพียงเพื่อที่จะเพิ่มชื่อเสี ยงของสํานัก ในเมื่อนัน่
ย่อมเพียงเป็ นอันตรายต่อนิกายยามเมื่อเวลาผ่านไป สิ่ งที่พวกเรา
ต้องการในตอนนี้มิใช่ชื่อเสี ยงหรื อจํานวน แต่เป็ นรากฐานอันแข็งแกร่ ง
ที่จกั อยูไ่ ด้แม้จะผ่านไปนับพันปี และในการที่จะให้ได้สิ่งนี้ พวกเรา
มิอาจจะยอมให้ใครก็ได้เข้าร่ วมกับพวกเรา แต่ทว่าครั้นเมื่อรากฐาน
ของเราแข็งแกร่ งพอแล้ว พวกเราสามารถที่จะเริ่ มรับศิษย์ให้มากขึ้น
ได้ข้ ึนอยูก่ บั พรสวรรค์ของพวกเขา”
“ข-ข้าเข้าใจ…” โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยสี หน้าประหลาดใจ และ
เธอถามเขาว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีประสบการณ์ในเรื่ องเหล่านี้มาก
ราวกับว่าเจ้าได้เคยทําอะไรเช่นนี้มาก่อน หรื อว่าเจ้ามีสาํ นักเป็ นของ
ตนเองในชีวติ ก่อน นัน่ ย่อมอธิบายได้ถึงความเชี่ยวชาญของเจ้า”
“ข้ามิควรเรี ยกมันว่าสํานัก แต่กค็ วรเป็ นอะไรทํานองนั้น” เขากล่าว
ด้วยนํ้าเสี ยงลึกลับ
จากนั้นโหลวหลานจีกด็ ูการทดสอบเป็ นเวลาสองสามชัว่ โมง ในเมื่อ
เธอก็อยากรู ้เกี่ยวกับวิธีการทดสอบของเขา
“เม็ดยาสี แดงนัน่ คืออะไร” เธอถามเขาหลังจากที่เห็นผลลัพธ์อนั
ลึกลับ
เพราะว่าซูหยางไม่ได้เกริ่ นให้เธอฟังถึงการทดสอบ เธอจึงไม่รู้อะไร
เกี่ยวกับสิ่ งที่เกิดขึ้นแม้แต่นอ้ ย
“เม็ดยาจิตมาร มันจักเข้าไปค้นหาความกลัวที่แสนเลวร้ายหรื อความ
ชอกชํ้าที่เลวร้ายที่สุดของคนผูน้ ้ นั ที่เคยได้ประสบมาก่อนและสร้าง
มันขึ้นมาใหม่ภายในใจของจิตใจของพวกเขาและทําให้มนั น่าหวาด
กลัวยิง่ กว่าเดิมอีกหลายเท่า ราวกับความฝันที่เป็ นจริ ง ในการที่จะ
ผ่านการทดสอบนี้คนผูน้ ้ นั จะต้องมีวถิ ีจิตที่แข็งแกร่ งพอที่จะเอาชนะ
ความกลัวที่เลวร้ายที่สุดนี้ มิเช่นนั้นเม็ดยาจิตมารนี้กจ็ กั มีอิทธิพล
เหนือจิตใจและวิญญาณของพวกเขาและทําการครอบงํา”
“แล้วอะไรคือการทดสอบที่สาม ข้าได้ดูมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ขา้ กลับ
มิสามารถที่จะเข้าใจว่านี่คือการทดสอบอะไร” โหลวหลานจีถาม
“พูดให้ง่าย ๆ มันคือการทดสอบพรสวรรค์ในการฝึ กวิชา นํ้าในชาม
นั้นเป็ นที่รู้จกั กันในนามของ วารี กลืนสวรรค์ และมันมีความสามารถ
ในการดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์ใด ๆ ที่เข้ามาสัมผัสกับมัน ในที่ที่ขา้
จากมา มันใช้ในการทดสอบอัตราการดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์ของ
ผูค้ นจนเป็ นเรื่ องปกติ ถ้าหากว่าวารี กลืนสวรรค์ไม่สามารถที่จะดูด
ซับเลือดที่บรรจุไปด้วยปราณไร้ลกั ษณ์ที่ผสมผสานในนั้นได้เต็มที่
นัน่ ก็หมายความว่าคนผูน้ ้ นั มีเลือดที่มีความสามารถในการดูดซับ
ปราณไร้ลกั ษณ์สูงอย่างเป็ นธรรมชาติ ทําให้คนผูน้ ้ นั เป็ นผูฝ้ ึ กวิชา
ยุทธที่ยอดเยีย่ ม”
“แน่นอนว่านัน่ ก็ยงั มีหลายระดับของวารี กลืนสวรรค์ และที่ขา้ ใช้
ในตอนนี้กเ็ ป็ นระดับที่ต่าํ ที่สุด”
“ช่างเป็ นสสารที่ลึกลํ้า… เพียงแต่วา่ เจ้าหาสิ่ งแบบนี้จากที่ไหนกันรึ ”
โหลวหลานจีถามเขาหลังจากนั้น
ซูหยางหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้ามิสามารถที่จะหาสิ่ งของประเภทนี้
ได้ที่นี่ต่อให้คน้ หาจากทัว่ ทั้งโลก ดังนั้นข้าจึงสร้างมันขึ้นมาด้วย
ตนเอง”
“ข้าจักมิถามเจ้าต่อว่าเจ้าสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร…” โหลวหลานจี
ถอนหายใจ
“จริ ง ๆ แล้วมันค่อนข้างง่ายดาย เจ้าเพียงแค่ตอ้ งการนํ้าทัว่ ไปและ
องค์ประกอบอีกบางอย่าง ส่ วนที่สาํ คัญที่สุดก็คือเทคนิคที่ใช้ ถ้าเจ้า
ต้องการใช้วารี กลืนสวรรค์ในอนาคต ข้าก็จกั ให้สูตรไว้ในภายหลัง
ไม่วา่ อย่างไรมันก็มิได้เป็ นสิ่ งมีค่าอะไรมากนัก”
“จ-จริ งรึ เช่นนั้นข้าก็จกั มิเกรงใจแล้ว” เธอรี บรับความใจกว้างของ
เขาไว้
“แล้วอะไรคือความหมายเบื้องหลังการประลอง” เธอถามเขาหลัง
จากนั้น “เจ้าคาดหวังว่าจะมีใครสักคนสามารถเอาชนะศิษย์ของพวก
เราได้จริ งงั้นรึ ”
แต่ทว่าซูหยางกลับส่ ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้ามิได้คาดหวังอะไร เจตนา
เพียงอย่างเดียวสําหรับการประลองนี้กค็ ือให้ขา้ สามารถวิเคราะห์
ความสามารถของพวกเขาและให้วชิ าการฝึ กปรื อที่เหมาะสมกับ
พวกเขา ซึ่ งนัน่ จะเป็ นประโยชน์สูงสุ ดต่อความแข็งแกร่ งและแก้ไข
จุดอ่อนของพวกเขา”
“อะไรกัน อย่างนั้นเป็ นไปได้ดว้ ยรึ ในการเลือกวิชาที่เหมาะสมที่สุด
สําหรับศิษย์แต่ละคน… นัน่ ปกติแล้วต้องใช้เวลาหลายเดือนหรื อไม่
ก็หลายปี ในการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เจ้ากําลังบอกข้าว่าเจ้า
สามารถทําสิ่ งเช่นเดียวกันนั้นโดยการมองดูพวกเขาต่อสู เ้ พียงไม่กี่
นาที” โหลวหลานจีไม่เคยได้ยนิ หรื อเห็นใครสักคนทําอะไรมากมาย
สําหรับศิษย์ใหม่มาก่อน แน่นอนว่าซูหยางเป็ นคนแรกที่คิดอะไร
เช่นนั้นอย่างจริ งจัง
“แน่นอน เจ้าคิดว่าข้าเป็ นใครกัน ถ้าข้ามิสามารถกระทัง่ ทําอะไรที่
เป็ นพื้นฐานมาก ๆ เช่นนี้ ข้าก็มิมีค่ามากพอที่จะเรี ยกว่าเซี ยนแล้ว”
เขากล่าวด้วยรอยยิม้ ภาคภูมิใจ
ในวันที่สามของการทดสอบ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้รับศิษย์ใหม่
510 คน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ก็ยงิ่ มีคนน้อยลงที่สามารถผ่านการ
ทดสอบ
“หื ออออ คนที่เข้าร่ วมการทดสอบที่อยูต่ รงนั้น…” โหลวหลานจีพลัน
ชี้ไปยังผูเ้ ข้าร่ วมการทดสอบคนหนึ่งที่ตอนนี้อยูท่ ี่การทดสอบที่สอง
และกล่าวว่า “ข้าจําเขาได้ เขาเคยเป็ นศิษย์ในของนิกายมาก่อนที่จะ
เกิดเหตุการณ์น้ นั ”
“โอ จริ งรึ ” ซูหยางเลิกคิ้ว
“ข้ามัน่ ใจ แม้วา่ ข้าอาจจะจําศิษย์ทุกคนมิได้ แต่ขา้ ได้จดจําใบหน้า
ของศิษย์ในส่ วนใหญ่เกือบทั้งหมดได้”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไร” เขาถามเธอ สายตาของเขาเต็มไปด้วย
ความสนใจ
“แม้วา่ อาจจะดูขา้ ใจแคบไปบ้างในตอนนี้ ข้าได้สาบานต่อตนเองว่า
ข้าจักมิยอมให้คนที่ละทิ้งนิกายในวันนั้นได้กา้ วเท้าเข้าในนิกายอีก
ครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าเป็ นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการ
ทดสอบครั้งนี้ ดังนั้นข้าจักปล่อยให้เจ้าเป็ นคนตัดสิ นใจขั้นสุ ดท้าย”
เธอตอบพร้อมกับขมวดคิว้ ลึก
แม้กระทัง่ คนตาบอดที่ไม่สามารถมองเห็นสี หน้าไม่พึงพอใจของ
เธอในตอนนี้กย็ งั สามารถรับรู ้ได้อย่างง่ายดายถึงความเกลียดชังที่
เธอมีต่อคนที่ทอดทิ้งนิกายจากนํ้าเสี ยงของเธอเพียงอย่างเดียวได้
“ก็ได้ แต่มาดูกนั ว่าเขาสามารถผ่านการทดสอบที่สามได้หรื อไม่
ก่อนก็แล้วกัน” ซูหยางกล่าว
บทที่ 504 การทดสอบศิษย์ ของนิกายกุสุมาลย์ พ้ นพิสัย 5
“หื อ เจ้าคือ…”
เมื่อชายหนุ่มซึ่งเคยเป็ นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก้าวเข้าไป
บนเวทีที่สอง ซุนจิงจิงก็หรี่ ตาไปยังเขา ดูราวกับว่าเธอจําเขาได้
“เจ้ามิใช่ จินยูโบ หรอกรึ เจ้ามาทําบ้าอะไรที่นี่” ซุนจิงจิงกล่าวกับอีก
ฝ่ ายซึ่งตอนนี้เริ่ มตื่นตระหนก
“ศ-ศิษย์พี่หญิง ซุน… ข้าปลื้มใจที่ท่านสามารถจําคนที่มิมีความสําคัญ
อย่างข้าได้…” เขากล่าวกับเธอด้วยสี หน้ากระอักกระอ่วน
“อย่าเรี ยกข้าเป็ นศิษย์พี่หญิง ในเมื่อเรามิได้มีความเกี่ยวข้องเป็ นเพือ่ น
ศิษย์กนั อีกต่อไป และถ้ามีใครสักคนคอยรบกวนเจ้าทุกวันทุกคืน
ขอร้องให้เจ้าเป็ นคู่ร่วมฝึ ก แน่นอนว่าเจ้าจักต้องจําคนแบบนั้นได้”
ซุนจิงจิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เห็นชัดว่าเธอไม่พอใจกับการ
ปรากฏตัวของอีกฝ่ าย
“มิวา่ อย่างไรก็ตามเจ้ากล้าที่จะมาเข้าร่ วมการทดสอบนี้และพยายาม
ที่จะกลับมาเป็ นศิษย์อีกครั้งได้อย่างไรหลังจากที่เจ้าทอดทิ้งพวกเรา
ไปแล้วในวันนั้น เจ้ามีความละอายใจหรื อเปล่า ข้าจักทําให้เจ้า
ล้มเหลวที่นี่โดยมิเปิ ดโอกาสให้เจ้าแม้แต่นอ้ ย”
“ด-ได้โปรดอย่าทําเช่นนั้น ศิษย์พี่… ผูอ้ าวุโสซุน ข้ารู ้ถึงความผิดพลาด
ข้าแล้ว และข้าก็เสี ยใจอย่างลึกซึ้งที่จากนิกายไปในวันนั้น ดังนั้นข้า
จึงมาที่นี่เพื่อที่จะชดใช้ให้กบั นิกาย ถึงแม้วา่ จะใช้ขา้ เหมือนกับเป็ น
ทาสหลังจากนี้ ข้าก็มิกล้าบ่น” จินยูโบกล่าวกับเธอด้วยหน้าตาสิ้ นหวัง
อย่างไรก็ตามซุนจิงจิงไม่แม้จะชายตามองไปยังตัวตนของเขา เพียงแต่
พูดด้วยเสี ยงเย็นชาว่า “เจ้าคิดจริ ง ๆ รึ วา่ ข้ามิได้คิดว่าเจ้าเป็ นคนประเภท
ไหนกัน จินยูโบ ถ้าปู่ ของข้ามิใช่ผอู ้ าวุโสนิกายและเป็ นผูน้ าํ หน่วย
พิทกั ษ์กฏ ข้ามัน่ ใจว่าเจ้าจักต้องใช้กาํ ลังกับข้าเหมือนดังเช่นกับที่เจ้า
ทํากับศิษย์คนอื่น ๆ”
“และข้าก็มนั่ ใจเช่นกันว่าคําพูดของเจ้าเมื่อกี้น้ ีมิมีอะไรไปกว่าคําแก้ตวั
ลม ๆ แล้ง ๆ เหตุผลเดียวที่เจ้าตัดสิ นใจกลับมานิกายก็เพราะว่า
ชื่อเสี ยงใหม่ของพวกเรา”
“น-นี่… ข้า…” จินยูโบกัดฟัน ทุกคําพูดที่ออกมาจากปากของซุน
จิงจิงนั้นถูกต้องยิง่ กว่าถูกต้อง
เพราะว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ตอนนี้เป็ นหนึ่งในสํานักที่เป็ นที่นิยม
และมีชื่อเสี ยงโด่งดังที่สุดในทวีปตะวันออก ศิษย์แทบจะทุกคนที่ได้
ละทิ้งที่แห่งนี้ไปไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าเสี ยใจกับการตัดสิ นใจของตนเอง
ที่ละทิ้งนิกายไปมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ความจริ งแล้วจินยูโบไม่ใช่ศิษย์ทิ้งสํานักเพียงคนเดียวที่นี่ ยังมีคน
อื่น ๆ อีกมากในหมู่ผคู ้ น แต่ทว่าไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่กล้าที่จะ
เข้ามาทดสอบและได้เพียงแต่เฝ้ามองจากที่ไกล บางทีพวกเขาอาจจะ
กําลังรอใครสักคน ศิษย์ร่วมสํานักที่ทิ้งนิกายไปในวันนั้นปรากฏตัว
และเข้าร่ วมการทดสอบ เพือ่ ที่พวกเขาจะได้ตดั สิ นใจที่จะทําตาม
หรื อไม่
ถ้าจินยูโบผ่านการทดสอบและได้รับการยอมรับให้กลับไปเป็ นศิษย์
ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั อีกครั้ง เช่นนั้นพวกเขาก็จะถือโอกาสทํา
อย่างเดียวกันเช่นกัน
“ข้ามีหลายเหตุผลที่จะไล่เจ้าไปในตอนนี้ และข้ามัน่ ใจว่าท่านผูน้ าํ
นิกายจะต้องมิกล่าวโทษข้าในเรื่ องนี้ แต่ขา้ ก็จกั ยอมให้เจ้าเข้ารับการ
ทดสอบนี้ ไม่วา่ อย่างไรข้าก็มีความมัน่ ใจอย่างมากว่าคนที่ฟอนเฟะ
อย่างเช่นเจ้าจักมิสามารถที่จะต่อต้านเม็ดยาจิตมารนี้ได้” ซุนจิงจิง
พลันกล่าวกับอีกฝ่ าย
“ข-ขอบคุณ ผูอ้ าวุโสซุน” จินยูโบคํานับเธอก่อนที่จะหาที่นงั่ บนเวที
ในเวลานั้นผูเ้ ข้าร่ วมคนอื่นอีกยีส่ ิ บเก้าคนที่นนั่ ที่ได้ดูสถานการณ์ต่าง
ก็พากันหัวเราะเยาะเคราะห์ร้ายของจินยูโบอยูอ่ ย่างเงียบ ๆ
“ตอนนี้ขา้ จักเริ่ มการทดสอบ” ซุนจิงจิงกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะ
ทําลายเม็ดยาจิตมารทําให้หมอกสี แดงแพร่ กระจายออกไป
หมอกสี แดงปกคลุมไปทัว่ เวทีและปิ ดบังสายตาของทุกคนที่นนั่
สองสามวินาทีให้หลัง เวทีกเ็ ต็มไปด้วยเสี ยงกรี ดร้องโหยหวน ราว
กับว่ามีการฆ่าฟันกัน
ในเวลานั้น ซุนจิงจิงก็ได้มองไปยังจินยูโบที่เกลือกกลิ้งไปทัว่ พื้นใน
ขณะที่ดึงผมของตนเอง
“เพราะว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชดั เจน
นับตั้งแต่เจ้าทิ้งพวกเราไป ข้ามัน่ ใจว่าใจของเจ้าเต็มไปด้วยความ
เสี ยใจ ทําให้การทดสอบนี้ยากกว่าเดิมสําหรับเจ้า” ซุนจิงจิงส่ ายหน้า
ให้กบั เขา “สําหรับหัวใจเน่าเฟะของเจ้า… นัน่ คงเป็ นปาฏิหาริ ยถ์ า้
เจ้าสามารถผ่านการทดสอบนี้”
สิ บห้าวินาทีภายในการทดสอบ เลือดก็เริ่ มไหลออกมาจากจมูกของ
จินยูโบ
“โอ” ซุนจิงจิงเลิกคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ในเมื่อจินยูโบได้กลายเป็ นคน
แรกที่ได้รับผลเป็ นความเสี ยหายจริ ง ๆ จากเม็ดยาจิตมาร
ใช่แล้ว ในบรรดาคนหลายพันคนที่เข้ารับการทดสอบที่สอง ไม่มี
ใครเลยที่ตอ้ งหลัง่ เลือดเพราะเม็ดยา
อย่างไรก็ตามในเมื่อนี่เป็ นครั้งแรกของเธอที่เห็นเช่นนั้น เธอจึงไม่
มัน่ ใจว่าเธอควรจะปล่อยเขาไว้ตามลําพังหรื อว่าย้ายเขาออกไปจาก
เวทีก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อเขามากไปกว่านี้
“อาาาาาา”
ยีส่ ิ บวินาทีภายในการทดสอบ เลือดก็เริ่ มไหลออกจากตาและหูของ
จินยูโบเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ซุนจิงจิงหันกายไปเพื่อที่จะขอคําชี้แนะ เงาร่ างหนึ่งก็
ปรากฏตัวขึ้นข้างเธอและเตะจินยูโบออกไปจากเวที
เมื่อซุนจิงจิงเห็นว่านัน่ เป็ นซูหยางที่ปรากฏตัวขึ้น เธอก็จอ้ งมองเขา
ด้วยตากลมโต
สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อจินยูโบเยือกเย็นลงเล็กน้อย ซูหยางก็
พูดขึ้นว่า “แม้วา่ ข้าจะยอมรับเจ้าสําหรับการที่สามารถต่อต้านเม็ดยา
จิตมารได้ถึงระดับนี้ ถึงกับยอมเสี่ ยงชีวติ แต่เจ้าจักตายในอีกสาม
วินาทีให้หลังถ้าข้ามินาํ เจ้าออกไปจากเวที”
“น-น-นัน่ หมายความว่า… ว่าข้าได้… ล้มเหลว…ใช่ไหม” จินยูโบ
ถามเขา
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ต่อให้เจ้าสามารถทําการอยูบ่ นเวทีได้นานถึง
สามสิ บวินาที พวกเราก็ยอ่ มมิยอมรับคนตายเป็ นศิษย์อยูด่ ี”
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองดูฝงู ชนและกล่าวว่า “ข้ารู ้วา่ มีพวกเจ้าบางคน
ในหมู่ผคู ้ นที่เคยเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั มาก่อน และ
สงสัยว่าเจ้ามีโอกาสที่จะกลับมาหรื อไม่”
“ผูน้ าํ นิกายโหลวหลานจีมีความปรารถนาที่จะมิให้อภัยกับพวกเจ้าที่
ทอดทิ้งนิกาย แต่ขา้ จักให้โอกาสที่สองต่อพวกเจ้า แต่ทว่านี่มิได้
ง่ายดายนักเพราะว่าพวกเจ้าได้ทอดทิ้งนิกายไปครั้งหนึ่งมาก่อนแล้ว
ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการที่จะกลับมา เจ้าต้องต้านเม็ดยาจิตมารให้ได้ถึง
90 วินาที แทนที่จะเป็ น 30 วินาที”
บทที่ 505 การทดสอบศิษย์ ของนิกายกุสุมาลย์ พ้ นพิสัย 6
“90 วินาทีรึ นัน่ เป็ นไปไม่ได้”
เมื่อผูค้ นที่นนั่ ได้ยนิ เงื่อนไขใหม่ของซูหยางสําหรับคนที่เคยเป็ นศิษย์
ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั มาก่อนและต้องการที่จะคืนกลับมา พวก
เขาต่างพากันรู ้สึกสงสารสําหรับอดีตศิษย์เหล่านี้
ต้านทานเม็ดยาจิตมารเป็ นเวลา 30 วินาทีกถ็ ือว่ายากพอแล้ว แต่พวก
เขาในตอนนี้ตอ้ งทนให้ได้นานถึงสามเท่ากว่าผูเ้ ข้าร่ วมคนอื่น
ในสายตาสําหรับคนเหล่านี้ ซูหยางมีเจตนาที่จะทําให้มนั เป็ นไปไม่ได้
เพราะว่าเขาเองก็ไม่ตอ้ งการให้อดีตศิษย์เหล่านี้กลับคืนสู่ นิกาย ไม่วา่
อย่างไรก็ตามจินยูโบเกือบตายก่อนที่เขาจะสามารถอยูไ่ ด้ถึงสามสิ บ
วินาที
อย่างไรก็ตามแม้วา่ จะดูเหมือนว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อย เหล่าอดีต
ศิษย์ต่างพากันโล่งอกที่รู้วา่ พวกเขายังได้รับโอกาสที่สองที่จะกลับมา
เป็ นศิษย์นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“90 วินาทีรึ นัน่ ค่อนข้างโหดร้าย” ซุนจิงจิงหัวเราะเบา ๆ ข้างตัวเขา
“หื อ เจ้าเองก็คิดว่าข้ากําลังรังแกพวกเขาด้วยสิ่ งที่เป็ นไปไม่ได้อย่าง
นั้นรึ ” ซูหยางเลิกคิว้
“เอ๋ ท่านคิดจริ งรึ วา่ จะเป็ นไปได้ที่มีใครสักคนที่สามารถอยูไ่ ด้นาน
ถึงสามสิ บวินาที” เธอถามด้วยสี หน้าประหลาดใจ
“ถ้าพวกเขายอมรับความผิดพลาดของตนเองและต้องการกลับเข้า
มายังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จริ ง ๆ จากส่ วนลึกของใจพวกเขา ก็ยอ่ ม
มิมีเหตุผลที่ทาํ ไมพวกเขาจึงจะไม่สามารถทนได้ถึง 90 วินาที แม้วา่
จริ งที่มนั อาจจะมิใช่สิ่งที่ประสบความสําเร็ จได้ง่าย ๆ แม้กระทัง่ ผูท้ ี่
มีวถิ ีจิตอันแข็งแกร่ งก็ตาม แต่นนั่ ย่อมไม่ยตุ ิธรรมสําหรับผูท้ ี่เสี่ ยง
ชีวติ เพื่อที่จะอยูใ่ นนิกายถ้าพวกเรายอมให้พวกเขากลับคืนมาง่าย ๆ
ใช่ไหม”
ข่าวที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ให้โอกาสที่สองแก่อดีตศิษย์น้ นั แพร่
กระจายไปเข้าหูของผูท้ ี่ทอดทิ้งนิกายไปในวันนั้นอย่างรวดเร็ ว จน
ทําให้อดีตศิษย์หลายคนปรากฏตัวเพื่อทําการทดสอบในวันต่อ ๆ ไป
บ้าแล้ว กระทัง่ คนที่ไปเข้าสํานักอื่นก็ยงั ตัดสิ นใจที่จะแสดงตัวและ
ใช้โอกาสของตนเองอีกครั้ง
ในวันที่หา้ ของการทดสอบ ซูลี่ชิงสังเกตเห็นกลุ่มของสาวสวยอยู่
ภายในฝูงชน และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
กลุ่มของสาวสวยเหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยทํางานที่ตาํ หนักโอสถกับเธอ
และพวกเธอก็ยงั เคยเรี ยกเธอว่าอาจารย์
และในเมื่อไม่มีคนมากนักที่ผา่ นมาถึงการทดสอบที่สามได้ ซูลี่ชิงจึง
ออกมาจากเวทีชวั่ ขณะและตรงไปยังซูหยางและกล่าวว่า “ซูหยาง…
ศิษย์ของข้า… พวกเธอก็มาที่นี่เช่นกัน…”
“หื อ ศิษย์ของเจ้ารึ … เช่นนั้นเด็กสาวพวกนั้น” แน่นอนว่าซูหยางจํา
เหล่าศิษย์ที่ร่าเริ งเหล่านี้จากตําหนักโอสถที่จะต้อนรับเขาด้วยรอยยิม้
สดใสเสมอได้
“นี่อาจจะฟังดูเห็นแก่ตวั มาก แต่วา่ ข้า…”
ก่อนที่เธอจะทันได้พดู จบประโยค ซูหยางก็พดู ขึ้นพร้อมรอยยิม้ “ทํา
ตามที่เจ้าต้องการ”
“เจ้าแน่ใจนะ…” เธอมองดูเขาจากนั้นก็มองไปที่โหลวหลานจีดว้ ยสี
หน้าเป็ นกังวล
“ถ้าซูหยางได้ให้สิทธิ์แก่เจ้าแล้ว ก็มิจาํ เป็ นต้องตั้งคําถามอีกต่อไป”
โหลวหลานจีพลันกล่าวขึ้น “แม้วา่ การตัดสิ นใจของพวกเขาในวัน
นั้นสร้างความผิดหวังให้แก่ขา้ ถึงที่สุด แต่กใ็ ช่วา่ ข้านั้นเกลียดพวก
ศิษย์ ยิง่ ไปกว่านั้นในเมื่อพวกเธอเป็ นศิษย์ของเจ้า ผูอ้ าวุโสหลาน ข้า
มัน่ ใจว่าพวกเธอมิใช่ศิษย์ที่เลว ดังนั้นข้ายินดีที่จะยกโทษให้พวกเธอ”
“ข-ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย” ซูลี่ชิงคํานับเธอก่อนที่จะเข้าไปหากลุ่ม
สาวสวยในฝูงชน
เมื่อฝูงชนสังเกตเห็นซูลี่ชิงตรงเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาต่างก็พาง
กันงงงันเป็ นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามผูค้ นที่นนั่ ต่างก็ไม่กล้าที่จะขวางทางเธอและสร้างเป็ น
ช่องทางว่างเปล่าให้เธอเดินผ่าน
“อ-อาจารย์…”
เมื่อซูลี่ชิงได้มายืนอยูต่ ่อหน้าของอดีตศิษย์ของเธอ พวกเธอทุกคน
ต่างก็พากันมองดูเธอด้วยสี หน้าละอายใจบนใบหน้าและไม่มนั่ ใจว่า
ควรจะกล่าวกับเธออย่างไร ราวกับกลุ่มของเด็ก ๆ ที่รู้วา่ ตนเองทําผิด
และกําลังจะเผชิญกับการดุด่า
“เอาล่ะ พวกเจ้ามีอะไรจะพูดเพื่อตัวเจ้าเองหรื อไม่ อย่างน้อยก็ให้คาํ
แก้ตวั กับข้าสักอย่างสองอย่าง” ซูลี่ชิงถามพวกเธอด้วยสี หน้าเยือก
เย็น
“พ-พวกเรามิมีคาํ แก้ตวั ใด ๆ อาจารย์… พวกเราต่างพากันกลัวนิกาย
ล้านอสรพิษและทุกคนต่างก็พากันจากไป ดังนั้นพวกเราจึงวิง่ หนีไป
เช่นเดียวกับคนขลาด”
ซูลี่ลิงถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ พวกเจ้าเหล่าหญิงสาว มิใช่
เพียงพวกเดียวที่กลัวในเมื่อตัวข้าเองก็ยงั สัน่ สะท้านเช่นกัน ดังนั้นข้า
จึงเข้าใจความรู ้สึกของเจ้า แต่อย่างไรก็ตามพวกเจ้าก็ได้สาบานตนที่
จะปกป้องนิกายแม้วา่ จะต้องแลกด้วยชีวติ เมื่อตอนที่เจ้ากลายมาเป็ น
ศิษย์ต้ งั แต่แรกแล้ว”
“…”
เหล่าเด็กสาวต่างพากันเงียบในเมื่อพวกเธอไม่ตอ้ งการที่จะทําให้
สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านั้น
“พวกเจ้าเหล่าหญิงสาวต้องการที่จะกลับมาสู่ นิกายหรื อไม่” ซูลี่ชิง
กล่าวกับพวกเธอ
บรรดาเด็กสาวต่างพากันพยักหน้าด้วยสี หน้าสับสน
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถทนเม็ดยาจิตมารได้ถึง 90 วินาที
หรื อไม่” เธอถามพวกเธอ
“ร-เรามิรู้จนกว่าพวกเราจะพยายาม ถึงแม้วา่ โอกาสจะมีเพียงริ บหรี่
พวกเราก็ตอ้ งพยายาม”
ซูลี่ชิงถอนหายใจและกล่าวว่า “แม้วา่ พวกเจ้าจะมิรู้ตวั แต่ขา้ ก็เป็ น
หนี้พวกเจ้าไว้มากในการขออาสาสมัครทํางานที่ตาํ หนักโอสถเมื่อมิ
มีใครเลยต้องการทํางานที่นนั่ และข้าก็มิเคยได้มีโอกาสในการ
ขอบคุณพวกเจ้า”
“ข้าได้รับสิ ทธิ์จากผูน้ าํ นิกายเรี ยบร้อยแล้วในการที่จะยอมให้พวกเจ้า
หญิงสาวกลับคืนสู่ นิกาย ดังนั้นจึงมิมีความจําเป็ นสําหรับพวกเจ้าที่
จะเข้าร่ วมการทดสอบ”
“อ-อะไรนะ”
เหล่าเด็กสาวต่างพากันมองดูเธอด้วยสี หน้าตกตะลึง ดูเหมือนกับว่า
ไม่เชื่อ
“ครั้นเมื่อนิกายกลับมาคึกคักอีกครั้ง พวกเรายังคงต้องการคนทํางาน
ในตําหนักโอสถ และข้าก็จกั ต้องการศิษย์จาํ นวนหนึ่งเพื่อช่วยข้า
และมิใช่วา่ พวกเจ้าได้หลุดพ้นความผิดทั้งปวงแล้ว แน่นอนว่าข้าจัก
ใช้งานพวกเจ้าให้ถึงแก่นเป็ นการลงโทษ” ซูลี่ชิงกล่าว
“ข-ขอบคุณอาจารย์ พวกเราจักมิลืมหนี้บุญคุณครั้งนี้ตราบชัว่ ชีวติ
ของพวกเรา”
เหล่าเด็กสาวเริ่ มร้องไห้กนั ทีละคนสองคน
“ข้ามิใช่คนที่พวกเจ้าควรจะขอบคุณ ถ้ามิใช่เป็ นเพราะว่าคําอนุญาต
ของผูน้ าํ นิกาย แม้กระทัง่ ข้าก็มิอาจจะช่วยพวกเจ้าได้ มากับข้าเพื่อ
ทักทายผูน้ าํ นิกาย”
เหล่าเด็กสาวพยักหน้าและติดตามซูลี่ชิงในขณะที่ผคู ้ นที่รายล้อม
พวกเธอต่างพากันจ้องมองด้วยสายตาอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิง่ เหล่า
อดีตศิษย์
ครั้นเมื่อพวกเธอไปยืนต่อหน้าซูหยางและโหลวหลานจีแล้ว เหล่า
เด็กสาวต่างพากันคุกเข่าบนพื้นและกล่าวด้วยเสี ยงอันดังชัดเจนว่า
“ขอบพระคุณท่านผูน้ าํ นิกายสําหรับความยินยอมที่มีต่อพวกเราเหล่า
ศิษย์ที่อสัตย์น้ ี พวกเราจักมิทอดทิ้งนิกายอีกเป็ นครั้งที่สอง และพวก
เราจักพิทกั ษ์นิกายถึงแม้วา่ นัน่ จะต้องจ่ายด้วยชีวติ ของพวกเราเองก็
ตาม”
บทที่ 506 อัจฉริยะพิสดาร
เมื่อเห็นเหล่าเด็กสาวคุกเข่าต่อหน้าเขา ซูหยางก็พดู ขึ้นด้วยรอยยิม้ ว่า
“พูดตามตรง จริ ง ๆ แล้วข้ามิโทษผูใ้ ดที่วงิ่ หนีไป ไม่วา่ อย่างไรนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็มิใช่สาํ นักที่เชื่อถือได้จริ ง ๆ มาก่อน นี่เป็ นคําพูด
จากใจข้า”
“อ-อะไร...” โหลวหลานจีมองดูเขาด้วดวงตาเบิกกว้าง เห็นได้ชดั ว่า
พูดไม่ออกกับคําพูดของเขาที่ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นในฐานะผูน้ าํ
นิกาย
“อะไร ข้าก็แค่พดู ความจริ ง นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ขาดกลไกการ
ป้องกันตัวที่เหมาะสม และก็ไม่ต่างไปจากเต่าที่ปราศจากกระดอง
ในช่วงที่ถูกโจมตีน้ นั ถ้าข้าเป็ นศิษย์ธรรมดาทัว่ ไป ข้าก็ตอ้ งวิง่ หนี
เอาชีวติ รอดเช่นกัน”
ซูหยางยักไหล่ และเขาก็กล่าวต่อด้วยนํ้าเสี ยงเยือกเย็น เยาะเย้ยอย่าง
ไร้ปรานีต่อนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั อย่างไม่สนใจว่าโลกจะคิดอย่างไร
ว่า “แม้กระทัง่ สํานักขนาดกลางก็ยงั มีค่ายกลป้องกันสักอย่างป้องกัน
สํานัก แต่พวกเรากลับมิมีอะไรเช่นนั้นที่นี่”
“ค-ค่ายกลป้องกัน เจ้าเคยคิดไหมว่าต้องใช้ทรัพยากรมากน้อยเท่าไหร่
ในการครอบคลุมทั้งนิกายด้วยค่ายกลอะไรสักอย่าง อย่าว่าแต่นี่เป็ น
ค่ายกลป้องกัน กระทัง่ สํานักระดับสู งก็มิได้หรู หราอะไรเช่นนั้น”
โหลวหลานจีกล่าว
เพราะว่าวิชาค่ายกลนั้นหายากเป็ นอย่างมากในโลกนี้ กระทัง่ เหนือกว่า
การปรุ งยาในแง่ของความซับซ้อนและยากลําบาก มีคนเพียงไม่กี่คน
ในโลกนี้ที่มีโอกาสได้เรี ยนมัน
และถึงแม้วา่ ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านค่ายกลในโลกนี้รวมตัวกัน นัน่ ก็ยงั ต้องการ
ความพยายามหลายสิ บปี ในการสร้างขึ้นมาสักหนึ่งค่ายกลที่สามารถ
ครอบคลุมไปทัว่ ทั้งนิกาย
ยกตัวอย่างสํานักกระบี่ศกั ดิ์สิทธ์ได้ใช้หินวิญญาณกว่าหลายแสนก้อน
และเวลากว่าร้อยปี ในการล้อมสํานักของพวกเขาด้วยค่ายกลป้องกัน
“อา ค่ายกลหายากมากเช่นนั้นเลยรึ ในโลกแห่งนี้” ซูหยางส่ ายหน้า
ด้วยความไม่สบอารมณ์ “เดาได้เลยว่าข้าคงต้องสร้างขึ้นมาเอง”
“ด-เดี๋ยวก่อน…” โหลวหลานจีจอ้ งมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างและ
พูดขึ้นว่า “จ-เจ้ารู ้วธิ ีวา่ จะสร้างค่ายกลได้อย่างไรด้วยรึ ”
“ซูหยางมองดูเธอด้วยใบหน้าที่สามารถแปลเป็ นคําพูดได้วา่ “แน่นอน”
“แม้วา่ ข้าพูดว่าข้าจักสร้างขึ้นมาหนึ่งหลัง แต่จริ ง ๆ แล้วข้ามิใช่เป็ น
คนที่สร้างค่ายกล ข้าอยูแ่ ค่ในเขตอัมพรวิญญาณ ดังนั้นถึงแม้วา่ ข้าจะ
สร้างค่ายกลขึ้นมา มันก็จะมิทรงพลัง”
“เช่นนั้นเจ้ากําลังจะทําอะไรต่อไป”
“แน่นอนว่าต้องขอใครบางคนที่ทรงอํานาจยิง่ กว่าข้าให้ช่วยสร้างให้”
โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยใบหน้าที่สงสัยมากยิง่ ขึ้นกว่าเดิมและถาม
ว่า “คนที่กระทัง่ ทรงอํานาจยิง่ กว่าเจ้ารึ นอกจากเจ้าซีและไม่กี่คนที่อยู่
ในเขตอัมพรวิญญาณ จะเป็ นไปได้ที่จะมีใครกันที่มีความแข็งแกร่ ง
กว่าเจ้าในตอนนี้”
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “มีสองคนในตอนนี้ในนิกายที่แข็งแกร่ งกว่า
ข้ามาก หนึ่งในนั้นสามารถเปลี่ยนข้าให้กลายเป็ นฝุ่ นได้โดยเพียงแค่
ขยี้ อย่ากังวล ข้าจักแนะนําพวกเธอให้กบั พวกเจ้าในภายหลัง”
“ต-ต-ตัวตนที่ทรงอํานาจตอนนี้อยูภ่ ายในนิกายเรารึ ทําไมเจ้าจึงมิ
บอกข้าให้เร็ วกว่านี้” โหลวหลานจีเริ่ มกระสับกระส่ าย ในเมื่อนี่ถือ
เป็ นการล่วงเกินและหยาบคายอย่างหาที่เปรี ยบที่ไม่ไปทักทายจอม
ยุทธผูท้ รงอํานาจหากว่าพวกเขาไปเยีย่ มสํานักใด ๆ
“แน่นอนว่าปฏิกิริยาของเจ้าเป็ นเหตุผลที่ทาํ ไมข้าจึงต้องซ่อนตัว
พวกเขาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าได้พบกับพวกเธอทั้งสองคนมาก่อน
หน้านี้แล้ว”
“หื อ ข้าได้พบกับพวกเธอมาก่อนรึ …”
ทันใดนั้นใบหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นใจของเธอ เป็ นเด็กสาวที่มีความ
สวยเป็ นเลิศ
“หรื อว่าจะเป็ นเด็กหญิงคนนั้นที่ฆ่าจอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษ
ในเวลานั้น” โหลวหลานจีครุ่ นคิดด้วยสี หน้าเครี ยด
หลังจากที่ศิษย์ตาํ หนักโอสถได้ถูกยอมรับเข้ามาในนิกายอีกครั้ง ซูลี่
ชิงก็บอกพวกเธอให้กลับไปยังตําหนักยาในเวลาต่อมา และพวกเธอ
ก็หายไปจากพื้นที่น้ นั อย่างรวดเร็ วหลังจากนั้น
ในวันที่หกของการทดสอบ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็ได้รับคนทั้งหมด
817 เข้าสู่ นิกาย
และในวันสุ ดท้ายของการทดสอบ ก็มีเสี ยงโห่ร้องปั่นป่ วนวุน่ วายดัง
ขึ้นเมื่อเด็กหญิงลึกลับที่สวยมากคนหนึ่งเข้าร่ วมทดสอบและเรี ยก
ความสนใจของทุกคนที่นนั่
“อายุ 12 ปี … ระดับห้าเขตปฐพีวญ ิ ญาณ?!?!?!” ฟางซี หลานปากอ้า
ค้างจนถึงพื้นเมื่อเธอเห็นผลลัพธ์ และผูช้ มต่างพากันระเบิดเสี ยงโห่
ร้อง
“อะไรกัน ยอดยุทธอายุสิบสองปี ระดับห้าเขตปฐพีวญ
ิ ญาณ เธอมี
ประวัติความเป็ นมาอย่างไร”
“ข้ารู ้จกั ตระกูลที่มีชื่อเสี ยงและทรงอํานาจทั้งหมดภายในทวีปตะวัน
ออก แต่ขา้ กลับมิอาจจดจําเด็กหญิงคนนี้ได้”
“ทําไมคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นเป็ นคนที่มิมีใครรู ้จกั ใครสักคนควร
จะรู ้จกั เธอ”
“ต้องมีความผิดพลาดอะไรบางอย่างกับผลลัพธ์แน่”
อย่างไรก็ตาม แม้เวลาจะผ่านไปสักพักใหญ่ ก็ไม่มีแม้ใครสักคนจาก
คนนับพันที่นนั่ รู ้จกั ตัวตนของเด็กหญิงคนนี้
“มิมีใครที่นี่รู้ถึงตัวตนของเด็กหญิงคนนี้ที่มีพรสวรรค์สะท้านฟ้า
เช่นนี้ นี่ช่างเป็ นสิ่ งที่มิคาดคิดอย่างแท้จริ ง” จอมกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์
กล่าวพร้อมกับลืมตาโพลง
“เข้าถึงระดับห้าเขตปฐพีวญ
ิ ญาณเมื่ออายุได้ 12 ปี … กระทัง่ พรสวรรค์
ของข้าก็ยงั ด้อยกว่าหากเปรี ยบเทียบกับเด็กหญิงคนนี้…” ซีซิงฟาง
พึมพําด้วยใบหน้างงงัน
“อืม… ข้าต้องขอโทษด้วย แต่เจ้าสามารถทําการทดสอบซํ้าอีกครั้ง
ได้หรื อไม่ในกรณี ที่วา่ อาจจะมีขอ้ ผิดพลาด” ฟางซีหลานถามเด็กหญิง
สองสามอึดใจจากนั้น
เด็กหญิงพยักหน้าด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย และสัมผัสเทวรู ปอีกครั้ง
สองสามวินาทีให้หลังผลลัพธ์กอ็ อกมาโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลง
แม้แต่นอ้ ย
“อายุ 12 ปี … ระดับห้าเขตปฐพีวญ
ิ ญาณ…” ฟางซี หลานจ้องมอง
เทวรู ปด้วยสี หน้างงงัน
“ข้าผ่านหรื อยังตอนนี้” เด็กหญิงถามเธอหลังจากนั้น และฟางซี หลาน
ก็รีบพยักหน้า
เมื่อเด็กหญิงผ่านไปถึงการทดสอบที่สอง ซุนจิงจิงก็อดไม่ได้ที่จะ
ถามเธอ “สาวน้อย เจ้ามาจากไหน ถึงมีพลังฝึ กปรื อระดับนี้ต้ งั แต่อายุ
ยังน้อย เจ้าต้องมีอาจารย์ที่เก่งกาจสอนเจ้าอยูแ่ ล้วเป็ นแน่ ข้านึกมิออก
ว่าทําไมคนอย่างเจ้าจึงต้องเข้าร่ วมสํานัก”
เด็กหญิงที่มีหน้าตาคมคายและสี หน้าเรี ยบเฉยมองดูซุนจิงจิงด้วย
ดวงตาที่ไร้อารมณ์และกล่าวด้วยเสี ยงราบเรี ยบว่า “ข้ามิมีอาจารย์”
“เอ๋ นัน่ จะเป็ นไปได้อย่างไร” ไม่เพียงแต่แค่ซุนจิงจิงที่สงสัยคําพูด
ของเด็กหญิง เช่นเดียวกับทุกคนที่นนั่ ที่ต่างพากันจ้องมองเธอด้วย
ดวงตาที่เปี่ ยมไปด้วยความสงสัย
ถ้าจะมีใครสักคนที่อายุยงั น้อยเหมือนกับเด็กหญิงคนนี้เข้าถึงเขต
ปฐพีวญิ ญาณระดับห้าโดยปราศจากอาจารย์ แล้วควรจะพูดอย่างไรดี
กับผูฝ้ ึ กวิชายุทธในโลกนี้กว่าครึ่ งที่ไม่สามารถแม้กระทัง่ จะก้าวเข้าสู่
เขตปฐมวิญญาณหากไม่เข้าร่ วมสํานัก หรื อว่าพวกเขาไม่ควรจะถือ
ว่าเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาได้จริ งอีกต่อไป
“ซูหยาง… เด็กหญิงคนนี้…” โหลวหลานจีหนั ไปมองดูเขา ซึ่ งจ้อง
มองเด็กหญิงคนนี้อย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางครุ่ นคิด
บทที่ 507 พรสวรรค์ ระดับอสู ร
“จ-เจ้ามิมีอาจารย์รึ เช่นนั้นเจ้าเข้าถึงระดับห้าเขตปฐพีวญ ิ ญาณได้
อย่างไรในอายุเท่านี้ นัน่ เป็ นไปไม่ได้มิวา่ ข้าจะคิดเรื่ องนั้นอย่างไรก็
ตาม” ซุนจิงจิงแสดงความสงสัยของตนเองออกมา
นอกจากว่าเธอเป็ นคนอย่างซูหยาง ซึ่ งมีความทรงจําจากชีวติ ก่อนว่า
เป็ นเซียน เป็ นเรื่ องปกติที่ไม่ควรจะเป็ นไปได้สาํ หรับเด็กอายุสิบสอง
ปี ที่จะเข้าถึงระดับห้าเขตปฐพีวญ ิ ญาณ ไม่วา่ จะมีโชคดีประเภทไหน
ที่เธอได้ประสบก็ตาม
ยิง่ ไปกว่านั้นเด็กหญิงคนนี้สวมเสื้ อผ้าธรรมดา ถึงกับมีขาดบ้าง
เล็กน้อย ดังนั้นความเป็ นไปได้ที่เธอจะเป็ นคนในตระกูลรํ่ารวยสักที่
หนึ่งนั้นตํ่ามาก นอกจากว่าเธอจะมีเจตนาที่จะสวมเสื้ อผ้าปุปะเพื่อ
หลอกคนอื่นเป็ นงานอดิเรก
“ข้ามิเข้าใจ ทําไมถึงเป็ นไปไม่ได้” เด็กหญิงถามเธอในขณะที่ยงั คง
เรี ยบเฉย
“ช-เช่นนั้นถ้าเจ้ามิถือหากข้าจะถามว่าเจ้ามีพลังฝึ กปรื อถึงระดับนี้ได้
อย่างไร” ซุนจิงจิงถามเธอด้วยหน้าตางุนงง ในเมื่อปกติแล้วเป็ นเรื่ อง
ยากมากที่จะเชื่อว่าเด็กหญิงได้เข้าถึงระดับนี้ได้โดยปราศจากความ
ช่วยเหลืออื่น
“อย่างไร… ท่านถามอย่างงั้นรึ ” เด็กหญิงเอียงหัวด้วยใบหน้างุนงง ดู
เหมือนจะสับสนกับคําถามของซุนจิงจิง “ข้าก็ดูดซับพลังงานรอบตัว
ข้าเป็ นปกติ”
“น-นัน่ …” ซุนจิงจิงพูดไม่ออก
“จิงจิง มิมีความจําเป็ นที่จะต้องถามเธอ นัน่ มิได้มีความสําคัญกับ
พวกเราที่วา่ เธอมีความแข็งแกร่ งระดับนี้ได้อย่างไร แต่อยูท่ ี่วา่ เธอจะ
ผ่านการทดสอบได้หรื อไม่” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอ
“เอ๋ ท่านยังคงต้องการเธอรับการทดสอบอีกรึ ทั้งที่เธอเป็ นจอมยุทธ
อายุสิบสองปี เขตปฐพีวญ ิ ญาณ” ซุนจิงจิงมองดูเขาด้วยสี หน้างงงัน
ใครต่อใครก็ยอ่ มไม่ยอมเสี ยเวลาและรับอัจฉริ ยะระดับอสู รเช่นนั้น
เข้าสู่ สาํ นักกันทั้งนั้น
“ต่อให้เธอเป็ นผูม้ ีพรสวรรค์ระดับอสู รในโลกนี้ ถ้าเธอมิมีวถิ ีจิตที่
ถูกต้อง เธอก็จกั ไปได้มิไกลนักในเส้นทางผูฝ้ ึ กยุทธ” เขาตอบอย่าง
เยือกเย็น
ยิง่ ไปกว่านั้น ในขณะที่เด็กหญิงคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพรสวรรค์ที่
เหนือโลกนี้สาํ หรับคนเหล่านี้ ในสายตาของซูหยางแล้ว เธอก็เพียง
เหนือกว่ามาตรฐานเท่านั้น
ซุนจิงจิงพยักหน้า “ช-ใช่แล้ว ข้าขอโทษ นัน่ ทําให้ขา้ ประหลาดใจ
จนเสี ยความตั้งใจ…”
สองสามอึดใจให้หลัง ซุนจิงจิงก็ทาํ ลายเม็ดยาจิตมาร แผ่พงุ่ หมอกสี
แดงไปทัว่ ทุกแห่งหน
เด็กหญิงนัง่ อยูใ่ นท่าขัดสมาธิดอกบัวและทําการต่อต้านเม็ดยาจิต
มาร
ห้าวินาที… สิ บวินาที… สิ บห้าวินาที… ยีส่ ิ บวินาที… ยีส่ ิ บห้า
วินาที…
เด็กหญิงยังคงไม่หวัน่ ไหวแม้กระทัง่ เมื่ออยูภ่ ายใต้ผลของเม็ดยาจิต
มาร ราวกับว่ามันไม่มีผลต่อเธอ
กระทัง่ เมื่อสามสิ บวินาทีผา่ นไปแล้ว เด็กหญิงคนนี้กย็ งั คงนัง่ อยูท่ ี่
นัน่ อย่างเยือกเย็น ไม่รู้ตวั โดยสมบูรณ์วา่ เธอนั้นได้ผา่ นการทดสอบ
แล้ว
และเพราะว่าเด็กหญิงไม่แสดงท่าทางยากลําบาก ซุนจิงจิงจึงยอมให้
เด็กหญิงทําการทดสอบต่อไปแม้วา่ จะผ่านสามสิ บวินาทีไปแล้ว
แน่นอนว่าเธอเองก็สงสัยว่าพรสวรรค์ของเด็กหญิงคนนี้เป็ นจริ ง
หรื อไม่
สี่ สิบวินาที… ห้าสิ บวินาที หนึ่งนาทีเต็มได้ผา่ นไปนับตั้งแต่เด็กหญิง
สู ดลมหายใจรับเม็ดยาจิตมารเข้าไป แต่เธอก็ยงั คงนัง่ อยูอ่ ย่างเยือกเย็น
จนกระทัง่ เมื่อเวลาผ่านไปห้านาทีเต็ม สุ ดท้ายเด็กหญิงจึงค่อยลืมตา
ของเธอขึ้น
“ข้าผ่านหรื อยัง” เธอถามซุนจิงจิงด้วยใบหน้าไร้ความสนใจ
ซุนจิงจิงพยักหน้าด้วยใบหน้าสับสน
“ข้าเข้าใจแล้ว” จากนั้นเด็กหญิงจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปยังเวทีที่สาม
อย่างสบาย ๆ
“ช่างเป็ นอสู รพิสดาร เธอสามารถที่จะต้านเม็ดยาจิตอสู รได้นานถึง
ห้านาที และก็ยงั ดูเหมือนกับว่าเธอมีความสามารถที่จะอยูท่ ี่นนั่ ได้
นานยิง่ กว่านี้” ผูค้ นต่างพากันส่ งเสี ยงให้กาํ ลังใจต่อเด็กหญิงซึ่ งไป
ได้ไกลขนาดนั้นในการทดสอบ
บนเวทีที่สาม เด็กหญิงหยดเลือดหนึ่งหยดผ่านรอยที่เธอเจาะบนนิ้ว
ลงไปในวารี กลืนสวรรค์
เลือดนั้นทําให้เกิดการกระเพื่อมที่สวยงามบนผิวหน้าของนํ้าก่อนที่
จะจมลึกลงไปในชาม
สองสามวินาทีให้หลัง วารี กลืนสวรรค์กเ็ ปลี่ยนเป็ นสี แดงจาง แต่
ทว่ามันไม่ได้หยุดแค่น้ นั และยังคงมีสีเข้มขึ้นเรื่ อย ๆ
หลังจากผ่านไปประมาณสิ บวินาที วารี กลืนสวรรค์กไ็ ด้เปลี่ยนไป
เป็ นสี แดงกํ่าอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่ามันเปลี่ยนไปเป็ นเลือดจริ ง
อย่างไรก็ตามนํ้าสี เลือดไม่ได้หยุดแค่น้ นั และมันก็ยงั คงเปลี่ยนไป
เป็ นสี อื่น
“ท-ทอง นํ้าเปลี่ยนสี จากแดงเป็ นทองได้อย่างไรกัน” ซูลี่ชิงสับสน
กับผลลัพธ์ และเธอก็หนั ไปมองดูซูหยางซึ่ งยืนนิ่งอยูท่ ี่นนั่ ด้วยสี
หน้าสงบเฉย
“มันมิได้เป็ นสี แดง.. ข้าล้มเหลวรึ ” เด็กหญิงมองดูซูลี่ชิงซึ่ งส่ ายหน้า
ของเธออย่างรวดเร็ ว
“ม-ไม่… ข้ามิคิดว่าเจ้าล้มเหลว…”
“เธอพูดถูก เจ้ามิได้ลม้ เหลว” ซูหยางพลันปรากฏตัวข้างพวกเธอและ
กล่าวขึ้น
เด็กหญิงหันไปมองดูซูหยางด้วยใบหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อย
สองสามอึดใจให้หลังเมื่อเธอฟื้ นจากความตื่นตะลึง เด็กหญิงก็ยก
กําปั้นของเธอไปยังซูหยาง ราวกับว่าเธอเตรี ยมตัวที่จะต่อสู ก้ บั เขา
ซูหยางยิม้ ให้กบั การกระทําของเธอแล้วกล่าวว่า “มิมีความจําเป็ น
สําหรับพวกเราที่จะต้องประลอง เจ้าได้ผา่ นการทดสอบแล้ว”
“ได้…” เด็กหญิงพยักหน้า
“เจ้าชื่ออะไร” จากนั้นเขาก็ถามเธอ
“เยีย่ น.. เยีย่ นเยีย่ น” เธอตอบ
“ยินดีตอ้ นรับสู่ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เยีย่ นเยีย่ น” ซูหยางยืน่ ส่ งบัตร
ประจําตัวศิษย์ให้แล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าสามารถกลับมายามเมื่อเจ้าได้
จัดการทุกสิ่ งที่บา้ นเรี ยบร้อยแล้ว”
อย่างไรก็ตามเยีย่ นเยีย่ นส่ ายหน้าและกล่าวด้วยเสี ยงสงบว่า “พ่อแม่
ของข้ามิได้เหลืออยูใ่ นโลกนี้แล้ว และข้าก็มิมีบา้ นให้กลับ”
“อย่างนั้นรึ … เช่นนั้นเจ้าสามารถเริ่ มชีวติ ของเจ้าในนิกายได้นบั แต่
วันนี้” ซูหยางพยักหน้า
“ท่านมิถามข้าเรื่ องประวัติความเป็ นมาของข้ารึ ” เยีย่ นเยีย่ นถามเขา
ด้วยสายตาที่สนใจ
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเธอ เขาก็พดู พร้อมกับรอยยิม้ “ถ้าเจ้าต้องการที่
จะเล่าให้ขา้ ฟัง ข้าก็จะรับฟังเจ้า แต่ขา้ มิใช่ชอบยุง่ เรื่ องคนอื่น ดังนั้น
ข้าจักมิสอดรู ้สอดเห็นในเรื่ องชีวติ ของเจ้าโดยมิมีเหตุผล ยิง่ ไปกว่า
นั้นตอนนี้เมื่อเจ้าเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในฐานะของ
ผูน้ าํ นิกายของเจ้า ข้าเพียงแต่สนใจที่จะเห็นเจ้าเติบโตขึ้นมิมีอะไรไป
มากกว่านั้น”
บทที่ 508 สวรรค์ ลาํ เอียง
หลังจากที่เยีย่ นเยีย่ นได้รับการยอมรับเป็ นศิษย์เข้าสู่ นิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสยั แล้ว เธอก็ไม่ได้จากไปไหนและยังคงยืนอยูข่ า้ งกายซูหยาง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับเรื่ องนี้และยอมปล่อยเธอให้ยนื อยู่
อย่างเงียบ ๆ อยูต่ รงนั้น
อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีซ่ ึงก็อยูต่ รงนั้นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะ
เหลือบมองไปยังเยีย่ นเยีย่ นบ่อย ๆ ด้วยหางตา เห็นได้ชดั ว่าสนใจ
ตัวตนของเธอเป็ นอย่างมาก
เยีย่ นเยีย่ นสังเกตเห็นการจ้องมองมาของโหลวหลานจี จึงหันไปดูอีก
ฝ่ ายและกล่าวว่า “มีอะไรรึ ”
เมื่อเห็นสี หน้าไร้อารมณ์ของเยีย่ นเยีย่ น โหลวหลานจีกอ็ ดไม่ได้ที่จะ
กลืนนํ้าลายอย่างกระสับกระส่ ายแม้วา่ จะมีอายุแตกต่างกันก็ตาม
“ข้าเพียงแค่สงสัยว่าทําไมเจ้าจึงตัดสิ นใจที่จะเข้าร่ วมนิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสยั เมื่อมีที่อื่น ๆ ที่มีชื่อเสี ยงและเป็ นที่ยอมรับมากกว่าพวกเรา”
“…”
เยีย่ นเยีย่ นยังคงนิ่งเฉยชัว่ ขณะก่อนที่จะกล่าวด้วยเสี ยงเรี ยบเฉยว่า
“พลังงานในโลกบอกข้าให้มาที่นี่”
“หื อ พลังงานรึ ” โหลวหลานจีเลิกคิ้วด้วยท่าทางสับสน
เยีย่ นเยีย่ นพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “หลังจากที่พอ่ แม่ขา้ สิ้ น เสี ยง
รอบตัวของข้าก็นาํ มายังที่แห่งนี้”
ได้ยนิ คําพูดไร้สาระเช่นนั้น โหลวหลานจีกม็ องไปยังเยีย่ นเยีย่ นราว
กับว่าอีกฝ่ ายนั้นบ้า
อย่างไรก็ตามซูหยางหัวเราะเบา ๆ หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเธอ
เขากล่าวว่า “พลังงานของเธอนั้นหมายถึงปราณไร้ลกั ษณ์”
“ด-เดี๋ยวก่อน… เจ้ากําลังหมายความว่าปราณไร้ลกั ษณ์สามารถ
สื่ อสารกับมนุษย์ได้ และเธอมีความสามารถที่จะเข้าใจมัน” โหลว
หลานจีตอนนี้มองดูซูหยางราวกับว่าเขาเป็ นบ้า
“มิจาํ เป็ นต้องหาความหมาย ในเมื่อนัน่ เป็ นความจริ งอย่างหนึ่ง แม้วา่
จะมีนอ้ ย น้อยมาก ๆ ประมาณหนึ่งในล้านล้าน แต่กย็ งั มีคนที่เป็ นที่
ชื่นชอบของปราณไร้ลกั ษณ์ในโลกนี้ต้ งั แต่เกิด ยอมให้พวกเขาสามารถ
สื่ อสารกับปราณไร้ลกั ษณ์ได้ พวกเรามีศพั ท์สาํ หรับคนประเภทนี้วา่
สวรรค์สาํ เอียง”
“ไม่น่าเชื่อ… อย่างนี้กเ็ ป็ นไปได้ดว้ ย อะไรคือการที่สามารถสื่ อสาร
กับปราณไร้ลกั ษณ์ ต้นตอของทุกพลังในโลกนี้ได้”
ซูหยางยักไหล่ให้กบั คําพูดของเธอและกล่าวว่า “ข้ามิรู้ ในเมื่อข้ามิได้
เกิดมาด้วยความสามารถเช่นนั้น แม้วา่ ข้าจะรู ้จกั คนที่มีความสามารถ
แบบเดียวกันนี้ และเธอก็อธิบายว่ามันเป็ นอะไรที่คล้ายกันการพูดคุย
กับวิญญาณ”
“พูดกับวิญญาณ… พวกผีนะรึ ”
“ข้าเดาว่าคงประมาณนั้นแหละ”
โหลวหลานจีมองดูเยีย่ นเยีย่ นด้วยหน้าตาสงสาร ถ้าเธอต้องพูดกับผี
มาตลอดชีวติ นัน่ ยอมอธิบายได้วา่ ทําไมเธอจึงดูปราศจากอารมณ์
ไม่วา่ อย่างไรใครก็ตามย่อมต้องเป็ นบ้าถ้าพวกเขาได้ยนิ เสี ยงที่ซ่ ึ งไม่
มีใครเคยได้ยนิ
“อย่างไรก็ตามความสามารถของเธอมิได้จาํ กัดอยูแ่ ต่เพียงพูดกับ
ปราณไร้ลกั ษณ์ เพราะว่าเธอเป็ นที่รักของพวกมัน ซึ่ งเป็ นแหล่ง
พลังงานหลักสําหรับการฝึ กวิชา พลังการฝึ กปรื อของเธอก็จะยิง่ ได้
ประโยชน์เป็ นอย่างมากเช่นกัน มิเพียงแต่เธอจะดูดซับพวกมันได้
รวดเร็ วกว่าคนอื่น แต่เธอก็ยงั สามารถเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็ น
ความแข็งแกร่ งของตัวเธอเองได้อย่างง่ายดายกว่าคนทัว่ ไปอีกด้วย
ถ้าเจ้าเปรี ยบเทียบเธอกับผูฝ้ ึ กยุทธโดยทัว่ ไป อย่างน้อยเธอก็จะมี
ความรวดเร็ วกว่าสิ บกว่าเท่าเมื่อเป็ นการฝึ กยุทธ ซึ่งอธิบายได้ถึงพลัง
การฝึ กปรื อที่ผดิ ปกติของเธอขณะที่เธออายุยงั น้อย”
เยีย่ นเยีย่ นมองดูซูหยางด้วยตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความประหลาด
ใจ นี่เป็ นครั้งแรกในชีวติ ของเธอที่พบกับคนที่ไม่เพียงเชื่อ “คําไร้
สาระ” ของเธอ แต่กย็ งั เข้าใจชีวติ ของเธอได้อย่างลึกซึ้ง ราวกับว่า
เธอมีชะตาที่จะต้องอยูร่ ่ วมกับเขา
“ตอนนี้ขา้ เข้าใจแล้วว่าทําไมเสี ยงจึงนําข้ามายังที่แห่งนี้…” เยีย่ นเยีย่ น
พึมพําด้วยเสี ยงสัน่ เครื อ
“พ่อแม่ขา้ มิเคยเชื่อข้า และพวกเขาก็ยงั คิดว่ามีอะไรผิดปกติกบั ข้า
เหมือนกับว่าข้าถูกอะไรสักอย่างเข้าสิ ง”
“อย่างไรก็ตาม จริ งแล้วข้ามิได้กล่าวโทษพวกเขาที่มิเข้าใจในเมื่อ
โลกนี้ยงั ขาดการศึกษาโดยรวมอย่างมาก…” ซูหยางส่ ายหน้า
“ซูหยาง… เจ้าคิดว่าเธอจะเติบโตด้วยพรสวรรค์เฉพาะนี้ได้เร็ วแค่
ไหน” โหลวหลานจีพลันถามเขา
“เออ… ถ้าข้าสอนเธอเป็ นการส่ วนตัว เธอควรจะก้าวเข้าถึงระดับ
สู งสุ ดของเขตอัมพรวิญญาณภายในเวลาสองปี ”
“ระดับสู งสุ ดของเขตอัมพรวิญญาณในเวลาสองปี รึ เธอเพิ่งจะอายุ
14 ปี เองในตอนนั้น นัน่ หมายความว่าเธอนั้นยิง่ มีพรสวรรค์มากกว่า
เจ้าสิ ซูหยาง” เธอมองดูเยีย่ นเยีย่ นด้วยอาการปากอ้าตาค้าง
“หื อ” ซูหยางมองดูเธอด้วยสี หน้าแปลกประหลาด เขากล่าวว่า “เจ้ารู ้
ไหม… ข้าเริ่ มฝึ กวิชาอย่างจริ งจังเพียงเมื่อปี ที่แล้วเท่านั้น กล่าวอีก
นัยหนึ่ง ข้าใช้เวลาหนึ่งปี ในการมาถึงระดับปัจจุบนั ของข้าจากเขต
ปฐมวิญญาณ”
“โอ อะไรกันนี่ เจ้ากําลังเปรี ยบเทียบตัวเจ้ากับเธอจริ ง ๆ รึ หรื อว่านี่
เป็ นความอิจฉา” โหลวหลานจีพดู ด้วยเสี ยงหยอกล้อ
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “นัน่ ไม่เสมอภาคในการเปรี ยบเทียบพวกเรา
ตั้งแต่แรก พูดตามตรงข้าต้องกล่าวว่าข้านั้นอิจฉาเธออยูบ่ า้ งเล็กน้อย
จริ ง ๆ ไม่วา่ อย่างไรใครก็ตามที่เป็ นที่รักของปราณไร้ลกั ษณ์ของโลก
ย่อมรับประกันได้วา่ จะมีชีวติ ในการฝึ กยุทธที่ประสบความสําเร็ จ
และพวกเขาล้วนกลายเป็ นจอมยุทธที่ยนื อยูจ่ ุดสุ ดยอดของโลกนี้ใน
อนาคตภายหน้าอย่างไม่มีผดิ พลาด”
“อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอได้รับพรให้เกิดมามีพรสวรรค์เช่นนั้น
มันก็เป็ นเคราะห์ที่ร้ายสุ ดสุ ดในเวลาเดียวกันนั้นเช่นกัน…” ซูหยาง
มองดูเยีย่ นเยีย่ นในขณะที่ถอนหายใจ
“หื อ นัน่ หมายความว่าอย่างไร ทําไมนัน่ จึงสามารถกลายเป็ นเคราะห์
ไปได้ หรื อเจ้ากําลังจะกล่าวบางอย่างที่มีความหมายทํานอง “เพื่อแลก
กับมีพรสวรรค์ที่ทา้ ทายสวรรค์เช่นนั้น เธอจักมีชีวติ ที่ส้ นั ลง” งั้นรึ ”
เขาส่ ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เธอมิสิ้นชีวติ แต่เนิ่น ๆ หรอก แต่โชคร้าย
นั้นแท้จริ งก็คือเธอเกิดขึ้นมาในโลกนี้ ที่ซ่ ึ งคุณภาพปราณไร้ลกั ษณ์
โดยรวมนั้นตํ่าอย่างน่าใจหาย”
“ถึงแม้วา่ เธอจะมีพรสวรรค์ที่ทา้ ทายสวรรค์ เธอก็จกั จํากัดอยูก่ บั
ปราณไร้ลกั ษณ์ของโลกนี้ และหยุดเติบโตหลังจากที่เธอเข้าถึงเขต
ราชันย์วญ ิ ญาณ ไม่วา่ เธอจะฝึ กปรื อไปมากมายเพียงใด”
“ข้าสามารถพาเธอไปยังบ้านเกิดของข้า สวรรค์ศกั ดิ์สิทธิ์ ได้ แต่นนั่
ไม่ได้รับประกันว่าเธอจักมีพรสวรรค์เช่นเดียวกันที่นนั่ ในเมื่อเธอ
เป็ นเพียงที่รักของปราณไร้ลกั ษณ์ในโลกนี้และไม่ใช่ที่โลกแห่งนั้น
และก่อนที่เจ้าจะถาม ใช่ ปราณไร้ลกั ษณ์กค็ ล้ายกับมนุษย์และสัตว์
ซึ่ งมีความเป็ นเฉพาะตัวในรู ปแบบของตัวมันเอง ทุกโลกจะมีปราณ
ไร้ลกั ษณ์เฉพาะตัวของตัวมันเอง ดังนั้นถึงแม้วา่ เธอจะเป็ นที่รักของ
ปราณไร้ลกั ษณ์ที่นี่ นัน่ ก็มิจาํ เป็ นต้องเป็ นเช่นนั้นที่นนั่ ด้วย ซึ่งเธอ
อาจจะตกตํ่ากลายเป็ นเด็กหญิงธรรมดาทัว่ ไป”
“กลับกันถ้าเธอเกิดที่นนั่ เธอจะสามารถกลายเป็ นยอดยุทธที่น่า
หวาดหวัน่ อย่างไม่น่าเชื่อที่ยนื อยูใ่ นจุดสุ ดยอดของโลกนั้น แต่
อนิจจา เธอเกิดในกองขยะแห่งนี้ ทําให้พรสวรรค์ของเธอเสี ยเปล่า”
ซูหยางถอนหายใจขณะที่เขามองดูเด็กหญิงสะสวยที่อยูข่ า้ งกายเขา
รู ้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์กาํ ลังล้อเล่นกับเธอ
บทที่ 509 สั ตว์ อญ
ั เชิญ
จวบจนกระทัง่ สิ้ นสุ ดของวันที่เจ็ด วันสุ ดท้ายของการทดสอบ นิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้รับศิษย์ใหม่ท้ งั หมด 893 คน
มีเวลาเหลืออยูเ่ พียงอีกหกชัว่ โมงก่อนที่การทดสอบจะสิ้ นสุ ด แต่ก็
ยังมีเหลือที่วา่ งอีกประมาณหนึ่งร้อยที่เพื่อเติมให้เต็ม
“ในอีกหกชัว่ โมง การทดสอบศิษย์กจ็ กั ถึงเวลาสิ้ นสุ ด แต่เมื่อเห็นแล้ว
ว่าพวกเราใกล้ที่จะถึงขีดจํากัดที่พวกเราจะรับ ดังนั้นถ้าพวกเรายัง
มิได้มีศิษย์ถึง 1,000 คนภายในหกชัว่ โมง พวกเราก็จะทําการทดสอบ
ต่อไปอีกจนกว่าพวกเรามีศิษย์ครบ 1,000 คน แน่นอนว่าพวกเราจัก
เพียงยืดเวลาต่อไปอีกเพียง 24 ชัว่ โมงเท่านั้น ดังนั้นถึงแม้วา่ พวกเรา
จะมิได้มีศิษย์ถึง 1,000 คนในเวลานั้น พวกเราก็จะปิ ดการทดสอบ
ไปจนกว่าจะถึงปี หน้า”
“อีกนัยหนึ่งก็คือ ครั้นเมื่อพวกเราได้รับศิษย์คนที่ 1,000 คนแล้ว พวก
เราก็จกั ปิ ดการทดสอบทันที ถ้าพวกเจ้ามิได้รับโอกาสในการเข้าร่ วม
การทดสอบในปี นี้ แต่ตอ้ งการที่จะกลับมาในปี หน้า พวกเราก็จะให้
ป้ายแก่พวกเจ้าเพื่อที่วา่ พวกเจ้าสามารถข้ามไปยังแถวหน้าและเป็ น
คนแรก ๆ ในการเข้าร่ วมการทดสอบในปี หน้า”
เมื่อผูเ้ ข้าร่ วมที่นนั่ ได้ยนิ การประกาศนี้ พวกเขาต่างก็พากันกระวน
กระวายขึ้นมาในทันใด โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อจํานวนที่วา่ งที่เหลืออยู่
เริ่ มลดลงไปทีละตําแหน่ง
หกชัว่ โมงถัดมาเพราะว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ยังไม่ได้จาํ นวนศิษย์
1,000 คนตามที่ตอ้ งการและยังคงมีที่เหลืออยูอ่ ีก 36 ตําแหน่ง พวก
เขาจึงตัดสิ นใจที่จะยืดเวลาออกไปอีก 24 ชัว่ โมง
สี่ ชวั่ โมงหลังจากที่ยดื เวลาออกไปแล้วจํานวนที่วา่ งก็ลดลงเหลือแค่
17 ตําแหน่ง
และหลังจากผ่านไปอีกสองชัว่ โมง จํานวนที่วา่ งก็เหลือเพียง 7
ตําแหน่ง
“ทําไมเจ้าจึงยืดเวลา ซูหยาง ข้ามิคิดว่าเจ้าจักใจกว้างเช่นนั้น” โหลว
หลานจีถามเขา
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “เพราะว่าข้าอารมณ์ดี”
“หรื อว่าเป็ นเพราะเธอ” ดวงตาของโหลวหลานจีจบั อยูท่ ี่เยีย่ นเยีย่ น
ซึ่งยืนอยูท่ ี่นนั่ ตลอดเวลาเหมือนกับเป็ นตุก๊ ตา
“ข้าเดาว่าเจ้าต้องกล่าวเช่นนั้น มิวา่ อย่างไรนี่จกั เป็ นครั้งแรกของข้าที่
ได้สอนคนที่เป็ นที่รักของสวรรค์ ข้าสนใจใคร่ รู้วา่ เธอจักเติบโตได้
มากและเร็ วแค่ไหน”
หลังจากอีกหนึ่งชัว่ โมงผ่านไป ก็เหลือเพียงสามตําแหน่งที่เหลืออยู่
“ต้องการศิษย์อีกเพียงแค่สามคนรึ ” โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยความ
พึงพอใจ
แม้วา่ การรับศิษย์เพียงแค่ 1,000 คนนั้นน้อยกว่าสิ่ งที่เธอคาดคิดไว้
จากสถานการณ์และชื่อเสี ยงปัจจุบนั ของเธอไว้มากนัก แต่นนั่ ก็ยงั
ดีกว่าแต่ก่อนมากนัก ที่ซ่ ึงพวกเขาได้รับเพียงศิษย์ไม่กี่สิบคนทุกปี
แม้กระทัง่ ในช่วงที่นิกายเข้าสู่ ยคุ รุ่ งโรจน์
“โอ ใช่แล้ว ซูหยาง ข้ามีคาํ ถาม…”
ในขณะที่โหลวหลานจีกาํ ลังอ้าปาก แผ่นดินก็เริ่ มสะเทือน
“อะไรกัน แผ่นดินไหวรึ ”
ผูค้ นที่นนั่ ไม่ได้ให้ความสนใจมากนักในตอนต้น ต่างคาดคิดว่า
แรงสัน่ สะเทือนก็จะหายไปภายในไม่กี่วนิ าที
แต่ทว่าแผ่นดินกลับสัน่ สะเทือนอย่างต่อเนื่องแม้กระทัง่ หลังจาก
เวลาผ่านไปนานถึงหนึ่งนาที รุ นแรงขึ้นตลอดเวลาที่ผา่ นไป
“ก-เกิดอะไรขึ้น นี่มิใช่แผ่นดินไหวธรรมดาแล้ว”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันเกิดความกังวลและกระสับกระส่ ายเพิ่มขึ้น
“ซูหยาง เกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทาํ ให้เกิดแผ่นดินไหวนี้” โหลวหลานจี
ถามเขา
“…”
อย่างไรก็ตามซูหยางยังคงเงียบขณะที่เขาจ้องไปยังทิศทางหนึ่งด้วย
สี หน้าเคร่ งเครี ยด
“???”
โหลวหลานจีจึงหันมองไปทางด้านนั้นเช่นกัน แต่เธอไม่สามารถ
เห็นอะไรที่นนั่ ไม่วา่ เธอจะมองอย่างไรก็ตาม
สองสามอึดใจให้หลัง บางคนค่อยชี้ไปยังทางที่ซูหยางได้จอ้ งมอง
ไปและพลันอุทานออกมาด้วยเสี ยงตระหนกและหวาดกลัวว่า “ด-ด-
ดูทางนั้น นัน่ มันตัวบ้าอะไรกัน”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันหันไปมองที่ซ่ ึงคนผูน้ ้ นั ได้ช้ ี และนัน่ ก็เป็ นตอน
ที่ทุกคนสามารถเห็นงูสีดาํ ขนาดมหึ มาปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
หลายกิโลเมตรจากที่นนั่
งูสีดาํ นี้มีดวงตาสี แดงเลือดและมีกลิ่นอายน่าหวาดกลับรอบตัวของ
มัน และมันก็ยงั ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอีกด้วยเช่นกัน ยิง่ ไป
กว่านั้นโครงร่ างของมันนั้นก็ใหญ่โตเสี ยจนกระทัง่ สู งกว่าภูเขา และ
หัวของมันนั้นก็ถึงกับแตะก้อนเมฆ
“โอ สวรรค์ ข้ามิเคยเห็นสัตว์วญ
ิ ญาณที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้มา
ก่อน”
“ฮ-เฮ้ นัน่ มันมิใช่มุ่งหน้ามาทางพวกเราหรอกรึ ”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างเริ่ มระสํ่าระสายเมื่อพวกเขารู ้วา่ งูมหึ มานี้มุ่งตรงมาทาง
พวกเขา
“วิง่ วิง่ เอาชีวติ รอดถ้าพวกเจ้ามิตอ้ งการที่จะถูกบดขยี้จนตายจากเจ้า
สัตว์อสู รนัน่ ”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างเริ่ มวิง่ หนีจากพื้นที่ทดสอบ
“ซูหยาง สิ่ งนั้นคืออะไร” ซุนจิงจิงและศิษย์คนอื่นต่างรี บเข้ามาหา
เขา
หวังชูเหริ น ผูอ้ าวุโสจง ไป่ ลี่ฮวั และซีซิงฟาง ก็มาปรากฏตัวตรงหน้า
เขาในอีกไม่กี่วนิ าทีให้หลังเช่นกัน
“หากตัดสิ นจากพลังงานที่มนั ปลดปล่อยออกมา… นัน่ ก็คือสัตว์
อัญเชิญ” ซูหยางกล่าวอึดใจให้หลัง
“อะไรนะ สัตว์อญั เชิญ เช่นนั้นต้องมีใครสักคนอัญเชิญสัตว์อสู รนี่
ใครกันที่จกั ทําเช่นนี้ และด้วยเหตุผลอะไรกัน” โหลวหลานจีอุทาน
ออกมาด้วยหน้าตาแตกตื่น
และในขณะที่โหลวหลานจีถามคําถามนั้น เสี ยงอื่นก็ดงั ขึ้นมาใน
บริ เวณนั้น แต่ทว่าเสี ยงนี้ไม่ใช่ของใครสักคนในบริ เวณพื้นที่
ทดสอบ และฟังดูเหมือนกับว่าดังมาจากที่แสนไกล
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าชอบอสรพิษโลหิ ตปี ศาจนี้หรื อไม่ ซูหยาง”
เมื่อผูอ้ าวุโสจงได้ยนิ เสี ยงคุน้ เคยนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วย
ความตระหนก และเขาก็อุทานออกมาดังลัน่ ว่า “ฟูกวาง”
“ฟูกวาง ผูน้ าํ นิกายของนิกายล้านอสรพิษรึ ” ไป่ ลี่ฮวั อุทานออกมา
เมื่อได้ยนิ ชื่อของเขา
“นิกายล้านอสรพิษรึ ” โหลวหลานจีร่างสัน่ สะท้านหลังจากที่ได้ยนิ
ชื่อนี้
เสี ยงของฟูกวางพลันดังขึ้นมาอีกครั้ง “นิกายล้านอสรพิษได้วางแผน
ใช้ไม้ตายนี้เพื่อที่จะยึดครองตระกูลซี ที่โอหังในอีกสองสามปี ข้างหน้า
แต่เพราะว่าเจ้า ซูหยาง ข้าได้เปลี่ยนใจและตัดสิ นใจที่มิเพียงแต่จะ
เร่ งแผนของพวกเราขึ้นอีกสองสามปี แต่กย็ งั ใช้มนั ในการทําลาย
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในเวลาเดียวกันอีกด้วย”
“อะไรนะ เจ้าบ้าไปแล้วรึ ผูน้ าํ นิกายฟู นี่เป็ นการทรยศต่อตระกูลซี
ตระกูลข้าย่อมมิปล่อยให้เรื่ องนี้ผา่ นไปแน่ และพวกเขาก็จกั ลงโทษ
เจ้าด้วยความตาย” ซีซิงฟางกล่าวด้วยเสี ยงโกรธแค้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าสามารถหยุดอสรพิษโลหิ ตปี ศาจที่เหนือกว่าเขตอัมพร
วิญญาณไปไกลแล้วละก็ ข้าย่อมยินดีที่จะมอบชีวติ ให้เจ้า แต่ถา้ เจ้ามิ
สามารถฆ่ามัน แน่นอนว่ามันก็จกั ทําลายทั้งตระกูลซี และนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั และยึดครองทวีปตะวันออก” ฟูกวางคํารามดังลัน่
ในขณะที่ยนื อยูบ่ นหัวของสัตว์ร้ายนี้
บทที่ 510 สั งเวย
“สัตว์อญั เชิญมีระดับเหนือกว่าเขตอัมพรวิญญาณงั้นรึ เป็ นไปได้ไหม
ว่ามันอยูใ่ นระดับเดียวกับปู่ ของข้า เขตราชันย์วญ
ิ ญาณ” ซี ซิงฟาง
ร่ างกายสัน่ สะท้านไปกับความคิดที่วา่ มีสตั ว์อสู รเช่นนั้นเตร็ ดเตร่ ไป
มาบนโลกนี้
“ถ้านัน่ เป็ นจริ ง ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็ นไปได้มากในเมื่อข้าเองก็มิสามารถ
เห็นพลังการฝึ กปรื อของมันได้ เช่นนั้นข้าเกรงว่าคงมีแต่ท่านปรมาจารย์
ที่มีความสามารถที่จะฆ่าสัตว์ร้ายนี้ได้…” ผูอ้ าวุโสจงกล่าวพร้อมกับ
คิ้วมุ่นลึก
“พวกเราควรทําอะไรดี ซูหยาง”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันมองดูเขา ในเมื่อเขามักจะดูเหมือนมีคาํ ตอบใน
ทุกสถานการณ์ไม่วา่ มันจะเลวร้ายมากน้อยเพียงใด
“อืมมมม…” ซูหยางลูบคางของเขาด้วยสี หน้าสงบและกล่าวว่า “สัตว์
อัญเชิญนัน่ มิเพียงอยูใ่ นเขตราชันย์วญ
ิ ญาณ แต่มนั ก็ยงั อยูใ่ นระดับ
ิ ญาณอีกด้วย ข้าเกรงว่ามิมีใครในหมู่พวกเจ้า
สู งสุ ดของเขตราชันย์วญ
ที่นี่จะสามารถเอาชนะมันได้ และก็ยงั เป็ นเช่นนั้นถึงแม้วา่ จะเป็ นผู ้
เฒ่านัน่ ที่อยูใ่ นเขตราชันย์วญ
ิ ญาณ”
“อ-อะไรกัน เช่นนั้นพวกเราควรจะทําบ้าอะไรกันต่อไป ถึงแม้วา่
พวกเราจะมิสามารถเอาชนะมัน พวกเราก็มิสามารถเพียงแค่นงั่ ดูโดย
มิทาํ อะไรทั้งสิ้ น” ไป่ ลี่ฮวั กล่าว
จากนั้นเธอก็ช้ ีไปยังเขาแล้วกล่าวต่อว่า “แล้วทําไมเจ้าจึงผ่อนคลาย
บ้าอะไรในสถานการณ์เช่นนี้”
ซูหยางยักไหล่และกล่าวว่า “ทําไมข้าจักต้องกระวนกระวายด้วยเล่า
แม้วา่ มิมีใครสักคนในหมู่พวกเจ้าสามารถฆ่ามัน ข้ามีวธิ ีมากมายที่
สามารถกําจัดมันได้”
“ทําไมเจ้าจึงมิพดู ออกมาเสี ยแต่ตน้ ”
หลังจากนั้นชัว่ ขณะ อสรพิษโลหิ ตปี ศาจก็หยุดเคลื่อนไหวเมื่ออยู่
ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ราวกับว่า
มันไม่ได้เร่ งรี บในการทําลายทุกสิ่ งในเส้นทางของมัน
“ซูหยาง เจ้ามีคาํ สัง่ เสี ยอะไรก่อนที่ขา้ จะเหยียบยํา่ นิกายของเจ้าจม
ธรณี จนสิ้นซากในขณะที่เจ้าได้แต่ดูอย่างสิ้ นหวัง” ฟูกวางหัวเราะ
เสี ยงดัง
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็ใช้พลังวิญญาณของตนเองยกตัวขึ้น
สู่ ทอ้ งฟ้าและลอยไปอยูต่ ่อหน้าอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ
“ให้ขา้ ไปกับเจ้าด้วย ซูหยาง” ซีซิงฟางก็ติดตามเขาขึ้นสู่ อากาศไป
ด้วยเช่นกัน
“อ-องค์หญิง”
ในเมื่อเขามีภาระต้องปกป้องซีซิงฟาง ผูอ้ าวุโสจงก็ติดตามพวกเขา
ไปด้วยเช่นกัน
“…”
ไป่ ลี่ฮวั ถอนหายใจ ถึงแม้วา่ นี่จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสํานักหงส์
สวรรค์ เธอก็ยงั มีภาระที่จะต้องปกป้องตระกูลซี ในฐานะผูน้ าํ สํานัก
ระดับสู ง
ส่ วนสําหรับคนอื่น ๆ นั้น ในเมื่อพวกเขาไม่ได้อยูใ่ นเขตอัมพร
วิญญาณ พวกเขาจึงไม่มีความสามารถที่จะทะยานสู่ ทอ้ งฟ้า บีบให้
พวกเขาได้แต่มองดูจากพื้นดิน
“โชคดี ซูหยาง”
“รักษาตัวให้ปลอดภัย ทุกคน”
คนอื่น ๆ ต่างพากันส่ งเสี ยงให้กาํ ลังใจพวกเขา
“ต่อให้พวกเจ้าทั้งสี่ คนโจมตีพร้อมกัน เจ้าก็จกั มิสามารถที่จะเอาชนะ
สัตว์อญั เชิญของข้าได้” ฟูกวางยืนอยูต่ ่อหน้าพวกเขาด้วยสี หน้าหลง
ลําพอง
“…”
ซูหยางจ้องมองไปยังอสรพิษโลหิ ตปี ศาจเป็ นเวลาชัว่ ขณะก่อนที่จะ
พูดด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยดว่า “ข้ามิอาจจะนึกออกว่านิกายล้านอสรพิษ
มีทรัพยากรพอที่จะอัญเชิญสัตว์ร้ายระดับนี้ได้ คนกี่คนที่เจ้าสังเวย
เพื่ออัญเชิญมัน 1,000 คน 10,000 คน”
“โอ เจ้ารู ้ดว้ ยรึ ” รอยยิม้ ฉี กกว้างน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ของฟูกวางขณะที่เขากล่าว “จริ งแล้ว มิได้มากมายนัก ข้าเพียงแค่สงั เวย
ไปประมาณ 90% ของจํานวนศิษย์ในนิกายในการที่จะอัญเชิญมัน”
“อ-อะไรกัน เจ้าสังเวยศิษย์ของเจ้าเอง และเป็ นจํานวนถึง 90% ของ
นิกาย เพียงเพื่อที่จะแก้แค้นกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั นะรึ เจ้ามันบ้า
ไปแล้ว” ซีซิงฟางปิ ดปากด้วยมือที่สนั่ สะท้านของเธออย่างตระหนก
นิกายล้านอสรพิษมีศิษย์อยูป่ ระมาณ 40,000 คน และถ้าฟูกวางได้
สังเวย 90% ของศิษย์ของตนเอง นัน่ ย่อมตกประมาณ 36,000 ชีวติ ที่
ถูกสังเวย
“ฟูกวาง… เจ้ามันบ้า…” กระทัง่ ผูอ้ าวุโสจงก็อดไม่ได้ที่จะรู ้สึกว่า
ท้องไส้ของตนเองปั่นป่ วนหลังจากที่เรี ยนรู ้วา่ มีชีวติ กว่า 36,000
ชีวติ ได้ถูกสังเวยไปเพื่ออัญเชิญอสรพิษโลหิ ตปี ศาจนี้
“ข้าคิดสงสัยว่าศิษย์เหล่านี้ยนิ ดีที่จะสละตัวเองด้วยรึ เจ้าทําอะไรกับ
พวกเขา” ไป่ ลี่ฮวั ถามเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“จริ งแล้วข้ามิได้ทาํ อะไรมาก ข้าเพียงแค่เรี ยกพวกเขามารวมตัวกัน
ในที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะทําให้พวกเขาหลับไปด้วยยา พวกเขาทั้งหมด
ล้วนตายอย่างสงบและไม่รู้อะไรทั้งสิ้ น ส่ วนศิษย์ที่เหลืออีกประมาณ
10% นั้น ข้าจักใช้ชีวติ พวกเขาเพื่อเติมความแข็งแกร่ งให้กบั อสรพิษ
โลหิ ตปี ศาจก่อนที่ขา้ จะทําลายตระกูลซีหลังจากนี้”
“สวรรค์ยอ่ มมิให้อภัยแก่เจ้าเรื่ องนี้แน่ ทัณฑ์สวรรค์ยอ่ มจักมาถึงมิชา้
ก็เร็ วเพื่อลงโทษเจ้า” ซีซิงฟางอุทานออกมาด้วยนํ้าตาคลอเบ้า ในเมื่อ
เธอไม่สามารถแม้กระทัง่ จะเริ่ มจินตนาการถึงฉากนองเลือดที่นิกาย
ล้านอสรพิษในตอนนี้ได้
ซูหยางถอนหายใจยาวและกล่าวด้วยเสี ยงเชื่องช้าแต่ชดั เจนว่า “ถ้าข้า
รู ้วา่ สิ่ งนี้จกั เกิดขึ้น ข้าก็ควรทําลายนิกายล้านอสรพิษตั้งแต่วนั ที่เกิด
เหตุการณ์น้ นั ขึ้น อย่างน้อยศิษย์เหล่านั้นก็จกั มิตอ้ งตายอย่างอนาถ”
“แต่เจ้ารู ้ไหม ฟูกวาง…สิ่ งที่เจ้าทําลงไปในตอนนี้น้ นั ค่อนข้างจะไร้
จุดหมาย”
“ไร้จุดหมาย เจ้าพูดอย่างงั้นรึ หรื อว่านี่เป็ นทุกสิ่ งที่เจ้าต้องการพูด
ในตอนนี้เมื่อข้าได้ตอ้ นเจ้าจนมุม ซูหยาง เจ้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
ฟูกวางมองดูเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ซูหยางส่ ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าได้สงั เวยคนนับหมื่นชีวติ ต่างล้วน
เป็ นศิษย์ของเจ้า ทําลายนิกายของเจ้าเองในกระบวนการนี้… ทั้งหมด
นี้เพื่ออะไร เพียงเพื่อแค่ฆ่าข้างั้นรึ ”
“เจ้าต้องมีความมัน่ ใจอยูบ่ า้ งว่าเจ้าอาจจะสามารถฆ่าข้าได้เช่นนี้ แต่
ความมัน่ ใจของเจ้ามาจากไหน ข้าสงสัย”
“ฮ่า หรื อว่าเจ้ากลายเป็ นโง่จากความหวาดกลัวไปแล้ว เจ้าอาจจะเป็ น
อัจฉริ ยะ แต่เจ้ายังคงเป็ นมนุษย์ เจ้าอาจจะมีความสามารถบางอย่าง
แต่พลังของเจ้านั้นมีจาํ กัด เจ้าเพียงแค่อยูใ่ นเขตอัมพรวิญญาณ แต่
อสรพิษโลหิ ตปี ศาจของข้านั้นอยูใ่ นระดับสู งสุ ดของเขตราชันย์
วิญญาณ แม้แต่เซียนก็มิอาจจะเพิกเฉยกับความแตกต่างอย่างมากใน
ระดับของพลังการฝึ กปรื อได้”
ซูหยางเพียงแค่ยกั ไหล่และกล่าวว่า “ข้าคงจักเพียงแค่เสี ยนํ้าลายถ้า
ข้าจะพยายามอธิบายให้เจ้าฟัง ดังนั้นข้าจักแสดงให้เจ้าเห็นว่าช่างไร้
จุดหมายเพียงใดกับการกระทําและความเสี ยสละของเจ้าด้วยการฆ่า
สัตว์ร้ายที่เจ้ามัน่ ใจมากว่าจักสามารถฆ่าข้าได้น้ ีเสี ย”
ในเวลาถัดไป ซูหยางก็นาํ เอากระบี่ที่สวยงามซึ่ งตัวกระบี่น้ นั กึ่งโปร่ งใส
ทั้งยังปลดปล่อยกระแสพลังที่กดดันออกมาจากแหวนมิติของเขา จน
ทําให้บรรยากาศนั้นเปลี่ยนไปในทันที ราวกับว่าตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์
ได้ปรากฏกายขึ้น
บทที่ 511 กระบี่เทพศิลาจันทร์
เมื่อกระบี่ก่ ึงโปร่ งใสปรากฏขึ้นบนโลกนี้ ก็เหมือนกับว่าสมบัติได้
บังเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนั้น จนทําให้ปราณไร้ลกั ษณ์ในรัศมีกว่า
1,000 กิโลเมตรมารวมตัวกันรอบ ๆ ซูหยาง
ยามเมื่อปราณไร้ลกั ษณ์มารวมตัวกันใกล้กบั ซูหยางแล้ว กระบี่น้ นั ก็
สัน่ สะเทือน เกิดประกายแสงอันลึกลํ้า ก่อนที่จะดูดซับปราณไร้
ลักษณ์ที่อยูใ่ กล้ ๆ จนหมดในเกือบทันที
“ส-สมบัติประเภทไหนกันนี่”
ไม่เพียงแต่แค่ฟูกวาง แต่ผคู ้ นทั้งหมดที่อยูท่ ี่นนั่ ต่างพากันตกใจจน
พูดไม่ออกกับการปรากฏตัวขึ้นของสมบัติลึกลับนี้
“กระทัง่ สมบัติวญ ิ ญาณระดับเทพขั้นตํ่าที่เป็ นมรดกตกทอดของตระกูล
ข้าก็ยงั มิอาจที่จะปลดปล่อยกระแสพลังเช่นนั้นได้” ซี ซิงฟางกลืน
นํ้าลายอย่างยากเย็น
เหนือกว่าสมบัติวญ ิ ญาณระดับสวรรค์ ก็ยงั มีระดับเทพ และในทั้ง
ทวีปตะวันออกนี้ ก็มีสมบัติระดับนี้ปรากฏอยูเ่ พียงชิ้นดียว ซึ่งเป็ น
ของตระกูลซี แต่ทว่ากระบี่ที่สวยงามในมือของซูหยางนั้นปลดปล่อย
กระแสพลังที่เหนือกว่าสมบัติวญ ิ ญาณระดับเทพมากนัก ซึ่ งเพียง
บอกได้วา่ มันอยูเ่ หนือกว่ากระทัง่ สมบัติระดับเทพ
ในเวลานั้น ที่ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรจากสถานที่แห่งนั้น
ภายในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ชิวเยว่พลันลืมตาขี้นอย่างรวดเร็ วเมื่อ
เธอรู ้สึกถึงการไหลของปราณไร้ลกั ษณ์ที่ผดิ ปกติ
“ความรู ้สึกนี้คือ…”
เธอหยุดการฝึ กวิชาของตนเอง และรี บออกไปจากบ้านในทันที และ
พุง่ ทะยานไปยังตําแหน่งของซูหยาง
เมื่อเธอเข้าใกล้พอที่จะเห็นสัตว์อญั เชิญ และกระบี่ในมือของซูหยาง
เธอก็ลืมตาโพลงด้วยความประหลาดใจ
“กระบี่เทพศิลาจันทร์”
ชิวเยว่ประหลาดใจที่เห็นกระบี่ของเธอถูกเขาใช้ กระบี่เทพศิลาจันทร์
นั้นเป็ นสมบัติของวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ และครั้งหนึ่งเคยถูกใช้โดย
เยว่ไฮ่ แม่ของเธอ แต่เมื่อเธอวิง่ หนีจากวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์น้ นั ชิว
เยว่ได้ขโมยกระบี่และนํามันไปกับเธอด้วย นี่กเ็ ป็ นอีกเหตุผลหนึ่งที่
ทําไมวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์จึงไล่ติดตามเธอสุ ดชีวติ ในเมื่อเธอมี
หนึ่งในสมบัติล้ าํ ค่าที่สุดของพวกเขา
“พ่—ซูหยาง เกิดอะไรขึ้น” ชิวเยว่พงุ่ เข้าไปยืนข้างกายเขาพร้อมกับ
ถาม
“ท-ท่านคือ”
เมื่อคนอื่นเห็นชิวเยว่ พวกเขาก็ลืมตาโพลงด้วยความตกใจ
“เทพธิดาจากเมื่อตอนนั้น” ซี ซิงฟางร่ างสัน่ สะท้านหลังจากที่รู้สึกถึง
ตัวตนอันพ้นโลกของชิวเยว่
“บ้าแล้วนัน่ ใครกัน ข้ารู ้สึกถึงลางร้ายที่มาจากตัวเธอ… เธอเป็ นคนที่
อันตรายที่สุดคนหนึ่ง…” ฟูกวางจ้องมองไปยังชิวเยว่พร้อมกับขมวด
คิว้ แน่น เพราะว่านิกายล้านอสรพิษไม่ได้ร้ ังอยูห่ ลังจากที่พวกเขา
พ่ายแพ้ ฟูกวางจึงไม่รู้ถึงการคงอยูข่ องชิวเยว่
“ท-ท่านคืออาจารย์ของซูหยาง ถ้าเป็ นท่าน ซึ่งกระทัง่ ปรมาจารย์ยงั
ต้องก้มหัวให้ ท่านต้องสามารถเอาชนะสัตว์อสู รนัน่ ได้ใช่ไหม” ผู ้
อาวุโสจงพลันกล่าวขึ้นขณะที่ช้ ีไปยังอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ
“อาจารย์รึ” ชิวเยว่หนั ไปมองดูเขาพร้อมกับขมวดคิว้ “ข้ามิใช่อาจารย์
เขา”
จากนั้นเธอก็หนั ไปมองดูอสรพิษโลหิตปี ศาจพร้อมกับเลิกคิ้ว กล่าว
ิ ญาณรึ แม้วา่ พลังการฝึ กปรื อของ
ว่า “ระดับสู งสุ ดของเขตราชันย์วญ
มันจะดูสูง แต่พลังภายในของมันไม่เสถียร เจ้านี้มีพลังอํานาจเทียบเท่า
กับคนที่อยูใ่ นระดับสองหรื อสามเขตราชันย์วญ ิ ญาณเป็ นอย่างมาก”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านต้องการให้ขา้ ฆ่าสัตว์ร้ายนี้ไหม” เธอถามซูหยาง
ด้วยสี หน้าไม่หวัน่ ไหว ราวกับว่าอสรพิษโลหิตปี ศาจนี้ไม่ต่างไป
จากงูธรรมดาในสายตาของเธอ
“ไม่ นี่เป็ นโอกาสอันดีที่ขา้ จะได้ทดสอบความสามารถเต็มที่ของข้า
แม้วา่ ข้าจะโกงบ้างเล็กน้อยด้วยการใช้กระบี่เทพศิลาจันทร์ สมบัติ
ระดับโบราณ ข้าในตอนนี้มิได้มีสมบัติอื่นในมือที่สามารถทนต่อ
วิชาของตระกูลเทพอาชูร่า”
“วิชาของตระกูลเทพอาชูร่ารึ อย่าบอกข้านะว่านัน่ ท่านกําลังจะใช้
วิชาเดียวกับที่ใช้ข่เู ด็กหญิงนัน่ ” ชิวเยว่นึกไปถึงเวลานั้นในทวีป
ศักดิ์สิทธิ์กลาง เมื่อเขาทําให้วจู ิงจิงถึงกับฉี่ ราดกางเกงจากการใช้วิชา
กระบี่จากตระกูลเทพอาชูร่า
ซูหยางพยักหน้า
“เจ้าสามารถปกป้องคนที่อยูด่ า้ นล่างเหล่านั้นได้ไหม” ซูหยางมอง
ไปยังเหล่าศิษย์ที่อยูบ่ ริ เวณพื้นที่ทดสอบ
ชิวเยว่พยักหน้าและตรงไปหาพวกเขา ก่อนที่จะสร้างค่ายกลป้องกัน
ที่ทรงพลังรอบ ๆ ตัวพวกเขา
“ช-ช่างเป็ นค่ายกลที่ทรงพลังนัก และเธอก็ยงั สามารถสร้างขึ้นมาได้
ภายในชัว่ กระพริ บตา” โหลวหลานจีถึงกับงงงันกับความสามารถ
ของชิวเยว่ ครุ่ นคิดว่าเธอเป็ นคนหนึ่งที่ซูหยางได้พดู ถึงว่าจะให้ช่วย
เขาสร้างค่ายกลให้กบั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั หรื อไม่
“เจ้าดูอะไรอยูร่ ึ ” ชิวเยว่มองไปที่เธอพร้อมกับเลิกคิ้ว
“จริ งแล้วเพียงแค่วา่ ท่านเป็ นใครกัน เซียนเหมือนกับซูหยางรึ ” โหลว
หลานจีถามเธอด้วยเสี ยงกระซิบ
ชิวเยว่มองดูอีกฝ่ ายพร้อมกับหรี่ ตาแล้วกล่าวว่า “เจ้ารู ้ความเป็ นมา
ของเขาแล้วรึ เจ้าเป็ นใครกัน”
“ข-ข้าเป็ นผูน้ าํ ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และใช่ เขาบอกข้าเล็กน้อย
เกี่ยวกับความเป็ นมาของเขาก่อนหน้านี้…”
“อย่างงั้นรึ ” หลังจากที่จอ้ งมองดูโหลวหลานจีชวั่ ขณะ ชิวเยว่กเ็ ลิก
ให้ความสนใจเธอ และกลับไปดูซูหยางต่อไป
ในเวลานั้นซูหยางก็กล่าวกับจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณคนอื่นว่า
“ถ้าพวกเจ้ามิตอ้ งการที่จะได้รับผลกระทบจากการระเบิด ข้าแนะนํา
ให้พวกเจ้าถอยไปยูก่ บั เหล่าศิษย์ พวกเจ้าจะปลอดภัยที่นนั่ ”
“ท่านมัน่ ใจว่าท่านมิตอ้ งการความช่วยเหลืออะไรจากพวกเรารึ ซู
หยาง ถึงแม้วา่ นี่จะอันตรายอยูบ่ า้ ง ข้าก็ยนิ ดีที่จะอยูเ่ บื้องหลังและ
ช่วยท่านเอาชนะสัตว์ร้ายนัน่ ” ซีซิงฟางถามเขาด้วยใบหน้าเป็ นกังวล
ภายใต้ผา้ คลุม
ไม่วา่ เขาจะดูมีพรสวรรค์เท่าไหร่ กต็ าม ปกติแล้วมันเป็ นเรื่ องบุ่มบ่าม
ที่จะต่อสู ก้ บั ผูท้ ี่แข็งแกร่ งกว่าตัวเองทั้งเขต โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อคู่
ต่อสู น้ ้ นั เป็ นสัตว์ร้ายในเขตราชันย์วญ ิ ญาณ
สัตว์วญิ ญาณเป็ นที่รู้จกั กันว่ามีความแข็งแกร่ งกว่าผูฝ้ ึ กยุทธมนุษย์
โดยธรรมชาติในระดับเดียวกัน ดังนั้นถ้าผูฝ้ ึ กยุทธต้องการที่จะเอาชนะ
สัตว์วญ
ิ ญาณที่ระดับแรกเขตราชันย์วญ ิ ญาณ ผูฝ้ ึ กยุทธต้องมีความ
แข็งแกร่ งอย่างน้อยที่ระดับสองหรื อระดับสามขึ้นไปในการต่อสู ก้ บั
มัน
แน่นอนว่ายังมีผฝู ้ ึ กยุทธอัจฉริ ยะที่สามารถต่อสู ก้ บั สัตว์วญ
ิ ญาณ
เหนือกว่าระดับปัจจุบนั ของตนเอง แต่คนเหล่านั้นมีนอ้ ยมากและอยู่
ห่างไกลมาก
“อย่ากังวลในเรื่ องข้า ให้ไปอยูท่ ี่คนอื่นอยู่ สิ่ งต่าง ๆ ที่นี่อาจจะค่อนข้าง
วุน่ วายเล็กน้อยชัว่ ขณะ และข้าอาจจะมิสามารถควบคุมวิชานี้ได้อย่าง
สมบูรณ์ และข้ามิตอ้ งการที่จะทําให้เจ้าบาดเจ็บ”
หลังจากที่จอ้ งมองเขาชัว่ ขณะ ซีซิงฟางก็พยักหน้าและมุ่งหน้าไปยัง
ค่ายกลป้องกันรอบตัวชิวเยว่ เช่นเดียวกับจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณ
คนอื่น
บทที่ 512 กระสั บกระส่ ายด้ วยความหวาดกลัว
ครั้นเมื่อทุกคนข้างกายซูหยางเข้าไปอยูภ่ ายในค่ายกลป้องกันแล้ว
ชิวเยว่กค็ รอบคลุมค่ายกลด้วยค่ายกลป้องกันอีกหลายชั้น แต่ละชั้น
ของค่ายกลป้องกันนี้สามารถป้องกันผูฝ้ ึ กยุทธในระดับสู งสุ ดเขต
ราชันวิญญาญนับร้อยได้โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน อย่าว่าแต่ค่ายกล
หลายสิ บชั้นซ้อนทับกันอยู่
“ผูอ้ าวุโส ท่านคิดว่าเขาจะสามารถฆ่าอสรพิษโลหิ ตปี ศาจหรื อไม่”
ซีซิงฟางถามชิวเยว่ดว้ ยนํ้าเสี ยงนบนอบ
ชิวเยว่มองดูเธอแล้วยักไหล่ดว้ ยสี หน้าจริ งจัง “ข้าจะรู ้ได้อย่างไร”
“เอ๋ ”
ซีซิงฟางและคนอื่น ๆ ที่นนั่ ต่างก็พากันมองดูเธอด้วยสี หน้างุนงง
ทําไมจอมยุทธอย่างเธอไม่รู้ผลลัพธ์ แน่นอนว่าเธอต้องมีประสบการณ์
มากมายเพียงพอที่จะตัดสิ นผลลัพธ์ของการต่อสู ก้ ่อนที่มนั จะเริ่ มต้น
ขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามในความเป็ นจริ ง แม้วา่ จะมีพลังการฝึ กปรื อและชีวติ
ที่ได้อยูม่ านานหลายพันปี ชิวเยว่กย็ งั ขาดประสบการณ์ในการต่อสู ้
ในเมื่อเธอได้แต่เพียงมีชีวติ อยูอ่ ย่างสันโดษนับตั้งแต่เด็ก
แน่นอนว่า เธอต้องรับมือกับการไล่ล่าของวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ แต่
เธอเพียงแค่หนีเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ตอ้ งการการต่อสู ม้ ากนัก
หลังจากที่มาถึงโลกแห่งนี้ ที่ซ่ ึงผูฝ้ ึ กยุทธทุกคนนั้นไม่ต่างไปจากมด
ในสายตาของเธอ ถึงแม้วา่ เธอต้องการที่จะต่อสู ้ ที่เธอจําเป็ นต้องทํา
เพื่อให้ได้รับชัยชนะก็เพียงแค่ปลดปล่อยพลังการฝึ กปรื อของเธอ
ออกมาบ้างและนัน่ ก็จะทําให้คู่ต่อสู ข้ องเธอตกใจตาย
เมื่อเห็นสี หน้างุนงงของซีซิงฟาง ชิวเยว่กอ็ ธิบายต่อหลังจากนั้นว่า
“ถ้าซูหยางบอกเจ้าว่ามิตอ้ งกังวลในเรื่ องเขา เช่นนั้นก็มิควรจะมี
เหตุผลอะไรสําหรับเจ้าที่จะต้องไปกังวลเกี่ยวกับเขา แน่นอนว่า
สถานการณ์น้ ีอาจจะดูบุ่มบ่ามและเกินมือของเขา แต่ขา้ เชื่อในการ
ตัดสิ นใจและความมัน่ ใจของเขา”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเธอที่ไม่มีแม้กระทัง่ เสี้ ยวแห่งความสงสัย ซีซิง
ฟางก็พยักหน้าและตัดสิ นใจที่จะเชื่อมัน่ ในซูหยางเช่นกัน
ในเวลานั้น กลางอากาศ ซูหยางและฟูกวางก็ได้จอ้ งมองกันและกัน
อยูอ่ ย่างเงียบ ๆ
“ขอบคุณที่อดทน” ซูหยางกล่าวกับฟูกวางด้วยสี หน้าเฉยเมยหลัง
จากที่ซีซิงฟางและคนอื่นไปพ้นจากข้างกายเขาแล้ว
ฟูกวางแค่นเสี ยงเย็นชาพร้อมกับมีสีหน้าดูถูก “ฮึ่ม มิมีความจําเป็ นที่
จะต้องเร่ งรี บ ตราบเท่าที่ขา้ มีอสรพิษโลหิ ตปี ศาจนี้ขา้ งกาย ข้าสามารถ
ฆ่าเจ้าได้ทุกเมื่อยามที่ขา้ ต้องการได้อย่างง่ายดาย และข้าต้องการให้
การตายของเจ้านั้นเป็ นไปอย่างช้า ๆ และเจ็บปวด”
สายตาของเขาเลื่อนจากใบหน้าของซูหยางไปยังกระบี่ที่อยูใ่ นมืออีก
ฝ่ าย “ข้าควรขอบใจเจ้าเสี ยก่อนสําหรับการมอบสมบัติที่น่ามหัศจรรย์
เช่นนี้ให้กบั ข้า”
ซูหยางยกกระบี่ข้ ึนและกล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ถึงแม้วา่ ข้ายืน่ กระบี่น้ ี
ให้กบั เจ้าในตอนนี้ เจ้าก็มิสามารถที่จะถือมันได้ เจ้ารู ้หรื อไม่วา่
สมบัติวญ ิ ญาณที่ระดับสวรรค์ช้ นั สุ ดท้ายขึ้นไปจะมีจิตวิญญาณเป็ น
ของตนเอง”
“เมื่อสิ่ งนั้นเกิดขึ้น พวกมันสามารถที่จะเลือกเจ้าของของพวกมันได้
ผูท้ ี่สามารถถือพวกมันและผูท้ ี่ไม่สามารถแม้จะแตะต้องพวกมันได้”
“และเป็ นเวลานานมากว่าหลายพันปี แล้ว แต่กย็ งั มีคนแค่สองคน
เท่านั้นที่สามารถได้รับสิ ทธิ์จากกระบี่เทพศิลาจันทร์”
“พูดจาไร้สาระ” ฟูกวางสะบัดชายเสื้ ออย่างรุ นแรงจนทําให้ปราณไร้
ลักษณ์ที่บริ เวณนั้นแตกกระจาย
“ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า ทําไมเจ้ามิถือกระบี่น้ ีและดูวา่ จักเกิดอะไรขึ้นกับร่ าง
ของเจ้าหลังจากนั้น” ซูหยางพลันยืน่ ส่ งกระบี่ไปหาฟูกวางด้วยสี หน้า
เรี ยบเฉย ราวกับว่าเขากําลังเสนอกระบี่ให้กบั ฟูกวาง
“ซูหยาง” ซีซิงฟางถึงกับงงงันไปกับการกระทําของเขา มีโอกาสสู ง
มากที่ซูหยางเพียงแค่บลัฟ แต่ถา้ ฟูกวางสามารถได้รับสมบัติน้ นั นัน่
ย่อมเป็ นหายนะสําหรับพวกเขาทุกคน
อย่างไรก็ตามชิวเยว่กล่าวด้วยเสี ยงเยือกเย็นว่า “ซูหยางไม่ได้บลัฟ
สมบัตินนั่ มีจิตวิญญาณของตัวมันเองจริ ง ๆ ตามความเป็ นจริ งแล้ว
แม้วา่ ข้าจะสามารถสัมผัสมันได้ แต่ขา้ ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมมัน
ได้ ถ้าเป็ นคนอื่นที่มิใช่ซูหยางและแม่ของข้าสัมผัสมัน กระบี่เทพ
ศิลาจันทร์กจ็ กั พยายามฆ่าคนพวกนั้นด้วยการเทปราณไร้ลกั ษณ์
จํานวนมหาศาลที่คนพวกนั้นไม่สามารถรับได้เข้าไปในร่ างคนพวก
นั้น ทําให้ร่างของคนพวกนั้นระเบิดในทันใดฆ่าคนพวกนั้นตายคาที่”
ซีซิงฟางร่ างกายสัน่ สะท้านเมื่อนึกถึงภาพฉากนั้น เมื่อตอนที่ร่างของ
เธอแตกระเบิดออกจากการที่เพียงแค่แตะสมบัติชิ้นนี้
“…”
ฟูกวางจ้องมองไปที่กระบี่พร้อมกับขมวดคิว้ แน่น แม้วา่ เขาค่อนข้าง
มัน่ ใจว่าซูหยางเพียงแค่บลัฟว่าอาวุธวิญญาณนั้นมีจิตวิญญาณของ
ตนเอง แต่เขาก็สามารถรับรู ้ได้ถึงความรู ้สึกอันตรายอันละเอียดอ่อน
ออกมาจากกระบี่
มันเป็ นความรู ้สึกที่มาจากสัญชาตญาณของเขา เป็ นความรู ้สึกที่ทาํ
ให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่ างกายของเขาสัน่ สะท้าน
หลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักโดยที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจากฟู
กวาง ซูหยางก็ดึงกระบี่กลับแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็ นคนที่มีธุระยุง่ ดังนั้น
ข้าจะมิยดื เยื้ออีกต่อไป”
หลังจากที่พดู คําเหล่านั้นแล้วซูหยางก็ลูบคลําตัวกระบี่ก่ ึงโปร่ งใส
นั้นอย่างเบามือด้วยนิ้วของเขา จนทําให้เกิดเปลวไฟสี ดาํ พวยพุง่ ขึ้น
จากบริ เวณที่เขาสัมผัส
เมื่อถึงตอนที่นิ้วของเขาเลื่อนไปถึงปลายสุ ดของตัวกระบี่ ทั้งตัวกระบี่
ก็ปกคลุมไปด้วยไฟสี ดาํ
อย่างไรก็ตามแม้วา่ มือของเขาจะอยูภ่ ายในไฟสี ดาํ ที่ดูอนั ตรายนั้น ซู
หยางก็เพียงแค่รู้สึกอบอุ่นสบาย ราวกับว่ามือของเขานั้นพันไว้ดว้ ย
ผ้านุ่ม ๆ
ในเวลานั้น ปราณไร้ลกั ษณ์ในรัศมี 10,000 กิโลเมตรก็พงุ่ เข้าไปหา
บริ เวณที่ซูหยางอยูแ่ ละถูกดูดกลืนด้วยกระบี่เทพศิลาจันทร์ จนทําให้
เพลิงสี ดาํ นั้นยิง่ ดําและร้ายกาจยิง่ กว่าเดิม ราวกับว่าเป็ นเพลิงที่มาจาก
ส่ วนลึกที่สุดของนรก
ในเวลานี้ ซูหยางก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็ นเพียงแค่ยอดยุทธในเขตอัมพร
วิญญาณอีกต่อไป เมื่อเขาปลดปล่อยกระแสพลังที่คล้ายคลึงกับ
อสรพิษโลหิ ตปี ศาจ ไม่ใช่ นี่ยงิ่ เหนือกว่ามันขึ้นไปอีก
เมื่ออสรพิษโลหิ ตปี ศาจรับรู ้ถึงจิตสังหารและกระแสพลังที่น่าหวาด
กลัวที่มาจากเพลิงสี ดาํ มันก็เริ่ มสัน่ สะท้านในขณะที่ส่งเสี ยงแปลก ๆ
ที่ฟังดูคล้ายกับว่ามันกําลังรํ่าร้องไห้
“อสรพิษโลหิ ตปี ศาจ” ฟูกวางมองดูมนั กระสับกระส่ ายไปมาคล้าย
กับว่ามันต้องการที่จะหนีไปด้วยสี หน้าแตกตื่น เขาเพียงไม่อยากเชื่อ
สายตาของตนเอง ทําไมอสรพิษโลหิตปี ศาจสัตว์อญั เชิญที่ตอ้ งการ
คนสังเวยกว่า 36,000 คนในการอัญเชิญจึงสัน่ สะท้านด้วยความ
หวาดกลัวต่อหน้าแค่ผฝู ้ ึ กวิชาในเขตอัมพรวิญญาณ
บทที่ 513 พลังทีเ่ หนือลํา้
ซูหยางสามารถรู ้สึกได้ถึงร่ างกายของเขาที่พลุ่งพล่านไปด้วยพลัง
วิญญาณและพลัง อย่างไรก็ตามเขารู ้ดีวา่ พลังเหล่านี้จะอยูไ่ ด้ไม่นาน
นัก ในเมื่อมันมาจากเสี้ ยวของปราณเทพภายในร่ างของเขาหลังจาก
ที่มนั ได้รับพลังจากกระบี่เทพศิลาจันทร์ และเขามีเวลาอย่างมากแค่
สิ บสองวินาทีก่อนที่มนั จะสู ญสลายไป
แน่นอนว่ามีเวลาเพียงแค่สิบสองวินาทีกเ็ พียงพอสําหรับเขาในการ
ฆ่าอสรพิษโลหิ ตปี ศาจและฟูกวางแล้ว
ครั้นเมื่อกระบี่เทพศิลาจันทร์ถูกครอบคลุมไปด้วยเพลิงสี ดาํ แล้ว
ดวงตาของซูหยางก็เป็ นประกายลึกลํ้าและแขนของเขาก็ตวัดกระบี่
ขึ้นไปบนท้องฟ้า
“กระบี่ลบั อาชูร่า กระบี่แรกกลืนสวรรค์”
วืด
ไฟสี ดาํ พวยพุง่ ออกจากคมกระบี่ก่ ึงโปร่ งใสกลายเป็ นเพลิงวงโค้ง
ขนาดยักษ์พงุ่ เข้าใส่ ฟูกวางและอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ
ดวงตาของฟูกวางเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นเพลิงรู ปโค้ง
ขนาดยักษ์ที่ปลดปล่อยพลังมหาศาลมุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ ว
และในเวลาชัว่ พริ บตา ฟูกวางก็นาํ เอาสมบัติช่วยชีวติ ออกมาและสัง่
ให้มนั ทํางานโดยไม่ลงั เลตามสัญชาตญาณ ปกคลุมร่ างของเขาด้วย
แสงสี ทองและย้ายร่ างของเขาไปยังปลอดภัยที่ระยะหนึ่งร้อยกิโลเมตร
จากอสรพิษโลหิ ตปี ศาจในทันที
ทันทีที่ฟูกวางสัง่ สมบัติช่วยชีวติ ที่มีค่าถึงห้าล้านก้อนหิ นวิญญาณ
เพลิงครึ่ งวงกลมก็ไปถึงตรงหน้าอสรพิษโลหิ ตปี ศาจแล้ว
และเมื่อเพลิงครึ่ งวงกลมสัมผัสกับอสรพิษโลหิ ตปี ศาจเพียงเล็กน้อย
เท่านั้นมันก็แผ่ขยายและกลืนอสรพิษโลหิ ตปี ศาจทั้งตัวแทบจะ
ในทันทีทาํ ให้มนั กรี ดร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวน
อย่างไรก็ตามเพลิงครึ่ งวงกลมไม่ได้หยุดอยูแ่ ค่อสรพิษโลหิ ตปี ศาจ
และยังคงพุง่ ต่อไปตามแนวเส้นทาง จนกระทัง่ มันปะทะเข้ากับแนว
เทือกเขาเบื้องหลังอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ
วืด
ทันทีที่เพลิงครึ่ งวงกลมสัมผัสกับแนวเทือกเขา มันก็เปลี่ยนทุกสิ่ งที่
มันสัมผัสไปเป็ นฝุ่ น ทําลายภูเขาหลายสิ บลูกไปอย่างง่ายดาย
เพลิงครึ่ งวงกลมยังเดินทางไปอีกหลายกิโลเมตรก่อนที่จะหายไปใน
อากาศ
เมื่อตอนที่เพลิงครึ่ งวงกลมหายไปนั้น อสรพิษโลหิ ตปี ศาจก็เผาไหม้
เป็ นจุลไม่เหลือแม้ข้ ีเถ้าให้เห็น
“ป-ป-เป็ นไปไม่ได้…”
ฟูกวางจ้องมองไปยังความว่างเปล่าและภูเขาที่ถูกทําลายอย่างหมดจด
จนตาถลนออกจากเบ้าและปากอ้าค้าง ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นวิชาที่มี
พลังอํานาจการทําลายเช่นนี้มาก่อน
ถ้าซูหยางได้ใช้วชิ านี้ภายในเมืองหรื อสํานักแทนที่จะเป็ นป่ าเขา เขา
จะต้องลบเมืองทั้งเมืองหรื อสํานักนั้นทั้งสํานักได้ภายในพริ บตา
“ซ-ซูหยางทรงพลังมากน้อยแค่ไหนกัน นี่มิใช่อะไรที่คนที่อยูใ่ นเขต
อัมพรวิญญาณจะสามารถทําได้ แม้กระทัง่ ปู่ ของข้าก็ยงั ยากลําบากที่
จะทําลายภูเขาสักลูกด้วยตัวของเขาเอง อย่าว่าแต่หลายสิ บลูก และ
ด้วยความง่ายดายเช่นนี้” ซี ซิงฟางอุทานออกมาด้วยท่าทางตกใจ
หลังจากที่เห็นความสามารถที่แท้จริ งของซูหยาง
“ไม่น่าเชื่อ… นัน่ เป็ นวิชากระบี่ประเภทไหนกันที่เขาเพิ่งใช้ มัน
เหนือกว่าทุกสิ่ งที่ขา้ ได้เคยเห็นมาก่อน” ร่ างกายของผูอ้ าวุโสซุนสัน่
สะท้านกับการเผยโฉมของวิชากระบี่อนั ลํ้าลึกเช่นนั้น รู ้สึกด้อยกว่า
มากแม้กระทัง่ กระแสพลังที่ยงั คงตกค้างอยู่
“เจ้ายังคงรอดอยูร่ ึ ” ซูหยางมองไปที่ฟกู วางด้วยสี หน้าเยือกเย็น แต่วา่
ร่ างกายและใบหน้าของเขาโชกไปด้วยเหงื่อ
การใช้วชิ าของตระกูลเทพอาชูร่าแม้แต่เพียงครั้งเดียวก็ทาํ ให้เขาหมด
ปราณไร้ลกั ษณ์ของเขาไปเกือบหมด ยิง่ ไม่ตอ้ งกล่าวถึงผลลัพธ์อนั
ทรงความแข็งแกร่ งจากการใช้ปราณเทพเพือ่ เพิ่มความแข็งแกร่ งให้
กับวิชายิง่ ขึ้นไปอีก
แต่แม้วา่ จะรู ้สึกเหมือนตัวเขาเองสามารถล้มลงไปได้ทุกขณะจาก
ความเหนื่อยล้า ซูหยางก็ยงั สามารถฝื นให้มีสติสามารถพูดได้ดว้ ย
รอยยิม้ บนใบหน้า “จริ งแล้วข้าโล่งใจที่เจ้ายังมิตายง่าย ๆ ในเมื่อนัน่
จะเป็ นการผ่อนปรนโทษทัณฑ์ให้กบั คนบาปเช่นเจ้ามากเกินไป”
“จ-จ-เจ้า…” ฟูกวางร่ างกายแข็งทื่อด้วยความกลัว กระทัง่ แม้เขา
ต้องการที่จะหันกายหนีไป ร่ างกายของเขาก็ปฏิเสธที่จะฟังคําสัง่
เป็ นเหตุให้ตวั เขาเองยืนอยูต่ รงนั้นเหมือนกับลูกไก่ที่รอถูกเชือด
“ข้าจักทําให้มนั่ ใจว่าเจ้าจักต้องทนรับผิดชอบต่อชีวติ ทุกคนใน
36,000 คนที่เจ้าได้ขโมยไปอย่างไร้คา่ ”
ซูหยางใช้กา้ วเก้าดาราและเข้าประชิดตัวฟูกวางในทันที
“เจ้าชัว่ ดรรชนีพิษพิฆาต”
เมื่อซูหยางเข้าไปใกล้เขา ฟูกวางก็พลันสะบัดกรงเล็บที่เคลือบไป
ด้วยพิษร้ายเข้าใส่ ซูหยาง
วืด
กระบี่เทพศิลาจันทร์ในมือซูหยางเปล่งประกายและหายไปในทันที
และในทันใดนั้นเอง มันก็ตดั แขนทั้งสองข้างของฟูกวางออก
หลังจากที่ตดั แขนฟูกวางออกแล้ว ซูหยางก็ทิ่มจุดตันเถียนของฟูก
วางด้วยกระบี่เทพศิลาจันทร์
“ผนึกสมบูรณ์กระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์”
จากนั้นซูหยางก็ปิดผนึกพลังการฝึ กปรื อและอาการบาดเจ็บหนัก
ของฟูกวาง เปลี่ยนให้อีกฝ่ ายกลายเป็ นคนธรรมดาและป้องกันไม่ให้
เลือดไหลออกจากร่ างภายในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเขายังไม่จบกระบวนการกับฟูกวาง ในเมื่อหลังจากนั้น
เขาก็ได้ทิ่มนิ้วที่เปล่งแสงสี ดาํ ลึกลับไปยังหน้าผากของฟูกวาง
“คําสาปโบราณเก้าพัน”
ฟูกวางสามารถรู ้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงลึกลับเกิดขึ้นภายในร่ าง
ของเขา แต่ไม่สามารถบอกได้ชดั เจนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงภายใน
ร่ างของเขา
และทั้งหมดนี้กเ็ กิดขึ้นในเวลาชัว่ พริ บตา ทําให้เป็ นไปไม่ได้สาํ หรับ
ฟูกวางที่จะทันต่อต้าน
“จ-เจ้าทําอะไรกับข้า ซูหยาง” ฟูกวางคําราม รู ้สึกเหมือนกับว่าร่ าง
ของเขาไม่ได้เป็ นของตนเองอีกต่อไป
ซูหยางไม่ได้พดู อะไรกับอีกฝ่ าย เพียงแค่ใช้พลังที่ยงั เหลืออยูใ่ นการ
กลับคืนไปหาชิวเยว่และคนอื่น ๆ
“ข้าได้ปิดสกัดพลังการฝึ กปรื อของฟูกวาง ดังนั้นเขาจึงไร้พลังอย่าง
สิ้ นเชิงในตอนนี้ เขามิได้เป็ นอันตรายแม้กระทัง่ คนธรรมดาอีกต่อไป
เจ้าสามารถทําอะไรก็ได้ตามต้องการกับเขา ท่านหญิงซี” ซูหยาง
กล่าวกับเธอ
“ท-ท่านมัน่ ใจรึ ” ซี ซิงฟางพึมพําด้วยเสี ยงสับสน เห็นได้ชดั ว่ายังคง
หวาดกลัวหลังจากที่เห็นพลังที่เหนือลํ้าของเขา
ซูหยางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เขาได้สงั เวยชีวติ มากกว่า 36,000 คน
และพวกเขาล้วนเป็ นศิษย์ของเขา ข้าคิดว่าจะเป็ นการเหมาะสมกว่า
ถ้าข้าปล่อยให้ตระกูลซีจดั การเขา ยิง่ ไปกว่านั้น เขามิได้เป็ นอะไรไป
มากกว่ามดในสายตาข้า ข้ามิได้สนใจอะไรมากนักกับเขา”
ซีซิงฟางพยักหน้าสองสามอึดใจจากนั้น “ข้าขอสาบานด้วยชื่อของ
ตระกูลข้าว่าตระกูลซีจกั ลงโทษเขาตามความเหมาะสมและนําความ
ยุติธรรมมาให้กบั คนที่เขาฆ่ามิวา่ มันจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม”
บทที่ 514 คําสาปทีน่ ่ ากลัว
“โอ และเจ้ามิตอ้ งผ่อนปรนการลงโทษ ในเมื่อเขามิอาจจะฆ่าตัวตาย
ได้ไม่วา่ เจ้าจะทําอะไรกับเขาก็ตาม” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอด้วย
เสี ยงเย็นชา
“ด-เดี๋ยวก่อน… เขามิสามารถฆ่าตัวตายรึ นัน่ หมายความว่าอะไร”
ไป่ ลี่ฮวั ถามเขาด้วยความสนใจที่พงุ่ ขึ้น
“ข้าได้วางคําสาปบนตัวเขา เขามิสามารถที่จะฆ่าตัวตายแม้กระทัง่
เขาอยากตายแค่ไหนก็ตาม” เขาตอบอย่างเยือกเย็น
“น-นัน่ มันทํางานอย่างไร” ผูอ้ าวุโสจงถาม ในเมื่อเขาเองก็รู้สึกทึ่ง
กับคําสาปอันลึกลํ้าเช่นนั้น
“ข้าสาปวิญญาณของเขา ถ้าหากว่าเขาคิดฆ่าตัวตายแม้เล็กน้อยก็ตาม
คําสาปก็จะทําอันตรายต่อวิญญาณของเขา ทําให้เขาได้ประสบกับ
ความเจ็บปวดทรมานที่เลวร้ายยิง่ กว่าความตายจนกว่าเขาจะล้มเลิก
ความคิดนั้น อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดนี้จกั มิฆ่าเขา มิวา่ เขาจะได้
รับความเจ็บปวดทรมานสักเพียงใดก็ตาม ยิง่ ไปกว่านั้นมันก็จกั ยับยั้ง
การเคลื่อนไหวของเขาจนกว่าความเจ็บปวดนั้นจะหยุดยั้งลง ดังนั้น
เขาจึงมิสามารถบีบบังคับตัวเองผ่านเจ็บปวดได้”
หลังจากที่รู้วา่ คําสาปนี้ทาํ งานอย่างไร คนที่อยูท่ ี่ตรงนั้นต่างก็แสดง
สี หน้าหวาดหวัน่ บนใบหน้าของตนเอง
“ช่างเป็ นคําสาปที่โหดร้ายน่าหวาดกลัว เมื่อมิอาจตายได้แม้วา่ จะ
ต้องการก็ตาม” โหลวหลานจีปิดปากของเธอด้วยความตระหนก
“มันอาจจะดูเหมือนโหดร้ายผิดมนุษย์ แต่สาํ หรับคนที่มีบาปมหันต์
อย่างเช่นฟูกวาง เขาสมควรได้รับมันอย่างสาสมแล้ว” ซี ซิงฟางกล่าว
ด้วยเสี ยงเยือกเย็น ในเมื่อเธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจเหลือสําหรับ
คนที่สามารถสังเวยศิษย์ของตนเองและฆ่าพวกเขาราวกับมดปลวก
“ให้ขา้ พาฟูกวางกลับไปยังตระกูลซี เพื่อท่าน องค์หญิง” ผูอ้ าวุโสจง
พลันกล่าวขึ้น
ซีซิงฟางพยักหน้า และผูอ้ าวุโสจงก็ไล่ตามฟูกวางที่พยายามจะวิง่
หนีดว้ ยสองขาที่เหลืออยู่
อย่างไรก็ตามโดยที่ไม่มีพลังการฝึ กปรื อเหลืออยู่ ฟูกวางเพียงสามารถ
ที่จะวิง่ ไปได้ไม่กี่ร้อยเมตรก่อนที่จะถูกจับโดยผูอ้ าวุโสจง
“นรกขุมไหนที่เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปรึ ฟูกวาง” ผูอ้ าวุโสจงบีบคอของ
เขาและหิ้วเขากลับมาที่ซีซิงฟาง
“คุกเข่าลง” ผูอ้ าวุโสจงบีบให้ฟูกวางคุกเข่าลงเมื่อพวกเขาไปถึงที่
ข้างตัวของซีซิงฟาง
“เดรัจฉาน” ฟูกวางคําราม
“อาาาา”
ฟูกวางกรี ดร้องเมื่อผูอ้ าวุโสจงพลันกระทืบลงไปยังขาข้างหนึ่งของ
เขา ทําลายกระดูกทั้งหมดในขาข้างนั้น
“พ-พ-พวกเจ้าทั้งหลายรออะไรอยู่ ฆ่าข้าเสี ยสิ ” ฟูกวางตะโกนด้วย
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
“มิตอ้ งกังวล พวกเรามิฆ่าเจ้าหรอก” ซีซิงฟางจ้องมองเขาด้วยสี หน้า
ขยะแขยงภายในผ้าปิ ดหน้าของเธอ ราวกับว่าเธอกําลังมองดูสิ่งที่น่า
รังเกียจ
“ข้ากําลังจะพาเจ้ากลับไปยังตระกูลซี และให้เจ้าทนรับผิดชอบต่อทุก
ชีวติ ที่เจ้าได้ขโมยไปแม้วา่ จะผ่านไปร้อยปี ก็ตาม”
“พ-พวกเดรัจฉาน นรกขุมไหนที่ขา้ จักปล่อยให้พวกเจ้าทรมานข้าไป
ตลอดชีวติ ถ้าเจ้ามิฆ่าข้าเสี ยในตอนนี้ เช่นนั้นข้าก็จกั ยินดีที่จะทําเช่น
นั้นเอง”
เพียงแค่ฟูกวางเตรี ยมตัวที่จะกัดลิ้นตนเองให้ขาดเพื่อฆ่าตัวตายนั้น
คําสาปที่ฝังไว้ในจิตใจของเขาโดยซูหยางก็ทาํ งาน ทําให้ฟูกวางรู ้สึก
เจ็บปวดอย่างมากไปทัว่ ทั้งร่ างที่สามารถทําให้แม้กระทัง่ คนที่ทนทาน
ที่สุดในโลกนี้ร้องขอให้ช่วยฆ่าตนเองให้ตาย
“อาาาาาาาาาาาาาาาาา”
ฟูกวางกรี ดร้องระคายหู เสี ยงร้องนั้นฟังดูเลวร้ายยิง่ กว่าเสี ยงของหมู
เมื่อตอนที่มนั ถูกฆ่า และผูไ้ ด้ยนิ เสี ยงกรี ดร้องน่าหวาดกลัวเช่นนั้น
ต่างก็พากันหัวใจสัน่ สะท้านไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อรู ้สึกเหมือนกับว่าตัวของเขากําลังถูกเผาทั้งเป็ นในขณะที่ร่างของ
เขากําลังถูกทิ่มแทงด้วยกระบี่นบั พัน ยังไม่ได้พดู ไปถึงความปวดหัว
ที่รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของตนเองนั้นถูกขยี้ดว้ ยพลังที่มองไม่
เห็น ฟูกวางก็ยงิ่ ตั้งใจที่จะกัดลิ้นของตนเองให้ขาด
แต่ทว่าเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็ วว่าเขาไม่สามารถที่จะปิ ดปาก
ของตนเองลงได้แม้วา่ จะเพียงสักมิลิเมตรเดียว อย่าว่าแต่กดั ลิ้น
“ก-เกิดอะไรขึ้น ทําไมข้าจึงมิสามารถที่จะขยับร่ างกายได้ และความ
เจ็บปวดมหาศาลนี่คืออะไรกัน”
ฟูกวางรํ่าร้องในใจและเริ่ มตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาตื่นตระหนก ความเจ็บปวดก็ยงิ่ เพิ่มความ
รุ นแรงมากขึ้นและภายในไม่กี่วนิ าที ฟูกวางก็สูญสิ้ นความสามารถ
แม้กระทัง่ การคิดภายใต้ความเจ็บปวดนี้
“เจ้าควรจะยกเลิกในความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซูหยางได้วางคําสาปไว้
บนตัวเจ้า ซึ่งเจ้าจักมิสามารถฆ่าตัวตายถึงแม้วา่ เจ้าต้องการก็ตาม” ซี
ซิงฟางกล่าวกับเขาหลังจากที่เธอไม่สามารถทนฟังเสี ยงกรี ดร้องของ
อีกฝ่ ายได้อีกต่อไป ในเมื่อเธอจะต้องกลายเป็ นบ้าเพียงแค่ได้ฟัง
ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อฟูกวางได้สูญสิ้ นความหวังที่จะฆ่าตัวตายทั้ง
หมดแล้ว ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ ว
“ข้า..ข้ามิสามารถฆ่าตัวตาย…” ฟูกวางพึมพัมด้วยเสี ยงเบาหวิวที่
ปราศจากอารมณ์ท้ งั ปวง ราวกับว่าเขาสิ้ นทุกความหวังและกลายเป็ น
บ้า
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองดูซูหยางอย่างช้า ๆ ด้วยสี หน้าหวาดกลัวและ
กล่าวว่า “เจ้า…ยังเป็ นคนอยูห่ รื อไม่”
“คําพูดเช่นนั้นค่อนข้างจะฟุ่ มเฟื อยสําหรับเจ้า ผูซ้ ่ ึงสังเวยชีวติ ของ
ศิษย์ตนเองกว่า 36,000 คนเช่นนั้น” ซูหยางตอบกลับด้วยสี หน้าเยือก
เย็น เห็นได้ชดั ว่าไม่มีความรู ้สึกสงสารหรื อเสี ยใจในการกระทําของ
ตนเอง
“แต่เจ้าควรถือว่าตัวเจ้ายังโชคดีที่ได้รับคําสาปนั้น ถ้าข้าต้องลงโทษ
เจ้าด้วยตัวข้าเอง เจ้าจักต้องร้องขอให้ได้รับคําสาปนั้นแทน”
“เขาถือว่าโชคดีที่ได้รับคําสาปนั้นรึ ”
คนอื่น ๆ ที่นนั่ ต่างก็พากันมองดูซูหยางในเวลานั้นเช่นเดียวกัน และ
พวกเขาต่างก็พากันบอกกับตัวเองว่าไม่ควรล่วงเกินอีกฝ่ ายไม่วา่
อะไรก็ตาม
“อาาา ข้าจักฆ่าเจ้า” ฟูกวางพลันโถมตัวเข้าไปหาซูหยางทันทีดว้ ยขา
ข้างเดียวที่ไม่ได้หกั หรื อถูกตัดออกไป
ดวงตาของเขาแดงดังเลือดและปากของเขาก็อา้ กว้าง ราวกับว่าเขา
พยายามที่จะกัดใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
เพี๊ยะ
เสี ยงเพี๊ยะอันสดใสดังขึ้นเมื่อโหลวหลานจีพลันปรากฏตัวขึ้นและ
ตบฟูกวางไปที่ใบหน้า ส่ งเขาลอยกลับหลังไป
“ไอ้ยา่ แม้วา่ เขามิสามารถฆ่าตัวตาย แต่คนอื่นยังคงสามารถฆ่าเขา
เขามิได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้า
ฆ่าเขาด้วยแรงตบเมื่อกี้น้ ี” ซูหยางอุทานออกมาด้วยเสี ยงขบขัน
หลังจากที่ประจักษ์ถึงแรงตบอันดุร้ายจากโหลวหลานจี
“ฮึ่ม ข้าหวังว่าข้าจักสามารถฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง” โหลวหลานจี
แค่นเสี ยงเย็นชา
บทที่ 515 จุดจบของนิกายล้ านอสรพิษ
ไม่นานหลังจากนั้นหลังจากที่ถูกโหลวหลานจีตบ ฟูกวางก็ค่อยดิ้น
รนลุกขึ้นยืนบนพื้น ก่อนที่จะถ่มฟันออกมาสิ บกว่าซี่
แม้วา่ โหลวหลานจีได้ย้งั มือของเธอไว้ระหว่างการตบ แต่เพราะว่า
ฟูกวางนั้นอ่อนแอเหมือนกับคนธรรมดาและเขาไม่ได้ฝึกฝนร่ างกาย
การตบนั้นจึงทําให้รู้สึกเหมือนกับว่าวัวกระทิงพุง่ ชนเข้าที่ใบหน้า
ของเขา
ในตอนนี้เมื่อฟันของเขาเหลืออยูไ่ ม่ถึงครึ่ ง ฟูกวางก็มองไปที่โหลว
หลานจีและตะโกนออกมา “นังสารเลว ถ้ามิใช่เพราะซูหยาง นิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั คงต้องหายไปหลายเดือนก่อนแล้ว”
โหลวหลานจี คิ้วกระตุกเมื่อได้ยนิ คําพูดของเขา แต่เธอไม่ได้แสดง
ท่าทางโกรธอะไรและเพียงแค่ทาํ ตัวเรี ยบเฉย
“ข้ามิเห็นแย้งกับเจ้าในเรื่ องนั้นในเมื่อนี่คือความจริ ง เป็ นความจริ ง
หากปราศจากซูหยาง นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ย่อมมิอาจจะอยูไ่ ด้ถึง
วันนี้ และมิวา่ ข้าหรื อนิกายก็มิอาจจะชดใช้ให้เขาได้เต็มที่”
โหลวหลานจีกล่าวขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเธอ จนทําให้ฟู
กวางสัน่ สะท้านด้วยความโกรธ
โดยธรรมดาแล้วเขาย่อมไม่คิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะตกตํ่าเช่นนี้เพียง
เพราะว่าคนรุ่ นหลังจากที่เล็ก ๆ อย่างเช่นนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“องค์หญิง โปรดนําเขาไป ข้ามิตอ้ งการให้การคงอยูข่ องเขาทําให้
อากาศใกล้กบั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แปดเปื้ อนไปมากกว่านี้” โหลว
หลานจีคาํ นับซีซิงฟางหลังจากนั้น
ซีซิงฟางพยักหน้าให้กบั เธอจากนั้นก็หนั ไปมองดูผอู ้ าวุโสจง
เมื่อเห็นสัญญาณจากสายตาเธอ ผูอ้ าวุโสจงก็พยักหน้าก่อนที่จะคว้า
คอฟูกวางอีกครั้ง
ขณะที่ผอู ้ าวุโสจงเริ่ มลากฟูกวางไป ซี ซิงฟางก็หนั ไปดูซูหยางและ
คํานับเขา “ในฐานะที่เป็ นคนจากตระกูลซี ข้าต้องขออภัยเป็ นอย่าง
สู งสําหรับเหตุการณ์น้ ี ตระกูลซีมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลสํานัก
ระดับสู งเช่นนิกายล้านอสรพิษให้อยูใ่ นสายตา แต่เรื่ องมาจากพวก
เราขาดการประสานงาน พวกเขาจึงยิง่ โอหังและเหยียดหยามผูอ้ ื่น
ข้าสัญญาว่าพวกเราจักเพิ่มการประสานงานและทําให้มนั่ ใจว่าสิ่ งนี้
จะมิเกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“ป-โปรดเงยหน้าขึ้น องค์หญิง เหตุการณ์น้ ีลว้ นเป็ นความผิดของ
นิกายล้านอสรพิษ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ฟูกวาง ผูน้ าํ นิกาย ท่านมิควร
จะก้มหัวให้เพราะพวกขี้โกงเช่นนั้น” โหลวหลานจีพดู ขึ้นอย่าง
รวดเร็ ว
“ข้ารู ้ แต่นนั่ มิทาํ ให้ขา้ รู ้สึกดีข้ ึนถ้าข้ามิได้ขอโทษด้วยตนเอง โดย
เฉพาะอย่างยิง่ เมื่อข้ากลายเป็ นไร้ประโยชน์ตลอดมานี้ นัน่ ทําให้ขา้
รู ้สึกเหมือนกับว่าข้ามิมีค่ากับการใช้แซ่น้ ี”
ซีซิงฟางกล่าวต่อว่า “อีกครั้ง ข้าขออภัยสําหรับเหตุการณ์น้ ี ข้าจักทํา
ให้มนั่ ใจว่าได้ให้รางวัลกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในการจัดการกับ
ฟูกวางและป้องกันเขาไว้มิให้เกิดหายนะมากเกินไปกว่านี้ แม้วา่ นัน่
จะเป็ นโชคร้ายสําหรับศิษย์กว่า 36,000 คนที่ได้สูญเสี ยชีวติ ของพวก
เขาไปเพราะว่าความบ้าคลัง่ ของคนเพียงคนเดียว แต่ท่านก็ได้ช่วย
ชีวติ คนนับล้านอย่างมีศกั ยภาพซึ่งนัน่ รวมไปถึงตระกูลซี ดว้ ย โดย
การสังหารอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ”
“จะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์ของนิกายล้านอสรพิษที่เหลือ” โหลวหลาน
จีถามเธอ
“นิกายล้านอสรพิษจักมิคงอยูอ่ ีกต่อไปหลังจากวันนี้ ดังนั้นพวกเขา
จักต้องหาที่อยูใ่ หม่” ซีซิงฟางตอบ
ไม่มีใครในที่น้ นั ประหลาดที่ได้ยนิ ว่านิกายล้านอสรพิษจะไม่คงอยู่
อีกต่อไปหลังจากวันนี้ ในเมื่อศิษย์ส่วนใหญ่ของพวกเขาพลันสิ้ นชีวติ
และนิกายของพวกเขาก็ไม่มีผนู ้ าํ อีกต่อไป
แตกต่างจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ที่สามารถอยูร่ อดได้โดยมีศิษย์
เหลือน้อยกว่าหนึ่งร้อยคน ศิษย์ของนิกายล้านอสรพิษไม่อยากที่จะ
ทิ้งนิกายแต่กต็ อ้ งถูกสังเวยโดยไม่เต็มใจแทน คงเป็ นปาฏิหาริ ยถ์ า้
หากว่ามีใครสักคนในบรรดาศิษย์กว่า 10,000 คนยินดีที่จะอยูใ่ น
นิกายหลังจากเหตุการณ์น้ นั
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทาํ ไมนิกายล้านอสรพิษไม่อาจอยู่
รอดต่อไปได้กเ็ พราะว่าธรรมดาแล้วพวกเขาไม่มีคนอย่างซูหยางที่
จะชี้นาํ และสนับสนุนพวกเขา
สองสามนาทีให้หลัง ซีซิงฟางและผูอ้ าวุโสจงก็ออกจากพื้นที่แห่งนั้น
“พวกเราจักส่ งบัตรเชิญให้ท่านไปยังตระกูลซี ดว้ ยตนเองเพื่อรับรางวัล
ในภายหลัง” ซีซิงฟางกล่าวกับพวกเขาก่อนจาก
“ข้าก็ควรกลับไปยังสํานักของข้าให้เร็ วที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้เช่นกัน
หากว่าข่าวของเหตุการณ์น้ ีแพร่ สะพัด นัน่ ย่อมสัน่ สะเทือนไปทั้ง
ทวีปตะวันออก และใครจะรู ้วา่ จะเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น” ไป่ ลี่ฮวั
กล่าว
และเธอก็พดู ต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีที่ได้รับศิษย์ที่
มีพรสวรรค์ต้ งั มากมาย ข้ามิสามารถรอดูพวกเขาเติบโตและเห็นพลัง
อํานาจของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ที่จกั บังเกิดขึ้นในไม่กี่ปีจากนี้”
“เจ้ามิจาํ เป็ นต้องรอนานเช่นนั้น เจ้าจักเห็นผลในปี หน้า” ซูหยางกล่าว
กับเธอด้วยรอยยิม้ ถ้าเจ้ามัน่ ใจในเวลานั้น เจ้าสามารถส่ งศิษย์ของ
เจ้าบางคนมาที่เรา พวกเขาจักได้รับการฝึ กฝนเช่นเดียวกัน เช่นกัน”
“ฮึ่ม นอกจากว่านัน่ สามารถทําให้ขา้ พูดไม่ออก และเจ้าเป็ นคน
จัดการเรื่ องนั้นเอง ข้าจึงจักค่อยพิจารณา”
ไม่นานนักหลังจากที่ไป่ ลี่ฮวั จากไป หวังชูเหริ นก็กล่าวกับซูหยางว่า
“พวกเราจะหยุดในสัปดาห์หน้าหรื อไม่ ข้าเข้าใจดีวา่ ท่านต้องการ
หยุดพักหลังจากสิ่ งที่ได้เกิดขึ้นในวันนี้”
“พักรึ ” ซูหยางเผยรอยยิม้ กว้างและกล่าวว่า “เจ้าได้พกั ผ่อนเพียงพอ
แล้วสัปดาห์น้ ี ข้ามัน่ ใจว่าจะทําให้มีชีวติ ชีวามากขึ้นเมื่อข้าไปเยีย่ ม
ครั้งหน้า”
ร่ างของหวังชูเหริ นสัน่ สะท้านด้วยความรู ้สึกยินดีผดิ ปกติหลังจากที่
ได้ยนิ คําพูดของเขา
“ข้าจักเฝ้าคอยเวลานั้น” เธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิม้ ชวนหลงใหล
ก่อนที่จะจากไปจากพื้นที่น้ นั
ครั้นเมื่อทุกคนนอกจากศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้จากไป
แล้ว ซูหยางก็กล่าวกับโหลวหลานจีวา่ “ข้าจักเก็บตัวฝึ กฝนเป็ นเวลา
สามวันเพื่อฟื้ นฟูปราณไร้ลกั ษณ์ของข้า ศิษย์ใหม่ควรจะกลับมาใน
เร็ ว ๆ นี้ และจนกว่าข้ากลับมา ให้สอนพวกเขาเกี่ยวกับกฎของสํานัก
และสิ่ งอื่น ๆ ข้าจักจัดการกับพวกเขาหลังจากนั้น”
โหลวหลานจีพยักหน้า
จากนั้นซูหยางก็หนั ไปมองดูชิวเยว่และกล่าวในขณะที่ดวงตาของ
เขาเริ่ มปิ ดลงว่า “ข้าจักรบกวนเจ้าช่วยพาข้ากลับไปที่บา้ น”
หลังจากที่พดู คําพูดเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็ปล่อยให้สติหลุดลอย ทําให้
หัวของเขาซบลงไปยังอกนุ่มของชิวเยว่
“?!?!”
ใบหน้าของชิวเยว่พลันแดงฉาน แต่เธอไม่กล้าที่จะผลักเขาออกไป
และเธอยิง่ กอดร่ างเขาแน่นขึ้นในเวลาถัดไป
บทที่ 516 การลงโทษฟูกวาง
“ซ-ซูหยาง”
โหลวหลานจีและศิษย์คนอื่น ๆ ต่างรู ้สึกว่าหัวใจตนเองหยุดเต้นไป
ชัว่ ขณะเมื่อเขาพลันล้มลง
“ใจเย็น” ชิวเยว่กล่าวหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาตื่นตกใจของพวกเขา
“เขาเพียงแค่หลับไปหลังจากใช้ปราณไร้ลกั ษณ์มากเกินไปเท่านั้น
ไม่มีอาการบาดเจ็บบนร่ างของเขา เท่าที่ขา้ สามารถบอกได้ เขาควร
ตื่นขึ้นมาภายในสามวัน”
“จริ งรึ ค่อยโล่งอก” โหลวหลานจีและคนอื่น ๆ ต่างพากันถอนหายใจ
ยาวอย่างโล่งอกหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเธอ
“ข้าจะพาเขากลับไปที่พกั ของเขา” ชิวเยว่กล่าวขณะที่เธออุม้ ซูหยาง
ไว้ในอ้อมแขนราวกับเป็ นเจ้าหญิงที่กาํ ลังหลับอยู่
“ข-ขอบคุณ… อืม…”
“ชิวเยว่ นัน่ เป็ นชื่อข้า”
“ขอบคุณผูอ้ าวุโสชิวเยว่” โหลวหลานจีคาํ นับเธอ
“และข้าก็ไม่ใช่อาจารย์ของซูหยาง” เธอพลันกล่าว
“ช-เช่นนั้นท่านเป็ น…”
ชิวเยว่กระแอมพร้อมกับหน้าแดงและพยักหน้า “ข้าเป็ นเพื่อนร่ วม
วิถี… หรื ออะไรทํานองนั้น”
แม้วา่ พวกเขาได้คาดหวังคําตอบนี้อยูแ่ ล้ว โหลวหลานจีและเหล่า
ศิษย์กย็ งั อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“การที่มีผหู ้ ญิงสวยอย่างนี้เป็ นเพื่อนร่ วมวิถี… ซูหยางช่างเป็ นชายที่
โชคดี…” พวกเขาต่างพากันคิดในใจ
เพื่อนร่ วมวิถีโดยพื้นฐานแล้วก็คือคู่สมรส แต่สาํ หรับผูฝ้ ึ กยุทธก็คือผู ้
ที่คน้ หาวิถีร่วมกันไม่คาํ นึงถึงพลังการฝึ กปรื อของพวกเขา
ครั้นเมื่อชิวเยว่ไปจากที่แห่งนั้นพร้อมกับซูหยางแล้ว ศิษย์คนอื่น ๆ
ต่างก็พากันกลับนิกาย
ในเวลานั้น โหลวหลานจีและผูอ้ าวุโสนิกายต่างก็พากันเตรี ยมต้อนรับ
ศิษย์ใหม่ 997 คน
ไม่กี่ชวั่ โมงให้หลัง ศิษย์ใหม่ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็เริ่ มแสดง
ตัวทีละคนที่ประตูหน้า จากนั้นศิษย์ใหม่กไ็ ด้รับการแนะนําให้ไป
รวมตัวกันยังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งและรอคอยจนกว่าศิษย์ใหม่ทุกคน
ได้มาถึง
ในเวลาเดียวกัน ข่าวของฟูกวาง ผูน้ าํ นิกายล้านอสรพิษ สังเวยชีวติ
ของศิษย์ของตนเองก็แพร่ สะพัดไปทัว่ ทวีปตะวันออกเหมือนไฟ
ไหม้ป่า สร้างความตระหนกไปทัว่ ทุกหัวระแหงอย่างลึกลํ้า
“อะไรนะ ผูน้ าํ นิกายล้านอสรพิษสังเวยชีวติ ศิษย์ของตนเองกว่า
36,000 คนเพื่อที่จะอัญเชิญสัตว์ปีศาจมาโจมตีนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั รึ ”
“พวกนั้นยังวางแผนที่จะโจมตีตระกูลซี อีกด้วยงั้นรึ นัน่ เป็ นการกบฏ
อันดับสู งสุ ด”
“ข้าได้ยนิ ว่าสัตว์อญั เชิญได้มีพลังการฝึ กปรื อที่แข็งแกร่ งกว่ากระทัง่
ปรมาจารย์ของตระกูลซี แต่ซูหยางฆ่าสัตว์ปีศาจนัน่ ภายในการโจมตี
ครั้งเดียว นี่มิหมายความว่าซูหยางยิง่ น่ากลัวยิง่ กว่าปรมาจารย์ของ
ตระกูลซี อีกรึ ”
“ข้าเองก็ได้ยนิ ว่าเขาได้ทาํ ลายแนวเทือกเขาไปด้วยในระหว่างการ
ต่อสู ้ ชายคนนี้มีพลังอํานาจพิสดารแค่ไหนกัน”
“จะเกิดอะไรขึ้นกับนิกายล้านอสรพิษในตอนนี้เมื่อผูน้ าํ นิกายเป็ น
อาชญากรและศิษย์เกือบทั้งหมดได้ตายไปแล้ว”
“นิกายล้านอสรพิษได้จบสิ้ นแล้ว ตามความเป็ นจริ ง ตระกูลซี ได้
ประกาศอย่างเป็ นทางการถึงการล่มสลายของพวกเขาแล้ว”
“แล้ววิชาฝี มือและสมบัติท้ งั หมดในนิกายล้านอสรพิษล่ะ มันจะตก
อยูก่ บั ใครในตอนนี้เมื่อพวกเขามิคงอยูแ่ ล้ว”
“แน่นอนว่าต้องเป็ นตระกูลซี”
ปกติแล้วเมื่อสํานักหนึ่งถูกบีบให้ลม้ สํานักหรื อถูกทําลาย วิชาของ
พวกเขาและสมบัติต่าง ๆ ก็จะถูกหยิบฉวยไปตามกฎที่วา่ ใครมาก่อน
ได้ก่อน อย่างไรก็ตามในเมื่อนิกายล้านอสรพิษเคยเป็ นสํานักระดับสู ง
และพวกเขาก็ได้มีสมบัติล้ าํ ค่ามากมายที่สามารถสร้างความวุน่ วาย
ให้กบั สมดุลของพลังอํานาจปัจจุบนั ของโลกได้ ตระกูลซีจึงต้องยึด
ทรัพย์สินของพวกเขา
ตามความเป็ นจริ งคนนับพันและโจรร้ายได้เริ่ มมุ่งหน้าไปยังนิกาย
ล้านอสรพิษเรี ยบร้อยแล้วโดยหวังว่าจะสามารถปล้นสะดมทรัพย์สิน
บางอย่างนับตั้งแต่พวกเขาได้รับข่าว
แต่พวกเขาโชคร้าย ตระกูลซี ได้ไปถึงนานแล้วก่อนทุกคน ห้ามแม้
กระทัง่ มดสักตัวเข้าไปภายในนิกายล้านอสรพิษและขโมยทรัพย์สิน
ของพวกเขา
ขณะที่ซีซิงฟางได้ออกจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เธอก็ได้ส่งข่าว
กลับไปยังพ่อของเธอ เจ้าซี ถึงสถานการณ์ ทําให้ตระกูลซีได้
เคลื่อนไหวก่อนที่ข่าวจะทันได้แพร่ กระจายออกไป
เมื่อตระกูลซีไปถึงนิกายล้านอสรพิษ พวกเขาต่างก็พากันตกใจกับ
ฉากที่เห็นภายในนิกาย ที่ซ่ ึงร่ างไร้ชีวติ กว่า 36,000 ร่ างนอนเกลื่อน
กลาดอยูท่ ่ามกลางนิกาย ส่ วนสําหรับศิษย์ 4,000 คนที่ยงั มีโชคดี
พอที่จะรักษาชีวติ ไว้ได้ พวกเขาถูกพบหลับอยูอ่ ย่างสงบใกล้กบั ศพ
ไม่รู้เรื่ องราวอะไรอย่างสิ้ นเชิง
อย่างไรก็ตามสุ ดท้ายเมื่อพวกเขาได้ตื่นขึ้นมาและรับรู ้ความจริ งว่า
เพื่อนศิษย์ส่วนใหญ่ได้สิ้นชีพและฟูกวางผูน้ าํ นิกายของพวกเขาเป็ น
สาเหตุของเรื่ องนี้ ศิษย์ท้ งั 4,000 คนต่างเต็มไปด้วยความรู ้สึกเหลือเชื่อ
ก่อนที่จะท่วมท้นไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้ นหวัง
“คําพูดมิอาจที่จะอธิบายถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ แต่อย่างไร
ก็ตามพวกเจ้าล้วนเป็ นผูฝ้ ึ กยุทธ ผูฝ้ ึ กฝนที่แข็งแกร่ งที่มีพ้นื ฐานเพื่อ
เอาชนะความอ่อนแอและความหวาดกลัวของตนเอง ดังนั้นอย่า
ปล่อยให้เหตุการณ์น้ ีเป็ นจุดจบของเส้นทางการฝึ กยุทธของพวกเจ้า”
คนจากตระกูลซีพยายามที่จะให้ศิษย์ของนิกายล้านอสรพิษสงบสติ
อารมณ์ดว้ ยการปลอบโยนพวกเขา แต่อนิจจา เหตุการณ์น้ ีโดยปกติ
แล้วเป็ นเรื่ องน่าหวาดกลัวเกินไปสําหรับพวกเขา
แม้วา่ พวกเขาบางคนอาจจะฟื้ นตัวจากประสบการณ์ที่น่าเจ็บปวดนี้
แต่ศิษย์ส่วนใหญ่กจ็ ะไม่สามารถที่จะฝึ กฝนวิชาได้อีกต่อไป
หลังจากที่เข้าครอบครองและยึดทรัพย์สินวิชาต่าง ๆ ทั้งหมดของ
นิกายล้านอสรพิษแล้ว ตระกูลซีกท็ าํ การฝังศิษย์ที่ถูกสังเวย 36,000
คนด้านนอกรอบ ๆ นิกายล้านอสรพิษ รายล้อมทั้งนิกายด้วยหลุมฝัง
ศพและเปลี่ยนนิกายให้เป็ นสุ สาน
ในเวลานั้น ฟูกวางก็ได้ถูกตัดสิ นโทษในคดีหลายอย่างตั้งแต่
ฆาตกรรมหมู่ไปจนถึงการกบฏและได้รับโทษจําคุกตลอดชีวติ
ยิง่ ไปกว่านั้นเขาจะต้องได้รับการเฆี่ยนร้อยแส้ท่ามกลางชุมชน
สําหรับทุกชีวติ ที่เขาพรากไป ซึ่งรวมทั้งสิ้ นมากกว่า 3,600,000 แส้
คนธรรมดาย่อมต้องตายหลังจากที่ถูกเฆี่ยนไปสิ บกว่าแส้ อย่าว่าแต่
3,600,000 แส้ แต่อย่างไรก็ตามฟูกวางจะได้รับการป้อนยาฟื้ นฟู
ร่ างกายและให้เวลาในการพักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไหร่ ก็
ตามที่เขาใกล้ตาย เพื่อที่วา่ เขาจะได้ไม่ตายไปจริ ง ๆ
แม้วา่ นัน่ อาจจะกินเวลาหลายปี หรื ออาจจะหลายสิ บปี ในการให้ฟูกวาง
ได้รับการเฆี่ยนทั้งหมด 3,600,000 แส้ แต่ตระกูลซี กไ็ ด้ตดั สิ นใจที่จะ
ลงโทษเขาและนําความยุติธรรมมาสู่ เหล่าศิษย์ที่เขาฆ่า
บทที่ 517 การตัดสิ นใจของชิวเยว่
สี่ วนั ผ่านไปนับตั้งแต่ซูหยางได้สลบไสลหลังจากเอาชนะอสรพิษ
โลหิ ตปี ศาจและฟูกวาง แต่เขายังไม่ได้มีสญ
ั ญาณว่าจะตื่นขึ้น
“เขาควรจะตื่นขึ้นได้แล้วในตอนนี้…” ชิวเยว่ยนื อยูด่ า้ นข้างของเขา
ด้วยสี หน้าเป็ นกังวล
มีความเป็ นไปได้ที่ซูหยางจะได้รับบาดเจ็บภายในหลังจากที่ใช้ปราณ
ไร้ลกั ษณ์ของตัวเขาเองเกินตัว แต่เพราะว่าเขามีวชิ าการฝึ กปราณที่
พิเศษเฉพาะ มันจึงได้ปกป้องกระทัง่ คนอย่างชิวเยว่ในการมองเข้า
ไปภายในร่ างของเขา ราวกับว่าถูกป้องกันโดยพลังที่มองไม่เห็น
บางอย่าง
แน่นอนว่าชิวเยว่สามารถบีบบังคับมองทะลุผา่ นพลังนี้เข้าไปด้วย
พลังการฝึ กปรื อของเธอได้อย่างง่ายดาย แต่นนั่ อาจจะยิง่ ทําให้อาการ
บาดเจ็บของเขาเลวร้ายยิง่ ขึ้น ซึ่งเป็ นสิ่ งที่เธอไม่สามารถเสี่ ยงได้
“ข้ามิมีประสบการณ์ในสถานการณ์เช่นนี้…” ชิวเยว่เริ่ มครุ่ นคิดว่า
ตัวเธอเองนั้นควรทําอย่างไร
ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่ซูหยางใช้เพียงปราณเทพเพียง
เล็กน้อยเพื่อสู ก้ บั จอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณสองคนที่ทวีปใต้ ครั้งนี้
เขาได้ใช้ปราณเทพมากกว่าในการเอาชนะอสรพิษโลหิ ตปี ศาจ ยิง่ ไป
กว่านั้นเขาได้ใช้วชิ าที่ทรงอํานาจที่อาจจะเป็ นภาระต่อร่ างกายของ
ตัวเขาเองถึงแม้วา่ เขาไม่ได้เสริ มพลังมันด้วยปราณเทพก็ตาม
“ถึงแม้วา่ ข้าจะหาคู่ฝึกให้กบั เขาเพื่อใช้ฟ้ื นคืนปราณไร้ลกั ษณ์ให้กบั
เขาเหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็จะไม่สามารถดูดซับปราณหยินของพวก
เธอได้ถา้ เขายังคงหมดสติ…”
ในระหว่างการขบคิดของเธอก็มีใครบางคนเข้ามาในห้องแล้วถามว่า
“เขายังคงหลับอยูห่ รื อ”
ชิวเยว่หนั ตัวไปและก็เห็นชินเหลียงหยูยนื อยูต่ รงประตูดว้ ยสี หน้า
เป็ นกังวล ดังนั้นชิวเยว่จึงพยักหน้า
“นี่เป็ นสถานการณ์ที่เหมือนกันกับเมื่อตอนที่อยูท่ วีปใต้ ใช่ไหม ข้า
ควรเริ่ มมองหาคู่ฝึกให้กบั เขาหรื อไม่ ข้ามัน่ ใจว่าเหล่าศิษย์ยอ่ มยินดี
ช่วยเขาฟื้ นฟูเป็ นแน่”
“แม้วา่ สถานการณ์อาจจะดูคล้ายคลึงกัน แต่เขาหมดแรงมากกว่าใน
ครั้งนี้ ใครจะรู ้วา่ เมื่อไหร่ ที่เขาจะตื่นขึ้นมาจริ ง ๆ มันอาจจะเป็ นเวลา
หลายวัน… หรื อหลายสัปดาห์นบั จากตอนนี้ และนอกจากว่าเขาจะ
ตื่นขึ้นมาดูดซับปราณหยิน ก็มิมีความหมายที่จะหาคู่ฝึกให้กบั เขา”
ชินเหลียงหยูเปลี่ยนไปเป็ นเงียบด้วยสี หน้าครุ่ นคิด
สองสามอึดใจให้หลัง เธอก็กล่าวว่า “จริ งไหมที่เขาจําเป็ นจะต้องตื่น
ขึ้นมาเสี ยก่อนที่จะดูดซับปราณหยิน ถ้าข้าจํามิผดิ โดยพื้นฐานแล้ว
ปราณหยินก็เหมือนกับปราณไร้ลกั ษณ์ และมีความแตกต่างเพียง
เล็กน้อย พวกเรา ในฐานะผูฝ้ ึ กยุทธปกติแล้วก็จะดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์
แม้กระทัง่ ในเวลาที่เรามิได้เริ่ มฝึ กฝน”
“เจ้าคงมิหมายความว่า…” ชิวเยว่หนั ไปมองเธอด้วยสี หน้างงงัน
ชินเหลียงหยูกล่าวต่อว่า “พวกเราสามารถเติมปราณหยินเข้าสู่ หอ้ งนี้
ได้ แม้วา่ มันอาจจะมิได้มีประสิ ทธิภาพมากนัก แต่มนั ก็ควรจะเพิม่
ความเร็ วในการฟื้ นฟูของเขาอย่างแน่นอน”
“แม้วา่ นัน่ จะเป็ นความคิดที่ดี แต่เจ้าได้คิดไหมว่าปราณหยินของใคร
ที่พวกเราควรจะใช้บรรจุเข้าไปในห้องนี้ ถ้าเป็ นของคนที่อยูต่ ่าํ กว่า
เขตอัมพรวิญญาณ ข้าก็ยงั คิดสงสัยว่ามันจะสามารถช่วยได้เพียง
เล็กน้อยเท่านั้นในเมื่อเขาไม่ได้ดูดซับมันอย่างตั้งใจ ดังนั้นมันก็จะ
ยิง่ มีประสิ ทธิภาพด้อยลงไปอย่างมาก และจะมีผฝู ้ ึ กวิชาหญิงกี่คนใน
เขตอัมพรวิญญาณที่มีตวั ตนอยูใ่ นโลกนี้ที่ยนิ ดีจะทําอะไรที่น่าอาย
เช่นนี้”
“…”
ได้ยนิ คําถามเช่นนั้น ชินเหลียงหยูกจ็ อ้ งมองชิวเยว่อย่างเงียบ ๆ ราว
กับว่าเธอควรจะแนะนําอะไรบางอย่างหรื อไม่
สองสามอึดใจให้หลัง เมื่อชิวเยว่ตระหนักว่าทําไมชินเหลียงหยูจึง
จ้องมองเธออย่างตั้งใจเช่นนั้น เธอก็พดู ขึ้นด้วยใบหน้างงงันว่า “เจ้า
ต้องการให้ขา้ ทํารึ เจ้าเอาจริ งรึ ”
ชินเหลียงหยูพยักหน้า “ผูอ้ าวุโสชิวเยว่ มิเพียงแต่ท่านมีคุณสมบัติ
ครบถ้วนทุกประการ แต่ท่านยังเป็ นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์
นี้ดว้ ยเช่นกัน ในเมื่อท่านเป็ นผูฝ้ ึ กยุทธหญิงที่แข็งแกร่ งที่สุดในโลก
นี้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย ถ้าเป็ นปราณหยินของท่าน ซูหยางย่อมฟื้ นคืน
ได้รวดเร็ วกว่านี้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าของชิวเยว่พลันแดงกํ่าหลังจากที่ได้จินตนาการว่าตนเองได้
เล่นกับของตัวเองในขณะที่อยูใ่ นห้องเดียวกับซูหยาง
“น-นัน่ เป็ นเรื่ องไร้สาระ ใช่วา่ ข้าจะสามารถทําอะไรที่น่าอายเช่นนั้น
ยิง่ ไปกว่านั้นถ้าเจ้าพูดถึงผูห้ ญิงที่แข็งแกร่ งที่สุดในโลกนี้ ก็ยงั มีคน
อื่นอีกที่แข็งแกร่ งยิง่ ไปกว่าข้า” ชิวเยว่อุทานออกมา
“อะไรกัน ยังมีคนที่แข็งแกร่ งกว่ากระทัง่ ผูอ้ าวุโสชิวเยว่อีกรึ ในโลก
นี้ แล้วนัน่ เป็ นใครกัน” ชินเหลียงหยูถามด้วยดวงตาเบิกโพลง เสี ยง
ของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
“จะเป็ นใครได้อีกนอกจากเซียวหรง ถ้าเป็ นปราณหยินของเธอ ซู
หยางอาจจะถึงกับฟื้ นพลังวิญญาณของเขาได้ในพริ บตา”
“เซี่ยวหรง เธอทรงอํานาจเช่นนั้นจริ ง ๆ หรื อ”
เพราะว่าพวกเขาไม่เคยได้แนะนําเซียวหรงให้กบั ชินเหลียงหยูอย่าง
แท้จริ ง เธอจึงไม่เคยรู ้ถึงความสามารถที่แท้จริ งของเซี ยวหรง
“ข้ามิสามารถยอมรับได้ เมื่อมาคิดว่าเด็กหญิงไร้เดียงสานัน่ จะแข็งแกร่ ง
กว่าผูอ้ าวุโสชิวเยว่อย่างแท้จริ ง และข้าก็ได้ดูแลเธอเหมือนกับเป็ น
น้องสาว” ชิวเหลียงหยูร่ าํ ร้องในใจ
สองสามอึดใจให้หลังชินเหลียงหยูกก็ ล่าวขึ้นว่า “แต่… ถึงแม้วา่
เซี่ยวหรงจะแข็งแกร่ งกว่าท่าน… เมื่อดูวา่ ตัวตนของเธอเป็ นเช่นไร
แล้ว… ข้ามิคิดว่าเธอจักสามารถที่จะเติมห้องนี้ดว้ ยปราณหยินได้”
ชิวเยว่แทบจะกุมขมับหลังจากที่นึกถึงสภาพไร้เดียงสาของชิวเยว่
เป็ นเรื่ องแน่นอนและเป็ นงานที่เป็ นไปไม่ได้สาํ หรับคนแบบเธอ ใน
เมื่อนัน่ ไม่ต่างไปจากการขอเด็กซึ่งยังไม่แม้จะจับใจความทําความ
เข้าใจถึงคําว่า “ช่วยตัวเอง” ได้
เมื่อเห็นสี หน้าของชิวเยว่ ชินเหลียงหยูกก็ ล่าวต่อว่า “ถ้าผูอ้ าวุโสชิว
เยว่ยงั คงลังเลที่จะเติมห้องนี้ดว้ ยปราณหยินของเธอ ข้าก็สามารถที่
จะทําด้วยตนเองได้ แม้วา่ ข้าจะอยูแ่ ค่ในเขตปฐพีวญ
ิ ญาณ ข้าก็ควร
จะดีกว่าผูฝ้ ึ กยุทธทุกคนในระดับเดียวกับข้า…”
เมื่อชินเหลียงหยูเริ่ มคลายเสื้ อผ้าของตนเอง ชิวเยว่พลันกล่าวขึ้นว่า
“เดี๋ยวก่อน”
“ผูอ้ าวุโสชิวเยว่…” ชินเหลียงหยูมองดูเธอด้วยใบหน้างุนงง
“ไม่เป็ นไร ข้าสามารถทําเรื่ องนี้ได้”
เมื่อได้ยนิ คําพูดเช่นนั้น ชินเหลียงหยูไม่ได้กล่าวอะไรอีกเพียงพยัก
หน้าก่อนที่จะสวมเสื้ อผ้าให้กระชับอีกครั้ง
“ข้าจักปล่อยซูหยางไว้ในมือท่าน ผูอ้ าวุโสชิวเยว่” ชินเหลียงหยูได้
ออกไปจากห้องปล่อยให้ชิวเยว่อยูต่ ามลําพัง
ครั้นเมื่อชินเหลียงหยูปิดประตูแล้ว ชิวเยว่กม็ องดูใบหน้าที่ยงั คงหลับ
ของซูหยางและพึมพําด้วยเสี ยงเบาแต่มนั่ คงว่า “พี่สาวใหญ่หลิงชีพดู
ถูก ถ้าข้าต้องการที่จะอยูข่ า้ งกายเขาและมิถูกบดบังด้วยคู่ของเขาคน
อื่นในอนาคต ข้าต้องมีการตัดสิ นใจที่แข็งแกร่ งและกล้ากว่านี้ ถ้าข้า
มิสามารถกระทัง่ ทําสิ่ งที่ง่าย ๆ ในการช่วยชายที่ขา้ รัก ถึงแม้วา่ จะน่า
อายอยูบ่ า้ ง ข้าก็จกั มิมีสิทธิ์ที่จะอยูข่ า้ งกายเขา อย่าว่าแต่จะเป็ นคู่ของ
เขา”
บทที่ 518 เหตุการณ์ ทไี่ ม่ คาดคิด
หลังจากที่ใช้เวลาชัว่ ขณะในการทําใจแล้ว ชิวเยว่กน็ อนลงข้างกาย
ซูหยางบนเตียงและคลายเสื้ อผ้าของตนเอง
“ข้ามิเคยทําเช่นนี้จริ ง ๆ มาก่อน… การช่วยตัวเองนั้นเป็ นอย่างไรรึ ”
ชิวเยว่ครุ่ นคิดในใจ
จากนั้นเธอก็หนั ไปยังพื้นที่ตรงจุดบรรจบของขาทั้งสองข้างของเธอ
จุดที่ชดั เจนที่สุดในใจของเธอเมื่อพูดถึงการสร้างความพึงพอใจ
หลังจากที่กลืนนํ้าลายแล้ว ชิวเยว่กเ็ ริ่ มเอื้อมมือไปยังรอยแยกที่
สะอาดระหว่างขาของเธอ ค่อย ๆ ลูบไล้มนั ด้วยนิ้วเรี ยวยาวของเธอ
“อืมมม… นี่….”
ความรู ้สึกเสี ยวซ่านพลันพุง่ ผ่านร่ างของเธอ จนทําให้ร่างกายของ
เธอสัน่ สะท้านเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม ความรู ้สึกเป็ นสุ ขนี้ไม่ได้อยูน่ านและหายไป
หลังจากเพียงแค่ไม่กี่วนิ าที
เหตุผลนั้นง่ายดาย เป็ นเพราะว่าเธอไม่ได้มีความรู ้สึกต้องการและ
ไม่ได้มีอารมณ์ช่วยตัวเอง
“นี่คงใช้ไม่ได้ผล…”
เมื่อรู ้วา่ สาเหตุเป็ นเพราะว่าเธอไม่มีอารมณ์ ชิวเยว่จึงเลิกล้มความ
พยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองหลังจากที่ผา่ นไปอีกชัว่ ขณะ และเริ่ ม
หาวิธีที่จะเพิ่มความปรารถนาของตนเอง
จากนั้นเธอก็หนั ความสนใจของเธอไปยังซูหยางที่หลับอยูข่ า้ งกาย
เธอ จากนั้นเธอก็นึกถึงตัวเอง “คําสาปในเลือดของข้าห้ามมิให้มี
เพศสัมพันธ์กบั คนอื่นที่มิได้มีสายเลือดของตระกูลเทพจันทรา แต่
อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่มิได้มีเพศสัมพันธ์ นัน่ ก็คงไม่มีปัญหาใช่
ไหม”
หลังจากที่ใช้เวลาอีกชัว่ ขณะในการทําใจ มือที่สนั่ สะท้านของชิวเยว่
ก็ยนื่ ไปที่เสื้ อผ้าของซูหยาง
ไม่กี่วนิ าทีหลังจากนั้น เสื้ อผ้าของซูหยางก็คลายออกจนหมดสิ้ น เผย
ให้ชิวเยว่เห็นทุกอย่าง
“ข้ามิอยากเชื่อว่าข้าทําเช่นนี้กบั คนที่มิได้มีสติสมั ปชัญญะ…” ชิวเยว่
ถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามภาพของร่ างกายที่น่าลิ้มลองของซูหยางได้ขจัดความคิด
ที่ไม่เกี่ยวข้องในใจเธอออกไปอย่างรวดเร็ ว
“…”
ชิวเยว่จอ้ งมองไปยังมังกรหลับและอัญมณี ทรงค่าที่อยูร่ ะหว่างขา
ของซูหยางด้วยนํ้าลายเต็มปาก
จากนั้นมือของเธอก็ตรงไปยังอัญมณี สองลูกที่หอ้ ยอยูด่ า้ นใต้ของ
มังกรหลับ
“มันช่างนุ่มและอุ่น…” ชิวเยว่คิดในใจขณะที่นิ้วของเธอเล่นไปรอบ ๆ
อัญมณี ประจําตระกูลของซูหยาง
สองสามอึดใจให้หลัง ราวกับว่าบางสิ่ งได้ตื่นขึ้นภายในซูหยาง
มังกรหลับของเขาพลันเริ่ มตื่นขึ้น จนกระทัง่ มันแข็งตัวตั้งขึ้นเต็มที่
“?!?!”
มือของชิวเยว่กระตุกกลับเมื่อเธอเห็นฉากนี้ ในเมื่อเธอกลัวว่าซูหยาง
อาจจะตื่นขึ้นมาเพราะเธอ
ผูแ้ ปล : สรุ ปว่าเธอต้องการให้ตื่นหรื อไม่ตื่น ฮา
อย่างไรก็ตามแม้กระทัง่ จะผ่านไปอีกหลายชัว่ ขณะ ดวงตาซูหยางก็
ยังคงปิ ด และร่ างของเขาก็ยงั คงนิ่งเหมือนเช่นเคย
“เขาไม่ตื่น…” ชิวเยว่ถอนหายใจลึกอย่างโล่งอกหลังจากที่ตระหนัก
ว่าเขายังคงหลับอยู่ แต่ใจของเธอยังคงเต้นเหมือนกลองรบอยู่
“ทําไมของสิ่ งนี้จึงสามารถแข็งตัวได้ท้ งั ที่เขายังหลับอยู่ อย่างนี้ก็
เป็ นไปได้ดว้ ยรึ ร่ างกายของเขามีการทํางานอย่างไรกัน”
แม้วา่ เธอจะสงสัยและทึ่งกับปฏิกิริยาของร่ างกายของซูหยาง เธอก็
ไม่ได้มีเวลาที่จะคิดเรื่ องนั้น ในเมื่อแท่งแกร่ งเกร็ งที่ต้ งั อยูน่ ้ ีได้เข้ามา
ครองใจเธออย่างรวดเร็ ว
ช่องหลืบระหว่างขาสวยของเธอหยดเปี ยกไปด้วยปราณหยิน แต่เธอ
มุ่งมัน่ กับอวัยวะเพศของซูหยางเกินกว่าที่จะสังเกตพบ
สองสามวินาทีให้หลัง มือของเธอก็เริ่ มเอื้อมเข้าไปหามันอีกครั้ง
“มันช่างใหญ่… และแข็ง… นี่คงเป็ นความเป็ นชายของท่านพ่อ…”
ชิวเยว่พึมพําในขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอสัมผัสกับทุกตารางนิ้ว
ของแท่งแกร่ งของเขา
หลังจากที่เล่นกับแท่งของเขาไปชัว่ ระยะเวลาหนึ่ง ความรู ้สึกต้องการ
ที่จะฝังแท่งอวบนี้เข้าไปในช่องพรหมจรรย์ของเธอก็เพิม่ สู งขึ้นจน
เกือบทนทานไม่ได้ แต่ชิวเยว่กย็ งั สามารถที่จะยับยั้งความต้องการ
นั้นด้วยการฝังเพศชายของซูหยางเข้าไปในช่องอื่น ปากของเธอ
“อืม…”
“งึมมมม…”
เสี ยงจ๊วบจ๊าบครอบคลุมห้องขณะที่ชิวเยว่ทาํ การดูดดื่มกินแท่งซูหยาง
เป็ นเวลานานหลายนาที ราวกับว่าเธอไม่เคยพอเพียงในเรื่ องนี้
ในขณะที่ชิวเยว่ดูดแท่งอวบของซูหยาง มืออีกข้างของเธอก็เริ่ มเอื้อม
ไปหาถํ้าเปี ยกโชกที่อยูร่ ะหว่างขาของเธอ ลูบไล้ไข่มุกสี ชมพูเล็ก ๆ
ที่อยูภ่ ายในและยิง่ กระตุน้ ความกําหนัดของเธอมากยิง่ ขึ้น
“อืมม…”
“งืมมมม…”
แม้วา่ จะรู ้สึกแปลก ๆ ในตอนแรก แต่ยงิ่ นานที่เธอดูดสัญลักษณ์เพศ
ชายของซูหยาง ประสบการณ์ของเธอก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และหลังจาก
ที่ผา่ นไปประมาณครึ่ งชัว่ โมง เธอก็รู้สึกเป็ นธรรมชาติเหมือนกับการ
หายใจ
ริ มฝี ปากของเธอโลมไล้อยูด่ า้ นนอกอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ลิ้นอ่อน
นุ่มของเธอตวัดไปโดยรอบทุกสิ่ งที่อยูภ่ ายใน
หนึ่งชัว่ โมงให้หลังชิวเยว่กส็ ามารถรู ้สึกได้วา่ แท่งที่อยูใ่ นปากของ
เธอเปลี่ยนเป็ นร้อนขึ้น
อย่างไรก็ตามเธอหลงไหลเกินกว่าจะหยุด ดังนั้นเธอจึงทําต่อไป
จนกระทัง่ ทันใดนั้นของเหนียวสี ขาวจํานวนมากก็พงุ่ ออกมาจาก
แท่งนั้นเข้าไปในปากเธอ
“หื ม”
แม้วา่ เธอจะประหลาดใจกับการที่มนั เข้าไปสู่ ปากของเธออย่าง
รวดเร็ ว ชิวเยว่กส็ ามารถเก็บปราณหยางทั้งหมดไว้ในปากของเธอ
โดยไม่ปล่อยให้มนั หยดออกมาแม้แต่นอ้ ย
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอตระหนักว่าปราณหยางนั้นไม่ได้หยุดยั้งจาก
การหลัง่ แม้วา่ กระทัง่ ปากของเธอเต็มแล้วก็ตาม เธอก็ตดั สิ นใจที่จะ
กลืนพวกมันทั้งหมดเข้าไปเพื่อให้มีช่องว่าง
เมื่อเวลาผ่านไปหลายอึดใจและได้กลืนเข้าไปหลายคําหลังจากนั้น
เมื่อสุ ดท้ายปราณหยางได้หยุดหลัง่ ออกมาแล้ว ชิวเยว่กถ็ อนปากของ
เธอออกจากน้องชายของซูหยางและเริ่ มหอบหายใจหนัก
“ข้ากลืนปราณหยางเข้าไปมากมายเท่าไหร่ กนั …” ขิวเยว่ลูบท้อง
ของเธอด้วยความรู ้สึกอิ่มราวกับว่าเธอได้ดื่มนํ้าแกงชามใหญ่
“แต่ไม่วา่ อย่างไร…มันก็รสชาติดี… ข้ามิรู้วา่ พวกมันจะมีรสชาติ
หอมหวานอยูด่ ว้ ย” ชิวเยว่เริ่ มเข้าใจว่าทําไมเซี่ยวหรงจึงต้องการที่จะ
ลิ้มลองปราณหยางของเขา
แน่นอนว่าเธอไม่รู้วา่ ความจริ งแล้วปราณหยางโดยทัว่ ไปจะไม่มี
รสชาติในนั้น และซูหยางเป็ นเพียงกรณี พิเศษเนื่องมาจากวิชาที่เขา
ฝึ กและสมุนไพรวิญญาณที่เขาได้กลืนกินเข้าไปได้เพิ่มคุณภาพของ
ปราณหยางของเขาจนถึงขนาดที่วา่ มันมีรสชาติดี
จากนั้นชิวเยว่จึงมองไปรอบ ๆ ห้อง และเธอก็ประหลาดใจที่มนั เต็ม
ไปด้วยปราณหยินที่เข้มข้นอย่างมาก จนถึงขั้นที่วา่ มันกลายเป็ น
หมอกอยูเ่ ล็กน้อยภายในห้อง
ไม่เพียงแต่เป็ นเพราะว่าเธอเป็ นสาวบริ สุทธิ์ แต่ยงั คงเป็ นเพราะพลัง
การฝึ กปรื อที่สูงและสายเลือดเฉพาะของเธออีกด้วย ปราณหยินของ
เธอจึงเข้มข้นกว่าผูห้ ญิงทั้งหมดที่นนั่
“ปราณหยินมากขนาดนี้คงพอที่จะฟื้ นฟูพลังวิญญาณของเขาแล้ว…”
ชิวเยว่คิดในใจขณะที่เธอกระชับเสื้ อผ้าบนร่ างซูหยางอีกครั้งก่อนที่
จะออกจากห้องไปพร้อมกับใบหน้าที่ยงั คงแดงอยู่
หลังจากที่ชิวเยว่ออกจากห้องไปได้ชวั่ เวลาหนึ่ง ดวงตาของซูหยางก็
ลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ และรอยยิม้ อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ
เขา
“นัน่ ช่างเป็ นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจริ ง ๆ …” เขาคิดในใจก่อนที่จะ
หลับตาลงไปอีกครั้ง
บทที่ 519 ฟื้ นคืน
หลังจากที่ออกไปจากห้องของซูหยาง ชิวเยว่กน็ งั่ คุกเข่าพร้อมกับ
ใบหน้าแดงฉาน
“ข้าทําได้… ในที่สุดข้าก็ทาํ ได้”
ชิวเยว่ยงั คงรู สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็ วอย่างบ้าคลัง่ รู ้สึกเหมือนกับ
ว่ามันสามารถที่จะระเบิดออกจากอกของเธอได้ทุกเวลาในตอนนี้
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอสามารถที่จะทําบางอย่างที่สปั ดนกับซูหยาง
ได้จริ ง ๆ อีกทั้งในขณะที่เขากําลังหลับด้วยอีกต่างหาก
“แต่…บางทีขา้ อาจจะมิสามารถทําได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้า
เขาไม่ได้หลับ…” เธอถอนหายใจในเวลาต่อมา
แม้วา่ เธอจะมีความกล้าที่จะทําเช่นนี้ในครั้งนี้ เธอก็ไม่มนั่ ใจว่าเธอ
จะสามารถทําได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าเขาตื่นอยู่ ในเมื่อโดย
ปกติแล้วนัน่ เป็ นเรื่ องที่กล้าและน่าอายเกินไปสําหรับสาวพรหมจรรย์
เช่นเธอในตอนนี้ ไม่วา่ อย่างไรนัน่ ต้องทําให้เธอรวบรวมความกล้า
ทั้งหมดในการทําอะไรแบบนี้ในขณะที่เขายังคงหลับ และเธอก็ไม่
สามารถที่จะจินตนาการได้ถึงตอนที่ซูหยางกําลังดูเธอดูดดื่มเพศชาย
ของเขาโดยไม่ทาํ ให้เธอปวดหัว
อย่างไรก็ตามไม่วา่ อย่างไรเหตุการณ์น้ ีกเ็ ป็ นความก้าวหน้าที่ยงิ่ ใหญ่
สําหรับชิวเยว่ ซึ่งต้องเตรี ยมตัวสําหรับอนาคตเมื่อคําสาปบนร่ างของ
เธอได้ถูกปัดเป่ าไปแล้ว
“ท่านสบายดีไหม ผูอ้ าวุโสชิวเยว่” ชินเหลียงหยูถามเธอด้วยนํ้าเสี ยง
เป็ นกังวลหลังจากที่เห็นเธอนัง่ คุกเข่าอยูบ่ นพื้นด้วยสี หน้างงงัน
“ข-ข้าสบายดี” เธอตอบหลังจากที่กระแอมแล้วลุกขึ้นยืน
“ดีใจที่ได้ยนิ เช่นนั้น แล้วซูหยางล่ะ ท่านคิดว่าเขาจะฟื้ นตัวเร็ วขึ้น
จากปราณหยินของท่านหรื อไม่”
“ใครจะรู ้…” ชิวเยว่ยกั ไหล่ “พวกเราก็ได้แต่รอผลลัพธ์ในตอนนี้”
“อย่างไรก็ตามมิจาํ เป็ นที่เจ้าจะพูดอย่างเป็ นทางการเช่นนั้น พวกเรา
มิได้เป็ นคนแปลกหน้ากันอีกต่อไป และเจ้าเองก็เป็ นคนที่ได้มี
ประสบการณ์มากกว่าข้าในเรื่ องเขา ถ้าพวกเราต้องจัดตําแหน่ง เจ้าก็
อยูเ่ หนือข้าแล้ว ในเมื่อเจ้าได้ให้ร่างกายของเจ้าแก่เขาในขณะที่ขา้ ยัง
ไม่ได้”
“เอ๋ … ผูอ้ าวุโส… พี่สาวชิวเยว่ยงั มิได้ร่วมฝึ กกับเขาอีกรึ ” ชินเหลียง
หยูจอ้ งมองเธอด้วยดวงตาโตเต็มไปด้วยความประหลาดใจในเมื่อ
เธอมัน่ ใจว่าพวกเขาได้ร่วมฝึ กคู่ดว้ ยกันนานมาแล้ว “ถ้าเจ้ามิถือสา
หากข้าจะถาม เจ้ารออะไรอยู”่
“มันซับซ้อน ถ้าข้าสามารถฝึ กร่ วมกับเขา ข้าคงจะทําเช่นนั้นนาน
มาแล้ว อย่างไรก็ตามเพราะว่าคําสาปที่จาํ กัดตัวเลือกคู่ของข้า ทําให้
ข้ายังมิสามารถที่จะร่ วมฝึ กกับเขาได้”
“ข้ามิเคยคิดว่าจะมีอะไรเช่นนั้นที่สามารถเกิดขึ้นได้… อย่างไรก็
ตามถึงแม้วา่ จะด้วยสาเหตุน้ นั เจ้าก็ได้อยูก่ บั ซูหยางมานานกว่าข้า
ดังนั้นข้ามิสามารถที่จะเป็ นผูอ้ าวุโสได้” ชิวเหลียงหยูกล่าว
“อีกอย่างหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแมวนัน่ เจ้าได้สอนเธอวิธีที่จะเป็ น
“ผูใ้ หญ่” ใช่ไหม” ชิวเยว่ถามอีกฝ่ าย
“เซี่ ยวหรง… เธอเป็ นคนที่เรี ยนรู ้ได้เร็ วมาก เธอเกือบจะกลายเป็ น
คนละคนเมื่อเปรี ยบเทียบกับเมื่อสองสามวันก่อน”
“เจ้าได้สอนอะไรเธอรึ …” ชิวเยว่มองดูเธอทําตาโต
ชินเหลียงหยูหน้าแดงและกล่าวว่า “จริ งแล้วมิได้มีอะไรพิเศษ ข้าเคย
สอนเด็กมาก่อนตอนที่อยูใ่ นทวีปใต้”
“ยิง่ เจ้าสอนเธอช้าเท่าไหร่ ยงิ่ ดี ในเมื่อเจ้าแมวบ้ากามนัน่ เป็ นคนสุ ดท้าย
ในโลกนี้ที่ขา้ ต้องการให้อยูเ่ หนือหัวข้า” ชิวเยว่กาํ หมัดของเธอแน่น
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
ชินเหลียงหยูหวั เราะเบา ๆ หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเธอ เธอไม่
คาดคิดว่าจะมีดา้ นการแข่งขันกันแบบเด็ก ๆ จากชิวเยว่ดว้ ย บางคน
ที่เธอยังคงนับถืออีกฝ่ ายเป็ นเทพธิดา
วันถัดมา ซูหยางก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ อีกครั้ง
“สิ่ งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็ นความฝัน แต่…” เขาบิด
ขี้เกียจเป็ นเวลาชัว่ ขณะก่อนที่จะสังเกตเห็นคราบเปี ยกบนเตียงที่อยู่
ใกล้กบั บริ เวณเป้ากางเกงของเขา
แม้วา่ ยากจะสังเกตเห็น แต่กย็ งั มีร่องรอยเสื้ อผ้าของเขาถูกแก้ออก
อย่างไรก็ตามสิ่ งที่เป็ นหลักฐานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ใช่
เพียงแค่ความฝันก็คือปราณหยินที่ยงั คงเต็มห้อง
ในทัว่ ทั้งโลกนี้ คนที่สามารถปล่อยปราณหยินได้เข้มข้นมากเท่านี้มี
เพียงชิวเยว่และเซี่ยวหรง และจากที่รู้จกั ตัวตนของเซี่ยวหรง ก็จะ
เหลืออยูเ่ พียงคนเดียวที่ควรจะเป็ นเจ้าของปราณหยินนี้
มันชัดเจนที่วา่ ชิวเยว่เป็ นคนที่อยูเ่ บื้องหลังปราณหยินนี้ และเขาก็
มัน่ ใจว่าตัวชิวเยว่เองก็ได้รู้อยูแ่ ล้วว่าเขาจะรู ้วา่ เป็ นใครหลังจากที่ฟ้ื น
ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริ งก็คือเขาควรให้เธอรู ้วา่ จริ งแล้วเขาตื่น
อยูต่ ลอดเวลาในขณะที่เธอกําลังดูดดื่มแท่งหรรษาของเขาดีหรื อไม่
“มิวา่ จะบาดเจ็บหรื อไม่ นอกจากว่าพวกเขาจะถูกวางยาอย่างแรง มิ
ว่าใครก็จกั ต้องตื่นขึ้นถ้าลูกกระแป๋ งถูกเล่นอย่างหนัก…” ซูหยาง
หัวเราะเบา ๆ หลังจากที่นึกถึงตอนที่เธอจัดการกับอัญมณี ของเขา
อย่างไม่มีประสบการณ์อย่างไร ราวกับว่าเด็กเล่นกับของเล่นที่เธอ
ชอบแต่ไม่รู้วา่ ควรจะเล่นอย่างไร
“มิวา่ อย่างไร ข้าควรจะดูดซับปราณหยินของเธอเพื่อที่วา่ มันจะได้มิ
เสี ยเปล่า”
จากนั้นซูหยางก็นงั่ อยูใ่ นท่าดอกบัวและเริ่ มฝึ กพลังปราณ ดูดซับ
ปราณหยินทั้งหมดในห้องอย่างรวดเร็ ว
สองสามชัว่ โมงให้หลัง หลังจากที่เปลี่ยนปราณหยินทั้งหมดให้กลาย
เป็ นปราณไร้ลกั ษณ์แล้ว ซูหยางก็สามารถรู ้สึกได้วา่ จุดตันเถียนของ
เขานั้นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอีกครั้ง
“เป็ นดังคาดของคนจากวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ปราณหยินของเธอ
นั้นเข้มข้นและมีคุณภาพมากเป็ นพิเศษ”
ไม่เหมือนกับปราณหยินที่สามารถดูดซับได้โดยตรงจากร่ างของ
ผูห้ ญิงระหว่างการร่ วมฝึ กฝน ปราณหยินที่เกิดจากช่วยตนเองนั้น
อ่อนกว่ามาก อ่อนจนไม่สามารถที่จะเปรี ยบเทียบกันได้
คุณภาพของปราณหยินของชิวเยว่น้ นั มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะซึ่ งมี
เพียงเฉพาะผูค้ นที่มีสายเลือดจากวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ใน
เมื่อพวกเขามีความสัมพันธ์กบั พระจันทร์โดยตรง ซึ่งพระจันทร์เอง
นั้นเป็ นแหล่งกําเนิดของปราณหยินในจักรวาลนี้ และนี่กจ็ ึงเห็นเหตุผล
หลักที่ทาํ ไมเทพจันทราจึงสาปสายเลือดของตนเอง ในเมื่อเขาไม่
ต้องการที่จะแบ่งปันและทําให้สายเลือดที่ทรงพลังนี้แปดเปื้ อน
หลังจากที่ดูดซับปราณหยินทั้งหมดของชิวเยว่หมดแล้ว ซูหยางก็ลุก
จากเตียงและออกจากห้องไป
ทันทีที่เขาเดินออกไปจากห้อง ร่ างของชิวเยว่กเ็ ข้าสู่ สายตาของเขา
“ท่านพ่อ..”
เมื่อชิวเยว่เห็นใบหน้าของซูหยาง เหตุการณ์จากเมื่อวานก็พลันฉาย
ซํ้าภายในใจของเธอ และเธอก็เหมือนได้ลิ้มลองปราณหยางของเขา
ในปากของเธออีกครั้ง จนทําให้คาํ พูดและข้อแก้ตวั ทั้งหมดที่เธอได้
ใช้เวลาหลายชัว่ โมงเตรี ยมตัวในการพูดกับเขาเมื่อตอนที่เขาตื่น
ขึ้นมาหายไปราวกับหมอกควัน
บทที่ 520 รวมตัวศิษย์ ใหม่
เมื่อเห็นชิวเยว่ยนื อยูต่ รงนั้นเหมือนกับรู ปปั้น ซูหยางก็เผยรอยยิม้
นุ่มนวลบนใบหน้าและกล่าวว่า “ขอบคุณสําหรับการพยายามในการ
ช่วยข้าฟื้ นขึ้นมาอย่างรวดเร็ ว เพราะว่าปราณหยินของเจ้า พลัง
วิญญาณของข้าจึงฟื้ นฟูอย่างเต็มที่”
“ข้า… ข้า… ข้ามิรู้วา่ ท่านพูดถึงเรื่ องอะไร…” ชิวเยว่พลันแกล้งทํา
เป็ นไม่รู้เรื่ องเนื่องมาจากความอาย
อีกใจหนึ่ง เธอต้องการที่จะบอกเขาเกี่ยวกับสิ่ งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เพื่อที่วา่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสามารถดําเนินไปได้ลึกซึ้ง
ยิง่ ขึ้น แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่ตอ้ งการที่จะทนความอายบอกเขาถึงสิ่ ง
ที่เธอทํากับเขาในขณะที่เขากําลังหลับ ในเมื่อการทําเช่นนั้นอาจจะ
ทําให้เธอดูเหมือนเป็ นนางไม้ที่สิ้นหวัง
ซูหยางหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาน่ารักของเธอและรู ้สึกอยากจะแกล้ง
เธอ “ถ้ามิใช่เจ้าแล้วเช่นนั้นนัน่ ต้องเป็ นเซี่ ยวหรงที่เติมห้องด้วยปราณ
หยินของเธอแน่ ข้าต้องให้รางวัลเธอสําหรับความพยายามของเธอ
ในภายหลัง”
“อะแฮ่ม” ชิวเยว่พลันกระแอมก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างเร่ งรี บ “จ-จริ ง
แล้ว… ปราณหยินนัน่ เป็ นของข้า ข้าเพียงแค่มิตอ้ งการให้ท่านรู ้สึก
ว่าเป็ นหนี้ขา้ อะไร ดังนั้นข้าจึงโกหก”
รอยยิม้ บนใบหน้าของซูหยางกว้างขึ้น และเขาก็พดู ว่า “ถึงแม้วา่ เจ้า
จะพูดเช่นนั้น ข้าก็เป็ นคนที่มิสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสิ่ งนั้นได้ ดังนั้น
ข้าจักยังคงชดใช้ให้ และในเมื่อเจ้าเป็ นลูกสาวสุ ดที่รักของข้า ข้าจัก
รับฟังคําขอของเจ้าอย่างหนึ่งเป็ นรางวัล”
“จ-จริ งรึ ท่านจักทําทุกอย่างที่ขา้ ต้องการ” ดวงตาของชิวเยว่เป็ น
ประกายพึงพอใจและตื่นเต้น
“ตราบเท่าที่มนั อยูใ่ นขอบเขตความสามารถของข้า” เขาตอบด้วย
พร้อมกับพยักหน้าอย่างเยือกเย็น
“ตกลง แต่ขา้ จักยังมิรับรางวัลนี้ในทันที ให้เวลาข้าคิดก่อนว่าข้า
ต้องการอะไร” เธอกล่าว
เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็ออกจากบ้านไปพบกับศิษย์ใหม่
“ผูอ้ าวุโสซุน ท่านพอที่จะช่วยรวบรวมศิษย์ท้ งั หมดให้กบั ข้าได้หรื อไม่”
ซูหยางกล่าวกับอีกฝ่ ายที่เป็ นคนแรกที่เข้ามาอยูใ่ นสายตาของเขา
“ซูหยางรึ สุ ดท้ายเจ้าก็ฟ้ื นขึ้น” ผูอ้ าวุโสซุนมีใบหน้าแสดงความโล่ง
อกหลังจากที่เห็นใบหน้าเขา
“มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ขา้ พักรึ ” ซูหยางเลิกคิว้
“ไม่ มิมีอะไรจริ งจังเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามศิษย์ใหม่ท้ งั หมดได้มา
ถึงเมื่อไม่กี่วนั ก่อน แต่พวกเรามิสามารถทําอะไรได้โดยปราศจากเจ้า
ดังนั้นข้าจึงโล่งอกที่สุดท้ายได้เห็นเจ้าตื่นขึ้น นี่หมายความว่าสุ ดท้าย
พวกเราก็สามารถทําให้สิ่งต่าง ๆ ภายในนิกายขับเคลื่อนต่อไปได้
แล้ว”
“ขอบคุณ ข้าจักทํางานในทันที”
“เจ้าต้องการให้เหล่าศิษย์ไปรวมตัวกันที่ไหนรึ ” ผูอ้ าวุโสซุนถาม
“พื้นที่ชุมนุมภายในเขตศิษย์นอกน่าจะดี”
ผูอ้ าวุโสซุนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจักแจ้งให้ศิษย์ทุกคนไปรวมตัวกัน
ที่นนั่ ให้เร็ วที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้”
จากนั้นเขาก็นาํ เอาหยกสื่ อสารออกมาเปิ ดใช้งานด้วยพลังวิญญาณ
ของเขาก่อนที่จะพูดเข้าไปว่า “ผูน้ าํ นิกายซูได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ศิษย์
ใหม่ทุกคนจักต้องหยุดทุกอย่างที่ตนเองทําและไปรวมตัวกันที่พ้นื ที่
ชุมนในเขตศิษย์นอกเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ามีเวลาสามนาที ถ้าเจ้าไปสาย
เจ้าสามารถลืมเรื่ องเป็ นศิษย์ไปได้เลย”
คําพูดของผูอ้ าวุโสซุนดังออกมาจากหยกสื่ อสารทุกชิ้นในนิกาย
อย่างรวดเร็ ว จนทําให้ศิษย์ทุกคนทั้งศิษย์ใหม่ศิษย์เก่าพากันพุง่ พรวด
ออกจากบ้านของตนเอง อย่างไรก็ตามไม่ใช่วา่ ทุกคนได้เตรี ยมตัวที่
จะออกจากบ้านและแสดงตัวตน ดังนั้นบางคนจึงยังอยูใ่ นชุดนอน
เมื่อตอนออกจากบ้าน ในขณะที่บางคนยังคงอาบนํ้าเมื่อตอนที่ผู ้
อาวุโสซุนเรี ยกตัวพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงออกจากบ้านด้วยเพียง
ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวบนร่ างที่ยงั เปี ยกของพวกเขา
เวลาหลังจากนั้นเมื่อศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันเรี ยบร้อยแล้ว ซูหยางก็
ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในขณะที่สวมชุดผูน้ าํ นิกาย ชุดสี ดาํ
สายตาน่ายําเกรงของเขากวาดไปท่ามกลางฝูงชนจนทําให้เหล่าศิษย์
ต่างพากันสะท้านด้วยความหวาดกลัว
โหลวหลานจีปรากฏตัวข้างเขาหลังจากนั้นชัว่ ขณะและกล่าวว่า
“นอกจากอธิบายกฏของนิกายให้กบั พวกเขาแล้ว พวกเราก็ยงั มิได้ทาํ
อะไรทั้งสิ้ น ตําแหน่ง เบี้ยเลี้ยง และวิชาต่าง ๆ ก็ยงั มิได้ตดั สิ น กระทัง่
ที่พกั ของพวกเขาก็ลว้ นแต่เป็ นการชัว่ คราว”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเธอซูหยางก็พยักหน้า “ขอบคุณ ข้าจักรับมือต่อ
นับจากนี้”
จากนั้นเขาก็พดู กับเหล่าศิษย์วา่ “ดังที่ขา้ ได้กล่าวนําไว้ก่อนการทดสอบ
แล้ว นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้มีสองสาขาในตอนนี้ ถ้าพวกเจ้าต้องการ
ที่จะทําตามคนส่ วนใหญ่และฝึ กฝนฝี มือตามปกติ ให้กา้ วออกไปทาง
ด้านขวาของข้า และถ้าเจ้าต้องการที่จะเดินตามวิถีของความสุ ขสม
และความรักและกลายเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่ ให้กา้ วออกไปทางด้านซ้าย
ของข้า แม้วา่ พวกเจ้าได้มีเวลาได้ตดั สิ นใจมานานจนถึงปานนี้ ข้าก็
จักยังคงให้เวลาพวกเจ้าเพิม่ อีกห้านาทีในการตัดสิ นใจว่าเส้นทาง
ไหนที่เจ้าต้องการจะเลือกเดิน”
ห้านาทีให้หลัง เมื่อเหล่าศิษย์ได้เลือกเส้นทางของตนเองแล้ว ซูหยาง
ก็ได้มองดูไปยังเหล่าศิษย์ในแต่ละข้าง
มีศิษย์อยูป่ ระมาณแปดร้อยคนยืนอยูด่ า้ นขวาของเขา ในขณะที่คนที่
เหลือยืนอยูอ่ ีกด้าน ยิง่ ไปกว่านั้นศิษย์ประมาณร้อยคนที่ตอ้ งการที่จะ
กลายเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่น้ นั พวกเขาส่ วนใหญ่ลว้ นเป็ นหญิง ซึ่งกลับกัน
อย่างสิ้ นเชิงกับอัตราส่ วนชายหญิงจากในอดีต
“ในบรรดาศิษย์ร้อยคน มีเพียงชายเก้าคนเท่านั้น นี่ค่อนข้างจะมี
ปัญหาอยูบ่ า้ ง…” โหลวหลานจีพึมพําพร้อมกับขมวดคิ้ว
อัตราส่ วนศิษย์หญิงและศิษย์ชายไม่สมดุลและเธอก็สงสัยว่าชายเก้า
คนนี้จะสามารถรองรับคู่ฝึกมากมายปานนั้นในครั้งเดียวหรื อไม่
โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อพวกเขาล้วนเป็ นผูม้ าใหม่
อย่างไรก็ตามถ้าเธอปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ ศิษย์หญิงส่ วนใหญ่กจ็ กั ไม่
สามารถที่จะมีคู่ฝึกได้จนกว่าจะถึงปี หน้าเมื่อพวกเขารับศิษย์เพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็ นสถานการณ์ที่พวกเขาต้องหลีกเลี่ยง
โหลวหลานจีหนั ไปดูซูหยางและกล่าวว่า “เฮ้… เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถ
ที่จะรองรับศิษย์เหล่านี้จนกว่าพวกเราจะมีศิษย์ชายมากกว่านี้หรื อไม่”
ซูหยางเลิกคิว้ “เจ้ากําลังแนะนําว่าข้าควรจักเป็ นคู่ฝึกให้กบั พวกเธอ
จนถึงตอนนั้นรึ ข้าคิดว่ามีแต่ศิษย์ที่ยอมให้ร่วมฝึ กกับเพื่อนศิษย์
เท่านั้น”
อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีส่ายหน้าและกล่าวว่า “เฮ้อ… กฎนั้นโดย
ปกติแล้วมีไว้เฉพาะผูอ้ าวุโสนิกาย มิใช่ผนู ้ าํ นิกาย เพราะว่าผูน้ าํ นิกาย
คนก่อนเพียงแค่ร่วมฝึ กกันเองกับผูอ้ าวุโสนิกายเท่านั้น ดังนั้นจึงเกิด
ความเข้าใจผิดว่าผูน้ าํ นิกายมิยอมให้ร่วมฝึ กกับศิษย์ ในช่วงก่อนหน้า
นั้นผูน้ าํ นิกายร่ วมฝึ กกับเหล่าศิษย์โดยมิมีขอ้ จํากัดใด”
“ยิง่ ไปกว่านั้น นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในปั จจุบนั นั้นมิได้เป็ นสํานัก
เดิมที่มนั เคยเป็ นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้พวกเรามีศิษย์ใหม่และกฎใหม่
ถ้าเจ้าต้องการที่จะฝึ กกับศิษย์ขา้ ก็มิได้มีปัญหากับเรื่ องนั้น”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “พวกเรามาดูวา่ จะเป็ นอย่างไรต่อไป
ก่อน”
บทที่ 521 ใจกว้ างอย่ างบ้ าคลัง่
“สําหรับผูท้ ี่ตอ้ งการที่จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่ เนื่องมาจากความไม่สมดุล
ระหว่างจํานวนของทั้งสองเพศ สิ่ งต่าง ๆ จึงมีความซับซ้อนค่อนข้าง
มาก ดังนั้นข้าจักจัดการพวกเจ้าในภายหลัง” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะ
หันไปมองดูศิษย์แปดร้อยคนที่ปรารถนาที่จะฝึ กวิชาตามปกติ
“พวกเจ้าทุกคนยืนเข้าแถวตอนเรี ยงเดี่ยวและมาหาข้าทีละคน ข้าจัก
ให้ระดับแก่พวกเจ้าในตอนนี้ ซึ่ งก็จกั ตัดสิ นจากพรสวรรค์และพลัง
การฝึ กปรื อของเจ้าในปัจจุบนั ”
บรรดาศิษย์ท้ งั 800 คนรี บยืนเข้าแถวตอนเรี ยงหนึ่งตรงหน้าเขา
ครั้นเมื่อศิษย์แต่ละคนเข้าไปหาเขา ซูหยางก็ยนื่ ส่ งตราที่บ่งบอกถึง
ระดับความเป็ นศิษย์ของพวกเขา
ตรามีท้ งั หมดห้าสี ขาว เขียว แดง ดํา และทอง
ศิษย์นอกจะได้รับตราสี ขาว ในขณะที่ศิษย์ในก็จะได้รับตราสี เขียว
ส่ วนสําหรับตราสี แดงและสี ดาํ นั้นก็จะถูกยกให้กบั ศิษย์หลักและผู ้
อาวุโสนิกาย และสุ ดท้ายสําหรับตราสี ทองมีเพียงศิษย์ด้ งั เดิมเท่านั้น
ที่จะยอมให้ถือครอง
ครึ่ งชัว่ โมงให้หลัง ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้รับระดับความเป็ นศิษย์
ของตนเองแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเจ้า
ได้รับระดับแล้ว ข้าก็จกั พูดเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงของพวกเจ้า”
ศิษย์ทุกคนภายในสํานักปกติแล้วจะได้รับเบี้ยเลี้ยงในรู ปของหิ น
วิญญาณ และนี่เป็ นวิธีปฏิบตั ิตามปกติของแทบทุกสํานักในโลก
ยกเว้นสํานักยากจนที่ไม่สามารถที่จะมอบหิ นวิญญาณให้กบั ศิษย์
ของตนเองได้ หรื อสํานักที่มีกฎเข้มงวดที่ปฏิเสธในการให้ทา้ ยศิษย์
บีบให้พวกเขาต้องหาทรัพยากรของตนเอง
“ศิษย์นอกจักได้รับหิ นวิญญาณ 100 ก้อนทุกเดือน…”
“อะไรนะ หิ นวิญญาณ 100 ก้อนรึ ” ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์แต่กระทัง่
โหลวหลานจีกย็ งั จ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
หิ นวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนสามารถเลี้ยงดูผฝู ้ ึ กยุทธทัว่ ไปได้เป็ นเวลา
หลายเดือนหรื อไม่กห็ ลายปี ถ้าพวกเขาใช้มนั อย่างประหยัด และการ
ให้ถึง 100 ก้อนหิ นวิญญาณแก่ศิษย์นอกนั้น ปกติแล้วถือว่าใจกว้าง
มากเกินไป หรื อเรี ยกว่าบ้าคลัง่ ก็ได้ แม้แต่สาํ นักที่ร่ าํ รวยที่สุดในโลก
นี้กไ็ ม่กล้าที่จะคิดยืน่ ส่ งหิ นวิญญาณมากมายเช่นนั้นให้กบั ศิษย์นอก
หลังจากที่ให้ระดับแต่ศิษย์ใหม่แล้ว ก็จะมีศิษย์นอกมากกว่า 700 คน
ตอนนี้ในนิกาย ซึ่งหมายความว่ามีความต้องการที่จะจ่ายให้กบั พวก
เขามากกว่า 70,000 ก้อนหิ นวิญญาณในทุกเดือนเฉพาะศิษย์นอก
อย่างเดียว ยิง่ ไปกว่านั้นพวกเขายังจะมีศิษย์นอกมากกว่านี้ในอนาคต
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขามีศิษย์นอกมากถึง 10,000 คน ซึ่งปกติแล้ว
ไม่มีทางที่พวกเขาสามารถใช้เงินหนึ่งล้านก้อนหิ นวิญญาณต่อเดือน
เพียงเพื่อศิษย์นอก และงบประมาณนี้ยงั ไม่ได้รวมไปถึงศิษย์ใน อย่า
ว่าแต่ศิษย์หลัก และสิ่ งอื่น ๆ อีก
“ซ-ซูหยาง… 100 ก้อนหิ นวิญญาณรึ … ข้ามิตอ้ งการที่จะสงสัยการ
ตัดสิ นใจของเจ้า แต่เจ้ามิคิดว่าเจ้าค่อนข้างจะใจกว้างเกินไป “เล็กน้อย”
หรื อไม่ ในอดีตกระทัง่ ศิษย์ในก็ยงั ได้รับน้อยกว่า 10 ก้อนหิ นวิญญาณ
ต่อเดือน…” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาพร้อมกับหลังที่ชุ่มโชกไปด้วย
เหงื่อ “และถึงแม้วา่ พวกเราสามารถที่จะให้พวกเขา 100 ก้อนหิ น
วิญญาณต่อเดือน พวกเขาก็มิมีเวลามากมายที่จะฝึ กฝนโดยใช้หิน
วิญญาณมากมายปานนั้น”
ซูหยางเข้าใจว่าทําไมโหลวหลานจีจึงลังเลที่จะให้หินวิญญาณแก่
เหล่าศิษย์เหล่านี้เป็ นจํานวนมาก ในเมื่อหิ นวิญญาณ 100 ก้อนนั้น
จริ ง ๆ แล้วถือว่าเป็ นเงินและทรัพยากรจํานวนมาก โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ ถ้าหากว่าพวกเขาต้องใช้กบั เพียงแค่ศิษย์นอก ซึ่ งปกติแล้วจะเห็น
เป็ นศิษย์ที่ต่าํ ต้อยซึ่งมีเจตนาในการเพิ่มจํานวนประชากรให้แก่นิกาย
เท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาดูศิษย์นอกเหล่านี้ราวกับว่าพวกเขา
มีพรสวรรค์เช่นเดียวกับศิษย์หลักจากสํานักอื่น พวกเขาอาจจะไม่
ลังเลที่จะจ่ายเงินจํานวนมากอีกต่อไป
“เจ้าควรหยุดมองพวกศิษย์เหล่านี้เพียงแค่ “ศิษย์นอก” ซูหยางกล่าว
กับเธอด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย
“เป็ นความจริ งที่มนั อาจจะดูเหมือนบุ่มบ่ามที่ให้ทรัพยากรจํานวนมาก
ตั้งแต่ตน้ แต่ถา้ เจ้าถือว่าพวกเขาจะเป็ นอะไรในอนาคต ก็จะเห็นว่า
มันคุม้ ค่าในการลงทุน แม้วา่ นัน่ จะแพงไปอยูบ่ า้ ง”
“ศิษย์เหล่านี้ที่นี่มิใช่ “ศิษย์นอก” ธรรมดาของเจ้า พวกเขาล้วนเป็ น
อัจฉริ ยะที่ถูกคัดเลือกมาจากคนนับแสนนับล้าน แม้วา่ พวกเขาอาจจะ
ดูเหมือนมิมีความสําคัญในตอนนี้ พวกเขาล้วนมีศกั ยภาพที่จะเหนือ
ลํ้ายิง่ กว่ากระทัง่ ศิษย์หลักจากสํานักอื่น”
“ถึงแม้วา่ ข้าจักเข้าใจเจตนาของเจ้า… แต่วา่ ทรัพยากรของพวกเรา
มิได้มีไม่จาํ กัด…” โหลวหลานจีถอนหายใจ
พวกเขาอาจจะรํ่ารวยในตอนนี้ แต่พวกเขาได้ใช้หินวิญญาณหลาย
ล้านก้อนไปเรี ยบร้อยแล้วในการขยายและปรับปรุ งนิกายให้เป็ น
สถานที่ที่ดีกว่าเดิม เปรี ยบเทียบกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก่อนหน้า
นี้ นิกายในปัจจุบนั นี้อย่างน้อยมีขนาดใหญ่กว่าสองเท่า และกระทัง่
อุปกรณ์อาํ นวยความสะดวกและที่พกั อาศัยของพวกเขาก็ได้รับการ
ปรับปรุ ง อย่างไรก็ตามถึงแม้วา่ จะมีการขยายตัวพวกเขาก็ยงั มีหลาย
สิ่ งหลายอย่างที่พวกเขาจําเป็ นที่จะต้องซ่อมแซมหรื อซื้อเข้านิกายใน
อนาคต
ถ้าพวกเขายังคงใช้เงินอย่างไม่ระมัดระวัง ทรัพยากรของพวกเขาก็
จะหมดไปก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตวั
“เจ้ากําลังกังวลเกี่ยวกับทุนของเรารึ หรื อว่าเจ้ายังมิได้ไปดูในคลัง
เมื่อเร็ ว ๆ นี้” ซูหยางถามเธอด้วยเสี ยงเรี ยบเฉย
“ข้าตรวจสอบครั้งสุ ดท้ายเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนเมื่อตอนที่ขา้ ได้
จ่ายเงินขยายและปรับปรุ งสํานัก แต่ขา้ ยังมิได้ไปที่นนั่ นับตั้งแต่ตอน
นั้น…” โหลหวลานจีส่ายหน้า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรที่จะไปดูเสี ยในตอนนี้” เขากล่าวด้วยรอยยิม้
ลึกลับ “ข้าจักรอเจ้ากลับมาก่อนที่พวกเราจะพูดต่อ”
โหลวหลานจีพยักหน้าก่อนที่จะรี บไปที่คลัง
สองสามนาทีให้หลัง เธอก็ไปถึงคลังมุกพิสุทธิ์ ซึ่ งยังคงปกป้องด้วย
ผูอ้ าวุโสจ้าว
“ท่านผูน้ าํ นิกาย อะไรชักนําท่านมาที่นี่ในวันนี้” ผูอ้ าวุโสจ้าวทักทาย
เธอ
“ซูหยางบอกให้ขา้ มาตรวจสอบคลัง ท่านรู ้ไหมว่าทําไม” เธอถามเขา
“คลังรึ ข้ามิมนั่ ใจ เขาแสดงตัวที่นี่ครั้งหนึ่งก่อนการทดสอบศิษย์
เพื่อที่จะเอาอะไรบางอย่างไว้ขา้ งใน แต่เขาบอกข้าว่าอย่าเพิ่งดูวา่ เป็ น
อะไรในช่วงเวลานี้ ดังนั้นข้าจึงมิรู้วา่ เขาใส่ อะไรไว้ขา้ งใน” เขาตอบ
“เปิ ดดู ข้าต้องการดูวา่ มีอะไรอยูข่ า้ งใน”
สองสามอึดใจให้หลัง พวกเขาก็ยนื อยูต่ รงหน้าห้องสมบัติที่มีค่ายกล
ทรงพลังปกป้องมันอยู่
บทที่ 522 ความมัง่ คัง่ ทีไ่ ม่ อาจจินตนาการได้
“ไม่วา่ จะครั้งไหนที่ขา้ ได้เห็น ค่ายกลนี้กช็ ่างลึกลํ้าและซับซ้อน
เพียงแต่มิรู้วา่ ซูหยางเรี ยนวิธีการสร้างค่ายกลเช่นนี้มาจากไหน” ผู ้
อาวุโสจ้าวกล่าวด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวัน่ ขณะที่
วิจารณ์ค่ายกลป้องกันที่ปกป้องห้องสมบัติ
“ใช่… ข้าก็สงสัยว่ามาจากไหนเช่นกัน…” รอยยิม้ แปลก ๆ ปรากฏ
ขึ้นบนใบหน้าของโหลวหลานจี ในเมื่อเธอไม่สามารถบอกอีกฝ่ าย
ได้วา่ ซูหยางเรี ยนรู ้มาจากในอดีตชาติของเขาเมื่อตอนที่เขาเป็ นเซี ยน
ไม่กี่อึดใจจากนั้น โหลวหลานจีกน็ าํ เอาป้ายหยกออกมาและวางมัน
ลงไปในค่ายกลเพื่อเปิ ดมันออก
ป้ายหยกนี้กเ็ ปรี ยบเหมือนกุญแจสําหรับประตูไขค่ายกล และในทั้ง
โลกนี้ มีเพียงสองคนที่ถือมันไว้ ผูน้ าํ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และ
นอกจากจะมีใครสักคนที่มีความสามารถในการทําลายค่ายกลซึ่ ง
ต้องมีพลังการฝึ กปรื ออย่างน้อยในเขตราชันวิญญาณและมีความรู ้
ด้านค่ายกลอย่างลึกซึ้ง มิเช่นนั้นก็อย่าหมายคิดเข้าไปในคลังนี้
ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในคลังแล้ว พวกเขาก็งงงันกับฉากที่อยู่
ภายในนั้น
กลางห้องกองไว้ดว้ ยภูเขาแหวนมิติกองเล็ก ๆ และก็มีอย่างน้อยหนึ่ง
ร้อยวงกองอยูร่ วมกัน
“ทําไมจึงมีแหวนมิติมากมายปานนี้” ผูอ้ าวุโสจ้าวพึมพํา
“ข้าก็สงสัยมากเช่นกันว่ามีอะไรอยูภ่ ายในแหวนมิติพวกนี้…”
โหลวหลานจีตรงไปหยิบแหวนมิติข้ ึนมาหนึ่งวงและแอบมองเข้าไป
ข้างในด้วยพลังวิญญาณของเธอ
“อา?!”
แต่ทว่าไม่กี่อึดใจจากนั้นหลังจากที่เห็นภายในแหวนมิติแล้ว โหลว
หลานจีกร็ ่ าํ ร้องออกมาด้วยเสี ยงอันดัง เสี ยงของเธอเปี่ ยมไปด้วย
ความตระหนก ก่อนที่จะปล่อยแหวนมิติร่วงลงพื้น
“เกิดอะไรขึ้นท่านผูน้ าํ นิกาย” ผูอ้ าวุโสเจ้าตะลึงงันกับการที่เธอพลัน
กรี ดร้อง
“น-ใน… ดูดา้ นในแหวนมิติ…”
ผูอ้ าวุโสจ้าวกลืนนํ้าลายอย่างยากเย็นและหยิบแหวนมิติที่โหลว
หลานจีปล่อยทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมาแอบดูดา้ นใน
เมื่อเขาเห็นภูเขาของหิ นวิญญาณด้านใน เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วย
ความตกใจเช่นกัน “บ้าอะไรกัน อย่างน้อยต้องมีหลายล้านก้อนหิ น
วิญญาณในนี้”
จากนั้นเขาก็หนั ไปดูภูเขาของแหวนมิติต่อหน้า
“ป-เป็ นไปมิได้… อย่าบอกข้าว่าแหวนมิติท้ งั หมดนี้บรรจุดว้ ยหิ น
วิญญาณ…”
ผูอ้ าวุโสจ้าวและโหลวหลานจีพลันสอดส่ องมองไปทัว่ ทั้งแหวนมิติ
ทั้งหมด
สองสามนาทีให้หลังทั้งคู่ต่างก็พากันสบตากันเองด้วยดวงตาที่ลืม
โพลง
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ผูอ้ าวุโสจ้าวหัวเราะด้วยท่าทางแปลก ๆ ราวกับว่าเขา
กลายเป็ นบ้า “แหวนมิติทุกวงที่ขา้ ตรวจสอบล้วนบรรจุดว้ ยหิ น
วิญญาณ… และแต่ละวงมีอย่างน้อยหลายล้านภายในนั้น”
“เช่นเดียวกันกับทางข้า…” โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยใบหน้าตื่น
ตะลึง “และมีแหวนมิติท้ งั หมด 121 วงที่นี่… หมายความว่าต้องมี
อย่างน้อยหลายร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณภายในกองของแหวนมิติ
เหล่านี้”
“สวรรค์ เพียงแต่วา่ ซูหยางได้ความรํ่ารวยนี้มาจากไหนกัน นอกจาก
ว่าเขาปล้นทั้งทวีป เขาก็มิควรจะมีหินวิญญาณมากมายปานนี้” ผู ้
อาวุโสจ้าวอุทานออกมาดังลัน่ ดวงตาของเขาเปี่ ยมไปด้วยความ
หวาดกลัว
“มิน่าประหลาดใจที่วา่ ทําไมเขาจึงยินดีที่จะให้ศิษย์นอก 100 ก้อน
หิ นวิญญาณทุกเดือน… ถ้าพวกเรามีหินวิญญาณมากมายปานนี้ พวก
เราก็สามารถพยายามที่จะให้พวกเขา 1,000 ก้อนได้ทุกเดือน”
“หิ นวิญญาณ 100 ก้อนสําหรับศิษย์นอกและก็ทุกเดือนด้วย” ผูอ้ าวุโส
จ้าวมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับว่านี่เป็ นครั้งแรกของเขาที่
ได้ยนิ เช่นนั้น
“มิวา่ อย่างไร อย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่ องนี้ พวกเรามิตอ้ งการให้ท้ งั
โลกรู ้เกี่ยวกับความรํ่ารวยของพวกเรา มิเช่นนั้นก็อาจจักชักนํา
ปัญหาที่มิจาํ เป็ นมาที่นี่”
“ข้ามิกล่าวถ้อยคําแม้แต่คาํ เดียวถึงแม้วา่ ข้าจักต้องตายก็ตาม” ผูอ้ าวุโส
จ้าวสาบานด้วยมือที่ชูข้ ึนสู ง
หลังจากที่จอ้ งมองไปยังความรํ่ารวยมหาศาลตรงหน้าพวกเขาอีก
สองสามอึดใจ พวกเขาก็ออกจากคลัง
ครั้นเมื่อโหลวหลานจีกลับไปถึงข้างกายซูหยางแล้ว เธอก็ถามเขา
ด้วยเสี ยงที่เหมือนกับยุงว่า “เจ้าไปทําบ้าอะไรจึงได้หินวิญญาณมา
มากมายเช่นนี้ อย่าบอกข้าว่าเจ้าไปปล้นทั้งทวีปมาอย่างลับ ๆ”
ซูหยางหัวเราะกับจินตนาการของเธอและตอบด้วยเสี ยงเยือกเย็นว่า
“งานเสริ มของข้า”
“งาน…เสริ มรึ …” โหลวหลานจีจอ้ งมองเขาด้วยใบหน้างงงัน
“มิวา่ อย่างไรตอนนี้เมื่อเจ้าได้เห็นความรํ่ารวยของพวกเราแล้ว เจ้าก็
มิจาํ เป็ นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเราใช้จ่ายมากเกินไปใน
เวลาอันใกล้น้ ี”
จากนั้นเขาก็หนั ไปหาเหล่าศิษย์และกล่าวต่อว่า “เป็ นอันตัดสิ นใจว่า
ศิษย์นอกจะได้รับหิ นวิญญาณ 100 ก้อนหิ นวิญญาณต่อเดือน ส่วน
สําหรับศิษย์ใน พวกเจ้าจักได้รับ 1,000 ก้อนหิ นวิญญาณต่อเดือน”
“1,000 ก้อนหิ นวิญญาณ?!?!”
เหล่าศิษย์ต่างพากันอุทานดังลัน่ พร้อมกับคางที่อา้ ลงไปจนแตะพื้น
พวกเขามีศิษย์ในอย่างน้อยกว่าแปดสิ บคน ในชัว่ เวลานี้ นัน่ หมาย
ความว่านิกายจะต้องใช้มากกว่า 80,000 ก้อนหิ นวิญญาณต่อเดือน
กับพวกเขาและถึง 200,000 ก้อน ถ้าพวกเขารวมศิษย์นอกเข้าไปด้วย
อย่างไรก็ตามถ้าหากพิจารณาจากความรํ่ารวยที่นิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ในปั จจุบนั มีอยู่ งบประมาณจํานวนนี้กเ็ หมือนกับหยดนํ้าใน
มหาสมุทร
“ส่ วนสําหรับศิษย์หลักแล้วในเมื่อพวกเจ้ามีจาํ นวนไม่กี่คนแม้กระทัง่
ในอนาคต ข้าจักให้เบี้ยเลี้ยงต่อเจ้าโดยไม่จาํ กัด อีกนัยหนึ่งก็คือตราบ
เท่าที่พวกเจ้าต้องการหิ นวิญญาณ ไม่วา่ จะเป็ นจํานวนเท่าไร ตราบ
เท่าที่มีเหตุผลสมควร นิกายก็จกั จัดหาให้เจ้า” ซูหยางกล่าว
“มิจาํ กัด… จํานวนก้อนหิ นวิญญาณ….”
เหล่าศิษย์ที่นนั่ ต่างพากันมองดูซูหยางราวกับว่าเขาเป็ นเทพ กระทัง่
สํานักกระบี่ศกั ดิ์สิทธิ์ซ่ ึ งมีตระกูลซีเป็ นผูส้ นับสนุนการเงินของพวก
เขาโดยตรงก็ยงั ไม่กล้าที่จะใช้จ่ายฟุ่ มเฟื อยกับศิษย์ของตนเองเท่านั้น
“ข้ารู ้วา่ พวกเจ้ากําลังคิดอะไรกันอยู”่ ซูหยางพลันกล่าวขึ้น “มัน
อาจจะดูเหมือนมีทรัพยากรมากมายในตอนแรก มากเสี ยจนกระทัง่
เจ้าสามารถเก็บพวกมันส่ วนใหญ่ไว้ใช้ในอนาคตได้ หรื อกระทัง่
นําไปจับจ่ายยามว่าง แต่ทว่าครั้นเมื่อพวกเจ้าเริ่ มฝึ กวิชา เจ้าจัก
ตระหนักว่านี่มิได้เป็ นเช่นนั้น ข้าจักให้วชิ าการฝึ กฝี มือที่พิเศษเฉพาะ
กับพวกเจ้าทุกคนที่จกั เป็ นประโยชน์ต่อพรสวรรค์ของพวกเจ้ามาก
ที่สุด และพวกมันก็จะมีระดับอย่างน้อยที่เขตอัมพรวิญญาณ ซึ่งจัก
ต้องการหิ นวิญญาณจํานวนมากในการฝึ ก และเมื่อยามที่พวกเจ้าก้าว
ไปถึงหนึ่ง 100… หรื อกระทัง่ 1,000 ก้อนหิ นวิญญาณก็จกั หายไป
ก่อนที่เจ้าจะทันรู ้ตวั ”
บทที่ 523 ความไม่ สมดุล
“ว-วิชาระดับสวรรค์…”
เหล่าศิษย์ต่างพากันมองดูเขาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากเชื่อ
“ท่านผูน้ าํ นิกาย… พวกเราจะได้รับวิชาฝึ กปราณระดับสวรรค์อย่าง
นั้นรึ …”
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ แต่พวกเจ้ามิได้จาํ กัดอยูเ่ พียงแค่วชิ า
ระดับสวรรค์ ถ้าพวกเจ้าสามารถพิสูจน์ให้ขา้ เห็นว่าพวกเจ้าฝึ กฝน
วิชาอย่างจริ งจัง ข้าเองก็ยนิ ดีที่จะแบ่งปันวิชาปราณระดับเซี ยนให้แก่
พวกเจ้า”
“วิชาระดับเซียน”
เหล่าศิษย์ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
วิชาระดับสวรรค์กน็ บั ว่าเลอค่ามากแล้วในโลกนี้ ถึงขั้นที่วา่ ผูฝ้ ึ กวิชา
ส่ วนใหญ่ในโลกนี้อยูม่ าตลอดชีวติ โดยไม่เคยเห็นแม้แต่นอ้ ย ดังนั้น
ผูค้ นสามารถจินตนาการได้วา่ วิชาระดับเซี ยนนั้นมีค่ามากมายเพียงใด
อย่างไรก็ตามในสายตาของซูหยางซึ่งได้มีสายสัมพันธ์กบั สํานักที่
ทรงอํานาจและตระกูลลึกลับในชีวติ ก่อนของเขา เขาได้เห็นวิชา
ระดับสวรรค์และวิชาระดับเซียนมานับไม่ถว้ น
ในฐานะเซียน ความทรงจําของเขานั้นโดยปกติแล้วถือว่าสมบูรณ์
แบบ ยอมให้เขาจดจําวิชาทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นถ้าเขา
ต้องการวิชาให้กบั ศิษย์เหล่านี้ เขาสามารถดึงพวกมันออกมาจาก
ความทรงจําของเขาเขียนออกมาให้กบั พวกเขา
“ข้าจักเริ่ มให้วชิ าฝึ กปราณแก่พวกเจ้าในวันมะรื นนี้ เนื่องจากว่าข้า
จักติดธุระในวันพรุ่ งนี้” ซูหยางกล่าว
“นัน่ คือทุกอย่างที่ขา้ มีในวันนี้ ตอนนี้เมื่อพวกเจ้ามีระดับแล้ว ผู ้
อาวุโสนิกายจักดําเนินการต่อมอบเสื้ อผ้าและที่พกั ให้แก่พวกเจ้า”
“ตามข้ามา ข้าจักแจกจ่ายเสื้ อผ้าของพวกเจ้าตามระดับของพวกเจ้า”
ผูอ้ าวุโสซุนกล่าวก่อนที่จะนําศิษย์ไป
ยามเมื่อศิษย์ท้ งั 887 คนไปจากพื้นที่น้ นั กับผูอ้ าวุโสซุนแล้ว ซูหยางก็
หันไปมองศิษย์ที่เหลือ ศิษย์ประมาณหนึ่งร้อยคนที่ยนิ ดีที่จะเป็ นผู ้
ฝึ กวิชาคู่
“แรกสุ ดและก่อนอื่นทั้งหมด ให้ขา้ จัดระดับของพวกเจ้าก่อน”
หลังจากนั้นเหล่าศิษย์กไ็ ด้รับระดับของตนเอง
จากศิษย์ท้ งั สิ้ น 110 คนที่นนั่ 80 คนของพวกเขาเป็ นศิษย์นอก ในขณะ
ที่ 27 คนได้เป็ นศิษย์ใน และมีเพียง 3 คนในหมู่พวกเขาที่ได้เป็ นศิษย์
หลัก
ในบรรดาศิษย์หลักสามคนนั้น เยีย่ นเยีย่ น อัจฉริ ยะที่เป็ นที่รักของ
สวรรค์เป็ นหนึ่งในนั้น
“เจ้ามัน่ ใจรึ ที่จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่ เจ้ายังเด็กเกินไป ดังนั้นเจ้าจึงมิสามารถ
ที่จะเริ่ มฝึ กได้จนกว่าเจ้าจะถือว่าเป็ นผูใ้ หญ่เมื่ออายุได้ 16 ปี และเมื่อ
พิจารณาตามพรสวรรค์ของเจ้า… จะเป็ นการดีที่สุดถ้าเจ้าฝึ กแบบ
ปกติ” ซูหยางกล่าวกับเธอ
อย่างไรก็ตามแม้วา่ เขาจะได้แนะนําเธอแล้ว ท่าทางของเยีย่ นเยีย่ นก็
ยังไม่เปลี่ยนแปลง เธอกล่าวว่า “ข้าต้องการเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่”
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ โหลวหลานจีกถ็ ามเธอว่า “เรามาเริ่ มต้น
จากเจ้ารู ้ไหมว่าอะไรคือการเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่”
และพวกเขาก็ตอ้ งประหลาดใจกับคําตอบที่เยีย่ นเยีย่ นให้กบั โหลว
หลานจี เมื่อเธอส่ ายหน้า
“เจ้าต้องการที่จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่โดยที่เจ้ามิรู้กระทัง่ ความหมายที่ซ่อน
อยูเ่ บื้องหลังนั้นงั้นรึ ” โหลวหลานจีถอนใจ “ข้าเสี ยใจ อย่างไรก็ตาม
ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเข้าร่ วมกับศิษย์เหล่านั้นแทน”
อย่างไรก็ตามเยีย่ นเยีย่ นยังคงเยือกเย็นและกล่าวว่า “ในกรณี น้ นั ถ้า
ข้าเข้าใจความหมายของการฝึ กวิชาคู่ ท่านก็จกั มิวนุ่ วายกับการที่ขา้
จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่ใช่ไหม”
“นี่..”
โหลวหลานจีพดู ไม่ออก ในเมื่อนี่เป็ นครั้งแรกของเธอที่จะต้อง
รับมือกับเด็กอายุ 12 ปี ที่ยงุ่ ยากเหมือนดังเช่นเยีย่ นเยีย่ น
“ข้าจักปล่อยเธอให้เจ้าจัดการ ซูหยาง…” โหลวหลานจีรีบยอมแพ้
กับการหว่านล้อมเยีย่ นเยีย่ นและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไป
ให้กบั เขา
ซูหยางพยักหน้าจากนั้นเขาก็กล่าวกับเยีย่ นเยีย่ นว่า “การฝึ กวิชาคู่
ต้องการคนสองคนโอบกอดกันด้วยความเสน่หา กล่าวง่าย ๆ ก็คือ
พวกเขามีเพศสัมพันธ์กนั ”
“เพศสัมพันธ์รึ… มันคืออะไร” เยีย่ นเยีย่ นเอียงคอด้วยสี หน้าไร้เดียงสา
“เราคงต้องเริ่ มต้นจากที่ตรงนั้นใช่ไหม” รอยยิม้ ขมฝาดปรากฏขึ้น
บนใบหน้าเขา
“จะเป็ นสิ่ งที่รวดเร็ วกว่ามากในการแสดงให้เจ้าเห็น”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคําเช่นนั้นแล้ว ซูหยางก็จิ้มนิ้วของเขาที่มีแสง
อ่อน ๆ ตรงปลายไปยังหน้าผากของเธอ
สองสามวินาทีให้หลัง ภาพสมจริ งก็เริ่ มปรากฏขึ้นในใจของเยีย่ น
เยีย่ น
ภายในใจของเธอ มีคนสองคนอยูต่ รงหน้าเธอ หนึ่งชายและหนึ่ง
หญิง และพวกเขาก็ทาํ การร่ วมฝึ กวิชาคู่กบั อีกฝ่ าย
“นี่คือความหมายของการฝึ กวิชาคู่…” เสี ยงของซูหยางดังขึ้นในใจ
ของเยีย่ นเยีย่ นขณะที่เธอกําลังชมคนทั้งคู่ร่วมฝึ กวิชา
หลังจากนั้นครั้นเมื่อการสาธิตในใจของเธอจบลง ซูหยางก็ถามเธอ
ว่า “เจ้ายังคงต้องการที่จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่อยูอ่ ีกหรื อไม่”
เยีย่ นเยีย่ นตอบโดยไม่ลงั เลแม้แต่วนิ าทีเดียวว่า “ต้องการ”
“อย่างงั้นรึ … เช่นนั้นข้าก็มิมีอะไรที่จะพูดอีก แต่ทว่าเจ้ายังคงต้องรอ
จนกระทัง่ เจ้าเป็ นผูใ้ หญ่ก่อนที่เจ้าจะสามารฝึ กวิชาคู่ได้ สําหรับ
ตอนนี้น้ นั ถึงแม้วา่ เจ้าจะถือว่าเป็ นศิษย์หลัก เจ้าก็ยงั เป็ นศิษย์รุ่นเยาว์
จนกว่าเจ้าจะกลายเป็ นผูใ้ หญ่”
“เช่นเดียวกันเพราะว่าเจ้ามีพรสวรรค์เฉพาะตัว บางทีขา้ อาจจะเป็ น
คนเดียวในโลกนี้ที่สามารถสอนเจ้าได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นเจ้าจัก
เป็ นศิษย์โดยตรงของข้า”
“เจ้าค่ะอาจารย์” เยีย่ นเยีย่ นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ทําไมเธอจึงไม่แยแสคนอื่นนอกจากเขา…” โหลวหลานจีครุ่ นคิด
ในใจ
หลังจากนั้นซูหยางก็พดู กับศิษย์คนอื่นต่อว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเจ้าทุก
คนได้มีระดับแล้ว พวกเราก็จะมาพูดกันถึงเรื่ องความไม่สมดุล
ระหว่างศิษย์”
“มีศิษย์ชายทั้งหมดเก้าคนและศิษย์หญิงทั้งหมด 101 คนที่นี่ และข้า
ก็มิได้เยาะเย้ยถากถางพวกเจ้าเหล่าชายเมื่อข้าพูดเช่นนี้ แต่ขา้ สงสัย
ว่าพวกเจ้าจักสามารถสร้างความพึงพอใจให้กบั คู่ฝึกได้มากกว่าหนึ่ง
ในเวลานั้นหรื อไม่ นัน่ หมายความว่าจักมีศิษย์หญิงอีก 92 คนที่จะมิ
มีคู่ฝึก”
“ตอนนี้ จะมีทางเลือกสามทางให้เลือกสําหรับเหล่าศิษย์หญิง”
“หนึ่ง เจ้าสามารถรอจนกว่าจะมีศิษย์มาเพิม่ มากกว่านี้ในปี หน้าเพื่อ
หาคู่ฝึก หรื อเจ้าสามารถเดินทางออกไปข้างนอกและหาคู่ฝึกของตัว
เจ้าเอง มิวา่ อย่างไรก็ตามก็มิมีชายมากพอในที่แห่งนี้ในเวลานี้”
“ส่ วนสําหรับตัวเลือกที่สอง เจ้าสามารถร่ วมฝึ กกับข้าจนกว่าเจ้าจะ
สามารถหาคู่ฝึกใหม่ได้”
ทันทีที่เหล่าศิษย์หญิงได้ยนิ ตัวเลือกที่สอง ก่อนที่ซูหยางจะทันได้
พูดต่อ พวกเธอทั้งหมดต่างก็ตอบด้วยเสี ยงอันดังว่า “พวกเราจัก
เลือกตัวเลือกที่สอง ท่านผูน้ าํ นิกาย”
“ยังมีตวั เลือกที่สาม พวกเจ้ารู ้รึเปล่า” เขากล่าวด้วยรอยยิม้ บนใบหน้า
“พวกเรามิตอ้ งการที่จะได้ยนิ ตัวเลือกที่สาม ท่านผูน้ าํ นิกาย พวกเรา
จักเลือกตัวเลือกที่สองโดยมิมีเงื่อนไข” เหล่าศิษย์กล่าว ดวงตาของ
พวกเธอเปี่ ยมไปด้วยความยินดี
บทที่ 524 วิชาระดับเทพ
“ถึงแม้วา่ พวกเจ้าทุกคนจะเลือกตัวเลือกที่สอง ข้าก็ยงั จะให้พวกเจ้ารู ้
ถึงตัวเลือกที่สาม ซึ่ งจักยอมให้พวกเจ้าเปลี่ยนไปเลือกอีกแผนกเพื่อ
ฝึ กวิชาแบบปกติ” ซูหยางกล่าวหลังจากนั้นชัว่ ขณะ
“อย่างไรก็ตามก่อนที่ขา้ จะยอมให้พวกเจ้าหญิงสาวตัดสิ นใจ ข้าก็จกั
ให้โอกาสผูช้ ายหนึ่งสัปดาห์เต็มในการหาคู่ฝึกของตนเองก่อนเป็ น
อันดับแรก”
“…”
ศิษย์ชายหันไปมองสาวสวยนับร้อยที่ยนื อยูต่ รงหน้าพวกเขาและ
กลืนนํ้าลายอย่างเป็ นกังวล นัน่ ปกติแล้วมีตวั เลือกมากเกินไป และ
ถึงแม้วา่ พวกเขาเลือกใครสักคนนัน่ ก็ไม่ได้หมายความว่าศิษย์หญิง
จะยินดียอมเป็ นคู่ของพวกเขา
ยิง่ ไปกว่านั้นเพราะว่าศิษย์หญิงรู ้วา่ ถ้าพวกเธอเลือกคู่ฝึก โอกาสที่
พวกเธอจะฝึ กกับซูหยางซึ่งเป็ นเหตุผลหลักที่พวกเธอมาเป็ นผูฝ้ ึ ก
วิชาคู่ยอ่ มลดลงไปอย่างมีนยั สําคัญ
ใช่แล้วนี่เป็ นเหตุผลที่วา่ ทําไมจึงมีศิษย์หญิงมากมายกว่าศิษย์ชาย ใน
เมื่อในเมื่อเกือบทั้งหมดหรื ออาจจะทั้งหมดของหญิงที่มายังนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็เพราะว่าซูหยางหวังที่จะฝึ กร่ วมกับเขา
แน่นอนว่าซูหยางย่อมรู ้ถึงปัญหานี้ แต่ทว่าใช่วา่ เขาจะสามารถบีบ
ให้ศิษย์หญิงเหล่านี้ให้เลือกคู่ได้ และถึงแม้วา่ จะขาดศิษย์ชาย แต่ถา้
ศิษย์หญิงปฏิเสธที่จะฝึ กกับศิษย์ชาย แน่นอนว่าเขาก็ยอ่ มไม่สามารถ
ทําอะไรได้
“ส่ วนสําหรับศิษย์หญิง ข้าต้องการให้เจ้าอย่างน้อยให้โอกาสผูช้ าย
เหล่านี้ ชีวติ มิได้เสมอภาคเสมอไป ในเมื่อย่อมจักมีเวลาที่เจ้ามิมี
ทางเลือก แน่นอนว่าข้าย่อมมิบอกพวกเจ้าให้เลือกคู่ฝึกซึ่ งเจ้ามิได้
ชอบ แต่ถา้ เจ้าเกิดความสนใจในตัวพวกเขา อย่ากังวลที่จะเป็ นคู่ฝึก
กับพวกเขา ในเมื่อการฝึ กวิชาคู่น้ นั มีความหมายยิง่ กว่าเพียงแค่สร้าง
ความพึงพอใจและเพศสัมพันธ์”
“นับตั้งแต่วนั นี้ และต่อไปอีกเจ็ดวัน ข้าต้องการให้ศิษย์ชายไปเคาะ
ประตูของศิษย์หญิงทุกคนและพูดคุยกับพวกเธอ ในฐานะผูช้ าย
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในฐานะผูฝ้ ึ กวิชาคู่ที่ใหม่ต่อภาพฉากนี้ ถ้าเจ้ามิถือ
โอกาสเริ่ มต้น เจ้าก็แทบจักมิมีโอกาสได้พบเจอคู่ฝึก และเจ้าก็มิ
อาจจะโทษใครได้นอกจากตัวเจ้าเองที่ใจเสาะ”
หลังจากนั้น ซูหยางก็เลิกประชุมศิษย์ และเหล่าศิษย์ชายก็เริ่ มพูดคุย
กับเหล่าศิษย์หญิงในทันที
“ซูหยาง… เจ้าคิดจริ ง ๆ รึ วา่ ศิษย์หญิงเหล่านี้จกั ยินดีที่จะยอมรับคู่ฝึก
คนอื่นที่มิใช่เจ้า ข้าสามารถพูดได้อย่างมัน่ ใจว่าทั้งหมดทุกคนของ
ศิษย์หญิงเหล่านี้มาที่นิกายนี้กเ็ พราะเจ้า” โหลวหลานจีกล่าวกับเขา
หลังจากนั้น ในเมื่อเธอก็รู้ถึงปัญหานี้เช่นกัน
“และด้วยความจริ งใจอย่างถึงที่สุด ถ้าข้าอยูใ่ นกลุ่มศิษย์หญิงเหล่านี้
เช่นกัน ข้าก็จกั ปฏิเสธเหล่าศิษย์ชายก็เพราะว่าจะได้เป็ นคู่ของเจ้า
เช่นกัน ถึงแม้วา่ จะเป็ นการชัว่ คราวก็ตาม เจ้าจักทําอะไรถ้าหากว่า
ศิษย์หญิงทุกคนล้วนอยูใ่ นกรณี น้ ี ย่อมมิมีความหมายสําหรับการที่
จะมีศิษย์เพื่อฝึ กวิชาคู่ถา้ หากว่ามีเพียงแต่ศิษย์หญิงที่ตอ้ งการที่จะ
ร่ วมฝึ กกับเจ้า”
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ ซูหยางก็พดู ขึ้นว่า “ถึงแม้วา่ จะเกิดกรณี น้ ี
ขึ้น จริ งแล้วก็มิมีอะไรที่ขา้ จักสามารถทําได้ในเวลานี้ วิธีเดียวที่เป็ นไป
ได้ในการจัดการกับปัญหานี้กค็ ือข้าจากนิกายนี้ไปซึ่ งก็จกั เกิดขึ้นใน
อีกสองปี ข้างหน้านับจากนี้”
“อย่างไรก็ตาม ข้าได้คาดว่าสิ่ งนี้จกั เกิดขึ้นก่อนการคัดเลือกศิษย์
เรี ยบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็ นเหตุผลที่วา่ ทําไมข้าจึงจํากัดจํานวนของ
ศิษย์ที่พวกเราจะรับในปี นี้”
“เอ๋ เจ้ามีแผนอะไรรึ ” โหลวหลานจีเอียงคอ
จากนั้นซูหยางก็ตอบด้วยเสี ยงเยือกเย็น “ในอีกหนึ่งสัปดาห์ มิวา่ ศิษย์
ชายจะหาคู่ได้หรื อไม่ ข้าก็จกั ร่ วมฝึ กกับศิษย์หญิงที่ยงั มิมีคู่ จากนั้น
ข้าก็จกั ฝึ กพวกเธอทุกคนให้กลายเป็ นศิษย์หลักหรื อไม่กผ็ อู ้ าวุโส
นิกายก่อนที่จะถึงการทดสอบศิษย์ในปี หน้า ซึ่ งข้าก็จกั ลดมาตรฐาน
ลงและเพิม่ ปริ มาณศิษย์ที่เรารับได้ข้ ึน ครั้นเมื่อได้ทาํ เช่นนั้นแล้ว
พวกเราก็จกั มีศิษย์หญิงและศิษย์ชายจํานวนมากมาย และถึงแม้วา่
อัตราส่ วนจะยังมิสมดุลเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็จกั มิได้เป็ นปั ญหามาก
ดังเช่นปัจจุบนั นี้”
“และจากนั้นภายในสองปี เมื่อถึงเวลาที่ขา้ ต้องจากไป ศิษย์เหล่านี้ก็
จักต้องหาคู่ใหม่จากนิกายหรื อไม่กจ็ ากโลกภายนอก”
เมื่อได้ยนิ แผนของเขา โหลวหลานจีกถ็ อนใจ “นัน่ ค่อนข้างโหดร้าย
เจ้ารู ้ไหม ครั้นเมื่อพวกเธอได้รับรู ้รสชาติของของความสามารถของ
เจ้า มาตรฐานของพวกเธอในความพึงพอใจก็จกั กลายเป็ นห่วงที่
จํากัดตัวเลือกของพวกเธออย่างรุ นแรง ทําให้มนั เป็ นได้ยากถึงที่สุด
สําหรับพวกเธอที่จะหาคู่ซ่ ึงจักสามารถสร้างความพึงพอใจให้กบั
พวกเธอได้”
“ข้ารู ้… แต่พวกเธอก็จกั เติบโตพ้นจากตรงนั้นได้ในที่สุด อีกอย่าง
อย่าดูถูกอนาคตของการฝึ กวิชาคู่ในโลกนี้ในอนาคต แน่นอนว่าข้า
จักเพิม่ มาตรฐานของโลกนี้ในการสร้างความพึงพอใจก่อนที่ขา้ จะ
จากไป และมันก็จกั เติบโตต่อไปแม้วา่ ข้าจักจากไปแล้วเพราะว่า
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จักยังคงอยูท่ ี่นี่”
“หวังว่าคงจะเป็ นไปเช่นนั้น…”
“อย่างไรก็ตามข้าจักจากนิกายไปในวันพรุ่ งนี้ ในเมื่อข้ามีธุระอะไร
บางอย่างที่นิกายดอกบัวเพลิง” ซูหยางกล่าว
“ได้” โหลวหลานจีพยักหน้า
หลังจากเวลาผ่านไป ครั้นเมื่อทุกคนข้างกายซูหยางและเยีย่ นเยีย่ นได้
จากไปแล้ว เยีย่ นเยีย่ นก็ถามเขาว่า “อาจารย์ ข้าควรทําอะไรต่อไป
ในตอนนี้”
เขามองดูเธอและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ายังมิสามารถฝึ กวิชาคู่ได้จนกว่า
เจ้าจะมีอายุถึง เราก็ตอ้ งเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งพื้นฐานของเจ้าก่อน
จนกว่าเจ้าจะสามารถฝึ กได้ และเพื่อการเสริ มสร้างความแข็งแกร่ ง
พื้นฐานของเจ้า เจ้าก็ควรจะฝึ กฝนตามปกติไปก่อนในตอนนี้”
“ตามข้ามา”
เยีย่ นเยีย่ นพยักหน้าและติดตามกลับไปยังที่พกั ของเขา
ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปข้างในแล้ว ซูหยางก็เริ่ มเขียนม้วนกระดาษ
แผ่นหนึ่ง
“นี่ของเจ้า” เขายืน่ ส่ งม้วนกระดาษให้กบั เธอหลังจากที่มนั สมบูรณ์
แล้ว และเขาก็พดู ต่อว่า “นี่เป็ นวิชาฝึ กปราณระดับเทพ ที่ครั้งหนึ่ง
เคยใช้ดว้ ยเพื่อนที่สนิทมาก ๆ ของข้าซึ่ งมีพรสวรรค์ดุจเดียวกับเจ้า
มันเป็ นวิชาระดับที่สูงกว่าวิชาระดับเซี ยน”
จากนั้นเขาก็ยนื่ ส่ งแหวนมิติให้เธอ “มีหินวิญญาณสิ บล้านก้อนอยู่
ภายในนั้น ใช้มนั ในการฝึ กวิชาของเจ้า มันควรจะอยูไ่ ด้จนกระทัง่
เจ้าอายุถึงสิ บหกปี ”
“…”
เยีย่ นเยีย่ นจ้องมองแหวนมิติและวิชาฝึ กปราณในมือของเธอแต่ละ
ข้างด้วยใบหน้างงงัน ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
บทที่ 525 เด็กสาวทีซ่ ื่ อสั ตย์
“อาจารย์ ท่านเชื่อใจข้าถึงกับมอบสมบัติล้ าํ ค่าเช่นนี้เลยรึ ” แม้วา่ เธอ
จะไม่เข้าใจค่าที่แท้จริ งของของขวัญสองอย่างนี้ เยีย่ นเยีย่ นก็รู้วา่ พวก
มันมีค่ามากอาจถึงขั้นประเมินค่าไม่ได้
“แน่นอน ทําไมข้าจักมิเชื่อใจเจ้าล่ะ”
“ท่านมิกลัวว่าข้าจักวิง่ หนีไปกับพวกมันรึ มิวา่ อย่างไรพวกเราก็เพียง
แค่เพิง่ จะพบกัน”
“เช่นนั้นเจ้าจักวิง่ หนีไปกับสิ่ งของพวกนี้หรื อไม่” ซูหยางถามเธอ
ด้วยรอยยิม้ บนใบหน้า
“ไม่…” เธอส่ ายหน้า
“เช่นนั้นก็มิมีอะไรที่ตอ้ งกังวล” เขากล่าว ยังคงมีรอยยิม้ บนใบหน้า
แม้วา่ สิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณอาจจะดูเหมือนเป็ นเงินจํานวนมหาศาล
แต่จริ งแล้วมันเป็ นเหมือนแค่เงินติดกระเป๋ าในสายตาของซูหยาง ยิง่
ไปกว่านั้นยังมีหินวิญญาณอีกนับหลายร้อยล้านก้อนอยูใ่ นนิกาย
ส่ วนสําหรับวิชาระดับเทพนั้น ถึงแม้วา่ มันจะมีค่ามากจริ ง ๆ และมี
เพียงแค่หนึ่งเดียวในโลกนี้ แต่วชิ าฝึ กปราณนี้กพ็ ิเศษใช้ได้เฉพาะ
เพียงคนที่เป็ นที่รักของปราณไร้ลกั ษณ์อย่างเช่นเยีย่ นเยีย่ น ดังนั้น
ถึงแม้วา่ เธอจะให้ใครไปก็ไม่สาํ คัญ ในเมื่อไม่มีใครอีกที่จะสามารถ
ใช้มนั ได้
“อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถเลือกที่พกั ที่เจ้าต้องการอาศัยได้ตราบเท่าที่
มันยังมิถูกจับจอง ข้าจักตรวจสอบความก้าวหน้าของเจ้าเป็ นระยะ
และถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็เพียงแค่ส่งข้อความมาหา
ข้าผ่านหยกสื่ อสาร”
เยีย่ นเยีย่ นพยักหน้า และเธอก็ตดั สิ นใจที่จะอยูใ่ นบ้านข้าง ๆ บ้านซู
หยาง
ครั้นเมื่อทุกสิ่ งผ่านพ้นไปแล้ว ซูหยางก็อยูภ่ ายในบ้านและเริ่ มเขียน
วิชาฝึ กปราณมากขึ้น ในเมื่อเขามีศิษย์มากกว่าแปดร้อยคนที่รอวิชา
การฝึ กปราณก่อนที่พวกเขาจะสามารถเริ่ มฝึ กวิชา
เวลาที่เหลือในวันนั้นจนถึงเช้าของอีกวัน ซูหยางก็ไม่ได้ทาํ อะไรไป
มากกว่าคัดลอกวิชาฝี มือที่เขามีเก็บไว้ในห้วงความจํา
วันถัดมา ซูหยาลก็จากไปสู่ นิกายดอกบัวเพลิง
“ซูหยาง” จางซิวยิงดีใจแกมประหลาดใจเมื่อเห็นซูหยางยืนอยูต่ รง
หน้าบ้านของเธอตั้งแต่เช้ามืด
“ท่านสบายดีไหม ข้าได้ยนิ ถึงสิ่ งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบศิษย์”
เธอกล่าวกับเขาด้วยใบหน้าเป็ นกังวล
“โอ เรื่ องนั้นรึ มิมีอะไรที่มีค่าให้กล่าวถึง” เขาตอบด้วยรอยยิม้
“ข้าโล่งใจที่ได้ยนิ เช่นนั้น อย่างไรก็ตามอะไรที่นาํ ท่านมาที่นี่ในวันนี้”
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้ายังจําได้ไหมในเรื่ องที่พวกเราพูดถึง
ครั้งที่แล้ว”
“ท่านคงมิได้หมายถึง…”
“ตอนนี้เมื่อการทดสอบศิษย์ได้จบลงไปแล้วและพวกเราก็มีศิษย์ใหม่
จํานวนมาก ข้าคิดว่านี่ควรเป็ นโอกาสที่ดีที่สุดสําหรับเจ้าในการมายัง
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“ต-แต่ขา้ ยังมิได้พดู กับอาจารย์ของข้าเกี่ยวกับเรื่ องนี้…”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปพูดกับเธอกันในตอนนี้ ข้าเองก็อยูใ่ นระหว่าง
ทางที่จะไปพบกับเธออยูเ่ ช่นกัน”
จางซิวยิงพยักหน้าและติดตามซูหยางไปยังที่พกั ของหวังชูเหริ น
เวลาผ่านไป พวกเขาก็ไปถึงที่พกั ของหวังชูเหริ น
“ข้าหวังจริ ง ๆ ว่าอาจารย์จะมิบา้ คลัง่ ใส่ ขา้ …” จางซิ วยิงรํ่าร้องในใจ
ขณะที่ซูหยางเคาะประตู
สองสามนาทีให้หลัง หวังชูเหริ นก็เปิ ดประตู
“เจ้ามาทําอะไรกับซูหยางรึ ซิ วยิง” หวังชูเหริ นเลิกคิ้วหลังจากที่เห็น
ศิษย์ของเธอที่นี่
“เราไปพูดกันข้างใน” ซูหยางกล่าว
แม้วา่ เธอจะยังคงสงสัย หวังชูเหริ นก็พยักหน้าและต้อนรับพวกเขา
เข้าไปข้างใน
ครั้นเมื่อพวกเขานัง่ ลงแล้ว ซูหยางก็มองไปยังจางซิ วยิงและกล่าวว่า
“เอาสิ บอกเธอได้เลย”
“เจ้ามีอะไรรึ ” หวังชูเหริ นมองไปยังจางซิวยิงพร้อมขมวดคิ้ว คิดว่า
ศิษย์ของเธอได้ทาํ อะไรที่เธอไม่ควรจะทํา
เมื่อเห็นใบหน้าของหวังชูเหริ น ความกระวนกระวายของจางซิ วยิงก็
เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสู งสุ ด
แต่ทว่าซูหยางพลันจับมือเธอไว้และกล่าวด้วยรอยยิม้ นุ่มนวลว่า “ถ้า
เจ้ามิบอกเธอ เธอก็จกั มิรู้”
จางซิวยิงสู ดลมหายใจลึกก่อนที่จะพูดด้วยนํ้าเสี ยงเป็ นกังวลแต่
ชัดเจนว่า “อาจารย์ ศิษย์ทรยศคนนี้ตอ้ งการที่จะจากนิกายดอกบัว
เพลิงเพื่อไปเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“…”
หวังชูเหริ นไม่ได้ตอบในทันที ความจริ งแล้วเธอแทบจะไม่ได้มี
ปฏิกิริยาใดกับคําพูดของจางซิวยิงด้วยซํ้า
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ จางซิวยิงก็พดู ต่อว่า “ข้าต้องขอบคุณต่อ
ท่านอาจารย์ที่รับคนที่มิได้มีพรสวรรค์ใดอย่างเช่นตัวข้าเป็ นศิษย์ไป
ตลอดชีวติ แต่ก่อนหน้านี้ศิษย์คนนี้ได้ตระหนักว่าเธอมิได้มีความ
ผูกพันกับที่แห่งนี้ และซูหยางก็ได้เสนอที่ให้ขา้ ยังนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ”
จางซิวยิงถึงกับคุกเข่าคํานับหวังชูเหริ น
“แม้วา่ ข้ามิได้บอกอาจารย์เรื่ องนี้ ซูหยางก็ได้ช่วยข้าไว้หลายครั้ง
นับตั้งแต่ขา้ ได้พบกับเขาที่โรงประมูล และก็มิถือว่าจะเป็ นการพูด
เกินจริ งหากข้าจะพูดว่าข้าเป็ นหนี้ชีวติ เขา”
“…”
หลังจากนั้น หวังชูเหริ นก็พดู ด้วยเสี ยงเยือกเย็นชัดเจนว่า “สบายใจ
ได้ ซิวยิง ข้ามิได้กล่าวโทษเจ้าในความต้องการที่จะย้ายสํานัก ความ
จริ งแล้วข้าเองก็ได้สงั เกตเห็นมานานแล้วว่าเจ้ามิสามารถเข้าได้กบั
ศิษย์คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากที่ขา้ รับเจ้าไว้เป็ นศิษย์ของ
ข้า”
“นี่หมายความว่า…” จางซิวยิงมองดูอีกฝ่ ายด้วยดวงตาโต
หวังชูเหริ นพยักหน้าด้วยรอยยิม้ เยือกเย็น “เจ้าสามารถเข้าร่ วมกับ
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้ และถ้าเจ้ายังต้องการคําแนะนําหรื อความ
ช่วยเหลือ เจ้ายังสามารถมาพบข้าได้ แม้วา่ ข้าจะสงสัยว่าเจ้าจักต้องการ
ข้าอีกหรื อไม่เมื่อมีคนอย่างซูหยางอยูข่ า้ งกายเจ้า”
“ขอบพระคุณอาจารย์” จางซิ วยิงร้องไห้เสี ยงดัง ในเมื่อเธอไม่ได้
คาดคิดว่ามันจะดําเนินไปได้ง่ายดายเช่นนี้
บางทีเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทาํ ไมหวังชูเหริ นเห็นด้วยกับเธอใน
การย้ายไปสู่ สาํ นักอื่นก็เพราะว่ามีซูหยางอยูด่ ว้ ย แต่นนั่ ไม่สาํ คัญ
แม้แต่นอ้ ย ในเมื่อเธอได้รับอนุญาตเรี ยบร้อยแล้ว
“กลับไปเก็บของของเจ้า พวกเราจักจากไปในวันพรุ่ งนี้หลังจากที่ขา้
เสร็ จสิ้ นธุระของข้าที่นี่” ซูหยางกล่าวกับจางซิ งยิง ซึ่งเธอก็รีบไป
จากที่นนั่ ในทันที
“เจ้าชอบเธอจริ ง ๆ มิใช่รึ แรกสุ ดเจ้าก็ปกป้องเธอจากหวังหมิง
จากนั้นเจ้าก็อา้ งว่าเป็ นคนที่อยูเ่ บื้องหลังเธอ และตอนนี้เจ้าก็ถึงกับ
ทําเช่นนี้” หวังชูเหริ นกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
“เธอเป็ นเด็กสาวที่ซื่อสัตย์ และข้าก็ชอบเด็กสาวที่ซื่อสัตย์” เขาตอบ
พร้อมกับรอยยิม้
“แล้วข้าล่ะ ข้าก็มิเคยโกหกเจ้า นี่มิได้ทาํ ให้ขา้ เป็ นผูห้ ญิงที่ซื่อสัตย์
หรอกรึ ” หวังชูเหริ นหัวเราะเบา ๆ
“มีคนที่ซื่อสัตย์อยูห่ ลายจําพวก และพวกเจ้าทั้งสองคนก็เป็ นคนที่
แตกต่างกันอย่างสิ้ นเชิง”
“เช่นนั้น เจ้าชอบข้าเช่นกันหรื อไม่” เธอถามเขาด้วยสายตายัว่ เย้า
“ถ้าข้ามิชอบเจ้า ข้าก็คงจักมิเสี ยเวลาข้าที่นี่ ใช่ไหม” เขาตอบอย่างใจ
เย็น
“น่าประทับใจ…”
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งคู่กเ็ ข้าสู่ หอ้ งปรุ งยา และซูหยางก็
ดําเนินการฝึ กหวังชูเหริ นไปตลอดทั้งวัน
บทที่ 526 ข้ าดูแลคนของข้ าเสมอ
วันถัดมา ซูหยางก็ออกจากห้องยาด้วยสี หน้าผ่อนคลาย ในขณะที่
หวังชูเหริ นต้องคลานด้วยมือเพื่อที่จะขยับเคลื่อนไหว
“ข้ามิควรหยุดพักหนึ่งสัปดาห์…” หวังชูเหริ นรํ่าร้องในใจ รู ้สึกเมื่อย
ไปทัว่ ทั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิง่ ช่วงล่าง
“อย่างไรก็ตามการขายโอสถสู่ ปฐพีเป็ นอย่างไรบ้าง” ซูหยางถามเธอ
หลังจากนั้นชัว่ ขณะ
“สุ ดท้ายการขายก็เริ่ มช้าลง แต่พวกเราก็ได้เกือบพันล้านก้อนหิ น
วิญญาณเฉพาะเดือนที่แล้ว” หวังชูเหริ นกล่าว
และเธอก็กล่าวต่ออีกว่า “เจ้าคาดว่าตระกูลซีจะเข้ามาแทรกแซงกับ
ธุรกิจของพวกเราหรื อไม่กพ็ ยายามที่จะเข้ามามีส่วนแบ่งผลกําไร แต่
พวกเขามิได้มีการติดต่อกับพวกเรามากนักในเรื่ องที่พวกเรายึดครอง
ตลาด ข้าเดาว่าพวกเขาคงกลัวที่จะล่วงเกินเจ้า นักปรุ งยาลึกลับ”
“ข้าพอจะพูดได้วา่ พวกเขานั้นระวังตัวมากกว่ากลัว ถ้าเจ้าอยูใ่ นตําแหน่ง
เดียวกับพวกเขา เจ้าจะทําอย่างไรถ้านักปรุ งยาที่มิรู้ที่มาปรากฏตัว
ขึ้นมาจากความว่างเปล่าพร้อมด้วยตํารับยาที่สามารถเปลี่ยนยุทธภพ
ได้อย่างง่ายดาย”
“…” หวังชูเหริ นพูดไม่ออก ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้วา่ ตนเองจะทําอะไร
ในสถานการณ์เช่นนั้น
“นัน่ คือมุมมองของข้า ซึ่งเจ้ามิสามารถทําอะไรได้นอกจากรอ ถ้าเจ้า
พยายามสร้างสถานการณ์ นัน่ จักย้อนเข้าตัวเจ้าได้อย่างง่ายดาย”
“มิวา่ อย่างไรเจ้าสามารถทําการยึดครองตลาดโอสถสู่ ปฐพีได้ต่อไป
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั มีหินวิญญาณมากพอสําหรับอย่างน้อยหลาย
สิ บปี แม้วา่ ตัวข้าจากไปแล้ว”
“เจ้ามัน่ ใจรึ ถึงแม้วา่ เจ้ามิตอ้ งการ พวกเราก็ยงั คงสามารถที่จะส่ งหิ น
วิญญาณให้เจ้าสองสามล้านก้อนหิ นวิญญาณให้เจ้าได้ทุกเดือน”
หวังชูเหริ นกล่าว
“ข้าได้เอาใจพวกเขามามากพอแล้ว” เขาตอบพร้อมรอยยิม้
หลังจากนั้นซูหยางก็ไปจากบ้านของหวังชูเหริ นและกลับไปรับตัว
จางซิวยิงก่อนที่จะกลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ท่านมัน่ ใจว่าข้าได้รับความยินยอมให้เป็ นศิษย์ที่นี่ ซูหยาง” จางซิ ว
ยิงพลันถามเขาขณะที่พวกเขาเข้าไปในนิกาย
“แน่นอน ทําไมเจ้าจึงถามในตอนนี้” เขาเลิกคิว้
“เอ้อ.. ข้าได้ยนิ เรื่ องการทดสอบศิษย์และความยากลําบากของมัน และ
ข้าเองก็มิได้มีพรสวรรค์หรื อฐานะอะไร ดังนั้นข้าจึงมิมีคุณสมบัติที่
จะอยูท่ ี่นี่ เหตุผลเดียวที่ขา้ มาที่นี่กเ็ ป็ นเพราะว่าข้ามีความสัมพันธ์กบั
ท่าน และเมื่อข้าคิดถึงเรื่ องคนหลายพันหลายหมื่นที่ได้ลม้ เหลวใน
การเข้าสู่ นิกาย ข้าก็มีความรู ้สึกผิด…” จางซิวยิงเผยความรู ้สึกผิด
ของตนเองออกมา
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า “การมีความสัมพันธ์กเ็ หมือนกับ
มีฐานะ และในโลกนี้ การมีความสัมพันธ์น้ นั มีความสําคัญมากเท่ากับ
มีพรสวรรค์หรื อไม่กม็ ากยิง่ กว่านั้น เจ้ามิควรจะรู ้สึกผิดที่มีความ
สัมพันธ์ กลับกัน เจ้าควรรู ้สึกภูมิใจ ในเมื่อเจ้าได้รับความเชื่อใจจาก
ข้า ซึ่งนัน่ มิใช่เป็ นสิ่ งที่จะได้รับมาอย่างง่าย ๆ”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเขา จางซิวยิงก็รู้สึกดีข้ ึนบ้างเล็กน้อย
หลังจากเวลาผ่านไป ซูหยางก็ยนื่ ส่ งตราสี ทองให้กบั เธอและกล่าวว่า
“นับตั้งแต่วนั นี้เจ้าจักเป็ นศิษย์ด้ งั เดิมของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เป็ น
ตําแหน่งพิเศษภายในนิกายที่มีเพียงข้าเท่านั้นสามารถมอบให้ได้ ใน
ฐานะศิษย์ด้ งั เดิม เจ้าจักได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกับศิษย์หลัก
ถึงแม้วา่ เจ้าจะเป็ นศิษย์นอกหรื อศิษย์ในก็ตาม มันเหนือกว่าตําแหน่ง
อื่นและตอนนี้มีเพียงศิษย์ผไู ้ ด้อยูร่ ่ วมกับเราในขณะที่ทุกคนจากไป
ที่นี่ที่มีตรานี้ เมื่อรวมเจ้าเข้าไปแล้วก็ยงั มีนอ้ ยกว่าหนึ่งร้อยคนที่มี
ตรานี้”
“ท-ท่านมัน่ ใจรึ ข้าพึงพอใจแล้วที่ได้เป็ นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดาถึงแม้วา่
ข้าจะเป็ นศิษย์นอกก็ตาม ข้าได้รับมามากพอแล้วจากท่าน ซูหยาง
ท่านมิควรจะเอาใจข้าจนเกินไป”
จางซิวยิงรู ้สึกว่าเขานั้นใจกว้างพอแล้วที่ยอมให้เธอเป็ นศิษย์ของ
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั อีกทั้งเธอไม่ตอ้ งการที่จะรู ้สึกเหมือนกับว่า
ตนเองได้ถือโอกาสเอาเปรี ยบจากความใจดีของเขา โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ เมื่อเขาเป็ นคนที่เธอรัก ในเมื่อเธอมัน่ ใจอย่างแท้จริ งว่าเธอไม่ได้
ทําอะไรที่สมควรได้มากเช่นนั้น
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเธอ ซูหยางก็สมั ผัสแก้มนุ่มของเธอด้วย
มือของเขาและกล่าวว่า “ข้า ซูหยางย่อมดูแลคนของข้าเสมอ ถึงแม้วา่
การพบปะของเรานั้นจะเป็ นอะไรที่แข็งขืน แต่ขา้ นั้นก็ได้ยอมรับเจ้า
เป็ นคนของข้าอย่างเต็มตัว และเพื่อการนั้นก็ตอ้ งถือเป็ นงานของข้าที่
จะทําให้ชีวติ ของเจ้ามิให้มีอะไรไปนอกจากความสุ ข”
“ซูหยาง…”
จางซิวยิงพูดไม่ออกอย่างสมบูรณ์ และดวงตาของเธอก็เอ่อคลอไป
ด้วยนํ้าตาแห่งความสุ ข
“มากับข้า”
ซูหยางพลันโอบเอวแน่งน้อยของเธอและดึงเธอเข้าไปในบ้านหลัง
หนึ่งที่อยูภ่ ายในนิกายที่ยงั มิได้มีการจับจอง
“มีอะไรรึ ซูหยาง” เธอถามเขาด้วยใบหน้าสงสัย
“แม้วา่ นี่อาจจะฟังดูกะทันหัน ข้าจักบอกว่าข้าจะจากที่แห่งนี้ไปใน
อีกสองปี ข้างหน้า” เขากล่าวกับเธอหลังจากที่ปิดประตู
“เอ๋ ท่านจักไปไหนรึ ”
“บ้าน แต่ทว่าที่แห่งนั้นมิได้อยูใ่ นโลกแห่งนี้”
“ท-ท่านหมายความว่าอย่างไร..”
“จริ งแล้วข้า…”
จากนั้นซูหยางก็ทาํ การเปิ ดเผยเบื้องหลังที่แท้จริ งของเขาให้กบั จาง
ซิวยิง อธิบายให้เธอฟังถึงว่าเขาเคยเป็ นเซียนในชาติก่อนและจากนั้น
เขาก็มาจากโลกที่แตกต่างจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
“เซี ยนรึ …”
จางซิวยิงฟังเขาด้วยสี หน้างงงัน ในเมื่อเธอพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่า
เขาเคยเป็ นเซียน อย่างไรก็ตามไม่มีเหตุผลสําหรับซูหยางที่จะโกหก
เธอ ดังนั้นสุ ดท้ายเธอก็จึงเชื่อเขา
“และนัน่ ก็เป็ นเรื่ องราวของข้า เป็ นอย่างไร เจ้ายังคงต้องการที่จะไป
กับข้าไหม” เขาถามเธอหลังจากที่ได้ทาํ การอธิบายเสร็ จแล้ว
“ใช่…” เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ ว และเธอก็พดู ต่อว่า “ถึงแม้วา่ ท่าน
จะเป็ นอสู รกลับชาติมาเกิด ข้าก็จกั ยังคงอยูข่ า้ งกายท่าน…”
“เช่นนั้นเรามาร่ วมฝึ กกันในตอนนี้และทําให้มนั เป็ นทางการ” เขา
กล่าวกับเธอก่อนที่จะลากเธอไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้
ถอดเสื้ อผ้าของเธอออกและเริ่ มสร้างความพึงพอใจให้กบั ตัวเธอ
สองสามนาทีให้หลัง เสี ยงที่เปี่ ยมไปด้วยความสุ ขของจางซิวยิงก็ดงั
ออกไปทัว่ บ้านโดยไม่มีการยับยั้ง
บทที่ 527 แจกวิชาฝี มือเหมือนแจกขนม
หลังจากที่ฝึกฝนร่ วมกันเป็ นเวลาสองสามชัว่ โมง ซูหยางก็ประทับ
ผนึกตระกูลไว้บนร่ างของจางซิวยิง
“ช่างเป็ นรอยจารึ กที่สวยมาก…” จางซิวยิงลูบคําผนึกตระกูลที่อยู่
ตํ่าลงไปจากบริ เวณท้องของเธอด้วยสี หน้าหลงใหล ราวกับว่าแม่ที่
ลูบคลําท้องของตนเองตอนท้อง
“ยินดีตอ้ นรับเข้าสู่ ตระกูล” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยรอยยิม้
เวลาผ่านไปหลังจากที่พวกเขาได้ชาํ ระล้างร่ างกายแล้ว ซูหยางก็ยนื่
ส่ งแหวนมิติให้กบั เธอและกล่าวว่า “มีหินวิญญาณอยูใ่ นนั้นสิ บล้าน
ก้อน และมีวชิ าการต่อสู ร้ ะดับเซียนอยูใ่ นนั้นสองสามเล่ม”
“เดิมทีขา้ ต้องการที่จะให้วชิ าฝี มือระดับเซียนกับเจ้า แต่เพราะว่า
ตอนนี้เจ้าฝึ กวิชาฝี มือจากนิกายดอกบัวเพลิงมีรากฐานฝังลึกแล้ว
นอกจากว่าเจ้าจะทําลายพลังการฝึ กปรื อตอนนี้และเริ่ มใหม่ต้ งั แต่ตน้
มิเช่นนั้นเจ้าก็มิอาจที่จะฝึ กวิชาฝี มือใหม่ได้”
“อย่างไรก็ตามขอเวลาข้าสักพัก แล้วข้าจักสร้างวิชาใหม่เอี่ยมที่ใช้
วิชาฝี มือที่เจ้าฝึ กปรื ออยูใ่ นปัจจุบนั เป็ นฐานให้ วิธีน้ ีเจ้าก็จกั สามารถ
ฝึ กวิชาที่เหนือกว่าได้โดยมิตอ้ งจําเป็ นที่จะเริ่ มการฝึ กฝนใหม่”
“ท-ท่านสามารถสร้างวิชาฝี มือใหม่ได้รึ…” จางซิวยิงมองดูเขาด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง จากทุกสิ่ งที่เธอได้ยนิ มาในวันนี้ นี่บางทีอาจจะเป็ น
สิ่ งที่น่าตกใจที่สุด เนื่องจากว่าพรสวรรค์ที่จาํ เป็ นในการสร้างวิชา
ฝี มือนั้นต้องมีมากมายมหาศาลอย่างแท้จริ ง
“แน่นอน ถึงแม้วา่ ข้ายากจะทําเช่นนี้เพราะว่ามันค่อนข้างเหนื่อย”
หลังจากนั้นชัว่ ขณะจางซิ วยิงก็พดู ขึ้นว่า “แต่ท่านจะได้รับวิชาฝี มือ
ของนิกายดอกบัวเพลิงได้อย่างไร มีเพียงแต่ศิษย์ที่ยอมให้ได้เห็นมัน
และท่านก็เป็ นถึงผูน้ าํ นิกายของสํานักอื่น”
“เจ้าคงจะประเมินความสามารถของเซี ยนตํ่าไป ข้ามิจาํ เป็ นต้องอ่าน
วิชาที่แท้จริ งเพื่อทําความเข้าใจมัน พวกเราได้ร่วมฝึ กฝี มือมาหลาย
ครั้งแล้วตอนนี้ และข้าสามารถเดาถึงวิชาฝี มือจากปราณหยินในร่ าง
เจ้าอย่างเดียวได้” เขากล่าวด้วยหน้าตามัน่ ใจ
“อะไรกัน… ของแบบนั้นก็เป็ นไปได้ดว้ ยรึ ” จางซิวยิงจ้องมองดูเขา
ด้วยใบหน้างงงัน
เขาพยักหน้าและพูดต่อหลังจากนั้นชัว่ ขณะ “มิวา่ อย่างไรข้าจักให้ผู ้
อาวุโสนิกายรับรู ้ถึงการคงอยูข่ องเจ้า เจ้าสามารถเลือกที่พกั ที่วา่ ง
หลังไหนก็ได้ที่เจ้าชอบ”
“เช่นนั้นมีบา้ นหลังไหนที่ใกล้กบั ที่พกั ของท่านหรื อไม่ ข้าอยากจะ
อยูใ่ กล้กบั ท่าน” เธอถาม
“ข้าจักย้ายเข้าไปยังศาลาหยินหยางในเร็ ว ๆ นี้ ในเมื่อปราณไร้ลกั ษณ์
ที่นนั่ มีความเข้มข้นมากกว่า และมีเพียงผูอ้ าวุโสนิกายที่ยอมให้พกั
อาศัยอยูใ่ นพื้นที่บริ เวณนั้น อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าเป็ นศิษย์ด้ งั เดิม
และคนในตระกูลข้า ข้าสามารถจัดเป็ นข้อยกเว้นให้กบั เจ้าได้”
“ขอบคุณซูหยาง” เธอกล่าวด้วยรอยยิม้ สดใส
“ข้าจักมาหาเจ้ายามเมื่อข้าเสร็ จสิ้ นกับวิชาฝี มือใหม่ของเจ้า ถ้าเจ้า
ต้องการอะไรก่อนหน้านั้น เจ้าเพียงแค่ติดต่อข้าโดยใช้หยกสื่ อสาร”
“อย่างไรก็ตามข้ามีศิษย์หลายร้อยคนรอข้ามอบวิชาฝี มือให้กบั พวก
เขาอยูใ่ นตอนนี้”
“ข้าจักพบกับท่านทีหลัง ซูหยาง” จางซิวยิงกล่าวกับเขาก่อนที่พวก
เขาจะแยกย้ายกันไปคนละทาง
เวลาผ่านไปหลังจากนั้นเมื่อซูหยางไปถึงพื้นที่ชุมนุม เขาก็เรี ยกศิษย์
ใหม่ทุกคนจากสาขาการฝึ กฝี มือแบบปกติมา
เมื่อเหล่าศิษย์ได้รับการเรี ยกตัวจากซูหยาง พวกเขาทุกคนต่างก็พา
กันพุง่ ตรงมายังพื้นที่ชุมนุมด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของพวกเขา
เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขา
ว่า “ข้าจักมอบวิชาฝี มือให้กบั พวกเจ้าทั้งหมดซึ่งเหมาะสมที่สุดกับ
พรสวรรค์ของเจ้าให้ในวันนี้ แต่ก่อนที่พวกเราจะเริ่ ม ขอให้ขา้ กล่าว
ไว้ก่อนว่าครั้นเมื่อวิชาฝี มือนี้ตกอยูใ่ นมือเจ้าแล้ว จักเป็ นความ
รับผิดชอบของเจ้าในการที่จะปกป้องมัน”
“มิวา่ เจ้าสู ญเสี ยมันไปหรื อว่ายกให้ผอู ้ ื่น ถ้าวิชาฝี มือนี้ตกอยูใ่ นที่มนั
มิควรจะอยู่ ข้าจักทําลายพลังการฝึ กปรื อของเจ้าในทันที และขับไล่
เจ้าออกไปจากนิกาย คงจะเข้าใจกันชัดเจนแล้วใช่ไหม”
เหล่าศิษย์พากันพยักหน้าในทันทีดว้ ยสี หน้าหวาดหวัน่ บนใบหน้า
หากว่าพวกเขาต้องตกอยูใ่ นสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องยอมเสี ย
คัมภีร์วชิ าฝี มือหรื อไม่กต็ อ้ งตาย พวกเขาคงต้องยอมตายดีกว่า
เพราะว่าพวกเขาพบว่าการล่วงเกินซูหยางนั้นน่ากลัวกว่าความตาย
“ดี เช่นนั้นเข้าแถว ศิษย์นอกจักได้รับวิชาฝี มือก่อนเป็ นอันดับแรก
ในเมื่อพวกเจ้ามีมากที่สุด”
เหล่าศิษย์นอกต่างพากันเข้าแถวตรงหน้าซูหยาง
จากนั้นเขาก็ทาํ การแจกวิชาฝี มือเหมือนแจกขนมให้กบั เหล่าศิษย์
พร้อมกับให้คาํ อธิบายคร่ าว ๆ ถึงวิชานั้น
หลายชัว่ โมงให้หลัง เมื่อบรรดาศิษย์นอกทั้งหมดได้รับวิชาฝี มือของ
ตนเองแล้ว ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนได้รับวิชาฝี มือระดับสวรรค์ ซู
หยางก็เรี ยกศิษย์ในออกมา
หลังจากนั้นครึ่ งชัว่ โมง สุ ดท้ายก็เป็ นตาของศิษย์หลักที่จะรับวิชา
ฝี มือของพวกเขา
“ว-วิชาฝี มือระดับเซี ยน”
เหล่าศิษย์หลักต่างพากันจ้องสมบัติล้ าํ ค่าในมือของตนด้วยดวงตา
เบิกกว้างและกรามอ้าค้าง จนถึงบัดนี้ศิษย์ก่อนหน้านั้นล้วนได้รับ
เพียงแค่วชิ าฝี มือระดับสวรรค์
และในก่อนหน้านี้ซูหยางได้เกริ่ นว่าเขาจะให้วชิ าระดับเซียน เหล่า
ศิษย์ต่างไม่กล้าที่จะเชื่อจนกระทัง่ พวกเขาได้เห็นด้วยตนเอง
“ท่านผูน้ าํ นิกายซูช่างเป็ นคนใจกว้างที่สุดในโลกอย่างแท้จริ ง… ข้า
มิเคยคิดว่าข้าจักได้ฝึกวิชาระดับเซียนในขณะที่เป็ นเพียงแค่ศิษย์”
ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้วชิ าฝี มือเป็ นของตนเองแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับ
พวกเขาว่า “แม้วา่ พวกเจ้าทุกคนตอนนี้มีวชิ าฝี มือแล้ว พวกเจ้าก็มิ
สามารถที่จะเอาชนะหรื อล่าสัตว์วญ ิ ญาณได้โดยปราศจากวิชาการ
ต่อสู ้ ดังนั้นครั้นเมื่อพวกเจ้าได้ทาํ ความคุน้ เคยกับวิชาฝี มือของ
ตนเองแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดไปเลือกวิชาการต่อสู จ้ าก
หอคัมภีร์พน้ พิสยั วิชาจู่โจมสําหรับเอาชนะคู่ต่อสู ้ วิชาป้องกัน
สําหรับป้องกันการโจมตี และสุ ดท้าย วิชาเคลื่อนไหวที่จกั ช่วยเจ้า
หลบหลีกการโจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวติ ”
“หอคัมภีร์พน้ พิสยั มีสามชั้น ชั้นแรกบรรจุวชิ าการต่อสู ร้ ะดับปฐพี
ลงไป ชั้นสองบรรจุวชิ าการต่อสู ร้ ะดับสวรรค์ และสุ ดท้ายแต่ไม่ใช่
ที่สุดก็คือชั้นสามซึ่งบรรจุวชิ าระดับเซี ยน”
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็ นผูท้ ี่มีพรสวรรค์ ข้าจักกําหนดให้นี่
เป็ นข้อยกเว้น ยอมให้พวกเจ้าทุกคนได้เข้าเยีย่ มทั้งสามชั้นมิวา่ เจ้าจะ
เป็ นศิษย์ระดับใดก็ตาม อย่างไรก็ตามเจ้าจักมีเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ใน
การเรี ยนวิชาเหล่านี้ ในเมื่อสิ่ งต่าง ๆ จักเปลี่ยนไปเมื่อมีศิษย์มาถึง
มากขึ้นในปี หน้า”
“ตอนนี้ พวกเจ้ามีคาํ ถามอะไรต่อข้าหรื อไม่ก่อนที่ขา้ จักปล่อยพวก
เจ้าแยกย้ายกันไป” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
บทที่ 528 สาขาวิชาคู่
“ท่านผูน้ าํ นิกาย” หนึ่งในหมู่ศิษย์พลันยกมือขึ้นและกล่าวว่า “พวก
เราสามารถเลือกวิชาการต่อสู ไ้ ด้มากกว่าสามจากหอคัมภีร์พน้ พิสยั
หรื อไม่”
“แน่นอนว่าได้ แต่ขา้ ขอเตือนว่า อย่ากัดคําใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยว*
วิชาทั้งหมดในนั้นไม่ใช่วชิ าทัว่ ไปที่เจ้ารู ้จกั ในเมื่อวิชาระดับตํ่าสุ ดก็
ยังลึกลํ้ากว่าปกติ”
หลังจากนั้นชัว่ ขณะ ศิษย์อีกคนก็ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ท่านผูน้ าํ
นิกาย เมื่อไหร่ ที่พวกเราสามารถที่จะเลือกอาจารย์จากภายในนิกาย”
ซูหยางตอบว่า “บอกพวกเจ้าตามจริ ง ผูอ้ าวุโสนิกายผูม้ ีประสบการณ์
ส่ วนใหญ่ได้จากนิกายไปนานแล้ว ดังนั้นจึงมีเหลือไม่กี่คนและผูท้ ี่
เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งซึ่งยังมิมีประสบการณ์ในการสอนผูอ้ ื่นมากนัก
ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการคําแนะนํา เจ้าสามารถไปหาข้าได้เมื่อข้าว่าง
และครั้นเมื่อผูอ้ าวุโสนิกายเตรี ยมตัวที่จะรับศิษย์ของตนเอง เจ้าจึง
สามารถหาอาจารย์อย่างเป็ นทางการได้”
“อย่างไรก็ตามเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้ามัน่ ใจว่าพวกเจ้าเกือบทั้งหมดที่นี่
คงจักแข็งแกร่ งพอที่จะฝึ กฝนด้วยตนเองได้โดยมิตอ้ งมีอาจารย์ไป
เรี ยบร้อยแล้ว”
ซูหยางทําการตอบคําถามของเหล่าศิษย์ และหลังจากนั้นอีกหนึ่ง
ชัว่ โมง หลังจากที่ปล่อยศิษย์ทุกคนไปแล้ว ซูหยางก็กลับคืนสู่ ที่พกั
ของตนเองเพื่อสร้างวิชาใหม่ให้กบั จางซิ วยิงจนกว่าจะถึงอีกหนึ่ง
สัปดาห์ขา้ งหน้า เมื่อเหล่าศิษย์ที่ตอ้ งการฝึ กคู่จะพร้อมเริ่ มการฝึ ก
ร่ วมกับเขา
ระหว่างเวลานั้นซูหยางก็ได้ช่วยเหลือเหล่าศิษย์ใหม่ผตู ้ อ้ งการความ
ช่วยเหลือและเขาเองก็ได้ยา้ ยเข้าสู่ ศาลาหยินหยาง ที่ซ่ ึ งปราณไร้ลกั ษณ์
มีความเข้มข้นกว่า แน่นอนว่าความแตกต่างนั้นไม่ได้ส่งผลต่อเขาอีก
ต่อไป ผูซ้ ่ ึงตอนนี้อยูใ่ นระดับห้าเขตอัมพรวิญญาณไปเรี ยบร้อยแล้ว
เพื่อที่เขาจะสามารถเพิ่มพลังการฝึ กปรื อได้ เขาจําเป็ นจะต้องดูดกลืน
ทรัพยากรลํ้าค่า หรื อใช้เวลาหลายปี เพื่อที่จะได้กา้ วขึ้นไปอีกหนึ่ง
ระดับ
หนึ่งสัปดาห์ผา่ นไปราวกับกระพริ บตา และสุ ดท้ายก็ถึงเวลาสําหรับ
สาขาวิชาคู่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าซูหยางอีกครั้ง
ที่พ้นื ที่ชุมนุม ซูหยางจ้องมองไปยังศิษย์ 110 คนด้วยสี หน้าเยือกเย็น
“มีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นรึ ที่สามารถหาคู่ได้” ซูหยางกล่าว
หลังจากเหลือบมอง
“ท-ท่านรู ้ได้อย่างไร ท่านผูน้ าํ นิกาย” เหล่าศิษย์ต่างพากันงงงัน ใน
เมื่อพวกเขาต่างมัน่ ใจว่าเขาไม่ได้แม้จะเฉียดใกล้พวกเขาตลอดทั้ง
สัปดาห์
“ถ้าเจ้ากอดใครสักคนที่มีน้ าํ หอมเข้มข้น ก็เป็ นเรื่ องปกติที่น้ าํ หอม
นั้นจักติดตัวเจ้า แม้วา่ จะมิมีศิษย์คนไหนในนี้ที่ใช้น้ าํ หอม แต่มนั ก็
เหมือนกันในด้านของกลิ่นอาย”
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองดูศิษย์ชายเจ็ดคนที่ยงั ไม่สามารถหาคู่ได้และ
กล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าท้อแท้กบั เหตุการณ์น้ ี แม้วา่ เจ้าอาจจะอยูใ่ น
นิกายที่ฝึกฝนวิชาคู่ และเต็มไปด้วยเหล่าผูห้ ญิง มันมิได้ทาํ ให้ง่าย
สําหรับเจ้าในทันใดในการหาคู่สกั คน ในขณะที่มนั มิได้เป็ นความ
ผิดพลาดของเจ้าทั้งหมดแต่อย่างใดที่มิได้มีเสน่ห์มากพอ สิ่ งที่ง่าย
ที่สุดที่จาํ เป็ นสําหรับเจ้าก็คือกลายเป็ นคนที่มีเสน่ห์ แน่นอนว่ามีคน
มากมายนอกเหนือจากนั้นที่ยงั มิสามารถทําตัวให้มีเสน่ห์มากขึ้นได้
แม้กระทัง่ พวกเขาจะได้พยายามแล้วก็ตาม แต่โชคยังดีพวกเจ้าทุก
คนมิได้ถึงกับไร้ความหวังด้วยการมีใบหน้าอัปลักษณ์”
“เมื่อตอนที่ขา้ ยังเป็ นเพียงศิษย์นอก เหล่าหญิงยังมิกระทัง่ มองมายัง
ตัวข้า มีเพียงแต่ตอนที่ขา้ พิสูจน์ความสามารถของข้าเท่านั้นที่สุดท้าย
พวกเธอก็เริ่ มให้ความสนใจต่อข้า” ซูหยางรําลึกถึงความทรงจําก่อน
หน้านั้นในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าอาจจะยังมิมีคู่ฝึก สําหรับชัว่ ระยะเวลานี้ เจ้า
สามารถฝึ กวิชาของเจ้าได้ตลอดเวลาเพื่อเตรี ยมตัวสําหรับเมื่อเจ้าได้
มีคู่ฝึกที่แท้จริ งเพื่อที่วา่ เจ้าจักมิได้ดูเหมือนลาโง่ที่ไร้ความสามารถ
เมื่อถึงยามที่เจ้าต้องสร้างความพึงพอใจให้กบั คู่ของเจ้า”
“มิวา่ อย่างไรก็ตามก็จกั เป็ นเรื่ องน่าอายอย่างมากที่ขาดความสามารถ
ในการสร้างความพึงพอใจให้กบั คู่ของเจ้ามากกว่าการมิมีคู่ฝึกแม้สกั
คน ถึงแม้วา่ เจ้ายังมิได้มีประสบการณ์อะไร ตราบเท่าที่เจ้าฝึ กฝนวิชา
ที่ขา้ จักให้กบั เจ้า เจ้าจักสามารถสร้างความพึงพอใจให้กบั คู่ของเจ้า
ได้ถึงแม้วา่ เจ้าจักขาดประสบการณ์อนั ใดก็ตาม”
“พวกเราจักมิลืมคําพูดของท่านผูน้ าํ นิกายในวันนี้” เหล่าศิษย์ชายต่าง
พากันกล่าวด้วยสี หน้าจริ งจังบนใบหน้า
เมื่อพวกเขาไม่สามารถที่จะหาคู่ฝึกได้แม้วา่ จะมีหลายตัวเลือกหลังจาก
ผ่านพ้นไปทั้งสัปดาห์ พวกเขาต่างพากันอับอายจนไม่อยากจะแสดง
ตัวที่พ้นื ที่ชุมนุม แต่หลังจากที่ฟังคําพูดของซูหยาง พวกเขาก็ไม่ได้
รู ้สึกอับอายอีกต่อไปแต่กลับรู ้สึกมีแรงผลักดันในการหาคู่ฝึกอีก
ต่อไป
จากนั้นซูหยางก็ทาํ การพูดต่อไปอีกว่า “แน่นอนพวกเจ้ายังสามารถที่
จะเดินทางออกไปนอกสํานักและหาคู่ฝึกด้านนอกได้ตลอดเวลา
เพียงเพราะว่าเจ้าเป็ นศิษย์ของนิกายนี้มิได้หมายความว่าคู่ของเจ้าจัก
ต้องเป็ นเพื่อนศิษย์เท่านั้น ตามความเป็ นจริ งมีศิษย์จาํ นวนมากในอดีต
ที่ต่างพากันหาคู่ฝึกภายนอกนิกาย ในขณะที่อาจจะมิได้มีประสิ ทธิภาพ
มากเท่ากับการฝึ กฝนกับเพื่อนศิษย์และผูฝ้ ึ กวิชา จํานวนคนที่ยนิ ดีที่
จะเป็ นคู่ฝึกภายนอกนั้นจักเติมเต็มให้เป็ นการทดแทน”
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้ายังคงใหม่เกินไปที่จะออกไปจากนิกาย ดังนั้น
ฝึ กฝนวิชาของเจ้าสักสองสามเดือนก่อนที่พวกเจ้าจักค่อยคิดเกี่ยวกับ
การออกไปยังด้านนอก”
“ขอรับท่านผูน้ าํ นิกาย”
หลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่ มยืน่ วิชาฝี มือให้กบั เหล่าศิษย์ แต่ก่อนที่เขา
จะยืน่ ส่ งพวกมันออกไป เขาก็อธิบายให้พวกเขาฟังถึงความแตกต่าง
ระหว่างการฝึ กวิชาธรรมดากับการฝึ กวิชาคู่
“วิชาฝี มือสําหรับพวกเราผูฝ้ ึ กวิชาคู่น้ นั ค่อนข้างแตกต่างจากพวกอื่น
มิเหมือนกับผูฝ้ ึ กวิชาโดยปกติ วิชาหลักใหญ่ของพวกเรามิได้ตอ้ งการ
พรสวรรค์อะไรมากนัก มีเพียงแต่พวกเจ้าต้องมีคุณสมบัติตรงตาม
ข้อกําหนดทางเพศเท่านั้น อย่างไรก็ตามถึงแม้วา่ พวกเราผูฝ้ ึ กวิชาคู่
นั้นฝึ กวิชาค่อนข้างจะแตกต่างไปเล็กน้อย แต่พวกเราก็ยงั ต้องการดูด
ซับปราณไร้ลกั ษณ์เช่นเดียวกับผูฝ้ ึ กวิชาอื่น ๆ”
“พวกเราสามารถดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์โดยตรงเช่นเดียวกับผูฝ้ ึ กวิชา
ทัว่ ไป แต่ในฐานะผูฝ้ ึ กวิชาคู่ หลักใหญ่ของพวกเราก็คือดูดซับปราณ
ของคู่ฝึกของพวกเราก่อนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็ นปราณไร้ลกั ษณ์
มันเหมือนกับว่าพวกเรามีข้นั ตอนพิเศษเมื่อเปรี ยบเทียบกับผูฝ้ ึ กวิชา
ทัว่ ไป แต่นนั่ มิได้เป็ นข้อสําคัญ”
“เมื่อผูค้ นดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์โดยตรง พวกเขาต้องกําจัดความไม่
บริ สุทธิ์ที่พวกเขาได้ดูดซับมาพร้อมกับปราณไร้ลกั ษณ์หลังจากนั้น
แต่สาํ หรับพวกเราผูฝ้ ึ กวิชาคู่ซ่ ึงดูดซับปราณโดยตรงจากคนอื่น
นอกจากว่าร่ างของอีกฝ่ ายนั้นเต็มไปด้วยความไม่บริ สุทธิ์ พวกเรา
ย่อมมิได้ดูดซับความไม่บริ สุทธิ์มามากนักหากจะมีอยูบ่ า้ ง นัน่ เป็ น
เหตุที่วา่ ทําไมผูฝ้ ึ กวิชาคู่โดยปกติแล้วจึงสามารถฝึ กฝนได้รวดเร็ ว
กว่าการฝึ กวิชาตามปกติ ในเมื่อพวกเรามิจาํ เป็ นต้องใช้เวลาในการ
ชําระล้างความไม่บริ สุทธิ์ภายในร่ างกายเรามากนัก”
บทที่ 529 วิชาฝึ กคู่
หลังจากที่อธิบายให้ศิษย์ฟังถึงความแตกต่างระหว่างผูฝ้ ึ กวิชาคู่และ
ผูฝ้ ึ กวิชาปกติและข้อได้เปรี ยบเสี ยเปรี ยบแล้ว ซูหยางก็ยนื่ ส่ งวิชา
ฝี มือระดับเซียนให้กบั ศิษย์ชายที่จะช่วยพวกเขาเปลี่ยนปราณหยิน
ของหญิงให้กลายเป็ นปราณไร้ลกั ษณ์อย่างมีประสิ ทธิภาพ
ส่ วนสําหรับศิษย์หญิงนั้นเขาก็มอบวิชาฝี มือระดับเซียนที่จะช่วย
พวกเธอเปลี่ยนปราณหยางให้กลายเป็ นปราณไร้ลกั ษณ์เช่นเดียวกัน
ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้รับวิชาฝี มือแล้วซูหยางก็พดู ต่อว่า “ตอนนี้เมื่อ
พวกเจ้าทุกคนได้วชิ าฝี มือแล้ว ก็จะเป็ นช่วงเวลามาสนุกกัน สําหรับ
ผูฝ้ ึ กวิชาธรรมดา เป็ นความจริ งที่วา่ พวกเขาจะมีวชิ าการต่อสู ท้ ี่ใช้
สําหรับในการต่อสู ้ แต่ทว่าสําหรับพวกเราผูฝ้ ึ กวิชาคู่ “การต่อสู ”้
ของพวกเราปกติแล้วจะอยูบ่ นเตียงซึ่ งถือว่าเป็ นสนามรบหลักของ
พวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงจําเป็ นต้องมีวชิ าการต่อสู ท้ ี่สร้างขึ้นมา
โดยเฉพาะสําหรับ “สนามรบ” เฉพาะเช่นนั้น”
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองศิษย์ชายและกล่าวว่า “ข้าจักเริ่ มกับศิษย์ชาย
ก่อนเป็ นอันดับแรก”
จากนั้นเขาก็นาํ เอาม้วนคัมภีร์ออกมาจากเสื้ อและกล่าวต่อว่า “ข้ามี
วิชาสามวิชาที่สร้างขึ้นมาเป็ นพิเศษสําหรับผูท้ ี่มีความเป็ นชายในใจ
ที่นี่ วิชาแรกเป็ นวิชาสองวิชาในหนึ่งเดียว และศิษย์รุ่นเยาว์ที่ได้มา
อยูท่ ี่นี่มาก่อนพวกเจ้าทุกคนก็ได้เรี ยนวิชานี้ไปเรี ยบร้อยแล้ว มันมี
ชื่อว่า “ดรรชนีสมปรารถนา” และ “วิมานคนธรรพ์” ”
“ดรรชนีสมปรารถนาจะสอนพวกเจ้าถึงวิธีที่จะระบุจุดไวต่อความ
รู ้สึกบนร่ างของคู่ฝึกของเจ้า ทําให้พวกเขารู ้สึกมีความสุ ขอย่างมาก
เพียงแค่สมั ผัสมัน ส่ วนสําหรับ “วิมานคนธรรพ์” นั้น มันจักเพิ่มทั้ง
ความรู ้สึกเป็ นสุ ขของทั้งเจ้าและคู่ของเจ้าในระหว่างการฝึ ก กระทัง่
ยังเพิม่ ปริ มาณของปราณที่พวกเจ้าทั้งคู่สร้างขึ้นมาอีกด้วย”
“วิชาที่สองเรี ยกว่า “มังกรรํา” ซึ่งจักสอนเจ้าถึงวิธีขยับเขยื้อนร่ างกาย
ของเจ้าโดยเฉพาะสะโพกในระหว่างการฝึ ก ถ้าหากเชี่ยวชาญมัน
แล้ว คู่ฝึกของเจ้าก็จกั หลงลืมอยูแ่ ต่ในการฝึ กปรื อจนกระทัง่ ร่ างท่อน
ล่างของเธอเจ็บปวดไปหมด วิชาสุ ดท้ายเรี ยกว่า “หัตถ์เทพ” และก็
เหมือนกับที่ชื่อบอกไว้ มันเป็ นวิชาการใช้มือหลายแบบที่จกั ช่วยเจ้า
สร้างความพึงพอใจให้คู่ของเจ้าด้วยมือเปล่าของเจ้า”
“ครั้นเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาพื้นฐานทั้งสามนี้แล้ว ข้าก็จกั ให้วชิ ากับ
เจ้ามากกว่านี้ อย่างเช่นวิชาสําหรับการใช้ลิ้นของเจ้าและกระทัง่ การ
ใช้เท้าถ้าเจ้าต้องการ”
“ข-ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย พวกเราจักมิทาํ ให้ท่านผิดหวัง”
เหล่าศิษย์ชายต่างพากันคํานับเขาหลังจากที่ได้รับวิชาเทพทั้งสาม
วิชานี้
หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางก็หนั ไปมองดูศิษย์หญิงซึ่งจ้องมองเขา
ด้วยดวงตาเป็ นประกาย จากนั้นเขาก็นาํ เอาวิชาออกมาเพิ่ม แต่คราว
นี้พวกมันมีไว้สาํ หรับผูห้ ญิง
“วิชา “ดรรชนีสมปรารถนา” และ “วิมานคนธรรพ์” มิได้เฉพาะเจาะจง
จํากัดเฉพาะชาย ดังนั้นหญิงก็สามารถฝึ กได้เช่นกัน” เขากล่าวกับ
พวกเธอ
“วิชาที่สอง “หงส์ร่อน” เป็ นวิชาสําหรับหญิงที่เทียบได้กบั วิชา
“มังกรรํา” ของชาย และมันจักสอนเจ้าถึงวิธีการขยับร่ างกายและ
สะโพกของเจ้าในวิธีที่จกั ทําให้คู่ฝึกของเจ้าสัน่ สะท้านไปด้วย
ความสุ ขและยอมศิโรราบต่อหน้าเจ้า”
“วิชาที่สามก็ยงั คงเป็ น “หัตถ์เทพ” และมันก็เป็ นวิชาที่สามารถใช้ได้
ทั้งหญิงและชาย”
“และก็เหมือนกับศิษย์ชาย ครั้นเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาพื้นฐานนี้แล้ว
เจ้าสามารถร้องขอวิชาใหม่มากกว่านี้ได้ แม้วา่ ข้ามิได้มีวชิ าสําหรับ
หญิงมากมายเมื่อเปรี ยบกับชายแล้ว ข้าก็มีอย่างน้อยหนึ่งวิชาสําหรับ
ทุกส่ วนของร่ างกาย ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการวิชาสําหรับพื้นที่เฉพาะ
ส่ วน อย่าลังเลที่จะขอพวกมัน”
“ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย” เหล่าศิษย์หญิงพากันคํานับเขาหลังจากที่
ได้รับวิชาแล้ว
“ตอนนี้เมื่อทุกคนที่นี่ได้รับวิชาของตนเองแล้ว ข้าต้องการให้พวก
เจ้าใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ในการฝึ กฝนพวกมัน” ซูหยางกล่าวกับ
พวกเขา
“แม้วา่ จริ งแล้วเจ้ามิจาํ เป็ นต้องมีคู่ฝึกสําหรับฝึ กวิชาพวกนี้จริ ง ๆ แต่
ก็ขอแนะนําให้มีสกั คน ในเมื่อนี่จะเป็ นวิธีที่มีประสิ ทธิภาพมากที่สุด
ในการฝึ กฝนพวกมัน ถ้าเจ้ายังมิได้มีคู่ฝึกแล้ว พวกเจ้าก็สามารถจับคู่
กับใครสักคนชัว่ คราวได้”
“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าตลอดทั้งเดือนนี้ฝึกฝนวิชาเหล่านี้ ครั้นเมื่อ
เวลาหนึ่งเดือนหมดลง ข้าก็จกั ดูความก้าวหน้าของพวกเจ้าด้วย
ตนเอง และถ้าหากว่าพวกเจ้าเป็ นศิษย์หญิงที่มิได้มีคู่ฝึกและยินดีที่
จะร่ วมฝึ กกับข้า เจ้าก็สามารถที่จะแสดงให้ขา้ เห็นความก้าวหน้าด้วย
วิชาเหล่านี้ดว้ ยตนเองบน “สนามรบ””
เมื่อบรรดาศิษย์หญิงได้ยนิ ประโยคสุ ดท้ายของเขา ดวงตาของพวก
เธอก็เป็ นประกายไปด้วยความตื่นเต้น และรอยยิม้ น่าประทับใจก็
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเธอ
“ข้าสามารถฝึ กกับท่านผูน้ าํ นิกายได้ในอีกหนึ่งเดือน” พวกเธอต่าง
พากันตื่นเต้นกับความคิดนั้นและเกือบจะไม่สามารถเก็บความ
ตื่นเต้นนั้นไว้กบั ตัวได้
“นัน่ คือสิ่ งที่ขา้ มีให้สาํ หรับพวกเจ้าในวันนี้ จนกว่าจะถึงเดือนหน้า”
หลังจากที่ปล่อยศิษย์สาขาฝึ กคู่ไปแล้ว ซูหยางก็กลับไปยังศาลาหยิน
หยางที่ซ่ ึงโหลวหลานจีรอคอยเขาอยูภ่ ายในห้องนอนของเธอเพื่อ
เติมเต็มร่ องรักของเธอด้วยปราณหยางอีกครั้ง
“ถ้าให้ขา้ เดา ไม่มีศิษย์ชายคนไหนที่สามารถจะชักจูงศิษย์หญิงให้
กลายเป็ นคู่ของพวกเขาได้” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาทันทีที่เขาเข้า
ไปในห้องในขณะที่เธอซุกตัวอยูใ่ ต้ผา้ ห่มบนเตียง
“ในฐานะผูน้ าํ นิกาย เจ้ามิเชื่อในศิษย์ของตนเองบ้างรึ ” ซูหยางกล่าว
ด้วยรอยยิม้ “พวกเขาสองคนสามารถหาคู่ฝึกให้ตนเองได้”
“จริ งรึ มีมากกว่าที่ขา้ คาดคิดไว้ถึงสองคน… ข้ารู ้สึกประหลาดใจ
จริ ง ๆ” โหลวหลานจีกล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในเมื่อตามจริ งแล้ว
เธอไม่ได้คาดคิดถึงผลลัพธ์น้ ี
“อย่างไรก็ตามข้าได้ให้เวลาพวกเขาหนึ่งเดือนในการฝึ กวิชาก่อนที่
ข้าจะทดสอบความสามารถของพวกเขา ส่ วนสําหรับเหล่าศิษย์หญิง
ข้าก็จกั ร่ วมฝึ กกับพวกเธอในเวลานั้นเช่นกัน” เขากล่าว
“เฮ้อ… เจ้ามิเป็ นคนโชคดีเกินไปหรื อเปล่า เจ้าต้องยิม้ กว้างจนถึงหู
ในใจแน่ที่ได้มีหญิงสาวมากมายปานนี้รอคอยฝึ กร่ วมกับเจ้า ข้าพนัน
ว่าพวกเธอส่ วนใหญ่ยงั คงเป็ นสาวบริ สุทธิ์” โหลวหลานจีหวั เราะเบา ๆ
“นัน่ มิมีอะไรแปลกใหม่” เขาตอบด้วยรอยยิม้ เยือกเย็น
“แน่นอนก็เจ้าคุน้ เคยกับการที่มีหญิงสาวรอคอยเจ้าอยู่ ตอนนี้ทาํ ไม
เจ้ามิให้ขา้ ได้รับรู ้ดว้ ยตนเองว่าวิชาเหล่านั้นที่เจ้าสอนศิษย์ไปนั้น
เป็ นอย่างไร” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาขณะที่เธอพลิกผ้าห่มที่ซ่อน
ร่ างเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้อย่างมิดชิดมาตลอดออก
เมื่อเห็นผิวที่เนียนนุ่มและขาเรี ยวยาวของเธอ ซูหยางก็เข้าไปหาเธอ
อย่างเยือกเย็น
“เจ้าพูดอะไรกัน ในฐานะผูน้ าํ นิกาย เจ้าเองก็ตอ้ งเรี ยนวิชาเหล่านี้
เช่นกัน และข้าก็กาํ ลังจะสอนวิชาเหล่านี้ให้กบั เจ้าด้วยเช่นกัน” เขา
กล่าวขณะที่ถอดเสื้ อผ้าออก
“โอ” โหลวหลานจีอุทานด้วยความประหลาดใจ
บทที่ 530 ขัดเกลาวิชา
“อาา…. อาาา… อาาาาา”
เสี ยงที่เต็มไปด้วยความสุ ขของโหลวหลานจีดงั ขึ้นในห้องขณะที่ซู
หยางทําการแสดงวิชาฝึ กคู่ที่เขาได้ให้กบั ศิษย์ใหม่ไป
“นี่คือมังกรรํา” การเคลื่อนไหวของซูหยางพลันเปลี่ยนไป และสะโพก
ของเขาก็เคลื่อนไหวในท่าทางที่ชวนให้หลงใหล ราวกับว่าเขากําลัง
เต้นรํา
“โออออ” ร่ างของโหลวหลานจีสนั่ สะท้านไปด้วยความพึงพอใจ
ขณะที่เธอรู ้สึกว่ากระบี่ของเขาทิ่มเข้าไปในถํ้าของเธออย่างเป็ น
จังหวะ จนทําให้ปราณหยินของเธอทะลักล้นออกมา
“และนี่กค็ ือ มือเทพ…”
มือของซูหยางพลันจับไปบนปทุมถันของเธอและเริ่ มนวดเฟ้นพวก
มันราวกับว่าพวกมันเป็ นแป้งขนมปั ง
“นี่คือ”
ปลายถันของโหลวหลานจีพลันพุง่ ชี้และแข็งเป็ นไตในเวลานั้นจน
เหมือนกับภูเขาที่ต้ งั ตระหง่าน
เธอไม่อยากเชื่อว่าจะมีวชิ าที่ลึกลํ้าปานนี้อยูใ่ นโลกนี้ ในเมื่อทุกการ
เคลื่อนไหวจากซูหยางสามารถทําให้ร่างกายของเธอรู ้สึกเป็ นสุ ข
เหมือนขึ้นสวรรค์
หลังจากเวลาผ่านไป ซูหยางก็ปลดปล่อยปราณหยางของเขาเข้าไป
ในโหลวหลานจี เติมท้องของเธอเต็มอีกครั้ง
“เป็ นอย่างไร ความรู ้สึกของวิชาเหล่านี้ในระดับสู งสุ ดเป็ นอย่างไร”
ซูหยางถามเธอหลังจากนั้น
“มันมหัศจรรย์มาก… และถ้าเหล่าศิษย์สามารถใช้วชิ าเหล่านี้ได้สกั
ครึ่ งหนึ่งของศักยภาพทั้งหมด นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั …. ไม่ ทั้งโลก
แห่งการฝึ กวิชาคู่จะต้องเข้าสู่ ยคุ ใหม่” โหลวหลานจีชื่นชม
“วิชาเหล่านี้เป็ นเพียงแค่พ้นื ฐาน ยังไม่สะกิดแม้ผวิ ของโลกแห่งการ
ฝึ กวิชาคู่” เขาพลันกล่าวขึ้น
“โอ เช่นนั้นทําไมเจ้ามิแสดงให้ขา้ เห็นถึงวิชาที่เหนือกว่าวิชาพื้นฐาน
เหล่านี้ล่ะ” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาด้วยดวงตาที่เป็ นประกายความ
คาดหวัง
เฉพาะวิชาพื้นฐานเหล่านี้กส็ ามารถครอบงําร่ างกายของเธอด้วย
ความสุ ขไปเรี ยบร้อยแล้ว เธอไม่สามารถที่จะจินตนาการได้วา่ จะมี
อะไรที่เหนือไปกว่าความสุ ขเช่นนั้นได้
“ครั้นเมื่อร่ างของเจ้าสามารถทนรับได้มากกว่านี้ เป็ นธรรมดาที่ขา้
จักแสดงให้เจ้าเห็นมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ร่ างของเจ้า
มิสามารถที่จะทนรับได้”
“เจ้าทําให้มนั ฟังดูเหมือนกับว่าเป็ นอะไรที่อนั ตราย ความสุ ขจะเป็ น
อันตรายได้อย่างไร” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว
“นัน่ มิจาํ เป็ นต้องใจร้อน และแม้ตามความเป็ นจริ งแล้วความสุ ขมิ
สามารถทําร้ายร่ างกายของคนเราได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามันมาก
เกินไปก็เหมือนกับสิ่ งอื่น ๆ ในโลกนี้ มันสามารถมีผลกระทบกับ
พวกเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ จิตใจ เจ้ารู ้ไหมว่าทําไมคนบางคนถึง
กลายเป็ นบ้าหลังจากฝึ กฝนวิชาที่เหนือเกินกว่าที่ความสามารถของ
พวกเขาจะรับไหว นี่กเ็ ป็ นอะไรแบบนั้น ครั้นเมื่อเจ้าได้รับ
ประสบการณ์จากมัน จิตใจของเจ้าก็จกั โหยหามันราวกับว่าเจ้าเสพ
ติดมัน”
“นัน่ เหมือนว่าเจ้ากําลังจะบอกข้าว่าข้าจักกลายเป็ นบ้าถ้าข้าได้
ประสบกับวิชาเหล่านั้นงั้นรึ เหมือนกับพวกบ้าตัณหา”
“ถูกแล้ว” ซูหยางพยักหน้าอย่างเยือกเย็น และเขาก็กล่าวต่ออีกว่า
“เจ้ายังคงประเมินการฝึ กวิชาคู่ต่าํ เกินไป ถ้าใช้มนั มิถูกต้อง การฝึ ก
วิชาคู่กส็ ามารถกลายเป็ นสิ่ งที่น่าหวาดหวัน่ ยิง่ กว่าวิชาการต่อสู ใ้ ด ๆ
ที่มีอยู”่
“ในชีวติ ก่อนของข้า มีผฝู ้ ึ กวิชาคู่ชวั่ ร้ายคนหนึ่งซึ่งทําคนทั้งเมืองให้
กลายเป็ นทาสด้วยวิชาการฝึ กคู่ของเขา เปลี่ยนผูค้ นทุกคนให้กลาย
เป็ นคนบ้ากามที่มิต่างไปจากสัตว์ระหว่างฤดูผสมพันธุ์ มิวา่ จะเป็ น
คนอื่นหรื อกระทัง่ สัตว์ พวกนั้นจะร่ วมรักกับทุกสิ่ งที่อยูใ่ นสายตา
เพื่อตอบสนองตัณหาที่พลุ่งพล่าน”
โหลวหลานจีปิดปากของเธอด้วยความตกใจ เธอถามว่า “เกิดอะไร
ขึ้นกับคนเหล่านั้น”
“หากว่าใครสักคนเข้าสู่ สภาพนั้น พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากสัตว์ชวั่ ช้า
แม้วา่ จะมีวธิ ีที่สามารถช่วยพวกเขาได้ ความปรารถนาในความสุ ข
ของพวกเขาก็มิอาจยับยั้งได้ ดังนั้นผูฝ้ ึ กยุทธจึงต้องสังหารทุกคนที่
ได้รับผลจากสิ่ งนี้”
“นัน่ …”
โหลวหลานจีพดู ไม่ออก เนื่องจากไม่เคยเกิดอะไรที่คอขาดบาดตาย
เช่นนั้นขึ้นในทวีปตะวันออก
“นัน่ เป็ นเหตุผลที่ทาํ ไมเจ้าจึงมิได้เพียงแค่สอนศิษย์ให้รู้จกั สร้าง
ความพึงพอใจให้คนอื่นแต่วธิ ีการควบคุมตนเองด้วยเช่นกัน”
“ไม่วา่ อย่างไร นี่กค็ ือวิชาทั้งหมดที่ขา้ ได้ใช้ในวันนี้ แม้วา่ เจ้ามิ
สามารถใช้วชิ าของผูช้ ายได้ แต่เจ้าก็ยงั คงศึกษามันเอาไว้”
หลังจากที่ให้วชิ ากับโหลวหลานจีแล้ว ซูหยางก็กลับไปยังห้องของ
ตนเอง ซึ่งเขาก็ได้ทาํ การสร้างวิชาฝี มือให้กบั จางซิ วยิงต่อไป
ไม่เหมือนกับการคัดลอกวิชาจากภายในหัวของเขา ซึ่ งเพียงใช้เวลา
ไม่กี่นาที การสร้างวิชาจากศูนย์น้ นั ปกติแล้วจะต้องใช้ความพยายาม
นับปี ยิง่ ไปกว่านั้น ยิง่ วิชามีความซับซ้อนมากเพียงใด มันก็จะใช้
เวลานานยิง่ ขึ้น และก็ยงั มีแม้กระทัง่ วิชาที่ตอ้ งใช้เวลานับล้านปี ใน
การสร้างมันขึ้นมา
แต่โชคดีสาํ หรับซูหยาง เขาได้พ้นื ฐานของวิชามาแล้ว และทั้งหมดที่
เขาต้องการทําจริ ง ๆ ก็คือปรับแต่งมัน หวังว่าจะเพิ่มระดับของมัน
ขึ้นไปอีกสองสามระดับ และสําหรับวิชาฝี มือของนิกายดอกบัวเพลิง
นั้น เพราะว่ามันเป็ นเพียงแค่วชิ าระดับมนุษย์ จึงไม่ได้ตอ้ งการความ
พยายามมากนักที่จะปรับปรุ งมันสําหรับเซียนดังเช่นซูหยาง
สองสัปดาห์ต่อมา สุ ดท้ายซูหยางก็เสร็ จการสร้างวิชาฝี มือ
หลังจากที่มองผ่านอีกสองสามรอบเพื่อให้มนั่ ใจว่ามันสมบูรณ์ดีแล้ว
ซูหยางก็ไปหาจางซิวยิงซึ่ งฝึ กฝี มืออยูอ่ ย่างเงียบ ๆ ในห้องของเธอ
“ซูหยาง” จางซิวยิงทักทายเขาด้วยสี หน้าสดใส
“ข้าได้สร้างวิชาของเจ้าเสร็ จแล้ว” เขากล่าวขณะที่เดินเข้าไปในบ้าน
ของเธอ
จากนั้นเขาก็นาํ เอาม้วนคัมภีร์ออกมาจากเสื้ อ และยืน่ ส่ งมันให้กบั
เธอ
“วิชาฝี มือยังมิมีชื่อในตอนนี้ แต่ถา้ เจ้าต้องการที่จะให้มนั มีชื่อ เจ้าก็
สามารถตั้งชื่อให้กบั มันได้ตามที่เจ้าต้องการ ส่ วนระดับของวิชานี้
นั้น ตอนนี้มนั อยูท่ ี่ระดับเซียน และมันจะมีประสิ ทธิภาพมากกว่า
วิชาเดิมของเจ้าประมาณหนึ่งร้อยเท่า ข้าต้องการให้มนั อย่างน้อย
เป็ นระดับราชันก่อนที่จะให้กบั เจ้า แต่นนั่ ต้องให้เจ้ารออย่างน้อย
สองสามเดือน ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าไว้ก่อนในตอนนี้เพื่อที่เจ้าจะได้เริ่ ม
ฝึ ก ข้าจักปรับปรุ งวิชานี้ต่อไป และครั้นเมื่อข้าปรับปรุ งมันจนถึง
ระดับราชันแล้วข้าก็จกั มอบมันให้กบั เจ้า”
“ท่าน… ท่านขัดเกลาวิชาฝี มือจากระดับมนุษย์ไปเป็ นระดับเซียนใน
เวลาที่นอ้ ยกว่าหนึ่งเดือน มีอะไรอีกบ้างในโลกนี้ที่ท่านทําไม่ได้”
จางซิ วยิงรับวิชาไว้ดว้ ยสายตางงงัน
“แต่อย่างไรก็ตามท่านมิจาํ เป็ นต้องทํามากมายปานนั้นให้กบั ข้า ซู
หยาง ข้าพึงพอใจมากพอแล้วกับวิชาที่อยูใ่ นระดับเซียน” เธอกล่าว
กับเขาหลังจากนั้น
“นัน่ เป็ นไปไม่ได้ ในเมื่อข้าต้องการสิ่ งที่ดีที่สุดให้กบั ผูห้ ญิงของข้า
เสมอ” ซูหยางส่ ายหน้าพร้อมกับรอยยิม้
“ซูหยาง…”
จางซิ วยิงพูดไม่ออก ในเมื่อเธอซาบซึ้งไปกับความรักความเมตตาที่
เขามีต่อเธอ
บทที่ 531 ค่ ายกลชั้นเยีย่ ม
หลังจากที่ให้วชิ าฝี มือใหม่กบั จางซิ วยิงแล้ว ซูหยางก็อยูท่ ี่นนั่ อีกสอง
สามชัว่ โมงเพื่อสอนวิชานั้นให้กบั เธอก่อนที่จะกลับไปยังศาลาหยิน
หยาง
ครั้นเมื่อไปถึงแล้วซูหยางก็เคาะประตูหอ้ งที่อยูถ่ ดั จากห้องเขา
สองสามอึดใจให้หลัง ชิวเยว่กป็ รากฏตัวขึ้นพร้อมกับเลิกคิว้
“ข้ากําลังจะสร้างค่ายกลชั้นเยีย่ มล้อมรอบนิกาย แล้วก็ขา้ ต้องการ
ความช่วยเหลือจากเจ้า” เขากล่าวกับเธอ
“….”
ชิวเยว่มองดูเขาพร้อมกับทําตาโต จากนั้นเธอก็พดู ว่า “ท่านต้องการ
ที่จะสร้างค่ายกลชั้นเยีย่ มสําหรับที่แห่งนี้รึ ท่านมิทาํ เกินไปหน่อยรึ
ค่ายกลธรรมดาก็เพียงพอในการปกป้องที่แห่งนี้ไปหลายพันปี มัน
เป็ นการสู ญเสี ยทรัพยากรโดยมิจาํ เป็ น”
ค่ายกลชั้นเยีย่ มนั้นเป็ นค่ายกลระดับสู งที่รวมค่ายกลสามอย่างเข้า
ด้วยกันเป็ นค่ายกลชั้นเยีย่ มหนึ่งหลัง ซึ่ งปกติแล้วจะประกอบด้วย
ค่ายกลโจมตี ค่ายกลป้องกัน และค่ายกลควบคุม
“ข้ารู ้ แต่ใครจะรู ้วา่ จักเกิดอะไรขึ้นเมื่อข้ามิได้อยูใ่ นที่แห่งนี้แล้ว ข้า
ต้องการที่จะจากที่แห่งนี้ไปโดยปราศจากความกังวล” เขากล่าว
“ท่านเป็ นห่วงที่แห่งนี้จริ ง ๆ ใช่ไหม แม้กระทัง่ แท้จริ งแล้วท่านมิได้
เป็ นส่ วนหนึ่งของที่นี่เลย”
“ข้าคงมิได้ห่วงที่แห่งนี้มากนักถ้าศิษย์คนอื่นมิได้จากนิกายไป และ
ข้ามิได้รับตําแหน่งผูน้ าํ นิกาย แม้วา่ ข้าจักมิได้อยูท่ ี่นี่ไปตลอดกาล
ตราบเท่าที่ยงั เป็ นผูน้ าํ นิกาย ข้าต้องรับผิดชอบในการปกป้องที่แห่ง
นี้ ยิง่ ไปกว่านั้นที่แห่งนี้มีความหมายยิง่ กว่าเป็ นเพียงอีก “สํานัก”
สําหรับข้าในตอนนี้ ในเมื่อข้าเองได้ลงทุนลงแรงด้วยตนเองไป
มากมายในนี้ มันมิได้เกินเลยไปหากว่าจะเรี ยกที่นี่วา่ เป็ นสํานักของ
ข้าในตอนนี้”
“ต่อให้ท่านพูดเช่นนั้นก็ตาม…” ชิวเยว่ถอนหายใจและกล่าวต่อว่า
“ขอบเขตความรู ้เกี่ยวกับค่ายกลของข้านั้นอยูเ่ พียงแค่ในระดับพื้นฐาน
เท่านั้น และถึงแม้วา่ ท่านต้องการข้าให้ทาํ ข้าก็มิมีความสามารถที่จะ
สร้างค่ายกลชั้นเยีย่ มได้ ดังนั้นท่านจะให้ขา้ ช่วยเหลือได้อย่างไร”
“ข้าเพียงต้องการพลังการฝึ กปรื อของเจ้าเป็ นพลังให้กบั ค่ายกลชั้น
เยีย่ ม ส่ วนสําหรับตัวค่ายกลเองนั้น ข้าจักจัดการมันด้วยตัวข้าเอง”
ชิวเยว่พยักหน้า
“แต่วา่ เซียวหรงกับชินเหลียงหยูไ่ ปไหน ข้ามิเห็นพวกเธอมาชัว่ ขณะ
แล้ว” ซูหยางพลันถามเธอ
“ใครจะรู ้ นับตั้งแต่เจ้าแมวนัน่ ต้องการที่จะเป็ นผูใ้ หญ่มากขึ้น น้อง
หญิงเหลียงหยูกเ็ ข้าไปช่วยเหลือมัน พวกเขาอาจจะยังคงเดินทางไป
ที่ไหนอยูใ่ นตอนนี้”
“น้องหญิงเหลียงหยูรึ…” ซูหยางเลิกคิ้วกับวิธีที่เธอเรี ยกขานชิวเหลียง
หยูราวกับว่าพวกเธอเป็ นเพื่อนสนิทกัน “เมื่อไหร่ กนั ที่พวกเจ้าทั้ง
สองคนสนิทสนมกัน”
“นัน่ …”
ชิวเยว่พลันนึกถึงตอนที่เธอทําการดูดดื่มอาวุธประจํากายของเขา
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดนี้ของเขา จนทําให้หน้าเธอแดงขึ้น
“ม-มันสําคัญด้วยรึ วา่ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ” เธอรี บตอบ
ซูหยางยิม้ หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของเธอ เขากล่าวว่า “ถ้าเจ้ามิตอ้ งการ
ที่จะแบ่งปันข้าก็มิบีบบังคับ อย่างไรก็ตามข้ากําลังจักไปเริ่ มสร้าง
ค่ายกลชั้นเยีย่ มในตอนนี้”
หลังจากปล่อยชิวเยว่ไว้ตามลําพังแล้ว ซูหยางก็ไปแวะหาโหลว
หลานจีซ่ ึงกําลังศึกษาวิชามาตั้งแต่ได้รับมันจากซูหยาง
“เจ้าต้องการที่จะเริ่ มสร้างค่ายในตอนนี้รึ” โหลวหลานจีประหลาดใจ
ที่ได้ยนิ และเธอก็ถามเขา “เจ้าคิดว่ามันจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
และเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรื อไม่”
“มันควรจะเสร็ จทันเวลาก่อนที่ขา้ จะไปตรวจสาขาฝึ กวิชาคู่ในอีก
สองสัปดาห์ขา้ งหน้า” เขาตอบ
“รวดเร็ วเช่นนั้น” โหลวหลานจีอุทานออกมาด้วยเสี ยงตระหนก
“มิใช่วา่ ปกติแล้วค่ายกลจักต้องใช้เวลาเป็ นปี หรื อหลายสิ บปี ในการ
สร้างรึ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้ามันใหญ่พอที่จะครอบคลุมไปทัว่ ทั้ง
นิกาย ว่าแต่เจ้าจักทําอย่างไรให้เสร็ จภายในเวลาสองสัปดาห์”
ซูหยางส่ ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าใช้มาตรฐานของเจ้ากับข้า และ
อย่าเปรี ยบเทียบข้ากับนักสร้างค่ายกลในโลกนี้ มันเหมือนกับการ
เปรี ยบคนที่เพิ่งเริ่ มฝึ กฝี มือมามินานกับจอมยุทธที่มีประสบการณ์มา
หลายพันปี ”
“จ-เจ้าพูดถูก… ข้ามิรู้วา่ ทําไมข้าถึงยังคิดใช้เหตุผลของโลกนี้กบั ตัว
เจ้า…” โหลวหลานจีเกือบยกมือปิ ดหน้าของตนเอง
ถ้าเธอรู ้วา่ สิ่ งที่ซูหยางมีอยูใ่ นใจนั้นไม่ใช่เป็ นเพียงแค่ค่ายกลธรรมดา
ทัว่ ไป แต่เป็ นค่ายกลชั้นเยีย่ ม สิ่ งที่มีความซับซ้อนกว่านับร้อยเท่า
ปฏิกิริยาของเธอก็คงจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ ตามจริ งแล้วค่ายกลชั้น
เยีย่ มนั้นยังมิได้มีปรากฏขึ้นในโลกแห่งนี้ เพราะว่าไม่มีนกั สร้างค่าย
กลคนไหนที่มีความรู ้มากถึงขนาดนั้น
“ช-เช่นนั้น เจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรื อไม่” เธอพลันถาม
เขา
“ใช่ ข้าหวังว่าเจ้าและเหล่าศิษย์ช่วยหว่านหิ นวิญญาณไปรอบ ๆ
สํานักในขณะที่ขา้ สร้างค่ายกล” เขาพยักหน้า
“โอ นัน่ ค่อนข้างง่ายดาย หิ นวิญญาณกี่กอ้ นกันที่พวกเราพูดถึง”
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ ซูหยางก็ตอบด้วยการยกนิ้วขึ้นไปสามนิ้ว
“สามล้านก้อนรึ ” เธอเอียงคอ
“สามร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ” เขากล่าวด้วยเสี ยงเรี ยบเฉย
“สามร้ อยล้านก้อนหินวิญญาณรึ” โหลวหลานจีร้องลัน่ ดวงตาและ
ปากต่างเปิ ดกว้างจากความตกใจ
ในขณะที่นิกายมีหินวิญญาณอยูก่ ว่าห้าร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ ซึ่ง
มีมากเพียงพอ เธอก็ไม่คิดว่ากว่าครึ่ งของมันจะหายไปรวดเร็ วเช่นนี้
สามร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณสามารถช่วยเหลือนิกายได้นานกว่า
100 ปี ได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อคิดว่าซูหยางยินดีที่จะใช้ทรัพยากร
มากมายเช่นนี้ไปกับเพียงแค่ค่ายกลหนึ่งหลัง
“จ-เจ้ามัน่ ใจว่านิกายจําเป็ นต้องใช้ค่ายกลที่แพงเช่นนั้นในการปกป้อง
ตนเองรึ ซูหยาง.. นิกายล้านอสรพิษก็ได้หายไปแล้ว และข้าก็มิคิดว่า
จะมีใครอื่นที่กล้าที่จะโจมตีพวกเรา…” โหลวหลานจีถามเขาด้วย
เสี ยงสัน่ สะท้าน เมื่อเธอได้คิดอีกรอบหลังจากที่รู้ถึงจํานวนทรัพยากร
มหาศาลที่ตอ้ งการใช้สาํ หรับค่ายกลนั้น
“กันไว้ดีกว่าแก้ แม้วา่ นิกายจะปลอดภัยในตอนนี้ ใครจะพูดได้วา่ มัน
จักปลอดภัยไปในอีกร้อยปี หรื ออีกสิ บปี ข้างหน้าต่อจากนี้ และมันก็
ใช้เพียงแค่สามร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ พวกเรายังคงมีเหลืออีก
มากมายหลังจากนั้น” ซูหยางพูดด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย
“ต่อให้พวกเรายังคงมีหินวิญญาณเหลืออยูอ่ ีกมากหลังจากนั้น แต่
การใช้หินวิญญาณกว่าสามร้อยล้านก้อนในครั้งเดียวนั้นยังมิเคยได้
ยินมาก่อน…” โหลวหลานจีถอนใจ รู ้สึกถึงอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น
กับตัวเธออย่างรวดเร็ ว
บทที่ 532 โปรยหินวิญญาณ
หลังจากครุ่ นคิดไปอีกชัว่ ขณะ โหลวหลานจีกน็ วดขมับและถอน
หายใจอย่างแรง “ถ้าเจ้าเชื่อจริ ง ๆ ว่าเราต้องการที่จะใช้หินวิญญาณ
มากมายขนาดนั้น เช่นนั้นข้าก็มิโต้แย้ง ตั้งแต่แรกหิ นวิญญาณทั้งหมด
นี้กล็ ว้ นเป็ นของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็ควรสามารถใช้มนั ได้ตามที่เจ้าต้องการ”
ซูหยางพยักหน้าและยืน่ ส่ งแผนที่ของทั้งนิกายที่แสดงถึงพื้นที่ท้ งั หมด
ที่ตอ้ งการวางหิ นวิญญาณ
หลังจากนั้น โหลวหลานจีกเ็ รี ยกผูอ้ าวุโสนิกายและศิษย์ท้ งั หมด แม้
กระทัง่ ศิษย์รุ่นเยาว์ภายในสํานัก
“เกิดอะไรขึ้น ท่านผูน้ าํ นิกาย” ผูอ้ าวุโสซุนถามเธอหลังจากที่ทุกคน
มารวมตัวกันแล้ว
เธอพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ารู ้วา่ พวกเจ้าเกือบทั้งหมดยุง่ อยูก่ บั การ
ฝึ กฝนตนเอง แต่วา่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดช่วยอะไรบางอย่าง
ในเมื่อมันไม่ได้เป็ นอะไรที่คนสองสามคนจะสามารถทําได้ และนี่
เป็ นคําขอร้องส่ วนตัวจากผูน้ าํ นิกายซู”
“อะไรที่ท่านผูน้ าํ นิกายต้องการ แน่นอนว่าพวกเรายินดีที่จะช่วยเขา
อย่างดีที่สุดที่ความสามารถของเราจะทําได้” เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์กล่าว
“ซูหยางต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรางั้นรึ นี่มิได้เป็ นอะไรที่
สามารถเห็นได้บ่อยนัก…” ผูอ้ าวุโสซุนพึมพํา ในเมื่อเขาคุน้ เคยกับ
การที่ซูหยางทําทุกสิ่ งด้วยตัวเขาเอง
จากนั้นเขาก็พดู ว่า “อะไรที่ผนู ้ าํ นิกายต้องการให้พวกเราทํา”
“ข้าดีใจที่ท่านถาม” รอยยิม้ พิกลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโหลว
หลานจี ก่อนที่เธอจะยืน่ ส่ งถุงมิติหลายร้อยถุงให้กบั พวกเขา
“…”
เหล่าศิษย์จอ้ งมองกองถุงมิติดว้ ยสี หน้างุนงง จะให้พวกเขาไปซื้ อ
ของหรื ออย่างไร
“ถุงมิติท้ งั หมดนี้มีไว้ทาํ อะไร ท่านต้องการให้พวกเราไปซื้ ออะไรรึ
ท่านผูน้ าํ นิกาย” ซุนจิงจิงถาม
“มิได้เป็ นเช่นนั้น” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ ว
“ทั้งหมดนี้มีท้ งั หมด สามร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ ในถุงมิติเหล่านี้”
“อะไรนะ หิ นวิญญาณสามร้อยล้านก้อนรึ ”
เมื่อโหลวหลานจีเปิ ดเผยให้พวกเขารู ้ถึงความรํ่ารวยที่เก็บซ่อนไว้ ผู ้
อาวุโสนิกายและเหล่าศิษย์ท้ งั หมดต่างพากันกระโดดถอยหลังด้วย
ท่าทางตกใจ
“ท-ท่านล้อพวกเราเล่นรึ ท่านผูน้ าํ นิกาย ที่ไหนในโลกนี้กนั ที่พวก
เราอยูด่ ี ๆ ก็พลันรํ่ารวยมหาศาลเช่นนั้น ต่อให้พวกเราขายนิกายนี้
ทั้งหมด มันก็ยงั มิมีความรํ่ารวยได้ครึ่ งหนึ่งของเท่านี้ อย่าว่าแต่สาม
ร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ” ผูอ้ าวุโสซุนกล่าวกับเธอด้วยสี หน้าสับสน
เห็นชัดว่าไม่อยากเชื่อ
“ท่านสามารถตรวจสอบถุงมิติพวกนี้ได้ดว้ ยตนเอง ท่านผูอ้ าวุโสซุน
ข้ามิมีเหตุผลที่จะโกหกท่าน ตามจริ งหิ นวิญญาณเหล่านี้มิได้ข้ ึนกับ
ข้า เป็ นซูหยางที่นาํ มันมา”
“ซูหยาง…”
ผูอ้ าวุโสซุนยังคงงงงันแม้วา่ มันจะสมเหตุผลมากหากว่าเป็ นซูหยาง
ที่อยูเ่ บื้องหลังความรํ่ารวยนี้ มันก็ยงั ไม่ได้อธิบายอยูด่ ีวา่ เขาได้มนั มา
อย่างไร
“เปรี ยบเทียบกับความรํ่ารวยของเขา กระทัง่ ตระกูลซุน หนึ่งในตระกูล
ที่ร่ าํ รวยที่สุดในทวีปตะวันออกก็ยงั มิมีค่าให้กล่าวถึง” ผูอ้ าวุโสซุน
รํ่าร้องในใจ
โหลวหลานจียมิ้ หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของเหล่าศิษย์
“พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าพวกเขารู ้วา่ หิ นวิญญาณสามร้อย
ล้านก้อนนี้เป็ นเพียงแค่ครึ่ งหนึ่งของที่พวกเรามีในตอนนี้ ข้าสงสัย
เหลือเกิน” เธอถามตนเอง
สองสามอึดใจให้หลัง ยามเมื่อความตกใจของพวกเขาเจือจางลงไป
แล้ว ฟางซีหลานก็ถามว่า “พวกเราจะต้องไปทําอะไรกับหิ นวิญญาณ
มากมายปานนี้ ท่านผูน้ าํ นิกาย”
“อย่าตกใจตายเมื่อทุกคนได้ยนิ เรื่ องนี้ แต่ดว้ ยหิ นวิญญาณสามร้อย
ล้านก้อนนี้ พวกเรามีหน้าที่นาํ พวกมันไปโปรยรอบ ๆ นิกาย” โหลว
หลานจีพดู
“ป-โปรยพวกมันรอบนิกายรึ …. ข้าตามมิทนั …” ฟางซี หลานเลิกคิ้ว
ด้วยใบหน้าสับสน
ไม่เพียงแค่ฟางซีหลาน ในเมื่อทุกคนที่นนั่ ต่างพากันงงงันว่าทําไม
พวกเขาจะต้องทําอะไรแบบนั้น
“ซูหยางกําลังจะสร้างค่ายกลรอบนิกาย และต้องการหิ นวิญญาณ
จํานวนมาก แต่ขา้ ก็มิมีประสบการณ์ดา้ นค่ายกล ดังนั้นนี่จึงเกิน
ขอบเขตความรู ้ของข้า” โหลวหลานจีกล่าว
“แม้วา่ จะเพื่อความปลอดภัยของนิกาย แต่การใช้หินวิญญาณสาม
ร้อยล้านก้อนเพื่อค่ายกล… ข้ามิสามารถพูดได้วา่ ข้าเห็นด้วยกับการ
ถลุงหิ นวิญญาณมากมายปานนี้…” ผูอ้ าวุโสซุนถอนใจ รู ้สึกเหมือนกับ
ว่าตนเองแก่ไปหลายปี ภายในไม่กี่อึดใจ
“ข้าพอจะพยายามหว่านล้อมเขาให้เปลี่ยนใจได้หรื อไม่” เขาถาม
“ข้าได้พยายามแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ตดั สิ นใจไปแล้วที่จะสร้าง
ค่ายกลนี้”
“เก็บลมปากของท่านไว้ ท่านปู่ หากว่าซูหยางได้ตดั สิ นใจไปในเรื่ อง
ใดแล้ว เขาก็จกั มิยอมเลิกล้ม และถ้าเขาเชื่อว่าค่ายกลนี้มีค่าถึงสาม
ร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณ เช่นนั้นข้าก็จกั เชื่อตามเขาด้วยเช่นกัน”
“ฮ้าาาาาา…” ผูอ้ าวุโสซุนถอนใจอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธ
คําพูดของซุนจิงจิงได้ ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ ายเปลี่ยนใจเลย
หลังจากที่ตดั สิ นใจในเรื่ องต่าง ๆ
หลังจากนั้นผูอ้ าวุโสซุนก็พดู ขึ้นว่า “ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว แต่วา่
พวกเราจะโปรยพวกมันไปรอบ ๆ นิกายอย่างไร”
เมื่อได้ยนิ คําถามของเขา โหลวหลานจีกห็ ยิบถุงมิติข้ ึนมาและหยิบ
หิ นวิญญาณขึ้นมาหนึ่งกําก่อนที่จะโปรยมันลงไปบนพื้นราวกับว่า
มันเป็ นอาหารนก
“…”
เหล่าศิษย์ที่นนั่ ต่างพากันมองพร้อมกับทําตาโต ราวกับว่านี่เป็ นสิ่ งที่
ไร้สาระที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมา คําว่า “สู ญเปล่า” ยังไม่สามารถที่
จะอธิบายสถานการณ์น้ ีได้อย่างเต็มที่
“เพียงแค่โยนมันไปรอบ ๆ นิกายราวกับว่าพวกเจ้าป้อนอาหารนกใน
สวน แต่เน้นในบริ เวณเหล่านี้มากเป็ นพิเศษ” โหลวหลานจีแสดงให้
พวกเขาเห็นแผนที่แสดงตําแหน่งที่มีเครื่ องหมายเอาไว้
“มันต้องทําให้เสร็ จภายในสองสัปดาห์ก่อนที่ซูหยางจะเสร็ จสิ้ นการ
เตรี ยมการสําหรับค่ายกลนี้”
เวลาหลังจากนั้น ศิษย์แต่ละคนก็หยิบถุงมิติและเริ่ มโปรยหิ นวิญญาณ
ไปทัว่ ทุกแห่งหน
แม้วา่ เหล่าศิษย์จะรู ้สึกลังเลที่จะโปรยหิ นวิญญาณไปรอบนิกายราว
กับว่ามันเป็ นขยะ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะไม่เชื่อฟังคําขอร้องของ
ผูน้ าํ นิกายได้ ส่ วนสําหรับผูท้ ี่มีพ้นื ฐานยากจนมาก่อนที่จะเข้านิกาย
พวกเขาต่างก็พากันร้องไห้กนั อย่างหนักขณะที่หินวิญญาณหลุดไป
จากมือและทิ้งอยูเ่ กลื่อนพื้น
อย่างไรก็ตามก็มีศิษย์อีกสองสามคนที่มีความสุ ขอย่างแท้จริ ง ในเมื่อ
นี่ทาํ ให้พวกเขารู ้สึกเหมือนกับว่าพวกเขานั้นกําลังโอ้อวดความมัง่ คัง่
ของตนเอง
หิ นวิญญาณถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทัว่ ทั้งนิกายอย่างรวดเร็ ว จนเหมือน
กับว่าเป็ นขุมทรัพย์ และมันเกือบเป็ นไปไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปนิกาย
โดยไม่เหยียบไปบนหิ นวิญญาณบ้าง
สองสัปดาห์ให้หลัง หิ นวิญญาณสามร้อยล้านก้อนก็ถูกทิ้งกระจัด
กระจายไปทัว่ ทั้งนิกาย จนทําให้ที่แห่งนั้นปลดปล่อยพลังปราณไร้
ลักษณ์ออกมาจํานวนมาก
บทที่ 533 บรรลุนิตภิ าวะ
สองสามวันก่อนที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จะเสร็ จสิ้ นการโปรยหิ น
วิญญาณสามร้อยล้านก้อนรอบนิกาย คนสองคนที่อยูห่ ่างไปสองพัน
กิโลเมตรในสํานักหงส์สวรรค์ ซูหยินก็เข้าไปหาอาจารย์ของเธอ ไป่
ลี่ฮวั และกล่าวกับอีกฝ่ ายว่า “อาจารย์ ข้าจักอายุ 16 ในอีกสองสาม
วันข้างหน้า และข้าต้องการที่จะฉลองวันเกิดของข้าและการบรรลุ
นิติภาวะกับพี่ชายที่รักของข้า”
“โอ ดูราวกับว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวนับตั้งแต่เจ้าเข้าร่ วมกับ
สํานักหงส์สวรรค์เมื่อตอนอายุได้สิบปี เมื่อมาคิดดูมนั ก็ผา่ นไปนาน
ถึงหกปี แล้ว ข้ายังจําได้วา่ เจ้าครองอํานาจเหนือศิษย์นอกยังไงหลังจาก
ที่เจ้าเข้าร่ วม ยังไงก็ตามข้าก็ตอ้ งขอแสดงความยินดีในวันเกิดของ
เจ้าและการเป็ นผูใ้ หญ่อย่างเป็ นทางการ” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับเธอ
“ขอบคุณท่านอาจารย์” ซูหยิงตอบกลับด้วยรอยยิม้
“เจ้าต้องการที่จะไปเยีย่ มนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั กับซูหยางใช่ไหม
แม้วา่ มันจะมินานนับตั้งแต่การคัดเลือกศิษย์ของพวกเขาจบลง แต่ขา้
ก็ตอ้ งการเห็นความก้าวหน้าของพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นข้าก็จะติดตาม
เจ้าไปด้วย” ไป่ ลี่ฮวั กล่าว
ซูหยินและไป่ ลี่ฮวั ออกจากสํานักหงส์สวรรค์และเริ่ มมุ่งหน้าเดินทาง
ไปยังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในวันนั้น
ในเวลาหลังจากนั้น ที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั หลังจากที่เหล่าศิษย์ได้
โปรยหิ นวิญญาณทั้งหมดสามร้อยล้านก้อนแล้ว โหลวหลานจีกไ็ ป
แจ้งให้กบั ซูหยางได้รู้
“พวกเราได้ติดตั้งหิ นวิญญาณทั้งสามร้อยล้านก้อนตามที่เจ้าขอ
เรี ยบร้อยแล้ว เจ้าสามารถสร้างค่ายกลเมื่อไหร่ กไ็ ด้ตามที่ตอ้ งการ
อย่างไรก็ตามข้าหวังว่าเจ้าควรจะรี บหน่อยในเมื่อทั้งนิกายเต็มไป
ด้วยหิ นวิญญาณจํานวนมากจนกระทัง่ พวกเรามิสามารถกระทัง่ เดิน
ไปรอบ ๆ โดยมิสะดุดพวกมัน” โหลวหลานจีกล่าวกับเขา
“ข้าเข้าใจ ข้าชื่นชมเหล่าศิษย์และการทํางานอย่างหนักของเจ้า ข้าจัก
เริ่ มสร้างค่ายกลวันนี้หลังจากช่วงบ่าย”
“ช่วยบอกให้ขา้ รู ้ดว้ ยตอนที่เจ้าตัดสิ นใจสร้างค่ายกล ในเมื่อข้าต้องการ
ที่จะเห็นด้วยตนเองว่าค่ายกลนั้นสร้างกันอย่างไร ในเมื่อเป็ นการยาก
มากที่จะได้พบกับนักสร้างค่ายกล อย่าว่าแต่จะได้เห็นพวกเขาสร้าง
ค่ายกล”
“มิตอ้ งกังวล ข้าจักให้เจ้ารู ้แน่นอน ตามความเป็ นจริ ง ข้าจักให้ศิษย์
ทุกคนได้รู้ดว้ ย”
หลังจากที่โหลวหลานจีออกไปจากห้อง ซูหยางก็ไปหาชิวเยว่
“การเตรี ยมการทั้งหมดเรี ยบร้อยแล้ว ครั้นข้าสร้างค่ายกลชั้นเยีย่ ม
แล้ว ข้าจําเป็ นให้เจ้าทําการสัมผัสครั้งสุ ดท้ายเพื่อกระตุน้ ค่ายกลให้
มันสมบูรณ์”
“ถึงแม้วา่ ข้าจักอยูใ่ นเขตจอมเทพ นัน่ ก็จะทําให้ขา้ หมดแรงในการ
กระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ ม” เธอกล่าวกับเขาด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย แต่
ดวงตาของเธอเป็ นประกายความคาดหวัง
ซูหยางยิม้ หลังจากที่สงั เกตเห็นคําใบ้ในดวงตาของเธอ เขาพูดว่า
“แน่นอน ข้ามิขอร้องเจ้าให้ทาํ เรื่ องนี้ฟรี เจ้าต้องการอะไรเป็ นสิ่ ง
ตอบแทนรึ ”
“ท่านคงมิพยายามที่จะหลอกข้าด้วยการใช้หนี้บุญคุณที่ท่านยังคงมี
ต่อข้ากับเรื่ องนี้ ใช่ไหม” ชิวเยว่ถามเขาด้วยสายตาสงสัย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางหัวเราะ แล้วเขาก็กล่าวว่า “ข้ามิทาํ อะไรแบบนั้น
กับเจ้า”
ชิวเยว่พยักหน้าและหลังจากที่ยนื คิดอยูช่ วั่ ขณะ เธอก็กล่าวด้วย
ใบหน้าแดงเล็กน้อยว่า “ท่านเก่งการใช้มือใช่ไหม ข้าต้องการให้
ท่านนวดให้ขา้ นาน ๆ หลังจากที่ช่วยท่าน”
“นวดรึ ” ซูหยางมีสีหน้าประหลาดใจหลังจากที่ได้ยนิ คําขอของเธอ
ในเมื่อเขาไม่ได้คาดคิดเรื่ องนี้จริ ง ๆ “งั้นก็ดี ข้าจักให้การนวดแก่เจ้า
เป็ นอย่างดีเพื่อที่มนั จักทิ้งความประทับใจที่ดีไว้ตลอดไป”
“เอ๋ … ท่านต้องมิทาํ เกินไปท่านก็รู้… เพียงแค่การนวดธรรมดาก็เพียง
พอ…” เป็ นตาของชิวเยว่ที่ตอ้ งประหลาดใจ ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่า
เขาจะถือคําร้องของเธออย่างจริ งจังเช่นนั้น ซึ่งตามความเป็ นจริ งเธอ
ก็กลัวที่จะสู ญเสี ยการควบคุมอารมณ์และความปรารถนาของตัวเอง
เพราะการนวดนี้
“นัน่ มิจาํ เป็ นต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แน่นอนว่าข้าจักทําให้มนั่ ใจว่า
ความเครี ยดทั้งหมดจากการกระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ มจักหายไปหลังจาก
การนวดแล้ว”
“แต่…”
ก่อนที่ชิวเยว่จะทันได้อา้ ปากพูดต่อไป เสี ยงของโหลวหลานจีกด็ งั
ขึ้นจากด้านนอก
“ซูหยาง ท่านเจ้าสํานัก ไป่ ลี่ฮวั กับน้องสาวของเจ้า ซูหยิน มาหาเจ้า
ที่นี่”
“ข้าจักไปเดี๋ยวนี้” ซูหยางพูด
จากนั้นเขาก็กล่าวกับชิวเยว่ก่อนที่จะปล่อยเธอไว้ตามลําพังว่า “เอา
ล่ะ เจ้าสามารถตั้งตารอคอยได้เลย”
“ข้าขุดหลุมฝังตัวเองหรื อเปล่ากับคําขอเช่นนั้น…” เธอพึมพําด้วย
เสี ยงสับสนหลังจากที่ซูหยางไปแล้ว
ในเวลานั้นผูอ้ าวุโสจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็ตอ้ นรับไป่ ลี่ฮวั และ
ซูหยินเข้ามาในนิกาย
แต่ทว่าเมื่อทั้งสองสาวงามเริ่ มเข้ามาในนิกายและเห็นหิ นวิญญาณที่
กระจัดกระจายไปทัว่ ทุกแห่งหนบนพื้นราวกับเป็ นขยะ พวกเธอต่าง
ก็พากันแตกตื่นมึนงง
“ก-เกิดบ้าอะไรขึ้นบนโลกใบนี้ที่นี่กนั ทําไมจึงมีหินวิญญาณมากมาย
เช่นนี้บนพื้น พวกท่านถือโอกาสทําการบวงสรวงหรื อทําอะไรกัน”
ไป่ ลี่ฮวั ถามผูอ้ าวุโสนิกาย ซึ่งก็ได้ตอบด้วยรอยยิม้ แปลกพิกลบน
ใบหน้าเธอว่า “นี่เป็ นความคิดของซูหยาง… เขาวางแผนที่จะสร้าง
ค่ายกลให้กบั นิกาย และนี่กค็ ือการเตรี ยมการสําหรับเรื่ องนั้น”
“ค่ายกลรึ นิกายหงส์สวรรค์กม็ ีค่ายกลปกป้องสํานักอยูเ่ ช่นกัน แต่
พวกเรามิตอ้ งทําอะไรเช่นนี้…” ไป่ ลี่ฮวั กล่าว
เมื่อได้ยนิ คําพูดเช่นนั้น ผูอ้ าวุโสนิกายก็ไม่รู้วา่ จะตอบอย่างไรและ
ได้แต่เพียงส่ ายหน้าของเธอ
เมื่อไป่ ลี่ฮวั และซูหยินเข้าไปลึกภายในนิกายและเห็นหิ นวิญญาณ
มากกว่าเดิม ความตกใจของพวกเธอก็มากยิง่ ขึ้น
“สวรรค์ หิ นวิญญาณมากมายเท่าไหร่ กนั ที่พวกเขาต้องใช้จ่ายในการ
สร้างฉากยิง่ ใหญ่เช่นนี้” ไป่ ลี่ฮวั คิดสงสัยในใจ เธอยังคงไม่รู้ถึง
จํานวนของหิ นวิญญาณที่ตอ้ งใช้
ถึงแม้วา่ ไป่ ลี่ฮวั จะเป็ นเจ้าสํานักนิกายระดับสู งชื่อดัง แต่เธอก็อด
ไม่ได้ที่จะคันไม้คนั มือหลังจากที่เห็นหิ นวิญญาณมากมายเช่นนี้
กระจัดกระจายไปอย่างอิสระตรงหน้าเธอ ราวกับว่าพวกมันต่างพา
กันอ้อนวอนขอเธอให้เก็บมันขึ้นมา
เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็มาปรากฏตัวที่ตรงหน้าพวกเธอ
“พี่ชาย” ใบหน้าซูหยินพลันกระจ่างหลังจากที่เห็นเขา
เธอต้องการที่จะวิง่ ไปที่ขา้ งกายและโอบกอดเขา แต่อนิจจา มีหิน
วิญญาณมากมายจนเกินไประหว่างทางเกินกว่าที่เธอจะวิง่ ไปยัง
ทิศทางใด
ดังนั้นเธอก็ได้แต่ค่อย ๆ ตรงเข้าไปหาเขา
ครั้นเมื่อซูหยางอยูใ่ กล้มือเอื้อมแล้ว ซูหยินก็โถมกายเข้าหาเขาเข้าไป
กอดด้วยความเสน่หาทันที
บทที่ 534 ยอดค่ ายกลกระบี่ทอง
“ข้าได้คาดหวังว่าจะได้รับความประหลาดใจในวันนี้ แต่ขา้ มิคาดคิด
ว่าจะได้รับความประหลาดใจถึงเพียงนี้ เจ้าทําได้เหนือกว่าเดิมจริ ง ๆ
ในคราวนี้ ซูหยาง” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับเขา สายตาของเธอยังคงอ้อยอิ่ง
อยูก่ บั หิ นวิญญาณที่อยูเ่ ต็มพื้นที่
“เพียงแต่วา่ หิ นวิญาณกี่กอ้ นกัน” เธอพลันถามเขาด้วยความอยากรู ้
“สามร้อยล้านก้อน” เขาตอบอย่างเรี ยบเฉย
“อะไร…” ไป่ ลี่ฮวั มองดูเขาด้วยดวงตาที่โตราวกับจานรองถ้วยชา
“จ-เจ้าต้องพูดเล่นแน่ใช่ไหม… สามร้อยล้านก้อนหิ นวิญญาณรึ เจ้า
ไปเอาหินวิญญาณมากมายมาจากไหนในโลกนี้กนั การแข่งขัน
ระดับภูมิภาคให้เจ้าเพียงแค่สิบล้านก้อนหิ นวิญญาณ…”
“งานอดิเรกของข้า” เขาตอบกลับด้วยรอยยิม้
“…”
งานอดิเรกประเภทไหนกันที่เป็ นไปได้ที่สามารถนําเอาหิ นวิญญาณ
นับร้อยล้านก้อนออกมางั้นรึ ถ้าเป็ นไปได้ เธอก็ตอ้ งการที่จะเข้าไปมี
ส่ วนร่ วมด้วยเช่นกัน
“เจ้าสนใจรึ ” ซูหยางสังเกตเห็นความอยากรู ้ในดวงตาของเธอจึงถาม
ขึ้น
“ม-ไม่เสี ยทีเดียว… ว่าไปแล้วมันฟังดูน่าสงสัยเป็ นอย่างมาก” เธอ
รี บตอบ “ใครจะรู ้วา่ ข้าต้องทําอะไร บางทีนนั่ อาจจะต้องยอมสังเวย
ร่ างกายของตัวเอง”
“พี่ชาย ท่านมิควรจะยุง่ เกี่ยวกับสิ่ งที่อนั ตราย…” ซูหยินก็แสดงความ
เป็ นห่วงของเธอที่มีต่อเขาออกมาเช่นกัน
ซูหยางหัวเราะหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของพวกเธอ จึงกล่าวว่า “อย่า
กังวล มันมิได้น่าสงสัยหรื อมีอนั ตรายใด”
“ว่าแต่ท่านมาที่นี่ทาํ ไมกัน ข้าสงสัยว่าท่านเดินทางมาที่นี่เฉพาะเจาะจง
เพียงเพื่อจะพบกับข้า”
“จริ งแล้วคนที่ตอ้ งการที่จะพบกับเจ้าก็คือซูหยิน และข้าเองก็แค่สนใจ
ในความก้าวหน้าของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ” ไป่ ลี่ฮวั กล่าว
ซูหยินพลันกล่าวขึ้น “พี่ชายที่รัก ท่านรู ้ไหมว่าพรุ่ งนี้เป็ นวันอะไร”
“วันพรุ่ งนี้รึ…” ซูหยางเลิกคิ้ว
เมื่อเขาเห็นความคาดหวังในดวงตาของซูหยิน เขาก็เผยรอยยิม้ เล็กน้อย
แล้วกล่าวว่า “ข้านึกดูก่อน… สุ ดท้ายเจ้าก็เป็ นผูใ้ หญ่แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ข้าจักบรรลุนิติภาวะในวันพรุ่ งนี้ และข้าต้องการที่จะฉลอง
กับท่าน” เธอกล่าวด้วยสี หน้าสดใส
“เป็ นวันเกิดของเจ้า แต่ขา้ ก็ยงั มิได้เตรี ยมของขวัญอะไรเลย ดูเหมือน
ว่าข้าล้มเหลวในการเป็ นพี่ชายเสี ยแล้ว” เขากล่าวด้วยรอยยิม้ ขออภัย
“อย่าพูดอะไรแบบนั้น พี่ชาย ท่านเป็ นพี่ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ใคร ๆ
ก็ถามหา และข้าก็มิตอ้ งการของขวัญใด ๆ สําหรับวันเกิดของข้า ใน
เมื่อการใช้เวลากับท่านนั้นเป็ นสิ่ งที่เพียงพอสําหรับข้าแล้ว”
ซูหยางเผยรอยยิม้ หวานอมขมกลืนหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดไร้เดียงสา
ของเธอ
ตามความเป็ นจริ งพี่ชายที่ซูหยินรักจริ ง ๆ แล้วก็คือซูหยางจากก่อน
หน้าที่เขาจะฟื้ นคืนความทรงจําในฐานะของเซี ยน นับตั้งแต่เขาได้
คืนความทรงจํามานอกจากการซื้ อสมบัติให้เธอหนึ่งชิ้นที่เมืองหิ มะ
โปรย เขาก็ไม่เคยที่จะได้ทาํ อะไรที่สามารถถือว่าเป็ น “พี่ชาย” ได้
อย่างแท้จริ ง
เขาสามารถที่จะเปิ ดเผยความจริ งให้กบั เธอ แต่เขาก็ไม่ตอ้ งการที่จะ
ทําลายความรู ้สึกจากการที่รู้วา่ พี่ชายที่เธอรักนั้นไม่ได้อยูใ่ นโลกนี้
แล้วอีกต่อไป
“ถึงแม้วา่ เจ้าจะกล่าวว่าเจ้ามิตอ้ งการของขวัญ แต่ในเมื่อนี่เป็ นวันเกิด
ของเจ้า และเป็ นเรื่ องสําคัญที่สุดในชีวติ ของเจ้าเรื่ องหนึ่งนั้น ข้าควร
จะให้อะไรแก่เจ้าสักอย่าง มีอะไรบ้างที่เจ้าต้องการเป็ นพิเศษหรื อไม่”
ซูหยางกล่าวกับเธอ
“ให้ขา้ ใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่ องนั้น” เธอกล่าวหลังจากนั้น
เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ข้ากําลังจะสร้างค่ายกล
พวกท่านต้องการที่จะดูการสร้างมันขึ้นมาหรื อไม่ มันมิได้เป็ นอะไร
ที่พวกท่านจักเห็นได้บ่อยนักอีกต่อไป”
“มันก็เป็ นเพียงแค่ค่ายกลใช่ไหม แม้วา่ จริ งแล้วพวกมันอาจจะมิได้
เห็นเป็ นเรื่ องปกติ แต่กม็ ิใช่วา่ มิมีนกั สร้างค่ายกลคนอื่นเหลืออยู่
นอกจากนี้…” ไป่ ลี่ฮวั พูด
ซูหยางเพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า “ท่านจักเข้าใจครั้นเมื่อท่านได้เห็น
มัน”
หลังจากนั้นซูหยางก็เรี ยกศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันที่กลางนิกาย
ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว เขาก็กล่าวว่า “อันดับแรก
ข้าควรจะขอบคุณพวกเจ้าทั้งหมดสําหรับความพยายามในช่วงเวลา
สองสัปดาห์ที่ผา่ นมานี้ มิเช่นนั้นการตระเตรี ยมก็จะใช้เวลาไป
มากกว่านี้ ตอนนี้ขา้ จักให้พวกเจ้าได้เป็ นพยานถึงผลของการลงแรง
ของพวกเจ้า”
จากนั้นเขาก็นาํ เอาม้วนคัมภีร์ที่มีลวดลายที่ซบั ซ้อนถึงที่สุดเขียนอยู่
บนนั้นออกมาและวางพวกมันลงบนพื้น ตรงกึ่งกลางของทั้งสํานัก
หลังจากนั้นเขาก็นงั่ อยูต่ รงหน้าพวกมันในท่าขัดสมาธิดอกบัวและ
หลับตาลง
ความเงียบปกคลุมที่แห่งนั้น และผูค้ นที่นนั่ ต่างก็พากันมองด้วย
ความคาดหวังอย่างสู ง
สองสามนาทีให้หลัง รัศมีพลังอันมากมายมหาศาลก็ระเบิดออกมา
จากร่ างของซูหยาง และม้วนคัมภีร์ท้ งั สามเล่มต่างก็เปล่งประกาย
แสงสี ทองตอบสนองกับรัศมีพลังนั้น
สองสามอึดใจถัดไปหลังจากนั้น ซูหยางก็ลืมตาขึ้น และเขาก็ตะโกน
ออกด้วยเสี ยงที่สะท้อนสะท้านไปทัว่ ทั้งนิกาย “ยอดค่ายกลกระบี่
ทอง”
บูม
ม้วนคัมภีร์สีทองทั้งสามม้วนพลันพุง่ ขึ้นไปสู่ ทอ้ งฟ้า ก่อนที่จะตกลง
มายังนิกาย เกิดเป็ นเสาสี ทองขนาดมหึ มาสามเสารายล้อมนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั เอาไว้
เหล่าศิษย์ต่างพากันมองด้วยความหวาดหวัน่ ดวงตาและปากของเขา
ล้วนเปิ ดกว้าง
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็ตบลงไปบนพื้นด้วยมือข้างหนึ่ง จน
ทําให้ทวั่ ทั้งนิกายสัน่ สะเทือนและหินวิญญาณที่กระจัดกระจายไป
ทัว่ ทั้งนิกายนั้นก็พากันกระดอนขึ้น
เมื่อหิ นวิญญาณกลับคืนสู่ ผนื ดิน พวกมันทั้งหมดต่างพากันเปล่งแสง
สว่าง และปราณไร้ลกั ษณ์ท้ งั หมดที่เก็บไว้ภายในหิ นวิญญาณสาม
ร้อยล้านก้อนที่กระจัดกระจายไปทัว่ ทั้งนิกายนั้นก็พากันพุง่ เข้าสู่ เสา
สี ทองทั้งสาม จนทําให้พวกมันยิง่ เปล่งแสงจ้ายิง่ กว่าเดิม
ครั้นเมื่อเสาสี ทองทั้งสามเสร็ จสิ้ นการดูดซับปราณไร้ลกั ษณ์จากหิ น
วิญญาณทั้งหมดแล้ว หิ นวิญญาณต่างก็พากันกลายเป็ นฝุ่ นก่อนที่จะ
ถูกพัดไปด้วยกระแสลมรุ นแรงที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีวแี่ วว
“ชิวเยว่ กระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ ม” ซูหยางพลันตะโกนขึ้น
ทันทีที่เสี ยงของซูหยางขาดหายไป พลังวิญญาณอันมหาศาลอีกสาย
หนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในนิกาย
“พลังวิญญาณนี้มาจากไหนกัน” ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันมีสีหน้าหวาด
กลัวอย่างลึกลํ้าหลังจากที่รับรู ้ถึงพลังวิญญาณที่กดดันของชิวเยว่
เมื่อมันเป็ นสิ่ งที่ไม่เหมือนกับอะไรเลยที่พวกเขาได้รับรู ้มาก่อน
ในเวลานั้นเสาแสงสี ทองทั้งสามต่างก็มีปฏิกิริยากับพลังวิญญาณ
ของชิวเยว่ดว้ ยการระเบิดออกเป็ นชิ้นเล็ก ๆ นับไม่ถว้ น ซึ่ งแต่ละชิ้น
มีความยาวประมาณสามสิ บนิ้วและกว้างสามนิ้ว และถ้าหากมองดู
อย่างใกล้ชิด ชิ้นส่ วนเหล่านี้ท้ งั หมดล้วนมีหน้าตาเป็ นรู ปกระบี่
ครั้นเมื่อเสาแสงสี ทองทั้งสามหายไปแล้ว กระบี่สีทองนับหมื่นแสน
ที่ล่องล่อยอยูบ่ นท้องฟ้าก็เริ่ มเคลื่อนไหว
สองสามนาทีให้หลัง กระบี่สีทองก็รายล้อมทัว่ ทั้งนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ในลักษณะที่เหมือนกับเป็ นกําแพงโล่สีทองขนาดยักษ์ที่ปกป้อง
ทุกตารางนิ้วของนิกาย
ครั้นเมื่อค่ายกลชั้นเยีย่ มสําเร็ จลงแล้ว กระบี่สีทองในท้องฟ้าก็พลัน
เปลี่ยนสภาพเป็ นมองไม่เห็นราวกับว่าทุกสิ่ งทุกอย่างทั้งหมดนั้นเป็ น
เพียงแค่ภาพมายา
บทที่ 535 ประสบการณ์ เฉียดตาย
“เสร็ จแล้ว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขายืนขึ้นอย่างสบาย ๆ หลังจากที่
สร้างค่ายกลชั้นเยีย่ มเสร็ จ
อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ที่นนั่ ต่างพากันยืนนิ่งด้วยสี หน้างงงันราวกับ
ว่าพวกเขาเห็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
“จ-เจ้าเพิง่ ทําบ้าอะไรลงไป ซูหยาง” ไป่ ลี่ฮวั อุทานออกมาหลังจากที่
ผ่านไปชัว่ ขณะ เสี ยงของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ “ค่ายกลประเภท
ไหนกันที่เจ้าสร้างขึ้น ข้าได้อยูด่ ูตอนที่นกั สร้างค่ายกลสร้างค่ายกล
ให้กบั สํานักหงส์สวรรค์ แต่มนั มิได้ดูเหมือนนี่แม้แต่นอ้ ย ยิง่ ไปกว่า
นั้นพลังวิญญาณจํานวนมหาศาลเมื่อกี้น้ นั คืออะไรกัน ข้ารู ้สึก
เหมือนกับว่าเป็ นพลังวิญญาณของผูฝ้ ึ กยุทธ”
“แน่นอนว่ามันต้องต่างไปจากค่ายกลพื้น ๆ ของเจ้าอยูแ่ ล้ว ไม่วา่
อย่างไรก็ตามมันเป็ นค่ายกลชั้นเยีย่ มที่ประกอบด้วยค่ายกลธรรมดา
ที่ต่างกันสามแบบ” เขาตอบอย่างใจเย็น “สําหรับพลังวิญญาณที่เจ้า
รู ้สึกนั้น ข้าได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิท”
“ค่ายกลชั้นเยีย่ มรึ …” ไป่ ลี่ฮยั งงงัน ในเมื่อคํานี้เธอไม่เคยได้ยนิ มา
ก่อนจนกระทัง่ วันนี้
“ก็เหมือนวิชาฝี มือ มีระดับของค่ายกลหลายระดับ และที่ง่ายและมี
ความซับซ้อนน้อยที่สุดก็คือค่ายกลพื้นฐานทัว่ ไป ที่มีความซับซ้อน
และยากขึ้นมาอีกหน่อยก็คือค่ายกลชั้นเยีย่ ม ซึ่ งต้องการรวมค่ายกล
พื้นฐานต่างชนิดกันสามค่ายกลเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นพวกเราก็จะมี
ค่ายกลเทพซึ่งต้องการค่ายกลชั้นเยีย่ มสามชนิดขึ้นไป” ซูหยางอธิบาย
ให้กบั เธอ
ถึงแม้วา่ มันจะมีค่ายกลที่ซบั ซ้อนกว่าค่ายกลเทพ มันก็ไม่มีความหมาย
ที่จะยกมาพูดให้เธอฟัง ในเมื่อค่ายกลชั้นเยีย่ มก็เหนือกว่าความรู ้ของ
โลกนี้ไปไกลมากเรี ยบร้อยแล้ว
“ต้องการทดสอบความสามารถของมันหรื อไม่” ซูหยางพลันถาม
เธอ ซึ่งจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“พวกเราจักต้องทําอย่างไรในเรื่ องนี้” เธอถาม
“โจมตีขา้ ราวกับว่าเจ้ากําลังจะพยายามฆ่าข้าจริ ง ๆ” เขากล่าวอย่าง
สบาย ๆ
“เจ้าต้องการให้ขา้ โจมตีเจ้าด้วยเจตนาที่จะฆ่าจริ ง ๆ งั้นรึ เจ้ามัน่ ใจรึ ”
“อะไรกัน เจ้ากลัวรึ ” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยเสี ยงยัว่ ยุ
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น”
ไป่ ลี่ฮวั พลันนําเอากระบี่สีขาวสวยงามจากแหวนมิติของเธอออกมา
และพุง่ เข้าหาเข้าเขาด้วยจิตสังหาร
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะไปถึงตัวเขา กระบี่สีทองที่หายไปนั้น
พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง และมีกระบี่สีทองมากกว่าร้อยเล่มพุง่ เข้าหา
ไป่ ลี่ฮวั เกิดเป็ นเส้นสี ทองจํานวนมากบนท้องฟ้าขณะที่พวกมัน
กําลังพุง่ ทะยาน
“?!?!?!”
ชีวติ ของไป่ ลี่ฮวั เหมือนขึ้นอยูก่ บั ประกายแสงที่อยูต่ รงหน้าเธอ ใน
เมื่อเธอไม่สามารถแม้กระทัง่ มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อพวกมัน อย่าว่าแต่
จะป้องกันตัวจากพวกมัน
บึม บึม บึม
ทันใดนั้นเองกระบี่สีทองก็ระเบิดออกพร้อมกันในขณะที่พวกมัน
กําลังอยูห่ ่างเพียงแค่เส้นผมจากการปลิดชีวติ เธอ
“…”
ไป่ ลี่ฮวั ล้มคุกเข่าลงหลังจากนั้น ร่ างกายของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
เยียบ นี่เป็ นความตายที่เข้ามาใกล้ที่สุดที่เธอเคยรับรู ้มา และมันก็เป็ น
ความรู ้สึกกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้โดยใช้เพียงแค่คาํ พูด ถ้ากระบี่
พวกนั้นไม่ระเบิด ชีวติ ของเธอย่อมต้องถูกปลิดปลงไปอย่างแน่นอน
“จ-เจ้ากําลังพยายามจะฆ่าข้ารึ เจ้าบ้า” ไป่ ลี่ฮวั ตะโกนใส่ เขาด้วยเสี ยง
โกรธหลังจากที่เธอหายใจได้ทนั หลังจากนั้นชัว่ ขณะ
“แน่นอนว่าไม่ ข้าเพียงต้องการที่จะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความสามารถ
ของค่ายกลชั้นเยีย่ ม ดังนั้นมันเป็ นอย่างไรบ้าง”
“มันเป็ นอย่างไร… บ้ารึ เปล่า เจ้ามิจาํ เป็ นต้องทําให้ขา้ อับอายต่อหน้า
คนรุ่ นหลังมากมายเพราะมัน” เธอร้องลัน่
ซูหยางยิม้ ขื่นขมและกล่าวว่า “แต่นนั่ ยังไม่ถึง 1% ของพลังเต็มที่ของ
ค่ายกลชั้นเยีย่ มเลยนะ ข้ามิได้มีเจตนาที่จะทําให้เจ้าอับอายจริ ง ๆ”
“นัน่ ยังมิถึง 1% เลยรึ ” ไป่ ลี่ฮวั อ้าปากค้างหลังจากที่ได้ยนิ เช่นนี้
ในตอนนี้เธอจึงตระหนักว่าในบรรดากระบี่นบั หมื่นแสนเล่มในค่าย
กลชั้นเยีย่ มนั้น มีเพียงกระบี่ร้อยเล่มเท่านั้นที่โจมตีเธอ ดังนั้นซูหยา
งจึงไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใดที่วา่ ใช้เพียงไม่ถึง 1% ของความสามารถ
ที่แท้จริ งของค่ายกลชั้นเยีย่ ม
“เอาอย่างนี้ดีไหม เพื่อเป็ นการขอโทษที่ทาํ ให้เจ้าไม่พอใจ ข้าจักช่วย
สํานักหงส์สวรรค์ปรับปรุ งค่ายกล” เขากล่าวขึ้น
“เอ๋ จริ งรึ ” ไป่ ลี่ฮวั ตาเป็ นประกายด้วยความดีใจหลังจากที่ได้ยนิ
คําพูดของเขา และความโกรธของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ วราวกับ
หมอกควัน
เขาพยักหน้า “ข้ามิโกหกเจ้าต่อหน้าคนจํานวนมากอย่างแน่นอน”
“ดี ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ขา้ ยกโทษให้ เช่นนั้นเจ้าก็ตอ้ งทําตามที่เจ้า
สัญญาไว้ หรื อไม่ขา้ ก็จกั มิยกโทษให้”
เวลาหลังจากนั้นครั้นเมื่อความตื่นตระหนกซาลง โหลวหลานจีก็
ถามเขาว่า “ซูหยาง เจ้าสามารถอธิบายให้ขา้ ฟังถึงการทํางานของค่าย
กลชั้นเยีย่ มนี้ได้หรื อไม่”
“มันเป็ นสิ่ งที่ค่อนข้างธรรมดามากจริ ง ๆ ทันทีที่ใครสักคนที่มิใช่
ศิษย์ของนิกายโจมตีศิษย์ของพวกเราภายในนิกาย ค่ายกลชั้นเยีย่ มนี้
ก็จะตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติและลบล้างผูท้ ี่เข้ามาโจมตีดงั ที่มนั ได้แสดง
ให้เห็นกับเจ้าสํานักไป่ อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถกระตุน้ มันได้เอง
เช่นกันถ้าต้องการ”
“มันมีท้ งั สิ้ นจํานวน 1,111,111 เล่มกระบี่ทองในค่ายกลชั้นเยีย่ มนี้
และกระบี่ทองแต่ละนั้นจะมีพลังเท่ากับระดับสู งสุ ดของสมบัติ
วิญญาณระดับสวรรค์ ซึ่งก็จะมีบางเล่มที่เหนือกว่านั้น ถ้านัน่ ยังมิ
เพียงพอ ค่ายกลชั้นเยีย่ มเองก็ยงั มีกลไกการป้องกันตัวที่สามารถ
ป้องกันการโจมตีทุกอย่างจากภายนอกนิกาย แม้วา่ จะเป็ นจอมยุทธ
เขตอัมพรวิญญาณนับพันคนโจมตีค่ายกลชั้นเยีย่ มในเวลาเดียวกัน
พวกเขาก็จกั มิสามารถแม้จะทําให้มนั ระคายได้”
“และก็ยงั มีกลไกการตรวจจับอยูเ่ ช่นกัน ที่ครั้นเมื่อมันตรวจจับพบผู ้
บุกรุ กที่มิใช่ท้ งั ศิษย์หรื อว่าแขกของนิกาย มันก็จะเตือนผูอ้ าวุโส
นิกายทุกคนในทันที”
โหลวหลานจีและคนอื่น ๆ ต่างพากันฟังคําอธิบายของเขาด้วยใบหน้า
งงงัน ดูเหมือนว่าจะไม่อยากเชื่อ
“ไม่น่าเชื่อ…เมื่อมาคิดว่าจะมีค่ายกลที่ซบั ซ้อนและลึกลํ้าปานนั้น
ปรากฏขึ้นในโลกนี้ เพียงแต่วา่ เจ้าเรี ยนรู ้เรื่ องนี้มาจากไหนกัน” ผู ้
อาวุโสซุนถามเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจและสงสัย
ซูหยางเพียงแค่โบกมือและกล่าวว่า “ถ้าท่านอ่านหนังสื อมากพอ
ท่านก็จกั เรี ยนรู ้ได้ทุกสิ่ งทุกอย่างในโลกนี้”
“เอาล่ะ ค่ายกลชั้นเยีย่ มก็ได้สาํ เร็ จแล้วในตอนนี้ ซึ่ งก็จะทําให้นิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั กลายเป็ นที่ปลอดภัยที่สุดในโลกนี้ในเวลานี้ และ
ตราบเท่าที่พวกเราอยูภ่ ายในนิกาย พวกเราก็มิตอ้ งกังวลถึงอันตราย
ใด ๆ ที่จกั เกิดขึ้นได้ ถึงแม้วา่ ทั้งโลกนี้จะโจมตีพวกเราในคราว
เดียวกัน ก็จกั มิมีแม้แต่ขนสักเส้นบนร่ างของเจ้าที่จกั ได้รับอันตราย
ตราบเท่าที่พวกเจ้าอยูภ่ ายในค่ายกลชั้นเยีย่ มนี้” ซูหยางกล่าวกับพวก
เขา
บทที่ 536 ความสนใจของปรมาจารย์
ในขณะที่ซูหยางกําลังอธิบายให้ศิษย์ฟังถึงเรื่ องความสามารถของ
ค่ายกลชั้นเยีย่ มอยูน่ ้ นั ทุกคนในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ต่างก็ไม่รู้วา่
ทัว่ ทั้งทวีปตะวันออกตกอยูใ่ นความโกลาหลในเวลานี้
เพราะว่าปราณไร้ลกั ษณ์ที่ปลดปล่อยออกมาจากหิ นวิญญาณกว่า
สามร้อยล้านก้อนและพลังวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมาจากชิวเยว่
เมื่อตอนที่กระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ มนั้น ทําให้ทุกคนที่อยูไ่ กลออกไป
นับหมื่นกิโลเมตรรู ้สึกถึงพลังวิญญาณจํานวนมหาศาลที่ไม่เป็ น
ธรรมชาติ ทําให้พวกเขาเชื่อว่าสมบัติวญ ิ ญาณที่ทรงพลังมากกําลัง
เกิดขึ้นในบริ เวณพื้นที่แห่งนั้น
ข่าวของ “สมบัติวญ ิ ญาณ” นี้แพร่ กระจายไปทัว่ ทวีปตะวันออก
เหมือนกับไฟไหม้ป่าอย่างรุ นแรง และภายในเวลาหนึ่งชัว่ โมง เกือบ
ทุกตระกูลและสํานักใหญ่ต่างรู ้ถึงสถานการณ์
และภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากที่ได้ยนิ ข่าวนี้ ตระกูลที่มีชื่อเสี ยง
และสํานักที่เข้มแข็งต่างก็เริ่ มส่ งผูเ้ ชี่ยวชาญของตนเองเพื่อไปตามหา
สมบัติวญ ิ ญาณ หวังว่าพวกเขาจะเป็ นคนที่พบมันเป็ นคนแรก
ในกรณี ส่วนใหญ่ไม่วา่ จะเป็ นใครก็ตามที่พบสมบัติวญ ิ ญาณเป็ นคน
แรก การต่อสู ก้ จ็ ะเกิดขึ้นระหว่างกองกําลัง เมื่อผูค้ นมักจะวิง่ ไปเจอ
กับศัตรู ของตนเองระหว่างการค้นหา
“ท่านเจ้า ทีมค้นหาพร้อมที่จะส่ งออกไปและกําลังรอคําสัง่ ของท่าน
อยู”่
แม้วา่ ตระกูลซีจะปกครองตลอดทัว่ ทั้งทวีปตะวันออก พวกเขาก็ไม่
กล้าที่จะอ้างว่าสมบัติวญ
ิ ญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติน้ นั เป็ นของ
ตนเองโดยไม่มีการทําอะไรเกี่ยวกับมันเช่นเดียวกับทุกคน ในเมื่อ
นัน่ จะเป็ นการทําลายภาพพจน์และกฎเกณฑ์ของพวกเขาในทันที
ดังนั้นพวกเขาต้องส่ งทีมค้นหาของตนเองออกไปเช่นกัน
“ท่านเจ้า…”
ผูน้ าํ กองกําลังค้นหาของตระกูลซีมองดูเจ้าซี ดว้ ยสี หน้างุนงงเมื่ออีก
ฝ่ ายไม่ตอบหลังจากที่ผา่ นไปชัว่ ขณะ
“ยกเลิกทีมค้นหา พวกเราจักไม่เข้าร่ วมในครั้งนี้” เขากล่าวด้วยเสี ยง
เคร่ งเครี ยด
“อะไรนะ… แต่คาํ รํ่าลือบอกว่ามันอาจจะเป็ นสมบัติวญ ิ ญาณระดับ
เทพในตํานานจากที่มีตาํ นานกล่าวว่ามันเหนือลํ้ากว่ากระทัง่ ระดับ
สวรรค์และสมบัติวญ ิ ญาณระดับนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้มาก่อน
นี่อาจจะเป็ นครั้งแรกในโลกนี้” ชายคนนั้นกล่าวกับเขาด้วยเสี ยง
สับสน
ถ้าพวกเขาไม่สนใจโอกาสอันยิง่ ใหญ่น้ ีและพลาดในการได้รับ
สมบัติวญ
ิ ญาณระดับเทพ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเสี ยใจ
“ข้ารู ้วา่ มันจักเป็ นความสู ญเสี ยอันยิง่ ใหญ่สาํ หรับพวกเรา แต่เจ้าได้
ลืมไปแล้วหรื อว่าใครอาศัยอยูใ่ นพื้นที่น้ นั ” เจ้าซี กล่าวกับเขาพร้อม
กับขมวดคิ้ว
“ถ้าข้าจํามิผดิ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ควรจักอยูท่ ี่พ้นื ที่น้ นั แต่ถึงแม้วา่
สมบัติวญ ิ ญาณนัน่ จักเกิดภายในพื้นที่ของพวกเขา พวกเขาก็มิสามารถ
ที่จะอ้างได้วา่ เป็ นของพวกเขาหรื อพวกเขาจักสามารถไล่คนที่ตอ้ งการ
ค้นหามันได้ เมื่อกฎพื้นฐานใด ๆ ก็จกั มิสามารถใช้ได้อีกหลังจากที่มี
การถือกําเนิดขึ้นของสมบัติวญ ิ ญาณ” ชายคนนั้นกล่าว
“ความกังวลของพ่อข้ามิได้เกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แต่เกี่ยวกับ
คนผูห้ นึ่งที่อยูภ่ ายในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ” เสี ยงอีกเสี ยงหนึ่งพลัน
ก้องขึ้นภายในห้อง
“องค์หญิง”
“ซิงเอ๋ อร์…”
ซี ซิงฟางตรงเข้าไปหาพวกเขาหลังจากที่เข้ามาร่ วมวงสนทนา
“ถ้าสมบัติวญิ ญาณนั้นปรากฏขึ้นภายในพื้นที่ของนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ย่อมมิมีโอกาสแม้แต่นอ้ ยที่ “เขา” จักมิสงั เกตพบมัน” เธอกล่าว
หลังจากนั้น
“เขา… เขาคนนั้นเป็ นใครกันที่องค์หญิงอ้างถึง” ชายคนนั้นยังคง
สงสัย
“ซูหยาง” เจ้าซี กล่าว
“อัจฉริ ยะอันดับหนึ่งผูท้ ี่กา้ วเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณก่อนที่เขาจะได้
มีอายุถึง 18 ปี รึ “ซูหยาง” คนนั้นนะรึ แม้วา่ เขาจะมีพรสวรรค์น่า
หวาดหวัน่ อย่างแท้จริ ง แต่เขาก็ยงั เป็ นชนรุ่ นหลัง”
เจ้าซีส่ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าประมาทเขาเพียงเพราะว่าอายุของ
เขา มิเช่นนั้นเจ้าจักเสี ยใจในสักวันหนึ่ง แม้วา่ ข้อมูลทั้งหมดที่เรามี
เกี่ยวกับเขาก็ยงั กล่าวว่าชายคนนั้นมีประวัติความเป็ นมาที่ลึกลํ้าสุ ด
หยัง่ และไม่ทราบชัด”
“ข้ามิประหลาดใจ หากพบว่าสมบัติวญ ิ ญาณนั้นได้ตกอยูใ่ นมือของ
เขาเรี ยบร้อยแล้วขณะที่พวกเรากําลังพูดกัน” เขาพูดต่อ
“เป็ นไปไม่ได้…” ชายคนนั้นพึมพําด้วยใบหน้างงงัน
“ถึงแม้วา่ จะมีโอกาสอยูบ่ า้ งที่เขายังคงมิได้รับสมบัติวญ
ิ ญาณนัน่ แต่
เขาก็จกั ยังคงนําหน้าเหนือกว่าทุกคนหลายก้าว และเขาก็จกั เป็ นคนที่
มีโอกาสหัวเราะในภายหลังสุ ด”
ชายคนนั้นตกใจอย่างลึกลํ้ากับการที่เจ้าซีประเมินค่าซูหยางไว้สูง
มากราวกับว่าเขากําลังยกย่องเทพเจ้าบางองค์
“ดังนั้นจงสลายทีมค้นหา ข้าจักมิพดู ซํ้าอีกครั้ง เราจักมิเข้าร่ วมการ
ค้นหาในครั้งนี้” เจ้าซีกล่าวกับชายคนนั้นด้วยสี หน้าเข้มงวด
“ตามบัญชาท่านเจ้า”
ชายคนนั้นคํานับเขาก่อนที่จะออกจากห้องนั้นไป
“แล้ว ทําไมเจ้าจึงมาที่นี่” เจ้าซี หนั ไปดูลูกสาวของตัวเขาเองหลังจาก
นั้น
ซีซิงฟางยิม้ และกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าต้องการที่จะไปเยีย่ มนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“ทําไมรึ ” เขาขมวดคิว้ ในทันที “เจ้าเพิ่งไปที่นนั่ มามินานนักระหว่าง
การคัดเลือกศิษย์ของพวกเขา”
“ข้ารู ้ แต่วา่ ข้ามีความรู ้สึกว่ามีบางสิ่ งที่ยงิ่ ใหญ่ได้เกิดขึ้นที่นิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั และถ้าคํารํ่าลือเป็ นจริ ง ที่วา่ สมบัติวญ ิ ญาณระดับ
เทพที่ได้ปรากฏขึ้นนั้น ข้าต้องการที่จะเห็นมันด้วยตัวข้าเอง” เธอ
ตอบอย่างเยือกเย็น
“ข้าเพียงเห็นด้วยในการยอมให้เจ้าออกไปด้านนอกครั้งที่แล้วเพราะว่า
ผูอ้ าวุโสจงได้อยูข่ า้ งกายเจ้า ก่อนนี้ขา้ ได้รับข่าวว่า ดาบเสี้ ยวจันทร์ มี
ความเคลื่อนไหวเพิม่ มากขึ้น อีกทั้งยังมีปัญหากับพิษในร่ างของเจ้า
ข้ามิเห็นด้วยที่จะให้เจ้าออกไปในครั้งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจักเข้าใจ” เขา
กล่าวกับเธอ
แต่อย่างไรก็ตามซี ซิงฟางยังคงดื้อดึง กล่าวว่า “ถ้าดาบเสี้ ยวจันทร์
เพิม่ ความเคลื่อนไหวมากขึ้นจริ ง เช่นนั้นยิง่ สมเหตุผลสําหรับข้าใน
การที่จะเดินทางไปยังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และขอลี้ภยั อยูท่ ี่นนั่ ใน
เมื่อข้ารู ้สึกปลอดภัยเมื่ออยูใ่ กล้กบั ซูหยางมากกว่ากับทหารองครักษ์
ของตระกูลเรา”
“เจ้ากําลังพูดว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั สามารถปกป้องเจ้าได้ดีกว่า
ตระกูลของเจ้าเองรึ ” เจ้าซีขมวดคิ้วทันที
“ใช่นน่ั แน่นอนว่าเป็ นสิ่ งที่ขา้ กําลังพูดถึง ท่านพ่อ แม้วา่ ข้ามิได้
กล่าวหาท่านที่มิได้เข้าใจความแข็งแกร่ งของเขาเพราะว่าท่านมิได้อยู่
ที่นนั่ เป็ นพยานในการเอาชนะฟูกวางและอสรพิษโลหิ ตปี ศาจของ
เขา ซูหยางก็แข็งแกร่ งยิง่ กว่าท่านปู่ แล้ว อย่าว่าแต่ท่าน ท่านพ่อ” ซีซิ
งฟางกล่าวกับเขาด้วยสี หน้าจริ งจัง
“เจ้า…” เจ้าซีพลันใบหน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามเสี ยงอีกเสี ยงก็พลันดังก้องขึ้นมาภายในห้อง และเต็ม
ไปด้วยความขบขัน “ในเมื่อหลานสาวสุ ดที่รักของข้ากล่าวเช่นนั้น
ข้าก็จกั เชื่อเช่นนั้นเช่นกัน”
“ท-ท่านพ่อ” เจ้าซีประหลาดใจกับการปรากฏตัวของบรรพชน
“ความสนใจในตัวซูหยางของข้าได้พงุ่ ทะลุเพดานไปเรี ยบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ และข้าก็จกั ต้องการที่จะไปรู ้จกั กับเขาให้ดีข้ ึน ดังนั้นข้า
จักไปเป็ นเพื่อนกับซิงเอ๋ อร์ที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ดังนั้นก็มิควร
จะมีปัญหาอะไรถ้าข้าไปกับเธอ ใช่ไหม นอกจากว่าเจ้ากังวลว่าข้ามิ
สามารถปกป้องเธอ” ชายชรากล่าวขณะที่เขาก้าวเข้ามาภายในห้อง
สร้างความงงงันให้กบั ทั้งเจ้าซีและซีซิงฟาง
บทที่ 537 โลกอื่น
“ท่านต้องการที่จะตามชิงเอ๋ อร์ไปยังนิกายกุสุมาลย์รึ ท่านพ่อ” เจ้าซี
มองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในเมื่อซีหวาง พ่อเขา ไม่เคยจากเมือง
หิ มะโปรยมาหลายสิ บปี แล้ว
“เจ้ามีปัญหากับข้ารึ ” ซีหวางมองดูเขาพร้อมกับหรี่ ตา จนทําให้เขา
ร่ างสัน่ สะท้านด้วยความกลัว
แม้วา่ เขาจะมีหน้าตาเป็ นชายชราใจดีในตอนนี้ ซีหวางเคยปกครอง
ทวีปตะวันออกด้วยหมัดเหล็กในฐานะหนึ่งในวิชาที่ทรงอํานาจที่สุด
ในโลกนี้วชิ าหนึ่ง ทั้งยังมีการเลี้ยงดูที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ซีซิงฟางเกิดขึ้นมา ซี หวางกลายเป็ นชายชรา
ใจดีและเลี้ยงดูเธอราวกับว่าเธอเป็ นสมบัติสูงค่า เอาใจเธอไม่สิ้นสุ ด
ซึ่ งย่อมทําให้เจ้าซีอิจฉาอยูบ่ ่อย ๆ
“ข้ามิกล้าที่จะคัดค้านท่าน ท่านพ่อ ถ้าท่านต้องการที่จะไปเป็ นเพื่อน
ชิงเอ๋ อร์ยงั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เช่นนั้นข้าก็จกั มิมีเหตุผลที่จะกังวล
เกี่ยวกับความปลอดภัยของเธออีกต่อไป” เจ้าซี กล่าวกับเขาพร้อมกับ
ฝื นยิม้
“ดี เอาล่ะถ้าเป็ นเช่นนั้น เมื่อไหร่ ที่เจ้าต้องการจะไป ชิงเอ๋ อร์” ซีหวาง
หันไปถามเธอ
“พวกเราสามารถไปในตอนนี้เลย” เธอรี บตอบฉับพลัน
“เมื่อไหร่ ที่เจ้าวางแผนจะกลับมา” เจ้าซีถามเธอในเวลาถัดไป
“ข้ามิรู้เช่นกัน แต่ถา้ ดาบเสี้ ยวจันทร์เพิม่ ความรุ นแรงขึ้น เช่นนั้นบางที
ข้าก็จกั อยูท่ ี่นนั่ จนกว่าทุกสิ่ งจะสงบลง” เธอกล่าวหลังจากที่ครุ่ นคิด
ชัว่ ขณะ
“…”
เจ้าซีพดู ไม่ออก ในเมื่อเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าซีซิงฟางจะพบว่านิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั มีความปลอดภัยมากกว่าบ้านของเธอเอง สถานที่
ปกป้องด้วยทหารทั้งกองทัพ
เวลาหลังจากนั้น ซีซิงฟาง และซี หวางก็ออกจากเมืองหิ มะโปรยและ
เริ่ มเดินทางไปสู่ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ขอบคุณที่มากับข้า ท่านปู่ ” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาด้วยรอยยิม้ สดใส
หลังจากนั้น “ถ้ามิใช่ท่าน ข้าคงต้องใช้ความพยายามมากกว่านั้นใน
การเปลี่ยนใจพ่อของข้า”
ซีหวางหัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่าง.. มิตอ้ งกล่าวถึงมันแล้ว ข้าจัก
ต้องทําทุกอย่างเพื่อหลานสาวสุ ดที่รักของข้าอยูแ่ ล้ว”
จากนั้นเขาก็พดู ว่า “อย่างไรก็ตาม จริ งแล้วข้าก็สนใจในชายหนุ่มซู
หยางคนนี้เช่นเดียวกัน ข้าเคยพบเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็มกั จะสร้าง
ความประทับใจให้ขา้ จากการที่เป็ นคนที่มีประวัติความเป็ นมาอัน
ยิง่ ใหญ่เหนือโลกนี้ไป ราวกับว่าเขามิได้เป็ นตัวตนที่อยูใ่ นโลกนี้”
“บางทีท่านอาจจะพูดถูก ท่านปู่ พรสวรรค์ของซูหยางย่อมต้องเสี ย
ไปในโลกใบเล็กแห่งนี้ ถ้ามีโลกอื่นนอกจากนี้ โลกที่น่าหวาดหวัน่
และลึกลํ้ายิง่ กว่าโลกนี้ ใครจักรู ้วา่ เขาจะเติบโตได้อีกสักเท่าไหร่ ” ซี
ซิงฟางกล่าวด้วยสายตาที่เปี่ ยมไปด้วยความคิดเพ้อฝัน
“โลกอื่นงั้นเรอะ… นัน่ ทําให้ขา้ นึกถึงเซียนหานซิ่น ซึ่งกล่าวกันว่า
มาจากโลกอื่น” ซีหวางพึมพํา
“นัน่ เป็ นจริ งรึ ท่านปู่ ” ซีซิงฟางดวงตาเป็ นประกายด้วยความสนใจ
“ใช่ นัน่ เป็ นคํารํ่าลือที่มิได้อยูน่ านนักเมื่อข้ายังเป็ นเด็กหนุ่ม ชิงเอ๋ อร์
จักรวาลเรานี้กว้างใหญ่ลึกลํ้าอาจจะมิมีจุดสิ้ นสุ ด ในจักรวาลที่ยงิ่ ใหญ่
เช่นนั้น ข้าย่อมมิประหลาดใจเลยถ้ามีโลกอื่นที่เหนือกว่าสวรรค์ของ
เราอยูท่ ี่ไหนสักแห่งในท้องฟ้าที่เปี่ ยมไปด้วยดวงดาวนี้”
“นับตั้งแต่ขา้ เข้าถึงเขตราชันย์วญ
ิ ญาณ ข้าก็อดใจมิได้ที่จะคิดสงสัย
ว่ามีอะไรที่เหนือสวรรค์ข้ ึนไปหรื อไม่ มีความคิดสะกิดในใจของข้า
ปรารถนาที่จะเดินทางท่องเที่ยวสู่ แดนฟ้าดาราพราว แต่อนิจจาด้วย
พลังของข้านี่กเ็ ป็ นได้แค่เพียงความฝันของเด็ก ๆ” ซีหวางกล่าวด้วย
เสี ยงจริ งจัง ขณะที่เขาจ้องไปยังฟากฟ้า ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วย
ความเสี ยใจ
อย่างไรก็ตามที่เขาไม่รู้กค็ ือ กระทัง่ ในสวรรค์ศกั ดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่ซ่ ึ งผู ้
ฝึ กวิชาอันทรงอํานาจในจักรวาลรวมตัวกันอยูน่ นั่ ก็ยงั มีเพียงแค่จอม
ยุทธเพียงแค่หยิบมือที่มีความสามารถในการท่องเที่ยวไปมาระหว่าง
ดวงดาวได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของสมบัติวญ ิ ญาณศักดิ์สิทธิ์
ในเวลานั้น ย้อนกลับมาที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั หลังจากที่อธิบาย
การทํางานของค่ายกลชั้นเยีย่ มให้กบั คนที่อยูต่ รงหน้าเขาแล้ว ซูหยาง
ก็ปล่อยให้เหล่าศิษย์จากไป กลับคืนไปทําการฝึ กฝนตนเอง
“พวกเจ้าสองคนกําลังจะทําอะไรต่อไปในตอนนี้” ซูหยางถามไป่ ลี่ฮวั
และซูหยินหลังจากนี้
“ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะอยูใ่ นนิกายสักสองสามวัน ข้าก็จกั จัดที่พกั
ของเจ้าให้ในทันที”
“วันเกิดของซูหยินจักยังมาไม่ถึงจนกว่าจะถึงพรุ่ งนี้ พวกเราคงจัก
ต้องอยูท่ ี่นี่สกั วันหรื อสองวันเป็ นอย่างน้อย หลังจากนั้นพวกเราก็จึง
ค่อยจักมาดูวา่ พวกเราต้องการที่จะอยูท่ ี่นี่นานขึ้นอีกหรื อไม่” ไป่ ลี่ฮวั
กล่าวกับเขา
“พี่ชาย ข้าพอจะพักกับท่านได้หรื อไม่ในระหว่างที่ขา้ อยูท่ ี่นี่ มันเป็ น
เวลานานแล้วนับตั้งแต่พวกเราได้นอนเคียงข้างในห้องเดียวกัน” ซู
หยินพลันกล่าวกับเขาด้วยสี หน้าอ้อนวอน
“ถึงแม้วา่ เจ้าเป็ นน้องของข้า แต่ศาลาหยินหยางก็มิใช่สถานที่สาํ หรับ
แขก” เขาส่ ายหน้า
“ได้โปรด…” ซูหยินมองดูเขาด้วยดวงตาที่ดูเหมือนจะมีน้ าํ ตาคลอ
“ข้ามิเห็นว่านี่จะเป็ นปัญหาอะไร ซูหยาง เพียงแค่ให้เธออยูก่ บั เจ้า”
โหลวหลานจีพลันตัดบทพวกเขา
“เจ้ามัน่ ใจรึ ” ซูหยางถามเธอ
โหลวหลานจีพยักหน้าและกล่าวว่า “ศาลาหยินหยางเคยเป็ นสถานที่
ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็ นเพียงแค่บา้ นของผูน้ าํ นิกายเท่านั้น แต่ประเพณี ประเภท
นั้นได้เป็ นอดีตไปแล้ว มิวา่ อย่างไรก็ตามมันก็ได้เป็ นที่พกั ของแขก
สองสามคนไปแล้วในตอนนี้”
ในตอนนี้หากไม่นบั เซี่ยวหรง ซึ่งตัวตนของเธอยังไม่ถูกโหลวหลาน
จีคน้ พบ ก็ยงั มีคนอื่นอีกสองคนนอกจากผูน้ าํ นิกายที่อาศัยอยูใ่ น
ศาลาหยินหยาง และพวกเธอก็คือ ชินเหลียงหยู และชิวเยว่
“เอาล่ะ เมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น” ซูหยาพยักหน้าจากนั้นก็พดู กับซูหยิน
“ตกลง เจ้าสามารถอยูก่ บั ข้าได้ในช่วงเวลานี้”
“ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกายโหลว” ซูหยินคํานับเธอ
“แล้วท่านล่ะ ต้งอการที่จะพักอยูใ่ นศาลาหยินหยางด้วยหรื อไม่ ท่าน
ผูอ้ าวุโสไป่ ” โหลวหลานจีถามไป่ ลี่ฮวั ซึ่งก็ได้พยักหน้ารับ
“ถ้าเจ้ามิรังเกียจที่จะให้ขา้ อยูด่ ว้ ยเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ตดั สิ นใจตามนี้ มีหอ้ งมากมายในสถานที่น้ นั ดังนั้นท่าน
สามารถเลือกห้องใด ๆ ที่ถูกใจท่านได้”
“ขอบคุณ ท่านผูน้ าํ นิกายโหลว”
หลังจากนั้น ซูหยางก็พาแขกเข้าสู่ ศาลาหยินหยาง
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาก็ถูกขวางด้วยหญิงสาวที่
สวยเกินกว่าใครซึ่งเธอได้มายืนอยูท่ ี่ประตู
เมื่อซูหยินและไป่ ลี่ฮวั เห็นหญิงคนนี้ ดวงตาของพวกเธอก็เบิกกว้าง
ด้วยความตกใจ
“ท-ท่านคือ” ซูหยินพลันจดจําชิวเยว่ได้ในทันที ในเมื่อเธอยังคงค้าง
คาคําขอโทษจากการดูถูกอีกฝ่ ายในระหว่างที่อีกฝ่ ายและซูหยางได้
ไปเยีย่ มตระกูลซูมาเมื่อหลายเดือนก่อน
บทที่ 538 คําขอโทษจากซู หยิน
“คนผูน้ ้ ีคือ…” ไป่ ลี่ฮวั ก็จดจําชิวเยว่ได้ในทันทีเช่นกัน ในเมื่อตอนที่
อีกฝ่ ายปรากฏตัวขึ้นที่การแข่งขันระดับภูมิภาคนั้นได้ทิ้งความ
ประทับใจลึกลํ้าให้กบั เธอ
“หื ออออ เธอมาทําอะไรที่นี่” ชิวเยว่ช้ ีไปที่ซูหยินด้วยสายตาคมกริ บ
เห็นได้ชดั ว่าไม่พอใจกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ าย ในเมื่อเธอยังจํา
ได้ถึงตอนที่ซูหยินได้ดูถูกเธอ เรี ยกเธอว่าเป็ นปี ศาจจิ้งจอกที่ล่อลวง
ซูหยาง
“ข-ข้าขอโทษ” ซูหยินพลันก้าวออกไปข้างหน้าและขอโทษชิวเยว่
ด้วยการโค้งคํานับอย่างเต็มที่
“เนื่องเป็ นเพราะความไม่พอใจของข้าในวันนั้น ข้าได้เข้าใจผิดท่าน
ว่าเป็ นปี ศาจจิ้งจอกที่ขโมยและล่อลวงพี่ชายของข้า กระทัง่ ล่วงเกิน
อย่างมากถึงขั้นโจมตีท่าน ข้ามิกล่าวโทษท่านที่จะมิชอบใจข้า หรื อ
คาดหวังที่จะให้ท่านยกโทษให้ แต่ขา้ จักขอให้ท่านรู ้ไว้วา่ ข้าได้
ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวข้า และก็ขออภัยท่านอย่างจริ งใจ”
“ซูหยิน…” ไป่ ลี่ฮวั มองดูภาพฉากนี้ดว้ ยดวงตาโต ในเมื่อที่เป็ นครั้ง
แรกที่เธอเห็นซูหยินมีกระทําท่าทางแบบนั้น
“มิยกโทษให้เธอรึ ” ซูหยางก็กล่าวขึ้นเช่นกันพร้อมกับรอยยิม้ บน
ใบหน้า
“…”
ชิวเยว่ยงั คงนิ่งเงียบไปอีกหลายอึดใจหลังจากนั้น
แม้วา่ เธอจะดูเหมือนไม่ชอบซูหยิน กระทัง่ ดูเหมือนจะเกลียดอีกฝ่ าย
เสี ยด้วยซํ้า แต่ความจริ งก็คือชิวเยว่น้ นั ชื่นชมกระทัง่ ยังอิจฉาซูหยินที่
มีความกล้าที่จะแสดงออกถึงความรักของเธอที่มีต่อซูหยางอย่าง
เปิ ดเผยถึงแม้วา่ จะมีความสัมพันธ์ในฐานะพี่นอ้ งร่ วมสายเลือด
เปรี ยบเทียบกับตัวเธอเอง ซึ่งไม่สามารถแม้กระทัง่ จะแสดงออกถึง
ความรักของเธอต่อซูหยางโดยไม่อายกับการกระทํานั้น ซูหยินนั้น
เหนือกว่ามาก
ที่ทาํ ให้ชิวเยว่รู้สึกแย่กว่าเดิมก็คือความแตกต่างระหว่างวัยของพวก
เขา ไม่วา่ ใครต่างก็คาดหวังว่าคนที่มีอายุมานับพันปี อย่างน้อยย่อม
ต้องมีความกล้าที่จะโอบกอดคนที่พวกเธอรักโดยไม่รู้สึกอายมาก
นัก แต่เธอกลับไม่สามารถที่จะทําเช่นนั้นได้
และบางที ซูหยิน ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะในวันพรุ่ งนี้กจ็ ะสามารถทํา
สิ่ งที่เธอไม่สามารถทําได้
เมื่อคิดถึงเรื่ องนี้ยงิ่ ทําให้ใจของชิวเยว่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่ทว่า
ความโกรธนั้นไม่ได้มุ่งตรงไปยังซูหยิน แต่ลงมายังตัวเธอเองที่มี
จิตใจที่อ่อนแอ จุดอ่อนที่ไม่อาจแก้ไขได้ของผูฝ้ ึ กยุทธ
เวลาหลังจากนั้น ชิวเยว่กก็ ล่าวขึ้นด้วยเสี ยงเรี ยบเฉยว่า “สบายใจได้
ข้ามิใช่คนที่ใจแคบที่มิสามารถอภัยให้กบั คนรุ่ นหลังกับการดูหมิ่น
ข้าเพราะความเข้าใจผิดได้ และอีกทั้งเจ้าเองก็ยงั เป็ นน้องสาวของซู
หยางด้วยเช่นกัน ข้ามิสามารถที่จะโกรธเจ้าตลอดไปได้ถึงแม้วา่ ข้า
จะต้องการอย่างนั้น”
“ขอบคุณ พี่สาว” ซูหยินเงยหน้าขึ้นด้วยสี หน้าสดใสหลังจากที่ได้ยนิ
คําพูดของชิวเยว่
“ว่าแต่วา่ เจ้ากําลังทําอะไรอยู่ จึงมายืนอยูท่ ี่หน้าทางเข้าเหมือนกําลัง
รอใครสักคน” ซูหยางถามเธอ
“ฮึ่ม ท่านลืมไปแล้วรึ ซูหยาง ข้าได้ช่วยท่านกระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ ม
ดังนั้นจึงเป็ นเวลาที่ท่านจะต้องทําให้ขอ้ ตกลงของเราเสร็ จสิ้ น” ชิว
เยว่กล่าวกับเขา
“อะไรกัน นี่หมายความว่าพลังวิญญาณจํานวนมหาศาลนั้นเป็ นของ
เธอรึ ” ไป่ ลี่ฮวั รํ่าร้องในใจ ในเมื่อสุ ดท้ายแล้วเธอก็มีเหตุผลมาก
พอที่จะทําให้เธอเข้าใจสถานการณ์
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางพลันระเบิดเสี ยงหัวเราะออกมา แล้วเขาก็กล่าว
ว่า “มิจาํ เป็ นต้องอดรนทนไม่ไหว ชิวเยว่ เจ้ากลัวอะไรอยูร่ ึ กลัวว่า
ข้าจักวิง่ หนีไปหลังจากที่เจ้ากระตุน้ ค่ายกลงั้นรึ ”
“น-นัน่ …” ใบหน้าของชิวเยว่แดงกํ่าด้วยเธอตระหนักว่าเธอได้แสดง
ท่าทางทนไม่ไหวมากเกินไปเพราะว่าความตื่นเต้นมาก ทําให้เธอ
เหมือนคนงี่เง่า
“แต่ในเมื่อเจ้าถึงกับออกมารอข้าถึงที่ประตู ข้าก็จกั รี บใช้หนี้ให้” ซู
หยางกล่าว ก่อนที่จะมองไปยังโหลวหลานจีและกล่าวกับเธอว่า “ข้า
ขอรบกวนเจ้าสักเล็กน้อยได้หรื อไม่”
โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยรอยยิม้ แล้วกล่าวว่า “น้องสาว ผูอ้ าวุโส
ไป่ โปรดตามข้ามา ข้าจักพาพวกท่านไปยังห้องของท่าน”
“ขอบคุณ” ซูหยางกล่าวกับเธอก่อนที่จะเข้าไปในศาลาหยินหยาง
พร้อมกับชิวเยว่
ครั้นเมื่อพวกเขาไปแล้ว ไป่ ลี่ฮวั ก็ถามโหลวหลานจีวา่ “ผูน้ าํ นิกาย
โหลว ผูอ้ าวุโสคนนั้นเป็ นใครกัน ข้าคิดว่าเธอเป็ นอาจารย์ของซู
หยาง แต่หลังจากที่เห็นวิธีการพูดคุยระหว่างพวกเขา ข้ามิเห็น
ความสัมพันธ์เช่นนั้นจากพวกเขา”
จากนั้นโหลวหลานจีกต็ อบว่า “แม้วา่ พวกเราจะอาศัยอยูใ่ นอาคาร
หลังเดียวกัน แต่ขา้ ก็มิรู้เกี่ยวกับเธอหรื อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอ
กับซูหยางมากมายนัก แต่อย่างไรก็ตามท่านพูดถูกเมื่อท่านพูดว่า
พวกเขามิได้มีความสัมพันธ์ฉนั อาจารย์กบั ศิษย์”
“อย่าบอกข้าว่าเธอก็เป็ น…ของซูหยาง ตัวจริ ง” ไป่ ลี่ฮวั พลันกล่าว
ขึ้นพร้อมกับยกนิ้วก้อยชูข้ ึน เพื่อแสดงว่าชิวเยว่เป็ นคนรักหลักของ
เขา
“…”
ทั้งซูหยินและโหลวหลานจีมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับว่า
ความคิดเช่นนั้นเหมือนจะเป็ นไปไม่ได้ในตอนแรก แต่เมื่อพวกเธอ
นึกถึงตัวตนของซูหยางและความเจ้าชูต้ ามธรรมชาติของเขา นัน่ ก็ดู
เหมือนจะไม่เป็ นข้อสงสัยอีกต่อไป
“ยังไงก็ตามให้ขา้ พาพวกท่านไปที่หอ้ ง…” โหลวหลานจีพาพวกเธอ
สองคนเข้าไปในศาลาหยินหยางสองสามนาทีให้หลัง
เวลาหลังจากนั้น พวกเธอก็มายืนอยูต่ รงหน้าห้องซูหยาง
“นี่คือห้องของพี่ชายของเจ้า มีเตียงเพียงเตียงเดียว แต่กก็ ว้างพอที่จะ
จุคนเข้าไปสี่ คน อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการที่จะนอนเตียงอื่น ข้าก็
จักเอามาให้อีกหนึ่งภายในห้องเป็ นการชัว่ คราว” โหลวหลานจีกล่าว
กับซูหยิน ซึ่งรี บส่ ายหน้า
“นี่สมบูรณ์แบบแล้ว ท่านผูน้ าํ นิกายโหลว ข้ามิยอมที่จะนอนที่อื่น
นอกจากข้างกายของพี่ชายข้าในขณะที่ขา้ อยูท่ ี่นี่ กระทัง่ เมื่อตอนที่
เขาเคยพํานักอยูท่ ี่บา้ นตระกูลซู พวกเราก็จะร่ วมเตียงกันบ่อย ๆ” ซู
หยินพูดด้วยรอยยิม้ สดสวยบนใบหน้าขณะที่เธอนึกถึงอดีต
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จกั มิรบกวนเข้าอีกต่อไป…”
ครั้นเมื่อซูหยินเข้าไปในห้องซูหยางแล้ว โหลวหลานจีกก็ ล่าวกับไป่
ลี่ฮวั ว่า “นอกจากห้องตรงกันข้ามและห้องด้านข้างห้องซูหยางแล้ว
ที่เหลือล้วนใช้ได้ ดังนั้นท่านสามารถเลือกห้องไหนก็ได้ที่ท่านชอบ”
“ขอบคุณสําหรับการต้อนรับ ผูน้ าํ นิกายโหลว” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับเธอ
“ถ้าเจ้าได้ตดั สิ นใจไปเยีย่ มสํานักหงส์สวรรค์เมื่อไหร่ พวกเราจัก
พยายามอย่างดีที่สุดในการดูแลเจ้า”
“ขอบคุณเป็ นการล่วงหน้า ข้าจักจดจําเอาไว้เมื่อข้าไปเยีย่ ม” โหลว
หลานจีกล่าวพร้อมรอยยิม้
ในเวลานั้นภายในห้องของชิวเยว่ ที่อยูถ่ ดั ออกไปจากบริ เวณพวกเธอ
ยืนอยูก่ นั นั้น ชิวเยว่ได้นอนควํ่าลงบนเตียงพร้อมกับร่ างกายเปลือย
เปล่า ในขณะที่ซูหยางนัง่ อยูข่ า้ งเธอด้วยสี หน้าประหลาดใจอยูบ่ า้ ง
บทที่ 539 ปฏิกริ ิยาตามธรรมชาติของร่ างกาย
หลังจากชิวเยว่กลับคืนสู่ หอ้ งของเธอ โดยมีซูหยางอยูข่ า้ งกาย เธอก็
เริ่ มคลายเสื้ อผ้าของเธอทันที
“หื อ” ซูหยางเลิกคิ้วด้วยท่าทางสงสัยเมื่อเขาเห็นเธอปลดเปลื้อง
เสื้ อผ้าในทันใด
หลังจากที่ถอดเสื้ อผ้าของเธอแล้ว ชิวเยว่กเ็ ริ่ มถอดชุดชั้นใน จนกระทัง่
ร่ างกายของเธอเปลือยเปล่า
ครั้นเมื่อเธอไร้อาภรณ์ปกปิ ดกายแล้ว ชิวเยว่กค็ ่อยนอนลงไปบน
เตียงอย่างสบาย ๆ เงียบ ๆ
ซูหยางจ้องมองไปยังร่ างที่หาใดเปรี ยบและผิวที่เรี ยบเนียนบริ สุทธิ์
และขาวสดใสราวกับหิ มะ และเพราะว่าเธอเปลือยเปล่า ดังนั้น
บั้นท้ายอันสวยงามกลมกลึงก็เปิ ดเผยออกมาอย่างสมบูรณ์
ซูหยางกลืนนํ้าลายอยูอ่ ย่างเงียบ ๆ หลังจากที่เห็นร่ างที่สวยพิสุทธิ์
เหนือภพจบแดน ที่เปรี ยบได้เหมือนกับความสวยงามของดวงจันทร์
ที่ยากจะหาใดเทียบภายใต้รัตติกาล
แม้วา่ นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นร่ างไร้อาภรณ์ของเธอ แต่นี่เป็ นครั้ง
แรกที่เขาใช้เวลาชื่นชมความสวยงามและความสง่าผ่าเผยลํ้าเลอค่า
และในบรรดาเหล่าหญิงนับอนันต์ที่เขาได้ประสบพบพาน แน่นอน
ว่าชิวเยว่จดั อยูใ่ นอันดับต้น ๆ ในแง่ของรู ปลักษณ์ความงดงาม
“ท่านกําลังรออะไรอยู่ รี บมานวดข้าได้แล้ว การกระตุน้ ค่ายกลชั้น
เยีย่ มทําให้กระทัง่ ข้าก็ยงั หมดเรี่ ยวแรง” แม้วา่ เสี ยงของเธอจะสงบ
เยือกเย็น แต่ซูหยางก็สงั เกตพบได้อย่างง่ายดายถึงความสัน่ สะท้านที่
อยูใ่ นนํ้าเสี ยงของเธอ และใบหน้าของเธอแน่นอนว่าต้องแดงฉาน
หากว่าเขาสามารถเห็นได้
“อะแฮ่ม… เช่นนั้นข้าต้องขอโทษด้วย” เขากระแอมก่อนที่จะตรง
เข้าไปยังเตียง
ครั้นเมื่อเขาสามารถเอื้อมมือไปถึงยังร่ างเธอได้ ซูหยางก็ใช้นิ้วของ
เขาค่อยสางผมสี เงินที่ส่องแสงสว่างอย่างนุ่มนวลไปยังด้านข้าง เผย
ให้เห็นหลังและไหล่อนั ไร้สิ่งปกปิ ด
“…”
เมื่อซูหยางหวีผมเธอออกไปและเผอิญใช้นิ้วสัมผัสกับหลังเธอโดย
ไม่ต้ งั ใจ ร่ างของชิวเยว่กส็ นั่ สะท้านเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
“ผ่อนคลายร่ างกาย…”
เสี ยงอันนุ่มนวลของซูหยางแว่วดังออกมาขณะที่ฝ่ามืออันอบอุ่นของ
เขาค่อยวางลงไปบนผิวเรี ยบเนียนของเธอ
หลังจากที่ใช้เวลาไปอีกพักหนึ่งเพื่อให้ร่างกายของเธอคุน้ เคยกับความ
รู ้สึกจากการสัมผัสของเขา มือของซูหยางก็เริ่ มขยับเคลื่อนไหว
“อาาา…” เสี ยงร้องครางเบา ๆ ของชิวเยว่หลุดรอดออกมาโดยไม่ได้
ตั้งใจเมื่อนิ้วของซูหยางกดลงไปบนร่ างเธอ
“…”
ชิวเยว่รีบเม้มปากเมื่อรู ้ตวั ว่าเธอเพิ่งครางออกไปด้วยเสี ยงรัญจวนใจ
ใบหน้าเธอแดงฉาน
อย่างไรก็ตาม ซูหยางก็ได้กล่าวกับเธอว่า “มิมีความจําเป็ นที่จะต้อง
กลั้นเอาไว้ นี่เป็ นการนวด และเป็ นความรับผิดชอบของข้าที่จะทํา
ให้เจ้าเกิดความพึงพอใจ ปล่อยให้ร่างกายของเจ้าได้ผอ่ นคลายและ
ยอมให้เสี ยงของเจ้าผ่านออกมาตามธรรมชาติ นัน่ จักทําให้
ประสบการณ์ของเจ้านั้นมีความสุ ขมากยิง่ ขึ้น”
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเขาแล้ว ชิวเยว่กผ็ อ่ นคลายกล้ามเนื้อจาก
การกัดฟันปล่อยให้เสี ยงของเธอได้แสดงออกถึงความพึงพอใจ
ภายในร่ างของเธอ
“อาาาา…”
“อาาาาาา….”
เสี ยงไพเราะประดุจเสี ยงสวรรค์ของชิวเยว่พลันปกคลุมทัว่ ทั้งห้อง
ในขณะที่ร่างของเธอนั้นถูกความสุ ขสันต์เข้าครอบครอง
ในเวลาเดียวกันนั้นมือของซูหยางก็ทาํ งานจากไหล่ของเธอไปยัง
หลัง ก่อนที่จะเลื่อนลงไปยังขาเรี ยวยาวของเธออย่างช้า ๆ
“อืมมมมม…”
เมื่อหนึ่งในนิ้วของซูหยางพลันแวะเวียนไปใกล้กบั ร่ องหลืบเปี ยกฉํ่า
บริ เวณโคนขาของเธอเล็กน้อยในขณะที่เขากําลังนวดขาเธอ ร่ างกาย
ของชิวเยว่กม็ ีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการปลดปล่อยปราณหยิน
ออกมาจํานวนมากผ่านร่ องลึกเร้นของเธอ
“โอ…”
ครั้นเมื่อเธอรู ้สึกตัวว่าตัวเธอเพิ่งสู่ จุดสุ ดยอดไปต่อหน้าซูหยาง ชิว
เยว่กต็ อ้ งการที่จะหยุดการนวดนั้นในทันทีและกระโดดเข้าไปฝังตัว
ในหลุมด้วยความอาย
แต่ทว่ามือของซูหยางยังคงนวดขาของเธออย่างมัน่ คง จํากัดความ
เคลื่อนไหวที่เปี่ ยมไปด้วยความหฤหรรษ์ของเธอไว้
“มิมีความจําเป็ นที่จะต้องอายกับปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่ างกาย
ของเจ้าที่มีต่อความสุ ข มันคงเป็ นเรื่ องแปลกถ้ามันมิตอบสนองไป
ตามวิถีที่มนั ควรจะเป็ น” เขากล่าวกับเธอด้วยรอยยิม้
“นัน่ มิได้ทาํ ให้ขา้ รู ้สึกดีกว่าเดิมเลยแม้แต่นอ้ ย” ชิวเยว่ร่ าํ ร้องในใจ
ในเมื่อเธอนั้นอายเกินไปที่จะพูดออกมาดัง ๆ ในเวลานี้
ในขณะที่ซูหยางนวดให้เธออย่างต่อเนื่องนั้น ร่ างของชิวเยว่กค็ ่อย ๆ
ร้อนขึ้นอย่างช้า ๆ จนกระทัง่ อณูในร่ างกายของเธอทุกอณูกรี ดร้อง
ไปด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นอีกสักพัก ซูหยางก็ถามเธอว่า “ข้าได้เสร็ จสิ้นการนวด
ด้านหลังแล้ว เจ้าต้องการที่จะทําต่อด้านหน้าด้วยหรื อไม่”
“…”
ชิวเยว่คงอยูใ่ นความเงียบงันไปหลายนาทีจนกระทัง่ ในที่สุดเธอก็
พยักหน้าช้า ๆ ละเมียดละไม
หลังจากที่อยูใ่ นความนิ่งเฉยอีกสักพักหนึ่ง ชิวเยว่กค็ ่อย ๆ พลิกกาย
เปิ ดเผยทุกสิ่ งทุกอย่างยกเว้นใบหน้าของเธอให้กบั เขา ในเมื่อแขน
ทั้งสองข้างของเธอปิ ดบังมันเอาไว้ อย่างไรก็ตามท่าทางเอียงอาย
ของเธอนั้นมีแต่จะทําให้ท่าทางของเธอนั้นมีเสน่ห์และเย้ายวนมาก
ยิง่ ขึ้น
ซูหยางใช้เวลาชัว่ ขณะนั้นชื่นชมร่ างกายของเธออีกครั้ง
อกอวบอิ่มของเธอนั้นมีรูปทรงสมบูรณ์แบบพร้อมกับปลายถันสี
ชมพูอ่อนแสนสวย ตํ่าลงมาจากถันทั้งสองของเธอนั้นเป็ นสัดส่ วน
โค้งเว้าแบบบางไร้ตาํ หนิ
จากนั้นสายตาของซูหยางก็ตกลงไปยังรอยปานที่อยูใ่ ต้สะดือของ
เธอซึ่งมีรูปร่ างโค้งเว้าเหมือนกับจันทร์เสี้ ยว และตํ่าลงไปกว่ารอย
ปานของเธอนั้นก็เป็ นขอบของช่องเปิ ดที่สะอาดเรี ยบเนียนไร้ที่ติ
“หยุดจ้องมองร่ างกายของข้าได้แล้ว เจ้าคนลามก” ชิวเยว่พึมพําด้วย
เสี ยงที่เหมือนกับยุงเมื่อเห็นว่าซูหยางกําลังตะลึงงันอยูก่ บั ร่ างกาย
ของเธออยู่
ซูหยางเพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า “นัน่ มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันสวยงาม
เสี ยเหลือเกิน”
“ส-สวยงาม”
ใบหน้าของชิวเยว่แดงยิง่ ไปกว่าเดิมหลังจากที่ได้ยนิ เขากล่าวชม
แต่อย่างไรก็ตามแม้วา่ ร่ างกายของชิวเยว่จะแสนสวยงามและชวนให้
หลงใหลเพลิดเพลินสําหรับซูหยางเพียงใดก็ตาม มันก็เหมือนกับ
สมบัติที่เขาไม่สามารถที่จะชื่นชมได้เต็มที่เนื่องมาจากคําสาปจาก
สายเลือดของเธอ
“ข้าจักเริ่ มแล้วนะ” เขากล่าวกับเธอก่อนที่จะสัมผัสบริ เวณหน้าท้อง
แบนราบของเธอในเวลาถัดไป
“อาาา”
ร่ างกายของชิวเยว่สนั่ สะท้านแม้จะสัมผัสเพียงบางเบา
มือของซูหยางค่อยขยับไปยังอกอิ่มของเธอ ซึ่งเขาก็ได้เริ่ มนวดเฟ้น
ทุกสัดส่ วนของมัน
“อาาาาา…”
ชิวเยว่กาํ หมัดของเธอแน่นขณะที่แขนของเธอค่อยหลุดเลื่อนออกจน
เกือบจะเผยให้เห็นถึงสี หน้าปั จจุบนั ของเธอ
เมื่อเห็นความพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะปกปิ ดใบหน้าของเธอ ซูหยาง
ก็ตดั สิ นใจที่สร้างปฏิบตั ิการที่จะทําให้เธอเปิ ดเผยใบหน้าด้วยการ
นวดของเขา
“อาาาา”
ชิวเยว่ร่ าํ ร้องเสี ยงดังเมื่อนิ้วของซูหยางสะกิดไปบนปลายถันที่แข็ง
เป็ นไตของเธอเบา ๆ จนทําให้ร่างของเธอเข้าสู่ จุดสุ ดยอดอีกครั้ง
แต่ทว่าชิวเยว่ไม่ได้พดู บ่นอะไรออกมาและเพียงครวญครางออกมา
อย่างต่อเนื่อง
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็ขยับมือของเขาจากอกไปยังต้นขาของ
เธอ ที่ซ่ ึงบริ เวณที่เขานวดนั้นใกล้กบั บริ เวณริ มฝี ปากล่างของเธอ
โดยไม่สมั ผัสมัน โดยมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงมันเพื่อหยอกเย้ากับร่ าง
ของเธอ
และสําหรับในชัว่ โมงถัดมานั้น ซูหยางก็ยงั คงหยอกล้อกับบริ เวณ
โดยรอบน้องสาวที่หยาดเยิม้ โดยไม่สมั ผัสมัน จนกระทัง่ ชิวเยว่ไม่
สามารถที่จะต่อต้านความปรารถนาของเธอได้อีกต่อไป และสุ ดท้าย
เธอก็ลดมือของเธอลงเปิ ดเผยให้เขาเห็นถึงสี หน้าที่เปี่ ยมไปด้วย
ความกระสันต์รัญจวน
บทที่ 540 เกือบควบคุมตัวเองไม่ ได้
“ถ้าเจ้ามองข้าด้วยใบหน้าแบบนั้น นัน่ จักทําให้สิ่งต่าง ๆ ยากขึ้น
แม้กระทัง่ ตัวข้าเอง เจ้ารู ้ไหม” ซูหยางกล่าวกับชิวเยว่หลังจากที่เห็น
สี หน้าเร้าอารมณ์ของเธอ
หลังจากที่เลื่อนแขนของเธอออกพ้นใบหน้าแล้ว มือของชิวเยว่ก็
เอื้อมไปจับมือของซูหยาง
“ได้โปรด… หยุดรังแกข้าได้แล้วท่านพ่อ ทําให้มนั จบไปเถอะ…”
เธอขอร้องเขาด้วยเสี ยงอ้อนวอน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความ
ปรารถนา
เมื่อเห็นใบหน้ารัญจวนใจของเธอ ซูหยางก็ยมิ้ และกล่าวขึ้นว่า “ถ้า
ข้าสามารถ ข้าก็คงจะมิลงั เลที่จะโอบกอดเจ้าในเวลาขณะนี้ แต่ทว่า
เนื่องมาจากปั ญหาที่เรารู ้กนั ชัดเจนดีอยูแ่ ล้ว ข้าต้องต้านทานความ
ปรารถนาเหล่านี้ที่กาํ ลังแผดเผาอยูใ่ นใจข้า นี่อาจจะมิใช่สิ่งที่เจ้า
ต้องการ แต่ขา้ หวังว่ามันคงจะเพียงพอที่จะสร้างความพึงพอใจ
ให้กบั เจ้าในเวลานี้”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคําเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็สอดใส่ นิ้วของเขาหนึ่ง
นิ้วเข้าไปในคูหาเปี ยกเยิม้ ของชิวเยว่ จนทําให้เธอครวญครางเสี ยงดัง
ขาของเธอก็ถ่างกว้างขึ้นด้วยเช่นกันเปิ ดช่องว่างให้มือของเขา
เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“อาาาา…”
เสี ยงสวรรค์ของชิวเยว่ดงั ก้องไปในห้องขณะที่นิ้วของซูหยางกระทํา
ยํา่ ยีถ้ าํ คับแน่นของเธอ
ยามเมื่อเธอเริ่ มคุน้ เคยกับนิ้วของเขา ซูหยางก็เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่ง
นิ้วข้างในนั้นในขณะที่ใช้นิ้วโป้งของเขาลูบไล้ไปบนมุกมณี สีชมพู
ของเธออย่างนุ่มนวล
“อาาา อาาาาา อาาาาาาาาา”
ชิวเยว่ครวญครางราวกับว่าเธอกําลังร่ วมรักกับซูหยางจริ ง ๆ โดยร่ าง
เธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและปราณหยิน
“อีก…… อีก…. อีก….” ชิวเยว่ร้องขอให้ทาํ ให้มากกว่านั้นขณะที่
สายตาของเธอจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
และเพื่อเป็ นการตอบสนองต่อคําอ้อนวอนของเธอ ซูหยางก็เริ่ มขยับ
นิ้วของเขาเข้มข้นยิง่ ขึ้น
ถํ้าของชิวเยว่ทะลักทะลายไปด้วยปราณหยิน และตัวเธอเองก็รู้สึกว่า
สมองเบาโล่งจากการถึงจุดสู งสุ ดหลายต่อหลายครั้งจากนิ้วของซูหยาง
เวลาผ่านไป เมื่อความกระสันต์ของเธอได้สู่จุดสู งสุ ด ชิวเยว่กม็ อง
ไปยังซูหยางและกล่าวด้วยท่าทางมึนงงว่า “ข้ารักท่าน…. ป๊ ะป๋ า…”
คิ้วของซูหยางบิดเบี้ยวเมื่อได้ยนิ ชิวเยว่เรี ยกเขาว่า “ป๊ ะป๋ า” จนเขา
ต้องหันไปดูเธอ
แต่ทว่าดูเหมือนว่าชิวเยว่จะหมกมุ่นเกินกว่าที่จะตระหนักว่าตัวเอง
เพิ่งจะพูดอะไรออกไป เมื่อเธอครวญครางต่อไปด้วยความสุ ขสันต์
โดยไม่ได้มีการยับยั้งอะไรทั้งสิ้ น
“ชิวเยว่…” ซูหยางพลันเรี ยกเธอ
เมื่อชิวเยว่มองดูเขาอีกครั้ง ซูหยางก็พลันโน้มหน้าลงไปจุมพิตไป
บนริ มฝี ปากของเธอ ในขณะที่นิ้วของเขายังคงกระหนํ่าเข้าไปใน
ช่องรักของเธอ
“อืมมมม” ดวงตาของชิวเยว่เบิกโพลงในตอนแรก แต่ในขณะที่พวก
เขาทําการจูบกันต่อไปอีกนั้น ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ ปิ ดลงไปอีก
ครั้ง ปล่อยให้เธอซึมซับกับความใกล้ชิดของพวกเขาอย่างเต็มที่
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็ถอนใบหน้าของเขาออกและเลียริ ม
ฝี ปากของเขาด้วยท่าทางยัว่ ยวน
ชิวเยว่จอ้ งมองเขาในขณะที่หอบหายใจหนัก สายตาของเธอบอกเขา
ว่าเธอต้องการมากกว่านี้
หลังจากที่ให้เวลาเธอได้หายใจอีกชัว่ ขณะ ริ มฝี ปากของซูหยางก็
บรรจบกับริ มฝี ปากของเธออีกครั้ง
“อืมมมม…”
ลิ้นของพวกเขาเกี่ยวพันเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ราวกับว่าเป็ นงู
สองตัวที่ตวัดรัดพันซึ่งกันและกัน
หลายนาทีให้หลัง ชิวเยว่กป็ ระสบกับจุดสุ ดยอดที่ถึงที่สุดพร้อมกับ
ปราณหยินที่พรั่งพรู ออกมาจากคูหาของเธอราวกับท่อนํ้าที่แตก
และทันทีที่ปราณหยินของเธอนั้นเหื อดแห้ง สติของชิวเยว่กล็ าจาก
ตัวไปเช่นกันจนทําให้เธอถึงกับสลบไสล
ครั้นเมื่อซูหยางตระหนักว่าเธอได้สลบไสลไปแล้ว เขาก็หยุดการ
สัมผัสร่ างเธอและคลุมร่ างเธอไว้ดว้ ยผ้าห่มผืนใหม่ที่ยงั ไม่ได้เปี ยก
ไปด้วยปราณหยินของเธอ
อย่างไรก็ตามเขาก็ยงั คงยืนอยูข่ า้ งกายเธอไปอีกนานหลายนาที จ้อง
มองใบหน้าที่แสนสวยเปี่ ยมไปด้วยความพึงพอใจอยูอ่ ย่างเงียบ ๆ
“เป็ นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ขา้ สู ญเสี ยการควบคุมตัวตนและความ
ต้องการของข้า…” เขาคิดในใจขณะที่เขามองลงไปยังน้องชายของ
ตนเอง ซึ่งตอนนี้กาํ ลังพองตัวผ่านเสื้ อคลุมของเขาดูเหมือนกับว่ามัน
ต้องการที่จะแทงทะลุผา่ นเสื้ อผ้าของเขาและเข้าไปในร่ างของชิวเยว่
ถ้าช่วงเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกันนานกว่านี้ บางทีเขาอาจจะยอมแพ้
แก่ไฟปรารถนาและร่ วมรักกับชิวเยว่เข้าจริ ง ๆ อย่างไรก็ตาม
ความคิดที่จะทําให้เธอเป็ นอันตรายเพื่อความปรารถนาของตนเอง
นั้นเป็ นสิ่ งที่เก็บความต้องการของเขาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ข้าจําเป็ นต้องเยือกเย็นลง…”
ซูหยางทําการนัง่ ลงบนพื้นด้วยท่าขัดสมาธิดอกบัวและทําจิตให้ผอ่ ง
ใส ไม่กี่นาทีให้หลัง เขาก็เริ่ มดูดซับปราณหยินที่ฟ้งุ เต็มห้อง
หลังจากที่ดูดซับปราณหยินทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็สามารถรู ้สึกได้วา่
พลังการฝึ กปรื อของเขาได้เข้าถึงอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่ ระดับหกของ
เขาอัมพรวิญญาณ
ครั้นเมื่อเขาควบคุมความปรารถนาทางเพศของเขาได้อย่างสมบูรณ์
อีกครั้ง ซูหยางก็หนั ไปมองดูชิวเยว่ ซึ่งยังคงหลับสนิทแม้วา่ จะผ่าน
ไปหลายชัว่ โมงแล้ว
หลังจากที่จอ้ งมองใบหน้าเธอไปอีกสองสามนาที เขาก็ออกไปจาก
ห้องเธอและกลับคืนสู่ หอ้ งของตนเอง
“พี่ชาย ทําไมถึงใช้เวลานานนัก ข้าเกือบหลับไปในขณะที่รอท่าน
กลับมา” ซูหยินกล่าวกับเขาจากเตียง
“ขอโทษที ข้ามีธุระบางอย่างที่ตอ้ งทํา” เขากล่าวพร้อมกับยิม้ ขอโทษ
“ท่านอยูก่ บั ผูอ้ าวุโสคนนั้นตลอดเลยรึ ท่านทําอะไรกับเธอ” เธอถาม
เขาด้วยสายตาอยากรู ้
“ข้าเป็ นหนี้เธอในการช่วยข้าสร้างค่ายกลชั้นเยีย่ ม ดังนั้นข้าจึงต้อง
ช่วยเธอในสิ่ งที่เธอขอมา” เขาตอบอย่างเรี ยบเฉย
“อืมมมม…เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเธอนั้นเป็ นอะไร
กัน หรื อว่าเธอเป็ นคนรักของท่าน” ซูหยินพลันถามเขา
“คนรักของข้ารึ ข้าเดาว่าเจ้าสามารถเรี ยกเธอเช่นนั้นได้” เขากล่าว
พร้อมกับรอยยิม้ บางเบา ไม่ได้ปฏิเสธ
“…”
ซูหยินมองดูเขาด้วยใบหน้างงงวย ดูเหมือนว่าจะไร้คาํ พูดกับการ
ตอบสนองของเขา แม้วา่ เธอจะคาดว่าจะเป็ นเช่นนี้ แต่กย็ งั เป็ นเหตุ
ทําให้หวั ใจของเธอสัน่ สะท้าน
“อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างดึกแล้ว และข้าก็หมดแรงหลังจากช่วย
เธอ ดังนั้นข้าจะเข้านอนเร็ วหน่อยในวันนี้ เจ้าก็ควรที่จะหลับเร็ ว
หน่อยเช่นกัน ในเมื่อวันพรุ่ งนี้น้ นั เป็ นวันอันยิง่ ใหญ่สาํ หรับเจ้า” ซู
หยางกล่าว
“อื้อ” ซูหยินพยักหน้าและเว้นที่วา่ งไว้ให้เขาขึ้นมาบนเตียง
ครั้นเมื่อแสงสว่างดับลงไปและพวกเขาทั้งคู่ซุกตัวอยูใ่ นผ้าห่มแล้ว
ซูหยินก็กล่าวด้วยเสี ยงเบาว่า “นานมาแล้วนับตั้งแต่พวกเราได้หลับ
ด้วยกัน พี่ชาย เมื่อตอนที่ท่านหายไปนั้นข้ามิได้คิดว่าข้าจักได้รับ
ความรู ้สึกอันอบอุ่นจากท่านอีกครั้ง”
ซูหยินค่อยขยับกายเข้าไปชิดกับซูหยางและกอดเขาไว้แน่น
“ข้ารักท่าน พี่ชาย…” เธอพึมพําก่อนที่จะหลับลงไปอย่างรวดเร็ ว
ซูหยางแสดงรอยยิม้ อบอุ่นก่อนที่จะหลับลงไปหลังจากนั้นสองสาม
นาทีเช่นเดียวกัน
สองสามชัว่ โมงให้หลัง ครั้นเมื่อเวลาเที่ยงคืนได้ผา่ นไป ดวงตาของ
ซูหยินก็พลันลืมขึ้น
“ข้าได้รอคอยมาเนิ่นนาน นานหลายปี สําหรับวันนี้ วันที่สุดท้ายก็ได้
กลายเป็ นผูใ้ หญ่…” เธอคิดในใจขณะที่เธอหันไปมองดูซูหยางที่
หลับอยูข่ า้ งกายเธอด้วยสี หน้าเด็ดเดี่ยว
บทที่ 541 วันเกิดของซู หยิน
คําเตือน: บทนี้เฉพาะแฟน ๆ ของซูหยางและซูหยินเท่านั้น บทนี้จะ
ไม่มีผลกับเนื้อเรื่ องหรื อทําให้ทุกคนพลาดเนื้อหาไปแต่อย่างใดหาก
ว่ามีความต้องการที่จะข้ามเนื้อหาบทนี้ไป ยํ้าอีกครั้งว่าถ้าไม่ตอ้ งการ
ที่จะเห็นเนื้อหานี้ ให้ขา้ มไปได้
“ฮาาา… ฮาาา… พี่ชาย…” ซูหยินหอบหายใจขณะที่เธอผลักเอาผ้า
ห่มของเธอออกไปแล้วมองไปยังใบหน้าที่กาํ ลังหลับของซูหยาง
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสน่หาและความปรารถนา
สองสามอึดใจให้หลัง เธอก็เริ่ มถอดเสื้ อผ้าของเขา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ซูหยางย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่
ผิดปกติของเธอได้ในทันทีจนตื่นขึ้นมา แต่เนื่องมาจากว่าเขาต้องใช้
พลังปราณไร้ลกั ษณ์ส่วนใหญ่ของเขาไปในการนวดชิวเยว่ เขาจึง
หลับลึกเนื่องมาจากความอ่อนเพลีย
ในเวลานั้น ซูหยินก็ทาํ การถอดเสื้ อผ้าของเขาต่อไป คิดว่าเขาคงแค่
แกล้งทําเป็ นหลับเพื่อที่จะปล่อยให้เธอทําได้ตามปรารถนา
ยามเมื่อซูหยางเปลือยเปล่าสมบูรณ์แล้ว ซูหยินก็ใช้เวลาเนิ่นนานใน
การชื่นชมหน้าตาหล่อเหลาของเขาก่อนที่เธอจะเริ่ มสัมผัสร่ างเขาไป
ทัว่
“พี่ชาย กล้ามเนื้อของท่านได้เติบโตแข็งแรงขึ้นมาก และท่านก็มิได้
ดูอ่อนแอเหมือนที่เคยเป็ นอีกต่อไป” เธอพึมพําด้วยเสี ยงนุ่มนวล
ขณะที่เธอเข้าไปหาเขาพร้อมกับอ้าปากแล้วเริ่ มโลมเลียร่ างของเขา
ด้วยลิ้นอันอ่อนนุ่ม
“อืมมม…” ซูหยินก็เริ่ มสัมผัสร่ างกายของเธอเองด้วยเช่นกันขณะที่
เธอใช้ลิ้นโลมไล้ไปทัว่ ตัวของซูหยาง
สองสามนาทีให้หลัง ครั้นเมื่อเธอเลื่อนไปถึงบริ เวณเป้ากางเกง เธอก็
จ้องมองไปยังมังกรหลับของเขาพร้อมกับยิม้
เธอเคาะไปบนหัวมังกรแล้วกล่าวว่า “ถึงเวลาตื่นแล้ว พี่ชาย…”
หลังจากนั้น ราวกับว่ามันรับรู ้ถึงสัมผัสหยอกเย้าของเธอ มังกรหลับ
ก็เริ่ มตื่นตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“ว้าว…” ซูหยินจ้องดูดว้ ยดวงตาเบิกกว้างขณะที่มงั กรหลับตั้งตัวขึ้น
เปลี่ยนร่ างไปเป็ นกระบี่ที่ตอ้ งการทิ่มแทงสรวงสวรรค์
“ให้ขา้ ปรนเปรอท่าน พี่ชาย…”
ซูหยินอ้าปากออกกว้างและกลืนมังกรเข้าไปจนหมดในทีเดียว และ
ถึงแม้วา่ เธอจะมีปากเล็ก แต่เธอก็สามารถจับมังกรทั้งตัวไว้ในปาก
ของเธอได้
สองสามอึดใจให้หลัง เธอก็เริ่ มขยับปากของเธอ ดูดดื่มแท่งสวรรค์
นั้นด้วยท่าทางมีประสบการณ์ ราวกับว่าเธอคุน้ เคยกับมันดี
เสี ยงจ๊วบจ๊าบดังไปทัว่ ห้องสงบนั้น และภายใต้แสงจันทร์ ซูหยินก็
ลิ้มรสแท่งสวรรค์ของซูหยางเป็ นเวลาหลายนาทีจนกระทัง่ เธอพอใจ
เต็มที่
ในระหว่างที่ซูหยินทําการดูดดื่มแท่งหรรษาของเขานั้น ความสุ ข
สันต์ที่มาจากน้องชายของเขาเป็ นเหตุให้สมั ปชัญญะของซูหยางที่
อ่อนล้านั้นสัน่ สะท้าน
“…?”
ซูหยางค่อยเปิ ดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นสองสามอึดใจ
ให้หลัง และเมื่อเขาเห็นซูหยินดื่มดํ่าไปกับร่ างกายของเขา ดวงตา
ของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จนทําให้ความง่วงของเขาหายไป
เป็ นปลิดทิ้ง
ซูหยินสังเกตเห็นการตื่นขึ้นมาของซูหยางได้อย่างรวดเร็ ว และเมื่อ
เธอเห็นใบหน้าแปลกใจของเขา เธอก็กล่าวกับเขาด้วยรอยยิม้ ว่า
“สุ ดท้ายท่านก็ตื่นขึ้นมา พี่ชาย ข้าทําให้ท่านพึงพอใจไหม แม้วา่
อาจจะผ่านไประยะเวลาหนึ่งแล้วนับตั้งข้าได้ทาํ มันครั้งสุ ดท้าย
กลเม็ดของข้าก็มิควรจะตกลงไปมากนัก ใช่ไหม”
ซูหยางนวดขมับแล้วถอนหายใจ “เจ้ามิสามารถอดใจรอให้จนถึงเช้า
ก่อนจึงค่อยทําเช่นนี้ได้เลยรึ ”
“ข้ามิสามารถรอได้” เธอรี บส่ ายหน้าและเธอก็กล่าวต่อว่า “ข้าได้รอ
มานานหลายปี แล้วกับเรื่ องนี้ และตอนนี้เมื่อสุ ดท้ายข้าได้เป็ นผูใ้ หญ่
แล้ว ข้าก็ตอ้ งการที่จะมอบความบริ สุทธิ์ของข้าให้กบั ท่านทันทีที่
เป็ นไปได้ แม้วา่ ข้าต้องการที่จะสู ญเสี ยมันไปในเวลาเดียวกับท่าน
แต่เพราะว่าการแทรกแซงของพ่อของเราทําให้มนั เป็ นไปไม่ได้อีก
ต่อไป”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคําเหล่านี้แล้ว ซูหยินก็ถอดเสื้ อผ้าของเธอออก
เผยให้เขาเห็นร่ างเล็ก ๆ แต่สวยงามของเธอ
“ท่านคิดว่าอย่างไร พี่ชาย ร่ างของข้าอาจจะมิได้เติบใหญ่สุกงอม
เหมือนกับหญิงบางคนในที่แห่งนี้ แต่ขา้ ก็จกั พยายามอย่างดีที่สุดใน
การสร้างความพึงพอใจให้กบั ท่าน”
“…”
อย่างไรก็ตาม ซูหยางยังคงเงียบงัน
เมื่อเห็นความเงียบของซูหยาง ซูหยินก็รู้สึกท้อแท้ “ท่านโกรธข้ารึ …
หรื อว่าท่านยังคงมิสามารถที่จะรับข้าได้เพราะว่าความสัมพันธ์ของ
เรา”
นํ้าตาพลันหลัง่ ไหลจากดวงตาเธอ
ซูหยางถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้ามิได้ดูหรื อตัดสิ นผูห้ ญิงจากพื้น
เพหรื อความสัมพันธ์กบั พวกเธอ มิมีความหมายใดว่าเจ้าจะเป็ น
น้องสาวข้าหรื อไม่ เพราะว่าก่อนอื่นใดทั้งสิ้ น เจ้าก็เป็ นผูห้ ญิงคน
หนึ่งในสายตาของข้าเช่นกัน”
“แม้วา่ มันจะรู ้สึกแปลกไปอยูบ่ า้ ง แต่ขา้ ก็มิได้เป็ นคนที่มีความกังวล
อยูก่ บั เรื่ องของศีลธรรมถ้านัน่ มิได้คาบเกี่ยวกับเส้นบรรทัดฐานของ
ข้า”
ในชีวติ ก่อนของเขา เขาได้หลับนอนกับภรรยาคนอื่นนับไม่ถว้ น
บางครั้งก็พร้อมกับลูกสาวของเธอด้วยในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึง
สามารถกล่าวได้วา่ สถานะหรื อประวัติความเป็ นมาของผูห้ ญิงนั้นไม่
มีผลกับซูหยางตราบเท่าที่พวกเธอยินดีที่จะร่ วมหลับนอนกับเขา
และเขาก็ไม่ได้รังเกียจที่เธอจะพาหญิงอื่นมาด้วย
ยิง่ ไปกว่านั้นเพราะว่าความทรงจําของเขาในฐานะของเซียนนั้นได้
บดบังความทรงจําในชาติน้ ีไปเกือบหมดสิ้ น เขาไม่สามารถที่จะมอง
ซูหยินเป็ นเหมือนน้องสาวของเขาถึงแม้วา่ พวกเขาจะร่ วมสายเลือด
กันก็ตาม ตามความเป็ นจริ ง เขาเพียงเห็นว่าตัวเขาเองนั้นสวมบทบาท
เล่นเป็ นพี่ชายของซูหยินแค่น้ นั
“เช่นนั้น… เช่นนั้นท่านก็มิได้ปฏิเสธข้าใช่ไหม” ซูหยินได้ถามเขา
ด้วยเสี ยงสัน่ สะท้าน
ซูหยางปาดนํ้าตาให้กบั เธอด้วยรอยยิม้ บนใบหน้าและกล่าวถามเธอ
ว่า “เจ้ายังคงจะยินดีอยูก่ บั คนแบบข้าอยูอ่ ีกรึ หากแม้นว่าข้ามิสามารถ
ที่จะอยูก่ บั เจ้าได้ตลอดไป”
ซูหยินพยักหน้า “ข้ารู ้วา่ ท่านได้มีคู่ครองแล้ว และข้าก็มิสามารถที่จะ
เปรี ยบเทียบกับคนแบบเธอได้ แต่ขา้ ก็ยงั รักท่านตลอดไป พี่ชาย…”
ซูหยางพยักหน้า และสองสามอึดใจให้หลัง เขาก็วางซูหยินลงบน
เตียงและลูบไล้กระบี่ของเขาไปมาระหว่างร่ องหลืบที่อยูร่ ะหว่างขา
ของเธอ
“ข้ากําลังจะดันมันเข้าไปแล้วนะ” เขาเตือนเธอ
ซูหยินพยักหน้าด้วยสายตาหลงใหล
สองสามวินาทีต่อจากนั้น ซูหยางก็ดนั ส่ วนปลายของมันเข้าไปในถํ้า
เล็กของเธอ
“อาาาา…” ซูหยินครางเสี ยงดังลัน่ จากความเจ็บปวด แม้วา่ มันจะเป็ น
เพียงแค่ปลาย แต่เพราะว่าช่องของเธอแคบเล็ก ถํ้าของเธอยืดจนถึง
ขีดสุ ดและเธอก็สามารถรู ้สึกได้ถึงการฉี กขาดภายใน
“เจ้าต้องการให้ขา้ กําจัดความเจ็บปวดของเจ้าด้วยวิชาบางอย่าง
หรื อไม่” ซูหยางถามเธอหลังจากที่เห็นสี หน้าเจ็บปวดของเธอ
“ม-ไม่… มันเจ็บ แต่ขา้ สามารถทนได้…” ซูหยินปฏิเสธโดยไม่ลงั เล
“ความเจ็บนี้เป็ นข้อพิสูจน์วา่ ข้ามิได้เพียงแค่ฝันไป”
“เช่นนั้นก็ดี” เขาพยักหน้าก่อนที่จะดันแท่งแกร่ งลึกเข้าไปอีกภายใน
ถํ้าของเธอ
“อาาาา….”
เลือดสายหนึ่งไหลออกมาจากถํ้าของซูหยินขณะที่เยือ่ พรหมจรรย์
ของเธอฉีกขาดจากกระบี่ของซูหยาง ย้อมผ้าปูที่นอนสี ขาวจนแดง
สองสามอึดใจหลังจากนั้น เมื่อแท่งแกร่ งของซูหยางได้สอดสวมเข้า
ไปในถํ้าเล็กของเธอจนสุ ดแล้ว ซูหยินก็แสดงสี หน้าเป็ นสุ ขแม้วา่ จะ
ยังคงเจ็บปวดอย่างหนักอยูก่ ต็ าม
“ข้า…ข้าทําได้ ร่ างกายของข้าสุ ดท้ายก็ได้เชื่อมโยงเข้ากับพี่ชาย…”
เธอพึมพําและกล่าวต่อว่า “ได้โปรด พี่ชาย…. ทําให้ขา้ ได้กลายเป็ น
ผูห้ ญิง…. ผูห้ ญิงของท่าน….”
เพื่อตอบสนองกับเสี ยงอ้อนวอนของเธอ ซูหยางก็เริ่ มขยับสะโพก
ของเขา ดันแท่งสากใหญ่ของเขาเข้าไปในร่ างเล็กของเธอ รู ้สึก
เหมือนกับว่าเขากําลังพยายามที่จะขุดถํ้าที่เล็กเกินไปสําหรับ
เครื่ องมือของเขา
“อาาาาา… อาาาาาา… อาาาาาาา…” ซูหยินรํ่าร้องเสี ยงดังลัน่ ใน
ขณะที่ร่างส่ วนล่างของเธอแผดเผาไปด้วยความกระสันต์รัญจวน
อย่างรวดเร็ ว ความเจ็บปวดก็ไม่สามารถรู ้สึกได้อีกต่อไป และร่ างกาย
ของเธอก็ไม่สามารถรับรู ้อะไรได้อีกนอกจากความเปรมปรี ย ์
“ข้ามีความสุ ขในตอนนี้เหลือเกิน พี่ชาย”
“อาาา”
“อาาาา”
หลังจากนั้นครึ่ งชัว่ โมง ซูหยินก็รู้สึกได้วา่ แท่งสากที่ท่ิมแทงร่ างกาย
ของเธออยูน่ ้ นั ขยายใหญ่ข้ ึนทุกขณะภายในร่ างเธอ จึงตะโกนขึ้นว่า
“ปล่อยมันเข้ามาในตัวข้า ข้าต้องการรับทุกสิ่ งจากพี่ชาย”
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยินก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ งที่ร้อนระอุพงุ่ เข้าสู่
ภายในร่ างของเธอ เติมเต็มถํ้าเล็กของเธอในทันที
“ฮาาา…ฮาาาา… ฮาาาาาา… “ ซูหยินหอบหายใจหนักหลังจากนั้น
ครั้นเมื่อเธอหายใจได้ทนั แล้ว เธอก็กล่าวกับซูหยางว่า “เรามาทําต่อ
กันเถอะ พี่ชาย จนกว่าข้าจะมิสามารถขยับร่ างกายของข้าได้อีก
ต่อไป ข้ามิตอ้ งการที่จะหยุดร่ วมรักกับท่าน”
“อย่ากังวล ข้ามิได้มีแผนที่จะหยุดในเวลาอันใกล้น้ ี” ซูหยางตอบกับ
เธอด้วยรอยยิม้
เพราะว่าความต้องการที่เกิดขึ้นมาอย่างมากมายจากการนวดชิวเยว่
เขามีความเครี ยดจํานวนมากที่ตอ้ งการปลดปล่อย
สองสามอึดใจหลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่ มขยับกันอีกครั้ง และพวกเขา
ก็ได้ประคองกอดกันต่อไปตลอดทั้งคืน จนกระทัง่ ซูหยินไม่สามารถ
ขยับร่ างกายของเธอได้อีกต่อไปเนื่องมาจากการหมดเรี่ ยวแรง
“นี่เป็ นวันเกิดที่ดีที่สุดที่เคยมีมา” ซูหยินกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
“ข้ารักท่านจริ ง ๆ พี่ชาย”
“เจ้าได้คิดหรื อยังว่าเจ้าต้องการอะไรเป็ นของขวัญ” ซูหยางถามเธอ
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ เธอก็กล่าวว่า “จูบข้าสักครั้ง พี่ชาย”
ซูหยางพยักหน้า และจูบเธออย่างนุ่มนวลบนริ มฝึ ปากของเธอ
“ฮี่ฮี่… ขอบคุณ พีช่ าย… คืนนี้…พวกเรามาต่อกันนะ….” ซูหยิน
กล่าวกับเขาด้วยเสี ยงพึมพําก่อนที่จะผลอยหลับลงไปอย่างรวดเร็ ว
บทที่ 542 ไม่ สนใจกับสถานการณ์
เช้าวันถัดมา ซูหยางตื่นขึ้นจากเสี ยงของโหลวหลานจีและเสี ยงประตู
ถูกเคาะ
“ซูหยาง ตื่นหรื อยัง พวกเรามีเรื่ องด่วน” เธอตะโกนขณะที่ทุบประตู
ของเขา
“เกิดอะไรขึ้นรึ ” ซูหยางเปิ ดประตูในเวลาถัดไปและก็เห็นทั้งโหลว
หลานจีและไป่ ลี่ฮวั ยืนอยูด่ า้ นนอกประตูหอ้ งของเขาด้วยสี หน้า
กระวนกระวาย
“ข้าเพิ่งได้รับข่าวจากสํานักของข้า ดูเหมือนว่าจะมีสมบัติวญ
ิ ญาณ
เกิดขึ้นบริ เวณนี้ และกองกําลังเกือบทั้งหมดในทวีปตะวันออกได้ส่ง
คนออกมาค้นหามันเรี ยบร้อยแล้ว นี่จะต้องเกิดความโกลาหลรอบ ๆ
ที่แห่งนี้ในเร็ ว ๆ นี้” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับเขา
“สมบัติวญ
ิ ญาณรึ …” ซูหยางเลิกคิ้วด้วยท่าทางงุนงง
ถ้าสมบัติวญ
ิ ญาณเกิดขึ้นจริ ง เช่นนั้นเขาก็ควรจะสังเกตพบนานแล้ว
แต่ทว่าความเป็ นจริ งที่วา่ ไม่วา่ เขาหรื อชิวเยว่กลับไม่มีใครที่จะ
สังเกตพบมันได้ทาํ ให้คาํ รํ่าลือนี้ค่อนข้างจะมีปัญหา
“คํารํ่าลือกล่าวว่ามันเป็ นสมบัติวญ
ิ ญาณระดับเทพซึ่งเป็ นตํานาน
หนึ่งระดับเหนือกว่าระดับสวรรค์” โหลวหลานจีกล่าว
เมื่อได้ยนิ เช่นนี้ ซูหยางยิง่ มีความสงสัยต่อคํารํ่าลือ ในเมื่อปกติแล้วนี่
ยิง่ เป็ นไปไม่ได้ที่เขาจะพลาดการเกิดขึ้นของสมบัติวญ ิ ญาณระดับ
เทพ
หลังจากครุ่ นคิดไปชัว่ ขณะ ซูหยางก็พลันระเบิดเสี ยงหัวเราะดังลัน่
ในเมื่อสุ ดท้ายเขาก็รู้ได้ถึงสถานการณ์ท้ งั หมด
ิ ญาณ” เขาเปิ ดเผยให้กบั พวกเธอ ซึ่งได้แต่เพียงจ้อง
“ไม่มีสมบัติวญ
มองเขาด้วยดวงตากลมโต
“เอ๋ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ทําไมเจ้าถึงรู ้” ไป่ ลี่ฮวั ถามเขา
“ถ้ามีสมบัติวญิ ญาณระดับเทพจริ ง ๆ ข้าจักต้องรู ้เรื่ องนั้นก่อนที่มนั
จะเกิดด้วยซํ้า แต่ทว่าความจริ งที่ขา้ มิได้รับรู ้อะไรเลยแบบนั้นนัน่ ก็
เป็ นเพราะว่ามันมิได้มีอยู”่
“ส่ วนสําหรับคํารํ่าลือนั้น ข้าก็มีความคิดหนึ่งอยูเ่ ช่นกันว่าทําไมพวก
เขาจึงต่างพากันสรุ ปว่าเป็ นเช่นนั้น”
โหลวหลานจีและไป่ ลี่ฮวั พากันนิ่งเงียบฟังเขา ซึ่ งพูดต่อไปอีกว่า
“พวกเจ้ายังจําได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้”
“อะไรรึ … เจ้าสร้างค่ายกลชั้นเยีย่ ม…. เอ๋ ” ไป่ ลี่ฮวั พลันตระหนักถึง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและก็ได้อุทานออกมร\k
“ต้องเป็ นเรื่ องนั้นแน่นอน” โหลวหลานจีกเ็ ข้าใจถึงสถานการณ์
เช่นกันและได้กล่าวต่อว่า “เมื่อเจ้ากระตุน้ ค่ายกลชั้นเยีย่ มเมื่อวานนี้
มันต้องการพลังวิญญาณจํานวนมหาศาล คนบางคนต้องได้รับรู ้ถึง
พลังวิญญาณจํานวนมากที่ผดิ ธรรมชาติในเวลานั้นและได้เข้าใจผิด
ว่ามันเป็ นการเกิดขึ้นของสมบัติวญ ิ ญาณ”
“ข้ามิโทษพวกเขาที่คิดว่าสมบัติวญ ิ ญาณได้เกิดขึ้น ในเมื่อข้าเองก็คง
คิดเช่นนั้นเหมือนกันถ้าข้ามิได้อยูท่ ี่นี่เป็ นสักขีความจริ งนี้ดว้ ยตัวข้า
เอง” ไป่ ลี่ฮวั ถอนใจ
และเธอก็กล่าวต่ออีกว่า “พวกเราควรทําอะไรดีในตอนนี้ คําพูดนั้น
ได้แพร่ กระจายไปทัว่ ทั้งทวีปเรี ยบร้อยแล้ว เป็ นเรื่ องธรรมดาที่วา่ มิมี
ทางที่จะหยุดคนพวกนี้มิให้มาที่นี่”
“ทําไมพวกเราต้องทําอะไรด้วย” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น สร้างความงง
งันให้กบั เธอ
“ถ้าพวกเขาคิดว่ามีสมบัติวญ ิ ญาณที่นี่ เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขา
ค้นหามัน มิชา้ ก็เร็ วที่พวกเขาก็จกั ได้ตระหนักว่าทั้งหมดนี้ลว้ นเป็ น
เรื่ องหลอกลวงและจากไป”
“นัน่ ก็อาจจะเป็ นจริ ง… แต่สถานการณ์น้ ีดูเหมือนจะเป็ นมากกว่า
เพียงแค่สมบัติวญ ิ ญาณ ในเมื่อคนมากมายมาที่นี่ จะต้องมีความ
ขัดแย้งระหว่างคนบางคนเกิดขึ้นหรื อกระทัง่ สงคราม เจ้ากล่าวว่าเจ้า
มิสนใจหากว่าจะต้องอยูท่ ่ามกลางสนามรบรึ ”
ซูหยางพยักหน้าโดยไม่ลงั เล “ต่อให้เกิดสงครามเต็มรู ปเกิดขึ้นข้าง
นอกประตูบา้ นพวกเรา นัน่ ก็มิได้มีผลต่อพวกเราแต่อย่างใดเลย
ตราบเท่าที่พวกเราอยูภ่ ายในนี้ มิใช่วา่ ศิษย์ของพวกเราต่างพากันไป
ฝึ กวิชาอยูข่ า้ งนอกนัน่ ”
“จริ งอยู่ ถ้าหากว่าสถานการณ์น้ นั ควบคุมไม่อยู่ มันก็มิได้ตอ้ งใช้
ความพยายามมากนักในการหยุดยั้งมัน” ซูหยางกล่าวขณะที่สายตา
ของเขามองไปยังประตูที่อยูด่ า้ นหลังของพวกเธอ
“โอ ใช่แล้ว… ถ้าสิ่ งต่าง ๆ มิสามารถควบคุได้ ผูอ้ าวุโสชิวเยว่ก็
สามารถหยุดยั้งมันได้อย่างง่ายดายด้วยตัวตนที่ทรงอํานาจของเธอ”
โหลวหลานจีกล่าว
“ว่าแต่สาํ นักหงส์สวรรค์กส็ ่ งคนมาที่นี่เช่นกันรึ ” ซูหยางถามเธอ
“แน่นอน เมื่อตอนที่ขา้ ไม่อยู่ ผูอ้ าวุโสสํานักก็จกั ทําแทนข้า และ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็ นเรื่ องปกติสาํ หรับพวกเธอที่จะส่ งศิษย์
บางส่ วนออกมาค้นหาสมบัติวญ ิ ญาณถึงแม้วา่ มันจะเป็ นแค่คาํ รํ่าลือ
ที่ปราศจากมูลความจริ งก็ตาม” เธอกล่าว
“แต่เมื่อทั้งหมดนี้เป็ นเพียงแค่ความเข้าใจผิดและมิได้มีสมบัติวญ ิ ญาณ
จริ ง ๆ ข้าก็จกั บอกพวกเธอให้กลับคืนสู่ สาํ นัก มิวา่ อย่างไรก็ตามข้ามิ
ต้องการที่จะชักนําให้ศิษย์ของข้าเข้าสู่ อนั ตรายที่มิได้มีความจําเป็ น
ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อมิได้มีผลลัพธ์ใด”
สองสามอึดใจให้หลัง ไป่ ลี่ฮวั ก็พดู ขึ้นในขณะที่มองเข้าไปด้านใน
ห้องของเขาว่า “ว่าแต่วา่ ซูหยินอยูไ่ หนกัน ข้าคิดว่าเธออาศัยอยูใ่ น
ห้องของเจ้าเมื่อคืนนี้”
“เธอยังคงหลับอยูด่ า้ นใน เจ้าสามารถเข้าไปดูได้ดว้ ยตนเองถ้าเจ้า
กังวลเกี่ยวกับเรื่ องเธอ” เขากล่าว
“เธอยังคงหลับอยูร่ ึ …” ไป่ ลี่ฮวั คิดในใจ ในเมื่อพวกเธอได้ทาํ เสี ยง
ค่อนข้างจะอึกทึกกันในตอนนี้ และก็เกือบเป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้
ความสนใจและหลับทั้งที่มีเสี ยงรบกวนเช่นนั้นนอกจากว่าคนนั้น
เหนื่อยมากหรื อง่วงจัด
ในเวลานั้นโหลวหลานจีได้ทาํ ตัวนิ่งเฉย ในเมื่อเธอได้สงั เกตเห็นตั้ง
นานแล้วถึงสัมผัสของแก่นหยินบริ สุทธิ์ที่ยงั อ้อยอิ่งออกมาจาก
ภายในห้อง
“ขอแสดงความยินดีดว้ ยน้องสาว” โหลวหลานจีแสดงความยินดีต่อ
ซูหยินอยูใ่ นใจ ในเมื่อเธอได้จินตนาการไว้แล้วว่าได้เกิดอะไรขึ้น
เมื่อคืนนี้
ในเวลาถัดไป ไป่ ลี่ฮวั ก็จากไปเพื่อติดต่อกับสํานักหงส์สวรรค์
เนื่องจากสถานการณ์น้ ี
แม้วา่ ผูอ้ าวุโสนิกายจะงุนงงสงสัยในตอนแรก เมื่อมันส่ งตรงมาจาก
ไป่ ลี่ฮวั พวกเธอก็แต่เรี ยกเหล่าศิษย์ที่ได้ส่งออกไปข้างนอกกลับคืน
สู่ สาํ นักอย่างลังเลใจ
“แจ้งให้เหล่าศิษย์ได้รู้ถึงสถานการณ์น้ ีและเตือนพวกเขาให้อยูแ่ ต่
ภายในนิกายจนกว่าเรื่ องทั้งหมดนี้ได้จบลง” ซูหยางกล่าวกับโหลว
หลานจีหลังจากนั้น
ครั้นเมื่อโหลวหลานจีจากไปแล้ว ซูหยางก็เคาะประตูหอ้ งชิวเยว่
“เจ้ารู ้สึกเป็ นอย่างไรบ้าง” เขาถามเธอจากด้านนอก
“…”
ไม่ได้มีการตอบสนองจากชิวเยว่แม้กระทัง่ จะผ่านไปหลายอึดใจ
หลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามซูหยางก็ยงั คงยืนอยูด่ า้ นนอกของห้องของเธอรอคอย
คําตอบอยูอ่ ย่างอดทน
สองสามนาทีให้หลัง เสี ยงเบา ๆ ก็ดงั ขึ้น “ข้ามิตอ้ งการเห็นท่านไป
สักพัก”
“ข้าเข้าใจ” เขากล่าวด้วยรอยยิม้ ขื่นขมบนใบหน้าก่อนที่จะปล่อยให้
เธออยูต่ ามลําพัง
ในเวลานั้นภายในห้อง ชิวเยว่นอนเหยียดอยูบ่ นเตียงพร้อมกับทัว่ ทั้ง
ใบหน้าที่แดงกํ่า ขณะที่เธอนึกถึงทุกสิ่ งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ระหว่าง
การนวด
บทที่ 543 ผู้ส่งสารของดาบเสี้ยวจันทร์
“ข้าจะไปมองหน้าติดได้อย่างไรหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวานนี้”
ชิวเยว่ร่ าํ ร้องในใจขณะที่เธอเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงหลังจากที่
รําลึกถึงทุกสิ่ งที่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ในขณะที่ความทรงจําของเธอบางอย่างยังคงขมุกขมัว แต่เธอก็สามารถ
จําเหตุการณ์ส่วนใหญ่ของเมื่อวานนี้ได้ ซึ่ งเธอได้ยอมให้ซูหยางทํา
การนวดที่กระตุน้ ความรู ้สึกอย่างมาก มากมายเหลือเกิน
แน่นอนว่าเธอได้คาดหวังว่าจะได้เกิดช่วงเวลาของความใกล้ชิด
สนิทสนมระหว่างกัน และการนวดก็เป็ นเพียงแค่คาํ บังหน้าเธอใน
การเข้าไปใกล้ชิดกับเขา แต่เธอไม่คาดคิดว่าสิ่ งต่าง ๆ จะบานปลาย
ออกมาในลักษณะนี้แม้แต่นอ้ ย
สถานการณ์น้ ีปกติแล้วเป็ นเรื่ องที่วาบหวามเกินไปสําหรับเธอ จนทํา
ให้ความกล้าในความปรารถนาอันหื่ นกระหายของเธอนั้นไม่อาจ
ควบคุมได้
ตามความเป็ นจริ งแล้ว ถ้าซูหยางไม่ยบั ยั้งใจของเขาไว้ในระหว่าง
การนวด เธอก็ไม่รังเกียจหากว่าเขาจะทิ่มแทงเธอในเวลานั้น
“ข้ามิอยากเชื่อว่าข้าได้คิดที่จะยอมเสี่ ยงชีวติ ของข้าเพียงเพื่อที่จะร่ วม
รักกับเขา…” เธอถอนหายใจ
และนัน่ ไม่ใช่เป็ นเพียงแค่คิดแบบผ่าน ๆ ในเมื่อเธอได้คิดแบบนี้
หลายต่อหลายครั้งระหว่างการนวด
ขณะที่เธอยังคงครุ่ นคิดถึงเรื่ องเมื่อวานนี้น้ นั ร่ างกายของเธอก็ค่อยเกิด
ความรุ่ มร้อนขึ้นมากขึ้นเรื่ อย ๆ จนกระทัง่ เธอเกิดความปรารถนา
ลามกขึ้นอีกครั้ง
“ข้าเป็ นหญิงลามกเช่นนั้นเลยหรื อ…” เธอพึมพํา
สองสามอึดใจจากนั้น เธอก็เริ่ มปรนเปรอตัวเธอเองในขณะที่นึกถึง
ความรู ้สึกของนิ้วของซูหยางที่เข้าไปสู่ ในร่ างกายเธอและความรู ้สึก
จากลิ้นของเขา และเธอก็ทาํ การปรนเปรอตัวเธอเองจนกระทัง่ ความ
หื่ นกระหายของตัวเธอเองได้สร่ างซาลงไปในที่สุด
ในเวลานั้นที่ห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตรจากนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ซีหวังและซีซิงฟางก็พลันหยุดยั้งลงระหว่างการเดินทางของ
พวกเขามายังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“ท่านปู่ มีคนตามเรามา” ซี ซิงฟางเตือนเขา
ซีหวังพยักหน้า และเขาก็พดู ด้วยเสี ยงอันดังในเวลาถัดไปหลังจากนั้น
“ทําไมเจ้าจึงมิแสดงตัวเจ้าอีก ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถซ่อนตัวจากข้า
ด้วยพลังการฝึ กปรื อที่น่าสังเวชของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็คิดสู งเกินไป
แล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้ามิเคยมีเจตนาที่จะซ่อนตัว ผูอ้ าวุโสซี”
ชายสวมชุดคลุมสี ดาํ สนิทพลันก้าวออกมาจากเงามืดมาปรากฏตัวต่อ
หน้าพวกเขา
“เมื่อมาคิดว่าดาบเสี้ ยวจันทร์จะส่ งนักฆ่าในเขตปฐมวิญญาณเพียง
คนเดียวออกมาต้อนรับข้า… เจ้าดูถูกข้ามากขนาดนั้นเชียวรึ ”
ซีหวังกล่าวด้วยเสี ยงเย็นชา ก่อนที่จะปลดปล่อยพลังเขตราชันย์
วิญญาณของตนเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” นักฆ่ายังคงหัวเราะต่อไปแม้วา่ จะถูกกดดันอย่างหนัก
จนกระทัง่ กระดูกทุกชิ้นของเขากรี ดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฮึ่ม” คลายแรงกดดันในเวลาถัดไปและกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเย็นเยียบ
ว่า “เจ้าคงเป็ นแค่คนส่ งสาร แต่อย่าคาดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวติ
รอดหลังจากนั้น พูดสิ่ งที่เจ้าต้องการออกมาเพื่อที่ขา้ จะได้ยดึ เอาชีวติ
อันไร้ค่าของเจ้า ถ้าเจ้ามีการขยับตัวอย่างมิคาดหมายใด ๆ ข้าก็จกั ฆ่า
เจ้าในทันที”
นักฆ่าไม่แม้จะสนใจในการร้องขอชีวติ ในเมื่อความตายนั้นเป็ นสิ่ ง
ที่เขาคาดคิดไว้ก่อนที่จะมาหาอีกฝ่ าย
“ข้ามีข่าวจากท่านเจ้าของดาบเสี้ ยวจันทร์” เขากล่าวหลังจากนั้น
ซีซิงฟางยังคงสงบนิ่งและรอคอยฟังข่าวสารอย่างเงียบ ๆ
“ท่านอาจจะคิดว่าท่านนั้นมิอาจจะแตะต้องได้เพราะว่าฐานะของ
ท่านและผูอ้ าวุโสที่อยูข่ า้ งกายท่าน แต่ดาบเสี้ ยวจันทร์ตอ้ งการที่จะ
เตือนท่านว่า ตระกูลซีน้ นั มีค่าแค่เพียงภายในทวีปตะวันออกเท่านั้น
ในไม่ชา้ คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางก็จะมาถึงทวีปตะวันออกเพือ่ รับ
ตัวท่าน และเมื่อเหตุการณ์น้ นั เกิดขึ้น พวกเราก็ขอแนะนําให้ท่าน
ยอมมอบตัวให้กบั เขาโดยมิสร้างปั ญหามากนัก เพราะว่าถ้าท่าน
ล่วงเกินผูอ้ าวุโสจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ใครจะรู ้วา่ เขาอาจจะทํา
อะไรต่อทวีปตะวันออก ฮ่าฮ่าฮ่า”
“อะไรนะ คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจะมาที่นี่อย่างนั้นรึ เป็ นไปไม่ได้”
ซีหวังอุทานด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“นัน่ มิมีความจําเป็ นที่จะต้องประหลาดใจเช่นนั้นผูอ้ าวุโส ที่พวกเรา
ใช้ในการโน้มน้าวให้คนผูน้ ้ นั ทําการเดินทางไกลหนึ่งปี มายังที่แห่ง
นี้กค็ ือสภาพร่ างกายพิเศษขององค์หญิง เมื่อจอมยุทธ์ผนู ้ ้ นั ได้ยนิ ถึง
สาวงามลํ้าเลิศพร้อมกับร่ างสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนี้ เขาก็ตก
ลงที่จะช่วยดาบเสี้ ยวจันทร์จบั ตัวท่านในทันที ทั้งยังตัดสิ นใจที่จะ
เดินทางมาด้วยตัวเอง”
“ภายในหนึ่งเดือนข้างหน้า จอมยุทธ์ผทู ้ รงเกียรติจากทวีปศักดิ์สิทธิ์
กลางก็จกั มาถึงยังทวีปตะวันออก หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่า องค์หญิงได้
เตรี ยมตัวเธอไว้ในตอนนั้น เพราะว่าท่านมิมีที่แห่งใดที่จะหนีไปหรื อ
ซ่อนตัวได้ เพียงรู ้ไว้วา่ ทวีปตะวันออกจักกลายเป็ นนรกเพราะว่าท่าน
และถ้าท่านตัดสิ นใจที่จะหลบซ่อน พวกเราจักมิละความพยายามใด
ในการที่จะทําให้ท่านคลานออกมาจากหลุมนั้น”
“นี่คือชะตากรรมของคนที่เกิดมาพร้อมกับร่ างสวรรค์ ก็เพื่อกลายเป็ น
เครื่ องมือสําหรับผูแ้ ข็งแกร่ งกว่า องค์หญิง” นักฆ่าหัวเราะอย่างบ้า
คลัง่
“ไปให้พน้ จากที่นี่พร้อมกับคําพูดไร้สาระของเจ้า เจ้าชัว่ ของดาบ
เสี้ ยวจันทร์” ซีหวางพลันตบลงไปบนอากาศด้วยฝ่ ามือของเขา จน
ทําให้เกิดพลังที่มองไม่เห็นที่มีน้ าํ หนักเท่ากับขุนเขากดทับลงบนนัก
ฆ่านั้น บี้เขาให้กลายเป็ นกองเศษเนื้อในทันใด
หลังจากที่ฆ่านักฆ่าแล้ว ซีหวางก็กล่าวกับซี ซิงฟางว่า “อย่าเชื่อใน
คําพูดไร้สาระของพวกมัน ซิ งเอ๋ อร์ พวกกลุ่มโจรป่ าอาชญากรอย่าง
เช่นดาบเสี้ ยวจันทร์น้ นั มิควรจะมีความสามารถที่จะไปถึงทวีป
ศักดิ์สิทธิ์กลาง อย่าว่าแต่จกั เกลี้ยกล่อมจอมยุทธ์สกั คนมาจับตัวเจ้า
พวกนี้กเ็ พียงแค่พยายามที่จะทําให้เจ้ากลัวเพราะว่าพวกนี้มิอาจหา
ความคิดใหม่ ๆ มาได้”
“มิวา่ คําพูดของเขาจะเป็ นจริ งหรื อไม่ ข้าก็ตอ้ งเสี ยใจที่สร้างปัญหา
อย่างมากให้กบั ตระกูล ถ้าเพียงข้ามิได้เกิดมาพร้อมกับร่ างกายนี้…”
ซีซิงฟางถอนหายใจ
“ไร้สาระ มีร่างสวรรค์เป็ นสิ่ งที่เจ้าควรภาคภูมิใจ มิใช่รู้สึกผิด”
“มิวา่ อย่างไรก็ตาม พวกเรารี บไปยังนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั กันเถอะ
ถึงแม้วา่ จะมีคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาที่นี่จริ ง เราก็ยงั มีจอมยุทธ์
ผูซ้ ่อนตัวที่ปรากฏตัวที่ตอนจบของการแข่งขันระดับภูมิภาคอยู่ ถ้า
เป็ นผูอ้ าวุโสคนนั้น ข้ามัน่ ใจว่าเธอมีความสามารถที่จะปกป้องเจ้า
และถ้าเธอเป็ นอาจารย์ของซูหยางจริ ง ๆ ก็ยอ่ มมีโอกาสอย่างสู งที่
พวกเราจักสามารถได้รับความช่วยเหลือจากเธอ” ซี หวางกล่าวกับ
เธอ
ซีซิงฟางพยักหน้าและพวกเขาก็เดินทางต่อไปไม่นานหลังจากนั้น
บทที่ 544 ตุ๊กตาฝึ กหัด
เวลาหลังจากนั้นในช่วงกลางวัน ซูหยางก็เรี ยกรวมตัวศิษย์ทุกคน
จากสาขาวิชาคู่ เมื่อเวลาหนึ่งเดือนในการฝึ กฝนของพวกเขาได้จบลง
แล้วและถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องมาสอบภาคปฏิบตั ิ
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนได้ฝึกฝนวิชาได้เป็ นอย่างดีระหว่างเวลาหนึ่ง
เดือนที่ขา้ ได้ให้พวกเจ้าไว้ เจตนาของการสอบภาคปฏิบตั ิในวันนี้มิใช่
แค่เพียงเพื่อประเมินความสามารถของพวกเจ้าเท่านั้น แต่ยงั ต้องการ
ที่จะดูวา่ อะไรอีกบ้างที่พวกเจ้าต้องการให้ช่วยเหลือ” ซูหยางกล่าว
กับเหล่าศิษย์ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว
จากนั้นเขาก็มองไปยังศิษย์ชายและกล่าวว่า “ข้ามิได้มีเวลามากนักใน
วันนี้ ในเมื่อข้ามีแขกที่จะต้องไปรับรอง ดังนั้นเรามาเริ่ มกันเถอะ”
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็พบกับเหล่าศิษย์ชายและกล่าวว่า
“แสดงให้ขา้ เห็นว่าเจ้าสามารถทําอะไรได้บา้ งด้วยดรรชนีสมปรารถนา
บนหลังของข้า”
ทีละคน เหล่าศิษย์ชายก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนพยายามที่จะระบุ
ตําแหน่งและกระตุน้ จุดอ่อนไหวบนหลังของเขา
หลังจากที่ทุกคนได้ลองกันหมดแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “มิ
เลวทีเดียวคุม้ กับการฝึ กฝนเป็ นเวลาหนึ่งเดือน แต่ถา้ เจ้าต้องการที่จะ
สร้างความพึงพอใจให้กบั คู่ของเจ้า นัน่ ยังจําเป็ นต้องใช้ความพยายาม
มากกว่านี้”
จากนั้นเขาก็ทาํ การให้คาํ แนะนําให้กบั เหล่าศิษย์ชายทีละคน
สองสามนาทีให้หลัง เขาก็กล่าวกับศิษย์ชายด้วยสี หน้าเรี ยบเฉยว่า
“เอาล่ะตอนนี้ให้นึกว่ามีสาวสวยเปลือยเปล่าอยูต่ รงหน้าของพวกเจ้า
และจงแสดงให้ขา้ เห็นถึงวิชา “มังกรรํา””
“…”
เหล่าศิษย์ชายต่างพากันสบสายตากันก่อนที่จะขยับร่ างกายของ
ตนเองอย่างกระอักกระอ่วน คลึงเคล้าอากาศตรงหน้าของพวกเขา
ราวกับว่าพวกเขากําลังร่ วมฝึ กคู่กบั ร่ างที่มองไม่เห็น
เมื่อเหล่าศิษย์หญิงเห็นภาพนี้ พวกเธอสองสามคนก็อดที่หวั เราะเยาะ
พวกเขาไม่ได้ จนทําให้เหล่าศิษย์ชายต่างพากันหน้าแดง
“พวกศิษย์หญิงหัวเราะเยาะพวกเจ้าเพราะว่าการเคลื่อนไหวของพวก
เจ้านั้นกระจอก ถ้าพวกเจ้ามิสามารถเรี ยนรู ้ที่จะมิใส่ ใจกับสิ่ งรอบข้าง
และมุ่งมัน่ อยูก่ บั สิ่ งที่อยูต่ รงหน้าเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็จกั มิเหมาะกับการ
ฝึ กวิชาคู่”
เมื่อเหล่าศิษย์ชายได้ยนิ คําพูดของเขา พวกเขาทั้งหมดต่างก็พากัน
ปรับอารมณ์ให้แน่วแน่มากขึ้นและเริ่ มขยับด้วยท่าทางที่สง่างามและ
เฉียบขาดมากขึ้น จนเกือบเหมือนกับว่าพวกเขากําลังเต้นรํา
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “การเคลื่อนไหว
ของพวกเจ้าดีข้ ึน แต่โดยรวมแล้วก็ยงั ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ย พวกเจ้ารู ้ไหม
ว่าทําไม”
เหล่าศิษย์ส่ายหน้า
จากนั้นซูหยางก็กา้ วขึ้นไปข้างหน้าและกล่าวว่า “เช่นนั้นจงดูขา้ ทํา
และดูดว้ ยตนเองถึงความแตกต่าง”
ขณะที่เขากล่าวถ้อยคําเหล่านี้ ซูหยางก็เริ่ มขยับร่ างกายของเขาตาม
วิชามังกรรํา แต่มนั ยิง่ สง่างามและลื่นไหลกว่าศิษย์ชายอย่างเปรี ยบ
เทียบกันไม่ได้ จนสามารถที่จะสร้างความหลงใหลให้กบั เหล่าศิษย์
หญิงได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่อึดใจ
“พวกเจ้าสังเกตเห็นความแตกต่างอะไรบ้างหรื อไม่นอกจากความ
เคลื่อนไหวของข้าที่ลื่นไหลยิง่ กว่า” ซูหยางถามพวกเขาครั้งหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะหยุด
หนึ่งในศิษย์หญิงยกมือเธอขึ้นและกล่าวว่า “ที่แตกต่างจากเพื่อน
ศิษย์ เมื่อท่านผูน้ าํ นิกายได้แสดงออกถึงวิชานี้ พวกเราล้วนสามารถ
จินตนาการได้ถึง “คู่ฝึก” ของท่านได้อย่างชัดเจนถึงแม้วา่ เธอมิมี
ตัวตนก็ตาม”
“ดีมาก” ซูหยางพยักหน้า
“เหตุผลที่พวกเจ้าเหล่าชายมิสามารถที่จะสร้างภาพมายาก็เพราะว่า
พวกเจ้าขาดจินตนาการและความหลงใหลขณะที่ใช้วชิ า และนัน่ ทํา
ให้ดูเหมือนกับกลุ่มลิงที่กาํ ลังตะกายอากาศ”
“มิวา่ จะมีตวั ตนต่อหน้าเจ้าหรื อไม่ ถ้าเจ้ามิกระทําด้วยความหลงใหล
เจ้าก็จกั มิสามารถที่จะใช้ศกั ยภาพของวิชานี้ได้อย่างเต็มที่”
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็นาํ เอาเตียงออกมาจากแหวนมิติและ
โยนมันลงไปบนพื้นก่อนที่จะนอนควํ่าลงไปบนนั้น
“ข้าจักให้พวกเจ้าคนละหนึ่งนาทีในการใช้ “หัตถ์เทพ” กับไหล่หลัง
ของข้า” เขากล่าวกับพวกเขา
เหล่าศิษย์ชายต่างพากันเข้าแถวและเริ่ มใช้หตั ถ์เทพกับไหล่และหลัง
ของเขา
สิ บนาทีต่อมา ซูหยางก็ลุกขึ้นนัง่ และกล่าวกับเหล่าศิษย์วา่ “แม้วา่ มิมี
พวกเจ้าคนใดที่ได้เหนือกว่าที่ขา้ คาดไว้ แต่พวกเจ้าก็ได้มีความ
ก้าวหน้าเป็ นอย่างดีภายในหนึ่งเดือนนี้ อย่างไรก็ตามข้าสามารถบอก
ได้วา่ ส่ วนใหญ่แล้วพวกเจ้าฝึ กวิชาตามลําพัง ดังนั้นข้าจึงจําเป็ นต้อง
ที่จะให้ “คู่ฝึก” กับเจ้าแต่ละคนเพื่อฝึ กฝนด้วยในอนาคต”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคําเหล่านี้เสร็ จแล้ว เขาก็นาํ เอาตุก๊ ตาเก้าตัวที่มี
ขนาดและรู ปทรงเหมือนมนุษย์ทุกประการที่จดั สร้างมาจากวัสดุที่
อ่อนนุ่มที่ใกล้เคียงกับเนื้อหนังของมนุษย์ออกมายืน่ ส่ งให้กบั ศิษย์
ชายทั้งเก้าคน
“ตุก๊ ตาฝึ กหัดเหล่านี้จกั ช่วยพวกเจ้าในการฝึ กฝนวิชาของพวกเจ้าได้
ตามลําพังแม้วา่ เจ้าจะมิมีคู่ฝึกก็ตาม ในเมื่อตุก๊ ตาเหล่านี้จะให้ความ
รู ้สึกที่มิแตกต่างไปจากคนจริ ง ๆ ยิง่ ไปกว่านั้นข้าได้จดั สร้างตุก๊ ตา
เหล่านี้ดว้ ยสรี ระร่ างกายของผูห้ ญิง ดังนั้นมันจึงค่อนข้างที่จะรู ้สึก
เหมือนกับว่าเจ้ามีคู่ฝึกที่เป็ นหญิงเมื่อเจ้าฝึ กฝนกับพวกเธอ”
เหล่าศิษย์ชายรับตุก๊ ตาฝึ กหัดเหล่านี้ดว้ ยสี หน้างงงัน รู ้สึกเหมือนกับ
ว่าพวกเขากําลังกอดร่ างกายของคนจริ ง ๆ เมื่อพวกเขาถือตุก๊ ตา
ฝึ กหัดไว้ในมือ
“อย่างไรก็ตาม ของนี้จดั สร้างขึ้นมาด้วยตัวข้าเอง ดังนั้นถ้าเจ้าทําให้
เธอชํารุ ดเสี ยหาย เจ้าก็จกั มิสามารถหามาทดแทนได้อีกถึงแม้วา่ เจ้า
จะค้นหาไปทัว่ โลกนี้กต็ าม” ซูหยางเตือนพวกเขา
“ข-ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย พวกเราจักดูแลพวกเธออย่างดีราวกับว่า
พวกเธอเป็ นเด็กของพวกเรา”
เหล่าศิษย์ชายคํานับเขาด้วยนํ้าตาคลอเบ้า
“การทดสอบภาคปฏิบตั ิน้ นั จักเกิดขึ้นอีกในสามเดือนข้างหน้า ดังนั้น
จงรี บกลับไปที่หอ้ งของเจ้าและเริ่ มฝึ กฝนได้”
เหล่าศิษย์ชายต่างพากันรี บเร่ งจากไปหลังจากนั้น ปล่อยเหล่าศิษย์
หญิงยืนอยูท่ ี่ตรงนั้นด้วยสี หน้างงงัน
ครั้นเมื่อเหล่าศิษย์ชายจากไปแล้ว ซูหยางก็หนั ไปมองดูเหล่าศิษย์
หญิง และกล่าวว่า “ก่อนที่ขา้ จักเริ่ มประเมินผลพวกเจ้า หากพวกเจ้า
มิตอ้ งการร่ วมฝึ กกับข้าก็จงก้าวออกมาข้างหน้า”
“…”
“…”
“…”
เวลาผ่านไปสักครู่ ใหญ่แต่กไ็ ม่มีศิษย์แม้แต่คนเดียวก้าวออกมา
ข้างหน้า ไม่แม้กระทัง่ ศิษย์หญิงสองคนที่ได้มีคู่ฝึกไปแล้ว
“มิใช่วา่ เจ้าสองคนมีคู่ไปแล้วรึ ” หนึ่งในศิษย์หญิงที่นนั่ ถามศิษย์หญิง
สองคนนั้น จนทําให้ทุกคนหันไปมองดูพวกเธอ
“จริ งอยู่ ข้าได้มีคู่แล้ว แต่พวกเราได้ตกลงกันว่า เขาจักยอมให้ขา้ ได้
ฝึ กกับท่านผูน้ าํ นิกายถึงแม้วา่ พวกเราจักเป็ นคู่กนั ก็ตาม และนัน่ ก็
เป็ นหนึ่งในเงื่อนไขของข้าในการที่จะยอมให้เขาเป็ นคู่ฝึกของข้า”
“ข้าก็เช่นกัน ข้าก็มีขอ้ ตกลงเช่นนั้นกับคู่ของข้า ดังนั้นจึงมิมีปัญหา
ถึงแม้วา่ เขาจะรู ้กต็ าม” ศิษย์คนที่สองกล่าวขึ้น
“ไม่..เจ้า… พวกนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์…” เหล่าศิษย์หญิงที่นนั่ ต่างพากัน
มองไปยังสองคนนั้นด้วยความไม่อยากเชื่อและยอมรับนับถือในสี
หน้าของพวกเธอ ในเมื่อพวกเธอเองก็คงมิคิดถึงความคิดเช่นนี้หาก
ปราศจากสองคนนี้
บทที่ 545 ประเมินศิษย์ หญิง
“จะเป็ นไรหรื อไม่ถา้ เราก็จะร่ วมฝึ กฝนกับท่านเช่นกันถึงแม้วา่ เรานั้น
ได้มีคู่ของตัวเองแล้ว ท่านผูน้ าํ นิกาย” ศิษย์ที่มีคู่แล้วถามเขา
“ตราบเท่าที่เจ้ากับคู่ของเจ้าตกลงกันเรี ยบร้อยแล้ว ก็มิมีความจําเป็ น
ที่ขา้ จะต้องปฏิเสธ” ซูหยางตอบกลับด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนที่นี่ปรารถนาที่จะฝึ กฝนร่ วมกับข้า ดังนั้นตาม
ข้ามา”
หลังจากนั้น ซูหยางก็นาํ ศิษย์หญิงไปยังที่พกั เก่าของเขาและกล่าวกับ
พวกเธอว่า “ข้าจักประเมินพวกเจ้าครั้งละหนึ่งคนโดยเริ่ มจากคนที่
อายุมากที่สุดไปน้อยที่สุด ดังนั้นให้เข้าแถวตามอายุของเจ้า”
เหล่าศิษย์หญิงเริ่ มสร้างแถวขึ้นในทันทีตามอายุซ่ ึงคนที่อายุมากที่สุด
อยูด่ า้ นหน้าและอายุนอ้ ยที่สุดอยูด่ า้ นหลัง
“เจ้าอายุเท่าไหร่ ”
“ข้า 24 ปี …”
“แล้วเจ้าล่ะ”
“22 ปี ”
“ใครอายุ 19 ปี ข้าจะอยูห่ ลังเจ้า”
“ข้า 19 ปี ”
“ใครที่อายุมากที่สุดในหมู่พวกเรา”
“ข้าควรจะเป็ นคนที่อายุนอ้ ยที่สุด…”
หลายนาทีให้หลังเมื่อเหล่าศิษย์ได้จดั แถวเรี ยบร้อยแล้ว ซูหยางก็
เรี ยกคนแรกในแถวเข้าไปในบ้าน
ศิษย์คนแรกที่อายุมากที่สุดที่เข้ารับการประเมินจากซูหยางเป็ นหญิง
สาวสวยที่มีอายุ 24 ปี
ครั้นเมื่อศิษย์เข้าไปภายในห้องของเขาแล้ว ซูหยางก็นอนลงไปบน
เตียงและกล่าวกับเธอว่า “เริ่ มใช้ดรรชนีสมปรารถนากับข้าได้”
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและใช้เวลาชัว่ ขณะเพื่อหาจุดไวต่อความรู ้สึก
ของเขาก่อนที่เธอจะจิ้มปลายนิ้วลงไป
ความรู ้สึกเป็ นสุ ขเล็กน้อยวิง่ ผ่านไปทัว่ ร่ างของซูหยาง เขาพยักหน้า
กล่าวว่า “ดีมาก เจ้าได้จบั ใจความสําคัญและเข้าใจถึงวิชานี้ในเวลา
เพียงแค่เดือนเดียว”
“ข้ามิได้มีค่าใกล้เคียงกับคําสรรเสริ ญของท่านเลย ท่านผูน้ าํ นิกาย”
เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิม้ เอียงอาย
หลังจากที่การทดสอบแรกจบลง ซูหยางก็เริ่ มถอดเสื้ อผ้าของเขาออก
และกล่าวว่า “แสดงให้ขา้ เห็นว่าเจ้าสามารถทําอะไรด้วยมือของเจ้า
ได้บา้ ง”
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าด้วยใบหน้าค่อนข้างแดงเล็กน้อยและตรงเข้าไป
หายังร่ างเปลือยเปล่าของซูหยางด้วยการใช้มือสัมผัสเขาไปทัว่ ทั้ง
หลังในขณะที่ใช้วชิ าหัตถ์เทพ
“มิเลว แต่เจ้าจําเป็ นต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อนิ้วของเจ้าและขยับมือ
ให้เป็ นธรรมชาติมากกว่านี้” เขากล่าวสองสามนาทีให้หลัง
“ก่อนที่ขา้ จะประเมินวิชาสุดท้าย หงส์ร่อน ให้ขา้ แสดงให้เจ้าเห็นถึง
ดรรชนีสมปรารถนากับหัตถ์เทพของข้าก่อน” ซูหยางกล่าวกับเธอ
และเขาก็พดู ต่อว่า “ถอดเสื้ อผ้าของเจ้าออกแล้วนอนบนเตียง”
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและคลายเสื้ อผ้าของตนเองออกอย่างรวดเร็ ว
ปล่อยมันให้ไถลเลื่อนลงไปกองบนพื้น เผยให้เห็นร่ างเรี ยวบางของ
เธอให้กบั เขา
สองสามอึดใจให้หลังครั้นเมื่อเธออยูบ่ นเตียงแล้ว ซูหยางก็เริ่ ม
สัมผัสร่ างเธอด้วยมือของเขา
“อาาาา อืมมมมม”
ศิษย์คนนั้นเริ่ มครวญครางอย่างแรงอย่างรวดเร็ วเมื่อรู ้สึกถึงมือของซู
หยางที่กระตุน้ ความปรารถนาทางเพศทั้งหมดของเธอออกมา จนทํา
ให้นอ้ งสาวของเธอเริ่ มมีปราณหยินหยาดเยิม้ หยดออกมา
“นี่เป็ นความรู ้สึกที่ดรรชนีสมปรารถนาควรจะทําให้เกิดขึ้นมา”
ซูหยางกล่าวกับเธอก่อนที่จะขยับมือของเขาไปยังส่ วนล่างของร่ าง
เธอ
“และนี่กค็ ือหัตถ์เทพ”
ศิษย์คนนั้นสามารถรู ้สึกได้ถึงนิ้วของเขาที่นวดไปรอบ ๆ บริ เวณ
ระหว่างขาของเธอโดยไม่สมั ผัสมัน แต่นนั่ กลับทําให้เหมือนกับว่า
มือของเขานั้นลูบไล้ไปทุกตารางนิ้วของร่ างเธอในเวลานี้
สองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่การสาธิตได้จบลง ซูหยางก็นอนลง
บนเตียงอีกครั้ง
“เจ้ารู ้ไหมว่าต้องทําอะไรต่อไป” เขาถามเธอซึ่ งก็ได้พยักหน้าด้วย
ใบหน้าแดงฉาน
จากนั้นศิษย์คนนั้นก็ได้ข้ ึนไปอยูเ่ หนือร่ างของซูหยางและค่อยสอด
แท่งแกร่ งของเขาเข้าไปในช่องพรหมจรรย์ของเธอ แยกช่องออกเผย
ให้เห็นสี ชมพูที่อยูข่ า้ งใน
ครั้นเมื่อทั้งแท่งนั้นเข้าไปในช่องของเธอแล้ว ศิษย์คนนั้นก็เริ่ มขยับ
ร่ างกายและสะโพกของเธอตามเคล็ดวิชาที่กาํ หนดไว้ภายในวิชา
หงส์ร่อน
“อา… อาาาา…. อืมมมม…”
แม้วา่ นี่จะเป็ นประสบการณ์แรกของเธอ ศิษย์คนนั้นก็ครวญครางไป
ด้วยความเสน่หา ขณะที่เธอขี่ไปบนกระบี่หนักของซูหยางราวกับ
เป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญ เกือบเหมือนกับเป็ นนักเต้นรํา
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็ปลดปล่อยปราณหยางของเขาเข้าไป
ในร่ างเธอ
“อาาาาา…”
รู ้สึกถึงปราณหยางอันร้อนระอุของเขาพุง่ เข้าไปในช่องเล็ก ๆ ของ
เธอ ศิษย์คนนั้นก็ร่างกายสัน่ สะท้าน
“ป-เป็ นอย่างไรบ้าง ท่านผูน้ าํ นิกาย…” เธอถามเขาหลังจากนั้น
“เจ้ามัวมุ่งเน้นเกินไปกับการสร้างความพึงพอใจให้กบั ตนเองแทนที่
จะเป็ นคู่ของเจ้า แม้วา่ มันสําคัญอยูก่ บั การสร้างความพึงพอใจให้กบั
ตนเอง แต่วชิ านี้มีเจตนาที่จะสร้างความพึงพอใจให้กบั คนอื่น ใน
ขณะเดียวกันก็เป็ นความรับผิดชอบของคู่ของเจ้าในการสร้างความ
พึงพอใจให้กบั เจ้า เอาล่ะ ให้ขา้ แสดงให้เจ้าเห็น”
ซูหยางพลันจับสะโพกของเธอไว้แล้วก็เริ่ มขยับสะโพกของเขาเอง
“อาาาาาาา อืมมมมมมม อาาาาาาาา”
ศิษย์คนนั้นกรี ดร้องด้วยความพึงพอใจในขณะที่ซูหยางทิ่มแทง
ร่ างกายของเธออย่างถี่ยบิ
สองสามนาทีให้หลัง ศิษย์คนนั้นก็ฟุบลงไปบนอกของเขาพร้อมกับ
ร่ างที่พราวไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ถ้าคู่ฝึกของเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นเขาก็ควรมิมีปัญหาในการ
สร้างความพึงพอใจให้กบั เจ้าเช่นนี้” เขากล่าวกับเธอ “ถ้าเขามิ
สามารถ… เช่นนั้นข้าก็ขอแนะนําให้เจ้าหาคู่คนใหม่ หรื อไม่เจ้าก็
สามารถที่จะสอนเขาด้วยตัวเอง”
จากนั้น ซูหยางก็นาํ เอาตุก๊ ตาฝึ กหัดออกมาจากแหวนมิติของเขาและ
ยืน่ ส่ งให้กบั ศิษย์หญิง
แต่ทว่าที่แตกต่างจากตุก๊ ตาฝึ กหัดที่เขาให้กบั ศิษย์ชาย ตุก๊ ตานี้มี
ร่ างกายที่เลียนแบบร่ างกายของผูช้ ายและมันก็มีกระทัง่ แท่งอวบ
แกร่ งที่ดา้ นล่างที่แข็งตัวเต็มที่
“ข้าได้ประดิษฐ์ตุก๊ ตาฝึ กหัดนี้โดยอ้างอิงจากร่ างกายของข้าเอง
ดังนั้นเจ้าสามารถฝึ กฝนวิชาของเจ้ากับมันได้เมื่อข้ายุง่ เกินกว่าที่จะ
ช่วยเจ้า” เขากล่าวกับเธอ
“นี่… ท่านผูน้ าํ นิกายมิใช่รึ…”
ศิษย์หญิงจ้องไปยังตุก๊ ตาฝึ กหัดด้วยสี หน้าตะลึงงัน ดูเหมือนว่าจะอยู่
ในความตกใจ เธอสามารถบอกได้จากการเห็นเพียงแค่แวบเดียวว่า
ร่ างกายของตุก๊ ตาฝึ กหัดนี้เหมือนกับร่ างของซูหยางมากจากทั้งสัดส่ วน
ของร่ างไปจนถึงขนาดของแท่งอวบ
“ท่าน… ท่านมัน่ ใจรึ วา่ ข้าสามารถมีสิ่งที่สูงค่าเช่นนี้ได้ ท่านผูน้ าํ
นิกาย” เธอถามเขาด้วยเสี ยงสัน่ สะท้าน
เมื่อเธอเห็นซูหยางพยักหน้า สี หน้าของศิษย์คนนั้นก็พลันเปี่ ยมไป
ด้วยความสุ ขเกษมสันต์
“ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย ข้าจักทนุถนอมและดูแลตุก๊ ตาฝึ กหัดนี้อย่าง
ดีราวกับว่าเขาเป็ นท่านผูน้ าํ นิกายตัวจริ ง และข้าก็จกั ใช้มนั ทุกวัน”
เธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิม้ สดใสก่อนที่จะเก็บตุก๊ ตาฝึ กหัดนี้ไว้ใน
แหวนมิติของเธอ
บทที่ 546 ของขวัญวันเกิด
หลังจากที่เขาเสร็ จสิ้ นการประเมินศิษย์หญิงคนแรกแล้ว ซูหยางก็ทาํ
การเรี ยกศิษย์ที่เหลือเข้ามาในห้องครั้งละหนึ่งคน ก่อนที่จะให้พวก
เธอทําการใช้วชิ าของพวกเธอบนตัวของเขา
“ความสามารถของเจ้าโดยรวมเหนือกว่ามาตรฐาน แต่การขยับสะโพก
ของเจ้ายังคงแข็งกระด้างและงุ่มง่ามไปเล็กน้อย เจ้าควรขยับแบบ
นี้…” ซูหยางกล่าวกับศิษย์คนนั้นก่อนที่จะสาธิตวิชาบนร่ างของเธอ
“อาาาา…”
ศิษย์น้ นั ครวญครางเสี ยงดัง และอีกไม่กี่นาทีต่อมา ร่ างของเธอก็ฟบุ
ลงบนเตียงด้วยสี หน้าหมดแรง
หลังจากนั้น ซูหยางก็ยงั ให้ตุก๊ ตาฝึ กหัดกับเธอเช่นกัน
“น-นี่…”
ศิษย์หญิงนั้นงงงันในตอนแรก แต่เมื่อเธอตระหนักว่าตุก๊ ตานั้นถูก
สร้างขึ้นมาโดยมีร่างของซูหยางเป็ นแบบ ดวงตาของเธอเป็ นประกาย
ไปด้วยความตื่นเต้น และเธอก็กล่าวว่า “ขอบคุณท่านผูน้ าํ นิกาย มัน่ ใจ
ได้วา่ ข้าจักฝึ กฝนกับมันทุกวันเพื่อที่วา่ ข้าจักสามารถสร้างความพึง
พอใจให้กบั ท่านได้เป็ นอย่างดีในคราวหน้า”
หลังจากที่ใช้เวลาหลายชัว่ โมงในการฝึ กร่ วมกับศิษย์ใหม่และประเมิน
วิชาของพวกเธอพร้อมกับให้คาํ แนะนํา ซูหยางก็กล่าวกับพวกเธอ
หลังจากนั้นว่า “ถ้าพวกเจ้ารู ้สึกอยากตรวจสอบความก้าวหน้าของ
พวกเจ้าในวิชาเหล่านี้กต็ ามหาข้าได้ และข้าก็จกั ประเมินพวกเจ้า
เหมือนกับที่ขา้ ทําในวันนี้ และจะประเมินพวกเจ้าทุกคนซํ้าที่นี่ในอีก
สามเดือนข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้ น”
ซูหยางปล่อยศิษย์ไปหลังจากนั้นไม่นาน ก่อนที่จะกลับไปยังศาลา
หยินหยาง
ครั้นเมื่อซูหยางไปแล้ว เหล่าศิษย์หญิงก็เริ่ มพูดคุยกัน
“เจ้าได้รับตุก๊ ตาฝึ กหัดจากท่านผูน้ าํ นิกายหรื อไม่”
“ข้าได้ ข้ามิอยากเชื่อว่าเขาจะเหมือนกับตัวตนของท่านผูน้ าํ นิกาย
อย่างสมบูรณ์เช่นนี้ ราวกับว่าข้ากําลังมองไปที่ร่างของท่านผูน้ าํ
นิกายเองเมื่อมองไปยังตุก๊ ตาฝึ กหัด”
“ข้ามิสามารถที่จะรอในการร่ วมฝึ กกับเขา… ฮี่ฮี่…”
ในเวลานั้นที่ศาลาหยินหยาง เมื่อซูหยางเข้าไปในห้องของตนเอง
เขาสังเกตเห็นซูหยินนัง่ อยูบ่ นเตียงด้วยสี หน้าง่วงงุนราวกับว่าเธออยู่
ในสภาวะครึ่ งหลับครึ่ งตื่น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะหลับสบาย” เขากล่าวกับเธอด้วยรอยยิม้
“สวัสดีตอนเช้า พีช่ าย…” เธอกล่าวกับเขา
“เช้าเรอะ มันเที่ยงแล้ว” เขากล่าว
“อะไรนะ มันสายแล้วเหรอ” ตาของซูหยินลืมขึ้นมาในทันทีและหัน
ไปมองที่หน้าต่าง
“ข้าหลับเพลิน ทําไมท่านมิปลุกข้าขึ้นมาก่อนหน้านี้ พีช่ าย ตอนนี้ขา้
มีเวลาน้อยลงในการอยูก่ บั ท่านกับวันเกิดของข้า…” เธอถอนหายใจ
ด้วยนํ้าเสี ยงเศร้าเสี ยใจ
“ว่าแต่วา่ เจ้าต้องการที่จะใช้วนั เกิดของเจ้าอย่างไรรึ มีอะไรเป็ นพิเศษ
ไหมที่เจ้าต้องการทํา” ซูหยางถามเธอหลังจากนั้น
“ไม่ ข้าเพียงมีเจตนาเพียงแค่อยูข่ า้ งกายท่าน พี่ชาย” เธอตอบกลับ
อย่างรวดเร็ ว
“อย่างไรก็ตามข้าก็ตอ้ งการที่จะดูวา่ ปกติแล้วพี่ชายทําอะไรบ้างใน
ฐานะผูน้ าํ นิกาย”
“นอกจากฝึ กร่ วมกับผูอ้ าวุโสนิกายกับศิษย์ใหม่แล้ว ข้าก็อบรมศิษย์
จากสาขาการฝึ กคู่อีกด้วย และบางครั้งก็อบรมศิษย์รุ่นเยาว์ ทําไมข้า
มิพาเจ้าไปเดินชมรอบนิกายสักรอบล่ะ”
“นัน่ ฟังดูน่าสนุก” เธอพยักหน้า
หลังจากนั้นสักพัก ซูหยางก็พาซูหยินออกไปด้านนอกและพาเธอ
ออกไปเที่ยวชมทัว่ ทั้งนิกายเริ่ มตั้งแต่เขตกลาง
“อย่างที่เจ้ารู ้ นี่คือศาลาหยินหยาง ที่ซ่ ึงผูน้ าํ นิกายพํานักอยู”่
“อาคารสูงหลังนี้เรี ยกว่าเจดียไ์ ม้รับอรุ ณ ปกติแล้วเป็ นที่เหล่าผูอ้ าวุโส
นิกายจักมาร่ วมประชุมกัน”
“เจดียไ์ ม้รับอรุ ณรึ …” ซูหยินหัวเราะคิกคักกับสํานึกการตั้งชื่อแปลก ๆ
ของนิกาย
หลังจากที่เดินไปรอบ ๆ เขตกลางแล้ว ซูหยางก็พาเธอไปยังเขตศิษย์
ใน และที่แรกที่พวกเขาไปเยีย่ มชมก็คือห้องสวีทแห่งศลิษา
“นี่คือที่ซ่ ึงเหล่าศิษย์ใช้ฝึกร่ วมกับแขกที่มาจากด้านนอก”
ซูหยางเริ่ มนึกถึงประสบการณ์ของตนเองในที่แห่งนี้
หลังจากที่เห็นห้องสวีทแห่งศลิษาแล้ว ซูหยางก็เที่ยวชมไปรอบ ๆ
พื้นที่ศิษย์ในพร้อมกับซูหยิน
อย่างไรก็ตาม นอกจากพื้นที่พกั อาศัยสําหรับศิษย์ในแล้ว ก็ไม่มี
อะไรมากให้เห็นภายในเขตศิษย์ใน
ครั้นเมื่อพวกเขาไปถึงเขตศิษย์นอก ซูหยางก็พาเธอไปยังอาคารที่เขา
เคยอาศัยอยู่ ทั้งยังนึกถึงหลายสิ่ งหลายอย่างที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลา
ที่เขาเป็ นศิษย์นอก
หลังจากนั้น พวกเขาก็ไปถึงคลังมุกพิสุทธิ์ ที่ซ่ ึงผูอ้ าวุโสจ้าวหลับอยู่
หลังโต๊ะดังเช่นปกติ
“ซูหยาง… กับน้องสาวรึ อะไรที่พาพวกเจ้ามาที่นี่ในวันนี้”
“ข้าเพียงแค่พาเธอมาเดินเล่นรอบนิกาย” ซูหยางกล่าว
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองดูซูหยินแล้วกล่าวว่า “มีอะไรที่เจ้าต้องการ
จากที่แห่งนี้หรื อไม่ ข้าจักจ่ายให้กบั เจ้า”
ซูหยินส่ ายหน้า
เวลาหลังจากนั้น สองพี่นอ้ งก็กลับคืนสู่ ศาลาหยินหยาง
“ขอบคุณสําหรับการเยีย่ มชม พี่ชาย ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจสภาพแวดล้อม
ที่ท่านอาศัยอยูม่ าตลอดช่วงเวลานี้” ซูหยินกล่าวกับเขา
ซูหยางเพียงแค่ยมิ้
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็นาํ เอาแหวนมิติออกมาแล้วกล่าวว่า “เอ้านี่
ซูหยิน”
เขายืน่ มือเสนอแหวนมิติให้กบั เธอ
“นี่คืออะไรรึ พี่ชาย” ซูหยินมองดูมนั ด้วยสี หน้างงงัน
“มันเป็ นของขวัญวันเกิดของเจ้า” เขากล่าว
“เอ๋ แต่ขา้ มิได้ตอ้ งการของขวัญอะไร…”
“ข้ารู ้ แต่ยงั ไงก็ตามข้าก็ตอ้ งการที่จะให้มนั แก่เจ้า ดูขา้ งในสิ ”
ซูหยินพยักหน้าและรับแหวนมิติไว้
เมื่อเธอมองดูเข้าไปภายในแหวนมิติและเห็นสิ่ งที่อยูภ่ ายในนั้น เธอก็
อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“พ-พี่ชาย.. นี่…” เธอมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“มีหินวิญญาณอยูใ่ นนั้น สิ บล้านก้อน สมบัติวญ
ิ ญาณขั้นสู งสุ ดระดับ
สวรรค์ และวิชาการต่อสู ร้ ะดับเซียนสามวิชาที่เหมาะกับวิชาฝี มือของ
เจ้าภายในนั้น แม้วา่ มันอาจจะไม่มากนัก มันก็จะช่วยในการฝึ กฝน
ของเจ้าไปได้อีกหลายปี ”
“ข-ขอบคุณพี่ชาย ข้าจักรักษาของขวัญเหล่านี้ไปชัว่ ชีวติ ของข้า” ซู
หยินกําแหวนมิติในมือไว้แน่น ก่อนที่จะพุง่ เข้าไปกอดซูหยาง
ส่ วนเวลาที่เหลือของวันนั้น พวกเขาทั้งคู่กพ็ ากันอยูแ่ ต่ภายในห้อง
ใช้เวลาของพวกเขาอยูด่ ว้ ยกันอย่างหลงใหล
วันถัดมา ซีซิงฟางและซีหวางก็มาถึงนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั สร้าง
ความประหลาดใจให้กบั ทุกคนภายในนิกายกับการที่พวกเขาพลัน
มาเยีย่ ม โดยเฉพาะโหลวหลานจี ซึ่งไม่รู้วา่ จะทําอย่างไรดีในตอน
แรก
“ซูหยาง พวกเรามีเรื่ องเร่ งด่วน” โหลวหลานจีเคาะประตูหอ้ งเขาแต่
เช้าตรู่ อีกครั้ง
บทที่ 547 คําขอร้ องของตระกูลซี
“อะไรกันอีกคราวนี้ อย่าบอกข้านะว่าสมบัติวญ ิ ญาณชิ้นใหม่เกิดขึ้น
อีกแล้ว” ซูหยางเปิ ดประตูออกมาหลังจากนั้นเพื่อพบกับโหลวหลานจี
ที่กระวนกระวายรอคอยอยูด่ า้ นนอก
“นี่ยงิ่ แย่กว่านั้น” โหลวหลานจีรีบพูดหลังจากที่เห็นเขา และเธอก็
พูดต่อไปว่า “ตระกูลซีมาที่นี่ และมิใช่เพียงแต่องค์หญิงในคราวนี้
แต่อดีตผูน้ าํ ตระกูลซี ปรมาจารย์ของพวกเขาก็มาที่นี่ดว้ ยเช่นกันใน
คราวนี้”
“ปรมาจารย์รึ ผูเ้ ฒ่าคนนั้นนะรึ ” ซูหยางเลิกคิ้ว พร้อมกับครุ่ นคิดว่า
ทําไมพวกเขาจึงมาที่นี่ “หรื อว่านี่จะเกี่ยวกับสมบัติวญ
ิ ญาณด้วย
เช่นกัน”
“ยังไงก็ตามตอนนี้พวกเขากําลังถูกเชิญมายังที่นี่ ในเมื่อพวกเขาขอ
พบกับเจ้า และข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้กบั เจ้าทราบก่อน”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “พาพวกเขาไปที่หอไม้รับอรุ ณ พวก
เราจักดําเนินการสนทนาที่นนั่ ”
ในเวลานั้นซีซิงฟางและซีหวังเพิ่งติดตามผูอ้ าวุโสซุนมาถึงเขตศิษย์
ใน
“ข้าต้องการถามมาสักระยะหนึ่งแล้ว… ว่าใครเป็ นคนสร้างค่ายกล
รอบนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ” ซีหวังถามผูอ้ าวุโสซุนด้วยสี หน้าเคร่ ง
เครี ยด ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นค่ายกลที่ลึกลํ้าน่าหวาดหวัน่ เช่นนี้มาก่อน
เมื่อตอนที่เขาเห็นครั้งแรก เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง และยิง่
เมื่อเข้ามาในนิกาย มันก็เหมือนกับว่าเขาเข้ามาในโลกอื่น
ถ้าให้เขาเปรี ยบเทียบค่ายกลของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั กับค่ายกล
ของตัวเขาเอง ก็เหมือนกับการเปรี ยบเทียบอาคารที่สร้างจากวัสดุที่ดี
ที่สุดในโลกนี้กบั อาคารที่สร้างจากโคลนซึ่งค่ายกลของตระกูลซี น้ นั
ก็เปรี ยบได้กบั อาคารโคลน
“นัน่ เป็ นผูน้ าํ นิกายของเรา ซูหยาง” ผูอ้ าวุโสซุนตอบด้วยนํ้าเสี ยงนบ
นอบ ไม่กล้าที่จะโกหกเขา
“อะไรนะ ชายหนุ่มคนนั้นเป็ นผูร้ ับผิดชอบค่ายกลนี้ง้ นั รึ ” ซี หวังมี
ท่าทางประหลาดใจบนใบหน้าหลังจากที่ได้ยนิ ว่าซูหยางนั้นอยู่
เบื้องหลังการสร้างค่ายกลนี้
“ข้ามิกล้าที่จะโกหกท่านเจ้า” ผูอ้ าวุโสซุนกล่าว
“เรี ยกข้าว่าผูอ้ าวุโสก็พอ ข้าได้ส่งต่อตําแหน่งและบัลลังก์ของข้าไป
ให้ลูกชายข้า ผูป้ กครองคนปัจจุบนั นานแล้ว” ซีหวังพูด
“เจ้ารู ้เรื่ องค่ายกลนี้แล้วงั้นรึ จึงเป็ นเหตุให้เจ้าต้องการที่จะมาที่นี่” ซี
หวังถามซีซิงฟางหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม เธอรี บส่ ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ มันยังมิได้ปรากฏขึ้น
ระหว่างการคัดเลือกศิษย์”
“เจ้ากําลังจะบอกข้าว่า เขาได้สร้างค่ายกลใหญ่ยกั ษ์น้ ีในเวลาเพียงแค่
ไม่กี่สปั ดาห์อย่างนั้นรึ ไม่น่าเชื่อ” ซีหวังพึมพําด้วยเสี ยงตื่นตระหนก
เวลาหลังจากนั้น ผูอ้ าวุโสซุนก็พาพวกเขาไปยังหอไม้รับอรุ ณ
“พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ท่านแขกผูท้ รงเกียรติ ซูหยางควรจะรอพวก
ท่านอยูด่ า้ นใน” ผูอ้ าวุโสซุนกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะปล่อยพวก
เขาไว้ตามลําพัง
“ไปกันเถอะ” ซีหวังและซี ซิงฟางเข้าไปในอาคารอันสวยงาม
หลังจากนั้น
“ยินดีตอ้ นรับสู่ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
ทันทีที่เขาเห็นหน้าพวกเขา
“ข้าพอที่จะรับใช้อะไรเจ้าได้บา้ ง องค์หญิง”
เขาโค้งคํานับซีซิงฟาง
“ได้โปรด ท่านควรจะละทิ้งพิธีการไปได้แล้ว ซูหยาง เพียงแค่เรี ยกข้า
ว่าซิ งเอ๋ อร์กพ็ อ” ซีซิงฟางกล่าว และเธอก็กล่าวต่อว่า “ข้าต้องขอโทษ
ที่มาเยีย่ มอย่างกะทันหัน เพราะว่าสิ่ งต่าง ๆ ได้เกิดความซับซ้อนขึ้น
เมื่อก่อนหน้านั้น”
“เจ้ามีปัญหาอะไรรึ ” ซูหยางถาม
ซีซิงฟางพยักหน้ากับคําถามของเขา
“พวกเรามานัง่ สนทนากันพร้อมกับดื่มชากันเถอะ” เขากล่าวก่อนที่
จะเทนํ้าชาบางส่ วนให้กบั พวกเขา
หลังจากที่ต่างพากันนัง่ ลงแล้ว ซีซิงฟางก็กล่าวว่า “นี่อาจจะกะทันหัน
ไปหน่อย และข้าก็มิถือโทษท่านหากจะปฏิเสธคําขอนี้ แต่ขา้ ปรารถนา
ที่จะอยูท่ ี่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ชัว่ ระยะเวลาหนึ่ง”
“โอ” ซูหยางเลิกคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ข้ามิกล้าที่จะไล่สาวสวยเช่นตัวเจ้า
ไปถึงแม้วา่ นัน่ จะเป็ นสิ่ งสุ ดท้ายที่ขา้ สามารถทําได้ และเจ้าสามารถ
ที่จะอยูท่ ี่นี่ได้ตราบเท่าที่ตอ้ งการ แต่ขา้ พอจะถามได้ไหมว่าทําไมเจ้า
จึงต้องการที่จะอยูท่ ี่นี่”
ซีซิงฟางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านยังจําเมื่อตอนที่เราพบกันครั้ง
แรกได้ไหม เมื่อท่านถูกโจมตีจากนักฆ่าจากดาบเสี้ ยวจันทร์”
“ข้านึกออก”
“ดาบเสี้ ยวจันทร์มีการเคลื่อนไหวเพิม่ มากขึ้นมินานมานี้ ดังนั้นข้าจึง
มาที่นี่เพื่อขอความคุม้ ครองจนกว่าสิ่ งต่าง ๆ จะกลับคืนสู่ สภาพปกติ
อีกทั้งก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่พวกเรามาที่นี่ พวกเราได้พบกับผูส้ ่ ง
สารคนหนึ่งของดาบเสี้ ยวจันทร์ ซึ่งได้พดู ว่า…”
ซีซิงฟางได้พดู ทวนสิ่ งที่นกั ฆ่าได้กล่าวกับเธอต่อซูหยาง
“เช่นนั้นก็หมายความว่าคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอาจจะมาถึงที่นี่
ในเร็ ว ๆ นี้ หื อ ช่างน่าสนใจ…” ซูหยางพึมพํา
“ข้าละอายใจที่จะกล่าวเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นที่นิกายล้านอสรพิษ แต่ขา้ เชื่อว่าข้าจักปลอดภัยที่นี่ถึงแม้วา่
สิ่ งที่คนส่ งสารนั้นพูดจะเป็ นความจริ ง” ซี ซิงฟางกล่าว
“ท่านมิมีขอ้ ขัดข้องกับเรื่ องนี้ใช่ไหม” ซูหยางมองไปยังซีหวัง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” อีกฝ่ ายถาม
“โดยพื้นฐานแล้วท่านยอมรับว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั นั้นมีความ
ปลอดภัยมากกว่าบ้านของตัวท่านเอง ซึ่งโดยนัยแล้ว… เอ้อ ท่าน
ควรจะรู ้ส่วนที่เหลือ”
“หลังจากที่เห็นค่ายกลที่ปกป้องสถานที่น้ ีแล้ว ถึงแม้วา่ มันจะเป็ น
การลดเกียรติของตระกูลของพวกเรา ข้าก็ตอ้ งยอมรับว่านิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั นั้นปลอดภัยกว่าบ้านตระกูลซีเป็ นอย่างมากใน
เวลานี้ และถ้าดาบเสี้ ยวจันทร์สามารถที่จะโน้มน้าวจอมยุทธจาก
ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาที่นี่ได้จริ ง ๆ ข้าก็มิสามารถที่จะพูดได้อย่าง
มัน่ ใจว่าข้าสามารถปกป้องเธอได้ต่อไป อย่ากังวลว่าพวกเราจักขอ
ยืมความแข็งแกร่ งของเจ้านั้นไปฟรี ๆ ตราบเท่าที่พวกเรายังสามารถ
ที่จะกระทําได้ พวกเราก็จกั ตอบแทนบุญคุณนี้อย่างแน่นอน” ซี หวัง
กล่าวด้วยสี หน้าจริ งจัง
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “ท่านมิจาํ เป็ นต้องจริ งจังเช่นนั้น ท่านผูเ้ ฒ่า
แค่คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ต่อให้คนทั้งทวีปนั้นโจมตีนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั พวกนั้นก็ยงั มิอาจที่จะทําอันตรายแม้แต่เส้นขน
ของซิงเอ๋ อร์ตราบเท่าที่เธออยูภ่ ายในค่ายกลนี้”
“ผ-ผูเ้ ฒ่า…” มุมปากของซีหวังบิดเบี้ยว
“ข้ามิสามารถที่จะขอบคุณท่านอย่างไรดีในเรื่ องนี้ ซูหยาง” ซี ซิงฟาง
ยืนขึ้นคํานับเขา
“เจ้าสามารถขอบคุณข้าในภายหลังได้” เขาส่ ายหน้า
หลังจากนั้น ซีหวังก็พดู พร้อมกับขมวดคิว้ ว่า “ตอนนี้เมื่อเหตุผลหลัก
ที่พวกเรามาที่นี่ได้ผา่ นพ้นไปแล้ว พวกเรามาพูดถึงพิษที่ยงั อยูภ่ ายใน
ร่ างของหลานสาวข้ากันดีกว่า”
บทที่ 548 คําเชิญของซีหวัง
เมื่อซีหวังพูดถึงพิษในร่ างของซีซิงฟางนั้น ทั้งห้องก็พลันเงียบลง
“ตระกูลซีได้รวบรวมส่ วนผสมทุกอย่างในรายการแล้วยกเว้นเพียง
สามอย่าง รากปี ศาจ เลือดกิเลนม่วง และโสมเลือดอสู ร”
“ทั้งรากปี ศาจและกิเลนม่วงนั้นสามารถพบเห็นได้ภายในป่ าต้องห้าม
สถานที่อนั ตรายสู งแห่งหนึ่งที่มีสตั ว์ร้ายที่ทรงพลังที่อาศัยอยูภ่ ายใน
นั้น และหมอกพิษที่เปี่ ยมไปทัว่ ทุกที่แห่งนั้น แม้วา่ พวกเราจะมีความ
สามารถที่จะไปเอารากปี ศาจที่อยูใ่ กล้กบั พื้นที่ขอบรอบนอก พวก
เราก็มิสามารถที่จะเข้าไปถึงกิเลนม่วงที่ท่องเที่ยวอยูภ่ ายในส่ วนลึก
ที่สุดของป่ าต้องห้ามได้”
“นอกจากว่าคนผูน้ ้ นั มีร่างที่ต่อต้านพิษร้ายเหมือนซิ งเอ๋ อร์ พวกเขาก็
มิอาจจะที่เข้าไปถึงกิเลนม่วงได้ อย่าว่าแต่จะเอาเลือดของมัน ซิ งเอ๋ อร์
สามารถเข้าไปถึงกิเลนม่วงได้โดยการอาศัยร่ างสวรรค์ของเธอ แต่
เธอก็อยูเ่ พียงแค่ในระดับแรกของเขตอัมพรวิญญาณ แต่กิเลนม่วงก็มี
ระดับอย่างน้อยที่ระดับหกเขตอัมพรวิญญาณ”
“ส่ วนสําหรับโสมเลือดอสูรนั้น… ความคืบหน้าของเจ้าเป็ นอย่างไร”
ซี หวังถามเขา
“เอ่อ ตอนนี้มนั เติบโตอยูใ่ นที่ปกปิ ด ซึ่ งมิมีใครสามารถหามันพบได้
และมันก็ควรจะพร้อมเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” เขาตอบ
อย่างใจเย็น
“จริ งรึ นัน่ เป็ นเรื่ องยอดเยีย่ มที่ได้ยนิ เช่นนั้น” ซี ซิงฟางกล่าว
“ตอนนี้ในเรื่ องพิษที่อยูใ่ นป่ าต้องห้าม… พิษในนั้นมีความแข็งแกร่ ง
มากเพียงใด มันสามารถหยุดท่านไว้มิให้เข้าไปหรื อไม่” จากนั้นซู
หยางก็ถามซีหวัง
“แม้วา่ ข้าเกลียดที่จะยอมรับ แต่ขา้ ก็มีความสามารถต่อต้านพิษนี้
ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลาง ส่ วนที่เกินเข้าไปกว่านั้นแม้วา่ ใน
ระดับพลังการฝึ กปรื อของข้าก็มิสามารถที่จะปกป้องข้าจากหมอก
พิษได้”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าจักหาหนทางปกป้องท่าน
จากหมอกพิษและต่อสู ก้ บั กิเลนม่วง”
“เจ้ามีแผนแล้วรึ ” ซีหวังเลิกคิ้วด้วยท่าทางแปลกใจ
“แน่นอน” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ ว “ข้ามียาสองสามอย่างในใจที่
จักเพิ่มความต้านทานต่อพิษให้กบั ท่านได้”
“ยารึ …” สี หน้าซับซ้อนพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซี หวัง และ
เขาก็กล่าวต่ออีกว่า “แต่มิมียาใดในโลกนี้ที่ทรงอํานาจมากพอที่จะ
ต่อต้านหมอกพิษได้ มิเช่นนั้นพวกเราก็คงได้ส่วนประกอบพวกนั้น
มานานแล้ว”
ซูหยางส่ ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้ามิมีความมัน่ ใจในผลลัพธ์ของมัน
ข้าจักกล่าวอ้างถึงมันไปทําไมกัน อย่างไรก็ดีขา้ มิประหลาดใจท่านที่
มิรู้จกั มัน ในเมื่อมันยังมิได้มีปรากฏในทวีปตะวันออก”
“อ-อะไรนะ…” ซีหวังมองดูซูหยางด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาพลันนึก
ถึงเทพธิดาที่ระหว่างการแข่งขันระดับภูมิภาค
“โอ ตัวยาเหล่านี้คงต้องมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ใช่ไหม” เขาถาม
ด้วยความตื่นเต้น
“เอ๋ ” ซูหยางเลิกคิ้ว
“เอ้อ ข้าเดาว่ามันเป็ นอะไรทํานองนั้น” ซีหวังกล่าวหลังจากนั้นอีก
ชัว่ ขณะ
แม้วา่ ตัวยาเหล่านี้มาจากสวรรค์ศกั ดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ แต่มนั ก็เป็ นเรื่ อง
ดีกว่าที่จะพูดว่ามันมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ในเมื่อมันเป็ นเรื่ อง
สะดวกและเชื่อได้ง่ายกว่า
“นี่เป็ นข่าวที่ยอดเยีย่ ม ท่านปู่ ” ซีซิงฟางกล่าวด้วยรอยยิม้ สดใส
“ตอนนี้พวกเราสามารถได้ส่วนผสมเพิม่ ขึ้นอีกสองตัว ครั้นเมื่อโสม
เลือดอสูรพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว พวกเราก็จกั มีส่วนผสมทั้งหมดสําหรับ
การรักษา”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นเพียงแค่น้ นั ” ทันใดนั้นซูหยางก็พดู ขึ้น “แม้วา่ พวก
เรามีหนทางที่จะจัดการกับหมอกพิษพวกเราก็ยงั ต้องการตัวยาสําหรับ
ให้แผนการสําเร็ จ สําหรับการรักษาพิษในร่ างของซีเอ๋ อร์น้ นั ข้ามิ
มัน่ ใจว่าส่ วนผสมที่จาํ เป็ นสําหรับตัวยาทั้งหมดนั้นจักมีอยูใ่ นโลก
แห่งนี้ครบหรื อไม่”
“ถึงแม้วา่ พวกเรามิมีส่วนประกอบในทวีปตะวันออก พวกเราก็
สามารถที่จะเอามันได้จากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง มิใช่รึ แม้วา่ ข้ามิเคย
ไปที่นนั่ ด้วยตนเอง อาจารย์ของเจ้าก็ควรจะสามารถไปถึงที่แห่งนั้น
ได้ ใช่ไหม” ซี หวังถามเขา
“อาจารย์ของข้ารึ … ถ้าท่านพูดถึงสาวสวยคนนั้น เช่นนั้นก็ตอ้ งบอก
ว่าเธอมิใช่อาจารย์ของข้า” ซูหยางถอนใจคิดสงสัยว่าทําไมทุกคนจึง
พลันทึกทักเอาว่าชิวเยว่น้ นั เป็ นอาจารย์ของเขา
“เทพธิดาที่ปรากฏตัวที่ตอนจบการแข่งขันระดับภูมิภาคนัน่ เธอมิได้
เป็ นอาจารย์ของเจ้ารึ เช่นนั้นจอมยุทธคนนั้นเป็ นใครกัน ข้ามิเคยเห็น
คนที่ทรงอํานาจเช่นเธอในระยะเวลาห้าร้อยปี ในโลกนี้ของข้ามาก่อน”
ซี หวังถามด้วยใบหน้างุนงง
“เพื่อนคนหนึ่ง” เขาตอบอย่างผ่าน ๆ
“มิวา่ อย่างไรก็ตามถึงแม้วา่ จะมิมีตวั ยา ข้าก็ยงั มีความคิกอีกสองสาม
อย่าง”
จากนั้นเขาก็หนั ไปมองดูซีซิงฟางและกล่าวว่า “ข้าพอจะดูฝ่ามือของ
เจ้าในตอนนี้ได้หรื อไม่”
ซีซิงฟางพยักหน้าและยืน่ ฝ่ ามือของเธอไปให้กบั เขา
ซูหยางจับมือเรี ยบเนียนของเธอไว้และหลับตาลง
สองสามนาทีในความเงียบให้หลัง เขาก็ลืมตาขึ้นและกล่าวว่า “เจ้ามี
เวลาอีกครึ่ งปี ก่อนที่เจ้าจะเริ่ มประสบกับอาการ ซึ่งยากที่จะทนได้”
“ครึ่ งปี … นัน่ จักเพียงพอสําหรับพวกเราในการเสร็ จสิ้ นการรักษา
หรื อไม่” เธอถามเขาด้วยใบหน้าเป็ นกังวล
ซูหยางแสดงสี หน้ามัน่ ใจและกล่าวว่า “ถึงแม้วา่ นัน่ จะมีเวลามิเพียง
พอ ข้าก็จกั ทําให้มนั เพียงพอ ดังนั้นเจ้ามิควรกังวลเกี่ยวกับเรื่ องนั้น”
“ถึงแม้วา่ ข้ามาจากตระกูลที่ทรงอํานาจที่สุดแห่งหนึ่งในทวีป
ตะวันออก ข้าก็มิรู้วา่ ควรจักขอบคุณท่านสําหรับทุกอย่างที่ท่านได้
ทําไว้ให้กบั ข้าและตระกูลข้า” ซีซิงฟางถอนหายใจ
“นัน่ มิมีความจําเป็ นที่จะต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงทําทุกอย่างตาม
ความต้องการของข้า” เขากล่าว
“มิวา่ อย่างไรก็ตาม เจ้ามีคาํ ถามอะไรมากไปกว่านี้กบั ตัวข้าหรื อไม่”
“เจ้ามีคาํ ถามอะไรอีกสําหรับเขาหรื อไม่ ซิงเอ๋ อร์” ซี หวังถามเธอ
“ไม่” เธอส่ ายหน้า
“เช่นนั้นเจ้าพอจะรอคอยข้าอยูข่ า้ งนอกหรื อไม่ ข้ามีเรื่ องที่จะพูดกับ
เขาเป็ นการส่ วนตัว มันมิควรจักใช้เวลานานเกินไปนัก” ซี หวังกล่าว
ซี ซิงฟางมองดูอีกฝ่ ายอย่างเงียบ ๆ ชัว่ ขณะก่อนที่จะพยักหน้า “อย่า
ทําอะไรเกินเลยไปเพียงเพราะว่าข้ามิได้อยูท่ ี่นี่ ท่านปู่ เพราะว่าข้าจัก
พบเจอในภายหลัง”
“ข้ามิกล้า” อีกฝ่ ายตอบ
ครั้นเมื่อซีซิงฟางออกไปจากห้องแล้ว ซีหวังก็มองดูซูหยางด้วยสี หน้า
จริ งจังและกล่าวว่า “ข้าจักมิกล่าวอ้อมค้อมและพูดอย่างตรงไปตรงมา
ถึงหัวข้อนั้น”
“เจ้า… เจ้าสนใจที่จะมาเป็ นส่ วนหนึ่งของตระกูลซีหรื อไม่” เขาถาม
ซูหยางพร้อมกับหรี่ ตา
บทที่ 549 ผู้หญิงทีไ่ ม่ เหมือนใคร
“ท่านต้องการให้ขา้ เข้าร่ วมกับตระกูลซี ง้ นั รึ ท่านต้องการอธิบาย
หรื อไม่” ซูหยางกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ก็เหมือนกับที่พดู ไปแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าเข้าร่ วมกับตระกูลของ
เราและเป็ น “เจ้าซี” รุ่ นถัดไปในอนาคต” ซี หวังกล่าวด้วยสี หน้า
จริ งจัง
“สามารถบอกข้าได้ไหมว่าอะไรทําให้ท่านได้ตดั สิ นใจเช่นนั้น” ซู
หยางถาม
“จริ งแล้วนัน่ ก็เป็ นเรื่ องง่าย ๆ มิเพียงแต่เจ้าเป็ นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์
สู งสุ ดที่ขา้ เคยเห็นมา แต่เจ้าเองก็ยงั รู ้จกั ใช้สมองและมีความสามารถ
ที่จะปกครองทัว่ ทั้งทวีป ยิง่ ไปกว่านั้นหลานสาวของข้า ซิงเอ๋ อร์ดู
เหมือนจะชอบเจ้าอยูเ่ ช่นกัน และเจ้าก็มีรูปร่ างหน้าตาที่เหมาะสมกับ
ความสวยของเธอ ถ้าเจ้าถามข้า เจ้าถือว่าเป็ นคนที่เหมาะสมที่สุดกับ
หลานสาวของข้า ข้าได้เห็นเด็กหนุ่มมานับไม่ถว้ นที่ขอจับมือหลาน
สาวข้า แต่มิมีใครที่ได้รับการยินยอมให้แม้กระทัง่ สัมผัสตัวเธอ อย่า
ว่าแต่จะแต่งงานกับเธอ”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร ถ้าเจ้าเข้าร่ วมกับตระกูลซี มิเพียงแต่เจ้าจักได้แต่งงาน
กับซิงเอ๋ อร์ ซึ่งนับว่าเป็ นผูห้ ญิงที่สวยที่สุดในทวีปตะวันออกนี้ แต่ก็
ยังมีโอกาสสู งมากที่เจ้าจักได้สืบทอดบัลลังก์และปกครองทวีป
ตะวันออกนี้ในอนาคต”
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของซี หวัง ซูหยางก็พดู ด้วยรอยยิม้ ว่า “ท่าน
มัน่ ใจว่าจะสามารถเชื่อคนอย่างข้าได้รึ ข้าหมายความว่า พวกเรา
แทบจะไม่รู้จกั กันด้วยซํ้า ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าท่านรู ้จกั ข้ามากเท่าไหร่
กัน และการมอบหลานสาวของตนเองให้กบั คนที่มิรู้จกั นั้น ท่านมิ
รี บร้อนเกินไปกับการเลือกเช่นนี้รึ ยิง่ ไปกว่านัน่ ข้าเองก็เป็ นผูน้ าํ
นิกายของสํานักที่เกี่ยวพันกับการฝึ กวิชาคู่ ท่านคิดจริ งรึ วา่ ข้าจักหยุด
ฝึ กวิชาคู่หลังจากที่ขา้ แต่งงานเข้าสู่ ตระกูลซี ถ้าท่านพยายามที่จะล่อ
ข้าด้วยซิงเอ๋ อร์แล้วข้าก็ขอแนะนําให้ท่านหยุดก่อนที่เธอจะเสี ยความ
รู ้สึก”
“…”
ซีหวังเงียบไปเป็ นเวลานานหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของซูหยาง
สองสามอึดใจจากนั้น เขาก็กล่าวว่า “ข้ามิสงั เวยซิ งเอ๋ อร์อย่างแน่นอน
ถึงแม้วา่ นัน่ จะเป็ นสิ่ งสุ ดท้ายที่ทาํ ได้ มิวา่ ข้าจักมีความละโมบหรื อ
แม้วา่ ข้าจักต้องการให้ตระกูลซีประสบความสําเร็ จมากเพียงใดก็
ตาม ข้าจักมิใช้หลานสาวสุดที่รักของข้าเป็ นเหยือ่ ล่อ เจ้ามองข้าตํ่า
เกินไปแล้ว เจ้าหนุ่ม”
“แต่ทว่านัน่ เป็ นเพราะว่าเจ้ามีความคิดจิตใจเช่นนั้นที่ขา้ คิดว่าเจ้า
เหมาะสมที่จะเป็ นผูป้ กครอง และข้าก็จกั มิยกเรื่ องนี้ข้ ึนมาถ้าซิ งเอ๋ อร์
มิได้ชื่นชมเจ้า เธอมีพรสวรรค์ในการตัดสิ นผูค้ น และถ้าเธอยอมรับ
เจ้า เช่นนั้นข้าก็มิมีเหตุผลใดที่จะสงสัยตัวตนของเจ้าถึงแม้วา่ ข้ามิได้
รู ้จกั เจ้าดีนกั ”
“ยิง่ ไปกว่านั้น เจ้าเป็ นคนเพียงคนเดียวที่ขา้ รู ้จกั ที่สามารถมองดูหน้า
ซิ งเอ๋ อร์ได้โดยมิแสดงความกําหนัดขึ้นมาในแววตา”
“เจ้าจักว่าอย่างไร เจ้าหนุ่ม หลานสาวข้าเป็ นผูห้ ญิงที่ไม่เหมือนใครใน
โลกนี้ มิเพียงแต่เธอจะสวยเหมือนกับเทพธิดาแต่พรสวรรค์ของเธอ
ก็ยงั คงอยูใ่ นระดับสู งสุ ด ทั้งยังซื่อสัตย์ ถ้าข้ายอม นัน่ ย่อมมีผชู ้ ายมา
เข้าแถวจากด้านหนึ่งของทวีปไปจนจรดอีกด้านหนึ่งเพียงเพราะเธอ”
ซูหยางหัวเราะเบา ๆ กับคําพูดของอีกฝ่ าย แม้วา่ ซี ซิงฟางอาจจะเป็ น
ผูห้ ญิงที่สวยที่สุดในโลกนี้ แต่เขาก็ได้เห็นผูห้ ญิงมากมายนับไม่ถว้ น
ที่มีพรสวรรค์และความสวยเหนือกว่าเธอในสวรรค์ศกั ดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่
ทั้งยังได้กอดกับพวกเธอมาหลายคน
“ข้าเสี ยใจ ยังไงข้าก็จกั ต้องปฏิเสธข้อเสนอของท่านอยูด่ ีแม้วา่ ท่าน
จะชื่นชมข้าเพียงใดก็ตาม” ซูหยางกล่าวหลังจากนั้น สร้างความงง
งันให้กบั ซี หวัง
“ข้าพอถามได้ไหมว่าทําไม” ซีหวังถามเขา “ในแง่ของฐานะและ
หน้าตา ก็มิมีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเปรี ยบได้กบั เธออีก และถ้า
เจ้ารวมพรสวรรค์และตัวตนที่นุ่มนวลของเธอเข้าไปด้วย เธอก็นบั ว่า
เป็ นตัวเลือกที่ดีที่สุดสําหรับชายทุกคน”
“ก็จริ งอยู่ หน้าตาของซิงเอ๋ อร์นบั ว่าค่อนข้างเจริ ญตาสําหรับทุกคน
ทั้งพื้นเพของเธอก็น่าประทับใจ แต่ทว่าข้าสามารถบอกได้วา่ เธอเป็ น
ผูห้ ญิงประเภทที่มิสามารถทนกับการแบ่งปั นผูช้ ายของตนเองได้” ซู
หยางพูดอย่างเยือกเย็น “ถึงแม้วา่ เธอจะทําตัวเงียบเฉยและมิได้กล่าวถึง
เรื่ องนั้น เธอก็จะยังคงรู ้สึกเจ็บปวดอยูใ่ นใจ และในฐานะชายที่มิ
สามารถที่จะซื่อสัตย์ได้แต่เพียงผูห้ ญิงคนเดียว ข้าจึงมิสามารถที่จะ
อยูก่ บั เธอได้”
“และอย่างไรก็ตาม กล่าวไปแล้ว นี่กม็ ิได้เป็ นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่
ทําไมข้าจึงมิสามารถที่จะเข้าร่ วมกับตระกูลซี ได้”
เขากล่าวต่อว่า “ทวีปตะวันออกนั้นธรรมดาแล้วถือว่าเล็กเกินไป
สําหรับข้า และข้ามิได้มีแผนที่จะอยูท่ ี่นี่ตลอดไป ครั้นเมื่อข้ามีโอกาส
ข้าก็จกั จากทวีปตะวันออกไปสํารวจโลก ดังนั้นข้าจึงมิสามารถที่จะ
กลายเป็ นผูป้ กครองของทวีปตะวันออกได้”
“เจ้า…” ซีหวังพูดไม่ออก ในเมื่อจริ งแล้วเขาก็ไม่รู้วา่ จะตอบสนอง
กับคําพูดของซูหยางอย่างไรดี
และในเรื่ องของซีซิงฟางเอง เขาก็มีความรู ้สึกว่าเธออาจจะต้องการมี
ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ งกับคนสําคัญของเธอ และวิถีชีวติ ของซูหยาง
ในฐานะผูฝ้ ึ กคู่กอ็ าจจะสร้างภาระหนักให้กบั เธอ
“เหตุผลของข้าเป็ นที่ยอมรับของท่านได้หรื อไม่ หรื อว่าข้าควรจะให้
เหตุผลของข้ามากไปกว่านี้ ถ้าหากสภาพการณ์แตกต่างไปจากนี้
เช่นนั้นข้าก็คงมิลงั เลที่จะเข้าร่ วมตระกูลซี แต่ทว่า….” ซูหยางกล่าว
กับเขา
“ฮาาา…” ซี หวังถอนหายใจดัง เขากล่าวว่า “ไม่ เจ้ามิจาํ เป็ นที่จะต้อง
พูดอะไรเพิ่มอีก ข้าเข้าใจความรู ้สึกและเหตุผลของเจ้าเป็ นอย่างดี ข้า
ขอโทษที่ขา้ ได้วางเจ้าไว้ในตําแหน่งที่ชวนอึดอัดกับคําขอของข้าเมื่อ
กี้น้ ี”
“เป็ นเรื่ องที่น่าเสี ยใจจริ ง ๆ ถ้าทวีปตะวันออกมีคนแบบเขาปกครอง
มันก็คงก้าวเข้าสู่ ยคุ ใหม่อย่างแน่นอน” ซี หวังส่ ายหน้าอยูใ่ นใจ
“มิวา่ อย่างไรก็ตาม ข้าก็จกั ต้องขอขอบคุณเป็ นการส่ วนตัวที่ยอมให้
ซิ งเอ๋ อร์ได้พาํ นักอยูท่ ี่นี่ ถ้าเจ้ามิถือ ข้าก็จกั ขออยูท่ ี่นี่อีกสองสามวัน
เช่นกันก่อนที่ขา้ จะกลับไปตระกูลซี ”
“นัน่ มิเป็ นไรจริ ง ๆ” ซูหยางยิม้
“นี่เป็ นสิ่ งเล็กน้อยเพื่อเป็ นการตอบแทนการต้อนรับของเจ้า” ซี หวัง
พลันยืน่ ส่ งแหวนมิติให้กบั ซูหยาง “เจ้าสามารถใช้มนั สําหรับตัวเจ้า
เองหรื อจะแบ่งปั นให้กบั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็ได้”
ซูหยางรับแหวนมิติไว้โดยไม่สนใจแม้แต่จะมองเข้าไปในนั้น
เวลาหลังจากนั้น พวกเขาก็ออกจากอาคารเพือ่ พบกับซีซิงฟางซึ่ งรอ
อยูข่ า้ งนอกอย่างอดทน
“ข้าหวังว่าปู่ ของข้ามิได้รบกวนท่านมากเกินไป ซูหยาง” ซีซิงฟาง
กล่าวกับเขาหลังจากนั้น
เขาส่ ายหน้าและกล่าวว่า “มิได้เลวร้ายขนาดนั้น”
“เช่นนั้นท่านกําลังจะพูดว่าข้าได้รบกวนท่านอยูบ่ า้ งรึ ” ซีซิงฟางเลิก
คิ้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางหัวเราะอย่างสบาย ๆ
บทที่ 550 ผู้หญิงเห็นแก่ตวั
หลังการประชุมเล็ก ๆ ที่หอไม้รับอรุ ณจบลง ซูหยางก็พาคนจาก
ตระกูลซี ท้ งั สองคนไปยังที่พกั ที่ดีที่สุดภายในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“นี่จกั เป็ นที่พกั อาศัยของพวกท่านจนกว่าพวกท่านตัดสิ นใจที่จะไป
แต่ถา้ พวกท่านมิพึงใจพวกเราก็สามารถเปลี่ยนให้ได้เสมอ ในเมื่อ
นิกายค่อนข้างกว้างขวางและมีหอ้ งมากมายในเวลานี้ ที่นี่ค่อนข้าง
ใกล้กบั ศาลาหยินหยางที่ซ่ ึงตอนนี้ขา้ ได้อาศัยอยู่ และถ้าพวกท่าน
ต้องการอะไร พวกท่านก็เพียงติดต่อกับข้าโดยใช้หยกสื่ อสารนี้”
ซูหยางกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะกลับคืนไปยังศาลาหยินหยางสอง
สามนาทีให้หลัง
ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในที่พกั ใหม่เรี ยบร้อยแล้ว ซี หวังก็ถามซี ซิง
ฟางว่า “หลานสาวของข้า เจ้ารู ้สึกเป็ นอย่างไรบ้างกับซูหยาง”
“ทําไมถึงมีคาํ ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะ ท่านปู่ ข้านั้นนับถือซูหยาง
เป็ นอย่างมาก มิเพียงแต่เขานั้นมีพรสวรรค์มากแต่เขาก็ยงั เป็ นคนที่
ใจดีอีกมากด้วย” เธอตอบกลับอย่างใจเย็น
“อัยย่า… นัน่ มิใช่เป็ นสิ่ งที่ขา้ กําลังถามอยู่ แต่เจ้าก็ควรจะรู ้อยูแ่ ล้ว มิ
จําเป็ นที่จะต้องสงวนท่าทีต่อหน้าผูเ้ ฒ่าคนนี้เพราะว่าข้าย่อมต้อง
สนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอนมิวา่ จะอย่างไรก็ตาม ดังนั้นบอกข้าว่าเจ้า
คิดอย่างไรกับซูหยางในฐานะชายคนหนึ่ง เจ้ายินดีที่จะรับเขาเป็ น
สามีของเจ้าหรื อไม่”
“…”
ซีซิงฟางหลับตาลงและเงียบงันไปกว่านาทีก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ซู
หยาง… เขาเป็ นคนที่ผหู ้ ญิงส่ วนใหญ่เรี ยกว่าเป็ นชายสมบูรณ์แบบ
เขาหล่อถึงที่สุด มีความสามารถมากที่สุด มีความรู ้ลึกลํ้าเป็ นอย่าง
มาก และสิ่ งที่สาํ คัญที่สุดก็คือเขาเป็ นคนที่เอาใจใส่ ร้อยทั้งร้อยเขา
เป็ นคนที่มหัศจรรย์… เรี ยกได้วา่ เกือบสมบูรณ์แบบ หากว่าให้ขา้
กล่าวอย่างจริ งใจแล้วละก็”
“ข้ามิกล่าวถึงวิธีที่เขาฝึ กวิชา ในเมื่อข้าเชื่อว่าเขาเพียงทําแต่สิ่งที่ชอบ
แม้วา่ มันจะผิดธรรมดาไปบ้างก็ตาม”
“อย่างไรก็ตามสิ่ งที่ขา้ ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือบุคลิกลักษณะ
ของเขา เขาสามารถรักษาภาพพจน์ที่สง่างามสู งส่ งได้อยูเ่ สมอ ใน
บรรดาคนนับไม่ถว้ นที่ได้มองข้า เขาเป็ นเพียงคนเดียวที่มิได้มองข้า
ด้วยดวงตาหื่ นกระหายและมีความคิดที่สกปรก และเขาก็มกั จะมอง
ตรงเข้ามาที่ตาของข้าราวกับว่ามิได้มีผา้ คลุมปิ ดหน้าข้าอยูเ่ ลย ยิง่ ไป
กว่านั้นข้าสามารถบอกได้วา่ เขามิได้เสแสร้งแกล้งทําและมิได้รู้สึก
ผิดประหลาดไปกับหน้าตาของข้าเลย”
“ถ้าคนแบบซูหยางยินดีที่จะรับข้าไว้เป็ นคู่ร่วมวิถีของเขา ข้าจักมิ
ลังเลที่จะเป็ นผูห้ ญิงของเขาเลยแม้แต่นอ้ ย ในเมื่อข้ามีความมัน่ ใจว่า
เขาจักทําให้ขา้ เป็ นหญิงที่มีความสุ ขที่สุดในโลกนี้”
“อย่างไรก็ตามจากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ความเป็ นไปได้ที่เราจะอยู่
ร่ วมกันนั้นยากที่จะเป็ นไปได้ เพราะความจริ งที่วา่ ข้าเป็ นผูห้ ญิงเห็น
แก่ตวั แม้วา่ ข้าอาจจะรู ้สึกดีในตอนนี้หากว่าเราได้กลายเป็ นคู่ร่วมวิถี
กันจริ ง ๆ แต่ขา้ มิคิดว่าข้าจักสามารถทนเห็นเขาหลงใหลไปกับหญิง
คนอื่นได้”
“บางทีนี่อาจจะเป็ นเพราะพื้นเพและการได้รับการเลี้ยงดูของข้า แต่
โดยพื้นฐานแล้วข้ามิตอ้ งการที่จะแบ่งปันเขากับคนอื่น” ซี ซิงฟาง
ถอนใจในที่สุด
“…”
ซีหวังพูดไม่ออก ในเมื่อซูหยางได้พดู สิ่ งเดียวกันนี้กบั เขาเมื่อไม่นาน
มานี้
“เขาพูดได้ถูกต้องตรงจุด… ดูเหมือนว่าเขาจะรู ้จกั ซิ งเอ๋ อร์มากกว่าข้า
แม้วา่ แทบจะไม่ได้ใช้เวลาอยูร่ ่ วมกัน…” เขาคิดในใจอย่างเงียบ ๆ
ยอมรับความสามารถของซูหยางในการประเมินผูห้ ญิง
“ช่างเป็ นเรื่ องน่าเสี ยดาย…” เขาถอนหายใจหลังจากนั้น “ถ้าซูหยาง
กลายเป็ นส่ วนหนึ่งของตระกูลซี อิทธิพลของพวกเราก็คงจะแผ่ขยาย
ไปทัว่ อีกทั้งสามทวีป มิตอ้ งกล่าวว่าเขายังรู ้จกั กับคนจากทวีป
ศักดิ์สิทธิ์กลางอีกด้วย อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามิสามารถที่จะทนเห็นเขา
อยูก่ บั หญิงอื่นได้ เช่นนั้นเจ้าก็คงได้แต่ยอมแพ้หรื อไม่กท็ าํ ให้เขา
หลงใหลเจ้าจนถึงขั้นที่วา่ เขายอมที่จะละทิ้งหญิงอื่น แต่นนั่ ก็มี
โอกาสตํ่ามาก”
“ข้าเสี ยใจ ท่านปู่ ที่ทาํ ให้ท่านผิดหวัง” ซี ซิงฟางกล่าว
“ถ้าจะมีคนที่ควรจะขอโทษ นัน่ ก็ควรจะเป็ นข้า อย่าปล่อยให้การ
สนทนานี้กดดันตัวเจ้าในเมื่อข้าเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับความรู ้สึกของ
เจ้าเท่านั้น” ซีหวังกล่าวก่อนที่จะไปยังที่พกั ของตนเองหลังจากนั้น
สองสามนาที
ครั้นเมื่อซี ซิงฟางอยูเ่ พียงลําพังแล้ว เธอก็ถอนหายใจ “ถ้าเพียงแต่ขา้
สามารถเปิ ดใจได้มากกว่านี้…”
ในเวลานั้นภายในศาลาหยินหยาง โหลวหลานจีกเ็ ข้าไปหาซูหยาง
และกล่าวกับเขาว่า “ทุกสิ่ งเรี ยบร้อยดีไหม เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลซี
รึ ”
“พวกเขาจักอาศัยอยูก่ บั เราชัว่ ระยะเวลาหนึ่งเนื่องมาจากปัญหา
แทรกซ้อนบางอย่าง” เขากล่าว
“อะไรกัน พวกเขาจะอยูใ่ นนิกายอย่างงั้นรึ เจ้ารู ้ไหมว่าจะนานเท่าไหร่
ข้ามิอาจจะฝึ กฝนด้วยใจเป็ นสุ ขได้หากรู ้วา่ ตระกูลซี เฝ้ามองอยู”่
ซูหยางหัวเราะหึ แล้วกล่าวว่า “ใจเย็น ๆ สักพักหนึ่งก่อน ทําไมพวก
เขาจักต้องแอบมองพวกเราฝึ กวิชาด้วยล่ะ ตราบเท่าที่เจ้ามิสนใจพวก
เขา พวกเขาก็มิสนใจเจ้าเช่นกัน”
“อย่างไรก็ตาม ข้าต้องจากนิกายไปสักสองสามวันในอีกไม่กี่สปั ดาห์
ข้างหน้านี้ ในเมื่อข้ามีธุระที่นิกายดอกบัวเพลิง ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการ
อะไร ก็เพียงแค่ติดต่อข้าผ่านหยกสื่ อสารดังเช่นปกติ”
ในขณะที่พวกเขากําลังสนทนากันอยูน่ ้ นั ไป่ ลี่ฮวั ก็พลันปรากฏตัว
ขึ้นด้วยสี หน้ากระวนกระวาย “จริ งรึ ที่ตระกูลซี อยูท่ ี่นี่ อีกทั้งท่าน
ปรมาจารย์กอ็ ยูท่ ี่นี่ดว้ ยรึ บอกข้าว่าพวกเขาอยูท่ ี่ไหนข้าจักได้ไป
ทักทายพวกเขา” เธอกล่าวกับพวกเขา
ซูหยางพยักหน้าและให้ที่อยูท่ ี่พกั อาศัยนั้นให้กบั เธอ
“ซูหยิน เจ้าอยูใ่ นนั้นหรื อเปล่า มากับข้าไปทักทายตระกูลซีกนั ” ไป่
ลี่ฮวั เรี ยกซูหยินออกมา ซึ่งยังคงหลับอยูภ่ ายในห้อง
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยินที่ดูง่วงงุนก็ปรากฏตัวขึ้น
“รี บแต่งตัว ถ้าเจ้าไปทักทายท่านปรมาจารย์ในขณะที่อยูใ่ นสภาพ
เช่นนี้ นัน่ ย่อมเป็ นจุดจบของนิกายหงส์สวรรค์แน่” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับ
เธอ
“ท่านก็กล่าวเกินเลยไป…” ซูหยินยิม้
สองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่ซูหยินอาบนํ้าแต่งตัวเรี ยบร้อยแล้ว
ไป่ ลี่ฮวั ก็ลากเธอไปยังที่พกั ตระกูลซี
“เจ้าสํานักหงส์สวรรค์ ไป่ ลี่ฮวั ยินดีที่ได้พบท่านปรมาจารย์และองค์
หญิง”
“ซูหยินจากตระกูลซูและสํานักหงส์สวรรค์ยนิ ดีที่ได้พบกับท่าน
ปรมาจารย์และองค์หญิง”
พวกเธอต่างพากันคํานับสองตระกูลซี ดว้ ยความเคารพสู งสุ ด
“โอ สํานักหงส์สวรรค์มาทําอะไรที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั รึ ” ซี หวัง
เลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“เป็ นเพราะศิษย์ของข้า ซูหยิน ได้บรรลุนิติภาวะแล้ว และเธอก็
ต้องการที่จะฉลองกับพี่ชายของเธอ ซูหยาง ดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่
เมื่อสองสามวันก่อน” ไป่ ลี่ฮวั อธิบายเหตุผลสําหรับการปรากฏตัวที่
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“เป็ นอย่างนั้นนัน่ เองรึ อย่างไรก็ตามพวกท่านสามารถละทิ้งพิธีการไป
ได้ ในเมื่อพวกเราก็มาเป็ นแขกที่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เช่นเดียวกัน”
ซีซิงฟางกล่าวกับพวกเธอด้วยรอยยิม้ อ่อนโยน
บทที่ 551 ตระกูลฟาง
“ซูหยิน… เจ้าเป็ นน้องสาวของซูหยางใช่ไหม ข้าต้องการที่จะได้พดู
กับเจ้ามานานแล้ว” ซีซิงฟางพลันมองมายังเธอด้วยรอยยิม้
“ข้ารึ …” ซูหยินแสดงสี หน้างงงัน
ซีซิงฟางพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามีเวลาบ้างในตอนนี้ จะเป็ นไร
ไหมหากจะมานัง่ คุยกับข้า ข้าจักบริ การนํ้าชาชั้นเยีย่ มประจําตระกูล
ของข้าเป็ นการแลกเปลี่ยนกับเวลาของเจ้า”
“นํ้าชากับองค์หญิงรึ ” ซูหยินงงงัน ในเมื่อเธอได้รับโอกาสอันยิง่ ใหญ่
ที่คนปกติไม่เคยได้รับอย่างกะทันหัน แต่ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะ
จินตนาการได้วา่ ทําไมซีซิงฟางจึงสนใจในตัวเธอ
แม้วา่ เธอจะมาจากหนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่ แต่เธอก็ไม่เคยทําอะไรที่
ควรได้รับความสนใจเช่นนี้ ดังนั้นนี่อาจจะไม่ใช่เรื่ องเธอแต่เป็ น
เรื่ องของซูหยางแทน
“เจ้ามิตอ้ งการรึ ” ซีซิงฟางแสดงสี หน้าท้อแท้เมื่อซูหยินยังคงเงียบ
เฉย
“ม-มิใช่เช่นนั้น นับเป็ นเกียรติของข้าที่ได้ดื่มนํ้าชากับองค์หญิง” เธอ
กล่าว
“ก็อย่างที่ขา้ ได้พดู ไป เจ้าควรงดใช้พิธีรีตอง ในเมื่อมีแค่พวกเราอยู่
ที่นี่ เพียงแค่เรี ยกข้าว่า พี่หญิงซิงฟาง”
“ข้ามิกล้า…” ซูหยินส่ ายหน้าอย่างเป็ นกังวล
“นัน่ คงทําให้สิ่งต่าง ๆ เกิดความซับซ้อนกับข้า ในเมื่อข้าใกล้ชิดกับ
พี่ชายของเจ้าเป็ นอย่างมาก”
“ท่านใกล้ชิดกับพี่ชายของข้างั้นรึ ” ซูหยินมองดูเธอด้วยดวงตาเบิก
กว้าง แล้วเธอก็ถามว่า “ใกล้ชิดระดับไหนที่เรากําลังพูดถึง”
“ซูหยิน… เจ้ามิควรถามคําถามที่จาบจ้วงเช่นนั้น…” ไป่ ลี่ฮวั กล่าว
กับเธอด้วยสี หน้ากระสับกระส่ าย
ซีซิงฟางหัวเราะคิกคักกล่าวว่า “ถ้าเจ้าต้องการรู ้ ข้าจักบอกเจ้าทุก
อย่างถ้าเจ้ามากับข้า”
“ตกลง พี่หญิงซิงฟาง” ซูหยินตอบรับทันที และทัศนคติที่เธอมีต่อซี
ซิงฟางก็เปลี่ยนไป 180 องศา
“ข้าต้องขออภัยเป็ นการล่วงหน้ากับพฤติกรรมหยาบคายของศิษย์ขา้
องค์หญิง…” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับซี ซิงฟางก่อนที่ซีซิงฟางจะพาซูหยินไป
ครั้นเมื่อพวกเธอจากไปแล้ว ซีหวังก็มองไปยังไป่ ลี่ฮวั แล้วกล่าวว่า
“สํานักหงส์สวรรค์ได้ร่วมเป็ นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
ใช่ไหม และนี่กเ็ กิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาค
ถ้าเจ้ามิถือ เจ้าพอที่จะบอกข้าได้ไหมว่าอะไรเป็ นเหตุให้เจ้ามีการ
ตัดสิ นใจเช่นนั้น ข้ามิได้มีความคิดที่จะล่วงเกินแต่อย่างใดเพียงแต่
สํานักระดับสู งปกติแล้วมักจะมิเห็นหรื อใส่ ใจในสํานักที่เล็กและไร้
ความสําคัญอย่างเช่นนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แต่เจ้ากลับทิ้งความ
ภาคภูมิท้ งั หมดของตนเองและร่ วมเป็ นพันธมิตรกับพวกเขา ข้าจึงมิ
สามารถที่จะจินตนาการได้วา่ อะไรที่มีอิทธิพลต่อเจ้าให้ทาํ เช่นนั้น”
“เอ่อ… เรื่ องนี้..” ไป่ ลี่ฮวั แสดงสี หน้ากระอักกระอ่วน ไม่เป็ นเรื่ อง
ฉลาดสําหรับเธอที่จะเปิ ดเผยรายละเอียดเบื้องหลังการร่ วมเป็ น
พันธมิตรของพวกเขา แต่เธอก็กาํ ลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ของ
ตระกูลซี ซึ่งยิง่ น่ากลัวและมีพลังอํานาจมากกว่าเจ้าซีคนปั จจุบนั
สวรรค์ จะรู ้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอโกหกต่อหน้าเขาแล้วเขา
พบเห็น
“หื อออ… ถ้ามันเป็ นการยากสําหรับเจ้าที่จะตอบคําถามนี้ของข้า เจ้า
ก็สามารถมองข้ามมันไปได้” ซี หวังพลันกล่าวขึ้น “ข้ามัน่ ใจว่าซูหยาง
ต้องเสนออะไรบางอย่างแก่เจ้าที่เจ้ามิสามารถที่จะปฏิเสธได้ใช่ไหม
ถ้าหากว่าเป็ นเช่นนั้น ข้าก็จกั มิซกั ไซ้ไล่เลียงไปอีกต่อไป”
หลังจากที่พดู ถ้อยคําเหล่านั้นเรี ยบร้อยแล้ว ซี หวังก็กลับคืนไปสู่ ที่
พักของตนเอง
ในเวลานั้นในห้องของซีซิงฟาง เธอก็เทนํ้าชาให้กบั ซูหยินหนึ่งถ้วย
“องค์หญิงจากตระกูลซีเทนํ้าชาให้กบั ข้า…” ซูหยินตระหนักในตอนนี้
ว่าสถานการณ์ของเธอนั้นมีความประหลาดพิกลซึ่งปกติแล้วควรจะ
เป็ นอย่างอื่น
“ชานี้เรี ยกว่า ชาเขียวชําระใจ และมันผลิตมาจากใบไม้พิษในป่ าร้าง
แน่นอนว่าพิษของมันนั้นได้ถูกสกัดออกไปจากใบเรี ยบร้อยแล้ว
ดังนั้นเจ้ามิตอ้ งกังวลว่าจะถูกพิษ และมันก็เป็ นหนึ่งในชาที่ขา้ ชื่น
ชอบเช่นกัน”
“ข-ขอบคุณพี่หญิงซิงฟาง” ซูหยินกล่าวกับเธอก่อนที่จะจิบชาที่มีสี
เขียวเข้ม
“อืมม มันหวานจัง ข้ามิเคยได้ลิ้มชิมชารสชาติอร่ อยเช่นนี้มาก่อน” ซู
หยินมีสีหน้าประหลาดใจในเวลาถัดไป
“ข้าดีใจที่มนั ถูกปากเจ้า น้องหญิง” ซี ซิงฟางยิม้
สองสามนาทีให้หลัง ครั้นเมื่อพวกเขาจิบชาเรี ยบร้อยแล้ว ซูหยินก็
ถามซีซิงฟางว่า “พี่หญิงซิงฟาง ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่ชาย
ของข้ารึ ”
“ข้าควรจะเริ่ มจากตรงไหนดี…”
จากนั้นซีซิงฟางก็เริ่ มเล่าย้อนให้ซูหยินฟังถึงตอนที่เธอพบกับซูหยาง
เป็ นครั้งแรก
“แม้วา่ ข้ามิเคยได้เห็นตัวเขามาก่อน และก่อนที่ขา้ จะรู ้จกั ตัวตนของ
เขา นัน่ เพียงใช้เวลาข้าแค่เหลือบมองครั้งเดียวในการรับรู ้ถึงตัวตน
อันเหนือธรรมดาของเขา” ซีซิงฟางกล่าวด้วยรอยยิม้ ขณะที่เธอ
รําลึกไปถึงตอนที่ซูหยางยืน่ ส่ งวิชาระดับเซียนที่มีประโยชน์ต่อร่ าง
เซียนให้กบั เธออย่างไม่ใส่ ใจ
“ข้าได้รับความช่วยเหลือจากเขามากมายหลังจากนั้น ดังนั้นข้าจึง
เป็ นหนี้เขามินอ้ ย แต่ทว่าด้วยฐานะของข้า ข้าก็พบว่าเป็ นการยาก
เหลือเกินที่จะทดแทนเขา ในเมื่อข้ารู ้สึกเหมือนกับว่ามิวา่ ข้าให้อะไร
กับเขาก็ตามมันก็เปรี ยบเหมือนกับขยะในสายตาเขา”
สองสามนาทีให้หลัง ซีซิงฟางก็กล่าวกับเธออีกว่า “ตอนนี้เมื่อเจ้ารู ้
เรื่ องความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับซูหยางแล้ว ทําไมเจ้ามิบอกข้า
มากกว่านี้ในเรื่ องของเขา มิวา่ อย่างไรข้าก็ชื่นชอบที่จะรู ้เกี่ยวกับผูม้ ี
บุญคุณของข้าให้มากขึ้น”
จากนั้น ซูหยินกับซีซิงฟางก็เริ่ มพูดคุยกันโดยมีหวั ข้อหลักเป็ นเรื่ อง
เกี่ยวข้องกับซูหยาง
หลายชัว่ โมงหลังจากนั้น ซูหยินก็ออกจากที่แห่งนั้นและกลับคืนสู่
ศาลาหยินหยาง
“นัน่ หมายความว่าซูหยางเดิมทีมิได้เป็ นเช่นนี้ง้ นั รึ ดูเหมือนว่าจะมี
เหตุการณ์ใหญ่อะไรบางอย่างได้เกิดขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาจาก
ตระกูลซูจนเป็ นเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น” ซีซิงฟาง
พึมพํากับตนเองหลังจากนั้น
หลังจากที่ฟังซูหยินพูดถึงเกี่ยวกับซูหยาง เธอก็คิดว่าความเข้าใจที่
เธอมีต่อเขานั้นชัดเจนขึ้น แต่เธอจะคาดคิดแม้แต่นอ้ ยก็หาไม่วา่ นัน่
เป็ นสิ่ งที่ตรงกันข้าม
“จริ งแล้วท่านเป็ นใครกัน ซูหยาง” ซีซิงฟางถอนใจ
ในเวลานั้นที่ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรจากนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ก็เห็นรถม้าหรู หราหลายคันมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางของนิกาย
และรถม้าแต่ละคันนั้นก็ปักธงขนาดใหญ่มีชื่อตระกูล “ฟาง” เย็บติด
ไว้อย่างสง่างาม
“ท่านผูน้ าํ ตระกูลฟาง พวกเราเกือบถึงนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แล้ว”
คนขับรถม้ากล่าวกับคนที่อยูภายในรถม้าที่เขากําลังขับให้อยู่
“ดี…” เสี ยงที่เย็นเยียบเหิ นห่างดังขึ้นหลังจากนั้น
บทที่ 552 ตระกูลฟาง
หลังจากที่เดินทางได้อีกประมาณครึ่ งชัว่ โมง สุ ดท้ายรถม้าก็ไปถึง
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
“เรามาถึงนิกายกุสุุมาลย์พน้ พิสยั แล้ว ท่านผูน้ าํ ตระกูล” คนขับรถม้า
กล่าว
สองสามอึดใจให้หลัง หญิงวัยกลางคนที่ดูมีเสน่ห์สวมเสื้ อผ้าหรู หรา
ก็เดินออกมาจากรถม้า ติดตามมาด้วยหญิงสาวที่สวยสง่าซึ่ งดูเหมือน
จะมีอายุประมาณยีส่ ิ บต้น ๆ ที่ปลดปล่อยกระแสพลังของผูท้ ี่อยูใ่ น
ระดับหนึ่งเขตปฐพีวญ ิ ญาณออกมาจากร่ างกาย
“ที่นี่คือที่เธอได้ซ่อนตัวเป็ นเวลานับสิ บปี อย่างงั้นรึ มันสะอาดกว่าที่
ข้าได้คิดไว้” หญิงสาวกล่าวด้วยเสี ยงเรี ยบเฉย
ในเวลานั้นเมื่อผูอ้ าวุโสนิกายที่ยนื อยูต่ รงบริ เวณทางเข้าได้สงั เกตเห็น
รถม้าของพวกเธอหยุดอยูต่ รงที่หน้าประตู เธอก็ตรงเข้าไปหาพวก
เธอและกล่าวว่า “พวกท่านเป็ นใครกัน และมีธุระอะไรกับนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
หญิงวัยกลางคนก้าวขึ้นมาข้างหน้าและกล่าวว่า “เรามาจากตระกูล
ฟาง และข้าก็เป็ นผูน้ าํ ตระกูล ฟางเซียนเจว้”
“ตระกูลในสี่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลฟางนัน่ รึ ” ผูอ้ าวุโสนิกายถามเพื่อ
ยืนยัน ใบหน้าเธอมีแต่ความตกใจ
ฟางเซียนเจว้พยักหน้าและเธอกล่าวต่ออีกว่า “พวกเราตัดสิ นใจที่จะ
มาที่นี่หลังจากที่ได้ยนิ คนพูดกันถึงชื่อของ ฟางซีหลาน ว่าตอนนี้
เป็ นศิษย์อยูท่ ี่นี่ ข้าพูดถูกหรื อไม่”
“ฟางซีหลานรึ ใช่ มีศิษย์ที่ชื่อนี้ที่นี่จริ ง ๆ” ผูอ้ าวุโสนิกายพยักหน้า
“นัน่ เยีย่ มมาก เพราะว่าเธอจริ งแล้วเป็ นคนของตระกูลฟาง และเธอก็
เป็ นลูกสาวของข้า เป็ นเวลากว่าสิ บปี แล้วนับตั้งแต่เธอหายตัวไปจาก
ตระกูล แต่ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้เห็นเธอและพาเธอกลับบ้านอีก
ครั้ง” ฟางเซี ยนเจว้พดู
“อะไรกัน เธอเป็ นคนตระกูลฟางงั้นรึ และท่านก็เป็ นแม่ของเธอด้วย
นัน่ เป็ นไปมิได้เพราะว่าพ่อแม่เธอนั้นได้สิ้นชีวติ ไปแล้ว ข้าเกรงว่า
ท่านอาจจะเข้าใจผิดคนที่มีชื่อเหมือนกัน…”
ฟางเซียนเจว้ส่ายหน้าเธออย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า “ข้าได้ตรวจสอบ
พื้นเพของเธอเรี ยบร้อยแล้ว ดังนั้นข้ามัน่ ใจว่าเธอเป็ นลูกสาวข้า ถ้า
เจ้ายอมให้ขา้ เห็นตัวเธอ นัน่ ก็ยอ่ มจักทําให้เกิดความมัน่ ใจ”
“ได้โปรดรอชัว่ ครู่ และให้ขา้ ได้รายงานเรื่ องนี้ให้กบั ท่านผูน้ าํ นิกาย
และฟางซี หลาน” ผูอ้ าวุโสนิกายกล่าวก่อนที่จะล้วงหยกสื่ อสาร
ออกมาและอธิบายสถานการณ์ให้กบั โหลวหลานจี
ในเวลานั้น ในศาลาหยินหยาง หลังจากที่ได้รับข่าวจากผูอ้ าวุโส
นิกาย โหลวหลานจีกเ็ ข้าไปพบกับซูหยาง
“ตระกูลฟางมาที่นี่ และพวกเธอก็อา้ งว่าฟางซีหลานเป็ นคนของพวก
เขา” เมื่อได้ยนิ ซูหยางก็เลิกคิ้ว
“ข้ามิรู้วา่ เกิดอะไรขึ้น แต่ฟางซีหลานได้กล่าวกับข้าว่าพ่อแม่ของเธอ
ได้ตายไปแล้วก่อนที่เธอจะมายังนิกาย ดังนั้นก็อาจจะเป็ นไปได้ที่
เธอโกหกหรื อไม่กต็ ระกูลฟางนั้นเข้าใจผิดเธอว่าเป็ นคนในตระกูล
ของพวกเขา” โหลวหลานจีกล่าว
“มิวา่ จะเป็ นแบบไหนก็ตาม พวกเราไปพาตัวฟางซี หลานไปพบกับ
ตระกูลฟางกัน”
สองสามนาทีให้หลัง ฟางซีหลานก็มาปรากฏตัวที่ศาลาหยินหยาง
หลังจากที่ถูกเรี ยกตัว แต่เธอก็ยงั ไม่รู้ถึงสถานการณ์
“ศิษย์ฟาง… เจ้าบอกข้าว่าพ่อแม่ของเจ้าได้ตายไปก่อนที่เจ้าจะเข้า
ร่ วมกับนิกาย ใช่ไหม” โหลวหลานจีถามเธอหลังจากนั้น
ฟางซีหลานมีสีหน้างุนงง แต่เธอก็พยักหน้าหลังจากนั้นไม่นาน “ใช่
แล้ว ท่านผูน้ าํ นิกาย”
โหลวหลานจีมองดูเธอด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยดแล้วกล่าวว่า “เอ้อ…
หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่จากภาคตะวันตก ตระกูลฟางตอนนี้อยูท่ ี่นี่
และพวกเขาก็ยนื ยันว่าเจ้าเป็ นคนของพวกเขา”
“อะไร...”
สี หน้าตกใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางซี หลานหลังจากที่ได้
ยินข่าวนี้
เมื่อเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปฉับพลันในตาของอีกฝ่ าย โหลว
หลานจีกก็ ล่าวขึ้นว่า “ข้ามิรู้ถึงเหตุผลที่อยูเ่ บื้องหลังเรื่ องเหล่านี้ แต่
พวกเรามิสามารถที่จะปล่อยให้ตระกูลฟางรอไปโดยมิมีกาํ หนด มิวา่
พวกเขาจะเป็ นฝ่ ายถูกหรื อผิด พวกเราก็จกั รู ้ครั้นเมื่อเจ้าได้พบกับ
พวกเขา”
ฟางซีหลานกัดริ มฝี ปากและกล่าวด้วยเสี ยงเบาหวิวว่า “นัน่ มิจาํ เป็ น
ต้องถึงเช่นนั้น ท่านผูน้ าํ นิกาย พวกเขาพูดถูก และข้าก็จริ งแล้วมา
จากตระกูลฟาง ข้าต้องขออภัยที่โกหกท่านและซุกงําความจริ งนี้
เอาไว้ แต่ขา้ ก็มีเหตุผลส่ วนตัวในการทําเช่นนั้น…”
โหลวหลานจีถอนใจหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดนี้ และกล่าวขึ้นว่า “ข้าก็
มีความรู ้สึกว่าอาจจะเป็ นกรณี น้ ี อย่างไรก็ตามข้าสงสัยว่าตระกูลฟาง
จะยอมจากไปโดยมิได้พบตัวเจ้าหรื อไม่ มิวา่ เจ้าจะมีเหตุผลเช่นไร
พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อตัวเจ้าแล้วตอนนี้ และเจ้าก็มิสามารถที่จะหลบ
หน้าไปได้ตลอด”
“แต่…”
ดวงตาของฟางซี หลานหรี่ ตา และเธอก็ปลดปล่อยความรู ้สึกลังเล
ออกมา เห็นได้ชดั ว่าเธอไม่ตอ้ งการที่จะพบกับตระกูลฟาง แต่กไ็ ม่มี
อะไรที่โหลวหลานจีสามารถทําได้ ในเมื่อโดยปกติแล้วพวกเขาก็ไม่
สามารถที่จะขับไล่หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่ไปโดยการใช้กาํ ลัง
“ฮาา…” ซูหยางพลันถอนใจ และเขาก็พดู ขณะที่จบั มือที่สนั่ สะท้าน
ของฟางซีหลานเอาไว้ “เจ้าจะกลัวอะไร ข้าจักไปอยูท่ ี่นนั่ กับเจ้า
เช่นกัน”
“ซูหยาง…” ฟางซีหลานมองดูเขาด้วยดวงตาที่มีหยาดนํ้าตา
“ข้ามิสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ของเจ้า หรื อว่าสนใจในเหตุผลที่เจ้า
ต้องโกหก ในเมื่อทุกคนก็จะมีบางสิ่ งบางอย่างที่พวกเขามิตอ้ งการ
เปิ ดเผยให้กบั คนทัว่ ไปได้รับรู ้ อย่างไรก็ตามมิวา่ จะเกิดอะไรก็ตาม
ข้าก็จกั อยูข่ า้ งเดียวกับเจ้า”
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเขาแล้ว ฟางซี หลานก็พยักหน้า “ตกลง…
ข้าจักไปพบกับตระกูลฟาง อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเราจะไปพบกับ
พวกเขา ข้าต้องการให้ท่านรู ้เกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างพวกเรา”
จากนั้นเธอก็เริ่ มเปิ ดเผยความจริ งในเรื่ องพื้นเพของเธอให้กบั พวกเขา
“เป็ นจริ งที่ขา้ เคยเป็ นส่ วนหนึ่งของตระกูลฟาง แต่ทว่าเมื่อพวกเขา
ตระหนักว่าข้ามิได้มีพรสวรรค์ในด้านการฝึ กวิชา พวกเขาได้ตดั สิ นใจ
ที่จะขายข้าไปยังตระกูลอื่น เมื่อมีเพียงหน้าตาของข้าเท่านั้นที่คุม้ ค่า
กับอํานาจอิทธิพลของตระกูลนั้น แน่นอนว่าข้ามิได้ตอ้ งการที่จะใช้
ชัว่ ชีวติ ของข้าเป็ นเครื่ องเล่นของนายน้อยคนใด ดังนั้นข้าจึงหนี
ออกมาจากตระกูลก่อนที่ขา้ จะบรรลุนิติภาวะ”
“หลังจากที่ขา้ ออกจากตระกูลมาแล้ว ข้าตัดสิ นใจที่จะเข้าร่ วมกับ
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ที่ซ่ ึ งข้าสามารถเลือกคู่ครองของข้าได้อย่าง
อิสระ”
“ข้ามิเคยคิดว่าเจ้าจะมีเรื่ องราวเช่นนี้…” โหลวหลานจีแสดงสี หน้า
ตกใจหลังจากที่ได้ยนิ เรื่ องราวของเธอ
“แต่พวกเขาพูดว่าเจ้ามิมีพรสวรรค์ได้อย่างไร เจ้าเป็ นถึงหนึ่งในคน
ที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งที่พวกเรามี” โหลวหลานจีกล่าวขึ้นใน
ขณะที่ส่ายหน้า คิดว่าตระกูลฟางต้องเข้าใจผิดในเรื่ องพรสวรรค์ของ
เธอเป็ นแน่
บทที่ 553 ความเป็ นมาทีแ่ ท้ จริงของฟางซีหลาน
“เจ้ามิพลาดตรรกะในถ้อยคําของเจ้าไปรึ ” ซูหยางกล่าวกับโหลว
หลานจี ซึ่งเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางสับสน
“นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั อาจจะทรงอํานาจในตอนนี้ แต่นนั่ มิได้เป็ น
เช่นนั้นตลอดมา ถึงแม้วา่ เธอจะเป็ นศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคน
หนึ่งในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เธอก็เป็ นเพียงแค่ศิษย์คนหนึ่งของ
สํานักเล็ก ๆ”
“เมื่อเปรี ยบเทียบกับตระกูลฟาง หนึ่งในตระกูลที่ทรงอํานาจมากที่สุด
ในทวีปตะวันออกนี้ แม้กระทัง่ คนที่มีพรสวรรค์นอ้ ยที่สุดของพวก
เขาก็สามารถที่จะกลายเป็ นอัจฉริ ยะระดับสู งในนิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ได้โดยมิตอ้ งใช้ความพยายามมากมายเพียงใดเลย”
“ซูหยางพูดถูก ท่านผูน้ าํ นิกาย” ฟางซีหลานกล่าวด้วยรอยยิม้ ขื่นขม
“ข้าอาจจะถือว่าเป็ นอัจฉริ ยะที่นี่ แต่ขา้ มิได้มีค่าอะไรในตระกูลฟาง
เลย”
“ถึงแม้วา่ จะเป็ นเช่นนั้น เจ้าก็มิควรจะด้อยกว่าผูท้ ี่มีพรสวรรค์ที่สุด
ภายในตระกูลฟางในตอนนี้” โหลวหลานจีกล่าว
“นัน่ อาจจะเป็ นเหตุผลหลักที่ทาํ ไมตระกูลฟางจึงตามหาข้าตั้งแต่
แรก ตอนนี้เมื่อข้าได้ถือว่าเป็ นหนึ่งในผูม้ ีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งใน
ทวีปตะวันออก พวกเขาก็ยอ่ มต้องการให้ขา้ กลับคืนสู่ ตระกูลฟาง
เพื่อที่จะเพิ่มชื่อเสี ยงของพวกเขา” ฟางซีหลานถอนหายใจ
“หากเป็ นเช่นนั้น เจ้าจะทําอะไรต่อไป” โหลวหลานจีถามเธอ
“ทําอะไรรึ ข้าก็ยอ่ มต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน ข้าได้อยูร่ อดมากว่าสิ บ
ปี โดยมิได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา ดังนั้นทําไมข้าจักต้องการ
ความช่วยเหลือของพวกเขาในตอนนี้ดว้ ยเล่า” เธอแค่นเสี ยงเย็นชา
รู ้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อเพียงแค่คิดถึงการกลับไปยังตระกูลฟาง
โหลวหลานจีพยักหน้าด้วยรอยยิม้ เล็กน้อยบนใบหน้า และเธอก็พดู
ขึ้นว่า “ข้าเข้าใจแล้ว… มิวา่ อย่างไรตระกูลฟางก็จกั มิยอมจากไปถ้า
เจ้ามิได้ตอกหน้าพวกเขาด้วยคําพูดเมื่อกี้น้ ี”
หลังจากนั้น ฟางซีหลานและผูน้ าํ นิกายก็ไปพบกับตระกูลฟาง
ในห้องโถงรับแขกที่ซ่ ึ งตระกูลฟางได้เริ่ มอดรนทนไม่ไหวนั้น ประตู
ก็พลันเปิ ดออกและฟางซีหลานก็เดินเข้ามาในห้องอย่างเยือกเย็น
ติดตามด้วยซูหยางและโหลวหลานจี
เมื่อฟางเซียนเจว้เห็นใบหน้าของฟางซีหลาน เธอก็รีบยืนขึ้นอย่าง
รวดเร็ วและตรงเข้าไปหาฟางซีหลานพร้อมกับกางแขนกว้างและ
ใบหน้าเปี่ ยมไปด้วยความดีใจ “โอ ฟางซี หลาน เป็ นเจ้าจริ ง ๆ เจ้า
ยังคงจําแม่ของตัวเองได้อยูห่ รื อไม่ ข้าใฝ่ ฝันที่จะเห็นเจ้าอีกครั้ง
หลังจากที่เจ้าหายตัวไปเมื่อสิ บปี ก่อน”
แต่ทว่าฟางซีหลานก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าวเพื่อที่หลีกเลี่ยง
การโอบกอดของมารดาตนเอง
“ลูกสาวข้า…” ฟางเซี ยนเจว้มองดูเธอด้วยท่าทางประหลาดใจ มี
ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ
ฟางซีหลานหรี่ ตาและกล่าวว่า “ข้าจําท่านได้เป็ นอย่างดี ท่านแม่ แต่
ทว่าข้าก็จาํ ได้เช่นกันถึงทุกสิ่ งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนข้ายังอยูใ่ นตระกูล
ฟาง ว่าพวกท่านทําเหมือนกับข้านั้นน่ารังเกียจอย่างไร เหมือนกับว่า
ข้ามิได้เป็ นคนของที่นนั่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ท่านนัน่ แหละ ดังนั้นนัน่
จึงเป็ นเหตุให้ขา้ จากที่นนั่ ตั้งแต่แรก”
“ถ้าท่านคิดว่าท่านสามารถนําข้ากลับไปยังตระกูลฟาง เช่นนั้น
แน่นอนว่าท่านกําลังเข้าใจผิด ในเมื่อข้าได้มีครอบครัวใหม่แล้วที่
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“ยิง่ ไปกว่านั้นการที่ท่านทําตัวเหมือนกับว่าท่านมิรู้ถึงที่อยูข่ องข้าใน
ช่วงเวลาสิ บปี ที่ผา่ นมานี้ค่อนข้างจะแย่อยูบ่ า้ ง ด้วยอิทธิพลและ
ทรัพยากรของตระกูลฟาง ข้ามัน่ ใจว่าท่านรู ้เรื่ องการคงอยูข่ องข้าที่นี่
มาตลอดเวลา เหตุผลเดียวที่ท่านมิได้มานําข้าไปเร็ วกว่านี้กง็ ่ายดาย
เพราะว่าข้าได้เป็ นผูฝ้ ึ กวิชาคู่ ซึ่งทําให้ร่างกายข้าที่เป็ นเหตุผลเดียวที่
มีค่าในสายตาของท่านกลายเป็ นไร้ค่าอย่างสิ้ นเชิง”
“…”
ฟางเซียนเจว้ใบหน้าแดงกํ่า และร่ างของเธอก็สนั่ สะท้านด้วยความ
โกรธหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของฟางซีหลาน
“ช่างอกตัญญู” เธอพลันระเบิดออกมา จนทําให้ใบหน้าสวยของเธอ
บิดเบี้ยวจนกระทัง่ กลายเป็ นน่าเกลียด “เมื่อมาคิดว่าเจ้าจักถุยนํ้าลาย
ใส่ มือที่ป้อนเจ้ามานานกว่าครึ่ งชีวติ ของเจ้าโดยมิได้ตอบแทนอะไร
เลย เพียงเพราะว่าเจ้าได้รับชื่อเสี ยงและความแข็งแกร่ งขึ้นมาบ้าง
ในตอนนี้มิได้หมายความว่าเจ้าอยูย่ งคงกระพัน ฟางซีหลาน ถ้าข้า
ต้องการที่จะทําลายชีวติ ของเจ้าจริ ง ๆ แม้กระทัง่ นิกายกุสุมาลย์พน้
พิสยั ก็มิอาจจะปกป้องเจ้าไว้ได้”
“…”
ทั้งห้องเปลี่ยนไปเป็ นเงียบกริ บไปชัว่ ขณะจนกระทัง่ โหลวหลานจี
ก้าวขึ้นมาข้างหน้าและกล่าวด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นว่า “ผูอ้ าวุโสฟาง
คําพูดของท่านเมื่อกี้น้ ี… ข้าเข้าใจว่าตระกูลฟางกําลังข่มขู่นิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั อย่างนั้นรึ ”
ฟางเซียนเจว้พลันหันมามองเธอและตะโกนว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็ นตัว
บ้าอะไรกัน เพียงเพราะว่านิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้รับการจดจํา
เล็กน้อยหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค นัน่ มิได้ผลักดันให้เจ้ามา
อยูใ่ นระดับเดียวกับสี่ ตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสี ยงมากว่าร้อยปี ได้
ในทันที”
“นี่เป็ นเหตุผลที่ทาํ ให้ขา้ ดูถูกคนแบบเจ้าซึ่งกลายเป็ นคนตาบอดไป
ด้วยความอวดดีหลังจากที่ได้รับการยอมรับเพียงเล็กน้อย”
“…”
ที่แห่งนั้นกลับกลายเป็ นเงียบกริ บไปอีกครั้ง และโหลวหลานจีกย็ นื
อยูต่ รงนั้นด้วยใบหน้างงงัน ในเมื่อนี่เป็ นครั้งแรกที่ตอ้ งรับมือกับคน
ที่กา้ วร้าวและไร้เหตุผลอย่างเช่นฟางเซียนเจว้
“เซี่ ยวหรู เจ้าก็ควรจะพูดอะไรบางอย่างกับพี่สาวไร้ค่าของเจ้าเช่นกัน”
ฟางเซียนเจว้กล่าวกับเธอ
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีการตอบสนองมาหลังจากนั้นมาชัว่ เวลาหนึ่ง
ฟางเซี ยนเจว้กห็ นั กายกลับไปมองเธอแล้วกล่าวว่า “ทําไมเจ้าจึงเงียบ
ไปเช่นนี้ ถ้าเจ้ามิทาํ ให้คนโอหังพวกนี้รู้จกั ฐานะของตนเอง โลกนี้ก็
จักกลายเป็ นสถานที่ยากจะทนได้”
“เซี่ยวหรู …”
เมื่อเธอเห็นสี หน้างงงวยบนใบหน้าของฟางเซี่ยวหรู ซึ่งเหมือนกับว่า
เธอได้หลงใหลไปกับอะไรบางอย่าง ดวงตาของฟางเซียนเจว้กเ็ บิก
กว้างด้วยความตระหนก ในเมื่อเธอไม่เคยเห็นฟางเซี่ ยวหรู มีสีหน้า
เช่นนี้มาก่อน
จากนั้นเธอก็มองติดตามไปยังทิศทางที่สายตาของฟางเซี่ ยวหรู ส่งไป
และสุ ดท้ายก็สงั เกตเห็นซูหยางซึ่ งยืนอยูท่ ี่ตรงประตูอย่างสงบเฉย
“เจ้าคือ… ซูหยางจากตระกูลซู…” ฟางเซียนเจว้ขมวดคิว้
“เจ้าทําอะไรกับลูกสาวข้า” เธอถามเขาด้วยเสี ยงเย็นชา
“หื อ เจ้าพูดเรื่ องอะไรกัน ข้าก็เพียงแค่ยนื อยูท่ ี่นี่สนใจแต่เรื่ องของข้า
มาตลอดเวลา” ซูหยางยักไหล่ดว้ ยใบหน้างุนงง
“ไร้สาระ เห็นได้ชดั ว่าเจ้าทําอะไรบางอย่างกับลูกสาวข้า มิเช่นนั้น
เธอก็คงมิมีสีหน้าหลงใหลเช่นนั้น” เธอตบโต๊ะตรงหน้าเธออย่าง
รวดเร็ วจนทําให้ที่แห่งนั้นสัน่ สะท้าน
“ม-แม่” สุ ดท้ายฟางเซี่ยวหรู กส็ ะดุง้ ตื่นขึ้นมาจากความงงงันหลังจาก
ที่รู้สึกถึงแรงสัน่ สะเทือน
“ท่านพูดอะไรเมื่อกี้น้ ีรึ ข้าคิดอะไรอยูใ่ นใจไปชัว่ ขณะ…” เธอถาม
ในขณะที่จบั จ้องไปยังซูหยางต่อไปด้วยมุมสายตาของเธอ ราวกับว่า
เธอนั้นถูกดึงดูดด้วยแรงบางอย่างที่ไม่รู้จกั ที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“…”
ที่แห่งนั้นพลันเงียบไป และทุกคนในห้องก็หนั ไปมองเธอด้วยดวงตา
เบิกกว้าง
บทที่ 554 ฟางซีหลานกลืนไม่ เข้ าคายไม่ ออก
ตั้งแต่ซูหยางเข้ามาในห้อง ฟางเซี่ ยวหรู กอ็ ดไม่ได้ที่จะจ้องมองดูเขา
ราวกับว่าเธอถูกสะกดจิตโดยมนตร์เสน่ห์บางอย่าง
แม้วา่ เธอจะเคยได้ยนิ คํารํ่าลือเกี่ยวกับหน้าตาของเขา เธอก็ไม่เคยคิด
ว่าเขาจะเป็ นคนที่หล่อเหลาถึงปานนี้
ตัวฟางเซี่ยวหรู เองนั้นเป็ นคนประเภทที่ปกติแล้วมองคนอื่นตํ่ากว่า
และยากที่เธอจะยอมรับใครแม้กระทัง่ คนที่มีอายุมากกว่าเธอก็ตาม
อย่าว่าแต่คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
อย่างไรก็ตามเพียงแค่เธอเหลือบมองไปยังราศีและกริ ยาท่าทางของ
ซูหยางก็ทาํ ให้เธอรู ้ถึงความสามารถและคุณภาพของเขา
และในเวลายีส่ ิ บปี ของการอาศัยอยูใ่ นโลกนี้ เธอก็ไม่เคยเห็นคนใด
เหมือนเขามาก่อน ทั้งที่เธอได้เคยพบกับอัจฉริ ยะมากมายจากตระกูล
ชั้นสู งหรื อสํานักต่าง ๆ ในโลกนี้ แต่กไ็ ม่มีใครที่จะสามารถเปรี ยบ
เทียบได้กบั ตัวตนที่เหนือลํ้าของซูหยางได้
หากว่าเธอสามารถติดตามคนแบบเขาไปชัว่ ชีวติ เธอก็จะไม่พดู บ่น
อะไรออกมาแม้สกั คําไปชัว่ ชีวติ ของเธอ
“ท่านแม่ ข้าได้ตดั สิ นใจแล้ว” ฟางเซี่ ยวหรู พลันกล่าวขึ้นด้วยสี หน้า
หลงใหล “ข้าต้องการที่จะเข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ฟางเซียนเจว้ร้องลัน่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วย
ความสับสนตื่นตระหนก
“ไม่มีทางเด็ดขาด เจ้าเสี ยสติไปแล้วรึ ทําไมเจ้าต้องการอยูใ่ นที่เล็ก ๆ
เช่นนี้”
“ท่านย่อมจักมิเข้าใจแม้วา่ ข้าได้อธิบายมันให้กบั ท่าน ท่านแม่” ฟาง
เซี่ยวหรู ส่ายหน้า
“เจ้า…” ทัว่ ทั้งใบหน้าของฟางเซี ยนเจว้พลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ
จนแดงฉาน
“ฟางเซี่ยวหรู ตอ้ งการที่จะเข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั รึ …”
ฟางซีหลานมองดูอีกฝ่ ายด้วยหน้าตาสับสน ราวกับว่าเธอไม่อยาก
เชื่อหูตวั เอง
กระทัง่ โหลวหลานจีเองก็อดที่จะยืนอยูด่ ว้ ยสี หน้าสับสนไม่ได้ ฟาง
เซี่ยวหรู เป็ นหนึ่งในผูท้ ี่มีพรสวรรค์มากที่สุดในทวีปโดยไม่ตอ้ ง
สงสัย และถ้าเธอมาเข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ชื่อเสี ยงของ
พวกเขาย่อมแน่นอนว่าต้องขึ้นไปสู่ อีกระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเสี ยงของซูหยางก็ดงั ขึ้น “ข้าดีใจที่เจ้าสนใจ
ในนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แต่การทดสอบศิษย์น้ นั ได้จบสิ้ นลงไป
แล้ว ถ้าเจ้าต้องการที่จะเข้าร่ วมกับพวกเราเจ้าต้องรอไปจนถึงกระทัง่
ปี หน้าและผ่านการทดสอบเสี ยก่อน”
“…”
ทุกคนในห้องหันไปมองเขาด้วยดวงตาและปากที่อา้ กว้าง ในขณะที่
ฟางเซี่ยวหรู ซ่ ึงต้องการที่จะเข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็น่า
ตกใจพอแล้ว แต่การที่ซูหยางปฏิเสธคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นเข้าสู่
นิกายของตนเองนั้นเป็ นเรื่ องที่น่าตกใจยิง่ ขึ้นไปอีก
“ท่านมิสามารถที่จะให้ขา้ เป็ นข้อยกเว้นได้รึ” ฟางเซี่ยวหรู ออ้ นวอน
เขาด้วยเสี ยงออดอ้อนในขณะที่ทาํ ใบหน้าระทดท้อ
“มิวา่ เจ้าจะอยูใ่ นฐานะใด กฎก็คือกฎ ถ้าข้ายอมให้ใครสักคนเข้าได้
อย่างง่ายดาย เช่นนั้นเหล่าศิษย์ที่ได้เข้ารับการทดสอบก็จะรู ้สึกว่ามิมี
ความยุติธรรม” ซูหยางส่ ายหน้า ยังคงยืนยันการตัดสิ นใจของตนเอง
“เช่นนั้นจะเป็ นไรหรื อไม่ถา้ ข้าก็ขอทดสอบเช่นกัน ข้ายังจักชดเชย
ให้ท่านสําหรับความยุง่ ยากนี้” ฟางเซี่ยวหรู กย็ งั คงยืนกรานในการ
ขอเข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
จากนั้นเธอก็พดู ต่อว่า “ด้วยร่ างกายข้าเป็ นยังไง ข้าจักมอบร่ างกายนี้
ให้ท่านเป็ นการตอบแทนสําหรับการยอมให้ขา้ เข้ารับการทดสอบ ถ้า
ข้าพลาด ข้าก็ยงั จักมอบร่ างกายนี้ให้ท่าน และข้าก็จกั ยกเลิกความคิด
ในการเข้าร่ วมนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ร่ างกายของข้ายังคงบริ สุทธิ์
หากว่านัน่ เป็ นสิ่ งที่ท่านคิดสงสัย”
“เซี่ยวหรู เจ้าบ้าไปแล้วรึ ถึงกับเสนอพรหมจรรย์เพื่อสิ่ งที่โง่เง่าเช่นนี้
ยังมีสาํ นักอีกนับไม่ถว้ นข้างนอกนัน่ ที่จกั อ้อนวอนขอให้เจ้าเข้า
ร่ วมกับสํานักของพวกเขา และแม้กระทัง่ สํานักระดับสู งก็ยงั มิกล้าที่
จะไล่เจ้าไป ทําไมเจ้าต้องลดตัวมาสู่ เส้นทางนี้” ฟางเซี ยนเจว้ แม่ของ
เธอ รี บขัด
อย่างไรก็ตาม ฟางเซี่ยวหรู ยงั คงเงียบเฉย สายตาของเธอจับจ้องมอง
ตรงเข้าไปยังดวงตาของซูหยาง
ซูหยางเผยรอยยิม้ บนใบหน้าของเขาหลังจากนั้นชัว่ ขณะ และเขาก็
พูดขึ้นว่า “ข้าต้องยอมรับว่าการตัดสิ นใจของเจ้านั้นช่างน่าประทับใจ
เอาอย่างนี้เป็ นอย่างไร ข้าจักให้เธอเป็ นคนตัดสิ นใจ”
จากนั้นเขาก็พลันชี้ไปยังฟางซี หลาน ซึ่งถึงกับสะดุง้ โหยง
“อาา ท่านต้องการข้าให้…” เธอถามพร้อมกับชี้ไปยังตัวเอง
ซูหยางพยักหน้า “มิวา่ อย่างไรก็ตาม มิเพียงแต่เจ้าเป็ นผูอ้ าวุโสนิกาย
แต่เธอเองก็ยงั คงเป็ นน้องสาวของเจ้า มีหลายครั้งที่ผนู ้ าํ นิกายเองก็
ต้องอาศัยผูอ้ าวุโสนิกาย”
หลังจากที่ซูหยางยืน่ สิ ทธิ์ในการตัดสิ นใจอนาคตของฟางเซี่ ยวหรู ไป
ยังฟางซีหลาน ทุกคนในห้องก็หนั ไปมองเธอ
“อย่าบอกนะว่าเจ้ากล้าที่จะยอมให้เธอเข้าสู่ นิกาย ฟางซีหลาน” แม่
ของเธอพลันตะโกนออกมาใส่ เธอ “ข้าสาบานว่าข้าจักทําทุกสิ่ งด้วย
อํานาจของข้าในการยํา่ ยีที่แห่งนี้ถา้ เจ้ายอมให้เธอเข้าสู่ นิกายและ
ทําลายอนาคตของเธอ”
ในเวลานั้นฟางเซี่ยวหรู กต็ รงเข้าไปหาเธอและย่อกายของเธอลงจน
กลายเป็ นการคํานับฟางซี หลาน
“ได้โปรด พี่สาว ถ้าท่านยอมให้ขา้ เข้าสู่ นิกาย ข้าจักทําทุกสิ่ งที่ท่าน
ต้องการให้ขา้ ทํา” เธออ้อนวอนจนทําให้ฟางซีหลานตระหนก
ฟางซีหลานถอนหายใจลึกแล้วหลับตาลงครุ่ นคิด
“ในขณะที่ท้ งั ตระกูลฟางได้เยาะเย้ยถากถางข้าที่ไร้ประโยชน์ เธอ
เป็ นเพียงผูเ้ ดียวที่มิได้รังแกข้า บางทีอาจจะเป็ นเพราะว่าข้านั้นไร้
ความสําคัญโดยสิ้ นเชิงในสายตาของเธอที่จะมายุง่ เกี่ยวด้วย แต่จริ ง
แล้วข้าก็ตอ้ งขอบคุณที่นอ้ งสาวของข้ามิได้เยาะเย้ยข้า ซึ่งนัน่ จะทํา
ให้ชีวติ ของข้าในตระกูลจักยิง่ ยากลําบากไปกว่าเดิม”
“และในฐานะของพี่สาวคนโตของเธอ ถึงแม้วา่ ข้าจักมิได้อยูใ่ นตระกูล
อีกต่อไปแล้ว แต่อย่างน้อยข้าก็ควรจักฟังคําของเธอ และถ้าการเข้า
ร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จักทําให้เธอพึงพอใจ ข้าก็มิควรจัก
แย่งชิงไปจากเธอ”
ฟางซีหลานลืมตาขึ้นจากนั้นก็มองไปยังมารดาของตนเอง ซึ่ งโกรธ
เสี ยจนกระทัง่ เธอสัน่ สะท้านไม่หยุดยั้ง
“ในเมื่อเธอถึงกับสิ้ นหวังและมิยนิ ยอมที่จะยอมให้ฟางเซี่ ยวหรู เข้าสู่
นิกาย แน่นอนว่าเธอจักต้องโกรธเป็ นอย่างมากถ้าข้ายอมให้ฟางเซี่ยว
หรู ได้รับโอกาสนี้ ทําให้ขา้ ได้รับการแก้แค้นสําหรับการถูกทําร้าย
ในอดีต แต่ถา้ เธอมีเจตนาที่จะทําร้ายนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จริ ง ๆ
หลังจากนั้น…”
ฟางสี หลานรู ้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงที่สุด ด้านหนึ่งนั้นเธอ
ต้องการที่จะเป็ นพีส่ าวใจดีสาํ หรับฟางเซี่ ยวหรู ยอมให้เธอเข้าร่ วมกับ
นิกายและแก้แค้นฟางเซียนเจว้ในเวลาเดียวกัน แต่อีกด้านหนึ่งนั้น
เธอก็ไม่ตอ้ งการที่จะสร้างปั ญหาให้กบั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จาก
การถูกตระกูลฟางเพ่งเล็งนิกายจากการตัดสิ นใจของเธอ ในเมื่อเธอ
ได้สร้างปัญหามากมายให้กบั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ไปแล้วครั้งหนึ่ง
จากเซี่ยวไป่ ซึ่งเกือบทําให้นิกายล่มสลาย
บทที่ 555 ข้ อพิพ าทในตระกูล
หลังจากที่เงียบไปจากการครุ่ นคิดหลายชัว่ อึดใจ สุ ดท้ายฟางซี หลาน
ก็หนั ไปมองดูซูหยางด้วยสายตายุง่ ยากใจ เห็นได้ชดั ว่าต้องการความ
ช่วยเหลือจากเขา
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า “มิวา่ เจ้าจะตัดสิ นใจอย่างไร
ข้าก็จกั สนับสนุนทุกอย่าง”
“ข้าขอสาบานต่อเทพเจ้า ฟางซีหลาน ถ้าเจ้ามิเลือกให้ฉลาดแล้วละก็
มิเพียงแต่เจ้า แต่กระทัง่ ทั้งนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็จกั รู ้ถึงความ
โกรธเกรี้ ยวของตระกูลฟาง” ฟางเซียนเจว้ตะโกนออกมา
เมื่อได้ยนิ คําพูดของเธอ ฟางซีหลานก็สนั่ สะท้าน
“ถ้าเจ้าคิดว่าเรากลัวตระกูลฟาง เช่นนั้นเจ้าก็จกั ดําเนินการพยายาม
มายุง่ เกี่ยวกับพวกเราได้เลย” โหลวหลานจีพลันขึ้นเสี ยงของเธอ
ออกมาอย่างไม่คาดคิด จนทําให้ทุกคนที่อยูท่ ี่นนั่ หันไปมองเธอด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง
“แม้วา่ เจ้าอาจจะมีอิทธิพลมากมายและกําลังหนุนหลังที่แข็งแกร่ ง
แต่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ก็มิได้เป็ นสํานักอ่อนแอดังที่เคยเป็ น มิ
เพียงแต่พวกเราได้รับชัยชนะการแข่งขันระดับภูมิภาค แต่พวกเราก็
ยังคงได้รับการสนับสนุนจากสองสํานักระดับสู ง ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้า
สามารถยํา่ ยีเราได้ เช่นนั้นเราก็จกั สู ก้ ลับด้วยทุกสิ่ งที่เรามี”
แม้วา่ เธอจะมีถอ้ ยคําที่รุนแรงและท่าทางที่จริ งจัง แต่ดวงใจของโหลว
หลานจีกย็ งั สัน่ สะท้านไปด้วยความหวาดกลัว ในเมื่อเธอเองก็ไม่เคย
จินตนาการว่าเธอจะกล้าที่จะตอบโต้กลับไปยังผูน้ าํ ตระกูลของตระกูล
ฟาง หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่ที่ปกครองทวีปตะวันออก
“เจ้าช่างกล้านัก เพียงแค่ผนู ้ าํ นิกายตํ่าต้อยถึงกับพูดกับข้าด้วยท่าทาง
เช่นนั้น” ฟางเซียนเจว้คาํ ราม จนทําให้สถานที่แห่งนั้นสัน่ สะเทือน
อย่างไรก็ตามเธอก็ถูกขัดขวางอย่างรวดเร็ วด้วยการหัวเราะขึ้นมา
อย่างกะทันหันของซูหยาง
“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดได้ดี ผูน้ าํ นิกายของเรา สุ ดท้ายในตอนนี้เจ้าก็เริ่ มทําตัว
เหมือนกับเป็ นคนที่มีอาํ นาจแล้ว”
เขาตรงไปหาฟางเซียนเจว้แล้วกล่าวต่อว่า “คิดว่าสี่ ตระกูลใหญ่น้ นั
จะยิง่ ใหญ่อย่างที่เจ้าทําท่าทางออกมาอย่างนั้นรึ เห็นชัดว่าเจ้าคุยโม้
โอ้อวดสําหรับคนที่แค่อยูใ่ นระดับสู งสุ ดของเขตปฐพีวญ ิ ญาณ ผูน้ าํ
ตระกูลฟาง และถ้าเจ้าคิดว่าตระกูลฟางสามารถข่มขู่นิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสยั ได้ เช่นนั้นข้าก็ยนิ ดีที่จะให้เจ้าได้ทดลอง”
“เจ้าคนสกุลซู นี่คือการประกาศสงครามของตระกูลซูต่อตระกูลฟาง
ของข้าใช่ไหม แม้วา่ ตระกูลซูจะเป็ นตระกูลอันดับแรกในสี่ ตระกูล
ใหญ่หลายสิ บปี มานี้ แต่ทุกคนก็เห็นได้วา่ พวกเขามิได้แข็งแกร่ ง
ดังเช่นที่เคยเป็ นมาอีกต่อไป”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของฟางเซียนเจว้ ซูหยางก็เพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า
“ข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลซูอีกต่อไปแล้ว ยังไงก็ตามข้าได้
ถูกพวกเขาทอดทิ้งเช่นเดียวกับฟางซีหลานที่ได้ถูกตระกูลฟางทอดทิ้ง
แต่ทว่าที่แตกต่างไปจากตระกูลฟางก็คือ อย่างน้อยตระกูลซูมิได้เข้า
มาหาข้าอย่างไร้ยางอายและทําเหมือนกับว่าปั ญหาระหว่างเรามิเคย
ได้มีมาก่อนเมื่อตอนที่เขาได้ตระหนักถึงพรสวรรค์ของข้า”
“เจ้า…”
ในขณะที่ฟางเซียนเจว้กาํ ลังจะระเบิดความโกรธออกมานั้น ฟางซี
หลานก็ได้ตดั บทว่า “ข้าได้ตดั สิ นใจถึงที่สุดแล้ว ซูหยาง”
จากนั้นเธอก็หนั ไปมองดูนอ้ งสาวของตนเอง ฟางเซี่ ยวหรู ซึ่งไม่ได้
เงยหน้าขึ้นมาในตลอดระยะเวลานี้ และกล่าวขึ้นว่า “เจ้าเป็ นคนที่มี
พรสวรรค์เป็ นอย่างยิง่ เซี่ยวหรู มีพรสวรรค์ยงิ่ กว่าที่ขา้ มี และพรสวรรค์
นั้นเป็ นเหตุให้เจ้าดูถูกทุกคนที่มิได้มีพรสวรรค์เฉกเช่นเจ้า แต่ทว่าข้า
มิได้กล่าวโทษเจ้า ในเมื่อนัน่ เป็ นสิ่ งที่พวกเราได้รับการสัง่ สอนมา
จากพ่อแม่ของพวกเรา”
“ในขณะที่เหตุผลของเจ้าในความต้องการที่จะเข้าร่ วมกับนิกายยัง
เป็ นปัญหาอยู่ แต่ขา้ ก็สามารถบอกได้วา่ ความรู ้สึกของเจ้านั้นเป็ น
ของจริ ง และในฐานะศิษย์ของนิกายเฉกเช่นเดียวกับการเป็ นพี่สาว
ของเจ้า นัน่ ย่อมเป็ นการขัดแย้งกับทุกสิ่ งที่ขา้ ได้รับการสัง่ สอนจาก
ที่นี่หากว่ามิสนใจในความปรารถนาของเจ้า ดังนั้นข้าจึงได้ตดั สิ นใจ
ที่จะให้เจ้าได้เข้าร่ วมการทดสอบเป็ นศิษย์ ถ้าเจ้าผ่าน เช่นนั้นเจ้าก็จกั
ได้รับการยินยอมให้เป็ นศิษย์ แต่ทว่าถ้าเจ้าไม่ผา่ น…”
ฟางซีหลานไม่พดู จนจบประโยค เพราะว่าเป็ นที่ชดั เจนแล้วว่า สิ่ งที่
เธอกําลังจะพูดนั้นคืออะไร
“ขอบคุณพี่สาว ถึงแม้วา่ ข้าไม่ผา่ นการทดสอบ ข้าก็จกั มิลืมความ
เอื้อเฟื้ อของท่านในวันนี้” ฟางเซี่ยวหรู กล่าวกับเธอ
“ฟางซีหลาน นังเด็กร่ าน” ฟางเซี ยนเจว้ไม่สามารถที่จะควบคุม
อารมณ์ของเธอได้อีกต่อไป และสุ ดท้ายก็ได้ระเบิดความโกรธ
ออกมา เตรี ยมตัวที่จะกระโดดเข้าหาฟางซี หลาน
แต่ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้ขยับตัว พลังที่ลึกซึ้ งและแข็งแกร่ งก็
ปรากฏขึ้นโดยไร้วแี่ ววและจํากัดการเคลื่อนไหวของเธอเอาไว้
“ใครกล้าที่จาํ กัดการเคลื่อนไหวของข้า” เธอคํารามลัน่
เสี ยงที่ชดั เจนของผูม้ ีอายุได้ดงั ขึ้นมาหลังจากนั้นชัว่ ขณะ “ข้ามิได้
ตั้งใจที่จะเข้ามายุง่ ในข้อพิพาทในตระกูลของเจ้า และจักยังคงเป็ น
เพียงผูช้ ม แต่การกระทําของเจ้าในวันนี้น้ นั ได้สร้างความผิดหวัง
ให้กบั ข้าเป็ นอันมาก ผูน้ าํ ตระกูลฟาง”
“ส-เสี ยงนี้… เป็ นไปไม่ได้” ฟางเซียนเจว้สนั่ สะท้านไปด้วยความ
กลัวเมื่อตระหนักถึงตัวตนของเสี ยงนี้
“ป-ปรมาจารย์ตระกูลซี มาทําอะไรที่นี่” เธอรํ่าร้องในใจ
และถึงแม้วา่ ฟางเซียนเจว้ตอ้ งการที่จะคุกเข่าขอโทษซีหวังเพียงไรก็
ตาม แต่เพราะว่าการถูกจํากัดการเคลื่อนไหวของเธอ ทําให้เธอไม่
สามารถขยับได้แม้กระทัง่ กล้ามเนื้อ
เสี ยงของซีหวังดังขึ้นมาอีกครั้งว่า “โดยสัตย์จริ งแล้วข้ามิได้สนใจว่า
ตระกูลฟางต้องการที่จะสู ก้ บั ตระกูลซูหรื อนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
หรื อไม่ แต่เจ้าควรรู ้วา่ ข้าเกลียดความวุน่ วายมาเข้าใกล้ตอนที่ขา้ กําลัง
พยายามผ่อนคลาย ดังนั้นข้าจึงมาขอให้เจ้าปล่อยให้ทุกสิ่ งเป็ นไป
ตามที่มนั ควรจะเป็ นอย่างราบรื่ น ถอนตัวไปในช่วงเวลานี้ และค่อย
ดําเนินสะสางข้อพิพาทในตระกูลเจ้าในเวลาอื่น”
หลังจากที่เขาพูดจบประโยค การจํากัดการเคลื่อนไหวของฟางเซียน
เจว้กไ็ ด้คลายออก
“แม้วา่ ข้าจักมิได้มีเจตนา แต่ขา้ ก็ตอ้ งจักขออภัยในการรบกวนความ
สงบของท่านปรมาจารย์” ฟางเซียนเจว้คาํ นับไปยังอากาศก่อนที่จะ
มองไปยังคนที่ตามเธอมา
“พวกเราไป” เธอกล่าวกับพวกเขา
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะจากไป เธอก็หนั ไปมองดูฟางเซี่ยวหรู และ
กล่าวว่า “ข้าจักให้เวลาเจ้าเจ็ดวันในการปรากฏตัวที่สาํ นักเมฆม่วง
ถ้าเจ้ามิไปปรากฏตัว เจ้าก็สามารถเดินตามรอยเท้าของพี่สาวของเจ้า
ทําตัวเหมือนกับว่าพ่อแม่ของเจ้าได้ตายไปแล้ว”
“ถึงแม้วา่ ข้าเกลียดที่จะสู ญเสี ยลูกสาวที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้ามากเพียงไร
ก็ตาม ข้าก็ยงั มิเห็นประโยชน์จากลูกสาวที่มิเชื่อฟังได้ ข้าจักมิโกหก
ว่าการสู ญเสี ยเจ้านั้นมิได้สร้างความบอบชํ้าให้กบั ตระกูลฟางแต่
อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเรามิได้ขาดแคลนผูม้ ีพรสวรรค์ ถ้าเจ้าออก
จากตระกูล เช่นนั้นทรัพยากรสําหรับการฝึ กฝนของเจ้าทั้งหมดก็จกั
ส่ งต่อไปให้กบั คนอื่น ฮึ่ม”
ฟางเซี ยนเจว้แค่นเสี ยงเย็นชาก่อนที่จะไปจนลับสายตาพวกเขา
บทที่ 556 การทดสอบฟางเซี่ยวหรู
“เจ้ามัน่ ใจว่าไม่มีปัญหาที่จะทําเช่นนี้รึ” ฟางซีหลานถามฟางเซี่ยวหรู
หลังจากที่แม่ของพวกเธอลับหายไปจากที่แห่งนั้นแล้ว “ข้าออกจาก
ตระกูลเพราะว่าพวกเขาทอดทิ้งและกลัน่ แกล้ง แต่เจ้านั้นกลับเป็ น
อีกเรื่ องหนึ่ง เจ้าเป็ นถึงอัจฉริ ยะระดับสู งคนหนึ่งภายในตระกูล แต่
เจ้ากลับโยนทิ้งสิ่ งที่คนส่ วนใหญ่ในโลกนี้จกั ฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิง”
“นัน่ ไม่มีปัญหา” ฟางเซียวหรู ตอบอย่างเยือกเย็น “มิมีอะไรอีกที่ขา้
สามารถเรี ยนรู ้จากพวกเขาได้อีกแล้ว และข้าก็มิชอบบรรยากาศที่
นัน่ ด้วย”
“ว่าแต่วา่ เมื่อไหร่ ที่ขา้ จักสามารถรับการทดสอบศิษย์” เธอถามขึ้น
“เราสามารถทดสอบได้ในทันทีน้ ี” ซูหยางกล่าว
ในเวลาถัดไป ซูหยางก็นาํ ฟางเซี่ยวหรู ไปยังพื้นที่ทดสอบ โดยมีฟาง
ซีหลานและโหลวหลานจีคอยมองดูอยูท่ ี่ดา้ นหลัง
“ท่านคิดว่าเธอจักผ่านหรื อไม่” ฟางซีหลานถามโหลวหลานจี
“ในฐานะอัจฉริ ยะของตระกูลซี พรสวรรค์ของเธอนั้นแน่นอนว่า
เป็ นของจริ ง แต่ขา้ มิสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอจักผ่านการ
ทดสอบ ในเมื่อการทดสอบที่ทา้ ทายที่สุดสําหรับเธอในการทดสอบ
นี้ยอ่ มเป็ นการทดสอบเม็ดยาจิตอสู ร ซึ่งมิได้สนใจถึงพรสวรรค์ของ
ผูใ้ ดแต่กลับเป็ นวิถีจิตของพวกเขาแทน”
ในเวลานั้นบนเวทีแรก ฟางเซี่ยวหรู ได้สมั ผัสเทวรู ปกระดูกและ
เทวรู ปวิญญาณ
“อายุยสี่ ิ บเอ็ดปี ระดับหนึ่งเขตปฐพีวญ
ิ ญาณ”
หลังจากที่ผา่ นการทดสอบแรก เธอก็เดินไปยังเวทีที่สอง
ครั้นเมื่อเธอเตรี ยมตัวพร้อมแล้ว ซูหยางก็บีบเม็ดยาจิตอสู ร
“…”
ฟางซีหลานมองดูอย่างเป็ นกังวลขณะที่ฟางเซี่ยวหรู นงั่ อยูต่ รงใจ
กลางหมอกสี แดง
ห้าวินาทีผา่ นไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิ บวินาทีให้หลัง ร่ างของฟางเซี่ยวหรู กเ็ ริ่ มสัน่ สะท้าน
เมื่อถึงเวลายีส่ ิ บวินาที ก็เริ่ มมีเลือดไหลออกมาจากจมูกของเธอ
“นี่…” ฟางซีหลานแสดงสี หน้าเป็ นกังวล
ถ้าฟางเซี่ยวหรู ไม่ผา่ นการทดสอบ เธอก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก
กลับไปยังตระกูลฟาง แต่หลังจากสิ่ งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ใครจะรู ้วา่ แม่
ของพวกเธอจะทําอะไรกับเธอถ้าเธอกลับไป
ยีส่ ิ บห้าวินาทีในการทดสอบ รู จมูกของเธอทั้งสองข้างของเธอก็มี
เลือดไหลออกมา
แต่ทว่าฟางเซี่ยวหรู ไม่ได้ยอมแพ้น และซูหยางเองก็ไม่ได้ยบั ยั้งเธอ
ยีส่ ิ บหกวินาที… ยีส่ ิ บเจ็ดวินาที… ยีส่ ิ บแปด… ยีส่ ิ บเก้าวินาที…
เมื่อตอนที่เวลาแตะกําหนดสามสิ บวินาที ซูหยางก็สะบัดชายเสื้ อจน
ทําให้เมฆสี แดงนั้นหายไปในทันที
แค่ก
ฟางเซี่ยวหรู กระอักเลือดออกมาหนึ่งคําทันทีนบั จากนั้น
“ข้า… ข้าได้ผา่ นการทดสอบแล้วใช่ไหม” เธอถามเขาด้วยเสี ยงหมด
แรง
“ใช่ เจ้าผ่าน” ซูหยางพยักหน้า และเขากล่าวต่ออีกว่า “แต่ทว่าเจ้าผ่าน
อย่างฉิวเฉี ยด ถ้าเจ้าต้องทนต่อไปอีกหนึ่งถึงสองวินาที เจ้าก็จะตาย”
สองสามอึดใจให้หลัง ฟางเซี่ยวหรู กไ็ ปยังเวทีที่สามและผสมเลือด
ของเธอจากริ มฝี ปากเข้าไปในชามใส่ น้ าํ และทุกคนที่นนั่ ก็พากันดู
ในขณะที่น้ าํ เปลี่ยนเป็ นสี แดง
“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ผา่ นการทดสอบที่สาม และตอนนี้เจ้า
ต้องมาต่อสู ก้ บั ข้า ให้กล่าวไปแล้วข้าย่อมมิต่อสู แ้ ละทําร้ายผูห้ ญิง
ถึงแม้วา่ มันจักเป็ นเพียงแค่การประลองฉันมิตร ดังนั้นข้าก็จกั ให้เจ้า
ได้มีเวลาฟื้ นตัวก่อนที่พวกเราจะเริ่ มต่อสู ”้ ซูหยางกล่าวก่อนที่จะส่ ง
หิ นวิญญาณให้เธอสองสามก้อน
ฟางเซี่ยวหรู รับหิ นวิญญาณและก็เริ่ มดูดซับพลังวิญญาณจากหิ น
วิญญาณในทันทีเพื่อฟื้ นฟูพละกําลังของเธอ
ในขณะที่ฟางเซี่ยวหรู ฟ้ื นฟูพละกําลังของเธอเองอยูน่ ้ นั ฟางซีหลาน
ก็ตรงเข้าไปหาซูหยางและกล่าวถามว่า “ในเมื่อเธอผ่านทั้งสามการ
ทดสอบ นี่ยอ่ มทําให้เธอเป็ นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์แล้วใช่ไหม”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “มิเพียงแต่เธอมีพรสวรรค์สูงลํ้า แต่เธอ
ก็ยงั มีการตัดสิ นใจที่แน่วแน่ แม้วา่ วิถีจิตของเธอจําเป็ นต้องฝึ กฝนอยู่
บ้าง แต่ยามที่เธอได้รับการฝึ กฝนอย่างเหมาะสม โดยมิตอ้ งสงสัยเลย
ว่าเธอจักกลายเป็ นคนที่แข็งแกร่ งมากในโลกนี้ ถึงแม้วา่ จะปราศจาก
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เธอก็จกั สามารถเข้าถึงระดับของเจ้าซีได้”
“เธอมีพรสวรรค์ถึงเช่นนั้นเลยรึ ” ฟางซี หลานมองดูเขาด้วยดวงตา
เบิกกว้าง ในเมื่อยากที่ซูหยางจะชมเชยใครสักคนเป็ นอย่างสู งแบบ
นั้น
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ในบรรดาศิษย์ท้ งั หมดของนิกายนี้ มีเพียง
เยีย่ นเยีย่ นที่เหนือกว่าเธอในเรื่ องของพรสวรรค์ ตระกูลฟางบางที
อาจจะมิรู้ถึงพรสวรรค์ที่แท้จริ งของเธอ มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงมิยอม
ปล่อยวางเธอง่ายดายเช่นนี้”
เวลาหลังจากนั้น ครั้นเมื่อฟางเซี่ยวหรู เสร็ จสิ้ นการฟื้ นฟูพลังของเธอ
เธอก็ตรงเข้าไปยังเวทีที่สี่
“ข้าจักมิเคลื่อนไหวจนกว่าเจ้าจะโจมตีขา้ ก่อนเป็ นอันดับแรก” ซูหยาง
กล่าวกับเธอ “และก็มิจาํ เป็ นที่จะต้องยั้งมือ โจมตีขา้ ด้วยทุกสิ่ งที่เจ้า
มี”
ฟางเซี่ยวหรู พยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่ มสะสมพลังปราณในส่ วนหนึ่ง
ของร่ างกาย มือขวาของเธอ
“น-นัน่ คือ…” ฟางซีหลานพลันจดจําวิชานี้ได้และมีท่าทาง
ประหลาดใจ
“นัน่ เป็ นวิชาประเภทไหนกัน” โหลวหลานจีถามเธอด้วยความอยากรู ้
“นัน่ เป็ น “หมัดภูเขาสุ ดยอด” วิชาประจําตระกูลฟาง และเป็ นหนึ่ง
ในวิชาที่แข็งแกร่ งที่สุดวิชาหนึ่งของพวกเขา มีคาํ รํ่าลือว่ามันมีพลังที่
สามารถที่จะทําลายเขาทั้งลูกได้ดว้ ยการต่อยเพียงหมัดเดียวถ้าฝึ กปรื อ
ถึงขั้นสมบูรณ์ ถ้าตระกูลฟางยอมให้เธอเรี ยนรู ้วชิ านี้ พวกเขาต้อง
เห็นคุณค่าในพรสวรรค์ของเธอจริ ง ๆ” เธออธิบาย
“ใช้วชิ าที่แข็งแกร่ งที่สุดของเจ้าในการโจมตีครั้งแรก อย่างน้อยถือว่า
เจ้ามีความสํานึกอยูบ่ า้ ง” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิม้ เยือกเย็นบนใบหน้า
สองสามอึดใจให้หลัง ฟางเซี่ ยวหรู กพ็ งุ่ เข้าไปหาซูหยางพร้อมกับ
หมัดที่พงุ่ เข้าไปยังใบหน้าของเขา
และแรงกดดันมหาศาลก็พลันโถมทับลงไปยังร่ างของซูหยาง ทําให้
รู ้สึกเหมือนกับว่าเขาแบกภูเขาไว้บนบ่า
และในขณะที่ฟางเซี่ยวหรู ปลดปล่อยพลังในหมัดของเธอ พื้นเวทีที่
เธอยืนอยูก่ แ็ ตกออกเป็ นชิ้น ๆ
“ฮ่าาาาา”
ฟางเซี่ยวหรู ตะโกนออกมาด้วยเสี ยงอันดังขณะที่เธอต่อยไปยังซูหยาง
ซูหยางยังคงยิม้ และเพียงแค่ยกมือขึ้นไปอย่างสบาย ๆ จับหมัดของ
ฟางเซี่ยวหรู โดยการใช้ฝ่ามือของเขา
บูม
คลื่นพลังงานที่แข็งแกร่ งมากถูกสร้างขึ้นจนสามารถที่จะผลักฟางซี
หลานและโหลวหลานจีถอยไปสองสามก้าว แต่ซูหยางยังคงยืนอยูท่ ี่
เดิมด้วยรอยยิม้ บนใบหน้าของเขา
“เป็ นไปไม่ได้…” ฟางเซี่ ยวหรู จอ้ งมองหมัดของเธอด้วยใบหน้าสับสน
ดูเหมือนว่าจะตกใจที่ซูหยางสามารถที่จะหยุดวิชาการต่อสู ข้ องเธอ
โดยไม่ตอ้ งใช้ความพยายามใด ๆ
บทที่ 557 แค่ ชําเลืองมอง
หลังจากที่การโจมตีของเธอล้มเหลว ฟางเซี่ยวหรู กพ็ ลันกระโดด
กลับเพื่อทิ้งระยะห่างจากซูหยาง
แต่ทว่าซูหยางติดตามเธอไปอย่างรวดเร็ วทั้งยังต่อยหมัดของตนเอง
ออก
“อะไรกัน…”
ฟางเซี่ยวหรู ร้องลัน่ เมื่อเห็นหมัดของซูหยางปลดปล่อยพลังแบบ
เดียวกันกับหมัดภูเขาสุ ดยอด แต่มนั รวดเร็ วกว่าแหลมคมกว่าวิชา
ของเธอเอง
เมื่อไม่สามารถที่จะหลบการโจมตีทนั เวลา ฟางเซี่ ยวหรู กไ็ ม่มี
ทางเลือกนอกจากที่จะป้องกันการโจมตีดว้ ยร่ างกายของเธอเอง
“อาาา”
ฟางเซี่ยวหรู ถูกส่ งปลิวออกไปนอกเวทีไปไกลหลังจากที่รับการ
โจมตีของเขาอย่างยากลําบากด้วยแขนของเธอเอง
“เป็ นข้าตาฝาดหรื อว่าซูหยางใช้วชิ าของตระกูลฟางไปเมื่อกี้น้ ี”
โหลวหลานจีถามฟางซีหลานด้วยสี หน้างงงัน
“ม-ไม่… ท่านเห็นถูกต้อง เขาเพิ่งใช้หมัดภูเขาสุ ดยอด แต่วา่ นัน่
เป็ นไปได้อย่างไร มีเพียงคนไม่กี่คนจากตระกูลฟางที่สามารถได้
เห็นวิชานี้ อย่าว่าแต่จะเรี ยนรู ้มนั ” ฟางซีหลานตอบกลับด้วยเสี ยง
ตระหนก
นอกเสี ยจากว่าซูหยางได้แอบเข้าไปในตระกูลฟางและแอบเรี ยน
วิชาการต่อสู น้ ้ ี ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคาํ อธิบายที่สมเหตุผลว่าทําไมเขา
จึงสามารถเรี ยนวิชาประจําตระกูลฟางได้อย่างไร
เวลาหลังจากนั้นฟางเซี่ ยวหรู กก็ ลับคืนมายังเวทีดว้ ยสภาพเละเทะ
และเธอก็ถามเขาด้วยใบหน้าสับสนว่า “เมื่อกี้น้ ีเห็นได้ชดั ว่าเป็ น
หมัดขุนเขาสุ ดยอด… แต่วา่ ทําไมท่านจึงสามารถใช้วชิ าการต่อสู ท้ ี่มี
เพียงไม่กี่คนจากตระกูลฟางเรี ยนรู ้ได้”
“หมัดขุนเขาสุ ดยอดที่เจ้ารู ้น้ นั เป็ นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของวิชาการต่อสู ้
ที่ใหญ่กว่าและทรงอํานาจกว่า ข้ามิรู้วา่ ตระกูลฟางได้มนั มาอย่างไร
แต่มนั มิได้มีความพิเศษอย่างที่เจ้าเชื่อ” ซูหยางอธิบายให้กบั เธอ
วิชาที่เขาอ้างถึงนั้นเป็ นวิชาที่แพร่ หลายและทรงพลังในสวรรค์
ศักดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ ที่ใช้โดยผูฝ้ ึ กร่ างกายส่ วนใหญ่ และหมัดภูเขาสุ ดยอด
ก็เป็ นเพียงแค่เศษเสี้ ยวของภูเขานํ้าแข็งในด้านของพลังวิชานี้เต็ม
ส่ วน
ส่ วนที่วา่ ตระกูลฟางได้รับวิชานี้มาอย่างไรนั้น เขาก็แต่เพียงจินตนาการ
ว่าเป็ นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเซียนหานซิ่น ขี้ขา้ ของจักรพรรดิสวรรค์ที่
โชคร้ายที่ถูกโยนมาสู่ โลกนี้โดยบังเอิญ
เมื่อเห็นฟางเซี่ยวหรู มีท่าทางงงงัน ซูหยางก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าสามารถ
บอกได้วา่ เจ้ามีความเข้ากันได้กบั วิชานี้เป็ นอย่างมาก ดังนั้นข้าจักให้
วิชาการต่อสู น้ ้ ีแก่เจ้าครบทุกส่ วน”
“จ-จริ งรึ นัน่ มิใช่สิ่งที่มีค่าหรอกรึ ” เธอถามเขา
ไม่วา่ อย่างไรถ้าตระกูลฟางพิจารณาเห็นว่าส่ วนเสี้ ยวเล็ก ๆ ของวิชา
ทั้งหมดเป็ นสมบัติล้ าํ ค่า วิชาการต่อสู ท้ ี่มีครบทุกส่ วนนั้นย่อมต้องมี
ค่ามากกว่าอย่างเห็นได้ชดั
“เฮ้อ… แม้วา่ ข้ากล่าวว่าข้าจักให้วชิ าเจ้าครบทุกส่ วน แต่นน่ั มิได้
หมายความว่าเป็ น “ทั้งหมด” ในเมื่อเจ้ามิสามารถที่เข้าใจมันได้
ในตอนนี้ ดังนั้นข้าจักเพียงให้เจ้าแต่เพียงสิ่ งที่เจ้าสามารถควบคุมมัน
ได้ในตอนนี้ และครั้นเมื่อเจ้ามีพลังอํานาจและความรู ้มากกว่านี้ ข้าก็
จักให้วชิ าที่แท้จริ งแก่เจ้า
“อย่างไรก็ตาม เจ้าได้ผา่ นการทดสอบแล้วและเจ้าก็มีสิ่งที่ศิษย์หลัก
ควรจะมีไปเรี ยบร้อยแล้ว ดังนั้นข้าก็จกั ให้ตาํ แหน่งนี้แก่เจ้า ครั้นเมื่อ
เจ้าเสร็ จสิ้ นการเตรี ยมการแล้ว เจ้าก็สามารถที่จะมาหาข้าเพื่อรับวิชา
นี้ได้”
“ขอบคุณ” เธอโค้งคํานับเขาแม้วา่ ร่ างกายจะเจ็บปวด
ซูหยางพยักหน้าและหันไปดูฟางซีหลาน
“ข้าจักปล่อยเธอไว้ในมือของเจ้าในตอนนี้” เขากล่าวกับเธอ
หลังจากนั้น ฟางซีหลานก็นาํ ฟางเซี่ยวหรู ไปรับชุดศิษย์และป้าย
ประจําตัวของเธอ
ในขณะที่พวกเขาเดินไปนั้นฟางเซี่ยวหรู กพ็ ลันถามอีกฝ่ ายว่า “พี่สาว
ท่านมีเพศสัมพันธ์กบั ซูหยางหรื อยัง”
ฟางซีหลานเกือบหกล้มหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดเช่นนั้น และเธอก็ตอบ
ด้วยนํ้าเสี ยงภาคภูมิใจว่า “อย่าทําให้มนั ฟังดูหยาบคายเช่นนั้น พวก
เราเรี ยกกันว่าการฝึ กคู่ในที่แห่งนี้ และใช่แล้ว ข้าได้ร่วม “ฝึ กคู่” กับ
เขามาก่อน และหลายครั้งด้วย”
“จริ งรึ ข้าช่างอิจฉา” ฟางเซี่ ยวหรู กล่าว
“เจ้าอิจฉาข้ารึ นัน่ เป็ นสิ่ งที่ขา้ มิได้คาดคิดว่าจะได้ยนิ ในชีวติ นี้ ในเมื่อ
ข้าเองนั้นเป็ นคนที่อิจฉาเจ้ามาโดยตลอด ในเมื่อเจ้านั้นมีพรสวรรค์
มากกว่าข้า โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อเจ้าได้รับความรักทั้งหมดของ
ตระกูล” ฟางซีหลานถอนหายใจ
“ท่านโกรธข้ารึ ” ฟางเซี่ยวหรู ถามเธอ “ที่มิได้ช่วยท่าน”
“ทําไมข้าจักต้องโกรธเจ้าด้วย เจ้าเป็ นเพียงหนึ่งเดียวที่มิได้รังแกข้า
ถ้าข้าควรจะโกรธใครสักคน นัน่ ก็ควรจะเป็ นพ่อแม่ของพวกเราและ
ตระกูลฟางเอง ในเมื่อพวกเขาทํากับคนที่มีพรสวรรค์นอ้ ยกว่า
เหมือนกับพวกเขาเป็ นขยะ”
“มิวา่ อย่างไรก็ตาม เลิกคุยเรื่ องตระกูลฟางกัน เจ้าเข้ามาร่ วมกับนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั เพราะซูหยางใช่ไหม”
ฟางเซี่ ยวหรู พยักหน้าหลังจากที่ได้ยนิ คําถามของเธอ ไม่ปฏิเสธว่าซู
หยางเป็ นเหตุผลเดียวที่ทาํ ให้เธอสนใจในที่แห่งนี้
“ซูหยางช่างน่าพิศวงเสี ยจริ ง ๆ เมื่อคิดว่าเขาสามารถโปรยเสน่ห์ใส่
คนอย่างเจ้าโดยมิตอ้ งใช้ความพยายามใด เพียงแค่ยนื อยูใ่ นห้อง
เดียวกับเจ้าเท่านั้น” ฟางซีหลานอดที่จะยิม้ ไม่ได้
จากนั้นเธอก็พดู ต่อว่า “เช่นนั้นอะไรที่เป็ นของเขาที่เป็ นเหตุให้หวั ใจ
ของเจ้าเต้นระรัว เป็ นเพราะใบหน้าหล่อเหลาของเขา ท่าทางของเขา
หรื อว่ากลิ่นอายอันหลุดพ้นที่รายล้อมรอบตัวเขา”
“สายตาของเขา” ฟางเซี่ยวหรู ตอบโดยไม่ลงั เล
“สายตาของเขางั้นรึ …” ฟางซี หลานพูดทวนยํ้าตาม
เธอพยักหน้าและอธิบายด้วยเสี ยงหลงใหลว่า “เมื่อตอนที่เขามอง
มายังที่ขา้ นั้น แม้วา่ จะเป็ นเพียงแค่การชําเลืองมองผ่านอย่างรวดเร็ ว
แต่มนั ก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถเห็นทุกสิ่ งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวข้า
และข้าก็มิได้แตกต่างไปจากการยืนเปลือยเปล่าเมื่ออยูต่ ่อหน้าสายตา
ของเขา ข้ามิเคยรู ้สึกถึงสายตาที่ทรงพลังและลํ้าลึกเช่นนั้นมาก่อน
และมันก็เป็ นเหตุให้หวั ใจของข้าเต้นระรัวดังระทึกขึ้นในทันที”
“…”
ฟางซีหลานพูดไม่ออก เมื่อเธอเห็นสี หน้าของฟางเซี่ยวหรู ขณะที่เธอ
พูดถึงสายตาคมกริ บของซูหยาง ในเมื่อมันไม่ต่างไปจากสาวน้อยที่
ได้รับประสบการณ์ของรักแรกของเธอ
“เพียงแค่ได้รับการชําเลืองมองจากซูหยางเพียงครั้งเดียวถึงกับทําให้
คนแบบฟางเซี่ยวหรู ผทู ้ ี่รู้วา่ เป็ นคนที่เหิ นห่างและวางท่า ถึงกับต้อง
ยอมคุกเข่าให้…” ฟางซีหลานแอบถอนหายใจในเมื่อเธอไม่มนั่ ใจว่า
เธอควรจะกลัวหรื อว่านับถือความสามารถที่น่าหวาดหวัน่ เช่นนั้นดี
บทที่ 558 เสนอตัวเธอ
หลังจากที่ช่วยฟางเซี่ยวหรู รับชุดศิษย์และหาที่พกั ให้แล้ว ฟางซี
หลานก็พดู กับอีกฝ่ ายว่า “ตอนนี้เมื่อเจ้ามีทุกอย่างที่จาํ เป็ นแล้ว ข้าก็
จักอธิบายกฎของสํานักและสิ ทธิของเจ้าในฐานะศิษย์หลัก”
สองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่อธิบายกฎให้เธอฟังเรี ยบร้อยแล้ว
ฟางซีหลานก็พดู เกี่ยวกับสิ ทธิ “ในฐานะศิษย์หลัก เจ้าจักได้รับการ
สนับสนุนจากนิกายแบบไม่จาํ กัด นัน่ หมายความว่าตราบเท่าที่มนั มี
เหตุผลเพียงพอ เจ้าสามารถขอหิ นวิญญาณจํานวนเท่าไหร่ กไ็ ด้”
“จํานวนเท่าไหร่ กไ็ ด้รึ นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั รํ่ารวยมากอย่างนั้นรึ ”
ฟางเซี่ยวหรู ถาม
“ข้าเดาว่าเป็ นอะไรทํานองนั้น…” ฟางซี หลานพยักหน้า ไม่กล้าที่จะ
เปิ ดเผยให้อีกฝ่ ายว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาใช้หินวิญญาณกว่าสามร้อย
ล้านก้อนในทีเดียว
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจักสามารถได้รับสมบัติวญ ิ ญาณหรื อไม่ ตอนนี้
เมื่อข้ามิได้อยูก่ บั ตระกูลฟางอีกต่อไปแล้ว ข้าก็จกั มิได้รับแม้สกั ชิ้น”
“ผูน้ าํ นิกายจะดูแลเรื่ องอาวุธวิญญาณ และวิชาการฝึ กปรื อ ดังนั้นเจ้า
จักต้องถามพวกเขาเรื่ องนั้น แต่ขา้ มิเห็นมีเหตุผลที่พวกเขาจักมิให้
เจ้าสักชิ้น ในเมื่อพวกเรามีสมบัติวญ
ิ ญาณมากมาย” ฟางซีหลาน
กล่าว
“อย่างไรก็ตามเจ้าควรจะพูดกับซูหยางเกี่ยวกับวิชาการฝึ กปรื อของ
เจ้าในตอนนี้เมื่อเจ้าเสร็ จสิ้ นจากที่นี่แล้ว”
ฟางเซี่ยวหรู พยักหน้าและเธอก็กล่าวว่า “ขอบคุณสําหรับทุกสิ่ ง
พี่สาว”
“มิมีความจําเป็ นที่จะต้องขอบคุณข้า ข้าก็เพียงทําตามสิ่ งที่ขา้ ควรจะ
ทําในฐานะพี่สาว” ฟางซีหลานตอบพร้อมกับรอยยิม้ “ถ้าเจ้าต้องการ
อะไรอีกในอนาคต เจ้าสามารถมาหาข้าได้”
และก่อนที่ฟางเซี่ยวหรู จะจากไป ทันใดนั้นเธอก็กอดฟางซีหลาน
สร้างความงงงันให้กบั เธอ ในเมื่อนี่เป็ นครั้งแรกที่เธอได้รู้สึกถึงอ้อม
กอดของน้องสาวของตนเอง
เวลาถัดมา ฟางเซี่ยวหรู กต็ รงไปยังศาลาหยินหยางเพื่อตามหาซูหยาง
“เจ้า… เจ้า… เจ้ามาทําบ้าอะไรที่นี่ ฟางเซี่ ยวหรู ”
เมื่อซูหยินเห็นฟางเซี่ยวหรู ในชุดศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตระหนก
“ซูหยิน…” ฟางเซี่ยวหรู หรี่ ตาของเธอลง “ข้าควรจะถามเจ้าด้วย
คําถามเดียวกัน ทําไมเจ้าจึงมาอยูท่ ี่นี่”
“โอ พวกเจ้าสองคนรู ้จกั กันอยูแ่ ล้วรึ ” ซูหยางเลิกคิ้ว
“ในเมื่อสี่ ตระกูลใหญ่ชอบรวมตัวกันเกือบทุกปี เพื่อที่จะมีการแลก
เปลี่ยนฉันมิตรระหว่างรุ่ นเยาว์เพื่อโอ้อวดสิ ทธิ์ แน่นอนว่าพวกเรา
ต้องรู ้จกั กัน ตามความเป็ นจริ งพวกเราได้ประมือกันมานับไม่ถว้ น”
ซูหยินอธิบายให้เขาฟังถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอ
“ใช่ พวกเราสู ก้ นั รวมทั้งหมดเจ็ดครั้ง” ฟางเซี่ยวหรู พยักหน้า และ
เธอก็กล่าวต่อว่า “ในระหว่างนั้นข้าชนะห้าในเจ็ดครั้ง”
“น-นัน่ เป็ นเพราะว่าข้ายังเด็กและไร้ประสบการณ์ ยังไงข้าก็เอาชนะ
เจ้าสองครั้งติดต่อกันในการพบปะสองครั้งสุ ดท้าย เจ้ากล้าพยายามที่
จะทําให้ขา้ อับอายต่อหน้าพีช่ ายของข้าได้อย่างไรกัน มาสู ก้ นั ตอนนี้
เลย ฟางเซี่ยวหรู ” ซูหยินชี้ไปที่เธอด้วยใบหน้าแดงกํ่า
“ฮึ่ม ข้ามิได้มีเวลามารับมือเจ้าในตอนนี้ ซูหยิน ในเมื่อตอนนี้ขา้ มา
เพื่อท่านผูน้ าํ นิกาย” ฟางเซี่ ยวหรู กล่าวก่อนที่จะมองไปยังซูหยาง
“ท่านผูน้ าํ นิกาย ตามสัญญา ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะเสนอร่ างกายของข้าให้
ท่านสําหรับการที่ยอมให้ขา้ ได้รับการทดสอบศิษย์” เธอกล่าวกับเขา
ด้วยสี หน้าเยือกเย็น
“อ-อ-อะไรนะ” ซูหยินสัน่ สะท้านไปด้วยความตระหนก หลังจากที่
ได้ยนิ คําพูดของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ พี่ชาย”
ซูหยางยิม้ และให้คาํ อธิบายสั้น ๆ แก่เธอถึงสิ่ งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“อย่างไรก็ตาม เจ้ามิจาํ เป็ นต้องมอบร่ างกายให้กบั ข้า เพราะว่านัน่
เป็ นฟางซีหลานที่ยอมให้เจ้าได้เข้าร่ วมในการทดสอบนี้ ไม่ใช่ขา้ ”
เขากล่าวกับฟางเซี่ยวหรู “และเจ้าก็มิได้อยูใ่ นสาขาฝึ กคู่ ดังนั้นข้าจึง
มิอาจที่จะร่ วมฝึ กกับเจ้าได้โดยมิมีเหตุผล”
“ถูกต้องแล้ว รู ้ตวั เสี ยบ้าง ฟางเซี่ยวหรู และเพื่อให้ชดั เจน ข้าก็เป็ น
ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ในนามเช่นกัน” ซูหยินกล่าวเพิม่
แต่ทว่า ฟางเซี่ยวหรู ไม่สนใจซูหยินที่ยวั่ ยุอย่างเห็นได้ชดั และกล่าว
กับซูหยางว่า “เช่นนั้นท่านจะมีเพศ – ร่ วมฝึ กคู่กบั ข้าถ้าข้าเข้าร่ วม
สาขาฝึ กคู่ง้ นั รึ ”
“…”
ซูหยางนวดขมับ เมื่อรู ้ถึงตัวตนและการตัดสิ นใจของเธอแล้ว ฟาง
เซี่ยวหรู อาจจะไม่ปล่อยเขาไปจนกว่าเขาได้ร่วมฝึ กกันเธอ ยิง่ ไปกว่า
นั้นเป็ นสิ่ งที่เห็นได้ชดั เจนราวกับว่าเป็ นกลางวันถึงเหตุผลที่ทาํ ไม
ฟางเซี่ยวหรู จึงได้เข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แล้วว่าเธอ
ต้องการที่จะใกล้ชิดกับเขา
หลังจากที่เงียบไปชัว่ ขณะ ซูหยางก็ถอนใจ “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าได้ยอม
สละมากมายเพื่อที่จะเข้าร่ วมกับนิกาย ข้าเห็นว่าข้าสามารถที่จะให้
เจ้าได้รับสิ ทธิตามคําขอนี้ได้”
ไม่วา่ อย่างไร มันจะเป็ นเรื่ องที่โหดร้ายเกินไปที่จะปฏิเสธเธอหลังจาก
ที่เธอได้ละทิ้งตระกูลของเธอเพียงเพือ่ ที่จะเข้ามาในนิกาย
“อะไรนะ” ซูหยินมองไปที่เขาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากเชื่อ “ท่านมัน่ ใจ
เรื่ องนี้รึ พี่ชาย เธอมาจากตระกูลฟาง สถานที่ซ่ ึ งเต็มไปด้วยพวกยโส
โอหัง และฟางเซี่ยวหรู นี่กเ็ ป็ นคนที่เลวร้ายที่สุดในหมู่คนพวกนั้น
ในเมื่อเธอไม่สนใจใครเลยนอกจากตัวเธอเอง”
เมื่อได้ยนิ คําพูดของอีกฝ่ าย ฟางเซี่ยวหรู กข็ มวดคิ้ว “เจ้าหยุดปากเสี ย
ใส่ ขา้ ได้แล้ว ซูหยิน เพียงเพราะว่าข้าเอาชนะเจ้าได้มากกว่าที่เจ้า
เอาชนะข้า เจ้ามิจาํ เป็ นต้องใจร้ายมากถึงขนาดนั้นก็ได้ อีกทั้งข้าก็ได้
ออกจากตระกูลฟางแล้ว”
“ด-เดี๋ยวก่อน… เจ้าเพิ่งพูดอะไรไปนะ” ซูหยินมองดูอีกฝ่ ายด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง “จ-เจ้าออกจากตระกูลฟางงั้นรึ เจ้าโกหก”
ซูหยางส่ ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าควรกล่าวเช่นนี้เช่นกันเมื่อตอนที่ขา้
ได้อธิบายให้กบั เจ้าก่อนหน้านั้น แต่เธอออกจากตระกูลฟางเพื่อที่จะ
เข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โกหก”
“เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้จึงทําให้เจ้าทําอะไรเช่นนั้น มิใช่วา่ เจ้าเป็ น
หนึ่งในอัจฉริ ยะระดับสู งของพวกเขารึ ข้ามิอยากเชื่อว่าตระกูลฟาง
จักยอมให้เจ้าจากไปอย่างง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากที่ใช้
ทรัพยากรและความพยายามมากมายกับเจ้า”
“ข้ารู ้วา่ แม่ของข้ามิยอมให้ขา้ จากไปง่าย ๆ เช่นกัน แต่ขา้ จักจัดการ
กับเรื่ องนี้เมื่อเวลามาถึง” ฟางเซี่ ยวหรู กล่าว และเธอก็พดู ต่อด้วยสี
หน้าค่อนข้างแดงเล็กน้อยว่า “ไม่วา่ อย่างไร ข้าก็จกั ทําทุกสิ่ งเพื่อที่
จักได้อยูก่ บั ท่านผูน้ าํ นิกาย”
ซูหยินอ้าปากจนคางตกลงถึงพื้นหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของอีกฝ่ าย
ในเมื่อเธอไม่คิดว่าฟางเซี่ยวหรู จะสามารถทําสี หน้าไร้เดียงสา
เช่นนั้นได้ มันราวกับว่าฟางเซี่ยวหรู เปลี่ยนไปเป็ นคนละคน
บทที่ 559 ชุ่มโชกไปด้ วยปราณหยิน
“เอาล่ะ พวกเราไปยังที่พกั ของเจ้ากัน” ซูหยางกล่าวกับฟางเซี่ยวหรู
หลังจากนั้น
“พี่ชายท่านต้องระมัดระวังตัว ใครจะรู ้วา่ เธอหรื อตระกูลฟางวางแผน
อะไรกันบ้าง มันอาจจะเป็ นกับดักก็ได้” ซูหยินกระซิ บข้างหูเขาก่อน
ที่พวกเขาจะออกไปจากศาลาหยินหยาง
“ข้าจักจดจําไว้” เขาพยักหน้าพร้อมกับยิม้
หลังจากที่ออกไปจากศาลาหยินหยางแล้ว ซูหยางก็ติดตามฟางเซี่ ยว
หรู ไปยังที่พกั ของเธอ
ครั้นเมื่อเข้าไปด้านในแล้ว ซูหยางก็ส่งวิชาการต่อสู ท้ ี่เป็ นรากฐาน
ของวิชาหมัดภูเขาสู งสุ ดให้กบั เธอ
“มีกระบวนท่าต่อสู ห้ ลักทั้งหมดหกกระบวนท่าที่เจ้าสามารถเรี ยนรู ้
จากวิชานี้ หมัดภูเขาสู งสุ ดนั้นเป็ นแค่กระบวนท่าที่อ่อนด้อยที่สุดใน
กระบวนท่าเหล่านั้น แน่นอนว่านี่ยงั คงเป็ นเพียงแค่ครึ่ งหนึ่งของวิชา
ทั้งหมดซึ่งมีกระบวนท่าทั้งหมดถึงสิ บสองกระบวนท่า”
ฟางเซี่ยวหรู จอ้ งมองไปยังวิชาการต่อสู น้ ้ ีอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะถาม
เขาหลังจากนั้นอีกชัว่ ขณะ “ท่านมิกงั วลว่าข้าจักโกหกท่านรึ ซึ่งข้า
อาจจะวิง่ หนีไปพร้อมกับวิชาการต่อสู ้ ซึ่ งข้าก็อาจจะแบ่งปันให้กบั
ตระกูลฟางก็ได้”
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “เพราะข้ามีความมัน่ ใจว่าข้าสามารถที่จะเอา
มันกลับคืนมาไม่วา่ เจ้าตัดสิ นใจจะยกมันให้ใครก็ตาม”
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ฟางเซี่ยวหรู รับวิชาไว้หลังจากนั้นชัว่ ขณะ
หลังจากที่เก็บวิชาไว้ในแหวนมิติของเธอแล้ว เธอก็หนั ไปมองเขา
แล้วกล่าวว่า “ตามสัญญา ตอนนี้ขา้ จักเสนอร่ างกายให้กบั ท่าน…”
เธอเริ่ มปลดเปลื้องเสื้ อผ้าจากตรงนั้น เปิ ดเผยถึงร่ างแบบบางสะสวย
ของเธอ
“…”
ซูหยางมองร่ างไร้ที่ติของเธออย่างเงียบ ๆ ซึ่งก็สมกับเป็ นน้องสาว
ของฟางซีหลาน เธอสวยเช่นเดียวกับพี่สาว
“ข้ามิเคยทําเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นข้าจําเป็ นจักต้องให้ท่านนําข้า…”
เธอกล่าวหลังจากนั้นด้วยเสี ยงที่เบาและเอียงอาย
ซูหยางพยักหน้าและดึงเธอเข้าไปในห้องหนึ่ง ก่อนที่จะวางเธอลง
ไปบนเตียง
“อาา… นี่น่าอายยิง่ กว่าที่ขา้ คิดว่ามันควรจะเป็ น…” เธอพึมพํา รู ้สึก
ถึงสายตาแหลมคมของซูหยางที่โลมเลียไปทัว่ ทั้งร่ างเปลือยเปล่า
ของเธอ
“ให้ขา้ ทําให้เจ้าได้ผอ่ นคลายก่อนก็แล้วกัน” ซูหยางกล่าวกับเธอ
ก่อนที่เขาจะใช้ปากของเขาประกบกับกลีบดอกไม้ที่อยูต่ รงขาของ
เธอ
“อาาาา…” ฟางเซี่ยวหรู ครางออกมาเสี ยงดังเมื่อเธอรู ้สึกว่าลิ้นของ
เขาสัมผัสกับเกสรอันอ่อนนุ่มของเธอ
สองสามวินาทีถดั จากนั้น ปราณหยินก็ทะลักออกมาจากช่องรักของ
เธอ พุง่ เข้าเต็มหน้าซูหยาง
“อา ข-ข้าเสี ยใจ… มันออกมาอย่างกะทันหัน…” เธอขอโทษเขา
หลังจากนั้น
“มิมีความจําเป็ นที่จะต้องขอโทษ ข้าสามารถที่จะหลีกเลี่ยงมันใน
เมื่อข้ารู ้วา่ มันกําลังจะออกมา แต่ขา้ ถือว่าเป็ นเกียรติที่ได้อาบด้วย
ปราณหยิน” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเลียปราณหยินบนใบหน้าตนเอง
อย่างใจเย็นด้วยท่าทางเปี่ ยมเสน่ห์
ใบหน้าของฟางเซี่ยวหรู แดงขึ้นมาหลังจากที่เห็นการกระทําของเขา
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็ถอดเสื้ อผ้าของตนเองออก เปิ ดเผย
ร่ างกายอันหล่อเหลาของเขาให้กบั เธอ
“ใหญ่จงั …” ฟางเซี่ยวหรู ปิดปากของเธอด้วยความตกใจ หลังจากที่
เห็นกระบองขนาดใหญ่น่ากลัวที่อยูต่ รงหว่างขาของเขา
“ข้ากําลังจะดันมันเข้าไปแล้วนะในตอนนี้” เขาเตือนเธอ
“ได้เลย” เธอพยักหน้า
ซูหยางเริ่ มดันส่วนปลายของกระบี่ของเขาเข้าไปในช่องแคบระหว่าง
ขาของเธอ ฉีกช่องเล็ก ๆ ของเธอให้ขยายกว้างขึ้น
“อืมมมม” ฟางเซี่ยวหรู กดั ริ มฝี ปากเพื่อทนต่อความเจ็บปวด และเธอ
ก็สามารถรับรู ้ได้วา่ ช่องรักของเธอนั้นแผดเผาไปด้วยไฟปรารถนา
ครั้นเมื่อกระบี่ของเขาทั้งแท่งนั้นสอดเข้าไปภายในร่ างของเธอแล้ว
ซูหยางก็เริ่ มขยับสะโพก ดันและถูไถกระบองใหญ่ของเขากับถํ้า
สวาทของเธอ
“อาาาาา…”
“อาาาาาา…”
“อาาาา”
ฟางเซี่ยวหรู ครวญครางดังลัน่ ขณะที่ซูหยางทิ่มแทงช่องคับแน่นของ
เธออย่างถี่ยบิ รู ้สึกราวกับว่าร่ างกายของเธอสุ มรุ มเร้าไปด้วยไฟ เป็ น
ประสบการณ์ประดุจสรวงสวรรค์ที่ไม่อาจที่จะอธิบายออกมาเป็ น
คําพูดได้
“อืมมมม…”
“โออออ”
“อาาาา…”
“ม-มันจะออกมาอีกแล้ว”
ฟางเซี่ ยวหรู ร่างกายสัน่ สะท้านอย่างรุ นแรง และในอึดใจถัดไป กระแส
ปราณหยินอีกสายก็พงุ่ ทะลักออกมาจากช่องรักของเธอ
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้หยุดชะงักกับการขยับสะโพกของเขา เขา
ยังคงทําการทิ่มแทงเข้าไปในร่ างของเธอในขณะที่เธอปลดปล่อย
ปราณหยินออกมา จนทําให้ปราณหยินยิง่ ทะลักออกมามากยิง่ ขึ้น
“อาาาา ข้ามิอาจที่จะหยุดมิให้มนั ออกมาได้” ฟางเซี่ ยวหรู อุทานออกมา
ด้วยเสี ยงประหม่า ขณะที่ร่างของเธอยังคงปลดปล่อยปราณหยิน
ออกมาต่อเนื่องอย่างควบคุมไม่ได้แม้วา่ จะผ่านไปได้สกั พักหนึ่งแล้ว
ก็ตาม
“มิจาํ เป็ นที่จะต้องกลัว ปล่อยมันออกมาให้หมด” ซูหยางกล่าวกับ
เธอในขณะที่ร่างกายท่อนล่างของเขานั้นยังคงทะลุทะลวงถํ้าคับ
แน่นตรงหน้าเขา
เพียงแค่ไม่กี่นาที ฟางเซี่ยวหรู กถ็ ึงจุดสุ ดยอดมากกว่าสิ บครั้ง รู ้สึก
หมดแรงหลังจากนั้น ราวกับว่าเธอเพิ่งเสร็ จสิ้ นจากการวิง่ มาราธอน
รอบโลก
“นัน่ ช่าง… น่าอัศจรรย์…” ฟางเซี่ยวหรู กล่าวกับเขาด้วยเสี ยงเบา
หอบเหนื่อย
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “นํ้าพุของเจ้าก็น่าอัศจรรย์เช่นกัน ข้าชุ่มโชก
ไปด้วยปราณหยินของเจ้า”
หน้าของฟางเซี่ยวหรู ฉีดสี แดงออกมาหลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเขา
มองดูหน้าตาของซูหยางในตอนนี้ เขาเหมือนกับว่าเพิง่ อาบนํ้ามา
เมื่อทั้งร่ างกายและเส้นผมของเขาล้วนชุ่มโชกไปด้วยนํ้าศักดิ์สิทธิ์
ของเธอ
“เจ้ายังต้องการต่อหรื อไม่ เรามีเวลามากมายในวันนี้” ซูหยางถามเธอ
ในเวลาต่อมา
“อื้อ” เธอพยักหน้าอย่างช้า ๆ
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็สอดกระบี่ของเขาเข้าไปในถํ้าของ
เธอ และพวกเขาก็เริ่ มฝึ กคู่กนั อีกครั้ง
ถัดจากนั้นอีกสองสามชัว่ โมง ซูหยางกับฟางเซี่ยวหรู กร็ ่ วมฝึ กด้วยกัน
นับครั้งไม่ถว้ น และฟางเซี่ ยวหรู กป็ ลดปล่อยปราณหยินของเธอ
หลายครั้งจนเธอเลิกนับไปแล้ว
“ขอบคุณ ซูหยาง สําหรับประสบการณ์ที่มหัศจรรย์น้ ี ข้าจักจดจํามัน
ไปจนตราบชัว่ ชีวติ ของข้า…” เธอกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
ซูหยางเพียงแค่ยมิ้ และกล่าวว่า “เจ้าสามารถไปหาข้าได้เมื่อไหร่ ที่เจ้า
รู ้สึกอยากจะฝึ กอีกครั้ง ข้าจักสร้างความสุ ขสันต์ให้แก่เจ้าถ้าข้ามี
เวลา”
“ถ้างั้นข้าก็มิเกรงใจแล้ว…” เธอกล่าวจากนั้นเธอก็พดู ต่ออีกว่า
“แน่นอนว่าข้าจักตามให้ทนั พี่สาว”
“ฟางซีหลานรึ ” ซูหยางหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นเจ้าจักต้องมีเรื่ อง “ไล่
ตาม” มากมายให้ทาํ ”
“จริ งรึ …” เธอมองไปยังเขาด้วยสี หน้างงงัน
“ควรจะเป็ นตามนั้นอยูแ่ ล้ว ในเมื่อเธอได้เป็ นศิษย์ที่นี่มานานมากกว่า
เจ้านัก และพวกเราก็ได้ร่วมฝึ กกันเกือบทุกวันเป็ นเวลาต่อเนื่องกว่า
ครึ่ งปี ทั้งยังทําหลายครั้งต่อวันอีกด้วย” เขากล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว…” เธอพยักหน้าหลังจากนั้น ดวงตาเธอเปี่ ยมไปด้วย
ความมุ่งมัน่ ที่จะ “ไล่ตาม” ฟางซีหลาน
บทที่ 580 สํ านักเมฆม่ วง
สามวันผ่านไปนับตั้งแต่ฟางเซี่ยวหรู ได้กลายเป็ นศิษย์ของนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ในเวลานั้นที่สาํ นักเมฆม่วง ตระกูลฟางเพิ่งได้ไป
ถึงยังประตูหน้าสํานัก
“พวกเราได้รอคอยพวกท่านอยู่ ผูน้ าํ ตระกูลฟาง” กู่กว่านถิงทักทาย
เธอที่ประตูทางเข้าด้วยสี หน้าดีใจ ในเมื่อเขาได้รอวันนี้มานับตั้งแต่
เขารู ้วา่ อัจฉริ ยะของตระกูลฟาง ฟางเซี่ ยวหรู จะมาเข้าร่ วมสํานักของ
พวกเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสี หน้าไม่พงึ พอใจบนหน้าของฟางเซี ยนเจว้
เขาก็ถามเธอด้วยเสี ยงที่เป็ นห่วงเป็ นใยว่า “มีอะไรผิดไปรึ ท่านผูน้ าํ
ตระกูลฟาง”
“อย่าได้หวังอะไรมาก” เธอตอบกลับหลังจากที่เวลาได้ผา่ นไป
ชัว่ ขณะ “อย่างไรก็ตามลูกสาวข้า ฟางเซี่ ยวหรู จกั มาถึงในอีกสอง
สามวันข้างหน้า ข้าต้องขอโทษสําหรับความไม่สะดวกที่อาจจะ
เกิดขึ้นต่อสํานักของท่าน”
“มิจาํ เป็ นต้องที่จะขอโทษสําหรับเรื่ องเล็กน้อยเช่นนี้ ความจริ งแล้ว
พวกเราก็มิรู้วา่ จักขอบคุณตระกูลฟางอย่างไรที่เชื่อถือในสํานักเมฆ
ม่วงมากจนถึงกับยอมให้พวกเราได้ฝึกฝนฟางเซี่ยวหรู หนึ่งในอัจฉริ ยะ
ระดับสู งในโลกนี้” กู่กว่านถิงกล่าวพร้อมกับรอยยิม้
แม้เขาจะกล่าวว่าสํานักเมฆม่วงเป็ นผูฝ้ ึ กฝนฟางเซี่ยวหรู แต่ในความ
เป็ นจริ งก็คือหงอวี้เอ๋ อร์ที่เป็ นคนสอนเธอ ในเมื่อปกติแล้วไม่มีทางที่
สํานักธรรมดาทัว่ ไปอย่างเช่นสํานักเมฆม่วงจะสามารถสอนอัจฉริ ยะ
อย่างเช่นฟางเซี่ยวหรู ได้
ถึงแม้วา่ พวกเขาจะได้รับตําแหน่งที่สองในการแข่งขันระดับภูมิภาค
และได้รับการแต่งตั้งเป็ นสํานักระดับสู งจากตระกูลซี สํานักเมฆม่วง
ก็เพียงมีค่าเพราะว่าหงอวี้เอ๋ อร์ซ่ ึงกลายเป็ นเสาหลักและหน้าตาของ
ทั้งสํานัก
หากปราศจากหงอวี้เอ๋ อร์ สํานักเมฆม่วงก็เป็ นเพียงแค่สาํ นักที่
เหนือกว่าระดับกลางเป็ นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีอะไร
ที่สามารถเปรี ยบกับสํานักระดับสู งจริ ง ๆ ได้
หลังจากนั้น กู่กว่านถิงก็ได้นาํ ตระกูลฟางไปภายในสํานักและจัดที่
พักที่ดีที่สุดที่พวกเขามีให้กบั ตระกูลฟาง
หลังจากนั้นตระกูลฟางก็ขงั ตัวเองอยูใ่ นที่พกั ไปอีกหลายวันจนกระทัง่
ครบกําหนดหนึ่งสัปดาห์ที่ฟางเซียนเจว้มอบให้กบั ฟางเซี่ยวหรู น้ นั
หมดไป
“นังเด็กเนรคุณ” ฟางเซียนเจว้โกรธมากจนถึงกับกระทืบพื้น ใบหน้า
ของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ “หลังจากที่พวกเราได้ทาํ ทุกสิ่ งทุก
อย่างให้กบั เธอรวมไปถึงทรัพยากรทุกอย่างที่พวกเราได้ให้กบั เธอ
เธอกลับกล้าที่จะจากตระกูลไปอยูย่ งั นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั งั้นรึ นัง
เด็กเลวนั้นมิไม่มีหวั อกหัวใจเลยรึ ”
“พวกเราควรทําอย่างไรต่อไปดี ท่านผูน้ าํ ตระกูล พวกเราจะไปสู ก้ บั
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั จริ งรึ ” ผูอ้ าวุโสคนหนึ่งถามเธอ
“เจ้าโง่รึเปล่า” เธอพลันคํารามใส่ ผอู ้ าวุโสที่เพิ่งพูด และเธอก็กล่าว
ต่อว่า “เจ้าลืมไปแล้วรึ วา่ ใครอยูท่ ี่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ซี หวัง
ปรมาจารย์ของตระกูลซี”
“ถึงแม้วา่ เขาจะพูดว่าเขามิยงุ่ กับธุระในตระกูลของเรา แต่คนโง่
ประเภทไหนกันจักเชื่อคําโกหกที่โจ่งแจ้งเช่นนั้น”
“ถึงแม้วา่ เขามิได้เข้ามายุง่ กับเรื่ องชีวติ ของพวกเรา แต่อิทธิพลและ
ความเชื่อถือตระกูลฟางของเราที่ได้สร้างมานานกว่าหลายสิ บปี ย่อม
ต้องสู ญสิ้ นไปในทันทีที่พวกเราโจมตีพวกนั้น ในเมื่อตระกูลซียอ่ ม
จักต้องเข้าข้างกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั แน่นอน”
“ดังนั้นจริ งแล้วจึงมิมีอะไรที่พวกเราจักสามารถทําได้ในการที่จะทํา
ให้ฟางเซี่ยวหรู กลับมาเราอย่างนั้นรึ ” ผูอ้ าวุโสถาม
การสู ญเสี ยฟางเซี่ยวหรู อัจฉริ ยะระดับสู ง ย่อมเป็ นความสู ญเสี ย
อย่างยิง่ ใหญ่แม้กระทัง่ สําหรับตระกูลที่ทรงอํานาจและอิทธิพลอย่าง
ตระกูลฟาง
ฟางเซียนเจว้ถอนหายใจและกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เมื่อตระกูลซี รู้ถึง
เจตนาของพวกเรา ก็ยอ่ มแทบจะเป็ นไปมิได้ที่จกั จัดการกับพวกเขา
อย่างเงียบ ๆ โชคร้ายที่พวกเราจําเป็ นต้องปล่อยไว้ก่อน อย่างไรก็
ตามข้าก็จกั พูดกับผูน้ าํ ตระกูลสามีขา้ ก่อนอื่น”
หลังจากที่รออยูอ่ ีกเป็ นเวลาสองสามวันเผือ่ ว่าฟางเซี่ยวหรู ตดั สิ นใจ
ที่จะมาในภายหลังแต่ไม่สาํ เร็ จ ฟางเซี ยนเจว้กต็ ดั สิ นใจที่จะเปิ ดเผย
สถานการณ์ให้กบั กู่กว่านถิง
“ข้าจักต้องขออภัยอย่างสุ ดซึ้งกับสํานักเมฆม่วงและท่านเจ้าสํานัก
ในเมื่อดูเหมือนว่าลูกสาวโง่เง่าของข้าได้ตดั สิ นใจเข้าร่ วมกับนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ในการตัดสิ นใจครั้งสุ ดท้าย ถ้ามีอะไรที่ขา้ สามารถ
ที่จะทําสําหรับปัญหานี้ ตระกูลฟางย่อมจักมิละความพยายามใด ๆ”
“ฟางเซี่ ยวหรู เข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั อย่างนั้นรึ …” กู่
กว่านถิงจ้องมองไปยังเธอเขม็ง ราวกับว่าเขาไม่เชื่อหูตวั เอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า… นี่เป็ นเรื่ องที่น่าสนุกจริ ง ๆ” ถังหลิงซีพลันปรากฏตัว
ขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับหัวเราะ
“หงอวี้เอ๋ อร์” ฟางเซียนเจว้มองไปยังเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในเมื่อ
เธอไม่สามารถที่จะประเมินได้วา่ ทําไมอีกฝ่ ายจึงหัวเราะ
“ข้ามิคาดคิดถึงสถานการณ์น้ ี แต่ขา้ ก็มิอาจที่จะกล่าวได้วา่ ข้าประหลาด
ใจ” ถังหลิงซีกล่าวพร้อมกับรอยยิม้ บนใบหน้า “เยีย่ ม อย่างน้อยข้าก็
มิตอ้ งไปสอนเธอแล้วในตอนนี้ ข้าควรจะขอบคุณซูหยางที่นาํ เธอไป
พ้นจากมือข้าในตอนหลังถ้าพบเจอกับเขา”
“ท-ทําไมเจ้าจึงรู ้วา่ เขาอยูเ่ บื้องหลังเรื่ องนี้ ข้ามิได้แม้กระทัง่ พูดถึงชื่อ
ของเขา...” ฟางเซี ยนเจว้ถามเธอด้วยสี หน้าสับสน ในเมื่อเธอเพียง
กล่าวเพียงแค่ฟางเซี่ยวหรู เข้าร่ วมกับนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั เท่านั้น
ถังหลิงซียมิ้ และกล่าวขึ้นว่า “ต้องพูดว่านี่มิใช่เป็ นครั้งแรกที่เกิดขึ้น”
“ม-มิใช่ครั้งแรกรึ ..” ทั้งฟางเซียนเจว้และกู่กว่านถิงมองไปยังเธอ
ด้วยสี หน้างงงัน
“อย่างไรก็ตามท่านมิตอ้ งกังวลมากนักกับฟางเซี่ยวหรู ไปเข้าร่ วมกับ
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ตามจริ ง ข้าควรจะพูดมากกว่านี้วา่ เธอได้
ตัดสิ นใจถูกต้องกับการที่ไปที่นนั่ แทน” ถังหลิงซีกล่าวและเธอก็พดู
ต่อว่า “เธอจักได้เรี ยนรู ้จากที่นนั่ กับซูหยางมากกว่าที่เธอจะได้จากที่
แห่งนี้กบั ข้า ในเมื่อเขามีประสบการณ์มากกว่าข้ามากนักในด้านการ
สอนคนอื่น”
เมื่อได้ยนิ คําชมเชยของถังหลิงซีมีต่อซูหยาง ฟางเซี ยนเจว้กไ็ ม่รู้วา่
จะมีปฏิกิริยาอย่างไรดี และได้แต่ยนื อยูท่ ี่นนั่ ด้วยใบหน้างงงัน เป็ น
จริ งอย่างงั้นรึ ที่ฟางเซี่ยวหรู จกั ได้รับจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั
มากกว่าจากสํานักเมฆม่วง
ส่ วนสําหรับกู่กว่านถิงนั้น เขารู ้สึกอยากร้องไห้หลังจากที่ได้ฟังถัง
หลิงซี พดู จาว่าร้ายสํานักเมฆม่วงโดยเปรี ยบเทียบกับนิกายกุสุมาลย์
พ้นพิสยั
“เจ้าเป็ นศิษย์สาํ นักเมฆม่วง หรื อว่าแท้จริ งแล้วเจ้ามาจากนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั กันแน่” เขารํ่าร้องอยูใ่ นใจ
บทที่ 561 ความรู้ สึกผูกพัน
“เราจะต้องจากไปจริ ง ๆ รึ ” ซูหยินมองไปยังไป่ ลี่ฮวั ด้วยท่าทางลังเล
หลังจากที่ได้รับคําบอกว่าถึงเวลาสําหรับพวกเธอที่จะต้องกลับไปยัง
สํานักหงส์สวรรค์แล้ว
“พวกเราได้อยูท่ ี่นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั มาเป็ นเวลานานกว่าที่พวก
เราได้คาดไว้” ไป่ ลี่ฮวั กล่าวกับเธอ “แม้วา่ เจ้าอาจจะมิได้สนใจ แต่ก็
เป็ นเรื่ องน่าอายสําหรับเจ้าสํานักที่ไปอยูท่ ี่สาํ นักอื่นเป็ นเวลานาน”
“ยิง่ ไปกว่านั้นการประชุมที่จดั ขึ้นโดยนักปรุ งยาลึกลับซึ่ งได้คน้ พบ
โอสถสู่ ปฐพีน้ นั ก็จะเกิดขึ้นในเร็ ว ๆ นี้ และข้าก็มิสามารถที่ยอม
พลาดโอกาสอันยิง่ ใหญ่น้ ีได้”
“เจ้าควรที่จะฟังคําของเจ้าสํานักและกลับไปยังสํานักหงส์สวรรค์” ซู
หยางพลันกล่าวกับเธอและกล่าวต่อไปอีกว่า “ข้าก็จกั ยุง่ มากใน
ช่วงเวลาต่อไปนี้ ดังนั้นข้าก็จกั มิมีเวลาที่จะมาเล่นกับเจ้าอีกต่อไป”
หลังจากที่ได้ยนิ คําพูดของเขา ซูหยินก็พยักหน้าด้วยสี หน้าเศร้า
สร้อย “ข้าต้องการที่จะอยูก่ บั ท่านให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ขา้
คิดว่านัน่ คงต้องรอไปจนถึงโอกาสหน้า”
“เจ้าจะยังคงไปเข้าร่ วมในการรวมตัวนักปรุ งยาหรื อไม่” ไป่ ลี่ฮวั
พลันถามเขาด้วยความสนใจ
“อะไรทํานองนั้น” เขาตอบกลับด้วยรอยยิม้ ลึกลับบนใบหน้า
“เจ้าสนใจในตัวนักปรุ งยาที่อยูเ่ บื้องหลังโอสถสู่ ปฐพีหรื อไม่ หรื อว่า
เจ้าเพียงแค่สนใจในตัวยา” เธอถามเขา
“แล้วเจ้าล่ะ นักปรุ งยาลึกลับนัน่ สร้างความสนใจให้เจ้าไหม”
ไป่ ลี่ฮวั ยิม้ และกล่าวว่า “แน่นอน ข้าต้องสนใจในตัวนักปรุ งยาคนนี้
ที่ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่มีวแี่ ววและสามารถนํายุทธภพไปสู่ ยคุ ใหม่
ด้วยเพียงเม็ดยาเพียงเม็ดเดียว เจ้าอิจฉาบ้างไหม”
“บางทีกอ็ าจจะมีบา้ งเล็กน้อย” ซูหยางหัวเราะเบา ๆ
“เดี๋ยวก่อน…” ไป่ ลี่ฮวั พลันขมวดคิว้ “ข้าเกือบลืมเรื่ องนี้ไปเพราะว่า
การแข่งขันระดับภูมิภาค แต่เจ้าได้อา้ งว่ารู ้จกั ตัวตนที่แท้จริ งของนัก
ปรุ งยาลึกลับนี้มิใช่รึ และเจ้าก็ยงั ได้สญ
ั ญากับข้าว่าเจ้าจักยอมให้ขา้
ได้พบกับเขาถ้าสํานักหงส์สวรรค์เข้าร่ วมเป็ นพันธมิตรกับนิกาย
กุสุมาลย์พน้ พิสยั ”
“ข้าพูดอะไรทํานองนั้นด้วยรึ ” ซูหยางพลันทําทีเป็ นเหมือนกับว่าไม่
รู ้เรื่ องราวอะไรเลย
“เจ้า… เจ้าคนไร้ยางอายโกหกหน้าด้าน ๆ ข้าพนันได้เลยว่าที่เจ้าพูด
ว่าจะแก้ไขค่ายกลของสํานักหงส์สวรรค์น้ นั ก็มิได้เป็ นอะไรไป
มากกว่าคําโกหก” ไป่ ลี่ฮวั มองดูเขาด้วยท่าทางโกรธเล็กน้อย
ซูหยางยิม้ และกล่าวว่า “ใจเย็น ข้ามิบิดพลิ้วในเรื่ องคําสัญญาหรอก
ส่ วนสําหรับการพบปะกับนักปรุ งยาที่อยูเ่ บื้องหลังโอสถสู่ ปฐพีน้ นั
ข้าจักแนะนําเจ้าให้เขายังสถานที่รวมตัวให้เอง”
“จ-จริ งรึ ” ท่าทางของไป่ ลี่ฮวั เปลี่ยนไปเป็ นร่ าเริ งขึ้นมาทันที ทั้งยัง
รู ้สึกอยากจะกอดซูหยางแน่น ๆ จากความรู ้สึกยินดีเป็ นอย่างมาก
เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าจักเพียงแนะนําเจ้า
ให้แก่เขา ส่ วนเรื่ องหลังจากนั้นก็จกั ขึ้นกับความพยายามของเจ้าเอง”
“อย่ากังวล ข้าสามารถจัดการเรื่ องนี้ได้ดว้ ยตนเอง” เธอกล่าว
“เช่นนั้นข้าก็จกั พบกับเจ้ายังสถานที่รวมตัวกันในสัปดาห์หน้า” ซู
หยางกล่าวกับเธอ
เวลาหลังจากนั้น ไป่ ลี่ฮวั และซูหยินก็จากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และ
เริ่ มออกเดินทางกลับไปยังสํานักของตนเอง
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ซูหยางก็เริ่ มตระเตรี ยมสิ่ งสําหรับงาน
รวมตัวในสัปดาห์หน้าเช่นกัน
ในเวลานั้นที่หอโอสถ ซูลี่ชิงและศิษย์ของเธอก็กาํ ลังยุง่ อยูก่ บั การ
ศึกษาคัมภีร์ยาและสมุนไพรที่ซูหยางจัดหามาให้พวกเธอ ซึ่ งมี
สมุนไพรแยกเฉพาะออกมานับล้านและตํารับยาเขียนติดไว้ภายใน
“ว่าแต่วา่ ซูหยางได้คมั ภีร์ที่ลึกลํ้าพวกนี้มาจากไหนกัน ข้ามิรู้จกั สิ่ งที่
บันทึกไว้ในนี้ถึงกว่า 99%…” หนึ่งในเหล่าศิษย์มีสีหน้าหวาดหวัน่
กับบรรดาม้วนคัมภีร์
“เมื่อรู ้จกั เขาแล้ว นัน่ บางทีอาจจะดีกว่าถ้าพวกเรามิได้พยายามที่จะ
หาเงื่อนงํา..” ศิษย์อีกคนพูด
และในเวลานั้น ร่ างหนึ่งก็เดินเข้ามาสู่ หอโอสถ
“ศิษย์พี่หญิงซุน” เหล่าศิษย์ภายในนั้นต่างพากันทักทายซุนจิงจิง ซึ่ ง
ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่คาดคิด
“ท่านกําลังมองหายาในวันนี้รึ ศิษย์พี่หญิง” หนึ่งในบรรดาศิษย์ถาม
เธอ
ซุนจิงจิงส่ ายหน้าและกล่าวขึ้นว่า “ไม่ ข้ามาที่นี่วนั นี้เพื่อพบกับผู ้
อาวุโสหลาน”
“อาจารย์รึ เธอในตอนนี้อยูใ่ นห้องชั้นบน”
“พวกเจ้าเห็นว่าข้าสามารถพูดกับเธอสักครู่ ได้หรื อไม่” ซุนจิงจิงถาม
“นัน่ ควรจะมิมีปัญหาในเมื่อพวกเราต่างมิได้มีอะไรทําในช่วงเวลานี้
นอกจากศึกษา”
ซุนจิงจิงพยักหน้าและเริ่ มออกเดินต่อไปยังชั้นบน
“ข้าสงสัยว่าอะไรที่ศิษย์พี่หญิงซุนต้องการจากอาจารย์ ในเมื่อเธอ
ยากที่จะมาที่นี่” เหล่าศิษย์ต่างพากันครุ่ นคิด
ในเวลาต่อมา ครั้นเมื่อเธอไปถึงห้องของซูลี่ชิงแล้ว ซุนจิงจิงก็เคาะ
ประตูหอ้ ง
“เข้ามาข้างใน” เสี ยงของซูลี่ชิงดังขึ้นจากภายในห้อง
สองสามอึดใจให้หลัง ซุนจิงจิงก็เข้าไปในห้อง
“เจ้าคือ…”
เมื่อซูลี่ชิงเห็นซุนจิงจิง เธอก็พลันรู ้สึกถึงถึงความผูกพันเป็ นอย่าง
มากระหว่างพวกเธอ ราวกับว่าพวกเธอได้รู้จกั กับอีกฝ่ ายมาเป็ นเวลา
เนิ่นนาน
เช่นเดียวกันกับซุนจิงจิง ทันทีที่เธอเลื่อนสายตาลงไปยังซูลี่ชิง เธอก็
รู ้สึกราวกับว่าเธอมองไปยังคนในครอบครัว และไม่มีความรู ้สึกอึด
อัดระหว่างพวกเธอเลยแม้วา่ แทบจะไม่รู้จกั กับอีกฝ่ ายมาก่อน
“น้องหญิงซุนจิงจิง ใช่ไหม อะไรที่นาํ เจ้ามาที่นี่ในวันนี้” ซูลี่ชิงเป็ น
คนแรกที่ทาํ ลายความเงียบด้วยการถามอีกฝ่ าย
“มิได้มีเหตุผลอะไรเป็ นพิเศษเลยจริ ง ๆ อย่างไรก็ตามซูหยางได้บอก
กับข้าให้มาพบกับท่านเมื่อข้ามีเวลาว่าง” ซุนจิงจิงกล่าว
“ซูหยางรึ ” ซูลี่ชิงเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจว่าทําไมเขาต้องต้องการให้ซุนจิงจิง
มาพูดกับเธอ
“เขามิได้บอกข้าว่าทําไมข้าควรจะมาพบท่าน แต่เขาได้กล่าวว่าข้าจัก
ทราบได้เองเมื่อข้าได้พบกับท่าน…” ซุนจิงจิงจ้องมองไปที่อีกฝ่ าย
พร้อมกับหรี่ ตา
สองสามอึดใจหลังจากที่เงียบไป ซุนจิงจิงก็กล่าวขึ้นว่า “ผูอ้ าวุโส
หลาน… หรื อว่าบางทีท่านเองก็มีสิ่งนี้ดว้ ยเช่นกัน…”
ซุนจิงจิงพลันเลิกชายผ้าคลุมของเธอขึ้นแสดงให้ซูลี่ชิงเห็นตรา
ประจําตระกูลของเธอ
“ต-ตรานี่” ซูลี่ชิงดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความแปลกใจหลังจากที่
เห็นตราประจําตระกูลบนร่ างของซุนจิงจิง ในเมื่อร่ างของเธอเองก็มี
ตราที่เหมือนกันนี้เช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูลี่ชิง ซุนจิงจิงก็พลันตระหนักขึ้นในทันใดนั้น
ถึงสถานการณ์ที่พวกเธอเป็ นอยู่ และเธอก็พึมพําด้วยเสี ยงสับสนว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว… นี่หมายความว่าผูอ้ าวุโสหลานเองก็เป็ นส่ วนหนึ่ง
ของตระกูลซูเช่นเดียวกัน… มิน่าประหลาดใจว่าทําไมเขาจึงต้องการ
ให้พวกเราได้พบกัน…”
บทที่ 562 กลับคืนไปยังเมืองหิมะโปรย
“ผูอ้ าวุโสหลาน ท่านก็มีตราประจําตระกูลของซูหยางใช่ไหม” ซุน
จิงจิงถามอีกฝ่ ายเพื่อความมัน่ ใจ
ซูลี่ชิงพยักหน้าและเธอก็พดู ขึ้นว่า “อีกอย่าง ข้าเปลี่ยนมาใช้สกุล
ของซูหยาง ดังนั้นข้ามิได้ชื่อหลานลี่ชิงอีกต่อไปแต่เป็ น ซูลี่ชิง”
“มิน่าเชื่อ… ข้าถึงรู ้สึกว่ามีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับตัวท่านตอนที่ขา้
เห็นท่านที่การทดสอบศิษย์ ความสัมพันธ์ของท่านกับซูหยางเริ่ มขึ้น
เมื่อไหร่ รึ ข้าคงมิคาดคิดว่าพวกท่านทั้งสองนั้นสนิทสนมกันแน่หาก
มิใช่เพราะตราประจําตระกูล” ซุนจิงจิงถามด้วยดวงตาที่เปี่ ยมไป
ด้วยความสนใจ
“ข้าควรเริ่ มจากตรงไหนดี” ซูลี่ชิงเผยรอยยิม้ และเธอก็เริ่ มนึกไปถึง
อดีตของเธอกับซูหยาง เริ่ มตั้งแต่เมื่อตอนเขาเป็ นเพียงแค่ศิษย์นอก
ในเมื่อซุนจิงจิงก็มีตราประจําตระกูลเช่นเดียวกัน นัน่ ก็หมายความว่า
ซูหยางได้เชื่อถืออีกฝ่ ายอย่างแท้จริ งแล้ว ดังนั้นซูลี่ชิงจึงเล่าให้ซุน
จิงจิงฟังระหว่างเธอกับซูหยางได้อย่างสบายใจ ทั้งยังรู ้สึกดีใจอีก
ด้วย ที่สุดท้ายเธอก็มีคนที่สามารถพูดด้วยได้อย่างเต็มที่
หลังจากนั้นเมื่อได้ฟังเรื่ องราวของซูลี่ชิงแล้ว ซุนจิงจิงก็มีสีหน้าทั้ง
ประหลาดใจและยอมรับนับถือ
“พี่สาว ท่านช่างกล้ากว่าที่ขา้ คาดคิดไว้อย่างแท้จริ ง เมื่อมาคิดว่าท่าน
ได้มีความสัมพันธ์กบั ซูหยางนับตั้งแต่เขาเป็ นเพียงแค่ศิษย์นอก
กระทัง่ ถึงกับมิสนใจในกฎของนิกาย ข้ามิรู้วา่ ข้าจักสามารถทํา
เช่นเดียวกันกับท่านได้หรื อไม่หากว่าข้าสวมบทบาทเดียวกับท่าน”
ซูลี่ชิงหัวเราะอย่างสง่างาม แล้วเธอก็กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เมื่อข้าได้
บอกเรื่ องราวของข้าแก่เจ้าแล้ว ทําไมเจ้าจึงมิบอกข้าเรื่ องของเจ้า
บ้าง”
ซุนจิงจิงพยักหน้าและเริ่ มบอกเรื่ องราวของตนเอง จากนั้นพวกเธอ
ทั้งสองคนก็ได้อยูภ่ ายในห้อง พูดคุยเกี่ยวกับประวัติความเป็ นมากับ
เรื่ องของซูหยางเป็ นเวลาหลายนาที ทําเหมือนกับว่าพวกเธอนั้นเป็ น
พี่นอ้ งกันจริ ง ๆ
ในเวลานั้น หลังจากที่ซูหยางได้ตระเตรี ยมสิ่ งของต่าง ๆ เรี ยบร้อย
แล้ว เขาก็ไปตรวจดูเยีย่ นเยีย่ น
“สมกับเป็ นคนที่ได้รับความชื่นชอบจากสวรรค์… เป็ นเพียงเวลา
ไม่กี่วนั นับตั้งแต่ขา้ เห็นเจ้า และพลังการฝึ กปรื อของเจ้าก็ได้เพิ่มขึ้น
ไปอีกระดับหนึ่งเรี ยบร้อยแล้ว” ซูหยางชมความเร็ วในการฝึ กฝนที่
น่าเหลือเชื่อของเธอ
“ทั้งหมดนี้กเ็ ป็ นเพราะวิชาการฝึ กปรื อที่ท่านให้กบั ข้า อาจารย์”
เยีย่ นเยีย่ นกล่าว และเธอก็กล่าวต่ออีกว่า “รวมไปถึงความช่วยเหลือ
จากหิ นวิญญาณจํานวนมากนัน่ ”
ซูหยางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าจักเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณในสิ้ น
ปี นี้หากไปด้วยความเร็ วระดับนี้”
หลังจากที่ตรวจสอบเยีย่ นเยีย่ นแล้ว ซูหยางก็ไปหาจางซิวยิง ซึ่งก็ก็
ฝึ กฝนไปได้อย่างราบรื่ นด้วยวิชาฝี มือที่เขาสร้างขึ้นให้กบั เธอ
“ซูหยาง วิชาการฝึ กปรื อที่ท่านสร้างขึ้นนั้นช่างน่าอัศจรรย์จริ ง ๆ มัน
ทําให้รู้สึกเหมือนกับว่าข้ายังคงฝึ กวิชาของนิกายดอกบัวเพลิง แต่มนั
เร็ วกว่าเดิมมิรู้กี่เท่า” จางซิวยิงกล่าว
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ อย่างไรก็ตามข้าจักจากนิกายไปสักสองสามวัน
ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการอะไร ก็เพียงไปหาโหลวหลานจี หรื อเจ้าติดต่อ
ข้าผ่านหิ นวิญญาณก็ได้” เขากล่าว
จางซิวยิงพยักหน้า
ในเวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็จากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ไปหาหวังชู
เหริ นที่นิกายดอกบัวเพลิง
“ซูหยาง ท่านมาถึงเร็ วกว่าที่ขา้ ได้คาดคิดไว้” หวังชูเหริ นกล่าว
หลังจากที่ให้เขาเข้ามาในบ้าน
“ข้าต้องการปรุ งยาบางตัวก่อนงานชุมนุม และวัตถุดิบทั้งหมดก็อยู่
ที่นี่แล้ว”
“โอ ข้าสามารถดูได้หรื อไม่” เธอรี บถามเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วย
คามตื่นเต้น
“ทําตามที่เจ้าต้องการ” เขากล่าวก่อนที่จะเข้าไปยังห้องยา
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็เริ่ มปรุ งยาในขณะที่หวังชูเหริ นมองดู
เขาอยูท่ ี่มุมห้อง ดูเหมือนเด็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงใจ
“มันช่างน่าตื่นเต้นมิวา่ จะกี่ครั้งที่ขา้ ดูเขาปรุ งยาก มีบางอย่างที่น่า
หลงใหลกับการเคลื่อนไหวของเขา รู ้สึกเหมือนกับว่ากําลังดูมหรสพ”
ในความรู ้สึกที่เหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงพริ บตาของเธอ ซูหยางก็ปรุ ง
ยาที่แตกต่างเฉพาะตัวเสร็ จสิ้ นไปนับโหล
“ท่านจะทําอะไรกับยาเหล่านี้รึ” เธอถามเขาหลังจากนั้น
“เจ้าจักเห็นเมื่อตอนระหว่างงานชุมนุม” เขากล่าวด้วยรอยยิม้ ลึกลับ
“ว่าแต่วา่ เจ้าพร้อมสําหรับงานชุมนุมแล้วรึ ” เขาถามเธอในเวลาต่อมา
“ใช่ สถานที่สาํ หรับงานชุมนุมได้จดั เตรี ยมไว้เรี ยบร้อยแล้ว และข้าก็
เพียงแค่รอคอยท่าน”
ซูหยางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี เช่นนั้นพวกเราไปยังสถานที่น้ นั กัน
ตอนนี้เลย”
“ตอนนี้ งานชุมนุมยังมิเริ่ มจนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า” เธอกล่าว
“มันใช้เวลาเพียงแค่สองสามนาทีเอง”
ในเวลาต่อมา ซูหยางก็ได้นาํ หวังชูเหริ นขึ้นไปยังยานบินเป็ นครั้ง
แรก
“เราต้องไปที่ไหน” เขาถามเธอ
“เมืองหิ มะโปรย” หวังชูเหริ นตอบโดยเร็ ว
ซูหยางเลิกคิ้ว เขาไม่คิดว่าเขาจะกลับไปยังที่นนั่ เร็ วปานนี้
“ภายในเมืองจะมีพ้นื ที่ชุมนุมที่พิเศษมากเหมาะสมสําหรับคนนับพัน
มารวมตัวกันได้ง่าย ปกติจะถูกตระกูลซี ใช้เมื่อพวกเขามีการชุมนุม
ตระกูลและสํานักต่าง ๆ ร่ วมกัน ดังนั้นจึงเป็ นสถานที่ซ่ ึงเหมาะสมที่
จะให้พวกเราไปรวมตัวกัน ข้าได้ขอสิ ทธิ์ในการใช้กบั ตระกูลซี แล้ว
และในเมื่อเจ้าซีเองก็จกั เข้าร่ วมงานชุมนุมด้วยเช่นกัน เขาจึงยอมให้
พวกเราใช้โดยไม่มีปัญหาขัดแย้งใด ๆ”
“ดีมาก เกาะให้แน่น ๆ” ซูหยางกล่าวกับเธอ
หวังชูเหริ นไม่ได้คิดมากนัก เธอเกาะยานบินไว้แน่น
วืดดด
เมื่อยานบินเริ่ มเคลื่อนไหว หวังชูเหริ นก็รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของ
เธอได้ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังกับความเร็ วที่ประหนึ่งพายุบา้ คลัง่
ขณะที่พวกเขาได้เดินทาง และก่อนที่เธอจะทันได้สงบใจ พวกเขาก็
ไปถึงเมืองหิ มะโปรยเรี ยบร้อยแล้ว
“อึ๊ก… ข้ารู ้สึกเหมือนกับถูกเหวีย่ ง…” หวังชูเหริ นมีปัญหากับการ
ยืนให้มนั่ หลังจากนั้น ถึงกับสะดุดเรื อเมื่อตอนที่เธอพยายามที่จะ
ออกจากเรื อ
“พวกเราอยูท่ ี่เมืองหิ มะโปรยแล้วรึ ว่าแต่วา่ ยานบินนี้เดินทางได้เร็ ว
เท่าไหร่ ”
“มันสามารถที่จะเดินทางได้หลายพันกิโลเมตรเพียงแค่ชวั่ กระพริ บ
ตา” เขากล่าวด้วยรอยยิม้
“ไม่น่าเชื่อ…”
ครั้นเมื่อหวังชูเหริ นสงบใจลงแล้ว พวกเขาทั้งคู่กเ็ ข้าไปในเมือง
แม้วา่ มันไม่สามารถที่จะเปรี ยบได้กบั ตอนการแข่งขันระดับภูมิภาค
ที่ซ่ ึ งมีคนหลายล้านพยายามที่จะเข้าไปในเมือง แต่กย็ งั คงถือว่า
จํานวนคนที่พยายามจะเข้าไปในเมืองในเวลานี้น้ นั มากโขอยู่
และที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนหน้านั้น พวกเขาสามารถที่จะเข้าไป
ในเมืองได้โดยไม่มีปัญหาใด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาเข้าไปในเมืองแล้วนั้น ซูหยางก็ได้
ยินเสี ยงฟาดแส้ ตามมาด้วยเสี ยงที่คุน้ เคยกรี ดร้องด้วยความเจ็บปวด
บทที่ 563 การทรมานต่ อหน้ าสาธารณชน
เพี๊ยะ
“อ๊ากกกก”
เพี๊ยะ
“อ๊ากกกกก”
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาก”
“เสี ยงนี้เป็ นเสี ยงของ… ฟูกวาง” แม้วา่ จะใช้เวลาของเธอไปบ้าง
หวังชูเหริ นก็ยงั จดจําเสี ยงนี้ได้
“พวกเรามีเวลามากมายก่อนที่จะถึงงานชุมนุม ทําไมเรามิเดินเที่ยว
เตร่ และไปดู “เพื่อน” ตัวน้อยของพวกเราว่าเป็ นอย่างไรบ้างใน
ช่วงเวลาหลายวันนี้” ซูหยางกล่าวพร้อมกับฉี กยิม้ กว้าง
หวังชูเหริ นพยักหน้า ในเมื่อเธอเองก็สงสัยว่าพวกเขาลงโทษฟูกวาง
อย่างไร
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่ มติดตามทิศทางของเสี ยงกรี ดร้องไป และเมื่อ
พวกเขาเข้าไปใกล้กบั เสี ยงกรี ดร้องมากขึ้น เสี ยงก็ดงั บาดหูมากขึ้น
เท่านั้น
สองสามนาทีให้หลัง พวกเขาก็มาถึงพื้นที่โล่งเป็ นพิเศษ และตรง
กลางของที่แห่งนั้นก็มีเวทีเล็ก ๆ ที่ล่ามโซ่ฟูกวางไว้กลางอากาศไว้
บนเวที
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
เสี ยงกรี ดร้องแสบหูของฟูกวางดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่คนอีกคนบน
เวทีเฆี่ยนไปบนหลังของเขา
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาก”
เพี๊ยะ
“อ๊าาาก”
ซูหยางและหวังชูเหริ นมองดูชายคนนั้นเฆี่ยนไปบนหลังฟูกวางอย่าง
ต่อเนื่อง
เมื่อเห็นแอ่งเลือดที่ขา้ งตัวของฟูกวางเป็ นเหตุให้หวังชูเหริ นถึงกับ
คิ้วกระตุกด้วยความตื่นตระหนก
“ข้าเคยได้ยนิ คํารํ่าลือ แต่ขา้ มิคิดว่ามันจะโหดร้ายถึงเช่นนี้…” หวังชู
เหริ นพึมพํากับตนเองหลังจากที่เห็นสถานการณ์ดว้ ยตนเอง และเธอ
ก็อดที่จะรู ้สึกสงสารฟูกวางไม่ได้
“เฆี่ยนร้อยครั้งต่อหนึ่งชีวติ ที่เขาพรากไปอย่างนั้นรึ ใครจะรู ้วา่ อีก
นานเท่าไหร่ ในการลงโทษเขา” ซูหยางพูดด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย ราว
กับว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวาดหวัน่ กับฉากโหดร้ายตรงหน้าเขาเลย
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
หลังจากที่ฟูกวางได้รับการเฆี่ยนสิ บครั้ง ผูล้ งโทษก็หยุดเฆี่ยนเขา
แล้วเทนํ้าสี เขียวหนึ่งถังลงไปบนร่ างของเขา
“นี่คือ… ยาอย่างนั้นรึ ” จมูกอันปราดเปรี ยวของหวังชูเหริ นตรวจพบ
กลิ่นสมุนไพรจากนํ้าที่กระจายไปบนตัวของฟูกวางได้ในทันที
สองสามนาทีให้หลัง รอยเลือดบนหลังของฟูกวางก็หายไป ราวกับ
ว่าการลงโทษไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ครั้นเมื่อรอยแผลทั้งหมดหายไปแล้ว ผูล้ งโทษก็ยกแส้ในมือขึ้นมา
และเริ่ มเฆี่ยนฟูกวางอีกครั้ง
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
“พวกเขารักษาอาการบาดเจ็บของเขา เพี่อที่พวกเขาจะได้ไม่ฆ่าเขา
ไปโดยบังเอิญก่อนที่พวกเขาจะเสร็ จสิ้ นการลงโทษงั้นรึ ช่างเป็ นการ
เสี ยตัวยาลํ้าค่าไปโดยเปล่าประโยชน์กบั นักโทษเพียงเพือ่ ที่จะทรมาน
เขาไปอย่างต่อเนื่อง ตระกูลซีถึงกับยืนหยัดที่จะดําเนินการลงโทษ
ต่อไปจนจบ ถึงแม้วา่ จะต้องสู ญเสี ยทรัพยากรและความพยายาม
มากมายเพียงใดก็ตาม” ซูหยางยิม้
หลังจากที่ยนื อ้อยอิ่งดูฟูกวางถูกทรมานเป็ นเวลาอีกสองสามนาที
หวังชูเหริ นก็กล่าวด้วยหน้าตาซีดเผือดว่า “พวกเราไปกันเถอะ ซู
หยาง ข้ามิตอ้ งการที่จะดูเรื่ องนี้อีกต่อไป”
ซูหยางพยักหน้า
แต่ทว่าในขณะที่พวกเขากําลังหันกาย ฟูกวางก็สงั เกตเห็นเขาและ
เรี ยกเขาออกมา “ซ-ซ-ซูหยางรึ น-น-นัน่ เป็ นเจ้ารึ ซ-ซูหยาง”
“ด-ด-ได้โปรด… ช-ช่วยข้าด้วย ข-ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริ ง ๆ
ที่ไปยุง่ กับน-นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ด-ได้โปรดห-เห็นใจและฆ่าข้า
เดี๋ยวนี้”
ฟูกวางร้องขอความกรุ ณาอยูบ่ นเวที จนทําให้ทุกคนที่นนั่ ต่างหันมา
มองยังซูหยาง กระทัง่ ผูล้ งโทษก็หยุดเฆี่ยนฟูกวางเพื่อหันมามองเขา
“นัน่ เป็ นซูหยางจริ ง ๆ ข้าได้ยนิ ว่าเขาเป็ นคนที่หยุดยั้งฟูกวางมิให้
เกิดการทําลายล้างครั้งใหญ่ในทวีปตะวันออก”
“ข้าสงสัยว่าทําไมเขาจึงอยูท่ ี่นี่ในวันนี้”
“บางทีเขามาที่นี่เพื่อที่จะสมนํ้าหน้าฟูกวาง”
ผูช้ มต่างพากันพึมพําซุบซิ บกัน
“เจ้าต้องการให้ขา้ ฆ่าเจ้าอย่างนั้นรึ ” ซูหยางมองดูฟูกวางด้วยสี หน้า
เรี ยบเฉย
“ช-ใช่ ได้โปรด พ-เพียงฆ่าข้าเท่านั้น ถ้าข้าต้องทนเรื่ องนี้ไปนานกว่า
นี้อีกสักหน่อย ข้าจักต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”
“อืมมมม…” ซูหยางทําท่าครุ่ นคิด ราวกับว่าเขากําลังคิดถึงเรื่ อง
คําพูดของฟูกวางอยูจ่ ริ ง ๆ จนทําให้ฟูกวางมีความหวัง
ทันใดนั้นเขาก็หนั ไปมองดูหวังชูเหริ นและถามเธอว่า “เจ้าคิดว่า
ยังไง ข้าควรจะยุติความทรมานของเขาด้วยการฆ่าเขาไหม”
หวังชูเหริ นมองดูเขาด้วยใบหน้าที่สามารถบอกได้วา่ “ทําไมเจ้าต้อง
มาถามข้าด้วย เขาเป็ นปั ญหาของเจ้านี่”
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็หนั กลับไปมองดูฟูกวางแล้วก็พดู
ด้วยรอยยิม้ ฉีกกว้าง “ข้าย่อมจักฆ่าข้าเจ้าแน่ถา้ ข้าสามารถทําได้ แต่
โชคร้ายสําหรับพวกเราสองคนที่ขา้ มิตอ้ งการให้มือของข้าเลอะ
เทอะเปรอะเปื้ อนไปด้วยเลือดสกปรกของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็ควรจะต้อง
ทนทรมานไปนานอีกสักหน่อย”
“เจ้าพูดว่าอีกสักหน่อยอย่างงั้นรึ ” ทันใดนั้นใบหน้าของฟูกวางก็
เปลี่ยนเป็ นสี แดงด้วยความโกรธและเริ่ มขยับร่ างกายอย่างรุ นแรง
ผิดปกติราวกับว่าเขาต้องการที่จะทําลายโซ่และไปทําร้ายซูหยาง
เพี๊ยะ
ผูล้ งโทษเฆี่ยนฟูกวางเพื่อที่จะทําให้เขาเยือกเย็นลง แต่ฟูกวางไม่
สนใจกับความเจ็บปวดของร่ างกายและพยายามที่จะกางเขี้ยวเล็บใส่
ซูหยางราวกับสัตว์ร้าย
“อาาาา ข้าจักฆ่าเจ้า ซูหยาง ข้าจักฆ่าเจ้าาาา มาที่นี่สิเพื่อให้ขา้ สามารถ
ฆ่าเจ้าได้” ฟูกวางเริ่ มกรี ดร้องโหยหวนราวกับคนบ้า จนเลือดสาด
กระเซ็นไปทัว่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปราศจากพลังฝี มือ ฟูกวางก็ไม่ต่างไปจากคน
ธรรมดา อย่าว่าแต่จะโจมตีซูหยาง เขาเองนั้นไม่มีแม้แต่ความ
แข็งแกร่ งพอที่จะสามารถทําลายโซ่เหล็กที่ผกู มัดแขนขาทั้งสี่ ขา้ ง
ของเขาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางระเบิดเสี ยงหัวเราะออกมากับฉากนี้ และเขาก็
พูดว่า “อยูน่ นั่ แหละเพื่อนยาก ถ้าเจ้าสามารถทนอยูไ่ ด้จนถึงข้ามี
หลานเก้าคนแล้วเช่นนั้นข้าก็จกั พิจารณาจบชีวติ ของเจ้า”
“เจ้ากล้าเยาะเย้ยถากทางข้าได้ยงั ไงซูหยาง ข้าขอสาบานว่าข้าจักตาม
ไปหลอกหลอนเจ้าหลังจากที่ขา้ ตายไปแล้ว”
“โชคดีสาํ หรับ–การตายนัน่ ข้าจักช่วยให้กาํ ลังใจเจ้า” ซูหยางโบกมือ
ให้กบั ฟูกวางก่อนที่จะจากพื้นที่แห่งนั้นไปพร้อมกับรอยยิม้ บน
ใบหน้า
หลังจากที่ซูหยางไปจากที่แห่งนั้นแล้ว ฟูหวางก็กระอักเลือดออกมา
ก่อนที่จะสิ้ นสติไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผูล้ งโทษก็ตดั สิ นใจที่จะยุติการลงโทษไว้ก่อน เพื่อที่จะ
ปล่อยให้ฟูกวางได้พกั ไม่วา่ อย่างไรถ้าเขาทําการทรมานฟูกวางต่อไป
และเผอิญฆ่าเขาไปโดยไม่ต้ งั ใจ ใครจะรู ้วา่ ตระกูลซีหรื อว่าแย่กว่านั้น
ซูหยางจะทําอะไรกับเขา
“ถึงแม้วา่ ข้าคิดว่าการลงโทษนี้ค่อนข้างจะรุ นแรงไปอยูบ่ า้ ง แต่ฟูกวาง
ก็ตอ้ งรับผิดชอบต่อชีวติ ของศิษย์กว่าสามหมื่นหกพันคนที่เขาได้
ทรยศและเข่นฆ่า” หวังชูเหริ นถอนใจหลังจากนั้น จากนั้นเธอก็
กล่าวต่อไปอีกว่า “ถึงแม้วา่ เขาจะถูกลงโทษมาเป็ นเวลานาน แต่ขา้ ก็
ยังคิดสงสัยว่าเขาก็จกั กลับเป็ นคนแบบเดิมอีกครั้งได้หรื อไม่ ในเมื่อ
ความเจ็บปวดที่ฝังใจจากการถูกลงโทษเป็ นเวลานานย่อมทําลาย
จิตใจของเขาจนมิเหลืออะไรอีกต่อไปอย่างแน่นอน”
บทที่ 564 วันประชุม
“หยุด พวกเจ้ากําลังอยูต่ รงหน้าหอประชุมตระกูลซี จงระบุตน”
เมื่อซูหยางและหวังชูเหริ นไปถึงที่แห่งนั้น พวกเขาก็ถูกหยุดโดย
ทหารยามที่เฝ้าระวังสถานที่แห่งนั้น
หวังชูเหริ นก้าวขึ้้ นไปข้างหน้าและแสดงเหรี ยญของตระกูลซีให้กบั
ทหารยาม รวมไปถึงจดหมายจากเจ้าซีที่ให้สิทธิ์ในการใช้หอประชุม
“อา ท่านต้องเป็ นนักปรุ งยาหวังจากนิกายดอกบัวเพลิง พวกเราคาด
หวังว่าจะเป็ นท่านอยูแ่ ล้ว แต่วา่ ใครที่อยูด่ า้ นหลังท่าน”
ทหารยามชี้ไปที่ซูหยาง ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเสื้ อผ้าและปกปิ ดใบหน้า
ด้วยหน้ากากก่อนที่จะมาถึงยังที่แห่งนั้น
“นี่เป็ นอาจารย์ของข้า นักปรุ งยาผูท้ รงเกียรติที่สุดที่ได้ยนิ ยอมให้มี
การประชุมนี้ได้เกิดขึ้นเป็ นครั้งแรก” หวังชูเหริ นกล่าวกับทหารยาม
“นักปรุ งยาผูท้ ี่คน้ พบโอสถสู่ ปฐพีง้ นั รึ พวกเราต้องขออภัยที่มิอาจ
จดจําท่านได้ ท่านผูอ้ าวุโสผูท้ รงเกียรติ”
เหล่าทหารยามต่างพากันคํานับเขาอย่างเต็มที่ก่อนที่จะปล่อยพวก
เขาเข้าไปในหอประชุม
หลังจากที่เข้าไปด้านในอาคารแล้ว ซูหยางก็มองไปยังพื้นที่กว้างขวาง
นั้นด้วยความพึงพอใจ
“มีตระกูลกี่ตระกูลที่เข้าร่ วมงานชุมนุมครั้งนี้” เขาถามเธอ
“ผูเ้ ข้าร่ วมได้เพิม่ ขึ้นจนเป็ น 130 สํานัก และ 269 ตระกูลตั้งแต่ครั้ง
สุ ดท้ายที่ขา้ ได้บอกกล่าวให้กบั ท่าน ยิง่ ไปกว่านั้นข้าได้จาํ กัดสิ ทธิ์ให้
แต่ละตระกูลและสํานักส่ งคนเข้ามาร่ วมได้เพียงแค่สองคนในงาน
ประชุมครั้งนี้ ดังนั้นพวกเราก็มิควรจะเห็นคนมากเกินกว่าพันคน”
“ข้าเข้าใจแล้ว… เจ้าทํางานได้ยอดเยีย่ มมาโดยตลอดด้วยตัวของเจ้า
เอง” ซูหยางพลันกล่าวยกย่องเธอ และเขาก็กล่าวต่ออีกว่า “เจ้ามี
อะไรที่ตอ้ งการเป็ นของรางวัลหรื อไม่ ข้าจักให้เป็ นรางวัลแก่เจ้า”
“อื… มิจาํ เป็ นต้องมีอะไรเป็ นพิเศษ…” หวังชูเหริ นตอบสนองด้วย
ท่าทางสับสน ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะให้รางวัลเธอ
“มิจาํ เป็ นที่จะต้องถ่อมตัว” เขากล่าว
“ถ้าเช่นนั้น… ข้าพอที่จะเรี ยนรู ้เพิ่มในเรื่ องเม็ดยาจิตมารได้หรื อไม่
ข้าได้เกิดความสนใจในเม็ดยานี้ต้ งั แต่ขา้ เห็นมัน” เธอกล่าวหลังจาก
ที่ครุ่ นคิดอยูช่ วั่ ขณะ
“นัน่ เป็ นสิ่ งที่เจ้าต้องการรึ เม็ดยาจิตมารมิได้เป็ นอะไรที่น่าประทับใจ
เท่าไหร่ ”
“นัน่ เพียงพอสําหรับข้าแล้ว” หวังชูเหริ นพยักหน้า
“ตกลง เช่นนั้นข้าก็จกั มอบสู ตรให้กบั เจ้าหลังจากที่พวกเราจากที่
แห่งนี้ไปแล้ว”
“ขอบคุณ ซู…อาจารย์” หวังชูเหริ นคํานับเขา
ในเวลานั้นที่ตระกูลซี เจ้าซีกไ็ ด้จอ้ งไปยังผูใ้ ต้บงั คับบัญชาที่ตรงหน้า
พร้อมกับกล่าวว่า “อะไรนะ นักปรุ งยาลึกลับนั้นได้มาถึงที่หอประชุม
พร้อมกับหวังชูเหริ นแล้วอย่างนั้นรึ เจ้ามัน่ ใจว่าเป็ นเขารึ ”
“ใช่ ท่านเจ้า ตัวหวังชูเหริ นเองได้เป็ นคนแนะนําเขาว่าเป็ นอาจารย์
ของเธอ”
“แล้วตัวตนของเขาล่ะ พวกเราพอจะรู ้อะไรเกี่ยวกับเขาหรื อไม่” เจ้า
ซี ได้ถามต่อ
“ไม่ เขาได้สวมหน้ากากและทั้งตัวของเขาก็คลุมทับไปด้วยเสื้ อคลุม
สี ดาํ ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาที่จะซ่อนตัวตนของเขาเอาไว้
“ข้าเข้าใจ… มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่ขา้ ควรจะรู ้”
“พวกเราได้รับข่าวว่าซูหยางจากนิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั ได้มาปรากฏ
ตัวที่เมืองนี้ เขาถูกพบเห็นว่าเข้าเมืองมาพร้อมกับหวังชูเหริ น แต่เขา
ได้หายตัวไปที่ไหนสักที่หนึ่งหลังจากนั้น”
“ซูหยางรึ เกิดบ้าอะไรกันจึงทําให้เจ้าเด็กเลวนัน่ มาทําอะไรที่นี่ หรื อ
ว่าเขาก็มาเข้าร่ วมงานประชุมด้วยเช่นกัน” เจ้าซีพึมพํากับตนเอง
“ไม่… ถ้าหากว่าเขามีความสัมพันธ์กบั นักปรุ งยาลึกลับนัน่ ล่ะ จากที่
รู ้จกั เขา ข้าเกือบมัน่ ใจได้วา่ เขาต้องมีความสัมพันธ์กบั นักปรุ งยานัน่
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
เพราะว่าอายุซูหยางและประวัติความเป็ นมา ความคิดที่วา่ ซูหยางจะ
เป็ นนักปรุ งยาลึกลับนั้นจึงไม่เคยได้เกิดขึ้นในใจของเจ้าซีเลย ไม่วา่
เขาจะพรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางที่เขาจะเป็ นนักปรุ งยาได้
โดยไม่มีการฝึ กฝนเป็ นเวลาหลาย ๆ ปี
“อย่างไรก็ตามข้าจะไปหอประชุมเพื่อทักทายกับนักปรุ งยานี้ก่อน”
เจ้าซีกล่าวกับผูใ้ ต้บงั คับบัญชาก่อนที่จะออกจากห้องไป
หลายนาทีให้หลัง เจ้าซีกไ็ ปถึงหอประชุม
“ผูอ้ าวุโสนักปรุ งยาอยูไ่ หนรึ ” เขาถามทหารยาม
“อือ… หวังชูเหริ นกับผูอ้ าวุโสนักปรุ งยาได้จากหอประชุมไป
เรี ยบร้อยแล้ว ท่านเจ้า”
“อะไรกัน ข้ามาที่นี่ทนั ทีที่ขา้ ได้ยนิ เกี่ยวกับเรื่ องนี้ เจ้ารู ้ไหมว่าพวก
เขาไปไหนกัน”
อย่างไรก็ตามทหารยามส่ ายหน้า “ไม่ ท่านเจ้า พวกเขาออกไปจาก
ที่นี่โดยมิได้กล่าวอะไรเลยสักคําหลังจากที่ดูไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ ว
รอบหนึ่ง”
“เชี่ย ข้าต้องการถือโอกาสในสถานการณ์น้ ีเพือ่ สร้างสายสัมพันธ์
ระหว่างพวกเราก่อนงานชุมนุม แต่ดูเหมือนว่านัน่ เป็ นไปมิได้อีก
ต่อไป” เจ้าซีร่ าํ ร้องอยูภ่ ายใน
อย่างไรก็ตามเจ้าซี ไม่ได้ละความพยายามง่าย ๆ และทําการรออยู่
ภายในหอประชุมในกรณี ที่นกั ปรุ งยากลับมา
แต่อนิจจา หวังชูเหริ นและซูหยางได้กลับคืนมายังนิกายดอกบัวเพลิง
นานแล้ว ทําให้ความพยายามของเจ้าซีกลายเป็ นหมัน
ภายในที่พกั ของหวังชูเหริ น ซูหยางได้ส่งสู ตรของเม็ดยาจิตมารให้กบั
หวังชูเหริ นและได้ทาํ การฝึ กฝนเธอตลอดเวลาสองสามวันที่เหลือ
จนกว่าจะได้เวลางานประชุม
สองสามวันให้หลัง ซูหยางและหวังชูเหริ นก็ออกมาจากห้องยาโดย
ที่หวังชูเหริ นนั้นเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ถ้าเจ้าไม่ได้นาํ เตาปรุ งยาไปก็ให้นาํ มันไปกับเจ้าด้วยแล้ว ข้าจัก
แสดงความสามารถของข้าก่อนที่จะได้เริ่ มพูดคุยกัน” ซูหยางกล่าว
หวังชูเหริ นพยักหน้าก่อนที่จะทําความสะอาดร่ างกายในห้องนํ้า
ครั้นเมื่อพวกเขาได้เตรี ยมตัวที่จะจากไปกันแล้ว ซูหยางก็ได้นาํ เอา
ยานบินออกมา และพวกเขาก็กลับไปยังเมืองหิ มะโปรย
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ซูหยางได้ปลอมตัวเข้าไปก่อนที่จะออกไป
จากนิกายดอกบัวเพลิง
ในวันประชุม จะสามารถพบเห็นจอมยุทธ์ผมู ้ ีชื่อมากมายจากตระกูล
ที่มีชื่อเสี ยงและจากสํานักที่ทรงอํานาจต่างพากันเข้ามายังเมืองหิ มะ
โปรยทีละคนสองคน สร้างความตกตะลึงให้กบั คนที่ไม่รู้เรื่ อง
ภายนอกและภายในเมือง
“นัน่ นัน่ เป็ นผูน้ าํ ตระกูลเจี่ยง จากภาคตะวันตก เขาเดินทางมาไกล
ถึงที่นี่เพื่อทําอะไรกัน”
“มองไปด้านหลังเขาสิ นัน่ เป็ นผูน้ าํ ตระกูลหลิง ซึ่ งเป็ นที่รู้กนั ว่าเขา
เป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญด้านยา”
“กระทัง่ ผูน้ าํ สํานักสวนธรรมชาติศกั ดิ์สิทธิ์ หนึ่งในผูน้ าํ ด้านการปรุ ง
ยาในโลกนี้กย็ งั มาที่เมืองหิ มะโปรย และเขาก็ยงั ถึงกับนําเอาศิษย์มา
ด้วย”
“เมื่อมีการรวมตัวจอมยุทธที่มีชื่อเสี ยงมากมายจากทัว่ ทุกมุมโลก
จะต้องมีสิ่งยิง่ ใหญ่บางอย่างได้เกิดขึ้นในเร็ ว ๆ นี้แน่ หากว่ายังมิได้
เกิดขึ้นไปแล้วในตอนนี้”
บทที่ 565 การชุมนุมยอดฝี มือ
“ผูอ้ าวุโสเจิ้ง ข้ามิคาดคิดว่าจะพบกับท่านที่นี่ นานเท่าไหร่ แล้วนับ
ตั้งแต่ท่านได้จากสวนธรรมชาติศกั ดิ์สิทธิ์ไป ดูเหมือนจะเป็ นเวลา
หลายสิ บปี แล้วนับตั้งแต่ขา้ เห็นท่านครั้งสุ ดท้าย”
“หื อ นัน่ มิใช่ท่านผูน้ าํ ไค่หรอกรึ นานขนาดนั้นเลยรึ นบั ตั้งแต่ที่พวก
เราได้เจอกันครั้งสุ ดท้าย ข้าสาบานว่าข้ารู ้สึกเหมือนกับพวกเราเพิง่
เจอกันมินานมานี้”
ภายในหอประชุมที่ซ่ ึงที่นงั่ ต่างก็ถูกจับจองโดยเหล่าจอมยุทธกัน
อย่างรวดเร็ ว ชายชราสองคนต่างก็พดู คุยกัน
หนึ่งในนั้นรู ้จกั กันในนามผูอ้ าวุโสเจิ้ง เจ้าสํานักสวนธรรมชาติ
ศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสํานักไม่กี่สาํ นักในโลกนี้ที่เน้นหนักไปในด้านยา
และสมุนไพร
ชายชราที่นงั่ ข้างเขานั้นเป็ นผูน้ าํ ตระกูลไค่ ซึ่งมีชื่อเสี ยงในด้านความ
เชี่ยวชาญเรื่ องสมุนไพร
เพียงแค่คนทั้งสองนี้กถ็ ือว่าเป็ นยอดฝี มือที่ยากจะได้พบเห็นทัว่ ไป
ยิง่ ไปกว่านั้นพบเจอพวกเขาทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน อักทั้งยังมีผคู ้ นที่มี
ชื่อเสี ยงอิทธิพลอีกหลายคนแบบเดียวกับผูอ้ าวุโสเจิ้งและผูน้ าํ ตระกูล
ไค่มารวมตัวกันอยูใ่ นหอประชุมเช่นเดียวกัน
แต่ละคนที่มาอยูใ่ นหอประชุมต่างมีอิทธิพลอย่างมากในยุทธภพ ซึ่ ง
สามารถสัน่ คลอนทวีปตะวันออกได้ดว้ ยเพียงคําพูดเพียงคําเดียว และ
เมื่อมีพวกเขามารวมตัวกันที่จุดเดียว นับว่าเป็ นภาพที่ไม่เคยปรากฏ
มาก่อน
“ข้าได้ยนิ ว่ามินานมานี้ท่านได้รับศิษย์ใหม่รึ ศิษย์คนที่วา่ นั้นคือหญิง
สาวที่ขา้ งกายท่านใช่หรื อไม่” ผูน้ าํ ตระกูลไค่มองไปยังหญิงสาวสวย
ที่นงั่ อยูข่ า้ งกายผูอ้ าวุโสเจิ้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ใช่แล้ว นี่เป็ นศิษย์ที่ล้ าํ ค่าของข้า ข้าได้นาํ เธอมาที่นี่โดย
หวังว่าเธอจักได้เรี ยนรู ้บางสิ่ งบางอย่างจากนักปรุ งยาลึกลับที่สนั่
สะเทือนโลกนี้ดว้ ยโอสถสู่ ปฐพีนนั่ ” ผูอ้ าวุโสเจิ้งหัวเราะ และเขาก็
กล่าวต่อในขณะที่มองไปยังเด็กสาวข้างกายผูน้ าํ ตระกูลไค่ “ข้าก็เห็น
ว่าท่านได้นาํ คนมากับท่านด้วยเช่นกันนี่”
“นี่เป็ นลูกสาวคนเล็กของข้า ไค่โจวฮวา ทักทายผูอ้ าวุโสเจิ้งสิ โจวฮวา”
“ผูเ้ ยาว์ไค่โจวฮวา คารวะผูอ้ าวุโสเจิ้ง ผูเ้ ยาว์ได้ปรารถนาที่จะได้พบ
กับผูอ้ าวุโสนับตั้งแต่ได้ยนิ ความสําเร็ จอันยิง่ ใหญ่ของท่านในด้าน
การแพทย์ นับเป็ นเกียรติอย่างสู งที่สุดท้ายก็ได้พบกับท่าน”
“ฮ่าฮ่า… ช่างเป็ นหญิงสาวที่สง่างามและสุ ภาพ ตระกูลไค่ช่างโชคดี
ที่ได้มีคนแบบเจ้าอยูใ่ นตระกูล” ผูอ้ าวุโสเจิ้งหัวเราะเสี ยงดัง
แม้วา่ ผูอ้ าวุโสเจิ้งจะมีท่าทางเสแสร้งเห็นได้ชดั แต่กเ็ ป็ นที่ชดั เจนว่า
ทําไมผูน้ าํ ตระกูลไค่จึงได้นาํ หญิงสาวมายังที่งานชุมนุมที่สาํ คัญแบบ
นี้ที่ไม่เหมาะกับสิ่ งที่เธอเป็ น ถ้านักปรุ งยาลึกลับคนนี้เป็ นของจริ ง ก็
ย่อมจะเป็ นประโยชน์ต่อตระกูลไค่เป็ นอย่างมากถ้านักปรุ งยาผูน้ ี่ชื่น
ชอบคนจากตระกูลของเขา
ตามความเป็ นจริ งก็ยงั มีคนในตระกูลอื่นอีกมากในหอประชุมที่ได้
นําลูกสาวของตนเองมางานประชุมนี้ ทั้งหมดต่างหวังที่จะเพิ่มเส้น
สายกับนักปรุ งยานี้ซ่ ึงชื่อของเขาได้เทียบเท่ากับตระกูลระดับสู งใน
ทวีปตะวันออกไปเรี ยบร้อยแล้ว
“มองไปทางนั้นสิ นัน่ ผูน้ าํ ตระกูลฟางจากสี่ ตระกูลใหญ่”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างพากันสังเกตเห็นการปรากฏตัวอย่างยิง่ ใหญ่ของฟาง
เซี ยนเจว้อย่างรวดเร็ ว
“แน่นอน เมื่อหนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่มาอยูท่ ี่นี่ ข้าย่อมมิสงสัยเลยหาก
ตระกูลที่เหลืออีกสามได้แสดงตัวขึ้น”
และในขณะที่หลายคนที่นนั่ ได้คาดการณ์ไว้ ตระกูลใหญ่อีกสาม
ตระกูลที่เหลือก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หอประชุมหลังจากนั้นไม่นานนัก
ตระกูลหลงที่ปกครองภาคตะวันออก ตระกูลเซี ยงที่ปกครองด้านใต้
ตระกูลฟางที่ครอบครองภาคตะวันตก และตระกูลซูจากภาคเหนือ
ทั้งสี่ ตระกูลใหญ่ต่างก็มารวมตัวกันในที่ชุมชน นับเป็ นสิ่ งที่เห็นได้
ยากยิง่ นักแม้กระทัง่ กับผูม้ ีอิทธิพลส่ วนใหญ่เหล่านี้ซ่ ึ งคุน้ เคยกับการ
ได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ผดิ ปกติมาแล้วก็ตาม
ส่ วนจํานวนคนจากตระกูลเหล่านี้น้ นั ตระกูลหลงนั้นมาเพียงคนเดียว
นัน่ ก็คือผูน้ าํ ตระกูล ตระกูลเซียงได้มากันสองคนเป็ นหญิงชราและ
หญิงสาว ส่ วนสําหรับตระกูลฟางนั้น พวกเขามากันสองคน ฟาง
เซียนเจว้กบั ชายวัยกลางคนหล่อเหลาซึ่งเป็ นสามีของเธอและเป็ น
ผูน้ าํ ตระกูลฟางด้วย ในเวลานั้นก็เหมือนกับตระกูลหลง มีเพียงซูซุน
จากตระกูลซูที่ปรากฏตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้วา่ จะมีฐานะเป็ น “ตระกูลใหญ่” เช่นเดียวกัน แต่
ตระกูลเหล่านี้ไม่มีใครที่เป็ นเพื่อนกันเลย ตามความเป็ นจริ งภายใน
ใจของพวกเขานั้นเกลียดอีกฝ่ ายและมักจะแก่งแย่งกันแม้กระทัง่ ใน
เรื่ องเล็กน้อย
ในเวลาต่อมา ตระกูลมีชื่อเสี ยงอีกตระกูลก็ได้สร้างความปั่นป่ วน
วุน่ วายจากการแสดงตัวของพวกเขาในหอประชุม ตระกูลนี้ไม่ได้มี
ชื่อเสี ยงมากมายนัก ในเมื่อชื่อเสี ยงของพวกเขาเพียงโด่งดังทะลุฟ้าก็
ตอนหลังจากที่การแข่งขันระดับภูมิภาคจากคนผูห้ นึ่ง
“ดูนนั่ นัน่ เป็ นตระกูลหง และพวกเขาก็นาํ หงอวี้เอ๋ อร์มาด้วย”
คนเหล่านั้นต่างพากันประหลาดใจกับการปรากฏตัวของหงอวี้เอ๋ อร์
อย่างไม่คาดคิด
อย่างรวดเร็ ว หลังจากที่หงอวี้เอ๋ อร์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผูค้ นต่างพากัน
มารุ มล้อมรอบตัวเธอหวังที่จะได้มีบุญคุณหรื อไม่กไ็ ด้สร้างเส้นสาย
อย่างไรก็ตามหงอวี้เอ๋ อร์ไม่แม้จะกระทัง่ เหลือบแลพวกเขา เธอได้
เข้าไปนัง่ ข้างซูซุน
“คารวะท่านพ่อตา” หงอวี้เอ๋ อร์ทกั ทายซูซุน สร้างความงงงันให้กบั
เขา
ในเวลานั้นพ่อของเธอ หงเฉิงเชา ได้ขออภัยเหล่าจอมยุทธและผู ้
อาวุโสแทนเธอ
“ข้าต้องขออภัยสําหรับพฤติกรรมดื้อด้านของลูกสาวข้าเมื่อกี้น้ ี เธอ
ไม่คุน้ เคยกับคนแปลกหน้า…” หงเฉิ งเชาได้คาํ นับพวกเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… อย่ากังวลในเรื่ องเหล่านั้น อัจฉริ ยะแบบเธออย่างน้อยก็
ควรจะมีความลําพองตนอยูบ่ า้ ง” เหล่าจอมยุทธต่างพากันหัวเราะ
ในเมื่อพวกเขาไม่กล้าที่จะบ่นออกมาต่อหน้าหงอี้เอ๋ อร์
“เจ้ามาทําอะไรที่นี่ หงอวี้เอ๋ อร์ เจ้าสนใจในยาหรื อว่านักปรุ งยารึ ” ซู
ซุนถามเธอพร้อมกับเลิกคิว้
หงอวี้เอ๋ อร์แสดงรอยยิม้ ออกมาและกล่าวว่า “ท่านมิตอ้ งกังวล ท่าน
พ่อตา ถึงแม้วา่ เขาจะเป็ นนักปรุ งยาที่มีพรสวรรค์ในด้านการปรุ งยา
ที่สุดในโลกนี้ สายตาข้าก็มีเพียงซูหยาง”
“ข้าต้องขออภัย แต่ขา้ มิได้มีเจตนาที่จะตั้งคําถามเจ้าถึงความภักดีต่อ
ลูกชายของข้า…” ซูซุนรี บส่ ายหน้า
เวลาหลังจากนั้น ก็เกิดเสี ยงดังขึ้นในที่แห่งนั้น
“ท่านเจ้าซี ได้มาถึงแล้ว”
ผูค้ นในหอประชุมต่างพากันยืนขึ้นและคํานับไปยังเจ้าซี ซึ่ งเพิ่งเข้า
มาในห้อง
“ตามสบาย” เจ้าซีโบกมือก่อนที่จะนัง่ ลงยังที่นงั่ ส่ วนตัวของเขา
ครั้นเมื่อเจ้าซีและเหล่าแขกทั้งหลายได้มาถึงแล้ว หวังชูเหริ นก็ได้
ปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิม้ สดใสบนใบหน้าของเธอ
บทที่ 566 สาธิตสด
เมื่อหวังชูเหริ นปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ทั้งหอประชุมก็เงียบลงในทันใด
และมีเพียงสิ่ งเดียวที่ยงั คงได้ยนิ ก็คือเสี ยงหัวใจเต้นด้วยความตื่นเต้น
ของเหล่าจอมยุทธ
“ยินดีตอ้ นรับสู่ งานชุมนุมการปรุ งยา ข้าหวังชูเหริ น นักปรุ งยาจาก
นิกายกุสุมาลย์พน้ พิสยั และข้าก็จกั เป็ นผูช้ ่วยของอาจารย์ของข้าใน
งานของวันนี้” หวังชูเหริ นกล่าวกับผูค้ นอย่างสง่างาม และได้รับ
ความสนใจจากพวกเขาในทันที ซึ่งเป็ นสิ่ งที่เธอได้เรี ยนรู ้หลังจาก
ได้รับประสบการณ์ในการทํางานเป็ นเวลาหลายปี จากโรงประมูล
ดอกบัวเพลิง
“ก่อนอื่น ข้าจักขอขอบคุณทุกท่านมาในโอกาสนี้สาํ หรับการสละ
เวลามาร่ วมการชุมนุมในครั้งนี้ ข้ารู ้วา่ พวกท่านมีคาํ ถามมากมายอยู่
ในใจในเวลานี้ แต่ขา้ ขอร้องให้ทุกท่านยอมอดทนต่อไปอีกสัก
เล็กน้อย ในเมื่ออาจารย์ของข้าจักมี “ถ้อยคํา” ให้กบั ทุกท่านที่นี่”
หวังชูเหริ นนําเอาแหวนมิติออกมา และวางเตาปรุ งยาไว้ตรงกลาง
ห้อง ก่อนที่จะก้าวออกไปด้านข้าง
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางซึ่งยังคงสวมชุดนักปรุ งยาสี ดาํ พร้อม
ทั้งสวมหน้ากาก ก็ค่อยเดินออกมาบนเวที
“นัน่ เป็ นนักปรุ งยาที่ได้คน้ พบโอสถสู่ ปฐพีรึ ช่างมีกลิ่นอายที่เหนือ
ธรรมดาจริ ง ๆ”
“เขาช่างดูสูงส่ งกว่าที่ขา้ ได้คาดคิดไว้เสี ยอีก”
เหล่าจอมยุทธที่นนั่ ต่างพากันหายใจหนักหน่วงเมื่อรู ้สึกถึงแรงกดดัน
อันยิง่ ใหญ่ของซูหยาง รู ้สึกราวกับว่าพวกเขาได้พากันมาอยูต่ รงหน้า
ของสิ่ งมีชีวติ ที่ยงิ่ ใหญ่
และทุกย่างก้าวที่ซูหยางเหยียบยํา่ ผูค้ นก็ยงิ่ หอบหายใจหนักยิง่ ขึ้น
“ช่างโอ้อวดเสี ยเหลือเกิน…” หงอวี้เอ๋ อร์ยมิ้ ในใจหลังจากที่เห็นการ
ปรากฏตัวอย่างอลังการของซูหยาง
หลังจากที่ปรากฏตัวแล้ว ซูหยางก็เดินตรงไปยังเตาปรุ งยาที่อยูต่ รง
กลางห้องและนัง่ อยูต่ รงหน้าเตา ไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปยังผูช้ ม
อึดใจต่อไป เขาก็โบกชายเสื้ อ เกิดเป็ นเปลวเพลิงปรุ งยาขึ้นมาราย
ล้อมรอบเตา
“ช่างเป็ นเปลวเพลิงที่สวยงามและแกร่ งกล้า”
“ข้ามิเคยเห็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมเพลิงปรุ งยาได้ไร้ที่
ติเช่นนี้มาก่อน มิรู้วา่ ต้องใช้เวลากี่ปีกว่าที่จะได้รับผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
แบบเช่นนี้”
ผูเ้ ชี่ยวชาญการปรุ งยาเหล่านั้นต่างก็พากันหลงใหลไปกับเปลวเพลิง
ร้อนแรงที่เต้นระริ กไปรอบ ๆ เตาราวกับว่ามันมีชีวติ โดยเฉพาะ
อย่างยิง่ ความสามารถในการควบคุมเปลวเพลิงของซูหยางราวกับว่า
พวกมันไม่ต่างไปจากนิ้วมือของเขา
สองสามวินาทีให้หลัง เมื่อเตาปรุ งยาร้อนเต็มที่แล้ว หวังชูเหริ นก็
นําเอาถาดบรรจุวตั ถุดิบมาให้กบั ซูหยาง
“อะไรกัน หรื อว่าเขามีเจตนาที่จะปรุ งยาต่อหน้าเหล่านักปรุ งยา
มากมายเช่นนี้ เขามิกงั วลว่าพวกเราอาจจะขโมยตํารับยามาเป็ นของ
พวกเรารึ ”
เหล่านักปรุ งยาที่นนั่ ต่างก็พากันงงงันกับการที่ซูหยางตัดสิ นใจปรุ ง
ยาต่อหน้าเหล่าจอมยุทธมากมาย ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการปรุ งอาหาร
ตํารับลับของตระกูลในขณะที่ถูกรุ มล้อมไปด้วยพ่อครัวระดับโลก
จํานวนมากที่กาํ ลังจ้องมองเขาอยูท่ ุกขณะจิต
พวกเขาไม่มนั่ ใจว่าเป็ นความโง่เขลาทัว่ ไปหรื อว่าเป็ นความบ้าบิ่นถึง
ที่สุด แต่ไม่วา่ จะเป็ นวิธีไหนก็ตาม เหล่านักปรุ งยาทั้งหลายต่างก็อด
ยินดีที่จะได้เห็นว่ายาประเภทไหนกันที่ซูหยางกําลังจะปรุ งออกมา
ด้วยวัตถุดิบเหล่านั้นไม่ได้
อย่างไรก็ตามก่อนที่นกั ปรุ งยาจะทันได้เห็นวัตถุดิบเหล่านั้นที่
รวมกันอยูเ่ หมือนกองใบไม้ ซูหยางก็โยนวัตถุดิบทั้งถาดนั้นลงไป
ในเตาปรุ งยา
“นี่มนั อะไรกัน”
เหล่านักปรุ งยาที่อยูท่ ี่นนั่ ต่างพากันแตกตื่นจนพูดไม่ออกกับการ
กระทําของซูหยาง ในเมื่อความรู ้พ้นื ฐานและสามัญสํานึกโดยทัว่ ไป
นั้นจะให้โยนส่ วนผสมเข้าไปทีละหนึ่งในเวลาที่เหมาะสม นอกจาก
ว่าคนผูน้ ้ นั จะสามารถทํางานพร้อมกันหลายอย่างด้วยการกลัน่ วัตถุดิบ
แต่ละชนิดไปพร้อม ๆ กันได้ อย่างไรก็ตามใครกันที่จะสามารถประสบ
ความสามารถเช่นนี้ที่ซ่ ึงกระทัง่ นักปรุ งยาที่มีชื่อเสี ยงเหล่านั้นกระทัง่
คิดก็ยงั ไม่กล้าคิด
ตามความเป็ นจริ ง ในประวัติของการปรุ งยา วัตถุดิบที่นกั ปรุ งยาคน
หนึ่งเคยกลัน่ พร้อมกันนั้นก็คือสามชนิด แต่วา่ ซูหยางนั้นได้ทาํ การ
โยนวัตถุดิบสิ บกว่าชนิดเข้าไปในครั้งเดียวโดยไม่ลงั เล
“ถ้าพวกเรามิสามารถที่จะเห็นเขาโยนวัตถุดิบเข้าไปในเตาปรุ งยา
เช่นนั้นทั้งหมดที่เราต้องการก็คือมองเข้าไปในเตาปรุ งยาและมองดู
เขากลัน่ และผสมวัตถุดิบเหล่านั้นทีละอย่าง”
เหล่านักปรุ งยาที่นนั่ ต่างพากันคิดถึงทางออกอย่างรวดเร็ วและรี บเพ่ง
สัมผัสวิญญาณไปยังภายในหม้อปรุ งยา
แต่ทว่าในขณะที่เหล่านักปรุ งยาเหล่านี้เพิ่งจะทันได้เห็นสิ่ งที่อยู่
ภายในเตาปรุ งยา ซูหยางก็ได้กลัน่ และผสมวัตถุดิบทั้งหมดเหล่านั้น
เข้าไปรวมกันจนหมดแล้ว และมันก็ใช้เวลาน้อยกว่าสิ บวินาทีในการ
ดําเนินการให้ประสบความสําเร็ จถึงขั้นนี้
“อะไรกัน เขาสามารถกลัน่ และผสมวัตถุดิบกว่าสิ บชนิดด้วยเวลา
ไม่กี่วนิ าทีง้ นั รึ เป็ นไปไม่ได้”
เมื่อเหล่านักปรุ งยาตระหนักว่าได้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาต่างก็พากัน
ทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนจากที่นงั่ ด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อประทับ
อยูบ่ นใบหน้าของพวกเขา
ในเวลานั้น คนที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านการปรุ งยาต่างก็พากัน
ตกตะลึงและสับสนกับปฏิกิริยาของเหล่านักปรุ งยาเหล่านี้ ในเมื่อ
พวกเขาไม่สามารถที่จะทําความเข้าใจถึงความลึกซึ้งของฉากนี้ได้
อย่างไรก็ตามสองสามอึดใจให้หลัง เมื่อซูหยางเปิ ดฝาเตาปรุ งยาและ
นําเอายาที่อยูภ่ ายในออกมา กระทัง่ ผูค้ นที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการ
ปรุ งยาต่างก็พากันตกใจไปกับการที่เม็ดยาถูกสร้างขึ้นมาภายในเวลา
สั้น ๆ แค่น้ นั ในเมื่อพวกเขาทั้งหมดต่างพากันคาดว่ามันต้องใช้เวลา
กว่าสองสามชัว่ โมง
หลังจากที่เงียบไปเป็ นระยะเวลานาน ใครคนหนึ่งก็อุทานออกมา
เสี ยงอันดังว่า “เป็ นไปไม่ได้ เขาปรุ งเม็ดยาได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที
ข้ามิเชื่อ นี่ตอ้ งเป็ นอุบายที่พวกเขาได้ตระเตรี ยมไว้ก่อนหน้านั้น”
ครั้นเมื่อมีคนแสดงความสงสัยของตัวเองออกมา นักปรุ งยาอีกหลาย
คนต่างก็เริ่ มส่ งเสี ยงแสดงความสงสัยของตนเองออกมาบ้าง ในเมื่อ
ความสามารถของซูหยางนั้นตามปกติแล้วเป็ นสิ่ งที่น่าตระหนกและ
ไม่น่าเชื่อมากเกินไปในสายตาของพวกเขา
เมื่อเห็นความสงสัยของผูค้ นและได้ยนิ คําวิพากษ์วจิ ารณ์ของพวกเขา
หวังชูเหริ นก็กา้ วขึ้นมาข้างหน้าและกล่าวขึ้นว่า “แม้วา่ ยาขมยากจะ
กลืน* แต่สิ่งที่พวกท่านได้เห็นเมื่อกี้นนั่ ก็ไม่ได้เป็ นการแกล้งทําแต่
อย่างใด ข้าสามารถรับรองพวกท่านได้วา่ ความสามารถของอาจารย์
ข้านั้นเป็ นของจริ ง”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านยังมิพึงใจกับถ้อยคําของข้า พวกท่านสามารถ
ก้าวออกมาตรวจสอบหม้อยาได้ดว้ ยตนเอง ถ้ามีหลักฐานว่ามีการ
หลอกลวงในการสาธิตเมื่อกี้น้ ี เช่นนั้นพวกเราก็จกั มอบตํารับยา
โอสถสู่ ปฐพีให้กบั พวกท่าน”
“อะไรนะ จริ งรึ ”
นักปรุ งยาไม่กล้าเสี ยเวลา รี บตรงเข้าไปยังเตาปรุ งยาหลังจากที่ได้ยนิ
คําพูดของหวังชูเหริ น
แต่ทว่า ไม่วา่ พวกเขาจะใช้เวลาดูหม้อปรุ งยามากมายเพียงใด และ
จากการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของเตา นักปรุ งยาเหล่านี้กไ็ ม่
สามารถที่จะหาข้อสงสัยอะไรกับเตาปรุ งยาออกมาได้
ถ้าการสาธิตเป็ นเรื่ องหลอกลวงและเม็ดยาที่ออกมาจากเตานั้นเตรี ยม
ไว้ก่อนหน้านี้ นัน่ ก็ควรจะมีวตั ถุดิบที่เขาโยนลงไปด้านในเหลืออยู่
และถึงแม้วา่ ซูหยางจะเผาวัตถุดิบจนกระทัง่ มันไม่มีอะไรเหลืออยู่
มันก็ควรจะยังคงมีหลักฐานหลงเหลืออยูภ่ ายใน
แต่อนิจจา เตาปรุ งยานั้นสะอาดหมดจด และก็ไม่มีวแี่ ววที่จะบอกได้
ว่าการสาธิตนี้เป็ นการหลอกลวง
ครั้นเมื่อนักปรุ งยาเหล่านี้ตระหนักถึงความจริ งนั้นแล้ว พวกเขาต่าง
ก็พากันมองไปยังซูหยางด้วยสี หน้าตื่นตระหนกบนใบหน้า ในเมื่อ
ความสามารถของเขานั้นสร้างความหวาดกลัวให้กบั พวกเขา
“พวกเราต้องขออภัยท่านผูอ้ าวุโสนักปรุ งยาเป็ นอย่างสู งในการ
สงสัยความสามารถของท่าน”
นักปรุ งยาต่างก็พากันโค้งคํานับและกล่าวขอโทษเขาหลังจากนั้น
ซูหยางพลันยกมือขึ้นและกล่าวออกมาด้วยเสี ยงที่ปลอมแปลงที่ทุม้
ลึกมากกว่าเสี ยงดั้งเดิมของเขาพร้อมกับความรู ้สึกลึกลับในนั้น
“ผูค้ นย่อมเกิดความสงสัยในสิ่ งที่ตนเองมิเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นข้า
จึงมิกล่าวโทษพวกเจ้าแต่ประการใดในการสงสัยความสามารถของ
ข้า ตามจริ งแล้วถ้าพวกเจ้ายังคงสงสัยความสามารถของข้า ทําไม
พวกเจ้าจึงมิตรวจสอบเม็ดยาที่ขา้ เพิ่งได้ปรุ งออกมาล่ะ แม้กระทัง่ นัก
ปรุ งยามือใหม่ที่เพียงรู ้แต่เรื่ องพื้นฐานก็ควรจะสามารถบอกได้วา่
เมื่อไหร่ ที่เม็ดยาถูกสร้างขึ้น”
ซูหยางยืน่ มือออกไปและแสดงเม็ดยาที่วางอยูบ่ นฝ่ ามือให้พวกเขา
เห็น
“น-นี่เป็ นโอสถสู่ ปฐพี และมันบริ สุทธิ์ยงิ่ กว่ายาทุกเม็ดที่มีขายอยูใ่ น
ตลาด”
“คุณสมบัติของยานั้นสู งกว่ายาคุณภาพสู งใด ๆ ที่ขา้ เคยเห็นมาก่อน
นัน่ หมายความว่าอย่างไรกับยาเม็ดนี้กนั แน่ อะไรที่มีคุณภาพยิง่ ไป
กว่าเม็ดยาระดับสู ง เม็ดยาระดับสู งสุ ดอย่างงั้นรึ ”
แม้วา่ พวกเขาจะเคยเห็นเม็ดยาที่ดีที่สุดในโลกนี้ท้ งั หมดมาก่อน แต่
เหล่านักปรุ งยาก็ยากที่จะยับยั้งนํ้าลายที่ไหลออกมาจากปากของ
ตนเองหลังจากที่เห็นเม็ดยาคุณภาพไร้ที่ติเป็ นครั้งแรกในชีวติ
“กลิ่นที่หอมสดชื่นนี้… ไม่มีขอ้ สงสัยเลยว่าเม็ดยานี้เพิ่งนําออกมา
จากเตา ถึงแม้วา่ พวกเรามิตอ้ งการจะเชื่อ แต่พวกเราก็มิสามารถที่จะ
ปฏิเสธความเป็ นจริ งที่แจ่มชัดได้” ผูอ้ าวุโสเจิ้ง นักปรุ งยาระดับสุ ด
ยอดที่ตรงนั้นได้แสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา
เวลาหลังจากนั้น ครั้นเมื่อนักปรุ งยาที่นนั่ ได้มีโอกาสตรวจสอบเม็ด
ยาแล้ว หวังชูเหริ นก็กล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อตอนนี้ทุกคนได้เห็นกระจ่าง
ชัดเจนในความสามารถของอาจารย์ของข้าแล้ว ก็ขอได้โปรดกลับคืน
ไปยังที่นงั่ ของพวกท่านและพวกเราจะได้ดาํ เนินการในการประชุม
ต่อไป เห็นด้วยหรื อไม่”
แม้วา่ นักปรุ งยาจะลังเลกับการพรากไปจากเม็ดยาคุณภาพไร้ที่ติ
พวกเขาก็ได้แต่พยักหน้าของตนเองและกลับคืนไปยังที่นงั่ ของ
ตนเองในที่สุด
ครั้นเมื่อทุกคนได้กลับคืนไปยังที่นงั่ ของตนเองแล้ว ซูหยางก็กล่าวขึ้น
ว่า “ข้ามิได้สาธิตความสามารถของข้าเพียงเพื่อที่จะโอ้อวดความ
สามารถของข้า หรื อว่าข่มความสามารถของเหล่านักปรุ งยาในที่น้ ี
ตามความเป็ นจริ งแล้ว เจตนาในการสาธิตนี้กเ็ พื่อที่จะขยายมุมมอง
ของพวกเจ้าในด้านการปรุ งยา สิ่ งที่พวกเจ้าเห็นกันอยูภ่ ายในวันนี้
นั้นเป็ นเพียงแค่พ้นื ผิวของทะเลที่รู้จกั กันในนามของการปรุ งยา และ
ที่ขา้ ได้รวมตัวพวกเจ้าทั้งหมดมาในวันนี้กห็ วังที่จะเพิ่มพูนความรู ้
ให้แก่พวกเจ้า”
ผูแ้ ปล * ยาขมยากจะกลืน หมายถึง ไม่อยากที่จะยอมรับในเรื่ องราว
ใด ๆ แต่กต็ อ้ งจําใจยอมรับ
บทที่ 567 สิ้นหวังในโอสถเหนือสวรรค์
“ท่านต้องการที่จะเพิ่มพูนความรู ้ของพวกเราในด้านการปรุ งยารึ ”
นักปรุ งยาเหล่านั้นต่างพากันสบตากัน ดูเหมือนจะงุนงงกับจุดประสงค์
ของเขา ในเมื่อพวกเขานั้นไม่เห็นถึงประโยชน์ใด ๆ จากการทําเช่นนั้น
“ขออภัยสําหรับการพูดอย่างตรงไปตรงมาของข้า แต่ท่านมีเจตนา
อะไรในการทําเช่นนั้นที่มิได้มีประโยชน์ต่อตัวท่าน ท่านต้องการ
อะไรกันแน่จากทั้งหมดนี้” เจ้าซีพลันกล่าวขึ้นพร้อมกับส่ งสายตา
เฉียบคม ถามซูหยางถึงคําถามที่อยูใ่ นใจของทุกคนในขณะนี้
ในขณะที่มนั อาจจะมีประโยชน์สาํ หรับนักปรุ งยาในโลกนี้ที่จะได้รับ
ความรู ้เพิม่ มากขึ้น และบางทีกอ็ าจจะเพิ่มฝี มือให้กบั พวกเขาด้วย แต่
ก็เหมือนกับว่ามันไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อซูหยาง ตามความเป็ นจริ ง
การกระทําเช่นนั้นมีเพียงแต่จะทําให้ผลประโยชน์ของเขานั้นลดน้อย
ลงไป
ปรากฏรอยยิม้ ของนักปรุ งยาลึกลับขึ้นเบื้องหลังหน้ากากจากนั้นเขา
ก็พดู ขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก ข้ามิได้อะไรจากการทําเช่นนี้ และไม่ได้
คาดหวังที่จะได้อะไรกลับคืนมา ข้าเพียงทําตามใจปรารถนาเช่นนี้ก็
เพราะว่าข้าสงสารดินแดนแห่งนี้”
“ท่าน… สงสารพวกเรารึ ท่านพอจะอธิบายเรื่ องนี้ได้ไหม ท่านผู ้
อาวุโส” เจ้าซีเลิกคิ้วด้วยท่าทางงุนงงสงสัย
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวด้วยเสี ยชัดเจนแช่มช้าว่า “เมื่อตอนที่ขา้
มาถึงทวีปตะวันออกแห่งนี้ครั้งแรกและเห็นบรรดายาคุณภาพตํ่าที่นี่
ข้าตกตะลึงกับการที่วา่ ทําไมนักปรุ งยาในที่แห่งนี้จึงขาดประสบการณ์
มากเช่นนี้ ในฐานะเพื่อนนักปรุ งยาข้าจึงรู ้สึกสงสาร ดังนั้นข้าจึง
ปรารถนาที่จะแบ่งปั นความรู ้ของข้าบางอย่างเพื่อหวังที่จะทําให้ที่
แห่งนี้เป็ นที่ที่ดีข้ ึนสําหรับนักปรุ งยาทุกคน”
“ร-รอสักครู่ .. เมื่อตอนที่ท่าน “มาถึงเป็ นครั้งแรก” ที่นี่รึ น-นัน่
หมายความว่าท่านมาจากทวีปอื่นอย่างนั้นรึ ” เจ้าซีถามเขาด้วยสี หน้า
ตกใจ
เพราะว่าทะเลหยกที่ก้ นั ระหว่างทวีปแต่ละทวีปและสิ่ งมีชีวติ ใต้น้ าํ ที่
ทรงอํานาจที่มกั จะเกรี้ ยวกราดต่อเหล่ามนุษย์น้ นั ทําให้ผคู ้ นยากที่จะ
เสี่ ยงชีวติ ในการเดินทางไปยังทวีปอื่น
ตามความเป็ นจริ ง กระทัง่ เจ้าซีที่เป็ นหนึ่งในผูฝ้ ึ กยุทธที่ทรงพลัง
ที่สุดในทวีปตะวันออกก็ยงั ไม่เคยไปที่ทวีปอื่น มีเพียงแต่พอ่ ของเขา
ซีหวัง ที่มีประสบการณ์ในการเดินทางไปยังทวีปอื่น
เมื่อเห็นสี หน้าประหลาดใจของเจ้าซี ซูหยางก็พยักหน้าและกล่าวขึ้น
ว่า “ข้ามาจากสถานที่ซ่ ึ งพวกเจ้าอ้างว่าเป็ น “ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”
“อะไรนะ ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”
เหล่าบรรดาจอมยุทธต่างพากันผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ รวมไปถึง
เจ้าซีดว้ ย
“นัน่ หมายความว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมีจริ ง ๆ ข้าเคยคิดว่ามันเป็ น
เพียงแค่ตาํ นาน”
“ไม่น่าเชื่อ นี่สามารถอธิบายได้วา่ ทําไมฝี มือของเขาจึงกว้างขวาง
เหนือกว่ามากเมื่อเปรี ยบเทียบกับพวกเรา ราวกับพ้นโลกนี้ไปแล้ว”
เหล่าจอมยุทธต่างมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ท-ท่านมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจริ ง ๆ รึ ท่านผูอ้ าวุโส” เจ้าซี ถาม
เขาเพื่อยืนยัน
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามิเชื่อข้า ทําไมมิให้ขา้ เล่าให้
พวกเจ้าฟังสักเล็กน้อยเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางล่ะ”
จากนั้นซูหยางก็ทาํ การนึกไปถึงประสบการณ์ของตนเองที่ทวีป
ศักดิ์สิทธิ์กลาง ส่ วนใหญ่แล้วเขาก็จะพูดถึงสํานักเก่าแก่ท้ งั สาม
“ตามความเป็ นจริ งแล้ว ข้าวางแผนที่จะกลับไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์
กลางในเร็ ว ๆ นี้ เมื่อตอนนั้นมาถึง ข้ามิถือหากจะพาใครสักคนไป
ด้วย”
เมื่อผูค้ นที่นนั่ ได้ยนิ คําพูดของซูหยาง พวกเขาล้วนพากันจ้องมองเขา
อย่างเงียบงัน ก่อนที่จะระเบิดเสี ยงคํารามลัน่ ออกมากระหึ่ มสถานที่
แห่งนั้น
ในเวลาต่อมา เจ้าซีกก็ ล่าวขึ้นว่า “ข้าจักถือเป็ นเกียรติอย่างสู งหากว่า
ข้าได้ไปประจักษ์ถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางก่อนที่ขา้ จะตาย แต่ท่าน
วางแผนอย่างไรในการที่จะพาพวกเราไปที่แห่งนั้น ทะเลหยก… มัน
เป็ นเรื่ องเสี่ ยงเกินไป”
“แน่นอนเมื่อข้ามีวธิ ีที่จะมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ข้าก็ยอ่ มจักต้องมี
วิธีที่จะคืนกลับไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้ามิตอ้ งการที่
จะทําลายความสนุก ดังนั้นข้าจึงมิตอบคําถามอะไรมากไปกว่านี้” ซู
หยางตอบ
สองสามอึดใจให้หลังเขากล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามข้ามิได้จดั ชุมนุม
พวกเจ้าทั้งหลายที่นี่ในวันนี้เพื่อที่จะพูดถึงเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์
กลาง”
สายตาที่แหลมคมของเขาพลันกวาดไปทัว่ ทุกที่ และเขาก็พดู ด้วย
เสี ยงจริ งจังว่า “โอสถสู่ ปฐพีที่ขา้ ได้เปิ ดเผยไปก่อนหน้านั้นเป็ นเพียง
จุดเริ่ มต้นการแนะนําเม็ดยาที่เหลือ”
จากนั้นเขาก็สะบัดชายเสื้ อ จนทําให้เม็ดยาอีกสี่ ตวั ปรากฏตัวลอย
ขึ้นมาต่อหน้าผูช้ ม และเขาก็ได้พดู ต่อไปอีกว่า “ข้าได้มีตวั ยาอยูก่ บั
ข้าที่นี่อีกสี่ ชนิดที่จะทําให้โอสถสู่ ปฐพีกลายเป็ นตัวยาที่ต่าํ ต้อยไป”
“เริ่ มจากด้านซ้าย ข้ามีโอสถรวมปราณ โอสถร้อยทิวา โอสถคืน
สวรรค์พภิ พ และสุ ดท้ายโอสถเหนือสวรรค์”
ซูหยางทําการอธิบายผลของเม็ดยาแต่ละชนิด
“หากกลืนกินโอสถรวมปราณก็จกั เพิ่มความเร็ วในการฝึ กปรื อ
100% เป็ นเวลา 12 ชัว่ โมง โอสถร้อยทิวานั้นจักเพิ่มพลังการฝึ กปรื อ
ของเจ้าไปอย่างมากราวกับว่าเจ้าได้ฝึกไปเป็ นเวลานับร้อยวัน แต่มนั
เพียงสามารถกลืนกินได้เพียงหนึ่งครั้งทุก ๆ สี่ ปี โอสถคืนสวรรค์
พิภพก็จกั ฟื้ นคืนพลังวิญญาณที่หมดสิ้ นไปให้แม้กระทัง่ ผูท้ ี่อยูใ่ น
ระดับสู งสุ ดของเขตอัมพรวิญญาณภายในมิกี่วนิ าที”
“ส่ วนสําหรับเม็ดยาตัวสุ ดท้าย โอสถเหนือสวรรค์น้ นั … ก็เหมือนกับ
โอสถสู่ ปฐพี มันจักเพิม่ โอกาสให้คนที่อยูใ่ นระดับสู งสุ ดของเขต
ปฐพีวญิ ญาณให้กา้ วเข้าสู่ เขตอัมพรวิญญาณขึ้นกับคุณภาพของเม็ด
ยา ในระดับสู งสุ ดนั้นมันสามารถที่จะเพิ่มระดับความสําเร็ จถึง
100% นัน่ หมายความว่ามิวา่ จะเป็ นผูฝ้ ึ กวิชาเขตปฐพีคนไหนก็ตามก็
จะมีโอกาสที่จะเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณได้มิวา่ พวกเขาจะมี
พรสวรรค์มากน้อยเพียงใดก็ตาม”
“…”
ทัว่ ทั้งหอประชุมนั้นพลันเงียบสงัดลงไปในทันที ในเมื่อพวกเขาทุก
คนต่างพยายามที่จะทําความเข้าใจสิ่ งที่ซูหยางได้เพิ่งพูดออกไป
“ท-ท่านกําลังหมายความว่าถ้าข้ากลืนโอสถเหนือสวรรค์เข้าไปนัน่ ก็
จักทําให้ขา้ สามารถเข้าสู่ เขตอัมพรวิญญาณได้ใช่ไหม”
คนที่พดู เป็ นคนแรกก็คือ ฟางเซียนเจว้ ซึ่ งยืนขึ้นพร้อมกับจับจ้อง
มองไปยังโอสถเหนือสวรรค์ ดวงตาของเธอเปี่ ยมไปด้วยความหวัง
ซึ่งหลังจากที่ติดอยูใ่ นระดับสู งสุ ดของเขตปฐพีวญ ิ ญาณมานานกว่า
30 ปี เธอก็เริ่ มหมดหวังกับการที่เธอจะได้กา้ วเข้าสู่ เขตอัมพรวิญญาณ
อย่างไรก็ตามด้วยการปรากฏตัวของโอสถเหนือสวรรค์น้ ี ความ
ปรารถนาที่จะเข้าสู่ เขตอัมพรวิญญาณของเธอนั้นก็ได้ถูกจุดประกาย
ขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นความกระตือรื อร้นของฟางเซียนเจว้แล้ว เขาก็พยักหน้า
“ถูกต้อง โอสถเหนือสวรรค์ในมือของข้าในตอนนี้มีคุณสมบัติ
สู งสุ ดอยูพ่ อดี ดังนั้นจึงสามารถที่จะรับประกันได้วา่ เจ้าจักสามารถ
ก้าวเข้าสู่ เขตอัมพรวิญญาณอย่างแน่นอนหากว่าเจ้าได้กลืนมันลง
ไป”
“ป-เป็ นไปได้ไหมที่จะขายเม็ดยานี้ให้กบั ข้า ท่านผูอ้ าวุโส ข้าได้ติด
อยูท่ ี่เขตปฐพีวญ
ิ ญาณมาหลายสิ บปี ได้โปรด ข้ายินดีที่จะจ่ายมิวา่ จะ
มีราคาเท่าไหร่ กต็ ามสําหรับเม็ดยานี้” ฟางเซียนเจว้ไม่สนใจว่าจะเสี ย
หน้าต่อหน้าจอมยุทธมากมายเหล่านี้ เธอขอร้องซูหยางด้วยนํ้าเสี ยง
สิ้ นหวัง
“ราคาเท่าไหร่ รึ” ซูหยางถามเธอ
“ถูกต้อง ข้ามาจากตระกูลฟาง หนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่ ท่านสามารถ
กําหนดราคามาได้เลย”
เมื่อได้ยนิ เสี ยงมัน่ ใจของเธอ ซูหยางก็พยักหน้าและยกนิ้วขึ้นสามนิ้ว
ไปให้เธอ
“สามล้านก้อนหิ นวิญญาณรึ ข้าจักเตรี ยมมันให้กบั ท่านในทันที”
ฟางเซียนเจว้กล่าวด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ซูหยางส่ ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้ากําลังหมิ่นคุณค่าของ
โอสถเหนือสวรรค์อยูก่ ระนั้นรึ โอสถสู่ ปฐพีหนึ่งเม็ดก็มีค่านับแสน
ก้อนหิ นวิญญาณไปเรี ยบร้อยแล้ว”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าข้ายอมให้ทุกคนในห้องนี้ซ้ือเม็ดยานี้ที่
ราคาสามล้านก้อนหิ นวิญญาณ ใครที่ปรารถนาที่จะซื้อบ้าง”
ทันใดนั้นหลังจากที่คาํ ถามของซูหยางจบสิ้ นลง ทุกคนในห้องก็ยก
มือของพวกเขาขึ้น
“อย่าใส่ ใจสามล้านก้อนหิ นวิญญาณเลย ข้าเองยินดีที่จะจ่ายห้าล้าน
ก้อนหิ นวิญญาณ”
“ข้าสามารถจ่ายสิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณสําหรับโอสถเหนือสวรรค์
ข้าเองก็ได้หยุดชะงักที่เขตปฐพีวญ
ิ ญาณมานานกว่ายีส่ ิ บปี แล้ว”
“ส-สามสิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณ ข้าปรารถนาที่จะจ่ายที่สามสิ บล้าน
ก้อนหิ นวิญญาณ” ฟางเซียนเจว้พลันตะโกนขึ้น สร้างความงงงัน
ให้กบั ผูค้ นที่นนั่ แม้กระทัง่ สามีของเธอเองซึ่ งจ้องมองเธอด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง
“นัน่ เพียงพอสําหรับโอสถเหนือสวรรค์หรื อไม่” เธอถามเขาด้วยสี
หน้าเจ็บปวด ในเมื่อหิ นวิญญาณสามสิ บล้านก้อนนั้นย่อมสร้างความ
เสี ยหายไปถึงธุรกิจของตระกูลฟาง
อย่างไรก็ตามเธอนั้นมุ่งมัน่ สุ ดชีวติ ที่จะเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณ
ถึงแม้วา่ เธอจะต้องยอมขายแขนขาอย่างละข้าง เธอก็ยงั จะซื้อโอสถ
เหนือสวรรค์
“สามสิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณอย่างงั้นรึ ” ซูหยางแกล้งทําเป็ นครุ่ นคิด
อยูช่ วั่ ขณะก่อนที่จะพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจักขายยาเม็ดนี้เป็ นราคา
สามสิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณ”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “และเพื่อที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเม็ดยา
นี้เป็ นของจริ ง ข้าปรารถนาให้เจ้ากลืนเม็ดยาลงไปและก้าวข้ามไปสู่
เขตอัมพรวิญญาณในที่ตรงนี้”
“ท-ท่านต้องการให้ขา้ กลืนเม็ดยานี้ที่ตรงนี้เลยรึ ” ฟางเซียนเจว้มอง
ไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง อย่ากังวล ข้าย่อมรับประกันความปลอดภัยของเจ้าใน
ขณะที่เจ้ากําลังฝึ กวิชา และมันก็มิได้ใช้เวลานานมากไปกว่าเพียงมิกี่
นาทีเท่านั้น”
ฟางเซียนเจว้ไม่ได้สงสัยในคําพูดของเขาและตรงเข้าไปหาเขา
ในทันที
ก่อนที่จะยืน่ ส่ งโอสถเหนือสวรรค์ให้กบั เธอ ซูหยางก็กล่าวด้วยเสี ยง
สบาย ๆ ว่า “ในกรณี ที่หากว่าเจ้าวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายคืน
หลังจากนี้ ข้าย่อมจักใช้การลบล้างตระกูลใหญ่ฟางทิ้งเป็ นการ
ชดใช้”
ฟางเซียนเจว้สนั่ สะท้านไปกับคําพูดของเขา และเธอก็แสดงรอยยิม้
มัน่ ใจให้กบั เขา “ข้าย่อมมิกล้าแม้จะจินตนาการในการพยายามที่จะ
ขโมยจากท่านผูอ้ าวุโสผูท้ รงศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อมีประจักษ์
พยานมากมายอยูท่ ี่นี่ ถึงแม้วา่ ข้าจักต้องขายร่ างกายของข้าเพื่อจ่าย
สามสิ บล้านก้อนหิ นวิญญาณให้กบั ท่าน ข้าก็ยนิ ดีสาบานต่อตระกูล
ฟางว่าข้าจักต้องจ่ายหนี้น้ ี”
“ดี” ซูหยางพยักหน้าและยืน่ ส่ งเม็ดยาให้กบั เธอ
บทที่ 568 ศิษย์ สามคน
ฟางเซียนเจว้ถือโอสถเหนือสวรรค์ดว้ ยมือที่สนั่ ระริ ก ท่าทางของเธอ
นั้นราวกับว่าเธอกําลังมองดูลูกน้อยที่กาํ ลังเพิ่งคลอดออกมา
หลังจากที่สงบจิตระงับใจที่กาํ ลังตื่นเต้นแล้ว ฟางเซี ยนเจว้กน็ งั่ ลง
กลางห้องในท่าขัดสมาธิดอกบัว ก่อนที่เธอจะค่อยปล่อยให้เม็ดยา
ไหลเข้าไปในปาก
ครั้นเมื่อโอสถเหนือสวรรค์สมั ผัสกับลิ้นของเธอ มันก็ละลายราวกับ
ว่ามันเป็ นนํ้า ก่อนที่จะไหลเข้าไปในลําคอของเธอ
ความรู ้สึกเย็นสดชื่นแผ่ขยายออกจากท้องของเธอ และปราณไร้ลกั ษณ์
ในจุดตันเถียนของเธอก็เริ่ มเปลี่ยนแปลง
สองสามนาทีให้หลัง ริ้ วคลื่นพลังที่แก่นสาระของเขตอัมพรวิญญาณ
ก็กวาดไปทัว่ ห้อง สร้างความตระหนกให้กบั ทุกคนที่นนั่
“สวรรค์ โอสถเหนือสวรรค์น้ นั เป็ นของจริ ง”
“เม็ดยานี้… เป็ นเช่นเดียวกันกับโอสถสู่ ปฐพี มันจักต้องสัน่ สะเทือน
ยุทธภพและจะยิง่ รุ นแรงไปยิง่ กว่านั้น”
“เมื่อมีโอสถสู่ ปฐพีและโอสถเหนือสวรรค์ การเข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณ
นั้นมิใช่เป็ นเพียงความฝันอีกต่อไป ยุทธภพกําลังจะเข้าสู่ ยคุ ใหม่”
หลังจากที่บรรลุถึงเขตอัมพรวิญญาณแล้ว ฟางเซียนเจว้กจ็ อ้ งมองมือ
ของตนเองอย่างเงียบงัน ดูเหมือนจะยังอยูใ่ นความงงงัน
เมื่อมาคิดว่าเธอสามารถที่จะไปถึงเขตอัมพรวิญญาณเมื่อเธอได้
สู ญเสี ยความหวังทั้งมวลไปเรี ยบร้อยแล้ว นี่ถือว่าเป็ นปาฏิหาริ ย ์
อย่างแท้จริ ง
ครั้นเมื่อเธอเยือกเย็นลงแล้ว ฟางเซียนเจว้กค็ ุกเข่าลงให้กบั ซูหยาง
และกล่าวด้วยนํ้าเสี ยงเทิดทูนว่า “ข้ามิอาจที่จะขอบคุณอะไรท่านได้
มากไปกว่านี้ ท่านผูอ้ าวุโส มิถือเป็ นการโอ้อวดเลยแม้แต่นอ้ ยหาก
จะพูดว่าท่านได้ช่วยชีวติ ของข้าเอาไว้ ถ้าข้ามิได้กา้ วเข้าสู่ เขตอัมพร
วิญญาณ ข้าก็จกั ตายหลังจากนี้อีกไม่กี่สิบปี แต่ตอนนี้ขา้ ได้กา้ วเข้าสู่
ขอบเขตใหม่แล้ว ข้าสามารถมีชีวติ ยืนยาวได้อีกกว่าสามร้อยปี ”
ซูหยางยังคงเรี ยบเฉยแล้วกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเจ้าคงมิลืมหลังจากก้าว
ไปสู่ ระดับใหม่วา่ ข้ามิได้ให้โอสถเหนือสวรรค์แก่เจ้าเปล่า ๆ หิ น
วิญญาณสามสิ บล้านก้อนนั้นเจ้ามีเวลาหนึ่งเดือนในการชําระหนี้น้ ี
มิเช่นนั้นข้าก็จกั ไปเคาะประตูบา้ นเจ้าด้วยตนเอง”
“ข้ามิกล้าที่จะลืมอย่างแน่นอน ต่อให้ร่างกายข้าต้องตกเป็ นทาสหรื อ
ว่าขายอวัยวะ ข้าก็จกั จ่ายหนี้น้ ี”
ซูหยางพยักหน้า “ครั้นเมื่อเจ้ามีหินวิญญาณแล้ว เจ้าสามารถมอบมัน
ให้กบั ศิษย์ของข้า หวังชูเหริ น เจ้าสามารถพบเธอได้ที่นิกายดอกบัว
เพลิง”
เมื่อฟางเซียนเจว้กลับคืนไปสู่ ที่นงั่ ของเธอในเวลาหลังจากนั้น ซูหยาง
ก็กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดต่างได้ประจักษ์ดว้ ยตัว
ของพวกเจ้าเองถึงประสิ ทธิภาพของโอสถเหนือสวรรค์ พวกเจ้ามี
คําถามอะไรต่อข้าอีกหรื อไม่”
คนสองสามคนพากันยกมือขึ้น
“ถ้าท่านมิถือ ข้าอยากจะถามว่า.. ท่านค้นพบเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น
ได้จากที่ไหนกัน หรื อว่าเม็ดยานี้ได้มีอยูแ่ ล้วที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”
ซูหยางส่ ายหน้าและกล่าวว่า “ในตอนนี้ โอสถเหนือสวรรค์มีเพียง
ปรากฏอยูท่ ี่ทวีปตะวันออก แม้กระทัง่ ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเองก็มิรู้ถึง
การคงอยูข่ องมัน ส่ วนที่วา่ ข้าได้รับตํารับยานี้มาจากไหนนั้น… ข้า
ขอบอกไว้เพียงว่าข้าได้เคยไปยังสถานที่ที่เจ้ามิสามารถเข้าใจได้”
หลังจากนั้นเจ้าซีกถ็ ามเขาว่า “ถ้าหากว่ามีเม็ดยาที่สามารถช่วยให้
ผูค้ นเข้าถึงเขตปฐพีวญิ ญาณและเขตอัมพรวิญญาณแล้ว ท่านคิดว่า
เม็ดยาที่มีผลช่วยให้ผคู ้ นเข้าสู่ เขตราชันย์วญ
ิ ญาณนั้นมีอยูห่ รื อไม่”
“…”
ทั้งห้องนั้นต่างพากันรอให้ซูหยางตอบด้วยท่าทางกระวนกระวาย
หลังจากที่เงียบไปเป็ นระยะเวลานาน สุ ดท้ายซูหยางก็พดู ขึ้นว่า
“บางที”
แน่นอนว่าเม็ดยาแบบนั้นมีอยูจ่ ริ ง แต่ทว่าเม็ดยาประเภทนี้เพียงปรากฏ
อยูใ่ นสวรรค์ศกั ดิ์สิทธิ์ท้ งั สี่ เท่านั้น วัตถุดิบที่ตอ้ งการในการปรุ งเม็ด
ยานั้นจะมีอายุมากกว่าหมื่นปี ซึ่งเป็ นสิ่ งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ใน
โลกที่มีอายุนอ้ ยกว่าหมื่นปี
หลังจากที่ใช้เวลาหลายนาทีในการตอบคําถามแล้ว ซูหยางก็เปลี่ยน
ไปยังหัวข้อถัดไป
“ในตอนนี้เมื่อข้าได้ตอบคําถามทั้งหมดของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็จะขอ
พูดถึงหัวข้อหลัก”
เขากวาดสายตาอันแหลมคมไปยังฝูงชน และกล่าวขึ้นว่า “ข้ากําลัง
จะรับศิษย์สามคนจากทวีปแห่งนี้ และข้าเองก็จะสอนพวกเขาถึง
วิธีการปรุ งโอสถสู่ปฐพีรวมไปถึงเม็ดยาอื่น ๆ ที่ขา้ ได้เปิ ดเผยให้ใน
วันนี้”
“อะไรนะ”
ผูค้ นที่นนั่ ต่างก็พากันมีสีหน้าตระหนกเมื่อได้ยนิ คําพูดของเขา
“ข้ามิได้สนใจว่าเจ้าจะมีอายุมากน้อยเพียงใด หรื อว่าสนใจว่าเจ้านั้น
เป็ นเพศใด ข้าจักจัดการสอบในไม่กี่สปั ดาห์หลังจากนี้ และถ้าพวก
เจ้าผ่านการทดสอบของข้า ข้าก็จกั รับเจ้าเป็ นศิษย์ของข้า”
“พวกเจ้ามีคาํ ถามอะไรหรื อไม่”
เกือบทุกคนในหอประชุมยกมือขึ้น
“ท่านผูอ้ าวุโส ใครบ้างที่ได้รับความยินยอมให้เข้ารับการทดสอบ
ของท่าน”
“ใครก็ได้” ซูหยางตอบอย่างรวดเร็ ว “ข้าจักให้สิทธิ์ทุกคนในที่น้ ี
ได้รับการทดสอบ และถ้าเจ้ารู ้จกั คนที่มีพรสวรรค์ดา้ นการปรุ งยา
เจ้าก็สามารถนําพวกเขามาเข้าร่ วมทดสอบได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม
ในเมื่อข้ามิตอ้ งการที่จะใช้เวลามากเกินไปกับเรื่ องนี้ ข้าจักกําหนดให้
ในแต่ละสํานักและตระกูลที่นี่ให้มีคนเข้าร่ วมได้เพียงแค่สองคน”
ที่แห่งนั้นพลันเต็มไปด้วยเสี ยงพูดคุย
“ใครที่เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะส่ งจากตระกูลของพวกเรา”
“แต่มิมีใครในตระกูลที่รู้เรื่ องราวเกี่ยวกับการปรุ งยาเลย…”
“เจ้ามิได้ยนิ ท่านผูม้ ีอาวุโสรึ พวกเรามิได้ถูกจํากัดอยูแ่ ต่คนในตระกูล
ของพวกเรา ตราบเท่าที่เราสามารถนําคนมาได้สองคน มิวา่ พวกเขา
จะมาจากไหน พวกเขาล้วนสามารถเข้ารับการทดสอบได้”
“…”
“ศิษย์หย่งควรมีที่แน่นอนสักที่ในสองตําแหน่งนี้ ในเมื่อความรู ้ดา้ น
การปรุ งยาของเขานั้นนับเป็ นสุ ดยอดในบรรดาหมู่ศิษย์”
“แม้วา่ ข้ามิได้สงสัยว่าเขาเป็ นคนที่สุดยอดในบรรดาศิษย์ แต่กม็ ีผู ้
อาวุโสสํานักจํานวนมากที่ดีกว่าเขา อายุมิได้จาํ กัดในการทดสอบนี้
ดังนั้นพวกเราควรจะนําคนที่ดีที่สุดภายในสํานักมา”
“…”
“เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง ลูกสาวข้า เจ้าต้องการที่จะเข้าร่ วมในการทดสอบ
นี้กบั ข้าหรื อไม่ ถึงแม้วา่ เจ้าจะอายุนอ้ ยที่สุด แต่พรสวรรค์ทางด้าน
การปรุ งยาเจ้าก็เป็ นที่หนึ่งนับแต่ที่มีมาของตระกูลไค”
“ข้าย่อมถือเป็ นเกียรติที่ได้มีโอกาสที่จะเป็ นศิษย์ของท่านผูอ้ าวุโส
นัน่ ”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
“….”
“อาจารย์… ท่านจะยอมเป็ นศิษย์ของท่านผูอ้ าวุโสท่านนั้นรึ หากว่า
ท่านได้รับโอกาส”
“ถึงแม้วา่ ข้าจะถือได้วา่ เป็ นหมายเลขหนึ่งในด้านการปรุ งยาในทวีป
ตะวันออก แต่ขา้ ก็มิได้ต่างไปจากทารกในสายตาของท่านผูอ้ าวุโส
ท่านนั้น และถึงแม้วา่ ข้าจะมีอายุมาก แต่ขา้ ก็ยงั ยินดีที่จะได้เป็ นศิษย์
อีกครั้งหากว่าอาจารย์ของข้านั้นเป็ นคนแบบท่านผูอ้ าวุโสนั้น
“แล้วเจ้าล่ะ ข้ามิถือโทษเจ้าถ้าเจ้าต้องการที่จะจากข้าไปเป็ นศิษย์ผู ้
อาวุโสท่านนั้นแทน มิวา่ อย่างไรก็ตามข้าต้องการสิ่ งที่ดีที่สุดสําหรับ
เจ้า”
“ข้าจักตามอาจารย์ไปมิวา่ ที่ไหนที่ท่านไป”
“ดีมาก… เช่นนั้นพวกเราทั้งคู่ไปเข้าร่ วมการทดสอบนี้กนั เถอะ”
ในขณะที่ทุกคนกําลังอยูใ่ นความวุน่ วาย หวังชูเหริ นก็กล่าวกับซูหยาง
ด้วยเสี ยงหยอกล้อว่า “ข้าคนเดียวมิเพียงพอที่จะทําให้ท่านพึงพอใจรึ
ท่านอาจารย์”
ซูหยางยิม้ เบื้องหลังหน้ากากและกล่าวว่า “เจ้าเป็ นศิษย์ที่ขยันและมี
พรสวรรค์มาก แต่ขา้ ยังคิดสงสัยว่าเจ้าจักมีเวลาในการฝึ กฝนวิชา
ของตัวเจ้าเองหรื อไม่ยามเมื่อข่าวของเม็ดยาเหล่านี้เริ่ มแพร่ กระจาย
ออกไปข้างนอกที่แห่งนี้ ดังนั้นข้าจึงเตรี ยมที่จะหาศิษย์เพิ่มอีกสอง
สามคนมาช่วยเจ้า ยิง่ ไปกว่านั้นยามเมื่อข้าจากโลกแห่งนี้ไปแล้วก็จะ
ยังมีคนเพิม่ อีกสามคนที่จะสามารถสานต่อสิ่ งที่ขา้ ได้เริ่ มต้นไว้ที่นี่”
เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็พดู กับผูค้ นว่า “แม้วา่ เวลาจะสั้นไปอยูบ่ า้ ง
แต่นี่กค็ ือทั้งหมดที่ขา้ มีให้กบั พวกเจ้าในวันนี้ ในอีกสองสัปดาห์
ข้างหน้า ข้าจักกลับมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อทําการทดสอบ”
ผูค้ นต่างพากันเริ่ มออกไปจากหอประชุมอย่างรวดเร็ ว ในเมื่อพวกเขา
นั้นเร่ งรี บที่จะหาคนที่จะเข้าร่ วมการทดสอบนี้สองคน โดยเฉพาะ
อย่างยิง่ ผูท้ ี่รู้เรื่ องการปรุ งยาไม่มากนัก
ในเวลาหลังจากนั้น ก็มีเหลือเพียงเจ้าซีที่ยงั คงอยูภ่ ายในหอประชุม
เขาตรงเข้าไปหาซูหยางและโค้งคํานับ “ท่านได้เปิ ดหูเปิ ดตาข้าใน
วันนี้ ท่านผูอ้ าวุโส ดูเหมือนว่าข้ายังคงเป็ นกบในบ่อแม้วา่ ข้าจะมี
ตําแหน่งสู งส่ งในทวีปตะวันออกนี้ อย่างไรก็ตามข้ายังคงมีคาํ ถามอีก
ข้อหนึ่งสําหรับท่านผูอ้ าวุโส ข้าควรจะเรี ยกท่านว่าอย่างไร”
“… สกุลของข้าคือ เซียว” ซูหยางตอบด้วยรอยยิม้ ลึกลับเบื้องหลัง
หน้ากาก
“ขอให้ขา้ ได้ขอบคุณท่านอีกครั้งท่านผูอ้ าวุโสเซียว ที่ได้ช่วยทวีป
ตะวันออก” เจ้าซีคาํ นับเขาอีกครั้ง
และเขาก็พดู ต่ออีกว่า “ถ้าท่านมีเวลา ข้าต้องการที่จะเชื้อเชิญท่าน
กลับไปทานอาหารที่บา้ นของข้า บางทีพวกเราจะสามารถพูดคุยกัน
ถึงแผนของท่านในเวลานั้นได้มากกว่านี้”
อย่างไรก็ตาม ซูหยางส่ ายหน้าและกล่าวด้วยเสี ยงเรี ยบเฉยว่า “ข้าจัก
ต้องขอโทษเป็ นการล่วงหน้าหากว่าคําพูดของข้าจักล่วงเกินเจ้า แต่
ข้ามิอยากแสดงความชอบพอในตระกูลใดตระกูลหนึ่งเหนือกว่า
ตระกูลอื่นมิวา่ เจ้าจักมีฐานะในที่แห่งนี้เป็ นอย่างไรก็ตาม ในเมื่อนี่
จักเป็ นสิ่ งที่ไม่ยตุ ิธรรมต่อผูอ้ ื่น ถ้าเจ้าต้องการที่จะพูดกับข้าในระดับ
ที่เป็ นส่ วนตัวมากขึ้น เช่นนั้นเจ้าจักต้องผ่านการทดสอบของข้าและ
กลายเป็ นศิษย์ของข้าเสี ยก่อน”
“ข้าเข้าใจ ข้าก็จกั ต้องขออภัยที่ทาํ ให้ผอู ้ าวุโสต้องมาอยูใ่ นจุดที่
ลําบากนี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าท่านได้เปลี่ยนใจ ประตูของ
ตระกูลซี ยอ่ มจักเปิ ดกว้างสําหรับท่านเสมอ” แม้วา่ เจ้าซี จะรู ้สึกไม่
ค่อยพอใจกับผลลัพธ์ เขาก็ไม่กล้าที่จะบ่น ในเมื่อเขากลัวว่าจะเป็ น
การล่วงเกินผูอ้ าวุโสลึกลับคนนี้ ซึ่งไม่ลงั เลที่จะข่มขู่ตระกูลฟางต่อ
หน้าทุกคน รวมไปถึงตระกูลซี ผูป้ กครองทวีปตะวันออกนี้
บทที่ 569 ความอดทน

หลังจากที่ทกุ คนออกไปจากหอประชุมเหลือเพียงซูหยางและหวังชูเหริน
แล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกลับไปยังนิกายดอกบัวเพลิงเพื่อเตรียมตัว
สาหรับการทดสอบความสามารถด้านยาที่จะมีขนึ ้ ในอีกสองสัปดาห์
ข้างหน้า

“การทดสอบประเภทไหนกันที่ท่านกาลังจะทาพวกมันขึน้ มา จะเป็ น
อะไรที่เหมือนกับการทดสอบศิษย์ของนิกายกุสมุ าลย์พน้ พิสยั หรือไม่”
หวังชูเหรินถามเขา

“มิเหมือนเสียทีเดียว แม้ว่าพรสวรรค์เป็ นสิ่งจาเป็ นในการปรุงยา แต่สิ่ง


ที่สาคัญกว่านัน้ ก็คือความทุ่มเทและความสามารถในการจดจาสิ่งต่างๆ
หากปราศจากการทุ่มเท ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์เป็ นหนึ่งในโลก เจ้าก็มิ
อาจที่จะสามารถปรุงยาให้ดีได้ และก็มีตารับยานับพันที่ปรากฏอยู่ใน
โลกนีท้ งั้ ยังมีจานวนของวัตถุดิบมากกว่าตารับยาอีกนับเป็ นร้อยเท่า
หากปราศจากความทรงจาที่ดีแล้ว เจ้าจะจดจาวัตถุดิบที่ตอ้ งใช้ในยา
แต่ละตัวได้อย่างไร อย่าว่าแต่กลวิธีการปรุงยาแต่ละตัวอีก ในขณะที่มี
เม็ดยาบางชนิดอาจจะต้องการวัตถุดิบที่คล้ายคลึงกัน แต่วิธีท่ใี ช้ในการ
ปรุงเม็ดยาแต่ละประเภทนัน้ เป็ นเอกลักษณ์เฉพาะและมีความแตกต่าง
กันเป็ นอย่างมาก”

“ดังนัน้ ข้าจึงจะทาการทดสอบความสามารถในการจดจาตารับยาและ
ทาการทดสอบความอดทนของพวกเขา”

“ทดสอบความอดทนอย่างนัน้ รึ…” หวังชูเหรินเลิกคิว้ “ถึงแม้ว่าข้า


พอจะนึกออกว่าการทดสอบแรกนัน้ จะเป็ นไปอย่างไร แต่ขา้ ก็มิอาจที่จะ
จินตนาการถึงแผนการของท่านในการทดสอบความอดทนของพวกเขา
ได้”

“นั่นเป็ นเรื่องที่ง่ายดาย จริงนะ”

ซูหยางเข้าไปในห้องยาและเริ่มปรุงยาทันที
สองสามนาทีให้หลัง เขาก็กลับมาข้างกายหวังชูเหรินและแสดงเม็ดยา
ขนาดเท่าก้อนกรวดให้กบั หวังชูเหริน

“เป็ นยาประเภทไหนกันแน่” เธอถามเขาด้วยดวงตาที่เป็ นประกายด้วย


ความสนใจและตื่นเต้น

ซูหยางเพียงแค่ยมิ ้ และกล่าวว่า “นั่งลงแล้วหลับตา ข้าจักทาให้เจ้าได้


รับรูป้ ระสบการณ์นีด้ ว้ ยตัวของเจ้าเอง”

“…”

หวังชูเหรินหรี่ตาใส่เขาด้วยสายตาสงสัย เธอสามารถรูส้ กึ ได้ถึงลางร้าย


ที่มาจากรอยยิม้ บนใบหน้าของซูหยาง แต่เธอก็สงสัยไปกับตัวเม็ด
ยาจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้

สองสามอึดใจให้หลังเธอก็น่งั ขัดสมาธิบนพืน้ และหลับตาลง


เมื่อเห็นเช่นนีแ้ ล้ว ซูหยางก็ใช้นวิ ้ บีบเม็ดยาสีม่วงที่อยู่ในมือและโปรยผง
ของมันลงไปบนใบหน้าของหวังชูเหริน

“…”

“….”

“….”

หลังจากที่รอไปนานหลายนาทีโดยไม่เกิดอะไรขึน้ หวังชูเหรินก็กล่าวขึน้
ว่า “ทาไมถึงใช้เวลานานจัง ซูหยาง”

“…”

“….”
“….”

อย่างไรก็ตามไม่มีใครตอบเธอ

“ซูหยาง”

หวังชูเหรินลืมตาเธอขึน้ มาอย่างช้าๆ และก็เป็ นในเวลานัน้ เองที่เธอ


ตระหนักว่าทาไมซูหยางจึงไม่ตอบเธอ

“ฉ-ฉันอยู่ท่ไี หน”

หวังชูเหรินได้ลืมตาของเธอขึน้ และก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ภายในบ้าน
ของเธอหรือนิกายดอกบัวเพลิงอีกต่อไปในเวลานัน้

กลับกัน เธอได้ถกู ย้ายมายังหน้าผาสูงซึง่ อยู่ท่ไี หนก็ไม่รู ้ ซึง่ ยอดเขานีส้ งู


จนกระทั่งมีเพียงเมฆหมอกรายล้อมในทุกทิศทาง
เธอถูกย้ายมายังสถานที่แห่งนีใ้ นทันทีทนั ใดโดยไม่ได้ตระหนักถึงอะไร
เลยได้อย่างไรกัน แล้วที่แห่งนีค้ ือที่ไหนกัน

“อา… นี่ตอ้ งเป็ นภาพมายา…”

หวังชูเหรินส่ายหน้าด้วยรอยยิม้ บนใบหน้า “ท่านเกือบหลอกข้าได้แล้ว


ซูหยาง ถึงแม้จะเห็นได้ชดั ว่านีเ้ ป็ นภาพมายาที่เกิดขึน้ จากเม็ดยานัน้ ข้า
ก็ตอ้ งยอมรับว่ามันสมจริงจนไม่น่าเชื่อ ถ้าข้ามิรูเ้ รื่องยา ข้าก็คงถูกมัน
หลอกไปเรียบร้อยแล้ว”

หวังชูเหรินตัดสินใจที่จะนั่งรอจนกว่าผลของเม็ดยานัน้ สลายไปหรือ
จนกว่าซูหยางจะดึงเธอออกจากภาพมายา

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง เธอก็ยงั คงอยูใ่ นที่เดิม ราย


ล้อมไปด้วยภูเขาและก้อนเมฆ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็ นเช่นนี ้ หวังชูเหรินก็
ยังคงเยือกเย็น ในเมื่อเธอมั่นใจว่าเธอยังคงอยู่ในภาพมายา
สิบชั่วโมง… ยี่สิบชั่วโมง… สามวัน… เจ็ดวัน…

ทัง้ สัปดาห์ได้ผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา แต่หวังชูเหรินก็ยงั คงไม่ได้ต่นื


ขึน้ มาจากภาพมายานัน้

“ฮ่าฮ่า… ข้าเข้าใจว่าท่านพยายามจะทาอะไร ซูหยาง…” รอยยิม้


ปรากฏขึน้ บนใบหน้าของเธอเมื่อเธอตระหนักว่าเกิดอะไรขึน้

“ท่านกาลังพยายามที่จะทดสอบความอดทนของข้าใช่ไหม ก็ดี ข้าจักรอ


จนกว่าท่านพอใจ”

จากนัน้ หวังชูเหรินก็น่งั รอที่หน้าผานัน้ ต่อไป อดทนรอคอยให้ “การ


ทดสอบ” นีจ้ บลง

หนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์… สามสัปดาห์…


หวังชูเหรินได้น่งั อยู่ในท่าเดิมเป็ นเวลานับเดือนแล้วในตอนนี ้ แต่ผลของ
ยาก็ยงั คงอยู่ และเธอก็สามารถเห็นถึงแนวเขา

“ข้ามิรูว้ ่าข้าได้มาถึงที่น่ีนานเท่าไหร่แล้ว แต่มนั ก็ควรเป็ นเวลาหลาย


สัปดาห์แล้ว ท่านจะเก็บข้าไว้ท่นี ่ีนานเท่าไหร่กนั ซูหยาง” หวังชูเหริน
กล่าวด้วยเสียงอันดัง และเสียงของเธอก็กอ้ งกังวานไปทั่วทุกทิศ

“…”

เมื่อไม่ได้ยินการตอบสนอง หวังชูเหรินก็ลกุ ยืนขึน้ มาเป็ นครัง้ แรกแล้วก็


ถอนหายใจ “ในเมื่อมันเป็ นอย่างนี ้ ข้าก็ควรจะเดินดูรอบๆ บางทีขา้
อาจจะสามารถออกไปจากภาพมายานีไ้ ด้ถา้ ข้าเดินทางออกไปไกลพอ”

ด้วยความคิดเช่นนีใ้ นใจ หวังชูเหรินก็ออกไปจากบริเวณหน้าผาและเริ่ม


ออกเดินไปรอบๆเทือกเขา
รอบบริเวณนัน้ เงียบมาก ราวกับว่าเธอเป็ นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกนี ้
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็ นไปตามคาดในเมื่อเธอตกอยู่ภายในภาพมายาที่
สร้างขึน้ มาจากเม็ดยาสีม่วงนัน้

“อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าข้าจักได้ยอมรับไปแล้วถึงความสามารถของเม็ด
ยาในการสร้างภาพลวงตานีว้ ่าช่างสมจริงเหลือเกิน แต่มนั ก็ย่งิ สมจริง
มากยิ่งขึน้ เรื่อยๆตราบนานเท่าที่ขา้ ยังอยู่ในสถานที่แห่งนี”้

หวังชูเหรินทาการเดินทางไปบนเทือกเขา แต่หลังจากที่เธอได้ใช้เวลา
หลายวันในภาพลวงตา เธอก็ตระหนักว่าเธอได้เดินกลับมายังที่เดิม ไม่
ว่าจะเป็ นทิศทางไหนหรือว่าไกลแค่ไหนที่เธอเดินไป เพราะว่าในที่สดุ
เธอก็จะกลับมายังหน้าผาแห่งเดิมที่มีอยู่มาตัง้ แต่ตน้

“นี่เป็ นภาพมายาจริงรึ…” หวังชูเหรินเริ่มคิดสงสัยตนเองหลังจากที่ใช้


เวลาหลายสัปดาห์ในที่แห่งนัน้
“ข้าควรจะตระหนักถึงเรื่องนีต้ งั้ แต่ขา้ เดินทางมาถึงในที่แห่งนี ้ แต่าข้า
กลับมองข้ามมันไป.. ทาไมจึงมีพลังวิญญาณในภาพมายาได้อย่างไร
กัน เป็ นไปได้หรืออย่างไรกันที่จะสร้างพลังวิญญาณขึน้ มาได้จริงๆใน
ภาพมายานี”้

หวังชูเหรินเริ่มฝึ กฝนเพื่อทดสอบพลังวิญญาณ และดังคาดเธอสามารถ


ที่จะฝึ กฝนได้เป็ นปกติกบั ปราณไร้ลกั ษณ์ในที่แห่งนีแ้ ม้ว่าจะอยู่ในภาพ
มายา ซึง่ เริ่มทาให้เธอคิดสงสัยถึงสถานที่แห่งนี ้

“เอาล่ะ… ในเมื่อข้าสามารถฝึ กวิชาในที่แห่งนีไ้ ด้ เช่นนัน้ มันก็จะทาให้


การรอคอยนีง้ ่ายยิ่งขึน้ …”

จากนัน้ หวังชูเหรินก็กลับคืนไปยังหน้าผาที่ซง่ึ มีพลังวิญญาณเข้มข้น


มากที่สดุ และเธอก็เริ่มฝึ กฝนที่น่นั

หนึ่งเดือน… สองเดือน… สามเดือน…. หกเดือน…. หนึ่งปี …


ในชั่วพริบตา เวลากว่าหนึ่งปี ก็ได้ผ่านพ้นไปนับตัง้ แต่หวังชูเหรินถูกย้าย
มายังเทือกเขานี ้ แต่ก็ยงั ไม่มีว่แี ววว่าเธอจะได้กลับคืนไปสูห่ อ้ งของเธอที่
นิกายดอกบัวเพลิงในเวลาอันใกล้นี ้

สองปี … สามปี … ห้าปี … สิบปี …

หวังชูเหรินได้เพิ่มพลังการฝึ กปรือของเธอขึน้ ถึงสองระดับภายในเวลา


กว่าสองปี นี ้ แต่เมื่อไม่สามารถปรุงยาใดๆมาเป็ นเวลานาน เธอก็เริ่ม
คิดถึงกลิ่นยาและกลิ่นเหงื่อที่ได้หลั่งไหลออกมาจากร่างเธอจนชุ่มโชก
เสือ้ ผ้าจากการปรุงยา

“ซูหยาง ท่านได้ทดสอบข้าจนพึงพอใจแล้วหรือไม่ ข้าเบื่อที่จะเห็นภาพ


ฉากเดิมนีเ้ ป็ นเวลานานหลายปี แล้ว ได้โปรด ปล่อยให้ขา้ ออกไปจากที่
แห่งนีไ้ ด้แล้ว” หวังชูเหรินตะโกนออกไปสุดเสียงไปยังห้วงสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตอบสนองจากซูหยาง ไม่ว่าเธอจะรอคอย


นานเท่าไหร่ก็ตาม
“ข้าเดาว่าคงไม่ง่ายในการที่จะพยายามทาตัวให้เป็ นที่พงึ ใจของเซียนที่
มีชีวิตอยู่เป็ นเวลาหลายพันปี …” เธอถอนหายใจหลังจากนัน้ ถ้าเธอคิด
ดูให้ดีในเรื่องนี ้ เธอก็ถือได้ว่าเป็ นคนที่โชคดีอย่างมากที่มีเซียนอย่างเช่น
ซูหยางช่วยสอนสั่งเธอ

“ข้าอาจจะยังมิได้เป็ นศิษย์ท่แี ท้จริงในสายตาของเขาในตอนนี ้ แต่ขา้ ก็


จักพิสจู น์ให้เขาเห็นว่าข้าก็มีความสามารถที่จะเป็ นหนึ่งในนัน้ ” หวังชูเห
รินปรับสภาพจิตใจเพื่อที่จะรอคอยให้นานที่สดุ เท่าที่เธอจะสามารถ
อดทนรอคอยได้

สิบห้าปี … สามสิบปี … ห้าสิบปี … หนึ่งร้อยปี …

หลังจากที่ใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยปี ในที่แห่งเดิมนัน้ หวังชูเหรินก็เริ่มบ้า ใน


เมื่อตอนที่เธอเข้ามาในที่แห่งนีเ้ ป็ นครัง้ แรกนัน้ เธอเพียงอยู่ในเขตปฐพี
วิญญาณ แต่หลังจากที่ใช้เวลานับร้อยปี ในการฝึ กฝน เธอก็ได้กา้ วเข้า
ไปสูร่ ะดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณ ห่างเพียงอีกก้าวเดียวจากการ
ก้าวเข้าสูเ่ ขตอัมพรวิญญาณ

“ข้ารูส้ กึ ได้… ข้าควรจะก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณในอีกไม่ก่ีวนั


ข้างหน้า…”

สองสามวันจากการเตรียมตัวหลังจากนัน้ หวังชูเหรินก็เริ่มทาการก้าว
เข้าสูเ่ ขตอัมพรวิญญาณ

หลายชั่วโมงให้หลัง เธอก็สามารถรูส้ กึ ได้ว่าจุดตันเถียนของเธอนัน้ ได้


ขยายออกมาหลายเท่า และพลังวิญญาณของเธอนัน้ ก็มีความหนาแน่น
และบริสทุ ธิ์ย่งิ ขึน้ กว่าเดิม

“ข้าทาได้ สุดท้ายข้าก็กา้ วเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ”

หวังชูเหรินตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นขณะที่เธอลืมตาขึน้ มา
อย่างไรก็ตามในเวลานัน้ เธอก็ตระหนักว่าเธอไม่ได้อยู่ในเทือกเขานัน้ อีก
ต่อไป เธอสามารถเห็นได้ถึงใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางยืนอยู่ห่าง
ออกไปจากเธอเพียงไม่ก่ีเมตร

“ซ-ซูหยาง….” เธอพึมพัมด้วยเสียงสับสน ดูเหมือนว่าไม่อยากจะเชื่อ

“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ทาการทนอยู่ตามลาพังได้นานถึงร้อยปี โดย


ไม่ทาให้จิตใจเกิดการแตกสลาย” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยรอยยิม้ และ
เขาก็กล่าวต่อไปอีกว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้รบั ประสบการณ์รอ้ ยปี จากผล
ของเม็ดยา แต่ในความเป็ นจริงแล้ว เวลาได้ผ่านไปเพียง 10 ชั่วโมง
เท่านัน้ นับตัง้ แต่เจ้าได้หลับตาลง”

“เอ๋” หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พูดไม่ออกจากความ


ตกใจ
บทที่ 570 โอสถกาลนิรันดร์ (+)

“ห-ห-หมายความว่าอย่างไรที่ผ่านไปเพียงสิบชั่วโมง…” หวังชูเหรินถาม
เขาด้วยเสียงงุนงงสงสัย

“ยาทีขา้ ทาให้เจ้าได้เกิดการรับรูเ้ ช่นนัน้ เรียกว่า โอสถกาลนิรนั ดร์ ใครก็


ตามที่ได้รบั ผลกระทบจากเม็ดยานัน้ จะถูกกักขังอยู่ในจิตสานึกของ
ตนเองในขณะที่รูส้ กึ เหมือนกับว่าตัวเองนัน้ ยังคงอยู่ในความเป็ นจริง
มันคล้ายกับความฝันที่ยาวนานเหลือเกิน แต่จิตใจของคนผูน้ นั้ จะยัง
ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จากดินแดนทีขา้ มานัน้ โอสถกาลนิรนั ดร์ มักจะใช้
กับนักโทษเพื่อใช้ลงโทษในอีกรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่ายังมีประโยชน์อ่นื
ๆ อีกด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเพื่อใช้ในการทดสอบความเข้มแข็งทางจิตใจ
ของแต่ละบุคคล เป็ นต้น” ซูหยางอธิบายให้เธอฟั ง

“ดังนัน้ … ในขณะที่เจ้าได้อาศัยอยู่ในใจของตัวเจ้าเองนับร้อยปี นนั้ ใน


ความเป็ นจริง เพียงสิบชั่วโมงเท่านัน้ ที่ผ่านไปนับตัง้ แต่เริ่ม”
หลังจากเงียบไปเป็ นเวลานานหวังซูเหรินก็พมึ พาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ถ้าเช่นนัน้ …ความสาเร็จของข้าทัง้ หมด …ก็เพียงอยู่แค่ในใจของข้า
เท่านัน้ เป็ นแค่ความฝันอย่างนัน้ รึ ข้ามิได้มีชีวิตอยู่นานนับร้อยปี จริงรึ
อีกทัง้ ความพยายามทัง้ หมดที่ขา้ ได้ทาไว้เพื่อเข้าสู่เขตอัมพร
วิญญาณ… ทัง้ หมดนัน้ ก็นบั ว่าเป็ นของปลอมอย่างนัน้ รึ”

ครัน้ เมื่อเธอตระหนักถึงความจริงนัน้ นา้ ตาเธอก็เริ่มไหลหลั่งลงมาอาบ


แก้ม และเธอก็พดู ด้วยเสียงสะอืน้ ไห้ว่า “แม้ว่านี่จกั เป็ นเพียงการ
ทดสอบ แต่น่ีก็เป็ นสิ่งที่โหดร้ายมากสาหรับท่าน ซูหยาง … ข้าทาอะไร
ไม่ดีอย่างนัน้ รึจึงได้รบั ผลตอบแทนเช่นนี”้

เมื่อเห็นปฏิกิรยิ าของเธอ รวมไปถึงได้เห็นนา้ ตาที่ไหลหลั่งออกมาจาก


ใบหน้าสวย ซูหยางก็รูส้ กึ ผิดอยู่บา้ งที่ทาการทดสอบเธอเช่นนี ้ อย่างไรก็
ตามนี่ไม่ใช่เป็ นเพราะว่าเขาต้องการลงโทษเธอหรือต้องการทาให้เธอ
ร้องไห้
“ข้าต้องขอโทษที่ทาให้เจ้าต้องทนกับการทดสอบเช่นนีโ้ ดยมิได้แจ้ง
เตือนล่วงหน้า แต่จริงแล้วข้าเชื่อว่าเจ้าจักได้รบั ประโยชน์อย่างมากจาก
เรื่องนี ้ หากเจ้ารูล้ ว่ งหน้า เช่นนัน้ เรื่องนีก้ ็จกั ไร้ความหมาย”

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ขา้ จักได้รบั ประโยชน์จากเรื่องนี…


้ ” หวังชู
เหรินปาดนา้ ตาออกอย่างช้าๆแล้วถามเขา

“แม้ว่าสิ่งที่เจ้าได้รบั รูใ้ นใจจักเป็ นเพียงสิ่งลวง แต่มนั ก็ทาให้เจ้าได้


ประสบกับความเป็ นจริงในเวลาเดียวกัน” เขากล่าวกับเธอ

“เจ้าลองไปพยายามฝึ กวิชาดู”

“ตอนนีเ้ ลยรึ”

เมื่อเห็นซูหยางพยักหน้า หวังซูเหรินก็เริ่มฝึ กฝนวิชาในทันที และสิ่งที่ทา


ให้เธอต้องประหลาดใจก็คือ มันง่ายและเป็ นธรรมชาติกว่าก่อนมาก
ราวกับว่าเธอได้ทาสิ่งนีม้ านานหลายสิบปี แล้ว
“เพราะผลจากโอสถกาลนิรนั ดร์ ทาให้ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเจ้า
เพิ่มขึน้ อย่างมาก และเวลาที่เจ้าใช้ในการฝึ กฝนอยู่ภายในจิตใจของเจ้า
นัน้ ประสบการณ์ทงั้ หมดที่เจ้าได้ผ่านพ้นมาในช่วงเวลานัน้ ล้วนเป็ น
เรื่องจริง ดังนัน้ เจ้าจึงได้ดารงชีวิตอยู่ถึง 100 ปี ในช่วงเวลาสิบชั่วโมงที่
ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของเจ้าก็ยงั คงมิได้มีความ
เปลี่ยนแปลงอันใด”

“เอ๋ แล้วนั่นมิได้ทาให้โอสถกาลนิรนั ดร์เป็ นสมบัติท่ที รงอานาจและลา้


ค่าอย่างมหาศาลหรอกรึ” หวังซูเหรินมีท่าทางตกใจ

“นั่นก็ขนึ ้ อยู่กบั ว่าเจ้าจะใช้มนั อย่างไร ใช่ มันสามารถที่จะกลายเป็ น


สมบัติท่ที รงอานาจสาหรับการฝึ กฝนผูค้ น แต่อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่
แล้ว มันมิได้เป็ นเช่นนัน้ เพราะว่ามีเพียงนักปรุงยาที่มีฝึมอื เก่งกาจ
เท่านัน้ ที่สามารถปรุงโอสถกาลนิรนั ดร์ท่จี ะมีผลได้นานกว่าร้อยปี ขนึ ้ มา
ได้ อันที่จริงแล้วนักปรุงยาส่วนใหญ่จกั สามารถทาให้เม็ดยามีผลอยู่ได้
นานที่สดุ เพียงไม่ก่ีปีเท่านัน้ ยิ่งไปกว่านัน้ เจ้ามิสามารถกินเม็ดยานีไ้ ด้
บ่อยครัง้ นัก มิเช่นนัน้ มันจักเป็ นภาระต่อจิตใจของเจ้าเป็ นอย่างมาก
อาจถึงขัน้ จิตใจแตกสลายได้”

“ส่วนใหญ่แล้วผูค้ นจะสามารถกลืนกินโอสถกาลนิรนั ดร์ได้มากที่สดุ


เพียงทุกหนึ่งพันปี ดังนัน้ ส่วนใหญ่แล้วจึงมักจะใช้เพื่อทรมานจิตใจของ
อาชญากรจากดินแดนที่ขา้ มา”

หวังซูเหรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง และเธอก็พดู ด้วยนา้ เสียง


ชื่นชมว่า “ข้ารูว้ ่าท่านเป็ นคนที่น่าประทับใจ แต่เมื่อมาคิดว่าท่านนัน้ บ้า
คลั่งถึงเพียงนี”้

ซูหยางหัวเราะกับคาพูดของเธอและกล่าวว่า “นั่นเป็ นเรื่องปกติ ในเมื่อ


ข้าได้รบั การฝึ กฝนเป็ นการส่วนตัวจากเทพปรุงยา อย่างไรก็ตามเมื่อ
เทียบกับเทพปรุงยาแล้ว ฝี มือของข้าถือได้ว่ายังถือได้ว่าเป็ นแค่เพียงต้น
อ่อน อย่างเช่นข้าเพียงสามารถปรุงโอสถกาลนิรนั ดร์ 10,000 ปี ได้เป็ น
อย่างมากที่สดุ ในขณะที่เทพปรุงยานัน้ สามารถปรุงโอสถกาลนิรนั ดร์
100,000 ปี ได้”
“โอสถกาลนิรนั ดร์ 100,000 ปี อย่างนัน้ รึ นี่หมายความว่าท่านจักมีชีวิต
อยู่ได้ถึง 100,000 ปี ในใจของท่านอย่างนัน้ ใช่หรือไม่ ท่านเคยมีโอกาส
กินยาเช่นนีใ้ นชีวิตก่อนหน้านีห้ รือไม่” ดวงตาของหวังชูเหรินเบิกกว้าง
ด้วยความไม่อยากเชื่อ

ซูหยางพยักหน้า “จริงแล้วข้าได้เคยกลืนกินพวกมันมาก่อนนีส้ องสาม


ครัง้ แล้ว”

หวังชูเหรินจ้องมองเขาอย่างเงียบๆชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะถามเขาด้วย
เสียงกระซิบว่า “ท่านมีอายุเท่าไหร่กนั แน่”

“การถามเซียนที่มีรูปร่างหน้าตาอ่อนเยาว์ถึงอายุจริงนัน้ ก็เหมือนกับ
การถามผูห้ ญิงเกี่ยวกับอายุของพวกเธอ มันค่อนข้างที่จะไม่สภุ าพ” ซู
หยางตอบด้วยรอยยิม้

หวังชูเหรินพูดไม่ออก เซียนเห็นว่าสิ่งแบบนีเ้ ป็ นเรื่องไม่สภุ าพจริงๆเหรอ


“อย่างไรก็ตาม เจ้ายังมีคาถามเกี่ยวกับโอสถกาลนิรนั ดร์อีกหรือไม่”

“เอ้อ… มันมิได้เกี่ยวกับเม็ดยาโดยตรง แต่แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับการ


ปรุงยา…” เธอพูดออกมาด้วยสายตาลังเล

“อะไรรึ”

“ถ้าข้าตามท่านกลับไปที่พิภพของท่าน… ท่านคิดว่าข้าจักมีโอกาสได้
พบกับเทพปรุงยาคนนีส้ กั วันหรือไม่ ถ้าหากคนผูน้ ีอ้ า้ งตัวว่าเป็ นเทพ
ปรุงยา เขาจักต้องเป็ นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สดุ ในโลกใช่หรือไม่ ข้า
ต้องการจะเห็นด้วยตัวเองว่าจุดสูงสุดของการปรุงยานัน้ เป็ นเช่นไร
ก่อนที่ขา้ จะตาย …”

ซูหยางมองเธอด้วยใบหน้าประหลาดใจก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียง
ดังในเวลาต่อมา “ฮ่าฮ่าฮ่า… ถ้าเจ้าต้องการที่จะพบกับเทพปรุงยา
อย่างหมดท่าเช่นนี ้ จนถึงขัน้ ที่เจ้าเต็มใจที่จะจากโลกนีไ้ ป ข้าก็ยินดีท่ีจะ
จัดการพบปะให้แก่เจ้าเป็ นการส่วนตัว และขอให้เจ้าจงรูไ้ ว้ว่าเทพปรุง
ยานัน้ มิใช่ ‘เขา’ แต่เป็ น ‘เธอ’ “

“อะไรนะ” หวังชูเหรินอุทานออกมาดังลั่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วย


ความตระหนก

“เทพปรุงยาเป็ นหญิงงัน้ รึ”

ซูหยางพยักหน้าด้วยรอยยิม้ และกล่าวว่า “มิเพียงแต่เธอเป็ นหญิง แต่


เธอยังเป็ นหญิงที่สวยสุดยอดคนหนึ่งด้วยเช่นกัน”

“จ-เจ้า…กับเทพปรุงยา… ได้มีอะไรกันบ้างหรือไม่…” หวังชูเหรินถาม


เขาด้วยเสียงสั่นสะท้าน

รอยยิม้ ลึกลับปรากฏขึน้ บนใบหน้าของซูหยาง และเขาก็ได้ตอบกลับมา


ด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ใครจะรู ้ ถ้าเจ้าสนใจเช่นนัน้ เจ้าสามารถถาม
เทพปรุงยาเกี่ยวกับเรื่องนีไ้ ด้ดว้ ยตนเอง”
“ข-ข้ามิกล้า…” เธอรีบส่ายหน้า จนทาให้ซูหยางถึงกับระเบิดเสียง
หัวเราะออกมาดังๆ กับการตอบสนองของเธอ

“เจ้ายังมีเวลาอีกสองปี ในการตัดสินใจว่าจริงแล้วเจ้าต้องการติดตามข้า
ไป หรืออยู่ในโลกนี ้ ถ้าเจ้าตัดสินใจที่จะติดตามข้าไป เจ้าจะมิเพียงแต่
จะสามารถได้ปรุงยาที่เจ้ามิเคยได้ยินมาก่อนเท่านัน้ แต่เจ้าก็ยงั จะได้
สัมผัสกับโลกใหม่แห่งการปรุงยาอีกด้วย”

หวังชูเหรินกลืนนา้ ลายอย่างยากเย็น รูส้ กึ หลงไหลไปกับคาพูดของเขา


เป็ นอย่างมาก

“ข้าจักบอกให้ท่านรูเ้ มื่อข้าได้ตดั สินใจแล้ว” เธอกล่าวกับเขา

เวลาหลังจากนัน้ ซูหยางก็เริ่มฝึ กหวังชูเหรินอีกครัง้


อย่างไรก็ตามเนื่องจากประสบการณ์ในการทายาของเธอครัง้ สุดท้าย
นัน้ ได้ผ่านมาเป็ นเวลากว่าร้อยปี แล้วการเคลื่อนไหวของหวังชูเหรินจึง
เก้งก้างและแข็งกระด้าง

ถึงจะเป็ นเช่นนัน้ แต่เนื่องจากโอสถกาลนิรนั ดร์ ทาให้ความแข็งแกร่ง


ทางจิตใจของเธอเพิ่มขึน้ อย่างมากจนทาให้เธอสามารถเรียนรูท้ กุ สิ่งทุก
อย่างได้ในอัตราเร็วสูงสุด จนถึงกับเหนือกว่าตัวตนเดิมของเธอเพียงใน
ไม่ก่ีวนั หลังจากนัน้

“เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง เจ้ายังคงโกรธข้าสาหรับการทดสอบเจ้าอยู่
หรือไม่” ซูหยางถามเธอด้วยรอยยิม้ บนใบหน้าหลังจากนัน้

“ท่านยังคงต้องถามคาถามนัน้ อยู่อีกรึ ถึงแม้ว่าจะเป็ นสิ่งโหดร้ายที่ท่าน


ทาให้ขา้ ต้องเผชิญกับความสันโดษนานนับ 100 ปี แต่ขา้ ก็เข้าใจว่า
ทาไมท่านจึงได้ทาแบบนัน้ ข้ารูส้ กึ ท้อแท้มากกว่าที่จะโกรธที่ความ
พยายาม 100 ปี ของข้ากลายเป็ นเพียงความฝัน อย่างไรก็ตามหลังจาก
ที่ได้เห็นประโยชน์แล้ว ข้าก็เริ่มรูส้ กึ ขอบคุณท่านแทน นี่เหมือนกับว่าข้า
ได้เกิดใหม่ดว้ ยพรสวรรค์ท่ดี ีขนึ ้ กว่าเดิม บางทีความพยายามของข้าก็
มิได้สญ
ู เปล่าไปเสียเลยทีเดียว” หวังชูเหรินพูดในขณะที่จอ้ งไปที่มือของ
ตนเองด้วยสายตาที่งนุ งงและรอยยิม้ อ่อนโยนบนใบหน้า

“เป็ นสิ่งดีท่ไี ด้ยินเช่นนัน้ และตอนนีเ้ มื่อเจ้าได้คนุ้ เคยกับการปรุงยา


อีกคร้งแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะกลับมาฝึ กพิเศษกันต่อไป” ซูหยางกล่าว

หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยสีหน้าสงสัยไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะนึกขึน้ ได้ว่า
“การฝึ กพิเศษ” นัน้ คืออะไรในที่สดุ

“ถึงแม้ว่ามันจะมิได้ยาวนานถึงปานนัน้ ในความเป็ นจริง แต่ขา้ ก็รูส้ กึ


เหมือนกับว่านานนับกัลป์ นับตัง้ แต่ท่ที ่านได้สมั ผัสร่างกายข้าครัง้
สุดท้ายนั่น” หวังชูเหรินพูดขึน้ ก่อนที่จะปลดเปลือ้ งเสือ้ ผ้าของเธอออก

“เพื่อเป็ นการไถ่โทษที่ทาให้เจ้าต้องผ่านประสบการณ์เช่นนัน้ ข้าจะทา


ให้รา่ งกายของเจ้าพึงพอใจด้วยความสุขที่คมุ้ ค่ากับเวลากว่า 100 ปี ” ซู
หยางกล่าวก่อนที่จะหยิบเตียงออกมาจากแหวนเก็บของและโยนมันลง
บนพืน้
“ค-ความพึงพอใจที่คมุ้ ค่ากับเวลาหนึ่งร้อยปี ร…
ึ ข-ข้าจักต้องตายจาก
เรื่องนัน้ แน่” หวังชูเหรินอุทานออกมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า… อย่ากังวล ความแข็งแกร่งทางใจของเจ้านัน้ ได้เพิ่มขึน้ มาก


พอที่จะทนรับมันได้แล้ว”

สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็โอบหวังชูเหรินไว้ในอ้อมอกของเขาและ
เริ่มทิ่มแทงแก่นกายของเขาเข้าไปในร่างเธอ จนทาให้ภเู ขาขนาดใหญ่ท่ี
ตึงฟิ ตของเธอนัน้ เด้งส่ายไปมาอย่างรุนแรง

“อาาาาา”

หลังจากที่ผ่านประสบการณ์รอ้ ยปี โดยไม่ได้รบั รสความสุขอะไรมาเลย


ร่างกายของหวังชูเหรินจึงสั่นสะท้านไปด้วยความพึงพอใจอย่างที่เธอไม่
เคยรูส้ กึ มาก่อน ราวกับว่าร่างกายของเธอนัน้ กระหายในความสุข ช่อง
รักของเธอนัน้ ทะลักทลายปราณหยินออกมาเป็ นการตอบสนอง บอกให้
ซูหยางรูถ้ ึงความพึงพอใจของเธอ

“อืม้ มม”

“อ๊า!”

“โออออ”

ตลอดทัง้ สัปดาห์ซูหยางและหวังชูเหรินได้ฝึกฝนวิชาร่วมกันอย่าง
หลงไหลในห้องยา ปลดเปลือ้ งความเครียดทัง้ หมดของหวังชูเหริน จาก
ความอ้างว้างและโดดเดี่ยวกว่า 100 ปี ของเธอ

You might also like