Professional Documents
Culture Documents
พลังงาน ชีวมวล-1
พลังงาน ชีวมวล-1
พลังงงงงาาานน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุน
ผลิตพลังงานทดแทน
ชุดที่ 4
พลังงาน
คํานํา
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม และมีผลผลิตทางการเกษตรรวมถึงผลผลิตเหลือใช้
ทางการเกษตรที่มีศักยภาพสูงสามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ เช่น อ้อย มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าว
ข้าวโพด เป็นต้น โดยการแปรรูป ชานอ้อย ใยและกะลาปาล์ม แกลบ และซังข้าวโพด เป็นเชื้อเพลิงผลิต
ไฟฟ้าและพลังงานความร้อนสําหรับใช้ในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม ส่วนกากน้ําตาล น้ําอ้อย และมัน
สําปะหลังใช้ผลิตเอทานอล และน้ํามันปาล์ม และสเตรีนใช้ผลิตไบโอดีเซล เป็นต้น กระทรวงพลังงานจึงมี
ยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทนจากพืชพลังงานเหล่านี้ เพื่อจะได้เป็นตลาดทางเลือกสําหรับผลิตผล
การเกษตรไทย ซึ่งจะสามารถช่วยดูดซับผลผลิตทางการเกษตรและช่วยทําให้ราคาผลผลิตการเกษตรมี
เสถียรภาพ และภาครัฐไม่ต้องจัดสรรงบประมาณมาประกันราคาพืชผลผลิตดังกล่าว ประกอบกับเทคโนโลยี
พลั ง งานทดแทนจากพื ช พลั ง งานเป็ น เทคโนโลยี ที่ ไ ด้ มี ก ารพั ฒ นาอย่ า งต่ อ เนื่ อ งและมี ค วามคุ้ ม ทุ น ทาง
เศรษฐกิจหรือเกือบคุ้มทุนหากได้รับการสนับสนุนอีกเพียงเล็กน้อยจากภาครัฐบาล นอกจากนี้ประเทศไทย
ยังมีแหล่งพลังงานจากธรรมชาติที่จัดเป็นพลังงานหมุนเวียน เช่น ไฟฟ้าพลังน้ําขนาดเล็ก พลังลม และ
พลังงานแสงอาทิตย์ที่จะสามารถใช้ผลิตพลังงานทดแทนได้
กระทรวงพลังงาน (พน.) ได้กําหนดแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยมอบหมายให้กรมพัฒนา
พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักประสานงานกับส่วนผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ให้
ดําเนินการจัดทําแผนปฏิบัติการตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อให้สามารถดําเนินการพัฒนา
พลั ง งานทดแทนด้ า นต่ า งๆ ให้ ส ามารถผลิ ต ไฟฟ้ า รวมสะสมถึ ง ปี 2565 จํ า นวน 5,604 เมกะวั ต ต์
ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 500 เมกะวัตต์ พลังงานลม 800 เมกะวัตต์ พลังน้ํา 324 เมกะวัตต์
พลังงานชีวมวล 3,700 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 120 เมกะวัตต์ ขยะ 160 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังให้มีการ
พัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอลและไบโอดีเซล รวมทั้งพลังงานความร้อนและก๊าซ NGV ซึ่ง
ก่อให้เกิดสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนได้ 20% ของปริมาณการใช้บริโภคของประเทศในปี 2565 การ
ตั้งเป้าหมายสู่ความสําเร็จของการผลิตพลังงานทดแทนให้ได้ปริมาณดังกล่าว จําเป็นต้องสร้างแนวทาง
แผนพัฒนาในแต่ละเทคโนโลยีโดยเฉพาะกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางหลักที่สําคัญในการขับเคลื่อนสู่
ความสํ า เร็ จ ได้ ต้ อ งมี ค วามเด่ น ชั ด ในนโยบายเพื่ อ ให้ ป รากฏต่ อ การลงทุ น จากภาคเอกชนและสร้ า ง
ผลประโยชน์ต่อการดําเนินการ
สําหรับคู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานทดแทนที่ได้จัดทําขึ้นนี้จะเป็นคู่มือที่จะช่วยให้ผู้สนใจ
ทราบถึงเป้าหมายของแผนพัฒนาพลังงานทดแทน รวมทั้งมีความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาพลังงาน
ทดแทน มาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล อาทิ การพิจารณาถึงศักยภาพ โอกาสและความสามารถในการ
จัดหาแหล่งพลังงานหรือวัตถุดิบ ลักษณะการทํางานทางเทคนิค และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่
โดยทั่วไป ข้อดีและข้อเสียเฉพาะของแต่ละเทคโนโลยี การจัดหาแหล่งเงินทุน กฎระเบียบและมาตรการ
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล ก
สารบัญ
หน้า
บทที่ 1 บทนํา 1
1.1 พืชเชื้อเพลิงชีวมวลของประเทศไทย 1
1.2 ปฏิทินชีวมวล 7
1.3 ศักยภาพชีวมวล 9
1.4 คุณสมบัติของชีวมวล 15
บทที่ 2 เทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล 16
2.1 เทคโนโลยีการเผาไหม้ชีวมวล 16
2.2 เทคโนโลยีหม้อไอน้ํา 31
2.3 เทคโนโลยีผลิตความร้อนร่วมกับไฟฟ้า 34
2.4 เทคโนโลยีหลังการเผาไหม้ 37
2.5 การเลือกใช้เทคโนโลยี 40
บทที่ 3 การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลเพื่อจําหน่าย 44
3.1 ปัจจัยที่ต้องคํานึงถึงและแนวทางทีเ่ หมาะสมสําหรับนักลงทุน 45
3.2 ขั้นตอนการพิจารณาโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวล 49
3.3 การวิเคราะห์ผลการตอบแทนการลงทุน 52
3.4 การศึกษาความเป็นไปได้ในการประเมินสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล 55
3.5 ตัวอย่างกรณีศึกษา : การประเมินหาแหล่งที่ตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล 56
3.6 การประเมินต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล 60
บทที่ 4 การสนับสนุนจากภาครัฐ 63
4.1 มาตรการส่วนเพิม่ ราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 64
4.2 โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน 65
4.3 โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 67
4.4 กลไกลการพัฒนาที่
4.5 โครงการส่งเสริมการลงทุน โดยสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 73
บทที่ 5 ขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ 75
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล ค
สารบัญ(ต่อ)
หน้า
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล ง
บบทททีที่ 1
บทนนํา
บท
พลังงาน
พลั ง นชีวมวมวลล
ชีวมวล
ม ล (Bio
( om masss) หม ห ายถึงวัตถุ ต หรื
ห อส
อ สาร
ทีท่ ไ ด้ จาก
จ กธรรร มชชาติติ หรื
ห อสิ ง ชี วิวิ ต โดย
อ ่ งมี กร
โ ยไมม่ นันั บ กา
ก ายยเป็ปนเเชื้อเพ
กล อ พลิงฟ งฟอสสซิล ซึ่งปร ประเทศศไททยเเป็น
ป ระเ ทศศเกกษษตรรกรรรมมมีมี ผ ลผ
ปร ล ลิ ตท
ต าง กาารเเกษษต ร
หลากกหลลายยชนิด เชช่น ข้้าว น้ําต
หล า าล มัันสําปะห ป หลัลัง
น าล์ ม เป็ นต้ต้ น ในนออดี ตชี
ย งพพารราแแล ะน้น้ํ า มัม นปา
ยา ต ว
ม ลสส่ ว นใ
มว น หญ ญ่ จะจ ถู กทิ
ก ้ ง ซาก
ซ กให้ห้ เ ป็ นนปุ๋ ยอิ
ย นททรี ย์
ภ า ย ใ น พื้ น ทีท่ ก า ร เ พ า ะ ป ลู ก ห รื อ บ า ง ค รัั้ ง
เ ษตตรกกรกกําจัจดโด
เกษ ด ดยกการรเผผาททําลาาย ซึ่งเป็ ง ป็นกา กร
ส างม
สร้ า มลพิษให ษ ห้กับสิ่งแวด
แ ดล้อมอ แตต่อันที่จริงแล้ แ วชี วว วัฏจักรข
ก ของงชีวมมวลล
ม ลเหหลล่านี้มีคุณส
มว ณ มบับัติในก
ใ การเป็ป็นเชืน ้อเพลิลิงอย่ อ างดี
า ดีและ
แ ะให้ห้ค่าพ
า ลังงา
ง นคควาามรร้อนใในรระดดับที่สามส มารรถนําไปา ปใช้ช้
ป ะโยยชน์ได้
ปร ไ และ
แ ะเนืนื่องจา
ง ากภภาววะถดดถออยขของแหลล่งพลั พ งงา
ง าน จึงได้
ง ด้มการ
กี รเสสาะะแสสวงงหาาแหหลล่งพลั
พ งงา
ง านททดแททนทที่มีมี
ศัศกยภภาพพแและะมีปริ ป มาม ณทีที่มากกพออ “ชี “ วม ว วลล” จึงเป็ ง ป็นเป้
เ าหม
า มายสํสําคัญที่ถูถูกพิพจาร
จ รณาา เพื
เ ่อเป็
อ ป็นทา
ท งเลืลือกขของง
แหล่งพล
แห ง ลังงาน
ง นใหหม่ การใใช้ปร ประโยชชน์จาก จ กพลังงา ง นชีชีวมวล
ม ล สาม
ส มารถนําไป า ปเป็ปนเเชื้อเพ
อ พลิงเพื
ง พื่อผลิ
ผ ิตพลั
พ ังงาานความม
ร้รอน ไอน ไ น้ําหรืรือผลิ
ผ ตเป็
ต ป็นนกรระแแสไไฟฟฟ้า ดัังนั้นการ ก รนําชี
า วมวมวลลมาาใช้ช้จึงช่
ง วยล
ว ลดกาารสูสูญเสียเงิ
ย งินตรา
ต าต่างปปรระเททศศในน
ก รนํนําเขข้าเชื้อเพ
กา อ พลิิงและ
แ ะสร้ร้างรา
ง ายไได้ให้ ใ กักบคน
บ นท้้องถิ่น นอกน กจากกนี้การ ก รผลลิตพล
ต ลังงานง นจากกเชื้อเพพลิลิงชีวมวล
ม ลด้้วย
เ คโนนโลลยีทีท่เหม
เทค หมาะะสมม จะไ จ ไม่ก่กอให้
ใ เกิ เ ดมล
ด ลภภาววะแและะไมม่สร้างสภง ภาววะเรือน อ กรระจจก เนื่องจากกการรปลูลูกทด ทดแททนทํา
ใ ้ ก๊ าซค
ให้ า คา ร์ บอ
บ นไไดออออกไไซดด์ เ กิ ดกา ด าร หมมุ นเวีน ยนนแและะไมม่ มีมี ก ารป
า ปลลดปปลล่ อ ย สํ าหร
า รั บใน
บ นป ระะเททศไไททยนนั้ น
นอกเเหนืนือจา
นอ จ กพพลังงา
ง านจจากแแสงงอาาทิตย์ ตย์แล้วพลัพ ังงานนชีวมว
ว วลจจัดได้้ว่าเป็นอีอีกทาท งเลืลือกหหนึ่งที
ง ่น่าสน
า นใจจสําหา รับ
ก รใชช้เป็นพลั
การ พลังงานนหลลักทด ทดแททนเชือเพ อ้ พลิงฟฟอสสซิล
1.11 พืชเชืชือเพ
้อ พลิงชี
ง วม
ว วลลขอองปปรระเททศศไททย
1 .1 ข้าว
1.1 า เป็นพื
นพืชระย
ร ยะสั้น ใช้เวลว าปปลูก 3-4
3 4 เดืดือน มีมพืพ้ืนทีท่การ
กร
เ าะปปลูลูกมาก
เพา ม กที่สุดปร
ด ระมมาณ 699.335 ล้ลานไไร่ (ปี( พ.ศ.225522) ซึ่งถืถอว่ อา
ม กทีที่สุดใน
มา ด นบบรรรดาาพืชทัทั้งหม
ห ดแและะข้าวก
า ก็เป็นนพืชที
ชที่ต้องก
อ การรน้้ํามาก
ม กที่สุสด
เ นกั
เช่ น ัน สามาารถถจําแน
า นกตาามลัลักษณษณะการปปลูกได้ ก ด้ 2 แบบ
แ บ ดัดงนี้ หนึ
หนึ่งข้าว
น ปีคืคือ ข้าวท
นา า ที่ปลู
ป กใน
ก นฤฤดูฝนฝ ซึ่งมีีการเ
า เพาาะปปลูลูกครอ
ค อบบคลลุมทุกภาก าคในน
ป ะเททศศไททยโโดยยเฉฉพาาะนาาปีนัน้นมี
ปร น พืพ้ืนที่เพาาะปปลูกปประะมาาณ ณ 57.2
5 26 ล้านน
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล หน้น้า 1
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล หน้น้า 3
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล หน้น้า 4
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 6
1.2 ปฏิทินชีวมวล2
ปฏิทินชีวมวล เป็นข้อมูลอธิบายรอบของการปลูกและเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจและชีวมวลของพืช
เศรษฐกิจเหล่านั้น ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภาค ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช สภาพภูมิประเทศและ
สภาพภูมิอากาศ ปฏิทินชีวมวลจะทําให้ทราบสัดส่วนของพืชชีวมวลรายภาคในแต่ละเดือน เพื่อเป็นแนวทาง
ในการบริหารจัดการเชื้อเพลิง การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการเคลื่อนย้ายชีวมวลต่อไป ดังแสดง
ในรูปปฏิทินชีวมวลในภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และภาคกลาง ตามลําดับ
รูปแสดงปฏิทินชีวมวลภาคเหนือ
รูปแสดงปฏิทินชีวมวลภาคตะวันออก
2
http://www.efe.or.th
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 7
รูปแสดงปฏิทินชีวมวลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รูปแสดงปฏิทินชีวมวลภาคใต้
รูปแสดงปฏิทินชีวมวลภาคกลาง
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 8
รูปแส
แ ดงงศักยภ
ก ภาพเเชื้อเพ
อ พลิงชี
ง วมมวลล
า เศษษวััสดุเหลื
1..3.1 ข้าว อ ช้ทางการเกกษษตรรหรืรือชีวมว
ห อใช ว วลทีที่เกิดขึ้นจา
น ากกการรเพพาะะปปลูกข้ ก าว า ได้ด้แก่ก แกล แ ลบบ
แ ะฟฟางงข้าว
แล า หาากพพิจาร
จ รณาเฉฉพพาะะชีวมว
ว วลจาาก ข้าว า สามาารถถสรรุปรายลละเเอียดไ ย ได้ดัดงนีน้โดยยจาากขข้อมูลผล ล ลผลิต
ทาางกกา รเกกษษตรรในนปีปเพพาะะป ลู ก พ.ศพ ศ.225551 มี แก แ ลบบเกิกิ ด ขึ้ นป
น ระะมาาณ ณ
น น คิดเป็น 21
6.733 ล้้านตั 2 % ขอองผผลผลิลิตข้ขาวทั ห ดและะมีฟาง
ว ั้งหมด ฟ งเกิกิดขึข้น
155.69 ล้านตัตัน คิดเป็
ด ป็น 49%4 % ขอ ข งผลผผลิตข้ ต าวทั้งหม
ง มดแลละคคาดดว่าจ า ะมีมี
ปรระมาาณ ฟาางข้ข้ าวทิ
ว ้ง ประ
ป ะม าณ ณ 4.6
4 63 ล้านต า ตั นต่ อ คิ ดเ ป็ นศั
น อปี น ัก ยภ ย าพพ
พลลังงาน
ง นเทท่ากักบ 577,00800 TJห
T หรือ 1,31 633.277 kto k oe
ย าพพแกกลบบทีที่เกิดขึ้น ณปั
ศักยภ ณ จจุ จ บัน ส่สวนให น หญ ญ่นั้นมั
นมักจะนจ นําไป ไ ทํา
เป็ปนเเชื้อเพ ง นอุตสสาหหกรรมตต่างๆเ
อ พลิงใน ง เช่นอุน ตสสาหหกรรมททํากระ ก ะดาษษ เป็ป็น
ต้น เนื
เ ่องจ ร คาถถูกเมื่อเทีทียบกักับน้นํามันเชื
อ จากกมีราค เ ลิง เช่น น้นํามันเต
น ชื้อเพลิ น ตา ทีท่มีมี
แนนวโโน้้มด้านรน าคคาสูสูงขึ้นอยย่างต่
ง อเน
อ นื่องอ ทําให้ า ห้แกล
กลบเเป็นที นที่สนใจน จของง
โรรงงงานนอุ ตสสาหหกกรรรมตต่ า งๆๆ อี ก ทัท้ ง เมืื่ อ เผา
เ าไหหม้้ แ ล้ ว เถ้
เ าที
า ี่ เ กิ ด ขึ้ น ยั ง
แ ลบบแลละฟฟาางข้ข้าว
แกล สาามาารถถนํนําไปเป็นวั ต ดิบใน
น ตถุ บ นอุตสสาหหกรรรมมในกการรผลิลิตสาารกึกึ่งตัวนํนาอีก
ด้วย
ว ฉะะนัั้นปริ
ป มาณ
ม ณแแกลลบบที่จะเ
จ เป็นวั
น ัสดุเหลื ห อทิ ท กาารเกษษตรรหรืือชีว
อ ้งทาง
ม ลมีมีเพียง 38,44233 ตันต่อปี
มว อ หรื
ห อคิ
อ ดเปป็นศั
น กยภ
ก ภาพพพลัังงาานเท่ากั า ับ 51
5 9.447 TJJ หรื ห อ 12.441 kttoee
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล หน้น้า 9
3
ที่มา : วารสารอินทาเนีย ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 พ.ศ.2552
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 12
4
ที่มา ผลผลิตต่อปี : ปริมาณผลผลิต ในปี พ.ศ.2551 ของ สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ศักยภาพพลังงาน เป็นค่าที่ได้จากการคํานวณโดยอาศัย “ตัวประกอบวัสดุเหลือใช้ที่ยังไม่มีการนําไปใช้”
* ผลผลิตต่อปีของไม้ยางพาราและยูคาลิปตัสเป็นข้อมูลปริมาณผลผลิตของปี พ.ศ.2550, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 13
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 14
1.4 คุณสมบัติของชีวมวล
ชีวมวลแต่ละประเภทจะให้พลังงานจากการเผาไหม้แตกต่างกัน ตามลักษณะองค์ประกอบต่างๆ ของ
ชีวมวลแต่ละชนิด และสัดส่วนความชื้นที่สะสมอยู่ในชีวมวล โดยคุณสมบัติของชีวมวลที่เป็นพืชหลักและมี
ศักยภาพในการนํามาใช้สําหรับประเทศไทย แสดงในตารางที่ 1-8
ตารางที่ 1-10 แสดงคุณสมบัติของชีวมวล
ค่าความร้อนต่ํา ความชื้น ความหนาแน่นรวม
พืช ส่วนประกอบ
(kJ/kg) (%) (kg/m3)
ฟางข้าว 12,330 10.00 125
ข้าว
แกลบ 14,204 8.20 150
ใบ 15,479 9.20 100
อ้อยโรงงาน
ชานอ้อย 7,368 50.73 120
เหง้ามันสําปะหลัง 5,494 59.40 250
มันสําปะหลัง ลําต้น 7,560 48.40 Na
ทางใบ 1,760 78.40 Na
ซังข้าวโพด 16,220 7.00 Na
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ลําต้น 9,830 41.7 na
ทะลายปาล์ม 7,240 58.60 380
เส้นใยปาล์ม 11,800 31.84 250
ปาล์มน้ํามัน
กะลาปาล์ม 18,267 12.00 400
ลําต้นปาล์ม 7,540 48.40 na
ยางพารา ไม้ยางพารา 8,600 45.00 450
ยูคาลิปตัส เปลือกไม้ยูคาลิปตัส 6,745 50.00 na
มะพร้าว ขุยมะพร้าว 6,272 na 270
ที่มา :http://www.bpe-boiler.com/mambo/Presentation%20Boiler/BiomassAnalysis.html
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 15
บทที่ 2
เทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล
ปัจ จุ บั น ประเทศไทยมี ก ารผลิ ต พลั ง งานความร้ อ นและไฟฟ้ า โดยใช้ ชี ว มวลเป็ น เชื้ อ เพลิ ง กั น อย่ า ง
แพร่หลาย ซึ่งระบบจะมีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงระดับโรงไฟฟ้า โดยการเปลี่ยนชีวมวลเป็นพลังงานด้วย
กระบวนการทางเคมี-ความร้อน มีระบบหลักๆอยู่ 4 ระบบ คือ 1.การเผาไหม้โดยตรง (Direct-Fired) 2.การ
เผาไหม้โดยใช้เชื้อเพลิงสองชนิดขึ้นไป (Co-Firing) 3.การผลิตก๊าซเชื้อเพลิง (Gasification) และ 4.ไพโรไล
ซิส (Pyrolysis)
การผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวลส่วนใหญ่เลือกใช้ระบบการเผาไหม้โดยตรง โดยนําเชื้อเพลิงชีว
มวลมาเผาไหม้โดยตรงให้หม้อไอน้ํา (Boiler) ซึ่งไอน้ําที่ผลิตได้นี้จะถูกนําไปปั่นกังหันที่ต่ออยู่กับเครื่อง
กําเนิดไฟฟ้าทําให้ได้กระแสไฟฟ้าออกมาและยังสามารถออกแบบให้นําไอน้ําที่ผ่านกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า
(Condensing Turbine) มาใช้ประโยชน์ในรูปแบบความร้อน ซึ่งการผลิตไอน้ําและไฟฟ้าร่วมกันนี้เรียกว่า
ระบบผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Cogeneration) ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูง
โรงไฟฟ้าถ่านหินหลายแห่งสามารถนําระบบการเผาไหม้โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเผาร่วมกับถ่านหิน (Co-
Firing) เพื่อเป็นการลดการปล่อยมลภาวะโดยเฉพาะก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
รูปแสดงการเผาไหม้โดยตรงของชีวมวล
2.1 เทคโนโลยีการเผาไหม้ชีวมวล
ในปัจจุบันเชื้อเพลิงชีวมวลได้ถูกนํามาใช้เป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง
ชีวมวลที่นํามาใช้ได้มาจากเศษวัสดุเหลือใช้ที่เป็นของเสียจากกระบวนการผลิต เชื้อเพลิงชีวมวลสามารถ
นํามาเปลี่ยนเป็นพลังงานได้หลายวิธี ได้แก่
♦ การเผาไหม้โดยตรง (Direct Combustion)
♦ การใช้ความร้อนสลายโมเลกุล (Thermochemical conversion) ประกอบด้วย
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 16
• กระบวนการไพโรไลซิส(Pyrolysis)
• กระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น(Gasification)
• กระบวนการลิขวิดแฟคชั่น(Liquidfaction)
♦ การใช้ชีวเคมีสลายโมเลกุล (Biochemical conversion)ประกอบด้วย
• กระบวนการย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic digestion)
• กระบวนการหมัก (Yeast fermentation)
รูปแสดงเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล
การเผาไหม้โดยตรงเป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุดในการนําเชื้อเพลิงมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการเผาให้ได้
ความร้อนเพื่อเอาก๊าซร้อนไปใช้ในกระบวนการผลิตเช่นการอบแห้งหรือการนําความร้อนที่ได้ไปผลิตไอน้ํา
ร้อนที่มีความดันสูงเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงจะถูกเผาไหม้โดยตรงภายในเตาเผาความร้อนที่ได้จาก
การเผาไหม้จะถูกนําไปใช้ผลิตไอน้ําที่มีอุณหภูมิและความดันสูงไอน้ําที่ผลิตได้นี้จะถูกนําไปใช้ขับกังหันไอน้ํา
เพื่อผลิตไฟฟ้าหรือนําความร้อนไปใช้ในกระบวนการ
สําหรับการใช้ความร้อนสลายโมเลกุลของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้กับเชื้อเพลิงชีวมวล ได้แก่ การใช้
กระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น โดยเปลี่ยนรูปแบบของเชื้อเพลิงชีวมวลให้เป็นก๊าซเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในเครื่องยนต์
สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) กังหันก๊าซทั้งในวัฏจักรธรรมดาและ Combined Cycle
หรือเพื่อใช้ในการผลิตเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) การแยกสลายด้วยความร้อนแบบไม่มีออกซิเจน คือ
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 17
เทคโนโลยีไพโรไลซิสและแก๊สซิฟิเคชั่น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทําให้เกิดการออกซิเดชั่นบางส่วนกับออกซิเจน
ไอน้ํ า หรื อ คาร์ บ อนไดออกไซด์ (CO2 ) ทั้ ง สองกระบวนการเปลี่ ย นชี ว มวลที่ อ ยู่ ใ นรู ป ของแข็ ง ซึ่ ง มี
องค์ ป ระกอบหลั ก คื อ คาร์ บ อน ไฮโดรเจนและออกซิ เ จน ให้ ก ลายเป็ น ก๊ า ซที่ เ ผาไหม้ ไ ด้ ได้ แ ก่ ก๊ า ซ
คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซไฮโดรเจน (H2) และก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซเหล่านี้จะถูกเผาไหม้เพื่อ
เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน
รูปแสดงการเผาไหม้โดยตรงของชีวมวล
การเผาไหม้เป็นวิธีที่ใช้กันมากในการนําเชื้อเพลิงมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการเผาให้ได้ความร้อนเพื่อ
เอาก๊าซร้อนไปใช้ในกระบวนการผลิตเช่นการอบแห้งหรือการนําความร้อนที่ได้ไปผลิตไอน้ําร้อนที่มีความดัน
สูงเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงจะถูกเผาไหม้โดยตรงภายในเตาเผาความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้จะถูก
นําไปใช้ผลิตไอน้ําที่มีอุณหภูมิและความดันสูงไอน้ําที่ผลิตได้นี้จะถูกนําไปใช้ขับกังหันไอน้ําเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือ
นําความร้อนไปใช้ในกระบวนการ แบ่งออกเป็น
2.1.1 ระบบการเผาไหม้โดยตรง (Direct-Fired)เป็นระบบเพื่อทํางานร่วมกับเทคโนโลยีกังหันไอน้ํา
ในการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวลเป็นระบบที่ใช้กันมากที่สุดในโลก ซึ่งส่วนประกอบที่สําคัญ คือ
เตาเผา มีหน้าที่เปลี่ยนชีวมวลเป็นพลังงานความร้อน ปัจจุบันมีอยู่ด้วนกันหลายประเภท คือ เตาเผาระบบ
ตะกรับ (Stoker Firing) เตาเผาระบบฟลูอิไดซ์เบด (Fluidized Bed Combustion) และเตาเผาระบบ
ลอยตัว (Suspension Firing)
ในการเผาไหม้ตรงนั้น ส่วนประกอบที่สําคัญเป็นอย่างยิ่งได้แก่ เตาเผา ซึ่งทําหน้าที่เป็นอุปกรณ์ใน
การเปลี่ย นชีว มวลเป็นพลังงานความร้อน เตาเผาที่ใช้ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เตาเผาที่ใช้
จะต้องมีประสิทธิภาพที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานกับเชื้อเพลิงในแต่ละประเภท ดังนี้
2.1.1.1 เตาเผาระบบใช้แรงงานคนป้อนเชื้อเพลิงเตาเผาระบบนี้จะอาศัยคนงานที่มีความ
ชํ า นาญในการกระจายเชื้ อ เพลิ ง ให้ ทั่ ว สม่ํ า เสมอบนตะกรั น เตาไฟซึ่ ง ที่ ทํ า มาจากเหล็ ก หล่ อ เป็ น
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 18
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 19
รูปแสดงลักษณะเตาเผาเชื้อเพลิงระบบสโตกเกอร์แบบตะกรับเลื่อน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 20
รูปแ
ป สดดงลัลักษณษณะเเตาาเผผาเเชื้อเพ
อ พลิงระง ะบบสสโตตกเเกออร์แบ แบบกกระะจาาย
2) ระบร บบบสโโตกกเกกอร์ร์ที่เชื้อเพ
อ พลิลิงถูกป้อนเข้าสูา ่เตา
เ าทาางดด้านลนล่าง (UUnndeerffeeed Stookker)
เชืชื้อเพลิเ ลิงจะ
จ ถูกป้ก อนอนเข้ข้าสู่เตาท
ต ทางงด้้านล่น างส
า ส่งผลใ
ผ ให้ห้เชื้อเพลิลิงไปต
ไ ตามมรรางให้ห้เคลื
ค ่อนอ ตัวลึ
ว กเข้ ไ ในเตาา
ก ข้าไปใ
ตลลอดเววลาาทํําใหห้เกิดคววามมดันขึ น ้นในนเชืชื้อเพลิงส่วนล
ว ล่างส่
ง งผล
ง ลใหห้เชื้อเพลิ
เ ลิงส่สวนบ
นบนขขยับขึบขึ้นด้านบ
น นไได้วิวธิ นีนี จี้ ะ
ทําให
า ห้สารร า ระเเหยยที่มีอยู
อ ่ในเ
ใ เชื้อเพ
อ พลิงระ
ง ะเหหยขึขึ้นสู่ส่สวนบน
น นจึจึงทําให้
ใ ติติดไฟไ
ไ ได้ง่งายขึ
ย ้นแ
นและะเกิกิดการ
ก รเผผาไหหม้ม้ขึ้นได
น ด้
อยย่างสม ง มบบรูณ์
ณเชื้อเพลิ ม แล้ล้วเป็นเถ้
เ ลิงที่ลุกไหม้ม้หมด น ถ้าซึ่งอยู
อ ่ส่สวนบ
นบนสสุดจะ จ ถูกเชื
ก ้อเพพลิลิงตอน
ต นล่างดดันกร
น ระจจายยลงง
สูทีท่ ่รี อง
อ รับเถ้
บ า
กา รคควบบคุคุ ม การ
ก รเผผาไไห ม้ ของ
ข งร ะบบบนนี้ สาม
ส มารรถ ทํ าได้
า ด้ โ ดย
ด กาารเ ปลีลี่ ย นแ
น แปลลง ระะยะะชั กห
ก หรื อ
อัตร
ต าเร็ร็วขอ ข งตัตัวดันเชื้อเพ
อ พลิงส่ส่วนป
น ริิมมาณ ณอากกาศศที่ส่งเข้าเตตากก็สาม
ส มารรถปปรัับให้ใ พอ พ เหหมาาะกกันได้
ไ ้ที่ช่ชอง
อาากาาศเข้าเตตาออากาศทีที่ส่งเข้ เ าเพืพื่อช่ชวยกการรเผผาไหม้ม้เชื้อเพลิ
ง ข้าเตา เ ลิงนี้จะผ
จ ผ่านเข้
น ข้าไปใ
ไ ในเเตาาได้ด้ทางชช่องห
อ หรือ
พววยรับลม บ ม (TTuyeeres)
ข้ขอดี
อ ขอข งระบบบสสโตตกเกอร์ร์ที่เชื เ ้อเพ
อ พลิงถู
ง กป้ป้อนเข
น ข้าสูส่เตา
ต ทาางด้ด้านล่
น างคือกา อ ารปป้อนเเชื้อเพ
อ พลิง
ทาางดด้านล่ นล่างจะะช่วยล
ว ลดคควัันได้เพร พราะสาารรระเหหยยที่ปล่ ป อยยอออกจจากเชืชื้อเพลิงจะไหหลผผ่านชั น ้นเชื
น ชื้อเพลิงที่ร้ร้อน
ทําให
า ห้เผาไ ผ ไหม้ม้หมดมด
รูปแสสดงงลัักษณ
ษณะเตตาเผาาเชืชื้อเพลิงระะบบบสโโตกเกกอร์ทีที่เชื้อเพลิ
เ ลิงถูกป้อนเ
อ เข้าสู
า เตา
่ าทางด้านล
า ล่าง
คู่มอื กาารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 211
หน้
2.1.11.33 ระบ
ร บบบพัลเว
ล วอรร์ไรซ์
ร (Pu( ulvverrisedd) กาารเเผาาไหหม้ขอ
ข งเชืชื้อเพลิลิงใน
ใ เตาาระะบบบพัพัลเวอ
เ อร์ไรซ์
ไ ซ์
จะะเกิกิดขึ้นใน
น นลักษ
ก ณะะที่เชื้อเพ
อ พลิิงแขว
แ วนลลอยออยู่ ดังนั
ง ้นเชื ใ ในเตาเผาแแบบบนี้จะต้
น ชื้อเพลิงที่ใช้ ะ องมี
อ มีขนา น ดเล็ก
เพีพียงพอ
ง อทีที่จะแข
ะ ขวนนลลอยยอยยู่ในอน ากกาศศภาายใในเเตาา อาก ว แรรกจจะถูถูกอุอ่นก่
อ กาศศส่วน น อนอ ส่งเข้าเต ใ ในกการร
า ตา เพืื่อใช้
อบบแแห้งเชื
ง ช้้อเพลิลิงในข
ใ ขณณะทีที่อาก
า าศส่วนที
ว ที่สองถูกส่ ง ข้าเตาโดยตตรงง เพืพื่อช่วยใ
ก งเข้ ว ให้การ
ก รเผผาไไหม้ม้เกิดขึ้นอย
น ย่าง
สมมบรูณ์ณ ขี้เถ้าที่ได้จากก
า การรเผผาไไหม้ม้จะถู
ะ กพั
กพัดพาอ
พ ออกจจากกเตตาเผผาติดมา
ด ากับแ บ ก๊สร้ส อนจ
อ จากกการเผาาไหหม้
รูปแ
ปแสดดงลลักษณ
ก ณะะเตาเผผาเชื้อเพ
อ พลิลิงระบ
ร บบพพัลเว
ล วอร์ร์ไรซ์
ร
ข้อดี
อ ขอ ของกการรเผาระะบบบนีนี้ คือ ไมม่จําเป็า ปนตต้องมีระบบบตะแแกรรงทีที่จะต้ ะ องใ
อ ให้ความมร้อนใอ ในกการรเผผาไไหมม้
สูง เพพรราะะระะบบบสโโตกเกกอร์ทีท่ีกล่ลาวมา ว าแลล้วนั้น เชืชื้อเพลลิงจะเผาาไหหม้ได้ไ จะจ ต้องไอ ด้รับควา
ค ามร้ร้อนที
นที่สูงเพีง พียงพอ
ง อ
จาากเเชื้อเพ
อ พลิงเกง ก่าบนต
บ ตะแกกรงง จากเหตุดัดังกล่ ก าวข้
า ข้างต้ ง นจึ
น งต้้องใให้้เตาาเผผารระบบบสโตกกเกอร์ร์มีขนา ข าดเล็กเพี ก พียง
พ อทีที่ จ ะทํ
ะ ทํ า ให้
ใ ควค ามมร้ อน ง อแแก่ เชื
อ นภาายใในนเตตาเ ผาามี ค่ค า สู งพ อ พลิลิ ง ที่ จ ะเ ผาาไหหม้ ต่ อไป
เ ้ อเพ อ ป ดัด ง นั้ นเต
น ตาเเผาา
ระะบบบพัพัลเวอร์ไรซ์ ร นีนจึ้จงึ ใหห้ควา
ค มร้ร้อนใน
น นกาารเผาไไหม้ได้ดสูสูงกว่
กา
ข้อเสี
อ สียของ ข งระะบบบพพัลเวออร์ไรซ
ไ ซ์นี้ คือ การ
ก รคววบบคุมเถ้
ม ถ้าทํทาได้
ไ ยาก
ย ก ดังนัน้นจึงต้องมี
อ มีระบบ
ะ บกํกําจัดเถ้
เ าที
า ่ดีดี
ซึ่งต้
ง องอ เสียค่ค่าใช้
ใ จ่จายสู
ย ง เชื
เ ้อเพ ง ่ใช้้จะต้
อ พลิงที ะ องมี
อ มีขนา
ข าดเเล็กเพี
ก พียงพพอ ทําให า ห้ต้องเสี
ง ยคค่าใช้ ใ จ่จายใน
ย นการรบดด
เชืชื้อเพลิ
เ ลิงให้
ใ มีมีขนาาดเเล็กลง
ก ง นอก
น กจากกนี้การ
ก รคววบบคุมอุ
ม ณหหภูภูมิภาย
ภ ยในนเตตาเเผาาทําไดา ด้ยาก เพพราาะถถ้าอุณห ณหภูมิมิ
น ปจะะทําใหห้เกิดกาารหหลออมมตัวขอ
ขอองกการเผผาไไหมม้สูสูงเกิกินไป ว องเเถ้าเก
า กาะะกันเป็
น ป็นก้ อ ใหญ่ ซึ่งจะ
น อนใ ง ะทําใหห้เตาต เผาา
เสีสียหาย
ห ยไดด้ เชื้อเพ
อ พลิงที
ง ่ใช้
ใ จะต
จ ต้องแแห้งเพี
ง พียงพอ
ง อจึงต้้องมีการ ห ดนีน้้เป็นกการรเพิพิ่มราค
ก รอบบแแห้ง ซึ่งทัทั้งหมด ร คาตต้นทุ
น น
แลละพพลัลังงานนทีใช้ใ่
คู่มอื กาารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 222
หน้
รูปแสดงลักษณะเตาเผาเชื้อเพลิงระบบไซโคลน
2.1.1.5 ระบบฟลูอิดไดซ์เบด (Fluidized Bed)การเผาไหม้ในเตาฟลูอิดไดซ์เบดเกิดขึ้นโดย
เชื้อเพลิงจะถูกพยุงให้ลอยตัวด้วยก๊าซหรืออากาศที่เข้าสู่เตาโดยผ่านแผ่นกระจายลม เชื้อเพลิงจะมี
สภาพคล้ายของไหล ภายในเตาเผาจะมีเบดที่ร้อนเช่น ทรายหรือเถ้าที่เกิดจากการเผาไหม้ เพื่อช่วยทํา
ให้เกิดการผสมผสานของเชื้อเพลิงกับออกซิเจนได้ดี และช่วยทําให้เถ้าที่เกาะกับผิวเชื้อเพลิงนั้นหลุด
ผิวของเชื้อเพลิงจึงสามารถสัมผัสกับออกซิเจนได้ตลอดเวลาทําให้เกิดการเผาไหม้ที่ดี ซึ่งจะต่างจาก
การเผาไหม้เชื้อเพลิงแข็งทั่วไป ซึ่งจะเกิดการเผาไหม้ที่ผิวของเชื้อเพลิงก่อน จากนั้นบริเวณของการ
เกิดปฏิกิริยาก็จะค่อยๆเคลื่อนเข้าไปข้างในโดยส่วนที่เหลือที่เกิดจากการเผาไหม้ คือ เถ้าซึ่งเป็นสาร
เฉื่อยทําให้เชื้อเพลิงมีโอกาสสัมผัสกับออกซิเจนลดลงดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอัตราการเผาไหม้จะค่อยๆ
ลดลงจนเผาไหม้หมดทั้งก้อน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 23
รูปแส
ป สดงงลัักษณ
ษณะเตาาเผาเชืชื้อเพพลิงระ ไ ซ์เบด
ง ะบบบฟฟลูอิอิดได บด
ระะบบบฟฟลูอิอิดได ไ ซ์เบด
บดนี้ได้ ไ รัรับคว
ค ามมสนนใจจมาากใในปัจจุ จ บับนเนื
น นื่องจา
ง ากสสามมารรถใใช้้กับเชื
บ ชื้อเพลิ
เ ลิงแข็
แ งได
ง ด้
ทุกชก นิดเพ
ด พราาะออุณหภ ณ ภูมิภาายใในเเตาาจะะมีค่คาใกล ใ ล้เคียงตลง ลอดทัทั่วเตา
เ าเผาทํทําให้อัอัตราก
ร การรเผผาไไหม้ม้ของเ
อ เชื้อเพ
อ พลิง
สมม่ําเสมมอสามาารถถเผผาเชืชื้อเพลิงที ง ่มีมีปริิมมาณณความชืชื้นสูงได้ไ ดีดีนอกกจาากนีนี้ยังทําให้อุอุณหภูภูมิขอ
ของเปปลลวไฟคคงทีที่
ปัจจุ
จ บันระ
น ะบบบนีนี้ได้ดใช้ชกันอย่ อ างแ
า แพพร่หลา ห ายเนื่องจาากสสามมารถถใช้ช้กับเชื บ ชื้อเพลิ
เ ลิงแข็ข็งได้เกือบท
อ ทุกชนิ
ก นิดแลละมีมี
อุณหณหภูมิมภายภ ยในนเตตาสสม่ําเส เ า มีอัตรา
า สมออทัทั่วทั้งเตา ต ากาารเเผาาไหหม้ทีท่ีคงทีที่ สาม ค ามมชื้นสู
ส มารรถเเผาาเชื้อเพพลิลิงที่มีคว นง
ได้ด้ดี
ข้อดี
อ ขอ ของระบบบฟฟูลอิดได ด ดซ์เบด เ ดคือมี อ สาารเฉืฉื่อยเชช่นทร
น รายยเป็ป็นเบด
เ ดจึงทํําใหห้เกิดการผผสมมขอองเเชื้อเพ อ พลิง
กับอ
บ อกกซิเจน เ นได้ด้ดีเกิ
เ ดก
ด ารเผาาไหหม้ได้ ไ อย่อ างสมมบูรณ์
รณ์และร ล รวดดเร็ร็วนอ
น กจจากกนี้ตัตวเบด
เ ดยัังช่วยยอมมคววามมร้้อนทํน า
ให้ห้เตามี
ต มีความว มเสสถียรรไม่ม่ดับง่
บ ายแ
า และเกกิดกา ด ารเเผาาไหหม้ในต
ใ ตัวเตาาเผผาไได้อย่ า ทั่วถึงจึงทําให้
อ างท า ห้อุณห
ณหภูมิภาย
ภ ยในน
เตตาเเผาามี ค่ าเทา ท่ า กั น แลละสสมํม่ํ า เสม
เ มอ ส ามมารรถใใช้ เผ าไหหม้ม้ เ ชื้ อ เพ ลิ งใน
ง นช่ วงอ
ว อุ ณห
ณ หภู มิมิ การ
ก รเผผาไไหมม้ ทีท่ี ต่ํ า
(ปประะมาาณ ณ 850°°C)) จึงช่ชวยแแก้ปัปัญ ญหาาด้านา มลลพิษข ษ องงอาากาาศเเนื่องจ
อ จากกการเกิดส ด ารปปรระกกอบบไนนโตตรเเจนน
อออกไไซด์ (NNOOx) ได้ ไ เป็
เ นระ
น ะบบเกีกี่ยวกักับลม ล เกือบ
อบทั้งหม
ง มด (Pnneum maticc Syysteem m) ไมม่ค่คอยมีย ระบบบ
เคครื่องก
อ กล (M Mechannicaal Syystem m) ทําให้ า ห้การค
า ควบคคุมระบ ร บบบทําไดา ด้ง่าย
า เชืชื้อเพลิ
เ ลิงที่เผาไ
ผ ไหมม้ในเตน ตาระบบบ
ฟลลูอิอิดไดซ์
ไ ซ์เบดใ
บ ใช้เวล เ ลาในกการรทําปฏ า ฏิกิกิริยาก
ย การรเผผาไหหม้ม้หมดม สมมบูรณ์รณ์ไม่มเกิน 5 วินนาทีทีซึ่งน้อยกว ย ว่าเวล
เ ลาทีที่
เชืชื้อเพลิลิงใช้
ใ อยู
อ ในเ
ใ่ เตาาเผาจึงทํทําใหห้การ ก รเผาไหหม้้สมบู ม รณ์ รณ์
ชนนิดขอ
ด องเเตาาเผผาชีชีมมวลลดัังที่กลล่าวมา
ว าถือได
อ ด้ว่าเป็
า ป็นองค
อ ค์ประ
ป ะกออบบสําคัา ญข
ญของงระะบบบผลิตพล
ต ลังงานง นความร้ร้อน
หรือพลั
หรื พ ังงาานไไฟฟฟ้าที่นํนาไปใ
ไ ใช้ในโ
ใ โรงงงงาานออุตสา
ต าหกกรรรมตต่างๆ
ง ทัั้งนี้จะขึ
ะ ้นอยู
น ยู่กับชนิ
ช ดขดของชีวมว
ว วลทีที่ใช้ชเป็นเชื
เ ้อเพพลิง
สํสาหรัรับชีวมวล
ม ลทีที่มีขน
ข าดเป็ปนชิชิ้นค่คอนข้ข้างให
ง หญ่เตา
เ าเผผารระบบบบสโต
โตกกเกอร์ร์มีควา
ค ามเเหมมาะะสสมมมากกในนขณ ณะะที่ชีวมววลทีที่
เ นชิ
เป็ นชิ้นเล็
เ กห
กหรือเป็
อ ป็นเมลเ ล็ดเช่ช่นขี้เลื่อยแ
ย กลลบมมีควา
ค ามเเหมมาะสสมกกับเตบ าเผผาระะบบบฟฟลูอิอิดไดซ์เบดดหรือไซ อ ซโคคลนน
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 244
หน้
เเตาาเผผารระบบบบสโโตกกเกกอรร์นัน้ันสาม
ส มารถใช้ช้กับเชืบ ชื้อเพล
เ ลิงได้้หลาย
ล ยชนนิด/ข ด ขนาาดแแตต่ตอบ อบสนนองงต่่อการก รเปปลี่ยนยนแปปลงง
ภ ระะต่ําเต
ภา า าเผผารระบบบบไซซโคคลนนตออบบสนนองงต่่อการ ก รเปปลี่ยนแ
ย แปปลงงภาาระะสูงกว ง ว่าเตาเ าเผผารระบบบสสโตตกเกอร์ร์แต่ตต้องก
อ การร
เ ้อเพพลิงที
เชื ง ี่มีควา
ค ามแแห้้งมาก
ม กเตาเผผารระบบบบฟลูลูอิดไดดซ์ซ์เป็นระบ ร บบค่อนข อ ข้างให
ง หม่มีมควา
ค ามยืยืดหยุ
หย่นต่ตอการ
ก รเปปลี่ยนแป
น ปลงง
คุคณภ
ณ าพพขอองเชื้อเพ
อ พลิงแล
ง ละตตอบสสนอองตต่อกา ก รเปปลีี่ยนแป
น ปลงภภารระไดด้เร็ว
2..1.22 เททคโโนโโลยียีแก๊สเชื
ส ชื้อเพลิ
เ ลิง(Ga
( asiificcattioon TecT chnooloogyy) เป็ป็นนกาารแแตกกตััวของ ข งสาารปประะกออบบ
ไ โดรรคาร์บออนใในสสภภาววะทีที่มีกาารคควบบคุคุมปริ
ไฮโ ป มาม ณอออกซิซิเจนใ
จ ในสสัดส่วนทีว ที่ต่ตํ่ากว่
ก าค่
า าที
า ่ทําให้
า ห้เกิดการ
ก รเผผาไไหมม้ทีท่ี
ส บูรณ์
สม ร ์ (SStooichhioommettricc Fuuel Air A Rat R tioo) ได้ด้ก๊าซซึ
า ซึ่งมีมองค์
อ ค์ประก
ร กอบหหลัก ได้ ไ แก่
แ คาาร์บอ บ นมมอนนอกไซด์ด์
ไ โดรรเจจนแและะมีเทนน เรียกว
ไฮโ ย ว่า ก๊าซส เ ราะะห์ (Synnthesis Gaas) ในนกรรณี
า สังเคร ณีที่ใช้
ใ อาก
อ กาศศเป็ป็นตัวทําปฏิ
า ฏิกิริยาย ก๊กาซที
ซที่
ไ จะ
ได้ ค ามร้อนตต่ํา หาากมีมีการ
จ มีค่คาควา ก รเติมไอน้น้ําด้ดวยจ ย ะทํทําให้
ใ ได้
ไ ก๊ก๊าซที
ซที่มีค่คาคว
ค ามร้อนเ อ เพิ่มขึ
ม ้น แตต่ถ้าใช้
า ช้ออก
อ ซิเจนน
เ นตั
เป็ ป กิริริยา ก๊๊าซที
น ัวทํทาปฏิ ซ ่ได้ จ มีค่าคควาามร้ร้อนสู
ไ จะมี น งกว่า ก๊าซที่ได้
ไ นีนี้สาม
า ารถถนํนําไปใช้ในรูนรูปของข งเชืชื้อเพลิ
เ ลิงเพื
เ ่อผ
อ ลิต
พลังงานนหรืรือนํนาไปใ
พลั ผ ตเชืชื้อเพลิงใน
ไ ใช้ผลิ ป บบอื่นต่
ใ รูปแบ น อไป
อป
เททคโโนโโลยียีนี้สามาารถถรอองรัรับวัวตถุดิดิบได้
ไ หลห ากกหลลายยชนนิดบา
ด างกกระะบวนนกาารไได้รัรับกา ก รพัพัฒนา น แลละปปรับปบปรุง
ใ สาม
ให้ ส มารถใช้้กับกา
บ ากตตะกออนนน้ําเสี เ ย (Seewaagee Slu S udgge)) เคครื่องป
อ ปฏิฏิกรณ์
ร แก๊ก๊สซิฟิเคชชั่นสา
น ามาารถถแบบ่งออ อ กได้เป็น
ร บบคือ ระบบบฟิฟิกซ์
2 ระบ ก เบดด (FFixxedd-BBedd) แล แ ะระบบบฟฟลูอิไดซ์ซ์เบด บ (Flluiddizzedd-BBedd)
รู แสสดงงกระะบววนนกาาร Gas
รปแ G sifiicaationn แล
และเเตาา Ga
G siffieer
2.1.22.11 ระบ
ร บบบระะบ บฟิฟิ กซ์
ก เบเ ด(Fixxedd-BBeed))มี ลัลั ก ษณ
ณะะกาารททํ า งา นทีที่ ซั บ ซ้ อ นน้
น น้ อ ยก
ย กว่ าแบ
า บบบ
ระะบบฟฟลูอิอิไดซ์
ดซ์เบด
บ มีการ ก รแบบ่งส่วนก
ว การรทํําปฏิ ก ยาที่ชัชัดเจนน คือ ส่วน
ป กริ วนกาารออบเชื้อเพ อ พลิลิง ส่วนกการรกลลั่น
สลลายยและะส่วนก ว การรสันดนดาปป ระบบบรระบบบบฟิกซ์ ง ด้เป็น 3 แบบบ คือ
ก เบดดสสามมารรถแแบ่งได้
1) Up
Updrrafft Ga G siffierเป็ป็นเตา า แบบบออากกาศศไหหลขึขึ้น โดดยออากาศจจะถูถูกป้ปอนเ
เ าผลิลิตก๊าซแ อ เข้า
ทาางดด้านลล่างไหง หลขึขึ้นด้
น านบ
า บนนในนขณณะะที่เชื้อเพ
อ พลิงจจะเคลืลื่อนที
นที่ลงด้
ง านา ล่างลัลักษณ
ษณะสสวนนททางงกัน สาม ส มารถถ
เรีรยกกอีกชื
ก ่อหหนึ่งว่
ง า Cou
C unter Cuurreent Gaasifieerเตตาปประเภภททนี้มีมีประสิทธิ ท ภาพ ภ พททางงคววามมร้อน อนสูง
เนืนื่องจา
ง ากก๊ก๊าซร้
ซ อนอนที่เกิ ด าก Coom
เ ดจา mbusttioon Zoone ไหหลผผ่านเชื เ ลิง คววามมร้อน
น ชื้อเพลิ อ สัมผั ม สจะส ะถูกถถ่ายเท
ย ทให้ห้
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 255
หน้
เชืชื้อเพลิลิงผ่ผานสู
น ่ Pyyroolyysiss Zon
Z ne แลละ Reeducctioon Zoonee ต่ตอไป ไ ผลิลิตตภัณฑ์
ณฑ์ที่เกิ
เ ดจา
ด าก Pyyroolyysiss และ
แะ
Drrying จะะปะปปนออยู่ใน ใ ก๊าซเชืชื้อเพลิงแลละเเมือออ
อ่ อกจจากเตตาผผลิตก๊ก๊าซอุ
ซ ณห ซ ชื้อเพลลิงจะลดดลงง ทาร์
ณหภูมิม ก๊กาซเชื ท ร์
แลละนน้ํามันดิน นจน ะกกลันตั ว นเปื้อนใ
น่ วป อ ในก๊ก๊าซเชื
ซ ชื้อเพลิลิงสูสง
รู แสดดงเตาาแบบบ Dow
รปแ D wnndrafft Gaasiffieer
C osssdrrafftGGassifiierrเป็ปนเเตาาผลลิ ตก๊
3) Cro ต าซา แบบบ อาากาาศไไห ลขขวาางกกั บกา
บ ารเเคลืลื่ อ นทีที่ ข องง
เชืชื้อเพลิลิง ลักษณ
ก ณะะชั้นป
น ฏิกิกิริยาโ
ย โดยยเฉฉพาาะ Coommbuusttioon Zoonee แล แ ะ Red
R duuctionn ZoZ nee จะอ
จ อยู่ชิชิดกัน
มาาก ดังนั
ง ั้นจะส ซ ด้อย่างรวดดเร็วแ
จ สามมารรถผลิลิตก๊าซได วและะแปปรผันได้
น ด้ง่าย บ เวณ
า ปกกติบริ ณเผาไหหม้จะอ
จ อยู่กึ่งกลลางง
แ ขออบเเขตตกาารเเผาาไหหม้อาจ
ขอองเเตาาผลิลิตก๊กาซ แต่ อ จจะะขยายกกว้างขึ ห กคความเร็วอา
า ขึ้นหาก อ กาศสูสูงขึ้น
คู่มอื กาารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 266
หน้
รูปแสสดงงเตตาแแบบบ Cro
C ossddraftGGasiffierr
2.1.22.22 Flu
F uiddizeedd Beed Gas G sifiierrเป็นเตาผลิลิตก๊าซเชื
ซ ชื้อเพลิลิงแบบบพพ่นฝอ
น อยทที่มีมีรูปแบ
ป บบบ
บ นิดขอองเชืชื้อเพลิงบาางชชนิดเช
เหหมาาะสสมกับชนิ ด ช่น เชืชื้อเพลิ
เ ลิงที่มีขน
ขนาดดเล็ล็ก มีควา
ค ามหหนนาแแน่นต่
น ํา ปริ
ป มาม ณเเถ้าสูาง
แลละอุณห ณ ภูมิมิการห
า หลอมมเหหลววขอองเถ้าต่ า ํา ในร
ใ ระบบบบชนินิดนีน้การ
ก รสัมผั า อากกาศศและะสาารตัตัวกล
ม ัสระหหว่างอ ก างกกับ
เชืชื้อเพลิ
เ ลิงมีประสิทธิ ภ พสูสูง ดังนั้นสา
ท ภาพ น ามาารถถทํทํางาน
ง นที่อุอณหภ
ณ ภูมิมิต่ําปร
า ระมมาณ 8000--9000 องงศาาเซซลเเซียส ย ซึ่ง
า ว่าจุจดหลลอมมเหหลววของเถ้า
ต่ํากว
Flluiddizzedd Bed
B d Ga G siffierrแบบ่งเป็
เ น 2 รูปแแบบบ คือการเผผาไไหมม้เชื้อเพลลิงโดย โ ยตรงแลละกการรเผผาไหหม้ม้
เชืชื้อเพลิ
เ ลิงในห
ใ ห้องเผผาไไหมม้สํสํารอง
ร ง อุณหภูหภูมิขอข งสสารรตัวกล
ว ลางงจะะมีกาารกกระะจาายออย่างสมํม่ําเสม
เ มอออย่างททั่วถึ
ว ง
กาารเเผาาไหหม้แล แ ะกการรเกิดก๊ก๊าซจะ
ซ ะเกิกิดขึ้นพร้
น ร้อมๆ มๆกัน เนื่องจ อ การคควาามเเร็วอาากาาศสูสูงดัดงนัน้น
อ จากกระะบบนีนี้ต้อง
จึงเกิ
ง กิดการ
ก รสูญเสี
ญ สียเชื้อเพ
อ พลิงไปปบบางส่วนแว และะก๊าซเชื้อเพ อ พลิงจะมีมีฝุ่นป
น ะปปนสูสูง
รูรปแส
ป สดงงเตตาแแบบ Fluuiddizzedd Bed
B d Ga
Gasiffierr
2.1.22.33 Ent B d Gaasiffieerหหรืออา
E traainnedd Bed อ าจเเรียกว
ย ว่า เตาาผลลิตก๊
ต าซแ
า แบบบหหมุนว น น หรื
หรอ Mooviingg
Beed Gaasiffierrเป็ปนรระบบบบที่มีมีประสิทธิ
ท ภาพ
ภ พกการรถ่ายเ
า เทคควาามร้ร้อนสู นสูง กา
ก รทํทํางานนในนกาารถถ่ายเท
ย ทคววามมร้อน
อน
คลล้ายกั B d Gaasiffierr โดดยปปกกติอุอณหภู
ย ับ Fluuiddizeed Bed ณ ภูมิอยูยู่ที่ 4882 - 5993 องศ อ ศาเซซลเซียสย เตตารระบบบนนี้มีมี
ปรระสิสิทธิ
ท ภาพ
ภ พสูงใน
ง นกาารททําปฏิ
ปฏิกิริริยาระ
า ะหวว่างขอ
ง องแแข็งกัับก๊าซ ลักษณ ษณะเเชื้อเพ
อ พลิงที
ง ่เหม
เ มาะะสมมเชช่น ผงงถ่านห
า หิน
หรืรือเชื้อเพ
อ พลิลิงชีวมวล
ม ลที่มีขนา
ข าดเล็กๆ กๆ การรทําปฏ
า ฏิกิกิริยาร
ย ระหหว่างอา อากาศกักับเชื้อเพ
อ พลิงเกิกิดใน
ใ ช่องป
อ ปฏิกิริริยา
แบบบบหมมุนวน ว
คู่มอื กาารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 277
หน้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 28
รูปแสดงกระบวนการ Pyrolysis
กระบวนการไพโรไลซิสและกระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่นนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อพิจารณาแล้ว
กระบวนการไพโรไลซิสนั้นนับว่าเป็นกระบวนการเริ่มต้นซึ่งโดยทั่วไปแล้วกระบวนการไพโรไลซิสจะเกิดได้เร็ว
กว่ากระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น ขั้นตอนโดยรวมนั้นเริ่มจาก การทําให้ชีวมวลซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ประกอบไปด้วย
เซลลูโลส เฮมิเซลูโลส และลิกนิน ที่มีความชื้นประมาณร้อยละ 20-30 โดยน้ําหนักนั้นปราศจากน้ําโดยอาศัย
กระบวนการทําแห้งที่อุณหภูมิประมาณ 120-150 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นชีวมวลจะถูกให้ความร้อนจนมี
อุณหภูมิป ระมาณ 500-600 องศาเซลเซียส เพื่อ ทํ าลายพันธะทางเคมีข องโมเลกุล ซึ่ งเป็นขั้น ตอนของ
กระบวนการไพโรไลซิสได้เป็นผลิตภัณฑ์จําพวกก๊าซต่างๆ ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์
มีเทน และไฮโดรเจน ผลิตภัณฑ์ของเหลวที่สามารถกลั่นตัวได้ เช่น น้ํา กรดอะซิติก กรดฟอร์มิกอะซิโตน
เมธานอลเมทิลอะซิเตทฟีนอล เป็นต้น รวมทั้งพวกทาร์และชาร์ หลังจากนั้นเมื่อมีการให้ความร้อนเพิ่มขึ้นไป
อีกจนมีอุณหภูมิประมาณ 900 – 1,100 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีการเติมตัวออกซิไดส์ให้แก่ระบบจะทํา
ให้ทาร์และถ่านชาร์เกิดการแตกตัวได้เป็นก๊าซผลิตภัณฑ์ต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้นั้นเป็นขั้นตอนของกระบวนการ
แก๊สซิฟิเคชั่นนั่นเอง
กระบวนการไพโรไลซิสและกระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น ต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันซึ่งสามารถ
สรุปได้ในตารางที่ 2-1
ตารางที่ 2-1การเปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสีย ของกระบวนการไพโรไลซิสและกระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น
ประเภท กระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) กระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่น (Gasification)
ผลิตภันฑ์ที่ได้ทั้ง 3 ประเภท เป็น เป็นการนําเชื้อเพลิงราคาถูกมาใช้แทนก๊าซหรือใช้
เชื้อเพลิงที่มีเกรดสูงกว่าเชื้อเพลิงชีว กับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้
ข้อดี มวล เหมาะกับการผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กไม่เกิน 1 เมกะ
วั ต ต์ บริ เ วณที่ มี ป ริ ม าณเชื้ อ เพลิ ง จํ า กั ด และ
เหมาะสมกับหมู่บ้านชนบทที่กระแสไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
ข้อเสีย กระบวนการให้ความร้อนโดยตรงยังมี ประสิทธิภาพทางด้านความร้อนของระบบนี้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 29
รูปแส
แ ดงกรระบบวนนกการรไพพโรรไลซิสร่
ส วม
ว กับกร
บ ระบบวนกการรแก๊ก๊สซิ
ส ฟิฟเิ คชั
ค ัน่
คู่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 300
หน้
2.2 เทคโนโลยีหม้อไอน้ํา
หม้ อ ไอน้ํ า เป็ น อุ ป กรณ์ ที่ ใ ช้ ใ นการผลิ ต ไอน้ํ า สํ า หรั บ ให้ ค วามร้ อ นในกระบวนการผลิ ต ในโรงงาน
อุตสาหกรรม หรือเพื่อใช้ขับกังหันไอน้ํา (Steam Turbine) หรือเครื่องจักรไอน้ํา (Steam Engine) เพื่อผลิต
พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานกล หน้าที่หลักของหม้อไอน้ําคือการผลิตไอน้ําที่มีความดัน อุณหภูมิ และอัตรา
การไหลที่กําหนดไว้
2.2.1 ชนิดของหม้อไอน้ําสามารถจําแนกชนิดของหม้อไอน้ําออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะ
โครงสร้างการทํางานและวัตถุประสงค์การใช้งาน ในที่นี้จะขอกล่าวถึงหม้อไอน้ําโดยพิจารณาจากโครงสร้าง
การทํางาน ดังนี้
2.2.1.1 หม้อไอน้ําท่อไฟ (Fire Tube Boiler)เป็นหม้อไอน้ําที่มีความสามารถในการผลิตไอ
น้ําได้ไม่มาก เนื่องจากผลิตไอน้ําได้ที่ความดันและอัตราการไหลจํากัด เนื่องจากมีลักษณะโครงสร้างที่
เป็นถัง (shell) ทรงกระบอกใหญ่ในแนวนอนหรือแนวตั้ง โดยมีห้องเผาไหม้เป็นรูปทรงกระบอกอยู่
ภายในตัวถัง ส่วนผนังของท่อจะทําเป็นลอกเพื่อรองรับการขยายตัวขณะร้อน และเพื่อเพิ่มความ
แข็งแรงของโครงสร้างเมื่อรับความดันสูง ห้องเผาไหม้จะอยู่ด้านหน้าของหม้อไอน้ํา ซึ่งสามารถใช้ได้
ทั้งเชื้อเพลิงแข็ง เชื่อเพลิงเหลว และก๊าซความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจะถ่ายเทความร้อน
ให้กับน้ํารอบตัว โดยกลไกการถ่ายเทส่วนใหญ่จะเป็นแบบการแผ่รังสี หลังจากนั้นไอเสียร้อนจะ
เคลื่อนที่ย้อนกลับในท่อหลายๆ ท่อที่วางเรียงตัวขนานกับหม้อไอน้ํา ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการถ่ายเท
ความร้อนให้กับหม้อไอน้ํา (เนื่องจากปริมาณพื้นผิวถ่ายเทความร้อนมีค่ามากขึ้น) การมีไฟหรือไอเสีย
ร้อนเดินในท่อ จึงเรียกหม้อไอน้ําชนิดว่าท่อไฟ หลังจากที่ไอเสียร้อนเคลื่อนที่มาถึงด้านหน้าของหม้อ
ถ้าปล่อยออกที่ตําแหน่งนี้ โดยปกติหม้อไอน้ําชนิดนี้จะเรียกว่า ท่อไฟแบบ 2 กลับ (2 passes) แต่
สามารถออกแบบให้ไอเสียเคลื่อนที่ย้อนกลับได้อีกครั้งหนึ่งก่อนออกสู่ปล่อง ก็จะเรียกว่าเป็นท่อไฟ 3
กลับ โดยทั่วไปมักใช้มาเกิน 4 กลับ เนื่องจากเพิ่มความยุ่งยากในการออกแบบตําแหน่งของกลุ่มท่อไฟ
ในแต่ละกลับ (pass) อาจกําหนดให้อยู่ข้างใต้ หรือเหนือช่องเตาก็ได้ วัตถุประสงค์ของการเพิ่มจํานวน
กลับเพื่อเพิ่มเนื้อที่ผวิ ถ่ายเทความร้อน ซึ่งจะทําให้การถ่ายเทความร้อนออกจากตําแหน่งไอเสียจากน้ํา
ให้ได้มากที่สุดก่อนไหลออกปล่อง
เนื่องจากข้อจํากัดในเรื่องของรูปร่างโครงสร้างทําให้หม้อไอน้ําชนิดนี้มีความสามารถในการผลิต
ไอน้ําได้ไม่เกิน 25 บาร์ ที่อัตราการไหลไม่เกิน 29 ตัน/ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลิตไอน้ําอิ่มตัว
เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตและใช้สอยอย่างอื่น
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 31
รูปแสดงหม้อไอน้ําชนิดท่อไฟ
2.2.1.2 หม้อไอน้ําท่อน้ํา (Water Tube Boiler)ในระบบหม้อไอน้ําชนิดนี้ น้ําจะไหลเวียน
อยู่ในท่อ ในขณะที่ไอเสียจากการเผาไหม้จะไหลผ่านท่อต่างๆ เหล่านี้ ทําให้ได้การถ่ายเทความร้อน
จากไอเสียมาให้น้ําในท่อ ซึ่งมีการไหลเวียนโดยอาศัยความแตกต่างในค่าความหนาแน่นของน้ําที่
ตําแหน่งแตกต่างกัน น้ําในท่อส่วนที่รับความร้อนก็จะลอยตัวสูงขึ้นและน้ําที่เย็นกว่าก็จะไหลมาแทนที่
ทําให้เกิดการไหลเวียนตามธรรมชาติ ในกรณีที่ต้องการไอน้ําที่มีความดันสูง อัตราการไหลสูง ลักษณะ
การเวียนตามธรรมชาตินี้อาจไม่เพียงพอจึงจะเป็นต้องใช้ปั๊มช่วยไอน้ําที่เกิดขึ้นจะถูกเก็บสะสมไว้ในถัง
ไอน้ําด้านบนสําหรับนําออกไปใช้งาน ระบบท่อน้ําที่ใช้อาจออกแบบให้มีรูปร่างหลายลักษณะ เช่น
ออกแบบให้มีรูปร่างตามอักษร A D และ O เป็นต้น หรือออกแบบให้ระบบท่อบางส่วนให้เป็นส่วน
หนึ่งของผนังหม้อไอน้ํา จะได้ช่วยหล่อเย็นผนังทําให้สามารถรับอุณหภูมิได้สูงขึ้นเป็นการช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพของระบบ
หม้อไอน้ําที่ใช้ระบบผลิตกําลังมักจะเป็นแบบท่อน้ําผลิตไอดง โดยที่น้ําจะอยู่ภายในท่อและไอ
เสียร้อนไหลผ่านด้านนอกของท่อ จากลักษณะโครงสร้างที่แสดงดังรูปทําให้สามารถผลิตได้ไอน้ํา
ปริมาณมากๆ ที่ความดันสูงอาจมีค่าถึง 1,800 ตัน/ชั่วโมง ที่ความดันสูงกว่าค่าความดันวิกฤตของน้ํา
(>221 บาร์)
รูปแสดงหม้อไอน้ําชนิดท่อน้ํา
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 32
รูปแสดงหม้อไอน้ําแบบไหลผ่านครั้งเดียวตลอด
2.2.1.4 หม้อไอน้ําความร้อนทิ้ง (Waste-Heat Boiler)ความร้อนที่ใช้ผลิตไอน้ําในหม้อไอ
น้ําชนิดนี้ ได้จากความร้อนทิ้งจากระบวนการผลิต หรือเครื่องจักรบางอย่างเช่น ไอเสียจากเตาเผา
ปูนซีเมนต์ เตาอบเหล็ก เตาเผาเซรามิค เครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน และเครื่องกังหันก๊าซ เป็นต้น
ความร้อนในไอเสียที่ได้มักจะมีอุณหภูมิสูงที่ได้มักมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 500 -1,000°C ซึ่งยังจัดว่ายัง
มีอะเวเลบิลิตีค่อนข้างสูง สามารถนํามาใช้ในการผลิตไอน้ําหรือน้ําร้อยเพื่อใช้ประโยชน์ได้ โดยทําให้ไอ
เสียดังกล่าวไหลผ่านเข้าไปในหม้อไอน้ําความร้อนทิ้ง ซึ่งโดยลักษณะโครงสร้างของมันสามารถกล่าวได้
ว่าเป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนแบบเปลือกและท่อ (Shell-and-Tube Heat Exchanger) แบบ
หนึ่ ง นั่ น เอง ทั้ ง นี้ โ ดยจั ด ให้ ไ อเสี ย ร้ อ นไหลในถั ง และน้ํ า ไหลในท่ อ ในกรณี ที่ ต้ อ งการเพิ่ ม พิ กั ด
ความสามารถของหม้อเช่น เพิ่มอัตราการไหล หรือความดัน อาจจะใช้เตาเผาไหม้เชื้อเพลิงเสริมเข้าไป
ในระบบได้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 33
รูปแสดงหม้อไอน้ําความร้อนทิ้ง
2.2.1.5 หม้ อไอน้ํ าชี วมวลโรงไฟฟ้ า ชี ว มวลและโรงงานที่ ใ ช้ เ ชื้ อ เพลิ ง ชี ว มวลในการผลิ ต
พลังงานนั้น ส่วนมากจะใช้ระบบการเผาไหม้โดยตรง (Direct-Fired) โดยนําเชื้อเพลิงชีวมวล มาเผา
ไหม้โดยตรงในหม้อไอน้ํา (Boiler) และถ่ายเทความร้อนที่เกิดขึ้นให้แก่น้ําในหม้อไอน้ําจนกลายเป็นไอ
น้ําที่ร้อนจัดและมีความดันสูง ซึ่งไอน้ํานี้จะถูกนําไปปั่นกังหันที่ต่ออยู่กับเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ทําให้ได้
กระแสไฟฟ้าออกมา นอกเหนือจากการผลิตไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวแล้ว ในโรงงานอุตสาหกรรมหลาย
ประเภท เช่น โรงน้ําตาล โรงกระดาษ ก็จะใช้ประโยชน์จากไอน้ําที่ผลิตได้จากเชื้อเพลิงชีวมวล ไปใช้
ในขั้นตอนการผลิตของโรงงานด้วย ซึ่งการผลิตไอน้ําและไฟฟ้าร่วมกันนี้เรียกว่าระบบผลิตไฟฟ้าและ
ความร้อนร่วม (Cogeneration) ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตหม้อไอน้ําชีวมวลจะเป็นหม้อไอน้ําประเภทท่อไฟ หรือหม้อไอน้ําประเภทท่อ
น้ํา และมีระบบการเผาไหม้ดังที่เสนอไว้เช่น ระบบสโตรกเกอร์ ระบบไซโคลน และระบบฟลูอิดไดซ์เบด ทั้งนี้
ขึ้ น อยู่ กั บ วั ต ถุ ป ระสงค์ ก ารใช้ ง านของแต่ ล ะภาคอุ ต สาหกรรม เช่ น ในอุ ต สาหกรรมที่ ต้ อ งใช้ ไ อน้ํ า ใน
กระบวนการผลิตมักเลือกใช้หม้อไอน้ําแบบท่อน้ําเนื่องจากสามารถผลิตไอน้ําที่ความดันสูงได้ ซึ่งนอกจากจะ
ใช้ไอน้ําในกระบวนการผลิตแล้วยังผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานหรือผลิตขายให้กับการไฟฟ้าฯ ยกตัวอย่างเช่น
โรงงานน้ําตาล โรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลัง โรงงานผลิตน้ํามันปาล์ม เป็นต้น สําหรับหม้อไอน้ําแบบท่อไฟ
ส่วนใหญ่จะใช้ในโรงงานที่ต้องการใช้ไอน้ําไม่สูงมากนักเช่น โรงสีไฟ โรงเลื่อยไม้ โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์
โรงงานผลิตอาหาร เป็นต้น
2.3 เทคโนโลยีผลิตความร้อนร่วมกับไฟฟ้า
ระบบผลิตพลังงานความร้อนร่วม เป็นอีกทางหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบเพราะ
เป็นการนําพลังงานความร้อนที่ออกจากกังหันผลิตไฟฟ้ากลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก การผลิตพลังงานร่วม
สามารถจําแนกตามลําดับก่อนหลังของการผลิตไฟฟ้าและความร้อนออกได้เป็น 2 แบบ คือการผลิตไฟฟ้า
นําหน้า (Topping Cycle) แต่ถ้าเอาความร้อนจากเชื้อเพลิงไปใช้ในกระบวนการผลิตก่อน จากนั้นจึงนํา
ความร้อนที่เหลือไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าเรียกว่า การผลิตไฟฟ้าตามหลัง (Bottoming Cycle)
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 34
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 35
Open cycle gas turbine cogeneration System Closed Cycle Gas Turbine Cogeneration System
รูปแสดง Gas Turbine Cogeneration
2.3.3 ระบบผลิตพลังงานร่วมโดยใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (InternalCombustion Engine
Cogeneration)ระบบนี้มีทั้งชนิดที่เป็น Spark-Ignition (S.I) มักใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและ
Compression Ignition (C.I) Engines เน้นการใช้น้ํามันเตาเป็นหลัก นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ระบบยัง
ประกอบด้วย ระบบหล่อเย็น เสื้อสูบและน้ํามันหล่อลื่น กับ Waste Heat Boiler ที่ใช้แปลงพลังงานในไอ
เสียให้เป็นไอน้ําหรือน้ําร้อนไปในกระบวนการผลิตได้ พลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมาจะเครื่องยนต์
สันดาปมี 2 ลักษณะคือ
o อยู่ในรูปของไอเสียซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 310-430°C ซึ่งอาจใช้ในการผลิตไอน้ํา ปริมาณ
ความร้อนที่มีอยู่ในไอเสียนี้จะมีค่าประมาณ 50% ของความร้อนที่เครื่องยนต์จะปล่อยออกมาทั้งหมด
o พลังงานความร้อนที่มีอุณหภูมิต่ําอยู่ในรูปของระบบน้ําระบายความร้อน ระบบน้ํามันหล่อลื่น
และระบบลมระบายความร้อน พลังงานเหล่านี้ไม่อาจะใช้ในกระบวนการผลิตได้ แต่อาจจะใช้ในการอุ่นน้ํา
ป้อนหรือใช้เป็นน้ําป้อนระบบ ซึ่งในกรณีนี้จะต้องมีระบบน้ําหล่อเย็นสํารองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินด้วย
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 36
รูปแส
แ ดง Innteernnall Com
C mbbusstionn Eng
E ginne Coogeeneratiionn
2 4 เททคโโนโโลยียีหหลังกา
2.4 ง ารเเผาาไหหม้
กาารเเผาาไหหม้ทุทกชนินิดจะ
จ ก่อให้
อ ห้เกิดมลพ ษ ากมมาย ซึ่งสร้
ม พิษมา ส ้างปปัญห
ญ าใหห้แก่แ สภา
ส าพพแววดลล้อมไ ม ด้ จึงจํจาเป็นต้
นต้อง
คิดพัฒนฒนาเททคคโนนโลลยีการก รดักจั
ก บสบสารรมลลพิษแ น ะออองงที่ออ
ษและะฝุ่นล อ กจจากกกรระบบวนนกการรเผาไหหม้้ก่อนป อ ปล่อยยก๊าซอา ออกสูสู่
ปล่องเพื
ปล่ ง พือ่ ระบ
ร บายยสูบร
บ่ รรยยากกาศศโดดยปปราาศจจากกมมลพิพิษ
2..4.1 เททคโโนโโลยียีการดา ดักจัก บฝุ
บ ่น
o Ellecctro P cippittator(ESSP) การ
osttatticc Pre ก รดักจั
ก ับฝุ่นด้ดวยกการใใช้้ไฟฟ้าสถิ
า ถิตดัดกจับเถ้
บ ถ้าลอย
ล ย โดยยให้ห้
ฝุฝนละ
่น ะออองมีมีประจุไฟฟ้ฟ้าขัข้วหนึ
หนึ่งและ
แ ะถังเก็ ล อองมีีประจ
ง ก็บละอ ฟ าอีกขัขัว้ หนึ
ร จุไฟฟ้ ห ่ง ระบ
ร บบนี้มีมีประสิ
ร สิทธิ
ท ภาพ
ภ พสูงในนการดัก
จัจบฝุ
บ ่น แต่
แ เมื อ ามมาใชช้กักับขี้เถ้าอื่นๆ โดย
เ ่อนํ โ ยเฉฉพาะซิลิลิกาใน
า นขี้เถ้าแก
า กลบซึซึ่งมีคุณสสมบัติติต้านท ก ด ทําให้
า ทาานกการรถูกดู า ห้
ป ะสิสิทธิภาพใ
ปร า ในกาารจัจับฝุฝ่นลดดลงง ดัังนั้น ต้องอ
อ ออกกแบบบเผืผื่อไว้
ไ ให้หใหญ
หญ่ขนหนึ้ หรือมี
อ ระบร บบบอืนม
น่ าเสสริม เช่
เ น ไซซโคคลน
รูปแ
ปแสดดง Ellecctroosttatticc Preccippitatoor (EESPP)
o ( ycllonnee)ใช้ช้หลักกา
ไซซโคคลนน (Cy ก ารขของงแรรงหหนีศูนย์
น กลก างเเหวีวี่ยงเพื
ง พื่อให้
ใ ก๊กาซเกิกิดกาารหหมุนตั
น ัว ฝุฝ่นจะ
นะ
ถูถกแยยกอออกกมายัยังผนั ง ซโคคลนนแลละจจะเคลืลือนที
ผ งไซ ่อ ที่ลงไป
ง ปยัังส่วน
วนปลลายยขอองโโคนนลงสูสถั่ งพัก (Hooppper)
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 377
หน้
รูปแสดงไซโคลน (Cyclone)
o ถุงกรอง (Bag Filter)ถุงกรองมีโครงสร้างเป็นรูพรุน ประกอบด้วยสารที่เป็นเมล็ดหรือเส้นใย
ซึ่งจะกักกันอนุภาคไว้ให้ก๊าซไหลผ่านช่องว่างของเครื่องกรอง เครื่องกรองในปัจจุบันสามารถกําจัดอนุภาค
ขนาดต่างๆ โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก สําหรับถุงกรองโดยปกติทําด้วยผ้าทอ (Woven Fabric) หรือผ้า
สักหลาด (Felted Fabric) ใยหินหรือไนลอน เครื่องกรองแบบถุงนี้ต้องทําความสะอาดเป็นครั้งคราวไม่
เหมาะกับอนุภาคที่มีความชื้น ค่าก่อสร้างและการดําเนินงานสูง แต่ทนความร้อนสูงได้ไม่ดี
2.4.2 เทคโนโลยีการจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นการจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกจากก๊าซที่
เกิดจากการเผาไหม้หรือจากก๊าซเชื้อเพลิง (Flue Gas) ที่เกิดจากขบวนการผลิตก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ
เรียกกระบวนการนี้ว่า Flue Gas Desulfurization (FGD) โดยการทําปฏิกิริยาระหว่าง Flue Gas กับน้ํา
ปูนหรือหินปูนทั้งในรูปของการฉีดพ่นฝอยหรือใส่เข้าไปเป็นของเหลว ปฏิกิริยาดังกล่าวจะเกิดซัลเฟต
หรือซัลไฟต์ขึ้นเป็นของแข็ง คือ ยิปซั่มสังเคราะห์ (Synthetic Gypsum) วิธีการนี้สามารถลดซัลเฟอร์ได้
80-90% แต่ไม่สามารถลดปริมาณออกไซด์ของไนโตรเจนได้ จึงต้องมีระบบกําจัดของเสียที่เกิดจากระบบ
กําจัด (Scrubber) อีกด้วย เทคโนโลยีดังกล่าวมี 2 แบบ ได้แก่
o แบบฉีดแห้ง(Dry Sorbent Injection Process)เหมาะสําหรับใช้กรณีที่ไม่ต้องการ
ประสิทธิภาพสูงในการกําจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพราะมีประสิทธิภาพในการกําจัด 45% ระบบนี้จึงไม่
เป็นที่นิยมและใช้อยู่ในวงจํากัดเท่านั้น
o ระบบเปียก(Wet Limestone Process)เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบแห้งคือ
สามารถกําจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์สูงประมาณ 92% และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ระบบนี้ได้รับความนิยม
มากกว่าระบบแห้งมีใช้กันอยู่ประมาณ 90% ของการใช้ FGD ทั้งหมด
2.5 การเลือกใช้เทคโนโลยี
โดยทั่วไปเชื้อเพลิงชีวมวลสามารถนํามาใช้กับเทคโนโลยีการ
เผาไหม้แบบต่างๆได้ แต่ต้องมีการนําชีวมวลมาวิเคราะห์อย่าง
ถูกต้องเพื่อใช้ในการออกแบบเทคโนโลยีที่ใช้เผาไหม้ชีวมวลได้ดี
ยกตัวอย่างเช่น การใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ซึ่งจะเผา
ไหม้ได้ดีในฟลูอิไดซ์เบด (Fluidized Bed) เพราะใช้อุณหภูมิเผา
ไหม้ต่ําช่วยลดการจับตัวเป็นก้อน การเผาไหม้ในเตาแบบตะกรับ
(Stoker Firing) และการเผาไหม้ในเตาแบบลอยตัว (Suspension
Firing) สามารถใช้ได้แต่ต้องระวังให้การจับตัวเป็นก้อนของขี้เถ้าให้
มีน้อยที่สุด สําหรับการเผาไหม้ในเตาแบบลอยตัวไม่เหมาะกับชีวมวลเป็นส่วนใหญ่เพราะต้องนํามาย่อยก่อน
ทําให้ราคาต้นทุนชีวมวลสูงขึ้น เทคโนโลยีแก๊สเชื้อเพลิง (Gasification Technology) อาจเป็นทางเลือกที่
น่าสนใจ แต่ติดปัญหาในด้านการยอมรับทางเทคนิคและการค้าหากทําการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ซึ่งทําให้
ระบบมีความน่าเชื่อถือและราคาไม่สูง ระบบแก๊สเชื้อเพลิงก็จะเป็นทางเลือกที่สําคัญทางหนึ่ง ในปัจจุบัน
เทคโนโลยีหม้อไอน้ําที่ใช้เตาเผาแต่ละแบบข้างต้นจะมีประสิทธิภาพ (Boiler efficiency) มากกว่า 80% ขึ้น
ไป โดยสามารถเปรียบเทียบ ข้อเด่น – ข้อด้อย ของระบบการเผาไหม้แต่ละแบบดังแสดงในตารางที่ 2.2
ตารางที่ 2.2 เปรียบเทียบ ข้อเด่น – ข้อด้อย ของระบบการเผาไหม้โดยตรงแต่ละแบบ
ข้อเด่น ข้อด้อย
การเผาไหม้ในเตาเผาแบบตะกรับ
• การควบคุมง่าย สามารถปิดเตาและเร่งเตาขึ้น • มี ส่ ว นประกอบที่ ต้ อ งเคลื่ อ นที่ ข นาดใหญ่ แ ละ
ใช้ได้ทันที ต้ อ งรั บ ความร้ อ นตลอดเวลา ทํ า ให้ ต้ อ งเสี ย
• มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงไม่ ค่าใช้จ่ายบํารุงรักษาสูง
เกิ น 181,440 กิ โ ลกรั ม ไอน้ํ า ต่ อ ชั่ ว โมง โดย • ใช้พื้นที่ติดตั้งส่วนเตาเผามาก
ขนาดที่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ คือ กําลังการผลิตไอ • อั ต ราการปล่ อ ยความร้ อ นต่ อ ปริ ม าตรต่ํ า กว่ า
น้ําไม่เกิน 45,000 กิโลกรัมไอน้ําชั่วโมง เตาเผาแบบอื่น เตาเผาแบบตะกรับสามารถใช้
• ใช้พลังงานในการเตรียมเชื้อเพลิงน้อย(ไม่ต้องมี กับเชื้อเพลิงชีวมวลที่มีปริมาณเถ้าอย่างต่ํา 8%
เครื่องบด) (หลักอ้างอิงแห้ง) เพื่อให้มีชั้นเถ้าปกคลุมตะกรับ
• ใช้เชื้อเพลิงได้หลายชนิด โดยอาจป้อนเดี่ยวหรือ เตาหนาพอไม่ให้ตะกรับร้อนจัดเกินไป กรณีที่
ผสมกัน เชื้อเพลิงมีปริมาณเถ้าต่ําจะทําให้ไม่มีเถ้าหลอม
• ควบคุมการเกิดควันและการปลดปล่อยฝุ่นให้อยู่ (molten ash) ปกคลุมตะกรับหนาเพียงพอ
ในมาตรฐาน โดยใช้ เ พี ย งอุ ป กรณ์ กํ า จั ด ง่ า ยๆ โดยเถ้ า หลอมนี้ จ ะทํ า หน้ า ที่ ค ล้ า ยฉนวนความ
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 40
ข้อเด่น ข้อด้อย
เช่น ไซโคลน หรือเครื่องดักฝุ่น เท่านั้น ร้อนจากการเผาไหม้ถ่ายเทสู่ตะกรับมากเกินไป
จนทําให้เตาเผาเสียหายได้
การเผาไหม้ในเตาเผาฟลูอิไดซ์เบด
• ใช้เชื้อเพลิงได้หลายชนิดโดยใช้เดี่ยวหรือผสมที่มี • ระยะเวลาเริ่มจุดเตาหรือหยุดเดินเตานาน
คุ ณ ภาพแตกต่ า งกั น มากได้ เ พราะมี เ วลาอยู่ • การทํางานของระบบป้อนผันแปรกับสมบัติของ
ในเบดนานจึงเผาไหม้ได้สมบูรณ์ เชื้อเพลิงมาก
• เนื่ อ งจากอุ ณ หภู มิ ใ นเตาเผาต่ํ า (ไม่ เ กิ น • ท่อไอน้ําเกิดการสึกกร่อน (erosion) สูง จาก
1,000°C) ทําให้ลดการกัดกร่อนและการเกาะ การปะทะของอนุภาคและก๊าซ
ของเถ้าหลอมเหลวบนพื้นผิวถ่านโอนความร้อน • ระบบจัดการกับเถ้าขนาดใหญ่ และยุ่งยาก
(fouling) • ใช้พลังงานสําหรับพัดลมของหม้อไอน้ําสูงกว่า
• ถ่ายเทความร้อนที่สําคัญเป็นแบบการพาความ เตาเผาชนิดอื่นๆ
ร้อน เนื่องจากการปั่นป่วนของอนุภาคในเบด
การเผาไหม้แบบลอยตัว
• ปรั บ อั ต ราการป้ อ นเชื้ อ เพลิ ง ง่ า ย และมี ก าร • ต้ อ งมี ก ารเตรี ย มเชื้ อ เพลิ ง ให้ มี ข นาดและ
ตอบสนองเร็ว ความชื้นไม่เกินค่าที่ออกแบบไว้
• ได้เปลวไฟที่อุณหภูมิสูงในตําแหน่งที่ถูกต้องและ Ͳ ความชื้นของเชื้อเพลิง – ระบบการเผาไหม้
เปลวไฟมีการแผ่รังสีความร้อนสูง แบบลอยตั ว มี ข้ อ จํ า กั ด เรื่ อ งความชื้ น ของ
• การเผาไหม้สมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้อากาศเกินพอ เชื้ อ เพลิ ง ที่ ใ ช้ ใ นการเผาไหม้ ไ ม่ เ กิ น 20%
สูง (ขึ้ น อยู่ กั บ การออกแบบของผู้ ผ ลิ ต ) ซึ่ ง
• มีชั่วโมงการใช้งาน (availability) สูง ก่อให้เกิดปัญหาในการบดและประสิทธิภาพ
การเผาไหม้
• ได้เถ้าที่มีคุณภาพสูง
Ͳ ขนาดของเชื้อเพลิง – เชื้อเพลิงที่ใช้ในระบบ
ก า ร เ ผ า ไ ห ม้ แ บ บ ล อ ย ตั ว จ ะ ต้ อ ง ถู ก
บดละเอียด
• เถ้าเบามีขนาดเล็กและส่วนใหญ่ติดไปกับ Flue
gas จึงต้องใช้ระบบกําจัดที่มีประสิทธิภาพสูง
• ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิการเผาไหม้และการ
เกิดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ การออกแบบเตาเผา
ให้ มี อุ ณ หภู มิ ก ารเผาไหม้ ประมาณ 800 -
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 41
ข้อเด่น ข้อด้อย
900°C การใช้กระบวนการเผาไหม้แบบหลาย
ขั้นตอน (Staged Combustion) และการจํากัด
ปริมาณออกซิเจนที่ใช้ในการเผาไหม้ไม่ให้เกิน
6% (Excess air < 30%) เพื่อลดการเกิดก๊าซ
ไนโตรเจนออกไซด์
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องขี้เถ้าซึ่งมีส่วนประกอบของอัลคาไลน์ทําให้เกิดตะกรัน การจับตัวเป็นก้อน
และทําให้ท่อน้ําในหม้อน้ําชํารุดเสียหาย ถ้าเป็นขี้เถ้าแกลบจะมีลักษณะคล้ายทรายละเอียดทําให้เกิดการกัด
กร่อนได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาคือลดอุณหภูมิเผาไหม้ลงและให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ดักจับฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ
สูงก็สามารถช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากขี้เถ้าได้ ทั้งนี้คุณสมบัติของชีวมวลแต่ละชนิดจะมีข้อดีและข้อเสีย
แตกต่างกันไป อาจสรุปได้ดังตารางที่ 2-3 และด้วยความแตกต่างของคุณสมบัติชีวมวลจึงส่งผลต่อต้นทุนใน
การจัดการได้ดังนี้
ตารางที่ 2-3เปรียบเทียบความเหมาะสมของแต่ละเทคโนโลยีสําหรับชีวมวลชนิดต่างๆ
ระดับความเหมาะสม
ชีวมวล
แบบตะกรับ ฟลูอิดไดซ์เบด แบบลอยตัว
แกลบ ปานกลาง มาก ปานกลาง
กากปาล์ม น้อย ปานกลาง น้อย
ชานอ้อย ปานกลาง มาก น้อย
เศษไม้ มาก มาก น้อย
กะลาและซังข้าวโพด ปานกลาง ปานกลาง น้อย
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 42
เหง้ามันสําปะหลังเป็นวัสดุเหลือทิ้งในไร่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีการนําไปใช้ประโยชน์และมักจะ
เผาทิ้ง ปัญหาหลักของการนําเหง้ามันมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าคือ มีสิ่งปนเปื้อนมาก เช่น กรวด หิน
ดิน ทราย จึงต้องมีการจัดการเบื้องต้นก่อน คุณสมบัติของเหง้ามันสําปะหลังและเปลือกนอกมีโครงข่ายของ
ซิลิก้าให้ความแข็งแรงและทนต่อการเผาไหม้และติดไฟได้ยาก การนําเหง้ามัน มาเป็นเชื้อเพลิงจึงจําเป็นต้อง
ทําการย่อยเหง้ามันให้มีขนาดเล็กประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ก่อนป้อนเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้ จึงทําให้
ต้นทุนในการแปรรูปค่อนข้างสูง
ใบ/ยอดอ้อยและฟางข้าวมี
น้ําหนักเบาส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูง
สําหรับปัญหาหลักคือการเก็บรวบรวม
ใบและยอดอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิง โดย
ใช้รถอัดก้อน (Baler) ลงไปเก็บในไร่
อ้อย ทําให้ตออ้อยที่จะปลูกในฤดูกาลถัดไปถูกรถทับได้รับความหาย ขณะเดียวกันก็ไม่มีเทคโนโลยีหม้อไอ
น้ํา (Boiler) ที่เหมาะสมรองรับ
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 43
บทที่ 3
การศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนโครงการผลิตพลังงานชีวมวล
การพิจารณาและตัดสินใจในการหาสถานที่ตั้งโรงงานไฟฟ้าชีวมวลที่เหมาะสม ต้องพิจารณาถึงแหล่ง
ชีวมวล ปริมาณชีวมวลที่จะนํามาใช้เป็นเชื้อเพลิงและต้นทุนการผลิตซึ่งได้แก่ ต้นทุนการรวบรวม ต้นทุนการ
แปรรูปและต้นทุนการขนส่ง (ภายในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร) ทั้งนี้เพื่อลดปัญหา อุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น
และส่งผลกระทบต่อการดําเนินการของโรงไฟฟ้าได้ ซึ่งในภาคต่างๆ ของประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าชีวภาพและ
มีความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพแตกต่างกัน ดังนี้ ภาคตะวันออกถือเป็นภาคที่มีกําลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวล
มากสุดมีความต้องการแกลบและชีวมวลอื่นๆประมาณวันละ 3,000 ตันซึ่งมากกว่าที่ผลิตได้หลายเท่าตัวจึง
ต้องทําการจัดหาชีวมวลจากภาคใกล้เคียงอื่นๆเช่น ภาคอีสานตอนบนตอนล่างภาคกลางและภาคตะวันตก
ซึ่งการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่มากกว่า 90% มาจากโรงงานน้ําตาลนอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆเช่นโรงปูนซิ
เมนต์ฟาร์มเลี้ยงไก่และโรงเผาอิฐร่วมบริโภคด้วยทําให้มีโรงไฟฟ้าแกลบในเขตนี้น้อยมาก
ภาคเหนือตอนล่างมีโรงไฟฟ้าแกลบและชานอ้อยเท่าๆกันแต่ใน ภาคเหนือตอนบนมีโรงไฟฟ้าชีวมวล
น้อยมากทั้งๆที่มูลค่าของชีวมวลค่อนข้างถูกสาเหตุเพราะมีผู้บริโภคน้อยรายและอีกประการหนึ่งคืออยู่ห่าง
จากผู้บริโภครายใหญ่ในเขตภาคกลางและตะวันออกมาก จึงไม่คุ้มต่อค่าขนส่ง
ภาคใต้ตอนบนเป็นเขตที่มีชีวมวลเหลือใช้จากโรงงานปาล์มน้ํามันและเศษไม้ยางพาราเป็นจํานวนมาก
แต่มีโรงไฟฟ้าใช้เศษวัสดุเหลือใช้ปาล์มน้ํามันเป็นเชื้อเพลิง
เพียง 1 โรงเท่านั้นเพราะมีผู้ผลิตรายใหญ่ซื้อเศษไม้ยางพารา
มาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อส่งออกทําให้มีการแข่งขันด้าน
ราคากันมากในเขตนี้โรงไฟฟ้าเศษไม้ จึงมีโอกาสน้อยมากที่
จะเข้ามาร่วมแข่งขันด้วย ภาคใต้ตอนล่างมีโรงไฟฟ้าเศษไม้
ยางพาราเพียงแห่งเดียวตั้งอยู่ที่จังหวัดยะลาถือเป็นตัวแทน
โรงไฟฟ้ า เศษไม้ ใ นภาคใต้ ทั้ ง หมดอย่ า งไรก็ ต ามสั ด ส่ ว น
ผู้ บ ริ โ ภคเศษไม้ ม ากสุ ด ไม่ ใ ช่ โ รงไฟฟ้ า แต่ เ ป็ น โรงงาน
อุตสาหกรรมที่ใช้ความร้อนในกระบวนการผลิต เช่นโรงงานผลิตถุงมือยางและโรงงานแปรรูปสัตว์น้ําส่วน
ใหญ่ตั้งอยู่ในอําเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 44
3.1 ปัจจัยที่ต้องคํานึงถึงและแนวทางที่เหมาะสมสําหรับนักลงทุน5
การดําเนินโครงการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากชีวมวลผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาข้อจํากัด
และปัญหา-อุปสรรค และกําหนดแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดความสําเร็จจากการลงทุนดังนี้
1. ประเด็นจากสภาพหรือคุณสมบัติของชีวมวล
1.) ปริ ม าณวั ต ถุ ดิ บ ไม่ ส ม่ํ า เสมอตลอดปี เนื่ อ งจากผลผลิ ต เป็ น ฤดู ก าลอาทิ ชานอ้ อ ย
เนื่องจากมีการหีบอ้อยปีละ 4 เดือน โรงงานส่วนใหญ่จะเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพ
ไม่สูงมากและเดินเครื่องเพียง 4 เดือน เนื่องจากโรงงานน้ําตาลที่ผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อยขนาดใหญ่และมี
ประสิทธิภาพสูงจะมีมูลค่าการลงทุนสูง ทําให้ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อให้เกิดความ
คุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตามปริมาณชานอ้อยจะมีเพียงพอสําหรับการผลิตไฟฟ้าในช่วงของการหีบอ้อย
เท่านั้น ดังนั้นหากผู้ประกอบการโรงงานน้ําตาลจะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตลอดทั้งปี ผู้ประกอบการจะมีภาระ
ในการจัดหาเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ประกอบกับปัจจุบันราคาเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่จูงใจให้ผู้
ประกอบกิจการโรงงานน้ําตาลลงทุนในเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง
2.) คุณสมบัติที่ทําให้เป็นต้นทุนด้านต่างๆ
• ฤทธิ์กัดกร่อนได้แก่ ซังข้าวโพด เนื่องจากซังข้าวโพดมีส่วนผสมของโพแทสเซียมได
ออกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง วัสดุที่ใช้ทําอุปกรณ์ในระบบผลิตไฟฟ้าจึงมีความ
จําเป็นต้องทนต่อการกัดกร่อนได้ดีทําให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีการเผาไหม้สูงกว่าชีวมวล
ประเภทอื่นๆนอกจากนี้ซังข้าวโพดยังมีน้ําหนักเบาทําให้การสับย่อยทําได้ยาก ต้องใช้เครื่อง
ตีซังข้าวโพดที่มีราคาสูง ทําให้ต้นทุนการย่อยขนาดซังข้าวโพดต่อน้ําหนักสูงกว่าชีวมวลอื่นๆ
• มีค วามชื้ น และสารประกอบอั ล คาไลน์สู ง ได้ แ ก่ ทะลายปาล์ ม เป็น วัส ดุ เ หลือ ทิ้ง ใน
โรงงานสกัดน้ํามันปาล์ม เช่นเดียวกับ กะลาปาล์มและใยปาล์ม แต่โรงงานสกัดปาล์มน้ํามัน
ส่วนใหญ่ไม่ได้นําทะลายปาล์มมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากปัญหาเรื่องความชื้นที่ค่อนข้างสูง
มีที่ขนาดใหญ่และการสับย่อยขนาดให้เล็กลงทําได้ยากเพราะมีไฟเบอร์ที่เหนียว การกองเก็บ
ทับไว้นานๆ ไฟเบอร์จะมีความเหนียวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอัลคาไลน์สูง
เมื่อเผาไหม้จะทําให้ท่อน้ําในหม้อน้ํามียางเหนียวเกาะติดได้ง่าย ดังนั้นการนําทะลายปาล์ม
มาเป็นเชื้อเพลิงจึงต้องมีแปรรูป และออกแบบเตาเผาพิเศษสําหรับทะลายปาล์มทําให้ต้นทุน
ด้านเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากทะลายปาล์มสูงทะลายปาล์มเปล่าที่กองเก็บไว้นานจะ
เกิดความร้อนและติดไฟได้เอง
• มีสิ่งปนเปื้อนมากได้แก่ เหง้ามันสําปะหลัง เป็นวัสดุเหลือทิ้งในไร่ และมีสิ่งปนเปื้อนมาก
เช่น กรวด หิน ดิน ทราย ทําให้ต้องมีการจัดการเบื้องต้นก่อนส่งผลให้ต้นทุนการผลิต
5
ที่มา หนังสือ“เทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวลและก๊าซชีวภาพ”, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม.
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 45
ไฟฟ้าจากเหง้ามันสําปะหลังสูงเกษตรส่วนใหญ่ไม่มีการนําไปใช้ประโยชน์และมักจะเผาทิ้ง
ปัญหาหลักของการนําเหง้ามันมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าคือคุณสมบัติของเหง้ามันเอง
เนื่องจากเปลือกนอกมีโครงข่ายของซีลิก้าให้ความแข็งแรงและทนต่อการเผาไหม้และติดไฟ
ได้ยาก การนําเหง้ามันมาเป็นเชื้อเพลิงจึงจําเป็นต้องทําการย่อยเหง้ามันให้มีขนาดเล็ก
ประมาณ 3 - 5 มิลลิเมตร ก่อนป้อนเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้ ซึ่งต้นทุนในการแปรรูป
ค่อนข้างสูง
• น้ําหนักเบาได้แก่ ใบ/ยอดอ้อย และฟางข้าว มีน้ําหนักเบาส่งผลให้ต้นทุนการขนส่ง
สูง สําหรับปัญหาหลักของใบและยอดอ้อยคือการเก็บรวบรวม ปัจจุบันมีโรงน้ําตาลบางแห่ง
ได้ทดลองนําใบและยอดอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยใช้รถอัดก้อน (Baler) ลงไปเก็บในไร่อ้อย
หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยแล้ว ปัญหาที่พบคือรถอัดก้อน ไปเหยียบทับ “ตออ้อย” ทําให้
ตออ้อยได้รับความเสียหาย ซึ่งจะมีผลต่ออ้อยในฤดูกาลถัดไป ขณะเดียวกันไม่มีเทคโนโลยี
หม้อไอน้ํา (Boiler) ที่เหมาะสมรองรับ
• ต้ อ งการการจั ด การพิ เ ศษได้ แ ก่ เศษไม้ จ ากสวนป่ า ขององค์ ก ารอุ ต สาหกรรมป่ า ไม้
(ออป.) ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตัดรีดกิ่งและรวบรวมสูง อย่างไรก็ตาม
การตัดรีดกิ่งจะทําให้ไม้ที่ได้จากสวนป่ามีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งทําให้ ออป. มีรายได้จากการขาย
ไม้เพิ่มขึ้น
แนวทางที่เหมาะสม
การแก้ไขปัญหาที่มาจากคุณสมบัติของชีวมวล ได้แก่ ปริมาณวัตถุดิบไม่สม่ําเสมอตลอดปี เนื่องจาก
ผลผลิตเป็นฤดูกาล มีฤทธิ์กัดกร่อน มีความชื้นสูง มีสารประกอบอัลคาไลน์สูง มีสิ่งปนเปื้อนมาก และน้ําหนัก
เบาจําเป็นต้องอาศัยการจัดการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดดังนี้
• ปริมาณวัตถุดิบไม่สม่ําเสมอตลอดปี เนื่องจากผลผลิตเป็นฤดูกาลได้แก่ กากอ้อ ย
จําเป็นต้องมีการสร้างโกดัง หรือระบบเก็บวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการเลือกเทคโนโลยี
ที่ ใ ช้ เ ชื้ อ เพลิ ง มากกว่ า 1 ชนิ ด ที่ ใ ห้ ผ ลผลิ ต ในช่ ว งต่ า งกั น เพื่ อ ให้ ส ามารถบริ ห ารจั ด การ
เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ตลอดทั้งปี
• คุณสมบัติมีฤทธิ์กัดกร่อน มีความชื้นและสารประกอบอัลคาไลน์สูงได้แก่ ซังข้าวโพด
และทะลายปาล์ม ส่งผลให้ต้นทุนทางด้านเทคโนโลยีสูงขึ้น
• คุณสมบัติมีสิ่งปนเปื้อนมากได้แก่ เหง้ามันสําปะหลัง ทําให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดการสิ่ง
ปนเปื้อนและการย่อยก่อนป้อนเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น
เช่นเดียวกับ ซังข้าวโพดและทะลายปาล์ม
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 46
เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างโรงไฟฟ้าและชุมชนที่สําคัญคือให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้าง
โรงไฟฟ้าด้วย
แนวทางที่เหมาะสม
ก่อนดําเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผู้ลงทุนควรประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่
ใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่ผู้ลงทุนเลือกใช้และเทคโนโลยีการกําจัดมลภาวะเพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น รวมถึงการเชิญ
ตัวแทนชาวบ้าน ผู้นําชุมชน และผู้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เดินทางศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าแบบเดียวกับที่
ผู้ลงทุนจะดําเนินการก่อสร้าง เพื่อให้เห็นตัวอย่างของโรงไฟฟ้าที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะด้านฝุ่นต่อชุมชน ซึ่งจะ
ช่วยให้ชุมชนมีความเข้าใจและมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากโรงไฟฟ้าที่จะสร้างขึ้น
นอกจากนี้ผู้ลงทุนควรให้ความสําคัญกับชุมชน โดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ
แสดงความคิดเห็น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสอบถามข้อข้องใจต่างๆ ระหว่างผู้ลงทุนและชุมชน
โดยแนวทางที่เหมาะสมที่ได้จากการประเมินผลในรายงานฉบับนี้พบว่าขั้นตอนการลงพื้นที่เพื่อทําความ
เข้าใจกับชุมชน มีดังนี้
• จัดเวทีประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ และให้ประชาชนแสดงความเห็น
เกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้า
• จัดให้มีการศึกษาและดูงานจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ชีวมวลชนิดต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีเทคโนโลยีที่
สามารถป้องกันปัญหามลภาวะด้านฝุ่นต่อชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
ให้กับประชาชนว่าผู้ลงทุนจะรักษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้ดีดังตัวอย่างที่ประชาชนได้พบเห็น
ผลที่ได้รับจากการศึกษาดูงานจะทําให้ผู้ลงทุนทราบว่า ประชาชนในพื้นที่เห็นชอบกับการสร้าง
โรงไฟฟ้าของผู้ลงทุนหรือไม่ และผู้ลงทุนควรให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีป้องกันผลกระทบ
ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ชุมชนยอมรับและไม่มีกระแสต่อต้าน ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า
• ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผู้ลงทุนควรให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ชุมชน เพื่อเป็นการ
เชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าผู้ลงทุนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้งของ
โรงไฟฟ้า การให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนที่อยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้า เช่น สร้างสนามเด็กเล่น หรือ
ให้เครื่องมืออุปกรณ์ที่จําเป็นแก่การเรียนการสอน หรืออาจมีส่วนร่วมในงานบุญโอกาสต่างๆ
เช่น ทอดกฐิน เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เมื่อมีการร้องขอมาจากหน่วยงานของ
ภาครัฐ เช่น องค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.)
• ควรจัดให้มีตัวแทนจากโรงไฟฟ้าเข้าร่วมประชุมตามวาระการประชุมของ อบต. เป็นระยะๆ
อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง เพื่ อ แลกเปลี่ ย นความคิ ด เห็ น ระหว่ า งชาวบ้ า น ผู้ นํ า ชุ ม ชน และตั ว แทนของ
โรงไฟฟ้า และเพื่อให้ทางโรงไฟฟ้าได้ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการสร้างโรงไฟฟ้าให้เป็นมิตร
กับชุมชนอย่างแท้จริง
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 48
• จัดหาวิธีการเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมลงทุนที่เหมาะสม เพื่อแสดงถึงการเข้ามามีส่วน
ร่วม / ความเป็นเจ้าของ
3.2 ขั้นตอนการพิจารณาโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวล
ขั้นตอนการพิจารณาโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวล จะต้องศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
ทางด้านเทคนิค การเงิน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจะต้องรวบรวมข้อมูล เพื่อนํามาศึกษาและ
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทาง ด้านต่างๆ เหล่านี้ ดังนี้
1) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ควรพิจารณา รายละเอียด ดังนี้
• รายละเอียดโครงการอาทิ การพิจารณาการคัดเลือกสถานที่ตั้งโครงการทั่วไปควรอยู่ใกล้แหล่งชีว
มวลและจุดเชื่อมโยงเข้าระบบไฟฟ้าหรือสถานีย่อยไฟฟ้าของกฟผ.สถานที่ตั้งควรห่างจากชุมชนเพื่อลด
ผลกระทบระหว่างการก่อสร้างและดําเนินการ ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ และการจัดผังพื้นที่โครงการ
• ปริมาณชีวมวลเนื่องด้วยปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้มีความสําคัญยิ่งในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ํา ดังนั้น
ก่อนการเริ่มดําเนินโครงการจําเป็นต้องศึกษาปริมาณเชื้อเพลิงอย่างละเอียด ว่ามีปริมาณชีวมวลใน
พื้นที่เพียงพอตลอดระยะเวลาดําเนินโครงการ รวมถึงราคาและค่าขนส่งของ ชีวมวลที่ส่งมาจาก
แหล่งต่างๆโดยควรพิจารณาความเสี่ยงด้านราคาของชีวมวล เนื่องจากชีวมวลเป็นผลผลิตทาง
การเกษตรชนิดหนึ่ง ราคาจะเปลี่ยนแปลงตามอุปสงค์-อุปทานและฤดูกาลผลผลิตทําให้ขาดความ
สม่ําเสมอตลอดทั้งปี ทางแก้ไขคือการสํารองชีวมวลไว้จํานวนหนึ่งช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อนํามาใช้
ในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวหรือหาชีวมวลอื่นๆเข้ามาเสริมหรือทดแทนเชื้อเพลิงหลัก รวมถึงการทํา
สัญญากันระหว่างนักลงทุนกับเจ้าของเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อช่วยในการจัดหาเชื้อเพลิง
ตารางที่ 3-1 อัตราการบริโภคชีวมวลในการผลิตไฟฟ้าขนาด 1 เมกะวัตต์
ลําดับที่ ประเภทชีวมวล ตัน/ปี/เมกะวัตต์
1 แกลบ 9,600
2 ลําต้นข้าวโพด 13,200
3 ชานอ้อย 17,600
4 เศษไม้ยางพารา (สด) 19,700
5 ฟางข้าว 10,500
6 เหง้ามันสําปะหลัง (สด) 23,600
7 ซังข้าวโพด 13,500
หมายเหตุ : คิดค่าประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่ 20%
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 49
3 กาารททําคววามมเข้ข้าใจกั
3) ใ กับชุมชน
ม น
ผูประ
ป้ ะกออบบกาารคควรรทําก า ารศศึกษา
ก าผลลกรระททบบต่อชุอ มชชนจจากกกาารสสร้างโโรงงไฟฟฟ้า และ แ ะแผผยแพพร่ข้ข้อมูมลเพือส ่ สร้าง
า
ค ามเข้าใจ
คว า จทีถูถ่ กต้
ก องแอ และะสรร้างคว
ง วามมยอมมรับแก บ ก่ประ
ป ะชาาชนนทััว่ ไปป ขั้นตอ
น อนนี้เป็ปนขั
น ้นตน อนนทีสํส่ าคัคญที
ญ จะจ่ ต้อง
อ
ดํดาเนินก
นการใ รให้้เร็วที
ว ่สุด ดังจะะเห็นตัตัวอย่ า จากกบางโโครรงกการร ทีได้
อ างจ ไ่ ดํดาเนิ
เ นก
น ารขขอออนนุญาต ญ ตจาากหหน่วยยงานตต่าง ๆ
แ ะกก่อสร้
แล ส างโ
า โครรงกการรไปปบ้างแ
า แล้ว แต่
แ ได้
ไ รัรบั การ
ก รต่อต้
อต้านจา
น ากชชุมชนน จนโโครรงกการรต้องล้ อ ล้มเลิเ กใน
ก นทีสุส่ ด
4 กาารอออกแแบบบโรรงไไฟฟฟ้า
4)
กาารอออกแแบบบแและะกําหหนดดขขนาาดขขอองอุอุปกร ก ณ์เบื้องต้นเพื น พื่อนําไป
า ปใช้ช้ในก
น าร
จัจดทําข้
า อกํ อ าห า นดดทาางวิวิชากา าร แลละจัดทํด ารา
า ายลละเเอียดย เทคคนินิคและ แ ะอุปกกรณ ณ์ต่ตาง ๆ ที่
ใ ในโ
ใช้ ใ โรงงไฟฟฟ้ฟ้าเพื่อนํ อ าไปปใช้ในกการรสออบบราาคาาหาผูผู้รับเห
บ หมา โดดยใในการคัคัดเลื เ อก
อ
ผูผ้รับเหหมมาอออกกแบบบบแลละกก่อสร้ อ ร้าง (TTurrn Key K y Coonntraacttorr) คววรคคัดเลื ด อกกผู้ทีท่ีมี
ประสสบการณ
ปร ณ์ด้านโรน รงไไฟฟฟ้าชีวมว
ว วลโโดยตตรงง เพพื่อลด
อ ดควาามเเสี่ยงข ย ของกการรดําเนิ า นิน
โ รงกการร โดยยเทคโนโลยียีจะแบ
โคร ะ บ่ง ได้ด้ดังนี
ง ้คืคอื
- โรงไไฟฟฟ้าแบบบใใช้หม้ หม้อไอน้
ไ น้าํ (BBoilerr) ซึงโร
ง่ รงไฟฟฟ้ฟ้าชนิช ดนีดนีจ้ ะเห
ะ หมาาะกักับกําลังการผผลิตระ ต ะดับกบกลาางถึถึง
ร ดับสูสงโดย
ระดั โ ยจะะมีอุปกร ณืหลัลก คือ Booileer, Stteaam Tubbineeแและะ Gen
ป รณื G nerrattor
- โรงไไฟฟฟ้าแบา บบไไม่ใช้
ใ หม้
หม้อไอน้
ไ น้ํา เช่นเท
น ทคคโนนโลยี Ga Gasifficaatioon หลื ห อP
อPyroolyysiss ซึ่งเทคโนนโลลยียีแบบน บ นี้
เหหมมาะะสําหร
า รับโรง
บ งไฟฟฟ้ฟ้าขนา
ข าดเล็กเพ ก พราาะไไม่ต้องใชอ ช้แหล
แ ล่งน้นําขนขนาดดใหหญ่ ญ และะทําให้
า ห้มีต้ตนทุ
น นอุน ปกกรณ ณ์
แ ะกาารกก่อสร้้างลลดดลงง
และ
5 กาารติติดต่อขอ
5) อ ออนุญา ญ ตจจากกหนน่วยง
ว งานนต่าง ๆ
เพืพื่ อ ขอ
ข ออนนุ ญาต อ ร้ า งโ รง ไฟฟฟ้ า กา
ญ ตทัทั้ ง ก่ อส ก รใ ช้ ทีท่ี ดิ น แลละ ขอออนนุ ญา ญ ตจํจํ า หน่
ห น่ า ยไฟ
ย ฟฟ้ฟ้ า ซึ่ งจะ
ง ะมีมี ห ลา
ล ย
ก ะบบวนนการทที่เกี่ยวข้
กร ย ข้องกัง บห
บหน่วยง
ว งานนราชชกาารตต่างๆ ง หลลายแแห่ง รวม ร มไปปถึงข้ ง อก
อกฎหหมายย และ แ ะกฎฎระเบีบียบอือื่นๆ
ดัดงแสสดงงในนบทททีที่ 5
6) กาารดดําเนินก นการรก่อสร
อ ร้างโร
ง รงไไฟฟฟ้า
ป ะกออบด้วยขั
ประ ว ขั้นตอ
ต นหหลัก ๆ ดังนี้
6 ) กาารเเปิดป
6.1) ด ระมูลหรื
ล รือสอสอบรราคคาใในขขั้นตออนกการรเปิปิดปรระมูมูลหรื ห อสสอบบราาคาเพืพื่อว่าจ้างผู า ผู้รับเห
บ หมาามาา
ดํดาเนินก
นการรก่อสร้ อ ร้างโรง งไฟฟฟ้ฟ้าที่เหมา
ห าะสสมแลละรราคคายยุติธรรธ รม
6 ) ดําเนิ
6.2) า นินการ
ก รก่อสอสร้างโรรงไไฟฟฟ้าแบบ่งได้ 2 ขั้นตอ
ตอนคืคือ
1))ขั้นตอ
น อนก่อสร้
อ ร้างโร
ง งไฟฟฟ้ฟ้า
น อนการเชืชื่อมตต่อโรงไ
2))ขั้นตอ โ ไฟฟฟ้ากัา บส
บ ายส่ง
7 กาารเเริ่มใช้
7) ม ช้งานแ
า แลละกการรบริริหารโโรงงไฟฟฟ้ฟ้า
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 511
หน้
การบริหารโรงไฟฟ้าหลังจากเริ่มดําเนินการ เป็นส่วนที่มีความสําคัญมากส่วนหนึ่งของกิจกรรมทั้งหมด
เนื่องจากจะมีผลต่อความสามารถในการจําหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า และจะส่งผลต่อต้นทุนในการดําเนินการ
โดยที่ผู้ประกอบการจะต้องคํานึงถึงการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ แผนซ่อมบํารุงประจําปี แผนการจัดซื้อ
วัตถุดิบระหว่างการดําเนินการ แผนการจ่ายไฟฟ้าในช่วง Peak หรือ Off Peak เป็นต้น
8) อื่นๆ
นอกเหนือจากนั้นการดําเนินโครงการยังมีการศึกษาวิเคราะห์ทั่วไป อาทิ การศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อม
เบื้องต้น ด้านเศรษฐกิจและสังคม ทางด้านนโยบายของรัฐ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการผลิตปริมาณชีวมวล
และรายได้ของโครงการ และในกรณีที่โครงการมีกําลังการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 10 เมกะวัตต์ขึ้นไป จะต้องมี
การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องดําเนินการตามแนวทางของสํานักนโยบายและ
แผนสิ่งแวดล้อมกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหรือหากขนาดของโรงไฟฟ้าใหญ่
กว่า 6 เมกะวัตต์ผู้ประกอบการจะต้องศึกษากระบวนการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้า ตาม
ประกาศของ สํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน
3.3 การวิเคราะห์ผลการตอบแทนการลงทุน
การวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ทั้งนี้เพื่อศึกษาคัดเลือกแนวทางการพัฒนาโครงการที่มีความ
เหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ โดยประเมินหาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present
Value : NPV) อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return :EIRR) อัตราส่วน
ผลประโยชน์ต่อต้นทุน (Benefit Cost Ratio, B/C) และต้นทุนพลังงานไฟฟ้า (Average Incremental
Costs : AIC) เพื่อนําผลการศึกษาเหล่านี้พิจารณาร่วมกับผลการศึกษาด้านวิศวกรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม
เพื่อจัดทําแบบพัฒนาโครงการต่อไป ในการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจของโครงการเพื่อประเมินผลตอบแทนต่อ
การลงทุน จะดูค่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ ดูค่าอัตราส่วนของผลประโยชน์ต่อต้นทุน อัตราผลตอบแทนทาง
เศรษฐกิจ ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า จากนั้นจะมาวิเคราะห์ต้นทุนโครงการ (Project Costs) และวิเคราะห์
ผลประโยชน์ของโครงการ (Project Benefits) กล่าวคือ
การวิเคราะห์ต้นทุนของโครงการ ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน
และบํารุงรักษา การวิเคราะห์ผลประโยชน์โครงการ ประกอบด้วย ผลประโยชน์ด้านไฟฟ้า ผลประโยชน์ด้าน
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้นจึงนํามาวิเคราะห์ความเหมาะสมด้านการเงิน ทั้งนี้เพื่อหาต้นทุน
และผลตอบแทนทางการเงิน เพื่อใช้พิจารณาในการวางแผนและตัดสินใจลงทุน ซึ่งต้องคํานึงถึงเงินเฟ้อ เงิน
อุดหนุนราคาไฟฟ้า (Adder) เพื่อใช้ประเมินค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ของโครงการด้วย ผลประโยชน์ของ
โครงการทางการเงินเป็นรายได้หลักจากการขายไฟฟ้า จะทําโดยใช้หลักเกณฑ์และราคาที่กําหนดตาม
ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าสําหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หรือผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) แล้วแต่
ขนาดการผลิตไฟฟ้าของโครงการ ภายหลังการประเมินการดําเนินการโครงการทางด้านวิศวกรรมแล้ว และ
ได้ผลการวิเคราะห์งบประมาณที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมด วิเคราะห์ผลตอบแทนด้านการเงิน วิเคราะห์ถึง
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 52
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 53
ปรับค่าของเวลา และการเลือกค่าเสียโอกาสของทุนที่เหมาะสมเข้าไว้ด้วยแล้วและคํานวณหาต้นทุนต่อ
หน่วยโดยหารด้วยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ต่อปี
ผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยสามารถใช้ประโยชน์ในการพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาไฟฟ้าที่การ
ไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับซื้อ ซึ่งจะเป็นเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกขนาดโรงไฟฟ้า และมีการ
วิเคราะห์ผลกรณีที่ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง (Sensitivity Analysis)
5) ระยะเวลาการลงทุน (Pay Back Period)
คือ ระยะเวลาที่รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการสามารถนําไปชําระเงินที่ใช้ลงทุนในการ
พัฒนาโครงการได้ค รบถ้วน โดยส่ว นใหญ่ใช้นับ เป็นจํานวนปี โครงการที่มีระยะเวลาคืนทุนสั้นจะเป็ น
โครงการที่ดีกว่าโครงการที่มีระยะคืนทุนยาว โดยทฤษฎีระยะเวลาคืนทุนจะต้องไม่นานกว่าอายุการใช้งาน
ของโครงการ แต่ในภาคปฏิบัติระยะเวลาคืนทุนของโครงการขนาดใหญ่จะยอมรับกันที่ 7-10 ปี
6) งบกระแสเงินสด (Cash Flow)
เป็ น การวิ เ คราะห์ เ ปรี ย บเที ย บค่ า ใช้ จ่ า ยและรายได้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ในแต่ ล ะปี ใ นช่ ว งอายุ ที่ โ ครงการยั ง
ก่อให้เกิดรายได้ว่า รายได้ที่ได้รับจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีนั้นๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนจะ
ได้ตระหนักและหาทางแก้ไขล่วงหน้าเพื่อมิให้เกิดสถานการณ์เงินขาดมือในช่วงใดช่วงหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้
โครงการสะดุด ซึ่งในกรณีการกู้เงิน สถาบันการเงินจะให้ความสําคัญกับงบกระแสเงินสดมาก
7) ปัจจัยสําคัญที่มีผลต่อการวิเคราะห์ความเหมาะสมการลงทุนที่ถูกต้อง มีดังนี้
รายจ่าย (Cost)ประกอบด้วย ต้นทุน การลงทุน และค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ
o ต้นทุน ได้แก่ เงินที่ใช้ลงทุนในการพัฒนาโครงการ เช่น การซื้อที่ดิน เครื่องจักรอุปกรณ์
ต่างๆ ฯลฯ ตลอดจนค่าติดตั้งดําเนินการทดสอบ
o ค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าดําเนินการในการเดินเครื่องหลังจากการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ
เช่ น ค่ า จ้ า งพนั ก งาน ค่ า ซ่ อ มแซม ดอกเบี้ ย เงิ น กู้ ค่ า ใช้ จ่ า ยอื่ น ๆ ภาษี ฯลฯ แต่ ล ะ
เทคโนโลยีจะมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและขนาด และ
มาตรการส่งเสริมการลงทุนของรัฐ
o ประโยชน์หรือรายรับ (Benefit)รายรับที่ได้รับจากโครงการ แยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
ประโยชน์โดยตรงทางการเงิน อันได้แก่ รายได้จากการขายพลังงานในกรณีที่ขายให้แก่
ภายนอก หรือการลดค่าใช้จ่ายพลังงานที่ใช้อยู่เดิม การขายวัสดุที่เหลือจากการผลิต
พลังงานรายได้จาก CDM กับประโยชน์ทางอ้อมที่มิใช่เป็นเม็ดเงินโดยตรงแต่สามารถ
ประเมินเป็นรูปเงินได้ เช่น การลดการกําจัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งในการ
ประเมิน ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ จะใช้ป ระโยชน์ที ่เ กิด จากทั ้ง ทางตรงและ
ทางอ้อม ผู้ประกอบการจะต้องหาข้อมูลให้ถูกต้องและถี่ถ้วนถึงราคาพลังงานที่จะขาย
ได้หรือสามารถทดแทนได้ตลอดจนมาตรการสนับสนุนของรัฐที่มีผลต่อรายรับในด้าน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 54
ราคาขอองพพลัังงาานที่ขาย
ข ย เช่น adda derr ระย
ร ยะเเวลลาทีที่ให้หการสสนันับสนุ
สนน เพื่อนนํามาใ ม ใช้ปร
ป ะเมิมิน
ผลลตออบแททนโโครรงกการร
o ข้อเสน นออแนนะข้อมู อ ลข้
ล ้างต้นเป็ ก รใหห้ควา
น ป็นกา ค ามรูรู้พ้ืนฐาน
ฐ นเบืบื้องต้ต้นแก่
แ ผู้ประ
ป ะกออบบกาาร เพืพื่อควาค ามเข้าใจจและะ
นํนาไปใ
ไ ใช้้ประก
ร กอบบการพิจาร จ รณาปประะเมิมินผลเ
ผ เบื้องต แ ะนําว่าหหากกจะะได้ด้ผลอ
อ ต้น แต่แนะ ล ย่างสมบูบูรณ์ ณทีที่ให้ความ
ว มเชืชื่อมัม่น
แ ผูผปู้ ระกออบกการรแลละสถถาบับันการ
อ างแท้ท้จริงแก่
อย่ ก รเงิงิน คววรใให้ผูผเู้ ชี่ยวชา
ว าญด้านกการรเงินเปป็นผู
น ้ดํดาเนิ
เ นกน ารวิวิเครา
ค าะหห์
3 4 กาารศึศึกษาาคววามมเป็ป็นนไปปได้ด้ในกา
3.4 น ารปประเมิมินสถ ง งไฟฟฟ้ฟ้าชีวมววล6
น ถานนที่ตั้งโร
า รับแน
สําห บ นวททางทีที่ใช้ในกา น ารพิพิจารณ
า ณาาในนกาารหหาสสถถานนที่ตัต้งโรง
โ งไฟฟฟ้าทีที่เหมา ง ด้พิจารณ
ห าะสสม ซึ่งได้ ณาถึถึงแห
แหล่ง
ชีวมววล ปริริมาณ าณชีวมว
ว วลที่จะน จ นํามาใ
ม ใช้้เป็นเชื้อเพ
อ พลิง และ
แ ะต้นทุ ก รผลิตซึ
นทุนการ ต ่งได้ น ารรรวบรรวมม ต้นทุทน
ง ด้แก่ก ต้ตนทุนก
ก รแปรรรูป และ
การ แ ะต้นทุ
นทุนการ ก รขนนส่สง(ภภายยในนรััศมีไม่เกิน 1000 กิกโลเม จ แสดดงถึถึงข้ขอมูลต่
ล มตรร) ดังรูป ซึ่งจะแ ล างๆ
า ๆ ที่ใช้ใน
ก รประะเมินหหาสสถาานที่ตัต้ังโรงไ
การ โ ไฟฟ้า ซึ่งตัวแปร
แ รต่างๆ า ๆ ที่ใช้ได้แก่ก ค่คาพลั
พ ังงาานชีวมว
ว วล (Biom maass I, II,, III) แต่
แ ละะ
ชนิดในพื
ชนิ ใ พื้นที่ (GJ
( J/yy) ซึ่งในใ ตัวอย
ว ย่างเบื
ง บื้องต้
ง นจะ
น ะกํําหนด
ห ดขนนาดโรงไไฟฟฟ้าไว้ า ้ที่ 6M MWWe (77566,0000 GJ) G เพืพื่อหาาชีว
ม ลทีที่เหมา
มว ห าะสสมม ทั้งด้านป น ริมาณม ณแและะค่าพา ลังงานขของงชีวม ว วลลในนพื้นที น กจากนั้นได
นที่ นอก น ด้พิจาารณ ณาถึงต้นทุ
น นก นการร
ผ ตขของงชีวมว
ผลิ ว วลแต่ต่ละชนิ
ะ นิด (CC1, C2) C ) ในพืพื้นทีท่ รวม
ร มทัทั้งระย
ร ยะททางงจาากแแหหล่งชี
ง วมว
ว วลถึถึงจุจดที่ตัต้ังโรงไ
โ ไฟฟ้า เพืพื่อหาา
ส านนทีตัต่ ้งโรง
สถ า ่มีมตีต้้นทุทนการผผลิตต่
โ งไฟฟฟ้าที ต ําที
า ่สุสด (M
Minnim
mizzing Tot
T tall Cost)
รูปแ
ปแสดดงขขันตอ
้น อนใในการปประะเมิมินหา
ห สถถานนที่ตั้งโรง
โ งไฟฟฟ้ฟ้าชีวมว
มวล
6
ที่มา
ม รรายยงานฉฉบับสม
บ มบูรณ์
ร ์โครรงกการรศึกษา
ก าแนนวททางงบริริหารจั
า ัดการเชื้อเพ
อ พลิงชีวมวลเพืพื่อใช้
ใ เป็นพลั
น ลังงานทดดแททน((ระดับมหห
ภ ค), สํานักงาน
ภาค ก นนโโยบบายยแลละแแผนนพลังงาน
ง น, มูลนิธพลั
พิ งงา
ง านเพพื่อสิ่งแวดดล้อม
อ , ธันวา
น าคมม 255
2 51
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 555
หน้
7
ที่มา รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน(ระดับมห
ภาค), สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, ธันวาคม 2551
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 56
3.5.2 ศักยภาพชีวมวลที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป้าหมาย
สํารวจพืชชีวมวลในพื้นที่เป้าหมาย 4 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา
และจันทบุรี พบชีวมวลและฤดูกาลผลผลิตในพื้นที่ดังกล่าวแสดงดังตารางที่ 3-6
นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงการกระจายตัวของพืชชีวมวลในพื้นที่เป้าหมาย อันได้แก่ ผลผลิตพืชชีวมวล
และปริมาณชีวมวลที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป้าหมาย (ดังตารางที่ 3-7 และตารางที่ 3-8) ซึ่งในกรณีศึกษานี้จะ
พิจารณาเฉพาะชีวมวลที่มีศักยภาพในการนํามาผลิตไฟฟ้าเท่านั้น
จากตารางที่ 3-8 ปริมาณชีวมวลที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออก พบว่าการใช้ประโยชน์จากแกลบ ถูกใช้
เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมักจะนําไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการของ
โรงสีเอง รวมทั้งขายไปเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70-80
ตารางที่ 3-3 ฤดูกาลผลผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล
ปีปฏิทิน
ภาคตะวันออก
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ข้าวนาปี
ข้าวนาปรัง
อ้อยโรงงาน
ข้าวโพดเลี้ยง
มันสําปะหลัง
ปาล์มน้ํามัน
ไม้ยางพารา
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 57
ในส่วนของฟางข้าวการใช้ประโยชน์เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวลยังไม่มี ส่วนใหญ่จะใช้ในภาค
การเกษตรได้แก่ ใช้เพื่อเลี้ยงสัตว์(วัว) เพาะเห็ดฟาง ทําปุ๋ย ส่วนที่เหลือจะปล่อยทิ้งไว้ในไร่นา บางรายมีการ
เผาทิ้ง
การใช้ประโยชน์ของซังข้าวโพดหลักๆอยู่ในภาคอุตสาหกรรม เช่นใช้เป็นเชื้อเพลิงสําหรับโรงไฟฟ้าชีว
มวล และใช้เป็นเชื้อเพลิงสําหรับหม้อไอน้ําอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์เพื่อเป็นวัตถุดิบใน
การผลิตแอลกอฮอล์ อาหารสัตว์ และใช้ประโยชน์ในครัวเรือนเพื่อเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม ส่วนที่เหลือทาง
การเกษตรจะปล่อยให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยในบางรายอาจมีการเผาทิ้ง
ในส่วนของลําต้น ยอดและใบข้าวโพดสัดส่วนการนําไปใช้ประโยชน์พบว่าร้อยละ 100มีการใช้เป็น
ปุ๋ย นอกจากนี้ส่วนของจังหวัดสระแก้ว พบว่าร้อยละ 24 มีการนําไปใช้ในส่วนอื่นๆ เช่น ใช้เป็นอาหารสัตว์
และเผาทิ้ง ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกนํามาใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน เนื่องจากยากต่อการจัดเก็บและรวบรวมมาใช้
ประโยชน์ให้ได้ในปริมาณมาก ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากชีวมวลที่ได้จากข้าวโพดลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นวัสดุเหลือ
ใช้ทางการเกษตรจากข้าวโพดจะมีเฉพาะส่วนของซังข้าวโพด ในส่วนของลําต้นรวมทั้งยอดและใบจะถูกทิ้งไว้
ในไร่ เพื่อทําการไถ่กลบ หรือถูกเผาทิ้งในบางพื้นที่
ในส่วนของเหง้ามันสําปะหลังยังไม่พบการนําไปใช้ประโยชน์ จะเหลือใช้เกือบร้อยละ 100 ซึ่งส่วนที่
เหลือนี้จะถูกนําไปทําปุ๋ยโดยการไถกลบ หรือเผาทิ้ง ยกเว้นที่จังหวัดสระแก้วพบว่า 6% มีการให้กับโรงไฟฟ้า
ของบริษัทแอดวานซ์อะโกร
สําหรับชานอ้อยได้ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานที่จําเป็นสําหรับกระบวนการผลิตน้ําตาลเกือบ
100% ของปริมาณที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทําให้ปริมาณที่เหลือนํามาใช้ประโยชน์ได้มีน้อยมาก ส่วนโรงงานที่มีเหลือ
ใช้จะขายให้กับโรงผลิตกระดาษและปาติเคิลบอร์ด หรือโรงงานผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย จึงทําให้ชีวมวลชนิดนี้
ถูกใช้หมด
ในส่วนของยอดและใบอ้อยนั้นไม่พบว่ามีการนําชีวมวลนี้ไปใช้ประโยชน์ในด้านเชื้อเพลิงหรือมีการซื้อ
ขาย ส่วนใหญ่จะถูกเผาทิ้งก่อนตัด ปัจจุบันมีโรงงานน้ําตาลบางแห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทดลอง
นําไปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล สําหรับในพื้นที่ภาคตะวันออกยังไม่มีการซื้อขาย
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 58
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 59
8
ศูนย์บริการวิชาการด้านพลังงานทดแทน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เว็บไซต์ http://www.alternative.in.th
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 60
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 62
บทที่ 4
การสนับสนุนจากภาครัฐ
ประเทศไทยได้ให้ความสําคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทนจากชีวมวล เนื่องจากพลังงานจากชีวมวล
นั้นสอดคล้องกับองค์ประกอบต่างๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัตถุดิบซึ่งประเทศไทยมีชีวมวลจาก
เกษตรกรรมจํานวนมาก นอกจากนี้ประเทศยังพึ่งพิงการนําเข้าน้ํามันดิบจากต่างประเทศในระดับสูง และ
การพัฒนาพลังงานทดแทนจากชีวมวลจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้กับคนในภาค
เกษตรกรรมและพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และมุ่งหวังให้การพัฒนาโครงการ
ชีวมวลจะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของชุมชนได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนโยบายของ
ภาครัฐที่ชัดเจนและมีการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจังและเป็นประเทศแรกๆของ
เอเชียที่มีนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนได้แก่มาตรการแก้ไขหรือปรับปรุงระเบียบให้สอดคล้องกับ
พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการกําหนดระเบียบเฉพาะสําหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มีความชัดเจนและ
เป็นไปตามมาตรฐานสากลเรื่อยมา และมาตรการสนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อส่งเสริมให้มีการใช้พลังงาน
หมุนเวียนมากขึ้น โดยลักษณะของมาตรการจูงใจจะอยู่ในระดับที่เหมาะสมเอื้อต่อการพัฒนาและเป็นธรรม
ต่อประชาชนทุกภาคส่วน แนวทางและมาตรการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศไทยด้าน
การส่งเสริมชีวมวลของประเทศไทย ดังนี้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 63
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 64
4.2 โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
โครงการเงิ น หมุ น เวี ย นเพื่ อ การอนุ รั ก ษ์
พลังงานและพลังงานทดแทนขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่ง
เงิ น ทุ น ในการดํ า เนิ น การอนุ รั ก ษ์ พ ลั ง งานและ
พลังงานทดแทนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัด
การพลังงาน โดยผ่านทางสถาบันการเงิน
ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนรวมทั้งสร้าง
ความมั่นใจและความคุ้นเคยให้กับสถาบันการเงินที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการในการปล่อยสินเชื่อในโครงการ
ดังกล่าวในการปล่อยสินเชื่อโดยใช้เงินกองทุนฯ ให้แก่ โรงงานอาคารและบริษัทจัดการพลังงานแล้วกองทุนฯ
ยังต้องการให้เน้นการมีส่วนร่วมในการสมทบเงินจากสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้นด้วยโดยตั้งแต่เริ่มโครงการ
จนถึง ณ ปัจจุบันได้มีการดําเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วและอยู่ระหว่างดําเนินการทั้งหมด จํานวน 6 ครั้งดังนี้
1) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2546-2549
จํานวน2,000 ล้านบาท เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
2) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2549-2552
จํานวน2,000 ล้านบาทเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
3) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 1 จํานวน
1,000 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
4) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงินระยะที่ 3 จํานวน1,000 ล้าน
บาทเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
6) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 เพิ่มเติม จํานวน
942.5 ล้านบาทเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
7) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงินระยะที่ 4 จํานวน 400 ล้าน
บาทเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
ลักษณะโครงการ/ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข
กําหนดให้สถาบันการเงินนําเงินที่ พพ.จัดสรรให้ไปเป็นเงินกู้ผ่านต่อให้โรงงาน/อาคารควบคุมหรือ
โรงงาน/อาคารทั่วไปตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและ
พลังงานทดแทน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
วงเงินโครงการ 1. โครงการเงิ น หมุ น เวี ย นเพื่ อ ส่ ง เสริ ม การใช้ พ ลั ง งานทดแทน ระยะที่ 1
จํานวน 1,000 ล้านบาท
2. โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 จํานวน 1,000
ล้านบาท
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 65
อายุเงินกู้ ไม่เกิน 7 ปี
ช่องทางปล่อยกู้ ผ่านสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการโดยต้องรับผิดชอบเงินที่ปล่อยกู้ทั้งหมด
ผู้มีสิทธิ์กู้ เป็นอาคารควบคุมและโรงงานควบคุมตาม พรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
พ.ศ. 2535 ประสงค์จะลงทุนในด้านการประหยัดพลังงานหรือโรงงาน/อาคาร
ทั่วไป ตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพื่อการอนุรักษ์
พลังงาน
วงเงินกู้ ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อโครงการ
อัตราดอกเบี้ย ไม่เกินร้อยละ 4 ต่อปี (ระหว่างสถาบันการเงินกับผู้กู)้
โครงการที่มีสิทธิ์ขอรับ โครงการอนุรักษ์พลังงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
การสนับสนุนต้องเป็น ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 7 และมาตรา 17
ϭϬ
รูปแสดงวิธีปฏิบตั ิในการขอรับเงินกู้โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงาน
ทดแทน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 66
สถถา บั นก
น าร เงิ นจน จะเเป็ นผู
น ้ อ นุน มั ติ เ งิิ นกู
น ้ เพื
เ ่ อโค
อ คร งกการรอนนุ รั ก ษ์ษ พลั
พ งงา
ง าน แลละพพลัั ง ง านนท ดแแทนนตตามมแ นวว
หลักเกณ
หลั ณฑ์์และเ
ล เงื่อื นไไขขของงสถถาบบันกา
น ารเงิงินนั้นๆ น นออกเหนนือจา อ ากหหลัักเกกณ ณฑ์เงืเ อนไ
อ่ ไขข้ข้างต้
ง นนี
นนี้โดยดดอกกเบีบี้ยวงเ
ว เงิน
กูก้และ
แ ะระะยะะเววลาากาารกูกู้จะขึ
ะ ้นอยู
อ ่กักับการพิพิจารณ า ณาแลละข้ข้อตกต ลงระหวว่างผู ง ้กูกู้กับส
บสถาาบันก
น ารเงินขั
น ้นตนตอนนกาารขขอรับ
ก รสนับสน
การ บ นุน
ราายลละเอียด
ย เพิิ่มเติมสา
ม ามารถติติดต่ตอสอ
สอบถถามมมมายัยัง ศูนย์
น อํอานววยกการโคครรงกการรเงินหหมุนเวียนเ
ย เพื่อก
อการร
อนุรักษ์
อนุ กษพลัลังงาน
ง นกกรมมพัพัฒนา
นาพลลังงานททดแททนแลละออนุนรักษ์ก พลั ง นหหมาายเเลขขโททรศัพท์
พลังงาน พ 022-22266-338550-1,,
0 -2225--311066 โทร
02 โ รสาาร 022-2266-3851เว็ว็บไซต์ htt
h tp://w
ww www.dedde.ggo.thh
4 3 โคครงงกาารสส่งเสริ
4.3 เ ริมกาก รลงทุทุนด้ดานอ พ ังงาานแลละพพลัังงานนทดดแทนน (ESSCO
นอนุรัรกั ษ์ษพลั O FU
FUNDD)
เป็ป็ น โค โ รง กาารทีที่ ก องงทุ นเพ น พื่ อส่
อ งเส
ง สริ มก
ม การรอนนุ รั ก ษ์ษ พ ลั งงา
ง านไได้ นํ า
ว เงิ นจํ
วง น านนวนน 50 5 0 ล้ลา นบบา ท จั ดตั ด ้ง “กอ
“ อง ทุนร่ น วมว ทุนพ
น พลังงา ง าน หรืื อ
E COO Caapitall Fuundd” ผ่ผานกา
ESC น ารจัจัดกา ก รของผู้จัจัดการ
ก รกอองททุน (FFundd
Manaageer) 2 แห่
Ma แ ง ไดด้แก่ แ มูลนิล ธิธิพลังงานนเพพื่อสิ
อ ่งแว
ง วดลล้อม (มพ ( พส. หรืห อE
f r E)
for E แล แ ะมูมูลนิธิอนุ อนรักษ์
ก พลั
พ ังงานนแหห่งประ ป ะเททศไไทย (มอ ( อพพท.) โดยย
จ บับัน Fuundd Man
ปัปจจุ M nage ทั้ง 2 แหห่ง เข้ข้าร่วมลง ม งทุนแนแล้ว จํํานวนน น 26โ
2 โครรงกการร คิดเป็นเงิ น นสสนับส บสนุนจํ
น าน
า วนน
4 7 ล้ลานบบาทท และ
40 แ ะก่อใให้เกิ เ ดกา
ด ารลลงททุนมา
น ากกกว่า 5,0 5 0000 ล้านบ น าทท ในนรอบบ 2 ปที ปี ่ผ่ผานม
นมา แลละใในรระยยะตต่อไป อป
คณะกกรรรมการกกองงทุนเพื
คณ น พื่อส่งเสริริมกาารออนุรัรักษ์ษพลั
พ งงา อ มัติติวงเงิ
ง านไได้อนุ ง นต่ อ อีก 5000 ล้านบ
นต่อเนื่องอี า บาททสํสําหรั ห บรอ
บ อบบ
ก รลงทุทุนในปี
การ ใ ปี 255 2 53--255555เพืพื่อส่งเสริริมการลลงทุทุนด้ดานก นการรอนนุรักษ์
กษ์พลังงานง นแลละพลัลังงานง นทดดแแทนนที่มีศัศักยภ ย าพพ
ท งเททคคนิคแ
ทา ค แต่ ยัย งขา ข ดปัปัจ จัยกา
ย ารลลงททุนแลน ละช่ วยผ ว ผู้ ประ
ป ะกออบบกาารหหรืรื อ ผู้ ลงทุทุน ให้
ใ ได้
ไ ปรป ระโโยชชน์์จ ากก า การรข ายย
ค ร์บอน
คา บ นเคครดิดิตโดย โ ยมีรูปแบ ป บบการจะสส่งเสสริมใน ม นหหลาายลลักษณ ษณะ อาาทิเช่น ร่รวมล ม งทุทุนในโ
ใ โครรงกการร , ร่วมล ว ลงททุนในนน
บ ษัทจั
บริ ท ดกด ารพลัลังงาน ง น, ร่รวมล มลงทุทุนในก
ใ การรพััฒนา น และซืซื้อขาย
ข ยคาร์บอ บอนเเครรดิต,
ต กาารเชช่าซื้ออุปกร
ป รณ์ ณ์, การ
ก รอํานนวยย
เ รดิตให
เคร ต ห้สินเชชือ่ และะกาารให้ควา ค ามชช่วยเห อทางด้านเ
ย หลือท า เทคคนิค
อ สนออไดด้ แก่
ผู้ มีมี สิสิ ท ธิ ยืย่ื น ข้ข อเส แ ผู้ ปรป ะกกอบบกการรโรรงง านนอุ ตส ต สาหหก รร มแและะ/หหรืรื อ บริริ ษัษั ท จั ด กาารพพลัั ง ง านน
( nerrgyy Serv
(En S vicce Coom mpaanyy - ESC E CO) ที่มีโครโ รงกการรด้าน
านอนนุรักษ์กษพลัลังงาน
ง นแลละพพลัลังงานนทดดแททนนวัตถุ ป ะสสงค์ค์
ต ปร
เ ่อจ
เพื อ ะลลดปปริมา ม ณกการรใช้ช้พลังงาน เพิ่มป มประะสิทธิท ภาาพกการรใช้ช้พลังงานหหรือต้ อ องกาารปปรับเป บ ปลี่ยนยนกาารใใช้เชื้อเพ
อ พลิง
ม เป็นพ
มา นพลังงา ง านททดแททน
ลักษ
กษณะกการรส่งเส ง สริมกา
ม ารลลงททุน
1. กาารเขข้าร่รวมทุ มทุนในโ
ใ โครรงกการร(Equuityy Innvvesttm mennt)โ)โครงกการส่งเสสริมมการลงทุนฯจ น จะเข้าร่ า วมล
ว ลงททุนในนน
โ รงกการรที่ก่อให้
โคร อ ห้เกิดกการรอนนุรักษ์ กษ์พลังงาน
ง นหรืือพลัลังงาน อ ห้เกิดผผลปประะหยัดพล
ง นทดดแแทนนเทท่านัน้น เพืพื่อก่อให้ ด ลังงาน
ง นทัทั้งนี้
จ ต้องมี
จะ อ มีการแ า แบ่งผผลปประะหยัดพล ด ลังงานง น (Sh
( harredd Saavingg) ตามมสัดส่ ด วนว เงินล
น งทุทุนที่ได้ดรับก บการรส่งเส
ง สริม
ร ยะะเวลาาในนกาารสส่งเสริิมมปรระมมาณ 5--7 ปีผูผ้ทีท่ีได้รับก
ระ บ ารส่งเส ง สริมทํ
ม าการรคืนเงิน งินลงล ทุนแน ก่โครรงกการรภายยในน
ร ยะเวลลาทีทีสงเส
ระย ่ส่ สริม
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 677
หน้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 68
รูปแ
ปแสดดงกการรบริริหหารรงาานโโครรงกการรส่งเส
ง สริมกา
ม ารลลงทุนด้
น านานอนนุรกษ์
กั ษ์พลัลงงาน
ง นแและะพลลังงานนททดแแททน
สาามารถสสอบบถามมราายลละเเอียดเย เพิ่มเติ
ม ติมมได้้ที่
1.. มูลนิ
ล ธิธพลั
พิ งงา
ง านเเพื่อสิ
อสิ่งแวด
แ ดล้อมอม (EEnergyy foor Ennvironm meentt Fou F unddaatioon)
4887//1 อาอ คารศศรีอยุ
อ ธยา
ธ า ชั้น 144 ถน ถ นศศรีอยุอ ธยา
ธ า ราช
ร ชเททวี กรุรุงเททพพฯ 1004000
0 -6442664224 -55 โททรสสาร 02-
โ รศัศัพท์ท 02-
โท 0 -6442--644266
หรืรือสอบ
ส บถถามมราายลละเเอียดเ
ย เพิมเติ
ม่ ติมได้
ไ ทีที่อเมล
ี ล์esc
e ofuund@ @efe..orr.thh
2.. มูลนิ
ล ธิธอิ นุรัรกั ษ์ษพลั
พ งงา
ง านแแห่ห่งประ
ป ะเททศไไทยย
(กกรมมพััฒนาพ
น พลัลังงานนทดดแททนนแลละออนุนุรักษ์
ก พลั
พ ังงาานน – อาาคาาร 9 ชั้น 2)
2
เลลขทที่ 17
1 ถนน
ถ นพระะราม 1 เชิ เ งสะ แ วงรรองงเมืมือง เขขตปททุมวัวน กรรุงเทพ
ง ะพาานกษัษัตริย์ศึศกึ แขว เ พฯ 1003300
โททรศศัพท์
พ : 0-20 26221--855300, 0-2 5 2โททรสสารร: 0-22621-85502-33
0 26221--855311-99 ต่ตอ 5001, 502
4 4 กลลไกกลกาารพัพัฒ
4.4 ฒนาาที่สะ
ส อาาด (CCDM M)
กลลไกกกาารพพัฒน ะ าด Clleaan Dev
ฒ าทีที่สะอา D veloppmment Me Mechhannism
( DM
(CD M) เป็ เ นกล ะ นับสนนุนกา
น ลไกกทีที่จะสน ก รพัพัฒนาโ
น โครงกการทีที่ช่วยล
ว ลดการปปล่อย อ
ก๊กาซเรืรือนกกระะจกกแและะสาามาารถถนํนําปริ
ป มาณ
ม ณก๊ก๊าซเรื นกระะจกกที่ลดดลงงได้ด้จาก
ซ รือนก า
โ รงกการร ไปขขายยให้ห้กับป
โคร บประะเททศทีที่พัฒนา
น (DDevvelloppedd Coounntrries) เพืพื่อ
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 699
หน้
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 700
หน้
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 71
หมายเหตุ
DNA หมายถึง หน่วยงานกลางที่ทําหน้าที่ประสานการดําเนินงานตามกลไกการพัฒนาที่สะอาด
DOE หมายถึง หน่วยงานปฏิบัติการที่ได้รับหมอบหมายในการตรวจสอบ (Designated Operational Entities)
CDM EB หมายถึง คณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Executive Board of CDM)
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 72
รูปแสดงขั้นตอนขอรับการสนับสนุนจากสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 74
บททีที่ 5
บท
ขันต
้นตออนกาารรขขอใบบออนนุญา
ญาตตต่ต่างๆ
งๆ
ขั้นต
นตอนนการรติดต่ ด อเพพื่อขอ
อ อใบบออนุญา ญาตจจําหนหน่ายไฟ
ย ฟฟ้ฟ้า เพืพื่อจํจาหน หน่ายพั
ย ัฒนาน พลัลังงาน ง นททดแแททน มีหล ห ายย
ก ะบบวนนกาารทที่เกี่ยวข้ข้องกั
กร ง บห
บหน่วยง
ว งานนราาชการตต่างๆ ง หลลายยแหห่ง รววมไไปถึงข้อกฎ อ ฎหหมาาย แลละกกฎระะเบีบียบอื บ ่นๆ
นๆ
ซึ่ ง ล้ วนแ
ว แต่ต่ มี ขัข้ น ตออน กาารปปฏิ บั ติติ ททีี่ แ ตก
ต ต่ างกั
า กั น ปั จจุจุ บั น ยั ง ไม่
ไ มีมี หน่
ห วยว งา นใใดทีที่ เ ป็ นนหนน่ วยง
ว งานนหหลั กใน
ก นกการร
ป ะสสานนงาาน หรืรือสาม
ปร ส มารถให้ห้บริการแ า แบบบเบบ็ดเส ด ร็จ (OOne Sto S op Ser S rvicce)) ได้ด้ ซึ่งในนกการรพัฒน ฒนาโโครรงกการร
พลังงาน
พลั ง นทดแแทนนตต่างๆน ง นั้น นักลงทล ทุนคว น วรไได้รับทร
บ ราบบขัขั้นตอ ต นกการรขอออนุญา ญาต แลละการเตรีรยมมเออกสสารเพพื่อ
ป ะกกอบบในนกาารยืยื่นขอ
ปร น อ รวม ร มถึงขั
ง ้นต
น อนนกาารติติดต่ตอปรระสสานนงาานกับหน บ น่วยงานนที่เกี
เ ่ยวข้
ย ข้อง ประ ป ะเด็ด็นเหล
เ ล่านี้ถือเป็ป็น
ค ามมสําคั
คว า ญอญอย่างยิ า ยิ่งทีท่จะต้
จ ต้องเผ
ง ผยแแพพร่ให้ ใ ผูผู้ประกออบกการแและะปรระชาชนนโดดยททั่วไป ว ป ไดด้รับทรา ท าบแลละเเข้าใจ
า จในน
ก ะบบวนนกาารสสําหรั
กร ห ับขั้นตอน
ต นกการรขอออนนุญาต ญ ตต่างๆา ๆ โดย
โ ยทัวกั ว่ ัน
1
หมมายยหตุ 1) รระยยะเเวลารววมกการรยื่นขอ
น องออนุมัมัติสูสูงสุดไม่
ไ เกิน 4335 วัวน
2 ระย
2) ร ยะเเวลารววมกการรยื่นขอ
น อจนนกรระทัทั่งอนุอ มัมตั ต่ติ ําสุสดไม่
ไ เกิน 2555 วัน (ไมม่นับรววมรระยยะเเวลาในนขันตอ
น้ อนที่ 2)
2
3 การ
3) ก รติดต่
ด อปร
อ ระสสานนงานหหน่วยงว านราชชกาารมีมี 7 หน่ ห วยง
ว งานนต้องไ
อ ด้รับใบ
บ บอนนุญาต
ญ ต 10 ใบรรวมมเววลาตั้งแต่
แ เริ่ม
ยื่นเอก
เ กสาารจนไดด้รบเงิ
บั นคค่าไฟฟฟ้ฟ้าในนงววดแแรกก
รูปแส
แ ดงขั้นตอ
น อนนกาารขขอใใบอนุนุญ
ญาตตต่างๆ
าๆ
คูค่มอกา
อื ารพัพัฒนาแ
น และกการรลงทุนผลิ
น ตพลังงาน
ง นจากชีวมว
ว วล ห า 755
หน้
ตารางที่ 5-1รายละเอียดขั้นตอนการจัดทําโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
รายการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ชื่อคําขอ/คําร้อง/เอกสาร วัน หมายเหตุ
1. การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ผู้ประกอบการ - -
2. การออกแบบโครงสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างและ ผู้ประกอบการ - -
ออกแบบแผนผังการติดตั้งเครื่องจักร และประเมิน
ราคาวัสดุ
3. การขอจดทะเบียนนิติบุคล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า - คําขอจดทะเบียนบริษัท 1 โดยสามารถยื่นแบบคําขอผ่าน
- ผู้ประกอบการยื่นแบบคําขอ “จดทะเบียนบริษัท กระทรวงพาณิชย์ จํากัด (บอจ.1) www.dbd.go.th/register/login.phtml
จํากัด” กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า(DEB) - รายการจดทะเบียนจัดตั้ง
- กรมธุรกิจการค้าอนุมัติ “จดทะเบียนบริษัทจํากัด”
4. การขออนุญาตตั้งโรงงาน (รง.4) -อุตสาหกรรมจังหวัด คําขอรับใบอนุญาตประกอบ - แก้ไขตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
4.1 กรณียื่นแบบคําขอตั้งโรงงานต่ออุตสาหกรรม -กรมโรงงาน กิจการพลังงาน (รง.3) 90 ระหว่างคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน
จังหวัด (อก.) อุตสาหกรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง แนว
- ยื่นเอกสารกับอุตสาหกรรมจังหวัด กระทรวงอุตสาหกรรม ทางการให้อนุญาตตั้งโรงงานและการอื่นเพื่อ
- อุตสาหกรรมจังหวัดขอความเห็น อบต. และ ประกอบกิจการพลังงาน
ตรวจสอบพื้นที่ และจัดทํารายงานการ - โรงงานทั่วไปที่ตั้งใหม่โดยมีการผลิตไฟฟ้าเพื่อ
ตรวจสอบภายใน 30 วัน ใช้ในกระบวนการผลิตของตนเอง หรือเพื่อใช้
- อุตสาหกรรมจังหวัดปิดประกาศตามมาตร 30 ในกระบวนการผลิตและส่วนที่เหลือใช้
15 วัน จําหน่าย ให้ยื่นคําขออนุญาตประกอบกิจการ
- ส่งเรื่องให้ กกพ. พิจารณา โรงงานต่อสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหรือ
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 76
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 77
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 79
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 80
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 81
การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA)
EIA หรือ Environmental Impact Assessment เป็นการศึกษาเพื่อคาดการณ์ผลกระทบทั้งใน
ทางบวกและทางลบจากการพัฒนาโครงการหรือกิจการที่สําคัญ เพื่อกําหนดมาตรการป้องกันและแก้ไข
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใช้ในการประกอบการตัดสินใจพัฒนาโครงการหรือกิจการ ผลการศึกษาจัดทําเป็น
เอกสาร เรียกว่า "รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม"ซึ่งการดําเนินโครงการด้านโรงไฟฟ้าพลังความ
ร้อนที่มีขนาดผลิตไฟฟ้ามากกว่า 10 MW จะต้องจัดทํารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
ขั้นตอนการทํารายงาน EIA
1. ผู้ประกอบการจะต้องทราบก่อนว่าโครงการนั้นจะต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมหรือไม่
2. ว่าจ้างที่ปรึกษาที่ขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลผู้มีสิทธิทํารายงานฯ
3. ผู้ประกอบการส่งรายงานให้สํานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดย
สผ. และคณะกรรมการผู้ชํานาญการจะใช้เวลาการพิจารณารายงานฯ ตามขั้นตอนที่กําหนดไม่เกิน 75 วัน
แต่หากคณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติม ที่ปรึกษาจะต้องใช้เวลาในการปรับแก้ และจัดส่งให้
สผ. และคณะกรรมการฯ พิจารณา ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 82
ภาคผนวก ก
ข้อมูล ผูผ้ ลิต / จําหน่ายเครื่องจักร / อุปกรณ์ ด้านพลังงานชีวมวล
ลําดั
ธุรกิจ รายชือ่ ที่ติดต่อ โทรศัพท์ แฟกซ์ ติดต่อ Website
บ
1 หม้อไอน้ํา หจก. ม.ธนศักดิ์ เอ็นจิ 153/13 ถ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า 02-433-9126-8, 02-882-5282 คุณธนศักดิ์ จิรวัฒน์สถิตย์
เนียริ่ง แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย 02-424-3919-20
กรุงเทพฯ
2 หม้อไอน้ํา หจก. จงวัฒนาโลหะกิจ 715/10 ซ.วัดจันทร์ใน ถ.สาธุประดิษฐ์ 02-294-2038, 02-6838692 คุณวิชัย จงรัตนเมธีกุล
แขวงบางโพงพาง 02-2945679
เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
3 หม้อไอน้ํา บ. บางกอกอินดัสเตรียล 368 หมู่ 6 ถ.สุขุมวิท อ.สําโรง 02-398-0143, 02-749-1969 คุณนันทวีพร วิโมกข์ www.vpe.co.th
บอยเลอร์ จก. จ.สมุทรปราการ 02-361-5357-61 เจริญ
4 หม้อไอน้ํา บ. แบบคอคฮันซ่า จํากัด 309 หมู่ 6 เขตอุตสาหกรรมสุรนารี 044-212-511, 044-212-522 คุณบุญธรรม แผ่ประดิษฐ์
ถ.นครราชสีมา-โชคชัย 044-334924-6
ต.หนองระเวียง อ.เมืองจ.นครราชสีมา
5 หม้อไอน้ํา หจก. แสงชัยการช่าง 73/37 ซ.จอมทอง 15 ถ.จอมทอง 02-468-0256, คุณยุทธพล วงศ์จงใจ
เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 02-878-0051 หาญ
6 หม้อไอน้ํา บ. ไทยเค. บอยเลอร์ จํากัด 134 หมู่ 6 ซอยเพชรเกษม 91 02-420-8046-9 02-8110143 คุณนฤมล สุวรรณประทีป www.thaikboiler.com
ถ.เพชรเกษม ต.สวนหลวง อ.กระทุ่ม
แบน จ.สมุทรสาคร
7 หม้อไอน้ํา บ. เกตาเบค จํากัด 609 หมู่ 17 นิคมอุตสาหกรรมบางพลี 02-705-1400 www.getabecboiler.c
บางเสาธง อ.บางพลีจ.สมุทรปราการ om
8 หม้อไอน้ํา บ.เทอร์แมกซ์ จํากัด ชั้น4 อาคารนายเลิศ เลขที่ 2/4 02-655-5790 02-6555791 Mr. M.K. Balaji
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 83
ลําดั
ธุรกิจ รายชือ่ ที่ติดต่อ โทรศัพท์ แฟกซ์ ติดต่อ Website
บ
ถ.วิทยุ เขตปทุมวันกรุงเทพฯ
9 ที่ปรึกษาออกแบบ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ห้อง 310 ชั้น 3 อาคาร ท.101 เลขที่ 53 02-436-3681 02-424-9361 www.egat.com
โรงไฟฟ้า ประเทศไทย ถ.จรัลสนิทวงศ์ อ.บางกรวยจ.นนทบุรี
10 ที่ปรึกษาออกแบบ บ. บ้านโป่งเอ็นจิเนียริ่ง 21/1 หมู่ 1 ถ.หัวโพธิ์-บ้านสิงห์ ต.หัว 032-349-514-5 032-349398 คุณชูชัย เจริญงาม www.bpe-boiler.com
โรงไฟฟ้า จํากัด โพธิ์ อ.บางแพจ.ราชบุรี
11 ที่ปรึกษาออกแบบ บ. อิตัลไทยอุตสาหกรรม 203 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ 02-319-1031-40 02-3182654 คุณเกรียงไกร ธีรนันท์ www.italthai.co.th
โรงไฟฟ้า จํากัด เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
12 ที่ปรึกษาออกแบบ บ. อินดัสเตรียล พาวเวอร์ ตึกบีบี ชั้น 17 ห้อง 1703 ถนนสุขุมวิท 02-287-3327 02-2873327 คุณไพโรจน์ ลีนะวัต www.ipttech.net
โรงไฟฟ้า เทคโนโลยี(ประเทศไทย) 21 แขวงคลองเตย เขตทวัวัฒนา
จํากัด กรุงเทพฯ
13 ที่ปรึกษาออกแบบ บ.สุมิโตโมไทย อินเตอร์ ชั้น 20 อาคารเอ็มไทย เลขที่ 87 ถ.วิทยุ 02-654-0002 02-6540065 คุณภูมิชัย ศักดิ์ศรี www.sumitomocorp.
โรงไฟฟ้า เนชั่นแนล จก. เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ co.jp
14 ที่ปรึกษาออกแบบ บ.อิเลคโทรวัตต์ อีโคโน ชั้น 22 อาคารวานิช เลขที่ 1126/2 ถ. 02-657-1000 02-6503445- Dr. Alexander Skaria www.ewe.net
โรงไฟฟ้า จํากัด เพชรบุรีตัดใหม่ ราชเทวี กรุงเทพฯ 6
15 ที่ปรึกษาออกแบบ บ.ไทยเมเดนชา จํากัด ชั้น 11 อาคารทีเอสที ถ.วิภาวดีรังสิต 02-273-8954 02-2738966 คุณบุญเลิศ ศิริกุล www.tmd.co.th
โรงไฟฟ้า เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ที่มา กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 84
ภาคผนวก ข
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรือ่ ง ข้อกําหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน
พ.ศ.2549
ที่มา: http://www2.diw.go.th/PIC/download/air/A11.pdf
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 85
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 86
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 87
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 88
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 89
เอกสารอ้างอิง
1. เทคโนโลยีการแปลงสภาพชีวมวล, รศ.ดร.นคร ทิพยาวงศ์, สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น, มกราคม 2553
2. คู่มือการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ,โครงการจัดทําข้อมูลด้านการลงทุนในกิจการพลังงาน
หมุนเวียนชีวมวลและก๊าซชีวภาพ, สํานักนโยบายและยุทธศาสตร์, สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน, กระทรวง
พลังงาน, กันยายน 2552
3. แนวทางการบริหารความเสี่ยงการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานชีวมวล, มูลนิธิพลังงานเพื่อ
สิ่งแวดล้อม, พฤศจิกายน 2552
4. โครงการส่งเสริมเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทนให้เกิดศักยภาพในภาคอุตสาหกรรม, กรมพัฒนาพลังงาน
ทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน,บริษัทเอเบิลคอนซัลแตนท์จํากัดบริษัทเอทีที คอนซัลแตนท์ จํากัด,ธันวาคม2551
5. รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
(ระดับมหภาค), สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, ธันวาคม 2551
6. ชีวมวล, แผนที่แสดงแหล่งชีวมวลและที่ตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, พฤศจิกายน2549
7. Lessons Learned ปัญหาและจุดเรียนรู้ที่ได้จากโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวลในประเทศไทย, มูลนิธิ
พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
8. สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, เว็บไซต์ www.boi.go.th
9. องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน), เว็บไซต์ www.tgo.or.th
10. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เว็บไซต์www.dede.go.th
11. มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, เว็บไซต์www.efe.or.th
12. กรมโรงงานอุตสาหกรรม, เว็บไซต์ www2.diw.go.th/PIC/download/air/A11.pdf
13. วารสารอินทาเนีย ปีที่ 14 ฉบับที่ 4พ.ศ.2552
14. CogenerationPresentation from the “Energy Efficiency Guide for Industry in
Asia”www.energyefficiency.asia.org
15. ศูนย์บริการวิชาการด้านพลังงานทดแทน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เว็บไซต์
http://www.alternative.in.th
คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชีวมวล หน้า 90
ผูส้ นใจ
น จสาามารรถขขอขข้อมูลแล
ล ละรายลละเอียดเ
ย เพิมเติ
ม่ ติมได้
ไ ทีท่
ศูนย์บริบริการ
ารวิชา
ชากาารรด้าน
านพพลังง ง านนททดแททนนโททรรศัพท
พท์ : 0-2
0 222233-744774
หอ
หรื
ก ่มชี
กลุ มชีวมว
ว วลล สํสานั
า กวิ
กวิจัย ค้นค
นคว้้าพลั
พลังงา
งาน
ก มพัพัฒน
กรม ฒนาพพลลังงาานทดดแแททนแลละอนนุรัรักษ์ษพลั
พลังงางน
1 ถนนนพพรระรรามม 1 แขขววงรรอองเเมืองง เขต
17 เ ตปปทุทุมวัน กรุ
กรุงเทพ
เ พฯฯ 1003300
โททรรศัศัพท์ท : 0-
0 222223--000221--99
เว็ว็บไซ
บ ซตต์ ww
wwww.ddeede..goo.tth
จััดทําเออกสสารร โดดย
พิมพ์พครั้งที่ 1 มกร
ม ราคคม 255544