Professional Documents
Culture Documents
03-Section A-Force Mass Acceleration
03-Section A-Force Mass Acceleration
Section A: Force, Mass and Acceleration (วิ ธีการ แรง มวล และความเร่ง)
วิธกี ารของ แรง มวล และความเร่ง เป็ นวิธกี ารวิเคราะห์ปญั หา Kinetics ทีประยุกต์ใช้กฎข้อทีสองของนิวตัน
โดยตรง
v v v
a1 a2 v F3
a3
m v
v F2
F1 m
m
รูปที 3.1
จากผลการทดลองพบว่าอัตราส่วนระหว่างขนาดของแรงกระทํา ต่อขนาดของความเร่งมีค่าคงที และเท่ากับมวล m คือ
v v v
F1 F2 F3
v = v = v = const. = m
a1 a2 a3
1
ซึงจากผลการทดลองดังกล่าว พบว่าการเคลือนทีของอนุ ภาคมวล m เป็ นไปตามกฎข้อทีสองของนิวตันคือ
v v
F = ma (3.1)
สําหรับอนุ ภาคทีมีแรงย่อยกระทําหลายแรง ดังรูปที 13.2 อนุ ภาคจะเคลือนทีด้วยความเร่ง ทีเป็ นสัดส่ว น
โดยตรงกับแรงลัพธ์ ∑ โดยมีทศิ การเคลือนทีจะไปทิศเดียวกันกับทิศของแรงลัพธ์
v
F2
v
F1
m v
m v a
a
v v v
F2
v v FR = ΣF
FR = ΣF
(a)
รูปที 3.2
ความสัมพันธ์ระหว่าง แรงลัพธ์ มวล และความเร่ง เป็ นดังสมการที 3.2 ซึงมีชอเรี
ื ยกว่า “สมการการเคลือนที”
(Equation of Motion)
v v
Σ F = ma (3.2)
การวิเคราะห์ปญั หา สามารถตามแบ่งพิกดั (Coordinate) ทีสนใจศึกษาออกเป็ น 2 กรณี ได้แก่ การเคลือนที
แบบวิถตี รง และแบบวิถโี ค้งในระนาบ (ระบบพิกดั ฉาก พิกดั ตัง: ฉาก-สัมผัส และพิกดั เชิงขัว: )
v
แรงลัพธ์ ΣF สามารถหาได้จากแผนภาพอิสระ (Free-Body Diagram: FBD) ทีแสดงแรงภายนอกทัง: หมดที
กระทํากับอนุ ภาค เช่น นํ: าหนัก (W = mg) แรงตึงเส้นเชือก (T) แรงเสียดทาน (แรงเสียดทานสถิต Fs= µsN หรือแรง
เสียดทานจลน์ Fk= µkN) และแรงจากการยุบ-ยืดตัวของสปริง (F = kx) เป็ นต้น
ทบทวนทฤษฎีของแรงเสียดทาน
แรงเสียดทาน (Friction) เป็ นแรงต้านการเคลือนทีของวัตถุ ทําให้เกิดการสูญเสียพลังงาน ส่งผลให้วตั ถุเคลือนที
ช้าลง ซึงแรงเสียดทานนี:จะมีทศิ ตรงกันข้ามกับทิศการเคลือนทีของวัตถุ และเกิดทีบริเวณผิววัตถุ ทสัี มผัสกับพื:นผิว
ภายนอก โดยทัวไปแรงเสียดทานแบ่งเป็ น 2 ประเภทคือ Fluid friction และ Dry friction หรือ Coulomb friction แรง
เสียดทานประเภทแรกเกิดขึน: กับวัตถุประเภทของไหล (ของเหลว และแก๊ส) ส่วนแรงเสียดทานประเภทหลังเกิดขึน: ที
ผิวสัมผัสของวัตถุประเภทของแข็ง ซึงการศึกษานี:จะมุง่ เน้นทีแรงเสียดทาน Dry friction
แรงเสียดทาน Dry friction ยังสามารถแยกย่อยออกเป็ น 2 ประเภท คือ หนึง แรงเสียดทานสถิต (Static
friction: fs) เป็ นแรงต้านการเคลือนทีในขณะทีวัตถุอยูใ่ นสภาวะสมดุล (ไม่เกิดการเคลือนที) และสอง แรงเสียดทานจลน์
(Kinetic friction: fk) เป็ นแรงเสียดทานขณะวัตถุเกิดการเคลือนที
2
f
W = mg
v f s = µs N
v
P P f k = µk N
m m v
f f =P
N 45o
P
รูปที 3.3
รูปที 3.3 แสดงการจําลองการทดลองหาความสัมพันธ์ของแรงเสียดทาน f กับขนาดของแรงกระทํา P ต่อการ
เคลือนทีของอนุ ภาคมวล m ผลพบว่าในย่านสมดุล (Equilibrium) ขนาดของแรงเสียดทาน f จะเท่ากับแรงกระทํา P และ
หากเพิมขนาดของแรง P ไปจนถึงค่าสูงสุดก่อนการเคลือนที จะมีค่าเท่ากับแรงเสียดทานสูงสุด (Maximum friction
force) ซึงความสัมพันธ์ของแรงสูงสุดนี:จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์ N เป็ นดังสมการที (3.3)
f max = f s = µs N (3.3)
โดยที fmax คือเสียดทานสูงสุดก่อนการเคลือนที N คือแรงปฏิกริ ยิ าในทิศตัง: ฉากกับพืน: ผิวสัมผัส และ µs คือ
ค่าสัมประสิทธิ dแรงเสียดทานสถิตของพืน: ผิวชนิดต่างๆ ซึงเป็ นค่าทีได้จากการทดลอง และหากเพิมแรง P มากขึน: อีก จะ
ทําให้วตั ถุเกิดการเคลือนทีด้วยความเร่ง ดังแสดงในย่านการเคลือนที (Motion Increasing velocity) ในรูปที 3.3 (c)
จากผลการทดลองพบว่ าค่ าแรงเสียดทานในย่านนี: มคี ่ าน้ อยกว่า fmax และเรียกว่ า แรงเสียดทานจลน์ fk (Kinetic
friction) ความสัมพันธ์ของแรงเสียดทานจลน์จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์ N เป็ นดังสมการที (3.4)
f k = µk N (3.4)
โดยที µk คือค่าสัมประสิทธิ dแรงเสียดทานจลน์ ของพื:นผิวชนิดต่ างๆ เป็ นค่าทีได้จากผลการทดลองเช่นกัน
โดยทัวไปค่าสัมประสิทธิ d µk จะมีค่าน้อยกว่า µs ประมาณ 20% [2]
3
สมการการเคลือนทีแบบวิ ถีตรง: 1D
v v
ΣFx = max
v
ΣFy = 0 (3.5)
v
ΣFz = 0
v v vt 2
ΣFn = man an = = vt β& = ρβ& 2 vn = 0
2. Normal and Tangential (n - t) v v ρ
ΣFt = mat v = ρβ&
t
a t = v& t
v v
ΣFr = mar ar = &&r − rθ& 2 v r = r&
3. Polar (r-θ) v v
Σ Fθ = maθ aθ = rθ&& + 2r&θ& vθ = rθ&
s = s0 + v o t + 1 at 2
2
4
ส่วนที 1.1 ตัวอย่าง Section A: Force, Mass and Acceleration
เรือง Rectilinear Motion:: 1D (การเคลื
( อนทีแบบวิ ถีตรง)
หา R จากรูป จะพบว่า
∴ ay =
(T − mt g )
+↑ : ΣFy = mm a y mt
R−mm g = mma y (8,300 − 750(9.81) ) = 1.257m/ s 2 ↑
=
750
∴ R = ( a y + g ) mm (1)
ดังนัน: แทนค่า ay = 1.257m/s 2 ลงใน (1) จะได้
จาก (1) ทราบค่า mm = 75 kg , g = 9.81 m / s 2 แต่ ay = ?
∴ R = (1.257 +9.81)( 75 ) = 830 N Ans
ซึงหาได้โดย
b) หาความเร็ว v 3sec = ?
สมการความสัมพันธ์ ความเร่งคงที
2) เขียน FBD มวลรวมเพือหา a y = ?
v = vo + at แทนค่าจะได้
หา a y จากรูป จะพบว่า
v3sec = 0 + 1.1257(
1.1257(33) = 3.77 m/ s Ans
+↑ : ΣFy = mt a y
T −mt g = mta y
5
โจทย์กาํ หนด m = 200 kg
ออกแรงดึง T = 2.4 kN ส่งผลให้เคลือนทีด้วยความเร่ง a
โจทย์ถามหา a) ความเร่ง a ทีเคลือนทีตาม cable
b) แรง P ทีล้อเลือนกระทํากับ cable
วิ ธีทาํ
a) หา a ทีเคลือนทีตามสาย cable b) หาแรง P ทีล้อเลือนกระทํากับ cable
เขียน FBD เพือหา a ขณะทีออกแรงดึง P จากรูป FBD จะพบว่า
+y : ΣFy = m a y
หา a จากรูป จะพบว่า
+x : ΣFx = m ax
แทนค่าทีทราบจะได้
( )
12
( )
5
( 2, 400 ) 13 −( 200 × 9.81) 13 = ( 200 ) ax
∴ ax = 7.304 m/ s 2 Ans
6
โจทย์กาํ หนด mA =125 kg ; ml = 200 kg ; µk = 0.5
ระบบถูกปล่อยจากหยุดนิง ณ ตําแหน่ งดังรูป
โจทย์ถามหา a) ความเร็วกล่อง A ทีกระทบพืน: : vB = ?
วิ ธีทาํ หาความเร็วกล่องทีกระทบพื\น vB = ?
เขียนสมการทีมีตวั แปรทีโจทย์ ถามหา v B นัน: คือ พิจารณามวล ml = 200 kg ใช้สมการการเคลือนที
vB2 = v A2 + 2a A ( S B −S A ) →+ x : ΣFx = m ax
แทนค่าทีทราบ โดยกํกําหนดทิศการกระจัด +↓ จะได้ 2 T − 200(9.81) sin(30 °) − 0.5 N = 200 aC (3)
S 1 1m / s 1 v =1
∫ ddvv = − 5 [ ln ( v )]v = 2
0.2 ∫2 m/ s v
dt = −
o
8
โจทย์กาํ หนด ปลอกมวล m ; แรงกระทํา F = const. ; มุม θ = kt เมือ k = const. สปส µk
และ สปส.
ค่าเริ มต้น: ณ t = 0 sec ⇒ v = 0 ณ ตําแหน่ ง θ = 0
ปลอกหยุดนิงอีกครัง: v = 0 ที θ = π /2
โจทย์ถามหา แรง F
วิ ธีทาํ หาแรง F ดังนัน\ แทนค่า N, a y ใน (1) จะได้
เขียน FBD ของระบบ จะได้เป็ น F cos θ − µk ( F sin θ )−mg = m k ( ddvθ )
ดังนัน: หา F ก็ทาํ การอินทิเกรต จะได้
θ v
∫ [ F ( cosθ −µ
0 k sin θ ) − mg ] dθ = ∫ [ mk ] dv
0
θ
[ F ( sin θ +µk cos θ ) − mgθ ] θ =0
= mkv
F [sin θ + µk ( cos θ −1)] − mgθ = mkv (3)
ay =
dv
(2)
ความสัมพันธ์ v = f(θ) เป็ น
dt gπ gθ
จาก โจทย์กําหนด v=
2k [1− µk ]
[ sin θ + µk ( cos θ −1)] −
k
(*)
θ = kt
1
∴ dθ = k dt ⇒ dt = dθ
แทนค่าใน (2) จะได้
k
dv
ay = k (2′)
dθ
9
ส่วนที 1.2 ตัวอย่าง Section A: Force, Mass and Acceleration
เรือง Curvilinear Motion: 2DD (การเคลื
( อนทีแบบวิ ถีโค้งในระนาบ)
วิ เคราะห์คาํ ตอบ
1 กรณี v < ( vmax = ρ g ) จะส่ ง ผลให้แ รง
ปฏิกิรยิ าทีพื:นผิวกระทํากับกล่อง N มีทศิ พุ่งขึ:น ซึง
กล่อง A จะยัยังเคลือนทีสัมผัสกับพื:นผิวอยู่ในขณะทีวิง
เขียนสมการทีตัวแปรทีโจทย์ถามหา v คือ ลง
+ ↓ : ΣFn = m an
2 กรณี v > ( vmax = ρ g ) จะส่ ง ผลให้แ รง
v2
mg − N = man = m (1) ปฏิกริ ยิ าทีพืน: ผิวกระทําต่อกล่อง N มีทศิ พุ่งลง ซึงใน
ρ
จาก (1) แทนค่า N = 0 จะได้ vmax นัน
: คือ กรณีน:ีจะส่งผลให้กล่อง A ลอยตัวยกขึน: ตัวอย่างเช่น
v2
การแข่งรถมอเตอร์ไซค์วบิ าก ทีกระโดดลอยข้ามเนิ น
mg − 0 = m max
ρ สูงๆ ตํ าๆ ทีซึงนัก แข่งจะต้อ งทําความเร็ว v > ρ g
∴ vmax = ρ g Ans เมือ ρ คือรัศมีความโค้งของเนินสูงๆ ตําๆ ดังกล่าว
10
โจทย์กาํ หนด small objects มวล m ; รัศมีความโค้ง R ; smooth surface µk = 0
ค่าเริ มต้น ณ จุด A: ณ t = 0 sec ถูกปล่อยจากหยุดนิง v = 0 ณ ตําแหน่ ง θ = 0
โจทย์ถามหา a) แรงปฏิกริ ยิ าทีรางกระทํ
กระทํากับมวล โดยเขียนในรูป N = f(θ)
b) ความเร็วเชิงมุม (ω) ของ Pulley รัศมี r ขับสายพานลําเลียง
เพือไม่ให้มวล m เลือนไถลไปบนสายพาน
วิ ธีทาํ a) หาแรงปฏิ กิริยา N = f(θ) ดังนัน: แทนค่า v 2 ใน (1) แล้วจัดรูปหา N = f(θ) จะได้
เขียน FBD ของระบบมวล m ณ มุม θ ใดๆ N − mg sin θ = m ( 2RgRsin θ )
∴ N = 3mg sin θ Ans
b) หาความเร็วเชิ งมุม ω
การทีมวล m ไม่เลือนไถลบนสายพานลําเรียง นัน: คือ
เขียนสมการทีมีตวั แปรทีโจทย์ถามหา N = f(θ) คือ ความเร็วมวล m ณ จุด B = ความเร็วของสายพาน
+ n : ΣFn = m an แทนค่าจะได้
v2
N − mg sin θ = man = m (1) ความเร็วมวล m ณ จุด B : vB = 2Rg sin (π /2)
R
ความเร็วสายพานลําเลียง : vb = ω r
จาก (1) ยังไม่ทราบ v ดังนัน: จะต้องจําลองสมการเพิม
ดังนัน: สมการไม่เลือนไถล คือ
ดังนี:
vB = vb
จากสมการ ODE
2Rg sin (π /2 ) = ω r
v dv = at ds (2)
2Rg
จาก (2) ทราบค่า ds = Rdθ ยังไม่ทราบ at ดังนัน: ∴ ω= Ans
r
จะต้องจําลองสมการเพิม นัน: คือ
+ t : ΣFt = m at
mg cos θ = mat
∴ at = g cos θ
ดังนัน: แทนค่า at ใน (2) แล้วอิทเิ กรตหา v = f(θ) จะได้
v θ
∫
0
v dv = ∫0
( g cos θ ) Rdθ
v2
∴ = Rg sin θ ⇒ v 2 = 2Rg sin θ
2
11
โจทย์กาํ หนด รถมวล m = 1, 500 kg ; รัศมีความโค้งของถนน ρ A = 400 m; ρC = 80 m
ลักษณะการเคลือนที A-C : - ลดความเร็วด้วยอัตราคงที นัน: คือ at, A = at, B = at,C = at = const. :
- ความเร็วจุด A : vt, A = 100 km/h และความเร็วจุด C : vt,C = 50 km/h
- ระยะทาง S A− C = 200 m
v v v
โจทย์ถามหา แรงในแนวระนาบที
ในแนวระนาบทีถนนกระทํากับยางรถยนต์ ณ ตําแหน่ ง A, B, C นัน: คือ FA = ?; FB = ?; FC = ?
v v v
วิ ธีทาํ หาแรง FA = ?; FB = ?; FC = ?
เขียน FBD ของแรงที
แรงทีกระทํากับรถ ณ ตําแหน่ งต่างๆ
วิ ธีแก้ปัญหารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง: ทําถนนเอียง
จงคํานวณหามุมเอียง (Banking angle) θ ของถนน ทีช่วยให้รถแข่งไม่ไถลขึน: หรือลงไปตามถนนเอียง โดยทีไม่
ต้องอาศัยแรงเสียดทานจากยางรถยนต์
กําหนด ของรถยนต์มมี วล m รัศมีความโค้งถนน ρ และรถวิงด้วยความเร็วคงที v
วิ ธีทาํ
เขียน FBD ของแรงทีกระทํากับรถแข่ง
13
โจทย์ถามหา ค ว า ม เ ร็ ว ข อ ง จ า น ด า ว เ ที ย ม
(spacecraft) เพือรักษาระดับวงโคจรที 320 km เหนือ
ผิวโลก v= ?
วิ ธีทาํ
เขียน FBD ของแรงทีกระทํากับ spacecraft
อภิ ปรายคําตอบ
หาก spacecraft ใช้ความเร็วทีตํากว่าหรือสูงกว่า
7,220 m/s จะทําให้การเคลือนเปลียนวงโคจรใหม่ ซึง
g
สามารถพิจารณาได้จาก v=R
( R +h )
หากตํากว่ า
จะเปลียนวงโคจรไปที
ไปทีระดับสูงขึน: แต่หากความเร็วสูง
จากรูปเขียนสมการทีมีตัตวั แปรทีโจทย์ถามหา v คือ กว่าจะทําให้ไปทีระดับตําลง
v2
+ → n : ΣFn = m an = m
ρ
แทนค่าทีทราบจะได้
mme v2
G = m
( R+h )2 ( R+h )
Gme
∴v= (1)
( R+h )
จากบทที 1
Gme
g= 2 = 9.825 m/ s (not rotating effect)
2
R
ดังนัน: Gme = gR 2 แทนใน (1) จะได้
gR 2 g
v= =R (2)
( R+h ) ( R+h )
แทนค่าทีทราบ
g = 9.825 m/s 2 ; R = 6.371×103 m ; h = 320 ×103 m
จะได้
9.825
v = 6.37×103
( 6.37×103+ 320 ×103 )
= 7, 220 m/ s Ans
14
โจทย์กาํ หนด
ก้อมมวล m ณ ตําแหน่ ง B:
- หมุนรอบแกน O ด้วยความเร็วเชิงมุมคงที θ& = ω ทิศทางด
- รัศมีการหมุน r
- ไม่พจิ ารณาผลของแรงเสียดทานทีทีผนังท่อ Ff = µ k N = 0
การหมุนของเพลาด้านล่าง : - รัศมีของเพลา b หมุนรอบแกนแยกเป็ น 2 ลักษณะ คือ
Case (a) : ความเร็วเชิงมุมคงที ω0 ทิศทางตามเข็มนาฬีกา ดังรูป
Case (b) : ความเร็วเชิงมุมคงที ω0 ทิศทางทวนเข็มนาฬีกา ดังรูป
โจทย์ถามหา แรงตึงเชือก T = ? และแรงในแนวระนาบที
และแรง ผนังท่อกระทํามวล m : Fθ = ? ในทัง: 2 กรณี
วิ ธีทาํ เขียน FBD ของแรงทีกระทํากับมวล m โจทย์กําหนด θ& = ω = const.; ω 0 = const.
จากรูปจะพบได้แทนค่าทีทราบจะได้
vr = r& = bω0
aθ Velocity :
vθ = rθ = rω
θ& = ω ar &
m
r T a = &&
r − rθ& 2 = 0 − rω 2
Fθ Acceleration : r
aθ = rθ&& + 2r&θ& = 0 + 2(bω0 )(ω )
ดังนัน\ หาแรงกระทํา คือ
ω0
Note: ( vr ) m = ( vθ ) b + → r : ΣFr = m ar + ↑θ : ΣFθ = m aθ
∴ r& = bω 0
b −T = m ( −rω 2 ) Fθ = m ( 2bω0ω )
โดย
วิทรู ย์ เห็มสุวรรณ
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
1
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
2
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
3
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
4
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
5
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
6
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
7
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
8
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
9
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
10
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
11
425203/525203 พลศาสตร์วิศวกรรม (ENGINEERING DYNAMICS)
[1] Ch3: Kinetics of Particles, Section A: Force Mass and Acceleration
ลําดับที่…../…….. ที่นั่ง Zone:…………… ชื่อ:……………………………………… รหัส:……………………….
12