Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 501

MEMORIZE

[เล่ม31] ตอนที่ 1
_______________________________________
‘วิธีการต่อสู้กบั นักเวทนั้นง่ายดาย บอกได้เลยว่าการ
รักษาระยะห่างเอาไว้นนั้ เป็นจุดที่สาคัญ กล่าวคือ หาก
ไม่ปล่อยโอกาสให้ท่องคาถาก็ใช้ได้แล้ว’
‘แน่นอน นั่นเป็นเพียงแค่ในกรณีโดยทัว่ ไปเท่านัน้ ลอง
เสนอวิธกี ารในกรณีทพี่ เิ ศษไปกว่านั้นอีกหน่อยได้ไหม
ตัวอย่างเช่น หากว่าเป็นนักเวทที่สามารถใช้เวท
เคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่องได้ หรือไม่กน็ ักเวทที่มี
ความสามารถทางร่างกายสูงเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นเวลา
แบบนี้ล่ะ...’

มีภาพหนึ่งวาดขึ้นมาในหัว
อันฮยอนกวัดแกว่งหอกเหมือนกังหันลมอย่างน่ากลัว
แล้วไล่ตามจูฮยอนโฮทีถ่ อยหลังไป

‘แน่นอนการใช้ตา้ นทานเวทมนตร์ก็เป็นวิธกี ารที่ใช้ได้


เช่นกัน แต่วา่ อันฮยอน สาหรับนายการหลบหนีเป็น
วิธีการเหมาะสมที่สุดแล้ว ทาไมน่ะเหรอ มันเป็นเรื่องที่
แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะว่านายคือมือหอกจี้กง
พูดให้ชัดอีกครัง้ ก็คือให้เพิ่มทักษะการต่อสู้มือเปล่าของ
มือหอกจีก้ งให้มากขึ้น ทักษะการต่อสู้มือเปล่าอันนัน้
เป็นการเคลื่อนไหวที่เหมาะที่สุดในการหลบหนีและ
ขณะเดียวกันก็ยังสามารถโจมตีได้อกี ด้วย...’
‘จากตรงนี้สามารถเพิม่ อีกอย่างเข้าไปรวมกันได้อีก นั่น
คือเรื่องหลอกลวง’
ในขณะนัน้ ต่อเนื่องไป ทันใดนั้นฝีเท้าของอันฮยอนที่รกุ
ไปข้างหน้าอยูน่ นั้ ก็เริ่มฟุตเวิรค์ อันแปลกประหลาดราว
กับถูกวิญญาณเข้าสิง
ในตอนแรกเหมือนเขากาลังจะแทงหอกไปด้านหน้า
ตรงๆ แต่กลับวาดหอกทะลุลงไปทางด้านซ้าย และหมุน
ตัวกลับไปทางด้านขวากวัดแกว่งดาบราวจะฟาดฟัน
จูฮยอนโฮรู้สกึ ว่าสติของตนเริ่มเลือนราง จากเดิมที่
เหนื่อยอ่อนมากอยู่แล้ว แต่แล้วลมหายใจก็เริ่มติดขัด
หนักขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นทีก่ าลังต่อสู้อยู่ดว้ ยในตอนนีเ้ หมือน
ไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งคน แต่รู้สึกว่ามีถึงสามคนด้วยกัน
แต่ไม่เป็นไร ไม่วา่ จะมีหนึ่งคนหรือสามคน ก่อนอื่น
ตอนนีถ้ ้ามองเห็นได้ชดั แล้วล่ะก็!
จูฮยอนโฮที่คิดอย่างนั้นพยายามฝืนถลึงตาตัวเองอย่าง
หนักเพื่อให้คนุ้ ชินกับการเคลื่อนไหวของอันฮยอน และ
ในตอนที่อันฮยอนทั้งสามคนพุ่งเข้ามาในคราวเดียวกัน
นั้นเอง
ราวกับจะทาลายศีรษะให้แหลกทั้งหมด เขากวัดแกว่ง
มือที่หุ้มด้วยคาถาทาลายล้างเข้ามาอย่างรุนแรง
แต่ทว่ามือที่ห่อหุ้มด้วยพลังอันน่ากลัวนั้น กลับแกว่งขึ้น
ไปในอากาศ
สีหน้าของจูฮยอนโฮนัน้ ว่างเปล่า เขามองขึน้ ไปข้างบน
ด้วยสายตาเลื่อนลอยไร้สติ
ขึ้นไปบนอากาศตอนไหนกันนะ
อันฮยอนอยูก่ ลางอากาศ หอกทีจ่ ับด้วยมือทัง้ สองชูขึ้น
สูง ภาพของอันฮยอนโค้งตัวเป็นรูปพระจันทร์ข้างขึน้ นัน้
ผิดรูปราวกับกาลังดูการเคลื่อนไหวของการแสดง
กายกรรม
บึ้ม
จากนัน้ ร่างกายอันยืดยุน่ ก็งอลง พร้อมกันนัน้ อันฮยอนก็
กวัดแกว่งหอกนิดอย่างเต็มแรง ด้ามหอกแหวกอากาศ
ลงมาตีทศี่ ีรษะของจูฮยอนโฮอย่างโหดเ**้ยม
พลั่ก!
“อ้ากกก...”
ของเหลวสีแดงค่อยๆ ไหลออกมา ศีรษะยุบลงอย่างแรง
สีหน้าของจูฮยอนโฮแข็งทื่อ เสียงกรีดร้องโหยหวนราว
จะขาดใจดังออกมาจากปากที่ค่อยๆ อ้ากว้างออกทีละ
น้อย
ในที่สุดชั่วขณะที่ลงมาสู่พนื้ ดินอย่างนุ่มนวล อันฮยอนก็
จ้องมองจูฮยอนโฮเขม็งในทันที ทั้งร่างกายของจูฮยอน
โฮกาลังสัน่ เทิ้มและก้าวถอยหลังไปอย่างโซเซ

‘ดี เจอตีลงไปจังๆ แบบนัน้ ก็อย่าได้หยุดเป็นอันขาด


จนกว่าจะเห็นบทสรุปของเรื่องนี้อย่าได้ผ่อนปรน’
‘ถ้าหากว่าคู่ต่อสู้อยูใ่ นสภาพโซเซเข้าตาจนแล้ว นัน่ เป็น
รางวัลอย่างหนึง่ จากการที่นายได้ต่อสูม้ าจนถึงตอนนีไ้ ง
ล่ะ รางวัลทีช่ ่วยให้สามารถโจมตีได้ถกู ต้องแม่นยา
สามารถโจมตีอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกได้ แต่ทว่าหากมัว
แต่ดีอกดีใจกับการโจมตีที่สาเร็จเพียงแค่ครั้งเดียว นั่น
เท่ากับว่าทาโอกาสเหล่านัน้ หายไปหมดไม่ใช่หรือ’

อันฮยอนยกเท้าขวาขึน้ มาอย่างไม่ชักช้ารีรอ ร่างกาย


ส่วนบนยกขึน้ หอกก็ยกขึน้ เช่นกัน
แรงต่อเนื่องไปที่ฝ่าเท้า ขา ต้นขา ส่วนท้อง หน้าอก
และแขนตามลาดับ แรงที่ต่อเนื่องมาได้รบั การขยายของ
พลังเวทและปะทุพงุ่ พรวดออกมา
ทันทีที่ก้าวลงมาพร้อมกับกางเท้าออกกว้าง พร้อมกัน
นั้นอันฮยอนรวบรวมพลังทั้งหมดและส่งมันไปที่ปลาย
หอก
ตึง!
เท้าขวาลงมาแล้วร่างกายส่วนบนก็ลงมา ทาให้หอกตาม
ลงมาเช่นเดียวกัน
ไม่ใช่แทงหอกอย่างปกติ ในชั่วขณะที่หอกเอนเอียงลงไป
นั้น หอกกลับมาตั้งตรงขนานเช่นเดิม ปลายหอกที่
เคลื่อนตัวต่าลงมาด้านล่างนั้นแทงเข้าที่หน้าอกของจูฮ
ยอนโฮอย่างแม่นยา
บึ้ม!
แรงระเบิดอย่างรุนแรงที่มุ่งไปยังจุดเดียว ระเบิดหน้าอก
ของจูฮยอนโฮ เกิดแรงกระแทกมหาศาล!
เลือดหลั่งออกมามากมายจากหน้าอกและปากของจูฮ
ยอนโฮ ร่างกายไม่เพียงแค่ถูกเหวี่ยงออกไปอยูบ่ นพืน้
เท่านัน้ แต่ยังกลิ้งเกลือกไปมา
และ
“อ่า”
ชินแจรยงที่มองดูความเป็นไปทุกอย่างที่เกิดขึน้ อยูน่ ั้น
อดที่จะชืน่ ชมเล็กน้อยออกมาไม่ได้
แล้วชินแจรยงก็นงั่ ลงไปกับพื้น เมื่อพลังเวทหายไปจน
เกือบหมดสิ้นแล้ว ชินแจรยงก็ไม่สามารถที่จะให้ความ
ช่วยเหลือในการต่อสู้ได้อีกต่อไป ไม่สิ ก่อนหน้านั้นเขา
ได้รบั บาดเจ็บสาหัสที่สขี ้าง อาการเจ็บแปลบๆ กรูเข้า
มาและการมองเห็นของเขาก็ค่อยๆ เลือนรางลงเรื่อย
แต่ทว่าชินแจรยงก็ทาใจให้สงบตัง้ สติไว้มั่น ไม่ละสายตา
ไปจากอันฮยอน
จูฮยอนโฮแผดเสียงน่ากลัวน่าออกมาแล้วยกร่างกาย
ของตัวเองขึ้น แต่ก่อนที่จะยกตัวเองขึ้นมาได้นั้นอันฮ
ยอนก็เข้าไปโจมตีเสียก่อน เหมือนว่าเขาจะสูญเสีย
สติสัมปชัญญะไปเสียแล้ว มือของจูฮยอนโฮยืน่ ออกมา
ราวกับตั้งใจจะคว้าคอของอันฮยอนเอาไว้
แต่ว่านอกเหนือจากยามที่จาเป็นแล้ว อันฮยอนจะไม่
ต่อสู้ระยะประชิดเป็นเด็ดขาด เขาจับด้ามหอกยาวๆ
แล้วเบีย่ งตัวหลบเล็กน้อย ตอนทีก่ ารโจมตีของจูฮยอน
โฮพลาดเป้าไป เขาปรับมือที่ถือหอกใหม่อีกครั้งก่อนจะ
แทงหอกลงลึกไปยังตาแหน่งที่ตัวเองได้สร้างบาดแผล
เอาไว้แล้ว
หอกแทงทะลุอกยับเยิน เลือดแดงพุ่งทะลักออกมา
ชินแจรยงเฝ้าดูขนั้ ตอนทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน
ตั้งแต่แรก เมื่อเริ่มต่อสูใ้ หม่อีกครั้ง สายตาก็จบั จ้องไปที่
อันฮยอนไม่วางตา
ชินแจรยงอุทานออกมาด้วยความชืน่ ชม
อันฮยอนเปลี่ยนไปแล้ว ไม่สิ เริ่มทีจ่ ะเปลีย่ นไปแล้ว

[ความสามารถใหม่ของผู้เล่นอันฮยอนเปิดใช้งานแล้ว
ทักษะแฝงสล็อตที่สี่ถกู ใช้งานแล้ว]
[ขอแสดงความยินดี! ทักษะแฝงความเป็นหนึ่งเดียวกับ
หอก เปิดใช้งานแล้ว!]

ส่องแสงเปล่งประกาย
อันฮยอนส่องแสงเปล่งประกายออกมา และเริม่ จมอยูใ่ น
ความสว่าง
ชินแจรยงมองดูอันฮยอนแบบนั้น จู่ๆ ก็เริ่มรูส้ กึ ตื่นเต้น
ขึ้นมา อันฮยอนถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง การ
เคลื่อนไหวร่างกายแต่ละครั้งแต่ละอย่างของอันฮยอนดู
งดงามเหลือเกิน
น่าแปลกทีน่ ั่นไม่ใช่ความรู้สึกตื่นเต้น แต่เป็นความรู้สึก
ประทับใจอย่างหนึ่งเมื่อได้มองเห็นสิ่งสวยงามจริงๆ
จู่ๆ ชินแจรยงก็หวนนึกถึงภาพภาพเหตุการณ์หนึ่งที่เคย
เห็นเมื่อในอดีต
ทิวทัศน์ที่มีหิมะตกลงมาจากฟากฟ้า
ชินแจรยงนัง่ นิง่ อยูบ่ นม้านั่ง จ้องมองไปยังภาพหิมะที่
กาลังตกลงมาอย่างเลื่อนลอย
ตกลงมาและละลายไป
ตกลงมาและละลายไป
ตกลงมาและละลายไป
แต่ทว่าในช่วงเวลาหนึ่งหิมะก็เริ่มทับถมกันเป็นกอง
หิมะที่เริ่มทับถมกันแล้วนั้นไม่สลายหายไปอีกต่อไป
เริ่มกองสุมทับกันเป็นกอง
ตกลงมา ปกคลุม และทับถมเป็นกอง
ชินแจยรงตั้งสติขนึ้ มาได้ก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เกล็ด
หิมะที่เคยละลายหายไปเพียงเท่านัน้ กลับกองกันสูงจน
มองไม่เห็นพืน้ ถนน
ทุ่งหิมะของวันนั้นที่ส่องแสงสว่างจ้าออกมาจนแสบตา
ชินแจรยงยังคงจดจาได้อยู่เสมอไม่ลมื เลือน
ชินแจรยงกาหมัดแน่นและในคราวนีก้ ็คิดถึงอันฮยอน
อันฮยอน นายน่ะ...
ในความเป็นจริงแล้วตัง้ แต่อยู่ร่วมกันมาจนถึงตอนนีก้ ็มี
จุดวิกฤติหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งด้วยเจตนาของตนและ
ทั้งด้วยเจตนาของผู้อื่น อันฮยอนต้องเผชิญหน้ากับ
วิกฤตมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่เขาไม่เคยหนีไปไหน
ใช่แล้ว อันฮยอนไม่เคยหนีไปไหนแม้สกั ครั้งเดียว ด้วย
ความสามารถที่ถกู มอบให้มาและการเพียรพยายาม
อย่างยากลาบาก ไม่วา่ จะต้องทาอย่างไร เขาพยายาม
อย่างมากทีจ่ ะหลุดพ้นออกจากวิกฤตนัน้ ไปให้ได้ แม้
อาจจะต้องตกลงไปในขุมนรกอเวจีก็ตาม
‘อย่างแรก ยกเลิกสถานภาพสมาชิกเผ่าของอันฮยอน
ตั้งแต่วนิ าทีนี้เป็นต้นไป อันฮยอนจะไม่ได้รับการยอมรับ
ว่าเป็นสมาชิกเผ่าของเมอร์เซนต์นารี่’

แต่ถึงจะเป็นเช่นนัน้

‘พี่ครับ ผมจะพยายามตั้งใจให้มากนะครับ’

แม้จะยอมรับทุกอย่างแต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้เหมือนตุ๊กตา
ล้มลุกด้วยนิสัยดื้อรั้นทีม่ ีของตัวเอง

‘ผมต้องทาอะไรดีครับ ผมจะทาอะไรได้บ้างหรือครับ’
บอกว่าไม่ว่าจะทาอย่างไรก็จะลองทาให้ได้ ดื้อรั้นบอก
ว่าจะต้องกลับขึ้นไปให้ได้อีกครั้ง
ไม่สามารถจะพูดได้ว่าการกระทาของอันฮยอนนั้น
ถูกต้องไปเสียทุกประการ แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถที่
จะปฏิเสธไปได้
อันฮยอนเพียรพยายามอยู่เสมอ และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็
ทาทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ
ถึงแม้วา่ ความพยายามนั้นจะไม่ได้ผลตอบแทนกลับมา
ในทันทีทนั ใดก็ตาม แต่อันฮยอนก็เป็นผู้เล่นที่แสดง
ความเป็นไปได้ของอะไรบางอย่างให้ชินแจรยงได้เห็นอยู่
เสมอ นั่นก็คืออันฮยอนที่ชินแจรยงเห็น และเป็นเหตุผล
ของการเลือกในครัง้ นี้อกี ด้วย
อันฮยอน คนอย่างนายนี่...จริงๆ เลยนะ...
ชินแจรยงลืมตาที่หลับเอาไว้ขนึ้ มาแล้วจ้องมองไปยัง
อันฮยอน อันฮยอนยังคงไล่ต้อนจูฮยอนโฮฝ่ายเดียวอยู่
เช่นเดิมนั้นส่องแสงระยิบระยับออกมารอบๆ ตัว
ดวงตาที่มีชวี ิตชีวา
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 2
_______________________________________
ร่างกายรูปร่างบิดเบี้ยวผิดรูป แขนที่ควบคุมหอกวาด
เส้นพลิ้วไหว
แต่ทว่าฝ่าเท้ายังเหยียบพื้นโดยไม่หยุดพัก
ทุกอย่างผิดปกติ
แต่ทว่าหอกของอันฮยอนและร่างกายของเขานัน้ แสดง
การเคลื่อนไหวออกมาราวกับจะรวมกันเป็นหนึง่ เดียว
อย่างน่าประหลาด
ชินแจรยงตะโกนร้องด้วยความยินดี เสียงโห่รอ้ งยินดีอนั
จริงใจทีก่ ลัน่ ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ
ใช่แล้ว สิ่งนั้นสินะ สิง่ นัน้ ก็คือมือหอกจี้กงที่แท้จริง!
ไม่สิ นัน่ คือมือหอกจี้กง อันฮยอนนัน่ เอง!
อันฮยอนคนเดิมจนถึงตอนนีน้ นั้ หากเป็นหิมะทีต่ กลง
มายังพืน้ จะต้องละลายหายไปอย่างเป็นแน่
แต่ทว่าตั้งแต่นี้ไปจะไม่เป็นเช่นนัน้ แล้ว
ตกลงมา ปกคลุม และทับถมเป็นกอง
กองทับถมกันไปเรื่อยๆ และเริ่มเปล่งประกายแสง
ออกมา
ยุคที่อันฮยอนจะได้เปล่งประกายก็ใกล้เข้ามาแล้ว
“อ๊ากกก!”
ได้ผู้ชนะแล้วหรือยังนะ
จูฮยอนโฮที่ไม่สามารถอดทนได้ในสุดท้ายนัน้ ก็ล้มลงไป
แล้ว อันฮยอนขึน้ ไปเหยียบบนหน้าท้องของจูฮยอนโฮที่
ล้มลงไปแล้วยกหอกชี้ขนึ้ สูงโดยทันที และมองลงไปยัง
หน้าอกทีถ่ ูกแทงยับกลายเป็นผ้าขีร้ ิ้วแล้วแทงหอกลงไป
ด้วยแรงทั้งหมด การเคลื่อนไหวเหล่านัน้ ต่อเนือ่ งกันไป
ราวสายน้าไหล
ในตอนนัน้ เอง
ในตอนที่อันฮยอนกาลังจะปักหอกลงไปด้านล่าง ขาของ
จูฮยอนโฮก็ขยับเขยื้อนไปมา
ในตอนนัน้ ชินแจรยงกาลังร่ายคาถาโดยที่เขาไม่รู้ตัว จูฮ
ยอนโฮเตะขาขึน้ ด้วยแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ไปยังหลัง
ของอันฮยอนที่กาลังเหยียบตัวเองอยู่
โจมตีพร้อมกัน
ช่วงเวลาในขณะนัน้ ทัศนวิสัยที่มองเห็นได้หยุดลงไป
ราวโกหก ไม่สิ ภาพที่เห็นนัน้ เริ่มไหลไปอย่างเชื่องช้าจน
สามารถคิดได้ว่าเป็นภาพนิง่
มือของชินแจรยงเคลื่อนไหวไปเองอัตโนมัติ ในขณะที่
เวลาไหลเคลื่อนไป ก็ใส่พลังเวทปริมาณน้อยนิดที่
สามารถรวบรวมมาได้ลงไปในไม้เท้า
“คุ้มกัน”
ฟิ้ว!
เคร้ง!
การจู่โจมของทั้งอันฮยอนและจูฮยอนโฮไม่สามารถไปถึง
เป้าหมายได้สาเร็จ
เท้าที่เตะออกไปออกจูฮยอนโฮถูกม่านป้องกันทีช่ ินแจร
ยงสร้างขึ้นมากันเอาไว้ได้
หอกของอันฮยอนนั้นถูกจูฮยอนโฮทีพ่ ลิกศีรษะไปข้างๆ
พร้อมกันกับใช้มือทั้งสองข้างจับหอกเอาไว้แน่น แม้จะ
เฉียดผ่านคอไปบ้าง แต่ก็สามารถหลบได้อย่างหวุดหวิด
ความเงียบเกิดขึ้นในชั่วขณะ
ในเวลาที่ผ่านมาจูฮยอนโฮรู้สึกเหมือนตัวเองกาลังเสีย
สติ
คู่ต่อสู้ที่คิดว่าเป็นเพียงแค่เด็กอมมือ จู่ๆ ก็เกิด
เปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงแม้วา่ ร่างกายจะ
กลายเป็นผ้าขี้รวิ้ ไม่เหลือชิ้นดีเพราะคิมซูฮยอนและเฮล
เลน่ามาเท่าไหร่กต็ าม แต่กลับไม่สามารถที่จะจู่โจมกลับ
ได้ กลับถูกแทงทุบตีอย่างน่าเวทนา
“อึก อึกกก!”
ไม่นานจากนัน้ จูฮยอนโฮก็ร้องครวญครางพร้อมขยับ
แขนตัวเองพยายามที่จะเอาหอกออกไปให้ได้ แต่ทว่า
อันฮยอนไม่ยอมอยูน่ ิ่งเฉย ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู่
นั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
ขยับเท้าอย่างรวดเร็วแล้วเขีย่ หน้าอกที่เละไม่มชี ิ้นดี จูฮ
ยอนโฮกรีดร้องเสียงหวนออกมา ในระหว่างนัน้ ก็ยกหอก
ขึ้นอีกครั้งก่อนจะปักลงตามเดิม
ฉึก!
ครั้งนี้ไม่พลาดเป้า หอกปักลงตรงคออย่างแม่นยา
อันฮยอนไม่หยุด
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
อันฮยอนแทงหอกลงไปหลายต่อหลายครั้งจนหอกทะลุ
ผ่านคอลงไป
ในที่สุดต้องแทงลงไปถึงครัง้ ที่สิบเอ็ด เนื้อของจูฮยอนโฮ
จึงเกิดรูโหว่ และหอกก็เจาะผ่านคอลงไปปักที่พนื้ ดิน
อันฮยอนผลักจูฮยอนโฮออกไปทั้งในสภาพเช่นนั้นแล้ว
หมุนหอกลงไปให้ลึกที่สดุ
“เอือกกก!”
เลือดผสมกับฟองอากาศครึ่งต่อครึง่ ทะลักออกมาจาก
ปากที่อ้าออกกว้าง เลือดทะลักออกมาไหลไปทัว่ ทุกทิศ
สร้างรอยเปื้อนเหนียวหนืดบนพืน้ ดิน
“แฮ่ก แฮ่ก!”
ถึงตอนนัน้ เอง อันฮยอนปล่อยลมหายใจที่อดกลั้นเอาไว้
ให้ทะลักออกมาในครัง้ เดียว พร้อมกันนัน้ ก็รู้สกึ ถึงความ
ปีติยนิ ดีที่ไม่รู้วา่ ความหมาย
เพียงแค่ทาตามที่ถกู สอนมาเท่านัน้ เพียงแค่ละทิ้ง
เส้นทางที่ตนเองหวังพยายามจะทาให้สาเร็จลุล่วงไป
แล้วเลี้ยวกลับมายังทางที่ต้องไปตั้งแต่เพียงเท่านัน้
แต่ทว่าทุกสิง่ อย่างก็เป็นไปตามคาดคิดไว้
ประสบการณ์อันไม่เคยได้ประสบเลยจนถึงตอนนี้
ความรู้สกึ ปีติยนิ ดีต่อเนือ่ งไปทั่วทัง้ ร่างกาย และรู้สึกได้
ถึงความสั่นเทิม้ ของร่างกายเกิดขึ้นราวกับคิดไปเอง
ในที่สุดอันฮยอนก็ผ่อนคลายลมหายให้สงบลงแล้ว
พิจารณามองจูฮยอนโฮที่เกิดอาการสั่นเทาเป็นระยะ
แม้ว่าตั้งแต่ศรี ษะจรดปลายเท้าจะแหลกเละไปหมดแล้ว
ก็ตาม แต่ว่าจูฮยอนโฮยังคงมีลมหายใจอยู่
“พูดออกมาได้แล้ว”
อันฮยอนมองลงไปที่จฮู ยอนโฮในสภาพนัน้ พูดขึ้นด้วย
เสียงทุ้มต่า
“ระวัง อุปกรณ์ระเบิด มันหมายความว่ายังไง”
การต่อสู้สนิ้ สุดลงแล้ว
แพคฮยองชิกและโกอึนซลเสียชีวิตไปเพราะเวทมนตร์
ของเฮเลน่า จูฮยอนโฮก็กองอยู่ที่พนื้ ด้วยบาดแผลที่ไม่
สามารถจะรักษาได้แม้จะผ่านการฟืน้ คืนชีวิตก็ตาม
แน่นอนว่าผู้เล่นจานวนไม่น้อยต้องเสียสละชีวติ แต่
อย่างไรก็ตามก็ได้ชยั ชนะมาครอบครอง
แหมะ แหมะ
จู่ๆ ฝุ่นดินที่หล่นลงมาจากเพดานก็ไหลย้อยมาตามดวง
ตาที่คลอด้วยรอยน้าตาและไหลรินลงมา แต่ทว่าความ
สนใจของอันฮยอนทั้งหมดในตอนนี้กาลังจดจ้องอยู่ที่จฮู
ยอนโฮเพียงผู้เดียวเท่านั้น
อันฮยอนจ้องมองขณะด้ามหอกจังคงเสียบอยูต่ ามเดิม
เช่นนัน้ พูดขึน้ มาเงียบๆ
“พูดออกมา อุปกรณ์ระเบิดนั่นหมายความว่ายังไง”
“ค่อก ค่อก!”
เมื่อบิดหอกแล้วถอนออก จูฮยอนโฮผู้มีดวงตาคลอเคล้า
ด้วยรอยน้าตาก็อาเจียนไอออกมาอย่างรุนแรง
แปะๆ แปะๆ
ฝุ่นดินกาลังหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง ฝุ่นดินหล่นลงมา
บังเอิญหล่นลงมากระทบเข้ากับดวงตาของจูฮยอนโฮ
อย่างแรง จูฮยอนโฮทาหน้าตาบิดเบีย้ วแล้วก็หวั เราะ
เสียงต่าออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ เป็นเสียงอันผิดธรรมดา
ไม่อาจรู้วา่ จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้กันแน่
“ฮึๆ...ค่อกๆ อุปกรณ์ระเบิด? ฮึๆ...”
อันฮยอนรี่ตาแหลมเรียวลง แล้วยกเท้าขึน้ เหยียบลงไป
ตรงหน้าอกอย่างแรงในทันที
ตุบ
“อึก! อ๊ากกก!”
กระดูกซี่โครงหักไปแล้ว พร้อมกันกับเสียงกรีดร้องของ
จูฮยอนโฮดังออกมาเลือดจานวนมากพุ่งทะลักออกมา
จากปาก
“พูดมาว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ค่อกๆ ถ้าพูดแล้วจะไว้ชีวติ งัน้ หรือ...”
จูฮยอนโฮวิงวอนขอให้ไว้ชีวติ แต่ทว่าอันฮยอนส่ายหน้า
ปฏิเสธในทันทีราวกับว่าไม่มีคา่ พอให้คิด
“ไม่ แต่ถ้าบอกออกมา อย่างน้อยก็สัญญาว่าจะให้ตาย
แบบไม่ต้องทรมาณ”
“ฮิ...ยังไงก็ต้องตายอย่างนัน้ สินะ งัน้ เหมือนว่าฉันจะ
บอกไหมล่ะ”
อันฮยอนหัวเราะเยาะเสียงที่ฟงั ดูไม่สะทกสะท้านนั่น
แล้วยกหอกขึน้ โดยไม่คดิ ลังเลใดๆ แม้แต่น้อย แม้จะเป็น
แค่แบบง่ายๆ แต่วา่ คิมซูฮยอนได้ฝึกอบรมเตรียมตัวให้
พร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบเดียวกันนีเ้ อาไว้แล้ว
‘อย่าได้ยืดเยื้อให้เสียเวลาล่ะ’

อันฮยอนทาตามอย่างแบบอันได้เรียนรู้มาในตอนนัน้
ตอนนีเ้ ขาคิดจะทาลายศีรษะของจูฮยอนโฮให้แหลก
ละเอียดไปซะ
“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เปลีย่ นใจแล้ว”
หรือว่าจะอ่านความจริงใจในสายตาของอันฮยอนออก
จูฮยอนโฮตะโกนออกมา
“ถ้าหากยังไงก็ต้องตายอยู่ดี จะบอกให้แล้วกัน มองไปที่
เพดานสิ”
หอกที่กาลังจะเคลื่อนทีห่ ยุดชะงักลง จูฮยอนโฮยิ้มละไม
พร้อมกับยกมือขึน้ ชี้ไปทางเพดาน อันฮยอนไม่ได้ลดการ
ป้องกันตัวเองลงแล้วเหลือบมองตามขึน้ ไป และในตอน
ที่มองเห็นเพดานเกิดรอยแตกกว้างนัน่ เองก็รู้สกึ หมดสิ้น
เรี่ยวแรง
แกร๊ก!
ในช่วงเวลานัน้ ก้อนดินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งก็ตกลงมา
อย่างไม่ทนั ได้ตงั้ ตัว
ตุบ
ก้อนดินที่ตกลงมานัน้ ตกลงมาปักลงตรงหน้าของจูฮ
ยอนโฮอย่างแม่นยา อันฮยอนปัดก้อนดินออกไปให้พ้น
อย่างรีบเร่งก็มองเห็นฟันอันเปียกชุ่มไปด้วยเลือดกาลัง
ส่งเสียงหัวเราะก๊ากๆ อยู่ในตอนนี้ ดวงตาบวมเป่งราว
กับเส้นเลือดฝอยแตกนัน้ มองมายังอันฮยอน
“ดีมาก เป็นแบบนี้ก็มนั่ ใจได้แล้วล่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เสียงของจูฮยอนโฮแตกต่างไปจากเดิม แม้
จะแค่เล็กน้อยแต่ก็เป็นน้าเสียงอันแฝงไปด้วยความรู้สกึ
สานึกผิด
อันฮยอนพูดขึน้
“มันเป็นยังไงกันแน่ หรือว่าเปิดเครื่องแล้วงัน้ เหรอ”
“เปล่าเลย หมายความว่าพวกนายชนะแล้วต่างหาก
ยินดีดว้ ย”
“อย่ามาพูดไร้สาระ งัน้ ก็หยุดซะสิ”
“ไร้สาระอะไร หมายความว่าฟาเธอร์ตายไปแล้ว ไอ้เจ้า
ทึ่ม ดังนั้นตอนนี้เหมืองถึงได้กาลังพังทลายลงยังไงล่ะ”
ฟาเธอร์?
อันฮยอนเอียงคอสงสัย เป็นชื่อที่เคยได้ยินเป็นครั้งแรก
แต่ทว่าก็รับรู้ดว้ ยสัญชาตญาณในทันทีได้ว่าน่าจะเป็น
มอนสเตอร์ตวั ใหญ่ที่ปรากฏตัวอยู่ในจัตรุ ัสเมื่อครูน่ ี้
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 3
_______________________________________
อันฮยอนค่อยๆ ขยับแขนแล้วแสงสว่างรวมตัวกันอยู่ที่
ปลายหอกก็แทรกซึมลงไปยังร่องเหนือริมฝีปากของจูฮ
ยอนโฮ
“ถ้าอย่างนัน้ จะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะอุปกรณ์ระเบิดอย่างนั้นหรือ เป็นปรากฏการณ์ที่
เกิดขึน้ เพราะฟาเธอร์อะไรนัน่ ตายไปแล้วงัน้ เหรอ”
“ใช่แล้ว ไอ้โง่เอ๊ย ระหว่างมาคงจะเห็นรอยนูนๆ บน
เพดานบ้างใช่ไหม รู้ไหมว่านั่นคืออะไร”
“...”
“รอยของรากไงล่ะ รอยของราก กล่าวคือ ตามเดิม
นั้นฟาเธอร์คือต้นไม้ แต่ทว่าไม่เพียงแต่รากทีค่ อยค้าจุน
เหมืองหลุดออกไปหมดเท่านัน้ แต่ยงั สูญเสียพลังไป
เพราะว่าตาย ถ้างั้นผลสุดท้ายแล้วเหมืองจะถล่มหรือไม่
ถล่มกันนะ”
“ต้นไม้? ราก?”
“จะทายังไงล่ะ ฉันเองก็คงจะตายในอีกไม่นาน แต่ว่า
พวกนายก็จะตายไปด้วยเหมือนกัน แล้วยังตายแบบโดน
ทับตายกันทั้งหมดเลยด้วย! ฮิๆ!”
หัวสมองของอันฮยอนคิดหาทางได้อย่างรวดเร็ว อย่าง
ที่คิมซูฮยอนได้บอกเอาไว้เมื่อสมัยก่อนอันฮยอนไม่ใช่คน
โง่แต่อย่างใด มิหน่าซ้ายังอยูจ่ าพวกคนฉลาดหลัก
แหลม
“อ้า”
เวลาประมาณสามวินาทีผ่านไปอันฮยอนจึงสามารถ
เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ และจากนัน้ ความคิดแรกที่คิดออก
ก็คือไม่มีเวลามาทาอะไรอย่างนี้อยู่อกี แล้ว
“พี่แจรยง!”
“อืม ได้ยินแล้ว เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนแล้วรีบๆ จัดการ
ให้เสร็จแล้วรีบออกไปกันเถอะ”
แม้จะทิ้งเอาไว้อย่างนี้ ไม่ว่ายังไงเสียจูฮยอนโฮก็ต้องตาย
อยู่ดี อันฮยอนคิดได้อย่างนัน้ ก็ขยับเคลื่อนไหวหอกและ
เท้าอย่างรวดเร็ว และบดปากและมือทั้งสองข้างแล้วจึง
หันหลังกลับ
“เฮ้ย เหมือนว่าจะยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ฟังอยู่อกี นะ”
แม้ว่าจะออกเสียงอย่างคลุมเครือแต่อนั ฮยอนก็สามารถ
จะเข้าใจความหมายได้ อันฮยอนรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ได้
คาดคิดแล้วก็อุปกรณ์ระเบิด...
“ถ้าให้พดู อีกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่เคยพูดว่าไม่มี
อุปกรณ์ระเบิดสักครัง้ เลยนะ”
เป็นเสียงอันไม่ปกติ
รู้สึกถึงอะไรบางอย่างงัน้ หรือ ดวงตาของอันฮยอนขยาย
กว้างใหญ่เท่าไข่ห่าน
“แล้วสถานที่ตรงนัน้ ก็อยู่ในรัศมีด้วยล่ะ ฮิๆ”
ต่อจากนัน้ เสียงหัวเราะของคนบ้าก็ดังขึ้นมาเข้าหู จาก
ตรงนั้นสิ่งที่อันฮยอนเลือกคือไม่หนั กลับไปมองจูฮยอน
โฮและกระโดดไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ
ตูม!
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดเพียงชั่วพริบตาเดียว
รอยสักบนร่างกายของจูฮยอนโฮร้อนขึน้ มาจนเป็นสีแดง
เข้ม แล้วพร้อมกันนัน้ ทั้งร่างกายก็กลายเป็นระเบิด
ขนาดใหญ่
รอบตัวของอันฮยอนเกิดเสียงระเบิดตูมปะทะเข้ามา
อย่างกะทันหันราวมรสุม กระทบความมุ่งมัน่ อันกล้า
หาญในการปกป้องร่างกายจากอภัยตรายภายนอก เกิด
คลื่นกระแทกอย่างรุนแรงมหาศาล แน่นอนว่าลมดิน
ปะปนไปด้วยเศษชิน้ เนือ้ ลอยปกคลุมถ้าขนาดใหญ่ไป
หมด อันฮยอนถูกแรงนัน้ ผลักออกไปไม่เพียงแค่ปลิวไป
ตามแรงอีกด้านหนึ่งเท่านัน้ แต่ยงั เกลือกกลิ้งไปตาม
พื้นดินอีกด้วย

***

สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือตัวของฟาเธอร์ที่ยนื นิง่ อยู่เหมือน


เมื่อครู่นี้
วูม วูมมม!
ดาบล่องหนทีป่ ักลงลึก ไม่สิ เสียงของดาบแห่งผู้ทาลาย
ล้างดังกึกก้องขึ้นมารอบหู
[ทุกอย่างจบลงแล้ว อยูน่ ิ่งๆ ไว้]
ไม่ได้ทาตามที่ฮวาจองบอกเท่าไหร่นัก แต่ทว่านอกจาก
จะไม่รู้สกึ ถึงการปฏิกริ ิยาของฟาเธอร์อีกต่อไปแล้วและ
เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึน้
เหมือนว่าจะสูญเสียพลังไปแล้ว หนวดทั้งหลายที่โผล่
ออกมานั้นค่อยๆ แตกเป็นเสี่ยงๆ ลงทีพ่ ื้นดิน
และพร้อมกันนัน้ ส่วนลาตัวของฟาเธอร์ก็เริ่มบิดเบี้ยว
อย่างรุนแรงราวกับเปิดเครื่องดูดฝุ่นที่มพี ลังมากกว่า
ปกติทงิ้ เอาไว้ เริ่มต้นจากจุดที่ถูกดาบปักเอาไว้ ทุกส่วน
ถูกดูดเข้าไปยังจุดศูนย์กลางจนยุบลงไปทั่วทุกส่วน
วูมๆ วูมๆ!
ผมรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ สิ่งที่เกิดขึน้ อยูต่ รงหน้า
ในตอนนีค้ ือปรากฏการณ์ดูดเข้าไปในความโกลาหลที่ได้
อ่านจากข้อความแจ้งเตือนเมื่อสักครูน่ ี้
ฟาเธอร์ถกู ดูดกลืนเข้าไปในความโกลาหลโดยใช้เวลา
เพียงไม่นาน เริ่มตั้งแต่ส่วนลาตัวไปจนถึงกิ่งก้านและ
รากหนวด
ดาบแห่งผู้ทาลายล้างดูกลืนทุกสิ่งอย่างในเวลาอันสั้น
จากนัน้ พื้นที่อากาศตรงนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
พร้อมกับนัน้ ภาพของเทพแห่งดาบที่มองเห็นก็เริ่ม
เลือนลางลงไป
ผมที่มองดูเหตุการณ์อนั เกิดขึน้ ต่อเนื่องกันไปอยู่นนั้ ไม่
สามารถจะอดกลัน้ เสียงอุทานได้ แม้จะเป็นสภาพ
ตอนฟาเธอร์ตายลงไปแล้วก็ตาย ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านัน่
เป็นพลังอันน่าสยอดสยองน่าหวาดกลัวอย่างยิง่
...อย่างไรก็ตาม
ตอนนีจ้ บลงจริงๆ แล้วใช่ไหม
การเข้าบุกโจมตีเหมืองจบลงด้วยการโค่นฟาเธอร์ลงได้
ใช่ไหม
ช่างเป็นการต่อสู่อันแสนยาวนาน
ในที่สุดเมื่อมองกลับไปด้านหลังก็มองเห็นเหล่าผู้เล่น
กาลังจ้องมองผมอย่างเลื่อนลอย
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น
“ชนะแล้ว! ชนะแล้วโว้ย!”
“ว้าว! ในที่สุดก็จบลงจนได้”
ผู้เล่นบางคนก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมโห่รอ้ งดีใจ ผู้
เล่นบางคนก็ทรุดนัง่ ลงกับพืน้ ทุกคนกาลังมีความสุข
และดีใจ แม้กระทั่งฮันโซยองก็ยงั ถอนหายใจออกมา
เบาๆ ด้วยใบหน้าผ่อนคลายขึน้ เล็กน้อย
แต่ทว่า
“...”
จู่ๆ ในตอนได้เห็นหน้าของอันซลในหมู่ของผู้เล่นนัน้
รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายเยือกยะเยือกขึน้ มาอย่าง
กะทันหัน
ทาไมอัลซลถึงได้อยูค่ นเดียวแบบนั้นล่ะ ทาไมถึงได้มี
ท่าทางวุน่ วายใจ ทาหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาตอนนี้
ให้ได้แบบนัน้
ในตอนนัน้ นั่นเอง
แกร๊ก!
โครม!
ขณะเดียวกับอะไรบางอย่างตกลงมาอย่างรุนแรง
“แฮ่กๆ เอ๊ะ? จบลงแล้วเหรอคะ”
ประตูเชื่อมทางด้านข้างของจัตุรัส ปรากฏกลุม่ ของเล่น
กลุ่มหนึง่ ขึน้ มา นับดูคร่าวๆ แล้วมีจานวนเกินยี่สิบคน
กาลังหอบหายใจเหมือนว่าจะวิง่ มาอย่างเร่งรีบ
การโห่ร้องยินดีนนั้ เกิดขึน้ ชัว่ ครู่ แล้วความเงียบก็เข้า
มาปกคลุมจัตุรัสอีกครั้ง
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างกาลังพังทลาย
ผู้เล่นที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน
ผมเอียงคอด้วยความสงสัยทัน พอลองคิดทบทวนดูแล้ว
ก็รู้สกึ ว่าผู้เล่นในจัตรุ ัสเหลืออยู่น้อย ออกไปสารวจที่ไหน
มาอย่างนัน้ หรือ เกิดเรือ่ งอะไรกันแน่ระหว่างที่ผมกาลัง
จดจ่อสมาธิไปกับการต่อสู้กับฟาเธอร์
“ไม่ ไม่ใช่เวลาจะมาทาอะไรอย่างนีน้ ะครับ ต้องรีบหนี
ออกไปจากตรงนีโ้ ดยเร็ว”
ขณะนัน้ ยูจีแทวิง่ เข้ามาอย่างเร่งรีบแล้วทาลายความ
สงบที่เกิดขึน้
“เหมือง เหมืองกาลังพังถล่มลงมาครับ”
และเสียงตะโกนต่อเนื่องมานั้นก็ทาให้ผมรู้สึกเหมือนถูก
ค้อนฟาดเข้าตรงหัวอย่างแรง
ผมย้อนความทรงจาเมือ่ รอบแรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในรอบที่หนึง่ เหมืองก็พงั ถล่มลงมาเช่นกัน แต่ไม่ได้
เปิดเผยสาเหตุทชี่ ัดเจนของการถล่มของเหมืองนั้น แต่
ทว่าจากการอนุมานของเหล่าผู้เล่นหลายคน มี
สมมุติฐานว่าสาเหตุหลักอาจจะเป็นเพราะกลยุทธ์การใช้
เวทมนตร์ที่ใช้กวาดยิงเข้าไปทั่วทุกทิศทางในการต่อสู้
กับฟาเธอร์ทาให้เพดานพังทลายลง
ผมก็ยอมรับสัจธรรมเรือ่ งนัน้ อยู่แล้ว เพราะเมือ่ ลอง
คิดถึงการที่ไลท์ลอร์ดยืนยันว่าโครงสร้างพืน้ ดินนัน้ มี
ความบกพร่องก็มีสว่ นที่สอดคล้องในระดับหนึง่
แต่ทว่าในครั้งนี้ ไม่ได้มสี ่วนนัน้ อยู่แม้แต่น้อยไม่ใช่หรือ
ผู้เล่นที่เข้าไปข้างในก็เป็นส่วนน้อยมาก และบังคับ
ตัวเองไม่ให้ใช้เวทที่จะสร้างแรงกระทบกระเทือนกับ
พื้นดินให้มากที่สดุ เท่าทีเ่ ป็นไปได้
แต่ทาไม เป็นไปได้อย่างไร ไม่เห็นมีเค้าลางว่าเหมืองจะ
พังถล่มลงมาเลยแม้แต่น้อย
“ทุกคนเงียบ!”
ในตอนนัน้ เสียงตะโกนดุดันมีพลังของฮันโซยองก็ดังขึน้
“ก่อนอื่นต้องจัดการสถานการณ์ตอนนีเ้ สียก่อนค่ะ ผู้เล่น
ยูจีแท เหมืองกาลังถล่มลงมางัน้ เหรอคะ หมายความว่า
ยังไงกัน”
ยูจีแทชี้ไปที่พนื้ ดินแทนคาตอบ ทีพ่ ื้นดินนั้นมีกอ้ นดิน
ก้อนใหญ่ซงึ่ เป็นสาเหตุของเสียงดังเมื่อสักครู่นกี้ อง
กระจัดกระจายอยู่ ในตอนนัน้ เอง ผมจึงสามารถตั้งสติ
ตัวเองขึ้นมาได้อย่างยากลาบาก
ใช่ ถ้าหากว่าเป็นเรื่องทีเ่ กิดขึน้ ไปแล้ว ก่อนอื่นจะต้อง
แก้ไขปัญหาเสียก่อน และจากประสบการณ์แล้ว เหมือง
ไม่มีทางจะพังทลายลงมารวดเดียว ตัง้ แต่ตอนนี้เป็นต้น
ไปหากใช้สมาธิจดจ่อกับการหนีออกไปด้วย
ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมดจะต้องสามารถพาออกไป
ข้างนอกได้อย่างแน่นอน และเหนือกว่าสิ่งอืน่ ใด...
จะต้องมีวิธีการแก้ไขปัญหาเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้
เผื่อกรณีเหมืองถล่มลงมา ไม่สิ จะต้องนาวิธีการนั้นมา
ด้วยสิ
ผมมองแพคฮันกยอลที่กาลังสั่นเทาด้วยความกลัว ก่อน
จะรีบเดินเข้าไปหาอันซลที่ยังคงสั่นเทิ้มอยู่เช่นเดิม
“แต่ว่า...เดียวก่อนนะคะ เหมือนจะไม่เห็นผู้เล่นหลาย
คนเลยนะคะ”
“เรื่องนัน้ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ติดต่อไม่ได้มา
ระยะหนึ่งแล้ว...”
“คะ? ไม่รู้อย่างนั้นเหรอคะ นีพ่ ูดเรื่องอะไรกันอยู่
คะเนี่ย”
“ครับ ในตอนแรกเราออกเดินทางกันทั้งหมดยีส่ ิบแปด
คน ในระหว่างนัน้ ก็แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มกลุ่มละเจ็ดคน
ครับ ดังนัน้ ...”
“ถ้าอย่างนัน้ หมายความว่าไม่ได้ออกมาเฉยๆ แต่ออกมา
เพื่อสารวจสินะคะ ไม่รหู้ รือยังไงคะว่าเฮเลน่ามีความ
จาเป็นในการหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว”
“ผมคิดว่าการหนีออกไปนัน้ เพียงแค่ติดต่อผู้เล่นที่อยู่
ข้างนอกก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ และกลุ่มของผู้เล่นชิน
แจรยงก็ขาดการติดต่อกับกลุ่มของพวกเรา เป็นเรื่องที่
ช่วยไม่ได้ด้วยครับ นอกจากนัน้ หนทางยังสลับซับซ้อน
ที่เราเข้าไปสารวจเมื่อครู่...โธ่เอ๊ย! ผูบ้ ัญชาการทหาร!
ตอนนีเ้ ป็นสถานการณ์เร่งด่วนนะครับ ดังนั้นในสถานที่
ที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นส่วนของกาแพงภายนอกนั้น
สถานการณ์พงั ถล่มเกิดขึ้นอย่างรุนแรงอย่างมากเลยนะ
ครับ! เมื่อเป็นอย่างนัน้ แล้ว จะบอกให้พวกเราตายกัน
ทั้งหมดเลยหรือยังไงกันครับ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 4
_______________________________________
ในระหว่างที่เหล่าผู้เล่นทาตัวเกินขอบเขตอยู่นนั้ ก็ได้ยนิ
เสียงของฮันโซยองและยูจีแทก็สนทนากันอย่างรีบเร่ง
แม้ว่าจะได้ยินเสียงอึกทึกบ้างเป็นครั้งคราว ผมก็ไม่
สนใจและมองข้ามไป เพราะว่าสิง่ ที่สาคัญเป็นอันแรก
ของตอนนีก้ ็คือการยับยัง้ สถานการณ์พังถล่มให้ได้ก่อน
“อันซล อันซล?”
ในที่สุดเมื่อเข้าไปใกล้แล้ว ผมก็เรียกอันซลทันที
“อือออ...”
แต่ทว่าอันซลไม่ตอบรับ มิหนาซ้ายังมีท่าทางหลีกเลี่ยง
หลบสายตาอีกด้วย
...ทาไมถึงได้เป็นแบบนี้
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วความอึดอัดก็ตีตนื้ ขึ้นมาจาก
ส่วนลึกที่สุดของหัวใจ แต่ว่าผมก็อดกลัน้ เอาไว้ แล้วกด
ความรูน้ ั้นไว้ข้างใน และไม่รีรอเข้าไปกระซิบข้างๆ หู
เธอทันที
“อันซล มีปาฏิหาริย์อยูใ่ ช่ไหม”
“...”
“จู่ๆ ทาไมถึงไม่พูดไม่จาล่ะ มีไหม”
“...”
“...อันซล!”
“ไม่ ไม่มีค่ะ”
...ว่าไงนะ
ในตอนที่ได้ยนิ คาตอบของอันซล ผมถึงกับอึง้ ไป
“เวลาที่ต้องรอ...”
ปาฏิหาริย์...
ไม่ม?ี
ผมจับไหล่อนั ซลไว้แน่นโดยไม่รู้ตวั
“โอ๊ย!”
เหมือนว่าจะจับแรงเกินไป อันซลส่งเสียงเต็มไปด้วย
ความเจ็บปวดออกมา แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ก็ยงั
พยายามจะหันหน้าหนีผมอย่างสุดชีวติ เธอกาลังหลบ
เลี่ยงสายตาของผมอยู่
“ไม่ค่ะ ! ไม่ได้ค่ะ! อยู่ตรงนี้...!”
แถมต่อต้านเข้าไปอีก
ปฏิเสธออกมาด้วยน้าเสียงเว้าวอน เธอกาลังบอกว่าทา
ไม่ได้ ไม่จาเป็นต้องบอกว่าพูดถึงปาฏิหาริยก์ ็สามารถ
เข้าใจได้ เห็นอันซลเป็นแบบนั้น ผมสามารถมัน่ ใจได้
แม้จะไม่รวู้ ่าด้วยเหตุผลใด อันซลในตอนนี้กาลังพูด
โกหกอยู่ กล่าวอีกอย่างก็คือ เธอสามารถจะใช้ปาฏิหาริย์
ได้ แต่ไม่คดิ จะใช้มนั ในตอนนี้
ผมพยายามอย่างยากลาบากที่จะหายใจเข้าออกเพื่อ
ผ่อนคลายความรู้สกึ ภายในใจ
ตอนอยู่เทือกเขามังกรหลับใหลหรือว่าตอนช่วยเหลือ
มาร์ แม้ในสถานการณ์ปกติเธอจะคอยหลบอยูใ่ นมุม
ซื่อบื้อๆ ก็ตาม แต่พอถึงตอนเกิดเหตุการณ์สาคัญใดๆ
ขึ้นอันซลก็คอยทาในสิ่งที่ควรทาอยู่เสมอ
และคนสร้างค่าความสามารถด้านโชคทีม่ ีถึงหนึ่งร้อย
สองคะแนนนั้นของอัลซลก็คือผมเอง ผมถึงได้ไว้ใจ
อันซลมากถึงเพียงนัน้
ผมคิดได้อย่างนั้นจึงค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ และมือที่เหลือ
อีกข้างก็บังคับให้อันซลหันหน้ากลับมา อันซลจึงมอง
หน้าผมอย่างช่วยไม่ได้ ในดวงตาของเธอมีนาตาอั
้ นแสน
โศกเศร้ากาลังไหลรินลงมาหนึง่ สาย
ผมพูดขึน้ มาเงียบๆ
“ทาไม”
เป็นในตอนนัน้ เอง

[ตรวจจับการเกิดของทักษะพิเศษของผู้เล่นอันซล
เทพธิดาพยากรณ์ (Rank : F Minus) ได้]

แม้จะเป็นเพียงแค่ชว่ งเวลาสัน้ ๆ ดวงตาทั้งสองข้างของ


อันซลก็เปล่งประกายสีเขียวหยกออกมา
มองเห็นข้อความบอกว่าตรวจจับการเกิดของทักษะ
พิเศษเทพธิดาพยากรณ์ เป็นข้อความที่ไม่เคยเห็นมา
ก่อนจนกระทั่งถึงตอนนี้
แล้วทาไมต้องเป็นตอนนี้...
ข้างในหัวตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนและยุง่ เหยิง ผม
ค่อยๆ จ้องมองดูอันซล แม้ว่าดวงตาจะกาลังเอ่อล้นด้วย
น้าตา แต่กเ็ ม้มริมฝีปากเหมือนจะแทะเนื้อออกมาให้ได้
เผยให้เห็นความเด็ดขาดแน่วแน่ว่าไม่มีทางจะใช้
ปาฏิหาริย์เป็นเด็ดขาด ผมสูดลมหายใจเข้าลึก
“อันซล”
“...”
“พูดออกมาตามตรง ฉันยังไม่รรู้ ายละเอียดของ
สถานการณ์ตอนนี้ แต่วา่ อย่างน้อยที่สดุ ฉันก็พอจะรู้ได้
ว่าตอนนี้สถานการณ์วกิ ฤตเป็นอย่างมาก การจะพูด
เรื่องแบบนี้ในตอนนีเ้ ป็นเรื่องที่นา่ เสียดายเลยล่ะ...ดังนัน้
ฉันขอถามอะไรสักอย่าง”
“...”
“ไม่ว่าเรื่องราวในครัง้ นีจ้ ะจบลงแบบไหน”
“...”
“เธอคิดว่าจะยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึน้ นั้นได้หรือเปล่า”
“...”
กล่าวอีกอย่างคือ หมายความว่าผมรูว้ ่าเธอมีปาฏิหาริย์
อยู่ในตอนนี้
แต่ทว่าอันซลบอกว่าจะไม่ใช้...ไม่สิ บอกว่าไม่มี
ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร
อันซลจะสามารถรับมือกับมันได้หรือไม่
นี่คือส่วนสาคัญที่ผมต้องการจะถามออกไป
อันซลยังคงความเงียบเอาไว้เช่นเดิมต่อไป เธอหลับตา
เอาไว้แน่น แล้วน้าตาอันเศร้าสร้อยก็ไหลรินลงมาอีก
สาย แล้วค่อยๆ คลายริมฝีปากที่กัดเอาไว้แน่นราวเลือด
จะหลั่งออกมา
“ค่ะ”
แล้วอันซลก็พดู ออกมา
...ก็ได้
ผมลุกขึน้ ทันทีแล้วหันหลังให้
“นั่นหมายความว่ายังไงกันครับ อยู่กลุม่ เดียวกันแต่ไม่รู้
ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างนัน้ เหรอครับ”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนัน้ นะคะ! ไม่ใช่อย่างนั้น...!”
พอดีกนั นั้นผมก็เห็นภาพเหตุการณ์ชายและหญิงที่ยืนอยู่
ทางฝั่งของฮันโซยองกาลังทะเลาะถกเถียงกัน ชายที่
กาลังโมโหอย่างสุดขีดอยู่นนั้ คือยูจีแท หญิงทีก่ าลังส่าย
หน้าปฏิเสธด้วยสีหน้าลาบากใจนั้นเป็นผู้เล่นที่เพิ่งเห็น
เป็นครั้งแรก ท่าทางเหมือนเป็นนักธนูเห็นได้จากการ
สะพายธนูเอาไว้ ก่อนอืน่ ลองเข้าไปดูสกั ครั้ง
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึน้ ครับ”
เมื่อเข้าไปแทรกระหว่างบทสนทนา ทั้งสองก็ปดิ ปาก
เงียบลงราวกับสัญญากันเอาไว้ ท่าทางราวกับว่าไม่รู้วา่
ต้องทาอย่างไรดี
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด”
จากนัน้ ไม่นาน ฮันโซยองก็เรียกผมด้วยน้าเสียงที่รู้สึกได้
ถึงความกระวนกระวายใจ ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงบอก
ว่าจะตัง้ ใจฟัง
ในที่สุดเสียงไพเราะก็พดู ต่อด้วยความรวดเร็ว ฮันโซยอง
ช่วยสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างง่ายให้ฟัง เริม่ ตั้งแต่เรื่อง
ผู้เล่นมากกว่าสามสิบได้ออกไปไล่ล่าจูฮยอนโฮ ระหว่าง
นั้นก็ได้แบ่งออกเป็นสีก่ ลุ่ม ไปจนถึงตอนนี้ที่ชนิ แจรยง
อันฮยอนและเฮเลน่ายังไม่กลับมา
“ฉัน...ฉัน...”
ผู้เล่นที่กลับมามีเพียงคนเดียวในตอนนีค้ ือนักธนูหญิงที่
กาลังพูดอึกอัก
เธอกลับมาเพียงคนเดียวแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ
ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วเอาแต่พูดว่าไม่รู้ ไม่รู้ ซ้าไปซ้ามา ไม่
ต้องฟังความจริงก็รู้ได้วา่ หมายความว่าอย่างไร
กลุ่มของชินแจรยงได้พบเข้ากับจูฮยอนโฮ และระหว่าง
เกิดการต่อสู้ขนึ้ นั้นก็หลบหนีออกมาเพียงคนเดียว แม้จะ
โกหกก็ไม่มปี ระโยชน์ เพราะว่าฮันโซยองคงสัมผัสได้
ด้วยประสาทสัมผัสแรกเริ่มแล้ว
“...”
ผมหลับตาลงเบาๆ ไม่ได้แปลกใจอะไรมาก ตัง้ แต่ไม่เห็น
ใบหน้าของสมาชิกเผ่าที่คุ้นเคยหลายคน ผมก็พอจะ
คาดการณ์เอาไว้ในระดับหนึง่ แล้ว เพียงแค่ความรู้สกึ
กังวลใจเพิ่มขึน้ อีกขั้นอย่างรวดเร็วก็เท่านัน้

[ชินซังยง(เสียชีวิต)]

ชั่วขณะหนึง่ ความคิดของตอนนั้นก็ผ่านเข้ามาในความ
ทรงจา
ความทรงจาตอนที่ตรวจสอบการเสียชีวิตด้วยตาที่สาม
ใบหน้าของผู้เล่นที่หลับตานิง่ ราวกับนอนหลับของผู้เล่น
ชินซังยง

[อันฮยอน (เสียชีวิต)]
[ชินแจรยง (เสียชีวิต)]
[เฮเลน่า (เสียชีวติ )]

และอนาคตที่กาลังดาเนินต่อเนื่องไปอย่างแม่นยา...ไม่สิ
ภาพของอนาคตที่เป็นไปได้มากที่สุดวาดขึน้ มา
...ตอนนี้มีแม้กระทั่งความทรงจาตอนที่ต้องทิ้งศพของพี่
ไว้แล้ววิง่ หนีไปผ่านเข้ามา
“ไม่...”
ผมลืมตาที่หลับอยู่ขนึ้ มาทันที
ท่ามกลางเพดานที่ยังแตกร้าว ก้อนดินเหมือนหินยังคง
พังทลายลงมา ทุกคนกาลังจ้องมองผมอย่างใจจดใจจ่อ
และปิดปากเงียบ
น่าเสียดาย
ตอนนีเ้ วลาที่มัวแต่ยืนอยู่อย่างนี้กย็ ังน่าเสียดาย
ผมคิดอย่างนัน้ พลางพูดขึ้นเงียบๆ
“อีสตันเทลลอว์ลอร์ด”
“คะ”
“ก่อนอื่น เหมือนว่าการพาเหล่าผู้เล่นออกไปเป็นวิธีที่
ถูกต้องแล้วครับ แม้วา่ จะไม่มีเฮเลน่าก็ตาม...”
“หากหมายถึงเหล่าผู้เล่นที่อยู่ขา้ งนอกแล้วล่ะก็ ได้
ติดต่อไปแล้วค่ะ”
อย่างนั้นล่ะนะ
ข้างในหัวยังคงยุง่ เหยิงอยู่เช่นเดิม ตอนนี้อยากจะออก
จากประตูนนั้ ไปตามหาพวกเขาเลยทันที
แต่ทว่ากลับทาอย่างนัน้ ไม่ได้ ดั้งนัน้ จึงไม่ได้การแล้ว
ความรู้สกึ วุน่ วายหัวใจที่ไม่รู้ความหมายยังคงจู่โจมไป
ทั่วร่างกายอย่างฉับพลัน
จะต้องตั้งเป้าหมายให้ชดั เจน ไม่ใช่แค่การตามหาแล้ว
ช่วยชีวิตเท่านั้น
ใช่แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ชว่ ยชีวิตของพวกเขาเท่านั้น แต่
ว่าต้องช่วยชีวิตและพาออกมาให้ได้
ถ้าเป็นอย่างนัน้ แล้ว จาเป็นต้องมีอปุ กรณ์ที่สามารถจะ
ทาให้เรื่องนัน้ ให้เป็นไปได้
“ดีครับ ถ้าอย่างนัน้ ผมจะให้อันซล สมาชิกเผ่าของผม
คงอยู่ทนี่ ี่ต่อไปครับ”
จะให้อันซลเป็นแบคอัพให้อยู่ตรงนี้ หากเป็นฮันโซยอง
แล้วจะต้องเข้าใจความหมายของคานี้อย่างแน่นอน
“อ่า...”
ในขณะนัน้ เองใบหน้าของฮันโซยองแสดงความ
เปลี่ยนแปลงออกมาในระดับที่ไม่สามารถที่จะพรรณนา
ออกมาเป็นคาพูดได้ ไม่อาจรู้ได้วา่ สีหน้านัน้ มี
ความหมายว่าอย่างไร ผมไม่รีรอหันหลังกลับในทันที
ตอนนีต้ ้องไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อน...”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 5
_______________________________________
ในตอนกาลังจะถีบพืน้ อย่างเต็มแรง ใครบางคนก็จบั ผม
เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อหันกลับมามองก็เห็น
ใบหน้าอันสุขมุ หนักแน่นเป็นอย่างมากของยูจแี ท
“ผมได้ฟังเรื่องราวแล้วครับ แต่วา่ เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด
ตอนนีเ้ ป็นเวลาที่ต้องครุ่นคิดด้วยวิจารณญาณนะครับ”
หนวกหูจริง
ผมบิดแขนที่ถกู จับเอาไว้ให้หลุดออกแล้วพูดขึน้
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด! ตอนนีไ้ ม่ได้มีเพียงแค่เมอร์เซนต์
นารี่ลอร์ดเท่านั้น...!”
“ไม่ใช่คาพูดที่ขอร้องให้ช่วยครับ”
และพยายามอย่างมากที่จะทาใจให้เย็นเข้าไว้ ก่อนจะ
หันกลับไปมองยูจีแท
“เพราะนัน่ คือสมาชิกเผ่าของผม ผมจะไปช่วยเหลือด้วย
ตัวเองครับ ไม่เข้าใจหรือครับว่าหมายความว่ายังไง”
“เอ่อ เอ่อ...เอ...”
ตอนนัน้ เอง
ไม่รู้ได้ว่าเพราะเหตุใด แต่ยูจีแทที่สบตากับผมเริ่มพูด
ติดขัดขึ้นมาในทันใด แล้วยังก้าวถอยหลังกลับไปอย่าง
ลังเล ไม่เพียงเท่านัน้ ไม่ใช่เพียงแค่ยจู ีแทที่ทาท่าทาง
แบบนัน้ เหล่าผู้เล่นทีร่ วมตัวกันอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ทุกคนก็ทาแบบนัน้ เช่นเดียวกัน ผมลูบหน้าตัวเองโดย
อัตโนมัติ
ชั่วขณะนัน้
[ได้รับอานาจ การทาลาย การจู่โจมของผู้เล่นฮันโซยอง
เรียบร้อย]

“รีบกลับมานะคะ เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด”
พร้อมกันกับเสียงของฮันโซยองที่ได้ยินไม่ชัดเจน
พลังงานเย็นสบายก็พนั รอบตัวขึน้ มาราวกับสายลม
ในที่สุดฮันโซยองก็ออกคาสั่งอนุญาต
“ไปล่ะ”
ผมพูดคานัน้ เป็นคาสุดท้ายก่อนจะเหินบินออกไปอย่าง
เร็วที่สุดเท่าที่จะทาได้

***
เมื่อระเบิดสงบลงอย่างหวุดหวิดแล้ว ชินแจรยงเงยหน้า
ขึ้นอย่างยากลาบากเพือ่ มองหาอันฮยอน อันฮยอนนั้น
นอนกองอยูต่ รงพืน้ ใกล้ๆ นี่เอง
“อันฮยอน”
เสียงตะโกนจนคอแทบแตก อันฮยอนขยับตัวตอบรับ
เสียงเรียกอย่างน่าโล่งใจ จากนัน้ ทาหน้านิ่วคิว้ ขมวดอยู่
นานก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นทีละน้อย เห็นอย่างนั้น
แล้ว อย่างน้อยก็เหมือนว่าจะยังมีชวี ิตอยู่ ความมุ่งมัน่
อันกล้าหาญในการปกป้องร่างกายจากอันตรายภายนอก
เหมือนจะป้องกันแรงระเบิดให้ได้ในระดับหนึ่ง
“อึก!”
แต่ทว่าก็ไม่สามารถจะป้องกันให้ได้หมดทั้งร้อย
เปอร์เซ็นต์ ระหว่างที่กาลังดึงตัวเองลุกขึ้นอันฮยอนก็
โซเซเล็กน้อย ร่างกายดูเหมือนจะเอียงไปทางขวา
เล็กน้อย เหมือนว่าขาขวาจะได้รบั บาดเจ็บ ชินแจรยง
กลืนน้าลายลงคอ โชคดีที่ไม่มีอันตรายจนถึงชีวิต แม้จะ
พูดว่าเป็นสถานการณ์รา้ ยแรงที่สดุ ที่พวกเรากาลังเผชิญ
อยู่ก็ตาม
ในที่สุดอันฮยอนก็ยนื ตรงขึน้ มาได้แล้วค่อยๆ เดินโซเซ
เข้ามาหา
“พี่แจรยง ขอโทษนะครับ ช่วยรักษาผม...?”
แต่ทว่าเมื่ออันฮยอนได้เห็นสภาพของชินแจรยงแล้ว ก็
ปิดปากลงไปในทันที พร้อมกันนั้นเขาต้องเบิกตาออก
กว้าง เพราะแค่มองดูเพียงผิวเผินก็เห็นได้ว่าสภาพของ
ชินแจรยงหนักหนากว่าตัวเองถึงสองเท่าสภาพแวดล้อม
รอบตัวที่พงั ทลายลงไปในตอนนี้ มีเลือดเฉอะแฉะไหล
ออกมากลายเป็นบ่อกองเลือดเล็กๆ ไปเสียแล้ว
เหมือนว่าจะสังเกตเห็นสีหน้าของอันฮยอนแล้ว ชินแจร
ยงยิ้มแหยออกมา
“โทษทีนะ ตอนนี้เวทมนตร์ย้อนกลับหมดเกลี้ยงไปแล้ว
ท่องคาถาไม่ได้แล้วล่ะ”
“ไม่ ไม่ครับ พี่ สาคัญกว่าเรื่องนั้น บาดแผล...”
“ไม่เป็นไรมากหรอก ยังไงก็เราต้องรีบแล้วล่ะ”
“อ่า”
อันฮยอนถึงได้สติขนึ้ มาในตอนนัน้ และรีบมองดูรอบๆ
ตัวเอง จากนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่
ไม่รู้วา่ ควรจะทาอย่างไรดี
ในถ้าแห่งราชายังคงมีผหู้ ญิงอยู่อีกหลายสิบคน แม้จะมี
ผู้หญิงที่ถูกจับตัวมาเมือ่ นานมาแล้วอยู่ดว้ ย แต่ก็มพี รรค
พวกที่เพิง่ ถูกจับมาเมื่อไม่นานมานี้อยู่เช่นกัน ผู้หญิง
เหล่านัน้ กาลังท้องป่องเหมือนกันทั้งหมด และกาลังให้
นมตัวอ่อนที่เหลือรอดชีวิตมาได้
แม้จะเป็นเรื่องชัดเจนอยู่แล้ว การจะช่วยชีวิตทุกคนตรง
นี้นนั้ เป็นไปไม่ได้อย่างยิง่
“อึก”
ชินแจรยงยกตัวขึ้นมาได้อย่างยากลาบากทันใดก็รู้สกึ ได้
ถึงสติอนั แจ่มชัดขึน้ มา สายตาทีพ่ ร่ามัวเมื่อครูก่ ็กลับมา
เป็นปกติอย่างน่าประหลาด ความเจ็บปวดที่สง่ มาจาก
สีข้างนัน้ ก็ลดลงไป รู้สึกไปเองว่าเซลล์ทั้งร่างกายกาลัง
ส่งมอบพลังออกมา ราวกับแสงเทียนที่ใกล้จะมอดดับได้
ก่อให้เกิดไฟลุกโชนขึ้นอย่างแรงเป็นครัง้ สุดท้าย
...แม้ว่าตัวของเขาเองจะไม่รู้อย่างแน่ชัด
ชินแจรยงสูดหายใจเข้าออกชั่วครู่ ดวงตาของเขา
เคลื่อนไหวอย่างฉับไว เขาค้าไหล่ของอันฮยอนที่ยังคง
ยืนอยู่เหมือนเดิม
“ฮยอน สถานการณ์มนั ช่วยไม่ได้แล้ว”
“...”
“แม้จะน่าเสียดาย เรามาทาเท่าทีจ่ ะทาได้กันเถอะ เข้า
ไปเอาตัวหนูเฮเลน่าออกมานะ”
“รับทราบครับ”
แม้จะลังเลไปเล็กน้อย แต่อันฮยอนก็รู้วา่ นี้เป็น
สถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้ จึงขยับฝีเท้าเข้าไปอย่าง
รวดเร็ว
“เฮเลน่า เฮเลน่า!”
อันฮยอนร้องเรียกด้วยใจอันร้อนรน แต่เฮเลน่าก็ไม่
แสดงปฏิกิริยาตอบรับกลับมาแม้แต่น้อย อันฮยอนรู้สกึ
ได้ถึงความกลัวกาลังจู่โจมเข้ามา แต่ก็หอบเฮเลน่าขึ้น
หลังแล้วลุกขึน้ ร่างกายเย็นเฉียบ แม้จะจินตนาการถึง
เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึน้ ไว้ก่อนแล้วก็ตาม อันฮยอนสะบัด
หน้าตัวเองอย่างแรงก่อนจะมองไปยังทางเข้า แล้วก็ต้อง
สะดุง้ ตกใจขึ้นมาอีกรอบ
“เสร็จหรือยัง งั้นไปกันเถอะ”
ชินแจรยงยืนอยู่ตรงทางเข้ากาลังประคองร่างของชายผู้
หนึ่งไว้ตรงไหล่ ชายผู้หนึ่งไออย่างรุนแรงและอยู่ใน
สภาพสติเลือนลาง ไม่ใช่ใครคนอืน่ แต่วา่ เป็นลอร์ดเผ่า
นักรบ โกโอฮวัน
ใช่แล้ว แม้ว่าโกโอฮวันจะได้รบั บาดเจ็บอย่างหนัก แต่ก็
ยังไม่ตาย
“พะ พีค่ รับ?”
“เอาล่ะ ค่อยคุยกับทีหลัง ถ้าหากว่าแคลนลอร์ดรับรู้
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนีแ้ ล้ว จะต้องเหลือช่องทาง
ช่วยเหลือเอาไว้อย่างแน่นอน เราจะต้องเชื่อในเรื่องนัน้
และออกไปให้ได้”
“ไม่ครับ! ไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วผู้เล่นคนนัน้ ทาไม...”
“...”
อันฮยอนส่งเสียงดังออกมาเป็นครั้งแรก เขาอึดอัดราว
กับอกจะแตกตาย เหตุเพราะไม่สามารถจะเข้าใจ
สถานการณ์นี้ได้เลย
แน่นอนว่าตัวเองก็ไม่สามารถบอกว่าไม่เป็นไรได้ กรณี
แตกต่างกัน เฮเลน่าเป็นผู้เล่นทีจ่ าเป็นจะต้องช่วยเหลือ
ออกไปให้ได้แน่นอนอยูแ่ ล้ว แต่ทว่าแค่มองปราดเดียวก็
เห็นแล้วว่าชินแจรยงกาลังจะล้มแหล่มิล้มแหล่ ไม่
จาเป็นต้องมีความภักดีอันใดทีจ่ ะต้องเอาชีวติ ไปเสียง
เพื่อช่วยเหลือลอร์ดนักรบ
มีความเงียบเข้ามาปกคลุมท่ามกลางชายทั้งสองซึ่ง
กาลังจ้องมองกันและกัน
“เพราะว่าอยากจะให้ตวั เองสง่าผ่าเผยมากขึน้ ”
แต่ทว่าเวลาผ่านไปไม่กอี่ ึดใจชินแจรยงก็พูดขึน้
“ครับ?”
อันฮยอนเดินกะโผลกกะเผลกไปยังทางออกพร้อมกับกับ
ถามกลับไปด้วยใบหน้างุนงนสงสัย
ชินแจรยงมองดูโกโอฮวันส่งเสียงครวญออกมาเบาๆ
ก่อนจะเปิดปากขึ้นมาเงียบๆ
“ฮยอน สาหรับฉัน ในสถานการณ์ของตอนนี้ ฉันไม่
อยากจะทาอะไรทีจ่ ะทาให้ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”
“พี่ ทาไมถึงเป็นแบบนีล้ ่ะครับ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะครับ
ตามสามัญสานึกแล้วพีต่ อนนี.้ ..”
“ทาได้อยู่แล้ว”
“...ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนัน้ ครับ”
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าทาให้เต็มทีท่ ี่สุดเท่าที่
ทาได้ เพราะว่าทาได้จงึ ทาอย่างนี้ไง”
“ทาไม่ได้ครับ”
“แล้วก็ฉัน...อยากจะสง่าผ่าเผยตอนเข้าไปรายงาน
สถานการณ์ต่อแคลนลอร์ดหลังจากนี้ ว่าฉันนัน้ ได้
พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ใน
สถานการณ์ใดก็ไม่ทิ้งพรรคพวกที่ได้ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน
ว่าได้ช่วยเหลือชีวิตของพวกเขาเอาไว้เท่าที่พลัง
ความสามารถที่ยังคงเหลืออยู่จะทาได้”
“...”
อย่างนั้นเองเหรอ ความหมายของการทาเท่าที่สามารถ
ทาได้ที่บอกมาเป็นอย่างนัน้ หรอกเหรอ
ท้ายที่สุดอันฮยอนก็ปิดปากเงียบ ความจริงแล้วยังมีคาที่
อยากพูด แต่พอเห็นใบหน้าเอาจริงเอาจังของชินแจรยง
ก็ไม่สามารถจะพูดออกไปได้ ต่อจากนั้นบนใบหน้าของ
ชินแจรยงที่กาลังจ้องมองอยู่นนั้ ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่
ตัวเขาเองไม่รคู้ วามหมายซ่อนอยู่
เมื่อบทสนทนาจบลงไปได้ชั่วครู่ อันฮยอนก็เข้าไปใกล้
ทางออก
“ฉันเป็นนักบวช”
ชินแจรยงพูดออกมาเป็นคาสุดท้ายก่อนจะค่อยๆ หันตัว
กลับ อันฮยอนยังคงมองดูแผ่นหลังเปื้อนเลือดนั้นด้วยสี
หน้าที่ยังไม่สามารถลบความกังวลใจออกไปได้
เหมืองเริม่ ถล่มลงมาแล้ว หลังจากคิมซูฮยอนออก
เดินทางจากจัตรุ ัสมา
ถึงตอนนัน้ เหล่าผู้เล่นก็เริ่มหลบหนีออกไปอย่างเอาจริง
เอาจัง

[เริ่มใช้งานความสามารถ การทาลายล้าง การโจมตีของ


ผู้ชานาญสงคราม ความเร็วของผู้เล่นทั้งหลายและพลัง
การของทาลายล้าง ความสามารถในการพุ่งไปข้างหน้า
เพิ่มขึ้นอย่างมาก]

เมื่อเปิดใช้งานความสามารถ ความเร็วของเหล่าผู้เล่นก็
เร็วเพิ่มเป็นทวีคูณ
ในยุทธศาสตร์การถอยกลับ ฮันโซยองไม่ได้ไปยืนอยู่
ด้านหน้าสุด แต่กลับมาอยู่ด้านหลังสุดตามหลังและคอย
กระตุน้ เหล่าผู้เล่น เป็นการเคลื่อนที่เพื่อป้องกันผู้ตีตัว
จากกลุ่ม
แม้การวิ่งหนีเป็นไปได้ดว้ ยดีกว่าทีค่ าดเอาไว้ แต่ยอนฮ
เยริมทีว่ ิ่งอยูข่ ้างๆ ฮันโฮยองก็ไม่สามารถจะปิดบังสีหน้า
แห่งสงสัยเอาไว้ได้ เพียงแค่วิ่งด้วยการมองไปข้างหน้า
อย่างเดียวยังไม่เพียงพออยู่แล้ว เพราะว่าเธอ
มองเห็นฮันโซยองที่มัวแต่หันมองกลับไปด้านหลังอยู่
ตลอดเวลา
ยอนฮเยริมกาลังจะบอกออกไปว่าให้มีสมาธิกบั การวิ่ง
หนี ในตอนนัน้ เองก็มองเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองเต็มไป
ด้วยความกระวนกระวายใจของฮันโซยองจึงได้ปิดปาก
เงียบเอาไว้

‘เพราะนัน่ คือสมาชิกเผ่าของผม ผมจะไปช่วยเหลือด้วย


ตัวเองครับ ไม่เข้าใจหรือครับว่าหมายความว่ายังไง’
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 6
_______________________________________
คาพูดที่ได้ยนิ อยู่ในจัตุรสั เมื่อสักครูน่ ี้ผ่านเข้ามาใน
ความคิดของยอนฮเยริมทันใด และดวงตาเต็มไปด้วย
ความน่ากลัวจ้องมองยูจีแทราวจะฆ่าให้ตายให้ได้นั้นก็
ผ่านเข้ามา จู่ๆ ขนทั้งร่างกายก็ลุกซูข่ ึ้นมา
สายตาของคิมซูฮยอนในตอนนัน้ มีความหมายชัดเจน
หลีกทางซะ อย่ามาขวางทาง
เผลอกลืนน้าลายเอื้อกลงไป
เมอร์เซนต์นารีล่ อร์ด...เป็นผูช้ ายแบบนัน้ เองหรือ
ยอนฮเยริมคิดไปด้วยในขณะที่ขยับขาไปข้างหน้าอย่าง
ไม่หยุดพัก และหันหน้ากลับไปมองทางข้างหลังโดยไม่
รู้ตัว ทางที่เหล่าผู้เล่นวิง่ ผ่านมา
ในสายตาของยอนฮเยริมมองไม่เห็นใครสักคน ความ
จริงแล้วก็เป็นเรื่องแน่นอนทีเดียว เพราะว่าเธอและฮัน
โซยองวิ่งอยู่ด้านหลังสุดอยู่แล้ว
แต่ทว่าเหมือนจะยังมีความอาลัยบางอย่างหลงเหลืออยู่
ยอนฮเยริมหันหน้ากลับไปด้านหลัง ต่อจากนัน้ ก็รู้สกึ ได้
ถึงสายตาทีจ่ ้องเขม็งมาที่ตัวเองโดยฉับพลัน
“...?”
“...”
ฮันโซยองกาลังจ้องมองยอนฮเยริม
หญิงทั้งสองจ้องมองกันและกันอยู่เช่นนัน้ ก่อนหันมอง
กลับไปด้านหน้าเกือบจะเวลาเดียวกัน และมอง
พิจารณามองเหล่าผู้เล่นที่สับเท้าวิง่ อย่างสุดชีวิตเพื่อหนี
ออกไปก่อนจะขยับฝีเท้าอย่างเร่งรีบอีกด้าน

อีกด้านหนึง่
เปรีย๊ ะ!
เสียงของผิวกาแพงที่แตกร้าวและพังออกจากกันดังมา
จากทุกหนแห่ง แม้ว่าตอนนีจ้ ะยังคงรักษาโครงสร้าง
เอาไว้ได้จนถึงตอนนี้ แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างนีต้ ่อไป
จัตุรสั จะต้องพังลงอย่างแน่นอน
พูดได้ยากว่าเวลาที่เหลืออยู่นนั้ มีอยู่มากมาย
ตูม!
ในตอนนัน้ ก้อนดินใหญ่เท่าก้อนหินที่ตกลงมาจากเพดาน
ปะทะเข้ากับม่านสีขาวขุ่นและไถลตกลงไปยังพื้นดิน
ภายในม่านขาวขุน่ มีหญิงสาวถือไม้เท้ามีแสงสีขาว
โพลนส่องสว่างออกมากาลังยืนอยู่คนเดียว
ไม่สิ ไม่เพียงแค่ภายในม่านกาบังเพียงเท่านั้น แต่ภายใน
จัตุรสั แห่งนี้เหลือผู้เล่นอันซลเพียงผู้เดียวเท่านัน้
คิมซูฮยอนพูดว่าจะเหลือผู้เล่นเป็นแบคอัพไว้คอย
ช่วยเหลือตนเองไว้ในสถานที่แห่งนี้ และกล่าวถึงอันซล
โดยตรง เนื่องด้วยเหตุนั้น เธอจึงทาได้เพียงแค่มองดู
สมาชิกเผ่าเดียวกัน และสมาชิกเผ่าอืน่ ๆ หนีออกจาก
เหมืองไป
ถ้าอย่างนั้นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่เช่นนัน้ ก็
ตามลักษณะนิสัยพื้นฐานแล้ว ปกติจะต้องรู้สกึ
หวาดกลัว แต่ใบหน้าของอันซลผู้เหลืออยูต่ ัวคนเดียว
แม้แต่ในตอนนี้ก็ไม่สามารถจะหาความรู้สกึ อย่างนัน้ ได้
เจอเลย
แต่กลับกลายเป็นความรู้สึกอันแตกต่างจากความกลัว
อย่างสิน้ เชิง ความรูส้ ึกละอายใจ และความขัดแย้งอยู่
ภายในใจฉายอยู่บนใบหน้าของเธอ ราวกับกาลังกลัด
กลุ้มว่าจะพูดออกไปตอนนี้ดีหรือไม่
“ปาฏิ...!”
ในตอนนัน้ เอง
พร้อมกันกับคาว่า ‘ปาฏิ’ หลุดออกมาจากปากของ
อันซล เธอก็ยกไม้เท้าทีถ่ ือเอาไว้ขนึ้ ไปบนฟ้า
วูมมม!
และในขณะนัน้ ไม้เท้ารอบล้อมไปด้วยแสงสว่างจ้าแสบ
ตา ทาให้จัตรุ ัสเต็มไปด้วยแสงสว่าง เป็นปรากฏการณ์
เกิดขึน้ ก่อนทีจ่ ะใช้ปาฏิหาริย์
แต่ทว่า
“หา...”
ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น
คาว่า ‘ปาฏิหาริย’์ อย่างเต็มคานั้น ไม่ได้ยนิ คาสุดท้าย
ออกมาอย่างชัดเจน อันซลขยับปากขึน้ เล็กน้อยหลาย
ต่อหลายครั้ง ราวกับตัง้ ใจจะพูดออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่
สามารถจะพูดคาสุดท้ายนัน้ ออกมาได้
และผลสุดท้าย แสงสว่างที่สาดส่องไปทั่วบริเวณก็ค่อยๆ
จางหายลงไปทีละน้อย
สภาพของอันซลแม้จะดูแค่ผิวเผินก็เห็นได้ว่าไม่ปกติ
ดวงตากะพริบปริบๆ นัน้ ปรากฏให้เห็นประกายเขียว
หยกกาลังสัน่ ไหวอย่างรุนแรง อันซลกาลังสั่นระริกจนดู
น่าเวทนา เหมือนกับว่ากาลังได้รบั ความลาบากเพราะ
ความละอายใจอย่างรุนแรง
ความจริงแล้วอันซลก็รอู้ ยู่แล้ว ตัง้ แต่อันฮยอนและชิน
แจรยงหายตัวไปเมื่อครูน่ ี้ ก็รู้สึกได้ถงึ ความกระวน
กระวายใจ
ถ้าหากว่าใช้ปาฏิหาริยต์ ามคาสั่งของคิมซูฮยอนตรงนี้
แน่นอนว่าไม่สามารถจะยืนยันการรอดชีวิตได้เต็มร้อย
อย่างน้อยที่สุดก็ทาหน้าที่คลี่คลายปัญหาให้ได้
แต่ทว่าแม้จะเป็นเช่นนัน้ สาเหตุที่อันซลตั้งใจจะไม่ใช้
ปาฏิหาริยน์ ั่นก็เพราะคาทานายของเทพธิดาพยากรณ์ได้
เริ่มต้นขึน้ แล้ว
คาทานายของเทพธิดาพยากรณ์ได้ต่อเนื่องจากความฝัน
ของอันซลที่ได้ฝันถึงเมือ่ วันก่อน และได้แปลความหมาย
ของความฝันนั้นให้
ความฝันที่มคี ิมซูฮยอนปรากฏขึ้นมา
ลบล้างอะไรบางอย่าง และลบล้างอะไรบางอย่างออกไป
ความฝันที่คมิ ซูฮยอนหายเข้าไปในหลุมดา
และข้อความสุดท้ายของคาทานายคือ...

[โชคเล็กๆ เพื่อใช้ในยามจาเป็น!]

ในชั่วขณะที่เห็นสิง่ นัน้ แล้ว ไม้เท้าทีย่ กสูงขึน้ ไปบนฟ้าก็


ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เรีย่ วแรง
แม้จะเป็นข้อความทีค่ ลุมเครืออย่างมาก สัญชาตญาณ
ของอันซลกาลังเตือนเธออยู่อย่างชัดเจน
ว่าจะใช้ปาฏิหาริยใ์ นตอนนี้ไม่ได้
หากใช้ไปเสียในตอนนี้...ในภายหลังคิมซูฮยอนจะต้อง
ตาย
“ฮึก!”
ไม่สามารถที่จะทนต่อสถานการณ์ทจี่ นตรอกอย่างนี้
ต่อไปได้อกี แล้ว ท้ายทีส่ ุดน้าตาอันโศกเศร้าก็พรัง่ พรู
ออกมาจากดวงตาทั้งสองของอันซล
“ฮือ! ฮือออ!”
เสียงร้องอันโศกเศร้าเต็มไปด้วยความเสียใจที่ไม่รู้
ความหมาย ดังขึ้นเพียงแผ่วเบาในจัตรุ ัสที่กาลัง
แตกร้าว
อันซลยังคงยืนอยู่อย่างเดียวดาย

เวลาเดียวกันนัน้
คิมซูฮยอนกาลังรวบรวมพลังทัง้ หมดวิง่ เข้าไปยัง
เส้นทางมืดดาและสูงชันเล็กน้อย
การเคลื่อนไหวที่ไม่มีความลาบากใดๆ สามารถพูดได้ว่า
ความเร็วของคิมซูฮยอนนัน้ ก่อให้เกิดลมพัดแรงกระหน่า
ไปทั่วบริเวณ บอกว่าเป็นความเร็วอย่างแท้จริงก็ไม่เป็น
ปัญหาใด
ระหว่างทางมีเส้นทางทีแ่ ตกร้าวออกจากกันโผล่ออกมา
ให้เห็น แต่คิมซูฮยอนก็ไม่หยุดฝีเท้าแม้สกั ครั้ง เพ่งมอง
ไปข้างหน้าอย่างเดียว เพิกเฉยต่อก้อนดินที่ตกลงมา
โดยรอบเป็นครัง้ คราวและเดินหน้าต่อไปไม่หยุดหย่อน
ราวกับรับรู้แล้วว่ากลุ่มของชินแจรยงนัน้ อยูต่ รงไหน
กาลังวิ่งออกไปอย่างสมบูรณ์แบบไปตามทางเส้นเดียว
ไม่วอกแวก
สิ่งที่ทาให้เป็นอย่างนัน้ ไปได้กค็ ือการตรวจจับเวท
ระยะไกลและดวงตาที่สามที่คิมซูฮยอนเปิดใช้งานใน
ปัจจุบัน
ตึก ตึก ตึก
แต่แล้วก็เริ่มได้ยนิ เสียงเหมือนเหยียบเข้ากับรางรถไฟ
แข็งๆ ดังเข้ามาให้ได้ยนิ คิมซูฮยอนใช้สายตาอันแหลม
คมสารวจไปทั่วทุกบริเวณรอบๆ
ข้อมูลผู้เล่นของคิมซูฮยอนและความสามารถของฮันโซ
ยองทั้งสององค์ประกอบนี้ผสานเข้าด้วยกันเกิดเป็น
ความสามารถทั้งหมดของคิมซูฮยอนที่ทางานร่วมกันได้
ผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพเยี่ยมยอด
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของคิมซูฮยอนเพิ่มระดับ
ความเร็วขึน้ และหายเข้าไปในความมืด

ไม่รู้วา่ เวลาผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่แล้ว
ในความเป็นจริงเวลาไม่ได้ผ่านไปนานเลย แต่ทว่าใน
ความรู้สกึ ที่อันฮยอนรับรู้นนั้ การเคลื่อนผ่านของเวลา
นั้นช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน เพราะเมื่อเทียบกับหัวใจที่
อยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
ร่างกายกับไม่ยอมทาตามความคิดเอาเสียเลย
ร่างกายแสนเหนื่อยอ่อนต้องการออกซิเจนที่เพียงพออยู่
ตลอด ส่วนขาที่ได้รับบาดเจ็บก็รงั แต่จะบิดเบี้ยวออกไป
อยู่เรื่อย
แต่ทว่าไม่สามารถทีจ่ ะหยุดลงตรงนี้ได้ อุตส่าห์เอาชนะ
ในการต่อสู้อย่างสุดกาลังมาได้แล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะ
หาทางออกไปจากที่นี่ได้แล้ว แต่ถา้ มาตายซะตรงนี้...ทุก
สิ่งทุกอย่างที่ประสบความสาเร็จอยู่ภายในถ้าแห่งนี้กจ็ ะ
กลับกลายเป็นคว้าน้าเหลว
ในสถานการณ์เช่นนี้สุดท้ายสิ่งที่อนั ฮยอนเชื่อมัน่ ให้เป็น
ความหวังไว้มีเพียงแค่อย่างเดียว
การช่วยเหลือ
พูดอีกอย่างก็คือความเชื่อมั่นว่าแคลนลอร์ดจะไม่ทิ้ง
ตัวเองอย่างแน่นอน

‘ถ้าหากว่าแคลนลอร์ดรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึน้ นี้แล้ว
จะต้องเหลือช่องทางช่วยเหลือเอาไว้อย่างแน่นอน’
‘พวกเราจะต้องเชื่อในเรื่องนั้นและออกไปให้ได้’

อันฮยอนคิดถึงคาพูดของชินแจรยง
ใช่แล้ว พี่ไม่ใช่คนที่จะทิ้งสมาชิกเผ่าของตัวเอง
ตอนที่หายตัวไปอยู่ที่เทือกเขามังกรหลับใหลก็ได้พี่ชว่ ย
เอาไว้
ดังนัน้ ในครั้งนีพ้ ี่จะต้องมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ดังนัน้ อันฮยอนจึงเดินต่อ
“แฮ่กๆ”
ถึงลมหายใจจะหอบจนแทบขาดห้วง และกลิ่นอาย
ความเหนื่อยล้าจะออกมาจากปากแค่ไหน แต่ก็ยังเดิน
ต่อไป
แกร๊ก! แกร๊ก!
เสียงจากเพดานดังให้ได้ยินอย่างไม่มีหยุดทาให้รู้สึกไม่ดี
แต่ก็ยังคงเดินต่อไป
ความเชื่อมั่นที่มนั่ คงต่อคิมซูฮยอนบังคับให้เท้าที่
อยากจะหยุดเดินหลายต่อหลายครั้งยังเดินต่อไปได้
ในระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อนอยู่นนั้ ชัว่
ครู่ที่ออกแรงกระชับมือที่แบกเฮเลน่าที่เงียบสงบนัน่ เอง
โครม! โครม! โครม! โครม!
ในทันใดก้อนดินขนาดมหึมาก็หล่นลงมาข้างหน้าอันฮ
ยอน
ในชั่วขณะนัน้ อันฮยอนไม่สามารถจะก้าวเท้าออกไปอีก
ได้ และหยุดเดินลงด้วยสัญชาตญาณ รอยแตกของการ
พังทลายที่ตามหลังมาไม่หยุดตั้งแต่ที่ออกมาจากถ้าเมื่อ
ครู่ ในที่สดุ ก็ไล่ตามทันจนได้ และเมื่อรอยแตกไล่ตามจน
ทันอย่างนี้แล้ว ก็คงจะแซงหน้าไปได้ช่วงเวลาอันสั้น
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 7
_______________________________________
อันฮยอนกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ แม้ในครั้งนีจ้ ะหลบ
หลีกจนพ้นไปได้อย่างโชคดี แต่หากว่าตกลงมากลางหัว
เข้าอย่างจังแล้วล่ะก็คงเกิดเรื่องใหญ่แน่ อาจจะล้มหน้า
คว่าลงไปทั้งอย่างนีเ้ ลยก็ได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอันฮยอนคิดที่จะเดินหลบเลีย่ งสิ่งกีด
ขวางเกะกะอันนี้ และตอนที่กาลังจะขยับตัวออกไปนัน้
“...พี่”
แต่ทว่าอันฮยอนที่มองไปด้านข้างแวบหนึ่งนั้นก็ต้องอึ้ง
ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ชินแจรยงและโกโอฮวันล้มลงไปแล้ว
“พี่! พี่ครับ!”
บริเวณรอบๆ ที่ล้มลงไปนัน้ มีเศษก้อนดินกระจัดกระจาย
ไปทั่ว ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากที่
อันฮยอนวางเฮเลน่าลงกับพืน้ ทันทีแล้วนัน้ ก็วงิ่ เข้าไป
หาชินแจรยง
“เอือกกก!”
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดแผ่วออกมาจากปากที่เม้มไว้
แน่นของชินแจรยง
“พี่ครับ! พี่แจรยง! เป็นอะไรไหมครับ”
อันฮยอนรีบเข้าไปประคองตัวเขาขึน้ อย่างรวดเร็ว และ
ถามด้วยน้าเสียงเป็นกังวล แล้วชินแจรยงพยักหน้าตอบ
รับด้วยความยากลาบาก แต่วา่ เป็นเพียงการตอบรับ
ตามมารยาทเพียงเท่านัน้ ดูท่าทางแล้วเขาน่าจะอาการ
หนักเอาการทีเดียว
ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จากสภาพของชินแจร
ยงทั้งยังต้องประคองโกโอฮวันเดินมาจนถึงตรงนี้ ทาได้
ถึงขนาดนีก้ ็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
ตอนนีส้ ถานการณ์กาลังย่าแย่ลงไปเรื่อยๆ อย่างถึงที่สุด
แล้ว
สภาพของเฮเลน่าก็เย็นยะเยือกตัง้ แต่เมื่อครู่แล้ว
โกโอฮวันส่งเสียงโอดโอยออกมาเป็นครั้งคราว แต่ยังลุก
ไม่ขนึ้ อยู่เหมือนเดิม
แล้วยังมีชนิ แจรยงที่แค่จะช่วยเหลือตัวเองคนเดียวก็ยัง
ยากลาบากแล้ว
และตรงนี้ผู้เล่นที่ยงั ไหวมีเพียงแค่อนั ฮยอนเท่านั้น
หลังจากนั้น ชินแจรยงลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็นพูด
ออกมาเงียบๆ
“ฮยอน ขอโทษนะ...”
“ขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไรครับ พี่”
คาว่าขอโทษของชินแจรยง
อันฮยอนรู้สึกเหมือนน้าตาพานจะไหลออกมา เพราะแม้
จะพยายามอย่างหนักทีจ่ ะปฏิเสธมัน แต่เขาก็เหมือนจะ
รู้ว่าทาไมชินแจรยงถึงได้พูดคาว่าขอโทษ
เป็นเชิงบอกว่าการคาดเดาของอันฮยอนนัน้ ถูกต้องแล้ว
ชินแจรยงเริ่มพูดต่อไป
“ดูเหมือนว่า...ทาแบบนี้ต่อไป คงไม่ไหวแล้วล่ะ...”
“ไม่ ไม่ได้นะครับ พี่ครับ พี่บอกว่าให้ทาเท่าทีจ่ ะทาได้
ไม่ใช่หรือไงครับ!”
“ไม่ใช่อย่างนัน้ ...”
“โธ่เอ๊ย ไม่ครับ! ผมไม่มีวัน ไม่มวี ันจะทิ้งพีไ่ ปเด็ดขาด
ครับ!
แต่ทว่าว่าก่อนที่คาพูดของชินแจรยงจะจบลง อันฮยอน
ก็ส่ายหน้าอย่างแรงและตะโกนออกมาอย่างสิน้ หวัง ราว
กับรู้วา่ ชินแจรยงจะพูดอะไรออกมา และราวกับว่าเขา
ไม่อยากจะได้ยนิ คานั้น
อันฮยอนทีป่ ิดปากของชินแจรยงไปเสียทั้งหมด ใช้มืออีก
ข้างที่เหลือสอดเข้าไปใต้แขนแล้วพยายามฝืนลากเขา
ขึ้นไป
และชินแจรยงก็หัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบาออกมา
“ฮ่าๆ...ฟังคาพูดของคนอื่นให้จบก่อนสิ ไอ้เจ้าหนู”
“...ครับ?”
จากนัน้ แล้วอันฮยอนทีส่ ่งเสียงหายใจกระหืดกระหอบ
พยายามยกตัวชินแจรยงขึน้ ก็ตาโตขึน้ มาทันที แม้จะอยู่
ท่ามกลางสภาพที่รอบตัวมีก้อนดินตกลงอยู่ตลอด ชิน
แจรยงก็หัวเราะแฮะๆ แล้วชี้ไปยังผนังของกาแพงฝั่ง
หนึ่ง
“ฉันหมายความว่าให้ใช้เจ้านัน่ ต่างหาก”
ในที่สุดอันฮยอนที่หันหน้าไปตามทางทีช่ ินแจรยงชี้ให้ดู
ชั่วขณะที่ได้เห็นอะไรบางอย่างตั้งอยู่ที่ผนัง ก็รสู้ ึกเหมือน
ถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางหัว

‘แม้จะไม่มนั่ ใจเท่าไหร่...แต่น่าจะเป็นรถไฟของเหมือง
แร่ครับ’
‘ครับ บางทีอาจจะเคยใช้กบั รางรถไฟอันนี้ก็เป็นไปได้...
ขนาดก็ประมาณเข้าไปนั่งได้สามสีค่ น...’

รถไฟเหมืองแร่
มีฟางข้าวเส้นหนึ่งหล่นลงมาข้างหน้าคนเหล่านี้ที่สูญสิน้
ความหวังในการจะเอาชีวิตรอดไปได้
รถไฟเหมืองแร่
เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียวในสถานการณ์ตอนนี้ ไม่
สิ บางทีนี่อาจจะเป็นด้ายช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายทีเ่ หลืออยู่
แล้วก็เป็นไปได้
“ฮยอน!”
ความคิดมากมายเข้ามาในความคิดภายในเวลาอันสัน้
ไม่มีเวลาที่คิดไตร่ตรองอะไรแล้ว อันฮยอนตอบรับเสียง
ตะโกนเรียกของชินแจรยงในทันใด
โครม!
ตะกร้าทีค่ ว่าอยู่ ไม่สิ ยกรถไฟเหมืองแร่ทคี่ ว่าอยู่ขนึ้
มาแล้วนาไปวางที่รางรถไฟอย่างสุดกาลัง
แกร๊ก!
จากนัน้ ล้อรถก็ประกอบเข้ากับรางรถไฟแน่นราวกับ
กลายเป็นแม่เหล็กดูดเข้าหากันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
อันฮยอนกลืนน้าลายเอือ๊ ก พยายามอย่างหนักที่จะทา
จิตใจให้สงบลงมากที่สดุ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะต้องขับ
รถไฟเหมืองแร่ทรุดโทรมขึ้นสนิมอันเก่านี้ออกไป
แล้วจะต้องทาอย่างไร
มีอุปกรณ์อยู่ตรงไหนหรือเปล่านะ
มีอะไรที่พอจะดึงได้หรือเปล่านะ
“อันฮยอน!”
ในตอนนัน้ ได้ก็ได้ยนิ เสียงตะโกนเรียกของชินแจรยงเข้า
มาอีกครัง้ อันฮยอนหันหน้ากลับมาโดยอัตโนมัติก็เห็น
ชินแจรยงกาลังโอบเอาเฮเลน่าที่หมดสติอยู่ขนึ้ มา หาก
เขาล้มลงไปตรงนั้นก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้วา่
เขาเอาแรงขนาดนัน้ มาจากนัน้
“ลองหาดูขา้ งในรถไฟ หรือไม่กบ็ ริเวณรอบๆ ให้
ละเอียด! จะต้องมีอะไรอยู่แน่!”
แต่ทว่าก่อนที่ความสงสัยจะจบลงไปด้วยซ้า เสียง
ตะโกนก็ดังต่อเนื่องเข้ามาอย่างเร่งรีบ อันฮยอนตั้งสติ
ตัวเองให้แจ่มชัด
จะต้องมีอะไรสักอย่างอยู่แน่
ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้คอื ฮอลล์เพลน
อันฮยอนคิดได้เช่นนัน้ ก็สารวจข้างในของรถไฟอย่าง
รีบเร่ง และโชคยังดีเวลาผ่านไปไม่นานก็สามารถเจอเข้า
กับอัญมณีขนาดพอดีหนึ่งอันที่ติดอยู่ที่ผนังภายใน ไม่
อาจทราบได้ชดั เจนว่าสิง่ นัน้ คืออะไร แต่ในสถานการณ์
ตอนนี้แม้จะเป็นแค่ฟางข้าวก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน
“ข้างในมีอัญมณีหนึง่ อัน...!”
“อัญมณี? ถ้าเป็นอัญมณีมีความเป็นไปได้สูงว่าจะ
เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์!”
อันฮยอนสามารถเข้าใจคาพูดนัน้ ได้ รีบรุดกระโดดเข้า
ไปข้างในแล้วท่องคาถาเวทใส่อัญมณี
ครืน ครืนนน!
ในตอนนัน้ จู่ๆ ก็เริม่ ได้ยินเสียงสัน่ สะเทือนอย่างรุนแรง
มาจากข้างล่างรถไฟ หรือพูดให้ชัดก็คือเสียงจากล้อที่ติด
อยู่ในแต่ละมุมของรถไฟ
แต่ว่าก็มีเพียงเท่านัน้ ได้ยินเพียงแค่เสียงสัน่ สะเทือนดัง
เข้ามาเพียงเท่านัน้ ไม่มกี ารเปลี่ยนแปลงใดๆ ยิง่ ไปกว่า
นั้น รถไฟเหมืองยังคงนิง่ ติดกับรางอยูเ่ หมือนเดิม
ความดีใจที่ว่าสาเร็จสักทีเกิดขึน้ เพียงแค่ชวั่ ครู่เท่านัน้
อันฮยอนหันหน้าไปมารอบๆ ด้วยความงุนงง
“ช่วยไม่ได้ ไม่มีเวลาชักช้าแล้ว ต้องมีใครผลักรถแล้ว
ล่ะ”
ในชั่วขณะนัน้ ชินแจรยงยัดตัวเฮเลน่าเข้าไปข้างใน
รถไฟแล้วพูดขึ้นมาเงียบๆ เหมือนว่าจะได้ยินคาพูดนัน้
อันฮยอนที่ตั้งใจค้นรถไฟจนทั่วเบิกตาโพลงพร้อมหัน
หน้ากลับมา
“ครับ? ผลักงั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้ว ยังไงก็ต้องทาอย่างนั้นแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนัน้ ผม...”
“ไม่ ไม่ได้”
ชินแจรยงจับอันฮยอนที่ตั้งท่าจะออกมา ยัดกลับเข้าไป
ในรถไฟอย่างรวดเร็วและพูดขึน้
“ฉันจะเป็นคนผลักเอง”
“พี่ครับ!”
อันฮยอนคัดค้านเสียงแข็ง และตอนที่ไม่สนชินแจรยงที่
ห้ามตัวเอง และพยายามจะออกมาจากรถไฟ ก็รู้สึกว่า
ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อันฮยอนมองชินแจรยงด้วยความรู้สกึ อึ้ง
ใบหน้านิ่งของชินแจรยงแข็งกระด้างจ้องมองอันฮยอน
ด้วยสายตาน่ากลัว สาหรับอันฮยอนแล้วเป็นใบหน้าของ
ชินแจรยงที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“อย่าทาตัวเป็นเด็ก!...ผู้เล่นอันฮยอน”
เป็นอย่างนัน้ ตอนนี้ชนิ แจรยงกาลังดุเขาอยู่
เวลาสัน้ ๆ นัน้ เอง ความเงียบเข้ามาปกคลุม จากนั้นชิน
แจรยงลดพลังลงเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ยืน่ หน้าเข้าไปใกล้
อย่างช้าๆ
“ฮยอน สถานการณ์ตอนนีเ้ ร่งด่วนอย่างมาก ไม่มีเวลา
มาตบก้นเอาใจเป็นเด็กแล้วนะ เราต้องคิดด้วยเหตุและ
ผลกันแล้วนะ”
“พะ พีค่ รับ...”
“นายต้องปกป้องพรรคพวก เตรียมตัวรับมือกับตัวแปร
ทุกอย่างที่แน่นอนว่าอาจจะเกิดขึน้ กับรถไฟ อย่างการ
มองไปข้างหน้า หรือสิง่ ที่จะตกลงมาจากเพดาน เป็นต้น
นี่เหมือนเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นหรือไง สาหรับฉัน
ในตอนนี้แล้วคงรับหน้าที่ทาอย่างนั้นไม่ได้แล้ว”
“...”
จู่ๆ อันฮยอนก็รู้สกึ เหมือนกับว่าในพืน้ ที่ตรงนีเ้ หลือเขา
กับชินแจรยงเพียงสองคนเท่านัน้ คาพูดของชินแจรยง
แต่ละคานั้นมีพลังมากมหาศาลถึงเพียงนั้น ราวกับว่า
เป็นสิ่งที่ต้องทาตามอย่างแน่นอน
“ฉันบอกว่าทาเท่าที่สามารถทาได้ สิ่งที่ฉนั ทาได้
ในตอนนี้ มีเพียงแค่การตั้งสมาธิกับการผลักรถไฟอันนี้
เท่านัน้ เข้าใจหรือยัง”
“ถ้างั้น...”
“ฮยอน ขอร้องล่ะ!”
“เข้าใจแล้ว!...แค่อย่างเดียว ได้โปรดสัญญาแค่อย่าง
หนึ่งได้ไหมครับ”
ในสถานการณ์อย่างนัน้ แล้ว ท้ายที่สุดอันฮยอนก็พูด
ออกมาด้วยเสียงอ้อนวอนดื้อดึง
“อย่าตายเด็ดขาดนะครับ เมื่อผลักรถไฟไปได้ระยะหนึ่ง
แล้ว สัญญาว่าจะขึน้ มาบนรถไฟนะครับ”
“...ได้ สัญญาแล้วกัน”
ชินแจยงถอยห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า
“จริงๆ ใช่ไหมครับ ไม่ได้โกหกไปส่งเดชเพียงเพื่อจะ
ช่วยชีวิตผลและเฮเลน่าใช่ไหมครับ”
“เคยเห็นฉันโกหกตอนไหนหรือเปล่าล่ะ”
ไม่เลย อย่างน้อยที่สุดในความทรงจาของอันฮยอนก็ไม่
เคยมีสกั ครั้งเลย
ในที่สุดก้อนหินก็หล่นลงมาเพิ่ม อันฮยอนจึงตัดสินใจจะ
เชื่อคามัน่ สัญญาของชินแจรยง ถ้าเป็นอย่างนัน้ แล้วสิง่
ที่เหลือตอนนี้ก็มีแค่อย่างเดียว
ในตอนนัน้ เอง
“ฮึบ...”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 8
_______________________________________
ขณะที่ชนิ แจรยงกาลังประคองโกโอฮวันขึ้นมา ก็มเี สียง
พึมพาเบาๆ ดังออกมา
ระหว่างทีช่ ินแจรยงตกใจอย่างหนักแล้วหยุดชะงักไปชั่ว
ครู่ ตาทั้งสองข้างของโกโอฮวันที่หลับสนิทมาจนถึง
ตอนนีค้ ่อยๆ ลืมขึ้นมา และค่อยๆ กลอกลูกตาไปมาแล้ว
ก็จัดตัวที่โซเซให้ตงั้ ตรงขึ้นในทันที
“ลอร์ดเผ่านักรบ”
“อืมๆ ไม่เป็นไร”
“เอ่อ ได้สติแล้วเหรอครับ”
“อืม ก็ฟงั เรื่องราวมาตัง้ แต่เมื่อครูน่ ี้แล้ว...ตัง้ แต่ที่ถูก
ประคองมาก็รู้สึกได้ ยังไงซะก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ
แล้วล่ะ”
โกโอฮวันกดหน้าผากตัวเองอย่างแรงราวกับยังรู้สกึ
วิงเวียนไม่หาย แม้จะเป็นเช่นนัน้ ก็ไม่หยุดพูดต่อ
“โอ๊ย เวียนหัวจริงๆ...ยังไงซะก็เข้าใจแล้ว ทางนั้นก็รบี
ขึ้นรถไฟไปซะ ฉันจะเป็นคนผลักให้เอง”
ในที่สุดโกโอฮวันที่เดินโซเซออกไปก็ยืดเหยียดร่างกาย
เบาๆ เพื่อเตรียมพร้อม เป็นท่าทางที่แสดงออกมาราว
กับว่ารู้เรื่องทุกอย่างอยูจ่ ริงตามทีพ่ ูด ถ้าอย่างนั้น
หมายความว่าได้สติขนึ้ มาเล็กน้อยแล้วงัน้ หรือ
อันฮยอนยืนนิ่งเหม่อมองโกโอฮวันอย่างใจลอย
จะเป็นคนผลักแทนให้อย่างนั้นเหรอ
อันฮยอนไม่รู้เลยว่าต้องพูดอะไร การกระทาอย่างนีข้ อง
โกโอฮวัน ตั้งแต่แรกเลยแน่นอนว่าไม่ได้คิดเอาไว้แม้แต่
นิดว่าจะได้สติขนึ้ มา
จู่ๆ โกโอฮวันก็สบตาเข้ากับอันฮยอน
“มองอะไร เจ้าหนู”
หน้าอกที่โดนแพคฮยองชิกเล่นงานยังคงมีเลือดไหล
พลั่กๆ ออกมาแต่ทว่าโกโอฮวันไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย
และจับด้านหลังของรถไฟเหมืองแร่เอาไว้แน่น
“คือ...ขอบคุณ...”
“ไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไร ถ้ามีเวลาว่างมองทางนี้ ก็
หันไปมองข้างหน้านู่นไป ไอ้หนู แค่กๆ!”
บ่นพึมพาได้พกั ใหญ่ โกโอฮวันก็ไอออกมา เขาออกแรง
ค่อยๆ ตัง้ ท่าเหมือนกาลังเตรียมจะผลักรถไฟ และเขา
หันหน้าไปด้านข้างด้วยใบหน้านิ่วคิว้ ขมวด
“คุณพีน่ ักบวช ทาอะไรอยู่ล่ะ ไม่รบี ขึ้นไปนั่ง”
“ละ ลอร์ดเผ่านักรบ”
“ไม่เห็นสถานการณ์ณ์รอบๆ ตัวหรือยังไง ไหนบอกจะ
รีบไปไง”
“ผมแค่...”
“อ่า อกจะแตกตาย จริงๆ เลย! คุณ ร่างกายของผม ผม
รู้ดีครับ ต่อให้ขึ้นรถไฟคันนี้ไป ก็เห็นชัดๆ เลยว่าต้องไป
พลิกคว่าที่ไหนระหว่างทางแน่ ฉันไม่อยากตายแบบนัน้
หรอก”
“...”
ตอนนัน้ เองชินแจรยงจึงค่อยๆ ขยับฝีเท้าเข้ามาอย่าง
ช้าๆ
โกโอฮวันที่หันหน้ากลับมาข้างหน้าอีกครัง้ ค่อยๆ พูด
ขึ้นมาเบาๆ
“และก็ไอ้เจ้าหนูเด็กอมมือ อย่าพูดว่าขอบคุณเลย
ความจริงก็รู้อยู่แล้ว ว่าพวกนายน่ะเกลียดฉัน”
“ระ เรื่องนัน้ ...”
อันฮยอนพูดตะกุกตะกัก
“แต่ยังไงฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะฉันก็เกลียดพวกนาย
เหมือนกัน!”
โกโอฮวันหัวเราะลั่นออกมา อีกทั้งยังส่งเสียงทีฟ่ ังดู
ตื่นเต้นอย่างประหลาดออกมา
“...เด็กน้อยเอ๋ย ถึงอย่างนัน้ ก็เถอะนะ”
แต่แล้วจู่ๆ คาสุดท้ายเสียงก็ทุ้มต่าลงอย่างฉับพลัน
“เมื่อกี้ นายคนนัน้ ก็พูดไปแล้วนี่ ว่าตัวเองไม่เคยทิ้ง
พรรคพวกที่รว่ มต่อสู้ดว้ ยกันเลยสักครัง้ ”
“...”
“ถ้าอย่างนัน้ ฉันตอนนี้ อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ฉนั ก็เป็น
พรรคพวกของพวกนายแล้วใช่ไหม หืม?”
“...ครับ ใช่แล้วครับ”
อันฮยอนตอบกลับไป
“ดีมาก”
โกโอฮวันฉีกยิ้มมุมปาก
“ไม่ได้จะโอ้อวดหรอกนะ จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เคยทิ้ง
พรรคพวก...”
และก็หายใจเข้ายาวๆ ด้วยใบหน้าที่ดพู ึงพอใจจริงๆ
“แม้แต่สักครัง้ เดียววว!”
พร้อมกันกับที่พูดคานัน้ ออกมา ก็เริ่มส่งเสียงโอดครวญ
ด้วยใบหน้าเหมือนออกแรงอย่างเต็มที่ เหมือนว่าจะออก
แรงเต็มที่อย่างรุนแรง เลือดจากหน้าอกจึงไหลพลั่กๆ
ออกมาอย่างรุนแรงเช่นกัน
...แต่ทว่ารถไฟเหมืองก็ยังไม่เคลื่อนตัวเช่นเดิม
อาจเป็นเพราะรถขึ้นสนิมหนักเกินไป หรือว่าจะมีสาเหตุ
อย่างอืน่ หรือไม่
แม้ว่าโกโอฮวันจะออกแรงอย่างเต็มที่ดว้ ยใบหน้านิ่วคิ้ว
ขมวด แต่มนั ก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนราวกับว่าเกาะแน่น
ยึดกับรางรถไฟเอาไว้
โกโอฮวันระบายความหงุดหงิดออกมาด้วยหน้าสิ้นหวัง
“ไอ้บ้า! ทาไมถึงเป็นแบบนีล้ ่ะ นีก่ ็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
นะ!”
“เอาล่ะๆ มาลองผลักพร้อมกันสักครั้งเถอะครับ”
พอดีกนั นั้นชินแจรยงก็เดินเข้าข้างๆ แล้วเตรียมตัวตั้ง
ท่าอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นโกโอฮวันทีป่ รายตามองมา
ก็กระแอมในคอก่อนจะหลีกทางให้เล็กน้อย
“...ให้ตายเถอะ น่าขายขี้หน้าเสียจริง” บ่นพึมพา
แต่ก็แค่ชวั่ ครู่ จากนัน้ ผูเ้ ล่นชายตัวสูงใหญ่อย่างมากทัง้
สองก็เริ่มออกแรงผลักรถไฟเหมืองออกไปพร้อมกัน
“อึบบบ!”
“อึกกก!”
รถไฟเหมืองก็ยังคงไม่ไหวติงอยู่เช่นเคย แต่ชายทั้งสอง
นั้นไม่ยอมแพ้
รวบรวมพลังทั้งหมดแล้วออกแรงผลักรถไฟเหมือง
และแล้ว
ครืดดด!
พร้อมกันกับเสียงเหมือนอะไรอย่างถูกผลัก เสียงที่ค่อยๆ
ได้ยินเข้ามาก็เริม่ ดังขึ้นเรื่อยๆ
และจากนัน้ ไม่นาน อันฮยอนก็รสู้ ึกว่าร่างกายกาลังขยับ
ออกไปแม้จะเชื่องช้าก็ตาม
ท้ายที่สุดรถไฟเหมืองก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป
ครืน ครืนนน!
“อันฮยอน จากนี้ไปห้ามสนใจพวกเราเด็ดขาด ตั้งสมาธิ
แล้วมองไปข้างอย่างเดียว!”
ทันใดนั้นเสียงตะคอกของชินแจรยงก็ดังต่อเนือ่ งเข้ามา
อันฮยอนร่ายเวทใส่อัญมณีอีกครัง้ มืออีกข้างก็จับหอก
นิลเอาไว้แน่น และมองไปยังเส้นทางอันยาวไกล
ตั้งแต่นี้ไปจะต้องผ่านสถานที่แห่งนี้ไปให้ได้
รถไฟเหมืองแร่ค่อยๆ เริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า
มากๆ
ล้อรถที่เคลื่อนออกไปหนึ่งครั้งได้อย่างหวุดหวิด หมุน
สองครั้ง สามครั้งยิ่งหมุนไปเรื่อยๆ ยิ่งหมุนเร็วมากขึ้น
ความรู้สกึ ถูกลากไปอย่างฝืดๆ ในตอนแรกหายไป ยิ่ง
เคลื่อนไปเรื่อยๆ ความรู้สึกลืน่ ไหลก็ยิ่งโหมเข้ามา
โครม โครม โครม
เส้นทางยังคงมีช่องให้ผ่านได้ สถานการณ์พังถล่มยังคง
เกิดขึน้ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในขั้นของการแตกร้าว
เพียงเท่านั้น ยังไม่เห็นภาพก้อนดินตกลงมาเพียงครั้ง
เดียวจนปิดกั้นทาง
อันฮยอนขึงตาทั้งสองขึน้ ไปมองบนเพดาน ระหว่างที่
ต้องรีรอเพราะปัญหาของรถไฟเหมืองแร่ และแล้วรอย
แตกร้าวของสถานการณ์พังถล่มก็ลามมาดักหน้าไปมาก
เสียแล้ว
แต่ทว่าเวลาเหล่านัน้ ก็ไม่ได้ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์
ในตอนนีน้ นั้ รถไฟนีจ้ ะต้องไล่ตามให้ทัน ให้แซงหน้าไป
ให้ได้ ชายทั้งสองที่เตรียมตัวพร้อมสาหรับความตาย
แล้วนัน้ กาลังช่วยผลักรถไฟ สิ่งที่อันฮยอนต้องทาตรงนี้
คือการปกป้องรถไฟและเฮเลน่าให้ดีที่สุดอย่างสุด
ความสามารถ
โครม! โครม! โครม! โครม!
สายตาของอันฮยอนหรีล่ งอย่างกะทันหัน ความเร็วเพิม่
ทีละเล็กทีละน้อยทิวทัศน์รอบๆ ก็เริม่ เลยผ่านไปด้วย
ความเร็วเช่นกัน
แต่ทว่ายิ่งเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งเสียงดังขึน้
มากเท่าไหร่ อันฮยอนก็รู้สึกได้ว่ารถไฟที่ติดแน่นอยู่กบั
รางสัน่ ไหวไปมาโดยไม่ทันเตรียมตัว
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ซ้าร้ายก้อนหินบนเพดานก็เริ่มหล่นทะลักลงมา ส่วน
หนึ่งนัน้ อันฮยอนปัดทิ้งด้วยหอกไปได้ แต่ว่าส่วนที่เหลือ
ตกลงไปปักทีพ่ ื้น หรือไม่ก็ตกลงที่รางรถไฟ
ทุกครัง้ ที่หินร่วงหล่นลงบนพืน้ ในแต่ละครั้งเกิดแรง
สะเทือนไม่น้อยทาให้รถไฟเหมืองสั่นสะเทือนอย่าง
รุนแรง ความรูส้ ึกถึงแรงสั่นที่สง่ มาจากพืน้ ดินทาให้อันฮ
ยอนตืน่ ตกใจ
อันฮยอนกัดฟันแน่น ไม่สามารถทีจ่ ะหวังพึ่งความ
ช่วยเหลือจากชินแจรยงและโกโอฮวันได้อกี แล้ว พวก
เขาเชื่อใจอันฮยอนและฝากให้ดูแลปกป้องรถไฟเหมือง
แร่ และแค่การผลักรถไฟอยู่ในตอนนีก้ ็ฝืนกาลังจนมาก
เกินพอแล้ว แล้วความคิดว่าตัวเขาเองจะต้องทาอะไร
สักอย่างด้วยตัวเองบ้างแล้วก็แล่นเข้ามาในความคิด
“อ่า”
ช่วงขณะเวลานี้ ความคิดหนึง่ ได้ผ่านเข้ามาในหัวของ
อันฮยอน
โครม! โครม! โครม!
แรงสัน่ สะเทือนรุนแรงเพิ่มมากขึ้น อันฮยอนเอามือ
แตะอัญมณีแล้วเรียกพลังเวทออกมาในทันที ตอนนีจ้ ะ
ทาได้หรือไม่ได้นนั้ ไม่ใช่ปัญหา ในตอนนี้ในหัวของอันฮ
ยอนถูกครอบงาด้วยคิดว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามจะต้อง
ลองทาดูสกั อย่าง และวิธีการอันฮยอนเลือกใช้ก็ไม่ใช่
อย่างอืน่ แต่เป็นทักษะความเป็นหนึ่งเดียวกับหอกที่เพิ่ง
เพิ่มขึ้นมาเมื่อไม่นานมานีน้ ั่นเอง
ความสามารถที่คนกลายเป็นหอก หอกกลายเป็นคนเมื่อ
เข้าถึงระดับสูงกว่ากาหนดของศิลปะการใช้หอก
อันฮยอนนาเอาความสามารถนั้นออกมาใช้ในทันที มือที่
แตะอัญมณีเอาไว้และรถไฟเหมืองแร่ที่ใส่พลังเวทของ
ตัวเพิ่มเข้าไปแทนที่ด้วยหอก เป็นวิธีการที่เข้าใกล้คาว่า
เดิมพันที่อาจจะได้รบั ความเสียหายมากกว่าเดิมก็ได้
โครม! โครม!
และวิธีการนัน้ ก็ประสบความสาเร็จลงด้วยดี ความรู้สึก
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหอกที่รู้สึกได้ในการต่อสู้กับจูฮ
ยอนโฮเมื่อครูน่ ี้ ในครั้งนี้เริม่ รู้สกึ อย่างนั้นกับรถไฟเหมือง
แร่ เวทมนตร์ที่ไหลเข้าสู่อัญมณีช่วยโอบล้อมโครงสร้าง
ของรถไฟทั้งขบวนไว้อย่างมัน่ คงตามความต้องการของ
อันฮยอน
ผลลัพธ์แสดงออกมาให้เห็นในทันใด
โครมคราม โครมคราม!
โครมคราม โครมคราม!
รถไฟเหมืองที่สนั่ โครมครามราวกับจะบิน ก็สงบลงได้
ภายในชัว่ พริบตา เสียงดังที่ไม่สม่าเสมอก็กลับสม่าเสมอ
ขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ทาให้แรงผลักลดลง ด้วยเหตุ
นั้นรถไฟที่มคี วามต้านทานน้อยกว่าจึงเริ่มเพิ่มความเร็ว
ได้มากขึน้
“...ได้แล้ว ฮยอน”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 9
_______________________________________
ล้อรถหมุนอย่างรุนแรง เสียงดังที่ได้ยนิ เข้ามาในครั้งแรก
ตอนนีเ้ สียงพลังเวทดังกึกก้องไปอีกขั้น แล้วแล่นผ่าน
เส้นทางออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความมัน่ คง
อันฮยอนเงยหน้าขึน้ ไปข้างบน ก็ค่อยเริ่มมองเห็นรอย
แยกของการพังทลายที่เคยนาหน้าอยู่ไกลๆ ในตอนแรก
ระยะห่างเริ่มแคบลงเรือ่ ยๆ หากเป็นความเร็วนี้แล้ว
จะต้องไล่ตามติดจนทัน แล้วจะต้องแซงหน้าได้ในไม่ช้า
ใช่แล้ว!
ได้แล้ว สาเร็จ!
อันฮยอนโห่ร้องยินดีอยูใ่ นใจ ไม่รู้วา่ สาเร็จลงด้วย
หลักการใด แต่การเลือกใช้รถไฟเหมือนแร่เหมือนจะเป็น
คาตอบที่ถกู ต้อง
จนถึงตอนนั้นเองอันฮยอนนึกถึงชินแจรยงขึน้ มาใน
ระหว่างกาลังดีอกดีใจอยู่นนั้ ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
หากเร่งความเร็วได้ถงึ ระดับนี้แล้ว อย่างน้อยก่อนที่จะ
รถไฟหยุดลงน่าจะไม่เป็นอะไร คิดว่าตอนนี้แหละที่ชิน
แจรยงจะต้องขึน้ มาบนรถ
“พี่ครับ! พี่แจรยง! ตอนนี้...!”
คิดได้อย่างนั้น ในตอนที่หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
“...พี่?”
อันฮยอนถึงกับลืมคาพูดของตัวเองไปในทันที
รถไฟเหมืองยังคงวิง่ ด้วยความเร็วเช่นเดิม
“...”
แต่ทว่ามองไม่เห็นชินแจรยงและโกโอฮวัน
ด้านหลังของรถไฟว่างเปล่าไม่มีใคร
ได้ยินเสียงถ้าแยกออกจากกันดังขึน้ ผู้เล่นทุกคนที่กาลัง
รออยู่ขา้ งใต้กาลังเงยหน้ามองขึน้ บนฟ้าด้วยใบหน้า
กระสับกระส่ายเหมือนกันทุกคน
ฝุ่นดินสองสามกามือหล่นลงมาพร้อมกันกับเชือกเกลียว
เปื้อนดินทีพ่ นั กันยุ่งเหยิงห้อยโตงเตงอยู่ในอากาศค่อยๆ
เคลื่อนตัวลงมา ถึงตอนนั้นเองคนที่จ้องมองดูเชือก
เกลียวจึงทาสีหน้ามีชีวติ ชีวาขึน้ มาอย่างเห็นได้ชัด
“อีสตันเทลลอว์ลอร์ด ตอนนีเ้ ป็นเวลาที่ต้องไปแล้ว
ครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายที่จับเชือกเกลียวเอาไว้แน่นก็
พูดขึน้ ด้วยใบหน้าเร่งรีบเล็กน้อย แต่ทว่าฮันโซยอง
เหมือนยังไม่มคี วามคิดจะขยับตัวไปไหน เธอไม่ขยับ
แม้แต่นิดเดียว
“รอมานานมากแล้วนะครับ”
“ขึ้นไปก่อนเถอะค่ะ”
“อีสตันเทลลอว์ลอร์ด”
“ฉันขอรออีกสักหน่อย...”
ชายผูน้ ั้นเสนอแนะอย่างต่อเนื่องด้วยน้าเสียงจริงจัง ฮัน
โซยองส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ เหมือนจะรับรู้ว่าการโน้ม
น้าวไม่เป็นผล สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจก่อนจะจับและ
ดึงเชือกเกลียวอย่างแรงสองครั้ง จากนั้นด้วยแรงของ
หลายคนที่อยูข่ ้างนอกนั้นดึงเชือกขึ้นไป ร่างกายของเขา
ก็เริ่มลอยขึน้ ไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว
เนื่องด้วยเหตุนี้ ผู้เล่นทีย่ ังเหลืออยู่ในถ้านอกจากฮันโซ
ยองแล้วก็มากกว่าสิบคนเล็กน้อย หลังจากที่เกิด
สถานการณ์พงั ถล่มขึน้ ฮันโซยองได้ส่งผู้เล่นจานวนมาก
ขึ้นไปได้ดว้ ยแผนรับมืออันรวดเร็ว แต่กลับกลายเป็นว่า
ตัวเธอเองยังคงไม่สามารถที่จะจากถ้าไปได้
ไม่สิ จะพูดให้ชัดคงต้องบอกว่าเธอไม่ออกไปจากถ้านี้
ตั้งแต่ที่เชือกเกลียวหย่อนลงมาครั้งแรก แม้ว่าจะมี
โอกาสหลายต่อหลายครั้งก็ตาม ฮันโซยองก็ปฏิเสธที่จะ
ขึ้นไป
ฮันโซยองเงยหน้าขึน้ ไปมองบนฟ้าชั่วครู่แล้วมองกลับมา
เหมือนเดิม พลางจ้องมองเส้นทางที่วงิ่ ออกมา
เส้นทางที่มีเพียงแค่ความมืดมิด
มองไม่เห็นใคร ไม่รู้สกึ ถึงการมีอยูข่ องใครแม้สกั คนเดียว
ความจริงเรื่องนั้นทาให้จิตใจของโซยองวุ่นวายเพิ่มขึ้น
ไปอีก จะออกมาตอนไหนกันแน่ เป็นความกระวน
กระวายใจที่ได้รสู้ ึกหลังจากไม่ได้รู้สึกมานาน ในขณะ
ที่ฮันโซยองกัดริมฝีปากเพื่อข่มความรู้สึกนัน่ เอง
ตึงๆ!
“...!”
รู้ม่านตาที่ไร้ความรู้สกึ ใดๆ อันจ้องมองเส้นทางออกมา
อย่างเปล่าอยู่นนั้ ก็สะดุดเข้ากับอะไรอย่างกะทันหัน ฮัน
โซยองเพิ่มพลังเวทขึน้ โดยอัตโนมัติ เพิ่มระดับสายตา
และการได้ยินให้สูงขึ้นแล้วจ้องมองดูเส้นทางอย่างตัง้
ออกตั้งใจให้มากขึ้น
ตึงๆๆๆ ตึงๆๆๆ!
ได้ยินแล้ว
ได้ยินเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาเดินมาตามทางเดิน
เสียงฝีเท้าที่ได้ยินไม่ใช่เพียงเสียงที่เพียงคนเดียวจะทา
ให้เกิดขึ้นมาได้ อย่างน้อยก็สองคน และก็เข้ามาใกล้ด้วย
ความเร็วเป็นอย่างมาก
ในดวงตาของฮันโซยองที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุก
นาทีเริ่มมีความรู้สกึ ตืน่ เต้นเต็มไปหมด จากนัน้ ในตอนที่
ได้เห็นเงาหลายเงาที่ค่อยๆ ปรากฏรูปร่างออกมา ความ
กดดันทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงก็หายไป รู้สกึ เบาใจ
ผ่อนคลายลงอย่างมาก รู้สึกว่าดีแล้วที่รอแบบนี้
“เฮ้อ”
ฮันโซยองถอยหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ มองไปรอบๆ ตัว
ถ้ายังคงกาลังจะพังถล่มเหมือนเดิม แต่จนถึงก็ไม่เห็น
สัญญาณว่าจะพังลงมา และเหมือนว่าการช่วยเหลือผู้
เล่นทั้งหลายที่จบั เชือกไปเมื่อครูจ่ ะเสร็จสิน้ ลงแล้ว เชือก
เกลียวจึงได้หล่นลงมาข้างล่างใหม่อีกครั้ง
ดีมาก เป็นสถานการณ์ที่ไม่แย่มากเท่าไหร่ เมื่อพวกเขา
เหล่านัน้ มาถึง หากพวกเขาสามารถจับเชือกแล้วขึน้ ไป
ข้างบนได้ เวลาที่มีอยู่กเ็ พียงพอในการจะขึ้นไปได้
ฮันโซยองคิดอย่างนัน้ แล้วก็หนั ไปมองเส้นทางเดินด้วย
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย
แต่ทว่าในชัว่ ขณะที่เห็นผู้เล่นที่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น
นั้นเอง รอยยิ้มนัน้ ก็จางหายไปทันที
“เอ๊ะ...?”
ไม่มี
ผู้เล่นที่วิ่งออกมาตามทางนัน้ มีทั้งหมดสามคน เป็นชาย
หนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน กับผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ถูกแบก
อยู่บนหลังของชายผู้คนนัน้ ทั้งสามคนคือ มือหอกจี้กง
อันฮยอน นักบวชแห่งความรุ่งโรจน์อันซล และ
ชาวเมืองเฮเลน่า เป็นเหล่าคนที่ฮนั โซยองคุ้นเคยหน้า
เป็นอย่างดี
และสิ่งสาคัญตรงนีก้ ็คือไม่เห็นมีแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์
นารี่ คิมซูฮยอนที่ฮนั โซยองคิดถึงอยูต่ ลอดเวลา
นี่มนั เกิดเรื่องอะไรขึน้ กันแน่
ใบหน้าของฮันโซยองที่มองดูผู้เล่นทั้งสามคนทีว่ ิ่งเข้ามา
มีความกลัดกลุม้ ใจเพิม่ มากขึ้นไปอีก

อันฮยอนที่ยนื อยูบ่ นรถไฟเหมืองตัวแข็งทื่อ


“...พี่?”
มองไม่เห็นชินแจรยง มองไม่เห็นโกโอฮวัน
มองไม่เห็นชายทั้งสองที่ช่วยผลักรถไฟอย่างสุดชีวิต
สิ่งนี้มคี วามหมายชัดเจน ในระหว่างที่อนั ฮยอนพยายาม
ตั้งสมาธิทาให้รถไฟสงบนิง่ ลง พวกเขาก็ตกลงจากรถ
ออกไปในทันที
“อ่า...”
เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดแล้วก็จริง แต่ว่าแม้แต่คา
ขอร้องให้ชว่ ยเหลือ หรือแม้แต่เสียงใดๆ ก็ไม่ได้ยินเข้า
มาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ปล่อยมือที่จบั รถไฟออกไป
อย่างเงียบสงบ ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
อันฮยอนไม่ใช่ว่าจะไม่รเู้ หตุผลที่ชินแจรยงทาเช่นนั้น
“อ๊ะ...!”
ความจริงแล้วตั้งแต่ที่ได้ยินคาพูดที่วา่ จะเป็นคนผลัก
รถไฟให้เอง ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างเล็กๆ แล้ว
แต่ทว่าอันฮยอนก็พยายามอย่างหนักที่จะมองข้าม
ความรู้สกึ นัน้ ไป
ก็เพราะว่าสัญญากันเอาไว้แล้ว
ว่าจะไม่ตายเป็นเด็ดขาด สัญญาไว้แล้วว่าจะขึน้ มาบน
รถไฟเมื่อผลักไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว
“อ๊ากกก!”
แต่ชินแจรยงก็ผิดสัญญา เขาไม่รักษาสัญญาทีว่ ่าจะรอด
ไปด้วยกัน
ไม่ใช่การเสียสละ แต่คดิ ว่าตัวเองเป็นภาระเพราะความ
แข็งแกร่งได้เข้าใกล้ขีดจากัดแล้ว และเพียงแค่ทาสิ่งที่
ตัวเองทาได้เพียงเท่านัน้ เพราะอย่างนัน้ จึงจาต้องโกหก
แต่ว่า
แม้ว่าอันฮยอนรูส้ ึกเหมือนว่าจะรู้ทกุ อย่างนัน้ อยู่แล้วก็
ตาม ก็ไม่สามารถทีจ่ ะยอมรับตามทัง้ หมดได้
“คนโกหก!”
สุดท้ายก็ทรุดฮวบลง รูส้ ึกเหมือนหมดแรง และน้าตาก็
ไหลรินทาให้ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
“คน...โกหก!”
เสียงสัน่ เครือดังสะท้อนออกไปยังเส้นทางที่ผ่านมาอย่าง
รวดเร็ว และแน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา
“ฮึก ฮึกๆ...”
ในที่สุดน้าตาของอันฮยอนก็ร่วงหล่นลงมา ใช้หอกแทน
ไม้ค้าแล้วลุกขึน้ อย่างยากเย็น และใช้หลังมืออันสั่นเทิ้ม
เช็ดน้าตาออก พยายามอย่างหนักเพื่อจะมองดูทาง
ข้างหน้า
แต่ทว่าการทาอย่างนัน้ ช่างยากเย็นเหลือเกิน
ในตอนนีร้ บั รู้แล้วว่าไม่มีชินแจรยงอยู่แล้ว
ไม่อยากจะร้องไห้ออกมา ไม่อยากจะร้องไห้ออกมา
จริงๆ
แต่เมื่อกลายเป็นแบบนีแ้ ล้ว อยากจะตัง้ สมาธิจดจ่อกับ
การหนีออกไปจากที่นขี่ องตัวเองและเฮเลน่า
นอกจากการทาอย่างนัน้ จะเป็นคาตอบทีใ่ ช่แล้ว และยัง
รู้ว่านีค่ ือสิ่งที่ชนิ แจรยงต้องการอย่างแท้จริง
แต่ทว่าสิ่งนั้นก็เป็นไปตามที่ใจต้องการได้ยาก
เพราะสิ่งที่เขาต้องการทาในตอนนี้คืออยากจะกลับไป
ตามหาชินแจรยง แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นเป็นไปไม่ได้ใน
ความเป็นจริง นอกจากจะไม่รวู้ ่าเขาหายไปตรงไหน
แล้วรถไฟตอนนี้กว็ ิ่งมาด้วยความเร็วที่เร่งขึน้ อย่าง
รวดเร็วมาได้สกั ระยะแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาต้องการ
ให้รถไฟเร่งความเร็วได้มากขึ้น แต่ในตอนนีก้ ลับรู้สกึ ว่า
นั่นคือสิ่งที่ไม่อยากให้เป็น
“ฮึกๆ...”
น้าตาแม้จะเช็ดแล้วเช็ดอีกสักกี่ครั้ง ก็ยังไม่หยุดไหล
ในระหว่างนัน้ รถไฟเหมืองก็วงิ่ ตามรางขึน้ ไปอย่าง
รุนแรง และแล้วก็ยน่ ระยะห่างระหว่างรอยแยกได้
ในตอนนัน้ เอง
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 10
_______________________________________
ในท้ายที่สดุ ที่รถไฟเหมืองแร่เกือบจะไล่ตามรอยแยกได้
ทันแล้วนั่นเอง รอยแยกก็ต่อเนื่องกันเป็นรอยใหญ่
กะทันหัน ราวกับว่าไม่ปล่อยจะให้ไล่ตามทันได้ง่ายดาย
แบบนี้ได้ รอยแยกยืดออกไปข้างหน้าและนาหน้าห่างไป
ระดับหนึ่ง
และเศษก้อนหินทั้งหลายก็กาลังสัน่ ไปมาทาท่าว่าจะตก
ลงมาจากช่องของรอยแยกนัน้ ไม่สิ ความจริงแล้วก็
กาลังตกลงมาหลายก้อนแล้ว หากเป็นความเร็วของ
ตอนนี้แล้ว จะต้องได้รบั ผลกระทบของหินพวกนัน้ ที่จะ
ตกลงมาอย่างแน่นอน
เป็นสถานการณ์ที่อนั ตรายอย่างมาก แน่นอนว่าต้องพุ่ง
เข้าใส่รถไฟโดยตรง ไม่ก็เฉียดผ่าน ไม่กป็ ักลงไปที่ราง
รถไฟและกีดขวางเส้นทาง ทุกอย่างที่วา่ มานัน้
เกี่ยวเนื่องกับชีวิตโดยตรง ไม่ว่ารถไฟจะแข็งแรง
มากมายเพียงใด ไม่ว่าจะใช้หอกปัดทิง้ ออกไปแค่ไหน ก็
เป็นเรื่องยากมากที่จะรับมือกับก้อนหินที่ตกลงมาราวกับ
ห่าฝนเหล่านี้ได้
ในสถานการณ์นี้ ไม่มีสงิ่ ใดที่อันฮยอนจะสามารถพึ่งพา
ได้แล้ว นอกจากหยุดรถไฟที่เร่งความเร็วขึน้ มาได้อย่าง
ยากลาบากลงไม่ได้แล้ว ตั้งแต่แรกก็ไม่รจู้ ักวิธีการ
เดินเครื่องเสียด้วย สิ่งทีจ่ ะทาให้ฝ่าฝันออกไปได้อย่างอยู่
รอดปลอดภัยได้ มีเพียงความหวังว่าจะโชคดี ก้อนหิน
ตกลงมาช้าจนกว่ารถไฟจะพ้นออกไปได้เพียงเท่านัน้
แต่เมื่อทิ้งระยะห่างไปได้นิดหน่อย เพดานก็หักหลัง
สมน้าหน้าความคาดหวังของอันฮยอน
นี่มนั เลวร้ายที่สุด จุดจบอาจจะอยูต่ รงนีก้ ็ได้
แต่ว่าไม่อาจจะรอให้ถูกหล่นทับเพียงอย่างเดียวได้ ถ้า
หากว่าไปจนถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สดุ จริงๆ แล้วจะทิ้ง
รถไฟเหมืองไปเสีย
ในตอนที่อันฮยอนกัดฟันแน่นตัดสินใจได้อย่างนั้น
แวบ!
มีแสงแวบหนึ่งสว่างเป็นประกายเข้ามาในสายตาของ
อันฮยอนอย่างกะทันหัน
สีหน้าของอันฮยอนปรากฏความสงสัยขึ้นครู่หนึ่งมา
เพราะประกายแสงนั้น
แสงแวบๆ นัน้ เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจากฝั่งตรงข้าม
เวลาเดียวกับตอนที่เหล่าหินจากเพดานทั้งหลายเริ่มร่วง
หล่นลงมาราวกับกับแย่งกันถามว่าจะเข้าไปที่ไหนกัน
เสียอย่างนัน้
แต่ทว่าแสงแวบเป็นประกายนั้นก็แทรกเข้าไปในใจกลาง
ของก้อนหินทีเ่ ทลงมาราวกับฝนไล่ชา้ งเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึน้
อันฮยอนยืนอ้าปากค้างอย่างมึนงงกับภาพเหตุการณ์ที่
เกิดขึน้
แวบ!
อันฮยอนหลับตาลงแล้วลืมขึน้ โดยไม่รตู้ ัว และสามารถ
มองเห็นกลุ่มแสงทีเ่ ข้ามาใกล้มากกว่าเดิมได้
แวบ! แวบ! แวบ! แวบ!
ทุกครัง้ ที่แสงสว่างกะพริบหนึ่งครั้ง การเคลื่อนไหวที่
สว่างไสวนั้นราวกับกาลังดูถกู ความกังวลของอันฮยอนที่
กังวลจนมาถึงตอนนี้ แหวกผ่านใจกลางของหินที่ตกลง
มาราวกับน้าไหล หินดินเหล่านัน้ ไม่สามารถจะทาอะไร
แสงนัน้ ได้แม้แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นว่าทุกครั้งที่แสง
ผ่านไป หินกลับถูกตัดแยกออกจากกัน แหวกออกอย่าง
ไร้ความปรานีแล้วกลิ้งตกลงมา
เป็นเรื่องที่เป็นไปราวกับเรื่องโกหก ไม่เพียงแต่หลบหิน
ดินที่สาดเทลงมาอย่างนั้นได้ แต่ยังสามารถตัดหินและ
กวาดทิ้งไปได้ทั้งหมด สิง่ นัน้ แม้ตัวอันฮยอนในสภาพ
ปกติก็ไม่มนั่ ใจว่าจะทาได้อย่างเด็ดขาด
แต่ทว่าในชัว่ ขณะนัน้ อันฮยอนรับรู้ถงึ ความรู้สกึ ที่ไม่
คาดคิด

‘ถ้าหากเป็นแคลนลอร์ดแล้วล่ะก็ จะต้องเหลือช่องทาง
ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้อย่างแน่นอน’

คาพูดที่ชนิ แจรยงพูดเอาไว้อย่างมัน่ ใจ เป็นแรงกระตุน้


จนมาถึงตอนนีใ้ ห้ฝืนก้าวเดินต่อไปได้แม้วา่ อยากจะยอม
แพ้สักกี่ครั้งก็ตาม
อันฮยอนเงยหน้าขึน้ ไปดูด้วยใจอันคาดหวัง
แล้วก็สามารถมองเห็นได้
แวบ!
แสงส่องประกายออกมาอีกครั้ง ก้อนหินดินขนาดใหญ่
กลายเป็นสองส่วน และแสงสีขาวของดาบที่ส่อง
ประกายออกมาจากช่องว่างที่เกิดขึ้นส่องเข้ามาใน
สายตาของอันฮยอนเต็มๆ แสงนั้นฟาดเข้าที่กอ้ นดินที่
บังเอิญตรงลงมาตรงกลางศีรษะของอันฮยอนออกไปอีก
ครั้ง จากนัน้ ก็มว้ นตัวในอากาศ
ผู้เล่นที่สามารถแสดงการเคลื่อนไหวกลางอากาศได้
อย่างนั้นในความทรงจาของอันฮยอนมีเพียงแค่คน
เดียว
“...พี่ครับ!”
วินาทีที่ยนื ยันตัวตนของแสงแล้วนั้น ดวงตาของอันฮ
ยอนก็เบิกโพลง
ใช่แล้ว
ในที่สุดแสงนัน้ ไม่สิ คิมซูฮยอนก็ปรากฏตัว เขาไม่ทิ้ง
พวกเราและมาช่วยตามที่ชินแจรยงบอกจริงๆ
“พี่!”
อันฮยอนตะโกนออกไปอีกครั้ง
ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนแบบนีก้ ็ตาม ใบหน้า
ยังคงไร้ความความรู้สึก แต่นนั่ กลับทาให้จิตใจของอันฮ
ยอนผ่อนคลายมากยิ่งขึน้ แค่ความจริงอย่างเดียวที่ว่า
คิมซูฮยอนมาช่วยเขาแบบนี้ ความรูส้ ึกทุกอย่างที่เขาทา
ให้ตัวเองต้องทุกข์ใจจนถึงตอนนีก้ ็หายไปได้ในคราว
เดียวราวกับหิมะละลาย และข้างในนัน้ ก็ถูกแทนที่ด้วย
ความรู้สกึ ดีอกดีใจที่ไม่รู้จกั ความหมาย แม้แต่ภายในถ้า
ที่เหลือเพียงแค่ความสิน้ หวังยังเกิดความเปลีย่ นแปลง
ขึ้นมาทันที
ในที่สุดสายตาที่กาลังจะผ่านไปข้างบนอากาศนั้นก็ก้มลง
มามองด้านล่าง อันฮยอนก็พยายามเงยหน้าขึน้ ไปอย่าง
เต็มที่เพื่อจะมองไปที่คมิ ซูฮยอน
หนึ่งคนอยู่ดา้ นล่าง อีกหนึ่งคนอยูก่ ลางอากาศ ต่างสบ
สายตาจ้องมองกันและกันในตอนนั้น
เหมือนว่าคิมซูฮยอนมองพินิจดูรถไฟอยู่ชวั่ ครู่แล้วชีน้ ิ้ว
ไปเส้นทางที่เชื่อมต่อไปข้างหน้าแล้วพูดขึน้
“ชินแจรยง...!”
ก่อนที่คานั้นจะจบลง อันฮยอนก็ชี้ไปยังเส้นทางในทิศฝั่ง
ตรงข้ามโดยอัตโนมัติ
ในชั่วขณะที่ต่างคนต่างชี้ไปยังทิศทางตรงกันข้ามกัน
รถไฟก็แล่นผ่านรางรถไฟที่เปื้อนดินไป
แวบ!
แสงสว่างกะพริบขึน้ มาแล้วตัวของคิมซูฮยอนก็หายไป
คิมซูฮยอนและอันฮยอนเฉียดผ่านกันไป

เมื่อสิบนาทีที่แล้ว
รถไฟส่งเสียงออกมาเหมือนกับว่าจะแยกตัวออกจากราง
รถไฟเสียตอนนี้ให้ได้ มีชายสองคนกาลังจับด้านหลัง
ของรถไฟไว้แน่นและช่วยกันผลัก
ชินแจรยงและโกโอฮวัน
ชายรูปร่างใหญ่ทั้งสองรวบรวมพลังกายที่มีอยูท่ ั้งหมด
ออกมาด้วยความจริงใจและกาลังช่วยกันผลักรถไฟไป
ข้างหน้า ยิ่งผลักมากขึน้ เท่าไหร่เสียงของรถไฟก็ยงิ่ ดัง
ออกมามากขึ้นเท่านั้น ชินแจรยงไม่ยอมหยุด ไม่สิ ไม่
สามารถทีจ่ ะหยุดได้ เหตุเพราะว่าหากลดแรงลงแม้แต่
น้อยรถไฟก็จะพังลงไปทั้งอย่างนั้นได้เลย
ความจริงแล้วชินแจรยงก็รสู้ ึกได้อย่างเลือนราง ตอนที่
ล้มลงไปกับพื้นเมื่อสักครู่นี้ รู้สกึ เหมือนว่าตัวกาลังจะจบ
ลงแล้ว แม้แต่เปลวไฟของพลังเฮือกสุดท้ายในตอนนีก้ ็
กาลังค่อยๆ เลือนหายไป
กล่าวอีกอย่างก็คือ เท่ากับว่าได้พูดโกหกกับอันฮยอนไป
แล้ว
แต่ทว่าหากไม่พดู แบบนั้นออกไป อันฮยอนก็จะไม่มีวัน
ยอมขึน้ ไปบนรถไฟอย่างเด็ดขาด
ชินแจรยงคิดได้อย่างนัน้ ก็ยงิ่ เพิ่มพลังในการผลักรถไฟ
ให้มากขึ้นไปอีก และจ้องมองดูดา้ นหลังของอันฮยอนที่
เหมือนกาลังจะทาอะไรบางอย่างอยู่ขา้ งหน้าพร้อม
ใบหน้ารูส้ ึกผิด
รถไฟค่อยๆ เร่งความเร็วขึน้ เรื่อยๆ
และแล้วลมแรงราวกับปลายมีดก็เฉียดผ่านใบหน้าไป
“เฮ้ย พี่นกั บวช!”
หลังจากนั้นในขณะที่ความเร็วของรถไฟเร่งขึน้ อย่าง
มากจนไม่สามารถที่จะไล่ตามได้ทนั แล้วนั้น จู่ๆ โกโอฮ
วันก็ตะโกนเรียกชินแจรยงออกมา
“ครับ!”
ชินแจรยงยังคงมองไปข้างหน้าพร้อมกับตอบกลับ
ออกไป
“ก่อนตายมีเรื่องสงสัยอยู่หนึ่งอย่าง! บอกออกมาตาม
ความจริงด้วยนะ!”
“พูดมาได้เลยครับ!”
ราวกับจะรับรู้แล้วว่าเป็นวาระสุดท้ายของตัวเอง ชาย
ทั้งสองที่ช่วยกันผลักรถไฟพูดคุยตอบโต้กนั ด้วยน้าเสียง
ที่ฟังดูเกือบๆ จะสิน้ หวัง
แต่ทว่าชายทั้งสองก็มรี อยยิ้มปรากฏขึน้ บนใบหน้า
เหมือนกันในตอนนี้
“เมื่อกี้ อยู่ตรงนั้น! ตอนที่บอกว่าฉันเป็นพรรคพวกและ
จะไม่ทิ้งฉันไปน่ะ รู้สึกขอบใจมากจริงๆ นะ! รูส้ กึ ซาบซึ้ง
ใจจริงๆ!”
“แค่นั้นเองครับ! แต่ว่าสงสัยเรื่องนั้นเหรอครับ”
“เปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องนั้น!...ความจริงหมายถึงพวก
เรา!”
“...?”
เสียงของโกโอฮวันขาดช่วงไปชั่วครู่
แต่ว่าความเงียบก็ดาเนินไปได้ไม่นาน
“ถ้าหากว่าเร็วกว่านี้หน่อย หากว่าเราได้เจอกันใน
สถานการณ์แตกต่างไปจากตอนนี้ เราคงจะไปกันได้ดี
มากเลยว่าไหม”
ในที่สุดก็ได้ยนิ คาถามทีค่ าดไม่ถึงออกมา
แต่ชินแจรยงยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม ราวกับว่าเขาเองก็
ไม่ได้คิดแตกต่างออกไปเลย และพูดออกไปในทันที
“คงจะเป็นอย่างนัน้ ครับ”
“จริงเหรอ”
“ครับ! เพราะว่าผมก็ไม่ได้เกลียดคนอุปนิสยั แบบลอร์ด
เผ่านักรบเลยครับ!”
“...หึๆ!”
โกโอฮวันส่งเสียงที่ไม่รวู้ ่าหัวเราะหรือว่าร้องไห้ออกมา
และ
“...ดี ขอบใจมาก”
และในทันทีที่เสียงทุ้มต่าได้ยนิ เข้ามาในหู ชินแจรยงที่
กาลังจะเอ่ยปากพูด กลับปิดปากลงเหมือนเดิมในทันที
เพราะว่าจู่ๆ ก็รสู้ ึกได้ถงึ ความรูส้ ึกอันว่างเปล่ามาจาก
ด้านข้าง พร้อมกันนัน้ ความหนักในการผลักรถไฟก็เพิ่ม
มากขึ้น แม้จะเร่งความเร็วของรถได้แล้วและความรู้สึก
นั้นจะดีขนึ้ ในทันทีก็ตาม แม้ว่าจะไม่หนั หน้าไปดู ก็
พอจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึน้
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเป็นเรื่องที่ได้คาดการณ์เอาไว้
ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เพียงแค่...ความแข็งแกร่งของโกโอฮวันหมดไปก่อน
ตัวเองก็เท่านั้น
“...จะต้องสนุกกันมากแน่ๆ เลยล่ะครับ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 11
_______________________________________
จากนัน้ ชินแจรยงที่พูดพึมพาอยูเ่ งียบๆ ก็ค่อยๆ เงยหน้า
ขึ้น
ในตอนนี้แม้แต่สายตาก็พร่ามัวไปมาก ไม่วา่ จะพยายาม
อย่างหนักแค่ไหนก็มองเห็นไม่ชัด รู้สึกว่าร่างกายหนัก
เพิ่มขึ้นเป็นพันเป็นหมืน่ เท่า ความมืดค่อยๆ เข้ามาใน
หัวช้าๆ
และยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ร่างกายกับขาของเขาไม่
สามารถทีจ่ ะไล่ตามรถไฟได้ทันอีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่จุดจบมาเยือน แต่ได้มาถึงจุดจบเองเสียแล้ว
ในตอนนีช้ นิ แจรยงรู้สึกได้เองแล้วว่าเวลาของตัวเขาได้
มาถึงแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ชนิ แจรยงก็ยงั เค้นเอาพลังเฮือก
สุดท้ายออกมา และมองเห็นอันฮยอนที่กาลังแตะไป
ที่อัญมณีและกาลังทาอะไรบางอย่างอยู่
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้าย เป็นพลังเฮือกสุดท้ายจริงๆ
จากนัน้ สายตาก็เริ่มริบหรี่ลง เกิดความรู้สกึ ว่าสติเหมือน
จะดับลงไปในทันที
ก่อนทีจ่ ะเป็นเช่นนัน้ ชินแจรยงยิ้มออกมาอย่างเศร้า
สร้อย ยิ้มอย่างเศร้าใจก่อนจะพูดออกมาเงียบๆ
“ขอโทษนะ...ฮยอน”
เกือบจะพร้อมกันนัน้ เขาก็ปล่อยมือจากรถไฟที่จับเอาไว้
แน่นจนถึงตอนนี้ไป
ครู่หนึ่งรูส้ ึกไปเองว่าทุกอย่างรอบตัวเริ่มเคลื่อนไหวช้า
ลงอย่างกะทันหัน
พรึบ่ !
กึกกัก! กึกกัก! กึกกัก! กึกกัก!
รถไฟส่งเสียงออกมาอย่างมัน่ คงมากขึน้ และวิ่งผ่านราง
รถไฟไปได้
ชินแจรยงที่ตั้งจะมองดูรถไฟไปจนสุดทาง สุดท้ายเขาก็
คออ่อนคอพับหมดแรงลงไป
จากนัน้ รถไฟเหมืองก็หายไปไกลจนลับตาและแม้แต่
เสียงก็หายไปจนหมดสิน้ แล้วความมืดก็ค่อยๆ เข้ามาปก
คลุมในเส้นทาง
เหตุการณ์พังถล่มดาเนินต่อไปเรื่อยๆ พื้นดินสัน่ สะเทือน
อย่างไร้ความปรานี ชินแจรยงไม่สามารถทีจ่ ะรูส้ ึกถึง
อะไรอีกแล้ว มีเพียงแค่ความจริงที่วา่ เขานอนอยู่
ในตอนนี้ ความรู้สกึ ละเอียดอ่อนเนียนนุ่มของดินที่
สัมผัสอยู่ที่แก้มนาพาความอบอุ่นนุ่มนวลและความ
สบายใจมาให้ได้อย่างไม่สิ้นสุด
“...”
เวลาผ่านไปเนินนาน ชินแจรยงรู้สึกได้วา่ จู่ๆ ร่างกายก็
จมดิ่งลงไป และภายในความรู้สกึ เหล่านัน้ เขาก็เริ่มหวน
ระลึกและนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของตัวเองไปทีละ
อย่าง
ครั้งหนึ่งอันฮยอนเคยถามเอาไว้วา่

‘แล้วช่วงเวลาที่รงุ่ โรจน์ของพีค่ ือตอนไหนล่ะครับ’

ตอนนัน้ ไม่สามารถที่จะตอบอย่างชัดเจนออกไปได้
ที่ตอบไม่ได้ไม่ใช่เพราะว่าไม่รู้แต่ เพราะรู้สกึ ขัดเขิน
เกินไปจึงพูดออกมาไม่ได้
เพราะว่า...
‘ถ้าอย่างนัน้ ...เพื่อทีจ่ ะช่วยชีวิตของผมถึงได้เข้าร่วม
หน่วยกู้ชพี อย่างนั้นเหรอครับ’
‘เพราะว่าช่วยชีวิตผมเอาไว้นี่ครับ ถ้าไม่รเู้ ลยว่าไปอย่าง
เมื่อรู้แล้วว่าผู้มพี ระคุณกาลังตกอยูใ่ นอันตรายแล้วยังทา
นิ่งเฉยทาเป็นไม่รเู้ รื่องอะไร ผมคิดว่าแม้แต่สตั ว์
เดรัจฉานก็ยังทาอย่างนัน้ ไม่ได้เลยครับ’

โชคชะตาที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ตอนนัน้ ...

‘ถ้าเช่นนัน้ ตัดสินใจได้แล้วเหรอครับ’
‘ครับ ตอนนีใ้ นที่สดุ ก็ตดั สินใจได้แล้วครับ’
‘ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้ใช้ชวี ิตอยูใ่ นเผ่าเมอร์เซนต์นารี่
รู้สึกได้ว่ามีคนดีๆ อยูเ่ ยอะจริงๆ และคิดได้ว่าไม่อยากจะ
พลาดโอกาสนี้ไปครับ’
‘หากยอมรับการสมัครเข้าร่วมของผม จะพยายามทา
ประโยชน์ ให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเลย
ครับ’

ช่วงเวลาของการเป็นสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่เริม่
ตั้งแต่ตอนนัน้ ...

‘ยินดีต้อนรับเข้าสูก่ ารเป็นสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่
ครับ’

ไม่ใช่สงิ่ อื่นใด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาทีช่ ินแจร


ยงคิดว่าเป็นช่วงอันรุง่ โรจน์ที่สุดของตัวเอง
ครืนนน!
พร้อมกันกับภาพความหลังที่ย้อนกลับเข้ามาราวกับ
ภาพพาโนรามาจบลงพอดี เสียงดังสนั่นกึกก้องของการ
แตกแยกรอบตัวดังถาโถมเข้ามาพร้อมกันกับฝุน่ ดิน
จานวนไม่น้อยที่หล่นลงมาใส่หน้า
ไม่ต้องมองดูกพ็ อจะรับรู้ได้
ลางบอกเหตุของการถล่มทลายอันสมบูรณ์
ความเคร่งเครียดสุมเข้ามา ลมหายใจติดขัด หายใจไม่
ออก
มองเห็นภาพอนาคตของสิ่งที่ตัวเองจะต้องได้รบั ต่อจาก
นี้แล้ว
อนาคตของการถูกดินทับตายไปเพียงคนเดียวภายในถ้า
อันมืดมิดแห่งนี้
หากบอกว่าไม่กลัวหรือไม่เศร้าใจแม้แต่น้อยเลยก็คงจะ
เป็นเพียงแค่คาโกหก
แต่ทว่าอย่างน้อย...
ก็ไม่...นึกเสียดาย
“ฮ่าๆ...”
ดังนัน้ ชินแจรยงจึงหัวเราะ
อย่างน้อยที่สุดในตอนนีก้ ็ไม่นกึ เสียใจ ชินแจรยงจึง
สามารถจึงสามารถหัวเราะออกมาได้
ครืนนน!
หลังจากเสียงหัวเราะนัน้ หินดินจานวนมากมายเหลือก็
หล่นลงมา
การมองเห็นที่มืดบอดไปแล้วครึง่ หนึ่งและลืมขึน้ ได้อย่าง
ยากลาบากอีกข้างหนึ่งก็มองเห็นสิ่งที่มขี นาดใหญ่กาลัง
ตกลงมาเต็มไปหมดในครั้งเดียว
ตาของชินแจรยงหลับลงไปอย่างนิ่งเฉย และก้อนหิน
ทั้งหลายก็หล่นตรงลงมา
และในตอนนัน้ เอง
แวบ!
ลาแสงหนึง่ สายตัดผ่านเส้นทางเข้ามา
แสงของใบดาบถูกสะท้อนเข้ามาราวกับลาแสง แน่นอน
ว่าก้อนหินทัง้ หลายที่ตกลงมานัน้
โครม!
“ผู้เล่นชินแจรยง”
แม้กระทั่งความมืดที่เข้ามาปกคลุมในทางเดินทั้งหมดก็
กลับขาวโพลนด้วยแสงสว่างจ้าไปทั้งหมด

***

วิ่งเข้ามาตามทางอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านอันฮยอนที่เจอกันระหว่างทางมาทั้งอย่างนัน้
และเพียงแค่วิ่งเข้ามาเท่านัน้ แล้วในที่สุดตอนที่มองเห็น
ชินแจรยงได้จากที่ไกลๆ...
ผมก็หยุดฝีเท้าลงเป็นครั้งแรก
ครืนนน!
นั่นเป็นสิ่งที่เกิดทันทีที่มองเห็นชินแจรยง เพดานที่
อดทนมานานจนถึงตอนนี้ไม่สามารถที่จะต้านทานแรง
ของการพังถล่มได้อกี ต่อไปและพังลงมา แม้วา่ จะเจอชิน
แจรยงแล้ว แต่ความคิดที่ว่าสายไปเสียแล้วก็แล่นผ่าน
เข้ามาในหัว
ชินแจรยงที่นอนอยูบ่ นพื้น เพดานที่ถล่มลงมาเกือบจะ
พร้อมกันนัน้
หากอยู่ในสภาพนั้นจะต้องถูกทับตายภายในแปดวินาที
ไม่ได้หยุดฝีเท้าลงอย่างไร้ความหมาย เพราะตอนนี้ไม่ว่า
จะใช้ทกั ษะความสามารถใดก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปถึง
จุดหมายได้ภายในแปดวินาที
สุดท้ายแล้วผมควรจะทาอย่างไรดี
แก้วน้าถูกพลิกคว่าลงและน้าไหลออกมาแล้ว ไม่มีอะไร
ที่สามารถทาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมไม่มคี วาม
เกี่ยวเนื่องใดๆ กับพลังดิน แต่หากว่ามีอยูจ่ ริง ก็ยังสงสัย
ว่าจะสามารถรับมือกับดินขนาดนัน้ ได้หรือไม่ ถ้าหากมี
แค่ก้อนดินตกลงมาเท่านั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า
เพดานทั้งแผงกาลังถล่มลงมา
...ถ้าอย่างนั้นจะต้องอยูเ่ ฉยอย่างนีต้ ่อไปอย่างนัน้ เหรอ
จะต้องมองดูความตายอย่างนี้เฉยๆ โดยไม่ทาอะไรอย่าง
นั้นเหรอ
เพียงแค่สามารถเคลื่อนที่ได้ไวเหมือนแสง หรือไม่ก็หาก
มีความเชี่ยวชาญสามารถทาให้เวลาเดินช้าลงไปได้...
ห้าวินาที
เดี๋ยวก่อน
แสง เวลา
...ถ้าเช่นนัน้
สี่วินาที
ยกเอาเกียรติภูมิแห่งวิคตอเรียขึ้นมา ดึงพลังเวทขึ้นมา
ด้วยพลังทั้งหมดที่มี และเริ่มเตรียมกระแสเวท ไม่ใช่
เพียงกระแสเวทที่ส่งออกไปแล้วจบในครั้งเดียว แต่เป็น
กระแสเวทเคลื่อนที่และยังคงหลงเหลือรูปร่างเมื่อส่ง
คลื่นพลังออกไปแล้ว และยังสามารถสร้างผลกระทบต่อ
บริเวณโดยรอบอย่างต่อเนื่องได้อกี ด้วย
สามวินาที
ในเดีย๋ วนั้น เวทย้อนกลับทั้งร่างกายเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
เริ่มต้นตั้งแต่เท้าทั้งสอง ไปยังต้นขา ส่วนท้อง หน้าอก
หัวใจไปจนถึงศีรษะ รวบรวมพลังเวทขึน้ ไปเป็นรูปร่าง
กระแสน้าวน รวบรวมแล้วรวบรวมอีก พลังเวทจึง
แข็งแกร่งขึน้ ไปอีกขัน้ อัดพลังเอาไว้แน่น แล้วใช้
แขนขวาเป็นเหมือนทางผ่าน รวมพลังเวททั้งหมดไปยัง
เกียรติภูมิแห่งวิคตอเรีย
สองวินาที
วูมมม!
ในที่สุดเกียรติภูมิแห่งวิคตอเรียก็สง่ ประกายแสงสว่าง
เจิดจ้า ดาบแผดดังขึ้น และพร้อมกันนัน้ ที่ปลายดาบเกิด
รูปร่างเป็นทรงกลมขึน้ มา แม้จะรู้สกึ ราวกับพลังเวท
ทั้งหมดของร่างกายถูกดูดออกไป แต่ก็ไม่สามารถจะ
หยุดลงเพียงแค่นี้ได้ คงรักษาพลังกายที่ส่งออกไปราว
คลื่นยักษ์สนึ ามิเอาไว้อย่างสุดกาลัง แล้วผลักรูปร่างทรง
กลมของพลังเวทที่ปลายดาบออกไปเต็มแรง
และปล่อยพลังออกไปทัง้ หมด
หนึ่งวินาที
ตูม!
ในเวลานั้น ลมหายใจของผมขาดช่วงไป แม้จะแค่ 0.1
วินาที ทั่วทั้งร่างกายแข็งทื่อขึ้นมา รู้สกึ ได้ถงึ แรงโต้กลับ
ที่ไม่เคยประสบมาก่อนจนถึงตอนนี้ แม้วา่ จะไม่ได้
ปรับเปลี่ยนอะไร แต่เมือ่ คานึงถึงความแข็งแกร่งที่มีหนึง่
ร้อยคะแนนแล้ว บอกไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
โดยทั่วไป
แต่ทว่าผลที่ได้ออกมาก็แม่นยาถึงเพียงนัน้
ศูนย์วนิ าที
ช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุการณ์อนั น่าสะพึงกลัว แสงสว่าง
และความมืดเข้ามาบรรจบกัน
ระยะทางที่คิดเอาไว้ว่าไม่มีทางทีจ่ ะไปถึงได้ภายในสิบ
วินาทีอย่างแน่นอน แสงวาบของกระแสเวทผ่ากลางเข้า
ไปถึงได้ในระยะเวลาอันสั้น
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 12
_______________________________________
ชั่วขณะในทางเดินที่เต็มไปด้วยความมืดก็ถูกสลับ
เปลี่ยนด้วยแสงสว่างสีขาว
เกิดเป็นเทศกาลของแสงสว่างขนาดใหญ่จนแสบตาที่
มองเห็นได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ปลายดาบไปจนถึงปลาย
สุดของทางเดิน เจาะทะลุผ่านและทาลายทุกอย่างที่เข้า
มาอยู่ภายในรัศมีของกระแสเวทที่แยกออกไปอย่างลืน่
ไหล
กระแสเวทที่ต่อเนื่องไปยาวเช่นนัน้ กลายเป็นม่าน
ป้องกันเพดานทีก่ าลังพังทลายลงมาใส่ชนิ แจรยงชัว่ ครู่
ได้สาเร็จ
ใช่แล้ว ทาได้สาเร็จ
หากสร้างสถานการณ์ทสี่ ามารถช่วยชินแจรยงขึ้นมาได้
ในตอนนีก้ ็เป็นโอกาสสุดท้ายที่ไม่มีอกี เป็นครัง้ ที่สอง
ครืนนน! ครืนนน!
จับเกียรติภูมิแห่งวิคตอเรียที่กาลังกระตุน้ เตือนให้เร่งรีบ
เอาไว้แน่น ร่างกายกาลังเคลื่อนที่ออกไปแล้ว วิง่
กระโดด การเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา ใช้ช่องว่างที่
กระแสเวทสร้างขึน้ มาให้ ผมพยายามรวบรวมทุก
วิถีทางที่สามารถทาได้เพื่อจะพุ่งออกไปข้างหน้า
แล้วผลลัพธ์ที่ได้ สามารถย่นระยะทางที่จะไปถึงชินแจร
ยงภายในสิบเอ็ดวินาทีได้อย่างแม่นยา
ผมยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้เล่นชินแจรยง!”
และในที่สุดก็คว้าตัวเอาไว้ได้แล้ว
ครืนๆ...
ครืนๆ ครืนๆ!
ในตอนนัน้ เอง แสงสว่างที่สว่างเต็มทางเดินก็คอ่ ยๆ
อ่อนกาลังลง ความรู้สกึ เสียวสันหลังวาบแล่นเข้ามา ไม่
มีเวลาให้รรี อแม้แต่น้อย ในพร้อมกันที่ออกแรงไปยังมือ
ที่จับเอาไว้แน่นแล้วนัน้ ก็ถบี พื้นดินอย่างเต็มแรง เอนตัว
เป็นแนวเฉียงอย่างสุดกาลัง
ในชั่วขณะหนึง่ เกิดภาพรบกวนเข้ามาในสายตา อะไร
บางอย่างบางอันแข็งแรงขีดข่วนร่างกายผ่านไปและ
บางอย่างก็หล่นเข้าใส่กลางศีรษะ ความรู้สกึ เหมือนสึนา
มิกาลังพัดถล่มเข้ามาอย่างกะทันหันทั่งทุกหนแห่ง
แต่ทว่าสิ่งที่ผมต้องสนใจมีเพียงสิ่งเดียวเท่านัน้ ต้องไม่
ปล่อยให้ความรูส้ ึกหนักๆ ที่มือซ้ายนี้ทิ้งไป เมื่อเท้ากาลัง
จะถึงพืน้ ผมก็ใช้การเคลื่อนไปข้างหน้าราวลูกธนูในทันที
เมื่อร่างกายเหมือนจะหยุดลงอีกครั้งก็เรียกใช้ใหม่อีกครั้ง
ราวกับว่าติดอยู่ในความคิดหมกมุ่นทีว่ ่าหากไม่กระโดด
แล้วจะต้องตายเท่านัน้ ราวกับว่าเอาพลังทั้งหมดมาใช้
ในการกลับออกไปออกไปจากเส้นทางที่วิ่งเข้ามาให้ได้
โครม!
แต่ทว่าจู่ๆ เท้าก็เกิดเป็นตะคริวขึ้นมากะทันหัน พร้อม
กันนั้นก็ลงไปกลิ้งกับพืน้ ไปเสียแล้ว มองขึน้ ไปบนเพดาน
ตามสัญชาตญาณก็มองเห็นเพดานที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์
ถ้าอย่างนั้น....
หมายความว่าออกมาจากรัศมีผลกระทบของการพัง
ถล่มได้แล้วอย่างงัน้ เหรอ
“แฮ่กๆ”
ไม่ได้รู้สกึ ถึงมันเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วลมหายใจก็หอบ
แรงขึน้ มา อันทีจ่ ริงแล้วตั้งแต่ตอนที่ต่อสู้กบั ฟาเธอร์
จนถึงตอนนี้รา่ งกายก็กาลังมาถึงขีดสุดของพลังแล้ว
แถมยังใช้ฮวาจองเป็นครั้งคราวอีกด้วย หากไม่รู้สึก
เหนื่อยล้า คงจะต้องเป็นเรื่องโกหก
ผมตัดสินใจพักหายใจและเพื่อตรวจดูสถาพของของชิน
แจรยงไปพร้อมกันด้วย
ความจริงแล้วก็รู้ว่าการวิ่งหนีต่อไปคงจะเป็นการดีกว่า
การอยู่นงิ่ ไม่ไปไหนแบบนี้ แต่ทว่าเรื่องนัน้ จะเกิดขึน้ ได้ก็
ต่อเมื่อชินแจรยงสามารถที่จะอดทนต่อไปได้เท่านัน้
ก่อนอืน่ อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตออกมาได้สาเร็จแล้ว แต่จะ
บอกว่าเป็นการช่วยชีวติ ได้อย่างสมบูรณ์กค็ งจะพูดยาก
เพราะว่าแค่มองผ่านๆ เท่านัน้ สภาพของชินแจรยงที่
มองเห็นในตอนนี้อยู่ในสภาพกาลังจะตายแหล่มิตาย
แหล่อยู่แล้ว
ผลที่ได้จากการตรวจสอบด้วยตาที่สาม สภาพของชิน
แจรยงอยู่ในระดับรุนแรงอย่างมากตามที่คาดเอาไว้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่ระดับที่สามารถเสียชีวิตลงได้ภายใน
ไม่กี่สบิ วินาทีต่อจากนี้ได้เลย ถ้าหากว่าตอนที่เจออันฮ
ยอนเข้า หากว่าเกิดรีรอชักช้าแม้เพียงน้อยนิด อาจจะ
ทาให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามตอนนีก้ ็ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะมีวธิ ีที่
สามารถช่วยชีวิตชินแจรยงได้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะ
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นนั้ เมื่อในอดีต ทุกครัง้ ที่ต้อง
ออกไปข้างนอก ก็จะต้องพกอีลิกเซอร์ตัวออกมาด้วย
เสมอ
“....!”
ในที่สุดก็หยิบอีลิกเซอร์ออกมาจากกระเป๋าหน้าโดยไม่
คิดอะไร ตอนนั้นเองผมก็ต้องหยุดชะงักการกระทาลงไป
สาเหตุที่ต้องหยุดก็คือ ความรู้สกึ กังวลใจอย่างหนึ่งที่
คอยกวนใจผมตัง้ แต่ตอนที่ตัดสินใจว่าจะช่วยชีวิตพวก
เขาตัง้ แต่แรกแล้ว
ในความขัดแย้งที่ไม่สมกับเป็นตัวของผมเองก็ว่าได้
ผมค่อยๆ มองลงไปที่ชนิ แจรยงและใบหน้าที่คอ่ ยๆ เย็น
ยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ และตอนที่เห็นรอยยิม้ บางๆ นัน้ ของ
เขา
“ผม...”
ไม่รู้วา่ ทาไมเหมือนกัน ความรู้สกึ ขัดแย้งนั้นก็ได้หายใน
ชั่วพริบตา
ตัดเชือกที่มัดขวดยาเอาไว้ในทันที แล้วฉีกฝาจุกออก
กลิ่นหอมสดชืน่ เย็นสบายไหลออกมาจากของเหลวที่
เหมือนทองคานั้นไหลเข้ามาในจมูก
ผมพูดขึน้ ด้วยความรู้สกึ โล่งสบายใจ
“...ผมอยากให้ชินแจรยงมีชวี ิตต่อไปครับ”
แล้วเอียงขวดลงไปอย่างไม่ลังเล...แม้ไม่อาจรู้ได้ว่านี่เป็น
การกระทาที่ดีแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ตามอีลกิ เซอร์ก็ทาให้เกิดผลลัพธ์ออกมา
ในทันที หลังจากที่เห็นว่าชินแจรยงมีลมหายใจที่ค่อยๆ
มั่นคงขึน้ แล้ว ถึงตอนนีจ้ ะหายใจออกมาอย่างโล่งอก
และมองไปยังทางข้างหน้าทีจ่ ะไปต่อ
ตอนนีบ้ างทีอันฮยอนอาจจะได้พบกันอันซล และเฮเลน่า
ก็คงจะได้รับการรักษาจากนักบวชไปแล้ว ถ้าหากว่าเร็ว
กว่านัน้ ได้อีก ก็อาจจะไปถึงแล้วก็เป็นไปได้
ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วไม่วา่ ฮันโซยองจะยังรออยูห่ รือไม่
เมื่อเฮลเลน่าได้รับการรักษาแล้วทัง้ สามคนก็คงจะ
ออกไปได้อย่างไม่มปี ัญหาอะไรอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นสิง่ ที่เหลืออยู่ตอนนี้...ไม่สิ ไม่มีเวลามาทา
อะไรอย่างนี้แล้ว
ผมไม่รีรอแล้วแบกชินแจรยงขึน้ บนหลัง จากนัน้ ก็เริ่มวิ่ง
ผ่านทางเดินที่เหมือนจะพังแหล่มพิ ังแหล่ออกไป

***
เคยเห็นเหตุการณ์พนื้ ดินถล่มลงไปหรือเปล่านะ แล้วยัง
เป็นพืน้ ของถ้าที่ยุบลงไปแล้วครัง้ หนึ่ง พังถล่มลงไปเป็น
ครั้งที่สองยิ่งเป็นภาพทีก่ ว้างออกไปอีก
สิ่งนัน้ ทาให้รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวเหนือ
จินตนาการ
ครืนนน!
เสียงดังสนัน่ กึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องคารามดังทั่วทุก
สารทิศ ผลที่ตามมาทาให้ทั่วบริเวณเริม่ สัน่ สะเทือนราว
กับเกิดแผ่นดินไหว เหล่าผู้เล่นที่ยนื อยูบ่ นเนินเขาต่าง
ตกใจขวัญหายกระเจิง ก้าวถอยหลังกันไปตามๆ กัน
แต่ในหมู่ผู้เล่นเหล่านัน้ มีเพียงหญิงหนึ่งเดียวทีย่ ังยืนอยู่
อย่างมัน่ คงมองดูถ้าอย่างตั้งใจ เธอก็คือฮันโซยอง
นั่นเอง
ในที่สุดฮันโซยองก็ไม่สามารถทีจ่ ะรอได้ เธอตั้งใจแล้วว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน้ ก็จะรอคิมซูฮยอนอยู่ตรงนัน้ แต่
ตอนที่อันฮยอนเดินทางมาถึง แม้แต่ผนังด้านในที่
ล้อมรอบบริเวณโดยรอบเป็นแนวป้องกันของถ้าก็เริ่มส่ง
สัญญาณของการพังถล่มออกมาเช่นกัน
ฮันโซยองที่กึ่งถูกบังคับให้ออกมาจากตรงนัน้ หลังจากที่
จัดการส่งผู้ที่ได้รบั บาดเจ็บส่งกลับแนวหลังทัง้ หมด
เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ลงมาช่วยในการให้ความช่วยเหลือ
คนที่เหลือด้วยตนเอง ในความจริงฮันโซยองก็เกือบจะ
ออกมาเป็นคนสุดท้ายแล้ว คนที่เหลืออยู่ทวี่ ่านัน้ ก็มี
แค่คิมซูฮยอนเพียงเท่านั้น
แต่ทว่าเวลาก็เดินผ่านไปเรื่อยๆ แม้แต่เรื่องนั้นก็กลับ
กลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เข้าไปทุกช่วงขณะ
สถานการณ์พงั ถล่มเริ่มรุนแรงยิง่ ขึน้ และพืน้ ดินของ
ด้านนอกก็เริ่มแปลกออกไปทุกที
เหล่าผู้เล่นที่อยูร่ อเพื่อให้ความช่วยเหลือร้องขอให้ฮันโซ
ยองออกคาสั่งถอนกาลังครัง้ แล้วครัง้ เล่า แต่ฮนั โซยองก็
อดทนได้เป็นครั้งที่สาม เมื่อมีการร้องขอเป็นครัง้ ที่สี่เข้า
มาเธอก็จาเป็นต้องข่มใจสั่งถอนกาลังคนกลับไปอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในตอนแรกนัน้ คิดว่าจะถอนทัพกลับไปถึงแค่กาแพงด้าน
นอกของเนินเขา แต่เพราะว่าเหมืองนั้นล้อมรอบเอาไว้
ทั้งหมด แม้แต่ที่แห่งนัน้ ก็ไม่ใช่จุดทีป่ ลอดภัยเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนัน้ แล้ว สุดท้ายก็ต้องถอยกลับไปจนถึงแนว
หลังสุดของเงาแห่งเนินเขา เช่นนี้แล้ว หนทางที่จะ
สามารถช่วยเหลือคิมซูฮยอนได้กถ็ ูกตัดขาดจนหมด
เกลี้ยงไปเสียแล้ว
แน่นอนว่ายังเหลือความหวังอยู่
อย่างแรกคือความคาดหวังในตัวผู้เล่นคิมซูฮยอน หาก
เป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงออกมาให้เห็นในตอนที่ต่อสู้
กับฟาเธอร์แล้วล่ะก็ การจะหนีออกมาด้วยพลังของ
ตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มิหนาซ้าอาจจะสะดวก
และง่ายกว่าการใช้เชือกเกลียวก็เป็นได้
และอย่างที่สองนั้น...
ฮันโซยองที่จ้องมองดูเหมืองไม่วางตาหันมองไปอีกฝั่ง
หนึ่ง สถานที่ที่สายตาเพ่งมองไป มีหญิงหนึ่งคนกาลัง
มองดูเหมืองอย่างจดจ้องเช่นเดียวกันกับเธอ ไม่ใช่การ
ยืนมองดูอย่างเดียวเท่านั้นแต่ว่าทั้งร่างกายยังมีแสง
สว่างเป็นประกายออกมาอีกด้วย
หญิงผู้นั้นคืออันซล
ใช่แล้ว อันซลในตอนนีก้ าลังเตรียมปาฏิหาริย์อยู่นนั่ เอง
แม้ว่าตอนที่อยู่ภายในเหมืองจะตัดสินใจไม่ใช้ปาฏิหาริย์
ก็ตาม แต่ว่าในครัง้ นีค้ นที่จะใช้ปาฏิหาริย์ดว้ ยได้
เปลี่ยนไปแล้ว ในตอนแรกที่ไม่คิดจะใช้ปาฏิหาริย์ก็
เพราะคิมซูฮยอน แต่เมือ่ เป้าหมายในการใช้ถูก
กาหนดให้เป็นคิมซูฮยอนแล้ว อันซลก็จาเป็นต้องเปลีย่ น
ใจอย่างไม่มีทางเลือกอืน่
โครม โครม!
ในตอนนัน้ พืน้ ดินรอบๆ เหมืองก็ทรุดตัวไปลงพร้อมกับ
เสียงดังที่เกิดขึ้น แต่กย็ งั ไม่ได้ทรุดลงทั้งหมดอย่าง
สมบูรณ์ แค่ทรุดลงในระดับที่ตาสามารถมองเห็นได้
เท่านัน้
สมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ที่มองดูอยู่ไกลๆ กาลังมองไป
ที่อันซลสลับกับเหมืองด้วยใบหน้ากลัดกลุม้ เหมือนกัน
ทุกคน แม้วา่ จะรู้ผลลัพธ์ของปาฏิหาริย์ดีอยู่แล้ว แต่ไม่
ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คิมซูฮยอนก็ยังไม่ปรากฏ
ตัวออกมาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ
และอันซลก็ยงั ทาเพียงแค่มองดูอยูเ่ ฉยๆ เช่นเดิม
“อันซล อันซล! ต้องใช้ตอนนี้แล้วไหม หืม?”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 13
_______________________________________
ในที่สุดอียจู องที่ไม่สามารถจะอดทนได้อีกต่อไป เธอวิง่
เข้าไปหาอันซลแล้วจับไหล่เขย่าไปมา อันซลทีพ่ ยายาม
จะรวบรวมสมาธิอย่างสุดกาลังก็ทาหน้านิ่วไม่พอใจ
พร้อมกับสะบัดไหล่ราวกับราคาญใจ
“พี่ช่วยเงียบด้วยค่ะ ฉันจะจัดการเอง”
เสียงที่รสู้ ึกได้ถึงความเย็นชา
แต่ถึงอย่างนัน้ อียจู องก็ไม่สามารถที่จะรอได้อีกต่อไป
เพราะบอกว่ากาลังเตรียมปาฏิหาริย์อยู่เลยสามารถ
อดทนรออยูไ่ ด้ แต่เมื่อมองดูพนื้ ดินที่พงั ถล่มลงไปทุก
ชั่วขณะก็ไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไป แม้จะไม่รู้
เรื่องราวเพราะไม่ได้ฟงั เหตุผลก็ตาม แต่กพ็ อจะรู้เรื่อง
ที่คิมซูฮยอนยังไม่สามารถจะออกมาจากข้างในได้ ถ้า
หากมีหนทางใดที่ทาได้ จะไม่รีรอและลงไปช่วยอย่าง
แน่นอน
อียูจองจับไหล่อันซลเอาไว้แน่นเช่นเดิม
“อย่าทาแบบนีเ้ ลยนะ รีบๆ...!”
“ฉันบอกว่าหนวกหูยังไงล่ะคะ!”
จู่ๆ อันซลก็ต่อว่าออกมาด้วยน้าเสียงดุดันเป็นอย่างมาก
ภายในหัวของอียจู องหยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัว และเกิด
ความงุนงงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ว่า ว่าไงนะ...?”
“คิดว่าใคร...ใครเขาไม่อยากจะใช้มันหรือยังไงกันคะ”
“...”
“...ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง!”
ครืนนน!
ในตอนนัน้ เอง
ในตอนที่คาพูดของอันซลที่พูดออกไปด้วยน้าเสียงที่
เกือบจะร้องไห้กาลังจะจบประโยคลง เสียงดังสนั่นของ
การสะเทือนของทั้งท้องฟ้าและพืน้ ดินเกิดขึ้นมาให้เหล่า
ผู้เล่นได้ยนิ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว การสัน่ สะเทือนของพืน้ ดิน
ทวีความรุนแรงมากขึน้ ในระดับทีร่ ุนแรงเป็นอย่างมาก
อันซลและอียูจองหันกลับไปพร้อมกันในทันที
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึน้ อย่างกะทันหัน
สิ่งที่ผู้เล่นทุกคนคาดการณ์เอาไว้เกิดขึน้ เร็วกว่าที่คิด
ครืนนน ครืนนน!
เหมืองพังถล่มลงไปแล้ว พังถล่มลงไปในคราวเดียว
ทั้งหมด สิ่งที่อดทนเอาไว้จนถึงตอนนี้ในที่สุดก็ถึงเวลา
แล้ว พืน้ ดินทั้งหมดยุบลงไปข้างล่าง พืน้ ดินแตกแยก
จากกันช้าๆ ราวกับเปลือกไข่ แต่ก็ทรุดลงไปทั้งหมด ใน
สถานการณ์พงั ถล่มครั้งใหญ่นนั้ อียจู องหยุดหายใจแล้ว
ตะโกนออกไปอีกครั้ง
“อันซล!”
ไม่สิ ไม่เพียงแค่อียจู องเท่านัน้ แม้แต่สมาชิกเผ่าคนอื่นๆ
ก็ตะโกนออกมาเช่นกัน
เมื่อรับรู้แล้วว่าสถานการณ์เลวร้ายลง อันซลก็ไม่มีความ
ลังเลใดๆ อีกต่อไป ยกมือที่ถือไม้เท้าขึน้ โดยทันที

[โชคเล็กๆ เพื่อใช้ในยามจาเป็น]
[โชคเล็กๆ เพื่อใช้ในยามจาเป็น]
[โชคเล็กๆ เพื่อใช้ในยามจาเป็น]
[โชคเล็กๆ เพื่อใช้ในยามจาเป็น]

ราวกับว่ามีใครกาลังเตือนอันซลอยู่ ข้อความนัน้ ปรากฏ


ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ไม่สนใจและพูดขึน้
“ปา...!”
ขณะนัน้ เอง
พรึบ่ พรึบ่ !
เสียงที่เกิดขึน้ อย่างรุนแรง เกิดขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
อย่างฉับพลัน พืน้ ดินทีย่ ังไม่พังลงไปก็ยบุ ลง
พร้อมกันนัน้ มีใครบางคนแหวกแผ่นดินขึ้นมาพุง่ ขึน้ ไป
ยังท้องฟ้า
คิมซูฮยอนพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าสูง จากนัน้ เหล่าผู้เล่นส่วน
หนึ่งที่มองตามขึ้นไปข้างบนก็สง่ เสียง “โอ้ โอ้” อย่างตก
ประหม่า พืน้ ดินยังคงแยกออกจากกันพลางถล่มลงไป
อยู่เช่นเดิม เนื่องจากแผ่นดินทีพ่ ังถล่มนั้นมีขนาดใหญ่
มาก เพราะมีความกังวลหากว่าพังลงไปในแนวตรงเลย
จะเป็นเช่นไรอยู่ดว้ ย
แต่ทว่าความกังวลนัน้ ก็เป็นเพียงการวิตกไปล่วงหน้า
เท่านัน้ ในตอนที่คิมซูฮยอนพุ่งตัวขึน้ มาสู่กลางอากาศ
จนใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้วนัน้ เขาก็ถบี กลางอากาศเบาๆ
แล้วก็หมุนตีลังกากลางอากาศได้อกี ครั้งหนึง่
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง
เหล่าผู้เล่นที่เคยรู้สึกเป็นกังวลต่างจ้องมองไปบนอากาศ
อย่างอึ้งทึง้ เป็นตาเดียวกัน ไม่ได้ตีลงั กาบนพื้นดิน
ธรรมดาเท่านัน้ แต่เป็นการตีลังกากลางอากาศหมุนไป
แบบนัน้ เป็นความสามารถที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจนถึง
ตอนนี้
คิมซูฮยอนที่หมุนตีลังกากลางอากาศไปหลายตลบก็ลง
มาถึงบริเวณของเงาแห่งเนินเขาที่เหล่าผู้เล่นหนีออกมา
อยู่รวมกันในการหมุนตีลังกาครัง้ ที่แปดอย่างได้แม่นยา
พรึบ่ !
“เฮ้อ”
คิมซูฮยอนที่ลงมาถึงพืน้ ดินได้อย่างเบาๆ วางชินแจรยง
ที่แบกมาด้วยลงไป แล้วถอนหายใจยาวออกมา สายตา
ของผู้เล่นทั้งหมดทุกคนต่างให้ความสนใจมองมาที่คิม
ซูฮยอน
ฮันโซยองที่รอคิมซูฮยอนตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็กาลังมองดู
เขาอยูใ่ นตอนนี้ สภาพทั้งตัวที่เปียกปอนไปด้วยเหงื่อ
เปื้อนฝุ่นดินเต็มไปหมดสะท้อนเข้ามาในสายตา แต่ภาพ
ที่ได้เห็นนัน้ ไม่ได้ดูนา่ เกลียดหรือไม่น่ามองเลยแม้แต่น้อย
อย่างน้อยที่สุดฮันโซยองก็รวู้ ่าทาไมสภาพของคิมซูฮ
ยอนถึงได้กลายเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุนนั้ สภาพการ
แต่งตัวที่ดูสกปรกเปรอะเปื้อนมอมแมมไปหมดกลับดู
เปล่งประกายเจิดจ้าออกมาแทน
“...มาแล้วนะคะ”
ฮันโซยองพูดขึน้ ทาลายความเงียบ
“ช้าไปนิดหน่อยนะครับ”
คิมซูฮยอนตอบกลับในทันทีราวกับว่านี่ไม่ได้เป็นเรื่อง
ใหญ่โตอะไร
ในตอนนัน้ เอง
ครืนนน!
ราวกับเหมืองรอเพียงแค่ให้คิมซูฮยอนออกมา แม้แต่
ส่วนทีพ่ อจะทนได้จนถึงตอนนี้กพ็ ังทลายลงมา ข้างล่าง
แต่ว่าในตอนนีก้ ็ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ว่าจะพังถล่มลงมา
หรือไม่พงั ก็ไม่มีอะไรทีจ่ ะต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
นอกจากเหล่าผู้เล่นส่วนมากได้หนีออกมาได้อย่าง
ปลอดภัยแล้ว คิมซูฮยอนก็ยงั ออกมาจากเหมืองได้ด้วย
พลังของตัวเองได้สาเร็จอีกด้วย
และทุกอย่างก็จบลงด้วยเหตุนี้
...ไม่สิ ยังไม่ได้จบลงอย่างสมบูรณ์
จู่ๆ ฮันโซยองก็รู้สึกได้ถงึ ถึงพลังความร้อนที่ลกุ โชนขึน้
รอบๆ ผู้เล่นส่วนใหญ่หรือจะพูดให้ชัดก็คือผู้เล่นที่เข้า
ร่วมการโจมตีเหมืองในครั้งนีก้ าลังส่งสายตาแปลก
ประหลาดมาหาเธออยู่ในขณะนี้
เป็นสายตาที่เหมือนปรารถนาอะไรบางอย่างอย่างแรง
กล้า แม้แต่คิมซูฮยอนที่เพิ่งจะกลับขึ้นมาได้เมื่อสักครู่นกี้ ็
กาลังรอฮันโซยองอยู่เงียบๆ และบอกให้สมาชิกเผ่าของ
ตัวเองที่เหมือนจะวิ่งออกมาในทันทีให้ใจเย็นลงก่อน
ใช่แล้วยังเหลืออีกหนึ่งอย่าง
และแล้วฮันโซยองก็รบั รู้ได้วา่ เหล่าผู้เล่นต้องการอะไร
เปิดเริ่มพูดขึ้น
“พวกเราได้ทาการเข้าจู่โจมสถานปฏิบัติการซิงค์โฮล
สาเร็จแล้วค่ะ”
ค่อยๆ กามัดแน่น แล้วจึงชูขนึ้ ไปบนฟ้า
“ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เป็นต้นไป ขอประกาศว่าการจู่โจม
เทือกเขาเหล็กกล้าครั้งที่สองของคณะเดินทางทางใต้ได้
สิ้นสุดลงแล้วค่ะ”
และในชัว่ ขณะที่ประกาศสิ้นสุดการโจมตีอย่างสมบูรณ์
ได้ถูกประกาศออกมา เสียงโห่ร้องยินดีก็ดงั ขึน้ ราวกับรอ
คอยมานาน
“เย้!”
“ไชโย! จบแล้ว! ในที่สดุ ก็จบลงแล้ว!”
เริ่มต้นด้วยการประกาศอย่างเป็นทางการของผู้
บัญชาการ ในที่สุดคณะเดินทางของทางใต้ก็ได้สิ้นสุด
การเข้าโจมตีพนื้ ที่ที่สองของเทือกเขาเหล็กกล้า
เรียบร้อย
“โธ่เว้ย ดีมาก! จบลงได้ดีมาก!”
“แคลนลอร์ด! แคลนลอร์ด! ทาไมถึงไม่เห็นแคลนลอร์ด
ของเราเลยล่ะ”
“ฮือ ฮือๆ”
“พี่ชายคะ!”
เสียงโห่ร้องยินดีเปลี่ยนไปตามผู้เล่นแต่ละคนไป ผู้เล่น
บางคนก็โอบกอดกันและกัน ดีอกดีใจ บ้างก็กาลังตาม
หาใครบางคนที่ยงั ไม่เห็นหน้า บ้างก็นงั่ ลงไปร้องไห้กับ
พื้น บ้างก็กาลังวิง่ เข้าไปหาใครบางใคร
หากบอกว่าแค่เข้าโจมตีเหมืองก็คงจะไม่ได้เห็นภาพแบบ
นี้
เริ่มตัง้ แต่ความหวาดกลัวที่รู้สกึ ได้ตอนที่มอนสเตอร์
ปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งแรก ไปจนถึงความรูส้ ึกกังวล
ใจต่อการพังถล่มทลายของเหมือง ความรู้สกึ ที่ได้รบั เมื่อ
บรรลุทุกสิง่ อย่างได้เปลีย่ นไปเป็นความโล่งใจทีส่ ามารถ
รอดชีวิตออกมาได้ และยังมอบความปลื้มปีติยนิ ดีที่นา่
ตื่นเต้นอย่างมากมาให้เหล่าผู้เล่นทุกคน
“ยินดีด้วยครับ ผู้บัญชาการ”
“ต้องลาบากอย่างมากเลยนะครับ ขอบคุณนะครับ อีส
ตันเทลลอว์ลอร์ด”
ฮันโซยองพยักหน้ารับคาชืน่ ชมยินดีที่มาจากรอบๆ ตัว
ไปด้วยพร้อมกับจ้องมองดูคิมซูฮยอนต่อไป
ความจริงแล้วฮันโซยองอยากจะแบ่งบันความยินดีใน
สถานการณ์แห่งความสุขนี้ อยากจะบอกว่าเธออยากจะ
รอมากจริงๆ อยากจะบอกว่าขอโทษที่ไม่สามารถรอได้
จนถึงที่สุด
แต่ว่าผู้เล่นที่อยากจะแบ่งบันความยินดีดว้ ยนัน้ ก็ถูก
สมาชิกเผ่าของตัวเองห้อมล้อมเอาไว้จนแน่นเสียแล้ว
อียูจองกรีดร้องส่งเสียงประหลาดออกมาอย่างอารมณ์ดี
เป็นอย่างมาก และกระหน่าจูบลงบนใบหน้าของคิมซูฮ
ยอน เหล่าสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารีค่ นอื่นๆ ก็เข้าไป
รวมกันเป็นกลุ่มไปหาคิมซูฮยอนและแบ่งบันความดีใจที่
การบุกโจมตีนสี้ ิ้นสุดลง แต่ทว่าคิมซูฮยอนกลับส่ายหน้า
ไปมาด้วยสีหน้าราคาญอย่างมากและชีไ้ ปยังชินแจรยง
ฮันโซยองที่มองดูอยู่นานนัน้ ก็ละสายตาออกไปอย่าง
ยากลาบากแล้วหมุนตัวออกไป พยักหน้าให้กบั เสียงที่ได้
ยินจากรอบๆ ตัวอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับคิดเงียบๆ
แม้ว่าการจู่โจมเทือกเขาเหล็กกล้าของคณะเดินทางไกล
ทางใต้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ยังเหลือสิง่ ที่ต้องอยู่อีก แต่
ทว่าอย่างน้อยวันนีก้ ็สมควรทีจ่ ะได้มคี วามสุขไปกับ
ความยินดีอีกสักหน่อยก็นา่ จะดีกว่า
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 14
_______________________________________
วันต่อมาหลังจากการจูโ่ จมเหมืองสิ้นสุดลง
ทันทีที่ยามเช้ามาถึง ฮันโซยองก็ออกคาสัง่ ให้หยุดพัก
เพิ่มอีกวันเพื่อบารุงรักษาอาวุธเครื่องมือต่างๆ แน่นอน
ว่าไม่ใช่วนั หยุดพักสาหรับทุกคน แต่เป็นคาสั่งสาหรับผู้
เล่นที่เข้าร่วมการโจมตีเหมืองเท่านั้น
และมีคาสั่งให้ผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมการโจมตีจะต้องไปยืน
ยามเฝ้าระวัง หรือไม่ก็ไปดูแลผู้ที่ได้รบั บาดเจ็บ หรือไม่ก็
ไปสารวจหาสถานที่ที่เหมาะสม และให้เหล่าชาวเมือง
เตรียมตัวสาหรับการก่อสร้างป้อมปราการอีกด้วย
ผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมการโจมตีไม่ได้แสดงความไม่พอใจ
ต่อคาสัง่ ของฮันโซยองแม้แต่น้อย เหตุเพราะว่าเห็นผู้
เล่นออกมาน้อยกว่าทีค่ ดิ ดังนั้นจึงเก็บความสงสัยเอาไว้
รับฟังเรื่องราวเกีย่ วกับการเข้าโจมตีในช่วงกลางคืนและ
ก็ต้องตกใจไปตามๆ กันไม่มีใครคาดคิดเอาไว้ว่าจะมี
มอนสเตอร์ตวั มหึมาถึงเพียงนัน้ อยู่ขา้ งในเหมือง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องราวก็จบลงแล้ว สิง่ ที่เหล่าผู้
เล่นทาได้ตอนนี้กม็ ีเพียงแค่รบั ฟังเรื่องราวและปลอบ
ประโลมพวกเขาเพียงเท่านัน้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และพระอาทิตย์ก็ตกดินลงไป
มีแสงยามอัสดงเข้ามาแทนที่
เวลาที่อนั ฮยอนได้สติขนึ้ มาก็เป็นตอนที่ใกล้จะถึงเวลา
อาหารเย็นเข้าไปแล้ว ทันทีที่อันฮยอนลืมตาตืน่ ก็ต้อง
เผชิญกับความหิวโหยอย่างหนัก ร่างกายอันเหนื่อยล้า
ของอันฮยอนต้องการการหลับนอนที่เพียงพอในทันที
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ หากดูจากเวลาแล้ว เขานอน
หลับไปนานหนึ่งวันกว่าๆ ในระหว่างนัน้ ไม่ได้กนิ อะไร
แม้แต่น้อย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องหิวจนไส้กวิ่
“...”
ข้างในเต็นท์ไม่มีใคร อันฮยอนมองดูรอบๆ ตัวไปตาม
สัญชาตญาณ และได้รบั รูค้ วามจริงทีว่ ่าเขามองไม่เห็น
หอกนิลของตนเอง มีใครเอาหอกของเขาไปไว้ที่ไหนหรือ
เปล่า เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าขึน้ มาเล็กน้อย
พอดีกนั นั้นข้างนอกก็กาลังเตรียมอาหารเย็นกันอยู่ มี
เสียงผู้คนขวักไขว่ไปมาพร้อมกับกลิน่ หอมกรุน่ ยั่วยวน
ลอยเข้ามา อันฮยอนค่อยๆ ลุกขึ้น จิป๊ ากตัวเองอย่างไม่
พอใจและเดินออกไปด้านนอก ในตอนนัน้ ก็บังเอิญเห็น
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไปพอดีและหยุดฝีเท้าลง ผู้หญิงที่
มีผมยาวคนนี้ไม่ใช่คนที่ไหน แต่คือราชินีแห่งดาบ นัมดา
อึน
ราวกับว่านัมดาอึนเห็นว่าอันฮยอนเดินออกมา เธอหยุด
ริมฝีเท้าลงในทันที คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อย
จากนัน้ ริมฝีปากอวบอิม่ ที่แนบกันสนิทก็ค่อยๆ เผยอ
ขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
ในชั่วขณะที่ได้ยนิ คาพูดนั้น อันฮยอนถึงกับต้องสงสัยใน
สิ่งที่ตัวเองได้ยนิ กรณีทนี่ ัมดาอึนเข้ามาทักทายพูดคุย
ก่อนนั้น หากยกเว้นบุคลากรเฉพาะบางคนไปแล้ว เป็น
เรื่องที่ผิดไปจากปกติอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตรง
ข้ามเป็นผู้ชายด้วยแล้ว ยิ่งผิดปกติเป็นอย่างมากเข้าไป
อีก แน่นอนว่ายกเว้นผูช้ ายอยู่คนหนึง่ ก็ตาม
อย่างนั้นแล้ว แม้จะไม่ได้อยู่ร่วมกันโดยที่ไม่ได้รจู้ ักกัน
เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อดูจากภาพลักษณ์ภายนอกที่
มองเห็นแล้ว เธอเป็นหญิงที่จะเข้ามาคุยกันกันอย่าง
เปิดเผยได้ยาก ถึงได้รู้สกึ ถึงช่องว่างระหว่างกันนั้น
มองดูสายตาอันเย็นชานั้นแล้ว อันฮยอนก็สะดุง้ ตกใจ
แล้วรีบพยักศีรษะตอบรับกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ครับ ครับ ตืน่ แล้วครับ ขออภัยที่ตื่นช้าไปนะครับ
เพราะว่าเหนื่อยมากเหลือเกิน...”
“...หืม? ยังไงวันนี้กม็ ีคาสั่งให้พักผ่อนเพิม่ อีกวันอยู่แล้ว
ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษหรอกค่ะ”
“อย่างนัน้ เหรอครับ”
“ค่ะ จริงสิ เพราะว่านอนมาทั้งวัน คงจะไม่ได้ยนิ เรื่อง
คาสั่งสินะคะ”
เป็นคาตาหนิหรือเปล่านะ หรือว่าหมายความตามที่พดู
จริงๆ เดาไม่ได้เลย
จ๊อกๆ
ตอนที่เอียงคอสงสัยในน้าเสียงทีจ่ ับใจความไม่ได้ของนัม
ดาอึน เสียงท้องร้องจ๊อกก็ดังขึน้ มากะทันหัน อันฮยอน
กะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าตกอกตกใจ ส่วนนัมดาอึน
นั้น ยกเว้นสายตาที่เหลือบมามองเพียงแค่ชวั่ ครู่นนั้ แล้ว
สีหน้าของเธอก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
“ต้องทานข้าวแล้วนะคะ กาลังเตรียมอาหารกันอยูพ่ อดี
เลยค่ะ”
“ครับ ต้อง...กินแล้วล่ะครับ”
“งั้นพักผ่อนร่างกายนะคะ”
“อ่า แล้วคุณราชินีแห่งดาบล่ะครับ”
นัมดาอึนหยุดฝีเท้าลงและจ้องมองอันฮยอนชั่วครู่ ก่อน
จะพูดขึน้ อย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณสาหรับคาพูดนั้นนะคะ แต่ว่าฉันจะไปหาทาน
เองแล้วกันค่ะ”
พูดอย่างนั้นแล้วก็หนั ตัวกลับในทันที หายไปทางทิศหนึ่ง
เหลือไว้เพียงแค่ลมเย็นเท่านัน้
หรือว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
อันฮยอนที่คดิ กังวลอยูน่ ั้นยักไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนจะเดิน
ต่อไป ก่อนอืน่ ดูเหมือนว่าต้องจัดการท้องที่ทาท่าว่าจะ
หิวขึ้นมาในตอนนี้เสียก่อน
ในที่สุดอันฮยอนก็มาถึงสถานที่ที่มีกองไฟขนาดใหญ่ลุก
โชน และเห็นสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารีก่ าลังทานอาหาร
กันอยู่ ตรงกลางนั้น อิมฮันนากาลังโชว์ฝีมือหั่นวัตถุดบิ
อย่างชานาญแล้วร้อยเรียงเนื้อใส่ไม้เสียบอย่างสวยงาม
“อ้าว ฮยอนมาแล้วเหรอ”
จากนัน้ อันฮยอนก็เดินเข้าไปใกล้เธออย่างเอียงอาย อิม
ฮันนาหันกลับมาแล้วพูดด้วยน้าเสียงนุ่มนวล อันฮยอน
พยักหน้ารับเบาๆ อย่างประหม่า
“ครับพี่ เพิง่ จะตืน่ เมื่อครู่นี่เอง แต่เวลาก็...”
“อืมๆ เพราะคิดว่าคงจะเหนื่อยน่าดู เลยตั้งใจไม่
ปลุกน่ะ”
“อ่า ได้ยินแล้วครับ ว่าวันนี้มีคาสั่งให้พกั ผ่อนเพิ่มอีกวัน
...”
“อ้อ งั้นเหรอ ถ้ารู้แล้วก็ดีไป ยังไงก็รีบเข้ามาเร็ว หิว
มากใช่ไหมล่ะ”
อิมฮันนาดูแลอันฮยอนอย่างใส่ใจราวกับพี่สาวแท้ๆ
จากนัน้ ก็ถูกมือนุ่มลากไปนัง่ ลงกับทีช่ ้าๆ ตอนนัน้ เอง
สมาชิกที่เหมือนกาลังรอคอยให้อนั ฮยอนนั่งลงก็หันมา
มองเขาโดยพร้อมเพียงกัน
“เฮ้ย อันฮยอน ขอโทษนะ ทั้งที่เพิ่งมาถึง...”
“บอกแล้วไงคะว่าเพิ่งจะตื่นเมื่อครูน่ ี้ และตอนนี้กาลังจะ
ทานข้าวอยู่ค่ะ”
ทันทีที่อูจองมินเอ่ยปากพูดขึน้ อินฮันนาก็พดู ขึน้ ด้วย
น้าเสียงอันอ่อนหวานอย่างมีมารยาทแต่ก็ตัดคาพูดลงได้
ในครั้งเดียว
“...เปล่านี่ แค่จะกล่าวต้อนรับ”
เป็นดังนั้นอูจองมินก็เหลือบไปมองอิมฮันนาแล้วก็พูด
ทักทายต้อนรับพอเป็นพิธีด้วยน้าเสียงฝืนใจแล้วกลับไป
ตั้งใจทานอาหารของตัวเองต่อ
อันฮยอนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาก็คาดการณ์เอาไว้
แล้วว่าทันทีที่นั่งลงจะต้องมีคาถามถาโถมเข้ามาอย่าง
แน่นอน แต่ตอนนี้ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่
น้อย แม้จะรูว้ ่าเป็นการเห็นใจอย่างหนึ่งก็ตามที แต่อันฮ
ยอนก็ไม่สามารถที่จะลบความรู้สึกแปลกประหลาด
บางอย่างนัน้ ออกไปได้ หากให้อธิบายออกมา เหมือน
เป็นความรู้สึกที่ยงั ไม่เต็มที่
ตุบ!
“เอาล่ะ”
ตอนนัน้ อิมฮันนาก็วางจานอาหารลงตรงหน้าอันฮยอน
เนื้อที่ชุ่มด้วยน้าซุปหนึง่ ชิน้ และสตู และยังมีเหล้าส่งกลิ่น
หอมหวนอีกหนึ่งจอก แม้ว่าจะหิวกระหายมากเพียงใด
อันฮยอนก็ไม่ได้เริ่มลงมือทานในทันที
“คือว่า พี่ฮนั นา บางที...”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก คุณลุงแจรยงกับเฮเลน่าทั้งสองคน
ปลอดภัยดี”
ราวกับว่ารู้คาถามอยูก่ อ่ นแล้ว อิมฮันนาตอบกลับ
ออกไปในทันที
“อ่า อย่างนัน้ เหรอครับ”
“ใช่ แม้วา่ ทั้งสองจะยังไม่ได้สติกต็ าม แต่ซลก็ตั้งหน้าตั้ง
ตาดูแลทั้งสองอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องเป็นห่วงก็
ได้ ได้ยนิ ว่าไม่มีอนั ตรายถึงชีวิต”
อิมฮันนาตบไหล่อนั ฮยอนเบาๆ เพื่อบอกไม่ให้เขาเป็น
ห่วง
“...โล่งอกไปทีนะครับ”
อันฮยอนพยักหน้ารับนิง่ ๆ แล้วก็เริม่ กินอาหารอย่างเร่ง
รีบ
แล้วเวลาก็ผ่านไปนาน เกิดไฟลุกขึ้นอย่างแรงทีก่ องไฟ
และควันไฟก็ลอยขึ้นสูงไปบนท้องฟ้า กระจัดกระจายไป
ทั่วอากาศ เลยผ่านควันไฟไปเห็นท้องฟ้ายามค่าคืนที่มี
ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับสวยงาม
“เฮ้อ จะบ้าตาย”
หลังจากทานอาหารเสร็จ อันฮยอนลุกออกจากที่แล้ว
เดินคนเดียวไปถึงสถานที่ที่เงียบสงบ แม้จะยืนมอง
ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งอยู่ก็ตาม ก็ยังถอนหายใจยาว
ออกมา เพราะตัง้ แต่ตอนที่ทานอาหาร ไม่สิ ในความ
เป็นจริงแล้วคือตัง้ แต่ตนื่ ขึน้ มา ความรู้สกึ แปลกๆ
เหล่านัน้ ที่รู้สกึ ได้ยงั คงวนเวียนไปทั่วร่างกาย
เรื่องทุกอย่างก็จบลงไปด้วยดีแล้ว
การโจมตีเหมืองก็สาเร็จลุล่วงด้วยดี ช่วยชีวติ พวกพ้อง
เอาไว้ได้อกี ด้วย
แต่ทาไมถึงได้รู้สกึ แปลกๆ อย่างไม่รู้ความหมายอยู่เรื่อย
ทาไมถึงรู้สกึ เหมือนความฝันอยู่ตลอดเวลา
ราวกับว่าทัว่ ทั้งร่างกายจะยังคงติดอยู่ในความกดดัน
ทันใดนั้นหน้าอกก็รู้สึกอึดอัดขึน้ มา อันฮยอนหลับตา
ช้าๆ และหวนนึกถึงความทรงจา
ตั้งแต่ตอนที่เข้าไปในเหมืองเป็นครัง้ แรก จนถึงตอนที่ขนึ้
รถไฟเหมืองแร่ออกมา ผ่านเส้นทางนัน้ ได้ต่อสูก้ ับเหล่า
มอนสเตอร์ ได้พบกับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่มหึมาเข้า
โดยบังเอิญและออกไล่ล่ามอนสเตอร์ตัวอืน่ ๆ และได้
ต่อสู้อีกครั้งจนเกือบใกล้จะชนะแล้ว...
ในตอนนัน้ เอง
“...อ่า”
เมื่อความทรงจาตอนที่ต่อสู้กบั จูฮยอนโฮย้อนกลับเขามา
อันฮยอนก็เผลอกามัดแน่น ความรู้สึกว่างเปล่ายิ่งรุนแรง
ขึ้นมากยิ่งกว่าเดิม
“มาทาอะไรตรงนี้คนเดียว”
และในชัว่ ขณะนัน้ ก็ได้ยนิ เสียงทุ้มต่าที่แสนคุน้ เคยดังขึน้
อันฮยอนลืมตาเบิกกว้างมองดูผู้เล่นที่กาลังมองลงมายัง
ตัวเขาเองแล้วก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก คิมซูฮยอนที่ยนื่
หน้าเข้ามาใกล้ในตอนนี้ไม่รู้ว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
“พะ พีค่ รับ”
อันฮยอนกาลังจะลุกขึน้ อย่างลุกลี้ลุกลนแต่ก็ต้องหยุดลง
ในทันที
“ไม่เป็นไร นอนอยู่ตรงนั้นแหละ”
คิมซูฮยอนปัดมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรก่อนทีจ่ ะนั่งลง
ข้างๆ กันนัน้
“เฮ้อ...เหนื่อยเกือบตายเลยนะ”
ในระหว่างที่อนั ฮยอนไม่รู้วา่ ควรจะต้องทาตัวอย่างไรดี
นั้น คิมซูฮยอนก็บิดตัวไปมาพร้อมบ่นพึมพา
อันฮยอนเริ่มพูดออกไปอย่างระวังคาพูดตัวเองเป็นที่สุด
“พี่ครับ ระหว่างนี้ไปอยู่ไหนมาครับ เมื่อกีต้ อนที่กนิ ข้าว
ก็ไม่เห็นเลย”
“ไม่ได้กิน เพราะงานยุ่งมาก ต้องไปดูผู้บาดเจ็บด้วย
แล้วยังต้องเสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างป้อม
ปราการอีกด้วย”
“ครับ? แล้วทาไมพีต่ ้องทาอะไรพวกนั้น...มีคาสัง่ ให้หยุด
พักไม่ใช่เหรอครับ”
“...เพราะว่าไม่จาเป็นต้องพักนีน่ ะ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 15
_______________________________________
คิมซูฮยอนพึมพาเบาๆ จู่ๆ ก็เหลือบมามองอันฮยอน
อย่างรวดเร็วอันฮยอนกลืนน้าลายลงคออย่าง
ยากลาบาก
“อันฮยอน”
“ครับ”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เรายังอยู่ใจกลางของ
เทือกเขาเหล็กกล้าเหมือนเดิม และต่อจากนี้กจ็ ะเป็นไป
อย่างนี้อีกนานเลยด้วย ไม่ได้กลับไปแคลนเฮาส์แล้วได้
ฉลองความสาเร็จของการสารวจที่สนิ้ สุดลงไปหนึ่งอย่าง
หรอกนะ”
“...”
“ฉันกาลังพูดถึงนาย โจมตีเหมืองสาเร็จได้หนึ่งแล้วมันก็
ยังไม่จบเพียงแค่นี้ พูดอีกอย่างก็คือ นี่แหละคือความ
แตกต่างของการออกไปสารวจธรรมดากับการเดิน
ทางไกลเพื่อไปรบอย่างเป็นทางการ”
“ใช่ครับ ผมก็พอรู้อยู่แล้วครับ”
อันฮยอนตอบด้วยน้าเสียงมัน่ ใจ คิมซูฮยอนจึงยิ้ม
ออกมาอย่างไม่พอใจ
“แล้วทาไมถึงได้ตัวสัน่ ดูน่าเวทนาแบบนั้น เหมือนกับคน
ที่กาลังฝันไม่มีผิด”
“ผะ ผมหรือครับ”
อันฮยอนถามกลับเหมือนจะแย้งว่าไม่ใช่แบบนัน้ และยัง
รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอีกด้วย แล้วก็ลองคิดดู ว่าตัวเอง
เป็นอย่างนัน้ หรอกเหรอ
สภาพร่างกายของอันฮยอนนั้นเป็นไปตามคาพูดของคิม
ซูฮยอนไม่มีผิด เขาไม่ได้ลืมวัตถุปะสงค์เริ่มต้นของการ
เดินทางไกลในครัง้ นี้ แต่เหตุผลที่ตัวเขาเองรู้สกึ แปลกๆ
ขึ้นมานั้นมีสาเหตุมาจากอย่างอืน่ ต่างหาก
อันฮยอนคิดได้อย่างนั้นก็ส่ายหน้าไปมา
“...เปล่าครับ ผมเองก็รสู้ ิ่งที่พพี่ ูดอยู่แล้วครับ แค่รู้สกึ
เหมือนฝันเลยครับ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึน้ ข้างในเหมือง
นั้น”
“หืม อย่างนั้นเหรอ ทาไมล่ะ เจอเรื่องน่าสะเทือนใจ
อะไรมาอย่างนั้นหรือเปล่า”
“อย่างนัน้ ไหมก็ไม่มนั่ ใจครับ เหมือนจะจับอะไรได้และ
เหมือนจะจับไม่ได้อกี เหมือนกัน รู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่
ยังไม่เพียงพออยูด่ ้วย...รู้สึกว่างเปล่าครับ ทาไมถึงได้
เป็นแบบนีล้ ่ะครับ”
“...”
อาจเป็นเพราะน้าเสียงของอันฮยอนฟังดูตา่ งออกไป
เมื่อมองดูแล้วการกระทาของอันฮยอนก็ดูแปลกตั้งแต่
เมื่อครู่นี้แล้ว ปากอ้าออกไร้เรี่ยวแรง มือก็กาแล้วคลาย
ออกซ้าไปมา เหมือนกาลังค่อยๆ วอร์มร่างกาย
แต่ว่าดวงตาทัง้ สองที่ดขู ุ่นมัวไม่สดใสในตอนแวบแรกที่
มองไป กลับส่องประกายความปรารถนาบางอย่างที่ไม่รู้
ว่าเป็นอะไรออกมาแวบหนึ่ง
และดูท่าว่าเขาจะไม่รสู้ กึ ตัวเองด้วยซ้า
เหมือนจะคิดถึงความเป็นไปได้อะไรบางอย่างออกแล้ว
คิมซูฮยอนจึงจ้องมองอันฮยอนด้วยดวงตาล้าลึกและ
สงบนิ่งเล็กน้อย
และความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทั้งสอง
หลังจากนั้นไม่นานคิมซูฮยอนก็แสร้งหัวเราะแล้วคลาไป
ข้างๆ ตัวอย่างช้าๆ
“อ้อ เหรอ หรือว่าจะเป็นแบบนั้น”
“แบบนัน้ อะไรหรือครับ”
“หรือว่านาย...”
“ครับ?”
ในตอนนัน้ มีอะไรบางอย่างลอยตกลงมาบนหน้าท้องของ
อันฮยอน เขาสะดุ้งตกใจเล็กน้อยและทาหน้ามึนงง
พร้อมกับลูบดูบริเวณหน้าท้องของตัวเอง จากนั้นก็จบั
อะไรบางอย่างเหมือนไม้ค้าที่กาได้เต็มมือ
ในเวลานั้นอันฮยอนอดกลั้นลมหายใจตัวเองอย่าง
ยากเย็นและลืมตาโตขึน้ เต็มที่ แม้ว่าจะแค่เล็กน้อยแต่
ความรู้สกึ ว่างเปล่านัน้ ก็หายไป
“ตอนนี้ อยากต่อสู้ใช่ไหม”
“...!”
และในตอนที่คิมซูฮยอนพูดต่อเนื่องออกมานั้น อันฮยอน
ก็ปล่อยลมหายใจทีก่ ลัน้ เอาไว้ออกมาจนหมด
อยากต่อสู้
เหมือนในตอนนัน้ อยากจะต่อสู้ดว้ ยการดึงเอาพลังทุก
อย่างออกมาทั้งหมดอีกสักครั้ง
อันฮยอนลุกขึน้ โดยไม่รตู้ ัวเองเหมือนได้สติกลับคืนมา
อย่างแจ่มแจ้งราวกับถูกน้าเย็นสาดใส่กะทันหัน
ถ้าร่างกายที่อ่อนเปลี้ยถูกน้าเย็นสาดใส่จะรูส้ ึกเหมือนกัน
อย่างนี้หรือเปล่านะ
ได้สติกลับมาอย่างกะทันหัน หมอกจางๆ ข้างในหัวจาง
หายไป ดวงตาที่ไม่สดใสกลับเปล่งประกาย จากนัน้ อันฮ
ยอนก็จบั หอกเอาไว้ในมือแน่น แล้วค่อยๆ หลับตาลง
ความทรงจาตอนทีป่ ระจันหน้ากับจูฮยอนโฮผ่านเข้าที
ละอย่างๆ
เพียงแค่ทาตามที่ถกู สอนมาเท่านัน้ เพียงแค่ทิ้งนิสัยใน
ฐานะนักดาบไปเท่านั้น
เมื่อทาเช่นนั้นแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เมื่อมุมมองแตกต่างออกไปการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ก็
เป็นไปตามทีค่ าดการณ์เอาไว้ทุกอย่าง เมื่อแกว่งหอก
ออกไป ฝ่ายตรงข้ามก็มาติดอยู่ทปี่ ลายหอกราวกับถูก
หอกดูดเข้าไป แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จุดจบของการ
ต่อสู้อันยากเย็นแสนเข็ญก็ได้ผู้ชนะเป็นอันฮยอน
ถึงตอนนี้แล้ว อันฮยอนก็ตระหนักขึ้นมาได้ ตัวตนที่
แท้จริงของความรู้สกึ ผิดปกติที่ติดตามดูดกลืนตัวของ
เขาทัง้ ร่างกายมาตลอดตั้งแต่ลืมตาตื่นขึน้ มา นัน่ ก็คือ
ความกระหายอยากชนิดหนื่ง
กล่าวอีกอย่างก็คือ อยากจะต่อสู้อกี ครั้งเหมือนในตอน
นั้น ความอยากในการต่อสู้
คิมซูฮยอนหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้มต่า เหมือนว่าจะ
สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอันฮยอนและใช้ทั้ง
สองมือค้ายันพืน้ ดินพลิกเอวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพูด
ขึ้น
“ถ้าอย่างนัน้ มาลองฟังกันหน่อยดีไหม”
“...?”
“พูดมาสิว่าเกิดเรื่องอะไรบ้าง ช้าๆ ไปทีละอย่าง”
“...ครับ”
อันฮยอนพยักหน้าเบาๆ และเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอมา
ในตอนที่ไล่ล่าจูฮยอนโฮอย่างละเอียดตามคาขอของคิม
ซูฮยอน
“ในตอนแรก...”
เมื่อได้ลองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึน้ ด้วย
ตัวเองแล้ว ก็รู้สกึ เหมือนมีแรงมากขึน้ เหมือนบางอย่าง
ถูกจัดการเป็นขัน้ ตอนไปทีละอย่าง จิตใจสงบนิ่งลงด้วย
ตัวเองและคาพูดก็เริ่มพลั่งพรูออกมา คิมซูฮยอนตั้งใจ
ฟังคาพูดของอันฮยอนด้วยความสนใจอย่างมาก
“พอแทงหอกลงไปอย่างนี้แล้ว แผ่นอกของหมอนั่นก็
แตกกระจายออกมาทันที...”
“หืม? เดี๋ยวก่อน”"
“...?”
“นี่จะบอกว่าจู...ไม่สิ นายชนะหมอนัน่ งัน้ เหรอ”
“ครับ ใช่แล้ว ก็อย่างทีผ่ มได้บอกไปแล้ว เขาไม่ได้อยู่ใน
สภาพสมบูรณ์พร้อมครับ”
“แต่ถึงอย่างนัน้ นายก็สู้กับหมอนัน่ เพียงลาพัง แล้ว
เอาชนะมาได้อย่างนัน้ เหรอ จริงหรือ”
แม้จะเป็นใบหน้าที่แสดงออกมาว่าไม่สามารถทีจ่ ะเชื่อได้
แต่ในน้าเสียงนั้นมีความชื่นชมปะปนอยูด่ ้วย อันฮยอนที่
รู้สึกได้รบั ความกล้าจากน้าเสียงนัน้ พยักหน้าหน้าอีก
ครั้ง คิมซูฮยอนหัวเราะแห้งๆ ออกมาแล้วส่ายหน้าไปมา
“นายชนะเจ้าหมอนัน่ งั้นเหรอ...ไม่วา่ เขาจะอยูใ่ นสภาพ
ไหนได้รบั บาดเจ็บมากเพียงใดก็ตาม แต่นกี่ ็เป็นเรื่อง
ที่สุดๆ ไปเลยนะ ถึงขัน้ ไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ”
“เอ๋ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ หมอนั่นแข็งแกร่งมากถึง
ขนาดนัน้ เลยเหรอครับ”
“มหาศาล หากว่าเขาอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดแล้วล่ะก็
ในหมู่ผู้เล่นของเผ่าเรา ก็มีน้อยคนที่จะต่อสูต้ ัวต่อตัวกับ
เขาได้ อาจจะต้องเป็นระดับนัมดาอึนเลยล่ะถึงจะได้”
“โอ้โฮ”
“ไม่สิ แม้แต่นัมดาอึนเองก็รบั ประกันได้ยากว่าจะเป็น
ฝ่ายชนะ ประมาณยี่สบิ สามสิบนาทีแรกที่สู้กนั อาจจะมี
พลังเหนือกว่าได้ แต่เมือ่ ใดที่การต่อสู้ยดื เยื้อออกไป ยิ่ง
มากเท่าไหร่กย็ ิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสแพ้
สูงขึน้ ”
“ราชินีแห่งดาบนัมดาอึนก็ดว้ ยเหรอครับ”
“แน่นอนว่าต้องได้สกู้ ันตัวต่อตัวลองดูก่อนถึงจะรู้ได้ แต่
ว่าคนที่นายต่อสู้ด้วยแข็งแกร่งถึงขนาดนัน้ เลยล่ะ”
“...”
คิมซูฮยอนจ้องมองอันฮยอนพร้อมกับพูดออกไปด้วย ใน
ความเป็นจริงการวิเคราะห์เมื่อครู่นี้ คิมซูฮยอนไม่
สามารถทีจ่ ะพูดออกไปว่านัมดาอึนเป็นคู่ต่อสู้ทมี่ ีค่า
ความทนทานต่าได้
แต่อันฮยอนที่ไม่รู้อะไรสักอย่างกลับตกใจอย่างสุดขีด
คิมซูฮยอนนาเสนอตัวชีว้ ัดที่แน่นอนให้ฟังแล้ว สิ่งที่
คลุมเครือในตอนแรกก็เริ่มที่จะกระจ่างมากขึน้
จากนัน้ เวลาผ่านไป อันฮยอนก็จบเรื่องราวลงด้วยเรื่อง
ที่นั่งรถไฟเหมืองออกมาเป็นเรื่องสุดท้าย
“เรื่องราวเป็นแบบนีน้ ี่เอง”
คิมซูฮยอนที่ได้ฟังเรื่องราวความเป็นไปแล้วจึงได้พยัก
หน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วพร้อมกับลุกขึน้ และเมื่อเห็น
ท่าว่าจะหันตัวกลับไปในทันที อันฮยอนก็รบี รั้งตัวคิมซูฮ
ยอนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เอ่อ พี่ครับ เดี๋ยวก่อนครับ”
“...ทาไม”
“คือว่า...พี่แจรยงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
“หืม? ยังไม่ได้ยนิ ข่าวหรอกเหรอ ไม่มีอนั ตรายถึงชีวิต
หรอก”
คิมซูฮยอนยักไหล่ทั้งสองข้างแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่อันฮ
ยอนจับเอาไว้ไป
“ได้ยินแล้วครับ แต่ว่ายังไม่ได้สติ...”
“ก็ช่วยไม่ได้ ก็เกือบจะเข้าไปเหยียบประตูแห่งความ
ตายเข้าแล้วนี่ แต่ก็ไม่ตอ้ งเป็นห่วง กินอีลกิ เซอร์เข้าไป
แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
ในตอนนัน้ เอง
แม้จะเป็นเพียงแค่ชว่ งเวลาสัน้ ๆ อันฮยอนก็มองเห็น
ความรู้สกึ สับสนวุน่ วายที่ไม่รู้ความหมายผ่านเข้าใน
สายตาของคิมซูฮยอน พอลองคิดดูแล้ว วันนี้กด็ ูเหนื่อย
มากเป็นพิเศษกว่าทุกวัน
พี่เองก็มีเรื่องอะไรเหมือนกันหรือเปล่านะ
อันฮยอนคิดได้เช่นนัน้ ก็สรุปไปเองว่าตัวเองคงมองผิดไป
เพราะว่าตอนทีค่ ิมซูฮยอนมองลงมานัน้ ใบหน้าที่
สะท้อนเข้ากับแสงจันทร์นนั้ ดูไม่สะทกสะท้านเหมือนกับ
ที่เคยเป็นมาโดยตลอดนั่นเอง
“อย่างนัน้ เอง อีลิกเซอร์...”
“ไม่ต้องสนใจ ก็มนั เป็นสถาการณ์ที่ชว่ ยอะไรไม่ได้ด้วย
ยังไงก็คิดซะว่าอันทีจ่ ะใช้กบั นายและฮันกยอลคิดซะว่า
เอามาใช้กับมาร์และคุณชินแจรยงก็แล้วกัน”
“ฮ่าๆ ความทรงจาอันเจ็บปวด...”
“...”
“อืม...เอ่อ ถ้าอย่างนัน้ ...”
“...”
แล้วเรื่องทีพ่ ูดคุยกันก็เริม่ จะออกนอกประเด็นไป
คิมซูฮยอนนิ่งเงียบไปชัว่ ครู่ อันฮยอนก็พูดตะกุกตะกัก
ต่อไปราวกับว่ายังเหลือเรื่องที่อยากจะพูดอยู่อกี
“ถ้ามีอะไรอยากพูดก็พดู ออกมา อย่าบ่ายเบี่ยงไปมาอยู่
เรื่อย”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 16
_______________________________________
ดังนัน้ ตอนที่คิมซูฮยอนพูดขึน้ มาทาลายความเงียบนัน้
อันฮยอนถึงกับต้องรู้สกึ ขอบคุณอยูใ่ นใจ
อันฮยอนค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึก
ความจริงแล้วระหว่างที่พูดไปก็ได้ระบายความรู้สึก
ออกไปได้บา้ งระดับหนึง่ แต่ทว่าภายในใจก็ยังคงมีไฟที่
ยังลุกโชนอยู่ไม่หาย การพูดออกไปนัน้ เป็นเพียงแค่
ขั้นตอนการยืนยันความรู้สึกของตัวเองเพียงเท่านัน้
ความรู้สกึ อยากต่อสู้ ความปรารถนาในการต่อสู้
การทีร่ ู้สึกกระวนกระวายใจอยูต่ ลอดนั้นก็เช่นกัน ทั้ง
ความรู้สกึ ว่างเปล่าเพราะไม่มีหอกอยูข่ ้างกายก็ด้วย ทุก
อย่างเกิดขึน้ เพราะสาเหตุที่ว่ามานัน้
จากนัน้ สักครู่ อันฮยอนก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“พี่ครับ ความจริง ตอนนั้นระหว่างที่ต่อสู้อยูก่ ็มี
ความสามารถใหม่เกิดขึน้ มาด้วยครับ”
“ความเป็นหนึง่ เดียวกันกับดาบ ไม่สิ ความเป็นหนึ่ง
เดียวกันกับหอกใช่ไหม ยินดีดว้ ย เป็นความสามารถที่มี
ประโยชน์ทีเดียวเลยล่ะ”
อันฮยอนสะดุ้งโหยงขึ้นแวบหนึง่ แต่ทว่าก็นึกขึน้ ได้วา่
ตอนที่เล่าเรื่องราวออกไปเมื่อครูก่ ็ได้พูดออกไปแล้ว จึง
ค่อยๆ หายใจเป็นปกติได้ ไม่วา่ จะรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ก็
ไม่ใช่ปัญหาสาคัญ
สิ่งที่สาคัญที่สุดในตอนนี้กค็ ือการทาอย่างไรก็ได้ที่จะทา
ให้ลูกไฟที่ลุกโชนอยู่ภายในใจตอนนี้ดบั ลงไปให้ได้
“ดังนั้น...อยากจะยืนยันดูครับ”
“อะไร ยืนยันว่านายอยูใ่ นระดับไหนในตอนนี้อย่างนั้น
เหรอ”
แล้วคิมซูฮยอนก็ยมิ้ มุมปากเล็กๆ ออกมา แต่ทว่าอันฮ
ยอนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ แน่นอนว่ามีความคิดที่
อยากจะยืนยันระดับความสามารถของตัวเองอยู่ด้วยก็
จริง แต่สิ่งที่อยากยืนยันไปมากกว่านัน้ ก็คือ...
“ผมอยากรูว้ ่าความจริงใจของพี่มีอยูม่ ากแค่ไหนครับ”
ในที่สุดอันฮยอนก็เผยความจริงใจของตัวเองออกมา
แล้วพร้อมกันนั้นใบหน้าของคิมซูฮยอนก็เปลี่ยนไป
เพราะอ่านความจริงใจที่มีอยู่ในท่าทางของอันฮยอน
ออกนัน่ เอง
ความจริงใจ
สามารถตีความหมายไปได้หลายอย่างแล้วแต่
สถานการณ์ แต่ในสถานการณ์ตอนนีน้ ั้นคิมซูฮยอนไม่มี
ทางที่จะไม่รู้ความหมายในคาพูดของอันฮยอนไปได้
กล่าวคือ
“...จะรับมือมันได้หรือเปล่าล่ะ”
เสียงพึมพาอันแผ่วเบาดังเข้ามาในหูและอันฮยอนก็รู้สกึ
พุ่งปรี๊ดเพราะคิมซูฮยอนเป็นครัง้ แรก
จิตใจที่ต่อต้านอย่างรุนแรง สิ่งนัน้ คือการหยุด ไม่ทา
ตามคิมซูฮยอนอีกต่อไป เป็นความรู้สกึ ที่มือหอกจีก้ ง
ตัดสินใจจะเดินตามเส้นทางของนักรบสายหอกอย่าง
สมบูรณ์แบบ กล่าวคือ คาพูดของคิมซูฮยอนได้กระทบ
กับความภาคภูมิใจของอันฮยอนเข้าอย่างจัง
“ไม่มั่นใจเหมือนกันครับ แต่ผมก็ยังอยากจะยืนยันดู
ครับ”
อันฮยอนผ่อนลมหายใจลงอย่างยากเย็นก่อนจะตอบ
กลับ แต่ก็ไม่สามารถทีจ่ ะซ่อนน้าเสียงโมโหเล็กน้อยนัน้
เอาไว้ได้
ความเงียบสงัดราวกับเวลาหยุดเดินลงไปชัว่ ครู่เข้า
มาปกคลุม
สายตาของคิมซูฮยอนและอันฮยอนจ้องมองแลกเปลี่ยน
สายตากันไปมา เกิดเป็นประกายไฟที่มองไม่เห็นปะทะ
กันขึ้น
ความเงียบนั้นดาเนินไปได้ไม่นานนัก
“...ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ก็ด”ี
ในที่สุดคิมซูฮยอนก็เอ่ยคาอนุญาตออกมา
“ลุกขึ้น”
อันฮยอนลุกขึน้ อย่างรวดเร็วเพราะน้าเสียงที่เหมือน
น้าค้างแข็งทีพ่ ูดต่อเนื่องออกมา
จากนัน้ ชายทั้งสองก็ค่อยๆ เริม่ ก้าวถอยหลังไปหลาย
ก้าวพร้อมกัน
ในที่สุดอันฮยอนก็จบั หอกอย่างเบามือ และเล็งหอกไป
ข้างหน้าเรียกความเป็นหนึ่งเดียวกับหอกขึน้ มา หอกที่มี
ประกายดาก็เกิดประกายแสงสีขาวสว่างจ้าไปทั้งด้าม
และคิมซูฮยอนก็ก้มตัวลงช้าๆ แล้วหักเอาวัชพืชบน
พื้นดินขึ้นมาหนึ่งอัน ดวงตาของอันฮยอนที่มองเห็น
อย่างนั้นเกิดกระตุกอย่างแรกหนึ่งครั้ง
จากนัน้ ครู่หนึง่ วัชพืชนัน้ ก็เริ่มเปล่งประกายแสงขาวนวล
ออกมา
“...พี่ครับ”
“อย่ามาบอกให้ชักดาบออกมาเชียวนะ”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องมาแต่อะไรทัง้ นัน้ ไม่ว่านายจะคิดยังไงอยู่ก็ชา่ ง
ถ้าหากว่าต้องการความจริงใจจริงๆ ไม่ใช่แค่การ
ฝึกซ้อมแล้วล่ะก็...จะคิดว่าอวดดีก็ได้”
“...”
“ถ้าไม่พอใจ นายก็ทาให้ฉันชักดาบออกมาให้ได้เองสิ”
และ
“คงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วล่ะ งัน้ เริ่มแล้วนะ”
ขณะที่พูดคานัน้ ออกมา
“...!”
ท่าทีของคิมซูฮยอนก็เปลี่ยนไปในทันทีอย่างรวดเร็ว ราว
กับว่าพลังงานที่เป็นเพียงก้อนเมฆกลับกลายปะทุ
ออกมาเป็นลมพัดแรงกระหน่าเข้ามายึดครองพื้นที่
ใกล้เคียงในเวลาอันสัน้
ในที่สุดดวงตาทั้งสองข้างของคิมซูฮยอนที่เปล่งประกาย
น่ากลัวออกมาในตอนนัน้ ทันใดนั้นอันฮยอนก็รสู้ ึกไปเอง
ว่าโลกทั้งใบหยุดนิ่งไปอย่างกะทันหัน รู้สกึ ถึงความ
เจ็บปวดราวกับว่าดวงตาจะหลุดออกมาอย่างไม่ทันได้
ตั้งตัว ร่างกายเริ่มสัน่ เทิม้ ไม่เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ
เพียงแค่ยนื อยูน่ ิ่งๆ เท่านั้น แต่รู้สกึ ว่าพลังงานอันไร้
ตัวตนกาลังรัดร่างเอาไว้แน่นทั้งร่างกาย
ความรู้สกึ ถึงปลายดาบที่มองไม่เห็นที่ทิ่มแทงมาทั่วทั้ง
ร่างกายอย่างไร้ความปรานี
สัญชาตญาณของอันฮยอนกาลังเตือนเขาอย่างชัดเจน
ตายแน่
ความคิดแบบนัน้ ได้เข้าครอบงาภายในหัว แต่ถึงอย่าง
นั้นอันฮยอนก็ไม่ยอมถอยกลับ แต่กลับกัดริมฝีปากแรง
จนเลือดซึม เพื่อเพิ่มจิตวิญญาณในการต่อสูใ้ ห้เพิ่มมาก
ขึ้น เพราะคิดว่าอย่างไรเสียความแตกต่างของ
ความสามารถก็มีอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้วดวงตาของคิมซูฮ
ยอนที่กาลังจ้องมองมายังอันฮยอนก็เกิดความรู้สึกสนใจ
ผุดขึ้นมาแวบหนึง่
“โอ้ ดูเหมือนว่าไม่ได้เก่งแต่ปากสินะ”
คิมซูฮยอนชื่นชมด้วยน้าเสียงภูมิใจแต่ทว่าสาหรับอันฮ
ยอนตอนนีน้ นั้ ไม่สามารถที่จะฟังคาชมนัน้ แล้วรูส้ ึกดีได้
เลยแม้แต่น้อย
อันฮยอนที่หุนหันพลันแล่นเพราะเหตุนนั้ วางหอกลง
ข้างล่างเล็กน้อย แล้วหวนนึกถึงประสบการณ์ที่ได้รับ
จากการต่อสูก้ ับจูฮยอนโฮ จะต้องไม่สูญเสียความ
รอบคอบไป ไม่ใช่การวิง่ เข้าใส่อย่างใจร้อนเพราะถูกยัว่
ยุเหมือนเมื่อก่อน สมมติสถานการณที่เลวร้ายที่สุดขึ้นมา
เตรียมการรับมือล่วงหน้าเอาไว้สองสามอย่าง
คู่ต่อสู้แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่
ผู้เล่นคิมซูฮยอน
จากนัน้ อันฮยอนที่วาดภาพหนึ่งขึน้ มาในหัว ในตอนที่
เอียงตัวไปเล็กน้อย ทันใดนัน้ คิมซูฮยอนก็เคลื่อนที่ไป
ก่อนเสียแล้ว
พลั่ก
ไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้กลับ
แต่เหมือนมองเห็นอะไรบางอย่าง
และทั้งหมดก็มีเพียงเท่านัน้
“เฮือก...”
ส่งเสียงครวญออกมาโดยไม่รู้ตวั
ประมาณหนึ่งวินาทีหลังจากนั้นสิง่ ที่อันฮยอนรูส้ ึกได้กค็ ือ
ร่างกายของตัวปลิวขึ้นไปลอยอยูก่ ลางอากาศ และเริ่ม
รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากส่วนท้องขึน้ มาในภายหลัง ดัง
นั้น...
ชิ้ง!
ถูกเล่นงานเข้าแล้วเหรอ ก่อนทีจ่ ะทันได้คิดอย่างนัน้ ด้วย
ซ้า ข้างๆ ตัวก็เกิดลมเย็นผ่านมา
ในระหว่างที่อนั ฮยอนกาลังปลิวไปในอากาศ ตอนที่
พอจะยกหอกขึ้นมาได้กเ็ ป็นช่วงที่ปฏิกิรยิ าตอบสนองต่อ
ความรู้สกึ ว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะต้องตายแน่
เกิดขึน้ มา วัชพืชทีพ่ ัดเบาๆ ไปกับกระแสลม เกิดเป็น
ภาพลวงตาเหลืออยู่ในม่านตาแล้วฟาดเข้าอันฮยอนเป็น
เส้นเฉียง
แคว่ก!
เพล้ง!
ความมุ่งมัน่ แรงกล้าในการปกป้องร่างกายจากอันตราย
ภายนอกแตกกระจายในการโจมตีครัง้ เดียว อันฮยอน
รู้สึกว่าแรงบีบที่มือฉีกแยกออกไป ราวกับว่าร่างกายได้
พังทลายลงไปโดยไม่มีโอกาสได้ตงั้ สติ แล้วก็ลงไปกลิง้
หลุนๆ อยู่ทพี่ ื้นดิน
หากว่ามีอะไรทีพ่ อจะชืน่ ชมได้บา้ ง คงจะเป็นการที่เขา
ไม่ยอมปล่อยหอกให้หลุดมือและใช้ทักษะการต่อสู้มือ
เปล่าทันทีที่กลิง้ ลงไปอยู่ที่พื้น แล้วลุกขึน้ มาได้ในทันที
ปัญหาก็คือต้องละเลยความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวหมุนติว้ ๆ
อย่างนั้นไป
แค่ระดับแตกต่างกัน
ถึงตอนนี้อนั ฮยอนจึงตระหนักรู้ได้ว่าศัตรูที่ต่อสูม้ าด้วย
ทั้งหมดจนถึงตอนนี้เมื่อมาอยู่ต่อหน้าคิมซูฮยอนแล้ว
ต้องรู้สกึ อย่างไรบ้าง
คือความรู้สึกสิน้ หวัง ไม่สิ ความตายที่อยูต่ รงหน้า
ความหมายตามทีพ่ ูดคือความน่าสะพรึงกลัวทีเ่ หนือกว่า
จูฮยอนโฮ? เทียบกันไม่ได้ เมื่อได้ลองต่อสู้ตวั ต่อตัว
กับคิมซูฮยอนที่ต่อสู้อย่างจริงใจแล้ว การต่อสูต้ ัวเปล่า
กับจูฮยอนโฮร้อยคนยังจะดีกว่านี้หลายเท่า
ตามความจริงแล้วอันฮยอนเหมือนกับตายไปแล้วสอง
รอบ
ในระหว่างที่ลอยอยู่นนั้ อันฮยอนก็ปรายตามองยืนยัน
ตาแหน่งของคิมซูฮยอน
หนึ่งเมตรไปทางซ้าย
ในตอนที่ยนื ยันได้แล้วนั้นอันฮยอนก็ลอยตัวไปฝั่งตรง
ข้ามในทันที เพราะนอกจากจะเห็นได้ชัดว่าถ้าอยู่นิ่งๆ ก็
ต้องถูกโจมตีแน่ เป็นความคิดทีจ่ ะตั้งสติควบคุมภาพใน
หัวก่อนเป็นอย่างแรก
ไม่สิ มันผิดตั้งแต่แรกแล้วที่คิดวาดภาพการต่อสู้รับมือ
กับคิมซูฮยอนไว้ในหัว ถูกโจมตีเข้าอย่างจังก่อนที่จะได้
เริ่มโชว์ฝีมือเสียด้วยซ้า ไม่ว่าจะเป็นภาพทีว่ าดเอาไว้
อย่างดีแค่ไหน ก็ไม่มปี ระโยชน์อนั ใด
อันฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแรง ถ้าอย่างนั้น
วิธีการที่เหลืออยู่สุดท้ายก็มีแค่อย่างเดียว คือการจู่โจม
โดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองเพียงเท่านั้น
คิดได้อย่างนั้นแล้วในตอนที่กาลังจะปรับเปลีย่ นท่าทาง
ขึ้นมาอย่างยากลาบาก
“...”
อันฮยอนก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองไปทั้งอย่าง
นั้น เพราะว่าวัชพืชที่หอ่ หุ้มด้วยพลังอันน่ากลัว น่าขน
ลุกนัน้ กาลังคลอเคลียอยู่ที่บริเวณคอของตัวเอง
ในตอนนี้
ด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวา ทุกทิศทางไม่มคี มิ ซูฮยอน
ปรากฏตัวอยู่เลย
กล่าวอีกอย่างก็คือ หมายความว่า เขาถูกเข้ายึดครอง
ด้านหลังไปโดยไม่รู้ตัว
...นี่คือการต่อสูจ้ ริงๆ ของพี่งนั้ หรือ
แล้วในที่สดุ อันฮยอนก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดขึน้
เหนือฟ้ายังมีฟา้
บนฟ้านัน่ ยังมีฟา้ ที่เก่งกาจกว่าอีก
“แพ้แล้วครับ ทาอะไรสักอย่างไม่ได้เลยครับ”
“ทีนี้พอใจหรือยัง”
พยักหน้าตอบรับ
อันฮยอนที่ยนิ ยอม พร้อมกับพยักหน้าไปมาช้าๆ
คิมซูฮยอนหัวเราะร่า
“ขอชมที่ไม่ยอมวางหอกเลยแล้วกัน”
“แฮะๆ ขอบคุณครับ”
“ทาเป็นยังไหว น่าขาจริง แล้วยังไง เป็นไงบ้าง ได้
ยืนยันแล้วตอนนี้จะกลับไปมีขวัญกาลังใจเหมือนเดิม
หรือเปล่า”
“อืม เรื่องนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
ไม่ได้พูดว่า ‘ไม่’ ออกไป
“แต่อย่างน้อยก็รู้เรื่องนีเ้ รื่องหนึ่งชัดเจนแล้วครับ”
แต่ทว่าอันฮยอนที่หันตัวกลับมา บนใบหน้าของเขาเต็ม
ไปด้วยรอยยิ้ม เป็นใบหน้าที่โล่งอกเป็นอย่างมาก
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 17
_______________________________________
แม้จะแค่แวบหนึง่ สีหน้าของคิมซูฮยอนทีม่ องอันฮยอน
นั้นมีประกายแปลกผ่านเข้ามา
อันฮยอนยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิม้
“พี่ที่เป็นแบบนี้ คือพี่ทผี่ มคิดถึงอยู่เสมอและทาตามมา
โดยตลอด ไม่เปลี่ยนแปลง”
"...หืม?"
“พี่...แข็งแกร่งมากจริงๆ ครับ ดีใจทีพ่ ี่แข็งแกร่ง”
“...”
ในครั้งนีค้ ิมซูฮยอนปิดปากเงียบเพราะไม่ได้คาดหวัง
เอาไว้ว่าจะได้ยินคาพูดแบบนี้
ผมดีใจทีพ่ ี่แข็งแกร่ง
เมื่อลองคิดดูแล้วช่างเป็นคาที่แฝงความนัยเอาไว้
มากมายเหลือเกิน
คิมซูฮยอนทีจ่ ้องมองอันฮยอนเป็นเวลานานก็ยิ้มกว้าง
ออกมาแล้วก็ตีไหล่อนั ฮยอนอย่างแรงไปหนึ่งที
ป๊าบ!
ร่างกายของอันฮยอนสัน่ ไหวเล็กน้อย แม้จะไม่ใช่การจู่
โจมที่มพี ลังเวทอยู่ดว้ ยแต่ก็ยังเจ็บไม่ตา่ งกันเหมือนเดิม
“โอ๊ยยย!”
อันฮยอนโอดครวญแล้วก็หันกลับไปมองคิมซูฮยอน
เช่นเดิม ในตอนนั้นคิมซูฮยอนก็หันตัวกลับและกาลังเดิน
กลับไปที่เต็นท์
“พี่ครับ...”
ในตอนนัน้ เอง
“อันฮยอน”
คิมซูฮยอนหยุดฝีเท้าลงแล้วเอี้ยวตัวกลับมาพลางพูดขึน้
อย่างนิ่งๆ
“ทาได้ดีมาก”
“...ครับ?”
ใบหน้าของอันฮยอนนิง่ อึ้งไปชั่วขณะ
“ทาได้ดีมากทัง้ เรื่องในเหมือง แล้วก็การต่อสูเ้ มือ่ กี้ก็
ด้วย”
และคิมซูฮยอนก็ก้าวเท้าเดินต่อไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาที่ดูเหม่อลอยของอันฮยอนก็
เบิกกว้างจนตาโตเท่าไข่ห่าน แล้วปากยังอ้าออกกว้าง
อีกด้วย
“ครับ ครับ!”
อันฮยอนตอบกลับด้วยน้าเสียงมีพลังมากกว่าครั้งไหนๆ
***

ข้างในเมืองอันมืดมิด
ชินแจรยงกาลังจะตาย
‘ผม...’
ผมอีกคนมองวางชินแจรยงให้นอนลงบนพืน้ แล้วจ้อง
มอง
ผมอีกคนกาลังหยิบอีลกิ เซอร์ออกมาจากกระเป๋าที่
หน้าอก
‘ผมอยากให้ชินแจรยงมีชีวิตรอดต่อไปครับ’
ไม่มีความลังเลแม้แต่นอ้ ย เปิดฝาจุกขวดยาออกและเอน
ขวดยาเทลงไป
ผมอีกคนที่กาลังป้อนอีลิกเซอร์มีท่าทางเป็นห่วงชินแจร
ยงจริงๆ อย่างมาก
ในชั่วขณะนัน้
“…!”
แล้วก็ได้สติกลับคืนมา ลืมตาขึ้นในทันทีมองไปรอบๆ
ตัว ก็เห็นเต็นท์อยูใ่ นความมืดมิดของค่าคืนเช่นเดิม
โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ทางเข้าที่ปดิ กัน้ ด้วยม่าน เก้าอี้ที่
วางอยู่อย่างเป็นระเบียงและอื่นๆ ทุกอย่างยังคง
เหมือนเดิมยังอยู่ทเี่ ดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
…ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึน้ กันแน่ ฝันไปอย่างนัน้ หรือ
อากาศที่สัมผัสถูกผิวกะทันหันเย็นยะเยือกพร้อมกันนัน้
ความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ทาให้รา่ งกายรู้สึกหนักอึ้งไป
ทั้งตัว
แต่ว่าผมเลือกที่จะลุกขึน้ จากเตียงแทนทีจ่ ะนอนต่อไป
รู้สึกเหมือนว่าคงจะนอนไม่หลับอีกต่อไปแล้ว แม้จะฝืน
นอนหลับลงไปอีก ก็ไม่อยากทีจ่ ะฝันเหมือนเมือ่ ครูน่ ี้อีก
แล้ว ในช่วงนี้สภาพจิตใจก็ยุ่งเหยิงมากพออยู่แล้ว
พอเปิดม่านออกแล้วเดินออกไปข้างนอก มองเห็น
ท้องฟ้ายามเช้ามืดที่ยังมืดสลัว
ถ้าเป็นช่วงเวลานี้ ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ทีมสารวจ ทีมที่
หนึ่งจะออกไปทางาน แม้จะยังไม่มีคาสั่งใดลงมาเป็น
พิเศษ มีความเป็นไปได้ที่ผู้เล่นที่ได้เข้าร่วมการโจมตี
เหมืองอาจจะต้องรออยูเ่ งียบๆ ในวันนี้อกี วัน
เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวและลืมความคิดไป วันนี้ก็
เข้าร่วมทีมสารวจเหมือนกับเมื่อวานนีด้ ีไหมนะ
ในที่สุดผมก็จัดตารางสิง่ ที่ต้องทาในตอนเช้าได้ด้วย
ความคิดแรกทีค่ ิดได้ ผมเดินไปด่านทางเหนือ ค่อยๆ
ก้าวเท้าออกไปช้าๆ หากไปรออยูบ่ ริเวณแถวนัน้ อาจจะ
ไปพบเข้ากับทีมที่จะออกไปสารวจเหมือนเมื่อวานก็ได้
แต่ถ้าว่าผลที่ออกมาคือการคาดการณ์ของผมถูกต้อง
เพียงแค่ครึ่งเดียว
“เป้าหมายคือรอยต่อระหว่างบริเวณรอบๆ และสารวจ
พื้นทีจ่ ุดยุทธศาสตร์”
“ทีม C-1 สมาชิกทั้งหมดสิบสองคน ทีมสารวจยกเว้นอี
จงฮักของเผ่าอีสตันเทลลอว์มีสบิ เอ็ดคน”
“ตรวจสอบบันทึกการอนุมัตขิ องผู้บญ ั ชาการสูงสุด
แล้ว”
“ออกไปได้”
เหล่าผู้เล่นทีย่ ืนประจาการรักษาการณ์ที่ทางทิศเหนือ
สิ้นสุดขั้นตอนการตรวจสอบอย่างง่ายๆ อีจงฮักพยัก
หน้าเป็นเชิงรับรู้ ยามรักษาการณ์ให้สัญญาณเพื่อให้รอ
อยู่สักครู่ แล้วค่อยหันมาทางผมช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจ
ยาวๆ
“ต้องประทานโทษด้วยนะครับผมขอปฏิเสธเลยแล้วกัน
ครับ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี”่
“ผู้เล่นอีจงฮัก”
“ไม่ครับ ไม่ได้ครับ คาพูดที่วา่ จะช่วยเหลือในการสารวจ
รู้สึกขอบคุณจริงๆ ครับ แต่ว่าในครั้งนี้ผมขอปฏิเสธ
อย่างนอบน้อมนะครับ”
“...”
อีจงฮักหัวหน้าทีมสารวจ C-1 พูดด้วยน้าเสียงเด็ดขาด
และยังส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง การแสดงออกถึงความ
ตั้งใจอย่างชัดเจนนัน้ ผมถึงกับเอียงคอสงสัยต่อการ
แสดงออกนั้น
“ทาไมกันล่ะ...”
“เพราะว่าการสารวจพืน้ ที่นนั้ เป็นหน้าทีข่ องพวกเราที่
ได้รบั มอบหมายมาครับ แต่ว่าคุณไม่ได้รว่ มอยู่ในพวก
เราด้วย ก็ทราบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“แต่ว่าเมื่อวานนี้...”
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด ขอร้องล่ะครับ”
ไม่ยอมฟังคาพูดจนจบด้วยซ้า อีจงฮักพูดแค่วา่ ไม่ได้
อย่างเด็ดขาดเพียงเท่านั้น ผมทาได้แค่อา้ ปากค้าง อย่าง
ช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อวานตอนที่ยนื่ คาขอร้องเข้าร่วมทีม
สารวจไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ไม่สิ มิหนาซ้ายังต้อนรับด้วย
ความตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาเสียด้วยซ้า
ถ้าอย่างนั้นก็นา่ จะบอกว่าไม่ได้ตั้งแต่แรกไปเสีย
เมื่อวานนี้อนุญาตให้ออกไปด้วยกัน หัวเราะร่าอย่าง
อารมณ์ดี แล้วทาไมวันนี้ถึงบอกว่าไม่ได้กนั ล่ะ แล้วยัง
กะทันหันอย่างนี้ด้วย
“...ช่วยชีวิตผมด้วยเถอะครับ”
ในตอนนัน้ เอง
จู่ๆ อีจงฮักก็จบั ไหล่ของผมแน่นแล้วพูดขอร้องออกมา
ด้วยน้าเสียงอันน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก ไม่รเู้ ลยสักนิดว่า
พูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่เพราะหน้าตาของเขาดูจริงจัง
เป็นอย่างมากจึงได้แต่ปดิ ปากเงียบเอาไว้
“หมายถึงตัวผมครับ เมื่อวานนี้หลังจากกลับมาจาก
ออกไปสารวจ รู้ไหมครับว่าถูกผมแคลนลอร์ดของผม
ตาหนิอย่างมาก”
“หืม? ตาหนิอย่างนั้นหรือ”
แคลนลอร์ดของอีจงฮักก็ต้องเป็นฮันโซยองน่ะสิ
“เดี๋ยวก่อน อีสตันเทลลอว์ลอร์ด ทาไม...”
“เพราะเมอร์เซนต์นารีล่ อร์ดนั่นแหละครับ”
“…?”
“ฉันบอกไปชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าให้พาแค่ผู้เล่นที่ไม่ได้
เข้าร่วมการโจมตีเหมืองออกไปด้วย แต่ทาไมถึงได้พา
เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องออกไปด้วยล่ะ...พูด
แบบนี้แล้วยังด่า...ไม่ครับ แม้จะไม่ได้ดา่ ก็ตามที”
จู่ๆ จงฮักพูดเสียงดังอย่างมาก
“แต่ถึงอย่างนัน้ แคลนลอร์ดของพวกเรา ถ้าได้โกรธสัก
ครั้งแล้วจะน่ากลัวมากเลยนะครับ! พอจะเข้าใจหรือยัง
ครับ!ไม่สิ ไม่เข้าใจเลยใช่ไหมล่ะครับ! เพราะไม่ได้เป็น
คนโดนเองนีค่ รับ!”
อีจงฮักพูดคาว่า ‘มากๆ’ ซ้าไปมาพร้อมกับตีอกชกตัว
ว่าไม่ได้รบั ความยุติธรรม
เรื่องนั้นผมเองก็รู้เหมือนกัน พูดสิ่งที่ทาผิดพลาดออกมา
ทีละอย่างโดยละเอียด ด้วยน้าเสียงไร้อารมณ์ แล้วยัง
ปรายสายตามองมา ฮันโซยองเวลาทาแบบนัน้ …เอิ่ม น่า
กลัวจริงๆ
“หากพูดออกไปตามความเป็นจริงก็น่าจะได้ไหมครับ ว่า
ผู้เล่นอีจงฮักไม่ได้เป็นคนเข้ามาหาผม แต่วา่ ผมเป็นคน
มาหาและขอร้องด้วยตัวเอง”
“ครับ แน่นอนครับ พูดไปแล้วครับ! ผมก็บอกไปแบบนั้น
อย่างชัดเจนเลยครับ! แต่ว่าพอพูดอย่างนัน้ แล้วรู้ไหม
ครับว่าตอบว่าอย่างไร ถึงจะเป็นอย่างนัน้ ก็ตามก็ตอบรับ
อย่างทันทีเลยหรือยังไง...แล้วก็!”
อีจงฮักที่อ้อนวอนออกมาด้วยเสียงตะโกนดังจูๆ่ ก็หยุด
พูด แล้วก็ทาสีหน้าไร้ความรู้สึกอย่างสุดความสามารถ
แล้วก็...
เดี๋ยวก่อนนะ ใบหน้านีม้ ัน...?
“ไม่ว่าอย่างไร คนที่อนุญาตก็คือผู้เล่นจงฮักไม่ใช่หรือคะ
อย่าพยายามโยนความผิดไปให้แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์
นารี่เลยค่ะ…แล้วก็โดนตาหนิแบบนี้อีกครับ”
อีจงฮักพูดออกมาราวกับจะเลียนแบบน้าเสียงของฮันโซ
ยอง เป็นน้าเสียงสูงแต่ก็ไม่มคี วามสูงต่า ผมเกือบจะ
หลุดหัวเราะเสียงดังออกมาแล้วแต่ก็ยงั ฝืนอดทนเอาไว้
ได้ แม้ว่าฮันโซยองจะไม่มีทางพูดด้วยเสียงอ้อแอ้แบบ
นั้นก็ตามที แต่พอคิดแบบนัน้ แล้ว ก็น่าขาเป็นอย่าง
มาก
“รู้ไหมครับว่าผมโมโหเรื่องอะไรมากที่สดุ ”
ในตอนนีก้ าลังตั้งใจจะแก้แค้นเลยหรืออย่างไร อีจงฮักที่
ได้พูดออกมาแล้วก็ไม่ยอมหยุดพูดอีกเลย
“อ่า ใช่แล้วครับ ไม่วา่ โลกนีจ้ ะเป็นโรคทีป่ ราศจากความ
ปรานีเสียขนาดไหน คนเราใช้ชวี ิตไปก็สามารถเป็นห่วง
กันได้นะครับ แต่วา่ นะครับ ระยะนีก้ ็เหน็บหนาวหัวใจจะ
ขาดอยู่แล้ว แต่ทั้งสองท่านยังทาตัวอบอุน้ อบอุ่นต่อกัน
แบบนัน้ อยู่เรื่อย เรื่องนีแ้ หละครับ!”
“...ครับ?”
“ให้ตายเถอะ คนโสดจงเจริญ จงเจริญ!”
“...”
...ได้ยินคาพูดทีบ่ ิดเบือนผิดประเด็นออกไปอย่างไม่มปี ี่มี
ขลุ่ยเข้ามา แต่ผมก็ทาได้แค่อยู่นงิ่ ๆ ทาเฉยเท่านั้น แม้
จะยั่วให้โมโหด้วยการตะโกนจงเจริญ จงเจริญ ออกมาก็
ตาม แต่น้าเสียงนัน้ ก็ฟงั ดูเหงาใจมากจริงๆ
อีจงฮักที่ระเบิดตัวเองไปชุดใหญ่อย่างนัน้ ก็กระแอมไอ
ในลาคออย่างเงอะงะ พร้อมกับใบหน้าแดงก่า
“...แล้วก็ตอนนี้สมาชิกคนอืน่ กาลังรออยูน่ ะครับ ถ้า
อย่างนั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์
นารี”่
“เดี๋ยวก่อนครับ...”
“หากเป็นไปได้กรุณาช่วยเข้าใจสถานะของผมด้วยนะ
ครับ
“…”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 18
_______________________________________
ท้ายที่สุดอีจงฮักก็โค้งศีรษะให้แล้วหันตัวกลับไปอย่างไร
เรี่ยวแรง แล้วเดินทางไปทั้งอย่างนั้น ทัง้ ๆ ที่ยังไม่ได้
สะสางความเข้าใจผิดซึ่งมีต่อกันและกันเลย
ผมไม่สามารถรั้งอีจงฮักเอาไว้ได้ ไม่สิ รั้งเอาไว้ไม่ได้เลย
ไม่รู้วา่ เพราะเหตุใดถึงได้บอกว่าไม่ได้ เพราะคิดว่า การ
คลี่คลายความเข้าใจผิดนั้นก็เหมือนกับกระบวนการฆ่าอี
จงฮักเป็นครั้งที่สองดีๆ นั่นเอง
“…”
อีจงฮักจากไปอย่างนั้น ด้วยเหตุนั้น ตารางงานตอนเช้า
ที่ตั้งเอาไว้อย่างดีจงึ ผิดพลาดไปเรียบร้อย
จู่ๆ อากาศเย็นยามเช้าก็ลอยเข้ามาตามลมแล้วเลยผ่าน
ร่างกายไป
…ตอนนี้ต้องไปที่ไหนดีนะ ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ แบบนี้
ต้องทาอะไรสักอย่าง ลองไปที่ศนู ย์พกั ฟืน้ ผู้บาดเจ็บดี
ไหมนะ
ทันใดนั้นก็คิดถึงชินแจรยงและเฮเลน่าขึน้ มา แม้ทั้งสอง
จะได้รบั บาดเจ็บสาหัส แต่เนื่องด้วยได้รบั การรักษาที่
เหมาะสมเพียงพอจึงไม่มีอันตรายใดต่อชีวิต
ไม่เพียงเท่านัน้ ยังมีคาสัง่ ถ่ายทอดมาจากศูนย์พกั ฟืน้ เมื่อ
คืนนี้ และยังได้ขา่ วว่าในที่สุดก็ได้สติกนั แล้ว แม้ว่าทันที
ที่ตื่นขึน้ มาทั้งสองจะยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่
เล็กน้อย จึงไม่สามารถจะพูดคุยเรื่องราวอะไรด้วยได้
เพราะนักบวชบอกเอาไว้ว่าการพักผ่อนสาคัญที่สุด
ตอนนีจ้ ึงต้องออกมาข้างนอกตามคาพูดของนักบวช
เวลาปัจจุบนั ค่อนข้างจะยังเช้าเกินไปเล็กน้อย แต่ตอนนี้
ก็นา่ จะไม่เป็นไรแล้ว
ผมคิดอย่างนัน้ ก็หมุนตัวกลับแล้วเดินไปยังศูนย์พักฟืน้
ผู้บาดเจ็บ เพราะมาเยือนไปแล้วหนึง่ ครั้งเมื่อวานตอน
ดึก ถึงหาเต็นท์ของผู้ปว่ ยทั้งสองทีก่ าลังฟืน้ ตัวได้ไม่ยาก
“อ๊ะ แคลนลอร์ด?”
แต่เมื่อแวบเข้าไปข้างในกระโจมแล้ว ผมก็ต้องพบเข้า
กับสถานการณ์เหนือความคาดหมายเล็กน้อย
เฮเลน่าไม่รู้วา่ ไปไหน ไม่เห็นอยูข่ ้างใน และบนที่ของเธอ
ก็มีอันซลเป็นผู้ยึดครองเอาไว้กาลังนอนหลับอยู่เงียบๆ
บนเตียงสนามที่ตั้งอยูข่ า้ งๆ กันนั้นก็มชี ินแจรยงที่พยุง
ตัวขึน้ มา พร้อมกับจ้องมองผมด้วยตาเบิกกว้าง เห็น
จานอาหารที่วางอยูบ่ นตักแล้วดูทา่ น่าจะกาลังทาน
อาหารอยู่
“เข้ามาข้างในเลยครับ”
ชินแจรยงรีบเช็ดปากอย่างเร่งรีบ แล้วเก็บจานออกไป
เงียบๆ พร้อมพูดขึ้น เมือ่ กลายเป็นแบบนี้แล้วถ้ากลับ
ออกไปเลยในตอนนีก้ ็ดทู ่าจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นกั
ผมจึงตัดสินใจไม่ปฏิเสธและเดินเข้าไปข้างใน แต่ก็รู้สกึ
ผิดเล็กน้อย ต้องรีบกลับออกไปเร็วๆ แล้วล่ะ
“ยังเช้าตรู่อยูเ่ ลย ดูท่าจะหิวมากเลยนะครับ”
“ครับ ต้องอดอาหารมาทั้งวันก็ต้องหิวเป็นธรรมดาครับ
ฮ่าๆ”
นั่งอยู่ทปี่ ลายเตียงแล้วก็หัวเราะด้วยใบหน้าเขินๆ เมื่อ
เห็นรอยยิ้มของชินแจรยงแล้วก็รู้สกึ ไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่อดกลัน้ ความรู้สึกเอาไว้และฝืนยิม้ ออกไป
“ถือเป็นลางที่ดีครับ ต้องการอาหารแบบนั้นถือเป็น
หลักฐานของสุขภาพทีด่ ีนะครับ”
“ครับ ผมเองก็คิดเช่นนัน้ เหมือนกัน แล้วแคลนลอร์ด
ทานอาหารหรือยังครับ”
เป็นคาถามที่ไม่ได้คาดคิด หัวใจเจ็บแปลบขึน้ มาชั่วครู่
หากพูดให้ละเอียดก็คือที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่กนิ อะไรเลย
เพียงแค่กนิ ข้าวเข้าไปแค่สองสามคาเท่านัน้ นอกจากจะ
ไม่อยากอาหารแล้วยังรูส้ ึกไม่สบายท้อง กินอาหารไม่
ค่อยลงอีกด้วย
“ก็แค่...ยังไม่ถึงเวลากินข้าวครับ”
“ความจริงแล้วก็คงจะเป็นอย่างนัน้ แต่เหมือนว่าที่นจี่ ะ
เตรียมพร้อมให้สามารถทานอาหารได้ตลอดเวลาเลยนะ
ครับ”
“เพราะว่าเป็นศูนย์พักฟื้นผูบ้ าดเจ็บนี่ครับ อ้อ แล้วก็
เฮเลน่าไปไหนเหรอครับ”
“ไม่ต้องห่วงหนูเฮเลน่าก็ได้ครับ พอตื่นขึน้ มาแล้วก็บ่น
พึมพาว่าวิงเวียนศีรษะสุดท้ายเลยออกไปเดินเล่นข้าง
นอกแล้วครับ”
“ไม่จาเป็นต้องห่วงอย่างที่บอกเลยนะครับ”
“โฮะๆ อ้อ หนูอนั ซลเพิง่ นอนหลับไปเมื่อครู่นี้เองครับ
คงจะเหนื่อยมากเพราะต้องคอยดูแลอยู่ทั้งคืนเลยครับ”
อืม อย่างนัน้ หรือ เพราะคอยดูแลมาตลอดทั้งคืน
แต่พอคิดดูแล้ว มีเรื่องที่ต้องคุยกับอันซลอยู่หนึ่งอย่าง
แต่คงจะคุยตอนนี้เลยไม่ได้แล้วล่ะ
ก็ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้การโจมตีครั้งทีส่ องก็เพิง่ จะจบลง
คงไม่มงี านยุ่งกันไปอีกสักระยะหนึง่ ค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่
เลวร้ายอะไร
มองดูอันซลนอนหายใจอย่างสม่าเสมอชั่วครู่ ผมก็
กลับไปมองดูชนิ แจรยงดังเดิม
“อย่างไรเสีย หน้าตาดูสดใสขึน้ ก็ค่อยโล่งใจนะครับ
โดยเฉพาะฮยอน เห็นเขาเป็นกังวลอย่างมากเลยครับ”
“แย่แล้ว คิดว่าจะถูกเกลียดเสียอีก แต่ก็ยังอุตส่าห์เป็น
ห่วงด้วย ดีใจนะครับเนีย่ ฮ่าๆ”
ผมตัดสินใจว่าจะลุกออกจากตรงนี้ไป หากว่าสามารถ
ทานอาหารและออกไปเดินเล่นกันได้แล้ว คงเกือบจะ
กลับมาเป็นปกติแล้ว พอถึงพรุ่งนี้แล้วอาจจะเข้าสู่สภาพ
เดิมได้อย่างสมบูรณ์กไ็ ด้ ถึงตอนนั้นค่อยไปจัดการเรื่องที่
เหลือ ไม่สิ เรื่องที่ต้องจัดการตอนนัน้ ก็ได้
อย่างน้อยที่สุด ก็อยากจะให้พกั ผ่อนอย่างเต็มที่
ในตอนนี้
ผมค่อยๆ ลุกขึน้
“อ้อ จะกลับแล้วหรอครับ”
ผมพยักหน้ารับ
“ครับ ตอนนี้ต้องพักผ่อนกันก่อนนะครับ อาหารท่าจะ
เย็นหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่เข้ามารบกวนการ
รับประทานอาหารครับ“
“อ่า เดี๋ยวก่อนครับ แคลนลอร์ด”
“ครับ?”
“ก่อนที่จะไป… ความจริงแล้วผมมีเรื่องสงสัยอยู่อย่าง
หนึ่งครับ ขอถามหน่อยได้ไหมครับ”
ชินแจรยงรีบพูดขึ้นมา แม้จะแค่เล็กน้อย แต่กเ็ ป็น
น้าเสียงทีฟ่ ังดูร้อนรนแปลกๆ
ผมขยับคางขึน้ เบาๆ โดยไม่ได้รสู้ ึกอะไรตะขิดตะขวงใจ
อะไร
“ได้แน่นอนครับ พูดมาได้เลย”
“เรื่องนัน้ …”
“...?”
“บางที ตอนที่เข้าไปช่วยชีวิตผม เห็นผู้เล่นคนอื่นอยู่ใน
บริเวณใกล้ๆ กันนัน้ บ้างไหมครับ”
ผู้เล่นคนอืน่ ?
ผมรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้วลองย้อนคิดดูเงียบๆ
มีหรือเปล่านะ
ไม่ ไม่มีเลย
เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กบั ชินแจรยงเลยมองไม่เห็นคนอื่น
ความรู้สกึ ที่จบั ได้ตอนนัน้ มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“แม้จะยืนยันแน่ชัดไม่ได้ แต่เหมือนว่าจะไม่มคี รับ อย่าง
น้อยก็บริเวณใกล้ๆ กันนั้นก็ไม่มคี รับ”
“อืม อย่างนั้นเองเหรอครับ…”
มีเรื่องอะไรเกิดขึน้ กันนะ บนใบหน้าของชินแจรยงมี
ความกระวนกระวายใจซ่อนอยู่ แต่นั่นก็เกิดขึน้ เพียงชัว่
ครู่
“รับทราบแล้วครับ ขออภัยที่ถามอะไรเรื่อยเปือ่ ยครับ”
แล้วบนใบหน้าของชินแจรยงที่ยิ้มออกมาอย่างฝืนใจก็มี
เงาหมองหม่นปรากฏขึน้ แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างเบาๆ
ผมยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“แล้วก็…”
และตอนที่กาลังจะออกจากเต็นท์
“ขอบคุณมากที่ชว่ ยชีวติ ผมเอาไว้นะครับ แคลน
ลอร์ด”
เสียงของชินแจรยงก็พดู ต่อออกมาอีกครั้ง
ขอบคุณทีช่ ่วยชีวติ เอาไว้
ตอนนัน้ แม้จะไม่รเู้ ลยว่าควรจะต้องตอบกลับไปอย่างไร
ผมก็ออกมาข้างนอกเสียก่อนทีจ่ ะคิดเสร็จด้วยซ้า
“...”
ความรู้สกึ อ่อนเพลียเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกันนัน้
ภายในหัวก็เกิดความยุง่ เหยิงขึ้นมาอีกรอบ
แต่ทว่าแม้จะรู้สึกว่าตัวเองเดินโซเซขึน้ มาทีละน้อย แต่
ผมก็ยังคงฝืนเดินต่อไป
...แล้วตอนนี้ต้องไปที่ไหนอีกดี
ไม่สิ ก่อนอืน่ นัน้ แล้วทาไมผมถึงต้องมาเดินล่องลอยไป
มาอย่างไร้จุดหมายตั้งแต่เช้าด้วยล่ะ
เวลาผ่านไป
ทันใดนั้นก็มองเห็นรั้วทีส่ ร้างขึน้ มาพันกันอย่างยุ่งเหยิง
ผมเดินเข้ามาใกล้คา่ ยของส่วนที่อยู่กาแพงรอบนอก
เงยหน้ามองขึน้ ไปยังท้องฟ้า มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าของ
ยามรุง่ สางขึน้ มาทางทางตะวันออก แม้ว่ายามเช้าตรูจ่ ะ
ยังไม่หมดสิน้ ไปและยังคงมืดสลัวอยูเ่ ล็กน้อยก็ตาม
หลังจากที่ผมค่อยๆ ขึน้ ไปนัง่ บนรั้วช้าๆ ก็เริ่มจมเข้าไป
ในความคิดเงียบๆ
ความฝันของเมื่อเช้า
และความคิดเกี่ยวกับฝันนัน้
เป็นเรื่องที่ไม่อยากพบเจอในความเป็นจริงเท่าไหร่นกั
นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ว่าทาไมในตอนนี้ผมถึงได้เดินเตร่ไป
รอบๆ ด้วยเจตนาพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนัน้ เพราะว่า
นั่นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวตนภายในของผมเอง
ตั้งแต่รอบที่หนึ่งและรอบที่สอง มาถึงปัจจุบนั นี้ ผมได้ฆ่า
ผู้เล่นที่มีความผิดหนักหนาไปมากมาย และใน
ขณะเดียวกันก็เคยฆ่าผูเ้ ล่นที่ไม่มคี วามผิดใดๆ เลยอีก
ด้วย
เคยช่วยชีวิตเพื่อนของตัวเองไว้ได้ แต่ก็เคยเสียเพื่อนไป
มากมายอีกเช่นกัน
ด้วยกระบวนการเหล่านั้นที่ต้องประสบพบเจอ
ประสบการณ์ซ้าๆ ส่งผลให้เกิดบาดแผลฝังลึกภายในใจ
ที่ไม่สามารถลบออกไปได้
แต่เพื่อที่จะอดทนต่อบาดแผลฝังลึกเหล่านัน้ จึง
จาเป็นต้องค้นหาทางออกด้วยตัวเอง
อาจจะเป็นตัง้ แต่ตอนนัน้ มา
ขีดเส้นขึน้ มาหนึ่งเส้น แบ่งแยกขาวดาออกจากกัน และ
เริ่มเชื่อมโยงเหล่าผู้เล่นเข้ากับเครื่องมือเพื่อการใช้งาน
ปลูกฝังค่านิยมเช่นนั้นเอาไว้และใช้มันเป็นคติประจาใจ
ของตัวเอง เพื่อจะใช้ชวี ิตอยู่ในโลกของฮอลล์เพลนแห่ง
นี้
ตอนที่ผมกลับมารอบทีส่ องก็เช่นกัน ผมได้ตัดสินใจ
ตัง้ เป้าหมายอย่างแน่วแน่เอาไว้เพียงแค่อย่างเดียว
เท่านัน้
เป้าหมายคือการต้องมุ่งความสนใจไปแค่ทฮี่ ันโซยอง
และพี่ชายเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึน้ อะไรขึ้นก็จะไม่สนใจ
กล่าวอีกนัยหนึง่ ก็คือ เป็นความจริงว่าผมคิดกับผู้เล่นคน
อื่นให้เป็นเพียงวิธกี ารหนึ่งที่จะช่วยทาให้บรรลุเป้าหมาย
ที่ตั้งเอาไว้เท่านั้น
แต่ทว่าเมื่อวานนี้ ผมได้ช่วยชีวิตชินแจรยงเอาไว้
แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ผิด ผมเองก็
ไม่ได้ติดใจขัดแย้งกับอะไรกับผลลัพธ์ที่ตัวเองได้
ช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลย
แต่สิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาที่แท้จริงนัน้ อยูใ่ นขั้นตอนของ
การช่วยเหลือชินแจรยงต่างหาก
ในตอนนัน้
ปาฏิหาริยข์ องอันซลทีค่ ิดเอาไว้เป็นแผนที่เอาไว้ใช้รบั มือ
ไม่บรรลุผลสาเร็จ และตอนที่ได้ยนิ ว่าสมาชิกเผ่าของ
ตัวเองยังไม่สามารถกลับมาได้ ข้างในสมองก็คดิ อะไรไม่
ออกเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่สิ มีเพียงแค่ความคิดที่ว่า
จะต้องช่วยเหลือพวกเขาอย่างเดียวเท่านัน้
แต่ว่าไม่ควรทาอย่างนัน้ เลย

‘แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ต้องคิดด้วยเหตุและผล
มากกว่านีน้ ะครับ’
คาพูดของยูจีแทไม่ผิดเลย ควรจะคิดให้มากกว่านี้วา่ มี
คุณค่ามากเพียงพอจะช่วยชีวิตเอาไว้หรือไม่มี ก่อนทีจ่ ะ
ลงมือทาลงไป
แม้กระทั่งแต่ตอนที่ใช้อลี ิกเซอร์ก็ไม่มคี วามลังเลใจแม้
สักนิดเดียว

‘ผมจะไปช่วยสมาชิกเผ่าของผม ไม่เข้าใจหรือครับว่า
หมายความว่าอย่างไร’
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 19
_______________________________________
ใช่แล้ว เพราะตอนนั้นหมกมุ่นอยู่กบั ความคิดที่ว่า
จะต้องช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ให้ได้เลยไม่รวู้ ่าอาจจะมี
อนาคตที่แตกต่างออกไปอีกก็เป็นไปได้ อนาคตที่ดีที่สุด
สาหรับผม คือการประหยัดอีลิกเซอร์เอาไว้ได้และยัง
สามารถช่วยทั้งชีวิตของชินแจรยงเอาไว้ได้ด้วย
แต่ทว่าทางเลือกนั้นก็ให้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นการมีชวี ิต
รอดของชินแจรยงในสภาพที่ไม่คาดฝัน ในขั้นตอนการ
ช่วยเหลือทัง้ หมดหากมัวชักช้าลังเลแม้แต่นิดเดียว
อาจจะทาให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถจะย้อนกลับมาได้
ความรู้สกึ ขัดแย้งที่มาจากตรงนั้นทาให้ผมแทบจะบ้า
ตาย
เมื่อมาถึงตอนนี้ที่เรื่องราวทุกอย่างจบลงได้ดว้ ยดีแล้ว
ถึงได้รู้สึกว่าการกระทาของผมในตอนนัน้ แตกต่างกับ
ความตั้งใจที่ผมตั้งมั่นมาจนถึงตอนนี้อย่างสิน้ เชิง ใน
ที่สุดก็เผยช่องโหว่ออกมาจนได้
ผู้เล่นคนอืน่ อาจจะไม่คดิ อะไร และอาจจะปรบมือให้เสีย
ด้วยซ้า แต่สาหรับผมแล้ว มันเป็นความไม่สมเหตุสมผล
อย่างแรง เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ทาให้ผมสามารถ
อดทนอยู่ในนรกขุมนี้มาจนถึงตอนนี้ ได้พงั ทลายลงไป
เสียแล้ว
...ความจริงแล้วผมไม่เข้าใจเช่นกันว่าทาไมตัวผมถึงได้
เป็นเช่นนี้
ถ้าหากจะเลือกทาตัวแบบนี้แล้ว ทาไมถึงได้ไปทาทีว่า
ตัวเองดีเลิศมากมายต่อหน้าอันฮยอนถึงขนาดนั้น
“...เอ๊ะ?”
คิดนานไปหรือเปล่านะ
เมื่อได้สติกลับมา ก็รสู้ ึกกระหายน้าขึน้ กะทันหัน มี
ความรู้สกึ เวียนหัววนเวียนอยู่ที่หน้าผาก
คิดดูดีๆ แล้วตั้งแต่ออกมาจากเหมือง ก็ยังไม่ได้พักผ่อน
เต็มที่เลยสักครั้ง
“...เฮ้อ”
จะด่าใครได้ ความผิดผมทั้งนัน้
ถอนหายใจยาวออกมาโดยอัตโนมัติ จากนัน้ ในตอนที่
กาลังจะลุกขึน้ ก็เหมือนจะหน้ามืด
และในเวลานั้น
“เอ๊ะ?”
ความรู้สกึ หน้ามืดรุนแรงเพิ่มขึน้ อย่างไม่ทนั ตั้งตัว
อาการวิงเวียนศีรษะและความง่วงทีค่ บื คลานเข้ามา
อย่างกะทันหัน
แหมะ!
เกือบๆ จะพร้อมกันนัน้ มีของเหลวอุน่ ๆ ไหลลงไปตาม
ร่องเหนือริมฝีปากแล้วตกลงไปที่พนื้ ดิน
รอยเลือดที่แม้จะเล็กแต่แดงฉาน ใช้หลังมือปาดจมูกโดย
อัตโนมัติ รอยเลือดเปื้อนติดมือออกมา
ตอนที่เห็นแล้วว่าเป็นเลือดกาเดา ผมก็คดิ รู้สกึ เวทนา
สงสารตัวเองขึน้ มา ความรู้สกึ อึดอัดข้างในหัวใจอัดแน่น
ขึ้นมาราวกับน้าขึน้
“จริงๆ เลย…”
ด้วยความคิดว่าจะต้องทาให้อาการวิงเวียนศีรษะนี้ดีขนึ้
เสียก่อน ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นมาแล้วคลึงหน้าผากเอาไว้
“ทาไมเป็นอะไรแบบนีน้ ะ….”
และไม่สามารถทีจ่ ะเอาชนะความง่วงไปได้ จึงหลับตาลง
ทั้งอย่างนั้น

***
พระอาทิตย์ขนึ้ แล้ว
ตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆ ขึน้ ไปเกือบจะถึงกลางท้องฟ้า
และร่มเงาเริม่ เพิม่ มากขึ้น
ภายในเต็นท์ใหญ่ตั้งอยูก่ ลางค่ายพักแรม มีหญิงคนหนึ่ง
กาลังเปิดดูบนั ทึกอย่างช้าๆ หากดูเพียงแค่ภายนอก
ผู้หญิงที่มีอายุยี่สบิ กลางๆ คนนีก้ าลังถือหนังสือเอียงๆ
เอาไว้และอ่านไปทีละบรรทัดอย่างละเอียดรอบคอบ
แล้วค่อยๆ ใช้ขาไขว่หา้ ง
อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่มเี รื่องที่ต้องออกไปข้างนอก จึง
อยู่ในชุดสะดวกสบายที่เน้นทากิจกรรม ไม่ใช่เสือ้ เกราะสู้
รบ ทาให้ตน้ ขาขาวเกลีย้ งเกลานั้นถูกเปิดเผยออกมา
ใช่แล้ว หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอืน่ แต่คือฮันโซยองนัน่ เอง
สองวันก่อนฮันโซยองได้ประกาศสิ้นสุดการโจมตีของ
คณะเดินทางไกลทางใต้ไปแล้ว เพราะเหตุนนั้ จึงสามารถ
พูดได้ว่าการโจมตีในภาพรวมนั้นใกล้จะเสร็จสิน้ ลงแล้ว
แต่ก็ยังยากทีจ่ ะบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว จึงยังไม่ได้
ติดต่อไปยังแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ
การเริ่มต้นของคณะเดินทางทางเหนือซึ่งเป็นคณะ
เดินทางที่สาม จะต้องเป็นหลังจากที่เริ่มต้นการก่อสร้าง
ป้อมปราการแล้วเท่านัน้ และหากต้องการอยากจะทา
เช่นนัน้ จะต้องเสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมให้ได้ก่อนเป็น
อันดับแรก
แน่นอนว่างานในส่วนนัน้ ก็กาลังใกล้จะเสร็จแล้ว ได้
คัดเลือกแยกสถานที่สามสี่แห่งที่พอใช้ได้เอาไว้แล้ว ช้า
ที่สุดคงจะสามารถตัดสินใจได้จนถึงวันพรุง่ นี้
แต่แม้ว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้เรียบร้อยไปแล้ว ถึงอย่างนั้น
เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่สนิ้ สุดลง
ยังคงเหลืออีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทา เป็นเรื่องสาคัญมาก
ที่สุดที่อาจจะส่งผลกระทบไปทั้งคณะเดินทางของทางใต้
เลยก็ได้
นั่นก็คือการจัดการปัญหาเกี่ยวกับ ‘ผู้หลบหนี’
ไม่สิ ความจริงแล้วตามความคิดเห็นส่วนตัวของฮันโซ
ยอง ก็ไม่แตกต่างจากการลงโทษผู้ที่ทาความผิดแม้แต่
น้อย ทางฝ่ายตรงข้ามนั้น ได้ร้องขอการยกเว้นโทษไม่
เว้นในแต่ละวัน แต่ฮนั โซยองไม่มคี วามคิดทีจ่ ะปล่อย
เลยให้เรื่องผ่านไปง่ายๆ
โดยพื้นฐานแล้วอาจจะแตกต่างออกไปแล้วแต่
สถานการณ์ แต่การยกโทษให้กับผู้หลบหนีในฮอลล์เพ
ลนนัน้ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัตศิ าสตร์ และไม่ใช่การ
รับรู้ในด้านที่ดี การจบลงด้วยดีมากที่สุดคือถูกไล่ออก
จากกลุ่มในฐานะผู้เล่นโดยสมบูรณ์แบบ แค่นกี้ พ็ อจะเดา
ได้อยู่แล้วว่าการกระทานั้นร้ายแรงระดับใด
ตุบ
ฮันโซยองพิจารณาบันทึกอยู่ระยะหนึง่ ทันทีที่เปิดบันทึก
จนหมดทุกหน้าแล้ว ก็วางบันทึกเอาไว้บนโต๊ะ แล้วเท้า
คางด้วยมือข้างหนึง่ ใช้นิ้วชี้แตะที่แก้มเบาๆ ราวกลับ
กาลังคิดอะไรอยู่ แตะแก้มได้ทีสองทีก็ลุกขึ้นด้วยใบหน้า
เหมือนตัดสินใจได้แล้ว
จากนัน้ ฮันโซยองที่ออกจากเต็นท์ไป สถานที่ทกี่ าลังมุ่ง
หน้าไปในขณะนี้เป็นเต็นท์ของผูบ้ ังคับบัญชาอีกหลังซึ่ง
อยู่ใกล้ๆ กันนี้เอง
ฮันโซยองที่รู้สกึ ได้วา่ มีคนอยูข่ ้างในเต็นท์จงึ กระแอมสอง
ครั้งเบาๆ จากนัน้ ทาหน้าตกใจ แล้วก็หันตัวกลับไปยัง
ทิศทางของเต็นท์ตัวเอง
และหลังจากผ่านไปสามสิบนาที ฮันโซยองออกมาจาก
เต็นท์ ผมของเธอถูกมัดอย่างเรียบร้อยสวยงาม เป็นทรง
หางม้านัน่ เอง
หลังจากที่เตรียมตัว(?)เรียบร้อยแล้ว
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด”
ตอนที่ก้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะเปิดผ้าม่านเต็นท์เข้าไป
ข้างในนัน้ ฝีเท้าของฮันโซยองก็หยุดลงกะทันหัน แม้จะ
รู้สึกได้ว่ามีคนอยูข่ ้างในอยู่หนึ่งคนเหมือนเดิม แต่ผู้เล่น
ที่อยู่ภายในเต็นท์นนั้ ไม่ใช่คมิ ซูฮยอน
ผู้หญิงที่นั่งอยูบ่ นโต๊ะแล้วปรายตามองมาทางฮันโซยอง
ไม่ใช่ใครอื่นใดแต่เป็นราชินีแห่งเงามืด
เมื่อมองดูฮันโซยองที่ตวั แข็งทื่อไปแล้ว โกยอนจูก็ยมิ้
อย่างเหนื่อยอ่อนออกมา
“โอ๊ะ ตายแล้ว ผูบ้ ัญชาการทหาร มาทาอะไรที่นี่อย่าง
นั้นหรือคะ”
แต่ว่า
“แล้วยังแต่งตัวสวยงามขนาดนั้นอีก…เหมือนฉันจะเพิ่ง
เคยเห็นแบบนี้เป็นครัง้ แรกเลย”
ทั้งดวงตาที่เลิกขึน้ เล็กน้อยกับเสียงแหลมๆ
“อ้อ เมื่อกี้ก็มใี ครคนหนึ่งเดินมาข้างหน้าแป๊บนึง แล้วก็
เดินจากไป หรือว่าจะเป็นผูบ้ ัญชาการเหรอคะ”
ฮันโซยองที่คิดอยู่นานว่าบางทีตัวเองอาจจะเข้าเต็นท์ผิด
ก็ตั้งสติขนึ้ มาได้เพราะคาพูดนัน้ และจ้องมองโกยอนจูที่
ส่งสายตาราวกับจะยัว่ ยุมานั้นตอบกลับไปอย่างสงบนิง่
หลังจากนั้นฮันโซยองก็ปิดม่านเต็นท์แล้วเดินเข้าไปข้าง
ในอย่างช้าๆ แม้จะเป็นเพียงแค่ชว่ งระยะเวลาอันสั้น แต่
โกยอนจูที่ยิ้มด้วยดวงตาแปลกประหลาดอยูน่ นั้ ก็ขมวด
คิ้วเล็กน้อย
ราชินีทั้งสองที่เดินทางมาหาพระราชา ได้มาอยู่ ณ ที่
แห่งเดียวกันแล้ว
“ฉันมาเพราะมีเรื่องต้องการปรึกษาหารือกับเมอร์เซนต์
นารี่ลอร์ดค่ะ”
“อืม~ ปรึกษาหารือ? ก็ดีค่ะ แต่วา่ ทายังไงได้ละ่ คะ
ตอนนีไ้ ม่เห็นคุณเขาเลย”
“...คะ?”
“คุณเขาน่ะค่ะ คุณเขา พ่อบ้านของเรา ช่วงนี้ขา้ วปลาก็
ไม่ยอมทาน เอาแต่ไปโน่นมานี่อยู่ตลอดเลยค่ะ ดังนัน้ ฉัน
เลยมาหาเพื่อจะได้ทานข้าวเช้าด้วยกันเสียหน่อย แต่ดู
เหมือนว่าจะช้าไปก้าวหนึ่งเสียแล้วค่ะ ฉันรออยู่ตั้งนาน
แล้วก็ไม่เห็นกลับมาเลย”
โกยอนจูเคาะโต๊ะไปด้วยพร้อมกับพูดบ่นพึมพา
แต่ว่าน้าเสียงฟังดูน่าหมั่นไส้มากๆ แล้วยังมีคาว่า ‘คุณ
เขา’ ‘พ่อบ้านของเรา’ อีก
ฮันโซยองไม่ใช่วา่ จะไม่เข้าใจทั้งท่าทางและคาพูดของโก
ยอนจู เพราะว่าประสาทสัมผัสแรกเริ่มที่เปิดใช้งานแล้ว
ในตอนนีบ้ อกว่าคาพูดของโกยอนจูทุกคาเป็นคาพูดเพื่อ
การยั่วยุ หากให้พูดอย่างชัดเลยก็คงจะเป็น ‘กล้าดียังไง
ถึงมาทีน่ ี่’ หรือไม่ก็ ‘อย่าเข้ามายุ่งจะได้ไหม’ ประมาณ
นั้น
ความจริงแล้วในทางฝั่งของราชินีแห่งเงามืด หาก
ยกเว้นสถานะที่เป็นทางการแล้ว ไม่มีทางที่จะมี
ความรู้สกึ ดีๆ ต่อราชินแี ห่งเลือดและเหล็กได้
เป็นอย่างนัน้ ไม่ใช่หรอกหรือ ทุกครั้งทีพ่ บกับคิมซูฮยอน
ตั้งแต่ตอนแรก ก็มขี ่าวลือด้านชู้สาวออกมาอย่าง
มากมาย ในฐานะคุณผู้หญิงของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่แล้ว
ถ้าบอกว่ารูส้ ึกดีคงจะเป็นเรื่องโกหก
แน่นอนว่าต่อให้เป็นฮันโซยองก็ไม่ได้หมายความว่าจะ
ยอมรับและปล่อยผ่านคายัว่ ยุของโกยอนจูอย่างอารมณ์
ดีไปได้
ฮันโซยองยังคงทาหน้าตาไร้ซงึ่ อารมณ์อยูเ่ ช่นเคย และ
ได้แต่กาหมัดแน่น
ในที่สุดฮันโซยองก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ หันเข้าหา
โกยอนจูโดยไม่ร้องขอคาอนุญาตใด และพูดขึ้นมา
เงียบๆ
“นั่นเป็นคาที่เพิ่งได้ยนิ เป็นครัง้ แรกเลยนะคะ ไม่ค่อย
รับประทานอาหาร แล้วยังออกไปข้างนอกอีกงั้นเหรอ
คะ”
“ค่ะ~ ฉันนีน่ ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยใช่ไหมล่ะคะ เมื่อวาน
นี้ก็ดว้ ย อย่าว่าแต่หยุดพักเลยค่ะ ซ้ายังออกไปสารวจ
พื้นทีข่ ้างนอกอีกทั้งวันเลยนะคะ กับใครกันนะ
เหมือนว่าจะออกไปกับใครสักคนของเผ่าอีสตันเทลลอว์
ด้วยนะ...ยังไงซะ ก็เหมือนว่าจะใจร้ายมากเกินไปหน่อย
นะคะ”
แล้วโกยอนจูก็หลบสายตาไปเล็กน้อยก่อนจะเอามือม้วน
ผมที่คลออยู่ตรงหัวไหล่เป็นเกลียวพร้อมกับพูดไปด้วย
นี่ก็เป็นการยัว่ ยุอกี อย่างหนึ่ง แม้ว่าความหมายของ
คาพูดจะไม่มีปญ ั หาอะไร แต่เมื่อดูที่ทา่ ทางหรือว่า
น้าเสียงในการพูดนัน้ แล้ว กาลังเล็งเป้าไปที่ฮนั โซยอง
...หากพูดกันตรงๆ ไม่ออ้ มค้อม ก็คงจะหมายความว่า
อย่ามัวแต่สั่งอย่างเดียว ช่วยกรุณาดูแลสมาชิกเผ่าของ
ตัวเองให้ดดี ้วย
ฮันโซยองกัดฟันกรอดเบาๆ ในระดับที่ไม่สามารถได้ยิน
เสียง แล้วก็พูดออกมาอย่างสงบ
“เป็นเช่นนัน้ เองเหรอคะ แม้จะออกคาสั่งให้หยุดพักแต่ก็
ไม่ทาตามแบบนัน้ แล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าอาจจะ
เป็นปัญหาส่วนตัวก็ได้นะคะ”
“ก็ ถ้าว่าอย่างนั้นก็ใช่นะคะ”
“อย่างไรก็ตาม คุณอีจงฮักนั้น ฉันได้ว่ากล่าวตักเตือนไป
แล้ว คงจะไม่ก่อปัญหาซ้าเหมือนเมื่อวานอีกต่อไปแล้ว
ล่ะค่ะ”
“ขอบคุณเป็นอย่างมากเลยค่ะ”
โกยอนจูยกั ไหล่ขนึ้ ลง
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 20
_______________________________________
ในชั่วขณะนัน้ ฮันโซยองเบิกตาโพลงแล้วก็เอียงคออย่าง
สงสัย เผยให้เห็นสีหน้าอย่างหน้าตาเฉยแบบไม่ค่อย
ปรากฏให้เห็นมาก่อน
“แต่ว่าพอลองคิดดูแล้ว คุณคนนัน้ น่าสงสารนะคะ”
“คะ?”
“อ่า ก็แค่คิดน่ะค่ะ ถ้าหากว่ารู้สกึ ว่าทาตัวแปลกๆ ไป
แบบนัน้ แล้ว...ถ้าเป็นฉันก็คงจะห้ามปรามไปก่อนหน้านี้
แล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างไรก็อยู่เผ่าเดียวกันนี่คะ”
“....?”
“แล้วยังไม่ใช่คนที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อกี ด้วย หากว่า
คนที่เป็นถึงขัน้ คุณผู้หญิงเป็นคนพูดแล้ว ก็น่าจะฟังอยู่
บ้างนะคะ…”
“...หา?”
ในครั้งนี้โกยอนจูตอบกลับเสียงหลง
คาพูดของฮันโซยองไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร แต่ก็มี
โอกาสแตกต่างออกไปแล้วแต่การตีความของแต่ละคน
กล่าวอีกอย่างก็คือ หมายความว่า เธอนัน้ ที่เรียกว่า
‘คุณเขา’ หรือ ‘พ่อบ้านของเรา’ แต่กลับไม่สามารถ
คอยให้ความช่วยเหลือสามีได้อย่างนั้นหรือ
...เพราะเช่นจึงหมายความว่า ‘เธอใช่คุณผู้หญิงจริงๆ
หรือเปล่า’
“โฮะๆ โฮะๆๆ.... ซูฮยอนของเรามักมีด้านแบบนัน้ อยู่
เสมอล่ะค่ะ แต่เดิมแล้วจากภายนอกเป็นคนที่ไม่ชอบ
แสดงออก แต่ก็เป็นคนหัวดื้อรุนแรงทีเดียวเลยค่ะ หาก
คุณเขาได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะไม่กลับ
คาให้ยงุ่ ยากวุน่ วายค่ะ”
“อืม ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ฮันโซยองยักไหล่เหมือนกับที่โกยอนจูทาเมื่อสักครู่นกี้ ่อน
จะพยักหน้า รอยยิ้มทีป่ รากฏอยู่บนใบหน้าของโกยอนจู
ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ทาให้รู้สกึ ดีเอา
เสียเลย
ในตอนนัน้ เอง
“สวัสดีครับ! พี่! เช้าที่สดใส แข็งแรงเต็มที่!”
มีใครบางคนเปิดม่านออกกว้างแล้วเดินเข้ามาอย่าง
ทะมัดทะแมง ชายที่ถือหอกเอาไว้ในมือข้างหนึง่ คืออันฮ
ยอนที่ได้กาลังใจกับคืนมาเต็มที่หลังจากผ่านเมื่อคืนนี้
แล้ว
“หากถามว่าผมเป็นใคร ชื่อของผมคืออัน...”
แต่ทว่าอันฮยอนที่เดินเข้ามาในเต็นท์อย่างมีกาลังใจเต็ม
เปี่ยมนัน้ เมื่อมองเห็นผู้หญิงทั้งสองทีน่ ั่งอยูบ่ นโต๊ะ พลัง
กายและใจของเขาก็ขาดหายลงในทันที เหมือนมีพลัง
เย็นยะเยือกบางอย่างกาลังไหลเวียนรอบร่างกายอย่างไร้
ความปรานี
เมื่อมองดูหญิงทั้งสองทีก่ าลังจ้องตากันและกันอยู่ใน
ขณะนี้ ลางสังหรณ์ของอันฮยอนก็บอกเขาได้
อ่า อยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไม่มปี ระโยชน์อะไรสินะ
“...เอ่อ ผมขอตัวออกไปเลยแล้วกันครับ”
แม้ว่าจะหันหลังกลับในทันทีแล้วก็ตาม
“ตายแล้ว ฮยอนมาเหรอ”
“มือหอกจี้กง?”
เมื่อเห็นว่าเป็นแบบนัน้ ผู้หญิงทั้งสองคนก็รั้งอันฮยอน
ไว้
ลางร้ายเริ่มปรากฏ จ้องมองดูมา่ นทีป่ ิดลงแล้ว ภายใน
ใจอันฮยอนคร่าครวญร้องไห้ออกมา
แค่เพียงอีกก้าวเดียวเท่านัน้ ! เดินออกไปอีกก้าวเดียวก็
จะสาเร็จแล้ว!
“ฮยอนจ๊ะ เธอเห็นคุณเขาของฉันบ้างหรือเปล่า ท่านผู้
บัญชาการบอกว่ามีเรื่องอยากจะปรึกษา ‘อย่างเป็น
ทางการ’ หน่อยน่ะ”
โกยอนจูเน้นหนักคาว่าอย่างเป็นทางการมากเป็นพิเศษ
“คุณเขา? อ่า...พีเ่ หรอครับ ผมก็ไม่รเู้ หมือนกัน ผมก็มา
ที่นี่เพราะคิดว่าพี่อยู่ที่นเี่ หมือนกันครับ”
อันฮยอนหันกลับมาอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วตอบกลับ
ในทันที แล้วโกยอนจูกย็ ิ้มกว้างราวกับบอกว่าเขาทาได้ดี
มาก ตรงกันข้าม ดวงตาของฮันโซยองกลับหรีล่ ง
เล็กน้อย
“อ้อ สวัสดีครับ อีสตันเทลลอว์ลอร์ด”
ฮันโซยองพยักหน้าเบาๆ เพียงเท่านัน้ รับคาทักทาย
มีอะไรบางอย่างแปลกไป อันฮยอนรู้สึกได้ว่าจาเป็น
จะต้องระมัดระวังคาพูดของตัวเองขึ้นเสียแล้ว
ไม่สิ หากไม่ใช่อย่างนัน้ แล้ว…

‘เวลาสนทนากันได้ยาก ก็ให้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป
เสียเลย นัน่ คือวิธีการทีด่ ีที่สุด’

อันฮยอนคิดถึงการฝึกอบรมเรื่องจิปาถะอื่นๆ ทีค่ ิมซูฮ


ยอนสอนให้ แล้วก็มคี วามคิดดีๆ ก็เข้ามาในหัว
“อ้อๆ แล้วก็นะครับ เช้านีพ้ ี่เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”
“หืม? ไม่นี่ ไม่เห็นเลยไม่รู้ ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
อย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อะไรหรอกครับก็เมื่อวานนี้ ผมได้คุยกับพี่ชว่ งครู่
หนึ่ง…ดูเหมือนว่าพี่จะดูเหนื่อยๆ นิดหน่อยนะครับ”
“ทาไมล่ะ”
“ก็พี่พดู คนเดียวอยู่เรื่อยเลยว่าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
แล้วสีหน้าก็ยงั ไม่ค่อยดี…จะว่าอย่างไรดีนะ ดูพเี่ หงาๆ
แล้วก็เหนื่อยมากเลยครับ”
“...พูดว่าเหนื่อยออกมาเองเลยอย่างนัน้ เหรอ”
เป็นในตอนนัน้ เอง เพียงแค่พดู ออกไปเพื่อเปลีย่ นหัวข้อ
สนทนาเพียงเท่านัน้ จูๆ่ บรรยากาศก็เงียบงันลง
เมื่อออกตัวไปแบบนั้นแล้ว ชัว่ พริบตาอันฮยอนกังวลว่า
ตัวเองได้พูดอะไรผิดออกไป แต่ว่านัน่ ก็ไม่ใช่คาโกหกแต่
อย่างใด เขาจึงสลัดความคิดนัน้ ทิ้งไปด้วยความเร็ว
อย่างมากเสียด้วย
หลังจากนั้นชั่วครู่
“ไม่สบายใจเอาซะเลย”
โกยอนจูที่ทาหน้านิ่วคิ้วขมวดค้าโต๊ะแล้วลุกขึน้ ยืน
“ขอโทษนะคะท่านผู้บญ ั ชาการ ฉันคงต้องออกไปก่อน
แล้วล่ะค่ะ เหมือนว่าต้องออกไปตามหาซูฮยอนซะแล้ว
ค่ะ”
“...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพียงแค่คาพูดคนเดียว
อย่างที่มือหอกจี้กงพูดก็ได้นะคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ เมื่อสักครู่ฉันก็บอกไปแล้วนีค่ ะ คนนัน้ เป็นคน
ที่ชอบเก็บอะไรเอาไว้ขา้ งในใจและไม่ชอบแสดงออกมา
ภายนอกค่ะ ตั้งแต่ใช้ชวี ิตด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ เคยได้
ยินซูฮยอนพูดว่าเหนื่อยไม่ถึงสามครัง้ เลยด้วยซ้าค่ะ”
“...”
โกยอนจูพูดอย่างนั้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย กัดเล็บ
มือพร้อมจิป๊ ากอย่างไม่พอใจ
“อย่าบอกนะว่าจะเป็นลมหมดสติไปเหมือนเมือ่ ก่อน
เพราะว่าฝืนทางานหนักมากจนเกินตัว คิดว่ารักษาจน
หายขาดไปแล้วเสียอีก...จิ๊”
“...คะ?”
และในตอนที่ได้ยนิ เสียงบ่นพึมพาพูดออกมานัน้ ฮันโซ
ยองก็ลกุ ขึน้ เช่นกัน
เกินตัว?
สลบ?
ความจริงแล้วไม่มีอะไรให้ต้องย้อนถามอีก ประสาท
สัมผัสแรกเริ่มกาลังบอกอยู่แล้วว่าคาพูดของโกยอนจูนั้น
เป็นความจริง
“อย่างไรซะ อันฮยอน นายไปที่ศนู ย์พกั ฟืน้ ผู้บาดเจ็บดู
นะ ส่วนฉันจะไปสารวจตั้งแต่ป้อมยามทางประตูฝั่งใต้”
“ครับๆ”
เมื่อโกยอนจูออกคาสั่ง อันฮยอนก็ตอบรับในทันที แล้วก็
ออกจากเต็นท์ไปอย่างรวดเร็วราวกับกาลังวิ่งหนี
ในที่สุดโกยอนจูก็หันหลับมามองฮันโซยอง
“แล้วก็…”
“ฉันก็จะออกไปตามหาด้วยคนค่ะ”
ฮันโซยองก็ตอบกลับในทันทีเช่นกัน
โกยอนจูทาเสียงออกมาราวกับไม่พอใจ แต่ในทีส่ ุดก็
พยักหน้ารับจนได้
ราชินีทั้งสองที่คิดตรงกันเป็นครัง้ แรกเช่นนั้นเดินออกไป
จากเต็นท์พร้อมกัน เพือ่ ไปรับพระราชาที่อาจจะสลบอยู่
ที่ไหนสักแห่ง...ไม่สิ ไปตามหา
แล้วอันฮยอนก็ไปยังศูนย์ดูแลผู้บาดเจ็บ โกยอนจูไปยัง
ด่านทางใต้
แต่ว่าคนที่สามารถเจอคิมซูฮยอนได้เป็นคนแรก กลับ
กลายเป็นฮันโซยองที่ออกเดินทางช้าที่สุด
เหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะหากว่าอันฮยอนและโกยอนจู
ไปยังสถานที่ที่คมิ ซูฮยอนน่าจะไปแล้ว ฮันโซยองก็ใช้
ประสาทสัมผัสแรกเริม่ เพื่อตามรอยของคิมซูฮยอนไป
นั่นเอง
ในตอนแรกไปยังด่านทางเหนือ ระหว่างนั้นก็ไปยังศูนย์
ดูแลผู้บาดเจ็บ แล้วก็กลับออกไปจนถึงยังชายแดนของ
พื้นที่ดา้ นตะวันตก
ใช้เวลาไม่ถึงยีส่ ิบนาทีเลยด้วยซ้าในการที่ฮนั โซยอง
พบคิมซูฮยอนทีน่ ั่งอยู่บนรัว้
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด...!”
ด้วยความคิดที่วา่ ตัวเองสามารถตามหาเจอได้เร็วกว่าที่
คิด และคิดว่าตัวเองชนะแล้ว(?) ฮันโซยองเรียกคิมซูฮ
ยอนด้วยเสียงสูงเล็กน้อย
แต่ไม่เห็นมีปฏิกริ ิยาตอบรับอย่างไรเกิดขึน้ แม้แต่น้อย
ฮันโซยองไม่ได้ซ่อนตัวเองเอาไว้เลยด้วย หากเป็น
เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะต้องเห็นปฏิกริ ิยาตอบรับก่อนที่
จะเข้าไปใกล้เสียด้วยซ้า เช่นนั้นแล้วคิมซูฮยอนยังคงนั่ง
อยู่บนรัว้ เช่นเดิมไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
เมื่อมองดูดีๆ แล้วศีรษะก็ก้มลงไปต่าอย่างมาก…
หรือว่าจะงีบหลับอยู่หรือเปล่านะ
ฮันโซยองคิดเช่นนั้นแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ให้เบา
ที่สุด
แต่ทว่า ตอนที่เดินเข้าไปยืนอยู่ขา้ งๆ คิมซูฮยอนแล้ว
คิ้วของฮันโซยองถึงกับเลิกขึน้ เล็กน้อย กลิ่นคาวเลือดส่ง
กลิ่นคลุ้งเสียดแทงเข้ามาในจมูก ต่อจากนัน้ ในตอนที่
เห็นรอยเลือดขนาดใหญ่อยู่ที่พนื้ ดิน ตาทัง้ สองของฮันโซ
ยองก็เบิกโตขึน้ ราวกับไข่ห่าน
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด? เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด!”
และเรียกด้วยน้าเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรน และใน
ตอนที่จบั ไหล่ที่ตกอยู่นนั่ เอง
“อ่า…”
คิมซูฮยอนเอนกายลงมาช้าๆ
ไปยังอ้อมกอดของฮันโซยอง
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 21
_______________________________________
สัมผัสนุ่มนวลบางอย่างกาลังลูบใบหน้าเบาๆ ผมที่ตื่น
ขึ้นมาเพราะสัมผัสนุม่ นวลนัน้ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
มองเห็นท้องฟ้ามีพระอาทิตย์ที่อีกไม่นานก็จะลอยขึ้นไป
กลางท้องฟ้าและหมู่เมฆที่ล่องลอย และใบหน้าของใคร
บางคนที่รบั แสงแดดพลางส่องแสงสีขาวอย่างนุ่มนวล
ออกมา
ไม่รู้วา่ เป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เพราะยังคง
งัวเงียอยู่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็รวู้ ่าใครคนหนึ่งทีก่ าลัง
มองดูผมและหันหลังให้ท้องฟ้านัน้ เป็นใคร คนที่กาลัง
ลูบแก้มผมอยู่ในตอนนี้ คนที่มีเส้นผมสีดาเป็นประกาย
แวววาวน่าดึงดูดเช่นนี้...คือฮันโซยองอย่างแน่นอน
แต่ว่าทาไมฮันโซยองถึงมาได้มาอยู่ตรงนี้ ตอนเช้ามืดผม
ยังเดินเตร็ดเตร่ไปมาเพียงคนเดียวอยู่เลย...
อ้า หรือว่าจะเป็นความฝัน เพราะเป็นความฝันอย่างนั้น
เหรอ
ใช่แล้วล่ะ ต้องเป็นความฝันแน่นอน
ถ้าไม่ใช่ ฮันโซยองคงไม่มีทางที่จะปรากฏตัวออกมาทา
ให้ตกใจเล่นแบบนี้หรอก เพราะช่วงนีก้ ็มีงานยุง่ มากเสีย
ขนาดนัน้ อยูด่ ้วย
ใช่แล้วล่ะ เป็นความฝันสินะ
หลังจากสิน้ สุดความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นไปได้ยากใน
เวลาอันสัน้ แล้ว ผมก็สามารถสรุปได้วา่ สถานการณ์
ในตอนนีค้ ือความฝัน ปรากฏการณ์เช่นนีเ้ รียกว่าอย่างไร
กันนะ เดจาวู? ไม่สิ ไม่ใช่…
อ้า ลูซิดดรีม หรือว่าฝันแบบรู้ตัวหรือเปล่านะ…
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็รสู้ ึกดี ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเพียง
ความฝันก็ตาม แต่ความฝันแบบนี้ยินดีที่จะฝันเสมอไม่
ว่าเมื่อไหร่ ไม่นานมานี้ ภายในใจรู้สกึ ไม่ดกี ับหลายเรื่อง
มามากแล้ว พอได้ฝนั ถึงความฝันทีช่ ่วยฮีลลิง่ ความรู้สึก
แบบนี้แล้ว อยู่ๆ ก็รู้สกึ ดีขึ้นมาทันที
ฮันโซยองที่อยู่ในความฝันไม่ได้พูดอะไรสักคา ราวกับ
เทพธิดาที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า…
อืม ไม่ชอบทูตสวรรค์
ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับเอลฟ์…
เอลฟ์ก็ไม่ชอบอยูด่ ี
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังปิดปากเงียบและมองลงมาเพียง
เท่านัน้ เมื่อจ้องตากันและกันอย่างนั้นได้ชวั่ ครู่ ก็รู้สกึ ถึง
ความกล้าที่เพิม่ ขึน้ มาทีละน้อย คิดดูแล้วหากว่า
สถานการณ์ในตอนนี้คอื ความฝันแล้วจะทาอะไรต่อมิ
อะไร(?)ก็คงได้...ไม่สิ ไม่ได้!
...เฮ้อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้าจะพูดอะไรออกไปก็คง
จะไม่เป็นอะไร
อย่างเช่นคาที่ยงั ไม่ได้พดู ให้ได้ฟงั หลังจากพบกันอีกครัง้
ไม่สิ คาที่ต้องเก็บเอาไว้ในใจและพูดออกไปไม่ได้
เหล่านัน้
แคลนลอร์ด รู้อะไรไหมครับ
คิดถึงมากครับ
ผมบอกว่าคิดถึงมากจริงๆ ครับ
ต่อจากนี้ไปผมจะปกป้องคุณเองครับ
อ้า พูดออกไปแล้ว
เพราะไม่ได้เรียกฮันโซยองว่าแคลนลอร์ดมานานแล้ว
แม้จะรู้สกึ ขัดเขินเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พูดออกไปแล้ว
คาพูดที่นา่ อับอายอย่างมากเหล่านัน้ วันนี้พดู ออกไปได้
เยอะมากกว่าทุกวัน เพราะว่าเป็นความฝันหรือเปล่านะ
ฮ่าๆ
คิดๆ ดูแล้ว รู้สึกสบายหัวเป็นอย่างมากตั้งแต่เมื่อครูน่ ี้
แล้ว เป็นความรูส้ ึกราวกลับว่ากาลังหนุนอะไรบางอย่าง
นุ่มนิ่มแสนอบอุน่
ความรู้สกึ ที่ส่งมาถึงบริเวณรอบๆ คอ อบอุ่นเป็นอย่าง
มาก ผมหลับตาลงอีกครั้ง แล้วพลิกตัวกลับไปนิดนึง
จากนัน้ ในครั้งนี้รสู้ ึกเหมือนว่าจมูกฝังลงไปที่ไหนสักแห่ง
แล้วกลิน่ หอมก็ฟุ้งออกมา แล้วยังมีความรูส้ ึกอันนุม่ นวล
ที่กาลังลูบศีรษะของผมอย่างช้าๆ อยู่ในตอนนี้
อ้า ที่นคี่ ือสวรรค์สนิ ะ
ขอบคุณนะครับ แคลนลอร์ด
“ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ในตอนนัน้ เอง เสียงที่ได้ยินขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทาให้
ผมหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงทั้งอย่างนัน้ และ
ความเงียบที่เกิดขึน้ ต่อจากนัน้ ทาให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ
เป็นอย่างมาก ผมค่อยๆ ลองพลิกตัวออกจากสภาพนัน้
“ไม่มีอะไรต้องขอบคุณหรอกค่ะ…ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ที่ขัดขึน้ มาระหว่างที่อารมณ์ดเี ป็นอย่างมาก ช่วยหัน
ศีรษะกลับไปทางเดิมจะได้ไหมคะ หรือไม่ก็หมุนไปทิศ
ทางตรงข้ามกันเลยก็ได้ค่ะ”
เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อน นี่หมายความว่ายังไงกันแน่
“เอาจมูกฝังลงไปตรงนัน้ ค่อนข้างจะ...เป็นจุดทีอ่ ่อนไหว
หน่อยนะคะ…”
ในตอนนัน้ เอง ผมก็ได้สติกลับคืนมาอย่างแจ่มชัด
ผมลืมตาขึ้นในทันที จากนัน้ จึงมองขึน้ ไปข้างบน ก็
มองเห็นใบหน้าของฮันโซยองที่กาลังจ้องมองลงมาที่ผม
ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
...เดี๋ยวก่อน
“...เหมือนว่าจะยังตื่นไม่เต็มตานะคะ”
ตายแล้ว ตายแน่ๆ
คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่างเดียว แม้ว่าจะตั้งใจพยุงตัว
ลุกขึน้ โดยสัญชาตญาณแล้วก็ตาม แต่ฮนั โซยองก็ใช้มือ
วางไว้ที่หน้าผากของผมเบาๆ และกดลงไปอย่าง
ง่ายดาย กาลังจะบอกว่าให้อยู่เฉยๆ อย่างนัน้ หรือเปล่า
นะ
“ชาระล้าง”
แล้วจากนั้นตอนที่ฮนั โซยองร่ายคาถาออกมา ความสด
ชื่นจากข้างในก็พุ่งออกมา วนเวียนไปทั้งตัวทุกซอกทุก
มุม ทาให้ร่างกายบริสุทธิ์ขึ้นมา ความรู้สกึ กระหายที่
สะสมมานานมลายหายไป ผมรู้สึกว่าพลังที่เข้ามาเต็มที่
ค่อยๆ คลายลงไปอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นช่วงครู่ ฮันโซยองที่ร่ายคาถาจบแล้ว ค่อยๆ
ปรายตามองมาที่ผม
“ตอนนีร้ ู้สึกดีขนึ้ หรือยังคะ”
“ครับๆ ไม่เป็นไรแล้วครับ ดีขนึ้ มากๆ เลยครับ”
“โล่งอกไปทีนะคะ”
“คะ ครับ โล่งอกไปทีครับ”
ตอนนี้ผมกาลังพูดอะไรอยู่กันนะ ผมเองก็ไม่มั่นใจ
เหมือนกัน ไม่สิ ก่อนอืน่ นอนหนุนต้นขาต่อไปอย่างนี้ไม่
เป็นไรจริงๆ งั้นเหรอ
ความคิดทีว่ ่า ‘กล้าดียังไง’ แวบเข้ามาในความคิด แต่
ว่าผมก็ไม่สามารถที่จะพยุงตัวเองลุกขึ้นได้ รู้แล้วว่า
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แม้จะเป็น
เช่นนัน้ ก็ยงั รูส้ ึกเหมือนกับอยู่ทา่ มกลางความฝันอยู่ดี
อบอุ่นสบายใจจนรู้สึกขนลุกเหมือนจะบ้าตาย รู้สึกถึง
ขนาดต่อให้ตายไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร
เวลาผ่านไปในสภาพนีอ้ ีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง รูส้ ึกได้ถงึ
ความหนักอกหนักใจจากการที่ฮนั โซยองจ้องมองอยู่
ใกล้ๆ ไปทั่วทั้งร่างกายสลับไปมาอย่างนัน้ แล้วฮันโซ
ยองก็เผยอริมฝีปาก
“ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแคลนลอร์ดนัง่ อยู่ที่รวั้ อยู่ดๆี ก็ล้มลง
มาและฉันก็เป็นคนรับเอาไว้ได้ค่ะ”
“รู้ได้ยังไงหรือครับ”
“ฉันเป็นคนหาจนเจอแต่ว่า...ก็ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จาก
สมาชิกเผ่ามอร์เซนต์นารี่ดว้ ยค่ะ โดยเฉพาะราชินีแห่ง
เงามืดได้เล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟังด้วยล่ะค่ะ”
“โกยอนจูเหรอครับ”
“ค่ะ”
“...”
“...ทาไมถึงได้ทาอย่างนั้นล่ะคะ”
“ครับ…?”
จู่ๆ เสียงของฮันโซยอก็สงบลงอย่างมาก ผมปิดปาก
เงียบลงไปโดยไม่รู้ตวั
จากนัน้ คาพูดของฮันโซยองที่พูดต่อมา เธอกาลังพูดถึง
การกระทาของผมหลังจากที่โจมตีเหมืองเสร็จสิ้นลง ไม่
ว่าจะเป็นการเข้าไปยุง่ กับทีมสารวจพืน้ ที่ หรือจะเป็น
การไม่ทานอาหารเท่าทีค่ วรจะทานและอื่นๆ แม้กระทั่ง
คาพูดที่บอกว่าเหนื่อยที่บ่นออกไปโดยไม่ตงั้ ใจให้อันฮ
ยอนได้ยนิ เจ้าหมอนัน่ ทาไมถึงได้พูดแม้กระทั่งเรื่องนี้
ออกไปกันนะ
“พอฉันถามว่าทาไมถึงไม่ห้าม ราชินีแห่งเงามืดก็พดู
แบบนี้ค่ะ เธอบอกว่าต่อให้ห้ามไปก็ไม่ใช่คนทีจ่ ะฟังคา
ห้ามนัน้ ”
คาพูดแต่ละคาทิ่มแทงลงกลางใจราวกับมีดสัน้
โดยเฉพาะน้าเสียงแกมตาหนิที่มีอยูใ่ นคาพูด ทีช่ ่วย
เตือนสติว่าผมได้ล้มเหลวในการดูแลร่างกายตัวเอง
ความจริงที่วา่ ไม่ใช่ใครคนอืน่ แต่เป็นฮันโซยองที่จับเรื่อง
นั้นได้ชา่ งน่าอับอายเหลือเกิน ผมได้แต่หน้าแดงขึ้นมา
ด้วยความอับอาย
หลังจากนั้น ฮันโซยองหยุดพูดลงชัว่ ครู่ แล้วถอนหายใจ
ออกมาเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า ใน
ระหว่างนัน้ เส้นผมที่ถูกลมพัดผ่านไปดูสวยงามมาก
ยิ่งขึน้ ดูแล้วผมน่าจะป่วยหนักเอาการ
“ตาแหน่งแคลนลอร์ดเป็นตาแหน่งที่ได้รบั ความเคารพ
นับถือจากสมาชิกในเผ่าค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าเมอร์
เซนต์นารี่ที่ทุกอย่างโฟกัสมาที่เมอร์เซนต์นารีล่ อร์ดก็ยิ่ง
เป็นอย่างนัน้ มากขึ้นไปอีกค่ะ แม้จะแตกต่างจากเผ่าอี
สตันเทลลอว์ออกไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
อยากจะตาหนิโครงสร้างของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่หรอกนะ
คะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่แคลนลอร์ดก็มกั จะออก
หน้ารับผิดชอบอยู่เสมอ”
เสียงของฮันโซยองต่อเนื่องกันไปอย่างไพเราะราวกับ
กาลังร้องเพลง
“ทั้งในอดีตและในตอนนี้ เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ดได้ยืนยัน
อย่างชัดเจนแล้วว่ามีคณ ุ สมบัติและความสามารถ
เพียงพอค่ะ ดังนัน้ จึงได้มีเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ในตอนนี้
ฉันก็เป็นเช่นนัน้ เหมือนกันค่ะ ในครั้งนี้เพราะความมี
ชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังของเมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด การ
โจมตีที่เคยคิดว่าคงจะทาได้ยากสุดท้ายแล้วก็จบลงด้วย
ความสาเร็จในที่สุดค่ะ…แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นแบบนัน้ ก็
ตาม”
แล้วสายตาที่มองขึน้ ไปบนท้องฟ้าจู่ๆ ก็มองลงมาจ้อง
มองผม
“ในฐานะที่เป็นแคลนลอร์ดเหมือนกัน คงไม่สามารถที่
จะยอมรับเมอร์เซนต์นารี่ลอร์ดที่ทาอะไรตามอาเภอใจ
แบบนี้ได้ค่ะ”
สิ้นสุดคาพูดนั้นเพลงของฮันโซยอง ไม่สิ เรื่องที่พูดก็จบ
ลง
“...”
และผมก็ค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ
ผมที่ถูกติดฉลากว่าเป็นแคลนลอร์ดของเผ่าแรงก์เอสยัง
ต้องได้ฟงั คาพูดเช่นนี้อยู่อีก แล้วก็คดิ ได้วา่ เส้นทาง
ข้างหน้าคงอีกยาวไกล
แต่ว่าก็ไม่ได้รสู้ ึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่คนอืน่ ไกลแต่
เป็นคนที่ผมใฝ่ฝันอยูข่ ้างในส่วนลึกของจิตใจเป็นคนพูด
คิดว่าเป็นการเรียนรู้อีกอย่างหนึง่ ด้วยซ้าแล้วก็ยิ้ม
ออกมาเอง
“รู้สึกไม่ดีหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ก็แค่…”
“...?”
“...ขอบคุณครับ”
แล้วก็
“แล้วก็ขอโทษด้วยครับ…”
ผมส่ายหน้าไปด้วยถึงสามารถขอโทษด้วยความจริงใจ
ได้
ความเงียบงันเข้ามาอย่างกะทันหัน ผมกาลังยิม้ และ
ถึงแม้จะมองไม่เห็นเพราะหลับตาอยู่ แต่ก็มีความคิด
อย่างหนักแน่นที่วา่ ฮันโซยองก็กาลังยิ้มอยู่เช่นกัน
หลังจากนั้นชั่วครู่ รู้สกึ ได้ถึงสัมผัสที่ลบู ไล้อยู่กลางศีรษะ
ราวกับเป็นการอนุญาตอะไรสักอย่างว่าอยู่แบบนีต้ ่ออีก
สักหน่อยก็ไม่เป็นไร ผมจึงผ่อนคลายร่างกายลงทั้งหมด
อย่างวางใจและ…
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณ”
แล้วก็ฝากร่างกายไปกับความง่วงทีค่ ่อยๆ คลืบคลาน
เข้ามา
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 22
_______________________________________
วันต่อมา
เช้าอันเงียบสงบแสนสวยงามที่มองไม่เห็นเมฆแม้แต่
ก้อนเดียวสว่างขึน้ แล้ว
แต่ทว่าเต็นท์ที่ผมใช้งานอยูน่ ั้นไม่เงียบแม้แต่น้อย เพราะ
ข่าวการกาหนดพืน้ ที่การก่อสร้างป้อมปราการได้
แน่นอนแล้วในที่สุด พร้อมกันกับที่ชนิ แจรยงและเฮเล
น่าที่อยูศ่ ูนย์ดูแลผู้บาดเจ็บกลับมาแล้วในเช้าวันนี้
ประจวบเหมาะกับที่ผมก็มีเรื่องอยากจะพูดด้วย จึงได้
เรียกรวมสมาชิกเผ่าทุกคน รวมไปถึงทั้งสองคนมา
รวมกัน เป็นเพราะว่าหนึ่งคนสองคนเริ่มเข้ามากันแล้ว
จึงมีเสียงดังเอะอะดังเข้ามาในหูเต็มไปหมด
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเหตุนั้นเพียงอย่างเดียว
“พี่สาวของฉัน ไม่สิ เป็นของขวัญที่แคลนลอร์ดส่งมาให้
ค่ะ!”
ในตอนที่บอกให้สมาชิกเบาเสียงลงหน่อยและกาลังจะ
พูดขึน้ นั้น พัคดายอนของเผ่าอีสตันเทลลอว์ก็เข้ามา
อย่างกะทันหัน แล้วอยูๆ่ ก็บอกว่ามีของขวัญให้ และยื่น
ขวดที่มขี องเหลวประกายสีมว่ งอยูข่ ้างในมาให้

[ยาวิเศษ Te-amo แห่งอีสคราท]


เป็นหนึ่งในยาวิเศษทีน่ กั เล่นแร่แปรธาตุโบราณอีสคราท
ผลิตขึ้นมาจากด้วยความยากลาบากเพื่อรักษาหญิงผู้
เป็นที่รักและถวิลหาซึง่ เจ็บป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา
หาย ผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาและด้วยความ
ผิดพลาดในขัน้ ตอนการดูแลรักษา แม้จะไม่สามารถให้
ผลลัพธ์ได้เทียบเคียงกับยาอายุวฒ ั นะในสมัยก่อนได้ แต่
ทว่าประสิทธิภาพทางการรักษานัน้ ยังคงเหลืออยู่ ผู้เล่น
ที่รับประทานยาเข้าไป เลือดในกายจะไหลเวียนดีขนึ้
ในทันที พลังกายไหลเวียนไปทั่วร่างกาย และหลังจาก
นั้นก็จะค่อยๆ กลับมาสุขภาพร่างกายแข็งแรงดังเดิม

ในตอนที่อ่านข้อความที่แสดงข้อมูลออกมาบนอากาศ
นั้น ผมก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก การบุกโจมตีและการ
ป้องกันอีสคราทเป็นหนึง่ ในโบราณสถานที่ผมเป็นคน
แนะนาให้ฮนั โซยองเมื่อสองปีก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็น
รางวัลที่ได้รับจากที่นนั่ แล้วทาไมถึงเอามาให้…
“ขอโทษครับ ผู้เล่นพัคดายอน”
“ค่ะ รีบทานเข้าไปเลยค่ะ”
“ครับ ครับ? ไม่ใช่อย่างนั้นครับ รางวัลอันมีค่ามากมาย
ขนาดนี… ้ ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบๆ ทานเข้าไปเลยค่ะ แคลนลอร์ดของ
ฉันบอกว่าอย่าคิดกลับมาเป็นอันขาดหากว่ายังไม่ได้เห็น
มอร์เซนต์นารีล่ อร์ดดื่มยาเข้าไปเสียก่อน ฉันต้องเอา
หลักฐานเป็นขวดเปล่ากลับไปด้วยนะคะ”
แม้อยากจะพูดว่าอย่ามาโกหกหน่อยเลย แต่วา่ เมื่อ
มองดูใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนหวานของพัคดายอนแล้วก็
ไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้
“รีบทานเร็วค่ะ ต้องรีบประชุมไม่ใช่หรือคะ”
“...”
ให้ตายเถอะ
สุดท้ายแล้วผมแสร้งทาเป็นว่าเอาชนะสายตาของทุกคน
รวมทั้งสายตาของพัคดายอนไปไม่ได้ และต้องดื่มน้ายา
เข้าไปจนหมดขวด
หลังจากนั้นพัคดายอนก็เอาขวดเปล่ากลับไปจริงๆ แล้ว
ยังกล่าวลาด้วยคาว่า “ขอบคุณค่ะ” ก่อนจะโค้งคานับ
ให้ และก่อนทีจ่ ะออกไปจากเต็นท์ก็บน่ พึมพาคนเดียวว่า
“นี่แหละถึงจะเป็นแรงสนับสนุนจากภรรยาของแท้
โฮะๆ”
เอ๊ะ? นัน่ หมายความว่าอย่างไรกันแน่
“โฮะๆ จะเล่นแบบนีเ้ หรอ”
แม้จะได้ยนิ เสียงกัดฟันกรอดๆ จากที่ไหนสักแห่งดังเข้า
มา ผมกระแอมไอในลาคอเล็กน้อยก่อนทีจ่ ะหันไปมอง
สมาชิกเผ่า
“เอาล่ะ ตอนนี้เหมือนว่าทุกคนจะมากันหมดแล้ว…?”
ในตอนนัน้ เอง สายตาก็มองไปเห็นโกยอนจูที่ทาแก้ม
ป่องโดยไม่รสู้ าเหตุ ไม่สิ หญิงสาวเกือบทั้งหมดกาลังทา
สีหน้าไม่ค่อยพอใจอยู่ในตอนนี้ พวกผู้ชายก็กาลังจ้อง
มองผมด้วยสายตาแปลกประหลาด
...คนพวกนี้
จู่ๆ ดูเหมือนว่าบรรยากาศกาลังจะเป็นไปในทางที่ไม่
ค่อยดีนัก…
แปะๆ!
เมื่อปรบมือขึน้ สองครัง้ เพื่อเป็นการเรียกความสนใจของ
ทุกคนมาที่ผม ทุกคนก็ตั้งสติได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผม
กระแอมไอในลาคอเบาๆ ก่อนจะพูดขึน้
“เหมือนว่าจะนานแล้วนะครับที่ทุกคนไม่ได้มารวมตัว
กันแบบนี”้
พูดเช่นนัน้ แล้วแม้ว่าสมาชิกเผ่าส่วนใหญ่จะทาหน้าตา
สงสัยตอบกลับมาก็ตาม แต่ว่าสมาชิกส่วนหนึ่งก็ยิ้ม
ออกมาอย่างมีความหมายลึกซึง้ คนเหล่านัน้ คือผู้เล่นที่
เข้าร่วมในการโจมตีเหมืองนัน่ เอง
เรียกว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพหรือเปล่านะ เพราะว่า
เรื่องราวต่างๆ ที่ต้องประสบในตอนนั้นไม่นา่ เบิกบานใจ
เป็นอย่างยิ่ง จึงทาให้ความรู้สึกทีร่ ับรู้ต่อการเดินของ
เวลาในเชิงเปรียบเทียบช้าลงไปอีก
อย่างไรก็ตาม
“ถ้าเช่นนั้น ก่อนที่จะเข้าเรื่องราวอย่างเป็นทางการของ
วันนี้ ก่อนอืน่ …”
หยุดพูดลงชัว่ ครู่ แล้วหันไปมองผู้เล่นสามคนทีน่ ั่งเป็น
กลุ่มก้อนที่อยู่มมุ หนึ่งตามลาดับ อันฮยอน ชินแจรยง
เฮเลน่า ในสามคนนัน้ ชินแจรยงกาลังจ้องมองผมด้วย
สายตาตะขิดตะขวงใจเป็นอย่างมาก
“ทาไมถึงได้จ้องมองผมด้วยสายตาแบบนัน้ ล่ะครับ ผู้
เล่นชินแจรยง”
“เอ่อ...ก็นะครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เมื่อถามออกไปอย่างเจาะจงชื่อแล้ว ชินแจรยงก็ตอบ
กลับราวกับว่ากาลังรออยู่ แม้ว่าพอจะรู้อยูเ่ ล็กน้อยว่า
ทาไมถึงได้เป็นเช่นนัน้ ก็อยากจะล้อเล่นสักหน่อย และ
พูดต่อไปด้วยหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“อืม? ไม่เป็นไรงัน้ เหรอครับ”
“คากล่าวต้อนรับน่ะครับ วันนี้ตั้งแต่เช้าเหมือนว่าจะได้
ฟังมาหลายสิบรอบแล้ว… ต้องฟังเพิ่มอีกรู้สกึ เขินไป
หน่อยน่ะครับ”
“ฮ่าๆ”
“แค่ แค่อยากจะให้ข้ามไปเลยก็ได้ครับ…”
คาสุดท้ายแผ่วเบาลงแล้วเกาหัวแกรกๆ เมื่อมองดูชนิ
แจรยงแล้ว ผมก็ยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้วา่ เพราะเหตุใด
เมื่อเช้าตอนบังเอิญพบกับสมาชิกเผ่าทัง้ หลาย ก็ถูกพวก
เขาโห่ร้องต้อนรับกันอย่างมากมาย ดูเหมือนว่าจะรูส้ ึก
ลาบากใจเป็นอย่างมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม อันฮยอนแล้วก็เฮเลน่าที่ดูเหมือนจะไม่ได้
ไม่พอใจอะไรก็ยังคงอยูใ่ นความสงบเงียบไม่
เปลี่ยนแปลง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยอมรับคาขอร้องของ
ชินแจรยง
“แต่ถึงอย่างไร ถ้าจะผ่านไปเฉยๆ ก็น่าเสียดายนะครับ...
อย่างไรทั้งสามท่านก็ทาได้ดีมากๆ ครับ”
แม้จะคิดถึงคาว่า ‘ทาเรื่องยิ่งใหญ่’ และ ‘ต้องเหนื่อย
ยากกันอย่างมาก’ ขึ้นมาก่อน แต่รสู้ ึกว่าทั้งสองคาไม่เข้า
กับสถานการณ์เท่าไหร่นัก จึงเลือกทีจ่ ะพูดคาที่
เหมาะสมและเป็นกลางออกไป
แปะๆ
เสียงปรบมือแสดงความยินดีทรี่ อดชีวิตกลับมาและ
สุขภาพร่างกายกลับมาเหมือนเดิมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่เสียงปรบมือจบลง ภายในเต็นท์ก็เกิดความเงียบ
เข้ามาแทนที่
มองดูสมาชิกเผ่าที่อยู่ในความเงียบสงบแล้วผมก็
ประสานมือทัง้ สองเข้าหากัน ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเข้าสู่
ประเด็นหลักของวันนี้แล้ว
“ทุกคนอาจจะได้ยนิ เรือ่ งราวมาบ้างในระดับหนึ่งแล้วนะ
ครับ เรื่องจากอีสตันเทลลอว์ลอร์ดก็คือ ในตอนนี้ได้
กาหนดพืน้ ที่สาหรับสร้างป้อมปราการเรียบร้อยแล้ว
และวางแผนว่าจะเดินทางไปยังสถานที่แห่งนัน้ ในเร็วๆ
นี…
้ แต่ว่าก่อนอื่นนัน้ มีหนึ่งเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
เสียก่อนครับ”
“...”
“สรุปโดยย่อก็คือการพิจารณาคดีจะเกิดขึน้ พรุง่ นี้ตอน
บ่าย และเหล่าคนที่ต้องเข้าร่วมในฐานะโจทก์ของคดีก็
คือ อันฮยอน ชินแจรยง เฮเลน่า ทั้งสามคนนีค้ รับ”
“ขอโทษนะคะ ท่านแคลนลอร์ด ต้องขออภัยทีพ่ ูดแทรก
ในระหว่างทีพ่ ูดอยู่ แต่ว่าฉันมีคาถามค่ะ”
ในตอนนัน้ เอง
ตอนที่คาพูดจบลงได้สักครู่ ก็ได้ยนิ เสียงอันมีชวี ติ ชีวาที่
เต็มไปด้วยอยากรู้อยากเห็นอย่างเต็มที่ดงั ขึน้ มา เมื่อหัน
หน้าไปยังทิศทางของเสียงที่ได้ยนิ ก็เห็นหญิงหนึ่งคนที่
นั่งอยูใ่ นท่าทางราวกับนางเงือกกาลังยกมือขึน้ พโยฮเย
มี ไม่สิ พูดให้ชัดเจนก็คอื เชกัลแฮซล ที่อยูใ่ นรูปลักษณ์
ของพโยฮเยมี
“การพิจารณาคดีดาเนินการอย่างชัดเจนได้อย่างไรหรือ
คะ ภายในโลกแห่งนีน้ ่ะค่ะ”
สายตาเช่นนั้นของเชกัลแฮซลกาลังเป็นประกาย
ระยิบระยับระดับที่ทาให้รู้สึกลาบากใจขึ้นมาได้
เหมือนกับเด็กน้อยที่เพิง่ ค้นพบของเล่นใหม่ทนี่ า่ สนใจที่
ไม่ได้เจอมานานมากจริงๆ
ความจริงแล้ว ก็คงจะเป็นเช่นนัน้ ได้ เชกัลแฮซลได้เข้า
ร่วมการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าด้วยเงื่อนไขทีว่ ่าจะอยู่
เงียบๆ ในระหว่างการโจมตี และเธอก็อยู่อย่างเงียบกริบ
จริงๆ มาจนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าในความคิดเห็นส่วนตัว
แล้วนัน้ รู้สกึ พึงพอใจเป็นอย่างมากในส่วนนั้น
แต่ว่านิสัยที่เคยมีอยู่แต่ก่อนนั้นหายไปไหนกันนะ ยิ่ง
เวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ เชกัลแฮซลก็ยงิ่ แสดงสีหน้า
อย่างเปิดเผยออกมาว่า ‘ฉันเบื่อค่ะ’ และบางครั้งก็
แสดงออกด้วยการบ่นพึมพา ‘โธ่เอ๊ย ตามมาเสียเวลา
เปล่า’ ออกมาด้วย
และแล้วก็มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นจนได้ แน่นอนว่าใน
ความคิดของเชกัลแฮซล คิดว่าสิง่ ที่ดูนา่ สนุกนัน้ ก็ไม่ได้
เกินกว่ากาลังและถ้าจะมีความเข้าอกเข้าใจสักเล็กน้อยก็
คงไม่เป็นไร
“อืม รู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็น
เช่นไร”
“ค่ะ ก็พอจะรู้อย่างคร่าวๆ ในระหว่างที่ทั้งสามคนนั้น
กาลังต่อสู้อย่างตั้งอกตัง้ ใจ ก็มีหนึ่งคนหนีไป ดังนัน้ จึง
ต้องปรึกษาหารือกันเรือ่ งการลงโทษผู้หลบหนีคนนั้น
ไม่ใช่หรือคะ”
นั่นก็สรุปได้รนุ แรงมากเกินไป แต่ก็ไม่ใช่คาพูดที่ผิดจาก
ความจริง
“ใช่แล้วครับ ความจริงแล้วกระบวนการดาเนินการ
พิจารณาคดีนนั้ ง่ายดายมากครับ สถานการณ์ที่เกิดขึน้ มี
เพียงอย่างเดียว หากผู้ที่เกี่ยวข้องสรุปผลการตัดสินใจ
ได้แล้วจะทาการรวบรวมความคิดเห็นที่ได้จาก
กระบวนการนั้นมา และให้ผู้ที่มีอานาจในการตัดสินใจ
ขั้นสุดท้ายเป็นคนสรุปผลการพิพากษา และผูท้ ี่มีอานาจ
ในการตัดสินสูงสุดก็คือผู้บัญชาการ หรือก็คืออีสตัน
เทลลอว์ลอร์ดครับ”
“เอ๋ ถ้าอย่างนั้น ท่านผูส้ ดสวยงดงามอย่างมากจนน่า
อิจฉาคนนัน้ คือผูพ้ ิพากษาเหรอคะ”
ในระหว่างทีค่ าถามมีออกมาอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ โกยอนจู
ก็จ้องมองผมด้วยตากลมโตเป็นตากระต่าย
ท่านผู้สดสวยงดงามอย่างมากจนน่าอิจฉา อย่าบอกนะ
ว่าโกยอนจูกาลังอิจฉาฮันโซยองอยู่ดว้ ย แต่ทว่าก็ไม่ใช่
คาที่ผิดจากความเป็นจริง
“...ครับ”
“ถ้าอย่างนัน้ แล้วคนจะที่ทาหน้าที่เป็นอัยการ ทนาย
พยานบุคคล คณะลูกขุนล่ะคะ”
“ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบไปเมื่อสักครูน่ ี้ ว่าสถานการณ์
มีความสาคัญเป็นอย่างมาก เมื่อสถานการณ์ที่เกิดขึน้ ถูก
ชี้ชัดแล้ว จึงไม่จาเป็นจะต้องมีพยานบุคคลหรือคณะ
ลูกขุนครับ”
“หมายความว่าไม่มใี ครอีกเลยนอกจากผู้พพิ ากษาอย่าง
นั้นหรือคะ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ หากต้องการซักไซ้ไล่เลียงแล้ว
ทั้งสามคนนั้นก็สามารถทาหน้าที่เป็นทั้งโจทก์และ
อัยการได้ แต่ว่าหน้าที่คงจะสิน้ สุดลงถึงแค่การเปิดเผย
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการกับผู้หลบหนีเพียง
เท่านัน้ ผู้หลบหนีที่เป็นจาเลยคนนั้นก็เช่นกันครับ แม้ว่า
เพื่อนคนอื่นๆ จะสามารถออกมาทาหน้าที่ทนายให้ได้
แต่ถ้าเป็นผมแล้วคงไม่เลือกที่จะทาเช่นนัน้ ครับ”
“ทาไมคะ ทาไมถึงไม่ชว่ ยแก้ตา่ งให้ล่ะคะ”
คาถามต่อเนื่องออกมาอย่างไม่จบสิ้น แล้วสมาชิกคนเผ่า
คนอืน่ ก็ค่อยๆ เริ่มแสดงท่าทีว่าไม่พอใจออกมา เป็น
ความรู้สกึ ว่าเธอคนนัน้ ช่างพูดเสียเหลือเกินมากกว่าจะ
อารมณ์เสียในแง่อนื่
แต่ว่าผมก็สง่ สัญญาณออกไปเบาๆ ให้พวกเขาสงบสติ
อารมณ์ ชินแจรยงและเฮเลน่ารูเ้ รื่องอยู่แล้วจึงไม่ได้
แสดงความสนใจอะไรออกมามากมาย แต่เพราะอันฮ
ยอนกาลังตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“คุณฮเยมี เรื่องนั้นฉันจะเป็นคนพูดเองค่ะ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 23
_______________________________________
ตอนนัน้ เสียงใสก็ดังขึน้ ตอบคาถามของเชกัลแฮซลแทน
ผม เมื่อสงสัยว่าเป็นใคร ก็เห็นสตรีผู้มจี ิตใจโอบอ้อมอารี
อย่างมากปรากฏการณ์ตัวขึน้ มาต่อหน้า จองฮายอน
นั่นเอง
“ได้ไหมคะ แคลนลอร์ด”
จองฮายอนที่จ้องมองมาที่ผมเพื่อขออนุญาต ผมพยัก
หน้าเบาๆ กลับไป แต่แล้วความคิดที่วา่ หลังจากเกิด
เรื่องขึ้นที่เทือกเขามังกรหลับใหลก็ยงั ไม่ได้มโี อกาส
พูดคุยกับจองฮายอนเลยผ่านเข้ามาในหัว
“เหตุผลนั้นง่ายมากค่ะ ในฮอลล์เพลนแห่งนี้แนวคิดของ
การหลบหนีไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่จะถือว่าเป็น
กฎระเบียบของสังคมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทาโดยเด็ดขาด"
“...?”
“ฉันขอยกตัวอย่างมาหนึ่งตัวอย่างนะคะ ลองสมมติวา่
คุณฮเยมีได้รบั มอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสารวจและ
ประจวบเหมาะกับที่ตาแหน่งนักบวชว่างลงพอดี
ระหว่างคนชื่อว่าเอและคนชื่อว่าบี ต้องเลือกสักคน แต่
ว่าคนที่ชื่อว่าบีนั้นเคยมีประวัติทิ้งเพื่อนร่วมทีมสารวจ
คนอืน่ ๆ ในอดีตอยู่ด้วย ถ้าอย่างนั้นคุณฮเยมีอยากจะให้
คนทีช่ ื่อว่าบีคนนี้เข้าร่วมทีมสารวจด้วยอีกไหมล่ะคะ คน
ทีส่ ามารถจะทิ้งเพื่อนร่วมกลุม่ ไปเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้แบบ
นี?้ ”
“ไม่ค่ะ แน่นอนว่าต้องเลือกคนที่ชื่อว่าเอ...อ๋อ!”
“ใช่แล้วค่ะ เป็นอย่างนัน้ ค่ะ และหากจะเพิ่มเติมอีก
อย่างนะคะ ตัง้ แต่แรกแล้วจนมาถึงตอนนี้แผ่นดินใหญ่
ทางเหนือยังไม่เคยมีการให้อภัยผู้หลบหนีเลยสักครั้ง
เดียว 99% คือการลงโทษประหาร และต่อให้ไม่ได้รบั
การลงทัณฑ์อย่างเป็นทางการ ก็จะถูกกาจัดออกจาก
สังคมการเป็นผู้เล่นโดยสมบูรณ์ค่ะ”
“โห~ กาจัดออกจากกลุ่มเลยเหรอคะ ฟังดูนา่ สนุกดีนะ
คะ แต่กน็ ่ากลัวจังเลย”
“จาเป็นต้องทาอย่างนัน้ ค่ะ เพราะว่าข่าวลือนัน้ สามารถ
แพร่กระจายออกไปได้อย่างกว้างขวาง ลองคิดดูนะคะ
สถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึน้ ถูกบันทึกเอาไว้ในบันทึก
การสารวจ ประชากรของแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ มาก
ที่สุดก็ห้าหมืน่ คน หากคัดเลือกผู้เล่นที่เป็นนักรบออกมา
ก็ยิ่งน้อยลงใช่ไหมคะ กล่าวคือ ป้องกันการแพร่กระจาย
ไปทั่วที่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะเกิดคดีตัวอย่าง แล้วนา
ลูกธนูที่กค็ ือข่าวลือนัน้ หันกลับไปยังผู้หลบหนีแทน…
เช่นนัน้ แล้ว ลองแทนทีส่ ถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนีก้ ับ
เรื่องที่เล่าให้ฟังมาจนถึงตอนนี้ดูไหมคะ”
“อ๊ะ! ค่ะ ตอนนีเ้ ข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วค่ะ ขอบคุณ
สาหรับคาอธิบายที่สมบูรณ์ครบถ้วนด้วยค่ะ”
เชกัลแฮซลตบๆ ลงไปที่หน้าท้องของตัวเองด้วยใบหน้า
พึงพอใจเป็นอย่างมากและยิ้มออกมา เหมือนกับเด็ก
น้อยที่อารมณ์ดีเพราะได้กินอาหารอร่อยอย่างเต็มอิ่ม
สมาชิกเผ่าส่วนหนึ่งมองหน้ากันสลับไปมาด้วยความ
เหม่อลอย เป็นความงงงันจากความไม่รู้ที่แม้วา่ จะฟัง
เรื่องราวเดียวกันก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้
เชกัลแฮซลที่สนองความต้องการของตัวเองจนเต็มแล้ว
ก็สงบนิง่ ลงในทันที ผมส่งสายตาทักทายไปยังจองฮา
ยอนโดยไม่มีใครเห็น จองฮายอนก็ตอบรับกลับมาได้
ด้วยรอยยิ้มใจดีเหมือนเดิมเสมอ
“เอาล่ะ เรื่องราวเริ่มยาวมากขึน้ แล้ว คงถึงเวลาที่ต้อง
สะสางให้เสร็จสิ้นเสียทีครับ ขอพูดสรุปโดยย่อนะครับ
อีสตันเทลลอว์ลอร์ดได้สอบถามความคิดเห็นทีจ่ ะทาการ
พิจารณาคดีแบบเปิดในวันพรุ่งนี้ และกล่าวว่าจะเคารพ
ความคิดเห็นของคนของเราทัง้ สามคน”
ความจริงแล้วตั้งแต่การที่บอกว่าจะพิจารณาคดีแบบ
เปิดแล้ว ก็ไม่แตกต่างอะไรกับการสรุปผลไปเรียบร้อย
แล้ว แต่ถงึ อย่างนัน้ ฮันโซยองก็เปิดโอกาสให้มีการ
พิจารณาคดีเพื่อรวบรวมความคิดเห็นของทั้งสามคน
“กล่าวอีกอย่างก็คือ หมายความว่าความคิดเห็นของ
ผู้เกี่ยวข้องทั้งสามคนทีร่ อดชีวิตออกมาได้มีอิทธิพลมาก
ที่สุดต่อการจัดการผู้หลบหนีครับ”
ตอนนัน้ เฮเลน่าที่มองขึน้ ไปยังอากาศอันว่างเปล่าอย่าง
เบื่อหน่ายก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมา
“แคลนลอร์ด คือว่าการพิจารณาคดีทวี่ ่านั้น ไม่เข้าร่วม
จะได้ไหมคะ”
แม้จะเป็นน้าเสียงทีฟ่ ังดูไม่มีความสนใจใดๆ แต่ใน
น้าเสียงนั้นก็มคี วามเหนื่อยอ่อนสะสมอยู่ แต่เพราะว่า
เป็นเรื่องจาเป็นต้องเข้าร่วมเท่านัน้ ผมจึงส่ายหน้าปฏิเสธ
ไปในทันที
เมื่อว่าไปแล้ว หากเป็นเฮเลน่าแล้ว นึกว่าจะมีความ
สนใจมากกว่านี้เสียอีก ท่าทางของเธอน่าประหลาดใจ
ทีเดียว
“จาเป็นต้องเข้าร่วมเท่านัน้ ครับ แต่ในกรณีที่แสดง
ความคิดเห็นได้ยาก สามารถสละสิทธิในสถานที่แห่งนั้น
ได้ด้วยตัวเองครับ”
“สละสิทธิอย่างนัน้ หรือ…เข้าใจแล้วค่ะ”
“ครับ ถ้าอย่างนัน้ ทั้งสองคนทีเ่ หลือ…”
“ผมจะขอเข้าร่วมครับ ในระหว่างเวลาหนึ่งวันที่
เหลืออยู่นี้ผมจะไปจัดการความคิดตัวเองครับ”
เมื่อหันไปมองสองคนทีอ่ ยู่ข้างๆ กันนั้น ชินแจรยงก็ตอบ
กลับมาในทันทีดว้ ยใบหน้าที่แข็งทื่อ นอกจากจะเป็น
เรื่องที่เตรียมใจเอาไว้กอ่ นแล้ว บางทีในระหว่างที่อยู่ใน
ศูนย์ดูแลผู้บาดเจ็บก็อาจจะคิดตัดสินเอาไว้แล้ว
แต่ทว่าอันฮยอนกาลังมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ไม่รู้วา่
ควรจะทาอย่างไร ท่าทางคงจะรู้สึกไม่คนุ้ ชินอย่างมาก
กับความจริงทีว่ ่าคาพูดของตัวเองเพียงหนึ่งคาจะ
สามารถเปลีย่ นแปลงความเป็นความตายของคนหนึ่งคน
ได้
“แม้จะไม่ได้แสดงออกมาข้างนอก แต่เหมือนว่าอีสตัน
เทลลอว์ลอร์ดอยากจะจัดการกับสถานการณ์นี้โดยเร็ว
ที่สุดเท่าที่จะทาได้ครับ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน หวังว่า
จะจัดการความคิดของแต่ละคนได้ภายในเช้าของวัน
พรุง่ นีน้ ะครับ”
ความหมายก็คือการเลือกในครัง้ นีเ้ ป็นหน้าที่ของอันฮ
ยอนเพียงผู้เดียว ผมไม่สามารถจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวและไม่
คิดที่จะเข้าไปยุง่ เกี่ยวด้วย ในสถานการณ์ทเี่ กิดขึ้นครัง้ นี้
สิ่งที่ผมจะทาได้ก็มีเพียงการเฝ้าดูตัวเลือกของสมาชิก
เผ่าตัวเองอยู่เงียบๆ เท่านัน้
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว ขอจบการประชุลงเพียงเท่านีค้ รับ”
ผมคิดได้เช่นนัน้ ก็ปิดการประชุมลงในทันที
บ่ายวันต่อมา
“...ด้วยเหตุนั้น คาถามที่จะถามตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เป็น
เพียงคาถามที่ถามอย่างเป็นพิธกี ารเท่านั้น ผู้เล่นอีฮวี อน
สามารถตอบด้วยคาว่า ‘ใช่’ และ ‘ไม่ใช่’ เพียงเท่านัน้
ค่ะ”
ผู้เล่นคณะเดินทางไกลทางใต้เกือบทุกคนมารวมตัวกัน
ได้ยินเสียงของฮันโซยองที่เกือบจะเป็นการตาหนิติเตียน
ดังขึน้ มาให้ได้ยนิ ผมมองดูสถานทีพ่ ิจารณาคดีที่
จัดเตรียมไว้กลางแจ้ง แล้วก็จดจ้องไปที่เก้าอีท้ ี่
ตระเตรียมไว้ตรงกลาง
ที่เก้าอีน้ ั้นมีหญิงหนึง่ คนกาลังนั่งอยู่ แน่นอนว่าหญิงผู้
นั้นก็คือ ผู้เล่นที่หลบหนีและเป็นจาเลยที่จะต้องได้รบั
การลงทัณฑ์ในครัง้ นี้
“เผ่าที่สังกัดคือ ใจที่ซื่อตรง ผู้เล่นปีที่หก คลาสคือ นัก
ธนู ชื่อว่า อีฮีวอน ถูกต้องไหมคะ”
แม้จะไม่มคี วามสูงต่า แต่เป็นเสียงที่มีความดุดนั เป็น
อย่างมาก
“...ค่ะ”
เสียงเครือตอบกลับอย่างยากเย็น
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตามากมายที่จบั จ้องด้วย
ความอยากรู้อยากเห็นกึ่งหนึง่ และเพ่งเล็งกึ่งหนึ่ง การไต่
ถามของฮันโซยองก็ดาเนินการต่อไป
“ผู้เล่นอีฮีวอนเข้าร่วมการโจมตีเหมือง ถูกต้องไหมคะ”
“ค่ะ”
“และได้รับหน้าที่ไล่ล่ามอนสเตอร์ที่หนีไปจากจัตุรสั
ระหว่างที่มกี ารต่อสู้ ถูกต้องไหมคะ”
“ค่ะ ถูกต้องจนถึงตอนนั้น แต่ว่า…”
“กรุณาเงียบด้วยค่ะ หลังจากนั้นได้มีการแบ่งกลุ่มใน
ระหว่างนัน้ ได้เข้าร่วมอยู่ในกลุ่มที่มีผู้เล่นชินแจรยงเป็น
หัวหน้ากลุ่ม ถูกต้องไหมคะ”
“ค่ะ แต่ว่า…”
“กลุ่มนัน้ ได้พบเข้ากับมอนสเตอร์ และผู้เล่นอีฮวี อนได้
หนีออกมาจากการต่อสูห้ ลังจากนั้นเพียงคนเดียว
ถูกต้องไหมคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ เรื่องนัน้ ...!”
“ผู้เล่นอีฮีวอน กรณีที่ฝ่าฝืนคาตอบที่ฉันกาหนดให้อีก
ครั้งหนึ่ง จะทาการละเว้นขั้นตอนทั้งหมดและใช้อานาจ
ของฉันในการตัดสินคดีความเพื่อทาการลงโทษนะคะ”
“...”
“โอกาสครั้งสุดท้ายค่ะ กรุณาตอบคาถามเมื่อสักครู่ใหม่
อีกครั้งด้วยค่ะ”
“...ค่ะ”
ฮันโซยองไม่เปิดโอกาสให้แม้เพียงน้อย แล้วไล่ต้อนอีฮี
วอนให้จนมุมอย่างเลือดเย็น และสุดท้ายก็ทาให้ยอมรับ
ความจริงที่วา่ ได้หลบหนีออกมาได้ในที่สุด
ในช่วงขณะนั้น ก็เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นท่ามกลางผู้
เล่นที่มองดูอยู่รอบๆ
แม้ว่าจะไม่ขยายกลายเป็นเสียงดังวุน่ วายก็ตาม แต่ผู้
เล่นส่วนหนึ่งก็เริม่ สบถถ้อยคาหยาบคายและความรู้สึก
เป็นศัตรูต่ออีฮวี อน ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอยู่พอตัวทาการ
กระทาเช่นนัน้ คิดว่าเป็นสภาพที่ดูทุเรศ ดูไม่ได้สิ้นดี
“ดีค่ะ การไต่ถามจบลงเพียงเท่านี้ค่ะ ถ้าเช่นนัน้ …”
ในตอนนัน้ เอง
“ผะ ผู้บัญชาการ รอเดีย๋ วก่อนครับ!”
ชายในชุดสีแดงเหมือนกันตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
ลอร์ดใจที่ซื่อตรงนัน่ เอง ได้ยินว่าพยายามจนสุดกาลัง
เพื่อที่จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี…แต่น่าเสียดายที่ฮันโซ
ยองไม่ใช่ผู้หญิงที่รบั มือได้ง่ายๆ ขนาดนัน้
“มีเรื่องอะไรกันหรือคะ ลอร์ดใจที่ซื่อตรง”
“ขอเรียกร้องสิทธิในการพูดครับ”
ลอร์ดเผ่าจิตใจตัง้ มั่นพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
เพื่อตั้งใจทีจ่ ะปฏิบัติตามระเบียบขัน้ ตอน แต่วา่ ฮันโซ
ยองส่ายหน้าปฏิเสธในทันที พลางมองไปที่อันฮยอน ชิน
แจรยงและเฮเลน่าทีน่ ั่งอยู่ทางซ้ายขวาของฮันโซยอง
แล้วพูดขึน้ ต่อ
“ขอปฏิเสธค่ะ เพราะว่าตอนนี้มกี าหนดการทีต่ ้องรับฟัง
ความคิดเห็นของทั้งสามท่านนี้ค่ะ”
“สามารถที่จะฟังคาพูดของฝั่งเราด้วยได้ไม่ใช่หรือ”
“ได้ฟังมามากเพียงพอแล้วค่ะ อย่างไรเสียสุดท้ายแล้ว
ก็จะพูดขอร้องหาโอกาสในการรอดของผู้เล่นอีฮีวอน
ไม่ใช่หรือคะ”
“นั่นแหละ...!”
“ค่ะ เมื่อวานนี้ได้พูดว่าขอให้ยอมผ่านเรื่องนี้ดว้ ยดีใช่
ไหมคะ แต่เมื่อถามว่าท่านสามารถทีจ่ ะรับผิดชอบ
ปัญหาทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นเนื่องด้วยคดีตวั อย่างในครัง้ นี้
ได้หรือไม่ ท่านก็ไม่ได้ตอบคาถามนัน้ เลยไม่ใช่หรือคะ”
“...เอ่อ!”
ลอร์ดใจที่ซื่อตรงกัดริมฝีปากอย่างอดกลัน้ ด้วยสีหน้า
เหมือนหมดคาจะพูดแล้ว
“ฉันไม่ค่อยอยากจะยืดเยื้อเรื่องนี้ออกไปนานเลยค่ะ ขอ
ดาเนินการต่อตามนี้แล้วกันค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”
“สละสิทธิ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 24
_______________________________________
ในที่สุด พร้อมกันกับที่ฮนั โซยองหันหน้าไป เฮเลน่าก็ยก
มือขึ้นแล้วประกาศท่าทีของตนเอง ว้าว เร็วมาก
จากนัน้ ครู่หนึง่ ฮันโซยองกะพริบตาสองทีแล้วจึงพูดขึน้
“ผู้เล่นเฮเลน่าจะสละสิทธิอย่างนัน้ หรือคะ”
“ค่ะ เพราะว่าฉันไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะจัดการเช่นไร”
เฮเลน่าพยักหน้าอย่างช้าๆ ไปมาแล้วหาวออกมายาว
เหยียด
อีฮีวอนทีน่ ั่งอยู่บนเก้าอีเ้ งยหน้าขึน้ มาในทันที ด้วยสี
หน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ความจริงแล้ว คิดว่า
ตัวเองจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยไม่คดิ ว่าจะมี
คะแนนสละสิทธิออกมาตั้งแต่แรกด้วยซ้า
แต่ทว่า
“ถ้าอย่างนัน้ ท่านอื่นๆ…”
“ผมต้องการให้ลงโทษครับ”
ในตอนที่ฮนั โซยองหันไปมองสุดทางฝั่งขวาและถาม
ขึ้นมา คาตอบของชินแจรยงก็ทาให้ใบหน้าของอีฮีวอน
ถอดสีลงในฉับพลัน
ใบหน้าของชินแจรยงดูเด็ดขาดอย่างเหนือความ
คาดหมาย หายใจเข้าออกลึกครัง้ สองครั้งจากนั้นก็จ้อง
มองไปที่อฮี ีวอนและพูดขึ้น
“เมื่อการต่อสู้ทุกอย่างสิ้นสุดลง ระหว่างทีก่ าลังหลบหนี
ออกมานั้น ผมได้สูญเสียชายที่ผมคิดว่าเป็นเพือ่ นไปคน
หนึ่ง ถึงแม้วา่ จะอยูค่ นละเผ่าก็ตามครับ”
ในตอนที่ได้ยนิ คาพูดนัน้ คาถามของชินแจรยงที่ได้ยิน
เมื่อวานซืนก็ย้อนกลับเข้ามาในความคิดในทันที
‘ตอนที่ชว่ ยชีวิตผม เห็นผู้เล่นคนอื่นบ้างไหมครับ’
“ผมจะไม่พูดให้ยืดยาวครับ แต่ถึงแม้จะเก็บจิตใจที่เต็ม
ไปด้วยความแค้นส่วนตัวลงไป ช่วงเวลาสุดท้ายของ
ชายผูน้ ั้นสมกับเป็นชายชาตินักรบครับ เมื่อเปรียบเทียบ
กับชายผูน้ ั้นแล้วผมคงไม่สามารถที่จะมีน้าใจต่อผู้
หลบหนี แม้จะเล็กน้อยก็ให้ไม่ได้ครับ ด้วยเหตุนั้นผมจึง
ขอเลือกการลงทัณฑ์ครับ เพียงเท่านี้ครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณสาหรับข้อคิดเห็นค่ะ”
คาพูดของชินแจรยงจบลง ฮันโซยองก็ยอมรับด้วยความ
ยินดี
ด้วยเหตุนี้คะแนนลงทัณฑ์หนึ่งเสียง สละสิทธิหนึ่งเสียง
ตอนนีก้ ็เหลือเพียงแค่ความคิดเห็นของอันฮยอนเพียงคน
เดียว เช่นนัน้ แล้ว สถานการณ์ตอนนี้สามารถบอกได้ว่า
ความคิดเห็นของอันฮยอนสามารถตัดสินความเป็น
ความตายของอีฮีวอนได้เลย
ฮันโซยองหันหน้าไปมองอันฮยอน
“ผู้เล่นอันฮยอน?”
“...ครับ ครับ?”
อันฮยอนตอบกลับมาด้วยน้าเสียงสัน่ เครือ จะว่าอย่างไร
ดีล่ะ เป็นใบหน้าหวาดผวาต่อสิ่งทีก่ าลังจะมาถึง
ฮันโซยองไม่ได้พูดอะไรออกไป หมายความว่าเธอรอ
คอยความคิดเห็นของอันฮยอนอยูน่ นั่ เอง
แต่ว่าปัญหาก็คืออันฮยอนยังคงจับจุดสาคัญไม่ได้ การที่
ตอนนีก้ ็ยงั เหล่มองมาทางผมอยู่เรื่อยนั่นคือสิ่งที่สามารถ
ยืนยันเรื่องนั้นได้
แต่ทว่าผมส่ายหน้าเพื่อเป็นการปฏิเสธคาขอร้องของเขา
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากทีจ่ ะช่วยเหลือใน
การตัดสินใจเลือก แต่ถงึ อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรที่จะ
เปลี่ยนแปลงไปจากนี้แล้ว ตอนนีเ้ ขาก็เริ่มที่จะเข้าสู่
ความเป็นผู้ใหญ่จากข้างในแล้ว ผมคงไม่สามารถที่จะ
เข้าขัดขวางสิ่งนัน้ ได้
อันฮยอนทีพ่ ยายามจะสบตากับผมอยู่ตลอด ในที่สุดก็
ก้มหน้าลงไปมองดูที่พนื้ ดิน แล้วก็จ้องมองแต่พื้นดิน
เช่นนัน้ เป็นเวลานาน
ใช่แล้ว ด้วยนิสยั ของนายก็คงจะสับสนมากล่ะสิ
เวลาผ่านไประยะหนึ่ง
“...ผู้เล่นอันฮยอน”
ในตอนที่คาพูดเร่งรัดที่เยือกเย็นราวน้าค้างแข็งพูดต่อ
ขึ้นเพื่อขอร้องให้รบี ตัดสินใจโดยเร็ว
“ผม...ผม…”
ในที่สุดก็มีเสียงอันแผ่วเบาดังออกมาจากปากของอันฮ
ยอน ผมเพิ่มความสามารถในการได้ยนิ เสียงขึน้ ในทันที
“ละ ลงโทษ…”
“มะ ไม่ ถึงจะอย่างนัน้ ...แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่สมควรได้รบั
การลงโทษ…แต่ว่า...ชีวติ …”
เสียงที่ต่อเนื่องกันออกมาอย่างเชื่องช้า จะบอกว่า
ต้องการให้ลงโทษ แต่ไม่อยากจะเอาโทษถึงชีวติ อย่าง
นั้นหรือ
“ฉันจะเป็นคนตัดสินเองค่ะว่าจะลงโทษเช่นไร อย่างไรก็
ตามหมายความว่าเห็นด้วยกับการลงโทษใช่ไหมคะ”
เหมือนฮันโซยองจะคิดแบบเดียวกันกับผม จึงได้ตอบ
กลับไปอย่างสงบ
และในตอนนัน้ เอง
“...ไม่ครับ!”
จู่ๆ อันฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมาทันที และจ้องมองฮันโซ
ยองจากด้านหน้าเกือบจะเป็นการจ้องเขม็ง แล้วพูดต่อ
ด้วยเสียงที่ดังชัดเจนมากขึน้ กว่าเดิม
“...แค่ครัง้ เดียว! ผมหวังว่าจะให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียวก็
ยังดีครับ”
และประกาศออกมาว่าอยากจะขอให้ให้โอกาสอีกสักครัง้
...นี่คือตัวเลือกนายอย่างนัน้ เหรอ
เมื่อความคิดเห็นของอันฮยอนสิน้ สุดลง ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ
หลายต่อหลายคนก็แสดงความไม่พอใจออกมา พวกเขา
ไม่พอใจการตัดสินใจของอันฮยอน แล้วสีหน้าของอีฮี
วอนและลอร์ดใจที่ซื่อตรงก็สดใสขึ้น เพราะคิดว่ามีทาง
รอดแล้ว
แน่นอนว่า หากดูแค่สงิ่ ที่ปรากฏออกมาก็สามารถที่จะ
คิดเป็นแบบนัน้ ได้ เห็นด้วยหนึง่ เสียง ไม่เห็นด้วยหนึง่
เสียง สละสิทธิหนึ่งเสียง เพราะผลที่ได้ออกมาเป็นเช่นนี้
จึงไม่สามารถที่จะตัดสินโดยเอาแค่ความคิดเห็นของ
ผู้เกี่ยวข้องเพียงเท่านั้นได้
แต่ผมก็ไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษ ในกรณีที่ไม่สามารถ
ไกล่เกลี่ยได้ลงตัว ก็จะเพิ่มอีกหนึ่งสิทธิในการออกเสียง
โดยอัตโนมัติ และสิทธินั้นก็จะกลับไปที่ผพู้ ิพากษาอย่าง
แน่นอน
กล่าวคือตอนนีก้ ารตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ฮันโซยอง
แล้ว
“ยอมรับความคิดเห็นทีไ่ ด้แสดงออกมาค่ะ”
ฮันโซยองที่จ้องมองอันฮยอนอยู่นนั้ ชั่วครูพ่ ูดออกมา
ใบหน้าของฮันโซยองยังคงเหมือนเดิมตลอดเวลาไม่มี
การเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึน้
ในที่สุดตอนที่อันฮยอนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง
ใจเป็นอย่างมากนัน้ เอง
“แต่ทว่าแม้จะเป็นทีน่ ่าเสียดาย แต่ความคิดของฉันต่าง
ออกไปค่ะ ผู้เล่นอันฮยอน”
เสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้นไปทั่วบริเวณ
คิดแตกต่างไปจากความคิดของผู้เล่นอันฮยอน
ความหมายของคานัน้ ชัดเจน หมายความว่าฮันโซยอง
ต้องการการลงโทษ ก็นะ ตั้งแต่ที่บอกว่าจะเปิดการ
พิจารณาคดีแบบเปิดแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ฮันโซ
ยองได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว
รอบบริเวณเกิดเสียงดังวุ่นวายขึ้น
ใบหน้าของอีฮวี อนและลอร์ดใจที่ซื่อตรงที่สดใสขึ้นมา
ชั่วขณะก็มเี งามืดเข้ามาปกคลุมเช่นเดิม อันฮยอนจ้อง
มองฮันโซยองด้วยใบหน้าว่างเปล่าอย่างเลื่อนลอย
“เป็นใบหน้าที่กาลังถามว่าทาไมอยู่สนิ ะคะ ฉันไม่
อยากจะได้ยนิ คาว่า ‘คณะเดินทางไกลทางใต้นนั้ จะ
หลบหนีไประหว่างการต่อสู้ก็ได้ ไม่เป็นไร’ แบบนัน้ ค่ะ”
เป็นเหตุผลที่ตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก และยังเป็นคา
ที่ไม่สามารถจะโต้แย้งได้อีกด้วย หากต้องการจะโต้แย้ง
คาพูดนัน้ ก็ต้องรับเงื่อนไขที่ตงั้ ไว้ลว่ งหน้าว่าจะ
รับผิดชอบปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึน้ เนื่องจากการ
หลบหนีหลังจากนี้นนั่ เอง เรื่องนัน้ แม้แต่ผมเองก็ไม่
สามารถให้คามัน่ ได้
“เช่นนั้นแล้วความคิดเห็นของฉันคือต้องมีการลงโทษ
เท่านัน้ …”
และในตอนที่คาพูดของฮันโซยองต่อเนื่องออกมานัน้
ยอนฮเยริมก็ลกุ ขึน้ ผู้เล่นที่อยู่บริเวณรอบๆ นัน้ สะดุ้ง
ตกใจแล้วก้าวถอยหลังกลับ
เจ้าหญิงแห่งการสาเร็จโทษได้ลุกขึน้ แล้วก็หมายความ…
“สาหรับการลงทัณฑ์นนั้ คือโทษประหาร สิน้ สุดลงเพียง
เท่านีค้ ่ะ”
พร้อมกันกับที่คาประกาศลงโทษประหารของฮันโซยอง
ถูกประกาศออกมา
ฉึบ!
มีอะไรบางอย่างลอยลงมาจากบนฟ้าแล้วเสียบลงที่
พื้นดิน
เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าเป็นดาบ
เพชฌฆาตที่เป็นอาวุธประจาตัวของเจ้าหญิงแห่งการ
สาเร็จโทษ ไม่เห็นมานานแล้วเหมือนกันนะ
“เอ๋…หรือว่า ตอนนี?้ ”
จากนัน้ ยอนฮเยริมทีเ่ ดินออกไปด้านหน้า หักคอกรอบแก
รบซ้ายขวาแล้วจ้องมองไปยังฮันโซยอง
และในตอนที่ฮันโซยองพยักหน้ารับเบาๆ ใบหน้าของอีฮี
วอนก็ซีดเผือดลง
***
กลางดึก
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุม่ เมฆดามืดครึ้มตั้งแต่เช้า เมื่อ
ผ่านเวลาบ่ายแล้วสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา เหตุ
เพราะในช่วงเวลากลางวันมีไอน้าในอากาศอยูอ่ ย่าง
เต็มที่ และความชื้นก็ขนึ้ ถึงขีดสุด แต่เมื่อฝนเริม่ ตกลงมา
เช่นนี้แล้วดัชนีความกดอากาศที่มีอยู่สงู ก็เริ่มลดลง
ฝนเริ่มจากตกลงมาเป็นจุดๆ บนพืน้ ดิน และเมือ่ เวลา
ผ่านไปมากเท่าไหร่ก็ยงิ่ กระหน่าลงมาราวกับห่าธนู ทา
ให้ทั่วทั้งบริเวณเปียกชืน้ ไปทัว่
และศูนย์หน้าด่านทางเหนือที่ตั้งอยู่หน้าป่าขนาดใหญ่ มี
เต็นท์สีงาช้างขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพียงหนึง่ เดียว
แตกต่างจากอันอื่นๆ อยู่หนึ่งหลัง
เม็ดฝนที่ตกลงมาไหลผ่านหลังคารูปสามเหลี่ยมลงไป
รับเข้ากับแสงสว่างแล้วส่องสว่างออกมาเป็นประกาย
ด้วยเหตุนั้นแม้จะเป็นเพียงแค่เวลาอันสั้นที่ผ่านไปไม่
นาน บนพืน้ ผิวของหยดน้าก็สะท้อนให้เห็นภาพภายใน
เต็นท์ แสงสีขาวบริสุทธิ์หนึ่งสาย และเงาของสองคน
แต่ทว่าในช่วงเวลาหนึ่ง คริสตัลวางอยูบ่ นโต๊ะทีส่ ่อง
ประกายแสงสีขาวออกมา ก็เกิดเสียงรบกวนเล็กๆ
ขึ้นมาก่อนที่จะดับลงไปในทันที
“การติดต่อถูกตัดไปแล้วค่ะ”
เสียงพูดอย่างชัดเจน ผูห้ ญิงที่พยายามพูดด้วยน้าเสียง
อย่างเป็นทางการอย่างมากที่สุด พลางเก็บคริสตัล
สื่อสารกับเข้าไปในกระเป๋าคืออีฮโยอึล
“อย่างไรเสียก็คงจะได้ฟังเรื่องราวไปพร้อมกันแล้ว
แม้ว่าจะใช้เวลานานมากกว่าที่คิดเล็กน้อย… คณะ
เดินทางของทางใต้สิ้นสุดการโจมตีครั้งที่สองแล้ว และ
เริ่มการก่อสร้างป้อมปราการแล้วนะคะ”
“ฮือ ฮือ!”
ระหว่างทีพ่ ูด อีฮโยอึลก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
ไม่ได้เป็นเพราะเสียงหายใจรุนแรงอย่างไม่พึงพอใจที่ได้
ยินมาจากฝั่งตรงข้าม ตัง้ แต่ที่เข้ามาในเต็นท์ ไม่สิ ตั้งแต่
ที่ชายที่อยู่ตรงหน้าเดินทางมาถึงหน้าด่านแล้ว ท่าทาง
การแสดงออกของเขาทาให้อารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอด
แม้จะไม่ได้หยาบคายหรืออะไรขนาดนัน้ แต่คอ่ นข้างจะ
ไม่มีปฏิกิรยิ าตอบสนองใดๆ แสดงออกมาเลย ในฐานะ
ของอีฮโยอึลที่ได้ปรึกษาหารือในเรื่องเชิงลึกกับทั้งโจ
ซองโฮหรือว่าฮันโซยองที่จบลงไปแล้วนั้น ก็ต้องรู้สกึ อึด
อัดใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮือ ฮือ”
แต่ว่าอีฮโยอึลไม่ได้เปิดเผยความรูส้ ึกไม่พอใจของตัวเอง
ออกมาโดยตรง โดยธรรมชาติแล้วแม้ว่าอีฮโยอึลไม่ใช่
ผู้หญิงขี้ขลาดขี้กลัวแม้แต่น้อย แต่อย่างน้อยทีส่ ุดเธอก็
สามารถแยกแยะระหว่างฝั่งตรงข้ามที่สามารถแตะต้อง
ได้และฝั่งตรงข้ามที่ไม่ควรแตะต้อง
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 25
_______________________________________
เมื่อมองจากมุมมองนัน้ แล้ว ชายร่างใหญ่ที่นิ่งเงียบ
พร้อมกับกอดอกอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นผู้เล่นที่ไม่ควรเข้าไป
แตะต้องโดยเด็ดขาด
“...”
เส้นผมทีพ่ ันกันยุ่งเหยิงเปียกสายฝนที่ตกลงมาอยู่ข้าง
นอกเหมือนไม่ได้ตั้งใจ กล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงคล้ายกับว่า
ถ้าเข้าไปสัมผัสคงจะระเบิดออกมา มองดูดวงตาที่หลับ
อยู่เล็กน้อย เหมือนกาลังมองดูสัตว์รา้ ยที่กาลังหมอบซุ่ม
รอโอกาสโจมตี
เหนือสิ่งอืน่ ใดพลังงานแห่งลางร้ายที่ไหลออกมาจาก
หอกสีดา เป็นสาเหตุหลักที่ใหญ่ที่สุดที่ทาให้เกิดความตึง
เครียดเกินบรรยายระหว่างกันและกัน
หากว่าเข้าไปยุ่งย่ามกับคิมซูฮยอนแล้วคงจบไม่สวยแล้ว
ล่ะก็ ชายผู้นเี้ ป็นผู้เล่นที่หากเข้าไปแตะต้องคงไม่
สามารถจะรู้ได้เลยว่าเขาจะทาอะไร
“ถ้าอย่างนัน้ คณะเดินทางไกลทางเหนือในตอนนีก้ ็ควร
จะต้องเริ่มการโจมตีครัง้ ที่สามได้แล้ว… วางแผนจะ
เดินทัพต่อไปประมาณตอนไหนคะ ผู้บญ ั ชาการ ไม่สิ ผู้
เล่นกงชานโฮ”
อีฮโยอึลพูดอย่างนัน้ พลางคิดทีจ่ ะหลบออกไปจากตรงนี้
ให้เร็วที่สดุ
“ฮือ!”
โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ชายผู้นั้น ไม่สิ กงชานโฮก็พน่ ลม
หายใจออกออกมาแล้วลืมตาโพลงขึน้ ในตอนที่สบตา
กับเขาเข้าโดยไม่ได้คิดอะไรนัน้ อีฮโยอึลก็รู้สกึ ได้ว่าทั้ง
ร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่สามารถจะละสายตาจาก
นัยตาชัว่ ร้ายที่เหมือนสัตว์ปา่ อันตรายนัน้ ไปได้อย่าง
ง่ายดาย
จากนัน้ ริมฝีปากของกงชานโฮก็เผยอขึน้ เล็กน้อย แล้ว
เสียงต่าคล้ายเสียงคารามของสัตว์ป่าก็แทรกออกมา
“...ตอนนี”้
“...คะ?”
“ไปตอนนี้ได้เลย”
“ผะ ผู้เล่น…”
แต่ทว่าก่อนที่คาพูดของอีฮโยอึลจะจบลงเสียด้วยซ้า คง
ชานโฮก็ลุกขึ้น เมื่อชายรูปร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรลุก
ขึ้นยืนก็เกิดเงาดาพาดลงมาที่ใบหน้าของอีฮโยอึลที่เงย
หน้าขึน้ ไปมอง
กงชานโฮค่อยๆ ลดสายตาลงไปมองอีฮโยอึล และก็จบ
ลงเพียงเท่านัน้
หลังจากนั้น กงชานโฮหันหลังกลับไปโดยไร้ซงึ่ คาพูดใด
ค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกเต็นท์ อีฮโยอึลทาได้แค่มองดู
อย่างเหม่อลอย ตาทั้งสองของเธอเบิกโพลงอย่าง
ประหลาดใจ
“เดี๋ยว เดีย๋ วก่อนค่ะ! ผู้เล่นกงชานโฮ! ตอนนีก้ ค็ ่ามืดดึก
ดื่นแล้วและข้างนอกก็ฝนตกด้วย จะออกไป…!”
แต่ทว่าอีฮโยอึลลุกขึ้นช้ากว่าแล้วรีบตามกงชานโฮ
ออกมาอย่างเร่งรีบ ในตอนที่ออกมาข้างนอกเต็นท์ต้อง
รู้สึกอกสั่นขวัญหายขึ้นมาเช่นเดิม พลังอันดุดนั มหาศาล
ที่เสียดแทงมาจากทุกสารทิศโดยกะทันหันนั้นได้หยุด
ฝีเท้าของเธอลง
มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
ข้างนอกเต็นท์กลาง มีผเู้ ล่นจานวนมากที่ดูแล้วอาจจะ
มากกว่าห้าพันคนยืนเรียงแถวอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เรียบร้อย ตากฝนที่ตกลงมา ยืนรักษาตาแหน่งของ
ตัวเองและอยูก่ ันอย่างเงียบเชียบ ลักษณะที่เห็นนัน้ เกิน
กว่าคาว่าเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก อีกทัง้ ยังมองเห็น
ความยิ่งใหญ่มโหฬารที่ไม่รู้วา่ คืออะไรอีกด้วย
ว่าแต่วา่ นีเ่ กิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
จานวนคนของคณะเดินทางไกลทั้งหมดของ
แผ่นดินใหญ่ทางเหนือในครั้งนี้ ประมาณการแค่ผู้เล่น
สายรบมีประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันคน ด้วยเหตุนี้จานวน
ผู้เล่นนักรบโดยเฉลีย่ ของคณะเดินทางไกลแต่ละคณะ
ต้องอยู่ระหว่างสามถึงสีพ่ ันคนจึงจะเป็นค่าเฉลีย่ ปกติ
เมื่อเป็นเช่นนัน้ แล้ว คณะเดินทางไกลทางเหนือที่กงชาน
โฮเดินเข้าไปนัน้ แค่ผู้เล่นนักรบก็มีอยู่มากกว่าห้าพันคน
แล้ว ที่ผ่านมานั้นเกิดเรือ่ งอะไรขึน้ กันแน่
จากนัน้ กงชานโฮก็เดินผ่ากลางเข้าไปและเหล่าผู้เล่นก็
แหวกออกจากกันซ้ายขวาโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเริ่มหัน
หลังกลับไปทีละคนๆ
“สุดท้ายแล้ว…”
อีฮโยอึลไม่สามารถจะห้ามเหล่าผู้เล่นที่ทาเช่นนัน้ ได้
และทาได้เพียงแค่มองดูอย่างเลื่อนลอย
การโจมตีครั้งที่หนึง่ ของคณะเดินทางไกลทางตะวันออก
ใช้เวลาสิบวัน
การโจมตีครั้งที่สองของคณะเดินทางไกลทางใต้ใช้เวลา
สิบสี่วนั
และในท้ายที่สุด หลังจากผ่านการโจมตีครัง้ แรกไปยี่สิบ
สี่วัน คณะเดินทางไกลทางเหนือก็เริม่ ส่งสัญญาณการ
โจมตีออกมาแล้ว
ฟิ้ว!
ดาบใหญ่กวัดแกว่งไปทาให้เกิดเสียงลมอันดุดนั ขึ้น
ฉับ!
ปลายดาบบรรจบลงที่คอของอีฮวี อนอย่างสมบูรณ์แบบ
จากนัน้ เลือดก็พุ่งสูงขึน้ ราวกับน้าพุและหัวที่แยกออก
จากตัวก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ใบหน้าที่สนิ้ หวังกับทุกสิ่ง
อย่าง สีหน้าของอันฮยอนที่มองขึ้นไปบนอากาศซีด
เผือด
“การประหารสิน้ สุดลงแล้วค่ะ”
ยอนฮเยริมที่ลงมือประหารด้วยตัวเอง หาวเบาๆ พร้อม
กับพูดรายงาน
“ขอจบการพิจารณาคดีลงแค่นี้ค่ะ”
และฮันโซยองก็ค่อยๆ ลุกขึน้ จากนัน้ ชินแจรยงกับเฮเล
น่า และผู้เล่นคนอืน่ ๆ ที่ยืนดูอยูร่ อบๆ ก็เริ่มมองไปยังจุด
เดียวกัน ไปยังทิศทางทีอ่ ันฮยอนนั่งอยู่
“ทาไม ทาไม…”
ในตอนที่อันฮยอนรู้สกึ ถึงความแปลกประหลาดที่ทุกคน
กาลังจ้องมองมาที่ตัวเอง
แปะ!
“อันฮยอน”
เสียงปรบมือดังขึน้ และตามมาด้วยเสียงทีค่ ุ้นเคย
“ทาไมนายถึงได้เลือกแบบนัน้ ล่ะ”
แล้วอันฮยอนที่หนั ไปมองด้านข้างก็ไม่สามารถจะพูด
อะไรออกไปได้ในที่สุด เพราะว่าคิมซูฮยอนกาลังเดินเข้า
มาหาตัวเองและกาลังจับจ้องมองอยู่
ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่คมิ ซูฮยอนคนเดียว แต่วา่ ผู้เล่นทุกคน
กาลังจ้องมองไปที่อันฮยอน
“ก็...คือว่า…”
อันยองพูดตะกุกตะกักโดยที่ไม่สามารถซ่อนความรู้สกึ
ลาบากใจเอาไว้ได้ เช่นนั้นแล้วคิมซูฮยอน ผู้เล่นคนอื่นๆ
ก็ไม่ฟงั คาพูดของอันฮยอน
“โลกใบนี้ไม่ใช่โลกปัจจุบันทีน่ ายเคยใช้ชีวติ มา ที่นี่คือ
ฮอลล์เพลนนะ แล้วทาไมถึงทาแบบนัน้ ”
“นายอยู่ทนี่ ี่มาเป็นปีที่เท่าไหร่แล้ว เป็นเด็กใหม่ที่เพิ่ง
เข้ามาหรือไง อยู่มาตั้งสามปีแล้ว แค่นกี้ ็ทาไม่ได้เหรอ ไม่
เข้าใจสถานการณ์เลยหรือไง”
“ทาเป็นคนดีอยูค่ นเดียวเลยนะ ไอ้เด็กหัวอ่อน”
“ว่าไงนะ จะให้โอกาสอีกสักครัง้ ยังงัน้ เหรอ บัดโธ่ ฝ่ายที่
ถูกหักหลังพูดอย่างนัน้ ก็ได้เหรอ ไอ้คนขีข้ ลาดตาขาว”
ราวกับกาลังรอให้การพิจารณาคดีจบลง เสียงนินทาว่า
ร้ายเริ่มสาดเทเข้ามาทีละคาสองคา
ไม่นะ! ไม่ใช่อย่างนัน้ นะ!
อันฮยอนตะโกนออกมาดังลั่นอยู่ภายในใจ แต่วา่ ปากก็
ไม่ขยับโดยที่ไม่รวู้ ่าทาไม และเขาทาได้เพียงแค่มองหน้า
ผู้เล่นแต่ละคนที่กาลังนินทาว่าร้ายตัวเองสลับไปมาด้วย
ใบมึนงงเป็นอย่างมากเพียงเท่านัน้
ในที่สุดก็ทนไม่ได้ จึงหันกลับไปทางคิมซูฮยอนอีกครัง้
และอันฮยอนก็ต้องสะดุง้ เฮือก
“...!”
เพราะคิมซูฮยอนที่เอาหน้าเข้ามาใกล้กบั ตัวเองในตอน
ไหนก็ไม่รู้กาลังมองเขาอยู่ด้านหน้านี่เอง
แต่ทว่าก่อนที่ทาใจให้สงบลงได้
“อยากเข้าไปในเหมืองอีกครั้งงัน้ เหรอ”
เสียงของคิมซูฮยอนกระซิบกระซาบได้ยินเข้ามาในหู
ของอันฮยอน
และในตอนนัน้ เอง
“เฮือก!”
อันฮยอนที่ลืมตากว้างขึน้ มา ส่งเสียงโอดครวญอย่าง
รุนแรง ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นมา และในตอนที่
มองเห็นเพดานของเต็นท์ ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความ
ตื่นตระหนกก็ค่อยๆ สงบลง
“...มฝันสินะ”
อันฮยอนพูดพึมพาด้วยเสียงที่สงบนิ่งมากกว่าเดิม
เป็นความฝันจริงๆ แต่ก็แจ่มชัดมากเหลือเกินกว่าจะ
บอกว่าเป็นแค่ความฝัน และยังเพราะเนื้อหาทีต่ ่อจาก
ตอนพิจารณาคดีสิ้นสุดลงนัน้ ไม่ใช่ความจริง อันฮยอน
จึงไม่สามารถจะขจัดความคลางแคลงใจออกไปได้ เหตุ
เพราะว่าราวกับความไม่สบายใจที่อยู่ขา้ งในของตัวเอง
นั้นได้กลายเป็นรูปเป็นร่างขึน้ มาทั้งหมด
แม้ว่าการพิจารณาคดีจะจบลงไปแล้วตั้งแต่เมือ่ สอง
สัปดาห์ก่อน แต่ความรูส้ ึกที่ได้รบั ในตอนนัน้ ยังคงฝังลึก
อยู่ข้างในสมองของอันฮยอนอยู่เช่นเดิม
นักธนูหญิงคนนั้น ที่ถกู ประหารในสถานที่แห่งนั้น
การพิจารณาคดีสนิ้ สุดลงแล้ว
ใช่แล้ว ทุกอย่างจบด้วยสิ่งนัน้
อันฮยอนจัดการความคิดของตัวเองอย่างยากลาบาก
ฝืนตัวเองหลับตาลง แต่ทว่าหลังจากที่พลิกตัวไปมาอยู่
ในสภาพนี้อยูน่ าน สุดท้ายก็ไม่สามารถจะเอาชนะหัวใจ
ที่วุ่นวายยุง่ เหยิงได้ จึงออกจากเต็นท์ไป
ในที่สุดเมื่อเดินออกมาจากเต็นท์ลมเย็นก็พัดเข้ามาช่วย
ทาให้เหงื่อกาฬที่ไหลรินออกมาแห้งหายไป ในตอนนี้
พระอาทิตย์เริม่ จะขึ้นแล้ว แม้จะยังเป็นเช้ามืดที่ยังสลัว
อยู่ แต่อีกไม่ช้าเช้าวันใหม่ก็จะมาถึง
รับลมเย็นของเช้าตรู่อยูส่ ักพัก และจึงเดินดูรอบๆ ป้อม
ปราการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อันฮยอนก็รู้สึกดีขนึ้
อย่างมากแม้จะไม่ได้รู้สกึ ดีไปทัง้ หมดก็ตาม อาจ
เพราะว่ายังเช้าอยู่มาก ยกเว้นแค่คนเฝ้ายามก็ไม่เห็นผู้
เล่นเดินผ่านไปมาเลย
อันฮยอนเดินมาถึงสถานที่ที่เหมาะพอดีแล้วก็หยุดลง ยก
หอกที่ถือติดมาด้วยขึน้ สูงเพื่อตั้งท่า คิดว่าเริ่มการฝึกฝน
และเชื่อมโยงเข้ากับการตั้งใจที่จะขจัดความไม่สบายใจ
ที่ยังค้างคาอยู่ออกไปด้วย อย่างน้อยที่สุดระหว่างที่หอก
กาลังเคลื่อนไหวก็สามารถที่จะไม่คิดอะไรสักอย่างในหัว
ได้
ในระหว่างการฝึกฝนทีอ่ ันฮยอนจดจ่อตั้งสมาธิอย่างลืม
ตัวนัน้ เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ
พระอาทิตย์ของยามเช้าค่อยๆ โผล่ขนึ้ แสดงตัวออกมา
ให้เห็น แล้วแสงแดดอบอุ่นก็สาดส่องปกคลุมป้อม
ปราการ ในระหว่างนัน้ หลายๆ คนก็เริม่ ตื่นแล้วออกมา
จากเต็นท์เริ่มต้นภารกิจของวันใหม่
นอกจากผู้เล่นจะเตรียมอาหารแล้ว ก็ยังฝึกฝนยามเช้า
เช่นเดียวกันอันฮยอน ชาวเมืองรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ
และปรึกษาหารือกันว่าวันนี้จะสร้างป้อมปราการ
อย่างไรกันดี
ในตอนที่กลิน่ หอมหวนชวนรับประทานค่อยๆ กระจาย
ไปทั่วป้อมปราการ
“แฮ่ก แฮ่ก!”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 26
_______________________________________
อันฮยอนที่ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่ครัง้ เดียวหลังจากที่เริม่
การฝึกฝน ก็เก็บหอกกลับแล้วหยุดการเคลื่อนไหว ใน
ที่สุดการฝึกฝนก็สนิ้ สุดลง
แม้จะหายใจหอบ แต่ใบหน้าของอันฮยอนก็ดสู ดชืน่ เป็น
อย่างมาก เขาเดินเข้าไปในร่มทีพ่ อจะบังแดดได้แล้วนัง่
ลง และตอนที่ยกมือขึ้นมาเพื่อจะเช็ดเหงื่อที่ไหลลง
มากมายที่หน้าผาก
“การฝึกฝนน่าชมมากค่ะ พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มากเลยนะคะ”
พร้อมกันกับที่ได้ยนิ เสียงสุภาพเรียบร้อยดังเข้ามา อันฮ
ยอนก็รู้สกึ ถึงสัมผัสเย็นๆ บางอย่างแตะมาทีร่ อบๆ
บริเวณคอ อันฮยอนสะดุ้งโหยง แต่จากนั้นเมื่อหัน
กลับไปดูทางด้านหลัง ก็ต้องถอยหายใจด้วยความงุนงง
ออกมาโดยไม่รตู้ ัว
ไม่รู้วา่ ดูอยู่ตงั้ แต่เมื่อไหร่ ชาโซริมที่ยิ้มกว้างกาลังคุกเข่า
ลงมาเล็กน้อย ก่อนจะยืน่ ขวดน้าที่มีหยดน้าเกาะอยู่เต็ม
ขวดออกมาให้
“พะ พี่โซริม?”
“ดื่มสิคะ น่าจะคอแห้งนะ”
อันฮยอนก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะรับขวดน้ามาอย่างเบา
มือ เป็นเพราะข้างในขวดน้าเต็มไปด้วยน้าแข็ง สัมผัส
อันเย็นยะเยือกที่รู้สกึ ได้จากมือนัน้ ไม่สามารถทาให้รู้สกึ ดี
ได้ขนาดนั้น
พอดีกบั ที่กาลังคอแห้งเป็นอย่างมาก อันฮยอนจึงรีบดืม่
น้าอย่างเร่งรีบ ส่งเสียงออกมาอย่างสดชืน่ และทาสีหน้า
สดชืน่ ขึน้ เป็นอย่างมาก
“โห ดีมาก”
“หลังจบการฝึกฝนแล้วความรู้สกึ สดชื่นมากๆ ใช่ไหมล่ะ
คะ”
“ใช่แล้วครับ ใช่แล้ว...แต่ว่าพี่โซริม ดูอยู่ตงั้ แต่ตอนไหน
เหรอครับ”
“ตั้งแต่ช่วงกลางๆ ค่ะ ฉันก็คิดอยากจะฝึกฝนเหมือนกัน
เลยออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่พอเห็นการฝึกฝนของน้อง
อันฮยอนแล้วก็ละสายตาไปไม่ได้เลยค่ะ บางที ถ้าไม่เป็น
การเสียมารยาท กลายเป็นหนึ่งเดียวกับหอกแล้วหรือยัง
คะ”
กลายเป็นหนึง่ เดียวกับหอก นี่เป็นคาพูดอ้อมๆ ที่จะถาม
ว่าความเป็นหนึง่ เดียวกับหอกเกิดขึน้ ได้สาเร็จหรือยัง
เป็นคาพูดทีน่ ักรบสายหอกส่วนมากใช้กนั
อย่างไรเสียเพราะว่าเคยได้รบั คาแนะนาจากชาโซริมมา
มากมาย และยังเป็นสมาชิกของเผ่าเดียวกันอีกด้วย
อันฮยอนไม่ลงั เลใดๆ และพยักหน้ารับในทันที ชาโซริม
ทาสีหน้าว่าภูมใิ จและดีใจด้วยออกมา
“อย่างนัน้ เองเหรอคะ ฉันก็คิดว่าเห็นออกมาฝึกฝน
บ่อยครั้งมากขึน้ กว่าเดิมด้วย ในตอนแรกก่อนที่จะคุ้น
ชินกับความสามารถนัน้ อาจจะรู้สกึ อยากจับหอกและ
เคลื่อนไหวร่างกายอยู่บอ่ ยครัง้ เลยล่ะค่ะ แน่นอนว่าเป็น
เรื่องที่ดนี ะคะ ยินดีดว้ ยค่ะ”
“เอ๋ ไม่หรอกครับ แค่รสู้ ึกวุน่ วายใจเลยอยากเคลื่อนไหว
ร่างกายเท่านั้นเองครับ แหะๆ…”
อันฮยอนยิม้ อย่างฟุ่มเฟือย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา ชาโซ
ริมเอียงคอไปยังเข่าที่กอดเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะพูดขึน้
“วุ่นวายใจ...หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อสองสัปดาห์
ก่อนกันคะ”
รอยยิ้มของอันฮยอนหุบลง
“เอ่อ ก็...คงพูดว่าไม่ใช่ไม่ได้หรอกครับ ถึงอย่างนัน้ ก็
ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนัน้ แล้วครับ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว
ด้วย และจบลงไปแล้วอีกด้วย”
เกาหัวแกรกๆ ด้วยสีหน้าลาบากใจเล็กน้อย
ชาโซริมพูดขึน้ มาเบาๆ
“น้องอันฮยอนกาลังเสียใจอยู่อย่างนัน้ หรือคะ เรื่องการ
ตัดสินใจในตอนนั้น”
“อืม? เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนครับ กลับกันถ้า
ผมเห็นด้วยกับการลงโทษ ตอนนี้กค็ งจะเสียใจเป็นอย่าง
มากเลยล่ะครับ”
คาถามที่วา่ เสียใจหรือเปล่านัน้ อันฮยอนตอบปฏิเสธ
อย่างเด็ดขาดกลับไป ชาโซริมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ที่น่าสนใจ
“ความจริงตอนนัน้ คิดมากมายหลายเรื่องเลยครับ
เพราะเป็นเรื่องที่แค่พยักหน้ารับให้เข้ากับสถานการณ์ที่
เป็นไปอยู่ในตอนนัน้ ครัง้ เดียวก็สนิ้ เรื่องแล้ว”
“ใช่แล้วค่ะ และนัน่ ก็ยงั เป็นเรื่องที่ถกู ต้องตามหลักการ
และเหตุผล อ้า แน่นอนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ
คะ”
“ผมไม่ชอบสิง่ นัน้ แหละครับ”
“...คะ?”
ในครั้งนีช้ าโซริมถามกลับ
และอันฮยอนก็ค่อยๆ หันกลับมาและมองหน้าชาโซริม
ตรงๆ
“เพราะว่าผมไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงไปครับ”
ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงไป?
ชาโซริมเอียงคอด้วยความสงสัย
“น้องชาย การเปลี่ยนแปลงไม่จาเป็นต้องเป็นสิง่ ที่
เลวร้ายเสมอไปนะคะ ไม่สิ กลับกันมันเป็นกระบวนการ
สาคัญที่ต้องผ่านในฮอลล์เพลนค่ะ”
พิธีเปลี่ยนสภาวะที่หากว่าเป็นผู้เล่นแล้วไม่วา่ ใครก็ต้อง
ผ่านมาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ชาโซริมพูดชีช้ ัดในจุดนั้น แต่
อันฮยอนก็ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
“ใช่แล้วครับ ถ้าหากเป็นผู้เล่นก็ต้องทาอย่างนัน้ อย่าง
แน่นอนอยู่แล้ว แต่พคี่ รับ ผมน่ะเกลียดโลกใบนีจ้ ริงๆ
เลยนะครับ”
“คะ?”
“ความหมายตามที่พดู เลยครับ ระหว่างที่อยูจ่ นถึง
ตอนนีไ้ ม่มีสกั นาทีเลยทีผ่ มจะลืมโลกที่เคยอยู่ แต่ว่าผมที่
ต้องฝืนเดินไปข้างหน้า แล้วทาไมจะต้องปรับตัวให้เข้า
กับโลกใบนี้และทาตัวให้ชินชาทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยล่ะ
ครับ ต้องฆ่าคนเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่สิ บางทีก็
ฆ่าคนไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ…”
“...ยังอ่อนเยาว์สินะ แล้วทาไมจู่ๆ ถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
ชาโซริมพูดด้วยน้าเสียงตาหนิ ปรายสายตามามอง
เล็กน้อย ความจริงแล้วตั้งแต่ที่ได้รบั อัญเชิญมา ไม่ว่า
ใครก็เท่าเทียมกันทั้งหมด และเป็นสถานการณ์ที่ช่วย
อะไรไม่ได้อีกด้วย กล่าวอีกอย่างก็คือ คาพูดของอันฮ
ยอนเมื่อครูน่ ี้เป็นเพียงการทาตัวเหมือนเด็ก ไม่มากไม่
น้อยไปกว่านั้น
“ผมก็รู้ครับ ว่าเป็นสถานการณ์ทชี่ ่วยไม่ได้ แต่ว่า…”
อันฮยอนพูดพึมพาด้วยน้าเสียงเบาลงกว่าเดิม
เหมือนว่าข้างในอกรู้สกึ อึดอัดคับแน่น จึงดื่มน้าเย็นลง
ไปอึกๆ แล้วก็ถอนลมหายใจเย็นๆ ออกมา
“เฮ้อ พีค่ รับ รู้เรื่องนั้นไหมครับ”
“เรื่องนัน้ ?”
“ตอนที่พี่ก่อตั้งเผ่าขึน้ มาในตอนแรกน่ะครับ ได้กล่าวถึง
เป้าหมายสูงสุดของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ด้วยครับ”
“แคลนลอร์ดน่ะเหรอ? เป้าหมายสูงสุด…?”
ชาโซริมถามกลับด้วยใบหน้าเต็มไปความสงสัย
“ไม่มีอะไรมากเลยครับ แค่พดู คาเดียวว่า ‘กลับบ้าน’
แค่นนั้ ครับ”
“พูดว่ากลับบ้านอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ บ้านน่ะครับ สักวันหนึ่งจะต้องออกจากโลกที่แสน
น่าเบื่อหน่ายแห่งนี้ไป แล้วกลับไปยังบ้านที่เราเคยอยู่กนั
ครับ”
“...อืม”
ใบหน้าอันฮยอนที่หลับตานึกย้อนถึงความทรงจาในตอน
นั้นมีรอยยิ้มพรายออกมา ชาโซริมยังเงียบเช่นเดิม
ความเป็นจริงหากว่าเป็นผู้เล่นแล้ว ความหวังที่อยากจะ
กลับบ้านนั้นไม่วา่ ใครก็ต้องเคยคิดแบบนัน้ สักครั้ง ชาโซ
ริมเองก็เช่นกัน
“น้องชายคิดว่า…สามารถจะกลับไปได้จริงๆ อย่างนั้น
หรือคะ”
“แน่นอนครับ ในตอนนีอ้ าจจะยากเกินไป แต่ผมคิดว่า
สักวัน สักวันหนึง่ จะต้องกลับไปได้ครับ เพราะทูตสวรรค์
ก็พูดว่าหากได้เห็นจุดจบของโลกใบนี้แล้วก็สามารถจะ
กลับไปได้ ดังนั้น ในสักวันวิธกี ารกลับบ้านนั้นจะต้องถูก
เปิดเผยออกมาอย่างแน่นอนครับ
“ไม่รู้สิคะ..”
“ถ้าหากวันนัน้ มาถึง ผมจะ...ไม่สิ จนกว่าวันทีท่ ุกอย่าง
จะกลายเป็นอย่างนัน้ ได้มาถึง ผมอยากจะปกป้องแนว
ป้องกันของตัวเองเอาไว้ครับ อยากจะสามารถกลับไปยัง
โลกเดิมได้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากที่กลับไป
แล้วก็ไม่นึกเสียดายฮอลล์เพลน นัน่ คืออันฮยอน
ในตอนนีค้ รับ”
หลังจากที่จบคาพูดยาวเหยียด อันฮยอนก็มองกลับไปที่
ชาโซริมเป็นเชิงถามว่าคิดเห็นว่าอย่างไร
ชาโซริมยังคงนิ่งเงียบแล้วก็ยกั ไหล่บอกเป็นเชิงว่าก็ไม่รู้
เหมือนกัน
“เด็กน้อยเหลือเกินนะคะ”
แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึน้ พลางก้มลงมองไปยังอันฮยอน
“แต่ว่าบริสุทธิ์ น้องชายเหมือนมนุษย์สีเทาเลยค่ะ”
“มนุษย์สีเทาเหรอครับ”
“ค่ะ เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออานวยจึงได้เจรจา
ประนีประนอมแล้ว เป็นมนุษย์สีเทาที่ปฏิเสธจะเป็นสี
ขาวหรือว่าสีดาค่ะ”
“...”
“โดยส่วนตัวแล้วฉันขอยกย่องความคิดของน้องชาย
แล้วกันค่ะ แต่ว่าก็อยากจะให้รู้ว่าความคิดนัน้ อันตราย
มากมายเพียงไหนเช่นกัน”
“ครับ ดังนั้นผมจึงตั้งใจสร้างพลังอานาจขึน้ มาครับ ใน
ครั้งนีก้ ็ด้วย หากว่าผมมีอานาจกว่านี้อกี สักหน่อย…”
อันฮยอนพูดออกมาทันที แต่ว่าชาโซริมก็สา่ ยหน้าไปมา
ช้าๆ
“ที่ฉันต้องการจะพูด ไม่ได้หมายความเช่นนัน้ ค่ะ ความ
ไม่สอดคล้องกันของตัวเลือก กล่าวคือ หมายความว่า
ตัวเลือกนัน้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายแล้วแต่
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น…หากว่ายังไม่สามารถเข้าใจได้ ฉัน
ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”
ระหว่างทีช่ าโซริมพูดต่อออกมาเสียงเบา มองดูหน้าของ
อันฮยอนแล้วก็พูดเสริมขึ้นมา อันฮยอนพยักหน้ารับ
ในทันที
“โอกาสหนึง่ ในร้อย หากว่าในครัง้ นี้ผู้เล่นชินแจรยง
เสียชีวิตไประหว่างการสู้รบ...”
ชาโซริมพยุดพูดตรงนั้นชั่วคราวก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง
“หรือไม่ก็ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน ผู้เล่นอันซลได้
เสียชีวิตลงไป ในตอนนัน้ น้องชายจะยังเลือกแบบเดิมอีก
ไหมคะ”
เป็นคาพูดที่มคี วามหมายอย่างลึกซึ้ง
และตอนที่อันฮยอนได้ยนิ คาพูดของชาโซริมสีหน้าของ
เขาก็แสดงออกมาราวกับพูดอะไรไม่ออก
ชาโซริมพูดแทงจุดสาคัญได้อย่างแม่นยา ไปยังจุดบอด
ในความเชื่อมั่นยึดมัน่ ของอันฮยอน
และในตอนที่ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างทั้งสองใน
ตอนนัน้
[ประกาศถึงคณะเดินทางทางใต้ทุกท่าน]
จู่ๆ เสียงที่ถกู ขยายให้ดงั ขึน้ ก็ดงั ก้องไปทั่วทัง้ ป้อม
ปราการ
[เมื่อสิบนาทีที่แล้วได้รบั การติดต่อมาจากคณะเดินทาง
ทางเหนือ ตอนนี้ใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว…]
ประกาศที่ดงั ขึน้ มากะทันหัน ทาให้อันฮยอนและชาโซ
ริมมองหน้ากันไปมาในเวลาเดียวกัน
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 27
_______________________________________
ในที่สุดคณะเดินทางทางเหนือก็เดินทางมาถึง
ผู้เล่นของคณะเดินทางทางเหนือที่เดินทางมาถึง
ประมาณช่วงเที่ยง ทันทีที่มาถึงป้อมปราการก็เรียงแถว
กันอย่างเป็นระเบียบแล้วเข้าไปในเต็นท์ทถี่ ูกจัดเตรียม
เอาไว้แล้วพลางผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการ
เดินทาง หากมองจากภายนอกแล้วถือว่ามีระเบียบวินัย
ทางทหารเป็นอย่างดี
แต่ทว่านัน่ ไม่ใช่สว่ นที่สาคัญในตอนนี้
เมื่อคณะเดินทางคณะใหม่เดินทางมาถึง ก่อนอืน่ จะต้อง
เรียนเชิญผู้บังคับบัญชาของคณะเดินทางนัน้ มาก่อนและ
แลกเปลี่ยนเอกสารข้อมูลระหว่างกัน และอธิบาย
แนวทางขัน้ ตอนต่างๆ ซึ่งเป็นขัน้ ตอนการดาเนินการที่
เป็นมาตรฐาน และถึงแม้ว่าจะส่งมอบเอกสารไปก่อน
หน้าแล้วก็ตามก็ต้องทาตามนี้
กล่าวคือ พูดได้ว่าเป็นขัน้ ตอนการถ่ายทอดงานอย่าง
เป็นทางการ และหากจะทาเช่นนัน้ ก็ต้องมานั่งอยู่ต่อ
หน้ากันในสถานที่ที่แน่ชัด
แต่ทว่าเมื่อเข้าร่วมขัน้ ตอนการถ่ายทอดงานตามคาร้อง
ขอของฮันโซยอง และตอนที่ได้เห็นหน้าของผูบ้ ัญชาการ
หนึ่งคนของคณะเดินทางทางเหนือที่เข้ามาทีหลังแล้ว
นั้น ผมก็ต้องตกใจอย่างมาก ในตอนที่เห็นหน้าของชาย
ผู้หนึ่งที่เดินตามกงชานโฮเข้ามา ผมก็ต้องสงสัยใน
สายตาของตัวเอง
เพราะว่าชายที่กาลังยิ้มแฉ่งโบกมือให้อยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
ของโต๊ะ ไม่ใช่ใครอื่น แต่ว่าเป็นพีน่ นั่ เอง
คิมยูฮยอน
แฮมิลลอร์ด
ปกครองเมืองทางตะวันตกฮาโล และเป็นผูบ้ ังคับบัญชา
นาคณะเดินทางคณะทีส่ ี่ในครัง้ นี้
แต่ว่ามาพร้อมกับกงชานโฮแบบนี้…
นี่เป็นเรื่องที่ผมก็ไม่คาดคิดมาก่อน และไม่รเู้ รื่องมาก่อน
เลย
ยิ่งไปกว่านัน้ ที่สาคัญทีส่ ุดคือผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย ใน
ความเป็นจริงคณะเดินทางทางตะวันตก ไม่ใช่คณะ
เดินทางเพื่อการเข้ายึดอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพียง
คณะเดินทางทีจ่ ัดตัง้ ขึน้ มาเพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนเพียง
เท่านัน้ หากคิดแช่นนัน้ แล้ว แน่นอนว่าก็ใช่ว่าจะไม่
สามารถเข้าใจสถานการณ์นี้
แต่ทว่า ไม่มีการติดต่อมาจนถึงตอนนี้ ไม่สิ บอกว่าคณะ
เดินทางทางเหนือจะเดินทางมา แล้วก็โผล่มากับคณะ
เดินทางทางเหนืออย่างนี้เหรอ
แม้จะบอกว่าคณะเดินทางแต่ละคณะนัน้ จะมีนสิ ัยเป็น
อิสระต่อกันก็ตาม แต่วา่ ในตาแหน่งของคณะเดินทาง
ทางใต้เป็นเรื่องที่สามารถทาให้สับสนและตืน่ ตระหนก
กับสถานการณ์นี้ คริสตัลสื่อสารก็มีไว้ให้ใช้งานอยู่ด้วย
“เช่นนั้นก่อนทีจ่ ะเข้าเรือ่ ง...ขอฟังเหตุผลได้ไหมคะ ว่า
ทาไมทั้งสองท่านที่เป็นผู้นาคณะเดินทางคนละคณะถึง
ได้อยู่ในคณะเดินทางทางเหนือด้วยกันเช่นนี้คะ”
ในตอนนัน้ เสียงของฮันโซยองก็ดงั เข้าหูมาเบาๆ ผมจึง
ต้องปัดความคิดไร้สาระทิ้งไปให้หมด
ใช่แล้ว ก่อนอื่นฟังดูก่อน ถ้าได้ฟังแล้วคงจะรู้ได้
“...”
แต่ทว่าไม่มคี าตอบใดกลับมา ถ้าฮันโซยองที่เป็นผู้
บัญชาการถาม ตามปกติกงชานโฮในฐานะผู้บญ ั ชาการ
เช่นเดียวกันจะต้องตอบกลับอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนัน้ แล้ว ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วกงชานโฮกาลัง
จ้องมองแค่ผมอยู่ตลอด แล้วยังมองมาจากข้างหน้า
ตรงๆ
เมื่อหันหน้าไปมองแล้วสบตาเข้า เขาถึงกับยิม้ กว้างโชว์
ฟันให้อีกด้วย
“ฮือ ในที่สุดก็มองมาทีฉ่ ันสักที มอร์เซนต์นารีล่ อร์ด”
ในตอนที่คิดเช่นนัน้ กงชานโฮก็พูดขึน้ น้าเสียงแข็งกร้าว
อย่างมากจนทาให้นกึ ถึงเสียงโลหะ
“ฮึๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฉันดีใจที่ได้เจอกันอีก
มากๆ แต่ว่าเมอร์เซนต์นารี่ลอร์ดดูท่าไม่ค่อยจะสบายใจ
เท่าไหร่เลยนะ”
“...”
“บางทีเป็นเพราะลอร์ดแฮมิลงัน้ เหรอ เพราะว่าพีช่ ายที่
นายรักอยู่ด้วยกันกับฉันอย่างนัน้ เหรอ ฮึๆ!”
“...ว่าไงนะ”
ผมถามกลับด้วยความรูส้ ึกไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ในทันที พร้อมกันนั้นก็รู้ว่าดวงตาของตัวเองแข็งกร้าว
ขึ้นมา
เมินต่อคาถามของฮันโซยอง แล้วยังมาคุยกับผมอีกก็ถือ
ว่าเป็นเรื่องทีเ่ สียมารยาทมากพอแล้ว แม้ว่าฮันโซยองที่
เก่งในเรื่องปกปิดสีหน้าของตัวเองจะไม่แสดงความรู้
ออกมาข้างนอกก็ตาม แต่ว่าผู้บงั คับบัญชาของคณะ
เดินทางทางใต้หลายคนที่เข้ามาพร้อมกันนัน้ เริม่ แสดงสี
หน้าไม่พอใจขึน้ มาแล้ว แน่นอนว่าผมก็เช่นกัน
ผมพูดออกมานิ่งๆ
“สงสัยว่าตอนนัน้ คงถูกตีน้อยเกินไปสินะ ดูจากที่ยังเอา
แต่พูดพล่ามเพ้อเจ้ออะไรแบบนีไ้ ด้อีก”
จากนัน้ เสียงหัวเราะที่เหมือนกับสัตว์ปา่ ร้องคารามนัน้ ก็
หยุดชะงักงันในทันที
“ความจริงแล้ว ก็ถกู ของนายนะ เห็นแบบนี้ ฉันก็คิด
เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของฝ่ายตรงข้ามอยูน่ ะ”
แต่ก็ไม่คดิ ว่าจะหยุดลงตรงนี้แม้แต่น้อย แล้วยังพูดต่อไป
หน้าตาเฉย และผมก็คอ่ ยๆ เรียกพลังของฮวาจองขึ้นมา
เพราะว่ารู้สกึ ว่าพลังของหอกปีศาจซูราที่มีเอกลักษณ์
ของกงชานโฮจู่ๆ ก็เริ่มรุนแรงขึน้ มา
“...ว่าไงนะ”
“ความจริง เป็นคาพูดที่ถูกต้องแล้ว ความหมายก็คือ
นายไม่ใช่แบบที่ฉันชอบหรอก”
“ฮึ? ตอนนีพ้ ูดพล่ามเรือ่ งกันกันแน่”
“เอ๊ะ? จาไม่ได้เหรอ ฉันยังจาได้แม่นเลยนะ เมื่อก่อน
ตอนที่อยู่สถาบันผู้เล่น พอถูกฉันทิง้ ไปคาพูดขอร้องอ้อน
วอนว่าต้องการฉัน คาอ้อนวอนอย่างเด็กน้อยของนาย
‘อย่าไปนะ คิมซูฮยอน ได้โปรดอย่าไป!’...”
ในตอนนัน้ พลังชัว่ ร้ายที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้ามาหาผม
อย่างกะทันหัน ไม่ต้องยืนยันก็รู้ได้ว่าเป็นพลังของหอก
ปีศาจซูรา
ในช่วงขณะนั้น ผมแค่นหัวเราะออกมาจากข้างใน แม้
จะไม่รวู้ ่าคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นสงครามประสาทแบบนี้ไม่
ว่าตอนไหนก็ได้ยนิ ดีเสมอ
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าได้เตรียมการเอาไว้ก่อนตั้งแต่
เนิน่ ๆ แล้ว ผมจึงเรียกพลังฮวาจองขึน้ มาเผชิญหน้าได้
ในทันที แน่นอนว่าฟุ้งเป้าไปที่กงชานโฮคนเดียว
“เอือก”
โครม!
ผลที่เกิดขึน้ กงชานโฮร้องเสียงแหลมออกมาแล้วก็หงาย
หลังลงทั้งอย่างนั้น
“เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด!”
“ซูฮยอน!”
ฮันโซยองและพี่เรียกผมแทบจะในเวลาเดียว
“มะ เมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด…”
ฮันโซยองกอดแขนผมเอาไว้ราวกับควงแขน แล้วก็สง่
สายตาเอาจริงเอาจังมาให้ หมายความว่าไม่เป็นไร ไม่
ต้องทาแบบนี้ก็ได้ แต่วา่ สีหน้าผูบ้ ังคับบัญชาคณะ
เดินทางทางใต้ที่ทาหน้าเครียดเมื่อสักครู่ มองมาที่ผม
แล้วทาสีหน้าพอใจเป็นอย่างมาก
และพี่ก็ทาหน้าตาบูดบึง้ มองผมด้วยใบหน้าทีด่ ูลาบาก
ใจกับอะไรสักอย่างเป็นอย่างมาก…
เดี๋ยวนะ แล้วทาไมพีถ่ ึงได้จ้องมองด้วยสายตาแบบนัน้
ล่ะ คาพูดเมื่อกี้ไม่ใช่ความจริง อย่าได้มองด้วยสายตา
แบบนัน้ จะได้ไหม เข้าใจผิดไปแล้วนะ
“โอ้ว น่าหวาดเสียวจริงๆ”
ในตอนนัน้ เอง
“ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ สุดยอดไปเลย ใช่แล้ว
แบบนี้แหละ ดีมาก”
ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นรอบๆ ที่แตกตื่นตกใจ กงชานโฮที่
ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึน้ มา แล้วก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง
และสดชื่นร่าเริงมาก เป็นท่าทางที่แสดงออกมาว่าพึง
พอใจเป็นอย่างมากที่สดุ
ตาผมหรี่ลงในทันที ไม่ได้วิ่งเข้ามาใส่เหมือนหมูป่าถูกไฟ
ไหม้เหมือนเมื่อก่อน แต่ว่ากาลังหัวเราะอยู่
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทัง้ ๆ ที่รวู้ ่าจะกลายเป็นแบบนี้กย็ ัง
กระโจนเข้าใส่อย่างนัน้ เหรอ ทาไมล่ะ
“ผู้เล่นกงชานโฮ ตอนนีค้ ุณเสียมารยาทมากๆ ใจเย็น
หน่อยครับ”
หลังจากนั้น พีก่ ็มองไปที่กงชานโฮ พร้อมกับพูดออกมา
เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นกงชานโฮก็ชาเลือง
มองพี่
“ตอนนีก้ าลังสั่งฉันอย่างนัน้ เหรอ”
“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”
กงชานโฮคารามออกมาด้วยน้าเสียงคุกคาม พี่เองก็ไม่
แพ้กนั สีหน้าแข็งทื่อลงแล้วก็ตอบกลับด้วยเสียงอันเย็น
ยะเยือก
ใช่แล้ว ท่าทางแบบนี้แหละ ถ้ามองแบบนัน้ ในตอนที่
มองผมบ้างก็คงจะดี
แม้ว่าสงครามประสาทจะดาเนินต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง
สุดท้ายคนที่ถอยให้กค็ อื กงชานโฮ เขายกมุมปากขึน้
เล็กน้อยก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าจะทาอะไรก็เชิญ
ตามสบาย แล้วก็หันกลับมามองที่ผมอีกครัง้ แล้วยิ้ม
ยิงฟันออกมาอีกครั้งหนึง่
...ประสาทไปแล้วหรือยังไง
ในที่สุดพี่ที่ถอนหายใจก็พูดขึน้
“ก่อนอื่นผมขออภัยในความโกลาหลที่เกิดขึน้ เมื่อสักครู่
แทนด้วยนะครับ อีสตันเทลลอว์ลอร์ด”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ยอมรับว่าทางฝั่งของเราก็รบั มือไป
เกินกว่าเหตุเล็กน้อยเช่นกันค่ะ แต่ว่าไม่ขอกล่าวคาขอ
โทษแล้วกันนะคะ”
พี่พดู ขึน้ มาด้วยเสียงทุม้ ต่า แล้วฮันโซยองก็พยักหน้า
ตอบกลับ หมายความว่าจะข้ามเรื่องนี้ไปแบบนี้...
เหมือนกับก้อนน้าแข็งกาลังปะทะกัน
อย่างไรเสีย ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มคุยกันได้แล้วใช่ไหม
“ครับ แน่นอนอยู่แล้วครับ ถ้าอย่างนัน้ ผมขอเป็นคนพูด
แทนผู้เล่นกงชานโฮจะได้ไหมครับ”
“...สาหรับฉันไม่มปี ัญหาอะไรค่ะ แต่ว่าคนฝั่งทางนัน้ จะ
ไม่เป็นอะไรเหรอคะ”
ฮันโซยองเอียงคอสงสัยก่อนจะหันไปทางกงชานโฮ
เพราะว่าคนที่เป็นผู้บญ ั ชาการคือกงชานโฮ
“...”
แต่ทว่ากงชานโฮก็ยงั คงจ้องมองผมคนเดียวอย่างนิง่ ๆ
เหมือนเดิม
“...”
จริงๆ เลย…แม้จะไม่สามารถแสดงออกมาข้างนอกได้
แต่ว่าลาบากใจเหมือนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่รจู้ ริงๆ ว่า
ทาไมอยู่ๆ ถึงเป็นอย่างนั้นไปได้
สุดท้ายดูเหมือนว่าการเลิกให้ความสนใจไปเลยจะเป็น
ทางออกที่ดีที่สุด ผมจึงตั้งใจฟังเรื่องราวของพีอ่ ีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าตั้งแต่แรกแล้วในส่วนนี้ ไม่สิ
ความจริงแล้วอานาจทุกอย่างเกี่ยวกับการเข้าโจมตีอยู่ที่
ผมทั้งหมดครับ”
“...คะ?”
ในที่สุดตอนที่ฮนั โซยองย้อนถามกลับไป
“หากเรียนให้ทราบโดยสรุปย่อ ทางตะวันตกและทาง
เหนือของเรา ก่อนทีจ่ ะเริ่มการจู่โจมครั้งที่สามในครั้ง
นี…้ ”
เสียงของพี่ดังต่อเนื่องขึน้ มาในทันที
“กาหนดการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า ตะวันออกและ
เหนือตัดสินใจตกลงเป็นพันธมิตรต่อกันครับ”
...ว่ายังไงนะ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 28
_______________________________________
ในตอนนัน้
ความรู้สกึ สงสัยยังไม่หายไปด้วยซ้า ฮันโซยองก็ห้าม
ปรามคาพูดของพีเ่ อาไว้เสียก่อนอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของฮันโซยองนิง่ เงียบแข็งยะเยือกราวกับน้าแข็ง
เมื่อมองดูท่าทางนั้นแล้ว ผมจึงสามารถเข้าใจได้ว่าทาไม
จึงพูดตัดขึ้นมาระหว่างที่พูดแบบนั้น
พันธมิตรตะวันตกเหนือ
ทางตะวันตกและทางเหนือทาสนธิสัญญาเป็นพันธมิตร
ต่อกัน
ในครั้งแรกอาจจะมีความคิดว่าจะมาผูกพันธมิตรอะไร
กันตอนนี้ในระหว่างที่มกี ารโจมตี
แต่ว่าหากยกเว้นเรื่องนัน้ แล้วคาว่าเป็นพันธมิตรกันนัน้
เป็นคาที่หนักหนาไม่ใช่น้อย
ยิ่งไปกว่านัน้ ตอนนี้มีหลายคนที่กาลังฟังอยู่
ถ้าหากว่าหนึ่งในสิบ รายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดนเปิดเผยออกไปภายนอก ไม่วา่ จะด้วยวิธกี ารใดก็
ตามแต่ สุดท้ายแล้วก็จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่ดี
ตามมาอย่างแน่นอน เพราะข่าวลือจะต้องถูกบิดเบือน
เป็นธรรมดา
“เกี่ยวกับเรื่องทีพ่ ูดออกมาเมื่อสักครูน่ นั้ ...ขอพูดคุยกัน
เป็นการส่วนตัวจะดีกว่านะคะ”
คิดไว้แล้วเชียว
ฮันโซยองร้องขอการคุยเป็นการส่วนตัวตามที่ผมคิด
เอาไว้ พีพ่ ยักหน้าเห็นด้วยด้วยท่าทางว่าไม่มปี ญ ั หา
อะไร ในที่สุดผู้เล่นคนอืน่ ๆ รวมทั้งผมก็ต้องลุกขึ้นอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้
…ความจริงถ้าบอกว่าไม่อยากรู้กค็ งเป็นแค่คาโกหก
ตอนนี้อยู่ในตาแหน่งทีต่ ้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับ
ส่วนรวมเสียก่อน
“แม้จะเป็นการพูดเผื่อไว้เท่านั้น เรื่องที่ได้ยนิ ภายใน
เต็นท์วนั นี้ จะต้องรักษาเป็นความลับอย่างเคร่งครัดด้วย
นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
ฮันโซยองไม่ลืมทีจ่ ะส่งคาเตือนโดยเน้นย้าคาว่า ‘ไม่ว่า
จะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม’
ก่อนที่ผมจะออกมาจากเต็นท์กส็ ่งสายไปทีพ่ ี่เล็กน้อย ส่ง
สัญญาณเพื่อขอร้องให้เขาไปที่เต็นท์ที่ผมพักหลังจากที่
พูดคุยกับฮันโซยองเสร็จแล้วนั่นเอง
พี่ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันสดใส
ตอนที่พมี่ าหาที่เต็นท์เป็นเวลาที่ผ่านทัง้ เวลาเทีย่ งและ
เวลาอาหารเย็นไปแล้ว
“อ่า ซูฮยอน พี่เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อีสตันเทลลอว์
ลอร์ดช่างละเอียดรอบคอบจริงๆ...เอ เอ๊ะ? ซูฮยอน?”
ทันทีที่พี่เดินเข้ามาก็เหยียดแขนบิดลาตัวอย่างเต็มที่
และส่งเสียงโอดครวญออกมา ผมจับไหล่ของเขาไว้แน่น
แล้วบังคับให้นงั่ ลงเก้าอีใ้ นทันที พีจ่ ้องหน้าผมด้วย
ใบหน้าอกตกใจเป็นอย่างมาก
“ผมรอจนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เอาล่ะ ตอนนีพ้ ูดมาได้
แล้ว รีบๆ พูดมาเลย”
เมื่อพูดเร่ง พีก่ ป็ ล่อยไหล่ให้แห้งเ**่ยวลงไป แล้วก็ทา
หน้าตาน่าสงสารเป็นอย่างมาก
“...น้องที่รกั ของพี่ ให้พพี่ ักสักหน่อยไม่ได้เหรอ ก่อนหน้า
นี้ก็เกือบจะตายเพราะอีสตันเทลลอว์ลอร์ดมาแล้วนะ”
“รู้แล้วพูดมาเลย พูดไปด้วยพักไปด้วยก็ได้นี่”
“ขอร้องล่ะ...เข้าใจฉันที่ต้องพูดเรื่องเดียวกันถึงสองครั้ง
บ้างเถอะนะ”
“จะบอกว่าจะไม่พดู อย่างนัน้ เหรอ จะไม่พูดจริงๆ ใช่
ไหม”
ผมจ้องมองพี่เขม็งแล้วพูดขึน้ คาพูดที่เตรียมเอาไว้ต่อ
จากนีก้ ็คือ ‘ก็ได้ ถ้าอย่างนัน้ ก็ตามใจเลย’ แน่นอนว่า
จะต้องพูดคานีด้ ้วยเสียงแหลมปรี๊ด
เหมือนว่าจะรู้ได้ถงึ บรรยากาศแบบนัน้ พี่ก็มองลง
ด้านล่างด้วยใบหน้าที่เหมือนล้มเลิกความตั้งใจ แล้วก็
หยิบเอาเครื่องดื่มทีว่ างเตรียมเอาไว้บนโต๊ะขึ้นมาดื่มอึก
ใหญ่ จากนั้นจึงถอนหายใจยาวออกมา
“ชิ ก็ถา้ นายจะมาไม้นนั้ นะ ก็ชว่ ยไม่ได้ล่ะนะ ก็ได้ แล้ว
อยากรู้เรื่องอะไรนักหนาขนาดนัน้ ล่ะ”
“แน่นอน ก็ต้องอยากรูท้ ุกอย่างน่ะสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนที่เรากาลังทาการโจมตี อีฮโยอึลทาอะไรลงไปอีก”
“อ้อ แล้วก็กน็ ะอีฮโยอึลฝากมาบอกด้วยว่า ‘ไม่ใช่
ความผิดของฉันอย่าได้มาด่าเชียวนะ’”
“...”
...เหมือนเสียงของอีฮโยอึลเล่นอัตโนมัติอยู่ขา้ งในหัว ผม
จึงปิดปากเงียบไปชัว่ ครู่
ในที่สุดพี่ที่ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ พลางลูบคางตัวเองก่อน
จะพยักหน้าอย่างช้าๆ ไปมา
“ดี ก็ได้ เพราะยังไงฉันก็คิดว่าจะพูดกับนายต่างหากอยู่
แล้ว...แต่ว่ามีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง”
“เงื่อนไข? ให้ระวังปากตัวเองนั่นน่ะเหรอ”
“เปล่า เรื่องนัน้ ฉันไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะไม่วา่ จะช้าหรือ
เร็วเรื่องก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่แล้ว ขอแค่ว่าอย่าได้พูด
แทรกเข้ามาตอนที่ฉนั พูด เหมือนใครบางคนก็แค่นนั้
แหละ”
“...หืม?”
เพราะว่าเป็นเงื่อนไขทีแ่ ปลกออกไปอย่างมาก ผมถึงกับ
ต้องกะพริบปริบๆ ถึงสีห่ ้าครัง้ จากนัน้ พีก่ ็ลบู คางตัวเอง
ต่อไป คงเพราะพูดออกไปเยอะ เหมือนว่าจะปวดคาง
แล้วร่างกายก็สั่นระริก ใบหน้าซีดเผือด แม้จะเป็นแค่
ช่วงเวลาไม่นาน อยู่ดีๆ ก็รู้สกึ ว่าพีด่ ูนา่ สงสารจับใจ
“...หนักหนามากถึงขนาดนัน้ เลยเหรอ”
“ใช่ มากๆ หนักมากทีส่ ุด ซักไซ้ไล่เรียงทุกครัง้ ที่พูดออก
ได้สองสามประโยค จนพูดอะไรออกไปไม่ได้เลยล่ะ คน
คนนั้นปกตินสิ ัยแบบนัน้ งัน้ เหรอ”
พี่พดู เน้นแล้วเน้นอีกซ้าไปมา แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้า
ของผมแล้วแกล้งไอปรับลาคอ
“อะแฮ่มๆ อย่างไรซะ ถ้าสัญญาเรื่องนั้นแค่อย่างเดียว
ก็จะพูดให้ฟังได้เลยทันทีในตอนนี้ ตั้งแต่แรกเริม่ อย่างที่
นายต้องการ ทั้งหมดเลยล่ะ”
กล่าวคือ หมายความว่าให้นงั่ ฟังเฉยๆ ถ้ามีอะไรสงสัยก็
ไล่ถามตอนทีพ่ ูดจบแล้วก็ได้ล่ะสินะ
ผมคิดอย่างนัน้ ก็ตกปากรับคาสัญญาว่าจะไม่พดู แทรก
กลางระหว่างที่พูดเป็นเด็ดขาด แล้วพี่กเ็ ริ่มพูดเรื่องที่
เกิดขึน้ ในระหว่างนัน้ มาทีละอย่าง ผมตั้งใจฟังคาพูด
ของพี่อย่างเงียบๆ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเป็นเนื้อหาหลักเกณฑ์เกีย่ วกับ
โครงสร้างของแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ
แผ่นดินใหญ่ทางเหนือสามารถแบ่งได้ทงั้ หมดเป็นห้า
ภาคส่วนด้วยกัน
ส่วนกลาง ทางตะวันออก ทางตะวันตก ทางเหนือ ทาง
ใต้
และเมื่อสามปีก่อน หรือก็คือตอนที่ผมเริม่ รอบที่สอง ใน
ตอนนัน้ โดยยึดเอาเผ่าสิงโตทองของส่วนกลางเป็นหลัก
ทางตะวันตกและทางเหนืออยู่ในสถานะที่มกี ารผูก
สัมพันธไมตรีต่อกัน ทางตะวันออกและทางใต้ที่ขัดแย้ง
กับพวกเขาก็ได้สร้างสัมพันธไมตรีต่อกันอย่างเงียบๆ
เดี๋ยวก่อนนะ
“พี่ เรื่องนี้ผมก็ร… ู้ ”
“สัญญาแล้วใช่ไหม”
...บัดโธ่เอ๊ย
อย่างไรก็ตามอยู่มาวันหนึ่ง ก็เกิดเหตุการณ์การ
เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นที่แผ่นดินใหญ่ทางเหนือที่มี
ความขัดแย้งกันอย่างเปิดเผยต่อกัน
นั่นก็คือการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าครั้งที่หนึง่ นั่นเอง
เผ่าสิงโตทองที่เป็นผู้นาการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าครั้ง
ที่หนึ่ง ได้จัดตัง้ คณะเดินทางไกลขึ้นมาโดยมีทาง
ตะวันตกและทางเหนือที่มีสัมพันธไมตรีกบั ตนเองใน
ตอนนัน้ และในขั้นตอนการจัดตัง้ คณะเดินทางขึ้นนัน้ ก็
กีดกันทางตะวันออกและทางใต้โดยเจตนา
แต่ทว่าการโจมตีนนั้ สิ้นสุดอย่างน่าสยดสยองจนคาว่า
ล้มเหลวยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้
เจ็ดคนจากสิบผู้แข็งแกร่งเข้าร่วมด้วย และผลลัพธ์ที่ได้
คือทุกคนเสียชีวิต
ในตอนที่ออกเดินทางในตอนแรกคณะเดินทางไกลมี
จานวนคนมากว่าห้าพันคน แต่ทรี่ อดชีวิตกลับมาไม่ถงึ
สิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้า
เหล่าผู้เล่นชัน้ หนึ่งทัง้ เจ็ดพันสี่ร้อยคนที่รบั หน้าที่ในการสู้
รบจริงของแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ ผู้เล่นปีที่สองถึงปีที่
หก เสียชีวิตทัง้ หมดในการโจมตีเพียงแค่ครัง้ เดียว นี่ก็
เป็นอุทาหรณ์ว่าคนของเผ่าเสียชีวิตไปทั้งหมดและเผ่าก็
ล้มสลาย
ความเสียหายในตอนนัน้ ถึงกับมีคากล่าวที่ว่า ‘ระดับ
มาตรฐานของแผ่นดินใหญ่ทางเหนือได้เสื่อมถอยลงไป
หลายปี’ เป็นความเสียหายในระดับใหญ่โตอย่างมาก
แม้จะรอดชีวิตกลับมาได้อย่างยากลาบากแล้วก็ตาม เขา
เหล่านัน้ ก็ต้องเผชิญกับสภาพหลังมรสุมอีกเช่นเดิม
เผ่าทั้งหลายที่เป็นผู้นาของแต่ละภาคส่วนไม่สามารถจะ
อดทนต่อไปได้ ก็เริม่ ล้มสลายลงไปทีละเผ่า จาก
จุดเริ่มต้นนัน้ ทาให้ดุลทางอานาจค่อยๆ เริ่มลดลงเรื่อยๆ
ภายหลังจากการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า ท่าทีของ
ส่วนกลาง ทางตะวันออก ทางตะวันตก ภาคทางเหนือ
ทางใต้ก็เริม่ เกิดการพลิกผันขึน้
แล้วความยากลาบากก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านัน้
ก่อนที่แผลจะสมานเข้าหากันเสียด้วยซ้า ทหาร
สัมพันธมิตรขนาดใหญ่ของแผ่นดินใหญ่ทางตะวันตก
และเหล่าคนเร่ร่อนก็เริม่ เข้ามารุกรานแผ่นดินใหญ่ทาง
เหนือ
เริ่มต้นจากเมืองเล็กทางเหนือเริ่มถูกจู่โจม ฮาโล เบธ โด
โรธีและอื่นๆ เมืองทางตะวันตกถูกยึดครองทั้งหมด
จนกระทั่งบัดนี้แม้แต่บาร์บาร่าก็ต้องทนทุกข์กบั ความ
อัปยศที่โดนตีแตก ช่างเคราะห์ซ้ากรรมซัด
ในที่สุดแม้จะสามารถโจมตีให้ถอยร่นไปได้สาเร็จอย่าง
ยากลาบาก แผ่นดินใหญ่ทางเหนือได้เกิดการเสียสละ
โดยไม่ได้ตงั้ ใจขึน้ อีกครัง้
ด้วยเหตุการณ์นี้เป็นเรือ่ งที่ทาให้ทางตะวันตกและทาง
เหนือย่าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนัน้
พวกเขาก็อยู่ท่ามกลางความสั่นคลอนอยู่แล้ว แล้วเมือง
ยังถูกทาลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เข้าไปอีก
พูดได้ว่าทางเหนือทีถ่ ูกทาลายเพียงเมืองเดียวมี
สถานการณ์ที่ดีมากกว่าทางตะวันตกที่ทั้งเมืองถูก
ทาลายได้ไหมนะ
แน่นอนทางตะวันออก แม้จะมีการเสียสละครั้งใหญ่เพื่อ
นาบาร์บาร่ากลับคืนมา แต่สถานการณ์ก็แตกต่างไปจาก
สองภาคส่วนก่อนหน้านี้ เพราะอย่างน้อยรากฐานของ
พวกเขาก็ยังแข็งแรงดี
นอกจากนีย้ ังได้รับชื่อเสียงจากการเอาชนะทัพหลักของ
แผ่นดินใหญ่ทางตะวันตกและบาร์บาร่าซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ของแผ่นดินใหญ่ทางเหนือก็คนื สู่สภาพเดิม
ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการได้การรับสัญลักษณ์ที่สามารถ
ดึงดูดเหล่าผู้เล่นเข้ามาได้เช่นกัน
ทางใต้ได้รบั หน้าทีน่ าเมืองทางตะวันตกที่เกือบจะว่าง
เปล่ากลับมา ดังนัน้ จึงแทบจะไม่มคี วามเสียหายใดๆ
ในระหว่างที่สถานการณ์ต่างๆ ของแต่ละภาคส่วน
พัฒนาไปในรูปแบบต่างกันออกไป เวลาก็ผ่านพ้นเพิ่มไป
อีกสองปี
ตั้งแต่การเปิดตัวขององค์กรดูแลส่วนกลาง อีฮโยอึลก็
มุ่งเน้นไปแค่เรื่องเดียวเป็นเวลาเกือบสองปี คือรักษา
ความเสียหายสะสมจากช่วงที่ผ่านมาของทวีปทางเหนือ
และกู้ระดับความเสื่อมโทรมให้มากขึน้ กว่าในอดีตที่ผ่าน
มา
สรุปโดยย่อแล้ว สามารถพูดได้ว่าแผนการค่อนข้าง
ประสบความสาเร็จในระดับหนึ่ง
หลังจากเกิดสงครามแล้วก็เกิดปรากฏการณ์เบบี้บมู ที่ผู้
เล่นใหม่เพิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็ว งานฟื้นฟูที่อยู่ภายใต้การ
สนับสนุนจากองค์กรดูแลส่วนกลางได้ดาเนินการไป
อย่างบรรลุผลอย่างแข็งขัน ผู้เล่นที่แข็งแกร่งคนใหม่ๆ ก็
เริ่มปรากฏตัวออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
วัฏจักรเช่นนีช้ ่วยรักษาบาดแผลที่เกิดขึน้ ในแผ่นดินใหญ่
ทางเหนือได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อถึงจุดหนึง่ ก็ทาให้มี
กาลังคนมากขึน้ กว่าสมัยก่อน
ถึงแม้จะเป็นเช่นนัน้
ถ้าดูให้ดกี ็มีดถี ึงแค่ตรงนั้น
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 29
_______________________________________
เมื่อมองดูแผ่นดินใหญ่ทางเหนือทั้งหมดโดยรวม พูดได้
อย่างมัน่ ใจเลยว่าเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้นนั้ ได้สาเร็จ
ลุล่วงไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าลองคิดแยกเป็นแต่ละภาค
ส่วนดูแล้ว ก็ยังคงมีปัญหาอยู่เล็กน้อย
ไม่ใช่สงิ่ อื่นใด แต่เป็นปัญหาเรื่องความสมดุลของอานาจ
ที่แต่ละภาคส่วนนั้นมีอยู่
หากดูกนั ตรงๆ แล้ว ก็ถอื ว่าเป็นเรื่องทีช่ ่วยไม่ได้ ไม่วา่
อีฮโยอึลจะพยายามที่จะดาเนินงานองค์กรดูแล
ส่วนกลางอย่างสมเหตุสมผลมากเพียงใด เมื่อแต่ละภาค
ส่วนมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันตั้งแต่แรกจึงเกิด
‘ช่องว่าง’ ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากทางตะวันตก
และทางเหนือใช้เวลาสองปีในการสร้างเมืองขึน้ ใหม่และ
ทาให้ผู้เล่นใหม่ได้เข้ามาตั้งรกราก ทางตะวันออกและ
ทางใต้ก็ใช้พลังที่พวกเขามีอยู่ในการขยายพลังอานาจ
ถ้าเป็นเช่นนั้น หากว่าให้เวลาเพิ่มอีกปีหรือสองปี จะ
เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางตะวันตกและทางเหนือจะได้ยุค
แห่งความเจริญรุ่งเรืองเช่นเมื่อก่อนกลับคืนมา
ไม่ใช่ ไม่เป็นอย่างนัน้
หากต้องการพัฒนาเมืองแล้วจาเป็นจะต้องมีทรัพยากร
เพื่อสามารถเก็บรวบรวมผลงาน เช่น การรักษา
เสถียรภาพผ่านการล่าสัตว์หรือการขุดซากโบราณสถาน
แต่ทว่าทรัพยากรของทวีปทางเหนือนัน้ มีอยู่อย่างจากัด
มีข้อกาหนดและขอบเขตที่เคร่งครัดและเป็นการยากที่
เมืองที่มีทรัพยากรลดน้อยลงแล้วจะคาดหวังการพัฒนา
ต่อไป ตอนที่ได้ยนิ คานีร้ ู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อย
จนถึงเมื่อไม่นานมานี้แผ่นดินใหญ่ทางเหนือก็มีสภาพไม่
แตกต่างจากที่วา่ มานัน้ เหล่าผู้เล่นมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุก
ช่วงเวลาและอยู่ในสถานการณ์ที่ทรัพยากรกาลังแห้ง
เหือดหายไป
เมื่อเข้าใกล้สถานการณ์อิ่มตัวเช่นนัน้ แล้ว ไม่วา่ จัดสรร
เวลาให้เท่าไหร่เมืองก็ไม่พัฒนาขึน้ หากทาได้ดกี ็ทาได้
แค่อยู่ในสถานะเดิมหรือสภาพทีก่ าหนดไว้ไม่
เปลี่ยนแปลงไปเพียงเท่านัน้
ในที่สุดจากตรงนัน้ ก็มีเพียงแค่หนทางเดียวที่เหลืออยู่
คือการบุกเบิกแผ่นดินใหม่
นั่นคือเหตุผลที่ทาให้อฮี โยอึลประกาศแผนการโจมตี
เทือกเขาเหล็กกล้าครั้งที่สองในช่วงเวลาที่เหมาะสม
การโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าที่ซึ่งผู้เล่น เผ่า ไม่สิ ทั้ง
แผ่นดินใหญ่ทางเหนือลืมไม่ลงและรอคอยมาตลอด
แต่ทว่าแม้จะรอคอยกันมานานเพียงใด ก็ไม่ใช่ว่าใครก็
สามารถทีจ่ ะเข้าร่วมได้อย่างแน่นอน
องค์กรดูแลส่วนกลางวางเงื่อนไขสามประการใน
คุณสมบัตขิ องคนทีจ่ ะเข้าร่วมในการโจมตีเทือกเขา
เหล็กกล้าได้
1.ผู้เล่นปีที่ศนู ย์และผู้เล่นปีที่หนึ่งไม่สามารถเข้าร่วมได้
2.คัดเลือกจากเผ่า
3.จัดตั้งคณะเดินทางของแต่ละภาคส่วน ตะวันออก
ตะวันตก ใต้และเหนือ
ข้อแรกและข้อที่สองนั้นเป็นเงื่อนไขที่ดาเนินการมาแล้ว
ในระหว่างการโจมตีครัง้ แรก ส่วนเงื่อนไขที่สามคือ
เงื่อนไขเพิ่มเติมใหม่ที่เอาความล้มเหลวจากครั้งแรกนัน้
มาเป็นบทเรียน
ความจริงแล้วนอกจากเผ่าใหญ่ๆ ที่ได้ถกู กาหนดเอาไว้
แล้ว เผ่าขนาดเล็กและขนาดกลางอืน่ ๆ ก็กาลังออกตัว
ไปก่อนอย่างรวดเร็ว ความคิดที่จะโจมตีเทือกเขา
เหล็กกล้านัน้ เป็นความลับที่ถกู เปิดเผยไปทั่วทุกหนแห่ง
มาหลายเดือนก่อนหน้าแล้ว เป็นผลให้เผ่าที่ต้องการเข้า
ร่วม กาลังเปิดประตูออกกว้างต้อนรับเชื้อเชิญและ
รวบรวมเหล่าผู้เล่น
เหตุผลก็เพราะว่า แม้จะบอกว่าเลือกตามเผ่าก็ตาม แต่
นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกเผ่าจะได้รบั การคัดเลือก
และจากตรงนีค้ วามสัมพันธ์ระหว่างเผ่าและผู้เล่นเริ่ม
เป็นไปอย่างแปลกประหลาด
แน่นอนว่าเหล่าผู้เล่นทีอ่ ยากจะเข้าร่วมการโจมตี
เทือกเขาเหล็กกล้าก็มีไม่น้อย และถ้าอยากจะเข้าร่วมก็
ต้องเข้าไปอยู่ในสังกัดเผ่าเสียก่อน
และพอดีกบั ที่เผ่าทั้งหลายที่ใช้พลังรวบรวมเหล่าผู้เล่น
เกิดขึน้ มาอย่างมากมายนับไม่ถว้ น ตัวผู้เล่นนัน้ ก็
สามารถเลือกทีจ่ ะเข้าร่วมกับเผ่าที่มคี วามเป็นไปได้สงู
ที่สุดเช่นกัน
แต่ทว่าเหล่าผู้เล่นนั้นไม่ได้โง่
แม้จะอยากเข้าร่วมการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า แต่
เหนือกว่าสิ่งอืน่ ใดนัน้ ก็คือความปลอดภัยและชีวิตของ
ตัวเองต้องมาก่อน กล่าวคือ อนาคตที่สดใสจะได้รับเมื่อ
การโจมตีประสบความสาเร็จเป็นสิทธิพิเศษทีม่ อบให้
เมื่อมีชวี ิตอยู่เท่านัน้
ไม่ใช่เรื่องที่สามารถคิดไตร่ตรองได้อย่างง่ายดาย
ชื่อเสียงไม่ดขี องเทือกเขาเหล็กกล้า แม้แต่เทือกเขา
มังกรหลับใหลที่ว่าโหดก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้า เผ่า
สิงโตทองที่เคยเป็นผูน้ าในตอนนัน้ ได้รวบรวมแค่ผู้เล่น
มือหนึ่งเท่านัน้ ในรอบแรก คณะเดินทางในรอบแรกนัน้
ต้องประสบกับผลลัพธ์เช่นไรล่ะ
อยากเข้าร่วมการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า
แต่ทว่าชีวิตของตัวเองก็สาคัญ
ผู้เล่นที่ตัดสินใจชัง่ น้าหนักจากทั้งสองข้อนี้ สุดท้ายแล้ว
จะตัดสินใจอย่างไร
ง่ายนิดเดียว
ตราบใดที่ตดั สินใจทีจ่ ะไม่ยอมแพ้และเลือกที่จะเข้าร่วม
แล้ว จะต้องเข้าไปเคาะประตูเผ่าที่จะสามารถปกป้อง
ความปลอดภัยของตัวเองได้ดีที่สุด และเผ่าเหล่านัน้
ไม่ใช่ทางตะวันตกและทางเหนือ แต่ไปกระจายตัวอยู่
ทางตะวันออกและทางใต้เป็นหลัก
จากจุดเริ่มต้นนี้ ดังนัน้ ตั้งแต่ที่ประกาศเงื่อนไขข้อที่สาม
สถานการณ์ในทางเหนือจึงเริ่มคลุมเครือเป็นอย่างมาก
“มีหลักเกณฑ์อยู่หลายอย่างที่ผู้เล่นนามาตัดสินใจเลือก
เผ่า”
อาจเป็นเพราะเราพูดคุยกันมานาน พี่จงึ หยุดพูดคุยชั่ว
ครู่และหยิบเอาเครื่องดืม่ ที่เหลือขึน้ มาดืม่ ทั้งหมด และ
พูดต่อเนื่องทันที
“ว่ามีผู้เล่นทีม่ ีชื่อเสียงดีหรือเปล่า ศักยภาพทางเงินทุน
และการให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างไร มีผลงานอยู่ใน
ระดับใด อันดับของเผ่าอยู่ตรงไหน และอืน่ ๆ”
เมื่อนาทุกมาตรฐานนัน้ มารวมกันกลายเป็นนิยามของคา
ว่า ‘ชื่อเสียง’ และในฐานะของทางเหนือนั้นอยู่สถานะ
ไม่เคยปรากฏเผ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สามารถดึงดูดผู้เล่น
เข้ามาหาได้มาก่อน
เป็นไปตามคาพูดของพีอ่ ย่างแม่นยา
ทางตะวันออกรวมทั้งเผ่าโครยอมีเผ่าที่มขี นบธรรมเนียม
อยู่มากมายกระจัดกระจายตัวกันอยู่ ใช้ชื่อเสียงและ
สัญลักษณ์เครื่องหมายที่ได้รับจากการสงครามอย่าง
เพียงพอและรับสมัครผู้เล่นอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังจาก
นั้นเผ่าโครยอก็ได้ขนึ้ เป็นผู้ครองอานาจของทาง
ตะวันออกอย่างเงียบๆ
ทางใต้ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ระหว่างที่เผชิญกับ
เหตุการณ์หลายอย่างทีพ่ ี่ได้กล่าวแจกแจงความจริงไป
ข้างต้นนั้นแล้ว พื้นที่ทสี่ ามารถรักษากาลังทั้งหมดเอาไว้
อย่างดีได้ก็คือทางใต้นนั่ เอง ขยายอานาจอยู่อย่าง
ต่อเนื่อง และพลังอานาจก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันกับทาง
ตะวันออก และในกระบวนการเหล่านัน้ เผ่าอีสตัน
เทลลอว์ ที่ผมได้ให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยก็เริม่ มี
ชื่อเสียงโด่งดังเลื่องลือ
แค่นนั้ เหรอ เผ่าเมอร์เซนต์นารีข่ องเราก็กวาดเอาซาก
โบราณสถานทั้งหมดมาได้ แล้วกลายเป็นเผ่าทีอ่ ยู่ใน
แรงก์ S เผ่าแรกของประวัติศาสตร์ แถมยังเข้าโจมตี
เทือกเขามังกรหลับใหลที่ยากต่อการเอาชนะได้อย่าง
ภาคภูมิ
“แต่ว่าทางเหนือล่ะ?”
คาถามของพี่ที่ถามออกมาอย่างกะทันหัน ผมยังคง
รักษาความเงียบเอาไว้ เพราะว่าคิดถึงสิ่งทีพ่ อจะปรากฏ
ออกมาอย่างชัดเจนของทางเหนือไม่ออกเลยนัน่ เอง
พี่พดู ต่อไปทันทีราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้
ตามที่ได้พูดไปทางเหนือนั้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์
คลุมเครือเป็นอย่างมาก ยังจะดีเสียกว่าหากได้รับการ
ตัดสินนอกเหนือจากอานาจในตั้งแต่แรกแบบเดียวกัน
กับทางตะวันตก จะโล่งอกมากกว่านี้หรือเปล่านะ แต่ถา้
ว่าไม่ได้อยู่ในระดับสิน้ เนื้อประดาตัวเสียทั้งหมด
เหมือนกับทางตะวันตก จึงสามารถที่จะฟืน้ คืนกลับสู่
สภาพเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ก็ยังเป็นแค่ระดับในเชิงเปรียบเทียบเท่านัน้
ไม่สามารถจะโอ้อวดระดับของผู้เล่นที่น่าเชื่อมัน่ ได้
เหมือนกับทางตะวันออกที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีอนั
เก่าแก่ ไม่ได้รวบรวมผลงานขึน้ มาอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับทางใต้ และไม่ได้มีเผ่าที่มีผู้เล่นที่มชี อื่ เสียงโด่ง
ดังซึ่งอยู่ในสิบอันดับผู้แข็งแกร่งที่สุดด้วย
เผ่าที่ขึ้นรับตาแหน่งเป็นตัวแทนเผ่าใหม่หลังเกิด
สงครามไม่มีผลงานไม่มชี ื่อเสียง รีบเร่งเข้ามาเพียงเพื่อ
รักษาสภาพที่เป็นอยูเ่ ท่านัน้
ในสมัยก่อนนัน้ ทางเหนือเคยจัดกลุม่ รบเป็นจานวนมาก
ด้วยเผ่าที่มชี ื่อเสียงดี เช่น สเตลล่า มยอลฮวารัง เป็นต้น
แต่ว่านั่นก็เป็นเพียงเกียรติยศในอดีตเพียงเท่านัน้
ในตอนนีเ้ ป็นเพียงร่องรอยของความทรงจาที่หายไป
เพียงเท่านั้น
แม้จะพยายามรวบรวมคณะเดินทางทางเหนือ ไม่ว่าจะ
ด้วยวิธกี ารใดก็ตาม ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะ
สามารถรวบรวมคณะเดินทางที่ดกี ว่าคณะเดินทางครั้งที่
หนึ่งเมื่อสามปีที่แล้วได้
แต่เนื่องด้วยอุปสงค์ที่มมี ากเพียงพอ อาจจะสามารถคิด
กลอุบายวางแผนเพื่อเพิ่มมาตรฐานผ่านการจ้างผู้เล่น
จากภายนอกให้เข้าร่วมก็เป็นได้ แต่ถ้าคิดว่าคนเหล่านัน้
เป็นผู้เล่นทีถ่ ูกคัดกรองโดยทางตะวันออกและทางใต้
มาแล้วที่ละครั้ง จึงคาดหวังว่ามาตรฐานจะสูงขึ้นได้ยาก
กล่าวอีกอย่างก็คือ ทางเหนือดีกว่าทางตะวันตก แต่วา่ ก็
ห่างไกลจากทางตะวันออกและทางใต้ เพราะว่าอยู่ใน
เส้นตัดทีพ่ อจะสร้างคณะเดินทางขึน้ มาได้พอดี
แต่ก็ต้องเข้าร่วม แม้จะน่าเสียดาย แต่เพราะไม่ได้มี
ข้ออ้างทีค่ ู่ควรเหมือนกับทางตะวันตก
นอกจากนี้แล้วหากถอยหลังออกไปจากตรงนี้ จากนี้
ต่อไปทางเหนือก็คงจะต้องเดินถอยหลังเข้าสูค่ วามพัง
พินาศอย่างแน่นอน เพราะไม่มีเหตุผลใดที่เหล่าผู้เล่น
จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มคี วามเป็นไปได้ในการ
เจริญเติบโตต่อไป
แล้วทางเหนือก็ตกอยู่ในสถานการณ์ตกอับที่ไม่สามารถ
ทาอะไรได้แม้แต่อย่างเดียว
หากเผ่าตัวแทนไม่ชิงตัดหน้ารับไปก่อน เหล่าผู้เล่นที่
บริหารปกครองทางเหนือก็อาจจะรับรู้สถานการณ์
เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามหากไม่มคี วามคิดที่จะดันทุรงั ทาร้ายตัวเอง
การเข้าร่วมก็เป็นสิ่งจาเป็นอย่างหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนัน้ แล้วแม้จะตัดสินใจจะเข้าร่วม ตาแหน่งผู้
บัญชาการก็เกิดปัญหาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่พี่ได้ฟังจากกงชานโฮก็คือ ทางเหนือได้เกิดการ
ถกเถียงกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับตาแหน่งผู้บัญชาการ
ไม่ใช่การถกเถียงยื้อแย่งกันว่าจะเป็นเอง แต่ตา่ งฝ่าย
ต่างบอกว่าจะไม่รบั ตาแหน่งนัน้
โดยปกติแล้วเมืองทั่วไปที่เป็นตัวแทนของเผ่าจะต้อง
รับหน้าทีน่ ี้ไป แต่ไม่มกี ฎว่าจะต้องทาเช่นนัน้ โดยที่
ปฏิเสธไม่ได้
เมื่อดูที่คณะเดินทางของทางใต้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
เผ่าหมาป่าสีครามที่เป็นตัวแทนของเมืองคาน เสนอ
ตัวเองไปอยู่ที่แนวหลัง แล้วส่งมอบอานาจให้เผ่าอีสตัน
เทลลอว์
แต่ทว่าความแตกต่างอย่างมากระหว่างทางใต้และทาง
เหนืออย่างหนึง่ นัน้ ก็คอื สถานการณ์ที่ต้องเผชิญอยู่ใน
ปัจจุบันนัน้ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ฮันโซยองเป็นผู้เล่นที่ทกุ คนต่างให้ความยอมรับและยังมี
ชื่อเสียงอยูพ่ อตัว แม้วา่ เผ่าหมาป่าสีครามจะก้าวถอย
ออกไปก็ตาม แต่กย็ ังมีผู้รับสืบทอดตาแหน่งทีม่ ี
ความสามารถอย่างเผ่าอีสตันเทลลอว์อยู่
แต่ทว่านอกเหนือจากทางเหนือจะไม่มีผู้เล่นระดับฮันโซ
ยองอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ผมก็ต้องรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีก
ครั้ง หากเป็นไปตามดังเดิมแล้วล่ะก็ในช่วงเวลา
ประมาณตอนนี้เผ่าต้นบีชที่มีอานาจทางเหนืออยู่ไม่น้อย
จะต้องเข้ามา ความคิดนั้นแล่นผ่านเข้ามา ที่บอกว่า
ใครๆ ต่างก็ไม่อยากรับหน้าที่เป็นผูบ้ ัญชาการ เหตุ
เพราะว่าตาแหน่งผู้บัญชาการนัน้ มีความสาคัญอย่าง
มาก เป็นตาแหน่งที่ต้องรับผิดชอบภาระมากมาย
แม้จะเป็นตาแหน่งที่ได้ลิ้มลองรสชาติความสาเร็จอัน
หอมหวานมากกว่าใครๆ หากการเข้าโจมตีสาเร็จ แต่ใน
กรณีที่ลม้ เหลวก็เป็นตาแหน่งที่ต้องเตรียมพร้อมรับผลที่
ตามมามากมายเช่นเดียวกัน
และนี่คือเบื้องหลังของการทีก่ งชานโฮสามารถขึ้นมา
เป็นผู้บัญชาการทหารได้
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 30
_______________________________________
หากพูดอย่างตรงๆแล้ว กงชานโฮก็เป็นผู้เล่นทีม่ ีชื่อเสียง
อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยงั ไม่ใช่ในระดับที่จะสามารถรับ
ตาแหน่งผูบ้ ัญชาการได้
แต่ทว่าทั้งเผ่าที่เป็นตัวแทนก็บอกว่าไม่อยากเป็นผู้
บัญชาการ อีกทั้งเผ่าอืน่ ๆ ก็บอกว่าไม่อยากเป็นผู้
บัญชาการเหมือนกัน จะมีวิธีการอื่นอีกงัน้ หรือ เมื่อถูก
ปฏิเสธเป็นระดับขัน้ ไปเรื่อยๆ จนกงชานโฮที่อยู่ระดับ
ห่างไกลออกจากอันดับต้นๆ เล็กน้อยถูกเสนอชื่อให้
ได้รบั ตาแหน่ง
ความจริงแล้วผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าด้วยเหตุผลใด
กงชานโฮถึงได้ยอมรับข้อเสนอให้เป็นผู้บัญชาการอย่าง
รวดเร็ว
แต่หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ปัจจุบนั ผู้บญ ั ชาการ
กงชานโฮนั้น ก็มีแค่ตาแหน่งเท่านั้น
และในตอนที่ได้คนรับตาแหน่งผู้บญ ั ชาการมาอย่าง
ยากลาบากแล้ว ณ จุดนั้นก็มีตวั แปรเกิดขึน้ มาเพิ่มอีก
อย่าง นัน่ ก็คือการประกาศเสนอยกร่างแผนการเข้า
โจมตีดว้ ยไฟของผู้เล่นจูโฮ
แผนการเข้าโจมตีดว้ ยไฟ
แผนการนัน้ เป็นตัวแปรที่จะสามารถช่วยเหลือคณะ
เดินทางทางเหนือที่กาลังตกอยูใ่ นสถานการณ์ตกอับได้ดี
ที่สุด เหตุผลก็งา่ ยดาย อย่างน้อยพื้นที่ที่มกี ารวาง
แผนการโจมตีด้วยไฟก็จะสามารถเดินทางผ่านได้อย่าง
ปลอดภัยมากขึน้ อีกขั้น เป็นแผนที่แข็งแรงดังเชือกป่าน
ที่จะทาให้ระดับมาตรฐานของคณะเดินทางทางเหนือ
แตกต่างออกไปอีกในเชิงเปรียบเทียบ
แต่ทว่าหลังจากประกาศแผนการโจมตีแล้ว การ
เคลื่อนไหวของทางตะวันออกต่อจากนัน้ ก็ทาให้ความ
คาดหวังของทางเหนือมลายหายไปอย่างรวดเร็ว โจซอง
โฮใช้ข้ออ้างว่าคณะเดินทางของตะวันออกเป็นกองกาลัง
เดินทางครั้งแรก แล้วแย่งชิงโอกาสการเริ่มต้นเป็น
อันดับแรกไปในทันที สาหรับทางเหนือนัน้ นี่เป็น
สถานการณ์ที่พูดไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
ระดับของคณะเดินทางทางตะวันออกและคณะเดินทาง
ทางเหนือ ใครมองก็ต้องบอกว่ามีความแตกต่างกันอย่าง
ชัดเจน แน่นอนว่าไม่มกี ฎกาหนดตายตัวว่าใครจะต้อง
ออกไปเป็นอันดับแรก แต่ทางเหนือนัน้ โดยทางศีลธรรม
แล้วพวกเขาต้องการจะเริ่มต้นเป็นอันดับแรก
เมื่อเป็นเช่นนัน้ แล้ว แม้ว่าทางตะวันออกจะมีกาลังอัน
แข็งแกร่งของตัวเองอยูก่ ็ตามก็ยังทาตัวเหมือนคนเห็น
แก่ตัวอยู่ดี
แทนที่กันนัน้ ไม่ให้ทางตะวันออกเข้าร่วมในระยะ
ทางการโจมตีดว้ ยไฟและทาการยกทัพขนาดเดียวกันมา
เพิ่ม ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะเข้าใจได้อยูบ่ า้ ง เพราะ
อย่างน้อยที่สุดก็ยังยอมรับได้ในฐานะที่ต่างฝ่ายก็ได้
พยายามอย่างเท่าเทียมกันแล้ว
แต่ว่าทางตะวันออกไม่ทาเช่นนั้น คานวนระยะทาง
ตั้งแต่เริม่ ต้นในตอนแรกภายในเวลาสิบวัน หรือให้
แม่นยาก็คือหยุดเดินทัพในวันที่เจ็ดแล้วส่งรายงาน
สิ้นสุดการโจมตี และในกระบวนการเหล่านัน้ ก็ไม่ได้รบั
ความเสียหายหรือว่าโดนโจมตีใดๆ
ในความเป็นจริง ทางด้านทางเหนือที่ตงั้ ใจว่าจะทา
เช่นเดียวกันนัน้ ไม่ได้พดู อะไรออกมาก็จริง เช่นนัน้ จึง
เหมือนกับอกจะแตกมากขึน้ ไปอีก
จริงๆ แล้ว ผมเองก็ไม่ได้มองว่าทางตะวันออกเป็นคนดี
อะไร ทางเหนือก็คงจะคิดไปเกินกว่าที่ผมคิดอีกมาก
“...”
จู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าฮันโซยองอาจจะคาดการณ์
สถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้วก็เป็นได้
หากดูที่ข้อเท็จจริงภายนอก เส้นทางการเดินทัพของ
คณะเดินทางทางใต้ของเราจะคล้ายคลึงกับเส้นทางของ
คณะเดินทางทางตะวันออก แต่วา่ เราใช้เวลาเพิ่มขึ้น
จากนัน้ อีกสีว่ นั
แต่ว่าจากที่ได้ยินภายหลังนัน้ ตอนที่ฮนั โซยองรายงาน
ผลการโจมตีเสร็จสิน้ ได้แนบเอกสารเพิ่มเติมปลีกย่อยลง
ไปอย่างละเอียด ทั้งสถานะและลักษณะพิเศษของมอน
สเตอร์ที่รวบรวมได้ระหว่างนั้น รวมไปถึงถ่ายภาพการ
ต่อสู้ข้างในเหมืองแร่ให้ดูอีกด้วย
ในตอนนัน้ คิดเพียงแค่วา่ ช่างขยันจริงๆ เพียงแค่นนั้ แต่
เมื่อได้ฟงั คาพูดในตอนนี้ อาจจะทาเช่นนั้นเพราะ
ต้องการจะหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดระหว่างกันและกันก็
เป็นไปได้
“อย่างไรซะในสถานการณ์นั้น…ทางตะวันตกและทาง
เหนือ ทั้งสองพืน้ ที่นมี้ ีสว่ นได้ส่วนเสียร่วมกัน ดังนัน้ จึง
เกิดเป็นพันธมิตรตะวันตกเหนือ”
พี่คงจะเหนื่อยเพราะต้องพูดเสียงยืดยาว เสียงแหบแห้ง
ไปหมด
พันธมิตรตะวันตกเหนือ
เมื่อถึงตอนนี้ถงึ เริม่ ได้ความหมายชัดเจนที่แตกต่าง
ออกไป
ข้อตกลงของผลประโยชน์ร่วมกัน
เป็นไปตามคาพูดของพีอ่ ย่างถูกต้อง
เมื่อถูกบังคับให้ปฏิบัตติ ามแล้ว สาหรับทางเหนือแล้ว
การเลือกจับมือกับทางตะวันตกเป็นตัวเลือกทีด่ ีที่สุดที่
สามารถทาได้ในสถานการณ์นนั้
เผ่าแฮมิลที่ได้รับการประเมินว่าเป็นกองกาลังอัน
แข็งแกร่ง และเหนือกว่าสิ่งใดนัน้ การมีอยูข่ องพี่ที่
สามารถจะทาหน้าที่ปฏิบัติงานเป็นผู้บงั คับบัญชาการได้
ดีมากกว่าใครๆ ในความคิดของทางเหนือนั้น คงจะรู้สึก
เหมือนกับฝนหน้าแล้งที่เทลงมา ดังนั้นจึงยืน่ ข้อเสนอที่
ดึงดูดใจว่าหากช่วยเหลือการโจมตีของพวกเขาก็จะแบ่ง
สิทธิพิเศษที่สามารถเริงรมย์ได้หลังจากนี้ให้
ทางตะวันตกก็ไม่ตา่ งกัน
อย่างไรเสียจนถึงตอนนีก้ ารโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าก็
ประสบความสาเร็จอย่างต่อเนื่องกัน และทางตะวันตกที่
ต้องยืนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้เข้าร่วมการโจมตีอย่างเป็น
ทางการเลยตั้งแต่แรกก็คงจะรู้สึกเสียดายไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ก็คงจะได้รับหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุน จึง
ไม่มีปัญหาใดๆ ทางคติธรรมความคิด
และอีกมุมหนึง่ ก็คงอยากจะทาอะไรบ้างมากกว่าการรอ
ที่จะเป็นหนูตกถังข้าวสาร นอกจากนั้นทางเหนือยังจะ
มอบอานาจทั้งหมดของผู้บัญชาการให้ทั้งหมดอีกด้วย พี่
จึงไม่มีเหตุผลใดทีจ่ ะต้องปฏิเสธอีกต่อไป
“เฮ้อ และเรื่องราวก็จบลงประมาณนี้แหละ…”
จากนัน้ พี่ก็เอนตัวลงไปนอนที่เตียงด้วยใบหน้าเหน็ด
เหนื่อยเป็นอย่างมาก มองดูพี่แล้วผมก็จมอยูก่ บั
ความคิดของตัวเองอยู่เงียบๆ
เข้าใจความหมายของพันธมิตรตะวันตกเหนืออย่าง
ชัดเจนแล้ว และเข้าใจสถานการณ์ที่ทาให้เกิดเรื่องนี้ขนึ้
แล้ว เป็นเพียงแค่การถือผลประโยชน์ร่วมกันทีย่ ุ่งเหยิง
เพียงเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องราวที่เข้าใจยากอะไร
“ตอนนี้หายสงสัยขึน้ บ้างหรือยัง”
…และมากกว่าอะไรทั้งหมด ก็มคี วามรูส้ ึกเสียใจต่อพี่
ขึ้นมา
เมื่อนานมากๆ มาแล้ว
‘ซูฮยอน นายไม่มคี วามคิดจะมาทางตะวันตกเลยเหรอ’
พี่เคยขอร้องทีเล่นทีจริงให้ผมไปทางตะวันตกอยู่ครัง้
หนึ่ง
ในตอนนัน้ ผมฟังแค่ผา่ นๆ เท่านัน้ คิดเพียงแค่ว่าถาม
ด้วยจุดประสงค์เพื่ออยากจะให้ผมไปอยูใ่ นคณะเดินทาง
ที่รับประกันปลอดภัยเพียงเท่านั้น
แต่ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น พี่อยากจะโจมตีเทือกเขา
เหล็กกล้าด้วยตัวเองในฐานะผู้เล่นคนนึง ดังนัน้ จึง
ต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าเมอร์เซนต์นารี่
“แต่ว่าลองคิดดูแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่นะ”
หลังจากนั้นพี่ที่นอนลงไปบนเตียงก็ค่อยๆ ดันร่างกาย
ท่อนบนขึน้ มาแล้วพูดขึน้
“เรื่องใหญ่?”
“ใช่ พอนึกถึงกฎของการออกสารวจขึน้ มาแล้ว นายเอง
ก็รู้ใช่ไหมว่าหมายความว่าอะไร”
กฎของการออกสารวจ
แน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว ยกตัวอย่าง เช่นสมมติว่าออกไป
สารวจป่า ถ้าเข้าไปข้างในแล้ว ยิ่งเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะยิง่
เจอกับมอนสเตอร์ที่มพี ลังอานาจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าคงบอกได้ยากว่ากฎนัน้ ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประสบการณ์ที่มีแล้ว บอสของ
มอนสเตอร์จะปรากฏตัวออกมาในตอนเกือบสุดท้ายอยู่
บ่อยๆ และถ้าจะบอกว่าเป็นคาพูดที่ผิดเลยก็ไม่ใช่...แต่
เดี๋ยวก่อน
“ ความจริงตอนที่ดูข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีของพวก
นาย ก็รู้สึกเป็นกังวลหน่อยๆ เหมือนกัน ถ้าหากว่าใน
เขตพื้นทีน่ ี้มีมอนสเตอร์ระดับนัน้ ปรากฏตัวออกมา แล้ว
ในพื้นที่ต่อไปจะมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขนาดไหน
ออกมากันล่ะ...”
ตอนที่ได้ยนิ คานัน้ สติทเี่ ลือนรางไม่แจ่มชัดก็ตนื่ ขึน้ มา
ทันที คิดดูแล้วผมก็ลืมสิ่งที่สาคัญที่สุดไป
ผมรู้อยู่แล้วว่าในพื้นทีท่ ี่สามนัน้ ส่วนมากมีมอนสเตอร์
แบบไหนปรากฏตัว และพี่ก็ต้องนากองพันธมิตร
ตะวันตกเหนือเข้าไปยังพื้นที่เขตที่สามภายในเวลา
อันใกล้นี้
กล่าวคือ ความจริงทีว่ ่าพี่ต้องเดินเข้าสู่แดนตายใกล้เข้า
มาอย่างกะทันหัน
“งั้น…ถ้าจะมาก็บอกล่วงหน้าหน่อยสิ!”
ไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกกังวลใจที่ถาโถมเข้ามา
เหมือนน้าขึ้นได้ ผมจึงขึ้นเสียงออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว หาก
ว่ารูเ้ รื่องก่อนหน้านี้ซกั สามหรือสีว่ ันก็คงจะมีเวลาให้คิด
มากกว่านี้
“ฮ่าๆ”
แต่ว่าพี่ก็ยงั ทาท่านิ่งเฉยไม่รวู้ ่าจะรู้ความรู้สกึ แบบนีข้ อง
ผมหรือเปล่า แต่กลับหัวเราะด้วยความสบายอกสบาย
ใจ แล้วค่อยๆ ลุกขึน้ ก่อนเดินเข้ามาใกล้
“อย่าโมโหไปเลย เพราะที่ไม่ส่งข่าวเกีย่ วกับพันธมิตร
ไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน”
“ว่ายังไงนะ ถ้างัน้ …”
“พันธมิตรตะวันตกเหนือ...ไม่สิ พูดให้ชัดคือ ความตัง้ ใจ
ของทางเหนือ”
“ความตัง้ ใจของทางเหนือ?”
ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ถ้าอย่างนั้นแปลว่าไม่ได้จาไม่ได้
แต่ว่าลืมไปเลยอย่างนัน้ เหรอ ทาไมล่ะ
ในตอนที่พยายามคิดหาเหตุผลนั้น สมมติฐานอย่างหนึ่ง
ก็ผ่านเข้ามาในหัว แม้จะคิดว่าเป็นเพียงแค่สมมติฐาน
ผมก็หยุดที่จะคิดจริงจังกับมันไม่ได้
“เรื่องนัน้ ก็เป็นแบบนัน้ ล่ะ...เป็นไง ซูฮยอน? ตอนนี้ฉนั
อยากฟังเรื่องราวของนายเหมือนกันนะ”
พี่ที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพอดี บนใบหน้ายังมีรอยยิ้ม
อยู่เหมือนเดิม แล้วยกมือขึ้นมาจับไหล่ผมอย่างเบามือ
และสบตาเข้ากับผมและพูดขึน้ อย่างนุ่มนวล
“นายคิดว่าคณะเดินทางตะวันตกเหนือของเราจะ
สามารถโจมตีพนื้ ที่ถัดไปได้หรือเปล่า”
ตอนที่พกี่ ลับไปเป็นเวลาเลยอาหารเย็น และค่าคืนค่อยๆ
มืดลง
หลังจากบังคับให้พี่ที่ดอื้ ดึงว่าจะนอนแล้วค่อยไป
เพราะว่ามืดค่าแล้วกลับไปได้แล้ว ผมออกมาจากเต็นท์
และเดินไปยังสถานที่ที่เงียบสงบ
ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ มีเพียงแค่ดวงดาวที่
ลอยอยู่บนฟากฟ้าส่องแสงเลือนรางลงมายังพืน้ ดิน ลม
เย็นพัดมา ร่างกายปลิวไหวไปกับสายลมแต่ไม่รู้สึกว่า
หนาวเท่าไหร่นัก
เหตุผลที่ออกมาข้างนอกแม้จะเป็นเวลาที่ต้องเข้านอน
แล้ว เพราะว่านอนไม่หลับนั่นเอง
อยากจะหาวิธกี ารแก้ไขคลายความรู้สึกกระวนกระวาย
ใจที่เกาะกินอยู่ลกึ ข้างในใจนีใ้ ห้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทาได้
ดังที่ใจต้องการ
เมื่ออดีตนานมาแล้ว ครั้งหนึง่ เคยคิดแบบนี้
อนาคตเปลี่ยนแปลง
แต่ว่าก็ไม่เปลี่ยนไป
ขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทางนัน้ กล่าวคือ
หมายความว่าสายน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และ
สายน้านั้นก็จะพยายามกลับไปยังต้นน้าไม่วา่ จะด้วย
วิธีการใดก็ตาม
หลังจากกลับมาเป็นรอบที่สอง จนถึงตอนนี้ผม
เปลี่ยนแปลงเรื่องมากมายที่ต้องเกิดขึน้ แต่เดิม
คือช่วยชีวิตผู้เล่นที่ควรจะต้องตาย เคยฆ่าผู้เล่นที่ควร
ต้องมีชวี ิตรอดอีกด้วย เคยทาลายล้างสหพันธ์ลงไปเลยก็
มี แย่งชิงโบราณสถานที่ผู้เล่นคนอื่นจะต้องพบเจอใน
ภายหน้ามาไว้ในครอบครอง ก่อตัง้ เผ่าเมอร์เซนต์นารี่ที่
ไม่สมควรจะปรากฏขึน้ ตั้งแต่แรก และสร้างผลกระทบ
อย่างมากมายต่อแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ
ถ้าลองคิดว่าสิ่งเหล่านัน้ แต่ละอย่างเป็นเหมือนกับ
สายน้าหนึง่ สาย เท่ากับว่าผมได้เปลี่ยนแปลงขัน้ ตอน
มากมายนับไม่ถว้ นมาจนถึงปัจจุบนั
และผลที่เกิดตามมา อนาคตก็เริ่มเปลีย่ นแปลงไปตามที่
ผมต้องการในระดับหนึง่
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 31
_______________________________________
หากให้เลือกหนึง่ เรื่องที่ทาได้ดีที่สุดในหลายๆ เรื่องที่ทา
มาจนถึงตอนนี้ ผมก็สามารถพูดออกไปได้โดยไม่ลังเล
แม้แต่น้อย
คือการที่แผ่นดินใหญ่ทางเหนือไม่ต้องเผชิญกับยุค
สงครามหนึ่งปีและสามารถดาเนินผ่านไปยังสิ่งที่เกิดขึน้
ต่อไปได้ สามารถบอกได้ว่านี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากกว่า
ตอนที่จบั เบลเฟกอร์ได้โดยบังเอิญที่สถานีวจิ ัยร้างเสียอีก
ตอนรอบที่หนึง่ ในช่วงเวลาประมาณตอนนี้ เป็น
ช่วงเวลาที่เกิดการแข่งขันพลังอานาจระหว่างเผ่า
ระหว่างภูมิภาค หากเป็นไปตามเดิมที่เคยเกิดขึน้ แล้ว ไม่
เพียงแค่เทือกเขาเหล็กกล้า การที่มอนสเตอร์ปรากฏตัว
ออกมาและจนกว่าจะเกิดการผนวกรวมพลังกันตามเดิม
นั้นต้องใช้เวลาไปอีกสองสามปี
แต่ว่าการมีชวี ิตรอดของอีฮโยอึล ทาให้เกิดผลลัพธ์เป็น
การดาเนินงานองค์กรดูแลส่วนกลางและยุคสงคราม
หนึ่งปีก็ไม่เกิดขึ้น กลับกันนั้นที่ผ่านมาก็สารองกาลัง
เอาไว้อย่างเต็มที่ และเริ่มการโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า
เร็วมากขึน้ กว่าเดิมหลายเท่า
ผมคิดว่าเป็นเช่นนัน้ มาตลอด
แต่ไม่ใช่
ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
พอได้ยนิ เรื่องราวของพีแ่ ล้วถึงรู้ได้ แม้ว่าอนาคตจะถูก
เลื่อนเข้ามาเร็วขึ้นอย่างชัดเจน แต่กย็ ังไม่จบลงเพียงแค่
นั้น ผลของการบิดเบือนสายน้าเกินความพอดี คือเริ่มมี
ผลกระทบที่ผมไม่รปู้ ะทุขึ้นมาแล้ว
นั่นคือเกิดขึน้ มาในรูปของ ‘ความขัดแย้ง’
แม้จะไม่รกู้ ็ตาม แต่วา่ ตอนนี้เหล่าผู้เล่นที่มองทาง
ตะวันออกไม่ดีกม็ ีอยู่มาก โดยเฉพาะทางเหนือนั้น หาก
พูดว่าพวกเขามีความเป็นปรปักษ์ต่อทางตะวันออก
เกือบทัง้ หมดก็ไม่ใช่คากล่าวทีเ่ กินจริง
แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งของทาง
ตะวันออกและทางเหนือเกิดขึน้ เพราะผม
แต่สามารถบอกว่าผมได้ส่งผลกระทบออกไปเป็นอย่าง
มากทาให้ทางเหนือต้องตกอยูใ่ นสถานการณ์อย่างนั้น
ได้สังหารผู้เล่นทีจ่ ะเป็นผู้นาทางเหนือในภายภาคหน้า
และได้ขนเอาทรัพยากรจากทางเหนือไปจนหมดเกลี้ยง
แล้วนาไปลงทุนที่ทางใต้ทั้งหมด
…อย่างไรก็ตาม
พี่กบ็ อกอย่างนัน้ ว่าทางเหนือไม่อยากให้ความจริง
เกี่ยวกับเรื่องพันธมิตรตะวันตกเหนือเป็นที่รบั รูไ้ ปทั่ว
ความหมายของความจริงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง
หากลองคิดให้ดีแล้วก็จะได้คาตอบออกมา ผมเองตอนที่
ได้ฟังเขาตอนแรกก็รู้สกึ ถึงความแปลกประหลาดอย่าง
มาก และฮันโซยองที่รบั รู้ได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ นั้นก็
จัดการกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าอย่างนั้นทางตะวันออก ต่อให้ไม่เป็นเช่นนัน้ ทาง
ตะวันออกทีก่ ่อสงครามประสาทอันซับซ้อนกับทางเหนือ
หากได้รับรู้เรื่องราวนี้แล้วจะมีปฏิกริ ิยาอย่างไรกันนะ
การบอกแจ้งล่วงหน้าและการไม่บอกเลยนัน้ แตกต่างกัน
อย่างใหญ่หลวง
กล่าวคือ ทางเหนือในตอนนีก้ าลังหมายความว่า ‘พวก
นายกาลังทาตามใจตัวเองอยู่ แล้วเราต้องมีหน้าที่ต้อง
บอกเรื่องนี้ให้รู้ด้วยเหรอ’
ด้วยการถูกทางตะวันตกดึงให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทาง
เหนือจึงสร้างอานาจจากพันธมิตรตะวันตกเหนือเพียง
อย่างเดียวเท่านัน้ ได้สาเร็จ การกระทาเช่นนัน้ ไม่ต้องดู
ว่าเล็งเป้าไปที่ใครก็สามารถรู้ได้ และในฐานะของทาง
ตะวันออกไม่มีทางที่จะรู้สึกดีไปได้
สิ่งสาคัญก็คือจากจุดนี้ได้เกิดความขัดแย้งใหม่ขึ้น
ระหว่างพืน้ ที่แต่ละแห่ง
ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถจะละเลยได้ หากว่าระดับของ
ความขัดแย้งลึกลงไปอีก ยิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ อาจจะเกิด
ความสัมพันธ์ระหว่างพืน้ ที่ในยุคสิงโตทองขึ้นมาอีกครั้ง
ก็ได้
ผมไม่คิดว่านีเ่ ป็นการกังวลไปล่วงหน้า
เพราะว่าไม่วา่ จะพยายามเปลี่ยนแปลงอนาคตสัก
เท่าไหร่ แต่ไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง ที่
ผ่านมาจนถึงตอนนี้กร็ บั รู้เรื่องนัน้ มาหลายครัง้ แล้ว
เพราะเหตุนี้แล้ว แม้การโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้าจะจบ
ลงได้ด้วยดีกย็ ังเป็นปัญหา การดาเนินไปของยุคสงคราม
หนึ่งปีที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ที่แผ่นดินใหญ่ทางเหนือ ได้
แสดงสัญญาณล่วงหน้าของการเริ่มต้นครัง้ ใหม่อยู่ที่เวที
แห่งใหม่ที่มีชื่อว่าแอตแลนต้า
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมควรต้องทาอย่างไรดี
ในตอนนัน้ เอง
“โอ้โฮ นี่ใครกัน”
ในตอนที่เหม่อมองไปทีท่ ้องฟ้ายามค่าคืนและจมไปกับ
ความคิด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอันแข็งกระด้างเข้ามาในหู ฟัง
ผ่านๆ แล้วเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อลองคิดให้ดีอีก
ครั้งก็เป็นเสียงทีร่ ู้จกั ดี
“ตานานของคณะเดินทางทางใต้ของเรา เมอร์เซนต์นารี่
ลอร์ดอยู่ตรงนีน้ ี่เอง เอ๊ะ? ฮ่าๆ”
ชายทีพ่ าดหอกเอาไว้บนบ่าอย่างเอียงๆ แล้วเดินดุ่มๆ
เข้ามาใกล้ คือกงชานโฮอย่างทีค่ ิด ไม่ได้กา้ วเดินอย่าง
โงนเงนเหมือนเมื่อก่อน กงชานโฮเดินเข้ามาด้วยฝีก้าวที่
มั่นคงอย่างมาก ผมจ้องมองดูเขานิ่งๆ
ทาไมจู่ๆ กงชานโฮถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะ ทีต่ รงนี้
ยกเว้นมาเดินตรวจตราเฝ้ายามแล้ว ก็เป็นบริเวณ
กาแพงภายนอกทีเ่ หล่าผู้เล่นไม่ค่อยจะมากัน อย่าบอก
นะว่า กงชานโฮของคณะเดินทางทางเหนือคงไม่มีทาง
มายืนตรวจตราความเรียบร้อยเป็นแน่
“ตานาน? เห็นหน้าก็พดู พล่ามทันทีเลยนะ”
“ทาไมพูดอย่างนั้นล่ะ พูดชมจนน้าลายแห้งหมดแล้วนะ
ได้ยินข่าวว่าในการโจมตีเหมืองครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึง
ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเลยไม่ใช่เหรอ”
กงชานโฮที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พูดขึน้ มาด้วยน้าเสียง
นิ่งเฉย
แต่ว่าไม่รู้สึกถึงความรู้สกึ ดีใดๆ แม้สักนิด ความจริงแล้ว
ก็ไม่เคยจะคาดหวังอะไรยิ่งใหญ่จากผู้เล่นที่ชื่อว่ากงชาน
โฮอยู่แล้ว อย่างน้อยก็คดิ แค่ว่าเป็นคนในระดับที่พอจะ
ทางานร่วมกันได้เท่านัน้
แต่ทว่าหลังจากเกิดเรื่องที่สถาบันผู้เล่นในคราวนัน้
ความรู้สกึ ดีกล็ ดหายลงไป กงชานโฮไม่ใช่สงิ่ ที่น่าสนใจ
ของผมอีกต่อไปแล้ว
“ถึงจะเป็นอย่างนัน้ แต่ว่านัน่ เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ ไปใส่
ใจการเอาตัวรอดของนายเองเถอะ”
“ฮึ การเหน็บแนมที่พนั กันยุง่ แบบนั้นยังเหมือนเดิมไม่
เปลี่ยนเลยนะ ยังไงก็อย่าคิดแบบนัน้ ไปมากนักเลย เห็น
แบบนี้ฉนั ก็กาลังตรวจตราความเรียบร้อยอยูน่ ะ พูดให้
ชัดคือกาลังทาหน้าที่ลาดตระเวน”
แต่ว่าเสียงที่พดู ต่อออกมาพูดให้ผมรูว้ ่าการคาดเดาของ
ผมนั้นผิดพลาดไปอย่างสมบูรณ์
“ลาดตระเวน นายน่ะเหรอ”
“อ้าๆ ตอนที่มาถึงป้อมปราการทีพ่ วกตะวันออกสร้าง
พวกเขาก็บอกแบบนัน้ ล่ะ บอกว่าให้จัดการแก้ปัญหา
เรื่องลาดตระเวนพืน้ ที่ตงั้ ค่ายพักแรมของพวกนาย
กันเอาเอง”
“เอ๊ะ?”
“ดังนั้นตอนที่มาถึงตรงนี้ ถึงได้พูดเอาไว้แล้วว่าการลาด
ตะเวนของพวกเรา พวกเราจะเป็นคนทาเอง แบบนี้
แหละ ก็นะ ไม่ได้มีจดุ ประสงค์เลวร้ายอะไรไม่ตอ้ งเป็น
ห่วงหรอก ก็ดีอยู่ไม่ใช่หรือไง”
ในตอนนัน้ แม้จะบอกว่าพวกเราเป็นคนร้องขอออกไป
เอง แต่การที่ทางตะวันออกพูดแบบนัน้ กับทางเหนือ…ดู
เหมือนว่าโจซองโฮก็ไม่ได้คิดไปในทางที่ดีเหมือนกัน ไม่
ว่าอย่างไรก็ตาม กาลังลาดตะเวนอย่างนั้นเหรอ นี่เป็น
เรื่องเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก
“...นายเป็นผู้บัญชาการไม่ใช่เหรอไง”
“ผู้บัญชาอะไรกันล่ะ เป็นตาแหน่งที่ไม่มีใครอยากรับอยู่
ก่อนแล้ว ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงล่ะสิไม่ว่า”
กงชานโฮถ่มน้าลายครั้งหนึ่งก่อนจะส่ายหัวตัวเองอย่าง
แรง แม้จะเป็นคาพูดที่ไม่ตรงประเด็นไปเล็กน้อย แต่ที่
เขาพูดแบบนัน้ ออกมาก็แสดงว่ากงชานโฮก็รู้เรื่องอยู่
แล้ว เกีย่ วกับสถานการณ์ของคณะเดินทางทางเหนือ
ในตอนนี้ และสถานการณ์ที่ตัวของเขาเองต้องเผชิญ
แล้วทาไมกงชานโฮถึงได้ออกตัวรับตาแหน่งผู้บัญชาการ
ด้วยล่ะ
“ดูเหมือนว่าจะสงสัยล่ะสินะ ว่าทาไมฉันถึงรับตาแหน่ง
ผู้บัญชาการ”
เหมือนว่ากงชานโฮจะอ่านความคิดของผมได้ จึงได้พูดชี้
จุดความสงสัย และก่อนที่ผมจะเปิดปากออกไปด้วยซ้า
เขาก็พดู ต่อในทันที
“ง่ายมาก แค่อยากจะต่อสู้เพียงเท่านั้น”
ผมถึงกับต้องสงสัยในสิง่ ที่ได้ยิน
“อยากต่อสู้เพียงเท่านัน้ อย่างนัน้ น่ะเหรอ”
“ใช่แล้ว อย่างน้อยที่สดุ ตอนที่ผู้บญ ั ชาการต่อสู้ ก็คงไม่มี
ใครเข้ามาขวางใช่ไหมล่ะ พูดก็คือ ไม่จาเป็นต้องรับฟัง
คาสั่งของใคร เป็นตาแหน่งที่สามารถสู้ได้อย่างสบาย
ใจ”
“เฮอะ…”
“ถ้าหากว่ารับตาแหน่งนี้แล้วสามารถมีชวี ิตรอดได้ ฉันก็
คงจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขัน้ ล่ะนะ หึๆ”
...ยิ่งต่อสูก้ ็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างนัน้ เหรอ ความจริงก็
ไม่ใช่คาพูดที่ผิดอะไร แต่ก็คิดว่ามีเหตุผลหรือความรู้สึก
ส่วนตัวอยู่ซะอีก แต่ทว่าที่พูดออกมาคือเพียงเพราะ
อยากจะต่อสู้เท่านัน้ เองงั้นหรือ
ในตอนนัน้ เอง
ตอนที่จปิ๊ ากไม่พอใจด้วยความคิดว่าไม่สามารถที่จะ
เข้าใจได้อยู่นนั้ กงชานโฮที่หยุดฝีเท้าลงก็มองดูผมแล้ว
ยกริมฝีปากขึน้ ยิม้
จู่ๆ ก็รู้สกึ อารมณ์เสียขึน้ มา
หากลองคิดดูแล้ว ตั้งแต่มองผมอยูข่ ้างในเต็นท์ครั้งแรก
กงชานโฮก็เอาแต่ยมิ้ อยูอ่ ย่างนั้น ถูกตีหัวระหว่างที่ต่อสู้
หรือยังไงกัน
“เฮ้ย เกิดมีเรื่องสงสัยขึน้ มาอย่าง”
“หืม?”
“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทาไมนายแค่มองหน้าฉันก็ยมิ้ จนปาก
จะฉีกแบบนัน้ ล่ะ”
“...”
กงชานโฮอยูใ่ นความเงียบชั่วครู่ แต่ความเงียบนั้นก็
ไม่ได้ดาเนินไปนาน
“...ก็ดีใจนี”่
“ดีใจอย่างนัน้ เหรอ”
นี่หมายความว่าอย่างไรกันอีก
“ก็ใช่ไง เห็นแล้วว่าชายที่ฉันตัง้ ไว้ให้เป็นเป้าหมาย
แข็งแกร่งขึน้ มากว่าเมื่อก่อน ก็ต้องดีใจน่ะสิ เพราะ
เป้าหมายที่ไล่ตามทันได้ง่ายๆ ไม่มคี วามหมายอะไร”
“เป้าหมาย…?”
“ใช่ พูดถึงนายนัน่ แหละ”
“...?”
กงชานโฮชี้มาที่ผมเพื่อจะเน้นย้าเข้าไปอีก ผมรู้สึก
ยุ่งยากใจขึน้ มาแม้จะเพียงแค่ชว่ งเวลาสัน้ ๆ ตอนนี้อยู่
ดีๆ นายคนนี้กาลังพูดเรื่องอะไรอีกกันแน่
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 32
_______________________________________
แต่กงชานโฮก็ไม่ได้แสดงความใส่ใจอะไรแม้แต้น้อย ซ้า
ยังค่อยๆ วางหอกลงมาแล้วสะบัดหัวไปซ้ายขวา ได้ยนิ
เสียงกระดูกหักเป็นจังหวะ
“หลังจากทีพ่ ่ายแพ้ให้นายเมื่อคราวที่แล้ว ฉันนั้นก็...
เปล่าหรอก พอแล้วล่ะ ไม่อยากรื้อฟื้นนิสัยแย่ๆ เมื่อก่อน
ขึ้นมาอีกแล้ว”
“...”
“แต่ว่าฉันพูดคานี้ได้อย่างชัดเจนเลย ว่าหลังจากเกิด
เรื่องนั้นฉันไม่ได้อยูน่ ิ่งเฉยไม่ทาอะไร…ใช่แล้ว ฉัน
เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่าอย่างน้อยในตอนนี้รู้สกึ ชัดเจน
ได้อย่างหนึ่งล่ะ”
“รู้สึก?”
“เมื่อก่อนตอนที่เชื่อมั่นแค่ในพลังกายนัน้ ก็ไม่รหู้ รอก แต่
ว่าตอนนีร้ ู้สกึ ได้แล้ว”
“ดังนั้น…”
“ว่าฉันนัน้ ยังอ่อนแอกว่านาย...เยอะเลยด้วย”
“อืม”
แล้วจู่ๆ ภาพของกงชานโฮในสมัยก่อนก็ผา่ นเข้ามาใน
ความคิด ภาพที่เขากรีดร้องคร่าครวญบอกให้กลับไปอีก
ครั้ง บอกว่าตัวเองยังไม่ได้แพ้
แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนัน้ แล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้
ของตนเองในตอนนั้น และยอมรับว่าตัวเองยังคงอ่อนแอ
จู่ๆ ความอยากรู้อยากเห็นเล็กๆ ก็เกิดขึ้น
กงชานโฮไม่ได้พูดต่ออีกแล้ว เพียงแค่จ้องมองดูผมโดย
ไม่พูดไม่จา แล้ววางหอกที่พาดอยู่บนบ่าลงไปด้วย
ท่าทางจริงจังอย่างมาก แล้วใช้หอกเล็งเป้าพร้อมกับตั้ง
ท่าเตรียมพร้อม
ผมพูดขึน้ มาเบาๆ
“ตอนนีจ้ ะทาอะไรกันแน่”
“ถามทั้งๆ ทีร่ ู้อยู่แล้ว หรือว่าถามเพราะไม่รู้จริงๆ”
กงชานโฮตอบกลับมาในทันที
รู้อยู่แล้ว นัน่ เป็นท่าทางชวนให้ต่อสูก้ นั แต่วา่ …
“บอกว่าอ่อนแอกว่าฉัน บอกว่ารู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่สิ รู้อย่างชัดเจนเลยล่ะ นายน่ะแตกต่างจากผู้เล่น
คนอืน่ ๆ แค่มองดูนายไม่ว่าจะพยายามคิดในด้านดีมาก
แค่ไหน ก็ไม่มคี วามมัน่ ใจว่าจะสามารถเอาชนะนายได้
เลย ตอนที่เห็นราชาแห่งสายฟ้าผู้แข็งแกร่งเป็นครั้งแรก
ก็ไม่ได้รู้สึกระดับนี้เลย”
“ถ้าอย่างนัน้ ทั้งๆ ทีร่ ู้วา่ จะแพ้ ก็ยงั จะพุ่งเข้ามาอย่างนัน้
เหรอ”
“ใช่ๆ นายอาจจะแปลกใจกับการที่ฉนั คอยยั่วยุหาเรื่อง
นายอยู่ตลอดเวลาแบบนี้...แต่วา่ ในความคิดของฉันนั้น
แตกต่างออกไป”
แตกต่างงั้นเหรอ…
“ความจริงฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ทั้งๆ ทีร่ วู้ ่ายังทา
ไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ แต่วา่ ทุกครัง้ ที่ได้เจอนาย ในใจของ
ฉันก็มีอะไรบางอย่างเดือดพล่านขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเลย
ล่ะ เอาจริงเลยนะ ตอนนี้ไม่วา่ จะแพ้หรือชนะก็ไม่
เป็นไร”
“...”
“ถึงแม้ว่าจะแพ้อกี ครั้ง ก็จะลองอีก ไม่สิ ต่อให้รู้สึกได้ว่า
นายแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าครั้งก่อน…!”
“...”
“ถึงแม้ว่าจะต้องตกลงไปยังนรกอเวจีเหมือนเมือ่ คราวที่
แล้ว ในตอนนี… ้ เพราะฉันในตอนนีม้ ั่นใจว่าจะขึ้นมาได้
อีกครั้งไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม”
“แล้ว…”
ผมพูดขึน้ เงียบๆ
ยังไม่ได้ดงึ ดาบออกมา และยังไม่มีความคิดทีจ่ ะดึง
ออกมา
“ตอนนีก้ าลังจะต่อสูก้ ับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ ตอนนี้ไม่ได้จะสูก้ ับนาย”
กงชานโฮส่ายหัวอย่างแรง และจับหอกด้วยกาลังที่แรง
มากขึ้นแล้วโชว์ฟันออกมาให้เห็น
“ฉันจะท้าประลองนายต่างหาก”
ในเวลานั้น รู้สกึ ถึงได้ความแปลกประหลาดชอบกล
กงชานโฮกาลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่มไี ฟลุกโชน
ขึ้นมาในตอนนี้
กงชานโฮพูดว่าถือเอาผมเป็นเป้าหมายของตัวเอง แม้
ตอนนีจ้ ะเป็นอย่างไรก็ตาม ชายทีถ่ ูกนับถือว่าเป็นนักรบ
หนึ่งเดียวใต้หล้าอย่างน้อยที่สุดก็ในรอบที่หนึง่ พูด
ออกมาว่าจะท้าประลองกับผมเพื่อล้มผมให้ได้
ความรู้สกึ ช่างแปลกประหลาดชอบกล
เพราะมัววุ่นวายอยู่กบั ความรู้สกึ หรือเปล่านะ ผมกลับ
ตั้งท่าเหมือนจะชักดาบล่องหนขึ้นมาโดยไม่รู้ตวั ทาแบบ
นี้ไม่ได้นะ แม้จะรวบรวมความคิด ฝึกฝนจิตใจอย่าง
เต็มที่แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้มองไปที่กงชานโฮแล้ว
ความคิดว่าลองอีกสักครั้งดูดีไหมก็ผุดเข้ามาอยูเ่ รื่อย
แต่ว่าผมก็สามารถระงับสัญชาตญาณของตัวเองได้ใน
ที่สุด เหตุและผลที่กลับเข้ามาในหัวอีกครั้งกาลังบอกว่า
ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาจะมาต่อสู้กัน
“มีเรื่องอยากรู้อีกแล้ว ตอนนี้ผู้เล่นซองฮายันเป็นอยู่
ยังไงบ้างล่ะ”
เพราะเป็นคาถามทีก่ ะทันหันไปหรือเปล่านะ ถึงได้เห็น
ว่ากระบวนท่าของกงชานโฮที่ตั้งเอาไว้เอนเอียงไป
เล็กน้อย
“ฮา ฮายันเหรอ ถามเรือ่ งนัน้ ทาไม...ไม่รู้สิ ก็นา่ จะ
สบายดีอยู่แล้วล่ะ”
“พูดอึกอักเชียวนะ”
“...อาจจะกาลังแช่งชักหักกระดูกอยูก่ ็ได้”
“แช่ง?”
“อืม ตอนที่มขี ้อเสนอให้เข้ารับตาแหน่งผู้บัญชาการใน
ตอนแรก ฮายันคัดค้านอย่างหนักเลยล่ะ แต่สุดท้ายฉันก็
ยินยอมรับข้อเสนอไปเสียแล้วนี่นะ”
“เรื่องแค่นั้นจะสาปแช่งทาไม...”
“แต่หลังจากนัน้ ก็พูดว่าจะตามมาอยู่เรื่อยเลย ดังนัน้ ใน
วันที่ออกเดินทาง ฉันเลยทาให้สลบไร้เรี่ยวแรงไปเลย
เรื่องอันตรายแบบนี้แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“...”
ในวันที่ออกเดินทางทาให้สลบไร้เรี่ยวแรงไปแล้ว ช่าง
เป็นวิธีการที่ทาให้หน้าแดงขึน้ มาทีเดียว
ผมฝืนหัวเราะจากข้างในออกมา แต่พอฟังคาพูดอย่าง
นั้นแล้ว ก็แสดงว่าไม่ได้อยู่กันไปด้วยการทาร้ายร่างกาย
กันเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
ในระหว่างทีพ่ ูดคุยกันก็สามารถทาให้จิตใจสงบลงได้ใน
ระดับหนึ่ง ผมค่อยๆ จับดาบล่องหนใส่กลับเข้าไป
ดวงตาของกงชานโฮเบิกโพลงขึน้ ตา
“เข้าใจแล้ว ถึงแค่นกี้ ็นา่ จะพอได้แล้วล่ะ”
“...”
ความเงียบดาเนินไปชั่วครู่
ในที่สุดกงชานโฮค่อยๆ ขยายหอกออกไปและมองผม
ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ กะพริบตา
ปริบๆ สองครั้งแบบนัน้ แสดงว่ากาลังงุนงงเป็นอย่าง
มากอยูน่ นั่ เอง ผมยักไหล่ให้เหมือนจะบอกว่า ‘ทาไมล่ะ’
“ไม่รู้สิ ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะทาหรอกนะ...แต่เพราะว่า
ฉันไม่ค่อยนับถือคนที่ดแี ต่ปากเท่าไหร่นกั ”
เช่นนัน้ แล้วใบหน้าของกงชานโฮก็บูดเบีย้ ว ก็พดู ไปตาม
ความจริงใจแล้วนะ หรืออาจจะอารมณ์เสียเพราะคาด่า
ว่าดีแต่ปากก็ได้
“ดังนั้นแล้วลองพิสจู น์ให้ดูหน่อย”
“พิสูจน์?”
“เมื่อกี้นายพูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ว่านายรู้สึกว่า
แข็งแกร่งขึน้ ระหว่างทีต่ ่อสู้ ถ้าหากรอดชีวิตมาจากการ
โจมตีในครั้งนี้ได้ จะต้องแข็งแกร่งมากขึน้ กว่านี้อย่าง
มากแน่นอน”
“...อ่า”
เข้าใจจุดประสงค์แล้วหรือยังนะ สีหน้าที่เต็มไปด้วย
ความไม่พอใจเกิดความรู้สึกสนใจแบบแปลกประหลาด
ขึ้นมา ใบหน้าที่เคยบูดเบี้ยวอยู่กค็ ่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
เหมือนเดิม
“การต่อสู้ ไม่สิ ขอรับการท้าประลองหลังจากนั้นก็แล้ว
กัน”
เป็นคามั่นสัญญาทีว่ ่าจะรับการท้าประลองหลังจากที่
การโจมตีจบลงแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นกงชานโฮจึงได้เก็บเอาหอก แล้วคลาย
ท่าทางที่ตั้งท่าเอาไว้
“อืม ก็ดี นั่นก็ไม่เลวเท่าไหร่”
ไม่ใช่สีหน้าที่ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างไม่มีความรู้สึก
เสียดายหลงเหลืออยู่ ตามจริงแล้ว ถ้าหากคิดถึงถึง
พฤติกรรมที่ก่อขึน้ เมื่อตอนสถาบันผู้เล่นสมัยก่อนแล้ว
อาจจะมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงใจตัวเองอยู่ด้วยก็เป็นได้
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหันตัวกลับ ความรูส้ กึ เหมือน
ทิ้งความอยากไปเพียงแค่นนั้ นี่มนั เป็นสภาพอะไรกัน
“รอเดี๋ยวก่อน เมอร์เซนต์นารีล่ อร์ด”
ในตอนนัน้ เอง ตอนที่คดิ ว่าอยากจะกลับไปนอนแล้วแม้
จะต้องฝืนใจนอนก็ตาม เสียงทุ้มต่าเล็กน้อยหยุดผม
เอาไว้ก่อน ผมหันหน้ากลับมาแค่ครึง่ หนึง่ กงชานโฮ
ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
จู่ๆ กงชานโฮก็เรียกด้วยชื่อเรียกปกติแบบนั้นยิง่ ทาให้
รู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก ลองดูข้อมูลผู้เล่นสักหน่อยดี
ไหมนะ
“ทาไม”
ผมเปิดตาที่สามขึน้ มาพร้อมกันกับตอนที่ตอบกลับไป
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1. ชื่อ (Name) : กงชานโฮ (ปีที่ 5)
2. คลาส (Class) : มือหอกทั่วไป (Normal, Lancer,
Master)
3. ถิ่นกาเนิด (Nation) : บาร์บาร่า
4. ชนเผ่า (Clan) : อสูร (Asura) (Clan Rank : A
Zero)
5. นามแท้ · สัญชาติ : ผู้ครอบครองหอกปีศาจซูรา ·
สาธารณรัฐเกาหลี
6. เพศ (Sex) : ชาย (36)
7. น้าหนัก · ส่วนสูง : 191.3 ซม. · 95.3 กก.
8. อุปนิสยั : เลือดร้อน · ความพยายาม (Hot Blood ·
Effort)
[พละกาลัง 101(+6)] [ความทนทาน 87] [ความ
คล่องแคล่ว 91] [ความแข็งแกร่ง 92(+2)] [พลังเวท
81] [โชค 73]
เปรียบเทียบทักษะ
1. คิมซูฮยอน : 574 / 600~
คะแนนค่าความสามารถเหลือ 0 พอยต์
[พละกาลัง 96(+2)] [ความทนทาน 94(+2)] [ความ
คล่องแคล่ว 98] [ความแข็งแกร่ง 100(+2)] [พลังเวท
96] [โชค 90(+2)]
2. กงชันโฮ : 525 / 600~
คะแนนค่าความสามารถเหลือ 0 พอยต์
[พละกาลัง 101(+6)] [ความทนทาน 87] [ความ
คล่องแคล่ว 91] [ความแข็งแกร่ง 92(+2)] [พลังเวท
81] [โชค 73]
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 33
_______________________________________
“ฟังดูแล้ว เหมือนได้ยนิ เรื่องราวจากราชาแห่งสายฟ้า
แล้วนะ...คิดจะเข้าร่วมคณะเดินทางของทางเหนือใน
ครั้งนี้หรือเปล่า”
โอ้โฮ เลือดร้อน ความพยายาม นอกจากจะมองว่าเป็น
อุปนิสัยที่ใช้ได้ทีเดียวแล้ว หากว่าเปรียบเทียบกับความ
เย่อหยิ่ง ความอ่อนแอของเมื่อก่อนแล้วถือว่าก้าวหน้า
ขึ้นอย่างมาก...แต่เดี๋ยวก่อน
“ว่าไงนะ”
“หืม ยังไม่ได้ยนิ อย่างนัน้ เหรอ”
“ไม่ใช่ๆ ถามว่าคิดจะเข้าร่วมคณะเดินทางของทาง
เหนือไหมอย่างนัน้ เหรอ ทาไมถึงได้คดิ แบบนั้นล่ะ”
“ไม่ใช่สิ่งที่ฉนั คิดหรอก แต่ว่ามีเรื่องทีก่ าลังพูดกันไปมา
ภายในของพันธมิตรตะวันตกเหนือน่ะสิ ความสัมพันธ์
ของนายกับราชาแห่งสายฟ้า หรือไม่ก็เผ่าเมอร์เซนต์นา
รี่คือเผ่าทหารรับจ้าง และอะไรอย่างอืน่ อีกมากมาย
ยังไงก็ตาม มีหลายคนเลยล่ะที่คาดหวังเอาไว้มาก”
ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยมีอยู่เลย อย่างไรเสียทางใต้ก็
คงจะสิน้ สุดการโจมตีไปแล้ว มีโอกาสสูงมากที่พวกเขา
จะขอให้ช่วยด้วยการร้องขออย่างเป็นทางการ
และนั่นไม่ได้เป็นเรื่องทีพ่ ูดขึน้ มาเพียงเพื่อการโจมตี
เท่านัน้ แน่นอน
หากลองคิดถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันของทาง
ตะวันออกและทางเหนือก็ยิ่งมีความเป็นไปได้เพิ่มสูงมาก
ขึ้น เพราะอย่างไรเผ่าเมอร์เซนต์นารีก่ ็อยู่ในสังกัดทางใต้
การที่ทางใต้จะให้ความช่วยเหลือทางเหนือนัน้ ใน
ความรู้สกึ ของทางตะวันออกเป็นสิ่งที่ไม่เต็มใจทา
เท่าไหร่ กล่าวคือ เพราะรู้สึกถึงความแปลกแยกหรือไม่ก็
ทางเหนือคงคอยจะเล่นงานในจุดนั้น
ถ้าเป็นอย่างนัน้ แล้วทาไมทางเหนือถึงไม่แสดงออกถึง
ความพยายามจะติดต่อกับผมเลยจนถึงตอนนี้
“แล้วพี่ของฉันพูดแบบนั้นเหมือนกันไหม ว่าจะขอความ
ช่วยเหลือจากฉัน”
“ไม่เลย ไม่รู้วา่ เพราะอะไรเหมือนกัน แต่ราชาแห่ง
สายฟ้าเป็นคนที่คัดค้านอย่างมากที่สุด ตั้งแต่ทพี่ ูดเรื่อง
การร้องขอความช่วยจากนายอย่างเป็นทางการหรือจะ
เรื่องขอให้เข้าร่วม ก็ขวู่ า่ ตัวเขาจะวางอานาจในการ
บังคับบัญชาด้วย”
เป็นอย่างนัน่ เอง ถ้าอย่างนัน้ พี่ไม่ได้ต้องการจะให้ผมเข้า
ร่วมด้วย แต่ต้องการแค่เพียงข้อมูลง่ายๆ เพียงเท่านัน้
เหรอ แล้วที่เหลือตัวเองจะเป็นคนจัดการเอง?
“ดังนั้นจึงอยากรูค้ วามคิดของนาย เมอร์เซนต์นารี่
ลอร์ด”
“อืม…”
“พูดเพิม่ เติมอีกหน่อยก็คือสาหรับฉันยังไงก็ได้ แม้จะไม่
เข้าร่วมฉันก็ไม่สนใจอยูแ่ ล้ว แต่ถา้ เข้าร่วมก็อยากจะให้
แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกให้ชัดเจนด้วย”
“...”
กงชานโฮพูดจบด้วยคานั้นแล้วจ้องมองผม ราวกับว่า
จะต้องได้ยนิ คาตอบทันทีตรงนี้ให้ได้
แต่เพราะว่าเป็นการถือผลประโยชน์ร่วมหลายส่วนพัน
กันยุง่ เหยิงจึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตัดสินใจอย่าง
ง่ายดายได้
ผมนิ่งคิดอยูช่ ั่วครู่ก่อนจะพูดออกมาเงียบๆ
“ก่อนอื่นเลื่อนเวลาการเดินทัพไปอีกสักหน่อย สักวัน ไม่
มากที่สุดก็ประมาณสองวัน”
ผลจากการคิดทบทวนพลิกตัวไปมาทัง้ คืน ก่อนอื่น
ในตอนนีต้ ัดสินใจชัว่ คราวไปในทางลองเข้าร่วมดูสัก
หน่อย
แน่นอนว่ายังมีสิ่งที่คา้ งคาใจอยู่
ต้องคานึงถึงความคิดเห็นของทางตะวันออกด้วย และ
ต้องขอให้สมาชิกเผ่าเข้าใจและยินยอม ยิ่งไปกว่านัน้
ต้องได้รบั การอนุญาตจากฮันโซยองอีก
ต้องจัดการเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ภายในเวลาก่อนที่ทาง
เหนือจะเดินทัพ นี่เป็นเรื่องที่บา้ มากจริงๆ
แต่ว่าไม่ว่าจะคิดไปแบบไหนก็ต้องเข้าร่วมให้ได้ แล้วก็
ตัดสินใจอย่างนั้นได้ในที่สุด
แม้จะลองสมมติถงึ สถานการณ์ทยี่ อดเยีย่ มที่สดุ ความ
เป็นไปได้ที่พนั ธมิตรตะวันตกเหนือจะโจมตีพื้นที่ที่สาม
นั้นยังมีไม่มีถงึ ร้อยละห้าสิบ และตรงข้ามกันถ้าหากลอง
สมมติสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ความเป็นไปได้ของ
การโจมตีลดลงไปร้อยละยี่สิบ
จะดีเสียกว่าถ้าไม่มพี ี่กจ็ ะสามารถโบกมืออาลาให้ได้
เดินทางไปได้ดีอย่างไม่เหลือเยื้อใยใดๆ ความเป็นไปได้ที่
พี่จะตายมีอยูส่ ูงและเหมือนกับการเดินเข้าไปสูแ้ ดนตาย
ชัดแบบนั้น จะให้ยนื มองดูเฉยๆ อย่างนัน้ เหรอ
ไร้สาระจริง ถ้าจะทาอย่างนีก้ ็คงไม่กลับมาเล่นรอบที่สอง
ตั้งแต่แรก
ผมที่คิดได้เช่นนัน้ ก็ไปหาพี่ทนั ทีที่ท้องฟ้าสว่างขึ้น ไม่สิ
ไม่จาเป็นต้องไปหา เพราะว่าใกล้จะถึงเวลาทีต่ ้อง
เดินทัพแล้ว พีจ่ ะต้องมาหาผมเองและขอข้อมูลเกี่ยวกับ
พื้นที่ที่สามอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเมื่อมอบข้อมูลทุกอย่างที่ผมรู้อยู่ให้ไป และจบ
ด้วยการค่อยๆ พยายามพูดเรื่องที่วา่ เมอร์เซนต์นารี่ก็
อยากจะเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน
“ไม่ได้เด็ดขาด”
พี่พดู ตัดบทราวกับว่าไม่มีคุณค่าให้ฟงั อีกต่อไปแล้ว และ
ยังพูดด้วยน้าเสียงเด็ดขาดเป็นอย่างมาก
“พะ พี?่ ”
ผมรู้สึกยุง่ ยากใจขึน้ มาในทันที แม้จะได้ยนิ จากกงชาน
โฮว่าพีค่ ัดค้านอย่างรุนแรงมากมาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้
คิดว่าจะเป็นขนาดนี้
“จู่ๆ พูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาอีก”
พี่จดั บันทึกที่ผมมอบให้ซ้อนๆ กันแล้วเอาไปกอดไว้ด้วย
ใบหน้าเคร่งเครียด จากนั้นหันหลังกลับไปอย่างไม่ลังเล
เป็นท่าทางที่แตกต่างจากเมื่อวานเป็นอย่างมาก รู้สกึ
ประหลาดใจขึน้ มาแล้วผมก็รบี หยุดพี่เอาไว้
“พี่! เดี๋ยวก่อน…”
จากนัน้ พี่กค็ ่อยๆ หันหน้ากลับมาแล้วสบตาเข้ากับผมใน
ตอนนัน้ ผมก็ต้องปล่อยแขนทีจ่ ับเอาไว้ลงไปโดยไม่รูตวั
“...”
พี่ที่จ้องมองผมอยูใ่ นตอนนี้ไม่ใช่สายตาแห่งความ
อ่อนโยนอบอุน่ แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเยือก
เย็น เหมือนกับตอนที่มองผู้เล่นคนอืน่ ๆ จู่ๆ ความรู้สึก
เศร้าใจก็ถาโถมเข้ามา
แต่ก็รู้สกึ ได้ถงึ ความแน่วแน่เข้มแข็งของพี่ได้มากถึง
เพียงนัน้ ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปก็มักจะยอมแพ้ให้ผม แต่ใน
ส่วนทีค่ ิดว่าไม่ได้เลยนัน้ อย่าว่าแต่ความมีน้าใจเอื้อเฟื้อ
แม้แต่การอนุญาตก็ไม่ยอมให้
แม้จะเป็นเช่นนัน้ ผมก็ไม่สามารถถอยไปได้
“พี่นนั่ แหละที่จู่ๆ เป็นอะไรขึน้ มา ได้ฟงั คาพูดของผม
จริงๆ ไหม”
“ฟังแล้ว แต่ไม่ได้เด็ดขาด”
“จะบ้าตาย ก็บอกไปแล้วไง พืน้ ที่ที่สามนั้นเป็นพืน้ ที่คน
ละระดับกับพืน้ ที่หนึ่งและสองเลยนะ เพราะงั้น…”
“คิมซูฮยอน”
ในตอนที่พยายามจะโน้มน้าวใจอีกรอบ พีก่ ็ตัดคาพูด
ของผมด้วยน้าเสียงเข้มงวดเป็นอย่างมาก และค่อยๆ
ขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหันกลับมาทั้งตัวแล้วจ้อง
มองผมตรงๆ
และความเงียบที่เกิดขึน้
“นายคิดว่านายต้องออกหน้าไปทาทุกอย่างเองถึงจะ
พอใจสินะ”
จากนัน้ เสียงของพีก่ ็ทาลายความเงียบ
“ไม่ใช่อย่างนัน้ ….”
“ฉันรู้ดี ว่าความคิดของนายเป็นยังไง แต่ถึงจะรู้สึก
ขอบคุณ แต่ก็ไม่พอใจทีน่ ายทาตัวแบบนี้”
“ทาไม ทาไมถึงไม่พอใจกันล่ะ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทาตัวผิด
อะไรสักหน่อย”
“ทาผิดสิ แล้วยังทาผิดมากเสียด้วย”
ผมไม่เข้าใจคาพูดของพี่แม้แต่นดิ เดียว
“เฮ้อ”
เหมือนว่าพีจ่ ะอ่านสีหน้าของผมออกจึงได้ถอนหายใจ
ออกมาเบาๆ และพูดต่อในทันที
“แน่นอนว่าฉันรู้ว่านายได้เห็นจุดจบของรอบทีห่ นึ่ง
มาแล้ว และยอมรับในความสามารถของนาย”
“แล้วทาไมล่ะ…”
“ลองคิดดูให้ดสี ิ ตอนนีไ้ ม่ใช่รอบที่หนึ่ง นีค่ ือรอบที่สองที่
ทุกอย่างถูกรีเซ็ตหมดแล้ว”
“...”
รอบที่สองที่ทุกอย่างถูกรีเซ็ตหมดแล้ว
สุดท้ายแล้วพี่อยากจะพูดอะไรกันแน่
หลังจากนั้นพี่เอาหยิบเอาบันทึกออกมาจากกระเป๋าที่
หน้าอกก่อนจะสะบัดไปมาเบาๆ
“ไม่ได้จะบอกให้นายอย่าไปอย่างเดียว ดังนัน้ ถึงได้มาหา
นายแล้วขอเอาข้อมูลพวกนี้”
“แต่ว่า?”
“ถ้าหากว่านายออกหน้าไปจัดการให้คลีค่ ลายไปได้ทุก
อย่างอีก ก็ต้องสบายแน่นอนอยู่แล้ว แต่วา่ โอกาสที่ฉนั
จะได้เติบโตขึ้นไปมากว่าตอนนี้กจ็ ะหายไป นายต้องการ
แบบนัน้ งัน้ เหรอ”
“...ถ้าอย่างนัน้ ตอนนีพ้ ี่ อยากจะทาตัวให้มชี ีวติ ชีวาใน
การโจมตีครั้งหน้าอย่างนั้นเหรอ”
เสียงเริ่มดังขึน้ ไปเอง ผมพูดออกไปเพราะเป็นห่วงชีวิตพี่
แต่ว่าพี่กลับคิดถึงชื่อเสียงและรางวัลอยู่อย่างนัน้ หรือ
แต่ทว่าพีก่ ็ส่ายศีรษะเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่ใช่
เช่นนัน้ แล้วก็ถอนหายใจยาวมากว่าเดิมออกมา
“ยังไม่เข้าใจความหมายของคาพูดอีกสินะ”
หยิบบันทึกกลับเข้าใส่เข้าไปในกระเป๋าตามเดิม แล้วก็
จ้องมองผมเขม็งในทันใด แล้วพูดออกมาเงียบๆ
“นายมัน่ ใจมากขนาดนัน้ เลยเหรอ”
...มั่นใจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
จากนัน้ ตอนที่จ้องมองดูพี่ ก็สามารถข่มคาพูดทีต่ ีขึ้นมา
จนถึงคอหอยเอาไว้ได้
สายตาอันเฉียบคม
‘อืม มั่นใจ’ ก่อนจะพูดคานั้นออกไป พลังของพี่ก็ดูไม่
ปกติเสียเลย
ยิ่งไปกว่านัน้ พี่ก็อยากจะพูดเรื่องอื่นอยู่อีกด้วย ใน
บางส่วนที่ผมยังไม่เข้าใจได้ทั้งหมด
ความเงียบที่ไม่สามารถอดทนได้ผ่านเข้ามา
เวลาผ่านไปชัว่ ระยะหนึง่ พีจ่ ึงพูดขึน้
“ใช่ ถ้ารับความช่วยเหลือจากนายจะต้องสบายตัวขึน้
เยอะมากแน่ ฉันก็รู้เรื่องนัน้ ดี”
“...”
“ก็ได้ งัน้ ลองสมมติวา่ ถ้านายไปเข้าร่วมแล้วการโจมตี
ในครั้งนีป้ ระสบความสาเร็จ แล้วหลังจากนัน้ จะทายังไง
ต่อ”
“หลังจากนัน้ ?”
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอ หากโจมตีเทือกเหล็กกล้าและ
เข้าไปยึดเมืองแอตแลนต้าได้แล้ว ปีศาจตัวนัน้ จะต้องมี
การเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ไม่สิ ไม่เพียงแค่ปศี าจ
เท่านัน้ แต่ผู้เล่นของแผ่นดินใหญ่อื่นๆ ก็ดว้ ย”
“...ใช่”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 34
_______________________________________
พูดถูกแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นโจมตีเทือกเขาเหล็กกล้า มี
ความเป็นไปได้สงู ที่เหล่าปีศาจจะเริ่มเคลื่อนไหวกัน
อย่างก้าวกระโดด เพราะว่าเทร่าที่เป็นพื้นที่ต่อจากแอต
แลนต้านัน้ มีซีโร่โค้ดหลับไหลอยูน่ ั่นเอง
ไม่สิ บางทีก็อาจจะกาลังเคลื่อนไหวกันแล้วก็เป็นได้
“แน่นอนว่าหากที่แอตแลนต้าเป็นไปตามอย่างที่นายคิด
ทุกคนก็คงจะมีความสุขได้ หากยึดพืน้ ที่อยู่ได้สกั ระยะ
หนึ่งแล้วก็เดินทัพต่อไปยังเทร่าเลยในทันทีกจ็ บเรื่องได้
แล้ว...แต่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนัน้ จริงๆ เหรอ”
…คงจะไม่มีทางเป็นอย่างนัน้ ได้
รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกที่ได้ชอื่ ว่า’ปีศาจ’ เป็นจาพวกแบบ
ไหน และรู้ดวี ่าพวกมันต้องการซีโร่โค้ดกันมากมาย
เพียงใด และเมื่อสถานการณ์กลายเป็นอย่างนีไ้ ปแล้ว ก็
คงจะต้องทาทุกวิถีทางที่จะจู่โจมเข้ามา
เหมือนกับทุกครัง้ จู่โจมเข้ามาด้วยวิธีการเหนือเกินกว่า
จินตนาการจะคิดได้
“ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่ทุกอย่างจะง่ายดายไม่ใช่เหรอ เรื่อง
นี้นายนั่นแหละที่รู้ดีที่สดุ ”
พี่ยังคงพูดต่อไป
“พวกมันจะต้องลองดาเนินตามแผนการขัดขวางอีกครัง้
แน่ และสักวันวิกฤตก็ตอ้ งมาถึงพวกเรา เป็นวิกฤตที่เอา
มาเทียบกับการโจมตีพนื้ ที่ที่สามสิง่ ที่นายเป็นกังวลอยู่
ตอนนีไ้ ม่ได้เลยล่ะ หากวันนั้นมาถึง ฉันคิดว่านายคงจะ
ออกหน้าไปจัดการกับทุกๆ เรื่องไม่ได้ เหตุผลก็เพราะว่า
นายมีแค่รา่ งกายเดียวเท่านัน้ ”
ถึงตอนนี้เองผมถึงได้เข้าใจความหมายในคาพูดของพี่
อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
“เมื่อไม่ใช่แก้วสารพัดนึกที่ทาได้ทกุ อย่างแล้ว นาย
ต้องการคน คนที่รู้เรื่องราวของนาย รูจ้ ุดประสงค์
เป้าหมายของนาย คนที่สามารถเอาชีวิตไปเสีย่ งเพื่อ
ช่วยนายได้หากจาเป็น”
โลกนี้ไม่ใช่โลกทีน่ ายอยูต่ ัวคนเดียว
ตัวนายเพียงคนเดียวไม่สามารถจะบรรลุเป้าหมายได้
นี่คือคาทีพ่ ี่อยากจะบอก
และคนที่สามารถช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ได้มากทีส่ ุด
ในตอนนีก้ ็คือพีน่ ั่นเอง
“เฮ้อ”
หลังจากนั้นพี่ถอนหายใจเบาๆ พอเอาบันทึกเก็บเข้าไป
ในกระเป๋าหน้าอกแล้ว ก็มองผมด้วยสีหน้าอบอุ่นเหมือน
แต่ก่อน
“ขอพูดถึงเท่านี้แล้วกัน ถ้าพูดไปถึงขนาดนีจ้ ะถือว่านาย
เข้าใจแล้วนะ”
ผมลองฉีกยิม้ ด้วยใบหน้าไร้ความบึง้ ตึง
“ยังทาหน้าแบบนัน้ อยูอ่ ีกนะ ไม่ต้องเป็นห่วงมากไป
หรอก ฉันเองก็ไม่คิดจะตายเหมือนกัน”
“...พี่”
“จะไม่ฝืนทาเกินกว่าความสามารถแน่นอน แล้วก็คิดจะ
ใช้ประโยชน์จากข้อมูลพวกนี้อย่างเต็มที่เลยล่ะ แล้วก็จะ
คานึงถึงการมีชีวติ รอดมาก่อนทุกอย่างเลยด้วย”
“...”
“จะลองทาไปจนกว่าจะทาอย่างนั้นได้...อืม ถ้าทาแบบ
นั้นแล้วยังไม่ได้ผล ตอนนัน้ ฉันจะขอร้องขอความ
ช่วยเหลือจากนายเอง การพยายามทาอย่างเต็มที่เป็น
สิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะ”
“...”
ผมที่ยืนอยูข่ ้างหน้าพี่ทพี่ ูดแบบนั้นไม่สามารถจะพูด
อะไรออกไปได้ ไม่สิ พูดไม่ได้เลย
แค่เพียง...
“งั้นไปแล้วนะ”
ทาได้แค่เพียงจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปบนแผ่นหลังของ
พี่ที่หันตัวกลับแล้วเดินออกไปอย่างไร้ความลังเล
ทันทีที่เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึน้ พี่ก็เริ่มนาคณะเดินทางทาง
เหนือยกทัพไปยังพืน้ ทีอ่ ันดับที่สาม โดยไม่ปล่อย
ช่องว่างให้ผมได้ทาอะไรได้เลย
แน่นอนว่า พวกเราพอไปถึงป้อมปราการของทาง
ตะวันออกแล้ววันถัดมาก็ออกเดินทางเลยเหมือนกัน แต่
ถึงอย่างนัน้ ก็คิดว่ามันเร็วเกินไป มั่นใจว่าได้ขอให้กง
ชานโฮเลื่อนเวลาออกไปอีกอย่างน้อยก็สองวันไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมรับคาขอนั้น
อันที่จริงแล้ว หากคิดเรือ่ งที่ว่ากงชานโฮนั้นมีแค่
ตาแหน่งเปล่าๆ ก็คงจะไม่เกินจริงนัก หรือไม่กม็ ีความ
เป็นไปได้ว่าพี่อาจจะตั้งใจรีบเดินทัพออกไป
ผมที่ไม่ได้อยู่แค่ตวั คนเดียวยังต้องรับผิดชอบทัง้ เผ่าและ
คณะเดินทางไกลต้องตกอยู่ในสภาพอึดอัดหัวใจอย่าง
ช่วยไม่ได้
เงยหน้าขึน้ และมองไปบนท้องฟ้า แสงแดดสว่างจ้าส่อง
แสงเข้ามาทาให้แสบตา จนถึงเมื่อหลายวันก่อนยังมีฝน
ตกลงมาอย่างหนัก แต่ว่าวันนี้อากาศดีจนรูส้ ึกได้ถึง
ความร้อนของพืน้ ดิน
“แอนเจลัซ! ทาสรับใช้ผู้ต่าต้อยกาลังตามหาท่าน…!”
“ม่านหมอก!”
ตูม
เมื่อมองลงไปเพราะเสียงระเบิดตูมที่ได้ยินขึ้นมา
กะทันหัน ก็เห็นอันซลและซาช่ากาลังเผชิญหน้า จ้อง
มองกันและกันตาเขม็งอยู่ในตอนนี้
ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทั้งสองคนกาลังฝึกฝนวิชากันอยู่ ดูเหมือนว่าระหว่างทั้ง
สองคนจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ทั้งคู่กาลังตัดสินว่าสิ่งไหนผิด
สิ่งไหนถูก และผมก็ถูกบังคับให้ออกมาเพื่อเป็นผู้ตัดสิน
ให้
นักบวชและแวมไพร์ ความจริงไม่สามารถยืนยันให้ได้
เพราะว่าแค่ดคู ลาสก็เหมือนกับกาหนดผู้ชนะเอาไว้แล้ว
ซาช่าเองก็ไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดาแต่มีคลาสที่ชอื่ ว่าราชา
แห่งเลือดซึ่งไม่สามารถมองข้ามไปได้ แต่ถึงอย่างนัน้ แม้
จะคิดว่าอันซลที่กลายเป็นอีกคนหนึง่ จะได้เปรียบ
มากกว่า แต่วา่ …
ระหว่างที่ทั้งสองกาลังต่อสู้กัน ผู้เล่นคนอื่นๆ ก็มานัง่
เกาะเป็นกลุ่มๆ และกาลังเฝ้ามองดูทั้งสองคน
ใบหน้าของผู้เล่นเหล่านั้นมีหน้าตาสดใสเหมือนกันหมด
ดูเหมือนว่าจะไม่มีความกังวลใดๆ เป็นท่าทางที่แตกต่าง
อย่างชัดเจนกับเหล่าผู้เล่นที่ออกไปยังพืน้ ที่เขตที่สาม
เมื่อเช้าของวันนี้
“...”
ไม่อยากจะโทษท่าทางเหล่านัน้ เลย
เพราะมันสมเหตุสมผลแล้วสาหรักคณะเดินทางทางใต้
ในระหว่างทีพ่ วกเรากาลังโจมตีอยูน่ ั้นไม่ได้สบายใจเลย
สักวัน
แต่เมื่อเอาชนะกระบวนการทุกอย่างนัน้ มาได้ ปิดท้าย
การโจมตีครั้งที่สองด้วยความสาเร็จของการโจมตี
เหมืองแร่
แน่นอนว่าคงพูดไม่ได้วา่ ในตอนนีป้ ลอดภัย สิ่งที่ยัง
เหลืออยู่ก็คือรอการก่อสร้างป้อมปราการ และออก
สารวจป้องกันอาณาเขตรอบๆ อย่างละเอียดก็เป็นอัน
เสร็จสิ้น
เมื่อเป็นเช่นนัน้ การทีค่ ณะเดินทางทางใต้ใช้เวลาว่าง
แบบนี้เป็นเรื่องทีเ่ หมาะสมอย่างไม่ต้องสงสัย
...แต่ทว่า
ถ้าอย่างนั้นผมเองก็ควรสนุกสนานไปกับเวลาว่างแบบนี้
เช่นกัน แต่ทาไมถึงทาแบบนัน้ ไม่ได้กันนะ
ทาไมถึงมีเพียงแค่ผมทีย่ ังคงกระวนกระวายใจอยู่แบบนี้
ความจริงก็รคู้ าตอบดีอยู่แล้ว
ท้ายที่สุดคณะเดินทางทางเหนือก็ออกเดินทางไป คณะ
เดินทางทางใต้ยังคงเหลืออยู่ตรงนี้
และผมก็ไม่สามารถเข้าร่วมคณะเดินทางทางเหนือได้
เนื่องจากพีป่ ฏิเสธตัง้ แต่แรก คาอนุญาตของฮันโซยอง
หรือการโน้มน้าวใจสมาชิกเผ่าก็ไม่มปี ระโยชน์อะไรแล้ว
ความจริงหากผมติดต่อกับทางเหนือด้วยตัวเองและดันทุ
รังเข้าร่วมก็คงทาได้
แต่ว่าพี่ขวู่ ่าจะวางอานาจในการบัญชาการทันทีที่ผมเข้า
ร่วม ไม่สิ ไม่ใช่แค่การแกล้งข่มขูเ่ ท่านัน้ หากว่ามีพนื้ ที่
ให้ประกาศต่อสาธารณะว่าจะไม่ไปเพราะผมแล้วล่ะก็ พี่
คงจะทาอย่างนัน้ ไปแล้วจริงๆ เรื่องนัน้ ผมรู้ดี
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นเพียงอย่างเดียว
แต่กลับกลายเป็นว่าผมถูกพี่โน้มน้าวใจแทนเสียเอง
คาพูดของพีถ่ ูกต้องทุกอย่าง และไม่สามารถที่จะโต้แย้ง
ใดๆ ได้
เมื่อไม่นานมานี้ก็เคยรู้สกึ คล้ายๆ กันนี้มาก่อน
ในตอนต้นของการโจมตีเหมือง ในช่วงทีก่ าลังลาบากกัน
นั้น ฮันโซยองก็เกิดตืน่ ตัวขึน้ กะทันหัน ฮันโซยองโกรธ
จัดตามการยัว่ ยุของจูฮยอนโฮ เธอจึงใช้อานาจการโค่น
ล้มและจู่โจม ทาให้เส้นทางที่เหลือทะลุผ่านออกไป
ทั้งหมด
ในตอนนัน้ ภาพของฮันโซยองดูใกล้เคียงกับราชินีแห่ง
เลือดและเหล็กที่ต้องประจันหน้ากับเหล่าปีศาจและเป็น
ผู้นาเหล่าผู้เล่นในรอบแรกมากที่สุด
พี่เองก็เช่นกัน
ราชาแห่งสายฟ้า คิมยูฮยอน
ในรอบแรกในช่วงเวลาที่เป็นเลิศมากที่สดุ ของพี่ พี่เป็นผู้
เล่นที่มชี ื่อเสียงเลื่องลือในระดับที่เป็นที่กล่าวถึงในหมู่
เทพและเหล่าปีศาจที่ฝมี ือพอใช้ได้
แต่ว่าตอนนีล้ ่ะ
หากพูดในเชิงรูปธรรมและเป็นกลาง เป็นความจริงที่ว่า
พี่ในตอนนัน้ กับพี่ในตอนนีม้ ีความแตกต่างกันอย่างมาก
ไม่ได้พูดถึงแค่ข้อมูลผู้เล่นเพียงเท่านัน้
แต่ความสามารถในการอ่านสถานการณ์ตา่ งๆ ที่เป็นไป
การเป็นผู้นาผู้เล่นคนอืน่ ๆ และอื่นๆ กล่าวคือ ไม่ใช่พี่ใน
ฐานะผู้เล่นธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นความสามารถของพี่
ในการเป็นราชาที่มีอานาจในการปกครองเหล่าผู้เล่น
พี่ในรอบแรกนัน้ ได้ฟนั ฝ่าเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึน้
หลายอย่างด้วยตัวเอง เป็นผู้เล่นที่มคี วามสาคัญในการ
แก้ไขสถานการณ์ ทุกครั้งที่มองแผ่นหลังของพีท่ ี่ไม่ว่าจะ
เรื่องใดก็อยู่แนวหน้าและจัดการทุกอย่างให้ผ่านฉลุยไป
ได้ ผมก็รู้สึกไว้ใจได้อยู่เสมอ หากว่าไม่ใช่ผมแล้ว
ท้ายที่สุดคนที่จะได้ครอบครองซีโร่โค้ดอาจจะเป็นพีก่ ็ได้
แต่ทว่าพีใ่ นตอนนี้…
ใช่แล้ว ไม่วา่ จะมองในแง่ดีมากแค่ไหนพีก่ ็เป็นเพียง
แคลนลอร์ดทีพ่ อจะทาได้ดีตามความสามารถเท่านัน้
หากลองคิดในมุมมองนีด้ ูแล้ว กงชานโฮก็อาจจะอยู่ใน
กรณีทคี่ ล้ายๆ กัน
กงชานโฮบอกเองว่ารู้สกึ ได้วา่ ตัวเองแข็งแกร่งผ่านการ
ต่อสู้
กงชานโฮในรอบแรกนัน้ เป็นผู้เล่นที่ชวี ิตมีเพียงแค่การ
ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนจริงๆ อยู่ในสนามรบต่อสู้เช่นนัน้
ครั้งแล้วครั้งเล่า หากเป็นเช่นนั้นแล้วนักรบหนึง่ เดียวใต้
หล้าที่ผมจาได้ ไม่ได้ปบุ ปับปรากฏตัวออกมาเอง แต่ว่า
ต้องเผชิญหน้ากับกระบวนการหลายอย่างเหล่านี้แล้วจึง
ถือกาเนิดขึน้ มา
...พูดอีกอย่างก็คือ การเติบโตทีพ่ พี่ ูดถึงนัน้ ไม่ใช่การ
เติบโตที่หวังเพียงแค่ความสาเร็จและความโลภของ
ตัวเองเท่านัน้
‘หากวันนัน้ มาถึง ฉันคิดว่านายคงจะออกหน้าไปจัดการ
กับทุกๆ เรื่องไม่ได้ เหตุผลก็เพราะว่านายมีแค่ร่างกาย
เดียวเท่านัน้ ’
‘นายต้องการคน คนที่รเู้ รื่องราวของนาย รู้จุดประสงค์
เป้าหมายของนาย คนที่สามารถเอาชีวิตไปเสีย่ งเพื่อ
ช่วยนายได้หากจาเป็น’
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 35
_______________________________________
ความหมายอย่างทีพ่ ูดทั้งหมด
พี่ได้คดิ ถึงสถานการณ์ทจี่ ะดาเนินต่อไปหลังจากแอต
แลนต้าเอาไว้ในใจแล้ว ไม่ใช่แค่การรออยู่เฉยๆ แต่
อยากทีจ่ ะเป็น ‘คนที่สามารถเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อช่วย
ผมได้หากจาเป็น’
ความหมายของคาว่าเติบโตทีพ่ ูดคือแบบนัน้
ดังนัน้ ผมจึงไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้ ผมรู้ซึ้งพลัง
แฝงของเหล่าปีศาจเป็นอย่างดี และก็รู้สกึ เช่นเดียวกัน
ว่าจะต้องแข็งแกร่งให้มากยิง่ กว่าตอนนีใ้ ห้ได้ ไม่ใช่เพียง
แค่ผมคนเดียว แต่วา่ ผู้เล่นคนอืน่ ๆ ก็เช่นกัน
ตูม!
“กรี๊ด”
“อ๊าก”
ในระหว่างทีจ่ มอยูใ่ นความคิดของตัวเองนัน้ ก็ได้ยิน
เสียงระเบิดขึน้ มากะทันหัน พร้อมกันกับเสียงกรีดร้อง
ของอันซลและซาช่าดังต่อขึ้นมา เมื่อกลับออกมาจาก
ความคิดของตัวเองแล้วมองไปด้านหน้า ก็เห็นทั้งสอง
คนกลิ้งไปที่พนื้ ร้องเสียงโอดโอยเบาๆ ออกมาทั้งสอง
คนและคลานอยู่ที่พนื้ แบบนัน้ ดูท่าคงจะเกิดการปะทะที่
รุนแรงอย่างมาก
“ว้าว”
“โอ้ว! สุดท้ายแล้วจะเป็นนักบวชแห่งแอนเจลัซหรือ
เปล่า”
ซาช่าทีพ่ ยุงตัวขึ้นอย่างทุลักทุเลด้วยใบหน้าหงิกงอ จ้อง
มองอันซลแล้วก็ต้องตกใจ
“อ๊ะ! ท่วงท่านั้น?”
“เจ็บจริง…”
อันซลที่คกุ เข่าอยู่เช่นเดียวกันใช้ไม้เท้าทีจ่ บั ไว้ดว้ ยมือทั้ง
ข้างเป็นไม้ค้าและกาลังยืนขึ้น เหมือนจะทาได้เพียง
เท่านัน้
แต่ว่าในสายตาของซาช่านั้นไม่ได้เป็นเช่นนัน้
“อย่า อย่าบอกนะว่า! คิดจะทาอย่างนัน้ เองเหรอ!”
“...”
“จงใจใช้เวทสะกด หนึ่งในคาถาศักดิ์สิทธิ์ผูกมัดร่างกาย
ของฉันเอาไว้ แล้วจากนั้นก็ใช้เทวทัณฑ์ที่เป็นพลังของ
เธอเข้ามาโจมตีฉนั เองสินะ! หากลองคิดถึงความเป็นอื่น
ของเธอและของฉัน เวทม่านหมอกของฉันถูกจากัด
หรือไม่ก็ไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้แม้แต่น้อย! ถ้าอย่าง
นั้นฉันก็จะถูกเล่นงานโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ล่ะสิ!”
“...เอ๊ะ?”
อันซลที่ได้ฟังเสียงตะโกนของซาช่าก็ทาหน้าตาสงสัย มี
เครื่องหมายคาถามลอยอยู่ข้างบนหัว
จากนัน้ เหมือนว่าอันซลจะคิดอะไรอย่างลึกซึ้งได้ แล้ว
เครื่องหมายตกใจก็เด้งขึ้นมาแทนก่อนจะร้อง “โอ๊ะ!”
ออกมา และทอดสายตาไปมองซาช่าด้วยใบหน้าฝืนใจ
“ชะ ใช่แล้วค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ!”
“ฮึ! อย่างที่คดิ !”
“วิธีการที่ดีแบบนัน้ ...อ่า ไม่สิ ตอนนี้ตั้งใจจะทาแบบนัน้
ล่ะค่ะ!”
“โธ่เว้ย เจ็บใจชะมัด!”
“...”
[…เจ้าพวกนั้นเป็นคนบ้างั้นเหรอ?]
ฮวาจองทีน่ ิ่งเฉยมาจนถึงตอนนีพ้ ูดออกมาด้วยน้าเสียงที่
หมดคาจะพูดออกมา อียูจองตีลังกาอยู่ทพี่ ื้นดิน ได้ยนิ
เสียงร้องตะโกนออกมาว่า “ช่างเล่นกันได้สนุกเสียจริง
น่าขาจนจะบ้าตาย” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อน
จะจับหน้าผากตัวเองเบาๆ
“เฮ้อ”
...คนพวกนั้นต่อให้ใกล้ตายก็คงจะไม่มีทางเข้าใจ
ความรู้สกึ ของผมล่ะสินะ
ในตอนนัน้ เอง
ตุบ!
“อากาศร้อนแบบนีไ้ ม่คอแห้งเหรอคะ”
ในตอนที่กาลังคิดกังวลเป็นอย่างหนักว่าจะพาเจ้าพวก
นั้นไปเผชิญหน้ากับปีศาจทั้งหลายเหล่านัน้ ได้อย่างไร
จู่ๆ เสียงเย็นชาก็ดังเข้ามา แล้วก็อยูข่ ้างๆ นีเ่ อง
พอเหลือบไปมองก็เห็นเครื่องดื่มที่มนี ้าแข็งลอยวางอยู่
ในบนโต๊ะ จากนั้นก็มองเห็นหญิงสาวทีน่ ั่งลงช้าๆ บน
เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ขายาวเรียวและกระดูกเชิงกรานโค้งสวย เส้นผมสีคราม
ที่ดูสดชืน่ คลอเคลียพาดลงมาที่ไหล่เบาๆ และเมื่อสบตา
เข้ากับดวงตาสีฟ้าเป็นประกายทีจ่ ้องมองดูผมอย่างไว้
ตัว ผมก็รู้ได้ว่าหญิงคนนี้เป็นใคร
“อัญมณี?”
โครม!
...ไม่รู้วา่ ทาไมเช่นกัน แต่ว่าคิมฮันบยอลหงายหลังไป
อย่างกะทันหัน
หลังจากนั้น คิมฮันบยอลที่พยุงตัวลุกขึน้ เหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้นก็นั่งลงที่เก้าอี้เงียบๆ แล้วจัดเสื้อผ้าของ
ตัวเองให้เข้าทีเ่ รียบร้อย
“โทษที”
แต่ระหว่างที่ทาแบบนัน้ ก็มองดูผมเบาๆ และสุดท้ายก็
เอ่ยคาขอโทษออกมาอย่างเลีย่ งไม่ได้ เพราะรูส้ ึกถึง
ความกดดันอะไรบางอย่างจากสายตา
“...ใจร้ายเกินไปแล้วค่ะ”
ถึงตอนนีค้ ิมฮันบยอลจึงหยุดจ้องมองและมองต่าลงไป
พร้อมกับบุย้ ปากออกมา ผมแอบหัวเราะอยู่ในใจ
‘อัญมณี’ คิดว่าเป็นชื่อเรียกที่น่ารักอยู่พอตัวแล้วนะ
“ว่าไง จู่ๆ มีเรื่องอะไรล่ะ”
“อากาศร้อนแบบนี้ คิดว่าคงจะคอแห้ง…”
สายตาของคิมฮันบยอลมองไปที่โต๊ะ แก้วที่วางอยู่บน
โต๊ะมีน้าแข็งอยูเ่ ต็มจึงเกิดหยดน้าขึ้นมารอบๆ ดูน่าสด
ชื่นจริงๆ
“อืม ขอบใจนะ”
แต่ว่าผมก็ผลักแก้วไปไว้ที่มุมหนึง่ เล็กน้อย รู้สกึ ขอบคุณ
ก็จริง แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ค่อยรูส้ ึกอยากดืม่ สักเท่าไหร่
คิมฮันบยอลมองดูแก้วที่ผมผลักออกไปครู่หนึ่งก่อนจะ
จ้องมองที่ผม
“...เหมือนมีเรื่องให้ต้องกังวลเลยนะคะ”
เรื่องต้องกังวล
ใช่แล้ว ก็กาลังกังวลอยูจ่ ริงๆ แต่วา่ ไม่ใช่เรื่องกังวลใจที่
เธอจะต้องมายุ่งด้วย
“ทาไม เธอจะช่วยแก้ไขให้งนั้ เหรอ”
แน่นอนว่าไม่สามารถจะพูดออกไปตรงๆ อย่างนั้นได้ จึง
พูดอ้อมๆ ออกไปแทน
“เพราะแฮมิลลอร์ดใช่ไหมล่ะคะ”
แต่ทว่าคาพูดที่ได้ยนิ ต่อออกมาในทันทีนนั้ ก็ทาให้ผม
ต้องหันกลับไปชาเลืองมองดูอย่างเลี่ยงไม่ได้
คิมฮันบยอลยังคงมองผมด้วยใบหน้าที่ไม่สนั่ ไหวแม้แต่
น้อย...ข่าวลือรัว่ ออกไปอย่างนั้นเหรอ
เหมือนว่าจะอ่านสีหน้าของผมได้ คิมฮันบยอลส่ายหน้า
ไปมาช้าๆ ราวจะบอกว่าไม่ใช่แบบนัน้ ผมรู้สกึ
ประหลาดใจ
“...ดูออกมากขนาดนัน้ เลยเหรอ”
“มากเลยค่ะ และไม่ใช่เพียงฉันคนเดียว คนที่สงั เกตเห็น
ก็คงจะมีอยู่เยอะเช่นกันค่ะ เพราะว่าพี่กบั แฮมิลลอร์ด
เป็น…”
“นั่นมันข่าวโคมลอยต่างหาก”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แบบนัน้ ค่ะ”
“หืม?”
“ทั้งสองคนเป็นเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไม่ใช่เหรอคะ
เป็นพีน่ ้องกัน”
ให้ตายเถอะ เพิ่งจะเข้าใจความรู้สกึ ของการตีตนไปก่อน
ไข้ก็ตอนนี้แหละ
“และถ้าคิดถึงสถานการณ์ของทางตะวันตก ความกังวล
ของพี่ไม่วา่ ใครก็นา่ จะรูไ้ ม่ใช่เหรอคะ”
“หืม?”
สถานการณ์ของทางตะวันตกงัน้ เหรอ ผมจ้องมองคิมฮัน
บยอลด้วยความรู้สกึ ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ความจริงแล้วตั้งแต่สมัยเป็นหนุม่ เป็นสาว นอกจาก
เติบโตขึน้ มาด้วยการใส่ใจกับคนอืน่ แล้วก็ยังมี
ความสามารถในการอ่านสถานการณ์ได้อย่างเฉลียว
ฉลาดอีกด้วย
ผมพูดออกมาเงียบๆ
“แล้วอยากจะพูดอะไรล่ะ”
ขนาดตัวเองพูดเองยังรูส้ ึกว่าเป็นเสียงนิ่งที่อย่างมาก
“ก็แค่...ไม่อยากให้พี่เป็นกังวลมากเกินไปค่ะ”
คิมฮันบยอลก็คงจะรู้สกึ ได้เช่นกันจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ
สนทนาในทันที
อย่ากังวลไปเลย
ความจริงแม้จะเป็นคาพูดที่ล้าสมัยที่คล้ายกับคาว่า ‘สู้
นะคะ’ ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็รู้สกึ ได้ถงึ ความจริงใจที่อยู่
ในน้าเสียงนั้น
“ฉันเองก็อยากจะทาอย่างนั้นเหมือนกัน”
ยกเอาแก้วน้าที่ผลักออกไปเมื่อครู่นขี้ นึ้ มาเล็กน้อยแล้ว
หมุนเป็นวงกลมแล้วจึงพูดต่อ
“แต่ว่าเรื่องราวของชีวติ ทุกๆ อย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่
ใจฉันต้องการ”
“ก็คงอย่างนั้นค่ะ”
“สถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่ปัญหาว่า
จะไม่ทา แต่ปัญหาคือว่าจะทาอย่างไรต่างหาก”
“อืม…”
เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ
คิมฮันบยอลพูดสนับสนุนคาพูดออกมาอย่างไม่มาก
เกินไป และตัง้ ใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่ผู้เล่นคนอื่น
แต่เป็นคิมฮันบยอลคนนี้ ผมรูส้ ึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวในทางตรงกันข้าม ก็รู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมา
แม้จะเล็กน้อยก็ตาม การที่คิมฮันบยอลช่วยรับฟัง
เรื่องราวแบบนี้ และการที่ผมกาลังคุยเรื่องแบบนีด้ ้วย
รู้สึกเหมือนกาลังพูดจาอ้อนวอนไหมนะ
“แต่ว่าไม่รวู้ ่าจะต้องทายังไงเหมือนกัน ตอนที่กาลังพูด
อยู่ในตอนนี้ก็ไม่ได้วางใจเลย ข้างในใจร้อนรุม่ ไปหมด
เหมือนที่บอกไปเมื่อกี้ สิง่ ที่ยังค้างคาใจไม่ได้มีแค่อย่าง
สองอย่าง”
“ถ้าอย่างนัน้ หากว่าแก้ไขเรื่องที่ยงั ค้างคาใจพวกนัน้ ก็
น่าจะได้ไหมคะ”
ผมยิ้มแหยๆ ออกมา และตอนที่กาลังจะถามกลับไปว่า
มันง่ายเหมือนที่พดู หรือไง
“หากดูแค่สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คณะเดินทางทางเหนือก็
ออกเดินทางไปแล้ว และพี่ก็อยากจะช่วยแฮมิลลอร์ดใช่
ไหมล่ะคะ นัน่ เป็นสิ่งทีส่ าคัญที่สดุ ไม่ใช่เหรอคะ”
เสียงของคิมฮันบยอลก็ดังขึน้ มาก่อน
“...”
และผมก็หันกลับมา เมือ่ สบตาเข้าตรงๆ คิมฮันบยอลที่
สะดุ้งโหยงก็พูดขึน้ ในทันที
“นะ แน่นอนว่าฉันไม่รู้เกี่ยวกับสาเหตุของสถานการณ์ที่
พี่ได้พูดออกมาอย่างละเอียด และนัน่ ก็เป็นเพียงแค่การ
คาดเดาของฉันเพียงเท่านัน้ …”
“สนุกดีนะ พูดต่อสิ”
ผมพูดแทรกขึน้ มาระหว่างประโยคแล้วก็กระทืบเท้า
เบาๆ หลังจากนัน้ พลังเวทที่ไหลเวียนอยูร่ อบๆ ก็
เปลี่ยนแปลงไป เป็นการแทรกแซงสภาพปัจจุบันอย่าง
หนึ่ง เป็นความสามารถที่เคยใช้เมื่อตอนที่คยุ กับแมงอา
ราเมื่อก่อน เป็นม่านป้องกันไม่ให้เสียงดังออกไปข้าง
นอก
มองดูรอบๆ ตัวด้วยดวงตาเบิกโตแค่เพียงครู่เดียว คิม
ฮันบยอลกลับมาจ้องมองผมอีกครั้ง ลูกกระเดือกสวย
เคลื่อนที่ขนึ้ ลง
“ไม่ ไม่ว่ายังไงก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านัน้ …”
“เลิกพูดคาว่าคาดเดา”
“ก่อนอื่น ลองคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันของการโจมตี
ของทางตะวันออกและความจริงที่วา่ ทางตะวันตกได้เข้า
ร่วมด้วยนั้นเกี่ยวกัน…”
“พูดสรุปย่อๆ มา”
“...อย่างแรกฉันคิดว่าไม่จาเป็นต้องกังวลเกีย่ วกับทาง
ตะวันออกค่ะ”
“ทาไมล่ะ”
MEMORIZE
[เล่ม31] ตอนที่ 36
_______________________________________
ผมถามออกไปทันที
“กลับกันตอนนี้ทางตะวันออกเป็นคนที่ต้องดูท่าทางของ
คนอืน่ ค่ะ สมมติว่าพวกเขาไม่มองการกระทาของพี่ใน
แง่ดี และต่อให้ไม่พอใจมากแค่ไหน ก็จะสามารถพูด
อะไรออกมาได้ไหมคะ จะแยกตัวออกไปเพื่อรักษา
ศักดิศ์ รีของตัวเองไหมคะ”
คิมฮันบยอลตอบกลับมาในทันทีอย่างไม่ลงั เล
...ก็ดี เรื่องนี้ผมเองก็คดิ คล้ายๆ กันนีเ้ หมือนกัน
แต่ว่าปัญหาไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ กลับกันอุปสรรคที่เหลือคือ
การต้องเผชิญหน้ากันในความจริงต่างหากที่เป็นปัญหา
จริงๆ
“ดี แต่ว่าปัญญาคนละเรื่องกับเรื่องนั้น ทางเหนือเองก็
อยากทีจ่ ะได้รบั ความช่วยเหนือจากฉันอยู่ดว้ ย...พูดให้
ชัดก็คือพีข่ องฉัน และนัน่ ก็สมเหตุสมผลมาก”
“เป็นอย่างนั้นเอง แต่วา่ ตอนที่ให้ความช่วยเหลือก็ไม่
จาเป็นต้องให้ทางนัน้ รูก้ ็ได้นคี่ ะ”
“ว่าไงนะ”
“ถ้าแฮมิลลอร์ดปฏิเสธ นั่นก็เป็นเรื่องทีช่ ่วยอะไรไม่ได้ค่ะ
แต่ก็ยังมีวิธีการอยู่ไม่ใช่เหรอคะ คอยช่วยแบบไม่ให้รู้ก็
ได้แล้วนีค่ ะ”
ในตอนนัน้ ผมก็ต้องเบิกตาโตขึน้ ในทันที
ช่วยเหลือแบบไม่ให้รู้ตวั ผมรูค้ วามหมายของคานี้อยู่
แล้ว กล่าวคือ คาพูดของคิมฮันบยอลก็คือให้เมอร์เซนต์
นารี่รบั ผิดชอบหน้าที่คมุ้ กันภัย
“แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น…”
“ค่ะ ต้องเกิดปัญหาขึน้ แน่ค่ะ”
หมายความตามคาพูดนั้น
ตอนนีป้ ัญหาสองอย่างที่เหลืออยู่ก็คือการอนุญาต
จากฮันโซยองและการโน้มน้าวใจสมาชิกเผ่า จากตรงนี้
สิ่งที่ยากที่สุดก็คือเรื่องหลัง เหตุผลก็เพราะว่าสมาชิก
เผ่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ตอ้ งเสียสละทุกอย่างเพื่อจะ
ช่วยเหลือทางเหนือ
แต่ว่าคิมฮันบยอลกาลังบอกว่าในตอนนีเ้ หลือเพียงแค่
ทางนัน้ ทางเดียว และนัน่ ก็เป็นความจริงอีกด้วย
“...ยังดีเสียกว่าถ้าฉันคนเดียว ไม่สิ พาแค่คนทีบ่ อกว่า
อยากจะไปออกไปด้วยเท่านัน้ ?”
“ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เป็นตัวเลือกทีเ่ ลวร้ายที่สดุ ค่ะ ถ้าหาก
ว่าทาอย่างนั้นลงไปจริงๆ ทั้งเหล่าสมาชิกเผ่า ทั้งผู้เล่น
ทางใต้ก็จะคิดกับพี่ตามอาเภอใจค่ะ กล่าวคือ ชื่อเสียง
และความเหลื่อมใสศรัทธาก็จะสัน่ คลอนลงไป”
“...”
“...แม้ว่ามันจะยากไปหน่อย จะต้องโน้มน้าวใจของ
สมาชิกเผ่าให้ได้ค่ะ”
คิมฮันบยอลพูดด้วยน้าเสียงเอาจริงเอาจังอย่างมาก แต่
ว่าผมก็สา่ ยหน้า ไม่ใช่แค่ระดับเหนื่อยเท่านั้น
“ไม่มีเหตุผลใดมาอ้าง จะให้พูดออกไปแบบไหนกัน ไม่
ต่างกับบอกว่าให้คาดหวังความจงรักภักดีและความรัก
ใคร่เลยนะ”
“แล้วทาแบบนัน้ ไม่ได้เหรอคะ”
“...”
“ทาไมคะ”
เป็นคาถามที่แปลกพิลกึ เกินกว่าจะตอบว่าไม่ได้แน่นอน
หลังจากที่ผมกลับมารอบที่สองแล้ว ไม่เคยมีสกั ครั้งที่ทา
อะไรโดยไร้ซงึ่ เหตุผล ไม่ว่าจะทาอะไรก็ตามจะพยายาม
อย่างมากทีจ่ ะทาโดยมีเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง และ
ก็ร้องขอให้เหล่าสมาชิกเผ่าทาเช่นเดียวกันนัน้ ด้วย
เพราะเหตุนนั้ จึงได้สร้างเมอร์เซนต์นารี่ในตอนนี้ขนึ้ มาได้
แต่ว่าคาพูดของคิมฮันบยอลทีพ่ ูดออกมานั้น ทาให้ผม
ตกใจได้อีกครัง้
“พี่เสียสละไปหลายอย่างเพื่อเมอร์เซนต์นารี่ไม่ใช่เหรอ
คะ แต่ทาไมสมาชิกเผ่าถึงจะทาอย่างนัน้ บ้างไม่ได้ล่ะ
คะ”
“เสียสละ? ฉันนีน่ ะ?”
“ค่ะ เมื่อหลายวันก่อนนี่เองพี่กเ็ สี่ยงชีวติ เข้าไปช่วยพี่ฮ
ยอนและคุณลุงแจรยงไม่ใช่หรือคะ”
“เรื่องนัน้ …”
“ถ้าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่พี่แล้วก็ไม่รู้วา่ เรื่องราวจะเป็นยังไง พี่
เก็บรวบรวมเหล่าผู้เล่นเข้ามาแล้วเลี้ยงดูให้เก่งกาจอีก
ด้วย”
“...”
...ไม่เคยคิดแบบนัน้ เลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะว่าสิ่งที่ทา
ไปทั้งหมดก็คิดแค่วา่ เป็นขัน้ ตอนเพื่อจะบรรลุเป้าหมาย
เพียงเท่านั้น
“แน่นอนว่าการกระทาที่พี่ทามาจนถึงตอนนี้ทกุ อย่าง
มักจะมีเหตุผลประมาณนั้นอยู่เสมอ และไม่ว่าจะอยู่ใน
สถานการณ์แบบไหนก็ทาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมา
แต่ถึงอย่างนัน้ สมาชิกเผ่าทั้งหลายไม่ใช่พนี่ ะคะ ไม่มี
อะไรรับประกันได้วา่ พวกเขาจะคิดเหมือนพี่”
ใช่แล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะทาเช่นนั้น แต่ว่า
จะต้องมีสกั คนที่คดิ อย่างนัน้ บ้างสิ
“สิ่งที่พี่เป็นกังวล คือการจะทาอย่างไรให้สมาชิกเผ่า
เคลื่อนไหวให้ได้ ด้วยรางวัลที่ได้รบั จากการช่วยเหลือ
ทางเหนือ แต่ว่าฉันไม่อยากให้พพี่ ิจารณาแค่รางวัล
ง่ายๆ ในแค่ตอนนี้...”
ผมตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ ตรงข้ามกับเมื่อสักครูน่ ี้ ในครั้งนี้
ผมกาลังฟังคาพูดของคิมฮันบยอลอยู่อย่างตั้งใจ
“ฉันอยากให้พขี่ อความช่วยเหลือด้วยความจริงใจ ทา
ให้เหล่าสมาชิกเผ่ารู้ความคิดและเข้าใจความคิดนั้นของ
พี่ให้ได้ค่ะ”
จริงใจ ความจริงใจอย่างนัน้ เหรอ
“...”
ความเงียบดาเนินไปชั่วครู่
“สุดท้ายแล้วสมาชิกเผ่า...จะคิดยังไงกันนะ”
ภายในใจที่สั่นไหว ผมพูดออกมาได้อย่างยากลาบาก
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะไม่ใช่ส่วนที่ฉันจะให้คาตอบที่
แน่ชัดให้ได้”
คาตอบที่ได้กลับมานั้นเป็นคาพูดตรงไปตรงมาที่ไร้ความ
ปรานีเป็นอย่างมาก
แต่ว่าคาพูดยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านัน้ และค่อยๆ พูด
ต่อไปอีก
“...ฉันคอยเชื่อใจพี่อยู่เสมอ และอยากจะเคารพในการ
ตัดสินใจด้วยค่ะ”
คิมฮันบยอลพูดคานัน้ เป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะปิดปาก
เงียบไป
ความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้ง ผมนิ่งคิดอยู่เงียบๆ
จริงใจ ความจริงใจ
ความจริงแค่พูดออกมาเท่านัน้ เป็นเรื่องง่าย แต่ว่าจะให้
พูดด้วยการใส่ความจริงใจลงในคาพูดนัน้ ค่อนข้างจะ
ยากไปนิด แล้วยิ่งการที่ใช้ความจริงใจนั้นพูดให้ฝ่ายตรง
ข้ามเข้าใจและเห็นใจยิง่ ยากขึน้ ไปอีก ยากจริงๆ...อย่าง
น้อยก็ในฐานะของผม
แต่ว่าไม่มวี ิธีทางอืน่ นอกจากวิธนี ี้แล้ว…
ในตอนนัน้ เอง
แก้วที่ผลักไปไว้ที่มมุ หนึง่ ของโต๊ะก็ปรากฏเข้ามาใน
สายตา จู่ๆ ก็เหมือนถูกสะกด ผมยกมือขึน้ ยื่นออกไป
หยิบแก้วขึน้ มาเทเข้าปาก ทุกครั้งที่ของเหลวเย็นไหลลง
คอไป หน้าอกเย็นเฉียบ ความเย็นสบายแทรกซึมไปทั่ว
ร่างกาย รู้สกึ ว่าสติโปร่งโล่งสบายมากขึน้
ค่อยๆ เงยหน้าขึน้ ไป อากาศที่ยังสดใสมีแดดส่องจ้าลง
มาที่ดวงตา ผมก็หลับตาลงอย่างแผ่วเบา
แล้วคาพูดของพี่ก็ผ่านเข้ามาในความคิด
‘จะลองทาไปจนกว่าจะทาอย่างนัน้ ได้ การพยายามทา
อย่างเต็มที่เป็นสิง่ ที่ถูกต้องแล้วล่ะ’
...ใช่แล้ว
ถ้าอย่างนั้นผมเองก็ต้องลองบ้างเหมือนกัน
ลองทาไปจนกว่าจะทาได้
ดีกว่าการอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะว่าพวกเขาเหล่านัน้
เดินทางออกไปแล้ว ลองตัดสินใจทาอะไรทีจ่ ะไม่ต้อง
เสียใจดีกว่า
ไม่ใช่ว่าไม่มีวิถีทางเลย เพียงแค่คดิ ว่าไม่มีเท่านัน้ เอง
ถ้าไม่มี ถ้าหากว่าเจอทางตัน ก็แค่สร้างขึ้นมา
ลืมตาขึ้นมา แล้วลุกตัวขึ้นอย่างไม่ลังเล รู้สกึ ได้ถึง
สายตาทีม่ องมาจากด้านล่าง
ผมพูดขึน้ เบาๆ
“ฮันบยอล มีเรื่องจะขอร้องสักอย่าง”
***
เวลาผ่านไปจนล่วงเลยเข้าสูก่ ลางดึก
ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว หน้าที่ประจาวันในการ
ก่อสร้างก็เสร็จแล้ว เมือ่ เป็นเช่นนั้น ตอนนี้กเ็ หลือเพียง
แค่ออกไปลานตระเวนตรวจตราความเรียบร้อยหรือไม่ก็
เข้าไปในเต็นท์แล้วก็นอนเท่านั้น
แต่ว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ ไม่สามารถ
จะทาเช่นนั้นได้ต่างหาก
สมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ไม่สามารถจะทาภาระกิจ
สิ้นสุดของวันนี้ลงไปได้ และมารวมกันอยู่หน้าเต็นท์หลัง
หนึ่ง เหตุผลมีเพียงอย่างเดียว เพราะว่าแคลนลอร์ดได้
เรียกให้มารวมกันนัน่ เอง
ยิ่งเหล่าสมาชิกเผ่ามารวมตัวกันมากขึน้ เท่าไหร่ ก็ยิ่งเกิด
เสียงดังอึกทึกขึน้ เป็นธรรมดา
“พี่ นี่มนั เรื่องอะไรกันแน่ครับ”
“ไม่รู้สิ ฉันเองก็โดนเรียกตัวมากะทันหันเหมือนกัน แล้ว
ยังเรียกเอาดึกดื่นป่านนีด้ ้วย”
“ตอนนีก้ ็ไม่มีอะไรจะต้องทาแล้วนะ...อ้า หรืออาจจะ
เพราะเรื่องนัน้ หรือเปล่า”
“หืม? เรื่องนั้น?”
เหล่าสมาชิกเผ่าที่ยังไม่เข้าใจสถาการณ์ตา่ งเอียงคอทา
หน้าสงสัยกัน
“...ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจได้แล้วล่ะนะ”
“พี่คะ หรือว่า...คงไม่ใช่หรอกใช่ไหม”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่เรียกมาแบบนี้หรอก”
“เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ทาไมพวกเราต้องทาด้วยล่ะคะ ไม่มี
เหตุผลเหมาะสมมาอ้างเลยด้วย”
เหล่าสมาชิกเผ่าส่วนหนึ่งทีพ่ อจะรับรู้ได้แล้วกาลัง
กระซิบกระซาบพูดคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่ทว่าเสียงดัง
เหล่านัน้ ก็หายไปในทันทีที่คิมซูฮยอนเดินออกมาจากก
เต็นท์
“ดูเหมือนทุกคนจะมารวมกันแล้วนะครับ”
หลังจากนั้นคิมซูฮยอนที่ไล่สายตามองดูสมาชิกเผ่า
ผ่านๆ ก็พูดขึน้ ด้วยน้าเสียงอ่อนนุ่ม
เหล่าสมาชิกเผ่าส่วนหนึ่งกาลังมองดูคิมซูฮยอนด้วยท่า
ท่างประหม่าและคนอืน่ ๆ ก็พลอยประหม่าไปด้วย
ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น
“ถ้าอย่างนัน้ ผมต้องพูดถึงสาเหตุที่ต้องเรียกมารวมตัว
กัน...ความจริงแล้วคงจะมีบางท่านพอจะสังเกตได้และรู้
เรื่องแล้วนะครับ”
คิมซูฮยอนกัดริมฝีปากเล็กน้อยราวกับรู้สกึ ได้ถงึ
บรรยากาศที่หนักอึ้งในตอนนีไ้ ด้
“แต่ทว่าผมไม่มีความคิดที่จะปิดบังเอาไว้อกี ต่อไป และ
จะไม่พดู อ้อมค้อมด้วยครับ ขอพูดให้ทราบกันอย่าง
ตรงไปตรงมาครับ”
“...”
“ผมคิดว่า...เมอร์เซนต์นารี่ของเรา…”
“...”
และ
“ผมจะทาหน้าที่คมุ้ กันภัยให้คณะเดินทางทางเหนือที่
กาลังเข้าโจมตีพนื้ ที่ที่สามอยู่ในตอนนี้”
ท้ายที่สุด เสียงเบาๆ ของคิมซูฮยอนก็ดังเข้าไปในหูของ
เหล่าสมาชิกเผ่า

You might also like